หนุ่มเศรษฐีลึกลับ 420 ลู่ฉางจงรักภักดี

บทที่ 420 ลู่ฉางเซิง

ในเวลานี้เอง ลู่เสี้ยงหยางเอ่ยเสริม “สำนักฉางเซิงของเราก่อตั้งขึ้นในวันนี้ ก่อนอื่น พวกแกสองคนมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการ”

“พี่ใหญ่ เรื่องอะไร ว่ามาเลย ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็จะทำตามคำสั่งทั้งหมด” ถังหลงและหลิวผิวเอ่ยขึ้นทันที พวกเขาทั้งสองเป็นคนที่ไม่ยอมธรรมดาอยู่แล้ว บัดนี้จิตวิญญาณแห่งนักรบได้ถูกลู่เสี้ยงหยางปลุกขึ้นเต็มกำลัง ดังนั้นพวกเขาจึงพูดด้วยความคึกคะนอง

ลู่เสี้ยงหยางตอบกลับ “ตอนนี้ศิษย์ที่จงรักภักดีต่อสำนักฉางเซิงของเรามีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น หากต้องการขยายอาณาเขต จำนวนแค่นี้ไม่พอหรอก เพราะงั้นสองวันนี้พวกแกสองคนต้องรวบรวมกำลังพล”

“ได้เลย พี่ใหญ่” ถังหลงและหลิวผิงรับคำ แต่พวกเขาติดอยู่อย่าง หากรวบรวมกำลังพล ต้องใช้เงินมหาศาล

แล้วอีกอย่าง คนที่มีความสามารถ พวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทอง เงินทองสำหรับพวกเขา มีแรงดึงดูดไม่มากพอ

เพราะงั้นหากต้องการคนที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ลู่เสี้ยงหยางรับรู้ถึงความกังวลของทั้งคู่ “พวกแกปล่อยข่าวออกไปก่อน คนที่เข้าร่วมสำนักฉางเซิงของเรา จะได้รับยาจู้หลิงหนึ่งเม็ด จำไว้ให้ดี ยาจู้หลิงเป็นเพียงของขวัญของการพบปะ วันหน้าหากได้เป็นศิษย์ของสำนักฉางเซิง จะได้รับยาที่ล้ำค่ากว่านี้ ยาทะลุแดน”

อะไรนะ? ประโยคของลู่เสี้ยงหยาง ทำให้ทั้งคู่นิ่งอึ้งไป ขอเพียงแค่เข้าร่วมสำนักฉางเซิง ก็จะได้รับยาจู้หลิง ใจกว้างเป็นบ้า?

ต้องเข้าใจ ว่าแม้ยาจู้หลิงจะเป็นยาขั้นพื้นฐาน แต่ก็หาได้ยาก

ยาจู้หลิง สามารถฟื้นฟูพลังในร่างกายชั่วพริบตา ในการต่อสู้ เท่ากับว่านักบู๊จะมีพลังเท่าเดิมโดยไม่ลดลงเลย

สำหรับนักบู๊ นั่นเป็นยาที่วิเศษที่สุด

หากมองในอีกมุมหนึ่ง การได้รับยาจู้หลิง นั่นเท่ากับว่ามีชีวิตที่สอง

เมื่อเห็นความใจกว้างของลู่เสี้ยงหยาง

แถมคนที่เป็นศิษย์ของสำนักฉางเซิงจะได้รับยาทะลุแดนอีกต่างหาก ยิ่งเป็นแรงดึงดูดมากขึ้นไปอีก ยาจู้หลิงว่าหายากในท้องตลาด ยาทะลุแดนนั้นเป็นยาที่ล้ำค่า มีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้

ยาทะลุแดนสามารถกวาดล้างสิ่งกีดขวางของนักบู๊ได้ เลื่อนขั้นได้ในทันที นี่เป็นยาที่ล้ำค่ายิ่ง

ทุกคนต่างรู้ดี การที่นักบู๊จะขจัดอุปสรรคออกไป เข้าสู่ขั้นต่อไป เป็นเรื่องที่ยากเสียยิ่งกว่าอะไรดี

ซู๊ด!

ถังหลงและหลิวผิงสูดหายใจเข้า เกิดความประหลาดใจขึ้นในใจ

หากลู่เสี้ยงหยางทำตามอย่างที่ว่า ถ้าเช่นนั้นสำนักฉางเซิงสำหรับนักบู๊นั้น มีแรงดึงดูดที่สูงที่สุด ภายใต้ข้อเสนอแบบนี้ การที่สำนักฉางเซิงจะได้ผู้ที่มีความสามารถเข้าร่วมนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หากแต่ ลู่เสี้ยงหยางมียาจู้หลิงและยาทะลุแดนมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ?

ลู้เสี้ยงหยางรู้ดีว่าทั้งคู่คิดอะไรอยู่ “เรื่องยาพวกแกไม่ต้องกังวล พวกแกแค่ต้องแพร่ข่าวออกไป รวบรวมกำลังพลได้แล้ว เรื่องแจกจ่ายยาผมจะจัดการเอง”

“ครับพี่ใหญ่ เราจะจัดการเดี๋ยวนี้” ถังหลงและหลิวผิงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะแยกย้ายด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม ทำตามคำสั่งของลู่เสี้ยงหยาง

ลู่เสี้ยงหยางไขว้มือทั้งสองข้างเอาไว้ที่ด้านหลัง พร้อมจับจ้องไปในทิศทางที่ไห่ตงตั้งอยู่ พึมพำคนเดียว “ตระกูลหาน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมลู่เสี้ยงกยางประกาศสงครามต่อคุณ ไม่นาน ผมจะถอนรากถอนโคนตระกูลหานซะ”

หลังจากนั้น ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้หยุดอยู่ที่สวนสาธารณะปินเหอต่อ หากแต่มุ่งไปที่สโมสรกลั่นยาปินเหอ

สโมสรกลั่นยาเป็นที่ที่นักกลั่นยาใช้รวมตัวกัน ขณะเดียวกัน ก็เป็นที่ที่นักกลั่นยาตั้งเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง

สโมสรกลั่นยาเองก็มีอยู่ทุกสาขาในประเทศด้วยเช่นเดียวกัน ในเมืองทุกเมือง ต่างก็มีสโมสรกลั่นยาตั้งอยู่หนึ่งแห่ง

ตอนนี้ลู่เสียงต้องการรวบรวมนักกลั่นยาระดับห้า หากแต่เขาไม่เคยลงทะเบียนอย่างเป็นทางการที่สโมสรแห่งนี้ วันนี้ เขาเตรียมตัวมาที่นี่เพื่อลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ

เมื่อลงทะเบียนที่สโมสรแห่งนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถรับผลประโยชน์จากสโมสรได้ทุกเดือน

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลู่เสี้ยงหยางมาถึงหน้าประตูใหญ่ของวิลล่าไท่หยาง

สโมสรกลั่นยาของปินเหอ ซึ่งตั้งอยู่ที่วิลล่าไท่หยาง

นาทีที่ลู่เสี้ยงหยางเดินลงมาจากรถ บนใบหน้าเขาได้เคลือบไปด้วยหน้ากากแก้วเป็นที่เรียบร้อย

การลงทะเบียนที่สโมสรกลั่นยา ลู่เสี้ยงหยางไม่คิดที่จะใช้ชื่อสกุลจริง แต่จะใช้ชื่อแฝงว่าลู่ฉางเซิงแทน

ยังไงซะลู่ฉางเซิง ในตอนนี้เป็นเจ้าสำนักของสำนักฉางเซิง

ส่วนสำนักฉางเซิงก็ได้ประกาศรับสมัครอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม หากฐานะนักกลั่นยาระดับห้าของเขาได้ถูกแพร่ออกไปละก็ เช่นนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาหาถึงที่ เพื่อเข้าร่วมสำนักฉางเซิง!

นักกลั่นยาค่อนข้างหายากและมีค่า นักกลั่นยาระดับสามขึ้นไปก็ถือว่าล้ำค่ามากแล้ว นักกลั่นยาระดับห้ายิ่งเป็นของล้ำค่าในของล้ำค่า ในหวาเซี่ยที่กว้างใหญ่นี้ คงมีไม่กี่คน

โดยทั่วไปแล้วนักบู๊ทุกคนมักจะอยากเป็นมิตรกับกลั่นยา แถมลู่เสี้ยงหยางยังเป็นนักกลั่นยาที่อยู่ในระดับห้าอีกด้วย!

ในเวลานี้ ลู่เสี้ยงหยางเดินเข้าสโมสรกลั่นยา สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ มีผู้เฝ้าประตูสองคนยืนอยู่ แถมยังเป็นนักบู๊ที่อยู่ในระดับแปดอีกต่างหาก

เช่นนั้นแล้ว รู้ได้ทันทีว่าสโมสรกลั่นยานั้นน่ากลัวแค่ไหน

สโมสรการจัดงานประมูลเองก็มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แต่ก็ด้อยกว่าสโมสรกลั่นยา

ตอนที่ผ่านประตูเข้ามา การ์ดทั้งสองถามถึงสาเหตุการมาของลู่เสี้ยงหยาง

ลู่เสี้ยงหยางตอบคำถามอย่างไม่ปิดบัง มาเพื่อเข้าร่วมการประเมินผลของการกลั่นยา

หากต้องการเป็นสมาชิกของสโมสรกลั่นยา ต้องผ่านการประเมินผลของสโมสรกลั่นยาเสียก่อน

การ์ดทั้งสองพยักหน้า ก่อนที่จะปล่อยให้ลู่เสี้ยงหยางเข้าไปด้านใน

เมื่อเข้ามาด้านใน กลิ่นอายที่หอมกลุ่มลอยเข้ามาแตะจมูก ข้างหน้าเป็นอาคารและศาลาย้อนยุค

ตามการบอกใบ้ของป้ายบอกทาง ลู่เสี้ยงหยางผ่านโถงทางเดิน สวนดอกไม้ และศาลาต่างๆ เมื่อผ่านสิ่งปลูกสร้างไป ก็มาถึงตึกหนึ่ง

บนป้ายของตึกปรากฏคำว่า ตึกประเมินผล!

ลู่เสี้ยงหยางขยับฝีเท้า เดินเข้าไปในตึกประเมินผล

ภายในตึก

ทั้งสองข้างทางมีเก้าอี้เรียงราย บนเก้าอี้นั่งอยู่ด้วยเจ้าหน้าที่ของสโมสรกลั่นยา

ป้ายที่อยู่ข้างหน้าของพวกเขา มีตัวอักษรกำกับอยู่

“การประเมินผลนักกลั่นยาระดับหนึ่ง”

“การประเมินผลนักกลั่นยาระดับสอง”

“การประเมินผลนักกลั่นยาระดับระดับสาม”

“…..”

“การประเมินผลนักกลั่นยาระดับห้า”

อำนาจของสโมสรกลั่นยาในปินเหอ คงมีได้แต่ถึงระดับห้าเท่านั้น

ส่วนนักกลั่นยาที่มีสูงกว่านี้ ต้องไปที่สำนักงานใหญ่ เพื่อเข้าร่วมการเป็นสมาชิกของสโมสร

ลู่เสี้ยงหยางล็อกเป้าหมาย ก่อนที่จะมุ่งไปยังการประเมินผลนักกลั่นยาระดับระดับห้า

ผู้ที่รับผิดชอบในการลงทะเบียนนักกลั่นยาระดับห้า เป็นชายวัยกลางคน ที่ตอนนี้เขานั่งหลับอยู่บนเก้าอี้

เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามา เขาไม่ลืมตา พลันโบกมือพร้อมกับเอ่ย “เดินผิดทางแล้ว นักกลั่นยาระดับหนึ่งอยู่ทางโน้น”

ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะออกมา “ขอโทษด้วยครับ ผมมาลงทะเบียนการประเมินผลของนักกลั่นยาระดับห้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนยังคงหลับตานิ่ง “การลงทะเบียนผลการประเมินนักกลั่นยาระดับหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม”

ในเวลาเดียวกัน ชายร่างท้วมตรงข้ามเอง ก็โบกมือเรียกลู่เสี้ยงหยางเช่นเดียวกัน “พ่อหนุ่มเดินผิดทางแล้ว อย่าคิดว่าแค่ใส่หน้ากากแล้วจะทำอะไรก็ได้ ฟังจากเสียงของแก

ยังไม่หย่าน้ำนมด้วยซ้ำ ยังกล้าพูดออกมาได้ ว่าเป็นนักกลั่นยาระดับห้า ฮ่าฮ่า หากแกผ่านการประเมินระดับหนึ่งไปได้ ก็ขอบคุณสวรรค์มากแล้ว”