บทที่ 249 ค่ำคืนที่มืดมิด เหมาะสำหรับการฆ่าใครบางคน!
ด้วยมีดสั้นอันแหลมคมของหญิงสาว ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกได้ในทันที ลมหายใจอันเย็นยะเยือกพัดเข้าใส่ที่ร่างกายของเขา
เขารู้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นวิกฤตอันร้ายแรงที่กำลังเข้าใกล้เขา
ศีรษะของเขาหันไปด้านข้างด้วยสัญชาตญาณในการต่อสู้
สึบ!
ลมหนาวพัดผ่าน และมีดที่แหลมคมเลื่อนผ่านใบหูของเขา
“อยากตายใช่ไหม!” ลู่เสี้ยงหยางสายตาเย็นชา เขาเกลียดการที่ถูกลอบกัดอย่างที่สุด
เขายกมือสองข้างขึ้นแล้วจับแขนที่ถือมีดของคนร้าย
ฮึบ!
เขาตะโกนเสียงดังแล้วใช้สองมือเหวี่ยงผู้หญิงคนนั้นลอยขึ้น
เมื่อเธอลอยขึ้นเหนือหัวแล้ว ลู่เสี้ยงหยางก็กระโดดเตะไปที่หน้าท้องของเธอด้วยความแรง
พรึ่บ!
ภายใต้แรงกระแทกที่รุนแรงทำให้ผู้หญิงคนนั้นลอยออกไปกระแทกกับกำแพงอย่างจัง
อั่ก!
จากนั้นเธอฟาดลงกับพื้นแล้วมีเลือดพ่นออกมาจากปากของเธอและเธอก็สลบไปในทันที
เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางจัดการกับคู่หูแบบง่ายดาย ชายคนร้ายก็รู้สึกตื่นตระหนก
“บ้าเอ้ย ให้ตายเหอะ” เขาตะโกนอย่างพลุ่งพล่าน จากนั้นดึงกระบองคู่ออกมาแล้วกระโจนเข้าหาลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางสีหน้าเฉยเมย เขามองไปที่ชายคนร้ายแล้วถามเขาว่า “เราเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนเหรอ?”
จากการโจมตีของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ ลู่เสี้ยงหยางสามารถเดาได้ว่าทั้งสองต้องเป็นนักฆ่าอย่างแน่นอน
ชายคนร้ายไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับพูดด้วยความเหี้ยมโหด “เจ้าหนู เก็บคำถามของนายไปถามยมบาลในนรกซะ”
ทันทีที่พูดคำนี้ กระบองคู่ในมือของเขาก็เหวี่ยงเข้าใส่ศีรษะของลู่เสี้ยงหยางแล้ว
แต่ลู่เสี้ยงหยางหูตาไว เขายกมือขวาขึ้นและคว้ากระบองที่คนร้ายเหวี่ยงมาหาเขา
ให้ตายเหอะ!
เป็นไปได้ไง
ชายคนนั้นรู้สึกตกใจ เขาเคยทดลองมากก่อนแล้ว กระบองคู่ของเขาที่เหวี่ยงออกไปนั้นมีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม ต่อให้เป็นวัวตัวใหญ่ก็ต้องสลบคาที่ แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับใช้มือเปล่าคว้ามันไว้ได้อย่างง่ายดาย
“แย่แล้วสิ มันต้องเป็นยอดฝีมือแน่” ชายคนนั้นคิดในใจ
ในขณะเดียวกัน หมัดของลู่เสี้ยงหยางก็เหวี่ยงเข้ามา
ชายคนร้ายไม่ทันได้หลบก็ถูกหมัดของเขาอัดเข้ากลางใบหน้า
ผัวะ!
เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมาก เหมือนถูกก้อนหินกระแทกเข้าที่กลางศีรษะของเขา
ไม่มีช่องว่างให้เขาได้ตั้งตัว สติสัมปชัญญะของชายคนร้ายก็หมดลงทันใด ดวงตาของเขามืดมิดและล้มลงกับพื้นในทันที
ด้วยช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ลู่เสี้ยงหยางได้จัดการกับนักฆ่าทั้งสองคนนี้เรียบร้อย แต่เขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป จากนั้นเขามองเข้าไปในสุดซอยอย่างระมัดระวัง
ในสุดซอยนั้น เขาได้เห็นรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ ถึงแม้รถตู้คันดังกล่าวจะจอดสนิท แต่ด้านในเหมือนมีคนอยู่ เพราะเขาเห็นประกายไฟในรถ และเหมือนมีคนกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างใน
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปหารถตู้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้ามาใกล้รถตู้และหยุดห่างจากรถตู้ไปสองเมตร
เขารู้สึกถึงอันตรายที่กระเพื่อมออกมาจากรถตู้ได้อย่างชัดเจน
ลู่เสี้ยงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ว่าฆาตกรตัวจริงยังไม่ปรากฏ และชายหญิงที่เขาเพิ่งจัดการเมื่อครู่นี้เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น
พรึ่บ!
ทันใดนั้น ประกายไฟในรถตู้ก็ดับไป
ในเวลาเดียวกัน ออร่าแห่งการสังหารที่แข็งแกร่งได้ทะลักออกมาจากในรถราวกับหายนะที่พุ่งชนลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางสัมผัสถึงความเลือดเย็นนั้นได้ เขาจึงขยับขาและเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
พรึ่บ!
ประตูรถตู้ถูกเปิดออก ร่างเงาสีดำกระโดดออกมาจากรถและลอยอยู่บนกลางอาการ ตามด้วยมีดสั้นในมือคนร้ายฟันเข้ามาที่ตัวของลู่เสี้ยงหยาง
ภายใต้มีดอันแหลมคมที่ฟันเข้ามาอย่างเลือดเย็นนั้น ราวกับว่าแสงจันทร์ทั้งหมดในซอยได้สะท้อนออกจากมีดเล่นนั้น
สึบ สึบ!
เสียงตัดอากาศดังขึ้น ปลายมีที่แหลมคมเลื่อนผ่านปลายจมูกของลู่เสี้ยงหยางอย่างรวดเร็วและร่วงลงไปที่พื้น
มีดที่แหลมคมตัดกับพื้นจนทิ้งร่องรอยสีขาวไว้บนพื้นคอนกรีต
ลู่เสี้ยงหยางสีหน้าเคร่งขรึม โชคดีที่เขาถอยออกมาทันเวลา มิฉะนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้
เมื่อมองในระยะใกล้ เขาเห็นเพียงชายในชุดคลุมถือมีดแหลมคมด้วยสายตาอันเลือดเย็นจับจ้องมาที่เขา
สึบ!
หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางเพิ่งหลบการโจมตีครั้งแรกได้ โดยที่ไม่รอช้าคนร้ายถือมีดก็แทงเข้ามาที่ตัวของลู่เสี้ยงหยางอีกครั้ง
ใบมีดอันแหลมคมเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับสายฟ้าที่พุ่งเข้ามาสู่ลู่เสี้ยงหยาง
ให้ตายเหอะ!
จะมากเกินไปแล้ว
ครั้งนี้ลู่เสี้ยงหยางไม่ถอยอีกต่อไป เขาขยับตัวเข้าไปหาคนร้ายด้วยความเร็ว จากนั้นใช้สองมือจับแขนของคนร้ายไว้
เขาบีบแขนของคนร้ายด้วยความแรง จนชายในชุดคลุมถึงกับกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและมีดในมือของเขาก็ร่วงลงไปที่พื้น
ลู่เสี้ยงหยางชักมือขวากลับมา จากนั้นกำหมัดแล้วกระแทกเข้ากับกลางอกของชายคนนั้นจนเขาต้องกระเด็นออกไป
แมร่ง!
ชายในชุดคลุมพูดในใจ จากนั้นเอามือไปปิดหน้าอกที่ถูกกระแทกด้วยความแรง
ความเจ็บปวดนั้นราวกับถูกกระสุนปืนใหญ่ยิ่งเข้าใส่!
ลู่เสี้ยงหยางไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้ตั้งตัว เขาก้าวเข้าไปใกล้คนร้ายอีกครั้งแล้วยื่นมือออกไปเพื่อจะจับลำคอของชายในชุดคลุมคนนั้น
สายตาของชายในชุดคลุมเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขายื่นมือไปหยิบมีดสั้นจากเอวแล้วแทงไปที่ลำคอของลู่เสี้ยงหยาง
นี่เป็นการต่อสู้ที่เอาชีวิตไปแลกด้วยชีวิต ถ้าหากลู่เสี้ยงหยางยื่นมือขวามาคว้าคอของเขา เขาก็จะใช้มีดสั้นแทงที่ลำคอของลู่เสี้ยงหยางเช่นกัน และเขาไม่เชื่อว่าลู่เสี้ยงหยางจะกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับชีวิต
แต่สิ่งที่ทำให้คนในชุดคลุมตกใจจนลูกตาแทบหลุดออกมาคือ ลู่เสี้ยงหยางยื่นมือขวาออกมาคว้าลำคอเขาโดยที่ไม่สนใจมีดในมือของเขาเลย
ในขณะเดียวกัน มีดสั้นในมือของเขาดูเหมือนจะพบอุปสรรคบางอย่าง มันถูกล็อกไว้และไม่สามารถขยับได้อีก
เมื่อเขาเหลือบมองไปก็เห็นมือซ้ายของลู่เสี้ยงหยางยื่นออกมาและใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางหนีบมีดของเขาไว้แน่นๆ
มีดพกของเขาแทบขยับไม่ได้เลย!
หึ!
รูม่านตาของชายสวมเสื้อคลุมหดลง เขาตกใจราวกับเห็นผีในตอนกลางวัน ลู่เสี้ยงหยางใช้เพียงสองนิ้วก็สามารถหยุดมีดของเขาไว้ได้ เขาต้องมีพละกำลังมากเพียงใด
ในขณะที่ชายสวมเสื้อคลุมกำลังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ ลู่เสี้ยงหยางใช้แรงแขนขวาเพียงเบาๆ ก็สามารถยกคนร้ายขึ้นได้อย่างง่ายดาย
“นายต้องอธิบายเรื่องของคืนนี้ออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปฏิเสธที่จะปล่อยให้นายตายที่นี่” ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างเย็นเยือก
เป็นน้ำเสียงธรรมดา แต่กลับทำให้ชายในเสื้อคลุมขนลุกไปทั้งตัว เขาไม่กล้าสงสัยในตัวของลู่เสี้ยงหยางอีกเลย
“ได้โปรดได้โปรดอย่าฆ่าผมเลยครับ ผมกับคุณไม่เคยมีความเคียดแค้นต่อกัน ผมแค่ต้องการเงิน ผมเป็นแค่คนรับจ้างเท่านั้น” ชายชุดคลุมพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา
“ใคร?” ลู่เสี้ยงหยางถาม
“จางเทา” ชายชุดคลุมตอบตามความเป็นจริงทันที
จางเทา?
ดวงตาลู่เสี้ยงหยางเปล่งประกายความเลือดเย็นขึ้นมาทันที ซึ่งมันเป็นไปตามที่เขาคาดคิดไว้จริงๆ
ในเมื่อเขาดิ้นหาที่ตาย ก็คงต้องทำให้เขาสมดังปรารถนา
“ดีมาก ช่วยพาผมไปหาเขาที” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูดอย่างเย็นชา
“นี่มัน……” ชายชุดคลุมเกิดความลังเล เพราะเขารับเกิน 10 ล้านหยวนจากจางเทาเพื่อแลกกับชีวิตของลู่เสี้ยงหยาง ตามกฎแล้วถ้าเขาทำงานไม่สำเร็จก็คงไม่มีหน้าที่จะกลับไปหาจางเทาอีก
“ว่าไง ยังสงสัยอะไรอีก?” ลู่เสี้ยงหยางพูดไปด้วยแล้วยื่นมือไปบีบแขนของชายชุดคลุมด้วย
แคร่ก! แคร่ก!
เสียงแตกหักของกระดูกมือขวาของชายในชุดคลุมดังขึ้น
“อ๊าก!” ตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ชายชุดคลุมถึงกับเหงื่อตกไปทั่วร่างกาย จากนั้นเขารีบพยักหน้าพูดต่อ “หยุด หยุดเถอะครับ ผมจะพาคุณไปเดี๋ยวนี้”