หนุ่มเศรษฐีลึกลับ 135 นี่คือโชคชะตา

ตอนที่ 135 นี่คือโชคชะตา

บทที่ 135 นี่คือโชคชะตา

ช่องลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น

ลู่เสี้ยงหยางตกตะลึง สถานการณ์แบบนี้ ตัวเขาต้องมาทรมาทรกรรมในภูเขาชิงหลงซานอย่างยากลำบากอยู่หลายวัน ทว่ากลับไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ

“ไม่ มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ของที่ฉันต้องการมันอยู่ในนี้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่มีแล้วล่ะ” ช่างกวนหวั่นหวั่นพูดอย่างผิดหวัง สีหน้าของเธอไม่น่ามองเป็นอย่างมาก

ที่ครั้งนี้เธออุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาที่วัดชิงหลง ก็เพราะของชิ้นนี้สามารถพลิกชะตาชีวิตครอบครัวเธอได้

แต่ตอนนี้มาจนถึงปลายทางแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่าง ในทางตรงกันข้ามเธอยังต้องเสียบอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วยไปตั้งหลายคน เรียกได้ว่าเป็นการคิดหากำไรจากผู้อื่นแต่กลับต้องเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ซ้อนสองเสียเอง

“ใช่แล้ว” ทันใดนั้นช่างกวนหวั่นหวั่นก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดว่า “ของที่อยู่ข้างในนี้จะต้องถูกคนเอาไปก่อนแล้วแน่ ๆ ” เธอหมายถึงเงาร่างสีดำเมื่อกี้นี้

เห็นได้ชัดว่าลู่เสี้ยงหยางก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน วัตถุประสงค์หลักของเงาร่างสีดำไม่ใช่การฆ่าพวกช่างกวนหวั่นหวั่นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอให้มาถึงวัดชิงหลงแล้วค่อยลงมือ

เป้าหมายหลักก็น่าจะเป็นของที่อยู่ในวัดชิงหลง หลังจากที่นำของไปแล้ว พวกช่างกวนหวั่นหวั่นก็มาถึงที่นี่พอดี ดังนั้นเลยจำเป็นที่จะต้องลงมือฆ่า

“ถ้าอย่างนั้นคุณช่างกวน มีแผนจะทำอย่างไรต่อไปอย่างนั้นเหรอครับ” ลู่เสี้ยงหยางถามขึ้น

ช่างกวนหวั่นหวั่นสูดหายใจเข้าเบา ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกเรากลับไปที่ปินเหอกันก่อนเถอะ ส่วนเรื่องหลังจากนั้นก็ค่อยปรึกษากันอีกครั้ง”

ของที่อยู่ในวัดชิงหลงจะต้องถูกเงาร่างสีดำนำออกไปแล้วแน่นอน กลับไปถึงปินเหอแล้วต่อให้ต้องใช้กำลังที่เธอมีอยู่ทั้งหมด ก็ต้องหามันให้พบ

ท้ายที่สุดแล้วการที่เธอมาวัดชิงหลงครั้งนี้ก็เป็นการเสี่ยงดวงโดยแท้จริง ถึงจะไม่สำเร็จแต่อย่างน้อยก็ได้พบสิ่งดี ๆ

ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า ดูเหมือนว่าหลังจากกลับไปแล้วเขาจะต้องรายงานสถานการณ์นี้ให้พ่อทราบด้วยเช่นกัน

เขาเดาว่าขนาดพ่อยังรู้เรื่องนี้ได้ คนอื่นก็มีทางที่จะรู้ได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางกับช่างกวนหวั่นหวั่นออกมาจากวัดชิงหลง ก็เตรียมตัวที่จะเดินทางข้ามคืน

ไป๋ฉีได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงต้องมีหลินยงกับเจี่ยงตงเก๋อคอยประคองไปตลอดทาง

ช่างกวนหวั่นหวั่นเดินทางมาทั้งวันแล้ว ยังต้องมาข้ามคืนอีก ดังนั้นพอถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน เธอจึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก เลยเดินโซซัดโซเซ

ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกทนต่อไปไม่ไหว จึงให้ทุกคนหยุดพักก่อน รอพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ

หลินยงกับเจี่ยงตงเก๋อที่เคยเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นโดยไม่ทำอะไรเลยมาตลอดก็เริ่มกางเต็นท์

หลังจากที่การเสร็จแล้วพวกเขาก็เชิญลู่เสี้ยงหยางกับช่างกวนหวั่นหวั่นให้เข้ามาข้างใน

คืนนี้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น พวกเขาจึงไม่มีกะจิตกะใจจะทำหม้อไฟ เลยกินเสบียงกรังไปนิดหน่อยก่อนจะล้มตัวลงนอน

“กรี๊ด!” ขณะที่แสงสว่างกำลังเริ่มปรากฏในเช้าวันถัดไป พวกลู่เสี้ยงหยางก็ถูกเสียงกรีดร้องของผู้หญิงปลุกให้ตื่นความตกใจ

ทันทีที่ลืมตาก็เห็นช่างกวนหวั่นหวั่นนั่งอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง น่องขาขวาที่ได้สัดส่วนสมบูรณ์บวมแดงเรากลับกีบเท้าหมูอย่างไรอย่างนั้น

“อ๊ะ คุณหนู เป็นอะไรไปอย่างนั้นเหรอครับ”

“คุณช่างกวน เกิดอะไรขึ้น ทำไมเท้าของคุณถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะ”

หลินยงกับเจี่ยงตงเก๋อพากันเอ่ยปากถาม

ช่างกวนหวั่นหวั่นส่ายศีรษะ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าขาขวาของตัวเองไม่มีความรู้สึก พอก้มหน้าลงไปดูก็พบว่าขากลายเป็นอย่างนี้แล้ว

ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ ช่างกวนหวั่นหวั่น นั่งยอง ๆ แล้วตรวจดูน่องขวาของช่างกวนหวั่นหวั่นอย่างระมัดระวัง

ท้ายที่สุดเขาก็พบดวงตาสีเลือดเหมือนรูเข็มสองดวงที่น่องขวา

จากนั้นลู่เสี้ยงหยางก็ดึงมือของช่างกวนหวั่นหวั่นมาเพื่อจับชีพจร

เขาสามารถวินิจฉัยออกมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับช่างกวนหวั่นหวั่นว่า “คุณเพิ่งจะถูกงูกัด เป็นงูพิษที่มีพิษร้ายแรงมากเสียด้วย”

อะไรนะ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของช่างกวนหวั่นหวั่นก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากถูกงูพิษกัดตอนอยู่ในป่าในเขา ก็จะมีอัตราการรอดชีวิตที่ต่ำมาก

“เรื่องนี้จะทำยังไงกันดี” หลินยงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ถ้าหากช่างกวนหวั่นหวั่นตายอยู่ในภูเขาชิงหลงซานละก็ พวกเขาก็ไม่รอดแล้ว

เจี่ยงตงเก๋อพูดขึ้นมาเพื่อขอรับผิดชอบเรื่องยากลำบากนี้ด้วยตัวเอง “ฉันจบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ พอจะมีทักษะทางการแพทย์นิดหน่อย ให้ฉันดูหน่อยว่ายังมีทางแก้พิษอยู่อีกไหม”

ช่างกวนหวั่นหวั่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอคุณชายเจี่ยงไม่ต้องเกรงใจ”

เจี่ยงตงเก๋อยืนอยู่ข้างกายช่างกวนหวั่นหวั่นตั้งแต่แรกแล้ว เขานั่งลงยอง ๆ เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ

เพิ่งถึงแม้ในเวลาปกติเจี่ยงตงเก๋อจะเป็นพวกลูกคนรวยที่ชอบทำตัวสำมะเลเทเมา แต่เขาก็ค่อนข้างที่จะมีฝีมือในด้านการแพทย์ จึงสามารถตัดสินได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดออกมาว่า “ถ้าหากมองไม่ผิดล่ะก็ งูพิษที่กัดคุณช่างกวนก็น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่ชื่อว่างูชิงฮัว ถึงแม้ว่าหัวของมันจะไม่ใหญ่ แต่พิษกลับร้ายแรงมาก คนที่ถูกมันกัดเข้าหากไม่รีบส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนตั้งแต่แรก เกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสองชั่วโมง”

อะไรนะ

มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงอย่างนั้นเหรอ

ช่างกวนหวั่นหวั่นถูกทำให้หวาดกลัวจนแทบจะเป็นลม ร่างกายบอบบางของเธอสั่นระริกไม่หยุด เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความสิ้นหวัง

ห้วงจิตสำนึกของหลินยงเกิดเสียงดังคั่นคืนราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบลงไป เขาก้มหน้ามองเจี่ยงตงเก๋อแล้วถามว่า “พอจะมีวิธีที่สามารถกดพิษไว้ได้ชั่วคราวไหม”

เจี่ยงตงเก๋อส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า “ถ้าอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันสามารถถอนพิษให้คุณช่างกวนได้ แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ที่นี่ ฉันเองก็ไม่มีเครื่องมืออะไรสักอย่าง เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ช่างกวนหวั่นหวั่นยิ้มแย้มเศร้าสลด “บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้”

เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว

ขาทั้งสองข้างของหลินยงอ่อนแรง เขาทรุดนั่งลงไปกับพื้น ไปในหัวใจปรากฏความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

นี่ก็เป็นชะตากรรมของคนรับใช้อย่างพวกเขาด้วยเช่นกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายที่ตัวเองรับใช้ พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตต่อไปได้ สามารถเรียกได้ว่าชีวิตของพวกเขาถูกผูกติดเอาไว้กับเจ้านาย

ไป๋ฉีพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง เขาส่ายศีรษะอย่างมึนงงไม่หยุด ความรู้สึกผิดฉายชัดเต็มใบหน้า

กลิ่นอายแห่งความตายปกคลุมทั่วทั้งเต็นท์ไปชั่วขณะ ราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ ภายในสองชั่วโมง ดอกไม้ที่บอบบางอย่างช่างกวนหวั่นหวั่นก็จะต้องโรยราเสียแล้ว

“อืม ที่คุณชายเจี่ยงพูดไว้ถูกต้องทั้งหมด พิษของงูชิงฮัวร้ายแรงมากจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีวิธีแก้” ทันใดนั้นลู่เสี้ยงหยางที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เปิดปากพูดขึ้นมา

ตอนที่เขากำลังพูด สายตาของทุกคนก็แทบจะมองมาที่เขาเป็นทางเดียวกัน

ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะมีวิธีแก้พิษจริง ๆ

ดวงตาที่หม่นแสงไปแล้วของช่างกวนหวั่นหวั่นเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง เธอมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วถามว่า “ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงเหรอคะคุณลู่”

ลู่เสี้ยงหยางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ผมสามารถแก้พิษชนิดนี้ได้”

เฮือก!

หลินยงและเจี่ยงตงเก๋อสูดหายใจเอาอากาศเย็น ๆ เข้าไปอย่างแรง ก่อนจะมองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสีหน้าของทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างรวดเร็ว ถ้าจะบอกว่าลู่เสี้ยงหยางแข็งแกร่งเป็นอย่างมากพวกเขาก็เชื่อ แต่ถ้าให้พูดถึงทักษะทางด้านการแพทย์นั้น พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เลยไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่

ไป๋ฉีลอบสายหน้า ทักษะการต่อสู้ของลู่เสี้ยงหยางสุดยอดมาก ต้องเกิดจากการศึกษาค้นคว้าอย่างเต็มกำลังแน่นอน ลองถามดูสิว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะยังมีกะจิตกะใจไปศึกษาค้นคว้าด้านการแพทย์ได้อย่างไร

จากเงื่อนไขพวกนี้แล้ว เขาคิดว่าลู่เสี้ยงหยางเพียงกำลังปลอบโยนช่างกวนหวั่นหวั่นเท่านั้น

ช่างกวนหวั่นหวั่นค่อย ๆ ดึงสติกลับมาจากความรู้สึกประหลาดใจที่แฝงไปด้วยความยินดีได้ เธอมองลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณลู่ แต่คุณไม่ต้องปลอบฉันหรอกค่ะ ความจริงแล้วถึงแม้ฉันจะตายอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นชะตาชีวิตของฉัน”

เธอคิดว่าลู่เสี้ยงหยางกำลังปลอบโยนเธอเพื่อให้เธอจากโลกนี้ไปอย่างสบายใจ

หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

Score 10
Status: Completed
ช็อค!ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ได้รับได้รับความอัปยศอดสูการเหยียดหยาม หลังจากที่เปิดเผยฐานะตัวเองแล้ว แม่ภรรยาตั้งเงื่อนไข่ที่น่าอับอาย

Options

not work with dark mode
Reset