สุดยอดรัชทายาท 33 ว่างนักจงไปทํางาน

ตอนที่ 33 ว่างนักจงไปทํางาน

นิยาย สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 33 ว่างนักจงไปทํางาน

ผู้คนในเมืองต่างประทับใจกับการกระทําขององค์ชายมากขึ้น พวกเขาคิดไม่ถึงว่าองค์ชายจะพาหมอมาช่วยเหลือราษฎรด้วย เวลานี้ทุกคนต้องการให้องค์ชายกโทษให้สําหรับความไม่รู้ของพวกตน

บิดามารดาของเด็กน้อยเอ่ยถามไปเส้าหลินว่า “องค์ชายจะเสด็จกลับแล้วหรือ?” พวกเขาเห็นองค์ชายเดินตรงไปยังประตูเมืองขณะที่เหล่าทหารปิดกั้น ทําให้ผู้คนเหล่านั้นไม่กล้าเดินตาม

ไปเส้าหลินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “องค์ชายทรงรักราษฎรและเมื่อเห็นเด็กขาดอาหารจนเป็นลมทําให้ทรงเศร้าพระทัย ด้วยสถานการณ์นี้ข้าคิดว่า พระองค์คงจะไม่จากไปแล้ว” ไปเส้าหลินกล่าว

เมื่อผู้คนได้ยินคํากล่าวของไปเส้าหลิน พวกเขาย่อม ไม่สามารถยับยั้ง ความตื่นเต้นได้ “องค์ชายไม่ไปแล้ว! วิเศษมาก”

“ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงเมตตาพวกเรา”

ฮวนม่อเฉอมองไปยังผู้คนที่กําลังเข้าแถวเพื่อรอรับอาหารและกล่าวกับเล้งหยูเฟิงว่า “วิทยายุทธ์ของท่านก้าวหน้าขึ้นมาก”

บางที่ผู้อื่นอาจไม่เห็นตอนที่เด็กหมดสติไป แต่ฮวนม่อเฉอเห็นว่าเล้งหยูเฟิง เด็กชายถูกก้อนหินขนาดเล็กกระแทกโดยคนผู้นี้ในจุดที่สําคัญ

“วิทยายุทธ์ของท่านก็ดีล้ําเลิศเช่นกัน” เล้งหยูเฟิงกล่าว

เมื่อมาถึงบริเวณประตูเมืองพวกเขา พบว่ามีแพทย์ของเมืองเพิ่งโจวจํานวนมากได้มารวมตัวกันที่นี่และหนึ่งในนั้นได้เริ่มรักษาเด็กที่หมดสติแล้ว

ท่านหมอกล่าวกับบิดามารดาของเด็กว่า “เด็กแค่หิว ทําให้เขาเป็นลมหมดสติไป”

บิดามารดาของเด็กน้อยรู้สึกขอบคุณ องชายอย่างยิ่ง ขณะที่องชายเพียงพยักหน้าอย่างเรียบเฉย จากนั้นพวกเขาได้เริ่มทําการแจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน

ตอนนี้แม้ผู้คนจะเห็นข้าวขาวในถังใบ ใหญ่แต่ก็มิมีผู้ใดกล้าแย่งชิงโดยทุกคนยืนเรียงแถวกันหน้าหม้อขนาดใหญ่อยู่ที่บริเวณประตู

ต่อมาทหารที่สวมชุดเกราะได้ก่อไฟ และต้มข้าวทันที อย่างไรก็ตามหลังจากกลิ่นหอมของอาหารที่ฟุ้งกระจายออกไป ทุกคนสามารถได้ยินเสียงร้องจากท้องของพวกเขา

แม้จะหิวโหยหนักหนาสักเพียงใดแต่ไม่มีผู้ใดกล้าพุ่งตัวเข้ามาแม้แต่คนเดียว ด้วยวิธีนี้ไปเส้าหลินจึงมองดูสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นให้องค์ชายอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นเขาได้กล่าวกับฝูงชนว่า

“หากมีใครได้รับบาดเจ็บควรมาที่นี่ ก่อนท่านหมอจะได้ตรวจดูอาการให้!”

ดูเหมือนทุกคนจะพึงพอใจกับความสมบูรณ์แบบขององค์ชายและซาบซึ้งในความเมตตาของพระองค์

“องค์ชาย ข้าวต้มรสชาติยอดเยี่ยมมากพะย่ะค่ะ!” ไปเส้าหลินเดินมาองค์ชายซึ่งยืนอยู่ที่ประตู

องค์ชายหยิบถ้วยแล้วตักข้าวต้มใส่ลงไปก่อนจะส่งให้เด็กชายที่หมดสติเมื่อครู่ แม้ตอนนี้มันจะเย็นลงแล้ว แต่รสชาติยังคงดีอยู่ “กินเสียสิ”

ฮวนม่อเฉอและเล้งหยูเฟิงมองไปที่องค์ชาย ขณะคิดว่าก่อนหน้านี้เขาหาวิธีใช้เด็กน้อยเพื่อเพิ่มรูปลักษณ์อันสง่างาม แต่ตอนนี้มันด้วยกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

เด็กน้อยเหล่ตามององค์ชายที่อยู่ด้านข้างแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่”

หลังจากวันที่วุ่นวายฮวนม่อเฉอ กับ เล้งหยูเฟิงจัดห้องพักสําหรับองค์ชาย และเหล่าทหารในลานบ้านแห่งหนึ่ง

วันนี้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและหลังจะเดินเข้าไปในห้องนอน ปรากฏว่าน้ําร้อนได้เตรียมพร้อมไว้ในห้องแล้ว

หญิงสาวถอดเสื้อผ้าแล้วเริ่มเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว อันที่จริงแล้วนางไม่สะดวกที่จะมัดหน้าอกของตนเองไว้ทุกวัน เพราะว่านางไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวตนของนางต่อสาธารณะ

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!”

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก นางจึงลุกไปใส่เสื้อผ้าอย่างไม่เต็มใจ และตัดสินใจเปิดประตูโดยไม่ได้มัดผมเผ้าให้เรียบร้อยเพียงพบว่าฮวนมอเฉอกับเล้งหยูเฟิงกําลังยืนอยู่ที่ประตู

“มีอะไรหรือ?”

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนได้ยินเสียงของการชําระล้างร่างกายภายในห้อง และตอนนี้ทั้งคู่หันมามองหน้ากันด้วยท่าทางลําบากใจ

เล้งหยูเฟิงเริ่มต้นกล่าวขึ้นก่อนว่า “นี่ คือน้ํามันเย็น มันมีประโยชน์มากสําหรับการป้องกันยุงกัด กระหม่อมมักจะใช้มันตอนฝึกยุทธ์”

นางไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้มีรอยกัดบนหลังมืออันซีดเซียวของนางแล้ว และด้วยผิวขาวเนียนนี้ทําให้ยิ่งดูเด่นชัดมากขึ้น

แต่ไม่คิดว่าเล้งหยูเฟิงจะสังเกตเห็น และใส่ใจสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้

นางนํายากลับเข้าไปในห้องและไม่อนุญาตให้ทั้งสองคนเข้ามา ขณะที่ตอนนี้ นางมีแผนการอื่นในใจ…

ตอนสายของวันหนึ่ง ภายใต้อากาศที่ร้อนระอุชางอู่ซินในชุดขาวเดินเข้าไปในเมืองเพึ่งโจว

หลังจากจัดตั้งโรงทานเพื่อแจกจ่ายข้าวต้มและเครื่องดื่มให้แก่ผู้คนสองสามวัน ในที่สุดสถานการณ์ในเมืองเฟิงโจวได้สงบลง
ไร้คนหิวโหยปรากฏตัวตามท้องถนนอีกต่อไปและประชาชนได้เริ่มทําการค้าขายตามเดิม เนื่องจากชาวอู่ซินได้สังหารนายอําเภอคนก่อน ทําให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขและออกไปทํามาหากินได้

ในเวลานี้เล้งหยูเฟิงกับฮวนต่อเฉอถูกชางอู่ซินส่งตัวไปทําอย่างอื่น อันนี้จริงมิใช่ว่านางต้องการที่จะกลั่นแกล้งทั้งสองคนนี้ แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดพวกเขามักจะปรากฏตัวต่อหน้านางและรบกวนอยู่เสมอ

ดังนั้นนางจึงใช้ข้ออ้างด้วยการใช้ประโยชน์จากทั้งสองเพื่อไปทํางาน

ยังตระหนักว่าปัญหาที่เมืองเพึ่งโจวกําลังเผชิญอยู่คือการขาดคลนข้าว แม้ชางอู๋ซินจะไม่ได้สนใจชีวิตของผู้อื่นมากนัก แต่ด้วยความจําเป็นที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นางจึงต้องการยุติปัญหาที่จุดเริ่มต้น

นางสั่งให้ฮวนมอเฉอไปที่เมืองอื่นเพื่อรวบรวมเมล็ดพืช และเมื่อเขากลับหน้า นางจะสั่งทหารให้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์แก่ประชาชนทุกครัวเรือน

จากนั้นใช้เวลาไม่นานสําหรับเมล็ดที่สามารถปลูกให้อยู่รอดและเก็บเกี่ยวได้อย่างรวดเร็ว

คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือนกว่าเมล็ดธัญพืชจะสุก และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยว ในขณะที่อาหารซึ่งพวกเขานํามาทั้งหมดเพียงพอสําหรับผู้คนที่จะประทังชีวิตอยู่ได้หนึ่งเดือนเท่านั้น

โดยวิธีนี้ชางอู๋ซินจึงสั่งให้เล้งหยูเฟิงนําชาวบ้านที่แข็งแกร่งขึ้นไปบนเขาเพื่อล่าสัตว์

และสําหรับผู้หญิงในเมืองซึ่งประดิษฐ์ งานฝีมือด้วยการเย็บปักถักร้อยสําหรับ นําไปขายให้กับเมืองอื่น แม้จะไม่มากนัก แต่ยังคงมากเกินพอที่จะอยู่ได้นานสักสองสามเดือน

หลังจากงานเหล่านี้ถูกแบ่งและมอบ ให้คนทั้งองทํา ตอนนี้ชางอู๋ซินจึงเดิน เข้าเมืองเพื่อทักทายประชาชนด้วยอา รมณ์ที่แจ่มใส

จากนั้นนางเดินเรื่อยไปกระทั่งออกจากตัวเมืองผ่านป่า ซึ่งเป็นเส้นทางสู่หุบเขาด้านหลังเมืองนี้

พื้นป่าบนภูเขาอันกว้างใหญ่และแสงอาทิตย์กําลังสาดส่องไปทั่วทั้งภูเขา ทําให้บรรยากาศอยู่ในสภาพที่บริสุทธิ์ และสงบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

Options

not work with dark mode
Reset