สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 804 ออกความคิดให้ฉีเซียว

บทที่ 804 ออกความคิดให้ฉีเซียว

บทที่ 804 ออกความคิดให้ฉีเซียว

บทที่ 804 ออกความคิดให้ฉีเซียว

“สร้างระบบสะสมแต้มกันเถอะ!” มู่ซืออวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ยิ่งทำงานมาก แต้มยิ่งมาก แต้มนี้ใช้แลกเปลี่ยนได้หลายอย่าง อย่างเช่นของใช้ในชีวิตประจำวัน เงิน หรือแม้กระทั่งบ้าน”

“บ้านหรือ?” ฉีเซียวผู้ที่กำลังจะยกจอกขึ้นดื่มหยุดมือในทันที เขาเลิกคิ้วมองนาง “พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ปลูกในค่ายล้วนเป็นเสบียงสำหรับทหาร ทหารไม่ได้รับประโยชน์อะไร แน่นอนว่าเป็นการทำดีโดยไม่ได้รับผลดีตอบแทน หากใช้ความคิดที่ว่าทำมากได้มาก จะต้องมีคนยินดีพิจารณาดูแล้วจริง ๆ”

“หากทำได้ดี ยังมีภรรยาได้เช่นกัน” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “อย่างไรเสียในเมืองนี้ก็มีหญิงม่ายมากมาย คงไม่อาจให้พวกนางเป็นม่ายไปตลอดชีวิตกระมัง? ยังต้องพิจารณาเรื่องแต่งงานให้พวกเขาด้วย”

“ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ที่ครองความเป็นม่าย สิบปีให้หลังจะได้รับซุ้มประกาศเกียรติคุณ*[1]?” ฉีเซียวเอ่ย “เพื่อซุ้มประกาศเกียรติคุณนี้แล้ว สตรีมากมายไม่ยินดีที่จะแต่งงานอีกครั้งไปชั่วชีวิต”

“หากเป็นเพราะความรู้สึกที่มีต่อสามี ยินดีครองตัวเป็นม่ายเพื่อเขา นั่นเป็นการทำด้วยความรัก ข้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่หากไร้ใจไร้รัก เพียงแค่ทำเพื่อสายตาของผู้อื่น เช่นนั้นก็ไม่จำเป็น เมืองถงหยางเราไม่ต้องการการกระทำและความคิดที่คร่ำครึเช่นนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ราษฎรที่นี่ต้องผ่านความยากลำบากมามาก ข้าหวังว่าพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตตามใจปรารถนาไปชั่วชีวิต โดยไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาขวางกั้น”

ฉีเซียวยิ้มบาง ๆ “บนโลกนี้มีคนแปลกพิลึกอย่างท่าน ไม่รู้ว่าส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนไปกี่มากน้อยแล้ว”

“เป็ดย่างยังปิดปากท่านไม่ได้เลย”

ทั้งสองคนกินเป็ดย่างเสร็จ ฉีเซียวไม่ได้กลับไปที่บ้านของตน หากแต่ตามมู่ซืออวี่ไปยังศาลาว่าการ โดยมีลูกน้องคนสนิทหลายคนติดตามไป พวกเขาปรึกษาหารือรายละเอียดเรื่องระบบใช้แต้ม

ลู่จื่ออวิ๋นเดินถือบัวลอยข้าวหมากเข้ามา

“ท่านอาฉี ข้าให้ในครัวทำของหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้เป็นของว่างยามดึก พวกท่านคุยกันมานานเพียงนี้จะต้องหิวเป็นแน่ ทานของร้อน ๆ หน่อยเถิด!”

“ขอบคุณ” ฉีเซียวรับไป “หมู่นี้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ชาวบ้านรักงานที่พวกเขาทำมาก แทบจะอดใจรอดูผลผลิตไม่ไหว เพียงแต่ข้าบอกพวกเขาแล้วว่า ปีแรกไม่ต้องรีบร้อนอะไร”

“วันนี้มีแขกจากหุบเขาเทพโอสถมา เจ้าพบแล้วหรือยัง?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“พบแล้วเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ยังแนะนำแม่นางอินผู้นั้นให้ข้าได้รู้จักแล้วด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้าไปในห้องครัว ยังได้ยินว่าแม่นางอินผู้นั้นศึกษาหาที่มาของโรคอยู่ในห้อง ไม่ทันได้พักผ่อน จึงให้บ่าวรับใช้ในครัวส่งไปให้นางถ้วยหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”

“พรุ่งนี้หน้าที่รับผิดชอบหลักของเจ้าคือให้ความร่วมมือกับคนของหุบเขาเทพโอสถ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าเห็นว่าแม่นางอินผู้นั้นไม่เลวทีเดียว บางทีพวกเจ้าสองคนอาจเข้ากันได้ดี เจ้าเป็นลูกสาวข้า มีเจ้ารับรองพวกเขาด้วยตนเองก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้าแล้ว หากพวกเขาขาดเหลือสิ่งใด การมีเจ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ถือว่าเป็นตัวแทนข้าที่เป็นเจ้าเมือง”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“หุบเขาเทพโอสถตั้งใจจะมาตั้งรกรากที่นี่หรือ?”

“พวกเขามีความตั้งใจเช่นนั้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “หุบเขาเทพโอสถมีชื่อเสียงดีงาม กล่าวกันตามเหตุผลแล้วผู้ใดล้วนอยากจับมือกับพวกเขา ไม่กล้าทำให้ขุ่นเคืองใจง่าย ๆ จากที่แม่นางอินผู้นั้นกล่าว ชีวิตในหุบเขาเทพโอสถก็ไม่ได้สงบสุขเพียงนั้น”

“หุบเขาเทพโอสถไม่เพียงแต่รักษาผู้คนได้แต่ยังฆ่าผู้คนได้อีกด้วย บนโลกนี้มีคนที่ต้องการทำร้ายผู้อื่นและฆ่าผู้อื่น การที่หุบเขาเทพโอสถอยู่ตรงกลางย่อมทำตัวลำบาก พวกเขาเอ่ยขอเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งกว่านั้นชื่อเสียงของท่านนับวันยิ่งเป็นที่เลื่องลือ พวกเขาต้องการการปกป้องจากท่านก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรเสียท่านก็ไม่ใช่ขุนนางในราชสำนัก ทว่าท่านสื่อถึงท่าทีของราชสำนัก”

“ข้าเขียนฎีกาให้คนเร่งส่งไปยังเมืองหลวงแล้ว เรื่องนี้ให้ฝ่าบาทตัดสินใจเถอะ”

“ดี”

“นี่ก็ดึกแล้ว ข้าไม่ส่งท่านแม่ทัพฉี”

ฉีเซียวลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินงานรัดตัวทุกวันเช่นนี้ ข้าย่อมไม่กล้าให้ฮูหยินไปส่ง”

มู่ซืออวี่หัวเราะเหอะ ๆ ออกมา แล้วกลอกตามองบน

คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็หัวเราะออกมา

หลังจากฉีเซียวกลับไปแล้ว ฉานอีและซางจือก็ปรนนิบัติมู่ซืออวี่ ล้างหน้าล้างตาให้นาง

“แม่ทัพฉีอายุก็ไม่น้อยแล้ว เหตุใดยังไม่คิดจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ?”

“เขามีรูปโฉมเช่นนั้น สตรีใดจะกล้าแต่งงานกับเขาเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่ หากโชคชะตามาถึง ผู้ใดก็ไม่อาจหยุดยั้ง เขายังไม่พบผู้ที่ทำให้เขาตกหลุมรักกระมัง!”

วันถัดมา ลู่จื่ออวิ๋นคอยช่วยเหลืออินอิ๋งจู๋ตลอดการทำงาน

ทันทีที่ลู่จื่ออวิ๋นมาปรากฏตัว สายตาศิษย์ชายของหุบเขาเทพโอสถต่างจับจ้องไปที่นาง เมื่อรู้ว่านางเป็นธิดาของอัครเสนาบดีลู่และเจ้าเมืองมู่ แต่ละคนล้วนชมเชยความรักที่สวรรค์มีต่อลู่จื่ออวิ๋น

ครั้นหลี่กู่หยวนผ่านมา เขาเห็นคนไข้ต่อแถวกันยาวเหยียด ลู่จื่ออวิ๋นและบ่าวรับใช้ของนางมีหน้าที่ในการจัดเตรียมตัวยาหลากชนิดให้คนไข้ ส่วนศิษย์ของหุบเขาเทพโอสถเหล่านั้นเน้นไปที่การตรวจรักษาอาการ

“เหตุใดล้วนจ่ายยาเหมือนกันเล่า?” หลี่กู่หยวนเอ่ยถาม

“เพราะพวกเขาล้วนเป็นโรคเดียวกัน” ลู่จื่ออวิ๋นลดเสียงลงแล้วกล่าวว่า “เพียงแต่ได้รับการรักษาจากท่านหมอแห่งหุบเขาเทพโอสถ ข้าคิดว่าอาการของพวกเขาทุเลาลงไปมากทีเดียว”

“ตรวจพบสาเหตุแล้วหรือ?”

“ท่านหมออินกล่าวว่าต้องยืนยันอีกรอบก่อน รอวันนี้ตรวจคนไข้เสร็จแล้ว นางจะยืนยันอีกครั้ง”

“ข้าส่งคนไปเชิญท่านหมอห้าคนมาจากเมืองข้างเคียง ในเมื่อท่านหมอจากหุบเขาเทพโอสถมารับผิดชอบที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ให้พวกเขาเป็นผู้ช่วยเถิด”

“เยี่ยมเลย คนไข้มากมายเพียงนี้ พวกเขายุ่งกระทั่งไม่มีเวลากินข้าวเลยด้วยซ้ำ ข้าให้คนทำของว่างมาให้ พวกเขาทำได้เพียงใช้เวลาว่างทานของพวกนั้นรองท้องไปก่อน”

ในที่สุดอินอิ๋งจู๋ก็ตรวจหาสาเหตุออกมาได้ ที่มาของโรคนั้นมาจากแหล่งน้ำ

มู่ซืออวี่ได้ฟังเรื่องที่อินอิ๋งจู๋บอกจึงตามนางไปยังลำธารที่ผู้คนกว่าครึ่งในเมืองถงหยางตักน้ำมาประกอบอาหาร

น้ำในลำธารนั้นดูใสสะอาด มองไม่ออกว่ามีปัญหาแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม มู่ซืออวี่ทราบดีว่าการมองไม่เห็นปัญหาด้วยตาเปล่าไม่ได้หมายความว่าไม่มีปัญหา นางเชื่ออินอิ๋งจู๋ ดังนั้นแหล่งน้ำจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน

“ฮูหยิน ท่านกำลังคิดอะไรหรือ?” อินอิ๋งจู๋เอ่ยถาม

“ข้าคิดว่า ข้าต้องงานยุ่งอีกแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างจนปัญญา “หากน้ำไม่สะอาด แน่นอนว่าย่อมมีคนป่วยเพิ่มมากขึ้น ของที่เอาเข้าปากจะไม่ระมัดระวังได้อย่างไรเล่า เป็นข้าที่คิดไม่ถี่ถ้วนเอง”

“ท่านแม่ ท่านมีวิธีหรือ?”

“มีสิ! อันที่จริงภูมิปัญญาชาวบ้านก็มีไม่น้อย เพียงแต่ทุกคนแม้กระทั่งท้องยังกินไม่อิ่มจะมีเวลากรองน้ำได้อย่างไร” มู่ซืออวี่เอ่ย “สิ่งที่ข้าต้องทำก็คืออำนวยความสะดวกให้พวกเขา”

ถึงแม้นางจะทำเครื่องกรองน้ำอย่างยุคปัจจุบันไม่ได้ ทว่ายังพอทำของที่คล้ายกันได้ นั่นจะช่วยกรองน้ำให้สะอาดมากขึ้นถึงเก้าส่วน ยังพอมีทางเป็นไปได้

อันที่จริงคนบางส่วนก็พอรู้จักวิธีกรองน้ำ ทว่าชาวบ้านทั่ว ๆ ไปไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายถึงเพียงนั้น พวกเขาถึงขนาดปลอบใจตนเองว่าน้ำย่อมสะอาด ทานเข้าไปเถอะไม่ป่วยหรอก

จากนั้น มู่ซืออวี่จึงเรียกหลี่กู่หยวนและศิษย์นายช่างที่รับมาใหม่หลายคนมาเพื่อสอนให้พวกเขาทำเครื่องกรองน้ำแบบง่าย ๆ

ใช้ระยะเวลาประมาณสิบวัน เครื่องกรองน้ำก็ถูกติดตั้งบนถนนการค้าแต่ละสาย ที่นั่นมีถังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านบนเครื่องกรองน้ำ ในถังมีน้ำบรรจุอยู่เต็มถัง

ข้างล่างมีก๊อกไม้ห้าอัน พอเปิดก๊อก น้ำสะอาดก็จะไหลออกมา

“นี่คืออะไรหรือ?”

“นี่คือน้ำกรอง” หลี่กู่หยวนเอ่ย “ฮูหยินได้ทำเครื่องกรองน้ำนี้เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มน้ำสะอาด หมู่นี้มีคนป่วยหลายคน ไม่ใช่เพราะถูกสาปอะไร หากแต่เป็นเพราะน้ำไม่สะอาด หากมีของสิ่งนี้ พวกท่านก็ไม่ต้องดื่มน้ำไม่สะอาดอีกต่อไปแล้ว”

“เช่นนั้น เจ้าของสิ่งนี้คงแพงมากกระมัง?”

“อีกหนึ่งเดือนให้หลัง นำสำเนาทะเบียนบ้านของพวกท่านมา แต่ละครัวเรือนจะได้รับหนึ่งเครื่องโดยไม่เสียเงิน ทว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากของผู้ใดเสียหายจะต้องใช้เงินตนเองซื้อ! ราคาไม่แพง หนึ่งเครื่องห้าสิบตำลึงเงินเท่านั้น”

เมื่อทุกคนได้ยินราคา พวกเขาต่างมีสีหน้าบิดเบี้ยวทันที

ทว่าหากได้มาเปล่า ๆ หนึ่งเครื่อง เพียงแค่ไม่จงใจทำให้เสียหาย นั่นก็พอให้ใช้ได้นานแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Score 10
Status: Completed
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Options

not work with dark mode
Reset