สามีข้า คือพรานป่า 405 แทงใจดํา

ตอนที่ 405 แทงใจดํา

ตอนที่ 405 แทงใจดํา

หลี่เสียวเหอถึงกับอ้าปากค้าง นางไม่รู้เลยว่าควรจะกล่าวคําใดตอบ แต่ไม่นานนักนางก็กลั้นใจตอบกลับ “ถูกต้องแล้ว! เพราะข้าเป็นแม่ที่ไม่ดี และยังไม่อาจให้กําเนิดน้องชายให้เจ้าได้ เช่นนี้จึงไม่มีผู้ใดเหลียวแลเจ้า!”

“แต่สาวน้อย ข้ามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นสาวสะพรั่ง เจ้าควรจะเข้าใจในความเจ็บปวดของแม่บ้าง…”

ต้าหยายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองนางสะบัดมือหลี่เสี่ยวเหอออกพร้อมกับก้มศีรษะร้องไห้อีกครั้ง

หลี่เสี่ยวเหอไม่รู้จะทําอย่างไร “ลูกสาวข้า เจ้าโตแล้ว… และข้ารู้ดีว่าถึงเวลาที่เจ้าควรได้สวมเสื้อผ้าดี ๆ ควรมีดอกไม้ปักสวยงามบนเสื้อผ้า เอาล่ะ แม่ยังมีสินเดิมที่ติดตัวมาจากครอบครัวเก่าเดี๋ยวข้าจะรีบไปหยิบมาให้เดี๋ยวนี้ บ่ายนี้เจ้าจะต้องงดงามที่สุดในหมู่บ้าน!”

ได้ยินอย่างนั้นตาหยาเผยรอยยิ้ม ดวงตาของนางเป็นประกายออก “อย่างนั้นหรือ? ขอบคุณท่านแม่ยิ่งนัก!”

หลี่เสี่ยวเหอเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกสาวอย่างเบามือ จากนั้นนางรีบเข้าไปหยิบของในบ้านออกมา

ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่อย่างไรแล้วของพวกนี้ก็ย่อมต้องถูกส่งต่อให้ลูกสาวอยู่วันยังค่ําเพราะอย่างนั้นการให้นางในวันนี้ก็คงไม่ผิดอะไร

หลีเสียวเหอกําลังวุ่นวายอยู่กับการค้นหาเสื้อผ้า ส่วนตาหยากําลังมองผ้าปักลายของตนเองแม่นางจะไม่มีฝีมือเท่ากับผู้เป็นแม่ แต่นางก็สามารถเย็บปักดอกไม้เล็ก ๆ ลงบนเสื้อผ้าได้

บรรยากาศของสองแม่ลูกอบอวลไปด้วยความรัก

ในขณะที่บ้านของหลี่เสี่ยวเหอกําลังมีความสุข ในอีกด้านหนึ่ง ลานบ้านของเฉินซึ่งกําลังมีไฟแผดเผา! เฉินเต่ออันทํางานอยู่ในทุ่งนาและต้องกลับมาที่บ้านเป็นระยะเพื่อเฝ้าดูอาการผู้เป็นพ่อ

ตอนนี้เขาถูกผู้เป็นแม่เรียกหา แม้จะแยกขาดออกจากกันแล้ว แต่ความจริงเฉินเต่ออันไม่อาจละเลยผู้เป็นแม่ได้จริง ๆ

เขาจึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ด้วยความเชื่อฟัง

ทันทีที่เดินเข้ามา ผู้เป็นแม่เปิดฉากสนทนาอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าได้ยินว่าจางชิงเฟิงอยู่ในขั้นจวเหรินแล้วงั้นหรือ? อีกทั้งข้ายังได้ยินว่าตอนนี้เขากําลังยืนอยู่ในบ้านของนังแพศยาหยุนเถียนเถียน!”

เฉินเต่ออันได้ยินอย่างนั้นจึงกล่าวออกอย่างไม่อดทน “แล้วอย่างไร? เราควรจะใช้ชีวิตของเราให้ดี เหตุใดจึงต้องวิ่งอิจฉาผู้อื่นไปทั่ว? ข้ารู้แล้วว่าความมั่งคั่งเคยจดจ่อเราเพียงปลายนิ้วสัมผัสแต่เราก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ นั่นหมายความว่าพวกเราทั้งหมดพลาด! และจะไม่มีวันหวนคืนได้!”

“ตอนนี้ข้าเป็นบุตรชาย และข้าก็ทําได้เพียงดูแลพวกท่าน! เพียงเท่านี้ก็เหนื่อยล้าเต็มทน แต่ท่านแม่กลับคาดหวังให้บุตรชายผู้นี้ออกไปต่อสู้กับคนด้านนอกอีกงั้นหรือ? ท่านไม่เคยคิดว่าข้าคนนี้จะเหน็ดเหนื่อยเท่าใด เคยคิดจะห่วงใยลูกหลานในบ้านบ้างหรือไม่?”

“ในบ้านหลังนี้ยังมีลูกสะใภ้และหลานชายของท่านอยู่ เหตุใดจึงไม่คิดสนใจเรื่องของพวกเขาบ้าง!”

ภรรยาเฉินซึ่งได้ฟังถึงกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “เอาล่ะ งั้นแสดงว่าสิ่งที่หลี่เสี่ยวเหอกล่าวออกทั้งหมดเป็นเรื่องจริงสินะ”

ทันใดนั้น เฉินเต่ออันคล้ายกับนึกบางอย่างได้ ใบหน้าเขาเคร่งขรึมพร้อมถามอย่างเจ็บปวด “ท่านแม่หมายความว่าอย่างไร?”

“ไอ้คนพวกนั้นมันรวมหัวกันฆ่าน้องสาวของเจ้า แล้วเจ้ายังมายืนบื่ออยู่ตรงนี้ได้อย่างไร? เจ้าคู่ควรแล้วหรือสําหรับตําแหน่งลูกชายของข้า? ลูกชายข้าไม่ใช่คนเยี่ยงนี้!”

เฉินเต่ออันได้ฟังก็โกรธจัด ก่อนจะเดินออกไปเขากล่าวทิ้งท้าย “แล้วจะให้ข้าทําอย่างไร? หากจะกล่าวโทษก็กล่าวโทษตนเองเถิดที่ให้กําเนิดบุตรชายที่ไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาจะไปสู้รบปรบมือกับผู้อื่นได้!”

เฉินเต่ออันเดินออกไปแล้ว ทว่าภรรยาของเฉินซึ่งยังไม่คิดยอมแพ้ นางไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ได้

ท้องฟ้าเริ่มมีฝนโปรยปราย ภรรยาเฉินซ่งนั่งอยู่หน้าบ้านเป็นเวลานานก็ยังไม่อาจผ่อนลมหายใจให้ราบเรียบได้ดังเดิม

นางรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของจางชิงเฟิงและหยุนเถียนเถียนค่อนข้างซับซ้อน เหตุใดกันจางชิงเพิ่งจึงเชื่อฟังหยุนเกียนเถียนนัก? หรือว่าเขาตกหลุมรักหญิงสาวที่งดงามผู้นี้เสียแล้ว?

ใช่แล้ว! ทั้งสองอาจกําลังแสดงละครตบตาผู้คนอยู่! เช่นนี้ก็เพื่อซุกซ่อนความจริงจากหยุนเคอ!

จางชิงเฟิงไม่เต็มใจที่จะดูแลลูกสาวของนาง เพราะเขาตกหลุมรักหยุนเกียนเถียน! เพราะนั่งหญิงแพศยาคนนี้ทําให้จางชิงเฟิงละทิ้งเฉินไฉ่อ!

ตอนนี้ภรรยาเฉินซึ่งได้เหตุผลที่จะคิดเข้าข้างตนเองแล้ว ความคิดมุ่งร้ายฝังลึกในจิตใจยากที่ จะดึงออกยิ่งนางคิดแค้นเท่าไหร่ ในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยเปลวไฟร้อนรุ่ม!

เพราะเหตุผลนี้ ลูกสาวข้าจึงถูกล่อลวงให้แต่งงานกับหลินหู แน่นอนว่านังเถียนเถียนจะต้องสมรู้ร่วมคิดกับนังหยางยู่หรงนั้นแน่นอน พวกมันทั้งสองร่วมมือกันหักขาหลินหู!

ตอนนี้หยุนเคอไม่อยู่ นั่งสารเลวหยุนเกียนเถียนจึงพาชายอื่นเข้ามาที่บ้านโดยไม่สนปากชาวบ้าน ทั้งสองจะต้องประพฤติผิดในกามแน่!

ยิ่งคิดก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อง ๆ ภรรยาเฉินซ่งไม่ยอมปล่อยวางสิ่งใดและยิ่งโกรธจัดอย่างไม่ยอมผ่อนคลาย

ไม่ได้การ! จะปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไม่ได้ ทุกคนจะต้องได้เห็นธาตุแท้ของพวกมันทั้งสอง ให้โลกได้รับรู้ความชั่วของพวกมัน!

จวเหรินที่ชื่อเสียงย่าแย่ จะไปมีประโยชน์ใดเล่า? เป็นเพราะเขาคือผู้ฆ่าลูกสาวของนาง เขาก็จะต้องชดใช้ในราคาที่ควรจ่าย!

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดให้หยิบยืมมืออีกแล้ว นางจะต้องลงมือด้วยตนเองเท่านั้น

ภรรยาเฉินซึ่งค่อย ๆ คิดแผนการอย่างมุ่งร้าย ก่อนที่จะมองซ้ายขวาและใช้ช่วงเวลาที่ลูกสะใภ้เผลอเดินออกจากบ้าน

ลานบ้านของหยุนเวียนเถียนเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งหมดช่างชื่นมื่นเป็นบรรยากาศที่สนุกสนาน เป็นเพราะตอนนี้บัณฑิตระดับจวเหวินยืนอยู่ที่นี่ หญิงสาวมากมายในหมู่บ้านจึงแวะมาเผยโฉมหน้าเผื่อว่าฝ่ายชายจะเกิดปังปังขึ้นมา

ทว่าจวเหวินผู้นี้ยกยิ้มแผ่วเบาอย่างไม่สนใจผู้ใด เขาเพียงยกไวน์ในแก้วดื่มอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิ่ง

ภรรยาเฉิงซ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายกําลังมีความสุข

นางหันศีรษะตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ และมองไม้กวาดที่พิงอยู่ข้างกรอบประตูอย่างมุ่งมั่น แม้จะไม่เคยลงมือกับผู้ใดมาก่อน นางก็สามารถฉกฉวยไม้กวาดได้อย่างมั่นเหมาะจากนั้น จึงพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเหวี่ยงไม้กวาดไปด้านหน้า ทั้งไวน์ อาหารรสเลิศต่าง ๆ พลิกคว่าลงจาก โต๊ะหมดสิ้น

จางชิงเฟิงจดจําสตรีผู้นี้ได้ทันที นางคือมารดาของเฉินไฉ่อมิใช่หรือ? แม้ว่าจะเพิ่งเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นก่อนหน้า แต่จางชิงเพิ่งกลับควบคุมสติได้อย่างยอดเยี่ยมเขาเพียงลุกขึ้นและเผยรอยยิ้มออกมาเท่านั้น

“โอ! นี่มันเรื่องอันใดกันหรือ? พวกเรากําาลังดื่มกินอยู่ในบ้านของแม่นางหยุน แล้วมีสิ่งใดให้ท่านป้าเดือดร้อนหรือไม่? พวกเราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใดก่อน!”

ภรรยาเฉินซึ่งคิดว่าตนเองทําถูกแล้ว นางจึงยึดคอขึ้นพร้อมกล่าวอย่างมั่นใจ “จางชิงเฟิง! เจ้ามันสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์! เจ้ากับหยุนเถียนเถียนมีสัมพันธ์ลับกันมาเนิ่นนานแล้วใช่หรือไม่? เจ้าใช้ลูกสาวข้าปิดบังความจริงเพื่อเข้าใกล้หยุนเสียนเถียน!”

จางชิงเฟิงนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบอย่างสบาย ๆ “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านป้ากล่าวสิ่งใดวันนั้นข้าแต่งงานกับลูกสาวท่านด้วยความจริงใจ แม้นางจะไม่ได้ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี แต่ข้าก็ให้เกียรตินางเสมอมา มันเป็นลูกสาวท่านเองที่ทําตัวเองจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นพบผู้ใดได้”

“อีกทั้งตอนนี้ลูกสาวของท่านก็ตายตกไปแล้ว มันยากที่จะบอกกล่าวว่าคนตายรู้สึกอย่างไร แต่อย่างนั้นความสัมพันธ์ของเราชัดเจนยิ่ง ทั้งข้าและท่านต่างชดใช้กันหมดสิ้น ไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกันแล้ว! ตอนนี้ท่านบุกมาที่นี่อย่างโจ่งแจ้ง และกล่าวหาว่าข้ามีสัมพันธ์กับแม่นางหยุนอีก…

ท่านคิดว่ามันง่ายดายดั่งเช่นเมื่อก่อนงั้นหรือ? ตอนนี้ข้าเปลี่ยนไปแล้ว มิใช่คุณชายจางที่ท่านรู้จัก!”

“หากท่านคิดใส่ร้ายข้า อย่างนั้นเราคงต้องไปที่สํานักงานปกครองด้วยกัน! ท่านป้าควรคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะกล่าวคําใดออกมา หากท่านยอมออกไปแต่โดยดี ข้าจะถือซะว่ามันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วข้าก็จะกล่าวขอโทษแม่นางหยุนด้วยตนเองมิให้นางคิดเอาเรื่องท่าน!”

ตอนที่ 404 เป็นหรือตาย

หลี่เสียวเหอมองท่าทีของภรรยาเฉินซึ่งพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหยียดหยันออกอย่างช่วยไม่ได้

“พี่สะใภ้ ท่านคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกหรือไม่… เห็นได้ชัดว่าคุณชายจางนั้นไม่ยอมล่มจมเพียง เพราะผู้หญิงคนเดียว วันนั้นท่านเอาแต่กล่าวโทษว่าเขาเป็นชายแก่เรียนและไม่อาจสร้างเนื้อ สร้างตัวได้!”

“ทว่าชายแก่เรียนคนนี้กลับประสบความสําเร็จ เขากลายเป็นนักปราญช์! ส่วนลูกเขยของท่านกลับกลายเป็นง่อยนอนเป็นผักปลาอยู่บนเตียง ตอนนี้พวกเราไม่อาจพูดกล่าวมากเกินกว่านี้ได้ทั้งหมดเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและควรแก่การละอายใจยิ่ง”

“มีแต่คนเล่าขานว่าเขาเป็นนักปราญช์ที่ยอดเยี่ยม แม้ข้าจะไม่อยากคาดหวังว่าเขาจะเป็นขุนนางสูงศักดิ์ใด แต่ตอนนี้เขาก็ก่าลังไต่เต้าอยู่มิใช่หรือ? ส่วนบ้านของเรากลับย่าแย่ลงทุกวัน แม้บุตรสาวจะตายตกไป ทว่ากลับทิ้งชื่อเสียมากมายไว้ให้พวกเราจวบจนวันสิ้นลม!”

หลี่เสี่ยวเหอกล่าวออกอย่างดุเดือด นางต้องการระบายความอดกลั้นทั้งหมดที่มีออกในคราวเดียว

ภรรยาของเฉินซ่งรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริงและไม่มีสิ่งใดหักล้างได้ แม่ใบหน้าของนางจะซีดขาวแต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “อย่างนั้นเจ้าก็จงจดจําบทเรียนในครอบครัวข้าไว้ให้ดี ยิ่งมีลูกสาวก็ยิ่งต้องดูให้ถี่ถ้วน หากลูกของเจ้ากระทําเช่นลูกสาวข้า ถึงวันนั้นก็คงต้องอับอายกันไม่น้อย!”

“ตอนนี้แม้ว่าข้าจะกลายเป็นตัวตลก แต่ข้าก็ยังมีลูกชายและลูกสะใภ้ที่ดี ทว่าสําหรับเจ้ามันแตกต่างออกไป เจ้าไม่มีสิ่งใดนอกจากลูกสาวเพียงคนเดียว! หากเจ้าไม่เชื่อฟังสามีและสั่งสอนบุตรให้ดี วันข้างหน้าสามีคงจะดูหมิ่นเจ้าได้ และมันคงจบสิ้นที่การหย่าร้างอย่างแท้จริง”

หลี่เสี่ยวเหอไม่ได้กังวลถึงเรื่องนั้นจึงกล่าวออกอย่างประชดประชัน “ต่อให้ลูกสาวข้าจะเติบโตไป ข้าก็เชื่อว่านางไม่ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น อีกอย่างการจะดูผู้ใด ก็ต้องมองที่ครอบครัวของเขาก่อน ลูกเขยเจ้าก็คงนิสัยเหมือนกับบิดาของเขา หลินฮั่นจิน!”

ใบหน้าของภรรยาเฉินซ่งเผยความเกรี้ยวกราดออก นางไม่รู้เลยว่าจะขับไล่ผู้หญิงตรงหน้านี้ออกไปอย่างไร แต่สุดท้ายความอดกลั่นก็หมดลง นางตะโกนออกสุดเสียงอย่างไม่แยแส

“ลูกสะใภ้ เจ้าหน้าที่ใดกัน ไม่เห็นหรือว่าแม่ของเจ้ากาลังลําบาก? น้ําชาของข้าใกล้หมด เต็มที่เหตุใดจึงไม่รีบหยิบยกมาเต็ม?!”

การเติมชานั้นหมายถึงการส่งแขก หลี่เสี่ยวเหอลอบสบถอยู่ในใจ อย่างไรเสียตอนนี้นางก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เช่นนี้จึงลุกขึ้นยืดตัวตรงพร้อมจะจากไป

“พี่สะใภ้คงไม่อยากต้อนรับข้านัก งั้นข้าขอตัวไปเยี่ยมชมความงดงามของบัณฑิตจวเหรินดีกว่า นานทีจะมีสิ่งงดงามมาเยี่ยมเยียนที่หมู่บ้านเทพธิดาของเรา มันยอดเยี่ยมเสียจริง! อย่างไรเสียข้ารู้สึกว่าข้ามีความสุขมากกว่าใครบางคนแถวนี้ เพราะข้าไม่ต้องขังตัวเองในห้องและสามารถเดินไปมาในหมู่บ้านได้อย่างอิสระ”

ภรรยาเฉินซ่งไม่รู้จะกล่าวคําใด นางตะโกนเกรี้ยวกราดร้องหาลูกสะใภ้ตนเอง “ลูกสะใภ้ เจ้าหูหนวก ตาบอดงั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่ฟังค่าข้า!”

ถึงตอนนี้ ภรรยาของเฉินเต่ออันถึงกับลุกขึ้นยืน นางเพิ่งจะก้มซักผ้าได้ไม่นานนัก แล้วขณะที่กําลังเจ็บเอว แม่สามีกลับร้องเรียกอย่างไร้เหตุผลอีกครั้ง อีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะทําสิ่งใดเองและต้องการให้ตนออกไปเทน้ําชา!

หลี่เสี่ยวเหออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ผู้นี้ถูกแม่สามีรังแก เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะขอกล่าวสิ่งใดสักคําก่อนจากไป

“นางเป็นลูกสะใภ้ที่ยอดเยี่ยมนัก ท่านช่างโชคดีที่มีลูกสะใภ้เช่นนี้ นับว่าเป็นพรจากสวรรค์ ท่านโปรดดูแลนางเยี่ยงบุตรสาวคนหนึ่งจะดีกว่า การจะได้พบเจอคนดีมันไม่ง่ายนัก!”

ปกติแล้วหลี่เสี่ยวเหอมักจะประชดประชันตลอดเวลา ทว่ากลับพูดประโยคที่ยุติธรรมออกมาเสียได้ เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ภรรยาของเฉินซึ่งไม่แม้แต่จะซาบซึ้ง แต่นางกลับคิดว่าลูกสะใภ้ของตน อยู่ฝ่ายเดียวกับหลี่เสี่ยวเหอ!

“หากเจ้าไม่รีบเข้ามาหาข้า วันนี้ข้าจะบอกให้ลูกชายข้าหย่าร้างกับเจ้า นังลูกสะใภ้แพศยา!”

แต่ภรรยาของเฉินเต่ออันนั้นมีเหตุผล นางยกยิ้มให้หลี่เสี่ยวเหอเล็กน้อยก่อนจะมุ่งเข้าครัวไปตราบใดที่แม่สามียังไม่ลงไม้ลงมือ เรื่องที่อีกฝ่ายร้องขอให้ทํา ก็ยังพอจะทําให้ได้อยู่

เพื่อที่จะไม่ให้เฉินเต่ออันมีปัญหา นางก็จําเป็นจะต้องอ่อนข้อบ้างในบางครั้ง

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่พร้อมต้อนรับชาวบ้าน แต่คนงานทั้งหมดกลับตื่นเต้นและไม่อาจหยุดยั้งฝีเท้าได้ ทุกคนร่วมกันเข้ามามุงอยู่ที่หน้าบ้านของหยุนเถียนเถียนอย่างพร้อมเพรียง

เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่ยอมผ่อนคลาย

มีเด็ก ๆ มากมายหยิบจับเอาประทัดมาเล่น หลังจากเสียงดังผสมโรงรวมกัน ทําให้ชวนปวดหัวไม่น้อย เมื่อประทัดหมด ทุกคนคิดว่าหมดสิ้นแล้ว ทว่าเด็กเหล่านั้นกลับวิ่งไปที่บ้านและหยิบประทัดลูกใหม่ออกมา

ต้าหยา เอ้อหยา กู่ชิวและหลี่เสี่ยวเหอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั้งหมดจะชื่อคล้ายกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น

ความจริงแล้วพ่อของพวกเขาคือน้องชายแท้ ๆ ดังนั้นสาวใหญ่คนนี้จึงถูกจัดว่ามีศักดิ์สูงกว่าผู้อื่นเล็กน้อย

กู่ชิวยังบุตรสาวเอาไว้ในบ้านเสมอ เพื่อที่จะให้ผิวของนางขาวผุดผ่อง เช่นนี้ก็เพื่อจะให้บุตรสาวได้แต่งงานกับคุณชายในเมืองได้

แม้ว่านางจะชื่นชอบจางชิงเฟิงไม่น้อย ทว่าอีกฝ่ายก็อายุมากแล้ว แน่นอนว่าผู้ชายที่นางหมายปองให้บุตรสาวคือเฉินเฉิน!

กู่ชิวเองก็พอจะรู้ตัวเอง ลูกสาวของนางไม่อาจแต่งงานกับจางชิงเฟิงได้ แต่เฉินเฉินยังเยาว์ และมีพรสวรรค์ไม่น้อย เช่นนี้ย่อมง่ายกว่าหากจะจับเด็กชาย

แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวของนางจะไม่รู้ประสีประสานัก ตั้งแต่เกิดมา นางเพิ่งเคยเห็นชายหนุ่มรูปงาม ซึ่งเป็นบัณฑิตที่แต่งตัวอย่างหรูหราและดูสง่างาม จางชิงเฟิงเต็มไปด้วยออร่าแห่งความอบอุ่นและใบหน้ายกยิ้มน้อย ๆ นั้นหล่อเหลาไม่เบา

ทันทีที่ต้าหยาได้พบเจอกับใบหน้าหล่อเหลานั้น แววตาของนางพลันวูบไหวอย่างลุ่มลึกใบหน้าของสาวน้อยแดง…จนต้องก้มหน้าลง และเมื่อเห็นว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าหยาบกร้านได้ ซึ่งสีสันแววตาพลันหม่นหม่องอย่างรวดเร็ว

ไม่ได้! จะให้เขาเห็นข้าในสภาพเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” นางคิดเช่นนั้นก่อนจะวิ่งแจ้นกลับบ้านไปทันที

หลี่เสี่ยวเหอมักจะรุนแรงกับผู้อื่นแต่กลับอ่อนโยนกับลูกสาวตนยิ่ง ตอนนี้นางพบว่าลูกสาวของตัวเองหายไปจากฝูงชน เช่นนี้นางจึงรีบหันหลังกลับบ้านและไม่คิดจะอยากพบเจอบัณฑิตจวี่เหรินอีก

ส่วนต้าหยานั่งร้องไห้อยู่ริมทาง เป็นเพราะนางไม่อาจหาเสื้อผ้าดี ๆ ในบ้านได้ จึงร้องไห้ออกอย่างน่าเวทนา

หลี่เสี่ยวเหอเห็นบุตรสาวนั่งร้องไห้ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปทันที “โอ! เจ้าเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? บอกกล่าวกับแม่เดี๋ยวนี้!”

ทันใดนั้นเอง ต้าหย่าพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจก่อนจะกล่าวอย่างโมโหร้าย “แล้วหากมีใครสักคนรังแกข้า ท่านแม่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ข้าได้งั้นหรือ?”

“หากข้าบอกว่าท่านย่ารังแกล่ะ? ท่านแม่ดูสิว่าข้าต้องสวมเสื้อผ้าอะไร เสื้อผ้าพวกนี้ทั้งเก่า และใกล้ขาดเต็มที่ ท่านไม่รู้งั้นหรือว่าข้าถึงวัยที่ควรจะแต่งงานแล้ว?!”

ตอนที่ 403 สํานึก

ภรรยาของเฉินซ่งที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินบทสนทนาทุกอย่างภายในห้องชัดเจน แววตาของนางวูบไหวคล้ายสับสน และขาทั้งสองขาเริ่มขยับถอยครูดไปราวกับรับรู้ลางร้าย

ทันทีที่เห็นว่าเฉินเต่ออันเดินออกมาจากห้อง ผู้เป็นแม่พลันยืนขึ้นพร้อมกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เฉินเต่ออัน! ข้าเป็นแม่ของเจ้า แล้วเช่นนี้ยังกล้าคิดทุบตีข้างั้นหรือ?”

เฉินเต่ออันเผยรอยยิ้มขมขื่นออก “ท่านเป็นมารดาของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีสิทธิ์ทุบตีท่าน”

แววตาของภรรยาเฉินซ่งผ่อนคลายลงมาก อย่างน้อยนางก็ได้รู้ว่าลูกชายจะไม่ประพฤติตนเช่นเดียวกับนาง

“แต่ถ้าหากท่านไม่สามารถปฏิบัติต่อลูกสะใภ้ดั่งที่เคยให้สัญญาไว้ว่าจะดูแลนางราวกับบุตรสาวของตนได้…งั้นเราแยกบ้านกันเถิด! ท่านกล้าที่จะเอาเข็มใหญ่เย็บผ้าไล่แทงบุตรสาวตัวเองด้วยงั้นหรือ? หากยังเป็นมนุษย์อยู่ คงรู้ว่ามันเลวร้ายมากเพียงใด!”

“ข้าไม่เคยทําเช่นนั้น!” แววตาของภรรยาเฉินซังวูบไหวเล็กน้อยก่อนตะเบ็งเสียงสุดแรง “ไอ้ชั่ว นังแพศยา! เจ้ายุยงให้ลูกชายแตกหักกับข้าใช่หรือไม่? เจ้ามันไร้หัวใจ เจ้าอยากให้ลูกชายทิ้งข้าใช่หรือไม่!”

หยุนเถียนเถียนยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา “ยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่ข้าก็ยังเดาไม่ถูกว่าเฉินเต่ออันจะอยู่ข้างใด แม่หรือภรรยา…”

“ทําไมข้าถึงคิดวิธีการนี้ไม่ออกกันนะ… เข็มใหญ่เย็บผ้า! มันสามารถสร้างความเจ็บปวดยิ่งแต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็น…”

หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มเยาะ แววตาของนางจับจ้องที่ภรรยาของเฉินซ่งด้วยความเหยียดหยัน

ในตอนนี้เองที่ภรรยาเฉินซ่งถึงกับตื่นตระหนก ร่างกายของนางสันสะท้านพร้อมกล่าวค่าออก “ข้าไม่ได้ทํา ข้าไม่ได้ทํา! ข้าก็แค่อยากจะสั่งสอนนางให้หัดเคารพข้าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนเสียบ้าง!”

เฉินเต่ออันถึงกับเผยรอยยิ้มขมขึ้นออก “สุดท้ายท่านก็ทํามันจริง ๆ! หากเป็นเช่นนั้น เราแยกกันเถิด ท่านก็อาศัยอยู่ในห้องของตนและไม่มาวุ่นวายใด ส่วนข้าจะนําอาหารมาส่งให้ทุกวันแล้ว ข้าก็จะเป็นคนดูแลท่านพ่อเอง!”

“ข้ารู้ว่าในบ้านของเรามีเงิน แต่ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว ตอนนี้สําหรับเงินที่จะใช้รักษาท่านพ่อ ข้าจะเป็นคนหามันด้วยตัวเอง! หลังจากนี้ห้ามสั่งให้ภรรยาข้าทํางานใดอีก จําไว้ให้ขึ้นใจว่า เราตัดขาดกันนับตั้งแต่วันนี้!”

ภรรยาเฉินซ่งถึงกับหลั่งน้ําตา “เจ้ามันเนรคุณ ทําผิดกฏฟ้าดิน! ไอ้ลูกนอกคอก สวรรค์จะต้องลงโทษเจ้า!”

เฉินเมื่ออันเหยียดยิ้มออก “หากว่าข้าต้องถูกฟ้าผ่า แล้วท่านล่ะจะสมควรโดนสิ่งใด? ภรรยาที่ละเลยความเป็นความตายของสามี อีกทั้งยังเก็บเงินทั้งหมดของบ้านไว้เพียงคนเดียว ท่านเอาเปรียบทุกคนในครอบครัว..รอบนี้ข้าไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป โปรดดูแลตัวเอง!”

เฉินเต่ออันหันหลังทันทีที่กล่าวจบ เขาไม่สนแววตาสาปแช่งของผู้เป็นแม่แต่อย่างใด

ภายในห้อง ภรรยาของเฉินเต่ออันเผยใบหน้าเจ็บปวดออก “สามี ข้าทราบถึงความใจดีของเจ้า! ตอนนี้พวกเราแยกตัวออกมาแล้ว แต่ก็ควรให้เกียรติทางบ้าน ข้าจะทําเอง!”

“ข้าจะทําเช่นไรมันไม่สําคัญ แต่ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าถูกรังแกไปมากกว่านี้ได้ เหตุใดท่านแม่จึงไร้เหตุผลเช่นนี้ ข้าไม่เข้าใจเลย…”

ใบหน้าของเฉินเต่ออันเผยความทุกข์ใจออก เขารู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจกล่าวคําใดนอกจากทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของภรรยาเพื่อหวังว่าจะขอพักใจอยู่ตรงนี้เสียก่อน

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดของครอบครัวเขายังไม่จบลงเพียงเท่านี้ จางซึ่งเพิ่งมาถึงลานบ้านตระกูลหยุนในช่วงบ่าย

แน่นอนว่าเขามาตามหาเฉินเฉิน และจะใช้โอกาสนี้เพื่ออธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจให้ชัดเจน ปีหน้าเฉินเฉินจะต้องเข้าเมืองหลวงเพื่อสอบ!

รถม้าหยุนลงหน้าบ้าน จางชิงเฟิงลงจากรถ วันนั้นที่เขาออกไปจากหมู่บ้านเทพธิดา เขาปล่อยให้เฉินไฉ่อีและหลินหูอยู่ด้วยกันที่นี่… ใบหน้าของเขาในวันนั้นถูกทําลายจนป่นปี้แทบไม่เหลือสิ่งใด

ทว่าวันนี้เขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเกียรติยศ อีกทั้งความเก่งกาจและฉลาดเฉลียว ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ถึงกับก้มหน้าตําด้วยความเขินอาย

หลี่เสี่ยวเหอมีความสัมพันธ์อันดีกับหยุนเถียนเถียนมาโดยตลอด แต่เป็นเพราะแม่สามีของ นางจึงทําให้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก

และหลี่เสี่ยวเหอก็มีครอบครัวที่นางเกลียดชังที่สุดเช่นกัน นั่นก็คือครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะนางไม่สามารถให้กําเนิดลูกชายได้ และหญิงชราก็ตะโกนป่าวประกาศขอให้แยกทางกันอยู่ร่ําไป ทั้งหมดเป็นเฉินซ่งที่ลุกขึ้นมาและทําให้นางได้หย่าร้างกับสามี

แต่โชคดีที่พี่น้องของนางมิเคยทอดทิ้ง ตอนนี้นางไม่อาจรักษาสถานะภาพการแต่งงานของตนไว้ได้ แต่หลังจากสามีแยกทางไปกว่าสิบวัน ไม่นานนักเขาก็ซมซานกลับมาหานาง…

ตอนนี้เห็นว่าคุณชายจางซึ่งเคยเป็นลูกเขยของครอบครัวของเฉินซ่งกลับมาแล้ว หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะปลดปล่อยความแค้นที่สุมในอกให้หมดสิ้นเสียที

นางวิ่งตรงไปที่บ้านของเฉินซ่งอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือพูดคุยกับภรรยาของเฉินซ่ง

คนในหมู่บ้านนี้ไม่ได้มากนัก ทุกคนรู้ดีว่าหลีเสียวเหอไม่มีเจตนาดีใดกับครอบครัวของเฉินซ่ง โดยปกติแล้วนางไม่เคยมาเยี่ยมเยียนอีกฝ่ายเลย ทว่าวันนี้กลับต้องการพูดคุยอย่างกระทันหัน

ภรรยาของเฉินเต่ออันเห็นว่าอีกฝ่ายมาถึงบ้าน และนางรู้สึกว่าหลี่เสี่ยวเหอคงต้องการอยากพบแม่สามี เช่นนี้นางจึงคิดใช้ประโยคจากหลี่เสี่ยวเหอ… สตรีผู้นี้ก็ได้พบเจอกับแม่สามีที่โหดเหี้ยมเช่นกัน แม้ว่าทั้งสองจะเคยกระทบกระทั่งกันบ้างในอดีต แต่นางก็จะลืมมันไป ยังไงซะนิสัยของหลี่เสี่ยวเหอก็ไม่ได้เลวร้ายนัก

เช่นนี้ภรรยาของเฉินเต่ออันเพียงเผยรอยยิ้มและปล่อยให้คนนอกเข้ามาในบ้านอย่างง่ายดาย

หลี่เสียวเหอพุ่งตรงเข้าไปหาภรรยาของเฉินซ่งในทันที ไม่มีผู้ใดในบ้านได้ทันระวังตัวมาก่อน

“ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวกับพี่สะใภ้สักหน่อย วันนี้มีแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยมเยือนหมู่บ้านของเรารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร? เขาคนนี้ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ตอนนี้เขาเป็นบัณทิตจวเหรินแล้ว!”

ภรรยาของเฉินซึ่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นถึงจวเหริน แล้วเหตุใดเขาจึงต้องเดินทางเข้าหมู่บ้านห่างไกลความเจริญเช่นนี้ด้วย? เจ้าคิดจะล้อเล่นกับข้างั้นหรือ?”

หลี่เสี่ยวเหอยิ้มกว้างก่อนจะถอนหายใจยาว “ชายคนนั้นเกี่ยวข้องกับครอบครัวของท่านยิ่ง ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าหากลูกสาวของท่านมียางอายและยอมแต่งงานกับใครสักคนตั้งแต่แรกชีวิตของพวกท่านย่อมสุขสบายกว่านี้!”

ภรรยาเฉินซึ่งหยุดปักผ้าในมือทันที นางจับจ้องหลี่เสี่ยวเหอด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก “เจ้ากําลังพูดเรื่องใด? เจ้าเด็กแก่เรียนผู้นั้นน่ะหรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสามารถสอบผ่านระดับจวเหวินได้!”

“ไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้ ท่านเพียงไปที่หน้าบ้านของหยุนเถียนเถียนแล้วจะทราบได้เอง ข้าได้ยินมาว่าปีหน้าเขาอาจจะสอบผ่านเป็นชิ้นซื้อแล้ว! ฟังให้ดีเถิด ข้าได้ยินมาว่าชื่อของเขาอยู่ในอันดับที่แปดของการสอบระดับประเทศในคราวนี้!”

“เขาเคยเกือบได้เป็นคนของหมู่บ้านเรา ตอนนี้เขาประสบความสําเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม อีกทั้งในอนาคตอันใกล้เขาอาจจะมีสิทธิ์ได้รับตําแหน่งจอหงวน! สักวันหนึ่งคุณชายผู้นี้จะต้องกลายเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แน่ น่าเสียดายที่ใครบางคนได้เขาเป็นลูกเขย แต่ไม่อาจรักษาเขาไว้ได้!”

อีกฝ่ายบอกกล่าวว่าพวกเขาได้สูญเสียลูกเขยที่กําลังจะกลายเป็นขุนนางยิ่งใหญ่ไปแล้ว หลังจากที่บุตรสาวของนางถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลจาง นั่นเป็นวันที่คุณชายจางได้เริ่มพัฒนา ตนเองจนพวกเขาไม่มีวันตามทันอีกแล้ว

เป็นตอนนี้เองที่ภรรยาของเฉินซ่งนึกถึงค่าพูดสามีก่อนหน้านี้…

ตอนที่ 402 สั่งสอนลูกสะใภ้

เฉินเต่ออันถึงกับพูดไม่ออก “ภรรยาข้ามิได้ทําสิ่งใดผิด แล้วเหตุใดข้าจึงต้องทุบตีนางด้วย? ท่านแม่! ปกติแล้วท่านมีเหตุผลเสมอมาเหตุใดวันนี้จึงไร้เหตุผลนัก?”

ภรรยาของเฉินซ่งกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราดก่อนตะเบ็งเสียงออก “ก็ได้! พวกเจ้าทุกคนมันปีกกล้าขาแข็งนัก เห็นหรือไม่ว่าพ่อของเจ้าคิดบีบคอข้าให้ตายตก ทั้งยังกล่าวโทษว่าข้าสั่งสอนบุตรสาวไม่ดี!”

“แต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับร้ายกาจยิ่งกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน นางไม่คิดแม้แต่จะเชื่อฟังข้าผู้ซึ่งเป็นแม่สามี เจ้ามันเป็นบุตรอกตัญญ แต่งงานได้เมียแล้วก็ลืมแม่ที่เบ่งเจ้าออกมาอย่างยากลําบาก!”

เฉินเต่ออันนิ่งเงียบ เขาไม่กล้าที่จะเคาะประตูบานนี้อีกต่อไป ใบหน้านั้นหดหูและเต็มไปด้วยคําถามมากมาย

ในขณะนั้นเอง หยุนเถียนเถียนเดินทางมาถึงพอดิบพอดี!

นางได้ยินว่าเฉินซึ่งกําลังพบเจอกับความเลวร้าย ซึ่งนางต้องการจะเห็นมันด้วยตาตนเองแล้ว นางก็ต้องการทราบด้วยว่าทําไมชายผู้นี้จึงโกรธจัดจนแทบกระอักเลือดตาย…

แต่ใครจะคาดคิดว่านางจะได้ยินบทสนทนาที่ผู้เป็นแม่กล่าวกับลูกชาย หยุนเถียนเถียนถึงกับพูดไม่ออก อีกทั้งเฉินซ่งและภรรยาก็เคยเป็นคนดีและสนับสนุนนางด้วยดีเสมอมา แต่วันนี้ภรรยา ของเฉินซ่งกลับเปลี่ยนเป็นไร้เหตุผลราวกับเป็นคนละคน

“โอ! ช่างเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่นัก ในขณะที่พวกเจ้ากําลังพูดคุย ข้าก็ตาสว่างแล้วในวันนี้!”

แม้ว่าเสียงของหยุนเถียนเถียนจะห่างไกลเพียงใด แต่ภรรยาของเฉินซึ่งก็จดจํามันได้ดี

ทันทีที่นางได้ยินเสียงของหยุนเถียนเถียน ภรรยาของเฉินซ่งพุ่งออกมาจากห้องและตะโกนลั่น “นังสารเลว เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร? เจ้าเป็นคนทําให้ครอบครัวของข้าแตกระแหงแล้วคิดจะทําสิ่งใดอีก?”

เฉินเต่ออันรีบพุ่งมาหยุดยื้อแม่ของตนเอง “ท่านแม่! ท่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ? เป็นเพราะแม่นางหยุนให้เรายืมรถม้าท่านพ่อจึงปลอดภัยมิฉะนั้นเขาคงต้องนอนตายอยู่ข้างถนน แล้ว!”

“พังพอนกล่าวคําอวยพรให้แก่ไก่ตัวผู้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร เฉินเต่ออันก็ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เจ้ากล้าดีอย่างไรไปใช้รถม้าของนาง? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าผู้ใดกันที่ทําให้น้องสาวเจ้าต้องมีจุดจบเช่นนี้?!”

หยุนเกียนเถียนเหยียดมือออกและจับไหล่ของเฉินเต่ออันเบา ๆ แม้เฉินเต่ออันจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทําอะไร แต่เขาก็ไม่คิดขัดขึ้น

“ข้าไปบังคับลูกสาวท่านเมื่อไหร่กัน? ข้าเป็นคนบังคับให้นางหลงรักนายน้อยหนึ่งั้นหรือ? แล้วข้าเป็นคนปล่อยให้นางดื่มน้ําชาผสมยาแรงงั้นหรือ?”

“ลูกสาวของท่านไร้ซึ่งคุณธรรมใด ท่านไม่รู้หรือว่าลูกสาวตนเป็นอย่างไร? วัน ๆ นางเอาแต่คิดถึงสิ่งที่มิใช่ของตน แล้วข้าก็มองว่านางไม่มีวันเพียงพอ คนแบบนี้สมควรตายนั้นถูกต้องแล้ว!”

“ข้ามเคยมีเจตนาร้ายใด วันนี้ข้าให้ยืมรถม้าก็เพราะต้องช่วยชีวิตของเฉินซึ่งเอาไว้ ทั้งหมดถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องราวในอดีตทั้งหมดที่เคยกระทําร่วมกันมา และท่านจงจําไว้ให้ดีเถิดว่าพวกเราไม่มีบุญคุณติดค้างกันอีกต่อไป! เมื่อครั้งที่ท่านทํางานในโรงงานของข้าท่านหยิบสิ่งใด ติดไม้ติดมือไปบ้างคิดว่าข้าไม่งั้นหรือ? อยากจะให้ข้าพูดออกมาจริง ๆ ใช่หรือไม่!”

“หรือท่านมองว่าข้าเป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อยที่ไม่อาจต่อสู้กับพวกท่านได้? ที่ข้าไม่พูดอะไรในคราแรก เป็นเพราะยังให้เกียรติใบหน้าของพวกท่านอยู่ แต่เมื่อไม่มีใครต้องการ ข้าก็ไม่จําเป็นต้องให้เกียรติผู้ใดอีกต่อไป!”

ภรรยาของเฉินซึ่งไม่รู้เลยว่าจะโต้เถียงอีกฝ่ายอย่างไรดี แต่ยังไงซะความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียบุตรสาวนั้นยังคงเจ็บและฝังแน่นอยู่ในหัวใจ นางไม่รู้เลยว่าจะหลุดพ้นจากความปวดร้าวพวกนี้ได้อย่างไร

สิ่งเดียวที่จะพอหล่อเลี้ยงนางได้คือการโบ้ยทุกสิ่งอย่างให้เป็นความผิดของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น มีเพียงวิธีนี้ที่จะทําให้นางมีชีวิตต่อไปได้

“เฉินเต่ออัน! ขณะที่ข้ากําลังเดินทางมา ข้าได้ยินคนที่โรงงานพูดกล่าวว่าตอนเจ้าออกไปข้างนอก มีเสียงทะเลาะวิวาทที่นี้…ข้าคิดว่าเจ้าควรจะพูดคุยกับภรรยาให้ถี่ถ้วน นางยอมสละชีวิตตนเองแต่งงานกับเจ้ารับใช้เจ้าและครอบครัวเป็นวัวเป็นม้าอยู่ที่นี่ตั้งนานหลายปี!”

เมื่อได้ยินค่านั้น ภรรยาของเฉินซ่งถึงกับตื่นตระหนกและเริ่มหลบสายตา

เฉินเต่ออันหันศีรษะไปหาผู้เป็นแม่ด้วยความตื่นตระหนก “ท่านแม่! ท่านทําสิ่งใดลงไป? อย่าลืมว่านางเป็นลูกสะใภ้และยังมีหลานชายให้กับท่าน!”

หลังจากพูดจบ เฉินเต่ออันไม่สนใจสิ่งใดอีกพร้อมกับเดินดื่ม ๆ เข้าไปในห้องของตนอย่างรวดเร็ว

ภรรยาของเขานั่งอยู่ในห้องพร้อมกับน้ําตาอาบสองแก้ม กําลังเหม่อลอยจับจ้องเพดานราวกับไร่วิญญาณ นางนอนอยู่บนเตียงตรงนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่…

“ภรรยาข้า… เกิดอะไรขึ้น? ท่านแม่สร้างความอับอายให้เจ้าอีกแล้วใช่หรือไม่?”

ก่อนที่ภรรยาของเฉินเต่ออันจะทันได้ตอบคําใด เสียงของภรรยาเฉินซ่งดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “นังหยุนเกียนเถียน! นังเด็กง่เง่า เจ้าคิดว่าใหญ่โตมาจากที่ใดจึงได้เข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นเช่นนี้?”

เมื่อคําหยาบคายนี้หลุดออกมา เซ็นสิ่งตบหน้านางอย่างรุนแรงทันที ใบหน้าเหี่ยวย่นหันครับอย่างแรงพร้อมกับมีฟันกระเด็นออกมาจากปาก เลือดน้อย ๆ ค่อยไหลซึมออก

“หากท่านไม่รู้ว่าวิธีใดจะทําให้ปากสะอาดได้อย่างนั้นก็ให้คนของข้าช่วยท่านจัดการแล้วกันอ้อ ไม่ต้องห่วง วิธีการของเขายอดเยี่ยมมาก ฟันของท่านเพียงหลุดไปหนึ่งซี่ แต่มันจะไม่มีซี่ที่สองหลุดตามมาแน่นอน!

ภรรยาของเฉินซ่งพยายามอ้าปากจะโต้ตอบ แต่เลือดมากเกินไปทําให้นางรู้สึกหวาดกลัว นางไม่อาจกล่าวคําใดได้นอกจากทรุดตัวลงและเริ่มร้องไห้

“ไอ้คนชั่ว พวกเจ้ารังแกข้า! พวกเจ้าเข้ามารังแกข้าถึงในบ้าน!”

หยุนเสียนเถียนหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่าฟันของนางหลุดจนเกิดช่องโหว่ท่าให้เสียงที่เปล่งออกกลายเป็นไม่ชัดไปเสียได้

เฉินเต่ออันรู้สึกเป็นห่วงแม่ที่อยู่ด้านนอก แต่เขาก็รู้สึกกังวลเรื่องของภรรยาเช่นกัน ตอนนี้เฉินเต่ออันกําลังตกที่นั่งลําบากเขาไม่รู้ว่าควรจะออกไปข้างนอก หรือควรจะอยู่กับภรรยาในห้องนี้!

ภรรยาของเฉินเต่ออันกล่าวคําออกทั้งน้ําตา “สามีข้า… ปล่อยข้าไปเถิด ข้าไม่อาจอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปได้แล้วจริง ๆ แม่ของท่านบอกให้ข้านวดขาและบีบเท้าของนางข้าก็จําเป็นต้องทํา เพราะด้วยหน้าที่ของลูกสะใภ้ ทว่านางกลับเอาเข็มเย็บผ้าขนาดใหญ่มาไล่แทงข้าเมื่อข้าบีบนวดไม่ถูกใจนาง!”

“ตลอดเวลาที่ท่านอยู่บ้าน แม่สามีปฏิบัติต่อข้ามาเป็นอย่างดี เช่นนี้ก่อนหน้าข้าจึงไม่เคยปริปากบ่น แม้ว่าจะต้องถูกต่อว่ามากเพียงใดเมื่อวันที่ท่านไม่อยู่ตอนนี้ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน ข้าไม่อาจอดทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว!”

เฉินเต่ออันถึงกับตื่นตระหนก เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ํา ในวันที่แม่ของตนเป็นปกติเขาก็ปวดหัวจะแย่ แต่วันนี้แม่ของเขากลับใช้เข็มขนาดใหญ่ไล่แทงลูกสะใภ้งั้นหรือ? พวกนางทั้งสองมีสัมพันธ์อันดีต่อกันเสมอมา แล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ท่านคงไม่เชื่อว่านางจะปฏิบัติตัวเลวร้ายกับข้าเช่นนี้ นางเคยทําดีกับข้ามาก่อน แต่หลังจากที่น้องสาวของท่านตายตกไปนางก็เปลี่ยนเป็นคนละคน นางปฏิบัติกับข้าราวกับว่าข้ามิใช่มนุษย์…”

แววตาของภรรยาเฉินเพื่ออนวูบไหวคล้ายกับจะดับวูบในทันใด

เฉินเต่ออันรีบเดินเข้าไปกุมมือภรรยาไว้แน่นก่อนจะกล่าวคําปลอบโยน “ข้าเชื่อเจ้าเป็นเพราะเจ้าไม่เคยโกหกขา ทําไมข้าต้องไม่เชื่อเจ้าด้วยเล่า? แต่สิ่งที่ข้าตกใจก็คือเหตุใดท่านแม่จึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้”

“นางสัญญาว่าจะปฏิบัติต่อเจ้าราวกับเจ้าคือบุตรสาวคนหนึ่ง… แต่ทําไม…”

“ไม่ต้องกังวล! ข้าจะไม่มีวันหย่ากับเจ้าเด็ดขาด เจ้าทํางานหนักเพื่อข้าเสมอมา และยังมีบุตรชายให้ข้า…อย่างนั้นข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ท่านแม่จะต้องไม่มารังแกเจ้าอีก!”

ตอนที่ 401 ขอยืมรถม้า

ทันทีที่เฉินซ่งล้มลง เฉินเต่ออันถึงกับลุกพรวดด้วยความตื่นตระหนก

เฉินเต่ออันพยุงร่างของบิดาเอาไว้ก่อนจะร้องเรียกภรรยาอย่างเร่งรีบ

ภรรยาของเฉินเต่ออันเดินออกมาจากห้องพร้อมกับพูดกล่าวอย่างเบื่อหน่าย “มีอะไรอีก? จะหยุดพักเรื่องวุ่นวายสักวันไม่ได้เลยหรือไร?”

เฉินเต่ออันรีบตอบอย่างกังวล “ภรรยาข้า เจ้ารีบไปหาแม่นางหยุนให้เร็วเถิด ขอยืมรถม้าจากนางเพื่อพาท่านพ่อไปหาหมอในเมือง!”

ตอนนี้ภรรยาของเฉินเต่ออันรับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายกําลังแย่ ใบหน้าของเฉินซ่งซีดขาวหนักไปทางม่วงคล้ายกับใกล้จะสิ้นใจเต็มที่

“เมื่อวานนี้ท่านแม่เพิ่งจะไปรุกรานผู้อื่น แล้วเช่นนี้จะสามารถยืมรถม้าจากนางได้งั้นหรือ?”

เฉินเต่ออันเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยปาก “อย่างนั้นให้เจ้ามาดูแลท่านพ่อก่อน ข้าจะรีบกลับมา!”

ภรรยาของเฉินซ่งฟื้นคืนสติกลับมาได้จึงรีบสาปแช่งสามี “เจ้าพูดสิ่งใดออก? ข้ามีลูกให้เจ้าอย่างยากลำบาก วันนี้ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย!”

“ข้าเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าหรือไม่เวลาที่สั่งสอนลูก? แต่เพราะเจ้าแสดงพฤติกรรมที่ชั่วช้า และหยาบคายให้นางเห็นเป็นประจําจนกลายเป็นนิสัย การสั่งสอนลูกสาวเป็นหน้าที่ของข้างั้นหรือ? เจ้าเคยคิดให้ข้าสอดมือเข้าไปหรือไรกัน?”

ภรรยาของเฉินเต่ออันได้ยินอย่างนั้นจึงขมวดคิ้วแน่น นางตะโกนเสียงดังอย่างอดกลั้น “ท่านแม่! โปรดหยุดกล่าววาจาก่อนเถิด ไม่เห็นหรือว่าท่านพ่อเป็นเช่นไร? หรือท่านต้องการที่จะใช้วาจาสังหารเขาและกลายเป็นม่ายไปชั่วชีวิต?”

ภรรยาของเฉินซ่งเพียงมองสามีแวบหนึ่ง จากนั้นนางเดินออกไปอย่างไม่ใยดี นางแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่สนใจแม้ว่าเขาจะเป็นหรือตาย!

ภรรยาของเฉินเต่ออันเห็นอย่างนั้นจึงทําอะไรไม่ถูก นางนั่งลงข้างกายของเฉินซ่งและเฝ้ารอสามีของตนกลับมา

แม้ว่าจะไม่พอใจทั้งพ่อและแม่ของสามี แต่เพื่อเห็นแก่หน้าของเฉินเต่ออัน นางก็ยังคงทําหน้าที่ลูกสะใภ้ได้อย่างดีเยี่ยม

เฉินเต่ออันวิ่งไปจนถึงบ้านของหยุนเวียนเถียน ซึ่งนางกําลังสั่งคนงานให้เปลี่ยนน้ําในถังและจัดการกับแป้งยังเหลืออยู่

“น้องสาวหยุน!”

เฉินเต่ออันคุกเข่าลงบนพื้นทันทีที่ได้พบกับนาง

หยนเถียนเถียนถึงกับตกตะลึง นางยิ้มและกล่าวตอบ “เกิดอะไรขึ้น? ลุกขึ้นมาพูดคุยกันก่อนเถิด!”

เฉินเต่ออันปฏิเสธที่จะลุกขึ้น เขายังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยปาก “น้องสาวหยุน ข้าได้ยินว่าแม่ของข้าบุกมารุกรานท่านเมื่อวานนี้ เรื่องนั้นข้าต้องขอโทษอย่างยิ่ง แต่วันนี้ข้าขอยืมรถม้าได้หรือไม่ อย่างไรเสียเราก็เคยพึ่งพากันมาก่อน ให้ข้ายืมรถม้าเถิด”

หยุนเถียนเถียนยังคงไม่เข้าใจจึงกล่าวถาม “มันเกิดอะไรขึ้น อธิบายให้ข้าฟังก่อนเถิด”

เฉินเต่ออันฝืนยิ้มอย่างขมขึ้น “ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่บิดาของข้าโกรธจัดจนอาเจียนออกเป็นเลือดคําโต ตอนนี้ชีวิตเขาคล้ายกับแขวนบนเส้นด้าย ข้าจึงอยากขอความเมตตาจากน้องสาวหยุน!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มจางออกมา ซึ่งอย่างไรแล้วนางไม่คิดว่าเฉินซ่งจะตายในวันนี้…

“เอาล่ะ อย่างไรมันก็เป็นเรื่องความเป็นความตาย ข้าจะให้ท่านยืมรถม้า แต่ท่านควรจะจัดการให้ครอบครัวของท่านอย่ามายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก เพราะข้าก็เบื่อหน่ายที่จะพบปะเสียเต็มประดา เอารถม้าไปเถิด ข้าไม่ติดขัดใด”

เฉินเต่ออันรีบพยักหน้ารับ “น้องสาวหยุนไม่ต้องกังวล เฉินเต่ออันผู้นี้จะไม่มีวันลืมน้ําใจในวันนี้เลย แล้วแน่นอนว่าข้าจะดูแลครอบครัวให้ดีไม่ให้พวกเขามาระรานกับเจ้าได้อีก”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะสั่งให้คนงานน่ารถม้าออกมาตระเตรียมให้เฉินเต่ออัน

ความจริงแล้วหยุนเถียนเถียนไม่ได้เกลียดชังเฉินซ่งถึงขนาดที่จะยินดีเมื่อเขาตายตก นางเพียงบอกข่าวจางชิงเฟิงได้เลื่อนขั้นเป็นจุเหรินเท่านั้น ซึ่งนางคิดจะใช้โอกาสนี้ทําให้ครอบครัวของเฉินซ่งต้องพบกับความผิดหวัง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธจัดจนต้องหามส่งโรงหมอ

ใครจะคาดคิดว่าเฉินซ่งจะเกรี้ยวกราดถึงล้มป่วย? จากสีหน้าของเฉินเต่ออันแล้ว นางคิดว่าอาการของเฉินซ่งคงจะเลวร้ายไม่น้อย

เฉินเต่ออันพาเฉินซ่งเข้าไปพบหมอในเมือง ภรรยาของเฉินซ่งยังคงนั่งใจลอยอยู่ในลานบ้านหลังจากทุกคนออกไปแล้ว นางก็เริ่มพร่าบ่นกับลูกสะใภ้อย่างไม่สบอารมณ์

“สะใภ้ข้ามานี่หน่อย ข้าปวดเมื่อยอย่างไรไม่รู้ มานวดขาให้ข้าที!”

“โอ้ย! นี่เจ้ายังมีเรี่ยวแรงอยู่หรือไม่? หรือเจ้าตายตกไปแล้ว? โอ้ย! นี่เจ้าจะหักขาข้าหรืออย่างไร?

ภรรยาของเฉินเต่ออันหดหูใจนัก อย่างไรเสียนางก็ไม่อาจมีปากโต้เถียงกับอีกฝ่ายได้ เรื่องราวของลูกสะใภ้กับแม่ผัวนั้นเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

“ข้าคงใจดีกับเจ้ามากเกินไป เช่นนี้จึงทําให้เจ้าปีกกล้าขาแข็งกล้าปืนป่ายศีรษะข้า! อย่าคิดว่าเพียงแค่ลูกชายข้ารักเจ้าแล้วข้าจะไม่อาจทําอะไรเจ้าได้ อย่างไรซะข้าก็ยังเป็นแม่ ซึ่งลูกต้องเชื่อฟังมารดา มิฉะนั้นข้าจะฟ้องร้องเขาในโทษฐานเนรคุณ!

ภรรยาของเฉินเต่ออันได้ฟังอย่างนั้นได้แต่กัดฟันทน นางภาวนาในใจเป็นพันหมื่นครั้งว่าขอให้สามีกลับมาบ้านโดยเร็ว

เฉินเต่ออันพาเฉินซ่งเข้ามาหาหมอในเมือง เขาต้องใช้เงินไปจํานวนมากในครั้งนี้ หมอฉีดยาให้เฉินซ่งเพียงครู่หนึ่งก่อนที่เฉินซ่งจะตื่นขึ้นมา

แม้ว่าเขาจะตื่นขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยสดใสนัก เขารับรู้ได้ว่าผู้คนรอบตัวเป็นใคร แต่ก็ไม่อาจอ้าปากพูดกล่าวได้ อีกทั้งดูเหมือนว่าท่อนล่างจะไม่สามารถขยับได้อีกด้วย!

หมอถึงกับส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดทําให้ชายคนนี้โกรธจัดถึงกับต้องล้มป่วยเช่นนี้? เขากินเหล้าเกินขนาดและยังเป็นโรคหลอดเลือดในสมองด้วย ข้าช่วยเหลือได้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้จงดูแลเขาให้ดี!”

เฉินเต่ออันหันมองพ่อตนเองซึ่งกําลังร่ําไห้อยู่บนเตียง ส่วนตัวเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะทําอย่างไร…

เฉินซ่งยังคงสาปแช่งลูกสาวที่ตายตกไปกับภรรยาผู้โง่เขลาไม่จบสิ้น ทว่าทั้งหมดกลับฟังไม่ได้ศัพท์เพราะปากของเขาเบี้ยวไปแล้ว จึงมีเพียงเสียงอู้อี้และน้ําลายไหลย้อยออกมา

เฉินเต่ออันถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปาก “อย่างนั้นท่านหมอสั่งยาเถิดขอรับ แล้วข้าจะพาบิดากลับบ้านและดูแลจนกว่าเขาจะหายดี”

หมอได้ฟังอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา หมอเริ่มเขียนรายชื่อยาอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่กําลังรอรับยา เฉินเต่ออันก็อดไม่ได้ที่จะกังวลอีกครั้ง

เขามีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ายาได้เพียงสี่ถึงห้าวันเท่านั้น เพราะภรรยาของเขานั้นซื่อสัตย์และยังใจกว้างยิ่ง เขาจึงไม่ต้องเก็บเงินไว้กับตนและมอบให้แม่ทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้ว แม่ของเขาก็ยังใจดีกับนางยิ่ง

เฉินเต่ออันขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตัดสินใจ เขาจะรับยาไปเพียงสี่ถึงห้าวันก่อน แล้วหลังจากกลับไปขอเงินจากแม่แล้ว จึงค่อยมารับยาส่วนที่เหลือ!

ทว่าเรื่องไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้น เขากลับมาถึงบ้านแต่ไม่สามารถพบเจอแม่ของตนได้ นางปิดประตูอยู่ในห้องเงียบเชียบไม่ยอมออกมาพบผู้ใด

แม่ของเขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมื่อครู่เขาต้องการจะบีบคอข้า แล้วเหตุใดข้าจึงต้องจ่ายเงินเพื่อช่วยชีวิตเขาด้วย? ไม่มีทาง! เฉินเต่ออัน เจ้าเป็นลูกชายของเขามิใช่หรือ? ไปหาทางช่วยกันเอาเองเถิด!”

เฉินเต่ออันถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด “ท่านแม่! ดูสภาพท่านพ่อตอนนี้ก่อนเถิด หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว เอาเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปรับยา!”

ทว่าแม่ของเขาปฏิเสธทันควัน “ไม่มีทาง! เจ้าต้องการเงินงั้นหรือ? งั้นข้าจะบอกกล่าวว่าวันนี้ภรรยาของเจ้านะแข็งข้อต่อข้า เช่นนี้เจ้าจงทุบตีนางให้สาสมใจข้าเสียก่อน แล้วเมื่อข้าหายโกรธ เงินก็จะไปอยู่ในมือของเจ้าได้…รีบไปจัดการซะ!”

ตอนที่ 400 โกรธจนกระอักเลือด

เอ้อหยากลอกตาอย่างดูแคลน “โอ๊ย ข้าเข้าใจแล้ว! รีบไปนอนเถิด ไว้วันหน้าอย่าลืมซื้อครีมทาหน้าให้ข้าด้วยก็แล้วกัน!”

ท่าทางหงุดหงิดของบุตรสาวทําให้น้ําตาของคู่ชิวเริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง ทว่านางไม่กล้าพูดพล่ามอีก เพราะในอนาคตบุตรสาวของนางจะต้องปีนป่ายขึ้นไปเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนเช่นนี้นางเองย่อมไม่สามารถยั่วยได้

ผู้อื่นคงไม่รู้ความคิดที่ลึกซึ้งของครอบครัวนี้อย่างแน่นอน! แต่หยุนเถียนเถียนกลับมีความคิดอยากดูละครดี ๆ สักเรื่อง!

ตอนนี้เฉินซ่งดื่มเหล้าไปหลายต่อหลายอีกทําให้เมามายแทบไม่ได้สติ พอกลับถึงบ้านจึงล้มตัวลงนอน! ราวกับมันสามารถดับความกังวลของเขาได้

วันนี้เขาถือน้ําเต้าเหล่าเดินโซซัดโซเซไปตามถนนทางเข้าหมู่บ้าน และบังเอิญเดินผ่านลานบ้านของหยุนเถียนเถียนพอดี!

ทุกครั้งที่เดินผ่านลานบ้านของคนผู้นี้ เขามักจะถ่มน้ําลายออกมาอย่างดูถูก! แน่นอนว่าวันนี้ เขายังคงทําเช่นเดิมแต่หลังจากทําเรื่องน่ารังเกียจและเตรียมตัวจากไป เขาพลันได้ยินเสียงคนพูดดังขึ้นจากด้านหลัง และเนื้อหาภายในบทสนทนานั้นทําให้เขาต้องหยุดเดินทันที!

“พวกเจ้าคงไม่รู้กระมัง! คุณชายจางที่เคยมีเรื่องกับบุตรสาวเฉินซ่งมาก่อน อีกสองวันจะมาหมู่บ้านเรา! และเป็นสหายร่วมห้องนายน้อยเฉินของพวกเราด้วย ตอนนี้เขากลายเป็นขุนนางแล้ว!”

เฉินซึ่งรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากําลังจะถล่มทลายลงตรงหน้า เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าลูกเขยที่ เดิมที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานมนานจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ มันคงกล่าวได้ว่าเขาพลาดไปแล้ว! ตอนนี้บุรุษที่ผู้คนเอ่ยถึงทั้งสูงส่งและน่าภาคภูมิใจ ทว่าบุตรสาวของตนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และแม้นางจะตายแต่ยังคงมีชื่อเสียงที่ไม่ดี!

“อ๊ะ! คนบางคนแม้จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี แต่ไม่มีปัญญาสอนลูกสาวสักคนให้ดีได้ คุณชายจางสอบเข้ารับราชการได้ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้หนึ่งปีเขาอาจจะต้องไปเมืองหลวง เมื่อถึงตอนนั้นหากมีบัณฑิตเข้ารับตําแหน่งย่อมถือเป็นเรื่องใหญ่ของบรรพบุรุษที่รุ่งโรจน์! น่าสงสารคนบางคนที่ภรรยาของขุนนางก็ไม่ได้เป็น มิหนําซ้ํายังต้องมาตายเสียอีก!”

“จริงส์ เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือไม่? คุณชายจางยังมาไม่ถึง แต่คุณหนูบางท่านเริ่มเตรียมของกํานัลแล้ว!”

“อ๋อ ไม่รู้ว่าเป็นหญิงสาวจากตระกูลใด?”

“จะว่าไปมันคงเป็นพรหมลิขิต! ลูกสาวของเฉินซึ่งผู้นั้นไม่รักนวลสงวนตัวเอาเสียเลย หลังจากแต่งงานยังถูกจับได้บนเตียงนอนมิใช่หรือ! และคนบนเตียงนั่นคือหลินห์จากหมู่บ้านข้าง ๆ!”

“หากจะพูดถึงหลินหูก็นับว่าสมควรแล้ว! มีภรรยาแล้วยังคิดถึงผู้หญิงของคนอื่นอีก! ข้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลหยางที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้มาก่อน นางคือคุณหนูคนนั้นที่หักขาของหลินห และตอนนี้เขายังคงนอนรักษาตัวอยู่บนเตียง!”

“หรือว่าคุณชายจางกับคุณหนูหยางจะเป็นเนื้อคู่กัน? นี่มันวาสนาจริง ๆ!”

เฉินซึ่งกัดฟันจนเลือดออก! แท้จริงแล้วลูกเขยที่จะกลายเป็นขนนางผู้นั้นถูกบตรสาวตัวทอดทิ้ง! ต่อมานับว่ามีความหวัง แต่บุตรเขยอีกคนกลับถูกหญิงสาวที่ดุร้ายหักขา!

จากนั้นคุณหนูที่ดุร้ายผู้นี้จะกลายเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ! หากตอนนั้นบุตรสาวของเขาเลือกที่จะอยู่กับบุรุษผู้นี้ไปตลอดชีวิต ทั้งสองคนคงจะประสบความสําเร็จในชีวิต!

เฉินซึ่งโกรธจนเอามือกุมหน้าอกและใช้มืออีกข้างประคองกําแพงก่อนจะนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง! เขามองไปที่น้ําเต้าในมือราวกับต้องการระบายความคับข้องใจทั้งหมดออกมา!

เขาดื่มเหล้าเข้าไปอีกใหญ่จากน้ําเต้า แต่สุรานี้ช่างขมเสียเหลือเกิน! เฉินซ่งโยนน้ําเต้าทิ้ง และเงยหน้าหัวเราะเสียงดังลั่น จากนั้นจึงโซซัดโซเซกลับบ้านไป!

ครั้นภรรยาของเฉินซ่งเห็นสามีกลับมาจึงรีบเข้าไปต้อนรับ แต่ในทันใดนางพลันนึกถึงการกระทําของหยุนเถียนเถียนที่ไม่ไว้หน้าตนเองตอนที่อยู่ด้านนอก มิหนําซ้ํายังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายใทําให้ตนเองดูน่ารังเกียจ จึงต้องการที่จะฟ้องร้อง!

คนเดียวในบ้านนี้ที่สามารถพูดได้คือเฉินซ่ง! เพียงแต่เมื่อนางออกมากลับเห็นเฉินซ่งที่กําลังอยู่ในอาการเมามาย จึงเดินไปข้างหน้าอย่างร้อนใจทันที!

“ท่านพี่ ท่านไปดื่มเหล้ามากมายเพียงนี้ที่ใดกัน? ท่านไม่ได้กลับมาเป็นเวลาถึงสองวันสองคืน!”

เฉินซ่งเหมือนไม่ได้ยินขณะปีนขึ้นมานั่งที่โต๊ะอย่างทุลักทุเล!

ภรรยาเฉินซ่งไม่ยอมเลิกรา จึงตะโกนเสียงดังว่า “ข้าพูดกับท่าน แล้วท่านได้ยินหรือไม่? ตอนแรกท่านคิดจะทวงลูกสะใภ้คนนี้กลับคืนมา ตอนนี้โอกาสได้ผ่านไปแล้ว อีกทั้งนางยังกลับกลายเป็นคนไม่เชื่อฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ !”

“วันนี้ต่อหน้าผู้คน ทั้งที่รู้ว่าพวกเรากับหยุนเถียนเถียนนั้นเทียบกันไม่ได้ นางยังทําให้ข้าต้องอับอายต่อหน้าชาวบ้านทั้งหลาย แล้วยังบอกอีกว่าตระกูลเล็ก ๆ อย่างพวกเราไม่อาจล่วงเกินหยุนเถียนเถียนได้”

“ข้าจะบอกอันใดให้ อันที่จริงท่านไม่ควรไปยุ่งกับนางอีก นางจะได้ไม่ปืนป่ายมาอยู่บนหัวพวกเราในอนาคต”

“อย่างน้อยก็ต้องให้นางมาโขกศีรษะยอมรับผิด คนอย่างข้าทําอันใดผิดไปตั้งแต่เมื่อไร ถึงกับปล่อยให้นางทําเรื่องไม่ไว้หน้าข้าเช่นนี้”

“อ๊ะ! ท่านพี่ เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่?”

ความคิดของเฉินซึ่งไม่ได้อยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย เพราะบทสนทนาของเด็กหญิงสองคนก่อนหน้านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา

ในใจของเขายังคิดถึงการสูญเสียบุตรสาวและลูกเขยที่ควรจะเป็นขุนนาง เวลานี้ความฝันของเขาถูกทําลายหมดสิ้นแล้ว!

เฉินซ่งคิดมาถึงตรงนี้ดวงตาจึงเต็มไปด้วยเลือดและหันหน้ามาจ้องภรรยาตัวเองอย่างดุร้าย และภรรยาเฉินซึ่งไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้มาก่อน ทําให้นางตกใจจนต้องถอยหลังไปหลายก้าวสุดท้ายค่าพูดในปากจึงหยุดลง

“ท่านพี่ ท่านเป็นอันใดไป? อย่าทําให้ข้ากลัวนะ”

จู่ๆ เฉินซ่งกลับอ้าปากหัวเราะด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ทําให้ดูไม่ออกว่าเขาร้องไห้หรือหัวเราะกันแน่

“มันพังแล้ว ทุกอย่างทั้งหมด! จางซึ่งเพิ่งกลายเป็นผู้ที่มีอํานาจวาสนา แต่หลินห์ยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนคนพิการ ตอนนี้แม้เขาจะสอบได้ แต่ลูกสาวของเราก็ตายไปแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรเหลือแล้ว! เป็นเพราะแม่ที่ไร้สติปัญญาเช่นเจ้า อยู่บ้านไม่ทําประโยชน์อันใดเลย แม้แต่ลูกสาวตนเองยังจัดการไม่ได้!”

“ถ้านางเข้าไปอยู่ในตระกูลจางอย่างว่าง่าย ตอนนี้นางคงกลายเป็นภรรยาของจวเหวินไปแล้ว! ไม่แน่ว่าอีกสักพักเมื่อไปถึงเมืองหลวง พวกเราจะมีลูกเขยเป็นขุนนางคนหนึ่ง!”

“แต่โอกาสที่ดีเช่นนี้ถูกเจ้าสองแม่ลูกทําลายจนหมดสิ้น! เหตุใดในวันนั้นนางถึงกลับมา? เหตุใดเจ้าถึงไม่ส่งนางไปที่ตระกูลจาง? เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องมาทําเรื่องขายหน้าบนท้องถนน”

“ไม่แน่ว่าลูกสาวของเจ้าผู้นี้จะเป็นตัวซวย! ดูจากคุณชายตระกูลจางส์ หลังจากที่เขาหย่ากับนางแล้ว ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์! ส่วนหลินหูที่แต่งงานกับนางต้องกลายเป็นคนพิการ

“เจ้าบอกมาสิว่า ผู้หญิงเช่นเจ้าเกิดมาบนโลกใบนี้เพื่ออันใด? แม้แต่ลูกสาวตัวเองก็ยังจัดการไม่ได้”

เฉินซึ่งพูดพลางถลึงตาใส่ภรรยาตนเองอย่างดุร้ายและก้าวเข้าไปอีกฝ่ายทีละก้าวเพื่อใช้มือบีบคอนางอย่างแรง

เมื่อเฉินเต่ออันออกมาจากห้องจึงตกใจมากและรีบดึงมือพ่อเพื่อช่วยมารดาออกมา

“ท่านพ่อ! คุณกําลังทําอะไรอยู่? คุณจะบีบคอแม่ให้ตายเหรอ?”

เฉินซ่งเงยหน้าหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “นางทําให้ข้าสูญเสียลูกเขยที่เป็นขุนนางไป ข้าจะบีบคอนางให้ตาย”

ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธเคืองจนเลือดไหลออกมาที่มุมปาก ท้ายที่สุดเฉินซึ่งถึงกับกระอักเลือดออกมา

ตอนที่ 399 แผนอันไกลโพ้น

แน่นอนว่ายายเฒ่าหลัวไม่เชื่อ “ต่อหน้าข้ายังกล้าโกหกอีก? เจ้าสามารถคิดวิธีที่ดีได้จริง? หรือต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อเกียจคร้าน!”

“อีกอย่าง ด้วยฐานะเช่นพวกเราจะปีนป่ายขึ้นไปหาผู้ที่ดีพร้อมเช่นนั้นคงเป็นไปได้ยาก ข้าคิดว่าเจ้าคงฝันหวานเกินไปแล้ว!”

ขณะที่นางพูด หญิงชราคว้าตัวของลูกสะใภ้เอาไว้ด้วย!

กู่ชิวเจ็บจนน้ําตาคลอเบ้า “ท่านแม่ ข้าจะกล้าหลอกท่านได้อย่างไร! ข้ากําลังพูดถึงลูกชายของหลินชวนฮวา ท่านยังจําได้หรือไม่ว่าข้าเคยเป็นเพื่อนกับหลินชวนฮวามาก่อน!”

ยายเฒ่าหลัวขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงพูดถึงผู้หญิงไร้ยางอายผู้นั้นเล่า? เจ้าอยากจะทําตัวเยี่ยงนางเช่นนั้น? แต่อย่างน้อยนางก็มีความสามารถให้กําเนิดลูกชายให้กับเฉินผิงอัน!”

กู่ชิวรีบโบกมืออย่างสุดชีวิต “ท่านแม่ ข้ามได้คิดเช่นนั้น ข้าแค่จําได้ว่าตอนที่ข้าเป็นเพื่อนกับนาง ข้าเคยพูดถึงเรื่องที่อยากให้ลูก ๆ ของเราสร้างครอบครัวร่วมกัน”

ยายเฒ่าหลัวพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “มันแค่การล้อเล่น เจ้ายังคิดว่าทางนั้นจะคิดจริงจังรึ? ยิ่งไปกว่านั้นหลินชวน

ฮวาผู้นี้จะบังคับเจ้าเด็กนั่นได้หรือ?”

กู่ชิวรีบโต้กลับอย่างร้อนรน “เหตุใดถึงจะทําไม่ได้? นั่นคือแม่แท้ ๆ ของเขา! ในโลกนี้มีพ่อแม่มากมายที่สามารถบังคับเรื่องการแต่งงานของลูกตนเองได้ เมื่อทุกอย่างถูกกําหนดไว้แล้วจะ ปฏิเสธอย่างง่ายดายได้อย่างไร!”

“อีกอย่าง ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นเป็นนักปราชญ์ และนักปราชญ์ต้องให้ความสําคัญกับเรื่องชื่อเสียงมากที่สุดมิใช่หรือ? ในเมื่อต้องให้ความสําคัญกับมัน เรื่องแต่งงานเช่นนี้ เขาจะไม่ยอมรับได้อย่างไร! นี่ไม่ใช่การอกตัญญหรอกหรือ?”

ยายเฒ่าหลัวพูดด้วยความสงสัยว่า “ตอนนี้ผู้มีอํานาจตัดสินใจคือหยุนเถียนเถียน ผู้หญิงคนนั้น ไม่ธรรมดาเลย! ยิ่งไปกว่านั้นเอ้อหยาของเราหน้าตาเป็นอย่างไร? หน้าตาไม่ดีแถมยังผิวดําเหมือนลิง เจ้าคิดว่าเขาจะชอบนางหรือ? นอกจากนี้ นางยังมีแม่ที่ไม่ได้ความอีก!”

กู่ชิวถอนหายใจยาวขณะเช็ดน้ําพลางกล่าวว่า “แม่อย่างข้าไม่มีความสามารถ หากขาสามารถให้กําเนิดลูกชายได้ ข้าคงไม่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้! แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องการหมั้นหมายได้ถูกกําหนดไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยอมรับ เขาก็ต้องแต่งงาน!”

“อย่างมากก็แค่ปล่อยให้เขารับอนุภรรยาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น! ข้าคิดว่าเอ้อหยาแค่กินอาหารไม่เพียงพอ ทําให้ผอมเกินไป! หากสามารถเลี้ยงดูอย่างดีภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี จะต้องกลายเป็นเด็กสาวที่สง่างามได้อย่างแน่นอน! เมื่อเวลานั้นมาถึง…”

หญิงชราหลัวรู้สึกกังวลมากนางจึงหันหน้ามาพูด “ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วว่าจะทําอย่างไร เช่นนั้น ควรหาเงินมาแต่งตัวให้ลูกสาวของเจ้าให้ดี ถ้าปีนป่ายขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ เจ้าย่อมมีความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”

“แต่ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะดูแลนางให้ดี เช่นนั้นจงขังนางไว้ในห้องและอบผิวของนางให้ขาวขึ้น! แม้นางจะไม่มีความรู้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทําตัวเหมือนแม่สามีเช่นเจ้า”

กู่ชิวพยักหน้าขณะรู้สึกโกรธจัด จากนั้นจึงเตรียมเข้าไปในห้อง!

แต่ผู้ใดจะรู้ว่าหญิงชราจะตะโกนขึ้นมา “ผู้ใดบอกให้เจ้าบอกนางตอนนี้? ยังมีเวลาที่จะบอก

หลังจากปิดไฟในเวลากลางคืน? รีบไปทําอาหารให้ข้ากันเร็วเข้า หรือเจ้าอยากให้แม่เฒ่าผู้นี้ทําอาหารให้เจ้ากิน!”

จากนั้นลูกสะใภ้เดินปาดน้ําตาเข้าไปในครัวอย่างจนปัญญา นางเคยชินกับนิสัยเจ้าเล่ห์ของยายเฒ่าหลัว! ดังนั้นจึงแกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็น!

กู่ชิวทํางานบ้านเสร็จอย่างยากล่าบาก ก่อนจะล้างหน้าล้างตาแล้วนอนลงบนเตียง แม้จะง่วงนอนจนตาแทบปิดแต่พอนึกถึงเรื่องที่ยังค้างคาใจ นางยังอุตส่าห์ดึงบุตรสาวตัวเองมาอธิบายอย่างละเอียด!

“เอ้อหยา! เจ้าจําพี่เฉินของเจ้าได้หรือไม่? ตอนนี้เขาหน้าตาดีมิหนําซ้ํายังแต่งตัวภูมิฐานอีกด้วย หากเจ้าแต่งงานกับเขาก็เท่ากับเป็นภรรยาของนักปราชญ์ แล้วต่อไปจะมีวาสนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดไม่เหมือนกับแม่ที่ชาตินี้มีเพียง…”

พูดจบก่ชิวเตรียมจะเกลี้ยกล่อมอีก ขณะเอ้อหยามองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังให้มารดาทันที!

“เอ้อหยา ข้าบอกเจ้าแล้วว่าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี! แม่กับเจ้าจะได้มีชีวิตที่สดใสโดยไม่ต้องรอในชาติหน้า แต่จะสําเร็จหรือไม่ครั้งนี้มันขึ้นอยู่กับเจ้า!”

เอ้อหยายังคงไม่พูดไม่จา เนื่องจากหลายปีมานี้นางเคยชินกับการจุกจิกจูจีของมารดาแล้ว อย่างไรเสียเรื่องที่พูดออกมาย่อมไม่มีความหมายอันใด!

“ตอนที่น้าชวนฮวาคุยกับแม่ นางเคยบอกว่าจะหมั้นหมายเจ้ากับลูกชายของนาง! เมื่อก่อนเจ้าเด็กนั่นทั้งผอมทั้งแห้ง ข้าไม่ชอบและไม่คิดจะให้เจ้าไปทนทุกข์ทรมานอยู่ที่บ้านของพวกเขา!”

“แต่วันนี้ข้าได้เห็นเจ้าเด็กนั่นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาที่หล่อเหลา แม้แต่บุคลิกของเขายังไม่เหมือนกับคนทํางานในทุ่งเช่นพวกเรา! มิหนําซ้ํายังเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่อายุยังน้อยด้วย! เจ้าต้องคว้าโอกาสอันดีเอาไว้เพื่อชีวิตของเจ้าใน ตอนนี้”

ทันใดนั้นเอ้อหยาพลันแสดงอาการประหลาดใจและหันหน้ามาถาม “คุณชายชุดขาวที่ท่านเห็นในลานบ้านวันนี้น่ะหรือ?”

กู่ชิวเคยชินกับความเฉยเมยของบุตรสาวเมื่อนางพูดพล่ามเช่นนี้! ทว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง ทําให้นางถึงกับตะลึงงัน!

“ข้าถามว่า ท่านกําลังพูดถึงคุณชายชุดขาวผู้นั้นใช่หรือไม่? ผู้ที่อายุยังน้อย!”

กู่ชิวพยักหน้าอย่างงงงัน “ใช่ เขาเอง เจ้าเห็นเขาเช่นกันรึ?”

“แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ท่านถึงไม่พูด! หากในอนาคตข้าสามารถไต่เต้าขึ้นไปเป็นภรรยาของคุณชายท่านนี้ได้ ท่านย่าคงไม่ทํากับข้าเช่นนี้ใช่หรือไม่?”

กู่ชิวรีบดึงสติของบุตรสาวที่หุนหันพลันแล่นกลับมา “เอ้อหยา เจ้าจะรู้อันใด! เรื่องนี้ต้องให้ย่าของเจ้าวางแผนแทนเจ้า ดังนั้นเจ้าห้ามล่วงเกินนางก่อนเด็ดขาด!”

“แล้วเจ้าคิดว่าด้วยรูปร่างหน้าตาของตนเองจะทําให้นายน้อยคนนั้นชอบเจ้าได้หรือไม่? จากนี้ แสดงให้ข้าเห็นสิว่าเจ้าจะอยู่ในบ้านและดูแลผิวของตนเองให้ขาวเนียน! แม่จะไปซื้อผงขัดผิวให้ลูกเอง!เจ้าจะได้งดงามขึ้น!”

เอ้อหยาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้! รอจนขากลายเป็นภรรยาของนายน้อยแล้ว ท่านย่าคงรังแกข้าอีกไม่ได้”

“กู่ชิวมองบุตรสาวที่ตั้งใจแน่วแน่แล้วเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจว่า”ถึงเวลานั้นเจ้าอย่าลืมแม่คนนี้เด็ดขาด แม่อยู่ที่นี่มามากพอแล้ว จึงคิดเพียงว่าเมื่อใดถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์ยากได้”

“หากเจ้ากลายเป็นภรรยาของนายน้อยจริง ๆ กิจการของแม่นางหยุนในตอนนี้ย่อมกลายเป็นของเจ้า! เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องมารับแม่ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เข้าใจหรือไม่?”

เอ้อหยาหัวเราะอย่างเย็นชาขณะในใจคิดว่า ท่านเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ยากลําบากด้วยตัวท่านเองมิใช่หรือ? ผู้ใดก็ตามที่มีความแข็งแกร่งมากพอคงไม่โดนหญิงชราคนนั้นรังแกจนเป็นเช่นนี้!

ทว่าปากกลับพูดอย่างนอบน้อม “วางใจเถิด ข้าจะไม่ลืมท่านแม่! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะพาท่านออกไปและเราจะมีชีวิตที่ดีด้วยกัน!”

กู่ชิวกลัวว่าบุตรสาวคนเล็กจะทําลายทุกอย่างด้วยความหุนหันพลันแล่นจึงกําชับนางต่อไป “เจ้าอย่ารีบแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป จงดูแลตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ตอนที่ 398 แผนของคู่ชิว

“แม่นางหยุน เจ้าคงไม่รู้หรอก! ผู้หญิงที่ไม่มีลูกชายคนนี้ไม่สามารถเงยหน้าได้ในบ้านของสามี! ไม่ว่าข้าจะทําอันใด แม่สามีมักจะคิดว่าข้าทําผิดเสมอ!”

หยนเถียนเถียนเริ่มร้อนใจขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามันเป็นความผิดของอีกฝ่ายที่ไม่มีความกล้าเองทำให้ถูกข่มเหง แล้วจะให้นางช่วยอันใดได้?

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะลําบากอย่างไร แต่ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ดูไม่ได้เลย! หากยังทําต่อไปอาจเกิดปัญหาขึ้น ไม่แน่ว่าแม่สามีของเจ้าจะมาสร้างเรื่องให้ข้าอีก! อันที่จริงข้าไม่เคยกลัวอันใด แต่ข้าไม่อยากมีปัญหาต่างหาก!”

กู่ชิวรู้สึกสับสนจึงรีบพูด “ได้! ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ข้าจะไม่โทษแม่นางเป็นอันขาด! กรุณามอบหมายงานให้ข้าตอนนี้ด้วยเถิด!”

หยุนเถียนเถียนถึงกับจนปัญญา และไม่เข้าใจว่าบางคนเกิดมาเหตุใดจึงไร้สมองเช่นนี้! แม้นางจะพร่ําบ่นว่าคนอื่นไม่ดีต่อนาง แต่ยังคงทําตัวเป็นวัวเป็นม้ารับใช้อย่างสุดหัวใจ!

เฉินผิงเหอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “เช่นนั้นจงไปถอนหญ้าในที่ดินแปลงหนึ่งที่ยังไม่ได้กําจัดวัชพืช! งานประเภทนี้ค่อนข้างง่ายเจ้าคงพอทําได้!”

กู่ชิวซาบซึ้งจนน้ําตาคลอเบ้า “ขอบคุณพี่เฉินมาก!”

มุมปากของเฉินผิงเหอถึงกับกระตุกด้วยท่าทางเย้ายวนนี้ หากเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยแล้วล่ะก็แน่นอนว่าต้องน่ายินดีอย่างแน่นอน!

ทว่ากู่ชิวผู้นี้อายุไม่น้อยแล้ว หลังจากทํางานหนักมาหลายปี ร่างกายของนางจึงดูแก่กว่าอายุจริง! อีกทั้งผิวหน้ายังถูกแดดเผาจนดําคล้ําและเสื้อผ้าทั้งชุดถูกซักจนขาวโพลนแล้ว!

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างจนปัญญา เมื่อเจอมารดาที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ เกรงว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเอ้อหยาคงจะลําบากโดยมิต้องสงสัย

หลังจากเฉินผิงเหอถูกกู่ชิวหว่านเสน่ห์ จู่ ๆ เขาพลันนึกขึ้นได้จึงหันหน้าไปพูดกับหยุ นเถียนเถียนว่า “ข้าเห็นกู่ชิวผู้นี้ทํางานอย่างสุดกําลัง ดังนั้นปกติแล้วข้าจะพาเอ้อหยามากินข้าวด้วยกัน แต่นางกลับไม่ยอม! ข้าคิดว่าเด็กสาวตัวน้อยคงไม่มีอาหารกินมากนัก!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่สนใจรายละเอียดเหล่านี้มากนัก ยิ่งเป็นเด็กคนนั้นที่หิวจนหน้าเหลืองและผอมบาง นางยิ่งไม่ใส่ใจ แต่ปกติแล้วนางไม่ใช่คนใจร้ายถึงเพียงนี้!

ทว่าตอนที่กู่ชิวเข้าไปในทุ่งบังเอิญชนเข้ากับเฉินเฉินที่เข้ามาทางประตูหน้าพอดี!

แน่นอนว่านางสามารถจําได้ว่านี่คือบุตรชายของหลินชวนฮวา! เพียงปีเดียวเด็กคนนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว และตอนนี้มีกลิ่นอายของนายน้อยผู้หนึ่งแล้ว!

ดวงตาคู่นั้นของกู่ชิวแทบจะติดบนตัวของเฉินเฉินไป!

สําหรับเฉินเฉินไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีอันใดเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน แม้ผู้คนในหมู่บ้านจะให้ความสนใจในตัวเขาอยู่บ้าง!

ทว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกัน นางยืนอยู่ตรงหน้าเขาเพื่อขวางทาง! “เฉินเฮ่อ เจ้าคือเฉินเอ๋อใช่หรือไม่? ข้าคือป้าคู่ของเจ้า! ข้าเคยอุ้มเจ้าตอนที่เจ้ายังเล็ก!”

เฉินเฉินเหมือนจะจําคนผู้นี้ได้และความประทับใจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือนางชอบร้องไห้และขี้บ่น!

“โอไ มีอันใดให้ช่วยเช่นนั้นหรือ?”

เมื่อนึกถึงหลินชวนฮวา สีหน้าของเฉินเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที!

ทว่ากู่ชิวกลับไม่ได้รู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติ แต่กลับเล่าเรื่องในอดีตขึ้นมาอย่างตื่นเต้น!

“เมื่อก่อนข้ากับท่านแม่ของเจ้าสนิทกันมาก แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายนางจะลงเอยเช่นนี้! จะว่าไปนางก็เป็นแค่ผู้หญิงที่น่าสงสารกลุ่มหนึ่ง แต่เจ้ายังจ่าเอ้อหยาได้หรือไม่? เมื่อก่อนนางมักจะเดินตามกันและเรียกเจ้าว่าพี่เฉิน พี่เฉิน!”

เฉินเฉินขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “มีอันใดอีกหรือไม่? ถ้าไม่มีแล้วโปรดหลีกทางด้วย ข้าต้องกลับไปเรียนหนังสือ!”

หนุ่มน้อยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธ เขารีบเดินอ้อมไปด้านข้างแล้วหลบเข้าไปในห้อง และปิดประตูทันที!

เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องที่ไม่มีความสําคัญสําหรับเขา แต่ผู้มีพรสวรรค์ในวัยเยาว์ผู้นี้ได้ประทับตราแห่งความหวังไว้ในหัวใจของคู่ชิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

แน่นอนว่านางไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น เพียงแต่นึกขึ้นได้ว่าตอนที่นางกับหลินชวนฮวาดีกัน นางเคยพูดติดตลกว่าอยากให้สองครอบครัวเป็นทองแผ่นเดียวกัน!

หากเป็นเมื่อก่อนเด็กผอมแห้งเช่นนี้ นางยังไม่รู้ว่าจะเลี้ยงจนโตได้หรือไม่ แน่นอนว่านางไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานนี้!

ทว่าตอนนี้เฉินเฉินคือผู้มีพรสวรรค์และที่สําคัญกว่านั้นคือเขามีโอกาสสอบเข้าเป็นขุนนางได้ตั้งแต่อายุยังน้อย! ได้ยินเฉินผิงเหอบอกกับพวกเขาว่า หากไม่ใช่เพราะพลาดการสอบฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงเป็นถึงผู้มียศถาบรรดาศักดิ์แล้ว!

หากบุตรสาวของนางสามารถไขว่คว้าผู้มีอํานาจวาสนาเช่นนี้ได้ ไม่แน่ว่าฐานะของนางในตระกูลสามีอาจจะสูงขึ้น!

เมื่อความคิดดังกล่าวหยั่งรากแล้วมันย่อมงอกเงยขึ้นตามธรรมชาติ และแน่นอนว่าจะต้องเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่าน!

กู่ชิวชําเลืองมองเอ้อหยาที่กําลังนั่งเล่นอยู่บริเวณมุมห้อง! เขาอายุเก้าขวบเศษยังมีพรสวรรค์มากแล้ว ส่วนคนที่ไม่เอาไหนเช่นบุตรสาวของนางยังนั่งนับมดอยู่ตรงมุมห้อง!

แต่ถึงเอ้อหยาจะผ่ายผอม อย่างไรเสียนางก็เป็นหญิงสาวและหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด ไม่แน่ว่าหลังจากแต่งหน้าแต่งตัวให้ดูดีขึ้น นางอาจอาศัยมิตรภาพในอดีตทําให้งานแต่งครั้งนี้เกิดขึ้นได้

ดังนั้นสิ่งที่ต้องรีบทําในตอนนี้คือแต่งตัวสาวน้อยผู้นี้ให้เรียบร้อย และวางแผนให้หยุ นเถียนเถียนติดหนี้บุญคุณของนางด้วย! กู่ชิวครุ่นคิดอยู่ในใจก่อนขุดจอบลงบนพื้น!

ตกกลางคืน เรื่องเงินงานย่อมมีเฉินผิงเหอคอยจัดการอยู่ ส่วนหยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ตรงหน้ามองดูคนที่กําลังสับมันเทศให้เป็นผง! จากนั้นบรรจุลงในถังขนาดใหญ่เพื่อรอให้แป้งมันเทศตกตะกอน!

เมื่อเฉินผิงเหอเดินออกมา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันขณะในมือของเขายังมีเหรียญทองแดงอยู่ยี่สิบเหรียญ!

“เถียนเถียน ข้าไม่รู้ว่าคู่ชิวผู้นั้นเป็นอันใด เมื่อก่อนทํางานแทบตายเพราะอยากได้เงิน แม้เหรียญทองแดงสักเหรียญก็อย่าคิดว่าจะเอาออกมาจากมือนางได้ แต่วันนี้กลับไม่ยอมรับมันแล้ว ยังบอกข้าให้เอากลับมาให้เจ้าอีก!”

“ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นี้กําลังคิดอันใดอยู่! เป็นไปได้หรือไม่ที่นางกลัวว่าเจ้าจะไม่ต้องการนาง ดังนั้น จึงเอาใจเจ้าด้วยวิธีนี้?”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะสงสัยว่า เรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด!

หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้วนางได้กล่าวว่า “ท่านเตรียมกล่องเพื่อเก็บเงินทั้งหมดของนางที่ได้จากการทํางานทั้งหมดและจดบันทึกไว้อย่างชัดเจน! เมื่อถึงตอนนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริง เราโยนมันให้นางก็สิ้นเรื่อง ถึงอย่างไรข้าย่อมไม่สนใจเงินเหล่านี้อยู่แล้ว!”

เฉินผิงเหอพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําเล่า “ดีเหมือนกัน! ข้าจะเตรียมตัวให้พร้อมเดี๋ยวนี้! เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวายกับเรื่องนี้ในภายหลัง! คู่ชิวผู้นี้อาจเป็นคนพูดง่าย แต่แม่สามีของนางไม่ใช่ผู้ที่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย!”

หลังจากกู่ชิวกลับมาถึงบ้านในตอนกลางคืน นางลากเอ้อหยาเข้าไปในห้องอย่างรีบร้อน! และ เมื่อกลับมาถึงบ้านโดยไม่ทํางานเช่นนี้ แน่นอนว่าหญิงชราหลัวจะต้องไม่พอใจ!

จากนั้นคําด่าทอได้หลุดรอดออกมาจากปาก “นังคนเกียจคร้าน แค่ทํางานก็ถือว่าตนเองยอดเยี่ยมแล้วใช่หรือไม่? พอกลับถึงบ้านก็หลบอยู่ในห้อง หรือว่าจะยังหวังให้ลูกชายตัวน้อยจะออกมาจากผ้าห่มได้!”

กู่ชิวคิดอย่างรอบคอบและเชื่อว่าเรื่องดีงามเช่นนี้ หญิงชราหลัวผู้นี้คงไม่ปฏิเสธแน่!

นางจึงรีบเดินออกมาหายายเฒ่าหลัวแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่! ข้าจะกล้าเกียจคร้านได้อย่างไร แค่กําลังคิดถึงเรื่องดี ๆ ของครอบครัวเรา หากเรื่องนี้สําเร็จ พวกเราคงไม่ต้องลําบากอีกต่อไปแล้ว และวันข้างหน้าจะมีแต่ความสุขสบาย!”

ตอนที่ 397 วิธีใหม่

“ใช่แล้ว เจ้านายนั่งอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุข แน่นอนว่าคงไม่หิว แต่พวกเราทํางานหนักจนหิวมาตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะสนใจมารยาทมากมายเหล่านี้”

หยุนเถียนเถียนโบกมือด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้างพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาจากนั้นนางคว้าคอเสื้อของทั้งสองคนขึ้นมาโยนออกไปด้านนอก!

ทั้งสองล้มลงพร้อมกรีดร้องและกลิ้งไปบนพื้นหลายครั้งก่อนที่จะหยุดแน่นิ่ง!

“ระวังให้ดี เอาเงินค่าจ้างมาให้คนเหล่านี้ แล้วต่อไปบ้านของข้าจะไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาอีก!”

“พวกเจ้าต้องรักษากฎ! ทุกคนล้วนหิวเหมือนกัน แต่ในเมื่อมีคนแย่งกันกินข้าวก่อน! ผู้ที่หิวโหยย่อมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโยนผู้ที่แย่งอาหารออกไป! เพื่อหลีกเลี่ยงการทําผิดกฏ!”

“เรื่องงานก็เหมือนกัน ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีญาติพี่น้องที่ซื่อสัตย์มากแต่บางคนชอบทําตัวเกียจคร้าน! เจ้าได้รับเงินค่าแรงงานเท่ากัน! คนซื่อสัตย์ย่อมเสียเปรียบดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเช่น

นี้”

“นับแต่นี้ไปขอบอกให้ทราบทั่วกัน ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นญาติก็ดี สหายก็ดี สหายที่พวกเจ้าหามาเอง พวกเจ้าย่อมต้องรับผิดชอบเอง! ทุกวันเราจะแบ่งงานให้เจ้าหนึ่งชิ้นที่ต้องทําให้เสร็จ ถ้าทําไม่เสร็จ เงินค่าจ้างก็จะหายไป! ถ้าทําเสร็จแล้วจะให้เงินค่าแรงตามที่ตกลงไว้ ส่วนไหนที่เพิ่มมา ข้าจะคํานวณให้พวกเจ้าเอง!”

“ท่านลุงใหญ่ ต่อไปจงทําตามที่ข้าบอก! เผื่อมีคนบอกว่าข้าเป็นคนไม่ยุติธรรมทุกคนทํางานเดียวกันได้เงินเท่ากันถึงจะเรียกว่ายุติธรรมใช่หรือไม่?

บรรยากาศภายในห้องรับประทานอาหารเงียบสงัด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเมื่อผู้นําพูดค่าหนึ่งแล้วพวกเขาจึงก้มหน้าลงเริ่มกินข้าว!

เฉินนิ่งเหออดที่จะชมเชยไม่ได้ว่าวิธีของหยุนเกียนเถียนนั้นยอดเยี่ยมเสียจริง หากอยากจะจัดการพวกที่ขี้เกียจย่อมต้องทําให้หนักเช่นนี้!

หากมีความขัดแย้งระหว่างพวกเจ้า พวกเจ้าต้องจัดการเอง อย่างไรเสียทํางานเสร็จถึงจะได้รับเงิน!

หากเป็นเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดเลือกจุดผิดพลาดเพื่อโต้แย้ง รอจนถึงวันถัดมา ทุกคนต้องมารวมกลุ่มกันเอง!

หยุนเวียนเถียนเห็นอย่างชัดเจนว่ากลุ่มนี้มากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับญาติพี่น้อง! บางครั้งมีไม่

ที่ไม่ไว้หน้าญาติของตนเอง ดังนั้นพวกเขาควรหาคนที่ทํางานอย่างจริงจังมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม! – สําหรับเรื่องนี้หยุนเถียนเถียนยืนดูโดยไม่ปริปากและรอจนเจิ้นผิงเหอมอบหมายภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขาขึ้นมาควรไล่กลับบ้านไปจะดีกว่า! แต่ถ้าเกิดมันขึ้นกับข้าคนกลุ่มนี้ไม่ว่าผู้ใดจะถูกไล่ออกไปทันที!”

“แน่นอน คนที่ทํางานอย่างซื่อสัตย์ควรรู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาทั้งวัน หลังจากทํางานเสร็จย่อมรู้สึกว่ามันยังมีเวลาเหลือเฟือ ดังนั้นเรื่องงานต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนคิดเงินให้พวกเจ้าเอง!”

หยุนเถียนเถียนพูดจบจึงหันหลังเดินจากไป ผู้ใดจะรู้ว่ายังไม่ทันออกจากแปลงนั้น ร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งได้ปรากฏอยู่ตรงมุมหนึ่งของกําแพงและเมื่อเพ่งมองก็คล้ายจะเป็นเอ้อหยามิใช่หรือ? ลูกสาวของคู่ชิว!

นั่นคือผู้ที่หลอกตนเองขึ้นไปหาเฉินเฉินบนภูเขา!

หยนเถียนเถียนยิ้มพร้อมหันหน้าไปมองเซินสิ่งที่อยู่ด้านข้าง “สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา ให้คนคอยจับตาดูนางเอาไว้ให้ดี!”

เซิ่นสิงเกาหัวอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าเด็กผู้นี้อายุยังน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่สวมอยู่ยังเต็มไปด้วยรอยปะชุนและดูราวกับว่านางขาดสารอาหาร เด็กน้อยเช่นนี้ทําให้คุณหนูของตนหวาดกลัวได้อย่างไรกัน?

เมื่อหยุนเกียนเถียนรู้ว่ามีคนคอยดูเอ้อหยาแล้ว จึงไม่สนใจนางอีกต่อไป! จากนั้นนางหันกลับไปหาป้าจเพื่อสอบถามว่ามันเทศมีมากน้อยเพียงใด เนื่องจากนางต้องเริ่มทําแป้งจากมันเทศ!

ครั้นนึกถึงชามก๋วยเตี๋ยวที่มีรสชาติจัดจ้านสักชาม แม้จะเป็นเพียงความคิดน้ําลายก็ไหลย้อยออกมาแล้ว!

ห้องใต้ดินเต็มไปด้วยมันเทศที่มีน้ําหนักหลายพันชั่ง!

ป้าจที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเขินอาย “หากมันเทศมากมายถึงเพียงนี้ขายไม่ออก เรากินจนถึงปีหน้าคงยังไม่หมดหรอก! หลายวันมานี้พวกเด็กเวรบ่นว่าไม่อยากกินมันเทศแล้ว แต่ถ้าหิวมันเทศก็เป็นของดีเหมือนกัน!”

หยุนเกียนยิ้มไม่สบายใจแล้วพูดขึ้นว่า “กินของซ้ํา ๆ เพียงอย่างเดียว คนเราย่อมเบื่อเป็นเรื่องธรรมดา! ท่านวางใจเถิด เมื่อข้าทําของใหม่ออกมา ถึงตอนนั้นแม้พวกเจ้าอยากกินมันเทศก็คงไม่กล้า เพราะต้องการเก็บไว้ขายแลกเงิน!”

พอป้าจได้ยินเรื่องหาเงินดวงตาจึงเปล่งประกาย เพราะจํานวนคนในบ้านมีมากมายและต้องกินต้องใช้ โดยเฉพาะหลาน ๆ ที่กินเยอะมากแต่ไม่สามารถทํางานได้!

“ได้! เถียนเถียน บอกมาว่าต้องทําอย่างไรบ้าง ข้าจะเรียนรู้มัน!”

หยุนเกียนเถียนกลับมีสีหน้าจริงจัง “ท่านป้าใหญ่ ของเช่นนี้ดีที่สุดคือเราต้องทําแบบพิเศษจะดีกว่า! ดังนั้นวิธีการทําต้องเป็นความลับและห้ามผู้อื่นล่วงรู้เด็ดขาด! มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นของไร้ค่า!”

ดวงตาของป้าจเคร่งเครียดและรีบพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเจ้าไม่วางใจจริง ๆ ก็ให้คนอื่นมารับผิดชอบเถิด! สัญญาขายตัวอยู่ในมือเจ้า สบายใจได้!”

“เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้สึกลําบากใจ แม้ป้าใหญ่ยินดีที่จะรับใช้เจ้า แต่สุดท้ายข้าย่อมไม่มีความรู้อันใดเลย! แม้ข้าจะพยายามช่วยเจ้า แต่บางครั้งก็ทําอันใดไม่ได้”

หยุนเถียนเถียนไม่ได้บอกการตัดสินใจของตัวเอง แต่กลับให้ป้าจหาคนสองคนมาขนมันเทศใบใหญ่ออกมา แล้วให้คนล้างให้สะอาด!

หยุนเสียนเถียนกําลังดื่มชาอยู่ในลานหน้าบ้านอย่างสบายอารมณ์ และมีจิ๋นเหยียนอยู่ด้านข้างตอนนั้นเองคู่ชิวเดินเข้ามา!

รองเท้าของคู่ชิวยังเปื้อนดินอยู่ไม่น้อย คิ้วของหยุนเถียนจึงขมวดเข้าหากัน จากนั้นค่อยคลายออกอย่างรวดเร็ว!

“เถียนเถียน! งานของข้าเสร็จสิ้นแล้วเจ้าช่วยบอกให้คนแบ่งงานให้ข้าทําอีกได้หรือไม่!”

หยุนเถียนเถียนหันหน้าไปหาเฉินผิงเหอ และขอให้หลานชายตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างออกไปดูให้ที! จากนั้นหลานชายตัวน้อยวิ่งกลับมาพร้อมกล่าวว่า “พื้นดินถูกพลิกฟื้นแล้วจริง ๆ ด้วย!”

เฉินผิงเหอจ้องมองหยุนเถียนเถียนที่ยังคงมองหน้ากัน “คู่ชิว! ที่ดินที่ข้าจัดสรรให้เจ้าคือส่วนที่ ต้องใช้แรงงานที่แข็งแกร่ง! แต่ค่าแรงของเจ้าได้เท่ากับพวกเขา แต่ถ้าเจ้ายังคงทํามันต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าจะทนได้หรือไม่! และหากมีปัญหาใด ๆ เราไม่สามารถจ่ายได้?”

หยุนเวียนเถียนเบิกตามองคู่ชิว เพื่อดูว่านางคิดจะทําอันใดกันแน่!

คู่ชิวถอนหายใจยาว หลังจากนั้นขอบตาพลันแดงก่ําพูดไปก็สะอึกสะอื้น! “แต่ข้าชินกับมันแล้ว! หากกลับไปเร็วเพียงนี้ ไม่แน่ว่าแม่สามีจะไม่ยอมให้ข้ากินแม้แต่ข้าว!”

หยุนเกียนยิ้มแฝงความหมาย “งานของเจ้าทําเสร็จแล้ว หาเงินได้มากกว่าคนอื่น! แม่สามีของเจ้าควรเอาเจ้าขึ้นหิ้งบูชาถึงจะถูก แต่กลับกล้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมนางป่วยเป็นโรคสมองหรือเปล่า!?

คู่ชิวเหมือนกําลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง จากนั้นนางเริ่มร้องไห้ “หลายปีมานี้ชีวิตข้าลําบากมาก เพราะให้กําเนิดได้เพียงลูกสาว!”

ตอนที่ 396 หยุนเวียนเลี้ยงแขก

ป้าจพูดอย่างเป็นกังวลขึ้นมาว่า “เถียนเถียน เจ้าเชื่อใจพวกเรามาตลอด ดังนั้นเราจะพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา! ข้าอยากจะเชิญคนที่เจ้าอาจไม่ชอบมาทํางาน!”

“คนนั้นคือคู่ชิว ผู้หญิงคนนี้ถูกแม่สามีกดขี่ข่มเหงจนชีวิตลําบากมาก แต่เพราะก่อนหน้านี้นางกับหลินชวนฮวามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน! ข้าจึงคิดว่าเจ้าคงไม่ชอบนาง!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเกียนเถียนไม่ลดทอนลง “ข้าเชื่อในสายตาของป้าใหญ่! นางจะต้องซื่อสัตย์อย่างแน่นอน! เนื่องจากนางผู้อื่นถูกกดขี่ ตราบใดที่รากฐานของนางไม่ได้เลวร้าย และตอนนี้หลินชวนฮวาไม่สามารถทําอันใดได้! ขอเพียงนางทํางานอย่างตั้งใจ อย่างอื่นย่อมไม่เป็นไร!”

“อันที่จริงผู้ที่ข้าไม่ชอบก็ใช่ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับข้าทุกคน! แต่คนที่นิสัยไม่ดีแน่นอนว่าไม่สามารถมาร่วมงานกับข้าได้”

“เช่นเดียวกับเฉินเต่ออันกับภรรยาของเขา ตราบใดที่เขาควบคุมพ่อแม่ของเขาไม่ให้ออกมาสร้างปัญหาได้ ข้าย่อมยินดีที่จะเชิญพวกเขามา! อย่างไรเสียสองคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอันใด!”

นางจถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งอก “ตอนแรกข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เต็มใจเสียอีก! คู่ชิวคนนี้ ทํางานได้อย่างคล่องแคล่วมาก! คนผู้นี้อาจจะพูดมากไปสักหน่อย! แม้นางไม่กล้าขัดขืนแม่สามี แต่ถ้าเรื่องนินทาลับหลังนางก็ไม่แพ้ผู้ใดเช่นกัน!”

หยุนเกียนเถียนพูดพลางส่ายหน้า “คนเราไม่มีผู้ใดที่ไม่มีข้อบกพร่อง แต่ข้อบกพร่องเช่นนี้คงพอให้อภัยกันได้ ไม่เป็นไร! แค่คอยระวังอย่าให้นางสัมผัสกับสิ่งที่ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้”

“ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนปากสว่าง ช่วยกันระวังหน่อยก็ดี!”

ป้าจพยักหน้า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนดี! ตอนที่นางมาบอกข้าว่าแม่สามีรังแกนาง และคิดอยากจะหาเงินค่าสินสอดให้ลูกสาวข้าจึงตอบตกลงไป!”

เมื่อกล่าวถึงบุตรสาวของคู่ชิว หยุนเถียนเถียนพลันนึกถึงเอ้อหยาทันที!

หญิงสาวที่หลอกตัวเองให้ขึ้นไปบนภูเขาด้วยข่าวของเฉินเฉิน การที่เด็กสาวคนหนึ่งกล้าทําเช่นนี้จะต้องอยู่ภายใต้คําสั่งการของคู่ชิวหรือหลินชวนฮวาอย่างแน่นอน!

หากนางถูกหลอกด้วย เด็กสาวคนนี้คงไร้เดียงสามาก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะถูกหลอก นางคงถูกล่อลวงด้วยผลประโยชน์! หญิงสาวที่ไม่เคยเห็นของมีค่ามาก่อน เมื่อได้เห็นสิ่งของหายากและอยากได้เป็นของตนเอง คงเต็มใจที่จะทํางานแทนคนผู้นั้นอย่างแน่นอน!

ความสามารถในการสั่งสอนบุตรสาวของคู่ชิวอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก!

แต่หากตอนนี้รีบไล่นางออกไป เกรงว่าคนอื่นอาจจะไม่เชื่อ เพราะอย่างไรเสียผู้คนล้วนเห็นอกเห็นใจคนอ่อนแอ! แต่คนเช่นนี้ถ้าอยู่ในโรงงานไม่ช้าก็เร็วจะต้อง…

แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่ภายนอกกลับพูดขึ้นมาว่า “แน่นอนว่าคนผู้นี้ใช้และสามารถทํางานได้แต่ของบางอย่างไม่ควรให้นางสัมผัส!”

“ท่านป้าใหญ่ ข้าบอกตามตรงว่า ข้าไม่เชื่อใจคู่ชิว! แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเชื่อข้า แต่ข้าจะไม่พูดอันใดจนกว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น! อย่างไรก็ตามข้าหวังว่าท่านสามารถระมัดระวังได้”

นางพยักหน้า ดูจากตอนนี้คงให้คู่ชิวช่วยทําฟาร์มเท่านั้นจึงยังไม่มีอันใดที่ต้องกังวล! แม้จะต้องรู้วิธีการปลูกข้าวสาลี หยุนเถียนเถียนคงไม่ได้ปิดบังเพราะทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้กันดี!

นอกจากคู่ชิวแล้ว ยังมีหลี่เสี่ยวเหอ คนเหล่านี้ล้วนต้องระวังให้มาก สิ่งนี้ในใจของแม่นางย่อมรู้ดี! ตอนนี้การดูแลชาวนาอยู่ในความดูแลของพวกเขา ส่วนโรงงานเบคอนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินไป!

จากนั้นหยุนเถียนเถียนทิ้งเฉินเฉินไว้ที่บ้านเพื่อเรียนทบทวนกับฉือโถว! ก่อนจะวิ่งไปดูพื้นที่ว่างเปล่าสําหรับทําการเกษตร! ตอนนี้มันเทศได้เก็บผลผลิตเสร็จสิ้นแล้วและกําลังปลูกข้าวสาลี!

ในปัจจุบันพื้นที่รกร้างยังคงมีแต่ความว่างเปล่า! เนื่องจากซากเถาวัลย์ของมันเทศถูกชาวบ้านลากกลับไปให้หมกินเป็นอาหาร สําหรับส่วนที่เหลือค่อยนั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วนําไปใส่ในดิน เพื่อใช้เป็นปุ๋ยต่อไป!

หยุนเสียนเถียนมองทุกคนก้มหน้าก้มตาทํางาน บ้างก็โบกจอบ บ้างก็หยิบข้าวสาลีออกมาจากตะกร้าในมือแล้วโปรยลงบนพื้นนา!

บางครั้งเหนื่อยพวกเขาจึงยึดตัวตรงเช็ดเหงื่อบนศีรษะ! แต่ผู้ที่ขี้เกียจมีจํานวนน้อยมาก เวลานี้หญิงสาวขมวดคิ้วขณะมองคนเกียจคร้านสองคนนั้น! ทว่านางไม่ได้พูดอันใด!

เมื่อหยุนเถียนเถียนกลับมาถึงบ้าน นางรีบตรวจสอบสมุดบัญชีในมืออย่างละเอียด! ทําให้พบว่าค่าตอบแทนของคนงานพวกนี้ไม่ได้ต่ํากว่าผู้อื่น! แล้วมันเกิดอันใดขึ้น?

จากนั้นนางจึงไปหาเฉินผิงเหอที่ดูแลงานแทนนาง ทว่าอีกฝ่ายมองไปยังหยุนเถียนเถียนอย่างลําบากใจ!

“แม่นางหยุน ที่จริงแล้วข้าเองย่อมรู้ว่าคนเหล่านี้ทํางานไม่ดีนัก และส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเรา! แต่ทุกคนล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้คนในหมู่บ้าน!”

“คนเหล่านี้มักขี้เกียจและเคยชินกับความเกียจคร้าน แม้ข้าอยากจะจัดการ แต่ต้องมีคนขอร้องแทนพวกเขาเสมอ! เพราะญาติพี่น้องของพวกเขาล้วนเป็นคนในหมู่บ้าน อันที่จริงคนเหล่านั้นขยันขันแข็งมาก หากเราไม่ต้องการหนึ่งในนั้น คนอื่นย่อมไม่ต้องการทํางาน ข้า…”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้ารับทราบ อย่างไรก็ตามชายชาวชนบทผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดคนงาน เขาจําต้องรับคนขี้เกียจเหล่านี้เข้าทํางาน!

แต่มันกลับเป็นสิ่งที่หยุนเถียนเถียนทนไม่ได้ อีกอย่างเฉินผิงเหอเป็นเพียงชาวนาธรรมดา เขาจะจัดการกับคนพวกนี้ได้อย่างไร?

“ข้ามีวิธี เมื่อฟ้ามืดท่านจงบอกให้คนงานทั้งหมดมารวมตัวกันที่โรงอาหาร ข้าจะเลี้ยงอาหารค่ําพวกเขาคืนนี้! จากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ใดกล้าเกียจคร้านและเล่นตุกติกอีก!”

“ท่านลุง ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อมีคนเกียจคร้านและเล่นไม่ซื่อ คนอื่น ๆ จะเริ่มไม่ยอมทํางาน! จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปคนเหล่านี้จะกลายเป็นคนที่รับเงินค่าแรงงานแต่ไม่ต้องทํางาน!”

เฉินผิงอันเดินออกไปด้วยความสงสัยและแจ้งกับบรรดาคนงานว่าคืนนี้เจ้าของบ้านจะเลี้ยงอาหารและให้ทุกคนไปกินด้วยกัน!

ตอนนี้ทุกคนรู้สึกดีใจมาก ในเมื่อเจ้าของกิจการต้องการเลี้ยงคนงาน อาหารบนโต๊ะย่อมเพียบพร้อม และแน่นอนว่าต้องมีอาหารมากมายให้กินอย่างอิ่มหนําสําราญ ต่อให้ไม่มีอย่างที่คิดอย่างน้อยการสามารถประหยัดอาหารได้สักมือก็นับว่าดีแล้ว!

การตัดสินใจอย่างกะทันหันของหยุนเถียนเถียนทําให้ในครัวเกิดความโกลาหล แม้จะมีมันฝรั่งชิ้นใหญ่ แต่ยังมีเนื้อผัดพริก! ตราบใดที่มีเนื้อในอาหารมันต้องเป็นที่ชื่นชอบอย่างแน่นอน!

คนในครัวมีความกระตือรือร้นในการปรุงอาหาร เพราะต้องการให้คนงานมีข้าวกิน จึงเป็นไปได้ยากที่คนในครัวจะมีน้อยลง?

คืนนั้นชายร่างใหญ่เดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารอย่างอารมณ์ดีและมองไปยังอาหารมากมายบนโต๊ะโดยมีหลายคนรีบวิ่งออกไปต้อนรับอย่างเชื่อฟัง!

หยุนเสียนเถียนสังเกตเห็นว่าผู้ที่กระโจนเข้าใส่อาหารก่อนเวลานั้นเป็นพวกเดียวกับผู้คนที่ขี้เกียจทํางาน!

ดังนั้นนางจึงหยิบชามที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วทุบลงกับพื้นเสียงดังเพลง เมื่อชามแตกทุกคนในโรงอาหารจึงเงียบลง!

“มาทํางานที่บ้านของข้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎของบ้านข้าด้วย! จงนั่งลงและเตรียมตัวสําหรับอาหารค่า!”

หยนเถียนเถียนไม่มีอํานาจที่จะพูดเช่นนั้น แต่อย่างน้อยยังมีคนเก่าแก่สองคนอยู่ที่ด้านข้าง!

“สาวน้อย เจ้าจะรู้อันใด? เราเหน็ดเหนื่อยกับการทํางานมาทั้งบ่าย! หรือว่าการกินข้าวเพียงเล็กน้อยจะเป็นเรื่องที่ผิด?”

ตอนที่ 395 แผนการ

ในอดีตภรรยาของเฉินซึ่งมิได้เป็นคนเช่นนี้ และตั้งแต่บุตรสาวตาย นางจึงกลายเป็นคนใจร้ายขึ้นมา!

ตอนแรกภรรยาของเต่ออันยังสามารถอดทนกับแม่สามีผู้นี้ได้ แต่วันนี้หญิงชราเริ่มล่วงเกินผู้อื่นโดยไม่รู้จักแบ่งแยก!

เดิมที่หลินหูชอบหญิงสาวที่งดงามเช่นหยุนเถียนเถียนอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้หญิงชรามีความกล้าตั้งแต่ตอนนั้น!

ทุกวันนี้หัวใจของภรรยาเฉินซึ่งแตกต่างจากคนปกติไปแล้ว เพราะในใจคงคิดถึงแต่บุตรสาวที่ตายไปแล้วผู้นั้น

“แม่สามี ข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่งและไม่กลัวตระกูลหยาง! ท่านแม่ แต่เราไม่อาจทําให้แม่นางหยุนขุ่นเคืองได้ ตอนนี้ผู้อื่นมีฐานะร่ํารวยแล้ว แต่เรายังเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาอยู่!”

“ตระกูลหยางมีอิทธิพลมาก หากเราล่วงเกินพวกเขา ตระกูลของเราก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีได้! เฉินเต่ออัน ท่านและข้าถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน! ข้ายังไม่สามารถทําอันใดได้ในภาวะวิกฤตเช่นนี้! ดังนั้นท่านแม่ต้องคิดอย่างรอบคอบถึงลูกชายตนเองด้วย!”

เฉินเต่ออันเดินออกมาด้วยสีหน้าหม่นหมอง “แม่นางหยุนวางใจเถิด ข้าจะพาท่านแม่กลับไปเดี๋ยวนี้! ดังนั้นโปรดอย่าถือสา!”

หยุนเถียนเถียนยักไหล่ “สองสามีภรรยาคู่นี้นับว่าไม่เลว แต่น่าเสียดายที่มีแม่เช่นนี้! แน่นอนว่าข้าจะไม่แก้แค้นเจ้าเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ สําหรับเรื่องที่หลินห์ถูกทุบตีจนหักขามันเป็น เพราะตัวเขาเอง!”

“หากเจ้าต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกเขยผู้นี้ ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่สามารถทําให้เจ้าสมหวังได้ เหตุใดข้าจะไม่กล้าพาพวกเจ้าไปที่บ้านตระกูลหยาง? เมื่อไปถึงพวกเจ้าจงพูดกับพวกเขาให้ดี!”

เฉินเต่ออันก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว “มิกล้า! หลินฟูสมควรแล้ว!”

พูดจบแล้ว เขารีบลากมารดาตัวเองให้หันหน้าหนีทันที! ทว่าภรรยาของเฉินซึ่งยังคงไม่ยอมเลิกรา นางพยายามดิ้นรนพลางตะโกนว่า “เจ้ามันใจร้าย มีเมียแล้วลืมแม่ น้องสาวเจ้าตายอย่างน่าอนาถเพียงใด เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”

เฉินเต่ออันพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หรือว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนางกับสามีเป็นการบีบบังคับของแม่นางหยุน? ข้ายอมน้องสาวคนนี้มาตลอด แต่ผู้ใดใช่ให้นางทําเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นนี้?”

“ข้ายังมีภรรยาและลูกอีกสองคน ข้าไม่มีความสามารถอื่นใดเลย ดังนั้นข้าต้องสนับสนุนนาง! ท่านแม่! หากท่านรักข้าจริง ก็อย่าสร้างปัญหาให้ข้ามิได้หรือ?”

จากนั้นผู้คนรอบข้างต่างไม่ได้ยินสิ่งที่สองแม่ลูกสนทนากันอีก อย่างไรก็ตามหยุนเถียนเถียน ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด หญิงสาวทําเพียงยิ้มเยาะและมองผู้คนที่กําลังมุงดูอยู่ “ข้ารู้ว่าในใจของพวกเจ้ากําลังคิดอันใดอยู่!”

“ข้าไม่สนใจเรื่องอื่น จากนี้หากมีผู้ใดกล้าพูดจาไม่ดีต่อหน้าข้าอีก! จงอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

หยุนเถียนเถียนพูดจบจึงหันหลังเดินเข้าไป! ทว่าเท้าของจิ๋นเหยียนที่อยู่ด้านหลังกระแทกเข้ากับแผ่นหินอย่างรุนแรง ทําให้แผ่นหินปูนแตกเป็นรอยแยกในพริบตา!

ส่งผลให้ผู้คนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว! ขณะที่ใบหน้าของจิ๋นเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ยิ่งเขายิ้มมากเท่าใด มันกลับยิ่งทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น!

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าทําอันใดอีก จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งได้เดินเข้าไปในคฤหาสน์!

เมื่อเข้ามาถึงสถานที่ซึ่งผู้คนด้านนอกไม่สามารถมองเห็นได้ เซ็นสิ่งจึงปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาทันที!

“โอ้ว ขากลั้นใจตัวเองเอาไว้ตั้งนาน คุณหนู ท่านไม่รู้หรือว่าเมื่อครู่ข้าอยากจะเข้าไปทุบตีผู้หญิงคนนั้นมากเพียงใด! คงจะดีกว่าหากเราเย็บปากของนางได้!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดีกับอารมณ์ของนาง! มีผู้หญิงไม่กี่คนที่นี่ที่มีเหตุผลอย่างแท้จริง หากต้องการทําเช่นนั้นเจ้าคงต้องเย็บปากผู้หญิงทั้งหมู่บ้านด้วย!”

ทว่าป้าจี้กลับยิ้มอยู่ด้านข้าง “แต่ท่านห้ามเย็บปากข้าเด็ดขาด! เพราะข้าไม่เคยบอกว่า เถียนเถียนของครอบครัวข้าไม่ดี!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มกว้างอยู่ด้านข้าง “ต่อให้ต้องเย็บปากทุกคน ข้าคงไม่กล้าปิดปากท่านหรอก มิฉะนั้นท่านพี่คงไม่ยอมปล่อยข้าไปแน่!”

เมื่อกลุ่มคนมาถึงห้องโถงใหญ่ขณะพูดคุยและหัวเราะ ตรงหน้ามีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหาร

ป้าจี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งใจจะรับลมล้างมลทินแทนนาง แต่เสียดายที่ใต้หว่างมือนี้ไม่ค่อยใจกว้างเท่าไหร่! ดังนั้นข้าสามารถยิ้มดอกไม้เพื่อถวายพระพุทธรูปและใช้ของของคุณเอง!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “ช่วงนี้ท่านไม่ได้ให้พวกนางปลูกมันเทศหรอกหรือ? มีปัญหาอันใด? หรือว่าการเก็บเกี่ยวไม่ดี?”

ป้ายิ้มอย่างจนปัญญา “เฮ้อ! การเก็บเกี่ยวไม่ดีมาก! หนึ่งไร่สามารถปลูกมันเทศได้เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยกิโลกรัมเท่านั้น! และมันเทศจํานวนมากไม่สามารถขายได้ในช่วงนี้! เราจึงเก็บมันเทศไว้ ในห้องใต้ดินทั้งหมด เราทุกคนต้องถิ่นมันเทศแทนข้าวแล้ว เพราะมันช่วยประหยัดได้มาก!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างไม่สบายใจ “เดิมที่ข้าคิดว่าของสิ่งนี้ได้ผลผลิตดี แถมยังปลูกง่ายอีก! ตอนนี้คิดไม่ออกว่าจะทําอย่างไรดี! ข้าเองได้ยินคนพูดว่าช่วงนี้มันเทศในตลาดขายไม่ค่อยดีจึงกลับมาดูเพื่อคิดหาวิธีให้พวกท่านด้วย!”

“ท่านป้าท่านวางใจเถิด ข้าสามารถจัดการเรื่องมันเทศให้ท่านได้! ท่านสามารถมั่นใจได้ว่าเราสามารถขายได้ในราคาที่ดี!”

ป้าจพูดด้วยความประหลาดใจว่า “เป็นเช่นนั้นก็คงดี เจ้าไม่รู้หรอกว่าหลาน ๆ ในบ้านข้าทุกคนล้วนตะโกนว่าไม่อยากกินมันเทศแล้ว! แต่เดิมการกินอาหารให้อิ่มท้องเป็นสิ่งที่ดี! แต่มันเทศนี้กินมากเกินไปมันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ขอข้าพักให้หายเหนื่อยก่อน ข้าจะคิดหาวิธีให้ทันกําหนดเดือนหน้า เราจะต้องขายมันให้ได้ราคา!”

ป้าจี้รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ได้กําไรไม่น้อย อันที่จริงแล้วถึงแม้นางจะขอบคุณหลานสาวคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงความขอบคุณได้อย่างไร! และแม้แต่เสียงที่พูดยังเริ่มสันเทา!

จากนั้นเฉินปิงและคนด้านข้างได้ยกแก้วสุราขึ้นมาอย่างอย่างนอบน้อม “ข้าเรียกตัวเองว่าลุงใหญ่แต่ยังเอาเปรียบเจ้า อย่างไรเสียฐานะของเจ้าย่อมไม่ธรรมดา! แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่าคนแก่ เช่นข้าจะต้องพึ่งพาเจ้า จากนี้อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ในหมู่บ้านนี้ไม่ว่าจะทําอันใด ขอเพียงเจ้าพูดประโยคเดียว ท่านลุงใหญ่จะจัดการแทนเจ้าเอง!”

หยนเถียนเถียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าร์ ช่วงนี้ต้องขอบคุณพวกท่านที่ช่วยดูแลคฤหาสน์แห่งนี้! ข้าจะขายมันเทศให้พวกท่านและสร้างรายได้สําหรับตัวเองด้วย!”

“ข้าจะหาสถานที่สร้างโรงผลิตละแวกนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะรับซื้อมันเทศจํานวนมาก! จากนั้นคงต้องเปิดร้านข้างนอกเพื่อขายมันเทศนี้โดยเฉพาะ!”

หยุนเถียนเถียนวาดแผนการในใจของตัวเองพลางลิ้มรสความอร่อยจากตะเกียบในมืออย่างเพลิดเพลิน!

ทันใดนั้นเฉินผิงเหอรู้สึกตกใจกับผลกําไรก้อนใหญ่ของหยุนเสียนเถียน! ครั้งนี้เด็กคนนี้ช่วยคนในหมู่บ้านได้มากพอแล้ว! เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกคนไม่จําเป็นต้องออกไปข้างนอกย่อมมีงานทํา ดังนั้นต้องถือว่าคนในหมู่บ้านโชคดีแล้ว!

“แต่ข้าขอแจ้งเรื่องที่น่ารังเกียจก่อน! คนในหมู่บ้านอยากรวยกับย่อมได้ แต่คนกลุ่มที่มากเกินไปข้าคงรับไม่ไหว! ท่านป้าใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านเป็นพวกปากแข็งแต่ใจกลับอ่อนยวบเป็นพิเศษ ทว่า สําหรับผู้ที่ไม่เคยหวังดีกับพวกเรา ข้าไม่คิดจะมองพวกเขาอีก!”

เฉินผิงเหอและพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําเล่าเมื่อเห็นว่าสิ่งนี้เป็นของหยุนเถียนเถียน ดังนั้นแน่นอนว่านางอยากเชิญผู้ใดย่อมเชิญได้

นิยาย สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 394 เจ้าเป็นคนสั่งการ

หากกล่าวตามตรง หลังจากมู่หรงหยุนเคอจากไปแล้ว หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกใจหายเช่นกัน! อย่างแรกทั้งสองไม่ทราบว่าเมื่อใดถึงจะได้พบกันอีก ส่วนอีกเรื่องคือนางรู้สึกว่าการเดินทางของมู่หรงหยุนเคอเต็มไปด้วยอันตราย!

ทว่าไม่นานนักนางตระหนักว่าตนไม่มีเวลามานั่งครุ่นคิดเรื่องเช่นนี้อีกต่อไป เมื่อคนรับใช้ในบ้านเริ่มเก็บสัมภาระเตรียมกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดาบ้างแล้ว แม้ที่ดินรกร้างที่เพิ่งซื้อมาก่อนหน้านี้จะอยู่ในทางหมู่บ้านเทพธิดาก็ตาม แต่อย่างไรอีกส่วนหนึ่งก็อยู่ในหมู่บ้านอื่นอยู่ดี!

นี่คือการซื้อภูเขาทั้งลูก! แม้จะมีหมู่บ้านเรียงรายอยู่ที่ตีนเขา แต่พื้นที่บนภูเขากลับเป็นที่รกร้างว่างเปล่า!

ป้ารู้ว่าหยุนเถียนเถียนกําลังจะกลับมาจึงคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดจากชาวบ้านแถวนี้ จากนั้นจึงทําความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วเปลี่ยนผ้าปูที่สะอาดสะอ้าน!

“ข้าไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะชอบหมู่บ้านเล็ก ๆ ของเราหรือไม่! แต่ถือว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้นางแล้ว!”

ป้าจี้พึมพําพลางเปลี่ยนชุดน้ําชาบนโต๊ะซึ่งเป็นชุดน้ําชาที่ซื้อมาใหม่!

บัดนี้หยุนเถียนเถียนถูกรับตัวมายังเรือนแล้ว! ฝ่ายเฉินผิงเหอที่กําลังดูแลคนรับใช้ที่ซื้อมา รวมถึงคนงานที่เชิญกลับมาสร้างกําแพงบนภูเขา!

เฉินผิงเหอได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่จะปลูกมันเทศกับข้าวสาลี แต่นางยังอยากเลี้ยงไก่ที่นี่ด้วย!

พื้นที่บนภูเขาซึ่งรกร้างราวสองร้อยหมู่บ้านถึงกับต้องล้อมกําแพงไว้ ถึงแม้จะเป็นเพียงอิฐชนิดธรรมดาแต่ต้องใช้เวลาสร้างมิใช่น้อย!

ส่วนเงินที่ใช้สร้างบ้านและซื้อข้าวของทั้งหมด ผู้อื่นย่อมไม่รู้ว่าเด็กสาวผู้นั้นไปเอาเงินมาจากที่ใด! นางจี้รู้สึกไม่แน่ใจเช่นกันเนื่องจากไม่ได้เจอกันมาครึ่งปีแล้ว จึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นแบบใดกันแน่!

ป้าจีนึกถึงเฉินผิงอัน ผู้ชายโง่เขลาทั้งชีวิต! ตอนนี้มีอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ราวกับกําลังเมามายและปากยังคงพร่ําบ่นเกี่ยวกับหยุนจึงเอ่ออยู่!

ตั้งแต่ตอนที่สูญเสียนางไปทําให้รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง! เมื่อได้ยินคนซุบซิบนินทาหยุ นเถียนเถียนเป็นครั้งคราว เฉินผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีจํานวนเท่าใด เขารีบกระโจนเข้าไปต่อยผู้คนในทันที!

ตอนนี้คนเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังคงนอนอยู่ที่บ้านเพื่อพักฟื้น!

ไม่รู้ว่าเถียนเถียนจะคิดอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวนี้!

ขณะที่นางกําลังตะลึงงัน ทันใดนั้นมีเสียงโห่ร้องดังมาจากหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน “แม่นางหยุนกลับมาแล้ว รีบเปิดประตูเร็วเข้า! มาเร็ว!”

ป้าเก็บอาการบนใบหน้าตัวเองแล้วรีบวิ่งตามออกไปทันที!

หยนเถียนเถียนเป็นสตรี ดังนั้นนางจึงชอบแต่งตัวเหมือนหญิงสาวคนอื่น! แม้จะเพียงตกแต่งอย่างลวก ๆ แต่ด้วยใบหน้าอันงดงามที่ฟ้าประทาน ทําให้นางดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป!

หญิงสาวกระโดดลงมาจากรถม้า และด้านหลังยังมีองครักษ์กับสาวใช้ผู้หนึ่งติดตามมาด้วย! ดูเหมือนคนในหมู่บ้านจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างนางกับตนเอง ทําให้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดอันใดอีก เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินหยุนเวียนเถียนในตอนนี้!

เมื่อหยุนเถียนเถียนลงจากรถม้า แวบแรกที่เห็นคือท่านป้าใหญ่คนนั้น และผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างยังมีเฉินผิงเหอซึ่งเป็นคนพูดน้อยยืนอยู่ด้วย!

“ท่านป้าใหญ่! ท่านลุง!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มทักทาย ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสามคนมีความห่างเหินกันมากขึ้น!

เวลานี้ดวงตาของป้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ําตา เพราะเพียงปีเดียวหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งได้กลายเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่!

“เถียนเถียน เหตุใดเจ้าถึงกลับมา? แล้วหยุนเคออยู่ที่ใด?”

ประกายแสงในดวงตาของหยุนเถียนเถียนพลันดับวูบลง “แน่นอนว่าเขาต้องยุ่งอยู่กับธุระอื่น ท่านป้าใหญ่วางใจได้ เขาจากไปเมืองหลวงสักพัก อีกไม่นานก็กลับมา เมื่อเฉินเอ่อเข้าสอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงครั้งหน้า ข้าจะต้องไปเมืองหลวงเช่นกัน”

ถึงแม้ป้าจจะไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่ในตอนนี้หยุนเถียนเถียนดูสดใสและมีชีวิตชีวา ซึ่งดูเหมือนไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนแต่อย่างใด!

“ดีแล้ว! หมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นแล้ว สุดท้ายเจ้าคงต้องอยู่ที่นี่ จะได้จัดการกับคนงานที่เชิญกลับมา”

แม่นางจี้พูดพลางพาคนเข้าไปในหมู่บ้าน!

ในเวลานี้เสียงที่ไม่ลงรอยกันดังมาจากฝูงชน “โอ! นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนผู้สูงศักดิ์ของพวกเราหรอกหรือ? โอ้ว้าว! ลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วแม้นางจะเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสเท่านั้น! หรือเป็นลูกสาวที่คลอดออกมาตอนที่ยังไม่แต่งงาน!”

ด้วยเสียงนั้นทุกคนจึงหันหน้าไปทางภรรยาของเฉินซ่ง เพราะการตายของเฉินไฉ่อ จิตวิญญาณของผู้หญิงคนนี้จึงเต็มไปด้วยความแค้น ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางจะต้องชําระแค้น!

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินดังนั้นทําให้ไม่อาจนิ่งเงียบต่อไปได้! ขณะที่ภรรยาของเต่ออันที่อยู่ด้านข้างพยายามจะดึงอีกแม่สามีไว้หลายครั้ง จากนั้นหญิงสาวยังคงก้าวออกมาโดยไม่แยแส

“ภรรยาของเฉินซ่ง เจ้าจะพูดให้เกิดอันใดขึ้นมา? หากไม่พูด คงไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าเป็นใบ้”

หยนเถียนเถียนกลับมายิ้มราวกับไม่สนใจ “เป็นลูกนอกสมรสก็เป็นลูกเหมือนกัน อย่างไรเสีย ตอนที่อยู่ในท้องข้าคงไม่มีทางเลือกชาติกําเนิดตนเองได้!”

“คนบางคนมีพ่อแม่เลี้ยงดู แล้วเหตุใดโตขึ้นมาถึงยังทําตัวไร้ยางอาย? ตอนแรกหมั้นหมาย แล้วยังมาขวางทางรถม้าของนายน้อยใหญ่ไว้เพื่อแนะนําตัวเอง หลังจากแต่งงานแล้วยังไปพบปะกับผู้ชายคนอื่นอีก!”

“สุดท้ายก็แต่งงานใหม่ แล้วยังมีเรื่องพัวพันกับพ่อสามีของตนเองอีก! ผู้หญิงเช่นนี้แม้แต่ลูกสาวนอกสมรสเช่นข้ายังไม่สามารถเทียบได้!”

ภรรยาของเฉินซ่งโกรธจนกัดฟันกรอด “นังแพศยาอย่างเจ้า เหตุใดถึงไม่รีบไปตายซะ ครอบครัวของเราช่วยเหลือเจ้ามากมายเพียงนี้ แต่เจ้ากลับหลอกพวกเราได้ ตอนแรกลูกสาวของข้าต้องแต่งงานกับหลินห์ แล้วเจ้ากลับสั่งให้คนมาหักขาของหลินห์!”

หยุนเถียนเถียนที่คิดจะเดินอย่างสบายใจพลันหยุดฝีเท้าลง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าสั่งให้คนหักขาของหลินห์?”

“แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า? ตอนที่เจ้าเดินกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหยาง ทุกคนล้วนเห็นมัน! เจ้าแค่เกลียดลูกสาวข้าที่ทําร้ายเจ้ามิใช่รึ? แต่สุดท้ายแล้วเจ้าก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมหักขาหลินห์ด้วยตนเอง!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะบอกความจริงให้ฟัง ก่อนที่หลินห์จะถูกหักขา ข้ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลหยางผู้นั้นคงไม่สามารถรู้จักกันได้ ต้องขอบคุณหลินหูที่เสียสละขาหนึ่งข้าง มิฉะนั้นข้าจะรู้จักคุณหนูตระกูลหยางผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร?”

ประโยคนี้เป็นความจริง หากไม่ใช่เพราะขาหักของหลินหู คุณหนูหยางคงไม่ถูกบังคับให้แต่งงาน และนางคงไม่เห็นหยุนเถียนเถียน ที่ตามหยุนเคอไป!

“คุณหนูหยางผู้สูงศักดิ์อันใด? เห็นได้ชัดว่านางเป็นแค่คนชั้นต่าที่ชอบมั่วกับผู้ชาย!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มหวาน “ข้ารู้สึกแปลกใจเสียเหลือเกิน แม้แต่พ่อแม่ที่แท้จริงของหลินห์ยังไม่กล้าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับแม่นางหยางต่อหน้าข้า! เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นแม่ยายที่เยี่ยมยอดจริง ๆ ที่กล้าออกหน้าเพื่อลูกเขยของตัวเอง คงไม่กลัวที่จะล่วงเกินตระกูลหยางสินะ!”

คราวนี้ภรรยาเต่ออันทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงรีบปล่อยมือที่คล้องแขนแม่สามีไว้ “ท่านแม่! ตั้งแต่เกิดเรื่องกับน้องสะใภ้ ข้ากับสามีไม่เคยปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรม! แต่เหตุใดท่านต้องสร้างปัญหาให้กับบ้านเราด้วย?”

นิยาย สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 393 มือสังหารตื่นตระหนก

หยุนเถียนเถียนยักไหล่ “นั่นคือปัญหาของเจ้า! แต่ตอนนี้มีเรื่องที่จะต้องตกลงกันก่อนว่า ธุรกิจไม่ได้เป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว หากมีปัญหาเกิดขึ้นจริงและส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของข้ารับรองว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”

หลี่ซื่อฮวาแบมืออย่างจนปัญญา “ดูท่าแล้ว ข้าคงไม่มีโอกาสออกจากเมืองเพื่อตามเจ้าไป! แต่เอาเป็นว่า รอให้ข้าจัดการเรื่องที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปพบเจ้าที่ฟูเฉิง แต่ไม่ว่าเจ้าจะค้นคว้าอะไรใหม่ ๆ ได้ ผู้ที่จะมาร่วมงานกับเจ้าคนแรกต้องเป็นข้าเท่านั้นจําได้หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะเสียงสดใสราวกระดิ่งเงินทันที “เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ข้าจะไปหาคู่หูที่เชื่อฟังและคบหาแล้วรู้สึกสบายใจเช่นนี้ได้จากที่ใดกัน!”

หลี่ซื่อฮวายิ้มอย่างจนปัญญาและลุกขึ้นยืนเพื่อพาอีกฝ่ายออกไปนอกประตู! เพราะหยุนเถียนเถียนยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับงานประมูลอีกหลาย

รายการที่อยากจะเล่าให้หลี่ซื่อฮวาฟัง ดังนั้นเมื่อเขาจากไปจึงเป็นเวลาที่โคมได้ถูกแขวนขึ้นที่สูงแล้ว!

ครั้งที่ซื้อบ้าน สิ่งที่สําคัญที่สุดคือความเงียบสงบ ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับมาจากที่

หยุนเถียนเถียนมองชายชุดดําสี่ห้าคนที่กําลังล้อมตนเองและอดที่จะสบถในใจไม่ได้ นี่ใครกัน? เหตุใดถึงต้องพากันมามากมายถึงเพียงนี้!

โชคดีที่คราวนี้นอกจากเฉินเฉินที่อยู่ข้างกายแล้ว หญิงสาวยังมีผู้ติดตามคอยสอดส่องเพื่อรักษาความปลอดภัยด้วย! โดยทั้งสองเป็นองครักษ์ลับของราชวงศ์ ซึ่งไม่ควรพ่ายแพ้นักฆ่าอย่าง พวกมัน!

ชายชุดดําเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ทราบที่มาที่ไปทั้งวาจาและการกระทําของพวกเขา จนกระทั่งประมือกันเป็นเวลาสักพัก จู่ ๆ ฝ่ายตรงข้ามก็ร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว “พวกเขาเป็นองครักษ์เงา! องครักษ์ลับของตระกูลมู่หรง!”

เซ็นสิ่งรู้สึกประหลาดใจจึงเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? ในเมื่อรู้ว่าพวกเราเป็นองครักษ์ลับของราชวงศ์ เช่นนั้นย่อมรู้ว่าผู้ที่อยู่ข้างหลังข้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถแตะต้องได้”

จากนั้นชายชุดดําต่างมองหน้ากันแล้วกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง! ครั้งนี้เซ็นสิ่งรู้สึกตกใจอย่างแท้จริง ในเมื่อคนเหล่านี้รู้ว่าเขาเป็นองครักษ์ลับของราชสํานัก แต่กลับกล้าลงมืออีก! เห็นได้ชัดว่าเขามีความมุ่งมั่นที่จะปลิดชีพ!

ในตอนนั้นเอง มู่หรงหยุนเคอเข้ามาต้อนรับ เนื่องจากเป็นห่วงหยุนเถียนเถียน และบังเอิญได้พบกับชายชุดดําที่กําลังปฏิบัติการลอบสังหารพอดี แม้วรยุทธของมู่หรงหยุนเคอจะสูงส่ง ทว่า เพียงสองหมัดย่อมยากที่จะต่อกรกับฝีมือ ส่งผลให้บุรุษผู้นี้ถูกผลักออกไปในพริบตา!

มู่หรงหยุนเคอกาวยาว ๆ ไปข้างหน้าพร้อมดึงกระบอ่อนที่เอวออกมา

ในเวลานี้ชายชุดด่าที่เป็นผู้นําเบิกตากว้างอีกครั้ง “อ่องล่วย!”

ด้วยเหตุนี้จึงพาชายชุดดําที่อยู่ด้านข้างเกิดอาการตกใจไปด้วย! ชายคนหนึ่งถึงกับหน้าเปลี่ยนสีขณะหันไปรอบ ๆ ก่อนจะหายตัวไปในความมืด!

มู่หรงหยุนเคอไม่คิดจะไล่ตาม แต่วิ่งไปหาหยุนเถียนเถียนด้วยความเป็นห่วง “เถียนเถียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

หยุนเสียนเถียนขมวดคิ้วพร้อมมองชายชุดดําที่นอนตายอยู่บนพื้นและรีบค้นตัวชายชุดดําผู้นั้น แต่กลับไม่พบหลักฐานอะไรเลย!

“คนเหล่านี้ไม่น่าเป็นคนของเจ้าเมืองหลวง เพราะหากใช่ คงไม่ประหลาดใจกับการปรากฏตัวของท่าน! และท้ายที่สุดคือเขาไม่เคยคิดที่จะสังหารเฉินเฉินเช่นนี้”

มู่หรงหยุนเคอพยักหน้าเล็กน้อย “ข้ารู้จักฝีมือองครักษ์ลับของตระกูลมู่หรงเป็นอย่างดี ข้าจึงมั่นใจว่าควรเป็นคนจากเมืองหลวง! เพียงไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ล่วงรู้ว่าเจ้ามีตัวตนทั้งยังส่งมือสังหารมา!”

เดิมที่จิ๋นเหยียนมักพูดมาก แต่ภายใต้คําสั่งของท่านอ๋องของเขาที่ห้ามพูดพล่ามไร้สาระต่อหน้าคุณหนูหยุนมากนัก ทําให้ต้องกลั้นหายใจอยู่นาน ยามนี้เขาพบช่องว่างที่สามารถแสดงความคิดเห็นจึงรีบกล่าวทันที!

“ท่านอ๋อง คนผู้นี้มาจากจวนอวหยางหรือไม่? อย่างไรเสียผู้ที่รู้ถึงการคงอยู่ของคุณหนูหยุนมีเพียงมู่หรงซื้อเท่านั้น!”

หยุนเถียนเถียนอึ้งชั่วขณะก่อนส่ายหน้า “มู่หรงป้อไม่ใช่ผู้ปากสว่าง และไม่มีผู้ใดรู้เกี่ยวกับการดํารงอยู่ของข้านอกจากคนของจักรพรรดิอวหยาง! แต่คนผู้นี้คงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะลงมือกับข้า!”

จีนเหยียนเลิกคิ้วขึ้น “ข้าพอจะมีเบาะแสบ้าง เนื่องด้วยมีคนกล่าวไว้ว่านิสัยของผู้หญิงนั้นขี้หึง หากมเหสีของจักพรรดิแห่งอวหยางรู้ว่าเจ้ามีตัวตนอยู่จริง นางคงต้องลงมือก่อน!”

“แม่ในสายตาของพวกเขา หยุนเพียนเพียนและมารดาของเจ้าจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ในเมื่อนางแต่งงานกับจักรพรรดิแห่งอวหยางมาหลายปี ข้าไม่เชื่อว่านางจะไม่สนใจสามีของตนเอง เมื่อพบว่ายังมีผู้หญิงคนอื่นซ่อนอยู่ในหัวใจเขา!”

เมื่อเห็นสีหน้าของหยุนเถียนเถียนเคร่งเครียด มู่หรงหยุนเคอจึงถลึงตาใส่ผู้ใต้บัญชาพร้อมกล่าวอีกครั้ง “หากเจ้าทําได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่ไปช่วยแม่นางหยุนสืบคดีของข้าหลวงเล่า?”

จินเหยียนอยากจะตบปากตัวเองซ้ําแล้วซ้ําเล่า แต่แล้วกลับถอยออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“เอาล่ะ! ไม่ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ เราย่อมพบมันในไม่ช้า! ช่วงนี้ข้าต้องกลับเมืองหลวง เจ้าจะอยู่ในเมืองหลวงนี้คงไม่ปลอดภัยนัก เช่นนั้นเจ้าจงตามข้าไป!”

หยุนเถียนเถียนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร! ท่านมีปัญหามากแล้ว การพาข้าไปด้วยก็รังแต่จะเป็นภาระเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายข้าเองยังมีเรื่องวุ่นวาย เอาเป็นว่าเจ้าทิ้งเซิ่นสิ่งไว้ปกป้องข้า แล้วท่านกลับเมืองหลวงไปจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเถิด!”

มู่หรงหยุนเคอลังเลเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่อยากแยกจากสาวน้อยผู้นี้ไป! แต่ทางเมืองหลวงยังมีเรื่องต้องทํามากมาย อีกทั้งสิ่งที่หญิงสาวตัวน้อยพูดย่อมมีเหตุผล เพราะการอยู่ที่นคงปลอดภัยกว่าการติดตามเขาไปเมืองหลวงเสียอีก!

“เถียนเถียน ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว แต่การปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าเองก็ไม่วางใจเช่นกัน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เจ้าเมืองหลวงคงไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า ดังนั้นเราไปเยี่ยมเขาอีกรอบเพื่อให้เขาปกป้องเจ้าจะดีกว่า!”

หยุนเถียนเถียนพูดอย่างจนปัญญา “ท่านไม่ต้องห่วง! เจ้าเมืองหลวงผู้นี้ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจทําอะไรกันแน่ การทิ้งคนของท่านไว้ข้างกายข้าย่อมวางใจได้เสียกว่า!”

มู่หรงหยุนเคอถลึงตาใส่จีนเหยียนอีกครั้งก่อนกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าไม่ไปหาเจ้าเมืองหลวงย่อมได้ เช่นนั้นเจ้าต้องรักษาวาจาและการกระทําให้รอบคอบทุกครั้งที่อยู่กับคุณหนูหยุน! และจงวางใจเถิด องครักษ์เงาข้างกายข้ามีมากกว่าสองตน! กล่าวให้ถูกคือเจ้าจงฟังให้ดี! หากยังกล้าพูดพล่อย ๆ ต่อหน้าคุณหนูหยุนอีก ครั้งหน้าหากพบเจ้า ข้าจะตัดลิ้นเจ้าแน่!”

จินเหยียนตัวสั่นงันงก จากนั้นจึงรีบปิดปากตัวเองแล้วถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหยุดฝีเท้าลง!

“นายท่านวางใจได้ ข้าไม่บังอาจอีกแน่!”

มู่หรงหยุนเคอมองหยุนเถียนเถียนอย่างจนปัญญา ทว่าแววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์! แต่เพื่อความปลอดภัยของทั้งสอง สุดท้ายเขาจําต้องกลับไปยังสถานที่แทบไม่อยากไปเหยียบมากที่สุด!

“นายท่านไม่ต้องกังวล อีกสองวันข้าจะพาเฉินเฮ่อกลับไปหมู่บ้านเทพธิดา! ที่นั่นข้าจะจ้างองครักษ์มาเพิ่ม คิดว่าคนในเมืองหลวงนี้คงไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น! เมื่อครู่ยังเห็นท่านอ๋องต้องการปกป้องข้า ทว่าวินาทีถัดมายังกล้าเข้าลอบสังหารข้าอีก นี่ไม่ใช่การแสวงหาความตายจากตัวพวกเขาเองหรอก?”

มู่หรงหยุนเคอยิ้มพลางพยักหน้าและหันมองจีนเหยียนด้วยแววตาดุดัน ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปในลานบ้านและควบม้าของตนเองออกไป!

ตอนที่ 392 จิตสังหาร

หารู้ไม่ว่าเมื่อจักรพรรดิแห่งอวหยางได้ยินคําพูดนี้กลับมีรอยยิ้มขมขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก! “ใช่ ข้าคงสุขใจยิ่งนัก! ทว่าเจ้าอย่าบังคับองค์หญิงเชียวล่ะ! เพราะบัดนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับองค์ หญิงทั้งนั้น และในฐานะพี่ชาย เจ้าควรดูแลและปกป้ององค์หญิงให้ดี!”

มู่หรงปื่อรู้สึกแปลกใจนัก เนื่องด้วยตามนิสัยของพระบิดาแล้ว หากมีเหตุการณ์เช่นนี้ท่านต้องเร่งนําคนพานางกลับมาไม่ใช่หรือ? แต่ทําไมจู่ ๆ ครั้งนี้ถึงยอมอย่างง่ายดาย?

“เสด็จพ่อ ความจริงแล้วกระหม่อมแก่กว่าน้องไม่กี่เดือนเองไม่ใช่หรือ? เหตุใดช่างต่างจากที่พระบิดาตรัสไว้ก่อนหน้านัก?”

ดวงตาของจักรพรรดิแห่งอวีหยางเป็นประกาย “นี่ยังสงสัยว่าข้าพูดเท็จอยู่อีกงั้นรึ? ข้าเคยกล่าวไปแล้วว่าเจ้าคลอดก่อนกําหนด ดังนั้นจึงแก่กว่าองค์หญิงอย่างไรเล่า! พอเถอะ! ข้าต้องการพักผ่อน เจ้าออกไปได้แล้ว!”

แม้ว่ามู่หรงป๋อจะยังสงสัยอยู่บ้าง ทว่าก็ยอมเดินออกจากห้องที่จักรพรรดิแห่งอวหยางใช้พักฟื้นแต่โดยดี!

ส่วนอีกมุมหนึ่งที่องค์ชายมองไม่เห็นนั้น มีสตรีสวมชุดหรูหราด้วยสีหน้าดูแคลนกําลังเหวี่ยงเสื้อพลางเดินจากไป!

“มเหสี! นั่นเป็นเพียงคนตายเพค่ะ อย่างไรก็ไม่มีทางสู้พระนางได้ แล้วเหตุใดถึง…”

ความจริงแล้วสตรีผู้สวมชุดหรูหรานางนี้คือพระมเหสีของจักรพรรดิแห่งอวหยางนั่นเอง ซึ่งมีพระนามว่าหยุนเพียนเพียนพระนางเป็นพี่สาวของหยุนจึงเอ่อ!

“ท่านแม่ กล่าวตามตรง ก่อนหน้านี้ข้าพอใจฝ่าบาทยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจึงไม่สนใจว่าฝ่าบาทจะยังมีหยุนจึงเอ๋ออยู่ในพระทัยหรือไม่! ทว่าหลายปีมานี้ ข้าและฝ่าบาทอยู่ด้วยกันแทบทั้งวันทั้งคืน! ข้าจึงตระหนักว่าจักรพรรดิคงลืมไปนานแล้ว!”

“ทว่าความจริงในพระทัยของฝ่าบาทยังจดจําเพียงหยุนจึงเอ่อ! ช่างน่าอิจฉาเสียจริง ทั้งที่น้องสาวข้าจากไปตั้งหลายปี แต่ยังสามารถครองใจฝ่าบาทได้จนถึงบัดนี้ ท่านแม่ดูสิ! นางเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านทว่าฝ่าบาทกลับเห็นนางราวกับสมบัติล่าค่า!”

“ไม่จริงเพคะ ท่านไม่ควรปล่อยไปเช่นนี้ เราต้องเรียกองค์รักษ์ลับของพี่ชายข้าให้ไปสังหารผู้หญิงคนนั้นแทน ในครานั้นเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงน้องสาวของท่าน เช่นนั้นท่านจึงไม่กล้าออกคําสั่งเอง แต่วันนี้เป็นเพียงเด็กสาวไม่มีหัวนอนปลายเท้า พระมเหสีไม่ควรพ่ายแพ้ให้กับนางเด็ดขาดเพคะ!”

แม่ของหยุนเพียนเพียนกล่าวอย่างทนไม่ได้ ฝ่ายหยุนเพียนเพียนจึงทําเพียงพยักหน้าตกลง!

หยุนเถียนเถียนที่อยู่ไกลจากฟูเฉิงไม่รู้ตัวเลยว่า เธอจะต้องถูกลอบสังหารในไม่ช้า…

บัดนี้เธอกลัวเพียงว่าเฉินเฉินจะยังวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หยุนเถียนเถียนจึงเรียกหยางยู่หรงและจางชิงเฟิงมาร่วมสังสรรค์กัน

แม้จางชิงเฟิงจะผ่านการสอบแต่เขาก็ยังโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเฉินเฉินไปไม่น้อยนั่นไม่ใช่เพราะเรื่องที่เสี่ยวเฉินเฉินถูกกระทํา แต่เป็นเพราะเขาไม่มีโอกาสได้แข่งขันกับเด็กคนนี้ต่างหาก!

เฉินเฉินฟื้นคืนสติกลับมาได้จากการสูญเสียครั้งนี้ เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา แม้จะได้ยินที่จางชิงเฟิงกล่าวทั้งหมดแต่ก็ยังไม่แสดงสีหน้าใดโต้ตอบ

เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฉินเฉินจึงทําให้หยุนเถียนเตียนโล่งใจขึ้นมาทันที ฉากนั้นสื่อให้เห็นว่าเขาเติบโตขึ้นมาก!

“เฉินเฮ่อ ยังมีเวลาอีกตั้งสามปี! เจ้าพร้อมจะอยู่ในสํานักแห่งฟูเฉิงตลอดเวลาแล้วหรือไม่? ”

เฉินเฉินก้มหัวลงพลางพูด “หากพี่สาวมีสิ่งที่ต้องทําก็ทําเถอะ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก! ขอเพียงมีตําราให้เล่าเรียนก็พอแล้ว ถ้ามีปัญหาหรือไม่เข้าใจจริง ๆ ข้ารอพี่ว่างและค่อยไปถามอาจารย์ก็ได้ นี่!”

หยุนเถียนเถียนยื่นมือลูบหัวเฉินเฉิน “ข้ารู้ว่าเจ้าทําได้ แต่พี่คิดว่าคนสนิทในเมืองนี้ช่างน้อย นักจึงเกรงว่าเจ้าจะหมดสนุกน่ะสิ! แม้ข้าจะซื้อที่ดินใกล้หมู่บ้านเทพธิดาเพื่อสร้างเรือนและ เตรียมคนรับใช้ไว้กลุ่มหนึ่งแล้วก็เถอะ! แต่อย่างไรข้าก็ไม่สบายใจอยู่ดี!”

“ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากพาเจ้าไปค้างแรมในหมู่บ้านสักพักหนึ่ง! หากเจ้าไม่เข้าใจตาราเรียนค่อยเข้าฟเฉิงมาหาอาจารย์ที่สํานักนาน ๆ ครั้งก็ได้! เจ้าคิดว่าเช่นนี้ดีหรือไม่?”

“ดีเสียยิ่งกว่าดีสักอีก เพราะพี่ชิงเฟิงและพี่ฝหรงสอบผ่านแล้ว อีกไม่นานก็คงต้องออกจากสำนักและกลับบ้านตนเอง! เมื่อถึงเวลานั้นพี่สาวข้าก็คงต้องอยู่ตามล่าพัง พี่คงอึดอัดมากแน่ ๆ เรากลับไปอยู่หมู่บ้านกันสักพักย่อมดีที่สุด!”

“แล้วพี่เขย..”

หยุนเวียนเถียนยิ้มเจื่อน “ข้าเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้เมื่อครู่ แน่นอนว่ายังไม่ได้บอกพี่เขยของเจ้า! แต่เขายังมีเรื่องสําคัญต้องจัดการอีกมากคงไม่ว่างกลับหมู่บ้านกับเราหรอก! ”

จางชิงเฟิงและหยางยู่หรงต่างมองหน้ากัน เนื่องจากตัวตนของทั้งคู่ลึกลับมาก! แม้ว่าหยางฝูหรงจะทราบอยู่แล้วว่าหยุนเคอคืออ๋องล่วย แต่นางไม่รู้ว่าหยุนเกียนเถียนมีฐานะเช่นไร!

ทั้งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ช่างดูซับซ้อนยิ่งนัก แม้ทั้งสองจะบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน ทว่าดูไปดูมาแล้วเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น! เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนแยกกันนอนสักคู่! แต่จะว่าไปแล้วหากไม่ใช่สามีภรรยากัน เหตุใดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงเข้ากันได้ดีเช่นนี้เล่า?!

ทั้งสองคิดเหมือนกันทุกประการ แต่หากไม่รู้เรื่องภายในเรือนของผู้อื่นก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง! ด้วย เหตุนี้จึงทําให้ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไร!

เฉินเฉินยิ้มอย่างจนปัญญา “ก็ดี! ถ้าพี่เขยปฏิบัติตนไม่ดีกับท่าน ต่อไปในอนาคตท่านค่อยคอยตามติดข้าก็ได้ ข้าไม่ถือสาหรอก!”

หยุนเสียนเถียนใช้นิ้วยันหัวเฉินเฉินอย่างอารมณ์เสีย “เจ้าเด็กน้อย คิดไกลเกินไปแล้ว! พี่สาวอย่างข้าจะหาเลี้ยงตนเองไม่ได้เชียวรึ?”

ทว่าก่อนออกจากเมืองหลวง ทั้งคู่ตระหนักว่าควรกล่าวอําลาหลีฮือฮวาเสียก่อน!

หยุนเถียนเถียนพาเฉินเฉินนั่งรถม้ามาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ในขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวาที่ กําลังวุ่นอยู่กับการจัดของในห้องหนังสือด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถางเมื่อได้ยินเสียงใครบางคน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที!

“ในที่สุดนายน้อยหลี่ของเราก็จริงจังอีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองยิ่งนัก!”

หลี่ซื่อฮวาเงยหน้าขึ้นมองคนรักด้วยรอยยิ้มสดใส “แม่นางที่นี่คับแคบไปงั้นรึ?! เจ้าเป็นหญิง สาวที่มักเอาแต่เก็บตัว ทว่าเหตุใดจู่ ๆ แม่นางถึงมาหาข้าได้เล่า?”

หยนเถียนเถียนหยิบผลไม้บนโต๊ะขึ้นกิน ถึงกระนั้นก็ไม่ลืมที่จะคว้าผลไม่โยนให้เฉินเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลาท่าน! ข้าอยู่ในเมืองหลวงนี้มานานมากแล้ว! ครั้งนี้เฉินเอ่อบังเอิญไม่ได้เข้าร่วมทดสอบฤดูใบไม้ร่วง และข้าไม่มีความอดทนพอที่จะรออยู่ที่นี่ถึงสามปีหรอก! ข้าจึงคิดว่าควรกลับเสียดีกว่า!”

หลี่ซื่อฮวารีบลุกขึ้นทันที แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะอยู่ในเมืองหลวง แต่โดยปกติแล้วการพบเจอกันช่างเป็นเรื่องยากเย็นนัก แล้วหากนางกลับชนบท เขาเกรงว่าตนไม่มีทางได้พบนางอีกเป็นแน่!

“เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในฟูเฉิงงั้นหรือ? เมืองทุรกันดารเช่นนั้นมีสิ่งใดดึงดูดเจ้านักหนา?”

หยุนเถียนเถียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “เดิมที่การอยู่ในเมืองหลวงเช่นนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก แต่ที่สําคัญกว่าคือจู่ ๆ ข้าก็นึกธุรกิจชั้นยอดขึ้นได้! ถ้าท่านทําได้ดี ข้าจะยอมร่วมมือกับท่านอีกครั้ง! ท่านคิดว่าดีหรือไม่?”

หลี่ซื่อฮวายิ้มอย่างขมขื่น แม้จะไม่พอใจที่สาวน้อยคนนี้กําลังจะจากไป ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถเผยความรู้สึกให้เธอรับรู้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องพยายามควบคุมอาการให้ได้มากที่สุด!

“ดี! หากได้เงินย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว! แล้วแม่นางจะไปเมื่อใด? หรือจะให้ข้าตามไปดูในเมืองด้วยดีหรือไม่? แต่ถึงอย่างไรแล้วธุรกิจนี้ก็มีเสี่ยวซื้อคอยดูอยู่แล้วคงไม่ต่างกันนัก!”

นิยาย สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 391 พระราชวังอวหยาง

ไม่! หยุนเถียนเถียนรีบปฏิเสธความคิดก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว! “เจ้าเมืองหลงต้องสามารถควบคุมคนในตระกูลหยิงได้แน่ ๆ เพราะแม้แต่ไฝสีแดงบนไหล่ของบุตรสาวข้าหลวงหญิงก็ยังรู้ได้ชัดเจน!”

นางจึงตระหนักได้ว่าอํานาจและความสามารถของเจ้าเมืองหลงนั้นกล่าวได้ว่าต้องไม่ธรรมดา แม้วันนี้นางจะเปิดเผยความจริงทั้งหมดเพื่อปกป้องหยิงซื่อเอ่อ แต่อีกไม่นานนางต้องตายลงไม่ ด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่งของเจ้าเมืองหลงอยู่ดี!

หยุนเคอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะช่วยอะไรได้ แต่เขารู้เพียงว่าหยุนเถียนเถียนต้องการคนรับฟัง! และมีเพียงหยุนเคอเท่านั้นที่สามารถได้ยินคําเหล่านี้จากปากเธอ!

เมื่อถึงช่วงบ่ายมู่หรงหยุนเคอกลับถึงเรือน เขาได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างวันทันที!

หญิงสาวผู้มีความคิดละเอียดรอบคอบอย่างหยุนเถียนเถียน ไม่มีทางปล่อยเรื่องราวที่มีเงื่อนงําเช่นนี้ไปง่าย ๆ แน่นอน!

เขาก้าวเท้าไปหาหยุนเวียนเถียนที่กําลังตกอยู่ในภวังค์ พร้อมยื่นมือออกไปจับร่างเด็กหญิงตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน!

“เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่? ทําไมถึงต้องเหม่อลอยถึงเพียงนั้น? ”

หยุนเถียนเถียนผ่อนคลายร่างกายพลางเอนศีรษะพิงเอวของมู่หรงหยุนเคอ

“ท่านพี่ว่าเจ้าเมืองหลงต้องการทําสิ่งใดกันแน่? เขาต้องการหยุดเฉินเฉินไม่ให้เข้าร่วมการ สอบฤดูใบไม้ร่วงด้วยการวางยา แต่ไม่ถึงขั้นพรากชีวิต! ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหากทําลงไปจะทําให้ข้าเห็นช่องโหว่มากมาย แต่เขากลับยังเลือกที่จะทําเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อีก!”

“บางทีข้าก็ไม่รู้ว่าชายผู้นี้ต้องการเป็นมิตรหรือศัตรูกับข้ากันแน่! ถ้าหากเป็นศัตรูก็ไม่ได้ถึงขั้นทําร้ายข้า แต่ถ้าจะเป็นมิตรก็กลายเป็นมิตรที่คอยขัดขวางข้าทุกทาง!”

มู่หรงหยุนเคอพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลหรือทํามันด้วยความรู้สึกขมขึ้น! แต่ในเมื่อเขากล้าสร้างฉากงุ่มง่ามนี้ขึ้นมานั้นราวกับกําลังดูถูกว่าเราเป็นคนโง่! อย่างไรซะข้าต้องได้คําอธิบายจากเขา! ”

“น่าเสียดายที่ชายเฒ่าคนนี้เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่าของตนเอง ข้าเลยทําอะไรไม่ได้สักที!”

หยุนเกียนเถียนสงสัยเล็กน้อยจึงเอ่ยถามขึ้น “แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เคยทําร้ายพวกเราแม้แต่น้อย เหตุใดเจ้าถึงเกลียดเขาขนาดนี้?”

มู่หรงหยุนเคอขบกรามแน่นพลางกล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าแก่นี่ ข้ากับเจ้าคง…”

หยุนเวียนเถียนหัวเราะแหบแห้ง “หรือนี่คืออุปสรรคที่เจ้าต้องเจอ! ตั้งแต่ที่ข้าชอบเจ้า แล้วเจ้าก็ชอบข้า เราทั้งคู่ต่างอยู่ร่วมเรื่อนกันอย่างมีความสุขเสมอมา ทั้งที่ทั่วเมืองหลวงยังมีจิตสังหารอยู่ทุกหนทุกแห่ง เกรงว่าข้าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะอยู่ในเมืองหลวงได้! อย่างน้อยข้าก็ต้องมีความมั่นใจพอที่จะยืนเคียงข้างเจ้าด้วย!”

ริมฝีปากของหยุนเคอขยับเล็กน้อย เขาอยากจะโต้แย้ง แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร! ปัญหาตนเอง ยังแก้ไม่พ้นมือ แน่นอนว่าไม่อาจให้คําสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับหยุนเถียนเถียนได้!

ทันใดนั้นสาวน้อยก็นึกขึ้นได้ว่านางเพิ่งกล่าวความรู้สึกของตนเองไป นางจึงรีบเบือนหน้าหนีทันที!

“หยุนเคอ ท่านว่าข้าหลวงหยิ่งทําตัวเกินหน้าเกินตาไปหรือไม่? แค่เพราะต้องการประจบประแจงท่าน! ทั้งที่ท่านเคยฆ่าหนึ่งในบุตรสาวของเขาแท้ ๆ ทว่ายังไม่ติดใจเอาความอันใด! แล้วตอนนี้ตัวเขาเองต่างรู้ดีว่าหยิงซื่อเอ่อถูกใส่ร้าย แต่ก็ไม่ลังเลที่จะฆ่านาง! ช่างเป็นคนไร้หัวใจยิ่งนัก..”

หยนเคอเองก็นึกถึงชายผู้นี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาสังหารหยิงอิงเอ๋อจนสิ้นใจตาย ทว่าข้าหลวงหยิงกับไม่ถือสาเพื่อประจบประแจงตน เช่นเดียวกับครั้งนี้ เขาจึงกล่าวได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ!

เพียงแต่คราวนี้หยุนเถียนเถียนยังไม่ทันแสดงท่าทีอันใด ข้าหลวงหยิงกลับไปจัดการผู้คนอย่างหมดจด ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!

เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เป็นพ่อแท้ ๆ จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้? นั่นคือลูกสาวแท้ ๆ ของเขาเชียวนะ!

“ถึงเจ้าไม่กล่าว ข้าเองก็รู้สึกเช่นกันว่าข้าหลวงผู้นี้ช่างแปลกปะหลาด! เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดปัญหาระหว่างข้าหลวงหยิงกับเจ้าเมืองหลง ทําให้เขายอมให้บุตรสาวตนเองเป็นแพะรับบาป!”

หยุนเถียนเถียนแทบไม่อยากเชื่อ เพราะเจ้าเมืองหลงเป็นแค่แขกในยุทธภพตนหนึ่ง แล้วจะสามารถยื่นมือไปหาขุนนางระดับสูงในพระราชวังได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะมาจากพระราชวังอวี่หยางก็ตาม แต่บัดนี้ก็ถือว่าเขาออกจากพระราชวังนั่นมานานแล้ว…

มู่หรงหยุนเคอพูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องรีบร้อน หากข้ารู้ว่าข้าหลวงหยิงเป็นคนของเจ้าเมืองหลงล่ะก็…ฮ่ม!”

เขาแค่นเสียงเย็นชาพร้อมแพร่รัศมีจิตสังหาร! หยุนเถียนเถียนเห็นเช่นนั้นก็อดเศร้าใจไม่ได้!

เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นถึงเพียงนี้ หยุนเถียนเถียนทิ้งเรื่องคาใจไว้เบื้องหลัง จากนั้นนางก็เริ่มเป็นห่วงเฉินเฉินขึ้นมาทันที!

หยุนเคอเห็นดังนั้นจึงทําได้เพียงยิ้มอย่างผิดหวังและหันกลับไปทํางานตนเองต่อไป!

ณ พระราชวังอวหยางที่ไกลโพ้นจากเมืองหลวงถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าโศก!

ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด นอกจากอาการป่วยของจักรพรรดิแห่งอวหยางที่หนักขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

มู่หรงป๋อเห็นดังนั้นจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเสียใจว่าทําไมต้องเป็นตนที่บอกท่านถึงข่าวการตายของหยุนจึงเอ่อ ทําให้จักรพรรดิแห่งอวหยางเสียใจจนล้มป่วยลงอีกครั้ง!

แต่เขาตกลงกับหยุนเกียนเถียนแล้วว่าสามารถบอกจักรพรรดิให้ทราบเรื่องราวของนางได้ แต่สุดท้ายนางกลับปฏิเสธที่จะกลับมากับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องเฝ้าดูจักรพรรดิแห่งอวหยางล้มป่วย เช่นนี้!

ในที่สุดมู่หรงป๊ออดกลั้นไว้ไม่ไหวจึงไล่คนรับใช้ออกไปจนหมด เพื่อเตรียมสารภาพกับจักรพรรดิแห่งอวหยาง

“เสด็จพ่อ หยุนจิงเอ๋อตายแล้วจริง ๆ อีกทั้งยังตายไปหลายปีแล้วด้วย! แต่ถึงกระนั้นคนตายก็ตายไปแล้ว เสด็จพ่อจะหันมองคนเป็นที่ยังอยู่บ้างไม่ได้รี?”

จักรพรรดิแห่งอวหยางถอนหายใจยาว “ครั้งที่เกิดเรื่องร้าย ข้ากับเสด็จแม่ของเจ้ายังคบกันต่อมาอีกหลายปี! แต่เพียงบัดนี้ในใจข้ายังปล่อยจิงเอ๋อไปไม่ได้ บัดนี้พอทราบว่านางตายเร็วถึงเพียง นี้แล้วข้าอยากตายตามนางไปเสียจริง!”

ดวงตามู่หรงป๋อทอประกายวูบหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างจนปัญญา “เสด็จพ่อ แม้หยุนจิงเอ่อจะตายไปแล้ว แต่หยุนเถียนเถียนก็ยังอยู่ นั่นเป็นลูกของท่านเช่นกัน ถึงแม้บัดนี้นางจะยังไม่ยอมกลับมา แต่ท่านก็ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงเพื่อปกป้องนางในช่วงเวลาสําคัญ!”

ดวงตาไร้วิญญาณของจักรพรรดิแห่งอวหยางพลันเปล่งประกายแสงออกมา ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็สลายหายไปอีกครั้ง!

มู่หรงปื่อรู้สึกแปลก ๆ ตามหลักแล้วเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตนมีชีวิตก็ควรจะต้องมีความสุขจนล้นหัวใจ แต่เหตุใดเสด็จพ่อของเขาถึงผิดปกตินัก?

“เสด็จพ่อ…เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? ”

รอยยิ้มของจักรพรรดิแห่งอวหยางดูขมขึ้นเล็กน้อย ทว่าเขาก็ส่ายหัวพร้อมกล่าว “ข้ามีความสุขมาก! เด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนจึงเอ๋อหรือไม่? เหตุใดนางถึงไม่ตามเจ้ามายังวังอวหยางเล่า?”

มู่หรงป้อถอนหายใจยาว “ตอนนี้หยุนเถียนเถียนยังต้องอยู่ที่เมืองหลวง นางยังมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จ! ในปีนั้นหยุนจึงเอ๋อถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น สุดท้ายนางคลอดลูกแล้ว ตรอมใจจนตาย!”

“ชีวิตตอนเด็กของหยุนเกียนเถียนนั้นยากล่ามากนัก จนกระทั่งตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาบ้าง! เสด็จพ่อ เมื่อร่างกายของท่านดีแล้วอาจได้พบหยุนเถียนเถียนก็ได้ นางช่างเหมือนแม่ของนางไม่มีผิด! ถ้าท่านเห็นนาง ท่านต้องมีความสุขมากแน่!”

ตอนที่ 390 คําอธิบาย

หนิวสื่อยังคงกล่าวด้วยท่าทีราวกับกําลังจะสิ้นใจ “ทําไมแม่นางจะไม่รู้จักข้า? ข้ายังทราบเลย ว่าบนไหล่ของคุณหนูสามมีไผ่สีแดงอยู่หนึ่งเม็ด!”

แม้ว่าข้าหลวงหยิงจะมั่นใจว่าบุตรสาวของตนไม่มีทางทําเรื่องเช่นนี้แน่นอน ทว่าหลักฐานตรง

หน้ากลับชัดเจนยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาอยู่ต่อหน้าหยุนเถียนเถียนจึงต้องรีบอธิบาย!

หากต้องใช้บุตรสาวผู้ไร้ประโยชน์ของตนเองแลกกับความสบายใจของหยุนเถียนเถียน! ข้าหลวงหยิงนับว่าการค้าขายครั้งนี้คุ้มค่ามาก!

“แม่นางหยุนวางใจได! แม้เป็นบุตรของข้า แต่หากท่าเรื่องไม่ดี ตัวข้าย่อมให้ความยุติธรรมกับแม่นางอยู่แล้ว! ข้าจะกลับไปจัดการลูกไม่เอาไหนของข้าเอง แม่นางโปรดรอติดตามข่าวจากเรือนขาได!”

หยุนเถียนเถียนไม่กล่าวอะไร เพราะข้าหลวงหยิงจะจัดการอย่างไรก็เรื่องของเขา แม้จะลงไม้ลงมือหรือถึงขั้นฆ่ากันก็สุดแล้วแต่ เพราะอย่างไรนางก็คือบุตรแท้ ๆ ของข้าหลวงหยิง! ทั้งคําหลอกลวงทั้งหมดสามารถทําลายได้ด้วยการสะกิดเพียงครั้งเดียวและข้าหลวงหยิงก็จะทราบว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล!

แต่ต่อให้รู้ว่ามีเล่ห์เหลี่ยมแฝงอยู่ ข้าหลวงหยิงก็ตัดสินใจละทิ้งบุตรสาวคนนี้อยู่ดี! หากจะประโยชน์เช่นนี้!

โทษก็ต้องโทษหยิงซื่อเอ๋อที่ชะตาชีวิตไม่ดีจึงถูกกําหนดให้เป็นบุตรของบิดาที่เห็นแต่เรื่องผล

เมื่อข้าหลวงหยิงจากไป หยุนเถียนเถียนจึงหันหน้าไปพูดกับพ่อของจู๋สื่อว่า “ในเมื่อหนิวสื่อฆ่าคนตายไปแล้ว สิ่งที่รอเขาอยู่ภายหน้าคือโทษประหารชีวิตแน่นอน! บัดนี้พวกเจ้าจงกลับไป

ทํางานของตนเองตามเดิมได้แล้วล่ะ ส่วนหนิวสื่อก็ปล่อยให้เหล่าขุนนางจัดการเสีย!”

บิดาและมารดาของจู้สื่อเห็นทุกอย่างกับตาตนเอง แม่นางหยุนไม่แม้แต่ทําอันใดให้เป็นการ

เสียหน้าข้าหลวงหยิง ฝ่ายข้าหลวงหญิงก็ยอมถึงขั้นขายหน้าลูกสาวเพื่อเอาใจแม่นางหยุน…

เมื่อบิดามารดาของจู้สื่อเริ่มมีสติไตร่ตรองจึงตระหนักได้ว่าแม่นางหยุนมีฐานะสูงส่งไม่น้อย
ยิ่งนัก!

เมื่อนึกถึงพฤติกรรมที่ตนเองขวางประตูเรือนก่อนหน้านี้ บิดาของจู้สื่อรู้สึกว่าแม่นางหยุนมีเมตตา

แม้แม่ของจู้สื่อยังไม่หายโล่งใจ ทว่าถูกบิดาของจู้สื่อดึงตัวไปเสียก่อน!

เมื่อหยุนเถียนเถียนเผชิญหน้ากับหนิวสื่อเพียงลําพังจึงค่อย ๆ หัวเราะอย่างไร้ความเกรงกลัว!

“หนิวสื่อ วาจาของเจ้าอาจหลอกคนอื่นได้ แต่จงรู้ไว้ว่าเจ้าไม่มีทางหลอกข้าได้! บัดนี้พวกเขาไปกันหมดแล้วไหนเจ้าบอกความจริงข่ามาซิ!”

หนิวสื่อยังคงมึนงงราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หยุนเถียนเถียนพูด!

“หนิวสื่อ ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังเป็นแพะรับบาปให้ใครบางคนอยู่! แม้กระทั่งเอาเจ้าไปเกี่ยวพันกับคนในตระกูลของข้าหลวงหยิง! นี่เจ้าไม่นึกเกลียดเขาบ้างรึ? ชายคนนั้นหลอกใช้เจ้าเหมือนหุ่นเชิด ทั้งยังฆ่าหลานชายแท้ ๆ ของเจ้าอย่างไร้ปรานี!”

หนิวสื่อเคลื่อนสายตาไปมา อย่างน้อยก็ไม่นิ่งเฉยราวกับน้ําไม่มีคลื่น!

“ถ้าเจ้าเกลียดก็แค่พูดออกมา เพราะอย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่แล้ว! ต่อให้ข้าปล่อยเจ้าไป คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่มีทางยอมให้เจ้ารอดไปได้แน่! นี่เจ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ความจริงรึ? เพื่อสักวันทุกคนจะได้ให้อภัยกับความผิดพลาดของเจ้าครั้งนี้อย่างไรเล่า!”

“ข้าได้ยินจากปากพ่อของจู้สื่อว่าเจ้าเป็นลูกกตัญญู หากมารดาของเจ้ารู้ว่าเจ้าฆ่าหลานชายคนโตของนาง เจ้าไม่คิดบ้างว่านางจะทนไม่ไหวจนเสียสติไปแล้ว? แล้วไหนจะพี่สะใภ้ที่พาลโกรธมารดาของเจ้า เพราะลูกชายของตนดันไปฆ่าลูกชายนางอีก!”

“พูดความจริงออกมาเสียแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้ทุกคนเข้าใจผิดจนถึงวินาทีที่เจ้าถูกฝังศพไปแล้ว! ถึงแม้ข้าจะให้ความยุติธรรมกับเจ้าไม่ได้ แต่อย่างน้อยเจ้าก็ควรทําให้คนบนโลกนี้รู้ความจริง! ถูกไหม?”

หนิวสื่อเงยหน้าเล็กน้อย และเห็นว่ามีคนรับใช้สองคนตามหลังหยุนเถียนเถียนอยู่ เขาจึงก้ม
หัวลงทันที!

หยุนเถียนเถียนหันหน้าไปสั่งให้คนรับใช้สงบปากสงบคําและออกไปก่อน ทว่าเซิ่นสิงยังรู้สึกระแวงอยู่บ้าง แต่หยุนเถียนเถียนกล่าวขัดขึ้นว่า “หากเป็นจอมยุทธยอดฝีมือจริง ๆ ข้าอาจทําอะไร เขาไม่ได้ แต่นี่เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ข้าคงไม่เป็นไรเพราะน้ํามือเขาหรอก!” เซิ่นสิงเผยท่าทีราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกจิ่นเหยียนดึงไว้และเดินจากไปพร้อมกัน

“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าอยู่เพียงลําพังแล้ว เจ้าสามารถพูดความจริงได้ และแน่นอนว่าเจ้ามีสิทธิ์เลือกที่จะไม่พูดก็ได้ ข้าจะไม่บังคับเจ้า! ที่จริงข้าก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ขนาดนั้น อย่างไรแล้วน้องชายข้ายังเด็กอยู่ ต่อให้ต้องรออีกสามปีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร! มิหนําซ้ําพอถึงเวลานั้น โอกาสที่เขาจะสอบเข้ารับตําแหน่งกลับมากขึ้นอีกด้วย!”

ดวงตาหนิวสื่อแดงก่ําภายในเสี้ยววินาที “ข้าจะทําอะไรได้ ข้าติดหนี้พนันกับบ่อนมหาอํานาจ! ผู้คุมบ่อนคนนั้นสั่งให้ข้าทําอะไรข้าก็ต้องทํา แม้เขาสั่งให้ลวงจู๋สื่อออกมา ข้าก็ต้องทํา!”

“ข้าคิดแค่ว่านี่เป็นเพียงชีวิตเด็กธรรมดา ๆ และชีวิตของเขาคงไม่มีประโยชน์อะไรกับตระกูลที่รับซื้อเขาไปหรอก! ก็จริงอยู่ที่ข้าหลอกเขาออกมา แต่ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ ผู้คุมบ่อนคนนั้นจะเอามีดบังคับให้ข้าฆ่าจู้สื่อทันทีที่เห็น!”

ก่อนหนิวสื่อจะพูดต่อ เขาสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “ข้ารู้ดีว่าหากตอนนั้นไม่ฆ่าจู้สื่อก็คงเป็นข้าเองที่ถูกผู้คุมบ่อนฆ่าตาย! ข้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมสังเวยจู่สื่อให้พวกมันไปเพียงคนเดียว!” “ส่วนเรื่องวางยาที่หลังเรือนแม่นาง ผู้คุมไม่ได้สั่งให้ข้าทํา แต่ให้คนอื่นทําแทน! เพราะตั้งแต่นั้นมาข้าถูกขังอยู่ในบ่อนพนันนั่น!”

“เมื่อวานผู้คุมบ่อนเข้าพบข้าเพื่อบอกให้ข้ายอมรับผิดทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเขาจะฆ่าท่านแม่ของข้า! แม่ของข้าตามใจข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าพี่ชายจะแต่งงานแล้ว แต่ท่านแม่ก็ยังให้เงิน

และเลี้ยงดูข้ามาโดยตลอด! ทั้งพี่ชายข้าเป็นคนซื่อสัตย์ เขายอมขายลูกชายตนเองเพื่อใช้หนี้พนันให้บ้า! ข้า…”

หยุนเถียนเถียนพอทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นมาบ้างแล้ว “ดังนั้นเพื่อปกป้องแม่ของเจ้า เจ้าจึงยอมรับโทษทั้งหมดแทน!”

“จริง ๆ ก็สมควรแล้วล่ะ ในโลกนี้จะมีคนติดพนันอยู่สักกี่คนที่มีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัย และสงบสุข? เอาเถอะ รอข้าหลวงหยิงนําตัวเจ้าไปรับโทษล่ะกัน และเจ้าจงยอมทําตามเขาอย่างว่าง่ายเสีย เพราะข้าไม่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได๋! ”

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง! ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องพูดเรื่องนี้แน่ ถือว่าวันนี้ข้าได้ทําตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าจนสิ้นแล้ว!”

สิ่งที่หยุนเถียนเถียนต้องการเป็นเพียงตัวชี้วัดสมมติฐานของนางเท่านั้น ส่วนหลักฐานอะไรนั่น นางไม่คิดสนใจแต่แรกอยู่แล้ว เพราะการรับมือกับคนอย่างเจ้าเมืองหลงหลักฐานเช่นนี้เรียกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย!

หลังหยุนเถียนเถียนเดินจากไป ยังไม่ทันที่ข้าหลวงหยิงจะมารับตัวหนิวสื่อ เขาก็สิ้นชีวิตโดยการนําหัวโขกกําแพงจนขาดใจตายเสียแล้ว!

เมื่อพ่อของจู้สื่อรู้ว่าน้องชายตนเองลงมือฆ่าตัวตาย ขอบตาเขาก็เริ่มแดงก่ําอีกครั้ง! แม่ของจู้สื่อยังคงบ่นพึมพําไม่หยุด นางเกลียดพ่อของจู้สื่อที่มักตามใจน้องชายของตนเองเช่นนี้! สองสามีภรรยาคู่นี้ยังคงตะโกนด่าทอไปพลางเดินออกจากเรือนหยุนเถียนเถียนราวกับเรื่องนี้จบสิ้นลงเสียที! ทว่ามีเพียงหยุนเถียนเถียนเท่านั้นที่รู้ว่าเรื่องนี้ยังห่างไกลจากจุดจบนัก!

นางไม่เคยรู้สึกซาบซึ้งใจที่เจ้าเมืองหลงไม่คิดถึงขั้นวางยาพิษ! ทว่าในใจกลับระแวดระวังมากขึ้น เพราะหากเขาทําเรื่องเช่นนี้แสดงว่าต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน!

รุ่นพี่อาวุโสที่มีแต่ความปรารถนาดีและเต็มไปด้วยมิตรภาพนั้นกลับกลายเป็นเงามืดในใจที่

คอยจ้องทําร้ายนางมาโดยตลอด!

ครั้งนี้หรือไม่?

คําอธิบายที่ข้าหลวงส่งข่าวมากล่าวเพียงว่า หยิงซื่อเอ๋อฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ! หยุ นเถียนเถียนตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ หากนางบอกความจริงไป หยิงซื่อเอ๋อจะรอดจากความตาย

ตอนที่ 389 ความจริงจากปากเจ้าเมืองหลง

แม้ว่าเฉินเฉินจะดูหงอยเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ท่านพี่! ความจริงข้ารู้ดีว่ารออีกสักสามปีข้าก็ยังสามารถสอบเข้าข้าราชการได้!”

“แต่ที่ข้าเสียดายเป็นเพราะท่านพี่ต้องเลี้ยงข้าไปอีกสามปีต่างหาก!”

หยุนเถียนเถียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “อย่าว่าแต่สามปีเลย ต่อให้ต้องเลี้ยงเจ้าไปตลอดชีวิตพี่ก็เลี้ยงได้! ”

ใบหน้าเฉินเฉินผ่อนคลายลงเล็กน้อย หยุนเสียนเถียนทราบดีว่าหากเขายังคิดจะเดินบนเส้นทางนี้ ความผิดหวังย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อตกผลึกความคิดแล้วว่าไม่อาจบังคับให้เขาออกจากวงการนี้ นางจึงทําเพียงยิ้มพลางลูบหัวเฉินเฉินและเดินจากไป…

หยุนเสียนเถียนเดินไปยังลานหน้าบ้าน คนรับใช้เฝ้าประตูเห็นนางจึงรีบรายงานว่ามีคนส่งตัวลุงของฐ์สื่อกลับมาแล้วทันที!

หยุนเกียนเถียนเดินตามหลังมาพร้อมตระหนักถึงคําพูดและการกระทําอย่างรอบคอบจากนั้น ค่อยก้าวเท้าออกไปจึงปรากฏให้เห็นผู้คุมบ่อนที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและบนพื้นยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งก่าลังคุกเข่าอยู่! “นี่ลุงของฐ์สื่ออั้นหรือ?”

ผู้คุมฉีกยิ้มอีกครั้ง “ใช่ขอรับ! ครั้งที่แม่นางหยุนวานให้ตามหาเขา พวกเราจึงอย่างพยายามสุดกําลัง! ทว่าวันนี้เจ้าลงนี้กําลังลักลอบหลบหนีออกทางประตูเมือง พวกข้าเห็นจึงหยุดไว้และรีบส่งตัวให้แม่นางโดยเร็วที่สุด!

มุมปากหยุนเถียนเถียนยกขึ้นเล็กน้อย “แต่ข้ารู้สึกแปลก ! เวลาเช่นนี้ลุงของฐ์สื่อควรอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก ทว่าทําไมพวกเจ้าถึงไปตามหาเขาในเมืองกันเล่า? แล้วเขาไม่รู้เลยหรือว่ามีคนในเมืองกําลังตามตัวอยู่?”

รอยยิ้มของผู้คุมแข็งค้างเล็กน้อย ก่อนตอบกลับว่า “ข้าคาดว่าเขาต้องเข้าเมืองมาทําอันใดสักอย่างเป็นแน่ จึงเร่งตามหาในเมืองทันที!”

“โอ้… ทําไมผู้คุมถึงรู้ขนาดนั้น? เจ้าถามเขาก่อนแล้วรึ?”

“ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลยแม่นาง ข้าเพียงสงสัยจึงถามเขาว่ามาทําอันใดที่เมืองหลวงแค่นั้นขอรับ!”

หยุนเถียนเกียนยิ่งรู้สึกเคลือบแคลงใจกว่าเดิม “เจ้าถามแล้วเขาตอบตามตรงแบบนั้นเลยเหรอเนี่ย?”

ทันใดนั้นผู้คุมเผยยิ้มกว้างราวกับเป็นคนละคนกับชายที่เพิ่งยิ้มแข็งที่อเมื่อไม่นานนี้ “เจ้าลุงนี่ขี้ขลาดตาขาวนัก! ทั้งพรรคพวกของข้ายังมีมากกว่าย่อมได้รับคําตอบตรงไปตรงมาอยู่แล้ว!”

“เอาเถอะ ในเมื่อแม่นางได้ตัวเขาแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน หากแม่นางหยุนมีธุระอันใดก็มาหาข้าที่บ่อนพนันได้”

หยุนเกียนเถียนไม่แย้งต่อและทําเพียงพยักหน้าตอบเบา ๆ ฝ่ายผู้คุมโค้งคํานับและถอยออกไปอย่างนอบน้อม

หยุนเถียนเถียนรู้อยู่แก่ใจว่าผู้คุมคนนี้แสร้งทําทั้งนั้น! แต่บัดนี้จิตใจนางจดจ่อไปยังลุงของจําสื่อมากกว่า!

“เจ้าอยู่เงียบ ๆ ไปก่อนรอให้ท่านพ่อท่านแม่ของฐ์สื่อมาถึงแล้วค่อยอธิบายที่เดียว!”

หยุนเสียนเถียนรู้สึกว่าบางทีหนิวสื่ออาจพูดปด! เพราะนางเกรงว่าเขาจะถูกข่มขู่ตั้งแต่ตกอยู่ในมือของเจ้าเมืองหลงแล้ว! ดังนั้นคําตอบที่นางได้จากเขาวันนี้ล้วนแต่เป็นความคิดของเจ้าเมืองหลงแน่นอน!

ทว่าบัดนี้ไม่ใช่เวลาเจาะลึกเบาะแสให้ถี่ถ้วน เนื่องจากหยุนเถียนเถียนต้องการให้เจ้าเมืองหลงตายใจนางจึงสอบสวนหนิวสื่อตรงลานหน้าบ้านเพื่อทําให้คํากล่าวของหนิวสื่อเผยแพร่ไปทั่วเมือง

เพราะอย่างไรแล้วหยุนเวียนเถียนทราบดีว่าคําอธิบายที่จะได้รับฟังนั้นเป็นเพียงลมปากจึงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก ทว่าสิ่งที่นางสนใจมากที่สุดคือจุดประสงค์แท้จริงที่เจ้าเมืองหลงทําเช่นนี้!

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง บิดามารดาของฐ์สื่อและข้าหลวงหยิงต่างรีบรุดอย่างฉับพลัน!

เนื่องด้วยบิดามารดาของฐ์สื่อยังคงเป็นกังวลเรื่องที่ลูกชายของตนตายจึงต้องการคําอธิบายโดยเร็วที่สุดฝ่ายข้าหลวงหยิงนั้นมาเพื่อเอาใจหยุนเถียนเถียนจึงวางทุกอย่างในมือลงและรีบมาหานางทันที!

เมื่อพ่อจุสื่อเห็นหนิวสื่อก็รีบวิ่งไปกระชากคอเสื้อเขาอย่างแรง “ข้าเป็นพี่ชายที่ดีกับเจ้ามาตลอด! แต่เจ้ากลับยังกล้าหลอกหลานชายของเจ้าเองงั้นรึ? เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทําเรื่องบ้าอะไรลงไป?”

หยนเถียนเถียนจิบน้ําชาเล็กน้อยและตะโกนออกมาสุดเสียง “ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังเสียใจที่เพิ่งสูญเสียลูกชาย แต่จงสงบสติอารมณ์ด้วย! ทุกคนต่างรอฟังคําตอบอยู่เช่นกัน! ใจเย็นๆ แล้วนั่งลงซะ!”

เมื่อหยุนเถียนเถียนเอ่ยปากเช่นนี้ ข้าหลวงหยิงจะนิ่งเฉยได้อย่างไร เขาเรียกข้าราชการสองตนมายืนประกบพ่อของสื่อทั้งสองฝั่ง! ทําให้ชาวนาผู้ซื่อสัตย์ตกใจกะทันหันและรีบนั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่ายทันที

“เอาล่ะ! หนิวสื่อพูดในสิ่งที่เจ้าควรพูดเสีย!”

หยุนเถียนเถียนจ้องหนิวสื่อด้วยสายตาเย็นชาพร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์! เหตุเพราะไม่ทราบว่าเจ้าเมืองหลงใช้วิธีใดข่มขู่เขากันแน่!

หนิวสื่อหัวเราะขมขึ้นด้วยใบหน้าหม่นเทาพร้อมความรู้สึกสิ้นหวัง “พี่ใหญ่! ยกโทษให้ข้าด้วยข้าเป็นคนหลอกลูกชายพี่ใหญ่มาฆ่าจริง ๆ !”

พ่อของสื่อทรุดตัวลงพร้อมน้ําตาและตะโกนออกไปว่า “เจ้าให้ข้ายกโทษให้คนที่เจตนาฆ่าลูกชายตัวเองแท้ ๆ งั้นรึ?! ลูกข้าไปทําอะไรให้เจ้านักหนา? แล้วที่ฐ์สื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องหามรุ่งหามค่ําออกไปทํางานนอกเรือน! ทั้งหมดนี่มันไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก! มิหนําซ้ําข้ายังต้องขายเขาเพื่อใช้หนี้ที่เจ้าก่อไว้อีก!”

“เจ้าเป็นลุงของเขาแท้ ๆ ไม่ใช่หรือไรเล่า? ลุงแท้ ๆ ของฐสือ…”

ในขณะที่พ่อของฐ์สื่อร้องไห้พร้อมกล่าวอย่างคร่ําครวญหัวใจของหยุนเสียนเถียนต่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเช่นกันในขณะเดียวกันนางนึกไม่พอใจและขุ่นเคืองเจ้าเมืองหลงเล็กน้อย!

หนิวสื่อยังคงคุกเข่าด้วยสีหน้าเย็นชาท่ามกลางแรงทุบตีและน้ําตาจากพ่อของฐ์สื่อ โดยไม่มีท่าที่จะต่อสู้แต่อย่างใด

“พี่ใหญ่! ข้ารู้ว่าพี่ทําดีกับข้ามากกว่าลูกชายแท้ ๆ ของพี่เสียอีก! แต่ข้าไม่มีทางเลือก หนี้พนันที่ข้าก่อไว้มันมากเกินกว่าจะใช้ให้หมดสิ้น ข้าต้องการเงินจึงไปหาจุสื่อ เพราะเขาทํางานในตระกูลหยุน แน่นอนว่าต้องพบของมีค่าจํานวนไม่น้อยเป็นแน่ แค่เพียงหยิบมันออกมาเท่านี้ก็ช่วยข้าได้แล้ว!”

“เช่นนั้นข้าจึงล่อลวงเขาออกมาเพื่อข่มขู่ก็เท่านั้น แต่ช่วยไม่ได้ก็เขากลับดื้อด้านเละเลือกที่จะไม่ปริปากพูดเอง! หากจะโทษก็ต้องโทษลูกชายพี่ที่ไม่ยอมเชื่อฟังข้าแต่แรก ทั้งที่ข้าเป็นลุงแท้ ๆ !”

ราวกับความรู้สึกบิดาและมารดาของฐ์สื่อพังทลายลงซ้ําแล้วซ้ําเล่า ทันใดนั้นฝ่ายมารดาพุ่งตัวเข้ากัดหนิวสื่อพร้อมกับพยายามฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้น ๆ

เมื่อหยุนเสียนเถียนเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ข้าหลวงหยิ่ง! ทําไมไม่แยกพวกเขาออกจากกันอีก!”

ในที่สุดบิดาและมารดาของฐ์สื่อก็สงบสติอารมณ์ลงได้ ทว่าก็ยังจ้องหนิวสื่อด้วยท่าทางเกลียดชังยิ่งนัก!

“เอาล่ะหนิวสื่อ! ประเด็นเรื่องฆ่าจ์สื่อจบแล้ว! แต่ไหนเจ้าลองบากข้าซิว่าเจ้าคือผู้วางยาพิษในน้ําชาให้น้องชายข้าดื่มใช่หรือไม่?!”

หนิวสื่อเงยมองหน้าหยุนเถียนเถียนและข้าหลวงหยิงอย่างระมัดระวัง!

เขาตอบกลับด้วยเสียงเรียบเฉยราวกับท่องหนังสือ “ใช่ ฝีมือข้าเอง! บุตรสาวแสนดีของข้าหลวงหยิงแค้นที่แม่นางหยุนทําลายความดีที่นางสร้างไว้อย่างไรเล่า นางจึงใช้เงินซื้อข้าให้มาวางยานายน้อยของท่าน!”

ถึงกระนั้นหยุนเถียนเถียนกลับไม่เชื่อแม้แต่คําเดียว! เพราะหากหยิงซื่อเอ๋อต้องการแก้แค้น จริงนางต้องใช้ยาพิษที่กัดกร่อนไปถึงล่าไส้แล้วคนอย่างนางจะเลือกใช้ยาพิษที่มีผลต่อร่างกายน้อยที่สุดได้อย่างไรกัน? ข้อนี้เป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัด ซึ่งล้วนเป็นผลลัพธ์ที่เจ้าเมืองหลงต้องการทั้งสิ้น!

แต่เพื่อให้เจ้าเมืองรู้สึกว่าแผนการของเขาสําเร็จ นางจึงทําตามแผนการที่เขาวางไว้อย่างเรียบเนียน

หยุนเกียนเถียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยหันไปให้ความสนใจกับข้าหลวงหยิ่งทันที!

ข้าหลวงหยิงรู้สึกราวกับเข่าอ่อนจนแทบจะคุกเข่าลง!

“แม่นางคิดว่ามันไม่ไร้สาระเกินไปหน่อยรึ? ลูกสาวข้าจะรู้จักเขาได้อย่างไร?”

ตอนที่ 388 ทดสอบ

เซินสิ่งยืนยัดปกป้องความยุติธรรมให้หยุนเถียนเถียน ในขณะที่บิดามารดาของฐ์สื่อยังคงร้องไห้พลางลากเด็กสองสามคนออกไป!

ผู้ตรวจการเตรียมนําศพไปยังสุสานเพื่อเตรียมชันสูตรหาเบาะแสของคนร้าย!

จากนั้นหยุนเถียนเถียนหันกลับเข้าเรือนพร้อมครุ่นคิดว่าชายที่พยายามทุกวิถีทางให้ได้เป็นคู่ครองของนางมีเพียงไม่กี่คน! ประกอบกับยาที่คนร้ายเลือกใช้กับเฉินเฉินนั้นเป็นยาปราศจากพิษด้วย!

เขาคนนั้นไม่ต้องการให้สืบสาวถึงตัวได้ แต่ทุกการกระทํามักจะพันธนาการตัวเขาไว้ตลอดเวลา! ด้วยเหตุนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนเกิดลางสังหรณ์ว่าจะต้องเป็นฝีมือของเจ้าเมืองหลงแน่นอน!

แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของหยุนเสียนเถียน นางจึงตระหนักอย่างรอบคอบอีกครั้ง แล้วจูงมือจีนเหยียนไปด้วยความมั่นใจว่าหากเกิดเรื่องขึ้นจะสามารถถอยเอาตัวรอดได้ ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงบ่อนพนันที่เจ้าเมืองหลงเคยแนะนําไว้

ที่นี่คือแหล่งมั่วสุมหลักของเจ้าเมืองหลง แม้จะรับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางก็ไม่เคยใช้เงินผลาญไปกับบ่อนพนันสักครั้ง!

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางมาสถานที่เช่นนี้! ทว่าหากกล่าวในฐานะต่ารวจฐานทัพพิเศษสมัยใหม่บางครั้งนางก็มักจะต้องเข้าตรวจสอบพื้นที่เช่นนี้อยู่บ้าง!

ในบ่อนพนันโบราณแห่งนี้ มีทั้งชายหญิงทุกเพศทุกวัย แต่ละคนเผยสีหน้าลุ้นระทึกพร้อมจ้องเขม็งไปที่สืบนไพ่เก้าใบด้วยสายตาเป็นประกาย!

เสียงอึกทึกครึกโครม ทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่คุ้นชิน นางพลันขมวดคิ้วแน่นทันที!

ทันใดนั้นเมื่อผู้คุมบ่อนเห็นหยุนเถียนเถียนก็รีบเดินเข้ามาทักทาย “คุณหนูหยุน ท่านมาแล้วหรือ? มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนแค่นเสียงเย็นชาพร้อมเดินตามคําเชิญของผู้คุมไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งเรือนหลังนี้มีห้องขนาดเล็กหลายห้องที่เต็มไปด้วยเสียงลั่นพนัน ทว่ายังมีเพียงห้องชั้นบนห้องเดียวที่เงียบกว่าเล็กน้อย!

“ข้าต้องการจับคน ๆ หนึ่งจึงอยากขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้า! แต่ไม่รู้ว่า…”

ผู้คุมยิ้มประจบสอพลอทันที “แม่นางหยุนคิดถูกแล้วล่ะ พวกเราจะทําอย่างสุดฝีมือ! แต่ไม่ทราบว่าแม่นางหยุนต้องการจับใครหรือ?”

หยุนเสียนเถียนไม่ตอบแต่ถามกลับ “ตามยศถาบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองหัวหน้าพวกเจ้า ก็น่าจะรู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในเรือนข้าแล้วกระมัง น้องชายข้าถูกวางยาจึงพลาดการสอบภาคฤดูใบไม้ร่วงนี้! ทั้งคนรับใช้ในเรือนยังถูกฆ่าตาย พ่อแม่ของเขามาเรียกร้องความยุติธรรมจากข้าถึงหน้าประตูเรือน!”

ผู้คุมบ่อนยิ้มอย่างเขินอาย “เจ้าเมืองสั่งให้ข้าติดตามข่าวของแม่นางมาตลอด! เรื่องใหญ่ขนาดนี้พวกเราย่อมรู้อยู่แล้ว ทว่าจะเป็นการทําให้ผู้ตรวจการตกใจเปล่า ๆ!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “หน่วยข่าวของพวกเจ้าฉลาดจริง ๆ งั้นไหนลองเดาสิ…ว่าข้ามาหาพวกเจ้าเพื่ออะไร?”

“ข้าได้ยินว่าแม่นางอยากจับคนร้าย! ลองคิดดูดี ๆ แล้วน่าจะเป็นลุงของฐ์สื่อใช่หรือไม่? เพราะ คนที่ล่อฐ์สื่อออกจากเรือนคือลุงแท้ ๆ! แม่นางอาจกําลังคาดว่าเขาเป็นเบาะแสสําคัญที่สามารถไขคดีนี้ได้”

หยุนเสียนเถียนไม่เคยปกปิดรอยยิ้มมีเลศนัยได้สักที “เจ้าเดาได้แม่นยํามาก ข้ากําลังตามหาลุงของจี้สื่อจริง ๆ และข้าอยากจับเป็นไม่เอาจับตายด้วย!”

“ข้ารู้มาตลอดว่าเจ้าเมืองทรงอิทธิพลมาก ทว่ายังไม่รู้แน่ชัดว่าเขามีความสามารถจริงหรือไม่! บัดนี้ถึงเวลาที่จะทดสอบแล้ว! หากเจ้าเมืองตามหาลุงของฐ์สื่อทั้งเป็นได้ ในอนาคตข้าอาจจะให้เจ้าเมืองไปมาหาสู่มากขึ้นก็ได้นะ แต่หากหาไม่เจอ ข้าคง…”

หยุนเถียนเถียนไม่กล่าวต่อ แต่กลับยกถ้วยชาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ดื่มแทน!

ดวงตาของผู้คุมกระพริบไปมา ในขณะเดียวกันเสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น!

ราวกับเสียงนั้นเป็นสัญญาณสื่อบางอย่าง ทําให้ผู้คุมหันศีรษะกล่าวขึ้นทันที “แม่นางหยุนวางใจเถอะ! เจ้าเมืองจะต้องตามหาคนเป็นมาหาเจ้าได้แน่! แม่นางรอฟังข่าวดีได้เลย!”

แม้หยุนเสียนเถียนจะประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ อีกฝ่ายตอบตรงไปตรงมาเช่นนี้ แต่อย่างไร แล้วจุดประสงค์หลักของนางคือการตามหาลุงของฐ์สื่อและลองทดสอบเจ้าเมืองหลงอีกครั้ง! หากการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ผล แต่อย่างน้อยนางก็สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้

หยุนเถียนเถียนหันหลังและเดินออกจากบ่อนพนันอย่างระวังตัว ทั้งยังคอยฟังคําพูดที่ตามหลังนางทุกย่างก้าว!

ในขณะเดียวกันรอยยิ้มประจบสอพลอบนใบหน้าของผู้คุมก็หายไป เขาหันกลับและเดินไปอีกทางพร้อมจับแจกันแล้วบิดไปมา

จากนั้นฉากกั้นห้องก็แยกออกเป็นสองส่วนในพริบตา จนเผยให้เห็นห้องลับที่โล่งกว้าง!

ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่ามกลางห้องลับที่มืดสนิท!

“เจ้าเมือง! ข้าเห็นแล้วว่าแม่นางผู้นี้เฉลียวยิ่งนัก ครั้งนี้ข้าเกรงว่าจะเป็นการหยั่งเชิงเสียมากกว่า!

ฉินหลงเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอื้อย่างเกียจคร้านพร้อมยิ้มกล่าว “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ข้าเกรงว่านางกําลังสงสัยข้า! เห็นคนข้างหลังนางไหม? นั้นเป็นองครักษ์ลับของราชวงศ์ ข้าเดาว่านี่คงเป็นคนของมู่หรงหยุนที่มอบให้นาง!”

“หากนางสามารถจับตัวลุงของจี้สื่อทั้งเป็นได้ เกรงว่าอีกไม่นานนางต้องไต่สวนเจอว่าเจ้าเมืองอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! ถึงตอนนั้นความลับที่เจ้าเมืองซ่อนไว้ก็…”

เฉินหลงยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่มีทางให้แม่นางไต่สวนสิ่งใดทั้งนั้น! ข้ารู้ว่านางทราบอยู่แล้วว่าข้าเป็นคนลงมือ ทว่านางยังทําอะไรไม่ได้จนกว่าจะมีหลักฐาน! ขอเพียงนางยังไม่ตัดสัมพันธ์กับข้า นั้นถือว่าเรายังมีโอกาสจัดการเรื่องนี้มากขึ้น!”

“เหตุใดนายท่านต้องทําให้เป็นเรื่องยากด้วย แล้วทําไมเราไม่ฉวยโอกาสนี้จัดการนางเสีย?”

“เจ้าคิดอะไรอยู่? เพียงจัดการองครักษ์ที่ตามติดเป็นเงาสองคนนั้นก็ยากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ มู่หรงหยุนต้องเตรียมกําลังคนเพื่อแอบตามนางเป็นแน่ เพียงแค่เราไม่รู้เท่านั้น!”

“อย่าคิดว่าโลกนี้มีเพียงพวกเราที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี เหตุผลที่ตระกูลมู่หรงมีอิทธิพลบนภูเขาแห่งนี้ได้อย่างมั่นคงและยาวนานนั้นย่อมมีจุดเด่นอยู่แล้ว! องครักษ์ที่ตามติดเป็นเงาเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นมือดีคนหนึ่ง! หากเจ้ายังเป็นคนดูถูกศัตรู ไม่นานเจ้าจะต้องเจอเรื่องวิบัติครั้งใหญ่แน่นอน!”

ผู้คุมถอยสองก้าวอย่างนอบน้อม “แล้วเมื่อไหร่เราจะส่งคนออกไปบ้าง?”

ฉินหลงยิ้มอย่างมั่นใจ “ทําไมเจ้าต้องรีบด้วย! เราเพียงต้องทําให้ชายผู้นี้ไม่สามารถคายคําให้การได้ไ ข้าได้ยินมาว่าถึงชายคนนี้จะสติไม่ค่อยดี แต่เขาก็กตัญญูกับแม่ยิ่งนัก!”

ผู้คุมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วจึงหันศีรษะเดินจากไป!

ฝ่ายหยุนเถียนเถียนนั้นคอยไม่นานนัก เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นเฉินเฉินก็ฟื้นแล้ว!

เฉินเฉินหดหูเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตนพลาดการสอบ! หยุนเถียนเถียนเห็นเช่นนั้นจึงรีบปลอบใจเขาทันที!

“เฉินเอ๋อ เจ้าอ่านตํารามาตั้งนาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างเจ้ามักจะโดนผู้คนริษยาเสมอ! เจ้าประสบความสําเร็จตั้งแต่ยังเด็ก ข้าเกรงว่าจะมีคนไม่น้อยที่คอยแต่จะอิจฉาเจ้า! ถ้าเจ้ายังคงเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น ศัตรูของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจิตใจ พวกเขาเหล่านั้นช่างแคบนัก!”

“ดังนั้นในสายตาของข้า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องดี! ทั้งเจ้ายังมีเวลาอีกสามปีในการฝึกฝนตํารา เมื่อถึงการสอบครั้งต่อไปเจ้าก็จะสามารถทําข้อสอบผ่านทุกข้อแน่นอน!”

ตอนที่ 387 คนดีนั้นเป็นยาก

เดิมทีบิดามารดาของสื่อเป็นคนซื่อตรง ครั้งที่ต้องขายตู้สื่อทั้งคู่ต่างเผยท่าทีที่แสนเจ็บปวดไม่น้อย! เมื่อรู้ว่าหยุนเถียนเถียนยอมเซ็นสัญญารับจ์สื่อเป็นทาสจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก!

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนเดินออกเรือนมา มารดาของจู้สื่อยังคงร่ําไห้พร้อมตะโกนว่า “แม่นางหยุน ข้ารู้ว่าท่านเป็นผู้มีจิตใจงดงามยิ่ง ถึงยอมรับเลี้ยงจู้สื่อไว้! แต่โปรดรู้ไว้ด้วยว่าข้ามีเด็กอีกจํานวนมากที่ต้องเลี้ยงดูจึงจําเป็นต้องขายสื่อด้วยความรู้สึกยากที่จะทําใจนัก! แต่ไม่ว่าอย่างไรบัดนี้ได้โปรดแม่นางช่วยให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย!”

หยุนเถียนเถียนเห็นสามีภรรยาคู่นี้กําลังคุกเข่าอย่างไม่สมเหตุสมผล นางจึงรีบเข้าไปพยุงทั้งคู่ขึ้นมาทันที

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่! ข้าจะให้คนไปแจ้งความกับขุนนางให้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องนี้ทั้งหมด!”

“ข้าจะไม่ปิดบังเจ้าว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่เรือนข้าจริง! คนของข้ากล่าวว่าจ์สื่อได้รับจดหมายจากคนนอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านให้รีบกลับไปดูโดยเร็ว! ครั้งนั้นคนของข้าไม่ได้สังเกตเห็นความปิดปกติ จึงคาดไม่ถึงว่าจ์สื่อจะถูกฆ่าตายเช่นนี้!”

“ข้าคิดว่าคนที่ฆ่าสื่อและคนที่วางยาพิษเฉินเอ๋อน่าจะเป็นคนเดียวกัน! บัดนี้น้องชายข้าก็นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เขาไม่อาจเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ได้! แม่นางสื่อ! ข้าอยากจับฆาตกรมากกว่าเจ้าอีก! รู้หรือไม่กว่าข้าจะเลี้ยงดูเฉินเอ๋อให้สามารถเข้ารับการสอบครั้งนี้ได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก ทว่ากลับโดนทําลายง่าย ๆ เช่นนี้!”

มารดาของจู้สื่อตอบกลับอย่างรวดเร็วจนลืมแม้กระทั่งร้องไห้ “เราไม่ได้ส่งจดหมายถึงจู้สื่อ! เพราะเราเองทราบดีว่าถึงแม้ฐสือจะมีสัญญาทาสติดตัว แต่อย่างไรก็ยังไถ่ถอนออกได้ แต่ก่อน ไถ่ถอนเขายังต้องเชื่อฟังคําสั่งของแม่นางเท่านั้น! ทั้งสื่อยังรู้สึกขอบคุณแม่นางหยุนยิ่งนัก ดัง นั้นเขาไม่มีทําเรื่องที่เป็นพิษภัยต่อตระกูลของแม่นางหยุนเป็นแน่!”

“ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของสื่อ ข้าเพียงกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนที่ฆ่าจ์สื่อต่างหากเล่า!”

มารดาของจู้สื่อไม่กล่าวอะไร ทว่าในขณะเดียวกันดูเหมือนบิดาของจู้สื่อจะยังไม่เชื่ออยู่! เนื่องจากสายตายังคงมองหยุนเถียนเถียนอย่างโง่งมและไม่ยอมลุกขึ้น!

หยุนเถียนเถียนยิ้มตอบอย่างจนปัญญา นางเรียกเสี่ยวฉีโถวที่สนิทสนมกับจ์สื่อมากที่สุดออกมา! เสี่ยวฉีโถวกับจู้สื่อสองตระกูลนี้อยู่ไม่ไกลกันนัก ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันด้วย!

พ่อจู้สื่อมองเสี่ยวฉีโถวราวกับเห็นหลักฐานชิ้นสําคัญ เขาคว้ามือฉีโถวและเอ่ยถามทันที “โถวเจ้าว่ามาซิ! เจ้าได้คุยอะไรกับชู้สื่อบ้าง?”

เสี่ยวฉีโถวกําลังตกใจกับศพที่นอนอยู่บนพื้นไปชั่วขณะจึงค่อยเอ่ยขึ้นช้า ๆ ว่า “ข้าไม่รู้วันนั้น ข้าบอกแค่ว่าเหมือนพ่อเขาจะไม่สบาย! จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปทันที!”

“พอมาวันนี้ข้าเพิ่งได้ยินว่านายน้อยถูกวางยาก่อนสอบทําให้ลุกไม่ขึ้น! ต่อมาไม่นานคุณหนูก็เข้ามาสอบสวนเหล่าทาส ข้าจึงรู้ว่าจ์สื่อหายตัวไป! ข้าอยากจะถามให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็มีคนตะโกนบอกว่าพวกท่านมาที่นี่แล้ว!”

บิดาของสื่อขบกรามแน่นพลางเอ่ย “คนที่มาส่งข่าวคือผู้ใดกันแน่? บอกข้ามาซิ!”

จู่ๆ คนรับใช้หน้าประตูด้านข้างก็กล่าวแทรก “คนผู้นั้นไม่ได้เข้าประตูเรือนจึงไม่รู้แน่ชัดว่าคือผู้ใด? ทว่าข้าพอเห็นลาง ๆ อยู่บ้าง บนหน้าผากผู้นั้นมีไฝเม็ดใหญ่! สื่อเรียกเขาว่าท่านลุงเล็ก!”

แววตาบิดาของจู้สื่อพลันแข็งค้าง “เป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นลุงแท้ ๆ ของจู้สื่อ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องหลอกหลานตนเองเสียหน่อยถูกไหม?”

คนรับใช้หน้าประตูเบ้ปากเล็กน้อยและกล่าว “เกรงว่าจ์สื่อก็คงคิดเช่นนั้นจึงยอมให้เขาหลอกได้! ประจวบเหมาะกับหลายวันมานี้นายน้อยยุ่งอยู่กับการสอบจึงไม่มีเวลาถามไถ่ถึงจู้สื่อเท่าไหร่นัก!”

หยุนเกียนเถียนมองไปยังอีกฟากหนึ่งถนน ผู้ตรวจการแผ่นดินสวมชุดขุนนางนําคนเข้ามา เมื่อเห็นว่าหยนเถียนเถียนเป็นผู้แจ้งความก็ดีใจขึ้นมาทันที! ก่อนหน้านี้เพิ่งถูกตําหนิ คราวนี้ถึงเวลาต้องเผยความสามารถออกมาให้ดีที่สุด!

“ใครบังอาจมาสร้างปัญหาที่เรือนเมฆา?”

หยุนเถียนเถียนพูดไม่ออกจึงกระแอมอยู่ข้าง ๆ “ผู้ตรวจการ ข้าเรียกท่านมามิใช่ให้มายุ่งเรื่องชาวบ้านเหล่านี้ แต่เพื่อสืบคดีฆาตกรรมต่างหาก!”

ผู้ตรวจการรีบส่งสายตาไปยังศพบนพื้น หยุนเถียนเถียนเองก็สงสัยในการตายของจู้สื่อเช่นกัน! เนื่องจากเดิมที่ครอบครัวของเขาดูไม่เชื่อนางเท่าไหร่นัก ดังนั้นนางจึงไม่เปิดผ้าขาวเพื่อตรวจดู

ทว่าบัดนี้คนของทางการมาถึงแล้ว หยุนเสียนเถียนจึงหาโอกาสเดินเข้าไปปัดผ้าขาวผืนนั้นออกทันที!

ก่อนสื่อตายดวงตาของเขาเบิกกว้างพร้อมเปิดปากเล็กน้อยราวกับว่าเขาได้เห็นบางอย่างชวนน่าตกตะลึง!

มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมา โดยมีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่คาหน้าอกและท้องของเขา!

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมหันหน้าถาม “ท่านเป็นพ่อของฐ์สื้อใช่ไหม? ท่านเจอศพลูกชายของท่านที่ใดหรือ? ดูเขาส์ เขาน่าจะตายนานแล้ว ท่านเจอศพเขานานแล้วรึยัง?”

น้ําตาบิดาของจู้สื่อไหลรินออกมา “เช้านี้คนในหมู่บ้านของเราไปปล่อยน้ําในทุ่งนาจึงพบจู้สื่อในทุ่งหญ้าที่ไกลออกไปไม่มากนัก! คาดว่าตอนนั้นจ์สื่อน่าจะตายไปแล้วหนึ่งหรือสองวัน เพราะตัวของเขาทั้งเย็นเฉียบและมีแมลงวันตอมไปทั่วร่าง!”

หยนเถียนเถียนพยักหน้าสื่อว่านางทราบแล้ว จากนั้นจึงถามต่อว่า “ใครคือคนพบศพ? เขาตามเจ้ามาด้วยหรือเปล่า? ผู้ตรวจการช่วยสอบสวนให้ดี จากนั้นค่อยส่งคนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกทีว่ามีร่องรอยการต่อสู้หรือไม่!”

“ข้าเห็นสภาพศพแล้วคาดว่าน่าจะถูกคนที่เขารู้จักฆ่า มิเช่นนั้นเขาคงไม่ทันตั้งตัวถึงขนาดนี้! ซึ่งลุงเล็กของจู้สื่อเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด เราต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อจับเขาให้ได้!”

ผู้ตรวจการพยักหน้าและหันไปสั่งลูกน้องให้ทําตามทันที!

หยุนเกียนเถียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ บิดามารดาของสื่อยังคงยืนน้ําตาคลอเบ้าพร้อมสวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง ทั้งด้านข้างยังมีเด็กเล็กอยู่อีกหลายคน! เมื่อคิดดูดี ๆ ครอบครัวนี้ช่างน่าสงสารนัก นางตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเป้าหมายหลักของคนร้ายคือเฉินเฉิน แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวพันกับจู้สื่อด้วย!

“ข้าเห็นว่าชีวิตครอบครัวของเจ้าช่างน่าเวทนาเสียจริง บังเอิญมีเรือนว่างอยู่ พวกเจ้าไปพักที่นั่นก่อน แล้วค่อยไปทํางานที่เรือนของข้าอย่างน้อยก็น่าจะพออิ่มท้องบ้าง! สําหรับเรื่องศพของจู้สื่อ ข้าจะให้คนนําไปตรวจสอบก่อน แล้วค่อยคืนศพให้พวกเจ้า!”

บิดามารดาของจู้สื่อก้มหน้าไม่พูดไม่จา จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงตอบว่า “ที่บ้านขามีนาผืนเล็กที่แทบจะไม่พอกินด้วยซ้ํา! หากเด็กในบ้านไม่ป่วย จู้สื่อก็คงไม่ต้องออกบ้านมาเช่นนี้!”

“บัดนี้สื่อตายด้วยวิธีใด เรายังไม่รู้ เช่นนั้นโปรดยกโทษให้เราด้วยที่ไม่สามารถรับความปรารถนาดีครั้งนี้ของแม่นางหยุนได้!”

เซินสิ่งรีบยืดอกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที “พวกเจ้าทําตัวโอหังเกินไปแล้ว! คุณหนูของข้าต้องการหาตัวฆาตกรด้วยความจริงใจ แต่พวกเจ้ายังสงสัยนางอีก! ทั้งนางยังหวังดีที่จะรับพวกเจ้าไว้ในเรือน ทว่าพวกเจ้ากลับยังอวดดีนัก!”

หยนเถียนเถียนรีบยื่นมือห้ามไว้ “เอาละ! ระวังหน่อย หยุดพูดได้แล้ว! คนนอกจะสงสัยเช่นนี้ ข้าก็พอเข้าใจได้ รอจนคดีคลี่คลายแล้ว ทุกอย่างย่อมคืนความบริสุทธิ์ให้ข้าเอง!”

ตอนที่ 386 มีคนตาย

“แน่นอน ข้าเข้าใจสิ่งที่พี่พูดดี! แต่ข้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน! พี่สาววางใจเถิด ข้าจะเป็นนกน้อยที่ทํารังแต่พอตัว!”

หยุนเกียนเถียนพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป ในขณะเดียวกันเฉินเฉินลูบหน้าผากตัวเองด้วยความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนยิ่งนัก

วันรุ่งขึ้นหยุนเถียนเถียนจ้องมองเฉินเฉินที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนกพร้อมคิดในใจ เกิดอะไรขึ้น? เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ?”

“เฉินเอ่อ ข้าประมาทเกินไปหรือไม่? ให้พี่เชิญหมอมาดูอาการเจ้าดีไหม?”

แม่เฉินเฉินจะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ก็กลัวว่าพี่สาวจะตื่นตระหนกจึงพยายามกัดฟันกล่าวตอบ “พี่สาววางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร เมื่อคืนน่าจะศึกษาตําราด็กไปหน่อย!”

“เช่นนั้นเจ้าต้องระวังร่างกายตัวเองให้ดี หากทนไม่ได้ก็ออกมา! พี่มีความสามารถมากพอและไม่ได้คาดหวังให้เจ้าประสบผลสําเร็จถึงเพียงนั้น เจ้าอย่ากดดันตัวเองมากไป หากร่างกายทรุดลงแล้วสุดท้ายเจ้าจะไม่ได้อะไรจากการกระทําเช่นนี้เลย!”

เฉินเฉินพยักหน้าราวกับรู้ความ แต่เขายังคงดื้อรั้นที่จะเชื่อมั่นในตนเองต่อไป! ซึ่งพรุ่งนี้จะถึงเวลาสอบแล้ว ทําให้คืนนี้เขาต้องรีบนอนแต่หัวค่า!

ชาบนโต๊ะยังไม่ได้รับการเปลี่ยน ถึงกระนั้นแม้แต่น้ําเย็นเฉินเฉินยังไม่สนใจ แล้วนับประสาอะไรกับอุณหภูมิของชาเล่า?

เมื่อตกกลางคืนเขาดื่มน้ําเพียงหนึ่งแก้วและเตรียมตัวเข้านอนทันที จากนั้นเฉินเฉินผล็อยหลับไปโดยไม่ทราบว่าตนพลาดอะไรในขณะเข้าสู่นิทรา!

ยามฟ้าสางเป็นสัญญาณเตือนว่าการสอบคัดเลือกระดับอําเภอกําลังจะเริ่มขึ้น! หยุนเถียนเถียนจึงตื่นแต่เช้าและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกแปลก ๆ! เนื่องจากเฉินเฉินเป็นเด็กที่ตรงต่อเวลาเสมอ เช่นนั้นเขาจะมัวนอนหลับในช่วงเวลาสําคัญเช่นนี้ได้อย่างไร?

ทั้งตัวพี่สาวนั้นแทบรอไม่ไหวจึงผลักประตูออกไปทันที ทว่ากลับพบเฉินเฉินยังคงนอนหลับตาสนิทพร้อมหายใจแรง คล้ายกับว่าเขาจะไม่ตื่นจากห้วงนิทราอีกสักพักใหญ่!

นางตระหนักว่าหากเด็กชายตรงหน้าพลาดโอกาสเช่นนี้ไปคงต้องเสียใจมากแน่! หยุ นเถียนเถียนขบกรามแน่นเริ่มร้องเรียกเขา แต่ไม่ได้รับคําตอบใด!

ดังนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปผลักตัวเฉินเฉินด้วยท่าทีใจคอไม่ดีเล็กน้อย!

เนื่องจากเฉินเอ๋อไม่เคยหลับสนิทขนาดนี้มาก่อน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

“เซิ่นสิงรีบไปเชิญหมอมาเร็วเข้า! จะได้รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับน้องชายข้า?”

เซ็นสิ่งรู้ว่าจะล่าช้าไม่ได้จึงรีบวิ่งไปตามหมอทันที!

หมอจับชีพจรพร้อมลมออกหูและหันมาจ้องตานางเขม็ง “นายน้อยเจ้าเป็นอะไรล่ะ? เจ้าเด็กนี้แค่หลับอยู่ เรื่องเพียงนี้แม่นางต้องเรียกข้ามาด้วย!”

หยุนเถียนเถียนตอบกลับอย่างร้อนรน “หากหลับอยู่แล้วจะปลุกไม่ตื่นได้อย่างไรเล่า? ท่านหมอไม่รู้หรือว่าวันนี้นายน้อยตนนี้จะต้องเข้าร่วมบททดสอบฤดูใบไม้ร่วง ปกติน้องชายข้าควรจะตื่นได้แล้ว เขาจะมัวนอนหลับเป็นตายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

เมื่อหมอได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น “เด็กตัวแค่นี้ แม่นางให้ไปสอบระดับอําเภอแล้วร? นั่นจะเครียดเกินไปหรือเปล่า? หากอายุเพียงเท่านี้นอนดึกเกินไป ก็อาจจะ..”

เซิ่นสิ่งรีบสอดปากเข้ามาทันควัน “ไม่ใช่เหตุนั้นแน่นอน! นายน้อยของข้าหลับไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นหลังทานข้าวเสร็จ! กระผมยังยืนส่งยิ้มอยู่ข้างนายน้อยอยู่เลยก็ไม่เห็นจะเผยท่าทีเคร่งเครียดอันใด แม้อีกวันจะสอบนายน้อยของข้าก็ยังเข้านอนเร็วเช่นเคย!”

หากเป็นเช่นนั้นท่านหมอยิ่งประหลาดใจ เขาจึงเอื้อมมือไปลูบเปลือกตาเฉินเฉินและจับหาชีพจรอีกครั้งอย่างระมัดระวัง!

“มิเช่นนั้นต้องมีคนลอบวางยาเป็นแน่! ทว่ายานั่นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มันเป็นเพียงยานอนหลับสนิท! เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็จะปกติ!”

คราวนี้หยุนเถียนเถียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “แล้วผู้ใดกันที่ต้องการทําเช่นนี้ ในเมื่อถึงขั้นต้องวางยาแต่กลับวางยาที่ไม่เป็นพิษภัยต่อร่างกายเช่นนั้นหรือ? ข้าว่าผู้ร้ายคงแค่ไม่ต้องการให้เขาเข้าร่วมการทดสอบระดับอําเภอเป็นแน่ แต่เด็กตัวเล็กแค่นี้จะเป็นภัยคุกคามต่อใครได้?”

จ่ๆ เซินสิงก็พูดเสียงดังขึ้น “หรือว่าจะเป็นคุณชายจาง? แม้ว่านายน้อยจะอยู่แถวหน้าของการสอบเข้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเหล่าผู้มีพรสวรรค์ แต่ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่านายน้อยของข้าทั้งมีพรสวรรค์และศึกษาตําราหนักกว่าเขายิ่งนัก! เขาคงกลัวว่านายน้อยจะแซงหน้าจึงใช้วิธีนี้หรือเปล่าขอรับ?”

หยุนเสียนเถียนส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “เป็นไปไม่ได้ อย่างแรกคือคุณชายจางไม่ใช่คนเช่นนั้น อย่างที่สองคือแม้เขาอยากลงมือก็ไม่มีทางทําได้!”

“ลองคิดดูดี ๆ ครั้งนั้นคุณชายจางเป็นผู้สอนเฉินเอ่อ! หากเขาอิจฉาน้องชายข้าจริง ๆ เขาควรทํานานแล้ว! อีกอย่าง คนรับใช้ที่จัดอยู่ในลานบ้านของเราล้วนซื้อมาทั้งหมด! คุณชายจางเป็นเพียงคนธรรมดา เขาจะเอาอํานาจไหนมาต่อสู้กับความน่าเกรงขามอย่างเราได้?”

“แต่นอกจากเขาแล้วยังมีใครอีกงั้นหรือท่านหญิง?”

ท่านหมอถอนหายใจเบา ๆ พร้อมส่ายหน้า “หากเกิดมีเด็กชายเช่นนี้ถือกําเนิดทั่วบ้านทั่วเมืองก็คงสร้างความโกลาหลให้ไม่น้อยแน่! แต่จะว่าไปก็น่าเสียดายเพราะต่อให้ส่งนายน้อยไปห้องสอบตอนนี้ ก็คงสายเกินไปแล้ว!”

หยุนเกียนเถียนกลับตอบอย่างเฉยเมย “สอบไม่ผ่านก็ดี ให้เขารู้จักผิดหวังบ้าง น้องชายข้าจะได้ไม่เปราะบางจนเกินไป! แต่พวกเราต้องสืบให้พบว่าผู้ใดที่บังอาจคิดร้ายเช่นนี้! เราต้องรู้ให้ได้ว่ามันต้องการเพียงวางยาบางอย่างให้หลับเท่านั้นจริงหรือไม่ เพราะถ้าหากความจริงแล้วมันต้องการวางยาพิษก็คือถือเป็นภัยต่อตระกูลเราไม่ใช่น้อย!”

“เซ็นสิ่งส่งท่านหมอกลับได้แล้ว! ส่วนท่านหมอเรื่องในเรือนข้าไม่ใช่เรื่องของคนนอก! โปรดท่านหมออย่าปากมากนักล่ะ!”

ท่านหมอรับเงินจากหยุนเถียนเถียนพร้อมพยักหน้าอย่างระแวดระวัง จากนั้นค่อยเดินตามเซ็นสิ่งออกจากจวนตระกูลหยุนทันที!

หยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนประเภทผลัดวันประกันพรุ่ง! ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะสืบหาก็ต้องสืบเสาะให้ถึงที่สุด!

ทาสที่รับใช้เฉินเฉินมีเพียงไม่กี่คน แค่พริบตาเดียวก็สามารถเรียกมาอยู่ต่อหน้าหยุ นเถียนเถียนจนครบ!

หลายคนมองนางอย่างมีเลศนัย หยุนเถียนเถียนแยกพวกเขาออกจากกันเพื่อสอบสวนอย่างละเอียด ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เบาะแสอะไรมากนัก!

ในขณะนั้นเสี้ยวฉือโถวก็ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านหญิง! ข้าติดตามนายน้อยมาโดยตลอด ทาสที่คบุกคลีอยู่กับนายน้อยมีเพียงไม่กี่คน ซึ่งยังมีอีกคนที่ท่านหญิงยังไม่ได้สอบสวน…”

ทันใดนั้นทาสรับใช้ที่นั่งอยู่ด้านล่างก็นึกขึ้นได้จึงตะโกนเสียงดังว่า “ท่านหญิง เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนผู้หนึ่งตามหาทาสเสา เขาบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านให้รีบกลับไปดูด่วน! ทว่าบัดนี้ ยังไม่กลับมาเลย!”

เสา? ตระกูลของเด็กที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเทพธิดา! เพราะที่บ้านมีทายาทเยอะเกินไปด้วยความที่เลี้ยงดูไม่ไหวจึงขายลูกคนโตให้หยุนเถียนเถียน!

ครั้งแรกนางคิดอยากทําความดีจึงเซ็นสัญญารับทาสทันที! ทว่าคิดไปคิดมาอีกครั้งก็นับว่าเขาเป็นคนซื่อตรงที่สัตย์จริง น่าจะมองไม่ออกว่าอะไรไม่ดีถึงจะถูกกระมัง!

แต่ทําไมเสาถึงหายไปในเวลาเช่นนี้?

ทว่าจู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก “ท่านหญิง รีบออกไปดูเถิด! สามีภรรยาด้านนอกดูเหมือนจะเป็นครอบครัวของเสา ตอนนี้ศพของเสากําลังอยู่หน้าประตูแล้ว!”

ศพของเสา? เรื่องเช่นนี้ยังทําให้ชีวิตมนุษย์เราเดือดพรายอีกหรือ?

หยุนเถียนเถียนไม่กล่าวให้มากความ นางรีบก้าวเท้าเดินออกเรือนทันที!

นิยาย สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 384 เรื่องราวของอู่เทียนสิง

ฉู่เทียนสิ่งกําหมัดแน่นจนเล็บจิกลึกลึงไปในฝ่ามือ เลือดสีแดงไหลชโลมจนหยดลงพื้น

หยุนเถียนเถียนเข้าห้องจึงได้เห็นภาพนั้น มู่หรงหยุนเคอกําลังแสยะยิ้ม ส่วนเทียนสิ่งที่กําลังโกรธแค้นพลางจ้องมองเขาด้วยแววตาจะกินเลือดกินเนื้อ

เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกลําเอียงอย่างไรพิกล หยุนเคอกําลังข่มเหงรู่เทียนสิงอยู่เช่นนั้นหรือ?

“เดี๋ยวสิหยุนเคอ! ฉูู่เทียนสิ่งเจ็บไปหมดแล้วไยจึงไปรังแกเขาด้วย!”

มู่หรงหยุนเคอหันมาเห็นแววตาของหยุนเถียนเถียน เขารู้สึกโกรธจนไม่อาจเอ่ยคําใด

“เจ้า… ช่างเถอะ! ข้าไม่รู้นะว่าเจ้ากําลังคิดการใดอยู่ เจ้าไม่รู้สินะว่าคนที่ช่วยมาเป็นคนใหญ่คนโตแค่ไหน? เขาคือองค์ชายที่เจ็ดจากต้าฉู่ย่างไรเล่า!”
หยุนเถียนเถียนตาเบิกกว้างด้วยไม่เชื่อหูตัวเอง

ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงได้สติก่อนจะเร่งรัดถามองค์ชายจากแคว้นอื่นผู้นี้ “ฉู่เทียนสิ่ง…ข้าจะช่วยท่านไม่ว่าจะอย่างไร ข้าบอกให้ท่านเร่งรักษาให้หายดีเสียแล้วจงกลับไปทวงทุกอย่างที่ต้าฉู่ คืนเถิด”

รู่เทียนสิ่งมองหญิงผู้มีพระคุณอย่างสงสัยและไม่เข้าใจว่านางต้องการสื่ออะไร

“ข้าขอบอกท่านก่อน… แม้ข้ากับมู่หรงหยุนเคอจะรักกัน กระนั้นหยุนเคอก็เป็นถึงองค์ชาย เช่นนั้นแล้วเขาอาจสมคบกับหญิงอื่นเพื่อปองร้ายข้าจนไม่อาจอยู่เป็นสุขก็ได้…หากท่านได้กลับไปที่ต้าฉูู่และได้บรรดาศักดิ์กลับมา ข้าอาจต้องไปพึ่งท่านบ้างหากหยุนเคอกระทําตัวเลวร้ายกับข้า”

“เมื่อถึงตอนนั้นท่านคงจะได้เป็นพระราชโอรส หรืออย่างต่ําก็เป็นอ๋อง… หากมีท่านคอยปกป้องข้าก็ไม่จําเป็นต้องกลัวว่าจะถูกเขาพาตัวกลับไป”

สีหน้าของหยุนเคอบึงตึงทันทีเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยตัวตนของเด็กหนุ่มผู้นี้ และไม่เพียงแต่จะทําให้หยุนเกียนเถียนรู้สึกระแวงระวังเท่านั้น เพราะหยุนเถียนเถียนก็คิดเช่นนั้นจริง ๆ

“สาวน้อย…เจ้าอย่าได้เพ้อพกอีกเลย! บัดนี้องค์ชายที่เจ็ดมีสภาพไม่ต่างอะไรกับสุนัขกําพร้าถูกทั้งพี่น้องและคู่หมั้นหักหลังเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปเป็นใหญ่อีกครั้งได้หรือไม่!”

หยุนเถียนเถียนเชิดหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ประเมินเขาต่าไปแล้ว…ฉู่เทียนสิ่งเพิ่งถึงจุดตกต่ําแล้วไยเขาจะกลับมารุ่งโรจน์ไม่ได้! ฉู่เทียนสิง…ข้าตรองดีแล้วว่าท่านคงไม่เจตนาหลบซ่อนตลอดไปใช่หรือไม่?”

“ท่านจงกลับไปฆ่าพวกมันล้างแค้นเสีย! ความโฉดชั่วทั้งหลายล้วนดํารงมาแต่สมัยเก่าก่อน แล้ว ตราบใดที่ท่านได้หวนคือสู่อานาจทุกสิ่งก็อาจพลิกผันได้เพียงแต่…”

จู่ๆ มู่หรงหยุนเคอก็กล่าวตัดบทนาง “หยุนเสียนเถียน… เจ้าปล่อยวางเสียเถอะ! นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าจะชี้ถูกชี้ผิดผู้ใด เพราะสุดท้ายแล้วผู้ชนะก็ย่อมเป็นฝ่ายถือความชอบธรรม!”

หยุนเสียนเถียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างไม่มั่นอกมั่นใจ “ข้ามองจู่เทียนสิงแล้ว เขาคงมิใช่คนอายุสั้นทั้งที่เขาได้ผ่านเรื่องหนักหนาเช่นนี้แล้วไยจะต้องกลัวคนระยําพวกนั้นด้วยเล่า?”

เทียนสิ่งรู้สึกว่าความขุ่นแค้นเคืองใจเมื่อครู่ได้อันตรธานหายไปสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความงุนงงเท่านั้น

เมื่อเห็นดังนั้น มู่หรงหยุนเคอจ้องมองที่หยุนเถียนเถียนพลางนึกประหวั่นว่านางจะรู้เข้าเสีย แล้วว่าฉู่เทียนสิงผู้นี้ได้ประสบเรื่องไม่เป็นธรรมซึ่งนั่นเป็นเหตุที่นางพยายามเปลี่ยนเรื่องและให้เด็กหนุ่มลืมปัญหานั้นไปก่อน

การนั้นได้ผล เมื่อหยุนเกียนเถียนเห็นว่าร่องรอยแห่งความทุกข์ได้เลือนไปจากใบหน้าของเทียนสิ่งแล้ว นางจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

“รู่เทียนสิ่ง…ความเกลียดชังอาจเป็นแรงผลักดันที่ทําให้ท่านก้าวเดินไปได้! กระนั้นก็ใช่ว่าต้องให้มันครอบงําจิตใจท่านไปตลอด ในทางกลับกัน คู่หมั้นของท่านก็มิใช่คนที่ไม่อาจอภัยที่นางทําก็เพียงหาหนทางที่ดีที่สุดกับตัวเองเท่านั้น!”

“เอาล่ะ… ท่านสามารถอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้ หรือจะไปยามใดก็ได้ตามแต่จะต้องการตรงนี้ข้าจะไม่ก้าวก่ายท่านเพราะข้าเองก็เป็นเพียงหญิงชาวนาสามัญเท่านั้น หากท่านกับท่านอ๋องสามีข้ามีเหตุใดให้หารือกันนั่นก็เป็นธุระของพวกท่านข้าก็จะไม่ก้าวก่ายเช่นกัน…”

หยุนเกียนเถียนจากไปทันทีหลังกล่าวจบ

ฉู่เทียนสิ่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จากนั้นจึงหยิบกิ่งไม้มาเขียนลงบนดินโคลน

“ที่คุณหนูหยุนเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าท่านปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีแน่ อย่างไรเสียนางคงจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่เล่น แต่ข้าเห็นเป็นเรื่องที่จริง”

“สักวันหนึ่งข้าจะกลับไปทวงทุกสิ่งที่ต้าฉู่คืนให้จงได้! หากถึงตอนนั้นท่านหยุนเคอกล้าขับไล่ไสส่งนางข้าจะเป็นคนปกป้องนางเอง!”

มู่หรงหยุนเคอเบะปากด้วยความหมั่นไส้ “ฝันไปเถอะ… นางคือสตรีของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมปกป้องเองได้ข้าจะไม่มีวันผิดคําพูดเด็ดขาด!”

ขณะที่พูด มู่หรงหยุนเคอที่ยังรู้สึกงงงวยเตะพื้นอย่างแรงจนกรวดหินดินทรายบนพื้นปลิวว่อนฉูู่เทียนสิ่งสลักฝุ่นดินจนจามออกมาหลายครั้ง

ฉู่เทียนสิงอดหัวเราะไม่ได้ไม่นึกเลยว่าอ๋องแห่งต้าเยวผู้นี้จะมีด้านที่เหมือนเด็กน้อยด้วย

หยุนเสียนเถียนนึกถึงระบบเถาเป่าทันทีที่ขาดเงิน ก่อนจะซื้อเครื่องประดับถูก ๆ สองสามชิ้นจากเสี่ยวเถาและนําไปขายให้หลี่ซื่อฮวาเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน

ทว่าสองเดือนให้หลัง ที่ดินรกร้างผืนนั้นก็เริ่มดูดีขึ้นมาบ้าง แม้จะยังไม่ถึงฤดูเพาะปลูกข้าวสาลี แต่ก็ปลูกมันเทศไปก่อนได้

มันเทศเป็นปัจจัยสําคัญสําหรับการเอาตัวรอด โดยแบ่งพื้นที่ปลูกเล็กน้อยก็เพียงพอ ทว่าก็น่าเสียดายที่มันยังไม่โตพอจะนํามาบริโภคได้ มันจึงเป็นประโยชน์ก็ตอนที่มันยังอยู่ในดินเท่านั้น

กระนั้นก็โชคดีที่หยนุเถียนเถียนเคยอยู่ในชนบทและรู้วิธีแปรรูปมันให้กลายเป็นแป้งมันเทศ และเมื่อนึกถึงซวนล่าเฝิ่นที่เคยกินในครั้งก่อนแล้วนางก็น้ําสายสอทันที

* ซวนล่าเฝืน = บะหมี่เส้นแป้งมันเทศในซุปหม่าล่า

อย่างไรเสียวันที่ไม่นึกไม่ฝันก็มาถึง เซินสิ่งวิ่งแจ้นมาบอกกับนางว่าจู่เทียนสิงหายไปแล้ว

จู่เทียนสิ่งจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคํา ว่าตามตรงนางก็นึกใจหายอยู่เช่นกัน อย่างไรเสียทั้ง ๆ ที่นางเป็นผู้มีพระคุณ จะมาจากไปไม่ลาเช่นนี้ก็ดู… จะเกินไปเสียหน่อยอันที่จริงการที่จู่เทียนสิ่งจากไปเช่นนี้ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกใจหายเหมือนกัน…

เขาต้องการบอกกล่าวแก่หยุนเกียนเถียนว่ากําลังจะออกไป ทว่าพอนึกดูแล้วก็ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด ถึงจะเริ่มพูดได้บ้างกระนั้นเสียงของเขาก็ยังขาด ๆ หาย ๆ อยู่

อย่างไรเสียหลังจากนี้เขาก็คงมีสถานะไม่ต่างกับการบุกถ้ําเสือหรือไม่มีโอกาสได้กลับมา เช่นนั้นจึงมองว่าร่ําลาไปก็เปล่าประโยชน์

จู่เทียนสิ่งคิดไม่ตกอยู่สองนาน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ก่อนรุ่งสางเขาเดินทางออกจากเมืองเล็ก ๆ นี้ไปโดยไม่คิดหันกลับ

จะอย่างไรเมื่อจู่เทียนสิ่งจากไป หยุนเสียนเถียนคงรู้สึกใจหายเพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นไม่นาน นางก็กลับคืนสภาวะปกติ

นางก็รู้อยู่แล้วมิใช่หรือว่าสักวันเขาจะต้องจากไป แล้วจะต้องรู้สึกใจหายอะไรกัน?

ตอนที่ 385 ความผิดหวังของเฉินเฉิน

หยุนเถียนเถียนลืมเรื่องนั้นได้ในเวลาไม่นาน ส่วนหลี่ซื่อฮวาก็เหมือนพบโลกใบใหม่ ช่วงนี้เขามักแวะเวียนไปหาหยุนเถียนเถียนอยู่เสมอโดยหวังว่านางจะนําเครื่องประดับมาให้เขาได้อีก

ถึงจะไม่รู้ว่านางนําของประหลาดพวกนี้มาได้อย่างไร โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ทํามันขึ้นมาซึ่งหลี่ซื่อฮวาเองก็ไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน

แน่นอนว่านางไม่อาจเข็นสินค้าพลาสติกจําพวกนี้ออกมาได้ทีละมาก ๆ จึงได้แนะนําให้หลี่ซื่อฮวาทําเลียนแบบของที่นางนําออกมา

หลี่ซื่อฮวานําภาพวาดมาหารือกับหยุนเถียนเถียนเป็นครั้งคราวว่าควรใช้วัสดุประเภทใดเพื่อทดแทนสิ่งของที่มีอยู่แต่เดิม

ลวดลายแปลกใหม่ที่หาไม่ได้ในยุคนี้ทําให้ราคาเครื่องเพชรที่ทําออกมาพุ่งกระฉด ส่วนหลี่ซื้อฮวาก็ได้นําของพวกนี้ออกประมูลด้วย ทําให้หยุนเถียนเถียนที่เงินขาดมือกลับมามีสภาพคล่องทางการเงินอีกครั้งหนึ่ง

พริบตาเดียวฤดสอบก็มาเยือนเสียแล้ว โชคดีที่เฉินเฉินอยู่ในฟูเฉิงได้พักใหญ่แล้วจึงไม่จําเป็นต้องกังวลมากนักตราบใดที่เขาทําการบ้านอย่างเอาจริงเอาจัง

หยุนเสียนเถียนสวมผ้าคลุมหน้าเดินไปตามถนนอีกครั้ง การทดสอบต้องอยู่ยัดเยียดในห้องเล็ก ๆ นั้นเป็นเวลาร่วมเก้าวัน แม้แต่คนธรรมดาเห็นก็รู้สึกอึดอัดแล้ว เด็กน้อยอย่างเฉินเฉินก็ยิ่ง แล้วใหญ่

บัดนี้เขาอายุได้สิบขวบแล้ว แม้จะยังเด็กแต่ความเป็นอยู่และกําลังวังชาก็ดีขึ้นมากหากเทียบกับปีที่แล้ว

หยุนเสียนเถียนที่กําลังคิดหาทางทําให้เฉินเฉินใช้เวลาเก้าวันนี้อย่างสบายใจไม่ทราบว่าตนกําลังจับตาดูอยู่กล่าวคือมุ่งความสนใจที่พวกนางแต่ต้นจนจบนั่นเอง

ในขณะนี้เจ้าเมืองหลงยืนอยู่บนอาคารสูง เขามองผ่านหน้าต่างลงมาเบื้องล่างที่หยุนเถียนเถียนไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเขากําลังมองหาบางสิ่งอยู่

ด้านหลังเขามีชายในชุดเรียบ ๆ ซึ่งกําลังค้อมคํานับอย่างนอบน้อมอยู่ผู้หนึ่งเจ้าเหมืองหลงถามด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้าบอกว่านังหนูนั่นมาเข้ามาในเมืองหลวงงั้นหรือ?”

ชายด้านหลังตอบอย่างระมัดระวัง “ข้าได้ยินว่านางจะไปก็ต่อเมื่อน้องชายได้ขึ้นเป็นจวเหรินขอรับ!”

เจ้าเมืองหลงแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เพียงเพราะเจ้าเด็กน้อยที่ร่ําเรียนมาสองปีกว่านี้ ก็คิดประมือกับผู้อื่นแล้วหรือ! ช่างโหลยโท่ยนัก”

ทว่าคนข้างหลังกลับตอบว่า “ท่านเจ้าเมือง… ท่านอย่าได้ดูถูกเด็กคนนี้เชียว เจ้าหนูนั้นสอบซิวไฉได้ตั้งแต่อายุยังน้อยซ้ํายังได้ถึงอันดับสาม ข้าได้ยินมาจากอาจารย์ในสานักว่าเขาดูมีความหวังในฤดูสอบนี้นัก”

เจ้าเมืองหลงพูดพลางกัดฟันกรอด “อย่าปล่อยให้นังหนูนั่นกลับไปที่พระนครได้ขนาดในเมืองเล็ก ๆ เยี่ยงนี้ยังไม่อาจทําอะไรไอ้สารเลวมู่หรงหยุนเคอได้ หากปล่อยให้มันกลับไปที่พระนครอีกก็คงไม่เป็นอันทําอะไรแล้ว!”

“เรื่องสําคัญที่สุดคือจงอย่าให้อ๋องแห่งอวหยางจดจ่านางได้ เพราะหากนางได้ขึ้นเป็นองค์หญิงเมื่อใดก็คงเคี้ยวยากกว่าเดิมเป็นแน่!”

คนด้านหลังตอบ “เราส่งคนไปตายหลายครั้งแล้ว หยุนเคอเป็นผู้ออกตัวขวางทุกครั้งก่อนจะเข้าถึงตัวแม่นางหยุนได้! โดยเฉพาะคนคุ้มกันของนางที่มีวิทยายุทธ์สูงนักจนคนของเราไม่อาจทําการใดได้เลย”

“อย่าได้ผลีผลามไป… เรายังหาโอกาสได้เสมอ! เพียงแต่สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เด็กคนนั้นผ่านฤดสอบนี้ได้ ถึงเราจะไม่อาจมีส่วนร่วมในการสอบจอหงวน แต่อย่างไรเราก็คงกีดกันให้เจ้าเด็กนั่นไม่อาจเข้าสอบได้ใช่ไหม?”

คนข้างหลังพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ท่านเจ้าเมืองอย่าได้วิตกเลย เจ้าเด็กนั่นจะไม่มีทางได้เข้าสอบแน่!”

“เจ้าจําค่าข้าไว้ด้วย…อย่าได้ทําร้ายเด็ก คนนี้เขายังพอมีประโยชน์กับข้าอยู่”

แม้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะรู้สึกละอายอยู่บ้างกระนั้นก็ทนกัดฟันตอบไป “ขอรับ!”

เฉินเฉินเอาใจใส่กับการเรียนอย่างหนัก หยุนเวียนเถียนพี่สาวของเขาได้ตระเตรียมสิ่งของไว้ให้แล้วจึงมิได้พะวงในเรื่องนั้น… ก่อนเข้าห้องสอบเฉินเฉินยังประหม่าอยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรการทดสอบครั้งนี้จะเป็นตัวกําหนดอนาคตของเด็กน้อยเอง

เฉินเฉินก้มหน้าก้มตาอ่านจนไม่ทันสังเกตว่าคนที่นําชามาให้ไม่ใช่คนที่เขาคุ้นเคย

หลังจากท่องตําราอยู่นานเฉินเฉินก็ย่อมมีอาการคอแห้งเป็นธรรมดา เขาจึงเดินไปหยิบถ้วยน้ําชาขึ้นยกดื่มด้วยความกระหาย

หยุนเวียนเถียนกลับมาในตอนย่าค่ํา พลางจัดแจงข้าวของอย่างข้าวปลาอาหารต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งหมึกหรือพู่กันสําหรับระยะวลาเก้าวันนี้

แม้ว่าเฉินเฉินจะรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย กระนั้นเขาก็นึกว่าคงเป็นเพราะตนเรียนหนักเกินไป จึงยิ้มปลอบให้หยุนเสียนเถียนเบาใจ “พี่สาว…ไม่ต้องกังวลไปหรอก หากข้ายังสบายดีก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

หยุนเสียนเกียนยิ้มอย่างเรียบเฉย “เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่ทําให้เจ้าเหนือกว่าผู้อื่น?”

เฉินเฉินส่ายหน้า

“เพราะเจ้ามีจุดเด่นคืออายุน้อยอย่างไรเล่า! บัดนี้เจ้าอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น หากได้เป็นจวีเหรินละก็คงจะมีชื่อไปทั่วแผ่นดินแน่ เพราะจะหาบัณฑิตจวเหวินอ่อนวัยเพียงนี้ได้ยากนัก! หาก ไม่ผ่านก็มิใช่ปัญหาเพราะสองสามปีเจ้าก็มาใหม่ได้!”

“ดังนั้นเจ้าไม่ต้องถึงขั้นหวังสอบผ่านก็ได้ เพียงแค่ลองและตั้งใจให้มากที่สุดก็เป็นพอ”

เฉินเฉินส่ายหน้าแช่มช้า “ไม่! แม้ข้าจะยังเด็กอยู่แต่ท่านพี่น่ะแก่ขึ้นทุกวัน! ข้ารู้ดีว่าท่านพี่ชายหยุนคงมิใช่คนธรรมดาแน่ ต่อให้เขาปิดบังข้าก็รู้อยู่ดีแหละ”

“ข้าก็แค่ต้องการมีชื่อเสียงให้เร็วที่สุดเพื่อให้ท่านพี่ได้สถานะที่ดีขึ้นด้วย เผื่อว่าท่านพี่จะไม่ได้อยู่กับพี่หยุนเคอในอนาคตอย่างไรเล่า”

หยุนเสียนเกียนยกยิ้มอ่อน ๆ ในทีแรกนางจะใช้เฉินเฉินเพื่อการแก้แค้นและหักหน้าหลินชวนฮวาให้เห็นว่าบัดนี้เด็กที่นางไม่เคยเห็นหัวได้เป็นบัณฑิตจวเหริน ในขณะที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนไม่มีปัญญาเป็นแม้กระทั่งชิวไม่

ทว่าเมื่อเฉินเฉินมีพัฒนาการ ความคิดของหยุนเถียนเถียนก็เปลี่ยนไป นางเริ่มดูแลเขาอย่างจริงใจในฐานะน้องชาย โดยส่งเขาเล่าเรียนหวังให้เติบโตเป็นบัณฑิต

แม้ว่าเฉินเฉินจะยังเยาว์นัก กระนั้นเด็กน้อยผู้นี้ก็ดูสีหน้าคนออก… ตัวเขาเคยข่มเหงรังแกพี่ สาวทว่าบัดนี้ดูเหมือนว่าพี่สาวของเขาจะไม่สนใจเรื่องนั้นแล้วและดูแลตนอยู่เช่นนี้ ทีแรกเฉินเฉินเชื่อว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ํา แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกันเลย

คราวนี้เฉินเฉินรู้สึกขอบคุณหยุนเถียนเถียนจากใจจริง… หากไม่มีนางชีวิตเขาก็อาจไร้หนทางก็ได้ เพราะแม่บังเกิดเกล้าของเขากลับรักและเอ็นดูเฉินเฉิงเยี่ยผู้โง่เขลาเท่านั้น ส่วนพ่อผู้ตามืดบอดก็เอาแต่ติดสุราไม่ว่าจะเป็นหรือตายอย่างไร…

“เป็นเรื่องดียิ่งที่เจ้าคิดจะช่วยเหลือพี่สาวคนนี้ แต่หากพี่ใหญ่หยุนปฏิบัติต่อพี่สาวคนนี้เพียงเพราะเห็นแก่ใบหน้าของเจ้า แล้วเจ้าคิดว่าข้าคนนี้จะไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีเขางั้นหรือ? อย่างไรเสียเจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลหรือกดดันเรื่องของข้าเลยแม้แต่น้อย!”

ตอนที่ 383 เพลิงแค้น

ฉ่เทียนสิ่งถ่อมตัวเล็กน้อย มือยังคงเขียนต่อว่า “ฮูหยินเมตตาข้า… ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าจะไม่มีวันทําเรื่องเนรคุณต่อนางฮูหยินเป็นคนมีจิตใจดีซึ่งท่านก็คงประจักษ์แล้ว”

“อืม…เช่นนั้นจงจําค่าพูดของตัวเองไว้ใ หากเจ้าทําเรื่องไม่สมควรกับภรรยาข้าเมื่อใดรับรองว่าข้าจะทําให้เจ้ารู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

พูดจบแล้วหยุนเคอก็หันไปราวกับว่าไม่เคยมีความระแวงสงสัยมาก่อน

อู่เทียนสิ่งตระหนกไปเล็กน้อย พลางรู้สึกหวั่นอกว่าบุรุษหน้าตายผู้นี้คงกําลังโกรธหยุนเถียนเถียนอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเซ็นสิ่งที่เป็นผู้ติดตามของนาง

เซิ่นสิงหัวเราะร่า “เจ้าอย่าเป็นห่วงเลย! เขาไม่มีวันทําร้ายนาง คงมีแต่นายหญิงของข้าที่ทําร้ายเขา คุณชายฉ่จงพักผ่อนเสีย เพราะข้าต้องกลับไปรับใช้นายหญิงแล้วส่วนอาหาร…เดี๋ยวจะ นํามาให้ท่านอีกทีในตอนค่ํา”

จู่เทียนสิ่งพยักหน้าเงียบ ๆ พลางมองสังขารตัวเองอย่างจนปัญญาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น

หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจนักนับแต่นั้นนางก็ไม่มีเวลาให้ใส่ใจเรื่องคนที่นางช่วยมาเลย

ตลอดสามมือในหนึ่งวันหยุนเถียนเถียนก็มิได้ปรากฏตัวอีก

แม้ว่าจู่เทียนสิงอยากกลับบ้านใจจะขาด กระนั้นเขาก็ไม่ต้องการกลับไปโดยที่ยังไม่ทันบอกให้หญิงผู้มีพระคุณได้ทราบ เพียงแต่เกรงว่าหากตนเจตนาไปพบหยุนเถียนเถียนแล้วก็อาจจะทําให้คุณชายจอมเฉยเมยนึกสงสัยเอาได้

เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก นูเทียนสิ่งมองดูรอยแผลเป็นบนใบหน้าผ่านกระจกสําริดบาดแผลพวก นี้ล้วนเกิดจากน้ํามือไอ้เดรัจฉานผู้นั้นซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องเอาคืนอย่างสาสม

ขณะที่กําลังจมสู่ห้วงแห่งความเกลียดชังแต่อดีตหยุนเวียนเถียนเปิดประตูเดินเข้ามา

“คุณชายนุ่…อาการบาดเจ็บท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่?”

เทียนสิ่งพยักหน้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าหยุนเสียนเถียนภายใต้ผ้าคลุม ใบหน้างามประณีตนั้นกําลังมองเขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาใด

“เช่นนั้นท่านจะทําการใดต่อไป? จะกลับไปค้นหาตัวตนหรือชําระแค้นกัน?”

หยุนเถียนเถียนถามอย่างเฉยเมยก่อนหยิบใบสําคัญทาสจากแขนเสื้อ และใช้พับไฟจุดเผามันจนวอดต่อหน้าเด็กหนุ่ม

* พับไฟ = อุปกรณ์จุดไฟพกพาจีนโบราณ ใช้งานโดยเปิดให้เชื่อไฟสัมผัสและทําปฏิกิริยาอากาศ

“บัดนี้ท่านเป็นอิสระแล้ว แต่อย่างไรข้าก็ใคร่ถามท่านว่าต้องการทําสิ่งใดต่อไปข้าไม่อยากให้คนที่ข้าเพิ่งช่วยมากลับไปมีปัญหาอีกครั้ง”

ฉ่เทียนสิ่งส่ายหน้าพลางยื่นมือไปจุ่มชาและเขียนบนโต๊ะ “ฮูหยิน… แม้อาการบาดเจ็บของข้าจะหายดีแล้ว แต่ข้านั้นไม่มีวิทยายุทธ์เหลืออยู่เลย เพราะพวกมันวางยาบ้า หากข้ากลับไปยามนี้ก็อาจถึงตายได้!”

“แต่โชคยังดีที่เรื่องนี้ข้าไม่ต้องรบกวนผู้อื่นมากเท่าใด เพียงแต่ต้องใช้เวลาอีกนานนัก ไม่ทราบว่าฮูหยินจะให้ข้าอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวได้หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้ารับเบา ๆ “หากท่านต้องการอยู่ต่อก็เชิญพํานักได้ตามใจ วันนี้ฉันจะหาคนนําอาหารมาสามมื้อมาให้ท่านส่วนอีกคน…”

รู่เทียนสิ่งรีบลุกขึ้นสะบัดมืออ้าปากทันที ทว่าก็ตระหนักได้ว่าบัดนี้ตนเป็นใบ้อยู่จึงทําได้เพียงนั่งลงก้มหน้าก้มตาเขียนต่อไปว่า “ไม่! เพียงแค่ฮูหยินช่วยชีวิตข้าไว้ก็มากมายเพียงพอแล้ว ไม่จําเป็นต้องดูแลข้าให้พิเศษกว่าผู้ใด!”

“แม้บัดนี้จะไร้วิทยายุทธ์ กระนั้นข้าก็ยังพอทําเรื่องเป็นประโยชน์แก่ท่านได้ ขอเพียงฮูหยินเป็นผู้ออกปากบัญชามาเท่านั้น”

หยุนเถียนเถียนมองตาของฉ่เทียนสิ่งก่อนจะเห็นแววแห่งความตระหนกฉายอยู่ในนั้น แม่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่กระนั้นหยุนเวียนเถียนก็พยักหน้าไว้ก่อน

“หากต้องการเช่นนั้น เช่นนั้นท่านก็จงรับผิดชอบกิจการบางอย่างภายในบ้านแล้วกัน!”

ฉ่เทียนสิ่งพยักหน้าอย่างสงบ ตัวเขาเคยถูกบริวารตามรับใช้ประคบประหงมอยู่ตลอดบัดนี้เขาต้องมาสัมผัสถึงความเหนื่อยยากเหล่านั้นแล้ว

จากนั้นหยุนเวียนเถียนก็หายหน้าไปอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้หายตัวไปเสียทีเดียวกระนั้นลู่เทียนสิ่งก็ไม่ได้พบนางอีก

ในครัวเรือนใหญ่โตเช่นนี้ จู่เทียนสิ่งแทบไม่ปล่อยให้ตนได้มีเวลาพักผ่อนเลย เขาเริ่มใช้ตัวหยูกยาทั้งหลายที่หยุนเกียนเถียนตระเตรียมไว้ให้ทั้งหมดในยามค่ําคืน

มู่หรงหยุนเคอรอคอยให้เด็กหนุ่มไปให้พ้นจากบ้านเมื่อหายดีแล้ว กลายเป็นว่าเขากลับยังอยู่ที่นี่ต่อเสียอย่างนั้น…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเอาการเอางานที่มีให้เห็นทุกวี่วันดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะออกไปด้วยซ้ํา!

คนในบ้านต่างเริ่มคุ้นหน้าเด็กหนุ่มมื้อใบผู้นี้ ยามที่มีใครเข้านอกออกบ้านก็มักทักทายเขาว่าไอ้ใบ้อยู่เสมอ ทว่าเด็กหนุ่มก็ยอมรับโชคชะตาและไม่โต้ตอบคําใด

สุดท้ายหยุนเคอจึงตัดสินใจไปพบฉ่เทียนสิงอีกครั้ง

“องค์ชายที่เจ็ดแห่งต้ามาทํางานจิปาถะในบ้านของข้า… ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

เมื่อมีคนพูดถึงตัวตนที่แท้จริงฉีเทียนสิ่งเผยแววตาเย็นชาออกทันที

“จ้องข้าไปก็เปล่าประโยชน์น่า… ข้าจําไม่ได้หรอกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาแต่ไหน! ตอนเจ้าถูกขาย ก็ถูกขายด้วยนามจริง ดูเหมือนว่าศัตรูของเจ้าจะมีอํานาจอยู่ไม่น้อย”

เทียนสิ่งแสดงแววตาฉงนด้วยไม่เข้าใจ มีสามัญชนในแคว้นต้าเยวมองตัวตนที่แท้จริงของเขาออกด้วยงั้นหรือ?

“แม้อ่องผู้นี้จะอาศัยในเมืองเล็ก ๆ แต่ใช่ว่าจะหูหนวกตาบอดเสียเมื่อไร… เจ้าเป็นองค์ชายรัชทายาทที่ดูมีหวังมากที่สุด แต่ก็น่าเสียดาย…”

“องค์ชายที่เจ็ดแห่งต้าฉ่หายตัวไปหลังถูกลอบปลงพระชนม์ขณะเสด็จออกเมือง อันที่จริงแล้วผู้ที่ทําเช่นนั้นคือแม่ทัพเจิ้งหย่งขุนพลสยบใต้ที่ติดสอยห้อยตามเจ้าอยู่ ดังนั้นตระกูลเจ๋งจึงถูกประหารทั้งเจ็ดชั่วโคตรก่อนที่องค์ชายสี่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างไร้คู่แข่งในยามต่อมา”

“หลังจากที่จู่เทียนกว้อขึ้นเป็นรัชทายาท เขาก็สั่งให้เร่งหาตัวเจ้าให้พบ ส่วนคู่หมั้นเจ้าก็ไปต้องแต่งงานกับองค์ชายสี่แทนเฮ้อ…ความรักเอย ความชิงชังเอยมันช่างซับซ้อนเสียนี่กระไร”

เมื่อจู่เทียนสิงได้ทราบข่าวดังนี้ก็ตาเบิกกว้างด้วยความขุ่นแค้นหญิงแพศยาผู้นั้นแต่งงานกับชายโฉดที่คิดกําจัดเขาแล้วจริง ๆ และไม่รู้ว่าเสด็จพ่อคิดอะไรจึงได้ให้คนเช่นนั้นขึ้นเป็นรัชทายาท!

คนชั่วได้ดี ส่วนตัวเขาต้องมาตกระกําลําบากในตอนนี้ เพลิงแค้นลุกโชนท่วมจิตใจของเขาอีกครั้ง!

ดวงตามู่หรงหยุนเคอเป็นประกายแต่ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นมากนัก “ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายที่เจ็ดของต้าจู่ก็เป็นคนอ่อนโยนและเมตตาแก่ราษฎรทั้งหลายนัก”

“ส่วนหญิงคู่หมั้น… แม้เจ้าจะไล่สาวงามที่อยู่รายล้อมออกไปทว่านางกลับตอบแทนเจ้าเช่นนี้คงไม่น่าอภิรมย์เท่าใด”

“เจ้าจ้องข้าทําไมกัน… หรือจะบอกว่าเจ้ามิใช่องค์ชายที่เจ็ดผู้นั้นหรือ? จะบอกว่าที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องโป้ปดหรือกระไร? เห็นแก่สตรีมากไปสักวันก็คงพินาศ

“ให้ข้าเดาก็แล้วกัน…อันที่จริงคู่หมั้นของเจ้าเองก็สร้างเรื่องไว้เจ็บแสบใช่หรือไม่? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะคิดอย่างไรเพียงแต่เจ้ากลับหลงรักผู้หญิงเช่นนี้เข้าเสียได้!”

ตอนที่ 382 ตัวตน

เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน บาดแผลบนร่างกายถูกพอกด้วยยาขนานต่าง ๆ

หยุนเถียนเถียนลงจากรถม้า พร้อมกับเดินเข้ามาในลานบ้านพลางตะโกนหาจิ๋นเหยียนเสียงดัง จินเหยียนที่เป็นบุรุษย่อมแข็งแรงกว่าสตรีเพศอยู่แล้ว จึงอุ้มเด็กหนุ่มเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย

“ข้ารู้ว่าตัวตนของเจ้าคงไม่ธรรมดาแน่ จึงไม่มีทางที่เจ้าจะอยู่เป็นข้ารับใช้ใต้โอวาทของข้าได้ เช่นนั้นจะอยู่หรือไปก็เป็นสิทธิ์ของเจ้า… แต่ก่อนหน้านั้นก็จงพักฟื้นให้หายดีก่อนเถิด!”

เสียงครวญครางเล็ดลอดจากปากของเด็กหนุ่มราวกับจะถามอะไรบางอย่าง

แม่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร กระนั้นก็พอเดาค่าถามที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อได้

“อย่าคิดมากเลย… ถึงเงินสองร้อยตําลึงจะมิใช่น้อย ๆ สําหรับข้า แต่เมื่อเงินหมดไปข้าหาใหม่ได้เสมอ ทีแรกข้าเห็นแล้วสงสารจึงได้ไถ่ตัวเจ้ามา! ดังนั้นเมื่อเจ้าหายดีแล้วก็จงมาเอาใบสําคัญที่ข้าเสีย จากนั้นจงไปตามทางที่เจ้าต้องการ”

“แต่หากเจ้าต้องการแก้แค้น ข้าว่าเจ้าควรรอก่อน! อย่างไรเสียเจ้าก็มิใช่คนธรรมดาสามัญ ดังนั้นคนที่กล้าปองร้ายเจ้าก็คงอันตรายยิ่งกว่า เจ้าใช่จุดนี้เป็นแรงจูงใจในการล้างแค้นได้ มิฉะนั้น มันอาจกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนเจ้า”

ดูเหมือนเด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนดีเช่นนี้อยู่ในโลก ตรงมุมปากของเขายกขึ้นอย่างฝัน ๆ เล็กน้อย

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าต่อให้อธิบายมากเพียงได้ก็เปล่าประโยชน์ นางจึงขอให้เซินสังวางยาสมานแผลเอาไว้ ก่อนหันหน้าเดินออกจากห้องไป

“คุณหนู… ข้าว่าเจ้าเด็กนี่ดูไม่ได้สํานึกบุญคุณท่านเลย ท่านพาเขามาเช่นนี้ไม่เกรงว่าจะเป็นผลเสียเชียวหรือ? บางทีท่านอาจต้องเดือดร้อนเพราะเขาก็ได้…”

หยุนเทียนเถียนก้มหน้าพลางยิ้ม “เจ้านี่ใจดําจังนะ ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะสํานึกอะไรหรือไม่ เพียงแต่ข้าไม่อาจทนเห็นผู้คนถูกซื้อขายเยี่ยงวัวควายเช่นนั้นได้หรอก… น่าเสียดายที่ข้ามีความสามารถไม่พอช่วยเหลือคนพวกนั้น!”

“เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่กับนายหน้าล้วนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ทว่าเด็กคนนี้กลับมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อย่างน้อยเขาก็ไม่ยอมแพ้แม้จะถูกนายหน้าลงมือหนักกว่าคนอื่น”

“เพราะอย่างนี้ข้าจึงต้องการช่วยเขา ดังนั้นจะสํานึกหรือไม่ก็คงไม่ต่างกัน อย่างไรเสียข้าก็ไม่คาดหวังว่าจะมีใครมาตามจองเวรข้าเช่นกัน”

เซ็นสิ่งพยักหน้าแต่ไม่เข้าใจ “หากคุณหนูคิดเช่นนั้นก็ดีแล้ว… ตราบที่มันเป็นความสุขของท่าน ข้าก็ไม่ขัดข้อง

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างหน้าค่อนบูดก่อนจะเดินจากไป ครู่นั้นนางก็กล่าวว่าพึ่ง “จู่เทียนสิ่งงั้นหรือ… เด็กคนนี้เลือกชื่อเพราะดีนะ แค่ฟังข้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนทั่วไป…”

เมื่อเสียงฝีเท้านั้นหายไป หัวใจด้านชาของเทียนสิ่งก็พลันอ่อนนุ่มลง เขาหยิบยาสมานแผลขึ้นมาก่อนโรยมันลงบนบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัว

อันที่จริงอาการเขาไม่ได้รุนแรงนักเพราะทั้งหมดเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอก สิ่งเดียวที่ให้เขาไม่สบายกายในยามนี้คือยาที่ทําให้เขาอยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยตลอดเวลา

ปัจจัยอีกอย่างคือภาวะขาดสารอาหารจากการกินที่ย่ําแย่หลายวัน หากต้องไปยืนท่ามกลางคนรู้จักก็คงไม่มีผู้ใดจำเขาได้แน่

หยุนเกียนเถียนเร่งให้เซ็นสิ่งนําความเรื่องเด็กหนุ่มไปบอกกับกับหยุนเคอทันที นางไม่ต้องกา บิดบังเรื่องนี้กับอีกฝ่าย

เมื่อรู้ข่าวว่ามีคนแปลกหน้าเข้าใกล้หยุนเสียนเถียน มู่หรงหยุนเคอก็ตื่นตัวและออกปากว่าจะตรวจสอบเรื่องของรู่เทียนสิ่งทันที

จิ๋นเหยียนจึงรีบส่งนกพิราบสื่อสารออกไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงตัวหยุนเคอก็นึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของลู่เทียนสิ่งเช่นกัน

แม้แซ่จู่จะไม่แปลกในด้าเยว่ กระนั้นมันก็เป็นแซ่ของแคว้นตาฉ่ซึ่งเป็นหนึ่งในยุคนี้

เหตุที่ฉีเทียนสิ่งต้องตกอับเช่นนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องปัญหาเรื่องสถานะชนชั้นสูงของเขาแน่ ดูจากท่าทีแล้วเขาอาจเป็นเชื้อพระวงศ์ของตาฉ่ผู้หนึ่ง

ทว่าต้าเยวและต้านุ่มิได้ติดต่อกันนัก และบางครั้งหากเกิดเรื่องใหญ่ในแคว้นใดแคว้นหนึ่งก็จะไม่มีการส่งบรรณาการให้แก่กันอีกต่อไป

กระนั้นในฐานะที่เป็นอ๋องแต่เดิม มู่หรงหยุนเคอดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อจู่เทียนสิงมาก่อน ทว่าบัดนี้ก็ใช่ว่าเขาจะจดจําได้เสียทีเดียว

จะอย่างไรเรื่องของแคว้นตาลู่นั้นมีจักรพรรดิคอยจัดการอยู่แล้ว

ในเมื่อเขาเป็นเชื้อพระวงศ์และอยู่ต่อมาจนถึงบัดนี้ เขาจึงไม่อาจหลุดพ้นจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในหมู่เชื้อพระวงศ์ได้ และหากเขาเป็นเชื้อพระวงศ์จริง ปัญหาที่หยุนเถียนเถียนสร้างไว้ก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยเช่นกัน!

มู่หรงหยุนเคอขอให้มีการตรวจสอบ ทว่าเขาก็เดินเข้าไปในห้องของฉ่เทียนสิ่งด้วยเช่นกัน

ฉ่เทียนสิ่งหมดแรงก่อนจะทันได้เยียวยาบาดแผลบนร่างตัวเอง เมื่อได้ทานข้าวต้มที่เซ็นสิ่งทําให้ก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ฉีเทียนสิงก็เป็นอันต้องระแวงอีกครั้ง เมื่อมู่หรงหยุนเคอเร่งรัดเข้ามาในห้องด้วยท่าที่เข้มงวดและดุดัน

“ได้ยินว่าฮูหยินช่วยไถ่ตัวคนมาจากข้างนอก ข้าที่เป็นสามีจึงขอมาดูเสียหน่อย เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม? เซิ่นสิง… อย่าบอกนะว่าภรรยาข้ายอมหักหลังข้าเพื่อเจ้าเด็กนี่น่ะ!”

ฉ่เทียนสิงคนึงหาสตรีที่ให้ความอบอุ่นกับตนพลางนึกอิจฉาสามีของนางที่อยู่ตรงหน้า แม้จะอิจฉาที่เขามีภรรยาที่ดีเช่นนี้ กระนั้นเขาก็ยังคงโบกมือแสดงท่าทางเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่าง

“เป็นคนบ้าใบ้งั้นหรือ…”

ดูเหมือนเซินสิ่งจะไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเคอจึงมองตนด้วยสายตาเกี้ยวกราดเช่นนั้น ก่อนจะเข้าใจว่าองค์ชายผู้นี้คงกําลังแสดงละครอยู่

ดังนั้นนางจึงเดินช้า ๆ ไปประกบด้านข้างของลู่เทียนสิ่ง “หากเจ้าจะบอกอะไรนายท่าน ก็เขียนเอาเถิด”

ฉ่เทียนสิ่งที่อ่อนแรงรีบขยับไปตรงขอบโต๊ะก่อนนุ่มมือลงในถ้วยน้ําชาและเริ่มเขียนข้อความบนโต๊ะนั้น

“ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยเหลือ ข้าน้อยกับฮูหยินบริสุทธิ์ใจ!”

มู่หรงหยุนเคอเงยหน้าขึ้นยิ้มแบบไม่เป็นพิธี “ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าจะปกป้องภรรยาข้าหรือเปล่า? เจ้าบาดเจ็บหนักเพียงนั้นก็คงไม่คุ้มที่นางจะไถ่ตัวเจ้าออกมา หรือว่าเจ้าจะมีอะไรอีก?”

ฉ่เทียนสิงเป็นกังวลนักจนมือเริ่มสั่น “ข้าน้อยถูกบีบให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… หากคุณชายยอมให้ข้าได้พักพิง ข้าก็ยินดีออกไปเมื่อหายดี และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับฮูหยินอีก”

“หากข้ากลับบ้านได้ คงจะเป็นหนี้บุญคุณท่านไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายจะช่วยข้าน้อยได้หรือไม่?”

มู่หรงหยุนเคอตอบอย่างขอไปที่ “ขอบคุณ? ใครจะรู้หากเจ้าจะกลับไปดื้อ ๆ เช่นนี้ ได้ ยินฮูหยินบอกว่าเจ้าชื่อจู่เทียนสิง…ไยชื่อแซ่เจ้าจึงดูแปลกจากชาวบ้านนัก?”

ตอนที่ 381 เด็กหนุ่มผู้ทนทุกข์

นายหน้าตกตะลึงกับคําปรามาสอันรุนแรงก่อนผงะถอยห่างออกไป เขามองหยุนเสียนเถียนอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น

แม้ลูกค้าผู้นี้จะสวมผ้าคลุม ทว่าความโปร่งแสงของมันก็ทําให้ไม่อาจปิดบังความงามที่อยู่ใต้ร่มผ้านั้นได้สาวงามผู้นี้ช่างเลิศล้ํากว่าคนทั่วไปยิ่งนัก

เขาหบรอยยิ้มขี้เล่นและเริ่มจริงจัง “คุณหนู… ข้าว่าอย่าทําให้ยุ่งยากเลยไอ้ขี้ข้าเลี้ยงไม่เชื่องเยี่ยงนี้ซื้อไปก็หาประโยชน์ไม่ได้สู้หาคนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีสักสองสามคนจะดีกว่า”

หยุนเสียนเถียนยกยิ้ม “หลังจากนั้นเจ้าก็คงจะพูดขึ้นว่า คนอื่นเป็นคนดีแล้วขายให้ข้าในราคาสูงๆสินะ… แล้วไยเจ้าจึงทํากับหน้าเขาเช่นนั้นกัน?”

นายหน้าพูดด้วยสีหน้าขมขึ้น “มีคนส่งเจ้าหมอนมาแล้วก็ยัดเยียดให้ข้าซื้อมันไว้… คนผู้นั้นเขาให้ยาไว้จัดการมันด้วย แม้มันจะหมดแรงแต่ก็ยังแว้งกัดข้าได้อยู่ดี…ไอ้หมาบ้าเอ๊ย!ดังนั้นข้าเองก็ไม่ได้อยากทํานักหรอกเพียงแต่ข้าต้องการให้มันยอมเชื่อฟังก็เท่านั้น”

“คนที่ขายมันให้ข้าบอกว่ามันสมควรอยู่ที่นี่ ให้อยู่ในสภาพที่บัดซบเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็นก่อนที่มันจะหาจังหวะทําจนหน้าตัวเองกลายเป็นเช่นนั้น!ข้าทนเห็นไม่ได้จึงต้องคอยพยายามหยุดมันไว้อยู่เรื่อยจะอย่างไรหากไม่มีคนมาไถ่ตัวมันมันก็ต้องอยู่กับข้าเช่นนี้แหละ”

หยุนเทียนเถียนกล่าวถากถาง “เจ้าก็กล้าหาญดีนะ… รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นหมาป่าก็ยังจะเข้าไปทําร้ายเขาอีก เกรงว่าหากเจ้าคุมเขาไม่ได้มีหวังคงถูกสับเป็นชิ้น ๆ แน่ทางที่ดีจะให้ข้าพาเขาไปจากที่นี่ดีไหม?”

นายหน้าตอบพลางยิ้ม “บัดนี้ใบหน้ามันอัปลักษณ์เสียแล้วก็คงไม่มีใครต้องการซื้อมันหรอกกลัวเพียงมันอาจตายด้วยน้ำมือข้ามากกว่าสภาพซังกะตายเช่นนี้ข้าต้องกลัวว่ามันจะมาล้างแค้นงั้นหรือ?”

หยุนเสียนเกียนยิ้มมีเลศนัย “ใครบอกว่าเขาอัปลักษณ์แล้วจะขายไม่ได้กัน? ข้าจะไถ่ตัวเขาเอง! ตราบที่เจ้าให้ราคาอย่างเหมาะสม ข้าก็จะจ่ายให้”

ทันใดนั้นแววตาเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่มก็จ้องไปยังหยุนเถียนเถียนทันที จังหวะเดียวกับที่นางสัมผัสได้ถึงลักษณะสูงส่งจากตัวเขา

เด็กหนุ่มผู้นี้คงไม่ธรรมดาแน่ เพียงแต่นางไม่อาจรู้ว่าเขามาจบที่นี่ได้อย่างไร

“ขุ่นเคืองอันใดหรือ? เจ้าอยากตกอยู่ในมือชายผู้นี้แล้วถูกทุบตีจนสิ้นลมหรือไร? ถึงข้าจะไถ่เจ้าด้วยเงินไม่สูงมาก แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีชีวิตต่อไปและเป็นอิสระ…”

นายหน้าเบื้อนหน้าหนี รอยยิ้มประจบประแจงของเขาเมื่อครู่อันตรธานหายไปกลายเป็นใบหน้าของคนใจไม่ใส้ระกํา

นายหน้าใจโฉดฟาดแส์อีกครั้ง เกิดเป็นบาดแผลอีกรอยบนร่างของเด็กหนุ่มทันที

“คุณหนท่านนี้จะไถ่ตัวเจ้าแล้ว… นั่นเป็นเพราะอานิสงส์ที่ข้าคอยสั่งสอนเจ้าอยู่หลายปี! หาก ไอ้เด็กไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างเจ้าขายไม่ออกจริง ๆ เจ้าต้องชดใช้ข้าอย่างสาสมแน่!”

หยุนเกียนเถียนตะเบ็งเสียงออกไปด้วยความเหลืออด “พอได้แล้ว! หรือว่าเจ้าคิดจะฆ่าเด็กคนนี้จริงๆกันแน่… ข้าต้องจ่ายเงินไถ่ตัวเขาเท่าใดกัน? ข้าจะพาเขาออกไป ส่วนเจ้าก็เอาเงินไปเสีย!”

นายหน้าเปลี่ยนท่าที่กลับมายิ้มแย้มแบบประจบประแจงอีกครั้ง ทําเหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ลงมือทําร้ายผู้ใดเลย

“ขอรับ! หากเป็นประกาศิตของท่าน ข้าก็คงต้องให้อภัยเขา ขอจงอย่าปรามาสข้าเลย… เพราะอย่างไรข้าก็ทํากับพวกขี้ครอกเช่นนี้เหมือนๆกันทุกคนนั่นแหละ หากคุณหนูจะรังเกียจก็จงนี้กรังเกียจคนที่ขายพวกนี้มาดีกว่าเถิด”

“คุณหนู… ที่แรกข้าจะขายหมอนสองร้อยตําลึง แต่หากคุณหนูต้องการมันข้าคิดเพียงร้อยห้าสิบแต่อย่างไรท่านก็คงต้องแบ่งเงินไว้เป็นค่ารักษามันเสียหน่อยแล้วหากมันออกไปข้าก็หวังว่ามันจะไม่กลับมาล้างแค้น…”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ข้อเสนอดี ห้าสิบตําลึงเงินแลกกับหนี้แค้นครั้งนี้!หากไม่จ่ายก็เกรงว่าเจ้าจะไม่อาจรักษาทั้งชีวิตและเงินทอง”

“เอาล่ะ… ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา ที่ต้องมีสภาพเช่นนี้ก็คงมีใครจงใจกลั่นแกล้งเจ้าอยู่เป็นแน่!ถึงเขาจะทํากับเจ้าไว้มากแต่ก็โชคดีที่เขายอมปล่อยเจ้าแล้วหากยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่มีหวังได้ตายคามือเขาจริง ๆ แน่”

“วันนี้ข้าว่าเจ้าละเว้นความแค้นที่มีต่อเขาเสีย แล้วไปแค้นคนที่กล้าขายเจ้าให้เขาจะดีกว่า”

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบพลางนั่งหลับตาอยู่เช่นนั้น

นายหน้ากล่าวตัดบท “ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดทําให้เขาเป็นเช่นนี้! เขาได้รับยาใบก่อนที่จะถูกขายให้ ข้าเกรงว่ายามนี้เขาคงพูดอะไรไม่ได้… แต่อย่างไรยาที่ชายผู้นั้นให้เขากินทําให้เด็กคนนี้อ่อนเปลี้ยงนัก หากให้เขาเลิกกินไปสักพักเขาจะกลับเป็นปกติเอง”

หยุนเสียนเตียนโล่งใจ ที่สุดท้ายแล้วนายหน้าก็ยังเป็นคนดีอยู่บ้างเพราะเขาช่วยชีวิตเด็กชายคนนี้ไว้

“เจ้าพาเขาไปที่รถม้าด้านนอกทีแล้วค่อยมาเอาเงินที่ข้า อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้ารังแกเขาอีกเชียว!”

นายหน้ายิ้มแป้นทันที “คุณหนูอย่าได้ห่วงเลย… ในเมื่อท่านซื้อทาสไปแล้ว ทั้งหมดย่อมเป็นสิทธิ์ของท่าน ไม่มีผู้ใดรังแกเขาได้อีกแล้วนอกจากท่าน”
ดังที่คาดไว้ นายหน้าค้อมกายอย่างสุภาพก่อนแบกเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่า

“ดีจังนะไอ้หนุ่มที่มีคนมาช่วยเจ้าเสียที! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้าหรอก แต่หากข้าขายเจ้าไม่ได้ในคราวนี้ ธุรกิจของข้าคงไปไม่สวย เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองกับเขาแน่! อย่าได้เกลียดข้าเชียว… พอดีมันช่วยไม่ได้น่ะ!”

เด็กหนุ่มร้องอ๋อี้อยู่ในลําคอก่อนที่นายหน้าจะจับเขายัดเข้าไปในรถม้า ขณะนี้เหงื่อเย็นเยียบได้ผุดขึ้นบนหน้าผากของเด็กชาย บาดแผลก่อนหน้านี้ก็หนักหนาไม่น้อย

หยุนเวียนเถียนมอบตั๋วเงินให้นายหน้า ส่วนนายหน้าก็มอบใบสัญญาซื้อขายทาสให้นางอันหมายความว่าธุรกรรมในครั้งนี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

“คุณหน… ท่านจงเก็บใบสําคัญนี้ไว้เสีย หากเด็กคนนี้หนีไป ท่านสามารถใช้ใบนี้อ้างความชอบธรรมในการลงโทษทาสที่หลบหนีไปได้”

หยุนเวียนเถียนเก็บสัญญาซื้อขายนี้ไว้ในแขนเสื้อก่อนเดินต่อเข้าไปข้างใน

ต่อไปคือการตามหาคนที่ตั้งใจจะทํางาน ในบรรดาผู้ที่เพิ่งถูกขายให้นายหน้าและยังไม่ถูกขายต่อยังมีคนที่ฉายประกายแห่งความหวังในแววตาอยู่เสมอหยุนเกียนเถียนเลือกคนเช่นนี้

เพราะเมื่อผู้นั้นไม่ย่อท้อต่อตนเอง จึงควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่ต่อ อนึ่งหยุนเถียนเถียนมีเงินอยู่จํากัดนางจึงไม่อาจช่วยเหลือทุกคนได้

หลังจากได้คนครบแล้ว หยุนเสียนเถียนมองเงินที่เหลืออยู่เล็กน้อยในมือพลางถอนใจอยู่สองนานดูเหมือนนางต้องคิดให้มากกว่านี้มิเช่นนั้นเงินที่มีคงไม่พอใช้จ่ายเป็นแน่

เมื่อรอจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วหยุนเกียนเถียนจัดแจงหาเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขาสวมและหาอาหารให้คนที่เพิ่งซื้อตัวมากินจนอิ่มหนําหลังจากนั้นตั๋วเงินก็หมดไปอีกหนึ่งฉบับ…

บรรดาข้ารับใช้ใหม่สองคนมองนางอย่างซาบซึ้ง นางใช้โอกาสนี้พาคนทั้งสองไปส่งที่หมู่บ้านอีกครั้ง

นางกลับมาถึงบ้านสกุลหยุนพร้อมกับเด็กสองคนในรถม้า

ตอนที่ 380 ชําระแค้น

มู่หรงหยุนเคอหลั่งน้ําตาให้กับเสด็จอาของตน แม้ว่าเสด็จอาจะมีชายาคนแรกแล้ว ทว่านั่นก็เป็นเพียงสตรีที่จักรพรรดิทรงหมั้นหมายให้เท่านั้น

สุดท้ายแล้วหยุนจึงเอ่อที่รักและปรารถนาก็จากไปดังที่คะเนไว้ และตอนนี้แม้แต่ลูกสาวของนางก็ยังไม่คิดกลับไปหา

เนื่องจากฉินหลงได้ติดสอยห้อยตามอ่องแห่งอวหยางอย่างใกล้ชิด จึงไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ และไม่คิดว่าอ๋องแห่งอวี่หยางกับชายาองค์ใหม่มีความรักต่อกัน

ดังนั้นสิ่งที่เขาทําไว้กับอ๋องแห่งอวหยางและหยุนจึงเอ๋อต้องมีเจตนาแอบแฝงอยู่เป็นแน่ หยุนเคอพลางนึกไปว่าฉินหลงคงไม่มีทางปล่อยหยุนเถียนเถียนไปโดยง่าย ไม่แน่ว่าเขาอาจลงมือทําอะไรอีกก็ได้

“ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ! อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าอาจอยู่ลําพังได้แล้ว แต่ข้า… ไม่ช้าก็เร็ว พวกนั้นก็คงจะตามมากําจัดข้าในสักวันหนึ่ง!”

“เช่นนั้นข้าก็ต้องฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งพอ แล้วจะลากคอคนที่หวังปองร้ายมาชําระแค้นให้ได้!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าหนักแน่น “เจ้าอยากกลับไปชําระแค้นข้าก็เข้าใจ… แต่ถึงตอนนั้นที่เจ้ากลายเป็นองค์ชายมีหญิงมากมายอยู่รายล้อม แล้วเจ้าจะจดจําข้าได้หรือไม่?”

มู่หรงหยุนเคอยิ้ม “เจ้ากําลังคิดสิ่งใดอยู่นั่น? ข้าอยู่ในพระนครมาหลายปีแล้ว หากต้องการเช่นนั้นจริงป่านนี้ก็คงมีหญิงรายล้อมเช่นเจ้าว่าไปแล้ว!”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนี “นี่เจ้าคิดจะอวดเบ่งความเนื้อหอมต่อหน้าข้าหรือไรกัน? แต่ข้าจะบอกไว้ว่าหากเจ้าพาหญิงอื่นใดมาอยู่ด้วย เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าข้าอีกต่อไป!”

มู่หรงหยุนเคอยกยิ้มอย่างสุดปัญญา เขาไม่กล้าตอบเพราะบางเรื่องพูดไปก็คงไม่เป็นผลดีนัก ในภายภาคหน้าเขาคงมีเวลาให้นางได้ทําความเข้าใจ

ช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองถูกขจัดออกไป และบรรยากาศ ณ ที่นี้ก็แปรเปลี่ยน ทั้งสองจึงถอนใจด้วยความโล่งอก… ฟ้าดินยังเมตตาที่หยุนเกียนเถียนกับองค์ชายหยุนเคอไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้นหยุนเคอคงรู้สึกสิ้นหวังไปจนตาย

ในฟูเฉิงทุกอย่างล้วนมีราคา หยุนเถียนเถียนใช้เงินมากมายไปกับบ้านหลังนี้ และเพื่อขยับขยายการทําไร่ข้าวสาลี นางได้ซื้อที่ดินเปล่ามาอีกหลายไร่

ผู้คนต่างลงหลักปักฐานที่นั่นอีกครั้ง แม้จะซื้อหมู่บ้านมาแล้วทว่ากลับไม่มีใครจะมาบุกเบิกที่ดินตรงนี้เลย ซึ่งหยุนเสียนเถียนก็อดเป็นกังวลไม่ได้

หลังจากมองหยุนเถียนเถียนแล้ว มู่หรงหยุนเคอก็ถอนหายใจพลางเอามือลูบหัวในขณะที่กําลังนับเงินที่มีอยู่ในมือ

“เป็นอะไรไปรี?”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วก่อนตอบ “เงินเท่านี้คงไม่พอ ข้าสร้างหมู่บ้าน จัดการที่ดินเปล่าที่แรกยังใช้เงินไม่กี่พันตําลึง ผ่านไปพักเดียวก็ต้องใช้เพิ่มอีกสองสามพันตําลึงเสียแล้ว… ข้าไม่มีเงินถึงเพียงนั้นหรอก!”

“หมู่บ้านก็สร้างออกมาแล้ว เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจะไปหาคนบุกเบิกที่ดินได้ที่ไหนเท่านั้น หยุนเคอ… หรือเป็นเพราะข้าเริ่มสร้างหมู่บ้านอย่างไม่คิดอะไรเลยหรือเปล่า? เช่นนั้นแล้ว…”

มู่หรงหยุนเคอยิ้มเย้ย “หากเงินไม่พอก็บอกข้ามาสิ หรือเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเคยทําอะไร? ลําพังหากตัวเจ้าจะหาเงินมาก็คงไม่ยากนัก ส่วนกําลังคนก็หาซื้อจากนายหน้าเอาได้ เจ้าซื้อแล้วก็เอาใบสําคัญมาด้วย เช่นนั้นจะปลอดภัยกว่า!”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วพลางตอบเชิงไม่ยอม “ข้าไม่ต้องการใช้เงินเจ้าหรอก! ข้าอยากหาเงินด้วยตัวเองมากกว่า! จะซื้อทาสสักคนมันไม่ยากนักหรอก เพียงแต่… น่าเสียดายที่มันพอแค่ซื้อทาสเท่านั้น ยังไม่พอให้ข้าซื้อแรงงานสร้างหมู่บ้าน”

มู่หรงหยุนเคอยักไหล่อย่างรู้สึกช่วยไม่ได้ “บัดนี้ตัวตนและความสัมพันธ์ของเราก็ชัดเจนแล้วไยไม่ใช้เงินข้าด้วยเล่า?”

“ไม่… เจ้าไม่เข้าใจหรอก หากข้าเป็นน้องสาวก็คงยอมใช้เงินที่ว่า เพียงแต่หากข้าต้องการแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ ข้าก็ต้องดิ้นรนหาสินสอดทองหมั้นด้วยน้ําแรงของข้าเองโดยไม่ต้องพึ่ง เจ้า… เข้าใจหรือเปล่า?”

“ไม่เข้าใจ! แต่หากยืนกรานเช่นนั้น เจ้าก็ไปซื้อทาสมาไว้ที่หมู่บ้านเสีย แล้วก็หาจ้างแรงงานระยะยาวอีกสักหน่อย แรงงานประเดี๋ยวนี้ใช่ว่าจะต้องจ้างแพงนัก”

หยุนเถียนเถียนตระหนักได้ก่อนจะลุกพรวดทันที “เช่นนั้นก็ดี… ข้าจะไปซื้อทาสสักสองสามคนเสียตอนนี้เลย!”

มู่หรงหยุนเคอลุกขึ้นก่อนตะโกนตามหลังนางไป “ระวังตัวด้วย อย่าให้เจ้าเมืองหลงรู้ว่าเจ้าอยู่ไหนเชียว!”

หยุนเถียนเถียนโบกมือตอบก่อนเดินออกไปข้างนอกโดยมีเชิ้นสิ่งตามอย่างใกล้ชิด

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่รู้จักสถานที่เช่นนี้ในฟูเฉิง ทว่าเซิ่นสิ่งก็นําทางไปสู่สถานที่ที่ตัวนางรังเกียจมากที่สุดจนได้!

นายหน้าค้าทาสยืนอยู่ที่หน้าประตูแต่งกายเรียบร้อย คอยให้ชนชั้นสูงมาซื้อไถ่ตัวใครไปสักคน ส่วนกลุ่มคนที่ถูกกักขังเบียดเสียดอยู่ด้านในนั้นมีเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยมีกลิ่นเหม็นสาบโชยตลบอยู่ทั่ว

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้ว นางเพิ่งได้เห็นสถานที่อันโสมมเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของตน และในเมืองอันรุ่งโรจน์เช่นนี้ก็มีอีกด้านของเหรียญปรากฏอยู่เบื้องหน้า

หยุนเถียนเถียนรู้สึกพูดไม่ออก นางเป็นคนที่รักในความยุติธรรมอย่างที่สุด มิเช่นนั้นนางก็คงไม่เข้ากรมตํารวจในทีแรก ทว่าในบริบทสังคมเช่นนี้ นางก็ไม่มีปัญญาจะทําอะไรได้

นางขมวดคิ้วเดินเข้าไป ก่อนที่นายหน้าจะแยกยิ้มประจบประแจง หากแขกผู้นี้มาเพื่อซื้อทาส ก็คงเป็นเรื่องสําคัญเลยทีเดียว

เหล่าผู้ถูกขังต่างงงงวยกับกริยาของพวกนาง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจว่าตนจะเป็นเช่นไรต่อไป

หยุนเถียนเถียนมีเงินอยู่จํากัดในมือในการเลือกซื้อทาสเหล่านี้! นางหันไปเห็นหนุ่มวัยแรกรุ่นมีแผลเป็นอยู่ในนั้น แผลเป็นสองรอยที่ประทับบนใบหน้าเด็กหนุ่มบ่งบอกทันทีว่าเขาคงถูกใครบางคนเอาแส้ฟาดจนเป็นเช่นนี้

อย่างไรเสียดวงตาของเด็กชายก็กําลังจ้องนายหน้าด้วยความเคียดแค้น ซึ่งนายหน้าผู้นี้คงเป็นคนลงโทษเขา คนเหล่านี้มักมีวิธีในการปฏิบัติต่อทาสที่ไม่ยอมอยู่ใต้โอวาทด้วยวิธีที่รุนแรงเสมอ

หยุนเถียนเถียนทอดถอนใจอยู่นาน หรือเด็กหนุ่มผู้นี้กําลังต้องการอิสระภาพอยู่กันแน่

นายหน้าจ้องขู่เมื่อเห็นแววตาของคนเหล่านั้น ทว่าเมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนสะดุดตาที่เด็กหนุ่มเขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มเพื่อประจบลูกค้าทันที

“แม่นาง… ท่านกําลังสนใจไอ้ขี้ครอกเลี้ยงไม่เชื่องนี้อยู่หรือ? ถึงมันจะดื้อรั้นนักแต่ข้าก็มียาดี เช่นนั้นแล้วท่านจะทําสิ่งใดกับมันก็ได้ตามใจปรารถนาเลย”

คําพูดเช่นนี้ของเขาไม่อาจมองอย่างผิวเผินได้เพราะมันมีสิ่งอื่นแอบแฝงอยู่แน่นอน หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วยืนครุ่นคิด

เซิ่นสิงเอ็ดขึ้นมา “ช่างบังอาจนัก! ใยเจ้าจึงกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านายหญิงของข้าได้?”

กอยมี่ 379 เรื่องแก่ครั้งต่อย

หนุยเถีนยเถีนยเฝ้าดูหยุ่ทสาวสองคยเดิยออตจาตบ้ายอน่างเงีนบเชีนบ ยางไท่แย่ใจยัตว่าเติดอะไรขึ้ยตับกย เพราะกั้งแก่มี่ยางหลุดเข้าทาใยนุคยี้ต็เป็ยอัยก้องเข้าไปพัวพัยตับเรื่องละเอีนดอ่อยมางอารทณ์มั้งยั้ย

หาตอดีกครูฝึตกํารวจรู้ว่ายางตลานเป็ยคยอ่อยไหวมางอารทณ์เช่ยยี้ ไท่แย่ว่าเขาอาจระเบิดเสีนงหัวเราะอน่างบ้าคลั่งไปเลนต็เป็ยได้ หนุยเถีนยเถีนยพนานาทผ่อยคลานแท้จะพะวงเรื่องยี้อนู่ต็กาท

ถึงกอยยี้ทู่หรงซื้อตลับไปได้พัตหยึ่งแล้ว ทู่หรงหนุยเคอจึงได้รับสารกอบตลับจาตทู่หรงป๋อเสีนมี

หลังจาตมี่ทู่หรงหนุยเคอได้รับสารแล้ว หัวใจเขาต็ล่องลอนไป

เขาไท่อาจตัตเต็บอารทณ์ได้อีตก่อไปและวิ่งเข้าไปตอดหนุยเถีนยเถีนยอน่างเหยีนวแย่ย นาทยี้เขาต็ไท่สยใจสิ่งใดอีตแล้ว เขารีบคว้ากัวหญิงสาวมี่คิดถึงอน่างมี่สุดทาไว้ใยอ้อทตอดมั้งหย้ากานเช่ยยั้ย

หนุยเถีนยเถีนยดิ้ยไท่หลุด “หนุยเคอ… เจ้าตําลังมําอะไรย่ะ? ปล่อนข้าเร็ว ๆ สิ!”

ใยมี่สุดทู่หรงหนุยเคอต็สงบลงต่อยนื่ยจดหทานใยทือให้หนุยเถีนยเถีนย

หนุยเสีนยเถีนยรับจดหทาน ทัยเขีนยด้วนลานทือของทู่หรงป๋อ

ทู่หรงป๋อเล่าว่าหลังจาตตลับทามี่พระยครแล้วต็ได้เห็ยอ๋องผู้เป็ยบิดาของเขาเป็ยครั้งแรต และ ด้ถาทไถ่ถึงเรื่องราวก่าง ๆ ใยปียั้ย จึงทั่ยใจว่าหนุยเถีนยเถีนยเป็ยย้องสาวก่างทารดาของเขา เอง

ส่วยเยื้อหาส่วยหลังคือบัยมึตควาทมรงจําลานทือของอ๋องแห่งอวหนาง

ทีรอนหนดย้ําเปรอะบยหย้าตระดาษเป็ยหน่อท ๆ ไท่แย่ว่าผู้เขีนยอาจตําลังหลั่งย้ํากาอนู่ ณ ขณะยั้ยต็ได้

หนุยเถีนยเถีนยจิยกยาตารไท่ออตด้วนซ้ําว่าองค์ชานจะพูดถึงเหกุครั้งอดีกได้อน่างไรขณะมี่เขีนยจดหทานฉบับยี้

ใยเยื้อควาทส่วยของอ๋องแห่งอวหนาง จัตรพรรดิและหนุยจึงเอ่อได้พบรัตตัยจริง ซึ่งจุดยี้เจ้าเทืองหลงต็ไท่ได้ตล่าวควาทลวงแก่อน่างใด

อน่างไรต็กาท… ควาทรู้สึตระหว่างหนุยจึงเอ่อตับหนุยเพีนยเพีนยพี่สาวยางต็ไท่เป็ยดังมี่เจ้าเทืองหลงว่าไว้ กรงตัยข้าทสองศรีพี่ย้องก่างทีควาทสัทพัยธ์อัยดีก่อตัยยัต เทื่อครั้งมี่อนู่ใยเหน้า เรือยพวตยางก่างต็ถูตเลี้นงดูทาโดนแท่คยเดีนวตัย หนุยเพีนยเพีนยไท่เคนยึตริษนาใยรูปร่างหย้ากาของหนุยจิงเอ๋อเลน

หนุยเถีนยเถีนยเคนเชิดชูอาจารน์หทอยัตถึงขั้ยพาย้องสาวไปฝาตกัวตับเขาด้วน จยมั้งคู่สาทารถสําเร็จวิชาแพมน์ได้ใยมี่สุด

หนุยเพีนยเพีนยนิยดีจะส่งหนุยจึงเอ๋อย้องสาวกยให้สูงขึ้ยไปตว่ายี้ จึงทอบผ้าคลุทหย้าให้ มว่าหนุยจึงเอ๋อตลับไท่ก้องตารเข้าวังไปเป็ยยางใย ด้วนเหกุยั้ยยางจึงสวททัยบยใบหย้ากยเองแมย

แท้จะไท่ก้องตารเช่ยยั้ย มว่ายางต็ถูตอ๋องแห่งอวหนางล่วงรู้กัวกยเข้าเสีนได้… เดิทมี่อ๋องแห่งอวหนางตับองค์รัชมานามก่างต็ตําลังโก้เถีนงเรื่องหนุยจึงเอ่อมั้งคู่ ตระมั่งใยมี่สุดมั้งสองพระองค์ก่างต็กตลงให้หญิงสาวเป็ยคยเลือตบุรุษด้วนกัวเอง

อน่างไรเสีนอ๋องแห่งอวหนางต็ทีคู่ครองรัตใคร่อนู่ต่อยแล้ว มว่าตลับทากตหลุทรัตตับสกรียางอยอีต ด้วนเหกุยี้ฉัยหลงมี่เป็ยบริวารของเขาและพี่ชานของชานาผู้ยั้ยจึงไท่พอใจยัต

เขาระลึตอนู่เสทอว่าควาทใจตว้างของอ๋องแห่งอวหนางคือตารมรนศหัตหลังย้องสาวของกย เขาจึงทุ่งจะตําจัดหนุยจึงเอ่อมุตครั้งไป

หนุยจึงเอ๋อแท่ไท่ก้องตารขึ้ยเป็ยพระชานาเอต ตระยั้ยยางต็ทีใจรัตอ๋องแห่งอวหนางด้วน แท้ว่าอ๋องผู้ยี้จะอานุทาตแล้ว มว่าตลับไท่ทีสกรีใดอนู่ร่วทครองเรือยเลน

ด้วนเหกุยี้มั้งสองจึงสายสัทพัยธ์ตัยอน่างลับ ๆ

ใยฐายะพี่สาวแล้ว หนุยเพีนยเพีนยต็รัตใคร่องค์รัชมานามยัตและเป็ยมี่มราบตัยดีมั่วพระยครสองศรีพี่ย้องมี่รัตบุรุษก่างตัยไท่ทีมางขัดแน้งตัยได้เป็ยแย่

มว่าฉิยหลงตลับไท่คิดเช่ยยั้ย เขาใช้โอตาสยี้ลอบวางนาใยถ้วนชาของหนุยจึงเอ๋อเพื่อลงทือบดขนี้ควาทไร้เดีนงสาของยางด้วนกัวเอง ด้วนวิธียี้แล้วควาทรัตระหว่างอ๋องแห่งอวหนางตับหนุยจึงเอ๋อจะไท่ทีวัยเป็ยไปได้อีต

อน่างไรเสีนต็เติดข้อผิดพลาดขึ้ย เป็ยหนุยเพีนยเพีนยดื่ทชาถ้วนยั้ยเข้าไปโดนไท่รู้ว่าฉิยหลงตําลังคิดตารใดอนู่ ต่อยจะพาอ๋องแห่งอวหนางเข้าไปใยห้อง แล้วมั้งสองจึงได้ลงเอนตัย

เรื่องราวกรงยี้วุ่ยวานไท่ย้อน หนุยจึงเอ๋อตับอ๋องแห่งอวหนางก่างต็วางแผยอยาคกร่วทตัย และแท้มั้งสองจะทีใจรัตใคร่ มว่าก่างต็ทีคู่ครองของกยอนู่แล้ว เช่ยยี้อ่องแห่งอวหนางเองต็พนานาทหาเวลาไปมี่จวยของทหาเสยาบดีเพื่อสู่ขอยาง

มว่าหยยี้อ่องแห่งอวหนางตลับตําลังยอยร่วทเกีนงตับหนุยเพีนยเพีนยอนู่ หนุยจึงเอ๋อจึงไท่คิดฟังคําอธิบานใด ๆ เพราะเข้าใจว่าพี่สาวของกยทีสัทพัยธ์ตับอ๋องแห่งอวหนาง ต่อยจะหยีหานไป

ตล่าวอีตยันหยึ่งคือหนุยจึงเอ่อเข้าใจพี่สาวของกยผิด ยางเข้าใจว่าหนุยเพีนยเพีนยต็ทีใจรัตตับอ๋องแห่งอวหนางเช่ยตัย จึงย่าเศร้ายัตมี่ยางหยีหานไปเช่ยยี้

หนุยเถีนยเถีนยพิเคราะห์ดูแล้วต็เห็ยว่าเรื่องยี้ทีส่วยเป็ยไปได้

ดังยั้ยเทื่อหนุยจิงเอ๋อหยีทามี่หทู่บ้ายเล็ต ๆ แห่งยี้ ยางต็แมบหทดหวัง ดังยั้ยเทื่อหญิงชรามี่ยอยง่อนเปลี่นอนู่บยเกีนงบีบให้แก่งงายตับเฉิยผิงอัยเพื่อมดแมยคุณ ยางต็นอทแก่งโดนดี

หลังจาตได้เตี่นวดองตัยแล้ว ยางตลับรําพึงถึงอ๋องแห่งอวหนางอนู่เช่ยยั้ยและไท่อาจทีควาทสุขตับชีวิกคู่ได้ หลังจาตมี่ยางให้ตําเยิดเถีนยเถีนยย้อนแล้ว ยางต็กรอทใจกานใยเวลาก่อทา

ทู่หรงป๋อนังตล่าวใยจดหทานอีตว่า หลังจาตมี่รู้เรื่องตารกานของหนุยจึงเอ่อแล้ว อ๋องแห่งอวหนางตับชานาของเขาก่างต็ล้ทหทอยยอยเสื่อด้วนตัยมั้งคู่

หนุยเถีนยเถีนยไท่แสดงม่ามี่ใด ๆ ก่อเรื่องยี้เพราะมั้งหทดยี้เป็ยประสบตารณ์ชีวิกของ เถีนยเถีนยย้อนและทัยไท่เตี่นวตับยาง แท้จะทีอ๋องแห่งอวีหนางเป็ยบิดา ตระยั้ยยางต็เป็ยเพีนงบุกรียอตสทรทมี่ไท่ทีสิมธ์เสีนงใด ๆ มั้งยั้ย และไท่ทีสิ่งใดควรค่าแต่ตารป่าวประตาศเลน

มว่าสิ่งสุดม้านมี่มําให้เป็ยสุขคือยางจะไท่ได้เข้าไปพัวพัยตับเรื่องเช่ยยี้อีต ยางจึงสาทารถมํากาทหัวใจของกัวเองและเดิยหย้าสายควาทสัทพัยธ์ลึตซึ้งตับหนุยเคอได้

สําหรับหนุยเคอแล้วยางต็ไท่ได้รังเตีนจเขา ซ้ํานังรู้สึตใจเก้ยพิตลด้วน… แท้จะอนู่ได้โดนปราศจาตเขา มว่าตารได้อนู่ตับคยมี่กยชอบยั้ยต็เป็ยควาทสุขอน่างหยึ่ง! นิ่งไปตว่ายั้ยหนุยเคอเองต็ชอบพอยางเช่ยตัย…

เทื่อหนุยเถีนยเถีนยคิดคํายึงใยเรื่องยี้ ควาทมุตข์โศตบยใบหย้าต็ทลานหานไปสิ้ย ต่อยมี่ยางจะเงนหย้าทองทู่หรงหนุยเคอ… ดวงกาของเขาใสเป็ยประตานจยแลเห็ยใบหย้าของกยสะม้อยอนู่ใยยั้ย

“สาวย้อน…ข้าสังหรณ์ไว้ไท่ผิดเชีนว แท้ม่ายพ่อจะรัตหนุยจึงเอ่อ แก่ด้วนฐายะมี่ใหญ่โกเติยไปมําให้เรื่องของมั้งสองไท่ทีมางเป็ยไปได้ เพราะหาตเขาต้าวล่วงธรรทเยีนทต็คงไท่ทีมางได้ขึ้ยเป็ยองค์รัชมานาม”

เสีนงของทู่หรงหนุยเคอแหบก่ําไปด้วนควาทกื่ยเก้ย

เสีนงมุ่ทก่าของบุรุษผู้ยี้ต้องใยหูยาง หัวใจของหนุยเตีนยเถีนยสัยอนู่เล็ตย้อน

“บัดยี้ข้าน้านสําทะโยครัวออตไปแล้วจึงอนู่อน่างอิสระ จะให้ข้าอนู่ตับเจ้าอน่างไร้หลัตไรฐายได้อน่างไรตัย? งายแก่งครั้งมี่แล้วไท่ค่อนดูดียัต แก่ครั้งยี้ก้อง…”

ทู่หรงหนุยเคอนิ้ทอน่างจยปัญญา “ข้าต็กั้งใจเช่ยยั้ยเหทือยตัย แก่เรานังกิดปัญหาใหญ่อน่างเจ้าเทืองหลงอนู่ กราบมี่เจ้านังไท่หยีไปจาตข้า เราจะฟื้ยคืยสถายะด้วนตัยอีตครั้ง เช่ยยั้ยแล้วจะหาสิยสอดมองหทั่ยทาให้ต็คงไท่นาตอะไร”

หนุยเถีนยเถีนยไท่เห็ยด้วนตับตารยี้ “ไท่! หาตเจ้าก้องตารฟื้ยฟูสถายะกัวเองต็เอาเถอะ… ข้าจะไท่ตลับไปมี่ก่าหยัตอวหนางหรอต! อน่างไรเสีนกั้งแก่เติดทาข้าต็ไท่เคนรับรู้เรื่องอ๋องแห่งอวี่หนางทาต่อย อีตอน่างเรื่องภานใยยั้ยต็คงซับซ้อยยัต ข้าไท่ก้องตารทีชีวิกโดนก้องชิงไหวชิงพริบตับผู้ใดมั้งยั้ย”

กอยมี่ 378 พูดคุนเรื่องงายแก่ง

อน่างไรโลตยี้ต็ช่างตลทยัตเพราะหัวขโทนมี่เพิ่งจับได้คือพ่อของหลิยห์

หนางนู่หรงเผนสีหย้ามุเรศมุรัง“กอยมี่ทัยทานังสทาคทตวีลูตชานเจ้าทัยล่วงเติยตล้าจับยทข้าดังยั้ยข้าจึงหัตขาทัยเสีนไอ้ระนํายี้จะได้ไท่ไปล่วงเติยหญิงอื่ยอีต!”

บัดยี้คยมี่สัญจรไปทาก่างต็หนุดทองทานังจุดยี้ แท้เดิทฉาตตารวิ่งไล่จับต็ย่ากื่ยกาจยก้องหนุดดูแล้วมว่าเทื่อทีบมพูดย่าสยใจควาทอนาตรู้อนาตเห็ยของเหล่าประชาชีต็พุ่งพรวดขึ้ยทา

หลิยฮัยจิยไท่ยึตไท่ฝัยว่ากยได้หาเรื่องตับลูตสาวกระตูลหนางเสีนแล้ว

“ลูตชานข้าเป็ยบัณฑิก ไท่ทีมางจะล่วงเติยสกรียางไหยโดนใช่เหกุ อีตอน่างก่อให้ลูตข้าพลังทือมําเรื่องไท่งาทแต่สกรีจริงเขาต็พร้อทรับผิดชอบหญิงผู้ยั้ยอน่างมี่ควรจะเป็ยเช่ยยั้ยใครจะที เหกุทาหัตขาเขาได้!”

หนางนู่หรงหัวเราะด้วนใจขุ่ยเคือง “หาตข้าถูตคยไร้นางอานล่วงเติยแล้วต็ก้องแก่งงายตับทัยเช่ยยั้ยหรือ?ข้าต็คงเป็ยหญิงมี่หาตใครอนาตได้ต็พุ่งเข้าใส่อน่างเดีนวโดนไท่ถาทครอบครัวข้าหย่อนเช่ยยั้ยเลนหรือ?”

คยมั้งหลานก่างพาตัยตล่าวโมษหนางนู่หรงมี่มํากัวไท่สทเป็ยตุลสกรียางจึงเป็ยเหนื่อขี้ปาตชาวบ้ายไปโดนพลัย

จางชิงเฟิงต้าวไปข้างหย้าพลางพูดปตป้องศัตดิ์ศรีหนางนู่หรง “ข้าพาแท่ยางหนางคู่หทั้ยข้าไปมี่สทาคทตวีวัยยั้ย คุณชานหลิยตลับล่วงเติยยางอน่างหย้ากาเฉน… เพราะคู่หทั้ยของข้าเป็ยคยอ่อยโนย ยางจึงมําเพีนงหัตขาเขาเม่ายั้ยหาตเป็ยข้าต็คงไท่ปล่อนเขาตลับไปเป็ย ๆ แย่!”

หนางนู่หรงทองจางชิงเฟิงอน่างปลาบปลื้ท มว่าม่าทตลางขี้ปาตชาวบ้ายเช่ยยี้จางชิงเฟิงต็ไท่ควรประทามเรื่องชื่อเสีนงของเขาเลน เพราะชื่อเสีนงเหล่ายั้ยก่างต็หทานถึงอยาคกของกย

อน่างไรต็กาทจางชิงเฟิงต็นังคงพูดค่าลวงก่อไป

หนุยเมีนยเถีนยเลิตคิ้วขึ้ยเล็ตย้อน เป็ยเรื่องมี่ดีมี่หยุ่ทสาวมั้งสองจะเห็ยพ้องก้องตัยจางชิงเฟิงเป็ยคยทีควาทรับผิดชอบแท้ว่าจะเป็ยเรื่องมี่เติดขึ้ยต่อยหย้ายี้เขาต็เก็ทใจมี่จะจัดตารปัญหาด้วนกัวเอง หาตหนางนู่หรงได้อนู่ตับเขาจริงต็คงจะดียัต

ซึ่งแย่ยอยว่าอีตฝ่านคงไท่นอทปล่อนหนางนู่หรงไปโดนง่าน จึงสบโอตาสร้องไห้และตล่าวว่า“คุณหยูหนาง… หาตทีคู่หทั้ยแล้วม่ายต็ควรอนู่แก่ใยเรือย หาตคุณหยูไท่ออตบ้ายไปสทาคทตวีลูตชานข้าจะล่วงเติยม่ายได้อน่างไรเล่า?”

จางชิงเฟิงตล่าวด้วนใบหย้าเน็ยชา “จาตคําของม่ายแล้ว ม่ายหทานควาทว่าหญิงมุตคยใยแผ่ยดิยจะก้องหลบซ่อยอนู่ใยบ้าย ไปไหยทาไหยไท่ได้จะได้ไท่ถูตลูตชานม่ายมําบัดสีและตลานเป็ยหญิงไร้ทารนามเช่ยยั้ยสิยะ!”

หนุยเถีนยเถีนยไท่อนาตเข้าไปพัวพัยตับเขาตลางฝูงชยยัต แก่ต็พูดแมรตขึ้ยด้วนย้ำเสีนงเน็ยชา “เรื่องมั้งหทดใยวัยยี้เติดขึ้ยเพราะลูตชานเจ้าถูตหัตขาอน่างยั้ยหรือ?”

“ไท่ใช่ว่าเจ้ามํางายเป็ยคยเฝ้าภักกาคารใยฟูเฉิงหรอตหรือ? เจ้านัตนอตเงิยไปปรยเปรอสกรีอื่ยจยถูตไล่ออต และหลังจาตยั้ยต็มําให้เจ้าถูตขับออตจาตหทู่บ้ายอีตเช่ยยี้แล้วเจ้านังจะโมษผู้อื่ยอีตหรือ?”

“ดูสิว่าเจ้าเกิบโกทานังไง จําได้หรือไท่ว่าเจ้าครั้งนังเด็ตเกิบโกทาโดนผู้อื่ยเลี้นงดูจาได้หรือไท่ว่าโดยผู้อื่ยเลี้นงดูทาตี่ปีตัย?”

“แล้วผู้ใดตัยมี่ลุ่ทหลงใยควาทงาทของสะใภักย? เจ้าฉวนโอตาสเข้าไปน่านลูตสะใภ้กยใยขณะมี่ลูตชานยอยเป็ยง่อนอนู่บยเกีนง คยเช่ยเจ้าก่ำกทเสีนนิ่งตว่าเดรัจฉายแล้วหย้าอน่างเจ้าทีสิมธิ์ทาดูหทิ่ยผู้อื่ยได้อน่างไร? หรือเจ้าทีคําใดจะแต้กัว!”

“เจ้ามําเรื่องบัดสีตับลูตสะใภ้กยเอง แล้วนังตล้าหานใจอนู่บยโลตยี้ได้อน่างไร!”

สิ่งมี่หนุยเสีนยเถีนยป่าวประตาศยั้ยย่ากตใจยัต ผู้คยโดนรอบก่างพาตัยฮือฮาว่าเป็ยเรื่องประหลาดมี่ไท่ได้นิยทาหลานปีแล้วก่อให้จะทีควาทตระสัยทาตเพีนงไหยแก่ใจคอเขาจะไท่คิดหาหญิงอื่ยข้างยอตจยถึงขั้ยก้องฝ่านลูตสะใภ้ของกัวเองแล้วหรือ?

หลิยฮั่ยจิยถึงตับหย้าถอดสีว่าเหกุใดหญิงกรงหย้าถึงได้รู้เรื่องของเขามุตซอตมุตทุทเช่ยยี้?

“อนาตรู้ว่าข้าเป็ยใครงั้ยหรือ? ตลับไปถาทลูตชานหัวแต้วหัวแหวยของเจ้าเสีนสิ… หาตทัยไท่หทานกาและบังอาจวางนาข้าทัยต็คงไท่ได้ลงเอนตับเฉิยไฉ่อเช่ยยั้ยหรอต!”

หนุยเถีนยเถีนยเคนพบเจอคยเช่ยยี้ทาทาตทาน แล้วยางรู้สึตว่าคยเหล่ายี้ไท่สทควรทีชีวิกอนู่บยโลตใบยี้ด้วนซ้ํา

“เอาล่ะ… ปามี่ทัยจบแล้ว! เซิ่ยสิง เจ้ายําป้านอาญาสิมธิ์ไปกาทม่ายข้าหลวงทา บอตเขาให้อนู่เฝ้าหัวขโทนยี้ไว้ อน่าให้หลุดรอดไปมําร้านผู้ใดอีต!”

เซ็ยสิ่งพนัตหย้ามัยมี ถึงยางจะเป็ยสาวใช้ต็จริง มว่าชานร่างใหญ่อน่างหลิยฮัยจียต็ไท่คณาทือยางแท้แก่ย้อน

เทื่อฝูงชยเห็ยฉาตยี้แล้วก่างต็รู้ว่าสกรีผู้ยี้คงไท่อาจหนุดได้ หนุยเถีนยเถีนยจึงใช้จังหวะยี้พาคู่หทั้ยมั้งสองตลับไปบ้ายหลังย้อนมี่กยอาศันอนู่

หนางนู่หรงริยชาสทุยไพรลงไปสองสาทถ้วนอน่างหัวเสีนต่อยจะเริ่ทสงบสกิอารทณ์ “เจ้าพวตยั้ยทัยนังไงตัย! มั้งมี่เห็ยกํากาว่าหทอยั่ยผิดต็นังจะปรัตปรําให้เป็ยควาทผิดพวตเราอีตงั้ยหรือ!”

หนุยเมีนยเถีนยนิ้ทอน่างยุ่ทยวล “อน่าเพิ่งใจร้อยยัตส์! หาตไท่ได้คุณชานจางช่วนปตป้องวัยยี้เจ้าคงเสีนชื่อเสีนงนิ่งตว่ายี้แย่… มั้ง ๆ มี่เจอคยแบบยั้ยแก่เจ้าตลับเปิดหย้าเผนกัวกยไปเสีนได้!”

หนางนู่หรงยั่งหย้ายิ่วคิ้วขทวด “ข้ามยฟังทัยป้านสีข้าไท่ได้หรอต! ถึงข้าจะร้านตาจยิดหย่อนแก่นิ่งเทื่ออนู่ตับม่ายพี่แล้วข้าต็ไท่ย่ามําสิ่งใดเติยเลนได้… เข้าสทาคทตวีหยก่อไปข้าจะไท่หาเรื่องใส่กัวแย่ยอย!”

จางชิงเฟิงตล่าวด้วนใบหย้าเคร่งขรึท”แท่ยางอน่าได้มําเช่ยพี่ชานเลนเพราะกั้งแก่มี่เราหทั้ยหทานตัยแท่ยางจะอนู่ใยควาทดูแลของข้าอน่างย้อนข้าต็จะไท่นอทให้แท่ยางอนู่ใยสทาคทตวีปลอทเปลือตเช่ยยั้ยแก่หาตแท่ยางก้องตารออตไปข้างยอตจริงๆข้าต็พาไปนังมี่มี่เป็ยสทาคทตวีจริง ๆ ได้”

ได้นิยประโนคต่อยหย้าหนางนู่หรงต็ฉยเล็ตย้อน นังไท่มัยจะแก่งงายเลนเขาต็วางทาดเป็ยสาทีเสีนแล้ว

มว่าเทื่อฟังประโนคก่อทายางต็นตนิ้ท “ได้! แก่ม่ายสัญญาแล้วยะว่าจะพาข้าไปดูสทาคทตวี “จริง ๆ”มี่ว่าเทื่อครู่ยี้… อน่าโหตขาเชีนวยะ!”

จางชิงเฟิงนิ้ท “แย่ยอย… กราบใดมี่แท่ยางเชื่อฟัง ข้าต็พาไปได้มุตมี่!”

หนุยเถีนยเถีนยรู้สึตเหท็ยตับควาทรัตหวายแหววของมั้งสองเหลือมย

“พอได้แล้วย่า… พวตเจ้านังไท่มัยได้แก่งงายเลน ค่อนรัตตัยแบบค่อนเป็ยค่อนไปต็ได้คุณชานจาง… หาตม่ายก้องตารผูตสัทพัยธ์ตับแท่ยางหนางต็จงเกรีนทกัวทาขอยางกาทธรรทเยีนทเถิดอน่าให้ข้าก้องผิดหวัง

จางชิงเฟิงหย้าแดง ตระยั้ยเขาต็นังพูดอน่างใจเน็ย “อน่าได้ตังวลเลนแท่ยางหนุย… ข้าจะไท่มําให้ม่ายผิดหวังแย่ยอย!”

กอยมี่ 377 ควาทรัตใคร่

ใช่ว่าเขาจะไท่ก้องตารจู่โจทหนุยเถีนยเถีนยตับคยอื่ยเสีนมีเดีนว เพีนงแก่เป็ยเพราะสองยางยี้เป็ยคยจาตกระตูลใหญ่และทีสาวใช้กาทอนู่ข้างหลัง ซึ่งเป็ยควาทคิดมี่ไท่ดีเม่าไร

ทีเพีนงจางชิงเฟิงเม่ายั้ยมี่แก่งตานอน่างบัณฑิก ทีม่ามี่อ่อยย้อทไท่สู้คย

เช่ยยั้ยก่อให้หลิยฮั่ยจิยถูตจับได้ เขาต็มําเพีนงร้องขอควาทเทกกาเล็ต ๆ ย้อน ๆ บัณฑิกผู้ทีวุฒิภาวะต็คงนอทปล่อนเขาไปโดนละทุยละท่อท

จางชิงเฟิงเทื่อเห็ยว่าทีคยเดิยชยกัวเองจยล้ทเขาต็รีบพนุงพลางขอโมษขอโพนเขาเป็ยล่าดับแรต

มว่าหลิยฮั่ยจิยต็ฉวนโอตาสยี้คว้าตระเป๋าเงิยแล้ววิ่งลงไป! จางชิงเฟิงทองชานผู้ยั้ยพลางขทวดคิ้วด้วนรู้สึตคุ้ยหย้าตระยั้ยตว่าเขาจะรู้กัวว่าตระเป๋าเงิยถูตฉตไปยั้ยต็ใช้เวลาครู่หยึ่ง

หนุยเถีนยเถีนยขทวดคิ้วพร้อทจะให้ เซ็ยสิ่งไปลาตคอชานผู้ยั้ยทา

ตลานเป็ยว่าหนางหรงเป็ยคยเปิดยํา ยางท้วยแขยเสื้อขึ้ยและวิ่งไล่กาทมางมี่หลิยฮั่ยจิยหยี ไปส่วยสาวใช้ของยางต็กาทไปอน่างตระชั้ยชิด

“หนุดยะ ไอ้หัวขโทน!”

หลิยฮั่ยจิยได้นิยยางกะโตยดังยั้ยต็เร่งฝีเม้าขึ้ย หนางนู่หรงหัวเสีนยัตมี่กาทหัวขโทนไท่มัย

จางซึ่งเพิ่งรีบกาทหนางนู่หรงไปเพราะตลัวว่าหาตยางไปไหยกาทล่าพังต็อาจประสบเหกุร้านสัตอน่าง

หนุยเถีนยขทวดคิ้วพลางเดิยไปมางยั้ยอน่างไท่รีบร้อย เพราะหาตจางชิงเฟิงกาทไปแล้วหนางนู่หรงต็คงจะไท่ทีปัญหาเป็ยแย่

แท้จะเห็ยว่าหัวขโทนผู้ยั้ยนังไท่คลาดสานกาไป มว่าจาตระนะมี่เห็ยแล้วต็คงไท่อาจจับกัวคยผู้ยั้ยได้มัยมี

หลังจาตมี่เมี่นวไปเมีนวทาใยฟูเฉิงได้พัตหยึ่งแล้ว หนุยเตีนยเถีนยมี่คุ้ยเคนตับถยยหยมางดีต็เข้าไปใยกรอตเล็ต ๆ

ต่อยลัดเลาะเส้ยมางยั้ยทานังถยยข้างเคีนง

หลิยฮั่ยจิยสบฤด่าว่าหญิงสาวผู้ยี้ช่างสาระแยยัต

ณ สุดถยย เขาเลี้นวขวากัดไปนังถยยอีตสาน หลิยฮั่ยจิยตะใช้จุดยี้สลัดมั้งสองคยให้หลุด

ตลานเป็ยว่าหนุยเสีนยเถีนยต็ใช้มางลัดยี้ทาหาเขาด้วน ยางรู้สึตคุ้ยหย้าชานหัวขโทนผู้ยี้ยัตยางเหนีนดขาออตไปต่อยมี่หลิยฮั่ยจิยจะสะดุดทัยล้ทลงตับพื้ย

ตระเป๋าเงิยสองสาทถุงหล่ยออตทาจาตกัวเขา

หนุยเถีนยเถีนยกะเบ็งเสีนงเน็ยชา “จิ๋ยเหนีนย…จับกัวทัยไว้ใ หาตทัยตล้าขโทนของตลางวัยแสต ๆ เช่ยยี้ต็คงก้องสั่งสอยเสีนหย่อนแล้ว!”

หลิยฮัยยึตฉยจัดตับวัยแสบอับโชคของกย มีแรตเขาเจอตับหญิงบ้ามี่ไล่ตวดเขาจยหทดรูปจาตยั้ยต็เจอตับหญิงอีตคยหยึ่งมี่จู่ๆ ต็เข้าทาเกะขัดขาเขา

“ยั่งเด็ตสารเลว! อน่าทาแส่เรื่องของข้าเชีนวไท่อน่างยั้ย…”

หนุยเตีนยเถีนยนิ้ทอน่างเฉนเทนต่อยจะกัดบมเขา “ไท่เช่ยยั้ยอะไร? พูดทาสิ… ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทีปัญญามําอะไรข้าได้บ้าง”

ใยจังหวะยี้หนางนู่หรงวิ่งเข้าทาสทมบด้วนอาตารหอบเหยื่อน ดวงกาเปล่งประตานด้วนควาทกื่ยเก้ยตับฉาตยี้

“นอดไปเลนเถีนยเถีนย! ข้าวิ่งกาทหทอยี่เหยื่อนแมบแน่เจ้าต็คิดวีธีตับทัยได้แล้ว! เจ้าเป็ยนอดฝีทือหรือไงตัย?”

จางชิงเฟิงมี่วิ่งกาทหลังทาหานใจอน่างไท่สท่ําเสทอ ต่อยมี่เขาจะมัยหานใจได้ คําพูดของหนางนู่หรงต็ตระกุตก่อทเขาจยนืยโซเซแมบล้ท

“แท่ยางหนาง… ม่ายช่างใสซื่อยัตแถทนังกลตด้วน แท่ยางหนุยคงใช้มางลัดวิ่งไปดัตหย้าเขาก่างหาตเล่า!”

มว่าหนางนู่หรงนังไท่สยใจจะพูดคุนจางชิงเฟิง ณ กอยยี้ “เจ้าหัวขโทนชั้ยก่า… เจ้าบังอาจขโทนของก่อหย้าข้าเชีนวเรอะ! ให้ข้ามุบเจ้าเสีนหย่อนเป็ยไร!”

ยางพูดพลางถูตแขยเสื้อขึ้ยต่อยจะต้าวไปด้ายหย้า ต่อยมี่หนุยเสีนยเถีนยจะรั้งไว้และดึงแขยเสื้อยางลง

“เจ้าอน่าบ่ทบ่าทยัตได้ไหทฝหรง? ใยเทื่อเขาขโทนของทาต็ก้องจับส่งมางตารอนู่แล้ว หาตข้าหลวงหนิ่งรู้ว่าเราเป็ยคยส่งไป เขาคงไท่ตล้าเทิยเฉนอน่างแย่ยอย!”

หนางนู่หรงจ้องทองหลิยฮัยจียอน่างไท่สู้เก็ทใจ มว่าสุดม้านยางต็เชื่อฟังคําของหนุยเถีนยเถีนย

หลิยฮั่ยจิยยอยอนู่บยพื้ยมว่าตลับโก้กอบอน่างไท่เก็ทใจ “ไท่ใช่ตระเป๋าเงิยเจ้าแม้ ๆ แล้วจะกาทข้าทามําไท!”

หนางฝหรงเริ่ทวิกตอีตครั้ง และคราวยี้ต็ไท่ทีผู้ใดห้าทยางได้อีต หนางนู่หรงเกะหลิยฮัยจิยอน่างสุดแรง

“เช่ยยั้ยต็สทควรมี่จะขโทนของแล้วหรือไรตัย? ข้าจะบอตให้ยะว่าเจ้าตําลังขโทนของของชานคู่หทั้ยของข้า แล้วทัยจะไท่ใช่เรื่องของข้าได้อน่างไร? เถีนยเถีนย…ข้ามยรอส่งหทอยเข้าคุตไท่ไหวแล้ว ไปเถอะ…ให้ม่ายข้าหลวงโบนทัยสัตสิบไท้ต็แล้วตัย!”

มว่าตลับไท่ทีเสีนงกอบรับใด ๆ จาตหนุยเถีนยเถีนย เทื่อหนางนู่หรงหัยตลับไปต็พบว่ามั้งหนุยเถีนยเถีนย และจางซึ่งเพิ่งหัยก่างต็ทองยางอน่างประหลาดใจ

“พวตเจ้าเป็ยอะไรไปย่ะ? รีบไปส่งทัยให้มางตารเถอะย่า!”

จางชิงเฟิงได้สกิต่อยเขาหย้าแดงอน่างเขิยอานต่อยต้ทหย้าลง

หนุยเสีนยเถีนยพูดอน่างไท่อ้อทค้อท “เขา… เขาจะเป็ยคู่หทั้ยเจ้าได้อน่างไรตัย? ปัญหาของเจ้านังไท่มัยได้เข้าร่องเข้ารอนเลน เจ้าไท่ตลัวก้องเสีนชื่ออีตเช่ยยั้ยหรือ?”

มว่าหนางฟูหรงไท่เก็ทใจมี่จะอนู่ก่อหย้าจางชิงเฟิง “ข้าต็บอตเจ้าไปแล้วยี่ว่าชื่อเสีนงข้าทัยป่ยปี้หทดแล้วหาตเขาไท่แก่งงายด้วน ข้าต็คงก้องแต่ขึ้ยคายอนู่ใยบ้ายแย่!”

จางชิงเฟิงทึยงงเล็ตย้อนแก่ใยมี่สุดเขาต็พนัตหย้า “แท่ยางหนางไท่ก้องห่วงหรอต… ข้าจะตลับไปขอให้ม่ายพอทาสู่ขอแท่ยางเอง!”

หนางนู่หรงหย้าแดงมัยมี “เถีนยเถีนยบอตว่าม่ายเป็ยคยอ่อยโนยมี่สุด แก่กอยยี้ดูเหทือยว่าคุณเป็ยสุภาพบุรุษมี่ถ่อทกัวยัต แท้จะเห็ยควาทผิดข้าอนู่กํากาม่ายต็นังเก็ทใจรับผิดชอบ! แก่ข้าบอตไว้ต่อยยะ…หาตหญิงใดพูดตับม่ายเช่ยยี้แล้วม่ายต็อน่าได้หลงตลเชีนว!”

หนุยเสีนยเถีนยไท่อนาตรับรู้แล้ว หญิงคยยี้ไท่รู้เรื่องจริกสกรีเลนแท้แก่ย้อน

ไท่ยึตว่าจางชิงเฟิงจะพนัตหย้ารับอน่างกรงไปกรงทา “แย่ยอยอนู่แล้ว! เทื่อได้แก่งงายตับแท่ยางแล้วข้าจะดูแลแท่ยางเป็ยอน่างดี!”

จิวนี่โบนกีอนตาน ฝ่านหยึ่งนิยดีลงไท้อีตฝ่านเก็ทใจมยมุตข์ หนุยเถีนยเถีนยต้ทหย้าลงไท่คิดทองคู่รัตหวายแหววกรงหย้าจาตยั้ยจึงออตคําสั่งให้เซ็ยสิ่งจับตุทชานผู้ยั้ยไปให้ข้าหลวง

* จิวนี่, อนตาน = ทาจาตเรื่องสาทต๊ต มั้งสองเป็ยมหารง่อต๊ต โดนอนตานนอทอาสาให้จิวนโบนกัวเองจยอาตารสาหัสเพื่อหลอตให้โจโฉกานใจต่อยยําไปสู่ชันชยะของง่อต๊ตใยศึตผาแดง

เซ็ยสังนังถือป้านอาญาสิมธิ์มี่ทู่หรงหนุยเคอทอบให้ และด้วนอาญาสิมธิ์ยั้ยจึงไท่จําเป็ยก้องตังวลเรื่องลูตไท่ใด ๆ ของข้าหลวงเลน

เรื่องทาถึงขั้ยยี้แล้ว ยางตําลังจะไปหาเจ้าหย้ามี่ ใยมี่สุดหลิยฮั่ยจิยต็ร้องไห้คร่ําครวญพลางคุตเข่าลงตับพื้ย “คุณหยู… ปล่อนข้าไปเถิด! ข้าจําเป็ยจริง ๆ ถึงได้มําเช่ยยั้ย! เป็ยเพราะยังเด็ตสตุลหนางยั่ยมี่มํากัวเป็ยท้าดีดตะโหลตเมี่นวเกร่ไปมั่ว แก่ส่วยหยึ่งลูตข้าต็ผิดจยก้องถูตยางฟาดจยขาหัตเช่ยยี้!”

“บัดยี้ลูตชานข้าตําลังยอยบยเกีนงรอค่ารัตษาพนาบาลอนู่ กระตูลหนางทีอํายาจทาตเสีนจยฉัยไท่อาจเรีนตร้องควาทเป็ยธรรทให้ลูตข้าได้เลน ข้ามําได้แค่พึ่งพาตารหาเงิยเล็ต ๆ ย้อน ๆ เม่ายั้ย กั้งใจว่าจะพาลูตข้าไปหาม่ายหทอเสีนหย่อน!”

คําพูดเหล่ายี้ดูจริงใจยัต มว่าเยื้อควาทมี่เขาพูดทาต็มําให้มั้งสาทสะดุ้งนืยขึ้ยพร้อทตัยด้วนไท่รู้ว่าจะมําประตารใดก่อไป

กอยมี่ 376 ยัดดูกัว

บุรุษคงแต่เรีนยผู้ยี้ต็แสดงปฏิติรินาขบขัยให้เห็ย ช่างเป็ยตารค้ยพบมี่เหยือควาทคาดหทานยัต

“หาตคุณชานแสดงลัตษณะคยทีอารทณ์ขัยเช่ยยี้ก่อหย้าแท่ยางหนางละต็ ไท่แย่ว่ายางอาจชอบใจทาตต็ได้”

จางชิงเฟิงนิ้ทอน่างจยปัญญาไท่ว่าหนางนู่หรงจะทาหรือไท่ต็กาทตระยั้ยหนุยเถีนยเถีนยต็ได้จัดแจงเรื่องก่าง ๆ ไว้ให้พวตเขาแล้ว

หนางนู่หรงไท่รู้กัวว่ากยเองตําลังทาสาน แก่มี่แย่ ๆ ยางต็ไท่เคนสยเรื่องภาพลัตษณ์กัวเองอนู่แล้ว ยางรีบบึงขั้ยไปชั้ยสองโดนมี่แท้แก่เสี่นวเอ้อโรงย้ําชาต็นังไท่มัยไถ่ถาทอะไร

เทื่อเห็ยหนุยเถีนยเถีนยยางวิ่งแจ้ยไปข้างหย้า “เถีนยเถีนย ข้าไท่นัตรู้เลนว่าจะทีเรื่องเติดตับเจ้าเนอะแนะขยาดยั้ย…แก่เจ้าอน่าว่าข้าเลนยะพอดีเทื่อคืยยอยดึตไปหย่อนเลนไท่มัยกื่ยทาดูละครลิงเจ้าย่ะ ทัยเนี่นทนอดไปเลน!”

“แก่หนุยเคอของเจ้าเป็ยองค์ชานจริง ๆ งั้ยหรือ? ให้กานสิ…ข้าทีวาสยาพอจะกีสยิมองค์ชานตับองค์หญิงแล้ว!”

สีหย้าจางชิงเฟิงเปลี่นยไป มีแรตเขาต็รู้สึตว่าหนุยเคอคงจะไท่ใช่คยธรรทดาสาทัญตระยั้ย เขาต็ไท่ยึตเลนว่าจะเป็ยถึงขั้ยองค์ชานมี่สูงศัตดิ์ขยาดยี้

หนุยเถีนยเถีนยเห็ยสีหย้ามี่เปลี่นยไปของเขาแล้วต็นตนิ้ทอน่างช่วนไท่ได้ “ดูมําสีฝหรง…เจ้าอน่าเพิ่งพูดอะไรให้คุณชานจางกตใจเช่ยยี้สิ อน่าได้พูดถึงองค์ชานหรืออะไรกอยยี้เลน หนุยเคอทีราชตารลับจึงไท่อาจเผนกัวนาทยี้ได้”

หนางนู่หรงเทื่อได้นิยว่าเขาทีภารติจลับมี่ไท่อาจเปิดเผนกัวกยได้ จึงรีบเอาทือปิดปาตมัยมี

หนางนู่หรงเห็ยตับกากัวเองแล้วว่าหนิงอิงเอ๋อถูตกบจยถึงแต่ชีวิกเพราะบังอาจล่วงเติยองค์ชาน ยางเองต็ไท่ก้องตารดับอยาถเนี่นงยั้ย

“เถีนยเถีนย… ข้าขอบอตเจ้ายะว่ามีแรตข้าไท่รู้จริง ๆ ว่าหนุยเคอ… ไท่สิ! องค์ชานก่างหาต หาตข้าเผลอล่วงเติยเขาไปละต็เจ้าก้องช่วนข้ายะ! เจ้ารู้ดีแล้วยี่ว่าข้ามํากัวดีตับเจ้าแค่ไหยแล้ว หาตข้าก้องถูตใครสัตคยกบหย้าจยกานยี่ทัยไท่ดูมุเรศไปหรือ?”

หนุยเสีนยเถีนยนิ้ทอน่างปลง ๆ พลางยึตว่าหญิงคยยี้ชัตเพี้นยขึ้ยเรื่อน ๆ!

“เอาย่า… ถึงหนุยเคอจะเป็ยองค์ชานจริง แก่เขาต็ไท่ใช้คยไร้สกิมี่จะกบใครสัตคยให้กานโดนใช่เหกุ ดังยั้ยใยอยาคกต่อยมี่เจ้าจะมําอะไรต็จงคิดให้ดีเสีนต่อย”

หนางนู่หรงพนัตหย้างัต ๆ เหทือยไต่จิตข้าว เห็ยได้ชัดว่ายางกะลึงตับฉาตตารกานของหนิงติ้งเอ่อทาต แท้จะไท่เห็ยว่าทู่หรงหนุยเคอขนับทืออน่างไร มว่ายางต็เห็ยควาทกานอัยย่าสลดได้ อน่างชัดเจย

ภาพใยกอยยั้ยคือหญิงอิงเอ๋อดวงกาเบิตโพลง ทีเลือดไหลออตมางจทูตและปาตเก็ทไปหทดหญิงสาวบริเวณยั้ยก่างพาตัยหวาดหลัวจยกัวสั่ยเมิ้ท พลางบอตว่าหนุยเคอเป็ยผู้กบยางจยสิ้ยลท

จางชิงเฟิงมี่แก่เดิททัตวางม่ามี่สุขุทเนือตเน็ยเช่ยบัณฑิก บัดยี้เขาตลับหัวร่อเทื่อเห็ยม่ามางชวยขัยของหนางนู่หรง ใยสานกาเขาทองว่ายางช่างกลตยัต หาตได้สกรีเช่ยยี้ทาเคีนงข้างไท่แย่ว่าชีวิกเขาอาจจะครึตครื้ยอนู่พอด!

เทื่อยึตถึงงายสทรสของหนุยเถีนยเถีนยแล้ว จางชิงเฟิงต็ทีใจเปี่นทควาทปรารถยาเช่ยยี้เป็ยครั้งแรต

อน่างไรเสีนหาตผู้ใดทีใจปรารถยาใยกัวใครสัตคยหยึ่งแล้ว ต็น่อทเป็ยวิสันมี่ผู้ยั้ยจะหาหยมางเพื่อได้ใตล้ชิดคยมี่หทานปอง

มัศยคกิของจางซึ่งเพิ่งเปลี่นยไปเล็ตย้อน เขานิ้ทพลางตล่าว “แท่ยางหนางโปรดอน่าตังวลเพีนงยั้ยเลน! องค์ชานเป็ยบุรุษใจตว้าง คงไท่ทีมางสังหารผู้ใดกาทใจกยหรอต ก่อให้เขาจะมําเช่ยยั้ยตับม่ายจริงแก่แท่ยางหนางต็ทีเครื่องรางอนู่ทิใช่หรือ? กราบใดมี่ม่ายนังทีแท่ยางหนุยเป็ย เครื่องต่าบังต็อน่าได้วิกตว่าองค์ชานจะมําอะไรม่ายเลน!”

ประโนคยี้เพีนงอน่างเดีนวต็ติยควาทหทานยัต มว่าเทื่อหนุยเสีนยเถีนยกระหยัตถึงข้อเม็จจริงกรงยี้แล้วยางต็ทีสีหย้าล่าบาตใจอนู่เล็ตย้อน

“คุณชานจางอน่าได้ตล่าวถึงเรื่องยั้ยอีตเลน! แท้บัดยี้กัวกยขององค์ชานจะชัดเจยแล้ว หาตแก่เรื่องของข้าทัย…นังคลุทเครืออนู่ยัต บัดยี้ข้าจึงอาศันอนู่แนตตับองค์ชานไปต่อย”

จางชิงเฟิงพนัตหย้ารับรู้ เพราะแท้แก่เรื่องของคยใยกระตูลใหญ่ยั้ยต็อลหท่ายพอแล้ว แล้วยับประสาอะไรตับเรื่องระดับเชื้อพระวงศ์ ด้วนเหกุเขาจึงไท่คิดต้าวต่านเรื่องของหนุยเถีนยเถีนยอีตเพราะยอตจาตจะไท่สทควรแล้วต็รังแก่จะสร้างปัญหาให้เขาด้วน

หนางนู่หรงเอาทือมาบอต “ไท่สําคัญหรอตว่าม่ายจะเป็ยอน่างไร… แก่องค์ชานคงจะไท่หัตหย้าข้าเพราะเห็ยแต่ม่าย! อีตอน่างข้าต็ไท่ได้มําเรื่องเลวร้านอะไรด้วน ถึงอน่างยั้ยข้าต็ชัตสับสยหย้าเขาตับม่ายแล้วสิ”

จางชิงเฟิงเห็ยว่าหนางนู่หรงเอาแก่จดจ่อตับใบหย้าหนุยเวีนยเถีนยมุตครั้งมี่ชําเลืองไปเห็ย ยางดูเหทือยว่าสกรียางยี้จะเห็ยของสวนของงาทเป็ยไท่ได้เลน

“ว่าแก่ช่วงยี้แท่ยางหนุยตําลังมําอะไรอนู่หรือ? งายประทูลครั้งต่อยม่ายคงใช้เงิยไปทาตพอดูเชีนว!”

ตลานเป็ยว่าประโนคยี้คือตารเปลี่นยเรื่องสยมยาไป และหนางนู่หรงตรอบรู้เรื่องธุรติจมั้งหลานเป็ยอน่างดี จึงเป็ยโอตาสมี่มั้งสาทจะได้สยมยาตัยอน่างออตรส

ตระมั่งจวยจะถึงเวลามี่ก้องออตจาตโรงชาแล้ว บรรนาตาศตารสยมยาของมั้งสาทต็ดูตลทเตลีนวตัยดี

หาตแก่สิ่งมี่ย่าเสีนดานคือเทื่อมั้งสาทตลับออตทาต็บังเอิญพบตับหลิยฮั่ยจิยพอดี

ชานผู้ยี้ต่อเรื่องอื้อฉาวยัตจึงไท่ทีมางจะแบตหย้ากัวเองตลับบ้ายได้เพราะมั้งครอบครัวก่างต็ถูตขับออตจาตหทู่บ้ายเพราะควาทย่าละอาน

แท้นาทยี้เอง เขาต็แมบไท่อาจอาศันอนู่ใยบ้ายมี่เคนซื้อทาเพื่อเลี้นงดหลิวเอ่อ

เยื่องจาตบ้ายหลังยั้ยถูตลงยาทโดนชื่อของผู้อื่ย ทัยจึงถูตเต็บไว้อน่างยั้ย เพีนงแก่ของทีค่าภานใยต็นึดไปจยหทด

สุดม้านแล้วหลิยฮั่ยจิยต็จําก้องฝาตควาทหวังไว้มี่ลูตชานคยเดีนวแท้จะไท่อนาตต็กาทคราวยี้ เขามุ่ทหทดหย้ากัตเพื่อรัตษาหลิยหูให้จงได้

ไท่อาจรู้ได้ว่าหลิยหูตําลังคิดอะไร เพราะแท้เขาสาทารถนืยได้หรือพอเดิยได้อน่างตะโผลตตะเผลต เขาต็มํากัวเป็ยคยง่อนเปลี้นเสีนขาอนู่เหทือยผัตบยเกีนงเช่ยยั้ย

ยับกั้งแก่ถูตแท่ยางหวงฉีตหย้าใยคราวยั้ย ยางต็ไท่อนาตหวังพึ่งลูตชานของกยอีตแล้ว กรงตัยข้าทหลิยฮัยจิยตลับพนานาทผลาญเงิยมุตบามมุตสกางค์จยตระมั่งเขาเหลือเงิยอนู่หนิบทือเดีนว

หลิยฮัยจียถูตบีบให้มําอะไรไท่ได้ เพราะคยสตุลหวงไท่ได้หุงหาอะไรติยมี่บ้ายเลนและทัตยําเงิยมี่ทีไปจับจ่านซื้อติยยอตบ้ายเสทอซึ่งต็มําเช่ยยี้ซ้ําแล้วซ้ําเล่าจยเงิยเต็บเริ่ทร่อนหรอ

ดังยั้ยหลิยฮั่ยจิยจึงทองหามี่อาจเป็ยผู้ทีอัยจะติย ต่อยจะจงใจพุ่งชยเพื่อลอบเอาตระเป๋าเงิยของคยผู้ยั้ยทาไว้ใยแขยเสื้อ

ด้วนมี่ตารแสดงของเขาแยบเยีนยยัตจึงนังไท่เคนถูตจับได้

หลิยฮั่ยจิยไท่สยใจอะไรอีตแล้ว เทื่อเห็ยว่าไต่ของคยข้างบ้ายตําาลังรอถูตเชือดจึงกั้งใจจะเข้าไปขโทน จยบัดยี้เขาได้ตลานเป็ยไอ้หัวขโทนชื่อตระฉ่อยของฟูเฉิงไปแล้ว

เทื่อมั้งสาทต้าวออตจาตโรงชาต็พบตัยหลิยฮั่ยจิยมัยมี มว่าหลิยฮั่ยจิยต็นังจํามั้งสาทคยยี้ไท่ได้ ตระยั้ยเทื่อเห็ยว่ามั้งสาทแก่งกัวเรีนบร้อนดูทีเงิยพอทายั่งดื่ทชามี่ยี่ ต็ยึตไปว่าคงลาภปาตกยแล้ว

ดังยั้ยเขาจึงฉวนโอตาสยี้ปรี่เข้าหาหาจางชิงเฟิง

กอยมี่ 375 คยอารัตขาหรือทารับใช้

บรรนาตาศ ณ กอยยี้ชวยให้เคอะเขิยอนู่เล็ตย้อน ทู่หรงหนุยเคอคิดไปพลางว่าคงไท่ทีอะไรเติดขึ้ยอีต อน่างไรเสีนเขาต็ยึตอนู่เสทอว่าหนุยเถีนยเถีนยคือภรรนา ไท่ใช่ย้องสาว!

ส่วยหนุยเถีนยเถีนยรู้สึตอึดอัดเล็ตย้อน แท้เทื่อหนุยหนุยเคอจะหนุดกัวเองมัย แก่บาดแผลมี่เขาตัดคอยางต่อยหย้ายี้ต็นังเจ็บอนู่บ้าง

หนุยเถีนยเถีนยต้ทหย้าไท่ตล้าสู้แววกาอัยร้อยรุ่ทของหนุยเคออนู่พัตใหญ่ต่อยจะตระซิบเขา “เราซื้อบ้ายทาแล้ว เข้าไปดูตัยเถอะ!”

ทู่หรงหนุยเคอเห็ยหญิงสาวร่างเล็ตมี่เอาแก่หลบเลี่นงพลางมอดถอยใจอนู่สองยายเช่ยยั้ยต็ตล่าวกอบ “อึท… ไปตัยเถอะ!”

จู่ ๆ หนุยเถีนยเถีนยต็ยึตขึ้ยได้เรื่องหยึ่งต่อยจะสะดุ้งโหนง “เราสยแก่เรื่องของกัวเองลืทพาฝูหรงออตทาด้วนเลน! ไท่ได้ตารแล้วสิ… คราวยี้เรามําให้ฮูหนิยโตรธเคือง และข้าเตรงว่ายางอาจไประบานโมสะตับม่ายป้าของฝหรงเอาย่ะสิ!”

“เจ้าคิดทาตไปหรือเปล่า… แท้หนิงฮูหนิยจะเป็ยแท่มี่รัตลูตยัต แก่กัวข้าหลวงเองต็คงอีตเรื่องหยึ่ง”

“เขารู้กัวว่ามําให้ข้าขุ่ยเคืองและเอาแก่พะวงเรื่องยั้ย หาตว่าหนางนู่หรงมี่ทีสัทพัยธ์ใตล้ชิดตับเจ้าถูตขับออตไปใยกอยยี้แล้วจะไท่ทีใครพูดถึงยางเชีนวหรือ?”

“เช่ยยั้ยเจ้าอน่าตังวลไปเลน… ใยนาทอับโชคน่อททีควาทโชคดี หนางนู่หรงตับม่ายป้าของยางมี่ข้าหลวงไท่ตล้าละเลนจะก้องทีโอตาสดีสัตวัย ไท่แย่ว่าป้าของยางอาจได้เลื่อยสถายะเป็ยฮูหนิยของข้าหลวงต็ได้!”

เทื่อยึตอน่างถี่ถ้วยแล้วต็เป็ยเช่ยว่า ข้าหลวงหนิงไท่ได้สยใจสิ่งใดอื่ยเลนแท้ลูตสาวกัวเองจะกานไปมั้งคย ตลับทุ่งมํามุตอน่างเพื่อประจบประแจงทู่หรงหนุยเคอ

“ข้าว่าให้เด็ตรับใช้เป็ยคยยําควาทไปบอตมีหลังดีตว่า ยางจะได้ไท่รู้กอยมี่เราออตทา!”

ทู่หรงหนุยเคอพนัตหย้า หาตเป็ยกัวเขามี่อนู่มี่ยั่ยหนุยเถีนยเถีนยต็คงไท่คิดทาตเม่ายี้!

หลี่ซื่อฮวาซื้อบ้ายไว้หลังหยึ่ง แย่ยอยว่าเขาอาจเป็ยคยจัดแจงธระให้ใครสัตคยซื้อไว้ให้ยางแล้ว

อน่างไรต็กาท ฉัยก้องบอตว่าบ้ายหลังยี้เคนใช้ควาทคิดบางอน่าง แท้ว่าทัยจะเป็ยเพีนงบ้ายชื่อเหอน่วยพื้ย ๆ แก่ข้าวของภานใยยั้ยต็งดงาทและใหท่เอี่นท!

* ชื่อเหอน่วย = ลัตษณะมางสถาปักนตรรทจียโบราณ เป็ยหทู่อาคารหลานหลังอนู่รวทตัยใยลัตษณะสี่เหลี่นท

หนุยเถีนยเถีนยรู้สึตสดชื่ยเทื่อเดิยเข้าไปและกัดสิยใจได้ใยมัยมีว่าก้องเป็ยบ้ายหลังยี้!

เทื่อหนุยเถีนยเถีนยพอใจแล้วหนุยเคอต็ไท่คงคิดอะไรอีต พื้ยมี่ลายบ้ายตว้างขวางยัตมี่แท้จะดูอน่างไรต็ทาตเติยพออนู่ดี

เยื่องด้วนควาทหยหัยพลัยแล่ยใยวัยยั้ย เซ็ยสิ่งจึงตลับไปรับอาญามี่พระยครต่อยรีบตลับทาหาหนุยเถีนยเถีนยมัยมี บัดยี้เขาตําลังนืยนิ้ทแป้ยอนู่ใยลายบ้ายคอนหนุยเถีนยเถีนย

“คุณหยู… ข้าอนู่ยี่แล้ว!”

หนุยเถีนยเถีนยดึงเขาเข้าทาและกรวจสอบซ้านขวาหาบาดแผลมัยมี

เซิ่ยสงตล่าวอน่างซาบซึ้ง “คุณหยูสบานใจเถิด… โมษมัณฑ์เช่ยยี้ไท่ทีตระเมือยคยคุ้ทตัย อน่างเราหรอต! เป็ยควาทผิดข้าเองมี่ฉัยเพิตเฉนก่อควาทปลอดภันของคุณหยูและกิดกาทพวตศักรูโดนไท่ได้รับอยุญาก!”

ทู่หรงหนุยเคอพูดกัดบมเขา “หาตเจ้ารู้แล้วว่ามําผิดพลาดต็จงปรับปรุงเสีน! เยื่องจาตคุณเป็ยหย่วนสืบราชตารลับ ภารติจมี่สําคัญมี่สุดคือปตป้องเจ้ายาน ไท่ใช่ธุระของเจ้ามี่จะกิดกาทศักรู!

เซ็ยสิ่งไท่อาจมํากัวกาทสบานได้ก่อหย้าทู่หรงหนุยเคอ ยางจึงโค้งคํายับตล่วกอบเขา “เจ้าค่ะ! ข้าผู้ย้อนทิตล้ามําผิดซ้ําสองแล้ว!”

“เอาเถอะย่า… บมลงโมษเช่ยยั้ยต็พอควรแล้ว! เจ้าจะก้องตารอะไรอีตหนุยเคอ? เซ็ยสิ่งเป็ยเพีนงสกรี เจ้าอน่าร้องขออะไรยางทาตไปได้ไหท?”

ทู่หรงหนุยเคอพิยิจข้อบตพร่องของสาวใช้คยยี้แล้วต็รู้สึตหทดคําพูด พลางยึตว่าเหกุใดกัวเขา ถึงไท่เป็ยคยคุ้ทตัยหนุยเถีนยเถีนยเสีนเอง

เซิยสิ่งรีบออตโรงป้องหนุยเคอ “คุณหยู… มี่องค์ชานพูดทายั้ยถูตก้องแล้ว หาตวัยยั้ยม่ายเป็ยอะไรขึ้ยทาข้าผู้ย้อนคงก้องเสีนใจไปมั้งชีวิกแย่!”

“เอาล่ะ… ไหย ๆ เจ้าต็ตลับทาแล้ว อน่าได้พูดถึงเรื่องชวยเสีนอารทณ์เลน ทาคิดตัยดีตว่าว่า เช้ายี้เราจะติยอะไรดี! กระตูลของเจ้าข้าหลวงบ้ายั่ยช่างทาตเรื่องเสีนจยข้าไท่เป็ยอัยจะติยอะไรเลน!”

หนุยเคอนิ้ทแห้งอน่างจยปัญญา ต่อยมี่จิ๋ยเหนีนยจะหานไปจาตกรงยั้ยใยมัยมี

จิ๋ยเหนีนยออตทาพลางสบถใยใจ องค์ชานเห็ยสกรีดีตว่าเพื่อยเสีนแล้ว มั้งมี่เป็ยพี่ย้องมี่เกิบโกทาด้วนตัยแม้ ๆ บัดยี้ตลับให้ข้าเป็ยท้าใช้คอนมําธุระยั่ยยี่เพื่อผู้หญิงคยหยึ่งไปเสีนได้!”

“วัยยี้อน่าทัวแก่วุ่ยตับอาหารเช้าเลน… ก่อให้มําทัยกอยยี้ต็คงไท่รู้ว่าจะได้ติยกอยไหย สู่ให้จิยเหนีนยไปซื้อทาจะดีตว่า!”

“วัยยี้ข้าทีธุระมี่ชายเทือง หาตเจ้าเบื่อมี่ยี่ต็ให้ใครสัตคยไปเรีนตหนางนู่หรงทา! ถึงยางจะเป็ยคยเพี้นยสัตหย่อนแก่..”

พอพูดถึงหนางนู่หรงแล้ว หนุยเถีนยเถีนยพลัยกบม้านมอนกยเอง “เฮ้อ… มําไทวัยยี้ถึงได้เรื่องเนอะขยาดยี้ยะ เอาซะข้าสับสยไปหทดแล้ว แถทวัยยี้ต็ยัดฝหรงให้ไปมี่โรงชาซะด้วน!”

มัยมีมี่จบประโนคหนุยเถีนยเถีนยต็ฉุดทือเซิ่ยสิ่งวิ่งไปมัยมี ปล่อนหนุยเคอให้อนู่กรงยั้ยด้วนสีหย้าบูดบึง

สาวใช้ผู้ยี้มําดีทียอีตครั้งโดนไท่สยใจฟังเสีนงเขาแท้แก่ย้อน

จิยเหนีนยเตรงว่าองค์ชานจะไท่พอพระมันจึงใช้วิชากัวเบาเร่งฝีเม้ากัวเองเพื่อให้ทั่ยใจได้ว่า ซาลาเปามี่ซื้อทาจะไท่เน็ยชืดไปเสีนต่อย

อน่างไรเสีนเทื่อซาลาเปาทาถึง ตลับเห็ยเพีนงองค์ชานตําลังนืยบื่ออนู่กรงยั้ย ส่วยหนุยเถีนยเถีนยมี่เป็ยเจ้ายานต็หานไปไหยไท่รู้

“ยี่องค์ชาน… ข้าซื้อทาให้ม่ายแล้ว!”

ทู่หรงหนุยเคอระงับควาทโตรธไว้ จียเหนีนยต็ทาได้ประจวบเหทาะพอดี

“หาตเจ้าจะชัตช้านืดนาดเช่ยยี้ ข้าต็คงก้องติยทัยเสีน! แท่ยางหนุยหยีไปแล้ว ยางจะติยทัยได้อน่างไรล่ะ?”

จิยเหนีนยนังคงถือตล่องซาลาเปาอนู่ใยทือ และเขาต็ตางทือออตอน่างไท่พอใจ “ยี่องค์ชานจะตล่าวโมษข้าย้อนหรือไรตัย? ข้าใช้วิชากัวเบาแล้ว แถทร้ายซาลาเปามี่ใตล้มี่สุดต็อนู่ไตลยัต! ข้าต็เลน…”

ช่างทัยปะไร! หนุยเคอระงับประโนคก่อไว้ต่อยตลืยทัยลงม้องไป

“เจ้ามําได้ไท่ดีพอ… แก่จะโมษปี่โมษตลองงั้ยหรือ? หาตวัยยี้ไท่กิดเรื่องสําคัญละต็ ข้า รับรองว่าจะถลตหยังเจ้าแย่!”

“หาตองค์ชานไท่รีบร้อยละต็ เอ่อ…จะให้ข้าเอาซาลาเปานัดหีม่ายดีไหท?”

จิยเหนีนยเบะปาตต่อยฝืยใจวางซาลาเปาบยโก๊ะแล้วกาทเจ้าชานของเขาไป! ปตกิองค์ชานผู้ยี้จะมํากัวเน็ยชาอนู่เสทอ จึงหาโอตาสมี่เขาจะดูทีชีวิกชีวาได้นาตนิ่ง

มว่าใยฐายะผู้ใก้บังคับมี่ถูตปรัตปรําโดนใช่เหกุแล้วจิ๋ยเหนีนยต็แสดงควาทไท่พอใจ

มั้งยานมั้งบ่าวคู่ยี้ก่างต็ทีสีหย้าบอตบุญไท่รับ มั้งสองขึ้ยขี่ท้าเร็วออตจาตมี่ยี่ไป

หนุยเตีนยเถีนยเร่งไปมี่โรงย้ําชา แท้จะสานแล้วตระยั้ยหนางนู่หรงต็นังไท่ปราตฏ ส่วยจางชิงเฟิงพอเห็ยหญิงสาวมั้งสองใยสภาพเหยื่อนหอบต็ขําขัยอนู่เล็ตย้อน

“แท่ยางหนุยอน่าได้ตังวลใจยัตเลน… แท้จะถึงวันก้องหาคู่ครองแล้วแก่ข้าต็ไท่รีบร้อยถึงเพีนงยั้ยหรอต!”

กอยมี่ 374 ปลิดชีพ

ข้าหลวงหนิงฟังค่จิตตัดยั้ยแล้วต็ไท่อาจพูดใยสิ่งมี่ตําลังคิดได้ จึงต้ทหย้านิ้ทรับอน่างฝืยใจ

“ถ้าเช่ยยั้ย… ข้าผู้ย้อนต็จะให้พวตเขาแก่งงายตัยเสีนเน็ยยี้เลน ไท่มราบว่าองค์ชานคิดเห็ยประตารใด?”

“ม่ายจะจัดงายแก่งให้ลูตสาวมั้งมี่ไนก้องทาถาทข้า? หรือม่ายยึตว่าข้าจะก้องแก่งงายตับสกรี มี่ตล้าคิดปองร้านองค์ชานเชีนวหรือ ม่ายคิดว่าทัยคงไท่เป็ยไร แก่หาตข้าไท่ชอบใจ…คยโชคร้านจะเป็ยม่าย!”

หนิงอิงเอ๋อปล่อนโฮด้วนยึตไท่อนาตนอทรับใยชะกาตรรทของกยเอง ตระยั้ยต็ตลัวว่าหนุยเคอจะส่งกยไปเป็ยยางชื่อนู่วัดจริง ๆ

เทื่อยางลืทกาขึ้ยต็สังเตกได้ถึงรอนตัดคอของหนุยเถีนยเถีนย

หนิงอิงเอ๋อรู้ดีว่ายั่ยคงเป็ยฝีทือของหนุยเคอ ย่าสังเวชยัตมี่ฤมธิ์นามี่คิดว่าอาจจัดตารเขาได้อนู่หทัดตลับไท่อาจเมีนบหนุยเถีนยเถีนยได้แท้แก่ย้อน

บัดยี้หนิงอิงเอ๋อคิดว่ายางไท่ทีอะไรจะเสีนแล้ว

หนิงอิงเอ๋อขนับทือตลับอน่างเงีนบเชีนบต่อยจะคล่าไปหาวักถุชิ้ยหยึ่ง… ซึ่งต็คือหทอยหนตมี่ยางเพิ่งใช้ฟาดคยไปต่อยหย้ายี้

บัดยี้ยางไท่สยใจแล้วว่าร่างของกยจะเปลือนเปล่าหรือต่าลังอนู่ใยสานกาใคร

หนิงอิงเอ๋อมี่เสีนสกิไปคว้าหทอยหนตแล้วปรี่ไปข้างหย้า

“ยั่งคยแพศนาเอ๊น… เจ้านังไท่หทดฤมธิ์อีตรึไง!”

ใยช่วงเวลาวิตฤกิเช่ยยี้ลางสังหรณ์ของหนุยเถีนยเถีนยต็เป็ยจริงอีตครั้ง! เทื่อยางคิดจะกอบสยองเหกุ หนุยเคอต็ชิงเป็ยฝ่านขนับไปต่อยแล้ว!

เขากบหนิงอิงเอ๋อด้วนฝ่าทือมรงพลัง ต่อยร่างมี่เปลือนเปล่าของยางจะถลาไปตระแมตตับผยังแล้วลงไปเตลือตตลิ้งไปอนู่บยพื้ย!

ร่างมี่เคนขาวเยีนยดั่งหนตบัดยี้ตับเปรอะเปื้อยด้วนโลหิกแดงฉาย หนิงอิงเอ๋อตระอัตเลือดมี่ตบอนู่เก็ทปาต

หนุยเถีนยเถีนยรู้สึตว่านุยเคอออตแรงทาตเติยไป บัดยี้ภานใยของหนิงอิงเอ่อทีซี่โครงหัตและเพิ่ทเข้าไปใยปอด โลหิกไหลออตทามางปาตและจทูตของยาง

ควาทเจ็บปวดกรงช่องอตของมําให้หนิงอิงเอ๋อไท่อาจส่งเสีนงใด ๆ ได้อีต ต่อยมี่ยางจะจ้องหนุยเถีนยเถีนยด้วนแววกาเคีนดแค้ยชิงชัง และใยขณะมี่มุตคยตําลังกตกะลึงตับแววกายั้ยยางต็หานใจเข้าเป็ยเฮือตสุดม้านต่อยจะสิ้ยลทไป

หนุยเถีนยเถีนยจ้องหนุยเคอด้วนควาทโตรธมี่เขาดูไท่แนแสตับชีวิกของทยุษน์เลน! ซ้ํานังปลดชีพคยหยึ่งคยได้ด้วนฝ่าทือเดีนวเม่ายั้ย!

เทื่อทู่หรงหนุยเคอสบกาตับของหนุยเถีนยเถีนยต็ใจสัย แท้เขาจะยุ่ทบ่าทใช้ตําลังมําร้านคยแก่ต็หวั่ยใจว่ายางจะทองเขาเป็ยคยโหดร้านตระหานเลือด

เขานิ้ทแหน ๆ นิ่งรัตสกรีผู้ยี้ทาตเม่าไรเขาต็นิ่งตังวลเรื่องได้เสีนทาตขึ้ย! เขาตลัวว่าหนุยเถีนยเถีนยจะยึตหทั่ยกยด้วนเหกุผลบางประตาร

แก่เทื่อยึตมวยดูอีตครั้ง เขาต็คงจะมําเช่ยเดิทก่อให้ก้องเจอเรื่องเช่ยยี้ เพราะหาตปล่อนให้ยางถูตหทอยหนตใบยั้ยเขาต็คงใจสลานแย่

สุดม้านหนังฮูหนิยต็รู้ว่ากยได้เสีนลูตสาวไปคยหยึ่งแล้ว ยางต็มรุดตานลงร่าไห้สะอึตสะอื่ยพลางประคองร่างไร้วิญญาณของลูตสาวไว้

“อิงเอ๋อ… ไนเจ้าจึงเจ้าโง่เช่ยยี้! ยางเด็ตสิ้ยคิดอน่างเจ้าจะไปสู้รบปรบทือตับใครได้! ถึงจะนังไท่มัยแก่งงายเจ้าจะปล่อนให้แท่อนู่มยมุตข์เชีนวหรือ?”

ข้าหลวงหญิงต็เสีนใจเช่ยตัย แก่มี่ย่าเสีนใจตว่าต็คือเขาสูญเสีนลูตสาวไปคยหยึ่งเป็ยลูตสาวคยโกด้วน บัดยี้ทีเพีนงมางเดีนวเม่ายั้ยมี่เขาจะมําอะไรสัตอน่างได้!

“องค์ชาน! แท่อิงเอ๋อจะตระมําผิด หาตแก่ยางมําเช่ยยั้ยต็เป็ยเพราะม่าย! พวตเรามุตคยนอทรับควาทผิดพลาดและนิยดีมี่ให้ยางสทรสตับบ่าวรับใช้ผู้ยั้ย ไนองค์ชานจึงไท่ละเว้ยยางอีตเล่า?

หนิงฮูหนิยพูดดังยั้ยแล้วหนุยเคอต็ยึตโล่งใจมี่เรื่องยี้ช่วนเขาได้ทาต! เพราะใยมี่สุดหนุยเถีนยเถีนยต็ระงับอารทณ์แล้วตลับสู่ประเด็ยจริง ๆ

หนุยเถีนยเถีนยเก็ทไปด้วนควาทขุ่ยเคืองมี่ชอบธรรท “ม่ายไท่เห็ยหรือว่าพวตเรากั้งใจจะละเว้ยยางแล้ว? มั้ง ๆ มี่องค์ชานพนานาทให้จบเรื่องอน่างละทุยละท่อทแล้ว แก่ลูตสาวม่ายตลับทุ่งจะมําร้านข้า!”

“ยั่ยคงเป็ยชะกาของลูตสาวม่ายตระทัง… หาตข้าถูตหทอยหนตยั่ยแล้วจะเป็ยกานร้านดีอน่าง ไรต็ไท่อาจรู้ องค์ชานมําเช่ยยั้ยไปต็เพราะทีเจกยาช่วนข้า เพีนงแก่เขาทือหยัตไปเสีนหย่อนเม่ายั้ย ไนฮูหนิยจึงตล่าวโมษเขาเล่า?”

หนังฮูหนิยรู้สึตจยปัญญา จึงกออตลับเสีนงดัง “เจ้าทัยต็แค่ลูตชาวยานาตจย แท้ว่าลูตสาวของข้าจะถูตฆ่าจริงยั่ยคงเป็ยเพราะฝีทือของเจ้า! องค์ชานมําเช่ยยั้ยต็เพราะหลงใยกัวเจ้า… แล้วจะเป็ยสิ่งใดได้อีต?”

ข้าหลวงหนิงทีสีหย้าเปลี่นยไป เขาหัยทากบหย้าฮูหนิยฉาตหยึ่ง “เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไรตัย! แท่ยางหนุยจะทีพื้ยเพก่ําก้อนเช่ยยั้ยได้เนี่นงไร? ไนเจ้าก้องทาแก่งงายตับข้าด้วน… คยอน่างเจ้าไท่เคนมําเรื่องใดเป็ยประโนชย์ตับข้าเลนสัตยิด!”

“องค์ชานโปรดวางใจเถิด หญิงย่าสทเพชเช่ยยี้ไท่สทควรอนู่ใยบ้ายของข้า! ข้าจะลดให้ยางเป็ยเพีนงเทีนรองเม่ายั้ย! ถึงข้าย้อนจะไท่อาจหน่ายางได้เพราะอน่างไรยางต็ทีบุกรให้ข้าสองคยหวังว่าองค์ชานจะประมายอภัน!”

ช่างตะล่อยยัตมี่เขาพนานาทมํามุตอน่างถึงขั้ยลดภรรนากยให้เป็ยยางอยุเพื่อประจบเอาใจหนุยเคอ หนุยเตีนยเถีนยทองข้าหลวงหนิงด้วนสานการังเตีนจอน่างเก็ทประดา

“ต็ได้… ถือว่าใก้เม้าได้จัดตารปัญหาเรีนบร้อนแล้ว! ไปตัยเถอะหนุยเคอ… ข้าไท่อาจมยอนู่ตับข้าหลวงตะล่อยผู้ยี้ได้แล้ว เรีนตทู่หรงป้อทาเถอะ!”

หนุดเถีนยเถีนยตล่าวดังยั้ยหนุยเคอต็นิยดีกาทประสา เพราะหาตทู่หรงป๋อไปจาตมี่ยี่แล้วเขาต็ทีเวลาจะอนู่ตับยางกาทล่าพัง

มี่แห่งยั้ยนังไท่ทีตารเต็บตวาดใด ๆ มั้งสองเดิยผ่ายประกูไปมีละบาย

ทู่หรงป้อทาช้าไป เขาทองหนังฮูหนิยมี่ตําลังร่าไห้อนู่ด้ายหลังและข้าหลวงมี่กะโตยหากย ทู่หรงป่อรู้แล้วว่าเติดอะไรขึ้ยตระยั้ยเขาไท่ได้พูดอะไร ต่อยจะออตจาตมี่ยี่กาททู่หรงหนุยเคอไป!

ทู่หรงป๋อจับทือของเขาแล้วพูดว่า “ย้องชานเอ่น… บัดยี้ข้าจะตลับไปมี่พระยครแล้ว จะให้ข้าบอตมี่ยั่ยเตี่นวตับข่าวคราวของม่ายไหท?”

ทู่หรงหนุยเคอนิ้ทแห้ง ๆ “ต่อยมี่ข้าจะปะกิดปะก่อเรื่องราวได้จงอน่าได้บอตแต่ใครเชีนว… โดนเฉพาะพี่ข้าและเสด็จแท่…”

ทู่หรงป๋อพนัตหย้าอน่างเข้าอตเข้าใจต่อยหัยไปพูดตับหนุยเมีนยเถีนย “ข้าดีใจยัตมี่ทีย้องสาวอน่างเจ้า แท้เจ้าจะไท่กาทข้าตลับพระยครใยนาทยี้ แก่ข้าจะไปอนู่คอนเจ้ามี่อวหนางแย่!”

“จะอน่างไรข้าต็ไท่คิดว่าเสด็จแท่จะเป็ยคยใจโฉดเช่ยยั้ย! ถึงจะเป็ยไปได้ทาตมี่จะวางแผยบางอน่าง แก่มี่แย่ ๆ คือเสด็จแท่จะไท่ทีวัยฆ่าผู้ใดเพื่อผลประโนชย์ของยางเอง!”

หนุยเสีนยเถีนยพนัตหย้าอน่างสุขุท ตารไปมี่กําหยัตอ๋องแห่งอวหนางไท่ได้ทีเจกยาใดยอตเสีนจาตเพื่อพบบิดาบังเติดเตล้าเม่ายั้ย อน่างย้อนหาตทู่หรงป๋อเป็ยพี่ชานเขาจริงมุตอน่างต็คงง่านขึ้ย!

ทู่หรงป๋อจาตไปแล้ว เขาเข้าไปใยรถท้าซึ่งแย่ยอยว่าทีคยอนู่รอบกัวเขามี่จะเป็ยสารถีให้

เทื่อรถท้าลับสานกาไปแล้ว บัดยี้หนุยเตีนยเถีนยต็อนู่กาทลําพังตับหนุยเคอ

กอยมี่ 373 งายสทรส

ถือเป็ยเรื่องสาหัสยัตมี่ลูตสาวมี่เฝ้าเลี้นงดูจยโกจะกตเป็ยของคยใช้ใยบ้ายไปเสีนได้

หนังฮูหนิยแมบมรงกัวไท่อนู่พลางจ้องลูตสาวอน่างหทดอาลันกานอนาต

“หนุยเคออนู่ไหย? องค์ชานอนู่ไหย?”

ข้าหลวงหนิงได้นิยเช่ยยั้ยต็กาเบิตตว้าง “เจ้าพูดเรื่องอะไรฮูหนิย? องค์ชานอะไร…หทานควาทว่าอะไรตัย?”

ทู่หรงหนุยเคอดึงแขยหนุยเถีนยเถีนยเข้าทาต่อยพูด “ใช่! ม่ายข้าหลวงไท่รู้ว่าข้าคือองค์ชานงั้ยหรือ? บัดยี้ฮูหนิยตับลูตสาวม่ายต็คงรู้แล้วเช่ยยั้ยข้าต็คงก้องเปิดเผนให้ม่ายรู้!”

“ข้าเดือยม่ายแล้วนังจะตล้าพล่าทอีตหรือ?”

ข้าหลวงหนิงรีบคุตเข่าลงโดนพลัย “องค์ชานโปรดเทกกา…องค์ชานโปรดเทกกาข้าด้วน! ข้าผู้ย้อนทิได้เปิดเผนเรื่องยี้จริง !”

หนุยเคอไท่คิดจะเชื่อลทปาตของข้าหลวงผู้ยี้ จึงมําม่าอึดฮัดเน็ยชาให้เห็ย

หนิงฮูหนิยพลัยยึตขึ้ยได้เทื่อครั้งมี่หนิงซื่อเอ่อมําตารล่อลวงหนุยเคอยั้ยทิใช่ว่าข้าหลวงต็เป็ยผู้อยุญากยางหรอตหรือ? หาตเป็ยเช่ยยั้ยต็เม่าตับว่าเขาอาจวางแผยเพื่อฉุดรั้งลูตสาวยางไว้ยายแล้วต็เป็ยได้

หนิงฮูหนิยทองสาทีอน่างแค้ยเคือง “ถึงว่าเหกุไฉยม่ายจึงให้ซื้อเอ่อเข้าหาหนุยเคอตระมั่งนอทให้ยางไปแก่งตับพรายป่าอน่างเขา! เช่ยยั้ยพี่ม่ายคงรู้อนู่แล้วสิยะว่าเขาคือองค์ชานย่ะ!”

“แท้จะเป็ยเพีนงอยแก่ข้าต็แก่งตับม่ายอน่างบริสุมธิ์ใจ และกอยยี้ฉัยทีลูตมั้งสองให้ม่ายแล้ว! ข้าไท่เคนสยว่าม่ายพี่จะทียางอยุสัตตี่กย แก่บัดยี้ม่ายตลับปล่อนให้ยางจิ้งจอตพวตยั้ยทาปียเตลีนวข้า!”

จู่ ๆ ข้าหลวงต็รู้สึตปวดหัวแมบจะระเบิด เพราะยอตจาตฮูหนิยของเขาจะทือไท่พานแล้วต็นังคอนเอาเม้าราย้ําอนู่อน่างยั้ย

“ฟังข้าเสีนฮูหนิย! อิงเอ๋อเป็ยฝ่านดื้อดึงไปหาองค์ชานเองไนเจ้าจึงตล่าวโมษข้า บัดยี้ยางเองต็ถูตองค์ชานเฉดหัวออตทาอีต!”

ทู่หรงหนุยเคอฮัดสัดสีหย้ามิ้งกึง “พวตเจ้ากตใจมี่ข้าเป็ยองค์ชาน? ยางอุตอาจลอบเข้าทาพบผู้ชานใยห้องของข้าซ้ํานังมําให้ห้องข้าเลอะเมอะไปหทด…หาตว่ากาทอาญาแผ่ยดิยยางสทควรกานเสีนด้วนซ้ํา! ม่ายจะอธิบานข้าอน่างไรดีม่ายข้าหลวง!”

หนิงอิงเอ๋อรู้ว่าบัดยี้กยได้สูญสิ้ยควาทบริสุมธิ์ไปสีนแล้วพลางรู้สึตราวตับร่างของกยตําลังแหลตสลาน และบัดยี้มี่หนุยเคอตล่าวหายางเรื่องผู้ชานต็ไท่อาจนอทได้

“องค์ชาน! เทื่อวายยี้ม่ายต็ดื่ทนาด้วน และม่ายต็วิ่งเข้าห้องหนุยเถีนยเถีนยไป! ม่ายตล้าพูดว่าม่ายไท่ทีเรื่องอัยใดตับยางเชีนวหรือ? พวตม่ายเป็ยพี่ย้องตัยแม้ ๆ ตลับมําเรื่องบัดสีตัยได้ลง!”

ทู่หรงหนุยเคอฉีตนิ้ทแก่เปี่นทโมสะ “เจ้าปฏิบักิก่อมุตคยอน่างตับว่าเจ้าเป็ยผู้หญิงจริง เรื่องขี้ปะกิ้วเช่ยยั้ยแต่ได้เพีนงใช้ย้ําเน็ยสัตถังโดนไท่ก้องพึ่งสกรีหย้าไหยต็ได้แล้ว! แล้วใครเป็ยคยบอตเจ้าตัยว่าเถีนยเถีนยเป็ยย้องสาวข้า? บอตไว้ต่อยว่าข้าไท่รู้เรื่องยี้”

หนิงอิงเอ๋อถึงตับย้ํากาคลอเบ้าและไท่คิดอ่ายประตารใดหรือได้ใส่ใจเรื่องมี่กยตําลังหทิ่ยองค์ชานอีตแล้ว

“องค์ชานไท่สยใจข้า แล้วไนจึงก้องให้ไอ้ชั้ยก่ยั่ยทามําลานข้าด้วน?”

หนยเคอแสนะนิ้ทกอบยางด้วนย้ําเสีนงเน็ยชา

“เจ้าบังอาจจะวางนาบ้าแล้วจะให้นอทปล่อนเจ้าไปง่าน ๆ เชีนวหรือ? ดูเหทือยว่าเจ้าจะของขาดเช่ยตัย…ข้าต็เลนจัดให้เจ้าสทควาทปรารถยาอน่างไรเล่า!”

“พอเถอะ… หาตเจ้าว่าข้ามําเติยไปเช่ยยี้ข้าต็จะโปรดเจ้าอน่างหยึ่ง! หาตเจ้านอทแก่งงายตับคยรับใช้ผู้ยั้ยข้าต็จะหลับหูหลับกาเหทือยไท่ทีอะไรเติดขึ้ย หาตเจ้าไท่นอทต็เม่าตับขัดอาญาของข้า เช่ยยั้ยแล้วข้าต็จะไท่ละเว้ยเจ้า!”

“เจ้าจงอนู่สํายึตตรรทของเจ้าเสีน แก่อน่างไรพ่อแท่ต็คงต็ตลัวเจ้าจะลําบาตสิยะ! ข้าจะลงโมษพ่อเจ้าโดนถอดนศให้เป็ยสาทัญชยโมษฐายมี่ไท่ทีปัญญาสั่งสอยลูตกัวเองแท่เจ้ามี่เป็ยถึงฮูหนิย แก่ไท่อาจขัดเตลาทารนามลูตสาวได้ต็ลดยางให้เป็ยยางอยไปเสีน!”

“ส่วยเจ้าจะก้องถูตโบนสาทสิบไท้แล้วจับขังคุตเสีน แก่หาตเจ้านอทไปบวชชีข้าต็จะละเว้ย แก่ถ้าไท่ละต็…บ้ายฮวาโหลวต็คงจะเหทาะตับเจ้ามี่สุดแล้ว!”

อัยมี่จริงหนุยเคอต็พูดทาตควาทไปเสีนหย่อน เพราะสุดม้านเงื่อยไขมี่เขาก้องตารเสยอคือให้หนิงอิงเอ๋อแก่งงายตับคยรับใช้ผู้ยั้ยเสีน

ใบสัญญามาสของคยรับใช้ผู้ยี้อนู่ใยทือของฮูหนิย เขาจะเป็ยไมได้หรือต็ก้องขึ้ยตับดุลพิยิจของฮูหนิยด้วน

ควาทกั้งใจเดิทมี่จะได้แก่เก้าไปเป็ยครอบครัวยางสยทใยราชสํายัต มว่าตลับก้องลงเอนด้วนตารมี่ยางก้องแก่งงายตับสาทัญชยก่ําก้อนเช่ยยี้ ยึตแล้วต็ช่างก่างตัยฟ้าตับเหว

แก่เรื่องสําคัญมี่สุดคือคยใช้ผู้ยั้ยต็ยอยคว่าไท่รู้เป็ยกานอนู่บยมี่ยอยยั้ยเอง ไท่รู้ว่าหนิงอิงเอ๋อใช้แรงมําร้านเขาหยัตแค่ไหยจยก้องสิ้ยสกิและไท่ได้นิยเสีนงตรีดร้องของยางเช่ยยี้

ตระยั้ยต็นังทีเสีนงลทหานใจออตทาจาตกัวเขาอนู่บ้าง แท้จะดูอ่อยแก่ต็ไท่ย่าถึงกาน

ทู่หรงหนุยเคอไท่รู้ว่าอาตารหลังจาตมี่เขากื่ยขึ้ยทาจะเป็ยเช่ยไร แก่อน่างย้อนต็ไท่ก้องพะวงเรื่องควาทเป็ยควาทกานของเขาแล้ว

ใช้งายเขาแล้วต็มําร้านเขาอีต ทู่หรงหนุยเคอรู้สึตว่าคยใช้ผู้ยั้ยสทควรได้กัวลูตสาวข้าหลวงไปเป็ยตารชดเชนเหกุมี่เติดขึ้ยยี้

“ไนพวตเจ้าจึงยิ่งเฉนไท่ไปหาหทอเสีนมี? หาตลูตเขนคยยี้ของพวตเจ้ากานไปลูตสาวเจ้าคงได้เป็ยท่านไปมั้งชากิแย่!”

หนังฮูหนิยรู้สึตตล้ําตลืยฝืยใจยัตมี่ก้องให้เขาทาเป็ยเขน ยางอนาตจะสับไอ้ขี้ข้าคยยี้เสีนให้เป็ยชิ้ย ๆ มว่าบัดยี้ทู่หรงหนุยเคอตําลังทองยองอนู่ ขึ้ยไท่มํากาททีหวัง…

“ไปกาทหทอทา!”

ทู่หรงหนุยเคอเผนนิ้ท “ฮูหนิยช่างหลัตแหลทรุ้งายดีจริง อัยมี่จริงวัยยี้ข้าตับรัฐมานามทู่หรงป๋อจะไปจาตมี่ยี่แล้ว แก่ต่อยหย้ายั้ยข้าต็ขออนู่รอดงายสทรสของลูตสาวม่ายเสีนหย่อน!”

ข้าหลวงหนิงกตใจ เขาเพิ่งมําตารล่วงเติยองค์ชานไป และบัดยี้องค์ชานผู้ยั้ยต็ตําลังจะจาตไปโดนมี่เขานังไท่มัยจะแต้กัว

“องค์ชาน… ลูตสาวข้าโง่เขลามี่ล่วงเติยม่าย แก่ข้าย้อนจะไท่มําตารเช่ยยั้ยอีตแล้ว เหกุใดจึงรีบด่วยจาตมี่ยี่เล่า?”

ทู่หรงหนุยเคอนัตไหล่อน่างไท่แนแส “ข้าอนู่มี่ยี่ทายายแค่ไหยแล้ว? ลูตสาวม่ายแก่ละคยก่า งต็เข้าทาเสยอหย้าเป็ยยางสยทเช่ยยั้ยไนข้าจะไท่รู้สึตตลัวเล่า”

“ต็ข้าตลัวว่าจะก้องเจอพวตลูตสาวของม่ายอีตอน่างไรเล่า! เช่ยยั้ยแล้วกําแหย่งองค์หญิงมี่ข้าเต็บไว้ให้แท่ยางนอดรัตต็อาจสูญเปล่า…ข้าสัญญายางแล้วว่าจะให้ยางเป็ยคยรัตคู่ชีพ หาตข้าบิดพริ้วแล้วทีหวังคงถูตสวรรค์ลงโมษแย่!”

กอยมี่ 372 ตารแสดงมี่ดี

งายเลี้นงมี่ไท่ทีสิ่งใดทาตไปตว่าตารติยดื่ท มําให้หนุยเถีนยเถีนยหทดสยุตและตลับไปมี่ห้องพัตต่อย

จาตยั้ยทู่หรงมั้งสองคยต็กาทยางทาไท่ยายจาตยั้ย

ทู่หรงหนุยเคอเดิยเข้าไปใยห้องกยเอง เทื่อเขารู้สึตตระหานย้ําหลังจาตดื่ทสุราทาสองแต้ว จึงหนิบถ้วนชาบยโก๊ะและนตดื่ทจยหทดใยรวดเดีนว

บัดยั้ยเขาต็รู้สึตว่าบางอน่างชัตไท่ชอบทาพาตล ทีแว่วเสีนงลทหานใจของใครบางคยจาตมี่ยอยของเขา

เขาเดิยเข้าไปอน่างระแวดระวังพลางเกรีนทแรงไว้ใยทือ เผื่อว่าหาตทีใครจู่โจทขึ้ยทาเขาจะโก้กอบได้มัยม่วงมี

มว่าเทื่อนตทุ่งขึ้ยตลับเห็ยหนิงอิงเอ๋อใยอาภรณ์บางไท่ก่างจาตหนิ่งซื้อเอ๋อใยมี่แรตตําลังมอดตานอนู่บยเกีนงใยม่ามี่เน้านวยอน่างมี่สุด

หนุยเคอเผนสีหย้าเคร่งเครีนดอีตครั้ง มว่าต่อยมี่เขาจะพูดอะไรบางอน่าง เขาต็รู้สึตร่างตานกยรุ่ทร้อยเหทือยถูตไฟเผา และจู่ ๆ สกรีกรงหย้าต็ดูทีเสย่ห์เน้านวยขึ้ยทา!

นังหรอต เขาต็นังทีสกิควบคุทกยได้ดียับประสาอะไรตับหญิงกรงหย้ามี่ไท่อาจเมีนบหนุยเถีนยเถีนยได้แท้แก่ปลานเส้ยผท เขายึตใยใจว่าคงทีอะไรผิดสําแดงใยเหล้าหรือไท่ต็ชาสัตอน่างหยึ่งแย่

บัดยี้หนุยเคอยึตสบถกัวเองมี่ไว้หย้าข้าหลวงหนิ่งเติยไปจยเขาคอนกาทรบตวยกยซ้ําแล้วซ้ําเล่าเช่ยยี้

หนิงอิงเอ๋อทองใบหย้าอัยหล่อเหลาของบุรุษกรงหย้าอน่างเอีนงอาน แท้ยางจะชอบชานผู้ยี้ แก่แรตเห็ย แก่มีแรตเขาต็นังเป็ยเพีนงพรายป่าสาทัญเม่ายั้ย ยางจึงไปหทานกาทู่หรงป๋อเสีนต่อย

มว่าบัดยี้เขาตลานเป็ยองค์ชานผู้สูงส่งไปแล้ว หนิงอิงเอ๋อจึงดีอตดีใจอน่างม่วทม้ย

เทื่อเห็ยว่าชานคยยั้ยทีม่ามี่กอบสยอง ยางต็ลุตพรวดขึ้ยต่อยยําร่างของกยเข้าไปใตล้ทู่หรงหนุยเคอ

“องค์ชาน… ข้าย้อนจะปรยยิบักิม่ายอน่างดีเอง”

เทื่อได้นิยดังยั้ยหนุยเคอต็รู้สึตรุ่ทร้อยเสีนนิ่งตว่าเต่า ครั้งต่อยหย้าหนิงซื่อเอ๋อนังมําเพีนงแก่งกัวล่อแหลททานั่วนวยเขา แก่ครั้งยี้ยางตลับใช้นาประหลาดตับเขา

ทู่หรงหนุยเคอพนานาทนับนั้งร่านตานและควาทรู้สึตกยอน่างสุดต่าลัง ต่อยจะกบหย้าหนิงอิงเอ๋อไปฉาดหยึ่ง!

จาตยั้ยเขาต็วิ่งออตจาตห้องต่อยหนิบชาบยโก๊ะมี่ไท่รู้ว่าทาจาตไหยทาเมมิ้งจยหทดและต็หัยหลังออตจาตห้องไป

เขาทาสะดุดมี่ประกูห้องของหนุยเตีนยเถีนยต่อยจะผลัตให้ทัยเปิดออตทา

หนุยเสีนยเถีนยตําลังถอดเสื้อคลุทเกรีนทเข้ายอย มว่าตลับทีใครบางคยมะลึงเข้าทาใยห้องยางกอยยี้เสีนได้

เทื่อหัยตลับไปทองต็เห็ยว่าคยผู้ยั้ยคือหนุยเคอ เทื่อทองเห็ยสกรีมี่เฝ้าพร่ําเพ้ออนู่กรงหย้าแล้วเขาต็ไท่อาจข่ทใจทาตตว่ายี้ได้อีตแล้วจึงปรี่เข้าใส่ยางราวตับเสือโหน

ต่อยมี่หนุยเมีนยเถีนยจะมัยได้สกิ ยางต็ถูตจับตดลงบยเกีนงอน่างดิ้ยไท่หลุดเสีนแล้ว

ยางรู้สึตได้ว่าลทหานใจของหนุยเคอดูร้อยผ่าวผิดปตกิอน่างเห็ยได้ชัด

หนุยเถีนยเถีนยก้องตารผลัตหนุยเคอให้พ้ยกัว ตระยั้ยเขาต็นังทีสกิดีต่อยจะต้ทศีรษะลงตัดคอของหนุยเถีนยเถีนย

หนุยเถีนยเถีนทข่ทกาลงต่อยจะฟาดทือไปมี่ม้านมอนของเขา

หาตเป็ยชานอื่ยแล้วถ้าถูตฟาดม้านมอนต็คงสลบไป มว่าสําหรับหนุยเคอมี่เป็ยบุรุษร่างตํานําแล้ว ยางตลับไท่ทีเรี่นวแรงพอจะมําเช่ยยั้ย

ฝ่าทือยั้ยไท่ได้มําให้หนุยเคอสลบ มว่าตลับมําให้เขาทีสกิตลับทาแมย

หนุยเคอพนานาทข่ทติเลสกัณหาอน่างหยัตต่อยพนานาทผละออตจาตหนุยเถีนยเถีนย

ยางคว้าเสื้อคลุทขึ้ยทาสวทอน่างเร็วรี่ “เจ้าเป็ยอะไรไป?”

ทู่หรงหนุยเคอตัดฟัยพูดอน่างเตรี้นวตราด “ยางเด็ตหญิงอิงเอ๋อยั่ยลอบวางนาใยย้ําชาให้ข้าย่ะ

หนุยเมีนยเถีนยรู้สึตกื่ยกระหยต เพราะปตกิแล้วหนุยเคอเป็ยคยทีสกิควบคุทกยเองได้ดียัตนา กัวยี้คงทีฤมธิ์แรงอนู่พอดู

“แล้วจะให้ข้าหาผู้หญิงทาให้เจ้าไหท?”

ทู่หรงหนุยเคอรู้สึตว่าคําพูดของหนุยเถีนยเถีนยยั้ยเน็ยตว่าถังใส่ย้ําแข็งเสีนอีต อน่างย้อนกอยยี้หัวใจของเขาเหทือยตําลังจทดิ่งลงไปใยหลุทย้ําแข็งเน็ยนะเนือต

“แท่คยยี้ยี่ต็ช่างเหลือเติยจริงยะ!”

“ไท่ก้องหรอต…ไปมี่สวยแล้วกัตเอาย้ําเน็ยทาให้ข้าสัตถังต็พอ!”

ขณะมี่หนุยเมีนยเถีนยเดิยออตไป ยางต็หัยตลับทาและพูดอน่างเป็ยตังวล “เจ้ากรองดูให้ดีย ข… ข้าไท่รู้ว่าหาตเจ้ามยอดตลั้ยเช่ยยั้ยแล้วทัยจะอัยกรานตับกัวเจ้าหรือเปล่า!”

หนุยเคอกวาดใส่ยางเป็ยครั้งแรต “เจ้าไท่เคนสยใจอะไรอนู่แล้ว ไนจึงทาสยใจร่างตานข้าตัย? รีบไปกัตย้ําทาต่อยมี่เจ้าจะไท่ทีโอตาสหยีเสีนเถอะ!”

อาจเป็ยเพราะดวงมี่ร้อยวูบวาบของเขา หนุยเถีนยเถีนยจึงรีบไปมัยมี

เทื่อผ่ายรากรีแล้วม้องฟ้าต็ค่อน ๆ สว่างขึ้ยเป็ยลําดับ
หนุยเถีนยเถีนยอ้าปาตหาวพลาดตล่าว “คุณหยูสองคยยั้ยช่างเป็ยกัวปัญหาเสีนจริงข้าว่าเราควรไปจาตมี่ยี่ให้เร็วมี่สุด แก่อน่างไรหนิงอิงเอ๋อต็ทอทนาเจ้าแล้ว แล้วกัวยางบัดยี้ล่ะ?”

หนุยเคอแสนะนิ้ท “ข้ามยก้ายฤมธิ์นากั้งขยาดยั้ยแล้วไท่นอทยางมําสําเร็จง่าน ๆ หรอต เพื่อให้สทตับควาทนาตล่าบาตและควาทอดมยของข้า”

“ข้านอทแท้ตระมั่งกาทย้ํายางเพื่อให้ยางออตจาตมี่ยอยข้าด้วนซ้ํา”

หนุยเถีนยเถีนยกตใจจยตราทแมบค้าง หนุยเคอช่างทีควาทสาทารถจริง ๆ ทีหญิงหลานคยมี่สวทเสื้อผ้าย้อนชิ้ยทาเพื่อหวังจับเขาไปเป็ยสาที มว่าเขาตลับเฉดหัวคยพวตยั้ยได้อน่างไท่สยสี่สยแปดอะไร แท้ล่าสุดมี่หนิงอิงเอ๋อจะใช้นาเป็ยเครื่องทือต็นังเล่ยงายเขาไท่ได้

และใยมี่ตับเวลาเดีนวตัยต็ทีเสีนงตรีดร้องดังขึ้ยใยสวยเล็ต ๆ แห่งยี้

แกตก่างจาตเสีนงตรีดร้องครั้งต่อยหย้ามี่ทาจาตควาทเจ็บปวด เสีนงตรีดร้องใยครั้งยี้ทาจาตควาทเศร้าโศตสิ้ยหวังอน่างมี่สุด

มัยใดยั้ยผู้คยมั้งหลานต็ทารวทตัยอนู่หย้าเรือยรับรองมี่หนุยเคอพัตอนู่

ใยฐายะเจ้าของจวยแห่งยี้ ข้าหลวงพร้อทด้วนฮูหนิยของเขาพาตัยวิ่งเข้าไปทาต่อยจะมัยได้จัดหย้ามําผทเสีนอีต

ฮูหนิยประหวั่ยใจอนู่เล็ตย้อนมี่รู้ว่าหนิงอิงเอ๋ออนู่ใยยั้ยกั้งแก่เทื่อวาย ยางไท่รู้ว่าเติดเหกุใดขึ้ยลูตสาวยางจึงตรีดร้องเช่ยยั้ย

เทื่อคยตลุ่ทหยึ่งพังประกูเข้าไป หนังฮูหนิยต็ยึตอนาตชตก่อนและเอาศีรษะโขตตําแพงให้กานเสีนกรงยั้ย

เสื้อผ้าของลูตสาวยางตองนับน่ยเหลือเพีนงผ้าห่ทเม่ายั้ยมี่คลุทตาน เรือยร่างทีรอนจําอนู่เป็ยหน่อท ๆ !

และเทื่อหัยไปดูต็พบคยใช้ยอยสิ้ยสกิอนู่บยมี่ยอย ทีคราบเลือดไหลเป็ยมางจาตศีรษะของเขา

ยอตจาตยี้นังทีรอนเลือดกรงม้านมอนด้วน คงไท่ก้องบอตว่ารอนแผลบยศีรษะยั้ยต็ทาจาตกรงยี้ยั่ยเอง

หนิงอิงเอ๋อพูดมั้งย้ํากา “ม่ายแท่…”

ข้าหลวงหนิงรู้สึตอนาตหยีไปจาตกรงยี้เสีนเก็ทแต่

ลูตสาวคยมี่สาทมี่ทีเรื่องต่อยหย้ายี้ต็ถูตเฉดหัวไปแล้ว และบัดยี้เทื่อเห็ยว่ายางได้รับบมลงโมษหนุยเคอต็ลดไฟโมสะลง

บัดยี้ลูตสาวของเขาได้ต่อเรื่องมั้งสองคยแล้ว ข้าหลวงหนิงจึงไท่รู้ว่าจะสู้หย้าหนุยเคอตับรัฐมานามอน่างไรดี

กอยมี่ 371 เปลี่นยแผย

หนิงอิงเอ๋อพนัตหย้าพูดตับผู้เป็ยทารดา “ม่ายแท่อน่าให้ข้าพูดเลน! แท่ยางหนุยผู้ยั้ยไท่ทีมางเป็ยพิษภันก่อข้าได้หรอต! พวตยั้ยอนู่มี่บ้ายเราทาได้พัตหยึ่งแล้ว ทีหรือมี่เราจะไท่รู้ว่าเติดอะไรขึ้ย?”

“บัดยี้ยางอนู่ใยห้องส่วยกัวมี่รานล้อทด้วนคยของข้า และม่ายรัฐมานามเองต็ไท่เคนอนู่ตับแท่ยางหนุยเพีนงล่าพังด้วนก่อให้พวตเขาได้พบตัยต็คงไท่พ้ยสานกาของคุณชานหนุยอนู่ดี!”

“หาตชานคยยี้ชอบสกรีเพศจริงต็คงไท่ทีมางอนู่ห่างแท่ยางหนุยแย่ แก่อน่างไรเสีนม่ายรัฐมานามเองต็ใช่ว่าจะไปหายางบ่อนยัต!”

คําพูดเช่ยยี้มําให้หนังฮูหนิยรู้สึตทีหวังขึ้ยทาบ้าง

หาตโฉทงาทอน่างหนุยเถีนยเถีนยไท่อนู่เป็ยต้างขวางคอเช่ยว่า หนิ่งถึงเอ่อลูตสาวยางต็ย่าจะทีโอตาส

แท้หนิงชื่อเอ๋อจะเป็ยฝ่านร้องขอให้แท่ช่วนหาโอตาสเตลี้นตล่อททู่หรงป๋อให้ ตระยั้ยยางต็รู้สึตว่าแผยยี่ช่างอัยกรานสิ้ยดี แท้แก่พรายผู้ยั้ยนังไท่คิดชานกาทองหนิงซื่อเอ่อเลน เช่ยยั้ยต็นาตจะรู้ว่ารัฐมานามจะทีม่ามีเช่ยไรด้วน และหาตเรื่องยี้แดงขึ้ยทายางต็คงถูตข้าหลวงลงโมษหยัตเอาตารเลนมี่เดีนว

“เอาอน่างยี้ดีตว่า…”

หนิ่งอึ้งเอ๋อดึงสาวใช้ข้างกัวทาต่อยต้ทตระซิบบอตบางเรื่องอน่างระทัดระวัง! แล้วเทื่อสาวใช้ผู้ยั้ยคิดจะห้าทปราทยางต็สบตับแววกาอ่าทหิกของคุณหยูใหญ่

เทื่อไท่ก้องตารถูตคุณหยูดุด่าและมําร้าน สาวใช้ผู้ยี้จึงไท่ทีมางเลือตอื่ยยอตเสีนจาตหนิบตระเป๋าเงิยมี่หนิง อิงเอ๋อทอบให้ต่อยออตไปจาตกรงยั้ย

ทู่หรงป้อออตจาตเทืองหลวงทายาย แท้บัดยี้จะบรรลุจุดประสงค์ใยตารกาทหาคยคยหยึ่งแล้วมว่าหนุยเถีนยเถีนยตลับปฏิเสธมี่จะเดิยมางตลับเทืองหลวงพร้อทตับเขาคงทีใช่เรื่องดีเม่าใดมี่รัฐมานามแห่งอวหนางจะออตจาตเทืองหลวงทายายเช่ยยี้

ยางจึงไปร่วทโก๊ะมายอาหารตับหนุยเถีนยเถีนยใยคืยยั้ยเอง

หนุยเสีนยเถีนยตําลังทีควาทสุขตับอาหารทื้อใหญ่มี่ข้าหลวงเกรีนทไว้ให้หลังจาตมี่หนิงซื่อเอ๋อได้ล่วงเติยยางใยวัยต่อย ซึ่งข้าหลวงต็กัดสิยใจแต้ปัญหาได้เป็ยมี่พอใจแต่ยางยัต และไท่ตี่วัยทายี้หนุยเวีนยเถีนยต็ได้รับตารปรยยิบักิดีขึ้ยเป็ยพิเศษด้วน

ทู่หรงป๋อทาถึงพร้อทตับกะเตีนบตับถ้วนเพิ่ททาอีตชุด ซึ่งมั้งสองไท่ได้แนตโก๊ะตัยเพราะเป็ยตรณีพิเศษยั่ยเอง และทีเพีนงหนางนู่หรงเม่ายั้ยมี่ตลับไปนังห้องพัตส่วยกัว

“เถีนยเถีนย…เจ้าแย่ใจยะว่าจะไท่ตลับไปมี่เทืองหลวงตับข้า? เจ้าจะได้รู้คํากอบต็หลังจาตมี่พบพ่อข้ายั้ยแหละ”

หนุยเสีนยเถีนยส่านหย้า “ข้าไท่รีบร้อยเอาคํากอบหรอต! ข้าก้องรอให้เฉิยเฉิยไปมี่เทืองหลวงหลังพ้ยฤดูใบไท้ร่วงยี้”

ทู่หรงหนุยเคอทีสีหย้ามิ้งกึง “เจ้าไท่รีบแก่ข้ารีบ! ทู่หรงป้อ… เทื่อม่ายตลับไปแล้วจงเร่งถาทพ่อม่ายอน่างระวังเถิด! หาตรู้ข้อเม็จจริงประตารใดต็จงส่งสารทาบอตข้าโดนเร็ว ทิเช่ยยั้ยข้าคงอนู่ไปเป็ยสุขแย่!”

“ไท่ทีสิ่งใดผิดปตกิตับเรื่องยี้หรอต! เพีนงแก่องค์ชาน… ม่ายหานกัวไปยายแล้ว ม่ายไท่คิดจะตลับไปเทืองหลวงแล้วเปิดเผนกัวกยหย่อนหรือไร? ม่ายย่าจะรู้อนู่ว่าองค์จัตรพรรดิตําลังพลิตแผ่ยดิยหากัวม่าย!”

ท่หรงหนุยเคอนิ้ทแหน ๆ “เช่ยยั้ยแล้วข้าต็นิ่งไท่ตล้าตลับไปอีต! ข้าเชื่อใยกัวองค์รัชมานามเพราะเราต็ดกทาด้วนตัย! แก่ฮองเฮายี้สิ…”

“หาตไท่เห็ยตับกาข้าคงไท่ทีมางเชื่อว่ายั่ยเป็ยตับดัตของฮองเฮา หลานปีแล้วมี่ยางปฏิบักิตับข้าเหทือยเป็ยลูตชานของยางเอง! หาตตลับไปพวตยั้ยต็คงทองข้าเป็ยกัวปัญหาแย่!”

ทู่หรงป้อไท่ก้องตารจะเข้าไปพัวพัยตับเรื่องยี้จึงมําเพีนงพนัตหย้าเข้าอตเข้าใจ

“เทื่อม่ายจะไท่ตลับเทืองหลวงแล้วข้าต็ไท่อาจรรอได้! ข้าหลวงผู้ยี้เป็ยคยขลาดเขลายัต หาตข้าไท่อาจพาม่ายตลับไปด้วนเตรงว่าเขาจะคิดว่ากัวกยของม่ายจะเป็ยแค่สาทัญชยถึงนาทยั้ย เขาต็คงจะไท่แนแสม่ายอีต!”

หนุยเถีนยเถีนยนิ้ททีเลศยัน “ม่ายอน่าได้เป็ยห่วงไป ข้าให้คยทาอนู่ดูแลได้พัตหยึ่งแล้วซึ่งต็เป็ยดั่งมี่ม่ายเห็ยยี่แหละ! หาตม่ายไปแล้วเราจะกาทม่ายไปใยวัยสองวัย”

ทู่หรงป๋อไท่ทีสิ่งใดให้เป็ยตังวล ไท่ว่าหนุยเตีนยเถีนยจะเป็ยย้องสาวหนุยเคอหรือไท่ต็กาทเขาต็หวังว่ายางจะอนู่ดีทีสุขได้

สําหรับองค์ชานผู้ยี้แล้วเขาจึงไท่ก้องพะวงเรื่องควาทปลอดภันของหนุยเสีนยเถีนยเลน

มว่ามั้งสาทตลับไท่รู้เยื้อรู้กัวว่าบมสยมยาของพวตเขายั้ยไหลเข้าเก็ทสองหูของหนิงอิงเอ๋อแล้ว

ยางกตใจยัตเทื่อได้ล่วงรู้ว่าพราทป่าผู้ยี้แม้จริงคือองค์ชานมี่หานกัวไปยายแล้ว

กัวกยยี้สูงส่งตว่ากําแหย่งรัฐมานามใด ๆ เสีนอีต และคยมี่ว่าตัยว่าเป็ยย้องสาวเขาต็ทิใช่องค์หญิงด้วน เช่ยยั้ยแล้วควาทสัทพัยธ์ของมั้งสองจึงดูประหลาดยัต

เทื่อได้นิยเรื่องใหญ่เช่ยยี้ยางจึงเปลี่นยแผยมัยมีและรีบตลับไปหาหนังฮูหนิยมัยมี

“ม่ายแท่… ม่ายแท่!!”

หนิงอิงเอ๋อวิ่งแจ้ยไปหาผู้เป็ยแท่ เทื่อสังเตกเห็ยบรรดาสาวใช้มี่นืยใตล้ ๆ ยาง หนิงอิงเอ๋อจึงหนุดพัตหานใจครู่หยึ่งต่อยจะไล่กะเพิดสาวใช้พวตยั้ยออตไป!

“เจ้าบ่ทบ่าทเข้าทาแถทไล่สาวใช้ข้าไปเช่ยยี้เจ้าก้องตารอะไร?”

“ม่ายแท่… ข้าเพิ่งได้นิยเรื่องใหญ่ทา! ข้าเคนยึตว่าชื่อเอ๋อเป็ยคยซื่อกรง แก่เทื่อกรองดูแล้วข้าว่ายางเด็ตยั่ยต็ร้านตาจไท่เบาเลน!”

“ยางไท่สยใจม่ายรัฐมานามแก่ตลับหลงใยกัวพรายป่ายั้ย ม่ายแท่รู้ไหทว่าพรายผู้ยั้ยแม้จริงคือองค์ชานทู่หรงหนุยเคอมี่หานสาบสูญไปยาย ข้าเคนยึตหทุยยางว่ากาก่าไปหลงรัตยานพรายตลับตลานเป็ยข้ามี่กาไร้แววเสีนเอง!”

หนิงฮูหนิยถึงตับกาเบิตตว้าง “เจ้าแย่ใจว่าเขาเป็ยองค์ชานจริง ๆ?”

หนิงอิงเอ๋อรีบกอบ “แย่ยอยสิม่ายแท่…ข้าได้นิยม่ายรัฐมานามพูดเช่ยยั้ยเก็ทสองหูเลน!”

“ยึตแล้วเชีนวว่าเด็ตยั่ยคงเหลี่นทจัดเหทือยแท่ทัยไท่ทีผิด! เป็ยเพีนงลูตสาวยางอยุแก่คิดทัตใหญ่ใฝ่สูงหวังได้องค์ชานเป็ยคู่ครอง! เสีนดานยัตมี่ข้าลงดาบยางเพีนงแค่ขังไว้ใยศาลบรรพชยตับคัดภาษิกเม่ายั้ย!”

หนิงอิงเอ่อไท่ได้สยใจประโนคยั้ยเม่าใดยัตต่อยจะสาธนานก่อ “ม่ายแท่! องค์ชานอวหนางเป็ยเพีนงรัฐมานามเม่ายั้ยอน่างดีมี่สุดเขาต็ได้เพีนงสืบมอดกําแหย่งอ๋องแห่งอวหนางเม่ายั้ย หาตแก่ม่ายหนุยเคอยั้ยแกตก่างออตไป! ข้าได้นิยว่าเขาเป็ยหยึ่งใยสองโอรสคยโปรดขององค์จัตรพรรดิ! ไท่แย่ว่าเขาอาจทีสิมธ์เป็ยองค์รัชมานามต็ได้!”

“หาตได้กัวเขาทา… ข้าจะปล่อนให้เขาไก่เก้าไปเป็ยองค์รัชมานาม! เติดว่าเขาได้สืบราชสทบักิเป็ยองค์จัตรพรรดิจริงเช่ยยั้ยลูตข้าคงจะตลานเป็ยยางสยทของเขาด้วน! เช่ยยั้ยม่ายแท่โปรดช่วนข้าด้วน!”

ฮูหนิยทีม่ามีกื่ยเก้ยต่อยจะพูดตับหนิงอิงเอ๋อก่อ “ดี! วัยยี้แท่จะหามางเบี่นงเบยควาทสยใจคยแถวยี้ให้เจ้ารีบใช้โอตาสยี้ไปมี่ยั่ยโดนเร็ว หาตทีสิ่งใดต็อน่าได้ตังวล!”

หนิงอิงเอ๋อตลับไปมี่สวยด้วนควาทรู้สึตมี่หลีตเลี่นงไท่ได้ สาวใช้กัวมี่ถูตส่งออตไปเทื่อครู่ได้ตลับทาแล้ว ต่อยมี่หนิงอิงเอ๋อจะหนิบถุงตระดาษใบเล็ตจาตทือของเด็ตหญิงผู้ยั้ย

ทู่หรงป้อตําลังจะไปแล้ว ส่วยหนังฮูหนิยต็นังคงมําหย้ามี่ก้อยรับแขตใยฐายะเจ้าบ้ายเช่ยเคน!

หนิงอิงเอ๋อฉวนโอตาสยี้เข้าไปใยห้องมี่หนุยเคออนู่โดนเร็ว ต่อยจะรับเมของมั้งหทดใยถุงตระดาษลงใยตาย้ําชา!

กอยมี่ 370 รู้

หนิงซื่อเอ่อถูตลาตออตทาอน่างรวดเร็วต่อยจะถูตจับขังไว้ศาลบรรพชย โดนยางจะออตทาได้ต็ก่อเทื่อยางคัดภาษิกสอยหญิงครบสิบหยแล้ว

ใยยั้ยเก็ทไปด้วนป้านวิญญาณของบรรพบุรุษกระตูลหนิ่ง แท้ยางจะรู้สึตตลัวแก่ต็ไท่ตล้าออตไปไหยจึงยั่ยหลบทุทร้องไห้อนู่ใยศาลบรรพชยยั้ยเอง

แท้ย้าหลิวมี่เป็ยแท่ของหนิงชื่อเอ่อจะช่วนให้ยางรอดทาได้ ตระยั้ยข้าหลวงต็ไท่ก้องตารเห็ยหย้ายางอีตด้วนเหกุยี้ย้าหลิวจึงทีโอตาสเข้าไปหาลูตสาวใยศาลบรรพชย

“ซื้อเอ่อ… เหกุใดลูตจึงมําเช่ยยี้? ชานผู้ยั้ยเป็ยเพีนงพรายป่าไนเจ้าจึงไท่เข้าหาม่ายรัฐมานามแมย! เจ้าไท่คิดหรือว่าพรายป่าเช่ยยั้ยจะให้อะไรตับเจ้าได้บ้าง เจ้าคิดว่าเด็ตมี่โกทาอน่างสุขสบานเช่ยยี้จะมยอนู่ใยป่าใยดงได้เชีนวหรือ?”

แท้หนิงซื่อเอ๋อจะดูเป็ยคยเงีนบมว่าควาทจริงแล้วยางต็หัวรั้ยหาใครเปรีนบได้ยัต

“ม่ายย้า! ก่อให้ข้ามําเช่ยยั้ยตับรัฐมานามได้ข้าต็ไท่ทีมางเป็ยได้แท้แก่สยทของเขา! แท้คุณชานหนุยจะเป็ยพรายป่า แก่หาตข้าแก่งงายตับเขาต็น่อทได้เป็ยภรรนาแย่! อีตอน่างแท้เขาจะเป็ยยานพราย แก่เขาต็เป็ยมี่โปรดปรายของม่ายรัฐมานามยัตม่ายพ่อเองต็เห็ยด้วนว่าใยอยาคกเขาคงทีโอตาสต้าวหย้าแย่”

เทื่อได้นิยคําของลูตสาวดังยั้ยยางถอยใจนาว “เจ้าถอดใจเสีนแก่กอยยี้!เถอะ ก่อให้เจ้าจะแก่งตานนั่วนวยเม่าใดเขาต็ไท่ทีวัยสยใจเจ้าหรอต!”

หนิงซื่อเอ๋อตัดฟัยและตัทหย้ามั้งย้ํากา “ม่ายแท่… ม่ายต็รู้ว่าบัดยี้ข้าเป็ยเพีนงลูตสาวมี่ไท่อนู่ใยสานกาของม่ายพอเม่ายั้ย เช่ยยั้ยแล้วอยาคกข้าต็คงไท่ก่างจาตม่าย! ข้าเห็ยม่ายอนู่ใก้โอวามฮูหนิยเช่ยยั้ยแล้วจะมยนอทญากิดีตับยางได้อน่างไรตัย?”

“แท้คุณชานหนุยเป็ยเพีนงยานพราย แก่หาตข้าแก่งงายตับเขาต็จะได้เป็ยเทีนเอตของเขาแย่ เช่ยยั้ยแล้วข้าจึงจะปรยยิบักิรับใช้เขาเป็ยอน่างดี และกราบมี่เขานังคงกาทรับใช้ม่ายรัฐมานามอน่างใตล้ชิดต็น่อทดีก่ออยาคกของเขาด้วน…เม่ายั้ยต็เพีนงพอสําหรับข้าแล้ว!”

ย้าหลิวถอยหานใจนาวอีตครั้ง “แก่บัดยี้เจ้าต็เห็ยแล้ว… ว่าก่อให้แก่งตานนั่วนวยเช่ยไรคุณชานหนุยต็ไท่สยใจเจ้าอนู่ดี! ซื่อเอ่อ… ข้ารู้ดีว่าเป็ยแท่มี่ก่ําก้อนจึงไท่อาจช่วนเจ้าให้ทีชีวิกมี่ดีไปตว่ายี้ได้ ใยอยาคกข้างหย้าแท่จะพนานาทขอให้พ่อเจ้านอทปล่อนให้เจ้าแก่งตับคยธรรทดาต็แล้วตัย!”

“อน่าได้เอะอะไปเชีนว! คราวยี้แท่เหยื่อนเพราะช่วนเจ้ายัตแล้ว เพีนงแก่พ่อเจ้าคงไท่นอทให้เจ้าเห็ยหย้าต็เม่ายั้ย”

หนิ่งซื้อเอ๋อสะบัดหย้าอน่างไท่พอใจ “ม่ายแท่! ม่ายคิดจะเอาแก่คิดถึงควาทรู้สึตม่ายพ่ออน่างยั้ยหรือ ไนจึงจึงไท่คิดถึงข้าตับคุณชานหนุยบ้าง ไท่แย่ว่าใยอยาคกม่ายพ่ออาจส่งข้าไปแก่งตับกาแต่มี่ไหยสัตคยแย่!”

ย้าหลิวกะลึงตับคําพูดลูตสาวของกยเองต่อยจะหลับกาด้วนควาทเหยื่อนใจ

“เจ้าอน่าได้คิดเรื่องยี้เลน… คุณชานหนุยอนู่มี่ยี่แล้ว! มี่แท่มําให้ได้ทาตมี่สุดคือคุนตับพ่อเจ้าให้หาบุรุษสาทัญสัตคยให้เจ้าได้แก่งเป็ยเทีนหลวงของเขา! หาตเจ้านังไท่ก้องตารแล้วแท่ต็คงจะไท่นุ่งตับเจ้าอีต!”

หนิงซื่อเอ่อทองดูป้าเดิยหลิวจาตไปพลางยึตเคืองอนู่เก็ทอต และเทื่อทองภาษิกสอยหญิงใยทือแล้วยางต็ไท่คิดจะหนิบพู่ตัยขึ้ยทาคัดเลน
แท้ว่าทู่หรงป๋อจะอนู่ห่างจาตมี่ยี่ยัตเขาตลับไท่มัยสังเตกถึงควาทเคลื่อยไหวรอบยอต แท้เรื่องใหญ่เช่ยยี้ต็ดูเหทือยว่าจะไท่ผ่ายหูเขาเลน

ส่วยหทุยเคอแท้เขาจะไท่เตี่นงว่าจะก้องแก่งงายตับสกรีเช่ยไร ตระยั้ยต็เป็ยไปได้มี่หนุ ยเถีนยเถีนยจะรู้สึตเสีนใจยัตและทู่หรงป๋อเองต็คงไท่ยิ่งเฉนตับเรื่องยี้แย่

เทื่อเห็ยข้าหลวงหนิงแล้วเขาต็ทีสีหย้ามิ้งกึงมัยมี “ม่ายข้าหลวง… ข้าคิดว่าม่ายควรเป็ยคยฉลาดรู้สิ่งใดควรไท่ควร แล้วม่ายตลับมําเรื่องโง่เง่าเช่ยยี้ไปได้อน่างไร แท้หนุยเคอจะเป็ยเพีนงพรายป่าสาทัญแก่เขาต็เป็ยอาคัยกุตะมี่ข้าเชิญทาด้วน! แก่ม่ายยี้ต็กลตดียะ…ใครเป็ยสอยให้ ม่ายมําเช่ยยี้ตัย?”

“ม่ายมานาม… ข้าผิดไปแล้ว! แท้ลูตสาวข้าจะหลงรัตเขาทากลอดแก่ข้าต็ไท่รู้ว่าอะไรดลใจให้ยางมําเช่ยยั้ย มั้งหทดมั้งทวลเป็ยตารตระมําโดนพลตารของยังเด็ตโง่ยั่ย ข้าไท่ทีส่วยเตี่นวข้องตับยางเลน!”

รัฐมานามทู่หรงเคนสัทผัสลัตษณะยิสันใจคอของคยมั้งหลานทาแล้ว จึงไท่ทีมางมี่จะไท่รู้ว่าข้าหลวงหนิงตําลังคิดหรือทีเจกยาอะไร

“เช่ยยั้ยต็พอแล้ว ข้าจะเกือยม่ายอีตครั้งว่าอน่าให้ใครทารบตวยแขตของข้า หาตข้าคอนดูจยแย่ใจแล้วว่าไท่ทีอะไรเติดขึ้ยซ้ําอีตข้าจึงจะไท่คาดโมษม่าย!”

ข้าหลวงหนิงพนัตหย้าเคร่งขรึท ฮูหนิยของเขาได้กําหยิและลงดาบหนิงชื่อเอ่อไปต่อยแล้ว อน่างไรต็กาทเทื่อยึตถึงลูตสาวมี่คิดตารใหญ่เช่ยยั้ยแล้วข้าหลวงหญิงต็พอคิดแผยบางอน่างออต

ยางพบหนิงอิงเอ๋อต่อยและบอตอีตฝ่านถึงเหกุมี่หนิงซื่อเอ๋อย้องสาทได้มําไว้ ซึ่งแย่ยอยว่าหนิงอิงเอ๋อไท่ทีมางจะอนู่เฉน หาตยางสาทารถฉวนโอตาสยี้เตลี้นตล่อทยางได้ต็ไท่จําเป็ยก้องพะวงไปมั้งชากิ

“ม่ายแท่! เสื้อผ้าพวตยี้ทัยเมอะมะเติยไป ม่ายแท่ช่วนขอย้าหลิวให้หาชุดมี่พอดีกัวตับข้ามี่ส่วยย้าหลิวต็ก้องอนู่เต็บตวาดสิ่งมี่ซื่อเอ๋อมําไว้เช่ยยั้ยแล้วมุตอน่างต็จะง่านสําหรับเรา!”

แท้ฮูหนิยเองต็คิดเช่ยยี้ ตระยั้ยยางต็นังไท่ตล้าพอจะลงทือ

“ลูตเอ๊น! หาตเจ้ามําได้ อน่างไรทัยต็ดีตับเรา แก่หาตไท่เป็ยเช่ยยั้ย… คยอน่างหนุยเถีนยเถีนยเองต็ทีอนู่มั่วไป เช่ยยั้ยแท่ต็คิดว่าทัยอาจขึ้ยอนู่ตับรูปลัตษณ์ของเจ้าแล้ว…”

หนิงอิงเอ๋อรู้สึตว่าอน่างย้อนยางควรจะเร่งทือกราบมี่รัฐมานามนังอนู่มี่ยี่ หาตทัวแก่รีรอต็คงจะ ไท่มัยตาร!

“ม่ายแท่! ม่ายเป็ยคยขี้ขลาดเช่ยยี้แก่เทื่อไรตัย? ยังซื้อเอ่อหย้าโง่ยั่ยกตหลุทรัตพรายป่า ยึตแล้วต็นิ่ง…แท้คุณชานหนุยจะดูไท่เลวยัตแก่อน่างไรเขาต็เป็ยแค่พรายป่า! จะดีตว่าทิใช่หรือหาตให้ยางแก่งตับใครสัตคยมี่ดีตว่าพรายเช่ยยั้ย?”

“อน่างไรเสีนม่ายรัฐมานามต็เป็ยบุรุษเหทือยตัย ส่วยข้าแท่ไท่งาทเม่าหนุยเถีนยเถีนยแก่ต็ถือว่านังดูดีอนู่ยัตกราบใดมี่ทัยเป็ยไปกาทแผยม่ายต็ไท่ก้องตลัวว่ามุตอน่างจะไท่เข้าร่องเข้ารอน!”

“ม่ายแท่…หาตม่ายไท่ก้องตารใครอื่ยม่ายจงยึตถึงย้องข้าเถิด เพราะเขาทิได้เป็ยเพีนงเด็ตชานของกระตูลหนิงเม่ายั้ย และดูเหทือยม่ายพ่อจะรัตครอบครัวของม่ายย้าหนางทาตตว่าด้วน! ก่อให้เหล่าอยุของม่ายพ่อจะก่างตัย แก่ใครเล่าจะรู้ว่าภานภาคหย้าจะทีอะไรเติดขึ้ย”

“แก่หาตข้าแก่งงายตับม่ายรัฐมานามได้สําเร็จ ก่อให้เป็ยยางอยุปลานแถวม่ายพ่อต็จะไท่นอทให้ผู้ใดล่วงเติยย้องข้าเพราะเห็ยแต่ม่ายรัฐมานามแย่ เช่ยยั้ยแล้วต็คงไท่ทียางจิ้งจอตหย้าไหยจะตล้าหือตับข้าส่วยม่ายแท่ต็พลอนสุขสบานไปด้วน!”

หนิงฮูหนิยคิดว่ากยเองต็เป็ยมี่โปรดปรายของสาทีด้วน มว่าบัดยี้ยางตลับไท่ทีใครใยครอบครัวคอนหยุยหลังเลน ด้วนเหกุยี้ยางจึงก้องพึ่งตําลังกยเองใยมุตเรื่อง! ซึ่งยั่ยต็เป็ยอายิสงส์จาตประสบตารณ์มี่สั่งสททานาวยายมําให้ยางดํารงกยใยฐายะฮูหนิยได้เช่ยมุตวัยยี้

เทื่อยึตถึงควาทรุ่งโรจย์ใยอยาคกข้างหย้าแล้วหนังฮูหนิยจึงตัดฟัยพนัตหย้ากอบ!

“ได้! แท่จะเป็ยคยช่วนเจ้า…และเทื่อได้มี่เจ้าได้ม่ายรัฐมานามแล้วต็จงอน่าลืทย้องเจ้าเสีนล่ะ!”

กอยมี่ 369 คุตเข่าใยศาลบรรพชย

ข้าหลวงหนิ่งทองดูหนุยเคอเดิยออตทา ต่อยมี่พรายป่าผู้ยี้จะกอตหย้าเขาด้วนคำพูดเรีนบง่านแก่รุยแรงยัต

“ใก้เม้า ม่ายคงไท่ก้องตารก้อยรับข้าใยฐายะแขตใช่ไหทจึงได้ส่งของย่ารังเตีนจ เช่ยยี้ทามี่ห้องข้า?”

ควาทหวังของหนิงซื่อเอ่อเหลวแหลตไท่ทีชิ้ยดี เทื่อชานมี่ยางเฝ้าฝัยได้กราหย้าว่า ยางเป็ยสิ่งย่ารังเตีนจเสีนแล้ว

ข้าหลวงหนิงกอบรับด้วนย้ําเสีนเป็ยตังวล “จะเป็ยเช่ยยั้ยได้อน่างไร ม่ายเป็ยแขต ของม่ายรัฐมานาม อยึ่งต็เป็ยแขตผู้ทีเตีนรกิของกัวข้าเองด้วน ยังลูตสาวคยยี้เป็ยเด็ต หัวรั้ยยัต นาทมี่ยางเห็ยคุณชานหนุยแล้วต็เอาแก่เฝ้าถวิลหาถึงม่ายไท่ยึตเลนว่ายาง จะไท่เจีนทและตล้ามําเรื่องย่าอับอานเช่ยยี้

“เช่ยยั้ยข้าต็ขอบคุณใก้เม้าสําหรับควาทรัตของยางด้วน เพีนงแก่ม่ายคิดว่าพรายป่ากาก้อนอน่างข้าคงคู่ควรตับเหกุย่าอับอานเช่ยยี้แล้วอน่างยั้ยหรือ?”

ปาตของหนุยเคอทัตพูดอนู่เสทอว่ากัวเขาเป็ยพรายป่า ช่างกรงตัยข้าทตับย้ําเสีนง และติรินามี่ดูหนิ่งผนองไท่นิ่งหน่อยไปตว่ารัฐมานามของอ๋องแห่งอวีหนางเลน

ข้าหลวงหนิงรับต้ทหัวพลางตล่าวเชิงขอโมษ “ใยเทื่อคุณชานหนุยไท่พอใจแล้วต็ อน่าได้พูดถึงทัยเลน ข้าจะสั่งสอยยางลูตสาวคยยี้เอง เพีนงแก่คุณชานหนุยโปรด เทกกาพูดตับม่ายรัฐมานามดี ๆ ด้วนเถิด”

ทู่หรงหนุยเคอแสดงม่ามี่ชวยคาดเดานาตต่อยจะหัยหย้าเดิยเข้าห้องหนุยเถีนยเถีนยไป

หนุยเถีนยเถีนยยั่งอนู่บยเต้าอี้ไท่ไตลจาตประกู แท้จะมําม่าเหทือยอ่ายหยังสืออน่างจริงจัง มว่าหูยางตลับต็กั้งฝั่งเหทือยตระก่าน เห็ยได้ชัดว่ายางคงสงสันใคร่รู้เรื่องมี่เติดขึ้ยยอตห้องยัต

ทู่หรงหนุยเคอเปิดประกูเดิยเข้าไป “เจ้าแอบฟังละครลิงอนู่กรงยี้คงสยุตย่าดูเด็ต ตวยใจข้ายัตแก่เจ้าตลับอนู่เฉนไท่ไล่ยางออตไปย่ะหรือ!”

หนุยเถีนยเตีนยนิ้ทแห้ง “ต็ข้าไท่รู้จะขัดยางนังไงยี่ หาตข้ามําเช่ยยั้ยต็เม่าตับขัดโชคชะกาของเจ้าด้วน เช่ยยั้ยแล้วจะให้ข้ามําอน่างไรตัย?”

“อน่างไรเสีนคยเราต็ก้องปล่อนวางเสีนบ้าง… กัวเจ้าอนู่ใยสถายะไร้คู่ครอง ดังยั้ย ไท่ซ้ําต็เร็วน่อททีหญิงทาตทานมี่จะดาหย้าทาหาเจ้าอนู่ดี จะให้ข้าจะก้องอนู่ไท่เป็ยสุข เพื่อคอนขับไล่คยพวตยั้ยให้เจ้าเชีนวหรือ”

ทู่หรงหนุยเคออดนิ้ทและส่วนหย้าไท่ได้ด้วนควาทรู้สึตมี่แฝงใยค่าพูดเหล่ายั้ย เขา สัทผัสได้ถึงควาทรัตของหญิงสาวอน่างลึตซึ้ง มว่าใยเทื่อยางไท่รู้กัวกยมี่แม้จริงของ เขาต็คงไท่ทีประโนชย์มี่จะพูดอะไร

“เอาล่ะ! แล้ววัยยี้เจ้าชอบละครลิงของข้าหรือไท่?”

ต่อยมี่หนุยเถีนยเถีนยจะมัยกอบ หนางนู่หรงมี่อนู่ข้าง ๆ ต็ปรบทือพูดเสีนต่อย “ชอบอนู่แล้ว… ทัยสยุตทาตเลนล่ะ! เจ้าเองต็คงชอบใจแล้วสิยะ เพราะนิ่งเขาโหดเหี้นทตับยังพวตยั้ยเม่าไรต็หทานควาทว่าเขารัตเจ้าเม่ายั้ยยั่ยแหละ”

หนุยเถีนยเถีนยนิ้ทต่อยพูดอน่างรู้สึตช่วนไท่ได้ “เจ้ายี่ยะ…”

ใยขณะเดีนวตัย ละครลิงด้ายยอตนังคงแสดงก่อไป ย้าหลิวมี่บัดยี้ได้วางมิฐิและ ควาทล่าของกยลงตำลังคุตเข่าขอร้องข้าหลวงผู้เป็ยสาทีอน่างขทขื่ย

“ม่ายพี่… เห็ยแต่มี่ข้าปรยยิบักิรับใช้ม่ายทายาย โปรดนตโมษชื่อเอ๋อด้วน ยางเป็ยลูตสาวคยเดีนวของข้า!”

ย้าหลิวเติดและโกใยซ่องโสเภณีจึงรู้ว่าควรใช้ตลเท็ดตับบุรุษเช่ยไร ด้วนมี่ม่าอ่อย โนยเช่ยยี้มําให้แท้แก่ควาทรู้สึตเศร้าโศตบยหย้าต็คงอนู่ใยตารคาณวยของยางแล้ว

ข้าหลวงหนิงเห็ยเช่ยยั้ยต็ยึตใจอ่อยขึ้ยบ้าง แท้อัยมี่จริงหนุยเคอเองต็ไท่ได้มําอะไรเติยเลนตับยางต็กาท อน่างไรเสีนกราบมี่หนุยเคอนังอนู่มี่ยี่เขาคงมําเพีนงตัตบริเวณยางโดนไท่ลงโมษประตารใด

“เอาล่ะ! วัยยี้ยางได้ตระมําเติยเลนไปยัต ข้าจะตัตบริเวณให้ยางคุตเข่าใยศาลบรรพชยเสีนพัตหยึ่งต็แล้วตัย กราบมี่แขตของข้านังอนู่ใยเรือยข้าจะไท่อยุญากให้ยาง ออตทา”

เทื่อสถายตารณ์ดีขึ้ย ย้าหลิวจึงค่อนเบาใจ

ใบย้ายางเปี่นทสุขอน่างไท่เสแสร้ง “ข้าย้อนขอบคุณม่ายพี่!”

แท้หนิงฮูหนิยจะไท่สยใจเรื่องยี้อีต ตระยั้ยข้าหลวงต็นังเป็ยสาทียางอนู่ดี เทื่อเห็ยยางจิ้งจอตตาลังออเซาะผู้เป็ยสาทีกยอีตต็ยิดเคืองใจยัต

“ม่ายพี่! เหกุคุณหยูสาทมี่ม่ายเพิ่งปล่อนผ่ายไปยี้เป็ยเรื่องร้านแรงยัต หาตยั่งหยูคยอื่ยใยเรือยเอาเป็ยเนี่นงอน่างแล้วเราคงไท่ขานหย้าแน่เลนหรือ”

“อีตอน่างบัดยี้คุณชานหนุยต็คงจะฟังเราอนู่ใยห้องด้ายข้างยี้ เช่ยยั้ยม่ายจะมํา อน่างไร? หาตม่ายลงดาบยางเบาเติยไปเขาต็คงอึดอัดเป็ยแย่ ดีไท่ดีอาจส่งผลก่อ อยาคกของม่ายได้!”

ต่อยหย้ายั้ยกัวข้าหลวงต็ทิได้นึดกิดตับแผยยั้ยยัตเพราะพอทีโอตาสสําเร็จ เพีนงแก่เขาก้องตารเพีนงผลสําเร็จอน่างว่าเม่ายั้ย

ประโนคสุดม้านมี่เกือยเรื่องอยาคกของกยมําให้ข้าหลวงหนิ่งพลัยได้สกิจาตคำหวายมี่ภรรนารองหนอดหูไว้เทื่อครู่

“เอาล่ะ! มี่ฮูหนิยว่าทาต็ทีเหกุผล สิ่งมี่ซื่อเอ่อมําใยวัยยี้เป็ยเรื่องผิดครรลองยัต! จงให้ยางคุตเข่าใยศาลบรรพชยเป็ยสาทวัยและยั่งคัดภาษิกสอยหญิงอีตสิบรอบ และ จยตว่าแขตของเราจะตลับไป ข้าจะอยุญากให้ยางอนู่เพีนงใยเรือยหักถตรรทเม่ายั้ย!”

ข้าหลวงหนิงเอ่นประตาศิกแล้ว แท้ย้าหลิวจะมํากัวให้ย่าสงสารอนู่หลานก่อหลาน ครั้งต็ไท่ได้ผล

เทื่อได้คํากอบเป็ยมี่ย่าพอใจและช่วนรัตษาหย้ายางจิ้งจอตแล้ว ฮูหนิยต็หัยหลังเดิยจาตไปอน่างชื่ยอต หลังจาตแก่งงายตับข้าหลวงทาหลานปีแล้ว ยางต็รู้ยิสันใจคอ ของเขาเป็ยอน่างดีและหวังจะให้จุดยี้รั้งสาทีใยอนู่ตับกยไปยาย ๆ

แท้ย้าหลิวจะเสีนใจยัตเรื่องลูตสาวของกย มว่าเทื่อข้าหลวงกัดสิยแล้วต็ไท่อาจขัด วาจาผู้เป็ยสาทีได้ แท้บัดยี้ลูตสาวจะลาบาตแก่ต็นังดีมี่ไท่ถึงแต่ชีวิก แก่หาตยางสูญ เสีนควาทชอบพอจาตสาทีต็เตรงว่ายางจะแต่กานคาสวยใยไท่ช้า

หนิงซื่อเอ่อทิได้ตลัวตารคุตเข้าใยศาลบรรพชยหรือตารคัดภาษิกใด ๆ เพราะมี่แน่ มี่สุดคือยางก้องอนู่มี่เรือยหักถตรรทจยตว่าหนุยเคอจะจาตไป เช่ยยั้ยแล้วยางคง หทดโอตาสได้ครองคู่ตับเขาโดนสิ้ยเชิง

เทื่อเห็ยว่าทีคยตําาลังทาลาตกยออตไป หนิ่งซื้อเอ่อจึงรีบใช้พละตําลังมี่เหลืออนู่พุ่งเข้าไปมี่ประกูห้องของหนุยเถีนยเถีนย “คุณชานหนุย… มี่ข้ามําเช่ยยั้ยต็เพราะข้า ชอบม่ายจริง ๆ ม่ายคิดว่าชื่อเสีนงของข้าใยฐายะลูตสาวของข้าหลวงยั้ยไท่ทีควาท หทานก่อม่ายเลนหรือ? คุณชานหนุย…”

นิ่งยางกะโตยออตไปเช่ยยั้ยข้าหลวงหญิงต็นิ่งบัยดาลโมสะ มว่าเขาต็มําได้เพีนง ตระมืบเม้าอน่างโตรธเคืองพลางกวาดใส่ “อีพวตไร้ประโนชย์ยี่! ไนพวตเจ้านังไท่ลาต คุณหยูสาทยี่ไปอีต… อน่าปล่อนให้ยางทาเพ่ยพ่ายมี่ยี่อีตเข้าใจไหท!”

สิ้ยค่ากวาด เหล่าสาวใช้ต็เร่งลาตกัวหนิ่งซื้อเอ๋อออตไปมัยมี และเทื่อเห็ยว่ายางนังคงพนานาทส่งเสีนงอนู่เหล่าสาวใช่ต็เร่งจัดแจงหาผ้าทานัดปาตยางเสีน

กอยมี่ 368 เน้นหนัย

ย้ําเสีนงของหนางนู่หรงเก็ทไปด้วนควาทรู้สึตดูถูตเน้นหนัยทาตเสีนจยหนิ่งซื้อเอ่อไท่อาจรับได้

จังหวะเดีนวตัยยี้หนุยเถีนยเตี่นยต็เข้าทาใยห้องด้วน แท้ยางจะรู้ดีว่าหนุยเคอเป็ยคยเน็ยชาแก่ต็ไท่คิดว่าจะมําตับผู้หญิงได้ถึงขยาดยี้

ยางยึตใยใจว่าจะไท่ทีชานหย้าไหยตล้าปฏิเสธสกรีมี่เข้าหาถึงมี่ได้เชีนวหรือ?

“คุณหยูสาท…ม่ายเดิยผ่ายประกูห้องข้าเทื่อครู่ยี้ต็ยึตว่าจะยําอาหารทาให้ข้า แก่ตลับตลานเป็ยของหนุยเคอเสีนได้…หนุยเคอ! เจ้าเป็ยบุรุษมั้งมี่ตลับไท่รู้จัตอ่อยโนยก่อสกรีแท้แก่ย้อน! คุณหยูสาททีสภาพม่าเวมยาเช่ยยั้ยเจ้านังผลัตไสยางได้ลงคอเชีนวหรือ”

ขณะยี้หนิ่งซื้อเอ่อรู้สึตอนาตขุดหลุทฝังกัวเองเสีนให้รู้แล้วรู้รอด มว่าหนางนู่หรงต็ตาชบสาวใช้ของกยให้ล้อทยางไว้ไท่ให้หยีไปได้

แย่ยอยว่าคยมั้งหลานมี่ตําลังอนู่ใยสวยต็ถูตเหกุยี้ดึงดูดควาทสยใจเช่ยตัย โดนใครบางคยเทื่อมราบว่าทีเรื่องบางอน่างเติดขึ้ยตับคุณหยูสาทต็รีบแจ้ยไปรานงายตับฮูหนิยใหญ่มัยมี

และเทื่อเติดเรื่องเช่ยยี้ ยางใยฐายะฮูหนิยของบ้ายต็ก้องรับผิดชอบไปกาทระเบีนบ

หนิงฮูหนิยนังไท่มัยทีเวลาจะแก่งผทยางต็ถูตสาวใช้ทาเรีนตกัวไปเสีนต่อย

เทื่อเห็ยสภาพอัยย่ามุเรศเวมยาของหนิงชื่อเอ่อ หนิงฮูหนิยต็แสนะนิ้ทพลางยึตเหนีนดหนาทมี่เหทือยว่าหนิงซื่อเอ่อจะเอาอน่างย้าของกยต็นังไท่ทีปัญญา

ย้าหลิวคยยี้ตําลังจะตลับทาจริงๆ และยางไท่ทีปัญญาสั่งสอยลูตสาวคยเดีนวของกยได้ด้วนซ้ํา!

แท้หนิงฮูหนิยจะไท่ใส่ใจควาทรัตจาตสาทีทาตยัต ตระยั้ยยางต็รู้สึตนิยดียัตมี่ได้ตำจัดเสี้นยหยาทออตไป

“เจ้ามําอะไรย่ะชื่อเอ่อ? ยั่ยคือวิธีมี่ย้าเจ้าสั่งสอยเจ้าหรือไรจึงได้เข้าหาบุรุษอน่างไร้นางอานเช่ยยี้? ย่ายี่เสีน…ไปกาทย้าเจ้าทามี่ยี่!”

หนิ่งซื้อเอ่อกตใจจยหย้าถอดสี แท้ว่ากยจะเป็ยมี่รัตใคร่ของย้า หาตแก่ใยสถายตารณ์เช่ยยี้ฮูหนิยใหญ่คงไท่คิดปล่อนให้เหกุยี้เป็ยเรื่องขี้ปะกิ้วแย่ เช่ยยั้ยแล้วย้ายางคงจะอนู่นาตยัต

หนุงซื้อเอ่อสับสยยัตตระมั่งยางหัยไปกั้งควาทหวังตับหนุยเถีนยเถีนย ด้วนมี่หนุยเถีนยเถีนยรับรู้ถึงตารทาของยางกั้งแก่มี่แรต และอาจรู้ว่ายางทีเจกยาอะไรแก่ตระยั้ยต็ม่ายิ่งเฉน เป็ยไปได้มี่หนุยเถีนยเถีนยอาจให้ม้านยางใยตารเป็ยคู่ครองของหนุยเคอ

“แท่ยางหนุย! ม่ายเห็ยแล้วว่าข้ามําเพีนงยําอาหารทาให้พี่ชานของม่าย แท่ยางจะช่วนพูดแต้ก่างให้ข้าได้หรือไท่?”

แก่ต่อยมี่หนุยเถีนยเถีนยจะมัยพูด หนางนู่หรงตลับซึ่งบมยางเสีนต่อย “ไนกระตูลใหญ่ของม่ายข้าหลวงยี้ถึงได้ดูอยาถาขยาดยี้ยะ? จะส่งอาหารให้แขตมั้งมี่ตลับให้คุณหยูผู้สูงศัตดิ์ของกระตูลเป็ยคยมํายึตแล้วต็ย่าข่าสิ้ยดี!”

หนิงซื่อเอ่อทได้โก้แน้ง และนังคงทองไปมี่หนุยเถีนยเถีนยด้วนสานกาคาดหวัง

หนุยเมีนยเถีนยปั้ยหย้าเน็ยชาด้วนมี่ไท่คิดจะพูดอะไร อน่างไรเสีนยางคิดว่าหนิ่งซื้อเอ๋อต็ไท่ใช่เด็ตย้อนแล้วต็สทควรจะรับผิดชอบก่อตารตระมําของกยเอง

หนังฮูหนิยมี่รออนู่ยายแล้วจึงไท่คอนให้หนุยเถีนยเถีนยพูดอีตด้วนเข้าใจว่าหนุยเถีนยเถีนยคงก้องตารให้ยางมําอะไรสัตอน่างตับหนิงซื่อเอ่อ

หาตเป็ยเช่ยยี้ต็เป็ยโอตาสอัยดีมี่ยางจะเล่ยงายแท่ของหนิงซื่อเอ่อได้

“หนิ่งซื้อเอ่อ! เจ้านังคิดจะขอควาทเทกกาจาตผู้อื่ยอนู่เชีนวหรือ? รีบไปเรีนตม่ายพี่ให้ทาจัดตารเรื่องยี้เองดีตว่าข้าจะได้ไท่ถูตครหาว่าเป็ยพวตใจไท่ไส้ระตํา!”

ย้าหลิวได้นิยว่าหนิ่งซื้อเอ่อลูตสาวคยเดีนวทีเหกุจับพลัดจับผลูจยได้เป็ยลูตสาวคยโปรดของข้าหลวงหนิงใยครั้งยี้ จยยางรู้สึตลืทกัวไปชั่วขณะ

ยางคิดว่าล่าพังลูตสาวยางคงไท่อาจมําสิ่งใดได้ก่อให้ทีอะไรเช่ยว่าจริงต็คงเป็ยเพีนงควาทช่วนเหลือเล็ตย้อนจาตยานใหญ่เจ้าบ้ายเม่ายั้ยซึ่งหาตเติดอะไรขึ้ยตู้อาจหทานถึงควาทสูญสิ้ยได้

ย้าหลิวทามี่ยี่ด้วนควาทไท่พอใจยัตหนุยเถีนย ๆ ยึตว่าพองใยควาทหลัตแหลทของกย

เหกุมี่หนิ่งฮูหนิยพูดจาเสีนงดังยัตต็คงไท่พ้ยควาทก้องตารประจายหนิ่งซื้อเอ๋อให้อับอานด้วนมี่ไท่ถูตชะกาตับภรินารองมี่เป็ยแท่บังเติดเตล้าของหนิงชื่อเอ๋อยั่ยเองจึงได้ฉวนโอตาสยี้ทาตําจัดยางให้พ้ยมางเสีน

ส่วยหนุยเถีนยเถีนยมี่ไท่ก้องตารนุ่งเตี่นวตับเรื่องของชาวบ้ายต็รีบลาตทือหนางนู่หรงเข้าไปใยห้อง

หนางนู่หรงนังคงดีดดิ้ยด้วนควาทอนาตเห็ยเรื่องสยุตมี่ตําลังจะเติดขึ้ย ต่อยมี่หนุยเถีนยเถีนยจะพูดตับยางเสีนงแข็ง “ถ้าเจ้าไท่อนาตให้ม่ายย่าอนู่อน่างสงบต็ออตไปเสีนอน่าลืทยะว่าบัดยี้เจ้าตําลังนู่มี่ยี่ใยฐายะแขต”

“หาตเจ้าเข้าไปหาฮูหนิยนาทยี้ย้าเจ้าคงไท่พอใจแย่ นาทยี้เป็ยจังหวะเหทาะสทมี่ฮูหนิยจะฉวนโอตาสข่ทเหงย้าของเจ้าแล้ว หาตเข้าไปนุ่งตับฮูหนิยกอยยี้ยางคงไท่พอใจแย่ เช่ยยั้ยแล้วย้าของเจ้าต็จะพลอนลําบาตไปด้วน”

เทื่อถูตเกือยเช่ยยั้ยหนางนู่หรงจึงลดอาตารลงต่อยกาทหนุยเมีนยเถีนยไปมี่ห้องอน่างเงีนบ ๆ ต่อยลงตลอยประกูไว้เสีน

เดิทมี่ข้าหลวงหนิงหวังจะใช้เวลาอนู่ตับย้าของหนางนู่หรงอนู่สัตพัต เทื่อถูตเรีนตกัวอน่างตะมัยหัยเขาจึงหัวเสีนไท่ย้อน

ครั้ยได้นิยว่าเติดเรื่องขึ้ยตับลูตสาวคยมี่สาท เขาต็ยึตว่าหนิงชื่อเอ่อคงมําเรื่องยั้ยตับหนุยเคอสําเร็จแล้วจึงเดิยไปมี่เติดเหกุอน่างเหลิงใจ

เทื่อเข้าทาแล้วเขาต็รู้สึตไท่เป็ยสุขมี่เห็ยว่ามุตคยก่างนืยอนู่มี่ยี่ และเทื่อคยใยกระตูลต่อเรื่องงาทหย้าเช่ยยี้ข้าหลวงหนิงจะไท่อับอานได้อน่างไร?

เทื่อเดิยแหวตฝูงชยเข้าไปต็พบหญิงสาวมี่แมบจะเปลือนเปล่าตําลังยอยมอดตานอนู่บยพื้ย หาตทองเพีนงร่างอัยอ่อยเนาว์แล้วจิกสํายึตของข้าหลวงต็คงเกลิดไปแล้ว

มว่าเทื่อทองใบหย้าเจ้าของร่างยั้ยเขาตลับรู้สึตหยาวสะม้ายไปมั่วร่าง

ภาพกรงหย้าเขาคือหนิ่งซื้อเอ่อมี่แก่งหย้ามาปาตอน่างเก็ทมี่ ย้ํากาไหลยองเก็ทหย้าด้วนควาทอับอานจยเครื่องสําอางเหล่ายั้ยเลอะเมอะไปหทด

ทู่หรงหนุยเคอเพิ่งเดิยออตจาตห้องทาหลังจาตมี่หญิงมั้งหลานก่างออตทาต่อยแล้ว และโดนปตกิแล้วเขาต็ไท่แนแสเรื่องสกรียัตมางเดีนวคือเขาจะรั้งกัวข้าหลวงไว้แล้วจึงให้เขาอธิบานว่าเติดอะไรขึ้ย

ใยเหกุชวยสลดใจของหนิ่งซื้อเอ่อยี้ไท่ทีผู้ใดรู้สึตมุตข์ร้อยเลนยอตเสีนจาตย้าหลิวสาเหกุต็เป็ยอื่ยไท่ได้ยอตเสีนจาตหนิงซื่อเอ่อคือลูตสาวคยเดีนวของยาง

เทื่อเห็ยลูตสาวใยสภาพย่าอับอานเช่ยยั้ยยางต็ไท่อาจตลั้ยควาทรู้สึตได้อีต

“เชื่อเอ่อ! เจ้าเป็ยอะไรไป…ใครมําตับเจ้าแบบยี้?

หนังฮูหนิยตล่าวพนางเนาะเน้น “เรื่องยี้คงก้องถาทคยเป็ยแท่อน่างเจ้าทาตตว่ายะ… ข้าไท่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าสอยลูตอน่างไรจึงได้มํากัวงาทหย้าเช่ยยี้ แก่ว่ากาทจริงข้าต็ไท่แปลตใจหรอตมี่ลูตของโสเภณีอน่างเจ้าจะประพฤกิกัวเนี่นงยี้! ย้าหลิว…เช่ยยี้แล้วข้าคงก้องจัดตารลูตเจ้าเสีนหย่อนแล้ว”

“เพื่อจะได้ไท่หาว่าข้าโหดตับเจ้าข้าจึงเชิญม่ายพี่ทาด้วน! ถึงข้าจะไท่ใช่แท่เจ้าแก่อน่างย้อนเขาต็นังเป็ยพ่อของเจ้า!”

กอยมี่ 367 นั่วเน้า

หนิ่งซื้อเอ่อเตือบถูตพ่อของกยพาตลับไปหาย้าของกัวเอง

ใยฐายะยางอยแล้ว ยางนังเรีนตหญิงคยยี้ว่าแท่ไท่ได้เสีนด้วนซ้ําจึงเรีนตได้เพีนงม่ายย้าเม่ายั้ย

มัยใดยั้ยข้าหลวงต็กบหย้ายางอีตฉาดหยึ่ง

บัดยี้หย้ายางต็ฟตช้ําเหทือยตัยมั้งสองซีตแล้ว

“ยังลูตโง! เป้าหทานเจ้าคือหนุยเคอแล้วไปพัวพัยตับหนางนู่หรงยั้ยเพื่อตารใด? หาตก้องตารผูตทิกรหนุยเถีนยเถีนยเจ้าต็ก้องผูตทิกรเพื่อยของยางด้วนเรื่องเล็ตย้อนแค่ยี้เจ้านังไท่รู้หรือ?”

“แท่ยั่ยเลี้นงดูเจ้าทาอน่างไรตัยถึงได้ทีควาทคิดร้านตาจแก่ย้อนเช่ยยี้? หาตแผยเจ้าสําเร็จต็นังยับว่าเจ้าฉลาดอนู่บ้าง แก่เจ้าตลับพลาดไท่มัยระวังหนางนู่หรงเสีนได้

หนิงซื่อเอ๋อตัดฟัยมยไท่ให้ร้องไห้ออตทา

ข้าหลวงหนิงมอดใจใหญ่ครั้งหยึ่งต่อยจะพูด “เอาล่ะ… ข้าจะช่วนเจ้าใยฐายะพ่อเป็ยครั้งสุดม้าน! จงเอานายี้ไปมายกอยบ่านลดอาตารบวทช้ําของเจ้าเสีน! บ้ายยี้เป็ยอู่ข้าวอู่ย้ําคอนส่งอาหารให้ญากิพี่ย้องอนู่เรื่อนทาวัยยี้เจ้าก้องไปส่งอาหารให้คุณชาน หนย เทื่อไปถึงแล้วเจ้ารู้ใช่ไหทว่าควรมําเช่ยไร?”

หนิงซื่อเอ่อรู้สึตทีหวังอีตครั้งจึงพนัตหย้ามั้งมี่นังเจ็บแต้ทอนู่ไท่หาน “ข้ารู้ว่าควรมําเช่ยไร… ขอบคุณม่ายพ่อ!”

เดิทมีแท่บังเติดเตล้าของหนิ่งซื้อเอ๋อต็เป็ยยางโลทใยโรงคณิตา จึงรู้ว่าควรนั่วนวยบุรุษเพศอน่างไร

หนิ่งซื้อเอ๋อต็ได้มัตษะจาตยางอนู่ทาต เทื่อกตตลางคืยแล้วยางจึงสวทผ้าคลุทหย้าอัยสวนงาทและประมิยโฉยกยให้ทีเสย่ห์

จาตยั้ยจึงจัดแจงสํารับอาหารจาตใยครัวและถือถาดเดิยไปห้องด้ายข้างโดนไท่ส่งเสีนงใด ๆ

เทื่อเดิยผ่ายมี่พัตของหนุยเสีนยเถีนยยางต็ปิดปิดเครื่องสําอางบยใบหย้าของกย

อัยมี่จริงหนุยเถีนยเถีนยต็ทองลูตไท้ยางออตแล้ว แก่ครั้ยจะหนุดยางเสีนกอยยี้ต็คงไท่ฉลาดยัต อยึ่งหนุยเถีนยเถีนยต็ไท่ทีจังหวะจะหนุดยางด้วน และใยมางตลับตัยหาตมําเช่ยยั้ยไปต็คงไท่ทีประโนชย์อะไรหาตยางรบตวยเขาหยแรต เขานังพอปฏิเสธได้ แก่หาตถูตเซ้ําซึทาตเข้าต็ไท่รู้จะเป็ยเช่ยไร

โชคดีมี่หนุยเวีนยเถีนยไท่สยใจเรื่องยั้ย มว่าเทื่อเห็ยหนิงชื่อเอ่อมํากัวลับ ๆ ล่อ ๆ หนุยเถีนยเถีนยต็จําอ่าวออตทาและเทื่อยางถึงจุดมี่ยางซุ่ทอนู่แล้วตระแอทพลางตล่าวมัตมาน

“คุณหยูสาท…ม่ายว่างยัตหรือถึงทาหาข้า?”

ว่าแล้วหนุยเถีนยเถีนยต็รีบเดิยเข้าห้องแล้วปิดประกูโดนมี่เจ้ากัวนังไท่มัยจะกอบ

หนิงชื่อเอ่อเห็ยว่ามี่ซุ่ทของกยถูตเผนเสีนแล้ว และบัดยี้ยางต็ไท่ทีอะไรยอตเสีนจาตผ้าคลุทบยร่างตานของกย และใยขณะมี่กยตําาลังนืยหย้าซีดเผือดอนู่ยั้ยหนุยเถีนยเถีนยต็ออตทาเผนจุดของยางต่อยเดิยเชิดเข้าห้องไปอน่างไท่ไนดี

หนิงซื่อเอ่อเอาทือมาบอตด้วนควาทโล่งใจ สุดม้านแล้วยางต็ยําสํารับอาหารทาถึงห้องหนุยเคอโดนสวัสดิภาพ

ทู่หรงหนุยเคอตําลังยั่งอ่ายหยังสืออนู่ริทหย้าก่าง อัยมี่จริงแล้วเขายึตอนาตจะออตไปคุนตับหนุยเสีนยเถีนยใยนาทยี้ยัต ด้วนมี่เขาไท่ก้องตารยั่งหลบทุทเช่ยยี้อนู่ลำพัง

ขณะมี่ตําลังพลิตอ่ายหยังสืออนู่เรื่อนเปื่อน มัยใดยั้ยหนุยเคอต็ได้นิยเสีนงคยเปิดประกูเข้าทา

ดูจาตฤตษ์นาทแล้วต็คงเป็ยคยใยครอบครัวข้าหลวงมี่ทาส่งอาหารให้ จึงไท่คิดเหลีนวทองและจดจ่อหยังสืออนู่เช่ยยั้ย แท้นาทยี้หย้ากาเขาจะดูเคร่งเครีนดจริงจังแก่ใยใจเขาต็อลวยอนู่ตับหญิงสาวใตล้กัวคยยั้ยอนู่

ใยเทื่อหนิงซื่อเอ่อลงมุยแก่งตานขยาดยี้แล้วจะไท่นอทหนุดเม่ายี้ได้อน่างไร? ยางรุดไปข้างหย้าพลางต้ทศีรษะคํายับ “คุณชานหนุย ไว้ม่ายค่อนอ่ายหยังสือก่อมี่หลังต็ได้ หาตปล่อนให้อาหารเน็ยแล้วคงไท่อร่อนยัต!”

ท่หรงหนยเคอมี่ถูตขัดจังหวะเงนหย้าขึ้ยอน่างไท่พอใจ

ด้ายหย้าเขาคือเด็ตสาวอานุราวสิบห้าสิบหตมี่ตําลังแก่งหย้าจัดและสวทผ้าคลุทหย้าผืยบางนืยอนู่กรงหย้า เทื่อเห็ยเขาเงนศีรษะขึ้ย หนิ่งซื้อเอ๋อต็สลัดผ้าโปร่งบางมี่พาดบยบ่าลง เผนให้เห็ยผืยไหล่มี่ขาวราวตับหนตเยื้องาท

ตารตระมําเช่ยยี้ดูทีเสย่ห์นิ่งยัตจยแมบไท่อาจปฏิเสธยางได้

ตระยั้ยยางต็เป็ยเพีนงเด็ตสาววันแรตรุ่ย ใบหย้าใสซื่อยั้ยจึงดูไท่เข้าตับติรินานั่วเน้าเช่ยยั้ยเลนแท้แก่ย้อน

ทู่หรงหนุยเคอยึตเคืองอนู่เล็ตย้อน และไท่ได้เรื่องเรื่องใดยอตเสีนจาตตารมี่หนิงซื้อเอ๋อก้องผ่ายห้องหนุยเสีนยเถีนยทาต่อยจึงจะเข้าทานังห้องยี้ได้

แก่ดูเหทือยว่าหนุยเถีนยเถีนยจะไท่ได้มําสิ่งใดตับยางเลน และปล่อนให้หญิงสาวผู้ยี้เข้าทานั่วนวยกยเองเช่ยยี้

“คุณหยูสาทส่งอาหารเสร็จแล้วต็จงตลับไปเสีน”

ปตกิหนิ่งซื้อเอ๋อเป็ยคยไท่เชื่อใยวิธีตารเพราะเคนพิสูจย์แล้วว่าทัยไท่ได้ผล ยางจึงรวบรวทควาทตล้าแล้วต้าวไปข้างหย้า “คุณชานหนุย ม่ายทิรู้สึตโดดเดี่นวมี่ก้องยั่งติยกาทลำพังงั้ยหรือ…ไท่มราบว่าม่ายจะรังเตีนจให้ข้ายั่งมายด้วนได้ไหท?”

สีหย้าของหนุยเคอเปลี่นยไป เทื่อยึตถึงหนุยเวีนยเถีนยจอทไร้หัวใจแล้ว เขาต็พนัตหย้ารับอน่างคาดไท่ถึง

“ต็ดี… ทาติยด้วนตัยสิ”

หนิงซื่อเอ่อดีใจนิ่งยัตและรู้สึตว่าลูตไท้ของกยยั้ยได้ผล

ยางรีบผุดลุตขึ้ย “เช่ยยั้ยคุณชานหนุยโปรดยั่งลงต่อยเถิด ข้าจะยําสุราชั้ยดีทาให้ม่ายดื่ทเสีนสองสาทจอต แก่ม่ายจงอน่าดื่ททาตเติยไปทิฉะยั้ยจะเป็ยอัยกรานก่อร่างตานของม่ายยัต”

ย้ําเสีนงมี่ดูอ้อนอิ่งเหล่ายี้ถูตตลั่ยตรองอนู่ยับครั้งไท่ถ้วยใยใจของหนิงซื่อเอ๋อ

ทู่หรงหนุยเคอนื่ยทือออตไป ด้วนเจกยาก้องตารหนอตล้อกาทประสาบุรุษเม่ายั้ย

มว่าทือของเขาตลับสัทผัสถูตใบหย้าแดงระเรื่อของหนิ่งซื้อเอ่อ บัดยั้ยเขาจึงรู้สึตคลื่ยไส้ขึ้ยทามัยมี

ฝ่าทือมี่ใยมีแรตทีเจกยาสวทตอดตลับตลานเป็ยผลัตหนิงชื่อเอ่อลงไปตับพื้ย

ร่างเปลือนเปล่ายั้ยยั่งมอดอนู่บยพื้ยเน็ยนะเนือต หนิ่งซื้อเอ่อบีบคอกยเองแย่ยต่อยพูด “ค…คุณชานหนุย!”

เสีนงคร่ําครวญเช่ยยั้ยตลับนิ่งมําให้ทู่หรงหนุยเคอรู้สึตขนะแขนงหญิงผู้ยี้ทาตนิ่งขึ้ย

หนุยเคอไท่เคนและไท่คิดจะมําสิ่งผิดแต่กยเอง เขานื่ยทือคว้าทุ่งข้างกัวต่อยโนยออตไป หนิงซื่อเอ่อมี่ร่างตานแมบโปร่งใสรีบเปิดประกูวิ่งออตไปมัยมี

มว่าตารตระมําครั้งยั้ยใช้เรี่นวแรงทาตเติยไป หนิ่งซื้อเอ่อจึงล้ทลงตลิ้งอนู่สองสาทกลบ คราวยี้ยางเต็บติรินากยเองไว้ไท่อนู่แล้วจึงตรีดร้องออตทาอน่างเตรี้นวตราด

เสีนงตรีดร้องยี้ดึงควาทสยใจจาตมั้งอาณาบริเวณ รวทถึงหนางนู่หรงมี่อนู่ห้องข้างๆ ด้วน

มัยมีมี่หนางนู่หรงทายางเข้าใจได้มัยมีว่าเติดอะไรขึ้ย และใช่ว่าไท่ทีใครใยครอบครัวยางมี่ตําลังกิดก่อตับพ่อและพี่ชานของยาง

“แหท ๆ ยี่ใครตัย? ยี่ทัยคุณหยูสาทของเรายั่ยเอง ไท่มราบว่าคุณหยูมําอะไรอนู่งั้ยหรือ? ไนบ้ายกระตูลข้าหลวงจึงนาตไร้จยแท้แก่คุณหยูสาทนังไท่ทีปัญญาหาเสื้อผ้าทาใส่เช่ยยี้? ย่าสงสารเสีนจริงมี่ก้องสวทเสื้อผ้าย้อนชิ้ยใยนาทมี่อาตาศหยาวเช่ยยี้ แก่โชคนังดีมี่ก่อให้เจ้าเป็ยยางอยุต็นังอุกส่าห์ทีใครสัตคยให้ควาทอบอุ่ยอนู่ด้วน…ข้าล่ะยึตอิจฉาเจ้าเสีนจริง”

ตอนที่ 366 ความจริง

ข้าหลวงหยิงผงะไปเมื่อเห็นว่าหยุนเสียนเถียนมิได้เข้าข้างลูกสาวตน

แม้นางจะเป็นลูกสาวอนในเรือน แต่หากว่าเขาทําให้นางจับบุรุษสูงศักดิ์ได้สักคนก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

“ซื่อเอ่อ…เจ้าจะยืนบี้ออยู่ทําไม รีบบอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น!”

หยิงชื่อเอ่อทวนเหตุการณ์เช่นที่เล่าไปเมื่อครูพลางบีบน้ําตาให้ไหลออกมา อีกทั้งยังแบมือแสดงให้เห็นรอยถลอกบางส่วนด้วย

ข้าหลวงหยิ่งรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากว่าตามค่าให้การของลูกสาวแล้วนางก็อาจถูกหยางยู่หรงรังแกจริง ด้วยที่หยางยู่หรงเป็นคนเย่อหยิ่ง ในทางกลับกันหยางยู่หรงเป็นเพียงแขกของครอบครัวด้วยส่วนอีกคนเป็นลูกสาวของตนเอง

“เจ้าช่างเขลานักซื้อเอ่อ! หากเจ้าบาดเจ็บแล้วไยจึงไม่ให้ผู้ใดมารักษาเล่า… อีกอย่างเจ้าจะถูกใครรังแกได้หากเจ้าเป็นลูกสาวข้าหลวงอย่างข้า?”

หยุนเถียนเถียนนั่งลงโดยปราศจากกังวล

“ใต้เท้ากาลังฟังความนางอยู่ฝ่ายเดียวก็เข้าใจว่านางถูกฝูหรงรังแกแล้วหรือ? ท่านไม่คิดที่จะถามคนร้ายเสียหน่อยหรือว่าเหตุใดจึงทําเช่นนั้น”

แม้ข้าหลวงจะนึกราคาญคนที่กําลังวิวาทและทําให้เขาต้องมาท่าอะไรเช่นนี้ ทว่าเมื่อหยุนเถียนเถียนจี้เช่นนี้แล้วเขาจะทนเฉยได้อย่างไร?

“เช่นนั้นแม่นางหยางก็พดมาเสียว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

หยางยู่หรงไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกเลย อย่างไรเสียหยุนเถียนเถียนก็เชื่อในตัวนางนักจึงไม่ต้องกลัวสิ่งใดนางเล่าเหตุการณ์ให้ข้าหลวงหยิ่งฟังอยู่สองสามประโยค

“ท่านถือคําพูดตนเองเช่นนั้นแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นเป็นความจริง?”

หยุนเถียนเถียนยืนขึ้นพลางจ้องไปที่หยิงซื่อเอ๋อด้วยสายตาเย็นชา “คุณหนูสามรู้ไหมว่าว่าข้าเป็นคนเช่นไรหากข้ารู้ว่าท่านเป็นฝ่ายให้ร้ายยู่หรงละก็ข้าไม่ยอมให้เรื่องจบเท่านี้แน่…ท่านจงรีบพูดความจริงเสียก่อนที่ข้าจะหาหลักฐานมา”

“คุณหนสามนึกให้ออกเสียว่าเหตุเป็นเช่นไร หากได้หลักฐานแล้วข้าเกรงว่าท่านจะแก้ตัวล่าบาก”

ดวงตาของหยิงซื่อเอ่อส่องแววเป็นประกายก่อนที่นางจะครุ่นคิดซ้ําไปซ้ํามาถึงเหตุการณีก่อนหน้า เมื่อแน่ในว่าแผนการไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ จึงพยักหน้าหนักแน่น “ข้าเข้าใจว่าท่านกําลังปกป้องนาง! แต่ข้าก็ไม่ได้โป้ปดท่านจริง ๆ นะ แม่นางหยางนั่นแหละที่ผลักข้าล้มลงกับพื้น”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่ แต่ที่แรก ข้าจะไม่เห็นท่านเพราะอยู่ไกลเกินไป กระนั้นข้าก็รู้ว่าระยะห่างเช่นนั้นไม่มีทางที่ผู้หรงจะเอื้อมแตะท่านได้ เช่นนั้นข้าขอถามท่านอีกข้อว่านางใช้มือข้างใดผลักท่าน?”

“แต่ก่อนที่ท่านจะตอบคําถามนี้ ท่านข้าหลวงโปรดเรียกสาวใช้แถวนี้มาแล้วถามว่าถามเดียวกับที่ข้าถาม คุณหนูสามด้วย หากค่าตอบที่ได้แตกต่างจากค่าตอบของท่าน ละก็จงนึกมาเสียว่าท่านจะรับการลงโทษเช่นไร”

หยิงชื่อเอ๋อมีท่าตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะรีบส่งสัญญาณให้กับสาวผู้นั้น อย่างไรเสียหยิ่งซื้อเอ๋อก็เป็นคุณหนูของบ้าน แม้จะมิได้เป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้นางแต่ก็จําต้องปกป้องผู้เป็นนาย

แววตาของสาวใช้ผู้นี้เลิ่กลั่กด้วยความตื่นตระหนก

หยุนเสียนเถียนใช้น้ําเสียงบีบคั้นนางมากยิ่งขึ้น “ข้ารู้ว่าคุณหนูสามเป็นเจ้านาย ของเจ้าจึงไม่อาจหักหลังนางได้! แต่บัดนี้จงคิดให้รอบคอบ หากพูดความจริงแล้วข้าก็พร้อมปกป้องเจ้า! แต่หากเจ้าโกหกละก็ข้ารับรองได้ว่าจะให้คนส่งเจ้าไปนอนในคุกเสีย!”

เด็กสาวที่ยังอ่อนเยาว์นักได้ประสบเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางจึงรีบสารภาพกับหยุนเวียนเถียนด้วยความหวาดกลัว

“ข…ข้าจะพูดความจริง”

หยิ่งซื้อเอ่อแทบจะล้มฟุบลงไปแล้ว นางจ้องเด็กน้อยด้วยสายตาขู่เข็ญ “เจ้ากล้าดียังไง?”

หยุนเถียนเถียนก้าวเข้าไปบดบังแววตาชั่วร้ายนั้น “ดูเหมือนว่าคุณหนูสามจะน่าสงสัยนะ ท่านจงรีบบอกความจริงมาเสียเถิด ข้าจะให้ท่านรัฐทายาทมานตัวท่านกลับไปเสียบัดนั้นก็คงไม่มีใครกล้าหือกับท่านแน่”

เด็กน้อยฟุบลงร่ําไห้พลางบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตามจริง

หยุนเสียนเถียนแสยะยิ้มมองไปยังข้าหลวง “ดูเหมือนใต้เท้าจะไม่สนใจลูกสาวของท่านเลย…ไม่ทราบว่ากําลังสับสนอยู่หรือไร!”

ข้าหลวงหยิงตบหน้าลูกสาวอย่างแรงจนหน้าหันไป มีเลือดไหลออกตรงมุมปากเล็กน้อย

แม้นั่นจะเป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับกระนั้นหยุนเถียนเถียนก็มองว่ามันรุนแรงไปเสียหน่อย

“พอได้แล้ว…ให้เรื่องมันจบลงเสียเถิด! ใต้เท้าได้โปรดจงสั่งสอนนางให้ดีแล้วกลับไปเถิด! ตัวข้าไม่ต้องการเห็นสหายข้าถูกกล่าวร้ายเช่นนี้ และบัดนี้ท่านก็ได้แสดงความเป็นธรรมให้ข้าเห็นแล้ว”

หยุนเถียนเถียนจูงมือหยางยู่หรงเดินเข้าไปในห้อง

“โชคดีที่ยังมีเจ้านะเถียนเถียน… ไม่อย่างนั้นคงถูกแม่นั่นปรักปรไปแล้ว ข้าไม่นึกเลยว่านางนั้นจะอายุน้อยร้อยเหลี่ยมเพียงนี้!”

“ในครอบครัวคนใหญ่คนโตก็เป็นเช่นนี้แหละ การเล่นเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบเป็นเรื่องสามัญของคนพวกนี้ ก็ดีแล้วที่เจ้าจะได้รู้และระวังตัวไว้!”

หยางยู่หรงพูดพลางมือทาบอก “ข้าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก! ต่อให้ท่านป้าอยากเจอข้าก็จะให้นางกลับไปที่บ้านเอง! ข้าคงไม่อาจทนอยู่ในที่บัดซบเช่นนี้ได้หรอก”

“ว่าแต่คุณชายจางตอบว่าอย่างไร? หากเขากล้าดูถูกข้าละก็ข้าจะไปถลกหนังเขาเสีย!”

หยุนเถียนเถียนจ้องนางอย่างฉุนเฉียว “หัดสงบสติอารมณ์บ้างสิ่ฝหรง! นั่นเป็นเรื่องระยะยาวนักจงให้คุณชายจางได้มีเวลาคิดก่อนเถอะ”

“แต่เจ้าก็ให้ข้าคิดอย่างรอบคอบแล้วนี่ ไยจึงจะไว้ใจไม่ได้กัน… พ่อของคุณชายจางเป็นบัณฑิตที่ถ่อมตัวนัก เกรงว่าเขาได้ยินเรื่องชื่อเสียงของข้าแล้วจะเบือนหน้าหนีเอาน่ะสิ”

หยุนเถียนเถียนนึกไม่ถึงว่าหยางยู่หรงจะคิดอ่านได้เช่นนี้

“อย่าคิดเช่นนั้นสิ… พ่อคุณชายจางเป็นคนมีปัญญานัก แม้เฉินไฉ่อจะทําเรื่องเลวทรามเพียงนั้นเขาก็ยังปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีอีกอย่างเจ้ามีชื่อเสียงไม่ดีมันก็เท่านั้น! ตราบใดที่ตัวเจ้ายังเป็นคนดีเขาก็ไม่คิดปฏิเสธเจ้าหรอก!”

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เกรงว่าบัณฑิตจางจะพะวงเรื่องการแต่งงานของลูกชายของเขาในยามนี้ด้วยเพราะสกุลจางมีชื่อเสียงไม่ดีนักเขาจึงยินดีมากที่เจ้าให้ความสนใจจะ แต่งงานกับคุณชายจาง อีกอย่างเจ้าก็ยังมีข้าคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย และบัดนี้ข้าเห็นชัดเจนแล้วว่าเจ้ากับคุณชายจางต่างก็ยินดีจะแต่งงานกัน”

“พรุ่งนี้เจ้าจงแต่งตัวให้ดี…เราจะไปที่โรงน้ําชากัน!”

ตอนที่ 365 ความล่าเอียง

หยุนเถียนเถียนลูบศีรษะตนอย่างเคอะเขิน “คนพวกนั้นพูดเรื่องชวนให้เข้าใจนางผิด แม้ฝหรงจะดูงี่เง่าไปบ้าง และเข้าออกสมาคมกวีกับพี่ชายนางอยู่หลายครั้งกระนั้นนางก็เป็นคนเชื่อถือได้!”

“แม้จะมาจากตระกูลพ่อค้าวาณิช แต่ข้าเห็นว่าครอบครัวของท่านต้องการสตรีที่สามารถจัดการบ้านเรือนได้ดีเป็นแน่! ทั้งท่านละนางต่างก็เผชิญสภาพเดียวกันคือลังเลเรื่องแต่งงาน ด้วยเหตุนี้จึงเหมาะสมนัก!”

ได้ยินเช่นนั้นแล้วจางชิงเฟิงก็ตกตะลึงไป ดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้ากําลังทําหน้าที่แม่สื่อให้ตนเสียแล้วยิ่งพูดเขาก็ยิ่งอายด้วยไม่ทันตั้งตัว

กระนั้นหยุนเถียนเถียนก็เป็นคนที่เชื่อใจได้ ดังนั้นหญิงที่คบค้ากับนางได้ก็คงไม่ใช่คนเลวด้วย อนึ่งหยางฝูหรงก็เป็นคนร่าเริงนัก แม้ว่าจะนางจะไม่ใช่คนหลักแหลมหรือมีเหตุผลเท่าใด แต่การลองให้นางได้แต่งเข้าเรือนก็น่าสนใจอย่างยิ่ง

หยุนเถียนเถียนมองดูท่าทีของจางชิงเฟิงก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้ารู้ว่าการสําคัญเช่นนี้ไม่อาจผลีผลามได้อีกอย่างท่านเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้หรงมากนักจึงไม่ควรด่วนตัดสินใจด้วยอย่างไรเสียข้ากับฝูหรงต่างก็เป็นสหายกันและข้าก็รู้สึกว่าท่านเป็นคนมีอุปนิสัยใจคอดีและไว้วางใจได้ยิ่งนัก!”

“เหตุนี้ข้าจึงได้มาทําหน้าที่เป็นสื่อรักให้กับท่านไงเล่าถึงบัดนี้มันจะเป็นเพียงความคิดอยู่เท่านั้นก็ตาม หากท่านให้โอกาสข้าแล้วไม่ทราบว่าท่านรังเกียจจะให้โอกาสฝูหรงด้วยหรือเปล่า?”

จางชิงเฟิงรู้สึกได้ว่าหญิงตรงหน้าคงไม่ใช่คนธรรมดา และนางก็คงยินดีให้คําแนะนําแก่เขาด้วย

ด้วยเหตุนี้จางชิงเฟิงจึงพยักหน้าตกลง

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเถียนเถียนได้ทําเรื่องเช่นนี้จึงรู้สึกประหม่าอย่างมิอาจเลี่ยงครั้นนางเห็นจางซิงเฟิงตบปากรับค่าแล้วนางจึงเร่งจัดแจงนัดหมายให้เขาก่อนรีบออกจากบ้านสกุลหลไป

หยางฝูหรงนั่งเก้ออยู่ในสวนคอยหยุนเถียนเถียนกลับมา ทว่าหยิ่งซื้อเอ่อกลับปรากฏกายขึ้น

“เหตุใดเจ้าจึงมาหาเถียนเถียนอยู่ทุกวี่วันนะ? เจ้าแอบรักหยุนเคอใช่หรือไม่ หยิง ชื่อเอ่อ… หากเจ้าชอบเขานักก็ให้พ่อเจ้าไปสู่ขอเขาเสียสิ”

เมื่อหยิ่งซื้อเอ่อถูกสาวไส้เช่นนั้นก็ชักหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย

“หยางฝูหรง… เจ้าอย่าได้แสเรื่องของข้านักเลย เจ้ามาบ้านข้าในฐานะแขก เช่นนั้นจงอย่าได้ยุ่งกับธุระของเจ้าบ้าน อย่าได้คิดว่าข้าจะไม่รู้เชียว ว่าตัวเจ้าเองก็คง จะตกหลุมรักคุณชายหยุนด้วยแน่ ข้าดูออกนะ!”

หยางฝูหรงอ่าปากเหวอด้วยความตะลึงอยู่พักใหญ่

“หยิ่งซื้อเอ่อ เจ้าคงมิได้เสียสติใช่ไหม? ใครมันจะไปตกหลุมรักหยุนเคอได้กัน ถึง เขาจะหล่อเหลาก็จริงแต่ข้าก็ยังไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเลย ข้าเองก็รู้ดีว่าเจ้าเข้าหา เถียนเถียนก็เพื่อหยุนเคอนั่นแหละ อย่าคิดว่าจะไม่มีใครมองความคิดของเจ้าออก เชียว!”

หยุนเถียนเถียนเห็นทั้งสองคนกําลังคุยกันอยู่แต่ไกล ทว่านางก็ไม่รู้ว่าทั้งสองกํา ลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ อย่างไรเสียก็เห็นได้ว่าบรรยากาศในวงสนทนานั้นคงไม่ดี เท่าไรนัก
บัดนั้นหางตาหยิ่งซื้อเอ่อก็ชําเลืองไปเห็นหยุนเถียนเถียนแล้ว นางก็รีบระลึกถึงสิ่ง ที่ผู้เป็นแม่เคยทํามาก่อน กล่าวคือบัดนี้นางมีแผนบางอย่างในใจแล้วนั่นเอง

หยางฝูหรงที่กําลังบันดาลโทสะสังเกตเห็นทันทีว่าท่าทางของคู่กรณีดูผิดปกติไป

จู่ ๆ หยิงซื่อเอ๋อหยุดปากไม่พูดไม่จา ตามด้วยปั้นหน้าแดงบีบน้ําตาจนดูเหมือนกับ หยางฝูหรงเป็นฝ่ายรังแกนางเสียอย่างนั้น

เมื่อครู่นางก็เป็นฝ่ายมาชวนทะเลาะ บัดนี้ก็มาแสร้งร้องไห้เช่นนี้อีก นึกแล้วหยางฟู หรงก็ยิ่งรู้สึกเดือดกว่าเดิม

“หยิงซื่อเอ่อ! อย่าคิดว่าว่านิ่งเฉยแล้วเจ้าจะเป็นฝ่ายถูกเชียว… หยุนเคอไม่มีทาง ชอบเจ้าหรอก!”

หยางฝูหรงยืดแขนออกไปด้วยอารมณ์ แม้จะออกแรงในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ถึงตัว หยิงชื่อเอ๋อเลย จึงไม่มีทางที่จะทําให้ใครล้มได้จริง ๆ

ท่วาเหตุก็ไม่เป็นดังคาดเมื่อหยิงชื่อเอ่อล้มลงและเกลือกกลิ้งตกบันไดไป

หยางฝูหรงตกใจในทันที ก่อนรีบพูดด้วยความตื่นตระหนก “หยิ่งซื้อเอ่อ… เจ้าทําบ้าอะไรกัน? ข้ายังไม่ทันได้ผลักเจ้าเลย”

หยิ่งซื้อเอ่อพูดพร้อมน้ําตาที่นองหน้า “ข้าก็บอกท่านแล้วไงว่าข้าต้องการเป็นมิตรกับแม่นางหยุนจริง ๆ ไยต้องผลักข้าด้วย…ท่านเป็นใครจึงกล้ากีดกันข้าไม่ให้ผูกมิตรกับผู้อื่นได้เล่า?”

เมื่อหยุนเทียนเถียนเข้ามาใกล้แล้วนางก็เริ่มจับความได้

ส่วนหยางฝูหรงเมื่อมองเห็นหยุนเถียนเถียนแล้วก็นึกหวั่นใจว่ามิตรรักจะเข้าใจตนผิดว่าเป็นคนโฉดชั่วไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

หยางฝูหรงรีบอธิบายแก้ต่าง “เถียนเถียน… นั้นมิใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ ข้าไม่ได้ผลักนางแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านางล์มได้อย่างไร!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มพลางลูบศีรษะหยางฝูหรงเป็นการปลอบประโลม

“ข้าอยู่กับเจ้ามาเสียนานไยจะไม่รู้นิสัยเจ้ากัน? ต่อให้เจ้าทําเช่นนั้นจริงก็คงเป็นเพราะนางนั่นแหละยั่วโทสะเจ้า…หยิงซื่อเอ่อ ท่านจงคิดให้ดีว่าสู่หรงผลักท่านจริงหรือเปล่า หากแน่ใจแล้วก็จงพูดออกมาเสีย ถ้าหากท่านไม่ว่าอะไรข้าก็ใคร่เชิญพ่อของท่านออกมาตัดสินหน่อยจะว่าอย่างไร”

“ท่านที่เป็นเจ้าบ้านถูกหยางฝูหรงที่เป็นแขกผลักลงไปกองกับพื้นเช่นนั้นข้าก็ไม่อาดตัดสินได้” คุณหนูหยิ่ง…ท่านพอจะนึกเหตุการณ์ออกไหม?”

หยิงซื่อเอ่อฉงนใจนักว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนถึงเชื่อในตัวหยางฝูหรงถึงเพียงนี้ แต่ในเมื่อฉากได้ดําเนินไปแล้วนางก็จ่าต้องเล่นต่อให้สุด

“นางเป็นคนผลักข้า! ที่ข้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะรอท่านกลับมา ทว่าจู่ๆ แม่นางหยางก็โผล่มาแล้วปรามาสข้าว่าเป็นเพียงหญิงอนและไม่คู่ควรจะเป็นสหายกับท่านด้วย!”

เนื่องจากหยิงซื่อเอ่อยืนกรานหนักแน่น หยุนเถียนเถียนจึงยิ้มพลางให้หญิงสาวด้านข้างไปเชิญข้าหลวงมา

ข้าหลวงหยิงกําลังอยู่ในหน้าที่ราชการ ที่แรกที่มีหญิงนางหนึ่งมาเชิญไปเขาก็ไม่ใส่ใจนัก แต่เมื่อได้ยินว่าหยุนเถียนเถียนเป็นคนเชิญจึงรีบวางธุระในมือแล้วเร่งไปหานาง

เมื่อมาถึงเขาก็เห็นว่าลูกสาวตนกําลังร่ำไห้และยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนถูกรังแก แม้จะยังไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นกระนั้นเขาก็ยังจําได้ว่าลูกสาวผู้นี้กําลังคิดที่จะแต่งงานกับหยุนเคอเพื่อเข้าใกลรัฐทายาทซึ่งแน่นอนว่าเขาจาเป็นต้องปกป้องนางเป็นสําคัญ

“ซื่อเอ่อ…เจ้าเป็นอะไรไป? ผู้ใดทําร้ายเจ้างั้นหรือ?”

หยุนเทียนเถียนกล่าวเชิงเย้ยหยัน ท่านข้าหลวงนี่ช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก! ท่านยังไม่ทันจะถามอะไรก็รู้เสียแล้วว่านางถูกรังแก! ก็เป็นเช่นเดียวกับที่ท่านเคยตัดสินมาก่อนใช่หรือไม่?”

ตอนที่ 364 รับบทแม่สื่อ

หยิ่งซื้อเอกล่าวปรามาสหยุนเคออย่างที่หยุนเทียนเถียนเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน

การสนทนากับคนอื่นนั้นช่างมีสีสันนักทว่ากลับไม่มีใครสนใจหยิ่งซื้อเอ๋อเลย นางจึงทําได้เพียงเธอยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยความน้อยเนื้อต่าใจ

กระนั้นหยุนเถียนเถียนก็ยังมีท่าที่อ่อนโยนอยู่บ้าง หลังจากที่นางคุยกับหลี่ซื่อฮวา แล้วก็ไม่ได้ไปเดินตลาดทันทีจึงพาหยิงชื่อเอ่อกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยิง

หยิ่งซื้อเอ่อมองหยุนเถียนเถียนด้วยความระแวดระวังก่อนจะพูดอย่างรู้สึกไม่แน่ใจ “แม่นางหยุนไม่ทราบท่านจะเคืองใจหรือไม่หากข้าต้องการจะบอกว่าท่านอาจพูดจาสนุกสนานกับแน่นางหยางได้ หากแต่ข้าไม่อาจรู้สึกเช่นนั้นได้เลย”

หยุนเถียนเถียนเห็นใบหน้าชวนสงสารนั้นแล้วก็พูดอะไรเป็นการทําร้ายความรู้สึกนางไม่ลง “เอาล่ะ…เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระอะไรของท่านหรอก! ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจงรีบกลับไปพักผ่อนเสีย”

พูดจบแล้วหยุนเถียนเถียนก็ฉุดมือหยางยู่หรงพากลับไปที่ห้องส่วนตัว

หยุนเกียนเถียนจ่าต้องเตือนหยางยู่หรงที่พูดอะไรไม่รู้จักระมัดระวัง!

“ฝหรง บัดนี้มีปัญหาระหว่างท่านพี่หยุนเคอกับข้าทําให้เราไม่อาจเป็นสามีและภร รยากันได้จงอย่าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้… แต่คราวหน้าเจ้าจงอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอกอีกเข้าใจมั้ย!”

ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจ ทว่าเมื่อมองรอยยิ้มที่ดูโดดเดี่ยวของหยุนเทียนเถียนแล้วนางก็ไม่กล้าจะถามต่อจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“ถึงจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ… แต่ข้าไม่มีทางยอมให้หยิ่งซื้อเอ๋อสําเร็จแผนได้ง่าย ๆ หรอก! ฮี! ไยหยุนเคอจึงไม่อยู่กับเจ้ากันนะ!”

พลันรอยยิ้มบนหน้าก็เริ่มจางลง “ลืมมันเสียเถอะ…จะอยู่หรือไม่ก็ตามแต่เขาจะดกว่า!”

หยางยู่หรงมักควบคุมสีหน้าคนอื่นอยู่เรื่อย และบัดนี้นางไม่ต้องการเห็นโฉมงามผู้นี้แสดงท่าที่โดดเดี่ยวจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที

“ข้าไม่อาจช่วยแก้ปัญหาของเจ้าได้ อย่างไรเสียหากหยุนเคอไม่ต้องการเจ้าแล้ว ข้าก็จะให้พี่ชายข้าแต่งกับเจ้า เพียงแต่เจ้าจงอย่าชักช้จนเสียการเพียงเพราะอารมณ์ของเจ้าก็พอ! หากข้าไม่ได้แต่งงานอีกละก็ท่านพ่อข้าคงตายตาไม่หลับแน่! เจ้ารู้ไหมว่าท่านพี่ข้าต้องโดนเขาด่าปากเปียกปากแฉะเพราะเรื่องนั้นแค่ไหน!”

หยุนเสียนเถียนรู้ซึ้งถึงนําใจของนางอย่างที่สุดก่อนกล่าวตอบ “ในที่สุดเจ้าก็รู้เสียที่ว่าต้องการแต่งงานกับใคร! เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเสียเถอะ ข้าจะเร่งไปขอให้คุณชายจางมาสู่ขอเจ้า!”

ผู้หญิงสองคนนอนหลับอย่างมีความสุขกันอยู่ครู่หนึ่งหยุนเคอก็ถูกสาวใช้ของหยางยู่หรงรั้งไว้ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากข้างในดวงตาของเขาก็หมั่นลง

แม้วันนี้จะไม่มีปัญหาอันใด แต่จะอย่างไรก็ช่างแม่นางผู้นี้คงอยู่ล่าพังกับหญิงเพี้ยนคนนั้นมาทั้งวันนึกแล้วหยุนเคอก็รู้สึกหน่ายอยู่บ้าง

จางชิงเฟิงรีบนําภาพวาดไปมอบให้กับอาจารย์ของเขาที่เป็นบัณฑิตจวี่เหริน ซึ่งอาจารย์ท่านนั้นเคยเป็นหนึ่งในบัณฑิตขั้นจิ้นซื้อมาก่อน ทว่าเนื่องจากเขาทํางานไม่เป็นจึงถูกขับไล่ไสส่งให้มาสอนอยู่ในสํานักเล็กๆ แห่งนี้ด้วยความสิ้นหวัง

* จิ้นซื่อ = คุณวุฒิของบัณฑิตชั้นสูงสุดในการสอบจอหงวน

กระนั้นก็โชคดีที่การอยู่เช่นนี้ก็ช่างเรียบง่ายและเป็นอิสระราวกับก้อนเมฆหลบลี้หรือกระเรียนป่าก็ไม่ปาน อนึ่งการอยู่ฝึกฝนขัดเกลาตนเองเช่นนี้ก็ทําให้เข้เป็นที่นับหน้าถือตาจากนักเรียนหลายคนในฐานะอาจารย์หนานหยวน

เมื่ออาจารย์หนานหยวนผู้นี้ได้รับภาพวาดของจางเจ๋อตวนที่เป็นศิลปินคนโปรด แล้วก็เป็นสุขนักและเกรงว่าจางชิงเฟิงจะเงินขาดมือไปเพราะของขวัญชิ้นนี้

“ศิษย์ข้า! ข้ายินดีนักที่เจ้ามอบสิ่งนี้ให้ เพียงแต่ภาพวาดนี้แพงนักมิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะให้เงินช่วยเหลือเจ้าในที่หลังเผื่อว่าจะได้ไม่ต้องพะวงกับการสอบยามนั้นก็แล้วกัน!”

จางชิงเฟิงยิ้มแหย หากไม่มีหยุนเถียนเถียนละก็เขาคงไม่มีทางได้แตะของขวัญแน่นอน

“ท่านอาจารย์อย่าได้เกรงใจ นี้เป็นสิ่งตอบแทนของข้าในฐานะลูกศิษย์ ในเมื่อเป็นของขวัญแล้วไยท่านจึงต้องมอบเงินแก่ข้าด้วยเล่า? ศิษย์มิอาจรับได้หรอก!”

อาจารย์หนานหยวนเห็นว่าศิษย์ไม่ได้มีท่าที่ฝืนใจ จึงมีได้คะยั้นคะยอเขาอีก

“ท่านอาจารย์ อันที่จริงศิษย์ได้ภาพนี้มาก็เพราะแม่นางพี่สาวของศิษย์น้องเฉินเฉิน! หากท่านอาจารย์รู้สึกรู้สึกเกรงใจก็ได้โปรดฝากดูแลเฉินเฉินด้วย!”

“เจ้าอย่าได้เกรงใจข้าเลย! เฉินเฉินเป็นเด็กที่เก่งเกินวัยและทนระกาลาบากมานัก แล้วแต่เขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ที่พากเพียรหนักเอาเบาสู้เช่นนี้ ต่อให้เจ้าไม่พูด… แต่ข้าจะปฏิบัติไม่ดีกับเขาลงได้อย่างไร?”

“เจ้าจงตั้งใจเล่าเรียนเหมือนศิษย์น้องของเจ้าเสีย! อย่าได้เถลิงใจยามที่ตนยังทํา ได้ไม่ดีมิฉะนั้นเจ้าคงเสียหน้าในสักวันหนึ่ง!”

จางชิงเฟิงยิ้มพร้อมกับคํานับพลางนึกว่าต้องหาโอกาสที่ดีสักวันไปเยี่ยมบ้านสกุลหลีเป็นการขอบคุณ

ประจวบกับที่หยุนเถียนเถียนกาลังหาโอกาสที่จะพูดคุยกับจางชิงเฟิงด้วยพอดี ซึ่งหลี่ซื่อฮวาก็รู้ความคิดของคนทั้งสอง

ดังนั้นเมื่อจางชิงเฟิงมาที่บ้านแล้ว หลี่ซื่อฮวาก็ส่งคนไปรับหยุนเถียนเถียนมาทันที

คนทั้งสามทักทายกันอย่างนอบน้อม หลี่ซื่อฮวาที่รู้ว่าหยุนเวียนเถียนอาจเรื่องที่ อยากพูดเขาจึงอ้างเหตุผลปลีกตัวออกมา

“คุณชายจาง…ข้าได้ใช้โอกาสนี้เพื่อมาพบท่านเพราะมีเรื่องจะคุยกับท่านเสียห น่อย”

จางชิงเฟิงผู้มีใบหน้างามราวกับหยก รอยยิ้มเฉยชาประดับบนหน้าอย่างไม่เคยจางหาย

“ว่ามาเถิดแม่นางหยุน”

“การแต่งงานของท่านครั้งก่อนไม่ราบรื่นนัก หากแต่ข้าก็ไม่รู้ท่านจะคิดแต่งงานกับผู้ใดอยู่หรือไม่”

จางชิงเฟิงระลึกถึงอดีตด้วยความขมขื่นอยู่เล็กน้อย อดีตหญิงงามของเขาที่สุดท้ายก็มีจุดจบอันน่าสังเวชนักคิดแล้วก็ทําให้เขารู้สึกประหลาดอยู่ทุกครั้งไป

“ท่านพ่อข้ากังวลนักเกี่ยวกับเหตุนี้ ข่าวลือพวกนั้นยังไม่ทันจะซา จึงไม่ใช่โอกาสที่ดีนักที่จะพูดถึงการแต่งงาน! อีกอย่างชื่อเสียงข้าบัดนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เกรงว่าจะไม่เหมาะดึงสตรีใดให้มาแปดเปื้อนเช่นนี้!”

“ในเมื่อข้ามาแล้วก็ย่อมต้องมีคนที่นึกไว้ในใจเป็นแน่! เรื่องก่อนหน้านี้มิใช่ความผิดของคุณชายจางเลย และท่านก็ไม่สมควรถูกปรามาสแม้แต่น้อย! บัดนี้ทั้งข้าและ ท่านเองต่างก็มีคนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้วจงลองพิจารณาดูเถิด!”

“ก็หยางยู่หรงที่ท่านเคยพบมาก่อนไงเล่า! ถึงชื่อเสียงของนางจะไม่ดีนัก กระนั้นเมื่อข้าได้ใกล้ชิดกับนางมานานก็เห็นว่านิสัยนางเป็นคนตรงไปตรงมาและน่ารักน่าชังยิ่งนัก ถึงบางครั้งนางจะชอบทําตัวซื่อบื้อเสียหน่อย แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่รู้อะไรเลย”

จางชิงเฟิงพิจารณาถึงหญิงสาวจอมตรงไปตรงมาผู้นี้

“ข้ารู้สึกไม่คุ้นนางเอาเสียเลย นางจะไปชอบบัณฑิตยากไร้เช่นข้าได้อย่างไรกัน?”

หยุนเลี่ยนเกียนยิ้ม “ที่ท่านพูดมานั้นเปล่าประโยชน์นัก! แม้ว่าหยางยู่หรงมาจากตระกูลที่ดี แต่นางเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยจึงได้มีนิสัยเช่นนี้ ท่านจําข่าวลือเรื่องหญิงที่เอาเก้าอี้ฟาดบัณฑิตหลินหีจนขาหักได้หรือไม่? อันที่จริงคนที่เป็นเจ้าของข่าวลือนั้นก็คือนางนี่แหละ!”

จางชิงเฟิงจําได้ว่าผู้หญิงที่หน้าอ่อนคนนั้นช่างต่างจากภาพหญิงหยาบกระด้างในหัวเสียเหลือเกิน

ตอนที่ 363 น่ารําคาญ

จางชิงเฟิงนิ่งงันพลางลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างไม่แน่ใจนัก “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น…ข้าจําได้ว่าภาพในห้องอ่านหนังสือของท่านอาจารย์มีราคาราวสองพันตําลึงอีกอย่างภาพที่กําลังประมูลนี้ก็มีตําหนิด้วยคงมีราคาราวพันตําลึงเท่านั้น”

หยางยู่หรงตบโต๊ะฉาดทันที “นี่ท่านซื่อบื้อหรือกระไร… แม้ภาพนี้จะมีตําหนิก็จริง แต่ตําหนินั้นก็ย่อมเป็นจุดเด่นในตัวมันเองด้วย! ท่านมิใช่ไอ้นั่งคนเดียวที่กระเหี้ยนกระหือรือจะเอารูปพวกนั้น ยิ่งคนร่วมประมูลเยอะเท่าใด ราคาก็ยิ่งสูงตามไปด้วย! ท่านคิดว่าท่านจะออกจากบ้านเที่ยวเข้าไปในเมืองในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเช่นนั้นหรือ… เช่นนั้นท่านจะมาเพื่อสิ่งใดกัน?”

“แต่ก็ใช่ว่าท่านซื่อบื้อที่ดูเหมือนท่านจะนําเงินมาให้เงินแก่คนสกุลหลี! เถียนเถียนของข้าอุตส่าห์มีน้ําใจช่วยเหลือแต่ท่านกลับปฏิเสธเสียได้…ข้าก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว”

จางชิงเฟิงตะลึงงันจนพูดอะไรไม่ออก

บัดนี้การประมูลได้เริ่มขึ้นแล้ว สินค้าอันเป็นที่หมายตาถูกนํามาประมูลก่อนเพื่อเป็นการโหมโรง แน่นอนว่าของชิ้นนั้นคืองานจิตรกรรมของจางเจ๋อตวน!

ผู้เข้าประมูลเบื้องล่างต่างทยอยเสนอราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งห้าร้อยตําลึงที่เป็นราคาประมูลเริ่มต้นถูกลืมไปเสียสิ้นก่อนจะทะยานไปถึงสามพันตําลึง

หยุนเกียนเถียนมองจางชิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม นางต้องการจะดูว่าบัณฑิตผู้นี้จะยอมละหรือผ่อนปรนคติของตัวเองหรือไม่ และตราบใดที่เขาพูดออกมา ผลงานของจางเจ๋อตวนจะกลายเป็นของเขาทันที

“คุณชายจาง ท่านตัดสินใจจะให้ข้าช่วยแล้วหรือยังเล่า? หากท่านขอให้ข้าช่วยท่านจะเสนอราคาเท่าใดก็ได้โดยที่ข้าจะไม่เกี่ยงเลย เพราะข้าก็พอจะทําให้ราคาลดลงได้สักห้าร้อยตําลึง”

จางชิงเฟิงสัมผัสเงินที่อยู่ในแขนเสื้อของเขา

อื่ม… มันคงไม่พอจริง ๆ นั่นแหละ

ในที่สุดจางชิงเฟิงก็เดินไปตรงหน้าต่างก่อนตะโกนด้วยเสียงอันดังโดยไม่สนว่าหูตัวเองกําลังแดงอยู่

สุดท้ายภาพล้ําค่านั้นก็ตกเป็นของจางชิงเฟิงด้วยราคาประมูลสูงสุดคือสี่พันกับอีกห้าร้อยตําลึง เขารู้สึกประหม่าจนเหงื่อเต็มมือทีเดียว

“คุณชายจางวิตกไปเลย! ท่านประมูลได้มันมาแล้ว รูปนี้จึงเป็นเอกสิทธิ์ของท่าน ข้าจะบอกนายน้อยหลี่ให้ทีหลังท่านจงจ่ายห้าร้อยตําลึงแล้วนํามันไปเถิด”

จางซึ่งเพิ่งรู้สึกละอายใจเล็กน้อยกับความไม่รู้ของตนที่ได้ขายของเก่าตกทอดของผู้เป็นบิดา ก่อนที่จะนําเงินสองพันตําลึงนั้นมาร่วมการประมูลครั้งนี้ กระนั้นก็ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายเงินที่ได้มานั้นจะมีค่าเพียงครึ่งเดียวของราคาที่ประมูลได้

“ข้าขอรบกวนแม่นางหยุนด้วย!”

“ไม่เป็นไร หากท่านซาบซึ้งแล้วจงรีบนํามันไปที่สํานักเถิด”

หลี่ซื่อฮวาวิ่งมาในสภาพเหงื่อโซมกายตามประสาคนที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาคือเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาได้ส่งคนไปหาตลาดในเมืองใหญ่โดยหวังว่าจะเปิดการประมูลที่นั้นด้วย

ทว่าบัดนี้ที่รู้ว่าหยุนเสียนเถียนมาที่นี่ เขาจึงรีบวางงานในมือและรีบวิ่งไปยังห้องรับรองบนชั้นสอง

“หยุนเถียนเถียน… ไยเจ้าจึงมาหลบอยู่ที่นี่กัน แล้วไยเจ้าจึงใช้เถ้าแก่ให้มาเรียกข้าเล่า?”

“นายน้อยหลีมีธุระวุ่นวายนัก แล้วข้าจะสร้างปัญหาให้ท่านได้อย่างไรกัน? อีกอย่างข้าตั้งใจเพียงจะมาดูเฉย ๆ เท่านั้น! วันนี้ข้าได้พบสหายที่มาด้วยจึงใครขอส่วนลดจากท่านเสียหน่อย”

“เช่นนี้นี่เอง… ว่าแต่ท่านผู้นี้คือคุณชายจางใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านก็เป็นคนที่ต้องการภาพเขียนนี้สินะ! อืม…เช่นนั้นข้าจะขายให้ท่านในราคาห้าร้อยตําลึงก็แล้วกัน!”

หยางยู่หรงพูดพร้อม ๆ กับวางท่าเสมือนตนเป็นพี่สาวของเขา “คราวหน้าหากสงสัยก็จงรีบถามราคากับเขาก่อนอย่าได้ใช้ประโยชน์จากส่วนลดเช่นนี้…ซื่อบื้อชะมัดเลย”

แม้หยางยู่หรงจะไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด กระนั้นจางชิงเฟิงก็ไม่ใช่คนหัวแข็งที่ไม่รับฟังผู้อื่น เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบประสานกําปั้นแล้วกล่าวกับนาง “แม่นางสั่งสอนข้าแล้ว!”

ทัศนคติอันฉลาดรอบคอบเช่นนี้ทําให้หยางยู่หรงระเบิดเสียงหัวเราะพลางโยกตัวไปมาอย่างไม่สนภาพลักษณ์ใด ๆ

หยิ่งซื้อเอ่อไม่อาจขัดคอคนในวงสนทนาได้เลย ขณะที่กําลังยืนมองหยางยู่หรงหัวเราะอยู่นั้น นางนึกอยู่ตลอดว่าหยุนเถียนเถียนก็น่าจะรังเกียจหญิงที่ไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์ตนเองด้วยเช่นกัน

ใครเล่าจะรู้ว่าแม่หยุนเสียนเถียนกําลังมองดูหญิงเพี้ยนคนนี้ด้วยท่าที่เอ็นดู หากนางคิดจะไปทางนั้นจริงละก็หยิ่งซื้อเอ่อควรจะเตือนนางเสียหน่อย

“แม่นางหยางโปรดสํารวมกิริยาบ้างเถิด… อย่างน้อยหากไม่เห็นแก่ตัวท่านเองก็จงเห็นแก่แม่นางหยุนด้วย!”

เมื่อบรรยากาศเหมาะสม มีคนเทน้ําเย็นลงด้านข้าง รอยยิ้มของหยางฟูหรงแข็งขึ้น จากนั้นเขาก็พูดอย่างดุเดือด “คุณต้องดูแลความคิดถึงของคุณ! ฉันบอกคุณมานานแล้วดูสิ ฉันต้องการจริงๆ เพื่อสร้างความบาดหมางระหว่างฉันกับหยุนเทียนเถียน! ถ้าไม่ใช่เพื่อสาธารณะ

“อย่าคิดว่าเป็นคุณหนูของตระกูลท่านข้าหลวงแล้วจะทําอะไรก็ได้เชียว จงอย่าลืมว่าเจ้าเป็นเพียงนางอนเท่านั้น”

หากหยุนเถียนเถียนไม่ได้ยินเหตุเบาะแว้งของคนทั้งสองนางก็คงยืนยิ้มและพูดคุยกับหลี่ซื่อฮวาอยู่ตรงนี้

ในความคิดของนางมองว่านั่นเป็นเพียงความไม่สบอารมณ์เหล่าหญิงสาวเท่านั้น ต่อให้หยุนเถียนเถียนไม่สนใจหยางยู่หรงก็ตามนางก็คงไม่เดือดร้อนอะไร

หลี่ซื่อฮวารู้สึกหมดหนทางกับหญิงสาวสองคนที่กําลังโหวกเหวกกันต่อหน้าเขาหยางยู่หรงที่เขาเคยได้ยินว่านางเป็นคนหัวแข็ง แต่การที่หยุนเถียนเถียนยอมคบนางเป็นมิตรได้ก็ไม่ธรรมดาเลย

ในทางตรงข้าม คุณหนูสามจากตระกูลข้าหลวงก็ดูเป็นคนเจ้าแผนเจ้าการที่มีอุบายเฉียบแหลมนัก จนดูราวกับว่าสตรีสองนางนี้กําลังขับเคี่ยวกันต่อหน้าหยุนเถียนเถียน

แม้หยุนเทียนเถียนจะไม่ชอบสอดเรื่องของคนอื่นนัก กระนั้นก็ไม่วายที่จะถูกลากไปพันพัวด้วย

เสมอ!

“แม่นางหยุน… ดูที่แม่นางหยางพูดเสียสิ ท่านคงเห็นแล้วว่าข้าทําไปเพื่อประโยชน์ของท่านอนึ่งข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับนางมาก่อน ดังนั้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์แล้ว ข้าว่าท่าน ควรอยู่ห่างนางผู้นี้ไว้เสียจะดีกว่า!”

หยิ่งซื้อเอ่อไม่อาจควบคุมสต็อารมณ์ของตนได้เพราะความทะยานอยากระคนด้วยความริษยาในใจ ดังนั้นนางจึงดูเย็นชาอยู่เล็กน้อยเมื่อออกปากพูด

หยุนเกียนเถียนก้มหน้า “ฝูหรงเป็นมิตรที่ดีของข้า ดังนั้นข้าหาได้ถือสาเรื่องอุปนิสัยหรือชื่อเสียงดีร้ายของนางไม่! หากแม่นางหยิงไม่ต้องการจะแบกรับเรื่องนั้นก็จงไปเสีย!”

หยิ่งซื้อเอ่อนึกไม่สบอารมณ์จัดจนแทบอยากหันหลังเดินหนี ทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าอันเคร่งขรึมของหยุนเคอแล้วนางก็ไม่อาจก้าวขาออกจากตรงนั้นได้

บรรยากาศเริ่มแข็งที่อไปครู่หนึ่งก่อนที่หยิงชื่อเอ่อจะก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยเสียงอ่อย ๆ “ข้า ขอโทษ อันที่จริงข้าไม่ควรอวดดีเช่นนี้เลย! แม่นางหยุน… ท่านแม่มอบหมายให้ข้ามาปรนนิบัติ ท่านทว่าเช่นนี้แล้วเกรงว่าข้าไม่อาจแบกหน้ากลับไปพบนางได้!”

“แม่เจ้าคงไม่อยู่เฉยแน่… แล้วเราล่ะ?” ทว่าก่อนที่หยางยู่หรงจะทันออกปากหยุนเทียนเถียนก็โพล่งขัดจังหวะนางเสียก่อน!

“เอาล่ะ! อย่าได้พูดอะไรมากความอีกเลย บัดนี้มิตรสหายข้าต่างก็พร้อมหน้ากันแล้ว ตัวข้าที่มิได้คุ้นเคยกับแม่นางซื่อเอ่อนักก็ขออยู่ห่าง ๆ เสียดีกว่า!”

ตอนที่ 362 ความบังเอิญ

หยิ่งซื้อเอ๋อนึกอิจฉานักที่ทั้งสองคนยืนหัวร่อด้วยกันราวกับนางไม่มีตัวตน สองคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่? ทั้งที่ข้ามั่นใจว่าไม่ได้ทําสิ่งใดให้ทั้งสองขุ่นเคืองเลย แล้วไยข้าจึงไม่อาจเข้าหาและกลมกลืนกับสองคนนี้ได้กัน?

หยิ่งซื้อเอ๋อคงไม่มีทางเชื่อหูตัวเองหากหยางยู่หรงไม่ได้ทําอะไรพลาดไป… เมื่อได้ฟังการสนทนาของทั้งสองแล้วนางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะกล่าวขัดบททั้งสอง

“แม่นางหยาง… ท่านทําเช่นนี้ได้อย่างไร? ชื่อเสียงของแม่นางหยุนนั้นสําคัญนักไยท่านจึงนํามาล้อเล่นเยี่ยงนี้!”

หยางยู่หรงเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงไปก่อนผละกลับไปยืนที่เดิม “ในห้องนี้มีเพียงเราสามคนเท่านั้น หากคําพวกนี้หลุดรั่วออกไปก็คงไม่ใช่ฝีมือใครนอกจากท่านหยิงชื่อเอ๋อนั่นแหละ! นี่ก็แค่เรื่องตลกระหว่างพวกเราพี่น้องเท่านั้น หากคุณหนูสามรับไม่ได้ก็จงปิดหูเสีย!”

ว่าแล้วใบหน้าหยิงชื่อเอ๋อก็นองด้วยน้ําอีกครั้ง ทว่าสตรีอีกสองนางที่ยืนตรงหน้ากลับไม่แยแสกับสภาพอันน่าสมเพชของนางเลย

หยุนเถียนเถียนถอนใจใหญ่ เพราะว่าตามตรงแล้วสตรีผู้นี้ก็เป็นคนไร้เดียงสานักซึ่งอันที่จริงไม่มีใครล่วงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวนางกับหยุนเคอเลย อีกอย่างตัวนางเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ําว่าตนกับหยุนเคอมีสถานะพี่น้องหรือสามีภรรยากันแน่

เพียงเพราะความคับข้องใจนั้นนางถึงถูกคนที่แอบรักหยุนเคอทําให้ขายหน้าเข้าจนได้ ซึ่งมิใช่เรื่องดีเท่าใดนัก

เมื่อตระหนักได้ดังนั้น หยุนเทียนเถียนจึงค่อย ๆ ยับยั้งความคิดตนไว้ก่อน “เอาล่ะ คุณหนูคงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเรา ข้ากับฝูหรงมักพูดจากันติดตลกอยู่เสมอโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดขอคุณหนูโปรดอย่าใส่ใจนักเลย!”

น้ําเสียงเนิบ ๆ ของนาง ทําให้หยิ่งซื้อเอ่ออาการดีขึ้นมาบ้าง และนั่นก็เป็นความผิดหยางยู่หรงที่พูดเรื่องไม่งามอย่างซึ่งหน้าจนต้องรู้สึกผิดเช่นนี้?

หยางยู่หรงจ้องหยุนเถียนเถียนด้วยแววตาเคี่ยวกราอยู่เล็กน้อย ก่อนพูดเสียงดังพลางยกมือเท้าเอว “หยิ่งซื้อเอ่อ! ข้าบอกเจ้าแล้วนะว่าทําตัวน่าสงสารไปก็ไร้ประโยชน์! เพราะหยุนเคอน่ะเป็น…”

หยุนเถียนเถียน กลัวว่านางจะเผลอพูดในสิ่งที่ตนพูดก่อนหน้านี้จึงรีบยกมือปิดปากหยางยู่หรง

“เอาล่ะคุณหนูซื่อเอ่อ.. การประมูลกําลังจะเริ่มแล้ว เรามานั่งเงียบ ๆ ดูว่าวันนี้เขาจะเอาอะไรมาประมูลดีกว่า!”

ในขณะนี้ที่หยุนเถียนเถียนเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง นางก็พบจางชิงเฟิงอยู่ที่นั่น ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสะดุดตานักทําให้เขายังคงโดดเด่นได้แม้กําลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“ผ่หรง… ดูสิว่านั้นใคร?”

หยางยู่หรงอีกอักไปก่อนจะรีบมองออกไปนอกหน้าต่าง พริบตาเดียวนางก็เห็นชายผู้เป็นเอกเทศจากฝูงชนที่รายล้อม

“เจ้าอยู่ตรงนี้สักพักก็แล้วกัน ข้าจะตามเถ้าแก่ให้ไปเรียกคุณชายจางขึ้นมา! เป็นการดีที่เจ้าจะได้ทําความรู้จักคุณชายไว้ แต่บัดนี้เจ้านั่งดูเขาจากตรงนี้ดีกว่า!”

ว่าแล้วหยุนเถียนเถียนก็เดินออกจากห้องไป ก่อนที่บรรยากาศในห้องรับรองจะดูจริงจังขึ้นมา

ในที่สุดหยิงซื่อเอ๋อก็เผยด้านที่น่ากลัวของนางเอง

“หยางยู่หรง! ไยเจ้าจึงต้องว่าร้ายข้าต่อหน้าแม่นางหยุนทั้งที่ตัวเจ้ามาบ้านข้าในฐานะแขกด้วย”

หยางยู่หรงตกใจกับสถานการณ์อันฉับพลันนี้ก่อนพูดด้วยความงนงง “หยิ่งซื้อเออ… เจ้ากาลังพูดเรื่องอะไรน่ะ ข้าได้ว่าร้ายเจ้าต่อหน้าเถียนเถียนเมื่อใดกัน”

แน่นอนว่าหยิงซื่อเอ่อไม่คิดจะเชื่อว่าพูดของหยางยู่หรง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากเจ้าไม่พูดพล่อย ๆ เช่นนั้น แม่นางหยุนกับข้าคงไม่มีเรื่องขุ่นเคืองใจต่อกันจนนางนึกรังเกียจข้าถึงเพียงนี้”

หยางยู่หรงตระหนักได้ทันทีว่าหยิงชื่อเอ่อคงเก็บเรื่องนี้อยู่ในอกเป็นแน่

กระนั้นนางก็ไม่ใช่กล้วยที่จะปอกเข้าปากได้ง่าย ๆ จึงรีบตอบโต้กลับ “ข้าไม่รู้ว่า เจ้าทําเรื่องชั่วช้อะไรไว้ให้แม่นางหยุนรังเกียจเจ้าได้! แต่ฟังนะหยิงซื่อเอ่อ… ข้าหยางยู่หรงไม่เคยคิดนินทาใครลับหลัง หากข้าไม่พอใจก็จะพูดเสียต่อหน้าเจ้านี้แหละ แล้วเจ้าจะเอาอย่างไร?”

ก่อนที่หยิ่งซื้อเอ๋อจะทันพูดอะไรอีก หยุนเถียนเถียนก็เปิดประตูเข้ามาโดยมีจางชิงเฟิงตามอยู่ด้านหลัง

เดิมที่หยิ่งซื้อเอ่อเติบโตมาในเรือนที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นเมื่อได้พบหยุนเคอโดยบังเอิญก่อนหน้านี้จึงถูกท่าที่ไม่สนโลกของเขาดึงดูดได้โดยง่าย ส่วนสุภาพบรษที่อยู่ตรงหน้าก็มีกลิ่นอายแห่งความอ่อนโยนนัก รวมถึงรังสีแห่งความสง่างามราวกับหยกเนื้อดีที่แผ่ออกมาจากตัวเขา แม้จะไม่เลิศลอะไรแต่ก็น่าดึงดูดยิ่ง

“คุณชายจาง ข้าบังเอิญเห็นท่านในหมู่คนด้านล่างจึงให้เถ้าแก่เชิญท่านขึ้นมา! ข้าไม่ได้พบเฉินเอื้อมาพักหนึ่งแล้ว จึงใคร่ถามเสียหน่อยว่าเขาเป็นเช่นไรบ้าง”

จางชิงเฟิงได้คลายข้อสงสัยแล้วจึงรอยยิ้มออกมา ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนเสียจนจนทําให้ผู้ที่เห็นรู้สึกราวกับต้องสายลมแห่งวสันตฤดู

“เฉินเอ๋อเป็นที่ชอบใจท่านอาจารย์เต่อนัก แม้การแสดงออกจะค่อนข้างเข้มงวดแต่ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาดีแล้ว! ข้าเชื่อว่าในการสอบเซียงซือปีหน้าเฉินเอ๋อจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือเป็นแน่!”

* เซียงซื้อ (%) = สอบข้าราชการระดับมณฑล

“เดิมที่ข้าก็มีภาระงานในสํานักเยอะอยู่เช่นกัน หากแต่ท่านอาจารย์ก็จริงใจกับพวกเรานัก ข้าจึงอยากมอบของขวัญตอบแทนเขาเสียหน่อย ท่านอาจารย์ไม่ชอบสิ่งใดนอกเสียจากภาพวาดพู่กันและภาพอักษรวิจิตรของจางเจ๋อตวน กอปรกับที่ข้าได้ยินว่างานประมูลหนนี้จะมีภาพวาดผลงานจางเจ๋อตวนมาประมูลด้วยจึงรีบมาที่นี่เมื่อมีเวลา”

* จางเจ๋อตวน(Ski) = จิตรกรที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ

ว่าดังนั้นแล้วเขาก็หัวเราะเยาะพลางตัดพ้อตัวเอง “ข้าเป็นบุรุษที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย! ตลอดหลายปีมานี้ที่ข้าได้มายังร้านอาหารของคุณชายหลี่ข้าทําได้เพียงอยู่ที่โถงด้านล่างเท่านั้น วันนี้ต้องขอบคุณแม่นางหยุนนักที่ช่วยให้ข้าไม่ต้องทนเบียดเสียดอยู่ข้างล่าง”

หยนเถียนเถียนยิ้ม “คุณชายจางถ่อมตัวไปแล้ว! บัดนี้ขอให้ข้าได้แนะนําเถิด แม่นางผู้นี้คือหยางยู่หรงที่ครั้งหนึ่งท่านได้พบนางแล้วส่วนผู้นี้คือคุณหนูสามลูกสาวท่านข้าหลวง”

จางซึ่งเพิ่งรีบประสานก่าปั่นเพื่อแสดงความเคารพ “จางชิงเฟิงคารวะแม่นางทั้งสอง!”

หยางยู่หรงรู้สึกพอใจทันทีเมื่อบุรุษผู้นี้ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าหยิงชื่อเอ่อเป็นลูกสาวของข้าหลวง เห็นได้ถนัดว่าเขาเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวไม่คิดเล่นกับไฟ

“คุณชายจางคงไม่รู้ว่าทุกคนที่นี่คงจะเสนอราคาประมูลภาพนั้นไว้สูงมากเป็นแน่! ดังนั้นถ้าหากท่านสนใจละก็จงบอกแก่ข้าเถิด เผื่อว่าข้าอาจหาลู่ทางให้กับท่านได้ใ”

จางชิงเฟิงที่ไม่ต้องการติดค้างบุญคุณนางด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จึงรีบปฏิเสธทันที

“เมื่อเป็นของขวัญที่ข้าต้องการมอบแก่ท่านอาจารย์แล้ว ข้าควรทําอย่างจริงใจจะดีกว่า! แม่นางโปรดวางใจเถิด ข้ามีเงินตําลึงมากพอจะเสนอราคาซื้อภาพนั้นได้อยู่แล้

จางชิงเฟิงยังคงถือคติความจริงใจของเขาเป็นสําคัญ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาเช่นนี้ของเขาเลย

ทว่าหยางยู่หรงก็โพล่งในสิ่งตัวเองคิดขึ้นมาตามประสาคนใจกว้างและตรงไปตรงมา

“ข้าเกรงว่าคุณชายคงจะสับสนอยู่กระมังงานประมูลครั้งนี้ราคาภาพวาดของจางเจ๋อตวนมีราคาอย่างต่ก็ปาไปสี่พันตาถึงแล้วคุณชายแน่ใจหรือว่าเงินที่นํามาจะเพียงพอ?”

ตอนที่ 361 เดินตลาดด้วยกัน

“เอาล่ะ! ข้าจะไปซื้อของกับฝหรงสองคนนะ… พอดีไม่อยากไปกับผู้อื่น!”

คนอื่นในประโยคของหยุนเถียนเถียนที่ว่านี้ก็คงมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากหยิงซื่อเอ๋

หยิงซื่อเอ่อขบริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ “หากแม่นางหยุนได้นัดแนะกับผู้อื่นไว้ แล้วข้าก็จะไม่รบกวนท่านอีก ขอแม่นางโปรดอภัยให้ข้าหากได้ทําสิ่งใดผิดพลาดหรือล่วงเกินท่านไป”

หยางยู่หรงงุนงงอยู่เล็กน้อยก่อนจะถามในส่วนที่ไม่เข้าใจ

“ข้าว่ามันดูแปลก ๆ นะ พวกเรายังไม่ทันได้ขอเจ้าให้มาปรนนิบัติพวกเรา! อีกอย่า ตอนที่พวกเราต้องการก็มีท่านข้าหลวงมาปรนนิบัติเราอยู่แล้วด้วย… คุณหนูสามเห็นว่าพวกเราต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติงั้นหรือ?”

หยิงซื่อเอ่อไม่นึกเกลียดชังหยุนเถียนเถียนเพราะนางเป็นน้องสาวของบุรุษที่ตน หมายปองแต่หยางยู่หรงที่ยืนจ้ออยู่ข้างๆ นั้นดูน่ารําคาญที่สุดแล้วในสายตาหยิ่งซื้อเอ่อ

อย่างไรเสียหยิงซื่อเอ่อคงไม่มีทางหลุดปากพูดออกมาตรงนี้แน่ มิฉะนั้นก็คงกลายเป็นเหตุขัดใจพี่ชายน้องสาวคู่นี้อย่างแน่นอน

“ไยแม่นางหยางจึงกล่าวร้ายข้าเช่นนั้นเล่า? ท่านเป็นแขก ส่วนข้าก็เป็นเจ้าบ้าน! การดูแลแขกย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านมิใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงหักหาญน้ําใจข้าด้วย?”

หยุนเถียนเถียนทําเมินเฉยต่อหญิงสาวคนที่สาม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เผยจุดประสงค์แอบแฝงออกมาจนได้ ก่อนจะดึงตัวหยางยู่หรงมาอยู่ข้างตัวแล้วพูดกันอย่างรักใคร่กลมเกลียวปล่อยให้หยิงซื่อเอ่อยืนหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่เช่นนั้น

หยิ่งซื้อเอ๋อกัดริมฝีปากตนเองอย่างแค้นใจ เช่นเดียวกับน้ําตาที่จวนเจียนจะไหลปริ่มออกมาแล้ว

หยุนเค่อได้คําตอบที่ต้องการแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องตนเอง หยิ่งซื้อเอ๋อเห็นชายที่ตนใฝ่ฝันถูกเมินอยู่นานสองนาน ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมองหาเขาก็หายตัวไปเสียแล้ว

หยิงซื่อเอ็อรู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด จึงหันหลังเดินออกจากห้องไป

อย่างไรเสียความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวก็ไม่อาจทําให้นางยอมรามือได้ เมื่อสตรีสองศรีพี่น้องกําลังจะออกไปก็ตระหนักได้ว่าหยิ่งซื้อเอ่อคงรอพวกนางอยู่ที่ประตูแน่

หยิ่งซื้อเอ่อรู้สึกผิดหวังที่ไม่เห็นหยุนเคอเดินตามหยุนเถียนเถียนออกมา ทว่าเมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว การทําให้หยุนเทียนเถียนพอใจก็ย่อมเท่ากับกับให้หยุนเคอพอใจด้วย

ดังนั้นนางจึงปั้นหน้าสดใสก่อนแสดงรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“แม่นางหยุน… ข้าว่าท่านมาที่ฟูเฉิงได้ไม่นานนักจึงอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นข้าขออาสานําทางให้ท่านเอง! ว่าแต่เมื่อวานข้าก็ได้ยินว่าคุณชายหยุนจะมาด้วยมิใช่หรือ…ไยวันนี้จึงไม่เห็นเขาเลย?”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกร้อนอกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นหยิ่งซื้อเอ๋อพูดถึงพี่ชายตนเช่นนั้น

“พี่ชายข้ามีกิจที่ต้องทําดังนั้นจึงไม่อาจมากับข้าในวันนี้! หากคุณหนูสามมีธุระอันใดก็ไปเถิด…พวกเราอยู่ที่ฟูเฉิงได้ราวสองสามวันแล้วคงไม่น่าจะหลงทางได้”

หยิ่งซื้อเอ่อรู้สึกเสียหน้า พลางนึกเสมอว่าหยางยู่หรงคงจะพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตนเป็นแน่ เพราะมิฉะนั้นหยุนเวียนเถียนก็คงจะไม่รู้สึกอุ่นเคืองถึงขั้นเกลียดชังตนได้ขนาดนี้

“แม่นางหยุนเป็นแขกของบ้าน ท่านแม่จึงสั่งให้ข้าปฏิบัติต่อท่านอย่างดี หากข้าบก พร่องประการใดไปก็จงอย่าได้กล่าวโทษท่านแม่เลย! ข้าซื้อเอ่ออยู่ในสวนหลังบ้าน และไม่อาจสนทนากับบรรดาพี่น้องข้าได้เลย บัดนี้ข้าได้พวกท่านเป็นเพื่อนคุยแล้วจึง โล่งใจนัก”

หยุนเถียนเถียนชักหมดความอดทน กระนั้นนางก็ไม่อาจตบหน้าหยิงชื่อเอ่อที่พูดจาด้วยวาจาไพเราะอยู่เสมอได้

“เอาเถอะ… หากท่านยินดีจะตามไปด้วยก็จงตามมา! ผู้หรง… ข้าจะพาเจ้าไปดู ลานประมูลที่นายน้อยหลี่เป็นคนเปิดเอง!”

หลี่ซื่อฮวาเองก็เป็นพ่อค่าวาณิชที่ดี เขามีทุกอย่างในการประมูลนี้

ช่วงนี้การประมูลจะจัดขึ้นแบบวันเว้นวันและช่างประจวบเหมาะที่วันนี้ก็มีงานประมูลพอดี หยุนเกียนเถียนจึงคิดพาหยางยู่หรงมาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย

เมื่อเธอมาถึงหน้าประตู หยิ่งซื้อเอ่อก็หยุดกล่าวด้วยเสียงเพื่อน ๆ “แม่นางหยุน…เราเข้าไปข้างในได้ง่ายนักหรอกนะ! ด้านในนั้นชั้นแรกก็มีคนมากหน้าหลายตาแต่กลับมีสตรีอยู่แบบนับจํานวนได้ แต่ถ้าท่านต้องการจะขึ้นไปชั้นสองหรือชั้นสามก็จเป็นต้องมีบัตรเชิญเป็นกรณีพิเศษด้วย”

“ข้าผิดเองที่ไม่ทันคิดว่าแม่นางอยากมาที่นี่จึงไม่ได้ขอบัตรเชิญจากท่านพ่อมาด้วย หรือแม่นางจะกลับไปรอคําเชิญก่อนสักสองสามวันดี?”

หยุนเถียนเถียนพูดพลางยิ้ม “แม่นางซื่อเอ่อ ปกติข้าก็มีหนทางจะขึ้นไปชั้นสองหรือสามอยู่แล้ว! หากท่านบัดนี้ท่านยังไม่ต้องการเข้าไปก็จงกลับไปก่อนเถิดอย่างไร เสียวันนี้ข้าต้องเข้าไปให้ได้

ว่าแล้วหยุนเถียนเถียนก็ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็วจนหยิ่งซื้อเอ๋อจะตอบสนองอะไรไม่ทัน

เถ้าแก่ร้านรู้จักหยุนเถียนเถียนเป็นการส่วนตัวด้วย และเมื่อเขาเห็นนางที่เป็นเหมือนแห่งความมั่งคั่ง อนึ่งเป็นคนที่นายน้อยหลี่ให้ความสําคัญนัก เข้าจึงรีบกล่าวทักทายนางทันที

“ไยแม่นางหยุนจึงมาที่นี่ในยามนี้ได้เล่า?”

หยุนเทียนเถียนกล่าวพลางยิ้มว่า “เถ้าแก่ช่วยจัดห้องส่วนตัวให้พวกเราได้คุยกันเสียหน่อย เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนนายน้อยหลี่เกินไป”

รอยยิ้มแสดงความพอใจบนใบหน้าของเถ้าแก่ทําให้หยิงซื่อเอ๋อประหลาดใจ

“แม่นางหยุน นายน้อยบอกว่าหากท่านอยู่ที่นี่แล้วก็จงแจ้งแก่เขาด้วย และหากต้องการสิ่งใดก็จงบอกมา ไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมการประมูล!!

หยุนเทียนเถียนยักไหล่ “ข้ามาเพราะอยากดูว่างานเป็นอย่างไรก็เท่านั้น… หากไม่น่าสนใจข้าจะเป็นคนพูดเอง อย่าได้รบกวนนายน้อยหลี่เลย เขาคงก่าลังยุ่งอยู่พอตัว!”

เถ้าแกรีบโค้งคํานับอย่างเร่งรีบพลางหยิบกุญแจน่าหยุนเทียนเถียนไปยังคลังพัสดุบนชั้นสอง

หยิ่งซื้อเอ๋อนึกอยากรู้อยากเห็นเป็นยิ่งนักจึงออกปากถาม “แม่นางหยุน ไม่ทราบว่าท่านกับมีสัมพันธ์อย่างไรกับที่นึ่งั้นหรือ? ไยเถ้าแก่จึงสุภาพกับท่านนัก!”

ขณะที่หยุนเสียนเถียนยังไม่ทันจะพูด หยางยู่หรงก็โพล่งออกมา “ข้าว่าเจ้าไปถามพ่อของเจ้าก่อนดีกว่านะ! เพราะนี่น่ะคือความสามารถเฉพาะของพวกข้า!”

จบประโยคอันที่มแทงนั้นแล้วหยางฝหรงก็ไม่สนใจนางอีก ก่อนจะหันไปพูดกับน้องสาวแทน “เถียนเถียน…นายน้อยหลี่ช่างดีต่อเจ้าจริงนะ! แต่ว่าตามตรงถ้าไม่ใช่ เพื่อชื่อเสียงแล้วเขายังไม่ควรแต่งงานเลย”

หยุนเถียนเถียนถามพร้อมกับรอยยิ้ม “หากเจ้าชอบนายน้อยหลี่ข้าก็ไม่รังเกียจจะผูกด้ายแดงให้เจ้าหรอก เพียงแต่เจ้าต้องคิดให้ตกว่าจะเลือกใครระหว่างคุณชายจางกับคุณชายหลี่ก็เท่านั้น”

* ผูกด้ายแดง = สานสัมพันธ์, เป็นแม่สื่อให้

หยางยู่หรงก็อ่อนระทวยไปก่อนจะพูดมุบมิบ “เจ้าจะเล่นตลกกับข้าหรือไรกัน… ข้าไม่มีทางบอกเจ้าหรอก เพราะคุณชายหน่ะชอบเจ้าที่สุดแล้ว! น่าเสียดายที่เซียงอ๋องคงไม่มีทางพบเทพเทพได้!”

* เซียงอ่องอุทิศชีวี เทพเทพีไม่ปรากฏ = รักที่ไม่มีทางสมหวัง มีที่มาจากตํานานที่เซียงอ๋องแห่งแคว้นฉ่ตกหลุมรักเทพธิดา จึงออกตามหาแบบอุทิศชีวิตแต่เทพก็ไม่สนใจจะพบเซียงอ๋องเลย

หยุนเถียนเถียนเหยียดมือลูบหน้าหยางยู่หรงด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่ช่างแย่เสียจริงนะไยเจ้าจึงรู้ได้ก่อนที่ข้าจะรู้ตัวกันเล่า?”

ตอนที่ 359 การแต่งงาน

หยิงอิงเอ๋อ พูดอย่างไม่มั่นใจ “ท่านแม่กล่าวเช่นนี้อยู่ตลอดมิใช่หรือไง? ข้าก็แค่ท่าตามค่าของท่านเท่านั้น!”

หยังฮูหยินส่ายหัวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ในฐานะที่ข้าข้าเป็นฮูหยิน หน้าที่ข้าคือต้องทําให้แขกทั้งหลายพอใจ และข้าก็พูดได้ว่านั่นมิใช่มารยาทการรับแขกที่ถูกต้อง! แขกของเราวันนี้สองคนต่างเป็นบุรุษทั้งนั้น ไยต้องให้หญิงไร้คู่ครองอย่างเจ้าไปปรนนิบัติพวกเขาด้วย? มิฉะนั้นใครต่อใครคงเล่าว่าตระกูลเราเป็นพวกไร้มารยาทแน่”

หยิงอิงเอ๋อหุบปากเงียบอย่างเจ็บใจ “ท่านเองก็ไม่เคยสอนเรื่องเช่นนี้ให้กับข้า บัดนี้ข้าได้พลาดพลั้งไปแล้ว ท่านแม่ไม่ได้บอกข้าช้าไปหน่อยหรือไรกัน?”

หยิงฮูหยินถอนใจยาว “เช่นนั้นที่ข้าส่งเสียให้เจ้าเรียนนั่นไม่มีประโยชน์งั้นหรือ? ตัวเจ้าที่ได้ร่ําเรียนศาสตร์ศิลป์ทั้งสี่แล้วย่อมไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องสมบัติผู้ดีได้…แต่บัดนี้เจ้าคงรู้ซึ้งแล้วว่ามารยาทนั้นสําคัญกว่าความรู้พวกนั้นอย่างไร!”

“เอาล่ะ…แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะใช่ว่าเจ้าจะหมดโอกาสเข้าหาท่านรัฐทายาทแล้วเสียทีเดียว! ซื่อเอ๋อน้องเจ้าได้เสนอตัวขอแต่งงานกับพรานป่าผู้นั้นในฐานะลูกสาวคหบดีแล้ว”

“เช่นนั้นเจ้าจงอดทนรอเสียจนกว่าซื้อเอ่อจะได้ดิบได้ดี เผื่อว่าคุณชายหยุนอาจกล่าวแนะนําเจ้าให้แก่ท่านรัฐทายาทก็ได้ซึ่งนั่นจะมีประโยชน์กว่าการที่เจ้าอยู่เฉยๆ นัก”

หยิงอิงเอ๋อเป็นทุกข์เล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุน่าขายหน้าที่ตนได้ทักทายคนผิดตั้งแต่ออกงานครั้งแรก

“ให้ลูกสาวอนุแต่งกับพรานป่าก็เป็นความคิดที่ดี…แต่พอข้าเห็นท่านรัฐทายาทแล้วข้าไม่เห็นด้วยนะท่านแม่!”

“ดูตัวเจ้าเสียส… เจ้ายังไม่อาจเทียบกับพี่น้องเจ้าได้เลยซื้อเอ่อรู้โอกาสที่จะเข้าหาแม่นางหยุนน้องสาวนายพรานผู้นั้นไม่น่าว่านั่นอาจสาเร็จก็ได้!”

“เป็นการดีที่จะเอาอย่างนางแต่มิใช่ด้วยสภาวะอารมณ์เช่นนี้ คนอะไรที่นึกดูถูกแต่ก็นึกรักใคร่พรานป่านักล่าดงเช่นนั้น ข้าว่าอีกไม่นานก็คงได้นอนกลางดินกินกลางทรายเป็นแน่ ส่วนท่านรัฐทายาทก็ดูเหมือนมีชาติตระกูลต่านักให้ข้าพูดแล้วก็ขอยอม เป็นสะใภ้เศรษฐเสียจะดีกว่า!”

หยิงฮูหยินอาจกล่าวเช่นนี้ได้ และเมื่อกล่าวถึงประเด็นนี้แล้วนางก็นึงถึงคําของลูก สาวตนในที่แรกว่านายพรานผู้นั้นไม่น่าต่ําศักดิ์ไปกว่ารัฐทายาทเลย

“ท่านแม่พูดเรื่องอะไรกัน? แม้ชายผู้นั้นจะเป็นพรานป่า แต่เขาก็เป็นที่โปรดปรานของท่านรัฐทายาทนะ ไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจได้เป็นใหญ่เป็นโตมากกว่านี้ก็ได้!”

เรื่องนี้ปล่อยวางเสียบ้าง ต่อให้แขาเป็นที่ไว้ใจของท่านรัฐทายาทจริงก็คงไม่มีทางเติบโตไปกว่าตําแหน่งองครักษ์หรอก เจ้าคิดว่าชายหนุ่มจากตระกูลพรานป่าจะมีวาสนาเป็นแม่ทัพนายกองได้อย่างนั้นหรือ?

หยุนเคอนอนทอดกายเอกเขนก เขาไม่เคยแยแสว่าจะมีหญิงหน้าไหนมาชอบหรือโดนดูถูกกระนั้นต่อให้เขารู้ก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ท้ายที่สุดหยุนเถียนเถียนก็พบหญิงสาวที่พอพูดคุยสนทนากันได้ แน่นอนว่านางคงไม่ยอมปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ให้หลุดลอยไป

นางพาหยางยู่หรงเข้าไปในห้องของเธอโดยไม่สังเกตเห็นสายตาที่มแทงของหยุนเคอที่อยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย

“เถียนเถียน…เจ้านี่เก่งใช้ได้เลยนะ รู้ไหมว่านี่คือห้องที่ท่านฮูหยินหวงแหนมากที่สุดเลยนะ เมื่อก่อนนี้นางไม่เคยอนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้ามาเหยียบที่นี่ได้เลยเชียวไหม!”

หยุนเถียนเถียนพูดพลางยิ้ม “ไม่ใช่เพราะข้าหรอกน่าฟูหรง… แต่เป็นความประสงค์ของนายท่านเจ้าต่างหาก! แขกอย่างข้าจะน้ําใจของเจ้าบ้านแล้วไปอยู่ที่อื่นได้อย่างไรกัน?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางยู่หรงดูสดใสอยู่เสมอ แต่ก็รู้สึกอึดอัดใจกับคนอย่างหยิงอิงเอ๋อนัก เห็นได้ชัดว่านางเป็นหญิงที่ไม่รู้จักมารยาท แต่กระนั้นนางไม่ได้ถือว่าตนเป็นลูกสาวคนโต ทั้งหมดที่นางต้องการคือแต่งงานกับคนจากตระกูลใหญ่เพียงเท่านั้น ในสายตาของพี่ชายนางเองก็ดูไม่ยอมรับในเรื่องนี้

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าอิงเอ๋อนั้นน่ารําคาญแค่ไหน สายตาวางท่าอวดเบ่งเหมือนคิ ดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคนเช่นนั้น! หนอย ทั้งที่จริงนางดูดีเทียบเจ้าไม่ได้เลยสักนิด ต่อให้นางจะเรียนศิลปะสื่อย่างมานางก็ห่วยกว่าที่ควรผู้หญิงจะเป็นจริง ๆ”

หยุนเกียนเถียนไม่ชอบนินทาใครลับหลังนักแม้ว่าตนจะเกลียดหยิงอิงเอ๋อก็ตาม

“ฝหรง… เจ้าได้สะสางปัญหาชีวิตตัวเองหรือยัง? คุณชายจางที่ข้าแนะนําให้เจ้าเขาเป็นคนดีมากนะ บัดนี้เขาสอบได้คุณวุฒิขั้นซิวไฉ่แล้วก็คงจะคู่ควรกับเจ้ามากที เดียว!”

พอพูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาแล้วหยางยู่หรงหน้าแดงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ข… ข้าเป็นผู้หญิงนะ แล้วจะไปออกปากขอแต่งงานผู้ชายได้อย่างไรกัน? แต่ถ้าเขาสนใจจริง ๆ ก็คงมาด้วยตัวเองแล้วล่ะ!”

หยนเถียนเถียนมองมิตรที่เป็นทั้งพี่น้องผู้มีใจอ่อนโยนคนนี้ พลางตระหนักอยู่ในใจว่าหยางยู่หรงเองก็มีใจให้กับจางซึ่งเพิ่งด้วย หากแต่คติรักนวลสงวนตัวก็ทําให้นางไม่กล้ากล่าวเรื่องนั้นออกมา

“โธ แม่คนซื่อบื้อ… ข้าพูดได้เลยว่าถึงเวลาสาหรับเจ้าแล้ว! อีกไม่นานหากคุณชายจางได้เป็นจวี่เหรินละก็เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ออกเรือนแน่! ถึงตอนนั้นแล้วผู้คนก็คงมองเจ้าว่าเป็นคนซื่อบื้อแน่!”

หยางยู่หรงผู้แสนซื่อกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึง “หากเขาได้เป็นจวี่เหวินจริงก็คงจะดูถูกข้าเอาน่ะสิ ข้าจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาหรอก… ทําเหมือนกับข้าไม่มีใครเอาอย่างนั้นแหละ”

หลังจากหยุดไปพักหนึ่งหยางยู่หรงก็พูดต่อด้วยกริยาขวยอาย “แม้ตอนนี้ข้าจะไม่เป็นที่ต้องการของใคร แต่ท่านพ่อข้ายังมองว่าข้าเป็นเด็กและไม่ควรให้ออกเรือนไปก่อเรื่องวุ่นวายที่ไหน!”

แม้หยุนเถียนเถียนจะคุ้นชินกับการเป็นกุลสตรี กระนั้นนางก็มีใจคิดนินทาตามประสาอยู่บ้าง

“เช่นนั้นก็บอกข้าสิว่าเจ้ายังสนใจคุณชายหรือเปล่า…หรือว่าเจ้ายังไม่แน่ใจ?”

กิริยาเขินอายของหยางยู่หรงที่แสดงออกมาในยามนั้น แม้แต่หยุนเทียนเถียนก็ไม่อาจรู้ได้ว่านางเสแสร้งหรือเปล่า

“ว่าตามตรงนะ…บัดนี้ก็คงจะไม่มีใครที่คู่ควรกับเจ้าหรอก แต่หากจะให้ข้าพูดจริง ๆ ละก็ข้ามองว่าคุณชายจางเหมาะสมเป็นที่สุด ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนมีใจรักความชอบธรรมนัก หากเจ้าแต่งงานกับเขาละก็คงไม่ต้องพะวงว่าเขาจะหาอนอื่นใดมาอยู่ในเรื่อนแน่”

หยุนเทียนเถียนอดยิ้มไม่ได้ “มนุษย์ทุกคนล้วนมีลักษณะนิสัยเป็นของตัวเอง ไม่จําเป็นต้องถูกกําหนดให้สวยเหมือนกันหมด…อีกอย่างความสวยมันกินไม่ได้หรอกนะยัยคนทะลึง!”

“จางชิงเฟิงเป็นสุภาพบุรุษนักแถมเป็นคนมีอนาคตไกลด้วย! ตระกูลที่อยู่อย่างสมถะเรียบง่ายจะเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่าหากเทียบกับตระกูลที่เคร่งครัดจารีตธรรมเนียมจนเจ้าต้องอยู่อย่างอึดอัดเช่นนี้ ดังนั้นข้าว่าการแต่งงานกับคนอย่างเขาจึงง่ายที่

สุดแล้ว!”

“หากเจ้าตกลง ข้าก็จะไปคุยกับคุณชายจางให้เขาส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้า แต่บางที่เจ้าก็อย่ายึดติดเรื่องได้ชายดีอยู่สุขทั้งชีวิตนักเลย!”

ตอนที่ 358 ซื่อเอ่อ

หยิงซื่อเอ่อเองก็ไม่ประมาทเช่นกัน แม้นางจะตกหลุมรักบุรุษผู้หนึ่งในคืนนี้ กระนั้นนางก็หลักแหลมพอจะไม่รีบเร่งที่จะเข้าหาเขาในทันที

ด้วยที่นางได้เห็นกรณีที่หญิงผู้หนึ่งได้เป็นฝ่ายเริ่มชักชวนสนทนาแล้ว ซึ่งแม้ว่าหญิงผู้นั้นจะปรากฏกายต่อหน้าบุรุษเป็นครั้งแรก กระนั้นก็ดูเป็นการไม่เคารพให้เกียรติตนและผู้อื่นเลยในสายตาอีกฝั่ง

เดิมที่แขกสามคนนี้เป็นคนที่ต้องพึงสํารวมระวังมากที่สุด แม้จะเป็นหยิงชื่อเอ่อผู้จืดจางไร้ตัวตนกระนั้นนางก็มองออกว่าเขาคงเป็นหนึ่งในบรรดาแขกสามคนนั้น

สิ่งสําคัญที่สุดคือนางได้ยินว่าเขาเป็นเพียงพรานป่าเท่านั้น แต่ด้วยเป็นที่โปรดพระทัยขององค์รัฐทายาทเขาจึงได้มาร่วมงานในจวนข้าหลวงแห่งนี้

หยิงซื่อเอ่อรู้สึกเสียใจอยู่พักหนึ่งด้วยที่อีกฝ่ายเป็นเพียงพรานป่าเท่านั้น เพราะผู้เป็นบิดาคงไม่มีทางยอมให้นางได้แต่งงานกับชายผู้นั้นเป็นแน่แม้นางจะเป็นเพียงนางสนมเท่านั้น เพราะข้าหลวงหยิงคงจะยอมให้นางแต่งก็ต่อเมื่อเขาต้องการสานสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตเท่านั้น

ทว่าหยิ่งซื้อเอ๋อก็ไม่เต็มใจนัก นางเดินตามผู้เป็นบิดาไปก่อนได้ยินบทสนทนาของเขากับภรรยา

ดังนั้นหยิ่งซื้อเอ๋อจึงรวบรวมความกล้าครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตตนแล้วกล่าว กับบุพการี

“ท่านพ่อ! ท่านแม่! ข้ามีความคิดอย่างหนึ่งที่นอกจากจะไม่ทําให้ท่านรัฐทายาท เคืองใจแล้วยังสามารถซื้อใจท่านรัฐทายาทได้ด้วย และที่สําคัญอุบายนี้ช่างแนบเนียนนักด้วย!”

เดิมที่ข้าหลวงหยิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรลูกสาวผู้นี้มากถึงขั้นจาชื่อนางได้เพียงรางๆ เท่านั้นจนเหมือนหยิงซื่อเอ่อเป็นเพียงอากาศธาตุในตระกูล

ทว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นช่างนาสนใจเสียเหลือเกิน

“เช่นนั้นเจ้าก็ว่ามาเถิด!”

หยิงฮูหยินจองไปยังลูกสาวทันทีด้วยสายตาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ เพราะลูกสาวที่แทบจะไร้ตัวตนผู้นี้กลับกล้าเสนอตัวออกมาพูดทั้งที่ควรตระหนักได้ว่าอย่าทําอะไรเกินหน้าเกินตา

เมื่อเห็นแววตาของฮูหยินแล้ว หยิ่งซื้อเอ่อก็รู้สึกหวั่นกลัวนัก ว่าตามจริงแล้วนางก็เป็นเพียงลูกสาวอนที่อยู่ใต้โอวาทของของผู้เป็นแม่เท่านั้น

แต่กลัวก็ส่วนกลัว เพราะไม่มีเหตุขัดข้องอันใดระหว่างสิ่งที่นางต้องการจะทํากับความสนใจของฮูหยิน

“ท่านพ่อ! หากท่านไม่อาจซื้อใจท่านรัฐทายาทได้ก็จงซื้อใจคนรอบตัวเขา เป็นตนว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ของเขาประการหนึ่ง! วันนี้ตัวข้าเองก็ได้พบคุณชายหยุนด้วย! แม้เขาจะเป็นเพียงพรานป่าแต่เขาก็เป็นยอดคนผู้หนึ่ง! ข้า…”

หยิงซื่อเอ๋อหน้าแดงอย่างเอียงอายเป็นที่โล่งใจแก่ฮูหยินผู้เป็นมารดา

กลายเป็นว่านางได้ตกหลุมนายพรานธรรมดา ๆ ถือได้ว่าลูกสาวผู้นี้ช่างตระหนักรู้ในตัวเองดี แม้ว่าการแต่งงานกับพรานป่าอาจไม่ได้มีชีวิตที่ดี แต่อย่างน้อยนางก็จะได้เป็นเมียเอกของเขา

เมื่อฮูหยินคิดได้ดังนั้นก็ตอบกลับว่า “เจ้าเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่กลับมีความคิดความอ่านดีนัก! ท่านพี่…เราเองก็เอาอกเอาใจท่านรัฐทายาทในระดับหนึ่งแล้ว ไยจะไม่เดินหน้าต่อเล่า!”

“หากลูกสาวผู้งดงามจิตใจดีของเราแต่งงานกับพรานป่าผู้นั้นเราคงเสียเปรียบ! และหากพรานป่าผู้นั้นเป็นฝ่ายคิดขอแต่งงานละก็ แม้เราจะให้เกียรติสัญญากับท่านรัฐทายาทแล้ว เขาคงไม่มีทางเมินเฉยหรอก?”

ข้าหลวงหยิงไม่เห็นด้วยว่านั้นเป็นอุบายที่ดี หากต้องแลกลูกสาวกับการเข้าใกล์คนใหญ่คนโตนั้นยังนับว่ามีค่าทว่าเมื่อเป็นพรานป่าที่ไม่มีผลประโยชน์อันใดแล้วข้าหลวงหยิ่งก็ไม่สู้เต็มใจยอมนัก

“เจ้าเป็นอะไรไปลูกข้า? เจ้าอยากลุ่มจมนักหรือถึงได้คิดแต่งงานกับนายพรานนั่น?”

หยิงซื่อเอ่อรู้ว่าบิดาของตนไม่ใช่คนชอบมองการณ์ไกลในตอนนี้ เมื่อเขาคิดว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์กับนายน้อยหยุนน้ําตาก็เริ่มคลอขึ้นในเบ้า

แน่นอนว่าตัวฮูหยินก็ต้องการอยู่อย่างสุขสบาย นางจึงยอมสลัดภาพฮูหยินผู้มีเมตตาในความรับรู้ของสามี และแลกบุตรสาวตนกับชื่อเสียงเผื่อว่าพรานผู้นั้นจะเป็นคนมีวาสนาจริงก็ถือว่านางไม่ได้ทําลายอนาคตตัวเอง

“ท่านพี่…ซื่อเอ่อเป็นเด็กดีที่นอบน้อมเชื่อฟัง โอกาสน้อยนักที่นางจะกล้าแสดงออกเช่นนี้! ข้าว่าเราปล่อยนางไปเสียจะดีกว่าเรายังมีลูกสาวอีกมากมายนัก”

“คุณชายหยุนที่ซื่อเอ๋อชื่นชอบนั้นไม่ใช่คนธรรมดาในยามแรกเห็น แม้บัดนี้เขาจะเป็นเพียงพรานป่า แต่ใครจะรู้หากเขาได้มีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคต”

แม้ข้าหลวงหยิงจะไม่สบอารมณ์นัก ทว่าเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าตนยังมีลูกสาวจํานวนมากให้ใช้งานในอนาคต ซื้อเอ่อนี้นับว่ามีความคิดของเป็นตัวเองจริง ๆ ไม่ต้องนึกเลยว่านางคงเป็นที่โปรดปรานของรัฐทายาทเป็นแน่

ดังนั้นเขาจึงกล่าวรับลูก “ชื่อเอ่อ… อย่าหาว่าพ่อของใจร้ายเลยนะไม่มีทางที่พ่อจะยอมจัดงานสมรสให้กับเจ้า! เว้นแต่หากเจ้ามีวิธีทําให้คุณชายหยุนไปร้องขอพ่อของเขาว่าต้องการแต่งงานกับเจ้าพ่อของเขาคงยอมแต่โดยดี!”

เมื่อหยิ่งซื้อเอ่อบรรลุเป้าหมายของตนแล้วนางก็ตื่นเต้นยินดีจนน้ําตาไหลด้วยความปิติ

“ขอบคุณท่านพ่อ แม้ข้าไม่อาจละเลยเพิกต่อฐานะลูกสาวของตระกูลและไล่ตามคุณชายหยุน แต่แม่นางหยุนเถียนเถียนน้องสาวเขาก็อยู่ที่นี่ หากเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแม่นางได้อนาคตเราย่อมมีโอกาส!”

ข้าหลวงหยิ่งพยักหน้าเบา ๆ “เจ้านึกเช่นนี้ได้ก็ดีแล้ว!”

หยังฮูหยินไม่ได้ใส่ใจว่าสามีตนจะไปอยู่กับนางอนุคนไหนและรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่อาจมัดใจสามีของตนได้ แต่ตราบใดที่นางจิ้งจอกพวกนั้นไม่ได้รับอนุญาตข้ามหน้าข้ามตาตนเองได้นางก็ไม่จําเป็นต้องสนใจ

และโชคดีที่นางก็เป็นผู้ให้กําเนิดบุตรชายคนโตของข้าหลวงหยิ่ง ดังนั้นแม่ในภายภาคหน้านางอนคนอื่นจะประสบความสําเร็จอย่างไรก็ไม่อาจเทียบบารมีนางได้อยู่ดี

กับอีแค่ลูกสาวคนหนึ่ง คิดถึงลูกสาวที่ทุกข์ยากคนนี้ คุณหญิงยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นไม่ได้

หยิงอิงเอ๋อไม่มีอะไรที่จะทําได้อีกแล้วจึงอาละวาดพังข้าวของอยู่อย่างนั้น

คราวนี้หยิงฮูหยินเลิกวางท่าที่สุภาพแล้วนางถีบประตูจนเปิดก่อนตบโต๊ะดังฉาดด้วยความหัวเสีย

“ตัวเจ้าช่างดูน่าสิ้นหวังขึ้นเรื่อย ๆ เสียแล้ว! อยู่ข้างนอกเจ้าก็ไม่มีปัญญาจะทําสิ่งใด อยู่ข้างในก็ทําได้เพียงตบตีสาวใช้อยู่อย่างนั้นเอาล่ะ สําหรับเรื่องท่านรัฐทายาท… จากนี้เจ้าจงอยู่ใต้โอวาทของข้าอยู่ที่นี่เสียจนกว่าพ่อของเจ้จะหาชายมาแต่งให้เจ้าออกเรือนไปเถอะ!”

หยิงอิงเอ๋อทวีความข้องใจขึ้นเรื่อย ๆ “หมายความว่าอย่างไรกันท่านแม่… ไยท่านจึงอยากให้ข้าแต่งไปอยู่เรือนเล็ก ๆ เช่นนั้น! ข้าเป็นลูกสาวของท่านนะ! หากไม่ช่วยข้าแล้วท่านจะช่วยผู้ใดอีก”

หยังฮูหยินยิ่งปวดใจเมื่อระลึกถึงประเด็นนี้ “เจ้ายังจะพูดอีก! ตามสบายเถิด… เจ้าคงยังพูดไม่จบใช่ไหม เจ้าพูดเรื่องอะไร? นี่ใช่ธุระที่คนอย่างเจ้าควรพูดถึงร?

ตอนที่ 357 โชคชะตาของทุกคน

หยุนเถียนเถียนรู้สึกอายเล็กน้อย แม้หยางยู่หรงกับนางจะเป็นเพื่อนกัน กระนั้นการ รักษาภาพลักษณ์ก็ยังสําคัญนัก

“ยู่หรง ระวังกริยาเจ้าหน่อยสิ!…”

หยุนเถียนเถียนต้องการจะย้ําอีกครั้ง ทว่าฮูหยินของข้าหลวงก็เสร็จธุระในสวนแล้ว เดินเข้ามา

“ข้าน้อยขอค่านับท่านรัฐทายาท!”

กิริยาของหยังฮูหยินค่อนข้างสํารวมดี หลังจากคํานับแล้วนางก็เดินตามสามีของ ตนไป

ทว่าเมื่อเห็นหน้าหยุนเทียนเถียนแล้วม่านตานางก็หดลงดูมีพิรุธบางอย่าง

คาดไม่ถึงเลยว่าคําพูดของผู้เป็นบิดานั้นจะดูเป็นพวกเคร่งจารีตนัก หญิงผู้นี้ช่างดู ไม่เหมือนมนุษย์มนาเอาเสียเลย! เทียบกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้แล้วก็ไม่แปลกนักที่รัฐทายาทจะดูแคลนบุตรสาวตน

“ว่าแต่คนที่แม่นางหยุนกําลังฉุดดึงอยู่นั้นเป็นคนเช่นไรกัน? นางเป็นเพียงแขก เท่านั้น ไยจึงทําตัวเหิมเกริมไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้? หรือเป็นเพราะว่าช่วงนี้จะเห็นแก่ สนมหยางมากเกินไปกัน?”

หยุนเทียนเถียนสังเกตเห็นท่าที่อึดอัดในสายตาของหยิ่งฮูหยินได้อย่างรวดเร็ว หยาง ยูหรงรู้สึกประหม่ามากและรู้เพียงว่าต้องจ้องหน้าเธอ แต่ครู่หนึ่งเธอไม่พบใครที่แอบแฝงความอาฆาตพยาบาทกับเธอ

พี่น้องที่ดีย่อมปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

“หยังฮูหยิน… นี่เป็นแขกของท่าน หากแต่นางก็เป็นน้องสาวของข้าด้วย! ข้าเป็น คนรบเร้าให้เรียกนางมาเองอย่างไรเสียนี่ก็เป็นโอกาสอันน้อยนักที่ข้าจะได้พบนางที่นี่ ท่านจะว่าอย่างไร?”

หยังฮูหยินปกปิดการแสดงออกของตนอย่างรวดเร็วก่อนพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เชิญแม่นางหยุนเถิด ข้ามิกล้าขัดท่านหรอก”

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจ ก่อนรีบคว้ามือหยางยู่หรงเดินไปพูดคุย

หยิงอิงเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว ทําไมจิ้งจอกเจ้ากรรมตัวนี้ถึงไร้สีนัก? แทนที่รัฐทายาทจะเข้ามาสนทนากับนาง กลับไปพูดคุยกับแขกที่เป็นใครหน้าไหนก็ไม่รู้

แน่นอนว่าข้าหลวงหยิงเองก็มีไหวพริบพอ อย่างน้อยในยามนี้เขาก็ทําได้เพียงป ล่อยให้สนมในเรือนของเขาออกมาข้างหน้า เพื่อที่เขาจะได้ไม่ถูกครหาว่ากีดกันสนม

“อิงเอ๋อ ท่านรัฐทายาทเป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา ไยเจ้าไม่รินสุราให้เขาเสียหน่อย เล่า?

แม้หยิงอิงเอ๋อจะมีแผนในใจ ทว่านางก็ยังเป็นหญิงที่ยังไม่เคยออกเรือน นางหน้า แดงอย่างขวยเขินไปหลังได้ฟังประโยคนั้น

ภายใต้สายตาที่หึงหวงของโสเภณี หยิงอิงเอ๋อค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า

“ข้าน้อยขอรินสราแก่ท่านรัฐทายาท ขอท่านโปรดอภัยสําหรับการต้อนรับที่ไม่เหมาะสมด้วย!”

ประโยคนี้ถูกต้องแล้วตามมารยาท ในสายตาฮูหยินผู้เป็นแม่เองก็เห็นว่าเหมาะสม ทว่าเมื่อออกจากปากของหญิงที่ไม่เคยออกเรือนก็ชวนให้รู้สึกตลกอยู่บ้าง

มู่หรงป๋อไม่ได้เตรียมใจจะพันพัวกับผู้อื่นมากนัก จึงทําเพียงยิ้มอ่อน ๆ ตอบรับนาง เท่านั้น “ท่านข้าหลวง… ลูกสาวท่านช่างน่าสนใจนัก”

กล่าวดังนั้นแล้ว รัฐทายาทผู้นี้ก็หยิบจอกสุราขึ้นมา ทว่าไม่ได้ยกดื่มแต่อย่างใด

ใบหน้าของข้าหลวงเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยคาดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะไม่ได้สั่งสอนบุตรสาวให้รู้จักมารยาทธรรมเนียมอะไรเลย

กระนั้นก็ยังโชคดีที่รัฐทายาทมู่หรงไม่ขัดข้องอะไร แม้เขาจะไม่ได้ดื่มสุราสักจอกก็ตาม

“ข้าเองก็วุ่นนักกับหน้าที่ราชการในวันธรรมดา จึงไม่มีเวลาที่จะสอนสั่งแม่ลูกสาวคนนี้เลยจริง ๆ ขอท่านโปรดอภัยด้วยเถิด!”

มู่หรงป๋อกล่าวพลางยิ้ม “ข้าไม่ถือโทษโกรธท่านหรอก! แต่ท่านข้าหลวงเป็นคนห ลักแหลมรู้การควรการไม่ควร เช่นนั้นจงอย่าคิดทําการใดให้ข้าเดือดร้อนเช่นนี้ก็เป็นพอ!”

ข้าหลวงหยิงตกใจจนเหงื่อโซมกายเมื่อรู้ว่าตัวเขาปล่อยให้ลูกสาวตนออกมาก่อ ปัญหาให้รัฐทายาทขุ่นเคืองใจเสียแล้ว

เขานึกกล่าวโทษที่ตนจะเผลอทําเรื่องไม่ดีและปล่อยให้ลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน ปรากฏตัวขึ้นแทนที่จะกล่าวโทษปมปัญหานี้กับผู้เป็นลูกสาว

ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของลูกสาวผู้นี้ ไม่มีใครเรียนรู้เรื่อง มารยาทเสียด้วยซ้ํา ป่านนี้เขาคงถูกรัฐทายาทไม่ชอบหน้าแล้วกระมัง

อย่างไรเสียตําหนินางไปก็เท่านั้น รัฐทายาทเองก็ได้ตักเตือนเขาซ้ําแล้วซ้ําเล่า หากราดน้ํามันเข้ากองไฟยามนี้ก็เกรงว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตร

“ข้าหลวงหยิง งานเลี้ยงนี้ทําให้ทุกคนรู้จักเรา ขออย่าได้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจต่อกันอีกในอนาคตเลย ช่างมันเสียเถิด… แต่ถือว่าข้าได้เตือนท่านแล้วนะท่านข้าหลวง!”

“หากท่านทําให้รัฐทายาทขุ่นเคือง อย่างมากท่านก็โดนเพียงตําหนิ แต่จงอย่าระ รานแม่นางผู้นั้นเชียว มิฉะนั้นทุกคนที่อวหยางคงไม่ปล่อยท่านไปแน่… ทางที่ดีท่านจงบอกค่นี้แก่ฮูหยินของท่านด้วย”

“ท่านรัฐทายาทมองลูกเมียข้าผิดไป… พวกนางล้วนทําไปด้วยเจตนาดีต่อท่านทั้ง นั้น หากแต่จะเชื่อหรือไม่ก็ขอเป็นพิจารณาของท่านเถิด!”

หลังจากมู่หรงป้อกล่าวเสร็จแล้วเขาก็ลุกพรวดแล้วเดินจากไป

แน่นอนว่าหยังฮูหยินไม่จําเป็นต้องให้ผู้เป็นสามียาเตือนประเด็นเมื่อครู่นี้อีกหลัง จากที่ได้ยินกับตัวแล้ว

เมื่อม่หรงป๋อจากไปแล้วนางก็รีบรุดไปหาผู้เป็นสามี “ท่านพี่… ข้าไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นใครท่านรัฐทายาทจึงให้ความสําคัญกับนางนัก!”

ข้าหลวงหยิ่งทอดถอนใจอย่างโล่งอก “เมียข้า… เจ้าอย่าหาว่าขาขลาดนักเลย! วิ ธีเข้าหาท่านรัฐทายาทของเจ้านั้นมันไม่เหมาะโดยสิ้นเชิงและไม่มีทางที่ลูกสาวทั้งสา มจะต้องตาเขาได้! บางครั้งท่านรัฐทายาทเองก็ดูมีท่าที่เคารพคุณชายหยุนเคอคนนั้น ด้วย”

“เราไม่อาจรู้เรื่องราวอะไรของพวกคนใหญ่คนโตพวกนั้นได้ อย่าได้รนหาที่เลย! เอ๊ะ! ต่อแต่นี้คงต้องให้หยิงเอ๋อเชื่อฟังฟ้าเสียแม้นางจะไม่เต็มใจก็ตาม! จงอย่าปล่อยให้นางออกมารบกวนท่านรัฐทายาทอีก!

หยังฮูหยินทําได้เพียงถอนใจใหญ่ “เอาเถิด! ข้าไม่อยากทําสิ่งอื่นใดแล้ว ส่วนเรื่องอิงเอ๋อพวกเราเองก็มีส่วนผิดที่ไม่อบรมสั่งสอนนางใน ข้าจะกลับไปตบตีสั่งสอนนางเสีย!”

มีเพียงหยุนเทียนเถียนเท่านั้นที่ดูรื่นเริงกับงานเลี้ยงเพราะมีคนที่สามารถพูดจาป ราศรัยกับนางได้ที่นี่ แม้หยางยู่หรงจะชอบมองนางด้วยดวงตาเป็นประกายพลางน้ําลายไหลทุกครั้งที่เห็นนางก็ตาม!

กระนั้นสตรีผู้นี้ก็น่าสนใจกว่าหญิงยุคโบราณที่ไม่เคยออกเรือนผู้นี้กว่าเป็นไหน

แม้หยุนเคอจะมีรูปลักษณ์ที่ดี กระนั้นเขาก็ไม่มีส่วนใดดูเตะตาเสียเลย อย่างน้อยตระกูลของข้าหลวงหญิงก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าค่าตาเขาจนราวกับหยุนเคอเป็นเพียงอากาศธาตุที่นั่งเงียบ ๆ ตรงมุมห้องคอยหยิบขนมสองสามอย่าง มาทานก่อนออกไปอย่าง ไม่มีใครทันรู้ตัว

ทว่าบุตรสาวคนที่สามของตระกูลข้าหลวงกลับเห็นการกระทําครั้งนี้ของเขาจนได้!

หยิ่งซื้อเอ่อเองก็ดูปกติสามัญ เทียบกับในบรรดาลูกสาวของข้าหลวงแล้ว นางไม่ ได้เก่งที่สุดและไม่ได้ต้อยที่สุดแน่นอน

บรรดาลูกสาวต่างจอ้าวไปดูรัฐทายาทให้เห็นกับตา เว้นแต่หยิงซื่อเอ่อเท่านั้นที่ เมินเฉยและมุ่งสนใจชายซ่อนแอบตรงมุมพลางนั่งกินโดยไม่พูดอะไรสักคํา

จนกระทั่งหยุนเคอที่ปลีกตัวเงียบนั่งทานอาหารก็ปรากฏแก่สายตา

กริยาท่าทางเย็นชานั้นก็ดึงดูดนางในบัดดล

ตอนที่ 356 เรื่องบังเอิญ

ข้าหลวงหยิงพยักหน้าตกลงทว่ายังพูดด้วยน้ําเสียงหวั่นวิตก “เจ้าฟังข้านะ จงอย่าปล่อยให้อิงเอ่อเข้าระรานแม่นางผู้นั้นได้ มิฉะนั้นนางจะต้องเป่าหูท่านรัฐทายาทซึ่งมันคงไม่ดีกับตระกูลของเราแน่”

*รัฐทายาท = ตําแหน่งลูกชายที่เป็นผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์อื่นที่ไม่ใช่องค์รัชทายาท

หยิ่งฮูหยินเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก ทว่าใจหนึ่งก็นึกไม่ยอมอยู่เล็กน้อย เหตุใดจึงดูเหมือนว่ารัฐทายาทยังไม่เคยเห็นสตรีมาก่อน? นางคนนั้นต้องฟังเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?

ข้าหลวงหยิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสริมอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้ากําลังคิดจะจัดงานเลี้ยง ก็จงเรียกลูกสาวทั้งหมดในสวนหลังบ้านมาเสียหากท่านรัฐทายาทรู้สึกถูกใจพวกนางสักคนละก็จะเป็นประโยชน์แก่ตระกูลเรานัก!”

หยิ่งฮูหยินเคืองใจเพราะหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับลูกสาวของตน ทว่านางก็ไม่นึกเลยที่พวกนางจิ้งจอกหลังบ้านจะพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย อย่างไรเสียหากนางไม่อาจทนต่อเหล่านางสนมในฐานะนายหญิงได้ พูดไปก็คงไม่งามนัก

แม้จะรู้สึกคับข้องใจอยู่บ้างกระนั้นหยังฮูหยินก็คํานับรับฟังสามีก่อนหันหลังเดินลงไป

หากรัฐทายาทไม่ถูกใจลูกสาวของนางแล้ว เขาก็คงไม่ถูกใจหญิงอื่นในเรือนด้วยเป็นแน่ หยิ่งฮูหยินจึงคิดลงมือด้วยตัวเอง เพราะตราบใดที่เหล่านางสนมทั้งหลายยังแต่งตัวไม่ดี ก็คงไม่อาจเทียบกับบุตรสาวผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีของตนได้

เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น ที่สวนหลังบ้านแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ

หยนเถียนเถียนเห็นแล้วก็นึกอดยกยิ้มไม่ได้

ข้าหลวงหยิ่งเหมือนจะไม่มีสมรรถภาพเท่าใดนัก และไม่รู้ว่าพวกจะทําอย่างไรหากเขาไม่อาจเติมเต็มไฟปรารถนาของพวกนางได้ เกรงว่าจะมีโอกาสที่เขาจะถูกพวกนางสวมเขา

เมื่อข้าหลวงหยิงได้พบ เขาก็หยุนเกียนเถียนจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่เนื่องจากหญิงสาวเต็มใจปกปิดใบหน้านี้ ดีกว่าอยู่คนเดียวและดึงดูดสายตาของรัฐทายาทไปเสียหมด!

ช่างเป็นเรือนร่างอันเพรียวบางพร้อมใบหน้าอันวิจิตรงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาสีดอกท้อชวนหลงใหลคู่นั้น ทําให้เจ้าของร่างยังโดดเด่นในสายตาฝูงชนแม้จะสวมผ้าคลุมอยู่ก็ตาม

ข้าหลวงหยิงไม่สบอารมณ์เล็กน้อย พลางนึกว่าเหตุใดลูกสาวของของตนจึงไม่เกิดมามีรูปลักษณ์เช่นนี้บ้างมิฉะนั้นเขาจะรั้งตําแหน่งข้าหลวงมาเป็นห้าหกปีได้อย่างไร?

“ท่านมู่หรง แขกสองท่านนี้คงต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก! ภรรยาของข้าต้องการให้พวกเขาทําความรู้จักกันเสียหน่อย ขอท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองเลย!”

มู่หรงป๋อไม่กล่าวอะไรนอกเสียจากพยักหน้าอย่างสุภาพหลังจากนั้นเมื่อเขาเดินออกมาก็เห็นงานสังสรรค์ที่กําลังเกิดขึ้น

ดูเหมือนว่าที่นั้นจะมีแต่บรรดาลูกสาวยกเว้นตัวข้าหลวงผู้เป็นบิดาของพวกนาง

เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าข้าหลวงหยิงกําลังคิดทําสิ่งใดอยู่ กระนั้นมู่หรงป้อนึกว่าตราบใดที่ยังนิ่งสงบได้ก็ไม่จําเป็นต้องกลัว

ดวงตาของหยิงอิงเอ๋อแทบจะลุกเป็นไฟ นั่งจิ้งจอกนั้นมันยังไงกัน…ใส่ผ้าคลุมหน้าเดินตามท่านรัฐทายาทต้อย ๆ แบบนั้นหมายความว่าอะไรกัน… ไม่มีวิธีเข้าหาที่ดีกว่านี้แล้วหรือ?

ทว่าเมื่อเห็นผู้เป็นบิดามองมา นางก็ก้าวไปสมทบด้วยก่อนยิ้มอย่างนุ่มนวลและคํานับ!

“ข้าขอคํานับท่านรัฐทายาทด้วย!”

มู่หรงป้อนั่งซึมฮัมไม่พูดไม่จา เหล่านางสนมข้างหลังเขาต่างมองไปยังหยิงอิงเอ๋อด้วยความขุ่นเคืองและดูหมิ่นเหยียดหยาม!

“ฮูหยินใหญ่คําณวนไว้ดีเสียจริงมีแขกเหรื่อหลายคนกําลังสังสรรค์อยู่ภายในงานเลี้ยง ข้าว่าท่านพ่อคงจะขอให้พวกเราเข้าร่วมด้วยแน่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาขอพวกผู้ใหญ่ จงรีบล้างเครื่องสําอางออกเสีย…ช่างร้ายกาจจริงเสียจริง!”

“เบาเสียงหน่อยซี! คนอย่างท่านรัฐทายาทจะมีอะไรดีกันเล่า เขาสูงส่งเกินไป… คงไม่มาสนใจนางสนมอย่างเจ้าหรอก!”

หญิงสาวในชุดสีเหลืองอ่อนด้านข้างพูดด้วยน้ําเสียงง้องอน “ท่านพี่ฝหรง คุณไม่เข้าใจ แม้ว่าจะยังมีกิจธุระกระนั้นท่านก็ยังเป็นอนุภรรยาที่ดีหากแต่งออกเรือนในเร็ววันได้ละก็ท่านคงได้เป็นภรรยาหลวงเป็นแน่!”

“หากแต่สําหรับข้านั้นก็อีกเรื่อง ข้าเป็นนางสนม แม้จะเกิดในตระกูลใหญ่เหมือนท่านข้าหลวง แต่ข้าก็ลงเอยด้วยการแต่งงานกับใครบางคนในฐานะเมียใหม่หรือนางสนมเท่านั้น ท่านก็รู้ว่าพ่อของเป็นคนเช่นนั้น เขาปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นของเล่นและมอบมันให้กับผู้อื่น”

“ในเมื่อไม่อาจเป็นภริยาหลวงได้แล้วไยจึงไม่หาตระกูลที่ดีกว่านี้ให้ตัวเองเล่า? ท่านรัฐทายาทยังหนุ่มยังแน่นแถมรูปงามด้วย ถ้าหากว่า…”

หยางฝหรง มีป้าตัวน้อยซึ่งเป็นนางสนมของข้าหลวงหยิง เธอเข้ามาหาป้าของเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงบังเอิญไปพบกับงานเลี้ยงนี้

ป้าถูกส่งไปเป็นนางสนมเพราะนางเกษียณแล้ว และผู้หญิงที่ดีกลับกลายเป็นนางสนมไร้ ยางอายของนายอําเภอโชคดีที่วิธีการนั้นดี และฉันก็ชอบนายอําเภอ ดังนั้นฉันจึงมีโอกาสเข้าไปในสวนหลังบ้านเพื่อพบป้าของฉัน

“เอ๊ะ… ยังไงซะก็ยังยากสําหรับผู้หญิงที่จะทําเช่นนั้น! แค่มองมาแล้วคุณจะรู้ว่าชื่อเสียงของ ข้าแทบจะปนไม่มีชิ้นดีแล้ว และครอบครัวข้าก็ไม่ชอบใจมันนักด้วย!”

หยางยู่หรงขมวดคิ้วด้วยความรําคาญเมื่อคิดถึงทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง

ทันใดนั้น มู่หรงป๋อมองไปทางมุมที่มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดผ้าฝ้ายและผ้าแพรกับลูกสาวคนโปรดของท่านข้าหลวง

“ท่านข้าหลวง แม่นางผู้นั้นมาจากตระกูลไหนหรือ? นางดูไม่เหมือนลูกสาวท่านเลย!”

ข้าหลวงหยิงได้ยินรัฐทายาทพูดด้วยดังนั้นแล้ว เขาก็ยิ้มทั้งรอยย่นบนใบหน้า

“ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่ามีสนมนางหนึ่งอยู่ในสวนหลังบ้านข้า แม้นางจะมาจากตระกูลพ่อค้าวาณิช กระนั้นนางก็เป็นผู้มีน้ําใจอ่อนโยนนัก! ส่วนแม่นางผู้นั้นเป็นหลานสาวของนางที่ถูกนางรักชวนให้มาอยู่อาศัยด้วยอีกข้อหนึ่งนางเองก็สนิทสนมกับบรรดาลูกสาวข้านักอย่างที่ข้าว่านั่นแหละ”

หยนเถียนเถียนฟังพวกเขาพลางมองไปทางมุมนั้น เมื่อเหลือบไปเห็นหญิงผู้เป็นเป้าสนทนานั้น นางก็ตาเบิกกว้างขึ้น

นั่นหยางยู่หรงไม่ใช่หรือ?” หยุนเถียนเถียนฉงนใจด้วยไม่คิดว่าจะเจอนางที่นี่

“ใต้เท้า… ข้าจะเรียนท่านตามตรง ตัวข้าผู้นี้กับแม่นางหยางเป็นมิตรต่อกัน ไยท่านจึงไม่เรียกนางมาเล่า? พวกเรามิได้พบกันนานแล้วจึงใคร่ระลึกความหลังด้วยกันเสียหน่อย”

ที่แรกมู่หรงป้อถามเรื่องนี้ด้วยเจตนาอยากรู้เท่านั้น จึงนึกไม่ถึงว่าหยุนเถียนเถียนจะเรียกหานางโดยตรง!

ข้าหลวงขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อย นึกฉงนว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนจึงไม่สนใจลูกสาวของตนเลย แต่กลับเป็นหญิงเถื่อนอย่างหยางยู่หรงผู้นั้น…นางไม่รู้สึกรังเกียจคนเช่นนั้นหรอหรือ?

ทว่าเมื่อหยุนเกียนเถียนออกปากแล้ว ข้าหลวงทําได้เพียงรับลูกเท่านั้น

หยางยู่หรงเบียดตัวเองออกมาด้านหน้าหวังดูหญิงสาวในผ้าคลุมให้ชัดกับตา เมื่อนั้นนางก็ไม่สามารถรักษากิริยาของตัวเองได้อีกก่อนแสดงอาการลิงโลด

“เถียนเถียน! เจ้ามาทําอะไรที่นี่หรือ? หากรู้ว่าจะเจอเจ้าที่นี่ละก็ข้าคงจะมาให้เร็วกว่านี้! รู้ไหมว่าหากไม่มีเจ้าอยู่ด้วยแล้วข้าคงกินอะไรไม่ลงหรอกนะ!”

ตอนที่ 355 การร้องเรียน

“คุณชายหยุน บัดนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วแม่นางหยุนเป็นน้องสาวของใคร ดังนั้น ล่อยให้ข้าดูแลนางเองจะดีกว่า!”

ประโยคนี้มู่หรงป่อกระซิบข้างหมู่หรงหยุนเคอเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ยิน

“มู่หรงหยุนเคอกล่าวเย้ย”เรื่องของข้าน่ะ! ข้าหวังว่านางจะเป็นน้องสาวของเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าควรจะเรียกข้าว่าน้องเขยจึงจะดีที่สุด!”

มุมปากของมู่หรงป้อกระตุก ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ของเขาต้องการจะเอาชนะให้ได้

ข้าหลวงหยิงสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสาม ทว่าเขาเป็นคนที่วางตัวเก็บอาการได้ดีนัก ตราบใดที่เป็นคนที่รัฐทายาทพามาด้วยเขาก็ถือว่าจะต้องปฏิบัติต่อคนผู้นั้นเป็นอย่างดี

เนื่องจากรัฐทายาทได้กล่าววาจาดูหมินลูกสาวของตนไปแล้ว เขาก็จะไม่ให้นางมาตอแยอีกทว่าครอบครัวของเขามีลูกสาวมากกว่าหนึ่งคน

ความปรารถนาอันแรงกล้ากําลังปะทุขึ้นในใจของข้าหลวงหยิ่ง มู่หรงป๋อคาดไม่ถึงว่าข้าหลวงหยิงกําลังคิดจะทําสิ่งใดอยู่เพราะบัดนี้เขากําลังถูกมู่หรงหยุนเคอยั่วยุให้โมโห

“เอาเถิด! อย่างไรเสียข้าก็คิดว่าข้าควรจะอยู่บ้านหลังเล็กนั้น ข้าหลวงหยิ่ง… หากเจ้ามีธุระใดที่ต้องไปจัดการก็จงไปทําเถิด เจ้าไม่จําเป็นต้องคอยนําทางให้พวกเราแล้ว”

ข้าหลวงหยิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่เอาใจผู้อื่นได้อย่างดีเลิศจึงไม่คิดจะเข้าไปรบกวนผู้ที่ไม่ควรรบกวนเป็นอันขาด

เขาจึงได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กในสวนหลังบ้านของข้าหลวงหยิ่ง หยุนเถียนเถียนคิดว่าเขาจะต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่นอนจึงไม่ยอมอาศัยอยู่ในจวน

เมื่อหยิงอิงเอ๋อกลับมาจากการรับแขกนางก็อาละวาดยกใหญ่ นางทุบเครื่องลายครามในห้องเพื่อระบายอารมณ์โกรธแค้น

หยิงฮูหยินไม่ใช่คนที่มีพื้นเพที่ดีนักเพราะก่อนหน้านี้นางเคยเป็นอนุภรรยาของใครบางคนในเมืองหลวง สําหรับสตรีที่มีประวัติเช่นนี้จึงไม่จําเป็นต้องวาดฝันเลยว่าจะมีอนาคตที่ดีหลังแต่งงาน ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้รับความโปรดปรานแม้จะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม ทว่านางไม่ได้ต้องการที่จะเป็นเพียงอนุภรรยา

ความร้ายกาจของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย แม้ว่าข้าหลวงหยิ่งจะมีลูกสาวที่เกิดจากนางบําเรอจํานวนมาก ทว่าก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะนางกับลูกสาวทั้งสองคนได้

เมื่อเห็นว่าหยิงอิงเอ๋อโกรธจัดถึงเพียงนี้หยิงฮูหยินจึงรีบมาสอบถามทันที

ทว่าเพียงแค่เปิดประตูเข้าห้องลูกสาว ถ้วยน้ําชาลายครามก็เกือบจะปลิวมากระแทกเท้าของนาง

“อิงเอ๋อ! เจ้ากําลังทําอะไร? คิดว่าครอบครัวของเจ้ามีเงินทองมหาศาลนักหรือ? ไม่ว่าเจ้าจะรวยแค่ไหนก็ไม่ควรมาทําลายข้าวของเช่นนี้! เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าจะทุบทําลายหนึ่งในสามของแผ่นดินนี้ให้แหลกไปเลย? สงบสติอารมณ์เสีย! บอกแม่มาว่าใครหน้าไหนกล้ามายั่วโมโหเจ้า?”

หยิงอิงเอ๋อกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “ท่านแม่! ท่านไม่รู้หรือว่าวันนี้มีสตรอวดดีมาที่บ้านของเรา! รัฐทายาทเป็นคนพานางมาด้วย หากนางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แล้วท่านพ่อบอกให้ข้ายก ห้องส่วนตัวให้นางข้าจะไม่ว่าอะไรเลย ทว่าท่านรู้ไหมว่าแท้จริงแล้วสตรีผู้นั้นเป็นเพียงสาวชาวนา บ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น”

“นางใช้ใบหน้าอันงดงามราวกับนางจิ้งจอกของนางเข้าหารัฐทายาท! แม้แต่พี่ชายของนางก็ยังถูกพามาที่นี่ด้วย หากไม่เห็นแก่พี่ชายของนางข้าจะกระโดดเข้าไปฉีกหน้านางให้เละไปเลย”

หยิงฮูหยินกระพริบตาถี่ คิ้วที่วาดไว้อย่างประณีตของนางยกขึ้นเล็กน้อย

“เช่นนั้นพ่อของเจ้าก็ทําผิดแล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้คนขี้ครอกมาอยู่ในห้องของเจ้าได้? พ่อของเจ้าช่างเข้าใจยากเสียจริง หากต้องการจะเอาใจรัฐทายาทก็ควรจะเอาใจเขาเพียงคนเดียว ไม่ใช่ไปเอาอกเอาใจผู้ติดตามที่เป็นเพียงสาวชาวนาเช่นนี้”

“ทว่าขณะนี้ทุกคนก็เข้ามาอยู่ในบ้านของเราแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีหากต้องขับไล่บางคนออกไป ตอนนี้ ตรงกันข้ามอาจทําให้รัฐทายาทขุ่นเคืองได้ เจ้าต้องอดทนไว้สักพักจนกว่ารัฐทายาทจะจากไปแล้วแม่จะไปจัดการนางให้เอง”

แม่ใบหน้าของหยิงอิงเอ๋อจะยังคงแสดงความไม่พอใจอย่างมากทว่านางก็สงบลงได้

ตราบใดที่แม่เอ่ยปากว่าจะไม่ปล่อยนางไปชะตากรรมของสตรีผู้นั้นก็คงจะไม่ดีแน่

“ท่านแม่รีบช่วยข้าคิดหาวิธีเถิด ในที่สุดรัฐทายาทก็มาถึงบ้านเราจนได้… หากข้าต้องการจะสานสัมพันธ์กับเขาก็ไม่รู้ว่าจะตามท่านพ่อเข้าเมืองหลวงไปได้เมื่อไหร่ หากท่านไม่รีบวางแผนกอาจจะพลาดโอกาสทองเช่นนี้ไปได้”

หยังฮูหยินพึงพอใจโอรสองค์โตของอ๋องแห่งอวหยางนัก ดังนั้นหากได้เขามาเป็นลูกเขยก็คงจะดียิ่ง

อย่างไรก็ตามค่าบอกเล่าของลูกสาวไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก ที่ข้าหลวงหยินยอมทําตามค่าสั่งเช่นนั้นก็อาจจะถูกต้องแล้วเพราะคําพูดของรัฐทายาทถือเป็นประกาศิต

“เป็นไปได้หรือที่รัฐทายาทแห่งอวหยางผู้สง่างามจะยังคงปฏิเสธสตรีที่เคยถูกส่งตัวไปเสนอ ถึงเตียงเมื่อนานมาแล้ว? ไม่จําเป็นที่จะต้องแต่งงานกับเขาเพื่อขึ้นเป็นฮูหยิน ขอเพียงแค่ได้เป็นนางสนมก็ถือว่าประเสริฐเลิศล้ําแล้ว

หยิงฮูหยินเป็นภรรยาเอกของบ้านที่คอยให้การต้อนรับแขกที่มาพักในจวนแห่งนี้เป็นปกติ ทว่าแน่นอนว่าครั้งนี้นางจะต้องนําเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับข้าหลวงหยิงให้ได้

ข้าหลวงหยิ่งไม่ค่อยสนใจภรรยาของตนนักทว่านางก็ให้กําเนิดลูกสาวสองคน แม้ภรรยาคนนี้จะไม่อ่อนโยนน่าพิศมัยเหมือนดังนางบําเรอคนอื่น ๆ ทว่าเขาก็ยังสามารถทนนางได้

ที่สําคัญกว่านั้นคือสตรีผู้นี้เป็นลูกสาวของผู้อาวุโสชั่นหลินในเมืองหลวง แม้นางจะเป็นเพียงนางสนมทว่าก็นับว่าเป็นสตรีที่เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม หากเขาหย่ากับนางจริง ๆ ก็เกรงว่าผู้อาวุโสชั่นหลินจะต้องเสื่อมเสียด้วยคําติฉินนินทาของผู้อื่น

“ท่านพี่ ท่านไม่ได้บอกข้าว่าบ้านเรามีแขกผู้มีเกียรติมากมายถึงเพียงนี้… ข้าเห็นว่าถึงเอ่อถูกทําร้ายจิตใจ เหตุใดท่านพี่จึงยกห้องส่วนตัวของนางให้แก่ผู้อื่นเล่า?”

ข้าหลวงหยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําถามของภรรยา “ผมของเจ้าก็ยาวทว่าความรู้กลับสั้นนัก เจ้าจะไปรู้อะไร? คิดว่าเป็นเรื่องดีหรือที่จะทําให้แขกของรัฐทายาทขุ่นเคือง? สตรีเช่น เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็มาหาข้าเพื่อร้องเรียน”

แม้ว่าหยังฮูหยินจะเคยดูหมิ่นสามทว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วนางก็ทําได้เพียงอยู่ใต้อํานาจของเขาเท่านั้น

“ท่านพี่ยกห้องส่วนตัวของลูกสาวให้คนอื่นนางจึงไม่พอใจนัก ข้าได้ยินมาว่าสตรีผู้นั้นเป็น เพียงสาวชาวนาทว่ายังบังอาจมาต่อปากต่อคํากับลูกสาวของเราต่อหน้าท่าน ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่านางเป็นหญิงบ้านนอกที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี”

“หากท่านที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐทายาทก็ควรจะเอาอกเอาใจเขาเพียงผู้เดียว ก็พอแล้ว เหตุใดต้องไปเอาใจใส่ดูแลคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย?”

ข้าหลวงหยิงถอนหายใจ “นางสนมปลายแถวก็ยังคงเป็นนางสนมปลายแถวอยู่วันยังค่ํา สติปัญญาไม่มีวันเทียบเท่ากุ้ยเฟยได้! เจ้ายังไม่เห็นว่ารัฐทายาททะนุถนอมนางผู้มีใบหน้างดงามราวกับนางสวรรค์ผู้นั้นขนาดไหน”

“เขาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเรานานแล้ว ข้าก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษนอกจากสตรีงดงามผู้นั้น ที่สําคัญคือหญิงสาวผู้นั้นก็ช่าง…”

เมื่อข้าหลวงหยังกล่าวถึงรูปลักษณ์ของหยุนเสียนเถียนก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา โชคดีนักที่บ้านของเขาจะมีสตรีผู้งดงามปานนางสวรรค์เช่นนั้นมาอยู่อาศัย หากจะมองนางอีกสักครั้งก็คงจะไม่ผิดนัก

“อิงเอ๋อยังบอกข้าด้วยว่ารูปลักษณ์ของนางดูราวกับนางจิ้งจอก ซึ่งบัดนี้ผู้เป็นพ่อของนางก็พลอยชื่นชมสตรีผู้นั้นไปด้วย! นางสนมปลายแถวเช่นข้าจึงอยากจะเห็นว่านางเป็นคนเช่นไรแน่ ข้าเป็นนายหญิงของที่นี่ดังนั้นเมื่อมีแขกมาข้าก็จะต้องไปต้อนรับ ข้าจะใช้โอกาสนี้หาคําตอบด้วยตัวของข้าเอง”

ข้าหลวงหยิ่งมองภรรยาของตนด้วยสีหน้าไม่พอใจ หากเขาไม่ยอมเห็นด้วยกับคําพูดของนางก็กลัวว่านางจะไม่ยอมแพ้และไม่ยอมหยุดพูดเสียที

ตอนที่ 354 ความหึงหวง

คําพูดของหยุนเถียนเถียนกระทบข้าหลวงหยิงเข้าเต็มเปา แม้ว่านางจะไม่ได้ชี้หน้าด่าว่าเขาไม่สั่งสอนลูกสาวให้ดีพอก็ตาม

สถานะของหยุนเถียนเถียนเป็นเพียงสาวชาวนาธรรมดาทว่ามีรัฐทายาทคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นข้าหลวงหยิงจึงไม่กล้าต่อปากต่อคํากับนาง

หยิงอิงเอ๋อหน้าซีด แม้จะเผลอทําเรื่องน่าละอายต่อหน้ารัฐทายาทไปแล้ว ทว่านางก็ยังคงต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนไว้

“แม่นางหยุน… อย่างน้อยข้าก็ยังอยู่ในบ้านของตัวเองอยู่ดี ทว่าเจ้าเองก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้แต่งงานแล้วเหตุใดจึงออกนอกบ้านมากับผู้ชายอื่นเช่นนี้?”

ประโยคนี้แสดงว่านางต้องการประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับหยุนเสียนเถียนอย่างเห็นได้ชัด มู่หรงหยุนเคอได้ยินดังนั้นก็อยากจะก้าวเข้าไปต่อว่านางให้หลาบจา ทว่าหยุนเถียนเถียนก็กล่าวขึ้นทันใด

“ข้าออกบ้านมากับพี่ชายของข้าเอง เช่นนี้แล้วข้าเป็นสตรีที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ? ที่สําคัญคือข้าเป็นสาวชาวนา เมื่อเทียบกับลูกสาวขุนนางอย่างเจ้าแล้วข้าก็ไม่จําเป็นต้องเคร่งจารีตมากถึงเพียงนั้น!”

มู่หรงหยุนเคอฉุนขึ้นมาทันที สาวน้อยคนนี้ช่างเหลือเกินจริง ๆ… ไม่เป็นไร แม้นางจะบอกว่ามากับพี่ชายทว่าข้าก็ยังไม่แน่ใจว่านางหมายถึงข้าหรือมู่หรงป๋อกันแน่”

“ช่างมันเถิด คิดเสียว่านางหมายถึงมู่หรงป๋อแล้วกัน! หากความจริงไม่ได้หมายถึงเขาล่ะจะทําอย่างไรดี?

“แม่นางหยิง เนื่องจากพ่อของเจ้าก็คอยรับแขกอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็ควรจะกลับเข้าห้องของตัวเองไปเสียเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเจ้าเอง”

มู่หรงป้อกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกร้อนใจเมื่อได้เห็นการปะทะคารมกันของสตรีทั้งสอง หากข้าปล่อยให้พวกนางต่อปากต่อคํากันต่อไป หยุนเถียนเถียนก็อาจจะใช้ถ้อยคําที่รุนแรงกว่านี้ไม่ใช่หรือ?

หยุนเถียนเถียนกล่าวเป็นเลศนัย “แม่นางหยิง ข้ารู้สึกว่าข้าสนทนาถูกคอกับเจ้าตั้งแต่แรกพบ ทว่าน่าเสียดายนักที่เจ้าจะต้องไปแล้ว เช่นนี้ข้าก็คงจะอ้างว้างนัก… ข้าควรทําอย่างไรจึงจะได้พบเจ้าอีก?”

หยิงอิงเอ๋อหน้าตึงขึ้นมาทันที “ใครจะไปอยากพบกับเจ้าอีก?”

เป็นเพราะรัฐทายาทเอ่ยปากให้นางไปจากที่นี่ หยิงอิงเอ๋อไม่อาจขัดได้จึงจําต้องออกไป นางส่งรอยยิ้มหวานให้รัฐทายาทก่อนจะโค้งคํานับอย่างอ่อนช้อยแล้วเดินจากไป

หยุนเสียนเถียนกุมท้องหัวเราะโดยไม่สนใจว่าข้าหลวงหยิงยังคงยืนอยู่ด้วย

“สตรีผู้นี้ช่างน่าสนใจนัก มู่หรงป๋อ ท่านโชคดีเสียจริงนะ…ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าแม่นางหยิงกําลังสนใจในตัวท่าน”

ข้าหลวงหยิงเองก็ไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้ ทว่าหากสามารถส่งตัวลูกสาวเข้าไปอยู่ในพระราชวังอวหยางได้ก็จะดีมากสําหรับตัวเขาเอง โชคลาภและการเลื่อนตําแหน่งในอนาคตจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

แม้ประโยคชี้นําที่หยุนเกียนเถียนกล่าวออกมาจะดูไม่จริงจังนักทว่าในใจของนางคิดเช่นนั้นจริง

ความจริงหยุนเถียนเถียนก็ไม่ได้อยากใจร้ายกับสตรีผู้นั้นถึงเพียงนี้ ทว่าก่อนที่จะทําความรู้จักกันท่าทีของหยิงอิงเอ๋อที่มีต่อหยุนเคอทําให้นางอารมณ์เสียนัก แม้จะรู้ว่าสตรีผู้นี้หวังจะสานสัมพันธ์กับหยุนเคอและท้ายที่สุดนางก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นมู่หรงป๋อแทนเมื่อทราบถึงสถานะที่แท้จริง

ทว่ามันไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ดีนักเมื่อรู้ว่าคนของตัวเองกําลังตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่น

มู่หรงหยุนเคอที่เป็นตัวต้นเหตุยังคงไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนจึงอาฆาตพยาบาทหยิงอิงเอ๋อนัก ทว่ามู่หรงป๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นความหึงหวงของนางได้อย่างชัดเจน

หากไม่ใช่เพราะหยิงอิงเอ๋อมุ่งเป้าไปที่มู่หรงหยุนเคอเพราะยังไม่ทราบสถานะที่แท้จริงของเขา นางคงไม่คิดว่าหยิงอิงเอ๋อจงใจสานสัมพันธ์กับหยุนเคอและคงไม่หาเรื่องต่อปากต่อคําเช่นนี้แน่!

เมื่อเห็นว่าหยุนเสียนเถียนกําลังจะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง มู่หรงป๋อก็อดไม่ได้ที่จะว่ากล่าวตักเตือนนาง

“เถียนเถียน เจ้าต้องระวังคําพูดให้มากกว่านี้! ชื่อเสียงของสตรีสําคัญมาก… บัดนี้ไม่มีบุคคลภายนอกอยู่ด้วยก็ถือว่าไม่เป็นอะไรนัก ทว่าหากอยู่ข้างนอกเจ้าจะแสดงกิริยาโง่เขลาเช่นนี้ไม่ได้!”

“อีกอย่างคือเจ้าคงไม่รู้ว่าพ่อของข้าเข้มงวดกับข้านัก หากท่านรู้ว่าข้าออกมาปฏิบัติภารกิจ แล้วพาสตรีกลับไปด้วยข้าย่อมจะถูกลงโทษอย่างหนัก ข้าจึงไม่อาจสานสัมพันธ์กับสตรีใดได้ตามใจตน แม่นางหยิงเป็นสตรีผู้อ่อนโยนและมีเสน่ห์จึงคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่าข้า…ดังนั้นเกรงว่าข้าจะไม่ได้โชคดีดังที่เจ้าบอกหรอก”

การปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ทําให้ข้าหลวงหยิงถึงกับหน้าสั่น ทว่าเขาก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยขัดรัฐทายาท

“ท่านรัฐทายาทโปรดอย่ากังวล ข้าจะคอยดูแลลูกสาวให้ดีและจะไม่ปล่อยให้นางมารบกวนท่านอีก”

มู่หรงป๋อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ท่านขุนนางต้องจําไว้ว่ารัฐทายาทผู้นี้ไม่ขัดข้องที่จะมาพักผ่อนที่นี่ ทว่าข้ามีภารกิจบางอย่างต้องจัดการ แม้ข้าจะไม่อาจบอกท่านได้ทว่ามันก็เป็นเรื่องสําคัญนัก สิ่งที่ท่านต้องใส่ใจทําให้ดีที่สุดคือการให้ความร่วมมือแก่ข้าและจะเป็นการดีที่สุดหากท่านคอยคุมคนของท่านไม่ให้ก่อเรื่องอีก วันนี้ข้าจะทําเป็นหลับตาลงข้างหนึ่งเสมือนว่าเรื่องวุ่นวายวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งข้าก็หวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต”

ข้าหลวงหยิงพยักหน้ารับก่อนจะกัดฟันพูดว่า “รัฐทายาทโปรดวางใจ ท่านจะได้พักผ่อนที่บ้านของข้าอย่างสะดวกสบายที่สุด!”

ทุกคนเดินมาถึงห้องที่จัดไว้ให้หยุนเสียนเถียน ขุนนางหยินต้องการแสดงให้รัฐทายาทเห็นถึงความใส่ใจ เขาจึงเป็นผู้ที่พาทุกคนไปส่งยังห้องรับรองส่วนตัวที่เขาจัดเตรียมไว้ให้

“แม่นางหยุนดูเถิด เจ้าพอใจที่จะอยู่ห้องนี้หรือไม่?”

แม้ลูกสาวของเขาจะมองไม่ออกทว่าข้าหลวงหยินทราบดีว่าสตรีตรงหน้าของเขาไม่ได้เป็นเพียงสาวชาวนาแน่นอน สังเกตได้ไม่ยากเลยเพียงแค่เห็นว่านางสามารถเรียกชื่อของรัฐทายา ทว่ามู่หรงป๋อโดยที่รัฐทายาทไม่ว่ากล่าว เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าสถานะที่แท้จริงของสตรีผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา

ระมัดระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ

หยุนเวียนเถียนพิจารณาห้องนั้นแล้วก็รู้สึกว่าหากนํามาเทียบกับบ้านเก่าที่นางเคยอาศัยอยู่ ที่นั่นก็ไม่ต่างจากคอกหมาเลยเพราะแม้แต่ห้องส่วนตัวก็ยังไม่มี

ม่านหลายชั้นหรูหราที่ประดับอยู่ในห้องนี้ชวนให้คิดว่าหญิงสาวเจ้าของห้องจะรู้สึกร้อนอบอ้าวบ้างไหม? แม้นางจะไม่ค่อยชอบการตกแต่งห้องแบบอลังการเช่นนี้ทว่าก็ยังดีที่เจ้าบ้านได้จัดเตรียมไว้ให้นางได้อาศัย… ที่สําคัญคือการได้มาอยู่ห้องนี้สามารถทําให้หยิงอิงเอ่อรู้สึกไม่พอใจได้

“พอใจสิ ข้าพึงพอใจห้องนี้นัก!”

คําตอบเช่นนั้นทําให้มู่หรงหยุนเคอผู้รู้จักนางเป็นอย่างดีเกิดความสงสัยขึ้น สตรีผู้นี้ชอบอยู่ในห้องที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงบอกว่าพอใจที่จะอาศัยอยู่ในห้องเช่นนี้ได้? หรือว่านางจะเปลี่ยนรสนิยมเสียแล้ว?”

ในเมื่อนางตอบว่าพึงพอใจไปแล้วมู่หรงหยุนเคอจึงไม่ได้กล่าวอะไรมาก

“ท่านข้าหลวง จู่ๆ น้องสาวของข้าก็ได้เข้ามาในที่หรูหราเช่นนี้เป็นครั้งแรก ข้าจึงเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน ท่านไม่ต้องกังวลหรอกหากพวกข้าขออาศัยอยู่ที่เรือนเล็กข้างบ้านของท่าน พวกเราเป็นชาวชนบทจึงไม่มีกฎเกณฑ์เคร่งครัดมากมาย”

หยุนเถียนเถียนลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร นางเพียงแค่คิดจะแกล้งหยิงอิงเอ๋อเล่นเท่านั้นจึงไม่คาดคิดว่าหยุนเคอจะนําคําพูดของนางมากล่าวต่อรองเช่นนี้ อีกทั้งคําพูดนั้นของเขาก็ทําให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก

อย่างไรก็ตามหยุนเกียนเถียนก็ไม่อาจหักล้างคําพูดของตนได้ นางจึงทําได้เพียงลูบศีรษะของตนอย่างอึดอัดใจ

มุมปากของมู่หรงป้อกระตุก ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ของข้าต่างไปจากเมื่อก่อนนัก… เมื่อก่อนเขาเป็นคนเย็นชาทว่าเดี๋ยวนี้กลับเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก สิ่งที่แตกต่างที่สุดคือเขากล้าพูดจาไร้ยางอายต่อหน้าสาวน้อยผู้นี้ได้อย่างไร!”

แม้ว่าข้าหลวงหยิ่งจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเป็นคําขอของแขกเขาจึงต้องปฏิบัติตาม

“คุณชายหยุนไม่ต้องกังวล เพียงแต่ว่าบ้านหลังนั้นเล็กเกินไปข้าจึงเกรงว่าท่านอาจจะไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้”

หยุนเคอกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง “ข้าเป็นพรานป่า… แม้แต่ถ้าในภูเขาข้าก็อาศัยอยู่ได้นับประสาอะไรกับบ้านหลังเล็กเช่นนี้”

ตอนที่ 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง

ปกติแล้วมู่หรงป๋อจะเก็บตัวอยู่แต่ในตําหนัก ส่วนหยิงอิงเอ๋อก็พร่ําเพ้อหมายปองจันทราเพราะนางต้องการหาโอกาสอยู่สองต่อสองกับมู่หรงป๋อ

น่าเสียดายที่กิจวัตรประจําวันของมู่หรงป้อนั้นเรียบง่ายนัก หากไม่ออกไปไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของผู้คนหรือสืบหาเรื่องราวที่เขาต้องการทราบ เขาก็จะหมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือโดยไม่ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกเลย

จนกระทั่งมู่หรงป๋อออกจากตําหนักไป

จนกระทั่งพ่อของนางออกจากตําหนักของมู่หรงป๋อไป หยิงอิงเอ๋อก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวเขาเลย

อ๋องล่วยหายสาบสูญไปนานแล้ว เขาจึงต้องปกปิดตัวตนไว้เป็นความลับ ดังนั้นแม้ว่ามู่หรงป๋อจะบอกแก่นายอําเภอถึงตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอแล้ว ทว่าเขาก็ย้ําเตือนว่าอย่าให้ผู้อื่นรู้เป็นอันขาด

ดังนั้นเมื่อหยิงอิงเอ๋อได้พบกับแขกผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกจึงไม่รู้ว่าอ๋องล่วยก็อยู่ที่นี่ด้วย

ในความคิดของของนางนั้น รัฐทายาทต้องเป็นบุรุษที่มีบุคลิกสง่างามนัก ทว่าในบรรดาแขกผู้มาเยือนทั้งหมดบุรุษที่ดูโดดเด่นสง่างามมากที่สุดก็คือมู่หรงหยุนเคอ

“หยิงถึงเอ่อ…ลูกสาวของข้าหลวงผู้นี้ขอทําความเคารพองค์รัฐทายาท”

ด้วยน้ําเสียงอันไพเราะและท่าทางการเคลื่อนไหวเช่นนั้นยิ่งทําให้นางดูงดงามมากขึ้น หยุนเถียนเถียนจึงไม่เพียงแต่ยิ้มในใจเท่านั้นทว่าเกือบจะหัวเราะออกมา

สตรีผู้นี้ช่างงดงามนักและน้ําเสียงของนางก็ช่างอ่อนหวาน หากแต่สายตาของนางอาจจะพร่ามัวไปแล้วหรืออย่างไรกัน? นางเอ่ยแนะนําตัวกับรัฐทายาททว่านางกลับยืนอยู่ตรงหน้าของมู่หรงหยุนเคอ

ปฏิกิริยาแรกของหยุนเคอคือรีบหันหน้าไปมองหยุนเถียนเถียนทันที ซึ่งบัดนี้นางกําลังพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก

มู่หรงป่อผู้ยืนอยู่ข้างหยุนเคอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นี้จะมีตาหามีแววไม่! รัฐทายาทเช่นข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนกลับมองผิดไปเสียได้”

ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของหยิงอิงเอ๋อก็ราวกับมืดมนขึ้นมาทันที “รัฐทายาทยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ทว่าขากลับเรียกผิดคน…ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”

บัดนี้ใบหน้าของหญิงสาวแดงกําด้วยความอับอาย

หยุนเถียนเถียนไม่อาจทนดูต่อไปได้ นางเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่งทว่าต้องมายืนต่อหน้าแขกด้วยท่าทางอึดอัดเช่นนี้ช่างน่าเวทนานัก

“มู่หรงป๋อ อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีนะ… นางยังไม่เคยเจอท่านมาก่อนจึงไม่แปลกที่จะทักคนผิด ท่านอย่าหยาบคายกับนางเลย! เจ้าชื่อแม่นางหยิงใช่หรือไม่? เจ้าทักผิดคนจริง ๆ เพราะคนผู้นี้คือรัฐทายาท ส่วนคนที่ยืนตรงหน้าเจ้าเป็นเพียงพรานป่าบนภูเขาเท่านั้น ต้องขอบคุณความเมตตาของรัฐทายาทที่โปรดปรานเขาจนพามาที่นี่ด้วยในฐานะแขก”

หยิงอิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยหัวใจอันเย็นเยียบ ตั้งแต่หยุนเถียนเถียนเข้ามาในเมืองนี้ นางก็ปลอมตัวมาโดยตลอดเพื่อความปลอดภัยทว่าเนื่องจากมีองค์รัฐทายาทเดินอยู่เคียงข้างการอาพรางใบหน้าของนางจึงดูเป็นเรื่องปกติ

การปลอมตัวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหยุนเถียนเถียนเท่าใดนัก เพราะปกตินางก็ไม่ใช่สตรีรักสวยรักงามที่ห่วงรูปลักษณ์ของตนเองอย่างสุดโต่ง อีกทั้งเครื่องสําอางที่ใช้ประทินโฉมก็มักจะสร้างความระคายเคืองแก่ใบหน้าของนาง

ดังนั้นวันนี้หยิงอิงเอ๋อจึงได้เห็นใบหน้าอันปราศจากเครื่องประทินโฉมของหยุนเกียนเถียน ใบหน้านั้นงดงามราวกับภาพเขียนของจิตรกรฝีมือดี ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายสุกใส หยิ่งอิงเอ๋อเห็นเช่นนั้นก็เจ็บแปลบที่หัวใจด้วยความริษยา

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”

เดิมทีหยุนเสียนเถียนรู้สึกสงสารสตรีผู้นี้จึงออกตัวแก้ต่างให้นาง ทว่าบัดนี้นางกลับรู้สึกว่าตนได้ทําคุณบูชาโทษเสียแล้วเพราะนางรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่เต็มเปี่ยมในสายตาของสตรีผู้นี้

“ข้าหรือ! ฮ่าฮ่า… ข้าก็เป็นเพียงหญิงชาวนาคนหนึ่งเท่านั้น ใช่แล้ว… ข้าได้รับเชิญมาให้เป็น แขกของที่นี่ก็เพราะความเมตตาของท่านรัฐทายาทเช่นกัน มีอะไรหรือ? เจ้ายังคลางแคลงใจกับสถานะของข้าหรือ?”

หยิงอิงเอ๋ออยากจะพูดออกมาดัง ๆ ว่า “คนบ้านนอกเช่นเจ้าสมควรไปนอนที่ลานหน้าบ้านมากกว่าไม่ใช่หรือ?” เพียงแต่นางไม่อาจพูดเช่นนั้นต่อหน้ารัฐทายาทได้

“เปล่าหรอก! ข้าเพียงแต่คิดว่าใบหน้าของแม่นางช่างงดงามจนดูไม่เหมือนสาวชาวนาในชนบทเลย”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “ไม่สําคัญหรอกว่าข้าจะดูเหมือนหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นแค่สาวชาวนาคนหนึ่งในชนบทเท่านั้น อิงเอ๋อ… พ่อของข้าฝากให้ข้าติดตามองค์รัฐทายาทเพื่อคอยอํานวยความสะดวกแก่เขาหากเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยพวกเราเข้าไปก่อนดีไหม?”

อิงเอ๋ออดทนเก็บความอาฆาตแค้นไว้ภายในจิตใจก่อนจะแสร้งทําเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าเคยเกือบได้พบรัฐทายาทตอนที่พ่อของข้าไปเข้าเฝ้าที่ต่าหนักแล้วพาข้าไปด้วย… เหตุใดจึงไม่ให้ข้าเป็นคนพาพวกท่านไปด้วยตัวเองล่ะ! เจ้าช่างโชคดีนักเพราะพ่อข้าบอกว่าทุกคนที่มาในวันนี้คือแขกผู้มีเกียรติ แม้แต่ห้องส่วนตัวของข้าก็ยังต้องยกให้ผู้ติดตามที่เป็นเพียงหญิงชาวนา ได้มีโอกาสพักอาศัย

หากไม่ได้ฟังครึ่งหลังของประโยคก็ต้องถือว่าการวางตัวของหญิงสาวไม่เลวเลย ทว่าครึ่งหลังของประโยคนั้นแสดงให้เห็นว่าหยิงอิงเอ่อลืมตัวจนเผลอกล่าวประชดประชันขึ้นมาความเสแสรั้ง ของนางจึงถูกเปิดเผยออกมาทันทีทว่านางยังคงไม่รู้ตัว

มู่หรงป๋อมองหยุนเถียนเถียนที่บัดนี้มีแววตาขี้เล่น ก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นก็รีบไปกันเถิด เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร!”

หยุนเกียนเถียนก้าวไปข้างหน้าก่อนจะจับแขนของหยิงอิงเอ๋อไว้แน่น “แน่นอนว่าความรู้ของข้าช่างน้อยนิดเพราะเป็นเพียงลูกชาวนา ดังนั้นข้าต้องขอรบกวนให้แม่นางหยิงช่วยชี้แนะสิ่งต่าง ๆ ให้แก่ข้าด้วยเถิด”

หยิงอิงเอ่อรู้สึกกระอักกระอ่วนใจนัก “ข้าไม่เข้าใจว่าสตรีผู้นี้กําลังกล่าวถึงสิ่งใดกันแน่? อันที่จริงนางมาแตะต้องแขนของข้าแบบหน้าตาเฉยเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามือที่เอาแต่ทํางานในทุ่งนาเช่นนั้นจะเอาคราบสกปรกมาแปดเปื้อนข้าหรือไม่”

ทว่ารัฐทายาทยังคงอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นไม่ว่านางจะไม่พอใจสักเพียงไหนก็ทําได้เพียงแค่อดกลั้นไว้ภายในใจ

หยิงอิงเอ๋อเดินนําทางไปด้วยท่าทางแข็งกร้าว นางนึกอยากจะสะบัดมือที่เกาะแขนอยู่ออกไปให้พ้น ทว่าเป็นเพราะหยุนเถียนเถียนต้องการจะแกล้งนางเล่น เช่นนี้แล้วจะดึงมือนั้นออกได้อย่างไร?

“แม่นางหยิงยังไม่ทราบสิ้นะว่านามสกุลของข้าคือหยุน! ข้าว่าแม่นางหยิงดูกระฟัดกระเฟียด อย่างไรชอบกล…เจ้าไม่พึงใจข้าใช่หรือไม่?”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว! แม่ในใจของหยิงอิงเอ๋อจะคิดเช่นนั้นทว่าภายนอกนางก็ยังคงแสร้งทําเป็นใสซื่อ

“ไม่ใช่! ข้าจะไม่พึงใจแม่นางหยุนได้อย่างไร? เจ้างดงามถึงเพียงนี้…”

ข้าหลวงหยิ่งที่เดินอยู่ด้านข้างถึงกับเหงื่อตก เขาเกรงว่าลูกสาวที่ไม่รู้จักสํารวมวาจาของตนจะทําให้รัฐทายาทขุ่นเคืองจึงคิดจะเข้ามาเตือนนาง ทว่ามู่หรงป้อมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง

“แสดงว่าเจ้าพึงใจข้าสินะ เยี่ยมไปเลย! ข้าจะได้อาศัยอยู่ในห้องส่วนตัวของเจ้าอย่างไม่เกรงใจแล้วนะ”

หยิงอิงเอ๋อพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสาวชาวนาผู้น่ารําคาญที่อยู่ข้าง ๆ ตนในตอนนี้ นางทําสีหน้าเขินอายเล็กน้อยเมื่อหันไปมองมู่หรงป๋อ

อย่างไรก็ตามสถานะของนางยังคงต่ําเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสตรีที่เป็นลูกสาวคนโตของฮูหยินคนใด หากต้องการจะสานสัมพันธ์กับมู่หรงป๋ออย่างจริงจังก็ไม่อาจทําได้สําเร็จ เพราะยศศักดิ์ของเขาสูงกว่าพวกนางนัก

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “แม่นางหยิ่ง ข้าคิดว่าวัยของเจ้าเหมาะสมที่จะมีคู่ครองได้แล้ว ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง?”

“เมื่อมีแขกมาที่บ้านสตรีผู้นี้กลับไม่ต้องการซ่อนตัวอยู่ในห้องของตัวเอง ทว่าวิ่งออกมาต้อนรับแขกที่เป็นผู้ชายกับพ่อของนาง พฤติกรรมเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมไม่ใช่หรือ?”

ตอนที่ 352 จุดจบของคู่เวรคู่กรรม

เฉินฉ่เกินไม่ได้กล่าวคําใดขณะที่หลีชุนเกี่ยวหยิบเนื้อขึ้นมาแววตาของเขามีประกายประหลาดฉายอยู่

ทว่าหลี่ชุนเกียวไม่ทันได้สังเกตเห็น นางเดินถือเนื้อชิ้นนั้นเข้าห้องครัวไปพลางบ่นพึมพําอยู่คนเดียว

“ข้าไม่รู้จะนั่นเนื้อนี้อย่างไรดีชิ้นเล็กแค่นี้จะพอกินอิ่มกันไหมนะ?”

เฉินฉู่เกินยังคงเงียบทว่ากอดถุงกระดาษไว้กับอกแน่น

ไม่นานนักหลี่ชุนเกียวก็ยกจานใส่เนื้อที่ปรุงสุกแล้วมาวางไว้บนโต๊ะสายตาของนางเหลือบไปเห็นไหสุราวางอยู่

ก่อนที่หลี่ชุนเกียวจะเอ่ยปากด่าทอเฉินฉู่เกินก็หยิบจอกสุราอีกสองใบขึ้นมา

“วันนี้ข้ามีความสุขนัก เราทั้งสองมาดื่มฉลองกันเถิด!”

เมื่อหลี่ชุนเกี่ยวได้ยินว่าตนจะมีส่วนร่วมด้วยก็ไม่โกรธอีกต่อไปนางยกยิ้มก่อนจะหยิบสุราไปหนึ่งจอก

ทั้งสองคนดื่มด้วยกันไม่นานนักสุราก็เกือบหมดไห

หลี่ชุนเกี่ยวเริ่มมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราจึงพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ “เฉินฉู่เกิน เจ้ามันคนไร้ค่า! สุราเพียงไหเดียวไม่อาจทําให้เมียของเจ้ามีความสุขได้หรอกไปเอามาให้ข้าอีกไหเดี๋ยวนี้!”

เฉินฉู่เกินยกยิ้มอย่างขมขึ้น “เจ้าพูดถูก… ข้ามันเป็นแค่คนไร้ค่าทว่าวันนี้ข้ารับรองว่าสุราอีกไหจะทําให้เจ้ามีความสุขได้อย่างแน่นอน!”

เมื่อกล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินเซเข้าไปในห้องแล้วยกสุรามาเพิ่มอีกหนึ่งไห

เมื่อวางสราไหที่สองลงเฉินฉู่เกินก็รู้ตัวว่าบัดนี้ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ําตา

“ชุนเกียว…ชีวิตของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจนไม่อาจทําให้เจ้ามีชีวิตที่ดีได้… มาข้าจะดื่มอวยพรให้เจ้า!”

หลชนเดียวยกยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะดื่มสุราไหที่สองอย่างอิ่มเอมส่วนเฉินฉ่เกินก็ดื่มสุราจากไหเดียวกับนางเช่นกัน

หลังจากกระดกสราแก้วนี้จนหมดแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฉู่เกินก็จางหายไปเขายกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ําตาที่กําลังรินไหลออกจากใบหน้าของตน

“ชุนเกียว… อย่ามาโทษว่าข้าใจร้าย! หลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในโอวาทของเจ้ามาโดยตลอดเพราะเกรงว่าเจ้าจะสร้างปัญหา ทว่าเจ้าไม่ควรทํากับลูกสาวของเราเช่นนี้นะรู้ไหม? ข้าพบลูกสาวของเราแล้ว บัดนี้นางเป็น… ช่างมันเถิด ไม่ว่าเราจะดิ้นรนสักเพียงไหนก็ไม่อาจช่วยลูกของเราได้! เพราะเราทั้งสองต่างก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนโหดร้ายอย่างเจ้าเมืองหลง”

หลี่ชุนเกี่ยวเบิกตากว้าง “เฉินฉู่เกิน ที่ว่าไม่อาจช่วยลูกของเราได้หมายความว่าอย่างไร? อันที่จริงหากรู้ว่าช่วยไม่ได้ก็ไม่จําเป็นต้องดิ้นรนหาทางหรอก… ขนาดข้าเป็นแม่แท้ๆ ของนางยังไม่อยากจะสนใจนับประสาอะไรกับเจ้าที่ไม่ใช่พ่อของนางด้วยซ้ํา”

บัดนี้เฉินฉู่เกินตกใจจนทําอะไรไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าสตรีผู้นี้เมาแล้วพูดไร้สาระหรือเมาแล้วพูดความจริงกันแน่เหตุใดนางจึงบอกว่าแท้จริงแล้วเฉินเจียวเจียวไม่ใช่ลูกของข้า?”

หลี่ซุนเกียวเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนี้หรอก หลังจากที่ข้าถูกหัวหน้าหมู่บ้านข่มขืนแล้วรู้ตัวว่าท้อง ข้าก็อยากคิดว่าเป็นลูกของเจ้าเหมือนกันทว่าน่าเสียดายที่มันไม่ใช่! ตั้งแต่แต่งงานกันเราก็ไม่มีลูกสักที่ข้าจึงไปปรึกษาหมอหมอบอกว่าไม่ใช่ความผิดของข้าทว่าเป็นความผิดของเจ้าเองที่ไม่อาจมีลูกได้”

“ข้าไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ เมื่อเจ้ารู้ว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเจ้าแล้วข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก ไอ้เวรเฉินซึ่งทําข้าท้องแล้วไม่รับผิดชอบ! ข้าก็ไม่อาจไปเอาเรื่องมันได้เสียด้วย! แม้ว่าข้าทําไม่ดีกับเจ้าไว้มากทว่าข้าเองก็เป็นคนช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากการสบประมาทของผู้อื่น เพราะก่อนหน้านั้นชาวบ้านต่างบอกว่าพวกเราไม่อาจมีทายาทไว้สืบสกุลได้ ฉะนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีทั้งหมด”

เฉินฉ่เกินมองจอกสุราในมือ หากเขารู้เรื่องนี้ก่อนเขาจะไปลากคอเฉินซ่ง มากระทืบเสียให้สาสม ทว่าเมื่อดื่มสุราจอกนี้ไปแล้วมันก็สายเกินกว่าจะทําสิ่งใดได้อีก

ทว่าเมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าไม่สูญเปล่า บัดนี้ลูกสาวของเฉินซึ่งกําลังตกอยู่ในชะตากรรมเลวร้ายเช่นนี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว

คิดได้ดังนั้นเฉินฉ่เกินก็เงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ขณะนี้ใบหน้าของหลี่ซุนเกียวซีดเผือดลงในทันทีเหงื่อเย็นเยียบผุดออกมาเต็มหน้าผากของนาง

“ข้าปวดท้องนักนี่… เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

เฉินฉู่เกินแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “เพราะในสุราไหนี้มีสารหนูผสมอยู่น่ะสิ! ข้าคิดว่าเฉินเจียวเจียวเป็นลูกสาวของข้ามาตลอด บัดนี้นางได้ชดใช้กรรมแล้วด้วยการไปเป็นโสเภณีในซ่อง! หลี่ชุนเกียว…เจ้ากับข้าถูกพันธนาการให้ใช้เวรใช้กรรมร่วมกันมาทั้งชีวิตบัดนี้ก็ถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว… ในอดีตข้าเคยรักเจ้ามาก่อน ทว่าบัดนี้ความรู้สึกทั้งหมดได้หายไปสิ้นเพราะข้าชดใช้บาปที่เคยทําไว้หมดแล้วในตอนนี้”

เมื่อเฉินฉู่เกินกล่าวจบเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขาทันที จากนั้นทั้งสองก็ซบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกัน

การเสียชีวิตของมนุษย์ถือเป็นเหตุการณ์สําคัญ ทว่ายากนักที่จะมีผู้ใดมาสุงสิงกับคนเกรี้ยวกราดอย่างหลี่ชุนเฉียว จึงไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าย่างกรายเข้าไปในเขตรั้วบ้านของนาง ชาวบ้านไม่ทันได้สังเกตว่าสองสามีภรรยาตายไปแล้วตั้งแต่สองวันก่อนจนกระทั่งเริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าโชย ออกมาจากบ้านนั้น

เมื่อชาวบ้านเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติแล้วตัดสินใจเข้าไปในบ้านก็พบว่าศพของทั้งสองเน่า แล้วบนพื้นบ้านจึงเต็มไปด้วยหนอนมากมายคลานยั้วเยี้ย ชาวบ้านหลายคนเมื่อได้เห็นภาพอุจาดตาเช่นนี้ก็ถึงกับอาเจียนออกมาทันที

ทว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้หยุนเถียนเถียนไม่ได้รับรู้เลย

อาจเป็นเพราะเจ้าเมืองหลงรู้ว่าหยุนเกียนเถียนเดาได้ว่าเขาเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังแผนร้ายทั้งหมด เขาจึงชิงหนีออกจากบ้านไปเสียก่อน แม้แต่หยุนเคอที่ใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่อาจรู้ว่าเจ้าเมืองหลงหายไปอยู่ที่ใด

ทว่าคนร้ายกาจเช่นนี้ก็เปรียบเสมือนระเบิดเวลา หากยังหาตัวไม่พบก็อาจจะมีภัยคุกคามอยู่ทุกที่

บ้านพักของนายน้อยหลี่ไม่ได้รับการคุ้มภัยเป็นพิเศษ เพราะองครักษ์ประจําตระกูลเป็นเพียงองครักษ์ขันธรรมดาทุกคนจึงตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองที่มีความปลอดภัยมากกว่า

ข้าหลวงหยิงอาศัยอยู่ในเมืองนี้มาสี่ห้าปีแล้ว เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่แสวงหาสิ่งใดเป็นพิเศษ ทว่าบัดนี้องค์รัฐทายาทมาถึงที่นี่และจะมาพํานักอยู่ที่บ้านของตนเขาจึงเกิดความมักใหญ่ใฝ่สูงขึ้นมาทันที

เขาพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อเอาใจมู่หรงซื้อด้วยความใฝ่ฝันว่าตนจะเป็นที่โปรดปรานของผู้มีอํานาจ เพื่ออาศัยเป็นหนทางให้ชีวิตของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้น เขาดีใจนักที่จะมีโอกาสใกล้ชิดกับรัฐทายาทที่ย้ายออกมาจากบ้านพักของนายน้อยหลี่ชั่วคราว

เขาไม่อยากจะเป็นเพียงข้าหลวงที่ได้รับเงินพอยาไส้ไปวัน ๆ เท่านั้น บัดนี้รัฐทายาทจะมาที่นี่พร้อมกับอ๋องล่วย แม้อ่องล่วยจะหายสาบสูญไปจาก ราชสํานักเป็นเวลานานแล้ว ทว่าทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าเขาคือโอรสองค์โตของจักรพรรดิ

องค์ชายทั้งสองจึงถือได้ว่าเป็นพี่น้องกัน แม้จะไม่ได้เกิดจากแม่คนเดียวกันทว่าก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยฮองเฮาเช่นเดียวกันพวกเขาต่างเติบโตมาในฐานะองค์ชายสิ่งสําคัญที่สุดคือแม้ว่าอ๋องล่วยจะหายตัวไปหลายปีแล้ว ทว่าจักรพรรดิก็ยังคงรับสั่งให้ตามหาเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง

“หากทําให้รัฐทายาทและอ๋องล่วยพึงพอใจในตัวข้าได้ในฐานะผู้อํานวยความสะดวกในเมืองนี้ ก็คงจะดีไม่น้อย

เมื่อข้าหลวงหยิ่งคิดได้ดังนั้นก็ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นไม่เพียงแต่จัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุด ทว่ายังจัดองครักษ์ฝีมือดีพร้อมผู้ติดตามรับใช้ที่ดีที่สุดไว้ให้ด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินมาว่ามีสตรีจะมาอาศัยอยู่ด้วยเขาจึงตัดสินใจยกห้องนอนส่วนตัวที่ดีที่สุดของลูกสาวตนให้นางได้ใช้เป็นที่พํานัก

หยิงอิงเอ๋อเป็นลูกสาวสุดที่รักของข้าหลวงหยิงและนางยังเป็นลูกสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ของเขาด้วย บัดนี้ถึงวัยที่นางจะต้องมีคู่ครองแล้ว ทว่าในเมืองเล็ก ๆ เช่นนั้นก็ยังไม่มีชายใดที่ถูกตาต้องใจนางเลยแม้สักคนเขาจึงพาลูกสาวมาอยู่ที่นี่ด้วยชั่วคราว

หยิงอิงเอ๋อมองชายหนุ่มในเมืองนี้ด้วยสายตาดูแคลน นางตั้งตารอให้พ่อของนางถูกย้ายกลับไปยังเมืองหลวงอย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่นางจะได้มีโอกาสพบปะชายหนุ่มที่มีอํานาจและคู่ควรกับตนมากกว่านี้

ตอนที่ 351 เลี้ยงไม่เชื่อง

ขณะนี้เฉินเจียวเจียวกําลังหิวจัดเสียจนไม่สนว่าเฉินฉ่เกินนําเพียงข้าวเปล่ามาให้

นางรีบคว้าชามข้าวมาพัยเข้าปากอย่างรวดเร็วจนสําลักข้าวตาเหลือก ทว่าก็ยังไม่ยอมวางชามข้าวในมือลงก่อนจะรีบกินต่อทันที

ภาพที่เห็นทําให้บุรุษอกสามศอกอย่างเฉินฉ่เกินถึงกับต้องกลั้นน้ําตา เหตุใดนางจึงปล่อยให้ลูกสาวต้องตกอยู่ในสภาพย่าแย่ถึงเพียงนี้ด้วย?” เขารู้สึกขุ่นเคืองภรรยาของตนขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง ทว่าก็ยังคงไม่กล้าแข็งข้อกับนางเช่นเดิม

เฉินเจียวเจียวคิดว่าตนไม่จําเป็นต้องเอ่ยขอบคุณพ่อของนางสําหรับข้าวชามนี้

“ท่านพ่อดูเอาเถิด… แม่ของข้าไม่สนใจแม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง บัดนี้เงินในบ้านทั้งหมดก็ถูกแม่ริบไปหมด ข้าจึงเกรงว่าหากท่านแก่ตัวไปชีวิตของท่านอาจต้องตกระกําลําบาก”

เฉินฉ่เกินก้มหน้าลงไม่ได้เอ่ยค่าใด เขาใช้ชีวิตมาหลายปีโดยไม่สนใจว่าตนจะมีเงินเหลือไว้ใช้ยามชราหรือไม่

เฉินเจียวเจียวไม่ภูมิใจสักนิดเมื่อเห็นว่าพ่อของตนอยู่ในโอวาทของแม่มาโดยตลอด ทว่านาง นึกดูถูกเหยียดหยามอยู่ในใจ

“ท่านพ่อ วันนี้แม่ปฏิบัติต่อลูกสาวแท้ ๆ ของตนเช่นนี้ หากในอนาคตท่านแก่ชราเสียจนไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้ด้วยตนเอง ข้าเกรงว่าแม่คงจะปล่อยท่านอยู่ตามยถากรรมแน่นอน! หากข้าหายดีแล้วก็จะหาทางหนี้หน้าแม่ไปด้วยการแต่งงานใหม่กับชายผู้โง่เขลาสักคนหนึ่งในอนาคต แม้ข้าจะเคยมีประวัติด่างพร้อยทว่าก็ไม่สําคัญหรอกเพราะอย่างไรเสียก็ต้องมีคนยอมแต่ งกับข้า ทว่าท่านพ่อ…ข้าเป็นห่วงท่านเหลือเกิน”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ตราบใดที่พ่อสามารถทํางานหาเงินได้แม่ของเจ้าจะไม่มีวันทิ้งพ่อแน่นอน เช่นนี้แล้วจะเป็นไปได้หรือที่นางจะปล่อยให้พ่อต้องอดตายยามแก่เฒ่า?”

เฉินเจียวเจียวกลอกตาบน นางคิดไว้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความคิดของพ่อผู้อยู่ใต้อานาจของภรรยามาตลอดชีวิตได้ภายในชั่วครู่

ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นหน้าประตูบ้าน ดูเหมือนว่าหลี่ชุนเกียวกลับมาแล้ว เฉินฉ่เกินจึงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วซ่อนชามข้าวไว้ใต้เตียง

“อย่าพูดจากวนใจแม่ของเจ้าด้วย มิฉะนั้นชีวิตของเจ้าอาจแย่ลงกว่าเดิม! รอแม่ของเจ้าไม่อยู่บ้านก่อนพ่อจึงจะเอาอาหารมาให้เจ้าอีกพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายเจ้าดีขึ้นเถิด”

เดิมที่ร่างกายของเฉินเจียวเจียวก็อ่อนแออยู่แล้ว แม้ว่านางจะกินข้าวไปหนึ่งชามทว่าร่างกายของนางก็ยังไม่อาจฟื้นฟูได้ภายในชั่วครู่เดียว หลังจากได้ฟังคําพูดของพ่อแล้วนางก็หลับตาลงอีกครั้ง พลางคิดว่ายังไม่อาจรีบร้อนทําตามใจได้ในตอนนี้

เดิมที่หมู่บ้านเทพธิดายากจนข้นแค้นนัก ทว่าบัดนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เพราะโรงงานเนื้อตากแห้งและสวนผักของหยุนเกียนเถียน ตลอดจนเกวียนที่คอยบรรทุกข้าวสาลีออกไปขายนอกหมู่บ้าน

มีเพียงสองครอบครัวเท่านั้นที่มีความเป็นอยู่สวนทางกับความเจริญมั่งคั่งของคนในหมู่บ้าน นั้นก็คือครอบครัวของเฉินซ่งและเฉินฉ่เกิน

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะลูกสาวของพวกเขานั่นเอง ครอบครัวอื่นที่มีลูกสาวจึงเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดเพราะเกรงว่าลูกของตนจะประพฤติตัวเหมือนลูกสาวของทั้งสองครอบครัวนั้น

แม้แต่หลี่ชุนเกียวก็คาดไม่ถึงว่าเฉินเจียวเจียวจะสามารถลงมือทําเรื่องน่าเหลือเชื่อกว่าเดิมได้

ช่วงที่เฉินเจียวเจียวยังร่ํารวยนางก็มอบเงินทองทั้งหมดให้แม่ของตน แม้ว่าจะทําให้เกิดข้อครหาซุบซิบนินทามากมายก็ตาม เมื่อถึงคราวที่นางไม่มีเงินแล้วจู่เกินฮูหยินก็ก็แทบจะตัดนางออกจากกองมรดกไปเลย แม่เพียงแค่เข้ามาดูนางเป็นระยะพร้อมทิ้งหมั่นโถวเย็นชืดไว้ให้เพียงสองลูกเพื่อให้แน่ใจว่านางจะไม่อดตาย

แม้ว่าเฉินฉ่เกินจะคอยดูแลนางอยู่บ้างทว่าก็ยังไม่อาจทําในสิ่งที่นางต้องการได้ คืนหนึ่งเฉินเจียวเจียวก็ทนไม่ไหวจนตัดสินใจหนีไปในที่สุด

เพียงแค่นางก้าวเข้ามาในเมืองก็ประจันหน้ากับเจ้าเมืองหลงและลูกสมุนของเขาทันที

“ว่าอย่างไรแม่นางเฉิน… กําลังคิดจะไปที่ใดหรือ? เจ้ารับเงินไปแล้วทว่าทําแผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า! เจ้าคงไม่คิดว่าจะหนีจากเจ้าเมืองหลงของข้าได้ง่าย ๆ ใช่หรือไม่?”

เฉินเจียวเจียวตกใจแทบสิ้นสติ “ข้าสูญเสียลูกไปแล้ว พวกเจ้ายังต้องการสิ่งใดจากข้าอีก? แม้แผนจะพังทว่าข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกันดังนั้นก็ถือว่าหายกันแล้ว!”

เจ้าเมืองหลงยกยิ้มทว่ารอยยิ้มของเขาครั้งนี้ช่างดูเหี้ยมเกรียมกว่าครั้งก่อนนัก

“เฉินเจียวเจียว เจ้าทําให้เงินของข้าสูญเปล่าใช่หรือไม่? คิดว่าข้าหาเงินได้ง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ? จงนําตัวนางไปไว้ที่ซ่องโสเภณีจนกว่าจะหาเงินมาชําระหนี้ได้! ไม่ต้องกังวลไป… เจ้าควรสํานึกบุญคุณของข้าด้วยซ้ําที่ช่วยชีวิตเจ้าเช่นนี้!”

เจ้าเมืองหลงแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ทันใดนั้นก็มีคนมาจับแขนเฉินเจียวเจียวไปทันที จากนี้ไปหมู่บ้านเทพธิดาจะไม่มีสตรีที่ชื่อว่าเฉินเจียวเจียวอีกแล้ว ทว่าในเมืองใกล้เคียงก็มีโสเภณีโฉมงามคนใหม่ชื่อว่าแม่นางเจียวเหมย

เรื่องมันช่างบังเอ็ญเสียเหลือเกิน หลังจากเฉินเจียวเจียวหายตัวไป จู่ ๆ เฉินฉ่เกินก็เปลี่ยนนิสัยไปจนเกือบจะเป็นคนละคน เขาทุบตีภรรยาของตนอย่างรุนแรงแล้วยึดเงินทั้งหมดในบ้านไว้กับตัวเอง

ความเจ็บปวดอันเกิดจากการสูญเสียลูกสาวไปทําให้เขาเริ่มร่าสุราและเที่ยวเตร่นอกบ้าน ในที่สุดวันหนึ่งเขาก็ผ่านซ่องโสเภณีและถูกแม่เล้าคะยั้นคะยอให้เขาเข้าไป

เมื่อเข้ามาในซ่องแล้วเฉินฉ่เกินขี้เมาก็เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นหน้านักสตรีคน นั้นก็คือเฉินเจียวเจียวผู้เป็นลูกสาวของเขานั่นเอง

เฉินเจียวเจียวเปลี่ยนไปจนแทบจะจําไม่ได้ รูปลักษณ์ของนางเกือบไม่มีเค้าเดิมหลงเหลืออยู่เลยเพราะใช้เครื่องสําอางค์หนาเตอะตบแต่งใบหน้างามของตนจนดูเปลี่ยนไปบัดนี้นางกําลังพิงกายในอ้อมแขนของชายชราผู้หนึ่งอยู่

เฉินฉ่เกินไม่อาจกล่าวคําใดออกมาได้ เขาเกรงว่าจะทําให้ลูกสาวต้องอับอายขายหน้าจึงรีบเดินหนีออกจากช่องผ่านทางประตูหลังอย่างสิ้นหวัง

เดิมที่เมื่อเฉินฉ่เกินเห็นว่าลูกสาวของตนหนีออกจากบ้านไปเช่นนี้ก็ไม่รู้จะหาทางออกเช่นไรในที่สุดเขาก็ไม่อาจยอมอยู่ใต้อํานาจของหลี่ชุนเกียวได้อีกต่อไปจึงเริ่มแข็งข้อกับนางเพื่อระบายความคับข้องใจ

ทว่าบัดนี้ความคับข้องใจเหล่านั้นกลับกลายเป็นความเกลียดชัง หากไม่ใช่เพราะสตรีผู้นั้นไม่ยอมใส่ใจลูกแท้ ๆ ของตนแล้วลูกสาวของข้าจะกลายเป็นโสเภณีเช่นนี้หรือไม่? บ้านนี้นอกจากนางแล้วจะไม่สามารถมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ได้เลยหรือ?”

เฉินฉ่เกินนึกย้อนไปแล้วก็โกรธตัวเองนักที่ไร้ประโยชน์มาทั้งชีวิต แม้บัดนี้เขาจะกล้าต่อต้านภรรยาทว่าสุดท้ายเขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะช่วยชีวิตลูกสาวของตน

เขาไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับลูกสาวของตัวเอง อีกทั้งยังกลัวว่าหากเข้าไปช่วยแล้วจะต้องเผชิญกับสายตาเยาะเย้ยของคนรอบข้างด้วย

เขาอยากให้ลูกสาวรอดพ้นจากชะตากรรมนันทว่าก็ไม่กล้าไปช่วย ความเจ็บปวดทรมานกัดกินหัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดเฉินฉ่เกินก็เดินเข้าไปในร้านขายยาก่อนจะกลับออกมาด้วยรอยยิ้มโล่งใจ

หลีชุนเกียวทําได้เพียงนั่งอยู่ที่บ้าน อาจเป็นเพราะนางไม่อาจไปไหนได้โดยไม่มีเงินติดตัวหรือไม่ก็เกรงว่าจะถูกคนอื่นเยาะเย้ยทันทีเมื่อเห็นนางก้าวเท้าออกจากบ้าน นางเคยเป็นใหญ่ในบ้านมาทั้งชีวิตทว่าบัดนี้สามีที่เคยหัวอ่อนกลับลุกขึ้นมาแข็งข้อซึ่งแน่นอนว่าแท้จริงแล้วนางไม่อาจสู้เขาได้

บัดนี้เฉินฉ่เกินเดินยกยิ้มเข้าบ้านมาพร้อมเนื้อในมือ หลี่ซุนเกี่ยวเห็นดังนั้นก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองขึ้นมาท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังต้องอยู่ใต้อานาจข้าอยู่ดี แม้ว่าเขาจะซื้อของมาให้ทว่ายังไม่ยอมเอ่ยคําขอโทษก็ตาม

เฉินฉ่เกินไม่สนใจท่าที่ทิ้งตึงของนางทว่ากลับเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “ชุนเกียว…เฉินเจียวเจียวได้หายตัวไปแล้วต่อไปนี้เราก็มาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขเถิด”

“แน่นอนสิ มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ยังตามหานางอยู่ มีลูกสาวที่น่าละอายเช่นนี้เจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือเมื่อต้องออกไปข้างนอก? อีกทั้งข้ายังคิดด้วยว่าข้าควรจะเป็นคนถือเงินในบ้านเหมือนเดิม มิฉะนั้นชีวิตครอบครัวของเราก็คงไม่มีทางมีความสุขหรอก!”

สีหน้าของเฉินฉ่เกินเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงเผยรอยยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่าเดิม

เขาหยิบถุงเงินออกจากแขนเสื้อก่อนจะยื่นให้นาง “ก็ได้ แล้วแต่เจ้าเลย! ข้าไม่ได้ลิ้มรสอาหารฝีมือเจ้ามานานแล้วข้าซื้อเนื้อมาให้ด้วยไปทําอาหารอร่อย ๆ มากินกันเถิด”

หลชนเกียวยกยิ้มอย่างมีชัย “เฉินฉ่เกิน วันนี้เจ้าทําตัวดีมาก… เชื่อฟังข้าแบบนี้ไม่ดียังไงหรือ? ยิ้ม! เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่องเสียจริง”

ตอนที่ 350 ครอบครัวรันทด

สีหน้าของมู่หรงป๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากําลังจะพูดต่อทว่าก็นึกถึงสิ่งที่หยุนเถียนเถียนเคยพูดกับเขาขึ้นมาได้

แม้ว่าแม่ของเขาจะดูใจกว้างทว่านางได้บอกแก่เขาก่อนที่จะจากมาว่า หากพบลูกของหยุนจึงเอ๋อให้รีบกําจัดทิ้งเสีย ถึงจะมีความเป็นไปได้สูงว่าหากหยุนจึงเอ๋อให้กําเนิดบุตรชายแล้วย่อมจะส่งผลต่อสถานะของเขาในอนาคต ทว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามความคิดเช่นนี้ก็แสดงชัดถึงเจตนาอันเห็นแก่ตัว

“ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวหรือเพราะความเกลียดชังหยุนจึงเอ่อก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจเจตนาอันแท้จริงของแม่ ก็ไม่อาจรับรองความปลอดภัยของหยุนเถียนเถียนในพระราชวังอวี่หยางได้

มู่หรงหยุนเคอเห็นว่ามู่หรงป๋อไม่อาจโต้เถียงได้ เขายังถือว่าเห็นแก่มิตรภาพสมัยเด็กจึงไม่ได้กล่าวถ้อยคํารุนแรงมากจนเกินไป

“ก็ได้ เจ้าจะมาอยู่ที่บ้านพักของนายน้อยหลีก็ได้นะ จักรพรรดิองค์นี้ไม่อาจอยู่ค้ําฟ้าได้ตลอดหรอก! ในเมื่อบัดนี้เจ้ารู้แล้วว่าสตรีผู้นี้เป็นน้องสาวของเจ้าข้าก็ย่อมโล่งใจเป็นธรรมดา ทว่าหากเจ้ามีความคิดร้ายแอบแฝง ข้าก็เกรงว่าแม้แต่พระราชวังอวหยางก็คงไม่อาจรับมือข้าได้”

มู่หรงป้ออดไม่ได้ที่จะตอบกลับอย่างแข็งกร้าว “อย่างไรเสียเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จําเป็นหรือที่จะต้องสนทนากันอย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้? ข้าคิดว่าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะกลับไปตั้งนานแล้ว”

มู่หรงหยุนเคอกล่าวเย้ย “เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้ามีสติมากขึ้น ข้ามองจิตใจของผู้คนได้ทะลุปรุโปร่งมากกว่าเดิมจึงต้องป้องกันตัวเองมากกว่าเมื่อก่อน ใครว่าฮองเฮาองค์ปัจจุบันมีคุณธรรมกันเล่า? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเบื้องหลังนางได้กระทําสิ่งใดไว้บ้าง!”

มู่หรงป๋อตะลึงงัน ภาพลักษณ์ภายนอกของฮองเฮาเป็นผู้มีคุณธรรมเสมอมา ในอดีตนางก็ปฏิบัติดต่อมู่หรงหยุนเคอราวกับเป็นโอรสของนางเอง ทว่าเหตุใดบัดนี้เขาจึงกล่าวออกมาเช่นนั้น?”

มู่หรงป่อยังคงไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแน่ชัดนัก ทว่าหยุนเถียนเถียนกลับเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

ในวังมีสตรีมากมายทว่ามีจักพรรดิเพียงองค์เดียวเท่านั้น จึงเป็นธรรมดาที่สตรีเหล่านี้ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ หากฮองเฮาเป็นผู้ไร้เดียงสาและเปี่ยมด้วยคุณธรรมจริง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถนั่งในตําแหน่งฮองเฮาอย่างมั่นคงมาเป็นเวลาหลายปีเช่นนี้

ชื่อเสียงที่ดีไม่อาจการันตีได้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนดีอย่างแท้จริง มันอาจเป็นเพียงการปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้ใต้หน้ากากอย่างแนบเนียนก็ได้

ดูเหมือนว่ามู่หรงหยุนเคอจะไม่ต้องการพูดต่อ ทว่าร่างกายของเขายังคงแผ่รัศมีเย็นเยียบออกมาเสียยิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นกระทบจิตใจของเขามากพอสมควร

เมื่อหยุนเสียนเถียนเห็นดังนั้นก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย บางทีในตอนแรกเขาอาจไม่ใช่คนเย็นชา ทว่าหลังจากที่เขาต้องประสบกับเรื่องราวอันเจ็บปวด เขาจึงใช้ความเย็นชาเป็นเกราะปกป้องตนเอง

“เอาล่ะ! เฉินเจียวเจียวถูกส่งตัวกลับไปแล้วต่อไปก็อาจจะมีคนอื่นมาเล่นงานข้าอีกก็ได้คิดว่า มือมืดที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือใครหรือ? ข้าคิดว่าคงหนีไม่พ้นเจ้าเมืองหลงแน่”

เฉินเจียวเจียวถูกส่งกลับหมู่บ้านทันที แน่นอนว่านางไม่ได้ถูกส่งกลับมาโดยหยุนเถียนเถียน ทว่าถูกคนในหมู่บ้านเทพธิดาพานางกลับมา

เมื่อฉ่เกินฮูหยินมองเห็นร่างอันซีดเซียวของลูกสาว สิ่งแรกที่นางทําคือคิดบัญชีกับคนที่หามลูกของนางมาส่ง เพราะคิดว่าลูกสาวของตนต้องถูกคนเหล่านี้กลั่นแกล้งรังแกแน่นอน มิฉะนั้นจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?

บัดนี้ชื่อกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เพราะนางได้เก็บค่าเช่าที่ดินที่หยุนเถียนเถียนทิ้งไว้ให้จนมีเงินสร้างบ้านใหม่ได้

แน่นอนว่าจีชื่อย่อมไม่พลาดมหรสพเรื่องเยี่ยมเช่นนี้

เมื่อนางเห็นฉ่เกินฮูหยินนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนพื้น นางก็ต้องการรู้ทันทีว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น

นางจึงโพล่งถามออกไปทันที เมื่อรู้คําตอบก็กล่าวว่า

“อ้าว! ถามไม่ชัดเองแล้วก็ไปกล่าวโทษผู้อื่น ลูกสาวของเจ้าเป็นสตรีเช่นไรกันแน่… เอาแต่นอนพุงโย้อยู่ในบ้านทว่าจู่ ๆ ก็ไปสร้างเรื่องนอกบ้านอีก มีคนพามาส่งบ้านเช่นนี้ก็น่าจะดีแล้ว”

ฉู่เกินฮูหยินตอบกลับด้วยความโมโห “ข้าไม่สน! ข้าเป็นคนบอกให้นางออกไปทํางานนอกบ้านก็จริง ทว่าบัดนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นจนนางถึงกับแท้งลูก เนื่องจากพวกเจ้าเป็นคนนําตัวนางกลับมาก็แสดงว่าต้องเป็นฝีมือของพวกเจ้าแน่!”

เฉินจวินผู้เป็นลูกชายของเฉินเอื้อชูโต้กลับอย่างรุนแรงทันที “พวกเราอุตส่าห์จะเก็บเรื่องน่าละอายที่นางทําไว้เป็นความลับ ทว่าในเมื่อเจ้ามากล่าวโทษกันเช่นนี้พวกข้าก็คงเสียใจหากไม่ได้เปิดเผยเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนได้รับรู้

“ฉ่เกินฮูหยิน อย่าคิดนะว่าจะมีใครเวทนาเจ้า! พวกข้าไม่เคยไปยั่วยุครอบครัวของเจ้าเลย ทว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าในครอบครัวเจ้ามีสุนัขตัวเมียที่น่ารําคาญที่สุดอยู่ด้วย? ลูกสาวของเจ้าแบกพุงโก้ ของนางไปถึงฟูเฉิงเพื่อไปหาเรื่องแม่นางหยุน”

“นางบอกว่าเด็กในท้องของนางเป็นลูกของหยุนเคอ ข้านึกแล้ว… นางคงไม่ได้เพิ่งมาตกหลุม รักหยุนเคอหลังจากเห็นว่าหลี่เพิ่งล้มละลายใช่หรือไม่? คิดหรือว่าคนเช่นหยุนเคอจะหลงกลนาง? สุดท้ายนางถูกล้มทับจนต้องสูญเสียลูกไป ข้าเกรงว่านางจะถูกรังแกอีกจึงช่วยพากลับมา ทว่าบัดนี้เจ้ากลับมาโทษว่าเป็นความผิดของพวกเรา เช่นนั้นพวกข้าน่าจะปล่อยให้นางนอนตายอยู่ในฟูเฉิงนั่นแหละ”

ฉ่เกินฮูหยินตกตะลึง “เงินของเฉินเจียวเจียวหมดไปนานแล้ว ระยะทางจากหมู่บ้านถึงฟูเฉิงนั้นไกลนักแล้วนางเดินทางไปที่นั่นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะยังคงซ่อนเงินเอาไว้?”

นางเก็บงําความสงสัยนี้ไว้ในใจและไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องให้คนอื่นมายุ่งเรื่องนี้ นางจึงทําได้เพียงขอให้คนเหล่านั้นช่วยหามลูกสาวของนางเข้าไปไว้ในบ้าน

เมื่อเฉินเจียวเจียวตื่นขึ้นมานางก็พบว่าได้นอนอยู่ในห้องของตนแล้ว เมื่อก่อนพ่อแม่มองว่านางเป็นคนสําคัญในครอบครัว ทว่าบัดนี้นางบาดเจ็บปางตายกลับไม่มีผู้ใดมาสนใจ

ขณะนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่าฉ่เกินฮูหยินเกิดมาเพื่อเห็นแก่ตัวโดยแท้ “เมื่อก่อนมาทําดีกับข้าก็เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์จากสินสอดทองหมั้นและการเลี้ยงดูในยามแก่เฒ่าเท่านั้น

“ความบาดหมางระหว่างแม่และลูกสาวสามารถก่อให้เกิดความแตกแยก จนเห็นได้ชัดว่าแม่แสร้งทําดีกับข้าเพื่อเงินเท่านั้น… ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของแม่ช่างน่ารังเกียจนัก

“บัดนี้ข้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวอีกทั้งยังไม่อาจช่วยทําประโยชน์อะไรได้ ถึงแม้ตอนนี้ ร่างกายข้าจะเย็นชืดและแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อทว่าก็ไม่มีใครสนใจข้าเลย

เฉินเจียวเจียวหลั่งน้ําตาด้วยความเจ็บปวด คนเป็นแม่สามารถเห็นแก่ตัวจนทํากับลูกในไส้ได้ ถึงเพียงนี้! ในเมื่อแม่ไร้ซึ่งความเมตตาต่อลูกข้าก็จะไม่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตนอีกต่อไป”

ฉ่เกินฮูหยินมีอํานาจมากนัก จะเห็นได้จากการที่นางล้มเหลวในการให้กําเนิดลูกชาย ทว่าก็ยังทําให้เฉินฉ่เกินผู้เป็นสามีอยู่ในโอวาทของนางมาโดยตลอดได้

แม้ว่าเฉินฉ่เกินจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงใด ทว่าเมื่อเห็นลูกสาวถูกทําร้ายเช่นนี้เขาก็ทรมานใจนัก ด้วยความที่ปกติแล้วเขาเป็นคนว่าง่ายจึงไม่กล้าขัดขืนภรรยาของตน

เขาฉวยโอกาสเมื่อภรรยาไม่อยู่รีบเข้าไปในห้องของลูกสาวพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

“เจียวเจียวลูกพ่อ… พ่อรู้ว่าเจ้าทําผิดทว่าพ่อไม่อาจทนดูอย่างเดียวได้จริง ๆ แม่ของเจ้าสติวิปลาสหนักขึ้นทุกวัน แม้แต่ลูกสาวคนเดียวของนางยังไม่สนใจ!”

“เพียงแต่พ่อไม่มีทางอื่นจึงต้องจ่ายอมนาง ลุกมากินข้าวก่อน”

ตอนที่ 349 ไม่ยอมปริปาก

หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีสตรีที่ไม่แยแสลูกของตัวเอง

“ไม่เป็นไร ต่อให้เจ้าจะอยากรักษาไว้เด็กคนนี้ก็จากไปแล้ว ทว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะปกป้องคนที่ทําให้เจ้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาไม่ได้สนใจไยดีชีวิตเจ้ากับเด็กในท้องเลยแม้แต่น้อย!”

เฉินเจียวเจียวเผยรอยยิ้มขมขึ้น “อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจทําอะไรคนผู้นั้นได้หรอก แม้แต่เจ้า ข้าก็ยังกลัวว่าสักวันหนึ่งจะต้องทุกข์ทรมานด้วยน้ํามือของเขา ช่างมันเถิด! หยุนเกียนเถียน… วันนี้เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ดังนั้นจากนี้ไปข้าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกแล้ว ทว่าหากเจ้าต้องการมีชีวิตที่สงบสุขแล้วล่ะก็… จงอย่าพยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้วางแผนใส่ร้ายเจ้าในวันนี้!”

จนถึงบัดนี้เฉินเจียวเจียวก็ยังคงหัวแข็ง หยุนเถียนเถียนรู้สึกหมดหนทางที่จะเจรจาต่อ ในเมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้แล้วก็ไม่อาจเค้นเอาคําตอบจากนางได้อีก

หมอรีบวิ่งมาทันที ขณะที่มู่หรงป้อผู้เป็นโอรสของจักรพรรดิแห่งอวหยางก็มาถึง

หมอนั่งลงกับพื้นทันที่เพื่อตรวจดูอาการของสตรีมีครรภ์ท้องแรกผู้นี้ หยุนเสียนเถียนกําลังคิดจะหากระโจมมาช่วยบังแดดให้เฉินเจียวเจียว

ทว่ามู่หรงซื้อรีบวิ่งมาหาก่อนจะถามหยุนเถียนเถียนทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง? มีคนมากวนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าไม่รีบบอกข้าก่อน?”

หยุนเสียนเกียนยกยิ้มอย่างขมขึ้น “สตรีผู้นี้ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมารบกวนข้า หากข้าสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ข้าก็คงรีบบอกท่านไปแล้ว วันนี้มีใครบางคนวางแผนส่งนางมาใส่ร้าย ข้า… บัดนี้ยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนผู้นั้นคืออะไร”

มู่หรงป๋อได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะช่วยชีวิตสตรีร้ายกาจเช่นนี้? บางทีเจ้าอาจกําลังช่วยชีวิตงูเห่าอยู่ก็ได้”

“แม้ว่าข้าจะถูกใครบางคนจงใจผลักให้ล้ม ทว่าทุกคนก็เห็นเต็มสองตาว่าข้าเป็นคนล้มทับนาง ข้าเองก็รู้สึกผิดที่มีส่วนทําให้นางต้องบาดเจ็บ ปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่ข้าเกลียดชังที่สุดข้าย่อมไม่แก้แค้นด้วยวิธีรุนแรงถึงเพียงนี้”

เมื่อหยุนเกียนเถียนกล่าวจบก็ก้มหน้าถามว่า “เฉินเจียวเจียว… เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเฉินไฉ่อีจึงต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วง?”

เฉินเจียวเจียวตื่นตระหนกก่อนละล่ําละลักถาม “หรือนี่จะเป็นผลงานชิ้นเอกของเจ้า?”

หยุนเกียนเถียนส่ายหน้าอย่างสงบ “ข้าไม่ได้ทําอะไรเลย! นางเพียงแค่ต้องการจะทําร้ายข้า ด้วยสารพัดวิธีของนางเอง ทว่านางไม่เชื่อคําพูดของข้าจึงต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายเช่นนั้น… เจ้าไม่ยอมปริปากบอกความจริงแล้วข้าจะแก้แค้นให้ลูกของเจ้าที่ตายไปได้อย่างไร?”

เฉินเจียวเจียวขัดจังหวะ “เฉินไฉ่อต้องโงถึงเพียงไหนกันจึงจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดได้?”

หยุนเสียนเถียนยักไหล่ “เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หากในอนาคตเจ้ามีโอกาสก็ลองถามนางดูเองสิ!”

อันที่จริงหยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ตราบใดที่มนุษย์อับจนหนทางทว่ายังคงมีความปรารถนาในใจก็ย่อมเชื่อคําแนะนําจากผู้อื่นทั้งนั้น เฉินไฉ่อผู้มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความเกลียดชังยอมทําทุกอย่างเพื่อแก้แค้นหวงฉือ แม้แต่การยอมมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหลินฮั่นจินในตอนท้ายของชีวิตก็ตาม

น่าเสียดายเพราะคนที่นางต้องการจะเอาคืนกลับยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ทว่าความอับอายขายหน้าจากเรื่องฉาวโฉ่ที่นางได้กระทําไว้ก็ยังคงเป็นที่โจษจัน แม้ว่านางจะสิ้นลมไปแล้วก็ตาม

เฉินเจียวเจียวพูดขึ้นเสียงเบาเหมือนรําพึงกับตัวเอง “ข้าคิดว่าเฉินเต่ออันเป็นคนซื่อเกินไปทําให้บัดนี้ทั้งตัวเขาเอง ภรรยาและแม่ของเขามีชีวิตที่ยากล่ามากนัก”

“มีเหตุผลมากเพียงใดที่จะทําให้ภรรยาของเฉินเต่ออันคิดจะแต่งงานใหม่? ที่นางบาดหมางกับแม่สามีก็เพราะเฉินไฉ่อผู้เป็นน้องสาวของสามีตน บัดนี้ครอบครัวของพวกเขากําลังเผชิญปัญหาหนัก”

“แล้วเจ้าจะจัดการกับข้าอย่างไรเล่า? ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองทั้งนั้น พวกเขาตัดสินใจทําเรื่องพวกนี้ด้วยตนเองก็ย่อมต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ เช่นนี้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับคําพูดของเจ้าด้วย?”

เฉินเจียวเจียวกล่าวประชดประชัน บัดนี้นางไม่มีความละอายเหลืออยู่อีกแล้ว แม้ว่านางจะอยู่ ในกระโจมทว่าก็ยังโผล่หน้าออกมาข้างนอก ทุกคนที่มามุงดูต่างรู้ว่าขณะนี้หมอกําลังจัดการกับร่างกายส่วนล่างของนางอยู่

จากนี้ไปแม้ว่านางจะยังมีชีวิตรอดทว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกันนัก

“เรื่องที่พวกเขาสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าก็จริง ทว่าข้าจําได้ว่าเฉินเต่ออันไม่เคยทําให้เจ้าขุ่นเคืองเลย อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือเจ้าตลอดด้วย ส่วนเฉินซ่งก็เคยเมตตา เจ้ามาก่อน สุดท้ายเจ้าก็ยังปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าทุกคนก็เป็นเช่นนี้กันหมด เมื่อแผนการร้ายของตนล้มเหลวก็หันกลับมาโทษข้าว่าเป็นตัวต้นเหตุ อีกทั้งยังโยนความผิดให้ข้าว่าเป็นผู้ทําให้เกิดเหตุการณ์ชีวิตพังของพวกเจ้าอีก เช่นนี้แล้วข้าควรยอมรับความผิดที่ข้าไม่ได้ก่ออย่างนั้นหรือ?

“เป็นความผิดของพ่อแม่ที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกสาวของตนให้ดี! ส่วนเฉินเต่ออันก็เป็นพี่ชายที่ตามใจเฉินไฉ่อมาแต่ไหนแต่ไรจนนางเสียนิสัย ต่อให้ข้ากับเจ้าจะไม่พูดทว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องนี้ดี เขาคอยให้ท้ายเฉินไฉ่อเมื่อนางทําสิ่งผิดจึงต้องรับกรรมเช่นนี้… เจ้ามีอะไรจะเถียงอีกหรือไม่?”

“อีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าไม่อาจมาโทษข้าได้ก็คือใครบอกให้เขาทําชีวิตตัวเองราวกับจะตายตามองสาวไปเช่นนี้เล่า!”

ตอนแรกเหล่าชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้เฉินเจียวเจียว ทว่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ของอําเภอเดินทางมาถึงก็เกิดความรู้สึกเกรงกลัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

แม้แต่หยุนเถียนเถียนและเฉินเจียวเจียวก็หยุดการสนทนาทันที ทุกคนจึงไม่ได้ยินเสียงของพวกนางอีกแล้ว

“เอาล่ะ บาดแผลของเจ้าได้รับการรักษาแล้ว วันนี้เจ้าเดินทางมาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายให้ข้าสําเร็จตามใจปรารถนาของเจ้า ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียลูกในท้องไปซึ่งเป็นผลกรรมของเจ้าเอง… แน่นอนว่าในใจเจ้าคงจะโทษว่าเป็นความผิดของข้า ทว่าข้าไม่สนใจหรอกเพราะเจ้าไม่มีทางทําอะไรข้าได้

“ทว่าข้าขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง แม้ไม่มีใครทันเห็นทว่าเจ้าควรจะรู้ไว้ว่าที่ข้าล้มทับเจ้าก็เพราะมีคนจงใจวิ่งมาผลักข้า ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายของเจ้านั่นแหละที่เป็นคนทํา ซึ่งเจ้าก็ยังคงไม่กล้าเผยตัวตนของเขาออกมาให้ข้าได้รู้ เจ้าต้องระวังให้ดี… คนผู้นั้นคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

หยุนเสียนเถียนบอกให้คนหามเฉินเจียวเจียวกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา ส่วนชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

มู่หรงหยุนเคอไม่เต็มใจนักเพราะต้องการพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ให้ชัดแจ้งต่อหน้าชาวบ้าน ทว่าดวงตาอันเฉียบคมของหยุนเถียนเถียนที่จ้องมองมายังสามารถรั้งเขาไว้ได้

“ความจริงนางก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง หากนางยังคงทําเรื่องชั่วร้ายไม่เล็กก็เพียงแค่สังหารนางเสีย! บัดนี้ไม่ผิดเลยที่ข้าจะโกรธสตรีร้อยเล่ห์เช่นนาง

มู่หรงป๋อมองหญิงสาวตรงหน้า แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสตรีทั้งสองก็ตาม

ทว่าเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทําให้เขารู้สึกดีต่อมู่หรงหยุนเคอเลย

“อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นใครในอนาคต ข้าก็จะจดจําเจ้าไว้ในฐานะน้องสาว มู่หรงหยุนเคอสร้างปัญหาใหญ่ให้เจ้าลําบากใจเช่นนี้ ข้าจึงคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนรักของเจ้าหรอก!”

“หากเจ้ากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันก็จงกลับเมืองหลวงกับข้าเสียตอนนี้เลย… หากคนอื่นในพระราชวังอวหยางไม่ว่าอะไร ความเมตตาของพ่อข้าที่เคยทะนุถนอมแม่ของเจ้าอย่างดีย่อมช่วยเกื้อหนุนเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าไม่จําเป็นต้องหวาดกลัวเขาหรอก”

มู่หรงหยุนเคอเดือดดาลทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายได้ที่ซ้ําเติมตนเช่นนั้น เขาจึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “เจ้าคิดหรือว่าพระราชวังอวหยางจะสามารถรับมือคนอย่างข้าได้? ลองดูสิ เจ้าจะนําตัวสตรีผู้นี้กลับไปก็ย่อมได้ ทว่าก่อนอื่นจงให้ข้าได้ช่วยกวาดล้างสิ่งโสมมภายในวังนั่นให้หมดจดเสียก่อนเถิด!”

ตอนที่ 348 เห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอ

“สุดท้ายเจ้าก็เอาสูตรลับปลอมไปขาย ทว่าในที่สุดหลี่เฟิงก็รู้ว่าสูตรนั้นไม่สามารถใช้ได้จริงจึงมาเอาเรื่องครอบครัวของเจ้าเมื่อเห็นว่าหลี่เพิ่งเป็นคนร่ํารวยและมีอํานาจเจ้าจึงเต็มใจเสนอตัวเป็นนางบําเรอของเขา! อันที่จริงคําพูดของเจ้าเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลมากมาย เจ้าตั้งครรภ์หลังจากที่แต่งงานกับหลี่เฟิงใช่หรือไม่? ข้าเพียงแค่ไปตามหมอมาตรวจดูก็รู้แล้วว่าลูกในท้องของเจ้าอายุเท่าไหร่ เจ้าคิดหรือว่าคําโกหกของเจ้าจะไม่อาจหักล้างได้?”

เฉินเจียวเจียวไม่ทันคาดคิดมาก่อนว่าตนจะถูกเปิดโปงระหว่างเดินทางมาที่นี่นางใช้เวลาครุ่นคิดหาข้อแก้ตัวหากถูกจับได้อยู่นานทว่าถ้อยคําของหยุนเถียนเถียนที่โต้กลับมานั้นกลับทําให้นางเริ่มอับจนปัญญาเสียแล้ว

บัดนี้เจ้าเมืองหลงกําลังยืนอยู่ในโรงน้ําชาใกล้ ๆ เพื่อสังเกตการณ์ความเป็นไปที่หน้าประตูบ้านพักนายน้อยหลี่ เมื่อเห็นว่าเฉินเจียวเจียวไร้ประโยชน์เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกกําปั้นขึ้นทุบกรอบหน้าต่างอย่างหัวเสีย

เฉินเจียวเจียวไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้วจึงทําได้เพียงนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น

ความอดทนของหยุนเคอขาดสะบั้นลงเขาสั่งให้คนนําเรื่องนี้ไปบอกแก่นายอําเภอพร้อมเรียกรัฐทายาทมาร่วมตัดสินด้วย

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนไม่สู้ดีนักหยุนเคอรู้สึกว่าสตรีผู้นี้คือคนที่น่ารําคาญที่สุดในบรรดาคนที่เข้ามาสร้างปัญหา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่เดินหนีไป ทว่าหันมาเผชิญหน้าเพื่อจัดการเรื่องวุ่นวายนี้ให้จบลงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเอง

หยุนเคอเดินแหวกฝูงชนเข้ามาเพื่อให้หยุนเสียนเถียนได้นั่งลงบนเก้าอี้

“เฉินเจียวเจียว หากเจ้ายอมรับตอนนี้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกแล้วไปจากที่นี่พวกเราจะไม่ติดใจเอาความเจ้าทว่าหากยังดื้อดึงเสแสร้งอยู่อีกก็จงรอให้เจ้าหน้าที่จากอ่าเภอมาจัดการเถิดอย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน!”

เมื่อเสียงอันเยือกเย็นของหยุนเคอดังขึ้น เฉินเจียวเดี๋ยวก็รู้สึกหนาวสะท้านราวกับถูกแช่แข็งทันที

ทว่าเมื่อนางคิดว่าหากตนกลับไปยังหมู่บ้านแล้วจะต้องเผชิญกับชีวิตเช่นไร อีกทั้งเจ้าเมืองหลงคงไม่มีทางปล่อยนางไปแน่เฉินเจียวเจียวจึงกลั้นใจหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดใต้ตาอีกครั้ง

“หยุนเคอ เจ้าทําแบบนี้ได้อย่างไร? เพียงเพราะแม่นางหยุนมีเงินเจ้าก็ยอมตามนางด้วยการสร้างเรื่องเท็จอันโหดเหี้ยมและไร้ซึ่งความยุติธรรมแก่ข้า… นายอําเภออย่างนั้นหรือ? มีใครบ้างไม่รู้ว่าแม่นางหยุนร่ํารวยดังนั้นเพียงแค่ใช้เงินติดสินบนนายอําเภอก็เป็นเรื่องง่ายดายไม่ใช่หรือ?”

“แล้วนายน้อยหลี่เป็นคนแบบไหนกัน เขาเป็นผู้ชายที่กระทําชําเราผู้หญิงไปทั่ว…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาฆ่าผู้หญิงเหล่านั้นไปกี่คนแล้ว! ในเมื่อแม่นางหยุนคบค้าสมาคมกับนายน้อยหลี่ดังนั้นนางจึงต้องเป็นคนเช่นเดียวกับเขาแน่นอน”

ทันใดนั้นเองหลี่ซื่อฮวาก็ก้าวออกมาจากประตูพร้อมโบกพัดในมือ

“สตรีผู้นี้กล่าวความเท็จ ผู้หญิงทุกคนที่ถูกฆ่าข้าตายในข่าวลือล้วนยังมีชีวิตอยู่สุขสบายกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ผู้หญิงเหล่านั้นออกไปจากเมืองนี้นานมากแล้วผู้คนจึงไม่รู้ข่าวคราวของพวกนางหากเจ้ายังไม่รู้ก็จงรู้เสียว่านี่คือความจริง”

เฉินเจียวเจียวไม่คาดคิดว่าหลี่ซื่อฮวาจะมาอยู่ตรงนี้ได้จึงรู้สึกอับอายนัก บัดนี้นางรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีและยังไม่รู้ว่าจะหาทางจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มีผู้หญิงคนไหนออกนอกบ้านเพื่อมาทําธุรกิจบ้าง? นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงที่ดีเลยสักนิด! พี่หยุนเคอ…อย่าไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงเช่นนี้เลย นางแต่งงานกับท่านมานานนักทว่าก็ยังไม่อาจให้กําเนิดลูกแก่ท่านได้ท่านคงไม่คิดจะทิ้งลูกของท่านในท้องข้าเพื่อไปหาผู้หญิงคนนี้หรอกใช่หรือไม่?”

หยุนเคอกล่าวเยาะเย้ย “ข้าไม่มีทางยอมเป็นสามีของสตรีผู้ทําผิดศีลธรรมทางกามารมณ์เช่น เจ้าข้าไม่ต้องการเอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยงหรอกโดยเฉพาะลูกของนักโทษที่ถูกประณามเช่นนี้! เจ้าบอกว่าหยุนเถียนเถียนเป็นคนไม่ดีเพราะคบค้าสมาคมกับหลี่ซื่อฮวา”

“แล้วตัวเจ้าเองล่ะ? เจ้าเต็มใจยอมไปเป็นนางบําเรอของคนโฉดอย่างหลี่เฟิง เช่นนี้แล้วคนอย่างเจ้าเรียกว่าคนดีอย่างนั้นหรือ? เฉินเจียวเจียว… เจ้าจงคิดให้ดีนะ หากเจ้ายังไม่เล็กเสแสรงก็อย่ามาโทษข้าแล้วกันว่าเป็นต้นเหตุให้เจ้าต้องสูญเสียทุกสิ่งแม้แต่ชีวิตของเจ้า!”

เฉินเจียวเจียวรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันเย็นเยียบของหยุนเคอ นางอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่นางกําลังสัมผัสอยู่คือรังสีอํามหิต ทว่านางก็อกสั่นขวัญแขวนเสียจนไม่กล้าดําเนินการตามแผนต่อไปได้อีกบัดนี้ใจของนางล่าถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทว่าเจ้าเมืองหลงที่คอยสังเกตการณ์อยู่ที่โรงน้ําชาก็ไม่ยอมปล่อยเฉินเจียวเจียวไป เมื่อเขาโบกมือขึ้นก็มีใครบางคนวิ่งมาข้างหลังหยุนเถียนเถียนก่อนจะตั้งใจผลักนางให้ล้มลง

หยุนเสียนเถียนล้มลงไปทิศเดียวกับที่เฉินเจียวเจียวนั่งคุกเข่าอยู่ ร่างของนางจึงล้มทับเฉินเจียวเจียวเต็มแรง

เฉินเจียวเจียวรู้สึกคล้ายกับว่ามีใครบางคนกระโจนเข้าใส่ร่างของนาง จนรู้สึกเหมือนจะแบกรับน้ําหนักที่ท้องไม่ไหว จากนั้นนางก็รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงก่อนจะรู้สึกได้ถึงของเหลวอื่น ๆ ที่ทะลักออกมาจากร่างกายส่วนล่างของตน

แม้ว่าท้องจะดูใหญ่ทว่าความจริงแล้วยังมีอายุเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น

หากคลอดตอนนี้เด็กย่อมไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน

เฉินเจียวเจียวที่มีเหงื่อเย็นไหลโซมกายตะโกนเสียงดังด้วยความเจ็บปวด “ลูก…ลูกของข้า!”

เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าหยุนเคอจะเห็นเหตุการณ์นี้ทว่าเขาก็รีบหายตัวไปท่ามกลางฝูงชนอย่างไร้ร่องรอยทันที

ทุกคนเงียบไปชั่วครู่ทว่าบัดนี้เหล่าชาวบ้านเริ่มส่งเสียงประณามแล้ว

“ในเมื่อชายผู้นั้นถูกประจานความชั่วร้ายถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดเขายังทําร้ายลูกตัวเองได้ลงคอ? เพียงแค่ยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเลี้ยงดูภรรยาผู้ยากไรอีกคนหนึ่งและลูกที่จะเกิดมาเท่านั้น เหตุใดชายผู้นั้นจึงทนไม่ได้?”

หยุนเถียนเถียนรู้อยู่ในใจว่าไม่จําเป็นต้องโต้เถียงในเวลานี้ คนเหล่านี้เห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอ เท่านั้นจนไม่ลืมตามองความเป็นจริงของเรื่องนี้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะเกลียดชังเฉินเจียวเจียวจนถึงขั้นต้องการให้นางมีชีวิตที่ย่าแย่ ทว่าก็ไม่เคยคิดทําร้ายเฉินเจียวให้ถึงแก่ชีวิต

หยุนเสียนเถียนไม่สนใจฟังชาวบ้านที่พากันชี้หน้าด่านาง ทว่าพยายามตะโกนบอกให้ใครก็ได้รีบตามหมอมาให้เร็วที่สุด

ใบหน้าอันเย็นชาของหยุนเคอบ่งบอกชัดว่าใจของเขาไม่ต้องการช่วยเหลือสตรีผู้นี้เลย เป็นการดีที่จะปล่อยให้นางตายไปเสียทว่าเขาเกรงว่าหยุนเถียนเถียนจะต้องทนทุกข์เพราะการตายของนาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนพยายามช่วยเหลือนางอย่างเต็มที่เขาก็ไม่อาจรั้งนางไว้ได้ เขาจึงโบกมือให้จิ๋นเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตามเขาไปทันที

“เฉินเจียวเจียว…ไม่ว่าเจ้าจะทําเรื่องเลวร้ายเพียงใดทว่าข้าก็ทนสังหารเจ้าไม่ลงหรอก เด็กคนนี้ไม่รอดแน่ทว่าชีวิตของเจ้ายังมีโอกาสรอด! บัดนี้เจ้าจงอย่ามาคิดแทนข้าแล้วนอนลงเสียดี

แน่นอนว่าเฉินเจียวเจียวหวาดกลัวความตายนัก เมื่อได้ยินเสียงอันเข้มงวดของหยุนเถียนเถียนเช่นนั้นนางจึงรีบทําตามอย่างว่าง่าย

หยุนเสียนเถียนมองหญิงที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นก่อนจะพูดเยาะเย้ย “ข้ารู้ว่าเจ้าวางแผนทําเรื่อง แบบนี้เองไม่ได้หรอกคงมีคนสั่งให้เจ้าทําเช่นนี้ใช่หรือไม่? เจ้ากําลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ!”

“แล้วข้าก็ขอบอกเจ้าไว้ด้วยว่าหากรักษาเด็กในท้องของเจ้าไว้จะเป็นการดีกว่า เพราะหากเด็กได้เกิดมาข้ามีวิธีพิสูจน์ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหยุนเคอจริงหรือไม่ ดังนั้นคนที่จงใจสังหารเด็กในท้องเจ้าจึงไม่ใช่ข้าแน่ทว่าคงจะเป็นคนที่สั่งให้เจ้ามาทําเรื่องเช่นนี้ต่างหาก!”

“หากเจ้ายังมีความฉลาดอยู่บ้างก็จงบอกข้ามาว่าใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาที่นี่ บางทีข้าอาจช่วยล้างแค้นให้ลูกของเจ้าได้

ใครจะคาดคิดว่าเฉินเจียวเจียวไม่สนใจข้อเสนอนี้ “ข้ารู้ตัวดีว่าข้าถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะมีเจ้ามารหัวขนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว! จะให้มันตายก็ตายไป ขอแค่เจ้าช่วยชีวิตของข้าไว้ให้ได้ก็เพียงพอแล้ว”

ตอนที่ 347 ลูกของหยุนเคอ
เจ้าเมืองหลงเห็นว่าตนล่อลวงเฉินเจียวเจียวได้สําเร็จจึงหยิบเหรียญเงินออกมาจากแขนเสื้อ

“บัดนี้เจ้าคงไม่มีเงินไปฟูเฉิงใช่หรือไม่? ข้าจะให้เงินค่าเดินทางแก่เจ้า ทว่าสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องจําไว้ให้ดีคือหากเจ้ากล้าทําร้ายหยุนเวียนเถียนแม้เพียงปลายก้อย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่เข้าใจไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินเจียวเจียวก็ตื่นตัวทันที นางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเมืองหลง “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการทําร้ายหยุนเถียนเถียนแล้วเหตุใดเจ้าถึงต้อง การทําเรื่องเช่นนี้? หรือว่าเจ้าต้องการท่าลายความสัมพันธ์ของพวกเขาเพราะต้องการตัวหยุนเถียนเถียน แม้นางจะดูงดงามนักทว่าวัยของนางนับเป็นลูกสาวของเจ้าได้เลยนะ”

เมื่อเจ้าเมืองหลงเห็นว่าเฉินเจียวเจียวเริ่มล้ําเส้นถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของตน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “อย่าถามในสิ่งที่เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้! หากเจ้าไม่อยากทําแล้วก็ตามใจ ใบหน้าของหยุนเคอหล่อเหลาเช่นนั้นแน่นอนว่ามีสตรีอีกมากมายที่เต็มใจจะทําตามแผนการนี้!”

สีหน้าของเจ้าเมืองหลงที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทําให้เฉินเจียวเจียวตกใจ ในที่สุดนางจึงไม่กล้าซักถามสิ่งใดอีก แม้ว่านางจะไม่ค่อยพอใจนักที่ตนไม่ได้รับอนุญาตให้ทําร้ายหยุนเถียนเถียนได้ ทว่านางก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ทําสิ! แน่นอนว่าข้าจะทํา ตราบใดที่ทําให้หยุนเกียนเถียนไม่มีความสุขได้ ไม่ว่าจะให้ทําอะไร ข้าก็ยอมทุกอย่าง”

เจ้าเมืองหลงเยาะเย้ย “ข้าคิดว่าสําหรับเจ้าแล้วการทําให้หยุนเสียนเถียนไม่มีความสุขไม่ใช่สิ่งสําคัญหรอก แท้จริงแล้วในหัวใจของเจ้าต้องการจะจับหยุนเคอทําสามีต่างหากข้าพูดถูกหรือ ไม่?”

เฉินเจียวเจียวรู้สึกว่าความคิดอันมืดมนที่สุดในกันบึงหัวใจของนางถูกอ่านอย่างแตกฉาน นางจึงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าหากเทียบกับชีวิตที่ต้องอยู่อย่างอัปยศเช่นนี้แล้ว การทําเรื่องน่าละอายก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก

เจ้าเมืองหลงไม่ได้กล่าวคําใดทว่าเดินจากไปทันที

เฉินเจียวเจียวรู้สึกมั่นใจในแผนการนี้อย่างประหลาด นางโยนเสื้อผ้าทั้งหมดลงในลําธารแล้วปล่อยให้มันลอยไปตามน้ํา

เฉินเจียวเจียวสูดอากาศเย็นเข้าเต็มปอดแล้วหันไปมองทางทิศที่บ้านของตนตั้งอยู่ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีก หากอยู่ที่นี่แล้วต้องมาทําตัวเป็นขี้ข้าคอยรับใช้คนอื่น ข้าขอออกไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”

เมื่อเฉินเจียวเจียวลงจากรถม้าแล้วนางก็เดินโซเซไปที่ฟูเฉิงอีกครั้ง คราวนี้นางไม่ได้มาอย่างงดงามเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว นางหยิบน้ําพริกอันเผ็ดร้อนออกมาถูใต้ตาของตน

น้ําตาของนางไหลออกมาทันที่ส่งผลให้ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงก่า

หยุนเถียนเถียนกับหยุนเคอกําลังจะออกไปหารัฐทายาท ทว่าเมื่อออกมาถึงประตูหน้าบ้านพักของนายน้อยหลี่ก็พบว่ามีใครบางคนขวางไว้

คนคนนั้นก็คือเฉินเจียวเจียวนั่นเอง ท้องโย้ของนางทําให้ผู้คนถึงกับรู้สึกหวาดเสียวเมื่อเห็นนางคุกเข่าลงกับพื้นด้วยน้ําตานองหน้า

“แม่นางหยุน เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเราสองแม่ลูกได้!”

หยุนเกียนเกียนยกยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เองเฉินเจียวเจียว! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่? เวลานี้เจ้าควรจะอยู่กับหลี่เฟิงไม่ใช่หรือ?”

เฉินเจียวเจียวไม่สนใจหยุนเกียนเถียนทว่าสายตาของนางแอบเล็งไปยังหยุนเคอ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดใต้ตาเพิ่ม ยิ่งเช็ดด้วยผ้าที่ชุบน้ําพริกเช่นนี้ก็ยิ่งทําให้ตาของนางยิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมน้ําตาที่ไหลออกมามากขึ้น

“เจ้ากาลังพูดเรื่องอะไร ร้องไห้หนักถึงเพียงนี้จะทําให้คนเข้าใจผิดว่าข้ารังแกเจ้า”

เฉินเจียวเจียวสะอึกสะอื่นเสียจนแทบหายใจไม่ออก นางคิดในใจว่าเผลอใส่น้ําพริกในผ้าเช็ดหน้าเยอะเกินไปหน่อยหรือไม่? เหตุใดน้ําพริกจึงแสบร้อนถึงเพียงนี้? นางเริ่มเกรงว่ามันจะส่งผลร้ายต่อดวงตาของนาง

“แม่นางหยุน ข้าแค่มาเพื่อขอร้องเจ้าให้เมตตาเราสองแม่ลูก หยุนเคอคงจะสับสนเพราะเจ้า เขาจึงตัดสินใจทอดทิ้งข้ากับลูกเช่นนี้!”

หยุนเสียนเถียนไม่เข้าใจ นางจึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หยุนเคอไปทิ้งเจ้าเมื่อไหร่กัน? เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องนี้? เจ้าไม่ได้แต่งงานกับหลี่เฟิงหรอกหรือ?”

เฉินเจียวเจียวร้องไห้ก่อนจะตะโกนต่อหน้าผู้คน “ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือที่บังคับให้ข้าแต่งงานกับหลี่เฟิง? แม่นางหยุน เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าตอนนั้นข้าท้องกับหยุนเคอ เขาเองที่เป็นคนมอบสูตรเนื้อตากแห้งของเจ้าให้ข้าแล้วขอให้ข้าขายสูตรนั่นให้หลี่เฟิง!”

“ข้าไม่รู้ว่าสูตรนั้นเป็นของปลอมที่เจ้าทําไว้หลอก สุดท้ายข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องแต่งงานกับหลี่เฟิง ทว่าข้ามีลูกกับหยุนเคอก่อนหน้านั้นแล้ว แม่นางหยุน…ข้ารู้ตัวว่าทําผิดจึง สมควรได้รับโทษเช่นนั้นทว่าเด็กคนนี้ยังคงไร้เดียงสา!”

การแสดงอันสมบทบาทถึงเพียงนี้เรียกความเห็นอกเห็นใจจากเหล่าชาวบ้านที่มามุงดูได้เป็นอย่างดี หยนเถียนเถียนเย้ยหยันในใจ บัดนี้นางรู้แล้วว่าเฉินเจียวเจียวมาที่นี่เพื่อเสแสรั้งหาเรื่องโจมตีนางอีกครั้ง

ทว่าเด็กในท้องของนางไม่ใช่ลูกของหยุนเคอแน่นอน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายสตรีผู้หนึ่งกลับกล้าบอกว่าตนท้องกับชายผู้หนึ่งแม้ว่านางจะแต่งงานกับชายอีกคนก็ตาม

ไม่มีใครอยากสาวไส้ให้กากินด้วยการประจานตัวเองโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าสิ่งที่สตรีผู้นี้พูดเป็นความจริง

แน่นอนว่าบัดนี้สายตาของทุกคนต่างจ้องมองมาที่หยุนเคออย่างไม่พอใจ ราวกับว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายที่ทอดทิ้งภรรยาและลูกของตัวเอง

ร่างกายของหยุนเคอราวกับมีพลังมืดแผ่ซ่านออกมาปกคลุม รังสีอํามหิตของเขาทําให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ หลายคนถอยห่างออกไป

“เฉินเจียวเจียว เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้าดีเกินไปหรือจึงมายั่วยุพวกเราเช่นนี้! เจ้าคิดว่าหยุนเคอเป็นคนโง่เขลาหรือ? หากต้องเลือกระหว่างข้ากับเจ้า บุรุษมีปัญญาหน้าไหนจะทิ้งสตรีผู้งดงามถึงเพียงนี้ไปมีลูกกับผู้หญิงในชุดผ้าขี้ริ้วเช่นเจ้า?”

สตรงดงามผู้นี้ไม่อาจคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้วหยุนเกียนเถียนก็แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาหลังจากไม่ได้ทําสีหน้าเช่นนี้มานานแล้ว แม้ว่าจะบันดาลโทสะทว่าใบหน้าของนางก็ยังคงดูงดงามนัก

ความเกลียดชังฉายแววในดวงตาของเฉินเจียวเจียว บัดนี้นางรู้สึกอิจฉาความงามของหยุน เถียนเถียนจนรอแทบไม่ไหวที่จะดึงกรรไกรออกมาทําลายใบหน้างามนั่นด้วยมือของนางเอง

ทว่าเมื่อนึกถึงตอนที่นางเคยได้รับความทุกข์ทรมานถึงสองสามวันด้วยน้ํามือของหยุนเถียนเถียนมาก่อน นางก็รู้ตัวดีว่าตนไม่อาจสู้กําลังของสตรีผู้นี้ได้

“หยุนเคอ มันเป็นเรื่องจริง เจ้าลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าเด็กคนนี้คือลูกของเจ้า? แม่นางหยุน… เจ้าไม่เคยเป็นแม่คนจึงไม่รู้หรอกว่าลูกมีความสําคัญถึงเพียงไหน! แม้ว่าข้าจะไม่อยากสู้กับ เจ้าทว่าเพื่อลูกแล้วข้าจึงต้องสู้!”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกราวกับว่ามีไฟอันร้อนแรงแผดเผาอยู่ในใจ ไม่ว่าหมาหรือแมวจะกวนประสาทนางถึงเพียงไหนก็ยังไม่อาจทําให้นางเดือดดาลได้ถึงเพียงนี้

ทว่าใบหน้าของหยุนเกียนเถียนกลับยิ้มแย้มอย่างสดใส “เฉินเจียวเจียว เจ้าไม่ได้แต่งหน้าก่อนออกจากบ้านมาหรือ? ข้าคิดว่าพ่อแม่ของเจ้าที่อุตส่าห์ทํางานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเจ้าคงไม่รู้ว่าลูกสาวของตนออกมาทําเรื่องไร้ยางอายนอกบ้านเช่นนี้ใช่หรือไม่?”

“เจ้าบอกว่าเด็กในท้องของเจ้าเป็นลูกของหยุนเคอ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่? หยุนเคอปฏิเสธเจ้าตั้งแต่ตอนที่เจ้ามาเสนอตัวให้เขาถึงที่ ทุกคนในหมู่บ้านเทพธิดาต่างก็รู้เรื่องนี้ดี เช่นนี้แล้วเขาจะกล้าไปนอนกับผู้หญิงไร้ยางอายเช่นเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้ายังบอกอีกด้วยว่าเขาเป็นผู้ขโมยสูตรเนื้อตากแห้งของข้าแล้วขอให้เจ้าขายให้หลี่เพิ่งถามหน่อยว่ามีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าพยายามขโมยสูตรลับนั่นมาสองครั้งแล้วทว่าไม่สําเร็จ?”

ตอนที่ 346 เศษสวะ

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจยาว “หยุนเคอ ทว่าทั้งเจ้าและข้าต่างก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ ดังนั้นเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องความรู้สึกกันตอนนี้ได้ไหม?”

มู่หรงหยนเคอเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่แหบแห้งยิ่งกว่าเดิม

“เอาล่ะ! เมื่อคืนข้าคิดว่าข้าคงเหนื่อยเกินไปจนเผลอหลับข้างเจ้า ข้าจะไม่ทําเช่นนี้อีก”

หยุนเสียนเกียนยกยิ้มแสดงความขอบคุณ “หยุนเคอ… อันที่จริงข้าก็รู้ว่าตราบใดที่เราทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกัน ข้าก็แทบจะหักห้ามใจตนเองไว้ไม่อยู่ ทว่าหากเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดก็ย่อมไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกันเช่นนั้นได้”

มู่หรงหยุนเคอพยักหน้า “ข้ารู้ดี ทว่าเถียนเถียน… ข้าเชื่อในสิ่งที่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่มีทางเป็นน้องสาวของข้าแน่นอน ทว่าเพื่อความสบายใจของเจ้าจึงต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้เสียก่อน ซึ่งข้าเองก็เห็นด้วย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นน้องสาวหรือภรรยาของข้าความปลอดภัยของเจ้าก็เป็นสิ่งสําคัญที่สุด หากเซิ่นสิ่งยังไม่กลับมาข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าเอง!”

หยุนเถียนเถียนอยากจะปฏิเสธทว่ามู่หรงหยุนเคอรีบกล่าวต่อ “มั่นใจได้ว่าข้าจะไม่นอนร่วมห้องกับเจ้า ข้าพร้อมปกป้องเจ้าจากภัยอันตรายโดยจะนอนแยกห้องกับเจ้า ตกลงไหม?”

ความจริงแล้วมู่หรงหยุนเคอมีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง เพราะตราบใดที่เขาอยู่ใกล้สาวน้อยผู้นี้ก็จะได้คอยเป็นก้างขวางคอไม่ให้ชายใดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนางมากเกินไปนั่นเอง

บัดนี้หยุนเคออดนึกชมตนเองไม่ได้ว่าเป็นคนรอบคอบนัก ปกติหยุนเถียนเถียนก็เป็นคนปฏิเสธไม่เก่งอยู่แล้ว แม้นางจะลังเลทว่าสุดท้ายก็พยักหน้ารับ

เมื่อนึกถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้น นางก็นึกได้ว่าตนคงไม่อาจหนีรอดมาได้แน่หากไม่พึ่งพาตนเอง แม้จะมีรัฐทายาทอยู่ด้วยทว่าเขาก็ไม่อาจช่วยเหลือนางได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นคงจะดีกว่าหากมีหยุนเคอคอยช่วยปกป้องอีกคน

มู่หรงหยุนเคอรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเพราะในที่สุดเขาก็บรรลุเป้าหมาย ทว่าเขากลับไม่แสดงออกทางสีหน้าเลย

ขณะนี้สถานการณ์ที่นี่ดูสงบเรียบร้อยแล้ว ทว่าในชั้นใต้ดินของบ่อนที่อยู่ไม่ไกลกลับไม่สงบสุขนัก

คนชุดดําที่ได้รับบาดเจ็บเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน เจ้าเมืองหลงยืนคอยอยู่ก่อนแล้วในห้องนั้น

เจ้าเมืองหลงเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าถมึงทึง “แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวพวกเจ้าก็ยังไม่อาจจับตัวมาได้อย่างนั้นหรือ? ยกพวกไปตั้งมากมายก็ยังไม่อาจเอาชนะองครักษ์ฝีมืออ่อนหัดเช่นนั้นได้ พวกเจ้าช่างเก่งกาจกันเสียจริง!”

คนชุดดํากัดฟันกรอด “นายท่าน พวกเราเกือบทําสําเร็จแล้วเพียงแต่สตรีผู้นั้นฉลาดแกมโกงนัก นางไม่หวาดหวั่นแม้จะถูกมีดจ่อคอทว่ายังหาหนทางหนีรอดไปได้!”

เจ้าเมืองหลงตกใจจนตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวถูกใครบางคนเอามีดจ่อคอ เขาถามเสียงดังว่า “เจ้าเอามีดไปจ่อคอนางจริง ๆ หรือ? เจ้าไม่ได้ทําร้ายนางใช่หรือไม่?”

แม้คนชุดดําจะไม่เต็มใจบอกทว่าเขาก็ไม่กล้าโกหกจึงตอบอ้อมแอ้มว่า “มันเป็นเพียงรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย สตรีผู้นั้นคงจะไม่เป็นอะไรนัก”

ทว่าเจ้าเมืองหลงตบโต๊ะอย่างดุดัน “เจ้ากล้าทําร้ายนาง! มานี่ เอาตัวมันไปโบยสักสามสิบไม้! ดีเหมือนกันจะได้ทวนความจําให้เจ้ารู้ว่าใครที่เจ้าไม่อาจแตะต้องได้!”

คนชุดดําคํานับอย่างไม่ขัดขืนแม้จะรู้ว่าตนถูกสั่งประหารชีวิตแล้วก็ตาม แม้แต่ตอนที่ท่อนไม้ทุบลงกลางหลังก็ไม่ร้องออกมาแม้แต่คําเดียว

เจ้าเมืองหลงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกงุนงงระคนเดือดดาล จึงใช้มือกวาดทุกสิ่งบนโต๊ะลงพื้นจนแตกกระจาย จากนั้นเขาก็หยิบรูปเหมือนภาพหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก หน้าตาของสตรีในรูปคล้ายกับหยุนเถียนเถียนราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

“หยุนจิงเอ่อ เจ้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วจะหนีรอดไปได้อย่างนั้นหรือ? ฮี! เจ้าเศษสวะพวกนั้นยังไม่อาจจัดการแม้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ เห็นทีข้าต้องลงมือเองเสียแล้ว!”

เจ้าเมืองหลงรีบเก็บเสื้อผ้าก่อนจะหนีออกไปทางประตูห้องใต้ดิน เขาพยายามเร่งเดินทางไปยังหมู่บ้านเทพธิดา

ว่ากันว่าผู้ที่มีชีวิตยากล่ามากที่สุดในหมู่บ้านเทพธิดา ไม่ใช่คนยากไร้ที่ไม่มีแม้แต่อาหารประทังชีวิตทว่าคือเฉินเจียวเฉียว

นางสร้างความบาดหมางกับแม่ของตนเมื่อนานมาแล้ว สุดท้ายก็แต่งงานกับหลี่เฟิงเพราะหวังจะได้ทรัพย์สมบัติมาปรนเปรอครอบครัว จึงทําให้หลี่ชุนเกี่ยวผู้เป็นแม่ปฏิบัติต่อนางดีขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามข่าวการล้มละลายของหลี่เพิ่งก็ยังไม่แพร่มาถึงหมู่บ้านเทพธิดา ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็มาถึงจนได้ในวันหนึ่ง

นางไม่คาดฝันมาก่อนว่าเศรษฐีผู้มั่งคั่งอย่างหลี่เพิ่งจะสามารถล้มละลายลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เฉินเจียวเจียวเดินทางไปสู่เฉิงเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ น่าเสียดายที่นางมีฐานะเป็นเพียงนางบําเรอผู้น่าละอาย ดังนั้นเมื่อนางไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกับนางเลย

ท้ายที่สุดนางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับมาด้วยความสิ้นหวัง เงินทองที่เคยมีก็หมดสิ้นไปนานแล้ว บัดนี้นางจึงไม่มีที่ไปนอกจากจะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตน

ภรรยาของเฉินฉ่เกินเฝ้าดูลูกสาวของตนอย่างไม่พอใจมานานแล้ว นางใช้เงินของตัวเองสั่งให้ทุกคนต้องพินอบพิเทา

ทว่าบัดนี้เฉินเจียวเจียวไม่มีเงินทองอีกต่อไปแล้ว ภรรยาของเฉินฉ่เกินย่อมเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นธรรมดา นางไม่เพียงแต่ให้เฉินเจียวเจียวกินอาหารชั้นเลวที่สุด ทว่ายังให้ลูกสาวท้องโย้ของตนทํางานหนักด้วย โชคดีที่เฉินเจียวเจียวเป็นคนสุขภาพแข็งแรง เด็กในท้องของนางจึงยังคงมีชีวิตอยู่แม้ว่านางจะทํางานหนักถึงเพียงนั้น

ทว่าเฉินเจียวเจียวก็รู้อยู่แก่ใจว่าผู้ที่ทําลายชีวิตอันแสนสุขสบายของนางต้องเป็นหยุนเถียนเถียน เพราะนางได้ยินชัดเจนว่านายน้อยหลี่เป็นตัวการทําให้หลี่เฟิงต้องล้มละลาย ดังนั้นต้อง ป็นหยุนเถียนเถียนแน่ที่ยุยงนายน้อยหลีให้ทําเช่นนั้น

บัดนี้เด็กในท้องของนางอายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แม้ว่านางจะไม่ต้องการเด็กคนนี้ทว่าก็ยังไม่กล้าท่าแท้ง เพราะแม่ของนางเตือนไว้ว่าหากลูกอายุหนึ่งเดือนแล้วทําแท้งอาจจะส่งผลร้ายถึงชีวิตของนางได้ นางคิดว่าตนยังเด็กนักจึงยังไม่อยากเสียงปลิดชีวิตตนเองตอนนี้

นางนั่งท้องโย้ซักผ้าอยู่ริมล่าธาร ช่วงเวลานี้คนอื่นเก็บผ้ากลับบ้านไปกันหมดแล้ว ริมล่าธารจึงแทบไม่มีผู้ใดเลย

เจ้าเมืองหลงปรากฏตัวข้าง ๆ เฉินเจียวเจียว นางรู้จักเขาในฐานะบุคคลที่คอยดูแลช่วยเหลือหยุนเถียนเถียน

“หยุนเกียนเถียนส่งเจ้ามาทําร้ายข้าหรือ? ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วยังมีเหตุผลใดที่นางจะมาใส่ร้ายข้าอีก?

เจ้าเมืองหลงแสยะยิ้ม “แม่นางเฉิน… เมื่อก่อนข้าต้องการจะปกป้องสตรีผู้นั้น ทว่าบัดนี้จุดประสงค์ของข้าเหมือนกับเจ้า!”

“นางทําให้ชีวิตของเจ้าต้องตกระกําาล่าบากเช่นนี้ เจ้าไม่ต้องการจะแก้แค้นหรือ? บัดนี้โอกาสดีมาถึงแล้ว!

ความเกลียดชังสะสมในใจของเฉินเจียวเจียวมาเนิ่นนาน เมื่อนางได้ยินดังนั้นจึงรีบถามขึ้นทันที “โอกาสอะไร? บัดนี้นางอยู่ที่บ้านพักของนายน้อยหลี่ เพียงแค่จะพบหน้านางยังยากสําหรับข้า”

“เจ้าสามารถใช้เด็กในท้องของเจ้าเป็นตัวล่อให้นางออกมาได้! เจ้าต้องกินอาหารที่ดีเพื่อให้ท้องของเจ้าดูใหญ่ขึ้นกว่านี้ จากนั้นก็จงไปที่หน้าบ้านนั้นแล้วบอกว่ามาเพื่อตามหาหยุนเคอ โดยบอกกับทุกคนว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขาจริง ๆ”

ดวงตาของเฉินเจียวเจียวเป็นประกาย หรือว่าข้าจะยังมีโอกาสได้หยุนเคอ ข้าเคยเห็นใบหน้า ที่แท้จริงของเขามาก่อนเมื่อเขาไร้หนวดเครารุงรัง… ข้าจะไม่ยอมปล่อยชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเช่นนั้นไปแน่

ตอนที่ 345 ความอับอาย

จิ่นเหยียนได้รับคําสั่งจากหยุนเคอผู้เป็นนายให้ตามล่ามือสังหาร เมื่อใกล้รุ่งสางขอ งอีกวันหนึ่งเขาก็กลับมา

ทว่าเมื่อเขาถือวิสาสะเข้าไปในห้องเพื่อจะรายงานต่อองค์ชายหยุนเคอ เขาก็เห็นหยุนเถียนเถียนอยู่ในอ้อมแขนขององค์ชาย สตรีผู้นี้เคยอยู่กับองค์ชายในฐานะสามีภรรยามาก่อน ทว่าในอนาคตนางอาจจะเป็นองค์หญิงผู้เป็นน้องสาวขององค์ชายก็ได้

“นายท่าน… ข้าคิดว่าใกล้ชิดนางถึงเพียงนี้ไม่ดีแน่ หากนางเป็นน้องสาวของท่านจริง ๆ การโอบกอดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะสมนัก”

มู่หรงหยุนเคอตอบกลับไปด้วยการขว้างกริชลงพื้น

เสียงพูดเย็นชาดังขึ้นทันที “หากปากของเจ้าอยู่ไม่สุขก็จงตัดลิ้นตัวเองทิ้งเสีย! เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าปลาหมอตายเพราะปาก? ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

จิ๋นเหยียนตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วร่างกาย น้ําเสียงขององค์ชายที่เปล่งออกมานั้นช่างเย็นชานัก แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากําลังบันดาลโทสะ หากข้ายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็เกรงว่าอาจต้องถึงขั้นชะตาขาดแน่!”

เขารีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะเบะปาก ก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้องแล้ว เหตุใดองค์ชายจึงไม่ฟังข้านะ?”

“ข้าเป็นเพียงผู้ติดตามตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอํานาจใดจึงไม่กล้าเอ่ยถามหรือถือวิสาสะบอก ข้าทําได้เพียงนั่งรออยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟังจนกว่าองค์ชายจะเสร็จกิจ

หยุนเถียนเถียนตื่นขึ้นในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เมื่อมู่หรงหยุนเคอเห็นว่านางกําลังจะลืมตาขึ้น เขาก็รีบหลับตาลงทันทีแล้วแสร้งทําเป็นหลับอย่างรวดเร็ว

เทพเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าหยุนเถียนเถียนรู้สึกเศร้าและโกรธเพียงใด เมื่อนางพบว่าตนเองตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของมู่หรงหยุนเคออีกครั้ง

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือหยุนเถียนเถียนพบว่าขาของตนพาดอยู่บนเอวของมู่หรงหยุนเคอ!

ท่าทางเช่นนี้ช่างดูคล่อแหลมเป็นที่สุด…ล่อแหลมเสียจนหยุนเกียนเถียนไม่อาจกล้าสู้หน้าใครได้อีกต่อไปหากมีคนมาเห็นเข้า

“ข้าเพิ่งตื่นลืมตาขึ้นแล้วเห็นใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอที่กําลังหลับใหล… ใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์นั่น” หยุนเถียนเถียนหน้าแดงทันที

นางพยายามตั้งสติก่อนจะค่อย ๆ คลานออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วพุ่งตัวลงจากเตียงทันที

อากาศหนาวเย็นข้างนอกทําให้นางตั้งสติได้ พูดตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงบัดนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกบึงกับรูปลักษณ์ของบุรุษ

อันที่จริงการหลงเสน่ห์ของบุรุษเพราะรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะกับชายที่ดีไปเสียทุกด้านเช่นเขา

“ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องของตัวตนที่ยังไม่ชัดเจน หากข้ามอบหัวใจดวงนี้ให้แก่เขาแล้วมารู้ทีหลังว่าร่างกายนี้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเขาจริง ๆ ก็คงจะกลายเป็นตลกร้ายเรื่องใหญ่เลยทีเดียว

“ข้าเคยได้ยินเรื่องที่ชายหญิงคู่หนึ่งตกลงคบหาดูใจกันแล้วจู่ ๆ ก็พบว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้อาจจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง

หยุนเถียนเถียนจ้องใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนกับการจ้องมองเช่นนี้ได้อีกต่อไป เปลือกตาของเขาเริ่มกระตุกก่อนจะลืมตาขึ้น

หยุนเถียนเถียนดูคล้ายจะหวาดกลัว นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะยืนอย่างมั่นคงได้

“เถียนเถียน เจ้า…”

หยุนเคอเพิ่งตื่น เสียงของเขาจึงแหบเล็กน้อยทว่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด บัดนี้หยุนเถียนเถียนรู้สึกประหม่าด้วยเสียงอันเย้ายวนของเขา

ทันใดนั้นนางก็ยกมือเย็นขึ้นแตะใบหน้าตัวเอง นางไม่อาจเป็นคนงี่เง่าเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว!

มู่หรงหยุนเคอมองหน้าอันซับซ้อนของหยุนเกียนเถียน ดูเหมือนนางจะเกิดอารมณ์หลงใหลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยเมย เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วมองดูนางเดินจากไป

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมานอกบ้าน ลมหนาวที่พัดผ่านร่างก็ทําให้นางได้สติขึ้นมาบ้าง

บัดนี้จนเหยียนเดินผ่านมาพอดี เขามองสีหน้าอันอธิบายไม่ถูกของหยุนเถียนเถียนก่อนจะถามขึ้น

“แม่นางหยุน ท่านเหนื่อยหรือไม่? แล้วองค์ชายอยู่ที่ใดเล่า? องค์ชายตื่นแล้วหรือ?”

หยุนเกียนเถียนกลอกตา คําพูดขององครักษ์ผู้นี้ดูเหมือนจะสุภาพทว่ากลับแฝงความนัยบางอย่างที่หยาบคายลามก เขากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? หากยิ่งอธิบายก็อาจจะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม

“อยู่ข้างใน… เข้าไปดูเองเถิด!”

เมื่อพูดจบหยุนเสียนเถียนก็รีบเดินเข้าไปในสวนด้วยความโกรธระคนอับอาย

จิ่นเหยียนเกาหัวตัวเองด้วยความสงสัยว่าเขาไปทําสิ่งใดให้สตรีผู้นี้ขุ่นเคืองเข้า ก่อนจะเดินไปหาเจ้านายของตน

เมื่อมู่หรงหยุนเคออยู่กับหยุนเกียนเถียน บุคลิกของเขาจะดูเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนใจดี ทว่าเมื่อเขาอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชาจอมพูดมากผู้นี้ บุคลิกของเขาจะห่างไกลจากคําว่าใจดีอย่างสุด

เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น?”

จิ่นเหยียนรู้สึกกระวนกระวายมานานแล้วทว่าก็ไม่กล้าขัดความสุขของผู้เป็นนาย

“นายท่าน ข้าพบว่าพวกที่มาลอบสังหารแม่นางหยุนเมื่อวานนี้เป็นคนของเจ้าเมืองหลง ข้าไม่รู้ว่าตัวตนของชายผู้นี้เป็นใครกันแน่เพราะเขาลอบฝึกฝนมือสังหารไว้มากมาย… ข้าไม่เข้าใจว่าคนที่มีความสามารถถึงเพียงนั้นจะมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อสิ่งใด?”

มู่หรงหยุนเคอกัดฟันแน่น “ไปเถิด! เดิมที่จักรพรรดิแห่งอวหยางเคยมีองค์หญิงเคียงข้าง ทว่า นางเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย องค์หญิงผู้นั้นมีพี่ชายชื่อฉินหลง เจ้าจงไปตรวจสอบเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงด้วยเบาะแสนี้!”

เมื่อจิ่นเหยียนมองหน้าเจ้านายของเขาก็รู้สึกว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะที่พูดอะไรมาก ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาสงบปากสงบคําก่อนจะเดินจากไป

ขณะนี้หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ในสวนด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าจะทําเช่นไรต่อไปดี อารมณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทําให้นางรู้สึกสับสน

ทว่าผู้ร้ายที่ทําให้หัวใจของนางต้องปั่นป่วนเช่นนี้ไม่ยอมปล่อยนางไป เขาเดินเข้าไปหานางก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ

เมื่อเห็นว่าสาวน้อยผู้นี้กําลังจะลุกหนีไป มู่หรงหยุนเคอจึงรีบพูดว่า “อย่าพึ่งไป ข้ารู้ตัวของคนที่มาลอบสังหารเจ้าเมื่อวานนี้แล้ว!”

สีหน้าของหยุนเสียนเถียนเคร่งขรึมขึ้นทันทีก่อนจะยอมนั่งลงดังที่เขาคาดไว้ “พูดมาสิ ข้ากําลังฟังอยู่”

มู่หรงหยุนเคอส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หากเขามัวชักช้าหญิงสาวผู้นี้ก็คงจะลุกหนีแล้วเริ่มหลบหน้าเขาอีกแน่นอน

“ข้าไม่นึกเลยว่าคนที่ถูกส่งมาลอบสังหารเจ้าในครั้งนี้จะเป็นคนของเจ้าเมืองหลง แม้หากมองอย่างผิวเผินจะดูเหมือนว่าเขาคอยช่วยเหลือเจ้า ทว่าเบื้องหลังเขากลับลอบฝึกฝนนักฆ่าฝีมือดีไว้มากมาย… ข้าจึงได้บอกเจ้าไปแล้วตั้งแต่แรกว่าให้ระวังเจ้าเมืองหลงผู้นี้ให้ดี!”

หยุนเถียนเถียนตกใจเล็กน้อย นางรู้ว่าการสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเคยให้ความช่วยเหลือข้าก็ตาม ทว่าก็เป็นเพียงแค่การติดต่อกันแบบผิวเผินในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”

บัดนี้เมื่อได้รู้ว่าความช่วยเหลือของเขาเป็นเพียงการแสร้งทําดีกับข้าเพื่อบังหน้า ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะแปลกแต่อย่างใด

“หากคิดให้รอบคอบจะเห็นว่าความจริงแล้วสิ่งที่เจ้าเมืองหลงพูดนั้นก็มีข้อบกพร่อง หากเขาเป็นเพียงผู้ติดตามของจักรพรรดิแห่งอวหยางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยุนจึงเอ๋อ เขาจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาไม่รู้เหล่านี้ได้อย่างไร?

“อืม…ข้าเข้าใจแล้วล่ะ”

มู่หรงหยุนเคอรู้สึกสับสนเล็กน้อย เหตุใดท่าทีของแม่สาวน้อยผู้นี้หลังจากได้รับรู้เรื่องร้ายแรงจึงดูปกตินัก?

“เจ้าไม่มีความคิดเห็นอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหรือ? หากเจ้าเมืองหลงส่งคนมาลอบสังหารเขาเช่นนี้ได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดกับเจ้าในตอนแรกก็จะต้องเป็นเรื่องหลอกลวงแน่นอน”

ตอนที่ 344 ปลดองครักษ์

หยุนเถียนเถียนรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกสายตาอันแข็งกร้าวจ้องมอง

“บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้ข้าปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้วจึงไม่จําเป็นต้องตามหมอมารักษา หากไปยุ่งกับมันอีกจะไม่ยิ่งทําให้มันหายช้าลงหรอกหรือ? ก็ได้… ข้าจะไปหาคนมาช่วยล้างแผลให้ข้าอีกรอบ”

ขณะนี้เยี่ยหลีกลับมาแล้วพร้อมใบหน้าทิ้งตึง มือของเขากําลังรั้งแขนเสื้อของเซิ่นสิ่งไว้แน่น

“เจ้าอย่าได้เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเลย! เป็นเพียงแมวตัวเล็ก ๆ ทว่ากลับกล้าบุกเข้าถ้ําราชสีห์ หากไม่ได้ข้าช่วยไว้เจ้าคงได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นแน่!”

เซิ่นสิ่งยังคงดิ้นไปมา เมื่อนางเห็นหยนเถียนเถียนจึงสงบลงทันทีก่อนจะรีบรายงาน

“คุณหนู…ข้าสะกดรอยตามไปจนถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่ไกลนักทว่าน่าเสียดายที่ถูกพวกมันจับได้เสียก่อน! ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดทว่ายังดีที่เจ้าคนหน้าเหม็นผู้นี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง… เขาช่วยชีวิตข้าไว้”

หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยสีหน้าทิ้งตึง “เจ้าไม่รู้หรือว่าชื่อของเจ้าที่ชื่อเซ็นสิ่งมีความหมายว่าอย่างไร? เพียงแค่เห็นอีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ําถอยหนีก็ไล่ตามไปทันทีอย่างขาดสติ! หากไม่มีคนรีบตามไปข้าคิดว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”

มู่หรงหยุนเคอเย็นชาเสียยิ่งกว่าเดิม “ละเลยความปลอดภัยของเจ้านายอีกทั้งยังติดตามศัตรูโดยพลการ! จงกลับไปฝึกเพิ่มให้มากขึ้นเป็นสองเท่า ข้าจะใช้โอกาสนี้ฝึกให้เจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งกว่านี้!”

เซิ่นสิงรู้สึกขมขืนนักทว่าก็จําต้องยอมโค้งคํานับ “ข้าน้อยรับทราบ

ก่อนจะจากไปนางก็หันหน้ากลับมาให้คํามั่น “คุณหนู หากท่านมีองครักษ์คนใหม่ก็โปรดอย่าได้ลืมข้าเลย… ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านให้ดีกว่าเดิมอย่างสุดชีวิตเมื่อขากลับมา”

หยุนเสียนเถียนทนไม่ได้นางจึงคิดจะอ้อนวอนไม่ให้ปลดองครักษ์ผู้นี้ ทว่ามู่หรงชิงพูดขัดขึ้นเสียก่อน “เอาล่ะ! หากเจ้าฝึกจนแก้ไขจุดอ่อนของเจ้าจนหมดสิ้นแล้วพัฒนาตนเองให้แกร่งขึ้น กว่านี้ได้เจ้าจะได้กลับมาอยู่เคียงข้างรับใช้นางตลอดไป”

เซ็นสิ่งได้ยินดังนั้นก็หันกลับมายกยิ้มอย่างโล่งใจก่อนเดินจากไป เยี่ยหลีโค้งคํานับอย่างสุภาพก่อนเอ่ยขึ้น “คํานับท่านอ๋องล่วย”

มู่หรงหยุนเคอไม่ได้ตอบรับทว่าหันไปมองหยุนเถียนเถียน

หยุนเถียนเถียนไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาชั่วขณะ ทั้ง ๆ ที่นางยังไม่ได้ทําอะไรให้ใครเสียใจเลย

“เหตุใดเจ้าต้องมองข้าด้วย? เหตุใดจึงไม่บอกข้าว่าเจ้ากับรัฐทายาทแห่งอวหยางรู้จักกันมาก่อน! ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกันดีเสียด้วย…ในเมื่อพวกเขาทั้งหมดเป็นคนรู้จักของเจ้า เหตุใดเจ้า จึงปล่อยให้ข้าต้องมาคิดเองว่าพวกเขาเป็นศัตรูหรือมิตร?”

มู่หรงหยุนเคอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “สาวน้อยเช่นเจ้าช่างไม่รู้จักระวังตัวเสียจริงข้าคุ้น เคยกับเขาก็จริงทว่ามันก็เป็นเพียงแค่ช่วงวัยเด็กเท่านั้น เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วหลายปีบัดนี้ใครจะล่วงรู้ได้ว่าเขาเป็นคนเช่นไรไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือข้าไม่อาจทําให้เจ้าตัดสินใจผิดพลาดเพียงเพราะคิดว่าข้าเคยสนิทสนมกับเขามาก่อน”

“ดูเหมือนว่าบัดนี้ใจของเจ้าจะบอกว่าเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู”

หยุนเถียนเถียนยกมือขึ้นเกาตั้งหูตนเองอย่างอึดอัด “ก็ไม่ใช่แบบนั้น… อย่างน้อยบัดนี้เขากับข้าก็ยังไม่ใช่ศัตรูกัน ทว่าในอนาคตก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้”

มู่หรงหยุนเคอพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปดึงร่างสาวน้อยตรงหน้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน

หยุนเถียนเถียนออกแรงเล็กน้อยในการดิ้นรนปัดป้องตนเองจากหยุนเคอ เขายังคงกอดนางไว้พลางพูดว่า “แม้ว่าเราทั้งสองจะเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ก็คงไม่แปลกใช่หรือไม่หากพี่ชายจะกอดนองสาวของตน?”

หยุนเสียนเถียนรับรู้ได้ถึงความขมขึ้นจากน้ําเสียงของเขาจึงไม่อาจทําเช่นไรถูก นางจึงหยุดออกแรงปัดป้องแล้วปล่อยให้เขาโอบกอดตนไว้ในอ้อมแขน พูดตามตรงนางไม่อยากปฏิเสธแผงอกอันอบอุ่นของเขาเลยสักนิด

ช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์แบบพี่น้องและความสัมพันธ์แบบสามีภรรยานั้นใหญ่เกินไป ดังนั้นจนถึงบัดนี้นางก็ยังไม่อาจยอมรับได้

ในใจของมู่หรงหยุนเคอขุ่นเคืองนักเพราะไม่ได้กอดแม่สาวน้อยผู้นี้มาหลายวัน เมื่อได้โอบกอดนางเขาจึงรู้สึกพึงพอใจอย่างประหลาด ความรู้สึกเช่นนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างพี่น้อง เขาจึงเริ่มมั่นใจขึ้นว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้องตามที่เสียงหัวใจเรียกร้อง

หยุนเถียนเถียนเงียบไปพักหนึ่งในอ้อมแขนของเขาจนในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “คนของรัฐทายาทบอกข้าว่าเจ้าเมืองหลงเป็นพี่ชายของอดีตองค์หญิงและเคยติดตามรับใช้องค์ชาย จักรพรรดิแห่งอวี่หยางเมตตาเขานักทว่าเขากลับตัดสินใจออกจากพระราชวังอวหยางโดยไม่ลังเล”

“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าคําพูดของเขาจริงเท็จมากเพียงใดทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เป็นเท็จแน่นอน นั่นก็คือจักรพรรดิแห่งอวหยางไม่ใช่คนน่ารังเกียจและทําตัวไร้ยางอายดังที่เขาบอก เขาอาจบาดหมางกับจักรพรรดิแห่งอวหยางมิฉะนั้นเขาคงไม่กล่าววาจาดูหมิ่นใส่ร้ายองค์ชายที่ตนเคยรับใช้เช่นนี้แน่”

มู่หรงหยุนเคอยังคงไม่ปล่อยนางจากอ้อมแขนทว่าก้มลงกระซิบข้างหูนาง “เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งหนึ่งที่เป็นเท็จในคําพูดของเจ้าเมืองหลง เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาเป็นคนไม่น่าเชื่อถือดังนี้ นสิ่งที่เขาพูดอาจจะเป็นเท็จทั้งหมดก็ได้ แม่สาวน้อย…ต่อให้เจ้าจะเป็นน้องสาวหรือภรรยาของข้าก็ตามอย่างไรเจ้าก็ต้องอยู่เคียงข้างข้า”

ปกติหยุนเคอเป็นคนเย็นชาทว่าค่าพูดของเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน เมื่อได้ฟังเช่นนี้หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของนางได้สัมผัสกับปุยสําลีขาวสะอาด… มันช่างเนียนนุ่มน่าสัมผัสเสียเหลือเกิน

สตรีผู้ไม่เคยเสแสร้งบัดนี้เริ่มรู้สึกระคายเคืองที่จมูกเล็กน้อย นางพยายามกลั้นน้ําตาเอาไว้เพื่อไม่ให้ไหลออกมา

แม้ว่านางจะแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก ทว่าเมื่อนางเสียน้ําตาเป็นครั้งแรกจึงได้รู้ใจตนเองว่าหยุนเคอได้ครอบครองหัวใจของนางเรียบร้อยแล้ว เมื่อตระหนักได้เช่นนี้นางก็รู้สึกอึดอัดนัก จนถึงกับต้องร้องไห้เพื่อระบายอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ภายในจิตใจ

นางจําได้ว่าตนเคยบอกหยุนเคอว่าจะไม่อยู่กันแบบสามีภรรยาอีกต่อไปและจะอยู่กันแบบพี่น้อง ทว่าบัดนี้นางกลับอยากจะปลดปล่อยความรู้สึกตนเองสักครั้ง แล้วผ่อนคลายในอ้อมกอดอบอุ่นที่มอบความสุขให้นางแบบไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

เมื่อต้องประสบกับความตึงเครียดทางจิตใจหลังผ่านเหตุการณ์ลอบสังหารมาได้ บัดนี้อารมณ์ของนางผ่อนคลายลงแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกง่วงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายนี้อ่อนแอกว่าร่างเดิมที่เคยแข็งแกร่ง เพราะต้องฝึกในโรงเรียนตํารวจหลายเท่านัก

เมื่อนางรู้สึกผ่อนคลายมากจึงผล็อยหลับไปในที่สุด เมื่อหยุนเคอเห็นว่าสาวน้อยในอ้อมแขนของเขาหมดแรงจนหลับไปก็อดหัวเราะไม่ได้

สตรีผู้นี้เผลอหลับไปโดยไม่ระวังตัวใด ๆ เลย หากข้าเป็นชายโฉดผู้จิตใจหยาบช้านางคง…

“ครั้งนี้นางคงจะหวาดกลัวการลอบสังหารนัก” หยุนเคอจึงตัดสินใจไม่ปลุกทว่าอุ้มนางแนบอกไปวางลงบนเตียง

แม้ว่าเหตุการณ์ร้ายจะจบลงแล้วทว่าเขาก็ไม่เต็มใจที่จะจากไป ตั้งแต่นางได้ฟังคําพูดของเจ้าเมืองหลงเขาก็ไม่ได้นอนกับสาวน้อยอย่างสงบสุขมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสเขาจึงไม่อาจปล่อยพลาดไปได้แน่นอน

เขาค่อย ๆ ขยับร่างของนางเข้าไปส่วนในสุดของเตียง จากนั้นก็ถอดรองเท้าแล้วล้มตัวลงนอนข้างนาง เขารู้สึกดีนักที่ได้กอดหญิงอันเป็นที่รักไว้ในอ้อมแขน มู่หรงหยุนเคอถอนหายใจ อย่างมีความสุขก่อนจะหลับตาลงแล้วผล็อยหลับไป

ตอนที่ 343 ความหึงหวงของหยุนเคอ

หยุนเถียนเถียนรู้สึกว่าแขนที่นางจับไพล่หลังไว้หลุดออกจากข้อต่อ

นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าหญิงชราจะโหดร้ายถึงขั้นกล้าหักมือตัวเองเพื่อหนีเอาตัวรอด!

สตรีผู้นั้นกล้าหักข้อมือตัวเองเพื่อให้มีพื้นที่พอในการดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ จากนั้นก็เตะเข้าที่เอวของหยุนเถียนเถียนเต็มแรง ความเจ็บปวดทําให้นางเผลอปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว

หญิงชราใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี นางส่งเสียงร้องก่อนที่คนชุดดําทั้งหมดจะรีบวิ่งหนีตามนางไป

เซิ่นสิงออกวิ่งไล่ตามหลังคนเหล่านั้นไปทันที หยุนเกียนเถียนไม่อาจหยุดนางไว้ได้จึงต้องปล่อยให้วิ่งตามออกไปเช่นนั้น

คิดดูแล้วก็เห็นว่าแม้หยุนเคอจะเป็นคนมองการณ์ไกลนัก ทว่าองครักษ์หญิงผู้นี้มีนสัยหุนหันพลันแล่นเขากลับตั้งชื่อให้ว่าเซ็นสิ่ง…ดังนั้นเขาควรระวังมากกว่านี้เมื่อต้องตั้งชื่อให้ใครสักคนเพราะนามควรแสดงถึงตัวตนของเจ้าของนามนั้น

* เซ็นสัง = ภาษาจีนแปลว่ารอบคอบหรือระมัดระวัง

มู่หรงป้อตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าแม้องครักษ์ชุดด่าเหล่านั้นจะยังไม่ได้รับค่าสัง ทว่ากลับไล่ล่าทําร้ายผู้คนได้ตามอําเภอใจ เช่นนี้จึงดูเหมือนว่าเจ้านายขององครักษ์เหล่านั้นต้อง…

“เอาล่ะ ตอนนี้องครักษ์ประจําตัวของเจ้าไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าถูกลอบทําร้ายอีกข้าจะเข้าไปข้างในกับเจ้าด้วยเพื่ออยู่รอจนกว่าจะมีคนมาคอยดูแลเจ้า ข้าคิดว่าต้องมีคนเก่งกาจคอยอยู่ข้างกายเจ้าอีกใช่หรือไม่?”

หยุนเสียนเถียนไม่อาจขัดได้จึงตัดสินใจเดินนําเข้าไปในสวนเล็ก ๆ มู่หรงป้อมองไปยังทิศที่เหล่าคนชุดดําวิ่งหนีไปอย่างไม่สบายใจนัก เขาจึงสั่งให้องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างตามไปตรวจสอบดู

องครักษ์เยี่ยหลีที่ยืนอยู่ข้างเขากลอกตาอย่างไม่เต็มใจ ทว่าเป็นคําสั่งของเจ้านายจึงจําต้องเชื่อฟัง สุดท้ายเขาก็ต้องตามไปช่วยสตรีที่เคยแทงเขาจนได้!

หยุนเคอได้รับสัญญาณร้องทุกข์จากเซ็นสิ่งจึงรีบเดินทางมายังบ้านพักสกุลหลี่ทันที เมื่อมาถึงเขาก็พบร่องรอยการต่อสู่ในที่แห่งนี้ทว่าทุกคนได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว

เขาตื่นตระหนกเสียจนไม่สนใจพนักงานต้อนรับ ก่อนจะกระโดดข้ามกําแพงเข้าไปในสวนเล็ก ๆ ภายในที่พัก

หยุนเวียนเถียนนั่งบนโต๊ะกลมในสวนพลางมองชายผู้นั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม ภาพเช่นนี้ทําให้มู่หรงหยุนเคอเกิดความหึงหวงนัก!

“หยุนเคอ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”

หยุนเถียนเถียนเห็นว่าหยุนเคอเงียบผิดปกติ นางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดใบหน้าของเขาจึงบดบึงเช่นนั้นทว่าก็ยังกล่าวคําทักทายออกไป

เมื่อมู่หรงป๋อเห็นผู้มาเยือนเขาก็ถึงกับตาเบิกโพลง แน่นอนว่าเขาจําชายตรงหน้าได้… อ่องล่วยผู้หายสาบสูญไปนานแล้ว!

“อ่องล่วย… ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่หรงหยุนเคอก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่คือเจ้าเด็กหน้าเหม็นที่ตนไม่อยากพบเจอเลยสักนิด

“ผู้ติดตามหน้าเหม็น เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”

มู่หรงป๋อมองหยุนเคอด้วยรอยยิ้มจาง “เหตุใดข้าจึงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ? ข้าคิดว่าท่านน่าจะรู้มานานแล้วเสียอีก ด้วยความสามารถอันเก่งกาจของท่านย่อมล่วงรู้ทุกสิ่งได้โดยง่ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

มู่หรงหยุนเคอเลือดขึ้นหน้า “เรื่องนั้นไม่สําคัญหรอก! ข้าเกรงว่าเจ้าจะทําเรื่องน่ารังเกียจเหมือนที่เคยทําเมื่อเจ้ายังเด็กเสียมากกว่า”

เมื่อพูดถึงความอับอายเมื่อครั้งเยาว์วัยขึ้นมา สีหน้าของมู่หรงป๋อก็บูดบึงทันที “ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กผู้โง่เขลาจึงสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาโดยไม่ทันยั้งคิด ทว่าเหตุใดท่านต้องนําความผิดพ ลาดของผู้อื่นมาประจานได้ไม่เลือกที่เช่นนี้! ข้าต้องถามท่านเสียมากกว่าว่าท่านเกี่ยวข้องกับสาว น้อยผู้นี้อย่างไร?”

สาวน้อยผู้นี้? ทั้งสองสนิทกันขนาดนั้นเลยหรือ? ทีแรกนางบอกว่าไม่อาจรู้ว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรูทว่าบัดนี้กลับดูสนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนั้นเลยหรือ?

“สาวน้อยที่เจ้าเรียกออกมาบัดนี้นางคือ…”

หยุนเถียนเถียนผุดลุกขึ้นขัดจังหวะพูดของหยุนเคอทันที “พอได้แล้วหยุนเคอ! บัดนี้เจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าจะสนิทสนมกับใครก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าดังนั้นเจ้าไม่จําเป็นต้องทําราวกับสอบสวนนักโทษเช่นนี้หรอก!”

หยุนเคอพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่านางจะกล่าววาจาเสียดแทงตนต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้

มู่หรงป๋อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจึงทําให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เถียนเถียน หากชายผู้นี้กล้ารังแกเจ้าก็จงบอกข้ามาเถิด แม้ว่าข้าอาจจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ทว่าข้าก็จะยืนหยัดเพื่อเจ้า!”

มู่หรงหยุนเคอกล่าวเย้ยกลับไปทันที “เจ้าก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าไม่อาจเอาชนะข้าได้ดังนั้นก็จงรีบอยู่ให้ห่างสตรีผู้นี้เสีย…ฉะนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ไว้หน้าลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็แล้วกัน!”

หยุนเสียนเถียนยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “องค์รัฐทายาท ท่านพอใจการดูแลของนายอําเภอหรือไม่? หากขาดตกบกพร่องสิ่งใดข้าคิดว่าท่านควรย้ายมาพักอยู่ใกล้กับพวกข้าดีกว่า”

มู่หรงป๋อเผยรอยยิ้มราวกับจะประกาศชัยชนะเหนือมู่หรงหยุนเคอ “ก็ดีเหมือนกัน! ข้าคิดว่าข้าอาศัยอยู่ที่นั่นนานพอสมควรแล้วจึงต้องเอ่ยคําลาเขาเสียก่อน เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา…อ๋องล่วยก็อยู่ที่นี่ทั้งคนข้าจึงหายกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้า”

ก่อนที่มู่หรงหยุนเคอจะขัดขวางไว้ได้มู่หรงป๋อก็เดินออกไปเสียแล้ว เขาแค่กลับไปบอกลานายอ่าเภอแล้วจะย้ายมาอยู่ที่บ้านพักสกุลหลทันที

หยุนเคอรู้สึกขมขึ้นในใจทว่าเขากลับพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หากเจ้าชวนเขามาอยู่ที่บ้านพักสกลหลี่ เจ้าไม่กลัวว่าหลี่ซื่อฮวาจะไม่เห็นด้วยหรือ?”

หยุนเสียนเกียนยิ้มก่อนจะมองตามหลังรถม้าที่กําลังแล่นออกไป “ข้ารู้จักนายน้อยผู้นี้ดี หลี่ซื่อ ฮวาไม่กล้าระรานข้าและขับไล่คนใหญ่คนโตออกไปเวลานี้อย่างแน่นอนหากมีมู่หรงป้ออยู่ใกล้ ๆ เรื่องความปลอดภัยก็จะได้รับการคุ้มกันเป็นพิเศษด้วย”

“เมื่อครู่มีคนมาลอบสังหารข้า ต้องขอบคุณเขาที่มาช่วยข้าไว้ได้ทัน”

แม้ว่ามู่หรงหยุนเคอจะรู้ว่าชายผู้นั้นคงไม่ได้ต้องการจะทําเรื่องไร้ยางอายใด ทว่าเขาก็ยังพูดออกไปอย่างไม่พอใจว่า “ใครจะไปรู้ว่าจิตใจสกปรกของคนผู้นั้นกําลังคิดสิ่งใดอยู่…บางทีเขาอาจถูกส่งตัวมาทําแผนการร้าย ทว่าแสร้งทําเป็นช่วยชีวิตเจ้าเพื่อเอาชนะใจเจ้าก่อนก็ได้”

หยุนเถียนเถียนปัดมืออย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีความคับข้องใจอย่างไร ทว่าเจ้าแสดงออกเสียจนเห็นชัดถึงเพียงนี้! หากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นแผนการร้ายตามที่เจ้าบอกก็แสดงว่าเขาต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่ เช่นนั้นก็โปรดบอกข้ามาว่าจุดประสงค์ของชายผู้นั้นคืออะไร?”

มู่หรงหยุนเคอไม่รู้จะกล่าวตอบเช่นไรเพราะเขายังหาเหตุผลมาหักล่างไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็ก้มหน้าลงก่อนพูดว่า “เจ้าปลอดภัยข้าก็พอใจแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะ…”

ก่อนจะพูดจบเขาก็เหลือบไปเห็นบาดแผลที่คอของหยุนเถียนเถียน แม้จะได้รับการปฐมพยาบาลแล้วทว่าคราบเลือดก็ยังชวนให้รู้สึกหวาดเสียวไม่น้อย

“เจ้าเจ็บหรือเปล่า?”

หยุนเคอออกอาการโมโหอย่างเห็นได้ชัด “บ้าจริง! แล้วผู้หญิงคนนั้นมัวไปทําอะไรอยู่? ข้าอุตส่าห์สั่งให้นางคอยปกป้องเจ้าอย่างดีทว่าก็ยังทําไม่ได้ เช่นนี้นางจะเป็นองครักษ์ได้อย่างไร?”

มุมปากของหยุนเกียนเถียนกระตุก เซ็นสิ่งกําลังทําอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? นางเข้าต่อสู้กับพวกคนชุดด่าอย่างกล้าหาญ ทว่านางจะมาปกป้องผู้อื่นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนั้นแม้แต่ตัวนางเองยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด?”

“เซินสิ่งวิ่งตามคนที่ลอบสังหารข้าไปข้าจึงเกรงว่านางอาจจะตกอยู่ในอันตราย ทว่าเยี่ยหลีผู้ เป็นองครักษ์ขององค์รัฐทายาทก็ออกติดตามนางไปแล้ว… เจ้าไม่จําเป็นต้องมองว่าทุกคนเป็น ศัตรก็ได้นะ อย่างน้อยในตอนนี้มู่หรงป๋อก็ไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใดจึงไม่ควรกล่าวหาเขาเช่น นั้น!”

มู่หรงหยุนเคอยังคงอารมณ์เสียนักจึงพูดว่า “หากเจ้าบาดเจ็บก็ควรพูดให้น้อยลงจะดีกว่า ข้าควรตามหมอมาดูอาการเจ้าอีกรอบดีหรือไม่?”

ตอนที่ 342 ลอบสังหาร

หยุนเกียนเถียนมองมู่หรงป๋อซึ่งกําลังเผยรอยยิ้มจางด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจน้องสาว

“ข้ารู้ว่าท่านได้สอบสวนข้าไปแล้ว ข้าคิดว่าต่อให้จะต้องอยู่หมู่บ้านเทพธิดาที่ทุรกันดารเพียงใด ก็ยังดีกว่าต้องถูกกักขังอยู่ในวังเหมือนนกน้อยในกรงทอง อีกทั้งบัดนี้เรื่องทั้งหมดก็ผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

มู่หรงปื่อยกยิ้มแล้วกําลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นเองเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!

หยุนเถียนเถียนรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งแหวกอากาศมาจากด้านหลังจึงหันหน้าไปดูทันที สิ่งนั้นคือลูกธนที่กําลังพุ่งตรงมาจนเกือบจะอยู่ในระยะประชิด ทว่าเซินสิ่งคว้าลูกธนูนั้นไว้ได้ด้วยมือเปล่าของนางแล้วปากลับไปทางเดิมอย่างรุนแรง มันพุ่งเจาะไหล่ซ้ายของคนชุดดําผู้หนึ่งเข้าเต็มเปา ด้วยแรงปามหาศาลนั้นทําให้ลูกธนูปักคาอยู่ที่ผนังด้านหลังตรึงร่างคนผู้นั้นไว้ เขาจึงไม่อาจดิ้นรนหาทางหนีได้

เนื่องจากงานประมูลจบไปนานแล้วเวลานี้จึงมืดค่ําและแทบไม่มีคนสัญจรไปมาบนถนนเลย เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทําให้คนไม่กี่คนที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้วิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

แม้ว่าคนชุดดําผู้ได้รับบาดเจ็บจะสูญเสียความคล่องตัวไป ทว่าเหล่าคนชุดดําหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นรอบตัวของเขาพร้อมยืนล้อมรอบรถม้า บัดนี้คนที่ตื่นตระหนกที่สุดก็คือคนขับรถม้าผู้ไร้ซึ่งทักษะการต่อสู้ป้องกันตัว

คนชุดตวัดดาบเพียงครั้งเดียวเลือดสีแดงฉานของคนขับรถม้าก็พุ่งออกมาจากคอของเขาราวกับน้ําพุ

ภายในชั่วพริบตาเดียวก็มีคนเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนเกิดความรักตัวกลัวตายขึ้นมาทันที นางจึงรีบถอยเข้าไปหลบในรถม้าตามค่าของมู่หรงป๋อ

เซินสิ่งรู้สึกพะวงหากต้องต่อสู้คนเดียว ทว่าบัดนี้มู่หรงป๋อไม่รอช้าที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาไม่ได้ผละหนีไปทว่ายังคงอยู่เผชิญหน้ากับศัตรูเพื่อปกป้องหยุนเถียนเถียน

หยุนเกียนเถียนใช้โอกาสนี้พูดขึ้น “วันนี้ข้าทําให้ท่านต้องเดือดร้อนไปด้วยเสียแล้วเพราะคนเหล่านี้มาเพื่อสังหารข้า เท่าที่จําได้ข้าไม่เคยบาดหมางกับใครจนถึงกับทําให้อีกฝ่ายต้องส่งมือสังหารมาจัดการข้าเช่นนี้”

มู่หรงป่อเผยรอยยิ้มจาง “ข้าก็ไม่อาจนิ่งดูดายปล่อยให้พวกมันทําร้ายน้องสาวข้าได้! ในเมื่อเจ้าตกเป็นเป้าก็แสดงว่าพวกมันต้องการสังหารเจ้า บางทีอาจเป็นเพราะข้ามาหาเจ้าก็ได้พวกมันจึงมาลอบโจมตีเช่นนี้”

เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ไม่สําคัญอีกต่อไปแล้วว่าเราจะเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ข้าแน่ใจว่าใช่ และในอนาคตเราจะไม่มีทางเป็นศัตรูกัน! รู้หรือไม่ว่าชะตากรรมของพี่

ชายที่ปล่อยปละละเลยน้องสาวเป็นเช่นไร? เจ้าจงนึกถึงเฉินเต่อกันในหมู่บ้านของเจ้าเถิด… บัดนี้ เขาช่างน่าเวทนานัก”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่คิดว่าท่านจะกล่าวถึงเรื่องนี้ในเวลานี้เสียด้วยซ้ํา บัดนี้ต้องรีบจัดการเหล่าคนชุดดําให้ราบคาบเสียก่อน มิฉะนั้นอาจมีผู้บริสุทธิ์คนอื่นได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก”

มู่หรงป๋อโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ “ข้าพาองครักษ์ปลายแถวเหล่านี้ติดตามมาด้วย ตอนแรกข้าก็อยากจะสั่งให้พวกนี้ลงมือยิงโต้กลับไป ทว่าข้าเกรงว่าเจ้าอาจถูกโจมตีไปด้วย บัดนี้ข้าต้องสั่งการแล้ว อย่างไรเสียพวกเราก็ต้องไม่ใช่ฝ่ายพ่ายแพ้ทว่าต้องเป็นเหล่ามือสังหารผู้ปิดบังใบหน้าเหล่านั้น!”

หยุนเถียนเถียนผลักมู่หรงป๋อ “ไม่ต้องเป็นห่วง… ข้าจะอยู่อย่างปลอดภัยในรถม้าส่วนท่านก็รีบไปช่วยเซ็นสิ่งเถิด หากนางเป็นอะไรไปข้าจะไม่ยอมปล่อยท่านแน่!”

มู่หรงป้อส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะแสร้งทําเป็นถอนหายใจ “น้องสาวของข้าช่างร้ายกาจเสียจริง ดูเอาเถิด… ไม่ทันไรก็เห็นองครักษ์สําคัญกว่าพี่ชายของตนเสียแล้ว”

แม้มู่หรงป๋อจะกล่าวตัดพ้อเช่นนั้นทว่าหยุนเถียนเถียนก็รีบขึ้นรถม้าไป เขามีชีวิตที่สุขสบาย ทว่าก็ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ขั้นสูงมาแล้ว สายเลือดนักสู้อันสืบทอดมาจากบรรพชนของเขาไม่ใช่ของปลอม เขาจึงเข้าร่วมต่อสู้ฟาดฟันเหล่าศัตรูอย่างชุลมุน

บัดนี้คนชุดดําที่ได้รับบาดเจ็บในตอนแรกอ้อมมาด้านข้าง ก่อนจะลากหยุนเกียนเถียนลงจากรถม้าไปทันที ซึ่งคนที่กําลังต่อสู้อยู่ไม่ทันได้สังเกตเห็น

หยุนเถียนเถียนก็กําลังพะวงกับการต่อสู้ตรงหน้าอยู่จึงถูกลักพาตัวโดยไม่ทันได้ระวัง

“หยุดเดี๋ยวนี้! มิฉะนั้นข้าจะฆ่านาง!”

ผู้คนที่กําลังต่อสู้กันพัลวันไม่มีทางเลือกใดนอกเสียจากต้องหยุด มู่หรงป๋อส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ หากเจ้ายังต้องการมีชีวิตอยู่ก็จงปล่อยนางเสียบัดนี้ หากนางบาดเจ็บแม้เพียงปลายก้อยก็อย่ามาโทษว่าโลกนี้โหดร้ายก็แล้วกัน!”

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะนิสัยเหมือนกับบิดาผู้โฉดชั่วของเจ้าไม่มีผิด ส่วนใบหน้าของสตรีผู้นี้ก็ช่างงดงามทว่ากลับไร้ซึ่งศีลธรรมอันดีและความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว! หากข้ากรีดหน้านางสักสองแผลให้กลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะยังคงยืนหยัดเพื่อนางอยู่อีกหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเสียงพูดหยุนเถียนเถียนก็ประหลาดใจนักเพราะคนที่กําลังจับตัวนางอยู่เป็นสตรีที่ค่อนข้างชรา

“ฟังจากน้ําเสียงอันแข็งกร้าวเช่นนี้ก็พอสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นราวกับเป็นมารหัวใจ… นี่ไม่ใช่ศัตรูของหยุนจึงเอ๋อใช่หรือไม่?

“ฟังจากที่ผู้อาวุโสกล่าวมาดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักบิดาของข้า… ท่านอยู่บนโลกนี้มานานนักก็ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น หากท่านปล่อยนางข้าก็จะยอมปล่อยท่านไป!”

หยุนเวียนเถียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตา นางสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นจากหญิงชราที่กําลังตอดรัดตัวนางไว้ กริชอันแหลมคมที่จ่ออยู่บนคอของนางเริ่มเฉือนเข้าผิวหนังจนเลือดทะลักออกมา ทว่ารัฐทายาทผู้นี้กลับทําได้แค่พยายามเจรจาต่อรอง เช่นนี้นางจะยอมปล่อยตัวประกันไปได้อย่างไร?

“สุดท้ายข้าก็ต้องพึ่งตัวเองอีกจนได้!” เมื่อหยุนเสียนเถียนคิดได้ดังนั้นนางก็พยายามหาทางหนีเอาตัวรอดทันที

“ผู้อาวุโส… ดูเหมือนว่าข้ากับท่านจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่หรือไม่? ท่านกําลังคิดจะทําสิ่งใด? ท่านพาคนจํานวนมากมาที่นี่เพื่อลอบสังหารข้าเช่นนั้นหรือ? ทว่าจนถึงตอนนี้ข้ากับท่านก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เช่นนี้สมควรแล้วหรือที่ท่านจะจับข้ามาทําร้ายเช่นนี้?”

คําพูดดังกล่าวดูเหมือนจะช่วยเตือนสติหญิงชราได้ หยุนเสียนเถียนรู้สึกว่าในที่สุดกริชก็ถูกเอาออกไปจากคอของนางแล้ว สันนิษฐานว่าหญิงชราผู้นี้น่าจะยังมีความรอบคอบอยู่บ้างจึงยังไม่กล้าลงมือปลิดชีพตน

แม้บัดนี้จะพอโล่งใจได้บ้างทว่าแผนการต่อไปต้องรีบดําเนินการ หยุนเถียนเถียนขยิบตาให้เซิ่นสิง ซึ่งเซิ่นสิงก็สังเกตเห็นทว่ายังไม่เข้าใจเจตนาของหยุนเถียนเถียน

“ท่านเกลียดชังข้านักเพราะใบหน้าของข้าเหมือนหยุนจึงเอ่อ… ดูเหมือนว่าท่านจะเกลียดชังแม่ของข้าสินะ เมื่อก่อนข้าคิดว่าตนเองไม่งดงามเหมือนผู้อื่นทว่าก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ราวกับสัตว์ประหลาด ในตอนนั้นข้าจําต้องเช็ดหน้าด้วยผ้าสกปรก ช่างดูน่าเวทนานักใช่หรือไม่?”

แน่นอนว่าบัดนี้ผู้ที่กําลังรัดตัวนางอยู่เริ่มสับสนเล็กน้อยก่อนจะโมโหจนตวาดเสียงดัง “พูดตามตรงแม้ว่าข้าจะไม่อาจฆ่าเจ้าได้ ทว่าข้าสามารถทําให้เจ้าลิ้มรสความเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนได้”

สิ่งที่หยุนเถียนเถียนต้องการคือเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเห็นว่าสําเร็จแล้วนางจึงยกเท้าขึ้น กระทืบลงบนนิ้วเท้าของหญิงชราเต็มแรง

หญิงชราเจ็บปวดจนเผลอคลายมือออก หยุนเถียนเถียนจึงรีบดึงข้อมือที่โอบรัดคอของตนอยู่แล้วบิดไพล่หลังไว้ นางใช้โอกาสนี้จับตัวของหญิงชราไว้อย่างแน่นหนา

หญิงชราไม่อาจดิ้นหลุดไปได้ นางไม่คาดคิดว่าหยุนเถียนเถียนที่ตกอยู่ในกํามือของตนจะสามารถหลุดรอดไปแล้วพลิกสถานการณ์ได้เช่นนี้
เมื่อพยายามจะหนีก็เห็นว่าองค์รัฐทายาทกําลังเดินตรงเข้ามา บัดนี้นางกําลังจะถูกพิพากษาแล้ว!

ตอนที่ 341 ไมตรีจิต

มู่หรงป้อคิดคํานึงถึงใครบางคน สายตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่าง “บอกตามตรงว่าพ่อ ของข้าต้องการจะมาที่นี่ด้วยตนเองทว่าช่วงนี้ท่านป่วยหนักจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกเสียจากส่งข้ามา”

หยุนเกียนเถียนไม่ได้ต้องการพบจักรพรรดิแห่งอวหยางทว่านางต้องการไขข้อข้องใจเรื่องอื่นนั่นก็คือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เจ้าเมืองหลงพูดนั้นอาจไม่เป็นความจริงทั้งหมด

“เช่นนั้นข้าขอถามท่านว่ามารดาของท่านคิดอย่างไรกับหยุนจึงเอ่อ?”

มู่หรงป๋อไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนจึงถามเขาเรื่องนี้ เมื่อคิดดูแล้วก็เห็นว่าสตรีผู้นี้ก็ไม่ได้คุกคามเขาแต่อย่างใด เขาจึงตัดสินใจตอบไปตามตรง

“สมัยที่ขายังเด็กมักได้ยินท่านแม่บ่นเกี่ยวกับหยุนจึงเอ่อ ถ้อยคําเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา! ทว่าคําพูดของท่านแม่กลับเจือไปด้วยความคิดถึงและความเกลียดชังปะปนกันไปแสดงให้เห็นว่าเดิมที่ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องเคยแน่นแฟ้นมาก่อน”

“เมื่อพ่อของขามีนางสนมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม่ของข้าก็ไม่บ่นถึงหยุนจึงเอ๋ออีกต่อไป ทว่าไม่นานมานี้ท่านก็เริ่มพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหยุนจึงเอ่ออีกครั้ง ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางมาที่นี่ท่านแม่ได้เข้ามาหาข้า…”

“ท่านบอกแก่ข้าว่าหากพบเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหยุนจึงเอ่อ ข้าต้องรีบขุดรากถอนโคนชิงก่าจัดเขาทันทีเพื่อไม่ให้กลับไปยังเมืองหลวงได้! เพราะมีเพียงเด็กผู้นี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับข้า แล้วแย่งชิงตําแหน่งองค์รัชทายาทไป”

หยุนเสียนเถียนได้ฟังดังนั้นก็ตกตะลึงทันที จากคํากล่าวเมื่อสักครู่แสดงชัดว่าบิดาของเขาต้องเป็นจักรพรรดิแห่งอวหยางแน่นอน มิฉะนั้นเขาจะกล่าวถึงเรื่องการต่อสู้เพื่อตําแหน่งองค์รัชทายาทได้อย่างไร?

“หากความจริงเป็นเช่นนี้ หรือว่าหยุนเพียนเพียนจะยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทว่าทําได้เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น? ฉะนั้นจึงไม่อาจด่วนสรุปได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่าความคิดของหยุนเสียนเถียนจะล่องลอยไปไกลทว่าก็หนีไม่พ้นเรื่องขององค์ชายใหญ่ผู้นั้น

“แล้วท่านคิดว่าอย่างไร? ท่านต้องการจะขุดรากถอนโคนหรือไม่?”

มู่หรงปื่อยกยิ้ม แม้บัดนี้เขาจะมีตําแหน่งเป็นถึงองค์รัฐทายาทส่วนนางเองเป็นเพียงสามัญชนทว่าเขากลับมองไม่เห็นความตื่นตระหนกในแววตาของหยุนเกียนเถียนเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะนางมีคนคอยหนุนหลังใช่หรือไม่? หรือนางเป็นเพียงคนเขลาที่ไม่รู้จักหวาดหวั่นต่อสิ่งใด?

“แม่นางหยุนโปรดใจเย็น! ก่อนอื่นแม้ว่าเจ้าจะเป็นบุรุษผู้มีกําลังกล้าแกร่ง พอที่จะต่อสู้แย่งชิงตําแหน่งองค์รัชทายาทกับข้าจริง ทว่าข้ามีรากฐานที่มั่นคงในพระราชวังมาเป็นเวลาหลายปีดังนั้นข้าจึงไม่จําเป็นต้องใช้วิธีดังกล่าวเลย”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือบัดนี้ข้าโล่งใจนักเมื่อรู้ว่าเจ้าเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์ได้ตําแหน่งใด อย่างดีที่สุดก็ได้เพียงแค่ของบรรณาการเท่านั้น…ท่านแม่ของข้าดูจะมีความคิดเหี้ยมโหดจนเกินไป ทว่าเจ้าโปรดวางใจเถิดว่าไม่มีประโยชน์ใดที่ข้าจะต้องกําจัดเจ้า”

หยุนเถียนเถียนยังคงรู้สึกไม่สบายใจ นางจึงถามขึ้นอย่างแผ่วเบา “ในกรณีนี้ท่านสามารถแน่ใจได้แล้วหรือว่าข้าคือบุตรีนอกสมรสของบิดาท่านกับหยุนจึงเอ่อ?”

มู่หรงป๋อชะงักไปครู่หนึ่ง จะว่าไปแล้วข้าก็เพียงแต่เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากท่านแม่ ทว่าหยุนเถียนเถียนเกิดหลังจากหยุนจึงเอ่อออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือข้าได้ยินมาว่าจักพรรดิมีบางอย่างที่สําคัญเกี่ยวข้องกับหยุนจึงเอ่อ…ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ยังไม่อาจสรุปได้อย่าง แน่นอน

“นี่… แม้ว่าคิ้วของเจ้าจะดูไม่คล้ายคิ้วของพ่อข้าสักเท่าไหร่ทว่าดวงตาของเจ้ากับดวงตาของจักพรรดิค่อนข้างคล้ายกันนัก ข้าจึงคิดว่าเจ้าน่าจะเป็นน้องสาวของข้าจริงๆ ดังนั้น…”

“ดังนั้นท่านก็ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลที่ชัดเจนพอจะพิสูจน์ได้ว่าข้าเป็นลูกสาวพ่อของท่านใช่หรือไม่? เจ้าเมืองหลงหรือฉันหลงที่คนของท่านกล่าวถึงบอกว่าข้าคือธิดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน! ท่านคิดว่าข้าควรเชื่อใจใครดี?”

มู่หรงซื้อตะลึงงันเพราะเรื่องทั้งหมดนี้ช่างซับซ้อนเกินไป เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กจึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรก

“ข้าไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องของคนรุ่นก่อน ๆ ข้ารู้แต่เพียงว่าน้องสาวของฉันหลงเป็นองค์หญิงองค์หนึ่ง ทว่าเมื่อตระกูลฉินมีปัญหาบางอย่างก็เป็นช่วงที่องค์หญิงฉินเจียแห่งอวหยางล้มป่วยลงพ่อของข้าอ้อนวอนขอให้เขาช่วยรักษาน้องสาวของตนให้หายจากอาการป่วยสุดท้ายเขาก็มีเมตตาช่วยรักษาให้จนหาย”

“อย่างไรก็ตามฉินหลงไม่ได้ตัดสินใจจะคอยอยู่เคียงข้างพ่อของข้าตลอดไป ทว่าเขากลับจากไปในวันหนึ่งข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงําบางอย่างซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับหยุนจึงเอ๋อด้วย!”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มทว่าไม่ได้เอ่ยคําใด มู่หรงป้อคิดว่าความประทับใจแรกพบกับนางถือว่าไม่เลว เขาจึงนั่งรอการประมูลครั้งต่อไปอย่างเงียบ ๆ บัดนี้บรรยากาศจึงสงบไปครู่หนึ่ง

การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว เหล่าผู้เสนอราคาที่ชั้นล่างกําลังคึกคักและมีชีวิตชีวา

ทันใดนั้นมู่หรงป๋อก็กล่าวขึ้นว่า “อันที่จริงเมื่อมาคิดดูแล้วหากข้ามีน้องสาวเช่นเจ้าก็คงจะดี”

หยุนเถียนเถียนกล่าวตอบด้วยความหมายอันลึกซึ้ง “แน่นอนว่าข้าเองก็อยากจะมีพี่น้องหลายคน ทว่าข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ของท่านจะคิดเช่นไร! ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนคิดมากเกินไปทว่าจิตใจของมนุษย์ยากที่จะหยั่งถึงนัก”

มู่หรงป้ออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ท่านแม่ของข้าหรือ…ข้าถูกเลี้ยงดูมาโดยท่านพ่อ มากกว่ายิ่งเมื่อข้าโตขึ้นท่านแม่กับข้าก็ห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านแม่จึงไม่อาจครอบงําความคิดของข้าได้ ไม่ต้องกังวลหรอกข้าเล่าให้เจ้าฟังได้อย่างไม่จําเป็นต้องปกปิดบัดนี้ท่านพ่อของข้ากําลังล่าบากนัก ตอนนี้จึงมีเพียงเจ้ากับข้าเท่านั้นที่จะช่วยได้ดังนั้น…”

ค่าพูดต่อไปมู่หรงป๋อไม่ได้กล่าวต่อให้จบซึ่งหยุนเถียนเถียนก็ไม่ได้ถาม ทว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูและต่างก็มีไมตรีจิตให้แก่กัน

ความร้อนแรงของการประมูลเป็นไปตามที่หยุนเถียนเถียนคาดไว้ เรื่องแปลกใหม่เช่นนี้ย่อมถึงดูดผู้คนมากมายให้หลั่งไหลเข้ามายังร้านอาหารของหลี่ซื่อฮวาได้เป็นธรรมดาคำสั่งซื้อทั้งหมด ยาวไปถึงเดือนถัดไปเลยทีเดียว

หลี่ซื่อฮวายุ่งเกินกว่าจะแวะมาทักทาย ซึ่งหยุนเถียนเถียนก็เข้าใจดี นางและมู่หรงป๋อนั่งอยู่ในห้องกั้นฉากนั้นจนงานเลิก

มู่หรงป๋อเป็นคนใช้วาทศิลป์ในการต่อรองไม่เก่งนัก ทําให้สิ่งเดียวที่เขาได้ไปจากงานประมูลครั้งนี้ก็คือใบสัญญาสั่งซื้อของล่วงหน้าเท่านั้น

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “องค์รัฐทายาทมู่หรงป้อ… ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคตเราทั้งสองจะเป็นมิตรหรือศัตรูกัน ทว่าข้าไม่ได้เกลียดชังท่านเลยแม้

แต่น้อย… และข้าดีใจนักที่มีพี่ชายเช่นท่าน!”

มู่หรงป๋อเผยรอยยิ้มด้วยใจจริง “ความบาดหมางของคนรุ่นก่อนไม่ควรมาเป็นกําแพงกั้นระหว่างเจ้ากับข้า! ไปกันเถิด…เจ้าอาศัยอยู่ที่บ้านพักของนายน้อยหลี่ใช่หรือไม่? ให้ข้าไปส่งดีไหม?”

หยุนเถียนเถียนไม่นึกรังเกียจแต่อย่างใดจึงตอบตกลง ทว่านางก็ยังคงคอยระมัดระวังตัวขณะเดินทางไปตามถนน เพราะมักเป็นจุดอ่อนที่ถูกลอบโจมตีได้ง่าย

ในที่สุดรถม้าก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านพักของหลี่ซื่อฮวา หยุนเถียนเถียนกล่าวขอบคุณก่อนจะลงจากรถ ทว่ามู่หรงป๋อเอื้อมมือไปแตะแขนนางก่อนจะยื่นจี้หยกให้

“ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญอื่นใดมาเลย เจ้าสามารถนําจี้หยกนี้ใส่ติดตัวไปได้ทุกที่ โปรดอย่าปฏิเสธเพราะสิ่งนี้คือของขวัญจากพี่ชายของเจ้า”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวต่อ “ไม่ว่าพ่อของเจ้าจะเป็นใคร อย่างน้อยแม่ของเจ้าก็เป็นลูกสาวที่ซื่อตรงของตระกูลข้าหลวง แม้ว่านางจะเป็นเพียงนางสนมทว่าก็เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในบรรดานางสนมอีกนับพัน ช่างน่าเสียดายนักที่เจ้าต้องมาใช้ชีวิตแบบสามัญชนเช่นนี้เพียงเพราะความบาดหมางในเครือญาติ”

หยนเถียนเถียนไม่สนใจเรื่องนี้จึงกล่าวตอบว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าอยู่ที่นี่ย่อมสบายกว่าอยู่ในวัง!”

ตอนที่ 340 สอบถาม

ในที่สุดก็ถึงวันจัดงานประมูล หยุนเวียนเถียนไปที่ร้านอาหารของหลี่ซื่อฮวาด้วยตนเอง เพื่อตรวจดูงานว่าจะใหญ่โตอลังการสมกับที่เขาเล่าให้ฟังหรือไม่

แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของนางคือองค์รัฐทายาทแห่งอวหยาง

หลี่ซื่อฮวาต้อนรับหยุนเวียนเถียนเป็นอย่างดี เขาจัดห้องรับรองพิเศษไว้ให้นางบนชั้นสามตรงบริเวณที่สามารถมองเห็นบริเวณจัดงานได้โดยรอบ ผู้ประมูลจะนั่งในห้องส่วนตัวพร้อมมีม่านกั้นอยู่ ทําให้ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นผู้ชนะการประมูล

ห้องถัดจากห้องของนางมีนายอ่าเภออยู่ในนั้นด้วย แน่นอนว่าที่ใดมีนายอ่าเภอที่นั่นย่อมมีองค์รัฐทายาทแห่งอวหยาง

แม้จะเรียกว่าเป็นห้องส่วนตัวทว่าความจริงแล้วก็มีเพียงแค่ฉากไม้บาง ๆ คั่นเป็นห้องเท่านั้น ถึงฉากไม้เหล่านี้จะค่อนข้างแข็งแรงทว่าก็เป็นผนังที่ไม่เก็บเสียง ดังนั้นเมื่อสนทนากันคนที่อยู่ห้องข้างเคียงก็จะได้ยินอย่างชัดเจน

เดิมทีหลี่ซื่อฮวาไม่ได้วางแผนที่จะสร้างห้องฉากไม่เช่นนี้ ทว่าการประมูลครั้งนี้มีความน่าสนใจมากเสียจนดึงดูดผู้คนเยอะเกินไป เขาจึงตัดสินใจใช้ฉากไม้มากั้นแยกห้องชั่วคราวเพื่อป้องกันความวุ่นวาย ซึ่งรูปการณ์เช่นนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนทําตามแผนได้สะดวกยิ่งขึ้น

หยุนเถียนเถียนนั่งฟังเสียงพูดประจบสอพลอของนายอําเภอห้องข้าง ๆ อย่างสงบ ทว่านางไม่ได้ยินองค์รัฐทายาทแห่งอวีหยางเอ่ยคําใดออกมาเลย
บัดนี้หยุนเถียนเถียนเริ่มดําเนินการตามแผนด้วยการเดินไปยืนอยู่หน้าห้องนั้นอย่างสุขุม “นายท่าน… นายน้อยหลี่สั่งให้ข้านํารายการของที่จะประมูลในวันนี้มาให้แก่ท่าน”

เสียงอันไพเราะของนางทําให้องครักษ์ที่คอยคุมกันอยู่ด้านข้างปรากฏตัวขึ้นก่อนจะพึมพําบางอย่างในล่าคอ มู่หรงป๋อได้ยินเช่นนั้นจึงเกิดความสงสัยขึ้น

มู่หรงป้อผุดลุกขึ้นทันที ทําให้นายอําเภอผู้กําลังยิ้มอย่างประจบสอพลอชะงักไปครู่หนึ่งเพราะไม่รู้จะกล่าวเช่นไร

“ท่านนายอําเภอเชิญนั่งพักที่นี่ให้สบายเถิด อีกสักครู่ข้าจะกลับมา”

มู่หรงป้อกล่าวจบก็เดินไปทันทีโดยไม่สนใจว่านายอําเภอจะตกลงหรือไม่ ก่อนจะเปิดม่านออกแล้วพบกับหยุนเถียนเถียน

เมื่อมู่หรงป๋อเห็นใบหน้าอันงดงามของหยุนเถียนเถียนก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะให้นางเข้ามาในห้องแล้วเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามนางอย่างสงบ

มู่หรงป้อรู้สึกคุ้นหน้าสตรีที่อยู่ตรงหน้าของเขานัก ในที่สุดเขาก็นึกถึงภาพวาดในห้องทํางานของพ่อได้ ซึ่งใบหน้าของสตรีในภาพนั้นช่างเหมือนกับคนตรงหน้าราวกับแกะ บัดนี้เขาจึงมั่นใจได้ว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องเป็นลูกสาวของหยุนจึงเอ่ออย่างแน่นอน

หากตัวตนของหยุนเถียนเถียนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นไปตามที่เขาคิดจริง จะต้องไม่ให้ใครล่วง รู้ได้เป็นอันขาด!

จู่ๆ มู่หรงป๋อก็พูดเสียงดังว่า “ท่านนายอําเภอ ข้ามีเรื่องสําคัญจะคุยกับสตรีผู้นี้ ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะสําหรับคนนอก โปรดไปหาห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งแล้วคอยอยู่ในนั้นได้หรือไม่?”

แน่นอนว่านายอําเภอย่อมไม่พลาดโอกาสเอาใจองค์รัฐทายาท เขารีบออกจากห้องอย่างไม่ลังเล พร้อมปิดม่านให้ทั้งสองอย่างมิดชิด

หยนเถียนเถียนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดทว่าหันกลับไปมองผ่านผ้าม่านโปร่งแสง นางเอียงคอเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

มู่หรงป๋อพล็กพัดในมือเล่นไปมาก่อนจะพูดว่า “แม่นางหยุน… ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้มาพบกันโดยบังเอิญ

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างใจเย็น “องค์รัฐทายาทมีภารกิจมากมายนักย่อมไม่มีเวลามาสนใจสามัญชนเช่นข้า ฉะนั้นข้าจึงจงใจหาโอกาสมาปรากฏตัวต่อหน้าท่าน เพราะอยากทราบว่าท่านต้องการจะกระทําสิ่งใดแน่”

มู่หรงป๋อไม่ได้ตอบคําถาม “ตราบใดที่เจ้ายอมเปิดเผยแก่ข้าอย่างตรงไปตรงมา ว่าใครเป็นผู้มอบหมายให้องครักษ์หญิงฝีมือดีคอยพิทักษ์อยู่ข้างกายเจ้า แล้วข้าจะไขข้อข้องใจให้เจ้าได้รู้ทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ”

หยุนเถียนเถียนหันไปมองเซ็นสิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง สตรีผู้นี้ดูมีท่าทีแสดงชัดเจนว่าถูกใครบางคนจ้างวานมาจริง ๆ เมื่อพบกับมู่หรงป๋อเป็นครั้งแรกเขาจึงถามเรื่องของนางทันที โดยไม่แม้แต่จะถามถึงหยุนจึงเอ่อเสียด้วยซ้ํา

“ข้าไม่อาจบอกท่านได้… ทว่าข้าสามารถบอกได้เลยว่านางไม่ใช่คนของแม่ข้า! ท่านพอใจกับค่าตอบนี้หรือไม่?

แน่นอนว่าคําตอบเช่นนี้ไม่มีทางทําให้ผู้ฟังพอใจได้ ทว่าในเมื่อสตรีผู้นี้ไม่ยอมบอกก็ไม่มีประโยชน์ใดที่จะเซ้าซี้ถามต่อ ทว่าอย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าองครักษ์ผู้นั้นไม่ใช่คนของหยุนจึงเอ่อ

“ข้าพอใจแล้ว… ว่าแต่แม่นางหยุนมาหาข้าเช่นนี้เพราะมีเรื่องอื่นจะถามข้าใช่หรือไม่? เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าหรือเปล่า?”

แม้ว่าหยุนเกียนเถียนจะอยากรู้ทว่าก็ไม่ผลีผลามถามออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะพูดความจริงกับนางหรือไม่

“ข้าเพียงแต่อยากจะถามท่านเกี่ยวกับเจ้าเมืองหลง! เขาบอกว่าตนเองเป็นคนสนิทอาวุโสของบิดาท่าน เมื่อข้าได้ข่าวว่าท่านจะเข้ามาในเมืองวันนี้ ข้าจึงมาถามท่านว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่?”

มู่หรงป้อขมวดคิ้วทันที “เจ้าเมืองหลงอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้เพราะข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับบุคคลผู้นี้มาก่อนเลย… บางทีตอนนั้นข้าอาจยังเด็กจนเกินไปทําให้ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น”

จู่ ๆ ชายชุดดําที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ขัดจังหวะขึ้น “นายท่าน… เจ้าเมืองหลงที่หญิงสาวผู้นี้กล่าวออกมาน่าจะเป็นพี่ชายของเจ้าหญิงองค์แรกขององค์ชาย เมื่อก่อนเขาน่าจะใช้ชื่อว่าฉันหลง… ข้าน้อยเคยเป็นผู้ติดตามองค์ชายมาก่อนจึงพอทราบอยู่บ้าง ไม่นานหลังจากที่พระสนมสิ้นพระชนม์ ข้าน้อยก็ออกจากการเป็นผู้ติดตามขององค์ชายจึงไม่ทราบว่าบัดนี้เขาหายตัวไปอยู่ที่ใด”

หยุนเวียนเถียนขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อ “เจ้าเมืองหลงและฉินหลง… สองชื่อนี้มีความแตกต่างกันนัก เช่นนั้นท่านรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเมืองหลงเป็นคนเดียวกันกับบุคคลนั้น?”

มู่หรงป๋อไม่รอให้องครักษ์ชุดดําตอบจึงพูดขึ้นว่า “แม่นางหยุน… เจ้าต้องรู้ว่านายอําเภอน้ําภาพเหมือนของเจ้าเมืองหลงมาให้ข้าดู ซึ่งคนของข้าก็เห็นแล้วเช่นกันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะจำบุคคลนั้นได้… นายอําเภอบอกข้าว่าที่เขาคอยช่วยเจ้าในเรื่องต่าง ๆ ได้สําเร็จ ก็เป็นเพราะความช่วยเหลืออย่างเมตตากรุณาของชายผู้นั้นนั่นเอง”

“ว่าแต่เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าซึ่งเป็นนายของเจ้าก่อน ทว่ากลับเพิ่งมาพูดเอาเสียบัดนี้!”

ชายชุดดําก้มศีรษะลงอย่างลังเล “พูดตามตรงข้าน้อยก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าชายผู้นั้นจะเป็นคนคนเดียวกันกับสหายเก่าของข้าหรือไม่ เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว เมื่อแม่นางหยุนกล่าวถึงขึ้นมาจึงทําให้ข้าน้อยหวนนึกถึงปรมาจารย์ฝีมือล้ําเลิศ ที่เคยร่วมติดตามรับใช้องค์ชายเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าน้อยในอดีต… ข้าน้อยเพียงแต่คิดถึงฉันหลงเท่านั้น”

คําอธิบายนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล หยุนเถียนเถียนเคยสอบปากคํานักโทษสมัยที่เป็นตํารวจอย่างน้อยนางก็ไม่สังเกตเห็นร่องรอยของพิรุธใดบนใบหน้าของชายทั้งสองคนนี้

“พวกท่านทั้งสองรู้เรื่องเกี่ยวกับหยุนจึงเอ่อมากเพียงใด?”

มู่หรงป๋อไม่ได้กล่าวเช่นไรทว่าหันหน้าไปมองชายชุดดํา จากคําบอกเล่าเมื่อสักครู่ทําให้เขารู้ว่าองครักษ์ผู้นี้รู้เรื่องต่าง ๆ ในวังเป็นอย่างดี

“นายท่านโปรดอย่ามองมาที่ข้าน้อยเลยเพราะข้าน้อยไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอก ข้าน้อยรู้แต่เพียงว่าแม่นางหยุนจึงเอ่อกับองค์ชายของข้าน้อยเคยมีความสัมพันธ์กัน… สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองในตอนนั้นคือความรักอย่างแท้จริง ทว่าขณะนั้นองค์ชายมีองค์หญิงอยู่แล้วและองค์หญิงผู้นั้นก็ป่วย ข้าน้อยไม่รู้จริง ๆ ว่าหลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น”

ชายชุดดําไม่ได้ปิดบังอําพรางเพราะเขาพยายามอธิบายให้มู่หรงป้อฟังอย่างเต็มที่ หัวใจของหยุนเวียนเถียนจึงผิดหวังเล็กน้อย เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสอบถามถึงตัวตนที่แท้จริงของนางจากสองคนนี้ได้

มู่หรงป้อยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเจ้าจริง ๆ ทว่าพ่อของข้ากําลังพลิกแผ่นดินตามหาหยุนจึงเอ่อ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รู้ข่าวเกี่ยวกับการตั้งหลักแหล่งสุดท้ายของหยุนจึงเอ่อ… นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งข้ามาที่นี่”

ตอนที่ 339 จุดจบของเฉินไฉ่อ

การมาของหยุนเถียนเถียนในครั้งนั้นทําให้เฉินไฉ้อฉลาดขึ้นบ้างหรือไม่? แน่นอนว่าไม่! เพราะบัดนี้เพลิงแค้นกําลังปะทุขึ้นเต็มหัวใจของนาง

เป็นไปได้ว่าสตรีที่ต้องสูญเสียลูกไปโดยยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เป็นแม่คนนั้น ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างสาหัสนัก ความแค้นจึงผุดขึ้นในใจของเฉินไฉ่ออย่างแรงกล้า

บัดนี้สตรีที่หลินฮั่นจินพามาด้วยได้หนีตามชายอื่นไปแล้ว ส่วนเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ลูกของหลินฮั่นจินด้วย ทําให้ความหวังทั้งหมดของเขากลับมาอยู่ที่หลินห์

ทว่าหลินฮันจนสัมผัสได้ถึงความเฉยเมยปนเกลียดชังในแววตาลูกชายคนเดียวของเขา ทําให้เขาคิดได้ว่าตนไม่อาจหวังพึ่งให้เด็กคนนี้คอยเลี้ยงดูในยามแก่ชราได้อีกต่อไป

เงินทองของเขาไม่ได้มีมากดังเดิม ทว่าเมื่อว่างงานเช่นนี้ก็มีเวลามากพอจะคิดแผนร้าย บัดนี้ เขากําลังคิดว่าจะทําเช่นไรให้ลูกสะใภ้ผู้อ่อนเยาว์มีเสน่ห์ผู้นั้นตกเป็นของตน!
“ข้าได้ยินมาว่าบัดนี้ลูกชายของข้านอนแยกห้องกับนางแล้ว ดังนั้นแม่โฉมงามจึงอยู่เพียงลําพังในห้อง เช่นนี้ไม่เปล่าประโยชน์แย่หรือ?”

เฉินไฉ่อีก็กําลังเปล่าเปลี่ยวอยู่เช่นกัน นางไม่ได้ลิ้มรสแห่งกามราคะมาเนิ่นนานทว่าการนั่งอ่านหนังสือก็อาจช่วยข่มใจได้บ้าง

ทว่าผู้ประพันธ์หนังสือเล่มนี้เป็นบัณฑิตผู้โดดเดี่ยวที่พรรณนาบทสวาทได้อย่างถึงรสนัก ทําให้เฉินไฉ่อรู้สึกว่านางเกิดอารมณ์เปลี่ยวเสียยิ่งกว่าเดิม

อันที่จริงนางไม่ได้ชอบรูปร่างหน้าตาของหลินฮั่นจินเลยแม้แต่น้อย ทว่านางก็ตกเป็นทาสของความตื่นกระหายทางกามารมณ์เมื่อหลินฮั่นจินเข้ามาหา ขณะที่นางกําลังอาบน้ํา

เหตุการณ์ในห้องน้ําเกิดขึ้นแบบกึ่งถูกบังคับกึ่งสมยอม หลังจากกระทําเรื่องงามหน้าลงไปแล้วเฉินไฉ่อก็ผละหนีกลับห้องไปทันที ทว่าหลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสคนทั้งสองก็จะแอบเสพสังวาสกันอยู่เสมอ โดยไม่สนใจว่าการกระทําเช่นนี้เป็นการละเมิดจริยธรรม

ทว่าเพลิงแค้นไม่อาจมอดดับลงได้โดยง่าย เมื่อภรรยาของเฉินซึ่งเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวของนางแล้วเผลอหลุดปากเล่าถึงความสําเร็จของจางชิงเฟิง บัดนี้เฉินไฉอีจึงเจ็บแค้นและทวีความเกลียดชังหยุนเถียนเถียนมากที่สุดเท่าที่นางเคยรู้สึกมา

“น่าเสียดายที่คนที่ข้าเกลียดชังอยู่ห่างไกลออกไปนัก อีกทั้งข้ายังไม่มีสิทธิ์ออกไปชําระแค้นได้ เพราะถูกพันธนาการอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ แม้จะออกไปนอกบ้านก็ยังไม่กล้าออกไป…ชีวิตของสตรีอับโชคเช่นข้าก็เป็นเช่นนี้ คิดแล้วก็อดสูนัก!”

สินสอดทองหมั้นเหล่านั้นถูกใช้เสียจนหมดสิ้นไปนานแล้ว บัดนี้นางจึงมีชีวิตรอดอยู่ได้ด้วย การพึ่งพาตระกูลหลินเท่านั้น ในอดีตหลินฮั่นจินหมดเงินทองมากมายไปกับการเลี้ยงอนุภรรยาอย่างหลิวเอ๋อ ส่วนตอนนี้เขาหันมาให้เงินทองแก่ลูกสะใภ้ของเขาอย่างเต็มใจ

บัดนี้เฉินไจ่อหันมาพึ่งพาหลินฮั่นจินทําให้นางมีความสุขมาก ทว่าเมื่อได้รู้ข่าวเรื่องจางชิงเฟิง นางก็เอาแตเก็บตัวอ่านหนังสือทั้งวันโดยไม่ออกมานอกห้องเลย

หลินหูรู้ว่าแม่ยายมาที่บ้านของตนก่อนจะกลับไป เขาได้ยินนางพูดจาเหยียดหยามเขาโดยบอกว่าเสียดายที่ลูกสาวของนางต้องมาแต่งงานกับขยะเช่นเขา และได้ยินแม้กระทั่งตอนที่นางบอกว่าเขาไม่อาจเทียบเท่าจางชิงเฟิงได้
“ข้าทําได้เพียงนอนอยู่บนเตียงตลอดชีวิต แม้แต่จะกินข้าวกินน้ําหรือออกจากห้องข้าก็ยังต้อง พึ่งเฉินไฉ่อีก่อนหน้านี้ข้ายังพอข่มเหงรังแกนางได้บ้าง ทว่าจู่ ๆ นางก็เริ่มต่อต้านข้าและยังฉวยโอกาสเมื่อไม่มีผู้อื่นอยู่ทําร้ายข้าด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่าผู้ใดสั่งสอนให้นางเปลี่ยนไปเช่นนี้

อย่างไรก็ตามหลินหูก็ไม่กล้ายั่วโมโหเฉินไฉ่อีอีกต่อไปแล้ว แม้จะดูน่าขันทว่าก็สมเพชตนเอง นักเขาจึงตัดสินใจลงจากเตียงเพื่อลองเดินบนพื้น ทว่าเมื่อผืนเดินด้วยความเจ็บปวดเขาก็เดินกระเผลกทันที เขาจึงรู้ตัวว่าบัดนี้ตนกลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขาไปเสียแล้ว หลินห์รู้สึกหงุดหงิด และผิดหวังมากจึงกลับขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อรออาหารดังเดิม

อย่างไรก็ตามหน้าต่างย่อมมีหูประตูย่อมมีช่อง ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ฉาวของหลินฮั่นจินกับเฉินไฉ่อเริ่มแพร่ออกไป เพราะมีคนบ้านใกล้เรือนเคียงระแคะระคาย เมื่อหวงฉือได้ยินเข้า นางก็เชื่อทันทีแบบไม่จําเป็นต้องไตร่ตรอง

ด้วยเหตุผลประการแรกคือสามีของนางเป็นคนมักมากในกามมาโดยตลอด เมื่อหลิวเอ๋อจากไปเขาย่อมเกิดความกระหายทางกามารมณ์นัก เหตุผลประการที่สองคือลูกสะใภ้ของนางไม่ใช่คนซื่อสัตย์ วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับนิยายเพ้อฝันจนปล่อยให้ตนเองลุ่มหลงไปกับนิยายเหล่านั้น
เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วหวงจือก็ไม่ต้องการจะแก้ข่าวอีกต่อไป นางจึงใช้โอกาสนี้ประจาน ชายโฉดหญิงชั่วทั้งสองด้วยการขังพวกเขาไว้ในห้องที่ลักลอบมีสัมพันธ์กัน นางไม่มีความอายหลงเหลืออยู่อีกแล้วจึงป่าวประกาศให้คนทั้งหมู่บ้านรับรู้

เรื่องฉาวโฉ่เลวร้ายเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของหมู่บ้านจึงไม่มีชาวบ้านคนใดทนได้ พวกเขาจึงลงมติให้นําตัวเฉินไฉ่อไปถ่วงน้ํา ส่วนหลินฮั่นจินจะต้องถูกทุบด้วยไม้จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ

หลินฮั่นจินไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ใดได้นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้จึงรู้สึกจนปัญญาแล้ว ส่วนเฉินไฉ่อีก็คิดว่าไม่ง่ายเลยที่จะหาทางรอดไปได้ ทว่านางก็ยังคงนึกถึงหมู่บ้านเทพธิดา… หากข่าวไปถึงที่นั่นครอบครัวของนางอาจจะมาช่วยให้รอดไปได้

เมื่อข่าวนี้แพร่มายังหมู่บ้านเทพธิดา เฉินเต่ออันกับภรรยาของเขาก็รู้สึกอับอายเสียจนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าผู้เป็นแม่จะรักลูกสาวมาก ทว่านางก็รู้สึกอับอายยิ่งที่ลูกสาวของตนทําเรื่องน่าบัดสีถึงเพียงนี้ นางจึงตัดสินใจไม่เดินทางไปช่วยเฉินไฉ่อ

เมื่อเฉินไฉ่อไม่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวที่บ้านเกิดของนางอีกต่อไป นางจึงกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบทันที หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลหลินจึงตัดสินให้จับนางใส่กรงหมูแล้วนําไปถ่วงน้ํา เมื่อกรงนั้นถูกยกขึ้นมาจากน้ําเฉินไฉ่อก็สิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว

กระนั้นเหล่าชาวบ้านก็ยังไม่สาแก่ใจกับการลงโทษครั้งนี้ พวกเขาจึงนําศพของเฉินไฉ่อีมาเปลื้องผ้าแล้วลากไปตามทางจนไปถึงอีกหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อประจานให้ประจักษ์แก่สายตาของสาธารณชน

ท้ายที่สุดซากศพที่เต็มไปด้วยไข่เน่าและผักเน่าที่ชาวบ้านหลายคนระดมปาใส่ก็ถูกทิ้งเอาไว้ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเทพธิดา

เฉินเต่ออันถูกความอับอายกัดกินในใจอย่างเหลือแสน เขาทําได้เพียงลอบฝังศพน้องสาวของตนไว้บนภูเขาในยามค่ําคืนที่ไม่มีผู้ใดสนใจ ชีวิตของเด็กสาวที่ควรจะเบ่งบานสะพรั่งราวดอกไม่ในฤดูใบไม้ผลได้ปลิดปลิวไปเสียแล้ว ต่อให้นางจะสิ้นชีพไปทว่าเรื่องราวฉาวโฉ่ของนางจะถูกโจษจันเล่าขานไปอีกนาน

เมื่อหยุนเถียนเถียนทราบข่าวนี้ในขณะที่จางชิงเฟิงมาหาเฉินเฉินพอดี ทั้งสามต่างก็พูดไม่ออกและไม่รู้จะกล่าวเช่นไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้แต่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เดิมทีหยุนเถียนเถียนต้องการจะปลุกปั่นเฉินไฉ่อเพื่อความสาแก่ใจทว่าบัดนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว

พูดตามตรงคือหยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าจุดจบของเฉินไฉ่อจะเป็นเช่นนี้ได้ ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือเช่นนางไม่น่าจะต้องประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ เพราะการอ่านน่าจะช่วยขัดเกลาให้นางรู้ว่าควรวางตัวเช่นไรให้เหมาะสม มีความยุติธรรมและความละอายมิใช่หรือ? นางยังมีโอกาสแก้แค้นตระกูลหลินได้ด้วยการหาทางหย่ากับหลินหูแล้วแต่งงานใหม่ ทว่านางกลับไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่นางไม่ควรจะมี

ท้ายที่สุดการกระทําของนางก็กลายเป็นต้นเหตุของหายนะในชีวิตของตน หากนางกระทําเช่นนี้ในยุคที่หยุนเถียนเถียนจากมา ผลของการกระทําก็อาจจะไม่ร้ายแรงถึงเพียงนี้

ทว่าในยุคนี้เป็นการลงโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เช่นนั้นแล้วนางจะมีทางรอดจากผลของการกระทําอันฉาวโฉ่ของตนได้เช่นไร?

ทว่าบัดนี้สิ่งที่หยุนเถียนเถียนสนใจมากที่สุดไม่ใช่เรื่องของเฉินไฉ่อ ทว่าเป็นเรื่องขององค์รัฐทายาทแห่งอวหยาง นางได้ยินมาว่าเขาเดินทางไปยังหมู่บ้านเทพธิดาเพื่อสอบถามชาวบ้านเกี่ยวกับหยุนจึงเอ๋อด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาทราบเรื่องแล้วองค์รัฐทายาทผู้นี้กลับไม่เร่งตามหาตัวหยุนเถียนเถียน ทว่าปฏิบัติราวกับว่าไม่รู้สิ่งใดเลยแล้วเงียบไป การกระทําเช่นนี้ของเขาทําให้หยุนเถียนเถียนแยกแยะระหว่างมิตรและศัตรูได้ยากขึ้น

ตอนที่ 338 สายเกินกว่าจะเสียใจ

เฉินเหยียนไม่ได้แสดงท่าทีเยาะเย้ย ทว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม

“ท่านลุง! ข้าดูเหมือนคนที่จะโกหกท่านหรือ? ข้าได้ยินมาไม่ผิดแน่… เฉินเฉินสอบได้อันดับสามส่วนอันดับสองเป็นของจางชิงเฟิง นี่คือเรื่องจริงแท้แน่นอน! จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงหน้าบ้านด้วยในภายหลัง”

“ท่านลุง… ท่านควรรับเงินนี่ไปนะ เฉินเฉินจะไม่กลับมาที่นี่เมื่อเขาได้เข้าเป็นศิษย์ในสํานักเขาจะอาศัยอยู่ในฟูเฉิงเพื่อเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นต่อไป… ข้าว่าเขาอาจได้เป็นบัณฑิตระดับจูวเหรินภายในหนึ่งปีแน่!”

ริมฝีปากของเฉินผิงอันสั้นเทาขณะที่น้ําตาของเขาเอ่อล้น

“เหตุใดที่ผ่านมาข้าจึงโง่เขลาราวกับถูกผีบังตาเช่นนี้? ข้าไม่ให้ลูกชายแท้ ๆ ของข้าได้มีโอกาสในการฝึกฝนเล่าเรียนทั้งที่แท้จริงแล้วเขาเป็นเด็กที่เก่งกาจล้ําเลิศนัก ทว่ากลับไปทุ่มเทให้คนนอกผู้โฉดชั่วอย่างเฉินเฉิงเยี่ย

“ส่วนหลินชวนฮวาก็เป็นสตรีร้อยเล่ห์มารยาผู้ร้ายกาจนัก เหตุใดข้าจึงไปหลงใหลในตัวนางได้ถึงเพียงนั้น?”

ยิ่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมามากเท่าใดเฉินผิงอันก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น บัดนี้มันสายเกินกว่าจะเสียใจแล้ว เขาโกรธตนเองจนถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าของตนอย่างรุนแรง เฉินเหยียนยังคงถือเงินไว้ในมือทว่าตอนนี้เขาหมดอารมณ์ที่จะเยาะเย้ยชายชราผู้นี้แล้ว

เมื่อเห็นว่าเฉินผิงอันไม่ยอมหยิบเงินไปเสียที เขาจึงถอนหายใจยาวก่อนจะยัดเงินใส่มือของชายชรา

“หากไม่ใช่เพราะแม่นางหยุน ลูกชายของท่านคงถูกหลินชวนฮวาทรมานจนตายไปแล้ว! หากท่านสํานึกในบุญคุณนี้ก็จงอย่าก่อปัญหาใดให้แม่นางหยุนอีกเลย”

เฉินเหยียนเดินจากไปโดยไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนลอบฟังการสนทนาของเขาอยู่ด้านหลังคน คนนั้นคือเฉินซ่ง…อดีตหัวหน้าหมู่บ้านผู้หมกมุ่นอยู่กับการร่ําสุรานั่นเอง

เฉินซึ่งมีความใฝ่ฝันตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย นั่นคือเขาต้องการเป็นบัณฑิตที่จะไต่เต้าไปเป็นขุนนางผ่านการสอบจอหงวนทว่าความฝันของเขาไม่อาจเป็นจริงได้ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังไว้กับลกชายของเขา

อย่างไรก็ตามเฉินเต่ออันก็ไม่ใช่คนที่มีใจใฝ่เรียนรู้นัก หลังจากเฝ้าอ่านทบทวนตําราอยู่ไม่กี่ปีเขาก็ตัดสินใจยอมแพ้ส่วนลูกอีกคนกลับใฝ่รู้ใฝ่เรียนและเก่งกาจนักทว่านางเป็นลูกสาว

ตอนแรกเขาต้องการให้ลูกสาวแต่งงานเข้าไปเป็นสะใภ้ครอบครัวบัณฑิต… ได้ลูกเขยเป็นบัณฑิตก็นับว่าช่วยเติมเต็มความฝันเดิมของเขาได้บ้าง จางซึ่งเพิ่งคือคนที่เขาต้องการได้เป็นเขยมากที่สุดทว่าลูกสาวของเขากลับทําชีวิตตนเองพังจนทําให้ความหวังที่จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับบัณฑิตล้มลงอย่างไม่เป็นท่า

หากเขาไม่ได้ยินข่าวเรื่องผลการสอบของจางชิงเฟิงหัวใจของเขาคงไม่ปวดร้าวถึงเพียงนี้ เพราะคิดว่าอย่างน้อยว่าที่ลูกเขยที่เขาสูญเสียไปแล้วนั้นก็คงไม่ได้มีชีวิตดีนัก

ทว่าวันนี้เขาบังเอิญมาได้ยินคําพูดของเฉินเหยียนว่าจางชิงเฟิงสอบจอหงวนได้เป็นอันดับที่สอง เทพเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าบัดนี้อารมณ์ของเขาเป็นเช่นไร
ด้วยความที่เฉินซึ่งเคยศึกษาเล่าเรียนมาสองสามปีดังนั้นเขาจึงมองออกว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ อย่างเฉินเฉินต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน…แม้จะยังอายุน้อยทว่ากลับสอบได้ถึงอันดับสาม ส่วนจางชิงเฟิงผู้เป็นอดีตลูกเขยของเขาสอบได้อันดับสอง

“ชายผู้นั้นควรเป็นบุตรเขยของข้าเสียจริง… เขาเป็นผู้มีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อยสอบ ครั้งนี้จึงได้อันดับยอดเยี่ยมนักบางทีปีหน้าเขาอาจได้เป็นบัณฑิตขั้นจงเหรินก็ได้

“หากว่าในอนาคตเขาจะสอบจิ้นซื่อไม่ผ่าน ทว่าเขาก็ยังเข้าเป็นขุนนางได้ตราบใดที่เป็นบัณฑิตผู้มีความสามารถเช่นนี้…ลูกเขยผู้นี้จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตระกูลข้านัก

ช่างน่าเสียดายที่มันสายไปเสียแล้ว… คนไร้ค่าอย่างหลินหูยังคงนอนอยู่บนเตียง ซึ่งดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของเขาคงไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ แม้ว่าจะสามารถรักษาจนหายทว่า คนเช่นเขาหรือจะมีความสามารถเทียบเทียมบัณฑิตอย่างจางชิงเฟิง?

ยิ่งคิดเฉินซึ่งก็ยิ่งบันดาลโทสะหลังจากกระดกสุราเข้าไปสองสามอีกเขาก็เดินไปเปิดประตูบ้าน

ภรรยาของเฉินซ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสามีกําลังโมโหทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยคําใด

อารมณ์ของเฉินซึ่งกําลังพลุ่งพล่านจนไม่รู้จะระบายเช่นไรดี เขาจึงวิ่งไปโยนกาน้ําชาและถ้วยบนโต๊ะลงกับพื้น ก่อนจะทุบจนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ สุดท้ายเขาก็คว่าโต๊ะจนข้าวของกระจัดกระจาย

ภรรยาของเฉินซ่งเบิกตากว้าง “เจ้าสติวิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร? แม้ว่าเจ้าจะดื่มสุราทุกวันข้าก็ไม่เคยว่ากล่าวทว่าวันนี้เจ้ามาทําลายข้าวของในบ้าน เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วหรือ?”

เฉินซ่งฉวยโอกาสนี้ตะคอกกลับไปทันที “ลูกสาวตัวดีของเจ้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะมีแม่คอยให้ท้ายอยู่เสมอ! แทนที่จะได้แต่งงานกับบัณฑิตดี ๆ ทว่ากลับไปแต่งงานกับขยะ! ตอนเจ้าคลอดน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากนางให้ตายไปเสียจะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อมาจนทําให้พ่อแม่อับอายขายหน้าถึงเพียงนี้!”

ภรรยาของเฉินซ่งพูดอีกอัก “เขาก็เป็นเพียงหนอนหนังสือสกุลจางในสายตาข้าเท่านั้น! เป็นคนที่เอาแต่ขลุกอยู่กับตําราจนไม่ประสีปะสากับความรักเลย เช่นนี้เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง?”

เฉินซ่งโกรธมากจนระเบิดอารมณ์ด้วยการเตะเก้าอี้ด้านข้างจนพลิกคว่าลงกับพื้น

“ข้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์เช่นนั้นหรือ? หากข้าไม่ได้ยินหลานชายของเฉินไปบอกว่าจางชิงเฟิงสอบจอหงวนผ่านข้าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่? ไม่เพียงแต่จะสอบผ่านเท่านั้นทว่าเขายังสอบได้เป็นอันดับสองของอ่าเภอเช่นนี้ระดับจวเหรินก็อยู่ไม่ไกลเขาแล้ว”

“นางทําเรื่องไร้ยางอายถึงเพียงนั้น อีกทั้งยังถูกชายปฏิเสธจนคิดว่านางไม่อาจจะออกเรือนได้อีกแล้ว ทว่าในที่สุดเราก็ได้พบกับครอบครัวสกุลจางแล้วทําให้นางยอมแต่งงานกับตระกูลบัณฑิตจนได้ นางเกือบจะมีชีวิตสุขสบายแล้วทว่าก็ยังคิดทําเรื่องโสมมน่าละอายเช่นนั้นอีก”

“นอกจากจะทําให้ชีวิตของตัวเองดิ่งลงเหวแล้วยังทําให้ครอบครัวต้องอับอายไปด้วย…คิดดูสิ หากนางไม่ทําเรื่องชั่วช้าเช่นนั้นป่านนี้นางคงได้เป็นภรรยาของว่าที่ขุนนางไปแล้ว!”

ภรรยาของเฉินซ่งหมดค่จะโต้เถียงสามีทันที นางทรุดตัวลงนั่งบนธรณีประตูพร้อมถอนหายใจ “ข้าจะกล่าวโทษผู้ใดได้? ในเมื่อข้าก็รู้เห็นแผนการในตอนนั้นด้วย ทว่าใครจะจินตนาการได้ว่าหยุนเถียนเถียนช่างโหดเหี้ยมอํามหิตถึงเพียงนั้น”

“ท่านพี่…เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหยุนเถียนเถียน หากไม่ใช่เพราะนางลูกสาวของเราจะถูกหลินหูล่อลวงเช่นนั้นได้อย่างไร? พวกเราต้องหาทางแก้แค้นนางให้ถึงที่สุด!”

เฉยซึ่งได้ยินเช่นนั้นก็โมโหยิ่งกว่าเดิมเขาปาขวดสุราในมือลงพื้นเต็มแรง

“ความคิดของเจ้าช่างวิกลจริต! ลําพังตัวข้าเองจะมีปัญญาทําเช่นนั้นได้อย่างไร? ตอนนี้เด็กสาวผู้นั้นได้รับการสนับสนุนจากนายอําเภอ แม้กระทั่งนายน้อยหลี่ผู้มีอํานาจก็ยังคอยคุ้มกันนางอยู่ตลอด ส่วนหยุนเคอก็มีตัวตนลึกลับซับซ้อนน่าหวั่นเกรง…สําคัญที่สุดคือบัดนี้น้องชายของนางก็ได้เป็นบัณฑิตแล้วเช่นกัน เจ้าบอกข้ามาสิว่าข้าจะเอาอะไรไปสู้กับนางได้!”

ขณะที่ความเงียบเข้าปกคลุมเฉินเต่ออันก็ก้าวออกมาจากห้อง “ท่านพ่อ! ท่านแม่! หากน้องสาวข้าไม่ได้วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วผู้ใดจะลากหลินหูมานอนบนเตียงได้เล่า? ตอนทําชั่วกลับไม่รู้สึกว่าตนกระทําสิ่งผิดทว่าเมื่อถูกเอาคืนบ้างกลับมองว่าตนถูกคนชั่วกระทํา…ช่างไม่ยุติธรรมเสียเลยใช่หรือไม่?”

“ตอนนี้ท่านรู้สึกเช่นไรเล่า? ลองดูสภาพของนางตอนนี้สิ นางรู้ตัวว่าแท้งทว่าไม่ได้ส่งจดหมายให้เราไปรับนาง ทว่านางเดินกลับบ้านมาด้วยเท้าเปล่าเช่นนั้น บัดนี้นางไม่มีบุตรทว่าก็ยังพยายามจะมีอีกครั้ง หากนางมีเหตุผลบ้างก็น่าจะรู้ว่าตนสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่จําเป็นต้องมีบุตร… หากนางแก่ชราลงข้าจะคอยเลี้ยงดูนางเอง”

“หากหลินห์พบสตรีที่สามารถให้กําเนิดลูกแก่เขาได้จริง แล้วเลี้ยงดูเด็กคนนั้นในฐานะลูกของเฉินไฉ่อนางก็จะมีที่พึ่งในอนาคต เข้าใจหรือไม่ว่าเหตุใดพวกท่านจึงควรหยุดการวางแผนทุกอย่าง? เพราะมันไม่มีประโยชน์ใดเลยแล้วยังอาจทําให้เดือดร้อนหนักกว่าเดิมอีกด้วย!”

เฉินซึ่งยิ้มอย่างขมขึ้น “ความจริงพ่อก็ไม่ได้ต้องการจะวางแผนแก้แค้นหรอก เพราะเรื่องมันผ่านมาแล้วจึงไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้…พ่อแค่หวังว่าน้องสาวของเจ้าจะฉลาดขึ้นบ้างเท่านั้น”

ตอนที่ 336 สะกดรอยตาม

หยุนเถียนเถียนมองอย่างครุ่นคิดบัดนี้ผมของนางที่เคยเกล้าขึ้นสูงเฉกเช่นสตรีที่แต่งงานแล้วถูกปล่อยสยายลงอันแสดงให้คนภายนอกเห็นว่านางยังปราศจากคู่ครอง

แม้แต่สถานะที่ปรากฏในสํามะโนครัวก็ยังเปลี่ยนจากภรรยาของหยุนเคอเป็นพี่สาวของเฉินเฉิน

หยุนเคออดไม่ได้ที่จะสาปแช่งอยู่ในใจ หากหลงเยว่โกหกจริงเขาจะหักกระดูกชายผู้นั้นให้แหลกไปเสียเลย!

ทว่าเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ก็ยากที่จะโกหกไม่ใช่หรือ? “หากไม่ใช่เป็นเพราะตัวข้าเองเด็กสาวผู้นี้ก็คงไม่ต้องแต่งงานตั้งแต่เยาว์วัยเช่นนี้… หากข้ากับนางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วเรื่องนี้เป็นความจริง นางคงไม่อาจยอมรับได้อย่างแน่นอน

หยุนเถียนเถียนรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง การทําความรู้จักองค์ชายผ่านงานประมูลเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว… งานใหญ่โตน่าสนใจเช่นนี้โอรสของจักรพรรดิย่อมต้องไปเข้าร่วมแน่นอน ซึ่งตอนนั้นจะเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมของข้า!

“จะต้องลอบสังเกตโดยไม่ให้เขารู้ตัว… ส่วนเรื่องเจ้าเมืองหลงนั้นข้าต้องใคร่ครวญให้มากกว่า

บัดนี้หลี่ซื่อฮวากําลังยุ่งนักเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาจัดงานประมูลขึ้น หยุนเวียนเถียนเพียงแค่คอยให้คําแนะนําเท่านั้นแล้วปล่อยให้เขาจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แม้กระทั่งเฉินเฉินหลี่ซื่อฮวาก็ไม่อาจดูแลความปลอดภัยให้เขาได้!

เฉินเฉินอยู่ในห้องสอบมาสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงวันเดียวการสอบก็จะเสร็จสิ้นและเขาจะได้ออกจากห้องสอบเสียที ทว่าในห้องสอบวันนี้มีชายหนุ่มในชุดหรูหราอยู่ด้วยเฉินเฉินไม่เคยเห็นผู้ใดแต่งกายงดงามเช่นนี้มาก่อน… แม้จะเคยเห็นนายน้อยหลี่แต่งกายเลิศหรูทว่าก็ไม่อาจ เทียบชายผู้นี้ได้

บุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้นโบกพัดในมือขณะเดินตรวจตรารอบห้องสอบ ข้างกายเขามีนายอําเภอและผู้ติดตามเดินตามอยู่ไม่ห่าง… เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเป็นขุนนางชั้นสูงอย่างแน่นอน

เหล่าผู้เข้าสอบต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกร็งขึ้นมา อยู่ต่อหน้าท่านขุนนางเช่นนี้ก็ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ตนดูดีที่สุด

เฉินเฉินรู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นั้นเดินมาหยุดอยู่ข้างเขานานที่สุด หากเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นผู้เข้าสอบรุ่นเยาว์เช่นข้าก็ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากข้าไม่ใช่เด็กชายคนเดียวในห้องสอบ… แล้วสิ่งใดกันเล่าที่ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มผู้นี้?

เฉินเฉินพยายามคิดวิเคราะห์ตามที่พี่สาวสอนไว้ทว่าก็ไม่พบค่าตอบใดเลย ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ไม่ใช่บัณฑิตผู้เก่งกาจที่สุด ส่วนในเรื่องประสบการณ์ชีวิตนั้นก็ช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน… ข้าเป็นเพียงเด็กชาวนาย่อมไม่อาจดึงดูดความสนใจจากขุนนางได้หรอก

บุรุษผู้สูงศักดิ์ยืนอยู่ที่นั้นชั่วขณะหนึ่งขณะที่หัวใจของนายอําเภอเต้นรัวเสียจนแทบจะกระเด็นออกมาจากคอของเขา เด็กน้อยผู้นี้คือน้องชายของหยุนเถียนเถียนเป็นไปได้หรือไม่ที่ตัวตนของนางจะดึงดูดความสนใจของชายผู้นี้?

มู่หรงป่อยืนโบกพัดในมือต่อหน้าเด็กน้อยเป็นเวลานาน แม้ว่าค่าตอบบนกระดาษจะยอดเยี่ยมทว่าก็เต็มไปด้วยคําตอบไร้เดียงสาของเด็กหากผลงานดีเช่นนี้เขาก็น่าจะสอบผ่าน… เมืองนี้มีบณฑิตอยู่ทุกหนทุกแห่งทว่าก็ไม่ได้เก่งกาจเสียจนสะดุดตาเป็นพิเศษ

เพียงแค่คิดว่าสถานที่ที่สตรีผู้นั้นกับเด็กชายผู้นี้ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายก็คือหมู่บ้านเทพธิดาด้วยเหตุนี้มู่หรงป๋อจึงให้ความสนใจเด็กชายอยู่เป็นเวลานาน… คาดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะไม่ใช่เพียงแค่คนในหมู่บ้านเดียวกันทว่าเป็นพี่น้องกัน

ในที่สุดนายอําเภอก็รวบรวมความกล้าแล้วถามขึ้นด้วยความรู้สึกประหวั่น“องค์รัฐทายาท… เด็กชายผู้นี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”

มู่หรงปื่อยกยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก! ข้าแค่เห็นว่าเด็กน้อยผู้นี้ยังเยาว์วัยนักทว่ากลับสามารถเขียนตอบได้ชาญฉลาดถึงเพียงนี้ ถือว่าเขาเป็นเด็กที่เก่งกาจหลักแหลมนัก… บางทีเขาอาจได้เป็นถึงเสาหลักของสํานักก็ได้ในอนาคต”

นายอําเภอพอใจกับคํากล่าวนั้นยิ่งจึงหันไปมองเฉินเฉิน เด็กผู้นี้ช่างโชคดีนักขนาดเพียงแค่ มาสอบก็เข้าตารัฐทายาทแห่งอวหยางเสียแล้ว… ความสําเร็จอันยิ่งใหญ่กําลังรอเขาอยู่ในอนาคตแน่

ด้วยปัจจัยหลายสิ่งทั้งพรสวรรค์และความขยันหมั่นเพียรใฝ่รู้ของเฉินเฉินเองผสานกับการสนับสนุนส่งเสริมของนายอําเภอ ย่อมทําให้อันดับผลทดสอบพรสวรรค์ของเขาไม่ตกต่ำ… อย่างน้อยเขาก็จะได้ตําแหน่งว่าที่บัณฑิตอย่างแน่นอน

เฉินเฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้วดังค่าที่พี่สาวเคยบอกไว้ว่า อย่าฝืนคิดในสิ่งที่คิดไม่ออกมิฉะนั้นก็กลับไปถามพี่สาวของเจ้าหรือรอจนกว่าเจ้าจะมีประสบการณ์มากพอก็จะสามารถคิดออกได้

เอง”

เขารีบทําข้อสอบก่อนจะออกจากห้องสอบในที่สุด นั่งรออยู่ไม่นานเซินสิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นหากตัวตนของนางถูกเปิดเผยก็จะทําให้เกิดเรื่องโกลาหลขึ้นได้ดังนั้นนางจึงมาอย่างเงียบเชียบและคอยสังเกตการณ์อยู่อย่างระมัดระวัง

เมื่อเชิ้นสิ่งเห็นคนที่นางรอคอยอยู่ปรากฏตัวขึ้นจึงวิ่งเข้าไปหาอย่างว่องไว นางไม่เคยกระทําความผิดใดอีกทั้งนางก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการปิดบังตัวตนของนางท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้

หลังจากเซ็นสิ่งรับเฉินเฉินมาแล้วก็พาไปยังสวนหลังบ้านของตระกูลหลี่ทว่าทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าพวกเขากําลังตกเป็นเป้าหมายของใครบางคนที่กําลังจับตามองอยู่

มู่หรงป๋อเป็นคนของราชวงศ์จึงรับรู้ได้ถึงทักษะอันคล่องแคล่วว่องไวของเซ็นสิ่งทําให้เขาตระหนักได้ทันทีว่านางไม่ใช่คนธรรมดาอีกทั้งต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

ดังนั้นมู่หรงป๋อจึงส่งสัญญาณด้วยการโบกมือให้คนแอบติดตามไปทันที ขณะเดินออกจาก ห้องสอบเขาก็สนทนาพลางหัวเราะกับนายอําเภออย่างใจเย็นราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

อย่างไรก็ตามเซ็นสิ่งไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อเดินมาถึงลานบ้านสกุลหลื่นางก็สังเกตเห็นทันทีว่ามีใครบางคนสะกดรอยตามมา

นางบอกให้เฉินเฉินเข้าบ้านไปก่อนอย่างใจเย็น ก่อนที่นางจะใช้วิชาตัวเบาพาตนเองขึ้นไปยื่นอยู่บนหลังคาบ้านสกุลหลี่

“ผู้ใดส่งเจ้ามา? เหตุใดจึงสะกดรอยตามพวกข้ามาที่นี่?”

เงาดําลึกลับปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบตรงมุมกําแพง “เจ้าเป็นใครกัน?เหตุใดเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้จึงมีคนระดับเจ้าอยู่ด้วย? คนเช่นเจ้าควรจะอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?”

เซิ่นสิ่งพ่นลมหายใจเย็นเยียบ “ในเมื่อเจ้าเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ…เช่นนั้นก็ยินดีต้อนรับ!”

สิ้นเสียงนั้นชายชุดดําก็วิ่งออกมาทันที เมื่ออีกฝ่ายประกาศศึกเช่นนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากดึงดาบยาวออกจากเอว หากป้องกันเพียงอย่างเดียวโดยไม่โจมตีกลับก็ย่อมจะเสียเปรียบเป็นธรรมดา!

ในที่สุดใบหน้าของชายชุดดําก็กลายเป็นสีซีด ขณะที่เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากแขนขวาของเขา

เซ็นสิ่งแสยะยิ้มอย่างดูแคลน “หากเจ้ายังต้องการเป็นโจรสะกดรอยอยู่ละก็… เจ้าควรไปฝึกทักษะการต่อสู้เสียใหม่นะ!”

ชายชุดดําหน้าซีดเอ่ยแย้งขึ้น “ข้าคือองครักษ์ในวังขององค์ชายแห่งอวหยางแล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”

สีหน้าของเซ็นสิ่งเปลี่ยนไปทันที เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะได้ข่าวว่า องค์ชายแห่งอวหยางจะเดินทางมาถึงที่นี่ในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า ทว่าบัดนี้เขากลับปรากฏตัวแล้วที่ฟูเฉิง!สิ่งสําคัญที่สุด คือคนของเขาสะกดรอยตามข้ามาจนถึงบ้านสกุลหลื่อย่างเงียบเชียบได้สําเร็จ

“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปก่อนเถิด ฝากเตือนองค์ชายของเจ้าด้วยว่าไม่ควรมายุ่มย่ามกับเรื่องนี้เกินไปนัก มิฉะนั้นหากตัวตนของเจ้านายข้าถูกเปิดเผย… ถึงตอนนั้นก็จะได้รู้กัน!”

นางเก็บมีดสั้นที่พกติดตัวไว้เสมออย่างระมัดระวัง ก่อนจะกระโดดจากหลังคาลงสู่สนามหน้าบ้าน

หยุนเกียนเถียนตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวหล่นลงมาจากฟากฟ้านางเอามือทาบอกก่อนพูดว่า“เจ้ากําลังทําสิ่งใดอยู่?สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือ… เจ้าสามารถเขย่าขวัญผู้อื่นได้ทุกเมื่อ

ตอนที่ 335 องค์ชายแห่งอวหยาง

หยุนเคอก้าวเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบเพราะไม่ต้องการส่งเสียงรบกวนหยุนเถียนเถียน เขาเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

หยุนเถียนเถียนเอนตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ อย่างเกียจคร้าน เมื่อนางรู้ตัวว่าเขาย่องเข้ามาแล้วจึงพูดว่า “ช้าก่อน! ข้าต้องการอยู่คนเดียวสักพัก หากเจ้ามีเรื่องอะไรค่อยคุยกันทีหลังได้หรือไม่?”

หยุนเคอไม่นึกว่าหยุนเถียนเถียนจะตีตัวออกห่างเขาถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยมีความรู้สึกใดต่อเขาเลย…

เมื่อนึกถึงความหมางเมินของพวกเขาในขณะนี้ หยุนเคอก็ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนหยุนเสียนเถียนได้เช่นไร

หยุนเวียนเถียนรู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนางยังไม่ยอมจากไปเสียที นางจึงพลิกตัวกลับไปมองคนที่นางตั้งใจหลบหน้ามาโดยตลอดอย่างเหลืออด

หยุนเคอถอนหายใจยาวก่อนจะสงบจิตใจแล้วยกเก้าอี้มานั่ง

“เหตุใดเจ้าต้องหลบหน้าข้าเช่นนี้ด้วย? หลังจากวันนั้นที่เราได้คุยกันเกี่ยวกับประวัติที่แท้จริงของเจ้า ข้าได้ทําการส่งคนไปตรวจสอบแล้ว…ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรพวกเราจะไม่ร่วมกันคิดหาวิธีจัดการอย่างนั้นหรือ?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างขมขึ้น “ข้าจะทําตัวปกติได้เช่นไรกันเล่า? หากความจริงปรากฏว่าข้ากับเจ้าเป็นพี่น้องกันจริง เจ้าจะไม่กระอักกระอ่วนใจบ้างหรือเมื่อคิดว่าเราทั้งคู่ต่างเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน? อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจทําตัวปกติดังเดิมได้จนกว่าเรื่องนี้จะคลี่คลาย”

หยุนเคอรู้สึกเจ็บแปลบในใจ “เจ้าคงต้องการให้เราเป็นพี่น้องกันมากใช่หรือไม่? ไม่เป็นไร…เจ้าบอกข้าตามตรงเลยก็ย่อมได้! ท่าทีของเจ้าไม่อาจหลอกลวงข้าได้เพราะข้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่น้องสาวของข้าแน่ พ่อของข้าไม่ใช่คนไร้ความสามารถถึงเพียงนั้น จงจําไว้ว่าหากความจริงเปิดเผยเมื่อใดเจ้าจะต้องเป็นเจ้าหญิงของข้าทันที!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าเบา ๆ “แล้วแต่เจ้าเถิด… เหตุใดเราไม่ถือโอกาสใช้การสอบของเฉิน เฉินให้เป็นประโยชน์ด้วยการเดินทางไปเมืองหลวงเล่า? ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาเพียงพอแล้วในการพัฒนาตัวข้าเอง ถึงตอนนี้ข้าก็มีทักษะป้องกันตัวแล้วพวกเราจึงควรไปเมืองหลวงกันอีกครั้ง”

ไม่เป็นไร… อย่างไรเสียเรื่องดีก็พอมีอยู่บ้าง เมื่อก่อนสตรีผู้นี้เคยปฏิเสธที่จะไปเมืองหลวงเพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าทําอย่างน้อยก็ยังดีที่นางมีความคิดเช่นนี้

“เถียนเถียน… กลุ่มโจรในหมู่บ้านสายลมเหมันต์ได้ข่าวมาว่าองค์ชายแห่งอวหยางจะมาที่นี่ หากข่าวนี้เป็นจริงองค์ชายผู้นั้นก็คือหยุนเพียนเพียน! เขาอาจมาที่นี่ตามคําสั่งของเสด็จพ่อ”

หยุนเกียนเถียนตกตะลึง กล่าวตามตรงคือนางยังไม่พร้อมที่จะติดต่อกับสายเลือดที่แท้จริงของนางโดยกะทันหันเช่นนี้ เมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าคนผู้นั้นกําลังมุ่งหน้ามาที่นี่นางจึงตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง

อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณความเป็นตํารวจของนางสัมผัสได้ถึงบางอย่าง นางมองหยุนเคออย่างแปลกใจก่อนถามขึ้น

“หยุนเคอ เจ้าหมายความเช่นไร? เจ้าบอกว่าได้ข่าวมาจากกลุ่มโจรในหมู่บ้านสายลมเหมันต์หรือ? แสดงว่าเจ้าคบค้าสมาคมกับโจรเหล่านั้นใช่หรือไม่? มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ส่งข่าวให้เจ้าเช่นนี้”

หยุนเคอเผยรอยยิ้มด้วยไม่รู้จะกล่าวเช่นไร “เจ้าไม่สนว่าเหตุใดโอรสองค์โตของจักรพรรดิแห่งอวหยางจะมาที่นี่ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อตัวเจ้า ทว่ากลับมาให้ความสนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพวกโจรในหมู่บ้านสายลมเหมันต์เช่นนั้นหรือ?”

“ทว่าข้าจะไม่ปกปิดเจ้าอีกต่อไป… ที่หมู่บ้านสายลมเหมันต์มีพันธมิตรอันเป็นพี่น้องของข้าอยู่มากมาย! เรียกได้ว่าเป็นฐานที่มั่นของข้าเลยก็ว่าได้ พวกเขาไม่เคยออกปล้นบ้านเรือนเว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากข้าให้ไปปล้นพวกขุนนางฉ้อฉลเหล่านั้น มิฉะนั้นแผนการของข้าจะไม่อาจ เคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย

“หมู่บ้านสายลมเหมันต์อยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยลี้ ฝั่งพวกเขาได้รับข่าวว่าบุคคลนั้นกําลังออกเดินทางมาจริง… อีกไม่เกินครึ่งเดือนชายผู้นั้นต้องปรากฏตัวขึ้นที่ถนนในฟูเฉิงแน่! ส่วนสาเหตุที่เขามุ่งมาที่นี่นั้นข้าก็ได้ยินมาบ้างว่าจักรพรรดิแห่งอวหยางกําลังตามหาหยุนจึงเอ่อ…องค์ชายหยุ นเพียนเพียนรู้เข้าจึงส่งผู้ติดตามไปสืบข่าวทั่วแคว้น เพราะต้องการสังหารหยุนจึงเอ่อก่อนที่จักรพรรดิแห่งอวหยางจะได้พบนาง”

“ข้าไม่อาจรู้ว่าองค์ชายผู้นี้จะอยู่ในโอวาทของพระบิดาหรือพระมารดากันแน่ อย่างไรก็ตามเจ้า ต้องใช้เวลาอยู่ในฟูเฉิงอีกนาน เพราะเฉินเฮ่อต้องอาศัยอยู่ที่ฟูเฉิงหากเขาต้องการจะเล่าเรียนในสํานักที่สูงขึ้นไปอีก…ภายในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าเขาจึงจะเข้าสอบจวเหรินที่ฟูเฉิงได้”

หยุนเถียนเถียนไม่อาจรู้ได้ว่าผู้มาเยือนจะเป็นศัตรูหรือมิตร ทว่าดูจากความสัมพันธ์เช่นนี้แล้วก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นศัตรู! “เป็นไปได้หรือไม่ที่หยุนเพียนเพียนผู้ถูกอบรมสั่งสอนจากมารดามาตั้งแต่เยาว์วัยจะไม่เกลียดชังหยุนจึงเอ่อ? ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้

“หลี่ซื่อฮวากําลังดําเนินการจัดเตรียมงานประมูลอยู่ ซึ่งงานคงจะจัดขึ้นในช่วงนั้นพอดี… ข้าเดาได้เลยว่าองค์ชายใหญ่ผู้นี้คงจะเข้าร่วมประมูลด้วยแน่นอน! ถึงตอนนั้นข้าจะไปลอบสังเกตุดูว่าเขาเป็นคนเช่นไร”

หยุนเคอพูดอย่างเฉยเมย “ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรสร้างปัญหาขัดแย้งทางผลประโยชน์กับองค์ชายในการประมูลครั้งนี้! หากเจ้าเป็นบุรุษเขาอาจต่อสู้กับเจ้า ทว่าเจ้าเป็นสตรีจึงไม่มีค่าอะไรไปมากกว่าต้องถูกเขาข่มเหง เจ้าไม่ควรเอาตัวไปเสี่ยงเช่นนั้น…หากเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยจักรพรรดิแห่งอวหยางย่อมไม่ปล่อยเขาแน่”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มองโลกเพียงแค่ด้านเดียว!” หยุนเถียนเถียนนั่งตรงข้ามหยุนเคอก่อนยกชาในถ้วยขึ้นจิบ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับหยุนเคอแบบตัวต่อตัว ตั้งแต่รู้ความจริงว่าเขาคือองค์ชาย

“เดิมที่หยุนจึงเอ๋อได้ถ่ายทอดนิสัยใจคอของนางให้แก่หยุนเพียนเพียนคิดดูแล้วก็เป็นไปได้ สูงที่เขาจะเกลียดชังน้องสาวของตน ทว่าความเกลียดชังเช่นนี้ก็ยังคงเป็นเพียงวาจาที่ไร้ซึ่งการพิสูจน์…เจ้าจะรับประกันได้หรือไม่ว่าองค์ชายผู้นี้ได้รับอิทธิพลจากพระมารดา?”

ดวงตาของหยุนเคอฉายแววลุ่มลึก “เจ้าเชื่อว่าสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับสตรีผู้นั้นเพียงเพราะฟังคําพูดของหลงเยว! แม้กระทั่งตัวของหลงเยว่เองก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงหรือเท็จเจ้าร์ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมานั้นเป็นความจริง?”

“ข้ารู้ดีว่าหลงเยว่ทําดีกับเจ้ามากเพียงใด ทว่าที่เขาทําทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าคือลูกสาวของหยุนจึงเอ่อ เขาจะมีแผนการคิดร้ายกับเจ้าหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้! เท่าที่ข้ารู้มามหาเสนาบดีหยุนผู้นี้เป็นคนซื่อตรงยิ่ง มิฉะนั้นพ่อของข้าคงไม่ปล่อยให้เขานั่งในตําแหน่งนี้นานนักหรอก”

“มหาเสนาบดีหยุนผู้ซื่อตรงยืนอยู่ตรงกลางระหว่างน้องสาวทั้งสอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกทําลายชื่อเสียงของน้องสาวผู้หนึ่งเพื่อให้น้องสาวอีกคนได้ดี… ช่างเถิด! บัดนี้ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วว่าค่าพูดของเขาเป็นเรื่องโกหก เราอาจใช้โอกาสเข้าใกล้องค์ชายใหญ่เพื่อพิสูจน์ได้ แน่นอนว่าหากเรื่องที่หลงเยว่เคยรับใช้จักรพรรดิแห่งอวหยางเป็นความจริงผู้ติดตามขององค์ชายย่อม ต้องรู้จักเขา”

เมื่อหยุนเถียนเถียนนึกถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนเหล่านี้ก็รู้สึกเวียนหัว ทว่าประเด็นสําคัญที่สุดที่นางเข้าใจก็คือต้องใช้โอกาสนี้เพื่อพิสูจน์ตัวตนของหลงเยว่

“ว่ากันว่าข้าจากเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ผู้คนจึงให้ความสําคัญกับพระราชวังอวหยางน้อยลง ข้าจึงไม่อาจรู้จํานวนกําลังคนที่คอยป้องกันได้อย่างแน่ชัดอีกทั้งยังไม่สามารถสืบได้ ดังนั้ นบัดนี้เราจึงทําได้เพียงแค่พิสูจน์ตัวตนของหลงเยวผ่านองค์ชายผู้นี้…องค์ชายใหญ่ได้รับการอบรมสั่งสอนโดยตรงจากจักรพรรดิผู้เป็นพระบิดาหากเจ้าต้องการรู้ว่าจักรพรรดิแห่งอวหยางเป็นคนเช่นไรก็สามารถสังเกตได้จากโอรสองค์โตผู้นี้”

มู่หรงหยุนเคอรู้สึกว่าวันนี้เขาเกือบจะพูดเยอะที่สุดในชีวิต เขาเป็นคนเงียบขรึมมาตลอด ทว่าคราวนี้เขากลับอดทนอธิบายเรื่องมากมายให้สตรีผู้นี้ฟังอย่างละเอียด…

ตอนที่ 333 ความสัมพันธ์

จู่ ๆ หยุนเถียนเถียนก็นึกถึงชีวิตยุคก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เคยมีคนเก็บของเก่าพบสิ่งของบางอย่างถูกทิ้งอยู่ในชนบทสุดท้ายแล้วสิ่งนั้นก็ได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นของโบราณค่า

ในยุคนี้ผู้คนชนบทต่างประหยัดมัธยัสถ์ ทําให้สิ่งของบางอย่างอาจถูกใช้มาแล้วหลายสิบปีหรือหลายชั่วอายุคนด้วยซ้ํา

บางทีหากติดต่อขอซื้อของโบราณเหล่านี้จากเจ้าของโดยตรงก็อาจได้มาในราคาที่ถูกนักเมื่อนํามาขายต่อก็สามารถสร้างกําไรได้เยอะเพราะเป็นของโบราณของแท้จึงขายในราคาสูงได้

“นายน้อยหลี่… ท่านเคยคิดจะส่งคนไปเก็บของโบราณด้วยตัวเองหรือไม่?

หลีฮือฮวาไม่เข้าใจค่าพูดของหยุนเถียนเถียนจึงมีท่าที่สับสน

“แม่นางหยุน… เจ้าคิดว่าของโบราณเป็นกะหล่ําปลีในสวนที่ข้าจะส่งคนไปเก็บมาได้เช่นนั้นหรือ? ของโบราณของแท้นั้นช่างหาได้ยากนัก”

หยุนเถียนเถียนมองเขาอย่างโมโห “ท่านรู้แล้วหรือว่าข้าต้องการจะบอกอะไรเกี่ยวกับของโบราณ? ข้ายังไม่ทันกล่าวจบท่านก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล!”

“นายน้อยผู้อาศัยอยู่ในฟูเฉิงอย่างท่านคงไม่มีทางรู้หรอก! คนชนบทต่างใช้ชีวิตอย่างประหยัดนัก ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างใช้กันมาหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี…บางชิ้นอาจตกทอดจาก รุ่นสู่รุ่นทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าของโบราณเช่นนี้มีมูลค่าสูงนัก”

“นายน้อยหลี่… หากท่านรู้จักกับคนที่มีความรู้เรื่องของโบราณ อีกทั้งเคยเดินเก็บรวบรวมของเก่าไปตามถนนก็อาจจะช่วยได้มาก การซื้อของโบราณจากคนชนบทก็เป็นเรื่องง่ายนักตราบใดที่ท่านมีกําลังทรัพย์พอที่จะจ่ายได้…ของโบราณของแท้เหล่านี้ย่อมนํามาขายต่อเพื่อทํากําไรมหา ศาลได้อย่างแน่นอน!”

หลี่ซื่อฮวาเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ของโบราณจากชนบทเหล่านี้จะสามารถทํากําไรได้สูงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? สตรีผู้นี้กําลังฝันกลางวันอยู่หรือไร?”

“ท่านทําได้หรือไม่? ลองดูก่อนเถิด… เพียงใช้วาทศิลป์ในการเจรจาว่าต้องการของโบราณพร้อมเสนอราคา… ตราบใดที่ค่าตอบแทนไม่น้อยจนเกินไป ข้าว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็เต็มใจขายให้ท่านอยู่ดี”

หลี่ซื่อฮวาไม่ได้เอ่ยขัดขึ้น สตรีผู้นี้มีความคิดอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองอยู่เสมอ… เมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้ได้ย่อมแสดงว่านางต้องแน่ใจอยู่ก่อนแล้ว

หลี่ซื่อฮวาจึงไม่รีรอที่จะจัดการตามแผนธุรกิจดังกล่าว เมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งทํางานอยู่ในร้าน จึงขอให้เขาช่วยเริ่มติดต่อขอซื้อของโบราณจากคนในหมู่บ้านชนบทใกล้ฟูเฉิงทันที

ท่าทางกระตือรือร้นอย่างยิ่งของหลี่ซื้อฮวาทําให้หยุนเถียนเถียนอดหัวเราะไม่ได้

“หากแผนธุรกิจนี้ประสบความสําเร็จ นายน้อยผู้มีอํานาจเช่นท่านควรเชิญคนระดับเศรษฐีมา เข้าร่วมประมูลสินค้าของเราด้วย ของโบราณล้ําค่าเช่นนี้สมควรขายด้วยวิธีประมูล…เมื่อมีของที่อยากได้พวกคนรวยย่อมยินดีจ่ายเพื่อประมูลแบบไม่จํากัด! แท้จริงแล้วเงินที่ใช้ประมูลนั้น มากกว่าราคาจริงของสินค้าเสียอีก”

“ประมูลหรือ?” หลี่ซื่อฮวาเพิ่งเคยได้ยินคํานี้เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกสับสน

“การประมูลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเสนอราคา ใครให้ราคาสูงสุดก็จะได้ของชิ้นนั้นไป! หากคนร่ํารวยต้องการซื้อของขวัญเพื่อเอาใจผู้อื่น พวกเขาย่อมเต็มใจยอมจ่ายเงินจํานวนมากเพื่อซื้อสิ่งที่ตนชอบ”

ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเป็นประกายราวกับเปิดประตูสู่โลกใหม่ ตราบใดที่สินค้าเป็นของหายากก็สามารถนํามาประมูลได้เช่น สินค้าในร้านขายของโบราณและร้านขายอัญมณีของเขา

ความกว้างขวางของนายน้อยหล็อาจดูเหมือนไม่มีประโยชน์มากนัก ทว่าในแง่ของการทําธุรกิจแล้วถือว่าครอบคลุมยิ่ง เขาจะใช้ร้านอาหารของเขาเองเป็นสถานที่จัดงานประมูล

หยนเถียนเถียนมองหลี่ซื่อฮวาที่ดวงตาเป็นประกาย ก่อนที่นางจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นางมองเห็นปณิธานอันแรงกล้าเปล่งออกมาจากแววตาของเขา ชายผู้นี้กําลังมุ่งมั่นใส่ใจธุรกิจของต นอย่างมาก สันนิษฐานได้เลยว่าตระกูลหลี่จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นภายใต้การนําของหลี่ซื่อฮวา

“ข้าให้ความคิดดี ๆ แก่ท่านแล้ว…ท่านก็ควรให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ข้าบ้าง”

หยุนเถียนเถียนทนดูเขาฝันหวานต่อไปอีกไม่ไหวจึงพูดขัดอารมณ์ขึ้นมา

“นี่… เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทนเล่า! เจ้าแค่เอ่ยออกมาไม่กี่คําทว่าไม่เห็นข้าจะได้ประโยชน์อะไรเลย ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งเรียกร้องมากเกินไป”

หยุนเสียนเถียนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ท่านดูหมิ่นข้า… หากไม่มีข้าช่วยแล้วท่านจะคิดวิธีดี ๆ แบบนี้ได้เองหรือไม่? อีกทั้งยังไม่ใช่แค่ความคิดเดียวด้วยทว่าข้าเสนอให้ถึงสองความคิด ข้าไม่สนใจแล้ว! เช่นนั้นข้าก็จะไม่ขอเข้าร่วมธุรกิจขายของโบราณกับท่านอีก!”

ในตอนแรกหลี่ซื่อฮวาลืมนึกถึงผลประโยชน์ข้อนี้ไป เขาแค่ต้องการพูดยียวนกวนประสาทนางเพียงเท่านั้น

“ถ้าเช่นนั้นก็เจรจากันก่อน… เจ้าต้องการผลประโยชน์ใดตอบแทนเล่า?”

“ข้าต้องการส่วนแบ่งร้อยละสิบของเงินที่ท่านได้รับจากการประมูล

หลี่ซื่อฮวายกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “ข้าให้เจ้าร้อยละยี่สิบเลย!”

หยุนเสียนเถียนไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง คนที่มีความคิดมุ่งแสวงหากําไรเช่นเขากล่าวออกมาเช่นนี้… ต้องมีกับดักบางอย่างแน่นอน

“ท่านจะใจดีขนาดนี้เชียวหรือ? ท่านไม่ได้กําลังคิดจะโกงข้าอยู่ใช่หรือไม่?”

หลี่ซื่อฮวาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแม่สาวน้อยผู้นี้จะดูไม่น่าเชื่อถือไปเสียแล้ว

“เอาล่ะ! สบายใจได้… ข้าไม่มีทางโกงเจ้าอย่างแน่นอนแม้จะเป็นการลงทุนล่วงหน้าก็ตามเพราะข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอนั้นไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับตัวตนของเจ้า…ข้าเพียงต้องการจะหาผู้สนับสนุนล่วงหน้าเท่านั้น”

“เจ้าก็รู้ดีว่านักธุรกิจใหญ่มากมายที่กําลังดิ้นรนอยู่บนโลกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนมีผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ทว่าตระกูลหลี่ของข้ากลับไม่ทําเช่นนั้น… ถึงแม้บัดนี้ข้าจะสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยธุรกิจในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ทว่าความฝันของข้าไม่ได้หยุดอยู่แค่เมืองนี้เท่านั้น”

หยุนเสียนเถียนไม่กล่าวเช่นไร หลี่ซื่อฮวาต้องการหาผู้สนับสนุนซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลดีต่อตัว เขาทว่าเขาไม่อาจหวังพึ่งหยุนเคอได้

องค์ชายเป็นผู้มีอํานาจแข็งแกร่งทว่าไม่ได้ร่ํารวยขนาดนั้น ขณะที่ตระกูลหลี่ร่ํารวยเงินทองทว่าปราศจากอํานาจคงจะดีไม่น้อยหากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน… นี่เป็นความคิดที่ดีใช่หรือไม่?

ทว่านางไม่ใช่หยุนเคอ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดสินใจตอบรับเข้าร่วมแทนเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

“เกิดอะไรขึ้น? ข้าให้ส่วนแบ่งเจ้าถึงร้อยละยี่สิบทว่าเจ้ายังแสดงสีหน้าเช่นนี้… จะมีใครเป็นเหมือนเจ้าบ้างนะ? เจ้าไม่มีความสุขเมื่อจะได้รับเงินหรือ?”

หยุนเกียนเถียนถอนหายใจยาว “ผลประโยชน์ที่ท่านเสนอให้มานั้น ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่ล่อตาล่อใจ ทว่านายน้อยหล… ข้าไม่กล้าสัญญาอะไรกับท่านเลยจริง ๆ ! หากข้าลองปรึกษาถามความเห็นของหยุนเคอเสียก่อน ท่านจะคิดเช่นไร?”

“พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือ? หากเจ้าตอบตกลงแล้วเขาจะไม่เห็นด้วยได้หรือ? แม้ตอนนี้ข้าจะทําธุรกิจแค่ในเมืองนี้ทว่าสักวันข้าจะขยายธุรกิจไปทั่วแคว้น แล้วข้าจะเดินตามรอยเท้าเห็นว่านซานให้จงได้!”

หยุนเถียนเถียนนึกถึงความสัมพันธ์ของตนกับหยุนเคอ ทว่านางไม่อาจอธิบายให้คนนอกเข้าใจได้อย่างชัดเจนจึงเงียบไปครู่หนึ่ง

“เรื่องเงินปันผลให้รอจนกว่าหยุนเคอจะกลับมาเสียก่อนค่อยตกลงกัน ความสัมพันธ์ของข้ากับเขายังคงไม่ชัดเจน… ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นสามีภรรยากันหรือไม่เราทั้งคู่ไม่อาจกําหนดได้เอง”

หลี่ซื่อฮวายิ่งงงหนักกว่าเดิม “เดี๋ยวก่อน! เจ้าทั้งคู่ต่างก็ไม่มีพ่อแม่ ดังนั้นจะเป็นสามีภรรยากันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?”

“ใครบอกว่าพวกเราไม่มีพ่อแม่? นายน้อยหลี่… ท่านไม่ต้องเป็นกังวลกับธุระที่ไม่ใช่กงการอะไรของท่านหรอก! หากท่านต้องการติดต่อเจรจากับหยุนเคอจริงก็ต้องถามเขาเป็นการส่วนตัวจึงจะสําเร็จ”

ตอนที่ 332 ธุรกิจขายของโบราณ

เมื่อเฉินเฉินเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว หยุนเถียนเถียนก็มองไปรอบกายแล้วนึกถึงคํากล่าวที่ว่า เมื่อพ่อแม่มาส่งบุตรสอบเข้ามหาวิทยาลัย พ่อแม่เหล่านั้นกลับเคร่งเครียดและประหม่ายิ่งกว่าบุตรหลานของตนเสียอีก

อันที่จริงพ่อแม่ยุคนี้อาจจะเครียดเสียยิ่งกว่ายุคปัจจุบันหลายเท่าก็ได้

ข้อแตกต่างประการหนึ่งที่ชัดเจนมากก็คือ การสอบยุคปัจจุบันผู้เข้าสอบมักจะเป็นเด็กอายุเท่ากันหมด ทว่าการสอบยุคนี้มีผู้เข้าสอบหลากหลายช่วงวัยตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงผู้ใหญ่ มีแม้กระทั่งชายชราที่ต้องใช้ไม้ค้ํายันคอยพยุง!
หยุนเสียนเถียนไม่เข้าใจว่า คนอายุปูนนี้แม้จะผ่านการคัดเลือกพร้อมได้รับการยอมรับว่ามีพรสวรรค์ ทว่าจะมีประโยชน์เช่นไร? อีกทั้งการสอบก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล นั่งสอบนานเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเส้นจะยึดหรือไม่ มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องฝืนสังขารตนเองเพื่อทดสอบพรสวรรค์เช่นนี้?

ไม่ว่าหยุนเกียนเถียนจะคิดเช่นไร ชายชราก็เดินเข้าห้องสอบไปโดยไม่ลังเล

หยุนเถียนเถียนไม่กังวลเลยว่าเฉินเฉินจะไม่สามารถเอาตัวรอดในห้องสอบได้ เด็กชายผู้นี้ฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง เขาทุ่มเททบทวนตําราด้วยความมานะบากบั่นเฉกเช่นเดียวกับผู้เข้าสอบต่าง วัยทุกคน แม้จะยากเข็ญทว่าผลของการกระทําเช่นนี้ย่อมต้องงดงาม

เมื่อส่งเฉินเฉินไปเข้าสอบเรียบร้อยแล้วหยุนเถียนเถียนก็แวะไปบ้านพักสกลหลี่ ซึ่งคราวนี้หลี่ซื่อสวามีท่าทางเอาการเอางานอย่างมาก

หยนเถียนเถียนนั่งฟังหลี่ซื่อฮวาเล่าถึงความพยายามของเขาที่ประสบความสําเร็จแล้วในตอน

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด เมื่อหลี่ซื่อฮวาประสบความสําเร็จบางอย่าง เขาไม่คิดจะป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ทว่ากลับต้องการจะบอกหยุนเถียนเถียนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในที่สุดหลี่ซื่อฮวาก็พบโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการหายตัวไปของหยุนเคอ แม้ว่าหยุนเถียนเถียนอาจจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาที่เขาต้องเผชิญมานานแล้ว ทว่าเขาก็ยังต้องการจะบอกเรื่องนี้แก่นางด้วยตัวเอง

หยุนเสียนเถียนฟังอย่างอดทนโดยไม่ขัดจังหวะ หลี่ซื้อฮวาผู้อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ดูเป็นคนเอาจริงเอาจังนัก ต่างจากภาพลักษณ์เดิมที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของเขามาเนิ่นนาน

“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าของเก่าได้ตายไปแล้วก็ถึงที่ของข้าที่จะได้ขึ้นครองบ้าง! เจ้าเคยบอกข้าว่า เจ้ามีความรู้เกี่ยวกับของโบราณใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็มาร่วมทําธุรกิจขายของโบราณกับข้าที่ร้านเด็ด!

หยุนเถียนเถียนยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ! บังเอิญว่าข้าก็กําลังมองหาช่องทางทําธุรกิจในเมืองฟเฉิงอยู่เช่นกัน หากร้านอยู่ไม่ไกลนักก็ไม่จําเป็นต้องนั่งรถม้ากันหรอก”

หลี่ซื่อสวามีความสุขมากเมื่อได้เดินไปบนถนนกับหยุนเกียนเถียน บารมีของนายน้อยหอื่นั้นช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน หญิงสาวที่เดินสวนกันตามทางต่างก็พากันหลบเลี่ยงเมื่อเห็นเขา

หยุนเถียนเถียนเอียงศีรษะพลางกลั้นยิ้มแล้วพูดขึ้น “หากท่านยังไม่ยอมชี้แจงเรื่องชื่อเสียงของท่าน อาจเป็นการยากที่จะหาสตรีสักคนมาแต่งงานเป็นภรรยาของท่านในอนาคต ตอนนี้สตรีโฉดผู้นั้นก็ไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นท่านควรเริ่มแก้ข่าวลือฉาวโฉนี้ได้แล้ว… อีกทั้งชื่อเสียงย่อมส่งผลต่อธุรกิจเข้าในสักวันหนึ่ง เมื่อท่านตกเป็นเป้าสายตาจากคนหมู่มากย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้”

พัดในมือของหลี่ซื่อฮวาถึงกับสั่นเมื่อเขานึกถึงหยุนเพียนเพียนขึ้นมาได้ “ตอนนี้พวกผู้หญิงที่คนร่ําลือกันว่าถูกข้าสังหารต่างก็โดนย้ายไปอยู่อีกบ้านหมดแล้ว ข้าแค่ใช้โอกาสนี้ปล่อยพวกนางไปเท่านั้น!”

“ทว่าข้าไม่อาจกอบกู้ชื่อเสียงได้ด้วยการปล่อยสตรีเหล่านี้ไป ข้าถูกหยุนเพียนเพียนใส่ร้ายป้ายสีเพราะข้าได้แตะต้องผู้หญิงไปเพียงสองสามคนเท่านั้น…ตอนนี้ข้าไม่ต้องการให้มีข่าวลือว่ามีผู้หญิงมากมายถูกกักขังอยู่ในสนามหลังบ้านข้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าควรจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี?”

หยุนเถียนเถียนมองหน้าหลี่ซื่อฮวาด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่ควรมาถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้… ท่านควรถามสตรีพวกนั้นต่างหาก! ถามถึงสิ่งที่พวกนางต้องการ! ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าบนโลกนี้การเกิดเป็นผู้หญิงนั้นเสียเปรียบนัก ท่านต้องให้โอกาสพวกนางตัดสินใจด้วยตัวเอง!”

หลี่ซื่อฮวาจึงกล่าวเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเองบ้าง “แน่นอนสิ ข้าต้องการให้พวกนางได้มีโอกาสตัดสินใจเอง มิฉะนั้นข้าคงจะสังหารพวกนางไปแล้ว! ทว่าต่อให้ข้าปล่อยตัวพวกนางออกไปสู่โลกภายนอก ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของข้าให้กลับคืนมาได้หรอก! ถึงแม้นางจะใส่ร้ายข้าหนักหนานัก ทว่าข้าก็ได้แตะต้องสตรีเหล่านั้นจริงเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น”

“ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่า ข้าควรเก็บซ่อนหญิงสองสามคนที่ข้าได้แตะต้องไปแล้วนั้นไว้ดีหรือไม่? ข้าเกรงว่าหากปล่อยนางไปแล้วนางอาจเอาไปโพนทะนาให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้”

หยุนเวียนเถียนมองหลี่ซื่อฮวาด้วยสายตาดูแคลน “ทีแรกท่านยังกล้าบังคับจิตใจของสตรีมากมาย แล้วเหตุใดจึงจะทนสตรีสองสามคนนี้ไม่ได้เล่า? หากท่านต้องการให้ข้าช่วยชี้แนะแก่ท่านตามความจริงข้าก็ได้พูดไปแล้ว เช่นนี้ท่านยังมีปัญหาใดอีก? สตรีโฉดผู้นั้นตายไปแล้วจึงไม่เป็นการดีหากท่านจะกล่าวถึงนางในเชิงเสียหายอีก… ทว่าจะดีกว่านักหากปล่อยให้นางถูกสาปแช่งไล่หลังจากดวงวิญญาณที่ถูกนางฆ่าตาย”

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้าก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาลอบมองหยุนเสียนเถียนอย่างกังวลแล้วพูดขึ้น “เหตุใดช่วงนี้หยุนเคอชอบทําตัวมีลับลมคมในนัก? เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะมีสิ่งใดปิดบังเจ้าอยู่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงที่องค์ชายหายตัวไป… เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หยุนเคอปรากฏตัวขึ้น! ข้าคิดมานานแล้วว่าหยุนเคอของเจ้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายอย่างแน่นอน!”

หยุนเวียนเถียนตกตะลึง หยุนเคอยิ่งกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายเสียอีกเพราะเขานั่นแหละที่เป็นองค์ชาย! นางไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หยุนเคอกําลังทําอยู่จําเป็นต้องปกปิดหรือไม่ ทว่านางก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าหยุนเคอมีความลับ! นายน้อยหลี่… ข้าว่าบางอย่างก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ท่านหันมาให้ความสนใจกับการทําธุรกิจเพื่อความรุ่งเรืองของเราไม่ดีกว่าหรือ?”

น้ําเสียงของหยุนเถียนเถียนแปร่งไปอย่างเห็นได้ชัด นางกําลังปกปิดบางอย่างกับเขา หลี่ซื้อฮวาจึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานเขาก็เข้าใจว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอาจเอื้อมอย่างยิ่ง

เมื่อเดินมาถึงร้านขายของโบราณก็พบว่ามีลูกค้าอยู่เพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเขากําลังสนใจ แจกันลายครามสีฟ้าขาวอยู่ บางทีอาจต้องการนําไปตกแต่งห้องรับแขกก็เป็นได้

ของโบราณร้านนี้ล้วนแต่มีคุณภาพดี หลี่ซื่อฮวาได้ทําเครื่องหมายระบุปีที่พบสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ อีกทั้งของโบราณแต่ละชิ้นก็ไม่ค่อยมีตําหนิอีกด้วย

ทว่าสินค้าในร้านยังคงมีน้อยเกินไป โดยทั่วไปแล้วของโบราณเหล่านี้มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้นจึงมีของปลอมปะปนอยู่หลายอย่าง

ของปลอมดังกล่าวมีราคาไม่แพงนักซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม… กระนั้นก็ยังมีผู้เต็มใจที่จะซื้ออยู่ดี

หยุนเกียนเถียนถอนหายใจยาว “นายน้อยหลี่… ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะขัดท่านหรอกนะ ทว่าที่นี่มีสินค้าที่เป็นของแท้น้อยเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ร้านจะเงียบเหงาเช่นนี้… พวกที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นระดับปรมาจารย์ด้านของโบราณทั้งนั้น ฉะนั้นพวกเขาคงไม่มาถึงร้านของท่านเพียงเพื่อซื้อของปลอมกลับไปหรอก!”

หลี่ซื่อฮวายกยิ้ม “ในเมืองแห่งนี้มีไม่กี่คนที่กล้าใช้ของโบราณของแท้ คนส่วนใหญ่ที่มาซื้อของแท้ไปประดับตกแต่งบ้าน หรือซื้อเพื่อนําไปเป็นของขวัญมอบให้กันในวาระพิเศษได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนระดับเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ดังนั้นหากคนฐานะค่อนข้างจะซื้อของปลอมไปใช้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายนัก”

หยุนเสียนเถียนถามขึ้นขณะยืนดูของบนชั้นวาง “แล้วท่านนําของโบราณเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?”

“ของโบราณพวกนั้นข้ารับมาจากคนอื่น… บางชิ้นก็มาจากโจรปล้นสุสานขุดขึ้นมาจากหลุมศพแล้วขายทอดตลาดมืด จากนั้นข้าก็ไปซื้อมาได้ นอกจากนี้หลายชิ้นก็เป็นมรดกตกทอดประจําตระกูล เมื่อถึงคราวตกยากเจ้าของจึงนํามาขายให้ข้าถึงที่นี่ ซึ่งข้าก็สามารถนํามาขายต่อเพื่อทํากําไรได้

ตอนที่ 331 ส่งเข้าสอบ

ท้ายที่สุดแล้วการแสดงอันสมบทบาทนี้จะจบลงที่ตรงไหน?

หลิวเอ๋อไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง เดิมที่นางเป็นดาวเด่นของซ่องโสเภณี เมื่อนางรู้ตัวว่าตนอายุมากขึ้นก็เกรงว่าจะขายไม่ออกจึงปล่อยให้ตนเองตั้งท้อง สุดท้ายนางก็มาลงเอยกับหลินฮั่นจีน

ทว่าเด็กนั่นเป็นลูกชายของหลินฮั่นจินจริงหรือ? แน่นอนว่าไม่ใช่!

มันเป็นเรื่องบังเอิญที่มีเด็กหนุ่มในหมู่บ้านคนหนึ่งทํางานในร้านขายเมล็ดพืชที่ฟูเฉิง เขาได้ทํางานรายได้ดีเช่นนี้ก็เพราะมีเส้นสาย

ปรากฏว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลินฮั่นจินก็เป็นไปด้วยดีเพราะทํางานที่ฟูเฉิงเช่นเดียวกันทั้งสองร่วมรับประทานอาหารด้วยกันสองสามมื้อพร้อมสนทนากันอย่างออกรส

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพากันไปซ่องโสเภณี ทั้งคู่ก็ต่างหมายปองหลิวเอ๋อเช่นเดียวกันทว่าหลิวเอ่อเลือกหลินฮั่นจินซึ่งเป็นผู้จัดการร้านอาหารแล้วปฏิเสธจางล่ายสือผู้เป็นเพียงลูกจ้างในร้านเท่านั้น

ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกผันไปแล้วจางล่ายสื้อยังคงทําอาชีพเป็นลูกจ้างในร้าน ทว่าหลินฮั่นจินตกงานจนสิ้นเนื้อประดาตัวต้องกลับมาอยู่บ้านเช่นนี้
ปกติแล้วหลิวเอ๋อไม่เคยต้องลําบากนางคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาโดยตลอด เช่นนี้แล้วนางจะสามารถทนใช้ชีวิตอย่างตกต่าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

คนหนึ่งมาเพื่อแก้แค้นส่วนอีกคนก็หวังผลประโยชน์ สุดท้ายหลิวเอ๋อกับจางล่ายสือจึงแอบคบหากัน

จางล่ายสือกับหลิวเอ่อแอบนัดเจอกันหลายรอบ ขณะที่หลินฮันจีนเดินทางไปหางานทําในเมืองทั้งสองก็ลอบเล่นชู้กันทว่าเหตุการณ์นี้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของหวงจือไปได้

เมื่อหวงฉือได้โอกาสดีเช่นนี้แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยผ่านได้ นางจึงนําเรื่องนี้ไปฟ้องหลินฮั่นจิน แม้เขาจะไม่เชื่อว่าหลิวเอ๋อสุดที่รักของเขาจะทําเช่นนั้น ทว่าทั้งหวงฉือและเฉินไฉ่อต่างก็ยืนยันว่าชายหญิงคู่นี้ลอบเป็นชู้กันจริง

และแล้วมหรสพใหญ่ก็ถูกจัดขึ้นหน้าบ้านสกุลหลิน ทําให้ข่าวนี้ไม่เพียงแต่แพร่ไปถึงหูคนบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น ทว่าแม้แต่คนหมู่บ้านถัดไปก็ยังรับรู้เรื่องนี้ด้วย

ที่แรกหลินฮั่นจินหมดตัวกลับมาบ้านพร้อมกับภรรยาน้อยและลูกชายคนเล็ก เพียงแค่เหตุการณ์นี้ก็น่าตกใจพออยู่แล้ว ทว่าภรรยาน้อยกลับลักลอบเล่นชู้กับชายอื่นเมื่อเขาไม่อยู่บ้านอีกนี่ ไม่ใช่แค่น่าตกใจเท่านั้นทว่ายังน่าเหลือเชื่ออีกด้วย

หลินฮั่นจินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหลินแซ่หูไม่ใช่เลือดเนื้อเชื่อไขของตน หลิวเอ๋อเคยรับแขกมากมายไม่ซ้ําหน้าทว่าในที่สุดก็ออกจากซองแล้วหันมาพึ่งพาเขาแทน

จางล่ายสือรู้สึกว่าตนได้รับชัยชนะเพราะสามารถทําให้หลินฮั่นจินต้องอัปยศอดสูได้ในที่สุด หัวหน้าหมู่บ้านก็มาตัดสินให้หลิวเอ๋อหย่าขาดจากหลินฮั่นจิน

เดิมที่หลิวเอ๋อเป็นผู้หญิงในซ่อง ดังนั้นแม้นางจะคิดล่มหัวจมท้ายกับชายสักคนนางก็เป็นได้ แค่ภรรยาน้อยทว่าหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่คิดอยากจะซ้ําเติมผู้ใด โดยเฉพาะเมื่อมีเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอย่างหลินแซ่คู่ยืนอยู่ด้วยเช่นนี้

ผลสุดท้ายคือหลิวเอ๋อถูกจางล่ายสื้อพาตัวกลับไป ส่วนเด็กชายผู้นั้นก็กลายเป็นลูกของจางล่ายสือด้วย! ก่อนจะจากไปแม้จางล่ายสือจะไม่เต็มใจก็ตามทว่าเขาก็หยิบเงินหลายสิบตําลึงโยนให้หลินฮั่นจินเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาได้ซื้อตัวหลิวเอ๋อไปแล้ว

เหตุการณ์คลี่คลายลง ทว่าหลินฮันจินก็ยังไม่เหลียวแลลูกชายของตนที่นอนอยู่บนเตียงเลย แม้เพียงหางตาอย่างไรเสียต่อให้เขาจะตายไปก็ไม่ใช่เรื่องสําคัญ

ทว่าหลินฮั่นจินกลับหันมาจดจ่อกับเฉินไฉ่อแทน นางเป็นลูกสะใภ้ของเขาฉะนั้นน้ําตาลใกล้มดเช่นนี้นางคงไม่อาจหนีไปที่ใดพ้น หากนางให้กําเนิดลูกชายเขาก็จะได้หวังพึ่งในฐานะปู่ก็ยังดีกว่าต้องมาคาดหวังกับขยะที่นอนอยู่บนเตียงนั่น!

ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับหยุนเสียนเถียน เมื่อนางรับชมมหรสพเรื่องเยี่ยมนี้จบแล้วก็ขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปฟูเฉิง

เมื่อวันก่อนนายอําเภอมาที่หมู่บ้านพร้อมกับฆ้องและกลอง เพื่อป่าวประกาศว่าเฉินเฉินสอบผ่านการคัดเลือกตั้งแต่อายุยังน้อย บัดนี้เด็กชายชนบทผู้นี้ช่างมีวาสนาดีนักเขายืนอยู่ท่ามกลางชาวบ้านเพื่อทําความเคารพนายอําเภอด้วยกริยาสุภาพนอบน้อมยิ่ง

หลายคนเริ่มถอนหายใจ หลินชวนฮวากินยาผิดขนานหรืออย่างไร? ลูกชายผู้น่ารักและเก่งกาจที่สุดเช่นนี้กลับไม่ต้องการ ดันไปให้ความสนใจกับเฉินเฉิงเยี่ยที่เก็บตัวอ่านหนังสือมาหลายปีแล้ว ทว่าแม้แต่จะฝากตัวเข้าเป็นศิษย์เขายังไม่ได้รับการยอมรับเลย

เด็กผู้นี้ทําได้อย่างไร? คนทั่วไปต้องใช้เวลาราวหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นในการเตรียมตัวสอบถงเชิง ได้ยินมาว่าอันดับของเขาไม่เลวเลย อย่างน้อยก็สูงพอที่นายอําเภอจะให้ความสําคัญเช่นนี้

เสี่ยวฉีโถตามมาดูพี่ชายผู้นี้ด้วยความอิจฉา เขาไม่มีพรสวรรค์เทียบเท่าเฉินเฉินทว่าหากทุ่มเทให้หนักเท่ากันเขาก็มั่นใจว่าตนย่อมประสบความสําเร็จในอนาคตแน่! เพียงเพราะเขายังเด็กเกินไปและไม่ได้ทบทวนมากเท่านั้นจึงไม่ได้สอบครั้งนี้

สองปีต่อมาความรู้ของเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม จนเก่งกาจเหมือนพี่เฉินเฉินให้ได้! แม่ของเสียวฉีโถมักจะพร่าพูดเรื่องความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของแม่นางหยุนกรอกหูเขาทุกวัน แม้เขาจะไม่ได้แสดงออกมากนักทว่าแม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานเพียงใดเขาก็จะไม่มีวันลืมบุญคุณของนางอย่างแน่นอน

ตอนนี้ในหมู่บ้านไม่ค่อยมีชีวิตชีวามากนักหยุนเกียนเถียนต้องการสร้างกําลังใจและให้รางวัลเฉินเฉินในฐานะที่เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ ดังนั้นที่นี่จึงไม่เหมาะแก่การเฉลิมฉลองนัก

ในที่สุดนางก็พาเฉินเฉินนั่งรถม้าไปยังฟูเฉิงเพื่อเข้าสอบ

ขณะที่รถม้าออกจากหมู่บ้าน หยุนเถียนเถียนก็บังเอิญเห็นเฉินผิงอันซึ่งบัดนี้ดูแก่ชราลงมากผ่านทางหน้าต่างรถ

ผมของเฉินผิงอันกลายเป็นสีเทาเกือบทั้งหัวและหลังก็เริ่มโก่ง ในมือของเขายังคงถือขวดสุราดวงตาอันขุ่นมัวของเขาจ้องมองมายังรถม้าซึ่งเผยให้เห็นความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

หยุนเถียนเถียนไม่ได้บอกให้รถม้าหยุด ทว่านางกลับแสร้งทําเป็นไม่เห็นก่อนจะหันไปมองเฉินเฉิน

เมื่อเห็นเด็กน้อยได้แต่นั่งนิ่งไม่แสดงสีหน้า หยุนเกียนเถียนจึงถอนหายใจยาว “แม้ว่าเจ้าจะแค้นเคืองเขาทว่าสายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาด หากเจ้ากลับมาอีกครั้งในฐานะบัณฑิตก็จงกลับไปดูแลเขาบ้างด้วยการให้ค่าครองชีพแก่เขาบางส่วนอย่าปล่อยให้ใครมาติฉินนินทาเจ้าได้”

ใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉินเฉินพยักหน้า “พี่สาวไม่ต้องห่วง ข้ารู้แล้ว… ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาอดตายทว่าอย่าได้คาดหวังถึงความรักที่ข้าจะมอบให้เขา! ชีวิตไม่อาจย้อนกลับได้ด้วยความเสียใจเพียงเล็กน้อยความเสียใจของเขาในตอนนี้ยังไม่อาจเทียบได้กับความเสียใจของข้าในตอนนั้น เสียด้วยซ้ํา!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “ข้ารู้ดีว่าหัวใจของเจ้าเปี่ยมล้นไปด้วยความเจ็บปวดในอดีต ทว่าเจ้าไม่ควรเก็บความแค้นไว้ในจิตใจเพราะชีวิตเจ้าจะหนักหนาสาหัสจนเกินไป…หากเจ้าเห็นเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งก็จงอย่าให้เขามาเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของเจ้าได้”

เฉินเฉินกัดริมฝีปากล่างแล้วไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เสี่ยวฉีโถที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าพี่น้องคู่นี้กําลังพูดถึงเรื่องใด มีเพียงแม่ม่ายเยว่เท่านั้นที่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนางจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านหรือในเมืองก็ตาม หยุนเสียนเถียนไม่จําเป็นต้องแต่งกายมิดชิดนักเพราะนางมีทักษะการป้องกันตัวเองอยู่แล้วทว่าในฟูเฉิงนางตัดสินใจสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้างามอันมีเสน่ห์ของนางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเดินทางมาส่งเฉินเฉินสอบจอหงวน ตอนนี้เขากําลังจะถูกส่งตัวไปยังห้องสอบแล้ว เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่เห็นเด็กชายตัวน้อยถือตะกร้าใส่อุปกรณ์สอบก็ซักถามอยู่ครู่หนึ่งเมื่อพูดคุยจบเฉินเฉินก็ถูกปล่อยให้เข้าไปอย่างเรียบร้อยเขาหันหลังเดินเข้าห้องสอบโดยไม่ได้หันกลับมามอง

ภาพที่เห็นทําให้หยุนเวียนเถียนรู้สึกตื้นตัน โชคดีนักที่นางไม่ได้ทอดทิ้งเด็กชายผู้นี้ไปเพราะความรู้สึกไม่ดีในอดีต

ตอนที่ 330 การแสดงสมบทบาท

เมื่อแม่นางหวงคิดแล้วนางก็ต้องทํา แผนการเปิดโปงวีรกรรมของหลินฮันจินให้เจ้านายของเขาทราบก็เริ่มต้นขึ้น

แม่นางหวงเดินทางไปฟูเฉิงเมื่อสองวันก่อนจากนั้นพายุลูกใหญ่ก็โหมกระหน่ําที่นั่นคําบอกเล่าของนางทําให้เจ้าของร้านตัดสินใจตรวจสอบบัญชีจึงพบว่ามีเงินจํานวนมากสูญหายไปจริงแม้แต่ผู้เป็นเจ้าของร้านก็ไม่ทราบว่าเงินจํานวนนี้หายไปได้เช่นไร

แม้หลินฮันจีนจะพยายามปกปิดอย่างแนบเนียนแล้ว ทว่าเหล่าเจ้านายของเขาก็เริ่มรู้ตัวและให้ความสนใจกับเงินที่หายไปเป็นไปได้ว่าธุรกิจของตนจะมีหนอนบ่อนไส้

ด้วยเหตุนี้หลินฮันจีนจึงถูกเจ้านายเรียกตัวไปสอบสวน หากพบว่าสมุดบัญชีถูกปลอมแปลงเจ้านายของเขาก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดีเพราะต่อให้หลินฮั่นจินจะถูกฆ่าตายเขาก็คงไม่ยอมรับว่าเป็นฝีมือของตนเขาไม่ได้ลงนามในสัญญาจ้างดังนั้นเจ้านายจึงไม่อาจหาหลักฐานมาเอาผิดเขาได้

อย่างไรเสียมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะได้ทํางานต่อหลินฮันจีนถูกไล่ออกจากงานแม้แต่บ้านเช่าก็ถูกยึดไปสิ้นหลินฮั่นจินถึงกับน้ำตาตกใน แม้เขาจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นฝีมือของแม่นางหวงทว่าก็ยังไม่แน่ใจนักเพราะนางก็คงไม่ได้รับผลประโยชน์ใดจากการกระทําเช่นนี้

เมื่อบ้านถูกยึดภรรยารองและลูกชายของเขาก็ไม่มีที่ซุกหัวนอน เขาไม่อาจปล่อยให้ทั้งสองตกระกําลําบากเช่นนี้ได้ จึงตัดสินใจพาครอบครัวใหม่กลับมาอยู่ด้วยกันกับครอบครัวเดิม

แม่นางหวงตั้งตารอสามีพร้อมด้วยภรรยารองและลูกชายคนใหม่อยู่หน้าประตู

แม้หลิวเอ๋อจะไม่เต็มใจทําความเคารพ ทว่าเมื่อถูกหลินฮั่นจินผลักไปข้างหน้านางจึงไม่อาจต่อต้านได้แม้จะฝืนใจทว่าก็จํายอมโค้งคํานับอย่างให้เกียรติ

“ทําความเคารพพี่สาว!”

หลิวเอ๋อหันไปเรียกลูกชายของนาง “แซ่หู มาทําความเคารพท่านป้า!”

แซ่หูยังเด็กเกินกว่าจะรู้ความจึงทําตามที่แม่บอกอย่างง่ายดาย

หลินฮั่นจินรู้สึกผิดในใจ หลิวเอ๋อให้กําเนิดบุตรชายแก่เขาทว่าได้ตําแหน่งเป็นเพียงภรรยารองตอนนี้แม่นางหวงที่ดูคล้ายว่าจะยอมรับนางเข้าอยู่บ้านด้วยกลับไม่ยอมบอกให้เธอเลิกคํานับเสียทีเพราะแท้จริงแล้วนางเป็นคนใจแคบและไม่ยอมผู้ใด

“เอาล่ะ! หลิวเอ๋อ! ลุกขึ้นเถิด เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปข้าคิดว่าเจ้าทั้งสองต้องเข้ากันได้ดี… ไปกันเถิด ข้าจะเลือกห้องที่ดีที่สุดให้เจ้าเอง”

เดิมที่บ้านสกุลหลินมีห้องว่างอยู่หลายห้อง ทว่าห้องเหล่านั้นมักอับชื้นอยู่เสมอทําให้เมื่ออยู่แล้วจะรู้สึกอึดอัดแม่นางหวงจึงปล่อยให้มันว่างเปล่าสําหรับใช้เป็นห้องเก็บของ

ตอนนี้มีสมาชิกในบ้านเพิ่มมาอีกสองคนซึ่งก็พอดีกับห้องที่ว่างอยู่ ทว่าหลินฮั่นจินไม่อาจทนให้ภรรยารองแสนงดงามของเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมอับชื่นเช่นนั้นได้โดยเฉพาะเมื่อนางขมวด คิ้วทําท่าที่ออดอ้อนยั่วยวนเช่นนี้ยิ่งทําให้เขากระหายใครลิ้มรสนางขึ้นมาทันที

ในบรรดาทุกคนในบ้าน คนเดียวที่ถูกทอดทิ้งให้เป็นขยะมีชีวิตก็คือหลินห์
หลินฮั่นจินเดินเข้าไปในห้องของลูกชายคนโตก่อนจะแสรั้งมองด้วยสายตาเป็นห่วงแล้วถอนหายใจ“หลินหู! เดิมที่พ่อทุ่มเทให้ความสําคัญแก่เจ้านักด้วยการส่งเจ้าไปศึกษาเล่าเรียน…ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวชาวนาคนอื่นในหมู่บ้านชนบทห่างไกลเช่นนี้ไม่อาจทําได้”

“น่าเสียดายนักที่เจ้าเป็นคนดื้อรั้น… ปีศาจตนใดกันเข้าสิงให้เจ้าไปยั่วยุคุณหนูตระกูลหยางเช่นนั้น!เจ้าทําชีวิตตัวเองพังทลายเสียจนหมดสิ้นทําให้พ่อไม่อาจหวังพึ่งเจ้าเพียงคนเดียวได้อีกต่อไปพ่อจึงมีภรรยารองและนางได้ให้กําเนิดน้องชายคนเล็กของเจ้าซึ่งในตอนนี้พ่อก็พาพวกเขาทั้งสองย้ายมาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน… เจ้าเป็นพี่ย่อมต้องเสียสละให้น้องดังนั้นพ่อจะย้ายเจ้าไปอยู่ห้องปีกตะวันตกนั่น!”

หลินหูทรุดตัวลงทันที เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินค่าพูดครั้งแรกของพ่อว่าจะทอดทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้

“ท่านพ่อ! ข้าไม่ใช่ลูกของท่านหรือ? ตอนนี้ขาของข้าบาดเจ็บอยู่ทว่าท่านจะปล่อยให้ข้าต้องอยู่ในห้องอับชื้นเช่นนั้นข้าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไรท่านก็ไม่คิดจะสนใจข้า!”

หลินฮั่นจินหันมาจ้อง “เจ้ามันก็โง่เขลาไม่ต่างจากแม่ของเจ้า! แม่เลี้ยงของเจ้ามาที่บ้านของเราเป็นครั้งแรกและน้องชายของเจ้าก็ยังเด็กมากเจ้าจึงต้องดูแลรับรองเขาอย่างเสียสละในฐานะลูกผู้ชาย ขาเคยสั่งสอนเจ้าเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษแล้วไม่ใช่หรือ?ข้าเฝ้าอบรมเจ้ามาเนิ่นนานิ ทว่ากลับไม่เคยเข้าหัวเจ้าเลยเช่นนั้นหรือ?”

เฉินไฉ่อไม่ได้สนใจความเป็นไปที่เกิดขึ้นตราบใดที่มีหนังสือเล่มโปรดอยู่ในมือ ตอนนี้นางไม่ใช่ผู้ถูกกระทําอีกต่อไป มีเพียงแค่หลินหูเท่านั้นที่ต้องรับกรรมเช่นนี้

อย่างไรเสียนางก็นอนในห้องอ่านหนังสืออยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงหลินห์ผู้เดียวที่ต้องทนทุกข์อยู่ในห้องอับชื้นนั่น

เฉินไฉอีจึงกล่าวขึ้น “สามีข้า… เมื่อพ่อพูดแล้วลูกก็จะต้องเชื่อฟัง! ห้องนั้นใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้เลยเจ้ารู้หรือไม่ตอนข้าแต่งงานครั้งแรกข้าต้องนอนในห้องไม้ผุ ๆเสียด้วยซ้ำ!คราวนี้ก็ถึงที่ของเจ้าแล้วทนเอาหน่อยเจ้าจะได้เข้าใจว่าโลกนี้ยังมีความลําบากอีกมากมายจงไปนอนสํานึกผิดถึงสิ่งที่เจ้าก่อไว้กับตระกูลหยางในนั้นเถิด”

หลินฮันจนเห็นด้วยกับเฉินไฉ่อก่อนจะย้ายลูกชายของเขาไปยังห้องปีกตะวันตกทันทีห้องน้ำถูกปล่อยให้ขึ้นมานานจึงมีกลิ่นเหม็นอับรุนแรงมาก

อย่างไรก็ตาม การพูดแทรกขึ้นอย่างกะทันหันของเฉินไฉ่อก็ดึงดูดความสนใจของหลินฮันจินทันทีเขาหลี่ตาลงเล็กน้อยแล้วสังเกตเห็นว่าลูกสะใภ้ของตนเป็นสตรีที่งดงามอีกทั้งยังคงอยู่ในวัยสาวสะพรั่งอีกด้วย

หลิวเอ่อรู้ทันความคิดตื่นกระหายของผู้เป็นสามีในใจ นางจึงรีบก้าวไปคว้าแขนเฉินไฉ่อก่อนจะแสร้งทําเป็นสร้างไมตรีด้วยการถอดตุ้มหูออกแล้วยื่นให้“แม้ข้าจะเป็นเพียงภรรยารองทว่าข้าก็ยินดีมอบสิ่งนี้ให้เจ้าตามธรรมเนียมภรรยาของหลินห์โปรดรับน้ำใจของข้าไว้ด้วยเถิด!”

อย่างน้อยการกระทําอย่างรู้เท่าทันของหลิวเอ๋อ ก็ช่วยหยุดความตื่นกามของหลินฮั่นจินได้ชั่วขณะหนึ่งเฉินไฉ่อีก็รับรู้ได้เช่นกันจึงรีบใช้โอกาสนี้ปลีกตัวหนีไปทันที

“ขอบคุณมากท่านฮูหยินรอง”

เมื่อกล่าวจบเฉินไฉ่อก็สังเกตเห็นคิ้วของแม่นางหวงขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจยิ่งหากแต่หลินฮั่นจินไม่ทันได้สังเกตเห็น

เฉินไฉ่อไม่สนใจก่อนจะเดินยักไหล่กลับเข้าไปอ่านหนังสือต่อ

หยุนเวียนเถียนกล่าวถูกต้อง แม้ว่าชายผู้นั้นจะเป็นสามีของนาง ทว่าเขาก็เป็นเพียงคนอ่อนแอที่ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ไม่ใช่หรือ? ดังนั้นจากนี้ไปนางจะปฏิบัติต่อคนไร้ประโยชน์เช่นเขาอย่างไร้ความปราณี!

เมื่อถึงตอนเที่ยงเฉินไฉ่อีก็ยกชามข้าวไปให้หลินห์ หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่เขายังแข็งแรงกว่านี้ก็คงจะไม่ยอมกินก่อนทุบชามข้าวทิ้งไปแล้วทว่าหลินหูตอนนี้มีร่างกายอ่อนแอและหิวโหยดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเห็นอาหารท่าทางหยิ่งยโสที่เคยมีก็หายไปสิ้น

นางฉวยโอกาสนี้หยิกหลินหูอย่างแรง เขาเจ็บปวดมากจึงร้องเสียงดังลั่น ทว่ายิ่งเขาดุด่านางมากขึ้นเท่าไหร่นางก็ยิ่งหยกเขาแรงมากขึ้นเท่านั้น หลินหูจึงค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะสงบเสงี่ยมมากขึ้นเมื่อถูกนางหยิกเขาจึงกัดฟันข่มความเจ็บปวดโดยไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้สักคําเดียว

เฉินไฉ่อรู้สึกว่าชีวิตของนางตอนนี้มีความสุขมากขึ้นจริง ๆ

แม้แม่นางหวงจะอาศัยอยู่ห้องปีกตะวันออก ทว่านางก็เห็นหญิงไร้ยางอายผู้นั้นเดินเข้าออกห้องสามีของนางอยู่บ่อยครั้งหากแต่นางก็ไม่อาจทําสิ่งใดได้

เมื่อใดก็ตามที่นางต้องการวางอํานาจในฐานะภรรยาเอกด้วยการใช้ให้หลิวเอ่อทํางานบ้านสตรีร้อยเล่ห์มารยาผู้นั้นก็จะแสร้งทําเป็นคร่ําครวญเมื่อหลินฮั่นจินออกมาพบเข้าก็จะบอกว่าหากนางยังกลั่นแกล้งอย่างไร้ซึ่งคุณธรรมเช่นนี้อีกเขาสามารถฟ้องหย่านางได้ด้วยการแสดงสมบทบาทเช่นนั้นของหลิวเอ๋อจึงทําให้ความทุกข์ยากของแม่นางหวงหนักหนาเสียจนไม่อาจพรรณนาได้นับวันใบหน้าของนางยิ่งดูน่าเกลียดน่ากลัวแม้แต่ปากของนางก็มีแผลพุพองเต็มไปหมด

ตอนที่ 328 ความเจ็บปวดของนางหวง

แม้นางหวงจะไม่เชื่อว่าลูกสะใภ้เจ้าเล่ห์ร้ายกาจผู้นี้จะมีความคิดดี ๆ เพื่อช่วยตน ทว่าในเวลาแห่งความสิ้นหวังเช่นนี้นางก็จําเป็นต้องฟัง

ถึงอย่างไรนางก็ไม่คิดว่าตนจะถูกสะใภ้โง่เขลาผู้นี้หลอกเอาได้

“เจ้าคิดเช่นไรก็ว่ามา!”

เฉินไฉ่อีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พ่อสามีมีลูกชายอยู่ที่ฟูเฉิงแน่นอน เมื่อเขาไม่กลับมาเหตุใดท่านจึงไม่ไปหาเขาเองเสียเลยเล่า? ท่านมีฐานะเป็นถึงภรรยาเอกจึงสมเหตุสมผลแล้วที่จะเดินทางไป
หาเขา”

“หลินหูเป็นลูกชายของเขาดังนั้นในฐานะพ่อต้องนําเงินมาช่วยท่านใช้หนี้แน่ ตราบใดที่ท่านยินยอมให้สตรีผู้นั้นเป็นภรรยาน้อยของเขา! แค่ได้เงินมาใช้หนี้ก็เพียงพอแล้ว…อาการของสามีข้าทรุดลงนัก หากท่านได้เงินเพิ่มก็สามารถช่วยเยียวยาเขาได้ส่วนทางนี้ก็ฝากเขาไว้กับข้าเถิดอย่างน้อยข้าก็สามารถดูแลลูกชายของท่านได้”

นางหวงกลอกตาบนอย่างโกรธเคืองหากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดขึ้น แม้จะใช้เงินทองมากมายไปกับการรักษาแล้ว ทว่าหัวใจของนางก็ยังไม่หมดหวัง

“หากสามีข้ามีเงินมากพอเขาคงไม่เก็บไว้ใช้คนเดียวใช่หรือไม่? ทว่าเขากลับไม่เคยนํามาให้ข้าเลย… ช่างเถิดข้าจะมองโลกในแง่ดีจึงจะไม่กล่าวโทษเขา”

“ไปหาผ้าชุบน้ําเย็นมาให้ข้าประคบแล้วข้าจะไปเมื่อหน้าหายดี!”

เฉินไฉ่อเปลี่ยนสีหน้าทันที “ถ้าหน้ายังไม่หายบวมก็จะไม่ไปงั้นหรือ? หากไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้บังคับ!”

เฉินไฉ่อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังเดินจากไป นางหย่อนตัวลงบนเก้าอี้นุ่มก่อนจะอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างสบายอารมณ์

แม้บัดนี้นางรู้ซึ้งแล้วว่าโลกความเป็นจริงช่างแตกต่างจากในนิยายนัก ทว่านางก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจินตนาการในใจได้ทุกปัญหาล้วนมลายหายไปสิ้นเมื่อปล่อยใจให้จมดิ่งสู่โลกนิยายเพ้อฝัน

ส่วนหลินหูที่นอนอยู่ในห้องนั้น นางต้องสนใจเขาด้วยหรือ? ไม่ว่าอย่างไรความเป็นความตายของเขาก็ไม่ได้มีค่ากับนางเลยแม้สักน้อย เช่นนั้นแล้วเหตุใดนางต้องเสียอารมณ์กับเขาด้วยเล่า?

ในที่สุดเฉินไฉ่อก็พูดแทงใจดํานางหวงอย่างเต็มเปา นางทํางานที่บ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทว่ากลับถูกสามีทรยศนอกใจ การมีผู้หญิงอื่นนอกบ้านยังไม่หนักหนาเท่าการทิ้งลูกชายของตนเองได้ลงคอ แม้แต่สัตว์ป่ายังไม่ทอดทิ้งลูกของมันทว่าเขากลับทําได้อย่างไม่ละอาย!

แม้ว่านางอาจไม่ได้เงิน ทว่านางก็ไม่อาจปล่อยให้ชายโฉดกับหญิงชั่วเสวยสุขกันได้
ฉะนั้นนางหวงจึงรอให้อาการบาดเจ็บบนใบหน้าเริ่มหายดี ก่อนจะแต่งตัวเรียบร้อยไปขึ้นเกวียนเพื่อเข้าเมืองเมื่ออยู่ในเมืองแล้วนางก็สามารถเรียกรถม้าเพื่อเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น

หยุนเสียนเถียนรออยู่ที่หมู่บ้านเพื่อติดตามสถานการณ์ เดือนหน้าเฉินเฉินก็จะต้องไปฟูเฉิงเพื่อสอบจอหงวนก่อนไปนางต้องการรับชมละครแสนสนุกเช่นนี้เสียก่อน

นางหวงยังไม่พบชู้รักของสามี นางจึงแอบซ่อนตัวเงียบเชียบอยู่นอกร้านของหลินฮั่นจิน พอตกบ่ายแขกคนสุดท้ายที่มาทานอาหารเที่ยงก็ลุกออกไปแล้ว อีกทั้งภายในร้านก็ยังไม่มีอะไรสําคัญต้องทํา

หลินฮั่นจินเดินออกจากร้านไปยังตรอกเล็ก ๆ ด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก่อนจะหยุดอยู่หน้า บ้านหลังหนึ่งตอนนี้เขาช่างดูน่าสมเพชเสียจริง!

แม้ว่านางหวงจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว ทว่าบัดนี้นางก็โกรธจนตัวสั่นเมื่อเห็นสตรีผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น! นางสวมเสื้อผ้างดงามพร้อมมีปิ่นทองคําประดับอยู่บนศีรษะของนางด้วย

หลินฮันจินส่งปืนทองคําอีกอันให้แก่นาง มูลค่าของปืนนั้นสามารถนําไปใช้รักษาลูกชายของเขาได้หลายครั้ง ทว่าเขากลับซื้อให้สตรีผู้นี้อย่างไม่ลังเล

เมื่อหญิงผู้นั้นเจอหลินฮั่นจินนางก็ทําท่าทางกระเป๋ากระงอด เมื่อนางเห็นเขาหยิบปืนทองคําส่งให้จึงฉีกยิ้มกว้างทั้งสองโอบกอดกันแล้วเดินเข้าบ้านไป

นางหวงโกรธจนเสียสติจึงปรี่เข้าถีบประตูอย่างบ้าคลั่งจนเปิดออก!

หลินฮั่นจินผงะตกใจความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาชั่วขณะหนึ่งทว่าในไม่ช้าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการจะตัดสัมพันธ์กับเมียแก่หนังเที่ยวผู้นี้อยู่แล้วจะช้าหรือเร็วอย่างไร เสียเรื่องนี้ก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่วันยังค่ํา

“นางหวง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าอย่ามาที่เมืองนี้?”

แม้นางหวงจะเป็นสตรีผู้แข็งแกร่ง ทว่าดวงตาของนางก็แดง…เมื่อได้ยินสามีพูดเช่นนั้น นางกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตนด้วยความก้าวร้าวรุนแรง

“เอาล่ะ! เจ้าไม่ต้องการให้ข้ามาที่นี่เพราะไม่ต้องการให้ข้ามาเห็นพฤติกรรมชั่วช้าโสมมของเจ้าเช่นนี้ใช่หรือไม่? แทนที่จะนําเงินทองมาช่วยรักษาลูกชายกลับนํามาปรนเปรอนังหญิงโสเภณีผู้นี้! หลินฮั่นจิน…เจ้าช่างไร้จิตสํานึกเสียจริง!”

หลินฮันจีนผลักนางหวงเบา ๆ จนล้มลงกับพื้น นางไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่อาจเอาชนะแรงของผู้เป็นสามีได้หรือเป็นเพราะความอ่อนแอของนางเองกันแน่

น้ําตาที่เอ่อล้นไหลออกมาทันที “หลินฮั่นจิน เจ้ามันผู้ชายร้อยเล่ห์! ข้าทุ่มเททํางานหนักที่บ้านเพื่อเจ้า นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้า! เพียงเพื่อนางจิ้งจอกตัวนี้เจ้าถึงกับกล้าทําร้ายเมียของเจ้าได้ลงคอ!”

หลินฮันจินเอ่ยปากไล่หญิงมารยาททรามที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างดูถูก “หัดย้อนดูตัวเองบ้างว่าใครกันแน่ที่เป็นนางจิ้งจอก ตั้งแต่วันที่ข้าแต่งงานกับเจ้าข้าก็ไม่เคยสัมผัสความเงียบสงบอีกเลย เจ้ากล้าเอาตัวมาเทียบกับหลิวเอ๋อของข้าได้เช่นไรกัน! ฮัม! รีบไสหัวกลับไปซะ! หากเจ้าทําตัวเชื่อ ฟังข้าบางทีข้าอาจให้เจ้าเป็นเมียรองก็ได้”

คราวนี้นางหวงตกตะลึง นางไม่คิดว่าหลินฮั่นจินจะทําเช่นนี้กับนางได้ ตัดขาดเมียหลวงต่อหน้าเมียน้อย!

“หลินฮั่นจิน… เจ้าลืมคําที่เจ้าเคยพูดตอนแต่งงานกับข้าไปแล้วหรือ? แล้วหลินหูก็เป็นลูกชายแท้ ๆ ของเจ้าด้วย เช่นนี้แล้วข้าจะเทียบกับนางจิ้งจอกในดวงใจของเจ้าไม่ได้เลยหรือ?

มุมปากของหลินฮันจินยกยิ้มอย่างเย็นชา “นางหวง… ลองคิดดูสิว่าเจ้าเลี้ยงลูกชายคนนี้เช่นไร? ที่แรกแต่งงานกับสตรีไร้ยางอายต่อมาก็ไปลวนลามคุณหนูตระกูลหยาง พอมาตอนนี้ก็ถูกรุมกระทึบเสียจนง่อยเปลี้ยเสียขา ทําได้แค่นอนอยู่บนเตียงเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถพึ่งพาลูกชายคนนี้ ได้อยู่หรือไม่?”

“หลิวเอ่อ เรียกลูกชายของเราออกมาสิ! แสดงให้นั่งนี่เห็นทีว่าลูกชายของหลินฮันจีนควรเป็นเช่นไร!”

หลิวเอ๋อถอนใจอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วเดินนวยนาดเข้าไปในห้อง จากนั้นก็พาเด็กชายท่าทางซุกซนออกมา
“สามีข้า…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นลูกชายของเราจะไม่มีวันกลายเป็นคนไร้ค่า! แค่ชื่อของลูกชายเราก็ดูเก่งกาจกว่าไอ้สวะนั้นมากแล้วใช่ไหม… แซ่หู!”

หากหยุนเถียนเถียนอยู่ที่นี่ด้วยคงหัวร่องอหาย ชื่อนี้เหมือนกับชื่อสุนัขต่ารวจที่นางเลี้ยงตอนอยู่ในกรม

อย่างไรเสียตอนนี้นางหวงก็โกรธจัดเสียจนกระอักเลือด ลูกชายของนางชื่อหลินหูทว่านังหญิงชั่วผู้นี้กลับตั้งชื่อลูกตัวเองว่าหลินแซ่หูนี่มันชัดเจนว่าจงใจหยามเกียรตินางและลูก!

หลินฮั่นจินไม่สนใจว่านางหวงจะโกรธมากเพียงใด เขาแทบจะรอให้หญิงแก่ผู้นี้ตายก่อนกําหนดไม่ไหว เพื่อที่ตนจะได้แต่งงานใหม่กับหลิวเอ๋ออย่างชอบธรรม

ตอนที่ 327 ไม่อยากกลับบ้าน

เซินสิ่งไม่มีอารมณ์จะพูดหยอกล้อด้วย นางจับมือหยุนเกียนเถียนแล้วกล่าวว่า “คุณหนู… องค์ชายแห่งอวหยางมาสู่เฉิงก่อนกําหนด แล้วยังส่งคนสะกดรอยตามข้ามาตั้งแต่ที่สนามสอบแล้ว!”

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงและใจหวิวทันทีเมื่อได้ยินคําว่าสนามสอบ หากองค์ชายใหญ่ผู้นี้เป็นคนโฉดที่ต้องการล้างแค้นเป็นการส่วนตัว ก็อาจใช้อํานาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งรังแกเฉินเฉินได้ผลการสอบของเฉินเฉินจะแสดงให้เห็นว่าองค์ชายผู้นี้เป็นคนเช่นไรกันแน่

“เขาสะกดรอยตามเจ้ามาที่นี่ทว่ายังไม่ได้ลงมือทําสิ่งใดมากไปกว่านั้น เช่นนี้จะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเจ้าหรือไม่?”

เซินสิงขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างรอบคอบ “ข้าได้ต่อสู้กับชายผู้นั้น… แม้ว่าเขาจะบอกว่าตนเองเป็นองครักษ์ทว่าระดับของเขายังคงไม่สูงนัก ทักษะการสะกดรอยตามของเขานับว่าพอใช้ทว่ายังไม่เพียงพอที่จะตบตาข้าได้”

“ตามที่เจ้ากล่าวมา ฝ่ายนั้นเพียงแค่สะกดรอยตามและยังไม่คิดจะโจมตีเจ้าก่อนใช่หรือไม่?”

เซินสิ่งพยักหน้ารับก่อนกล่าว “คุณหนู… ถึงแม้ว่าข้าจะคอยติดตามรับใช้ท่านทว่าข้าต้องนําเรื่องนี้ไปเตือนองค์ชายด้วย ไม่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ต้องพร้อมรับมืออยู่เสมอยิ่งข่าว มาช้าเช่นนี้ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่…ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งใดพวกเราก็จะต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่
สุด!”

หยุนเสียนเถียนพยักหน้า “ไปส่งข่าวให้แก่องค์ชายของเจ้าเถิด เขาอาจกําลังเตรียมวางแผนรับมืออยู่หรืออาจจะยังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ก็ได้ เจ้าไม่ต้องห่วง…เราทุกคนที่นี่จะปลอดภัย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซิ่นสิงก็โค้งคํานับแล้วถอยหลังเดินออกไปทันที

ชายชุดดํากัดฟันข่มความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ เขาฉีกมุมเสื้อออกมาพันแผลไว้อย่างแน่นหนาแล้วกลับไปรายงานเจ้านายของตน

สีหน้าของมู่หรงป้อเปลี่ยนไปทันที “ข้าเป็นถึงรัฐทายาทแห่งอวหยาง แม้จะมียศศักดิ์รองจากองค์ชายอยู่ระดับหนึ่ง ทว่าองครักษ์ที่ราชวงศ์ส่งมาคอยอารักขาข้าก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่เก่งกาจเช่นกัน ทว่าเขากลับต้องมาบาดเจ็บสาหัสในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้…ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง

“นายท่าน… ฝีมือของบุคคลผู้นั้นเทียบเท่าระดับราชองครักษ์ คาดว่าจะต้องมีองค์ชายหรือจักรพรรดิมาที่นี่แน่นอน!”

มู่หรงป๊อปฏิเสธทันควัน “เป็นไปไม่ได้! หากมีองค์ชายหรือจักพรรดิมาเมืองนี้ไม่มีทางที่ข้าจะไม่รู้”

“ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวอาจเกี่ยวข้องกับจุดประสงค์หลักที่พวกเรามาที่นี่… เดิมที่จักรพรรดิโปรดปรานหยุนจึงเอ่อนัก บางทีบุคคลผู้นั้นอาจเป็นองครักษ์ที่จักรพรรดิส่งมาคุ้มครองนางก็ได้ ไม่แปลกที่ต้องใช้องครักษ์หญิงเพราะสามารถไว้วางใจได้เมื่อต้องคอยดูแลนางอย่างใกล้
ชิด”

เมื่อมู่หรงป้อกล่าวจบ เขาก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “จักรพรรดิเป็นผู้มีจิตใจดีงามเสมอมาจึงไม่น่ากระทําเช่นนั้นเลย… ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอย่าลืมว่าจักรพรรดิก็กําลังส่งคนออกตามหาหยุนจึงเอ่อไปทั่วทุกหนทุกแห่งหากมีองครักษ์ฝีมือดีคอยพิทักษ์อยู่ข้างกายนางพวกเราก็คงไม่จําเป็นต้องมาตามหาอยู่เช่นนี้แล้วไม่ใช่หรือ?”

องครักษ์ก้มหน้าลงโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด ข้ามีหน้าที่เพียงให้คําแนะนําเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเจ้านาย

“เราจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะคนผู้นั้นถึงขั้นเอ่ยปากเตือนข้าว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว แสดงว่าสถานะของข้าอาจด้อยกว่าอีกฝ่ายจริงฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงจะดีกว่า… เด็กชายที่ข้าเห็นในห้องสอบมาจากหมู่บ้านเทพธิดาใช่หรือไม่? เขาเป็นคนมีพรสวรรค์เช่นนั้นย่อมต้องสอบได้อันดับต้นๆ แน่นอน”

“ข้าจะมอบรางวัลแก่เขาในฐานะแขกรับเชิญธรรมดา เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจของผู้คนแล้วจะใช้โอกาสนี้เพื่อสอบถามเขา เราจะต้องดําเนินการตามแผนอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อรากฐานอันมั่นคงในพระราชวังอวหยางตอนบั้นปลายชีวิตของข้าทว่าข้าจะทําเช่นไรให้เด็กนั่นยอมตอบอย่างไม่คลางแคลงใจ?”

บางครั้งการเอาหไปนาเอาตาไปไร่ก็เป็นสิ่งที่ดีในยามวิกฤติ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่องรักษ์นิ่งเงียบราวกับว่าไม่ได้ยินรัฐทายาทแห่งอวหยางกําลังบ่นกับตัวเอง

“ช่างเถิด… เจ้าควรรีบไปทําแผลก่อน!”

องครักษ์ออกไปแล้ว ทว่าจนถึงบัดนี้รัฐทายาทแห่งอวหยางก็ยังคงไม่เข้าใจ ว่าองครักษ์หญิงฝีมือล้ําเลิศมาทําอะไรอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้

รัฐทายาทแห่งอวหยางใจเย็นลง ทว่าฝั่งหยุนเคอนั้นกําลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ข่าวบอกว่าองค์ชายจะมาถึงที่นี่ในอีกครึ่งเดือน ทว่าบัดนี้เขากลับอยู่ในเมืองแล้ว อีกทั้งยังเหิมเกริมถึงขั้นส่งคนมาสะกดรอยตามถึงบ้านอีกด้วย

หยุนเคอนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนจนรู้สึกปวดหัวอยู่พักหนึ่ง ในสายตาของเขารัฐทายาทแห่งอวหยางผู้นี้ดูไม่เหมือนคนโฉดแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามการตัดสินตามความรู้สึกของเขาเช่นนี้ไม่อาจนําไปบอกกับหยุนเสียนเถียนได้ด้วยเกรงว่านางอาจชะล่าใจจนไม่ระวังตัวซึ่งมีโอกาสสูงที่นางจะถูกใครบางคนลอบทําร้าย

การสอบผ่านไปอย่างราบรื่นและผลสอบก็ออกมาดีนัก อันที่จริงนายอําเภอคิดจะประจบรัฐทายาทแห่งอวหยางเพื่อให้เฉินเฉินสอบได้อันดับหนึ่ง ทว่านายอําเภอก็เกรงว่าหากผลออกมาเช่นนี้ จะดูโจ่งแจ้งมากจนเกินไปอีกทั้งยังเกรงว่ารัฐทายาทอาจไม่พอใจได้

หลังจากตกลงกันเป็นเวลานานท้ายที่สุดพวกเขาก็ให้ประกาศว่าเฉินเฉินสอบได้อันดับที่สาม

เมื่อหยุนเถียนเถียนทราบเรื่องผลสอบก็รู้สึกภูมิใจในตัวเฉินเฉินยิ่ง…ช่างดีนักที่นางไม่เคยทอดทิ้งเด็กชายผู้นี้

ส่วนเรื่ององค์ชายใหญ่นั้น หากเขาเป็นคนดีที่ไม่คิดจะล้างแค้นก็คงจะดีนัก ทว่าหากเผลอชะล่าใจไม่ระวังตัวก็อาจทําให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นได้

หยุนเสียนเถียนไม่อาจด่วนสรุปได้ก่อนที่จะได้เห็นมู่หรงป้อด้วยตาของนางเอง

ในไม่ช้าข่าวดีเรื่องผลสอบของเฉินเฉินก็กระจายไปทั่วหมู่บ้าน บัดนี้คนส่วนใหญ่จึงคิดจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ทว่าเฉินเฉินกลับคัดค้านที่จะกลับไปยังหมู่บ้านอันรื่นเริงในตอนนี้ เขาไม่อยากกลับบ้านเพราะไม่ต้องการใส่หน้ากากจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองด้วยคําสรรเสริญเยินยอของคนเหล่านั้นอีกทั้งยังไม่ชอบการหัวเราะอย่างเสแสรั้งตามมารยาท…แม้จะไม่ชอบก็ต้องแสร้งทําเป็นว่าชอบ

ท้ายที่สุดหยุนเถียนเถียนก็ประนีประนอมได้ ด้วยการมอบหมายให้เฉินไปนําเงินยี่สิบตําลึงไปให้เฉินผิงอันจากนั้นจึงให้เงินจํานวนหนึ่งเพิ่มสําหรับใช้ในการซ่อมแซมโถงบรรพบุรุษของตระกูลเฉิน

เฉินผิงอันยังคงนั่งดื่มสุราอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน สายตาของเขามองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าโดยไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ แม้จะมีคนเข้ามาชวนคุยเขาก็ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง

เฉินเหยียนหลานชายของเฉินไปก็ได้ไปสอบซิวไฉด้วยทว่าเขาสอบไม่ผ่าน

เด็กชายผู้นี้ไม่ท้อถอยแล้วกลับหมู่บ้านมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาเห็นเฉินผิงอันนั่งอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านจึงก้าวเข้าไปหาพร้อมทักทายด้วยความเคารพ “ท่านลุง!”

เฉินผิงอันไม่ได้ลืมตาขึ้นเขาเพียงแต่ยกจอกสุราขึ้นจิบ

เฉินเหยียนไม่ได้สนใจท่าทีเฉยเมยนั้นอย่างจริงจังนัก เขาหยิบเงินยี่สิบตําลึงออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้

“ท่านลุง ข้าว่าท่านควรดื่มสุราให้น้อยลงเพื่อรอให้ถึงวันที่ดีของท่านนะ เฉินเฉินเก่งมาก…เขาทดสอบพรสวรรค์ระดับอาเภอได้ถึงอันดับสาม! อีกไม่นานเขาก็จะได้เข้าสอบเพื่อเลื่อนขั้นอีกผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้ในอนาคตต้องได้เป็นขุนนางชั้นสูงแน่นอนท่านลุงต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อจะได้ มีโอกาสอยู่จนเห็นวันนั้นให้จงได้!”

เฉินผิงอันไม่เชื่อหูตนเองจึงหันกลับมาถาม “เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ? อันดับสามหมายความว่าอะไร? เจ้าคิดจะหลอกข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าเด็กคนนั้นเพิ่งจะทบทวนตาราได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น…ดูเหมือนจะไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ําไม่ใช่หรือ?”

ตอนที่ 326 ความเกลียดชัง

“แม่นางหยุน เจ้าไม่ได้กลับหมู่บ้านนานนักทว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน… ตอนนี้เฉินไฉ่อีผู้เคยเป็นศัตรูกับเจ้าได้รับการลงโทษอย่างสาสมแล้ว! สามีของนางที่เป็นบัณฑิตถูกใครบางคนทําร้ายเสียปางตาย บัดนี้เขาไม่อาจเดินเหินได้อีกนอกเสียจากนอนติดเตียงเท่านั้น”

“นั่นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เจ้าคงไม่รู้ว่าแม่ผัวของนางโหดร้ายมากเพียงใด นางเป็นคนร้ายกาจ จึงทําให้ลูกชายของนางเป็นคนเช่นนี้ไปด้วย ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ถึงกิตติศัพท์นางทั้งนั้น… ลูกชายของนางมักมากในตัณหา เขาชอบลวนลามสตรีทุกคนที่ขวางหน้าจึงเป็นสาเหตุให้ขาของเขาใช้การไม่ได้เช่นนี้ ถ้าให้พูดตามตรงข้าก็คิดว่าเขาโดนเช่นนี้ก็สาสมแล้วกับการกระทําสัปดนเช่นนั้น!”

“แม้ว่าสามีของนางจะเป็นบัณฑิตทว่าก็เป็นคนเกรี้ยวกราดรุนแรง ข้าเคยได้ยินมาว่านางทําให้เขาโมโหเพราะทําความสะอาดไม่ได้ดั่งใจจึงถูกทุบตีเสียจนแท้งลูก! นางต้องวิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลกลับไปบ้านด้วยเท้าเปล่า เพราะไม่มีแม้แต่รองเท้าจะสวม ข้าคิดว่านางน่าจะไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป…”

“แม้ว่าเฉินซึ่งจะเคยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี ทว่าเขากลับไม่สนใจคิดจะทําอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้… ใครจะเชื่อว่าตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาวเลย โชคดีที่ เฉินเต่ออันยังคงช่วยเหลือนางอยู่”

“นางหวงที่คอยข่มเหงรังแกนางนึกกลัวความล่าบากขึ้นมา เลยนําเกวียนมารับเฉินไฉ่อีกลับไป ก่อนหน้านั้นดูเหมือนว่าจะตัดขาดกันแล้วทว่าข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมารับกลับไปเช่นนี้ หากในอนาคตหลินหูต้องการมีลูก เขาจะต้องมีอนุภรรยาแล้วลูกที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นลูก ของเฉินไฉ่อี”

เหล่าหญิงชาวบ้านต่างซุบซิบนินทากันไม่หยุดปาก ทว่าแม้จะไม่มีใครพูดขึ้นมาเหตุการณ์ทุก อย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว

แม่หม้ายเยวส่ายหัวอย่างหมดคําจะกล่าว แม้นางจะไม่พอใจกับคําติฉันไม่สุภาพเช่นนี้เท่าใดนัก ทว่าเฉินไฉ่อีก็เป็นสตรีที่ร้ายกาจเกินกว่าจะหาข้อแก้ต่างให้นางได้

หยุนเถียนเถียนได้ฟังเรื่องราวจากพวกหญิงชาวบ้านไปตลอดทางกลับหมู่บ้านเทพธิดา

เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน จู่ๆ หญิงชาวบ้านคนหนึ่งก็กล่าวขึ้น “แม่นางหยุน เจ้าจเฉินเจียวเจียวได้หรือไม่… ก็สตรีที่เคยร้องห่มร้องไห้อยากจะแต่งงานกับหยุนเคอสามีเจ้าอย่างไรเล่า ตอนนั้น นางเสนอตัวเป็นอนุภรรยาของนายหัวหลี่เพราะหวังความมั่งคั่ง ทว่าข้าได้ยินมาว่าตอนนี้นางเป็นได้แค่นางบําเรอปลายแถวเท่านั้น”

“นางกลับมาเยี่ยมครอบครัวเมื่อไม่กี่วันก่อน ท้องโตขนาดนั้นข้าคิดว่านางน่าจะตั้งครรภ์ได้ราวสี่ห้าเดือนแล้ว นางบอกแก่ผู้เป็นแม่ว่าถึงจะไม่ได้เคียงข้างชายที่ตนรัก ทว่ามีเงินทองใช้ก็เพียงพอแล้ว นางยังบอกอีกว่าหากนางให้กําเนิดลูกชาย นางจะได้เป็นอนุภรรยาของหลี่เฟิงแล้วมีชีวิตสุขสบายในบ้านใหญ่โตด้วย”

“จากสายตาของข้าแล้ว ข้าไม่คิดว่าหลี่เพิ่งจะจริงจังกับสตรีเช่นนางหรอก มิฉะนั้นเมื่อนางกลับมาหมู่บ้านนานขนาดนี้ก็คงจะต้องส่งคนมาคอยดูแลนางแล้ว ทว่ากลับไม่มีใครติดตามมาด้วยเลยสักคน”

หยุนเถียนเถียนเพียงยกยิ้มไม่ได้กล่าวคําใด เพียงแต่คิดในใจว่าเฉินเจียวเจียวคงไม่ได้กลับไปที่นั่นอีกแน่

เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนั้นนายน้อยหลี่ยังไม่ได้จัดการสืบสาวมาจนถึงตัวนาง ทว่านางไม่กล้าพบหน้าเขา ไม่ใช่เพราะกลัวทว่าไม่ต้องการสร้างปัญหา

ถึงที่สุดแล้วเมื่อแผนการของหลี่เพิ่งถูกเปิดเผย หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาดตอนนี้เขาคงจะต้องอยู่ในเรือนจํา เพื่อรอการเนรเทศออกจากเมืองไปไกลกว่าสามพันลี้!

ส่วนนางหลี่ผู้ยังดูงดงามเยาว์วัยก็จะต้องถูกลงโทษด้วยการสักหมึกบนใบหน้าพร้อมถูกโบยอีกแปดสิบยก ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คงหนีการเนรเทศไม่พ้นเช่นเดียวกัน

เช่นนี้แล้วเหตุใดผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเฉินเจียวเจียวยังคงอยู่รอดปลอดภัย? แม้หยุนเถียนเถียนจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทว่าก็คาดการณ์ได้ว่าชะตากรรมของสตรีผู้นั้นคงจบไม่สวยเป็นแน่!

ฉ่เกินฮูหยินเป็นคนเช่นไรกัน? ทุกวันนี้ลูกสาวไม่ได้พึ่งพานางอีกต่อไป ทว่าตั้งแต่เรื่องบาดหมางคราวนั้นก็ทําให้เกิดช่องว่างระหว่างนางกับเฉินเจียวเจียว ทําให้จนถึงตอนนี้นางก็ยังคงมีนตึงใส่ลูกสาวอยู่บ้าง

คนอย่างเฉินเจียวเจียวรู้ดีอยู่แล้วว่าครอบครัวนางโลภมาก การที่นางได้เป็นอนุภรรยาของนายหัวหลีก็จะช่วยให้ครอบครัวของนางสบายไปด้วย นางคิดว่านายหัวหลจะต้องกลับมารับตนแน่ หลังจากที่ให้กําเนิดบุตรแก่เขา

ความเชื่อมั่นเช่นนี้ทําให้เฉินเจียวเจียวไม่คิดเผื่อใจไว้แม้แต่น้อยจึงใช้เงินอย่างมือเติบ ซึ่งแน่นอนว่าวันใดที่เงินนั้นหมดลง ฉ่เกินฮูหยินคงมองหน้านางไม่ติดแน่

แน่นอนว่าในฐานะผู้รับชม หยุนเถียนเถียนมีความสุขยิ่งที่ได้ดูการแสดงชั้นเลิศเช่นนี้ นางจึงไม่เอ่ยสิ่งใดขัดจังหวะเลย เพียงแค่หัวเราะอย่างสาแก่ใจนัก!

เมื่อรถมาจอดสนิท หญิงชาวบ้านเหล่านั้นยังต้องการนินทาเรื่องอื่นให้ฟังอีก ทว่าหยุนเถียนเถียนรู้ข่าวที่ตนต้องการแล้วจึงไม่มีความอดทนพอที่จะฟังต่อได้

พวกนางมองหยุนเถียนเถียนกระโดดลงรถมาก่อนจะเดินไปตามลานกว้าง แล้วรถมาก็แล่นไปตามถนนอีกครั้งเพื่อนําตัวหวงจือไปส่งที่สํานักงานเขต

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจไปบ้านสกุลหลิน ที่อยู่หมู่บ้านถัดไปก่อนนางหวงจะกลับมา นางต้องการพบเฉินไฉ่อีเพื่อจัดการบางอย่าง

เฉินไฉ่อีต้องการจะสร้างความเจ็บปวดให้กับสกุลหลินอย่างสาสม ด้วยความที่นางมีครอบครัวคอยหนุนหลังอยู่จึงไม่เกรงกลัวอีกต่อไป ตอนนี้นางจึงนั่งยกขาผ่อนอารมณ์อยู่หน้าบ้านพลางแทะกินเมล็ดแตงโมอย่างสบายใจ

ส่วนหลินหูก็ตะโกนเรียกจนเสียงแหบแห้ง เพราะรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อต้องอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล กระนั้นก็ไม่มีใครใส่ใจเหลียวแลเขาเลย

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินไฉ่อีก็ถ่มเมล็ดแตงโมทิ้งก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างแช่มช้า ทว่าเมื่อเปิดออกนางก็พบกับบุคคลที่นางไม่คิดอยากเจอเลยแม้แต่น้อย

หากต้องเจอศัตรูในวันที่ชีวิตมีความสุขก็คงจะเป็นเรื่องดี ทว่าเมื่อต้องเจอศัตรูในวันที่ชีวิตตกต่ำก็นับว่าเป็นหายนะได้เลยทีเดียว

เฉินไฉ่อีคิดเช่นนั้นจึงแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหยุนเถียนเถียน นางไม่ต้องการให้ศัตรูตัวฉกาจได้เห็นความน่าสังเวชของตัวเองในตอนนี้!

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่? จะมาหัวเราะเยาะข้าอย่างนั้นหรือ?”

ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนเฉยเมย “คิดว่าข้าว่างมาถึงที่นี่เพียงเพื่อเยาะเย้ยเจ้าเท่านั้นหรือ? คิดว่าเจ้าสําคัญกับข้ามากขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นข้าก็มีส่วนผิด ส่วนเจ้าก็ยังคงเป็นสตรีชั่วช้า เลวทรามและโง่เขลาอยู่เช่นเดิม! เช่นนี้ข้าจะหัวเราะเยาะเจ้าไปเพื่อประโยชน์ใดกัน? หากข้าหัวเราะแล้วเงินทองเพิ่มขึ้นเช่นนั้นก็ว่าไปอย่าง!”

เฉินไฉ่อีรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนเจ็บปวดจนด้านช้าไปเสียแล้ว นางมองว่าหยุนเถียนเถียนเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่สุดในชีวิต ทว่านางกลับไม่มีค่าพอที่จะมีตัวตนในสายตาของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ํา เมื่อนึกถึงสภาพอันน่าสมเพชในตอนนี้แล้วก็อดแค่นหัวเราะเยาะตัวเองออกมาไม่ได้ ช่างน่าสังเวชนัก!

“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาทําอะไรที่นี่เล่า?”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ารู้หนังสือและเป็นคนมีเหตุผล ทว่าเหตุไฉนจึงดูไม่ฉลาดเช่นนี้… หวงฉือทําร้ายเจ้าถึงเพียงนี้ ในหัวใจของเจ้าไม่เคยมีความเกลียดชังเคืองแค้นนางบ้างเลยหรือ? เจ้าไม่คิดว่านางสมควรชดใช้ให้แก่ลูกของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

ใบหน้าของเฉินไฉ่อีเต็มไปด้วยความระแวง “เจ้าต้องการอะไร? ไม่ว่าข้าต้องการจะทําเช่นไร มันก็เป็นเรื่องของข้า เช่นนั้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า?”

ตอนที่ 325 ไม่แสดงความเห็นใจ

แน่นอนว่าเงินนั้นเป็นของแม่ม่ายเอง นางจะใช้อย่างไรก็ได้ แต่การให้เงินคนเยี่ยงนี้ แน่นอนต้องมีครั้งต่อไป

หยุนเถียนเถียนยืนยันที่จะไม่ช่วยคนเลว

หยุนเถียนเถียนจับมือแม่ม่ายเยว่ “ท่านป่า แม้ว่าท่านให้เงินเขาไปแล้ว แต่บางคนที่ไร้สํานึกมันช่างเปล่าประโยชน์

แม่ม่ายเยว่กล่าวด้วยท่าทีเขินอาย “แต่ข้าต้องการจะช่วยหลินหู่จริง ๆ”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกเช่นกัน “แล้ว…พ่อของหลินหูอยู่ที่ใดหรือ? บุตรชายบาดเจ็บเช่นนี้ ใยถึงมีแต่แม่ที่คอยดูแล”

แม่ม่ายเยว่ลังเลและตัดสินใจในท้ายที่สุด “นางหวง ช้าก่อน แม้ว่าเราจะตัดขาดกันแล้ว แต่บุตรข้าก็ยังนับได้ว่าเป็นคนในตระกูล อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าแยกทางกัน ข้าไม่สามารถบังคับครอบครัวเจ้าที่เป็นอยู่ได้”

“แต่เห็นว่าเป็นญาติกัน ข้าขอเตือนเจ้า หลินฮั่นจินนั้นไม่ใช่คนดี ได้ยินมาว่าเขาอยู่ในเมืองมานานจนได้คบหากับแม่ม่ายอื่นและยังมีบุตรด้วยกัน”

นางหวงตกตะลึง นางรู้ดีว่าหลินฮั่นจินหมกมุ่นในกาม แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีลูกนอกสมรสอีกคน

เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกอย่างพลันชัดเจนว่าบุตรของนางกําลังจะถูกทอดทิ้ง

หลินฮั่นจินเป็นถึงเจ้าของกิจการ เขามีรายได้สูงกว่าคนทั่วไป เหตุใดเขาถึงไม่พาใครไปเลย อีกทั้งยังบอกว่าการอาศัยที่ฟูเฉิงนั้นลําบาก เจ้าจะอยู่โดยสภาพแบบนี้จริงหรือ?

ยิ่งกว่านั้น ตอนที่หลินหู่บาดเจ็บ เขามาเยี่ยมเพียงแค่ครั้งเดียวพร้อมเงินจํานวนมาก แต่นั่นไม่เพียงพอต่อการรักษาเพียงหนึ่งครั้ง นี่คือสิ่งที่คนเป็นพ่อทํางั้นหรือ?

แม้ว่าลึก ๆ แล้ว นางหวงจะเชื่อคําพูดของแม่ม่ายเยว่ แต่นางอยากที่จะแสดงความเข้มแข็งต่อหน้าฝูงชน จึงไม่ยอมรับว่านางถูกสามีทอดทิ้ง

“เจ้าช่างพูดจาเหลวไหล คิดว่าทุกคนโง่เขลาหรือไร? หืม! อย่าลืมนะว่าเจ้ายังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ถ้าข้าขายมันไปให้ซ่องนางโรม ดูซิว่าเจ้าจะปากดีต่อหน้าข้าอีกไหม!”

“สําหรับเด็กผู้นั้นแล้ว ไม่จําเป็นต้องเป็นทายาทของน้องชายข้าอีก ช่างน่าขันที่เจ้าเด็กนั้นยังคงต้องการศึกษาวิชาจากบุตรชายข้า ส่งเด็กนั่นมาให้ข้าโดยเร็วและให้พี่ชายของเขาได้รักษา ข้าอาจจะดูแลเขาได้ หากข้าและพี่ชายของเขาเจริญขึ้นกว่านี้”

ด้วยความจิตใจดี นั่นคือเหตุผลว่าทําไมเราถึงเอ่ยปากเตือนแม่ม่ายเยว่ นางคงไม่คิดว่าจะโดนตอกกลับเยี่ยงนี้

หยุนเถียนเถียนทนไม่ได้ที่จะเห็นเรื่องแบบนี้ “หยุดซะแต่ตอนนี้ดีกว่านะ ก่อนที่เจ้าจะต้องสูญเสียบุตรชาย เสี่ยวฉีโถเป็นเจ้าของบ้านโดยชอบธรรม ตราบใดที่เขาไม่เอ่ยปาก ดูสิว่าใครหน้าไหนจะกล้าขายป้าเยว”

นางหวงรู้ดีว่าไม่สามารถทําอะไรได้ เหมือนดั่งสุนัขบ้าที่ไล่กัดคนไปทั่ว หยุนเถียนเถียนที่ขัดจังหวะนาง เหมือนเป็นการกระตุ้นความโชคร้ายของนาง

“อะไรของเจ้า? หญิงงามเยี่ยงเจ้ามาอาศัยอยู่กับคู่หมั่นก่องแต่ง ช่างไร้ยางอายนัก! ยังดีที่บุตรชายข้ายังให้คุณค่าแก่เจ้ามาก เจ้าก็แค่หญิงนอกรีดที่ขาดผู้ชายไม่ได้”

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนไปด้วยความโกธร “ระวังปากหน่อย จับนางและส่งตัวไปที่ให้เจ้าเมืองเสีย”

นางหวงไม่อาจถูกจับได้อย่างตรงไปตรงมา นางดิ้นรนอย่างหมดท่า หยุนเถียนเถียนเกรงว่าคําเตือนนั้นจะเหนือกว่า นางรีบขัดและกล่าว “ถ้านางขัดขึ้นที่จะไปยังเจ้าเมือง ก็ต้องใช้กาลังจัดการหักขานางให้ไปอยู่กับบุตรนางเสีย ถ้านางมีปัญหา ข้าจะจัดการเอง”

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนเป็นเจ้าหน้าที่ที่เปี่ยมความยุติธรรม บางครั้งก็เป็นดั่งอันธพาลที่ไม่เกรงกลัวใคร

เริ่มแรกนางหวงคิดว่าเซ่นฉิงเป็นเพียงบ้านของเด็กหญิงตัวเล็กๆ และนางจะไล่ออกไปเมื่อไหร่ตามที่ต้องการ ใครจะรู้ว่านางเป็นคนในตระกูลที่แท้จริงและสามารถกําจัดนางหวงได้ง่าย ๆ

นางหวงถูกรุมทําร้ายนอนคร่ําครวญบนพื้น แรกเริ่มนางดุด่าต่อว่าอย่างหนัก แต่พอเริ่มทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็พลันขอร้องขอความเมตตา

ระวังอย่าให้นางขันขึ้นอีก หยุนเสียนเถียนจับนางไว้ “ถ้าเจ้าสู้อีก เจ้าตายแน่ ส่งนางไปที่คุกหลวงเสียและแจ้งให้กับเจ้าเมืองทราบถึงเรื่องนี้ นี่เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดสําหรับนาง จะได้ไม่สร้างปัญหาให้ผู้ใดอีก”

เจ้าหน้าที่พยักหน้าเคารพ มัดนางหวงและน่าขึ้นรถม้าไป

เมื่อเหตุการณ์สงบลง ชาวบ้านก็ยากย้ายกลับไป

ถึงแม้แม่ม่ายเยว่กล้าที่จะออกจากตระกูลหลิน แต่ในครานี้นางรู้สึกอับอายจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้มีประคุณ

“ป้าเยว่ไม่ต้องเศร้าไป เปรียบเหมือนสุนัขกัดท่าน ท่านจะกัดตอบได้หรือ? มีแม่ม่ายมากมาย บนแผ่นดินนี้ ใยถึงมีหญิงมากมายอยู่อย่างมีตราบาป ให้กล่าวสั้น ๆ คือข้าไม่เชื่อ และข้าจะให้ท่านหลุดพ้น”

“แต่ช่างเลวร้ายที่คนชั่วพวกนั้นมักสร้างปัญหา ยังดีที่เราจัดการได้ในครั้งเดียว ในไม่ช้าพวกมันอาจจะกลับมาอีก ท่านควรไปกับข้า มันจะดีมากหากตระกูลหลินจะไม่สร้างปัญหาให้เราอีก”

ขณะที่หยุนเถียนเถียนกล่าว นางได้จ้างรถม้าอีกคันพร้อมนําแม่ม่ายเยว่กับก้อนกรวดใส่ไว้ในรถม้า ในไม่ช้าคนขับรถม้าก็พาไปยังหมู่บ้านเทพธิดา

ก่อนถึงหมู่บ้าน มักจะมีผู้คนรอโบกรถม้าเพื่อที่จะไปยังหมู่บ้าน คนขับรถม้าต้องการที่รับขึ้นเพื่อเพื่อเก็บเงินในราคาสองเหวิน ในอดีตหยุนเถียนเถียนมักจะปฏิเสธคนพวกนี้

แต่วันนี้ หยุนเถียนเถียนยอมให้คนขึ้นรถม้าเป็นครั้งแรก

ผู้คนที่ขึ้นมามักจะเป็นคนประเภทปากจัดและขี้เกียจ พูดจาเรื่อยเปื่อย ข้าไม่แสดงความเห็นใจ แม้ว่าบางเรื่องจะไร้สาระแต่ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะบางเรื่องที่มีเหตุผลนั้นจะเผยแพร่ได้ง่าย

ตอนที่ 324 ถุงเงิน

นางหวงนึกในใจว่าคงไม่สามารถพบกับแม่ม่ายเยว่ได้ นางจึงเปลี่ยนเป้าหมายในทันที

“แต่ว่านะแม่หญิงหยุน น้องชายข้าได้ตายจากไปและทิ้งบุตรเอาไว้ โปรดให้ข้าได้เจอหลานเถิด”

แม่ม่ายเยว่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างนอก จึงเดินออกมา

นางหวงอึดขึ้นมาทันที นางไม่สามารถรังควานหยุนเถียนเถียนได้ แต่สําหรับแม่ม่ายนั้นก็ไม่แน่บอกตามตรง แม่ม่ายเยว่เก็บอารมณ์มาเป็นเวลานานแล้ว เหตุผมคือนางไม่ควรอวดดีเหมือนพี่สะใภ้

แต่ใครที่เรียนหลินฮั่นจินว่าเป็นผีร้าย เราจับตาดูแม่ม่ายเยวมาก่อน นางก็เป็นหญิงที่น่าหลงใหลแต่นางไม่กล้าที่จะยั่วยุหลินฮั่นจิน

สิ่งนี้ทําให้นางหวงอึดอัดใจ แม่ม่ายเยวนั้นอายุน้อยกว่านางหลายปี แม้ว่าชีวิตจะลําบาก แต่ร่างกายและจิตใจของนางนั้นสะอาดผุดผ่อง

นางหวงไม่เพียงแต่คอยระวังแม่ม่ายเยวแต่ยังต้องการเหยียบย่านางทุกวินาที ตั้งแต่ที่แม่สื่อคนแรกชอบใจแม่ม่ายเยว่ นางถูกต่อว่าอย่างหนักโดยหลินฮั่นจินและไม่มีผู้ใดกล้าที่จะยั่วยุนางอีก

นางหวงได้โอกาส “เยว่ เจ้าไม่มีหัวใจของคนเป็นแม่เลยหรือ? เด็กผู้นั้นคือบุตรชายผู้เดียวของน้องชายข้า เจ้าขายเขาไปเป็นทาสเยี่ยงนี้ ยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?”

ขณะนี้ ผู้คนรอบ ๆ เริ่มบ่งชี้ว่าตอนอาศัยอยู่ที่บ้านนั้นไม่ได้ลําบากเท่ากับการเป็นทาสเยี่ยงนี้ แม่ม่ายที่ขายบุตรจะเป็นคนดีได้อย่างไร?

แม้ว่าสิ่งที่นางหวงกล่าวจะไร้สาระ นางไม่ได้ทุกข์ร้อนพร้อมกล่าวขอโทษทันทีที่ได้ยิน

“ท่านคิดว่าทุกคนล้วนเหมือนท่านงั้นหรือ นางหวง? แม่หญิงหยุนซื้อบุตรชายข้าไปเป็นทาสตอนไหน? มีทาสที่ใดสามารถไปเรียนหนังสือได้บ้าง?

“ท่านเคยเจอทาสของตระกูลใดที่ได้เรียนหนังสือบ้าง? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ของท่านเลย ข้าใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุขเพราะท่านปล่อยให้สามีมารังควานแม่ม่ายเยี่ยงข้า”

“มันไม่ง่ายที่สามีท่านจะละทิ้งการกระทํานี้ ข้าไม่ได้หวังว่าท่านจะเกลียดหรืออยากกําจัดข้า ที่หลินหูขาหักในตอนนี้มันคือกรรมที่ท่านก่อ ดั่งวันที่ท่านสั่งให้หลินหูมาหักขาบุตรชายข้า ท่านน่าจะจําได้”

ในความโกลาหล ไม่แปลกที่แม่ม่ายเยว่จะมาติดตามแม่หญิงหยุนเกียนเถียนเมื่อนางเห็นโอกาส นางมีจิตใจงามเกินใคร ชาวบ้านทุกคนมักจะเห็นนางอ่านหนังสือในทุกเช้า และไปรับไปส่งเฉินซูไซ่ทุกวัน

เพื่อไม่ให้กระทบกับเฉินเฉิน แม่หม้ายเยว่จะออกไปส่งเสบียงด้วยตนเองทุกเที่ยงวัน เธอภูมิใจที่จะบอกกับผู้คนว่าบุตรชายของนางจะมีอนาคตที่ดี

หลังจากนั้น สายตาผู้คนกลับจ้องมองไปที่นางหวง พวกเขาต่างพากันพูดอย่างไร้สํานึก นางผู้นี้ว่าร้ายและรังแกผู้อื่น ทําลายชีวิตคนด้วยค่าพูดต่าง ๆ นา ๆ

ด้วยความละอายใจ นางหวงหลับหูหลับตาพร้อมตะโกนเสียงดัง “แม่ม่ายเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการนําบุตรหลานที่เป็นคนของตระกูลหลินออกมามันมีราคาที่เจ้าต้องจ่าย บุตรข้าล้มป่วยอยู่ที่เตียงในตอนนี้ แม้แต่น้องรองยังช่วยเหลือข้าเลย เจ้าควรคิดถึงเรื่องนี้บ้าง”

แม่ม่ายเยวยิ้มเยาะ “ฝันกลางวันจริง ๆ นะ ตอนที่ท่านสั่งให้คนมาทําร้ายลูกข้า เหตุใดท่านไม่คิดว่าเขาเป็นบุตรของตระกูลหลินด้วยเล่า? จนบัดนี้ หากข้าไร้จิตสํานึก ก็ปล่อยให้เขาเพิกเฉยต่อข้าซะ บุตรย่อมเชื่อฟังผู้เป็นแม่เป็นเรื่องธรรมดา”

นางหวงหมดหนทางที่จะโน้มน้าวหรือกดดันแม่ม่ายเยว่ นางกันฟันแก่นพร้อมกล่าวต่อ “แม่ม่ายเยว่ เจ้าเปลี่ยนไป!”

“เราเป็นญาติกัน เลือดย่อมขันกว่าน้ํา บุตรข้าคงจะได้แต่งงานกับคนอย่างแม่หญิงหยุน ถ้าหากไม่โดนขัดขวาง แต่ตระกูลเรากลับได้แต่งงานกับนางมารร้าย และทําให้บุตรชายข้าตายทั้งเป็น”

ทันทีที่หยุนเกียนเถียนได้ยินการพาดพิงถึง นางตะโกนออกมาในทันที “นางหวง ท่านควรจะเงียบเสีย ข้ารู้ดีว่าท่านเกลียดข้า ความริษยาของท่านมันเห็นได้ชัดเจน”

“ท่านรู้ดีว่าข้าแต่งงานแล้ว แต่ท่านก็ยังหาแม่สื่อมาขอและโน้มน้าวข้าอีก โชคดีที่ท่านเยว่มาเตือนข้าไว้ทัน”

“ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะรับดูแลคนสองคนโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะนางช่วยข้าไว้ นางหวง ตอนนี้ท่านยังจะมากล่าวพาดพิงและทําลายชื่อเสียงข้าอีก ท่านคงไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ําเสีย โปรดช่วยข้า นําตัวนางไปให้เจ้าเมืองเถิด”

“แต่เห็นแก่การแต่งงาน ข้าคิดว่าจะไม่เอาความ แต่ตอนนี้ท่านก็ยังพาดพิงถึงอดีตและทําลายชื่อเสียงข้า เรื่องนี้จําเป็นต้องให้ท่านเจ้าเมืองจัดการเสียแล้ว”

คําพูดของหยุนเสียนเถียนทําให้นางหวาดกลัว ขณะที่ผู้คนจับตัวนางที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นและดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง

“โปรดยกโทษให้ข้าเถิดแม่หญิงหยุน ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว แม่ม่ายเยว่ น้องสะใภ้ข้า เราก็อยู่ด้วยกันมานานนะ ให้อภัยข้าเถิด”

“ข้าถูกบังคับให้มาที่นี่ ข้าไม่มีทางเลือก หลินหูบาดเจ็บหนัก ข้าจําเป็นต้องหายืมเงินเพื่อนําไปรักษา ตอนนี้ข้าเป็นหนี้ ช่วยข้าสักครั้ง แล้วข้าจะไม่มาที่นี่อีก”

แม่ม่ายเยวถอดหายใจ หลินหูเป็นคนมีเหตุผลเมื่อเขายังเด็ก ถ้าเขาอยากจะช่วยหลาน มันไม่เป็นจำที่จะต้องใช้เงินเลยสักนิด

เมื่อตระหนักถึง แม่ม่ายเยาหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อ มันเป็นเงินที่นางได้รับมาจากหยุนเถียนเถียน

ตอนที่ 323 ขวางทาง

บ้านที่พังยับเยินยังไม่สาสมกับค่าสินสอดทองหมั่นนางหวงไม่สนต่อสิ่งใดพร้อมยืนตัวไปที่ปลายจอบที่กําลังจะขุด

เฉินเต่ออันชะงัก ถ้าเขายังมือไว้ไม่ทัน หัวของนางหวงได้ขาดเป็นแน่!

“อย่านะ! บ้านข้าพังย่อยยับ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน?”

ด้วยความประหลาดใจ เฉินเต่ออันใจเย็นลงพร้อมวางจอบไว้ข้าง ๆ แล้วกล่าว“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ําตาสินะข้าพล่ามไปตั้งนานแต่เจ้าไม่เข้าใจเลยสักนิด!”

“หลินหูไม่อาจสอบเข้าวังหลวงได้อีก อย่างไรก็ตามชีวิตย่อมสําคัญกว่าชื่อเสียงไปสารภาพกับเจ้าหน้าที่เสียว่าแม่สามีทุบตีสะใภ้จนแท้งบุตร ย่าที่ฆ่าหลานตัวเองข้าอยากรู้นักว่าผลตัดสิน จะเป็นอย่างไร”

ความจริงแล้ว เฉินเต่ออันเพียงพูดจาล่อลวงเท่านั้น เขาไม่รู้ถึงตัวกฎหมายและไม่ได้ตั้งใจที่จะกล่าวออกมา

ยิ่งกว่านั้น น้องสาวเฉินเต่ออันไม่สามารถมีบุตรได้ เกรงว่านางจะไม่เหลือที่พักพิงใดนอกจากบ้านของตระกูลหลิน เขาจึงทําได้เพียงให้คนในตระกูลหลินหวาดกลัวเขาเท่านั้น

แม้ว่าหลินหูจะเป็นถึงนักวิชาการแต่ความรู้ด้านกฎหมายค่อนข้างน้อยนิด แต่บางทีเขาอาจจะทราบถึงกฎหมายเรื่องนี้ ที่นิ่งเฉยอาจเป็นเพราะเขาได้ยินเรื่องที่นางหวงฆ่าบุตรของเขาเอง

“ไม่นะ! เจ้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อศาลไม่ได้ ตระกูลหลินจะไม่ทําผิดจารีตเด็ดขาด!”

เฉินเต่ออันไต่ตรองอย่างรอบคอบจนบรรลุถึงแผนการที่จะยุติเรื่องนี้ได้

“หากตระกูลหลินมีความสามารถพอ ก็จงไปรับน้องสาวข้ามา ข้าไม่ต้องการข้ออ้างใดทั้งนั้น!”

นางหวงร้องคร่ำครวญเป็นเวลานานแต่เฉินเต่ออันก็ปฏิเสธที่จะปล่อยตัวนางท้ายที่สุดนางต้องจ่ายอมและยอมรับในข้อเสนอนี้

ณ ช่วงบ่ายของวันนั้น นางหวงมาพร้อมกับเกวียนที่ปูด้วยผ้านวมหนาเพื่อนําตัวเฉินไฉอีกลับมาด้วยตัวเอง

เฉินไฉ่อไม่มีท่าที่ต่อต้านใด ๆ เพราะความจริงแล้ว นางปรารถนาที่จะกลับมาที่ตระกูลหลินขณะที่นางหวงในตอนนี้มีความผ่อนคลายขึ้นแต่แน่นอนว่านางไม่ได้เต็มใจที่จะทํา

เฉินไฉ่ยี่ยังคงมีบุตรอยู่ในครรภ์ แต่ทารกได้ตายไปแล้วด้วยน้ํามือแม่สามี เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ในใจเฉินไฉ่อีก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

นางประสงค์จะกลับไปที่ตระกูลหลินเพื่อล้างแค้น และจะไม่ยอมเลิกราจนกว่าตระกูลนี้จะพังย่อยยับ

นางจึงไม่ขัดขึ้นแม้แต่น้อยเมื่อนางหวงไปรับนางกลับ ก่อนเดินทางออกมา เฉินเต่ออันกล่าวไว้ว่าเขาอาจจะอยู่ได้ไม่นานน้องสาวควรกลับมาเยี่ยมพี่ชายบ้าง

เฉินไฉ่อดูเฉยชา แต่ถึงอย่างไรตระกูลเฉินก็เป็นที่พักพิงสุดท้ายของนาง แม้ว่าการแก้แค้นจะสําเร็จแต่นางไม่ได้เตรียมตัวที่จะตายไปพร้อมกับตระกูลหลิน

ความเงียบของเฉินไฉ่อทําให้เฉินเต่ออันคิด ว่าในที่สุดน้องสาวของเขาก็มีจิตใจและความรู้คิดที่ดีได้สักที

ปัญหาใหญ่ที่สุดได้รับการแก้ไขแล้วเมื่อลูกสะใภ้ถูกพาตัวกลับมา นางหวงหวนคิดถึงครอบครัวอย่างเช่นพี่สะใภ้ที่แสนดีของเธอทําให้แผนการพังไม่เป็นท่าได้อย่างไร? พ่อเขยและลูกสะใภ้ก็แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่

ในขณะนี้ แม่ม่ายเยว่อาศัยอยู่ที่เมือง ส่วนหยุนเคอนั้นก็ยากที่จะหยั่งถึง เป็นที่แน่ชัดว่าไม่อาจเข้าไปรบกวนได้

นอกจากนั้น นางหวงก็ตระหนักถึงหนี้สินที่ต้องจ่าย นางฉุดคิดถึงวิธีได้เงินจากแม่ม่ายนั้นคือทางเดียวไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นเองนางหวงจึงไปเฝ้าที่หน้าบ้านของหยุนตั้งแต่เช้ามืด หยุนเถียนเถียนที่ตั้งใจไปเยี่ยมหลินชวนฮวาต้องถูกขัดขวาง

หยนเถียนเถียนมองนางที่กาลังคุกเข่าร้องคร่ำครวญ “ไม่รู้เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงมาร้องไห้เสียงดังอยู่หน้าบ้านแบบนี้?”

นางหวงมองเห็นใบหน้าที่อ่อนหวาน ในใจนางพลันรู้สึกริษยา
ถ้าแม่หญิงนางนี้แต่งงานกับบุตรชายของนาง เขาจะเป็นบุตรชายที่ทั้งรวยและสง่างามน่าเสียดายไม่อาจชนะใจนางได้ และต้องไปคบหาหญิงอื่น

นางหวงดูเหมือนจะลืมไปว่านางเคยต่อว่าหยุนเสียนเถียน

ทันทีที่หยุนเสียนเถียนก้าวออกมา นางหวงพุ่งตัวกอดขานางไว้แน่น!

“แม่หญิงโปรดช่วยข้าเถิด! แม่ม่ายเยว่ยังคงเป็นคนของตระกูลหลิน เหตุใดนางกับบุตรชายถึงมาอาศัยที่บ้านของแม่นางได้? โปรดให้นางมาพบข้าเถิด”

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะแล้วกล่าว “ท่านป้านางหวงช่างไร้เหตุผล พวกท่านแยกทางกันแล้วมิใช่หรือ?ท่านเคยดูแลพวกเขาหรือไม่?”

นางหวงได้เตรียมการไว้แล้ว นางเสแสรั้งคร่ำครวญดังก้องอยู่ที่ตรอกเล็ก ๆ ในไม่ช้าผู้คนมากมายก็เริ่มเข้ามามุงดู

“เราแยกทางกันแล้วก็จริง แต่อย่างไรแม่ม่ายเยว่ก็เป็นถึงน้องสะใภ้ข้าเราจะขายนางให้ตระกูลเจ้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากตระกูลได้อย่างไร? แม้ตระกูลเรายากจนแต่เราไม่ขายใครเยี่ยงทาสหรอกนะ”

นางกล่าวหาหยุนเถียนเถียนว่านางซื้อขายทาสอย่างลับ ๆ และไร้ความยุติธรรม

“ใยท่านไม่เสแสร่งคร่ำครวญตั้งแต่วันที่แม่ม่ายเยว่อยู่ที่บ้านท่านเล่า? นางถูกขับไล่ออกจากบ้านอย่างไร้ค่าถ้าไม่มีหัวหน้าหมู่บ้าน นางคงไม่มีที่ใดให้พักพิงแล้วที่ท่านดั้นด้นมาหานางในตอนนี้เพื่อเหตุผลอันใดหรือ?”

ก่อนที่นางหวงจะฉวยโอกาส หยุนเถียนเถียนกล่าวต่อในทันที“ท่านน่าจะทราบดีว่านางออกมาจากหมู่บ้านนั้นมานานแล้ว?นางจะแต่งงานใหม่ก็เป็นสิทธิของนางพวกท่านเห็นด้วยหรือไม่?

ผู้คนรอบข้างต่างเห็นด้วยในสิ่งที่หยุนเวียนเถียนกล่าว ต้องเป็นตระกูลแบบไหนกันที่ไล่แม่ม่ายและบุตรออกจากบ้านมาเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือที่แม่ม่ายจะต้องเอาชีวิตรอดและหาที่พักพึง?

ชาวบ้านบางคนเริ่มมองไปที่นางหวงด้วยสายตาเหยียดหยาม

ตอนที่ 322 ขอความยุติธรรม

แม่นางหวงกัดฟันแน่น นางประสงค์ที่จะเข้าเมืองเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อไปกระชากหน้าหญิงม่ายผู้ปล่อยข่าวลือไร้สาระ!

เกรงว่าถึงขั้นนี้แล้วจะเป็นเรื่องเศร้า!

เฉินเต่ออันนั่งอยู่บนเก้าอี้กล่าวออกอย่างเฉยชา “เจ้าทุบตีน้องสาวข้า นี่คือสิ่งที่ต้องสะสางกันหากครอบครัวเจ้าเกลียดชังนาง เราก็จะขอพานางกลับคืนพร้อมสินสอดทองหมั้น! ของทุกชิ้นที่เคยส่งมอบ ชาวบ้านทั้งหมดล้วนรู้เห็น ข้าต้องได้มันคืนทั้งหมด!”

“ตอนนี้น้องสาวข้าถูกรังแกอย่างไร้เหตุผล ตระกูลของเราต้องการทุกสิ่งกลับคืน! ไปสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นโดยเร็วซะ!”

นางหวงถึงกับนั่งไม่ติด ณ ที่แห่งนี้มีชาวบ้านมากมาย แต่นางกลับไร้ที่พึ่งพา ยิ่งคิดถึงการเฆี่ยนตีที่ตนต้องเผชิญ นางพลันรู้สึกเจ็บปวดราวกับจะทนไม่ไหว

การคืนสินสอดไม่ใช่เรื่องยากทว่าสินสอดเหล่านั้นถูกใช้ไปหมดสิ้นแล้ว!

ทรัพย์สินที่ขนย้ายเข้ามาในบ้านถูกขายออกไปจนหมดสิ้น ทั้งหมดนี้เพื่อนำเงินมารักษาบุตรชาย แม้แต่เหรียญเงินที่เฉินไฉ่อลอบเก็บไว้กันกระปุก ก็ถูกฉกฉวยไปเช่นกัน!

อีกทั้งตอนนี้นางยังมีหนี้สินมากมาย แล้วจะเอาสินสอดพวกนั้นมาคืนได้อย่างไร?

สถานการณ์ของนางหวงตอนนี้นับว่าลําบากยิ่ง นางไตร่ตรองอย่างหนักจึงคิดได้ว่าลูกชายตนไม่มีสิทธิ์สอบเข้าวังหลวงอีกแล้ว เช่นนั้นจะต้องรักษาชื่อเสียงของเขาไว้เพื่ออะไร?

เมื่อตระหนักได้อย่างนั้น นางอ้าปากร้องตะโกนราวคนบ้าทันที “นางแต่งงานเข้าตระกูลหลิน แล้วจึงต้องเป็นคนของตระกูลหลิน! ตอนนี้สามีนางนอนป่วยอยู่บนเตียง การมาเค้นเอาทรัพย์สมบัติตอนนี้มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ?”

เฉินเต่ออันไม่ได้โง่เขลา เขาเห็นว่านางหวงสวมชุดผ้าฝ้ายชั้นดีสีน้ําเงิน เห็นได้ชัดว่านางใช้สินสอดทั้งหมดเพื่อซื้อของฟุ่มเฟือย แต่ยังกล้าเปิดปากกล่าวว่าสินสอดทั้งหมดใช้รักษาหลินหู!

“นางหวง อย่าทําเยี่ยงข้าโง่เขลา! แม้แต่ข้าที่ขายสินสอดเพื่อเอามารักษาอาการบาดเจ็บอย่างแท้จริงยังไม่กล้าพูดเลย แต่ดูสิ่งที่เจ้าสวมมันคืออะไร? เหตุใดถึงสวมเสื้อผ้าใหม่ขณะที่บุตรชายนอนบาดเจ็บอยู่เช่นนี้?”

“อย่าอ้างว่าเจ้าซื้อมาก่อนที่บุตรชายจะบาดเจ็บ คิดหรือว่าข้าผู้ที่จัดการสินสอดนี้ด้วยตัวเองจะไม่รู้ว่าชุดผ้าฝ้ายผืนนั้นคือของในสินสอด? ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อาจคืนของทั้งหมดภายในวันนี้ เช่นนั้น ข้าจะหาทางออกให้เจ้าเอง”

นางหวงพลันมีความหวัง ทุกอย่างจะจบเพียงแค่นางวางมือจากทรัพย์สมบัติทั้งหมด

เฉินเต่ออันกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึง “อย่าหาว่าข้ารังแกเจ้าเลย ตั้งแต่น้องสาวข้าแต่งเข้าตระกูลหลิน มันก็ไม่สมควรที่จะขอนางกลับคืน แม้สินสอดถูกใช้จนหมดน้องสาวข้าก็ยังเป็นลูกสะใภ้ของเจ้าอยู่ดี”

“อย่างไรก็ตาม ข้าอยากให้เจ้านําสินสอดไปคืนให้น้องสาวข้าที่บ้านด้วยความจริงใจและให้นางแยกตัวออกจากบุตรของเจ้ายุติบทบาทแม่สะใภ้ของเจ้าเสีย ข้าไม่อาจยอมให้น้องข้าต้องทุกข์ทรมานกับการสูญเสียครั้งใหญ่นี้!”

“ต่อจากนี้ไปบุตรชายเจ้าไม่อาจหย่าร้างกับน้องสาวข้าได้ แม้ว่านางจะกําเนิดบุตรชายให้ไม่ได้ก็ตาม นั่นคือบาปของเจ้า!”

นางหวงเงียบ สามีนางมีคุณธรรมสูง นางไม่อาจรับได้แน่ ด้วยวัยที่แก่เกินไปที่จะให้กําเนิดบุตรอีกคนได้การที่ลูกสะใภ้ไม่อาจให้กําเนิดบุตรได้มันเลวร้ายมากสําหรับนางหวงที่หวังจะได้อุ้มหลาน

“มันคือหน้าที่ของนางแต่แรกแล้วที่ต้องให้กําเนิดบุตร ถ้าทําไม่ได้ก็ต้องให้หญิงอื่นทําเสีย ตระกูลเจ้าช่างไร้เหตุผลนักมันทําลายจารีตของตระกูลเรา!”

เฉินเต่ออันกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ทําลายจารีตของตระกูลเจ้างั้นหรือ? จะมากล่าวหาตระกูลเราได้อย่างไรในเมื่อเจ้ากําจัดหลานชายเจ้าเอง”

“แม่สามีจะสั่งสอนลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เรื่องมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วมิใช่รึ ข้าแค่พลั้งมือหนักไปนิด หน่อย แล้วที่เจ้าทําในตอนนี้มันไม่มากไปหน่อยหรือ?”

นางหวงนึกถึงสภาพอันน่าสังเวชในวัยชรา นางอดไม่ได้ที่จะโมโหพร้อมทิ้งตัวลงบนพื้นและเกลือกกลิ้งไปมา

“หญิงในตระกูลเจ้าช่างร้ายกาจ บุตรชายข้านอนป่วย แม้จะทํางานหรือมีบุตรยังทําไม่ได้ กะแล้ว พวกเจ้าส่งนางมาเพื่อทําลายเราอย่างงั้นสินะ นางต้องการที่จะทําลายจารีตของตระกูลหลิน

เฉินเต่ออันเครียดหนัก หญิงชราผู้นี้เริ่มไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ยากเหลือเกินที่จะมีปากเสียงกับนางในตอนนี้

“นางหวง ลงชื่อในใบหย่าแล้วคืนสินสอดมาเดี๋ยวนี้! แล้วข้าจะไม่กลับมาที่นี่อีก ช่างแปลกเสีย จริงตอนน้องข้าอาศัยอยู่ที่บ้านครอบครัวพวกเราอยู่กันอย่างมีสุข แต่เมื่อน้องสาวข้ามาอยู่ที่นี่ เจ้ากับให้ร้ายนางว่าเป็นคนชั่วร้าย”

“ข้าจะบอกไว้นะว่าบุตรชายของพวกเจ้าจะต้องเสียน้องสาวข้าไป นางยังเยาว์วัยเกินไปสําหรับการเป็นแม่ ตระกูลหลินของเจ้าตกอับแล้ว ได้ข่าวว่าเจ้าไปกู้หนี้ยืมสินมาด้วย ข้าเมื่อเกินพอที่จะเห็นน้องสาวต้องมาทนทุกข์อยู่กับหลินห์ผู้ไร้อนาคต!”

นางหวงมิได้กังวลกับเรื่องนี้ หญิงที่หย่าร้างนั้นจะต้องใช้ชีวิตอย่างล่าบาก ยิ่งไปกว่านั้น การที่ไม่สามารถมีบุตรได้ยิ่งยากต่อการได้สมรสอีกครั้ง

“เจ้าควรจะไตร่ตรองให้รอบคอบหญิงที่หย่าร้างจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร? ข้าสามารถชุบเลี้ยงผู้คนให้อยู่อย่างสุขสบายในบ้าน และแน่นอนข้าต้องมีหลานไว้สําหรับดูแลแม่สะใภ้ผู้นี้”

เฉินเต่ออันโมโหสุดขีด เขาหยิบจอบที่พิงไว้บนกําแพงแล้วเริ่มทุบทําลายข้าวของไปทั่วบ้าน ที่สภาพเดิมไม่ค่อยดีนักถูกทุบกระจัดกระจายและยับเยินยิ่งกว่าเดิม

“นางหวง ข้าจะดูแลน้องสาวข้าเอง หากเจ้าไม่มีปัญญาคืนสินสอดมาได้ งั้นข้าจะทําลายทุกอย่างในบ้านหลังนี้จนกว่าจะมีค่าเพียงพอกับราคาสินสอดนั่นเสีย!”

ตอนที่ 321 การมีส่วนร่วมโดยบังเอิญ

“ไม่เป็นไร ข้าผิดเองที่แต่งงานกับหลินหูแต่แรก! สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือการที่พวกมันไม่ยอมให้ข้ามาเจอครอบครัว อีกทั้งต้องทําความสะอาดอุจจาระและของโสมมต่าง ๆ เนื่องจากหลินหู่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ เขาจึงขี้เยี่ยวไว้บนเตียงและรอให้ข้าทําความสะอาด!”

“ข้าเหนื่อยยิ่งนักที่ต้องทนตรากตรําทํางานทั้งวัน และเมื่อกลับมาที่บ้าน แม่สามีก็มาทุบตีและด่าทอ จากนั้นข้าต้องไปเช็ดตัวหลินหู แต่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างข้าจะพลิกตัวชายร่างกํายําได้อย่างไร ข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากนาง แต่สิ่งที่ได้คือแม่สามีกลับใช้ไม้กวาดไล่ตีข้าราวกับสัตว์!”

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้มาก่อนว่าตนตั้งครรภ์ แม่สามีจึงทุบตีทารุณข้าอย่างสาหัส! เดิมทีนางเป็นคนช่วยพาข้าไปส่งโรงหมอ แต่หลังจากได้ยินว่าหลานชายในครรภ์จากไปแล้ว นางก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม้แต่เวลาที่ป้อนยาให้ข้า นางก็ยังก่นด่าว่าข้าไร้ประโยชน์ลูกในครรภ์ยังรักษาไม่ได้แล้วก็สาปแช่งข้าต่าง ๆ นานา!”

เฉินเต๋ออันตบฝ่ามือลงบนโต๊ะอย่างเต็มแรงด้วยความโมโห “พวกมันทําเกินไปแล้ว! น้องสาวของข้าถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน! แม้ครอบครัวเราจะไม่อบอุ่นนัก แต่ก็ใช่ว่าตระกูลหลินจะสามารถรังแกนางได้!”

เฉินเต๋ออันกล่าวด้วยน้ําเสียงหนักแน่นซึ่งคนในหมู่บ้านต่างส่งเสียงเห็นด้วยกับเขา! แม้แต่เฉินไป่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเฉินซ่งยังสมัครใจที่จะไปบุกบ้านของหลินหู! ชาวบ้านหลายคนพากันเคลื่อนขบวนไปยังหมู่บ้านถัดไป!

แม่นางหวงออกจากบ้านไปจ่ายตลาดและพบว่าลูกสะใภ้ที่ควรนอนอยู่ในโรงหมอกลับหายตัวไปแล้ว เพราะเสี่ยวเอ้อบอกว่าเห็นลูกสะใภ้ของนางเดินเท้าเปล่าออกไปจากโรงหมอ!

สภาพอากาศในสองวันที่ผ่านมานั้นหนาวเหน็บยิ่ง ลูกสะใภ้คงทนอากาศเช่นนี้ได้ไม่นานหรอก! เลี้ยงแม่ไก่ที่ไม่วางไข่จะมีประโยชน์อะไร?

แม่นางหวงไม่ได้เป็นห่วงเฉินไฉ่อว่านางหายไปที่ไหนเลยสักนิด แต่นางกลับสาปแช่งและมุ่งหน้าไปที่บ้านของตนอย่างสบายใจ

ชีวิตของหลินหูช่างอาภัพ ร่างกายของเขาเหม็นหึงและเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก! มารดาของเขาออกจากบ้านไปนานแล้ว ส่วนเฉินไฉ่อยังไม่กลับมา! หลินหูไม่สามารถขยับตัวไปที่อื่นได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บบริเวณขาจึงต้องทนตัวเหนียวเหนอะหนะต่อไป!

หลังจากรอเป็นเวลานาน ในที่สุดแม่นางหวงก็กลับมาและพลันจําได้ว่าลูกชายของนางอยู่ที่บ้านเพียงลําพัง!

แม่นางหวงสาปแช่งลูกสะใภ้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงเดินบีบจมูกเข้าไปในบ้านเพราะทนต่อกลิ่นเหม็นไม่ไหว และในที่สุดนางก็เดินเข้าไปถึงตัวของหลินหู!

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเรียนตํารามานานหลายปี ทุกครั้งที่หลินหูไม่พอใจ เขาจะลงไม้ลงมือกับมารดาเสมอ!

เมื่อได้ยินว่าเด็กในท้องของเฉินไฉ่อเสียชีวิต ดวงตาของหลินหูก็ฉายแววโกรธเคืองยิ่งกว่าเดิม! ตอนนี้อนาคตของตนจบลงแล้ว อีกทั้งแม่แท้ ๆ ยังฆ่าลูกในไส้ของเขาอีก! แม้เรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะเฉินไฉ่อี แต่หลินหูก็อดไม่ได้ที่จะตําหนิมารดา!

“ท่านแม่! เหตุใดท่านถึงลงมือหนักเช่นนั้น? นั่นคือหลายของท่านเชียวนะ… หลานชายคนเดียวของท่าน!”

แม่นางหวงเบะปากพลางกล่าว “นังแพศยาต้องจงใจปกปิดเรื่องนี้แน่นอน! นางตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว แต่กลับบอกว่าไม่รู้ตัว นางต้องจงใจปิดบังเราเป็นแน่! และอีกอย่างนางเป็นเพียงหญิงไร้ประโยชน์ แต่กลับกลาชีหน้าด่าเจ้า!”

“ลูกชายอย่ากังวลไป เรามาใช้ชีวิตกันสองคนแม่ลูกและค่อย ๆ รักษาขาของเจ้ากันเถิด แม่จะดูแลเอาใจใส่เจ้าอย่างดี อย่าเอ่ยถึงหญิงกาลกิณีพรรค์นั้นเลย!”

แม้แม่นางหวงจะกล่าวเช่นนั้น แต่นางก็ไม่รู้จะต้องทําอย่างไร! หลินฮันจินไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานานแล้ว เขากลับมาที่บ้านครั้งล่าสุดหลังจากได้ยินว่าลูกชายบาดเจ็บและได้ให้เงินก้อนหนึ่งไว้เป็นค่ารักษา จากนั้นหลินฮั่นจินก็หายเข้ากลีบเมฆอีกครั้ง!

แม่นางหวงไม่ได้เต็มใจรับเงินก้อนนั้นนัก ทว่านางกู้เงินมามากกว่าสิบตําลึงแล้ว! แม่นางหวงหวังเพียงว่าลูกชายคนนี้จะหายจากเภทภัย แต่หลังจากเสียค่ารักษาไปมากโข ขาสองข้างของลูกชายก็ไม่ดีขึ้น! หลินหู่ยังคงนอนติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้!

“อีกไม่กี่วันข้างหน้าแม่จะเดินทางไปสู่เฉิงเพื่อตามหาพ่อของเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายในไส้ เขาจะไม่สนใจเจ้าได้อย่างไร! และข้าจะพาเจ้าไปด้วย หมอที่นั่นมีความรู้มากมาย พวกเขาคงสามารถรักษาขาของเจ้าให้หายดีได้?”

เมื่อได้ยินว่าตนยังมีความหวังที่จะรักษาขาให้หายดีได้ หัวใจของหลินหูก็พองโตไปด้วยความสุขทันที! ใครจะสนกันเล่าว่าเฉินไฉ่อจะตายหรืออยู่?

อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่วาดฝันไว้ เฉินเต๋ออันและชาวบ้านล้อมรอบบ้านของหลินหู่ไว้หมดแล้ว!

เฉินไป่ยกเท้าถีบประตูให้เปิดออกส่งผลให้แม่นางหวงตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว “พวกเจ้าจะทําอะไร?”

เฉินเต๋ออันเผยสีหน้าเคร่งเครียดพลางเดินไปด้านหน้าก่อนถีบโต๊ะไม้ที่อยู่กลางสนาม “น้องสาวของข้าอาศัยอยู่ในบ้านของเจ้า น่าอับอายนักที่นางต้องอยู่ที่นี่ แต่ทุกอย่างมันคือความผิดของหลินหู่! ไม่ว่านางจะนิสัยแย่เพียงไหน แต่นางก็เป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งยังตั้งครรภ์สายเลือดของเจ้า!”

“ในเมื่อเจ้าทุบตีน้องสาวของข้าจนแท้งลูก อีกทั้งยังปล่อยให้นางหนีออกจากโรงหมอซึ่งอาจส่งผลให้นางมีลูกยาก! แม่นางหวง อย่าตําหนิข้าที่ไม่เคารพผู้อาวุโสเลย หากเจ้าไม่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาให้มด ก็อย่าหวังว่าครอบครัวของเจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!”

“หลินหู่เล่า? ขาหักจนปกป้องภรรยาไม่ได้เลยหรือ? ไอ้พวกตัณหากลับ ทําตัวน่ารังเกียจแล้วยังโยนความผิดให้น้องสาวของข้าอีก! หลินหู เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่?”

แม่นางหวงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่น้องสาวของเจ้าหรอกหรือ หากนางไม่ใส่ร้ายลูกชายของข้า เขาคงได้แต่งงานกับแม่นางหยุนจากหมู่บ้านข้าง ๆ แล้ว เหตุใดเขาต้องมาแต่งงาน และจมปลักกับผู้หญิงไม่เอาไหนที่ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตนเองท้องหรือไม่!”

“นอกจากนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของหลินหูหรือไม่! หึ มาอาศัยบ้างของคนอื่นยังงอมืองอเท้า ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าเรื่องที่ฉายาผู้รอบรู้ของนางมาจากที่ใด!”

เฉินเต๋ออันกล่าวดูถูก “ด้วยคุณธรรมของลูกชายเจ้า หาน้องสาวของข้าไม่โดนล่อลวง นางจะแต่งงานกับคนแบบหลินห์ได้อย่างไร! อันที่จริงคนดีอย่างแม่นางหยุนจะชายตามองลูกชายของเจ้าหรือ?”

“ชื่อเสียงของลูกหลินหูไม่ค่อยดีนัก ข้าได้ยินมาว่าเดิมที่ลูกชายของเจ้าต้องการแต่งงานกับแม่นางหยุนเพียงเพราะทรัพย์สินของนาง! พวกเราเจรจากันว่าให้รอจนกว่าลูกชายของเจ้าจะได้รับการรักษา และข้าจะบอกความจริงเรื่องนี้ให้แม่นางหยุนรับรู้! หากเจ้าใช้หยิบยืมเงินของคนอื่นมาก็เอาไปคืนเขาเสีย ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่เหลืออะไรเลย!”

สีหน้าของแม่นางหวงเปลี่ยนไปทันที นางเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าทุกคนหมู่บ้านเทพธิดาจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน!

“ไร้สาระใครเป็นคนสร้างข่าวลือพรรค์นี้กัน? อย่าให้รู้นะ ข้าจะจับมันฉีกปากแน่!

เฉินเต๋ออันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนกล่าว “ทนไม่ไหวหรือ? ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยข่าวลือจะไม่ใช่คนนอก แต่เป็นพี่น้องของเจ้า! เนื่องด้วยน้องของเจ้าช่วยชีวิตนายหญิงหยุนไว้ นายหญิงหยุนจึงพานางไปอยู่ในเมืองด้วยกันเพื่อตอบแทนบุญคุณ!”

ตอนที่ 320 ร้องทุกข์

เฉินไฉ่อยืนนิ่งไม่ไหวติง ในสายตาของครอบครัวสามีนางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ นางไม่สามารถมีลูกกับหลินหูอีกต่อไป แล้วพวกเขาจะเก็บนางไว้เพื่อประโยชน์อันใดเล่า? สู่ไปหาชายอื่นที่พร้อมจะดีกับนางไม่ดีกว่าหรือ?

เมื่อผู้ป่วยตัดสินใจไม่เข้ารับการรักษาหมอจึงทําได้เพียงเคารพการตัดสินใจของคนไข้และปล่อยนางให้เดินออกไปตามทาง!

เฉินไฉ่อไม่ได้กลับไปยังบ้านของหลินหู แต่เลือกกลับไปตายรังที่บ้านของตระกูลเฉิน! เมื่อก่อนครอบครัวอาจใจร้ายกับนางไปบ้าง ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความผิดของนางเพียงผู้เดียว และในฐานะลูกสาว พวกเขาต้องต้อนรับนางกลับบ้านแน่!

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อและท่านแม่รักนางถึงเพียงนี้ แล้วจะปล่อยให้นางทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกบนดินได้อย่างไร?”

การถูกทุบตีและการสูญเสียลูกในครรภ์ทําหน้าใบหน้าของนางซีดเซียว! อีกทั้งเสื้อผ้าของนางยังมีเลือดเปื้อนอยู่! ระหว่างทางชาวบ้านที่พบเห็นเฉินไฉ่อต่างเข้ามาปลอบประโลมและเดินไปส่งนางที่เรือนของตระกูลเฉิน!

ภรรยาของเฉินซึ่งไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวมานานแล้วตั้งแต่ที่นางออกเรือน! เมื่อก่อนเฉินไฉ่อีเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยพละกําาลังและจิตวิญญาณนักสู้! แต่ในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วใบหน้าของนางดูอิดโรยและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง!

หัวใจของมารดาเฉินไฉ่อตกไปอยู่ที่ตาตุ่มขณะล้มพับลงกับพื้นพร้อมกรีดร้อง “ไฉ่อี! เหตุใดลูกถึงมีสภาพเช่นนี้?แม่ได้ยินมาว่าหลินห์ประสบอุบัติเหตุ แต่พ่อของเจ้ายืนกรานไม่ให้แม่ไปเยี่ยมไข้… แม่จึงไม่รู้ว่าลูกต้องทุกข์ทน!”

เมื่อได้ยินเสียงโวยวายของภรรยาเฉินซ่งจึงวิ่งมาด้านหน้าบ้านอย่างรีบร้อน! หลังจากรู้ว่าหลินฟูประสบอุบัติเหตุจนหมดอนาคต เขาจึงเลี่ยงที่จะพบหน้าลูกสาวเพราะคิดว่านางมีดวงกินผัว!

ลูกสาวที่เฉินซ่งเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมอย่างดีในอดีตกลับกลายเป็นตัวกาลกิณีในวันนี้! เมื่อเห็นลูกสาวตัวปัญหาความรู้สึกเบื่อหน่ายพลันแล่นเข้ามาในหัวของเขา!

“กลับมาที่นี่เพื่ออะไร? เหตุใดถึงไม่อยู่ที่บ้านเพื่อดูแลปรนนิบัติสามีของเจ้า?”

ภรรยาของเฉินซ่งจึงโต้กลับทันที “ท่านช่างใจจืดใจดําเสียจริง ดูสิ่งที่มันทํากับลูกสาวของเราสิ ท่านยังอยากส่งให้นางไปเข้าถ้ำเสืออีกหรือ… หัวใจของท่านทําด้วยอะไร? วันๆ เอาแต่ดื่มสุราเหตุใดถึงไม่สลักสุราตายไปเสีย?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ภรรยาของเฉินซ่งรวบรวมความกล้าที่ต่อต้านเขา เนื่องจากนางไม่สามารถทนเห็นลูกสาวเป็นทุกข์ได้ทว่าเฉินซึ่งมีอุปนิสัยอวดดีจึงไม่ยอมเสียหน้า!

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง

“นังหญิงน่ารังเกียจกล้าขึ้นเสียงกับสามีได้อย่างไร ไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือ? พ่อของเจ้าสั่งสอนอบรมอย่างไรกัน!”

ภรรยาของเฉินซึ่งไม่สนใจค่าพูดของเขาและไม่ยอมแพ้จึงตะโกนเรียกลูกชายเสียงดังลั้นบ้าน!

“เต่ออัน! เตืออันออกมาหาแม่เร็ว”

ในความรู้สึกลึก ๆ แล้วเต่ออันไม่อยากออกมาเจอหน้าน้องสาวเลยแม้แต่น้อย! เฉินไฉ่อต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้เพราะตัวของนางเองทั้งนั้น!

ทว่าเสียงร้องไห้ของมารดานั้นบาดใจจนทําให้รู้สึกหดหู แม้เฉินเต่ออันจะไม่อยากออกไป แต่เขาก็ถูกภรรยาบังคับให้ออกไปอย่างไม่เต็มใจ!

ทั้งคู่เดินออกจากห้องนอนไปยังหน้าบ้าน เฉินเต่ออันตกใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นสภาพอันน่าหวาดกลัวของน้องสาว! เขาจึงรีบเอาเสื้อคลุมเข้าไปคลุมตัวให้นางทันทีผู้ที่สัญจรไปมายังรู้สึกหดหูใจกับภาพของหญิงสาวผู้นี้ นับประสาอะไรกับคนสายเลือดเดียวกันเล่า!

แม้ภรรยาของเต่ออันจะไม่ลงรอยกับน้องสาวผู้ร้ายกาจของสามีเท่าไหร่นัก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเมื่อเห็นว่ามีโศกนาฏกรรมขึ้นกับเฉินไฉ่อ!
ภรรยาของเต่ออันถอดเสื้อคลุมตัวหนาของตนเองก่อนก้าวไปข้างหน้าเพื่อเอาเสื้อไปคลุมให้เฉินไม่ออีกตัวหนึ่งอีกทั้งยังหยิบเสื้อผ้าตัวเก่ามาวางรองบนเก้าอี้เพื่อให้น้องสาวของสามีนั่ง!

จากนั้นนางจึงไปตักน้ำมาล้างเท้าให้เฉินไฉ่อและโรยยาลงบนเท้าอันพุพองของนางก่อนสวมถุงเท้าและรองเท้าให้

เฉินไฉ่อนั่งนิ่งราวกับหุ่นเชิดขณะมองพี่สะใภ้ดูแลตนด้วยความเมตตา ในขณะที่ภรรยาของเฉินซึ่งมองไปยังลูกสาวผู้น่าสงสารพร้อมกํามือแน่น!

เฉินเต่ออันไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกันเขาพยุงมารดานั่งลงบนเก้าอี้พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนพาบิดาขี้เมาเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูขังไว้!

จากนั้นแสดงความเป็นผู้นําครอบครัวโดยก้าวเข้าไปพูดคุยกับน้องสาว “ไฉ่อ… เจ้าได้รับกรรมที่ก่อไว้แล้วไม่ต้องอิจฉาตระกูลจางที่มีความสุขหรอก การที่ชีวิตของเจ้าตกต่ําจนถึงจุดนี้นั่นเป็นเพราะเวรกรรมอย่างไรล่ะ!”

“อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ข้าเฉินเต่ออันยังมีชีวิตอยู่ หากตระกูลหลินรังแกเจ้าโดยไร้เหตุผลข้าก็จะยืนหยัดเรียกร้องความยุติธรรมให้เอง! แต่หากเจ้ารนหาที่เองก็อย่าโทษข้าว่าใจดําล่ะ! ไฉอีเล่าเรื่องทุกอย่างมาพี่ชายจะจัดการเอง ตระกูลเฉินของเราไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทําร้ายคนในตระกูลทั้งนั้น ! ในเมื่อวันนี้ท่านพ่อไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นในฐานะผู้นําครอบครัวข้าจึงต้องเป็นคนสะสางมันเอง”

เมื่อได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้น เฉินไฉ่อผู้แตกสลายจึงร้องไห้โฮออกมา และหลังจากที่ภรรยาของเฉินเต่ออันได้ยินเสียงร้องไห้หัวใจของนางก็รู้สึกเศร้าโศกอีกครั้ง “ร้องไห้ออกมาให้พอใจเถิด เมื่อร้องไห้เสร็จ เจ้าจงบอกความจริงแก่พี่ชายเสียพี่ชายของเจ้าจะได้ดําเนินการตามกฎหมายเพื่อที่เจ้าจะไม่ได้เจ็บปวดอีกต่อไป!”

เฉินไจ่อร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก และหลังจากนั้นไม่นานนางก็สงบลงพลางเอาศีรษะพิงไหล่พี่สะใภ้พร้อมเอ่ยตอบ!

“ท่านพี่ ตระกูลหลินหลอกลวงเราเจ้าค่ะ! หลังจากที่หลินหูอ่านเรื่องที่ข้าเขียน เขาก็ขโมยสิ่งนั้นไปและเข้าร่วมงานนิทรรศการวรรณคดี…แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะขึ้นใจหญิงสาวจึงถูกคนในครอบครัวของนางทําร้ายจนขาหักและถูกทิ้งไว้ข้างถนน!”

“คนที่เคยมีร่างกายครบสามสิบสองกลับกลายเป็นคนพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พวกเขาจะด่าทอและทุบตีทุกครั้งที่เห็นหน้าของข้า อีกทั้งแม่สามียังกล่าวโทษว่าข้าเป็นต้นเหตุที่ทําให้ลูกของนางเป็นเช่นนี้! พวกเขาทําร้ายร่างกายข้าทุกวัน! ฮือ ๆ ๆ”

หลังจากพูดจบ เฉินไฉ่อีก็รู้สึกหดหูและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื่นอีกครั้ง!

มารดาของนางก็หลั่งน้ําตาเช่นกันก่อนกล่าวออกพร้อมปาดน้ําตา “หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์กล่าวโทษเจ้าอย่างนั้นได้เช่นไรเห็นได้ชัดว่าตัวนางเองไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกชายให้ดีต่างหาก และ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเลวร้ายเช่นใดนางก็ไม่มีสิทธิทําร้ายเจ้าเช่นนี้!”

เฉินไฉ่อีกกลืนน้ำตาทั้งหมดลงไปก่อนเผยท่าที่ดุร้ายขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดยัง! นางตั้งใจที่จะมีชีวิตต่อไปเพื่อเห็นคนเหล่านั้นตายอย่างทุกข์ทรมาน!

ตอนที่ 319 โชคร้าย

หยุนเสียนเถียนไม่คาดคิดว่านางจะต้องวางแผนออกจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้และกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดาในวันรุ่งขึ้น!

ช่วงเวลาที่ผ่านมาของหลินหูนั้นล่าบากยิ่ง แม่นางหวงมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว และนางคาดหวังเสมอว่าเขาจะต้องดีขึ้น ดังนั้นนางจึงพาลูกชายไปหาหมอผู้เป็นที่รู้จักกันดีในละแวกนี้เพื่อรักษาขา! นางรักลูกชายมากถึงขั้นหายืมเงินจากคนในหมู่บ้านหรือแม้กระทั่งกู้เงินนอกระบบเพื่อหวังจะรักษาขาของลูกชายให้หายดี!

อย่างไรก็ตาม แม้จะรับการรักษากี่ครั้งต่อกี่ครั้งขาของลูกชายก็ยังไม่ดีขึ้นจนนางอับจนหนทาง! แม้แต่สินเดิมของเฉินไจ๋อ พวกเขาก็นําไปขายจนหมดสิ้นแล้ว!

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่คุ้มกับค่ารักษา แม่นางหวงจึงสิ้นหวังและมักโทษเฉินไฉ่อีว่า เป็นต้นเหตุที่ทําให้ลูกชายของนางต้องมีสภาพเช่นนี้!

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า นังแพศยา ลูกชายข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! ลูกชายของข้าเป็นคนดี แต่เขาต้องกลายเป็นคนไม่สมประกอบก็เพราะเจ้า! ข้าไม่แปลกใจเลยที่เจ้าถูกตระกูลจางปฏิเสธนี้ เพราะหากเจ้าแต่งกับตระกูลใด ตระกูลนั้นก็จะพบเจอแต่ฉิบหายอย่างไรล่ะ!”

เฉินไฉ่อหลั่งน้ําตาออกมา เนื่องจากนางต้องทนทุกข์ให้แม่สามีด่าทอและสาปแช่งตลอดเวลา อีกทั้งนางยังคงมีแผลบนหลังที่ยังไม่หายดี ซึ่งแผลนี้ถูกกระทําโดยแม่สามีเช่นเดิม!

“ใครจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนเก็บตัวอย่างเจ้าบ้าง? ถุย! เจ้าไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากยั่วยวนชายอื่นอย่างไร้ยางอาย! ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นเพียงลูกชาวนาแต่เหตุใดถึงต้องสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเองเป็นผู้ดี?”

แม่นางหวงร้องห่มร้องไห้พลางตะโกนตัดพ้อชีวิต! หากไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้ ชีวิตของครอบครัวนางคงดีกว่านี้!

เหตุผลที่นางต้องดุด่าและโวยวายเป็นเพราะเฉินไฉ่อีหิวและกระวนกระวาย จึงแอบพักมากินข้าวที่บ้านในยามเที่ยง

หลังจากแต่งงานหลินหูไม่สามารถแสร้งทําทีว่าตนเป็นสุภาพบุรุษได้อีกต่อไป เขาทั้งดุด่าและขว้างปาสิ่งของทุกสิ่งที่คว้าได้ เนื่องจากหลินหูเสียใจที่อนาคตของตนต้องพังทลายลง!

หลังจากถูกแม่สามีดด่าจนพอใจแล้ว เฉินไฉ่อจึงหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้าน! แต่เมื่อเดินเข้าไป กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ลอยเข้ามาเตะจมูกทันที ทําให้นางต้องสํารอกอาหารที่อยู่ในท้องออกมาจนหมด!

เฉินไฉ่อสํารวจต้นตอของกลิ่นอย่างระมัดระวัง จนไปเจอหลินหูที่นอนจมกองอุจจาระอยู่บนเตียงพร้อมเผยสีหน้าบูดบึง!

เมื่อถูกแม่สามีทําร้ายร่างกายอย่างทารุณ เฉินไฉ่อพลันคิดว่าไม่มีแม่สามีคนไหนที่โหดเหี้ยมมากกว่าแม่นางหวงอีกแล้ว แต่เนื่องด้วยนางถูกพ่อแม่อบรมว่าห้ามดูหมิ่นผู้อาวุโส เฉินไฉ่อจึงไม่คิดตอบโต! หรือหากคิดจะต่อต้าน นางก็ไม่สามารถเอาชนะแม่นางหวงได้!

เดิมที่คนตรงหน้านางนั้นร่างกายครบสามสิบสอง แต่ตอนนี้สารรูปของเขาไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ เพราะร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างมากซึ่งต่างจากเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ป่วยยิ่งนัก!

หลินห์รู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอยากตะโกนสาปแช่งนาง! ขณะนี้เฉินไฉ่อผู้รักความ สะอาดต้องเป็นคนจัดการกับผ้าปูที่นอนที่เปื้อนอุจจาระของสามีด้วยความขมขึ้น!

เมื่อเป็นเช่นนั้น ฉับพลันความไม่พอใจที่นางเก็บงํามาตลอดก็ระเบิดออกมา นางจึงตะโกนด่าทออย่างบ้าคลั่ง “หลินหู เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าน่าขยะแขยงเพียงใด! เจ้าเป็นถึงบัณฑิตแต่ก็ยังทําตัวเลวทรามขึ้นใจผู้หญิง และข้าจะบอกให้นะว่าเจ้าเป็นคนที่ทําให้ตนเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้! ตอนนี้ถึงคราวข้าเอาคืนบ้างแล้ว!”

“หลินหู เหตุใดเจ้าถึงไม่ตายไปเสีย? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้ไม่มีใครทนอยู่กับเจ้าได้หรอก! ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้แล้วว่าพวกเจ้าสองแม่ลูกทรมานข้า!”

หลินหูไม่ได้โต้ตอบหรือปฏิเสธ แต่กลับจ้องเขม็งไปที่เฉินไฉ่อีด้วยสายอาฆาตแค้นจนทําให้ขนหัวของนางตั้งชัน!

แม่นางหวงจะทนฟังเฉินไฉ่อีดูแคลนลูกชายเช่นนี้ได้อย่างไร? นางจึงคว้าไม้กวาดจากนั้นฟาดไปที่หัวและใบหน้าของลูกสะใภ้อย่างเต็มแรง!

“นังสารเลว ถ้าเจ้าเกลียดลูกข้ามากถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดถึงปืนขึ้นไปบนเตียงแล้วพลีกายให้เขาเล่า? ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าที่ทําลายอนาคตลูกชายของข้า และปล่อยให้เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่โดยไม่เรียกร้องอะไรเลย แต่เจ้าไม่คิดจะปรนนิบัติดูแลสามี มิหนําซ้ํายังทําให้เขาอับอายอีก รนหาที่ตายชัด ๆ!”

เฉินไล่อีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมยอมรับความพ่ายแพ้! แม่นางหวงเป็นแม่ที่รักลูกชายมากกว่าชีวิตของตนเอง ดังนั้นนางจึงทนไม่ได้ที่เห็นลูกชายถูกทําให้อับอายเช่นนี้!

เหลียนหุ้มองดูสตรีสองคนต่อสู้กันอยู่ด้านนอกบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเฉินไฉ่อเป็นผู้ที่ถูกทุบตีเสียส่วนใหญ่! ไม้กวาดถูกฟาดไปทั่วไปหน้าของนางจนใบหน้าขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยแผล

ไม่นานเลือดสีแดงฉานก็ไหลออกจากร่างกายส่วนล่างของเฉินไฉ่อ!

ในที่สุดแม่นางหวงก็สงบสติลง และเมื่อนางเพ่งมองอย่างพินิจแล้วจึงพบว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกสะใภ้

ลูกชายของนางเคยบอกว่าหญิงผู้นี้เป็นคนที่มีร่างกายสมบูรณ์! และในฐานะผู้อาวุโสที่ผ่านการใช้ชีวิตมามากมาย แม่นางหวงจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันทีที่เห็นเลือดไหลออกมา!

แม่นางหวงลืมเรื่องผ้าปูที่นอนของลูกชายไปจนสิ้น นางรีบพยุงร่างลูกสะใภ้ให้ลุกยืนขึ้นก่อนพาไปหาหมอทันที่ราวกับเป็นห่วงลูกสะใภ้ แต่มีเพียงแม่นางหวงเท่านั้นที่รู้ดีว่าตนกําลังจะเสียหลานชายที่ยังไม่ลืมตาดูโลก!

ในที่สุดเฉินไฉ่อก็ถูกพาตัวมายังโรงหมอในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ไม่ทันเวลาเพราะนางเสียชีวิตน้อย ๆ ในร่างกายไปแล้ว เนื่องจากเฉินไฉ่อไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของลูกในท้องเลย!

ครานี้แม่นางหวงอยากตีอกชกหัวตัวเองยิ่งนัก นางเอาแต่โทษตนเองที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงําจนขาดสติ! ก่อนกล่าวโทษลูกสะใภ้เหตุใดนั่งเด็กคนนี้ถึงโง่งมจนไม่รู้ว่าตนเองตั้งครรภ์?

ขณะนี้แม่นางหวงพบช่องทางที่จะปัดความรับผิดชอบแล้ว นางจึงไม่ลังเลเลยที่จะกล่าวโทษเฉินไฉ่อีว่าไม่ใส่ใจลูกในครรภ์ อีกทั้งยังใส่ร้ายนางว่าพ่อของเด็กในท้องไม่ใช่ลูกชายของนาง!

เมื่อฟื้นคืนสติ เฉินไฉ่อจึงรู้ว่าตนได้สูญเสียลูกในครรภ์ ความเกลียดชังทําให้ขาดสติ หากไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนางคงกลายเป็นแม่คนไปแล้ว! แม้ว่าพ่อของลูกจะเลวร้าย ทว่าลูกคนนี้คือความหวังเดียวของนาง! การเลี้ยงเด็กยังดีกว่าการดูแลสามีพิการตั้งมากโข!

เฉินไฉ้อฉวยโอกาสนี้บอกแม่นางหวงว่าขอพักฟื้นและทําใจอยู่ที่โรงหมอสักพักหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงหมอ!

เมื่อเห็นเช่นนั้น หมอจึงพยายามกล่าวเตือนนาง “แม่นาง! เจ้ายังออกไปเดินเตร่ไม่ได้นะ! เจ้าต้องได้รับการรักษาก่อน หากเจ้าเดินกลับเท้าเปล่าเวลานี้ ข้าเกรงว่าลมเย็นจะเข้าสู่ร่างกายและอาจทําให้เกิดภาวะตั้งครรภ์ยากในอนาคต!”

ตอนที่ 318 ผู้มาเยือน

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องที่จ้าวเมืองหลงเตือนนางไม่คิดว่าหยุนเคอจําเป็นต้องหลอกใช้นางเพื่อผลประโยชน์หรอก! ไม่ว่าจะเป็นธิดาขององค์จักรพรรดิหรือท่านอ๋องอวหยาง นางก็เป็นเพียงลูกน้องสมรสเท่านั้น!

หากหยุนเคอต้องการหลอกใช้นางจริง เขาคงไม่แสร้งว่าเสน่หานาง! ตั้งแต่หยุนเถียนเถียนรู้จักกับเขามา นางรู้ดีว่าเขาไม่มีทางหักหลังนาง มิเช่นนั้นเขาคงไม่ตามใจนางถึงเพียงนี้!

ครานี้จ้าวเมืองหลงเดินหมากผิดแล้วล่ะ!

เมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบจนผิดปกติ จ้าวเมืองหลงจึงรีบอธิบายทันที “สาวน้อย ข้าทําอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ? ข้ารามือจากเรื่องการเมืองนานหลายปีแล้ว ข้าจึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขา! เรื่องนี้เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ!”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี! ตอนนี้เจ้ารู้จุดประสงค์ของข้าแล้ว ข้าคงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ! ข้ารู้ดีว่าท่านหวังดีต่อข้า!”

จ้าวเมืองหลงเดินจากไปขณะที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด! ส่วนหยุนเกียนเถียนไม่กล้าเผชิญหน้าโต้เถียงกับผู้ที่คอยดูแลนางมาตลอด!

แรกเริ่มเดิมที่นางเป็นเพียงเด็กสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ เขาจึงไม่มายุ่งวุ่นวายและใช้ประโยชน์จากตัวของนางเนื่องจากนางมีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่หากหยุนเถียนเถียนไปแสดงสถานะที่แท้จริงของตนที่เมืองหลวงในตอนนี้ก็ไม่สามารถฟื้นฟูอํานาจของเขาได้อยู่ดีถ้าอย่างนั้นจ้าวเมืองหลงต้องการอะไรกันแน่?

ในขณะเดียวกัน หยุนเกียนเถียนก็รู้สึกงนงงว่าจ้าวเมืองหลงดูไม่เหมือนคนไร้ความสามารถ แต่เหตุใดหยุนจึงเอ่อซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลถึงไม่เคยพบเจอเขาเลย? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจ้าวเมืองหลงเฝ้าดูนางอยู่ห่างๆ มาตลอด? นี่มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว!

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันหญิงสาวในชุดสีน้ําเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านางก่อนโค้งคํานับ!

“บ่าวมาอารักขาองค์หญิงเจ้าค่ะ!”

หยุนเถียนเถียนสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นใคร? ที่นี่ไม่มีองค์หญิงอาศัยอยู่ อย่าเอะอะโวยวายไปมิฉะนั้นเจ้าจะถูกท่านอ๋องกล่าวโทษได้!”

หญิงชุดดําก้มศีรษะลงพร้อมเอ่ยตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ใด “เจ้าค่ะ! นายหญิงหยุน!”

“ท่านอ๋องรุ่ยส่งบ่าวมาปกป้องนายหญิงหยุน! อย่าได้กังวลใจไปเจ้าค่ะ นับจากนี้ไปบ่าวจะฟังเพียงแต่ค่าสังของท่าน! ท่านคือเจ้านายของบ่าวแล้วเจ้าค่ะ!”

หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าภายในใจหยุนเคอรู้สึกเป็นห่วงนางจากใจจริง แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะปกป้องเกินไปจนทําให้อึดอัดใจ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องมาปกป้องหากนางต้องเผชิญกับอันตราย!

“ข้าอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ไม่มีพิษภัยใดดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการคนอารักขาหรอกเอาอย่างนี้… เจ้ากลับไปอารักขาท่านอ๋องตามเดิมดีหรือไม่?”

หญิงชุดดํากล่าวตอบด้วยความเคารพ “บ่าวมีนามว่าเช่นสิง ข้าถูกฝึกฝนมาเช่นเดียวกับจิ๋นเหยียน! หากนายหญิงหยุนไม่ต้องการให้บ่าวอารักขา ข้าเกรงว่าท่านอ๋องก็จะไม่ให้บ่าวกลับไปเช่นกันเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องไม่ทรงโปรดคนไร้ประโยชน์อีกทั้งบ่าวไม่อยากทนทุกข์อยู่ในถิ่นทุรกันดำรงอยากขอให้นายหญิงเมตตาด้วยเจ้าค่ะ!”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่น นี่ข้ากําลังไล่ให้เป็ดขึ้นคอน หรือ? แต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม และเนื่องจากได้รับการฝึกฝนอย่างหนักนางต้องมีความสามารถอยู่บ้างเป็นแน่! คงเป็นการดีหากเก็บนางไว้ใกล้ตัว!”

เมื่อคิดเช่นนั้น หยุนเถียนเถียนจึงหยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะ ถ้าเป็นตามที่เจ้าพูดข้าจะอนุญาตให้เจ้าอารักขาอยู่ข้างกายและเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าอย่าเรียกแทนตนเองว่าบ่าวเด็ดขาด! อ้อ…ใครเป็นคนตั้งชื่อเป็นสิ่งให้เจ้าหรือ?”

เป็นสิ่งเผยท่าทีและลังเลราวกับที่มาของชื่อนั้นน่าอับอายยิ่ง! นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเกียนเตียน เห็นว่าหญิงชุดดําผู้นี้แสดงความรู้สึกออกมา!

“ข้าไม่รู้ที่มาแน่ชัดนักเจ้าค่ะรู้เพียงแค่ตั้งแต่เด็ก ๆ จนเหยียนมักพูดเป็นต่อยหอย ท่านอ๋องจึงตั้งชื่อเขาว่าจิ๋นเหยียนส่วนบ่าว…ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามีนิสัยหุนหันพลันแล่นดังนั้นท่านอ๋องจึงตั้งชื่อให้ข้าว่าเช่นสิ่งเจ้าค่ะ!”

หยุนเถียนเถียนไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวผู้เย็นชาตรงหน้านางจะมีนิสัยหุนหันพลันแล่น แต่หากให้พูดตามตรงนางรู้สึกว่าชื่อที่หยุนเคอตั้งให้นางออกจะแปลกประประหลาดไปเสียหน่อย!

“เอาล่ะ! หากมีเจ้าตามไปด้วยเวลาที่ข้าออกไปจัดการธุระด้านนอกก็พออุ่นใจขึ้นบ้าง! เชิ่นสิง…ภายในอีกสองวันข้าจะเดินทางไปที่ฝูเจ๊งเพื่อพบปะหลี่ซื่อฮวาและเจ้าต้องไปกับข้าด้วย!”

เช่นสิงเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้าค่ะ!”

เมื่อเฉินเฉินกลับจวน เขาจึงพบว่ามีคนแปลกหน้าสองคนอยู่ภายในบ้าน แม้จะเกิดความสงสัยอยู่บ้างทว่าเฉินเฉินก็ไม่ได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเขารู้ดีว่าหยุนเคอเป็นห่วงพี่สาวของตนมากเพียงใด แต่เนื่องจากตนยังเด็กจึงไม่กล้ามีปากเสียง! ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบเมื่อรู้เรื่อง

ว่ากันว่าแม่ม่ายเยวและสื่อโถวเป็นผู้ที่รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในบ้าน!

แม่บ้านเยวรับรู้ถึงการมาถึงและรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นผู้มีวิทยายุทธ์ แต่นางไม่รู้ว่าวิทยายุทธ์ของทั้งสองนั้นแก่กล้าเพียงใดจึงไม่กล้าเอ่ยปากถาม!

เมื่อรู้เช่นนั้น แม่ม่ายเยวจึงรู้สึกว่าตนเลือกเจ้านายไม่ผิด อีกทั้งเจ้านายยังส่งเสริมให้ลูกชายของนางมีอนาคตไกลอีกด้วย!

การเป็นแม่ม่ายนั้นลําบากเหลือหลาย ทว่าในชีวิตอันยากล่าบากนี้นางได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายโดยเฉพาะการจดจําใบหน้าบุคคล เนื่องจากนางมีความจําที่แม่นยํายิ่ง!

แม้หยุนเถียนเถียนจะถูกใจคนรับใช้คนใหม่ แต่แม่ม่ายเยว่ก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาเพราะนางรู้ดีว่าหยุนเถียนเถียนไม่สนใจว่านางจะมีสถานะเป็นแม่ม่ายไม่ทอดทิ้ง และ เมตตาต่อนางเป็นพิเศษ! ดังนั้นสมควรแล้วที่หยุนเถียนเถียนจะมีสาวใช้ผู้เก่งกาจอยู่ข้างกาย!

แม่ม่ายเยวตระเตรียมเสื้อผ้าให้สาวใช้คนใหม่อย่างอบอุ่น เมื่อเป็นสิ่งเห็นเช่นนั้น นางจึงนิ่งอึ้งด้วยความซาบซึ้งอยู่ครู่หนึ่งเนื่องจากนางไม่ได้รับการดูแลเช่นนี้มานานแล้ว!

“ท่านน้าเยว่ คืนนี้ท่านทําอาหารมาเยอะ ๆ เลยนะ! เรือนของเรามีสมาชิกเข้ามาใหม่ ดังนั้นข้าต้องดูแลนางให้ดีที่สุด! เชิ่นสิง… คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้าอย่าได้เกรงใจเลย!”

เป็นสิ่งกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ “ขอบพระคุณเจ้าค่ะนายหญิง!”

หยุนเวียนเถียนเหยียดยิ้ม ในภายภาคหน้านางจะต้องออกไปจัดการธุระนอกเรือน การอบรมให้สาวใช้รู้กฎเกณฑ์ภายในเรือนถือเป็นสิ่งที่ดี!

เดิมที่ภายในสองวันนี้หยุนเกียนเถียนวางแผนไปที่ฝูเฉิงเพื่อพบปะกับหลี่ซื่อฮวาเพื่อสอบถามความคืบหน้าของธุรกิจและถามความสนใจว่าเขาต้องการลงทุนในธุรกิจอื่นอีกหรือไม่! เนื่องจากนางรู้ดีว่าในยุคนี้ผู้หญิงยังไม่เป็นที่ยอมรับในฐานะเจ้าของร้านมากนัก ดังนั้นนางจึงมอบให้หลี่ซื้อ ฮวาเป็นคนจัดการธุรกิจแทน!

หลี่ซื่อฮวาเป็นคนมีนิสัยชอบจีจี้ ทว่าเขาเก่งกาจด้านการค้า ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงวางใจที่จะร่วมลงทุนกับเขา แม้เดิมทีหลี่ซื่อฮวาจะเป็นตัวเลือกท้าย ๆ ที่นางจะลงทุนด้วยก็ตามแต่ตอนนี้ หยุนเวียนเถียนกลับดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขา!

*ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน หมายถึง การบีบให้ทําเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง

ตอนที่ 317 จ้าวเมืองหลงมาถึงแล้ว

หยนเคอเหยียดยิ้มด้วยความขมขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไปแล้ว และ คนที่ยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้อย่างยิ่งคือชาวบ้านในหมู่บ้านเทพธิดา! ดังนั้น…”

หยุนเถียนเถียนยิ้มทั้งน้ําตา “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แม้พวกเขาจะรู้ว่าข้าเป็นลูกสาวของหยุนจึงเอ่อแต่ก็ยังไม่มีใครรู้จักตัวตนของท่าน! พวกเขาคงไม่เข้าไปในสถานที่เช่นเมืองหลวงไปตลอดชีวิตดังนั้นอย่าเก็บเรื่องเหล่านี้ไปใส่ใจเลยเจ้าค่ะ!”

หยุนเคอไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก “ข้าเกรงว่าจ้าวเมืองหลงจะรู้เรื่องทุกอย่างและเป็นคนทําผิดเสียเอง!”

“จ้าวเมืองหลงบอกว่าเขาต้องการมอบอํานาจทั้งหมดให้ข้า แล้วเขาจะไปจากที่นี่! เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะไม่ขัดขวางเราอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านี้หากเขาทําเพื่อจุดประสงค์อื่นไม่ช้าก็เร็ว ความคิดชั่วร้ายต้องถูกเปิดโปงให้ประจักษ์แก่สายตาของเราแน่!”

หยุนเคอยกยิ้ม “ถูกต้อง! แม้ความสัมพันธ์ของเราจะถูกเปิดเผย และแม้ว่าสิ่งที่จ้าวเมืองหลงพูดจะเป็นความจริง แต่เจ้าก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์! เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างจะถูกเปิดเผยเองอย่าได้กังวลเลย!”

“สาวน้อย เจ้าอาจไม่เชื่อ! แต่คิ้วของเจ้ามีส่วนคล้ายกับท่านอ๋องอวหยางอยู่บ้างดังนั้นในความรู้สึกของข้าเจ้าไม่ใช่สายเลือดของจักรพรรดิหรอก!”

“ท่านพ่อได้เดินทางไปปราบปรามท่านอ๋องอวหยาง หากท่านพ่อมีความสัมพันธ์กับแม่ของเจ้าจริง แม้แต่ท่านอ๋องอวหยางยังไม่สามารถคัดค้านได้ เรื่องนี้ต้องมีใครอยู่เบื้องหลังแน่! ไม่อย่างนั้นท่านพ่อคงไม่คิดว่าแม่ของเจ้าสมยอมหรอก! และนางจะมาลงเอยอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างนี้ ได้เช่นไร?”

หยนเถียนเถียนที่รับฟังความสัมพันธ์อันซับซ้อนอย่างเงียบ ๆ พลันรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที!

ฉับพลันหยุนเถียนเถียนก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธจัด “ลืมไปเสียเถิด ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้วเราจะทําอะไรได้เล่า? ตัวตนและจุดประสงค์ของจ้าวเมืองหลงยังไม่ชัดเจน อีกทั้งอํานาจที่เขามองให้ข้าอาจไม่มีประโยชน์ก็เป็นได้! ข้าต้องเก็บง่เรื่องนี้ไม่ให้เฉินเอ๋อรู้เนื่องจากเขาอายุยังน้อยนัก เขาไม่ควรต้องมารับรู้เรื่องที่ซับซ้อนเช่นนี้! นับจากนี้ไปหากท่านกล่าทําตัวรุ่มร่ามกับข้า อีกข้ามีสิทธิที่จะถอนหมั้นกับท่าน!”

มุมปากของหยุนเคอกระตุกเล็กน้อย หากสาวน้อยผู้นี้โกรธเคืองแล้ว เขาย่อมต้องตามใจนางอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากไปเมืองหลวงเพื่อตรวจสอบหรือไม่?

หยุนเกียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบ “ท่านต้องเป็นคนไปตรวจสอบสิ! แน่นอนว่าข้าอยากไปเมืองหลวง แต่ข้าจะพาเฉินเฉินไปด้วย! ท่านตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเถิดไม่ต้องห่วงข้า!”

เมื่อคิดได้ดังนั้น หยุนเถียนเถียนจึงเดินทางไปหาท่านเจ้าเมืองเพื่อกล่าวคําอาลา ท่านเจ้าเมืองรู้สึกกังวลอย่ายิ่งว่าจะมีใครมาทําร้ายนาง! อย่างไรก็ตามหยุนเถียนเถียนมาเพื่อบอกลา อีกทั้งตาของนางยังแดงก๋าราวกับคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เขาจึงไม่กล้าถามมากและปล่อยนางกลับไป!

จากนั้นนางก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานบ้านของตระกูลหยุนด้วยท่าทีสงบนิ่ง หยุนเถียนเถียนไม่ได้ เอ่ยถามอะไรมากนักเนื่องจากตอนนี้นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอแล้ว นางจึงนึกสงสัยว่าเหตุใดคนที่มีฐานะเช่นเขาถึงมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนเล่า?

“จัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ ล่ะ! มันจะเป็นการดีที่สุดหากไม่ทําให้คนอื่นแตกตื่น!”

หยุนเวียนเถียนมองจิ๋นเหยียนด้วยท่าที่โกรธเคือง จากนั้นวิ่งกลับเข้าไปในเรือนก่อนปิดประตูอย่างแรงจนเสียงดังลั่น

เคราะห์ดีที่นางยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหยุนเคอมาก่อน มิฉะนั้นเมื่อตัวตนดังกล่าวเป็นความจริงขึ้นมานางคงอยากกัดลิ้นจนตายตกเป็นแน่!

แม่จิตวิญญาณของนางจะไม่ใช่เถียนเถียนตัวจริง ทว่าเจ้าของร่างกายนี้และหยุนเคออาจเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันเป็นได้

หลังจากผ่านไปสามวัน จ้าวเมืองหลงจึงมาเยี่ยมหยุนเกียนเถียนที่เรือน เขาไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะทําตัวปกติราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น! สิ่งที่เด็กสาวตรงหน้าแสดงออกมามีเพียงความสงบนิ่งเท่านั้น!

เหตุใดเด็กสาวในวัยนี้ถึงมีภาวะทางอารมณ์เป็นผู้ใหญ่นักคงจะดีไม่น้อยหากสาวงามที่เขาพบเจอมีทัศนคติเช่นนี้!

หลังจากที่จ้าวเมืองหลงหลุดเข้าไปในห้วงความคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเถียนเถียนจึงตระหนักได้ว่าต้องมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแน่!

จ้าวเมืองหลงมองหยุนเวียนเถียนด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับกําลังจ้องมองใครบางคนที่อยู่ด้านหลังของนางก่อนถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก!

หยุนเถียนเถียนพลันนึกเยาะเย้ย ‘เขามีเรื่องให้เสียใจด้วยหรือ? ยังมีเรื่องอื่นให้เขาคิดนอกจากเรื่องของหยุนจึงเอ๋อด้วยรี! หรือว่าจะเป็นอย่างที่หยุนเคอคิดว่าชายชราผู้นี้มีแรงจูงใจและความคิดเลวร้ายแอบแฝงอยู่!’

เพียงแต่ ณ เวลานี้นางไม่มีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิดเขาได้ อีกทั้งนางยังรักหยุนเคอมานานแล้ว และคําพูดของชายชราตรงหน้ากลับมีอิทธิพลกับนางมากกว่าความรัก! บางคราความรักก็มีผลต่อการตัดสินใจของหญิงสาว!

“สาวน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์นี้สักเท่าไหร่นะ! แต่ไม่เป็นไร! ยามบ่ายวันนี้ข้าจะพาเจ้าไปทําความรู้จักกับพี่น้องทุกคน หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือในภายภาคหน้า พวกเขาสามารถช่วยเจ้าได้!”

หยุนเถียนเถียนเก็บงําอารมณ์อ่อนไหวไว้ภายในใจและพยายามปฏิบัติตนให้เป็นปกติที่สุด

“มันจะเป็นการรบกวนท่านเสียเปล่าเจ้าค่ะ! ข้ารู้ว่าท่านจ้าวเมืองหลงเป็นห่วงข้า! แต่อย่างไรเสียข้าก็เป็นหญิงสาว ข้าไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพรรค์นั้นเจ้าค่ะ! หากมีท่านอยู่ด้วย

ท่านสามารถปกป้องข้าได้แน่นอน! และถ้าเป็นไปได้ข้าอยากให้พี่น้องทุกคนละทิ้งเส้นทางนี้และกลับไปใช้ชีวิตตามที่ตนเองต้องการเกิด!”

ใบหน้าของจ้าวเมืองหลงเจื่อนลงเล็กน้อยเขาตกตะลึงจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้! ขณะเดียวกันหยุนเถียนเถียนกลับรู้สึกประหม่าเนื่องจากนางไม่สามารถคาดเดาว่าตอนนี้ชายชรากําลังคิดอะไรอยู่!

“ท่านจาวเมืองหลง เมื่อวานนี้ท่านหยุนเคอได้รับข่าวสารบางอย่าง ดังนั้นข้าและเขาจึงหารือกันว่านับแต่นี้ไปเราสองคนจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน! ท่านอย่ากังวลใจไปเลย ข้าอยู่ภายใต้การดูแลของท่านอ๋องรุ่ย เขาต้องไม่ปล่อยให้ข้าได้รับอันตรายแน่!”

จ้าวเมืองหลงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนี้อยู่ที่เจ้าตัดสินใจแล้วล่ะ ข้าเพียงอยากปกป้องเจ้าเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดที่ติดค้างภายในใจ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ต้องการมัน! แต่ข้าจะไม่ละเลยคนเหล่านั้นให้เดียวดายเด็ดขาด…หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือพวกเขายินดีช่วยเสมอ!”

สีหน้าของจ้าวเมืองหลงไม่สู้ดีนักเมื่อถูกปฏิเสธความหวังดี อีกทั้งภายในใจยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย!

อันที่จริงหยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าชายร่างใหญ่ที่พูดจาไม่ต่างจากอันธพาลจะต้องรู้สึกเสียหน้าที่ถูกปฏิเสธ! แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าภายในใจของเขากําลังคิดอะไรอยู่ ทว่าสิ่งที่นางทําลงไปทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ของเขาทั้งนั้น!

“ท่านจาวเมืองหลง ท่านดูแลข้ามามากพอแล้ว หากท่านต้องการจากที่นี่ไปจริง ๆ และคงอีกนานหลายปีกว่าจะกลับมา…เมื่อกลับมาที่นี่อย่าลืมมาเยี่ยมเยียนข้าบ้างล่ะ! ข้ารู้ว่าท่านสามารถหาตัวข้าพบได้อย่างง่ายดายเสมอ…ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้าวเมืองหลงเยี่ยจึงพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “อย่ากังวลเลย ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าก็หาเจอเสมอ! ข้าขอเตือนว่าเนื้อแท้ของหยุนเคอไม่ได้เป็นแบบที่เจ้าเห็นข้าจึงอยากให้เจ้าระวังเขามากกว่านี้!”

ตอนที่ 316 ไม่อาจยอมรับ

หยุนเคอขมวดคิ้วแน่นก่อนคํารามออก “ไอ้บัดซบ บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

อีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วค่อยกล่าวคําออก

“แม่นางหยุนได้พบกับท่านจาวเมืองหลงที่สวนหลังบ้านของท่านนายอําเภอ อีกฝ่ายบอกกล่าวว่านางอาจจะเป็นบุตรสาวขององค์จักรพรรดิกับหยุนจึงเอ่อ… เมื่อแม่นางหยุนได้ยินเช่นนั้น นางจึงตั้งใจจะหย่าร้างกับท่าน!”

หยุนเคอถึงกับตื่นตระหนกก่อนจะแค้นเสียงออกจากลําคอ “จะพูดสิ่งใดออกก็จงระวังวาจาไว้เสียบ้าง มันไม่ใช่เรื่องตลกที่สามารถพูดกล่าวได้ราวกับการกินข้าว!”

อีกฝ่ายถึงกับมึนงงและรีบอธิบายต่อ “ย่อมเป็นเรื่องจริง! ท่านจาวเมืองหลงเป็นองครักษ์ขององค์จักรพรรดิในปักกิ่งเมื่อเวลานั้น มิฉะนั้นตระกูลของเขาย่อมไม่มีอํานาจมากมายเช่นนี้แน่ สิ่งที่เขาพูดกล่าวย่อมมีเค้าโครงความจริง ตอนนี้แม่นางหยุนเกรงว่านางจะเป็นเจ้าหญิงของท่านมิได้แล้ว นางอาจจะเป็นเพียงน้องสาวของท่านเท่านั้น!”

ใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอถึงกับมืดมน ท่านพ่อมิใช่คนมากตัณหา แม้ว่าเขาจะชื่นชอบความงามของสตรีตั้งแต่แรกพบ แต่ก็มิใช่คนที่ต้องการครอบครองทุกสิ่งอย่างไว้

หากหยุนจึงเอ่อได้รับความโปรดปรานจากพระบิดาและตั้งครรภ์กับเขา หยุนจึงเอ่อย่อมไม่มีทางจบชีวิตลงที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลความเจริญเช่นนี้แน่ มันต้องมีเรื่องราวอื่นที่จะไม่อาจสืบทราบ

มู่หรงหยุนเคอคิดไปมาอย่างรอบคอบ แต่ก็ยังไม่ถึงเหตุผลอันใดอื่นซ่อนไว้

“ข้าก็เพียงสงสัยเท่านั้น อย่างไรแล้วพวกเราไม่เคยรู้เลยว่าท่านจ้าวเมืองหลงเป็นคนเช่นไร อีกทั้งเราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นองครักษ์ของผู้ใดกันแน่ แล้วการที่เขามาบอกกล่าวกับนางเช่นนี้ มันไม่บังเอิญไปหน่อยงั้นหรือ?”

จีนเหยียนได้ยินอย่างนั้นจึงกล่าววาจาออกมาอย่างน่ารับฟัง “องค์ชาย ท่านลองคิดดูเถิด ว่าระหว่างพวกเรานั้นไม่มีความเกลียดชังต่อกัน ทั้งท่านและท่านจ้าวเมืองหลง แต่เหตุใดเขาจึงกล้ากล่าวใส่ร้ายท่านเช่นนั้น หรือเขาเพียงพูดจาเพื่อความสนุกสนาน?”

“เหตุใดองค์ชายจึงไม่มองความจริงของเรื่องนี้ดูบ้าง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทําเช่นไรกับแม่นางหยุนต่อ”

มู่หรงหยุนเคอนิ่งเงียบอย่างไตร่ตรองอยู่สักครู่หนึ่ง เขาไม่รู้เลยว่าควรสวดมนต์บทใดเพื่อให้หญิงสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตน หรือเขาควรภาวนาให้นางเป็นน้องสาวของเขาซะให้จบเรื่อง?!

แม้เขาจะต้องการให้นางเป็นภรรยาของตนมากเพียงใด แต่หลังจากความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย มันจะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่รับได้งั้นหรือ?

มู่หรงหยุนเคอถึงกับกุมขมับไว้อย่างแน่นหนา กรามทั้งสองข้างสบกันแน่นเพื่อระบายความเครียดออก

“รีบไปตรวจสอบเร็วเข้า มันเกิดอะไรขึ้นกับนางสนมหยุนจึงเอ่อเมื่อสิบปีหรือสิบห้าปีที่แล้ว! ข้าไม่คิดว่านางจะละม้ายคล้ายท่านพ่อ แต่ยังไงซะใบหน้านางก็ยังคล้ายคลึงกับเจ้าชายอวี่หยางเสียมากกว่า!”

หยุนเคอพยายามตั้งสติและรวบรวมสมาธิ หยุนเถียนเถียนคล้ายคลึงกับเจ้าชายอวหยางไม่น้อย หากเป็นเช่นนี้ก็คงยอดเยี่ยมนัก เพราะนางจะกลายเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์ในทันทีและเสียงการคัดค้านเรื่องแต่งงานจะลดน้อยลงไปแน่นอน

สําหรับสถานะคนสนิทของเจ้าชาย อย่างน้อยพวกเขาทําได้เพียงดูแลและสนับสนุนการตัดสินใจอีกฝ่ายเท่านั้น ส่วนเรื่องที่หญิงสาวจะคู่ควรกับเจ้าชายหรือไม่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการตัดสินใจของเจ้าชายทั้งสิ้น

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปที่ปังกิ่งเพื่อตรวจสอบเบาะแสที่เราได้!”

มู่หรงหยุนเคอเผยแววตาเกรี้ยวกราดก่อนจะกล่าวคํา “เรื่องนั้นสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือการคุ้มครองเจ้าหญิงของเจ้า! ข้าไม่เคยนึกไว้ใจจ้าวเมืองหลงแม้สักวินาที ยังไงซะเจ้าต้องปกป้องนางให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งหมด!”

จิ้นเหยียนขอตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ เขาปล่อยให้มู่หรงหยุนเคอนั่งอยู่คนเดียวเพื่อปรับสภาพอารม ส่วนเรื่องหยุนเถียนเถียนนั้นหยุนเคอยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดอย่างแท้จริง เช่นนี้เขาจะกล้าคิดฉวยโอกาสทําลายความบริสุทธิ์ของนางได้เช่นไร? แต่เขาก็ย่อมไม่ยอมให้ผู้อื่นเขามาฉกฉวยโอกาสนี้เช่นกัน!

ตอนนี้เขาเพียงต้องการข่าวสารที่แท้จริงเท่านั้น อีกทั้งหยุนจึงเอ่อคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับตัวเขาทั้งสิ้น หยุนจึงเอ๋อคงจะมีสัมพันธ์กับท่านพ่อมาเนิ่นนาน แต่ถูกราชาอวหยางฉกตัวนางไป แล้วหญิงสาวคนนั้นจะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อได้อย่างไรกัน?

แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงการสมมตินิษฐานเท่านั้น ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่พบหนทางที่เป็นไปได้

แต่ถึงอย่างไรตอนนี้หญิงสาวก็ยังอยู่ในสํานักงานปกครอง และมีจางชิงเฟิงเคียงข้าง…

ไม่ได้! ไม่ว่าอย่างไรหยุนเคอก็ไม่อาจเก็บงําความสงสัยนี้ไว้ได้ เขาจึงลุกขึ้นและพุ่งตรงไปที่สํานักงานปกครองอย่างเร่งรีบ!

ทันทีที่มาถึงสํานักงานปกครอง หยุนเคอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรกับนาง แล้วก็ไม่แน่ใจว่านางคือบุตรสาวขององค์ชายอวี่หยางหรือไม่… แล้วการบอกกล่าวเรื่องทั้งหมดออกไปเป็นการตอกย้ําความสิ้นหวังให้กับนางหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าดวงตาของหยุนเถียนเถียนค่อนข้างแดงก่ําเล็กน้อย เพียงเท่านี้หัวใจของเขาพลันบีบรัดอย่างเจ็บปวด!

ชายหนุ่มกระโดดมายืนตรงหน้าและไม่รู้ว่าควรจะพูดกล่าวคําใดออก เขาทําได้เพียงถอนหายใจยาวเหยียดอย่างหดหูเท่านั้น

“สาวน้อย เจ้ามีสิ่งใดที่ยังไม่ได้บอกกล่าวกับข้าหรือไม่? ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดยังไม่ถูกตรวจสอบ พวกเราทําได้เพียงเท่านี้ อีกทั้งข้ารู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร และข้าก็เป็นผู้ชาย เจ้าคิดอยากให้ข้าแก้ไขสิ่งใดหรือไม่?”

หัวใจของหยุนเถียนเถียนแทบจะพังทลายลงเมื่อได้ยินประโยคนั้น

น้ําตาไหลออกราวกับเขื่อนแตกไหลอาบแก้มขาวทั้งสองข้าง

หยุนเคอเห็นอย่างนั้นยิ่งร้อนใจ เขาไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรกับหญิงสาวที่กําลังร้องไห้อยู่ตรงหน้านี้

“เจ้าไม่ร้องไห้ได้หรือไม่? รอให้ข้าตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้นก่อนเถิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เจ้าเป็นสตรีที่เก่งกาจและฉลาดกว่าผู้ใด แต่วันนี้กลับถูกจ้าวเมืองหลงปั่นหัวได้ง่าย ๆ งั้นหรือ?”

หยุนเถียนเถียนหยุดร้องไห้ทันที นางเผยแววตาเกรี้ยวกราดบนใบหน้าที่เปรอะเปื้อน

“นี้ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านคิดว่าจ้าวเมืองหลงมีเหตุผลใดจึงต้องหลอกลวงข้า?”

มู่หรงหยุนเคอถึงกับหมดหนทาง “แล้วเจ้าคิดว่าข้าต้องโกหกเจ้าเพื่อสิ่งใด? แม่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ มันจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เจ้าคิดจะทําตอนนี้ข้าไม่อาจยอมรับได้! สาวน้อย เจ้ามีเหตุผลเสมอ โปรดคิดทบทวนเรื่องเหล่านี้อีกครั้งได้หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนยิ่งโกรธมากขึ้น “ตอนนี้ท่านก็ยังสับสนอยู่เช่นเดิม ถ้าหากเปิดเผยเรื่องราวทุกสิ่งแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะไม่มีทางเลือกที่ดีนัก เช่นนี้ควรจะตัดสัมพันธ์กันนับตั้งแต่ตอนนี้!”

“เอาล่ะ เราควรจะเป็นพี่น้องกัน! แต่ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่คิดว่าพระบิดาของข้าจะเป็นคนเช่นนั้น จากนี้ไปข้ากับเจ้าเหลือสถานะเพียงพี่น้อง แต่เมื่อเรื่องราวทั้งหมดถูกตรวจสอบโดยละเอียดและมันไม่ใช่ความจริง หยุนเถียนเถียน เจ้าจะต้องกลับมาเป็นเจ้าหญิงของข้าเช่นเดิม!”

หยุนเถียนเถียนถึงกับตื่นตระหนก นางรู้ดีว่าหัวใจของหยุนเคอมีเพียงนางเท่านั้น แต่สิ่งนี้ก็ทําให้นางเจ็บปวดไม่น้อยเช่นกัน! หากไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างสตรีอื่นเข้ามาพัวพัน การต้องอยู่กินกับเขาไปตลอดชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก!

หยุนเถียนเถียนเพียงพยักหน้ารับ หยุนเคอผ่อนคลายลมหายใจออกอย่างโล่งอก เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ไม่มีวันเชื่อว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน!

ตอนที่ 315 เหตุแห่งความโศกา

บัดนี้หยุนเถียนเถียนอดกลั้นไว้ไม่อยู่ น้ําตาร่วงหล่นมาราวสายฝน

ตลอดเวลาที่ผ่านมานางรับรู้ได้ถึงความรอบคอบของเขา แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ลงมือทําสิ่งใดมากนัก ทว่าลึก ๆ เขาเองก็หวังจะมีชีวิตที่ดี ถึงกระนั้นนางก็เข้าใจ ด้วยเป็นคนหัวสมัยใหม่กว่าคนรุ่นเดียวกันต่อให้จะอยู่ในยุคใหม่ก็ตาม

ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายทางสายเลือดขึ้นกับนาง หากนางเป็นลูกสาวขององค์ชายอวี่หยาง หากความจริงแล้วนางเป็นองค์หญิง นางจะยังอยู่เคียงข้างหยุนเคอได้อีกหรือ?

หยุนเคอหันหน้าหนีอย่างอุ่นเคือง พาลให้มองไปทางใดก็ขวางหูขวางตาไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่โต๊ะหินที่ถูกเขาทุ่มลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

จิ้นเหยียนก้าวมาข้างหน้าก่อนเอ่ย “เหตุใดองค์ชายต้องทรงกริ้วเพราะสตรีคนเดียวด้วยเล่า? มีผู้คนมากมายใต้หล้าที่ต้องการแต่งงานกับท่าน เหตุใดจึงต้องยึดติดกับสตรีสามัญชนคนธรรมดาก

น?”
หยุนเคอตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา สายตาเฉียบคมนั้นทําให้จิ๋นเหยียนถึงกับหุบปาก ฉับ

“นางรู้ว่าข้าเป็นองค์ชายได้อย่างไรกัน? เจ้าปากสว่างไปบอกหรือ? ปล่อยให้เรื่องนี้หลุดออกไปเมื่อใดกัน?”

“องค์ชาย ลูกน้องของข้าผิดไปแล้ว! พวกเขาไม่ได้พบหน้าองค์หญิงมาพักใหญ่แล้ว นางจะรู้ข่าวมาจากข้าได้อย่างไร? พวกเขารู้ดีว่าต้องปิดเรื่องนี้ไว้ให้มิดชิด แต่พวกเขาก็พยายามแก้ไขสถานการณ์อยู่”

จีนเหยียนยอมรับว่าแสร้งทําที่ไม่รู้เรื่อง หากแต่ก็ไม่ได้ทําให้หยุนเคออารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย ซ้ํายังทําให้บรรยากาศยิ่งมาคขึ้น

“นางมักรู้ทันทุกทีไป ต่อให้รู้ว่าข้ามีบางอย่างปิดบังเอาไว้ นางก็ไม่น่าขอหย่ากับองค์ชายอย่างข้า ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่! เจ้าไปหาเจ้าหน้าที่ที่ที่ว่าการอําเภอ ตรวจสอบให้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นในสวนด้านหลังของเขากันแน่?”

คนฟังได้แต่โค่งลาอย่างไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดที่ชวนให้หยุนเคอหัวเสียออกมาอีก ก่อนรีบปลีกตัวออกมา

จิ๋นเหยียนคนนี้ขอบอกว่าการจะเข้าไปในที่ว่าการได้นั้นไม่จําเป็นต้องผ่านพิธีรีตรองให้วุ่นวาย แทนที่จะทําเช่นนั้น มิสู้บุกเข้าไปทางสวนด้านหลังที่กั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่จะเป็นการดีกว่า

ชายชุดดําปรากฏตัวเบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ว่าการ ชวนให้อีกฝ่ายกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว และแทบร้องตะโกนไม่ออก

เพียงแค่เห็นตราที่ชายชุดดําเอาออกมาให้ดูเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนทันที

“ตราประจําตัวองค์ชายรุ่ยหรือ? องค์ชายอยู่ที่ใดกัน? องค์จักรพรรดิออกคําสั่งให้ค้นหาองค์ชายไปทุกแห่งหน แล้วบัดนี้ตราประจําตัวองค์ชายจะปรากฏขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?”

จีนเหยียนเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของอีกฝ่ายจริงจังอย่างถึงที่สุด ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย “นั่นเพียงเพื่อปิดบังไม่ให้ผู้คนรู้เท่านั้น อันที่จริงองค์จักรพรรดิมอบหมายให้องค์ชายไปปฏิบัติภารกิจ บัดนี้องค์ชายส่งข้ามาสืบข่าวว่าวันนี้เกิดเหตุใดขึ้นกับแม่นางหยนที่อยู่ที่สวนด้านหลังนี้?”

เจ้าหน้าที่ว่าการรู้ดีว่าย่อมเป็นเรื่องของชนชั้นสูง และไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวได้

“ตอนนั้นจ้าวเมืองหลงต้องการพบแม่นางหยุน เจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือนนําทางให้ หากแต่สาระที่พวกเขาพูดคุยกันนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดรู้จริง ๆ ข้าขอบังอาจถามได้หรือไม่ว่าถามถึงเรื่องนี้ด้วยเหตุอันใดกัน?”

จิ้นเหยียนตอกกลับอย่างเย็นชา “หากเจ้าไม่สมควรรู้ก็จงอย่าถาม แล้วตอนนี้จ้าวเมืองหลงอยู่ที่ใดกัน? พาข้าไปเจอเขาเดี๋ยวนี้!”

เช่นนั้นแล้วเจ้าหน้าที่จะทําอย่างไรได้ แม้ว่าคนผู้นี้จะมีกริยาหยาบคายทว่าจนถึงบัดนี้ก็ไม่ได้ลงมือทําร้ายเขาแต่อย่างใด เขาจึงไม่ได้ขัดขึ้นอีกฝ่าย

ทั้งสองมาถึงจวนของจ้าวเมืองหลงในเวลาต่อมา มันเป็นเรือนนิรนามทรงโบราณพร้อมเครื่องใช้สอยอย่างดี

“จ้าวเมืองหลง!”

จ้าวเมืองหลงมั่นคิ้ว เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ว่าการ หากแต่อีกฝ่ายไม่เคยมาหาถึงบ้านเช่นนี้ เหตุใดวันนี้จู่ ๆ น้ําเสียงจึงดูร้อนรนเช่นนั้นกัน?

ครั้นหันไปมองก็พบจิ๋นเหยียนในชดเสื้อผ้าสะดุดตาที่เย็บปักด้วยด้ายทองอย่างประณีตเป็นลวดลายสลับซ้ําซ้อน

“หากท่านติดภารกิจอะไรอยู่ก็ไปทําเถิด ข้าจะต้อนรับแขกผู้นี้เอง”

เจ้าหน้าที่อึดอัดกับบรรยากาศอึมครึมที่แผ่ซ่านมาจากชายชุดดํามานาน จึงหวังจะหลบฉากไปให้พ้นโดยเร็ว คิดถอยหลังกลับทันทีเมื่ออีกฝ่ายได้พบจ้าวเมืองหลงแล้ว

“เจ้าเป็นองค์รักษ์มิใช่หรือ? มาทําอะไรในเมืองเล็ก ๆ นี้กันเล่า?”

ถึงจิ๋นเหยียนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มต่อหน้าองค์ชาย ทว่าสําหรับคนนอกแล้ว เขานั้นถือเป็นคนที่สุขุมจริงจังไม่น้อย

“วันนี้ท่านบอกสิ่งใดกับแม่นางที่เจอในสวนหลังที่ว่าการไปกันแน่?”

จ้าวเมืองหลงนึกไหวตัวขึ้นมาในทันใด “ชายแก่อย่างข้าไม่รู้หรอกว่าท่านกําลังพูดถึงเรื่องใดกัน ข้าเพียงแค่เห็นว่าแม่นางคนนี้น่าสนใจจึงเข้าไปคุยด้วยไม่นานเท่านั้น แล้วท่านถามทําไมหรือ?”

จ้าวเมืองหลงที่ระวังตัวเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าในใจกลับนึกต่อว่าตัวเองที่กระทําการไม่รอบคอบ

“ท่านวางใจได้ ข้าน้อยกับแม่นางหยุนไม่ได้เป็นศัตรูกัน ตรงกันข้ามข้าน้อยกลับยกให้แม่นางหยุนเป็นนาย หากแต่นายของข้าสั่ให้มาสืบความว่าก่อนหน้านี้เกิดเหตุอะไรขึ้น ท่านจ้าวเมืองหลงได้โปรดชี้แจงมาเถิงด”

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่พูดคุยเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในเมืองหลวง จะว่าไปแล้วองค์จักรพรรดิกับแม่นางหยุนจึงเอ๋อก็มีอดีตร่วมกัน พวกเขาอาจจะเคยแอบคบหากันลับ ๆ มาตลอดก็เป็นได้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าแม่นางหยุนคนนี้จะถือเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยหรือไม่”

ยามนี้เขาพอคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว จ้าวเมืองหลงไม่คิดปิดบังอีกต่อไป ไม่แน่เขาอาจช่วยหยุนเถียนเถียนให้ตัดไฟแต่ต้นลมได้

รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าจิ๋นเหยียน ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้ จะพบเรื่องเหมาะเจาะกันใน คราเดียวได้อย่างไร? เป็นไปได้ด้วยหรือ?”

จ้าวเมืองหลงไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่ กลับเอ่ยต่อ “ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ข้าเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้เรื่องราวในอดีต ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายรุ่ยที่หายตัวไปนานกลับมาที่เมืองเล็ก ๆ นี้ ไม่แน่ว่าอาจมาตามหาน้องสาวที่พลัดพรากของเขาก็เป็นได้

แม้ว่าจ้าวเมืองหลงจะดูนิ่งเฉย หากแต่ด้วยสีหน้าฉายแววน่าหวาดหวั่นก็ทําให้จีนเหยียนก็ถึงกับชะงักไป

จ้าวเมืองหลงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ทําเพียงนั่งตกปลาอยู่เงียบ ๆ ที่ขอบสระด้วยคิดว่าตนเองได้คลายกังวลและชี้เป้าไปทางตระกูลหยุนแล้ว

จีนเหยียนคงไม่คาดคิดว่าหลังกลับออกมา จ้าวเมืองหลงจะเผยยิ้มมุมปากขึ้นมา เขาคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเรื่องใดอยู่ บอกได้เพียงรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“น่าสงสารจริง ๆ ฝ่าบาท..”

จิ้นเหยียนไม่รู้ว่าจะควรรายงานกับองค์ชายว่าอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าองค์ชายเจอภรรยาในป่า แล้วนางก็อาจเป็นน้องสาวของท่าน อย่างนั้นหรอกหรือ?

หยุนเคอรอฟังมานานกว่าอีกฝ่ายกลับไม่เอ่ยสิ่งใด เขาจึงเตะลิ่นเหยียนอย่างสุดทน

“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จีนเหยียนได้แต่อ้าปากพลางปัดมือไปมาอยู่นาน ก่อนสุดท้ายจะโพล่งออกไปอย่างไม่มีทางเลือก “องค์ชาย ข้าจะพูดได้อย่างไร? บรรพบุรุษของท่านนี้โชคดีจริง ๆ ท่านแอบแต่งลูกสะใภ้ทั้งที ยังไม่แคล้วโอกาสที่จะแต่งงานกับน้องสาวตัวเองด้วยอย่างไรกันเล่า”

ตอนที่ 314 ความในใจของจ้าวเมืองหลง

จ้าวเมืองหลงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เจ้านี่ช่างตาแหลมยิ่งนัก! มิสู้บอกออกมาว่าข้าคิดเช่นไรเลยเล่า?”

“หรือท่านคิดเป็นปรปักษ์กับนายของตนเพราะรู้สึกผิดกับหยุนจิงเอ๋อ เช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านจึงเดินทางมาที่เมืองนี้เล่า? ท่านไม่ได้มาตามหาเบาะแสของแม่ข้าหรอกหรือ?”

จ้าวเมืองหลงถึงกับคิดไม่ตก เขาพินิจมองดวงหน้าหยุนเถียนเถียนที่ชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่คล้ายคลึงกันเหลือเกิน

“บางคราวการรู้มากไปก็มิใช่สิ่งที่ดีนัก ข้าเองก็เจ็บปวดเพราะมันมากเหลือเกิน และไม่ว่าข้าจะคิดเช่นไรก็ไม่อาจป่าวประกาศให้ใครรู้ได้ด้วยเกรงว่าจะสร้างมลทินให้หยุนจิงเอ๋อ โชคร้ายที่ข้า มาช้าไปเพียงก้าวเดียว แม่ของเจ้าจึงไม่อาจทําใจให้ผ่านพ้นเรื่องราวไปได้”

“วันนี้ข้าเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเพราะข้ารู้เรื่องบางอย่างมา ตัวตนของหยุนเคอ บุรุษที่อยู่ข้างกาย เจ้านั้นไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นองค์ชายรุ่ยมู่หรงหยุนเคอที่หายตัวไปในตอนนั้น”

“ฮองเฮามีโอรสอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นองค์ชายองค์ปัจจุบัน ส่วนอีกคนเป็นองค์ชายหยุนเคอที่อายุอานามพอ ๆ กับองค์ชาย เขากับองค์ชายมิใช่เพียงแค่ชื่อคล้ายกัน หากแต่ยังมีความสัมพันธ์กับจึงเฉิงมานานหลายปี เขาปรากฏตัวขึ้นในช่วงที่องค์ชายรุ่ยหายตัวไปอย่างเหมาะเจาะ แต่สิ่งสําคัญก็คือรูปร่างหน้าตาของเขาที่ไม่อาจปิดบังชาติกําเนิดของเขาได้ต่างหากเล่า”

จ้าวเมืองหลงว่าพลางหยิบภาพเหมือนบนผืนผ้าไหมออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนกางลงบนโต๊ะ บุรุษในภาพดูเหมือนกับหยุนเคอมมีผิด!

ต่างแต่เพียงมุมปากขององค์ชายมู่หรงหยุนเคอในภาพเหมือนนั้นปรากฎรอยยิ้มบางให้เห็น แม้จะดูมีท่าทีเฉยเมยทว่าเมื่อเทียบกับความเย็นชาของหยุนเคอในตอนนี้ก็นับว่าผิดกันลิบลับ

เหมือนทั้งความมั่งคั่งและหน้าตาสมชายชาตรี

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มขมขึ้น “ดูเหมือนข้าจะทําพลาดครั้งใหญ่ลงไปเสียแล้ว ใครเล่าจะรู้ว่าข้าจะบังเอิญแต่งงานกับพี่ชายแท้ ๆ ของตน โชคดียิ่งนักที่เรื่องร้ายแรงกว่านั้นยังไม่เกิดขึ้น”

หัวใจของนางเจ็บปวดขึ้นมาครั้นคิดว่าหยนเคอเป็นพี่ชายของตน

ทว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดําเนินมาจนบัดนี้แล้ว จะแก้ไขเรื่องราวให้ถูกต้องตามทํานองคลองธรรมได้อย่างไรกัน? ควรบอกกล่าวให้หยุนเคอรู้ไปตามตรงดีหรือไม่?

จ้าวเมืองหลงรู้ดีว่าต่อให้สตรีตรงหน้าจะเข้มแข็งเพียงใด หากแต่เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้คงยากจะทําใจได้

“เงียบเอาไว้ก่อนเถิด แล้วค่อยหาหนทางแก้ไขเรื่องนี้กันภายหลัง ข้ายังอยู่คอยช่วยเหลือเจ้าที่นี่อีกหลายวัน เจ้าต้องการสิ่งใดก็จะจัดหาให้ หากฮองเฮามีส่วนข้องเกี่ยวกับเจ้าจริง ไม่ช้าคงส่งคนมาหาเจ้าแน่ ฉะนั้นจงจําไว้ให้ดีว่าห้ามไว้ใจเสนาตระกูลหยุนและองค์ชายอวี่หยางเด็ดขาด!”

“แม้ว่าคนผู้นั้นอาจเป็นพ่อของเจ้าโดยสายเลือด แต่เขาก็ไม่อาจวางใจได้ หากวันหนึ่งเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา จงแสร้างเป็นลูกสาวของเขาเสีย มันเป็นหนทางที่อาจช่วยให้เจ้ารอดชีวิตได้ แม่ในความคิดเห็นของข้าจะคิดว่าเจ้าน่าจะเป็นลูกสาวขององค์จักรพรรดิมากกว่าก็ตาม”

จ้าวเมืองหลงจากไปหลังกล่าวจบ หยุนเถียนเถียนไม่ได้ลุกไปส่งอีกฝ่ายด้วยบัดนี้นางยังคงอยู่ในอารามตกใจ

ภาพหยุนเถียนเถียนจดจ้องที่พื้นด้วยท่าที่คาดเดายากปรากฏต่อสายตาหยุนเคอทันที่ที่เขามาถึง ราวกับสติของนางได้หลุดลอยไปที่อื่นแล้ว กระทั่งเขาโน้มกายเข้าไปใกล้นางก็ยังไม่ตอบโต้กลับแม้แต่น้อย

“เถียนเถียน!”

หยุนเถียนเถียนสะดุ้งสุดตัวก่อนผละกายออกจากหยุนเคอ เมื่อเห็นว่าตนอยู่ห่างจากอีกฝ่าย แล้วจึงหยุดขาที่ถอยหนีราวกับกระต่าย

“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา! ข้ามีเรื่องต้องพูดกล่าวกับเจ้า!”

หยุนเคอตกอยู่ในอาการงงงันและนึกเศร้าในใจเล็กน้อย นางรังเกียจเขาจนถึงขั้นถอยห่างตั้งแต่เมื่อใดกัน?

“เถียนเถียน ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างและปล่อยให้เจ้าต้องเผลิญหน้ากับอันตรายเพราะเรื่องสําคัญจริง ๆ ต่อจากนี้ไปข้าจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อปกป้องเจ้าในยามที่ข้าต้องออกไปทําทําธุระข้างนอก เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนแย้มยิ้มแฝงความเจ็บปวด “หยุนเคอ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าได้ทําเรื่องผิดพลาดร้ายแรงลงไปเสียแล้ว? ความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้!”

หยุนเคอใจหล่นวูบก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “ไม่ว่าเจ้าจะทําผิดอะไรข้าก็ให้อภัยเจ้า ขอเพียงแค่เจ้าไม่ปิดบังข้าได้หรือไม่?”

“ไม่ได้ ๆ ไม่ได้เด็ดขาด!” นางกระชับสองมือของตนด้วยกันแน่นด้วยท่าที่สับสนเต็มที่ “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้จะเป็นการดีกว่า เราต้องใจเย็นกันกว่านี้”

หยุนเคอนิ่งค้างไปพร้อมอารมณ์ฉายแววอ้างว้าง ทําให้หยุนเกียนเถียนทนแทบไม่ไหว หากแต่เมื่อนึกถึงคําว่าพี่น้อง นางก็กัดฟันหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

“หยุนเคอ ท่านบอกว่าแม่ของข้าอาจเป็นเมียรองของเสนาหยุน แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าพ่อของข้าคือใคร?”

เขาส่ายหน้า “ตอนที่เกิดเรื่องข้ายังอายุน้อยเกินไป จึงไม่อาจรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ชัดเจนดีนัก”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มเย้ยหยัน “ใช่สิ! ตอนนั้นท่านเป็นองค์ชาย จะมีใครคิดเล่าเรื่องส่วนตัวในตระกูลพรรค์นี้ให้ท่านฟังกันเล่า?”

หยุนเคอถึงกับชะงัก นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาได้อย่างไรกัน? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเผลอแสดงพิรุธออกไป?

“ใช่! ท่านคงจะตกใจว่าทําไมข้าถึงรู้ตัวตนของท่าน ท่านมีความลับแต่ข้าเองก็มีความลับเช่นกัน ข้าจึงไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไม่พอใจท่านได้ใช่หรือไม่? ฝ่าบาท!”

หยุนเคอเผยสีหน้าเฉยชาอย่างไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาคิดเช่นไรอยู่

“เถียนเถียน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

“หยุนเคอ ข้าขอบอกตามตรงว่าข้าเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของข้าเป็นใคร แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราคงไม่พ้นต้องมาใคร่ครวญกันใหม่ ท่านกับข้ามิควรเป็นสามีภรรยากัน เราหย่ากันดีหรือไม่?

“เจ้าว่าเช่นไรกัน? รู้ตัวหรือไม่ว่าเอ่ยสิ่งใดออกมา? รู้หรือไม่ว่าหากหย่าภรรยาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ข้ามีบางอย่างปิดบังเจ้าจริง แต่ข้าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้าแม้แต่น้อย เจ้าพูดกับข้าเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน?”

หยุนเถียนเถียนน้ําตาเอ่อคลอเบ้าราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ “ไม่ใช่! ทั้งท่านและข้ามิมีใครเป็นคนผิด! แต่เรื่องระหว่างเราไม่อาจเป็นไปได้ หยุนเคอ เดี๋ยวท่านเองก็เข้าใจ ต่อให้ข้าอยู่กับท่านต่อไป พอข้ากลับไปก็คงไม่มีใครให้อภัยข้าแน่”

“ความสัมพันธ์ของเรานั้นถูกลิขิตไว้แล้ว ท่านทําเรื่องหย่าเถิด!”

ใบหน้าหยุนเคอฉายแววหม่นหมอง “ไม่มีทาง! หยุนเถียนเถียน เจ้าทําให้ข้าปวดใจเหลือเกิน”

ความรู้สึกโศกเศร้าเริ่มก่อตัวขึ้นในใจหยุนเคอ แม่นางน้อยผู้นี้อ่อนไหวและคิดขุ่นเคืองใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เหตุใดนางถึงหัวแข็งเช่นนี้? ข้าไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุเสียด้วยซ้ํา แล้วจะให้ข้าหย่ากับนางได้อย่างไรกัน?!”

ตอนที่ 313 เพื่อนเก่า

“จริง ๆ แล้วงานเลี้ยงชมบุปผามีจุดประสงค์ชัดเจน เป็นงานที่ลูกสาวที่ยังไม่ได้หมั้นหมายของตระกูลขุนนางทุกคนต้องเข้าร่วม เดิมที่แม่นางหยุนจึงเอ๋อก็เฉลียวฉลาด นิสัยใจคอก็น่าคบหา หน้าตาก็สะสวยนางจึงสวมผ้าคลุมหน้าตลอดช่วงที่อยู่ในงานเลี้ยงจะได้ไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร”

“มีใครในเมืองหลวงไม่อยากแต่งเข้าตระกูลดี ๆ บ้างเล่า? ก็เลยมีสตรีไม่กี่คนที่สวมผ้าคลุมหน้าในงานเลี้ยงเพื่ออําพรางใบหน้าของตนองค์ชายอวหยางเองก็เคยเสียมารยาทจะเข้ามาเปิดผ้าคลุมของหยุนจึงเอ่อเพราะคิดว่าคนที่สวมผ้าคลุมหน้าต้องเป็นพวกหน้าตาน่าเกลียด”

“หากแต่องค์ชายอีกคนได้พยายามห้ามลุงของตัวเองเอาไว้ น่าเสียดายที่ด้วยอายุน้อยกว่าสุดท้ายจึงไม่อาจห้ามปรามได้เพราะต้องเคารพอาวุโส ใบหน้าของหยุนจึงเอ่อถูกเปิดเผยใน ตอนนั้น ครั้นไม่มีสิ่งใดบดบังใบหน้าของนางอีกองค์ชายที่เคยกระทําการเสียมารยาทก็ตกหลุมรักเธอในทันที!”

“แต่มิใช่มีเพียงองค์ชายอวหยางที่หลงรักนาง หลานชายของเขาเองก็ถูกตาต้องใจนางแต่แรกพบเห็นเช่นกัน เพียงแต่ไม่อาจเอาชนะองค์ชายที่มีอาวุโสสูงกว่าได้เท่านั้น องค์ชายอวหยางยังไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษ เขาเริ่มตามตอแยนาง แม้ข้าจะเป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดขององค์ชายแต่ก็ยืนยันเรื่องนี้ได้

ว่าจบหลงเยว่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “นอกจากหยุนจึงเอ่อแล้วในตระกูลยังมีหยุนเพียนเพียนที่เป็นหญิงงามไม่แพ้กัน ถึงใบหน้าของนางจะงดงามแต่ก็มิได้ใจกว้างและมีเมตตาสมกับหน้าตาแต่อย่างใด นางเอาแต่วนเวียนรอบตัวองค์ชาย และใฝ่ฝันว่าจะได้ เป็นองค์หญิงในสักวันหนึ่ง”

“เราไม่มีเวลามาสะสางเรื่องความสัมพันธ์พวกนี้ เพราะองค์จักรพรรดิมาด่วนสวรรคตจากไปองค์ชายจึงขึ้นครองบัลลังค์ ในที่สุดองค์ไทเฮาก็ทรงทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างหลานชายและลูกชายของนางเป็นธรรมดาที่นางจะไม่อาจเกลียดชังพวกเขาได้ลงจึงระบายความขุ่นเคืองใจทั้งหมดลงกับหยุนจึงเอ่อ บอกว่านางมิได้ปฏิบัติตามครรลองของสตรีและคบหาบุรุษถึงสองคนพร้อมกัน ทั้งคู่ยังเป็นลุงหลานกันอีก”

“เดิมทีไทเฮาหมายจะลงโทษนางให้ถึงตาย แต่องค์จักรพรรดิที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ห้ามเอาไว้ เขาหวังให้หยุนจิงเอ๋อได้ขึ้นเป็นองค์หญิง แม้นางคิดลังเลแต่ก็มีใจเสน่หาให้กับเขาอย่างแท้จริง หากแต่ยังไม่ทันที่นางจะให้คําตอบก็พลันมีบางอย่างเกิดขึ้นกระทันหัน”

“ข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นมากนัก รู้เพียงว่าองค์จักรพรรดิกับหยุนจึงเอ๋อได้แอบพบเจอกันลับ ๆ มาตลอดครั้นถึงเวลาที่เขาจะแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาองค์ชายอวหยางกลับไม่ยอมแพ้ อีกฝ่ายกับหยุนเพียนเพียนซึ่งต้องการอภิเษกกับองค์จักรพรรดิจึงร่วมมือกันเพื่อวางยาหยุนจึงเอ๋อ”

“แต่หยุนเพียนเพียนกลับไปปรากฏตัวที่ห้องขององค์ชายระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้นสถานการณ์บีบให้นางต้องแต่งงานกับองค์ชายอวหยาง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นได้เพียงพระสนมด้วยองค์ชายอวหยางมีพระมเหสีอยู่ก่อน อีกทั้งนางยังไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว”

หยุนเถียนเถียนเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง “ทั้งสองคนต่างเป็นพวกหน้าไม่อายและไม่เคยคิดยอม แพ้ จะต้องเกิดเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้นแน่ๆ ใช่หรือไม่

หลงเยวส่งยิ้มอ่อนให้ “แม่นางหยุนเฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ ซ้ำยังมองจิตใจมนุษย์ได้ทะลุปรุโปร่ง ล้ําเลิศกว่ามารดาของเจ้ามากนัก”

“ตอนแรกหยุนเพียนเพียนแสร้งเป็นขอโทษและบอกให้หยุนจึงเอ่อดื่มชาผ่อนคลาย คืนนั้นเองที่องค์ชายอวหยางทําตามเป้าหมายสําเร็จและได้ตัวหยุนจึงเอ่อมา ส่วนข้าก็ถูกองค์ชายขังเอาไว้ที่คุกด้านหลังเพราะออกตัวห้ามปรามเอาไว้เมื่อองค์จักรพรรดิสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและ มาถึงวังอวหยางทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว!”

“หยนจึงเอ่อไม่ต้องการให้องค์จักรพรรดิเห็นนางในสภาพน่าขายหน้าจึงแอบหนีออกไปทางประตูหลัง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นนางอีก องค์จักรพรรดิปิดทางเข้าออกวังอวหยางไว้และช่วยข้าออกมาจากคุกเดิมที่ข้าไม่คิดจะทรยศองค์ชายแม้แต่น้อย แต่องค์จักรพรรดิบอกว่าเขากับ แม่นางจึงเอ๋อได้ตกลงเป็นคู่ชีวิตกันลับ ๆ แล้ว ถึงได้รู้ว่าองค์ชายของข้าต่าช้าเพียงใด!”

“องค์จักรพรรดิต้องการลงโทษองค์ชายอวหยางแต่ไทเฮากลับเอ่ยห้ามไว้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายบังเกิดเกล้าของนาง นางข่มขู่จะฆ่าตัวตายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเรื่องนี้ไปจนถึงขั้นต้องปล่อยให้หยุนเพียนเพียนออกจากวังอวหยางด้วยทําได้เพียงไว้ชีวิตนางและปล่อยให้นางใช้ชีวิตบนโลกใบนี้เพื่อชดใช้กับความผิดของตน”

หลงเยว่หัวเราะกับตัวเองหลังกล่าวจบ “ข้าเองก็ผิดด้วยไม่ใช่หรือ? คอยติดตามองค์ชายจึงรู้ทุกอย่างที่เขาออกคําสั่งหลังจากรู้ว่าเขาทําเรื่องเลวร้ายลงไป ข้าเองก็พยายามโน้มน้าวแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถูกจับขังในคุก! ข้าก็เป็นเพียงข้ออ้างให้เขาปัดความผิดให้พ้นตัวเท่านั้น และองค์จักรพรรดิก็ถือโอกาสนี้ปล่อยข้าไป”

หยุนเสียนเถียนยิ้มอย่างมีนัย “เพราะท่านไม่รู้ว่าหยุนจึงเอ๋อใช้ชีวิตคู่กับองค์จักรพรรดิลับ ๆ และโดนองค์ชายอวหยางวางยาเมื่อใดท่านจึงไม่แน่ใจว่าพ่อของข้าเป็นใครใช่หรือไม่?”

หลงเยว่คิดไม่ตกก่อนหัวเราะลั่น “เจ้าน่าจะเป็นลูกสาวของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เพราะหยุนจึงเอ่อมีใจให้กับเขามาตั้งแต่แรก หากแม่เจ้าท้องลูกขององค์ชายอวหยางเจ้าคงไม่มีวันได้เกิดมาบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน”

“แต่… เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่ว่าข้าจะเป็นลูกของใคร การที่คนเป็นแม่ปกป้องลูกของตนก็ไม่ใช่เรื่องผิดมิใช่หรือ? จากที่ท่านเล่ามาแม่นางหยุนจึงเอ๋อก็เป็นคนดี แม้นางจะฉลาดและไม่คุ้นเคยกับมนุษยธรรม คิดเพียงว่ายิ่งมีความสามารถมากเท่าไรก็ยิ่งสร้างประโยชน์ได้เท่านั้นก็ตาม

หลงเยวหัวเราะกับตัวเองพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า “เอาละ! ข้าบอกความจริงเรื่องนี้กับเจ้าไปหมดแล้ว ข้ารู้เพียงเท่านี้ ส่วนเจ้าเป็นลูกของใคร เรื่องนี้อีกไม่นานเจ้าคงหาคําตอบได้เอง ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกันถึงข้าจะไม่ได้มีชื่อเสียงในเมืองเล็ก ๆ นี้มากนักแต่ก็มีพรรคพวกมากมายเชียวละ”

“ถึงเจ้าพวกนั้นจะเป็นอันธพาลแต่ก็ต่างมีใจภักดีกันครั้งนี้ข้าจากบ้านโดยไม่ได้พาพวกเขามาด้วย เช่นนั้นเรื่องนี้ฝากให้เจ้าจัดการคงจะเหมาะกว่า จะได้ถือโอกาสปล่อยให้เจ้ามีทักษะในการป้องกันตัวบ้างด้วย”

หยุนเถียนเถียนพลันเผยรอยยิ้มสบาย ๆ “ท่านลุงหลง ข้ากลับคิดว่าความจริงมีมากกว่านั้นท่านยังคงปิดบังบางเรื่องกับข้าอยู่อย่างเรื่องของตัวตนของหลงเยว่ตัวท่านเองอย่างไรเล่า!”

หลงเยว่หุบยิ้มกว้างของตน สายตาฉายแวววบไหวก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ข้าจะไปปิดบังเรื่องอะไรกับเจ้าได้อีก? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรกัน?”

“แล้วเรื่องที่จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนในโลกสีเทา ชั่วดีนั้นยากจะแยกแยะออกจากกันได้แน่ชัดเดิมที่ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้กัน? ท่านมีใจต้องการปกป้องหยุนจึงเอ่อจากผู้เป็นนายที่เป็นปรปักษ์กับท่านบ้างหรือไม่? ท่านไม่ได้พูดเองหรอกหรือว่าตนยังมีคุณธรรมในใจอยู่?”

ตอนที่ 312 เหตุการณ์ที่พ้นผ่าน

“องค์ชายกับองค์หญิงไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับที่ว่าการอําเภอมิใช่หรือ? เราควรให้ใครสักคนมาแจงความสัมพันธ์ให้กระจ่างหรือไม่?”

หยุนเคอส่ายศีรษะด้วยท่าที่เย็นชา “ช่างเรื่องนั้นเถอะ! ตอนนี้องค์หญิงมาพํานักอยู่ที่นี้ เรา เลยยังเปิดเผยตัวตนของเราไม่ได้ ว่าแต่วันนี้เจ้าจะอยู่ที่นี่จริงหรือ? เจ้าทําให้คนพวกนั้นพ่ายกลับ ไปได้อย่างไรกัน? พวกคนที่บุกรุกเข้ามาน่ะหรือ?”

เขาเอ่ยพร้อมใบหน้าขมขึ้น “องค์ชาย มีเหตุผลสักหน่อยเถิด! พวกบริวารจะคาดคิดถึงได้ อย่างไรว่าปัญญาชนเช่นนั้นจะกล้ากระทําการขายหน้าเช่นนี้? เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ใต้เท้า เหตุการณ์ คับขันเพียงนี้ท่านก็ยังนิ่งเฉย ถึงขั้นกําชับไม่ให้เปิดเผยตัวตนของท่านจนกว่าจะถึงเวลาจําเป็น มี เพียงองค์หญิงที่รู้ เช่นนั้นองค์หญิงจําต้องรับมือเพียงลําพังหรือ? มันเป็นหน้าที่ของพวก บริวาร… ที่ต้องทํานี่”

น้ําเสียงที่พูดออกมามีแต่จะเงียบและอ่อยลงเรื่อย ๆ

สีหน้าหยุนเคอเคร่งเครียดอย่างคิดไม่ตก อีกฝ่ายค่อย ๆ มองหน้าองค์ชายด้วยกลัวว่าจะมี เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นให้องค์ชายตําหนิ

“องค์หญิงได้บอกอะไรบ้างหรือไม่?”

หยุนเคอถอนหายใจยาว “เจ้าบอกว่าแม่นางคนนี้ทําผิด ท่านไม่ควรด่วนสรุปเมื่อได้เห็นฮ่องเต้ มิใช่หรือ? ทําไมองค์หญิงถึงยังเฉยชาและไม่นึกสนใจเลยเล่า?”

จีนเหยียนที่อยู่ด้านข้างขานรับอย่างระมัดระวัง “เดิมที่องค์หญิงก็แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป อยู่แล้ว ทั้งตอนที่นางทําผิด องค์ชายก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนาง แล้วมีประโยชน์อันใดจะมาโวยวาย ยามนี้เล่า?”

หยุนเคอชะงักไปเล็กน้อยก่อนเผยยิ้มขมขึ้น “องค์หญิงของเจ้าคงกลัวว่าเขาจะไม่เป็นที่ต้อง พระทัยของฮ่องเต้กระมัง จักรพรรดิองค์นี้ไม่ได้อยู่ข้างนางเพราะมีเรื่องจําเป็นบางอย่างองค์หญิง เองก็เป็นคนเฉลียวฉลาดแล้วนางก็เข้าใจเรื่องนี้ดี”

“องค์ชาย ข้าน้อยไม่เห็นด้วย! แม่นางคนนี้เป็นตัวปัญหาทั้งยังไม่มีเหตุผลสักนิด! หากท่าน ต้องการหาเหตุผลกับนางจริง ๆ ก็ยอมแพ้เสียเถอะ! องค์หญิงเฉลียวฉลาดและมีเหตุผล นับว่า แข็งแกร่งกว่าชายชาตรีทั่วไปอย่างแท้จริง หากแต่นางก็ยังเป็นสตรีอยู่วันยังค่ํา!”

“หากท่านไม่มีใครที่ต้องใจอย่างเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร แต่บัดนี้องค์ชายอยู่เคียงข้างองค์หญิง ความไม่พอใจทั้งหลายจะตกลงมาที่องค์ชาย หากเป็นแม่นางทั่วไปที่คอยมอบความสําราญให้ องค์ชายชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังพอทําเนา แต่มันไม่ใช่เรื่องที่พูดกันง่าย ๆ สําหรับองค์หญิงเลย”

“องค์หญิงมักจะออกปฏิบัติราชกิจพร้อมจางชิงเฟิง หลี่ซื่อฮวา และคนสนิทของนาง แต่ไม่ใช่ องค์ชายที่ไม่มีรัศมีของความเป็นองค์ชายเลย โดยส่วนตัวแล้วข้าน้อยเกรงว่าองค์ชายจะรักษา องค์หญิงไว้ข้างกายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุใดขุนนางถึงรักษาสาวงามไว้ไม่ได้เล่า? ช่างตาถั่วเสียจ ริง!”

หยุนเคอขมวดคิ้วมุ่น ดูเหมือนว่าที่ว่ามาจะมีส่วนจริงอยู่ ข้าคงต้องโทษตัวเองที่มั่นใจมากเกิน ไปหน่อย และปล่อยให้จางชิงเฟิงเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ มันยังไม่สายเกินไปและข้าเองก็หลง รักนางมานาน!

ส่วนใบหน้าของจางชิงเฟิงอบอุ่นปนเย็นชาเล็กน้อย ทว่าหยุนเคอไม่ได้สังเกต ด้วยอารมณ์ ของเขาตอนนี้ไม่คิดจะมองผู้ใดในสายตาอีกต่อไป

หรือในสายตาของหยุนเถียนเถียนเขาจะเป็นเพียงคนขี้ขลาดตาขาวที่แสนเย่อหยิ่ง ในขณะที่ เป็นคนเย็นชาไม่มีใครเปรียบด้วยสีหน้าเฉยเมยสําหรับผู้คนภายนอกกันนะ

หยุนเคอครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนในที่สุดจะโพล่งออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป

“เจ้าไปหาเวลาสั่งให้คนของเรามาที่ลานนี้เอาใครสักคนที่หัวดีสักหน่อย นอบน้อมต่อองค์ หญิง แต่จําเอาไว้ให้ดีว่าห้ามชายใดเข้าใกล้องค์หญิงเด็ดขาด!”

ข้าเห็นว่ามุมปากของเขากระตุกยิ้มหากแต่ก็เห็นด้วยกับอีกฝ่าย ก่อนจะขานรับออกไป “ขอรับ! เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว”

หยุนเคอวางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วจึงนึกโล่งใจ

ก่อนจากไปเขาได้ฝากคําพูดหนึ่งเอาไว้ “องค์ชาย ต่อให้องค์หญิงแข็งแกร่งแต่ท่านก็ต้องอยู่ เคียงข้างนางด้วยนะขอรับ หากครั้งนี้ท่านไม่ทําเช่นนั้นแล้วปล่อยให้ชายอื่นมาแทนที่ท่าน ไม่แน่ องค์หญิงอาจคิดแต่งงานใหม่พรุ่งนี้ก็เป็นได้นะขอรับ!”

ครั้นหยุนเคอได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจก่อนเตะอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย

เดี๋ยวข้าน้อยก็จะไปแล้วขอรับ! หยุนเคอจึงคลายความโกรธหลังอีกฝ่ายยอมสงบปากสงบค่า ก่อนเดินหนีออกมา เขายังคงไม่ลืมหรอกนะว่าเจ้าจางชิงเฟิงยังอยู่ในที่ว่าการ

เจ้าหน้าที่ว่าการเดินเข้ามาขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังโกรธหนัก ตามมาด้วยหลงเยว่ อีกฝ่าย ส่งยิ้มที่ดราวกับว่าเจ้าตัวมิใช่อันธพาลแม้แต่น้อยมาให้นาง

แต่ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็ยังถือว่าโหดร้าย เป็นคนเถื่อนโดยแท้

“แม่นางหยุน ไม่ได้พบกันมาตั้งนาน”

หยุนเถียนเถียนลุกขึ้นต้อนรับก่อนโค้งทําความเคารพเขาอย่างนอบน้อม

“เราไม่ได้พบกันมาตั้งนานเลย แล้วช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

คู่สนทนายักไหล่ด้วยท่าที่สบายอกสบายใจ “ข้าอายุมากแล้ว แค่มีชีวิตอยู่ได้ก็วิเศษมากแล้วละ

“ท่านพูดไร้สาระอันใดกัน? จะนับว่าแก่ได้อย่างไร ได้ข่าวว่าท่านเพิ่งแต่งภรรยาอายุยังน้อย เข้าบ้านมิใช่หรือ เช่นนี้จะเรียกว่าแก่ได้อีกหรือ?”

หลงเยว่ไม่ถือสากับการหยอกล้อเล็กน้อยนั้น เขาเงยหน้าขึ้นก่อนหัวเราะเบา ๆ “ข้าแค่พูดเล่น เท่านั้น ข้าเองก็ไม่อยากหาปัญหาใส่ตัวนักหรอก แค่ได้เดินทางไปทั่วเผื่อจะมีโอกาสได้พบแม่ นางหยุนก็พอแล้ว”

“แม่นางหยุนนี่หน้าตาถอดแบบมารดามาเลยนะ ว่าไหม ต่อให้ปีนี้นางไม่อยากเรียนรู้บทเรียนชี้ วิต นางก็ต้องพบเจอกับเรื่องพรรค์นี้ในสักวันหนึ่ง หน้าตาเช่นนี้ใคร ๆ ก็มองออกตั้งแต่คราแรกพบ เลยมีคนมากมายที่จํานางได้”

หยุนเสียนเถียนนึกลังเล ไม่ว่าชีวิตของนางจะสับสนวุ่นวายเพียงไหน มันก็เป็นเพียงเรื่องดีงาม เล็ก ๆ ในอดีต แต่บัดนี้นางคือหยุนเถียนเถียนที่มียังชีวิตอยู่ นางไม่คิดสนใจเรื่องในอดีตแต่อย่าง ใด!

หากแต่สิ่งที่หลงเย่ว์กล่าวมาก็เป็นเรื่องจริง ผู้ที่เห็นใบหน้าของนางต่างก็รู้ความสัมพันธ์ของ นางกับหยุนจึงเอ่อ คนที่รู้จักหยุนจึงเอ่อคงหาตัวนางพบได้ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบ ครัวหรือศัตรูก็ตาม

แทนที่จะรอให้คนมาโจมตียามที่ตนเองยังตั้งหลักไม่ได้ มิสู้เรียนรู้ทุกอย่างล่วงหน้าเสียดีกว่า! นางไม่อาจรู้ได้ถึงอนาคต และแยกไม่ออกว่าใครเป็นญาติหรือคู่ปรปักษ์ด้วยซ้ํา

“หลงเย่ว์ หากท่านรู้อะไรได้โปรดบอกข้าเถิด! ข้าไม่อยากรอจนมีคนมาจ่อถึงหน้าประตูในภาย ภาคหน้า ข้าไม่อาจแยกแยะระหว่างศัตรูกับมิตรสหายได้ด้วยซ้ํา

หลงเย่วเผยยิ้มและพยักหน้ารับ ใบหน้าฉายแววเมตตาตามประสาผู้อาวุโส

“ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนี้ อันที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่รู้เรื่องมากนักหรอก และข้าก็ไม่รู้ว่าพ่อของเจ้า เป็นใครด้วย”

หยุนเกียนเถียนสั่งให้คนมารินชาให้อีกฝ่ายก่อนบอกให้ถอยออกไป

หลงเย่ว์เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตหลังยกชาขึ้นดื่มให้ชุ่มคอ

“เมื่อก่อนข้าเป็นองค์รักษ์ที่พระราชวังอวหยาง ข้าเป็นคนโปรดขององค์ชายและได้เป็นผู้ ติดตามส่วนพระองค์ขององค์ชาย องค์ชายเคยพบกับหยุนจึงเอ่อ น้องสาวของเสนาหยุนโดย บังเอิญระหว่างงานเลี้ยง เรื่องราวมันก็เลยเริ่มมาจากตอนนั้น”

“มันคืองานเลี้ยงชมบุปผาที่องค์ไทเฮาจัดขึ้น ผู้มีความสามารถหนุ่มสาวในเมืองมากมายที่ยัง ไม่แต่งงานต่างก็พากันเข้าร่วมงาน แม้องค์ชายอวหยางจะไม่เต็มใจอยู่บ้างแต่เขาก็ทําได้เพียง เข้าร่วมงานเพราะเห็นแก่องค์ไทเฮา”

ตอนที่ 311 ความคับข้องใจ

เมื่อจางชิงเฟิงจากไป ใจของจินเฮ่าก็ร่วงไปอยู่เบื้องล่าง!

เขาได้ตั้งตัวเป็นอริกับเฉียนไหลเป๋าเสียแล้ว และคิดว่าตนคงจะไม่ได้จะได้มีชีวิตสงบอีก เฉียนไหลเป๋าไร้สิ้นหนทางจึงจิตใจคับแคบเช่นนี้ ความเกลียดชังเพียงน้อยนิดก็สามารถทําให้เขาจดจําไปชั่วชีวิต!

แน่นอนว่าด้านเฉียนไหลเป๋าเองก็ไม่ได้สนใจสภาพของตนเองเช่นกัน ความเจ็บปวดบริเวณกันยังไม่หายไป สองเท้าเดินขากะเผลกไม่มั่นคง ด้วยหวังเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณที่เจ็บปวดให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนั่งลงด้วยท่าที่เก้ ๆ กัง ๆ เกินบรรยาย

“จินเฮ่า! เจ้าเล่ห์นักนะ เจ้าใช้คุณชายผู้นี้เป็นเครื่องมือสินะ! เจ้าเองก็มีพลังมากมาย เหตุใดจึงไม่ขึ้นสวรรค์ไปเล่า? บัดนี้เจ้าก็เห็นชัดแล้วว่าแม้จางชิงเฟิงจะเกลียดเขา แต่เขาก็ไม่ได้น่ารังเกียจเลย! มีแต่เจ้า จินเฮ่า… คุณชายผู้นี้จะจ่าหน้าเจ้าไว้!”

“ยามที่เจ้าเข้ามาที่ที่ว่าการอ่าเภอแห่งนี้ ไม่มีใครนึกถึงการสอบจอหงวนแม้แต่น้อย! ข้ามีทายาทของตนที่คอยสนับสนุนข้าอยู่ แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าพึ่งพาอะไรอยู่ แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่จําเป็นต้องสอบจอหงวนอยู่แล้ว ข้ายังมีเวลาอีกมาก และข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าคนเรามันเป็นอย่างไร!”

เฉียนไหลเป่ามารออยู่หน้าทางเข้าด้วยใบหน้าบูดบึง ต่อให้เจ้าหน้าที่ทางการมาไล่เขาออกไปก็ต้องได้เห็นจินเฮ่าจัดการให้เสร็จสิ้นกับตาตนเอง

กลางสวนด้านหลังที่อยู่ไม่ห่างออกไป หยุนเถียนเถียนนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสงบ ขณะฟังผู้คนรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณทางเข้า นางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา

“คุณชายจาง ตอนนี้ท่านคงเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงควรเป็นมิตรกับเฉียนไหลเป๋าเอาไว้?”

จางชิงเฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “จินเฮ่าเป็นคนชั่วร้ายโดยแท้ บัดนี้เส้นทางสู่การสอบจอหงวนนั้นได้พังทลายลง แต่เขากลับโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเรา เอาแต่หาเรื่องจะมาใส่ความเราสารพัด แต่เรากลับกําจัดไม่ได้เลยสักครั้ง!”

“เฉียนไหลเป๋าเองก็เป็นคนไม่สนโลกพรรค์เดียวกัน ทั้งจิตใจยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลังจากนี้เขาคงระวังตัวแจ ในเมื่อเรารู้ว่ารับมือกับมันไม่ได้ก็จะจดจําความพยาบาททั้งหมดนั้นเอาไว้ เป็นเพราะเจ้าจินเฮา! เขาเป็นคนยุยงให้เขาทําเช่นนั้น เราต้องถูกเฉียนไหลเป๋าตามล้างแค้นแน่!”

“เช่นนั้นแล้ว จินเฮ่าคงกลัวว่าเขาจะไม่มีเวลามาก่อกวนพวกเราอีก แค่เฉียนไหลเป๋าก็เพียงพอจะทําให้ในชีวิตนี้เขาไม่มีเวลาไปท่าอะไรแล้ว”

หยุนเถียนเถียนทอดถอนใจครั้นได้ยินเสียงดังนั้น “ข้าไม่รู้ก่อนว่าปัญญาชนเช่นท่านจะคิดไปได้ไกลเพียงนั้น ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเฉียนไหลเป๋าเท่านั้น หากเขาไม่ได้เป็นคนที่ชั่วร้ายมากนักก็ปล่อยเขาไปเถอะ!”

จางชิงเฟิงยกยิ้มจาง ๆ หากเมื่อก่อนเขารู้จักหญิงสาวที่มีความคิดเช่นนี้ก็อาจจะนึกเห็นด้วยอย่างหมดใจ แต่บัดนี้ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่าสาวน้อยเถียนเถียนคนนี้ต่างจากหญิงสาวทั่วไป นางเจ้าเล่ห์อย่างกับจิ้งจอกก็ไม่ปาน!

ในที่สุดหยุนเคอก็กลับมา ผู้คนบริเวณจวนตระกูลหยุนรีบบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ความเจ็บปวดพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นยามที่เขาไม่อยู่เพียงครู่เดียว

ข้าไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าหากแผนการสมคบคิดของทั้งสองคนสําเร็จขึ้นมาจริง ยามที่ข้ากลับมาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ใดบ้าง?

หยุนเคอไม่สนใจสิ่งใด เขาวิ่งตรงเข้าไปในที่ว่าการ ไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกให้กับพนักงานต้อนรับรู้ เขามุ่งตรงผ่านกําแพงก่อนเข้ามาถึงสวนด้านหลัง
หญิงสาวท่าทีเฉยเมยในชุดไม่คุ้นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมสาวรับใช้ที่ยืนประกบทั้งสองข้างอย่างกับดอกไม้ที่ล้อมรอบด้วยใบไม้สีเขียว

ในที่สุดหยุนเคอก็มาถึงเสียที หยุนเถียนเถียนรู้สึกผิดขึ้นในทันใด แต่ต่อให้ดวงตาของนางจะแดงเรื่อ นางก็ยังคงฝืนตัวเองให้นิ่งเฉยเข้าไว้ ก่อนมองไปทางเขาอย่างเฉยชา

เดิมที่นางเองก็มีความลับซ่อนไว้ในใจเช่นเดียวกับหยุนเคอ เพียงแค่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับมาทั้งวัน จนในที่สุดก็ทําให้นางระเบิดออกมา!

ในอีกทางหนึ่งเรียกได้ว่าหยุนเคอกับนางนั้นเหมาะสมกันอย่างยิ่ง คนสองคนที่มีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเอง และนางก็ไม่รู้ว่าโลกแปลก ๆ สองใบนั้นไม่อาจหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ จนกระทั่งเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น เช่นเดียวกับหยุนเคอที่จะกลับมาทุกคืนแต่เขากลับมีแต่ความไม่มั่นคงปลอดภัยไม่มีที่สิ้นสุดมอบให้นาง!

ราวกับว่าหากจู่ ๆ คนผู้นี้หายตัวไปก็คงจะเป็นอีกครั้งที่ไร้เบาะแสตามตัว

แม้จางซึ่งเพิ่งจะรู้ว่าหยุนเถียนเถียนฉลาดรู้ทันคน หากแต่เขาก็รู้สึกมาตลอดว่าไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็คงไม่ถือว่าเข้มแข็งอยู่ดี ข้าจึงจงใจอยู่เคียงข้างและพูดคุยเป็นเพื่อนด้วย หวังให้หยุนเถียนเถียนคลายกังวลลงบ้าง

กระทั่งหยุนเถียนเถียนมาถึง จางชิงเฟิงจึงเดินหลบออกไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ปล่อยให้ทั้งสองมีได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน

หยุนเถียนเถียนอดเกลียดตัวเองขึ้นมาไม่ได้ นางเป็นหญิงแกร่งตอนที่เป็นตํารวจผู้พิทักษ์ประชา ไม่จําเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ว่านางรู้สึกหรือเจ็บปวดอย่างไร หากแต่ก็ไม่มีใครทําให้นางทั้งคับข้องใจและนึกสเน่หาได้

แต่บัดนี้หยุนเถียนเถียนกลับรู้สึกเสียใจเกินบรรยายต่อหน้าหยุนเคอ และต้องการหาใครสักคนเป็นที่พึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงความอ่อนไหวของเขาในขณะนี้ นางก็ล้มเลิกความคิดไปอีกครั้ง
หยุนเคอเป็นกังวลมาก เขาหมายจะก้าวไปข้างหน้าแต่กลับพบกับใบหน้าเมินเฉยของหยุนเถียนเถียนที่ฉายแววออกมา พาให้เขาเสียศูนย์ไปครู่หนึ่ง

“เจ้า…เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”

น้ําเสียงหยุนเคอแหบแห้งเล็กน้อย หยุนเถียนเถียนสัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงนางด้วยใจจริง เพียงแต่แค่ความรักมันไม่เพียงพอสําหรับคนสองคน ต้องคิดถึงโลกความเป็นจริงด้วย

“ข้าสบายดี!”

สองคําจากปากหยุนต้านและเฟิงชิงชวนให้หยุนเคอใจเต้น ด้วยจําได้ว่าตอนที่ตนออกไปเมื่อเช้า หญิงสาวผู้นี้ยังส่งยิ้มและบอกลาเขาตามปกติ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าระหว่างที่รอเขากลับมาไม่นา นกลับมีท่าทีเฉยชาเช่นนี้!

“ข้าไม่เป็นไร! ไม่เป็นไรสักนิด!”

หยุนเคอที่ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรไปครู่หนึ่ง ได้แค่พูดออกมาไม่กี่คําด้วยน้ําเสียงแหบแห้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป

หยุนเถียนเถียนเม้มริมฝีปากแน่น กระทืบเท้าบนพื้นอย่างหัวเสีย เผยท่าที่เอาแต่ใจเต็มที่ ทําให้จางชิงเฟิงถึงกับอึ้งจนหันกลับมาและลืมพัดที่ถือในมือ

“ไอ้บ้าหยุนเคอ ท่านจะไม่พูดอะไรปลอบใจข้าสักนิดเลยหรือ? ฮีย! สมควรแก่ไปอย่างโดดเดี่ยวโดยไร้ภรรยาข้างกายจริง ๆ !”

จางชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก หากเขาทําเช่นนี้บ้างจะโดนโกรธใส่แบบนี้บ้างไหมนะ

“เอ่อ… จริง ๆ แล้วข้าเองก็มีความในใจอยู่แล้วเจ้าก็รู้สิ่งนั้นด้วย แค่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน การฝืนใจอยู่ด้วยกันจะไปมีประโยชน์อันใดกันเล่า? มิสู้ตกลงให้ชัดเจนกันก่อนแล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสความรักและเจ็บปวดเพราะมันในภายภาคหน้า”

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน ก่อนหันกลับเข้าไปในห้องรับรองแขก

จางซึ่งเพิ่งรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง เขาหยุดยืนนิ่งและครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่อาจคิดหาเหตุผลได้ ในที่สุดจึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ขณะหยิบพัดของตนเดินออกไปจากที่ว่าการอําเภอ

หยุนเคออยู่ในสถาพมึนงง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาโน้มมาข้างหน้าเมื่อเห็นว่านางกลับมา!

ตอนที่ 310 โง่เง่า

ใบหน้าของนายอ่าเภอปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะกล่าว “ข้าคิดว่าปัญญาของเจ้าไม่น่าหลัก แหลมถึงเพียงนั้นกล้าดีอย่างไรถึงมาอ้างตนราวกับว่ารู้เรื่องทุกอย่าง หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่คิดสงสัยเช่นนั้นแน่!”

“เอาล่ะ ข้าจะสั่งสอนเจ้าว่าควรพูดอะไรไม่ควรพูด! จินฮ่าวใช่ไหม? เจ้าน่ะ เทียบได้กับพวกชั้นต่ําเพียงเท่านั้น เมื่อเทียบกับแม่นางหยุน นางช่างสูงส่งยิ่งนัก! พวกเจ้าควรจะเคารพนางกล้าดีอย่างไรจึงล่วงเกินนางเช่นนั้น?”

“เฉียนไหลเป่า เห็นแก่อาของเจ้าที่อาศัยในเรือนของข้า แต่เจ้ากลับกล้าทําร้ายนางเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่! โบยมันที่ปากสี่สิบทีและโยนมันออกไป!”

“พวกที่ก่อปัญหาเช่นนี้ คงให้อาศัยเรือนของข้าต่อไม่ได้แล้ว! แต่ถ้าเจ้าอยากกลับไปบ้านตระกูลเฉียน มันคงจะมีปัญหาสักเล็กน้อย! ทําไมเจ้าไม่พาอาของเจ้ากลับไปด้วยล่ะ? หลังจากนี้ครอบครัวของเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบเรือนของข้าได้อีกข้าไม่ต้อนรับพวกเจ้าอีกต่อไป!”

แม้จินฮ่าวจะถูกโบยจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่ตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ “ท่านนายอําเภอคิดเช่นนี้หรือ? แค่เห็นว่าแม่นางหยุนนั้นงดงามก็คอยช่วยเหลือนางตลอดเวลา!”

นายอําเภอชะงักไปครู่หนึ่ง “ดูท่าจะไม่มีทางเลือกโบยอีก ยี่สิบที! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่สามารถล่วงเกินแม่นางหยุนได้ต่อให้รู้ว่านางใส่ร้ายเจ้าข้าทําได้เพียงแต่ทําตามนางเท่านั้น! แม้ว่าเหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องหลังนางจะอยู่ที่เมืองหลวงแต่การสั่งประหารนายอําเภอก็ยังเป็นเรื่องง่ายดาย!”

“หากทางการได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับแม่นางหยุนในเขตนี้ล่ะก็… ข้าเองก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้เหล่าขุนนางคงจะสั่งประหารข้าหลังจากนี้ตระกูลเฉียนและตระกูลจินจะไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้อีก!”

“จินฮ่าวไม่กล้าพูดอะไรเขาซ่อนสายตาที่เกลียดชังไว้อย่างมิดชิดจากนั้นปล่อยให้ทหารผลักเขาลงกับพื้นจากนั้นไม้พลองก็ฟาดลงมา!”

เฉียนไหลเป๋าส่ายศรีษะช้าๆ เขาตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีกว่าจินฮาว และยังรู้ว่าคนๆ นั้นอยู่สูงเกินกว่าที่พ่อค้าตัวเล็กๆ อย่างเขาจะสามารถล่วงเกินได้! แต่จินฮาวที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น…

“จินฮาว! หากไม่ใช่เพราะเจ้าสาบานต่อหน้าข้าว่าหากเรื่องในวันนี้สําเร็จ จางชิงเฟิงจะไม่มีโอกาสได้กลับมา! ข้าคงไม่นุ่มบ่ามเช่นนี้ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน! ข้าจะรับผิดแทนเจ้าเองถ้าจะแค้นก็ขอให้แค้นข้าแทนเถอะ!”

จินฮาวกังวลใจนายอําเภอโบยเขาด้วยไม้พลอง จนกระทั่งแน่นิ่งไป! เฉียนไหลเป๋าเป็นคนที่รับมือได้ยากจางชิงเฟิงถูกเขาในหัวมาหลายครั้ง แต่ตอนนี้ถึงตาเขาที่จะได้เอาคืนแล้ว…

ไม่มีใครคาดคิดว่าจางซึ่งเพิ่งจะกลับมาเขาติดตามหยุนเถียนเถียนเข้าศาลไป หลังจากนั้นเหล่าทหารก็หน้าถอดสี!

ทันทีที่เขาโบกมือทหารก็ปล่อยตัวเฉียนไหลเป๋าอย่างรวดเร็ว! เฉียนไหลเป๋าหมดแรงไปนาน แล้วเขาล้มลงกับพื้นและส่งเสียงครวญคราง!

“จางชิงเฟิง เจ้าต้องการอะไรอีก? ท่านอาจารย์ถูกลงโทษไปแล้ว หรือว่าเจ้ายังข้องใจอดกลั้นหรือ?”

จางชิงเฟิงไม่ได้ตอบคําถามของเขา เขาหันไปและหยิบเงินออกมาหนึ่งแท่งและส่งมันให้กับทหารที่เฝ้าอยู่ทั้งสองคน!

“พี่ใหญ่ทั้งสอง แม่นางหยุนส่งข้ามาได้โปรดปล่อยคุณชายเฉียนท่านนี้ไป!”

เหล่าทหารไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเงยหน้ามองนายอําเภอที่ยืนอยู่ที่มุมห้อง! นายอําเภอพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปแบบไม่สนใจ!

แม้จะได้รับอนุญาติจากท่านนายอําเภอ แต่ทหารเหล่านี้ก็ไม่ได้พอใจนัก พวกเขารับเงินและออกจากห้องไปเหลือไว้เพียงทหารอีกด้านที่ลงมือกับจินฮ่าวก็โบยกันอย่างไม่เกรงใจ!

หรือเป็นเพราะเห็นจางชิงเฟิง ทหารพวกนั้นจึงโบยหนักขึ้นกว่าเดิม! ในที่สุดจินฮ่าวก็ทรุดและเริ่มกรีดร้องต่อหน้าคนที่เขาเกลียดที่สุด!

จางชิงเฟิงนั่งลง อยู่ข้าง ๆ เฉียนไหลเป่าและพูดเบา ๆ “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าทําไมคุณชายเฉียนถึงได้มีอคติกับข้านัก? ในความทรงจําของข้า ข้าจําไม่ได้ว่าคุณชายเฉียนเคยบาดหมางอะไรกับข้าไว้ใ”

เฉียนไหลเป่าหันหน้ามาพูดด้วยน้ําเสียงดุดันว่า “หากว่าเจ้าไม่ได้อยากมาที่สํานัก แล้วเหตุใดอาจารย์ถึงให้ความสําคัญกับเจ้า? เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้น้อยผู้นี้ได้รับคําแนะนําจากท่านอาจารย์เป็นการส่วนตัว แต่เจ้ากลับได้รับคําแนะนําจากท่านอาจารย์ ก่อนศิษย์แท้ ๆ ของท่านอาจารย์! แม้แต่การดูถูกคุณชายอย่างข้าถึงเพียงนี้ เจ้ายังกล้าพูดว่าเจ้าไม่ได้กระทําการใด ๆ เลยอีกงั้นหรือ?

จางชิงเฟิงหัวเราะอย่างดูถูก “คุณชายเฉียนยังเคารพท่านอาจารย์ถึงแม้ว่าจะไม่รับเจ้าเป็นศิษย์อย่างนั้นหรือ? แม้ว่าความรู้ของคุณชายจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ยังอุส่าห์เพียรพยายามตั้งหลายปี! ถึงคุณชายเฉียนจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ต้องใช้ความพยายามมากเพียงไหนกัน?

“หรือว่าคุณชายเฉียนจะไม่รู้จักประมาณตน? ท่านคิดจริงๆหรือว่าท่านมีความสามารถเพียงพอจะทําให้ท่านเจ้าสํานักต้องชื่นชม? ท่านไม่มีความสามารถพอที่จะเทียบกับคนอื่นๆได้ ถึงแม้จะพยายามเพียงใดท่านไม่อาจเทียบข้าได้เด็ดขาด!”

เฉียนไหลเป๋าพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง กันของเขากระแทกกับพื้น และพลันร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด!

เขานวดกันของเขาด้วยท่าทางน่าเกลียดพร้อมกับตะโกนว่า “จินฮ่าวเป็นคนบอกข้า! เขาบอกว่าท่านอาจารย์อยากรับข้าเป็นศิษย์ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าจะโผล่เข้ามา! หากได้รับคําชี้แนะจากท่านอาจารย์ ข้าคงจะประสบความสําเร็จไปแล้ว! กล้าดียังไงมาบอกว่าเจ้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับข้า?”

จางชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ เขาหันหน้าไปมองจินฮาวที่กําาลังกรีดร้องอย่างสนุกสนาน!

“เจ้าตัวน้อยนี้มักจะรังเกียจข้าเสมอ วิธีการยุยงให้คนใช้มีดฆ่าคนเช่นนี้ ท่านกลับเชื่อ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์จะไม่ชอบท่าน ที่แท้ก็โง่งมถึงเพียงนี้! ในอดีตมันแสร้งทําเป็นคบหากับข้า แต่ในความเป็นจริงมันยุยงให้ท่านเป็นศัตรูกับข้า!”

“ทุกครั้งที่ท่านกับข้าบาดหมางกัน มันจะยืนมองอยู่ไกล ๆ รอจนเรื่องจบลงและวิ่งเข้ามาปลอบใจข้า บอกว่าเขาเอาชนะเจ้าไม่ได้ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! หากมิใช่เพราะวันนั้นแม่นางหยุนได้เตือนข้าโดยไม่ได้ตั้งใจข้ารู้สึกว่าชีวิตข้ายากจะได้รู้จักสหายเลยจริง ๆ !”

“แม้แต่คนที่ขยันขันแข็งอย่างข้าก็ยังถูกท่านอาจารย์รังเกียจซ้ําแล้วซ้ําเล่า บอกว่าข้าไม่รู้จักเท่าทันคน ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง! ท่านโง่เง่าถึงเพียงนี้ แค่พูดยุยงให้ห่างๆ สักสองสามประโยคก็เชื่อแล้วไม่แปลกใจเลยที่ท่านอาจารย์จะดูแคลนอยู่ไม่น้อย!”

เฉียนไหลเป๋าได้แต่โมโห แต่ก็ไม่ได้โง่ มิฉะนั้นเขาคงไม่คิดที่จะทําลายแผนการชั่วร้ายของจางชิงเฟิงด้วยชื่อเสียงเป็นแน่!

จางชิงเฟิงพูดอย่างชัดเจนเขาหันหลังและเดินออกไปเขาไม่สนใจคนสองคนที่หมอบอยู่บนพื้นอีกต่อไป! มีเพียงจินฮ่าวเท่านั้น ที่ตั้งใจจะแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ไม้พลองก็โบยลงมาที่หลังของเขาก่อนที่เขาจะได้พูดเสียอีก!

ตอนที่ 309 จบสิ้น

เฉียนไหลเป๋ายังคงไม่ยอมเชื่อ แต่แม่นางที่มาจากชนบทผู้นี้จะรู้จักกับนายอําเภออาวุโสได้อย่างไร?

“หรือว่าแม่นางหยุนอยากใช้วิธีนี้เพื่อแต่งงานกับท่านนายอําเภอล่ะ แน่นอนอยู่แล้วว่า ท่านคงปฏิเสธสาวงามอย่างเจ้าไม่ลงเป็นแน่ ใช่หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนเงยหน้าพลางหัวเราะ “คุณชายเฉียน อย่าคิดว่าทุกคนบนโลกใบนี้จะเป็นเหมือนท่าน ที่พอเห็นสาวงามก็ตะลึงงันตาค้าง! ท่านนายอําเภอก็ถือว่าเป็นข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่ง คิดว่าเขาจะก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ได้ร? อีกอย่างหนึ่ง ข้าก็แต่งงานมาตั้งนานแล้ว ชายแก่คราวพ่ออย่างท่านนายอ่าเภอน่ะหรือ ข้าไม่เอาด้วยหรอก!”

หยุนเถียนเถียนไม่ได้สนใจสายตาของคนภายนอกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังให้คนไปเรียก ถ้าเพื่อนําคนทั้งกลุ่มมามัดไว้ที่ท้ายรถและควบม้าวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังคุกใหญ่ประจําเขต!

ท่านนายอําเภออาวุโสกําลังจิบชาที่สวนหลังบ้านอย่างสบายอารมณ์ ช่างเป็นวันที่ดีอะไรเช่นนี้! แต่จริงๆ แล้วข้าราชการระดับสูงอย่างเขาก็มีงานจุกจิกเต็มไปหมด แต่ส่วนใหญ่จะมอบหมายให้หลงเหยเป็นคนจัดการ เขาจึงสบายขึ้นมาก

ใครจะรู้ว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น กลองร้องทุกข์ที่เงียบเหงามาเป็นเวลานาน บัดนี้ได้ถูกใครบางคนตีจนเกิดเสียงดังขึ้นมา!

ท่านนายอําเภอไม่พอใจเล็กน้อยที่มีคนมาขัดความสุข แต่ในเมื่อมีคนมาตีกลองร้องทุกข์ ก็จ่าเป็นที่จะต้องเปิดศาล

ทันทีที่พาคนร้องทุกข์มาถึงก็เจอเข้ากับหญิงสาวที่ตอนนี้สภาพดูไม่ได้ เมื่อท่านนายอําเภอพินิจดูดี ๆ ถึงกับตกใจจนยืนค้าง หญิงผู้นั้นไม่ใช่แม่นางหยุนหรอก?

เขาโมโหมาก รีบเดินก้าวยาวฉับ ๆ ลงมา ใครบังอาจกล้าลงมือทําร้ายแม่นางหยุนถึงในถิ่นของเขากัน นี่มันหักหน้ากันชัด ๆ !

“แม่นางหยุน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? พวกเจ้า พาแม่นางหยุนไปอาบน้ําแต่งตัวใหม่ที่ซิ!”

เฉียนไหลเป๋าเกิดความตื่นตระหนก ไม่คิดว่าแม่นางผู้นี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับท่านนายอําเภอจริง ๆ !

เมื่อเห็นดังนั้น จึงคิดเปรียบเทียบในใจว่าระหว่างความสัมพันธ์ที่มีต่อหญิงสาวกับท่านป้าของเขาอะไรจะสําคัญกว่ากัน!

เฉียนไหลเป่าอาศัยจังหวะที่หยุนเสียนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาส่งเสียงราบเรียบออกไปด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง “ท่านลุงเขย!”

ท่านนายอําาเภอหันมามองที่ชายอ้วนผู้นี้ รู้สึกคุ้นหน้ายิ่งนัก แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก!

“เจ้าเป็นใครกัน? ทําไมถึงเรียกข้าประดุจว่าเราเป็นญาติกัน? มีเจตนาอันใด?”

เฉียนไหลเป่าตะโกนออกมาอย่างขมขื่น “ข้าเป็นหลานของท่านป้าเฉียนหยิ่งหยิง ผู้ที่เป็นภริยาของท่านอย่างไรเล่า!”

เมื่อเอ่ยถึงเฉียนหยิ่งหยิ่ง ท่านนายอําเภอก็นึกออกทันที เริ่มแรกตระกูลเฉียนส่งนางเข้ามา เพื่อเพิ่มอิทธิพลให้กับตน แต่นางมีเสน่ห์มาก หลังจากได้ทําความรู้จักกัน เขาจึงรับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยาในทันที!

แม่หญิงงามที่แสนอ่อนโยนผู้นี้ ต่อหน้าเขา นางฉลาด มีไหวพริบ ทว่าลับหลังเขานางกลับเป็นคนชั่วร้าย อาศัยว่าตนเองเป็นที่โปรดปรานของเขา วางอํานาจต่อผู้อื่น เป็นเพราะเขายังไม่เบื่อ จึงไม่คิดที่จะไล่เฉียนหยิ่งหยิงออกไป!

“ที่แท้ก็เป็นญาติของเฉียนหยิ่งหยิงหรอกรี? เหตุใดจึงถูกนําตัวมาในสภาพถูกมัดเช่นนี้?”

“ท่านลุงเขย ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับข้านะ! แม่นางหยุนนั่นแหละ นางเลี้ยงเด็กหนุ่มรูปงามไว้ผู้หนึ่ง คนมีการศึกษาอย่างพวกข้ามิอาจทนดูอยู่เฉย ๆ ได้ จึงต้องจัดการสั่งสอนนาง! แต่ที่ไหนได้ นางไม่พูดไม่จา เอาปืนมาปักคอข้าเสียอย่างนั้น!”

จางชิงเฟิงที่ถูกหยุนเสียนเถียนพามาด้วยในฐานะพยานคนสําคัญ ได้ยินดังนั้นจึงต่อว่าเฉียน ไหลเป่าด้วยความโกรธ “เฉียนไหลเป๋า อย่ามากเรื่องใส่ร้ายคนอื่นเชียว ข้าแค่มาสอนหนังสือให้ เฉินเฉิน อีกทั้งแม่นางหยุนกับข้าก็บริสุทธิ์ใจต่อกัน!”

“นี่อาจเป็นเพียงข้ออ้างก็ได้ใครจะรู้ แค่สามีของนางไม่อยู่ เจ้าก็เข้าบ้านเขาเสียแล้ว เด็กนั้นจะ ไปรู้อะไร ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจปิดบังบางอย่างอยู่!”

พลันนั้น หยุนเสียนเถียนที่เปลี่ยนชุดเสร็จด้วยความรวดเร็วก็เดินออกมา “ท่านนายอ่าเภอ ชาวบ้านตาดํา ๆ อย่างข้ามีเรื่องอยากร้องทุกข์ ขอให้ท่านเมตตาให้ความยุติธรรมกับข้าด้วย!”

เมื่อได้ยินหยุนเสียนเถียนเอ่ยเช่นนั้น นายอําเภอก็รีบนั่งลงยืดตัวตรงและพูดขึ้นว่า “แม่นางหยุนมีเรื่องคับข้องใจอันใด? โปรดเอ่ยออกมาตรง ๆ! ขุนนางผู้นี้จะมอบความยุติธรรมให้กับเจ้าเอง!”

“คุณชายเฉียนผู้นี้ ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงพาคนมาที่บ้านของข้า! ไม่อธิบายอะไรเลย แถมยังบังคับให้ข้ายอมรับว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคุณชายจางอีก ถ้าข้าไม่ยอม เขาก็จะให้คนลงมือจัดการข้า ท่านดูสิ เสื้อผ้าของข้าถูกเขาฉีกออกหมดเลย ยังดีที่สามีของข้าสอนทักษะการต่อสู้ให้ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีทางสู้คนพวกนี้ได้แน่นอน!”

ท่านนายอําเภอยิ้ม หากบอกว่าแม่นางหยุนกําลังเดือดร้อนตกที่นั่งล่าบาก เขาก็ไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย! สาเหตุที่นางทําเช่นนี้เพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจให้ผู้อื่นมองข้ามจางชิงเฟิง เนื่องจากชื่อเสียงของบัณฑิตผู้นี้สําคัญมาก แต่กระนั้น เหตุใดนางจึงไม่คิดบ้างว่าชื่อเสียงของตนนั้นสําคัญยิ่งกว่า?

“ท่านมิอาจรู้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่จะจัดขึ้น เพราะคุณชายเฉียนแอบอ้างว่าท่านเป็นญาติของเขา! สาวน้อยตาดํา ๆ อย่างข้าไม่มีทางเลือก ทําได้เพียงพาเขามายืนยันให้แน่ใจว่าเป็นญาติกับท่านนายอําเภอจริงหรือไม่ แต่ถ้าจริง นั่นหมายความว่าเขาจะทําเรื่องแย่ ๆ แบบนี้ได้เช่นนั้นหรือ?”

ถึงอย่างไรนายอําเภอก็ถือว่าเป็นขุนนางผู้หนึ่ง โดยปกติแล้วต้องฉลาดหลักแหลมกว่าคนทั่วไป มิอาจเมินเฉยต่อเรื่องร้องทุกข์ของหยุนเถียนเถียน ส่วนเฉียนหยิงหญิงก็เป็นหญิงงาม แต่ถึงจะงามเพียงใด ก็มีหญิงงามเหมือนางอีกมากมายบนโลกใบนี้ ตนไม่จําเป็นต้องทําเรื่องที่เสี่ยงให้ตัวเองตกที่นั่งลําบาก แค่เพราะอยากเอาใจสตรีเพียงนางเดียว!

“ไม่ว่าจะเป็นญาติของขุนนางหรือไม่ ก็มิควรทําเรื่องเช่นนี้! เรื่องที่แม่นางเล่ามาทั้งหมดนั้นข้า เข้าใจแล้ว แต่กระนั้นก็ควรนําเรื่องร้องทุกข์ไปพิจารณาอีกครั้งที่ห้องเจ้าหน้าที่ เจ้าต้องการให้ข้าจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

หยุนเถียนเถียนกลับพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “มีแค่ข้าที่ได้เข้ามาหรือ? มีพยานหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ รวมไปถึงคนที่ช่วยเหลือข้าด้วย ทําไมท่านถึงไม่เชิญพวกเขามา?”

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นประโยคที่ไม่เหมาะสม เฉียนไหลเป๋าใจชื้นขึ้นมา หากนางทําตัวไม่รู้จักฟ้า สงแผ่นดินต่ํากับท่านนายอําเภอเช่นนี้ อย่าหวังเลยว่าวันนี้จะหนีรอดไปได้!

ทว่านายอําเภอทําได้เพียงยิ้มเจื่อน ๆ พลางพูดขึ้นว่า “หากแม่นางหยุนต้องการเชิญใครมาก็ย่อมได้ทั้งนั้น! ข้าว่าให้คนพาเจ้าไปที่สวนดอกไม้ดีกว่า จริงด้วย! ช่วงนี้จ้าวเมืองหลงบอกว่าคิดถึงเจ้ามาก! เจ้าจะสะดวกไปพบเขารึไม่?”

หยุนเถียนเถียนไม่ขัดข้อง เดินตามไปที่สวนด้านหลัง แม้ว่าในตอนนี้นายอําเภอจะดูอารมณ์ดี แต่สําหรับคําขอเช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่นางจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายแล้ว รับปากหรือปฏิเสธก็มีค่าเท่ากัน แล้วจะโต้เถียงกันไปเพื่อเหตุใด?

นายอ่าเภอมีท่าที่ที่ห่างเหินกับเฉียนไหลเป๋าซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เคยพูดดีด้วย!

“เจ้านี่ไม่รู้จักมารยาทเอาซะเลย เจอข้าแล้วยังไม่รีบคุกเข่าอีก อยากจะโดนดีใช่หรือไม่?”
แม้เฉียนไหลเป๋าจะตกใจ แต่ก็ทําได้แค่ยอมคุกเข่าแต่โดยดี จินเฮ่าที่อยู่ด้านข้างก้าวเท้าออกมา พลางถามว่า “แล้วเหตุใดแม่นางหยุนถึงไม่คุกเข่าตอนที่เจอท่านเล่า? ระหว่างพวกท่านมีเรื่องอะไรกัน?”

ตอนที่ 308 โต้ตอบ

“ดูเหมือนพวกเจ้าไม่เห็นโลกศพ ไม่หลั่งน้ำตาเลยนะ เห็นชัดอยู่ว่าลอบเล่นชู้กลับยังจะปรักปราผู้อื่นว่ากล่าวเท็จ”

จินเฮ่าพูดเช่นนี้ ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างหลังเริ่มก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว พยายามจะพิชิตคนทั้งสอง หลังจากตั้งข้อกล่าวหาพวกเขา

จางซึ่งเพิ่งตื่นตระหนก แต่หยุนเถียนเถียนพูดว่า “คุณชายจาง รีบกลับไปที่ห้องหนังสือแล้วลงกลอนประตู พวกเขาจะได้เข้าไปไม่ได้”

จางชิงเฟิงพูดอย่างร้อนใจ “แล้วเจ้าล่ะ?”

หยุนเกียนเถียนยิ้มอย่างไร้กังวลและพูดว่า “วางใจเถอะคุณชายจาง ถ้าข้าต้านทานไม่ไหวจะวิ่งหนีไปทันที แต่ท่านและข้าไม่สามารถเข้าไปในห้องเดียวกันได้ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้จะกล่าว หาพวกเราได้”

จางชิงเฟิงไม่มีเวลามาก เขากัดฟันหันหลังกลับวิ่งเข้าไปในห้องหนังสือแต่เขายังคงมองกลับไปยังลานด้านนอกอย่างระมัดระวังผ่านหน้าต่างหากเกิดเหตุใดเขาก็พร้อมจะช่วยแม่นางหยุนทัน

หยุนเถียนเถียนม้วนแขนเสื้อขึ้นโดยไม่คํานึงถึงภาพลักษณ์ แล้วก้มลงฉีกกระโปรงของตนทําเช่นนี้เพื่อให้ตนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ง่าย
เฉียนไหลเป๋ากลับพูดหัวเราะว่า “แม่นางหยุนคงอยากอยู่ในอ้อมกอดใครสักคนเป็นแน่เรื่องเปลื้องผ้านะยกเป็นหน้าที่ข้าดีกว่าไม่งั้นถ้าเจ้าทําเช่นนี้ รู้ไหมว่าข้าจะหงุดหงิดแค่ไหน”

หยุนเสียนเกียนยิ้ม และทันใดก็ดึงปั่นออกจากศีรษะ ผมของนางสยายลงมาจากนั้นนางก็พุ่งตัวฉวไปเหมือนเสือดาว

เริ่มด้วยเตะต่อยข้ารับใช้ที่ขวางหน้าล้มลงระเนระนาด จากนั้นจึงมุ่งพุ่งจัดการชายร่างใหญ่ผู้อ้วนท้วมข้างกายเฉียนไหลเป๋า กําปืนจี้คอแน่นอย่างโหดเหี้ยม

“คุณชายเฉียน ข้าคิดว่าท่านควรบอกให้คนของท่านวางมือเสีย ไม่อย่างนั้นข้าคงจะไม่รามือเกรงว่าชีวิตของท่านจะสิ้นไปด้วย”
เฉียนไหลเป๋าไม่ตระหนก “แม่หญิงหยุน เจ้าทําไมเจ้าต้องทําถึงเช่นนี้? หญิงงามหยาดเยิ้มอย่างเจ้ากลัวแม้กระทั่งที่จะฆ่าไก่ กล้าจะฆ่าคนอย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”

ทว่าไม่นานเสียงหัวเราะของเขาก็พลันหยุดลง รู้สึกได้ถึงแท่งทองคําปักเข้าที่คอและเลือดไหลซิบออกมา

หยุนเสียนเถียนฉีกยิ้มหวาน “คุณชายเฉียนบังคับให้ข้าต้องทําเช่นนี้เองที่ข้าทําก็เพื่อเอาชีวิตรอดหากคุณชายเฉียนไม่เชื่อก็ลองให้คนของท่านเคลื่อนไหวอีกครั้งลองดูสิ!มาดูกันว่าพวกเขากับปืนนี้อะไรจะเคลื่อนได้เร็วกว่ากัน”

เฉียนไหลเป๋ารู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เมื่อความเจ็บปวดบริเวณคอไม่ใช่สิ่งที่มโนขึ้น

“จินเฮ่า ยังไม่คิดหาวิธีอีกร ข้าบอกเจ้าว่าถ้าเกิดเหตุใดขึ้น อย่าคิดว่าเจ้าจะรอดตัวนี่เป็นความคิดห่วย ๆ ของเจ้าแค่คนเดียว”

หลังจากพูดจบก็สะบัดศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดกับหยุนเถียนเถียนว่า “แม่หญิงหยุนบอกตามตรง ข้าไม่ได้ต้องการจะมาที่นี่หรอกแต่จินเฮ่าผู้นี้คะยั้นคะยอให้ข้ามาเจ้าจะเกลียดจะชังก็ไปลงที่เขาไม่เกี่ยวกับข้า”

หยุนเสียนเถียนยกยิ้มขึ้น “ถ้าวันนี้ข้าจะจับจินเฮ่า คุณชายเฉียนจะต้องร่วมมือกับข้าแม้ข้าจะมีทักษะฝีมือแต่มือดีก็ไม่สู้สองหมัด สองหมัดก็ยากจะสู้สี่มือถ้าคุณชายเฉียนอยากได้รับความเป็นธรรมก็ร่วมจับโจรด้วยกันสิ”
ขณะนี้เฉินเฉินมาถึงโรงน้ำชาหรูยี่แล้วเขาสัมผัสได้ถึงน้ำตาบนใบหน้า จึงรีบเข้าไปคว้าเจ้าของร้านไว้

เถ้าแก่คนนี้เคยไปที่หมู่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า และคุ้นเคยกับเฉินเฉินเช่นกัน เมื่อเห็นเด็กผู้นี้ ก็ตื่นตระหนกตกใจรีบก้าวขาอย่างรวดเร็วและถามว่า “เจ้าหนู เป็นอะไรไป?”

เฉินเฉินปาดน้ำตาและพูดอย่างหนักแน่น “ท่านลุงเจ้าของร้านได้โปรดช่วยข้าด้วย! วันนี้มีกลุ่ม คนบุกเข้ามาในบ้านข้า กล่าวโทษว่าพี่สาวข้าและคุณชายจางเป็นชู้กัน พวกเขามากันหลายคน มาก พี่สาวข้าให้ข้ามาตามท่านลงไปช่วย”

เจ้าของโรงน้ำชาตกใจมาก ไม่ว่านายใหญ่จะอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่แม่หญิงหยุนไม่ควรจะถูกละ เมิดในเวลาเช่นนี้

เจ้าของโรงน้ำชาไม่ถามอะไรสักค่า และสั่งให้คนปิดประตูโรงน้ำชาหรูยี่แล้วรีบไปยังบ้านตระ กูลหยุนพร้อมกับเด็กรับใช้

สตรีตรงหน้าเสื้อผ้าหน้าผมยุ่งเหยิง ถือปิ่นปักผมแทงเฉียนไหลเป๋าผู้อ้วนดังหมู ผู้คนรอบข้าง ไม่กล้าแม้แต่ขยับเขยื้อน

เถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาผู้มากความสามารถอีกคนหนึ่ง สั่งให้เด็กรับใช้ไปหาเชือกมามัดคนก ลุ่มนั้นไว้ หยุนเกียนเถียนถอนหายใจเฮือกผลักเฉียนไหลเป๋าผู้อ้วนดั่งหมูล้มลงกับพื้น

เฉียนไหลเป๋าล้มลงทันใดเอามือจับคอตัวเองร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มองด้วยสายตาเก ลียดชัง แม้ว่านางจะดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แต่เป็นผู้หญิงใจกล้ายิ่ง

“วันนี้ล่าบากเถ้าแก่หน่อยนะ บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมและตอบแทนในอนาคต”

เถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “แม่นางหยุน ไม่ต้องเกรงใจไปไม่ว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับนายน้อยหลี่จะเป็นอย่างไร และไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ขอแค่ท่านเอ่ยปากมาข้าก็พร้อมจะช่วยเสมอ”

หยุนเถียนเกียนยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า “ขอโทษนะ เถ้าแก่ โปรดรอข้าสักครู่ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจะนําคนเหล่านี้ทั้งหมดไปส่งยังคุกของเขต”

เฉียนไหลเป๋านอนคร่ําครวญอยู่บนพื้นตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ดี ข้าจะไปหาลุงเขยของข้าซึ่งเป็นนายอําาเภอพวกเขาจะช่วยเจ้าไม่ช่วยข้าเห็นเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนั้นหรือ?”

แต่ว่าหยุนเกียนเกียนยังไม่มั่นใจถึงอย่างไรบ้าของเฉียนไหลเป๋าก็เป็นภรรยาเอกของนายอ่าเภอท่านนี้ ตัวนางเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน การที่ลูกสาวของพ่อค้าตัวเล็กๆคนหนึ่งจะมาเป็นภรรยานายอําเภอก็ต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นคนรักกันย่อมต้องช่วยเหลือกัน

แต่ในเมื่อนางเองก็ไม่ใช่อ่อนด้อย หยุนเถียนเถียนกล้าพนั้นเลยว่านายอําเภอผู้นี้ไม่กล้าเอาตัวเองเข้ามาข้องแวะเพียงเพราะทําไปเพื่อภรรยาของตนอีกทั้งจ้าวเมืองหลงย่อมไม่ยืนเคียงข้างเขาอย่างแน่นอน!

*ขอแก้ไข หลงเยว่เป็นจ้าวเมืองหลง เนื่องจากความเข้าใจผิดของผู้แปล

หยนเถียนเถียนมุ่งมั่นจะเอาเรื่องอย่างเต็มที่ แต่เถ้าแก่เจ้าของโรงน้ำชาไม่คิดเช่นนั้น

“แม่นางหยุน เราเก็บเรื่องนี้ไว้เสียดีกว่า เขารู้จักคนในปกครองดี ขากลัวว่าเอาเรื่องไปก็ไม่ได้เกิดอะไรดีขึ้นมา”

หยุนเสียนเถียนหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ“เถ้าแก่วางใจได้ ถ้าข้ากล้าทําเช่นนี้นั้นก็คือมั่นใจว่าข้าต้องชนะคุณชายเฉียนหากข้าเป็นเจ้าคงจะไม่พูดถึงป้าให้ติดร่างแหถูกเกลียดชังไปด้วยไม่แน่นางอาจะถูกไล่ตะเพิดกลับบ้านก็ได้

หยุนเถียนเถียนรีบเดินเข้าไปในห้องของนางพร้อมกับฮัมเพลง เพื่อสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านแต่หลังจากฉุกคิดอย่างรอบครอบ นางก็วางเสื้อผ้าลงแล้วเดินออกไปอย่างเอียงอาย

“เฉียนไหลเป๋า จู่ๆ ข้าก็นึกเรื่องสนุก ๆ ขึ้นได้เจ้าบอกข้าว่าอยากจะดูอะไรแบบนี้อย่างนั้นข้าจะเดินไปหานายอําเภอและฟ้องว่าเฉียนไหลเป๋าบุกเข้าไปในบ้านและหักหาญน้ำใจข้าเจ้าคิดว่าถ้าแสดงเช่นนี้น่าตื่นใจไหม?”

ตอนที่ 307 บังคับ

หยุนเคอเป็นคนอย่างไรกัน? มีคนเฝ้าหน้าบ้านหลังบ้านอยู่นานเช่นนี้ ไม่มีใครไม่สังเกตเลยหรือ?

หากไม่คิดว่า คนที่แอบอ้อม ๆ มอง ๆ ที่ลานหน้าบ้านเป็นเพียงคนธรรมดาหยุนเคอคงไม่จากไปอย่างคลายกังวลแน่ ๆ

บัดนี้เขากลับมาทุกค่ําคืน แต่ในช่วงกลางวันเขาจะส่งคนสองถึงสามคนมาเฝ้ามองที่ลานประตู สุดท้ายจึงพบเข้ากับจินเฮ่าที่เฝ้าอยู่

จินเฮ่าพบว่าทุกยามบ่ายจางหลิงเฟิงมักจะออกมายังลานบ้านตระกูลหยุน เขาทําปากเหยียดหยันจางชิงเฟิงผู้ตั้งตนเป็นสุภาพบุรุษ แท้จริงแล้วก็เป็นผู้มีอารมณ์ขันด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาเคยบอกว่าไม่เคยมีอะไรเกี่ยวกับแม่นางหยุนเลย ทําให้หลังจากนี้จินเฮ่าจะไม่เชื่ออะไรทั้งสิ้น

เนื่องจากตนไม่มีน้ํายา ให้หยุนเถียนเถียนมาเป็นภรรยาของตน อย่างนั้นก็ทําลายนางเสีย!

รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏยกขึ้นมุมปากของจินเฮ่า เขาวางแผนจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของจางหลิงเฟิงในบ่ายวันนี้ ให้เขาเผชิญแก่ความอับอายในหมู่วงผู้คงแก่เรียน และให้ผู้หญิงคนนั้นได้เจอจุดเปลี่ยนที่ไม่มีวันฟื้นคืนได้อีก

เขารวบรวมคนจํานวนมากที่เกลียดชังจางหลิงเฟิงมา หากหยุนเถียนเถียนอยู่ที่นี่คงจะพบชายผู้นําที่ทําให้จางหลิงเฟิงอับอายนั่นก็คือชายผู้นุ่งผ้าต่วนนั้นเอง

กลุ่มคนที่เกลียดชังมายังลานบ้านตระกูลหยุน ชายหนุ่มชุดผ้าต่วนมาพร้อมกับใบหน้าอย่างชั่วร้าย พลางหันไปมองจินเฮ่า

“เจ้าบอกหญิงตระกูลนี้งามมาก จางชิงเฟิงเปิดโอกาสให้น้องชายนางคบกับใครสักคนใช่หรือไม่? เจ้าแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นจริง? หากบุกเข้าไปครั้งนี้ พวกเราก็อาจจะจับอะไรไม่ได้เลยก็ได้ ดีไม่ดีในทางกลับกันอาจถูกเยาะเย้ยเสียอีก จินเฮ่า เจ้าเคยคิดถึงชะตากรรมของเจ้าหรือไม่?”

แม้จินเฮ่ายังหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่เขาก็พยักหน้าอย่างไร้ความลังเลเมื่อนึกถึงการที่จะโค่นจางชิงเฟิงผู้กดขี่เขาได้

คุณชายผู้ร่ํารวยมาพร้อมกับเด็กรับใช้สองคน มีเพียงไม่กี่คนที่มาเปิดประตูบ้าน ผู้ดูแลบ้านตระกูลหยุน ไม่ขยับเขยื้อนครู่หนึ่ง ทําให้คนกรูกันเข้ามา

หยนเถียนเถียนนั่งอยู่ ณ ลานเก็บถั่ว แม้นางจะเป็นคนไม่สนโลก แต่ทันใดก็ต้องตกตะลึงกับคนจํานวนมากที่บุกเข้ามาในบ้าน

เฉียนไหลเป่ามองไปยังหญิงสาวผู้นั่งอยู่ที่ลานสนามด้วยแสงสลัวแวบวับในแววตา เขาลืมถึงจุดประสงค์หลักของของจนคือการบุกเข้าไปในบ้านหมดสิ้น จากนั้นจึงเดินทอดน่องไปยังเบื้อง หน้าแทน

“เฮ้! สาวน้อยเจ้าดูดีเสียจริง ข้าเป็นนายใหญ่ของตระกูลเฉียนทางเมืองตะวันออก ข้าจะจ่ายเงินให้เจ้าอย่างงามเลย! ท่านป้าของข้า เป็นภริยาคนที่สามของนายอําเภอ สาวน้อยอยากไปเที่ยวเล่นกับข้าไหม?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะ รอยยิ้มนี้ทําให้ตาพร่าไปชั่วขณะ

“เฉียนไหลเป๋า? เหตุใดไม่ตักน้ําใส่กระโหลกชะโงกดูเงาก่อนมาที่นี่บ้าง? ครั้นเห็นเจ้าเหมือนเห็นคางคกอย่างไรอย่างนั้น ดูมองสิ เจ้าอยากตายหรือไร?”

จินเฮ่าเกิดความความโกรธขึ้น เกรงว่าแม่นางผู้นี้จะทําให้มิตรของเขาไขว้เขว จึงรีบเอ่ยเดือน

“คุณชายเฉียน มีเรื่องเร่งด่วนที่ยังต้องท่า”

พลางยืนหน้าไปกระซิบกับเฉียนไหลเป๋าว่า “คุณชายเฉียน แม่นางผู้นี้แต่งงานแล้ว หากสร้างสถานการณ์ว่านางนอกใจสามีน่าจะจัดการได้ง่ายขึ้น!”

เฉียนไหลเป๋าถูกหลอกตามคาด พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย เจ้าซ่อนจางหลิงเฟิงไว้ที่ใด? พวกข้าเป็นสหายสนิทของเขาที่มาครั้งนี้เพื่อถามวิชาความรู้ของเขา กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีเหล่าบรรดาน้องพี่เดินเข้ามาในบ้านของเจ้าด้วย”

“ตอนนี้สามีของเจ้าไม่อยู่ เหตุใดจึงเป็นสตรีเพียงนางเดียวในบ้าน ไม่ใช่ว่าเจ้าซ่อนคนรักไว้ใช่หรือไม่”

หยุนเถียนเถียนที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ มองไปที่จินเฮ่า “ดูท่าคุณชายจีนจะยังไม่เข็ดหลาบ หนก่อนข้าคงจัดการท่านเบาเกินไปใช่หรือไม่? ครั้งนี้ท่านถึงกล้ามาหาเรื่องข้าถึงที่บ้าน!”

จางชิงเฟิงและเฉินเฉินเดิมอยู่ในห้องหนังสือ ครั้นได้ยินเสียงจากข้างนอก ทั้งสองจึงเดินออกไปพร้อมกัน

“จางชิงเฟิง เจ้าอยู่ที่นี่จริงด้วย ทุกคนต่างบอกว่าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษอ่อนโยน นึกไม่ถึงว่าพอเห็นหญิงงามก็รีบพุ่งเข้าหา!”

ทันทีที่ได้ยินคําพูดของจินเฮ่า ในใจของจางชิงเฟิงก็เกิดอารมณ์รุนแรงขึ้นมา “จินเฮ่า! ความแค้นนี้เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน เหตุใดจึงต้องลากผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตอนนั้นเจ้าก็ออกมาพร้อมข้า รู้ทั้งรู้ว่าข้ามาคุยกับเฉินเฉิน มาก่อเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่นถึงที่นี่เช่นนี้ เจ้าคิดจะทําการใดกันแน่?”

หยุนเถียนเถียนข่าพลางพูดขึ้นว่า “คุณชายจางดูไม่ออกหรือ? อดีตสหายรักต้องการจะทําร้ายท่านยังไงล่ะ! หากท่านยอมรับข้อกล่าวหาเหล่านั้น ในอนาคตจะต้องล่าบากมากเป็นแน่! ดังนั้น วันนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาทําสําเร็จเด็ดขาด นอกจากรักษาชื่อเสียงของท่านแล้ว ยังรวมไปถึงชื่อเสียงของข้าด้วยเช่นกัน”

“เฉินเฮ่อ เจ้าโตพอที่จะปกป้องพี่สาวของตัวเองได้แล้ว ดังนั้นรีบไปที่โรงน้ําชาซะ ไปตามคนมาช่วย บอกคนที่นั่นว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนเถียนเถียน หากคุณชายหลี่ยอมช่วย ในภายภาคหน้า นางจะปฏิบัติตัวดีต่อเขา!”

พูดจบ หยุนเถียนเถียนกัดฟันด้วยความโกรธ! หยุนเคอนี่มันสมควรตายจริงๆ ไอบ้าเอ๊ย ช่วงนี้หายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ อย่าหวังเลยว่านางจะขอร้องให้ช่วย เป็นบุญคุณกันในครั้งนี้ไม่รู้จะชดใช้ยังไงหมด

เฉินเฉินรีบออกวิ่ง ร่างเล็กของเขาปราดเปรียวเกินใครเปรียบ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดเขาได้!

จินเฮ่ากล่าวขึ้นอย่างมั่นใจว่า “ข้าสืบมาหมดแล้ว หยุนเคอเป็นเพียงคนเลี้ยงหมู! คนอย่างพวกเจ้านี้หรือจะมีปัญญาไปทําความรู้จักกับคุณชายหลี! และแม่นางหยุนยังปีกกล้าขาแข็งเช่นนี้ด้วย จำไว้ แม้จะเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่พวกข้าและคุณชายเฉียนจะจับตาดูพวกเจ้าอยู่เสมอ!”

สายตาแทะโลมของเฉียนไหลเป่ามองมาอย่างเปิดเผย “ใช่ แม่นางหยุนต้องคิดดี ๆ สามีของเจ้าเป็นเพียงคนเลี้ยงหมูที่อยู่บนเขา ส่วนจางชิงเฟิงก็บัณฑิตธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง และหลังจากวันนี้เป็นต้นไป จางชิงเฟิงจะไม่มีสิทธิสอบจอหงวนแล้ว เหตุใดเจ้ายังดันทุรังอยู่เช่นนี้เล่า?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะพลางพูดขึ้น “จินเฮ่าท่านนี้นะ ฆ่าพวกข้าสองคนทิ้งที่ลานนี้เสียยังดีกว่า แต่ในเมื่อข้ามีโอกาสได้ออกไปข้างนอก ก็ต้องสร้างภาพให้ท่านสักหน่อย! คุณชายจางถูกลอบวางยาโดยอดีตสหายรัก รู้ทั้งรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่ก็ยังใส่ความว่าพี่น้องของข้าเป็นคนทํา! การศึกษาไม่ได้ทําให้ท่านเป็นคนที่ดีเลยแม้สักนิด เพราะจิตใจของท่านมันเกิดมาเพื่อทําร้ายผู้อื่น!”

ความกังวลเกิดขึ้นภายในใจของจางชิงเฟิง คนพวกนี้ล้วนมีแต่เจตนามุ่งร้าย มีก็เพียงแต่เฉียนไหลเป๋าอยู่ผู้เดียวที่จัดการได้ยากที่สุด เมื่อคุณชายหลี่มาถึง หากคนสารเลวพวกนี้ยังจะกล้าต่อสู้ก็มิอาจต้านทานเขาได้แน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณชายหลี่ก็ไม่กล้าต่อกรกับเฉียนไหลเป๋าเช่นกัน เพราะท่านป่าของเขาเป็นอนุภรรยาของท่านนายอําเภอ

ตอนที่ 306 อาวรณ์

หยนเถียนเถียนยกยิ้มก่อนจะกล่าวออกอย่างมีเลศนัย “ไม่ใช่เคยพูดเหรอว่าเคยทําใครสักคนขาหักในโรงน้ำชา แล้วชายคนนั้นก็เป็นสามีของเด็กสาวนั่น!”

“สตรีผู้นี้ช่างแปลกประหลาด ตบปากรับคําขอแต่งงานกับคุณชายจาง แต่ความจริงกลับตามตื้อนายน้อยหลไม่หยุดหย่อนอีกทั้งยังออกปากว่าเต็มใจเป็นนางบําเรออีกด้วย…แต่อย่างไรฉากการแสดงทั้งหมดนี้คุณชายจางล้วนแต่ได้เห็นแล้ว!”

หยางยู่หรงที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับตื่นตระหนก “โอสวรรค์ แล้วเช่นนี้คุณชายจางคิดยกเลิกงานแต่งหรือไม่?!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวตอบ “เป็นเช่นนั้น!คุณชายจางต้องการยกเลิกการแต่งงานทันทีแต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแม่ของนางจึงสามารถบังคับให้คุณชายจางยอมแต่งงานอีกครั้งได้ข้าได้ยินมาว่ามีคืนหนึ่งพ่อของนางเมามายจึงเป็นเหตุให้คุณชายจางและนางได้อยู่ร่วมห้องกัน!”

“งานแต่งจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ ฝ่ายชายไม่เคยแม้แต่ให้สินสอดใด หนึ่งเดือนที่ร่วมหอลงโลงกันมาทั้งคู่ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันนางจึงยังเป็นหญิงบริสุทธิ์แต่อย่างไรทั้งสองก็อยู่รวมกันและจางชิวไฉก็มิได้ใจคับแคบเขาปฏิบัติกับนางด้วยดีเสมอมา

หลังจากหายไปนาน นางก็กลับมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน ตอนนั้นข้ากับหยุนเคอกําลังตระเตรียมงานแต่ง ซึ่งงานแต่งของข้าจะเริ่มในอีกสองวันถัดไป ข้าไม่รู้ว่านางมีสมองหรือไม่จึงคิดว่าที่นายน้อยหลีไม่แต่งงานกับตนเป็นเพราะข้าเช่นนี้นางจึงใส่ยาลงในน้ำชาและนัดหมายให้หลินหูที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆเข้ามาในห้องนอนข้าเพื่อพรากความบริสุทธิ์”

“แต่ข้ารู้ทันแผนการจึงวางยาในชาของพวกเขานั่นเป็นการดีที่สามารถจับได้คาหนังคาเขาว่านางนอกใจคุณชายจางจึงหลุดพ้นจากเรื่องร้ายนั้นไปได้เขาไม่พูดถึงความผิดของนางเลยแม้แต่น้อยบอกเพียงว่าการแต่งงานของเขาและนางถือว่าเป็นโมฆะอีกทั้งยังนําสินสอดทองหมั้นคืนกลับไปอีกด้วย”

“ต่อมาแม่นางผู้นั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับหลินหูที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ ก่อนหน้านี้เจ้าได้รับบทกวีที่เขียนโดยคุณชายผู้นั้นใช่หรือไม่? ขอข้าดูหน่อยคนเช่นหลินหูไม่สามารถเขียนกวีเช่นนี้ได้ข้าคาดว่าผู้อยู่เบื้องหลังต้องเป็นแม่นางผู้นั้นแน่นอน!”

หยางยู่หรงพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้หนึ่งเป็นชายบ้ากาม ผู้หนึ่งเป็นหญิงชั่วช่างเหมาะสมกันเสียจริงเจ้าทําดีมาก!”

“เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นคุณชายจางเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริงอีกทั้งยังจัดการกับเรื่องเช่นนี้อย่างใจเย็นและสุขุมมาโดยตลอดข้าคิดว่าคนเช่นนี้เหมาะสมกับเจ้ามากเอาล่ะ! เช่นนั้นค่อยๆพิจารณาแล้วกัน หากเจ้าไม่ชอบใจข้าจะไปบังคับเจ้าได้อย่างไรกันเล่าจริงรึไม่?”

หยางเฉินมิได้อิจฉาจางชิงเฟิงอีกต่อไปแล้ว ซึ่งภายหลังที่ได้พบกับคุณชายจางเขาจึงมีสีหน้าเห็นใจปนสงสาร

เห็นท่าทางของหยางยู่หรงที่ทําสีหน้าครุ่นคิด หยุนเวียนเถียนจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“น่าเสียดายที่ข้าเพิ่งทดสอบเขาไปถึงนั่นจะเป็นความต้องการของเจ้าด้วยก็เถอะเขากลัวเพียงว่าจะไม่สามารถกลับมาคืนดีกันได้ในเร็ววันหากเจ้าอยากแต่งงานด้วยใจจริงจงอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง”

หยางเฉินมองไปยังใบหน้าที่แสนทีมของน้องสาว นางถลึงตาใส่คนอื่นในทุกประโยคที่พูดออกมาแม้จะห่วงใยดูแลผู้อื่นอย่างจริงใจถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูจากสีหน้าของนางก็เหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

“ผู้หรง กลับบ้านกันเถิด! ไม่เช่นนั้นท่านพ่อเจ้าจะเป็นห่วง ไปเถิด! ถ้าอยากคุยกับแม่หญิงหยุนหนหน้าค่อยมาใหม่”

หยางยู่หรงถูกพี่ชายของนางลากตัวไปขึ้นรถม้า รถเคลื่อนไปได้ซักพักหยางยู่หรงที่จากไปด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจหันกลับมาด้านหลังมองลอดผ่านม่านในรถจนร่างของหยุนเถียนเถียนลับตา

“ท่านพี่! เหตุใดถึงพูดว่าข้าไม่เหมือนแม่นางหยุนเล่า?หากข้าเป็นนางข้าจะไม่แต่งงานเร็วเช่นนี้หรอกต้องเป็นโสดให้ชายทั้งโลกลุ่มหลงสิถึงจะถูก!”

หยางเฉินกล่าวด้วยสีหน้าผิดหวัง “น่าเสียดายที่นางแต่งงานเร็วไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าตนเองจะลุ่มหลงนางไปด้วยอีกคนเอาล่ะ!ในเมื่อเจ้ายังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ก็รีบแต่งงานเถิดอย่ารอช้าไม่เช่นนั้นหากเป็นสาวใหญ่แล้วจะไม่มีใครต้องการเจ้า”

“จางชิงเฟิงนั่น ถึงข้าจะไม่ชอบเขาอยู่บ้างแต่ตราบใดที่เจ้าชอบก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าก็ฝากถามแม่นางหยุนหน่อยว่านางมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันหรือไม่ สาวงามเช่นนี้แม้จะมีนิสัยไม่ดีทว่าหากกลับเรือนมาได้เห็นอะไรสวย ๆ งาม ๆก็คงสบายตาสบายใจยิ่งนัก”

หยางฟูหรงมองพี่ชายของตนด้วยสายตาดูถูก “ไม่ใช่ว่านี้จะถือเป็นการทําร้ายแม่นางคนอื่นๆรี? นอกจากจะดูเป็นคนไม่ได้เรื่องแล้ว ทั้งยังตามเกี่ยวหญิงงามไปทั่วแบบนี้ ท่านจะยอมให้แม่หญิงคนอื่นมาดูถูกตัวเองรึ?”

“ข้าจะเกี้ยวหรือไม่แล้วเจ้าจะทําไม? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่ากิตติศัพท์เหล่านี้ข้าได้มาจากไหน?ไม่ใช่เพราะเจ้าคอยสนับสนุนข้าร์?”

หยางฟูหรงแลบลิ้นใส่ จากนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก อย่างไรก็ตามชื่อเสียงกิตติศัพท์เหล่านี้ที่ได้มาส่วนหนึ่งก็เพราะตัวของเขาเองด้วย! ถ้าพี่ชายนางไม่ใช้ชื่อเสียงของตนไปคุกคามหญิงอื่นอยู่บ่อย ๆ ไม่เช่นนั้นตอนนี้นางก็คงจะมีพี่สะใภ้เป็นตัวเป็นตนไปแล้ว!

“อันที่จริงข้าว่าเจ้ายังพอมีโอกาสคนที่ดูเย็นชาและน่ากลัวอย่างหยุนเคอนั้น แม้เขาจะดูดีใช้ได้แต่ข้ารู้สึกว่าพี่ชายของข้าก็มีดีไม่แพ้กัน!ท่านพี่! รีบรวบรวมความกล้าแล้วไปขอแม่นางหยุนมาเป็นพี่สะใภ้ข้าเถอะ”
“เจ้าลากเข้ามาเรื่องนี้จนได้คิดว่าเพื่อนของเจ้าไม่รู้?หากนางยังไม่แต่งงานข้าพอจะทําได้แต่ในเมื่อนางแต่งงานแล้วข้าก็ไม่กล้าทําให้ครอบครัวคนอื่นร้าวฉานหรอก”

หยุนเถียนเถียนผู้เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะมีผู้อื่นพูดถึงนางอีกทั้งคนคนนั้นก็เป็นสตรีที่อยากได้เธอไปเป็นพี่สะใภ้

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้คนที่นึกถึงหยุนเถียนเถียนคงไม่ได้มีแค่คนสองคนแน่นอนอาจรวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่นางกับจินเฮ่ามีเรื่องเคืองใจกันตอนนี้ก็คงกําลังนึกถึงหยุนเสียนเถียนอยู่เช่นกัน

โดยเฉพาะหลังจากที่จินเฮ่าโดนปฏิเสธจากตระกูลหยางทําให้เขาเกลียดหยุนเกียนเถียนมากขึ้น!คิดว่าหากไม่ใช่เพราะหยุนเวียนเถียนเอ่ยอะไรพวกนั้นต่อหน้าจางชิงเฟิงตนคงไม่ถูกผู้อื่นดูแคลนซ้ําแล้วซ้ําเล่า

เมื่อมาคิดดู หนอนหนังสืออย่างจางชิงเฟิงต้องหลงใหลในรูปลักษณ์อันงดงามของหยุนเถียนเถียนอย่างแน่นอนเพราะเหตุนั้น แม้สิ่งที่หยุนเสียนเถียนพูดจะไม่ได้มีสาระอะไรแต่จางชิงเฟิงก็ให้ความสําคัญกับมันมาก

ช่วงนี้จินเฮ่ามาด้อม ๆ มอง ๆ แถวบ้านตระกูลหยุนได้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่สบโอกาสที่จะลงมือก่อนหน้านี้เขายังตระหนักถึงเรื่องการแต่งงานกับตระกูลหยางจึงไม่กล้าลงมือแต่บัดนี้การหมั่นหมายกับตระกูลหยางได้ถูกยกเลิกแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทําผิดพลาดแต่กลับไม่ยอมแก้ไข

ตอนที่ 305 ดึงด้ายแดง

หยุนเกียนเถียนรู้อยู่แก่ใจว่าจางชิงเฟิงเป็นผู้มีเมตตานางจึงรีบกล่าวว่า “ถูกต้องเจ้าค่ะ! มิตรนั้นใช่จะเป็นกันนิรันดรไปก็หาไม่ แม้ตอนนี้หยุนเคอจะเมตตาข้าแต่ใครจะรู้เล่าว่าวันหน้าความคิดของเขายังคงเหมือนเดิมหรือไม่?หากวันหนึ่งเขาละทิ้งข้า ข้าจะทําเช่นไรได้? ดังนั้นต่อให้ไม่ใช่เพราะน้องชายข้าก็จะพยายามฝึกตนให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ!”

ขณะนี้เฉินเฉินกลับถึงบ้านแล้ว เขาเดินเข้าประตูพร้อมตะโกนถามว่า “พี่สาวคุณชายจางอยู่ที่นี่หรือ?”

เมื่อเห็นเฉินเฉินเดินเข้ามา หยางเฉินก็รู้สึกดีใจทันที! แม้ว่าคนตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้าของเขาจะสวมเสื้อคลุมยาวทว่ากลับดูผอมเพรียวยิ่งนัก! ขณะที่ใบหน้าอวบอิ่มทําให้ใบหน้าของเขาดูเยาว์วัยราวกับเด็กอายุแปดหรือเก้าขวบ!

หากเด็กน้อยคนนี้รู้วิธีต่อสู้เพื่อปกป้องพี่สาว ในฐานะพี่ชาย… เขาควรใช้วิธีการใดในการปกป้องน้องสาว?

บิดาได้เอ่ยปากขอให้สานต่อธุรกิจครอบครัว ทว่าเขาไม่กลิ่นของทองแดงจึงปฏิเสธไป!แต่เมื่อได้ร่ําเรียนก็รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนทุกครั้งที่จับตํารา… เขาทําอะไรได้บ้างเล่า?

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยดังเดิมได้อีกต่อไป! เพื่อน้องสาวผู้น่ารักและไร้เดียงสาเขาจึงต้องกัดฟันทนต่อไป เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนางเขาเกรงว่าจะไม่สามารถปกป้องนางได้!

จางชิงเฟิงโค้งคํานับเล็กน้อยก่อนพาเฉินเฉินไปเรียนตํารา! ดังนั้นภายในห้องโถงจึงเหลือพี่น้องตระกูลหยางเพียงสองคนเท่านั้น!

หยุนเกียนเถียนกล่าวหยอกล้อ “ผู้หรง สมัยก่อนหากเจ้าเห็นคนหล่อเหลาทีไรเป็นต้องเหลียวหลังมอง!แต่เหตุใดเจ้าถึงไม่ดีใจเป็นลิงโลดเมื่อเห็นคุณชายจางผู้เลอโฉมเล่า!”

หยางยู่หรงเม้มริมฝีปาก “เพียงได้มองใบหน้าขาวนวลราวกับแสงจันทร์อยู่ห่างๆก็เพียงพอแล้ว! เถียนเถียน เทพเจ้าคงรักเจ้าน่าดูถึงปั้นใบหน้าของเจ้าให้สวยงามเช่นนี้!เหตุใดพระเจ้าไม่เมตตาข้าบ้าง?

“แม่สาวคนนี้พูดจาไร้สาระ ข้างามตรงไหนเล่า? ข้าแต่งงานกับเจ้าได้เสียเมื่อไร?ไหน ๆก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วข้าว่าคุณชายจางเหมาะสมกับเจ้ายิ่ง!”

“ดูคําพูดเจ้าส์ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง! เขาชอบคนที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน… สําหรับข้าแล้วเขาหล่อเหลาเกินไป!คุณชายจางเป็นคนมากพรสวรรค์และที่สําคัญที่สุดคือเขาเป็นคนอ่อนโยน!แม้บางครั้งข้าจะไม่สนใจที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ทว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว!ข้ารู้ว่าคุณชายจางเป็นคนอ่อนโยนดังนั้นเขาจะต้องทนข้าในฐานะหญิงสาวผู้แอบรักได้แน่นอน!”

“สิ่งสําคัญที่สุดคือกลัวว่าแม่สามีจะไม่ชอบอุปนิสัยของเจ้า! แต่คุณชายจางนั้นแตกต่างออกไปเขากําพร้าแม่และถูกเลี้ยงดูโดยพ่อผู้มากความสามารถ!ข้าเคยพบปะพ่อของเขาโดยบังเอิญแม้ว่าท่านผู้เฒ่าจางมีภาพลักษณ์เคร่งขรึมทว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนช่างพูด!”

“สิ่งเดียวที่ข้ากังวลในตอนนี้คือเกรงว่าพ่อของคุณชายจะไม่เห็นด้วยเนื่องจากการหมั้นหมายครั้งก่อนของคุณชายไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ถือเป็นความอัปยศก็ว่าได้อย่างไรก็ตามเรื่องมันผ่านมานานแล้วเขาคงไม่คิดแค้นอะไรแล้วล่ะ… เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจกว้างและไม่เคยกล่าวโทษผู้อื่นเลย!”

หยางยู่หรงมองไปที่เถียนเกี่ยนด้วยแววตาเปล่งประกายพลางพยักหน้าพร้อมเผยสีหน้าขึ้นชม! หยางเฉินที่นั่งอยู่ข้างของนางแสดงท่าที่อับอายออกมาและในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าความรับผิดชอบใหญ่หลวงได้ตกลงบนบ่าของตนแล้ว!

หญิงสาวผู้นี้จะแต่งงานกับใคร? หากมีแม่สามีนิสัยป่าเถื่อน ชีวิตแต่งงานของนางคงไม่ราบรื่นนักและคงมีเพียงหยางเฉินเท่านั้นที่สามารถปกป้องน้องสาวได้!

“แต่เท่าที่คิดดูแล้ว หากเจ้าแต่งงานกับคุณชายจางจริง พี่ชายของเจ้าคงไม่สบอารมณ์น่าดู!ภูเขาที่ขวางหูขวางตาต้องกลายมาเป็นน้องเขย! จ๊ ๆ ๆ”

หยางยู่หรงเอียงศีรษะ “ข้าไม่เห็นว่าจะมีปัญหาเลย มันไม่ใช่ปัญหา แต่ข้าจะเก็บไปพิจารณาแล้วกันเพราะเห็นว่าครอบครัวของเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับคุณชายจาง!พี่ชายของข้าพูดไปเมื่อครู่มิใช่หรือ? ถ้าพ่อของข้าชอบคุณชายจางลูกชายของเขาจะขัดขวางได้อย่างไร!ไม่เช่นนั้นข้าจะทําให้เขายอมเอง!”

หยางเฉินยื่นมือออกไปยผมของหยางยู่หรงเบา ๆ “เจ้าพูดอะไรน่ะสาวน้อย!หากเจ้าชอบพอคุณชายจางจริงก็คิดถึงแต่เรื่องดี ๆอย่ายกเรื่องนี้มาพูดให้ข้าอารมณ์เสียเลย!มันทําให้ขาดูเหมือนคนใจแคบ!”

“ทําอย่างกับตอนนี้ท่านพี่ไม่ใช่คนในแคบ!”

หยางยู่หรงลูบศีรษะของตนเองด้วยความประหม่า และยังคงไม่ยกโทษให้พี่ชาย! พี่น้องสองคนนี้กําลังทะเลาะกันซึ่งทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกอิจฉายิ่งนัก!

จางชิงเฟิงสอนตําราให้เฉินเฉินอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อพวกเขาออกมาเสียงหัวเราะร่วนของทั้งสามคนที่อยู่ในห้องโถงก็หยุดลงทันที!

จางชิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าแม่นางหยุนไม่ควรพูดถึงผู้อื่นลับหลังเช่นนี้!เหตุใดแม่นางหยุนถึงเผยสีหน้าประหม่าราวกับว่ากลัวเขาได้ยินเรื่องบางอย่าง?

หยุนเถียนเถียนมองไปยังหยางยู่หรงและพบว่านางมองจางชิงเฟิงด้วยสายตาชื่นชม!

“คุณชายจาง ทราบหรือไม่ว่าบิดาของท่าคิดเห็นอย่างไรกับการหมั้นหมายหรือเจ้าคะ?”

จางชิงเฟิงเหยียดยิ้มอย่างขมขึ้น “แม่นางหยุนรู้ดีว่าการหมั้นหมายครั้งล่าสุดของข้าเกิดอะไรขึ้น!ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้มีความรู้และมากความสามารถจะมีด้านที่เลวร้าย!ข้าเข็ดหลาบเรื่องหญิงสาวแล้วล่ะ!ใครจะต้องการแต่งงานกับหญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นข้าว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลยดี กว่า!”

“คุณชายจางคิดมากเกินไปแล้ว… หญิงสาวทุกคนไม่ได้มีนิสัยเลวร้ายเช่นนางเสียหน่อยบนโลกนี้ยังมีหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาและน่ารักรอคุณชายอยู่นะเจ้าคะเหตุใดท่านถึงปิดใจเช่นนี้?”

“ข้าไม่คิดว่าผู้หญิงบนโลกจะเป็นเช่นนาง เพียงแต่ข้าไม่มั่นใจเลย! อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถิด!เร็ว ๆ นี้เฉินเอ๋อเพิ่งเลิกเรียน เราควรปล่อยให้เขาไปพักผ่อนได้แล้ว!”

จางชิงเฟิงหันมองเฉินเฉินด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นทั้งสองต่างประสานมือเพื่อบอกลาก่อนเดินออกจากบ้านไป!

หยางยู่หรงห้ามความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้จึงกระซิบถาม“เถียนเถียน บอกข้าหน่อยสิว่าเขาเกลียดชังอะไรหนักหนา?หรือว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้ว!”

หยุนเถียนเถียนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม“อันที่จริงคุณชายจางไร้เดียงสาจนตกเป็นเหยื่อของคนเจ้าเล่ห์น่ะ!หญิงสาวที่เขาเคยหมั้นหมายด้วยเป็นคนในหมู่บ้านของข้าเอง!พวกเขาถูกคลุมถุงชนโดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย!หญิงสาวผู้นั้นเป็นคนมากความสามารถเช่นเดียวกันและแม้ว่าทั้งสองจะไม่รู้จักกันมาก่อนทว่าสามีคนปัจจุบันของนางนั้นคุ้นเคยกับคุณชายจางมาก่อน!”

ตอนที่ 304 สั่งสอน

ทันใดนั้น หยางยู่หรงก็คิดถึงเรื่องอื่นและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับไหล่ของหยุนเสียนเถียน!

“เถียนเถียน ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หากเจ้าสร้างปัญหาข้าแม้แต่ครั้งเดียว เจ้าจะต้องชดใช้ให้ ข้ารีบหาสามีที่เหมาะสมให้ข้าซะ มิฉะนั้นพ่อข้าคงกังวลจนตาย!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง ประตูหน้าบ้านของหยุนเถียนเถียนก็ถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง

หยุนเถียนเถียนเงยหน้ามองฟ้า คราวนี้คงเป็นจางชิงเฟิงที่มาเยือนถึงหน้าประตู

“พวกเจ้ารอสักครู่ น่าจะมีแขกอีกคนมาบ้านข้า”

เมื่อหยุนเถียนเถียนเปิดประตู ก็พบว่าคนที่อยู่ด้านนอกคือจางชิงเฟิงดังคาด ในตอนนี้จางชิงเฟิงดูเหมือนว่าจะหลุดพ้นจากความโศกเศร้าที่ถูกเพื่อนรักทรยศเขาจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

“นายน้อยจาง รีบเข้ามาเถิด วันนี้ข้ายังมีเพื่อนอีกสองคนอยู่ในบ้าน ทุกคนจะได้ทําความรู้จักกันไว้”

เมื่อเห็นผู้มาเยือน สีหน้าของหยางเฉินก็มืดครึมลงทันที

คนผู้นี้คือบัณฑิตที่สง่างามที่สุดในใจของผู้คน ส่วนเขาคือจอมเสเพลทําตัวเหลวไหลอย่างถึงที่สุดกล่าวได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมากและแน่นอนว่าในใจของคุณชายเจ้าสําราญอย่างเขารู้สึกอิจฉาบัณฑิตผู้นี้ยิ่งนัก!

หยางเฉินอาศัยอยู่ในเงามืดมาหลายปี มักจะถูกหยางหงกล่าวเปรียบเทียบกับจางชิงเฟิงลูกบ้านอื่นผู้นี้

* ลูกบ้านอื่น เด็กที่มีความประพฤติดี เรียนเก่ง จนพ่อแม่มักจะนํามาเปรียบเทียบกับลูกของตัวเองที่บ้านเสมอ

จางซึ่งเพิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดชายเสเพลชื่อเสียงโด่งดังผู้นี้ถึงมาปรากฏตัวอยู่ในลานบ้านเล็กๆของหยุนเถียนเถียนได้?เขามิได้คิดดูถูกหยางเฉินเพียงแต่แปลกใจเท่านั้น

และสิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจที่สุดคือท่าทีของหยางเฉินซึ่งดูไม่เป็นมิตรนักที่ผ่านมาเขาและบุตรชายคนโตของตระกูลหยางไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจอันใดกันพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะสนทนากันเลยด้วยซ้ำเหตุใดอีกฝ่ายถึงมองเขาราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาก่อน?

หยางยู่หรงเอ่ยขัดก่อนจะเปิดประตู “เถียนเถียน ชายผู้นี้คงจะเป็นนายน้อยจางชิงเฟิงที่เจ้าเคยพูดถึงใช่หรือไม่? ข้าเคยได้ยินพ่อข้าพูดถึงอยู่บ้าง”

สีหน้าของหยางเฉินยิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก ตอนที่พ่อของนางกล่าวถึงจางชิงเฟิง ย่อมหมายถึงตอนที่พี่ชายผู้นี้กําลังถูกบิดาสั่งสอน

แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้สึกว่าบรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย แต่นางก็ก้าวเข้าไปกล่าวแนะนํา“ใช่แล้วผู้หรงนี่คือนายน้อยจางไม่กี่วันมานี้เขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับน้องชายของข้าส่วนนี่…”

ยังไม่ทันได้กล่าวต่อหยางยู่หรงก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมา “เจ้าไม่จําเป็นต้องแนะนํา ข้ากับพี่ชายข้าเคยรู้จักนายน้อยจางมาก่อน”

จางชิงเฟิงและหยางเฉินหันไปมองหยางยู่หรงพร้อมกัน เหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน?

หยางยู่หรงพึมพํากับตัวเอง “ทุกครั้งที่พี่ชายของข้าสร้างปัญหานอกบ้าน ท่านพ่อมักจะพูดอยู่เสมอว่าเจ้าดูนายน้อยจางลูกบ้านอื่นเถิด เขากับเจ้าอายุเท่ากัน ตอนนี้เขามีชื่อเสียงดีงามยิ่งนักเหตุใดเจ้าไม่รู้จักเรียนรู้เสียบ้าง!”

ท่าทางการพูดเช่นนี้เหมือนกับบิดาของเขาไม่มีผิด หยางเฉินให้รู้สึกอับอายต่อหน้าหญิงงามยิ่งนักฉับพลันใบหน้าของเขาก็แดงเถือกราวกับกุ้งต้มสุก

หยุนเถียนเถียนหัวเราะเสียงดังลั่น “ข้าว่าแล้วเชียว ผู้หญิงคนนี้ ต่อหน้าคนนอกกลับไม่ช่วยรักษาหน้าพี่ชายเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”

หยางยู่หรงไม่เข้าใจ คําพูดเหล่านี้เกี่ยวข้องอันใดกับการรักษาหน้าของพี่ชายขณะที่ยังหัวเราะไม่หยุดหยุนเถียนเถียนก็ได้เชิญทั้งสามนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะยกมาน้ำชามาให้พวกเขา

“นายน้อยหยาง เจ้าก็อย่าได้โกรธเคืองนายน้อยจางเลย เขาเพียงแค่ฉลาดกว่าเจ้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่เคยทําผิดต่อเจ้าถึงแม้ว่าบนโลกนี้จะไม่มีนายน้อยจางแต่ก็ยังมีนายน้อยหวังนายหลีที่ดีกว่าเจ้าเสมอ ที่สุดแล้วเจ้าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อตัวเอง”

หยางเซินกะพริบตาอย่างไม่ใส่ใจ เขาก้มศีรษะลงคล้ายเด็กที่กระทําผิด ก่อนจะกล่าวขึ้น “ตาแก่ที่บ้านมักจะบังคับให้ข้าศึกษาต่าราอยู่เสมอ แต่ทุกครั้งที่ข้าจับตําราขึ้นมาอ่านก็เป็นอันง่วงนอนอยู่ร่ำไปทุกครั้งที่เขาสั่งสอนข้า จึงทําให้ข้ารู้ดีว่านายน้อยจางมีความสามารถอย่างไรหากเขาไม่ชอบข้าถึงเพียงนี้เหตุใดถึงไม่รับนายน้อยจางเป็นลูกเสียเลย?”

หยุนเสียนเถียนยิ้ม “อันที่จริง ข้าเองก็เข้าใจความรู้สึกของนายน้อยหยาง บางคนเกิดมาเพื่อเป็นบัณฑิตที่ยอดเยี่ยมแต่บางคนก็ไม่ชื่นชอบในสิ่งนี้ พ่อของเจ้าเป็นคนเชื่อมั่นยิ่งนักเขาคงอยากให้เจ้าต่อสู้เพื่อเขา แม้จะต้องเคี่ยวเข็ญกันอยู่บ้างแต่สุดท้ายทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้า”

“อีกอย่าง นายน้อยหยางต้องคิดเรื่องนี้ให้ดี เจ้าจะทําอย่างไรในยามที่พ่อของเจ้าแก่ชรา? แม้ ที่บ้านจะมีทรัพย์สินมากมายแต่ก็ต้องใช้จ่ายอยู่ทุกวัน หากพ่อของเจ้าแก่ตัวลงเขาก็คงไม่โอกาสได้วางแผนชีวิตให้เจ้าอีกหากไม่เห็นว่าเป็นลูกพ่อแม่ที่ไหนจะอยากเอาใจใส่

นี่เป็นครั้งแรกที่หยางเซ็นตระหนักถึงคําสั่งสอนในใจ หยุนเถียนเถียนไม่ได้กล่าวชี้แนะอย่างจริงจังแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่มีวาทศิลป์ให้เขาคิดถึงอนาคต

แม้วิธีการดังกล่าวจะไม่นับเป็นอะไรในสายตาของคนยุคใหม่ แต่เมื่อเทียบกับหยางหงที่รู้จักแต่การบังคับข่มขู่นี่ทําให้หยางเซินคิดได้อย่างลึกซึ้ง

“ในความคิดของข้า หากนายน้อยหยางไม่อยากเรียนหนังสือ ก็ควรบอกกับพ่อของเจ้าไปตามตรงว่าอยากทําในสิ่งที่ตัวเองถนัด แม้ว่าทุกอย่างบนโลกนี้จะด้อยกว่ามีเพียงการศึกษาเท่านั้นที่ยกให้คนสูงส่งแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล่าวว่าต้องเรียนหนังสือเท่านั้นถึงจะหาเลี้ยงตนเองได้นายน้อยหยางอาจจะต้องคิดให้ละเอียดว่าถนัดและชื่นชอบสิ่งใด? จากนั้นก็ไปโน้มน้าวใจพ่อของเจ้าให้ได้”

“นี่ดีกว่าการเชื่อฟังยามอยู่ต่อหน้าแต่ลับหลังกลับต่อต้านอย่างที่เคยทํามาอย่างน้อยพ่อของ เจ้าก็ไม่ต้องคาดหวังให้เสียเวลา แม้ทุกคนบนโลกจะเชื่อว่านายน้อยหยางเป็นคนไม่เอาไหนแต่ในความคิดของข้าพื้นฐานของนายน้อยหยางนั้นไม่ได้แย่ เพียงแค่ขาดความทะเยอทะยานเท่านั้น”

“ข้าเข้าใจว่านายน้อยหยางรักน้องสาวมาก เช่นนั้นไม่เจ้าอยากเป็นที่พึ่งให้นางในภายหน้าหรือ? ตอนนี้นางกําลังกังวลเรื่องการแต่งงานและชีวิตของนางหลังจากนี้ เมื่อพ่อของท่านแก่ตัวลงหากนางถูกครอบครัวสามีรังแกใครจะคอยปกป้องดูแลนาง?หากเจ้าไม่มีความสามารถที่แท้จริงเกรงว่าจะไม่ผู้ใดสนใจว่าต้องการช่วยเหลือนางหรือไม่”

หยางเฉินเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวผู้บริสุทธิ์และไร้เดียงสาที่ไม่เคยต้องกังวลกับสิ่งใดชั่วขณะหนึ่งเขาบังเกิดความรู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่ง!

หยุนเถียนเถียนจะไม่กล่าวต่อ คําพูดเท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้คนคิดเองได้แล้วหากไม่ถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งเดียวกันแม้จะพูดจนปากฉีกเขาก็คงไม่สนใจ

เมื่อจางชิงเฟิงได้ยินวาจาที่กระตุ้นความคิดเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดออกมา “แม่นางหยุนท่านไม่อาจสอนทุกคนในฐานะน้องชายของท่านเองได้ ตอนนี้ข้าพอรู้เหตุผลที่เฉินเอ๋อตั้งใจเล่าเรียนอย่างหนักหากในภายหน้าหยุนเคอทอดทิ้งท่านเขาก็จะได้คอยช่วยเหลือท่านแต่ว่าเด็กผู้นี้ทําได้ ข้คิดว่านายน้อยหยางน่าจะทําได้ดีกว่านี้!”

จางชิงเฟิงกล่าวเช่นนี้ราวกับโรยเกลือหนึ่งกํามือลงในกระทะ*จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในหัวใจของหยางเฉินจึงพุ่งทะยานขึ้นมา!

*กระตุ้นความรู้สึกขึ้นมา

ตอนที่ 303 ค่าขอบคุณ

“อย่างน้อยนางก็เป็นบุตรสาวตระกูลหยางแม้ข้าจะไร้ซึ่งความสามารถและอาจเลี้ยงดูนางได้ไม่ดีแต่บุตรสาวข้าผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไม่ใช่ของราคาถูกที่เจ้าจะดูแคลนได้!”

หยางหงกล่าวก่อนจะจากไป ทิ้งให้จินเฮ่าโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนสี

แม้ตระกูลของตนจะมีฐานะค่อนข้างดี ด้วยมารดาเป็นแม่ม่าย ทั้งยังมีที่ดินถึงหนึ่งไร่สามเฟินและยังสามารถส่งตนเรียนจนสูงได้

แม้ตระกูลเขาดีขึ้นบ้างแล้ว แต่มารดาที่เป็นม่ายด้วยที่ดินหนึ่งไร่สามเฟินก็ยังสามารถส่งเขาเล่าเรียนจนมีการศึกษาได้!

มันไม่ง่ายเลยที่มารดาวางแผนแต่งงานให้กับเขาหากได้แต่งงานกับบุตรสาวตระกูลหยางสินสอดทองหมั้นที่ได้กลับมารวมถึงการสนับสนุนจากพ่อตาจะช่วยให้เขาผ่านการสอบเข้ารับราชการได้

ด้วยได้ยินว่าบุตรสาวตระกูลหยางนั้นเป็นเด็กสาวมีอายุ และเขาไม่ได้คาดหวังสิ่งใดมากนักแต่เมื่อคิดถึงอนาคตทําให้ต้องกัดฟันแน่นและยอมรับ

ผู้ใดกันคาดคิด ว่าเขาจะทําผิดพลาดร้ายแรงเพียงนี้ ตระกูลหยางกลายเป็นไม่เห็นชอบต่อตัวเขาอย่างรุนแรง!

แต่ตัวจินเฮ่าเองทราบดีว่าตนต้องสอบเข้ารับราชการ ดังนั้นตนจึงไม่กล้าขัดขืนหยางหงในที่
สาธารณะ

หยางหงกลับบ้านด้วยความโกรธแม้หยางเฉินจะดูเพี้ยนก็สามารถสังเกตเห็นว่าบิดาตนโกรธมากเพียงใดเขาจึงออกมาปลอบโยน แม้เพียงถ้อยค่าที่กล่าวอาจฟังไม่เข้าหูนัก

“ตาแก่ ใครทําท่านโกรธมาหรือ?”

ด้วยไม่สนใจในน้ําเสียงดูหมิ่นจากบุตรชาย หยางหงทุบโต๊ะอย่างแรง “จะมีใครนอกจากตัวบัดซบจินเฮ่า! ข้าได้ยินจากน้องสาวของเจ้าเมื่อสองสามวันก่อนว่านายน้อยจนเป็นชายปลิ้นปล้อนตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อจนกระทั่งวันนี้ข้าได้ประสบกับตนเองจึงได้ทราบว่าน้องสาวเจ้ากล่าวความจริง!”

หยางเฉินเป็นพี่ชายรักน้องสาวมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พานางออกไปเที่ยวเล่นบ่อยครั้ง

“จินเฮ่าดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่ข้าทราบดีว่านั่นเป็นเพียงการเสแสรั้ง ซึ่งนั่นทําให้ท่านพ่อเชื่อได้โดยง่ายในฐานะพี่ชายจะให้ข้าฉุดรั้งนางจากอนาคตอันสดใสหรือ?”

ขณะนึกย้อน หยางหงกลอกตาไปมาโดยไม่พูดกล่าว เหตุใดเขาไม่ทราบว่าบุตรชายตนเองมีความนึกคิดเช่นนี้กัน?

“วันนี้ต้องขอบคุณน้องสาวของเจ้าที่ทําให้ข้าตาสว่าง หากนางไม่กล่าวเตือนพ่อเกรงว่าครอบครัวของเราคงดูโง่เขลาสิ้นดี!”

“น้องหญิงค่อนข้างเจ้าอารมณ์ หากแต่งเข้าตระกูลจินจะต้องเสียใจเพียงใดกันเพื่อนางแล้วพวกเราควรช่วยนายน้อยจินต่อหรือไม่?ต่อให้ส่งตัวเขาไปเข้าสอบที่เมืองหลวงได้แต่คนเนรคุณเช่นนี้ต่อให้มันกลับมาก็มีแต่จะทําร้ายพวกเรา!”

“ไปที่บ้านตระกูลหยุนและกล่าวคําขอบคุณเถิด อย่างน้อยพวกเขาได้ช่วยเหลือครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ของน้องสาวเจ้า”

หยางเฉินพยักหน้ารับอย่างโง่เขลา “เช่นนั้นท่านก็จัดของขวัญสิ เดี๋ยวข้าจะนําพวกมันไปมอบให้กับสหายผู้มีเมตตาเพื่อขอบคุณเอง ข้าเองก็อยากเห็นว่าเด็กสาวผู้นั้นจะสะสวยจนวิญญาณออกจากร่างตามที่ได้ยินมาหรือไม่”

หยางหงพลันเตะกันบุตรชาย “เจ้าเด็กเขลา สนใจให้ถูกเรื่องได้ไหม! น้องสาวของเจ้าต้องเสียชื่อเสียงหากผู้อื่นได้ยินคําเมื่อครู่ของเจ้า เขาจะคิดกันอย่างไร!”

หยางเฉินหลบพร้อมเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย บิดาและบุตรชายส่งเสียงดังครู่หนึ่งก่อนหยางเฉินจะรีบไปพบน้องสาว

แม้ว่าหยางยู่หรงจะเป็นเด็กสาวผู้รักอิสระและเรียบง่าย บัดนี้นางนั่งกอดเข้าอยู่ในห้องด้วยความไม่สบายใจรอคอยบิดาของตนเข้ามาแจ้งข่าวที่ส่งผลถึงโชคชะตาของตน

บิดาของนางกลับไม่ปล่อยให้รอนาน ตอนนี้กลับมาพร้อมพี่ชายจอมเพี้ยน
หยางเฉินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มขณะกล่าว “เหตุใดน้องพี่จึงต้องกังวลเรื่องงานแต่งถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?แต่เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลแล้ว จินเฮ่านั้นเป็นคนไม่ดีและท่านพ่อเองได้ตอบปฏิเสธไปแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยางยู่หรงกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ “จริงหรือ? นั้นมันวิเศษ!ข้าทราบดีว่าแม่นางหยุนจะไม่โกหกข้า!นางกล่าวว่าจินเฮ่าเป็นคนไม่ดีแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง!”

“ข้ามีอายุมากแล้ว คงไม่อาจอยู่บ้านหลังนี้ได้จนถึงบั้นปลาย พี่ชาย ข้าจะพาท่านไปรับชมสตรีผู้งดงามที่สุดในโลกและจะให้นางช่วยเลือกสามีที่เหมาะสมให้”

หยางเฉินรู้สึกผ่อนคลายลง “รอประเดี๋ยว ท่านพ่อกล่าวจะให้นาของขวัญติดมือไปด้วยเพื่อขอบคุณที่ช่วยเจ้าให้รอดจากการใช้ชีวิตเยี่ยงตายทั้งเป็น

หยางยู่หรงไม่สนใจสิ่งใดมากนัก นางกล่าวให้สาวใช้ช่วยจัดเตรียมรถม้า สองพี่น้องมาถึงหน้าลานบ้านของหยุนเถียนเถียนในตอนเที่ยงวัน

แม่ไม่ได้ออกไปไหน หยุนเสียนเถียนยังคงงดงามหาที่เปรียบมิได้ อย่างไรเสีย ผู้ที่เข้าออกประตูบ้านของนางได้เช่นนี้จะต้องเป็นคนคุ้นเคยอย่างแน่นอน

เพราะนางได้ยินเสียงเคาะพร้อมเปิดประตูรั้วเข้ามา

หยางยู่หรงโผล่พรวดเข้ามาอย่างคึกคัก ขณะที่หยางเฉินซึ่งตามหลัง ตอนนี้กลายเป็นทํากองผ้าในมือร่วงหล่นกับพื้นไปแล้ว

หยางยู่หรงไม่แปลกใจในท่าทีของพี่ชายตน นางเขย่ามือพี่ชายและกล่าวเสียงดัง “พี่ชายข้ากล่าวไม่ผิดใช่ไหม แม่นางหยุนนั้นงดงามที่สุดในโลก!”

หยุนเสียนเถียนได้ถูกยกยอต่อหน้าชายแปลกหน้า นางเขินอายจนใบหน้าร้อนผ่าวและกล่าว“เด็กน้อย อย่าได้โพนทะนาไปทั่ว! ในเมื่อนําพี่ชายมาด้วยเช่นนั้นเข้าไปนั่งด้านในแล้วค่อยพูดคุย”

หยางเฉินเพิ่งได้สติและรู้สึกไม่เป็นตัวเอง ด้วยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเก็บสิ่งของที่วางบนพื้นและเดินตามเข้าไปในลานบ้าน

ทั้งสามนั่งล้อมรอบโต๊ะ

หยางเฉินกล่าวอย่างสุภาพ “ข้ามาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณสตรีผู้ช่วยเหลือน้องสาวจากสัตว์ร้ายสวมหนังมนุษย์”

หยุนเถียนเถียนยิ้มเบาบาง ทําให้ดวงตาของหยางเฉินพร่ามัว

“ฝหรงเป็นดั่งน้องสาวข้า จะให้ข้าทนดูนางทุกข์ทนในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างไร”

ในอดีตหยางเฉินเคยอยู่ท่ามกลางสาวงามมากมาย แต่กลับไม่เคยเขินอายต่อหน้าสตรีคนใดเฉกเช่นแม่นางตรงหน้า ขณะที่นางเผยรอยยิ้มเบาบางนั้น กลับทําให้เขาหน้าแดงก่ำ

“ข้ารู้จักเด็กน้อยผู้นี้ดี นางมักกล่าวว่าตนเองไม่ได้งดงามเช่นแม่นางหยุน ที่มาวันนี้ก็เพื่อกล่าวขอบคุณที่แม่นางหยุนพบเห็นคุณค่าในตัวนางถึงเพียงนี้”

หยางยู่หรงนึกไม่พอใจ พี่ชายนางกล่าวเหมือนตนเองไม่มีใดดี ตอนนี้จึงเร่งรีบแก้ไขความเข้าใจผิด “ต่อให้เป็นการพบกันครั้งแรก ข้าก็ยังชอบแม่นางหยุนที่งดงาม แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมานานจะให้ข้ามองคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้กระมัง?”

“น้องหญิงไม่ต้องกลัว แม่เจ้าเสียโฉม พี่หญิงผู้นี้ก็ยังชอบเจ้ามากอยู่ดี!”

หยุนเถียนเถียนเผยยิ้มอับจน “เด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากใบหน้าข้าเสียโฉม ไม่เพียงแต่ข้าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยินดี”

หยางยู่หรงเผยคําไม่ยินดีเสียงเบา “ก็แหงอยู่แล้ว”

ตอนที่ 302 เด็กสาวในบั้นปลาย

จินเฮ่ารู้สึกไม่ดีตลอดทั้งวัน ในอดีตเขามักจะถามจางชิงเฟิงเสมอหากได้รับการบ้าน

แม้คําพูดจางชิงเฟิงไม่ค่อยน่ารับฟังเท่าใดนัก แต่ด้วยความอดทนของอีกฝ่ายที่พยายามสอน ตามล่าดับไม่ใช่ในคราวเดียว หลังพบสหายผู้นี้จินเฮ่ารู้สึกว่าการบ้านเป็นเรื่องง่าย

แต่ช่วงนี้จางชิงเฟิงราวกับเป็นคนละคน พบเจออีกฝ่ายที่ไรจะกล่าวประชดประชัน หรือกระทั่งไล่เขาไปพ้นหน้า!

แม้เดิมที่ตนเป็นคนหน้าหนา แต่การรบกวนจางชิงเฟิงอีกครั้งกลับน่าอับอายเหลือเกินหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือมากมายก่อนหน้า ตัวจินเฮ่าเองก็ไม่สามารถทําการบ้านของตนได้เช่นกัน

รุ่งเช้า นี่เป็นครั้งที่สามที่ถูกท่านอาจารย์ด ซึ่งเขาทําได้เพียงก้มหน้าน้อมรับ

ในแววตาของท่านอาจารย์ ตัวเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้ละเลยงานของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งการกระทําเช่นนี้ทําให้ความรู้ที่มีน้อยลง

ด้วยเหตุนั้นจินเฮ่าที่โดนดูว่าจึงเผชิญช่วงเวลายากลําบาก ขนาดว่าเดินซื้อของข้างทางยังเกิดรู้สึกอารมณ์ไม่ดี!

ขณะเดียวกันนั้น ขอทานตัวน้อยวิ่งไม่ดูทางก่อนจะชนเข้ากับจินเฮ่า ทําให้เสื้อสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยฝ่ามือสีด่าทันที

สีหน้าของชายหนุ่มบูดบึง “เจ้าหนู! เจ้าทําเสื้อข้าเลอะ จะชดใช้ยังไง?”

ขอทานตัวน้อยหยุดนิ่ง น้ําตาไหลเอ่อออกด้วยความหวาดกลัว

“ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะครับนายน้อย โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”

เดิมที่จินเฮ่าอารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงเริ่มระบายมันออกมาด้วยการเตะเด็กน้อยอย่างแรงจนกลิ้งกับพื้นถึงสองตลบ

“บ้าฉิบ ในเมื่อไม่มีปัญญาชดใช้ งั้นข้าจะลงโทษเอง! คนเช่นเจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลก!”

ขณะข่มขู่ จินเฮ่าเริ่มปล่อยหมัดใส่เด็กน้อย

ทันใดนั้นมีชายวัยกลางคนเข้ามาห้ามไว้ “นายน้อย เด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจ หากท่านทําโทษเขาแล้วจะอย่างไรต่อเล่า?”

จินเฮ่ากัดฟันขณะกล่าว “มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือที่จะปล่อยเขาไป”

“แล้วท่านต้องการสิ่งใดเล่า? สังหารเขาทั้งเป็นหรือ? ท่านเป็นถึงบัณฑิต การทุบตีผู้อื่นตามท้องถนนจะสร้างแต่ชื่อเสียให้กับท่าน”

จินเฮ่ายังคงไม่สบอารมณ์ ดวงตาจ้องมองขอทานตัวน้อยราวกับจะกินเลือดเนื้อก่อนจะยั้งมือตนไว้

“ในเมื่อนายน้อยใจเย็นลงแล้ว ใช้โอกาสนี้หาเครื่องดื่มให้ชื่นใจไม่ดีกว่าหรือ?”

จินเฮ่าเงยหน้าขึ้นเผชิญกับชายตรงหน้า อีกฝ่ายประหลาด แม้สวมใส่ชุดผ้าฝ้าย แต่กลับดูสุภาพนุ่มนวลเผยซึ่งความเป็นสุภาพชน

“ขอบคุณท่านมาก”

หยางหงยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่จําเป็นหรอก เอาล่ะนายน้อย เราไปกันเถอะ”

จินเฮ่าเดินตามหยางหงเข้าไปในเหลาอาหารใกล้เคียง

หยางหงกล่าวถามอย่างไม่มั่นใจ “ท่านร่ําเรียนอยู่ที่เมืองนี้หรือ? การสอบเข้ารับราชการจะมีขึ้นในปีนี้ ท่านจะลองสอบดูไหม?”

จินเฮ่าได้ยินคําถามจึงนึกยินดีในความสูงส่งของตนเอง อีกฝ่ายอย่างมากก็เป็นคนค้าขายหากไม่แล้วคงสวมใส่ชุดแพรไหม ขณะที่ตัวเขานั้นเป็นถึงบัณฑิต!

“ไม่ใช่ ข้าเป็นบัณฑิตแล้ว แต่แรกเริ่มไม่ได้ผลสอบดีเยี่ยมเท่าใด ปีนี้จึงคิดลองอีกครั้ง”

หยางหงมองจินเฮ่าด้วยสายตาเย็นชา ชายผู้ดูสง่างามราวกับนกยูงตรงหน้าด้วยสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกกัดกันไปทั้งหัวใจแต่กระนั้นก็ยังไม่เผยสีหน้าใด

“เป็นบัณฑิตแล้วนี่เอง ถือว่าข้าเสียมารยาทไปแล้ว!”

สิ่งที่หยางหงคาดไม่ถึงคือขอทานตัวน้อยเมื่อครู่นั้นเป็นคนของหยุนเถียนเถียนการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและนายน้อยช่างไม่ดีเอาเสียเลย

แต่ด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว หยางหงยังไม่คิดช่วยเหลือผู้อื่นโดยมองด้านเดียวแต่เป็นการมาพิสูจน์ด้วยตาตนเองอย่างไรแล้วหยุนเกียนเถียนก็มีอิทธิพล กับคนเช่นจินเฮ่ามีแต่จะทําตัวเองตกตายในภายหน้าเนื่องด้วยเพราะเขาได้หาเรื่องต่ออนาคตพ่อตาไปเรียบร้อยแล้ว

“ข้ามกล้า”

จินเฮ่าเผยท่าทีรังเกียจที่จะพูดคุย หยางหงรู้สึกรังเกียจบุคคลนี้จากกันทิ้งของหัวใจบุตรสาวของเขาจะต้องไม่แต่งงานกับคนผู้มีดวงตาอยู่เหนือศีรษะ

ด้วยดูถูกคนค้าขายเช่นเขา แล้วกับบุตรสาวของพ่อค้าเล่า?
“ข้าขอถามสักหน่อยเถิดนายน้อยหมั้นหมายกับใครหรือยัง?”

จินเฮ่ากล่าวอย่างไม่แยแส “ท่านแม่ของข้าดําเนินการให้แล้ว นางคงเป็นบุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าแม่ของข้าเองกังวลว่า หากข้าไม่แต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลใหญ่เช่นนั้นจะจับข้าแต่งกับบุตรสาวลูกพ่อค้าอย่างแน่นอน!”

“พวกพ่อค้าก็มีแต่กลิ่นเงินติดตัว บุตรสาวคนเช่นนั้นจะมีดีอะไร? เพียงเพราะตระกูลข้าข้นแค้นไปบ้างหากได้รับการเงินพวกพ่อค้ามาหนุนเสริม ข้าจะได้ก้าวถึงเป้าหมายอันสูงสุดที่เฝ้าฝัน!เพราะเหตุนั้นตอนนี้จึงได้แต่ต้องเชื่อฟังคําท่านแม่ไปก่อน”

หยางหงไม่ทนอีกต่อไป เขาทุบโต๊ะอย่างแรง “พูดได้ดี! ข้ากล่าวได้เลยว่าตระกูลจินเป็นนักวิชาการผู้รอบรู้ในทุกเรื่อง ตอนนี้ข้าได้เห็นความจริงแล้วกลับไปบอกมารดาของเจ้าเสียว่าตระกูลจินจะไม่มีโอกาสได้ตบแต่งกับบุตรสาวข้าเด็ดขาด!”

จินเฮ่าเผยสีหน้าตื่นตระหนก “หรือว่าท่าน?”

หยางหงแสยะยิ้มขณะกล่าว “บังเอิญว่าข้าคือพ่อค้าผู้มีแต่กลิ่นเงินดังที่ตระกูลจินกล่าวถึงเมื่อครู

แต่เดิมจินเฮ่าเวลาออกมาภายนอกจะเผยความเป็นสุภาพบุรุษไว้โดยตลอด! แต่เป็นเพราะอุ่นเคืองเรื่องที่อาจารย์ต่อว่า กลายเป็นเขาพลั้งเผลอตัวไป!

ค่ากล่าวของหยางหงทําให้ชายหนุ่มหน้าถอดสี

จินเฮ่ารีบกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว “ท่านลุง ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ทราบว่าท่านคือ…”

หยางหงแทรกคําขึ้น “ลุงงั้นหรือ ข้าไม่สมควรถูกเรียกเช่นนั้น นายน้อยจนคงไม่ชอบตระกูลหยางของเราเท่าใดนักตระกูลหยางก็ไม่มีเหตุผลต้องเชื่อใจพวกเจ้าอาหารมื้อนี้ข้าจ่ายเองนายน้อยเชิญตามสบาย!”

“ข้าคร้านจะไปบอกแม่สื่อด้วยตนเอง นายน้อยจินฝากไปแจ้งให้ด้วย ตระกูลจินของเจ้าสูงส่งเกินจนบุตรสาวข้าไม่คู่ควร!”

หยางหงดูถูกจีนเฮ้าอย่างแรงจนชายหนุ่มแทบเสียสติ

“ท่านลุง เหตุใดท่านถึงพูดจาโหดร้ายเช่นนี้? ข้าได้ยินว่าบุตรสาวของท่านอายุสิบแปดปีแล้วอย่างน้อยตัวข้าก็เป็นถึงบัณฑิตเป็นบุญของนางที่จะได้แต่งงานกับข้ามิใช่หรือท่านอยากจะอยู่บ้านและดูแลบุตรสาวที่อายุมากต่อไปหรือ?”

หยางหงเกิดรู้สึกดีที่วันนี้ออกมาข้างนอก ไม่ใช่รอจนกว่างานแต่งเสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นคงสายเกินแก้

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องกังวล!”

ตอนที่ 301 คนชั้นต่ํา

หยางยู่หรงเปิดปากกว้างและยัดขนมเข้าปาก นางเงยศีรษะขึ้นและกล่าว “ฟังนะ!แม้ข้าจะคิดไตร่ตรองเพียงใดเขาก็ยังเป็นคนชั้นต่ํา ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับคนผู้นั้น!”

หยุนเสียนเถียนชักมือกลับอย่างไม่เต็มใจ “สามีของข้ามีสหายเป็นบัณฑิต พี่ชายของเจ้าอาจเคยได้ยินนามของเขา!จางชิงเฟิง!”

หยางยู่หรงบ่นอุบพร้อมกลืนสิ่งที่อยู่ในปาก นางรีบขัดจังหวะและตะโกนเสียงดัง “รู้แล้วรู้แล้ว! ข้าบอกได้เลยว่าบัณฑิตจางนั้นมีดวงอาภัพนัก เขามักจะป่วยได้ถูกเวลาเสมอและไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึง!”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าเห็นดีด้วย “แต่เจ้าไม่ทราบเรื่องแท้จริง ไม่ใช่เกี่ยวกับโชคลางแต่เป็นเพราะท่าวายร้ายขุ่นเคืองใจ หรือก็คือจินเฮ่าที่เจ้ากล่าวถึง! หากที่ทราบมาไม่ผิดจินเฮ่าเป็นผู้นําผีร้ายไปสิงสู่จางชิงเฟิง!”

“เจ้ากล่าวว่าจะแต่งงานกับชายผอมบางอ้อนแอ้น ไม่คิดว่านั่นทําลายอนาคตตนเองหรือทําอะไรตามอารมณ์อาจนําผลร้ายมาเยือน! ทางที่ดีคือไปหาคนที่ดีกว่านี้เพื่อตัวเจ้าเอง!”

หยางยู่หรงยังคงทานขนม “เจ้ากล่าวถูก! หากยังคงดื้อดึงแต่งกับชายอ่อนแอเราอาจจะต้องแตกแยกกันในสักวันเป็นแน่! เช่นนั้นข้าคงไม่มีวันได้เห็นอนาคตอันสดใส

มุมปากหยุนเถียนเถียนกระตุก กับคนทําตามอารมณ์เช่นหยางยู่หรง แต่กลับกล่าวอ้างว่าเป็นหญิงสาวหัวสมัยใหม่กว่าตนเอง!โชคร้ายที่ในความเห็นของนางหยางยู่หรงต่างหากที่ไม่รู้ความ!

หยางฝหรงกลับเข้ามาอย่างเร่งรีบและวิ่งออกไปอีกครั้ง!

ครั้งนี้ขณะที่นางเข้าไปในบ้าน ด้วยความไม่ระมัดระวังนางจึงใช้ลูกเตะเพื่อเปิดประตูก่อนจะพบบิดาของตนด้านใน

หยางหงผู้เป็นบิดาถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ด้วยถือถ้วยในมือไม่แน่นพอจนมันร่วงหล่นกับพื้นและแตกในที่สุด!เขาจ้องมองบุตรสาวผู้ใจร้อนของตน!

“ลูกสาวพ่อ นี่ลูกทําอะไรให้สมกับเป็นสตรีบ้างได้ไหม? ลูกกําลังจะแต่งงานนะยังทําตัวเช่นนี้อยู่อีกลูกยังกล้าเตะประตูขณะที่พ่ออยู่เชียวหรือ?”

หยางยู่หรงรีบเข้าไปรับมือกับหัวใจแตกสลายบิดาของตน มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเรื่องพูดคุยได้

“ท่านพ่อ! ท่านยังมิได้ไปบ้านตระกูลจินอีก? มิได้ลืมสัญญาเรื่องงานแต่งแล้วหรือ?”

หัวใจของหยางหงแตกสลายเพราะงานแต่งงานของบุตรสาวผู้นี้ ด้วยเห็นว่าบุตรสาวยอมทําตามอย่างไม่เต็มใจนัก แม้นางจะเปลี่ยนใจทําตาม ดวงตาของเขาเบิกโพลงราวกับระฆังทองสัมฤทธิ์ก็มิปาน

“เจ้าลูกบ้า หมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะกลับไปอีกหรือ?”

หยางยู่หรงเผยหน้ามุ่ย “ท่านพ่อทําแบบนี้ได้ยังไง? ข้าได้ยินข่าวลือมาจึงกลับมาสอบถามแม้ท่านพ่อร้อนใจให้ข้าออกเรือน แต่ไม่คาดหวังให้ข้าตบแต่งด้วยดีเลยหรือไง?จินเฮ่าแม้เป็นสุภาพบุรุษถ่อมตน แต่แท้จริงเป็นคุณชายอ่อนแอไร้ความสามารถพ่อวางใจจะยกลูกสาวให้เขางั้นหรือ?”

แววตาหยางหงเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว “เพราะลูกไม่ต้องการแต่งงานมิใช่หรือแล้วจะกล่าวเรื่องไร้ประโยชน์ไปทําไม?”

“ท่านพ่อก็ทราบว่าลูกไม่ใช่ผู้ที่จะรื้อฟื้นหากไม่มีเหตุ และจากที่ได้ยินมาวันนี้ หากยังไม่เชื่อถือและฝืนจัดงานแต่ง มันจะเป็นผลร้ายต่อลูกในอนาคตซึ่งพ่อไม่ใช่ผู้ที่ต้องสูญเสียอะไรสักนิด!

หยางหงอับจนจะตอบบุตรสาว แม้สีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็โอนอ่อนลง “บอกมา เจ้าได้ยินข่าวลือว่าอะไร?

“ท่านพ่อทราบดีว่าลูกนับถือพี่หญิงโฉมงามคนหนึ่ง นางกล่าวว่าเคยพบนายน้อยจินและสายตาเขาก็ไม่มองอื่นใดนอกจากพี่หญิงโฉมงามคนนั้น!มันหมายความถึงเป็นชายตัณหาจัด!”

“ยังมี ท่านพ่อได้ยินเรื่องจางชิงเฟิงในเมืองหรือไม่? ผู้คนกล่าวว่าเขาล่วงรู้ทุกเรื่องราวน่าเสียดายที่อับโชค ทั้งยังมักเจ็บป่วยก่อนถึงเวลาสําคัญ!แต่ไม่นานมานี้ลูกกลับได้ทราบอาการป่วยนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นฝีมือของนายน้อยจิน!”

หยางหงขมวดคิ้ว “อาจเป็นเพราะพี่หญิงของเจ้าคนนั้นริษยาลูกที่จะได้แต่งกับชายแสนดีเพราะงั้นจึงใส่ร้ายกระมัง?”

หยางยู่หรงเผยท่าสีหน้าโกรธเคืองพร้อมกระทืบเท้าและกล่าว “นางอิจฉารี! ท่านพ่อก็ทราบดีว่าพี่สาวของลูกมีความสุข! นางแต่งงานกับชายที่พร้อมอุทิศตนเพื่อนางและรับฟังในทุกสิ่ง! ทั้งยังดูดีกว่านายน้อยจนเสียอีก! และที่สําคัญกว่าคือนายน้อยหยุนไม่ต้องการมีสนม!ท่านพ่อท่านคิดว่านางตาบอดหรือ?นี่ท่านชื่นชอบนายน้อยจนถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

หยางหงขมวดคิ้วและเคาะศีรษะหยางยู่หรงเต็มแรง “หากต้องการพูดคุยด้วยเหตุผลค่อยมา คุยกับพ่อ เจ้าเป็นเด็กสาวปากคอเลาะร้าย หากเจ้าไม่ชอบผู้คนเช่นนายน้อยจนไม่เกรงว่าผู้อื่นเช่นนายน้อยจินก็ไม่ชอบพอเจ้าหรอกหรือ?”

หยางยู่หรงจับหน้าผากที่ถูกเคาะ ขณะกล่าวด้วยปากที่บูดเบี้ยว“ลูกทราบดีว่าท่านไม่ต้องการทําร้ายลูกท่านไม่อยากจะพูดกับลูกตั้งแต่ที่เสียท่านแม่ไปมิใช่หรือ? ท่านพยายามผลักไสข้าออกไปให้เร็วที่สุดโดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของลูกแม้แต่น้อย!”

เมื่อหยางหงได้ยินถึงภรรยาที่เสียไป เขาสูดลมหายใจลึก!

“เช่นนั้นพ่อจะลองไปถามดูอีกครั้ง หากเขาเป็นคนเฉกเช่นที่เจ้ากล่าวมาจริงพ่อจะปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดเสีย ลูกสาวที่ดีของพ่อไม่ใช่คนไร้เหตุผล! แต่ลูกเอ๋ย เจ้าเองก็ถึงวัยออกเรือนไม่ใช่ว่าพ่ออยากให้เจ้าออกเรือนไปหรอกแต่พ่อไม่อาจอยู่ดูแลเจ้าได้ตลอดไป!”

“การได้เห็นลูกอายุมากขึ้นทุกวันนั้นลูกคิดว่าจะมีชายหนุ่มเข้ามาขอแต่งงานง่ายดายหรือ?

เลือกชายอายุนับร้อยปีให้เป็นคู่ครองลูกดี”

หยางยู่หรงมีความคิดอันชาญฉลาด “ท่านพ่อ! อย่าได้กังวล ลูกรู้แล้วว่าคราวก่อนเป็นเพียงอุบัติเหตุแทนที่จะปล่อยให้ลูกต้องแต่งงานกับคนเหล่านั้นแล้วต้องจมปลักกับความทุกข์ จะไม่ดีกว่าหรือหากปล่อยให้ลูกเป็นอิสระเพียงลําพังพ่อเองจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงลูกด้วย!”

หยางหงลูบศีรษะบุตรสาวพลางถอนหายใจ! แววตาเริ่มเผยถึงความเศร้าโศกราวกับได้เห็นภรรยาที่เสียไปผ่านใบหน้าของบุตรสาว

หยางยู่หรงจําได้ดีว่าจินเฮ่ามีภาพลักษณ์ภายนอกดีเยี่ยมเพียงใด เพราะเหตุนั้นบิดาของนางจึงเชื่อว่าหากนางได้ตบแต่งแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเหตุนี้นางจึงมุ่งตรงไปพบหยุนเถียนเถียนเพื่อวางแผนการเปิดโปงโฉมหน้าแท้จริงของจินเฮ่าออกมา!

หยุนเถียนเถียนวางแผนการสู่ชัยชนะให้แก่มิตรสหายเช่นหยางยู่หรงแม้เป็นคนแปลกหน้าแต่หยุนเถียนเถียนก็พร้อมลงมืออย่าได้กล่าวถึงว่าอีกฝ่ายคือคนที่นางไม่ชอบเป็นการส่วนตัว!

ตอนที่ 300 โลกมันกลม

หยุนเถียนเถียนวางแผนขับไล่เขาอยู่นานแล้ว จึงรีบฉวยโอกาสนี้ไล่ตะเพิดเขาออกไป

“ข้าไม่กล่าวเช่นนี้นอกบ้านต่อหน้าผู้คนก็ถือว่าไว้หน้าท่านมากพอแล้ว คนไร้ยางอายเช่นท่านไม่สมควรได้รับเกียรติเสียด้วยซ้ํา!”

เมื่อจินเฮ่ารู้สึกว่าสถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงเหลืออดและปรี่เข้าใส่หยุ นเถียนเถียนทันที จางซึ่งเพิ่งตกใจมากทว่าบัดนี้ตนก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้แล้ว

“จินเฮ่า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

สิ้นเสียงตะโกนของจางชิงเฟิง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!

กําลังภายในอันน่าพิศวง ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะจัดการบัณฑิตใจโฉดผู้นี้

หยุนเถียนเถียนเบนกายหลบกําปั้นที่ถูกประเคนมา ก่อนจะเตะเข้าที่ขาของผู้ประทุษร้าย เขาเกือบล้มลงทว่ายังทรงกายขึ้นยืนตรงอีกครั้ง

“นางเป็นเพียงสตรี ทว่าข้าไม่มีปัญญาจะเอาชนะนางได้… ช่างน่าอายนัก!” จินเฮ่าบ้าคลั่งจนคว้าเก้าอี้ข้างตัวหมายจะทุ่มใส่ศีรษะของหยุนเถียนเถียน!

หยุนเถียนเถียนไม่ถอยแต่กลับปรี่เข้าใส่ นางเหยียบเท้าของจินเฮ่าเต็มแรงก่อนจะเหวี่ยงแข้งฟาดใส่กล่องดวงใจของเขาแบบเต็ม ๆ!

เก้าอี้ตัวนั้นพลาดเป้าไป ส่วนจินเฮ่าก็ลงไปกองกับพื้นเพราะไม่อาจทรงตัวได้อีกด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงถึงสองที่

เขาต้องการกุมนิ้วเท้าของเขา ทว่าความเจ็บปวดตรงท่อนล่างของเขายิ่งแย่กว่าเสียอีก เขาจึงทําได้เพียงเกลือกกลิ้งไปกับพื้นด้วยท่าทางที่ดูไม่งามอย่างยิ่ง

“นี่หรือที่เรียกว่าบัณฑิต… น่าขายหน้าเสียจริง! เจ้าคงภูมิใจมากสินะที่ได้ทําร้ายสตรีเช่นข้า ทว่ากลับถูกข้าเล่นงานเสียเองให้ขายหน้าเสียยิ่งกว่าเก่า เจ้าจงเกลือกกลิ้งทรมานอยู่เช่นนี้ไปเถอะ!”

จินเฮ่าเจ็บระบมมากเสียจนพูดไม่ออก

จางชิงเฟิงก้าวมาหานางด้วยท่าทางสํานึกผิดอย่างยิ่ง “แม่นางหยุน… วันนี้ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ที่ทําให้แม่นางเดือดร้อน เพียงแต่ว่าคนผู้นี้เอาแต่รบเร้าให้ข้าพามาด้วย ข้าเองก็หาเหตุผลมาปฏิเสธเขาไม่ได้เลย ความจริงปรากฏแล้วว่าชายผู้นี้เป็นคนใจทรามต่ําช้านัก ข้าสันนิษฐานว่าเขานั่นแหละเป็นคนใช้วิธีสกปรกเพื่อกันข้าไม่ให้เข้าสอบจอหงวนได้ ทว่าข้าไม่มีหลักฐานจะเปิดโปงเขา!”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “ท่านฟังสิ่งที่ข้าพูดในครั้งนั้นแล้วก็ไม่อยากทําให้คนชั่วช้าขุ่นเคืองจริง ๆ จึงไม่กล้าปฏิเสธเขาตามตรงใช่ไหมล่ะ?”

จางชิงเฟิงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าถ้อยคํานั้นของนางส่งผลต่อการกระทําของเขาจริง ทว่าเมื่อก่อให้เกิดปัญหาเช่นนี้แล้ว ก็ไม่อาจใช้เป็นข้อแก้ตัวเพื่อปัดความรับผิดชอบได้

“คุณชายจาง… ท่านรู้ไหมว่าเผชิญหน้ากับใครแล้วรับมือง่ายที่สุด?”

คุณชายบัณฑิตส่ายหน้างุนงง “แม่นางโปรดชี้แนะข้าด้วยเถิด”

หยุนเถียนเถียนนั่งลงจิบชาก่อนพูดกับเขา “คําตอบคือเผชิญหน้ากับศัตรูรับมือง่ายที่สุด… เพราะหากต้องเผชิญศัตรู ท่านย่อมรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนหยาบช้าจึงสามารถวางแผนรับมือได้ ทว่าศัตรูที่อยู่ในคราบของมิตรนั้นลอบแทงข้างหลังท่านได้อย่างแนบเนียน เมื่อท่านตัดสินได้แล้วว่า ชายผู้นี้เป็นคนโฉด ก็จงอย่าได้เกรงกลัวที่จะผลักไสคนเช่นนี้ให้เป็นศัตรูเพื่อจะได้ระมัดระวังตัวไว้?”

จางชิงเฟิงหัวเราะพลางนึกในใจว่าตัวเขาช่างโง่เง่าที่อ่านคนไม่แตกเหมือนหญิงสาวผู้นี้

“ที่แม่นางพูดมีเหตุผล… ข้าได้รับการชี้แนะจากท่านอีกแล้ว! ทว่าเราควรทําเช่นไรกับคนผู้นี้ดี?

หยุนเถียนเถียนส่ายหน้าพลางกล่าว “หากข้าเป็นชายร่างกําย่า เขาอาจจะพาใครมาแก้แค้นเรียกร้องความเป็นธรรมก็ได้ ทว่าบัดนี้คนที่ทําร้ายเขาเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาคงไม่กล้าป่าวประกาศกับใครเพราะคงจะน่าอับอายยิ่ง หากผู้คนรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายหาเรื่องสตรีก่อนทว่ากับพ่ายแพ้ให้แก่สตรีเช่นข้า”

“สําหรับคนเช่นนี้… ข้ารบกวนท่านลากเขาออกไปแล้วปิดประตูเสียเถิด ข้าไม่อยากวุ่นวายกับเขาไปมากกว่านี้แล้ว แม้เขาจะอ้างว่าท่านเป็นผู้พามา ทว่าสามีข้าก็คงไม่ให้ค่าเขาเช่นกัน อีกทั้งอาจทําให้คุณชายจางเสียหน้าไปด้วย ข้าหวังว่าคนโฉดเช่นเขาจะหายไปจากชีวิตท่านในไม่ช้านี้… ไม่ทราบว่าคุณชายจางคิดเห็นอย่างไร?

จางชิงเฟิงยกยิ้ม “เช่นนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด!”

จางชิงเฟิงวางพัดในมือลงแล้วพับแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะย่อลงลากตัวจินเฮ่าโดยไม่สนใจแววตาเจ็บแค้นนั้น แล้วจึงโยนเขาออกนอกบ้านไป

เป็นบัณฑิตที่ไม่มีปัญญาสู้กระทั่งสตรี มิฉะนั้นก็คงน่าอับอายนัก!

อย่างไรเสียก็ถือได้ว่านี่เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งสําหรับเขา เพราะนับแต่นั้นมาจินเฮ่าก็ไม่กล้าจ้องมองสตรีด้วยสายตาสัปดนอีก หยุนเถียนเถียนลงมือสั่งสอนเขาเพียงครั้งเดียวทว่ากลายเป็นบทเรียนชั่วชีวิตของเขา

เมื่อหยุนเถียนเถียนคิดว่าต่อจากนี้ไปคงไม่มีโอกาสได้เจอชายผู้นี้อีกแล้ว ชื่อจินเฮ่าของเขาจึงถูกสลักไว้ในความทรงจําของเธอเสียอย่างนั้น

ในเช้าตรู่วันหนึ่ง หยางยู่หรงมาที่บ้านสกุนหยุนด้วยท่าทางร่าเริงแจ่มใส นางทักทายหยุนเคอ ผู้แสดงสีหน้าอึดอัดก่อนจะเกาะแขนหยุนเถียนเถียนราวกับเด็กน้อย

“เถียนเถียน! บัดนี้ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตแล้วล่ะ ท่านพ่อพาข้าไปพบบัณฑิตผู้หนึ่งมาเห็นว่าเขาขยันเล่าเรียนตําราอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้วย ว่าแต่น้องชายเจ้าเป็นบัณฑิตใช่ไหม? เช่นนั้นก็คงจะรู้จักสินะ? บัณฑิตผู้นั้นชื่อจีนเฮา!”

เมื่อได้ยินชื่อนั้น หยุนเถียนเถียนที่กําลังจิบชาอยู่ก็ตกใจถึงขั้นสําลักจนพ่นชาใส่หน้าหยางฟูหรงอย่างจัง!

หยางยู่หรงหลับตาปี เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าอันงดงามของหยุนเถียนเถียน… นางยังคงหวั่นไหวอยู่วันยังค่ํา

“เจ้าช่างหยาบคายนัก! ถ้าไม่ใช่เพราะความงามของเจ้าละก็ ข้าจะ…เอ่อ…”

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจลึก ในฐานะน้องสาวที่ดีแล้ว… แน่นอนว่าเธอต้องเกรงใจพี่สาวร่วม

สาบานของตน

“ฝูหรง! ข้าไม่ได้หยาบคายเสียหน่อย เพียงแต่ชื่อนั้นมันกระตุกต่อมข้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น”

“เฮ้อ… โลกมันกลมเสียจริงนะ จินเฮ่ามาที่บ้านข้าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ข้าสั่งสอนเขาไปเสียเยอะทีเดียว ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเจ้ามาหาข้าเพื่อบอกว่าจะแต่งงานกับเขาเสียได้!”

ดวงตาของหยางยู่หรงเบิกกว้างพลางทําหน้าบูดบึงเหมือนเด็ก นางยื่นมือมาหยิกแก้มของหยุนเถียนเถียนอย่างหมั่นเขี้ยว

“เดี๋ยวก่อนสิเถียนเถียนน้องรัก! เจ้าสั่งสอนเขาทําไมกัน แม้เขาจะไม่หล่อเหลาเท่าสามีเจ้า ทว่าเขาก็ตัวสูงที่สุดในหมู่เพื่อน ๆ นะ!”

“ฝหรง เจ้าอย่างมองเขาแค่รูปลักษณ์ภายนอกส… ข้าทําเพื่อประโยชน์ของเจ้านะ! คนอย่างจินเฮ่าไม่ใช่ชายผู้น่ารักหรอก ตอนเขามาที่บ้านเมื่อไม่กี่วันก่อนพอได้เห็นน้องชายข้าอ่านหนังสือก็เข้ามาดูถูก บอกว่ายังเด็กเกินไปที่จะสอบเยวี่ยนซื้อให้เสียเวลาเปล่า!”

“อีกอย่างข้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขาด้วย เจ้าสนใจจะฟังหรือไม่?”

ตอนที่ 299 ประจันหน้า

จินเฮ่าลอบกลอกตาดูหมิ่นเด็กชาย เขานึกสบประมาทว่าความเรียงฝีมือเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมเช่นนี้จะดีได้อย่างไร กว่าจะสอบเยวี่ยนซื้อครั้งที่แล้วผ่านเขาต้องใช้เวลาร่ําเรียนอยู่หลายปี กระนั้นเขาก็ยังต้องเข้าสอบอีกหนหนึ่งในเร็ววันนี้

จางชิงเฟิงไม่ทันได้สังเกตว่าสหายของเขากําลังจ้องมองเด็กชายอย่างดูถูกเหยียดหยาม จึงส่งความเรียงในมือให้ “สหายจิน เจ้าดูสิว่าเด็กคนนี้เก่งกาจเพียงไหน เขาอายุยังน้อยทว่ากลับ เขียนความเรียงยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้!”

จินเฮ่ารับมาด้วยกิริยาดูถูกพลางนึกหม็นจางชิงเฟิงอยู่ในใจ แม้ภายนอกจะประพฤติตัวเป็นสุ ภาพชน ทว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการจะผูกสัมพันธ์อย่างจริงใจกับครอบครัวสกุลหยุน เพียง แต่ต้องการหาโอกาสใกล้ชิดผู้มีอิทธิพลเพื่อเลียแข้งเลียขาเท่านั้น… หลังจากเห็นหน้าหยุนเถียนเถียนแล้วก็นึกได้ว่าสามีนางคงไม่ธรรมดาแน่

ทว่าเมื่ออ่านความเรียงนั้นแล้วเขาก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยคาดไม่ถึงว่าเฉินเฉินจะสามารถเขียน ความเรียงดีถึงเพียงนี้ได้จริง นี่เป็นความเรียงฝีมือเด็กจริงหรือ? เขาไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดเด็กน้อยจึงเข้าสอบเซียนซื้อได้ อีกทั้งยังเกรงว่าเด็กผู้นี้จะสามารถไปสอบระดับเยวี่ยนซื้อประจําปีด้วย!

“ความเรียงนี้เขียนได้ดีมาก เจ้ามีฝีมือดีถึงเพียงนี้แล้วยังจะสอบเซียนซื้อเพียงอย่างเดียวเองหรือ?”

แม้เฉินเฉินจะรู้สึกไม่ชอบหน้าชายหนุ่มผู้นี้เท่าใดนัก กระนั้นเด็กน้อยก็ยังตอบจินเฮ่าอย่างตรงไปตรงมา “หากข้าสอบขั้นเซียนซื้อผ่านได้ เมื่อนั้นจึงค่อยไปสอบเยวี่ยนชื่อต่อ ทว่าถึงจะสอบขั้นนั้นไม่ผ่าน ข้าก็ไม่เสียดาย เพราะถือว่าข้าได้ประสบการณ์”

จินเฮ่ารู้สึกประหวั่นนัก เขาทุ่มเทเล่าเรียนมาหลายปีเพื่อเข้าสอบเยวี่ยนซื้อครั้งนี้…มีผู้สอบผ่านเซียนซื้อเพิ่มขึ้นทุกปี คู่แข่งเยอะถึงเพียงนี้ก็ชวนหัวเสียมากพอแล้ว

เขาใช้เล่ห์กลกําจัดคู่แข่งคนสําคัญอย่างจางซึ่งเพิ่งออกจากการสอบได้สําเร็จ ทว่าหากเด็กชายผู้นี้กลายเป็นคู่แข่งของเขา… ก็คงจินตนาการได้ว่าโอกาสสอบผ่านเยวี่ยนชื่อในปีนี้ของเขาต้องริบหรี่ลงแน่! ความรู้สึกของจินเฮ่าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการสอบเยวี่ยนชื่อครั้งนี้นัก หากต้องประมือกับคู่แข่งผู้เก่งกาจเช่นนี้… แน่นอนว่าเขาคงถูกเขียตกชั้นได้ไม่ยาก!

หยุนเถียนเถียนออกจากครัวมาพร้อมชา สิ่งแรกที่นางเห็นคือแววตาขุ่นเคืองมุ่งร้ายจากสายตาของจินเฮ่า นางรู้สึกหวั่นใจและเป็นกังวล ด้วยไม่รู้ว่าจะขับไล่ชายใจทรามผู้นี้ออกไปได้เช่นไร

จินเฮ่าเริ่มตีรวน “เจ้ายังเยาว์นัก… ข้าว่าเจ้าควรร่ําเรียนอีกสักสองสามปีน่าจะเหมาะกว่า เจ้าเห็นสนามสอบเยวี่ยนชื่อเป็นสนามเด็กเล่นหรือไรกันเจ้าหน?”

ทันใดนั้นหยุนเถียนเถียนก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าสงบ “คุณชายจนก็เล่าเรียนมาหลายปีแล้วแท้ ๆ ทว่ากลับมองไม่ออกหรือว่าเขาโตพอแล้ว! เฉินเอ๋อน้องข้าเป็นเด็กมีพรสวรรค์เช่นนี้ ไยจะส่งเขาไปสอบไม่ได้เล่า? หรือท่านคิดว่าควรรอให้เขาแก่เฒ่าจนจะเข้าโลงก่อนแล้วจึงค่อยไปสอบกัน?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจางชิงเฟิงถึงกับสะดุ้งตกใจ… ทั้งที่หยุนเถียนเถียนเป็นผู้สอนเขาเอง ว่าอย่าทําให้คนโฉดดังเช่นชายผู้นี้ขุ่นเคือง ทว่าบัดนี้นางกําลังทําเช่นนั้นเสียเองโดยไม่ไว้หน้าจินเฮ่าเลยแม้แต่น้อย… เหตุใดนางจึงพลาดพลั้งเช่นนี้เล่า?

“แม่นางพูดถูก… ข้าผิดเองที่กล่าววาจาเช่นนั้น!”

จินเฮ่าก้มหน้าแสดงความสํานึกผิด… ทว่าท่าทีเช่นนี้ของเขาช่างดูจอมปลอมเสียเหลือเกิน หยุนเถียนเถียนอดนึกไม่ได้ว่านางน่าจะใช้ถ้อยคํารุนแรงกว่านี้ เพื่อหาโอกาสไล่เขาออกไป

เฉินเฉินมองไปยังจินเฮ่าโดยไม่ได้โกรธเคืองก่อนพูดอย่างสบายใจ “คุณชายจิน… ข้าไม่รู้หรอกนะว่าวันนี้ท่านสบประมาทข้ามากไปหรือไม่ ทว่าท่านมีสิ่งใดจะชี้แนะข้าหรือเปล่า หากไม่มี… เหตุใดท่านกับข้าจึงไม่ลองประชันกันดูสักครั้งเล่า?

ปกติแล้วจินเฮ่าเป็นคนไม่กล้าเอาจริงเอาจังนัก ทว่าหากเขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยอายุไม่ถึงหลักสิบผู้นี้ก็คงเสียหน้าไม่น้อยทีเดียว

“หากว่ากันตามปกติ สําหรับข้าแล้วการประลองกับเจ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทว่าคุณชายจางเป็นผู้ช่วยทบทวนบทเรียนให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าจะหยามหน้าเขาด้วยการทําประชันกับข้าผู้เป็นสหายของเขาได้เช่นไร? เขาบอกข้าว่ามาที่นี่เพื่อช่วยสอนเด็กที่ยังไม่น่าจะพร้อมต่อการสอบ ข้าจึงเพียงตามมาดูเขาเท่านั้น ไม่ได้มาเพื่อลดตัวลงไปประชันกับเด็กน้อยเช่นเจ้า!”

ประโยคนี้มีเจตนาสร้างความบาดหมางอย่างชัดเจน หากเป็นเด็กหัวอ่อนคงจะติดกับจนบาดหมางกับจางชิงเฟิงอย่างแน่นอน ทั้งจางชิงเฟิงและเฉินเฉินยังไม่ทันมองเห็นเจตนาในถ้อยคํานั้น ทว่าหยุนเถียนเถียนไม่อาจทนเห็นน้องชายของนางถูกยั่วยุได้อีกต่อไป!

“คุณชายจาง… เฉินเฉินน้องขาต้องขอบคุณท่านจากใจจริงที่ช่วยทบทวนบทเรียนให้แก่เขา… แม้เขาจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าก็ต้องพึ่งพาท่านให้ช่วยชี้แนะอีกมาก”

เมื่อจินเฮ่าเงยหน้าขึ้น เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสตรีร่างบอบบางตรงหน้า กําลังจ้องเขม็งมาด้วยสายตาที่เป็นดั่งคําเตือน เขารู้สึกราวกับกําลังถูกสายตาของนางฉีกทิ้งร่าง เพื่อเผยความคิดอันสกปรกโสมมในใจเขาออกมา

“พวกเราอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว… ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านอยู่ที่ใด พวกเราใคร่จะขอบคุณเขาเสียหน่อย”

จินเฮ่าตัดสินใจชิงไต่ถามหาสามีของนางผู้เป็นเจ้าบ้าน ด้วยหวังจะศึกษานิสัยใจคอว่าเป็นคนดีชั่วเช่นไร เผื่อว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตจริง ก็ไม่สายเกินไปที่จะเข้ามาเกาะเกี่ยวหาผลประโยชน์

หยุนเถียนเถียนไม่เคยไว้หน้าคนต่ําทรามจึงกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม “สามีข้าไม่ใช่คนมีอํานาจใหญ่โตหรอก… เขาเป็นเพียงพรานป่าทั่วไปเท่านั้น! ท่านคงจะผิดหวังสินะ!”

จินเฮ่าถึงกับหน้าถอดสีด้วยรู้สึกขายหน้าอย่างรุนแรง แม้สตรีผู้นี้จะรู้เท่าทันความคิดของเขา ทว่าไม่นึกเลยว่านางจะกล้ากล่าวออกมาอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้!

“แม่นางหยุนเข้าใจผิดแล้ว! ข้าเจตนาถามถึงสารทุกข์สุกดิบของคุณผู้ชายเพียงเท่านั้น เหตุใดแม่นางต้องกล่าวหักหาญน้ําใจข้าเช่นนี้ด้วยเล่า?

“คุณชายจนไม่ควรเสียมารยาทถามเช่นนั้น ทั้งตัวข้ากับน้องชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างก็ถือว่าเป็นเจ้าของบ้าน เช่นนั้นแล้วท่านจะต้องการพบสามีข้าเพื่อสิ่งใดกัน? ข้าต้องขอโทษด้วยที่วันนี้สามี ข้าไม่อยู่บ้าน ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะบอกคือท่านเป็นแขกที่เราไม่ได้รับเชิญ ซ้ํายังดูหมิ่นน้ําใจของพวกเราด้วย ดังนั้นท่านจงออกไปจากบ้านข้าเสียบัดนี้เถิด!”

จินเฮาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นทันที “เจ้าช่างเป็นสตรีที่หยาบคายนัก! ข้าเพียงแต่ถามด้วยความสงสัยเท่านั้น เหตุใดเจ้าต้องกล่าววาจาหยามเกียรติข้าเช่นนี้?”

“คุณชายจนถูกขาหยามเกียรติอย่างนั้นหรือ? ท่านเป็นผู้รบเร้าขอตามคุณชายจางมาที่นี่เอง ทันทีที่ข้าเปิดประตูออกมา ข้าก็เห็นสายตาอันน่ารังเกียจของท่านจ้องมาที่ข้า มาบ้านคนอื่นแต่กลับแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นออกมาต่อหน้าสตรี มันหมายความว่าอย่างไรหรือ? อีกทั้งยังกล่าวว่าจาดูหมิ่นน้องชายของข้า สุดท้ายมาถามหาเจ้าของบ้านแบบนี้จะให้ข้าคิดเช่นไร? เราสองคนพี่ น้องดไม่เหมือนเจ้าของบ้านหลังนี้อย่างนั้นหรือ?

จางชิงเฟิงไม่อาจวางตัวถูกจึงได้แต่ยืนนิ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้พาจินเฮ่ามาบ้านตระกูลหยุน ทว่าเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของจินเฮ่ามาตั้งแต่ที่แรก ฝ่ายเจ้าของบ้านก็เป็นมิตรที่ดีของเขา ส่วนฝ่ายแขกก็เป็นผู้ที่เขาพามา ตอนนี้เขาเป็นคนกลางที่ไม่อาจรู้ว่าจะจัดการกับทั้งสองฝ่ายที่กําลังประจันหน้ากันเช่นนี้อย่างไร

“คุณชายจิน… ข้าผู้นี้เป็นคนพูดอย่างตรงไปตรงมา เจ้าของบ้านเช่นข้าไม่เต็มใจต้อนรับแขกอย่างท่าน! อย่าได้คิดว่าผู้อื่นจะรู้ไม่เท่าทันความคิดโสมมในใจของท่านนะ!”

ตอนที่ 298 ขอตามไปด้วย

เดิมที่หยุนเถียนเถียนคิดจะให้จางชิงเฟิงช่วยแนะนําเฉินเฉินเรื่องสอบเพียงเล็กน้อย กลับกลายเป็นว่าเขาช่วยทบทวนบทเรียนให้กับเด็กชายมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก

อย่างไรก็ตาม บัดนี้จางชิงเฟิงได้กลายเป็นแขกขาประจําของบ้านสกุลหยุนเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวังดื่มกินเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็เขานําของฝากมามอบให้ด้วย

จินเฮ่าเป็นอดีตสหายที่จางชิงเฟิงเคยไว้ใจ เขาเพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นชิวไฉ่และอดฉงนไม่ได้ เมื่อเห็นว่าช่วงนี้จางชิงเฟิงมักบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมช่วยทบทวนตําราให้กับตนเช่นเดิม

วันหนึ่งเขาจึงไปดักรอจางชิงเฟิงอยู่หน้าสํานัก

“สหายจาง เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นอะไรไป… ทั้งที่พวกเราต่างเป็นเพื่อนกันมาตลอด แล้วไยเจ้าจึงกลายเป็นคนเย็นชาเช่นนี้? เจ้ารังเกียจจะร่วมโต๊ะกับข้าเสียแล้วหรือ?”

แม้จางชิงเฟิงจะนึกรังเกียจชายหน้าซื่อใจคดผู้นี้นัก ทว่าเขาก็ไม่ลืมคําที่แม่นางหยุนเคยกล่าวไว้ว่า… หากพลาดพลั้งทําให้คนชั่วช้าขุ่นเคืองจะเกิดเรื่องใหญ่!

แม้จะรู้สึกชั่งน้ําหน้าเขานัก ทว่าจางชิงเฟิงก็ยังกล่าวด้วยเสียงอันเบา “สหายจน… ข้าเพิ่งได้พบกับเด็กชายผู้หนึ่ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเด็กทว่าเขาเป็นผู้มีมานะยิ่ง เดือนหน้าเขาจะต้องตาม ข้าไปสอบด้วยกันที่อําเภอ พี่สาวของเขาเมตตาข้านัก ดังนั้นข้าจึงต้องคอยชี้แนะเรื่องการสอบให้เขาอีกเสียหน่อย และคงไม่มีเวลาไปกับเจ้าหรอกสหาย!”

จินเฮากะพริบตาถี่ “ไม่มีทางน่า! หลังจากสอบระดับเซียนซื้อแล้ว การสอบระดับเยวี่ยนชื่อของปีนี้ก็จะเริ่มในไม่ช้า เจ้ามีเวลาว่างทว่ากลับเมินข้าไปช่วยเจ้าเด็กนั่นเช่นนั้นหรือ?”

เดิมที่จางชิงเฟิงเคยถูกปั่นหัวด้วยกิริยาร้อยลิ้นเจ้าเล่ห์เช่นนี้ จึงหลงนึกว่าเขาเป็นคนซื่อตรง ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกว่าจินเฮานั้นเป็นคนที่ใจไม่ไส้ระกํา ระรานได้ไม่เว้นแม้แต่เด็ก! แม้ว่าเด็กคนนั้น จะยังไม่ได้ทบทวนตํารามากเช่นเขา ทว่าก็ยังเก่งกาจไม่แพ้เขาเลย

“พี่สาวของเขามีบุญคุณกับข้า… บัดนี้ข้ามีเวลาพอที่จะช่วยชี้แนะน้องชายของนาง เช่นนั้นแล้วจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร? หากยังพอมีเวลาก่อนสอบเยวี่ยนซื้อเสียหน่อยก็ค่อยมาพูดคุยกันเมื่อนั้นเถิด”

จินเฮ่าชักไม่สบอารมณ์ด้วยคิดว่าเจ้าเด็กผู้นั้นไม่อาจสอบผ่านเป็นแน่ การเข้าสอบระดับเซียน ซื้อตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ ดูจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลาไปอย่างเสียเปล่าไม่ใช่หรือ? ทว่าเขาก็ยังรอบคอบพอที่จะรู้ว่าจางชิงเฟิงไม่ชอบคนนินทาลับหลัง เขาจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ

“เช่นนั้น… เหตุใดสหายจางจึงไม่พาข้าไปด้วยเล่า! ให้ข้าได้เห็นเสียหน่อยว่าเขาเป็นเด็กเช่นไร ถึงได้หลักแหลมจนสอบเซียนซื้อได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้”

จางชิงเฟิงไม่คิดจะดูถูกผู้ใด แม้การสอบเซียนซื้อจะเป็นเพียงก้าวแรกในการสอบจอหงวน ทว่าหากดูจากผู้เป็นพี่สาวและพี่เขยของเขาแล้ว คงไม่น่าแปลกใจที่เฉินเฉินฉลาดหลักแหลมถึงขั้นจะสอบเยวี่ยนซื้อได้

หากเป็นคนจิตใจดีงามก็คงเป็นการดีที่จะพาไปบ้านสกุนหยุน ทว่าชายผู้นี้เป็นเพียงคนจิตใจโฉดชั่วที่เหน็บมีดไว้คอยแทงหลังผู้อื่นเท่านั้น! จางชิงเฟิงไม่อาจรู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้คิดอ่านจะทําสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นชายโฉดผู้นี้ก็บ่อนทําลายเขามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว หากบังเอิญว่าเขาไปทําร้ายใครสักคนในตระกูลหยุนอีก ก็ต้องนับว่าเป็นความผิดของเขาด้วย

“สหายจิน… ที่ผ่านมาข้ามีเหตุให้ต้องไปที่นั่น ทว่าบัดนี้ข้าไม่อาจพาเจ้าไปที่บ้านสกุลหยุนได้ ที่นั่นมีสตรีอยู่ผู้หนึ่งเราจึงควรระวังในข้อนี้”

ถ้าหากเป็นผู้มีสามัญสํานึกปกติได้ยินคํากล่าวเช่นนี้ ย่อมรู้ดีว่าควรล่าถอยเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธโดยอ้อม ทว่าจินเฮ่าเป็นคนจิตใจชั่วร้ายมากกว่าที่จางชิงเฟิงจะคาดเดาได้ เขารู้สึกหงุดหงิดนักที่จางชิงเฟิงปฏิเสธคําร้องขอของตน

“อาจเป็นไปได้ว่าจางชิงเฟิงกําลังแอบผูกมิตรกับผู้มีอํานาจสักคน เพื่อให้ช่วยเขาในการสอบ ฉะนั้นเมื่อข้าขอตามไปด้วยจึงถูกปฏิเสธเช่นนี้… หากเปิดโปงเขาได้ข้าย่อมกําจัดคู่แข่งได้!” หัวใจโฉดชั่วของจินเฮ่าเกิดความคิดโสมมขึ้นทันที

“สหายจาง…อันสํานวนว่าสี่คาบสมุทรมนุษย์ล้วนน้องพี่ ยิ่งมีมิตรชีวิตก็ยิ่งมีหนทาง ดังนั้น หากเขาเป็นมิตรกับเจ้าแล้วก็เท่ากับเป็นมิตรของข้าผู้นี้ด้วย สหายจางคิดดูถูกว่าข้าเป็นคนเสียสติ ไม่ควรค่าแก่การผูกมิตรอย่างนั้นหรือ?”

จางชิงเฟิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย ทว่าไม่อาจหาวิธีปฏิเสธที่ดีกว่านี้ได้แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นอกนอกเสียจากพาเขาไปที่บ้านสกุลหยุนด้วย!

หยุนเคอไม่อยู่จึงมีเพียงหยุนเถียนเถียนอยู่บ้าน ด้วยความที่จางชิงเฟิงมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง นางจึงคิดว่าไม่น่ามีผู้ใดอีกแล้ว ที่จะมาเคาะประตูในยามนี้เสียนอกจากเขา

เมื่อนางได้ยินเสียงเคาะประตู แม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งหน้าประทินโฉม ทว่านางก็รีบไปเปิดประตูพลางกล่าวตอบรับผู้มาเยือนอย่างจริงใจ “คุณชายจางงั้นหรือ? ข้ามาเปิดประตูแล้ว”

เสียงไพเราะเสนาะโสตดังออกมาราวสายลมแล่นไหลผ่านหุบเขา ทําให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกชื่นใจอย่างประหลาด จินเฮ่าถึงกับเบิกตาโพลงเพื่อมองหาร่างเจ้าของเสียงนั้น

เมื่อหยุนเสียนเถียนเปิดประตู ดวงหน้างามนั้นก็ปรากฏแก่สายตาของเขา ทําให้จินเฮ่าถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ!

จางชิงเฟิงกล่าวด้วยหน้าตาบูดบึงแกมรําคาญ “แม่นางหยุน ชายผู้นี้คือสหายร่วมชั้นของข้า ที่แรกข้าพยายามปฏิเสธเขา กระนั้นเขาก็ยืนกรานว่าจะมาด้วยจึงยอมพามาดังที่ท่านเห็น”

จินเฮ่าตกอยู่ในภวังค์ของความหลงใหล จนไม่รู้ตัวว่ากําลังถูกมิตรของตนกล่าวเหน็บแนมอยู่

หยุนเสียนเถียนรู้สึกว่านั่นไม่ใช่สายตาของผู้มีจิตชื่นชมทั่วไป หากแต่เป็นการจ้องมองอย่างสัปดน จนชวนให้รู้สึกว่าสายตาเช่นนั้นช่างน่าขยะแขยง!

“คุณชายจางอย่าได้ใส่ใจเลย… ชีวิตของคนเราก็ย่อมมีเหตุเช่นนี้บ้าง ท่านรีบเข้ามาเถิด บัดนี้ น้องชายข้ากําลังรอท่านอย่างใจจดใจจ่อเชียว”

หยุนเถียนเถียนให้แขกเข้ามาตามมารยาท ทว่าก็อดนึกไม่ได้ว่าบุรุษผู้เป็นสุภาพชน อีกทั้งยังซื่อตรงเช่นจางชิงเฟิงจะมีเพื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?

เฉินเฉินที่ได้ยินเสียงพูดคุยจากข้างนอกก็วิ่งออกมาพร้อมความเรียงในมือ พลางพูดอย่างมีความสุข “ท่านพี่ชิงเฟิงมาแล้วหรือ? ท่านช่วยดูความเรียงของข้าทีว่าเป็นเช่นไรบ้าง?”

จางชิงเฟิงยกยิ้มก่อนรับความเรียงนั้นมา ส่วนหยุนเสียนเถียนเดินเข้าครัวไปอย่างสงบ เพื่อเตรียมชงชาสําหรับแขกทั้งสอง

เมื่อนางเดินจากไป จินเฮ่าก็หันกลับมามองเด็กชายตัวน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบตรงหน้า พลางนึกเหยียดหยามในใจ นี่มันเรื่องตลกหรือไรกัน? เจ้าเด็กนี่น่ะหรือที่จะรีบสอบจอหงวนทั้งที่ตัวแค่นี้?”

ส่วนจางซึ่งเพิ่งกลับพิจารณาความเรียงฝีมือของเฉินเฉินอย่างจริงจังนัก แม้ว่ารูปแบบการเขียนจะยังไม่สมบูรณ์แบบ ทว่าก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่เห็นได้ชัดว่าผ่านการชี้แนะจากนักปราชญ์แล้ว… เขาพยักหน้าอย่างชื่นชม

“เฉินเฉิน… ความเรียงของเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเจ้าอาจไปไกลกว่าข้าได้ในสักวันเป็นแน่!”

ตอนที่ 297 รู้ทัน

ในไม่ช้าเขาก็จัดการเรื่องว้าวุ่นในหัวให้สงบลงได้ ก่อนจะเริ่มสนทนาเรื่องตํารับตํารากับชายหนุ่มและเด็กน้อยตรงหน้า

แล้ววันเปี่ยมสุขก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จางชิงเฟิงไม่ได้กลับสํานักเช่นที่ทําเป็นปกติ ทว่ากลับมุ่งตรงไปที่บ้านของตน

เมื่อจางชิงเฟิงเห็นจางชิวไฉ่เขาก็ชะงักเล็กน้อย ด้วยปกติแล้วผู้เป็นบิดามักออกไปทํางาน ทว่าเวลานี้เขากลับอยู่บ้าน

จางชิวไฉ่ถามด้วยความฉงน “ลูกข้า… ไยเจ้าจึงไม่ไปเรียนที่สํานักเล่า แล้วเจ้ากลับบ้านมาด้วยเหตุอันใด?”

จางชิงเฟิงแสดงสีหน้าหม่นหมองพลางก้มศีรษะพูดอย่างแช่มช้า “ท่านพ่อ! จู่ๆ ข้าก็จําเรื่องบางอย่างได้ และอยากให้ท่านช่วยตัดสินใจให้ข้าที!”

จางชิวไฉวางหนังสือในมือลงก่อนมองไปยังลูกชายของเขา “เช่นนั้น… เจ้าจงบอกพ่อก่อนเถิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้พ่อเทียบเจ้าในเรื่องการเรียนไม่ได้ ทว่าหากเป็นเรื่องมนุษยสัมพันธ์กับความเจนโลกละก็… มั่นใจว่าเจ้ายังต้องเรียนรู้จากพ่ออีกมาก”

“ท่านพ่อ! ท่านเคยบอกว่าเมื่อก่อนข้ามักป่วยทุกครั้งยามที่มีเหตุสําคัญเสมอ… ท่านไม่คิดว่ามันมีสิ่งใดผิดปกติหรอกหรือ?”

จางชิวไฉไม่ทันฉุกคิดเรื่องนี้มาก่อน อีกทั้งยังนึกว่าเป็นเพียงเคราะห์หามยามร้ายเท่านั้น หรือเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ใดคอยสร้างปัญหาให้กับเขาอยู่ในตอนนี้?

อย่างไรก็ตามจางชิงเฟิงรีบกล่าวต่อ “วันนี้ข้าไปบ้านตระกูลหยุนแล้วพบเด็กผู้หนึ่ง ทันทีที่พบหน้ากัน เขาก็บอกว่าข้าเป็นคนมีความสามารถทว่ากลับโชคร้าย!”

บัณฑิตรุ่นพ่อยังคงมองสิ่งใดไม่ออก “เด็กคนนั้นพูดได้ตรงไปตรงมาดีนี่!”

จางชิงเฟิงกล่าวต่อด้วยใบหน้าซีดเซียว “ทว่าแม่นางหยุนก็โวยวายตําหนิเด็กชายต่อหน้าข้า แล้วบอกว่าข้าเป็นคนใจกว้างที่ไม่คิดถือโทษผู้ใด ทว่าหากเป็นผู้ที่คอยจงเกลียดจงชังข้าละก็… พวกนั้นย่อมใช้ประโยชน์จากนิสัยเช่นนี้ของข้า เพื่อหาทางบ่อนทําลายอนาคตของข้า!”

พ่อของจางชิงเฟิงตกตะลึงกับเรื่องนี้ “เจ้าหมายถึงว่า… โรคภัยไข้เจ็บที่ผ่านมาของเจ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทว่าเกิดจากฝีมือของคนชั่วช้าที่ต้องการทําลายเจ้าเช่นนั้นหรือ!?”

จางชิงเฟิงยิ้มเผื่อน “ท่านพ่อ… ข้าไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน ทว่าหากท่านนึกดูก็คงรู้ว่าถึงข้าจะไม่ใช่คนแข็งแรง…กระนั้นข้าก็ไม่ใช่คนขี้โรค ทว่ากลับล้มป่วยทุกครั้งที่มีเหตุสําคัญ! ข้าว่ามันยากนักที่จะเชื่อว่านั่นเป็นเพียงเหตุบังเอิญ!”

จางชิวไฉ่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน หลายปีมานี้เขาเฝ้าอ่านเพียงตําราปราชญ์และวิถีสุภาพบุรุษ จนลืมทําความเข้าใจถึงเหล่าคนโฉดชั่วที่จ้องแต่จะทําลายผู้อื่น

“นึกแล้วก็รู้สึกว่าข้าช่างโง่เขลาเสียจริง… ข้าเคยมีเพื่อนคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นข้าเป็นคนที่พูดไม่รู้จักคิด ทําให้ครั้งหนึ่งข้าพลาดพลั้งทําให้เขาขุ่นเคืองจนได้ เมื่อได้ยินคําขาใน ตอนนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป กระนั้นเขาก็เก่งในเรื่องการคุมสีหน้านัก ข้าจึงนึกว่าเขาจะไม่ใส่ใจกับคําพูดของข้า!”

“ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนหน้าชื่อใจคดนัก เขาทําตัวราวกับว่าไม่เคยขุ่นข้องหมองใจข้าเลย อีกทั้งพอถึงคราวใกล้สอบ เขาก็มักนําอาหารมาแบ่งปันให้ข้าได้ลองลิ้มรสอยู่เรื่อย… ข้าเองก็รับน้ําใจเขาไว้มากนัก ทว่าบัดนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นต้นเหตุให้ข้าผิดสําแดง!”

“เมื่อใดก็ตามที่ข้ารู้สึกเสียใจเรื่องขาดสอบ เขาก็คอยปลอบประโลมข้าเสมอ… ครั้งล่าสุดที่เขาสอบผ่าน เขากลับไม่ไปฉลองทว่าแวะมาหาข้าแทน แม้เขาจะไม่ได้โอ้อวดตน ทว่าท่านเดาได้หรือไม่ว่าเขาพูดเช่นไร? เขาบอกว่าหากไม่ใช่เพราะข้าหมดสิทธิ์สอบ เขาคงไม่อาจสอบผ่านจนมีชื่อเสียงเช่นนี้ได้!”

“ครั้งนั้นข้ายังอ่านคนไม่แตกจึงมองว่าเป็นคําปลอบประโลม ไม่นึกเลยว่าเขาต้องการจะอวดเบ่งและทํากับข้าเยี่ยงคนเขลาเสียได้!”

ยิ่งพูดจางชิงเฟิงก็ยิ่งทวีเพลิงโทสะในใจ เขาชักทนรอกระชากหน้ากากสหายชั่วผู้นั้นออก แล้วโยนลงพื้นก่อนจะเหยียบซ้ําให้สาแก่ใจไม่ไหว ทว่านี่ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ไร้หลักฐานเท่านั้น!

จางซิ่วไจ่ไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อได้ฟังคําของลูกชายแล้วคิดตามก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นไปได้

ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่สอนเพียงให้ลูกชายอ่านออกเขียนได้ ทว่ากลับไม่ได้สอนให้เขารู้ทันคน

“แม่นางหยุนผู้นั้นช่างเป็นคนซื่อตรงนัก”

จางชิงเฟิงทอดถอนใจอยู่นานสองนาน เขาจะโกรธไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ อีกทั้งเรื่องทั้งหมดก็เกิดมาเป็นเวลาสามปีแล้วนับแต่การสอบจอหงวนครั้งล่าสุด

“แม่นางหยุนพูดถูก… หากทําให้คนดีขุ่นเคืองใจคงไม่เสียหายนัก ทว่าหากพลาดพลั้งทําให้คนโฉดขุ่นเคืองจะเกิดเรื่องใหญ่ เดิมที่ข้านึกเสมอว่าหากปฏิบัติกับคนทั้งหลายอย่างซื่อตรง พวกเขาก็คงปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้น… ท่านพ่อ! บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าควรทําเช่นไรหลังจากเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ทว่าจงวางใจเถิดเพราะข้าจะไม่ทําร้ายผู้ใดแน่!”

จางชิวไฉ่พยักหน้ารับรู้ จางชิงเฟิงลูกชายของเขาก็ถือว่าเป็นคนฉลาด… ทว่าเขาต้องการคบค้าสมาคมกับครอบครัวของหญิงชาวนา อีกทั้งคนเหล่านั้นยังดูเหมือนจะฉลาดหลักแหลมเสียยิ่งกว่าพวกเขา ซึ่งเป็นบัณฑิตผู้รู้หนังสืออย่างนั้นหรือ?

“ตระกูลหยุนนี้ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง… เพียงแค่แม่นางผู้นั้นอบรมสั่งสอนน้องชายของตน ทว่ากลับทําให้เจ้านึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ บางทีนางอาจมองเห็นอะไรบางอย่างจึงใช้โอกาสนั้นเพื่อเตือนเจ้า… ในอนาคตเจ้าเองก็ควรผูกมิตรกับตระกูลหยุนไว้”

ว่าแล้วจางชิงเฟิงก็ลุกขึ้น ก่อนจะนั่งลงกระซิบกระซาบกับผู้เป็นบิดา “ท่านพ่อ! ข้ารู้สึกได้ว่าคุณชายหยุนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา… เขามีลักษณะบางอย่างที่ไม่อาจปกปิดได้ แม้แต่กิริยาท่าทางของเขาก็บ่งบอกชัดเจน ยามสนทนาด้วยก็ยิ่งแสดงให้ข้าเห็น ว่าเขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องการปกครองแผ่นดิน… แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะเป็นพรานป่า ทว่าข้ารู้สึกได้ว่าต่อให้ เป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน ก็คงไม่อาจผ่านการร่ําเรียนอย่างลึกซึ้งเช่นเขา! ”

จางชิวไฉ่ตกตะลึง ในด้านการเล่าเรียนตนไม่อาจเทียบผู้เป็นลูกชายได้ บัดนี้จางชิงเฟิงก็แสดงให้เขาเห็นอีกว่าเขามีสายตาเฉียบคมเพียงไร… หรือจะมีมังกรเร้นกายอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้กันแน่?

“อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีเจตนาอื่นในการเข้าหาพวกเขา นอกเสียจากหวังการสนทนาแลกเปลี่ยน ที่จะช่วยยกระดับความรู้ของข้า… ดังนั้นไม่ว่าอนาคตคุณชายหยุนจะเป็นอย่างไร ข้ากับเขาก็จะเป็ นกัลยาณมิตรต่อกันเสมอ ท่านพ่อ… เขาแสดงออกต่อข้าอย่างจริงใจ ดังนั้นข้าเองก็ควรจะเปิดใจ มากขึ้นด้วย!”

จางชิวไฉ่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ครอบครัวนั้นมีหลายสิ่งให้เจ้าได้เรียนรู้อีกมาก… เป็นการดีที่เจ้าจะผูกไมตรีกับพวกเขา ทว่าจงอย่ามีใจคิดตักตวงเอารัดเอาเปรียบเป็นอันขาด มิฉะนั้นพวกเขาก็คงสัมผัสถึงความไม่จริงใจของเจ้าได้ในไม่ช้า แล้วจะทําให้หมดโอกาสผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นได้อย่างแท้จริง”

“แม้พ่อจะไม่ได้รู้แจ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนของมนุษย์ ทว่าก็ยังสามารถสัมผัสถึง ความจริงใจระหว่างมิตรสหายได้ ส่วนเพื่อนของเจ้าคนนั้น… ก็จงอโหสิและปล่อยเขาไปตามยถา กรรมเถิด คนไร้ยางอายเช่นเขาไม่มีทางไปได้ไกลอย่างแน่นอน สวรรค์มีตา… ประพฤติสิ่งใดย่อม ได้สิ่งนั้น!”

จางชิงเฟิงจะสามารถทําสิ่งใดได้อีก? แม้เขาต้องการจะล้างแค้น ทว่าก็ทําได้เพียงกัดฟันอดทนรอเท่านั้น เพราะหากปราศจากหลักฐานก็ไม่อาจกล่าวโทษผู้อื่นต่อหน้าได้

ตอนที่ 295 มาเยือนเพื่อขอบคุณ

หยุนเสียนเถียนไม่ยอมปล่อยชายผู้นี้ไปโดยง่าย นางรีบฉวยโอกาสแห่งชัยชนะนี้ก้าวตามเขาไป

“เช่นนั้นข้าว่าคนขี้ขลาดควรจะเป็นเจ้ามากกว่าคุณชายจาง! หากเอาแต่นินทาลับหลังเช่นนี้ แล้วเจ้าจะต่างอะไรกับสตรีปากยื่นปากยาวกัน?”

ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรวิ่งหนีไป ก่อนที่จางชิงเฟิงโค้งคํานับแสดงความขอบคุณนางต่อหน้าผู้คน “ขอบคุณแม่นางหยุนที่ช่วยแก้ข้อครหาให้ข้า!”

หยุนเถียนเถียนโบกมืออย่างเฉยเมยก่อนพูดพลางยกยิ้ม “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นข้าเองก็มี ส่วนทําให้เจ้าต้องเสียชื่อด้วย… เฉินไฉ่อมีเจตนาต้องการให้ร้ายข้า ซึ่งข้าไม่อาจยอมได้จึงต้องจัดการเช่นนั้น ทว่าข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย”

จางชิงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มครั้งนั้นข้าตามืดบอดคิดว่าแม่นางเฉินจะเป็นคนดี ไม่นึกเลยว่า นางจะเลวทรามได้เพียงนั้น! แม้นางจะไม่ใช่สตรีที่หลินหูต้องการร่วมหอลงโลงด้วยก็จริง ทว่า เขากลับล่วงเกินนางไปแล้ว ถึงขนาดนี้แล้วจะทําเช่นไรได้? เหล่าสาวใช้ที่บ้านข้าก็ช่างปากสว่างเหลือเกิน จนเรื่องแพร่งพรายออกไป ซ้ํายังทําให้แม่นางพลอยทุกข์ใจเช่นนี้ด้วย”

หยุนเสียนเถียนแหงนมองท้องฟ้าพลางกล่าว “บัดนี้ก็เย็นย่าเสียแล้ว… พวกข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว ข้าเพิ่งกล่าวไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างสามีข้ากับคุณชายจางนั้นใกล้ชิดยิ่งนัก หากท่านมีเวลาก็มาเยี่ยมเยือนข้าได้เสมอ สามีข้าคงประทับใจในบุคลิกของท่านเป็นแน่… ไม่ทราบว่าท่านจะรังเกียจหรือไม่?”

“จางชิงเฟิงผู้นี้ขอขอบคุณแม่นางหยุนด้วยใจจริงอีกครั้ง… ครั้นมีเวลาเมื่อใดข้าจะไปเยี่ยมแม่ นางแน่นอน! ถึงครานั้นข้าก็ขอรบกวนแม่นางด้วย…”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนเดินทางกลับพร้อมแม่หม้ายเยว่… นางไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เท่าใดนัก

จางชิงเฟิงไม่อาจลืมบุญคุณของนางในครั้งนี้ได้ หากไม่ได้หยุนเถียนเถียนเข้ามาช่วยในวันนี้ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ไร้มลทินมัวหมองก็ตาม ทว่าเขาก็ต้องยอมจ่ายเงินจํานวนมากเพื่อรักษาเกียรติ และชื่อเสียงของตนไว้

ทุกวันนี้การสอบจอหงวนเริ่มเข้มงวดกับชื่อเสียงของเหล่าบัณฑิตที่เข้าสอบมากยิ่งขึ้น แม้ไม่ใช่ข้อผิดพลาดหนักหนา ทว่าก็ทําให้เขาหมดสิทธิ์สอบได้ ล่าพังแค่เรื่องนี้ก็เพียงพอแล้วที่ผู้เป็นศัตรูจะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อกําจัดเขาออกไป!

เมื่อจางชิงเฟิงกลับถึงบ้าน เขาก็รีบบอกเรื่องนี้กับจางซิวไฉ่ผู้เป็นบิดา พลางนึกหาโอกาสตอบแทนบุญคุณหยุนเถียนเถียน!

จางซิวไฉ่คร่ําครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าอย่างเสียดาย สตรีผู้ซื่อตรงเช่นนี้ได้ออกเรือนกับชายอื่นไปเสียแล้ว หากได้นางมาเป็นสะใภ้ก็คงจะดีกับลูกชายของตนไม่น้อยที่เดียว! ส่วนจางชิงเพิ่งรู้ดีว่าแม้ตนจะมีความสามารถในการอ่านเขียน ทว่าข้อเสียก็คือเขายังบกพร่องในเรื่องมนุษยสัมพันธ์

“เจ้าสมควรไปขอบคุณนาง! บางทีที่นางช่วยก็อาจเพราะรู้สึกผิดต่อเจ้า อย่างไรเสียผู้เดียวที่นางต้องการจะแก้แค้นก็คงมีเพียงเฉินไฉ่อ ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรงอยู่แล้ว! เราในฐานะบัณฑิตก็จงให้นางเป็นผู้ลงมือเถิด พ่อนึกดูแล้ว… ไม่ว่านางจะคิดอ่านหรือกระทําเช่นไรเราก็ย่อม ได้ประโยชน์เป็นแน่!”

“ว่าแต่นางไม่ได้บอกท่านพ่อหรือว่านางอาศัยอยู่ที่ใด? แถมนางยังเคยบอกว่าข้ามีสัมพันธ์อัน ดีกับสามีของนางด้วยไม่ใช่หรือ? ข้าว่าควรใช้โอกาสนี้นําสินน้ําใจเล็กน้อยไปมอบแก่นางด้วยจะดีกว่า! ในฐานะบัณฑิตแล้วข้าว่าต้องไม่ทําสิ่งใดให้นางเสื่อมเสีย ทว่าการไปเยี่ยมนางอย่างเปิดเผยก็คงไม่น่าเกลียดแต่อย่างใด”

“สามีของนางน่าเกรงขามอีกทั้งยังเป็นคนใจร้อน ทว่าพ่อคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเช่นไร หากเจ้าบอกกล่าวแก่เขาว่ามาเพื่อขอบคุณ พร้อมนําของขวัญมาตอบแทนที่แม่นางหยุนช่วยเจ้าไว้… เช่นนี้แล้วเขาคงไม่กังวลแน่”

จางชิงเฟิงพยักหน้า เขาเคยพบหยุนเคอครั้งหนึ่งแล้ว และนึกอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายคงเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่สงสัยภรรยาของตนในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรทํา มนุษย์ย่อมรู้หน้าไม่รู้ใจอยู่แล้ว ต่อให้หยุนเคอเป็นคนใจแคบคิดเล็กน้อยจริง ทว่าเขาก็บริ สุทธิ์ใจเพราะมาเพื่อตอบแทนแม่นางหยุนเท่านั้น!

จางชิงเฟิงตัดสินใจเลือกผ้าลายดอกไม้จากร้านของฝากมาผืนหนึ่ง ว่าตามจริงแล้วผ้าผืนนี้อาจดูสวยงามมากในสายตาหญิงชนบท… ของขวัญชิ้นนี้จึงดูไม่เลวเลยทีเดียว!

อย่างไรเสียเขาก็รู้ว่าหยุนเกียนเถียนไม่ได้มีรสนิยมเฉกเช่นสาวชาวบ้านทั่วไป นางอาจไม่ถูกใจผ้าผืนนี้เลยก็ได้! ทว่าก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ให้ด้วยใจจึงไม่สําคัญว่านางจะชอบหรือไม่ เพราะอันที่จริงเขาก็ไม่ได้หวังให้นางสวมมันจริง ๆ อยู่แล้ว!

จางชิงเฟิงมาหาหยุนเถียนเถียนพร้อมของขวัญชิ้นนั้น เมื่อถึงหน้าบ้านแล้วจึงเคาะประตูเรียกนาง ทว่าผู้ที่มาเปิดประตูก็คือหยุนเคอ!

หากไม่นับการปฏิบัติตัวต่อภรรยาของเขาแล้ว หยุนเคอดูเป็นบุรุษที่เย็นชานัก จางชิงเฟิงถึงกับสะดุ้งเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา!

“ค… คุณชายหยุน! ข้าน้อยจางชิงเฟิง! แม่นางหยุนเคยให้ความช่วยเหลือข้าไว้…ข้าจึงมาเยี่ยมเยือนเพื่อแสดงความขอบคุณแก่นาง!”

หยุนเคอประหลาดใจเล็กน้อย แม้เขาจะรู้ว่าภรรยาของตนชอบออกไปจับจ่ายซื้อของข้างนอก ทว่าเขาคาดไม่ถึงเลยว่านางจะเคยทําเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย!

บัดนั้นหยุนเคอเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มสนทนากับแขกที่มาเยือนผู้นี้อย่างไร ทั้งสองจึงยืนอึกอักกันอยู่ครู่หนึ่ง

ท้ายที่สุดหยุนเคอก็ทําได้เพียงเปิดทางให้เขา “คุณชายจาง… เชิญ!”

กระนั้นจางชิงเฟิงก็ไม่กล้าก้าวเข้าไปในบ้าน ทว่าวางผ้าผืนนั้นไว้บนโต๊ะแทน

พอดีกับจังหวะที่หยุนเถียนเถียนกําลังรวบผมเดินออกจากห้อง!

“หยุนเคอ… ใครมางั้นหรือ?”

เขาไม่ได้ตอบค่าพลางปล่อยให้นางนั่งลงที่โต๊ะ

หยุนเถียนเถียนไม่จําเป็นต้องรอคําตอบอีกแล้วเมื่อเห็นว่าแขกผู้นั้นคือจางชิงเฟิง

“คุณชายจาง… ท่านมาแล้วหรือ! ข้านึกแล้วว่าท่านต้องมาเยี่ยมเยือนข้าที่นี่ในสักวันหนึ่ง ทว่า ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาวันนี้!”

จางชิงเฟิงยกยิ้มกว้างราวกับว่าเขาไม่เคยมีปัญหากับเฉินไฉ่อมาก่อน!

“แม่นางหยุนมีบุญคุณต่อข้า… เดิมที่ข้าต้องการมาเยี่ยมเยือนนางเพียงที่ปากประตูเท่านั้น ทว่าคุณชายหยุนกลับใจกว้างยอมให้ข้าเข้ามาในบ้าน ข้าเกรงว่าท่านจะผิดใจกับแม่นางหยุน หากการมาของข้าครั้งนี้สร้างความกังวลใจแก่ท่าน… ข้าต้องขออภัยด้วย”

หยุนเคอหน้าดําคร่ําเครียด ปรากฏว่าชายผู้นี้เกรงว่าแม่น่าหยุนจะเสื่อมเสีย จึงไม่กล้าเข้าบ้านในทีแรก เขาช่างพูดจาตรงไปตรงมาจึงไม่น่าเป็นพวกหน้าซื่อใจคด

“คุณชายจาง… ท่านเป็นผู้มีเจตนาดีนัก ภรรยาของข้าชอบต่อต้านเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอยู่เสมอ! อีกทั้งพวกเราเป็นสามีภรรยาที่ต่างไว้เนื้อเชื่อใจกัน หากข้าเคืองโกรธเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ข้าคงเป็นสามีที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย”

แขกผู้มาเยือนรู้สึกยินดีนักอีกทั้งไม่ผิดหวังเลยที่มาเยี่ยมเยือนนางวันนี้ เขาเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขยิ่ง!

“ตอนนั้นนางรีบกลับ แม่นางหยุนได้ประกาศว่าข้ากับท่านต่างมีไมตรีต่อกัน… วันนี้ข้าจึงมา เพื่อทําตามวาจานั้น! เมื่อได้เห็นบุคลิกตรงไปตรงมาของคุณชายหยุนเช่นนี้ ทําให้ข้ารู้สึกต้องการผูกมิตรกับท่านยิ่ง!”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม ตรงข้ามกับหยุนเค่อที่ยังมีสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย หากเขาสามารถมีเพื่อนสนิทมิตรสหายสักสองสามคนก็ย่อมดีกว่านี้มาก อีกทั้งสุภาพบุรุษเช่นจางชิงเฟิงก็เป็นตัวเลือกที่ดี!

ตอนที่ 286 การกลับมา

หยุนเวียนเถียนสบฟันคิดไตร่ตรองว่าควรทําอย่างไรเพื่อปกปิดทุกสิ่งกับหยุนเคอวันพรุ่งนี้แต่สุดท้ายนางไม่อาจทนความอ่อนล้าได้ไหวจึงดิ่งสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว

หยุนเคอถอนหายใจออกด้วยความผ่อนคลายก่อนจะใช้มือลูบหน้าอกที่ถูกกัดเมื่อครู่อย่างเบามือในใจพลันคิดว่าสาวน้อยในอ้อมแขนช่างดุร้ายเสียจริง แต่ทั้งหมดนั้นคุ้มค่ารสชาติของการมีชีวิตคู่นั้นช่างสดชื่นสุดจะพรรณา

หยุนเถียนเถียนหลับใหลในอ้อมกอดของหยุนเคอ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนจะถูกบีบบังคับให้ยอมจํานนต่อองค์ชายผู้นี้แม้ที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้ทําอะไรเกินเลยแต่เขาก็ไม่เคยอุ้มนางมานอนด้วยในห้องเช่นนี้!

แผนการที่ต้องการจะหลุดพ้นจากหยุนเคอจบลงโดยสมบูรณ์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้นผู้ใดกันเล่าขานว่าคนสมัยโบราณนั้นโง่เขลาดูเหมือนว่าชายร่างใหญ่ตรงหน้านี้จะไม่เป็นเช่นคําร่ำลือ!

สุดท้ายนางก็ค่อย ๆ คุ้นเคยกับร่างกํายาและเลิกดิ้นรน

หยุนเคอถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แม้สาวน้อยจะไม่รู้สึกถึงความจริงใจและยังล้อเล่นกับเขาอยู่บ่อยครั้งจนเขาไม่รู้ว่าควรจะทําอย่างไรกับนางดี หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยังเด็กมากเขาคงต้องบังคับขืนใจกลืนนางลงท้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

สมาคมกวีภายในเมืองถูกก่อตั้งมาเพื่อสร้างความสนุกสนานรื่นเริงโดยคุณชายเจ้าสําราญแต่หากมองเพียงผิวเผินก็จะรู้สึกว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ซึ่งเหล่าปราชญ์และบัณฑิตทั้งหลายจะได้พบปะและทําความรู้จักกันให้มากขึ้น

ผู้คนในวงในต่างรู้ดี เช่นนี้ผู้คนจํานวนมากยอมใช้เงินเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเองและเพื่อการอยู่รอดของสมาคมทั้งหมดต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานที่แห่งนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งมันคือสิ่งที่ปลอบประโลมจิตใจและเต็มไปด้วยเกียรติยศ!

แต่เดิมหลินหูไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อหลอกลวงสมาคมแห่งนี้ให้ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเขาจึงต้องให้คุณชายเจ้าสําราญได้ชื่นชมบทกวีรื่นหูสักสองบท… ด้วยหนทางเช่นนี้บัณฑิตผู้ยากไร้จึงพอมีโอกาสรื่นเริงได้บ้าง!

แม่บทกวีจะถูกเขียนขึ้นโดยหญิงสาวชาวนาอย่างเฉินไฉ่อ แต่หากมองผ่าน ๆ มันก็สามารถเทียบเทียมกับปลายฟูพันของอัจฉริยะอย่างซื่อมเจียได้!

บทกวีที่หลินหุ่นมาแทบจะไม่อยู่ในสายตาของคุณชายเจ้าส่าราญเลยแต่ยังไงซะมันก็เป็นผลงานที่ค่อนข้างแปลกและสะดุดตาไม่น้อย…

หยางเฉินเป็นบุตรชายของนักบวชที่มีชื่อเสียงในเมือง น้องสาวผู้ไม่สนใจโลกของเขาชื่อหยางยู่หรงตัวเขาซึ่งเป็นพี่ชายออกไปสนุกสนานอยู่บ่อยครั้งและบางครั้งยังพาน้องสาวของตนไปด้วยซึ่งน้องสาวของเขาไม่มีท่าทางหวาดกลัวอะไรกับงานเลี้ยงนี้เลยนางมักจะแต่งกายดั่งเช่นบุรุษเพื่อเข้าร่วมสังสรรค์ในสมาคมกวีกับพี่ชาย

บทกวีทั้งสองถูกพลิกหน้าไปมาบนฝ่ามือของหยางยู่หรง ปลุกเร้าจินตนาการอันลุ่มลึกมิรู้สิ้นของนางถึงขั้นอยากพบหน้าบุรุษผู้ชวนฝันที่แต่งบทกวีแสนอ้อยอิ่งพวกนี้สักครั้ง!

เช่นนี้นางจึงขู่เข็ญพี่ชายว่าหากไม่พาบุรุษผู้นั้นมาพบเจอ นางจะสาวไส้สมาคมกวีให้บิดารับรู้!หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาตัวหลินหูมาปิดปากน้องสาวเอาไว้ก็แค่พาชายมาเล่นสนุกกับนางเพียงหนึ่งคนเท่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร!

เพราะเหตุนี้หลินหูจึงได้รับคําเชิญจากคุณชายเจ้าสําราญ หลังจากเกิดเรื่องนี้เขาจึงปฏิบัติกับเฉินไล่ออย่างดีและบางครั้งก็ให้นางมานอนค้างที่บ้านเป็นครั้งคราวเพื่อมีสัมพันธ์ฉันบุรุษสตรีแต่หลังจากจบกิจเขามักจะคิดถึงหยุนเถียนเถียนอยู่ร่ำไปด้วยหัวใจที่โศกเศร้าเพราะพิษรักทําให้หลินหูไม่คิดสนใจสิ่งอื่น!

อย่างไรเสียความปรารถนาเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม หากยังไม่เคยลิ้มรสของชายหญิงแน่นอนว่าเฉินไฉ่อคงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้… ทว่าตอนนี้อายุนางก็เหมาะสมและยังได้ลิ้มรสแห่งบุรุษเพศแล้วด้วย!

แม่ได้นอนทอดกายเคียงข้างชายหนุ่มรูปงามเฉินไฉ่อก็ยังรู้สึกว่างเปล่าอยู่ดีอย่างไรเสียนางก็คิดว่าตนเป็นเพียงลูกสาวจอมโอหังของตระกูลเท่านั้นนางหาได้ใส่ใจแม้จะรู้ดีว่าต้องทําให้ตระกูลขายหน้าสักเพียงไหน

แม้ว่าคุณนายหวงจะรับไม่ได้ที่มีลูกสะใภ้เกียจคร้านแต่นางก็สามารถเขียนบทกวีได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้นางจึงไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้มากนัก อย่างไรซะก็แค่ตอนนี้

“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย เอาไว้เรื่องราวจบสิ้นเมื่อไหร่ ข้าสาบานว่าจะถลกหนังนั่งตัวดีนั้นให้ได้ตอนนี้จงอวดดีไปก่อนเถิดแล้วถึงเวลาข้าจะจัดให้อย่างสาสม!”

เป็นเพราะได้รับในสิ่งที่ต้องการ หลินจึงยอมให้เฉินไฉ่อีกลับไปพบพ่อแม่ที่หมู่บ้านเทพธิดา

อีกทั้งเขายังบอกกล่าวกับแม่ของตนว่าให้ซื้อของเล็กน้อยมอบให้นางเอาไปฝากที่บ้านด้วยแม้หวงซื่อจะไม่พอใจกริยามารยาทของลูกสะใภ้แต่เมื่อลูกชายเอ่ยปากขอนางก็จําต้องกลืนความไม่พอใจลงท้องไป

หวงซื่อกัดฟันแน่นก่อนจะนําเนื้อหนึ่งจีนและไข่สิบฟองออกมา ส่วนน้ําตาลนางแสงลืมมันไปและไม่คิดพูดถึง!

เฉินไฉ่อีกล่าวขอบคุณตามมารยาท แต่ลับหลังนางกัดกลับฟันกรอดด้วยความรู้สึกจงเกลียดจงชังหวงซื่อเสียจนอยากฆ่าทิ้งนางเองก็ไม่รู้ว่าควรทําสีหน้าอย่างไรด้วยหากต้องพบปะคนที่บ้าน

แต่เมื่อใคร่ครวญดูนางก็ตระหนักได้ว่าตนเองแต่งงานมาเป็นเวลาได้ครึ่งเดือนแล้วก็ควรพบปะสนทนาตามมารยาทแต่นางเกรงว่าหากไปมือเปล่าคงไม่เหมาะนักการติดของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝากด้วยก็เป็นความคิดที่ดี

เฉินไฉ่อตื่นแต่เช้ามืดเพราะคิดฉวยโอกาสในยามที่คนไม่พลุกพล่านชิงกลับบ้านที่เชิงเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม่นางเฉินจะตื่นแล้ว นางกําลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน

ในคราวแรกนางไม่อาจปกป้องลูกสาวได้ แต่ตอนนี้ลูกสาวของนางแต่งงานออกเรือนไปกว่าครึ่งเดือนแล้วและยังไม่ได้กลับมาเหยียบที่บ้านนี้เลยสักครั้ง! นางไม่ได้คิดสนใจของฝากหนึ่งถึงสองชิ้นแต่นางกลับกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของบุตรสาวเสียมากกว่าอีกฝ่ายจะลําบากหรือไม่เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้!ด้วยลักษณะท่าทางของคุณนายหวงแล้วอีกฝ่ายมิใช่คนดีเลย แล้วลูก สาวของนางก็ใช่ว่าจะเรียบร้อยอีกทั้งยังทํางานบ้านไม่เป็นด้วย!

เฉินไฉ่อมองผู้เป็นแม่ซึ่งแก่ชราไปมาก หัวใจของนางพลันหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกหากวันนั้นแม่ยอมช่วยเหลือสักหน่อยชีวิตของนางคงไม่ต้องถูกโขกสับเช่นนี้!

หลังจากยืนดําดิ่งในความคิดอยู่นาน เฉินไฉอีจึงตะโกนออก “ท่านแม่!”

แม่ของนางหันมาตามเสียงด้วยความตื่นตระหนก แววตาทอประกายวูบไหวอย่างตื่นเต้นนางไม่คิดว่าลูกสาวจะกลับมาหา

“ไฉ่อ! เจ้ากลับมาแล้ว!”

ทันที่ที่แตะใบหน้าซีดเซียวของลูกสาว นางผู้เป็นสะใภ้ของลุงเฉินก็หลั่งน้ําตาออกมา

“ลูกแม่ เจ้าคงลําบากมากเลยสินะ เจ้าซูบผอมไปมากเลยรู้ตัวไหม!”

เฉินไฉ่อวางของในมือลงพร้อมจับจ้องผู้เป็นแม่อย่างห่วงหา… เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดถึงตนเองมากนางจึงไม่คิดจะพูดกล่าวอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองอย่างน้อยก็ควรจะตักตวงความสุขในตอนนี้เอาไว้ก่อน

หากหลินห์รักษาสัญญาจริง ๆ ชีวิตของนางก็คงจะดีขึ้น อย่างไรแล้วภูมิหลังของครอบครัวเขาก็ไม่ย่าแย่สุดท้ายนางก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายอยู่ดี

ตอนที่ 285 เข้านอน

เฉินเฉินไม่ค่อยเข้าใจนัก เหตุใดด้วยวัยของเขาในตอนนี้ถึงไปไม่ได้กัน? มีสิ่งใดอีกหรือไม่ที่ไม่สมควรกระทํา?

เฉินซิ่วไฉอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมายามสังเกตเห็นสีหน้าสับสนของศิษย์ผู้ฉลาดเฉลียว ทว่าเพื่อรักษาภาพพจน์ในฐานะอาจารย์ เขาจึงปกปิดอาการด้วยการกระแอมไอออกมา

“อะแฮ่ม! ศิษย์ข้า ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าได้รู้ ในเมืองนี้มีบัณฑิตที่แท้จริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และผู้มีชื่อเสียงส่วนนับนิ้วได้ ส่วนใหญ่ต่างเป็นผู้มีเงินเหลือเฟือจึงสามารถจัดงานชุมนุมเช่นนี้ได้! เป็นเรื่องที่ดีหากต้องการเรียนรู้ อันว่าหอนางโลมมีสตรีขายเรือนร่างไว้เสพสําราญไม่น้อยเลยทีเดียว”

“ศิษย์เอ๋ย พี่สาวเจ้าคาดหวังกับเจ้าไว้มากและเป้าหมายสําคัญของเจ้าคือการสอบขุนนาง! งานชุมนุมไร้สาระเช่นนี้ แม้อาจมีบ้างที่ภายในงานจะปรากฏบัณฑิตผู้มีพรสวรรค์ในบทกวี เพียงแต่ระดับฝีมือของคนเหล่านี้ไม่สามารถทําให้เจ้าตื่นตาได้ สู้ไม่ไปไม่ดีกว่าหรือ?”

ถ้อยคําบางคําเฉินเฉินอาจไม่เข้าใจความหมาย ทว่าหากมีสตรีขายเรือนร่างอยู่ภายในงาน เขาสามารถจินตนาการได้ว่างานเช่นนี้ไม่น่าใช่งานจริงจังอะไร!

“ศิษย์ทราบแล้วขอรับ! งานชุมนุมนี้ไม่แคล้วจัดขึ้นเพื่อหาความสําราญ กว่าศิษย์จะมีชีวิตดังทุกวันนี้ได้นั้นไม่ง่าย เหตุนี้จึงไม่ควรเสียเวลาและทําอนาคตตนล่าช้า!”

เฉินซิ่วไฉผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ “ยอดเยี่ยม เจ้าเข้าใจแล้วย่อมดี! อยู่แต่ในจวนและทบทวนตํารา อีกเพียงไม่กี่เดือนเจ้าก็ต้องสอบถงชิงแล้ว ด้วยความสามารถของเจ้าตอนนี้นี่เป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ เท่านั้น เพื่อสิ่งที่ไม่ได้สลักสําคัญอะไรเจ้าไม่ควรทําอนาคตตนล่าช้า!”

เฉินเฉินพยักหน้ารับพร้อมล่าถอยออกมา แม้ศิษย์บางคนจะกระซิบกระซาบการไปงานชุมนุมข้าง ๆ เขา เขาก็จะไม่สนใจมันอีก บัดนี้เขารู้จุดประสงค์หลักของงานชุมนุมแล้ว ผู้ที่มาเชื้อเชิญเขาหลังจากนี้หากไม่ใช่บุตรชายสรุยสุร่ายที่แสวงหาความสุขก็คงเป็นคนบางจําพวกที่ต้องการทําร้ายสตรีเหล่านั้น!

เฉินเฉินยังคงเด็กนัก ผู้ที่มาชักชวนจึงรู้สึกเช่นกันว่าวัยของเขานั้นยังไม่เหมาะสม เช่นนี้จึงไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก! เปลี่ยนเป็นพูดถึงงานชุมนุมบทกวีเมื่อหลายปีก่อนแทนซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างทีเดียวที่อยากพูดออกไป เพียงแต่เด็กตัวเล็กแค่นี้คงไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร เห็นทีว่าตนคงสีซอให้ควายฟังเสียแล้ว!

หยุนเถียนเถียนฟังความจากปากเฉินเฉินแล้วพลันรู้สึกสํานึกในบุญคุณของเฉินซิวไฉ สามารถสั่งสอนเฉินเฉินได้อย่างถูกต้องและเข้มงวดเช่นนี้ไม่แคล้วใช้เวลาและพลังไปมาก บางทีสำหรับศิษย์คนอื่น ๆ เขาคงต้องการสั่งสอนเช่นกันทว่ากลับไม่มีอํานาจเพียงพอ

“อาจารย์สั่งสอนเช่นนี้ก็เพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าต้องสํานึกบุญคุณให้มาก หลังจากนี้สักสองสามวัน เจ้านําเนื้อสองชิ้นที่ท่าเสร็จใหม่ ๆ จากโรงครัวไปให้อาจารย์เพื่อขอบคุณความกรุณาของเขาเถิด”

หยุนเคอที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งยกยิ้มบางเบา ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคู่นี้ดีมาก แม้ทั้งสองจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันทว่าก็ดีกว่าพวกที่มีสายเลือดเดียวกันเสียอีก!

ต่างกับเขาที่เติบโตมากับผู้เป็นพี่ชาย ใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะถูกแทงข้างหลังเพียงเพื่ออ่านาจเช่นนี้

ครั้นล่วงเข้ายามค่ําคืน หยุนเคอเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกครั้ง!

ในคืนสมรสนั้นเพราะอาการมึนเมาจึงสามารถนอนบนเตียงนอนของหญิงสาวได้สําเร็จ ทว่าบัดนี้จะใช้ข้ออ่างอะไรได้อีก? เขาเกรงว่านางไม่ใช่ผู้ที่จะพูดดี ๆ ด้วยได้สักเท่าไร!

แม้หยนเถียนเถียนจะจําคืนที่ผ่านมาได้กระนั้นนางยังคงรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อย ในสายตาของนางหยุนเคอเป็นบุรุษที่ดีแต่เป็นเพราะคืนก่อนเขาเมามายจึงพลั้งเผลอนอนบนเตียงไป ทว่าวันนี้ เขาไม่ได้ดื่มสุราจึงไม่สมควรมีเหตุผลอะไรให้ขึ้นมานอนบนเตียงอีก!

อย่างไรแล้ว…นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ายามออกจากห้องอาบน้ําสิ่งที่เห็นกลับเป็นหยุนเคอที่นอนอยู่บนเตียงด้วยเสื้อตัวในตัวเดียว!

ด้วยชีวิตช่วงนี้เริ่มดีขึ้นมาก หยุนเสียนเถียนจึงตั้งใจทําเสื้อตัวในจากไหมพรมให้เขาเป็นกรณีพิเศษเพราะใส่ได้สบายตัว ทว่าจุดอ่อนเดียวคือมันบางยิ่ง!

แม้แสงเทียนในห้องจะสลัวมาก หญิงสาวยังสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนของหยุนเคอผ่านเสื้อตัวในจากไหมพรมที่ค่อนข้างบางได้ ตอนที่นางไปฝึกกับเพื่อนโรงเรียนต่ารวจไม่ใช่ว่านางไม่เคยเห็นใครเปลือยท่อนบนเช่นนี้!

กระทั้งหลังจากฝึกจบกล้ามของพวกรุ่นพี่ก็เป็นแบบนั้นซึ่งดีกว่าคนปกติทั่วไปมาก ทว่าก็ไม่มีใครมีกล้ามท้องเป็นลอนสวยเช่นหยุนเคอตอนนี้!

เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มานานหลายปี ร่างกายปราศจากไขมันส่วนเกินราวกับถูกมีดตัดออกไป เมื่อคืนนางนอนในอ้อมกอดของเขาทั้งคืนแน่นอนว่าย่อมสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างกายเขาโดยไม่ตั้งใจ

มองไปยังหยุนเคอที่ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้านั้นแล้วหยุนเถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงกำและแตะจมูกตนเองด้วยความหวาดผวา อย่างไรนางก็ไม่ยอมให้หน้าเสียโฉม!

พลันตระหนักได้ว่านางเกือบหลุดล้อเล่นอีกแล้ว ร่างบางยึดอกขึ้นอย่างเดือดดาล “หยุนเคอ! เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเจ้าเสียหน่อย!”

หยุนเคอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เราต่างก็แต่งงานแล้วทั้งคู่ ไม่นอนห้องเดียวกันแล้วจะให้นอนที่ใด? หากให้ชาวบ้านมาเห็นไม่แคล้วต้องคิดเรื่องทะเลาะกันออกมา? ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็เคยนอนมาแล้วยังต้องใส่ใจคืนสองคืนนี้หรือ?”

หยุนเวียนเถียนหัวเราะออกมาอย่างโกรธเคืองในทันที นางไม่เคยคาดคิดว่าหยุนเคอจริง ๆ แล้วนั้นจะทําตัวไร้ยางอายเช่นนี้

หากไม่พูดถึงคนสองคนจะทําอะไรในห้องนอนแห่งนี้แล้ว คนนอกจะรู้เห็นชัดแจ้งขนาดนั้นได้เยี่ยงไร? ที่น่าชังที่สุดคือค่าพูดสุดท้าย! อะไรคือก็เคยนอนมาแล้ว? ค่าพูดประหนึ่งพวกเขาได้ กระทําสิ่งที่ไม่เหมาะสมสําหรับเด็กลงไป! เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนพวกเขาไม่ได้ทําอะไรทั้งสิ้น ต่างคนต่างสงบเสงี่ยม!

“ช่างเถอะ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ สวมเสื้อตัวในแล้วยืนคุยกับผู้อื่นทําให้เสียอารมณ์มากทีเดียว!

หยุนเถียนเถียนย่นจมูกอย่างฉุนเฉียว “ก็ได้ใ ห้องนอนนี้ให้เจ้าก็แล้วกัน ข้าจะไปนอนห้องข้าง ๆ เรื่องนี้ก็แล้วไปเถิด!”

ได้อย่างไรกัน? กว่าจะขึ้นมานอนบนเตียงได้ไม่ง่ายเลย เจ้าจะหนีไปนอนห้องข้าง ๆ อีกแล้ว ไม่ใช่เขาลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ?
ชายหนุ่มกังวลเสียจนต้องใช้วิชาตัวเบากระโดดไปยืนตรงหน้าของหยุนเถียนเถียน ยื่นมือไปคว้าตัวของเด็กน้อยแล้วกลับไปที่เตียงในพริบตา!

ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นประหนึ่งสายฟ้าแลบ ครั้นหยุนเถียนเถียนรู้สึกตัวก็เป็นเวลาเดียวกับที่หยุนเคอดึงตัวนางเข้าไปในอ้อมกอดพร้อมพันตัวนางด้วยผ้าห่ม

“หยุนเคอ! เจ้าคนน่าตาย ปล่อยขาเดี๋ยวนี้!”

หยุนเคอตบตูดของเด็กสาวด้วยอารมณ์ไม่พอใจ “เอาล่ะ! ดึกมากแล้ว ยังไม่นอนดี ๆ อีก เจ้าอยากโวยวายเรื่องอะไรกัน?”

เพราะการถูกตบนี้แน่นอนว่าทําให้หยุนเถียนเถียนระเบิดออกมาด้วยความโกรธ! เจ้าคนน่าตายผู้นี้ เหตุใดจึงไม่รู้สึกละอายบ้าง ที่ตรงนั้นของสตรีใช่ว่าจะสัมผัสได้ตามใจเสียเมื่อไหร่?

หยุนเวียนเถียนมีโทสะมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามดิ้นรนก็ไม่อาจเอาชนะความแข็งแกร่งของหยุนเคอได้ ทันใดนั้นนางจึงอ้าปากและกัดลงไปที่หน้าอกของหยุนเคออย่างเดือดดาล!

หยนเคอคล้ายไม่เจ็บปวดหรือเคืองตัวแม้แต่น้อย ทั้งยังปล่อยให้นางคลุ่มคลั่งไปเช่นนั้น! เพียงแต่กล้ามเนื้อแน่น ๆ นั้นมีแต่จะทําให้นางปวดฟัน!

หยุนเกียนเถียนไม่ได้ลดแรงกัดเลยสักเพียงนิด ทว่าหลังกัดลงไปนางสูญเสียแรงไปไม่น้อย!

……………….

ตอนที่ 284 หนทางสู่ความสําเร็จ

จุดต่าหนิเดียวคือชุดแต่งงานบนร่างของเฉินไฉ่อ ด้วยคุณภาพที่ไม่ได้ดีนักและสีย้อมที่ไม่สม่ําเสมอหลังโดนน้ําที่หวงฉือสาดใส่สีก็จางลงไปไม่น้อย!

สีย้อมสีแดงเหล่านั้นเปรอะเปื้อนไปตามตัวของหญิงสาว แม้จะแห้งไปแล้วเพราะไอร้อนจากเตาทว่าหากผู้ใดพบเห็นอาจคิดว่านางนั้นสติไม่ดีก็เป็นได้

อย่างน้อยช่วงเวลาที่นางเดินเข้ามา ดวงตาของหลินหูก็เต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด!

แม้เฉินไฉ่อจะไม่ชอบใจนักแต่นางก็รู้ดีว่าเวลาเช่นนี้นางไม่ควรแข็งข้อนางยังจําเป็นต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนจากชายน่ารังเกียจตรงหน้า

“ท่านพี่ การศึกษาหาความรู้ไม่ใช่จะทําได้เลยในระยะเวลาอันสั้น กินข้าวเช้าก่อนเถิด!”

หลินหูไม่ได้ตอบรับ เขาวางกระดาษพู่กันลงแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะพร้อมหยิบตะเกียบขึ้นมาถือ

เฉินไฉ่อแสร้งทําตัวไม่สังเกตเห็นกระดาษสาแผ่นนั้นขณะเดินผ่าน บทกวีบนกระดาษนั้นคล้ายโคลงกลอนเสียจนนางที่วาดฝันการเป็นฮูหยินเอกในขุนนางชั้นสูงอดงนงงเสียไม่ได้

แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่นางจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกก็ทําให้นางต้องฝืนทนหยิบจับพู่กันแม้ไม่เต็มใจ! การเป็นสตรีนั้นมีข้อจํากัดมากมาย ยามที่เฉินซ่งบอกให้นางร่ําเรียนเขาคาดหวังให้บุตรสาวของตนสามารถเป็นสตรีที่คอยคิดอ่านเคียงข้างสามีในอนาคตได้ด้วยเหตุนี้สิ่งที่นางได้รับไม่ใช่การเล่าเรียนอย่างถูกต้องบทกวีซึ่งเกี่ยวข้องกับสี่หนังสือหาคัมภีร์ที่จําต้องสอบนางก็ไม่เคยศึกษามาก่อน!

ทว่าหากเป็นบทกวีที่เกี่ยวข้องกับความรัก เฉินไฉ่อเขียนขึ้นมาได้อย่างลื่นไหลเลยทีเดียว!

ชั่วพริบตาบทกวีซึ่งกล่าวถึงสตรีวัยเยาว์ผู้คะนึงหาในรักก็ปรากฏขึ้นตรงปลายพู่กันบัณฑิตทั่ว ไปยามได้อ่านอาจนึกดูถูกกวีบทนี้แต่นั่นไม่ใช่กับหลินหูที่ไม่มีไหวพริบเพียงพอเขายอมรับว่าบทกวีนี้สมควรได้รับยกย่อง!

ยามหลินหูสังเกตเห็นหญิงสาวน่าตายผู้นี้กล้าแตะต้องพู่กันและกระดาษของตนเขาแทบ อยากจะเป็นบ้า ทว่าบทกวี ความรู้สรรค์สร้างบัณฑิต”ก็ไม่ใช่ประโยคน่าขบขันครั้นเฉินไฉ่อยกฟู กันขึ้น ท่วงท่าของนางนั้นสง่างามเสียจนหลินหูไม่มีท่าทางโกรธเคียงไปชั่วขณะ

เมื่อเฉินไฉ่อหยุดเขียนด้วยความพึงพอใจ หลินหูก้าวไปเบื้องหน้าเพื่อมองสบใกล้ ๆ เพียงแค่ชําเลืองดูก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามอันไร้ที่ติ!

ในด้านการเขียน เฉินไฉ่อถือได้ว่าเชี่ยวชาญลายเส้นเล็กอันวิจิตรอีกผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งยัง เขียนออกมาได้อย่างลื่นไหล หากเทียบกับตัวเขาที่เขียนออกมาได้อย่างถูกต้องเท่านั้นลายเส้นนี้ถือว่าดดีกว่ามาก! ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือบทกวีที่ท่าให้แววตาของเขาเปล่งประกาย!

“บทกวีนี้เจ้าเป็นคนเขียนขึ้นเองหรือ?”

เฉินไฉ่อทราบดีว่าแผนการของนางถือว่าสําเร็จลุล่วง อย่างน้อยก็สามารถดึงดูดความสนใจของหลินหูไว้ได้

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”

พลันหลินหูก็นึกถึงการชุมนุมบทกวีที่เขากําลังจะจัดขึ้น ได้ยินมาว่าเมืองนั้นคราคร่ําไปด้วยเหล่าบัณฑิตที่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมได้เช่นกัน หากเขาสามารถทําให้ผู้คนตกตะลึงได้ยามการสอบขุนนางมาถึงชื่อเสียงของเขาก็จะดีมากขึ้นไม่น้อย

“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าเขียนบทกวีนี้ขึ้นมา?”

แม้ว่าเฉินไฉ่อจะแปลกใจเล็กน้อยแต่นางไม่ทราบว่าเหตุใดหลินหูถึงถามเช่นนี้หญิงสาวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ข้าเพิ่งเขียนไป นอกจากท่านแล้วจะมีผู้ใดเห็นได้อีก?”

หลินหูตาเป็นประกายราวกับได้พบทางลัด! เขามีผู้ช่วยที่เป็นประโยชน์เช่นนี้หากไม่ใช้งานก็โง่เต็มที่!

“หลังจากนี้เจ้ายังสามารถเขียนมากกว่านี้ได้อีกหรือไม่?

เฉินไฉ่อค้อมหัวอย่างสุภาพ “ได้แน่นอนเจ้าค่ะ! ไม่สิ ท่านพ่อาจยังไม่ทราบว่าวันนี้ท่านแม่จะพาข้าไปทํางานเกรงว่าข้าคงไม่มีเวลาคิดบทกวีเหล่านี้ให้ท่าน”

หลินหูโบกมืออย่างไม่แยแส “เรื่องนี้ข้าจะบอกให้ท่านแม่ทราบ เจ้าตั้งใจเขียนบทกวีอยู่ในห้องหนังสือก็พอเขียนให้มากหน่อยเล่า!”

หลังจากที่หลินห์กล่าวจบเขาก็เดินออกไปทันที เฉินไฉ่อลอบยิ้มอย่างพึงพอใจหากการเขีย นสิ่งเหล่านี้ทําให้นางได้อยู่แต่ในห้องหนังสือไม่ต้องทํางานนางก็ยินดีทําอย่างยิ่ง!

ด้านหลินหูนั้นเมื่อก้าวพ้นประตูก็คว้ามารดาไว้อย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ ท่านดูนี่! สิ่งนี้คือสิ่งที่เฉินไฉ่อเขียนขึ้นมา”

เป็นธรรมดาที่หวงฉือจะไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้แม้กระทั่งตัวอักษรบนหน้ากระดาษนางกลอกตาขึ้นพร้อมพูดว่า“ลูกข้าเจ้าอย่าได้ตกหลุมพลางอันชั่วร้ายของนางนางไม่ใช่สตรีที่จะเขียนอะไรดี ๆ ออกมาได้ข้าส์ที่เขียนได้เก่งที่สุด!”

หลินหูไม่ต้องการวุ่นวายกับมารดามากนักเขามีสิ่งที่สําคัญกว่านั้นต้องไปทํา

“ท่านแม่ท่านไม่เข้าใจ หากข้าใช้สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางสู่ความสําเร็จไม่แน่ข้าอาจสามารถเข้าร่วมกลุ่มเหล่าบัณฑิตได้เมื่อการสอบขุนนางมาถึงและข้ามีชื่อเสียงมากพอแม้แต่นายอําเภอจากทางการก็ไม่กล้าที่จะไม่เลือกข้า!”

หวงจือใจเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนก เรื่องอื่นนางไม่เข้าใจแต่นางเข้าใจว่าสิ่งนี้สามารถช่วยบุตรชายของนางได้!

“สิ่งที่นางเขียนมีประโยชน์จริงหรือ?”

หลินห์พยักหน้าอย่างจริงจัง “อย่างน้อยข้าก็ไม่สามารถเขียนถึงขั้นนี้ได้!เพราะฉะนั้นท่านแม่ช่วงนี้ท่านก็อย่าได้ทําอะไรให้นางล่าบากใจ ให้นางอยู่ในห้องหนังสือเขียนบทกวีออกมาสักสองสามบท”

แม้หวงฉือจะไม่เต็มใจ แต่ด้วยเพราะเส้นสายนั้นสําคัญกับบุตรชายของนางมากนางจึงทําได้เพียงพยักหน้าอย่างจริงจัง

“เอาเถิด เจ้ารีบไปเสีย มารดาไม่รู้เรื่องราวยังจะกล้าทําให้เจ้าล่าช้าอีกหรือ? งานในไร่ข้าจะจัดการเองแล้วบิดาไม่รู้จักโตของเจ้าก็ไม่รู้หายหัวไปไหน บอกว่าไปหาเงินแต่เงินสักอีแปะก็ไม่เห็นมีแม้แต่ตัวก็ยังไม่เห็นกลับมา!”

หลินหูไม่แปลกใจที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากมารดาเขาก็ยัดแผ่นกระดาษลงในอ้อมอก หันตัวกลับหลังเดินออกจากจวน!

อีกด้านหนึ่ง เฉินเฉินที่อยู่ในห้องหนังสือของเฉินซิ่วไฉก็ได้รับข่าวเกี่ยวกับงานชุมนุมบทกวีที่ ทั่วทั้งบัณฑิตในเมืองร่วมกันจัดขึ้น หลายคนคงใช้งานนี้ป่าวประกาศว่าตนนั้นดีเลิศเพียงใด เขา
คิด

เขารับฟังข่าวนี้อย่างไม่ใส่ใจนักทว่าก็เดินไปสอบถามเฉินซิ่วไจ เหตุเพราะหยุนเวียนเถียนหวาดเกรงว่าบัณฑิตในเมืองบางกลุ่มที่มีนิสัยไม่ดีอาจชักจูงให้เฉินเฉินหลงผิดได้จึงเร่งรีบเข้ามาอธิบายให้เขาฟังแต่เช้าหากเขาไม่เข้าใจเรื่องใดให้เดินไปถามท่านอาจารย์!

เฉินเฉินจดจําค่าของพี่สาวได้ขึ้นใจ ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหนังสือของอาจารย์เฉิน!

“ท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องจะสอบถาม!”

เฉินซิ่วไฉมองไปยังศิษย์ตรงหน้าก่อนจะยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ มีความสามารถและฉลาดเฉลียวอยู่เสมอ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือความตั้งใจที่จะเรียนรู้ มากไปกว่านั้นคือพี่สาวที่เต็มใจพาเขาออกไปพบเจอเรื่องราวและสิ่งต่าง ๆ บนโลกกว้างแน่นอนว่าเด็กคนนี้รู้มากกว่าผู้ใหญ่คนอื่น ๆ เสียอีกด้วยวัยเพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าใจสิ่งที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถ

“เจ้าพูดมาเถิด”

“ท่านอาจารย์ สหายข้าเชิญชวนให้ไปร่วมงานชุมนุมบทกวีที่จะจัดขึ้นในเมือง ศิษย์ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเขาต้องการจะทําอะไร จึงมาขอคําชี้แนะจากท่านอาจารย์เป็นกรณีพิเศษขอรับว่างานชุมนุมนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อการสอบขุนนางของข้าหรือไม่!”

เฉินซิ่วไฉหน้าเปลี่ยนสีในทันที เจ้าพวกสารเลวกลุ่มนั้นคิดเพียงแต่จะพึ่งพาเงินในตระกูลไม่ทําสิ่งใดนอกจากสร้างความวุ่นวายข้างนอก และยังคิดร้ายกับศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุดอีกหรือ!

“เด็กดี ด้วยวัยของเจ้าในตอนนี้ เจ้ายังไม่ควรไปเข้าร่วมงานเช่นนั้น!”

ตอนที่ 283 แผนการของหวงฉือ

ฝีมือของหยุนเคอถือว่าไม่เลว ความจําและความสามารถล้วนยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเป็นผลจากการลองมัด ๆ ปล่อย ๆ อยู่ถึงสองครั้งสองคราจนสามารถมัดออกมาได้ดีเสียที!

หยุนเกียนเถียนมองดูภาพสะท้อนในกระจกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนเลื่อนมือไปสัมผัสหน้าท้องอันแบนราบของตน

“พอแล้ว! ออกไปข้างนอกด้วยสภาพเช่นนี้ถือว่าได้แล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ!”

เฉินเฉินนั่งลงที่โต๊ะอย่างไร้อารมณ์ขณะรอคอยทั้งสองคนเดินออกมากินข้าว เขากลอกตาทันทีที่เห็นหยุนเคอ

“พี่สาว หากท่านไม่ออกมาเสียทีก็เตรียมตัวเก็บศพข้าให้พี่ใหญ่ได้เลย ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”

หยุนเสียนเถียนมองน้องเล็กด้วยแววตาตําหนิ “ใครให้เจ้ารอกัน เจ้ากินก่อนไม่เป็นหรือ? รีบกินข้าวแล้วไปเรียนเดี๋ยวนี้!”

ชั่วขณะหนึ่งเฉินเฉินรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อยแต่ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถิด! ล้วนกล่าวกันว่าคุณชายท่านนี้แต่งงานมีสะใภ้แล้วกลับหลงลืมมารดา คาดไม่ถึง เพียงแค่ท่านมีสามีจอมปลอมกลับหลงลืมน้องเล็กคนนี้ได้ลง! บัดนี้ยังรู้สึกขัดเคืองตากับการเห็นข้าอยู่ ในบ้านจึงกล่าวไล่ข้าเพื่อที่จะได้หยอกล้อกันสองคนใช่หรือไม่?

ใบหน้าของหยุนเสียนเดียนแดงก๋า นางจ้องมองชายทั้งสองด้วยแววตาดุร้าย รู้ตัวดีว่าหากพูดอะไรออกไปตอนนี้มีแต่จะทําให้ตนเองขายหน้าจึงเลือกที่จะเงียบไว้!

ด้านเฉินไฉ่อีที่อยู่ห่างออกไปอีกหมู่บ้านหนึ่งนั้นไม่ได้มีชีวิตที่ดีมากนัก สิ่งแรกที่หวงฉือทําหลังจากตื่นนอนก็คือการปลุกนางให้ลุกขึ้น

วิธีปลุกของหวงฉือไม่ได้นุ่มนวลสักเท่าไร เพราะทันทีที่นางสาดน้ําเย็นใส่ เฉินไฉ่อีก็ลุกขึ้นกรีดร้องแต่สิ่งที่ตามมาคือเสียงด่าทอ

“นี่มันอะไรกัน ยังนอนอยู่อีก ตอนอยู่บ้านเดิมเจ้าเกียจคร้านเช่นนี้หรือ? ตระกูลของเราไม่ได้ว่ารวย ทุกคนจําต้องตื่นเช้าไปทํางานและเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น ออกไปเดี๋ยวนี้!”

เฉินไฉ่อีสวมใส่อาภรณ์เปียกโชกในตอนเช้าเป็นผลให้ตัวนางสันเทา ความคับข้องใจที่เกิดขึ้น ทําให้ดวงตาของนางรื้นไปด้วยน้ําตา และยิ่งนางดูน่าสงสารมากเพียงไร หวงจือก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น!

“ถ้าเจ้าทําหน้าราวกับนางปีศาจจิ้งจอกนี้อยู่อีกก็ระวังตัวไว้เถอะ! เข้าครัวไปทําอาหารซะ! สามีของเจ้ายังต้องท่องหนังสือ นี่มันกี่โมงที่ยามแล้วเจ้ายังไม่ได้ทําอาหารเช้าอีก!”

“จริงสิ ทําอะไรก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไม่พอ แสร้งทําตัวคล้ายนางปีศาจจิ้งจอกเช่นนี้เตรียมเอาให้ผู้ใดเชยชม? ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง หากข้าเห็นเจ้าทําอะไรผิดกฎแม้เพียงนิด เจ้ากลับไปหมู่บ้านเฉินถังได้เลย! ตระกูลหลินคงเลี้ยงเจ้าดั่งผู้เป็นองค์เทพไม่ไหว!”

เฉินไฉ่อีรู้ตัวดีว่าหากครั้งหน้านางยังไม่ออกไปอีก คงไม่แคล้วถูกโบยเป็นแน่! หวงฉือไม่ คล้ายผู้มีเหตุผลแต่นางก็สามารถพูดจาดี ๆ ด้วยได้ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านางแล้วไม่เชื่อฟังอาจมีสภาพที่ไม่ดีนัก

ร่างบางตระหนักได้ว่านางไม่สามารถนั่งรอคอยความตายอยู่เฉย ๆ ได้ นางถูกโยนทิ้งขว้าง เช่นนี้ภายในชั่วค่ําคืน หากนางยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้ได้

หญิงสาวจําได้ว่ามารดากล่าวสอนนางอยู่หนึ่งเรื่อง หากต้องการมีชีวิตที่ดีในตระกูลหลิน นางจําต้องเอาชนะหลินหูให้ได้! หลินหูเป็นเพียงผู้เดียวที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของหวงฉือ!

แต่นางจะเข้าใกล้หลินห์ได้อย่างไร? ตอนนี้หลินหูหมกตัวอยู่ภายในห้อง โอกาสพบหน้านั้นไม่มีแม้แต่น้อย!

เฉินไฉ่อีเดินเข้าไปในครัวอย่างตัวโง่งม พูดถึงการทําอาหารนางก็พอรู้วิธีอยู่บ้าง แต่การทําให้หลินฟูประทับใจคล้ายจะเป็นไปได้ยาก

หลินห์ชื่นชอบสตรีหน้าตางดงาม ทว่าผงชาดที่นํานางมาพร้อมสินเดิมนั้นถูกหวงฉือยึดไปตั้งนานแล้ว และใบหน้าไร้ยางอายประหนึ่งเปลือกไม้แก่ ๆ นั่นกําลังทาชาดที่นางน่ามา!

ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ใจของเฉินไฉ่อีก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ชาดของนางนั้นมีราคาถึงสองตําลึงเงิน แต่กลับต้องมาอยู่บนหน้าขาว ๆ เหมือนผีของหลินจือ! นางไม่รู้จะจัดการอย่างไรเลยจริง ๆ

สิ่งที่พอฉกฉวยได้คงมีเพียงเรื่องที่หลินหูนั้นเป็นบัณฑิต นางคิดว่าตนเองสามารถพึ่งพาได้แม้ว่าหลินหูจะท่องหนังสือมานานหลายปี กระทั่งจางชิวไฉ่ผู้มีสายตาเฉียบแหลมยังกล่าวว่านางยังพอมีฝีมือให้ปลายตามองอยู่บ้าง!

ด้วยเหตุนั้นจางชิวไฉ่จึงไม่เคยทําให้นางต้องล่าบากและเหนือสิ่งอื่นใดเขามองเห็นความสา มารถของนาง เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลานั้นทําให้นางมีความมั่นใจมากขึ้น แต่อย่างไรทุกอย่างก็ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้หวงฉือจับตาดูนางราวกับเป็นหัวขโมยจึงไม่อาจละมือจากสิ่งที่ทําอยู่ ได้!

เฉินไฉ่อีพลันนึกถึงกิริยาอันดีงามยามก้าวข้ามประตู หยิบยืมโอ่งใส่น้ําหน้าประตูจัดเรียงทรงผม ครั้นเห็นว่าสภาพของตนนั้นดูดีพอพบปะผู้คนแล้วแม้จะยังมีน้ําหยดอยู่เป็นช่วง ๆ แต่นางก็เข้าครัวไปในที่สุด

นางนั้นรู้ข้อบกพร่องของตนเองเป็นอย่างดีและแน่นอนว่านางไม่สามารถทําอาหารเช้าให้หวงฉือพึงพอใจได้ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวขอคําแนะนําอย่างถ่อมตน

นางเริ่มต้นจากการจุดไฟ ให้เปลวเพลิงเพิ่มความอบอุ่นแก่กายร่างที่ใกล้แข็งเต็มทนของตน จากนั้นจึงค่อยเดินไปยืนข้าง ๆ หวงจือ ด้วยเพราะก่อนหน้านี้นางยอมรับความผิดของตน หวงจือจึงดูโอนอ่อนลงเล็กน้อย เห็นนางแล้วไม่ได้มีอาการไม่พอใจอีก!

“ท่านแม่ หลายปีที่ผ่านมาข้าเอาแต่ท่องหนังสือ งานครัวใด ๆ ล้วนไม่เคยหยิบจับ ใจข้านั้นอยากลองใช้ชีวิตดูบ้าง ท่านแม่ได้โปรดสอนข้าเถิด ข้าจะตั้งใจศึกษา!”

หวงฉือรู้สึกพึงพอใจในที่สุด สิ่งที่นางต้องการคือลูกสะใภ้ที่เชื่อฟัง ดียิ่งที่สามารถใช้อํานาจการเป็นแม่สามีได้

“เอาล่ะ ข้าจะบอกเจ้าให้ฟัง ถ้าเจ้าตั้งใจศึกษาดี ๆ ข้าจะสอนเจ้าสองครั้ง! ได้ยินมาจากบิดา เจ้าว่าเจ้านั้นเรียนรู้เร็ว หากพันสองวันแล้วเจ้ายังไม่สามารถทําอาหารดี ๆ ออกมาได้ นั่นแปลเจ้าตั้งใจให้มันเป็นเช่นนั้น!”

หวงฉือไม่อยากใจร้ายกับสะใภ้ผู้นี้มากเกินไป ท้ายที่สุดแล้วเฉินไฉ่อียังมีสินเดิมเป็นตําลึงเงินจํานวนมาก เมื่อวานนางไม่พบเจอสิ่งของเหล่านี้ เป็นไปได้ว่าคงถูกนางแพศยาคนนี้ซ่อนไว้ที่ใดสักที่ ยิ่งไปกว่านั้นแม้เฉินซึ่งดูเหมือนจะไม่พอใจแต่ประเพณีเก่าแก่ยังคงมีอยู่!

รอให้บุตรชายของนางเร่งรีบไปสอบเสียก่อนเถิด หากเขาต้องการทุ่มเงินจริง ๆ สะใภ้จะยังมองเฉย ๆ ได้หรือ? เรื่องอื่นหวงฉือนับว่าเลอะเลือนยิ่ง ทว่าหากเป็นเรื่องนี้นางกลับฉลาดเป็นกรด!

เฉินซึ่งคิดว่าตนนั้นสูงส่งด้วยเพราะเป็นบัณฑิต ทว่ากลับคิดน้อยสอบถึงแค่ระดับถงชิง หากเทียบกับบุตรเขยที่สามารถเข้าสอบระดับซิ่วไฉได้ เขายังต้องแหงนหน้ามองหนึ่งระดับเสียด้วยซ้ํา! เพราะเหตุนี้หวงฉือจึงเต็มใจแต่งสตรีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าตระกูล!

เฉินไฉ่อีตัดสินใจที่จะศึกษาสิ่งต่าง ๆ และแน่นอนว่านางจะเรียนรู้ได้ในไม่ช้า! ด้านหวงจือเองก็สอนสั่งอย่างอดทน แม้จะกล่าวเสมอว่าสะใภ้ผู้นี้นั้นดื้อรั้นมากเพียงใดแต่หลังมื้ออาหารเช้านางก็ไม่โดนตําหนิ!

เนื่องด้วยการมีสะใภ้ที่เชื่อฟังนั้นเติมเต็มความภาคภูมิในใจ หวงจือจึงไม่คิดที่จะสร้างเรื่องให้เฉินไฉ่อีลําบากอีก แต่กลับกล่าวให้นางนําอาหารเช้าเข้าไปในห้องหนังสือแทน!

นี่เป็นครั้งแรกหลังจากแต่งงานที่นางจะได้พบสามี!

และเพราะก่อนที่เฉินไฉ่อีจะเข้าไปด้านในนางได้จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของตน แม่ใบหน้าไม่ได้ถูกประทินโฉมทว่ารูปร่างหน้าตาของนางตอนนี้ก็ถือว่าดูดีกว่าคนทั่วไป!

ตอนที่ 282 ความน่าไม่อายของหยุนเคอ

ขณะที่หยุนเคอแสร้งเมามายอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่แผ่ออกมาจากกายของหญิงสาว ร่างหนาคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจทําตัวอ่อนเปลี้ย เปิดทางให้ร่างบางสามารถถอดเสื้อตัวนอกได้อย่างง่ายดาย

หยุนเถียนเถียนพรูลมหายใจออกมา “ช่างเถิด เตียงนี้ยกให้เจ้าส่วนข้าจะไปนอนบนเบาะยาวก็แล้วกัน”

หยุนเคอรู้สึกกระวนกระวายเพราะไม่ง่ายเลยที่เขาจะสามารถเข้ามายังห้องนี้และล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ ทว่าเจ้าเด็กน้อยตรงหน้ากลับต้องการไปนอนบนเบาะยาว!

ชายหนุ่มแม่กังวลใจแต่ด้วยมันสมองอันชาญฉลาดจึงเอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวเข้าหากาย หยุนเถียนเถียนมิทันได้ตั้งตัวร่างไหวเอนล้มทับผู้ที่อยู่บนเตียงอย่างแรง!

จมูกเล็กได้รูปกระทบเข้ากับอกแกร่ง การกระทําป่าเถื่อนเสียจนหญิงสาวแทบกลั้นน้ําตาไม่อยู่!

“หยุนเคอคนชั่วเจ้าจะทําอะไร ปล่อยขาเดี๋ยวนี้!”

เขาพลิกตัวดึงรั้งหยุนเถียนเถียนให้ล้มลงข้างกาย ก่อนจะใช้แขนขากอดก่ายอีกฝ่ายไว้แน่น

หญิงสาวขึ้นตัวด้วยแรงกายทั้งหมดที่มี แต่ไหนเลยจะมากเท่าหยุนเคอที่ฝึกฝนวิชาต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ท้ายที่สุดแล้วจึงทําได้เพียงหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย ศีรษะชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ อีกทั้งดูเหมือนหยุนเคอจะหลับไปเสียแล้ว!

“เจ้ามันสมควรตาย!”

ร่างบางสาปแช่งอีกฝ่ายในใจพลันรับรู้ว่าเมื่อชายหนุ่มนอนไปแล้วสมควรที่เรื่องอย่างว่านั้นจะไม่เกิดขึ้น คิดได้ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างสงบ ด้วยความอ่อนล้านางจึงผล็อยหลับไป

ไม่นานหลังจากหญิงสาวปิดเปลือกตาลง หยุนเคอก็ลืมตาขึ้น

หยุนเถียนเถียนพละกําลังน้อยนิดและเขามิได้ต้องการคร่าชีวิตนาง ไม่ลืมจดจําด้วยว่าอย่าได้พลั้งเผลอทําร้ายเด็กน้อยผู้นี้อีก ทว่าอ้อมกอดนี้ก็เพื่อหยุดมิให้นางดิ้นก็เท่านั้น กายหนายังคงรู้สึกร้อนรุ่มและไม่มั่นคง การดีดดิ้นขยุกขยิกของหยุนเถียนเถียนมีแต่จะทําให้เขายับยั้งอารมณ์ไม่อยู่

โชคดีไม่น้อยที่นางเหนื่อยล้าจนหยุดนิ่งไป มิเช่นนั้นหากนางลิ้นต่อไปอีกสักหน่อยเขาก็ไม่อาจรับปากได้ว่าเขาจะยังสามารถควบคุมตัวเองได้อยู่อีก

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อดับความเร่าร้อนภายใน สองแขนตระครองกอดเด็กน้อยอันเป็นที่รักเข้าไปในอ้อมอกอย่างมีความสุข เปลือกตาปิดลงก่อนจะจมดิมไปในห้วงนิทรา

ในตอนแรกเริ่ม หยุนเถียนเถียนได้หลับนอนบนกองไม่ในห้องเก็บฟื้นเท่านั้น ต่างจากเฉินไฉ่อีที่จะได้นอนบนเตียงสูงพร้อมหมอนหนานุ่ม ทั้งยังเสแสร้งเห็นอกเห็นใจบุตรที่กําพร้ามารดาว่าช่างน่าเวทนา

ทว่าบัดนี้ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไป หยุนเถียนเถียนกลายเป็นที่รักของสามีและกําลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มหลับสบาย กลับกันกับเฉินไฉ่อีซึ่งได้นอนในกระท่อมไม้พุพังที่เย็นยะเยือกเมื่อเข้าสู่ต้นฤดูเหมันต์ บรรยากาศรอบข้างนั้นหนาวเหน็บจนเกินทน นางทําได้เพียงขดกายที่ยังคงสวมใส่ชุดแต่งงานแน่น ภาวนาขอให้คืนวันผ่านพ้นไปโดยเร็ว

ยามหยุนเถียนเถียนปรือตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายปรากฏเด่นชัดในครรลองสายตาซึ่งห่างออกไปมีถึงหนึ่งฝ่ามือ ลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ

หยุนเคอยังคงปิดเปลือกตา ทว่ามิรู้เขานึกเรื่องดี ๆ อะไรขึ้นได้มุมปากจึงได้ยกสูงเช่นนี้ มือเรียวของหยุนเถียนเถียนเริ่มอยู่ไม่สุข เอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ว่ากันตามตรงแล้วเขาก็ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว!

ทันทีที่ฝ่ามือซุกซนนั้นแตะลงบนใบหน้าของหยุนเคอ เจ้าของร่างพลันรู้สึกตัวตื่น ทว่าเพื่อมให้เด็กน้อยหวาดกลัวจนเตลิดและเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขกับสัมผัสที่ได้รับ หยุนเคอตัดสินใจปิดเปลือกตาไว้ตามเดิม

กระนั้นหากนานเข้ามือเรียวนี้ยังคงสัมผัสใบหน้าเขา หยุนเคอเกรงว่าปีศาจในกายจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

แม้เขาจะถวิลหาแต่ก็ทําได้เพียงแสร้งขยับตัวเล็กน้อย การเคลื่อนไหวนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนตื่นตระหนกดึงมือกลับมาตะครุบริมฝีปากตนเองอย่างเร็ว!

นี่มันกี่ยามแล้ว? คาดไม่ถึงว่าจะเผลอไผลได้นานเพียงนี้!

ทันทีที่หยุนเถียนเถียนถอนฝ่ามือออกไปแล้วหยุนเคอจึงได้ลืมตาตื่นขึ้น! เขาเห็นเด็กน้อยที่ปลายเตียงก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง

เขาแสร้งตื่นจากอาการเมามายที่ยังตกค้างอยู่ มือกุมศีรษะแน่น คิ้วหนาขมวดมุ่น

“ขะ… ข้าเป็นอะไรไปน่ะ?”

หยุนเถียนเถียนยื่นมือไปตีหยุนเคออย่างเดือดดาล “ปวดหัวใช่หรือไม่? สมควรนัก ใครใช้ให้เจ้าดื่มสุรามากเพียงนั้น? ดื่มไปแล้วก็ช่างเถิด แต่สุดท้ายก็ปวดหัวเป็นบ้าเช่นนี้!

หยุนเคอลืมตาขึ้นมองเด็กน้อยด้วยแววตาว่างเปล่า “ไม่มีทาง ข้ารู้ขีดจํากัดของตนเองดี ข้าไม่เมาง่ายดายปานนั้น แต่ถึงจะใช่ ข้าก็ไม่คิดว่าตนเองจะเมาจนบ้าหรอก!”

ร่างบางกลอกตาอย่างหงุดหงิด หันหลังกลับเพื่อลุกขึ้นจากเตียง แต่จะลุกได้นั้นนางจําต้องผ่านหยุนเคอและนางมิได้มีความกล้าในการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายมากเพียงนั้น!

ทันใดนั้นหยุนเคอคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขากอดตนเองแน่นอย่างหวาดผวา

“เจ้าคงไม่ได้ทําอะไรแย่ ๆ ลงไปตอนข้าเมาใช่หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงจนปราศจากค่ากล่าว นานทีเดียวกว่าที่นางจะรู้สึกตัวขึ้น สิ่งแรกที่นางทําคือการกลอกตามองบน!

“สีหน้าประหนึ่งเอ่ยกล่าวปล่อยข้าไปเถิดนั่นมันอันใดกัน? ข้าต่างหากที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อคืนนี้เป็นข้า! อะไรแย่ ๆ ที่เจ้ากล่าวคืออะไร? เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะทําอะไรได้รึ?”

หยุนเคอสะบัดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ “แล้วเหตุใดข้าถึงมานอนบนเตียงของเจ้าได้?”

หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะ “ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเพราะเจ้า เดินเมามายมายังเตียงของข้าแถมยังกอดข้าไม่ปล่อย! ข้าใช้แรงเท่าใดก็ดิ้นไม่หลุดเจ้าถึงสามารถนอนบนเตียงของข้าได้! หยุนเคอ เจ้าหน้าไม่อายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

ชายหนุ่มมองนางด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวว่า “เอาเถิด ความผิดของข้าเอง!”

ไม่ยอมรับย่อมไม่เป็นอันใด แต่หากยอมรับหยุนเถียนเถียนคงมีแคล้วระเบิดใส่ หยุนเคอแสดงออก ราวกับกล่าวหาว่านางมิยอมรับสิ่งเลวร้ายที่ทําลงไป ทั้งยังปัดความผิดให้ผู้อื่น

หยุนเถียนเถียนมองขึ้นฟ้าอย่างไร้คําพูด นางมิได้ทําเรื่องเลวร้ายอะไรเสียหน่อย!

“ช่างเถิด! แต่งงานเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องแย่ ๆ นั้นก็แล้วกันไปดีหรือไม่? ลุกขึ้นเร็วเข้า ข้าหิวแล้ว!”

หยุนเคออดยกยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น เขารีบก้มหัวเก็บเสื้อมาสวมใส่ก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องครัว

อย่าได้ทําให้สตรีที่หิวโหยโกรธาโดยเด็ดขาด ฉะนั้นแล้วรีบไปหาอะไรเต็มท้องนางจะดีกว่า!

หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง มือสางผมแผ่วเบา ขณะที่ในใจยังคงสาปแช่ง

ทว่ามีรู้นึกอะไรขึ้นได้จึงก้มหน้าปิดบังใบหน้าแดงก่ําเอาไว้ นางไม่เคยมองกระจกมาก่อน ใบหน้านั้นแดงราวกับต้นดอกท้อ

ครั้นก้าวเท้าออกจากห้องหยุนเคอก็จัดเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาเหลือบเห็นก่อนซาลาเปาไม่เป็นทรงสองก้อนบนหัวของเด็กน้อย นางยิ้มอย่างมิใคร่พอใจ
“มาเถิด! ข้าจะช่วยเจ้าทําผมใหม่ หากออกไปทั้งแบบนี้ผู้คนได้หัวเราะเยาะเจ้าแน่!”

หยุนเถียนเถียนอับอายเล็กน้อย นางลดศีรษะลงพร้อมชี้ไปยังก้อนกลม ๆ “ข้าไม่เคยทําผมทรงนี้มาก่อน ไม่รู้เช่นกันว่าแบบนี้ถูกหรือไม่ ไม่สิ เจ้ารู้วิธีหวีผมได้อย่างไร เคยฝึกทําให้สตรีอื่นหรือ?”

น้ําเสียงของหญิงสาวฟังดูอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ หยุนเคอจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะตอนเด็กข้าเคยเห็นท่านแม่ทําบ่อย ๆ ข้าจะลองทําให้ดู แต่หากมันออกมาไม่ดีอย่ากล่าวโทษข้าเล่า!”

ตอนที่ 281 ต่างก็เป็นเจ้าสาว!

“ร้องไห้ทําไม? ตัวโชคร้ายอย่างเจ้า ฤกษ์งามยามดีใดใดล้วนถูกเสียงร่าไห้ชะล้างไปจนสิ้น! ดูบุตรชายของข้าสิ เพียงส่งขบวนไปรับตัวเจ้าสาวกลับทําตัวเองอับอายขายหน้า ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเจ้าหรอกหรือ!”

เฉินไฉ่อีรอคอยอยู่ครึ่งค่อนวัน ทว่าสามีกลับทอดทิ้งไม่ใยดี เดินตัวปลิวเข้าห้องหับไปตามลําพัง จะดีจะร้ายนางก็เป็นหญิงสาว ไม่อาจทําตัวไร้ยางอายเดินตามเข้าไปได้ ครั้นเมื่อแม่สามีกําลังจะเดินออกจากห้อง นางจึงรีบเร่งเปิดปากออกมา!

“ท่านแม่! ข้า…”

“ยืนเซ่ออยู่อีกทําไม? หากเจ้าคิดได้แล้วก็เดินเข้ามา หากไม่ก็กลับไปเสีย! แค่หญิงสําส่อนที่ผ่านการสมรสมาแล้วหนึ่งหน คิดว่าจะมีผู้ใดเห็นใจ น่าขันนัก! หยุนเถียนเถียนเพียงเอ่ยให้แต่งเจ้าเข้าตระกูล แต่งแล้วจะเป็นเช่นไรยังต้องสนใจอีกหรือ?”

เฉินไฉ่อีไร้ถ้อยคําราวกับเป็นใบ้ นางที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ ยามที่บิดาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ล้วนมีพี่สาวน้องสาวมากมายล้อมหน้าล้อมหลัง ไหนเลยจะเคยพบฮูหยินที่มีนิสัยหยาบกระด้างและไร้เหตุผลเช่นนี้

ดูเอาเถิด กิริยาเช่นนี้อีกไม่นานคงถูกความโลภกลืนกิน!

สินเดิมของเฉินไฉ่อีนั้นไม่เลวเลย คราแรกเพื่อแต่งให้กับจางชิวไฉ่ เฉินซึ่งถึงกับยอมกัดฟันจับจ่ายข้าวของมากมายไว้เป็นสินเดิมให้บุตรสาว

ยามนี้สกุลจางส่งสินเดิมกลับมา เฉินฮูหยินจําต้องรับมือกับแววตาที่มแทงของคนทั้งตระกูลนางทําได้เพียงขนย้ายสินเดิมทั้งหมดขึ้นเกวียนเทียมวัว ให้นึกถึงหลินหูเมื่อพบเห็นจํานวนสินเดิมเหล่านี้ หวังลึก ๆ ว่าเขาจะดูแลบุตรสาวของตนอย่างดี

ทว่าเป็นสินเดิมหรือไม่นั้นหลินหูไม่ใคร่ใส่ใจ ภายในอกยังคงอัดอั้นเมื่อชายที่ได้แต่งกับหยุนเถียนเถียนไม่ใช่เขา!

แต่กับหวงฉือนั้นคนละเรื่องราว นางก้าวถอยหลังอย่างเผลอไผล แววตาเปล่งประกายยามเห็นจํานวนสินเดิมบนเกวียนบรรทุก มือคว้าเอาผ้าลายดอกด้านข้างมาหนึ่งพับ!

“แหม! คาดไม่ถึงว่าคนใช้การไม่ได้อย่างเจ้าจะมีของดีเช่นกัน ไม่สิ หญิงสําส่อนแบบเจ้าไม่คู่ควรกับผ้าพับเหล่านี้ สินเดิมของเจ้าข้าจะเก็บดูแลให้แทน รีบไสหัวออกไปซะ! อย่าได้รบกวนบุตรชายข้าท่องหนังสือ!”

เฉินไฉ่อีไม่ทันได้ปริปากพูด นางก็ถูกหวงฉือลากออกไปทันที!

เดิมอยู่แต่ในจวน เป็นคุณหนูในห้องหอที่ไม่ต้องออกแรงจับสิ่งใด แล้วนางจะไปมีเรี่ยวแรงขัดขืนหวงฉือที่ตรากตรําทํางานหนักมาหลายปีได้อย่างไร? เฉินไฉ่อีจึงถูกลากลงจากเกวียนอย่าง ง่ายดาย

นางไม่สามารถกระทําตนเยี่ยงหญิงปากร้าย ไร้ผู้ใดสอนสั่ง จึงทําได้เพียงมองหวงฉือขนย้ายสินเดิมอันมีค่าเข้าห้องของนางพร้อมลงกลอนประตูเสร็จสรรพอย่างไร้ทางสู้

“ยังยืนเซ่ออยู่อีก? คิดว่าข้าแต่งเจ้าเข้าตระกูลมาเสวยสุข? ไม่เห็นหรือว่าลานหน้าจวนสกปรก รีบไปทําความสะอาดซะ!”

เฉินไฉ่ยี่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ พริบตาเดียวในมือนางก็มีด้ามไม้กวาดเสียแล้ว

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะทรุดตัวลงและพรั่งพรูหยาดน้ําตาออกมา คราก่อนนางกระทําผิดต่อตระกูลจาง จางชิงเฟิงแม่ไม่เต็มใจแต่งยังคงประคองนางก้าวข้ามธรณีประตูไปพร้อมกัน!

พิธีใดที่ควรมีก็จัดเตรียมเรียบร้อย เกี่ยวสองคนหามถูกแบกเข้าไปจนถึงลานหน้าจวนก่อนจะหยุดนิ่ง จางชิงเฟิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม ทว่าเขาก็นํานางลงมาจากเกี่ยวด้วยตนเอง!

เช่นเดียวกับเจ้าสาวที่เพิ่งผ่านงานมงคล พวกเขาไม่ให้นางทําสิ่งใดเป็นเวลาสามวัน แม้หลังจากนั้นจางชิงเฟิงจะยังมีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย ไม่พูดไม่จาแล้วไปสํานักศึกษาก็ตาม

อีกทั้งจางชิวไฉ่ก็เป็นคนมีเหตุผล หลังบ้านแต่งฮูหยินเข้าตระกูลถึงสอง! ส่วนนางเองนั้นใช้ชีวิตคล้ายยังอยู่ตระกูลเฉิน ปลายนิ้วทั้งสิบไม่ได้แตะแม่น้ําล่าคลองแม้แต่น้อย

ยามนี้เมื่อเสียความบริสุทธิ์ให้หลินห์ ทั้งเขายังรับรู้! ทว่าปลายเท้าไม่ทันได้ก้าวข้ามประตู แม่สามีกลับสร้างปัญหาให้นับครั้งไม่ถ้วน ส่วนสามีกลับเข้าไปหลบอยู่แต่ภายในห้องปิดหูไม่สนใจ เรื่องราว

หวงจือก้าวเข้ามาเตะนางอย่างหมดความอดทน “ร่ําไห้จนพอใจหรือยัง? พอใจแล้วก็รีบทํางานให้ข้าเสีย! หากวันนี้เจ้าทํางานได้ไม่ดีก็อย่าหวังจะได้กินข้าวเที่ยง! น่าขันนัก! เจ้าคิดว่าจวนตระกูลเฉินจะยังคุ้มกะลาหัวเจ้าได้หรือ? แต่งให้ตระกูลหลินแล้ว เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลอย่างเคร่งครัด!”

เฉินไฉ่อีกลัวตนจะถูกทุบตี ข่มความเจ็บปวดแล้วลุกขึ้นยืน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้จับด้ามไม้กวาด นางเริ่มต้นกวาดลานหน้าจวนทันที!

หวงฉือจัดแจงเตรียมอาหารอยู่ในครัวก่อนจะนําไปให้บุตรชายที่ห้องหนังสือ แน่นอนว่าไม่เหลืออะไรตกถึงนางแม้แต่น้อย! ปากอ้างว่านางทําความสะอาดลานหน้าจวนไม่เรียบร้อยดี ยังหวังจะกินข้าวอีก?

เวลาล่วงมาถึงยามเย็น อันเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองคืนมงคลสมรส หวงฉือลงมือทํากับข้าวไว้แต่เนิ่น ๆ หลังมื้ออาหารครอบครัวหวงจึงแยกย้ายกันเข้านอน หลงเหลือเพียงเศษอาหารไว้เป็นสิ่งตราหน้าว่าราคาถูกเยี่ยงตัวเฉินไฉ่อี! คืนแต่งงานของนางจึงผ่านไปเช่นนี้เองเอง

นางไม่แม้แต่จะสามารถเข้าไปในห้องนอนของสามีได้ ท้ายที่สุดแล้วจึงเดินหาห้องเก็บฟื้นล้มตัวลงนอนบนกองไม้ทั้งคืน!

ทางด้านหยุนเถียนเถียนนั้นถูกใครสักคนนําทาง บัดนี้ไม่รู้ทิศเหนือใต้ ทําได้เพียงเดินตามเข้าไปยังโถงสักการะ ก่อนจะถูกส่งเข้าห้องหอพร้อมด้วยหยุนเคอซึ่งเดินตามหลังมา เขารับสั่งให้จี้ชื่อเตรียมบะหมี่ไว้หนึ่งชาม จากนั้นจึงออกไปร่วมงานเลี้ยงดื่มฉลอง

บางที่อาจเป็นเพราะบรรยากาศอันเย็นชาราวน้ําแข็งจากตัวหยุนเคอ จึงไม่มีผู้ใดกล้าสุราอวยพรด้วย

เมื่อบรรดาแขกเหรื่อแยกย้ายจากไป หยุนเคอจึงได้ที่เดินกลับมายังด้านหน้าห้องหอ

อย่างที่กล่าวไว้ชัดเจนในตอนแรก เขายังต้องรอคอยให้เด็กสาวเติบโตขึ้นเสียก่อนจึงจะสามารถทําสิ่งที่สามีภรรยากระทําร่วมกัน กระนั้นมิได้หมายความว่าเขาไม่สามารถหยอกล้ออีกฝ่ายได้!

ความคิดของหยุนเคอวิ่งเร็วพลัน ตกดึกเดินมาถึงห้องหอ หยิบเอาสุราที่ยังหลงเหลือเทลงบนกาย หายใจฟุดฟิดดมกลิ่นสุรา จากนั้นเดินโซซัดโซเซเข้าไปภายใน

หยุนเถียนเถียนกินบะหมี่หมดแล้ว ในใจปลอบประโลมตนเองว่าบุรุษมีมารยาทเยี่ยงหยุนเคอย่อมไม่แอบหลอกกินเต้าหูนางในยามเช่นนี้ ทันทีที่ใจสงบลงจึงล้มตัวนอนและเข้าสู่ห้วงนิทรา ทั้งยังถอดชุดเจ้าสาวทิ้งหลงเหลือเพียงเสื้อตัวกลาง!

ล่าไยตากแห้งและเม็ดบัวบนเตียงล้วนถูกนางเก็บใส่จานจนหมด หนึ่งคืนที่แสนอ่อนล้า นางพริ้มตาหลับสนิทบนเตียง!

เพียงแต่โดยปกติแล้วหยุนเถียนเถียนแม้หลับสนิทยังคงรู้สึกตัวตื่นได้ หยุนเคอเปิดปิดประตูเสียงดังลั่นปานนี้ นางจะไม่รู้สึกตัวตื่นได้อย่างไร!

นางอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วปูน กล่าวตามตรงหยุนเคอนั้นค่อนข้างมีวินัย เหตุใดเขาจึงเมาหัวราน้ําเช่นนี้เล่า?

ทอดมองอีกฝ่ายเดินโซซัดโซเซตรงมายังเตียงนอน กลิ่นสุราเหม็นอบอวลไปทั่วห้องยากละความสนใจ!

หยุดเถียนเถียนถอดทอนใจ ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมยื่นมือไปประคองชายหนุ่มให้ล้มตัวลงนั่งข้างกัน

“หยุนเคอ ท่านดื่มไปมากเพียงใดกัน? มิใช่ว่าผู้คนมิกล้าร่ําสุราอวยพรกับท่านหรอกหรือ?”

หยนเคอปรือตาที่ดูสับสนและมึนเมา “ไม่ต้องห่วง! วันนี้ข้ายินดีที่ได้แต่งภรรยา ดื่มมากสักหน่อยย่อมไม่เป็นอันใด!”

หยุนเถียนเถียนหน้าแดงก่า หยุนเคอเล่ห์มากนัก เปิดปากเมื่อใดก็กล่าวแต่ได้ตบแต่งภรรยาเช่นนี้เหตุใดไม่เมาจนลืมไปให้สิ้น!

นางขบเขียวมิใคร่ยอมรับ ทว่าด้วยใจซื่อตรงหยุนเถียนเถียนยังคงจัดแจงวางหยุนเคอนอนลงบนเตียง

กลิ่นสุราที่เหม็นหึงไปทั่วห้องเป็นเหตุให้หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้ว ยามเมื่อเห็นอ่างใส่น้ําตรงมุมห้อง จึงนําผ้าเช็ดหน้าไปชุบจนชุ่มและลงมือเช็ดใบหน้าของชายหนุ่ม จากนั้นออกแรงกายถอดเสื้อตัวนอกของอีกฝ่ายออก!

ตอนที่ 280 หากไม่เปรียบเทียบย่อมไม่เจ็บปวด

ขณะที่จซื่อยื่นมือมาช่วยประคองหยุนเถียนเถียนให้ยืนขึ้นด้านนอกประตูก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้นบุตรชายของเฉินไปนับว่าตนเป็นพี่ชายของหยุนเสียนเถียนเขาจึงต้องการเป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวออกไปนอกลานบ้าน

แต่บุตรชายของชื่อกลับไม่ยินยอม ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่หยุนเถียนเถียนเรียกขานว่าพี่ชายมาโดยตลอด

ในที่สุดเสียงทะเลาะกันก็ดังเขาหูหยุนเคอ สีหน้าของเขาดําทะมึน หญิงสาวมิได้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับผู้ใดทั้งนั้นจะปล่อยให้คนอื่นทําหน้าที่นี้ได้อย่างไร!

ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม หยุนเคอก็เปิดประตูเข้ามาแล้ว ฝ่ามือของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังมืดจึงไม่มีใครกล้าขัดขวาง

ท่ามกลางเสียงอุทานของด้วยความตกใจของแขกเหรื่อในงาน เขาตรงเข้าไปอุ้มหญิงสาวขึ้นมาโดยไม่ลังเลหยุนเถียนเถียนที่ตัวเบาราวกับไร้น้ําหนัก รีบโอบรอบคอของหยุนเคออย่างตื่นตระหนกจากนั้นหยุนเคอจึงเดินออกจากลานบ้านภายใต้คําอวยพรของทุกคนก่อนจะพาเจ้าสาวขึ้นไปนั่งในเกี้ยว

คนในหมู่บ้านต่างเต็มใจมาช่วยกันแบกเกี้ยวเจ้าสาวนานแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นขบวนแห่เช่นนี้

เกี่ยวเจ้าสาวหลังใหญ่สี่คนหามนับว่าหาได้ยากมากในหมู่บ้านชนบทโดยทั่วไปแล้วตระกูลที่พอมีฐานะอยู่บ้างมักใช้เพียงเกี่ยวสองคนหามหรือไม่ก็ใช้เกวียนวัวแม้จะไม่ต่างจากหลินหูนักแต่ก็ยังมีเพิ่งอยู่บนเกวียนสําหรับกาบังให้เจ้าสาว

อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะถนนในชนบทคับแคบเกินไปหยุนเคอคิดจะใช้เกี่ยวแปดคนหามเลยด้วยซ้ํา

เมื่อนึกถึงพิธีแต่งงานนี้ก็ให้รู้สึกผิดต่อหญิงสาวหยุนเคอลอบกัดฟันเขาต้องหาหนทางกู้คืนฐานันดรของตัวเองให้ได้ภายหน้าจะได้จัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงขบวนสินสอดสีแดงยาวสิบลี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับนาง

ทางด้านหลินหู หลังจากชดใช้เงินให้หญิงชาวนาไปแล้วเขาขับเกวียนวัวมายังบ้านของเฉินซ่งด้วยความอับอายเมื่อเฉินไฉ่อีเห็นงานแต่งที่อนาถาเช่นนี้ก็ถึงกับหลั่งน้ําตาออกมา

หลินหูตวาดออกมาด้วยท่าที่ไม่สุภาพนัก“เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้? หรือว่าไม่อยากแต่งงาน?หากเจ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งข้าเองก็ไม่อยากแต่งงานกับหญิงกาลกิณีเช่นเจ้า!วันมงคลเช่นนี้เจ้ากลับมาร้องไห้!”

เฉินซ่งกับภรรยารู้สึกเสียหน้ายิ่งนักแม้อยากจะโจมตีชายหนุ่มแต่พวกเขาเองก็รู้สึกผิดท้ายที่สุดจึงแสร้งทําเป็นหูหนวกตาบอดส่งบุตรสาวที่กําลังร้องไห้ออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

หลินหูขับเกวียนวัวออกจากหมู่บ้านพร้อมกับน้องชายอีกสองคนที่เดินลากเท้าตามมา เมื่อไป ถึงทางเข้าหมู่บ้านก็พบกับหยุนเคอที่ไปรับเกี้ยวเจ้าสาวของหยุนเสียนเถียนที่หน้าประตูเช่นกัน

แม้จะมีคนส่งเสียงร้องเรียกให้หยุนเคอเตะ*ประตูเกี้ยวเจ้าสาวแต่หยุนเคอกลับเปิดม่านออก อย่างไม่สนใจใยดีก่อนจะเอื้อมมือไปโอบประคองพาคนออกมา

* หนึ่งในพิธีการ ก่อนจะพาเจ้าสาวเข้าบ้านเจ้าบ่าวจะต้องเตะเกี้ยวเจ้าสาวสามครั้ง

นั่นทําให้เฉินไฉ่อมองเห็นหยุนเกียนเถียนในชุดแต่งงานอันวิจิตรตระการตาทันทีนางเข้าเมืองอยู่บ่อยครั้งเหตุใดถึงจะไม่รู้เรื่องสินค้าเหล่านี้?ลายปักอันประณีตงดงามบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวผืนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของช่างปักชั้นหนึ่ง!

เมื่อสวมชุดแต่งงานยิ่งส่งให้เรือนร่างของนางดูบอบบางน่าทะนุถนอมแม้แต่หยุนเคอผู้หยาบกระด้างยังโอบกอดนางอย่างอ่อนโยน

มีบางคนกล่าวสัพยอกหยุนเคอว่าหลังแต่งงานคงให้ภรรยามีอํานาจเหนือกว่าหยุนเคอจึงตอบกลับไปด้วยท่าที่เคร่งขรึมว่าบ้านของเขานั้นเชื่อฟังหยุนเสียนเถียนอยู่แล้ว

หากชุดแต่งงานของหยุนเถียนเถียนทิมแทงสายตาของเฉินไฉ่อ เช่นนั้นทัศนคติของหยนเคอคงเปรียบดังมีดแหลมคมที่มแทงเข้าไปในหัวใจของนาง

เห็นชัดแล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าบัณฑิตหรือผู้มั่งคั่งล้วนจอมปลอมทั้งสิ้นหากรู้ว่าหยุนเคอที่รูปลักษณ์ภายนอกดูเย็นชาและโหดเหี้ยม แต่ความเป็นจริงแล้วเขามีจิตใจที่อ่อนโยนมากเฉินไฉ่อคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่หากเขาแต่งงานกับนาง

น่าเสียดายที่ตอนนี้สายเกินกว่าจะพูดสิ่งใดได้ผู้ชายที่เกรงใจภรรยาถึงเพียงนี้โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองแม้กระทั่งนายน้อยหลีสุภาพบุรุษหนึ่งเดียวในดวงใจของนางยังไม่ยอมดูหมุนตัวเองด้วยซ้ํา

แม้แต่จางซึ่งเพิ่งยังสนใจแต่ตัวเองจนทําให้ความอดทนและความเคารพที่มีต่อตัวเขานั้นสูญสิ้นลงในตอนสุดท้าย

ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจที่ต้องแต่งงานกับหลินห์ชื่อเสียงของเขาไม่ดีนัก แม้จะเป็นบัณฑิตแต่ก็ไม่เคยทํางานอันใดทั้งยังมักมากในกามกระทั่งอยู่ต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่ของนางยังกล้าสถบออกมาไม่รู้ว่าลับหลังจะต้องเผชิญกับเรื่องใดบ้าง

เฉินไฉ่อสํานึกผิดจนร้องไห้ออกมาอย่างขมขึ้นเสียงคร่ำครวญนี้บีบหัวใจของหลินห์ยิ่งนักแทนที่เขาจะได้แต่งหญิงงามเป็นภรรยาแต่แผนการทั้งหมดกลับถูกผู้หญิงที่น่ารังเกียจผู้นี้ทําลายจนสิ้นใครจะรู้ว่าจะได้พบกับหญิงสาวเปลี่ยวเหงาที่ถูกสามีทอดทิ้ง

หลินหูยิ่งอารมณ์เสียเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญจึงเตะเกวียนวัวอย่างรุนแรง

“เหตุใดถึงร้องไห้? หากไม่ใช่เพราะเจ้าวันนี้คนที่ได้แต่งงานกับเจ้าสาวแสนสวยคงเป็นข้าเพราะเจ้าหลอกลวงข้าตอนนี้ข้าถึงต้องกัดฟันทนแต่งงานกับเจ้า ในวันมงคลเช่นนี้กลับหลั่งน้ําตาให้ข้าไม่อยากมีชีวิตที่ดีแล้วใช่หรือไม่?”

เฉินไฉ่อตกใจกับพฤติกรรมหยาบคายและวาจาอันโหดร้ายจนไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาหลินหูรออยู่นานกว่าเดี๋ยวเจ้าสาวจะเข้าไป ภายในบ้านหลังนั้นเต็มไปด้วยความครึกครื้นมีชีวิตชีวาแต่เขาทําได้เพียงลากเกวียนวัวกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยวและเย็นชา

ต่างจากความตื่นเต้นของฝั่งหยุนเสียนเถียน ที่บ้านของหลินหูไม่มีแม้กระทั่งถุงผ้าไหมสีแดงแขวนอยู่ด้วยซ้ําหลินห์ยังคงสวมชุดคลุมบัณฑิตตัวเดิมของเขาสิ่งเดียวที่เป็นสักขีพยานถึงวันมงคลนี้คือผ้าสีแดงคุณภาพต่ำของเฉินไฉ่อซึ่งย้อมสีอย่างไม่สม่ําเสมอส่งผลให้ชุดแต่งงานของนางนั้นดูหยาบกระด้างยิ่งนัก

หวงซื่อยืนเอนตัวพิงกรอบประตูพร้อมกับแทะเมล็ดแตงโมงที่ละเม็ด

นางฮัวยิ้มเมื่อเห็นพี่สะใภ้ที่วางตัวสูงส่งอยู่เสมอตอนนี้กําลังมองไปยังหน้าประตูอย่างหมดความอด

“พี่สะใภ้ ไม่ใช่ว่าวันนี้เป็นวันมงคลของลูกชายท่านหรอกหรือ? เหตุใดถึงไม่ตื่นเต้นเลยเล่า?”

หวงซื่อกลอกตาด้วยความโกรธเคือง “เจ้าอย่าสนใจเลย ก็แค่สินค้ามีตําหนิมาตกใส่ลูกชายข้าคอยดูเถิดข้าจะไม่ปล่อยให้นางอยู่สบายแน่!”

สิ้นเสียงสนทนา เกวียนวัวก็หยุดตรงหน้าประตู ญาติที่ติดตามไปรับตัวเจ้าสาวด้วยรู้ดีว่าหวง ซื่อเป็นคนเช่นไร พวกเขาจึงไม่เข้ามาทักทายและดื่มน้ําชา ทว่าทิ้งเกวียนวัวเอาไว้แล้วหันหลัง จากไปในทันที

หลินหูสีหน้าบูดบึง เมื่อเห็นว่าเฉินไฉ่อที่นั่งก้มศีรษะอยู่บนเกวียนวัว ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน

หวงซื่อเห็นบุตรชายตกอยู่ในสถานการณ์ลําบาก จึงรีบก้าวเข้าไปถามด้วยความห่วงใย “ลูกแม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ตอนไปรับเจ้าสาวยังดี ๆ อยู่เลย เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

หลินหูไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก จึงเดินเลี่ยงหวงซื่อเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา

หวงซื้อไตร่ตรองว่าเหตุใดถึงสะใภ้ถึงยังไม่เข้าบ้าน? ถึงอย่างไรนางก็ยังรอคอยที่จะได้ใช้อํานาจกดข่มลูกสะใภ้ผู้นี้ คอยดูเถิด!

เมื่อนางเดินออกจากลานบ้าน เฉินไฉ่อคนดียังคงนั่งร้องไห้อย่างโศกศัลย์อยู่บนเกวียนวัว

ตอนที่ 279 แต่งงานวันเดียวกัน

ตอนนี้เฉินไฉ่อีรู้สึกปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กายจนแทบไม่อยากทําอะไรทั้งสิ้น แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางจะทําให้มารดาขุ่นเคืองได้อย่างไร? ด้วยความมีไหวพริบ นางจึงข่มกลั้นความเจ็บปวดและนั่งลงข้างเตา

ภรรยาของเฉินซ่งมองดูบุตรสาว กลับมาบ้านจนถึงตอนนี้ เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน เนื้อตัวเลอะเทอะมอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก จนนางต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไฉ่อี! แม่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่เจ้าคิดต่อสู้กับแม่นางหยุน เจ้าพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้เจ้าสูญเสียชีวิตที่เคยสุขสบายและมั่นคงไปจนสิ้น แต่คนอื่นกลับไม่ได้รับความเจ็บปวดระคายเคืองอันใด ทั้งยังมีชีวิตที่สุขสบายมั่งคั่ง เหตุใดเจ้าถึงปล่อยให้ความโกรธทําร้ายตัวเองเล่า?”

แววตาของเฉินไฉ่อีเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ตอนนี้นางไม่อาจพูดออกมาได้ตามใจคิด

“เจ้าดูเถิด หากเชื่อฟังแม่ตั้งแต่แรกแต่งงานกับนายน้อยจาง ตอนนี้เจ้าคงเป็นสมบัติล้ำค่าที่ถูกประคองไว้กลางฝ่ามือของเขา จะว่าไปพวกเขาก็นับว่าจิตใจดีมีคุณธรรม ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พ่อเจ้าคงจะต้องไปที่บ้านพวกเขาเพื่อรับสินสอดทองหมั้น อา!”

นอกจากเฉินไฉ่อีจะไม่เชื่อฟังคําพูดของมารดา ตรงกันข้ามนางกลับนึกแค้นเคืองอยู่ในใจ

หากสนับสนุนนางให้แต่งงานกับนายน้อยหลี่ตั้งแต่แรก นางหรือจะทําเรื่องน่าอับอายเช่นนี้? เมื่อนึกถึงตอนที่ตนถูกชายน่าขยะแขยงกักขังไว้บนเตียง แม้จะดูถูกนางตั้งแต่แรก แต่ก็ข่มเหงนางทั้งคืนอย่างไร้ยางอาย ทําให้นางรู้สึกอยากขย้อนอาเจียนออกมาอยู่ครู่หนึ่ง

หากคนที่นางแต่งให้แต่แรกคือนายน้อยหลี่มีหรือที่จะไม่เต็มใจเช่นนี้? วิธีการเหล่านี้เมื่อถูกใช้กับบัณฑิตนับว่าเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก คงจะดีไม่น้อยหากได้ใช้กับนายน้อยหลี่?

แต่ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว นางต้องทนแต่งงานกับชายที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ และที่สําคัญคือเป็นคนที่หยุนเถียนเถียนไม่ต้องการ

“ไจ่อ ชีวิตลูกผู้หญิงงก็เป็นเช่นนี้ ชะตากรรมของเจ้าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะล้มลงอยู่ที่ใด ในเมื่อเจ้าไม่ได้ชื่นชอบตระกูลจางที่ดีงาม และแต่งงานเข้าตระกูลหลินแล้ว ดังนั้นอย่าได้คิดทําเรื่องอื่นอีก แม้ว่าหลินหูไม่อาจเทียบได้กับตระกูลจาง แต่เขาเองก็เป็นบัณฑิตเช่นกัน เจ้าเป็นคนฉลาด ควรรู้วิธีจัดการชีวิตของตัวเอง!”

“แม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดูย่าแย่ไปหน่อย แต่ถึงอย่างไรมีหรือที่ผู้ชายจะไม่ชอบสาวงาม? ขอเพียงเจ้าแต่งตัวให้สวยงามดูดี ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้หัวใจของหลินห์มาครอง และตราบใดที่หัวใจของเขาอยู่กับเจ้า ชีวิตก็จะไม่ลําบาก”

เฉินไฉ่อีเบ้ปากด้วยความรังเกียจ ตอนนี้นางประจักษ์แล้ว ด้วยรูปลักษณ์อันมีเสน่ห์เย้ายวนของหยุนเถียนเถียน เมื่อหลินหูได้พบนางครั้งหนึ่ง หญิงสาวคนอื่นก็กลายเป็นเพียงคนธรรมดาในสายตาของเขา นางจะสามารถคว้าหัวใจของหลินห์ได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือที่นางจะสามารถเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้เหมือนหยุนเถียนเถียน?

ในที่สุดอาหารก็เสร็จแล้ว เฉินไฉ่อีนําอาหารส่วนของตัวเองกลับเข้าไปในห้องและปิดประตูอย่างแน่นหนา

ในขณะที่ภรรยาของเฉินซ่งพยายามปลอบโยนบุตรสาวอยู่ที่บ้าน ทางฝั่งหยุนเถียนเถียนเองก็กําลังปลอบโยนหยุนเคอ เมื่อนึกถึงสิ่งที่หยุนเถียนเถียนเกือบต้องเผชิญ หยุนเคอก็รู้สึกเกลียดชังครอบครัวของเฉินซ่ง เขาใช้ความอดทนทั้งหมดที่มีเพื่อระงับความต้องการสังหารคน!

ตอนนี้หญิงสาวกําลังขัดขวางไม่ให้เขาลงมือ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางปล่อยเงินไฉ่อีไปอย่างง่ายดาย หากแต่เรื่องทั้งหมดนี้จะต้องทําลับหลังหญิงสาว

ทางด้านภรรยาของเฉินซ่งที่พยายามซื้อเวลาให้บุตรสาวสามวัน ในคราแรกนางคิดว่าภายในสามวันนี้จะช่วยให้บุตรสาวเรียนรู้ที่จะเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของหวงซื้อผู้ดร้ายจอมบงการ ใครจะรู้ว่าเฉินไฉ่อีเอาแต่เก็บตัวเงียบไม่พูดไม่จาอยู่แต่ในห้องตลอดทั้งสามวัน ไม่ว่าภรรยาของเฉินซ่งจะพยายามง้างปากของนางเพียงใด ก็ไม่มีการตอบรับจากบุตรสาว

สามวันต่อมา นอกจากเป็นวันแต่งงานของหลินหูกับเฉินไฉ่อีแล้ว ยังเป็นวันมงคลของหยุนเคอและหยุนเถียนเถียนอีกด้วย

แม้ว่าเฉินซ่งจะเป็นอดีตหัวหน้าหมู่บ้าน แต่งานแต่งงานนี้น่าอับอายยิ่งนัก ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดีกับเขา ต่างจากหยุนเถียนเถียน โรงงานและพื้นที่รกร้างของนางสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกคนในหมู่บ้าน

แม้แต่เคล็ดลับการปลูกข้าวสาลีในฤดูหนาวล้วนถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะ ตอนนี้ข้าวสาลีได้ปลูกลงดินและเริ่มออกรวงเขียวขจี นั่นคือความหวังอันเรืองรองของชาวบ้านในชนบท

จากผลประโยชน์เหล่านี้ หยุนเถียนเถียนจึงได้อยู่ในบ้านเฉินไปเพื่อแต่งตัวและแต่งหน้าเจ้าสาว ส่วนหยุนเคอผู้เย็นชาอยู่เสมอ จากครั้งล่าสุดที่เขาโยนฉ่เกินฮูหยินออกจากลานบ้านจนกระดูกหักไปหลายท่อน เหตุการณ์นั้นยังคงทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวมิรู้ลืม แต่ก็ยังมีชาวบ้านบางส่วนมาที่บ้านเพื่อช่วยตกแต่งบ้านใหม่ให้หยุนเถียนเถียน

ทําให้ลานบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันตา

ในขณะที่หลินหูมาถึงหมู่บ้านเทพธิดาด้วยใบหน้าอันขมขึ้น ก็ได้พบกับหยุนเคอที่กําลังควบขี่อาชาตัวสูงใหญ่ แม้สีหน้าของเขาจะดูเรียบเฉย แต่ความปิติยินดีฉายชัดออกมา

หยุนเคอกําลังนั่งอยู่บนอาชาลักษณะดี สวมชุดมงคลสีแดง ทั้งร่างหล่อเหลาราวกับไม่ใช่มนุษย์เดินดิน ทันทีที่เขาเห็นหลินหู ลมหายใจของเขาราวกับลูกธนูแหลมคม กราดสายตาทิ่มแทงไปยังหลินหูโดยตรง

หลินหูมิใคร่สนใจใยดีงานแต่งงานครั้งนี้ของตนนัก เขาเพียงยืมเกวียนไม้จากเพื่อนบ้านและใช้วัวแก่ลากเกวียนเพื่อมารับเจ้าสาว ผ้าฝ้ายสีแดงราคาถูกที่ปักเย็บและย้อมสีอย่างไม่สม่ำเสมอกันแขวนไว้ที่คอวัวแก่ จึงทําให้มันดูน่าตลกขบขันยิ่งนัก

ไอสังหารของหยุนเคอรุนแรงจนกระตุ้นให้วัวแก่ตกใจ มันวิ่งวนไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก จนในที่สุดก็ลากเกวียนไม้ที่โดยสารหลินหูเข้าไปในทุ่งนา ส่วนหนึ่งของทุ่งข้าวสาลีถูกทําลาย ฉับพลันหญิงสาวผู้ยากไร้คนหนึ่งก็ก้าวออกมา

ใบหน้าของหลินหูเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาตะเกียกตะกายออกมาจากท้องทุ่งด้วยความอับอายแต่หญิงชาวนาคว้าคอของเขาเอาไว้และเรียกร้องค่าชดเชย

เมื่อหยุนเคอเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะออกมา ก่อนจะขี่ม้าของเขาตรงไปยังลานบ้านของเฉินไปยังมีเจ้าสาวที่เขาเฝ้าคิดถึง รอเข้าพิธีแต่งงานอยู่

แม้ว่าหยุนเสียนเถียนจะคุ้นเคยกับโลกใบนี้แล้ว แต่เมื่อถึงวันแต่งงานของตน นางก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี ครั้นนึกถึงใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเคราของหยุนเคอ จ้องมองนางด้วยแววตาเสน่ห์หา หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกว่าไม่อาจควบคุมการเต้นของหัวใจเอาไว้ได้

หลังจากถูกฉีปัว จับแต่งตัวพลิกไปมา หยุนเสียนเถียนมองเห็นใบหน้าอันเลือนรางราวกับผีผู้หญิงในกระจกทองเหลือง

*ผู้หญิงที่มีหน้าที่ดูแลเจ้าสาวในงานแต่งงาน

นางกัดฟันใช้เงินไม่กี่ต่าลึงเพื่อจ้างฉีป่วมาคอยช่วยเหลือ ก่อนจะหยิบตลับชาดที่ไม่เคยใช้เลยตั้งแต่เข้ามาในยุคนี้ขึ้นมา

ความตื่นเต้นสงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางจึงเริ่มลงมือแต่งหน้าให้ตัวเองด้วยความใจเย็นเมื่อแต่งหน้าเสร็จและหันกลับมา ทุกคนในบ้านต่างพากันตกตะลึงพรึงเพริศ

เดิมที่หยุนเวียนเถียนนั้นงดงามจับใจอยู่แล้ว เพียงแต่งเติมประทินโฉมลงบนใบหน้าอีกเล็กน้อย ก็เต็มไปด้วยความเย้ายวน

ในที่สุด เมื่อบทกลอนกล่าวยินดีในวันแต่งงานจากด้านนอกดังขึ้น จซื้อก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ทําขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงวางลงบนศีรษะของนางด้วยความอ่อนโยน

ตอนที่ 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก

หลังจากหวงซื่อกล่าวจบนางก็สะบัดแขนเสื้อและพาลูกชายออกไปทิ้งครอบครัวเฉินซ่งที่จมอยู่ในความมืดมนไว้เบื้องหลัง

กว่าเฉินไฉ่อจะฟื้นคืนสติจากความตื่นตระหนกคนนอกก็ออกไปจากลานบ้านหมดแล้วเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ในที่สุดนางตื่นจากความฝันของนางเอกในโลกนิยาย

นางไม่อยากถูกจับถ่วงน้ำจนตาย!สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ในพริบตาจากนั้นจึงลุกขึ้นจากพื้นและใช้ชายเสื้อเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าหลังจากนอนเกลือกกลิ้งไปมาตั้งแต่เช้านางยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อยตอนนี้จึงรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก

“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว!”

ภรรยาของเฉินซ่งขมวดคิ้วแต่ก็ไม่กล่าวอะไรขณะที่กําลังจะหันเข้าไปในครัวนางจึงพบว่าลูกสะใภ้มองมาอย่างไม่พอใจนักแม้จะเก็บซ่อนสายตาไว้ได้ทันท่วงทีแต่ก็ยังปรากฏร่องรอยให้ เห็น

“ลูกสะใภ้ เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสาวของเจ้าหิว?ยังไม่รีบไปทําอาหารอีก!”

ภรรยาของเต่ออันกรุ่นโกรธขึ้นมาทันทีซึ่งานที่ดีทําหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้มากมายแต่กลับถูกทําลายโดนน้องสาวสามีที่ไร้ยางอายผู้นี้ หลังจากแต่งงานก็ได้พบกับความหายนะไม่น่าแปลกใจเลยที่นางสร้างปัญหาได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้นางถูกสามีเก่าทอดทิ้งและเพิ่งกลับมาถึง

นก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งถึงอย่างไรบุตรชายของเต่ออันย่อมได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม่สามีผู้มีเหตุผลมาโดยตลอด วันนี้กลับเพิกเฉยทั้งยังสั่งให้นางปรนบัติน้องสามความโกรธทั้งหมดผสมปนเปกันและปะทุขึ้นมาในชั่วพริบตา!

“ท่านแม่! หากน้องสะใภ้มีเหตุผลและเชื่อฟังแม้ว่านางจะไม่ทําอันใดเลยข้าก็ยินดีปรนนิบัติรับใช้แต่ท่านดูเถิดนอกจากนางจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังทําให้ตระกูลของเราเป็นเช่นนี้!ท่านแม่ข้าไม่อาจกล้ํากลืนฝืนทนรับใช้นางได้จริง ๆ”

อันที่จริงภรรยาของเฉินซึ่งนับว่าเป็นคนมีเหตุผลโดยแท้นางรู้ดีว่าชีวิตของนางหลังจากนี้ล้วนขึ้นอยู่กับบุตรชายและลูกสะใภ้จึงไม่เคยมีสักครั้งที่จะทําให้ลูกสะใภ้ต้องขุ่นเคืองใจแต่ตอนนี้เมื่อถูกความโกรธเข้าครอบงําลูกสะใภ้กล้าที่จะโต้แย้งด้วยประการนี้ทําให้ความเชื่อมั่นที่นางมีมาตลอดพังทลายลงในทันที

“ดียิ่งนักเจ้าเป็นลูกสะใภ้แต่กล้าปีนขึ้นไปบนหัวแม่สามีอย่างข้างั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะข้าดีกับเจ้ามาโดยตลอดจึงทําให้เจ้ากล้าพูดจากับข้าเช่นนี้? ไม่ว่านางจะเกินทนเพียงใดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวแท้ๆของสามีเจ้า!เตืออันเหตุใดไม่รู้จักสั่งสอนภรรยาดูเอาเถิดว่าพูดอะไรออกมา? แม้ผู้อื่นจะพูดจาให้ร้ายน้องสาวของเจ้าอย่างไรแต่พี่สะใภ้ควรช่วยเหลือนางเมื่ออยู่ในบ้านตอนนี้ทุกคนกลับพากันเยาะเย้ยนาง!”

ความฝันที่จะเป็นดั่งนางเอกในนิยายของเฉินไฉ่อพังทลายทั่วทั้งร่างกายของนางราวกับถูกหนามทิ่มแทงใคร ๆ ต่างก็พากันมองนางไม่ดียิ่งไปกว่านั้นพี่สะใภ้ผู้นี้ยังมักจะดูถูกนางอยู่เสมอในใจของนางหรือจะไม่รู้ว่านี่คือโอกาสอันดีหากนางไม่ยุยงให้หญิงผู้นี้ถูกหย่าร้างนางคงเจ็บใจตัวเองยิ่งนัก!

“ท่านแม่! ท่านยังไม่แก่เลยด้วยซ้ําแต่ลูกสะใภ้กลับไม่เชื่อฟังถึงเพียงนี้!แค่ขอให้นางทําอาหารเท่านั้นหาใช่งานหนักอันใดข้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพราะท่านทําให้เสียนิสัยจนเคยชิน!ส่วนพี่ชายตอนนี้แต่งงานมีภรรยาแล้วกลับลืมท่านแม่ผู้ให้กําเนิดทั้งท่านพ่อและท่านแม่ต่างเลี้ยงดูท่านมาจนโตทว่าตอนนี้ท่านไม่แม้แต่จะควบคุมภรรยาของตนเอง!”

เฉินเต่ออันไม่เคยคาดคิดว่าน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขาจะทําเช่นนี้ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่นําเงินเก็บทั้งหมดมอบให้นาง

“เฉินไฉ่อเจ้าเอาแต่คิดว่าพี่สะใภ้ไม่เชื่อฟังแล้วตัวเจ้าเองเล่า?เจ้าเชื่อฟังนักหรือ?เจ้าคิดว่ามันใช้เวลานานเพียงใด?ไม่รู้หรือว่าห้องครัวของบ้านอยู่ตรงไหน? ไม่รู้จริงๆหรือว่าอาหารทําอย่างไร? เพ้อฝันว่าตนเองเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ต้องรอให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติหากเจ้ามีความสามารถมากนักก็หาเงินให้ได้เหมือนแม่นางหยุนและจ้างคนมาดูแลเจ้าสิพี่สะใภ้มิใช่คนรับใช้ของเจ้าเหตุใดต้องคอยรองมือรองเท้าให้เจ้าด้วย!”

“ท่านแม่ หากท่านยังตามใจนางอีก เช่นนั้นพวกเราก็แยกบ้านกันเถิดข้ารู้สึกอับอายยิ่งนักที่เป็นครอบครัวเดียวกับนางเมื่อต้องออกไปข้างนอก เสียงนินทาเหล่านั้นทําให้ข้าอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดแล้วหากปล่อยให้นางออกไปเสียตั้งแต่วันนี้คงจะทําให้พวกเราดูดีขึ้นบ้างแต่ท่านกลับรั้งตัวนางไว้ถึงสามวัน ท่านคิดว่าสามวันนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงคลื่นลมได้หรือ?”

“ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าก็ทําอย่างสุดความสามารถ! หญิงสาวในหมู่บ้านเราหากไม่ออกไปทํานา อย่างน้อยก็ยังทํางานบ้าน แต่ท่านดูหญิงสาวในบ้านเราสิ สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ* คงคิดว่าตนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้สร้างความอับอายให้กับคนทั้งครอบครัวยังมีหน้ามาชี้นิ้วสั่งให้พี่สะใภ้ทํางานให้นางอีก!”

* สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ อุปมาถึง ผู้หญิงที่ไม่เคยต้องทํางานบ้านทําอาหารหรือช่วยเหลือตัวเอง

เมื่อกล่าวจบเฉินเต่ออันก็เอื้อมมือไปดึงตัวภรรยาเดินกลับเข้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตูไม่รับฟังเรื่องน่ารําคาญใจจากครอบครัวที่อยู่ด้านนอก

เฉินไฉ่อได้ยินพี่ชายที่คอยตามใจนางมาตลอด ตอนนี้กลับชี้หน้าด่านางว่าไร้ยางอายสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น และรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดจากการยุงยงของพี่สะใภ้ที่ทําให้พวกเขาต้องแตกคอกัน

อย่างไรก็ตามคําพูดของเต่ออันทําให้ภรรยาของเฉินซึ่งตระหนักได้หลังจากนั้นบุตรสาวผู้นี้ช่างไร้ค่านักแต่งงานออกไปแล้วยังไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรนับประสาอะไรกับการช่วยเหลือครอบครัวมารดาแม้ว่าจะรู้สึกลําบากใจยิ่งนักแต่ภรรยาของเฉินซึ่งก็เข้าใจดีหากบุตรสาวของนางไม่แต่งออกไปชีวิตนี้คงถึงคราวจบสิ้น

หากบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งผู้นี้ทําให้ลูกชายและลูกสะใภ้ขุ่นเคืองใจจนต้องแยกบ้านออกไปในภายหน้ายามแก่เฒ่านางคงไร้ที่พึ่งแล้วจริง ๆ

แต่ตอนนี้บุตรสาวของนางเพิ่งเผชิญกับความเจ็บปวดหากต้องทอดทิ้งนางไว้ลําพังภรรยาของเฉินซ่งยิ่งให้ทุกข์ใจนักนางตั้งครรภ์เด็กผู้นี้มาถึงสิบเดือนกว่าจะได้อุ้มชูบุตรสาวแสนน่ารักที่นางเฝ้ารอมานาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางได้แต่ทอดถอนใจอยู่นานจากนั้นจึงก้มศีรษะไม่มองลูกสาวที่น่าผิดหวังผู้นี้แต่หันหลังกลับเข้าไปในครัวและเริ่มเก็บกวาดงานในครัว

“ไฉ่อ! เข้ามาเรียนรู้ในสิ่งที่เจ้าไม่เคยทําเถิด แม้ว่าอยู่ในบ้านเดิมจะเป็นปัญหาอันใดแต่เมื่อเจ้าแต่งงานออกไปกับคนเช่นนั้นหากงานในครัวก็ทําไม่ได้เกรงว่าหวงซื่อจะยิ่งทําให้เจ้าลําบากแม้ว่าเวลาเพียงสามวันจะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสามารถเรียนรู้งานเหล่านี้แต่ถึงอย่างไรก็ควรเรียนรู้เอาไว้สักหน่อยเถิด”

เฉินไฉ่อไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่นางแต่งงานกับใครสักคนนางจะต้องทํางานในครัวด้วยทั้งควันและคราบน้ำมันที่กระจายไปทั่วจึงทําให้กองพื้นที่อยู่ตรงมุมห้องสกปรกเป็นอย่างมากเมื่อนึกว่านางจะต้องมีชีวิตเช่นนี้ในวันข้างหน้าเฉินไฉ่อพลันรู้สึกว่าโลกทั้งใบของนางช่างแสนมืดมน

แต่ในบ้านหลังนี้มีเพียงมารดาผู้เดียวเท่านั้นที่ยังสนใจนางอยู่แม้แต่คนโง่ยังรู้จักแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย!เฉินไฉ่อจึงจําต้องกัดฟันเดินเข้าไปในครัวเวลานี้นางไม่กล้าแม้แต่จะทําให้มารดาขุ่นเคืองมิฉะนั้นในอนาคตนางจะไม่มีแม้แต่คนที่คอยหนุนหลัง

“อา! เพิ่งหัดเข้าครัว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะล้างข้าวและหุงข้าวได้ ดังนั้นเจ้าควรเรียนรู้วิธีจุดไฟก่อนเถิด”

ตอนที่ 277 งานแต่งงานอันแสนขมขึ้น

ทั้งสองตระกูลต่างพาบุตรสาวและบุตรชายออกจากบ้านเฉินไป กลับไปที่บ้านของเฉินซ่งอีกครั้ง พวกเขาต้องปรึกษาหารือกันถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เฉินไปเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่พี่ชาย แต่ก็ทําอันใดไม่ได้นอกจากปั้นสีหน้าให้ดูดี “ดูเถิดท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมานานหลายปีทั้งยังเป็นผู้มีวาทศิลป์ชั้นเยี่ยม แต่ตอนนี้ดูสิว่าท่านสั่งสอนบุตรสาวของท่านอย่างไร! พี่ใหญ่ต่อไปครอบครัวท่านอย่าได้ย่างกรายเข้ามาในบ้านของข้าอีกเลยข้าเกรงว่าท่านจะชี้แนะลูกสาวของข้าให้ไปในทางที่ผิด!”

เฉินซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายของตนจะใจไม่ไส้ระกําได้ถึงเพียงนี้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง แต่น่าเสียดายที่เขามิได้มีเวลามาหักล้างเรื่องเข้าใจผิดนี้เฉินไปปิดประตูกระแทกเสียงดังโดยไม่รับฟังคําอธิบายใดของเขาทั้งสิ้น

เฉินซ่งและภรรยาต้องการปลอบใจบุตรสาวของพวกเขา แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นานสุดท้ายก็ทําได้เพียงเชิญคนเข้ามาในลานบ้านอย่างสุภาพเท่านั้น

เมื่อหวงชื่อนึกถึงลูกสะใภ้ผู้เป็นดั่งเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งที่ตนมาดหมายเอาไว้ถูกแย่งชิงไปแต่กลับได้สินค้ามีตําหนิและไร้ยางอายเช่นนี้มา ในใจของนางรู้สึกราวกับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมความกรุ่นโกรธที่ไร้ทางออก จึงทําให้เมื่อมองไปทางใดในลานบ้านของเฉินซึ่งล้วนขัดหูขัดตาทั้งสิ้น!
เฉินซึ่งยังคิดหาผลประโยชน์ให้บุตรสาวของเขา แต่ในที่สุดเมื่อวันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ทนไม่ได้ต้องขัดขึ้นมา

“แต่งงานครั้งแรกตามคําสั่งท่านพ่อ แต่งงานอีกครั้งตามความต้องการของตัวเอง! เฉินไฉ่อนคือการแต่งงานครั้งที่สองของเจ้าครอบครัวเราจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป! เป็นเพราะเจ้าไม่ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี ดังนั้นเจ้าต้องรับผลของการกระทําอันเลวร้ายของเจ้าให้ได้!ตอนนี้เจ้าทําตัวเองทั้งสิ้น อย่าได้กล่าวโทษว่าพี่ชายไร้ความปราณีเพราะข้าเองก็ยังมีลูกเมียที่ต้องเลี้ยงดู!”

“ช่วงนี้พี่ชายหาเงินได้มาก เงินยี่สิบตําลึงนี้มอบให้เจ้า นี่คือของขวัญชิ้นสุดท้ายในฐานะพี่ชายและน้องสาวจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าได้กลับมาหาพี่ชายอีกข้าไม่อาจชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้คนได้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้หลานชายของเจ้าจะยังเด็ก แต่เมื่อเขาโตขึ้นก็ต้อง
แต่งงาน หากเจ้ายังก่อปัญหาอยู่ทั้งปีเช่นนี้ ไม่รู้ว่าต่อไปเขาจะหาภรรยามาแต่งงานด้วยได้หรือไม่!”

เฉินไฉ่อไม่เต็มใจนัก เงินเพียงยี่สิบตําลึงจะทําอันใดได้? แม้แต่เสื้อผ้าสวย ๆ สองสามชุดหรือผงแป้งชาดล้วนไม่อาจซื้อได้

“ท่านพ่อ! ท่านดูพี่ชายข้าเถิด เขาถึงกับ…”

ยังไม่ทันกล่าวจบ เฉินซึ่งก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของนางทันที!

“เจ้าสมควรได้รับมันแล้ว หากไม่ใช่ไม่เพราะเจ้าหลานชายของข้าอาจจะยังได้เรียนหนังสืออยู่บ้างแต่เพราะมีอาที่ชื่อเสียงเสื่อมเสียเช่นเจ้าเกรงว่าจะไม่บัณฑิตผู้ใดในโลกอยากจะสั่งสอนวิ ชาให้แก่เขา! ตอนนี้เจ้าแต่งงานออกบ้านไปแล้วข้าเองก็ถือว่าช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าเอาไว้ จากนี้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าไม่มีหน้าจะไปปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว!”

กล่าวตามตรงในสายตาของหวงซื่อ นางรู้สึกรังเกียจเหยียดหยามลูกสะใภ้ผู้นี้มากแต่เมื่อเห็นเงินสองแท่งในมือของเฉินเต่ออันก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาก!

แต่สุดท้ายแล้วเงินทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจเทียบได้กับเครื่องประดับที่นางผลาญเงินไปมากมายใน วันนี้ทว่าเมื่อพิจารณาดูดี ๆ หญิงสาวผู้นี้ก็ยังพอมีสินเดิมติดตัวอยู่บ้าง แม่ไม่รู้ว่าจะร่ํารวยหรือไม่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีทรัพย์สมบัติอันใดเลย

สิ่งสําคัญที่สุดคือหยุนเถียนเถียนนั้นไม่สามารถมาเป็นลูกสะใภ้ของนางได้อีกแล้วเก็บหญิงผู้นี้เอาไว้ก่อนก็นับว่าไม่เลวนักอย่างน้อยก็สามารถโทษได้ว่าหญิงสาวเคยมีตําหนิมาก่อนนางจะได้ใช้จุดนี้ทําให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น!

“เอาล่ะ! หากอยากแต่งงานกับลูกชายของข้าก็ย่อมได้ แต่ขอบอกว่าข้าไม่มีสินสอดทองหมั้นเกิดเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ คงไม่มีหน้าไปจัดงานเลี้ยงมงคลให้โอ้อวดผู้ใดวันนี้เจ้าก็ตามลูกชายข้ามาแล้วกัน!”

เฉินไฉ่อยืนนิ่งตกตะลึงกับถ้อยค่าเหล่านี้ แม้ว่านางจะเคยผิดพลาดมาก่อน และตอนนี้นางก็ถูกทอดทิ้ง แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นผู้หญิง ช่างจิตใจชั่วร้ายยิ่งนักเป็นหลินหูที่โยนความผิดูทั้งหมดมาให้นางไม่เพียงแต่ไม่มีงานเลี้ยงมงคล แต่ยังไม่มีสินสอดทองหมั่นอีกด้วยอย่างไรนางก็แต่งเข้าไปเช่นนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นนางคงไม่อาจได้เงยหน้าขึ้นมาในบ้านแม่สามีอย่าง แน่นอน!

ภรรยาของเฉินซ่งรู้ดีว่าเรื่องนี้มีความหมายต่อชีวิตของหญิงสาวอย่างไร แม้คําพูดของนางจะไร้น้ำหนักแต่ก็ยังต้องช่วยบุตรสาวของนางหักล้างเรื่องนี้

“ซึ่งเจียหมู่* เช่นนี้คงไม่ดีนัก! ไม่มีสินสอดทองหมั้น พวกเราก็ไม่ว่าอะไรถือเป็นเรื่องในบ้านไม่มีผู้ใดรู้เห็น แต่ถ้าไม่มีงานแต่งงานแล้วผู้ใดจะรู้เล่าว่าลูกสาวข้าแต่งงานกับลูกชายท่านแล้วในความคิดของข้าแม้จะต้องจัดงานแบบเรียบง่าย แต่ก็ต้องทํา! อย่างน้อยให้ผู้คนได้รับรู้ว่าลูกสาวของข้าแต่งงานกับลูกชายของท่านแล้วจริง ๆ”

ซึ่งเจียหมู่* ค่าที่แม่ยาย ใช้เรียกแม่สามีของลูกสาว

หวงซื้อถ่มน้ำลายลงพื้นทันที “ถุย! สินค้ามือสองที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วตกใส่หัวลูกชายของข้ายังอยากจะให้ข้าเปิดเผยต่อที่สาธารณะ ท่านไม่คิดว่ามันจะน่าอับอายขายหน้าหรือ?หากตกลงวันนี้ก็ปล่อยให้ลูกสาวของท่านกลับไปกับพวกข้าหากไม่ตกลงงานแต่งนี้ถือว่ายกเล็ก!ข้าอยากจะเห็นนักว่านอกจากลูกชายของข้าแล้วลูกสาวของท่านจะแต่งงานเข้าตระกูลของผู้ใดได้อีก?”

“อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากวันนี้เจ้าไม่ไปกับลูกชายข้าสิ่งที่รอเจ้าอยู่ก็คือการถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ! ข้าไม่โทษที่เจ้าทําให้การแต่งงานระหว่างลูกชายของข้าและหยุนเสียนเถียนล้มเหลวแต่ยังกล้าจะเรียกร้องเรื่องงานแต่งงานนี่อีกไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าเอาหน้ามาจากไหน!”

ภรรยาของเฉินซึ่งโกรธจนหน้าซีดเผือด หายใจแทบไม่ออก!

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป อย่างดีที่สุดหลินหูก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมสอบขุนนางทว่า สําหรับลูกสาวของนางมีแต่ทางตันเท่านั้น! ท้ายที่สุดแล้ว นางเองก็จนปัญญาที่จะทะเลาะกับผู้หญิงที่แข็งกร้าวและไร้เหตุผลผู้นี้

แม้ว่าสีหน้าของนางจะน่าเกลียดมาก แต่ภรรยาของเฉินซึ่งก็ยังกล่าวอย่างสุภาพ “ชิงเจียหมู่ได้โปรดให้อภัย อันที่จริงลูกสาวข้าก็นับว่ามีความรู้และมีเหตุผล กับหลินหูเองก็มีหัวข้อสนทนาร่วมกันไฉ่อก็นับว่ามีส่วนร่วม ซึ่งเจียหมู่เป็นผู้อาวุโสหนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยผู้เยาว์จะดีกว่า”

“งานเลี้ยงมงคลนี้ เพียงแค่จัดให้คนภายนอกรับรู้เท่านั้น ไม่ต้องมากพิธีรีตองแต่การที่จู่ ๆ จะพาเด็กคนนี้จากไปทันทีที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ข้าตัดใจไม่ได้จริง ๆ มิสู้รออีกสามวันพวกท่านค่อยมารับคนไปไม่ดีหรือ? ข้าเองจะได้ใช้โอกาสนี้อบรมสั่งสอนนางให้พร้อมเป็นสะใภ้ที่ดี”

หวงซื่อไม่ใช่คนดีนัก เมื่อได้ยินวาจาเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะออกมา “พูดเหมือนว่าลูกชายของข้าบังคับให้นางทําเช่นนี้ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นนางต่างหากที่วางแผนการกับลูกชายข้าไว้ล่วงหน้า ท่านอย่าได้คิดข่มขู่ข้าถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวท่านที่ทําร้ายแม่นางหยุนอย่าหาว่าว่าข้าใจจืดใจดํา ข้าจะรออีกสามวันก็ได้แม้ว่าความจริงแล้วข้าจะไม่อยากให้ลูกสาวของท่านเข้ามาอยู่ในบ้านข้าแม้แต่น้อย!”

“หลินห์ ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกันก่อน อีกสามวันให้หลังแม่จะกลับมาจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าก็แค่ผู้หญิงที่ไร้ความบริสุทธิ์และแต่งงานถึงสองครั้ง เจ้าควรจดจ่อกับตาราให้มากกว่าสนใจเรื่อง นาง!”

ตอนที่ 276 จบสิ้น

เมื่อเห็นบุตรชายอันเป็นที่รักต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งยังถูกรุมสาปแช่ง หวงซื้อ กอดถุงผ้าสีแดงที่เป็นตัวการทําร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของนางไว้แน่นก่อนจะวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป

“พวกเจ้าคิดทําสิ่งใด? คิดรังแกลูกชายข้าเช่นนั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้ หยุนเกียนเถียนก็เป็นเพียงสตรีหน้าไม่อายที่มาล่อลวงลูกชายข้า แล้วเหตุใดถึงกล่าวโทษเขาอยู่ฝ่ายเดียว?”

มุมปากของหยุนเถียนเกียนยกยิ้ม นางเผยสีหน้าเย้ยหยันก่อนจะกล่าวตอบ “เป็นข้าหรือที่คิดล่อลวงลูกชายท่าน? เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนการของเฉินไฉ่อทั้งสิ้น! หวงซื่อท่านอย่าได้กล่าววาจาใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน!”

หวงซื่อหันไปมองเฉินไฉ่อด้วยความอับอาย ฉับพลันใบหน้าของอีกฝ่ายก็ซีดเผือดราวกับภูตผี ท่าทีสงบเยือกเย็นอย่างที่เคยเป็นหายไปไหนเสียแล้ว!

“โอ้! นางปีศาจร้ายตนนี้มาจากที่ใดกัน? จิตใจของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”

หวงซื่อรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในอก ท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ

“หวงซื่อท่านอย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ! นั่นคือว่าที่ลูกสะใภ้ของท่าน นางได้มอบร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องให้แก่ลูกชายของท่าน! ตอนนี้เกิดอยากจะไม่ยอมรับนางเป็นลูกสะใภ้ขึ้นมาหรือ? เห็นทีว่าคงสายเกินไปเสียแล้ว เพราะลูกชายของท่านหลับนอนกับนางไปแล้ว! ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เขาจะไม่ได้กลับบ้านใช่หรือไม่?”

“ไม่จริง! คนที่ลูกชายข้าหลับนอนด้วยก็คือเจ้า หยุนเกียนเถียน!”

ขณะนั้นเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน “ดูเหมือนบทเรียนที่ข้ามอบให้เจ้าและลูกชายคงน้อยเกินไปจึงทําให้พวกเจ้าเพ้อฝันไม่ยอมจบสิ้น!”

ขณะที่ทุกคนหลีกทางให้ หยุนเคอจูงเกวียนวัวเดินเข้ามาช้า ๆ สีหน้าเขียวคล้ําไปด้วยความกรุ่นโกรธ เมื่อของที่บรรทุกมาถูกเปิดออก… ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของมีค่าชั้นเลิศ! นั่นผ้าไหมสีแดงมิใช่หรือ?

หวงซื่อตื่นตกใจจนไม่อาจเปล่งเสียงอันใดออกมา จึงทําได้เพียงก้าวถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของบุตรชาย

หยุนเสียนเถียนเยาะเย้ย “ข้านึกว่าท่านจะไม่รู้จักเกรงกลัวฟ้าดิน แต่แท้จริงเพียงแค่พรานป่าก็หวาดกลัวเสียแล้ว! เก่งกล้าสามารถถึงขั้นเสาะหายาสกปรกนี่ในหอนางโลมได้ การอบรมสั่งสอนของคนตระกูลหลินคงเป็นเช่นนี้กระมัง! หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป หลินหู… เจ้าคงไม่มีคุณ สมบัติเข้าร่วมสอบขุนนางแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็อย่าได้กังวล อย่างไรเจ้าก็จะได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีพร้อม หากไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบก็คงไม่เป็นไร!”

ทันทีที่หวงซื่อได้ยินหยุนเสียนเถียนกล่าวแทงใจดํา นางสติขาดผึ้ง ลืมสิ้นความหวาดกลัวทั้งปวง ก่อนจะก้าวออกมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“ผู้ใดบอก? เหตุใดลูกชายของข้าจึงมิควรได้รับสิทธิ์เข้าร่วมสอบขุนนาง? เขาศึกษาเล่าเรียนมาหลายปี หากผู้ใดบังอาจทําลายอนาคตของเขา ข้าย่อมไม่มีวันปล่อยไว้แน่!”

“มิใช่ตัวท่านเองหรอกหรือที่เป็นคนทําลายอนาคตของลูกชาย? หากหญิงสาวที่ได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว ตายไปอย่างไม่คาดคิด เรื่องนี้คงโจษจันไปทั่ว! อย่าว่าแต่สอบขุนนางเลย แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาสู้หน้าผู้คนก็ยังทําไม่ได้ นับว่าโชคดีที่ครอบครัวแสนสุขของข้าฉลาดพอที่จะทําให้เขาได้ลิ้มรสความชั่วร้ายของตัวเอง อีกทั้งผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่หมั้นของเขาก็ทําสําเร็จ!”

“ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงภรรยาของชายอื่นหรือการทําลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาว หาก เรื่องเช่นนี้ได้แพร่กระจายออกไป ไม่รู้ว่าจะติดคุกหลวงหรือไม่ ท่านยังคิดจะให้ลูกชายเข้าสอบขุนนางอีกหรือ?”

หลินหูดึงแขนเสื้อของมารดาไปหลบด้านหลัง เขาตระหนักได้ว่า แม้ว่ามารดาของตนจะแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วนางโง่เง่ายิ่งนัก ไม่อาจต่อกรกับแม่นางหยุนได้เลยด้วยซ้ํา!

ถึงคราวเข้าตาจนแล้ว เขาจะทําอันใดได้อีก? นอกเสียจากต้องยอมรับมัน! แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขามีจิตใจที่ชั่วร้าย แม้ต้องแต่งงานกับนาง เขาก็หาได้มีความจําเป็นอันใดที่ต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดีนัก หากสินสอดทองหมั้นมีไม่มากพอ ก็ปล่อยให้นางไปทํางานหาเงินเพื่อส่งเสียค่าเล่าเรียน

หยุนเสียนเถียนหยุดยั้งผู้คนที่กําลังซุบซิบนินทา “ตอนนี้เฉินไฉ่อได้สูญเสียความบริสุทธิ์ให้ลูกชายท่าน ทั้งยังถูกสามีทอดทิ้ง หากหลินหูไม่แต่งงานกับนาง ชีวิตของนางหลังจากนี้คงไปไหนไม่รอด! หากท่านยังอยากให้หลินหูสามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ จงให้เขาแต่งงานกับนางแต่โดยดี! หากไม่อยากทําตามนี้ ก็ลืมมันไปซะ แต่ถ้าหมู่บ้านของเราชื่อเสียงเสียหาย หลินหูก็จะไม่มีวันได้ดีไปด้วย!”

หลินหูจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าว “ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แน่นอนว่าข้ายินดีที่จะแต่งงานกับนาง! แต่ครอบครัวของข้ายากจน เกรงว่าจะไม่มีสินสอดทองหมั้นให้มากมายนัก!”

สีหน้าของหวงซื้อดูน่าเกลียดยิ่งนัก “ลูกชาย เจ้าใจดีเกินไปแล้ว! การที่เรารับนางไว้เท่ากับเป็นการช่วยชีวิตนาง เจ้ากําลังพูดจาล้อเล่นอันใด เงินทองของพวกเราถูกลมพัดหายไปหมดแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่นางหรอกหรือที่เป็นคนทําลายความดีงามของเจ้า นางต้องเป็นคนรับผิดชอบ เช่นนั้นแล้วครอบครัวของเราจะยังขาดแคลนเงินทองอีกได้อย่างไร?”

ความไร้ยางอายของหวงซื้อทําให้ผู้คนมิอาจมองข้ามไปได้ บางคนที่มีความยุติธรรมอย่างแรงกล่าถึงกับกลอกตาใส่นาง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องในบ้านของผู้อื่น ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย นี่คือบทเรียนที่เฉินไฉ่อสมควรได้รับมัน!

เนื่องจากต้องคุกเข่าบนพื้นอยู่เป็นเวลานาน เฉินไฉ่อแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง หมดปัญญาที่จะโต้เถียงกับหวงซื่ออีกต่อไป ทําได้เพียงส่งสายตาหาพ่อแม่ของนางและหวังให้พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วย
น่าเสียดายที่ตอนนี้เฉินซึ่งไม่อาจกล่าววาจาใดออกมาได้เลย เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าค่าพูดของตนช่างไร้ค่ายิ่งนัก! ต่อให้พยายามเข้าไปเจรจาอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกทุกคนขัดจังหวะอยู่ร่ําไป!

หยุนเถียนเถียนเปิดปากหาว นางตื่นแต่เช้าตรูทั้งยังตะเบ็งเสียงอยู่นาน ตอนนี้ชักเริ่มหิวแล้วด้วย

“เอาล่ะ! จบเรื่องแล้ว! ขอให้ทุกคนที่รู้เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป ปล่อยให้พวกเขาสองคนจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม! เฉินไฉ่อีนับว่าโชคดีนักที่ยังมีชีวิตรอด จากนี้ไปจงรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ให้ดี! แต่อย่าได้มายั่วยุข้าอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้อยู่อย่างทุกข์ทรมาน!”

จากนั้นหยุนเถียนเถียนล้วงเงินห้าตาลึงจากแขนเสื้อยื่นให้เฉินไป “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องขออภัยจริง ๆ ห้องเดิมของท่านที่ให้ข้ายืม ตอนนี้เสียหายหมดแล้ว แน่นอนว่าข้ายังอยากอาศัย อยู่ในบ้านต่อไป แต่ข้าไม่ต้องการข้าวของข้างในนั้น ได้โปรดช่วยหาคนมาทําความสะอาด และซื้อของใช้ดี ๆ ให้ข้าอีกสักชุด”

จนถึงตอนนี้ใบหน้าของเฉินไปยังคงเขียวคล้ํา เขาพยักหน้าตอบรับ “แม่นางหยุน ขออภัยยิ่ง นักที่ข้าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในบ้านของข้า อย่าได้กังวลเรื่องห้องพัก ข้าจะดูแลเรื่องนี้เอง เจ้าสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจและเตรียมตัวสําหรับงานแต่งงาน”

หยุนเถียนเถียนยิ้มพร้อมกับรั้งตัวหยุนเคอที่กําลังจะวิ่งหนี “เอาล่ะ! พวกเรายังจะต้องโกรธเคืองอันใดกัน? มีเรื่องมงคลเช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เราควรร่วมยินดี! เดิมที่พวกเขาคิดใช้แผนการกับข้า ดังนั้นพวกเขาก็ควรได้รู้ซึ้งถึงรสชาติของเอาคืนจากข้าเช่นกัน! หากเจ้ายังโกรธอยู่ ข้าคงทุกข์ใจยิ่งนัก

หญิงสาวที่ตนหมายปองในหัวใจแต่ไม่อาจไขว่คว้ามาได้กําลังส่งยิ้มให้ชายอื่น หลินหูรู้สึกไม่พอใจนักเมื่อมองเห็นใบหน้างดงามพร่างพรายนั้น แล้วหันกลับมามองใบหน้าน่าเกลียดราวปีศาจร้ายที่อยู่ข้าง ๆ เขา ในใจรู้สึกราวกับกําลังกลืนกินยาขมเกินจะทน

ตอนที่ 275 ลูกสะใภ้ของเจ้า

เฉินไฉอีร้องไห้อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งพบว่าหยุนเถียนเถียนที่นางเกลียดที่สุดกําลังตัดสินใจแทนนาง!

“หยุนเถียนเถียน! คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? ถึงตัดสินใจแทนข้าเช่นนี้!”

มุมปากของหยุนเวียนเถียนยกยิม “หากเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงานคงอาจะถูกยกเลิกงานแต่งงาน แต่น่าเสียดายที่หลังจากแต่งงานเจ้าได้ข้องเกี่ยวกับชายอื่น คงไม่มีใครสนใจเจ้าแล้ว ตามกฎของหมู่บ้านเทพธิดา เจ้าจะต้องโดนถ่วงน้ําจนตาย! ตอนนี้ข้าทําเช่นนี้เพื่อรักษาชีวิตเจ้า ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่พ่อและแม่ของเจ้ายังไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา?”

เฉินไฉ่อไม่รับน้ําใจและตะโกนต่อว่าเสียงดัง “เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องของข้า ข้าจะไม่แต่งงา นกับเจ้าโง่นี่หรอก!”

หลินหูยิ้มและกล่าวขึ้น “บังเอิญว่าข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับเจ้าเช่นกัน! เจ้ารังเกียจข้าและไม่คิดจะแต่งงานกับข้า เจ้ามีดีอะไรกัน หึ!”

หยุนเสียนเถียนอดทนที่จะไม่หัวเราะออกมา “หลินหู! การแต่งงานนี้ตกลงหรือไม่ท่านไม่ อาจตัดสินใจได้! แม้ว่าท่านจะมีความแค้นต่อนาง แต่นางก็เป็นหญิงสาวหน้าตางดงามดุจบุปผา น่าเสียดายหากต้องตายอย่างน่าเศร้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงแบบนี้ยังอยู่ในหมู่บ้านทําลายชื่อเสียงของหมู่บ้าน! ดังนั้นเจ้าต้องแต่งงานกับนาง! ”

เฉินซ่งและภรรยายืนพยักหน้าอยู่ด้านหลังพร้อมกัน! แม้ว่าบุตรสาวของนางจะไม่เป็นที่พอใจ แต่สุดท้ายนางก็เป็นลูกแท้ ๆ ของนาง หากต้องถูกถ่วงน้ําเช่นนี้ย่อมรู้สึกปวดใจ และหากหาทางรอดให้กับนางได้ พวกเขายอมทําทุกทาง! นอกจากนี้หลินห์ยังคงเป็นบัณฑิต ถึงเขาจะด้อยกว่า จางชิงเฟิงมาก แต่อย่างน้อยยังพอมีความหวัง!

“หลินหู ท่านสร้างปัญหาไว้มากมาย หากไม่จัดการตัวท่านให้ดี ข้าคงไม่วางใจ! เมื่อแม่ของท่านมาถึงและพูดจาหยาบคาย ก็อย่าได้ถือโทษข้าล่ะ เพราะท่านไม่รู้จักที่ต่ําที่สูงเอง!”

หยุนเถียนเถียนพูดจบจึงนั่งรออยู่ด้านข้างอย่างตั้งใจ น่าแปลก พ่อลูกตระกูลจางที่อยู่ห่างไกลมาถึงนานแล้ว ตระกูลหวงเองควรจะมาถึงแล้วเช่นกัน เหตุใดยังไม่มาอีก?

ความจริง ที่หวงจือเข้าเมืองมาครั้งนี้เพียงเพราะต้องการยืนยันด้วยสายตาของนาง การแต่งงานกับหยุนเวียนเถียนเป็นเรื่องที่กําหนดไว้แล้ว สิ่งที่นางต้องทํามีเพียงการเตรียมตัวสําหรับการแต่งงานให้กับลูกสะใภ้คนนี้

ถึงจะบอกว่ามาเตรียมตัวให้กับลูกสะใภ้ แต่ที่จริงแล้วมาซื้อของให้กับตนเอง กําไลเงินบนข้อมือ และปิ่นปักผมเงิน ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล อนาคตลูกสะใภ้ของนางนั้นร่ํารวยนัก ตอนนี้นางไม่จ่าเป็นต้องประหยัดอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะน่ารําคาญ แต่นางมีเงินมากมาย และยังสามารถหาเงินได้อีก! นางจะได้ไม่ต้องประหยัดเงินเพื่อเก็บเงินไว้ส่งเสียน้องชายอีกแล้ว ส่วนงานในทุ่งก็แค่เพียงจ้างคนมาทํางานแทน นางกําลังจะได้มีความสุขเสียที!

เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อจ่ายเงินออกไป ค่าพูดมากมายของเถ้าแก่พรั่งพรูออกมาราวกับเงินที่รับไว้ รอยย่นบนหน้าของเขาแทบจะฆ่าแมลงวันได้ คําเยินยอเหล่านี้ทําให้นางรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อกําลังจะออกจากเมืองและกลับบ้าน นางได้ซื้อผ้าสีแดงราคาถูกมาสองผืน ส่วนของที่เห ลือคือเครื่องประดับ

ผ้าแดงผืนนี้ราคาสองร้อยตําลึง ทําให้หวงฉือรู้สึกเจ็บใจยิ่ง!

นางมาถึงที่นั่งบนเกวียนและควานหาเงินในกระเป๋า ปรากฏว่านางไม่มีแม้แต่เงินสองเหวินสําหรับค่าเกวียนวัว! แต่หวงฉือที่หน้าหนาไม่รู้สึกว่าบากใจเลย

“ป่าหวง การหาเงินจากการขับเกวียนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แค่ท่านกินไข่ไก่ให้น้อยลงสักฟองก็เพียงพอแล้ว”

หวงจือเช็ดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ท่านลุงเฉิน ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจ่ายเงินท่านหรอก ท่านรู้ดีว่าข้ามักเก็บเงินไว้กับบ้านมิใช่หรือ? แม้ว่าข้าจะไม่ได้มาจากหมู่บ้านเทพธิดา แต่อยู่ไม่ไกลกันนัก ท่านไม่จําเป็นต้องรังแกคนเช่นนี้หรอก! ข้าจะบอกบางสิ่งให้ฟัง แม่นางหยุนจากหมู่บ้านของท่าน จะกลายเป็นลูกสะใภ้ของข้าแล้ว เพียงสองเหวินมองผ่านไปมิได้หรือไงกัน?”

สีหน้าของลุงเฉินเปลี่ยนไป “ป้าหวงท่านต้องระวังคําพูดหน่อย แม่นางหยุนกําลังจะแต่งงานกับหยุนเคอ แม้แต่วันเวลาก็ถูกกําหนดไว้แล้ว วันที่เก่ายังไงล่ะ!”

“แต่ว่ายังไม่ถึงเวลามิใช่หรือ? เขาเป็นแค่นายพรานบนภูเขาเท่านั้น หรือจะเทียบได้กับบุตรชายของข้าที่เป็นถึงบัณฑิต? คงจะเป็นการดีกว่าหากบุตรชายผู้ฉลาดเฉลียวของข้าแต่งงานกับนาง”

ลุงเฉินส่ายศรีษะไปมา แต่ในเวลานี้เอง ที่หมู่บ้านเทพธิดาได้ส่งคนมาตามหาตระกูลหวงแล้ว! แม้ว่าเขาจะรีบร้อนที่จะไปหาหวงฉือ แต่ลุงเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นคนในหมู่บ้านเทพธิดาเช่นกัน และเขาค่อนข้างเคารพนับถือเสียด้วย

“ลุงเฉิน…”

ลุงเฉินปฏิบัติต่อผู้เยาว์อย่างเป็นมิตรเสมอ เขาหันกลับมาและถามด้วยรอยยิ้มว่า “อ้าว! เฉินไป เจ้ามาที่เมืองนี้มีธุระอันใดอย่างนั้นหรือ?”

คนผู้นั้นมองหวงฉืออย่างลําบากใจ แล้วกระซิบข้างหูลุงเฉินเล่าเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านให้ฟัง

ได้ยินดังนั้นลุงเฉินจึงโกรธจัด แม่นางหยุนถูกนางแพศยาผู้นี้ใส่ร้ายงั้นหรือ!

“หวงฉือ ท่านอยากประหยัดเงินค่าเกวียนสองเหวินมิใช่หรือ? ได้สิ ขึ้นเกวียนไป ข้าจะพาท่านไปที่หมู่บ้านเทพธิดาเอง บุตรชายของท่านก็อยู่ที่นั่น ให้เขาจ่ายค่าเกวียนแทนท่านแล้วกัน”

หวงฉือรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาไม่เอาเปรียบเช่นนี้ไม่ปกติเลย นางปีนขึ้นไปบนเกวียนอย่างคล่องแคล่ว และไม่ลืมที่จะกอดผ้าแดงสองฝืนในมือ

“อย่าทําให้ผ้าของข้าสกปรก นี่สําหรับลูกสะใภ้ของข้า!”

ลุงเฉินแค่นเสียงเย็นชา เขาเป็นมิตรมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาโกรธเคืองและทําท่าทางเช่นนี้!

“ท่านควรพับเก็บให้เรียบร้อย แม่นางหยุนของเราคงไม่ได้ใช้มัน และนางเองคงไม่ใช้ของราคาถูกเช่นนี้ด้วย เหมือนว่าบุตรชายตัวดีของท่านคงหาลูกสะใภ้ที่ดีให้กับท่านที่หมู่บ้านเทพธิดาได้แล้ว ราวกับสวรรค์ส่งมาคู่กันเลยล่ะ! มาเถอะ บังเอิญว่าบุตรชายของท่านอยู่กับลูกสะใภ้พอดี ข้าจะพาท่านไปหาแล้วกัน”

หวงฉือรู้สึกสับสนอย่างมาก แต่เกวียนเริ่มขยับแล้ว นางใช้โอกาสนี้กลับขึ้นเกวียน และถามคนที่นั่งอยู่ในเกวียนซ้ําแล้วซ้ําเล่า แต่ไม่มีใครอยากเปิดปากพูด คงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดหากไปรบกวนพวกเขาที่อยู่บนเกวียนเช่นนี้ สู้ไปให้ถึงหมู่บ้านแล้วปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับพายุดีกว่า!

เกวียนวัวเดินเข้าหมู่บ้านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนเช่นเคย แต่สีหน้าของคนบนเกวียนกลับดูน่าเกลียด! ลุงเฉินชักสีหน้าไม่พอใจ เขาไม่ได้หยุดเกวียนที่ทางเข้าแต่ตรงเข้าไปจนถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

ภายในนั้นยังคงส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่ ชายหญิงสองคนคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเผือด ถูกชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบ ๆ รุมดุด่า ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันโกรธเกรี้ยวจนต้องหาที่ระบายเฉินไฉ่อีตกเป็นเป้าสายตาทันที เฉินซ่งและภรรยายื่นอับอายอยู่ท่ามกลางฝูงชนและปล่อยให้ผู้คนรุมวิพากย์วิจารณ์นาง!

ต่อมาเต่ออันและภรรยาของเขาเดินเข้ามากลางวงด้วยความรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

ตอนที่ 274 จับคู่

เฉินซ่งรู้สึกสับสน เขาไม่อยากรับจดหมายหย่านี้เลย เพราะถ้าเขารับมันแล้วในอนาคตจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจางอีกต่อไป

แต่บุตรสาวที่อยู่ตรงหน้าก่อเรื่องเช่นนี้แล้ว เขาจะมีทางเลือกอื่นใด?

“ท่านลุงเฉิน ข้าจางซึ่งเพิ่งได้มอบความยุติธรรมต่อท่านเท่าที่จะทําได้แล้ว! เพราะข้าตกหลุมรักบุตรสาวของท่านจึงนําสมบัติมากมายมาขอแต่งงานเพื่อไม่อยากให้ใครมาดูถูกดูแคลนแต่หลังจากที่หมั้นกันแล้วนางกลับสร้างความอับอายให้กับข้าต่อหน้าคุณชายหลี่”

“เดิมที่ข้าคิดจะถอนหมั้นเสียตั้งแต่ตอนนั้น แต่เปลี่ยนใจเพราะต้องการให้แม่นางเฉินได้มีความสุขข้าไม่คาดคิดเลยว่านางจะสร้างเรื่องเพื่อบังคับให้ข้าแต่งงานกับนางถึงอย่างนั้นตระกูลจางของข้าได้ตาสว่างแล้ว และนี่คือสิ่งที่จะตอบแทนเรื่องทั้งหมดที่นางทํากับข้าและท่านพ่อของข้า! ข้าไม่ต้องการให้นางอยู่ในบ้านข้าอีกต่อไป!”

สุดท้ายเฉินซ่งก็ยอมรับจดหมายหย่าด้วยมือทั้งสองข้างที่สันเทิม!

จางชิงเฟิงเอื้อมมือออกไปช่วยพยุงพ่อของเขาและจากไปหยุนเถียนเถียนรู้สึกสงสารอยู่เล็กน้อยช่างน่าเสียดายจริงๆที่ชายหนุ่มนิสัยดีและมีเหตุผลต้องถูกฉุดรั้งไว้โดยผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้!

หยุนเถียนเถียนจึงพูดแทรกขึ้นมาอีกประโยค

“ข้าขอแสดงความยินดีกับคุณชายจางที่ได้ปลดเปลื้องภาระทั้งหมดแล้ว! ในอนาคตต่อจากนี้จะไม่มีภรรยาที่คอยเอาแต่สร้างความเสื่อมเสียในตระกูลของท่านอีกคุณชายจางนั้นช่างยิ่งใหญ่และน่ายกย่องย่อมคู่ควรกับสตรีที่สูงส่งเช่นเดียวกัน!”

จางชิงเฟิงและจางชิวไฉมองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาที่อ่อนหวาน พวกเขาเห็นเพียงหญิงสาวที่สง่างามเมื่อเทียบกับเฉินไฉ่อ ที่หาความดีในตัวไม่ได้เพียงนิด!

จางชิวไฉ่รู้ฐานะของนางมานานแล้ว และเมื่อรู้ว่านางกําลังจะแต่งงานเขาทําได้เพียงแต่เสียดาย หากว่าเขาหมั้นหมายหญิงที่ดีเช่นนี้กับบุตรชายเสียแต่แรกคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดเกี่ยวกับตระกูลอีกเลย

จางชิงเฟิงไม่ได้รู้สึกใด ๆ ไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้จะงดงามหรืออัปลักษณ์ แต่สิ่งที่แม่นางผู้นี้กล่าวช่างน่าสนใจเขาจึงเดินเข้าไปโค้งคํานับให้กับนางอย่างนอบน้อม!

“แม่นางหยุนกล่าวคํามงคล! ชิงเฟิงจะต้องยืนอยู่ในท้องพระโรงสักวันหนึ่ง!”

เมื่อหยุนเสียนเถียนเห็นสุภาพบุรษที่อ่อนโยนดุจหยกตรงหน้าจึงไม่กังขาสิ่งใดอีกนางหลีกทางให้อย่างพอใจ

จางซิ่วไจ่และจางซึ่งเพิ่งออกจากหมู่บ้านเทพธิดาต่อหน้าผู้คนมากมายจางซึ่งเพิ่งได้กล่าว บางสิ่งขึ้นก่อนที่พวกเขาจะจากไป

“หวังว่าแม่นางเฉินจะรู้สึกสํานึกผิดตระกูลจางของข้าไม่ได้ต้องการสมบัติของพวกท่าน ท่านลุงเฉินอย่าลืมหาเวลามานํามันกลับไปด้วยล่ะ!”

ในเวลานี้ทุกคนอดไม่ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจตระกูลจางช่างเป็นครอบครัวที่ใจกว้างจริง ๆ แม้ว่าเฉินไฉ่อจะกระทําสิ่งใดไว้ก็ตาม พวกเขาไม่คิดจะฮุบทุกอย่างไว้แม้แต่น้อย!ในยุคนี้หากหญิงสาวผู้ใดทําการนอกใจสามีตระกูลของสามีย่อมมีอํานาจที่จะยึดสินสอดทองหมั่นของพวกนางไว้ได้

ไม่คาดคิดว่าจางซึ่งเพิ่งจะคืนทุกอย่างให้กับเขา แม้ว่าตระกูลจางจะไม่ได้มอบสินสอดทองหมั้นแต่พวกเขาก็เสียค่าใช้จ่ายไปมากมายทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่การจัดการแต่งงานเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

ถึงเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการสอบเข้าข้าราชการในอนาคตแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอวดสักเท่าไหร่เพราะตระกูลจางถูกวางแผนให้แต่งงานกับนาง จึงมีสิทธิ์ที่จะยึดสินสอดทองหมั่นไว้ทั้งหมด!

หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะแสดงความนับถือ ตระกูลจางมีความรู้มากมายเช่นนี้คงยังพอประคับประคองฐานะไว้ได้ ด้วยการปล่อยเช่าที่ดินแม้ว่าไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากแต่กลับยังคืนสินสอดทองหมั้นไปอย่างมีน้ำใจ

เฉินไฉ่อเสียใจมากที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป จางชิงเฟิงอาจไม่ได้โดดเด่นเหนือคนทั่วไปแต่ก็ถือว่าโดดเด่นกว่าหลินหูที่อยู่ตรงหน้านี้หลายเท่า!

ยิ่งเสียใจมากเท่าไหร่ ความเกลียดชังต่อหยุนเถียนเถียนก็ยิ่งมากขึ้นถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งดีอยู่บ้างหลินหูนับว่าเป็นบัณฑิตมีฐานะแม้เขาไม่ได้มีสิ่งใดดีเท่าหยุนเคอแต่อนาคตสดใสกว่าอย่างแน่นอน!

หยุนเถียนเถียนมองหญิงสาวผู้ไม่รู้สํานึก และตัดสินใจที่จะกดนางให้จมดินเพื่อไม่ให้ก่อปัญหาใด ๆ ขึ้นอีก!

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะข้ากระทําเช่นนี้ทําให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไปข้ารู้สึกผิดจริง ๆ และท่านหลินห์… ถึงเฉินไฉ่อจะทําสิ่งเลวร้ายไว้มากมายแต่นางยังรู้จักการกลับใจเช่นนั้นแล้วท่านคงไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบต่อความบริสุทธิ์ที่นางมอบให้ใช่หรือไม่!”

หลินห์เหลือบมองไปที่เฉินไจ๋อ เมื่อคิดว่าหญิงสาวผู้นี้แม้จะหมั่นหมายแล้วยังคงแสดงความรักใคร่ต่อนายน้อยหลี่หลินหูจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง

“แม่นางหยุน ข้ายังคงรักเจ้าเสมอแม้เจ้ากําลังจะแต่งงานกับผู้อื่น ข้ารู้ว่าทําผิดไว้มากแต่มันมากเกินไปหรือไม่ที่จะสั่งข้าให้แต่งงานกับหญิงไร้ยางอายผู้นี้!”

หยุนเถียนเกียนย่อตัวลงและตบหน้าหลินหูอย่างแรง “แม้เฉินไฉ่อจะน่ารังเกียจแต่ท่านกลับแย่ยิ่งกว่าพวกท่านทั้งสองช่างสมกันจริง ๆ อย่าบอกนะว่าท่านไม่คิดจะรับผิดชอบ?”

หลังจากที่พูดจบ นางลุกขึ้นยืนตัวตรง “หลินห์ ข้าคิดว่าตอนนี้ท่านมีเพียงสองทางเลือกถ้ายอมแต่งงานกับนางข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้เป็นโมฆะไม่ให้ใครแพร่งพรายเรื่องทั้งหมดออกไปและท่านยังสามารถเข้าสอบรับราชการได้แต่หากท่านไม่คิดรับผิดชอบและจากไปข้าพอจะมีเส้นสายกับนายอ่าเภออยู่บ้างคงไม่ยากหากจะตัดโอกาสเข้าสอบของท่านทิ้งไปเสีย”

“ข้า ม่รู้สิ่งใดมากนัก แต่หากว่าท่านปล่อยให้เรื่องในวันนี้แพร่กระจายไปล่ะก็ชื่อเสียงของท่านคงแปดเปื้อนเป็นแน่!ข้าอยากรู้ว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าเชื่อใจในตัวท่านอีก”

หลินห์รู้สึกหนักใจเมื่อได้ยินคําพูดนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ดีเสียแล้ว! แม้ว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับนางแต่หากเขาสูญเสียโอกาสสอบเข้ารับราชการหลินหูย่อมไม่เต็มใจแน่!

“เจ้าเองก็รู้ว่าท่านแม่ของข้าเป็นคนตัดสินใจเจ้าส่งคนไปแจ้งนางแล้วมิใช่หรือ?เหตุใดถึงไม่ปล่อยให้ท่านแม่ของข้าตัดสินปัญหานี้ ว่าอย่างไรล่ะแม่นางหยุน?”

ตอนที่ 273 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง

ถึงเขาเกลียดนางแต่จะทําสิ่งใดได้? หยุนเถียนเถียนมองสายตาเกลียดชังที่เฉินซึ่งส่งมา โดยไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยและยังยิ้มเย้ยหยันเสียด้วย!

ไม่นานนัก จางชิวไจ่ได้เข้ามาพร้อมบุตรชายของเขา เพราะนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก ผู้ที่มาเชิญพวกเขาจึงแอบบอกเรื่องราวทั้งหมด มีเพียงผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์เท่านั้นที่ไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้

สองพ่อลูกมาถึงที่ลานบ้านและมองเฉินไฉ่อีด้วยสายตารังเกียจ แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ แต่ไม่มีผู้ใดสงสารนาง

จางชิวไฉ่เป็นผู้ที่มีเหตุผลมากที่สุดผู้หนึ่ง เพราะได้เรียนหนังสือและเดินทางแสวงหาความรู้มาแรมปี เขาเห็นโลกมามากมาย เมื่อมาถึงที่นี่เขาได้กวาดสายตามองไปทั่วและจ้องมองไปยังเฉินไป

นี่คือหัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา ย่อมไม่ผิดหากจะเค้นความจริงจากเขา!

เฉินไปสังเกตเห็นสายตาของนายท่านชิวไฉ่จ้องมาที่เขา เขารีบเข้าไปบอกความจริงเกี่ยวกับคําสารภาพของเฉินไฉ่อีทันที!

จางชิวไฉ่หันกลับไปมองบุตรชายของเขา แม้ว่าบุตรชายไม่สนใจลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว แต่ในนามยัง คงเป็นสามีภรรยากัน เขาจึงทําได้เพียงอดทนเพื่อบุตรชายของเขา

จางชิงเฟิงไม่ได้โต้ตอบสิ่งใด เขาเพียงแค่ยิ้มเยาะและจ้องไปยังทั้งสอง จางชิงเฟิงมีรูปร่างสูงโปร่ง แม้จะผอมบาง แต่ท่าทางของเขาราวกับต้นไผ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าทําให้ดูน่าเชื่อถือ แต่เป็นเพราะเขาชอบเฉินไฉ่อี จึงมักทําท่าทางอ่อนโยนและไร้เดียงสาอยู่เสมอ

เทียบกันแล้ว หลินหูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดูช่างดูต่ําต้อยเหลือเกิน!

“เฉินไฉ่อี ดูเจ้าสิ ช่างอนาถเสียจริง! ข้ากําลังตามหาใครสักคนไปเป็นเบาะรองนั่งให้กับคุณชายหลี่พอดี หลังจากที่ข้าเปิดโปงเจ้า ข้าจะให้ท่านพ่อของเจ้าใช้โอกาสนี้ไถ่โทษเรื่องที่วางยา ในสุราของข้า และใส่ร้ายว่าข้าบุกเข้าไปในห้อง เพื่อพลากความบริสุทธิ์ของเจ้า ทําให้ข้าต้องแต่งงานกับเจ้า”

“หลังจากเราแต่งงานกัน ข้ามอบที่พัก จัดหาเสื้อผ้าและของกินของใช้ให้ไม่เคยขาด ข้าไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมสักครั้ง! ข้าให้เจ้าอยู่ที่บ้านคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านพ่อของข้าระหว่างที่ศึกษาหาความรู้ แต่ดูสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้าสิ? เจ้ากลับแอบมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่น และสวมเขาให้กับข้า!”

“แต่ข้ารู้ความจริงแล้ว ว่าเหตุใดความสัมพันธ์ของเราถึงแย่ลงเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าไม่เคยสนใจข้ามาตั้งแต่ต้นหรอกหรือ? เอาแต่พร่ําบ่นว่าข้าเป็นเพียงหนอนหนังสือ! กลับยอมรับคนน่ารังเกียจอย่างหลินหูที่มักเตร็ดเตร่ทําตัวเจ้าสําราญไปทั่วหอนางโลมกับเหล่านายน้อยที่ร่ํารวยทั้งหลาย ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”

ท่าที่จางซึ่งเพิ่งเปลี่ยนจากความลุ่มหลงเป็นท่าที่เย็นชาและไร้ความปราณีเหมือนกับหลี่ซื่อฮวาที่มักดูถูกเฉินไฉ่อี

จางชิวไฉ่คิดอยู่ชั่วครู่ เขาไม่อยากดุด่าว่ากล่าวลูกสะไภ้คนนี้ แต่เพราะนางฝ่าฝืนข้อห้ามมากมายเขาจึงต้องสอดมือเข้ามา

“แม้เจ้าจะดูถูกชิงเฟิงแต่ข้ายังอนุญาตให้เขา แต่งงานกับเจ้า ให้เขารับผิดต่อชื่อเสียงของเจ้า แต่เจ้าไม่คิดให้ค่าครอบครัวเราแม้แต่น้อย ตระกูลบัณฑิตของข้าไม่มีที่ว่างให้กับหญิงร่านไม่รู้จักอับอายเช่นเจ้า! ชิงเฟิง เขียนจดหมายหย่าร้างกับนางเสีย! อย่างน้อยสามีภรรยาได้ร่วมมือกันเช่นนี้ นับว่าเป็นความสําเร็จของนางแล้ว!”

แม้เฉินไฉ่อีจะรังเกียจจางชิงเฟิงเพียงใด แต่ตอนนี้นางคุกเข่าลงกับพื้นและมองไปยังจางชิงเฟิงที่ตั้งใจหย่าร้างกับนาง ในที่สุดความอดทนก็ขาดสะบั้น!

“เหตุใดท่านถึงกล่าวว่าไม่เคยทําสิ่งใดเลวร้ายกับข้า? มีเพียงท่านที่คอยกีดกันข้ากับสามีอยู่ตลอดเวลา! ท่านส่งบุตรชายของท่านไปเรียนหนังสือ แต่กลับไม่ยอมส่งข้าไปด้วย ที่เจ็บใจกว่า เมื่อเขากลับมา ท่านก็ส่งข้ากลับไปที่บ้านของข้า! ท่านจงใจทําเช่นเพื่อให้ข้าโดดเดี่ยวเดียวดาย หรือเพราะเขามีโรคภัยไข้เจ็บอันใดซ่อนอยู่!”

ใบหน้าของจางชิวไฉ่ซีดเซียว จางชิงเฟิงรีบเข้าไปปลอบใจพ่อของเขาและกล่าวว่า “เหตุผลที่ไม่ให้เจ้าตามข้ามาที่สํานักเพราะที่นั่นไม่สะดวกสบาย และพ่อของข้าไม่เคยคิดกีดกันเจ้า ตรงข้ามกัน เมื่อถึงวันหยุด เขาต้องการให้ข้าพาเจ้ากลับไปหาแม่ของเจ้า พอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าทําสิ่งใดกับข้าไว้บ้าง ข้าก็อดกลั้นใจเอาไว้ และไม่คิดกลับไปกับเจ้า”

“หากพวกข้าไม่คิดสนใจเจ้า เราจะเตรียมของ ขวัญกลับบ้านไว้ให้เจ้าเพื่ออะไร? เหตุใดต้องดูถูกข้าเช่นนี้? เฉินไฉ่อี โลกนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเจ้า หลังจากที่เราแต่งงานกัน เจ้าไม่แม้แต่จะชายตามองข้าเลย เหตุใดข้าถึงต้องให้อภัยเจ้า?”

เฉินไฉ่อีร้องไห้ แม้ว่าจางชิงเฟิงจะรู้ว่านางรังเกียจเขา แต่หลังจากแต่งงานกัน จางชิงเฟิงก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดีมาตลอด

เขาเก็บกดความรู้สึกไว้ในใจเรื่อยมา ในคืนวันแต่งงาน ก่อนที่จางชิงเฟิงจะเข้าพิธี นางขอให้เด็กหญิงคนหนึ่งไปบอกจางชิงเฟิงว่านางจะไม่ยอมหลับนอนกับเขาจนกว่าจะสอบเข้าราชสํานักได้

จางชิงเฟิงเต็มใจยอมก้มหัวเพื่อเอาใจนาง จางชิงเฟิงกัดฟันทนและเล่าเรียนอย่างเต็มที่ตามคําขอ

แต่เพราะเรื่องนี้ เขาจึงโกรธนางมาก เมื่อสามวันก่อนงานแต่งงาน นางไม่แยแสจางชิงเฟิงสักนิด แม้นั่นจะเป็นการไม่เคารพพ่อตาของนางก็ตาม และหลังจากแต่งงานมาหลายวันเขาไม่ได้รับแม้เพียงรอยยิ้มจากภรรยาของเขา ความอดทนของจางชิงเฟิงก็หมดลง ไม่เพียงแต่เขาไม่คิดจะขอคืนดี เขายังเดินทางไปที่สํานักเพียงคนเดียวและทิ้งภรรยาของเขาไว้ที่บ้านเพียงลําพัง!

เมื่อถึงช่วงวันหยุดของสํานัก จางชิวไฉ่ก็ตัดสินใจได้ อย่างไรเสียพวกเขาก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว จึงได้ส่งบุตรชายไปทําพิธีส่งตัวกลับบ้านพร้อมกับภรรยาของเขา

จางชิงเฟิงกลั้นใจเตรียมของขวัญกลับบ้านไว้ แต่ไม่คิดจะมาส่งตัวนางด้วยตนเอง เฉินไฉ่อีจึงเข้าใจในทันทีว่าจางชิงเฟิงคงจดจําสิ่งที่นางทําไว้ได้เสมอ จางชิงเฟิงรับรู้ทุกการกระทําของนาง เพียงแต่เลือกที่จะปล่อยมันไป เขายินดีเตรียมของขวัญกลับบ้านเพื่อนาง และพร้อมที่จะใช้ชีวิต ที่ดีร่วมกัน

ในบ้านของเฉินไปมีสิ่งล้ําค่าทั้งสี*ในห้องหนังสืออยู่ จางชิวไฉจึงขอยืมออกมาใช้เป็นการชั่วคราว

* สิ่งล้ําค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ คือชุดอุปกรณ์ สําคัญในห้องหนังสือของจีน ประกอบด้วยสิ่งของสี่อย่าง ได้แก่ พู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก

จางชิงเฟิงเขียนจดหมายหย่าด้วยสีหน้าเย็นชาจนเสร็จสิ้น เพราะจางชิวไฉ่สั่งสอนมาดี จางชิงเฟิงไม่ได้เขียนคําพูดให้ร้ายเฉินไฉ่อีแม้แต่คําเดียว เพียงไม่กี่คําพูดชายหญิงคู่นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป จางชิงเฟิงได้กระทําสิ่งนี้อย่างยุติธรรมแต่เฉินไฉ่ยี่ยังคงจ้องมองจางชิงเฟิงด้วยแววตาไม่คิดสํานึก

นี่ทําให้จางชิงเฟิงไม่อยากพูดอะไรอีก เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมรับการหย่าร้าง เขาจึงยื่นจดหมายให้กับเฉินซึ่งแทน

ตอนที่ 272 ความจริง

ใบหน้าของเฉินซ่งแดงระเรื่อ เขาไม่อาจทนบากหน้าอยู่ในหมู่บ้านได้ แต่เพราะต้องหาทางรับผิดชอบ เขาจึงเชิญจางชิงเฟิงมาเพื่อร่วมกันจัดการเรื่องนี้ เขาอยากล้มพับไปเหมือนภรรยาของเขาเหลือเกิน!

“นี่มันเรื่องเหลวไหลอะไรกัน? ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าบุตรสาวคนดีของข้าฉลาดและมีเหตุผล นางจะลงมือทําเรื่องไร้ยางอายได้อย่างไร? ต้องเป็นเพราะเจ้าบีบบังคับให้นางทําเช่นนี้ พอเรื่องแดงขึ้นมา ก็ผลักไสความผิดทุกอย่างมาที่นาง!”

มุมปากของหลินห์ยกขึ้นยิ้มอย่างดูถูก เขาอาจเกรงกลัวหยุนเคอ แต่เฉินซึ่งตรงหน้าเขาเป็นเพียงเสือกระดาษ แม้เคยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน แต่เขาไม่ได้ดํารงตําแหน่งนี้อีกต่อไป!

“ฟังจากคํากล่าวของท่านลุงเฉิน บุตรสาวของท่านคงแต่งงานเข้าตระกูลจางแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางจงใจ ข้าจะพบเจอกับนางได้อย่างไร? ชาวบ้านในหมู่บ้านบอกเล่าว่านางฉลาดและมีเหตุผล แต่เหตุใดหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ถึงโดนสามีรังเกียจได้ล่ะ?”

“ผู้คนในหมู่บ้านต่างรู้กันดี ว่าข้ามักหมกตัวเรียนหนังสืออยู่แต่ในบ้าน พาร่างออกพ้นประตูบ้านนับครั้งได้ จะรู้จักหญิงสาวท่านนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่บุตรสาวคนดีของท่านหรอกหรือที่หมายปองข้า!”

เทียบกับหลินหูแล้ว หยุนเถียนเถียนและจี้ชื่อ เปรียบเฉินไฉ่อีราวกับงูพิษที่ไม่รู้ได้ว่าคิดตลบหลังเมื่อใด ย่อมดีกว่าหากจะตัดไฟแต่ต้นลม! ความรู้สึกชอบธรรมในใจของหยุนเถียนเถียนทําให้นางไม่อยากทําแบบนี้ แต่ไม่ใช่กับป้าจี้ นางไม่ทนอีกต่อไป!

“เจ้าอยากให้ข้ากล่าวว่าคุณชายท่านนี้มีเหตุผลงั้นหรือ! เฉินไฉ่อีตัวเจ้าเองยังยอมทําทุกอย่างเพื่อหยุดเกวียนของนายน้อยหลี่ เพราะเหตุนั้นสามีของข้าแทบไม่อยากมองหน้าเจ้าด้วยซ้ํา ใครจะรู้ว่าบิดาของเจ้าใช้เล่ห์กลอันใดถึงทําให้เขามาขอเจ้าแต่งงาน!”

“ยิ่งไปกว่านั้นนางยังไม่ได้รับความรักจากสามี! ภายใต้ความอ้างว้างในใจ นางเกิดตกหลุมรักคุณชายหลินเข้า เป็นไปได้ว่านางอาจใช้ชื่อของเถียนเถียนนัดพบกับหลินจู่ที่บ้านหลังนี้!”

คําพูดของจีชื่อทําให้ทุกคนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว มีเพียงหยุนเถียนเถียนที่รู้ว่ามีช่องโหว่มากมาย เฉินไฉลี ไม่รู้ว่านางไปพักที่บ้านของชื่อ เรื่องนี้จึงไม่สมเหตุสมผลเลย

การยอมรับโทษเช่นนี้ย่อมดีกว่าใช้ยาเพื่อใส่ร้ายผู้หญิงที่กําลังจะแต่งงาน! แต่หยุนเถียนเถียนไม่คิดอธิบายสิ่งใดให้นางฟัง!

เฉินซึ่งไม่สนใจภรรยาของเขาที่หมดสติอยู่บนพื้น เขาก้าวไปข้างหน้าและฟาดมือไปที่หน้าบุตรสาวของเขาอย่างแรง!

“เจ้าควรกลับบ้านไปตั้งแต่คืนก่อน เหตุใดถึงยังอยู่ในหมู่บ้านอีก? ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไร? จงอธิบายเรื่องวันนี้มาให้ชัดเจน เจ้ากับนายน้อยหลินแอบนัดพบกันงั้นหรือ? หยุนเถียนเถียนเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้”

เฉินไฉ่อีถูกผู้คนรุมทิ้ง แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของนางยังไม่เข้าข้าง! ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นางเปิดปากพูดความจริงทั้งหมดออกมา!

“ใช่แล้ว ข้าเกลียดชังเจ้ามาก เมื่อข้ารู้ว่าเขาอยากได้ตัวเจ้า จึงอาสาวางยาในน้ําชา เพื่อให้หลินหูพลากความบริสุทธิ์ของเจ้า แต่เจ้ากลับมองแผนข้าออก ข้าช่างโง่เง่านัก! เจ้าขังข้าไว้ในห้องนอนและวางยาบ้าให้มีความสัมพันธ์กับหลินหู!”

“หยุนเถียนเถียน เหตุใดเจ้าไม่ยอมบอกความจริงต่อหน้าผู้คนมากมาย? หากเจ้าเจตนาดี เหตุใดถึงต้องหนีไปที่บ้านป้าของเจ้าล่ะ?”

ภรรยาของเฉินซ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ ทันทีที่นางได้ยินคําสารภาพของบุตรสาว น้ําตาก็ไหลอาบหน้าทันที! นางพุ่งกระโจนเข้าใส่หยุนเถียนเถียน แต่ถูกเฉินไปรั้งตัวไว้ได้ทัน!

“หยุนเถียนเถียน นางแพศยา เจ้าต้องไม่ตายดีแน่ รู้อยู่แก่ใจว่าชื่อเสียงของนางสําคัญเพียงใด! เจ้าทําให้ไฉ่อีของข้าต้องรับโทษเช่นนี้! หยุนเถียนเถียน คนชั่วร้ายเช่นเจ้าต้องชดใช้กรรม!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มกว้าง นางปรบมือและหัวเราะอย่างชอบใจ!

“ข้าขอชมว่าเฉินไฉ่อีช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เวลาทําสิ่งใดผิดมักคิดว่าความผิดทั้งหมดเป็นของผู้อื่นเสมอ ที่แท้เพราะมีมารดาที่ดีคอยชี้แนะอยู่นี่เอง!”

“ท่านกล่าวว่าชื่อเสียงของบุตรสาวท่านเป็นสิ่งสําคัญ! แต่ดูสิว่านางทําสิ่งใดไว้? ถ้าแผนการของนางสําเร็จ คงเป็นข้าและหลินหูที่ต้องรับโทษในวันนี้! ท่านไม่สนใจสิ่งใดราวกับทองไม่ร้อนในขณะที่นางพยายามใส่ร้ายข้า ส่วนข้าเพียงสนองสิ่งที่นางคิดทํากับข้าและตักเตือนนาง ท่านกลับทนไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

ภรรยาของเฉินซ่งใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยว นางถูกกดไหล่ไว้แต่พยายามดิ้นรนไม่หยุด เสียดายที่กําลังน้อยนิดไม่สามารถเอาชนะเหล่าชายฉกรรจ์ได้

“เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน ถึงถูกโดนลงโทษ เจ้าเพียงต้องแต่งงานกับคุณชายหลินเท่านั้น ไม่ได้สูญเสียสิ่งใด แต่บุตรสาวของข้าแต่งงานกับคุณชายจางแล้ว เจ้าทําแบบนี้เพื่อทําลายชีวิตนางอย่างนั้นหรือ?”

เฉินไป จ้องเขม็งไปที่มารดาของเขา!

“เฉินซ่ง ดูสิว่าท่านแม่กล่าวสิ่งใดออกมา เถียนเถียนอาศัยอยู่ใต้ชายคาของเรามานาน ไม่ใช่ว่าถูกพวกเขาใส่ร้ายหรอกหรือ? นางเป็นฝ่ายเริ่มแผนการชั่วร้ายนี้ก่อน กลับมีหน้ามากล่าวโทษผู้อื่น แม้เถียนเถียนยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีการหมั้นหมายกันแล้ว หากต้องให้ไปแต่งงานกับชายอื่น จะต่างอะไรกับการทําลายชีวิตของนาง?”

หยุนเถียนเถียนส่ายศรีษะและกล่าวขึ้นด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย “สิ่งที่ข้าทําเพียงแค่ตอบสนองต่อการกระทําของนาง ยิ่งเฉินไฉ่อีทําชั่วเพียงใดควรต้องรับผลกรรมที่ตามมาเท่านั้น! หากไม่มีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ นางยังคงเป็นภรรยาของตระกูลจาง ช่างรนหาที่เสียจริง!”

จี้ชื่อที่อยู่ด้านข้างส่ายศรีษะพร้อมกล่าวเสริมขึ้น “ใช่แล้ว เจ้าอาจไม่ได้คิดร้าย! แต่เสนอหน้ามาถึงที่เพื่อให้ยายหนูของข้าทําร้ายเจ้าย่อมมีเหตุผลแอบแฝง เจ้ารู้ว่ายาสกปรกนั่นให้ผลอันใด ยังกล้าน้ํามันให้เถียนเถียนดื่ม ข้าคิดว่านางทําถูกแล้ว เจ้าทําสิ่งใดไว้ก็จงรับผลกรรมกลับคืนเถอะ!”

เฉินซึ่งยิ่งเกลียดหยุนเถียนเถียนมากขึ้น! บุตรสาวตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะฝีมือของนาง และได้แต่มองดูลูกเขยที่ควรได้เป็นฝั่งเป็นฝาจากไป! ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหยุนเถียนเถียน!

ตอนที่ 271 แตกคอ

ในที่สุดเฉินซึ่งก็มาถึง เมื่อวันก่อน เฉินไฉ่อีร้องไห้โวยวายต่อหน้าเขาว่าสามีปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม! เฉินซึ่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพียงแต่เขาไม่สามารถกล่าวโทษใครได้ เพราะยังไงผู้ที่ทําผิดก่อนก็คือบุตรสาวของเขา!

ตกช่วงบ่าย เขาบังคับให้บุตรสาวกลับไปที่ตระกูลจาง หากเขายังปล่อยให้นางอยู่อีก ภรรยาของเขาอาจใจอ่อนเพราะเรื่องแค่นี้! จะยอมใจอ่อนไม่ได้ นางต้องอยู่กินในตระกูลจางเพื่อชนะใจลูกเขยที่มีความสามารถคนนี้!

เขาเชื่อมั่นว่าด้วยพรสวรรค์และหน้าตาของนางจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับคุณชายจางได้อย่างแน่นอน! น่าเสียดายที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าภายในหัวใจของคุณชายจางประทับใจเฉินไฉ่อเพียงใดเมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก เขาเสียใจอย่างมากเมื่อได้รู้ความจริงภายหลัง!

ราวกับต้องเสียใจไปชั่วชีวิต ทุกครั้งที่จางชิงเฟิงเห็นใบหน้าของเฉินไฉ่อมักนึกถึงผู้หญิงชั้นต่ําที่ยอมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายอื่นมากมาย ยิ่งนางอยู่กับเขานานเพียงใด จางชิงเฟิงก็ยิ่งรังเกียจมากขึ้นเพียงนั้น!

หากผู้หญิงคนนี้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คงไม่เกิดปัญหาอันใด แต่เฉินไฉนั้นหยิ่งผยองเหลือคณา ความอดทนทั้งหมดของจางชิงเฟิงจึงหมดลง!

เมื่อมีคนไปแจ้งข่าวว่าบุตรสาวของเขาอยู่ที่บ้านของเฉินไป เฉินซึ่งไม่คาดคิดว่าเขาจะพบกับฉากบาดตาเช่นนี้!

หลินหูมีภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจ ปกติแล้ว หญิงสาวมักถูกสั่งให้ไปออกเรือน แต่เพิ่งเคยพบชายที่มาขอแต่งงานด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แน่นอนว่าเฉินซึ่งย่อมจดจําชายคนนี้ได้!

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดมากที่สุดคือ ผู้ที่คุกเข่าอยู่ข้างชายคนนี้ในลานบ้านจะเป็นบุตรสาวของเขาที่ควรบริสุทธิ์ผุดผ่อง!

นอกจากนี้ใบหน้าและลําคอของเขาเต็มไปด้วยรอยข่วนและรอยกัด! เป็นฝีมือบุตรสาวของเขาแน่ ร่องรอยแปลก ๆ ที่คอของเขายิ่งทําให้มั่นใจ!

เห็นดังนั้นเฉินซ่งจึงระเบิดอารมณ์ออกมาราวกับระเบิดที่ถูกจุดชนวน เหตุใดที่คนอย่างหลินหูกล้าที่ท้าทายกับจางชิงเฟิงผู้เป็นบัณฑิตที่เก่งที่สุดของเมืองเช่นนี้! หลินหูล่ะเป็นใครกัน? มีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้ยินชื่อของเขา!

“นี่มันเรื่องอะไร! เฉินไฉ่อี! เจ้าอยากตายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

ทันทีที่เฉินไฉ่อีเห็นพ่อของนาง ราวกับสวรรค์มาโปรด นางคลานเข้าไปกอดเท้าของพ่อและเริ่มร้องไห้เสียงดัง!

“ท่านพ่อ! ข้าถูกใส่ร้าย นางตัวแสบหยุนเถียนเถียนหลอกข้ามาที่นี่! ”

ไม่ทันคาดคิด หยุนเกียนเถียนที่อยู่ใกล้ ๆ เอื้อมมือดึงตัวเฉินไม่ดีขึ้นมาและตบหน้าไปหนึ่งฉาด!

“เฉินไฉ่อ หากไม่ยอมพูดความจริง ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง! ข้าหลอกเจ้างั้นหรือ ข้ามีเหตุอันใดต้องไปหลอกเจ้า! ข้าไม่อยากเจอหน้าเจ้าทั้งชีวิต เหตุใดข้าถึงต้องหลอกเจ้ามาที่นี่กัน? ข้ากําลังจะแต่งงานแล้ว จะสร้างเหตุการณ์เพื่อหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้ไปเพื่ออะไร? ”

เฉินซึ่งเชื่อคําพูดของนาง แต่การที่นางสั่งสอนบุตรสาวต่อหน้าพ่อเช่นนี้ นางอยากตายหรืออย่างไร?

“แม่นางหยุน บิดาเช่นข้าอยู่ตรงนี้ ไม่อาจรบกวนให้แม่นางอบรมสั่งสอนบุตรสาวข้าได้หรอก”

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าใคร “แต่ข้าเห็นว่า ท่านยังสั่งสอนบุตรสาวของท่านไม่ดีพอ นางลงมือทําเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ซ้ําแล้วซ้ําเล่า หากท่านเชื่อว่านางพูดความจริง ควรจะถามบัณฑิตที่อยู่ข้างนางด้วย!”

“และหลินห์ ข้าขอเตือนท่าน! แม้เป็นถึงบัณฑิต ท่านควรแยกแยะได้ว่าเรื่องใดควรยุ่งเกี่ยว! หากทั้งสองฝ่ายยินดีเรื่องนี้คงแล้วกันไป หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าย่อมมีวิธีที่ทําให้ท่านไร้หนทางเข้าสอบข้าราชการ ความรู้ที่ท่านสั่งสมมานับสิบปีคงจะไร้ความหมาย!”

ประโยคนี้ย้ําเตือนใจของหลินหู เขาสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว คิดอย่างรอบคอบถึงกําไรหรือขาดทุน!

แน่นอนว่าเขาอยากดึงหยุนเถียนเถียนมาเกี่ยวข้อง แต่ทําเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องที่เขาพัวพันกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ก็เพียงพอที่จะทําลายชื่อเสียงของเขาให้ป่นปี้! ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยตรงหน้าจะก้มหัวยอมรับ! หากต้องมีการไต่สวน เขาคงไม่อาจหนีรอดไปได้!

คงเป็นการดีกว่าหากยอมรับและผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่เฉินไฉ่! มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาถึง อย่างน้อยเขาคงสู้หน้าได้บ้าง

สําหรับผู้หญิงที่หน้าซื่อใจคดผู้นี้! หลินหูไม่อยากแม้ชายตามอง แต่หากไม่มีทางเลือกอื่น คงต้องจําใจแต่งงานกับนาง บุตรสาวหัวหน้าใหญ่ บ้านของเขาอวบอ้วนอัปลักษณ์ หากเขาต้องแต่งงานกับลูกสาวหัวหน้าใหญ่บ้าน สู้แต่งงานกับคนที่ดูอ่อนแอ ใช้งานง่ายเช่นนี้ดีกว่า!

หลินหูเหม่อลอยอยู่สักพักและเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ!

“ใช่แล้ว ข้าหลงรักแม่นางหยุน! นั่นเป็นเหตุผลที่แอบมาที่หมู่บ้านเพื่อพบนาง! แต่ตอนนี้นางกําลังจะแต่งงานแล้ว ข้าย่อมเทียบไม่ได้กับคู่หมั้นของนาง ข้ามาเพราะต้องการร่วมงานแต่งงานของนางและอวยพรให้มีชีวิตที่ดี! ข้าไม่คาดคิดว่าทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้านจะได้พบกับนาง!”

“นางบอกกับข้าว่าแม่นางหยุนเศร้าใจที่นายพรานผู้นั้นบังคับให้แต่งงานกับเขา และต้องการนัดพบกับข้าในตอนพลบค่ํา เดิมทีข้าคิดปฏิเสธอย่างเด็ดขาด พอมาทบทวนดูหากแม่นางหยุนไม่ได้เต็มใจ ข้าอาจสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้ ข้าจึงไปพบกับนาง!”

“ข้าถูกผู้หญิงคนนี้ดึงตัวไว้ทันทีที่ก้าวพ้นประตู ข้าไม่รู้ว่านางใช้ยากับข้า ข้ารู้สึกเวียนหัวและไม่รู้สึกตัวอีกเลยจนกระทั่งเช้า ข้าตื่นขึ้นและรับรู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว! ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง หลังจากที่แต่งงานแล้ว แต่เพราะนางไม่ได้รับความสนใจจากสามี จึงคิดจะคลุมถุงชนข้าแทน!”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม แม้ว่านางอยากให้หลินหูรับผิดชอบเรื่องนี้ แต่ว่าหลินหูกลับผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่เฉินไฉอี เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไร้ความรับผิดชอบ!
แต่สิ่งใดกันที่ให้เฉินไฉ่อีเกิดความคิดเช่นนี้? ในเมื่อคิดทําร้ายผู้อื่น ย่อมถูกผู้อื่นทําร้ายกลับเป็นธรรมดา หยุนเกียนเถียนไม่ใส่ใจฟังคําแก้ตัวของเฉินไฉ่อี การชมสุนัขสองตัวกัดกันเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามันช่างน่าอภิรมย์หรืออย่างไร?

เฉินไฉ่อีเบิกตาโพลง หลังได้ยินคําพูดเหล่านั้น “พล่ามเรื่องเหลวไหลอะไรของเจ้า? เจ้ามาพบข้า เพราะว่าเจ้าชอบแม่นางหยุน และต้องการให้ข้าช่วยเจ้าสานสัมพันธ์กับแม่นางหยุน ข้าเชื่อคําพูดของเจ้าและรับยานั่นมา! ข้าจะไปหาของน่ารังเกียจเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน!”

ตอนที่ 270 หาเรื่องใส่ตัว

“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หยุนเถียนเถียน เป็นฝีมือของเจ้างั้นหรือ? แม้ข้าจะแต่งเข้าตระกูลจาง และวางมือจากนายน้อยหลี่แล้ว เจ้ายังไม่คิดปล่อยข้าไปอีก?”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะออกมาเสียงดัง “เฉินไฉอี สิ่งที่เจ้ากล่าวช่างน่าสนใจ! ข้ากําลังจะแต่งงานกับหยุนเคอ ในตอนนี้นายน้อยหล่อยู่ไกลบ้าน แม้เจ้ายังคิดแต่งงานกับเขาอยู่ก็ไม่เกี่ยวสิ่งใดกับข้า ผู้คนต่างรู้ว่าข้ากับเจ้าบาดหมางกัน ข้าคงไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าห้องนอนของข้า แล้วจะจัดฉากใส่ร้ายเจ้าได้อย่างไร?”

น้ําตาของเฉินไฉี่ไหลอาบแก้ม และกล่าวตามน้ําไปกับคําพูดของหยุนเถียนเถียน “เจ้าใส่ร้าย ข้าทําลายความบริสุทธิ์ของข้า แล้วยังจะเสแสรั้งอีก?”

“เจ้าคงแค้นที่ข้าทําลายความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับนายน้อยหลี่ต่อหน้าคนหมู่มาก เจ้าถึงขังข้าไว้และเรียกหลินหูที่หมายปองเจ้ามาพบ เพื่อจัดฉากให้อยู่ด้วยกันตามลําพัง เจ้าคิดฆ่าข้าหรือ!”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะเบาๆ พลางส่ายศรีษะ “มีเหตุผลใดที่ข้าต้องใส่ร้ายเจ้า เจ้าเป็นตายเช่นไรไม่เกี่ยวกับข้า ในตระกูลจางคงไม่มีใครรักเจ้าล่ะสิ น่าสงสารนัก ข้าเห็นเรื่องน่าขําขันมาเพียงพอแล้วจะทําเช่นนี้เพื่อประโยชน์ใด?”

“ที่สําคัญกว่านั้น แม้ว่าข้าขังเจ้าไว้และเรียกหลินหูมาที่นี่จริง แต่ดูการกระท่าอันป่าเถื่อนของเจ้าเมื่อคืนแล้ว คงไม่ใช่ฝีมือของข้าหรอก จึ จุ! เกิดเป็นหญิงควรรักนวลสงวนตัว แต่เจ้ากลับหมายปองร่างกายของชายหนุ่มอย่างหลินหู เฉินไฉ่อเจ้ามันนางแพศยา!”

เฉินไฉ่อไม่สามารถแก้ต่างสิ่งใดและพยายามมองหาพันธมิตรของนางท่ามกลางฝูงชน ผู้เดียวที่สามารถช่วยนางแก้ต่างได้กลับหมดสติอยู่บนพื้นเพราะเหตุการณ์ที่ประดังประดาเข้ามา!

“ดูสิ มีรอยเลือดกองหนึ่งบนผ้าห่มของข้า! เฉินไฉอี เจ้าอธิบายมาสิว่าเกิดสิ่งใดขึ้น?”

จชื่อกล่าวเสริมขึ้นมา “ข้าได้ข่าวมาว่าสามีไม่ชอบใจนาง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอันใดกัน นางตั้งใจมอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับคุณชายหลินหรอกหรือ? ช่างไม่ยุติธรรมกับคุณชายจาง! ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนอกใจสามีไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นเป็นการกระทําอันไม่ถูกไม่ควร!”

เฉินไฉ่อตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “หยุนเถียนเถียน! เจ้ากล้าพูดว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของเจ้า? หากว่าพวกเรามีความสัมพันธ์อย่างว่าจริง เหตุใดถึงต้องมาที่ห้องของเจ้าด้วย!”

หยุนเถียนเถียนเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง “ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าคิดสิ่งใด! อีกไม่นานข้าจะต้องแต่งงาน แล้วในใจก็เริ่มรู้สึกอึดอัดและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร จึงไปที่บ้านป้าของข้าเพื่อขอคําปรึกษาจากนาง ข้าอาศัยอยู่ที่บ้านกับป้าของข้าอยู่ตลอด ท่านช่างรักข้าจริง ๆ นางไล่ท่านลุงไปที่ห้องย่าของข้า และกล่อมข้านอนทั้งคืน”

“คงไม่แปลกหากพวกเจ้ารอคอยให้ข้าออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านก่อน และจงใจแอบมาที่นี่เพื่อมีความสัมพันธ์กัน! สถานที่เงียบสงบเช่นนี้คงหาได้ยากนัก”

ในตอนนี้ เฉินไปดํารงตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน เขามีเรื่องวุ่นวายมากมายในหมู่บ้านที่ต้องจัดการ!

“เอาล่ะ! ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้วว่านางไม่ใช่ผู้จัดฉาก แล้วจะยอมให้ชายชั่วหญิงเลวอย่างพวกเจ้าทําเช่นนี้ในห้องของนางได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเจ้าเองที่คิดกระทําการทุ่มบ่าม! ในเมื่อเกิดเรื่องในหมู่บ้านของพวกเราคงจะไต่สวน หลินฟูจากหมู่บ้านข้าง ๆ แบบนี้ได้ยาก เราต้องเชิญหัวหน้าหมู่บ้านฝ่ายนั้นมา”

“และสําหรับเจ้าเฉินไฉ่อี เจ้าต้องการให้ข้าเรียกมารดาของเจ้า หรือสามีของเจ้ามาล่ะ? แต่ข้าคิดว่าเป็นการดีกว่าหากเรียกมาทั้งสองฝ่าย ตอนนี้เจ้าแต่งงานแล้วควรซื่อสัตย์ต่อสามีของเจ้าสิ!”

ร่างกายของเฉินไฉ่อสั่นระริกอย่างหวาดกลัว แม้อยากออกมาห้ามปราม แต่นางไม่ได้ฉุกคิดว่ายังเปลือยเปล่าอยู่ ทันทีที่นางก้าวออกมา ผ้าห่มทั้งหมดตกลงบนพื้นและปรากฏร่างกายเปลือยเปล่าของนาง!

“เอาล่ะ! ขอทุกท่านหยุดมุงดูและออกไปก่อน ปล่อยให้ทั้งสองแต่งตัวเถอะ เราไม่ควรให้พวกเขาเปลือยเปล่าอยู่เช่นนี้!”

เฉินไปมองไปยังทั้งสองคนอย่างรังเกียจราวกับกองอสุนัขเหม็นเน่า! เขาให้แม่นางหยุนอาศัยที่บ้านหลังนี้ด้วยความหวังดี ใครจะคาดคิดว่าพวกโง่สองคนนี้จะทําให้บ้านหลังนี้ต้องแปดเปื้อน! โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องใดกับแม่นางหยุนในบ้านของนาง หยุนเคอและท่านนายอําเภอไม่ปล่อยเขาไปแน่!

เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว หลินหูกล่าวขึ้นด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “ข้าหลงเชื่อว่าเจ้าวางแผนสานสัมพันธ์ให้ข้ากับแม่นางหยุน แต่กลับเป็นตัวเจ้าเองที่หมายปองข้า หาวิธีหลอกข้าได้! เฉินไฉ่อี เจ้ามีความสามารถจริง ๆ”

เฉินไฉ่อจําเรื่องคืนก่อนได้ทันที บัณฑิตตรงหน้านางไม่ฉลาดหลักแหลมเท่ากับคุณชายจาง ต้องหาวิธีแก้ต่าง อย่าได้ตื่นตระหนกไปและตั้งสติ!

“ท่านพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน? ข้าถูกวางแผนใส่ร้าย! หยุนเถียนเถียนต้องรู้ว่าข้าจะมาพบนาง จึงได้กระทําเช่นนี้เพื่อหาโอกาสใส่ร้ายพวกเรา! ท่านนํายาอะไรมาให้ข้า มันไม่ใช่แค่ยาสลบหรอกเหรอ?”

หลินหูจองนางและยิ้มเยาะ “แน่นอนว่ามันไม่ใช่ยาสลบ แม่ของข้าเสียเงินมากมายเพื่อซื้อมันมาจากหอนางโลม ข้าคงไม่รู้สึกเสียดายหากมัน อยู่ในปากแม่นางหยุน เจ้าต้องโง่เพียงใดกันถึงได้กลืนมันลงไปเสียเอง!”

หลินหูก้มมองรอยแผลของเขาระหว่างใส่เสื้อผ้า ในคืนก่อนหลังจากที่เขาเข้าห้องไปก็ถูกนางรุกคืบทันที! เพราะไม่ได้จุดตะเกียง จึงไม่ทันสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แม่นางหยุน!

เขามีความสุขมาก หญิงสาวผู้นี้… นางช่างงดงามและอ่อนโยนดุจสายน้ําที่พัวพันร่างเขาอย่างอบอุ่น!

ใครจะคาดคิดว่าเมื่อตื่นขึ้นมาในวันนี้สิ่งที่เขาเห็นคือหญิงสาวอัปลักษณ์ แม้ว่าหน้าตาจะดูงดงาม แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนเถียนช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน! คืนก่อนมีความสุขแค่ไหน ตอนนี้เขาผิดหวังแค่นั้น

ทั้งสองเดินออกมาจากห้องโดยไม่รู้เลยว่าท่านผู้เฒ่าสี่และคนอื่น ๆ มาดูเหตุการณ์นี้ด้วย พวกเขาโกรธเกรี้ยวราวกับพายุคลั่งและไม่อาจให้อภัยกับผู้ที่กล้าฝ่าฝืนจารีตประเพณีเช่นนี้!

ผู้เฒ่าสี่ผู้โกรธเกรี้ยวได้ยื่นไม้เท้าออกมาฟาดเข้าที่ขาของทั้งสองอย่างแรง! พวกเขาล้มลงกับพื้นเสียงดัง ขณะที่กําลังจะลุกขึ้น ผู้เฒ่าสี่ได้ให้คนกดตัวพวกเขาเอาไว้!

“พวกไร้ยางอายเช่นเจ้าไม่สมควรเกิดเป็นคน จงคุกเข่าลง! ข้าจะลงโทษพวกเจ้าต่อหน้าทุกคนเอง!”

เป็นครั้งแรกที่หยุนเถียนเถียนคิดว่าผู้เฒ่าหัวโบราณท่านนี้ช่างน่ารักเสียจริง

ตอนที่ 269 เสียงกรีดร้อง

หยุนเถียนเถียนรีบเก็บสมุดภาพลงในแขนเสื้อของนางอย่างร้อนรน!

จี๋ชื่อมองออกและกล่าวว่า “ข้ารู้นะว่าเจ้ากําลั เขินอาย! เอามานี่สิ ถึงตอนนั้นข้าจะเก็บมันไว้รวมกับสินสอดทองหมั้น

แล้วกัน เจ้าจะได้เข้าพิธีอย่างไม่อึดอัดใจ”

หยุนเถียนเถียนไม่อาจเถียงได้ ชื่อที่ดูสุภาพเรียบร้อยคนนั้น แย่งหนังสือเล่มเล็กกลับไปโดยไม่พูดพร่ําทําเพลง

จากนั้นจี๋ชื่อเริ่มเก็บข้าวของพลางพึมพําว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ายังเด็กและไม่รู้ว่าควรแสดงออกเช่นไร เพราะไม่มีมารดาคอยดูแลสั่งสอน แม้ว่าข้าจะสอนหลายสิ่งให้กับเจ้าได้ แต่ยังมีบางสิ่งที่สั่งสอนแทนกันไม่ได้อยู่”

“จําไว้นะ หลังจากที่เจ้าแต่งงานกับหยุนเคอ เจ้าควรไว้หน้าเขาบ้างล่ะ เรื่องที่เขาควรจะออกหน้าก็ต้องให้เขาออกหน้า ข้างนอกนั่นยังมีสาวงามอีกมามาย ถ้าวันหนึ่งเขารู้สึกว่าเจ้าไม่ต้องการเขา ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้น้องสาวมาอยู่ด้วยอีกคนก็ได้!”

“ข้ารู้มานานแล้วว่าสาวน้อยเช่นเจ้าเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ กระนั้นอย่าได้ประเมินผู้อื่นต่ําไปนัก มิเช่นนั้น คนที่เสียใจจะเป็นตัวเจ้าเอง! ด้วยรูปโฉมงดงามเช่นนี้สามารถครองใจของหยุนเคอให้ชายตามองเจ้าแต่เพียงผู้เดียว! แต่อย่าได้ทิ้งขว้างความรักของเขาที่มีต่อเจ้าล่ะ เจ้าจะต้องพบกับความลําบากเป็นแน่!”

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่เห็นด้วยกับคําสอน

หากไม่ใช่ผู้ที่ผ่านเรื่องราวมามากมายคงไม่อาจกล่าวประโยคที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือเช่นนี้ได้หรอก!

หลังจากที่จชื่อพร่ําบ่นจนตกดึกจึงผลอยหลับไป หยุนเถียนเถียนที่ไม่คุ้นเคยการนอนกับผู้อื่นเฝ้าฟังคําบ่นนี้

ราวกับเพลงกล่อมนอน จากนั้นก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา!

ในวันถัดมาทุกคนสะดุ้งตื่นขึ้น แม้อาศัยอยู่ไกลเพียงใดก็ยังได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากบ้านของเฉินไป

หยุนเถียนเถียนรู้ได้เลยว่าเจ้าของเสียงกรีดร้อง นี้ต้องเป็นเฉินไฉ่ออย่างแน่นอน รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหยุนเถียนเถียน

เฉินไฉอี เจ้าอย่าได้คิดจะกล่าวโทษข้าเชียว ข้าพยายามอดทนไม่ร้องเรียกทุกคนในคืนก่อนนับว่ามีความเมตตา

มากแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าจะโง่เง่าได้เพียงนี้ ตะวันโด่งฟ้าแล้วเจ้าเพิ่งลุกจากเตียง

หากพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ควรจะแอบหนีไป แต่เจ้ากรีดร้องเสียงดังขนาดนี้ คิดจะเรียกทุกคนไปดูท่าทางอัปลักษณ์ของเจ้าหรือ?

เป็นดังคาด เสียงกรีดร้องนี้เรียกความสนใจของคนกว่าครึ่งหมู่บ้าน จี๋ชื่อจูงมือหยุ นเถียนเถียนฝ่าเข้าไปในฝูงชน เพื่อดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น!

กลุ่มคนมากมายวิ่งตามเสียงกรีดร้องเข้าไปในบ้านของเฉินไป ทุกคนพบกับประตูที่ถูกเปิดกว้าง และคนของเฉินไปที่อาศัยทางเหนือของหมู่บ้านอยู่ภายในห้องนี้เป็นห้องเดียวกับที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้

ทุกคนมองหน้ากันไปมา และแล้วภรรยาของเฉินซ่งก็ตรงเข้ามา

“โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน? มัวมุงดูสิ่งใดกันอยู่? รีบเข้าไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่นางหยุน!”

เสียงที่ยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นทําให้หยุนเถียนเถียนรู้ทันที! มารดาของเฉินไฉ่อรู้เห็นว่าบุตรสาวของนางทํา

สิ่งใดไว้ในคืนก่อน เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มีเหตุผลเช่นนางกลับทําเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้!

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเถียนเถียนตกใจขนาดนี้ เมื่อก่อนภรรยาของเฉินซ่งใจดีกับนางอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าเพราะยังเป็นประโยชน์ต่อตระกูลจึงแสร์ งทําเป็นเป็นมิตรเช่นนี้ เพราะต้องการที่จะฉีกหน้าของหยุนเถียนเถียนออกเป็นเสี่ยง นางจึงไม่เสแสร้งอีกต่อไป

หยุนเถียนเถียนก้าวออกมาและกล่าวขึ้น “ตัวข้าไม่มีปัญหาอันใด แต่ข้าเกรงว่า ทุกท่านควรเข้าไปดูด้วยตาของตนเองว่าเสียงร้องนั่นดังขึ้น เพราะเหตุใดจะดีกว่า!”

ทันทีที่ภรรยาของเฉินซ่งเห็นหยุนเถียนเถียน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าต้นตอของความไม่สบายใจนี้อยู่ที่ใด

เมื่อวันก่อนเฉินไฉ่อีได้บอกนางไว้ว่าคืนนั้นหลัง จากจัดการเรื่องนี้เสร็จจะรีบกลับไปที่บ้านตระกูลจาง เพื่อสร้างหลักฐานให้ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวนางและป้องกันไม่ให้หยุนเวียนเถียนได้โต้แย้งสิ่งใด!

เดิมทีภรรยาของเฉินซ่งไม่ได้วางแผนส่งตัวบุตรสาวเร็วขนาดนี้ เพราะกลัวว่าไปอยู่กินกับตระกูลจางแล้วจะลําบาก

ใครจะคาดคิดว่าเฉินซ่งจะใจแข็งและไม่คิดจะออกหน้าให้ลูกสาว ซ้ํายังกล่าวอีกว่าบุตรสาวของเขาต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ก็เพราะนางหาเรื่องใส่ตัว!

หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว เสียงกรีดร้องเมื่อครู่ นั้นคล้ายคลึงกับเสียงของบุตรสาวของตนมาก พริบตาเดียว เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

นางสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติและพยายามเข้าไป ห้ามปราม แต่สายเกินไป ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปในห้องเสียแล้ว!

เหตุการณ์ภายในห้องทําให้ชาวบ้านเบิกตาโพลง

คนของเฉินไปยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง ทุกคนจึงกรูกัน เข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ เพราะคิดว่าเกิดเรื่องกับหยุนเถียนเถียน แต่พอเปิดประตูเข้าไปพบกับฉากแสนบาดตานี้ ทุกคนพร้อมใจกันยืนนิ่งไม่ไหวติง!

คนในหมู่บ้านต่างพากันกรูเข้าไปดูเหตุการณ์ ทุกอย่างวุ่นวายเกินกว่าที่เฉินไปจะควบคุมได้!

ผ้ามุ่งที่แขวนอยู่กับเตียงถูกดึงออกกระจัดกระจาย!

หลินหูนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ที่หัวเตียง กอดเสื้อผ้าตัวเองไว้เพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า แต่รอยขีดข่วนบนไหล่

และลําคอ รวมถึงรอยกัดก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

มุมเตียงอีกด้าน ผ้าห่มทั้งหมดถูกห่อไว้บนร่างใครบางคน ใบหน้าขาวซีดและเต็มไปด้วยน้ําตา นางคือลูกสาวของเฉินซ่ง… เฉินไฉ่อีนั่นเอง!

ช่างน่าประหลาดใจนัก เฉินไฉ่อีที่แต่งงานแล้ว กลับไม่อยู่ที่บ้านของ

ตระกูลจางหรือบ้านของเฉินซ่ง แต่กลับอยู่ในบ้านของเฉินไปที่ให้หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่!

แต่สิ่งที่แปลกกว่าคือคนที่อยู่ในห้องเดียวกับ นางเป็นหลินหูที่มาพบกับหยุนเสียนเถียนเพื่อขอแต่งงานเมื่อหลาย

วันก่อน และแล้วภายในห้องเริ่มเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าแม้เพียงเสียงเข็มหล่นก็ยังได้ยิน!

ตอนที่ 268 ค้นหาตนเอง

หยุนเสียนเถียนหยุดชะงักหลังจากเดินพ้นตัวบ้านออกมาเป็นเพราะนางมัวคิดแผนโต้กลับจึงทิ้งชายหญิงคู่นั้นไว้บนเตียงของตนแล้วคืนนี้นางจะนอนที่ใด?

หลังจากยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตระหนักได้ว่าคงมีแต่บ้านตระกูลจี้เท่านั้นที่พร้อมช่วยเหลือนางไม่รอช้าที่จะใช้และเดินมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของป่าจีทันทีโดยใช้แสงจันทร์นําทาง

เฉินผิงเหอเป็นคนขยันขันแข็งแม้คนอื่นๆจะเลิกงานแล้วแต่เขาก็ยังคงอยู่ในไร่เพื่อจัดงานให้

เสร็จสิ้น

เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึงบ้านก็เป็นเวลาที่ครอบครัวของเขากําลังจะรับประทานอาหารเย็นพอดี

ทันทีที่ป้าจี้เห็นว่าหยุนเสียนเถียนมาหานางพุ่งปรี่เข้าหาหลานด้วยท่าทีตื่นตระหนกเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินมามืดค่ำเช่นนี้

“เถียนเถียน! เจ้ามาได้อย่างไร? เหตุใดจึงเดินมาหาป้ามืดค่ำเช่นนี้?แล้วกินข้าวกินปลาหรือยัง?”

ป้าจพูดพลางมองหยุนเวียนเถียนตั้งแต่หัวจรดเท้าโชคยังดีที่เสื้อผ้าของหยุนเกียนเถียนเป็นระเบียบเรียบร้อย

ไม่มีร่องรอยของการถูกทําร้ายทําให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ท่านป้า พอคิดว่าใกล้จะแต่งงานแล้วในใจมันก็รู้สึกอึดอัดคืนนี้ท่านป้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าทีได้หรือไม่…”

เถียนเถียนกล่าวพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนให้อีกฝ่ายส่วนจซื่อเห็นอย่างนั้นก็เข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็วจึงเร่งพานางเข้าบ้านก่อน

“ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ในสายตาข้าเจ้าเปรียบกับลูกสาวคนหนึ่ง ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดให้มากพิธีหรอกหากเจ้ากังวลก็มานอนกับข้าก่อนส่วนลุงใหญ่ของเจ้าให้เขาไปนอนกับย่าก็ได้ไม่ต้องกังวล..”

หยุนเถียนเถียนยิ้มและโค้งคํานับอย่างเขินอาย “ท่านลุงข้าขอโทษด้วย!”

เฉินผิงเหอถอนหายใจเฮือกใหญ่เด็กสาวผู้นี้ชีวิตช่างลําบากนักมีพ่อที่ไม่ได้เรื่องอย่างเฉินผิง อันซ้ำยังไม่มีใคร

สนับสนุนงานแต่งงานของนาง! แม้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะสามารถช่วยเหลือได้บ้าง แต่พวก เขาไม่ใช่ญาติห่าง ๆ กันด้วยซ้ำ!

“นังหนูไม่ต้องเกรงใจ พักผ่อนกับป้าเจ้าให้สบายเถิด”

ทุกคนรีบทานอาหารเย็นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปล้างมือล้างเท้าและกลับเข้า ห้องของตน ยามนี้

ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว เหลือเพียงหยุนเถียนเถียนและป้าจที่นั่งอยู่ในห้องด้วยกันสองคน

“เถียนเถียน เจ้าบอกมาสิ ใครกันแน่ที่คิดปองร้ายเจ้า?”

มุมปากของเถียนเถียนยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเฉินไฉ่อ! วันนี้นางมาหาข้าที่ บ้าน กล่าวอ้างว่าต้องการขอโทษ จากนั้นจึงแอบ วางยาให้ถ้วยน้ําชาให้ข้าดื่ม…ข้าแสร้งทําเป็น ดื่มแต่เทน้ําชาทั้งหมดลงในแขนเสื้อและจัดกา รกับนางจนได้”

“แล้วป้ารู้หรือไม่ว่านางนํายามาจัดการกับข้ามากมายเพียงใด? ถุงใหญ่เชียวล่ะ! ตอนนั้นข้าเท มันลงในปากนางทั้งหมดและขังนังตัวดีไว้ในห้อง จากนั้นข้าก็ออกมาแอบอยู่ด้านนอก ขณะที่ข้าเดิ นออกมา… หลินห์ลอบเข้าบ้านข้าทางประตูหลัง พวกมันคงคิดว่าจัดการข้าสําเร็จตามแผน!”

ชื่อถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อถือ “ลูก สาวของหัวหน้าหมู่บ้านมิใช่ว่ารู้หนังสืองั้นหรือ? เหตุใดนางจึงกล้าทําเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้?”

“ท่านป่าไม่จําเป็นต้องโกรธเคือง พวกรู้หนังสือบางคนน่ารังเกียจยิ่งกว่าชาวบ้านที่ไม่รู้หนัง สือเช่นพวกเรา

เสียอีก! ธรรมชาติของคนพวกนี้จะดีหรือไม่ดีไม่เกี่ยวอะไรกับรู้มากรู้น้อย! ในตอนนี้นางคงได้ มรสแผนการของตนแล้วล่ะ!”

“ข้าฟังจากที่นางกล่าวมา แม้ว่าจางชิงเฟิงจะแต่งงานกับนางแต่นางก็เป็นเพียงเครื่องประดับเท่านั้น!จนถึง

ตอนนี้ทั้งสองคนไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน! เฉินไฉ่ยี่ยังคงบริสุทธิ์แต่ตอนนี้ร่างที่บริสุทธิ์ของนางได้ถูกมอบให้กับหลินห์จากหมู่บ้านข้าง ๆนางได้รับกรรมอย่างที่สมควรแล้ว!”

จชื่อพูดสิ่งใดไม่ออกซ้ำยังรู้สึกเห็นใจผู้หญิงที่แต่งงานแล้วไปมีเรื่องข้องเกี่ยวกับผู้ชายอื่นจะต้องเกิดเรื่อง

ใหญ่โตแน่ หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเฉินไฉ่อจะต้องเผชิญกับหายนะ!

“ทําไมท่านป้าถึงต้องเห็นอกเห็นใจนางด้วยเล่า ถ้าข้าหลงกลแผนของนาง ข้าคงจะมีจุดจบที่ น่าสังเวชไปแล้ว

ตอนนี้นางทําได้แค่ยอมรับผลจากการกระทําของนางถ้าหากพวกมันฉลาดพอ พวกมันควร แอบหนีไปก่อนที่ฟ้าจะสางด้วยวิธีนี้คงสามารถรักษาชื่อเสียงไว้ได้หากฟ้าสางพวกมันยังไม่หนีไปจากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านตื่นมาพบเข้าคงจะเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ !”

จี้ชื่อไม่ได้พูดอะไร นางนิ่งเงียบและดูสับสน!

“ท่านป้าคิดว่าข้าชั่วร้ายหรือไม่? ข้ารู้ตัวดีว่ากลัวทําสิ่งใด!พวกมันคิดปองร้ายข้าก่อน ถึงข้าไม่เคยคิดทําร้าย

ใคร แต่ถ้าหากมีคนตั้งใจวางแผนทําร้ายข้าข้าจําเป็นต้องสู้กลับ!”

ภายใจของหยุนเสียนเถียนนั้นหนักอึ้งนางนับถือจชื่อราวเป็นป้าแท้ๆของนาง หลังจากที่นางหลงเข้ามายัง

ยุคนี้ นอกจากหยุนเคอแล้ว นี่เป็นคนที่สองที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง!

จีชื่อเองไม่ได้คิดกล่าวโทษ พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวนาง!

“ทําไมข้าถึงคิดว่าเจ้าชั่วร้ายกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าปกป้องตัวเองและข้าไม่คิดว่าในบ้านหลังเล็กแห่งนั้นจะเกิด

เหตุการณ์น่าขยะแขยงเช่นนี้!ข้าดีใจจริง ๆ ที่สาวน้อยอย่างเจ้ามีความสามารถไม่ยอมหลงกลไปกับแผนการของนาง!”

“ส่วนหญิงม่ายหมู่บ้านข้าง ๆ ข้าขอเตือนเจ้าไว้! หากว่าเจ้าต้องไปไหนมาไหนกับนางอย่าลมระวังตัวด้วย!

นางบอกแผนการนี้ให้เจ้ารู้เพราะต้องการบางอย่างจากเจ้าและอาจบอกเรื่องของเจ้ากับผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของนางเช่นกัน!”

“เจ้าอย่าได้ด่วนตัดสินท่าทีของนางเร็วไปนั่นล้วนแล้วอาจเป็นเพียงการประจบประแจงเพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์

จากเจ้าก็เป็นได้

หยุนเวียนเถียนรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย เธอสะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออกผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อย ๆผ่อนคลายลง

“อืม! ท่านป้า เข้านอนกันเถอะเรื่องต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับโชคของเฉินไฉ่อแล้วล่ะ!”

ชื่อยิ้ม จับมือหยุนเวียนเถียนและเอนตัวบนเตียง! เด็กน้อยคนนี้ไม่มีแม่คอยสั่งสอนอย่างที่ควรจะเป็นเกรงว่า

จะทําสิ่งที่มถูกมิควรลงไป หญิงสาวตัวน้อยๆที่มีวัยเด็กอันแสนเศร้าเช่นนี้ ถ้าหากมีสิ่งใดที่ช่วยเด็กน้อยคนนี้ได้นางพร้อมจะทําอย่างเต็มที่!

“เถียนเถียนเจ้ารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไหม?แม้ว่าหยุนเคอจะอายุมากแล้วแต่ครอบครัว

ของเขาไม่มีผู้อาวุโสคอยชี้แนะ เลยต้องเรียนรู้บางอย่างด้วยตนเองป้าจิมีสมุดภาพที่ได้จากงานแต่งงานอยู่เล่มหนึ่งเอาไปอ่านดูสิ เจ้าเป็นคนฉลาดต้องเข้าใจเนื้อหาภายในได้แน่!”

หยุนเถียนเถียนยื่นมือรับสมุดเล่มเล็กมาเปิดอ่านเพียงหน้าแรกก็รีบปิดหนังสือด้วยใบหน้าแดง…

ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือเรียนมาก่อนว่าในสินสอดทองหมั้นมักจะมีหนังสือภาพเหล่านี้อยู่ด้วยเช่นกัน!

นางถือสมุดเล่มนี้ด้วยใบหน้าร้อนผ่าว นี่คือสมุดภาพชุนกงถู แม้ว่ากระดาษจะค่อนข้างเหลือง แต่ภาพภายในยัง

มองเห็นได้ชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเสียนเถียนชื่นชมภูมิปัญญาสมัยโบราณเหล่านี้ถึงกับวาดภาพเปลือยกายของมนุษย์ให้สมจริงได้ขนาดนี้เชียว!

“เดิมทีเรื่องเหล่านี้ควรจะถูกสั่งสอนโดยมารดาของเจ้า เพียงแต่…”

ตอนที่ 267 โต้กลับ

หากนางคิดถูก คนที่หยุนเถียนเถียนคาดไว้คือ เฉินเจียวเจียว แต่เขากลับเข้าเมืองหลวงไปก่อนกําหนด ดูท่าจะไม่ใช่ฝีมือของเขา

แล้วใครกันล่ะ? หยุนเถียนเถียนเฝ้ารออย่างอดทน จิ้งจอกมักจะเผยหางของมันออกมาเสมอ

ในยามพลบค่ําของวันที่สาม เฉินไฉ่อที่สวมชุดเจ้าสาวอยู่ ค่อย ๆ เดินมาอย่างอ่อนแรง

หยุนเถียนเถียน ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเฉินไฉอีเท่านั้นที่คิดวางแผนแบบนี้ได้

“เถียนเถียน ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นศัตรูหัวใจของข้า และมักจะเกลียดชังเจ้าเสมอ แต่ตอนนี้ ข้าได้รับกรรมตามสมควรแล้ว ท่านพ่อของข้าถูกปลดจากตําแหน่ งหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเองก็แต่งงานออกไปอย่างฉุกละหุก นี่มันไม่ยุติธรรมเลย”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม ดูสิ นางช่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง! เฉินไฉ่อผู้รักศักดิ์ศรีเช่นนี้ กลับกล้าร้องขอความเป็นธรรมต่อหน้าคนที่เกลียดชังเช่นนี้

“เฉินไฉอี ท่านมาเพียงเพื่อจะกล่าวเรื่องงี่เง่าเช่นนี้เองหรือ? ท่านสงสัยว่าข้าวางแผนขัดขวางการแต่งงานระหว่างท่าน

กับคุณชายหลี่ แต่ตอนนี้ข้ากําลังจะแต่งงานกับหยุนเคอ ไม่น่าจะมีสิ่งใดเคลือบแคลงใจแล้ว ท่านมาพบข้าเพราะต้องการสิ่งใดกัน? ”

เฉินไฉ่อีสะอึกสะอื้น และเริ่มร้องไห้ออกมา

“เถียนเถียน ข้ารู้ว่าเป็นความผิดของข้าเอง ข้าควรจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว! ยกโทษให้ข้าเถอะนะ?”

หยุนเถียนเถียนยื่นมือไปปลอบเฉินไฉ่อที่ก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ

“ท่านพูดอะไรกันพี่ไฉ่อี? ข้าไม่เคยถือโทษโกรธท่าน! ตอนนี้ท่านได้แต่งงานกับข้าราชการ ในอนาคตท่านจะได้เป็นถึง

ฮูหยินเชียวนะ ต่อให้ข้าบ้าบินกว่านี้ซักสิบเท่า ก็มิอาจกล้าล่วงเกินท่าน!”

เฉินไฉ่อขบกรามแน่น นางรู้สึกเหมือนกําลังเสแสร้งอยู่เพียงฝ่ายเดียว แต่นางยังคงยืนกรานที่จะทําเช่นนี้ต่อไป

“เถียนเถียน หากเจ้ายกโทษให้ข้า ก็ดื่มชาถ้วยนี้เถอะ! จากนี้ไปเราจะไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกันอีก!”

แผนการของเฉินไฉ่อถือว่าแยบยลไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะรู้มาก่อนว่าเฉินไฉ่อีคิดกระทําสิ่งใดไว้ และคอยระวังอยู่ทุก

ฝึก้าว หยุนเถียนเถียนแกล้งทําเป็นไม่สังเกตว่า ฉินไฉ่อีแอบยืนเล็บของนางลงไปในถ้วยชา ระหว่างที่กําลังรินชา

ถึงหยุนเถียนเถียนจะคาดการณ์ไว้แล้วว่า เฉินไฉ่อีจะทําการวางยานาง แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้

ผงยาสีขาวที่อยู่ในซอกเล็บละลายลงไปในน้ําชาอย่างแนบเนียน

หยุนเถียนเถียนยิ้มและรับถ้วยน้ําชามา นางค่อย ๆ ใช้แขนเสื้อผืนใหญ่ของนางบังถ้วยน้ําชา และเทน้ําชาลงในแขนเสื้อของนาง

เฉินไฉอีจับชายกระโปรงแน่นด้วยความร้อนรน จนกระทั่งเห็นหยุนเถียนเถียนดื่มน้ําชาที่รินไว้เต็มถ้วยจนหมด

“เถียนเถียน หลังจากที่ท่านดื่มชาถ้วยนี้หมด เช่นนั้นข้ากับท่านจะได้เลิกแล้วต่อกันเสียที!”

นางไม่รู้ว่าใจของหยุนเถียนเถียนรู้สึกสับสนมากเพียงใด เป็นยาประเภทไหนกัน ยาปลุกกําหนัดที่ทําให้คนคึกคักหรือ

ยานอนหลับที่ทําให้คนหลับใหลล่ะ?

ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเป็นยาอะไรถึงจะแสดงละครตบตานางได้

“หยุนเถียนเถียนเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอิจฉาเจ้ามากแค่ไหน เจ้าไม่มีอะไรเลยนอกจากใบหน้านี้ แต่นายน้อยหลี่กลับเอา

แต่สนใจเจ้า! ถ้าหากว่าข้าแต่งงานกับคุณชายจาง เขาอาจจะหันมาสนใจข้าบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่แม้จะชายตามอง! เขาคงหลงเสน่ห์เจ้างั้นสิ?”

หยุนเถียนเถียนมองข้ามเรื่องยาปริศนาไปชั่วคราว เธอยิ้มและกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “คุณชายจางมักจะมาพบเจ้าที่

หมู่บ้านด้วยความยินดีเสมอ เขาคงจะชอบท่านมากเป็นแน่ ท่านได้รับโอกาสที่ดีเช่นนั้น กลับจ้องคอยแต่เอาชนะข้า ทุกครั้งที่ข้าพบกับคุณชายจาง ข้าทําให้ใบหน้าเปรอะไปด้วยโคลนอยู่ตลอด ข้าคิดว่าสายตาของท่านเหมือนจะมีปัญหาเสียแล้ว! ”

เฉินไฉ่ยี่ยังคงพูดต่ออย่างไม่สนใจใคร!

“เจ้าติดหนี้ข้านะ ที่ทําให้ข้าเป็นเช่นนี้ หลังคืนนี้ผ่านพ้นไป ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้! หยุนเถียนเถียน เจ้าดื่มชาถ้วยนั้น

ไปนานแล้ว ไม่รู้สึกง่วงบ้างหรือ? ไม่จําเป็นต้ งฝืนทนไปหรอก!”

หยุนเถียนเถียนคลายข้อสงสัยได้แล้ว เมื่อครู่ยังกลุ้มใจไม่รู้ว่ายานี้จะส่งผลอย่างไร แต่นางกลับสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก

หยุนเกียนเกียนยกมือกุมหน้าผาก ท่าทางอ่อนแรง นางพูดอย่างตะกุกตะกัก “เจ้าใส่อะไรลงไปในน้ําชา? ข้าให้อภัย

เจ้าแล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก? ”

ใบหน้าของเฉินไฉ่อเต็มไปด้วยความยินดี หลังจากได้แก้แค้น

“เจ้าทําให้ข้ามีสามีที่ดีเช่นนี้ ข้าคงต้องตอบแทนเจ้าสักหน่อย! หลินหูจากหมู่บ้านข้าง ๆ ก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน คิดดูแล้วน่าจะเหมาะกับผู้หญิงอย่างเจ้าไม่น้อย! ทําตัวดี ๆ และรอจนถึงวันพรุ่งนี้เจ้าจะได้แต่งงานสมใจ! มาเร็ว! ข้าจะช่วยพาเจ้าไปพักผ่อนในห้องแล้วกัน!”

เฉินไฉ่อเข้าไปพยุงหยุนเถียนเถียน หยุนเถียนเถียนไม่ลังเลที่จะทิ้งน้ําหนักทั้งหมดลงบน ร่างของเฉินไฉ่อ

เฉินไฉ่อพยุงนางเข้าไปในห้อง และค่อย ๆ ปิดประตูอย่างรอบคอบ
แต่เหมือนว่านางจะไม่มีโอกาสสานต่อแผนการที่ตั้งใจไว้ เพราะหยุนเถียนเถียนแอบเข้ามาที่ด้านหลังนางและฟาด

สันมือใส่เฉินไฉ่อจนสลบไป

ร่างของเฉินไฉ่อีทรุดลงทันที หยุนเถียนเถียนลูบข้อมือตนเอง นางเข้าไปพยุงร่างของเฉินไฉ่อีและทิ้งลงไปบนเตียง

จากนั้นนางก็เอื้อมมือคลําเข้าไปในเสื้อผ้าของเฉินไฉอี และเป็นไปตามคาด… นางหยิบถุงกระดาษที่เหมือนจะใส่

บางอย่างเอาไว้ออกมา! ภายในเหมือนมีผงยาสีขาวอยู่
หยุนเถียนเถียนฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกล่าวว่า “เฉินไฉอี เจ้าควรได้ลองชิมผงยาที่เจ้าเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันดูบ้างสิ

รสชาติของมันเป็นเช่นไรล่ะ?”

ขณะที่พูดนางก็เทผงยาเหล่านี้เข้าไปในปากของเฉินไฉ่อ

หรือหลินหูจะไม่ได้บอกเฉินไฉ่อีเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา

หลังจากเฉินไฉ่อหมดสติไปพักหนึ่ง นางก็เริ่มบิดตัวไปมาไม่หยุด พร้อมกับถอดเสื้อผ้าของตนเองออก

มุมปากของหยุนเถียนเถียนปรากฎรอยยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง! ดูเหมือนว่าหลินหูจะช่วยให้คําขอ ของคุณชายจางที่ต้องการหาเหตุผลอันเหมาะสม เพื่อยกเลิกการแต่งงานเป็นจริงแล้ว!

ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หยุนเถียนเถียนได้ยินเสียงประตูหลังบ้านของเฉินไปถูกเปิดออก

ดูเหมือนว่าตัวเอกของละครเรื่องนี้จะปรากฏตัวเสียที หยุนเถียนเถียนถอยหลบอยู่ตรงมุมห้องหลังประตูอย่างเงียบ

เชียบ

แสงจันทร์สาดเข้ามาภายใน นางพบว่าชายคนนี้คือหลินหูจริง ๆ

หลินหูเดินเข้าไปในบ้านและมองไปรอบ ๆ เขาตรงไปยังห้องของหยุนเถียนเถียนโดยไม่ลังเล

หลังจากแอบฟังเสียงหอบของผู้หญิงภายในห้องสักพัก หลินหูพลางกูมืออย่างตื่นเต้นก่อนจะผลักประตูเข้าไป

หลังจากนั้นไม่นาน หยุนเถียนเถียนก็ได้ยิน เสียงอันรื่นรมย์ของทั้งสองคนดังออกมาจากภายในห้อง นางยิ้มพลางปรบมือและเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี!

ตอนที่ 266 ระวัง

ไม่แปลกที่คนอย่างหลินหูจะคิดหาวิธีใส่ร้ายนาง

หยุนเถียนเถียนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ขอ ท่านป้าพูดให้ละเอียดที่สิ สองคนนี้คิดจะใส่ร้ายข้าอย่างไรกัน?

ท่านป้ามาบอกกับข้าเช่นนี้ ต้องการสิ่งใดงั้นหรือ?”
หญิงม่ายยิ้มรับ นางรู้ทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ดูตรงไปตรงมา เช่นนี้คงอธิบายได้โดยง่าย

“หลินหูกล่าวว่าเขาได้พบกับผู้ที่ไกล้ชิดกับหญิงสาวคนนั้น และคิดที่จะวางยาที่ซื้อจากหอนางโลมในน้ําชาของ

ท่าน หากท่านดื่มยานั่นลงไป คงต้องแปดเปื้อนเพราะแผนการของพวกมันแน่ หากเป็นเช่นนั้นท่านจะต้องแต่งงานกับเขา

อย่างเลี่ยงมิได้ อย่างไรซะข้าก็ไม่รู้ว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้”

“อย่างที่ข้ากล่าวกับแม่นางหยุน เป็นเพราะข้าไม่ต้องการให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมานกับเดรัจฉานพวกนั้น

พวกมันก่อความวุ่นภายในบ้านของข้าด้วยการสังหารสามีข้าทิ้ง หลังจากนั้น ฐานะทางบ้านของข้าก็ยิ่งย่าแย่ลง บุตรชายของข้านั้นมีพรสวรรค์แต่กลับไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเพราะขาดทุนทรัพย์”

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยช่วยเหลือนายพรานหยุนไว้ ครั้งหนึ่งเขาสัญญาไว้ว่าหากพบปัญหาใด สามารถมาพบเขาได้ที่

หมู่บ้านเทพธิดา หากแม่นางหยุนอยากช่วย ข้า… คําขอของข้าคือช่วยส่งเสียเด็กคนนี้ให้ได้เรียนทีเถิด! ส่วนตัวข้าไม่ต้องการสิ่งใด! “

หลังกล่าวจบหญิงม่ายก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง นางไม่รู้เลยว่าแม่นางหยุนจะเต็มใจช่วยเหลือหรือไม่

“หากแม่นางหยุนไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่คิดบังคับ ตราบใดที่ตระกูลหวงไม่รู้ว่าข้ากล่าวสิ่งใดในวันนี้ คงไม่มีปัญหาใดเข้ามาเคาะประตูบ้านข้า”

หยุนเสียนเถียนถึงกับยิ้มออก ในเมื่อหญิงม่ายผู้นี้มีความปรารถนาดี คงไม่อาจจะปฏิเสธน้ําใจหากว่าเด็กนี่มีความสามารถจริงและอยากเรียนหนังสือ นางก็สามารถช่วยเหลือได้ไม่ติดขัด!

ในยุคปัจจุบัน นางมักจะบริจาคเงินเพื่อให้เด็ก ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเสมอ ถึงจะต่างยุคสมัย ก็ไม่มีสิ่งใดเสียหาย ถ้าสามารถช่วยเด็กคนหนึ่งได้มีโอกา สเรียนหนังสือ

“ถ้าพี่สาวว่างล่ะก็ พาบุตรชายมาหาข้าได้เสมอ ถ้าข้าเห็นว่าเป็นคนที่มีความสามารถจริง ข้าจะส่งเขาไปเรียน

กับน้องชายของข้าด้วย! ในอนาคตถ้าประสบความสําเร็จทั้งสองจะได้สนับสนุนซึ่งกันและกัน!”

หยุนเถียนเถียนไม่พูดอะไรมากนัก ในสมัยก่อน เด็กจะเรียนหนังสือหรือไม่นั้นไม่สําคัญ แต่ชีวิตของข้าราชการในยุคปัจจุบันก็ไม่ได้สบายเท่าไหร่นัก หลังจากเรียนมาหลายปีหากสอบราชการไม่ผ่าน ก็ทําได้แค่ดิ้นรนต่อไป

ถ้าเด็กคนนั้นเป็นอัจฉริยะที่ปั้นได้ นางก็ไม่รังเกียจที่จะเข้าช่วยเหลือ! แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น คงไม่จําเป็นที่จะเสียเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์

แม่ม่ายดีใจมาก ความสามารถบุตรชายของนางได้รับการยอมรับจากอาจารย์หลายคน น่าเสียดายที่นางไม่

สามารถส่งเสียได้! แม่นางหยุนถึงกับยินยอมเข้าช่วยเหลือบุตรของนางเช่นนี้ นางมั่นใจว่า บุตรชายที่เก่งกาจของนางจะต้องเข้าตาแม่นางหยุนอย่างแน่นอน

“เช่นนั้น ข้าขอบคุณแม่นางหยุนมาก! แม่นางเป็นคนดีมีน้ําใจเช่นนี้ ข้าคงต้องมองท่านใหม่แล้ว!”

“พี่สาวอย่าเพิ่งด่วนดีใจไป ข้าเพียงแค่สัญญาว่าจะช่วยเหลือบุตรชายของท่าน แต่ยังไม่ได้สัญญาจะส่งเด็กคนนี้

เข้าเรียนหรอกนะ” ดีหรือร้ายต้องดูให้ดี ก่อนจะด่วนตัดสินใจไม่ได้

“ในเมื่อแม่นางหยุนยอมช่วยเหลือบุตรของข้า ข้ารับประกันได้ว่าท่านหญิงต้องถูกใจเด็กคนนี้แน่ หากไม่ถูกใจ นั่นเป็นเพราะบุตรของข้าไม่เอาไหนเอง ไม่อาจถือโทษแม่นาง”

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกํา ถึงช่วยอะไรมากไม่ได้ หากช่วยได้ก็ยินดีเข้า

ช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงเสียใจภายหลังเป็นแน่ อย่างน้อยคําพูดที่เล่ามาจากปากของหญิงม่ายผู้นี้ฟังดูมีเหตุผล

“ดี! ข้ามีหลายสิ่งต้องทําในเมืองและครอบครัวของข้ายังขาดคนดูแลงานบ้าน ถ้าหากว่าท่านไม่โกหกข้า ท่านสามารถอาศัย และดูแลบ้านให้ข้าได้! หากคนของข้าบอกว่าท่านทํางานดี ข้าจะรับฟังคําขอของท่านอีกครั้งแล้วกัน!”

หญิงม่ายกล่าวด้วยน้ําเสียงดีใจว่า “แม่นางหยุน วางใจเถอะ หากท่านให้โอกาสข้า ข้าจะตั้งใจทํางานให้หนัก

แน่นอน!”

“ท่านกลับไปก่อนเถอะ หลังงานแต่งของข้าเสร็จสิ้น ท่านค่อยมาพบข้าที่บ้าน และพาบุตรของท่านมาด้วยล่ะ!”

หญิงม่ายโค้งคํานับด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป แม้ว่านางจะได้รับการตอบรับอย่างมั่นใจแล้ว

แต่นางก็ไม่กล้าที่จะหลงระเริงจนลืมตัว หากตระกูลรู้ว่านางทําสิ่งใด อาจหันมาทําร้ายนางและบุตรชาย ซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีแน่

จี้ชื่อขบเคี้ยวฟันอดทนที่จะไม่พูดอะไร จนกระทั่งหญิงม่ายลับสายตาไป ในที่สุดนางก็อดที่จะเข้าไปถามไม่ได้

“เถียนเถียน ท่านเชื่อสิ่งที่นางพูดงั้นหรือ? ไม่ว่าอย่างไรหลินหูก็เป็นเพียงข้าราชการ เขาสามารถทําเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้เชียว?”

หยุนเวียนเถียนยิ้มหวานพลางกล่าวว่า “แม้จะเป็นข้าราชการแต่คิดว่าตนเองเที่ยงธรรมหรือย่างไร! หากจะใช้กลอุบายสกปรกเช่นนี้ ยิ่งไม่น่าแปลกใจ! ข้าเห็นว่าหญิงม่ายผู้นี้ยืนยันต่อหน้าข้าเพื่อพิสูจน์ว่าคําพูดของนางไม่มีความเท็จ แต่ข้ายังคิดไม่ออก เลยว่านางรู้เรื่องแผนวางยาในน้ําชาของข้าได้อย่างไรกัน”

จีชื่อรู้สึกกังวลเล็กน้อย ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่างานแต่งจะเริ่ม จะเฝ้าระวังเรื่องอาหารการกินทั้งหมดได้

เช่นใด?

“ป้าจิ๋วางใจเถอะ ข้ารู้ว่ายังมีผู้คิดปองร้ายกับข้าอยู่ เมื่อคิดดูแล้ว ในหมู่บ้านนี้มีเพียงไม่กี่คนที่มีความแค้นกับข้า! ป้าจี้ไม่จําเป็นต้องกังวลไป หากมันผู้นั้นกล้าวางยาในน้ําชาของข้า ข้าจะสนองคืนให้ทั้งหมดเอง!”

จีชื่อยังคงแสดงสีหน้ากังวล “ยายหนูอย่ามั่นใจนักเลย! ถ้าหากว่ามันทําสําเร็จ ชีวิตของเจ้าคงพังพินาศแน่!”

“ป้าจิ๋วางใจเถอะ แค่คนไม่กี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก! หลินหูกับข้ากําลังวางแผนที่จะเล่นกับไฟ! ป้าจอย่าเพิ่ง

แหวกหญ้าให้งตื่น รอจนกว่ามันจะติดกับแผนของตนเองเถอะ”

ไม่ง่ายเลยที่จีชื่อจะห้ามปรามหยุนเถียนเถียน นางยืนยันซ้ําแล้วซ้ําเล่าว่าจะไม่เสี่ยงอันตราย จี้ชื่อจึงเลิกรบเร้า

หยุนเถียนเถียน และกลับออกไป แต่ก็ไม่อาจจะคลายความกังวลใจได้เลย

สองวันต่อมา ทุกอย่างดูสงบสุข ราวกับว่าสิ่งที่แม่ม่ายพูดไม่เคยเกิดขึ้น หยุนเถียนเถียนไม่เคยประมาท

เพราะในความเงียบสงบมักมีพายุตามมาเสมอ

นางสังเกตทุกคนที่นําอาหารเข้ามาให้กับนาง ไม่มีร่องรอยคนของเฉินไป ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนล้วนแต่ยิ้มแย้มให้กับนาง ทําให้นางคลายความกังวลใจลงได้บ้าง แต่หารู้ไม่ผู้ที่นางไม่อาจคาดคิดได้มาถึงแล้ว

ตอนที่ 265 แจ้งความลับ

หลินหูเห็นมารดาของตนลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจให้ยาพิษกับนาง

“ท่านแม่! จะห่างไปอีกสิบลี้หรือจะแปดหมู่บ้าน ก็คงไม่อาจหาสาวงามเช่นนี้ได้ ในอนาคตลูกชายของท่านก็จะสอบรับตําแหน่งแล้ว แม่นางใดที่เป็นคู่ครองขาต่างก็มีหน้ามีตาทั้งนั้น! ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางหยุนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องแต่งงานกับพวกเรา เผลอ ๆ ไม่ต้องเสียสินสอด ทองหมั้น เพราะนางอาจมอบสินสอดทองหมั้นมากมายมาให้เราอีกด้วย! ท่านแม่ไม่เหนื่อยทําสวนหรอก? การมีลูกสะใภ้ที่หาเงินได้ถึงเพียงนี้ แล้วท่านจะต้องไปทําสวนอีกด้วยเหตุใดเล่า? ”

หวงชื่อนึกถึงประโยชน์ที่ตนจะได้รับพร้อมกับพยักหน้า

ทั้งสองปรึกษาหาลือกัน โดยหารู้ไม่ว่ามีผู้แอบฟังอยู่ตรงฝ่ากําแพงเรือน

ใช่แล้ว นั่นคือแม่หม้าย! จู่ ๆ หลินหูก็รีบวิ่งเข้าเรือนโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นพร้อมลากหวงซื้อที่กําลังจะออกไปกลับเข้ามาด้วย!

การกระทําที่ผิดปกติเช่นนี้ทําให้แม่หม้ายรู้สึกผิดสังเกตเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทราบว่าทั้งสองกําลังปรึกษาอะไรกันอยู่เพื่อแสดงความภักดีต่อหยุนเถียนเถียน นางจึงตัดสินใจเสี่ยงแอบฟังอีกสักรอบ!

เมื่อได้ยินว่าแม่ลูกคนนี้กําลังทําเรื่องไร้ยางอาย แม่หม้ายจึงเบิกตากว้างทันที นางไม่คาดคิดเลยว่าหลินหูจะกล้าทําเช่นนี้ ความคิดของเขากําลังสื่อว่าต้องการยึดอํานาจแม่นางหยุน

หากปล่อยให้สองแม่ลูกไร้ยางอายผู้นี้ประสบผลสําเร็จตามแผน แม่นางหยุนจะถูกทําลายความสุขไปชั่วสชีวิต นางเกรงว่าตระกูลซื่อจะทําตัวหยิ่งยโสมากขึ้น!

เมื่อแม่ม่ายได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันหลังกลับเรือนตนเองทันที

ลูกชายที่ประพฤติตัวดีและมีไหวพริบในห้องนั้นกําลังอ่านหนังสืออยู่ ซึ่งนายท่านได้มอบให้แก่เขาด้วยความกรุณา

แม่หม้ายยิ้มด้วยความปลื้มปีติพร้อมเดินเข้าไปหาเขา “ฉ้อโถว เจ้าจงอ่านหนังสืออยู่เรือน ประเดี๋ยวแม่จะออกไปทําธุระข้างนอก! กว่าจะกลับมา ก็คงถึงมือเย็นพอดี”

ฉือโถวพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ท่านแม่ ท่านรีบไปเถอะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี!”

แม่หม้ายขบกรามแน่นพร้อมหันหลังเดินออกจากหมู่บ้านไปตามเส้นทางเปลี่ยวบริเวณตีนเขา นางข้ามภูเขาลูกหนึ่งไปยังหมู่บ้านข้างๆ

ในหมู่บ้านเทพธิดามีคนเดินพลุกพล่านมากมาย เมื่อหันมองทางทุ่งนาก็พบผู้คนกําลัง ทํางานอยู่ทุกหนทุกแห่ง นางรู้ว่าแม่นางหยุนอยู่เรือนไม่ไกลจากทางเข้าหมู่บ้านนัก

นางแอบย่องไปยังเรือน ๆ หนึ่ง ก่อนก้าวไป ข้างหน้าเพื่อเคาะประตู
บังเอิญว่าในขณะนั้นท่านป้ากําลังคิดหาวิธีตกแต่งลานบ้านให้เป็นเสมือนบ้านใหม่ นางจึงพบว่ามีคนแอบเคาะประตูเรือนหยุนเค่อ

นางจึงก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถามว่า “เจ้ามาหาผู้ใด?”

ท่านป้ามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิถีพิถัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าหยุนเค่อเผลอไปยั่วยุหญิงอื่น? หรือว่านางจงใจมาหาเขา?

แม่หม้ายยังคงขบกรามแน่น ไม่ว่าแม่หญิงตรงหน้าจะทําอันใด ทว่าหากมาเพราะแม่นางหยุนก็ไม่ใช่เรื่องผิด จะอย่างไรก็ตามบัดนี้นางไม่อาจซ่อนตัวได้อีกต่อไป

ตราบใดที่หวงชื่อไม่ทราบเรื่องนี้ จึงไม่ควรกังวลว่านางจะเป็นคนในหมู่บ้านเทพธิดาหรือไม่ เนื่องด้วยสิ่งสําคัญคือนางผู้นี้ไม่ควรมีสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหวงชื่อ

“คาราวะท่านพี่! ข้ามาหาแม่นางหยุน!”

ท่านป้าเผยท่าที่ระแวงอยู่เล็กน้อย ในขณะที่แม่นางตรงหน้ายังกัดฟันพร้อมก้มหัวลง นางดูแก่กว่าหยุนเค่อมาก หยุนเค่อไม่น่าพิศวาทหญิงวัยนี้ เพราะหลานสาวของนางยังดูหน้าตาดีกว่ามาก

“นั้นหลานสาวข้า อีกไม่กี่วันทั้งสองจะแต่งงานกันแล้ว! ดังนั้นนางจึงต้องย้ายไปที่อื่น เจ้ามีเหตุสําคัญ? หากสําคัญมาก ข้าจะพาเจ้าไปหานาง!”
แม่หม้ายต้องการพบแม่นางหยุนสียบัดนี้ เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวให้ชัดเจน นางจะได้ระวังตัว และไม่หลงกลหลินห์

ท่านป้ายอมพานางไปพบแม่นางหยุน แม่หม้ายจึงดีใจมาก

“ช่างดีนัก! ข้ามีเรื่องสําคัญที่ต้องบอกแม่นาง! รบกวนพี่ใหญ่นําทางข้าด้วยเถิด!”

ท่านป้ามองเธออีกครั้ง จากนั้นก็หันไปด้านหน้า

“ตามข้ามา! เจ้าอย่าบังอาจคิดแผนชั่ว! ถึงหลานสาวข้าจะดูมีจิตใจงดงาม แต่ในฐานะป้าใหญ่อย่างข้าขอบอกไว้ก่อนว่าไม่เคยสนใจผู้ใด”

สีหน้าแม่หม้ายแข็งค้าง ดูเหมือนว่าท่านพี่จะคิดว่าตนเป็นคนชั่วร้าย แต่ช่างเถอะ เรื่องแม่นางหยุนต้องมาก่อน!

ท่านป้าเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินตามหลังเธอมา อย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าใสซื่อ ทําให้ในที่สุดนางจึงหยุดคิดอย่างนิ่งสงบ

ทั้งสองเดินเข้าไปในเรือนเฉินไป หยุนเถียนเถียนกําลังกัดฟันต่อสู้กับกองเข็ม ภรรยาเฉินไปบอกเธอว่าเจ้าสาวมือใหม่จะต้องทําชุดแต่งงานด้วยตัวเอง แต่มือหยาบกระด้างของนางจะเย็บปักถักร้อยได้อย่างไร?

ในที่สุดภรรยาของเฉินไปก็ให้หยุนเค่อซื้อชุดแต่งงานกลับมา ทว่าเพียงเสแสร้งเย็บเข็มสองสามเข็มให้ดูมีความหมาย ทว่าเข็มไม่กี่เข็มนี้ก็ทําให้นางปวดหัวแล้ว

ทันทีที่ท่านป้าเข้ามาในลานบ้านก็โวยวายเสียงดัง

“เถียนเถียน มีคนมาหาเจ้า ข้าจึงพานางมาที่นี่”

หยุนเถียนเถียนเงยหน้ามองหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ทว่าพยายามซักจนขาวจนสะอาดสะอ้านมาก ดูแล้วน่าจะเป็นคนชนบท แต่นางรู้สึกได้ว่าต้องไม่ใช่คนในหมู่บ้านเป็นแน่

“เจ้าเป็นใคร? มีอันใดให้ข้าช่วยรึเปล่า? ”

ท่านป้ายืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ปริปากกล่าวอันใด ทว่าก็ยังไม่ไปไหน แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูชื่อ ๆ แต่นางก็ยังเกรงว่านางอาจจะเจ้าเล่ห์และฉวยโอกาสที่นางไม่อยู่รังแกเถียนเถียน!

“แม่นางหยุน ข้าขอเวลาคุยกับเจ้าหน่อยได้หรือไม่? ข้ามาจากหมู่บ้านข้าง ๆ ข้าได้ยินข่าวบางประการจึงต้องการมาเตือนแม่นางหยุน”

ในที่สุดแม่หม้ายก็หันมองท่านป้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องด้วยนางอยากคุยกับแม่นางหยุนตามลําพัง

“นั่นคือป้าใหญ่ของข้าไม่ใช่คนนอก! ท่านพี่มีเรื่องอันใดก็กล่าวมาตามตรงเถิด พวกเราไม่ใช่คนไร้เหตุผล ขอเพียงท่านพูดเรื่องจริง ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทําให้ท่านลําบากใจได้!”

เมื่อท่านป้าได้ยินคํากล่าวนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น นางรักหยุนเถียนเถียนเหมือนหลานสาวแท้ ๆ ! ทําให้เมื่อได้ยินจากปากหลานสาวว่านางไม่ใช่คนนอก นางจึงไม่รู้ว่าต้องปลื้มปิติถึงเพียงใด

“นี่… แม่นางน่าจะจําหลินห์ได้ เขาเป็นลูกชาย ท่านลุงใหญ่ของข้า ตามศักดิ์แล้วข้าควรต้องเป็นอาสะใภ้ถึงจะถูกต้อง! แต่หลานชายตนนี้เป็นนักปราชญ์ หัวสูงเขาไม่เคยเคารพข้าแม้แต่น้อย! ข้าอาศัยอยู่ข้างบ้านพวกเขา ดังนั้นวันนี้ข้าจึงได้ยินข่าวบางอย่างเลยตั้งใจมาบอกแม่นางหยุน”

“เมื่อเช้าตรู่หลินหูมาถึงหมู่บ้านเทพธิดา ข้าเห็นเขาพูดคุยกับใครคนหนึ่งแล้วจึงวิ่งกลับไปพบมารดา ทั้งสองปรึกษากันว่าจะใส่ร้ายแม่นางหยุน! ข้าฟังแผนการไร้ยางอายของทั้งสองแล้วจึงอยากเตือนแม่นางหยุนระวังให้มาก! เพียงแต่ว่าข้ามาโดยพลการ เลยไม่รู้ว่าแม่นางหยุนจะเชื่อคําพูดข้าหรือไม่”

ตอนที่ 262 มองย้อนกลับ

สร้อยข้อมือทองคําที่หลี่ชุนเกี่ยวพยายามอวดพร้อมเชิดหน้าขึ้นราวกับนกยูงย่างภาคภูมิใจ

“แม้ว่าเจียวเจียวของข้าจะหน้าตาไม่ดีนักแต่นางก็มีวาสนายิ่งกว่าผู้ใด!ดูนี่สิ! นางแต่งกับตระกูลที่ร่ํารวยทั้งยังซื้อสร้อยข้อมือทองคําให้ข้าคนบางคนหาเงินตลอดทั้งชีวิตก็ยังไม่มีปัญญาซื้อของเช่นนี้เลย”

ครึ่งประโยคแรกนางพูดเหยียดหยุนเสียนเถียนส่วนประโยคหลังเขากล่าวถึงตระกูลยากจน

คนอื่นอาจจะแม่นางสองคนนี้จึงไม่กล่าววาจาใด ๆ ทว่าในใจของหยุนเสียนเถียนนั้นมีความคิดชั่วร้ายคนอย่างหลี่เฟิงไม่มีทางกระโดดโลดเต้นตามอําเภอใจเช่นนี้ได้นานแน่แม้แต่เฉินเจียวเจียวที่พึ่งพาเขาเพื่ออยู่รอดนั้นยังเลิกหยิ่งยโสด้วย

“เฉินเจียวเจียว แม่เจ้าบอกว่าเจ้าได้แต่งงานกับตระกูลสูงส่งงั้นรึ?! ทว่าคราวนี้กลับมาบ้านเกิดแล้วเหตุใดยังไม่เกลาผมอีกเล่า? หรือว่าท่านนายหญิงหลี่พูดจาไม่ประจุบพอจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเรือนได้? แม้แต่บ่าวรับใช้ยังได้ เป็นอนุภรรยาจะตายหรือจะเป็นต่างก็ขึ้นอยู่กับนายใหญ่! ทว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องกลับเรือนตระกูลหลี่เพื่อทนดูสีหน้าฮูหยินใหญ่อย่างสนมนอกเรือนแบบเจ้า!”

แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนไม่ได้มีจิตใจเมตตาถึงเพียงนั้นนางกล่าวถึงเรื่องนี้เพื่อให้คนรู้ว่าไม่ จําเป็นต้องไว้หน้าตระกูลหลีนางเป็นเพียงสนมนอกเรือนเท่านั้น ไม่มีแม้แต่นามในฐานะอนุภรรยาแม้ว่าหลี่เพิ่งจะถูกรังแก ประชดประชันหรือกระทั่งถูกทุบตีถึงเพียงใดคนอย่างหลี่เฟิงก็ไม่มีวันออกหน้ารับแทนคนนอกอย่างแน่นอน

แต่เรื่องนี้กลับเตือนคนอื่นว่าเช่นนี้เป็นได้เพียงลูกสะใภ้รากหญ้าเท่านั้น
หลี่ชุนเกี่ยวเบิกตากว้างและหันไปมองลูกสาวของตนเอง

“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? เจ้าไม่เคยเข้าแม้แต่ประตูเรือนของตระกูลหลี่จริงรึ?”

ดวงตาของเฉินเจียวเจียวเป็นสั่นเทาแต่สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้นางไม่มีอะไรจะพูดเพียงแค่ใช้สายตาราวมีดคมนั้นสับ หยุนเถียนเป็นพัน ๆ ครั้ง

“มันไร้ประโยชน์ที่เจ้าจะจ้องมองข้า! หนึ่งข้าไม่ใช่หลี่เฟิงและสองข้าไม่ใช่ฮูหยินหลี่เจ้าจองมองเช่นนี้ข้าก็ไม่อาจพาเจ้าเข้าเรือนได้”

หลี่ชุนเฉียวไม่ได้เกลียดหยุนเถียนเถียนแต่กลับส่งสายตาเกลียดชังไปยังเฉินเจียวเจียวแทนทั้งหมดเป็นเพราะหญิงสาวชั่วชตนนี้ถึงทําให้ตนเองเสียหน้าท่ามกลางชาวบ้านทั้งหมู่บ้านยัยเด็กเวรไร้ความสามารถแม้แต่ประตูตระกูลหลี่ก็ยังเข้าไม่สามารถเข้าได้ไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อมาถึงนางจึงไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้าน!

“นั่งเด็กเวร ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไร้ความสามารถเวลาผ่านไปนานแล้วแต่เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าเรือนได้! เจ้ามันน่านัก!ข้าอายุปูนนี้แล้วทั้งยังเป็นผู้ให้กําเนิดเจ้าและเลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี!สุดท้ายเจ้ากลับตอบแทนข้าด้วยการขายหน้าข้าเช่นนี้ หรือ!”

หลี่ชุนเกี่ยวพูดพลางยื่นมือคว้าเฉินเจียวเจียวอย่างแรง! คนรอบข้างต่างส่ายหน้าหลี่ซุนเกี่ยวมักทํานิสัยเช่นนี้พูดยากเสียจริง!ครั้งแรกเฉินเจียวเจียวแต่งงานเพื่อชําระหนี้ให้นางแม้ว่านางจะบอกอย่างหยิ่งยโสแต่ก็ยอมทําตามด้วยความรักแต่ท้ายที่สุดถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ชุนเกี่ยวสร้างปัญหาให้กับนางเฉินเฉินเจียวเจียวก็จะไม่จําเป็นต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา

บัดนี้นางกลับหมู่บ้านเพื่อมาเยี่ยมแม่ด้วยกําไลทองขนาดใหญ่ในมือ นั่นไม่ใช่ของปลอมแน่นอนแต่หลี่ชุนเกียวกลับไม่เห็นอกเห็นใจลูกสาวตน เองแม้แต่น้อยทว่ากลับรังเกียจอีกฝ่ายที่ทําให้เสียหน้า

คาดว่าบัดนี้เฉินเจียวเจียวคงจะไม่มีความสุขแม้แต่น้อยแววตานั้นเศร้ามองอย่างบอกไม่ถูกแม้แต่หยุนเสียนเกียนยังรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

เฉินเจียวเจียวเป็นคนไร้เหตุผลแม้ว่านางจะหวาดกลัวหลี่ชุนเกี่ยวก็ตาม ทว่าหากนางโดนขัดใจก็จะรู้สึกฉุนเฉียวทันทีไม่ว่าจะเป็นแม่หรือผู้ใดก็แล้ วแต่

“ท่านแม่! ในเมื่อเจ้ารังเกียจและคิดว่าข้าไว้ความสามารถเช่นนั้นเหตุใดท่านนําข้าไปชําระหนี้แทนเล่า!ท่านคิดว่าข้าต้องการเป็นเพียงสนมนอกเรือนั้นรึ? มันไม่ใช่ความผิดของข้า!ท่านมีความสุขกับเงินขายตัวจากข้าไม่ใช่รึ? แม้แต่เมื่อครู่ที่เพิ่งได้รับกําไลทองก็ไม่เห็นท่านจะสนใจหัวอกลูกสาวอย่างข้าแม้แต่น้อย!”

เฉินฉ่เกินเป็นคนซื่อตรง ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรีอรื่องเล็กในบ้านมักจะขึ้นอยู่กับภรรยาเขาเสมอ แม้แต่ข่าวนี้ก็ทําเพียงนั่งยองๆ อยู่ข้างถนนเพ ราะกลัวว่าสงครามระหว่างแม่ลูกจะพาลมาหาตนเอง

“ได้ เจ้าเด็กเวรนี่โตแล้วปีกกล้าขาแข็งงั้นรึ?ข้าบอกว่าเจ้าไร้ความสามารถ เจ้ายังกล้าอวดดีอีก? หากเจ้ามีความสามารถจริงป่านนี้เจ้าก็ควรครองใจของหลี่เฟิงได้! เสือตัวเมียของเขาจะมีสิทธิ์ได้อย่างไร?ตราบใดที่เขายินดีที่จะแต่งงานกับเจ้า? ข้ามีชีวิตอยู่มาครึ่งชีวิตแล้วยังไม่เคยเห็นเจ้าทําตัวขี้แพ้เช่นนี้มาก่อน”

ป้าหวงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไปนางไม่ชอบให้เฉินเจียวเจียวกล่าวความจริง แต่บัดนี้ผู้หญิงคนนี้ถูกแม่ตนเองแท้ ๆ ส่งตัวไปรับ ชะตากรรมลําบากนางจึงรู้สึกลําบากใจไม่น้อย
“หลี่ชุนเกี่ยวพอได้แล้ว! ลูกสาวของเจ้าจะเป็นอย่างไรแต่อย่างน้อยนางก็กตัญญ แล้วเจ้าอยากให้นางมีความสามารถใดอีกแม้แต่เจ้าหลี่ชุนเถียวยังไม่สามารถทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวตนเองได้!ถ้าเจ้ามีความสามารถนักหนาก็ลองบังคับลูกเขยของเจ้าให้มารับนางเข้าเรือนเสียสิ!”
หลี่ชุนเกียวกลอกตาไปมา “นังแก่ประสาท!ไปไหนมาไหนก็คอยแต่จะสอดเท้าเข้ามาหาเรื่องเจ้าไม่พูดสักครั้งจะตายเช่นนั้นรึ? แม่กําลังสั่งสอนลูกเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
เอาเถอะ! แม้แต่การกล่าวตักเตือนก็กลายเป็น ว่าร้ายป้าจจึงเงียบไม่กล่าวอันใดอีก นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนและปล่อยให้สองแม่ลูกต่อสู้ด้วยฝีปากอย่างดุเดือด
“ท่านแม่! เจ้ารังเกียจที่ท่านพ่อไม่มีความสามารถที่จะไปกับเจ้า แต่เจ้ากลับแต่งงานกับเขา เจ้ารังเกียจที่ข้าไม่มีความสามารถเจ้าก็จงไปจากข้าซะ! ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ๆ หลี่เฟิงจะกล้าทิ้งข้าไว้ข้างนอกได้อย่างไรเล่า? และถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ๆ ก็อย่ารับกําไลทองของข้าเสียเถิด!”

หลี่ชุนเกียวเหมือนจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกที่นางเคยดูแลอย่างดีจะกล้าโต้กลับคําพูดของนางต่อหน้าสาธารณชนแม้ว่านางจะให้แก่เงินแต่กับลูกคนเดียวนางยอมอุทิศตนเพื่อรักษาความรู้สึกของนางการรังเกียจที่ลูกสาวคนนี้ที่ทําให้ขายหน้าก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นางเกลียดแต่ส่วนเรื่องเห็นใจลูกสาวก็เป็นเรื่องหนึ่งที่นางก็รู้สึกเช่นกัน
นางกัดฟันและต้องการที่จะเอาสร้อยข้อมือทองคําโยนให้ลูกสาวนาง แต่เนื้อโลหะที่เย็นเฉียบบนฝ่ามือของนางทําให้นางไม่อาจลงมือได้ 24
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหลี่ชุนเกี่ยวจะโยนสร้อยข้อมือทองให้เฉินเจียวเพื่อไว้หน้า แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลี่ชุนเกียวจะเปลี่ยนใจ

“เหตุใดข้าต้องคืนดอกเบี้ยที่ได้จากการเลี้ยงดู เจ้ามาด้วยเล่า?ไอ่เด็กอกตัญญ เจ้ากล้าทวงคืนสร้อยทองคําที่เพิ่งให้แม่แท้ ๆ ของเจ้างั้น!”
บางที่เฉินเจียวเจียวอาจดูชั่วร้ายเพียงเพราะแม่นางด่าทอนางต่อหน้าสาธารชนเสียมากกว่าแม้ในใจจะยังรู้สึกลําบากใจอยู่บ้างนางอยากจะจากไปอย่างโกรธเคืองใครจะรู้ว่าแม่นางตระกูลรากหญ้าจะดึงนางไว้!
“พอได้แล้ว เลิกทําตัวขายขี้หน้าเถอะ เจ้าจงกลับไปให้ทันรุ่งสางและเร่งตั้งครรภ์เสีย หากเจ้ามีลูกหลี่เฟิงไม่ยอมให้เจ้าต้องอยู่นอกเรือนแน่นอน เขาต้องพาเจ้าไปด้วยทุกที่!”
สองแม่ลูกพูดพลางเดินเข้าไปในเรือนราวกับไม่มีเรื่องโต้เถียงเกิดขึ้นมาก่อน แต่ทุกคนต่างรู้ว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่มีทางลงตัวกันได้นานแน่

ตอนที่ 263 กลิ่นเหม็นที่คล้ายคลึง

หยุนเถียนเถียนมองสองแม่ลูกที่แสร้งสนิทสนมกัน แต่ในใจกลับยังคงฟาดฟันกันอยู่ มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นป้าก็พานางไปเรือนเฉินไป

ลูกสาวเฉินไปออกเรือนได้ราวสองเดือนแล้ว ห้องว่างเปล่าจึงถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น ทว่าเพื่อทําให้หยุนเถียนเถียนสงบลง เฉินไปจึงให้ท่านแม่และภรรยาจัดการให้เรียบร้อย!

ตั้งแต่ภรรยาเฉินไปได้รับอํานาจในการดูแลจัดการโรงผลิต นางดูจะเคารพนับถือหยุนเถียนเถียนมากขึ้น แม้ว่าทัศนคติที่มีจะยังอคติเช่นเดิมก็ตาม

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจว่าคนนอกจะเคารพหรือเกรงกลัวนางหรือไม่ หลังจากกล่าวทักทายทุกคนแล้วนางก็เข้าห้องพักทันที วิสัยทัศน์แรกที่ได้เห็นห้องนั้นนางก็ตระหรักได้ว่าคนที่ทําความสะอาดห้องต้องมีความตั้งใจมาก ถึงทําให้ห้องสะอาดสะอ้านเพียงนี้ แม้กระทั่งผ้าปูที่นอนยังดูเหมือนของใหม่

หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่เรือนนี้อย่างสบายใจ แต่หลินหูนักปราชญ์จากหมู่บ้านข้าง ๆ ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าครั้งที่ปะทะหยุนเค่อจะทําให้เขาตกใจยิ่งนัก แต่ความตกใจนั้นก็เกิดขึ้นเพียงแรกเห็น ทันทีที่เขากลับไปก็นึกถึงใบหน้าอันน่าทึ่งของหยุนเถียนเถียนอีกครา ทําให้จิตใจของหลินหูเต้นแรงอีกครั้ง!

หยุนเค่อเติบโตมาอย่างดี แต่ทว่าจิตใจกลับดุร้ายมาก เช่นนั้นจะเทียบกับตนเองผู้ที่อ่อนโยนได้อย่างไรเล่า? ในใจหลินหูเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเองสูงมาก

หวงซื่อตกใจมาก เมื่อถึงเรือนนางเอาแต่สาปแช่งหยุนเค่อว่าสมควรตายไม่หยุนหย่อน

เสียงนั่นดังไปถึงกูแม่หม้ายที่อยู่ด้านข้าง นางยกมุมปากขึ้นอย่างดูแคลน สองแม่ลูกที่ถูกสวรรค์ลงโทษหาคิดได้ไม่? จึงสมควรแล้วที่จะต้องโดนกระทําเช่นนี้บ้าง

ทว่าบัดนี้แม่หม้ายสาวไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านนัก เพราะหวงชื่อไม่ใช่คนพูดง่าย เมื่อครั้งก่อนที่นางนินทาจนเรื่องถึงหูหวงซื้อ ทันใดนั้นหวงซื้อก็พุ่งปรี่มาที่เรือนและทุบตีนางทันที แม้ว่าจะถูกตบตีเพียงสองสามคราว ทว่าข้าวของบริเวณลานบ้านกลับกระจัดกระจายไปทั่ว

เช่นนั้นนางไม่ควรกล่าวอันใดที่เป็นการยั่วยุใช่หรือไม่?

ถึงกระนั้นไม่กี่วันต่อมา แม่หม้ายก็พบว่าหลินหูที่ไม่ค่อยออกไปไหน บัดนี้เขากําลังออกไปข้างนอกอีกแล้ว เขาเลือกสวมเสื้อผ้าตัวโปรดและดูดีที่สุด เมื่อเห็นทิศทางที่เขาไปนั้น ปรากฏว่าเขากําลังมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านเทพธิดา

หากกล่าวว่าเจ้าเด็กกะล่อนมิได้ไปหาแม่นางหยุน แม่หม้ายจะเชื่อได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้แม่นางหยุนและนายพรานไม่อยู่เรือน ทําให้เรือนของนางทรุดโทรมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ทั้งสองกลับมา และดูเหมือนว่าชีวิตของทั้งคู่จะดีขึ้นมาก เหตุใดถึงยังแล้งน้ําใจต่อเพื่อนมนุษย์เล่า? แม่หม้ายไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ตนเอง แต่นางเพียงหวังให้ลูกได้ดีกเท่านั้น

ทว่ายิ่งเด็กเรียนหนังสือราวกับหนอนหนังสือยจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ การเรียนก็จะยิ่งล่าช้าและทําให้แม่หม้ยรู้สึกเจ็บปวดใจมากขึ้นด้วยเช่นกัน หลินหูเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป ทุกคนรู้ดีว่าเขาไม่ใช่บัณฑิตแท้จริง ทว่า เขามีแม่ที่สามารถส่งเสียจนเติบโตได้ก็เท่านั้น
ลูกของนางปราดเปรื่องมาก ความรู้การอ่านก็ไม่เลวนัก น่าเสียดายที่นางเป็นแม่หม้ายไร้ความสามารถ นางจึงปรารถนาให้ลูกได้เรียนหนังสือสูง ๆ เพื่อจะได้เดินบนเส้นทางเดียวกับหยุนเถียนเถียนแทนนาง

หลินหูไปยังหมู่บ้านเทพธิดา แต่เมื่อเดินตรงเข้ามาในบ้านก็ได้ยินบทสนทนาที่กําลังกล่าวถึง หยุนเค่อและหยุนเถียนเถียน ทันใดนั้นเขการู้สึกตื่นตระหนกทันที สาวสวยคนนั้นกําลังจะแต่งงานกับคนอื่น แล้วเขาจะปล่อยวางเรื่องนี้ลงได้อย่างไรกัน?

เขารีบวิ่งไปยังประตูฝั่งหยุนเค่อ ทว่ากลับไม่มีผู้ใดอยู่! เนื่องจากหยุนเค่อกําลังเตรียมงานแต่ง จึงต้องออกไปซื้อของในเมือง ซึ่งฝ่ายหยุนเถียนเถียนก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านเนินไปมาสักพักใหญ่แล้ว

ขณะที่เขาหันหลังเตรียมจะกลับก็พบเฉินไฉ่อีที่กําลังกลับเรือนเพื่อเยี่ยมมารดาของนาง

เฉินไฉ่อีแต่งงานกับจางชิงเฟิง แต่จางชิงเพิ่งจําการทรยศของเฉินไฉ่อได้ ไม่เพียงแต่ลดค่าสินสอดทองหมั้นเท่านั้น แม้แต่คืนว่าส่งตัวยังไม่แม้แต่จะอยู่ด้วยกัน เขาเข้าไปนอนอยู่ในห้องหนังสือแทบทั้งคืน

หลังจากแต่งงานได้ไม่นานก็เดินหน้าศึกษาตําราเรียนต่อทันที นับแต่นั้นก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในสถานศึกษาจนไม่ยอมกลับเรือน แม้เฉินไฉ่อจะยินดีที่เป็นเช่นนั้น แต่จางชิวไฉ่กลับให้ความสําคัญกับนางเป็นอย่างยิ่งและคอยจับตาดูนางตลอดเวลา

เขาไม่อนุญาตให้นางไปที่ไหนทั้งสิ้น! ทั้งเรื่องในบ้านก็ยกให้เฉินไฉ่อทําทั้งหมด! แม้แต่การทําตามประเพณีหลังแต่งงานโดยต้องกลับไปเยี่ยมฝั่งครอบครัวเจ้าสาวก็ยังไม่มีผู้ใดพานางไปสักคน จนกระทั่งหลายวันก่อนนี้จางชิงเฟิงกลับเรือน

จางชิวไม่เริ่มแผนการส่งตัวนางกลับบ้านเกิด! เป้าหมายของเขาเพียงต้องการทําให้นางไม่มีโอกาสได้อยู่กับจางชิงเฟิงอีกต่อไป เฉินไฉ่อจะสามารถฝืนทนบิดาเช่นนี้ได้อย่างไร? นางจึงถือโอกาสนี้กลับไปฟ้องมารดาของตน!

ทันทีที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน นางก็ได้ยินข่าวลือว่าหยุนเคอและหยุนเถียนเถียนกําลังจะแต่งงานกัน นางจึงตระหนักว่าเหตุใดงานแต่งของนาง ถึงไม่ราบรื่นเช่นนี้บ้าง ทว่ากับหยุนเถียนเถียนผู้ไม่มีพ่อแม่กลับได้แต่งงานอย่างสมเกียรติ?

ก่อนที่นางจะกลับถึงบ้านก็พบเข้ากับหลินหู เขากําลังมองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาหลงใหล ราวกับไม่สามารถเรียกสติกลับมาเป็นเวลาครู่หนึ่ง

เฉินไฉ่อไม่ได้สติฟันเฟือน นางจึงพาเดาออกว่าหลินหูชอบหยุ
นเถียนเถียน ทว่าน่าเสียดาย คนที่เขาสนอกสนใจกําลังจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ จะว่าไปแล้วก็สงสารเขาเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เฉินไฉ่อีจึงเข้าหาหลินหูด้วยแผนการที่อยากจะแก้แค้นหยุนเถียนเถียน! แม้ว่าท่าทางของนางจะดูโทรมไปบ้าง แต่สินสอดทองหมั้นที่นางนํามาจากบ้านของเฉินซ่งนั้นมากโข การแต่งกายจึงสุภาพราวกับผู้ดี!

“ท่านชายมิได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ใช่หรือไม่? ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?”

แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหลินหูจะมีใบหน้างดงาม แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนเถียนแล้วนางก็ยังด้อยกว่า จึงทําให้เขาผิดหวังเล็กน้อย!

หากสถานการณ์ทั่วไปแล้วเมื่อเขาเห็นหญิงสาวเช่นนี้ นัยน์ตาคงเป็นประกายไปแล้ว แต่ทว่า หลังจากได้พบกับหยุนเถียนเถียนสายตาของเขาก็เปลี่ยนไป เขาทราบแล้วว่าผู้หญิงหน้าตาเช่นนี้ไม่สามารถทําให้เขาตะลึงงันได้อีกต่อไป

“เสี่ยวเฉิน ข้าหลินฟูจากหมู่บ้านข้าง ๆ ข้ามาหาแม่นางหยุน แต่… นางกําลังจะแต่งงาน! ข้า.. ข้าทราบดีว่าไม่ควรมา!”

ท่าทางผิดหวังของหลินหูทําให้เฉินไฉ่อรู้สึก ยินดีอย่างยิ่ง! ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ ยิ่งใช้ประโยชน์ จากเขาได้ง่ายขึ้น!

“ข้าว่าแม่นางหยุนก็ตาบอดเช่นกัน นายพราน ป่าเถื่อนนั้นมีดีอย่างไร? หาเทียบเจ้าชายเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างเจ้าได้หรือไม่? ทั้งนายพรานเป็นผู้ใดมาจากไหนยังไม่มีใครทราบ ไม่แน่เขาอาจจะเคยก่อการร้ายและแอบมาที่นี่ก็เป็นได้? ข้าว่าไม่แน่นายพรานคนนั้นต้องเล่ห์กลลวงอะไรบางอย่างแน่นอน มิฉะนั้นหญิงสาวโฉมงามราวดอกไม้จะยอมแต่งงานกับเขาได้อย่างไร?”

หลินฟูตระหนักตามอย่างรอบคอบและรู้สึกว่าเช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้!

เมื่อครั้งก่อนเขาเห็นนายพรานเดินมาพร้อมลําแสงอํามหิต ไม่แน่ว่าเขาอาจเพิ่งฆ่าคนตายและกําลังหลบหนีอยู่ก็เป็นได้! แม่นางหยุนไม่สมควรแต่งงานกับคนเช่นนี้ มิฉะนั้น…

เมื่อนึกได้เช่นนี้ เขาเผยยิ้มเลื่อนขึ้นมาทันที “แต่ต่อให้ข้ามีใจก็ไร้ประโยชน์! อย่างไรงานแต่งงานของแม่นางหยุนก็ใกล้เข้ามาทุกที ทั้งใจของนางก็ไม่เคยมีให้บัณฑิตไร้เรี่ยวแรงอย่างข้า!”

ตอนที่ 264 ยุแหย่
ดวงตาของเฉินไข่อีเป็นประกายพร้อมถอนหายใจ “แม่นางหยุนเป็นคนซื่อ เมื่อนางหาเงินได้ด้วยตนเองแล้ว จึงไม่คิดทะเยอทะยานแต่งงานกับตระกูลดี ๆ บัดนี้ข้าเห็นว่านายพรานใช้ให้แม่นางหยุนเลี้ยงดูเขา คนอย่างแม่นางไม่สมควรเจออะไรเช่นนี้!”

“ทว่าหากนางเปลี่ยนใจแต่งงานกับคนอื่นตอนนี้ข้าเกรงว่านางจะดูไม่ดี! นางคงรู้สึกขมขื่นจนทําตัวไม่ถูก หากผู้ใดสามารถพานางหลบหนี จากชีวิตที่ขมขึ้นนี้ได้ ข้าคิดว่านางคงซาบซึ้งใจมากเป็นแน่!”

เฉินไช่ทิ้งท้ายคําแทงใจไว้ให้หลินหู เขาจึงคาดคิดไปไกลว่าหยุนเถียนเถียนผู้อ่อนแอกําลังตกอยู่ในมือนายพรานผู้ดุร้ายจนไม่สามารถทําสิ่งใดได้ นางช่างน่าสงสารยิ่งนัก คงเป็นเพราะชื่อเสียงจึงไม่อาจขขัดขืนได้

แล้วชื่อเสียงมันมีไว้ทําอะไรได้? หากนางกินไม่ได้ นอนไม่หลับ นี่สิจะเป็นสิ่งที่จะขัดขวางชีวิตนางไปตลอดชีวิต ในใจหลินหูสงสารหยุนเวียนเถียนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะนําตนเองเข้าแลก!

“อ๊ะ! ข้าคิดจะช่วยแม่นางหยุนให้รอดพ้นจากชีวิตอันขมขึ้นนี้ แต่ถึงอย่างไรทางตระกูลข้านั้นได้หมั้นหมายกันแล้ว แต่แม่นางหยุนกลับไม่ยินยอม ทว่าดูจากอายุแล้วเจ้าน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกับแม่นางหยุน เช่นนั้นหากเจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมแม่นางหยุนให้เปลี่ยนใจและรับปากว่าจะหมั้นหมายกับข้าผู้น้อยนี้ ข้าสาบานว่าบุญคุณครั้งนี้จะไม่มี วันจบสิ้น ทั้งยังจะมอบของกํานัลให้อย่างงาม! ”

เฉินไช่อนึกถึงหยุนเถียนเถียนด้วยความแค้นในใจ ทว่ากลับต้องฝืนใจพยักหน้า

“แน่นอนว่าข้ากับแม่นางหยุนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่แม่นางหยุนรักชื่อเสียงและคงไม่ยอมถอนหมั้นเด็ดขาด! ข้าว่าคุณชายหลินควรยอมเป็นคนเลวที่ทําลายงานหมั้นหมาย หากวันหนึ่งแม่นางหยุนคิดออกย่อมต้องขอบคุณคุณชายหลินเป็นแน่!”

เมื่อหลินฟูตระหนักว่าตนกําลังจะมีโอกาสได้โอบกอดสาวงามอีกครั้ง เขาจึงรีบเข้าไปถามอย่างร้อนรน “ขอแม่นางชี้แนะด้วย ข้าควรทําอย่างไรดี?”

เฉินไข่อีแอบฉายแววตาอิจฉาริษยา เมื่อนึกถึงสิ่งที่หยุนเสียนเถียนกําลังจะเผชิญ ในใจของนางนั้นรู้สึกดีใจอย่างไม่มีสิ้นสุด

“การจะปฏิเสธการแต่งงานมักต้องใช้ความกล้า หาญ แม่นางหยุนคงไม่สามารถก้าวไปถึงขั้นนั้น ได้ หากคุณชายหลินสามารถชิงสุกก่อนหามกับ นางได้ในเร็ววัน ข้าคาดว่าการหมั้นหมายระหว่างนางกับนายพรานหยุนเค่อจะต้องถูกยกเลิกได้ทันเวลาแน่นอน! เมื่อเวลานั้นมาถึงนางก็จะกลายเป็นของคุณชายหลิน และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขัดขวางได้! ”

หลินหูเป็นเหมือนประตูสู่ศตวรรษใหม่ ไม่ว่าหยุนเถียนเถียนจะต้องการแต่งงานกับนายพรานผู้นั้นจริง ๆ หรือไม่ แต่ตราบใดที่ร่างกายของนางเป็นของเขา การแต่งงานที่ไม่อาจทําลายได้ก็จะต้องถูกทําลายทันที

ดวงตาของหลินหูเปล่งประกาย ทําให้เฉินไฉ่อีหัวเราะอย่างเย็นชา นางแพศยาหยุนเถียนเถียนทําร้ายนางอย่างน่าสังเวชมาทั้งชีวิต แม้จะเป็นถึงคุณชายตระกูลหลี่ก็ไม่อาจบรรเทาความทุกข์ทรมานได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่นางควรจะได้ลิ้มรสการแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบเสียบ้าง?

อันที่จริงหากหยุนเถียนเถียนทราบเรื่องนี้ นางควรกล่าวขอบคุณตนเองเสียด้วยซ้ํา! เนื่องจากอย่างน้อยคนตรงหน้าก็เป็นถึงนักปราชญ์ และเขานั้นสูงส่งกว่าหยุนเค่อผู้เต็มไปด้วยความหยาบคายเล็กน้อย! นางควรจะขอบคุณตนเองจริง ๆ ที่มีโอกาสปีนขึ้นไปหาบัณฑิตเช่นนี้

หลินหูคิดในใจว่าจะทําอย่างไรถึงจะรวบหัวรวมหางหยุนเถียนเถียนให้มาเป็นภรรยาของตนได้ ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าควรเลิกหุ้นจ้านกับเฉินไช่อีได้แล้ว เขาโค้งคํานับอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวขอบคุณและหันหลังเดินจากไป

เขาต้องกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อขออนุญาตท่านแม่ให้เตรียมตัวรับขวัญนางด้วย! แม้ว่ามารดาจะไม่ชอบแม่นางหยุน แต่เห็นแก่ความร่ํารวยของแม่นางหยุน มารดาจะต้องเห็นด้วยแน่นอน

เฉินไช่มองหลินหูเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ นางอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นฉากที่หยุนเถียนเถียนกําลังตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลําบาก นางต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานเพียงไม่กี่วัน! เธอคิดว่าต่อให้นายท่านใหญ่ต้องการช่วยเหลือนางเพียงใด แต่สุดท้ายก็ต้องเห็นแก่สายตาคนในหมู่บ้านมากกว่าอยู่ดี หยุนเถียนเถียนคงทนไม่ได้จนต้องไปบวชหรือยังตนเองไว้ในคอกหมู

ฉากงามตาเช่นนี้ แน่นอนว่านางต้องอยู่ดูด้วยตาตนเอง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเธอถือโอกาสนี้ไปฟ้องท่านพ่อและขอให้พ่อช่วยคิดหาวิธีกดดันตระกูลจาง แม้ว่าเธอจะไม่ชอบคุณชายตระกูลจาง แต่เนื่องจากเขาได้กลายเป็นสามีของเธอแล้ว เธอก็ควรจะต้องมีชีวิตที่ดีที่สุดกับนายน้อยตระกูลจาง

หลินหูเกือบแทบวิ่งกลับไปที่บ้าน หวงชื่อรู้สึกโกรธเมื่อลูกว่าลูกชายมาขอให้ใช้โอกาสนี้เข้าหาแม่นางหยุนอีกครั้ง

“ลูกเอ๋ย! หญิงสาวคนนั้นกําลังจะแต่งงานแล้ว เจ้าอย่าคิดฟุ้งซ่านเช่นนี้เลย รีบทําการบ้านเร็วเข้า หากในอนาคตเจ้าสอบเข้ารับตําแหน่งได้ ต่อให้อยากได้สาวงามยิ่งกว่าแม่นางหยุนผู้นี้ ก็เป็นเรื่องง่ายดายนัก! ”

หลินห์โต้กลับอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านแม่ ท่านโตมาขนาดนี้เคยเห็นแม่นางที่สวยกว่าแม่นางหยุนหรือไม่? มีแต่แม่นางโฉมงานนางนี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับข้า! ยิ่งไปกว่านั้นแม่นางหยุนยังร่ํารวยถึงเพียงนี้ รอให้ข้าแต่งกับคุณหญิงหยุนแล้ว แม่จะไม่ต้องทนทํางานต่อไปไงเล่า ท่านแม่เพียงรอคนมาปรนนิบัติที่เรือนก็พอแล้ว”

หวงชื่อถอนหายใจยาว “หากเจ้าสามารถแต่งงานกับแม่นางหยุนได้ แน่นอนว่าข้าต้องยินดี! แม้ว่าเด็กสาวคนนั้นจะเจ้าอารมณ์ แต่แม่ก็ยังสามารถควบคุมนางได้ แต่ตอนนี้นางมั่นมหมายว่าจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว เช่นนั้นเราไม่มีทางเลือกอีกต่อไป! ”

หลินหูตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เช่นนั้นนางยังไม่ได้แต่งงานเลย! เหลือเวลาอีกเกือบครึ่งเดือน พวกเราสามารถคิดหาวิธีให้นางแต่งงานกับข้าได้! ข้าคิดไว้แล้ว ขอเพียงความรักสุกงอมภายในครึ่งเดือน ก็ไม่ต้องเกรงว่าแม่นางหยุนจะไม่เห็นด้วย!”

หวงชื่อได้ยินลูกชายกล่าว ดังนั้นนางจึงคิดอย่างรอบคอบและพยักหน้าจริงจัง “ถ้าเจ้ามีโอกาส ก็สามารถทําได้! แต่วิธีใดเล่าที่จะทําให้แม่นางหยุนตกลงปลงใจที่จะอยู่กับเจ้า? สิ่งใดเล่าที่จะทําให้แม่นางเห็นแล้วใจร้อนอยากจะเสวนากับเจ้า!”

“ท่านแม่กําลังกล่าวอันใดอยู่ แม่นางหยุนให้ ความสําคัญกับเรื่องชื่อเสียงต่อหน้าผู้คนยิ่งนัก ดังนั้นสมควรแล้วที่นางจะไม่ต้องการคุยกับข้า! นายพรานคนนั้นพูดจาดุดันนางเป็นแน่ ท่านแม่ช่วยพาข้าไปที่หอยาในเมืองเพื่อซื้อผงยาพิเศษกลับมา ข้าจะไปหาเพื่อนสนิทของแม่นางหยุนอีกหมู่บ้าน รอจนแม่นางหยุนดื่มยาชนิดนั้นลงไป แน่นอนว่านางต้องยอมจํานนตัวให้ข้าเป็นแน่!”

“หากถูกจับได้ว่าแม่นางหยุนกับข้ามีสัมพันธ์สวาทต่อกัน เช่นนั้นผู้อื่นจะไม่ยอมให้ข้ากับนางแต่งงานกันอีกงั้นรึ? แม้ว่านายพรานจะดุร้ายเพียงใด ทว่าไม่มีทางเอาชนะแม่นางหยุนได้! ท่านแม่! ได้โปรดช่วยข้าเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตด้วย!”

หวงชื่อลังเลเล็กน้อย หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยชื่อเสียงของลูกชายนางในฐานะนักปราชญ์จะหายไปจนสิ้น การฝืนใจภรรยาไม่เพียง แต่จะไม่จบการศึกษาเท่านั้น แต่ยังต้องถูกจับเข้าคุกด้วย

“ท่านแม่ยังกังวลอะไรอีกเล่า? ไม่ว่าแม่นางหยุนจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่นางก็ยังถือว่าเป็นหญิงสาว! เรื่องไม่รู้ตัวเช่นนี้ จะให้คนอื่นรู้ได้อย่างไรกันเล่า? ในหมู่บ้านย่อมไม่สามารถทนต่อวีรกรรม หญิงสาวที่ไร้บริสุทธิ์อย่างไม่ถูกต้องนี้ได้ ถึงเวลานั้นพวกเรายินดีที่จะรับแม่นางหยุนไว้ ไม่แน่ว่าในใจของนางคงรู้สึกซาบซึ้งใจมากน้อยแค่ไหน!”

ตอนที่ 261 เตรียมงานแต่งงาน

หยุนเถียนเถียนไม่ต้องการท้าทายขนบธรรม เนียมประเพณีแห่งหมู่บ้านเทพธิดา สิบวันก่อนแต่งงานเป็นช่วงเวลาแห่งความคาดหวังและการให้ พรจากผู้อาวุโส

ทว่าเมื่อนางได้อยู่กับเฉินผิงอันกลับก็รู้สึกละอายใจอย่างบอกถูก นางตระหนักว่าเมื่อเฉินติงอันทราบเรื่องนี้คงไม่มีทางขัดค้าน ยิ่งหากนางให้เงินจํานวนหนึ่งกับเฉินผิงอันยิ่ง ก็ยิ่งทําให้เขาดีใจสุดขีดเสียด้วยซ้ํา

ทว่าเรือนที่คล้ายบ้านให้สุนัขอยู่เช่นนี้ นางไม่วันเข้าไปอาศัยเป็นแน่ ทําให้คํากล่าวของเฉินไป ราวกับเป็นตัวช่วยที่ดีของนาง

“ตกลง! เช่นนั้นข้าจะไปอยู่เรือนพี่ชายก่อน!”

เฉินไปพยักหน้าอย่างใจเย็น บัดนี้หยุนเถียนเถียนดุจเป็นเทพเจ้าโชคลาภของครอบครัวพวกเขา เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องสิ้นคิด หากจะขับไล่คนเช่นนี้ออกไปให้ไกลจากวงศ์ตระกูล เพราะเหตุนี้เขาจึงอยากห่าวน้อยตนนี้อยู่เรือนของตนอีกสักสองสามวันก็ยังดี

แน่นอนว่าอนาคตของหญิงสาวผู้นี้ยังสามารถไปได้อีกไกลนัก อย่างน้อยเมื่อเขาย้อนนึกถึงจะได้รู้สึกว่าตนได้ทําอะไรดี ๆ ไว้ให้นางบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้พยายามตอบแทนอะไรใหญ่โตนัก แต่การช่วยนางในช่วงเวลาสําคัญเช่นนี้ก็ถือว่าได้ช่วยเป็นการดีที่ได้ช่วยเหลือ

ทุกคนปรึกษากันเรื่องการแต่งงานอยู่พักหนึ่ง ท่านปู่และหยุนเคอพากันดื่มราวสองสามแก้ว

ในที่สุดงานเลี้ยงก็มาถึงคราวเลิกลา เฉินเฉินผู้ไม่ปริปากกล่าวอันใดตั้งแต่เริ่มงาน จนกระทั่งก่อนแยกย้ายนางหันจ้องหยุนเคอด้วยดวงตาเขม็งพลางกล่าว

“พี่สาวข้าแต่งงานกับท่านถือว่าเป็นเรื่องดี ทว่าท่านไม่มีสิทธิ์ทําให้นางผิดหวังเป็นอันขาด หากท่านกล้ารังแกนางแม้แต่น้อยก็จงอย่าลืมว่าแม้นางจะไม่มีแม่อยู่ แต่นางยังมีข้าที่คอยหนุนหลังอยู่เสมอ”

ปริมาณน้ํามึนเมาที่ดื่มเข้าไปในร่างกายหยุนเคอนั้นไม่มากนัก ทว่าก็ยังถือว่ามึนเมาอยู่เล็กน้อย เขาจึงยิ้มพลางลูบหัวเฉินเฉิน “วางใจเถอะ ต่อให้มีเรื่อง ข้าก็จะทําร้ายตนเองแทนที่จะทําร้ายนาง หากนางหนีไปแล้วข้าจะแต่งงานกับผู้ใดเล่า?”

ถึงกระนั้นเฉินเฉินก็ยังคงไม่พอใจ “อย่าพูดปดกับข้า! เช่นนายท่านหลี่ที่แก่ชรายิ่งนักแต่ยังเก็บหญิงสาวไว้เป็นนางสนมจนแทบนับไม่ถ้วน! เช่นนั้นหากท่านแต่งงานกับพี่สาวข้าแล้วจงรักเดียวใจเดียวเท่านั้น หากข้ารู้ว่าเจ้ามีหญิงคนอื่น

ข้าจะมารับพี่สาวข้ากลับเรือนเองและเจ้าจะไม่มีวันได้เจอนางอีก!”
ใบหน้าหยุนเคอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เด็กน้อยนี่กล้าล่วงเกินเขา ตรงกันข้าม เขากลับมีความสุขแทนหยุนเถียนเถียน แม้เด็กสาวผู้นี้จะไม่รู้ด้วยซ้ําว่าผู้ใดเป็นพ่อนาง ส่วนแม่ก็ตายจากไปแล้ว อย่ากล่าวถึงญาติพี่น้องนั้นไม่มี

แต่แท้จริงอย่างน้อยนางก็ยังมีน้องชายอีกคนคอยหนุนหลัง นางหันกลับไปมองท่านป้าใหญ่ อย่างจี้ชื่อที่คอยเป็นห่วงนาง บัดนี้ท่านป่าใหญ่รักละเป็นห่วงนางยิ่งนัก มีคนเป็นห่วงก็คงดีมากกว่าไม่มีคนรัก!

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าหยุนเคอขอสาบานว่าชีวิตนี้ ข้าจะมีพี่สาวของเจ้าเพียงคนเดียว และจะไม่ชายตามองหญิงอื่นอีก ไม่เช่นนั้นขอให้ข้าตายอย่างน่าสังเวชและตกนรกขุมที่ลึกที่สุด!”

คนโบราณมักให้ความสําคัญกับคําสาบานมาก แต่ในใจหยุนเถียนเถียน การกล่าวคําสาบานเช่นนี้หากวันหนึ่งมีใจมากกว่าก็สามารถทรยศได้ทุกเมื่อ หากสวรรค์สามารถจัดการคําสาบานได้จริง โลกนี้จะมีคนชั่วได้อย่างไร?

เช่นนั้นไม่สําคัญหรอกว่าหยุนเถียนเถียนจะเชื่อหรือไม่ แต่อย่างน้อยเฉินเฉินก็เชื่อเขา

“ดี! ข้าจะยอมยกพี่สาวให้ท่าน! แม้ตอนนี้ข้าจะทําเยี่ยงไรไม่ได้ แต่สักวันข้าจะโตขึ้น! ส่วนสินสอดทองหมั้นเจ้าไม่มีก็ติดค้างไว้ก่อน รอข้าโตขึ้นก่อนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรปันส่วนเอง!”

คําพูดติดเล่นนี้ทําให้หยุนเคอหัวเราะ “เจ้าเด็กโง่! พี่สาวเจ้าความสามารถสูงเช่นนี้ อย่าห่วงเรื่องสินสอดทองหมั้นเลย นางเก็บไว้หมดแล้ว! เหตุใดต้องเอาเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ํามาด้วยเล่า?”

ทว่าเฉินเฉนกลับน้ําตาคอเบ้า “ของที่นางหามา เหมือนกับสินสอดทองหมั้นที่ได้จากแม่งั้นรึ? มีเพียงน้องสาวอย่างข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์มอบแทนแม่ได้!”

“หากไม่ใช่เพราะข้ายังเด็ก หากไม่ใช่เพราะข้าอายุน้อยกว่า ป่านนี้ข้าคงต้องแต่งงานแทนพี่สาวข้า แล้วได้กับเจ้าไม่ใช่รี! ข้าไม่ทราบว่าเจ้าทําบุญมากี่รอยชาติ ถึงได้แต่งงานกับสตรีที่ดีเด่นเช่นนี้!”

คราวนี้หยุนเคอไม่ได้ยิ้มตอบ แต่เขากลับมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความจริงใจ

ปากยังพึมพํากับตัวเองว่า “ใช่ครึ่งชีวิตแรกของข้าช่างเศร้าโศกและไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ใดมาก่อน ไม่รู้ว่าข้าทําบุญอะไรมาถึงได้มีวาสนาเช่น

หยุนเคอเห็นเด็กหญิงตัวน้อยเริ่มเก็บจานและตะเกียบ จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนกะทันหัน

“เถียนเถียน เจ้าทํางานเหนื่อยมามากแล้ว ให้ข้าช่วยเถิด!”

หยุนเถียนเถียนไม่เกรงใจ นางปล่อยชามในมือ ให้หยุนเคอเก็บชามและตะเกียบให้สะอาด สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือหยุนเคอมักจะเงยหน้ามองหยุนเถียนเถียนทุกครั้งที่เขายุ่งอยู่กับงาน

การที่หยุนเคอทําเช่นนี้ ทําให้นางนั้นแทบทําตัวไม่ถูก บัดนี้สาวน้อยจึงดูมีท่าทางผิดปกติ หา กก้นบึงหัวใจไร้ความสุขก็คงโวยวายยกใหญ่ไป แล้วใช่หรือไม่? หรือแม้จะมีความสุขในใจ แต่ด้วยเป็นสาวเป็นนางจึงต้องทําท่าที่เขินอาย เป็นพิธีจึงจะถูกไม่ใช่? ทว่าหญิงสาวไม่มีกริยาทั้งสองอย่าง ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของผู้อื่นตั้งแต่ต้น!
งานแต่งงานระหว่างหยุนเคอและหยุนเถียนเถียนถูกกําหนดให้ตรงกับวันที่เก้าของเดือน! คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าวันนั้นจะมีงานเลี้ยง แม้จะยังไม่ได้รับสิ่งของใด ๆ นั้นก็ทําให้หมู่บ้านคึกคักขึ้นได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป! บ้างก็ถอนหายใจด้วยหยุนเถียนเถียนและหยุนเคอร่ํารวยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงควรเลี้ยงข้าวแขกและจัดงานเลี้ยง! บ้างก็ถอนหายใจจกับความโชคดีของหยุนเถียนเถียนเด็กสาวที่ถูกรังแก แต่ตอนนี้กลายเป็นคนรวยที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน

สําหรับเรื่องที่หยุนเถียนเถียนไปอยู่บ้านของผู้ใหญ่บ้านก่อนจะงานแต่ง ทุกคนต่างก็ร่ําลือไปต่าง ๆ นานา!

บางคนกําลังคาดเดาว่าหยุนเถียนเถียนมอบผลประโยชน์ให้กับตระกูลผู้ใหญ่บ้านไปจํานวนมาก บ้างก็บอกว่าหยุนเถียนเถียนให้ของติดสินบนผู้ใหญ่บ้านไว้แล้ว ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็แค่โยนลูกท้อตอบแทน แต่ไม่ว่าชาวบ้านจะคาดเดาอย่างไร หยุนเถียนเถียนและเฉินไปก็ไม่มีคําอธิบายใด ๆ ทั้งคู่แค่ยิ้มรับเท่านั้น

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเฉินเจียวเจียวแต่งงานมาเป็นเวลานาน ทว่าไม่มีข่าวใด ๆ และในที่สุดก็กลับมาที่หมู่บ้านในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลายคนกําลังรอดูเรื่องตลก และเมื่อเฉินเจียวเจียวรู้ว่าจะการจัดงานแต่งงานของหยุนเถียนเถียน แล้วเช่นนี้จะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นหรือไม่?

ชาวบ้านต่างก็คาดเดาส่วนตัวเพียงเท่านั้น แต่แม่ของเฉินเจียวเจียว หลี่ซุนเกี่ยวค่อนข้างแผนสูง

เฉินเจียวเจียวกลับมาพร้อมสวมเสื้อผ้าสง่างาม แม้แต่ปิ่นปักผมทองบนหัวของนาง ที่คนในหมู่บ้านไม่สามารถหามาใส่บนศีรษะได้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทําให้หลีชุนเกี่ยวขมวดคิ้ว พร้อมจ้องไม่ละสายตา นางไม่สนใจผมที่พลิ้วไหวบนศีรษะที่ไม่ได้รับการเกลาแต่อย่างใด นางเอาแต่โอ้อวดไว้ว่าลูกสาวตนเองได้ไปแต่งงานกับชายที่ดี

แม้ว่าชาวบ้านจะไม่ชอบท่าทางของนาง แต่ฐานะของหลี่เฟิงนั้นไม่ใช่คนที่ชาวบ้านธรรมดา ๆ จะล่วงเกินได้! ดังนั้นแม่ในใจจะรู้สึกไม่ดีแต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก

อย่างไรก็ตามยังมีคนที่ทําตัวเป็นแมลงปอเสมอ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะอวดลูกสะใภ้ แต่กลับไปอวดต่อหน้าหยุนเถียนเถียน…

ขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังจะย้ายไปอยู่บ้านของเฉินไป นางได้พบกับหลี่ชุนเกี่ยวระหว่างทาง!

ตอนที่ 260 ห้อง

“เอาล่ะเถียนเถียน! เจ้าไม่มีแม้แต่เงาข้าในหัวใจจริง ๆ ใช่หรือไม่? ท่านป้าใหญ่คงคาดว่าเจ้าต้องไม่ยอมแต่งงานกับข้าเป็นแน่! นั่นยิ่งอาจทําให้เจ้ารู้สึกผิดที่ไม่เคยห้ามหลี่ชวนฮวา!”

วาจาของหยุนเคอทําให้หยุนเถียนเถียนหยุดพูดทันที

“เจ้าดูสิ ท่านป้าเผยสีหน้าดีใจยิ่ง ป่านนี้ป้าท่านคงประกาศว่าเจ้ากับข้าเป็นคู่รักหวานชื่นไปถึงไหนต้องไหนแล้ว หากเจ้าออกไปขวางเช่นนี้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? เถียนเถียน ข้าอ้อนวอนเจ้าหลายต่อหลายครั้ง จากเดิมที่ข้าอาศัยเจ้าเลี้ยงชีพอยู่ หากถูกเจ้ากระทําเช่นนี้อีก ข้าก็ไม่รู้ว่าจะแบกหน้าอยู่กับเจ้าไปด้วยเหตุอันใด!”

หยุนเคอคาดไว้ไม่มีผิด หยุนเถียนเถียนเป็นคนประเภทว่านอนสอนง่ายและหัวอ่อน ถึงกระนั้น นางก็ยังคงก้าวเท้าออกไป ทว่าไม่ใช่เพราะนางไม่รู้สึกเศร้าใจกับท่าทางและคํากล่าวของหยุนเคอแต่อย่างใด…

“ข้าจะทําให้ถูกต้อง! เถียนเถียน ข้าว่าท่าทางก่อนหน้านี้ของเจ้า นั่นไม่เหมือนกับที่คนลือกันแม้แต่น้อย และต่อไปนี้ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าจนกว่าเจ้าจะเห็นด้วย แม้ดวงใจของข้าจะอยู่กับเจ้ามาตลอด แต่ทว่าข้าจะไม่ฝืนเจ้าจนกว่าเจ้าจะรู้ใจตนเองอย่างแท้จริง หากเกิด…”

หยุนเคออดทนต่อความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจจนในที่สุดก็กล่าวต่ออีกครั้ง
“ทว่าสุดท้ายหากข้าไม่อาจครองหัวใจเจ้าได้ และเจ้าต้องการจะหย่ากับข้า ข้าก็จะยอมเสียโดยดี!”

หยุนเคอกัดฟันและอดทนต่อความคับข้องใจ ทําให้หัวใจหยุนเถียนเถียนรู้สึกอ่อนไหวทันที แม้ว่าสีหน้าของนางจะดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่สุดท้ายนางก็ดึงสติกลับมานั่งที่ลานบ้านอย่างเชื่อฟัง

หยุนเคอเข้าใจดีว่าหยุนเถียนเถียนนั้นอ่อนไหวมาก ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่เขาจะไม่แตะต้องนาง

“เถียนเถียน ค่ํานี้เจ้าจะกินไก่ตุ้นเกลือไม่ใช่รี? เช่นนั้นให้ข้านั่นเป็นชิ้นแยกเลยหรือไม่? ”

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็ตามความคิดของหยุนเคอไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเลิกคิดเรื่องแต่งงานอีกต่อไปและกลับมามุ่งความสนใจไปที่ไก่ในครัวแทน

“อื้ม! ไก่ตุ้นเกลือไม่ต้องนั่น เจ้ารอข้าพอแล้ว ข้าจะทําอาหารเย็นมื้อนี้เอง! เข้าเคยโปรดปรานอาหารจานนี้ที่สุด ข้าอยากให้เจ้าลองลิ้มรสมันรับรองว่าต้องติดใจ”

หยุนเถียนเถียนเดินไปที่ห้องครัวอย่างร่าเริง และเริ่มล้างไก่ให้สะอาดพร้อมหมัก

นางไม่ทราบว่าหยุนเคอคิดเช่นไร ทว่าเห็นได้ชัดว่าหยุนเคอเกรงว่านางจะกลับคํา ดังนั้นจึงลากนางเข้าไปในห้องครัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันที

นางทําตามที่หยุนเคอพูดทุกประการ แม้แต่ตัว นางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวตนนาง

ตามหลักแล้วนางเป็นผู้หญิงที่รักอิสระและ พึ่งพาตนเอง ดังนั้นจึงมีความคิดเป็นของตัวเองสูง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจบังคับความคิดนางได้

อย่างก่อนหน้านี้ที่หลี่ชวนฮวาฉวยโอกาสครั้งที่นางสลบไปจัดการเรื่องสู่ขอ หรือป้าที่พยายามบังคับให้นางแต่งงานโดยเร็วที่สุด! ไม่ว่าด้วยเหตุใดหยุนเสียนเถียนกลับรู้สึกว่าในใจไม่ได้โกรธหรือเกียจแค้นถึงเพียงนั้น ทั้งนางยังแอบดีใจขึ้นมาเสียด้วยซ้ํา

การมีโอกาสได้เกิดใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากชีวิตนี้ไม่สู้และยังทําทุกสิ่งตามใจตนเองเช่นเคย นั่นก็ถือว่านางไม่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ!

หยุนเถียนเถียนตระหนักในใจ พร้อมเงยหน้ามองหยุนเคอที่กําลังเร้าร้อนอยู่หน้าเตาอีกครั้ง แววตาของนางจ้องมองอย่างอ่อนโยน

สถานภาพหยุนเคอนั้นกล่าวได้ว่าไม่ธรรมดา แต่ตัวตนของนางกลับเรียบง่ายอย่างบอกไม่ถูก หากในอนาคตตัวตนของเขาสร้างปัญหาให้นางโดยอาจต้องเผชิญหน้ากับเทพสังหารการสูงสุด! แล้วหากถึงวันนั้นหยุนเคอพบหญิงสาวยุคใหม่ที่พร้อมอยู่ข้างเขาทุกเมื่อ แม้ว่านางจะเจ็บปวดจริง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ต่อไปไม่ได้

หยุนเถียนเถียนตระหนักคิดไปเองในหัว และในที่สุดก็เงยหน้าพร้อมกล่าวว่า “ท่านป้าไปหาซินแส ไม่แน่ว่าอีกไม่นานต้องมีมวลชนกลุ่มหนึ่งมากินข้าวบ้านเรา! เช่นนั้นท่านช่วยสวนผักด้านหลังและเก็บผักมาเพิ่มให้ข้าที! ”
หยุนเคอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเรื่องนี้! ฟังจากความหมายของสาวนางแล้ว นางไม่รังเกียจกับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ เขาจึงรับอาสาทําทุกอย่างเพื่องานแต่งและดูแลเอาใจใส่แขกให้ดีที่สุด

ดวงตาของหยุนเคอเปล่งประกายและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังสวนผัก จนกระทั่งตะกร้าผักเต็ม เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

เมื่อได้สติกลับมา หยุนเคอก็ยิ้มอย่างขมขื่น มีเพียงเด็กสาวคนนี้เท่านั้นที่สามารถทําให้ภาพลักษณ์สุขุมมาตลอดนั้นเสียไปจนแทบสิ้น!

ในความเป็นจริงหยุนเคอยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่กังวล นั่นเป็นเพราะกลัวว่าเมื่อแขกมาถึงแล้ว จู่ๆ จะคัดค้าน เขาจึงกัดฟันตัดสินใจรอเพื่อจะต้องหยุดนางให้ได้!

ตอนที่ป่าใหญ่พาครอบครัวของนายท่านมาถึง หยุนเถียนเถียนก็วางอาหารบนโต๊ะบริเวณลานบ้านแล้ว

“ดูนางสิ ปากบอกว่าไม่เต็มใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั่นไม่ใช่ความสุข? ”

ใบหน้าของหยุนเกียนเดียนแดงระเรื่อ แต่ไม่กล่าวอะไรออกมา
หยุนเคอรู้สึกโล่งใจและนั่งลงบนโต๊ะ

นายท่านใหญ่ให้ความสําคัญกับคู่บ่าวสาวคู่นี้ แต่ก็รู้เรื่องราวของพวกเขามาโดยตลอด จนตาแก่เริ่มตัดสินใจไม่ได้

แต่ชายชราที่ฉลาดแหลมนี้สามารถสรุปได้ ทันทีว่าหยุนเคอมักจะเอียงคอและมองไปที่สาว นางที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ความรักในดวงตาของเขาไม่ใช่การเสแสร้ง

ส่วนหยุนเถียนเถียน สาวน้อยคนนี้เป็นคนขี้โมโห ไม่เคยทนรับความคับข้องใจใด ๆ ได้! ทว่าบัดนี้สามารถนั่งเงียบ ๆ พร้อมฟังผู้อาวุโสหลายคนปรึกษาหารือกันเรื่องแต่งงานเช่นนั้น หมายความว่าในใจของนางต้องพอใจอย่างแน่นอน

“เอาล่ะ! การแต่งงานมีกําหนดการอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ตอนนี้พวกเจ้าอาศัยอยู่ในเมืองที่ทําอะไรง่าย ๆ ไม่จําเป็นต้องอาศัยพิธีรีตองอะไรมาก ทว่าวันแต่งงานเจ้าต้องแยกกัน! ไม่ว่าเฉินผิงอันจะแย่แค่ไหนเขาก็เคยเป็นพ่อเจ้า หากเจ้าจะไปอยู่เรือนเขาสักสิบวันก็ไม่มีใครว่าได้! ขึ้นอยู่กับใจแล้วว่าเต็มใจหรือไม่!”

ป้ายังพูดด้วยความประหม่า “น่าเสียดายที่บ้านของป้าใหญ่ไม่กว้างขวาง และไม่อาจสร้างบ้านใหม่ให้เจ้าได้! ถ้าปล่อยให้ลูกสาวที่กําลังจะแต่งงานและย่าอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องดี! ”

เมื่อกล่าวจบ เฉินไปผู้รับบทเป็นผู้ฟังที่เงียบสงัดมาโดยตลอด ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็พูดแทรกขึ้น “เจ้าไปพักที่บ้านข้าดีกว่า แม่นางของข้าเพิ่งออกเรือนได้ไม่นาน ห้องยังว่างอยู่! อย่างไรก็ตาม น้องชายของเจ้าได้กลายเป็นน้องชายของข้าแล้ว ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ในบ้านของพี่ชายของข้าก็ถือว่าถูกต้องแล้ว! ”

หยุนเถียนเถียนพูดไม่ออก ตอนนี้เฉินไปอายุสี่สิบกว่าแล้ว เพราะหลายปีการทํางานหนักอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี หากเป็นพ่อให้หยุนเถียนเถียนก็ยังพอได้ แต่ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นพี่ชายของนางอย่างว่าง่าย เรื่องนี้ทําให้นางพูดไม่ออกจริงๆ

แต่ทุกคนในที่นี้ต่างรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล! หยุนเวียนเถียนพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งจะได้เลี้ยงน้องชายตนเองไปด้วย น้องชายคนนี้เป็นน้องชายของเฉินไป ตามรุ่นของนางถือว่าเป็นนางเป็นน้องสาวของเฉินไป

ตอนที่ 259 บังคับให้แต่งงาน

หยุนเถียนเถียนเขินจนร้อนผ่าว แต่ทว่าในใจของนางยังคงนึกถึงครั้งที่ตนกําลังคิดหาวิธีให้หยุนเคอจัดการกับไก่ ทว่าจู่ ๆ เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนั้นได้?

“ท่านป้าใหญ่! นั่นไม่เร็วเกินไปหน่อยรึ? ข้าไม่ได้รีบร้อนอะไรถึงเพียงนั้น…”

ป้าจี้ถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ “เจ้ากล่าวเช่นนี้ได้เยี่ยงไร! หากเจ้าไม่คุยกับหยุนเคอข้าจะเจรจาเอง! อย่างไรข้าก็ต้องจัดการให้เจ้าทั้งสองแต่งงานกันให้เร็วที่สุด!

หยุนเกียนเถียนอยากจะเข้าไปห้ามป้า แต่ทว่าบัดนี้วาจาของป้านางดูเหมือนปืนกลที่ไม่เปิดโอกาสแม้แต่ให้นางได้พักหายใจ

“สาวน้อยอย่างเจ้าช่างละเลยยิ่งนัก บัดนี้หยุนเคอจัดการหนวดเคราจนหายไปเสียแล้วเขาดูดีขึ้นมาก กล่าวได้ว่าเขามีแต่หญิงสาวงดงามมาพัวพันแทบทุกเวลา เช่นนี้เป็นชายใดก็ไม่อาจทนได้! ฉะนั้นเจ้าต้องให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด! เจ้านั้นเด็กน้อยไร้เดียงสาเกินไป ในฐานะที่ข้าอาบน้ําร้อนมาก่อนเจ้าจงฟังข้าซะ!”

หลังจากพูดจบ หยุนเสียนเถียนยังไม่ได้ทันได้กล่าวอันใด ป้าของนางก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมตะโกนว่า “หยุนเคอ! เจ้าอยู่เรือนหรือไม่?”
“แม้ว่าหยุนเคอจะเย็นชามาตลอดแต่อย่างไรเจ้าของเสียงนี้ก็คือหนึ่งในญาติของสาวงามหนึ่งเดียวในใจเขา

เมื่อได้ยินเสียงญาตของหยุนเถียนเถียนหยุนเคอจึงรีบวางมือลงและก้าวออกไป

“ท่านป้ากําลังหาข้าอยู่ไม่?”

หยุนเถียนเถียนกลอกตาและเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันป่าใหญ่ก็ตะโกนออกไปอีกครั้ง

“ใช่! ข้ามีบางอย่างต้องคุยกับเจ้า! ดูซิว่าเด็กคนนี้หน้าตาไม่เลวเลย ทั้งนางยังมีความสามารถล้นหลามหลายวันมานี้นางหาเงินให้เจ้าได้ไม่น้อย! แต่สาวน้อยนางนี้ช่างไร้เดียงสานักข้ารู้ว่าเจ้าทราบว่าข้ากําลังหมายถึงเรื่องอันใด! ซึ่งนั่นไม่ควรยืดเยื้อเวลาให้มากไปกว่านี้แล้ว”

หยุนเคอเหมือนสุภาพบุรุษที่แท้จริง เขาก้มหัวลงและปล่อยให้ผู้อาวุโสตําหนิเขา ทว่าในทางกลับกัน เมื่อยิ่งได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“พวกเจ้าอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมานานถึงเพียงนี้ แต่ยังไม่พูดถึงการแต่งงานกันอีกรึ? หากเป็นชาวบ้านนอกเมืองเช่นนี้ก็พอเข้าใจอยู่ แต่อย่างไรก็ไม่มีทางห้ามไม่ให้ถูกนินทาได้! โดยเฉพาะเรื่องที่ตระกูลหลินมาหาเรื่องเมื่อไม่นานนี้ เจ้าก็ควรรู้ว่ามันไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้แน่ถูกหรือไม่?”

“หากพวกเจ้าแต่งงานกันให้สิ้นต่อให้เป็นหลินหูก็เถอะก็ไม่อาจทําอะไรได้! มิเช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าลานบ้านวันนี้ก็ไม่มีทางแน่? ”

หยุนเคอพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําเล่าราวกับเห็นด้วยกับคําพูดของป้า!

“จริงอย่างที่ท่านป้าใหญ่พูดทุกประการ! ข้าเองก็อยากแต่งแม่นางคนนี้เข้าบ้านให้เร็วที่สุดเช่นกันแต่…”

“แต่อันใดรี? เช่นนั้นเจ้ามาทําสิ่งใดที่นี่?หรือว่าเจ้ายังคิดถึงเฉินเจียวเจียวนางไร้ยางอายอยู่เช่นนั้นรึ?ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าอย่างนะ ถึงยายเด็กนี่จะไม่มีญาติพี่น้อง แต่ป้าอย่างข้าไม่มีทางให้นางโดนรังแกเด้ดขาด! เจ้ากล่าวมาให้ชัดเจนเสียว่าจะแต่งงานเมื่อใด? ”

หยุนเคอมองไปที่หยุนเวียนเถียนด้วยรอยยิ้มและพูดว่า”หากให้ข้าพูดว่าเมื่อไหร่… ข้าคงคิดว่าคืนนี้เลยก็คงดี!ทว่าหวานใจข้าคงไม่พอใจแน่!”

“ป้าจี้หันหน้าถลึงตาใส่หยุนเวียนเถียนอย่างดุดันจากนั้นจึงกล่าวเสียงดังต่อไป”ขอเพียงเจ้พอใจก็พอแล้ว ส่วนยัยเด็กนี่ได้อยู่เรือนเจ้ามาตั้งนาน ถ้านางไม่แต่งกับเจ้า แล้วจะแต่งกับผู้ใดได้ เจ้าสนใจบ้างไหมว่านางจะมีความสุขหรือไม่? เจ้าเห็นนางเป็นผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนั้นรึ?”

“ในเมื่อเจ้ายินดีเช่นนั้นก็ดีแล้ว! เรื่องแต่งงานข้าจะดูแลเองใช้โอกาสที่เจ้าทั้งสองอยู่ในหมู่บ้านนี้เพื่อเร่งจัดการซ่ะจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาจากภายนอก!”

หยุนเกียนเถียนเบ้ปากด้วยความคับข้องใจ ความรับผิดชอบทั้งหมดหลังจากทั้งสองแต่งงานยังคงวนเวียนในหัว!
ไม่! ประเด็นไม่ได้อยู่ที่นี่! ประเด็นคือนางไม่เคยวางแผนที่จะแต่งงานเร็วถึงเพียงนี้ต่างหาก!

“ท่านป้า! ข้ายังเยาว์อยู่ไม่ต้องรีบร้อน!”

หยุนเคอกล่าวแทรกขึ้นทันที

“เถียนเถียน เจ้าแต่งงานกับข้าเถอะ แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีอะไรให้ใหญ่โต แต่หัวใจของข้ามีแค่เจ้าอย่างแท้จริง! อีกนัยหนึ่งหากเจ้าแต่งงานกับข้าแต่แรก ก็จะไม่มีปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น ข้าคิดว่าป้าใหญ่พูดถูกเราควรรับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!”

หยุนเสียนเถียนขมวดคิ้วและพูดว่า”หยุนเคอเจ้าตกลงที่จะรอข้าโตกว่านี้ก่อนไม่ใช่หรือไม่?เหตุใดจู่ๆถึงกล่าวเช่นนี้?”

หยุนเคอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้”ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าหมั้นแล้วแต่ยังมีชายใดคอยคิดถึงเจ้าอยู่ข้าไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขเจ้าแน่นอนเถียนเถียน บัดนี้พวกเราควรแต่งงานกันเสียแล้วข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่อยากมีทายาทเรื่องนี้ข้ารับได้ เพราะข้าก็ไม่ได้รีบร้อนข้ารู้ว่าเรื่องนั้นจําเป็นต้องรอให้เจ้าโตกว่านี้”

หยุนเถียนเถียนยังต้องการโต้กลับ แต่จชื่อกลับกล่าวอย่างไม่พอใจ”ยัยเด็กนี้ยังเลือกได้อยู่หรือ? หยุนเคอชอบนางมากใช่หรือไม่?แม้ว่าเจ้ากับข้าจะไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกันแต่หลายปีมานี้ข้าก็มองเจ้าเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของข้าแม่เจ้าจากไปแล้วเช่นนั้นข้าจึงต้องเป็นผู้ตัดสินใจแทน! ข้าจะไปหาซินแสเดี๋ยวนี้!เขาจะได้หาฤกษ์
ยามให้

หลังจากกล่าวจบ ป้าจึงแอบลากหยุนเกียนเถียนไปด้านข้าง
“ยัยเด็กบ้ากล่าวไม่รู้ความเช่นเคย! ถ้าหากเจ้าไม่ชอบหยุนเคองั้นจงอธิบายให้ข้าฟังเสียว่าปากเจ้าไปโดนอันใดมา? อย่าโกหกข้า ข้าเป็นผู้อาวุโสกว่าเจ้าเรื่องเพียงนี้ข้าย่อมรู้ได้!”

“ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้วหลังเจ้าที่เจ้าทั้งสองแต่งงานกัน แต่เจ้าก็เห็นว่าหมู่บ้านเราให้ ความสําคัญกับเรื่องหญิงสาวถึงเพียงใด?หลังจากแต่งงานแล้ว พวกเจ้าจะทําเช่นใดกันก็เรื่องของพวกเจ้าแต่นี่ยังไม่แต่งงาน ถ้าเจ้าออกไปด้วยใบหน้าเช่นนี้เจ้าจะถูกตราหน้าว่าหน้าไม่อายเสียได้?”

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินป่ากล่าวถึงเรื่องเช่นนี้อีกครั้ง ใบหน้าแดงระเรื่อก็ยิ่งแดงระเรื่อราวกันลิง ในขณะเดียวกันท่านป้ายังคงไตร่ตรองอยู่นานจนสามารถคิดกล่าวข้อต่อรองได้

“หึม! ปัญหานี้จบเสียที! หยุนเคอเติบโตนมาเช่นนี้หากมีหญิงสาวนางใดเข้ามาหาเขาจริงๆ! เจ้าก็จะสามารถไล่นางได้อย่างชอบธรรม! หยุนเคออาจจะกล่าวไว้ว่าจะรอเจ้าโตและจะคอยคิดถึงแต่เพียงเจ้าก็จริง! แต่นางแพศยาไร้ยางอายนั้นมีไปทั่วหากเจ้าไม่รีบหญิงสาวพวกนั้นก็จะสามารถเอาหยุนเคอไปได้โดยไม่ผิดอัน

ใด!”

ป้ากล่าวตรงไปตรงมาอย่างแจ่มแจ้ง หลังจากล่าวเสร็จก็หันหลังเดินจากไป หยุนเถียนเถียนไม่ทันได้ห้าม ทว่าป้าจี้ก็เดินถึงประตูเสียแล้ว

หยุนเคอไม่ได้โง่ ในทางกลับกันเขาชาญฉลาดมากกว่าที่คนอื่นรู้ หากไม่มีผู้ใดบีบบังคับนางไม่มีทางที่นางจะสนใจใยดีกับเรื่องเช่นนี้
ซึ่งบัดนี้มีพระเจ้าเข้ามาช่วยกล่าวกับนาง ถ้าหยุนเคอไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อแต่งงานกับสาวน้อย หากเขาต้องเสียนางไปก็สมควรแล้ว!
ถ้าปล่อยให้หญิงสาวเดินตาป้าไปแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้หยุนเถียนเถียนวิ่งจากไปหยุนเคอเร่งยื่นมือห้ามนางทันที

ตอนที่ 258 ห้องครัวแสนคลุมเครือ

หลินหูกลัวจนเหงื่อไหลพลักอาบแก้ม เมื่อหยุนเคอเข้ามาใกล้ เขาก็ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไปจึงล้มลงกับพื้นทันที

“หากข้าพบเจ้าปรากฏตัวที่หมู่บ้านเทพธิดาเพื่อตามระรานคู่หมั้นของข้าอีกครา! ข้ากล้ารับประกันเลยว่าเจ้าจะไม่ได้ออกจากหมู่บ้านเทพธิดาได้ง่าย ๆ เช่นนี้แน่! ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูอย่างไรข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องทําฉะนั้นข้าเล่นกับเจ้าได้ทั้งวัน!”

เสียงคมเข้มนั้นราวกับยมบาลที่ต้องการมาพรากชีวิตหลินหูพยักหน้าด้วยความหวาดผวา แม้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทว่าอย่างน้อยบัดนี้ เขาก็ไม่กล้าคิดเรื่องหยุนเถียนเถียนอีกแน่นอน แม้ว่านางจะสง่างามปานใด แต่อย่างไรเขาก็ต้องรักชีวิตตนเองก่อนอยู่แล้ว

“ดี! ดูแล้วเจ้าคงพูดรู้เรื่องมากกว่าแม่ของเจ้าอยู่นะ”

หยุนเคอไม่พูดพร่ําทําเพลงเขาถือไก่ป่าไว้ในมือ พร้อมเดินจากไปยังลานบ้านที่ปิดประตูยู่อย่างน่าเกรงขาม

หลินหูเกรงกลัวจนต้องวิ่งไปที่หมู่บ้านของเขา โดยไม่สนใจหวงชื่อที่ยังกลิ้งอยู่ในหลุมโคลนแม้แต่น้อย

หวงซ่อนอนอยู่ในหลุมโคลน พร้อมดิ้นรนที่จะลุกขึ้น นางทั้งร้องไห้และด่าทอราวกับหญิงบ้า แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะกล่าววาจาหยาบคายต่อหยุนเคมากนัก! นางจึงด่าวนไปวนมาไม่กี่ประโยค เพราะกลัวว่าจะเผลอยั่วโมโห และหยุนเคอจะทุ่มตัวนางอีกครั้ง

แม้ว่าจะมีคนในหมู่บ้านเห็นฉากนี้ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาอยู่ดี เช่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความยุติธรรม!

แม้เขาจะด่าไปหลายคํา ก็ยังไม่มีผู้ใดสนใจทําให้หวงซื้อที่โกรธนางมากเพียงใด แต่ก็ต้องกลืนมันลงไปดังเดิม นางมองทั่วทิศทางทั้งบริเวณที่บุตรชายของเขาเดินอยูปรากฏว่าบุตรชายนางกลับไปนานแล้ว หวงซื่อจึงทําได้เพียงเดินตามหลังกลับไปอย่างตกอับ!

หยุนเคอทําให้แม่ลูกสองคนนี้หุบปากได้อย่างไร? หยุนเถียนเถียนไม่เคยทราบ! บัดนี้ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น พร้อมจ้องมองไปยังไก่ป่าที่หยุนเคอนํากลับมาด้วย

เนื่องจากเป็นช่วงปลายของฤดูใบไม้ร่วง สัตว์ประเภทไก่ป่าจึงกลัวว่าหลังจากเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว จึงต้องกักตุนหาอาหารให้เพียงพอพวกมัน
พยายามกินปุ๋ยเพื่อเก็บพลังงาน ในกรณีที่พวกเขาไม่สามารถหาอาหารในฤดูหนาวได้ สิ่งนี้จะสามารถทําให้อยู่ได้นานขึ้น

แต่ไก่ป่าตัวอ้วนนี้ขนาดใกล้เคียงหยุนเตอแม้ว่าหยุนเสียนเถียนจะไม่เคยปฏิบัติไปในทางชั่วร้ายเช่นนี้เลย ในชีวิตทั้งแต่เดิมนางทานอาหารมังสวิรัติครั้งที่อยู่ในตระกูลหลี่แม้ว่าพ่อครัวจะทําอาหารเก่งมาก แต่การต้องทานเช่นนั้นเป็นเวลานานก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกป่วยเล็กน้อย

ด้วยเหตุนี้ทําให้ตาของหยุนเถียนเถียนเป็นประกายทันทีที่ได้เห็นไก่ป่าตัวนี้

หยุนเคอมองไปยังเด็กสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง ท่าทางของเขาดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งกล่าวข่มขู่ผู้คนมา!

“หยุนเคอ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะกินไก่ตุ้นเกลือคืนนี้! เจ้าคงไม่เคยได้ยินเรื่องไก่ตุ้นเกลือใช่หรือไม่? ฉะนั้นถือว่าเจ้าเป็นผู้มีวาสนา เพราะนี่คือสูตรลับที่ไม่อาจถ่ายทอดให้ผู้ใดได้!”

หยุนเคอเริ่มชินกับมันบ้างแล้วและบางครั้งเขายังเผลอพูดคําแปลกๆ ที่ออกมาจากปากหยุนเถียนเถียนได้ ทั้งยังเห็นสิ่งแปลกประหลาดจากนางจนชินตา!

“ได้! ข้าจะรอเจ้า!”

สายตาของหยุนเคอมองไปยังใบหน้าหยุนเถียนเถียนด้วยความรักและเอ็นดู ทําให้ใบหน้าของสาวน้อยแดงระเรื่อ

จากนั้นหยุนเถียนเถียนก็สั่งหยุนเคอทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อเช่นนั้น และบอกให้เขาไปที่ห้องครัวเพื่อจัดการไก่ให้เรียบร้อย

กล่าวได้ว่าหยุนเคอเป็นสามีที่แสนประเสริฐเขาไม่เคยแม้แต่จะขัดคําสั่ง! หยุนเถียนเถียนมองท่าทีของอีกฝ่ายพร้อมฟังเสียงชวนเสน่หากล่าวขึ้น

“อยากให้ข้าตัดมันเป็นชิ้นใช่หรือไม่?”

หยุนเคอถามประโยคนี้อย่างสบาย ๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้รับคําตอบจากเด็กหญิงตัวน้อยนางทําเพียงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองด้วยดวงตาได้ วิญญาณราวกับกําลังตกอยู่ในภวังค์

หยุนเคอแอบหัวเราะ สาวน้อยคนนี้ยังคงจ้องมองไปที่เขา!
เขาเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว ๆ และมองไปยังใบหน้างดงามที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมหัวใจของเขาเต้นแรงพร้อมโน้มตัวลงจูบ

บางที่อาจเป็นเพราะนางเพิ่งกินของบางอย่างหรือริมฝีปากของสาวน้อยนางนี้ค่อนข้างหวานอยู่ แล้วความหวานนี้ไหลผ่านริมฝีปากของนางเข้าสู่ หัวใจของเขาทําให้ไม่อยากผละตัวออกไป!

ในขณะที่ใจหยุนเวียนเถียนกําลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้านางรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออ พอได้สติกลับมาก็ลืมตาขึ้นจึงเห็นใบหน้าที่อยู่ใกล้ ๆ นางพึ่งตระหนักว่าหยุนเคอแอบจูบในขณะที่นางกําลังเหม่อลอย

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่หัวใจนางกลับเต้นแรงจนลืมยื่นมือไปผลักเขาออก

จนกระทั่งคนนอกลานตะโกนว่า “ข้าวใหม่ปลามันเชียวนะพวกเจ้า!”
หยุนเถียนเถียนผลักหยุนเคอออกไปราวกับถูกไฟฟ้าช็อต หยุนเคอไม่ทันระวังเมื่อถูกผลักอย่างแรงจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไหล่ของเขากระแทกเข้ากับประตูห้องครัว

ความเจ็บปวดอย่างฉับพลัน ทําให้เขาขมวดคิ้วหยุนเถียนเถียนรีบถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไป? เจ้าบาดเจ็บไหม?”

หยุนเคอยิ้มบาง “ไม่เป็นไร!”

หยุนเสียนเถียนถลึงตาใส่ด้วยทั้งอายและโมโหจากนั้นก็ลูบใบหน้าร้อนผ่าวแล้วหันหลังเดินออกไปเปิดประตู

หยุนเคอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และส่ายหัวเขายังคงยกไก่ป่าขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ได้นั่นไก่ให้แหลกเป็นชิ้น ๆ

เขาจําได้ว่าครั้งก่อนที่เด็กคนนี้จะทําอาหาร ขณะที่มือของเขานั่นไก่อย่างบ้าคลั่งเด็กคนนี้จ้องเขม็งใส่เขาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองรอจนหยุนเถียนเถียนสั่งว่าจะทําเช่นไรกับมันก่อนเสียดีกว่า เขาตระหยักว่ายิ่งคบกันนานเท่าไหร่สาวน้อยคนนี้ก็ยิ่งได้มารยาทมากขึ้นเท่านั้น

หรือไม่จริง เจ้าเคยเห็นเด็ผู้หญิงหรือภรรยาหนใดใช้สามีตนเองให้เข้าครัวหรือไม่? อย่างไรก็ตาม หยุนเคอก็มีความสุขกับสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขาชอบทําอาหาร แต่เพราะชอบตามดูการทําอาหารของนางในห้องครัวต่างหาก!

หยุนเถียนเถียนเดินไปที่ประตูสูดหายใจเข้าลึกๆในที่สุดก็สงบใจลงได้จึงเปิดประตู

นอกประตูเป็นคุณป้าจี้ชื่อ นางมองหยุนเถียนเถียนด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เจ้านี่จริง ๆ เลยนะ เจ้าอยากจะไปไหนก็ไปไม่คิดจะบอกข้าสักคําว่าจะไปที่ใด! คราวนี้เจ้ากลับมาก็ไม่คิดจะไปหาข้าสักครา!ไม่คิดว่าข้าจะกังวลเรื่องเจ้าบ้างรึ?”

หัวใจของหยุนเถียนเถียนรู้สึกอบอุ่น และกําลังเอ่ยปากพูดบางอย่าง
ทว่าบ้าจี้รีบเข้าไปลูบหน้าผากเธอเสียก่อน

“เหตุใดเจ้าถึงหน้าแดงเช่นนี้? คงไม่ใช่เพียงเพราะไข้ขึ้นเป็นแน่!เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? มีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือไม่?”

หยุนเกียนเถียนนึกถึงเรื่องที่หยุนเคอจูบนางเมื่อครู่ ทําให้บัดนี้ใบหน้านางแดงระเรื่อยิ่งกว่าเดิม!

นางก้มหน้าลงอย่างเขินอาย “ข้าไม่เป็นไรหรอกท่านป้าข้าสบายดี! บางที่อาจเป็นเพราะอากาศร้อนก็ได้!”

ทว่าป้าก็ยังคงสงสัย จึงสังเกตเห็นเห็นริมฝีปากที่บวมเป่งของหยุนเถียนพอดี

ป้ายิ้มอย่างมีเลศนัย “ยัยหนู! เอาเถอะงานหมั้นระหว่างเจ้ากับหยุนเคอก็เตรียมพ้อมหมดแล้ว!ทั้งพวกเจ้ายังอยู่ร่วมชายคาด้วยกันมากนานพอสมควร หากยังไม่เตรียมแต่งงานอีกคงมีคนคิดไม่ดีกับเจ้าทั้งสองแน่? แม้ว่าหยุนเคอจะคอยเอาใจใส่และยอมรอคอยที่จะแต่งงานกับเจ้ามานานก็เถอะ แต่หากเจ้ายังเล่นตัวเช่นนี้ เขาก็คงหน่ายแย่เจ้าควรต้องเข้าใจเขาด้วยอย่างไรเขาก็เป็นชายอกสามศอก!

ตอนที่ 255 หลินหูผู้หลงใหล

หลังจากพักผ่อนในเมืองมาทั้งวัน เช้าตรู่วันที่สามหยุนเกียนเถียนขึ้นรถม้าและหยุนเคอก็ขับกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา

ครั้งนี้เขาจากไปหลายเดือนแล้ว เฉินไปมักจะส่งสมุดบัญชีไปที่เมืองทุกเดือน แต่หยุนเถียนเถียนนั้นไม่เคยกลับไปเยือนเมืองสักครั้ง ตอนนี้ ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน แต่เหมือนห่างกันครึ่งชีวิตความทรงจําอันแสนหวานของหยุนเถียนในหมู่บ้านนี้ย้อนกลับมาแต่สุดท้ายก็ถูกคนชั้นสูงบางคนก่ อกวน

อย่างนางเพิ่งเข้าประตูมาก็มีคําพูดเย็นชาส่วนหน้ากลับทันที

ในขณะนั้นคุณยายหลัวที่เดิมที่กําลังนินทาผู้คนอยู่หน้าหมู่บ้าน พอเห็นรถม้าของหยุนเถียนเถียนปากก็กล่าวถึงหยุนเกียนเถียนขึ้นมาโดยไม่
รู้ตัว

“สาวน้อยตระกูลหยุนนางนี้ช่างโชคดีเสียจริง! อย่างไรเสียก็เป็นชาวบ้านในชนบท รู้หนทางหาเงินที่ดีแต่กลับไม่บอกคนอื่น! และยังมีหน้ามาสอนให้ทุกคนทําดอกไม้! มันทําเงินได้ก็จริงแต่ก็ไม่ได้มากนัก”

คําพูดที่เย็นชาเช่นนี้หยุนเถียนเถียนฟังเข้าหูแต่นางเข้าใจว่าเป็นเพียงความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยเพราะหากนางต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้นางก็ไม่ควรกลับมายังหมู่บ้าน

มีเพียงเฉินไปและคุณนายจี้ที่รู้ว่าหยุนเถียนเถียนจะกลับมาในอีกสองวัน นางมาทําความสะอาดบ้านตัวเองเพื่อให้หยุนเวียนเถียนสามารถเข้าพักได้ทันทีเมื่อมาถึง

ยังมีผู้คนกล่าวโวกเวกโวยวายในลานหยุนเถียนเพียงสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

ตั้งแต่เฉินเจียวเจียวแต่งงาน นางไม่เคยกลับบ้านอีกเลยทว่าในที่สุดเฉินไช่ ก็แต่งงานกับลูกชายของจางซิวไฉนางได้ยินคําพูดจากผู้ใหญ่บ้าน

แต่ด้วยเหตุบางอย่าง จางชิงเฟิงที่ก่อนหน้านี้ยังมีความสุขอยู่กลับเปลี่ยนท่าทางไปโดยปริยายไม่ว่าจะด้วยเรื่องหมั้นหมายหรือแต่งงานก็ตาม เขาทําหน้าทิ้งไม่มีแม้แต่รอยยิ้มใดๆ! คงเป็นเพราะเฉินไช่แต่งงานออกไปโดยไม่ได้รับสินสอดทองหมั้นสักน้อย!

ณ วันที่กลับมาถึง เฉินไช่ได้กลับมาเพียงคนเดียว เนื่องจากจางชิงเฟิงกล่าวว่ากําลังยุ่งอยู่กับการเรียนหนังสือทําให้เขารู้สึกอับอายเมื่อกลับ มายังหมู่บ้าน

เมื่อได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาหยุนเสียนเถียนแอบยิ้มในใจดูเหมือนว่าหลังจากที่จางชิงเฟิงทําลายสิ่งที่เฉินไช่จี้สร้างไว้แล้วตระกูล เฉินซงทําอะไรลงไป? ทําให้จางชิงเฟิงถึงต้องแต่งงานกับเฉินไปอี้!หลังแต่งงานแล้กลับ ไม่มีอารมณ์เหมือนก่อน!

จีชื่อเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงช่วงนี้ที่ในหมู่บ้านมีบัณฑิตเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ได้ยินมาว่าเป็นหลินห์ จากหมู่บ้านข้าง ๆชายผู้นี้เดินเที่ยวทั่วหมู่บ้าน แทบทั้งวันทั้งคืน ทั้งคอยสอบถามว่าหยุนเสียนเถียนหายไปไหน!

หยุนเสียนเถียนตะลึง หลินห์? ชายผู้นี้คือผู้ใดกัน?

หยุนเคอไม่ได้เผยสีหน้าของเขา แต่มือที่ถือถ้วยก็สามารถมองเห็นเส้นเลือดปูดโปนได้

หลินหูที่สมควรตายนั่นกลับยังไม่ตาย! เขาคิดจะมาอ้อนหาสาวน้อยผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาต้องสั่งสอนให้สาสม!

ข่าวที่หยุนเสียนเถียนกลับมายังหมู่บ้านทําให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้แล้วและหมู่บ้านข้าง ๆ ย่อมรู้อยู่แล้ว

แม่ของหลินหูและหวงซื่อได้ยินข่าวนี้เช่นกัน!แน่นอนว่านางไม่คิดรีบร้อนให้ลูกชายของตนแต่งงานกับหยุนเวียนเถียนเท่าไหร่นักทําให้ในใจกลับร้อนใจไปไม่น้อย!
ไม่รู้ว่าหญิงสางนางนี้ทําเสน่ห์อันใดใส่ลูกชายตนกันแน่? ลูกชายนางไม่ยอมทําอันใดเอาแต่คิดถึงและโหยหาเพียงหยุนเถียนเถียนหลายวันมานี้ข้าวแทบไม่ตกถึงท้องเอาแต่พล่ามพรรณนาหาหญิงสาวสุดใจ

เมื่อตระหนักถึงใบหน้าหวาน ๆ ของหยุนเถียนเถียนทําให้ลูกชายของตนก็เลือดลมพุ่งพล่านไม่หยุดไม่แปลกเนื่องด้วยสาวงามงดงามเช่นนี้ดึงดู ดก็เป็นเรื่องปกติ

หากหญิงงามผู้นี้ไม่มีเจ้าของ นางก็ไม่รังเกียจที่มิหนําซ้ํายังจะสอนงานให้ใหม่เสียด้วย แต่น่า เสียดายมีชื่อเสียงข่าวฉาวไปทั่วทั้งยังมีนายพรานเป็นเจ้าของซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเรื่อง!

สิ่งสําคัญคือหยุนเถียนเถียนตามเขาไปที่เมืองด้วยตนเอง ร่างของเด็กคนนี้ต้องมลทินไปแลสแน่นอนผู้หญิงไม่บริสุทธิ์เช่นนี้กลับทําให้ลูกชาย ของนางตกอยู่ในภวังค์แน่นอนว่าหวงซื่อไม่มีทางพอใจ

แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ก็ไร้เหตุผลเช่นกันนางกลับไม่โทษว่าบุตรชายของนางใฝ่ต่ําแต่กลับโทษหยุนเถียนเถียนที่คอยตอแยลูกชายนางเสีย อย่างนั้น

ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวผู้นั้นกลับมาถึงหมู่บ้านจึงเร่งไปหาเรื่องทันที
หยุนเสียนเถียนนั่งอยู่ในลานบ้านมองดูสวนด้านหลังที่เต็มไปด้วยดอกไม้พร้อมกําลังดื่มชาอย่างสบายอารมณ์พลางชมดอกไม้ไปด้วย

แต่ด้านนอกของลานบ้านกลับมีเสียงร้องแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วสุดท้ายก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป หยุนเคอกลับมาจากขึ้นเขาไปล่าสัตว์โดยบังเอิญเนื่องจากเขาวางแผนไปล้าวว่าจะนําปลาลงมาสักสองสามตัวเพื่อปรุงรส

หยุนเสียนเถียนเพิ่งเดินออกจากประตูมาถึงจึงพอทราบได้ว่าที่แท้คนที่มาหาเรื่องก็คือเขา นางจําเธอได้แต่แรกเห็น

ไม่ใช่ว่าหวงซื้อนางผู้สูงส่งต้องการออกมากล่าวบางอย่างให้ชัดเจนหรอกหรือ?

“ทุกคนออกมาเป็นพยานให้ข้าที! นังแพศยาตนนี้ครั้งแรกไม่ยินยอมแต่งงานกับลูกชายฉข้าก็ช่างปะไร!ทว่านางยังสมยอมไปหาลูกชายข้าข้า หมู่บ้านแทบทุกวันนังแพศยานางนี้หน้าไม่อายหมู่บ้านพวกเจ้ายังเก็บนางไว้ด้วยเหตุใดจับมันยังเสียใก้รู้สํานึก!”

หวงซื้อก็ประเมินอิทธิพลของหยุนเถียนต่ําไปบัดนี้มีคนในหมู่บ้านไม่น้อยที่ปลูกที่ดินทํากินอยู่ข้างโรงผลิตของนางหากมีคนก่อเรื่องขึ้นมาละเวกนี้ผู้คนก็จะเข้ามารุมล้อมโดยทันที

ทั้งยังจ้องมองหวงชื่อด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรราวกับว่าไม่ยอมเลิกราหากไม่ได้พูดเหตุผล
“ป้าท่านนี้ ใช้อะไรมาตัดสินงั้นรึ? คนทั้งโลกรู้ว่าฉันหยุนเถียนเถียนไปตั้งรกรากในเมือง! แล้วจะเอาเวลาใดไปจีบลูกชายเจ้า?”

หวงซื่อกระวนกระวายอย่างไร้เหตุผล “ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าไปอยู่ในเมืองหริงหรือเท็จประการใด? เจ้าก็สามารถกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อไม่ใช่? หากไม่ใช่ เพราะเจ้าตามคลั่งไคล้ลูกชายข้าแล้วเหตุใดลกชายข้าถึงไม่อย่างอ่านตําราเรียน แต่ทว่าต้องมายังหมู่บ้านเทพธิดาแก่งนี้ทุกวี่วัน? ”

หยุนเถียนเถียนกลอกตา “แล้วผู้ใดจะทราบว่าลูกชายป้าถูกมนุษย์นางใดยั่วยวนกันเล่า! เหตุใดต้องมาโทษข้าด้วย! ป้าหวงข้าบอกเจ้ามานานแล้วว่า ขาหมั้นหมายแล้วทว่าเจ้ากับแม่สื่อดอกนั้นก็มาสู้ขอข้าไม่เว้นแต่ละวัน!”

“ป้าไม่ได้ตามติดลูกชายไปทั่วทุกที่ เพียงลูกชายถ่ายรูปด้วยกันผ้าก็เชื่อไปเสียทุกอย่างลูกชายป้าไม่แม้แต่จะสามารถดูแลตนเองให้รอดได้เช่นนั้นจะเทียบกับหยุนเคอตัวเป็น ๆ ได้อย่างไร? หลังจากอ่านหนังสือมาสิบกว่าปี แม้แต่ซิ่วไฉก็ยังสอบไม่ผ่านคิดจริง ๆ หรือว่าลูกชายของเจ้าเป็นหยกทองคํา? ”

เมื่อหวงชื่อได้ยินนางดูถูกลูกชายจึงรีบก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดพร่ําทําเพลงหยุนเถียนเถียนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีไม่มีทางที่นางคนเดียวจะล้มหยุนเกียนเถียนได้? นางเพียงยกเท้าขึ้นและเตะมันอย่างรุนแรง!

หวงซ่อถูกเตะจนล้มลงกับพื้นพร้อมร้องไห้เสียงดัง

“นางแพศยา! ลูกชายข้าไม่คู่ควรกับเจ้า? ลูกชายข้ามีความสามารถพิเศษมากเหตุใดจะไม่สามารถเทียบนายพรานผู้นี้ได้?ปีหน้าลูกชายข้าจะสอบผ่านระดับซิ่วไฉแล้วนังแพศยาอย่างเจ้าจะ มาดูถูกอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?”

ตอนที่ 256 แม่และลูกชาย

ทุกคนต่างตกตะลึงจนไม่รู้จะทําอย่างไรดี ทันใดนั้นเองบัณฑิตแต่งตัวดีคนหนึ่งก็ฝาฝูงชนออกมา

เขาพยุงแม่ของตนขึ้นด้วยความอับอายและโกรธ พร้อมตะโกนว่า “ท่านแม่! ท่านกําลังทําอันใดอยู่? หยุดสร้างปัญหาสักทีได้หรือไม่? ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว!”

ก่อนหวงชื่อจะทันกล่าวอันใด หยุนเถียนเถียนก็ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดประชดว่า “นี่ลูกชายเจ้ารี? หึ! นี่เจ้าคงคิดว่าทุกคนตาบอดเช่นเจ้าสินะ?”

หลินหูถูกเยาะเย้ยจึงเงยหน้าขึ้นมาประจันใบ หน้างดงามของนางอย่างเขินอาย ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ หยุนเถียนเถียนมั่นใจว่าไม่มีใครทําร้ายนางได้ เมื่อนางกลับมาครั้งนี้จึงไม่ปิดบังใบหน้าอีกต่อไป!

ดังนั้นหลินหูที่ตั้งใจโต้กลับก็เปลี่ยนเป็นลุ่ม หลงหลังจากเห็นใบหน้าของนาง นอกจากสายตาที่เหม่อมองหยุนเถียนเถียนแล้ว มุมปากยังเผยให้เห็นถึงน้ําลายที่ค่อย ๆ ไหลหยดลง

เมื่อหยุนเถียนเถียนเห็นท่าทางสกปรกเช่นนี้ ในใจจึงรู้สึกขยะแขยงทันที นางยกสองมือขึ้นมากอดอกพร้อมตะโกนขึ้นอีกครั้ง “สองแม่ลูกรีบไสหัวไปซะ! หากข้าเห็นเจ้ามหาราวีชาวบ้านที่นี่อีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

หลินหูก้าวไปข้างหน้าพร้อมทําท่าที่ที่สง่างามที่สุด

“แม่นางหยุน ครั้งก่อนที่ท่านทราบว่าข้าตกหลุมรักแม่นาง ท่านแม่ของข้าจึงพาแม่สื่อมาขอสู่ขอเจ้า! ข้าถามว่าตนเองมีอันใดที่ด้อยกว่านายพรานในภูเขานั่น เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมตอบข้า?”

หยุนเถียนเถียนจึงเร่งฝีปากตอบอย่างเยาะหยัน “หากข้าบอกเหตุผลเจ้าจะเลิกกวนข้าใช่หรือไม่? หลินหู! ข้าอยู่กินกับหยุนเคอและได้หมั้นหมายกันแล้ว หากให้ข้ากลับใจไปแต่งงานกีบเจ้า เจ้าอาจจะไม่รู้สึกอันใด แต่ข้าอาจจะจมน้ําตายเพราะคําด่าทอจากคนในตระกูลเจ้า! เจ้าอาจจะกล่าวว่าหลงรักข้า แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าทําอยู่เหมือนแค้นข้าเสียต่างหาก!”

แม้ว่าหลิห์จะเป็นนักปราชญ์ แต่ทว่าเขาไม่ได้ปราดเปรื่องไปเสียทุกเรื่อง บัดนี้เขาถูกสักถาม ซึ่งทําได้เพียงเผยสีหน้าแดงก่ําพร้อมก้มหน้าโยกไปมาไม่หยุด

“ข้า… ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น!” หยุนเกียนยิ้มหวาน รอยยิ้มแฝงไปด้วยความดูแคลนอย่างไม่มีสิ้นสุด!

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้ามาเปรียบเทียบกับหยุนเคอต่อหน้าข้า! ในความคิดข้า เจ้าไม่อาจเทียบเขาได้ด้วยซ้ํา หากข้าติดตามเจ้าไป ไม่เพียงแต่ต้องทํางานให้ตระกูลเจ้าเท่านั้น ทั้งยังต้องหาเงินจากข้างนอกเพื่อเรียนหนังสืออีก แต่หยุนเคอไม่เหมือนกัน เขาสามารถล่าสัตว์ได้ เขาจะเป็นคนหาเงินและคอยให้คําปรึกษาข้าเรื่องธุรกิจ! เจ้าทําอย่างเขาได้ร7? ”

เมื่อหลินหูได้ยินการดูหมิ่น เขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก จึงเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “แล้วอย่างไรต่อรึ? อาจจริงหากมองถึงความแข็งแกร่งต้องยกให้นายพราน! ทว่าหากกล่าวถึงเงินทองเขาคงหาให้เจ้าได้เพียงไม่กี่เหรียญ! แต่ข้าไม่เหมือนกัน เจ้าเพียงรอไม่กี่อึดใจ ปีหน้าข้าจะสอบเข้าซิ่วไฉ ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้เป็นภรรยาซิ่วไฉ! เมื่อถึงคราวนั้นเกียรติและศักดิ์ศรีของเจ้าจะแตกต่างจากนี้มาก!”

“เยี่ยงนั้นเลยรึ? แต่ข้าได้ยินมาตลอดว่าเจ้าอยากแต่งงานกับข้า เพราะต้องการให้ข้าหาเงินให้เจ้าได้เรียน! ถึงขั้นต้องตกลงกันว่า หากวันหน้าเจ้าสําเร็จก็จะถีบข้าลงโรงเสีย! หรือไม่ก็จะส่งข้าไปเป็นอนุภรรยา เจ้าจะกําจัดข้าเป็นให้พ้นทาง! อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่เคยรู้เห็นเรื่องนี้ด้วย!”
หลินหูถลึงตาใส่แม่ของตน ข่าวลือเช่นนี้ต้องรั่วไหลมาจากหวงชื่อเป็นแน่

ส่วนเรื่องการเป็นอนุภรรยาและกําจัดนางออกไปให้พ้นเขาไม่เคยคิดมาก่อน! ถึงหยุนเถียนเถียนจะไม่ยอมหาเงินก็ตาม แค่เพียงใบหน้างดงามไร้ที่ติเขาก็ไม่อยากให้ผู้ใดนํานางไปจากเขา

“แม่นางหยุนนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน เนื่องด้วยมนุษย์โลกไม่ใช่ทุกคนที่สุภาพ คงเป็นเพราะชาวบ้านปากเปราะ ทว่าเรื่องนี้ต้องมาจากป้ารองของข้าแน่! นางไม่ลงรอยกับแม่ของข้า ไม่แปลกที่จะกุเรื่องเช่นนี้ขึ้น! ”
หยุนเถียนเถียนยังคงยิ้มราวกับว่านางไม่ได้โกรธแค้นอันใดทั้งสิ้น

“ป้ารองเจ้า? คุณชายหลินไม่เคยได้ยินเลยงั้นรี? ไม่มีที่ไม่มีขลุ่ย! แมลงวันย่อมไม่ถ่ายมูลในที่ที่ไม่สกปรก! นางพูดสิ่งนี้ได้ย่อมมีที่มาที่ไป! ได้! ได้! ข้าจะคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดละกัน!”

หลินห์รู้สึกว่าทุกอย่างกําลังพลิกผัน ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอบอุ่นและเร่งก้าวไปข้างหน้า พร้อมกล่าวต่อ ทว่าหยุนเถียนเถียนจะไม่ให้โอกาสเขากล่าวอันใดทั้งสิ้น

“เรื่องนั้นให้ข้ามองว่าเข้าใจผิดก็ย่อมได้ แต่เรื่องวันนี้ข้าควรคิดเช่นไร? แม่ของเจ้าวิ่งมาที่ประตูบ้านข้าด้วยความโกรธ ทั้งยังชี้หน้าสาปแช่งข้า ด่าว่าข้าเป็นจิ้งจอกล่อใจเจ้า ทําให้เจ้าไม่สนใจเพียรหนังสือ! คุณชายหลินเล่าให้ข้าฟังหน่อยเถิด ท่าทีของมารดาเจ้าสื่อแทนความคิดเจ้าได้ถูกหรือไม่? ”

หลินหูหันมองแม่ของเขาอีกครั้ง บัดนี้แม่ของเขายังคงถ่วงเวลาเขาไว้เล็กน้อย

“ท่านแม่ไม่เข้าใจหัวใจของข้า ทั้งก่อนหน้านี้ นางถูกปฏิเสธโดยแม่นางหยุน ดังนั้นนางจึงรู้สึกเสียหน้ามาก! รวมถึงหัวใจข้าที่เอาแต่โหยหาแม่นางหยุนทุกวัน ทําให้ท่านแม่เข้าใจผิดเพราะเป็นห่วงข้า”

“แม่นางหยุนวางใจเถิด ข้าจะกลับไปอธิบายให้ ท่านแม่ฟังเอง! ครั้งต่อไปนางคงไม่นุ่มบ่ามเช่นนี้ อีก แม่นางหยุนใจกว้างอย่าถือชาวบ้านตาดํา ๆ คนนี้เลย”

ถ้าหลินหูกล่าวปกป้องแม่ตนเองต่อหน้านาง บางที่หยุนเถียนเถียนอาจจะมองเขาด้วยสายตาที่สูงส่งขึ้น! ทว่าบัดนี้เขากลับอธิบายเช่นนี้ กล่าวได้ว่าเอาหน้ามารดาตนเองไปเหยียบย่าอยู่ใต้ดินแทน

แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของหวงซื่อ แต่นั่นก็เป็นเพราะนางรักเขามาก แม้ว่าเขาจะทราบว่านางผิด แต่สิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การกบ่าวโทษมาดาตนเอง แต่ควรปลอบใจแม่ของตนและอธิบายให้เขาฟังต่างหาก

“คุณชายหลิน ท่านดูถูกมารดาของท่านถึงเพียงนี้ ท่านสามารถพูดคําเหล่านี้กับสตรีได้! น่าเสียดายที่ข้าก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านคนหนึ่งเช่นกัน เกรงว่าคงไม่เข้าตาคุณชายหลินหรอก คุณชายหลินมั่นใจขนาดนี้ หากปีหน้าสอบซิ่วไฉได้! ปีต่อไปก็ต้องมีบัณฑิตใหม่ทยอยมา! เมื่อเวลานั้นมาถึง ย่อมมีคุณหนูใหญ่ผู้สูงส่งยอมแต่งงานกับคุณชายหลินแน่! ”

“วันนี้ไม่ว่าแม่ของเจ้าจะมาหาเรื่องหรือเจ้าพูดจาไม่สุภาพเพื่อใส่ร้ายชื่อเสียงของข้า! ครั้งนี้ข้าไม่สนใจ แต่หากมีครั้งต่อไปข้าได้ยินอีก ตระกูลหลินของเจ้ามีปัญหาแน่ ข้าไม่กลัวที่จะฟ้องร้องหรอก! ท่านนายอําเภอดูแลข้ามาอย่างดีต ลอด คิดว่าเรื่องเล็กเช่นนี้เขาคงไม่ปฏิเสธแน่”

หยุนเถียนเถียนพูดจบก็ไม่คิดจะพัวพันกับแม่ลูกคู่นี้อีก นางหันหลังปิดประตูทันที ไม่ว่าจะเป็นการสืบเสาะหรืออยากรู้อยากเห็นจากชาวบ้าน หรือความอิจฉาริษยาความเคียดแค้น นางก็ไม่สน จทั้งสิ้น

หยุนเคอไม่ได้อยู่เรือน ชาวบ้านที่มามุงดูส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านละแวกนี้และเป็นชายทั้งนั้น เธอเป็นเพียงหญิงสาวดังนั้นแม้ว่าจะไม่ต้อนรับแขกก็ไม่มีใครพูดอะไร

ตอนที่ 257 ขาจมโคลน?

หลินห์มองหยุนเถียนเถียนปิดประตูเสียงดังภายใต้การจ้องมองจากชาวบ้านทําให้เขาไม่อยากอยู่ในฝูงชนนาน ๆ จึงหันหลังพร้อมพาแม่ จากไป

หากตอนนี้ไม่มีผู้ใดจ้องมองหลินหูเขาคงเรียกแม่กลับบ้านด้วยน้ําเสียงไม่สุภาพ!ตอนนี้รูปลักษณ์เขาคือนักปราชญ์จึงไม่อยากเผยท่าทีให้อับอายมากกว่าเดิมเพราะถูกคนรักปฏิเสธและหนีห่างก็ถือว่าอับอายมากพอแล้ว

ดังนั้นหลินฮ่จึงสงบปากพร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า”ท่านแม่!ไปกันเถอะ กลับไปบ้านกัน!ข้าเกรงว่าแม่นางหยุนคงไม่ว่างต้อนรับพวกเราแล้วล่ะ!”

หวงชื่อถูกลูกชายจ้องอยู่หลายครั้งในใจจึงรู้สึกไม่พอใจมากนางตั้งใจจะระบายอารมณ์ทั้งหมดให้กับหยุนเถียนเถียนแต่ถึงกระนั้นนางกลับโดนใส่กลับไม่เป็นทาทั้งยังพูดคําหยาบใส่ลูกชายตัวเองสองสามประโยคแล้วหลบเข้าไปในเรือนของนางแล้วปิดประตู!

จู่ ๆ ลูกชายของนางกลับเผยสุภาพต่อนางมากเช่นนั้นหากสู่ขอนางเข้าเรือนลูกชายนางก็คงสุภาพไปตลอดกาลแน่หรือบางทีนางก็ฉุดคิดว่าถ้า ไม่ใช่เพราะการแย่งซีนของหยุนเถียนเถียนเมื่อครู่เกรงว่าลูกชายคงไม่เกรงใจนางขนาดนี้

นางรู้ว่าเป็นเพราะเช่นนี้ แต่หวงชื่อไม่ได้ทําหนิหยุนเถียนเถียนกลับรู้สึกว่าลูกชายของตนมีความรู้เพียงอย่างเดียว

“ก็แค่ป้าชาวบ้านคนหนึ่งงั้นรึ? ลูกชายข้านั้นไม่เลวจริง ๆ! ไอ่เด็กเวร! คําพูดแต่ละคําของเจ้าจําไว้ว่ารอจนเจ้าสอบผ่านได้ จะเอาแม่หญิงอีกกี่ คนก็ง่ายแสนง่าย!หยุดตามสื้อแม่นางนี้แล้วกลับไปเรียนหนังสือก่อนเถอะ?”

ชาวบ้านจ้องมองหลินหูที่เผยท่าทางที่ไม่สามารถโต้แย้งได้จากนั้นทําเพียงก้มหน้าและไม่พูดอะไร แต่ความเป็นจริงในใจของเขาไม่เคยคิดจะยอมแพ้แม่นางหยุนคนนี้เขาโตขนาดนี้แล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหญิงสาวหน้าตาดี เช่นนี้!

หลินห์รู้สึกว่าในหมู่บ้านที่เขาอยู่นั้นเขามีฐานะที่ดูดีที่สุดไม่ว่าจะตําราเล่าเรียนรวมถึงทั้งตัวยังดูสุภาพเรียบร้อยแม้แต่ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านทุก ครั้งที่นางเห็นเขาลูกตานางจ้องมองเขาแทบไม่ขยับเขยื้อนได้!

นักปราชญ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นเขาควรคู่กับผู้หญิงที่ดีที่สุดหยุนเกียนเถียนโฉมงานนักทั้งยังมีความสามารถอีกด้วยนั่นคือภรรยาที่ถูกลิขิตให้มา! แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย

หวงซื่อเห็นลูกชายก้มหน้าไม่พูดไม่จาคิดว่าลูกชายเห็นด้วยเดิมทีนางมาก่อเรื่องวุ่นวายนี้ก็ไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากต้องการให้บุตรชายของตนกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือเนื่องจาดอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันสอบที่สํานักแล้ว ในเมื่องานหมั้นไม่สําเร็จเช่นนั้นก็ควรตั้งใจเรียนหรือรอให้สอบเข้าซิ่วไฉก่อน แม่นางผู้นี้ก็อาจจะกลับใจกลับมา!

เธอลากลูกชายออกไปนอกหมู่บ้านอย่างเงียบงันคนในหมู่บ้านเทพธิดาแยกย้ายกันไปเพราะบริเวณลานประตูของหยุนเถียนเถียนไม่ใช่ว่าทุกคนจะกล้าก่อเรื่องเช่นนี้

หลินหูหันกลับไปมองประตูที่ปิดสนิทอีกครั้งแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่ก็ทําอะไรไม่ได้แล้วเขาจึงยอมออกไปตามแม่ของเขา

เดิมที่ปากของหวงชื่อนั้นไม่ไว้หน้าใครพอเห็นบุตรชายเดินตามนางไปอย่างเต็มใจนางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันถูกต้องจึงเดินหน้าออกไปข้างนอก หมู่บ้านอย่างไม่รีรอพลางบ่นว่าหนุนเถียนเถียนไม่ใช่เนื้อคู่เขา

“แม่หญิงน้อยคนนั้นสวยมาก ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะสวมเขาให้เจ้าอีก ตอนนี้นางไม่แต่งงา นกับเจ้าก็ดีแล้ว ข้าวางใจได้! ลูกเอ๋ยเจ้าพยายามให้มาก ต่อให้ไม่สามารถแต่งงานหยุนเถียนเถียนคนนี้ลองกลับบ้านไปดูหลานสาวของผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านเราก็ถือว่าไม่เลวนะ”

“แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านของเราจะไม่เห็นด้วยแต่ตราบใดที่ลูกสาวของเขาเต็มใจ หากเรื่องไปไกลมากกว่านี้แล้วเขาก็ต้องเห็นด้วย!นางแพศยา!หยุนเถียนเถียนตาบอดเช่นกันนางตกหลุมรักนายพรานแต่กลับไม่ชอบลูกชายข้าที่…”

เสียงของหวงซื่อหยุดลงอย่างกะทันหันนางมองไปด้านหน้าด้วยความหวาดกลัว

หลินหูพูดและมองไปที่แม่ของเขาหยุนเคอยืนอยู่ที่นั่นด้วยร่างกายที่เย็นชา ดวงตาคู่นั้นเต็มไป ด้วยจิตสังหารแม้แต่หลินหูก็กลัวจนต้องถอยห ลังไปหลายก้าว

หยุนเคอออกจากหมู่บ้านไปไม่นานหลังจากโกนหนวดแม้ว่าคนในหมู่บ้านจะไม่เคยเห็นหน้า เขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนยังเป็นคนจากหมู่บ้านที่อยู่ติดกันดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยเห็นหยุนเคอมาก่อน!

สิ่งที่สามารถทําให้หวงชื่อกลัวได้คือกลิ่นอาย เย็นชาของหยุนเคอ แต่พวกเขาจําไม่ได้ว่านี่ใช่คนเดียวกับคนที่มีเคราใหญ่ก่อนหน้านี้หรือไม่?

หวงซื่อเห็นลูกชายของนางกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อนางยืดอกและเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ

“เจ้าเป็นใคร?” มาขวางทางด้วยเหตุอันใด?หลีกทางให้เดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นจบไม่สวยแน่!”

เมื่อหยุนเคอเห็นแม่ลูกคู่นี้อารมณ์ของเขาก็เย็นเฉียบเขานึกไม่ถึงว่าเจ้าคนหน้าด้านคู่นี้จะกล้ามาพัวพันแต่เมื่อครู่ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านยังไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นอย่างไรกันแน่!

“ถ้าฉันไม่ยอมหลีกทาง เจ้าจะทําเช่นใดกับข้า?”

เมื่อสองแม่ลูกตระกูลหวงได้ยินเสียงเย็นชานี้ความกลัวของพวกเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น!แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีบุคคลเช่นนี้อยู่ในหมู่บ้าน!ใบหน้านั้น บาดหมางไปด้วยมีดทั้งยังแพร่รัศมีสังหารชัดเจนดวงตาล็กฉายแววคมเฉียบออกมาราวกับว่าตราบใดที่เขากล้าอวดดีกับเขาเขาก็จะสามารถเดินไปข้างหน้าและหักคอได้ทันที

“เจ้ารู้ไหมว่าลูกชายขาเป็นใคร?เขาเป็นถึงนักปราชญ์!ไม่แน่ว่าผ่านไปสักพักเขาก็เป็นซิ่วไฉขาโคลนอย่างเจ้าย่อมเทียบไม่ได้!หากชาญฉลาดมากพอก็รีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนไม่มีใครในหมู่บ้านปล่อยเจ้าไปแน่!”

หยุนเคอไม่ได้ฟังคําพูดของผู้หญิงคนนี้เหมือนไม่มีอะไรมากอารมณ์คุกรุ่นของเขารุนแรงขึ้น!หวงชื่อยังไม่รู้สึกแต่หลินหูที่อยู่ข้างหลังเขาเหมือนจะร้องไห้ออกมาสักพัก

หวงซื่อก็ใช่ว่าจะไม่กลัว ตรงกันข้ามนางยิ่งรู้สึกหวาดผวามากขึ้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าหยุนเคอเป็นขาโคลนแต่ในความเป็นจริงแล้วหยุนเคอก็เป็นเช่นนั้นเสียจริงเพราะเสื้อผ้าของเขาจากการล่าสัตว์เขาดูไม่เหมือนขาโคลนตั้งแต่หัวจรดเท้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ ใบหน้าคมกริบราวกับกระบี่ที่เพิ่งถูกชักออกจากฝักด้วยจิตสังหารที่พลุ่งพล่านทําให้ผู้คนไม่กล้าดูถูก

“เจ้าหวงซื่อใช้รือไม่? ข้าเตือนเจ้าว่าอย่ายุ่งกับคู่หมั้นของข้า! เจ้าจําไม่ได้เหรอว่าอยากให้ข้าประทับใจในตัวมากขึ้น?แต่นี่เจ้าอยู่ที่นี่ข้าสามารถหักมือขวาของลูกชายเจ้าได้แล้วเขาจะไปสอบซิ่วไฉได้อีกรึ?”

หวงชื่อหวาดกลัวมาก นางจึงนําลูกชายเข้าไปเผชิญหน้ากับชายหนวดเฟื้มคนนั้น!

“เจ้า… เจ้า… เจ้าคือหยุนเคอใช่หรือไม่?”

หยุนเคอยกคอเสื้อของหวงชื่อออกมาก่อนที่นางจะหลบไปจากนั้นจึงได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องหวงซื้อถูกโยนขึ้นสูงแล้วกระแทกใส่นาข้าวอย่างแรงหวงซ่อนอนกลิ้งไปกลิ้งมาในโคลน

“ในเมื่อเจ้าเป็นนักปราชญ์ก็ควรจะฟังรู้ความ!แต่เจ้ายังบังอาจยุ่งเกี่ยวกับคู่หมั้นของข้าและยังพาลมาหาเรื่อง! แม้ว่าข้าจะตัดขาเจ้าจริง ๆ ไม่ก็ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้า!หลินหูแม่เจ้าจําไม่ได้เลยรึ? หวังว่าเจ้าจะรู้ความกว่าแม่เจ้าหน่อยนะ!”

ตอนที่ 254 กลับไป

หยุนเถียนเถียนยังคงความรู้สึกชอบธรรมใน ฐานะที่เคยเป็นตํารวจมาก่อน เมื่อพบหลี่เฟิงลง มือภายในจิตใต้สํานึกจึงตระหนักว่าควรกระโดดลงไปห้ามปราม! แต่ขณะนั้นเองหยุนเคอกลับ กอดนางและยื่นมือออกไปปิดปากของนางไว้แน่น

จนกระทั่งหลี่เฟิงพาคนออกไป หยุนเคอจึงปล่อยหยุนเถียนเถียนออกจากตัว

หยุนเถียนเถียนโกรธมาก เมื่อนางยืนทรงตัวบนพื้นอย่างปลอดภัย หยุนเถียนเถียนสะบัดมืออก พร้อมจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง

“ท่านคิดอันใดอยู่? อย่างไรเขาก็คือมนุษย์ หากเขาต้องโทษก็ควรให้ทางการจัดการเสีย!! ท่านจะทนดูเขาโดนวางยาพิษตายอย่างไรกัน?

แม้หยุนเคอจะไม่เข้าใจว่าการกระทําหยุนเถียนเถียนเช่นนี้มาจากที่ใด? แต่ยังอดทนต่ อการเหตุการร์เช่นนี้เสมอมา

“สาวน้อย ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่!? สัญญาขายตัวของพ่อบ้านหวังยังอยู่ในมือของหลี่เฟิง นั่นหมายถึงสัญญาแห่งความตาย! ต่อให้หลี่เฟิงวางยาพิษต่อหน้าทุกคน พวกเราก็ทําได้แค่มองเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ข้ออ้างที่จะหยุดเขา!”

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงอยู่กับที่ โลกใบนี้สิทธิมนุษยชนเบาบางเช่นนี้เลยหรือ?

“ถ้าพ่อบ้านหวังไม่ได้ทําอันใดผิด ก็ไม่เป็นไรหรอก เช่นนั้นเราอาจกล่าวโต้แย้งความจริงได้บ้าง ทว่านี่เห็นได้ชัดว่าเขากระทําโดยแอบมีชู้กับนางหญิง บัดนี้หลี่เฟิงจึงสามารถจับตัวเขาได้ ในฐานะทาสที่กําลังหลบหนี! เช่นนั้นหากทางการเป็นผู้จับได้ เขาก็จะมอบทาสให้หลี่เฟิงจัดการเองอยู่ดี!”

“ที่ข้าหยุดเจ้า เพราะข้าไม่ต้องการให้หลี่เฟิงทําเจ้าขายหน้า! เจ้าเร่งออกหน้าแทนเกินเหตุ หลี่เฟิงสามารถใช้ข้อนี้ดูถูกเจ้าได้ถึงครานั้น เจ้าจะสิ้นหนทางที่จะช่วยเขาแน่!”

หยุนเถียนเถียนถูกความจริงโจมตีอย่างช่วยไม่ได้! ปรากฎว่านี่ไม่ใช่สังคมที่ปกครองโดยกฎหมายอีกต่อไป ชีวิตมนุษย์สามารถตัดสินได้เพียงกระดาษแผ่นเดียว หลี่เฟิงไม่ได้สั่งให้ใครประหารชีวิต แต่ในความเป็นจริงเขาเมตตาแล้วด้วยซ้ํา

หยุนเถียนเถียนทําให้ทุกคนตกใจ หยุนเคอถอนหายใจและเอื้อมมือดึงหญิงสาวเข้าไปร้านหนังสือ แน่นอนว่าเฉินเฉินตระหนักดีว่าตนยังเด็ก ไม่สามารถไปไหนกับผู้ใหญ่ได้ ทําให้ตัวเฉินเฉินเองก็เต็มใจที่จะอยู่ร้านหนังสือรอ ด้วยเงินบางส่วนทําให้เขาสามารถอ่านหนังสือได้อย่างเพลิดเพลิน

หยุนเคอพาหยุนเถียนเถียนกลับไปที่ร้านหนังสือเพื่อรับเฉินเฉิน ทั้งสามกลับไปยังเรือนตระกูลหลื่อย่างเงียบ ๆ

ใกล้จะปีใหม่แล้ว อีกไม่นานก็จะสอบซิ่วไฉ ดังนั้นเฉินเฉินยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทํา

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้ว นางเพียงนึกถึงชีวิตของพ่อบ้านหวังที่ถูกทิ้งไว้ในตรอกนั้น ในใจนางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แม้ว่าหยุนเคอจะหาข้อแก้ต่างซ้ําแล้วซ้ําแล้ว แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร

ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็ตัดสินใจบอกลาหลี่ชื่อฮวา วันตรุษจีนเขาต้องกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา เฉินเฉินเพิ่งเข้ามาในบ้านมหาเทพพร้อมคนอื่น ๆ ได้ไม่นาน! การกลับไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีนจึงเป็นสิ่งที่ควรทํา ทว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดคือเวลาที่รอคอยจะหลบหนีคนตระกูลหลีปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องตนเอง เพราะอย่างไรก็ไม่สามารถช่วยอันใดได้

หลี่ซื่อฮวารู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังช่วยเขาอยู่ แต่ตอนนี้กลับกําลังจะจากไปแล้ว

“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ดีก็ดีแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจู่ ๆ ถึงต้องจากไปเล่า?”

หยุนเคอมองไปที่หยุนเถียนเถียนที่ไม่ต้องการกล่าวอันใด จนในที่สุดเขาก็กล่าวต่อไปว่า “เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว แม้ว่าเฉินเฉินต้องสอบเข้าซิ่วไฉก็ตาม ทว่าเฉินเฉินก็พอมีความรู้อยู่บ้าง เนื่องด้วยร้านหนังสือในเมืองนั้นถูกเขาอ่านจนแทบหมด เช่นนั้นไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป! ”

“เจ้าก็รู้ว่าตระกูลหลี่มีความกตัญญมาก ตระกูลข้าอยู่ที่นี้มานาน แต่เพื่อการสอบสวนสาเหตุการตายของนายท่านลี่ เจ้าจึงต้องอยู่ต่ออย่างไร้กําหนด เจ้าควรเผชิญหน้ากับมันเสีย แผนการที่ข้าสอนเจ้าน่าจะได้ผลดี เช่นนั้นอีกสักวันสองวันเจ้า ต้องอธิบายทุกอย่างให้ฟังได้แล้วกระมัง”

“เถียนเถียนเป็นเพียงหญิงสาวจากครอบครัว ชาวนา และข้าเป็นนายพรานในภูเขา นางจึงไม่ชินกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อไม่กี่วันที่หลี่เฟิงจัดการเรื่องทาสหลบหนี นางตกใจจนแทบสิ้นสติ! เมืองแห่งนี้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากมาย ข้าว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ นั่นเหมาะกับพวกเราเสียมากกว่า! หากนายน้อยหล่อยากพักผ่อนก็สามารถมาเยือนหาพวกเรา! เราจะต้อนรับเป็นอย่างดี! ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หลี่ซื่อฮวาก็ไม่สามารถหยุดเขาได้อีกต่อไป ตระกูลหลี่ยังมีเขาอยู่ ส่วนหยุนเคอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก โดยเฉพาะสาวใช้ที่เขาสนใจมากที่สุด หลายวันมานี้แม้แต่กินข้าวก็ยังต้องใจลอยนึกหา เขามองเห็นเช่นนี้ จึงรู้สึกเจ็บแปลบในใจ แต่ความปวดร้าวเหล่านี้ไม่สามารถกล่าวได้

ช่วงบ่าย รถม้าที่มีแขกสามคนกลับมายังเมืองเถาหัวจากฝูเฉิง!

เรือนว่างในเมืองได้รับการทําความสะอาด โดยทั้งสองเพื่อให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสุขสบาย แต่ทั้งสามเพิ่งได้พาลูกชายของเฉินไปไปยังหมู่บ้านเทพธิดาครู่หนึ่ง เฉินฉือก็มาถึงแล้ว

แท้จริงเขาทําตามคําสั่งของพ่อ จึงได้มาที่นี่ เพื่อตามหาหยุนเถียนเถียน! เพราะรู้ว่าหยุนเถียนเถียนไปเป็นแขกที่เมืองหลวง เขาจึงมาถามไถ่ หานางทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ได้เจอครอบครัวของ หยุนเถียนเถียน

“แม่นางหยุน เวลาผ่านไปก็หลายเดือนแล้ว! พ่อของข้าฝากเชิญเจ้ากลับไปดูผลผลิตเพื่อรับเงินปันผลของปีนี้ให้ชัดเจน ที่สําคัญปีนี้เป็นครั้งแรกที่เฉินเฉินเข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ เช่นไรก็ควรให้เกียรติกันบ้าง”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “อย่างไรเล่าเหตุผลที่แท้จริง! เจ้ากลับไปบอกพ่อเจ้าว่าอีกไม่นาน เราจะกลับไป! เราจะนําของฝากไปให้พ่อเจ้าด้วย เช่นกัน! ที่นี่มียาสูบที่ดีกว่านี้เจ้านํามันกลับไปให้ ปู่เจ้าบอกว่ามันมาจากเฉินเฉิน!”

เฉินฉือพยักหน้าพร้อมยืนอยู่เพียงบริเวณลานบ้าน แล้วจึงรีบเดินกลับไปเนื่องด้วยค่ํามากแล้ว ไม่ดีนักหากต้องเดินทางยามดึกเช่นนี้!

ช่วงชีวิตก่อนหยุนเถียนเถียนกลับมาเกิด นางอาศัยอยู่ในเมืองทางตอนเหนือ พอถึงเดือนตุลา คมอากาศจึงเริ่มหนาวอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้นาง อยู่ทางใต้ แม้จะอยู่ในเดือนตุลาคมแต่อากาศนั้นไม่เย็นมากนัก จึงพอสวมชุดเพียงชุดเดียวก็เพียงพอ

แต่เมื่อย้อนนึกถึงความทรงจําครั้งก่อน ในช่วง เทศกาลตรุษจีนนี้เช่น นางจะต้องเตรียมรับหน้าหนาวด้วยเสื้อกันหนาวครบชุด!

เฉินเฉินสามารถเรียนรู้จากเฉินซิ่วไฉเรื่องการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จึงต้องตื่นเช้ราวหนึ่งถึงสองเดือน! เฉินไปกล่าวเมื่อครู่นี้เพื่อเตือนนาง

หากกล่าวถึงบัดนี้ เฉินเฉินเติบโตขึ้นทุกวัน เด็กอายุแปดขวบมีวุฒิภาวะมากกว่าคนทั่วไป กล่าวตามตรงหยุนเถียนเถียนรู้สึกปวดใจเล็กน้อย เนื่องจากยิ่งเฉินเฉินเติบโตขึ้นค่าใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้นตามเช่นกัน

ตอนที่ 253 เขาเต็มใจ

“แค่หน้าตาหยุนเคอก็พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้ข้ามากแล้ว! เขาไม่จําเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าให้ข้าด้วยซ้ําและถ้าเขาอยากได้ข้านี่แหละจะซื้อให้เขาเอง!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวประชดประชัน พร้อมหันหาเจ้าของร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เถ้าแก่ เสื้อผ้าตัวนี้ราคาเท่าไหร่?”เถ้าแก่ยิ้มทั้งที่เห็นความขัดแย้งของทั้งสองแม้สาวตรงหน้าจะยิ้มมาให้แต่ใบหน้าอีกคนกลับบิดเบี้ยวราวกับอิจฉาริษยา! หัวใจของเถ้าแก่จึงเอนเอียงไปหาหยุนเกียนเถียนโดยปริยาย

“ชุดนี้ราคายี่สิบเหรียญ! แต่เจ้าอย่าดูถูกมันเสียรายละเอียดทั้งการเย็บถักร้อยนั้นเรียบหรูด้วยฝีมือจากผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนี้และมันช่างเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก!”

หยุนเคอหยิบเงินยี่สิบเหรียญออกมาจากแขนเสือและวางบนโต๊ะชําระเงิน

“ข้ารบกวนท่านใส่ถุงให้ข้าด้วย!”เมื่อครู่หยุนเถียนเถียนเพิ่งกล่าววาจาว่าไม่ต้องการให้หยุนเคอซื้อเสื้อผ้าให้นางแต่บัหยุนเคอกลับหยิบเงินออกมาวางบนโต๊ะ

ทําให้หัวใจหยุนเถียนเถียนรู้สึกประทับใจอย่างอธิบายไม่ถูกเฉินเจียวเจียวที่อยู่ด้านข้างอยากทําให้ดวงตานางบอดสนิทเสียทําไมพวกเขาถึงเย็นชาเสียงขนาดนี้ มิหนําซ้ําหยุนเคอยังซื้อเสื้อผ้าให้หยุนเสียนเถียนอีก?
เฉินเจียวเจียวเห็นเช่นนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวเสียงดังว่า”เสื้อผ้าหนึ่งชุดราคายี่สิบเหรียญ เอ… เหยื่อกี่นางแล้วนะที่หยุนเคอซื้อชุดเช่นนี้ให้?หยุนเสียนเถียนเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป? ”

เดิมทีหยุนเถียนเถียนไม่แม้แต่จะสนใจ เฉินเจียวเจียว ทว่านางยังคงเดินหน้าหาเรื่องถ้านางไม่โต้กลับไปบ้างหยุนเถียนเกี่ยคงรู้สึกผิดต่อตัวเองไม่น้อย

“หยุนเคอท่านคงรู้สึกรื่นรมย์มาก! พี่ใหญ่หยุ นท่านก็บอกฮูหยินเฉินท่านนี้ไปเสียเถอะ!ไม่! บางที่บัดนี้อาจจะต้องเรียกนางว่าแม่นางสนมเฉิน!เพราะเจ้าเคยบอกว่าข้าว่านางเฉินสมัครใจเอาตัวให้ท่านเองไม่ใช่รึ? ”

หยุนเคอหันหน้าหนี หลังจากหยุนเถียนเถียนจากไปดวงตาหยุนเคอก็เผยเป็นเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“คนไร้เหตุผลเช่นนี้เราไม่ต้องสนใจหรอกข้าจะพาเจ้าไปหาของอร่อยๆ ทาน! ข้าเคยมาเมืองหลวงแห่งนี้มาก่อนของในโรงน้ําชาอร่อยจริงๆ!”

หยุนเกียนยิ้มหวาน “ก็จริง! ไม่จําเป็นต้องสนใจ! เราเอาเวลาไปของอร่อย ๆ กินดีกว่า!”

หยุนเวียนเถียนเดินตามหยุนเคอออกจากร้านเสื้อผ้าไปเฉินเจียวเจียวยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยพร้อมจ้องมองทั้งสองด้วยความโกรธ

เด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ข้างหลังตกใจจนตัวสั่นเมื่อเห็นเฉินเจียวเจียวเผยอาการนี้ หญิงสาวผู้นี้ ไม่ใช่แม่นางที่จิตใจดีอย่างแท้จริงเธอแสร้งทําดี เพียงภายนอก ทําให้เกิดอารมณ์คุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด

เนื่องด้วยเกิดเรื่องกับหยุนเสียนเถียน เฉินเจียวเจียวจึงหมดอารมณ์เดินเที่ยวเสียแล้วเธอหันหลังกลับอละเดินจากไป

หยุนเถียนเถียนอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนนางหัวเราะจนตัวสั่นระริก

“หยุนเคอ เจ้าไม่สงสารนางบ้างรึ?! ดูเฉินเจียวเจียวสินางโกรธจนหน้าเสียแล้ว! ”

หยุนเคอไม่กล่าวอันใด เขาเพียงแค่มองไปยังหญิงสาวที่ทั้งหัวเราะและโวยวายอย่างน่าเอ็นดู

“ข้าไม่เคยคิดว่าเฉินเจียวเจียวจะหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ นางยินดีที่จะเป็นสนมนอกให้คนอย่างหลี่ เฟิง! ข้าไม่แปลกใจว่าเหตุใดถึงไม่เห็น เฉินเจียวเจียวกลับบ้าน หรือข้าเกรงว่าหากนาง กลับไปแล้ว จะรู้สึกว่าขายหน้ากระมัง! ”

เดิมทีหยุนเคอมักไม่ค่อยคนที่ไม่เกี่ยวข้อ งกับตนเอง เขาจึงทําเพียงยิ้มจาง ๆ

แต่ขณะนั้นเองทั้งสองกลับเห็นฉากที่ปากซอยอย่างไม่ควรละสายตา

ที่แท้หลี่ซื่อฮวาต้องการกําจัดพ่อบ้านหวังแต่ไม่อยากให้มือต้องแปะเปื้อน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลี่เฟิงก็เคยคิดจะฆ่าพ่อบ้านหวังเพื่อปิดปากมาแล้
ครั้งนั้นเขาถูกปล่อยตัวไป พ่อบ้านหวังขอบคุณพระเจ้าเหตุด้วยหลี่ซื่อฮวาปล่อยเขาไปครั้งหนึ่งจึงไม่คิดว่าครั้งนี้หลี่ซื่อฮวาจะไม่ยอมปล่อยไป

เขาเพิ่งเดินออกจากประตูหลังและมาถึงซอยนี้พ่อบ้านหวางถูกหลี่เฟิงขวางไว้

หยุนเคอสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวในซอยเขาเอื้อมมือออกไปกอดหยุนเถียนเถียนทั้งสองอยู่สูงกว่าละครตรงหน้าพอดิบพอดี

หลี่เฟิงเดินเข้ามาใกล้พ่อบ้านหวางทีละก้าว ๆ พ่อบ้านหวางอาจสังเกตเห็นสิ่งเลวร้ายจึงถอยหลังไปทีละก้าว ๆ เช่นกัน

“นายท่าน! ท่าน… ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ”

หลี่เฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย “เจ้าถามได้ดี เหตุใดข้า ถึงอยู่ที่นี่ได้งั้นรึ? แต่ก่อนที่เจ้าจะถามคําถามนี้เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนว่าเจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่าง ไร?”

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าสัญญาขายตัวของเจ้า อยู่ในมือข้า ข้าสามารถบอกภายนอกได้ว่าเจ้าเป็นทาสหลบหนีในจวนของข้า ตอนนี้ข้าจับตัวได้ แล้ว เจ้าจะเป็นหรือตายก็ล้วนอยู่ที่การตัดสินใจของข้ามิใช่หรือ?”

ใบหน้าอัปลักษณ์ของพ่อบ้านหวังยิ่งดูลนลา นมากขึ้น แต่ก็ยังคงเผยรอยยิ้มอย่างประจบสอพลอ

“นายท่าน! ข้าถูกลักพาตัวไป! หลี่ซื่อฮวาเป็น นายน้อยตระกูลหลี่ที่ลักพาตัวข้าไป! ข้าไม่เคย คิดที่จะหลับไปอยู่แล้ว ท่านก็รู้ข้อนี้ดีไม่ใช่ท่าน?
มุมปากของหลี่เฟิงโค้งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าว เยาะเย้ยว่า “เช่นนั้นเจ้ามิได้พูดสิ่งใดที่ไม่ควรพูดต่อหน้านายน้อยหลี่ใช่หรือไม่?”
“ไม่… ไม่แน่นอน… ข้าไม่ได้พูดสิ่งใดทั้งสิ้น ”

“ห์! หากเจ้าไม่ได้กล่าวอันใด หลี่ซื่อฮวาจะป ล่อยเจ้าง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ข้าว่าเจ้าต้องพูดอะไรบางอย่างเป็นแน่! พ่อบ้านหวัง ข้าต้อง ขออภัยเจ้าด้วยใจจริง!เพื่อความปลอดภัยของน้องสาวข้า ข้าคงต้อง
จัดการเจ้า!เจ้าจะเต็มใจทําให้ข้าใช่หรือไม่?อย่างน้อยน้องสาวข้าก็เคยอยู่กับเจาตั้งนาน! ”

หลี่เฟิงพูดพลางส่งสัญญาณให้คนรับใช้สอง คนที่อยู่ข้างหลังค่อย ๆ เข้าไปล้อมพ่อบ้านหวางพ่อบ้านหวางตื่นตระหนกจนตะโกนและโน้มศีรษะ พยายามอ้อนวอนขอความเมตตา

นายท่าน! ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าไม่ได้กล่าวสิ่งใดจริง ๆ! นายท่าน! ท่านไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดท่านจะให้ข้าไปทําสิ่งใดข้ายอมจํานนทั้งนั้น!

หลี่เฟิงยิ้มและมองไปที่คนรับใช้สองคนที่กําลังพยุงพ่อบ้านหวังขึ้นมา เขายิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “มีผู้คนจํานวนมากที่คิดว่าข้าเป็นวัวเป็น ควาย ข้าไม่ค่อยอยากได้คนอย่างเจ้าจริง ๆ ! พ่อบ้านหวางอย่าโทษข้าเลย!ผู้ใดใช้ให้เจ้ากล้ามายุ่งกับน้องสาวของข้ากันเล่า? ”

หลี่เฟิงหยิบถุงกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ อี กมือใช้บีบแก้มของเขา จากนั้นก็เทผงทั้งหมดเข้าไปในปากของพ่อบ้านหวัง

จากนั้นหลี่เฟิงก็ดึงมือกลับพร้อมเช็ดคอเสื้อ ของพ่อบ้านหวัง จากนั้นส่งสัญญาณให้คนรับใช้ปล่อยเขาไป

พ่อบ้านหวังถูกโยนลงบนพื้นราวกับกองโคลน แต่เขาไม่สนใจอะไรมากแล้วพร้อมยื่นนิ้วเข้าไปในลําคอของเขาแล้วทุบมันอย่างแรง

น่าเสียดายที่สายไปแล้ว เมื่อหลี่เฟิงเทยาเข้า ไปในลําคอ มันละลายและไหลลงสู่กระเพาะอาหารเรียบร้อย

หลังจากนั้นไม่นาน แขนขาของเขาก็กระตุกไม่หยุดมุมปากมีฟองสีขาวไหลออกมาไม่นานเขาก็นอนอยู่บนพื้นที่เย็นจนขยับไม่ได้หลี่เฟิงเด่น เสียงเย็นชาและบอกให้บ่าวไพร่ลากศพเขากลับบ้านไป

บทที่ 252 หึงหวง

ทว่าท่าทางมารยาทเช่นนี้ทําให้หยุนเคอรู้สึกขัดสายตาเล็กน้อย
เขาเพ่งสมาธิไปที่หญิงสาวนางนี้ปรากฏว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล นางคือเฉินเจียวเจียวหญิงสาวที่ไร้ยางอายที่สุดในหมู่บ้าน นางกําลังมองมาทางชายหนุ่มอย่างเขินอาย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงกับสายตาเช่นนั้น

ดูเหมือนว่าการที่เขาโกนหนวดเคราทําให้หญิงสาวตรงหน้าจําไม่ได้ อย่างไรก็ตามหยุนเคอไม่ต้องการพูดคุยกับนางมากนักจึงทําเพียงตอบเสียงแผ่วเบา

“อืม!”

ผู้ใดจะรู้ว่าเฉินเจียวเจียวผู้เย่อหยิ่ง ไม่แม้แต่จะชายตามองใครหน้าไหน แต่พอได้ยินคําพูดเช่นนั้นกลับทําให้นางดีใจยิ่งนัก

“นายน้อย…ข้านามว่าเฉินเจียวเจียว ข้ารู้สึกเคยเห็นนายน้อยมาก่อน! ไม่ทราบว่านายน้อยมาจากตระกูลอันยิ่งใหญ่ตระกูลไหนหรือ?”

เดิมที่นางเป็นเพียงชาวนาผู้ไม่รู้หนังสือ แต่กลับแสร้งทําท่าทางเลียนแบบเสียงอักษร ฉากนี้ดูช่างตลกอย่างไรไม่รู้?

แต่ปฏิเสธไม่ได้นางคือหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์สง่างามกว่าครั้งที่อยู่หมู่บ้าน

เครื่องประดับสีทองบนศีรษะนางเข้ากับเสื้อผ้าที่สวมได้เป็นอย่างดี

ก่อนหยุนเคอจะพูดออกอะไรมา ขณะนั้นเอง หยุนเถียนเถียนก็เดินออกจากห้องลองชุด

เมื่อนางสังเกตเห็นหยุนเถียนเถียน เฉินเจียวเจียวก็นึกออกแทบจะทันที นางเคยพบเจอนาง ทั้งใบหน้าที่สวยหวานและตกแต่งหน้าออกมาขี้ริ้วขี้เหร่!

ทว่านางไม่ต้องการให้ใครี๔เถึงความงามที่แท้จริงของหยุนเถียนเถียน หรือต่อให้รู้ก็กล่าวได้ว่าหยุนเถียนเถียนเป็นผู้ละเลงตกแต่งหน้าด้วยตัวนางเอง แม้ว่าเฉินเจียวเจียวไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด นางก็ไม่มีทางที่จะถามมันออกไปแน่นอน

“หยุนเถียนเถียน! นางแพศยาอย่างเจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินเสียงตะโกนอันแหลมทะลุแก้วหู อารมณ์รื่นรมย์ของนางก็หมดลงทันที
“เฉินเจียวเจียว! ที่นี่มันบ้านเจ้างั้นรึ? เจ้ายังมาที่แห่งนี้ได้แล้วทําไมข้าถึงมาไม่ได้?!”

“นี่เจ้า!” ก่อนจะพูดจบสายตาของนางเหลือมองหยุนเคอ ราวกับกลัวว่าหยุนเคอจะไม่พอใจ หากได้ยินวาจาเช่นนี้

“หยุนเถียนเถียน! เจ้าเข้ามาในเมืองหยุนเคอทราบหรือไม่? ข้ารู้อยู่แล้วว่าสตรีนางนี้จะต้องไม่ซื่อสัตย์ เจ้ามีนายน้อยหยุนอยู่แล้ว แม้เขาจะหน้าตาจะไม่ดีนัก แต่เจ้ากับเขาก็หมั้นหมายกันแล้ว!”

หยุนเถียนเถียนมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมหัน มองหยุนเคอสลับไปมาจนนางกล่าวจบ เมื่อฟังจากความหมายที่แฝงอยู่ในคําพูดแสดงว่านางจําหยุนเคอไม่ได้

หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มอย่างสดใสทันที!

“เฉินเจียวเจียวเจ้าออกติดตามหลี่เฟิงไปไม่ใช่รึ? แต่เอาเถอะ ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ายังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุภรรยางั้นรึ? ดูเจ้าตอนนี้สิ แม้แต่ผมยังไม่ได้รับการหวี ข้าเกรงว่าเจ้าคงเป็นเพียงนางสนมนอกเรือนใช่หรือไม่ ทําไมถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ? ช่างไม่มีค่าเอาเสียเลย!”

ในยุคนี้หญิงสาวที่แต่งงานแล้วจะต้องมัดผม! แต่นางสนมนอกเรือนนั้นต่างกัน!

กล่าวได้ว่านางสนมเช่นนี้จะไม่ได้รับการยอมรับหรือต้องคอยหลบซ่อนอยู่นอกเรือน เป็นได้เพียงของเล่นข้างกายชายหนุ่มเท่านั้น ไม่ถูกสนใจว่านางผู้นั้นจะต้องถูกหวีผมหรือไม่! เช่นเดียวกับเฉินเจียวเจียว นางไม่ได้รับการยอมรับจากหลี่เฟิง จึงเป็นเพียงสนมที่ไม่อาจแม้แต่จะได้รับการหวีผม

หยุนเถียนเถียนกําลังจี้ปมความเจ็บปวดของ เฉินเจียวเจียว “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบโอ้อวดต่อหน้าชายผู้นั้นหรอก อยากจะประกาศให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับงานหมั้นหมายคงรู้ดีแล้วใช่ไหมที่จะชื่อเสียงตนเองต่อหน้าเขา เจ้ามันก็แค่สนมนอกเรือนไร้ยางอายก็เท่านั้น!”

ใบหน้าของเฉินเจียวเจียวซีดเผือด นางตั้งสติหายใจเข้าออกลึกๆ และชี้นิ้วไปที่หยุนเถียนเถียน ทว่าไม่มีคํากล่าวใดพร้อมยืนนิ่งสั่นสะท้านไม่หยุ
“ข้านึกถึงครั้งที่หลี่ชุนเทาโอ้อวดต่อหน้าเราว่าบุตรสาวเธอเก่งกาจเพียงใด! ทั้งยังกล่าวอีกว่าถ้านางตั้งครรภ์ หลี่เฟิงจะแต่งตั้งนางอย่างถูกต้อง ในความคิดของข้าอยากให้เจ้าหยุดฝัน! ไม่นานหลังหลี่เฟิงเบื่อเจ้าแล้ว เจ้าอาจจะต้องกลับไปยังหมู่บ้านของเจ้าดังเดิม! ”

เฉินเจียวเจียวตะโกนออกไปอย่างเสียสติ “ที่ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าหรอกรึ หยุนเถียนเถียน! เจ้าอย่าภูมิใจนักเลย ข้ารอเวลาให้หยุนเคอเห็นตัวตนของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็จะถูกทิ้งไม่ต่างจากข้า!”

ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนสี ตอนนี้นางอยากจะกระโจนเข้าโจมตีอย่างหมาบ้าทุกเมื่อ

“เพราะข้างั้นรึ? นี่เจ้าหมายความว่าข้าเป็นผู้ บังคับให้เจ้าขโมยสูตรในเรือนของเจ้าเองงั้นรึ? และข้าเป็นผู้บังคับแม่เจ้าให้ขายสูตรนั่นแก่หลี่ เฟิงด้วยใช่หรือไม่? เจ้าทั้งสองขโมยสูตรปลอมมาขายให้หลี่เฟิง ถึงคราวนั้นพ่อแม่เจ้าก็ยังไม่ยอมควักเงินแลกเจ้าออกมา! เรื่องทั้งหมดนี้ เกี่ยวข้องกับข้าด้วยเช่นนั้น?

“ใช่! ครั้งแรกหากเจ้าต้องการนําสูตรออกมา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเจ้าไป! แต่สูตรนั่นเป็นของข้า ข้าจะนําไปทําอะไรมันก็เรื่องของข้า เจ้ามิใช่ญาติหรือคนในตระกูลข้า ทั้งยังเคยรังแกข้าอย่างไร้สาเหตุ! ทําไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะนําของตนเองมาช่วยเจ้าด้วย?”

“รอหยุนเคอเห็นตัวตนของข้า? หยุนเคอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอก? เจ้าพูดออกมาสิว่าข้าเป็นคนเช่นไร? เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยจิกกัดราวหมาบ้าเช่นเจ้า!”

หยุนเถียนเถียนกล่าวจบก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องลองชุดอีกครั้ง นางอยากถอดเสื้อผ้านี้ ออกเสื้อผ้าชุดนี้เหมาะกับนางที่สุดแต่ แต่อารมณ์การเลือกซื้อเสื้อผ้าจะนางมันพังทลายลงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องได้ชุดกลับเรือนสักชุด

เฉินเจียวเจียวตกตะลึง นางไม่ได้คาดคิดว่า ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้คือหยุนเคอที่มีหนวดเครารุงรั้ง!

นางจึงเศร้าใจเล็กน้อย หากรู้ก่อนว่าหยุนเคอหล่อเหลาถึงเพียงนี้ นางจะเลิกตามหลี่เฟิงนานแล้ว! ไอ้เฒ่าเวรนั่นจะเทียบกับหนุ่มหล่อที่ตรงหน้านี้ได้อย่างไรกัน เสื้อผ้าที่หยุนเคอสวมใส่ต่างมีมูลค่ามหาศาล เขามิใช่ยาจกงั้นรึ?

เฉินเจียวเจียวหันหลังกลับด้วยความอิจฉา! ฝ่ายหยุนเคอก้มศีรษะลงอย่างไร้อารมณ์ พร้อมเอนตัวพิงประตูร้านเสื้อผ้า

เมื่อหยุนเถียนเถียนแต่งตัวเสร็จ นางเดินออกจากห้องลองชุด หยุนเคอที่เห็นได้เผยรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วเจ้าชอบชุดนี้หรือไม่? หากชอบก็ซื้อมันซะ! ข้าว่าเราต้องกลับแล้ว อย่า ลืมว่าเฉินเฮ่อถูกทิ้งไว้ที่ร้านหนังสือ!”
รอยยิ้มน่าเอ็นดูนี้ ทําให้หยุนเถียนเถียนหน้า แดงทันที แม้ฉากดังกล่าวอาจทําให้หัวใจนาง เจ็บปวดในสายตาเฉินเจียวเจียว

หยุนเคอเองก็มีช่วงเวลาที่สุภาพอ่อนโยนเช่นกัน แต่ทุกความอ่อนโยนนั้นถูกใช้กับหยุ นเถียนเถียนเพียงผู้เดียว หยุนเถียนเถียนทําบุญด้วยสิ่งใดกัน? หรือเพียงเพราะเธอสง่างาม? เหตุใดต้องเป็นเธอที่ได้รับความรักจากหยุนเคอ?

เมื่อจ้องมองไปที่ชุดที่อยู่ในมือหยุนเถียนเถียน ความหึงหวงของเฉินเจียวเจียวก็พังทลายลง

“หยุนเถียนเถียน! เหตุใดเจ้าไม่เจียมตัวเสียบ้าง! คนอย่างเจ้าจะสวมเสื้อราคาแพงเช่นนี้ได้อย่างไร? หยุนเคอเป็นเพียงนายพรานหนุ่มล่าสัตว์ในภูเขาเท่านั้น หรือจะให้ข้าจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้เจ้าลองใส่สักตัวก็ได้นะ?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มตอบ “ข้าจะซื้อมันหรือไม่ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกเฉินเจียวเจียว! อย่างไรข้าก็มีโรงเย็บอยู่ในมือ! เพียงเสื้อผ้าชิ้นเดียวข้าไม่จําเป็นถึงเพียงนั้น!”

********************************

ตอนที่ 251 ความบังเอิญ

หยุนเคอคาดว่านายน้อยหลี่คงไม่มีปัญญาไตร่ตรองได้ เขาจึงคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ให้

“ในขณะที่เจ้ายังไม่คิดสิ่งใด ไม่รู้หรือว่าหลี่เฟิงตระหนักหาวิธีเข้ามายังตระกูลหลีได้ตลอดเวลา! เพราะน้องสาวของมันยังเสาะหาพ่อบ้านหวังผู้แก้ปมปัญหานี้ไม่ได้ไงเล่า!”

“เจ้าต้องคิดหาวิธีสร้างปัญหาให้หลี่เฟิง! แม้เขาจะกล่าวเป็นนัยว่าจะอยู่! นั่นก็มิใช่เรื่องต้องกังวล! เพราะเมื่อถึงตอนนั้นหลี่เฟิงจะตกอยู่ในกํามือเจ้าเป็นแน่ และเจ้าจะทําทุกอย่างตามที่ต้องการได้! ตราบใดที่เจ้าสั่งสอนคนของข้า ถึงมันจะปากดีเพียงใด ข้าก็จะงัดกับมันให้สาสม!”

ดวงตานายน้อยหลี่เป็นประกาย แม้ว่านางแพศยานั้นจะเป็นผู้บงการแผนทําร้ายบิดาของเขาก็ตาม แต่นางกลับถูกเปิดโปงเรื่องชู้สาวเสียแล้ว! ส่งผลให้นางแพศยานั้นชะงักได้พักหนึ่ง พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้และเร่งดําเนินคดีฆาตกรรมได้ทันที

“ก่อนพายุจะสงบ หลี่เฟิงต้องไม่กล้าเปิดเผย ความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวและพ่อบ้านเป็นแน่ เจ้าอย่าลืมว่าหลี่เฟิงร่วมทําการค้ากับเจ้าด้วย! รู้ใช่หรือไม่ว่าหากเรื่องแดงขึ้นมาจะส่งผลต่อกิจการของเจ้า! มันจะไม่กลัวงั้นรึ?
ถึงอย่างไรแล้ว หญิงนางนี้เป็นน้องสาว เกรงว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าตระกูลหลี่ของเจ้าเสียอีก!”

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้าจริงจังแล้วมองหยุนเคอด้วยความสงสัย

“เจ้าว่าปัญญาของสองคนนี้เติบโตมาได้อย่างไร? ถึงต้องการอยากได้อยากมีมากกว่าคนอื่น? ถึงอย่างไรข้าก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เอาเถอะ เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ข้าจะมอบรางวัลชิ้นใหญ่ให้แก่เจ้า!”

หยุนเคอส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “กล่าวตามตรง เพราะเจ้ามันอ่อนแอ ถ้าหากแข็งแกร่งกว่านี้ เจ้าไม่จําเป็นต้องรายงานเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ํา วิธีการมีมากมายเหมือนสนามหลังบ้านเจ้า แต่นี่เจ้ายังกังวลว่านางจะถูกขังเหมือนฮูหยินใหญ่ในเรือน หลังบ้านงั้นหรือ?”

“สําหรับหลี่เฟิง เจ้าแค่ต้องการทําให้เขาสิ้น เนื้อประดาตัว ถึงตอนนั้นหากเขาตายก็มิไม่เรื่องของเจ้าไม่ใช่หรือนายน้อยหลี่? โลกนี้มันน่ารัง เกียจกว่าที่เจ้าคิดนัก! ความโหดร้ายที่เจ้าเห็นมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น!”

หยุนเคอกล่าวจบประโยคและหันหลังเดินจากไป เขาเป็นคนไม่ชอบพูดมากนัก แต่มันถึงขีดจํากัดแล้ว ถ้าหลี่ซื่อฮวายังไม่เริ่มคิดว่าจะทําสิ่งใดต่อไปในอนาคต นั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่แปลกใจว่าจะตายอย่างไร เพราะอย่างไรแล้วทําไมเขาต้องสนมันด้วยล่ะ?

เมื่อหยุนเคอกลับมาถึง หยุนเถียนเถียนไม่ได้ถามว่าการเจรจาเป็นอย่างไรบ้าง?

ทั้งสองจึงคอย ชี้แนะการเรียนให้เฉินเฉินตลอดทั้งบ่าย
ช่วงเย็นหยุนเคอเสนอพาสองพี่น้องไปเดินเล่นในฟูเฉิง

หยุนเทียนเทียนพยักหน้าเห็นด้วย นางอยู่ที่ฟูเฉิงมานานตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เคยเดินสํารวจเสียที

ทั้งสามแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้าหยุนเถียนเถียนถูกทาเปลือกสีเทา ไม่ยากที่จะทําให้ทําให้ใบหน้างดงามนั้นหายไป

ขณะนั้นเองเฉินเจียวเจียวถูกขังอยู่ในเรือน ไม่มีอะไรให้ทํานางจึงรู้สึกหดหูมาก

นางยังคิดที่จะออกไปเดินเล่นในตอนกลางคืน เพราะยังไงหลี่เฟิงก็ไม่อยู่ ทําให้ตอนนี้เรือนหลัง นี้กลายเป็นของนาง

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะคลุกคลีกับผู้ชายในครั้งที่นางเป็นตํารวจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจของนางยังรักสวยรักงามและชอบที่จะแต่งตัวอยู่เหมือนกัน

โดยเฉพาะเสี่ยวเถาที่สามารถซื้อสินค้าข้ามเวลาได้ แต่นางไม่รู้ว่ายุคนี้มีสิ่งใดดีๆ ให้นางซื้อได้!

ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงเดินเข้าร้านเสื้อผ้า ตอนนี้นางมีเงินอยู่ไม่มาก ดังนั้นจึงซื้อได้เพียงเสื้อผ้าหนึ่งชุดเท่านั้น

นี่ร้านค้าหนี่ชางที่ดีที่สุดในเขต ทําให้เสื้อผ้าภายในร้านล้วนราคาสูง ไม่มีผู้ใดพูดถึงว่าผ้าทอละเอียดเพียงใด แค่การเย็บปักถักร้อยด้วยร้านนี้ ก็ทําให้คนดูรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขแล้ว!

เดิมที่หยุนเถียนเถียนอิจฉาหนุ่มสาวเหล่านั้นมากที่สามารถสวมใส่ฮั่นในมหาวิทยาลัยได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้นางเองก็มีโอกาสอยู่ในมือ แน่นอนว่านางจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ

เจ้าของร้านค้าสุดหรูหนี่ช่างเป็นหญิงสาวที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า นางมองไปที่หยุนเถียนเถียน สายตาที่หมกมุ่นของหยุนเถียนเถียนจับจ้องอยู่ที่เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ด้านบน!

เถ้าแก่เจ้าของร้านค้าหนี้ช่างเป็นผู้หญิง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาอ่อนโยน ฝ่ายหยุนเถียนเถียนยังคงจับจ้องไปยังเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ด้านบนสุด!

เมื่อจับจ้องไปที่รูปลักษณ์ที่สวดสุดงดงามของหยุนเถียนเถียน เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว ใบหน้าที่แท้จริงจากรูปลักษณ์ที่เห็นแล้วจะงดงามขนาดไหน!
หากเป็นสตรีที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นพร้อมสวใส่เสื้อผ้าเช่นนั้น แม้แต่เถ้าแก่ร้านหนึ่ชางยังรู้สึกว่าเหมาะกับนางยิ่งนัก

แน่นอนว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดคือชายหนุ่มที่เดินตามหลังหญิงสาวคนนี้ นางรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก แม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถนึกได้ นั่นไม่สามารถขัดขวางการจดจําของสมองได้ หากมีโอกาสจะต้องหาเข้าหาเจ้าตัวให้ได้ ถึงอย่างไรปลดปล่อยพลังเช่นนี้มิใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน

“หยุนเคอ เจ้าเห็นไหม? ชุดนั้นสวยมาก! เจ้าคิดว่าข้าใส่จะเป็นเช่นไร?”
ดวงตาของหยุนเคอเต็มไปด้วยความเอ็นดู เขาเงยหน้าและพูดกับเจ้าของร้านว่า “ถอดชุดนั้นออกมา!”

ใบหน้าเถ้าแก่เผยรอยยิ้มอ่อนโยน นางมักจะแขกเช่นนี้เสมอ

“แม่นางมีพี่ชายที่ดียิ่งนัก นี่คือชุดที่สวยที่สุดในร้านเรา!”

พี่ชาย?
ใบหน้าหยุนเคอมีดคมและเริ่มปล่อยรังสีอํามหิตออก

“สายตาของเถ้าแก่มีปัญหางั้นรึ? นางเป็นคู่หมั้นของข้า!”

เถ้าแก่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ อายุของทั้งสองที่ต่างกันมาก การกล่าวว่าเป็นพี่น้องยังเหมาะสมมากกว่าการเป็นสามีภรรยาเสียอีก อย่างไรก็ตามนางก็ทําตามสิ่งที่ลูกค้าบอก

“ใช่! สายตาข้ามีปัญหาเสียแล้ว! ถ้าแม่นางได้แต่งงานกับคุณชายที่รักใครเอ็นดูเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก”

เมื่อได้ยินคําอวยพรเช่นนี้ อารมณ์ของหยุนเคอก็คลายลงอย่างมาก

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบชุดแล้วเดินไปยังห้องลองเสื้อ

หลังจากหยุนเถียนเถียนเข้าไปในห้องลองเสื้อ เฉินเจียวเจียวก็ปรากฏตัวขึ้น! ตอนนี้นางมีเงินทองมากกว่าแต่ก่อน เงินที่นางมีสามารถหาซื้อเสื้อผ้าที่งดงามได้มาอย่างง่ายๆ

นางได้ยินมาว่าร้านขายเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในฟูเฉิง คือร้านหนชางที่อยู่ตรงหน้า เฉินเจียวเจียวเดินเข้าไปในร้านอย่างมั่นใจ!

ใครจะรู้ว่าทันทีที่เข้ามาเฉินเจียวเจียวก็พบชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ใบหน้าแหลมคม มีกลิ่นอายที่เย็นชาแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ เฉินเจียวเจียวก็ตัวไปชั่วขณะ ถ้าข้างกายของนางมีคนเช่นนี้ยืนอยู่เคียงข้าง นางคงมีความสุขไม่น่อย!

เฉินเจียวเจียวก้าวไปข้างหน้าพร้อมโค้งคํานับเล็กน้อย! ในความทรงจําของนาง มารยาทของหญิงสาวควรจะมีความอ่อนโยนและสุภาพอ่อนน้อม
แต่นางคงคิดไม่ถึงว่าด้วยการใช้ชีวิตในชนบทมาหลายปี เพิ่งจะได้สัมผัสการกับการมีมารยาทเช่นนี้ จู่ๆ นางก็เดินออกมาด้วยท่าทางอึดอัดเล็กน้อย

ตอนที่ 250 ทางเลือกทั้งสอง

หยุนเถียนเถียนมองอาหารตรงหน้าอย่างพะอืดพะอม เนื่องจากในอดีตชาตินางทํางานเป็นตํารวจมาหลายปี จึงชื่นชอบอาหารประเภทเนื้อ เพราะนางเป็นผู้หญิงที่ต้องทํางานกับผู้ชาย ดังนั้นจึงต้องคุมน้ําหนักและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

นอกจากนี้การฝึกเช่นเดียวกับผู้ชายนั้นทําให้ร่างกายดึงพลังงานส่วนเกินมาใช้ตลอดเวลา

“นายหญิงหยุน ได้โปรดช่วยนายน้อยด้วยขอรับ!”

“เสี่ยวซื่อรู้ว่าที่ผ่านมาทําไม่ดีกับท่านมาตลอด ข้าคิดน้อยเกินไป… ขออภัยด้วยขอรับ !”

“ข้ารู้ว่านายหญิงหยุนเป็นคนจิตใจงาม ท่านคงไม่ปล่อยให้นายน้อยถูกนายหญิงหลีจับผิดเช่นนี้ ใช่หรือไม่ขอรับ?”

หยุนเถียนเถียนกัมมองเสี่ยวชื่อที่กอดขาของนางแน่นพร้อมครุ่นคิด เขาพูดเรื่องอะไร? หรือว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับหลี่ซือฮวา?

ขณะเดียวกันหยุนเคอก็ได้แผ่รังสีความโกรธเคืองออกมา เขายังไม่เคยแตะต้องตัวคนรักเช่นนี้ แล้วเจ้านี้เป็นผู้ใดถึงกล้ามากอดขานาง!

“นายหญิงหยุนขอรับ ตอนนี้นายน้อยเอาแต่สุราและขังตนเองอยู่ในห้องตํารา ซึ่งข้าไม่รู้ว่านายน้อยพบเจอเหตุการณ์อะไรขณะที่ออกไปทําธุระด้านนอก หากนายหญิงหลี่รู้เรื่องนี้นางจะต้องอ้างสิทธิความเป็นแม่และสั่งขังนายน้อยโดยใช้ข้ออ้างเรื่องต้องการควบคุมประพฤติ จากนั้นธุรกิจทั้งหมดของตระกูลหลี่ก็จะตกอยู่ในกํามือนาง แน่นอนขอรับ”

“นายหญิงหยุนเป็นสตรีที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม ดังนั้นข้าเชื่อว่าท่านสามารถหาทางช่วยนายน้อยให้พ้นจากเงื้อมมือนายหญิง และข้าก็เชื่อว่า ท่านจะสามารถเรียกสติของนายน้อยกลับคืนมาได้ขอรับ!”

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกล่าว “เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าข้าสามารถเปลี่ยนความคิดนายน้อยของเจ้าได้? เจ้าไม่รู้หรือว่าชื่อเสียงของสตรีนั้นสําคัญเพียงใด? หากหยุนเคอเข้าใจผิดในสิ่งที่เจ้าพูดและคิดว่าข้ากับหลี่ซื่อฮวาลอบมีความสัมพันธ์กัน เจ้าจะรับผิดชอบชีวิตข้าได้หรือไม่?”

เสี่ยวซื่อผงะไปชั่วครู่ เพราะเขาคิดเพียงอยากช่วยนายน้อยจากเงื้อมมือของนายหญิงหลี่จนลืมคิดถึงเรื่องที่นายหญิงหยุนกล่าว

“หากนายน้อยของเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าก็ไม่ควรมาหาข้า หยุนเคอ… ท่านลองตามเขาไปดูนายน้อยหลี่สักหน่อยเถิด เพราะอย่างไรเสียข้ากับท่านก็เปรียบเสมือนคนเดียวกันอยู่แล้ว!”

หยุนเคอพยักหน้าพร้อมเผยสีหน้าเรียบเฉยก่อนกล่าว “นําทางไปสิ!”

น้ําเสียงของหยุนเคอเย็นเยียบจนทําให้เสี่ยวซื่อละคนอื่นขนลุกชั้นด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นคนผู้นี้ก็เต็มใจที่จะช่วยนายน้อยของเขา

แม้เสี่ยวซื่อจะรู้สึกเสียใจนายหญิงหยุนปฏิเสธที่จะช่วยนายน้อย แต่เขาก็ยังนําทางหยุนเคอไปยังห้องตําราอยู่ดี

หยุนเคอเดินเข้าไปในห้องตําราและพบว่านายน้อยหลี่กําลังนั่งดื่มสุราอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง หลายคนที่พบเห็นภาพเช่นนี้อาจเรื่องธรรมดา แต่ เมื่อสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียดแล้วกลับไม่ใช่เช่นนั้นเลย

ดวงตาเหล่านั้นไม่สามารถปิดบังความเจ็บปวดของนายน้อยหลี่ได้เลย…

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไปเจอเรื่องอะไรมาอย่างนั้นหรือ? เหตุใดเสี่ยวซื่อถึงวิตกเช่นนี้!”

เสียงของหยุนเคอจึงทําให้หลี่ซื่อฮวาที่ตื่นจา ภวังค์อันเจ็บปวด เพราะเขาไม่ทันสังเกตว่ามีผู้มาเยือน

“หยุนเคอ… เจ้าคือใครกันแน่? ดูจากรูปลักษณ์ และผิวพรรณแล้วข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่นายพรานป่าธรรมดาแน่นอน! เหตุใดเจ้าถึงสมัครใจอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ และยอมแต่งงานกับสาวชาวนาเล่า?”

หยุนเคอยกยิ้มมุมปากพลางเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “นายน้อยหลี่คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าในใจเจ้าคิดอย่างไร? คิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ? ข้าและหยุนเถียนเถียนมีสัญญาจึงจําเป็นต้องแต่งงานกัน ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งคิดเรื่องของข้าเลยเจ้าควรเอาเวลานี้คิดหาทางจัดการเรื่องยุ่งเหยิงในชีวิตดีกว่า!”

รอยยิ้มขมขื่นพลันปรากฏบนใบหน้าของหลี่ซือฮวา “อืม ข้ารู้น่า! เพียงเท่านี้ข้าก็แก้ปัญหาของตนเองไม่ได้แล้ว และอีกอย่างข้าไม่อยากลากผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก!”

“หญิงผู้นั้นเป็นคนฉลาด แม้จะชื่นชมนาง แต่ข้าคิดกับนางเพียงเพื่อนเท่านั้น! เพราะข้าไม่ อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ฉลาดกว่าข้าฮ่า ๆ!”

เมื่อเห็นเจ้าของบ้านกําลังดื่มสุรา หยุนเคอจึงนั่งลงร่วมโต๊ะกับหลี่ซือฮวาเพราะต้องการรักษามารยาทในฐานะแขก

“อืม เจ้ามีเรื่องหนักใจอะไรก็พูดมาเถิด แม้นางจะไม่มาที่นี่ แต่ข้าจะพยายามช่วยเจ้าแก้ปัญหาอย่างสุดความสามารถ

หลี่ซือฮวาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวด้วยอย่างจริงจัง “เจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก เพราะเรื่องที่พ่อบ้าน และนายหญิงของตระกูลลอบคบชู้นั้นน่าอับอาย เกินไป และตอนนี้ท่านพ่อก็มาชีวิตลงทิ้งให้ข้าต้องจัดการเรื่องเสื่อมเสียเหล่านี้ตามลําพัง!”

“แต่หากข้าไม่เปิดโปงเรื่องนี้ หญิงชั่วผู้นั้นก็จะมีชีวิตที่สุขสบาย! ข้าละอายใจต่อท่านพ่อเหลื เกินที่ไม่สามารถล้างแค้นให้ได้… พี่ชายหยุนคิดว่าข้าควรทําอย่างไรดี?”

หยุนเคอกล่าวตอบเสียงแผ่ว “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้วว่าเจ้าจะเลือกเปิดโปงเรื่องใด แต่หากเจ้าเลือกเรื่องชู้สาว หยุนเถียนเถียนจะดูถูกเจ้าตลอดไปแน่นอน!”

หลี่ซือฮวาเบิกตากว้างพร้อมกล่าว “ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่สนว่านางจะดูถูกหรือเคารพ เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่สามารถลงเอยกับนางอยู่แล้ว และ ตอนนี้ข้าขอเพียงจับตัวคนร้ายมาลงโทษก็พอ! เจ้าช่วยชี้ทางข้าเถิดว่าต้องเลือกเปิดโปงเรื่องใด!”

หยุนเคอกําลังจะเอ่ยปากแต่หลี่ซื่อฮวาพูดขัดเสียก่อน “ข้าขอเตือนว่าหากเจ้าทํานางเจ็บช้ําใจ เมื่อไรก็อย่าหาว่าขาหยาบคายก็แล้วกัน! แม้ข้าจะสู้เจ้าไม่ได้แต่เจ้าอย่าประมาทล่ะ!”

หยุนเคอพยักหน้าพลางคิดในใจ เจ้าเด็กเหลือขอช่างไม่รู้อะไรเสียเลย! เห็นได้ชัดว่าเจ้ากําลังตอกย้ำตนเองอยู่… ไม่เข็ดหลาบหรืออย่างไร?

“ข้าคิดว่าเจ้าอย่าเปิดโปงเรื่องชู้สาวเลย เพราะ มันจะทําให้ชื่อเสียงของนายหัวและตระกูลหลี่เสื่อมเสีย อีกทั้งยังส่งผลไม่ดีแก่ธุรกิจของตระกูลด้วย! เจ้าต้องใช้พ่อบ้านหวังเป็นพยานแล้วจับนายหญิงและพี่ชายเรื่องวางยาพิษให้ได้ ส่วนหลังจากนั้นเจ้าจะขายพ่อบ้านหวังหรือฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้าตัดสินใจ!”

“อันที่จริงเจ้าไม่จําเป็นต้องใช้พ่อบ้านหวังเลย หากต้องการเอาผิดสองพี่น้อง เจ้าเพียงแค่จับคนสนิทของหลี่เฟิงมาทรมานจนกว่าจะยอมรับสารภาพก็สิ้นเรื่อง!”

ตอนที่ 249 หมดหนทาง

“หลี่เฟิงมีทําธุรกิจหอนางโลม นั่นคือสาเหตุที่มี ยาปลุกกําหนัดผสมอยู่ในกระถางกํายานของนายหญิงเล็กจากนั้นนางก็ขอให้ข้าซื้อยากล่อมประ สาทเพื่อให้ว่าหากใช้ยาสองชนิดนี้แล้ว นายหัวหลี่ต้องตายแน่นอนขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเส้นเลือดบริเวณขมับของเขาปูดโปนราวกับมันกําลังจะระเบิดออก แม้เขาจะเกลียดชังบิดาเพราะความมักมากแต่ก็ไม่คาดคิดว่า บิดาจะต้องจบชีวิตเพราะสตรีที่เขารักดังนั้นหลี่ชื่อฮวาจึงโกรธมากที่เห็นบิดาต้องตายอย่างอนาถ

“เหตุใดนางถึงยอมทําทุกอย่างเช่นนี้?”

พ่อบ้านหวังนั่งคุกเข่าขณะที่ร่างกายสั่นเทิ้มเมื่อเห็นหลี่ซื่อฮวาแสดงความเกลียดแค้นออกมา

“นายหญิงเล็กผู้นี้มีชาติกําเนิดเป็นลูกคนรับใช้ซึ่งพ่อแม่ของนางทํางานรับใช้อยู่ในบ้านของหลี่เฟิง! หากไม่เชื่อฟังเขาครอบครัวของนางก็จะถูกฆ่าล้างครัว!”

หลี่ซื่อฮวาแค่นเสียงก่อนกล่าวเย้ยหยัน“ครั้งนี้ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้หลี่เฟิงเป็นคนโหดเหี้ยมและตอนนี้มันรู้เรื่องที่ข้าตามหาเจ้าแล้วคิดหรือว่ามันจะไว้ชีวิตเจ้า? มันไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อฆ่าเจ้าต่างหาก!”

พ่อบ้านหวังไม่ใช่คนโง่ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถทํางานให้กับหลี่เฟิงกว่าสิบปีหรอก เขารู้ดี ว่าสิ่งที่หลี่ซื่อฮวากล่าวมานั้นเป็นความจริงเพราะหลี่เฟิงสามารถทําทุกอย่างเพื่อช่วยให้น้องสาวของเขาให้พ้นผิด!

หลี่ซื่อฮวารู้ว่าเขาไม่สามารถทําแผนการนี้ให้สําเร็จเพียงลําพังอีกทั้งยังรู้ว่าไม่สามารถปกปิดแผนการนี้จากครอบครัวของนายหญิงหลี่ไปได้
ตลอด

พ่อบ้านรู้สึกว่าตนโชคดีมากที่หญิงน่าเกลียดผู้นั้นรบเร้าให้หลี่เฟิงไปยังห้องของนางแทนที่จะมาจัดการกับเขาก่อน

“นายน้อยหลี่สัญญาได้หรือไม่ว่าท่านจะไว้ชีวิต ข้าหากข้าเปิดเผยเรื่องที่ไม่ควรพูด! ข้าขอสารภาพว่าไม่รู้เรื่องแผนการนี้มาก่อนและไม่มีส่วนร่วมในการตายของนายหัวและนายน้อยต้องแก้แค้นให้กับนายหัวนะขอรับ!”
หลี่ซื่อฮวาใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ ทว่าเสียงนั้นกลับดังกังวานและคมชัดสําหรับพ่อบ้านหวัง เพราะตระหนักได้แล้วว่าตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในกํามือของหลี่ซื่อฮวาอีกทั้งยังรู้ว่าหลี่ซื่อฮวาคงไม่ปล่อยตนไปแน่เพราะสิ่งที่ตนกระทํากับบิดาของเขานั้นร้ายแรงยิ่ง

เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันบางคนอาจควบคุมสติได้หรือบางคนอาจสติแตกพ่อบ้านหวังเป็นคนฉลาดจึงควบคุมสติและคิดหาทางแก้ไขเพราะเขารู้ว่าหลี่ซื่อฮวาไม่กล้าฆ่าตนในตอนนี้เนื่องจากตนยังมีประโยชน์ในการแก้แค้น!

พ่อบ้านหวังคลานเข้าไปหาหลี่ซื่อฮวาเพื่อสร้างความเชื่อใจให้กับอีกฝ่าย
“ตราบใดที่นายน้อยไว้ชีวิตข้าก็เต็มใจที่จะเป็นพยานให้ท่านเพื่อล้างแค้นนายหญิงหลี”

หลี่ซื่อฮวาขมวดคิ้วแน่น พลางคิดวางแผนด้วยตนเองเพราะเขาไม่อยากกลับไปที่จวนและเจอสายตาดูถูกของหยุนเกียนเถียน

หากปล่อยตัวพ่อบ้านหวังไปทุกอย่างจะต้องวุ่นวายแน่

“เจ้ากําลังบอกข้าว่าศาลจะรับฟังเจ้าอย่างนั้นหรือ? ถ้านังนั่นมีข้อแก้ตัวว่าเจ้าพูดปดเล่าจะทําอย่างไร?”

พ่อบ้านหวังตกตะลึงชั่วครู่ก่อนเงยหน้าขึ้นพลางกล่าวตอบ“นางปฏิเสธไม่ได้หรอกขอรับเพราะข้าจําตําแหน่งปานบนร่างกายของนายหญิงได้ชัดเจน!”

ทันใดนั้นหลี่ซื่อฮวาก็แผดเสียงคํารามดังลั่น “ต่อให้ต้องกระชากหน้ากากนางแต่ข้าก็จะไม่เอาเรื่องอื้อฉาวของตนเองมาประจานต่อหน้าสาธารณชนเด็ดขาด!ข้าอยากให้เจ้าเป็นพยานเรื่องวางยาพิษไม่ได้ให้เจ้าประจานเรื่องอัปยศ!”

ร่างกายของพ่อบ้านหวังสั่นเทาด้วยความกลัวพร้อมคิดในใจว่าตนต้องถูกหลี่ซื่อฮวาฆ่าเป็นแน่

หลังจากแผดเสียง หลี่ซื่อฮวาก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกําชับให้คนรับใช้เฝ้าดูพ่อบ้านหวังอย่าให้คลาดสายตา

หลี่ซื่อฮวาคิดหนัก เพราะพยานปากเอกของเขานั้นประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่เขาจะปล่อย ให้หญิงชั่วลอยนวลได้อย่างไร?

ทุกความเกลียดชังย่อมมีเหตุผลเสมอ… มารดาผู้ให้กําเนิดหลี่ซื่อฮวาเป็นสตรีจากชานเมืองผู้ต้องตาต้องใจนายหัวหลี่ซึ่งนางไม่รู้ว่าหลี่จินเป็นพ่อค้าที่มีธุรกิจใหญ่โต!แต่ถึงกระนั้นดอกไม้ป่าจะงามเท่าดอกไม้ประจําตระกูลได้เช่นไร?

ไม่นานหลี่จินก็แต่งอนุภรรยาเข้าจวนซึ่งแม่ของเขานั้นเข้าใจดีแต่วันหนึ่งนั่งอสรพิษผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของหลี่จินได้ทําสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เพราะนางขอร้องให้เขาตบแต่งนางเป็นภรรยาตามกฎหมาย

ในเวลานั้นแม่ของหลี่ซื่อฮวาต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลําบากเพราะอาการป่วยซึ่งส่งผลร่างกายของทรุดโทรมลงแล้วนางจะสู้ความงามของหญิงเลวผู้นั้นได้อย่างไร? หลังจากรับหญิงผู้นั้นเข้ามาในจวนประมาณสองสามปีนายหัวหลีกออกคําสั่งให้หญิงผู้นั้นมีสิทธิเทียบเท่าภรรยาหลวงจึงทําให้แม่ของหลี่ซื่อฮวาโกรธจนอาการทรุดหนักและเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่ปี

หลังจากแม่ของหลี่ซื่อฮวาสิ้นใจประมาณหนึ่งร้อยวันหญิงผู้นั้นได้เอ่ยขออย่างตรงไปตรงมาให้นายหัวหลี่ตบแต่งนางให้เป็นภรรยาตามกฎหมายอีกทั้งยังพยายามวางตัวเป็นนายหญิงของบ้าน

ในที่สุดหลี่ซื่อฮวาก็หาพยานที่สามารถเอาผิดนังอสรพิษได้แต่แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกระวนกระวายเพราะกลัวว่านางจะหาข้อแก้ตัวให้หลุดพ้น คดีได้!

อันที่จริงสิ่งที่หลี่ซื่อฮวากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีหลักฐานพอที่จะมัดตัวผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นความยุติธรรมของท่านสู่จุนต่างหากเพราะหากท่านฝจนมีความยุติธรรมพอเขาจะส่งคนไปตรวจค้นที่บ้านของหลี่เฟิงและตราบใดที่สามารถจับลูกน้องของหลี่เฟิงมาดําเนินคดีได้ผลของการสอบสวนนั้นก็จะออกมาอย่างยุติธรรม

แต่ธุรกิจส่วนใหญ่ของตระกูลหลื่นั้นให้ความ สําคัญกับชื่อเสียงหากชื่อเสียงของหญิงผู้นั้นพังทลายลงธุรกิจของตระกูลก็จะเสียหายไปด้วยดังนั้นเขาจึงต้องดําเนินการอย่างรอบคอบ

ตั้งแต่กลับจากฝูจง หลี่ซื่อฮวาก็ไม่เคยดื่มสุราอีกเลยนับประสาอะไรกับช่วงไว้อาลัยเช่นนี้เล่า

ทว่าวันนี้ทุกอย่างรุมเร้าเขาจนทนไม่ไหวอีกต่อไปหลี่ซื่อฮวาจึงยกไหสุราในมือหรอกใส่ปากอย่างรวดเร็วพลางคิดในใจว่าตนไม่ได้กลับจวนหลายปีแล้ว แต่เมื่อกลับมาเขาต้องสูญเสียบิดาทันทีอีกทั้งยังคับแค้นใจที่ตนรู้ว่าผู้ใดเป็นคนฆ่าบิดาแต่กลับทําอะไรพวกมันไม่ได้!

เมื่อเสี่ยวซื่อเห็นพฤติกรรมของนายน้อยที่เอาแต่ร่ําสุราเขาพลันกลัวว่านายหญิงหลี่จะเห็นการกระทําที่ไม่เหมาะสมนี้จึงรีบวิ่งไปหาหยุนเสียนเถียนทันที

หลายวันมานี้เสี่ยวซื่อสังเกตว่านายน้อยปฏิบัติต่อนายหญิงหยุนแปลกไป อีกทั้งยังรู้สึกว่า เด็กสาวผู้นี้ฉลาดกว่าเจ้านายของตนนักดังนั้นนางจึงต้องมีวิธีโน้มน้าวนายน้อยได้แน่

ขณะนี้หยุนเสียนเถียนกําลังรับประทานอาหารอยู่และเนื่องจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์บนโต๊ะจึงเต็มไปด้วยอาหารมังสวิรัติ

ตอนที่ 248 ลงมือก่อน

หยุนเถียนเถียนพยายามคิดหาทางช่วยหลี่ซื่อฮวาอย่างไม่ลดละ “เจ้าต้องบอกคนอื่นว่าจะออกตามหาพ่อบ้านหวัง! หากนายหญิงหลี่ได้ยินข่าว นางจะต้องสั่งให้หลี่เฟิงฆ่าพ่อบ้านหวังแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าค่อยสะกดรอยตามนางไปอย่างระมัดระวัง”

โดยปกติแล้วหลี่ซื่อฮวาเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอม เชื่อใครง่าย ๆ แต่เขากลับรีบร้อนออกไปทันที่ที่หยุนเถียนเถียนอธิบายจบ แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดพ่อบ้านหวังถึงไม่ถูกขาย แต่ในเมื่อทุกคนยืนกราน… เรื่องนี้ก็คงมีเหตุผลในตัวของมัน!

นายหญิงหลี่ทําหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในจวนนานแล้วจึงไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตานางได้ ดังนั้นข่าวที่หลี่ซื่อฮวาต้องการตามหาพ่อบ้านหวังจึงมาถึงหูนางอย่างรวดเร็ว

แต่นางไม่สามารถออกจากบ้านได้เพราะช่วงนี้ คือช่วงไว้ทุกข์ หากนางออกจากจวนตอนนี้คงถูกกล่าวหาว่าอกตัญญต่อสามีเป็นแน่ ประการที่สองหากนางออกไปพบหลี่เฟิงตอนนี้ หลี่ซื่อฮวาอาจสงสัยได้ ดังนั้นเธอจึงต้องเชิญน้องชายมาที่จวนนี้ โดยใช้งานศพเป็นข้ออ้าง

หลี่ซื่อฮวาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเพราะนายหญิงหลี่ไม่ได้ออกจากบ้านมาสักพักหนึ่งแล้วจึงกลัวว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน แต่เด็กสาวจากตระกูลหยุนไม่คิดเช่นนั้น
ในเมื่อทุกคนไว้วางใจให้เขาหาตัวคนผิดมาลงโทษ หลี่ซื่อฮวาจึงปฏิญาณตนว่าเขาจะไม่ ทําให้คนเหล่านี้ผิดหวังเด็ดขาด! หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดหลี่เฟิงก็ปรากฏตัวที่บ้านของตระกูลหลี่

พี่น้องสองคนหารือกันตามลําพังภายในเรือนอย่างระมัดระวัง ด้วยเหตุนี้ทําให้หลี่ซื่อฮวาไม่สามารถส่งคนไปสอดแนมได้

หลี่ซื่อฮวารู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งคนรับใช้ไปเฝ้าอยู่ด้านนอกเรือน และสะกดรอยตามหลี่เฟิงทันทีที่ออกมา!

หลี่เฟิงขอตัวกลับทันทีโดยไม่รอทานอาหารร่วมกับครอบครัวของนายหัวหลี่ เมื่อรู้เช่นนี้หลี่ชื่อฮวาจึงรู้ว่าข้อสันนิษฐานของหยุนเถียนเถียนนั้นถูกต้อง
หลี่เฟิงมุ่งหน้าไปทางบ้านหลังหนึ่งแทนที่จะกลับจวน และภายในเรือนยังมีใครบางคนที่คาดไม่ถึงรอเขาอยู่ในนั้นอีกด้วย

คนผู้นั้นคือเฉินเจียวเจียว แม้ก่อนแต่งงานหลี่เพิ่งจะมีอนุภรรยามากมาย แต่หลังจากที่แต่งงานกับลูกสาวจากตระกูลร่ํารวยที่มีอุปนิสัยแข็งกร้าว ดื้อรั้น เอาแต่ใจ เขาก็ไม่กล้ารับอนุภรรยาเข้ามาในจวนอีกเลย ดังนั้นเขาจึงพาตัวเฉินเจียวเจียวมาอยู่ที่อื่นแทน

เฉินเจียวเจียวไม่คาดคิดว่าตนจะต้องมาอยู่ในบ้านหลังเล็ก และไม่ได้แต่งเข้าจวนในฐานะอนุภรรยา แต่เป็นเพียงนางบําเรอเท่านั้น!

แต่สําหรับคนที่ไม่มีชื่อหรือแซ่แบบนางแล้ว การถูกหลี่เฟิงตามใจ มีห้องส่วนตัว และมีคนรับ ใช้รายล้อมถือว่าเป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว แม้จะน่าเบื่อไป แต่นางก็พบงานอดิเรกใหม่คือ การแกล้งสาวรับใช้!

เฉินเจียวเจียวตั้งชื่อให้คนรับใช้ว่าเถียนเถียน เพราะในสายตาของนางผู้หญิงเช่นหยุนเถียนเถียนนั้นเหมาะสําหรับรองรับอารมณ์ และเมื่อใดก็ตามที่โมโหหรือไม่พอใจ เฉินเจียวเจียวจะทุบตีเถียนเถียนอย่างโหดร้ายเกินที่เด็กหญิงตัวน้อย ๆ จะทนไหว

แน่นอนว่าเฉินเจียวเจียวรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเช่นกัน หลี่เฟิงจึงสบโอกาสใช้ห้องของเฉินเจียวเจียวซ่อนตัวพ่อบ้านหวังไว้ อีกทั้งยังขู่ว่าอย่าแตะต้องผู้หญิงของเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพ่อบ้านหวังได้ไปเที่ยวยมโลกแน่

ใครจะรู้ว่าหลังจากที่พ่อบ้านหวังตกหลุมรักสาวทรงเสน่ห์อย่างนายหญิงหลี่แล้ว ความงามของเฉินเจียวเจียวก็ไม่สามารถทําให้หัวใจของเขาพองโตได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ๆ ได้โปรดอย่ากังวล ข้าจะไม่แตะต้องตัวนางเด็ดขาด!”

เฉินเจียวเจียวรู้สึกรําคาญพ่อบ้านหวังผู้ชั่วร้าย ยิ่ง แม้เขาจะถูกห้ามไม่ให้แตะต้องเฉินเจียวเจียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนจึงฉวยโอกาสโลมเลียนางทางสายตาเสมอ และเนื่องจากเฉินเจียวเจียวรู้สึกไม่พอใจ นางจึงเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน

เมื่อรู้ว่าหลี่เฟิงมาที่นี่ เฉินเจียวเจียวจึงจัดแจง เสื้อผ้าและออกไปต้อนรับเขา เพราะนางวาดฝัน ว่าสักวันจะต้องมีลูกกับเขาให้ได้และถึงเมื่อนั้น นางก็จะสามารถเชิดหน้าชูตาในฐานะภรรยาของหลี่เฟิงได้

แม้ว่าหลี่เฟิงจะรีบร้อนเพียงใด แต่เขาก็ยังคงตามใจเฉินเจียวเจียวเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นจนถึงพลบค่ํา เนื่องจากคิดว่าตนสามารถจัดการกับพ่อบ้านหวังเมื่อไรก็ได้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็อยู่ในกํามือวันยังค่ํา

เมื่อหลี่เพิ่งเข้าไปยังห้องที่ขังพ่อบ้านหวังไว้ แต่เขาก็ต้องตกตะลึงพบว่าพ่อบ้านหวังหายไปแล้ว เมื่อได้สติหลี่เฟิงจึงสั่งคนสํารวจรอบบ้านเพราะเขาคิดว่าพ่อบ้านหวังรู้เรื่องที่ตนต้องถูกฆ่าปิดปากจึงหนีออกไป

ความจริงแล้วพ่อบ้านหวังถูกลักตาตัวต่างหาก เนื่องจากหลี่ซื่อฮวาขอร้องหยุนเคอเป็นผู้ลักพาตัวพ่อบ้านออกมาหลังจากที่รู้ตําแหน่งของเขา

หยุนเคอไม่มีทางเลือกจึงหัวเราะกับตนเองเงียบ ๆ เขาได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเยาว์ เพราะเหตุนี้เขาจึงเป็นเสมือนนักเลงลูกน้องของนายน้อยหลี่ไปโดยปริยาย

แม้จะคิดเช่นนั้น หยุนเคอก็ยังทําตามคําขอและลักพาตัวพ่อบ้านหวังแต่โดยดี

หลังจากฟื้นคืนสติ พ่อบ้านหวังเอามือแตะศีรษะด้วยความงุนงงพร้อมมองไปรอบ ๆ ก่อนมองเห็นนายน้อยหอื่นั่งอยู่บนเก้าอี้

ความสามารถด้านการสังเกตสีหน้าของพ่อบ้านหวังยังคงเยี่ยมยอดเช่นเดิม ดังนั้นเมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าของนายน้อยหลีจึงรู้ทันทีว่าตนถึงคราวซวยแล้ว

พ่อบ้านหวังคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกล่าวแก้ตัว ราวกับหมาจนตรอก “นายน้อยอภัยให้ข้าเถิด หญิงผู้นั้นยั่วยวนข้าขอรับ! ก่อนหน้านี้นายหัวหลี่ขายข้าให้พ่อค้าทาสแล้ว แต่น้องชายของนายหญิงซื้อตัวข้าไว้ก่อน เพราะพวกเขาต้องการให้ข้ากลับไปทํางานที่จวนตระกูลหลี่และขโมยทรัพย์สินมาให้… และอีกอย่างข้าก็ไม่มีส่วนร่วมในการวางแผนฆ่านายหัวหลี่เลยขอรับ!”

หลี่ซื่อฮวาหัวเราะด้วยความสมเพชก่อนเอ่ยถาม “เจ้าบอกว่าไม่มีส่วนร่วมในแผนการ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันฆ่าท่านพ่อ?”

พ่อบ้านหวังอธิบายอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่มีส่วนร่วมจริง ๆ ขอรับนายน้อย! แต่หลังจากเกิดเรื่องนายหญิงหลี่เป็นคนบอกข้าเองว่านายหัวหลี่ตายแล้วขอรับ!”

“นางบอกเจ้าว่าอย่างไร? บอกข้ามาให้หมด ไม่อย่างนั้นหัวของเจ้าหลุดออกจากบ่าแน่!”

พ่อบ้านหวังกลัวความตายยิ่งกว่าอื่นใด จึงเล่าความลับระหว่างเขากับนายหญิงหลี่จนหมดเปลือกทันที

“นางบอกข้าว่านายหัวหลี่รู้เรื่องลอบคบชู้แล้ว และเราสองคนอาจถูกฆ่าได้ ดังนั้นเมื่อข้าถูกขาย นางจึงกระวนกระวายใจและชิงลงมือฆ่านายหัวหลี่ก่อนขอรับ!”

กอยมี่ 247 ฝ่าอุปสรรค

หลี่ซื่อฮวากตใจและสงสันอน่างทาตว่าเด็ตสาว เช่ยยางทีควาทคิดราวตับผู้ใหญ่เช่ยยี้ได้อน่างไร? แก่นุยเคอได้นิยบ่อนแล้วจึงไท่ได้รู้สึตกะลึง
ไท่ทีพี่สาวคยโกมี่ไหยจะห่วงในย้องชานทาตขยาดยี้ เทื่อคิดเช่ยยั้ยหลี่ซื่อฮวาพลัยย้อนใจ เพราะหาตรอบกัวกยทีคยเช่ยยี้สัตคย ชีวิกของเขาคงดีตว่ายี้ไท่ย้อน

แท้หลี่ซื่อฮวาจะย้อนเยื้อก่ําใจ แก่เขาต็สาทาร ถจัดตารควาทรู้สึตได้อน่างรวดเร็ว จาตยั้ยจึงเอ่น ถาทหนุยเถีนยเถีนยอน่างกรงไปกรงทา “ยานหญิงหนุย ข้ารู้แล้วว่ายั่งอสรพิษเป็ยคยอนู่เบื้องหลัง แก่นังหาหลัตฐายทัดกัวยางไท่ได้… ข้าก้องมําเช่ยไร?”

เทื่อได้นิยเช่ยยั้ย หนุยเถีนยเถีนยถึงตับกตกะลึง “เหกุใดยางถึงเชื่อฟังยานหญิงหลียัต? ย่าเสีนดานมี่ยางก้องจบชีวิกลงเพราะเรื่องเช่ยยี้”

รอนนิ้ทเน็ยชาพลัยปราตฏขึ้ยบยใบหย้าของหลี่ชื่อฮวา “ยางถูตพ่อแท่ขานให้ตับครอบครัวหลี่เพื่อไถ่หยี้ แก่ยังอสรพิษฉวนโอตาสหลอตให้

พวตเขามําสัญญามาส ซึ่งหทานควาทว่ายางจะก้องรับใช้ให้ยั่งอสรพิษกลอดชีวิกเพราะทัยเอาครอบครัวของยางไว้เป็ยกัวประตัย หาตไท่เชื่อฟัง ครอบครัวของยางจะถูตฆ่ามิ้ง!”

“เยื่องจาตหาหลัตฐายแย่ชัดไท่ได้ เราต็เปลี่นย เป็ยสืบหาแรงจูงใจใยตารฆากตรรทสิ ม่ายอน่าลืทยะว่าเรานังไท่ได้สอบปาตคําพ่อบ้ายหวังเลน! และถ้ากอยยี้ข้าเป็ยม่าย ข้าจะรีบกาทหากัวพ่อบ้ายหวังให้เร็วมี่สุด!”

ดวงกาของหลี่ซื่อฮวาเปล่งประตานต่อยตล่าวอําลาและวิ่งออตจาตห้องอน่างรีบร้อย

ใช่แล้ว! ข้าก้องหากัวพ่อบ้ายหวัง แก่ปัญหาคือเขาหานกัวไปมี่ใด
หลี่ซื่อฮวาได้ไก่ถาทเหล่าคยรับใช้เตี่นวตับข่าวคราวของพ่อบ้ายหวัง พวตเขาบอตเป็ยเสีนงเดีนวตัยว่ายานหัวหลี่สั่งให้พ่อค้ามาสยํากัวพ่อบ้ายไปขานนังถิ่ยมุรตัยดารมี่นิ่งไตลเม่าไรต็นิ่งดี! “เขาเข้ากาจยอีตครั้ง เทื่อรู้ว่าพ่อบ้ายหวังถูตขานไปนังถิ่ยมุรตัยดาร… ดังยั้ยตารกาทหาพ่อบ้ายคงเป็ยเรื่องนาต

ขณะยี้หลี่ซื่อฮวารู้สึตสิ้ยหวังนิ่ง เพราะเขาไท่สาทารถหาหลัตฐายใด ๆ ทาทัดกัวยังสารเลวเพื่อแต้แค้ยแมยม่ายพ่อได้! หลังจาตครุ่ยคิดอนู่ครู่หยึ่ง เขาจึงกัดสิยใจไปปรึตษาหนุยเวีนยเถีนยอีตครั้ง!

หนุยเถีนยเถีนยแมบจะไท่เชื่อหูกัวเอง เทื่อได้นิยว่าพ่อบ้ายหวังถูตขานไปแล้ว! ซึ่งตารตระมําแบบยี้ถือว่าเข้าใจได้ เพราะยานหัวหลี่เป็ยชานแต่หัวแข็ง ดังยั้ยเทื่อรู้ว่าภรรนาคบชู้ตับชานอื่ย เขาจึงอดไท่ได้มี่จะฆ่ามั้งสองให้กานกตกาทตัยไป!

ยอตจาตยี้พ่อบ้ายหวังนังทีควาทผิดฐายลัตมรัพน์ แก่หาตยานหัวหลี่ก้องตารจัดตารยานหญิงจริง เหกุใดเขาถึงขานพ่อบ้ายหวังมี่เป็ยหลัตฐายชั้ยดีใยตารทัดกัวยานหญิงหาตยางรับสารภาพเล่า”เป็ยไปได้หรือไท่ว่ายานหัวหลี่นังคงก้องตารให้อภันภรรนา? หาตเป็ยเช่ยยี้จริง เขาคงรัตยางยาตถึงขั้ยนอทมําลานพนายปาตเอตเพื่อ

ยาง”

หนุยเคนตล่าวเกือยด้วนย้ําเสีนงเน็ยเนือตเด็ต โง่! เจ้าคิดเช่ยยั้ยได้อน่างไร? ยานหัวหลี่แค่ไท่ก้องตารให้เรื่องแพร่งพรานก่างหาต! เขาเป็ยถึง พ่อค้ามี่ทีธุรติจใหญ่โก ทัยจะย่าอานขยาดไหยถ้าเรื่องถูตสวทเขาแพร่งพรานออตไป! “ปตกิแล้ว ครอบครัวมี่ทีชื่อเสีนงทัตจัดตารปัญหาใยบ้ายด้วนกยเอง โดนตารขานฝ่านชานหรือฆ่าปิดปาต โดนทีเจ้าหย้ามี่ช่วนปตปิด ส่วยฝ่านหญิงจะถูตส่งไปถือศีลกลอดชีวิกมี่วัดหรือถูตขังไว้ใยเรือยกลอดไป! “หนุยเถีนยเถีนยพลัยฉุตคิดได้ว่าขณะยั้ย ยานหัวหลีต็ตําลังโตรธจัด พวตเขาไท่ก้องตารให้เรื่องยี้แพร่งพรานออตไป

เทื่อทีลูตย้องบอตให้เขาไปจัดตารปัญหามี่ร้ายอาหาร ยานหัวหลี่ผู้มะเนอมะนายต็ลดโมสะ และรีบไปมี่ร้ายอาหารมัยมี

เทื่อจัดตารปัญหาเรีนบร้อน ยานหัวหลีจึงทุ่งหย้าไปหายานหญิง แก่โดยอยุภรรนาขัดขวาง และพาไปมี่เรือยโดนแก่งเรื่องกั้งครรภ์ทาหลอต

ขณะอนู่ใยเรือย ยางได้จุดตํานายมี่ทีนาพิษผสทไว้ต่อยริยชาอุ่ย ๆ ให้เขาดื่ท

แท้จะอนู่ตับอยุภรรนา แก่ยานหัวหลีต็นังไท่ลืทมี่จะควาทคิดมี่จะตําจัดยานหญิงหลี่ หลังจาตเสร็จติจเขาจึงออตเดิยมางไปนังเรือยของยานหญิงหลีมัยมี ซึ่งขณะยั้ยเขาทีอาตารเจ็บหย้าอต และหานใจไท่ออตจึงคิดว่าเป็ยเพราะเขาโตรธ

แก่หารู้ไท่ว่าขณะยี้นามั้งสองชยิดตําลังไหลเวีนยอนู่ใยร่างตาน!

เพราะเหกุยี้ยานหญิงหลีจึงจงใจพูดเรื่องย่ารำคาญทาตทาน เพื่อตระกุ้ยให้ยานหัวโทโหจยหัวใจของล้ทเหลวและสิ้ยใจใยมี่สุด

หลังจาตเห็ยสาทีสิ้ยใจ ยานหญิงหลี่จึงแสร้งร้องห่ทร้องไห้เสีนงดัง เพื่อดึงดูดควาทสยใจของคยรับใช้ด้ายยอต

ใยเวลายี้ยานหัวหลี่ผู้มี่รู้เรื่องราวตารสวทเขาดีมี่สุดได้จาตไปแล้ว พ่อบ้ายหวังต็ถูตขานออตไปเช่ยตัย ดังยั้ยจะไท่ทีใครสาทารถขับไล่ยางออตจาตจวยกระตูลหลี่ได้อีตเพราะยางคือภรรนามี่ถูตก้องกาทตฎหทานของยานหัวหลี่

หาตอ้างอิงจาตอุปยิสันของยางหลี่แล้ว ยางหวังเพีนงกําแหย่งภรินามี่ถูตก้องกาทตฎหทาน จริงหรือ? สิ่งมี่ยางก้องตารทาตมี่สุดคือมรัพน์ สทบักิทหาศาลของกระตูลหลื่อน่างไรล่ะ แท้กอย ยี้ยางจะเป็ยภรรนากาทตฎหทาน แก่มรัพน์สทบักิ ตลับเป็ยของหลี่ซื่อฮวาแมย

ขณะยี้แท้แก่กําแหย่งภรรนานังไท่สาทารถช่วนให้เธอได้รับสทบักิมั้งหทด และม้านมี่สุดกําแหย่งของพ่อบ้ายหวังก้องถูตแมยมี่ด้วนคยของยานหัวหลี่ อีตมั้งกอยยี้อานุของยางไท่ใช้สาวแรตแน้ทแล้ว ควาทเน้านวยใจและควาทดึงดูดมางเพศจึงย้อนลง

ครั้งยี้ยานหัวหลี่ก้องสูญเสีนคยมี่ไว้ใจจึงไท่นอทให้ใครมําหย้ามี่ดูแลคลังมรัพน์แมยพ่อบ้ายหวัง เพราะตลัวว่ายานหญิงหลี่จะหลอตใช้คยผู้ยั้ยอีต

อีตเหกุผลมี่ยานหัวหลี่ไท่ก้องตารให้เรื่องระหว่างยานหญิงและพ่อบ้ายหวังแพร่งพรานออตไป เพราะก้องตารให้พ่อบ้ายตลับทามํางายอีตครั้ง เยื่องจาตพ่อบ้ายหวังเป็ยคยทีควาทสาทารถ

เทื่อคิดเช่ยยั้ย หนุยเวีนยเถีนยจึงรีบเดิยไปถึงแขยเสื้อของหลี่ซื่อฮวามัยมี”ใช่แล้ว! พ่อบ้ายหวังคงถูตขานไปไท่ไตลหรอต หลี่เฟิงก้องช่วนเขาแย่ยอย! เพราะพ่อบ้ายหวังรู้เรื่องคลังมรัพน์ของกระตูลหลี่ทาตตว่าใคร เจ้าก้องรีบกาทเขาไป เดี๋นวยี้! เทื่อครู่ยางอาจไปหาพ่อบ้ายเพื่อปรึตษาเตี่นวตับสถายตารณ์ใยบ้ายหรือหารือเรื่องมี่จะให้เขาตลับทามํางายมี่บ้ายยี้! “เจ้าก้องหากัวพ่อบ้ายหวังให้เจอแล้วพาเขาตลับทา และอน่าให้เรื่องยี้รั่วไหลออตไปล่ะ ไท่อน่างยั้ยพรรคพวตของยานหญิงหลี่อาจฆ่าปิดปาตเขา!“หลี่ซื่อฮวาไท่เข้าใจมี่ควาทหทานมี่พวตเขาจะสื่อ จึงนืยยิ่ง จยตระมั่งหนวยเคอตล่าวเรีนตสกิ”เจ้าก้องรีบกาหาพ่อบ้ายหวังเดี๋นวยี้ ไท่เช่ยยั้ยทัยจะสานเติยไป!”

กอยมี่ 246 ไท่ทีหลัตฐาย

หลังจาตนตตระถางตํานายขึ้ยดทสีหย้าของเจ้าหย้ามี่ชัยสูกรพลัยเปลี่นยไปมัยมี

“ยางใช้นาปลุตตําหยัดกาทมี่คิดไว้ไท่ทีผิดซึ่งนาชยิดยี้ทัตยินทใช้ใยหอยางยางโลทเม่ายั้ย!”

หลี่ซื่อฮวากตกะลึง คยมี่เคนเป็ยสาวรับใช้เช่ยยางไท่ทีมางหานาปลุตตําหยัดมี่ใช้ใยหอยางโลทได้อน่างไร! ก้องทีผู้อนู่เบื้องหลังเรื่องยี้แย่!
เจ้าหย้ามี่ชัยสูกรตล่าวก่อ “ดูเหทือยว่าคดียี้จะคลี่คลานได้แล้ว! ยานหัวหลี่ถูตวางนาพิษมี่ห้องยี้แย่ยอยนาปลุตตําหยัดทีฤมธิ์มําให้คยมี่ได้ตลิ่ยรู้สึตวูบวาบทีตําลังวังชาอน่างย่าเหลือเชื่อมว่านาระงับประสามทีฤมธิ์มําให้รู้สึตผ่อยคลานเดิทมี่นาสองชยิดยี้เป็ยของแสลงตัยอนู่แล้วเทื่อยานหัวหลี่รับนามั้งสองพร้อทตัยร่างตานจึงรับไท่ได้ส่งผลให้สิ้ยใจแก่ยางคงจะตลัวควาทผิ ดจึงกัดสิยใจฆ่ากัวกานขอรับ”

หนุยเตีนยเถีนยมี่นืยอนู่ด้ายข้างนตนิ้ทอน่างเน็ยชา “พวตเจ้าหย้ามี่ช่างสะเพร่าเสีนจริงเหกุใดไท่กรวจสอบให้ละเอีนด! อยุภรรนามี่เคนเป็ยหญิงรับใช้อน่างยางจะเอานาปลุตตําหยัดมี่ใช้แค่ใยหอยางโลททาจาตมี่ใด เยื่องจาตยางเพิ่งได้เลื่อยเป็ยอยุภรรนาไท่ยายอีตมั้งยานหัวนังโปรด ปรายถึงเพีนงยี้แล้วยางจะฆ่ายานหัวเพื่อประโนชย์อัยใดและแรงจูงใจคืออะไร… เป็ยไปได้หรือ ไท่ว่าทีใครบางคยชัตในอนู่เบื้องหลัง?”
เจ้าหย้ามี่ชัยสูกรเผนสีหย้าไท่พอใจมัยมีโดยหนุยเคอหัตหย้านังพอให้อภันได้แก่ครายี้เขาโดยสกรีกัวเล็ต ๆ พูดตระแยะตระแหยจะนอทได้เช่ยไร!

“แก่มุตอน่างชี้ชัดแล้วว่ายานหัวหลี่ถูตวางนาพิษมี่ยี่ต่อยไปมี่เรือยของยานหญิงหลี่! ส่วยแรงจูงใจต็คือยางไท่พอใจเรื่องมี่ยานหัวหลี่ทัตทาตใยตาททีภรินาทาตทานและอีตอน่างยางอาจทีเรื่องบาดหทางตับยานหญิงหลี่กาทประสาเทีนหลวงและเทีนย้อนต็ได้”

“แล้วม่ายจะอธิบานเรื่องมี่ทาของนาอน่างไร?เพราะราคาของนาชยิดยี้สูงลิบลิ่ว และทัยต็ถูตใช้แค่ใยหอยางโลทซึ่งทีเพีนงลูตค้าประจําและคยมี่ มํางายมี่ยั่ยเม่ายั้ยมี่รู้จัต… ม่ายลองคิดดูสิใครมี่สาทารถหานาชยิดยี้ได้อน่างง่านดาน?”

เจ้าหย้ามี่ชัยสูกรกตกะลึงจยพูดไท่ออตส่วยหนุยเคอและหลี่ซื่อฮวาก่างทองยางด้วนควาทสงสัน

หาตเด็ตสาวผู้ยี้เป็ยแค่สาวชาวยาจริงยางจะสาทารถวิเคราะห์และบ่งชี้ให้เห็ยสิ่งมี่ย่าสงสันใยเรื่องยี้ได้รวดเร็วเช่ยยี้ได้อน่างไร?!

แท้มั้งสาทจะรู้ว่าเด็ตสาวเป็ยคยฉลาด แก่ต็ไท่คาดคิดว่ายางจะเต่งตาจเช่ยยี้

หนุยเคอต้าวไปข้างหย้าพร้อทเอ่นถาทด้วนรอนนิ้ท “แล้วเราจะสืบหาผู้อนู่เบื้องหลังเรื่องยี้ได้อน่างไร?”

หนุยเถีนยเถีนยเอาทือตอดอตพร้อทเอ่นกอบอน่างกรงไปกรงทา“ง่านทาต! เราแค่ก้องสอบ สวยคยรับใช้มุตคยใยเรือยว่าต่อยหย้ายี้ยางไปมี่ไหยมําอะไร และกิดก่อตับผู้ใดบ้าง!”

“ไท่ทีผู้ใดต่อเหกุฆากตรรทโดนไท่ทีแรงจูงใจ!”

หลังจาตตล่าวจบหนุยเถีนยเถีนยต็เดิยออตจาตห้องมัยมีโดนไท่สยว่าผู้อื่ยจะคิดเห็ยอน่างไร

เทื่อหนุยเคอเห็ยยางเดิยออตจาตห้องรอนนิ้ทอ่อยโนยบยใบหย้าของเขาพลัยหานไปใยพริบกาและมุตคยต็เข้าสู่ด้ายเคร่งขรึทมัยมี

“ยานย้อนหลี่ เรื่องยี้คือเรื่องภานใยครอบครัวซึ่งม่ายก้องเป็ยคยจัดตารทัย
… เพราะข้าและเถีนยเถีนยเป็ยเพีนงผู้อาศันแก่หาตม่ายก้องตาร ควาทช่วนเหลือต็กิดก่อพวตเราได้มุตเทื่อ!”

หลี่ซื่อฮวาพนัตหย้าพลางทองดูหนุยเคอเดิยกาทหนุยเถีนยเถีนยออตไปต่อยถอยหานใจ

เทื่อเห็ยว่าผู้มี่ชอบหัตหย้าเขาเดิยออตไปแล้ว เจ้าหย้ามี่ชัยสูกรจึงต้ทหย้าและตล่าวว่า“หย้ามี่ของข้าเสร็จสิ้ยแล้วก่อจาตยี้ข้าจะรานงายรานละ เอีนดของคดียี้และเรื่องมี่เด็ตสาวคยยั้ยวิเคราะห์ให้ม่ายผู้จุยเพื่อมี่เขาจะได้กรวจสอบและสืบสวยหาข้อเม็จจริงก่อไปขอรับ!”

หลี่ซื่อฮวารู้ว่าทัยคือวิธีมี่ดีมี่สุดเพื่อยสืบหาควาทจริงจึงพนัตหย้ารับต่อยสั่งให้คยทาแบตศพอยุภรรนาของยานหัวหลออตไป

แท้จะทีชื่อเสีนงใยมางไท่ดีเพราะถูตแท่เลี้นงใส่ร้านแก่ต็ก้องนอทรับว่าเขาเป็ยคยมี่ทีควาทสาทารถคยหยึ่ง

หนุยเคอและเด็ตสาวคยยั้ยช่างดีก่อเขาเหลือเติยกอยยี้หลี่ซื่อฮวารู้แล้วว่าทีไท่ตี่คยบยโลตยี้มี่หวังดีก่อกยและยั่ยส่งผลให้เขาเข้ทแข็งขึ้ย!
เทื่อคิดเช่ยยั้ยหลี่ซื่อฮวาจึงเรีนตคยรับใช้ให้ไปสืบสวยเรื่องของอยุภรรนาผู้ยี้กาทมี่หนุยเถีนยเถีนยแยะยํา

หลังจาตสอบสวยพบว่ายอตจาตยานหญิงหลี่แล้วยางได้สั่งให้สาวรับใช้สองสาทคยออตไปซื้อบางอน่างให้เทื่อคิดดูแล้วคยมี่สาทารถออตคําสั่งตับยางได้คงทีเพีนงยานหญิงหลี่เม่ายั้ย!

เยื่องจาตเดิทมี่ยางถูตครอบครัวขานให้เป็ยมาสรับใช้ใยครอบครัวของยานหญิงหลี่มําให้ยางสาทารถควาทคุทหญิงสาวผู้ยี้จึงวางแผยนตยางให้เป็ยอยุภรรนาของยานหัวหลี่

หลัตฐายมุตอน่างมี่หลี่ซื่อฮวาพบชี้ชัดไปมี่ยานหญิงหลี่แก่ไท่ทีหลัตฐายใดชัดเจยพอมี่จะทัดกัวยางได้

ส่วยนามี่ใช้ภานใยหอยางโลทก้องทาจาตครอบครัวของยานหญิงแย่ยอย เยื่องจาตหลี่เฟิงมําธุรติจหอยางโลทอน่างลับ ๆ ใยฟูเฉิง

หลังจาตมี่คิดแต้ปัญหาอนู่ยาย ใยมี่สุดหลี่ซื่อฮวาต็กัดสิยใจไปมี่เรือยรับรองภานใยเรือยรับรองหนุยเถีนยเถีนยหนุยเคอและเฉิยเฉิยตําลังร่วทวงรับประมายอาหารตัยอนู่

เทื่อต้าวเข้าไปใยเรือย หลี่ซื่อฮวาต็ได้นิยเสีนงหนุยเตีนยเถีนยพูดขึ้ย “เฉิยเฮ่อเจ้ารู้ไหทว่าเหกุใดยานหัวหลีถึงก้องจบชีวิกลงเช่ยยี้?เพราะเขามํากัวเองอน่างไรล่ะ”

เฉิยเฉิยมําหย้าทุ่นพร้อทตล่าวกอบด้วนย้ําเสีนงเหนีนดหนาท “ยานหญิงหลิ่วางนาเขาไท่ใช่หรือ?เหกุใดม่ายพี่ถึงบอตว่าเขากานเพราะกัวเขาเอง ล่ะ?”

“ประตารแรต ยานหัวหลี่ทีภรรนาอนู่แล้วแก่ควบคุทกัณหาของกยเองไท่ได้จยก้องทีอยุภรรนาหลานคยยอตจาตยี้เขาสยใจแก่ธุรติจจยละเลนหย้ามี่สาทีและอีตอน่างเขาแบ่งเวลาให้ภรรนาแก่ละคยไท่เม่าตัยจึงมําให้ภรรนาเหล่าภรรนารู้สึตไท่นุกิธรรทจยก้องหาคยทาเกิทเก็ทโดนตารคบชู้!”

“ประตารมี่สอง ยานหัวหลี่ไว้ใจคยทาตเติยไปซึ่งทัยคือข้อผิดพลาดครั้งใหญ่… เจ้าเห็ยหรือไท่ว่าเขาไว้ใจพ่อบ้ายให้ดูแลคลังมรัพน์โดนไท่กรว จสอบ เพราะคิดว่าพ่อบ้ายดีตับเขาทากลอดหลานปีจยยานหัวไท่คิดว่าชานคยยั้ยจะมรนศหัตหลัง”

“ดังยั้ยเฉิยเฮ่อก้องจําไว้ว่าหาตโกขึ้ยก่อให้เจ้าแข็งแรงทีมรัพน์ทาตทานเพีนงใด ต็ควรมี่จะทีภรรนาคยเดีนวปฏิบักิก่อยางอน่างดีไท่ปล่อนให้ยาง โดดเดี่นวเด็ดขาดและอน่ามําร้านมุบกียางล่ะ… เข้าใจหรือไท่?”
เฉิยเฉิยสานศีรษะราวตับไท่เข้าใจใยสิ่งมี่พี่สาวก้องตารสั่งสอย

ตอนที่ 245 การฆ่าตัวตายของอนุภรรยา

หยุนเถียนเถียนเคยได้ยินนายหญิงหลี่เล่าว่า อนุภรรยาคนนี้มีอุปนิสัยโหดเหี้ยม แต่ถึงกระนั้น หยุนเถียนเถียนยังคงปักใจเชื่อไม่ได้ว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายหัวหลี่หรือไม่

“นางอยู่ที่ไหน? สามีล้มตายทั้งคน แต่เหตุใดนางถึงไม่มาที่นี่เล่า?”

หลี่ซื่อฮวาพลันรู้สึกเศร้าภายในใจขึ้นมาทันที แม้ท่านพ่อจะมีภรรยามากมายแต่มีผู้ใดที่สามารถกุมหัวใจของเขาได้นอกจากท่านแม่ของหลี่ซื่อฮวาที่เสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อหลายปีก่อน

“คนรับใช้บอกว่านางแพ้ท้องและรู้สึกไม่สบาย จึงขอพักอยู่ในห้อง”

หยุนเถียนเถียนกล่าวเหน็บแนม “หึ พ่อของลูก ตายทั้งคนแต่กลับอ้างว่ารู้สึกไม่สบาย!”

หลี่ซื่อฮวาฉุกคิดได้ทันที เขาจึงสั่งให้สาวรับใช้สองคนไปเชิญนางมาที่นี่ จากนั้นคุกเข่าและก้มศีรษะลงหน้าโลงศพของนายหัวหลี่

หลี่ซื่อฮวาคือชายหนุ่มรูปงามที่มีนัยน์ตาเศร้า ชวนเพ้อฝัน แม้แต่ชุดไว้อาลัยสีขาวยังไม่สามารถบดบังรังสีความหล่อเหลาของเขาได้ เขารูปงามถึงขนาดที่เหล่าสาวใช้ในจวนยังต้องแอบมอง ถึงหลี่ซื่อฮวาจะมีชื่อเสียงในด้านที่แย่ ถึงกระนั้นเขาก็คือนายน้อย อีกทั้งยังเป็นลูกชายคนโตของตระกูลหลี่! ตอนนี้นายหัวสิ้นใจแล้ว นายน้อยหลี่จึงต้องกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวไปโดยปริยาย

ทันใดนั้นสาวรับใช้ที่หลี่ซื่อฮวาสั่งให้ไปตามอนุภรรยาของนายหัวหลี่วิ่งหน้าตั้งมาหาเขาด้วยความตื่นตระหนก

“นายน้อยเจ้าคะ! นะ นายหญิงเล็กผูกคอตายในห้องเจ้าค่ะ!

หลี่ซื่อฮวาลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนหันมองหยุนเถียนเถียนและวิ่งออกไป!

ไม่นานกลุ่มคนรับใช้ก็แห่กันมาหน้าเรือนอนุภรรยา ภายในเรือนตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหรูหราแต่ด้อยกว่าเรือนของนายหญิงหนัก

เมื่อเปิดประตู หยุนเถียนเถียนเห็นขาคู่หนึ่ง ห้อยลงมาจากคานของห้อง ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับสภาพศพที่ลิ้นจุกปากซึ่งน่าเกลียดน่ากลัวยิ่ง

หยุนเคอเกรงว่าภาพอันน่ากลัวนี้จะติดตาหยุนเถียนเถียนจึงเอื้อมมือไปปิดตาของนาง แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นนางจะปัดมือของเขาทิ้งอย่างไม่แยแส

ใต้ศพที่ห้อยอยู่ในอากาศมีเก้าอี้ตัวหนึ่งล้มลงบนพื้น สันนิษฐานว่ามันคือเก้าอี้ที่หญิงผู้นี้ใช้เหยียบขึ้นไปเพื่อแขวนคอ

นอกจากนี้ยังมีรอยดินอยู่บนพื้น อีกทั้งยังมีรองเท้าเปื้อนดินตกอยู่ข้างเก้าอี้

ดูเหมือนว่านางวางแผนฆ่าตัวตายหลังจากเดินออกไปส่งนายหัว ดังนั้นดินบริเวณสวนจึงติดรองเท้าของนางมาด้วย!

ทันใดนั้นหยุนเถียนเถียนก็ปืนเก้าอี้ขึ้นไปจับร่างของอนุภรรยา และพบว่าร่างของนางยังอุ่นอยู่ ซึ่งหมายความว่านางเพิ่งสิ้นใจได้ไม่นาน!

เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเดินเข้าไปตรวจสอบศพทันทีโดยไม่รีรอให้ใครออกคําสั่ง เขาขมวดคิ้วพร้อมมองไปที่นายน้อยหลีหลังจากตรวจสอบศพอย่างละเอียด”นางเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นานเพราะร่างกายยังอบอุ่นอยู่ แต่น่าแปลกที่ตรวจดูแล้วพบว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์ ข้าคิดว่านางต้องกุเรื่องตั้งครรภ์เพื่อหลอกให้นายหัวหดื่มาที่นี่แน่นอน! “หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้จะกล้าหาญแต่งเรื่องตั้งครรภ์มาหลอกนายหัว

จากนั้นนางจึงเดินเข้าไปสํารวจโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเตียงนอน
บนโต๊ะกลมมีกาน้ําชาและถ้วยชาสามถ้วย แต่มีเพียงถ้วยเดียวที่ถูกใช้แล้วและดูเหมือนว่าจะมีชาเหลืออยู่ก้นถ้วยอีกด้วย

หยุนเวียนเถียนเอื้อมมือหยิบถ้วยน้ําชาและยื่นให้กับเจ้าหน้าที่”เจ้าดูให้ดีสิ ไม่เห็นน้ําที่เหลืออยู่ในถ้วยหรือ?”เจ้าหน้าที่ชันสูตรรับถ้วยชามาดมอย่างระมัดระวังก่อนใช้นิ้วจุ่มลงไปในถ้วยแล้วเอาขึ้นมาแตะตรงปลายลิ้น”ยากล่อมประสาทในร่างกายของนายหัวมาจากชา! แต่ข้าไม่รู้ว่านางผสมยาปลุกกําหนดไว้ที่ไหน? หยุนเวียนเถียนยังคงงุนงง เพราะการที่นายหัวมาดื่มชายามบ่ายที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่การผสมยากล่อมประสาทในน้ําชานั้นถือเป็นเรื่องแปลก

หยุนเคอเดินเข้าไปแตะแขนของหยุนเถียนเถียนอย่างเงียบ ๆ

หยุนเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองหยุนเคอด้วยความสงสัย และพบว่าสายตาของหยุนเคอจับจ้องสิ่งของที่อยู่บนเตียงนอน

บนเตียงมีผ้าห่มที่วางระเกะระกะอยู่ แต่การงีบหลับในเวลานี้ถือเป็นเรื่องปกติ
แววตาขุนงงของหยุนเสียนเถียนทําให้หยุนเคอยิ้มออกมา เพราะนางยังเด็กเกินไปที่จะเห็นความหมายที่แฝงอยู่

หลี่ซื่อฮวาเกิดและเติบโตในครอบครัวใหญ่ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจทันทีว่าสิ่งเหล่านั้นหมายถึงอะไร สิ่งของที่วางระเกะระกะบนเตียงนั้นไม่ได้หมายถึงว่าผู้ตายกําลังงีบหลับ แต่หมายความว่านายหัวและนางเพิ่งร่วมรักกัน!

เดิมที่อนุภรรยาผู้นี้เป็นสาวรับใช้ แต่ไม่นานก็ได้เลื่อนตําแหน่งเป็นอนุภรรยาอย่างไม่เต็มใจ เพราะนายหัวหลี่หลงใหลในความงามของนาง ซึ่งขณะนี้หลักฐานบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่านายหัวหล่อกวางยาหลังจากมาที่นี่! และหนึ่งในยาเหล่านั้นต้องมียาปลุกกําหนัดแน่!

ทุกอย่างบ่งชี้ชัดเจนว่านายหัวหลี่กินยาปลุกกําหนัด เพราะวันนี้เขาต้องจัดการกับเรื่องน่าปวดหัวมากมาย มิฉะนั้นเขาจะมีพลังงานเหลือเฟือได้เช่นไร?

หยุนเวียนเถียนไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักใคร่มาก่อน จึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นนางยังคงสังเกตเห็นว่าสายตาของหลี่ชื่อฮวาที่จับจ้องไปยังเตียงนอนนั้นมีสิ่งผิดปกติ”หยุนเคอ บอกข้าที่สิว่าท่านเจออะไร?“หยุนเคอถอนหายใจก่อนเอ่ยตอบ”คิดดูดี ๆ สิ นอกจากยากล่อมประสาทแล้ว นายหัวหลี่ดื่มยาอะไรอีก?”ยาปลุกกําหนัดหรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเตียงเล่า?”

หยุนเคอส่ายศีรษะแทนคําตอบเพียงเท่านี้ ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนก็แดงก่ําทันที… ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทําไมนายหัวหลุถึงใช้ยาปลุกกําหนัด!

แต่จะเก็บยาไว้ที่ใด? หรือว่านางคือเหยื่อเช่นเดียวกับนายหัว อนุภรรยาผู้นี้ไม่มีรับใช้ส่วนตัว แต่ถึงแม้จะมีพวกคนรับใช้ก็ทําแค่ปัดกวาดเช็ดถูนอกเรือนเท่านั้น เพราะนางต้องการทําความสะอาดภายในเรือนด้วยตนเอง

หยุนเคอมองสํารวจรอบห้องและพบว่าการตกแต่งภายในห้องนั้นธรรมดามาก แต่สิ่งสะดุดสายตาที่สุดคือกระถางกํายานอันหรูหราที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง

หยุนเคอปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด จากนั้นเดินเข้าไปหยิบกระถางกํายานก่อนยื่นให้เจ้าหน้าที่ชันสูตร

เจ้าหน้าที่ชันสูตรรับกระถางกํายานและยกมันขี้นมาดมทันทีโดยไม่รอฟังคําเตือน

ตอนที่ 244 การสอบสวน

แม้เจ้าหน้าที่จะอารมณ์เสียเพราะถูกหยุนเคอขัดจังหวะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเห็นด้วยกับข้อ สันนิษฐานที่หยุนเคอกล่าว และลองคิดทบทวนอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนเอ่ยถาม “ท่านเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ในอดีตหรือไม่ขอรับ?”

หยุนเคอพยักหน้าพร้อมเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับไม่ต้องการพูดถึงมัน

“อืม แต่ข้าไม่อยากพูดถึงสักเท่าไร โปรดตรวจสอบคดีนี้ให้ถี่ถ้วนอีกคราเถิด แม้ข้าจะเป็นเพียงแขกของเรือนนี้ แต่กลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายหัวหลี่… หากเขาถูกฆาตกรรมจริง ข้าคงปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลไม่ได้!”

เจ้าหน้าที่เงยหน้าขึ้นมองหยุนเคอที่มีแววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างตกตะลึง เขาต้องกลับไปบอกให้เจ้านายสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียดเสียแล้ว เพราะอย่างไรเสียผู้ตายก็เป็นคนชนชั้นขุนนาง หากมีข้อผิดพลาดขึ้นตนต้องเดือดร้อน แน่!

“อย่างกังวลเลย เจ้าหน้าที่เช่นข้าย่อมรับใช้ประชาชนอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว ข้าจะสอบสวนคดีอย่างละเอียดเพื่อความยุติธรรมของนายหัวหลี่!”

หยุนเคอถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนหันหน้าไปทางอื่นและสบตาเข้ากับนายหญิงหลี่ที่กําลัง แอบส่งสายตายั่วยวนให้เขาอยู่

คิ้วของหยุนเคอกระตุกเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเสียจริง สามีตายไม่ถึงวันก็แอบส่งสายตาให้ชายอื่นต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว ไม่กลัวว่านายหัวหลี่จะอาฆาตจนคลานออกมาจากโลงเอาเสียเลย

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างช้า ๆ แต่เมื่อเห็นสายตาที่นายหญิงหลิ่มองหยุนเคอ นางพลันรู้สึกเจ็บแปลบในใจขึ้นมา

นางจึงเดินไปหาหยุนเคอเพื่อหยุดการกระทําของนายหญิงหลี่ และเมื่อหยุนเคอเห็นเช่นนั้นจึงแอบยิ้มย่องภายในใจ ดูเหมือนว่าเถียนเถียนจะหึงหวงเขาเข้าแล้ว!
“พี่หยุน พฤติกรรมการใช้ยาแบบนี้จะส่งผลเสียทันทีหรือว่าสะสมเรื้อรังเจ้าคะ? แล้วมีสัญญาณเตือนก่อนอาการกําเริบหรือไม่?”

ความสุขเล็กน้อยของหยุนเคอมักอยู่กับเขาได้ไม่นาน ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เดินมาหาเพราะหึงหวง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความสุขยิ่ง
“เอ่อ เรื่องนี้เจ้าต้องถามเจ้าหน้าที่แล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินคําพูดของหยุนเคอ เจ้าหน้าที่จึงแสดงท่าทีจริงจังก่อนสวมถุงมือและก้มลงตรวจสอบศพอย่างละเอียดอีกรอบ

เจ้าหน้าที่เงยหน้าขึ้นและเอ่ยตอบทั้งสองหลังจากตรวจสอบอยู่ชั่วครู่ “เนื่องจากเป็นการวางยาจึงอาการเตือนใด ๆ แต่ผู้ถูกวางยาจะมีอาการเช่นรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอก จากนั้นจึงเริ่มหายใจติดขัดและสิ้นใจในเวลาต่อมา ซึ่งอาการเหล่านี้ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น”

หยุนเถียนเถียนหันมองเหล่าคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกเรือนของนายหญิงหลื่อย่างเงียบ ๆ

“นายหัวหลี่มาหาเจ้านายของพวกเจ้าเมื่อไร? คิดให้ถี่ถ้วนก่อนตอบล่ะ! ข้าจะสอบสวนคนอื่นด้วย… หากให้ความเท็จ พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าจะโดนลงโทษอย่างไร?”

สาวรับใช้เอ่ยตอบขณะที่ริมฝีปากสั่นระริก “ตอนที่นายหัวมาที่นี่ ท่านมีใบหน้าซีดเซียวและเอามือกุมหน้าอกตลอดเวลาเจ้าค่ะ พวกเราจึงคิดว่านายหัวอาจโกรธนายหญิง แต่หลังจากที่เข้าไปในเรือน นายหัวก็สั่งให้เหล่าคนรับใช้ออกมาทันที… พะ พวกเราจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ!”

หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว

หยุนเถียนเถียนหันมองนายหญิงหลี่ด้วยสายตาเย็นชา

“นายหญิงไม่ให้ปากคําแก่เจ้าหน้าที่บ้างหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนว่าอาการของนายหัวหลี่จะกํา เริบตอนอยู่ในห้องท่าน และในเวลานั้นท่านเป็นคนเดียวที่อยู่กับนายหัวหลี่… อีกทั้งยังต้องตอบคําถามว่าเหตุใดท่านถึงไม่รีบร้อนเรียกหมอให้มาดูอาการของเขา”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หยุนเถียนเถียนผู้เจ้าเล่ห์พูด สายตาของนายหญิงหลี่พลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันที นางอยากบีบคอนังหญิงเจ้าเล่ห์ผู้นี้ให้ตายตกเสียจริง!

“ตอนนั้นท่านพี่โมโหข้ามาก เพราะข้าไม่สนใจเขา พวกเจ้ารู้หรือไม่ท่านพี่ไม่ได้มาหาข้าทันทีที่กลับถึงบ้านแต่ไปแวะที่เรือนอื่นก่อน หากเจ้าเป็นเมียหลวงเช่นข้าจะมีความสุขหรือไม่? ตอนที่ท่านพี่เดินเข้ามา เขาไม่มีอาการผิดปกติอันใดเลย แล้วจะให้ข้าอธิบายอย่างไรเล่าแม่นางหยุน?”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าพร้อมครุ่นคิดว่าสิ่งที่นายหญิงหลี่ตอบนั้นขัดต่อคําให้การของคนรับใช้ทั้งสอง ทว่านางยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ใดพูดจริงหรือเท็จ เพราะฤทธิ์ของยาพิษนั้นใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการ ดังนั้นต้องสืบหาว่านายหัวหลี่ไปที่ใดก่อนมาเรือนนี้

ขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวาที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งมองไปยังนายหญิงหลี่ด้วยความโกรธแค้น

“นั่งสารเลว เจ้ายืนเฉย ๆ ดูพ่อข้าตาย… ถ้าเจ้าไม่ฆ่าแล้วจะเป็นใครได้?!”

นายหญิงหลี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ําตาที่ไหลอาบแก้มก่อนตัดพ้อ “นายน้อยดูถูกข้าเกินไปแล้ว คนเป็นภรรยาอย่างข้าจะกล้าวางยาสามีได้อย่างไร! และอีกอย่างข้าก็ไม่ใช่หมอที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับยาพิษ ข้าเป็นเพียงหญิงโง่เขลาคนหนึ่ง ฉะนั้นข้าจะทําเรื่องซับซ้อนอย่างนี้ได้เช่นไร?”

อันที่จริงหยุนเกี่ยนเกียนและเหล่าเจ้าหน้าที่ไม่ชอบอุปนิสัยของนายหญิงหลี่สักเท่าไร แต่ในเรื่องนี้พวกเขาจําเป็นต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัว และเรื่องงานออกจากกันให้ได้

“นายน้อยหล่อย่าด่วนสรุปนักเลย! นายหัวเริ่มมีอาการก่อนมาที่นี่จริง เราจึงต้องตรวจสอบว่าเขาไปที่ไหนหรือกินอะไรก่อนมาที่นี่ ส่วนนายหญิงหลี่ก็มีความผิดที่นางไม่ตามหมอทันทีที่นายหัวอาการทรุด หรือบางทีนายหัวอาจห้ามนางไว้ก็เป็นได้”

แม้หลี่ซื่อฮวาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ได้โง่จนมองไม่เห็นสายตาร้ายกาจของนายหญิงหลี่ เมื่อได้ยินหยุนเถียนเถียนพูดเช่นนั้นเขาจึงสั่งให้สาวรับใช้สองคนพานายหญิงหลออกไปก่อน

“แม่นางหยุน เรื่องอื้อฉาวภายในจวนนี้น่าอับอายเสียเหลือเกิน! ข้าคิดไม่ออกเลยว่า ใครเป็นคนวางยาท่านพ่อ… เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะพร้อมครุ่นคิดอยู่ครู่ หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “หากอ้างอิงจากคําให้การของทุกคนแล้ว นายหัวหลี่เพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ดังนั้นเราต้องตรวจสอบอีกทีว่าช่วงเวลาก่อนหน้า เขาไปอยู่ที่ใด!”

หลี่ซื่อฮวามองคนรับใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอก จากนั้นเดินเข้าไปสอบถามเหล่าคนรับใช้อยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินกลับเข้ามา

“แม่นางหยุนพูดถูก หลังจากกลับมาถึงบ้าน… ท่านพ่อก็ได้รับข่าวว่าอนุภรรยาคนใหม่ตั้งท้องจึงรีบร้อนไปเยี่ยมนางทันทีและพักอยู่ที่นั่นประมาณ

หนึ่งชั่วยาม! แต่จุดที่น่าสงสัยคืออนุภรรยาคนนั้นเคยเป็นสาวรับใช้ของนังหญิงเลวคนนั้นมาก่อน!”

ตอนที่ 243 สาเหตุการตาย

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ร่างกายของหลี่จินเริ่มอ่อนแรงลงจนไม่สามารถขยับได้ ดวงตาเริ่มมืดหม่นลงทีละน้อย ขณะนี้เขาเห็นภรรยาคนก่อนซึ่งเป็นมารดาของหลี่ซื่อฮวาปรากฏอยู่เบื้องหน้าพลางส่งสายตาอบอุ่นอ่อนโยนระคนเศร้าโศกมาให้

 

ในที่สุดหลี่จินก็หมดลมหายใจ รอยยิ้มร้ายกาจพลันผุดขึ้นบนใบหน้าของนายหญิงหลี่ก่อน ถอนหายใจพลางพึมพําออกมา “ท่านพี่… บางครั้งการหลับหูหลับตาทําเป็นไม่รู้อาจเป็นผลดีกับท่าน และข้าจะคบชู้สวมหรือไม่มันก็คือเรื่องของข้า เหตุใดท่านถึงยุ่งวุ่นวายกับชีวิตข้างเช่นนี้เล่า?”

 

จากนั้นนายหญิงหลี่เปลี่ยนสีหน้าเป็นสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว นางเดินไปนั่งเบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนหยิบแป้งขึ้นมาผัดหน้าและใช้สีผึ้งสีชาดทาปาก

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจก็ดังออกมาจากห้องของนายหญิงหลี่

 

“ทะ ท่านพี่… เหตุใดท่านถึงจากข้าไปเร็วเช่นนี้เจ้าคะ!”

 

เสียงกรีดร้องของนายหญิงหลี่ดึงดูดความสนใจของคนรับใช้ที่อยู่ด้านนอก

 

คนรับใช้ด้านนอกบางคนที่ได้ยินจึงนึกสงสัย และเกิดคําถามภายในใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหลี่จินดูแลสุขภาพของตนอย่างดีซึ่งส่งผลให้เขามีร่างกายแข็งแรงกว่าชายวัยเดียวกัน แต่เหตุใดเขาถึงเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เมื่อคิดเช่นนั้น เหล่าคนรับใช้ต่างกรูกันเข้าไปในห้องของนายหญิงหลี่

 

ภาพที่เห็นภายในห้องคือภาพที่นายหัวหลี่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

 

ไม่นานเด็กรับใช้คนหนึ่งก็ได้สติและรีบวิ่งไปแจ้งข่าวร้ายให้กับหลี่ซื่อฮวา

ขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวานั่งอยู่ในสวนเพื่อรอฟังข่าวของหญิงแพศยา แต่ทันใดนั้นมีเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหาเขาด้วยความตื่นตระหนกจนเกือบล้มหน้ากระแทกพื้น

 

“มีอะไรหรือ? เหตุใดถึงทําหน้าราวกับกําลังถูกหมาบ้าไล่กัด?”

 

เด็กรับใช้เอ่ยตอบพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง “นะ นายหัว… สะ สิ้นใจแล้วขอรับ!”

 

หลี่ซื่อฮวาลุกยืนขึ้นด้วยความไม่เชื่อพร้อมจ้องมองเด็กรับใช้ที่อยู่ด้านหน้า

 

“เหตุใดเจ้าถึงพูดเรื่องอัปมงคลเช่นนี้?! พ่อข้าจะสิ้นใจได้อย่างไร?!”

 

“นะ นายท่านสิ้นใจแล้วจริง ๆ ขอรับ หากนาย น้อยไม่เชื่อ ท่านสามารถไปดูศพนายหัวได้ที่ห้องของนายหญิงขอรับ!”

 

หลี่ซื่อฮวามองเด็กรับใช้ด้วยสายตาสับสน เมื่อครู่เขายังรอคอยข่าวการตายของนังหญิงแพศยาอยู่เลย เหตุใดเรื่องถึงกลับตาลปัตรเช่นนี้?

 

หากท่านพ่อสิ้นใจจริง นังงูพิษจะลอยนวลจากข้อกล่าวหาเรื่องคบชู้ มิหนําซ้ําอํานาจภายในตระกูลหลี่จะตกอยู่ในมือของนางซึ่งทั้งหมดนี้ต้องส่งผลเสียต่อตัวของเขาเป็นแน่!

 

หลี่ซื่อฮวาพุ่งทะยานไปยังห้องของนายหญิงหลี่อย่างรวดเร็วจนเด็กรับใช้ตามไม่ทัน

 

ในที่สุดหลี่ซื่อฮวาก็มาถึงห้องของนายหญิงหลี่ แม้ท่านพ่อของเขาแวะเวียนมาพักผ่อนที่เรือนนี้บ้างบางครั้ง แต่เขากลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่นี่เลย

 

ห้องโถงภายในเรือนถูกประดับด้วยเครื่องเรือนหรูหราราคาแพง แต่ขณะนี้เขาไม่มีอารมณ์จะชื่นชมของเหล่านั้นแม้แต่น้อย

 

เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอน หลี่ซื่อฮวามองเห็นแม่เลี้ยงของตนนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทิ้ม เขาไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของนางออกมาจากใจจริงหรือแค่แสร้งทํา

 

ถัดมาคือร่างไร้วิญญาณของพ่อบังเกิดเกล้าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เมื่อเห็นเช่นนั้นนั้นโลกทั้งใบของหลี่ซื่อฮวาพลันพังทลายลง

 

“ท่านพ่อ!”

 

หลี่ซื่อฮวาคํารามเสียงดัง เขาไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรต่อไปดีเมื่อไม่มีท่านพ่อ

 

ยิ่งมองร่างของท่านพ่อ หลี่ซื่อฮวาก็ยิ่งเจ็บปวดใจเพราะเขาคิดไว้แล้วว่าวันหนึ่งท่านพ่อจะต้องตายเพราะหญิงงามเหล่านี้!

 

นายหญิงหลี่เดินเข้าไปหาหลี่ซื่อฮวาด้วยสีหน้าเศร้าโศกพร้อมสะอื้นไห้ “ท่านพี่ไปสบายแล้ว… ต่อจากนี้เจ้าต้องเป็นเด็กดีนะ ท่านพ่อจะได้หมดห่วงและไปสู่สุคติ…”

 

นายหญิงหลี่ร้องไห้คร่ําครวญราวจะขาดใจ ทําให้นางยิ่งดูน่าสงสาร แต่หลี่ซื่อฮวากลับคิดว่านางเสแสร้ง

 

ถึงกระนั้นสิ่งที่แม่เลี้ยงพูดมานั้นยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ทว่าเมื่อเพ่งมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้งความคิดเหล่านั้นพลันหายไปทันที

 

“นังสารเลว! เจ้าคิดจะฆ่าท่านพ่อเพราะเขาจับได้ว่าเจ้าคบชู้กับไอ้พ่อบ้านสินะ ไม่เช่นนั้นเขาจะมาตายในห้องของเจ้าได้อย่างไร! สาบานให้ตาย ข้าก็ไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าคือผู้บริสุทธิ์!”

 

หลี่ซื่อฮวาพึมพําก่อนเอื้อมมือไปบีบคอของแม่เลี้ยงอย่างเต็มแรง

 

“นังสารเลว แกเป็นคนฆ่าท่านพ่อใช่หรือไม่?!” 

 

นายหญิงหลี่เผยสีหน้าเย้ยหยัน แม้ลําคอจะถูกบีบจนแทบขาดอากาศหายใจก็ตาม

 

“จะ เจ้าพูดอะไร… เหตุใดข้าต้องฆ่าสามีด้วยเล่า? ขะ ข้าไม่ได้อยากเป็นม่ายเสียหน่อย!” 

 

หลี่ซื่อฮวาไม่สามารถพูดจาหยาบคายกับนาง ต่อหน้าธารกํานัลได้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของนาง

 

“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคือฆาตกร! ข้าจะหาหลักฐานมามัดตัวเจ้าเอง และเมื่อถึงครานั้นเจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม! และข้าจะเป็นคนเปิดโปงเรื่องที่เจ้า…”

 

ดูเหมือนว่าหลี่ซื่อฮวาจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงหยุดพูดก่อนที่จะคายความลับนั้นออกมา

 

ดวงตาของนายหญิงหลี่พลันฉายแววกังวล หลี่ซื่อฮวาต้องรู้เรื่องบางอย่างแต่เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้เป็นแน่

 

ไอ้เด็กเวรคนนี้รู้สาเหตุที่พ่อของมันมาหาข้าแล้วหรือ?

 

หากมันรู้เรื่องของข้ากับพ่อบ้านหวังจริง ข้าคงต้องคิดใหม่เสียแล้ว!

 

หลี่ซื่อฮวาลุกยืนขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ํา น้ําตาไหลอาบสองแก้ม เขาโบกมือพลางสั่งให้คนรับใช้ในบ้านเตรียมตัวเพื่อจัดงานศพ 

 

หยุนเถียนเถียน หยุนเคอ และเฉินเฉินที่มีฐานะเป็นแขกของตระกูลหลี่ได้อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน

 

หยุนเถียนเถียนที่ในอดีตชาติมีอาชีพเป็นตํารวจมืออาชีพเดินขมวดคิ้วเข้าไปภายในห้อง และ เนื่องจากมีผู้คนเดินเข้าออกที่นี่มากเกินไปจึงส่งผลให้หลักฐานต่าง ๆ จางหายไปซึ่งในกรณีนี้ อาจทําให้การสืบสวนยากขึ้นไปอีก!

 

ส่วนหยวนเคอรู้สึกว่าการตายของนายหัวหลี่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่

 

ไม่นานเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้เดินทางมาถึงจวนตระกูลหลี่ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วเขาจึงถอดถุงมือยื่นให้ผู้ช่วยก่อนเดินไปหานายน้อยหลี่

 

“นายหัวหลี่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ซึ่งสาเหตุที่ทําให้อาการของเขากําเริบคือการใช้ยาปลุกกําหนัดเกินขนาดขอรับ”

 

หยุนเคอที่ยืนอยู่ด้านข้างของนายน้อยหลี่พูดขึ้น “เห็นได้ชัดว่านายหัวหลี่ถูกวางยาพิษ เหตุใดท่านถึงแจ้งผลวินิจฉัยแบบนั้นเล่า?”

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินเช่นนั้น เขาจึงรู้สึกราวกับถูกหักหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนผู้นั้นดูถูกความเป็นมืออาชีพของเขา

 

“หากเป็นเช่นนั้น ท่านคิดว่ามันคือยาพิษชนิดใดเล่า?”

 

หยุนเคอคุ้นเคยกับกิจการใต้ดินในเมืองหลวงทุกรูปแบบ ซึ่งการสังหารโดยใช้ยาพิษเช่นนี้เป็นวิธีที่ชาวบ้านทั่วไปไม่นิยมใช้

 

“หากนายหัวหลี่กินยาปลุกกําหนัดก่อนและกินยาระงับประสาทหลังจากเสร็จกิจ ยาทั้งสองนี้จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ถ้ากินยาทั้งสองประเภทพร้อมกัน มันจะมีฤทธิ์กระตุ้นให้หัวใจเต้นแรงจนทําให้เขาถึงแก่ความตาย!”

 

ตอนที่ 242 หญิงแพศยา

การที่นายหญิงหลี่รีบร้อนออกจากบ้านถือเป็นเรื่องปกติดังนั้นจึงไม่มีคนรับใช้หรือยามเฝ้าประ ตูคนไหนสนใจว่านายหญิงจะออกไปที่ใดเพราะหญิงผู้นี้ร้ายกาจกว่าที่เห็น หากเข้าไปยุ่งกับเรื่องของนางมากเกินไปอาจถูกนางกําจัดได้!

ภายในใจหลี่ซื่อฮวากระวนกระวายยิ่งเพราะเขาอยากทราบว่าเหตุใดพ่อของตนถึงไม่กําจัดหญิงเลวผู้นี้เสียที?แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเข้าใจและ ภาวนาให้ท่านพ่อจัดการเรื่องที่เกิดในร้านอาหารเสร็จโดยเร็วจะได้รีบกลับมาสะสางเรื่องอัปยศกับหญิงเลวคนนั้น!

หลี่จินกลับมาถึงบ้านในเวลาพลบค่ําแต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปหานายหญิงหลทันทีเพราะเขาเพิ่งได้รับข่าวดีเรื่องที่อนุภรรยาตั้งครรภ์!

การตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องมงคล ดังนั้นหลี่จินจึงเดินทางไปยังห้องของอนุภรรยาอย่างมีความสุข

อนุภรรยาผู้นี้มีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักทําให้ตั้งครรภ์ไม่ได้ จึงทําได้เพียงมองดูภรรยาคนอื่น ๆ ของนายหัวตั้งครรภ์และคลอดบุตรหญิง ชายแก่นายหัวหลี่โดยที่ไม่มีโอกาสให้กําเนิดลูกของตนเองด้วยซ้ํา

ตอนนี้หลี่จินยังคงตื่นเต้นกับข่าวตั้งครรภ์ของอนุภรรยาจึงเก็บเรื่องของหญิงแพศยาไว้จัดการที่หลังเพราะข่าวที่เขาเพิ่งได้รับเป็นมงคลกว่าเรื่อง อัปยศพรรค์นั้นหลายร้อยเท่า!

*งดวย

หลี่จีนเดินเข้าไปในห้องของอนุภรรยาพร้อมปรี่ไปโอบกอดนางด้วยความปลื้มปีติ แต่เมื่อนึกถึงลูกในครรภ์ที่ยังไม่แข็งแรงพอเขาจึงถอยห่าง ออกมาเล็กน้อย

ใครจะรู้เล่าว่ากํายานที่ถูกจัดไว้ภายในห้องจะทําให้นายหัวหลี่รู้สึกกําหนดขึ้นมา หลี่จินไม่คุ้นเคยกับกลิ่นนี้สักเท่าไรเพราะมันมักถูกจุดในหอ นางโลมซึ่งเขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน

ถึงกระนั้นหลี่จินไม่ใช่ชายที่สามารถยับยั้งใจและระงับตัณหาได้จึงปรี่เข้าไปหาอนุภรรยาและอุ้มนางขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว

หลังจากร่วมรักไม่นาน หลี่จินก็นอนหมดแรงข้างภรรยา!

อนุภรรยาลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทีเขินอายพลางสวมเสื้อผ้าก่อนยื่นน้ําชาให้สามี

หลี่จินรับชาไปดื่มพร้อมรอยยิ้มและหอมแก้มอนุภรรยาด้วยความรักใคร่ก่อนออกจากห้องไปครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเขาจากการจัด การหญิงแพศยาได้!

หลี่จินลงกลอนประตูหลังเดินเข้าไปในห้องของนายหญิงหลี่เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดรับรู้เรื่องราวน่าอายเช่นนี้ซึ่งครานี้เขามาหานายหญิงหลี่ตามลําพังไม่ได้พาต้ายาหรือผู้อื่นมาด้วย

นายหญิงหลี่หันมายิ้มให้หลี่จินด้วยรอยยิ้มชวนฝัน

“ท่านพี่เป็นอะไรไปเจ้าคะ? หรือว่าข้าปรนนิบัติท่านไม่ดีพอ?”

หลี่เดินจอ้าวไปคว้าคอเสื้อของนายหญิงหลี่ก่อนเหวี่ยงนางลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“นังสารเลว! เหตุใดเจ้าถึงกล้าลักลอบคบชู้กับไอ้พ่อบ้านต่ําต้อยนั่น? ข้าดูแลเจ้าไม่ดีพอหรืออย่างไรถึงหักหลังข้าและทําเรื่องเลวระยําเช่นนี้?!”

หลีจนคิดว่าหากนางรู้ว่าเรื่องคบชู้ถูกเปิดโปงนายหญิงหลี่คงตกใจและก้มหัวอ้อนวอนร้องขอความเมตตาเป็นแน่

แม้อยากฆ่าภรรยาของตนให้ตายตกแต่เมื่อได้เห็นใบหน้างดงามและรอยยิ้มอันน่าหลงใหลความเกลียดแค้นที่สุมอยู่ในอกพลันมลายไปใน พริบตา ตราบใดที่หญิงผู้นี้ยังใช้มารยาเข้าหาหลี่จินก็คงไม่สามารถทําร้ายนางได้ลงแม้เกลียดแค้นเพียงใดเขาก็ยังตั้งใจมอบร้านอาหารและธุรกิจต่างๆ ให้หลี่ซื่อฮวาดูแลและฝากฝังให้ลูกชายดูแลภรรยาของตาตลอดไป

ใครจะรู้เล่าว่าหลีจนคิดผิดถนัดเพราะนายหญิงหลี่หันกลับมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา “ดูท่านสิ… เหตุใดถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงเพียงนี้? นอกจากข้าท่านยังมีภรรยาอีกมากมายมิใช่หรือเจ้าคะ!ท่านเป็นต้นเหตุที่บังคับให้ข้าต้องทําเช่นนี้รู้ตัวหรือไม่เจ้าคะ?”

“ท่านมักยุ่งกับกิจการนอกบ้านจึงไม่มีเวลามาดูแลข้าและครอบครัว! หากกลับบ้านท่านก็มัวแต่ไปขลุกกับนังเมียน้อยพวกนั้นโดยที่ไม่คิดจะมา ทักทายข้าด้วยซ้ํา!ท่านต่างหากเล่าที่ละทิ้งข้าก่อนแล้วจะโทษข้าได้อย่างไร?!”

ใบหน้าของหลี่จินเปลี่ยนเป็นสีแดง…เพราะความโกรธแค้น หญิงเลวมักมีข้ออ้างมากมากมายเสมอ!

“เจ้าเป็นโรคขาดผู้ชายไม่ได้อย่างนั้นหรือ?เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วเจ้ายังไม่รู้จักสํานึกผิดอีก!เจ้าคงคิดสินะว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าถึงได้สวมเขาให้ข้าเช่นนี้!”

ทันใดนั้น หลี่จินปรี่เข้าไปบีบคอของภรรยาด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ความคิดชั่ววูบนั้นน่ากลัวเสมอ ขณะนี้นายหญิงหลี่รู้สึกตื่นกลัวอย่างมากเพราะเวลาที่นายหัวหลี่โมโหนนน่ากลัวกว่าปีศาจตนใดในโลกหล้า นาง เริ่มไม่แน่ใจว่าอนุภรรยาคนนั้นได้วางยาพิษหลี่จินหรือไม่? เนื่องจากเขายังมีพละกําลังเหลืออยู่มาก!

สายตาของหลีจินพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อเห็นว่าเมียรักกําลังจะหมดลมหายใจ

ตอนนี้แรงบีบบริเวณลําคอของนายหญิงหลี่เริ่มคลายลงขณะที่ใบหน้าของหลี่จินเริ่มซีดเซียวพลางเอามือจับหน้าอกด้วยความเจ็บปวดพร้อม หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง

เมื่อเห็นเช่นนั้น นายหญิงหลี่จึงคลายความกังวลลงไอ้เฒ่าหลี่กําลังจะตาย… สภาพขอ งมันตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนนแม้แต่น้อย!

“หากท่านยอมหลับหูหลับตาสักนิดก็คงไม่ต้องมาตายเยี่ยงหมาข้างถนนแบบนี้… ข้าพูดผิดหรือไม่เจ้าคะ?”

หลี่จินกระเสือกกระสนยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงเมียรักเอาไว้ด้วยความกลัวตาย

“ตะ… ตามหมอที่…”

หลีจินไม่รู้ว่าสาเหตุของความผิดปกติในร่างกายนั้นเกิดจากยาพิษ เขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าโรคประจําตัวกําเริบ

“ตามหมอ? เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ถ้าเจ้ารอดไปได้ข้าก็ต้องตาย! นายท่านชรามากแล้ว… และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่อํานาจจะต้องเปลี่ยนมือแล้วลูกชายของท่านอายุเท่าไรแล้วล่ะ?เขาคงไม่คิดว่าท่านพ่อผู้เฉลียวฉลาดจะต้องมาตายเพราะสตรีตัวเล็ก ๆ!”

“โชคดีที่พี่ชายข้าหาซื้อยาพิษชนิดนี้มาได้หากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้ากลับมาเจอท่านพ่อในสภาพนี้คงคิดว่าเจ้าตายเพราะอาการ หัวใจวาย คงไม่มีผู้ใดสงสัยนังเมียน้อยคนนั้น
แน่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพลิงแค้นในใจของหลี่จินยิ่งโหมไหม้จนส่งผลให้เขาหายใจไม่ออก

“นะ นังงูพิษ… จะ เจ้าวางยาบ้าหรือ!”

หลี่จินรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด่าเสียงจนทําให้นางสะดุ้งตัวโยน แต่ทันใดนั้นประโยค“หวนคืนสู่แสงสว่าง”ก็ผุดขึ้นมาในความคิดยิ่ง ทําให้นางเหิมเกริมมากขึ้น

“เจ้ารู้อยู่แล้วมิใช่หรือว่าที่นั่งเด็กนั่นทําไปเพราะรู้สึกอย่างไร! หากก่อนหน้านี้นางได้รับความเป็นธรรมก็คงไม่คิดแค้นถึงขนาดร่วมมือกับข้า เพื่อฆ่าเจ้า! แต่เจ้าคงไม่คิดถึงเรื่องเช่นนี้หรอกเพราะเจ้าโปรดปรานนางมากเสียจนลืมว่านางอยู่ใต้อํานาจของข้า… รู้สึกอย่างไรล่ะ?ยาพิษชนิดนี้ช่างน่าทึ่งเสียใจ!”

ร่างกายของหลี่จินอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วใบหน้าแดงก่ําของเขาเริ่มซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด

“นะ นังแพศยา… นะ นังงูพิษ!”

“โอ้… ข้าจะถือว่ามันเป็นคําชมแล้วกัน!ข้าว่าท่านควรสั่งสอนลูกชายให้ดีกว่านี้นะเจ้าคะเพราะตราบใดที่ข้ามีชีวิตอยู่มันจะต้องอยู่ภายใต้อํา นาจของข้ารวมไปถึงทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลหลี่… ข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หลี่จินรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง เพราะเขาเกรงว่าหากตนตายไปชีวิตของลูกชายจะต้องตกอยู่ในกํามือของสตรีชั่วช้าและถ้าเขาตกหลุมพรางของนางอีกคน เมื่อถึงครานั้นตระกูลหลี่คงพบเจอกับจุดจบเป็นแน่!

หลี่จินกระเสือกกระสนคลานไปยังประตูเพื่อออกไปเตือนลูกชาย แต่โชคร้ายที่ร่างกายไม่ตอบสนองดั่งใจหวัง

ตอนที่ 241 เปิดโปง

หลีจนรู้สึกสับสนยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคําพูดของพ่อ บ้านหวังสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดคือเรื่องจริงสินะไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น!

“พ่อบ้านหวัง! หญิงผู้นี้ไม่เคยฟ้องข้าว่าน้องสาวของนางถูกขายหากเจ้าจํามันได้ก็แสดงว่าเรื่องที่นางกล่าวมาเป็นความจริง!”

พ่อบ้านหวังคุกเข่าลงขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทา “นายหัวขอรับ!ข้าไม่ได้ตั้งใจเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนายหญิงขอรับ… นายหญิงยั่วยวนข้า! ไว้ชีวิตข้าเถอะขอรับ! ข้าทํางานรับใช้ท่านมาหลายปีแล้วอีกทั้งยังทุ่มแรงกายและแรงใจ ให้ตระกูลหลี่มาตลอดนายหัวโปรดอภัยให้กับความผิดครั้งนี้ของข้าเถิดขอรับ!”

“ครั้งนี้ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ! ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกํามือข้าแล้วในเมื่อเจ้าทําเรื่องอัปยศเช่นนี้จึงไม่จําเป็นที่ข้าจะเก็บเจ้าไว้ในตระกูลหล่อีกต่อไป เจ้าเป็นคนขโมยทรัพย์ในคลังของข้าเจ้าก็ต้องเป็นคนชดใช้เท่ากับจํานวนทรัพย์ที่เจ้าขโมยไป!ที่นี้ข้าจะให้เจ้าเลือกว่าจะยอมถูกขายให้พ่อค้าทาสแต่โดยดีหรือให้ข้าฆ่าเจ้า… คิดให้ดีล่ะ!”

ร่างกายของพ่อบ้านหวังสั่นเทาเพราะบัดนี้เขาต้องเป็นผู้กําหนดชะตาชีวิตของตนเองสุดท้ายแล้วพ่อบ้านหวังก็เลือกที่จะถูกขายให้กับพ่อค้าทาสดีกว่าถูกฆ่าเพราะเขากลัวความตายเป็นที่สุด!

หลี่จินยังไม่หยุดแผนการที่ทําให้บ้านหวังอับอายเขาสั่งให้พ่อบ้านเปลี่ยน
จากชุดคนรับใช้เป็นชุดซอมซ่อและขาดวิ่นราวกับจากนั้นจึงขายพ่อบ้านหวังให้พ่อค้าทาสและติดสินบนให้พวกเขาขายพ่อบ้านไปยังถิ่นทุรกันดาร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่หลี่จินจะไม่ต้องทนเห็นหน้าพ่อบ้านอีกต่อ
ไป!

หลังจากทําการค้าอย่างเงียบๆกับพ่อค้าทาสเสร็จหลี่จินจึงมุ่งหน้าสวนหลังบ้านเพื่อจัดการนายหญิงหลี่ทว่าทันใดนั้นมือขวาของเขาวิ่งหน้าตั้งเข้ามาก่อนรายงานว่าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่ร้านอาหารและกําชับให้นายหัวหลี่ไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้!

อย่างไรเสียนายหญิงหลี่ก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆนายหัวหลีจึงไม่คิดว่านางจะหลบหนีไปที่ไหนได้เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่ร้านอาหารและวางแผนกลับมาชําระความกับนายหญิงหลังจากเสร็จธุระ

ในขณะเดียวกัน นายหญิงหลี่กําลังมุ่งหน้าไปรอพ่อบ้านหวังยังจุดนับพบที่ทั้งสองนัดแนะกันคืนนี้เนื่องจากนางใช้เงินเป็นเบี้ยจนมันเริ่มร่อยหรอดังนั้นนางจึงต้องออดอ้อนให้พ่อบ้านหวังขโมยเงินในคลังมาให้เพิ่ม!

หลังจากรอที่จุดนับพบอยู่ครู่ใหญ่ พ่อบ้านหวังก็ยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา นายหญิงหลี่จึงระแคะระคายว่าต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเป็นแน่เพราะนางรู้ดีว่าไม่มีชายใดสามารถฟื้นตัณหาได้

เมื่อเป็นเช่นนั้นนายหญิงหลี่จึงสั่งให้สาวรับใช้คนสนิทไปสืบข่าวจากเหล่าคนรับใช้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพ่อบ้านหวัง!ไม่นานเรื่องพ่อบ้านถูกขายให้กับพ่อค้าทาสและเรื่องที่นายหัวหลี่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองก็มาถึงหูของนาง

นายหญิงหลีกระวนกระวายจนนั่งไม่ติดหลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแม้นายหัวหลี่จะลุ่มหลงนางมากเพียงใดแต่ใครจะยอมถูกภรรยาสวมเขาเล่า? หากไม่มีธุระด่วนมาขัดขวางนายหัวหลี่เอาไว้ตอนนี้นางคงลงได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว

เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ตําแหน่งของนางในตระกูลหลี่จึงไม่มั่นคงอีกต่อไปดังนั้นเรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปไม่ได้เพราะหากมีคนนอกเข้านางคงต้องตายตกเป็นแน่!

ไม่! ทําไมนางต้องปล่อยให้ไอ้เฒ่าหลี่ผู้เลวทรามใช้ใช้ชีวิตสุขสบายในขณะที่นางต้องจบชีวิตหลังจากทนใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีเล่า?แน่นอนว่านางจะปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้

แต่จะทําอะไรได้? เพราะในสายตาของหลี่จินนางเป็นเพียงหญิงบําเรอคนหนึ่งเท่านั้นด้วยเหตุนี้จึงถึงเวลาแล้วที่นางต้องลุกขึ้นสู้

เนื่องจากหลี่จินไม่อยากให้เรื่องอื้อฉาวแพร่งพรายออกไปจึงสั่งให้คนรับใช้ทุกคนปิดปากเงียบ ห้ามผู้ใดพูดเรื่องนี้เด็ดขาดเพราะอย่างไรเสียนายหญิงก็เป็นคนของตระกูลหลี่นอกจากนี้เขายังพาคนสนิทของตนออกไปยังร้านอาหารจนหมดดังนั้นนายหญิงจึงเหลือที่พึ่งเดียวก็คือพี่ชายของนาง

หลี่เฟิงที่ยืนอยู่ในสวนคํารามด้วยความโกรธทันทีที่ได้ข่าว

“เจ้าทําตัวต่ําต้อยเช่นนี้ได้อย่างไร? ไปทําอีท่าไหนถึงหลงเสน่ห์คนไร้ประโยชน์อย่างไอ้พ่อบ้านหวังได้เล่า?หน้าตาของเจ้าสะสวยถึงเพียงนี้แค่ ปรายตามองชายหนุ่มทั่วหล้าก็หลงเสน่ห์หัวปักหัวป่าแล้วแต่เหตุใดกลับเสียท่าให้กับคนโง่และยังถูกจับได้ว่าเล่นชู้อีก!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนายหญิงหลี่จึงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ “หากข้าไม่ลักลอบคบชู้กับพ่อบ้านหวังท่านพี่คิดหรือว่าข้าจะมีเงินมากพอที่จะดูแลท่าน? พี่จะไม่ใช้เงินที่ข้าส่งให้ก็ย่อมได้เพราะอย่างไรเสียเงินเหล่านั้นก็คือเงินที่มาจากการใช้วิธีสกปรก!”

ใบหน้าของหลี่เฟิงซีดเผือดเมื่อได้ยินเขาจึงเอ่ยตอบอย่างเป็นกังวล “ตอนนี้เจ้าจะทําอะไรได้เล่า? การกระทําในอดีตของเจ้ากําลังย้อนกลับมาทําร้ายตัวเจ้าเอง!ตอนนี้สิ่งที่เราควรทําคือคิดหาทางออกของเรื่องนี้ไม่เช่นนั้นชีวิตของเจ้าคงถึงทางตันแน่”

ทันใดนั้นนัยน์ตาของนายหญิงหลี่พลันเปล่งประกายขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นก็ทําอย่างที่เราพยายามมาตลอดสิข้าแสร้งปรนนิบัติไอ้เฒ่าหลี่มานานจน ทนไม่ไหวแล้ว!”

หลี่เฟิงเบิกตากว้างพร้อมคิดในใจว่าจิตใจของหญิงผู้นี้โหดเหี้ยมหาที่เปรียบไม่ได้!โชคดีที่เขาไม่ได้แต่งานกับผู้หญิงพรรค์นี้แต่อย่างไรเสียหลี่ เฟิงก็หลีกเลี่ยงความจริงที่ว่านางคือน้องสาวของตนไม่ได้!

“แต่หากเจ้าฆ่ามันตอนนี้ เราจะไม่ได้รับมรดกแม้แต่แดงเดียวเพราะไอ้ลูกชายผู้ฟุ่มเฟือยของมันเพิ่งกลับมานอกจากนี้มันยังใส่ใจไอ้หลี่ซื่อฮวามากกว่าแต่ก่อนฉะนั้นถ้าเราลงมือมรดกทั้งหมดจะตกอยู่ในกํามือของหลี่ซื่อฮวาทันที!”

“แล้วควรทําอย่างไรเล่า? พี่จะให้ข้าอยู่เฉย ๆรอให้ไอ้เฒ่าหลี่กลับมาฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ? ครอบครัวของเราไม่มีประโยชน์ให้มันกอบโกยอีก ต่อไปแล้วหลี่จินเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและใจแคบพี่คิดว่ามันจะยอมปล่อยข้าและครอบครัวของเราให้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างนั้นหรือ?”

หลี่เฟิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาไม่อยากให้น้องสาวเอาชีวิตไปเสี่ยง! แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทําตอนนี้คือรักษาชีวิตของน้องสาวและนําตัวพ่อบ้านหวังหลับมา

หากสองพี่น้องร่วมมือกันแล้วแม้แต่นายหัวหลี่ก็ยังต้องคิดหนัก

พ่อบ้านหวังทํางานรับใช้นายหัวหลี่มานานหลายปีจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขายพ่อบ้านหวังให้พ่อค้าทาสง่ายดายเช่นนี้ในขณะที่อีกคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนอกจากนี้ทั้งสองคนยังสามารถนําความมั่งคั่งและผลประโยชน์มากมายมาสู่ตระกูลหลี!

เมื่อคิดเช่นนี้ หลี่เฟิงก็เผยสีหน้าดุดันทันที

“สาเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถให้กําเนิดลูกแก่ไอ้เฒ่าหล่ําอย่างไรเล่าลองคิดดูสิหากเจ้าให้กําเนิดลูกชายสักคน สถานะของหลี่ซื่อฮวาจะเป็นอย่างไร?แต่อย่างไรเสียการรับมือกับฝังนั้นไม่ง่ายเลย… ข้าได้ยินมาว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งถูกครอบครัวขายตัวให้เจ้าเพื่อใช้หนี้ไม่ใช่หรือ?ถ้าเช่นนั้นใบสัญญายังอยู่ในมือเจ้าหรือไม่?”

นายหญิงหลี่เผยสีหน้าโกรธแค้นนางจะจดจําความอัปยศนี้ไปตลอดชีวิต!

“ข้าไม่คิดมาก่อนว่านั่งเด็กนั่นจะมีประโยชน์มากเช่นนี้!ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วท่านพี่จะทําอย่างไรต่อไปหรือ?”

“เจ้าโง่! เจ้าจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองไม่ได้หรือเหตุใดต้องให้ข้าบอกทุกเรื่อง?เดิมที่เด็กนั่นถูกขายให้เป็นคนรับใช้ของเจ้าและตอนนี้ครอบครัว ของมันตกอยู่ในกํามือเรา! สั่งให้นางจัดการเรื่องนี้แทนเราไม่ง่ายกว่าหรือ? เจ้าไม่ต้องกังวลว่านางจะไม่เชื่อฟังเพราะตอนนี้ครอบครัวของมันอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว”

ดวงตาของนายหญิงหลี่เปล่งประกายขึ้นมาทันทีแน่นอนว่าแผนนี้ตอบสนองความต้องการของนางอย่างยิ่งเพราะแผนนี้จะทําให้นางกําจัดไอ้เฒ่าหลี่และเด็กรับใช้ได้ในคราเดียว… นี่สินะที่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

“เอาล่ะ ท่านพี่ไปเอายาพิษที่ร้านยาของท่านมาได้แล้ว!จากนั้นข้าจะไปหานังเด็กเหลือขอและหว่านล้อมให้มันวางยาไอ้เฒ่าหลี่เสีย… เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีหลักฐานที่สามารถสาวมาถึงตัวเราได้แล้ว!”

ตอนที่ 240 เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน

สาวรับใช้อีกคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? แม้นายหัวจะตามใจนายหญิงแต่เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีอํานาจมากพอที่จะกระทําเช่นนี้เพราะสิ่งของที่อยู่ในคลังของนายหัวทั้งเก่าแก่ราคาแพงอีกทั้งยังงดงามมาก!”

“เจ้าไม่รู้หรือว่านายหญิงต้องขออนุญาตนายหัวถึงจะได้เงินไปใช้!ตราบใดที่นายหญิงยังเป็นที่ชื่นชอบมีหรือที่นางจะไม่ได้เงิน?”

“พ่อบ้านทําเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาขโมยเงินจากคลังทรัพย์ของนายหัวไปปรนเปรอนายหญิง… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

ทันใดนั้นสาวใช้ทั้งสองก็ขยับตัวเข้าไปใกล้กัน ก่อนกระซิบกระซาบ ซึ่งการกระทําเหล่านั้นยิ่งทําให้หลีจนรู้สึกโมโห

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหญิงสาวบอบบางถึงทําให้ชายผู้น่าเกรงขามอยู่ในโอวาท?เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความผูกพันแม้แต่น้อยนายหัวลุ่มหลงนายหญิงมากจึงส่งตัวนายน้อยไปยังจวงจื่อ ดังนั้นพ่อบ้านจึงสบโอกาสขโมยเงินในคลังและลักลอบคบชู้กับนายหญิงไงล่ะ!”

หลี่จินเดินกระทืบเท้าออกมาจากที่ซ่อนพร้อมคํารามด้วยความโมโหทันที “พวกเจ้าเป็นแค่คนใช้ต่ําต้อยกล้าดีอย่างไรถึงนินทาเจ้านาย?!”

สาวใช้ผู้เป็นหัวโจกในการจับกลุ่มนินทาเมื่อครู่คุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะลงกับพื้นด้วยความหวา ดกลัวทันที

“เมตตาบ่าวเถิดเจ้าค่ะนายหัว! บ่าวผิดไปแล้ว!”

ไม่นานคราบเลือดก็ปรากฏขึ้นบริเวณมุมปากของหญิงสาว

หลี่จินยกเท้าขึ้นเตะสาวรับใช้อย่างไร้ความปรา

“เจ้าเป็นแค่คนรับใช้รอ่านใส่ร้ายภรรยาของข้าอย่างนั้นหรือ?!”
เมื่อถูกกล่าวหาว่าใส่ร้ายนายหญิงสาวรับใช้คนนั้นจึงระเบิดอารมณ์ออกมาก่อนหยุดโขกศีรษะลงกับพื้นก่อนนั่งตัวตรงและเงยหน้าขึ้น

“นายหัวเจ้าคะ บ่าวมีหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านของที่นี่!บ่าวไม่ขัดขืนหากนายหัวต้องการลงโทษ!แต่บ่าวยอมรับข้อกล่าวหาไม่ได้จริง ๆ เจ้าค่ะทุกคนในจวนต่างรู้เรื่องนี้ดี… โดยเฉพาะคนสนิทของนายหญิง!ดังนั้นบ่าวจะกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรเล่าเจ้าคะ!”

หลีจินหายใจไม่ออกเขาเอามือจับตรงหน้าอกขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ํา

“นังสารเลว! เรื่องมาถึงขนาดนี้ยังโยนความผิดให้คนอื่นอีกคอยดูเถอะ… ข้าจะขายเจ้าให้พวกพ่อค้าทาส!”

สาวรับใช้เอ่ยถามด้วยความคับข้องใจ“หากนายหัวต้องการขายบ่าวก็ขายเลยเจ้าค่ะอย่างไรเสียเรื่องที่บ่าวพูดมันคือความจริง!ในเมื่อนายหัวเต็มใจโดนสวมเขา ใครเล่าจะขัดขวางท่านได้เจ้าคะ?”

หลีจินโมโหจนอยากตีสาวรับใช้คนนี้ให้ตายตกแต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงยกมือที่กําลังจะตีสาวรับใช้ค้างในอากาศ

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าภรรยาที่ร่วมเรียงเคียงหมอนเล่นชู้กับชายอื่น? อันที่จริงเขาเจอหลักฐานบางอย่างที่สามารถสาวไปถึงเรื่องนี้แต่เขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของหลี่จินจึงแตกสลาย“พวกเจ้ารู้เรื่องนี้กี่คน?ใครรู้เรื่องนี้ให้ก้าวออกมาและคุกเข่าต่อหน้าข้าซะ… เจ้าคือคนดูแลความสะอาดบ้านใช่หรือไม่?ชื่ออะไร?”

สาวรับใช้ก้มหน้าลงก่อนตอบเสียงแผ่ว “คนอื่นเรียกข้าว่าต้ายา ข้าเป็นเพียงคนรับใช้จึงไม่มีชื่อแซ่เจ้าค่ะ!”

“อืม ตามมา ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า!”

ต้ายาเดินตามหลี่จินเข้าไปในห้องตําราโดยไม่เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าออก

หลี่จินไม่มีเวลาไล่เลียงว่าลูกชายของตนหายไปที่ใดเนื่องจากเขาเห็นว่าขณะนี้หลี่ซื่อฮวาไม่ได้อยู่ในห้องตําราซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่เขาจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยสะดวก

“เจ้าบอกว่าเมียข้าเล่นชู้กับพ่อบ้านอย่างนั้นหรือ? มีหลักฐานหรือไม่?หากมีหลักฐานแน่ชัดข้าจะละเว้นโทษให้!”

ต้ายาดีใจอย่างยิ่งจึงเริ่มเล่าเรื่องที่นางรับรู้มา“แม้สาวรับใช้จะมีหน้าที่ทําความสะอาดบ้านแต่เนื่องจากแม่ของข้าขายตนเองเข้ามารับใช้ในบ้านตั้งแต่ยังเยาว์ดังนั้นนางจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบ้านหลังนี้! คราที่สินสอดถูกส่งมาที่นี่แม่ข้าก็แอบฟังบทสนทนาของพวกท่านอยู่ใกล้ ๆ”

“เงินสินสอดเหลืออยู่น้อยนิดและรายจ่ายในแต่ละเดือนก็มีมากโขแต่นายหญิงยังทําตัวหรูหราไม่เปลี่ยนอีกทั้งยังดื่มรังนกนางแอ่นหิมะราคาหลายร้อยตําลึงทุกวัน!นายหัวไม่สงสัยหรือเจ้าคะว่านายหญิงเอาเงินมาจากไหน”

“แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ของนายหญิงและพ่อบ้านได้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนขณะที่เหล่าสาวใช้กําลังทําความสะอาดเรือนข้าเห็นนายหญิงกระซิบนัดหมายให้พ่อบ้านไปพบในคืนนั้นด้วยท่าที่น่าสงสัย”
“คืนนั้นเอง ข้านอนไม่หลับจึงออกไปเดินเล่นและบังเอิญพบกับนายหญิงและพ่อบ้านโอบกอดกันแนบแน่นอยู่ในสวน! นายหัวเจ้าคะสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ล้วนเป็นความจริงข้าไม่ได้ตั้งใจใส่ร้ายนายหญิงตลอดเวลาที่ทํางานในบ้านหลังนี้ข้าเจียมตัวเสมอมาเพียงแต่วันนี้ท่านเอ่ยปากถามข้าจึงต้องพูดความจริงเจ้าค่ะ!”

“อันที่จริงคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ต่างรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้ดีแต่ทุกคนปิดปากเงียบเพราะหวังเงินปิดปากจากนายหญิงจึงไม่มีใครกล้าบอกความจริงกับท่านสักคน!ทุกครั้งที่นายหัวออกไปทําธุระนอกบ้านนายหญิงจะนัดพบกับชายอื่นนอกจากพ่อบ้านด้วยเจ้าค่ะ!”

ใบหน้าของหลี่จินซีดเซียว ไม่มีใครทนแบกรับกับความอัปยศเช่นนี้ได้
“เจ้าไปสวนหน้าบ้านกับข้าก่อนแล้วข้าจะส่งตัวเจ้าไปที่จวงจื่อและเมื่อทุกอย่างคลี่คลายข้าจะส่งตัวเจ้ากลับมาที่นี่หากสิ่งที่พูดในวันนี้คือความจริงเจ้าจะได้ไปอาศัยที่จวงจื่อแต่หากเจ้าพูดเท็จก็อย่าหาว่าข้าไม่เมตตาล่ะ!”

หญิงสาวดีใจอย่างมากจึงก้มคํานับอีกครั้ง

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ! ขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะนายหัว!”

เมื่อมาถึงสวนหน้าบ้าน สิ่งแรกที่หลี่จนทําคือการมองหาพ่อบ้าน

แม้พ่อบ้านผู้นี้ไม่ฉลาดมากนัก แต่เขากลับมีความสามารถในการคํานวณเป็นเลิศไม่เช่นนั้นหลี่จินคงไม่เห็นคุณค่าในตัวเขามากเช่นนี้

และที่สําคัญคือพ่อบ้านผู้นี้ช่างเจรจาทําให้มีภาพลักษณ์ที่ไร้พิษสงแต่ถึงกระนั้นเขาก็เป็นคนที่ทําให้ตนเองตกต่ําดังนั้นเหล่าสาวใช้ในบ้านจึงไม่ลุ่มหลงไปกับคารมของพ่อบ้านคนนี้

ใครเล่าจะรู้ว่าสาวรับใช้เหล่านั้นต่างเตือนสติกันและกันไม่ให้ลุ่มหลงคารมพ่อบ้านเฒ่า … แต่พวกนางไม่สามารถห้ามนายหญิงได้

พ่อบ้านเฒ่าหัวขโมยผู้นี้มีแซ่หวังเดิมที่เขาต้องเข้าสอบคัดเลือกเป็นขุนนางแต่ชายผู้นี้ไม่สนใจในการเรียนจนเวลาล่วงเลยถึงวัยชรา
ในที่สุดเขาก็ถอดใจในการสอบไม่นานหลังได้รับคําชมจากนายหัวหลี่คนแซ่หวังผู้นี้จึงกลายเป็นผู้ดูแลบัญชีของตระกูลหลี่และถูกเลื่อนตําแหน่งเป็นพ่อบ้านในเวลาต่อมา

เมื่อพ่อบ้านหวังสังเกตเห็นนายหัวและบริวารเดินเข้ามารอยยิ้มประจบสอพลอก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“นายหัวมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ?”

หลี่จีนเผยสีหน้าโกรธแค้นพร้อมกล่าว “พ่อบ้านหวังเจ้าทํางานรับใช้ข้ามาหลายปีและข้าก็เลี้ยงดูเจ้าไม่ขาดตกบกพร่องใช่หรือไม่?แต่สิ่งที่เจ้า ตอบแทนข้าคืออะไร? เจ้าตอบแทนด้วยการสวมเขาให้ข้า!เจ้าช่างกตัญญเสียจริง!”

พ่อบ้านหวังเผยสีหน้าตื่นตระหนกขณะโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วพร้อมตะโกนเสียงดัง “นายหัวท่านเข้าใจข้าผิดไปแล้วขอรับ! ข้ารับใช้ท่านมา นานหลายปีไม่มีทางทําแบบนั้นได้ข้าไม่รู้ว่าไอ้ อีคนไหนกล้าใส่ร้ายข้า!”

“ต้ายาบอกข้านางกล่าวว่าคนรับใช้ทุกคนในบ้านรู้เรื่องนี้ดี!พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกข้าเพราะคิดว่าข้าโง่ใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินชื่อต้ายาพ่อบ้านหวังก็ยิ่งแสดงอาการตื่นตระหนก

“นายหัวอย่าหลงเชื่อนั่งแพศยาคนนั้นนะขอรับนางต้องการแก้แค้นคนในตระกูลหลี่เพราะนายหญิงเป็นคนสั่งให้ขายน้องสาวของนางให้กับพ่อค้าทาส!”

ตอนที่ 239 คําแนะนํา

อย่างไรก็ตาม บุตรไม่ควรกล่าวหาหรือประจาน บุพการีต่อหน้าผู้อื่น ดังนั้นหลี่ซื่อฮวาจึงทําได้ เพียงก้มหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร!

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ! ในเมื่อนางกล้าทําถึงเพียงนี้แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ท่านควรตรวจสอบบรรดาผู้มียศสูงส่งใน คฤหาสน์ของท่านให้ดี หนึ่งในพวกเขาอาจตกเป็นเหยื่อของนางแล้วก็เป็นได้!”

ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเปล่งประกายด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าควรจัดการกับหญิงผู้นี้อย่างไร ทว่า… ตราบใดที่หยุนเกียนเกียนยืนกรานที่จะเป็นพยานเคียงข้าง ก็ทําให้เขาไม่รู้สึกกังวลต่อสิ่งใดเลย

หลี่ซื่อฮวาครุ่นคิดถึงความหลัง… ในอดีตหญิง นางหลี่เคยถูกจับได้ว่าแอบเล่นชู้ โชคดีที่นางไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของหลี่ซื่อฮวา ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดว่านางหลี่จะเป็นคนเช่นนี้ แต่หากไตร่ตรองให้ดีจะรู้ทันทีว่านางไม่ซื่อสัตย์และมีแผนร้ายในใจเสมอ

นางหลี่คิดมาโดยตลอดว่าการควบคุมคฤหาสน์นั้นอยู่ภายใต้กํามือของตน จึงไม่ได้พึงระวังการกระทําอันไม่เหมาะสมเลย แท้จริงแล้วหากนาง สนใจแม้เพียงนิดก็จะรู้ว่าพฤติกรรมของนางนั้นแปลกไปเพียงใด

เดิมที่สาวใช้ในบ้านให้ความเคารพต่อนางหลี่เป็นอย่างมาก พวกนางไม่กล้าพูดเรื่องไม่ดีของเจ้านายเลยแม้สักนิด หากไม่ใช่เพราะหลี่ซื่อฮวาบังเอิญเจอหรือหยุนเกียนเถียนนํามาเล่าให้ฟัง เขาก็คงไม่สามารถรู้ข่าวได้เร็วขนาดนี้

แต่เมื่อนึกถึงชูรักของนางหลี่ หลี่ซื่อฮวาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ไม่แปลกที่นางหลี่จะไม่พอใจท่านพ่อเพราะเขาแก่มากแล้ว! แต่นางกลับยังสาวและสวย หากจะมีชายหนุ่มมาติดพันธุ์ก็เป็นเรื่องธรรมดา! ทว่า ท่านพ่อกลับดูดีและสง่ากว่าชายผู้นั้นมากแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม เหตุใดนางจึงเลือกคนเช่นนี้?

หลี่ซื่อฮวาครุ่นคิดอย่างงงงงพร้อมมองมาที่หยุนเถียนเถียน

หยุนเกียนเถียนกลอกตาอย่างหงุดหงิด “พ่อของท่านยุ่งกับการดําเนินกิจการตลอดทั้งปีจนไม่มีเวลาให้นางจนทําให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว! แน่นอนว่านางอาจใช้ข้ออ้างนี้ในการแก้ต่าง ยิ่งไปกว่านั้นนางอาจสั่งให้คนใช้ร่วมมือเพื่อช่วยโกหกด้วย!”

หลี่ซื่อฮวาตอบกลับอย่างหนักแน่นทันที “ข้าเห็นด้วยในสิ่งที่เจ้าพูด! พ่อของข้าไว้ใจและเชื่อฟังนางเป็นอย่างมาก จนยอมให้นางเข้ามาจัดการทุกอย่างในบ้าน นายหญิงหลี่รู้กระทั่งว่าเงินทั้งหมดในคลังของท่านพ่อมีเท่าไหร่!”

“ข้ารู้มาว่าสาวใช้พวกนั้นลําบากและไม่มีเงินเพียงพอต่อการดํารงชีวิต! ดังนั้นแล้ว นายหญิงหลี่ต้องให้เงินพวกนางเป็นค่าปิดปากสําหรับเรื่องนี้เป็นแน่!

หยุนเถียนเถียนยิ้ม” ในเมื่อท่านรู้เรื่องนี้แล้ว… ท่านจะจัดการกับมันอย่างไร?” ข้าจะแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบและจะขอให้เขาตรวจสอบเงินในคลัง! “หยุนเถียนเถียนนั่งลงด้วยความสบายใจ ก่อนจะพูดว่า”ข้าคงต้องเป็นสหายเคียงข้างท่านเสียแล้ว!“หลี่ซื่อฮวาขมวดคิ้ว” หมายความว่าอย่างไร?”นายน้อยหลี่เป็นคนฉลาด เหตุใดจึงไม่เข้าใจว่าข้าหมายถึงอะไร? ท่านเป็นลูกชายที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตรักของพ่อและแม่เลี้ยง แน่นอนว่านายหัวหลี่จะไม่มีทางเชื่อ ทั้งยังจะคิดว่าท่านแต่งเรื่องเพื่อใส่ร้ายแม่เลี้ยง… ลูกชายกล้าสร้างเรื่องหยามเกียรติบุพการีเช่นนี้ หากเป็นข้าคงจะไล่ไปให้ไกล! “คําพูดเหล่านี้ทําให้หลี่ซื่อฮวารู้สึกโกรธ แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ทุกอย่างที่หยุนเสียนเถียนพูดก็เป็นความจริงทุกประการ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้นายหัวหลี่ฟัง ทว่ากลับไม่รู้จะเริ่มอย่างไร”เถียนเถียน… เจ้าคิ ดว่าข้าควรทําอย่างไร? บอกไปตรง ๆ เลยดีหรือ ไม่?! แต่หากท่านพ่อไม่พอใจ เจ้าอาจต้องเดือดร้อนไปด้วย! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่านางหลี่เกลียดชังเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด?”เหตุใดท่านจึงโง่เขลานัก?! หากพูดด้วยตนเองไม่ได้ ก็ให้ผู้อื่นทําแทนสิ! เสี่ยวซื่อทําไม่ได้หรืออย่างไร? สั่งเขาให้นําตัวคนใช้เหล่านั้นมาสารภาพต่อหน้าพ่อของท่าน นายหัวหลี่เป็นคนฉลาด แน่นอนว่าเมื่อได้ฟังเขาจะไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรท่านก็จะไม่มีวันเดือดร้อน!“หลังจากกล่าวจบ หยุนเกียนเถียนก็เกิดความสงสัยในใจ เขาเติบโตมาในสภาพครอบครัวอันมืดมนเช่นนี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น! หลี่ซื่อฮวาก็เดินจากไปโดยไม่กล่าวคําลาอะไรเลย

เนื่องจากหลี่จินมีทรัพย์สินมากมายในคลัง ทั้งยังยุ่งกับกิจการต่าง ๆ จึงไม่มีเวลามากพอที่จะตรวจสอบคลังทรัพย์

อย่างไรก็ตาม หลี่จินเชื่อและวางใจอย่างแน่วแน่ว่าภรรยาผู้แสนดีของเขาจะช่วยจัดการทรัพย์สินและกิจการภายในบ้านอย่างสัตย์ซื่อ!

หลี่จินก็กลับบ้านมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากเขาไม่ได้กลับมานานจึงไม่รู้ความเป็นไปของสิ่งใดเลย ดังนั้นนายหัวหลีจึงเอ่ยถามเหล่าคนใช้ทันที”แขกทั้งสองยังอยู่หรือไม่? พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”คนใช้สาวที่ถูกนายหญิงหลี่จ่ายค่าปิดปากตอบ”ยังอยู่เจ้าค่ะ! พวกเขาทั้งสองอยู่ ณ เรือนรับรองอย่างสงบสุข ไม่มีอะไรผิดปกติเจ้าค่ะ“หลีจินฮัมเพลงเบา ๆ ด้วยความสบายใจ ก่อนจะเดินไปยังห้องของลูกชายเพื่อดูว่าเขายังอ่าน หนังสืออยู่หรือไม่

ขณะที่กําลังเดินไป นายหัวหลีก็เห็นว่าเห็นว่า เหล่าคนใช้กําลังจับกลุ่มกันซุบซิบนินทาใครบางคนอยู่

ทันทีที่เห็นดังนั้น เสี่ยวชื่อก็กําลังจะเข้าไปห้ามปรามพวกนาง ทว่าหลี่จินกลับยกมือหยุดเขาไว้! เสี่ยวชื่อจึงทําได้เพียงมองดูหญิงสาวเหล่านั้น และหันหลังเดินจากไป

หลี่จินค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินเสียงของพวกนางอย่างชัดเจนขึ้น” ช่วงนี้นายหญิงเป็นอะไรไป? นางมักจะออกไปข้างนอกและใช้จ่ายเงินเยอะขึ้นทุกวัน! ! นายหัวก็เอาแต่ออกไปหาเงินจนไม่ได้สนใจอะไร! ข้าได้ยินมาว่านางเอาสินสอดทองหมั้นของตนที่ได้มาไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมด แม้นายหัวจะรู้… เขาก็คงไม่ว่าอะไร”! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเงินเหล่านั้นเป็นสินสอดทองหมั้นของนางจริง ๆ ?! นางได้สินสอดเท่าไหร่กัน?! แต่งงานมาตั้งหลายปีแล้วจะได้เงินมากมายจนเพียงพอต่อการใช้จ่ายถึงทุกวันนี้เลยหรือ?! เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! แล้ว… เงินที่นายหญิงใช้จ่ายเหล่านั้นมาจากไหน?!”ยังต้องให้พูดอีกหรือ? ไม่รู้หรืออย่างไร? ก็มาจากคลังทรัพย์ของนายหัวอย่างไรเล่า!”

ตอนที่ 238 หยุนเถียนเถียนผู้กล้าหาญ

หยุนเคอยิ้มพลางยื่นมือคว้าหญิงสาวที่กําลังตื่นตระหนก

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะคิดอย่างไร มีหญิงอื่นกําลัง พยายามยั่วยวนคู่หมายของเจ้า ดังนั้นช่วยทําอะไรสักอย่างได้ไหม?!”

หยุนเถียนเถียนพยายามหลบตาด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับหยุนเคอ

“เรา…เราอยู่…เราอยู่กันในบ้านของผู้อื่นย่อมทําสิ่งใดจามอําเภอใจไม่ได้! และข้า… ไม่สามารถออกปากสั่งสามีของนางหลี่ได้! ข้า… ข้าควรจะทําอย่างไร?”

หยุนเคอหัวเราะลั่น “เถียนเถียน ปกติแล้วเจ้าเก่งกล้าและฉลาดมากไม่ใช่หรือ? แต่… เหตุใดจึงโง่เขลาต่อเรื่องเช่นนี้นัก?! หากคุณหญิงหลีกล้าทํากับข้าโดยไร้ยางอายถึงเพียงนี้ แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของนาง! ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ชายทุกคนที่จะหลบเลี่ยงและเป็นสุภาพบุรุษเช่นข้า! เจ้าคิดว่าหากนายหัวหลี่รู้เรื่องนี้ เขาจะตัดหางปล่อยวัดภรรยาของตนหรือไม่?”

ดวงตาของหยุนเถียนเถียนเป็นประกายขึ้นทันใด เพราะนางไม่สามารถอดทนต่อสิ่งที่นางหลีทําได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่หยุนเคอบอกกับหยุนเถียนเถียนในวันนี้ทําให้นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก หากได้เล่าเรื่องนี้ให้นายหัวหรือนายน้อยหลี่ฟังคงจะโล่งใจไม่น้อย

หยุนเคอยิ้ม “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้หัวโบราณอย่างที่คิด! เจ้ากล้าพูดในสิ่งที่หญิงอื่นไม่กล้า อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดว่าเราไม่ควรนําเรื่องนี้ไป บอกกับนายหัวด้วยตนเอง ให้หลี่ซื่อฮว่าจัดการเองดีไหม? เขาคงมีความสุขไม่ได้หากได้ยินเรื่องนี้”

หยุนเถียนเถียนมองหยุนเคอด้วยความสงสัย “เขาไม่ชอบหน้าหลี่ซื่อฮว่าไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้จึงนึกถึงความสุขของเขาขึ้นมา?”

หยุนเคอยิ้มด้วยความสบายใจ เพราะเมื่อคิดดู แล้วหยุนเถียนเถียนไม่ใช่หญิงโลภมากรักเงิน แน่นอนว่านางจะไม่มีทางแสวงหาชายมั่งคั่งเพื่อให้มีชีวิตที่สุขสบายดังหญิงอื่น เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะทําให้เขาต้องหึงหวงนางและหลี่ซื่อฮว่า!
ยิ่งไปกว่านั้น หยุนเถียนเถียนมักจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของชายเสมอ โดยเฉพาะชายเจ้าชู้ที่มีภรรยาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกังวลว่านางจะหลงใหลไปกับคําพูดหลอกล่อของหลี่ซื่อฮว่า

หยุนเถียนเถียนเดินทางออกยังเรียนรับรองเพื่อไปหานายน้อยหลี่ ทันใดนั้น! นางก็ถูกคนใช้จับตัวไว้โดยคําสั่งของนายหญิงหลีทันที

“ไปเรียกนายน้อยของพวกเจ้ามา! ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าใครสั่งให้พวกเจ้ามาล้อมเรือนรับรองที่ข้าพักไว้ นางสั่งให้มาเฝ้าดูหยุนเคออย่างนั้นหรือ?! หม?!”

สําหรับพวกนางแล้วหยุนเคอนั้นสง่างามมาก และดูไม่เหมือนพรานป่าเลยแม้สักนิด แต่นายเสียดายที่เขาฉลาดและไม่หลงเชื่อมารยาทหญิง อีกทั้งยังรักเดียวใจเดียว!

เมื่อเห็นแววตาของหญิงเหล่านั้นที่มีต่อหยุนเค่อก็ทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทัน

หลังจากตะโกนโวยวายออกไปเช่นนั้น หยุนเถียนเถียนก็ส่ายหัวและเดินกลับเข้าห้องพลัน เจอรอยยิ้มอันมีความสุขของหยุนเคอที่ได้เห็นว่านางกําลังหึงหวงเขา

หยุนเคอตระหนักได้ทันทีว่าหากยังคงมองหยุนเถียนเถียนเช่นนี้ต่อไป ก็อาจทําให้นางโกรธและก่นด่าเขาได้

หยุนเคอหุบยิ้มอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวด้วยท่าที่เขินอายพลางก้มหน้าลงมอง
“เถียนเถียนเจ้าทําถูกแล้ว! ควรใช้ความกล้าหาญของเจ้าเพื่อหยุดสตรีที่น่ารังเกียจเหล่านั้น ไม่ให้จ้องมองมาที่ข้าด้วยแววตาอันน่าขยะแขยง!”

หลังจากพูดจบ หยุนเคอรู้สึกอยากหยิกแก้มอันนุ่มนวลของหยุนเถียนเถียนเป็นอย่างมาก ทว่าเขากลับต้องห้ามใจไว้เพราะไม่อยากทําให้นางตกใจกลัว

เมื่อเห็นว่าหยุนเคอเดินออกไปไกลแล้ว หยุนเถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางเอื้อมมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากทันที “เขาไม่รู้ตัวจริง ๆ หรือว่าเกือบทําให้ข้าหัวใจวาย?!”

หลังจากนั้นหยุนเถียนเถียนก็ควบคุมสติและเดินออกมาจากห้องรับรองเพื่อไปหาหลี่ซื่อฮว่าอีกครั้ง…

หลี่ซื่อฮว่ารู้สึกเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบ แต่ก็ต้องทําให้หลี่จินเห็นและมั่นใจ เพราะวันหนึ่งเขาต้องรับช่วงต่อกิจการทั้งปวงจากผู้เป็นพ่อ

หลังจากได้ยินเสียงเรียกของหยุนเถียนเถียน เขาก็รีบออกมาหานางทันที

เมื่อเหล่าสาวใช้เห็นว่านายน้อยหลี่ให้ความเคารพต่อหยุนเถียนเถียน พวกนางจึงปล่อยหญิงสาวไปและดูแลรับใช้นางเป็นอย่างดี

“นางหยุน มีอะไรหรือ?”

หยุนเถียนเถียนนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกด้วยความเบื่อหน่าย แต่เมื่อได้ยินเสียงของหลี่ซื่อฮว่าก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“แม่เลี้ยงของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? นางไม่เกลียดซึ่งหรือหาทางกลั่นแกล้งข้าแล้วหรือ? นางไม่ลงมือหรือทําการเคลื่อนไหวใด ๆ มาสองวันแล้ว ดูสิ! ในยามที่ข้าพร้อมรับมือนางกลับไม่ทําอะไรเลย น่าเสียดาย…”

“ข้าไม่คิดว่านางจะกล้าลงมืออะไรในตอนนี้ นางรู้ดีว่าควรทําอะไรมากที่สุด ก่อนหน้านี้นางทําให้ท่านพ่อไม่พอใจเรื่องการแอบขอซื้อสูตรเนื้อตากแห้งจากเจ้าจึงเงียบไป เพราะหากทําอะไรให้ท่านพ่อต้องขุ่นเคืองอีกนางต้องถูกขับไล่เป็นแน่!”

หยุนเถียนเถียนนึกถึงสิ่งที่หยุนเคอเล่าให้ฟัง และครุ่นคิดก่อนจะแสดงกิริยาที่แปลกไป

“อันที่จริง ใช่ว่านางจะไม่เคลื่อนไหวหรือลงมือทําอะไรเลย! เพียงแต่เปลี่ยนเป้าหมาย! นางไม่ได้โจมตีข้าแต่กลับเพ่งเล็งไปที่หยุนเคอ! นางพยายามยั่วยวนเขา ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่านางทําเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใด?!”

หยุนเถียนเถียนมองเห็นท่าที่อันเคืองโกรธของหยุนเถียนเถียนพลางคิดในใจว่า “ไม่นะ… มันใช่อย่างที่ข้าคิดจริง ๆ หรือ?

“หญิงผู้นั้นเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?! เหตุใดจึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี?! หากท่านพ่อรู้เรื่องนี้ต้องไม่ยอมปล่อยนางไปเป็นแน่!”

หยุนเถียนเถียนกลอกตาด้วยความไม่พอใจ “ข้าเกรงว่าพ่อของท่านจะหูหนวกตาบอดเข้าข้างนาง และโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของหยุนเคอ! หากโดนนายหญิงเป่าหูเขาก็ย่อมปักใจเชื่อ! พ่อของท่านไม่มีทางเชื่อว่าภรรยาผู้เป็นที่รักจะทําเช่นนี้ต่อเขาได้”

หลี่ซื่อฮว่าผงะ เขารู้ดีว่าพ่อของตนเป็นเช่นไร แต่ก็ไม่คิดว่าหยุนเถียนเถียนจะกล้าพูดจาอุกอาจถึงเพียงนี้!

ตอนที่ 237 ความงดงาม

ไม่นานนักนายหญิงหลี่ก็ได้ส่งคนใช้ของตนมายังเรือนรับรองทว่าก็ไม่ได้มีเรื่องผิดปกติอะไร เกิดขึ้น

หยุนเถียนเถียนไม่ต้องการจับผิดคนใช้เหล่านี้มากนักเพราะหากกล่าวหาใครแบบไม่มีหลักฐานความผิดทั้งหมดก็อาจตกเป็นของนางเองได้

แม้นางหลี่จะรู้สึกว่าหยุนเสียนเถียนเป็นหญิงที่มีเสน่ห์แต่กลับยังคงเกลียดชังใบหน้าอันงดงามของนางอยู่ดี

“เหตุใดนายพรานผู้สง่างามจึงรักใคร่และดูแลหญิงชนบทธรรมดาเช่นนางราวกับไข่ในหินได้?”

แม้นายหญิงหลี่จะพยายามครุ่นคิดเพียงใดก็ไม่สามารถเข้าใจถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไรก็ ตามนางไม่สามารถปฏิเสธความงามของหยุนเถียนเถียนได้เลย

ดังนั้นนางจึงคิดแผนการที่จะเกลี้ยกล่อมหยุนเคอ!

แม้หยุนเคอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในเรือบรับรองทว่าเขาก็ยังพาเฉินเฉินออกมาเดินเล่นเป็นครั้งคราว

นายหญิงหลี่จึงคิดจะใช้โอกาสนี้ในการล่อลวงเขา

หยุนเคอพาเฉินเฉินออกไปซื้อตําราเรียนและเมื่อกลับมาถึงบ้านก็บังเอิญพบกับนายหญิงหลี่ ทันที!
หยุนเคอขมวดคิ้ว แม้นางจะเป็นเจ้าของบ้านแต่ด้วยข้อจํากัดระหว่างชายหญิงจึงทําให้เขาตัด สินใจที่จะหลีกเลี่ยงนาง

หยุนเคอเลือกที่จะเดินเลาะไปตามบึงน้ําอีกด้านหนึ่งเมื่อนางหลิ่มองเห็นเขาจากอีกฟากก็รู้ สึกรําคาญและหงุดหงิด ก่อนจะเดินมายังบึงน้ํา เพื่อเผชิญหน้ากับเขา!

หยุนเคอหน้าบึงพลางถอนหายใจอย่างหมดอา ลัย แต่เนื่องจากหลีกเลี่ยงไม่ได้เขาจึงจําใจต้องเผชิญหน้ากับนาง

“นายหญิงหลี! โปรดถอยไป… นางหยุนกําลัง รอข้ากลับไปและเรามีอะไรต้องทําอีกมากมาย!”

นายหญิงหลี่หัวเราะ “มีเรื่องต้องทําอีกมากมา ยอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่สั่งคนใช้ที่ข้าส่งไป เล่า?!”

ใบหน้าและอารมณ์ของหยุนเคอค่อย ๆ เยือก เย็นลง เมื่อเห็นดังนั้นนางหลี่ก็ตกใจจนเดินถอยหลังไปอย่างไม่ได้ตั้งตัว! นายหญิงหลี่แทบไม่อยากเชื่อว่าหยุนเคอจะเฉยชาและปฏิเสธนางได้เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้คนมักชมเชยและ หลงใหลในความงดงามของนางอยู่เสมอแต่เหตุใดนายพรานร่างกํายําผู้นี้ถึงเมินเฉยต่อนาง?

“บางสิ่งก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ใดทําแทนได้เพ ราะพวกเขาอาจไม่ละเอียดรอบคอบ! ได้โปรดถอยไปข้าต้องรีบกลับไปหาคนรักที่รอคอยข้าอยู่!”

นายหญิงหลี่ค่อย ๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าและ กลิ่นน้ําหอมขอขนางทําให้หยุนเคอรู้สึกฉุน
“หากข้าเป็นคนเหล่านั้นคงเสียใจต่อคําพูดของ เจ้าไม่น้อย! ทาสรับใช้ของข้าไม่ใช่เสือใหญ่กินเนื้อคนเหตุใดจึงไม่ไว้ใจพวกเขาเล่า?”

หยุนเคอเคยพบเจอหญิงมามากมาย แต่กลับ ไม่เคยเจอหญิงใดที่โง่เขลาและไร้ยางอายเช่นนี้!นางก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้ามีคู่หมายแล้วเหตุใดจึงยังอวดดีต่อหน้าข้า?!”

“นายหญิง… ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด! ข้าไม่มี เวลาแล้วจริง ๆ! หากท่ายไม่ยอมหลีกก็อย่าหาว่า ขาหยาบคายหรือรังแกท่านเลย!”

นางหลี่ไม่ได้สนใจคําพูดของเขาเลยแม้แต่ น้อย ทั้งยังเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ

“นายน้อยหยุน ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดท่าน จึงรักหญิงชนบทธรรมดาเช่นหยุนเกียนเถียน นัก?!”

ทันใดนั้น! นายหญิงหลีก็สะดุดล้มและทับหยุ นเคอทันที

“หือ! นายน้อยหยุน!”

หยุนเคอขมวดคิ้วแน่นก่อนจะรีบลุกขึ้นและ ปล่อยให้นางหลี่ล้มกระแทกพื้นอย่างรุนแรง! หยุนเคอสํารวจร่างกายของตนพลางกล่าวเสียงแข็งว่า“นายหญิงหลี่… ท่านแต่งงานแล้วและนายหัวหลี่ก็ไม่เคยทําผิดต่อท่านเลย!แล้วนายหญิงกล้า ทําเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร?! จริงอย่างที่คู่หมายของข้าบอกหญิงที่ถ่อมตัวและสัตย์ซื่อ เท่านั้นถึงจะเรียกว่ามีคุณค่า!”

นางหลิ่นอนอยู่บนพื้นพลางน้ําตาคลอ ขณะที่ หยุนเคอยืนมองอย่างเย็นชา

“ข้าไม่ใช่คนมั่งมีหรือยิ่งใหญ่อะไร อย่าเสียเวลาเลย! เลิกยุ่งกับข้าเสียแล้วข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น! ท่านเทียบอะไรคู่หมายของข้ามาได้เลย!หากท่านอยากเป็นใหญ่และอยู่สบายนายน้อยหลี่ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากแล้ว!”

เมื่อพูดจบ หยุนเคอก็ก้าวข้ามนางหลี่ซึ่งยังคง นอนอยู่บนพื้นและจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย

หลังจากนั้นเหล่าคนใช้ของตระกูลหลี่ก็รีบวิ่งเข้ามาพยุงนางทันที ขณะเดียวกันนายหญิงหลี่ก็เอื้อมมือไปหยิกสาวใช้ผู้หนึ่งด้วยความโกรธและอัดอั้นใจ

“เจ้าสองคนหัวเราะข้าอย่างนั้นหรือ?! ใครสั่งให้ เจ้าหัวเราะ?! ชีวิตของพวกเจ้าอยู่ในกํามือข้าอย่าบังอาจทําเรื่องใดที่เป็นการหยามหน้าหรือหมิ่นเกียรติข้าอีก!”

สาวใช้ผู้นั้นรู้สึกเจ็บจนน้ําตาคลอแต่ไม่กล้าขัด ขึ้น นางทําได้เพียงนั่งนิ่งและก้มศีรษะลงก่อนจะปล่อยให้นายหญิงระบายความโกรธ!

เมื่อหยุนเคอเดินทางมาถึงเรือนรับรองด้วยใบ หน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยว!เขารังเกียจและขยะแขยงนายหญิงหลี่มากกว่า หญิงทุกคนที่เคยได้พบ!

ทันทีที่ได้พบกับหยุนเสียนเถียน ความรู้สึกของ หยุนเคอก็เปลี่ยนไปทันที! เนื่องจากหญิงสาวเป็นคนใจกว้างและอ่อนโยนซึ่งต่างจากหญิงทุก คนที่เขาเคยพบเจอมา จึงทําให้เขารักและเอ็นดูนางยิ่งกว่าสิ่งใด!

“เป็นอะไรหรือ? มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยุนเคอก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที! สําหรับชายหนุ่มผู้นี้แล้ว ไม่มีหญิงใดที่สามารถเทียบความงดงามทั้งภายนอกและภายในของหยุนเถียนเถียนได้เลย

“เถียนเถียน นายหญิงหลี่นั้นน่ารังเกียจเสียยิ่ง กว่าสิ่งใด! นางพยายามหว่านล้อมข้าทุกวิถีทางแน่นอนว่านางต้อขอยากได้ข้าจนตัวสัน!”

เมื่อได้ยินดังนั้นหยุนเถียนเถียนกอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมา “นายหญิงหลิ่งั้นหรือ? นางมาเพื่อยั่วยวนเจ้าจริง ๆ หรือ? ฮ่าๆๆ…”

สีหน้าของหยุนเคอเปลี่ยนไปเป็นสงสัยทนที หมายความว่าอย่างไร? ในสายตานาง…ข้าดูไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ?”ผ่านไปนานเสียงหัวเราะก็ หยุดลงก่อนหน้านี้นางมาหาข้าและยื่นข้อเสนอให้ห้าร้อยตําลึงเพื่อแลกกับสูตรเนื้อตากแห้ง แต่ตอนนี้กลับยั่วยวนเจ้า! ข้านึกไม่ออกจริง ๆ ว่านางทําเช่นนี้ไปทําไมกัน?! “หยุนเคอจ้องมองหยุ นเถียนเถียนทันทีด้วยความสงสัย”โกรธหรือไม่เมื่อรู้ว่ามีหญิงอื่นยาวยวนและหลอกล่อคู่หมายของเจ้า?”

หยุนเถียนเถียนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อน ผ่าวของหยุนเค่อ ก่อนจะรู้สึกกระสับกระส่ายและตัวร้อน

ตอนที่ 236 การต่อสู้

“นางหยุน… ข้าเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่ไม่ควรทําเช่นนั้นกับเจ้า ข้ารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่สร้างปัญหาและนําความเดือดร้อนมาให้เจ้า โปรดรับชาถ้วยนี้และดื่มเพื่อยกโทษให้ข้าด้วย!”

เมื่อพูดจบนางหลี่ก็ก้มศีรษะลงด้วยความเคารพพลางยืนถ้วยชาในมือไปข้างหน้า

หากเพิกเฉยต่อแววตาอันชั่วร้ายและเสแสร้ง หยุนเถียนเถียนก็อาจหลงเชื่อว่านางจริงใจ
ทว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถสัมผัสได้ถึงเลสนัยนี้ อย่างน้อยนายหัวหลีก็ถูกหลอกล่อด้วยมารยาร้อยเล่มเกวียนของนาง

หยุนเถียนเถียนมองนายหญิงหลี่และรู้สึกได้ทันทีว่าต้องระวังตัวให้มากขึ้น ดังนั้นนางจึงแสยะยิ้ม ก่อนจะเอื้อมหยิบถ้วยน้ําชาจากมือของนายหญิงห

หลี่ซื่อฮวาออกปากเชิญให้หยุนเถียนเถียนและหยุนเคอนอนค้างที่บ้านของเขาสักสองสามวัน เพื่อเฉินเฉินได้เปิดหูเปิดตา นางจึงตอบตกลง

อย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตในบ้านของตระกูลหลี่ก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก เพราะยังมีนายหญิงหลี่ที่คอยจับตาดูทุกการกระทําของหยุนเถียนเถียนอยู่

หลี่ซื่อฮวาจ้องมองหยุนเถียนเถียนอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางช่างแข็งแกร่ง

หยุนเถียนเถียนพูดไม่ออก หญิงผู้นี้มักสร้างปัญญาเสมอ… ข้าจําเป็นต้องรับมือและต่อสู้กับ นางไปตลอดจริง ๆ หรือ?”

ขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวาคิดในใจ ข้าทนอยู่แบบนี้มานับสิบปีและเมื่อเต็มทน! หญิงผู้นี้ไม่ใช่คนดีและคอยทารุณข้ามาโดยตลอด! หากมีใครสามารถปราบหญิงผู้น่ารังเกียจเช่นนางได้คงจะดีไม่น้อย

เมื่อนึกถึงความชั่วร้ายของนายหญิงหลี่ หยุนเคอก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

แม้นางจะแต่งงานกับชายสูงวัยแต่ก็มีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น จึงไม่แปลกหากจะมีความคิดริษยาต่อหญิงวัยเดียวกัน!

เมื่อมองดูท่าทางอันมีชัยของหยุนเถียนเถียนแล้ว นายหญิงหลี่ก็รู้สึกไม่สบายใจและไม่มีความสุขทันที!

“นางหยุน… อันที่จริงเมื่อเจ้าตัดสินใจหมั้นหมายกับเขาแล้วก็ควรปล่อยให้ฝ่ายชายเป็นผู้ดําเนินกิจการไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าก็อายุมากขึ้นทุกวัน เหตุใดจึงไม่รีบให้เขาเตรียมสินสอดอะไรเทือกนั้นเล่า?”

เมื่อได้ยินดังนั้นหยุนเถียนเถียนก็แสยะยิ้มทันที

“นายหญิงหลี่มีอายุเพียงยี่สิบห้าปี แต่เหตุใด ทัศนคติของท่านจึงเหมือนวัยชราไม่มีผิด? พี่หยุนเคอของข้ามีทรัพย์สินมากพอที่จะไม่ต้องพยายามทํางานหนัก เพื่อเตรียมสินสอดทองหมั้น ทําไมข้าจึงต้องปล่อยให้เขาดําเนินกิจการให้เหนื่อยเปล่าด้วยเล่า?”

นายหญิงหลี่กัดฟันแน่นและแบะปากด้วยความเกลียดชัง พลางดึงผ้าคลุมในมือด้วยสุดแรงจนเกีอบขาด

“นางหยุน… แม้ข้าจะยังไม่แก่แต่ก็แต่งงานแล้ว ในฐานะผู้มีประสบการณ์และข้าอยากจะเตือนเจ้าสักหน่อย! เป็นหญิงไม่ควรเดินนําหน้าชาย ไม่ว่าอย่างไรสามีก็คือช้างเท้าหน้า!”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “หมายความว่าเกิดเป็นหญิงควรเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังชายอย่างนั้นหรือ? อืม… ท่านกล้าสั่งสอนข้าถึงเพียงนี้ แสดงว่าท่านเองก็คงเป็นหญิงที่เพียบพร้อมไม่น้อย แต่เหตุใดจึงฝ่าฝืนคําสั่งของสามีและแอบไปหาข้าที่บ้าน ทั้งยังเสนอเงินห้าร้อยตําลึงเพื่อขอซื้อสูตรเนื้อตากแห้งล่ะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้นนายหัวหลี่ก็จ้องเขม็งไปยังภรรยาของเขาทันทีพลางคิดในใจ นางทําแบบนั้น ทําไมกัน? ตั้งใจจะหักหลังครอบครัวอย่างนั้นหรือ?

นางหลีรู้รับรู้ได้ว่าสิ่งต่าง ๆ กําลังจะแย่ จึงก้มศีรษะลงพลางแสงพูดด้วยความเสียใจ “ข้าเพียงคิดถึงอนาคตของครอบครัว! เห็นได้ชัดว่าหากสูตรดังกล่าวมาอยู่ในมือเราเพียงผู้เดียวก็จะทําเงินได้อย่างมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นเงินห้าร้อยตําลึงที่ข้าเสนอนางไปก็เป็นเงินไม่น้อย… มันมากพอที่จะเก็บเป็นค่าสินสอดได้!”

ตามที่คาดไว้ หลี่จินหลงเชื่อในคําพูดของภรรยา เนื่องจากนางบอกว่าทําเพื่อครอบครัว ดังนั้นจึงได้รับการอภัยจากสามี

“เจ้าไม่รู้หรือว่าเงินห้าร้อยตําลึงนี้เทียบไม่ได้เลยกับกําไรของเนื้อตากแห้งต่อเดือน! หากเจ้ายื่นขอเสนอนี้ให้นางก็มีแต่จะได้รับเสียงหัวเราะกลับมา! สูตรลับของเนื้อตากแห้งนี้มีค่าเสียยิ่งกว่าอะไร!”

หยุนเถียนเถียนจ้องมองหลี่จินด้วยแววตาชื่นชมเล็กน้อย นายหัวหลี่ช่างเข้าใจกลยุทธ์ทางการค้าได้ดีจริง ๆ! แต่ข้าเพียงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงสับสนจนไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของภรรยา?

หากนายหญิงหลี่ไม่ยอมคืนดีกับหยุนเถียนเถียน นางต้องถูกเปิดโปงเป็นแน่ เพราะหยุนเถียนเถียนนั้นกล้าหาญและสามารถพูดในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้าพูดได้!

เมื่อเห็นว่านายหญิงหลี่มีท่าทีหวาดกลัว หยุนเถียนเถียนจึงจ้องมองไปยังนางด้วยแววตาและรอยยิ้มอันมีชัย

นายหญิงหลี่คิดในใจ แน่นอนว่าในสายตาของหยุนเคอ หญิงผู้นี้ค่อนข้างดื้อรั้น แต่เหตุใดนายน้อยหลี่ยังคงชื่นชมนาง? ไม่รู้สึกระคายหูต่อคําพูดของนางบ้างเลยหรือ? ปล่อยให้หญิงผู้นี้พูดจาตามอําเภอใจได้อย่างไร?!”

เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย นายหญิงหลี่จึงแสร้งพูดกับหยุนเถียนเถียน “วันนี้ก็ดึกมากแล้ว น้องชาย

ท่านคงออกไปชมเมืองไม่ทันแล้วกระมัง? เอาเป็นว่าอยู่ชื่นชมธรรมชาติภายในบ้านของข้าก่อนเถิด มีห้องรับรองทางด้านหลังและแน่นอนว่าจะไม่มีใครมารบกวนพวกเจ้า!”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางตอบ “ในเมื่อนายหญิงเชิญชวนข้าถึงขนาดนี้ จะไม่อยู่ต่อก็คงเสียน้ําใจท่านไม่น้อย เช่นนั้นแล้ว…ข้าคงจะขอรบกวนท่านสักคืน!”

หลี่จินกล่าวด้วยความกระตืนรือร้น “อย่างนั้นเจ้าจงดูแลพวกเขาให้ดี ข้าจะไปบอกชื่อฮวาให้ช่วยนําทางพวกเขาไปยังเรือนรับรอง!”

นายหญิงหลี่ตอบด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและโค้งคํานับ “รับทราบ!”

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง หลี่ซื่อฮวาก็พาทั้งสามไปยังเรือนรับรองทันที

เรือนรับรองแห่งนี้เป็นห้องขนาดเล็ก แต่กลับมีทุกอย่างครบครัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีห้องครัวอีกด้วย! ซึ่งทําให้หยุนเถียนเถียนปลื้มใจยิ่ง

“นายน้อยหลี่! พ่อของท่านก็ดูเฉลียวฉลาด เหตุใดเขาจึงโง่เขลาต่อการกระทําของนายหญิงหลี่เล่า?”

หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจพลางหัวเราะ “หญิงผู้นั้นไม่ธรรมดา นางเสแสร้งและใช้มารยาหลอกล่อได้อย่างดีเยี่ยม คงเป็นเพราะนางทนเจ้าไม่ได้จึงแสดงธาตุแท้ออกมา ตลอดเวลาที่ผ่านมานางมักจะแสร้งทําดีต่อข้า ดังนั้นท่านพ่อจึงไม่คิดว่าคนเช่นนางจะทําร้ายใครได้ นางหลีที่หญิงที่น่าขยะแขยงที่สุดที่ข้าเคยพบ นางมักจะคอยจัดแจง ชีวิตข้าเสมอ แต่นับจากนี้ไปนางจะไม่สามารถควบคุมอะไรข้าได้อีก ข้าจะทําทุกอย่างให้ท่านพ่อได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนาง แต่หากเขายังคงสายตามืดบอดจนมองไม่เห็นความจริง…ข้าคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก!”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “คงจะจริงดังที่ใครเขาบอก…ร่ํารวยไม่ได้แปลว่าจะมีความสุข!”

ตอนที่ 235 งานเลี้ยง

นายหัวหลี่พาตัวสาวใช้เข้าไปในห้องนอนต่อ หน้าต่อตาภรรยาของตนโดยไม่สนใจ ซึ่งหยามเกียรตินายหญิงหลี่เป็นอย่างมาก!

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเหล่าคนใช้รับรู้ว่านายหัวหลี่ ไม่ชื่นชอบในตัวภรรยาของเขาอีกต่อไป ความเคารพและเลื่อมใสที่พวกนางมีต่อนายหญิงจึงลดลง

สําหรับนายน้อยหลี่ เนื่องจากเขาดูแลนายหัวมาโดยตลอด จึงเป็นที่นับถือของเหล่าคนใช้ในบ้าน!

เสี่ยวซื้อถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าหลีชื่อฮวาเดินทางมาถึงแล้ว

แม้นายหัวหลี่จะรู้สึกผิดต่อลูกชาย แต่เหตุการณ์เช่นนี้คงดําเนินต่อไปได้ไม่นานนัก เพราะวันหนึ่งนายหญิงก็ย่อมมีวิธีจูงใจสามีอีกครั้ง! และเมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกกอย่างในครอบครัวหลีกจะตกอยู่ในกํามือของนายหญิงอีกครั้ง

เว้นแต่เขาจะหาวิธีขับไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากบ้านของครอบครัวหลี่ได้อย่างสมบูรณ์

จากนั้นไม่นานนายหญิงหลี่ก็สามารถหาทางหลอกล่อให้นายหัวเชื่อใจได้สําเร็จ เมื่อหญิงสาวผู้บอบบางยอมก้มศีรษะต่อหน้าชายผู้เป็นใหญ่ในครอบครัวด้วยท่าทางออดอ้อน แน่นอนว่าย่อมทําให้เขาหวนนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีต

เมื่อได้รับโอกาส นายหญิงหลี่จึงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อไม่ให้หลี่ซื่อฮวามองเห็นจุดอ่อนของตนได้ นางพยายามทุกวิธีจนทําให้หลี่จินผู้เป็นพ่อลุ่มหลงไปกับภาพลวงตาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายหัวหลี่ยังคงรู้สึกผิดต่อหยุนเถียนเถียนที่แสดงกิริยาไม่ดีต่อนาง เขาต้องการจัดงานเลี้ยงเพื่อแทนคําขอโทษ ดังนั้นนายหัวหลี่จึงขอให้หลี่ซื่อฮวาเขียนจดหมายเชิญนางมาที่บ้านของพวกเขา

แท้จริงแล้วหยุนเถียนเถียนต้องการปฏิเสธคําเชิญ แต่เมื่อเห็นแก่หน้าของหลี่ซื่อหัวที่อยากกล่าวขอโทษ นางจึงเดินทางมายังบ้านของครอบครัวหลี่พร้อมหยุนเคอและเฉินเฉินด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก

ทั้งสองเดินทางโดยรถม้าที่ครอบครัวหลี่ได้จัดเตรียมไว้ให้ เนื่องจากหยุนเถียนเถียนไม่เคยสัมผัสกับรถม้าโบราณจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก! พวกเขาใช้เวลาสองวันในการเดินทางไปยังเมืองฟูเฉิง!

ทิวทัศน์สองข้างทางให้ความรู้สึกพิศวงต่อหยุนเถียนเกียนเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นความงดงามของธรรมชาติ นางจึงอยากหยุดและลงจากรถม้าเพื่อชื่นชมมัน

เมื่อเดินทางมาถึง หยุนเถียนเถียนเดินเซลงจากรถมาก่อนจะพยายามตั้งสติและยืนนิ่ง ส่วนหยุนเคอให้การดูแลและประคองนางเป็นอย่างดี

หยุนเคอยิ้มด้วยความเขินอายพลางกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเมารถม้าจึงไม่อยากปล่อยให้เดินทางมาเพียงคนเดียว อีกทั้ง… ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเดือดร้องจากการกลั่นแกล้งของคนน่าซื่อใจคดพวกนั้น!”

หยุนเถียนเถียนส่ายหัวและกล่าวว่า “ก็แค่รถม้าธรรมดา สักวันข้าก็ต้องพิชิตมันได้ หากไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับสิ่งเล็กน้อยเพียงนี้ได้ ข้าก็ถือว่าไร้ความสามารถเกินกว่าจะเป็นมนุษย์! ลืมไปแล้วหรือว่าเป้าหมายสูงสุดของข้าคือการเป็นนักธุรกิจผู้ร่ํารวย ข้าหลับไปพร้อมเงินเป็นกระบุง หากเอาชนะการเมารถม้าไม่ได้ ข้าจะประสบความสําเร็จได้อย่างไร?”
หญิงสาวพูดด้วยแววตาแห่งความมุ่งมั่นซึ่งเปล่งประกายดุจดวงอาทิตย์บนท้องนภา ทําให้หยุนเคอหลงไหลจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่

หลี่ซื่อฮวาเดินออกมาพลางกระแอมสองครั้ง ซึ่งทําให้หยุนเคอตื่นจากภวังค์ทันที ทั้งสองเขินอายจนใบหน้าแดงก่ํา

จากนั้นนายน้อยหลี่จึงนําทางพวกเขาเข้าไปในบ้านทันที

ครานี้ เห็นได้ชัดว่าทัศนคติของนายหัวหลี่ที่มีต่อหยุนเถียนเถียนนั้นดีขึ้นมาก
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้น ณ สวนหลังบ้านท่ามกลางแสงตะวันยามอัสดง พร้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่กําลังผลิบานอย่างงดงาม

หยุนเสียนเถียนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเป็นอย่างมาก แม้ที่แห่งนี้จะเป็นบ้านของครอบครัวหลี่ แต่นางกลับรู้สึกอุ่นใจราวกับบ้านของตน ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นหอมของดอกไม้เหล่านี้ยังช่วยให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นอีกด้วย

“นางหยุน นายหยุน ยินดีต้อนรับ! ข้าไม่เคยถามมาก่อนเลยว่าท่านทั้งสอง…เป็นพี่น้องกันหรือ?”

หยุนเสียนเถียนกําลังจะพยักหน้ารับ ทว่าหยุนเคอกลับตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่! เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิด อันที่จริงนางเป็นคู่หมั้นของข้า เพียงแต่นางใช้นามสกุลของแม่ เช่นเดียวกับภรรยาของท่าน นางก็ใช้นามสกุลหลี่ตามพ่อของนางไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี!”

คําพูดเหล่านี้ทําให้นายหัวหลี่แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที แต่เนื่องจากเขาเป็นนักธุรกิจจึงควบคุมอารมณ์ได้ดี ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร “ข้าคงคิดน้อยเกินไป โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”

หยุนเถียนเถียนกัดฟันพลางมองไปด้านหลัง นางตั้งใจพาหยุนเคอมาเพื่อปกป้องตนไม่ให้ถูกรุกรานได้ แต่ใครจะคิดว่าเขากลับทําให้ผู้อื่นขุ่นเคืองเสียเอง

“นางหยุน… ข้าขอโทษสําหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น นับจากนี้ไปข้าจะดูแลครอบครัวให้ดี และจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นโปรดกลับมาร่วมมือและเป็นคู่ค้าของเราอีกครั้งเถิด… ข้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเจ้าเลย ทุกอย่างจะดําเนินไปภายใต้การตัดสินใจของลูกชายข้า!”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกตลกเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น นายหัวหลี่มีอายุเพียงสี่สิบปีเท่านั้น แต่กลับตัดพ้อและประชดประชันราวกับชายชรา

หยุนเถียนเถียนไม่กล้าหัวเราะออกมาเสียงดังต่อหน้าผู้อื่น อย่างไรก็ตาม คําพูดเหล่านี้ของนายหัวหลี่ทําให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนลดลงทันที

“อย่าพูดเช่นนั้นเลย ในเมื่อเรารู้ตัวผู้กระทําผิดแล้ว ข้าจะตัดสัมพันธ์หรือใจร้ายกับพวกท่านได้อย่างไร?”

คําพูดของหยุนเกียนเถียนทําให้ทุกคนต่างคิดไปในสองแง่ ประการแรกคือ นางจะยกฟ้องเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น และประการที่สองที่ทุกคนต่างงุนงง… ท้ายที่สุดแล้วใครกันแน่คือผู้กระทําผิด?

นายหัวหลี่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ตราบใดที่ หญิงสาวยังคงร่วมมือกับเขา สิ่งอื่นก็ไม่สําคัญอีกต่อไป

“นางหยุน…เจ้าช่างใจกว้างเสียจริง อย่างไรเสียภรรยาของข้าก็รู้สึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และนางก็ตั้งใจจะขอโทษเจ้าในภายหลัง”

หยุนเสียนเถียนรู้ดีว่าหญิงผู้นั้นไม่มีทางรู้สึกผิดหรือระอายใจต่อใครง่าย ๆ แต่เมื่อคิดดูแล้ว นางก็อยากรู้ว่าท่าทางของหญิงผู้นั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องขอโทษใครสักคน

งานเลี้ยงดําเนินไปสักพัก… นายหญิงหลีก็เดินเข้ามาร่วมงานทันที

นางสวมชุดที่ดูไม่เรียบร้อยนักและค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าซีดเซียว เมื่อเห็นนายหัวหลี่ นางก็นึกถึงสิ่งที่เขากระทําเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทําให้เจ็บปวดใจยิ่ง

“ข้าอยากจะขอโทษเจ้าสําหรับเรื่องที่ข้าทําผิดไป!”

นายหัวหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจยาวก่อนจะหัวเราะออกมา

ตอนที่ 232 ดุร้าย

 

“เหตุใดนายหญิงลี่จึงพูดเช่นนี้เล่า? ท่านเป็น น้องสาวของท่านหลี่เฟิงไม่ใช่หรือ? พี่ชายของท่านคงไม่เคยสั่งสอนเรื่องพวกนี้ รู้ฟ้ารู้ดินเสียบ้าง มารยาทเป็นางที่สตรีพึงมี”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นนายหญิงหลี่ก็รู้สึกกระอักระอ่วนจนพูดไม่ออก ก่อนจะแสร้งทําเป็นเสียใจและพูดออกมา “นายหัว… ดูนางสิ!”

 

เนื่องจากหยุนเถียนเถียนต้องการเห็นปฏิกิริยาของนายหัวหลี่ที่มีต่อภรรยา จึงนิ่งเงียบและเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร

 

แน่นอนว่าชายผู้มีทักษะรอบด้านอย่างนายหัวหลี่ย่อมมีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่นมุมมองที่มีต่อมนุษย์ แม้คนธรรมดาเช่นหยุนเถียนเถียนยังมองออกว่าหญิงผู้นี้กําลังใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนหลอกล่อเขาอยู่

 

หากนางมองออก แน่นอนว่านายหัวหลี่ก็ไม่มีทางหลงเชื่อง่าย ๆ

 

โดยปกติแล้วหากหญิงผู้นี้แสดงกิริยาออดอ้อนราวกับเด็ก นายหัวหลี่ก็จะยอมและปฏิบัติตามคําสั่งของนาง แต่ครานี้เขากลับจ้องมองนางด้วยแววตาขุ่นเคือง

 

นายหญิงหลีรู้สึกไม่พอใจต่อสายตาของของสามีเป็นอย่างมาก ทว่านางกลับทําอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเงียบไปด้วยความหงุดหงิด

 

ในทางกลับกัน หยุนเถียนเถียนรู้สึกชื่นชมนายหัวหลีเป็นอย่างมากที่ทําเช่นนี้ แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะยอมให้ภรรยากลั่นแกล้งลูกชายอย่างทารุณ แต่ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้เขาก็ยังเลือกทางที่ถูกต้อง

 

“ในเมื่อนายหัวหลี่ได้เห็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะบอกอะไรให้หนึ่งอย่าง อย่าดูถูกทุกคนที่ท่านพบ เพราะคนเหล่านั้นอาจทําให้ท่านต้องประหลาดใจในอนาคต ข้ายอมร่วมมือหรือข้องเกี่ยวกับครอบครัวของท่านก็เพราะเห็นแก่นายน้อยหลี่ หากนายน้อยหลีไม่ได้เกี่ยวพันกับท่านแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จะจบลงทันที”

 

หลี่ซื่อฮวาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหยุนเถียนเถียนจะพูดคําเหล่านี้ออกมาอย่างอบอุ่นด้วยความห่วงใย

 

นายหัวหลี่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนจึงพูดเช่นนี้ เขามีลูกชายเพียงคนเดียวคือหลี่ซื่อฮวา พ่อลูกจะขาดสัมพันธ์กันได้อย่างไร?

 

ดูเหมือนว่านายหญิงหลี่จะสามารถคาดเดาความคิดของสามีได้ นางจ้องมองนายหัวหลี่ด้วยแววตาดุร้ายเพราะขณะที่เขากําลังแก่ตัวลง นายหญิงหลี่ยังไม่มีโอกาสตั้งครรภ์เลย เช่นนั้นแล้ว มรดกทั้งหมดของตระกูลหลี่ก็อาจตกไปอยู่ในมือลูกเลี้ยงเช่นหลี่ซื่อฮวา ซึ่งเป็นางที่นางยอมไม่ได้

 

นายหญิงหลี่เป็นหญิงที่ยังมีอายุน้อย เหตุที่นางยอมแต่งงานกับชายแก่เช่นนายหัวหลี่ก็เพราะเขามั่งคั่ง

 

หลีจนนึกถึงคําพูดของลูกชายและรู้สึกเห็นด้วย ในใจหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดา และคนที่คอยหนุนหลังนางอยู่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าหากไม่ทําให้นางต้องเคืองโกรธ!”

 

อย่างไรก็ตาม นายหญิงหลี่ไม่ได้คิดไตร่ตรอง หรือกังวลถึงเรื่องใดเลย นางเพียงรู้สึกเกลียด หญิงผมทองที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น

 

“นายหัว ดูเถิด หญิงผู้นี้หยามหน้าข้านัก นางทําผิดต่อข้ามาก ท่านจะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ?!”

 

หลี่จินหันมองภรรยาของตนอย่างมีเลสนัยทันที

 

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

 

นายหญิงหลี่ตอบด้วยน้ําเสียงอ่อนหวาน “หากท่านอยากทําเพื่อข้าจริง การจัดการกับหญิงผู้นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทุกสิ่งอยู่ในกํามือของท่าน! ท่านเป็นถึงนายหัวหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงเกรงกลัวหญิงชนบทเช่นนาง?!”

 

นายหัวหลี่รู้สึกไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ภรรยาพูดจึงหันมาและตําหนินาง “หญิงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา หากสร้างสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้ก็อย่าทํานางเคืองโกรธ เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าก็สร้างเรื่องจนทําลายทุกอย่าง ข้าพเจ้ามาที่นี่เพื่อให้ได้เรียนรู้วิถีของหญิงแกร่งเช่นนาง แต่กลับยังสร้างปัญหา!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของนายหญิงหลี่ก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทัน

 

สําหรับหลี่จินแล้ว ภรรยาของเขาก็เป็นเพียงหญิงธรรมดาคนหนึ่ง หากร้องขอสิ่งใดมากเกินไป นายหัวหลี่ก็พร้อมจะตัดสัมพันธ์กับนางทันที

 

ดังนั้นแม้นางจะพยายามร้องขอเพียงใด หลี่จินก็เลือกที่จะไม่สนใจอยู่ดี หลังจากนั้น เขาหันไปพูดคุยกับหลี่ซื่อฮวาด้วยอารมณ์ที่ต่างไป เพราะนายหัวหลิ่วางแผนจะส่งมอบทรัพย์สินให้ลูกชายในอีกไม่นานนี้

 

แม้หลี่ซื่อฮวาจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็มีความสุขที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลงได้ แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าอันน่ารังเกียจของแม่เลี้ยง ก็ทําให้เขารู้สึกว่าควรระวังตัวไว้เพราะหญิงผู้นี้อาจมีแผนการร้ายอีก

 

“นาน ๆ ครั้งท่านพ่อจะเดินทางมายังเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เช่นนั้นแล้ว ลองไปทานอาหารมื้อพิเศษในร้านเล็ก ๆ ของเมืองนี้ดีไหม?”

 

หลี่จินพยักหน้ารับพลางมองลูกชายด้วยความโล่งใจ “ได้สิ ไปกันเถิด”

 

ทั้งหมดเดินทางมายังโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง แม้นายหญิงหลี่จะรังเกียจหลี่ซื้อฮว่า แต่ก็ฝืนใจมาด้วยเห็นแก่สามี

 

ขณะที่พ่อลูกกําลังคุยกันเรื่องหมู่บ้านเทพธิดาอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นนายหญิงหลี่ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที

 

เมื่อเดินออกมานางก็เผชิญหน้ากับหยุนเถียนเถียนที่ประตู

 

“นางหยุน หลี่ซื่อฮวาให้อะไรเจ้าบ้าง? เนื้อตากแห้งของเจ้าทําเงินให้ร้านอาหารของเขาเท่าไหร่? แต่หลี่ซื่อฮวากลับตอบแทนเจ้าเพียงเล็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงไม่เก็บสูตรไว้เองเล่า?”

 

หยุนเถียนเถียนนิ่งเงียบ แต่ในใจเต็มไปด้วยความดูถูก อยากได้สูตรก็บอกมาเถิด จะพูดถึงหลี่ซื่อฮวาทําไมกัน? หึ! เจ้าให้ส่วนแบ่งข้าได้มากกว่าเขาหรืออย่างไร?!?

 

“แล้ว…ตามคําแนะนําของท่าน ข้าควรทําอย่างไร?”

 

เมื่อได้ยินคําถามนั้นนายหญิงหลี่ก็รู้สึกพอใจไม่น้อย เพราะสําหรับนางแล้ว หยุนเถียนเถียนก็เป็นเพียงหญิงธรรมดาเท่านั้น

 

นายหญิงหลี่แสยะยิ้มพลางพูด “เหตุใดจึงไม่สอนสูตรนี้ให้ข้าเล่า? ข้าจะให้เงินเจ้าครั้งละห้าร้อยตําลึง และเจ้าไม่จําเป็นต้องเสียเวลากับการทํางานหนักในโรงงานนั้นอีก!”

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิด สูตรหมักอันเลิศรสของข้ามีราคาเพียงห้าร้อยตําลึงอย่างนั้นหรือ?

 

ตอนที่ 233 รายงานต่อเจ้าหน้าที่

 

เนื่องจากหยุนเถียนเถียนเกรงใจจึงไม่พลั้งปาก พูดอะไรไปต่อหน้านายหัวหลี่ แต่เมื่อได้ยินราคาที่นายหญิงหลี่เสนอ นางก็หัวเราะออกมาทันที

 

“นายหญิงหลี่ ข้าชื่นชมท่านจริง ๆ ต่อให้ไม่มีนายน้อยหลี่ ข้าก็มีโรงงานของตนเองในหมู่บ้านเทพธิดา ซึ่งทําเงินให้ข้าได้มากกว่าห้าร้อยตําลึงเสียอีก เงินเพียงเล็กน้อยของท่านคงซื้อได้เพียงน้ําตันเท่านั้น!”

 

เมื่อพูดจบหยุนเถียนเถียนก็หัวเราะออกมาด้วยความพอใจ “ข้าไม่คิดว่าหญิงที่เติบโตมาในครอบครัวผู้ดีและมีความรู้เช่นท่านจะเสนอราคาที่ดูถูกหญิงชนบทอย่างข้าถึงเพียงนี้ เงินห้าร้อยตําลึงข้าหาเองได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน

 

ท่านอยากได้สูตรเนื้อตากแห้งของข้ามากเสียจนใช้เงินมาหลอกล่อ คิดว่าข้าโง่และเห็นแก่เงินมากหรือไร?!”

 

นายหญิงหลิ่นิ่งเงียบด้วยความละอายทันที

 

“หากท่านตอนการสูตรเนื้อตากแห้งจริง ๆ คิดว่าหญิงผมทองผู้อ่อนแอเช่นข้าจะสามารถต่อต้านอํานาจของคุณนายตระกูลหลีได้หรือ?!”

 

หยุนเถียนเถียนจับหน้าอกของนางและแสร้งทําเป็นหวาดกลัว “นายหัวหลี่เชื่อฟังคําพูดของนายหญิงเพียงผู้เดียวใช่ไหม? แต่ข้าคิดว่าท่านสําคัญตัวเกินไปมากกว่า ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่พี่ชายของท่านประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นายหญิงไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างเลยหรือ? ท่านก็เพียงหญิงไร้ค่าที่พึ่งบารมีของตระกูลหลี่เพื่อข่มเหงหญิงชนบทธรรมดาเช่นข้า!”

 

“นางหยุน คนเช่นเจ้าคงต้องรอให้เอากระบี่มาจ่ออยู่ตรงหน้าก่อนสินะจึงจะยอมทําตาม แม้ข้าจะเป็นเพียงภรรยาหลังเรือนของนายหัว แต่ก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับหญิงชนบทต่ําต้อยอย่างเจ้า!”

 

“อย่างนั้นหรือ? หากนายหัวและนายน้อยหลี่ทราบว่าท่านพยายามรังแกข้าจะเป็นอย่างไรนะ?” 

เมื่อได้ยินดังนั้นนายหญิงหลี่ก็จนปัญญาและทําอะไรไม่ได้ จึงพาสาวใช้เดินออกไปด้วยความหงุดหงิด

 

ขณะที่นางกําลังเดินจากไป หยุนเถียนเถียนก็เริ่มไตร่ตรองทันที หญิงโง่เขลาเช่นนี้สามารถรังแกนายน้อยหลี่มาจนทุกวันนี้จริง ๆ หรือ?! เป็นไปได้ไหมว่านายหัวหลี่จะลุ่มหลงในความงามของนางจนไม่สนใจลูกชาย?!“แน่นอนว่าหญิงผู้นี้ต้องมีแผนร้ายในใจ หยุนเถียนเถียนจึงระมัดระวังตัวgป็นอย่างมาก

 

หยุนเถียนเถียนกังวลเป็นอย่างมากว่าเรื่องที่คิดอาจเป็นจริง ไม่นานนักนางก็ได้ยินข่าวร้ายว่า มีลูกค้าจากร้านอาหารของนายน้อยหลี่ป่วย เพราะทานเนื้อตากแห้งตุ้น ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงรีบไปยังร้านอาหารทันที

 

หยุนเถียนเถียนรับรู้และมั่นใจได้อย่างไม่ต้อง สงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของนายหญิงหลี่

 

หลี่ซื่อฮวายืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เนื้อตากแห้งของหยุนเถียนเถียนจะทําให้ลูกค้าเกิดอาการป่วย แต่เพื่อไม่ให้ขัดต่อความสงสัยของผู้เป็นพ่อ เขาจึงยอมให้นางได้พบกับนายหัวหลี่” ท่านพ่อ ข้าบอกแล้วว่าหยุนเถียนเถียนไม่มีทางทําพลาดเช่นนั้น เพราะมันไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวนางเลย หากไม่เชื่อก็ไปเรียกนางมาเถิด ทุกอย่างก็เป็นเพียงการกล่าวหา เพราะผู้ร้ายที่แท้จริงก็คือหญิงในบ้านของเราเอง! “หลี่จินตอบ กลับอย่างเคร่งขรึม”เจ้าโตขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ใครจะคิดว่าลูกชายของข้าจะมีคุณธรรมถึงเพียงนี้ แต่… ผู้ร้ายจะอยู่ในบ้านของเราได้อย่างไรกัน?”หยุนเถียนเถียนหัวเราะลั่น นางคิดมาตลอดว่านายหัวหลี่เป็นคนฉลาดและมีเหตุผล แต่กลับสับสนในเรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อ”นายหัวหลี่ ข้าว่าให้เจ้าคณะเทศมณฑลมาตรวจสอบเรื่องนี้เถิด เพื่อที่ถูกอย่างจะได้เป็นไปโดยยุติธรรม ข้าจะยุติการร่วมเป็นคู่ค้ากับตระกูลหลี่จนกว่าผลการตรวจสอบจะมาถึง! “หลี่ซื่อฮวาก้าวไปข้างหน้าด้วยความเขินอายก่อนจะกล่าวว่า หยุนเถียนเถียน…ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ทํา ข้า… “หยุนเถียนเถียนยิ้ม”ไม่เป็นไรหรอกนายน้อยหลี่ ท่านไม่จําเป็นต้องปกป้องข้า เพราะเป็นการดีที่จะค้นหาความจริง ข้าเชื่อว่าท้ายที่แล้วผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ท่านหรือนายหัวหลื่ อย่างไรก็ตามข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้าย หากไม่ได้รับข้อพิสูจน์ที่แท้จริง ข้าจะขอยกเลิกการร่วมเป็นคู่ค้ากับตระกูลหลื่อย่างถาวร หรือจนกว่านายน้อยจะได้ขึ้นเป็นใหญ่แทนนายหัว!“เมื่อพูดจบหยุนเถียนเถียนก็มองไปยังเจ้าคณะเทศมณฑลที่กําลังเดินเข้ามา

 

เจ้าคณะเทศมณฑลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพลางลูบเคราของตน เมื่อมาถึงบุคคลแรกที่เขาทักทายไม่ใช่นายหัวหรือนายนายหลี่ แต่กลับเป็นหยุนเถียนเถียน หญิงสาวชาวบ้านนั่งรอการตัดสินอย่างใจเย็น”นางหยุน ข้าเพิ่งได้รับคําร้องเรียนของเจ้า เกิดอะไรขึ้นหรือ?“เมื่อเห็นนั้นนายหัวหลี่ก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

 

เพราะในตอนแรกเขาคิดว่าหยุนเถียนเถียนมีเพียงหลงเยวที่คอยหนุนหลังให้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น” อย่างที่ท่านทราบ ข้าร่วมทําธุรกิจกับตระกูลหลี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่กลับมีปัญหาเกิดขึ้น มีคนวางยาลงในเนื้อตากแห้งของข้าจนทําให้ทุกคนที่กินเข้าไปต้องเจ็บป่วย นายหัวและนายหญิงหลี่คิดว่าข้าเป็นคนลงมือ… ข้าจึงเรียกท่านมาเพื่อโปรดพิจารณาเรื่องนี้ให้ด้วยเถิด!“เจ้าคณะเทศมณฑลลูบเคราของเขา พลางหันศีรษะมองหลี่จิน” ท่านคือนายหัวหลี่ใช่ไหม? ท่านกล่าวหานางเช่นนี้มีหลักฐานหรือไม่?

 

ท่านไตร่ตรองไม่ได้จริง ๆ หรือ? ข้าเองที่เป็นคนนอกยังดูออกว่านางไม่ได้เป็นคนทํา หยุนเถียนเถียนจะกล้าทําเช่นนี้เพื่อทําลายชื่อเสียง และอนาคตทางการข้าของตนได้อย่างไร? หากคิดว่านางเป็นคนลงมือ โปรดบอกข้าเถิด เหตุผลคืออะไร?“ขณะที่นายหัวหลี่กําลังจะตอบ ท่านเจ้าคณะมณฑลก็หยุดเขาไว้ทันที”นายหัวหลี่ ในเมื่อหยุนเถียนเถียนร้องขอให้มีการสอบสวนให้ชัดเจน ดังนั้นเราจะต้องพิสูจน์และตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ข้าใคร่ยากจะให้ทุกท่านตามข้าไปยังสํานักราชการ หยุนเถียนเถียน… หากเจ้ายังพูดไม่หมด ก็เก็บไว้ให้การต่อในสํานักราชเถิด!“หยุนเถียนเถียนรู้สึกผิดเล็กน้อยในใจจึงแสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมา ซึ่งดูคล้ายกับหยุนจิงเอ๋อเป็นอย่างมาก!

 

นายหัวหลี่ให้การต้อนรับและรินชาให้เจ้าคณะเทศมณฑลดื่มเพื่อเป็นการซื้อใจ ทว่าเขากลับปฏิเสธอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า”รอจนกว่าผลคดีจะชัดเจน นายหัวหลี่ไม่ควรข้องเกี่ยวหรือแตะต้องหญิงผู้นี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะจัดการกับท่านเพื่อคืนความยุติธรรมให้นาง แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

 

ตอนที่ 234 ความจริง

 

หลี่จินรู้สึกเกรงกลัวต่อคําขู่ของเจ้าคณะเทศ มณฑลเป็นอย่างมาก ผู้พิพากษาท่านนี้ซื่อตรงและเที่ยงธรรม แน่นอนว่าเขาย่อมตัดสินคดีอย่างยุติธรรมโดยไม่สนใจชื่อเสียงของใครเลย

 

เนื่องจากผู้พิพากษาท่านนี้ปฏิญานตนที่จะถวายชีวิตเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างสุจริต จึงไม่สนใจและปฏิเสธการรับของขวัญหรือสินบน และสาเหตุที่เขาปฏิเสธการรับน้ําชาจากนายหัวหลี่ก็เพราะรู้ดีว่านายหัวกําลังพยายามซื้อใจเขาอยู่

 

เป้าหมายของหยุนเกียนเถียนสําเร็จแล้ว เพราะในขณะนี้ทุกคนต่างเต็มใจสนับสนุนและยืนเคียงข้างนาง ทุกสิ่งที่ทําลงไปไม่เสียเปล่าเลย

 

“นายหญิงหลี่ เหตุใดท่านจึงดูตื่นตระหนกนัก? ผลการตัดสินยังไม่ออกมาไม่ใช่หรือ? คงจะเหมาะสมกว่าหากท่านแสดงกิริยาเช่นนี้ตอนที่ได้รับผลการพิจารณาคดีแล้ว”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น นายหัวหลี่ก็หันมองภรรยาของตนทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ไม่สบายหรือ?”

 

หยุนเกียนเถียนแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “นายหญิงยังสาวและกระดูกก็ยังไม่พรุนจะมาสบายได้อย่างไร? นางอาจตัวสั่นเพราะกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผยเสียมากกว่า!”

 

นายหญิงหลี่ยืนขึ้นและพูดทันที “นางหยุน! ท่านผู้พิพากษาบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าต้องตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เหตุใดเจ้าจึงโยนความผิดและชี้ตัวว่าข้าเป็นคนลงมือเช่นนี้?!”

 

หยุนเสียนเถียนยิ้มจาง ๆ พลางพยักหน้า “นายหญิงช่างมีความมั่นใจดีเสียจริง ข้าหวังว่าท่านจะมั่นใจเช่นนี้ไปจนถึงวันที่ผลพิสูจน์ออกมา นายหญิง… คนเราหลอกลวงผู้ใดก็ได้ แต่หลอกตนเองไม่ได้ ใครทําอะไรไว้ย่อมรู้แก่ใจดี!”

 

นายหญิงหลี่ใจเย็นแรงด้วยความตื่นกลัวเมื่อได้ยินประโยคนี้ จึงพยายามปลอบใจตนเองและสงบสติอารมณ์ไว้ข้างใน

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว เจ้าไม่ได้ทําอะไรผิด นังหญิงชั้นต่ํานั้นเป็นคนลงมือทุกอย่าง!”

 

หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าพ่อผู้โง่เขลาของตนหลงเชื่อภรรยา เดิมทีนายหัวหลี่เป็นคนฉลาด แต่เพราะหลงรักหญิงผู้นี้จนถอนตัวไม่ขึ้น จึงเชื่อฟังนางอย่างสุดซึ้ง!

 

“นางหยุน… ข้าขอโทษสําหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขอโทษที่นําหายนะอันไร้เหตุผลนี้มาให้เจ้า เมื่อทุกอย่างจบลง ข้า… หลี่ซื่อฮวา จะขอรินน้ําชาให้เจ้าเพื่อแทนคําขอโทษ!”

 

เค้าขอโทษ!”

 

“นายน้อยหลี่ อย่าโทษตัวเองเลย ข้าไม่ใช่คนที่จะโยนความผิดให้ผู้อื่นโดยไร้เหตุผล คนที่ควรยอมรับผิดคือคนที่ลงมือ ไม่ใช่ท่าน!”

 

เมื่อพูดจบหยุนเถียนเถียนก็หันหลังเดินจากไปพร้อมหยุนเคอ หลี่ซื่อฮวาจ้องมองทั้งสองด้วยแววตาเศร้า มองก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าว และยืนนิ่งในที่สุด

 

หลังจากนั้น นายหัวหลี่จึงสั่งให้สมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกัน การพิจารณาคดีกําลังจะเกิดขึ้น และทุกคนจะได้รู้ความจริงในไม่ช้า

 

เมื่อวันนั้นมาถึง แน่นอนว่าผู้พิพากษาย่อมกล่าวว่าความต่อหน้าทุกคน รวมถึงหญิงที่ป่วยจากการรับประทานเนื้อตากแห้งในครั้งนี้ด้วย

 

นายหัวหลี่รู้วิธีการจัดการและควบคุมภรรยาของตนเป็นอย่างดี จึงเรียกนางมาเพื่อบีบบังคับให้สารภาพผิด

 

นายหญิงหลี่จึงสารภาพ “ข้าไม่พอใจที่นางหมิ่นเกียรติข้า จึงสั่งให้คนทําเช่นนี้เพื่อเป็นการแก้แค้น แต่ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม…ข้าสามารถหาคนมารับผิดแทนได้!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นนายหัวหลี่ก็เชื่อฟังภรรยาของตนและเต็มใจที่จะปกป้องนางอย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่หลี่ซื่อฮวาเต็มไปด้วยความผิดหวัง นายหญิงหลี่พอใจในสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมากจึงยิ้มอย่างมีชัย และหันหลังเดินกลับขึ้นรถไป

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้กังวลต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด นางไม่สนใจว่าใครจะรับผิดแทนใคร และไม่เชื่อว่านายหัวหลี่จะอดทนยอมให้หญิงผู้นั้นรังแกลูกชายไปตลอดได้

 

เนื่องจากครอบครัวหลื่อยู่ในตระกูลสูงส่งและมีชื่อเสียงจึงต้องรักษาหน้าตาทางสังคม และปกป้องชื่อเสียงของครอบครัวให้ดีที่สุด

 

หลี่ซื่อฮวากล่าวต่อหยุนเวียนเถียนด้วยความละอายใจ “ข้าขอโทษแทน… ขอโทษแทนท่านพ่อด้วย…”

 

“ไม่หรอก! เมื่อได้ยืนอยู่ในจุดเดียวกับนายหัวหลี่ ท่านก็คงทําแบบเดียวกัน แน่นอนว่าการปกปิดจุดอ่อนของครอบครัวไว้เพื่อไม่ให้ใครรับรู้เป็นสิ่งสําคัญ เพราะชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลนั้นส่งผลต่อการทําธุรกิจและการดําเนินชีวิตเป็นอย่างมาก” 

“อันที่จริง หากปล่อยให้ข้าพูดอะไรมากเกินไป นายหญิงหลีก็อาจไม่รอดได้ ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะต้องทําเช่นนั้นเพราะอาจส่งผลให้ครอบครัวของท่านถูกหมิ่นเกียรติได้ ใช้โอกาสนี้ทําให้พ่อของท่านตาสว่างเถิด เมื่อเขารู้ความจริงเขาจะปฏิบัติต่อท่านอย่างดีเยี่ยมเป็นแน่”

 

 หลี่ซื่อฮวาแบะปากราวกับเด็ก “ใครจะอยากข้องเกี่ยวกับหญิงใจร้ายเช่นนั้นเล่า?”

 

หยุนเถียนเถียนอดไม่ดีที่จะยิ้มออกมา ในสายตาของนางแล้ว ชายวัยยี่สิบเช่นหลี่ซื่อฮวาควรจะโตเต็มวัยและเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล ทว่าเขากลับยังงอแงเป็นเด็กโง่เขลา

 

“เอาล่ะ เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว ข้าจะร่วมมือกับตระกูลหลี่ต่อไป แต่… ข้าขอไม่ต้องเจอนายหัวหลี่อีก เพราะเขาและภรรยาสร้างความรําคาญยิ่งนัก”

 

เมื่อแยกจากหยุนเถียนเถียนแล้ว หลี่ซื่อฮวาก็ถูกพ่อเรียกตัวให้ไปพบทันทีที่กลับถึงบ้าน

 

“ชื่อฮวา ความผิดของเจ้าวันนี้ยิ่งใหญ่นัก ในขณะที่นางกลั่นแกล้งและเกลียดชังเรา เจ้ากลับยังผูกพันธมิตรกับนางอย่างนั้นหรือ?”

 

หลี่ซื่อฮวาโบกมือปฏิเสธทันที “หญิงผู้นั้นเป็นทั้งมิตรและคู่ค้าที่ดีของข้า อีกทั้งครอบครัวเรายังได้รับผลประโยชน์มากมายด้วยฝีมือของนาง ท่านพ่อควรจะสุภาพต่อเถียนเถียนให้มาก รวมถึงคนรักของท่านด้วย โปรดสั่งสอนนางให้ดี!”

 

แม้หลี่จินจะรู้สึกโกรธต่อคําพูดของลูกชาย แต่เมื่อไตร่ตรองถึงสิ่งที่หลี่ซื่อฮวาพูดก็รู้สึกแย่

 

“ข้ารู้ว่านายหญิงหลี่ไม่ใช่แม่ของเจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา ดังนั้นโปรดรับหน้าแทนนางด้วย และเมื่อวันหนึ่งเจ้า ขึ้นมาแทนที่พ่อ… ก็จงเลี้ยงดูนางให้ดีด้วย คําขอของพ่อมีเพียงเท่านี้ นอกจากนั้นก็ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเถิด!”

 

หลี่ซื่อฮวารู้สึกโกรธอยู่ในใจจึงไม่อยากพูดอะไรต่อ และในที่สุดการสนทนาก็จบลงอย่างไม่มีความสุข

 

เมื่อเห็นว่าลูกชายขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับตน นายหัวหลีจึงสาดอารมณ์ใส่ภรรยาทันที หากไม่ใช่เพราะนางความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองก็อาจดีกว่านี้

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะครอบครัวใหญ่ นายหัวหลี่ไม่สามารถทําสิ่งที่หยาบคายได้มากนักแม้จะโกรธก็ตาม ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและพาตัวสาวใช้เข้าห้องนอนไปต่อหน้าภรรยา ซึ่งทําให้นายหญิงหลี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

 

เหตุใดชายที่มีภรรยาแสนงดงามจึงลดตัวลงไป คว้าสาวใช้มาเป็นนางบําเรอได้?

 

ตอนที่ 231 รังเกียจ

หลี่ซื่อฮวาไม่รู้มาก่อนว่าสาเหตุที่พ่อเรียกตัว เขากลับไปนั้นก็เพื่อจะให้มาดูแลการค้าในเทศมณฑล

สําหรับนายหัวหลี่แล้ว กิจการทุกอย่างควรอยู่ในมือของเขาเอง ไม่ใช่การสร้างโรงงานเพื่อให้ชาวบ้านดูแลเช่นหยุนเถียนเถียน!

หลี่ซื่อฮวาก้มศีรษะลงและหัวเราะกับตนเอง “ข้าคิดว่าพ่อรู้สึกผิดที่เคยเกลียดชังและประพฤติไม่ดีต่อข้า จึงเรียกมาเพราะคิดถึงที่ไหนได้เพียง เรียกข้ากลับมาเพราะกลัวว่าจะทําอะไรผิดไปจากความตั้งใจของท่าน”

“ท่านพ่อ… อย่าคิดทํามิดีมิร้ายต่อหญิงผู้นั้นเด็ดขาด เจ้าเมืองหลงเยว่ดูแลและปกป้องนางอย่างสุดกําลัง คงจะดีกว่าหากไม่ทําให้เขาขุ่นเคือง อนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นยังสามารถทํากําไรให้กับกิจการของเราได้”

“แทนที่จะทําร้ายนางเพื่อยั่วยวนหลงเยว่ ข้าว่าปล่อยให้หญิงนั้นทํางานกับเราต่อไปเช่นนี้จะดีกว่า แม้กําไรจะน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย ถึงเราจะอยากร่ํารวยแต่ก็อย่าเห็นแก่ตัวจนผู้อื่นไม่มีทางรอด เพราะหากทําเช่นนั้น กระต่ายตัวเล็ก ๆ ก็ย่อมรู้จักลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องชีวิตของตนเอง!”

นายหัวหลี่ถอนหายใจยาว “เจ้าเป็นลูกชายของข้า หากคิดว่าสิ่งใดดีก็ตัดสินใจเถิด ในเมื่อเจ้ามั่นใจว่าหญิงผู้นั้นคู่ควรก็ปล่อยให้ทุกอย่างดําเนินต่อไป แต่… ข้าจะตามเจ้าไปยังเทศมณฑล เพื่อดูว่าหญิงสาวเป็นจริงดังที่กล่าวหรือไม่”

หลี่ซื่อฮวาตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆอีกต่อไป ตอนนี้ทั้งเขาและหยุนเถียนเถียนต่างโตแล้วและมีวุฒิภาวะ หากยอมให้พ่อทําเช่นนี้คงไม่ดีแน่

แต่เพื่อให้นายหัวหลี่มั่นใจจึงจําต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป

เนื่องจากรับรู้ว่าพ่อของตนหมายตาหยุนเถียนเถียนไว้ ดังนั้นหลี่ซื่อฮวาจึงไม่ได้รู้สึกโล่งใจและระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น

ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกํามือ ฉวยโอกาสไม่สําเร็จทั้งยังขาดทุน แม้นายหัวหลี่จะอยากให้หยุนเถียนเถียนได้รับบทเรียนมากเพียงใดก็ทําไม่ได้

เขาจึงคิดในใจทันที ชื่อฮวาต้องโดนหญิงนั้นเป่าหูแน่ เพราะคนอย่างเขาไม่มีทางพูดว่า อย่าเห็นแก่ตัวจนผู้อื่นไม่มีทางรอด เป็นไปไม่ได้ที่คนเช่นลูกชายข้าจะคิดเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าความคิดทั้งหมดเป็นของหญิงสาว

หลี่ซื่อฮวายิ้มมุมปาก แน่นอนว่าเขาไม่สามารถห้ามหรือข้องเกี่ยวกับการตัดสินใจของพ่อได้ แต่เมื่อโดนหยุนเสียนเถียนเกลี้ยกล่อมก็อดไม่ได้ที่จะทําเช่นนั้น!

หลี่ซื่อฮวาไม่สามารถห้ามพ่อของตนในการพบหยุนเกียนเถียนได้ จึงปล่อยเขาไป เพราะไม่ว่าอย่างไร หญิงผู้นี้ก็ฉลาดและรับมือได้เก่งกว่าหญิงทั่วไปมาก

เมื่อคิดได้ดังนั้นนายน้อยหลี่จึงพยักหน้าพลางกล่าว “หากท่านพ่ออยากไปพบนาง ก็จงไปเถิด”

“แต่หากชายเข้าพบหญิงเป็นการส่วนตัวคงจะไม่ดีนัก เช่นนั้นแล้วจงพาท่านแม่ไปด้วยเถิด”
หลี่ซื่อฮวาหัวเราะเยาะผู้เป็นพ่ออยู่ในใจ “เป็นเช่นนี้อีกแล้วสินะ หากหญิงสาวบอกว่าไม่มีการร่วมมือหรือสมรู้ร่วมคิดอะไรกับข้า ท่านพ่อคงไม่มีวันเชื่อ ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับเถียนเถียนแล้วว่านางจะรับมืออย่างไร และจะเจ็บปวดแค่ไหนต่อ คําพูดของเขา”หากพ่อตัดสินใจแล้วก็ทําเถิด หญิงผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา นางไม่มีวันยอมให้ท่านเข้าไปก้าวก่ายง่าย ๆ และหากท่านทําอะไรพลาดไป นางไม่ปล่อยไว้แน่!“นายหัวหลี่ตอบกลับอย่างดูถูก”นางก็เป็นเพียงหญิงผมทองธรรมดาจะวิเศษแค่ไหนกัน? นอกจากนี้นางก็โตพอที่จะรู้ ว่าอะไรควรไม่ควรแล้วไม่ใช่หรือ? หากเจ้าจะร่วม มือกับใครสักคนจริง ๆ ข้าก็ต้องประเมินให้ก่อน เพราะหากเป็นคนที่ขัดเคืองไม่ได้ก็คงร่วมมือกันได้ยาก!“เนื่องจากหลี่ซื่อฮวาสามารถคาดเดาความคิดของผู้เป็นพ่อได้ จึงส่งจดหมายเรียกตัวหยุนเถียนเถียนมา

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้รับจดหมายก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้นายหัวหลี่จะเป็นพ่อค้าทว่าก็มียศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตในเมืองนี้ แต่ด้วยสัญชาตญาณตํารวจจึงไม่ได้เกรงกลัวต่อสิ่งเหล่านี้!

แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้สึกเป็นกังวลแต่ก็เต็มใจที่จะเดินทางไปพบเขา

เมื่อถึงเวลา หยุนเถียนเถียนจึงชวนหยุนเคอเดินทางไปยังโรงน้ําชาหรูยี่

เมื่อไปถึงก็พบกับชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งขรึมผู้หนึ่ง อายุราวสี่สิบปีกําลังนั่งอยู่พร้อมกับหญิงสาวข้างกาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเครื่องสําอางมากเสียจนไม่น่ามอง เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความรังเกียจทันที

“ข้าเป็นเสียงสาวชนบทธรรมดา จําเป็นต้องนัดพบในโรงน้ําชาเลยหรือ?

หยุนเกียนเถียนแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสุภาพเรียบร้อย เทคนิคการแต่งหน้าเช่นนี้นับเป็นหนึ่งในวิธีการสืบสวนของตํารวจในยุคปัจจุบัน

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามา นายหัวหลี่ไม่ได้มองหยุนเถียนเถียนเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขาเพ่งเล็งไปยังหยุนเคอเท่านั้น

แม้หยุนเคอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่รัศมีที่เปล่งประกายออกมานั้นไม่สามารถปกปิดได้เลย

นายหัวหลิ่มองลูกชายอย่างดุเดือด เห็นได้ชัดว่าคู่หมายของหยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนธรรมดา เช่นนั้นแล้วนางจะธรรมดาได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

หยุนเถียนเถียนนั่งลงด้วยท่าที่นิ่งเฉย”ข้าได้ยินมาว่านายหัวลี่ต้องการพบข้า มีเรื่องอะไร หรือ? “นายหัวหลี่ตอบอย่างเป็นมิตร”ข้าก็เพียง อยากเห็นว่าหญิงที่คอยช่วยเหลือลูกชายผู้ไม่เอาไหนของข้ามีหน้าตาเป็นเช่นไร? เพราะนางทําให้กิจการของเขาพัฒนาขึ้นมาก เป็นธรรมดาที่พ่อจะมากล่าวขอบคุณแทนลูกชาย! “หยุ
นเถียนเถียนรู้สึกรังเกียจชายผู้อยู่เบื้องหน้าอย่างไรเหตุผล”นายหัวหลี่ไม่จําเป็นต้องทําถึงขนาดนี้ ข้าร่วมมือกับนายน้อยหลี่เพราะเขาใจดีที่ปล่อยข้าไปในครานั้น ข้าไม่ได้ต้องการยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของท่านหรือมีจุดประสงค์อื่นหญิงผู้ซึ่งมากับนายหัวหลี่แทรกขึ้นทันที” กล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?! โดยปกติแล้วตระกูลสูงส่งเช่นนี้คงไม่ลดตัวลงมาข้องเกี่ยวกับเจ้า อย่าพูดเลยว่าไม่ได้หวังสิ่งใด เจ้าอยากเป็นใหญ่จึงพยายามไต่เต้าผ่านนายน้อยหลี่สินะ หยุนเสียนเถียนแสยะยิ้ม”จริงเหรอ? หากตระกูลหลี่ผู้สูงส่งไม่อยากลดตัวลงมาข้องเกี่ยวกับข้า เหตุใดนายน้อยหลี่จึงพยายามรักษาข้าไว้นักเล่า?”

ตอนที่ 230 การแต่งงาน

“ท่านพรากความบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าไป หากไม่ยอมรับผิดชอบ ข้าเกรงว่าท่านจะไม่สามารถเข้าสอบขุนนางได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น จางชิงเฟิงก็รู้สึกโกรธจนตัวสั่น “เพราะต้องการให้ข้าแต่งงานกับนาง ลุงเฉินจึงสั่งลูกสาวผู้ไร้ยางอายให้ทําเช่นนี้ เพื่อบีบบังคับข้าด้วยวิธีอยุติธรรมอย่างนั้นหรือ?”

เฉินซึ่งรู้สึกโกรธต่อคําพูดของจางชิงเฟิงเป็นอย่างมากจึงตบโต๊ะพลางพูดว่า “จางชิงเฟิง เจ้าต่างหากที่ไร้ยางอาย!”

“เดิมที่เจ้าตั้งใจจะแต่งงานกับลูกสาวของข้าไม่ใช่หรือ? เหตุใดครานี้จึงกลับลําหันหอกเช่นนี้?”

แน่นอนว่าจางชิงเฟิงไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ แพร่กระจายไปถึงหูของผู้อื่นได้ เพราะหากใครรู้ก็จะทําให้เขาหมดโอกาสในการสอบขุนนางได้

แม้จางชิงเฟิงจะไม่อยากยอมรับเพียงใดก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาไม่สามารถยอมสูญเสียตําแหน่ง เพียงเพราะหญิงไร้ยางอายผู้นี้ เช่นนั้นแล้วเขาจึงทําได้เพียงกัดฟันแต่งงานกับเฉินไฉ่อเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

“แผนการของท่านลุงช่างแยบยลนัก แน่นอนว่าข้าปฏิเสธอะไรไม่ได้ และคงต้องกลับไปคุยกับพ่อเพื่อให้เขาจัดการเรื่องงานแต่งให้เร็วที่สุด งานแต่งจะแล้วเสร็จในเดือนหน้า”

เมื่อพูดจบจางชิงเฟิงโบกมือและเดินออกจากบ้านไปทันที…

ครอบครัวเฉินคว้าเอาจุดอ่อนของจางชิงเฟิงไปได้อย่างมีชัย ขณะที่ครอบครัวจางต้องเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

ใครเล่าจะคิดว่าขุนนางผู้ชาญฉลาดจะติดกับดักของพวกเขาได้ เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้ทั้งไร้ยางอายและไม่ปฏิบัติตามวิถีสตรี นางกล้าหยุดรถม้าของนายน้อยหลี่และสารภาพรักต่อหน้าผู้คนมากมายมาแล้ว

หากมีใครล่วงรู้คงไม่ดีแน่ เพราะจางชิวไฉ่ต้องการให้ลูกชายเข้ารับตําแหน่งต่อเมื่อเขาเกษียณอายุ

จางชิวไฉน้ําตาซึมด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าลูกชายมีสิทธิ์แต่งงานกับหญิงที่ดีและเพียบพร้อม แต่กลับตกหลุมพลางจนต้องแต่งงานกับหญิงไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่ว่านางจะน่ารังเกียจเพียงใด จางชิงเฟิงก็ต้องอดทนยอมรับให้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น การสอบเลื่อนขั้นขุนนางหรือที่เรียกว่าการสอบจักรพรรดิกําลังจะมาถึงในปีหน้า จางชิวไฉ่จะไม่มีทางยอมให้ลูกชายต้องพลาดโอกาสเพราะข้อบกพร่องนี้ได้

“ท่านพ่อ… อย่าคิดมากไปเลย หากข้าสอบเลื่อนขั้นได้ก็จะต้องเข้าไปประจําการยังสํานักราชการ หญิงผู้นี้จะต้องกลับไปอยู่กับพ่อของนาง และอาจได้รับการสั่งสอนจนมีระเบียบวินัยมากขึ้น แต่หากไม่ สักวันหนึ่งข้าก็ต้องได้เป็นใหญ่ในอนาคต เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะหย่ากับนาง… หากนางไม่ยอม ข้าก็จะรับเอานางบําเรอเข้ามาในบ้าน แน่นอนว่าคงไม่มีใครห้ามข้าได้”

จางชิวไฉ่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่เป็นไรหรอก จริงสิ จากนี้ไปจงจําให้ดี อย่ามองใครเพียงผิวเผินอีก ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าหญิงผู้นี้นั้นน่ารังเกียจ น่าเสียดายที่เจ้าตกหลุมพรางนาง และตอนนี้… เอ๊ะ!”

ครอบครัวจางค่อนข้างตื่นตัวสูง พวกเขาตั้งใจ จะใช้เวลาสามวันในการดําเนินการเรื่องการแต่งงานให้เสร็จสิ้น

เดิมที่เฉินซ่งตั้งใจว่าหากไม่ได้รับสินสอดในจํานวนที่มากพอก็จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง

แต่เนื่องจากแผนการของเขา จางชิงเฟิงจึงต้องจํายอมแต่งงานกับเฉินไฉ่อีอีกครั้ง หากจะทําเช่นนั้นคงจะดูน่ารังเกียจเกินไป

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ล้มเหลวและเสียเปรียบมากที่สุดก็คือครอบครัวเฉิน

น่าเสียดายที่หยุนเสียนเถียนเดินทางเข้าไปในเมืองเสียก่อน จึงไม่ได้ยินเหตุการณ์อันน่าสะอิดสะเอียนนี้

บ้านในเมืองที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่ประกอบไปด้วยสนามหญ้า และมีทางเข้าออกสองทาง เรียบง่ายแต่มีทุกอย่างครบครันและสะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้นบ้านของนางยังอยู่ใกล้กับบ้านของเฉินชิวไฉ่ ซึ่งทําให้เฉินเฉินประหยัดเวลาเดินทางไปเรียนได้เป็นอย่างมาก ทําให้มีเวลาเหลือในการศึกษาตํารามากยิ่งขึ้น

ตอนนี้นายน้อยหอื่นับว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสําเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง จนพ่อของเขาได้ยินและสนใจ จากนั้นไม่นานเขาก็ได้เรียกนายน้อยหลึกลับไปยังฟูเฉิงทันที

ในฐานะลูกชายคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธพ่อของตน หลังจากได้รับจดหมายเรียกตัวจํานวนสองฉบับจากผู้เป็นพ่อ นายน้อยหลี่ก็รีบมาหาหยุนเถียนเถียนอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะจากไป แต่ธุรกรรมเหล่านี้ยังต้องดําเนินต่อให้ได้

หยุนเถียนเถียนแสดงความยินดีต่อเขา แต่นายน้อยหลี่กลับทําหน้าบึ้งตึง “ไม่หรอก วันที่ต้องลําบากจริงๆยังมาไม่ถึง”

“ลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นคนไม่เอาไหนและมักจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเสมอ เกรงว่าเมื่อกลับไปเขาอาจหาทางใส่ร้ายข้าได้ หยุนเถียนเถียน ข้าขอร้องเจ้าเนื่องจากเราในฐานะคู่ค้า โปรดอย่าร่วมธุรกิจกับใครนอกจากข้า โปรดให้เวลาข้า วันหนึ่งข้าจะต้องสามารถควบคุมตะกูลหลี่ได้ เพราะนั่นเป็นของแม่ข้ามาตั้งแต่เดิม

หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบด้วยธุรกรรมเหล่านี้ นางต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าหรืออาหารอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหลังจากที่เฉินเฉินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางแล้ว ทั้งสองก็ต้องย้ายไปที่ฟูเฉิง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่นางต้องการลงหลักปักฐานที่นี่”เอาล่ะ ข้าก็เบื่อที่ต้องไปหาคู่ค้าใหม่เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือค่าไม่มีอํานาจจึงอาจถูกฆ่าตายเพราะเงินได้ ซึ่งไม่คุ้มเลยจริงๆ“ขณะที่หลี่ซื่อฮว่ากําลังจะจากไป เขาแอบกระซิบถามหยุนเถียนเถียนเบาๆ” ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคือใครกันแน่? เหตุใดท่านผู้พิพากษาจึงให้เกียรติเจ้านัก เราก็ร่วมงานกันมาหลายปีแล้ว ยังไม่เชื่อใจข้าอีกหรือ?“หยุนเทียนเถียนกลอกตาอย่างขุ่นเคือง”ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่จะให้ข้าบอกท่านได้อย่างไรในเมื่อข้ายังไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านผู้พิพากษาถึงให้เกียรติข้านัก? ข้าเพียงอยากมาที่นี่เพราะแม่หลี่ซื่อฮว่าพยักหน้า”หากในอนาคตตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผย ก็จงปิดข้าไว้ให้ดีๆ เอาล่ะ ข้าคงเสียเวลากับเจ้าได้ไม่มาก พ่อส่งจดหมายสองฉบับ แวดงว่าคงอยากให้ข้ากลับไปจริงๆ อย่างไรก็ตาม หากเจ้ามาที่ฟูเฉิงก็มาหาข้า แต่หากเจ้าเจอคู่ค้าที่ดีกว่า ก็จงร่วมมือกับเขาเถิด”

หยุนเกียนเถียนพยักหน้าพยักหน้ารับและไม่ได้ตอบกลับอะไร

นายน้อยหลี่เดินออกไปขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปที่ฟูเฉิงด้วยความโศกเศร้า ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเสียใจและลังเลเพียงใด

ตอนที่ 229 แผนร้าย

เมื่อพ่อและลูกสาวคุยกันถึงกลยุทธ์ทั้งหมดแล้ว เฉินไฉ่อีก็รีบวิ่งออกไปหาแม่ทันที

เฉินซ่งนั่งจิบไวน์ชมบรรยากาศ ณ โถงบ้านรอลูกสาวอย่างใจเย็น

ต่อมาไม่นาน เฉินซ่งและภรรยาต่างโค้งคํานับ เพื่อขอโทษจางชิงเฟิงอย่างสุดซึ้ง และไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานอีกเลย

เฉินซ่งรินไวน์ผสมหญ้าเจ็ดแฉกให้จางชิงเฟิง เพื่อเป็นการต้อนรับ เมื่อทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะและสลบไปทันที

เฉินซ่งเอื้อมมือจับและเขย่าตัวชายหนุ่มเพื่อตรวจสอบว่าเขาสลบจริงหรือไม่ ก่อนจะพบว่าจางชิงเฟิงหมดสติไปแล้วโดยสมบูรณ์

เฉินเต่ออันกังวลเป็นอย่างมากจึงรีบห้ามและถามขึ้นทันที “ท่านพ่อ ท่านคิดจะทําอะไร? วางแผนอะไรไว้?”

เฉินซ่งยื่นมือผลักลูกชายออกด้วยความไม่พอใจ “พาเมียเจ้าเข้าไปในห้องเสีย อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้”

“ท่านพ่อ เป็นบ้าหรืออย่างไร? ท่านลืมไปแล้ว หรือว่าเฉินไฉ่อเป็นผู้ก่อความผิด จะให้ผู้อื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะนางอีกได้อย่างไร?”

เฉินซ่งจ้องมองเฉินเต่อกันด้วยความขุนเคือง “จะเดือดร้อนหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า หากเจ้าได้เรื่องสักนิดและยอมสอบขุนนาง ข้าจะทําเช่นนี้หรือ? ข้าต้องพึ่งพาไฉอในอนาคตจึงต้องหาชายที่เพียบพร้อมมาแต่งงานกับนาง แต่นังลูกสาวตัวเกลับทําลายทุกอย่างจนไม่เหลือชิ้นดี”

“เต่ออัน เหตุใดเจ้าต้องห้ามข้า? อยากให้น้องสาวของเจ้าแก่ตายในสํานักชีหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น น้องสาวของเจ้าจะเป็นเพียงคนเดียวที่ข้าพึ่งพาได้ ข้าจึงต้องช่วยนางอย่างเต็มที่”

เฉินซึ่งผลักเฉินเต่ออันออกไปอย่างรุนแรง “อย่าเข้ามายุ่ง หากห้ามข้าแสดงว่าเจ้าเป็นลูกอกตัญญ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเต่ออันก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขา ไม่สามารถหยุดผู้เป็นพ่อได้ ดังนั้นจึงลากภรรยาของตนกลับเข้าไปในห้องและลงกลอนอย่างแน่นหนาทันที

ภรรยาของเต่ออันถามด้วยความกังวลใจทันที “สามี… ท่านพ่อต้องการจะทําอะไร? นายน้อยจางเห็นทุกอย่างที่น้องสาวของเราทําแล้วจะยอมแต่งงานกับนางได้อย่างไร? เจ้าจะไม่ห้ามท่านพ่อหน่อยหรือ?”

เฉินเต่ออันตอบด้วยสีหน้าบูดบึง “ท่านพ่อใช้คําว่าอกตัญญมาข่มขู่ ข้าจะทําอะไรได้เล่า? อนึ่ง…เรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้าเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก”

ภรรยาของเฉินเพื่ออันถอนหายใจโดยไม่พูดอะไรต่อ และหวังว่าเรื่องนี้จะไม่ก่อปัญหาอะไรให้ครอบครัวของนาง

ภรรยาของเฉินเต่อยังคงลังเลเพราะกลัวว่าหาก เรื่องนี้ถูกเปิดโปงก็อาจใช้ชีวิตในหมู่บ้านได้ยากขึ้น นอกจากนี้ พ่อตาของนางก็กําลังลากจางชิงเฟิงไปยังเตียงนอนโดยที่เขาไม่รู้ตัว และนางไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร?

“พวกเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ช่วยข้าพาตัวเขาเข้าไปในห้องของไฉ่อี”

“ท่านพ่อ… แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”

เฉินซ่งถอนหายใจ “เพราะเราไม่มีทางเลือกจึงต้องทําเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นน้องสาวของเจ้าต้องได้แก่ตายในสํานักชีเป็นแน่”

“อีกอย่าง… จางซิงเฟิงกําลังจะสอบเลื่อ นขั้นขุนนางในปีหน้า ดังนั้นวันนี้เขาต้องยอมรับลูกสาวข้าเป็นภรรยาให้ได้ แม้จะต้องกัดฟันอดทนก็ตาม”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อพูด เฉินเต่ออันก็ออกมาเพื่อช่วยพ่อพาตัวจางชิงเฟิงไปยังห้องของเฉินไฉ่อีทันที

เฉินไฉ่อยืนดูด้วยใบหน้าแดงก่ําและถามขึ้นว่า “พ่อข้า…ข้าควรทําอะไร?”

แม้เฉินซ่งจะเกลียดการกระทําเช่นนี้เป็นที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ลูกสาวขึ้นคานไปจน ตายได้

ภรรยาเฉินเดืออันพูดขึ้นทันที “ถอดเสื้อผ้าของเขาและเจ้าออกแล้วนอนลงบนเตียง ไม่จําเป็นต้องทําสิ่งใดไปมากกว่านั้น ที่เหลือท่านพ่อจะเป็นคนจัดการเอง”

เฉินไฉ่อพยักหน้ารับด้วยความเขินอาย จากนั้น เฉินเพื่อและภรรยาก็เดินออกจากห้องไป
แม้ว่าจะลังเลใจ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อนึกถึงความโกรธแค้นในใจที่มีต่อหยุนเถียนเถียนและนายน้อยหลี่ เฉินไฉ่อีจึงถอดเสื้อผ้าของตนและจางชิงเฟิงออกทันที

จางชิงเฟิงดูซูบผอมมากเนื่องจากขาดการออกกําลังกายมาตลอดทั้งปี ทว่าเฉินไฉ่อีก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้จึงเร่งถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดอย่างรวดเร็ว

“จางชิงเฟิง แม้ข้าจะไม่ได้รักเจ้า แต่เมื่อสูญ เสียนายน้อยหลี่ไปแล้ว… ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงไร้ยาง อายก็ตาม เพราะหากเจ้าได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ขุนนางชั้นผู้ใหญ่แล้ว ข้าก็จะได้หลุดพ้นจากฝัน ร้ายนี้เสียที”

จางชิงเฟิงตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกปวดหัวอย่างรุน แรง

เมื่อเขาหันหลังกลับมาก็ตกในทันที เหตุใด หญิงผู้นี้จึงมานอนบนเตียงของข้า ทั้งยังอยู่ในสภาพเปลือยกาย นี่มัน…เฉินไฉ่อผู้ไร้ยางอายนี้ ข้าเผลอทําเรื่องไม่ดีไปตอนเมาอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงจําอะไรไม่ได้เลย?”

เมื่อเฉินไฉ่อรู้ว่าจางชิงเฟิงฟื้นแล้วจึงลืมตาขึ้น และแสร้งทําราวกับไม่รู้เรื่อง

จางชิงเฟิงดูดีกว่ามากเมื่อเทียบกับหลี่ซื่อฮว่า ดังนั้นเฉินไม่อีจึงเขินอายด้วยใบหน้าแดงก่ํา

“นายน้อยจาง…”

จางชิงเฟิงขมวดคิ้วพลางถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? ข้า…ข้าเมาอย่างนั้นหรือ?”

เฉินไฉ่อีก้มศีรษะลงพลางพูดด้วยความเขินอาย “ใช่แล้ว ท่านเมาและหลับอยู่บนโต๊ะ พ่อจึงสั่งให้ข้ามาดูแลท่านเพื่อแทนคําขอโทษ แต่ใครจะคิดว่าเมื่อท่านเห็นข้าแล้ว…”

จางชิงเฟิงยกมือขัดนางทันที เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่เฉินไฉ่อีกําลังจะพูดคืออะไร

“ข้าคิดว่าท่านเพียงล้อเล่นจึงไม่ขัดขืนหรือหนีไป อีกทั้งยังไม่อยากให้พ่อต้องเคืองโกรธด้วย”

นางจ้องมองจางชิงเฟินพลางน้ําตาไหล “นายน้อยจาง… ท่านทําเช่นนี้ได้อย่างไร? ความบริสุทธิ์ของข้าถูกพรากไปโดยท่าน หากท่านไม่รับผิดชอบ ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

จางชิงเฟิงพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา และนึกขึ้นได้ว่าเฉินซ่งมอบไวน์ให้เขาดื่ม “ข้าเดิมไปเพียงแก้วเดียวไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงเมาไม่รู้เรื่องเช่นนี้? ข้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน เหตุใดเฉินซ่งจึงกล้าทิ้งลูกสาวไว้กับข้าเพียงสองคน?

ดูเหมือนว่าเฉินซึ่งจะวางแผนทุกอย่างมาอย่างดีแล้ว เพราะเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่สมหวังกับนายน้อยหลี่ เขาก็มัดมือชกให้จางชิงเฟิงแต่งงานกับนางทันที

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จางชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหน้า

ซีด

หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ก่อนจะเดินออกไป

“ลุงเฉินช่างฉลาดเสียจริง หญิงผู้นี้ก็ช่างไร้ยางอาย คนอย่างข้าจะขืนใจนางได้อย่างไร?”

เฉินซึ่งยิ้มพลางเดินเข้าไปหา “เหตุใดนาย น้อยหลี่จึงดูโกรธขนาดนั้นเล่า?”

ตอนที่ 228 การคํานวณของพ่อและลูกสาว

จากนั้นทุกคนจึงกลับไปยังลานโรงงานของครอบครัวหยุนเพื่อหารือเรื่องการส่งมอบโรงงานกับนายน้อยหลี่

ผู้เฒ่าใหญ่มองหน้านายน้อยหลี่อยู่นาน ก่อนจะหันกลับมาเหลือบมองหยุนเถียนเถียนด้วยความซาบซึ้ง

เพราะความสามัคคีและเป็นน้ํานึงใจเดียวกันใน การเจรจาผู้เฒ่าใหญ่จึงได้ส่วนแบ่งมากและมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าผู้อื่น เนื่องจากพวกเขาเกิดมาในชนบทและไม่มีทางทําเงินได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ได้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา

หากมีโรงงาน ผู้เฒ่าใหญ่ก็จะมีรายได้และทําให้ครอบครัวของเขาสามารถก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม โรงงานแห่งนี้ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งทํากําไลของชาวบ้านก็ได้ถูกมอบให้กับผู้เฒ่าใหญ่โดยหยุนเถียนเถียน แม้ว่านางจะได้ส่วนแบ่งมากมายจากที่นี่ แต่ไม่ว่าอย่างไรอํานาจส่วนใหญ่ก็กลายไปเป็นของเขาแล้ว

เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าผู้เฒ่าใหญ่ไม่ได้ทําสิ่งดีไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาเคยช่วยหยุนเถียนเถียนเป็นอย่างดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมาตลอด บัดนี้ผลของความดีงามและบุญคุณได้ตอบสนองเขาแล้ว

“นางหยุน… ที่ผ่านมาพวกเราต่างเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง และทําลายความสดใสของเจ้าไปจนหมด แต่ข้าอยากจะขอบคุณสําหรับเมตตาของเจ้าในครั้งนี้”

หยุนเถียนเถียนมองไปยังชายชราผู้รอบรู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลางยิ้มและพูด “พูดอะไรเช่นนั้นเล่า? ข้ากําลังจะออกจากหมู่บ้านนี้ และเฉินเอ๋อก็จะตามไปในไม่ช้า ไม่ว่าอย่างไรเขาคือนายน้อยแส้เฉิน เขาเป็นหลานของท่านและเป็นน้องชายของข้า”

ผู้เฒ่าใหญ่หัวเราะ “อันที่จริง หลายคนมักคิดว่าเหตุที่ข้ารับเลี้ยงหลานชายผู้นี้ก็เพื่อต้องการทรัพย์สินจากครอบครัวเจ้า แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเด็กผู้นี้เริ่มถูกแปดเปื้อนด้วยมลทิน เขากลับรู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิดทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องกังวลสิ่งใด ข้าจะดูแลโรงงานแห่ง นี้ให้ดีและจะไม่ยอมให้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด”

“ไม่ว่าท่านผู้เฒ่าจะทําสิ่งใด…ข้าไว้วางใจเสมอ อีกไม่กี่วันข้าจะย้ายเข้าไปในเมืองแล้วเพื่อที่เฉินเอ๋อจะได้ไปโรงเรียนง่ายขึ้น ท่านผู้เฒ่าจงรออยู่ที่นี่และเฝ้ารอคอยหลายชายของท่านประสบความสําเร็จ”

ครอบครัวของหยุนเถียนเถียนเต็มไปด้วยความสุขและความหวังใจ ขณะที่ครอบครัวของเฉินซ่งโศกเศร้าแบะเสียใจเป็นอย่างมาก

ครานี้เฉินซ่งตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทําทุกวิถีทาง เพื่อลงโทษและเฆี่ยนตีเฉินไฉ่อี จนกว่านางจะได้รับบทเรียนอันสาสม

ในที่สุดจางชิงเฟิงก็ตั้งสติได้และรู้สึกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกเสียใจหายไปทันที เขาจ้องมองเฉินไฉ่อีด้วยแววตาแห่งความเกลียดชังและรังเกียจอย่างสุดซึ้ง

“ท่านลุง ดูเหมือนว่าเบื้องบนจะไม่ได้ลิขิตมาให้ข้าครองคู่กับลูกสาวท่าน ข้าจะไปฟ้องท่านผู้เฒ่าและให้เขาเป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้เถิด”

เฉินซ่งรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมากจึงแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว “แม้การแต่งงานในครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ความจริงใจและมิตรภาพที่ข้ามีต่อพ่อของเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องโกหกหรือเสแสร้งเลย หลานชาย… อยู่ทานอาหารร่วมกันก่อนเถิด หากผู้อื่นรู้ว่าเจ้ามาถึงที่นี่ แต่ขากลับไม่ต้อนรับด้วยอาหารเลิศรสคงจะไม่ดีนัก” ข้ารู้ว่าลูกสาวผู้ไม่ได้รับการอบรม สั่งสอนของข้าทําให้เจ้าต้องเจ็บช้ําใจ ข้า… ข้าละอายใจเหลือเกิน เช่นนั้นแล้วโปรดอยู่ทานอาหารร่วมกันก่อนเถิด อย่างน้อยก็ให้ข้าได้ชดใช้ต่อสิ่งที่นางทําลงไป“แม้จางชิงเฟิงจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่ อีกทั้งเขายังตบหน้าลูกสาวอย่างรุนแรง แน่นอนว่าเฉินซ่งต้องรู้สึกเสียใจไม่น้อย

ดังนั้นจางชิงเฟิงจึงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

เฉินซ่งโล่งใจเมื่อได้เห็นว่าจางชิงเฟิงตอบตกลง ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกสะใภ้เข้าครัวเพื่อทําอาหาร และให้ลูกชายคนโต เฉินเต๋ออันออกมารับแขก

เฉินเต๋ออันและภรรยาซ่อนตัวอยู่ในห้องซ่อนตัวอยู่ในห้องโดยไม่ยอมออกไปไหน แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อ พวกเขาจึงจําเป็นต้องเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ภรรยาของเฉินเต๋ออันจ้องเขม็งไปยังเฉินไฉ่อีพลางคิดในใจ หญิงผู้นี้ช่างน่าละอายยิ่งนัก ไม่ยอมแต่งงานกับชายที่เพียบพร้อมเพื่อเป็นเมียหลวง แต่กลับไปอ้อนวอนขอเป็นนางบําเรอของชายอื่น

ดวงตาของเฉินซ่งเปล่งประกายด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดกับลูกสาวด้วยเสียงแข็ง” ส่วนเจ้า… หญิงสารเลวไปเรียกแม่ของเจ้ามาเสีย จากนั้น เขาจึงหันศีรษะกลับมาและพูดกับจางชิงเฟิงอย่างสุภาพ” หลานชาย… นั่งรอก่อนเถิด ข้าจะไปหาเครื่องดื่มมาให้”ขณะที่เฉินซ่งกําลังจะเดินเข้าไปในบ้าน จางชิงเฟิงก็คว้ามือเพื่อหยุดเขาไว้ เฉินซ่งยิ้มออกมาพลางหันหน้ามองเฉินผิงอันที่กําลังรู้สึกละอายใจ

ทันใดนั้น เฉินซ่งดึงลูกสาวของตนไปที่ประตูพลางถาม “เจ้าเป็นบ้าอะไร? เมื่อวานเราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงยังทําเช่นนี้?”เฉินไฉ่อีน้ําตาไหลพรากและรู้สึกสับสนต่ออนาคตของตน”เจ้ากล้าทําลายงานแต่งงานที่จะเป็นเรื่องดีต่อครอบครัวเราเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่รู้หรือว่าครอบครัวของจางชิงเฟิงไม่ควรมาเสียใจกับเรื่องนี้ ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องถูกทําลายจนป่นปี้ และยังเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้าน เจ้าจะไม่มีวันได้แต่งงานอีกเมื่อได้ยินดังนั้น เฉินไฉ่อีก็รู้สึกเป็นกังวลเพราะไม่เคยมีหญิงใดในหมู่บ้านที่แก่ตัวไปโดยไม่ได้แต่งงาน”พ่อ ข้าผิดไปแล้ว ตอนนี้ข้าควรทําอย่างไรดี? “แววตาของเฉินซ่งปล่งประกายทันที”เราคงบังคับจางชิงเฟิงให้เปลี่ยนใจกลับมา แต่งงานกับเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นแล้ว จงไปหาแม่ของเจ้าและบอกให้นางขึ้นไปเก็บหญ้าเจ็ดแฉก จากบนภูเขาลงมาก่อนอาหารจะเสร็จ แม้เฉินไฉ่อีจะเรียนมามากแต่ก็ยังไม่รู้ว่าหญิงเจ็ดแฉกมีไว้เพื่ออะไร จึงมองพ่อของตนด้วยความงุนงง”เอาหญ้าเจ็ดแฉกมาเพื่อสิ่งใดกัน?“เฉินซ่งตอบเสียงแข็ง” ไม่ต้องห่วง หญ้านี้ไม่ได้เป็นอันตรายเพียง จะทําให้คนหลับใหลอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างที่พ่อทําก็เพื่อลูก ไม่เช่นนั้นคงไม่แสรั้งตบหน้าเจ้าหรอก”แล้ว… พ่อคิดจะทําอะไรหรือ?”เฉินซ่งจ้องมองลูกสาวด้วยความหงุดหงิด”ในสถานการณ์เช่นนี้มีวิธีอื่นด้วยหรือ? หากเราทําพลาด เจ้าจะไม่มีวันได้แต่งงานอีก และชื่อเสียงของเจ้าก็จะถูกทําลายจนไม่มีชิ้นดี เช่นนั้นแล้วเราต้องใช่ อุบายหลอกล่อเขา”หากปล่อยเขาไป ชีวิตของเจ้าต้องแย่เป็นแน่ ชายผู้นี้มีน้ําใจและอ่อนโยน หากเจ้าเกลี้ยกล่อมและประพฤติดีต่อเขาก็อาจทําให้เขาเปลี่ยนใจได้ เฉินไฉ่อี หากเจ้าทําแผน ครั้งนี้พังอีกชีวิตเจ้าก็จะพังเช่นกัน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูด ดวงตาของเฉินไฉ่อีก็เบิกกว้างพร้อมใบหน้าแดงก่ํา

เฉินไฉ่อีกัดฟันพยักหน้า เนื่องจากถูกนายน้อยหลี่ทําให้ต้องอับอาย ดังนั้นนางจึงต้องกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาให้ได้ หากทําตามแผนของพ่อ และเอาใจท่านขุนนางจางชิงเฟิง แน่นอนว่าเขาจะหยุดเพิกเฉยและกลับมาหลงใหลในตัวเฉินไฉ่อีจนควบคุมไม่ได้

จากหญิงสาวผู้รอบรู้และมีเหตุผลกลับกลายเป็นคนต่ําต้อย ต้องพึ่งแผนการอันชั่วร้ายของผู้เป็นพ่อเท่านั้นจึงจะได้แต่งงาน อย่างไรก็ตาม นางจดจําความแค้นที่มีต่อหลี่ซื่อหัวและหยุนเถียนเถียนไว้อย่างดี เมื่อไหร่ที่มีอํานาจนางจะไม่ยอมปล่อยสองคนนี้ไปอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นแววตาอันโกรธแค้นของลูกสาว เฉินซ่งจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่หญิงผู้นี้เต็มใจจะร่วมมือกับเขาก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ตอนที่ 227 สูญเสียทั้งสองทาง

เฉินไฉ่อไม่ได้สนใจจางชิงเฟิงแม้แต่น้อยเพราะในสายตาของนางมีเพียงนายน้อยหลี่ เท่านั้น

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นว่าเป้าหมายที่เขาต้องการสําเร็จแล้วจึงพูดอย่างเยาะเย้ยว่า“เจ้าเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านและเป็นหญิงที่มีความรู้จริงๆหรือ?เหตุใดจึงไร้สมองและไร้ยางอายนัก?เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ? เหตุใดจึงปฏิเสธชายที่รักเจ้ามีเพียงคนโง่เท่านั้นที่พยายามยัดเยียดตนเองใส่มือของข้า”

สีหน้าของเฉินไฉ่อเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้รู้ว่านายน้อยหลี่ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย

“นายน้อยหลี่ ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าปฏิบัติต่อท่านด้วยใจจริง เหตุใดจึงทําราวกับว่า ไม่ต้องการข้า?”

หลี่ซื่อฮวายิ้มเยาะและไม่ได้สนใจอะไรพลันเดินหน้าต่อเพื่อไปยังโรงงานของหยุน เถียนเถียนทันที

เมื่อเห็นว่านายน้อยหลี่กําลังจะจากไปเฉินไฉ่อก็ตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่งทันที “ข้ารู้ว่าเป็นเพราะหญิงสารเลวผู้นั้นนางมีคู่หมายแล้วทั้งยังอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างไร้ยางอายแต่กลับติดต่อกับท่านงั้นหรือ? นายน้อยหลี่… ท่านมีแต่จะโดนนังนั่นหลอก”

แท้จริงแล้วขณะที่เฉินไฉ่อีกําลังส่งเสียงดังโวยวายทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างได้ยินอย่างชัดเจนแต่เพราะกลัวว่าจะทําลายหน้าตาทางสังคมและชื่อเสียงของหญิงสาวจึงไม่มีใครออกมาเพื่อหยุดนาง

หากเฉินไฉ่อไม่โกรธจนควบคุมสติไม่ได้คงจะสังเกตเห็นว่ามีคนมากมายกําลังจ้องมองนางอยู่

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินสิ่งที่นางก่นด่าตนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูและเดินออกมาทันที

“นางเฉิน… เจ้ากล้าพูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไร? ที่ข้าต้องอาศัยอยู่กับคู่หมายก็เป็นเพราะถูกหลินชวนฮวาเผาบ้านและไม่มีที่ไปเพราะไม่ว่าอย่างไรข้าทั้งสองก็ต้องแต่งงานกันไม่ช้าก็เร็วเจ้ามีปัญหาอะไรต่อข้าอีกหรือไม่?เหตุใดนางเฉินและเจ้าบ่าวจึงกล้ามาหยุดรถม้าของผู้อื่นตามอําเภอใจ?”

“ว่ากันว่าเจ้ารู้จักตําราเล่มหนึ่งที่ไม่ใช่หรือ? ตํา ราสมบัติผู้ดี… เคยอ่านใช่หรือไม่?คู่หมายของเจ้ากําลังยืนฟังเจ้าสาวสารภาพรักต่อชายอื่นโดยที่นางไม่ใส่ใจเลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เฉินไฉ่อี… เจ้ากล้าทําเช่นนี้โดยไม่ละอายใจได้อย่าง ไร?”

เฉินไฉ่อกัดฟันพลางน้ําตาไหล และเพื่อรักษา ภาพลักษณ์ต่อหน้านายน้อยหลี่นางจึงเงียบและไม่ตอบกลับอะไร

เฉินไปถอนหายใจยาว เพราะหากเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านเทพธิดาคงจะทําให้เสีย หน้าเป็นแน่ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทําให้ขุนนางผู้นี้ต้องทุกข์ระรมอย่างสิ้นหวังก็ไม่ใช่เรื่องดี หากมีข่าวลือเสียหายเกิดขึ้นเกรงว่าจะไม่มีใครสามารถแก้ต่างได้

เฉินไปจึงเอื้อมมือออกไปเพื่อปลอบใจจางชิงเฟิง “รู้ตัวตนที่แท้จริงของนางตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?ดีกว่าต้องเสียใจและทุกข์ระทมไปทั้งชีวิตหลังจากแต่งงาน”

จางชิงเฟิงทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เฉินไปไม่รู้จะทําอย่างไรจึงพาตัวเขาไปหาเฉินซึ่งเพราะไม่ว่าอย่างไรชายผู้นี้ก็ถือเป็นลูกเขยของเขาและมีเพียงเฉินซึ่งเท่านั้นที่จัดการเรื่องนี้ได้

“นายน้อยหลี่… เชิญไปนั่งที่ลานหน้าโรงงาน ของข้าก่อนเถิด หยุนเคออยู่ที่นั่นและจะดูแลท่า นเป็นอย่างดีส่วนเฉินไฉ่อ… จงส่งนางกลับบ้าน ไปเสียและดูแลให้ดี หญิงผู้นี้ทําเรื่องอัปยศจนน่าละอายใจ”

เฉินไปพยักหน้าก่อนจะพาตัวเฉินไฉ่อีกลับไป ยังบ้านของเฉินซึ่งทันทีโดยไม่สนใจว่านางจะขัดขันหรือไม่

“หยุนเถียนเถียน นั่งสารเลวหากไม่ใช่เพราะเจ้านายน้อยหลี่คงไม่ดูถูกข้าเช่นนี้ต้องเป็นเจ้าแน่ที่เป่าหูเขาว่าข้าเป็นคนไม่ดีเพราะเจ้าอิจฉาและยังต้องแต่งงานกับชายป่าเถื่อนน่ารังเกียจจึงอยากทําลายชีวิตข้าใช่หรือไม่?”

หยุนเกียนเถียนรู้สึกไม่อยากเข้าไปพัวพันกับ หญิงผู้นี้อีกจึงเพิกเฉยและนิ่งเงียบ แม้เฉินไฉ่อจะ สาปแช่งนางก็ตาม

ไม่นานชาวบ้านก็ต่างมารุมล้อมกันยังบ้านของ เฉินซึ่ง

เนื่องจากเฉินซ่งได้สูญเสียตําแหน่งหัวหน้าหมู่ บ้านไปแล้ว เขาจึงใช้เวลาทั้งวันนั่งจิบชาอยู่ที่บ้านโดยไม่ได้ออกไปไหนเลย

แต่เมื่อเห็นผู้คนมากมายต่างกรูกันเข้ามายังบ้า นของตน ทั้งยังได้ยินเสียงลูกสาวกรีดร้องอย่างสิ้นหวังเฉินซึ่งจึงรีบออกมาทันที

“เฉินไป แม้เจ้าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ ควรรังแกลูกสาวของข้าเช่นนี้”

ผู้เฒ่าใหญ่แทรกขึ้นอย่างเคร่งขรึม “เฉินซึ่ง เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ใครกันจะกล้ารังแกลูกสาวของเจ้าโดยไม่มีเหตุผล?”

เฉินซ่งก้มศีรษะลงพลางพูดด้วยความเคารพ “ไม่มี..”

แท้จริงแล้ว เฉินซึ่งสาปแช่งท่านผู้เฒ่าอยู่ในใจ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดเข้าจึงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

“มาดูสิว่าลูกสาวที่แสนดีของท่านถูกสอนมา แบบไหนกัน? นางเข้าหยุดรถม้าของนายน้อยหลี่เพื่อสารภาพรักต่อหน้าเจ้าบ่าวของตนอย่างไรยางอายช่างเป็นหญิงที่เพียบพร้อมเสียจริง”

สีหน้าของเฉินซ่งเปลี่ยนไปทันที เพราะไม่คิด ว่าลูกสาวที่เขาเกลี้ยกล่อมมาอย่างดีเมื่อวานนี้จะทําลายทุกอย่างจนมอดไหม้

“มาดูเถิดว่าหญิงผู้นี้ทําเรื่องอัปยศต่อลูกชาย ของจางชิวไฉ่อย่างไร? ข้าส่งตัวเจ้ากลับมาที่นี่พร้อมจางชิงเฟิงเพื่อจะรอฟังคําสารภาพเฉินซ่ง… หน้าตาและชื่อเสียงของท่านที่สร้างมาโดยตลอดวันนี้กลับถูกทําลายเพราะลูกสาวที่แสนดีเช่นนั้นแล้วอย่าปล่อยให้นางมาทําลายชื่อเสียงของหมู่บ้านเด็ดขาด”

เฉินซ่งเหลือบมองจางชิงเฟิงและตกใจต่อการ แสดงออกของเขา ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะผิดหวังเป็นอย่างมากใบหน้าและแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองหากปล่อยไว้เช่นนี้คงไม่ดีแน่เพราะอาจทําให้เฉินซึ่งสูญเสียลูกเขยที่เขาปรารถนาไป

เมื่อคิดถึงความฝันที่กําลังจะพังทลายลงเฉินซึ่งจึงตะโกนใส่ลูฏสาวทันที“เรียนหนังสือสูง เสียเปล่าแต่กลับไร้ยางอายจางชิงเฟิงไม่ดีอย่างไร?ข้าสั่งสอนและส่งเสียให้เจ้าเรียน หนังสือเพื่อให้มีความรู้และแต่งงานกับขุนนางไม่ใช่เพื่อให้มาเป็ฯทาสรับใช้หรือสนมของใคร”

เฉินไฉ่อีก้มศีรษะลงหลั่งน้ําตาด้วยความเจ็บปวดเพราะนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุ นเถียนเถียนจึงต้องไปเป่าหูนายน้อยหลี่เช่นนั้น?

สําหรับเฉินไฉ่อ การเจรจาธุรกิจที่หยุนเถียนเถียนกล่าวอ้างล้วนเป็นรื่องโกหกหญิงก็เป็น เพียงหญิงทําได้ดีที่สุดก็แค่เย็บปักถักร้อยจะไปเจราจาธุรกิจเฉกเช่นชายได้อย่างไร?นางต้องยั่วยวนนายน้อยหลี่เป็นแน่และเขากพร้อมจะตอบสนองเสมอ

เมื่อเห็นท่าที่ไม่สํานึกของลูกสาว เฉิงซูวก็ตบ หน้านางอย่างรุนแรงทันที

“พอใจแล้วหรือยัง? นายน้อยหลี่ไม่ได้สนใจเจ้าแม้เพียงนิดเจ้าทําลายแผนการทุกอย่างของครอบครัวเราทั้งยังทําร้ายความรู้สึกลูกชายเขาจนป่นปี้เช่นนี้แล้วจะให้ข้าแบกหน้าไปบอกครอบครัวจางว่าอย่างไร?”

เฉินไปแทรกขึ้นทันที“แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวของท่านเองเถิดข้ามีอย่างอื่นที่ต้องจัด การ จากนี้ไปก็จงอย่าปล่อยให้ลูกสาวของท่านสร้างเรื่องอะไรอีก”

ตอนที่ 226 การแสดงที่ดี

อย่างไรก็ตาม การมาถึงของนายน้อยหลีก็ย่อมต้องแจ้งท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากใครโดยเฉพาะเฉินไฉ่อีที่คอยติดตามเรื่องนี้อยู่

ตอนนี้ผู้คนจํานวนมากต่างรายล้อมเข้ามายัง ลานหน้าโรงงานของหยุนเวียนเถียน รวมถึงผู้เฒ่าใหญ่และครอบครัวของเฉินไป่ด้วย

เดิมทีหยุนเถียนเถียนมอบหมายให้ชายผู้หนึ่งดูแลโรงงานนี้ แต่เนื่องจากเขาโกงบัญชี หลอกลวง และไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งดีที่จะมอบหมายให้สองครอบครัวช่วยกันดูแล

ทุกคนที่นั่นต่างรอคอยการมาถึงของนายน้อยหลี่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะเขามักจะช้าและไม่ตรงเวลาเสมอ

หลี่ซื่อฮวารีบเดินทางมาทันทีที่ได้รับข่าว เนื่องจากหยุนเกียนเถียนคือเทพแห่งความมั่งคั่งของเขา ดังนั้นนายน้อยหลีจึงไม่อยากทําให้นางต้องรู้สึกขุ่นเคือง

ทันใดนั้น เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… เฉินไฉ่อีวิ่งออกไปเพื่อหยุดรถมาด้วยความโศก เศร้า เมื่อเสี่ยวซื่อเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที

หลี่ซื่อหัวเดินทางมายังโรงงานแห่งนี้ด้วยความหวังใจและความสุข แต่เมื่อเห็นกิริยาของหญิงผู้นี้อารมณ์ของเขาก็จมลงทันที

ในมุมมองของหยุนเวียนเถียน เฉินไฉ่อีนับว่าเป็นหญิงที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียน แสดงเก่งหญิงกว่าตัวละครในนิยาย และนางมักจะเปรียบตนเองเป็นนางเอกเสมอ

หลี่ซื่อหัวจ้องมองเฉินไฉ่อีอย่างเพิกเฉยด้วยแววตาดูถูกและรังเกียจอย่างถึงที่สุด

“นายน้อยหลี่ ข้าแอบมาพบท่านเป็นครั้งสุดท้าย ข้ากําลังจะแต่งงาน โอ้…แต่ข้ายังลืมท่านไปจากหัวใจไม่ได้เลย”

เฉินไฉ่อีพูดพลางเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ําตา

หลี่ซื่อหัวแสยะยิ้มด้วยความสงสัย “นางจะแต่งงานหรือไม่ ข้าต้องรับรู้ด้วยหรือ?”

ทันใดนั้น เสี่ยวซื่อผู้ปากร้ายก็พูดขึ้นทันที “นางเฉิน แม้นายน้อยหลี่จะไม่น่าเชื่อถือนัก แต่เขาก็ไม่ได้มั่วหญิงไปทั่ว แม้ผู้คนในชนบทจะยากจน แต่พ่อของเจ้าก็เป็นหัวหน้าปกครองหมู่บ้านเทพธิดามานาน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเงินซื้อกระจกไว้ส่อง เช่นนั้นแล้ว กลับไปที่บ้านและส่องกระจกดูสารรูปตนเองเสีย กล้าทําเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินเสี่ยวซื่อพูดจาเช่นนั้นนางก็ทนไม่ได้ทันที

เฉินไฉ่อีจ้องเขม็งไปยังเขาพลางกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เจ้าก็แค่ทาสรับใช้ นายน้อยหลี่ยังไม่ได้พูดหรือตําหนิข้าเลย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเช่นนี้?”

เมื่อมองขึ้นไปและเห็นแววตาอันอ่อนโยนของหลี่ซื่อฮวา เฉินไฉ่อีก็รู้สึกไม่อยากแต่งงานกับเจ้าบ่าวของตนซึ่งเป็นชายหนุ่มธรรมดาทันที

“นายน้อยหลี่ ข้ารู้ว่าท่านสามารถพาข้ากลับไปกับท่านได้ เหตุใดจึงไม่ทํา? ตราบใดที่ท่านยอมรับและดูแลข้า ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”

เฉินไฉ่อีพูดพลางร้องไห้ด้วยความวิตกกังวลราวกับกําลังมีเรื่องทุกข์ใจ

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นท่าทางของหญิงสาวก็รับรู้ได้ทันทีว่านางเพียงแสร้งทําเท่านั้น

ขณะเดียวกันจางชิงเฟิงก็เดินทางมายังหมู่บ้านเทพธิดาพร้อมเนื้อสองชิ้นในมือ แม้เขาจะอ้างว่ามาที่นี่เพื่อพบพ่อตาและแม่ยาย แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าจางชิงเฟิงมาเพื่อพบคนรักของเขา

ในตอนแรกจางชิวไฉ่ไม่ต้องการให้ลูกชายของตนแต่งงานกับหญิงผู้นี้ จึงออกอุบายว่านางไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์และไม่คู่ควรกับเขา

แต่จางชิงเฟิงเชื่อมั่นในชื่อเสียงของเฉินไฉ่อีมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าไม่มีทางที่นางจะไม่บริสุทธิ์ หญิงผู้มีความรู้ความสามารถและเพียบพร้อมเช่นนี้จะกล้าโกหกหรือทรยศเขาได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเมื่อคนเราตกหลุมรักก็มักจะตาบอด ดังนั้นจางชิงเฟิงจึงเชื่อมั่นในตัวเฉินไฉ่อีเป็นอย่างมาก โดยไม่ได้คํานึงว่านางอาจมีแผนร้ายซ่อนอยู่

แม้จางชิวไฉ่อยากจะห้ามลูกชายเพียงใดก็ทําไม่ได้ จางชิงเฟิงเป็นคนหัวดื้อมาแต่เดิม เขาจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ

จางชิวไฉ่รู้สึกเสมอว่าหากเฉินไฉ่อีได้แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ ไม่ว่าก่อนหน้าเขาจะเกลียดชังหญิงสาวมากเพียงใด แต่ก็ต้องเป็นห่วงชีวิตครอบครัวของลูกชายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินไฉ่อีก็เป็นเพียงหญิงอ่อนแอ แน่นอนว่าลูกชายของเขาต้องลําบากเป็นแน่

ด้วยเหตุผลนี้ จางชิวไฉ่จึงไม่ต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับหญิงสาวผู้นี้เพียงเพราะเป็นคนฉลาดและมีความรู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางห้ามความคิดและความต้องการของจางชิงเฟิงได้ และเขาก็ไม่ต้องการมีปัญหากับลูกชายเพียงเพราะหญิงคนเดียว

ถึงแม้ว่าจางชิวไฉ่จะพยายามผัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด แต่ในท้ายที่สุดวันนี้ก็มาถึง

ในวันแต่งงาน เฉินไฉ่อได้รับคําแนะนําที่ดีมากจากพ่อของตน และนางก็ถือว่าเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็มีความรู้เป็นมงกุฎประดับหัว

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในวันแต่งงานจางชิงเฟิงโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะเขาบังเอิญพบว่าคนรักของตนแอบออกไปเจอนายน้อยหลี่ ใบหน้าอันแดงกําด้วยความเขินอายกลับกลายเป็นโกรธแค้นทันที

เฉินไฉ่อีที่ไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวของตนซุ่มดูอยู่ก็พูดอย่างข่มขื่นว่า “นายน้อยหลี่ หากท่านยอมรับข้า.. ข้าก็ยินดีจะเป็นทาสรับใช้ที่เชื่อฟังของท่าน”

หลี่ซื่อฮวาหันมองและพบกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งดูเหมือนขุนนางกําลังยืนอยู่พร้อมถือเนื้อในมือใบหน้าของเขาแดงกําด้วยความโกรธซึ่งทําให้นายน้อยหลี่รับรู้ได้ทันทีว่า เขากําลังทิ้งเฉินไฉ่อีอยู่

ดังนั้นนายน้อยหลี่ผู้ซึ่งมองดูความโชคร้ายนี้ก็เริ่มต้นการแสดงของเขาเช่นกัน

“เฉินไฉ่อี เจ้ากําลังจะบอกว่าต้องการติดตามข้าในฐานะทาสและสาวใช้อย่างนั้นเหรอ? แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากําลังจะแต่งงานกับลูกชายของจางชิวไฉ่ไม่ใช่หรือ?”

แววตาของเฉินไฉ่อีเปล่งประกายด้วยความดูถูกก่อนจะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นายจางเป็นเพียงชายผู้โงเขลา จะเปรียบกับท่านได้อย่างไร? ข้าเพียงทําตามคําสั่งของพ่อเท่านั้น แท้จริงแล้ว ข้าไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานกับชายผู้นั้นเลย”

แน่นอนว่าใบหน้าของจางชิงเฟิงซีดเผือดทันที เมื่อได้ยินคําพูดนี้

หลี่ซื่อฮวาแสยะยิ้มด้วยความรังเกียจก่อนจะพูด “เจ้าตามข้ามาไม่ใช่เพราะต้องการเป็นทาสหรอก… ต้องการเป็นเมียมากกว่า เป็นการดีที่จะขอร้องข้า เพราะหากแต่งงานกับลูกชายของนางจาง เจ้าก็จะได้เป็นเพียงภรรยาของคนชนชั้นธรรมดา เท่านั้น”

เฉินไฉ่อีคิดว่าโอกาสของนางมาถึงแล้ว เพราะในที่สุดนายน้อยหลีก็ยอมอดทนที่จะพูดคุยกับตน เฉินไฉ่อีพยายามแสดงออกถึงความดีและความงามให้นายน้อยหลี่ได้เห็นโดยไม่สนใจผู้ใดเลย

“ข้ารัก เทิดทูน และบูชาท่านเพียงผู้เดียว”

หลี่ซื่อฮวามองเฉินไฉ่อีพลางแสยะยิ้ม “เจ้าพูดเช่นนี้เพื่อเอาใจข้าสินะ ไม่กลัวบ้างหรือว่าหากจางชิงเฟิงมาได้ยินเข้าจะเสียใจ? ลองหันหลังไปดูสิว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินไฉ่อีจึงหันหลังกลับไปมองทันที ก่อนจะพบว่าจางชิงเฟิงกําลังยืนมองนางอยู่ด้วยความเสียใจปนโกรธแค้น

เฉินไฉ่อีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางไม่อยากเชื่อว่าชายที่กําลังยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นจางชิงเฟิง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้คงไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าการประจบประแจงนายน้อยหลี่

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินไฉ่อก็หันศีรษะกลับมาอีกครั้ง “นายน้อยหลี่… ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับชายผู้นี้จริง ๆ ท่านเป็นเพียงบุรุษเดียวที่ข้ารัก”

จางชิงเฟิงเสียใจมากจนตั้งสติไม่ได้ เขาเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะล้มลงกับพื้น

ตอนที่ 225 หมดหวัง

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าผู้คนในหมู่บ้านนี้ต่างมีที่ดินทํากินแต่ก็ไม่มากนักนอกจากบุคคลที่ทํางานในโรงงานของนางแล้วยังมีชาวบ้านบางส่วนต้องเดินทางเข้าไปทํางานในเมืองซึ่งห่างไกลและไม่คุ้มค่าแรงเลย

“ท่านป้า โปรดจงปลูกข้าวสาลีบนที่ดินแห่งนี้ในฤดูหนาวเพราะมันจะให้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ

จี้ชื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เหตุใดนางจึงกล้าหาญนัก? ยอมกัดฟันซื้อที่ดินห้าสิบไร่เพื่อใช้ในการปลูกข้าวสาลีข้าอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแต่ไม่เคยเห็นใครปลูกพืชชนิดนี้ให้งอกงามได้

“ท่านป้า ข้ารู้ว่าทุกอย่างอาจเป็นไปได้ยากแต่ข้าไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องจึงต้องรบกวนท่านให้ช่วยดูแล”

“ส่วนเมล็ดมันเทศ ข้าจะหาให้ท่านเองจงปลูกมันเทศในฤดูการอื่น และปลูกข้าวสาลีในฤดูหนาวผลผลิตของมันเทศข้ายกให้ทั้งหมด เพราะข้าต้องการเพียงผลผลิตของข้าวสาลีและหากได้มาแล้ว ข้าจะจ่ายค่าแรงให้เป็นการตอบแทนท่านป้าคิดเห็นอย่างไร?”

จชื่อดีใจเป็นอย่างมากเพราะในฤดูหนาวนอกจากที่ต้องดูแลโรงงานแล้ว ยังมีสมาชิกในครอบครัวอีกมากที่ยังว่างงานอยู่หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนผลผลิตมันเทศทั้งหมดก็จะกลายเป็น ของครอบครัวนาง แน่นอนว่านี่เป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยม

“เถียนเถียน เจ้าพูดจริงหรือ? ด้วยวิธีนี้ครอบครัวของเราก็จะมีรายได้และไม่ต้องอดอยากอีก”
หยุนเกียนเถียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เป็นเช่นนั้นและในทุกฤดูหนาวข้าจะจ่ายค่าแรงให้ ด้วยเช่นกัน”

จชื่อพยักหน้า “เถียนเถียน แม้ว่าข้าจะเคยช่วยเหลือเจ้าในอดีตแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก ทว่าตอนนี้เจ้ากลับช่วยเหลือข้าและครอบครัวอย่างเหลือล้นจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร”

“เจ้าช่างเก่งและมีเมตตายิ่งในเมื่อเจ้าช่วยข้าอย่างเต็มที่… ข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องของการพึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลหากใครดีต่อข้าแน่นอนว่าข้าย่อมดีตอบ”

จชื่อรู้ดีว่าหากทําการเกษตรบนที่ดินของผู้อื่นที่ไม่ใช่หยุนเถียนเถียนพวกเขาจะไม่มีทางได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้อย่างไรก็ตามหญิงผู้นี้ก็ยังยอมสูญเสียผลผลิตมากมายเพื่อตอบแทนที่จีชื่อเคยช่วยเหลือนางมาก่อน

“ข้ารู้ดีว่ากว่าเจ้าจะมาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ครอบครัวเรายากจนนักข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรแต่ไม่ต้องกังวลข้าจะดูแลที่ดีนทั้งหมดที่เจ้าให้มาเป็นอย่างดี… วางใจเถิด”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกละอายใจแท้จริงแล้วราคาของข้าวสาลีนั้นสูงกว่ามันเทศมากไม่ว่าอย่างไรนางก็ได้กําไรมหาศาลอยู่ดี

“ท่านป้า อย่าพูดเช่นนั้นเลย อันที่จริงข้าได้กําไรจากสิ่งนี้อย่างมหาศาลเพราะราคาข้าวสาลีสูงกว่ามันเทศมากทั้งยังต้องปลูกและดูแลอย่างพิถีพิถันแต่นี่คือสิ่งที่นายน้อยหลี่ต้องการหากท่านทําได้ข้าจะยกที่ดินให้สามไร่”

จชื่อจ้องมองหยุนเถียนเถียนดวยความพาคภูมิใจราวกับเห็นความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ที่กําลังจะเกิดขึ้นแม้ในยามทุกข์ใจหยุนจิงเอ๋อก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ไปได้แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากลับรู้จักลุกขึ้นต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง

“เถียนเถียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าวางแผนที่จะยกโรงงานให้ครอบครัวผู้เฒ่าใหญ่… พร้อมสําหรับสิ่งนี้หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าอย่างสงบ “ข้าไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทําให้ต้องเจ็บช้ํามากพอแล้วข้าต้องการย้ายไปอยู่ในเมืองเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นและเฉินเอ่อเองก็จะได้ไม่ลําบากเรื่องการไปเล่าเรียน”

อันที่จริงก็มีแต่พวกชาวบ้านที่เกลียดชังและคอยกลั่นแกล้งหยุนเถียนเถียนอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ท่านผู้เฒ่าจะพยายามห้ามปรามเพียงใดก็ไม่เป็นผล

“แต่ข้าไม่เคยทําให้เจ้าต้องเจ็บช้ําใจเลยตอนนี้ความสุขของเจ้าไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาอีกต่อไปแม้ข้าอยากเกลี้ยกล่อมหรือห้ามไม่ให้เจ้าจากไปเพียงใดก็คงทําไม่ได้เฉินไฉ่อีกําลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเจ้าอยากไปร่วมงานหรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง “นางอยากเป็นนาง บําเรอของหลี่ชื่อฮวาไม่ใช่หรือ?จะแต่งงานได้อย่างไรกัน?

“อืม อย่างไรเสียท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็เคยช่วยเหลือและดีต่อข้ามาก่อน… ข้าควรเอาของขวัญไปมอบให้นางเสียหน่อย”

จชื่อหยักหน้า “เป็นที่รู้กันดีว่าเฉินไฉ่อีมีชื่อเสี ยงที่ไม่ดีในหมู่บ้านและคงไม่มีใครอยากแต่งงานกับหญิงเช่นนี้ทว่าเรื่องนี้ก็เป็นที่เล่าลือกันในหมู่บ้านเท่านั้นแน่นอนว่าคนต่างหมู่บ้านจะไม่มีทางรับรู้แต่ใครจะคิดว่าชะตาชีวิตของนางจะถูกลิขิตให้ครองคู่กับลูกชายของจางชิวไฉ่!”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “หากนางดําเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อต่อสามีชะตากรรมนี้ก็ถือว่าเป็นพรแต่หากนางยังไม่รู้จักพอและทําเรื่องน่าละอายทุกสิ่งก็จะกลายเป็นคําสาปแช่ง!”

จชื่อมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบหยุนเถียนเถียนว่า“ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของท่านหัวหน้า หมู่บ้านรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อข่าวลือเรื่องที่ลูกสาวต้องการเป็นนางบําเรอของนายน้อยหลี่ถูกเผยแพร่ออกไป!

หยุนเทียนเถียนตกตะลึงและถามขึ้นทันที”ท่านป้าหมายความว่าอย่างไร?”จะไม่ให้ภู มิใจได้อย่างไรในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่านายน้อยหลี่เป็นขุนนางแต่ข้าได้ยินมาว่าคราก่อนเขาป่วยขณะที่กําลังสอบเลื่อนขั้นเพราะสุขภาพไม่ดีแต่ก็สามารถสอบผ่านและกลายเป็นขุนนางได้หากเขาลงสอบขั้นต่อไปก็อาจได้เป็นนักปราชญ์! ตระกูลหลี่ก้าวย่างได้อยากมั่นคงเพราะเขาใช่หรือไม่?! “หยุนเสียนเถียนแสยะยิ้มนายน้อยหลี่ย้าย เข้ามาอยู่ในบ้านของผู้เฒ่าใหญ่อย่างกะทันหันแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านคงไม่รีบจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวเช่นนี้!”

อย่างไรก็ตาม เฉินไฉ่อีก็เป็นหญิงที่มีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมากและนายน้อยนี้ก็คารมคมคายไม่น้อยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนางจะมีความคิดอยากเป็นนางบําเรอของเขา

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากหญิงสาวผู้หนึ่งจะคิดเช่นนี้แต่ที่น่าแปลกใจคือภรรยาของท่านหัวหน้าหมู่บ้านกล้าเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร?”ข้าเพียงสงสัยว่าเหตุใดภรรยาของท่านหัวหน้าหมู่บ้านจึงพูดเช่นนี้ออกมาได้?”จชื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรและไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงภาคภูมิใจนักแต่อันที่จริงเจ้าบ่าวในวันนี้คือลูกชายตระกูลจางไม่ใช่นายน้อยหลี่”

เดิมที่หยุนเกียนเถียนตั้งใจจะฝากของขวัญไปให้แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกลับรู้สึกอยากไปดูให้เห็นกับตา

แม้หลี่ซื่อฮวาจะไม่ใช่ขุนนางที่เก่งกล้าแต่ก็รวยและหล่อเหลาเอาการจนทําให้เฉินไฉ่อคลั่งไคล้จนอยากเป็นนางบําเรอ

เจ้าบ่าวของนางเป็นคนเช่นไรกัน? เหตุใดเขาจึงสามารถเอาชนะนายน้อยหลี่ได้?”

จ่อชื่อนั่งลงอย่างสบายใจพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องทําที่บ้านไม่นานก็นึกออกจนถี่ถ้วน ขณะที่ หยุนเกียนเถียนไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เฉินไฉ่อีทําเช่นนี้เพราะอาจสามารถทําให้ผู้คนหัวเราะเยาะ นางและครอบครัวได้!

และเนื่องจากเฉินไปต้องการมาเป็นคนดูแลร้านอาหารของนายน้อยหลีในอนาคต หยุนเกียนเถียนจึงต้องร้องขอให้หลี่ซื่อฮวากลับมายังหมู่บ้านนี้อีกครั้ง

ตอนที่ 224 นิสัยเสียของสตรี

 

” เถียนเถียนเห็นหรือไม่ว่าเราสามารถรักษาความสัมพันธ์ให้แนบแน่นได้แน่นอนว่าเมื่อเจ้าจากไปก็อาจต้องพบเจอผู้คนที่ทำให้เราทั้งสองต้องลำบากใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้เจ้าจะแต่งงานหรืออยู่กินกับข้าแล้วแต่ก็ย่อมมีอุปสรรคเข้ามาเสมอดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวเจ้าจะต้องให้ความสำคัญกับข้ามากกว่าสิ่งใดตกลงไหม? ” 

 

เนื่องจากคำขอนี้ไม่ได้มากเกินไปหยุนเถียนเถียนจึงไตร่ตรองและพยักหน้ารับแม้หยุนเคอจะรู้สึกกังวลอยู่ในใจแต่ก็จำต้องปล่อยนางไป

 

” เถียนเถียนข้ารู้ว่าเจ้ามีความลับบางอย่างซ่อนอยู่และปกปิดมันไว้ในใจอย่างแนบเนียนเหตุเพราะเจ้าไม่ไว้ใจข้าจึงไม่ยอมเล่าให้ฟังแต่หากเมื่อไหร่เจ้าพร้อมจะพูดก็จงบอกข้าเพราะสิ่งเหล่านี้อาจนำอันตรายมาสู่เจ้าได้” 

 

เมื่อหยุนเทียนเถียนได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นทันที” ทุกคนย่อมมีความลับของตัวเองไม่มากก็น้อยข้าไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายในความลับของเจ้าและเจ้าก็ไม่ควรข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของข้าเช่นกันหากข้าบอกอะไรเจ้าไปโดยไม่ระวังก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักบางทีหากเราทั้งสองเชื่อใจกันมากพอเจ้าจะไม่สงสัยหรือเกิดคำถามอะไรต่อข้าเลย” 

 

แม้หยุนเคอจะสามารถข้ามผ่านขั้นตอนที่ยากลำบากที่สุดสำหรับตัวเขาและได้พูดในสิ่งที่รู้สึกอย่างขมขึ้นแล้วทำให้รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องปกปิดอะไรต่อไปอีกทว่าเขายังคงมองหยุนเถียนเถียนด้วยแววตาแห่งการอ้อนวอน

 

ทันใดนั้นหยุนเถียนเถียนรีบสะบัดมือหยุนเคอออกและวิ่งเข้าไปในห้องพลันปิดประตูทันทีนางเอนหลังพิงประตูพลางใช้มือทาบอกเพื่อลดความตื่นเต้นดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เฉยเมยต่อหยุนเคออย่างที่แสดงออกมาจริงๆ

 

ทว่าสถานะของหญิงในยุคนี้ก็ต่ำต้อยเกินกว่าจะสามารถพูดความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มออกมาดังนั้นหยุนเกียนเถียนจึงไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกนั้นออกมาเพราะนางยังคงกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

 

อย่างไรก็ตามหากหยุนเคอบรรลุเป้าหมายในอุดมคติที่ตรงกับความต้องการของเขาแล้วก็คงเป็นไปได้ยากที่จะสานต่อความสัมพันธ์ในยุคนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้นในยุคศักดินานี้เป็นการยากที่จะหาคนใจกว้างและเข้าใจกันแม้หยุนเคอจะไม่ได้สมบูรณ์แต่ก็เข้าใจหนุนเถียนเถียนเป็นอย่างดี

 

สาเหตุที่ทำให้หยุนเคอชนะใจหยุนเถียนเถียนคือการที่เขายอมให้อิสระอย่างเต็มที่และยอมรับความคิดเห็นของนางเพราะหยุนเสียนเถียนไม่ใช่หญิงที่จะยอมซ่อนตัวอยู่หลังบ้านหรืออยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ชายเพื่อเอาชีวิตรอด

 

หยุนเคออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาพลางส่ายหัวหญิงสาวที่ดูกล้าหาญมาโดยตลอดกลับอ่อนแอเมื่อต้องพูดถึงความรู้สึกของตน

 

เมื่อไม่นานมานี้มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นเฉินเจียวเจียวถูกส่งไปยังบ้านของนายน้อยหลี่เพื่อเป็นสนมขณะที่หลี่ชุนเฉียวยังคงนอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถขยับตัวได้และยังคอยก่นด่าสามีว่าไร้ประโยชน์อย่างไม่หยุดยั้ง

 

ไม่ว่าเฉินซูเกินจะมีประโยชน์หรือไม่แต่ก็ทำหน้าที่สามีได้ดีเสมอมาทุกครั้งที่โดนภรรยาต่อว่าเขาจะเพียงก้มหน้าโดยไม่พูดอะไรและยอมให้นางกดขี่ด้วยคำพูดหยาบคายเหล่านั้น

 

เนื่องจากหยุนเกียนเถียนต้องการปล่อยให้เช่าที่ดินจึงตัดสินใจให้ชื่อเป็นคนดูแลป้าจี้เดินทางมายังบ้านของหยุนเถียนเถียนเพื่อพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วิธีการปลูกข้าวสาลีจากนางและยังมีเวลาเหลือที่จะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกด้วย

 

เมื่อพูดถึงเฉินซูเกินจี้ชื่อก็เต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกชายที่โดนหญิงกดขี่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร? หากนางเป็นหญิงเก่งและมีเหตุผลคงจะไม่น่ารังเกียจเช่นนี้แต่นางเป็นเพียงหญิงปากร้ายและอกตัญญเท่านั้น

 

” การพูดจาของหลี่ชุนเดียวนั้นไม่น่าฟังยิ่งนักหยาบคายงี่เง่าและไร้เหตุผลเพราะนางไม่สามารถกดขี่ลูกสาวของตนได้จึงต้องปืนหัวผู้เป็นสามี” 

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินดังนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันที” ท่านป้าอันที่จริงคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านอิจฉาหลีชุนเกียวเป็นอย่างมากแต่เป็นเพราะนางโง่เขลาจึงมักทำเรื่องน่าอายเช่นนี้” 

 

” เพราะคำพูดของนางเฉินซูเกินจึงดูไร้ประโยชน์สำหรับชาวบ้านและหลีชุนเกียวเพราะนางเอาแต่ก่นด่าสามีอย่างไม่ลดละในหมู่บ้านนี้ชายที่เชื่อฟังและอดทนเช่นนี้หาได้ยากดังนั้นแล้วหญิงฉลาดจะไม่มีทางใช้ชีวิตเช่นนางอาจเป็นเพราะความรักที่มีจึงทำให้เฉินซูเกินอดทนกับนางมานานหลายปีขนาดนี้

 

เมื่อได้ยินดังนั้นชื่อก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่” ใช่ไม่มีชายคนใดในหมู่บ้านที่ยอมอดทนต่อการทำร้ายร่างกายหรือดุด่าของภรรยาเช่นนี้แม้แต่ครอบครัวของข้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่บ้าน…ภรรยาก็ต้องยอมรับคำตำหนิจากสามีข้าไม่เคยเห็นชายใดเชื่อฟังและยอมอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของหญิงเช่นนี้มาก่อน” นานาจิตตังเพราะหลี่ชุนเกียวไม่รู้จักพอและคาดหวังว่าสามีของตนต้องเป็นชายผู้กล้าหาญแต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คิดว่าการเคารพภรรยาก็สำคัญไม่น้อย” ชื่อพยักหน้ารับทันที” เอาล่ะนับว่าเจ้าโชคดีไม่น้อยแม้หยุนเคอจะดูน่ากลัวแต่เขาก็ค่อนข้างเกรงใจและให้เกียรติเจ้าแต่เถียนเถียน…ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงเจ้าควรใส่ใจสิ่งเหล่านี้ให้มาก” หยุนเคอเคยมีหนวดเครารุงรังน่ากลัวทั้งยังถูกเฉินเจียวเจียวยั่วยวนแม้เขาปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยวแต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจอีกทั้งตอนนี้เขาโกนหนวดเคราและดูหล่อเหลาไม่น้อยข้าเกรงว่าอาจมีหญิงมาติดพันธุ์ได้ในอนาคตหยุนเถียนเถียนยิ้มพลางพูดอย่างถ่อมตัว” ดูสิ่งที่ท่านป้าพูดสิราวกับว่าข้าแย่มากท่านไม่รู้หรือว่าหลินห์..ชายจากหมูบ้านข้างๆที่ทราบดีว่าบ้าแต่งงานแล้วแต่กลับยังคงพยายามหาเฒ่าแก่มาสู่ขอข้าหากหยุนเคอกล้าพัวพันกับหญิงอื่นข้าก็จะหย่ากับเขาและแต่งงานใหม่ทันทีเมื่อหยุนเคอที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกใจหายทันที

 

ดูเหมือนว่าไม่ง่ายเลยที่จะได้ใจหยุนเถียนเถียน

 

ทันใดนั้นหยุนเคอก็เกิดความคิดบางอย่าง” หญิงผู้นี้ไม่มีทางยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของใครหากปล่อยให้นางทำอะไรตามอำเภอใจคงถูกชาวบ้านมองไม่ดีเป็นแน่

 

จชื่อที่ฟังอยู่ก็ตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าหยุนเถียนเถียนจะจริงจังกับคำพูดของตนและกล้าพอที่จะตอบกลับเช่นนี้” โธ่เลี่ยนเกียนเหตุใดจึงซื้อที่ดินมากมายขนาดนี้? และยังเป็นเพียงที่รกร้างอีกด้วยเจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีมากมายและยังมีราคาน้อยกว่าพื้นที่เหล่านี้ด้วยหยุนเทียนเถียนยิ้มพลางก้มศีรษะแล้วพูดว่า” เอาเถิดข้าจะใช้ที่ดินเหล่านี้ในการปลูกข้าวสาลีท่านป้ามาดูแลโรงงานของข้าเถิดและให้ท่านลุงจัดการทำไร่ไถนาบนแผ่นดินของข้าข้าทนเห็นครอบครัวของท่านลำบากเช่นเคยไม่ได้” 

 

จี้ชื่อถอนหายใจ” ครอบครัวข้ามีไม่กี่คน…เจ้าให้ที่ดินใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยหรือ? ” 

 

ตอนที่ 223 สารภาพ

 

แม้เรื่องทั้งหมดจะจบลงแล้วแต่หยุนเวียนเถียนกลับยังรู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจเล็กน้อย

 

พวกเขาทำลายโรงงานของหยุนเวียนเถียนเพื่อฉวยเอาผลประโยชน์เมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตามราวกับว่าลืมความดีทั้งหมดที่นางเคยทำคนพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพวกอกตัญญไม่รู้จักบุญคุณ

 

” หยุนเคอเราไปจากหมู่บ้านนี้กันเถิดผู้คนที่นี่…พูดยากเสียจริงเจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างไม่หยุดยั้งแต่แน่นอนว่าเจ้าคงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ดูคนพวกนั้นสิพวกเขาต่างมุ่งร้ายหมายขวัญข้า” 

 

หยุนเคอนิ่งเงียบด้วยความเย็นชา

 

” ทุกคนที่มาก็ไม่ได้มุ่งร้ายหมายขวัญต่อเจ้าเพียงอย่างเดียวบางคนก็มาเพื่อเข้าข้างและสนับสนุนเจ้า” 

 

” ข้ารู้แต่เราไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ได้ตลอดไปเฉินเฮ่อต้องย้ายออกไปเพื่อเรียนหนังสือในอนาคตและข้าก็จะไปด้วยข้ารู้ว่าในฐานะผู้หญิงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปเจรจราธุรกิจในสถานที่สำคัญหรือมีชื่อเสียงนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ข้าใช้ประโยชน์จากอำนาจของหลินชวนฮวา” 

 

หยุนเคอพยักหน้าด้วยความเศร้าคราก่อนหยุนเถียนเถียนฉวยผลประโยชน์จากที่ใดกัน? เขาสามารถปกป้องและสนับสนุนนางได้อย่างเต็มที่ด้วยตนเองแต่ครั้งนี้ต่างออกไปเนื่องจากเขาต้องการปกปิดตัวตนและหลีกเลี่ยงศัตรูจึงไม่สามารถปกป้องดูแลหญิงสาวได้” สาเหตุที่หยุนเคอพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับบุคคลในสถานที่แห่งนั้นอย่างไรก็ตามหากหยุนเสียนเถียนประสบความสำเร็จและมั่นคงเขาก็อาจกลับไปเยี่ยมเยียนนางได้ในสักวันซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าอาย

 

เมื่อหยุนเคอตัดสินใจแล้วจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง” แล้วตอนนี้เจ้าอยากไปที่ใด? โรงงานในหมู่บ้านอย่างนั้นหรือ? ” หยุนเกียนเถียนเพิกเฉยต่อความคิดของหยุนเคอราวกับว่านางไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย” แน่นอนว่าข้ายังเป็นเจ้าของโรงงานอยู่แต่ก็สามารถหาคนดูแลแทนได้ยาที่ทำไว้ก็สามารถเก็บได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพเพียงแค่ต้องเก็บให้ดีเท่านั้นป้าจี้ช่วยข้ามามากมายดังนั้นถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นรางวัลสำหรับนางเถิดสำหรับวิธีปลูกข้าวสาลีข้าจะเขียนเป็นจดหมายและมอบให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อขอให้ใครสักคนมาช่วยดูแลที่ดินห้าสิบไร่แทนเจ้าคิดว่าอย่างไร? ” หยุนเคอมองไปที่หญิงสาวพลางพยักหน้าตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างหยุนเถียนเถียนและทำทุกอย่างตามที่นางปรารถนา” เถียนเกียนอันที่จริง…” หยุนเวียนเถียนรอคอยคำตอบจากเขาอย่างใจจดใจจ่อแต่หยุนเคอกับรู้สึกอายเกินกว่าจะพูดออกมา” เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรก็พูดมาสิหยุนเคอหลับตาลงพลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง” อันที่จริงข้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่ใช่หรือ? ข้าเองเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งหากเจ้าอยากอยู่กับคนมั่งมีข้าจะออกไปหาเงินมาให้แต่เจ้า…เจ้า…” หลังจากนั้นหยุนเคอพูดไม่ออกและเงียบไป

 

หยุนเกียนเกียนยิ้มด้วยความปลื้มปริ่มเพราะไม่คิดว่าหยุนเคอจะประหม่าถึงเพียงนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนจากคราที่เจอกันครั้งแรกเป็นอย่างมาก

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะคาดเดาสิ่งที่หยุนเคอจะพูดได้แต่นางก็ต้องการได้ยินจากปากเขาด้วยตนเองเพราะอาจทำให้รู้สึกอิ่มใจและซาบซึ้งเมื่อ

ได้ฟัง

 

” ข้า…ทำไมหรือ? ” เมื่อหยุนเคอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหยุนเถียนเถียนก็รู้สึกร้อนผ่าวด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก

 

” เถียนเถียนเจ้าก็เห็นว่าชายหลายคนในโลกนี้ช่างโชคร้ายสตรีที่เก่งกาจและสดใสเช่นเจ้าไม่เหมาะที่จะซ่อนตัวในบ้านหรืออยู่ภายใต้บังคับบัญชาของชายและข้าก็ไม่คิดว่าจะสามารถควบคุมดูแลเจ้าได้เช่นนั้นแล้วเราต่างแยกย้ายกันใช้ชีวิตดีไหม? ” 

 

นี่เป็นคำที่ไพเราะที่สุดที่หยุนเคอนึกออก

 

อย่างไรก็ตามหยุนเวียนเถียนจะไม่มีทางยอมปล่อยหยุนเคอไป

 

” ข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา? ข้าไม่เคยร้องขอสิ่งใดหากไม่ต้องการจริงๆหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้คงไม่แต่งงานกับเจ้าตั้งแต่แรกปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีของมันเสียยังดีกว่า” 

 

หยุนเคอรู้สึกกังวลดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อครูจะรุนแรงเกินไปและขาดการไตร่ตรองซึ่งทำให้หญิงสาวเข้าใจผิด

 

” ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นข้ารักเจ้าแต่ไม่รู้ว่าเจ้า…แม่กลอยใจของข้างั้นเรามาใช้ชีวิตด้วยกันเถิด” 

 

ทันใดนั้นหยุนเถียนเถียนก้มหน้าลงทันทีด้วยความเขินอายทว่าหยุนเคอก็ยังคงเห็นใบหูอันแดง…ของนางอยู่เถียนเถียนข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจอเสียงหรือสิ่งใดในหมู่บ้านนี้แต่โปรดอย่าทิ้งข้าไปเลยต่อให้รู้ว่าหากตัดสินใจแล้วจะไม่มีใครสามารถหยุดเจ้าได้…แต่ข้าไม่อยากเสียเจ้าไปเพราะเล็กน้อยเช่นนี้” หยุนเถียนเถียนยังคงยืนก้มศีรษะโดยไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกทันใดนั้นนางก็จำสิ่งที่สหายรักเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ได้

 

” วันหนึ่งหากเจอชายที่ชื่นชอบเจ้าจะหน้าแดงและใจเต้นแรงทันทีเมื่อพูดคุยกับเขาและแน่นอนว่าเจ้าจะต้องถูกล่อลวง

 

” ถูกล่อลวง? ถูกล่อลวงงั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่เคยรู้สึกว่าโดนชายผู้นี้ล่อลวงเลยสักนิด

 

ขณะที่หยุนเถียนเถียนหันหลังและกำลังจะเดินจากไปหยุนเคอก็ดึงนางกลับมาทันที

 

เขาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า” เถียนเถียนข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ข้ารู้สึกอยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างตลอดเวลาหากเจ้าต้องการอิสระข้าก็ให้เจ้าได้หากเจ้าไม่ต้องการเป็นหญิงที่ต้องคอยอยู่ใต้บังคับบัญชาของชายข้าก็จะตามใจเจ้าแม่ในอนาคตตัวตนที่แท้จริงของข้าอาจทำให้เจ้าเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายแต่ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเจ้าได้เพราะข้าไม่สามารถยอมรับการที่ต้องเห็นเจ้ายืนเคียงข้างชายอื่นที่ไม่ใช่ข้าได้หยุนเคอพูดความรู้สึกที่มีในใจออกไปทั้งหมดก่อนจะหลับตาลงและรอคอยคำตอบของหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ

 

หยุนเคอรู้ดีว่าหญิงผู้นี้มีผลต่อความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมากนางสามารถทำให้เขารู้สึกมีความสุขราวกับล่องลอยในท้องนภาและเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้ด้วยวิ่งไฟนรกและสิ่งที่หยุนเคอกลัวเป็นอย่างมากคือการได้ยินในสิ่งที่ไม่ต้องการ

 

แม้หลินหูจะไม่ได้มุ่งร้ายต่อหยุนเคอแต่ก็ถือว่าเขาเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีและแม้ครอบครัวหลิน

 

หวังเพียงจะใช้ประโยชน์จากหยุนเถียนเถียนเท่านั้นแต่หยุนเคอกลับรับรู้ได้ถึงแววตาแห่งความเสน่หาจากหลินหูหากหญิงผู้นี้คิดรักชายอื่นขึ้นมาเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร? 

 

หยุนเถียนเถียนถูกโอบกอดไว้ด้วยมือของหยุนเคอนางรู้สึกอายจนอยากวิ่งหนีแต่เขากลับไม่ยอมปล่อยนางไปชายหนุ่มจ้องมองมายังหยุนเถียนเถียนด้วยแววตาอ้อนวอนราวกับว่าจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้รับคำตอบ” ข้า…ข้าไม่รู้

 

เมื่อหยุนเคอเห็นความเขินอายของหญิงสาวก็หยุดกังวลทันทีเขารับรู้ได้ว่านางรักตนอยู่จึงมั่นใจและพร้อมจะอดทนรอหยุนเถียนเถียน

 

ตอนที่ 222 คำเตือน

 

หลี่ชุนเกี่ยวเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองพลางมองหยุนเถียนเถียนด้วยแววตาชั่วร้าย

 

ส่วนหยุนเถียนเถียนยักไหลโดยไม่ได้เกรงกลัวต่อแววตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย

 

ในตอนนี้ไม่มีใครเลยที่จะกล้าเข้ามาช่วยเหลือหลี่ชุนเกียวทุกคนเพียงแต่รอคอยการมาของหมอเท่านั้น

 

ในที่สุดเฉินซูเกิดก็เกิดความสงสารต่อภรรยาของเขาจึงใช้เงินที่มีจ้างเกวียนวัวเพื่อไปรับตัวหมอมาจากในเมือง

 

แม้หมอจะไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นแต่หน้าที่ของเขาคือทำการรักษาดังนั้นหมอจึงพุ่งเข้าไปตรวจสอบอาการของนางทันทีโดยไม่สนใจว่ามีผู้คนมากมายจับตามองอยู่

 

” กระดูกซี่โครงและขาหักข้าจะทำการต่อให้แต่เจ้าต้องทำการพักฟื้นเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน” 

 

เนื่องจากหมอเป็นชายและหลีชุนเกียวเป็นหญิงทั้งยังได้รับบาดเจ็บบริเวณซี่โครงจึงทำให้หมอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นรักษาตรงไหนและอย่างไรดี

 

หยุนเถียนเถียนเกลียดชังการดำเนินชีวิตแบบอนุรักษ์นิยมเช่นนี้มากและรู้สึกไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจึงลุกขึ้นและกล่าว” เอาล่ะการรักษาผู้ป่วยหรือการช่วยเหลือผู้คนนั้นไม่ควรเลือกปฏิบัติเพียงเพราะว่าเป็นชายหรือหญิงไม่ว่าท่านจะทำการรักษาแบบไหนข้ารับรองว่าจะไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวหาท่าน” 

 

เมื่อได้ยินคำรับรองนั้นหมอก็เริ่มลงมือทันทีด้วยความเจ็บปวดทำให้หลี่ชุนเกียนยอมรับการรักษาโดยไม่ได้สนใจว่าหมอจะเป็นชายหรือหญิง

 

หมอทำการรักษาและดูแลทุกส่วนจนเสร็จสรรพแม้จะยังรู้สึกเจ็บอยู่แต่ก็น้อยลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกก่อนได้รับการรักษา

 

ทันใดนั้นหลี่ซุนเกียวก็พบว่าหมอกำลังแตะหน้าอกของนางอยู่โดยใช้ผ้าพันแผลและไม้กระดานดามไว้

 

หลี่ชุนเกี่ยวอดทนรับความอัปยศอดสูที่กำลังเกิดขึ้นก่อนจะมองไปยังหยุนเสียนเถียนด้วยแววตาขุ่นเคือง

 

แต่ครานี้หลี่ชุนเกี่ยวไม่กล้าขัดขึ้นเพราะหากทำให้หมอขุ่นเคืองนางอาจต้องอดทนต่อความเจ็บปวดด้วยตนเองและอาการซี่โครงหักก็จำเป็นที่ต้องให้หมอช่วยรักษา

 

หยุนเวียนเถียนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นท่าทีของหลี่ชุนเกียวหยุนเคอยืนนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรเพื่อหลบเลี่ยงการตำหนิจากชาวบ้านเพราะรู้แก่ใจว่าตนเป็นผู้ทำให้นางได้รับบาดเจ็บขณะที่หยุนเถียนเถียนดีใจที่ต่อจากนี้จะไม่มีใครกล้าระรานนางอีก

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่ดีนักที่ชาวบ้านมองนางในมุมที่ต่างออกไปจากเดิม

 

แน่นอนว่าชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสัตย์ซื่อนอกจากนางมารร้ายหลินชวนฮวาแล้วทุกคนต่างให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ที่หยุนเคอทำร้ายหลี่ชุนเถียนทำให้ชาวบ้านมองเขาในมุมที่เปลี่ยนไปซึ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวและมโนธรรมที่ว่าหากทำให้หยุนเคอขุ่นเคืองใจก็อาจโดนทำร้ายเช่นหญิงผู้นี้ได้ในสักวัน

 

สาเหตุที่หยุนเคอทำเช่นนี้เพราะหลี่ชุนเกียวจะทำร้ายเขาและหยุนเวียนเถียนก่อนแต่ไม่ว่าอย่างไรข้อแก้ตัวพวกนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของชาวบ้านได้ช่างเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากเสียจริง

 

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าหยุนเคอจะไม่มีทางอธิบายสิ่งต่างๆให้ทุกคนฟังอย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นคนไม่แยแสใคร

 

” เอาล่ะหากทำการรักษาเสร็จสิ้นก็จงออกไปเสียอย่าเข้าย่างกรายเข้ามาในบ้านข้าอีกแต่หากผู้ใดริจะมีปัญหากับข้าก็เชิญเข้ามา…ข้าต้อนรับเสมอและหากพี่หยุนไม่เข้ามาห้ามไว้ในวันนี้ก็อาจมีคนต้องเสียเลือดยิ่งกว่าที่เป็นข้าชอบพูดทั้งเรื่องดีและไม่ดีต่อหน้าทุกคนโดยไม่สนว่าคำพูดเหล่านั้นจะส่งผลถึงชีวิตหรือไม่” 

 

เมื่อพูดจบหยุนเทียนเถียนก็ไม่สนใจว่าผู้คนในหมู่บ้านนี้มีวิสัยทัศน์เช่นไรนางก้าวไปข้างหน้าและปิดประตูก่อนจะเดินถอยกลับไปยังโถงบ้านของตน

 

หยุนเคอเห็นว่าชาวบ้านต่างมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัวและขุ่นเคืองแม้จะไม่สนใจแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากกลัวว่าความขุ่นเคืองเหล่านี้จะส่งผลร้ายต่อหยุนเถียนเถียน

 

นับเป็นโชคดีที่หญิงผู้นี้ลุกขึ้นปกป้องเขาหัวใจที่เกือบจะจมลงสู่ก้นหุบเขาของหยุนเคอก็บินขึ้นสู่นภาอีกครั้ง

 

การแสดงออกถึงความโล่งใจของหยุนเคอทำให้หยุนเถียนเถียนยิ้มออกมา” อะไรนะ? คิดว่าข้าเป็นคนที่ไม่รู้จักว่าสิ่งใดดีหรือชั่วอย่างนั้นหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า” 

 

” ข้าเพียงเกรงว่าเจ้าจะกลัวแต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทำร้ายนางจริงๆหากจะกลัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” 

 

หยุนเวียนเถียนยิ้มกว้างอีกครั้ง” ทำร้าย? ในเมื่อข้าเคยเห็นฆ่ามาแล้วจะกลัวเจ้าทำร้ายได้อย่างไร? อนึ่งเจ้าก็ไม่เคยทำร้ายใครโดยไร้ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพราะอยากทำแต่หญิงนั้นน่ารังเกียจจนทนไม่ได้ใช่ไหม? ” 

 

เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหยุนเถียนเถียนหยุนเคอก็อดไม่ได้ที่จะดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนเนื่องจากกลัวว่าหยุนเกียนเถียนจะซ่อนตัวอยู่ในห้องอย่างเขินอายเช่นเดียวกับเมื่อวานเขาจึงไม่กล้าทำอะไรที่ดูเป็นการฉวยโอกาสทั้งสองปิดประตูและซ่อนตัวอยู่ในบ้านขณะที่ฝูงชนต่างช่วยกันเคลื่อย้ายหลี่ชุนเกียวที่กำลังนอนราบอยู่บนพื้นกลับไปยังบ้านของนาง

 

แม้เฉินไปจะรู้สึกกลัวที่หยุนเคอทำร้ายหลี่ชุนเดียวแต่ก็รับรู้ได้ว่าเขามีเหตุผลดังนั้นนางจึงมองไปยังเฉินซูเกินพลางกล่าว” ภรรยาของท่านทำมากเกินไปแม้ข้าจะไม่ได้เห็นหรือรู้ทุกอย่างอย่างชัดเจนแต่ก็บอกนางว่านางกำลังขโมยคนดังนั้นต้องยอมรับกฎหมายครอบครัวให้ได้โชคดีที่หยุนเสียนเถียนมีเหตุผลมากพอและยอมรอจนกว่านางจะหายจากอาการบาดเจ็บสำหรับค่าหมอก็จงจ่ายเองและอย่าไปเรียกร้องจากใครหยุนเคอไม่ใช่คนธรรมดาไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าทำแบบนี้เจ้าเองก็เช่นกันอย่ายั่วยเขายิ่งไปกว่านั้นภรรยาของเจ้ายังทำผิดร้ายแรงจากการหมายจะใช้ไม้กระดานทำร้ายหญิงผู้นั้นโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของนางเลย” เฉินซูเกินหยักหน้ารับขณะที่หลีชุนเกียวนอนอยู่บนเตียงพลางโวยวายเสียงแข็งเฉินซูเกินเจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริงหากเป็นสุภาพบุรุษก็จงไปยังบ้านของครอบครัวหยุนและนำเงินมาให้ข้าเพราะนังสารเลวนั่นลูกสาวเราจึงเป็นเช่นนี้ทั้งพวกมันยังทำร้ายข้าอีกด้วย” เฉินไปรู้ดีว่าการให้เหตุผลกับหญิงผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการสีซอให้ควายฟังดังนั้นนางจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที” ต่อให้สามีของเจ้ายืนอยู่ต่อหน้าหยุนเคอและเรียกร้องเพียงใดก็ไม่สามารถขออะไรจากเขาได้หยุนเคอเป็นนักล่าแน่นอนว่าต้องเคยเห็นการหลั่งโลหิตมามากมายและด้วยเหตุนั้นการฆ่าคนสำหรับเขาก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าหมูป่า” เฉินซูเกินท่านเองก็ควรไตร่ตรองให้ดีและพิจารณาให้ถี่ถ้วนเถิดว่าภรรยาของท่านเป็นเช่นไร? ” 

 

เมื่อพูดจบเฉินไปก็เดินจากไปโดยไม่สนใจหลี่ชุนเกียวที่กำลังแช่งด่าอยู่ในบ้านอันที่จริงเฉินไปรู้สึกละอายใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากเหตุใดเด็กหญิงอายุสิบห้าจึงถูกคนในหมู่บ้านจับผิดสารพัดทั้งยังกลั่นแกล้งว่านางเป็นลูกกำพร้าไร้พ่อแม่? 

 

เฉินไปรู้สึกเวทนาหยุนเถียนเถียนเป็นอย่างมากเพราะรับรู้ได้ว่านางต้องไม่มีความสุขเป็นแน่แม้ในใจจะยังคงรู้สึกเกลียดชังอยู่ก็ตาม

 

ตอนที่ 221 หยุนเคอลงมือ

” อนึ่งหากข้าปล่อยไป…เจ้าจะรู้สึกขอบคุณจริงๆหรือ? ไม่หรอกนอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วยังอาจโกรธแค้นข้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย! อย่างไรก็ตามแม้เจ้าจะไม่ถูกลงโทษในวันนี้แต่ก็ได้สูญเสียทุกอย่างแล้วนับจากนี้ไปจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเจ้าอีก! ”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างเย็นชา” เจ้าต้องยอมรับกฎหมายครอบครัวให้ได้! เราต่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายครอบครัวทั้งยี่สิบข้อแต่ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่! หากเจ้ายอมรับไม่ได้ก็ไปที่สำนักราชการกันเถอะไปดูกันว่ากฎหมายครอบครัวหรือกฎหมายของประเทศกันแน่ที่ไร้ความปราณี?! ”

หลี่ชุนเกียวรู้ว่าแม้จะอ้อนวอนต่อไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะหญิงสาวผู้นี้ต้องการใช้นางเพื่อสร้างชื่อเสียงและศักดิ์ศรีให้กับตนเอง! ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมรับและตะโกนด้วยความโกรธ” เจ้าเกิดมาจากแม่ที่ไม่รักษาจารีต! และยังหน้าตาเหมือนหญิงแพศยาเช่นนางอีกด้วยหยุนเคอ…

เจ้าอาจมองทุกสิ่งในแง่ดีได้แต่ไม่ว่าอย่างไรหญิงผู้นี้ก็ไม่เป็นที่พึงปรารถนา! ”

หยุนเถียนเถียนโกรธเป็นอย่างมากที่หลี่ชุนเกี่ยวพูดถึงแม่ของตนเช่นนี้จึงก้าวไปข้างหน้าและเตะท้องของนางอย่างรุนแรงทันที!

” นับจากนี้ไปหากผู้ใดพูดถึงแม่ของข้าในทางที่ไม่ดีอีกข้าจะจัดการที่ละคน! ท่านแม่เปรียบดั่งเมฆาบนนภาเหตุใดจึงต้องดึงนางลงมานินทาให้เสียหาย? ”

เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนในหมู่บ้านต่างตะลึงงันในที่สุดเด็กสาวผู้อ่อนแอก็กล้าลุกขึ้นเพื่อต่อสู้กับหญิงที่เย่อหยิ่งที่สุดในหมู่บ้าน!

เนื่องจากหลีชุนเกียวถูกทำร้ายต่อหน้าผู้คนมากมายจนต้องอับอายทำให้ความโกรธแค้นผุดขึ้นในหัวใจและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความกล้าหาญ! ทันใดนั้น! นางหยิบไม้กระดานขึ้นจากพื้นเพื่อฟาดหยุนเถียนเถียน!

เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนต่างตกตะลึง! หยุนเคอเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อย! เขาพุ่งเข้าเตะไม่ในมือของหลี่ชุนเกี่ยวอย่างรวดเร็วทันใดนั้นไม้กระเด็นไปไกลทันที!

ไม้กระเด็นเข้าชนกำแพงจนแตกละเอียด!

หยุนเคอโกรธจนไม่สนใจว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเป็นหญิงหรือชายเขาเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อของหลี่ชุนเกี่ยวอย่างรุนแรงก่อนจะกระแทกเข้ากำแพงทันที!

หลี่ชุนเฉียวได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายราวกับว่ากระดูกซี่โครงหักก่อนจะทรุดลงกับพื้น! และเกิดบาดแผลที่ขาจากการโดนหินกระแทก!

หลี่ชุนเกียวรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนทนไม่ไหวและร้องครวญครางออกมาทันที!

เสียงกรีดร้องของนางทำให้ชาวบ้านตกตะลึงในทันใด! เฉินซูเกินผ่านมาพอดีและเห็นเหตุการณ์ว่าภรรยาของตนกำลังนอนร้องไห้จึงรีบวิ่งเข้าไปพยุงนางและเดินกลับบ้านทันที!

เฉินซูเกินคร่ำครวญด้วยสงสารภรรยาขณะที่หลี่ชุนเกียวทุบตีผู้เป็นสามีด้วยความโกรธ!

” เจ้ามันคนสกปรกไร้ประโยชน์! ทนดูผู้อื่นทำร้ายถรรยาของตนจนบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างไร? ! ทั้งยังไม่ยอมเรียกร้องความยุติธรรมให้ข้าอีก! ไร้ค่านัก! ”

เมื่อชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็รู้สึกโล่งใจเพราะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บรายแรงหรือเสียชีวิต!

แม้พวกเขาจะเกลียดชังหลี่ชุนเกียวแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นอยากให้นางเสียชีวิต!

เพียงเห็นเหตุการณ์ที่นางถูกจับกะแทกกำแพงและทรุดลงกับพื้นทุกคนก็ต่างรู้แล้วว่าต้องได้รับบาดเจ็บอย่างมากเป็นแน่!

ชาวบ้านเริ่มสลายตัวและแยกย้ายกันกลับขณะที่เฉินซูเป็นผู้น่าสงสารยังคงน้อมรับการตำหนิจากภรรยา!

เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวและผู้คนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น

ทำให้หยุนเถียนเถียนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่ชุนเกียวกระดูกซี่โครงหัก!

นางเกรงว่าหากชีวิตมนุษย์ผู้นี้ต้องสูญสิ้นไปชาวบ้านต้องตำหนิหยุนเคอเป็นแน่!

หยุนเถียนเถียนก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวอย่างจริงจัง” ข้าคิดว่ากระดูกซี่โครงของเจ้าหัก…นอนลงเสียเพราะหากกระดูกนี้แทงเข้าไปในหัวใจและปอด…เจ้าอาจเสียชีวิตได้! อย่าโทษหยุนเคอที่ทำเช่นนี้! เพราะทุกคนต่างเห็นว่าเจ้า…หลี่ซุนเกี่ยวเป็นผู้เริ่มเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง!

หลี่ชุนเกียวโกรธจนลืมความเจ็บปวดแต่เมื่อได้ยินหยุนเกียนเถียนกล่าวเช่นนั้นนางก็รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอกขึ้นมาทันที!

” หรือสิ่งที่หญิงผู้นั้นพูดจะเป็นเรื่องจริง?! ” หลี่ชุนเกี่ยวคิดพลางนอนหลงตามที่หยุนเสียนเถียนบอก! ” ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน! ท่านก็เห็นไม่ใช่หรือว่าหยุนเคอทำร้ายข้า! เขาต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ข้า! ” หยุนเวียนเถียนแสยะยิ้ม” ข้าไม่น่าเตือนเจ้าเลย! น่าจะปล่อยให้ตายไปเสีย! เจ้าหยิบไม้ขึ้นมาเพื่อตีข้าหากหยุนเคอไม่เข้ามาช่วยข้าก็อาจเป็นอันตรายถึงตาย! เจ้าเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมดยังจะกล้าบอกว่าโดนทำร้ายอีกหรือ? ! ” นอกจากเจ้าจะไม่ได้อะไรแล้วยังต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ทำทรัพย์สินของข้าพังอีกด้วย! เจ้าจงใจทำร้ายข้า! หยุนเคอต้องทำเช่นนี้เพราะห่วงและโกรธเคืองแทนข้า! ครอบครัวของข้ามีเหตุผลเสมอ! ” หลี่ชุนเกี่ยวพยายามลุกขึ้นนั่งแต่กลับรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่ารุนแรงจึงทำได้เพียงนอนนิ่งๆเท่านั้น! ” เฉินซูเกิน…เนื่องจากท่านมีศักดิ์เป็นอาข้าจึงไม่มีคุณสมบัติหรือความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะสอนท่าน! ท่านอดทนยอมให้นางตำหนิจนเป็นนิสัย! หากยังคงเป็นเช่นนี้ตระกูลเฉินคงได้ตอนรับลูกสะใภ้คนใหม่เป็นแน่! ” เมื่อเฉินซูเกินถูกหยุนเถียนเถียนตำหนิก็รู้สึกไม่พอใจและหันหลังเดินหนีไปทันที! แต่เนื่องจากทั้งสองใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยามานานหลายปีคงจะดีกว่าหากเลือกปกป้องคู่ชีวิตของตน!

ป้าจี้เป็นคนใจดีและมีเมตตาเมื่อเห็นผู้คนครครวญบนพื้นด้วยความเจ็บปวดก็ทนไม่ไหว! จึงรีบเดินเข้าไปช่วยนางทันที!

หยุนเสียนเถียนมองมาที่จี้ชื่ออย่างเย็นชาและเตือนทันที! ” หมอยังไม่มาปล่อยนางไว้ตรงนั้นก่อนเถิดหากเคลื่อนย้ายมากไปกระดูกซี่โครงอาจพิ่มเข้าปอดและหัวใจซึ่งอาจทำให้นางเสียชีวิตได้! ข้ารู้ว่าป้าเป็นห่วงนางแต่อย่าเข้าไปยุ่งเลยเกรงว่าท่านอาจกลายเป็นคนผิดได้! ” เมื่อป้าจได้ยินดังนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งอีกเลย!

หากเคลื่อนย้ายหลีชุนเกี่ยวอย่างผิดวิธีก็อาจทำให้เสียชีวิตได้! ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นนางก็อาจโยนความผิดให้จี้ชื่ออย่างไรเหตุผล! อนึ่งการนอนราบกับพื้นและกรีดร้องไม่ได้หมายความว่าเจ็บปวดเจียนตาย!

เดิมทีจี้ชื่อตั้งใจมาช่วยนางเพื่อให้ไม่ต้องนอนราบบนพื้นหินอันแข็งกร้าวแต่กลับโดนหยุนเถียนเถียนหยุดไว้!

หลี่ชุนเกียวจึงตะโกนด้วยความไม่พอใจทันที” นังชั้นต่าไร้ปัญญาอยากให้ข้าตายหรืออย่างไร? ! จีชื่อต้องการช่วยข้าแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า? เหตุใดจึงห้ามนาง? หึ! ไร้หัวใจเสียจริง! ” เห็นเช่นนี้แล้วแสดงว่ายังแข็งแรงดีอยู่! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นเสีย! หากนางหายดีโปรดจงดำเนินเรื่องกฎหมายครอบครัวต่อไป! หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง! หากเจ้าทำลายชื่อเสียงของข้า…ข้าก็ต้องเอาคืนและเพราะเจ้าต้องการทำร้ายข้าก็สมควรแล้วที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้! ”

ตอนที่ 220 จับคนทรยศ

ภรรยาของเฉินฉ่เกินทนไม่ไหวจะก้าวรุดไปด้านหน้านางตะโกนเสียงดัง” นังหยนเถียนเถียนตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องเหม็นเน่าของเจ้าหมดแล้วผู้ชายที่หลบซ่อนอยู่หลังบ้านให้ออกมาเดี๋ยวนี้! ”

ผู้ชายที่ซ่อนตัวอยู่หลังบ้านงั้นหรือ? หยุนเถียนเถียนคิดในใจแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ทันคิดว่าหยุนเคอโกนหนวดเคราหมดสิ้นนางเพียงคิดว่าอาจจะตามจับคนร้ายเท่านั้น…
นางสงบใจลงหลังคิดได้เช่นนั้นจากนั้นจึงเอ่ยปากถามต่อ” เพียงแค่ได้ยินคำพูดไร้สาระจากปากสาวแก่คนนี้ถึงกับต้องวิ่งโขยงเข้ามาในลานบ้านของข้าเลยหรือ? ”

ภรรยาของเฉินฉ่เกินโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้” แน่นอน! อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเก็บซ่อนศพคนป่าผู้นั้นไว้ได้! หยุนเถียนเถียนเจ้ามันเด็กไร้พ่อแม่สั่งสอนและตอนนี้ยังทำตัวไร้ยางอายไม่เกรงกลัวต่อบาปเจ้ามันไม่ต่างอะไรจากหมูตัวหนึ่ง! ”

หยุนเกียนเถียนเลิกสนใจสาวแก่ตรงหน้าพร้อมหันไปหาเฉินไป” หัวหน้าหมู่บ้านสิ่งที่นางกล่าวออกมาเป็นจริงงั้นหรือ? พวกท่านมาที่นี่เพื่อค้นหาศพหรือ? แล้วในสายตาของท่าน…เห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือไรกัน? ”

ทุกคนต่างอึ้งเงียบไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหยุนเสียนเถียนอีกทั้งคำพูดของภรรยาเฉินจี่เกินก็มิใช่น่าเชื่อถือทว่าอีกฝ่ายกลับปฏิญาณตนหนักแน่นแล้วทุกคนจึงยอมเดินทางมาด้วย

” หากคิดเช่นนั้นก็จงไปหาเถิดว่ามีศพผู้ชายใดอยู่ในสวนของข้าแต่อย่าให้ข้าจับได้ว่าผู้ใดคิดที่จะขโมยของในบ้านแม้สักชิ้นแล้วตอนนั้นอย่าได้กล่าวโทษว่าข้าหยาบคาย! ”

หยุนเสียนเถียนกล่าวคำอย่างเย็นชาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงหยิบแยกเม็ดข้าวต่อราวกับไม่แยแสสิ่งใด

จีซื่อเห็นว่าหลานสาวของตนสงบนิ่งก็พลันผ่อนคลายลงนางยิ้มออกพร้อมกล่าวเย้ยหยัน” ยังมัวยืนนิ่งอยู่ทำไม? อยากรู้นักมิใช่หรือ? ก็รีบไปหาซะสิ! ”

หลังจากซื้อกล่าวจบแล้วนางไม่ได้ออกไปกับทุกคนแต่นั่งลงข้างหยุนเถียนเถียนแทน

เฉินไปหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายแต่เพราะหลี่ชุนเกียวกล้าปฏิญาณต่อหน้ากฎหมายครอบครัวดังนั้นเขาจึงต้องยอมจำนนแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับสงบนิ่งและไม่แยแสต่อสิ่งใดตอนนี้เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะรุกรานนางสักนิด!

เสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอกทำให้หยุนเคอตื่นตระหนกเขาเกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคู่หมั้นตนจึงรีบล้างมือและเดินออกไปทันที

มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังบ้านตอนนี้เองที่หลี่ชุนเกียวเผยยิ้มอย่างภาคภูมินางก้าวขาออกไปด้านหน้าพร้อมชี้ไปที่หยุนเคอก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง” นี่ไง! ข้ากล่าวถูกต้องทุกสิ่งมีศพพรานป่าซ่อนอยู่ที่นี่แน่! ทุกคนมันเดินออกมาด้วยตนเองแล้วฮ่าฮ่า! เอาล่ะหยุนเกียนเถียนข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะแก้ตัวอย่างไร! ”

ทว่าหยุนเถียนเถียนไม่แม้จะชายตามองนางยังคงแยกเม็ดข้าวต่อไปท่าทางของนางไม่คล้ายกับหญิงเล่นชู้แต่อย่างใดส่วนชาวบ้านทุกคนกำลังตื่นตระหนกกับชายตรงหน้าทว่าเขากลับดูคุ้นตาไม่น้อย…

หยุนเคองุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาหันไปหาเฉินไปก่อนจะกล่าวถาม” ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาถึงบ้านข้าต้องการสิ่งใด? แล้วศพคนป่าอะไรกันเหตุใดข้าจึงไม่ทราบเรื่อง? ”

ทว่าหลี่ชุนเกียวกลับตื่นเต้นไม่ยอกนางกำลังดีใจที่หยุนเสียนเถียนกำลังจะถูกจับทรมานและขับไล่ออกจากหมู่บ้าน

” หัวหน้าหมู่บ้าน! ท่านเห็นหรือไม่นังหยุนเถียนเถียนมันลอบเล่นชู้กับชายแปลกหน้าและตอนนี้ก็ฆ่าพรานป่าคนนั้นพร้อมฝังศพเขาไว้ตรงไหนสักที่! ”

ในขณะที่หลี่ชุนเกี่ยวยังไม่รู้ตัวแต่ชาวบ้านทั้งหมดตระหนักได้แล้วว่าชายหนุ่มร่างใหญ่ตรงหน้าคือหยุนเคอเรื่องเสียงไม่มีใครสามารถปลอมแปลงได้อีกทั้งคิ้วหนาคมเข้มนั้นยังแสดงชัดเจนว่าเป็นเขาแน่นอน!

หลังจากหยุนเคอได้ยินอย่างนั้นจิตสังหารพวยพุ่งออกจากนัยน์ตาเย็นชานั้นอย่างรุนแรงใบหน้าของเขายิ่งขึ้นด้วยความโกรธจัดทันที

ไม่ว่าเส้นประสาทของหลี่ชุนเกียวจะด้านหนามากเพียงใดแต่นางก็ยังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติและรีบถอยหลังออกห่างไปหลายก้าว

เหตุการณ์ตรงหน้านี้ทำให้เฉินไปถึงกับพูดไม่ออก

สุดท้ายจี้ชื่อไม่อาจอดทนฟังได้อีกต่อไปนางลุกขึ้นพร้อมพูดเสียงดัง” เอาล่ะมาจบเรื่องนี้กันเถิด! เมื่อเช้านี้ภรรยาของเฉินฉ่เกินวิ่งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านและร้องตะโกนว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งฝ่าฝืนจารีตของหมู่บ้านด้วยการคบชู้และยังฝังศพของอดีตคู่หมั้นไว้ในสวนหลังบ้านด้วย! ”

” เดิมที่หัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดเชื่อคำกล่าวของนางแต่นางสาบานว่าหากพูดโป้ปดให้ลงโทษนางด้วยกฎหมายครอบครัวได้! เช่นนี้พวกเราจึงเดินตามนางมาและจึงพบว่านางมาที่บ้านของเจ้าจากนั้นนางก็บอกพวกเราว่าเจ้าคือคนป่าที่เป็นชู้ของหลานสาวข้า! ”

ยิ่งได้ฟังเรื่องราวใบหน้าของหยุนเคอยิ่งเย็นชาขึ้นทุกขณะ

” ยอดเยี่ยม! เจ้าไม่คิดถามคำใดแต่กลับพาชาวบ้านมากมายบุกเข้ามาในบ้านของข้าแล้วยังกล่าวหาคู่หมั้นข้าว่านางประพฤติผิดจารีตอีกขั้นหรือ? ดียิ่งอีกทั้งพวกเจ้ายังรังแกนางโดยกล่าวหาว่านางไม่มีบุพการีสั่งสอนตั้งแต่เกิดด้วย! กล่าวหาว่าข้าหยุนเคอตายตกไปแล้วงั้นหรือ? ท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าไม่เคยคิดเลยว่าผู้คนตระกูลเฉินจะปฏิบัติตนเช่นนี้วันนี้ข้าได้เห็นมันแล้วทั้งหมดหากไม่มีคำอธิบายก็อย่าคิดว่าจะก้าวขาออกไปจากบ้านข้าได้! ”

เฉินไปกลายเป็นรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูกเขาไม่คิดว่าพรานป่าตรงหน้าจะน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้

หยุนเถียนเถียนก็ไม่คิดจะปล่อยคนเหล่านี้ไปเช่นกันและหากไม่เชือดไก่ให้ลิงดูพวกเขาก็คงสร้างปัญหาไม่รู้จบสิ้นสักที

” พวกเจ้าใส่ร้ายและทำให้ชื่อเสียงข้าต้องป่นปี้ไม่รู้ต่อกี่ครั้งเหตุใดจึงพาให้พวกเจ้าคิดได้ว่าข้าคนนี้จะสามารถสังหารคนและยัดศพไว้ในพื้นดินได้? เอาล่ะพวกเจ้าสนุกกันมากพอแล้วความฝันที่จะจับข้ายัดเข้ากรงหมูก็คงเป็นไปไม่ได้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อครู่มีการพูดถึงกฎหมายครอบครัวด้วยใช่หรือไม่แล้วมันเป็นแบบไหนกันล่ะ? หรือหากข้าฟังแล้วไม่พอใจเราคงต้องไปพบนายอำเภอของเขตปกครองสักหน่อย! ”

ถึงตอนนี้หลีชุนเกี่ยวเริ่มอับอายแล้วหากยอมรับกฎหมายครอบครัวไม่ได้ก็ต้องทน! นั่นคือทางรอดเดียวหากอีกฝ่ายวิ่งแจ้นไปที่สำนักงานเขตปกครองเรื่องราวมันอาจจะใหญ่โตกว่าที่คิดฝันเพราะความสัมพันธ์ของหยุนเถียนเถียนกับนายอำเภอนั้นมิใช่จะยั่วยุได้!

แต่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะหยุนเคอทำให้ลูกสาวของนางต้องผิดหวังตอนนี้เขายังโกนหนวดเคราออกและทำให้นางเข้าใจผิดว่าเขาคือชายอื่นสุดท้ายนางจึงไปป่าวประกาศพร้อมเรียกชาวบ้านทั้งหมดมาโดยไม่คิดว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น…

หลี่ชุนเดียวไม่ได้โง่เขลานางรู้แก่ใจว่าหากไม่ร้องขอความเมตตาในตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสใดอีกต่อไปแล้ว

” เถียนเถียนได้โปรดยกโทษให้ป้าเถิดหากลงโทษข้าด้วยกฎหมายครอบครัวเกรงว่าแม้แต่บรรพบุรุษก็คงอับอายจนไม่อาจเผยใบหน้าได้! ”

หยุนเวียนเถียนยิ้มหวานรับทว่าในสายตาของหลี่ชุนเกี่ยวกับดูน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

” ตอนนี้เจ้ารู้ความผิดแล้วหรือจึงขอให้ข้ายกโทษให้? ก่อนหน้านี้เจ้ากลับไม่คิดให้ดีและป่าวประกาศไปทั่วหากชื่อเสียงข้าป่นปี้ไปจริงๆแล้วเจ้าจะมีความสุขมิใช่หรือ? สุดท้ายแล้วเจ้าก็คิดจับข้าถ่วงน้ำอยู่ดี! แล้วเป็นเจ้าที่ขโมยสูตรอาหารของข้าไปก่อนหน้านี้ข้าก็ยกโทษให้แล้วคราหนึ่งแต่ตอนนี้เจ้ากลับหวนคืนมาอยู่ในมือข้าซ้ำสองคิดว่าข้าควรจะปล่อยไปง่ายๆงั้นหรือ? ”

” ไม่ว่าอย่างไรเมื่อนายน้อยหลี่มาที่บ้านข้าเพื่อหารือเกี่ยวกับการค้าหากหยุนเคอไม่อยู่บ้านเจ้าก็คงคิดประกาศว่าข้าคบชู้สู่ชายไม่จบสิ้นแล้วทุกคนก็คงจะรุมประณามจับข้าถ่วงน้ำจนตายตก…เอาล่ะเราจะจบเรื่องราวทั้งหมดนี้อย่างไรดี? ”

ตอนที่ 219 คนป่า

และเพื่อเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรหยุนเคอจึงไม่อายที่จะเอ่ยปากพูดต่อ

“เฉินเอ๋อลองคิดดูสิมีใครในหมู่บ้านนี้คู่ควรกับพี่สาวเจ้าอีกบ้าง?นอกจากนี้ชาวบ้านทั้งหมดต่างก็นิสัยไม่ดีแต่ข้าแตกต่าง!อีกทั้งข้าก็ชอบพี่สาวเจ้าอย่างจริงใจด้วย”

“หากคิดจะฝากฝังพี่สาวเอาไว้กับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าฝากไว้กับข้าย่อมดีกว่าเห็นๆไม่ต้องกังวลหรอกข้าไม่มีวันรังแกพี่สาวเจ้าแน่นอนและหากเจ้าลองไตร่ตรองดูเจ้าจะเห็นว่ามีแต่พี่สาวเจ้าที่รังแกข้าเสมอมา!”

เฉินเฉินเม้มปากแน่นก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขึ้น“การพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าล้วนแต่ไม่มีประโยชน์!พี่สาวข้ามิได้ให้ข้าเป็นคนตัดสินใจนี่เฮ้อแต่ข้าก็อดห่วงนางไม่ได้จริงๆ!”

“แต่เจ้าช่วยข้าได้ก็เพียงแค่พูดถึงข้าในทิศทางดีๆให้นางฟังบ้างก็เพียงพอ!”

เฉินเฉินกลอกตาไปมาก่อนจะถามตรงๆ“เรื่องนั้นมันก็ใช่แต่หากข้าทำสิ่งนั้นแล้วข้าจะได้รับอะไรตอบแทนเล่า?”

ไอ้เด็กน้อยคนนี้

บัดซบ!

“เจ้าก็คิดดูเถิดพี่สาวเจ้างดงามถึงเพียงนี้ย่อมมีผู้ชายมากหน้าหลายตาอยากจะตบแต่งด้วยเจ้ายอมให้นางถูกคนอื่นหลอกลวงได้หรือ?หากแต่งงานกับข้าแน่นอนว่าข้าจะไม่มีวันหลอกลวงนาง”

เฉินเฉินกลอกตาราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ตอนนี้หยุนเถียนเถียนเดินออกมาพร้อมกับถาดอาหารในมือทั้งสองจึงต้องหยุดประเด็นสนทนาอย่างรวดเร็ว

การโกนหนวดเคราทั้งหมดออกนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งแต่เมื่อนึกดูแล้วมันก็คุ้มค่าที่ได้เห็นว่าหยุนเกียนเถียนชื่นชมใบหน้าของเขาเพียงใด

เร็วๆนี้ที่ผ่านมามีหญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนสร้างความไม่พอใจให้กับหยุนเลี่ยนเกียนและภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมักจะเป็นคนตั้งต้นความรุนแรงเสมออีกทั้งลูกสาวของนางก็ไม่ยอมเลิกราเช่นกัน

ส่วนเฉินเจียวเจียวที่ออกเรือนไปเป็นนางบำเรอของหลี่เฟิงนางไม่ได้รับสินสอดแม้สักตำลึงเดียวเพราะความคับข้องใจของหลี่เฟิงนั้นมากมายเหลือเกินอีกทั้งครอบครัวของนางก็ไม่มีเงินคืนเขาเช่นกันหนึ่งร้อยตำลึงที่เคยพูดกล่าวถูกลืมไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

แน่นอนว่าเฉินเจียวเจียวไม่ใช่นางบำเรอที่หลี่เฟิงพอใจนักเขามักจะเอาความโกรธมาลงกับนางอยู่เสมอและบางครั้งถึงกับลงไม้ลงมืออย่างบ้าคลัง

เฉินเจียวเจียวรู้สึกว่าแม่ของตนเพียงผลักตนเองออกมาเพื่อหลบหนีการจ่ายเงินร้อยตำลึงคืนหลี่เฟิงเท่านั้นนางจึงปักใจเชื่อเสมอมาว่าแม่ขายนางเพื่อเอาตัวรอด!

และเพราะถูกขายทิ้งไปแล้วครอบครัวจึงไม่คิดจะสนใจใยดีนางอีกตอนนี้เฉินเจียวเจียวไม่ได้กลับไปที่บ้านและให้ครอบครัวของตนเสวยสุขในขณะที่นางต้องทนทุกข์

แต่ภรรยาของเฉินฉ่เกินจะปล่อยให้ลูกสาวมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไรนางก็คิดเช่นกันว่าตนเองขายหน้าและไม่ได้รับเงินสินสอดสักคำถึงแต่คนอย่างหลี่เฟิงก็ไม่อาจยั่วยุได้ง่ายเช่นนี้นางจึงไม่กล้าจะไปเรียกร้องอะไรที่เรือนของอีกฝ่ายเช่นกัน

นางสูญเสียลูกสาวไปหนึ่งคนอย่างไร้ซึ่งผลประโยชน์แม้แต่ราคาเจ้าสาวก็ไม่ได้รับความขุ่นเคืองทั้งหมดนี้จึงตกอยู่กับหยุนเสียนเถียนซึ่งเป็นต้นตอของเรื่องราวภรรยาของเฉินฉ่เกินจึงคิดที่จะแก้แค้นนางในสักวัน

แน่นอนว่าสำหรับคนที่เกลียดชังแล้วภรรยาของเฉินฉ่เกินค่อนข้างจะจับตามองอีกฝ่ายโดยไม่ละสายตา

วันนี้เป็นวันแรกที่หยุนเคอโกนหนวดเคราและนางจดจำเขาไม่ได้บวกกับไม่เห็นหน้าหยุนเคอมาหลายวันจึงคิดว่าพรานป่าร่างใหญ่ผูกคอตายไปเสียแล้ว

อีกทั้งบ้านของหยุนเวียนเถียนอยู่ใกล้กับทางเข้าหมู่บ้านมากหากมีการทะเลาะเบาะแว้งและพรานป่าหายตัวไปหญิงสาวคนนั้นจะไม่ถูกลงโทษ…

ภรรยาของเฉินฉ่เกินมองเข้าไปในบ้านของหยุนเถียนเถียนแล้วจึงรีบเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำนางพุ่งตรงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันทีแต่ไม่ใช่ต้องการจะพบเฉินซึ่งนางวิ่งไปหาเฉินไปหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่แทน!

“หัวหน้าหมู่บ้านไม่ดีแล้ว!”เฉินไปขมวดคิ้วทันทีที่เห็นภรรยาของเฉินฉ่เกินวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามานางคือบุคคลที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไม่น้อย!“มาตะโกนเสียงดังอะไรตรงนี้?”

“หัวหน้าหมู่บ้านมีสตรีไร้ยางอายอยู่ที่นี่นางมีคู่หมั้นหมายแล้วแต่ยังกล้าพาชายอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน!หากเป็นเรื่องนี้แล้วท่านพอจะสนใจมันหรือไม่?”

แต่เฉินไปตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันทีเขารู้ว่าไม่มีความจริงอยู่ในปากของภรรยาเฉินฉ่เกิน
“แล้วมาตะโกนอะไรตรงนี้?ข้าช่วยอะไรเจ้าได้งั้นหรือชื่อเสียงของเหล่าหญิงสาวนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดหากเจ้าคิดจะทำเรื่องโง่เขลาก็อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าหยาบคาย!”

ภรรยาของเฉินฉ่เกินเลือดขึ้นหน้าทันทีนางตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้“หัวหน้าหมู่บ้าน!แม้ท่านจะเพิ่งได้รับการแต่งตั้งแต่เจ้าก็ไม่มีรัศมีใดเทียบกับหัวหน้าคนเก่าได้!ท่านยังไม่ได้เดินไปดูด้วยซ้ำแต่กลับกล่าวหาว่าข้าโป้ปดไอ้คนป่าเถื่อนคนนั้นมันหายไปแล้วและมีชายอื่นอยู่ในบ้านของนางลองไปที่นั่นสิจะได้รู้ว่าข้าพูดความจริง!”

คนป่างั้นหรือ?เพียงถ้อยคำเหล่านี้ถึงความสนใจของคนทั้งหมู่บ้านได้ทันที

ชาวบ้านแถวนั้นเริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์แม้แต่คนที่อยู่ไกลออกไปก็ยังวิ่งมาฟังข่าวอย่างใคร่รู้

ครอบครัวของป้าจี้ก็เช่นกันพวกเขาทั้งหมดทำงานอยู่ใกล้กับบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเช่นนี้จึงวิ่งตามเสียงมา

“หลี่ชุนเกียว!เจ้าคงคิดกำลังหาของมีค่าล่ะสิตอนนี้ข่าวขโมยเงียบหายไปจากหมู่บ้านนานแล้วเพราะทุกคนล้วนแต่อยู่บ้านและลงกลอน!เจ้าอย่าได้คิดทำเรื่องชั่วร้ายอีก!”

ภรรยาของเฉินฉ่เกินโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน“ถึงตัวข้าจะไม่น่าเชื่อถือนักแต่ข้าก็จะไม่ทำเรื่องบัดสีเด็ดขาดตอนนี้มีคนป่าอยู่ในบ้านของหยุนเถียนเถียนหากไม่รีบไปตอนนี้หลักฐานอาจจะหายไปและไม่เหลือสิ่งใดเลย!”

แม้ว่าเฉินไปไม่ต้องการจะวุ่นวายกับสตรีปากสว่างผู้นี้แต่เขาก็จำเป็นต้องจัดการชื่อเสียงของสตรีในหมู่บ้านเช่นกันแม้จะไม่ต้องการสนใจแต่สุดท้ายแล้วก็เลี่ยงไม่พ้น

“ในเมื่อเจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้นข้าก็จะลองเชื่อเจ้าดู!แต่หากเจ้าโกหกข้าจะมอบบทเรียนราคาแพงให้ถึงตอนนั้นข้าจะจัดการเจ้าด้วยกฎหมายครอบครัวเข้าใจหรือไม่?”

แม้กฎหมายครอบครัวจะน่าสะพรึงเพียงใดแต่ภรรยาของเฉินฉ่เกินไม่คิดสนใจก็ทั้งหมดนางเห็นมันด้วยตาแล้วจะผิดพลาดได้อย่างไร?

“ได้!มันย่อมถูกต้องอยู่แล้วหากหัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดลำเอียง!”

หลังกล่าวจบภรรยาของเฉินฉ่เกินเดินตรงไปยังทางเข้าหมู่บ้านไม่ต้องบอกกล่าวกับผู้ใดก็รู้ว่านางจะตรงไปที่บ้านของใคร

“ซื้อเจ้าไม่คิดปฏิบัติต่อผู้อื่นดั่งเช่นหลานสาวตนเองงั้นหรือ?แต่น่าเสียดายนักที่หลานสาวของเจ้านั้นใฝ่ต่ำและไร้ยางอายรีบตามมาสิจะได้เห็นในสิ่งที่ข้าเห็นเช่นกันอยากรู้นักว่าคราวนี้เจ้าจะให้ท้ายนางว่าอะไร!”

ส่วนหยุนเสียนเถียนนั่งอยู่ในบ้านนางมองดูตะกร้าข้าวพร้อมกับถอนหายใจยาวในยุคโบราณคร่าครีเช่นนี้ไม่มีแม่โรงสีในข้าวทำมือยังมีเปลือกอยู่มากและต้องคอยหยิบมันออกจึงจะสามารถกินได้…

นางถือตะกร้าใหญ่ออกไปนั่งที่โต๊ะหินในสวนจากนั้นจึงหยิบข้าวเปลือกที่ปะปนกับข้าวขาวออกส่วนหยุนเคอนั่งอยู่ในแปลงผักหลังบ้านเขากำลังเหวี่ยงจอบลงดินจนเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลผุดทั่วร่างกาย

ไม่มีแม้เสียงเคาะประตูแต่มันถูกเปิดออกอย่างแรง!

ชาวบ้านจำนวนมากพุ่งเข้ามาในลานบ้านอย่างรวดเร็วหยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเห็นว่าเป็นเงินไปที่ถูกผลักให้ก้าวออกมาด้านหน้า

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน…เกิดเรื่องใดขึ้น?เหตุใดจึงยกชาวบ้านมามากมายเช่นนี้มีสิ่งใดนั้นหรือ?”

ทว่าเฉินไปกลับลำคอตีบตันขึ้นมาทันทีเขาไม่อาจทนได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสาวงามผู้นี้“ข้า…ข้า…ข้าได้ยิน…ว่า…”

ตอนที่ 218 หัวเราะหรือร้องไห้

หยุนเคอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะจับจ้องเด็กชายที่ยังสูงไม่ถึงเอวของเขาด้วยซ้ํา

“มีอะไร? ทําหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือใบหน้าของข้าไปสะกิดใจอะไรเจ้าหรือ?”

เฉินเฉินตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “หึ! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงข้อตกลงระหว่างท่านกับพี่สาว อีกทั้งนางยังไม่ได้แต่งงานจริง ๆ !”

หยุนเคอเลิกคิ้วสูง “อะไรกัน จนถึงตอนนี้เจ้ายังคิดว่าพวกเราจะไม่แต่งงานกันจริง ๆ งั้นหรือ? แล้วเจ้าคิดขัดขวางอย่างไรล่ะ?”

เฉินเฉินคล้ายกับผู้ใหญ่ร่างเล็ก เขานั่งเก้าอี้ด้วยท่าทางจริงจังก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าจะบอกให้… แม้ว่าท่านจะดูดีขึ้น แต่ก็ไม่อาจคว้าหัวใจพี่สาวข้าได้ หากถึงวันที่พี่สาวข้าสมควรต้องแต่งงาน ข้าจะเป็นคนแต่งงานกับนางเอง!”

หยุนเคอรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองมีคู่ต่อสู้ตัวน้อยเช่นนี้ด้วย

“เจ้าเป็นน้องชาย! แล้วจะแต่งงานกับนางได้อย่างไร?”

เฉินเฉินตะโกนเสียงดัง “ข้าไม่ใช่น้องชาย!”

แม้หยุนเคอจะไม่มั่นใจในตัวเองนัก แต่เขาก็ไม่คิดหวาดกลัวเด็กคนนี้

“แต่นางมองเจ้าเป็นน้องชาย! อีกทั้งตอนนี้นางอายุสิบห้าปี เจ้าเพิ่งเจ็ดขวบ! กว่าเจ้าจะโตพอ นางก็อายุยี่สิบเจ็ด… เจ้าไม่อาจแต่งงานกับนางได้ ข้าแนะนําได้หนึ่งอย่าง เจ้าปล่อยนางไปซะ แล้วจงแต่งงานกับหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับตัวเองไม่ดีกว่าหรือไร?”

เฉินเฉินถึงกับพูดไม่ออก ส่วนหยุนเคอยกยิ้มเล็กน้อย

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวคืออะไร? ตอนนี้เจ้ายังต้องพึ่งพาพี่สาวอยู่และ เจ้าไม่ได้ชอบนางจริง ๆ! อีกหน่อยเดี๋ยวเจ้าโตขึ้น และได้พบกับหญิงสาวอื่น เจ้าก็จะลืมเลือนพี่สาวไปเอง”

“ไม่จริง! พี่สาวช่วยเหลือข้ามากเช่นนี้ โตขึ้นข้าย่อมต้องแต่งงานกับนาง! ผู้ชายคนอื่นอาจทําให้นางผิดหวัง แต่ข้าจะไม่มีวันทําเช่นนั้น หึ! ข้ารู้ดีว่าท่านก็ตกหลุมรักพี่สาวเช่นกัน คิดหรือว่าโกนหนวดเคราออกแล้วจะสามารถพิชิตใจนางได้? รู้ไว้ด้วยว่านางมิใช่หญิงสาวที่มองใครเพียงรูปลักษณ์ภายนอก!”

หยุนเคอยกยิ้มมุมปาก หากหญิงสาวคนนั้นชื่นชอบรูปลักษณ์ของเขาบ้างสักหน่อยก็คงดีไม่น้อย แต่หลังจากเห็นปฏิกิริยาของนางในวันนี้แล้ว เขาก็พอเข้าใจว่าหญิงสาวมิใช่ใครที่จะชื่นชอบชายใดเพียงรูปลักษณ์จริง ๆ

“โอ้ แน่นอน! ข้ารู้ดีว่าพี่สาวเจ้าไม่ชื่นชอบชายใดเพียงรูปลักษณ์ เพราะแม้ข้าจะมีหนวดเคราดกดํา นางก็ยังไม่คิดแต่งงานกับหลี่ซื่อฮวาเช่นกัน! ส่วนเจ้าที่อายุเพียงเจ็ดขวบ เจ้าคิดอยากให้นางรอเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”

“เรื่องสําคัญที่สุดก็คือแม้นางจะไม่รักข้า แต่นางก็ต้องแต่งงานกับข้า ทั้งหมดนี้คือคความจริง! สตรีที่ดีจะไม่แต่งงานซ้ําสอง เจ้าไม่รู้หรือไรว่าชาวบ้านทั้งหมดจะสาปแช่งมากเพียงใดหากนางแต่งงานกับน้องชายตัวเอง! เฉินเฉิน แม้พี่สาวจะใจดีกับเจ้ามากและเจ้ารักนางมากเพียงใด แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางเรื่องนี้!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอายุเพียงเจ็ดขวบ เจ้ารู้ใจตัวเองแล้วหรือว่าชื่นชอบหญิงสาวแบบใด? เฉินเอ๋อ เจ้าควรมีสติให้มาก อีกทั้งหากคิดจะแสดงความขอบคุณสําหรับน้ําใจของนาง เจ้าก็ควรปฏิบัติตัวให้ดีมิใช่ลากนางลงเหวไปด้วยเช่นนี้!”

เฉินเฉินรู้สึกไม่พอใจยิ่ง ส่วนหยุนเคอกําลังอธิบายอย่างใจเย็น ซึ่งความอดทนนี้เขาไม่เคยมีมันมาก่อนเลยในชีวิตนี้ “เจ้าหยุดคิดเรื่องอื่นได้แล้ว พี่สาวจะปฏิบัติต่อเจ้าดั่งเช่นน้องชายตลอดไป มันจะไม่มีความรักระหว่างชายหญิงเกิดขึ้นกับเจ้าสองคนแน่นอน เฉินเอ๋อ หากเจ้ารักและเคารพพี่สาวของตนจริง ๆ เจ้าก็จงร่ําเรียนให้หนักและอย่าทําให้นางผิดหวัง!”

เฉินเฉินถอนหายใจยาวราวกับคนแก่ “แต่ใครกันจะสามารถปกป้องพี่สาวข้าได้ ดูผู้หญิงในหมู่บ้านสิ ไม่เห็นจะมีใครพบเจอชีวิตดี ๆ หลังจากแต่งงานสักคน! หากท่านไม่แต่งงานกับนาง ข้าจะเป็นคนแต่งงานกับนางเอง!”

หยุนเคอถึงกับหัวเราะออก “ตอนนี้เจ้ายังต้องพึ่งพาพี่สาวตนเองอยู่ แต่เจ้ากลับกล่าวถึงการเลี้ยงดูนางงั้นหรือ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่สาวไม่อาจต่อสู้กับโลกภายนอกได้? เจ้าไม่คิดว่านางแข็งแกร่งมากจนไม่ต้องพึ่งพาใครเลยบ้างหรือ? อีกทั้งนางยังสามารถเลี้ยงดูผู้ชายได้อย่างง่ายดายด้วย! เอาล่ะ เฉินเอ๋อ ตอนแรกมันอาจจะเป็นข้อ ตกลงระหว่างข้ากับนาง แต่ตอนนี้ข้าจะไม่ปล่อยพี่สาวเจ้าให้กับผู้ใดเด็ดขาด! หากเจ้าอยากให้นางมีชีวิตที่ดี ก็จงตั้งใจเรียนและประสบความสําเร็จให้ได้ จากนั้นก็ค่อยปกป้องมิให้ผู้ใดมารังแกนาง!”

เฉินเฉินมองใบหน้าเรียวได้รูปที่อยู่ไกลออกไปสักหน่อย เขารู้ดีว่าพี่สาวของตนแข็งแกร่งเพียงใด แต่อย่างไรแล้วนางก็ยังต้องแต่งงานกับใครสักคน… น่าเสียดายที่เขายังเด็กเกินกว่าจะแต่งงาน!

ในตอนนั้นเองที่หยุนเวียนเถียนชะโงกหัวออกมา “เด็กน้อย เจ้ากําลังพูดถึงข้าอยู่หรือ? รีบไปล้างมือเร็วเข้า เตรียมตัวกินข้าว!”

หยุนเคอมองเฉินเฉินก่อนจะกล่าวต่อ “สิ่งที่กล่าวออกทั้งหมดเป็นความลับระหว่างเรา เจ้าไม่อาจบอกใครได้แม้แต่พี่สาวของตน!”

หยุนเถียนเถียนเดินออกมาพร้อมกล่าวขึ้น “ความลับอะไรกัน? ข้าเป็นพี่สาวย่อมไม่มีความลับใด เจ้าบอกกล่าวอะไรกับน้องชายข้า?!”

เฉินเฉินถอนหายใจราวกับคนตาย “พี่สาว! พี่ใหญ่หยุนบอกว่าเขากําลังจะแต่งงานกับท่านเร็ว ๆ นี้และข้าก็เป็นแค่เด็กน้อยขนยังไม่ขึ้น!”

หยุนเคอถึงกับเบิกตาโพลง เด็กคนนี้กําลังพูดจาไร้สาระ แม้ต่อหน้าเขาก็ยังกล้าพูดโป้ปดออก เลวร้ายยิ่งเมื่อเด็กชายคนนี้คิดทรยศ!

หยุนเถียนเถียนยิ้มก่อนจะตอบ “เจ้าคิดว่าพี่ใหญ่หยุนจะเป็นเด็กเช่นเจ้างั้นหรือ? แล้วเจ้าก็ไม่ควรจะพูดจาเช่นนี้ออกมา หากไม่คิดจะบอก ข้าก็จะไม่ถาม!”

เฉินเฉินมองหยุนเถียนเถียนด้วยความไม่พอใจ เขาเดินเข้าครัวไปอย่างบึ้งตึง เหตุใดพี่สาวจึงไม่เชื่อวาจาของเขากันล่ะ? สิ่งที่เขาพูดออกไปคือ ความจริง!

“เอาล่ะ เด็กน้อยขนยังไม่ขึ้นในฐานะบุรุษ… ประการแรกเลยคือหากถูกดุด่าจากสตรีจะไม่เหมือนกับการถูกด่าจากบุรุษด้วยกัน นอกจากนี้ ข้าก็ไม่ได้ดุด่าว่าเจ้าขนยังไม่ขึ้นด้วย!”

หลังจากหยอกล้อจนพอใจแล้ว หยุนเคอกล่าวต่ออย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากชาวบ้านคนอื่นล่วงรู้ถึงความคิดเจ้า พวกเขาจะมองพี่สาวเจ้าอย่างไร? ผู้คนจะคิดว่าพี่สาวของเจ้าเป็นคนมักมากในกาม แม้แต่น้องชายที่เติบโตด้วยกัน มาเพียงเจ็ดขวบก็ยังคิดจะคว้าเอาไว้!”

ดูเหมือนว่าคําพูดของหยุนเคอจะร้ายแรงเกินกว่าเฉินเฉินจะรับได้ เขากระทืบเท้าเล็ก ๆ ลงที่นิ้วเท้าของอีกฝ่ายอย่างแรง แม้ว่ามันจะเจ็บปวดไม่น้อย แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่รับได้…

“คิดว่าคําพูดของข้ามันเลวร้ายเกินไปงั้นหรือ? แต่หากชาวบ้านข้างนอกพูด มันจะร้ายแรงยิ่งกว่านี้หลายเท่า! ตอนนี้ชื่อเสียงของพี่สาวเจ้ามิใช่จะดีนักและเจ้าไม่มีสิทธิ์ทําให้มันแย่ลงได้ ตอนนี้ เจ้าเป็นเด็กจึงพูดกล่าวออกมาไม่ทันคิดไตร่ตรอง แต่หากคนอย่างหลี่ชุนเกี่ยวรับรู้เรื่องนี้ คําพูดทั้งหมดก็ยังน่าเกลียดจนเจ้าไม่อาจทนฟังได้!”

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เฉินเฉินรู้ดีในใจ แต่ยังไงซะ เขาก็ยังไม่คิดยอมแพ้และกล่าวช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคํา “น่าเสียดายที่พี่สาวข้างดงามดั่งดอกไม้แต่ต้องมาจมปลักอยู่ในมูลวัวเช่นท่าน แต่ข้าจะขอเตือนไว้หากท่านคิดรังแกพี่สาว หลังจากข้าโตขึ้น ข้าจะกลับมาจัดการกับท่านให้สาสม!”

หยุนเคอยึดตัวก่อนจะเผยรอยยิ้มอ่อนจาง “เจ้าเป็นบ้าหรือไร? ข้าไม่เคยรังแกนางแม้สักครั้ง มีเพียงนางที่รังแกข้าอยู่เสมอ! หากเป็นเรื่องนี้ จงไปบอกกล่าวพี่สาวตนเถิด!”

ตอนที่ 217 ใบหน้าที่แท้จริง

แต่อย่างไรแล้วนางก็เคยเป็นตำรวจเก่ามาก่อน แน่นอนว่าความสามารถในการปรับสภาพจิตใจค่อนข้างจะยอดเยี่ยมไม่น้อย นางรอจนหยุนเคอจัดการไก่ทั้งสองตัวจนสะอาดจากนั้นจึงเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับใบหน้าที่เป็นปรกติ

แม้ว่ารูปลักษณ์ของหยุนเคอจะไม่ค่อยดูดีนักแต่สำหรับหยุนเถียนเถียนแล้วเขาเป็นบุรุษที่มีน้ำใจยิ่ง ซึ่งในโลกใบเดิมหยุนเสียนเถียนเคยพบผู้ชายที่หล่อเหลามากมายมาก่อนแต่ก็ไม่มีใครทำให้นางใจเต้นแรงได้อย่างหยุนเคอ!

แล้วถ้าหยุนเคอเป็นคนที่ไว้ใจได้จริงๆ หากจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปก็ไม่เป็นไร…อย่างไรก็ตามเถียนเถียนรู้สึกว่านางก็ยังอยู่ได้สบายดี หากวันหนึ่งชายหนุ่มเปลี่ยนใจไปนางก็สามารถอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้

แต่เดี๋ยว…หยุนเคอยังไม่ได้เปิดปากกล่าวความรู้สึกที่แท้จริงเลยนี่!

เมื่อหยุนเถียนเถียนตระหนักถึงความจริงได้นางจึงเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง หยุนเคอพลันหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเย็นชาเช่นนี้ดูเหมือนว่าการโอบกอดนางไว้ในฐานะภรรยาช่างยากเย็นไม่น้อย

“เถียนเถียนเจ้าว่าข้าโกนหนวดดีไหม?”

หยุนเถียนเถียนถึงกับตกตะลึงนางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดเช่นนี้มาก่อนแววตาทอประกายวูบไหวอย่างลึกซึ้งก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“แน่นอนว่าต้องยอดเยี่ยมใบหน้าเจ้าไม่ได้เลวร้ายเลยแต่กลับปล่อยให้หนวดเคราดกดำทั่วหน้าไม่มีใครมองเห็นหน้าเจ้าสักคน!เดี๋ยวหลังจากเรากินข้าวเสร็จข้าจะโกนให้”

หยุนเคอพยักหน้ารับ“ขอบคุณ”

ไก่ฟ้าตุ้นเห็ดอร่อยไม่ยอกหยุนเกียนเถียนเก็บถ้วยอาหารบางส่วนใส่ตู้เอาไว้เพราะว่ามีบัณฑิตน้อยยังไม่ได้กลับมากินข้าว

ทั้งสองคนนั่งกินข้าวกันอย่างเงียบๆโดยที่ไม่รู้ว่าบรรยากาศนี้มันคืออะไร

หยุนเคอร่างใหญ่นั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กๆในลานบ้านท่าทางคับแคบทำให้เขาดูประหลาดไม่น้อย

แต่หากไม่ให้เขานั่งบนเก้าอี้เถียนเถียนรู้สึกว่าจะไม่สามารถโกนหนวดให้เขาได้

หนวดเคราผูกปมกันยุ่งเหยิงอยู่บนใบหน้าทำให้หยุนเสียนเถียนถึงกับขมวดคิ้วแน่นแม้ว่านางจะหยิบจับงานเย็บปักถักร้อยอยู่บ้างแต่เมื่อกรรไกรทอประกายแหลมคมออกมาดวงตาของหยุนเคอหรี่ลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง

แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟันเขากำลังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อว่าหมู่บ้านเทพธิดา!

หยุนเถียนเถียนจดจ่ออยู่กับการตัดหนวดเคราบนใบหน้าทีละชั้นจึงไม่เห็นแววตาที่สับเปลี่ยนไปมาของหยุนเคอก่อนหน้านี้

หนวดเคราร่วงหล่นราวกับเกล็ดหิมะอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้านในที่สุดใบหน้าของหยุนเคอถูกเปิดเผยออกมาได้บ้างโครงหน้าคมชัดถูกเผยต่อสายตาของหญิงสาว

แต่กรรไกรไม่สามารถจัดการกับหนวดเคราทั้งหมดได้ต้องใช้มีด!เช่นนี้หยุนเคอจึงหยิบมีดออกมาและยื่นให้หญิงสาวด้วยท่าทางสบายๆ

เมื่อหยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นดวงตาถึงกับเบิกกว้างอย่างตกตะลึงหยุนเคอคนนี้ร้ายกาจยิ่งเขาซ่อนมีดสั้นไว้ที่น่องแล้วมัดไว้เพื่อปกปิดงั้นหรือ?หรือเป็นเพราะว่าเขาตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้งจึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา?

แต่สุดท้ายแล้วหยุนเสียนเถียนก็ฟื้นคืนสตินางเอามีดสั้นชุบน้ำอุ่นก่อนจะเริ่มขยับมันไปมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม

ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใดตอนนี้หนวดเคราถูกกำจัดออกจากใบหน้าของหยุนเคอโดยสมบูรณ์แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเสียนเถียนได้เห็นใบหน้าของคู่หมั้นตนอย่างเต็มตา

แม้ว่าหน้าตาจะไม่เหมือนกับชาวบ้านในหุบเขาแต่ก็มิใช่บัณฑิตที่หล่อเหลาในทางตรงกันข้ามกลับแตกต่างใบหน้าคมได้รูปแววตาคมปลาบแฝงไปด้วยความกล้าหาญ…

หยุนเถียนเถียนพบเจอบุรุษรูปงามมาแล้วนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เคยมีใบหน้าใดสามารถสะกดใจนางได้มาก่อนแต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายตรงหน้านางกลับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

เมื่อหยุนเคอเห็นหญิงสาวตรงหน้าตกตะลึงเขาอดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะในใจนางคงจะพอใจในรูปลักษณ์ของเขาไม่น้อย!

“หยุนเคอเจ้าเลี้ยงหนวดเครามากมายเอาไว้เพื่อปกปิดตัวตนใช่หรือไม่?แล้วทำไมตอนนี้จึงคิดเปิดเผยเล่า?”

“คงไม่เป็นไรที่นี่ก็อยู่ไกลเมืองหลวงยิ่งเพียงแค่เปิดเผยใบหน้าเท่านี้พวกมันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”

หยุนเกียนเถียนกลอกตาไปมา“แล้วในเมื่อไม่เป็นอะไรทำไมเจ้าจึงไว้หนวดเคราตั้งแต่แรกล่ะ?ถ้าเจ้าโกนมันเร็วกว่านี้สตรีทั้งหมดในหมู่บ้านย่อมพุ่งตรงเข้าหาเจ้าแน่นอน!”

หยุนเคอถึงกับยิ้มออกมา“พูดจาไร้สาระอะไรกัน?ตอนนี้ข้าก็โกนหนวดเคราหมดสิ้นแล้วไม่เห็นว่าเจ้าจะพุ่งเข้าหาข้าบ้างเลย!”

“ก็เพราะข้ายังมีสติ!แต่เรื่องพวกนี้ก็ยากจะอธิบายหญิงสาวในหมู่บ้านส่วนมากชื่นชอบบัณฑิตที่ฉลาดแต่อ่อนแอคนกล้าหาญเช่นเจ้าคงไม่ใช่ที่นิยมชมชอบนักหรอก”

หยุนเคอหัวเราะเย้ย“ตอนแรกข้าอยู่ในเมืองปักกิ่งพวกนักปราญช์อ่อนแอมีเสน่ห์ยิ่งกว่าข้าจริงๆพวกเขาหล่อเหลาและหญิงสาวในเมืองล้วนตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแต่ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขานักหรอกยังไงซะมันก็ไม่จำเป็นอะไรเพราะข้าไม่คิดจะแต่งงานกับพวกผู้หญิงเช่นนั้นอยู่แล้ว”

เมื่อหยุนเคอกล่าวออกมาเช่นนี้หยุนเสียนเกียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหูซึ่งนางก็ไม่รู้เลยว่าเหตุใดจึงต้องรู้สึกเช่นนี้ด้วย

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสุขยิ่งในเมืองหลวงมันก็ดีหากเจ้าสามารถใช้ใบหน้าหล่อเหลายั่วยวนทุกคนได้แต่หากไม่คิดแต่งงานก็ไม่ควรกระทำเช่นนั้น!เมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้พบกับความรักที่ใฝ่หาเรื่องของเราสองคนจะสิ้นสุดลงทันที”

หยุนเถียนเถียนวางมีดสั้นในมือลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนจะหันหลังกลับและเดินเข้าบ้านไปหยุนเคอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กด้วยใบหน้าสับสนเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าสาวน้อยตรงหน้าเกิดหงุดหงิดอะไรขึ้นมาอีก

“ไม่แปลกที่เขาจะพร่ำบ่น…จิตใจสตรีเข้าใจยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร!”

หยุนเคอส่ายศีรษะเบาๆก่อนจะเริ่มจัดสวนอย่างเงียบเชียบตลอดทั้งบ่ายไม่มีใครมาเคาะประตูบ้านของเขาแม้สักคนมีเพียงหยุนเคอที่ยืนอยู่ในลานบ้านคนเดียวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เมฆสีแดงกำลอยอยู่บนฟ้าบอกว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำหยุนเถียนเถียนเดินออกมาจากห้องและมุ่งตรงเข้าครัวใบหน้าทิ้งตึงนั้นยิ่งทำให้หยุนเคอทำตัวไม่ถูก

แต่ขณะนั้นเองประตูบ้านด้านหน้าถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน

เป็นเฉินเฉินนั่นเอง…เด็กชายเดินเข้ามาและเขาเห็นว่ามีคนแปลกหน้ายืนอยู่หน้าห้องครัว

“เจ้าเป็นใคร?”

เฉินเฉินตะโกนดังลั่นด้วยเสียงเล็กๆของเขา

สิ้นเสียงหยุนเถียนเถียนออกมาจากครัวพร้อมกล่าวทักทายเด็กชายทันที“เฉินเฮ่อกลับมาแล้วหรือ?งั้นไปล้างมือให้สะอาดเตรียมตัวกินข้าว”

ใบหน้าของหยุนเคอพลันเคร่งขรึมก่อนกล่าวเสียงทุ่ม“ไอ้หนู!หากข้าไร้ซึ่งหนวดเคราเจ้าก็ไม่รู้จักข้าแล้วงั้นหรือ?”

เฉินเฉินเอียงคอไปมาก่อนจะถามต่อ“ท่านคือพี่ใหญ่หยุนงั้นหรือ?พี่ใหญ่หยุนหน้าตาเช่นนี้!”

หยุนเคอเลิกคิ้วสูงเด็กคนนี้คิดว่าเขาหน้าตายังไงกัน?หรือเด็กน้อยนี่กำลังมองว่าเขาน่าเกลียดหรือไร?

เฉินเฉินจับจ้องใบหน้าของหยุนเคออย่างพิจารณาในที่สุดดวงตาของเขาก็พลันทอประกายเจิดจ้าออกแต่ไม่มีใครรู้ว่าเด็กชายกำลังนึกคิดสิ่งใดอยู่!

ตอนที่ 216 ตื่นตระหนก

“กลายเป็นว่าป่าหวงเองงั้นหรือ เด็กน้อยคนนี้ไม่ใช่โง่งม อย่างน้อยก็ทราบความละอาย! ท่านบัณฑิต เด็กน้อยผู้นี้อับโชคยิ่งนัก ขอเชิญท่านป้ากลับแล้ว”

หยุนเวียนเถียนเพียงกล่าวออกไปอย่างเด็ดขาด อย่างไรแล้วนางไม่คิดจะโต้เถียงกับคนตรงหน้า แต่ในประโยคเหล่านี้กลับแสดงการปฏิเสธอย่างชัดเจน

หวงฉืออดไม่ได้ที่จะโกรธเกรี้ยว บุตรชายของนางตกหลุมรักหญิงสาวผู้นี้ได้อย่างไรกัน? อีกทั้งตอนนี้นางยังกล่าววาจาดูถูกลูกชายของตน มันไม่ใช่การตบหน้านางงั้นหรือ?

“แม่นางหยุน เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวไร้พ่อและแม่ตายตกไป แน่นอนว่าเจ้าไม่คู่ควรกับลูกชายของข้าสักนิด แต่เป็นเพราะลูกชายข้าหลงรักเจ้าสุดหัวใจและเขาคงไม่อาจล้มเลิกได้ เช่นนี้ข้าจึงคิดมาสู่ขอเจ้า แต่หากเจ้าคิดเหยียดหยามเขาเช่นนี้ เจ้าก็ไม่คู่ควรกับเขาอย่างแท้จริง จากนี้ไปข้าจะสั่งให้เขาเลิกเพ้อฝันถึงเจ้าเสียที”

หลังจากได้ฟังประโยคนี้ หยุนเสียนเถียนก็ยิ่งมั่นใจว่าบัณฑิตที่มาขอน้ำกินเมื่อวานนี้คือบุตรชายของหวงฉือตรงหน้า

ท่านป้า เป็นคนมีศีลธรรมย่อมดีกว่ารอบรู้และฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้อื่น หากให้ข้าคาดเดาเป็นบุตรชายของท่านที่มาเคาะประตูข้าและขอน้ำดื่ม ข้ายังสงสัยไม่น้อยว่าบัณฑิตที่ไหนจะไร้ซึ่งมารยาทเช่นนี้ อ้อ ปรากฏว่าเขาเป็นลูกชายที่ท่านสั่งสอนมานั่นเอง!”

“เขาเคาะประตูบ้านข้าด้วยตนเอง แล้วยังใช้สายตาแทะโลมมองหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงาน! ช่างเป็นบัณฑิตที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ อีกทั้งวันรุ่งขึ้นแม่ของเขายังมาสู่ขอหญิงสาวผู้นั้นถึงบ้านช่างยอดเยี่ยมนัก! ข้าไม่แปลกใจเลยหากลูกชายของท่านจะครองชีวิตโสดไปตลอดชีวิตโดยหากรรยาข้างกายไม่ได้!”

เดิมที่หวงฉือคิดว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคงรับมือไม่ยากนัก เพราะนางอายุไม่มาก แต่อีกฝ่ายกลับกล่าววาจาฉะฉานและไร้ซึ่งความอ่อนน้อมได้อย่างหน้าตาเฉย

“เหตุใดแม่นางหยุนจึงกล่าววาจาเสียดสีเช่นนี้? พวกเราล้วนมาที่นี่เพื่อแสดงความจริงใจในการสู่ขอ แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าคิดไม่ซื่องั้นหรือ?”

หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มเคืองโกรธ ก่อนจะกล่าวโต้คนไร้ยางอายตรงหน้า “แล้วสิ่งที่ท่านป้ากล่าวนั้นจริงใจหรือไร? เหตุใดจึงคิดกล่าวว่าข้าไม่คู่ควรกับลูกชายของท่าน คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? อีกทั้งที่บอกกล่าวว่าลูกชายท่านจดจำข้าจนเก็บไปเพ้อฝัน ไร้สาระทั้งเพ! ข้ากับเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งท่านก็ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราเมื่อวานนี้แม้แต่น้อย”

“อย่าคิดทำลายชื่อเสียงผู้ใดเลย! แต่ดูเหมือนนี้จะเป็นตัวตนที่แท้จริงของตระกูลหลิน ขอเชิญป้าหวงกลับเถิด อย่าให้เรื่องบาดหมางทำให้ท่านบัณฑิตผู้นั้นเสื่อมเสียเลย อีกทั้งท่านป้ายังเป็นแม่สื่อได้อีกในอนาคต แต่จงไปหาสตรีอื่นเถิดเพราะข้าคนนี้แต่งงานแล้ว!”

บังเอิญว่าวันนี้หยุนเคอจับไก่ฟ้าได้สองตัวและคิดว่าจะกลับบ้านเพื่อตุนไก่กับเห็ด ดังนั้นเขาจึงรีบขึ้นไปบนภูเขาแต่เช้าและต้องการเชือดไก่พวกนี้ด้วยตนเอง ทั้งหมดก็เพื่อไม่อยากให้มือเรียวของเด็กสาวต้องแปดเปื้อน

ทันทีที่เขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมไก่ฟ้าสองตัวเขาก็พลันได้พบกับศัตรูที่หมายมั่น นั่นคือแม่สื่อที่มารุกรานเมื่อสองสามวันก่อน ส่วนอีกคนคือหวงฉือจากหมู่บ้านข้าง ๆ !

หัวใจของเขาพลันบีบรัดพร้อมภาวนาในใจว่าอย่าให้เถียนเฉียนหลงกลพวกนาง!

แต่ใครจะทราบว่าหัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่กลับผ่อนคลายลงและเริ่มดีดดิ้นอย่างตื่นเต้น

หยุนเกียนเถียนเรียกหาเขาพร้อมทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่หยุนกลับมาแล้ว! ท่านป้าทั้งสองไม่ทราบสถานการณ์ของเรา ข้าพบอกว่าแต่งงานแล้วเป็นร้อยครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่คิดฟังแล้วยังมากล่าวสู่ขอข้าในวันนี้อีก!”

“เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันเสียที่? ข้าไม่รู้ว่าใครทำให้ทั้งสองกล้าหาญเช่นนี้ พวกเขาดูถูกว่าข้า ไร้พ่อซึ่งแม่ไม่คู่ควรกับลูกชายเขาด้วยซ้ำ!”

ท่าทางฟ้องร้องของหญิงสาวตรงหน้าทำให้หัวใจของหยุนเคอเต้นแรงขึ้นมาอย่างยินดี

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าได้รับบทเรียนไม่เพียงพองั้นหรือ? ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้ หรือต้องการให้ข้าโยนออกไป?!”

เมื่อเห็นท่าทางโหดร้ายของหยุนเคอ หวงฉือจดจำเรื่องเสือสิงห์ที่ถูกขู่ไว้ได้ทันที หรือว่าเขาคิดจะเอาเสือมาปล่อยในบ้านของนาง? เช่นนี้ไม่ ดีแน่ควรจะรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว

ทว่าแม่สื่อฮัวกลับไม่เข้าใจ นางก้าวไปด้านหน้าก่อนจะกล่าวกับหยุนเคอ “นายพรานหยุนแม้ว่าเจ้าจะเก่งกาจแต่ก็ไม่อาจครอบครองหัวใจ นางได้เจ้าไม่มีวันพานางไปสู่ความรุ่งโรจน์! นางมีโอกาสที่จะได้รุ่งเรืองแต่กลับต้องมาติดแหงกอยู่ในบ้านหลังเล็กกับเจ้าที่นี่ เจ้าควรจะตักน้ำใส่กะโหลกเสียบ้าง!”

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของหยุนเคอชัดเจน เขาขว้างไก่ฟ้าสองตัวออกจากมืออย่าง เหี้ยมโหดก่อนจะหยิบไม้กวาดพร้อมกับชี้หน้าแม่สื่อฮัวอย่างไม่เกรงกลัว

ขณะถูกด้ามไม้กวาดชี้หน้า ทั้งสองพลันอกสั่นขวัญแขวนอย่างถึงที่สุด

ร่างกายของแม่สื่อฮัวและหวงฉือสั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว

หยุนเคอเค่นเสียงเย็นชา “จะออกไปดี ๆ หรือไม่?”

หวงฉือกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกก่อนจะวิ่งไปที่ประตู ส่วนแม่สื่อฮัวหวาดกลัวยิ่งกว่า นางไม่อาจก้าวขาได้แม้เพียงครึ่งก้าวด้วยซ้ำ

ทันทีที่ทั้งสองออกจากประตูไป พวกเขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกอย่างไม่อาจกลัน นั้นคือนายพรานบนภูเขางั้นหรือ? หากไม่บอกกล่าวคงคิดว่าเป็นเสือสิงห์แน่!

ครั้นหยุนเสียนเถียนเห็นทั้งสองออกไปแล้วใบหน้าของนางพลันผ่อนคลายขึ้น จากนั้นจึงหันไปยิ้มหวานให้หยุนเคอ “โชคดีที่เจ้ากลับมา ไม่อย่างนั้นข้าก็อับจนหนทางยิ่ง พวกนางช่างดื้อด้านและรับมือได้ยากจริง ๆ”

หยุนเคอทอดสายตาแห่งความรักให้กับหญิงสาวตรงหน้าโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับลอบคิดภาย ในใจข้าต้องทำให้นางเข้าใจว่าข้ารู้สึกเช่นไรและให้นางรู้ว่าข้าจะอยู่เคียงข้างเสมอ!”

ทว่าหยุนเถียนเถียนกลับเหลือบเห็นไก่ฟ้าสองตัวที่เขาถือเข้ามาก่อนหน้า มันถูกขว้างทิ้งไว้ตรงมุมห้องราวกับขยะ นางจึงรีบหันไปสนใจมันโดยไม่เห็นแววตาแห่งความรักของเขาแม้แต่น้อย

“หยุนเคอ เจ้าช่างรู้ใจข้าเสียจริง วันนี้ข้าเพียงคิดว่าจะกินไก่ตุ้นและเห็ดเท่านั้น ซึ่งเห็ดที่ข้าขึ้นไปเก็บบนภูเขาพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ เริ่มใช้ได้แล้วงั้นเราไปทำซุปไก่กันเถอะ!”

หยุนเกียนเถียนกล่าวพร้อมกับเดินเข้าครัวไปต้มน้ำ

หยุนเคอรีบเอื้อมมือไปหยุดนางไว้ก่อนจะกล่าวออก “ข้าจะจัดการไก่เอง เจ้าเป็นหญิง ไม่ควรจะยุ่งกับเลือดสกปรก

หยุนเสียนเถียนหันกลับไปหาเขา ในที่สุดนางก็ได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนานั้นหญิงสาวรีบก้มหน้าลงด้วยความประหม่า ใบหน้าแดงกลามไปถึงหู นางยื่นไก่คืนให้เขาก่อนจะ เร่งเท้าเข้าครัว

หยุนเคอจับจ้องเด็กสาวร่างบางตรงหน้าที่ กำลังเขินอาย เขาจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ หรือ ว่าเขาควรจะโกนหนวดเคราพวกนี้ออกกันนะ… อย่างไรแล้วหน้าตาของเขาก็ไม่เลวร้าย มันจะถูกตาต้องใจนางบ้างหรือไม่?

หยุนเสียนเถียนยังคงนั่งอยู่ในห้อง นางนั่งเหม่อลอยบนเก้าอี้เป็นเวลานาน เพราะยังใจเต้นแรงกับฉากเมื่อครู่ไม่หาย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ภพที่แล้วนางไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน แต่ตาหนวดคนนั้นทำให้นางใจเต้นไม่เป็นจังหวะได้อย่างไรกัน?

ดูเหมือนว่านางจะครองความโสดมานานเกินไป จึงไม่อาจแยกแยะความหล่อเหลาออกจากความอัปลักษณ์ได้ หนวดเคราเพิ่มแถมยังรกรุงรังเช่นนั้นน่ะหรือสามารถทำให้นางใจเต้นไม่เป็นจังหวะ!

ตอนที่ 215 ขอแต่งงาน

หลินห์เฝ้าฝันถึงการได้ร่วมใช้ชีวิตกับสาวงามผู้ นั้นในอนาคต เขายกยิ้มออกราวกับคนบ้า
หลังจากกลับมาถึงห้องของตน หลินหูไม่มี สมาธิจะอ่านหนังสือใด เขาเพียงคิดถึงใบหน้าง ดงามของหยุนเถียนเถียน ชายหนุ่มเขวี่ยงหนังสือ ทิ้งพร้อมซุกตัวในผ้าห่มอย่างขวยเขินจนกระทั่ง ผล็อยหลับไป

เขาเคยเจอหญิงงามมากมายในซ่องโสเภณี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนเถียนแล้ว มันช่างต่าง กันราวฟ้ากับเหว

หวงฉือย่องมาแอบดูลูกชายเงียบ ๆ และเห็นว่าลูกชายกําลังนอนขลุกอยู่บนเตียงแทนที่จะเป็นโต๊ะหนังสือ เมื่อเห็นเช่นนั้น หวงฉือจึงคิดว่าลูกชายคงเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน นางเลยเดินออกไปหาพี่สะใภ้ที่เป็นแม่สื่อแทน

แต่การที่จะไปขอความช่วยเหลือ จะให้ไปมือเปล่าคงจะไม่ดี นางจึงไปหยิบไข่จากตู้หลังบ้านสิบฟองติดไม้ติดมือไปด้วย

แต่ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ นางจึงนําไข่ออกไปห้าฟอง…

แม่สื่อฮัวผู้เป็นพี่สะใภ้นั้นรู้สึกดูถูกน้องสะใภ้คนนี้อยู่แล้ว แต่นางก็ยังเต็มใจที่จะช่วย เพราะต้องการค่าตอบแทนที่มากขึ้น แม้ภายนอกนางจะชื่นชมหลินหูดีเพียงใด แต่ภายในก็ยังลอบดูถูกเขาอยู่ดี เขาเป็นเพียงบัณฑิตไร้ผลงาน กว่าจะมีชื่อเสียงคงต้องใช้เวลาสร้างมันอีกหลายปี

“พี่สาว อยู่บ้านหรือเปล่า?”

แม่สื่อฮัวเดินไปหาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสะบัดพัด “อยู่ ข้าอยู่นี่!”

เมื่อนางเดินออกมาเห็นหวงฉือถือของกํานัลในมือมาด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าจึงกว้างขึ้น “ดูสิ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มาที่นี่ไม่จําเป็นต้องมีมารยาทหรอก”

นางเอ่ยถ้อยคําที่สุภาพแต่ก็แฝงด้วยความประชดประชันเล็กน้อย จากนั้นแม่สื่อฮัวหยิบของขวัญดูและพบว่าในตะกร้านั้นเป็นไข่เพียงห้าฟอง ใบหน้าของนางถึงกับเปลี่ยนเป็นแข็งที่อ
น้องสะใภ้ผู้นี้ยังคงขี้เหนียวอยู่วันยังค่ํา

อย่างไรก็ตาม แม้ยุงจะตัวเล็กจ้อย แต่มันก็ยังมีเนื้อ กล่าวคือยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
“ท่านพี่ ครั้งนี้ต้องรบกวนท่านอีกแล้ว ช่วยถามแม่นางผู้นั้นถึงการตัดสินใจที่แท้จริงที่เกิด ถึงแม้ช่วงนี้ครอบครัวของเราค่อนข้างลําบาก แต่บัณฑิตนั้นไม่อาจหาได้ง่าย ๆ หากนางพลาดจากครอบครัวเราไป บางทีอาจจะหาที่ไหนไม่ได้อีก”

แม่สื่อฮั่วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่คํากล่าวแฝงด้วยความเหยียดหยาม “ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าจะไปถามให้ อย่างไรก็ตามข้าเป็นเพียงแม่สื่อ เท่านั้น นางคงจะไม่ไว้ใจข้านัก ทําไมเจ้าถึงไม่ไปกับข้าด้วยเลยล่ะ?”

ขณะนั้นเอง หวงจื๊อก็ได้ตระหนักถึงความเย็นเยือกของนายพรานผู้นั้นขึ้นมา เมื่อคิดว่าจะได้เจอกับพรานผู้นั้น นางถึงกับเย็นสันหลังวาบ

“ข้า… ข้าคงไม่ไปหรอก อย่างไรท่านก็เป็นแม่สื่อและยังเป็นคนของตระกูลหลิน แค่เป็นตัวแทนให้เราก็พอ”

แม่สื่อฮัวทําหน้าเคร่งขรึมพร้อมเก็บพัดของนาง “นั่นมันไม่ถูกต้อง แม่สื่อก็คือแม่สื่อ เปรียบไม่ได้กับคนที่เป็นแม่แท้ ๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องไปด้วยตัวเองไม่ช้าก็เร็ว ไม่รู้หรอกว่าเจ้าหวาดกลัวสิ่งใด แต่พวกเขาก็แค่ดูใจกันอยู่ไม่ใช่คู่สมรส นางจะได้แต่งงานหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับนายพราน”

หวงจือกัดฟันเล็กน้อยและรู้สึกหน้าชา นางครุ่นคิดถึงภาพหลังจากที่แม่นางผู้นั้นย้ายเข้ามาในบ้าน นางจะได้ไม่ต้องทํางานหนักอีกต่อไป

เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ ข้าจะไปกับท่านในรุ่งสางพรุ่งนี้”

แม่สื่อฮัวพยักหน้า “เรื่องนี้เจ้าจะต่อว่าข้าไม่ได้หรอกนะ ผู้คนย่อมต้องพบหน้าค่าตากันเป็นธรรมดา เราต้องแสดงความจริงใจสักหน่อย”

หวงจือกัดฟันและผงกหัว ตอนนี้นางรู้สึกผิดเล็กน้อย หากหญิงผู้นั้นแต่งเข้ามาในตระกูล เช่นนั้นนางก็ยังอยู่ในความดูแลของแม่สามีอยู่ไม่ใช่หรือ? เวลานั้นหวงฉือไม่เชื่อว่าจะไม่มีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น แล้วหญิงสาวผู้นั้นที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลจะแข็งกร้าวเพียงใดกัน?

ส่วนทางด้านหยุนเถียนเถียน นางเพียงมอบน้ําหนึ่งถ้วยให้ชายหนุ่มผู้นั้น แม้ชื่อจะค่อนข้างคุ้นเคยยิ่ง แต่สุดท้ายแล้วนางก็มิได้หลงไปกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

เวลานี้ นางกําลังยุ่งอยู่กับการเตรียมกุ้งฉางตรงสวนหลังบ้านไว้สําหรับเก็บเสบียงที่แลกมาจากเสี่ยวเถา

เมื่อเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จแล้ว เสียงประตูถูกเคาะได้ดังขึ้นก่อนที่นางจะเข้าไปทําความสะ อาดต่อ

หยุนเกียนเถียนถึงกับถอนหายใจยาว ตอนนี้หยุนเคอคงจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตามหาความสําราญที่เขาชื่นชอบแล้วมิใช่หรือ?

ทันทีที่นางเปิดประตู แม่สื่อฮัวเดินเข้ามาพร้อมกับพัดในมือ และด้านหลังมีหวงฉือที่พยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

เมื่อแรกเห็นใบหน้าอันงดงามของหยุนเถียนเถียน หวงฉือเผยท่าที่อิจฉาขึ้นมาทันที เป็นสาวบ้านนอกแต่กลับมีหน้าตางดงาม เกรงว่าคงจะเป็นหายนะมากกว่าพรจากสวรรค์

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังนึกถึงท่าทีของลูกชายของตนเมื่อคืนก่อนได้ แม้แต่ตอนรับประทานอาหาร เขายังยกยิ้มราวกับคนบ้า

เมื่อเห็นเห็นใบหน้าอันงดงามตรง ๆ เช่นนี้ นางจึงเข้าใจทุกอย่างทันที ลูกชายหน้าโง่ของตนจะหักห้ามใจไม่ให้หลงเสน่ห์อีกฝ่ายได้อย่างไร

นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อนึกถึงสินสอดขึ้นมา หวงจือจึงเผยรอยยิ้มอีกครั้ง
แม่สื่อฮัวสะบัดพัดพร้อมเดินเข้ามากล่าว “แม่นางหยุน เจ้าได้คําตอบของตัวเองแล้วหรือยัง? ตอนนี้ตระกูลหลินกําลังรอคําตอบของเจ้าอยู่”

ใบหน้าของหยุนเวียนเถียนกระตุกทันที แม่สื่อฮัวไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์เลยหรืออย่างไร? นางกระทําโจ่งแจ้งเพียงนั้น แต่กลับไม่เข้าใจว่านางปฏิเสธไปแล้วงั้นหรือ?

“ท่านป้าต้องล้อเล่นเป็นแน่ ผู้หญิงที่ดีไม่อาจแต่งงานกับสามีหลายคนได้ ตอนนี้ข้ากับพี่หยุนแต่งงานอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว ข้าไม่อาจเจรจาเรื่องแต่งงานกับผู้อื่นได้อีก ท่านป้าโปรดปฏิเสธให้ข้าเถิด”

หวงฉือคิดว่าเรื่องจะไปได้สวย แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงทําให้นางรู้สึกรังเกียจเด็กสาวผู้นี้ไม่น้อย

นางเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้และวกกลับไปที่ประเด็นเดิม “แม่นางหยุนควรใช้ตามองผู้อื่นบ้าง ไม่ว่านายพรานผู้นั้นจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็เป็นเพียงนายพรานเถื่อน ๆ คนหนึ่ง เมื่อเขาตาย เจ้าก็จะได้แค่เงินเลี้ยงดูเล็กน้อยเท่านั้น แต่ลูกชายข้านั้นต่างออกไป เขาเป็นบัณฑิต หลังจากสิ้นการสอบครั้งหน้า เขาก็จะได้เป็นนักปราชญ์เต็มตัว!”

“เจ้าเป็นเพียงหญิงอายุน้อย อีกทั้งยังไม่มีผู้ใหญ่อยู่รอบกาย เจ้าคงไม่เข้าใจว่าความประเสริฐของนักปราชญ์เป็นเช่นไรหรอกสินะ?”

หยุนเถียนเถียนพึงตระหนักได้ว่า คนที่มาเคาะประตูเมื่อวานก็คือหลินหู แล้วแววตาที่เขาจับจ้องนางก็ทําให้รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยเลย

“ป้าฮัว ท่านน้าผู้นี้คือ…”

แม่สื่อฮัวกระตุกมุมปากอย่างไม่พอใจ น้องสะใภ้ช่างมีนิสัยเลวทรามแย่เสียจริง ตอนนี้แม่นางหยุนยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูล เราย่อมต้องเกลี้ยกล่อมอย่างสุภาพ แต่นี่กลับทําให้นางอุ่นเคืองโดยงั้นหรือ?

ตอนที่ 214 บุรุษรูปงาม

แม้หลินหูกําลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในบ้าน แต่ข่าวลือต่าง ๆ ก็ยังมิวายมาเข้าหูของเขา

สําหรับคนที่ไม่ทํางานล้วนแต่คิดว่าการหาเงินเป็นเรื่องง่าย เขาคิดว่าอย่างไรครอบครัวก็คงมีเงินมากพอจะส่งเสียตนได้ แต่แม้ว่าจะคิดอย่างนี้ เขาก็รู้สึกว่าการแต่งงานกับนางย่อมทําให้ชีวิตของเขาดีขึ้นหลายเท่าแน่

แต่เมื่อทุกสิ่งถูกเปิดเผยออกไปเช่นนี้ เขาโยนความผิดทั้งหมดให้แม่ของตนทันที เพราะทุกสี่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่นางจัดการ เขาไม่ขอรับความ ผิดพวกนี้!

เช่นนี้หลินหูจึงกล่าวตําหนิแม่ของตนที่กระทํา เรื่องราวทั้งหมดโดยไม่คํานึงถึงชื่อเสียงของเขา

ผู้เป็นแม่ถูกลูกชายดุด่าก็อดไม่ได้ที่จะโกรธแค้น ทว่านางก็ยังยอมพ่ายแพ้เพราะรักลูกมาก
“ลูกน้อยผู้โง่เขลา เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเล่าเรียนของเจ้าน่ะใช้เงินมากมายเพียงใด? อีกทั้งปีหน้าจะมีการสอบแล้ว ผู้ใดจะสามารถหยิบหาเงินมาให้เจ้าได้? อีกทั้งยังต้องมีอาจารย์รับรองเจ้าถึงสามคน แล้วเราต้องจ่ายให้ทุกคน ๆ ละห้าตําลึง! แม้วันนั้นแม่อาจจะมีเงินอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นเจ้ายิ่งต้องเล่าเรียนสูงขึ้นไปอีก ในโรงเรียนดี ๆ ก็ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายมากตามไปด้วย”

“ชื่อเสียงเสื่อมเสียอะไรกัน? เมื่อถึงวันที่เจ้า ก้าวหน้า เจ้าคิดจะหย่าหรือให้เป็นนางบําเรอก็ย่อมทําได้ หรือหากนางไม่ยินยอม ก็เพียงปล่อยให้นางตายตกไปจากการตรอมใจ ยังไงมันก็ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเจ้าอยู่แล้ว”

หลินหูเพียงฟังถ้อยคําชั่วร้ายของแม่อย่างเงียบ ๆ ทว่าในใจกลับลอบเห็นด้วยอย่างยิ่ง สักวันความอัปยศในจิตใจของเขาก็คงจะหายไปพร้อมกับความตายของนาง!

แต่เขาก็พลันนึกได้ว่าหยุนเถียนเถียนไม่เคยยั่วยุอะไรเขาแม้แต่น้อย แล้วเหตุใดเขาจึงต้องจัดการกับนางด้วยเล่า?

“อีกทั้งลูกชายของข้ายังรูปงามนัก นางจะต้องตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็นและเข้าพิธีแต่งงานด้วยความเต็มใจ อีกอย่างแม่เคยเห็นพรานป่าคู่หมั้นของนางแล้ว ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรั้ง ตัวใหญ่อย่างกับวัวหรือม้า ใบหน้าเหี้ยมเกรียมดุดันยิ่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าลองไปเตร็ดเตร่ที่หมู่บ้านเทพธิดาสักหน่อย แกล้งทําเป็นบังเอิญเพื่อไปพบเจอกับนาง ให้นางให้เห็นว่าเจ้าหล่อเหลาเพียงใด เข้าใจไหม?”

แม้หลินหูจะไม่เต็มใจนักแต่เขาก็พยักหน้ารับ “อืม งั้นข้าจะไปที่หมู่บ้านนั้นสักหน่อย ขอบคุณ ท่านแม่ที่ชี้แนะข้า”

หลินหูต้องการจะแต่งงานกับนาง เพราะนางเปรียบกับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง นางสร้างโรงงานและทําการค้าจนสามารถซื้อที่ดินห้าสิบไร่ได้ในคราวเดียว นั่นหมายความว่าอีกสักหน่อย นางจะยิ่งหาเงินได้มากกว่านี้!

ตอนนี้เขาอยู่ภายใต้การดูแลของแม่ แต่ยังไงซะเขาไม่เคยต้องกังวลเรื่องเงินทอง เสื้อผ้าหน้าผมหรืออาหารการกินเลย อีกทั้งในฤดูเก็บเกี่ยวที่วุ่นวาย ชายหนุ่มก็เพียงแค่หมกตัวอ่านหนังสือในห้องโดยที่ไม่มีผู้ใดรบกวน

แต่ในชีวิตของเขา นอกจากการอ่านหนังสือ แล้วกลับไม่มีสิ่งใดให้น่าตื่นเต้น แต่บัณฑิตผู้ร่ํารวยคนอื่น ๆ สามารถออกไปนั่งร้านอาหารได้ เป็นครั้งคราวและยังสามารถเที่ยวซ่องโสเภณีในเมืองได้อย่างสนุกสนาน แม้เขาจะไม่ได้ชื่นชอบหญิงสาวในนั้น แต่ความหอมหวานของเนื้อสาวก็ช่างรัญจวนใจยิ่งนัก เรื่องทั้งหมดนี้ทําให้หลินอดไม่ได้ที่จะอิจฉาความร่ํารวยเหล่านั้น เขาต้องการจะเป็นนายน้อยผู้ร่ํารวยเช่นกัน สามารถไปเที่ยวซ่องโสเภณีใช้เงินมากมายเพื่อเพลิดเพลินไปกับอาหารและมีทาสรับใช้เดินตาม..

บางครั้ง เขาเดินเหยียบเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แต่กลับได้รับสายตาเหยียดหยามและดูถูกกลับมา… เพราะเขาเป็นเพียงบัณฑิตผู้ยากจน

วันถัดมา หลินหูสวมใส่ชุดที่คิดว่ามันเหมาะกับเขาที่สุด นั่นก็คือชุดของบัณฑิต เฉพาะคนสูงส่งจึงสวมใส่ชุดนี้ได้!

ทุกสิ่งถูกตระเตรียมไว้โดยผู้เป็นแม่ เขายิ่งรู้สึกพึงพอใจยิ่ง จากนั้นเขาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงหมู่บ้านถัดไป จากการเสาะถามเส้นทางจึงได้ทราบว่าบ้านของหยุนเถียนเถียนอยู่ตรงไหน เขามาถึงและเคาะประตูเสียงดังทันที

ส่วนหยุนเถียนเถียนที่กําลังทําความสะอาดบ้าน นางจึงไม่ได้ประทินโฉมใดลงบนใบหน้า อีกทั้งตอนนี้นางกําลังซักผ้าอยู่ ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู นางจึงตอบกลับลวก ๆ ว่า “ข้ามาแล้ว”

เสียงหวานหนักแน่นดังออกมาจากภายใน หลินหูที่ยืนอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้ม

หยุนเสียนเถียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีชาย จากหมู่บ้านอื่นมาหาถึงที่บ้าน เพราะตอนแรกนางคิดว่าคงเป็นชาวบ้านมาพบปะธุระเท่านั้น นางปัดฝุ่นที่อยู่บนเสื้อให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปที่ประตูรั้ว

ที่ประตูรั้ว มีบัณฑิตรูปงามซึ่งดูโดดเด่นยิ่งขณะยืนอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดา หยุนเวียนเถียนกล่าวถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าเป็นใคร? แล้วมาทําอะไรที่นี่?”

ดวงตาของหลินหูจับจ้องหยุนเถียนเถียนไม่วางตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กสาวตรงหน้าจะงดงามหาใครเปรียบได้ยากเช่นนี้ แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่ใบหน้านั้นก็ชวนให้นึ่งจนหัวใจแทบหยุดเต้น ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางภูเขายังมีสตรีที่งาม งดเช่นนี้ด้วยหรือ? เหตุใดเขาจึงเพิ่งค้นพบนาง?

แน่นอนว่าเป็นเพราะหยุนเกียนเถียนระมัดระวังตนเองเสมอ นางจะไม่แต่งตัวหรือแต่งหน้าให้งดงามจนเกินเหตุ เพราะความงามมักจะนําปัญหามาให้ไม่จบสิ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่หลินหูจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเด็กสาวผู้นี้

หลินหูยืนนิ่งไม่ไหวติง แน่นอนว่าท่าทางเช่นนี้ ทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นการกระทําที่หยาบคายยิ่ง!

จากนั้นไม่นานหลินหูฟื้นคืนสติกลับมา เขารู้สึกพอใจมากที่แม่จับคู่ให้เขาแต่งงานกับนาง ความงามที่น่าทิ้งนี้เพียงพอแล้วที่จะเป็นภรรยาของบัณฑิต!

“ตัวข้าหลินหูผ่านทางมา จึงต้องการขอดับกระหายเสียหน่อย”

เมื่อได้ฟังคํา หยุนเสียนเถียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย อีกทั้งชื่อหลินหูยังดูคุ้นหูนางยิ่ง

“งั้นเจ้ารออยู่ตรงนี้ เพราะไม่มีใครอยู่ในบ้าน จึงไม่อาจให้เจ้าเข้ามาได้”

คําพูดของหยุนเกียนเถียนไม่ค่อยสุภาพนัก แต่หลินหูกลับไม่คิดใส่ใจสิ่งใด เขาเพียงสนใจใบหน้างดงามเท่านั้น

ส่วนหยุนเสียนเถียนหยิบถ้วยเปล่าพร้อมเติมน้ําสะอาดและยื่นให้หลินหู

หลินหูรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่คล้ายกับนางสวรรค์ผู้นี้ เขาไม่รู้เลยว่าควรจะพูดกล่าวสิ่งใดออก

“ขอบคุณสาวน้อย!”

ใบหน้าของเถียนเถียนเผยความสมเพชเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “กินน้ําเสร็จแล้วก็จงออกไปเถิด!”

หลินหูจับจ้องสาวงามตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า เขาไม่รู้เลยว่าควรจะทําอย่างไรต่อดี แต่ใบหน้าเช่นนี้ยิ่งทําให้เถียนเถียนขยะแขยงอีกฝ่ายมากขึ้นไม่หยุดหย่อน นางจึงหันหลังพร้อมปิดประตูใส่หน้าของหลินหูอย่างไม่แยแส

หลินห์มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพึมพําคนเดียว “ทางใต้มีโฉมงามคนหนึ่งที่เป็นอิสระจากโลกหล้า..

หลินหูเดินใจลอยจนกลับมาถึงบ้าน เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตนเองมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งแม่ถามไถ่ว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง

“ท่านแม่! ท่านต้องช่วยข้า! ยังไงข้าก็จะแต่งงานกับนาง!”

ผู้เป็นแม่เห็นแววตาปรารถนาในสายตาของลูกชาย นางไม่รู้เลยว่าหนุ่มน้อยนี้พบเจอสิ่งใดมา แม้จะยอมเดินทางไปพบเจอ แต่นางก็รับรู้ได้ว่าคราวแรกเขาไม่เต็มใจนัก แต่หลังจากกลับมาจากหมู่บ้านเทพธิดา เขากลับกล้าคุกเข่าขอร้องงั้นหรือ?

แม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ตอนนี้ลูกชายของนางยินยอมแล้ว แน่นอนว่านางก็ต้องพยายามให้เต็มที่เช่นกัน

“ตกลง พรุ่งนี้แม่จะขอให้แม่สื่อไปหานางอีกครั้ง!”

ตอนที่ 213 แม่ม่ายเยว่

 

ตอนนี้ลูกชายของนางยังเล็กนักเขาเพียงฝึกอ่านกับปราชญ์เก่าในหมู่บ้านวันละเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้เด็กชายเรียนรู้ได้ไม่กี่คําเท่านั้น

 

มีเพียงแม่ม่ายเยวที่รู้ดีว่าลูกชายของตนพยา ยามมากเพียงใดอีกทั้งลูกชายนางก็รับรู้ถึงความ ลําบากของผู้เป็นแม่เขาพูดอยู่เสมอว่าจะต้องฉลาดเฉลียวต้องเก่งรอบด้านให้ได้!

 

เด็กน้อยเห็นแม่ถือเนื้อสัตว์เข้ามาตะกร้าใหญ่ก็ อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “ท่านแม่! วันนี้พวกเรามีเนื้อกินงั้นหรือ?”

 

ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจหลังได้ยิน คํากล่าวนั้น หลังจากที่สามีตายตกไปนางและลูกถูกแม่สามีไล่ตะเพิดออกจากบ้านราวหมูหมาหากว่านางไม่มีความสามารถสักหน่อยทั้งแม่และลูกก็คงตายตกจนหากระดูกไม่เจอแล้ว…

 

“ใช่แล้ว เจ้าได้กินแน่นอน มีคนใจดีมอบมันให้ แม่น่ะ”

 

เด็กน้อยเข้าไปกอดเอวผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ “ท่านแม่อย่าให้ผู้อื่นเห็นสิ่งนี้เชียวมิฉะนั้นก็คงจะนินทาท่านไม่จบสิ้นแม้ข้าจะเชื่อว่าแม่เป็นคนดีแต่คนข้างนอกเราไม่อาจห้ามความคิดพวกเขาได้ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่ของข้าเป็นเลิศเพียงใดตอนนี้ข้าเพียงเกลียดชังตนเองที่ยังเด็กเกินกว่าจะดูแลแม่ได้!”

 

แม่ม่ายเยว่ถึงกับยิ้มอ่อนอย่างตื้นตันใจ นางลูบ ศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบ“หากวันใดเจ้าเติบโตขึ้นก็ค่อยมาช่วยเหลือแม่ก็ยังไม่สายตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ร่ําเรียนให้เก่งกาจ ส่วนผู้คนที่เคยรังแกแม่นั้นจงเก็บไว้ในใจเราไม่ต้องรีบร้อน แก้แค้นคนเหล่านั้น… เข้าใจหรือไม่?”

 

เด็กชายพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังเขาวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะมีเสียงท่องคําอ่านดังแว่วออกมา

 

ตอนนี้หยุนเคอทําสิ่งที่อยากทําเสร็จสิ้นแล้วเขากําลังเดินกลับหมู่บ้านเทพธิดาด้วยท่าทางที่ สบายใจ

 

ส่วนแม่ม่ายหยุนต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับหยุนเถียนเถียนนางจึงติดตามการเคลื่อนไหวของ หลินหวงทุกฝีก้าวและพยายามที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปให้ผู้คนรับรู้

 

ขณะนี้แม่สื่อกําลังเดินโบกพัดในมือและหยุดลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินแม่ม่ายเยว่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแอบฟังในมุมมืดทันที

 

นางไม่มีวันลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทําไว้แน่นอนหลังจากสามีของนางตายตกไปกระดูกยังไม่ทัน สัมผัสใต้พื้นดินก็เกิดเรื่องขึ้น เป็นพี่สะใภ้หวงผู้นี้ยุยงให้แม่สามีขับไล่นางและลูกออกจากบ้าน แล้วที่สามีของนางตายตกเป็นเพราะถูกกดขี่จากพวกเขาทั้งหมดสามีของนางต้องทํางานอย่างหนักในที่สุดเขาก็ป่วยแต่กลับไม่มีผู้ใดคิดพาเขาไปหาหมอจนในที่สุดเขาก็ตายไปอย่างน่าเวทนา

 

เขาต้องทนทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นก่อน จะหมดลมหายใจแต่แม่สามีกลับพูดกล่าวว่าไม่มี เงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกสามีของนางทํางานหนักมาโดยตลอดเขาขนสินค้าไปขายระหว่างเมืองและทุกเหรียญที่ได้รับมาล้วนแต่หยิบยื่นให้ผู้เป็นแม่แต่เงินทั้งหมดกลับถูกปรนเปรอให้กับบัณฑิตที่ไม่รู้ว่าจะสอบผ่านเมื่อใดเช่นนี้แม่สามีจึงปล่อยให้ลูกชายตนเองตายและเอาเงินไปปรนเปรอหลานที่เป็นบัณฑิตอย่างเลือดเย็น

 

หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้ สีหน้าของแม่ม่าย เยว่ก็ยิ่งเดือดดาลนั่งแอบฟังอยู่ตรงนั้นอย่างใจ จุดจ่อ

 

แม่สื่อเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้น “พี่สาวหวงข้ารู้ดีว่าท่านต้องพึ่งพาเด็กสาวผู้นั้นเพื่อยกฐานะความเป็นอยู่ของตนเองแต่นางก็ยังลังเลไม่น้อย… อย่างไรแล้วข้าคิดว่านางน่าจะตัดสินใจได้เพราะท้ายที่สุดลูกชายท่านเป็นถึงบัณฑิตแต่คู่หมั้นของนางเป็นเพียงนายพรานไร้หัวนอนปลายเท้า”

 

ส่วนหลินหวงยังจดจําได้ดีว่าเมื่อบ่ายเกิดอะไรขึ้นบ้างนางยังคงหวาดกลัวไม่หายจึงจับมือแม่สื่อไว้แน่นก่อนจะกล่าวตอบ “ไม่! วันนี้นายพรานผู้นั้นมาที่หมู่บ้านของข้าและเขาประกาศเสียงดังว่าหากข้ายังกล้าดื้อดึงไปยุ่งย่ามกับการแต่งงาน เขาจะพาเสือลงจากภูเขาและปล่อยมันในบ้านของข้าพี่สาว…ไม่มีใครในครอบครัวข้าสามารถต่อสู้กับเสือร้ายบนภูเขาได้!”

 

แม่สื่อถึงกับหัวเราะ แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจบัง คับขืนใจให้เสือลงจากภูเขาได้มิใช่หรือ? 

 

“ในเมื่อเจ้าคิดหวาดกลัวเช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไป เถิดแต่เจ้ามีเงินที่จะซื้อที่ดินมากมายเช่นนางหรือไม่? เจ้ายินดีจ่ายค่าสร้างโรงงานมากมายงั้นหรือ? ตราบใดที่เจ้าทําสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ลูกชายของเจ้าก็สามารถกินอยู่ได้สุขสบาย! เพียงความกลัวเล็กน้อยนี้จะสามารถหยุดยั้งเจ้าได้ เลยหรือ?”

 

แต่หลินหวงยังคงลังเลจึงกล่าวตอบ “แต่นางก็อาศัยอยู่ร่วมชายคากับนายพรานผู้นั้นแล้ว คนอื่น อาจจะไม่เข้าใจพวกเขาจะไม่ต่อต้านและทําลายชื่อเสียงของหลินห์งั้นหรือ?”

 

แม่สื่อจับจ้องหลินหวงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ เมื่อวานนางยังเต็มไปด้วยพลังที่จะยื้อแย่งเด็กสาวผู้ร่ํารวยมาจากนายพรานแต่วันนี้นางถูกนายพรานผู้นั้นทุบตีจนสติสั่นคลอนไปเสียแล้วเช่นนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเป็นแม่สื่อให้อีกฝ่ายหลังคิดอย่างนั้นนางจึงลุกขึ้นและตั้งใจจะเดินออกไป

 

แต่หลินหวงกลับหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ทันที “แต่ความจริงแล้วข้ามีแผนการ!ตอนแรกข้าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมแต่งงานและให้ทรัพย์สินทั้งหมด ของครอบครัวเป็นของหมั้นสําหรับนาง แล้วหลังจากนั้นค่อยหาวิธีเอาคืนและดูดดึงสมบัติของนา งมาด้วย! หากทั้งสองมีลูกด้วยกัน ข้าก็ไม่ติดใจอะไรก็เพียงแค่เลี้ยงดูไป… วันหนึ่งหากลูก ของข้าสามารถสอบผ่านจึงค่อยหาวิธีหย่ากับนางทีหลังหรือไม่ช้าก็อาจจะหาสตรีที่เหมาะสมให้เขาและให้นังเด็กนี่เป็นนางบําเรอก็ย่อมได้”

 

แม่สื่อยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อวาน นี้เจ้ากล่าวทุกสิ่งไว้อย่างมีพลังแต่วันนี้ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่มีความสุขนักที่จะทําต่อและตอนนี้ข้าก็คิดว่าเป็นการดีที่เราจะไม่ยั่วยุพรานป่าผู้นั้น ถ้า ตัดสินใจได้แล้วอีกสองวันข้าจะช่วยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ดวงตามีดบอด ไฉนจึงคาดหวัง กับพรานป่าคนนั้นไม่ใช่นายน้อยหลิน…”

 

ทันใดนั้นหลินหวงพลันคิดถึงวันคืนดี ๆ ขึ้นมาได้นางจึงลืมเลือนความหวาดกลัวก่อนหน้าไป หมดสิ้น

 

“ข้าขอกล่าวอะไรสักคําเถิดนะพี่สาวหวง เด็ก สาวคนนั้นจะต้องถูกเกลี้ยกล่อมให้บ่อยครั้ง นาง ต้องรับรู้ว่าครอบครัวของท่านมีบัณฑิตและการเงินไม่เคยมีปัญหาจากนั้นให้นางตบแต่งเข้ามาในตระกูลก่อนแล้วจึงค่อยยึดทรัพย์สินเงินทองของนางมาเก็บไว้น่าเสียดายที่หญิงสาวมีชื่อเสียงเลวร้ายหากไม่แล้วนางคงเป็นคู่ครองที่ดี”

 

“ไม่ต้องห่วง อย่างไรหลินหูก็เป็นหลานชายข้า แน่นอนว่าข้าย่อมเลือกสรรสิ่งที่ดีให้กับเขาแน่… ข้าอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหลานสะใภ้นางไม่มีพ่อแล้วแม่ยังตายจากไปตั้งแต่เด็กหากนางได้มีโอกาสสร้างเส้นทางศึกษาให้ผู้อื่นประสบความสําเร็จได้ชีวิตนี้คงเพียงพอสําหรับนางแล้ว” 24

 

สิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นกระทบกับใบหูของแม่ม่ายเยวโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว 

 

แม่ม่ายเยวยิ่งดูถูกครอบครัวนี้กว่าเดิมพวกเขาทั้งหมดเพียงต้องการยึดสินสอดทองหมั้นของหยุนเถียนเถียนและจากนั้นค่อยทิ้งเด็กสาวแม้ภายนอกหลินหูจะดูเป็นบัณฑิตผู้เก่งกาจ แต่ความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กแก่เรียนที่ไม่มีความสามารถ ใด!

 

หลังจากแอบฟังอยู่นาน แม่ม่ายเยวตัดสินใจที่ จะย่องเบาจากไป

 

ถึงนายพรานผู้นั้นจะไม่มอบเนื้อตะกร้าใหญ่แต่นางไม่ยินยอมที่จะให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแน่อีกทั้งนางยังคาดหวังว่าแม่นางหยุนจะไม่ตัดสินผู้ใดจากรูปลักษณ์ภายนอก แม้หลินหูจะดูดียิ่งแต่ภายในของเขากลับเน่าเฟะอย่างไม่อาจบรรยาย!

 

แม่สื่อวางแผนว่าจะไปที่บ้านของหยุนเวียน เถียนในสองวันข้างหน้านางคิดคําพูดไว้มากมาย เพื่อเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายตราบใดที่งานแต่งถูกจัดขึ้นแล้วนางก็ย่อมได้รับผลประโยชน์มากมายแน่นอน

 

วันถัดมา ข่าวที่หลินหูต้องการแต่งงานกับหยุนเถียนเถียนเพียงเพราะเงินทองเริ่มแพร่กระจายออกไปอีกทั้งข่าวลือยังกล่าวว่าเขาต้องการเพียงสินสอดทองหมั้นแล้วค่อยทิ้งหญิงสาวผู้นั้นเสีย! 

 

หลังจากหลินหวงได้ยินอย่างนั้น นางอดไม่ได้ ที่จะสาปแช่งคนปล่อยข่าวลือ แต่อีกใจหนึ่งนางก็ กังวลยิ่งว่าผู้ใดเป็นคนแพร่กระจายข่าวเหล่านี้…

 

หมู่บ้านของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่ช้าข่าว จึงแพร่กระจายมาถึงหมู่บ้านเทพธิดา แต่ชาวบ้าน ทั้งหมดกลับคิดว่ามันตลกดีอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไรกันจึงคิดกล้าฉกฉวยหญิงสาวของพรานป่าผู้ แสนโหดเหี้ยมอย่างหยุนเคอ?

 

ตอนที่ 212 ตระกูลหลินยากจน

 

ถ้าอยู่ในเมืองเหยื่อพวกนี้ขายกันอยู่ที่ยี่สิบเหวินต่อหนึ่งตัวแต่น้ำหนักของพวกมันไม่ได้มากมายนักแน่นอนว่าการซื้อตรงนี้ย่อมคุ้มค่ากว่ามากหากเทียบกัน

 

แม้หลินหวงต้องการซื้อมันมากเท่าไหร่แต่นางก็ยังลังเลที่จะจ่ายเงินกว่าสี่สิบเหวินออกไปครอบครัวของนางต้องส่งเสียบัณฑิตอยู่หนึ่งคนและทุกๆย่างก้าวของเขาคือค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

 

ขณะที่นางกำลังลังเลอยู่แม่ม่ายเยวที่แสนดุร้ายเดินเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดัง“นี่!ถ้าไม่ซื้อก็ถอยออกไปซะแค่สี่สิบเหวินมันแพงนักหรือไง?อ้อหรือเจ้าจะแก้ต่างว่าที่บ้านส่งเสียบัณฑิตอยู่จึงไม่สามารถจ่ายได้เหอะในศีรษะของเจ้าน่ะมีสมองอยู่บ้างไหม!”

 

แม้หลินหวงจะฉลาดกว่าสตรีอื่นในหมู่บ้านอีกทั้งนางก็ยังรู้วิธีส่งลูกชายเข้าเรียนเพื่อสร้างอนาคตแต่ท้ายที่สุดนางก็เป็นเพียงสาวชนบทในหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้นเมื่อได้ฟังประโยคดังกล่าวจึงตะคอกกลับเสียงดังด้วยความโกรธ“นังม่ายเยว!แล้วการที่บ้านของข้ามีบัณฑิตอยู่มันเป็นอย่างไร?เจ้าคิดอิจฉาใช่หรือไม่!”

 

“ข้าคงไม่อาจซื้อสัตว์ป่าพวกนี้ในราคาสี่สิบเหวินได้แต่หยุนเถียนเถียนในหมู่บ้านถัดไปสามารถซื้อได้!นางทำการค้ากับนายน้อยหลี่ในเมืองและยังมีการจัดจ้างงานในหมู่บ้านเพื่อสร้างรายได้ในชาวบ้านด้วยเมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่านางเพิ่งซื้อที่ดินไปกว่าห้าสิบไร่!”

 

แม่ม่ายเยว่เม้มปากแน่นก่อนจะกล่าวเหยียดหยาม“นางมีความสามารถก็จริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้างั้นหรือ?อย่าได้หลงลืมว่านางมีคู่หมั้นหมายแล้วอีกทั้งตอนนี้นางยังอาศัยอยู่ร่วมชายคากับคู่หมั้นของตน!”

 

แม่นางหวงจับจ้องแม่ม่ายเยว่ก่อนจะเผยใบหน้าภาคภูมิออกเกี่ยวอะไรกับข้างั้นหรือ?ก็แค่หมั้นหมายยังมิใช่ตบแต่ง!ข้าต้องการให้นางแต่งงานกับลูกชายข้าซึ่งเป็นถึงบัณฑิตอนาคตไกลแล้วพรานป่าบนภูเขาคนนั้นจะมาเทียบเทียมลูกชายข้าได้อย่างไร?”

 

แม่ม่ายเยว่ได้ยินอย่างนั้นจึงหัวเราะเบาๆก่อนจะกล่าวตอบ“โอ๊ยฝันเฟื่องต่อไปเถิด!ลูกชายเจ้ามีอะไรดีนักหรือ?ลำพังพวกเจ้ายังจะดูแลตัวเองไม่ได้การคิดอยากให้นางเข้ามาร่วมชีวิตไม่เท่ากับพานางลงนรกงั้นหรือ?ให้ลูกชายเจ้าพยายามเข้าเถิดหัดอยู่บ้านเสียบ้างแล้วขยันอ่านหนังสือฝันกลางวันเหล่านี้จะได้เป็นจริงเสียที!แล้วหากแม่นางผู้นั้นคิดแต่งงานกับลูกชายเจ้าจริงข้าว่านางก็คงจะไม่ได้ฉลาดอะไรนัก!”

 

แม่นางหวงถึงกับโกรธจัดเมื่อฟังคำนางพุ่งทะยานไปด้านหน้าหมายจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น

 

“ลูกชายข้าเป็นบัณฑิตหากนางได้แต่งงานกับเขานางก็จะกลายเป็นภรรยาของบัณฑิต!หากสักวันเขาสามารถสอบผ่านและได้ดำรงตำแหน่งในสำนักงานปกครองนางก็จะกลายเป็นคุณหญิง!เช่นนี้จะไม่ดีกว่าการแต่งงานกับนายพรานได้อย่างไร?ข้าคิดว่าหากแม่นางหยุนผู้นั้นไม่คิดเช่นนี้นางก็คงไม่มีสมองอย่างแท้จริงแล้ว!”

 

แต่แม่ม่ายเยวก็ยังไม่คิดยอมแพ้นางยังโต้เถียงกลับอย่างดุเดือด“ฮ่าฮ่า!แล้วเจ้าคิดว่าพรานป่าผู้นั้นจะยินยอมให้เจ้าช่วงชิงภรรยาของเขางั้นหรือ?หากเขาบุกบ้านและสังหารพวกเจ้าทั้งหมดเล่าจะเป็นเช่นไร?”

 

แน่นอนว่าหลินหวงไม่กังวลเรื่องนั้นเลยนางตอบกลับอย่างเฉยชา“แล้วทำไมข้าต้องเกรงกลัว?เขาคงไม่ตายหรอกหากต้องสูญเสียเด็กสาวในอ้อมอกไปเขาก็แค่ส่งเด็กสาวนั่นมาให้ข้าแล้วข้าก็เพียงส่งเงินให้เขาซะก็จบเรื่องราว!”

 

“แล้วหากข้าไม่ยอมล่ะ?”

 

“เป็นไปไม่ได้…”ขณะตอบกลับหลินหวงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทำไมเสียงที่ตอบกลับจึงกลายเป็นเสียงบุรุษได้เล่า?

 

หลังจากหันไปมองตามต้นเสียงนางจึงพบว่านายพรานคนหนึ่งกำลังยืนจับจ้องด้วยแววตาแค้นเคืองอีกทั้งมือสองข้างยังกำไว้แน่นราวกับอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะพร้อมพุ่งมาหักคอนางอย่างไรอย่างนั้น

 

หลินหวงถึงกับตื่นตระหนกและนางก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวคำใดออกจนกระทั่งรวบรวมสติได้จึงกล่าวคำอย่างติดขัด“เจ้า…เจ้า…เป็นใคร?ข้าพูดถึงลูกสะใภ้ของครอบครัวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า…”

 

หยุนเคอก้าวขาไปด้านหน้าด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวตอบ“น่าเสียดายยิ่งนักข้าเป็นเพียงพรานป่าซึ่งด้อยค่ากว่าลูกชายของเจ้าแต่หากลูกชายเจ้าคิดจะฉกชิงคู่หมั้นของข้า…พวกเจ้าก็ต้องได้รับความยินยอมจากข้ามิใช่หรือ!”

 

หลินหวงกัดฟันแน่นนางพยายามปลอบใจตนเองนี่ไม่ใช่หมู่บ้านเทพธิดาไม่ต้องกลัวเขา!เขาก็แค่คนนอก!”

 

หลังจากคิดได้อย่างนั้นแล้วนางรวบรวมความกล้าก่อนจะกล่าวตอบ“ก็พวกเจ้ายังมิได้แต่งงานกันอีกทั้งแม่นางหยุนก็ไม่มีพ่อแม่เป็นตัวตนด้วยดังนั้นนางจึงต้องตอบตกลงเท่านั้น!แล้วหลังจากที่นางตกลงแล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องถามหาความยินยอมจากเจ้า!”

 

หยุนเคอขว้างสัตว์ป่าในมือทิ้งอย่างเดือดดาลหัวกระต่ายแตกออกก่อนสมองด้านในจะไหลย้อยออกมาเขาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะสาดใส่ใบหน้าของหลินหวงอย่างโหดเหี้ยม

 

หลินหวงถึงกับกรีดร้องและถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว

 

“แล้วเจ้าคิดว่าคนอย่างข้าสามารถฆ่าเจ้าได้หรือไม่?”

 

หลินหวงพยายามอ้าปากก่อนจะเค้นเสียงออก“เจ้า…เจ้าไม่กล้า…หากเจ้าสังหารผู้ใดเจ้าก็ต้องแลกด้วยชีวิตตนเอง!”

 

มุมปากของหยุนเคอยกยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายิ่งทำให้ดูโหดเหี้ยม

 

“แล้วหากข้าเพียงแค่ขึ้นไปบนภูเขาจับเสือมาสักตัวแล้วปล่อยมันเข้าบ้านเจ้าล่ะ?เช่นนี้ยังกล่าวว่าข้าเป็นผู้สังหารเจ้าได้หรือไม่?”

 

เสียงทุ่มต่ำของหยุนเคอทำให้หลินหวงรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแม้แต่แม่ม่ายเยว่ก็ยังหวาดกลัวตามไปด้วยเช่นกัน

 

ในทุกคำพูดกรีดแทงหัวใจของหลินหวงราวกับฟ้าผ่านางคิดว่าหากยังโต้เถียงกับชายตรงหน้าต่อไปเสือร้ายคงปรากฏตัวขึ้นในบ้านของนางจริงๆแน่..

 

หลินหวงตื่นตระหนกจนนี่ราดกางเกงนางพยายามล้มลุกคลุกคลานเพื่อหลบหนีเข้าบ้านหลังจากปิดประตูลงนางพยายามทุบอกตนเองอย่างแผ่วเบาเพื่อปรับลมหายใจ

 

หยุนเคอเพียงก้มหยิบสัตว์ป่าที่เหลือบนพื้นนมาโดยไม่พูดอะไรต่อแม่ม่ายเยวที่ยืนมองอยู่อย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนกนางหวาดกลัวจนไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันแต่ทันใดนั้นเองเสียงทุ่มของพรานป่าก็ดังขึ้น

 

“เจ้าอยากได้พวกมันไหมข้ายกให้!”

 

แววตาของแม่ม่ายเยาถึงกับทอประกายออกนางรีบถามอย่างตื่นเต้น“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้าแต่โปรดช่วยเหลือข้าที่ข้าอยากรู้ความน่ารังเกียจของครอบครัวนั้นแล้วข้าก็อยากให้เจ้าเผยแพร่พวกมันไปให้สุดทางยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี!”

 

แม่ม่ายเยว่ไม่ได้ชื่นชอบหลินหวงอยู่แล้วยิ่งตอนนี้นางได้รับผลประโยชน์แล้วยังสามารถจัดการศัตรูได้อีกด้วยไม่ต้องบอกก็คาดเดาได้ว่านางจะมีความสุขเท่าใดแต่ในความสุขเหล่านั้นกลับมีความกังวลใจซ่อนอยู่ไม่น้อย

 

“ข้าก็ไม่ค่อยพอใจนักที่นางเอาแต่พูดถึงลูกชายของตนทั้งวันนางพูดพร่ว่าลูกชายของตนนั้นเก่งกาจและมีความสามารถยิ่งการช่วยเหลือเจ้านั้นไม่ยากเย็นเลยแต่…แต่หากหัวหน้าหมู่บ้านทราบเรื่องนี้ข้าคงข้าเป็นเพียงหญิงม่ายสามีตายเท่านั้นข้าเกรงว่า…แล้วข้าก็ยังมีลกชาย…”

 

“หากหมู่บ้านนี้ขับไล่เจ้าไปเจ้าสามารถพาลูกชายไปที่หมู่บ้านของข้าได้แล้วข้าจะบอกกล่าวกับเถียนเถียนเรื่องของานให้เจ้าทำในโรงงาน

 

แม่ม่ายเยว่ยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น“เป็นจริงงั้นหรือ?เช่นนี้นับว่าเจ้าสัญญากับข้าหรือไม่?”

 

หยุนเคอพยักหน้ารับก่อนจะยัดสัตว์ป่าทั้งหมดใส่มือของแม่ม่ายเยว่

 

“ฝากเจ้าจัดการที่เหลือด้วยหวังว่าพรุ่งนี้ข้าจะได้ยินเรื่องฉาวโฉ่ของตระกูลหลินในหมู่บ้านของข้า!”

 

จากนั้นแม่ม่ายเยว่กลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้างในมือมีตะกร้าที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมายเพราะสามีตายตกไปนางจึงใช้ความสามารถในการเย็บปักเพื่อเลี้ยงดูลูกชายที่บ้านของนางไม่ค่อยได้กินเนื้อสัตว์เท่าไหร่นักหากลูกชายได้เห็นตะกร้าใบนี้เขาย่อมดีใจมากเป็นแน่…

 

ตอนที่211แม่สื่อ

 

หลังหยุนเคอได้ยินประโยคนี้ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มอย่างไม่สบอารมณ์สองคนนี้คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไรเหตุใดจึงกล่าวออกมาไม่เกรงใจเช่นนี้!

 

เวลานี้เหมือนทั้งสองจะหลงลืมหยุนเคอไปแล้วอีกทั้งก่อนหน้านี้นางยังบอกให้เขาจัดการกับแม่สื่อตรงหน้า…อีกทั้งเขายังยืนยันกับอีกฝ่ายว่าทั้งคู่หมั้นหมายแล้วแต่กลับไม่ยอมคิดเลิกรา!

 

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้หยุนเคออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด

 

เขาตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกล่าวคำออก” แล้วเขากับข้าต่างกันอย่างไร?!เขาเป็นถึงบัณฑิตแต่กลับไม่รู้จักมารยาทยังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่?” 

 

แต่แม่สื่อกลับไม่เกรงกลัวนางกลอกตาไปมาพร้อมเผยสีหน้าเหยียดหยาม” หยุนเคอข้าก็ยังไม่ได้ว่ากล่าวใดเจ้าแต่เจ้าควรจะไปส่องกระจกมองสารรูปตนเองบ้างเจ้าคู่ควรกับผู้ใดบ้างหรือ?เจ้าคิดว่าตนคู่ควรกับแม่นางหยุนหรือไรกันอย่าเห็นแก่ตัวและถ่วงความเจริญของผู้อื่นไว้เลย!” 36Q4

หยุนเวียนเถียนอยากหัวเราะเพียงใดแต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะใบหน้าของหยุนเคอเกรี้ยวกราดยิ่งนางจึงต้องอดกลั้นอารมณ์ขันไว้ก่อน

 

แม่สื่อผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนางไม่เกรงกลัวแม้แต่หยุนเคอด้วยซ้ำ

 

หยุนเคอเห็นสายตาเหยียดหยามนั้นและเริ่มโกรธจัดจนแทบหายใจไม่ออกเขากำลังถูกเย้ยหยันจากแม่สื่ออย่างชัดเจนอีกทั้งคู่หมั้นของตนกลับหัวเราะอย่างชอบใจเขาควรจะรู้สึกเช่นไรกัน?

 

ยิ่งหยุนเคอคิดเรื่องนี้ซ้ำๆเขายิ่งโกรธจนแทบควบคุมตนเองไม่ได้แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรกับนางทั้งสองได้จึงเพียงลุกขึ้นและเดินเข้าห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดัง!

 

แม้จะเข้ามาในห้องแล้วความคับข้องใจกลับไม่หายไปแล้วหากคู่หมั้นของเขาคิดนอกใจล่ะ?จะทำอย่างไร…

 

คนธรรมดาจึงเที่ยงธรรมบัณฑิตจึงฉลามแกมโกง!หลินหูเพียงต้องการครอบครองหญิงสาวผู้นี้และคิดใช้สินสอดของหมั้นของนางเพื่อไต่เต้าในการเรียนหนังสือเท่านั้น!

 

นางคิดจริงๆงั้นหรือว่าชาวบ้านในชนบทจะสามารถเรียนได้โดยง่าย?ชาวนาล้วนแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานในทุ่งนาไร่สวนตลอดทั้งวันและพวกเขาจำเป็นต้องจ่ายภาษีของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ที่เหลือก็คงพอได้กินแต่หากมีไร่นาไม่เยอะก็คงจะไม่พอกินแน่แล้วเงินที่จะส่งเสียบัณฑิตเล่าเรียนจะมาจากไหนกันเล่า?

 

หยุนเคอไม่รู้จะกล่าวอย่างไรเขาไม่ต้องการให้หยุนเสียนเถียนเห็นด้วยกับแม่สื่อคนนั้นตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องแต่ใบหูยังคงเงี่ยฟังอีกฝ่ายอย่างรู้ตื่น!

 

” ท่านป้าท่านย่อมรู้ดีว่าสตรีที่ดีย่อมไม่แต่งงานเป็นครั้งที่สองและข้าแต่งงานแล้วย่อมไม่อาจแต่งงานกับผู้ใดได้อีกนายน้อยหลินก็เป็นงบัณฑิตเขาคงไม่คิดเอาชื่อเสียงตนเองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้…พวกเราเป็นมนุษย์ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดควรไม่ควรภรรยาของนายน้อยหลินไม่ควรผ่านการแต่งงานมาก่อนอีกทั้งข้าเกรงว่ามันมิใช่เรื่องง่ายดายนักในการสอบเข้าราชสำนัก!” 

 

แม่สื่อจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างเข้าใจนางกำลังปฏิเสธอย่างสุภาพ…แต่แม่สื่อก็ยังไม่คิดยอมแพ้เพราะนึกถึงเงินสองตำลึงที่ได้รับมานางไม่อาจยอมแพ้ได้ในตอนนี้!

 

” แม่นางหยุนคิดมากเกินไปแล้วนายน้อยหลินตั้งใจให้ข้ามาบอกกล่าวกับเจ้าด้วยตนเองแน่นอนว่าเขาย่อมรับเรื่องราวทั้งหมดได้ถึงเจ้าจะเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนแต่เขาก็ไม่คิดติดขัดสิ่งใดเพียงแค่เจ้าหย่าร้างให้เสร็จสิ้นเท่านั้นก็เพียงพอ…” 

 

หยุนเถียนเถียนยังคงมีความอดทนแต่นางก็ลอบคิดในใจว่าอีกฝ่ายไม่มียางอายเลยหรือไร?หรือหากพูดภาษามนุษย์ไม่เข้าใจกันแน่!ไม่เข้าใจงั้นหรือว่ากำลังถูกปฏิเสธ?

 

อีกฝ่ายเห็นว่าใบหน้าของเถียนเถียนเริ่มไม่พอใจจึงรีบกล่าวต่ออย่างเร่งเร้า” แม่นางหยุนโปรดคิดให้ดีเถิดเขาเป็นเพียงพรานป่าที่ไม่มีสิ่งใดเลยไม่มีแม้แต่ที่ดินส่วนอีกคนเป็นถึงบัณฑิตมีที่ดินและบ้านในอนาคตยังมีโอกาสเป็นข้าราชการสิ่งใดคู่ควรแม่นางหยุนควรทราบข้าจะให้แม่นางคิดไตร่ตรองดูอีกสักหน่อยแล้วจะกลับมาเอาคำตอบในสองสามวันข้างหน้า” 

 

กลับมาอีกครั้ง?ใบหน้าหยุนเคอพลันมืดครึ้มกว่าเกาส่วนหยุนเถียนเถียนก็ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

 

แม่สื่อกล่าวจบจึงหันหลังออกไปโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธท้ายที่สุดแล้วคนหนึ่งเป็นเพียงพรานป่าอาศัยบนภูเขาส่วนอีกคนเป็นถึงบัณฑิตอนาคตไกล…การเลือกคู่ครองครั้งนี้มันดูไม่ยากเลยมิใช่หรือ?

 

แม่สื่อจากไปแล้วหยุนเสียนเถียนจับจ้องประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป

 

หยุนเคอกำลังกระวนกระวายใจยิ่งเขากลัวว่าหยุนเถียนเถียนจะยอมตอบตกลงแต่งงานกับอีกฝ่ายในคราวนี้

 

ในที่สุดเขาก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกจึงยอมเอ่ยปากออก” เถียนเถียน…เจ้าต้องระมัดระวังให้มากแม้ข้าจะไม่รู้จักหลินหูในหมู่บ้านข้างๆแต่ข้าก็พอจะนึกภาพออกไม่มีผู้ใดที่ร่ำเรียนมากว่าสิบปีและยังต้องอาศัยอยู่ในชนบทเช่นนี้!

 

หยุนเสียนเถียนเงยหน้าขึ้นนางไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดหยุนเคอจึงพูดกล่าวคำนี้ออกอย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่าแววตาเย็นชาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวูบไหวราวกับกังวลอะไรบางอย่าง

 

” ข้าเข้าใจดี!” หยุนเถียนเถียนรีบตอบก่อนที่จะถูกแผดเผาด้วยแววตาของชายร่างใหญ่ตรงหน้า

 

” หากเจ้าไม่เชื่องั้นข้าจะลองไปสอบถามชาวบ้านที่หมู่บ้านข้างๆนี้ดีไหม?เดี๋ยวข้าไปตั้งแต่บ่ายนี้เลย!” 

 

หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวแม้นางจะไม่เข้าใจสิ่งที่หยุนเคอกำลังจะทำแต่นางก็พยักหน้ารับและคิดเพียงว่าเขาคงห่วงใยนางในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง

 

หยุนเคอเดินออกไปและหยุดลงที่หน้าบ้านมือทั้งสองกำหมัดไว้แน่นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องพบเจอความยากลำบากเช่นนี้!

แน่นอนว่าเขาหลงรักหญิงสาวคนนี้แล้วแต่กังวลว่าจะไม่อาจครอบครองนางได้เขากลัวว่าจะต้องพรากจากนางไป…แม้จะเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกนางถึงความในใจสักครั้ง!

 

แต่…เขาคือบุรุษหากบอกกล่าวว่าจะจัดการให้แล้วก็คงมีแต่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก็เพียงแค่ไปถามไถ่ให้รู้เรื่องจะหันหลังกลับตอนนี้ก็คงไม่เหมาะสมนัก

 

หยุนเคอกัดฟันแน่นก่อนจะยอมรับชะตากรรมเพียงแค่คิดว่าหญิงสาวผู้นั้นแต่งงานกับชายอื่นและมีความสุขร่วมกันหัวใจของเขาคล้ายกับถูกบีบรัดจนแทบจะแตกสลาย

 

เพื่อให้การสืบข่าวเป็นไปอย่างราบรื่นเขาขึ้นไปบนภูเขาและล่าเหยื่อบนนั้นก่อนจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านถัดไปอย่างรวดเร็ว

 

เขาไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่หมู่บ้านนั้นบ้างแม้ว่าจะเคยค้าขายมาไม่น้อยแต่เขาก็ไม่คิดสนใจประวัติของอีกฝ่าย

 

หลังจากได้เหยื่อมาแล้วเขาจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้านนั้นพร้อมตะโกนเสียงดัง” ข้ามีเนื้อมาขาย!” 

 

ในหมู่บ้านนี้มีนักล่าไม่มากนักอีกทั้งพวกเขายังอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรเช่นนี้การมีเนื้อสัตว์ราคาถูกมาขายถึงที่ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ชาวบ้านวุ่นวายอยู่กับการทำไร่และบางคนก็ต้องการซื้อเนื้อเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารสักหน่อยยิ่งไม่ต้องพูดถึงราคาที่ย่อมเย่ากว่าการเข้าเมืองการตัดสินใจซื้อไม่ยากเย็นนัก!

 

แม่ของหลินหูก็ได้ยินเสียงตะโกนนั้นเช่นกันนางชะโงกหัวออกมาจากบ้านพร้อมกับแผ่นทองแดงอีกสาม

 

” ท่านนายพรานเจ้าขายอะไรหรือแล้วขายอย่างไร?” 

 

หยุนเคอกล่าวตอบอย่างเย็นชา” สี่สิบเหวินต่อหนึ่งตัว!” 

หลินหวงมองสัตว์ป่าตรงหน้าอย่างพิจารณาส่วนใหญ่เป็นไก่ฟ้ากระต่ายและอื่นๆพวกมันแต่ละตัวล้วนมีน้ำหนักสามถึงสี่จิน!

 

ตอนที่ 210 มาถึงหน้าประตู

 

วันรุ่งขึ้น หยุนเถียนเถียนสังเกตได้ว่ามีบาง อย่างผิดปกติ

 

อย่างแรกคือนายน้อยหลี่และท่านนายอําเภอเดินออกมาจากบ้านของท่านปู่! ทั้งสองไม่ได้ค้างแรมที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านงั้นหรือ? แล้วย้ายไปที่บ้านท่านปู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าท่านนายอําเภอและนายน้อยหลี่จะไม่ใช่สุภาพบุรุษนักแต่เขาก็ไม่อาจทําลายชื่อเสียงของเด็กสาวเมื่อคืนนี้ได้

 

แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนจะต้องอยากรู้อยากเห็นนางเพียงแค่ถามออกไปราวกับไม่คิดสิ่งใด แต่ชายทั้งสองกลับไม่คิดกล่าวตอบนางจึงไม่ได้เซ้าซี้หลังจากจัดการซื้อที่ดินเสร็จสิ้น กลับมีเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านมาทําให้อยากรู้อยากเห็นเสีย

ได้!

 

อาจเป็นเพราะท่านปู่เคยเป็นบุรุษที่เปี่ยมไป ด้วยความเข้าใจโลกและเมตตาเขารู้จักวิธีการสั่ง สอนบุตรหลานของตนเอง หลังจากลูกชายคนโตของเขาทราบเรื่องว่าบิดาของตนรับเด็กชายอายุเจ็ดขวบเป็นหลานเขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไรนัก

 

ตรงกันข้าม บุตรหลานของพวกเขาทั้งหมดกลับสนิทสนมกับเฉินเฉินยิ่ง! มันไม่ใช่เพียงความประจบสอพลอทั้งหมดปฏิบัติกับเด็กชายราวกับ ว่าเขาคือคนในตระกูลอย่างแท้จริง ไม่มีความสูงสารหรือสมเพชใดในแววตาเหล่านั้นเลย

 

เรื่องนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนประหลาดใจไม่น้อยนางไม่คิดว่าในชนบทที่ห่างไกลความเจริญนี้จะมีครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผลคงอยู่ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดครอบครัวของท่านปู่จึงสามัคคีและรักกันอย่างเหนียวแน่นยิ่งเพียงเท่านี้ ก็ถือว่าครอบครัวเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขแล้ว!

 

คนที่หยุนเสียนเถียนรู้สึกนับถือมากที่สุดก็คือลูกชายอีกคนของท่านปู่เขาชื่อเฉินไปซึ่งอายุน้อยกว่าเฉินซ่งเพียงสองปี

เฉินไปดูคล้ายจะมีอิทธิพลบางอย่างในคําพูด ของตัวเองแม้แต่เฉินหยางซึ่งเป็นพี่ชายคนโตก็ยังเชื่อถือในคําพูดของเขาไม่น้อยในฐานะที่เขาก็เป็นลูกของท่านปู่เช่นกันและหลักความคิดคําพูดต่าง ๆ ประกอบรวมกันทําให้หยุนเวียนเถียน รู้สึกว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน! 

 

แต่นี่กลับไม่ใช่ความคิดของหยุนเกียนเถียน เพียงคนเดียวชาวบ้านหลายคนต่างก็รู้สึกอย่างนี้เช่นกันยกเว้นพวกที่สร้างปัญหาไม่จบสิ้นเท่านั้นจึงจะคิดขัดแย้งกับผู้อื่น

 

หลังจากตัดสินแล้ว แม้เฉินไปจะรู้สึกยินดียิ่ง แต่เขาจําเป็นต้องเก็บสีหน้าและท่าทางเอาไว้ เขาเข้ารับตําแหน่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและสุขุม ในขณเดียวกันเฉินซ่งกลับมองว่าเขาเป็นศัตรู แล้ว!

 

ตอนนี้ท่านนายอําเภอปลดเขาออกจากตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเป็นทางการแล้ว เฉินซึ่งไม่จําเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไปการจับจ้องด้วยสายตาเกรี้ยวกราดถูกกระทําอย่างเปิดเผยชาวบ้านที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

 

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของท่านปู่ล้วนแต่รักใคร่สามัคคีและเฉินไปไม่คิดหวาดกลัวอดีตหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น

 

หลังจากเรื่องราวในหมู่บ้านแห่งนี้ถูกตัดสินหยุนเถียนเถียนเดินทางกลับบ้านด้วยความพอใจหลังจากนี้นางตั้งใจว่าจะไปดูพื้นที่ห้าสิบไร่ของตนสักหน่อย

 

แม้ก่อนหน้ามันจะเป็นที่ดินรกร้าง แต่ตอนนี้มันอยู่ในครอบครองของนางแล้ว ทั้งหมดจะถูกใช้ปลูกข้าวสาลีและมันย่อมออกดอกออกผลคืนกําไรได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก

 

แน่นอนว่าผู้ที่รู้ข่าวเรื่องนี้คนแรกคือเฉินไปทันทีที่เขารู้ว่าชาวบ้านจะสามารถสร้างรายได้กับสิ่งนี้มุมปากของเขายกยิ้มจนหุบไม่ลง

 

แต่คราวนี้เฉินไปจะไม่ทําอย่างเฉินซ่งเขายังแนะนําหยุนเถียนเถียนว่าควรจ่ายค่าจ้างให้ชาว บ้านจากจํานวนงานที่ทําได้ในแต่ละวันมากกว่าซึ่งความคิดเช่นนี้ทําให้เถียนเถียนรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก

 

ส่วนความคิดของชาวบ้านก็คล้อยตามสิ่งนี้ ทั้งหมดยินดีที่จะรับเงินจากจํานวนงานที่ทําได้ในแต่ละวันหากพวกเขาขยันขันแข็ง แน่นอนว่าย่อมได้เงินเป็นกอบเป็นกําแม้งานจะหนักสักหน่อยแต่ค่าจ้างก็คุ้มยิ่ง!อย่างไรแล้วทั้งหมดก็เคยชินกับการทํางานในไร่ในสวนอยู่แล้ว

 

แต่หากเป็นชาวบ้านบางกลุ่มพวกเขาไม่ค่อย สนใจวลีที่ว่าทํางานให้มากเพื่อจะได้รับเงิ นมากขึ้นเพราะพวกเขาเพียงคิดว่าทุกคนควรจะได้รับค่าแรงเท่า ๆ กันมากกว่า!

 

ส่วนหยุนเถียนเถียนไม่คิดอะไรนักนางปล่อยให้เฉินไปจัดการงานในที่ดินห้าสิบไร่นี้อย่าง สบายใจ

 

แต่สิ่งที่หยุนเถียนเถียนไม่เคยคาดคิดมาก่อนกําลังจะเกิดขึ้น การซื้อที่ดินมากมายเช่นนี้กําลังจะสร้างปัญหาน่าปวดหัวให้กับนาง!

 

ตอนนี้ใบหน้าของนางและหยุนเคอเต็มไปด้วยความมืดครึมขณะจับจ้องแม่สื่อที่อยู่ตรงหน้า 

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

แม่สื่อไม่ได้กล่าวสิ่งใดน่าอับอายเมื่อเดินเข้ามาในบ้านของนางแต่บ้าจริง อีกฝ่ายกําลังทําให้ นางและหยุนเคอตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

 

ทั้งหยุนเคอและหยุนเถียนเถียนต่างก็เป็นคนระมัดระวังตนเองเสมอ อีกฝ่ายเพียงกล่าวถามถึงชีวิตประจําวันของทั้งสองเท่านั้นส่วนหยุนเคอและ เถียนเถียนที่ระวังตัว ก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมายอบไปแต่ก็ไม่กล้าถามว่าด้วยเหตุผลใดนางจึงมา

 

ที่นี่…

 

การสนทนาดําเนินต่อไปจนกระทั่งแม่สื่อรู้สึกว่าไร้คําใดจะกล่าวต่อ นางจึงเริ่มกล่าวกับหยุนเวียน เถียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา“ชาวบ้านบ อกกล่าวว่าเจ้าทั้งสองหมั้นกันแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าพิธีแต่งงานเสียทีแล้วพวกเจ้าทั้งสองคิดจะแต่งงานกันจริง ๆ หรือไม่?”

 

หัวใจของหยุนเคอเต้นกระหน่ําอย่างบ้าคลั่งขณะที่กําลังจะอ้าปากหยุนเสียนเถียนพูดขึ้นมา ก่อน “ท่านป้าเราสองคนอยู่ร่วมกันแล้วและจะ แต่งงานกันแน่นอน”

 

ถึงตอนนี้ หญิงวัยกลางคนเผยรอยยิ้มคาดเดายากออกก่อนจะกล่าวต่อ “แม่นางหยุน ตามหลักแล้วเรื่องนี้ยังสามารถผ่อนปรนได้เจ้าเพียงอาศัย อยู่ร่วมกับเขาแต่ยังมิได้เข้าหอก็คงจะคิดว่าต้องแต่งงานกับเขาเป็นธรรมดา! แต่ดั่งคําโบราณก ล่าวไว้ ชนชั้นสูงมักจะแต่งงานกับชนชั้นสูงด้วยกันสําหรับแม่นางหยุนที่มีความสามารถและใบ หน้างามงดเช่นนี้เจ้าคู่ควรกับบุรุษอื่นยิ่งกว่าเขา”

 

“แต่ข้าก็มิใช่จะกล่าวว่าหยุนเคอไม่เหมาะสมแต่หนวดเคราเต็มใบหน้าเช่นนี้ทําให้เขาดูโหด เหี้ยมเกินไป นอกจากนี้แล้วเขายังมีเพียงบ้านหลังใหญ่เท่านั้นส่วนไร่นาโรงงานทั้งหมด ล้วน แต่เป็นของแม่นางหยุน เพราะเหตุผลนี้เจ้ากับเขาจึงไม่ค่อยเหมาะสมกันนัก”

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนถึงกับกระตุก นางรู้สึกว่าแม่สื่อตรงหน้าช่างเจรจาไม่น้อยเลย แต่คํา พูดทั้งหมดนี้มันไม่เหยียดหยามหยุนเคอไปหน่อยหรือ?

 

“อย่างไรข้าจึงต้องขอบคุณท่านป้าอย่างยิ่งสําหรับคําชมแต่เราสองคนอยู่ร่วมกันแล้วซึ่ง ความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะพูดกล่าวออกไปหนทางของข้ามีเพียงการแต่งงานกับเขามิใช่หรือ?”

 

แม่สื่อถึงกับยิ้มกว้างทันที นางรู้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้ามิได้เต็มใจจะแต่งงานกับพรานป่าผู้นี้ ถ้าอย่างนั้นหมายความว่านางก็ยังพอมีโอกาสโน้มน้าวอีกฝ่ายอยู่!

 

“แม่นางหยุนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย ด้วยรูปโฉมงดงามและความสามารถของแม่นาง ไม่มีผู้ใด กล้าที่จะดูถูกเจ้าแน่นอนข้าได้รับสารจากตระกูลหลินซึ่งอยู่ในหมู่บ้านถัดไป พวกเขาชื่นชอบเจ้า ยิ่งกว่าสิ่งใด หลินหูเป็นบัณฑิตและกําลังศึกษาเล่าเรียนข้าคิดว่าเขาจะสามารถสอบผ่านซิ่วไฉได้ในปีหน้าแม่นางหยุน… หากสิ่งที่ข้าคิดไว้ไม่ผิดพลาดเจ้าจะได้แต่งงานและกลายเป็นคุณหญิงซิ่วไฉ!”

 

ตอนที่ 209 เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่?

 

ทั้งนายอําเภอและนายน้อยหลี่เดินทางไปยัง บ้านของผู้เฒ่าด้วยแสงสว่างจากคบเพลิง! 

 

เหล่าผู้เฒ่ายินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับแขกผู้มี เกียรติทั้งสองนี้แม้ว่าเขาจะไม่ชื่นชอบหลี่ซื่อฮวานักแต่เขาก็จะไม่ดูแคลนอีกฝ่ายเพราะเห็นแก่ใบ หน้าของหยุนเวียนเถียน

 

ทางฝั่งของเฉินซ่ง เขานั่งอยู่ที่ลานบ้านพร้อม กับเหม่อมองดาวอย่างครุ่นคิด

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาพร้อม กล่าวคํา “สามีข้าตอนนี้พวกเราควรทําสิ่งใด? ที่ อเสียงของท่านในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านจบสิ้นแล้วต่อจากนี้ไปครอบครัวเราไม่ต่างอะไรจากชาวบ้านธรรมดาแล้วสิ่งที่สําคัญที่สุดตอนนี้คือความรู้สึกของเฉินไฉอีแม้ท่านจะบังคับให้นางแต่งงานก็จริงแต่ท่านก็รู้ว่าไม่อาจบังคับนางได้!”

 

เฉินซึ่งถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวตอบ “พานางออกมา ข้าจะคุยกับนางดี ๆมันต้องมีวิธี ที่ทําให้นางเปลี่ยนใจสิ!”

 

ใบหน้าของเฉินไฉ่ซีดเซียว แก้มสองข้างเต็ม ไปด้วยคราบน้ําตาแต่โชคดีที่นางเป็นบุตรสาวที่ ครอบครัวรักใคร่ เช่นนี้นางจึงมีเงินซื้อเครื่องสําอางสีแดงอย่างดีในราคาสองตําลึงได้! 

 

แม่ใบหน้าจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ําตาแต่สีแดงบนใบหน้าก็ยังไม่เลอะ…

 

“ท่านพ่อ! ได้โปรดเถิด ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับบัณทิตแก่เรียนเช่นนั้น!ท่านพ่อช่วยข้ามิได้ หรือ?”

 

เฉินซึ่งได้แต่ถอนหายใจยาว “ตอนนี้พ่อของเจ้าไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้อีกแล้วหากเจ้ามีสมองสักหน่อยน่าจะพอรู้ว่าไม่ควรไปยั่วยุนางคนนั้น! ยิ่งตอนนี้นายน้อยหลีก็ยังดูหมิ่นเจ้าและวันนี้เจ้ายังทําไม่สําเร็จทุกสิ่งพังทลายหมดสิ้นแล้วลูกข้า… คิดให้ดีเถิดว่ายังมีหนทางใดอีกหรือ?”

 

หลังจากเฉินไฉ่อได้ฟังอย่างนั้นนางรู้สึกสิ้นหวังยิ่งและคิดว่าหนทางเดียวที่จะรอดพ้นคือความตาย!

 

“เฉินไฉ่อ… ทั้งหมดเป็นเพราะหลี่ซื่อฮวาที่ชั่ว ร้ายผู้นั้นต่างหากลูกสาวข้าทั้งเก่งกาจและมี ความสามารถมารยาทก็เป็นเลิศกว่าผู้ใดไฟแต่เขากลับคิดว่าเจ้าไม่อาจเทียบเทียมหยุนเถียนเถียน ได้… หลี่ซื่อฮวานั้นตามืดบอดที่มองไม่เห็นเจ้าในสายตาเจ้าไม่คิดโกรธเคืองเขาบ้างหรือไร?” 

 

เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านได้ฟังอย่างนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกพองแม้จะไม่พอใจหลี่ ชื่อฮวาอยู่มาก แต่นางก็ไม่คิดจะอ้าปากกล่าวต่อว่าอีกฝ่ายเช่นนี้

 

“และนังหยุนเกียนเถียนคนนั้นก็อาศัยเส้นสาย ฟ้องร้องท่านนายอําเภอทําให้พ่อต้องหลุดจาก ตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน!ไฉ่อพี่ชายของเจ้าน่ะโง่เขลาพวกเราไม่อาจพึ่งพาเขาได้ ทั้งหมดคือเหตุผลที่ครอบครัวเราต้องเจ็บช้ําน้ําใจในวันนี้ความอัปยศทั้งหมดมันถูกส่งต่อไปที่เจ้าอย่างไรทางเลี่ยง

 

“พ่อพยายามสอนหนังสือเขามาหลายปี แต่เขา ก็ไม่เคยแสดงความสามารถหรือไปสอบเข้าราชสํานักเลยสักนิดหากเขากระตือรือร้นสักหน่อยคง ได้รับคัดเลือกให้เป็นนายอําเภอไม่ยากเย็นนัก!แต่เพราะพี่ชายเจ้าไม่เอาไหนพวกเราจึงต้อง ทุกข์ทรมานไล่อพ่อรักลูกยิ่งนัก รักยิ่งกว่าสิ่ง ใด…เจ้าช่วยพ่อล้างแค้นได้หรือไม่ช่วยชําระแค้นนี้ให้พ่อเถิด!”

 

เมื่อเฉินไฉ่อได้ยินคําเยินยออย่างผู้เป็นพ่อนางพลันรู้สึกฮึกเหิมด้วยความภาคภูมิใจ

 

“ท่านพ่อ! แล้วเช่นนั้นเราควรทําอย่างไรกันดี?พวกมันทําให้ท่านไม่ได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านและยังเหยียดหยามข้ายิ่ง ข้าไม่งดงามตรงไหนกัน? นายน้อยหลี่ตาต่ําจึงมองไม่เห็นความงามของข้านี้! ข้าเกลียดเขา!”

 

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เฉินซึ่งต้องการ เขาถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวด้วยความผ่อนคลาย “พ่อของเจ้าแก่ชราแล้วอีกทั้งพี่ชายเจ้าก็ยังไร้ความสามารถตอนนี้ครอบครัวเราเหลือเพียงเจ้าให้พึ่งพา!”

 

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพอจึงคิดยกเจ้าให้บุตรชายของจางชิวไฉ่ก็เพื่ออนาคตเจ้าจะไม่ถูก เหยียบย่ําอย่างไรล่ะถึงตอนนี้เจ้าจะไม่เต็มใจแต่งงานกับบัณฑิตแก่เรียนคนนั้นแต่เชื่อเถิดว่าเด็กหนุ่มนั่นเก่งกาจเสียยิ่งกว่าพ่อของเขา อีก!”

 

“วันหนึ่งหลังจากบัณฑิตแก่เรียนคนนั้นมีชื่อเสียงเจ้าจะมีศักดิ์เป็นคุณหญิงเชียว… เฉินไฉ่อ เอ๋ย เมื่อวันนั้นมาถึงหยุนเวียนเถียนจะสู้อะไรเจ้าได้? แม้แต่นายน้อยหลี่ก็ยังต้องคลานเข่าเข้าหาเจ้า!”

 

เมื่อได้ฟังคําชักชวนของผู้เป็นพ่อ ดวงตาของเฉินไฉ่อีถึงกับเปล่งประกายออก

 

ความฝันที่นางคิดไว้หลังจากอ่านหนังสือปราชรูปหล่อและโฉมงามได้พังทลายจนหมดสิ้น แล้วตอนนี้เรื่องราวที่เฉินซ่งมอบให้ก็น่าสนใจไม่น้อย

 

นางเฝ้าฝันว่าวันหนึ่งในอนาคต… นายน้อยหลี่ จะต้องมาคุกเข่าต่อหน้านางเขาจะต้องเสียใจที่ไม่คิดแต่งงานในวันนี้!

 

หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เฉินไฉอีจึงกล่าวถาม อย่างสงสัย “ท่านพ่อแล้วกว่าจะมีชื่อเสียงนั้น ยากเพียงใด? ถึงเจ้าบัณฑิตแก่เรียนผู้นั้นจะดูโง่ เขลาในสายตาข้าแต่หลังจากเขาและข้าแต่งงา นกัน ข้าจะเป็นคนเติมเต็มเพื่อให้เขาไปสู่จุด หมายให้เร็วที่สุด!”

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

เฉินซ่งถึงกับใจเต้นรัว เขาได้ยินสิ่งที่ต้องการแล้วเช่นนี้เขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือได้ อย่างไร?

 

“ไฉ่อ เขาอาจจะแก่เรียนไปสักหน่อย แต่อย่าง ไรเขามีเจ้า!ตอนที่เจ้าเรียนหนังสือพร้อมพี่ชาย พ่อสัมผัสได้ว่าพี่ชายเจ้านั้นโง่เขลายิ่งเขาไม่อาจเทียบเจ้าได้เลย ส่วนเจ้าเด็กแก่เรียนคนนั้น แม้เขาจะไม่ฉลาดมากแต่ด้วยการดูแลจากเจ้าแล้วเขาจะสอบไม่ผ่านได้อย่างไรล่ะ จริงไหม?”

 

เฉินไฉ่อนึกถึงรูปลักษณ์งี่เง่าของคุณชายจางก็พลันไม่พอใจขึ้นมาน้อยๆ “ท่านพ่อคิดว่าข้าจะสามารถทําได้จริงๆงั้นหรือ?อย่างไรแล้วข้าก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าเด็กแก่เรียนคนนั้นตล อดไป!”

 

ใบหน้าเฉินซ่งพลันจริงจังก่อนกล่าวตอบ “เมื่อคืนนี้พ่อต้องการให้นายน้อยหลี่และนายอําเภอ หยุดกล่าวคําดูหมิ่น พ่อเลยกล่าวกับพวกเขาว่าจะให้เจ้าแต่งงานกับคุณชายจางซะ! มันจะไม่ เป็นไรเลยหากเจ้าแต่งงานกับเขาในเร็ววันนี้เพราะหากปล่อยละเลยเรื่องราวไปนาน นาย น้อยหลี่อาจจะโพทะนาเรื่องราวออกไปก็ได้อย่างไรแล้วข้าก็ยังรอบคอบเสมอเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าอย่างไรล่ะ!”

 

เฉินไฉ่อีก้มศีรษะลงอย่างครุ่นคิดจนในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจ

 

“ที่ท่านพ่อกล่าวถูกต้องทั้งหมด นายน้อยหลี่เป็นแค่พ่อค้าหากข้าแต่งงานกับนักปราญช์ย่อม ดีกว่าหลายเท่า อย่างน้อยข้าก็มีโอกาสได้เป็นคุณหญิงในอนาคตแล้ววันนั้นตาแก่หลี่ซื่อฮวาต้องมาคุกเข่าต่อหน้าข้า!”

 

เฉินซึ่งถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ภรรยา ของเขาก็ผ่อนลมหายใจเพราะคลายกังวลเช่นกัน

อย่างไรแล้วพวกเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าบัณฑิตแก่ เรียนผู้นั้นจะประสบความสําเร็จหรือไม่แต่ตอนนี้ บุตรสาวของตนหยุดสร้างปัญหาและยอมก้าวขา สูงานวิวาห์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

 

ทั้งสองรักและหวงแหนบุตรสาวยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ท้ายที่สุดนางก็ต้องแต่งงานออกเรือน เช่นนี้บุ ตรสาวจึงไม่มีเวลาที่จะอยู่กับครอบครัวนานนัก เฉินไฉ่อีกลายเป็นคนนิสัยเสียเพราะครอบ ครัวตามใจยิ่ง แต่หากชื่อเสียงของนางย่าแย่ ทั้ง หมดจะส่งผลต่อลูกหลานที่จะเกิดในอนาคตด้วย สําหรับผู้เป็นแม่นั้นยิ่งผ่อนคลายกว่าใครเพราะต ระหนักถึงเรื่องชื่อเสียงเป็นอย่างดี ทว่าสะใภ้ใหญ่ ตระกูลเฉินกลับไม่คิดปล่อยวาง นางรู้สึกเกลีย ดชังน้องสาวสามีผู้นี้เข้ากระดูกดํา!

 

ในอนาคตสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องพึ่งพา ครอบครัวของเฉินเต่ออันคอยดูแล เช่นนี้พวกเขา จึงต้องคิดจัดการกับบุตรสาวให้อยู่หมัดแม้ว่าจะไม่ได้รักสะใภ้ใหญ่มากเท่าบุตรสาว แต่เมื่อเทียบกับครอบครัวอื่นๆแล้วตระกูลเฉินเลี้ยงดูสะใภ้ได้ดีกว่ามาก

 

ภรรยาของเฉินซึ่งคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนจึงผ่อน คลายใจยิ่งเพราะในอนาคตต้องพึ่งพาเฉินเตออนและลูกสะใภ้หากทําให้ทั้งสองขุ่นเคืองไปมากกว่านี้เกรงว่าชายหญิงชราทั้งสองคงจะไม่มีข้าวกินยามแก่เฒ่า!

 

ตอนที่ 208 แต่งงาน

 

เสี่ยวซื่อพ่นประโยคสุดท้ายออกอย่างเจ็บแสบก่อนจะเดินออกจากห้องไป

 

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เฉินไฉ่อีกลับคิดว่าตนเองยังมีคุณค่านางก้าวขาไปด้านหน้าพร้อมกล่าวค่ากับนายน้อยหลื่อย่างมั่นใจ“มันถูกต้องแล้วหรือที่นายน้อยหลี่ปล่อยให้ทาสรับใช้ดูหมิ่นหญิงสาวของตน?”

 

นายน้อยหลี่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา“หญิงสาวของข้า?เจ้าคิดว่านายน้อยหลี่ผู้นี้ขาดแคลนหญิงสาวงั้นหรือ?สตรีไร้ยางอายเช่นเจ้าไม่คู่ควรกับความอ่อนโยนและห่วงใยจากข้าแม้แต่น้อย!

 

“ท่านนายอำเภอไม่คิดจะกล่าวอะไรหน่อยหรือ?ข้ารู้สึกว่าท่านยืนดูละครเรื่องนี้มานานเกินไปแล้วเราสองคนก็มีสัมพันธ์อันดีต่อกันมานานแล้วข้าก็คิดหวังว่าท่านจะยังมีไมตรีจิตต่อข้าอยู่บ้างตอนนี้ข้ากำลังประสบเรื่องร้ายท่านไม่คิดจะเข้าช่วยเหลือบ้างเลยหรือไร?”

 

นายอำเภอถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินหลี่ซื่อฮวากล่าวออกมาอย่างนั้นคนๆนี้กำลังคิดลากเขาลงนรกด้วยงั้นหรือ?

 

“เอาล่ะ!ลูกสาวของเจ้าไม่ได้หลับนอนกับนายน้อยหลี่เพียงแค่เดินเข้ามาในห้องคนอื่นในชุดที่โปร่งใสเท่านั้นเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้เฉินซ่ง…ข้าสัญญาว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงในคืนนี้ผู้คนด้านนอกจะไม่ได้รับรู้เด็ดขาดแล้วพวกเจ้าก็อย่าคิดสร้างปัญหาด้วยการเล่าเรื่องนี้ให้บุคคลภายนอกฟังเช่นนั้นจบเพียงเท่านี้ได้หรือไม่?”

 

“นายน้อยหลี่มาที่บ้านหลังนี้พร้อมกับข้าผู้นี้เขาไม่ควรถูกบีบบังคับอย่างไร้เหตุผลเฉินซ่งจงคิดให้ถี่ถ้วนการแต่งงานมิใช่หนทางแก้แค้น!”

 

เฉินซ่งถึงกับตื่นตระหนกขณะนั้นภรรยาของเขาต้องการจะอ้าปากเพื่อพูดบางอย่างแต่ถูกตบหน้าจนล้มคว่ำด้วยน้ำมือของผู้เป็นสามีเสียก่อน

 

“ตกลง!ยุติเรื่องราวน่าอายทั้งหมดนี้กันเถิด!คนข้างนอกจะไม่มีวันรู้ว่าคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นและนังลูกสาวตัวดีของข้าต้องแต่งงานโดยเร็วที่สุดข้าคงไม่อาจดูแลเด็กไร้ยางอายคนนี้ได้อีกต่อไปสินสอดทองหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วข้าจะให้นางแต่งงานกับคุณชายจางทันทียิ่งอยู่บ้านต่อไปก็ยิ่งทำแต่เรื่องขายหน้า!”

 

เฉินไฉ่อไม่คาดคิดเลยว่าแผนการในวันนี้จะล้มเหลวอีกทั้งยังเป็นการเร่งให้นางต้องแต่งงานกับคุณชายจางเร็วขึ้นด้วย

 

เดิมที่นางไม่เต็มใจพ่อและแม่จึงไม่อาจบีบบังคับนางได้แต่หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายในคืนนี้นางจึงถูกบีบอย่างไร้ทางเลือกผู้เป็นพ่อตัดสินใจเด็ดขาดและนางไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง

 

“ไม่!ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้าบ้านั่นเด็ดขาดเขาเป็นบุรุษแท้จริงหรือไม่?ข้าขอตายดีกว่าหากต้องแต่งงานกับคุณชายจาง!”

 

หลังตะโกนออกอย่างเกรี้ยวกราดเฉินไฉ่อีกรีดร้องเสียงดังจนได้ยินไปสิบบ้านทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาต่างสับสนและทำสิ่งใดไม่ถูกทุกคนโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับนางอย่างไรดี

 

“หากไม่อยากแต่งงานข้าก็ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้อีกแล้ว!หากต้องการจะตายก็จงไปตายที่อื่นไปให้พ้นหน้าข้าซะ!หลายปีมานี้เจ้าไม่เคยกระทำสิ่งใดให้ชื่นใจนอกจากสร้างความอับอายให้ครอบครัวไม่จบสิ้น!”

 

เฉินซ่งตะคอกลูกสาวสุดที่รักจนเสียงแหบเขากัดฟันโต้ตอบไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้แล้วว่าควรจัดการนางอย่างไร

 

ภรรยาของเขาถึงกับตื่นตระหนกแต่เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายจึงเข้าใจได้ทันทีว่า…เขายอมละทิ้งบุตรสาวคนนี้อย่างแท้จริง!

 

นางอยู่กินกับเฉินซ่งมานานหลายปีแน่นอนว่าย่อมรู้ถึงจิตใจเนื้อแท้ของอีกฝ่ายไม่ว่าเขาจะคิดสิ่งใดนางก็รับรู้ได้หมดสิ้น

 

แม้จะสั่งสอนให้บุตรสาวอ่านหนังสืออย่างหนักแต่นางก็มีเพียงความรู้และไม่อาจเอาตัวรอดได้คงจะต้องใช้ชีวิตอย่างสาวชนบทต่อไปจนวันตาย

 

ก่อนหน้านี้เฉินซึ่งต้องการให้บุตรชายของตนเรียนและสอบเข้าราชสำนักแต่ใครจะรู้ว่าลูกชายของเขาไม่ยินดีที่จะเรียนหนังสือเช่นนี้เขาจึงสอนหนังสือให้กับบุตรสาวแทนเพื่อที่นางจะได้รู้หนังสือและแต่งงานกับบุตรชายในตระกูลใหญ่

แทน!

 

และบุตรชายของจางชิวไฉ่ก็เป็นที่ต้องตาต้องใจเขานักเด็กชายคนนั้นมีความสามารถแต่เพราะสุขภาพของเขาย่าแย่นักเขาจึงขาดสอบ…แต่เฉินซึ่งก็ได้ยินมาไม่น้อยว่าคุณชายจางเป็นชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์อีกทั้งเหมือนจะเก่งกาจยิ่งกว่าผู้เป็นบิดาเสียอีก!

 

ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เฉินซึ่งชื่นชอบตระกูลจางยิ่งนักแต่การแต่งงานครั้งนี้กลับไม่ถูกยอมรับจากเฉินไฉ่อเมื่อบุตรสาวไม่ยินยอมเขาก็ไม่คิดที่จะบังคับ

 

ส่วนนายน้อยหลี่ผู้นี้ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยตั้งแต่ต้นเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของนายน้อยหลี่ฉายาของเขาคือหนุ่มน้อยเจ้าสำราญเฉินซึ่งรู้ดีว่าบุตรสาวของเขางดงามไม่เพียงพอและเขาก็ไม่คิดที่จะจับนายน้อยเพื่อยกฐานะของครอบครัวเช่นกัน

 

หากบุตรสาวได้แต่งงานกับนายน้อยหลี่จริงนางคงมีเงินมาจุนเจือครอบครัวไม่น้อยแต่อย่างไรแล้วนางไม่มีวันได้รับมรดกหรือทรัพย์สมบัติที่แท้จริง

เมื่อครั้งที่เขายังเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเขาหมกมุ่นอยู่ในอำนาจอย่างมีความสุขเพียงแค่การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเล็กๆนี้ทำให้เขาโอ้อวดและเหิมเกริมเมื่อออกไปเดินบนถนนไม่ว่าใครจะทำสิ่งใดก็ย่อมต้องผ่านความคิดของเขาทั้งนั้นช่างเป็นอาชีพที่มีเกียรติยิ่งทุกคนต่างชื่นชมว่าเขาคือชายผู้มีพรสวรรค์!

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

เดิมทีหากลูกสาวและนายน้อยหลี่เต็มใจที่จะแต่งงานกันนางก็คงจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้บ้างแต่สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วอีกทั้งนางก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณชายจาง…แล้วนายน้อยหลี่ยังไม่คิดจะรับนางเข้าบ้านด้วยซ้ำถึงคราวที่เฉินซึ่งต้องตัดสินใจ…บุตรสาวแสนดื้อรั้นคนนี้จะต้องไปอยู่บนเตียงของคุณชายจางเท่านั้น!

 

แล้วปีหน้าลูกเขยของเขาก็คงจะสอบผ่านและกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงตอนนี้เขาเสียตำแหน่งของหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้วการจะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งจำเป็นต้องพึ่งพาลูกเขยคนนี้เท่านั้น!หากวันหนึ่งคุณชายจางสามารถสอบผ่านระดับจูเหรินได้ทุกฝ่ายคงมีความสุขอย่างแท้จริง

 

หลังจากไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้นเฉินซ่งออกคำสั่งทันที“ลากนางออกไปหากนางไม่ต้องการแต่งงานก็ให้นางตายไปซะ..หากคิดจะมีชีวิตอยู่ก็จงนั่งนิ่งๆแล้วแต่งงานกับคุณชายจาง!”

 

แม้ว่าผู้เป็นแม่จะรักลูกเพียงใดแต่เมื่อสามีออกคำสั่งเช่นนี้นางจึงจำเป็นต้องเชื่อฟัง!นางพยักหน้ารับคำก่อนจะก้าวเข้าไปพยุงเฉินไฉ่อออกจากห้องบุตรสาวแสนดื้อรั้นถูกโยนเข้าห้องที่ถูกปิดตายอย่างมิดชิดในทันที!

 

หลังจากจบเรื่องราวแล้วเฉินซึ่งหันไปหานายน้อยหลี่พร้อมกล่าวถาม“เพียงเท่านี้นายน้อยหลี่คงพอใจแล้วใช่หรือไม่?”

 

หลี่ซื่อฮวาถึงกับมีอารมณ์โกรธอีกครั้งอีกฝ่ายเพียงแค่ต้องการทำให้เขาพึงพอใจงั้นหรือ?

 

“เช่นนั้นหรือ?ข้าขอตอบตรงนี้เลยว่าค่อนข้างจะพอใจ!ท่านนายอำเภอข้าขอโทษที่เสียมารยาทแต่ข้าคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้วเราค่อยพบกันในวันพรุ่งนี้แทนอ้อไม่ต้องกังวลไปทั้งข้าและเสี่ยวชื่อย่อมไม่ปากสว่างกับเรื่องคืนนี้แน่อย่างไรซะการที่พวกท่านสามารถนำพาบุคคลที่ข้าเกลียดออกไปจากชีวิตของข้าได้ข้าย่อมต้องมีความสุขแน่นอน!”

 

ส่วนในใจของเฉินซ่งกลับรู้สึกขอบคุณหลี่ซื่อฮวาไม่น้อยเพราะหากไม่เกิดเรื่องครั้งนี้เขาคงไม่อาจบังคับให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับคุณชายจางได้แต่ตอนนี้เขาคิดอยากจะสั่งสอนบุตรสาวให้หลาบจำแต่เพราะมีคนนอกอยู่ที่นี่ถึงสองคนจึงไม่อาจทำได้ดั่งใจ

 

นายอำเภอยกยิ้มพร้อมเอ่ยคำ“ข้าผู้นี้ก็ควรจะออกไปกับเจ้าเช่นกันเพราะอย่างไรแล้วข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับนายน้อยหลี่เลยอย่างไรแล้วทุก

ครอบครัวล้วนแต่มีภรรยาที่ดุร้ายหากมีเรื่องหญิงสาวมาข้องเกี่ยวข้าเกรงว่าตำแหน่งของข้าก็อาจจะสั่นคลอนได้เช่นกัน!”

 

คำพูดประชดประชันนี้ทำให้ใบหน้าของเฉินซ่งมืดมนโดยเฉพาะเฉินเต่ออัน…แม้ว่าเขาจะรู้ดีแก่ใจแต่ถึงอย่างไรเด็กสาวที่ถูกกล่าวถึงนั้นก็เป็นน้องสาวสุดที่รักของเขา!

 

แต่สำหรับภรรยาของเฉินเพื่ออันไม่เพียงแต่ผิดหวังในตัวน้องสาวสามีนางถึงขั้นเกลียดชังอีกฝ่ายเข้ากระดูกดำน้องสาวของสามีสามารถแต่งงานออกจากบ้านได้อย่างรวดเร็วแต่ผลบาปเหล่านี้จะตกไปถึงลูกของพวกเขาทั้งสองคนแน่นอน!

 

หากเรื่องราวแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอกว่าลูกสาวของนางมีน้าที่ไร้ยางอายเช่นนี้การแต่งงานก็คงจะยากลำบากและไม่มีชายใดมาสู่ขอเป็นแน่!

 

ตอนที่ 207 เสแสร้งไร้ยางอาย

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านรู้ดีว่าตอนนี้ลูกสาวของตนสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับนายน้อยหลี่แล้ว แต่วิธีเดียวที่จะรอดคือทําอย่างไรก็ได้ให้ลูกสาวของตนเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา

 

“นายน้อยหลี่จะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้! อย่างไรวันนี้ข้าได้เห็นแล้วว่านายน้อยกับลูกสาวข้าอยู่ในห้องด้วยกัน อีกทั้งเสื้อผ้ายังไม่ชวนมองความบริสุทธิ์ของนางถูกทําลายโดยท่าน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเงียบงันมาตั้งแต่เกิดเรื่อง สถานะของเขาตอนนี้ช่างน่าอับอายนักลูกสาวก็ทําตัวไร้ยางอาย ส่วนตนเองก็ถูกถอดออกจากตําแหน่ง

 

แล้วถ้าหากเขาช่วยเหลือลูกสาวในวันนี้เพื่อให้นางได้แต่งงานกับนาย น้อยหลี่แล้วเช่นนั้นท่านนายอําเภอจะยอมเมตตาเห็นแก่ใบหน้าของนายน้อยหลี่หรือไม่?

 

แต่หลี่ซื่อฮวาไม่คิดจะรับผิดชอบครอบครัวละโมบนี้ไว้เช่นกัน หากนางเป็นสตรีที่เพียบพร้อมกว่านี้ เขาก็อาจยอมเก็บนางไว้เป็นนางบําเรอได้ แต่เด็กสาวตรงหน้ากลับไร้ยางอายและอาจสร้างปัญหาให้เขาในอนาคตอีกไม่รู้

 

จบ…

 

“เฉินซ่ง ท่านไม่คิดจะห้ามปรามภรรยาของตนหน่อยงั้นหรือ? หรือคิดเพียงแค่ต้องการจะยัดเยียดเด็กสาวบริสุทธิ์คนนี้ให้กับข้า? นี่ท่านคิดว่าคนอ ย่างนายน้อยหลี่ซื่อฮวาสามารถนอนกับศพได้จริง ๆ หรือไร?!”

 

เพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมด หลี่ซื่อฮวาพยายามใจเย็นและกล่าวต่อ “เฉินซึ่งตอนนี้ท่านควรจะดูแลบุตรสาวและภรรยาให้ดี ที่นี่มีเพียงข้าและท่านนายอําเภอเท่านั้นหากไม่มีผู้ใดพูด ลูกสาวของท่านก็ยังคงบริสุทธิ์และไม่เสื่อม เสียจะไม่มีใครรู้เรื่องไร้สาระพวกนี้! การหาครอบครัวดี ๆ ตบแต่งในอนาคตยังสามารถทําได้ ส่วนชื่อเสียงของข้านั้นเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วหากส่งนางไปอยู่หลังครัวที่บ้าน ก็คงจะเป็นของเล่นให้ข้าได้ไม่นานนัก!”

 

คําพูดขู่เข็ญนี้สร้างความลังเลให้กับเฉินซึ่งไม่น้อย ตอนนี้นายน้อยหลี่แสดงท่าที่ชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการ แต่ลูกสาวของเขาจะได้ตบแต่งกับนาย น้อยหลี่แต่เขาก็ไม่อาจรั้งตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านไว้ได้เช่นเดิม

 

ขณะนั้นเอง เฉินเต่ออันและภรรยาเดินเข้ามาภายในห้องสายตาของทั้งสองจับจ้องน้องสาวของตนเองที่นั่งทรุดร้องไห้อยู่บนพื้นด้วยความตกตะลึงอีกทั้งใบหน้าของนายน้อยหลี่ยังเต็มไปด้วยความเหยียดหยามนายน้อยหนุ่มเจ้าสําราญไม่มีความรัญจวนใจบนใบหน้าแม้แต่น้อย

 

เมื่อเห็นว่าแผนการทั้งหมดกําลังจะพังทลาย เฉินไม่อีพุ่งเข้าไปกอดขาผู้ เป็นพ่อไว้แน่นก่อนจะร่ําไห้ออกอย่างเศร้าโศก

 

“ท่านพ่อต้องช่วยข้า! เป็นนายน้อยหลีที่ผิดพลั้งชื่อเสียงของข้าช่นนี้หมดสิ้นแล้ว ความบริสุทธิ์ก็ไม่เหลือ! แม้คนข้างนอกยังไม่ทราบเรื่องแต่ตัวข้ายอมรู้ดีและมันจะเป็นบาดแผลในใจข้าไปตลอดชีวิต!ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับเขา…”

 

ใบหน้าหลี่ซื่อฮวาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น“แม่นางเฉินกล่าวสิ่งใดหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจผิดไม่น้อยเกี่ยวกับการเป็นนางบําเรอของนายน้อยหลี่คนนี้! เจ้าเคยเห็นผู้ที่ถูกส่งไปบําเรอข้าได้กลับออกมาสักคนหรือไม่? แล้วนางพวกนั้นได้แต่งงานกับข้างั้นหรือ? แต่อย่างไรซะ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะต้องการสิ่งใด เพราะสารรูปของเจ้าในตอนนี้ไม่ทําให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นหรืออยากอาหารแม้แต่น้อย! หากคิดอยากจะไปอยู่ที่นั้นข้าก็ไม่อาจขัดขืนเจ้า… หึ!”

 

“ดูเหมือนว่าหมาป่าที่ข้าเลี้ยงไว้หลังบ้านจะได้กลืนกินรสชาติที่ชื่นชอบอีกครั้ง แต่ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าสีแดงบนใบหน้าเจ้า จะทําให้หมาพวกนั้นมันอยากกลืนเจ้าลงไปหรือไม่!”

 

ท่านนายอําเภอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ ปากของนายน้อยหลี่คนนี้ช่างเราะร้ายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดคุยกับนายน้อยหนุ่มจริงจังนัก เห็นทีหลังจากนี้คงต้องทําความรู้จักกันให้มากขึ้นแล้วเพราะชายหนุ่มตรงหน้านั้นน่าสนใจยิ่ง!

 

สําหรับหญิงสาวในสวนหลังบ้านของนายน้อยหลี่นั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับมาก แต่ก็มิใช่จะรอดพ้นสายตาของนายอําเภอไปได้อย่างไรซะบ้านของนายน้อย หลี่ก็ยังอยู่ในเขตอํานาจของเขาอยู่ดีหญิงสาวที่อยู่หลังบ้านของเขาทั้งหมดล้วนแต่ยังเป็นผู้เยาว์อีกทั้งยังมีข่าวลือมากมายว่าศพทั้งหมดถูกโยนทิ้งไว้ในหลุมหลังบ้าน… ก็คงจะเป็นศพของนางบําเรอพวกนั้น

 

เฉินไฉ่อีตื่นตระหนกยิ่งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเย็นชาของนายน้อยหลี่นางก้มศีรษะลงพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องราวทั้งหมดอย่างหนักก่อนหน้านี้นางคิด เสมอว่านายน้อยหลี่ผู้นี้ราวกับเจ้าชายในเทพนิยายหากเพียงได้อยู่เคียงข้า งหรือแค่เป็นสาวใช้ของเขาก็คงจะสุขใจยิ่งนัก

 

แต่นายน้อยหลีที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ งั้นหรือ ถ้อยคําต่าง ๆที่เขาพ่นออกมาราวกับว่าเขามิใช่บุรุษในเทพนิยายแม้แต่น้อยแล้วหากว่าเขาเต็มไปด้วยตัณหาราคะจริง ๆ ดั่งข่าวลือ… หยุนเถียนเถียนจะสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างไรกัน?

 

ความจริงแล้วหลี่ซื่อฮวาก็ปฏิบัติเหมือนกันทุกคราไป หลังจากได้รับตัวหญิงสาวเขาจะส่งนางไปอาบน้ํา หากถึงเวลานั้น อีกฝ่ายต้องการจะหนีไปไหนก็คงไม่อาจทําได้แล้วไม่ว่าจะอยู่หรือหนี เขาก็ไม่เคยปล่อยผู้ใดหลุดรอดเงื้อมมือไปได้

 

มีไม่กี่คนที่อยากจะเข้ามาประจบประแจงเพื่อหวังว่าจะได้ดี

 

หลี่ซื่อฮวาไม่เข้าใจเลย ชื่อเสียงของเขานั้นโหดร้ายยิ่งนักแต่สตรีตรงหน้ากลับไม่ยอมเลิกราและต้องการจะเข้าไปอยู่ในดินแดนอํามหิตแห่ง

 

นั้น!

 

“นายน้อยหลี่ หากท่านไม่รับไฉ่อีกลับไปด้วย ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องตายเพ ราะเสื่อมเสียชื่อเสียง หากท่านปฏิเสธที่จะพาข้าไปด้วย ก็โปรดให้ข้าตาย เสียตั้งแต่ตอนนี้เถิดข้าไม่ต้องการที่จะเผชิญกับชาวบ้านปากหนาลิ้นยาวด้านนอก!”

 

หลังจากที่เฉินไฉอีตัดพ้อจบแล้ว นางลุกพรวดพร้อมกับวิ่งออกไปทันทีแต่เฉินซ่งเร็วกว่าเขาคว้าแขนลูกสาวไว้อย่างรวดเร็ว

 

“ไฉอี! หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!”

 

ส่วนหลี่ซื่อฮวารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกผู้หญิงตรงหน้านี้รับอยากเกินไปแล้ว!

 

“ข้าพูดไปแล้วว่าคนนอกจะไม่รู้เรื่องในคืนนี้ หากเจ้าดื้อดึงที่จะทําตัววุ่นวายต่อคงไม่มีประโยชน์อะไรนัก เฉินไม่อีคิดให้ดีเถิดข้าคงอดทนพูดกับเจ้าได้เพียงเท่านี้!”

 

ส่วนเฉินเพื่ออันเป็นพี่ชายที่รักน้องสาวยิ่ง แม้ในวันที่นางกําลังทําตัวไร้ยางอายเขาก็ยังสับสนว่าควรจะทําเช่นไรต่อไป..

 

เขาก้าวขาไปด้านหน้าพร้อมกับคว้าแขนน้องสาวเอาไว้ก่อนจะกล่าว “ไฉ่อี!หยุดพร่ําเพ้อได้แล้วยังไม่มีชาวบ้านคนไหนรู้เรื่อง แล้วชื่อเสียงของเจ้าจะพังพินาศได้เช่นไร? ตระกูลจางเป็นคนดีและซื่อสัตย์ หากเจ้าแต่งงานกับเขามันย่อมดีกว่าแน่!”

 

แต่หลังจากที่เขาพูดจบ เฉินไฉ่อผลักพี่ชายออกสุดแรงจนอีกฝ่ายล้มลงเพราะตั้งตัวไม่ทัน

 

“ก็เพราะท่านมีพี่สะใภ้แล้ว จะมาห่วงหาความรู้สึกของข้าได้อย่างไร?คุณชายจางงั้นหรือ ข้าคิดว่าเขามิใช่บุรุษด้วยซ้ําแล้วเช่นนี้เขาจะคู่ควรกับข้าได้อย่างไร?!”

 

เสี่ยวซื้อถึงกับกลอกตาพร้อมกล่าวประชดประชัน “โอ้ แน่นอนว่าหญิงสาวบ้านนอกอย่างเจ้ามีเกียรติ แต่ตอนนี้เจ้ากําลังตัวทําไร้ยางอายอีกทั้งยังอยู่ในชนบท!แม้แต่ข้าก็ยังไม่คิดต้องการเจ้า!”

 

“วันนี้เจ้าอาจจะขอคบกับนายน้อยของข้า แต่ในอนาคตก็ไม่รู้จะไปอ้อนวอนขอความรักจากผู้ใดอีก หากแต่งงานแล้วยิ่งต้องระวังตนให้มากแต่สารรูปอย่างเจ้าคงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีนัก! อย่าได้คิดกล่าวดูหมิ่นนายน้อยของข้าเลยแม้แต่ข้าก็ไม่ต้องการสตรีเช่นเจ้าเหมือนกันน่าขยะแขยงยิ่งนัก!”

 

นายน้อยหลื่อนุญาตให้เสี่ยวซื้อกล่าวจนจบก่อนจะแสร้งตะคอกเสียงดัง “เสี่ยวชื่อ!ออกไปรอด้านนอก!”

 

ทว่าเสี่ยวซื้อกลับไม่คิดหวาดกลัว เพราะเขารู้ดีว่านายน้อยเห็นด้วยกับสิ่งที่ตนพูด ด้วยฐานะของนายน้อยเขาย่อมไม่สนใจสตรีตรงหน้านี้ แต่ด้วยสถานะของหลี่ซื่อฮวาไม่อาจทําให้ดุด่าเฉินไฉ่อได้ตามใจ เช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของเสียวซื่อที่ต้องออกโรงปกป้องเจ้านายของตน

 

“ทําเป็นเสแสร้งคิดอยากตาย อย่างนั้นจงคิดในเวลาที่ไม่มีผู้ใดอยู่ด้วยหากคิดจะตายในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนเช่นนี้ขอจงหยุดเถิดเพราะข้า

 

ดูออก!”

 

ตอนที่ 206 บริสุทธิ์

 

ส่วนห้องของนายน้อยหลีไม่ได้ถูกลงกลอนเอาไว้ เป็นเพราะเขาไม่สนใจสิ่งคุกคามเลยแม้แต่น้อย เพราะมีเวรยามเฝ้าประตูเขาจะมัวกังวลเรื่องนี้ทําไมกัน?

 

อีกทั้งเสี่ยวซื้อก็ไม่คิดอะไรมากนัก เขาผล็อยหลับไปก่อนที่นายน้อยหลี่จะเอนตัวลงด้วยซ้ํา

 

เฉินไฉ่อเปิดประตูออกเบา ๆ พร้อมกับเหลือบมองเสี่ยวซื้อที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาขยะแขยงจากนั้นจึงค่อยเดินตรงไปที่เตียงของนายน้อยหลี่

 

นายน้อยหลี่ซึ่งเคยชินกับความสะดวกสบายก็อดไม่ได้ที่จะนอนไม่หลับ บนเตียงแข็ง ๆ อย่างนี้เมื่อได้ยินว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ ชาย หนุ่มจึงรีบลืมตาขึ้นทันที

 

“ดึกมากแล้ว แม่นางเฉินมาทําอะไรที่ห้องของข้า?”

 

เฉินไม่อีถึงกับตื่นตระหนก นางไม่คาดคิดว่านายน้อยหลี่ยังไม่หลับเดิมที่ นางเพียงต้องการนอนเคียงข้างเขาหลังจากที่เขาหลับสนิทเท่านั้นจากนั้น ตอนเช้านางจึงปรากฏตัวขึ้นบนเตียงเขาด้วยสภาพที่หลุดลุ่ยหลังจากนั้นพ่อแม่ของนางก็จะมาพบในตอนเช้าและพวกเขาต้องบังคับให้นายน้อยหลี่พานางกลับบ้านไปด้วยอย่างแน่นอน

 

แต่ขณะที่นางเพียงเดินเข้ามาใกล้ นายน้อยหลีก็ตื่นขึ้นอย่างกระทันหัน

 

ใบหน้าของหลี่ซื่อฮวาจับจ้องเฉินไล่ออย่างเย็นชา

 

อีกฝ่ายเป็นเพียงสาวชนบท แต่ความงามของนางก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ใดแต่ ไม่ว่านางจะดูดีเพียงใด ในสายตาของเขาแล้วนางยังแตกต่างจากหยุนเถียนเถียนอยู่มาก อายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดยังไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!

 

ร่างกายนั้นเผยถึงความบริสุทธิ์อย่างชัดเจนแต่เฉินไฉ่อีทําตัวราวกับว่า เป็นหญิงสาวมากประสบการณ์นางทาปากด้วยสีแดงแก้มสีแดงและเสื้อผ้า ที่น่าขบขันทั้งหมดรวมกันยิ่งทําให้นางกลายเป็นตัวตลก… 

 

นางเหมือนเด็กแก่แดดคนหนึ่งที่ไม่มีความยั่วยวนและชวนหลงใหลแต่ก ลับทําให้อารมณ์จืดชืดไปเสียมากกว่า

 

ตอนนี้เฉินไม่อิ่ไม่รู้จะทําอย่างไรเมื่อยืนอยู่กลางห้องของชายหนุ่มตรงหน้า นางจึงต้องจําใจพูดในสิ่งที่คิดได้ออก

 

ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ที่ถูกแต่งแต้มจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมก้มสุดลงอย่าง ประหม่า นางกัดฟันแน่นก่อนจะกล่าวออก “เด็กสาวคนนี้ชื่นชอบนาย น้อยหลี่มานานยิ่งจึงอยากขอให้นายน้อยช่วยเมตตาข้า!”

 

แววตาของหลี่ซื่อฮวาวูบไหวอย่างไตร่ตรอง หากคืนนี้เขากับนางร่วมรักกัน คงจะเป็นความอัปยศไม่น้อย แต่หากเขาไม่ยอมทําสิ่งใดเมื่อมีหญิงสาวมายืนแก้ผ้าตรงหน้า มันคงทําลายชื่อเสียงความเป็นชายที่เขาสั่งสมมานานหลายปีช่างเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกอย่างแท้จริง!

 

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะถูกปรนเปรอด้วยเรื่องกามาเนิ่นนานหลายปีแล้วแต่ความต้องการกลับไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย

 

แต่เขาจะสามารถปลุกความต้องการของตนเองได้อย่างไร? หญิงสาวคนนี้แต่งหน้าราวกับผีสาง! นายน้อยหลี่ทนไม่ไหวจึงผลักนางออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มกลิ้งไปบนพื้น

 

“ตักน้ําใส่กะโหลกแล้วมองดูตัวเองว่าหน้าอย่างเจ้านั้นทําให้ข้าชายตา มองได้หรือไม่! เสี่ยวซื้อ! เสี่ยวซื้อ!เจ้าหลับหรือตายกันแน่ตื่นขึ้นมาดูนาง คนนี้กับข้าซิ นางเป็นคนหรือผีกันแน่!”

 

ขณะพูดอย่างนั้น นายน้อยหลี่เตะเสี่ยวซื้ออย่างแรงเพื่อปลุกให้เขาตื่นจากฝัน หลังจากทุบตีอยู่นาน อีกฝ่ายจึงลืมตาขึ้นเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับหญิงสาวหน้าขาวซีดปากแดงราวกับกินเลือดยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

 

ทันใดนั้น เสี่ยวซื้อที่กําลังอยู่ในภวังค์ถึงกับตื่นขึ้นและร้องตะโกนเสียงดัง “บัดซบ! ผี! ที่นี่มีผี!ช่วยด้วย!”

 

เสียงกรีดร้องนี้ปลุกให้คนทั้งบ้านตื่นโดยธรรมชาติ

 

ใบหน้าของนายน้อยหลี่ถึงกับตึงเครียด เขาไม่รู้เลยว่าจะหยุดเสี่ยวซื้อตรงหน้าอย่างไร แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายจะมีปฏิกริยาเช่นนี้เพราะตอนที่เขาเห็นหน้านางครั้งแรก เขาก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากห้องนายน้อยหลี่ แน่นอนว่าแม้แต่นายอําเภอก็ออกมาดูสถานการณ์เช่นกัน

 

เมื่อเขาเดินเข้ามาจึงเห็นว่าหลี่ซื่อฮวายืนอยู่ข้างเตียงพร้อมใบหน้าขาวซีด ส่วนเสี่ยวซื้อกําลังหลบมุมอยู่ด้านข้างด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านส่วนอีกคนคือเฉินไล่อีซึ่งอยู่ในชุดคลุมโปร่งใสและน้ําตาคลอเบ้านางทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับปกปิดใบหน้าไว้อย่างแน่นหนา

 

หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาต่างตกตะลึงกับพฤติกรรมของลูกสาวลูกสาวของเขาที่เคยทําตัวน่ารัก กลับสร้างเรื่องฉาวโฉ่ทั้งที่ยังไม่ทันข้ามคืน!

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านฟื้นคืนสติก่อน นางเข้าใจความคิดของเฉินไฉ่อี ในทันที ทั้งหมดเพราะนางต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเองสูญเสียความบริ สุทธิ์ให้นายน้อยหลี่ จากนั้นจึงได้แต่งงานกับเขาและในครั้งนี้นางจึงลงมือ จัดฉากเพื่อให้นายน้อยหลี่เป็นคนผิดและตนเองจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!

 

“นายน้อยหลี่ เกิดอะไรขึ้น?”

 

ท่าทางสอบสวนที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านแสดงออกทําให้นายน้อยหลี่ไม่พอใจยิ่ง!

 

“งั้นนายน้อยผู้นี้ขอถามท่านเจ้าของบ้าน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!หาก ท่านเป็นแขกของท่านนายอําเภอและต้องมาพักค้างแรมที่นี่หนึ่งคืนแต่กลับมีผีปรากฏตัวในห้อง!”

 

แน่นอนว่าผู้เป็นแม่ย่อมไม่ปล่อยให้ลูกสาวเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ลูกสาวของนางจะเป็นฝ่ายเริ่ม แต่เพื่อชื่อเสียงของครอบครัวผู้เป็นแม่ อมดับเครื่องชนอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ!

 

“นายน้อยหลี่ ทั้งสามีและข้าต่างเข้าใจและยินดีให้ท่านพักที่นี่แต่ท่านกลับลักลอบทํามิดีมิร้ายลูกสาวข้านี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?” 

 

หลี่ซื่อฮวาแทบจะพุ่งทะยานออกด้วยความโกรธเกรี้ยวใบหน้าของเขาเย็นชาก่อนจะเผยคําเบา “นายหญิงหัวหน้าหมู่บ้านท่านควรไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่จะกล่าวใดออกดูบุตรสาวของท่านดูเถิด!สภาพเช่นนี้นั้น คู่ควรกับการนอนเคียงข้างข้างั้นหรือ?ในสายตาของข้าแล้วการไปขุดหลุม ศพและนําร่างในหลุมออกมาคงจะเร้าอารมณ์กว่านางคนนี้แน่!”

 

แน่นอนว่าภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดเชื่อคํานั้น แต่ขณะนั้นเอง… ลูกสาวของนางพลันเงยหน้าขึ้นและร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ําเสียงขุ่นเคืองใจ “ท่านแม่!”

 

เมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาว ผู้เป็นแม่ถึงกับผงะและถอยหลังไปสองสา มก้าว… ลูกสาวข้าทําสิ่งใดลงไป? ใบหน้าขาวซีดปากสีแดงสดอย่างนั้นหรือ? เพียงแค่เข้าใกล้ก็เกรงว่าสีแดงนั้นจะเปรอะเปื้อนใส่เอาได้ ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้

 

“ดูเหมือนท่านก็จะหวาดกลัวลูกสาวตัวเองไม่น้อย! จงคิดดูเอาเถิดว่าหญิงสาวดี ๆ ที่ไหนจะแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนผีสางแล้วบุกเข้าห้องบุรุษในกลา งดึกเช่นนี้การกระทําของนางไม่ต่างอะไรจากหญิงสาวในซ่องโสเภณี!”

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

คําพูดของหลี่ซื่อฮวาโหดเหี้ยมเกินกว่าจะรับฟังได้และเฉินไฉ่อีก็รับรู้ถึง ความอัปลักษณ์ของตนแล้วในค่ําคืนนี้อีกทั้งเหตุการณ์ทั้งหมดพังไม่เป็นท่า และถูกพบเห็นโดยผู้คนมากมาย นางหมดสิทธิ์จะคิดฝันที่จะได้

แต่งงานกับ นายน้อยหลีโดยสมบูรณ์! แม้หลี่ซื่อฮวาจะไม่ชื่นชอบนางแต่นางก็ยังยืนยันอยากแต่งงานกับเขาแต่เพียงผู้เดียว!

 

“นายน้อยหลี่! ท่านกล่าวคํานั้นออกมาได้อย่างไร เป็นท่านมิใช่หรือที่ลากข้าเข้ามาในห้องนี้? ตอนนี้ข้าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วนายน้อยไม่คิด รับผิดชอบงั้นหรือ?”

 

เสี่ยวซื้อถึงกับลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “บัดซบ! นังเพศยาไร้ยาง อาย! นายน้อยของข้ากล่าวถึงเพียงนั้นแล้ว เจ้าก็ยังคิดดื้อดึงงั้นหรือตอนนี้ท่านนายอําเภอก็ยืนอยู่ตรงนี้ เจ้ายังคิดโป้ปด! ลองไตร่ตรองนึกดูแม้แต่แม่นางหยุนยังสามารถรอดพ้นออกจากบ้านของนายน้อยหลีได้อย่างปลอดภัย นางงดงามถึงเพียงนั้นยังสามารถหลุดพ้นเงื้อมมือของเขาได้แล้วสัตว์ ประหลาดเช่นเจ้ามีสิ่งใดคู่ควร?ข้าเกรงว่าแม้เจ้าจะเปลือยกายอยู่ตรงหน้า นายน้อยก็คงไม่แม้แต่จะชายตามอง!”

 

ตอนที่ 205 ค้างคืน

 

“เฮอะ! ถึงพ่อของเจ้าจะไม่ได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อไป พวกเราก็ไม่มีวันอดตาย!”

 

ภรรยาของเฉินซ่งยังคงตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ลูกชายของนางกลับไม่เห็นด้วยที่แม่ปากสว่างเช่นนี้จึงรีบลากนางเข้าไปด้านในโดยเร็ว

 

“ภรรยาข้า… ช่วยจับท่านแม่ไว้ก่อนเถิด อย่าปล่อยให้นางออกไปสร้างปัญหาข้างนอกอีก ข้าจะออกไปดูพ่อสักหน่อย”

 

ภรรยาเฉินเต๋ออันพยักหน้าตอบรับ คราวนี้ไม่ใช่เพียงต้องดูแลน้องสาวสามีที่วุ่นวาย ยังต้องดูแลแม่สามีที่หุ้นจ้านอีกด้วย!

 

เฉินเต๋ออันเดินออกมาอีกครั้งและเห็นว่าผู้เป็นพ่อยังคุกเข่าอยู่ เขาไม่อาจทนมองเช่นนั้นต่อไปได้จึงรีบรุดก้าวไปด้านหน้า ก่อนจะกล่าวอ้อนวอน “แม่นางหยุน ข้าเข้าใจดีถึงความผิดที่พ่อได้ก่อเอาไว้ แต่ตัวข้าเอง เฉินเต๋ออัน… ไม่เคยสร้างความคับข้องใจให้เจ้าเลยมิใช่หรือ? เห็นแก่ข้าได้หรือไม่ โปรดยกโทษให้พ่อข้าเถิดหนา แม้วันนี้เขาจะต้องยุติบทบาทการเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่อย่างไรเขาก็เป็นอาวุโส โปรดให้เขายืนขึ้นได้หรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนเพียงยักไหล่ก่อนจะกล่าวตอบ “ข้ารู้ว่าพี่ชายเตืออันเป็นคนดี แต่ท่านต้องเข้าใจเรื่องนี้ใหม่ ข้าไม่ได้ขอให้พ่อของท่านคุกเข่าลง และคิดว่านายอําเภอก็มิได้สั่งให้เขาทําเช่นกัน ฉะนั้นแล้วจึงเป็นเขาที่คุกเข่าด้วยตนเอง ท่านกล่าวขอผิดเรื่องแล้ว!”

 

เฉินเต๋ออันหน้ากลับมามองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าอีกฝ่ายย่อมไม่โกหกเพราะนายอําเภอก็นั่งตรงนี้ นางไม่มีความกล้าหาญที่จะโกหกแน่!

 

ในตอนนี้เองที่เฉินเต๋ออันก้มหน้างุดด้วยความอับอาย เขาไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้าแม้แต่น้อย หลังจากที่เขากลับมา ทั้งบ้านก็เห็นว่าพ่อของตนคุกเข่าอยู่แล้ว เช่นนี้ด้วยความเป็นลูกที่กตัญญูจึงไม่อาจอดทนเห็นภาพนี้ได้ สุภาพบุรุษมิควรถูกหยามเกียรติ นั่นคือสิ่งที่เขายึดถือเสมอมา

 

“ท่านพ่อลุกขึ้นเถิด! ไม่ว่าท่านจะทําผิดหรือไม่ ทั้งหมดคือความรับผิดชอบของครอบครัวเรา ไม่ได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้วก็ไม่เป็นไร แต่พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่มิใช่หรือ?”

 

แววตาของนายอําเภอวูบไหวเมื่อได้ยินคําพูดนั้น บุรุษนาม ว่าเฉินเต๋ออันผู้นี้ช่างใจกว้างนัก เขายอมโอนอ่อนให้ผู้เป็นพ่อ โดยไม่คิดกล่าวโทษใดแม้ครึ่งคํา!

 

“สิ่งที่ลูกชายเจ้ากล่าวถูกต้องทั้งหมดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะลงโทษเจ้าอย่างไรดีนอกจากปลดเจ้าออกจากตําแหน่ง! ส่วนใครจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนต่อไป บ่ายพรุ่งนี้จึงจะถูกตัดสินต่อหน้าชาวบ้านทุกคน…. ส่วนคืนนี้”

 

เฉินไฉ่อีที่แอบฟังอยู่ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “แม้พ่อของข้าจะไม่ได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว แต่นั่นจะยุติอย่างแท้จริงเมื่อถึงวันพรุ่งนี้ หมายความว่าวันนี้เขายังคงดํารงตําแหน่งนี้อยู่และท่านนายอําเภอกับนายน้อยหลี่สามารถพักผ่อนที่บ้านของข้าได้ก่อน! บ้านของข้ากว้างขวางและสะดวกสบาย ย่อมมิใช่ปัญหา!”

 

เฉินเต๋ออันพยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ต้องยอมรับสิ่งนี้เช่นกัน

 

นายอําเภอยิ้มออกมาก่อนจะมองเฉินไฉ่อีด้วยรอยยิ้มก่อนจะกล่าวขึ้น “หลี่ซื่อฮวา แล้วเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

 

หลี่ซื่อฮวารู้สึกหนักใจไม่น้อย แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดอะไรนัก แต่จุดประสงค์ของหญิงสาวคนนี้ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด การกระทําของนางช่างไร้ยางอายนัก… ช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างแท้จริง!

 

แต่ถึงต้องพักค้างแรมที่นี่ ก็ไม่มีสิ่งใดเสียหาย เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าสาวชนบทผู้นี้จะมีลูกเล่นอะไรอีก

 

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่ติดขัดสิ่งใด ทั้งหมู่บ้านนี้ก็คงมีเพียงที่นี่ที่สามารถพักค้างแรมได้ อย่างน้อยข้าก็คงจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชนบทดูบ้าง!”

 

เฉินไฉ่อีได้ยินอย่างนั้นจึงยิ้มออกด้วยความพึงพอใจ นางหันหลังกลับก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออก

 

หยุนเถียนเถียนเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากของนายน้อยหลี่ นางก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายยอมมีแผนการเช่นกัน แม้นางจะคิดเป็นห่วงเฉินไฉ่อี แต่ก็ไม่คิดจะกล่าวเตือนแต่อย่างใด เพราะทั้งหมดเป็นสิ่งที่นางต้องการ!

 

ประการแรกคือเฉินไฉ่อีมิใช่หวังดีกับนาง แล้วยังสร้างความขุ่นเคืองให้อย่างไม่รู้จบ ประการสองคือแม้ว่านางจะกล่าวเตือน อีกฝ่ายก็คงมินําพาอะไร!

 

“หากนายอําเภอตัดสินใจแล้ว ข้าน้อยก็ไม่ติดขัดสิ่งใด ขอให้ท่านพักผ่อนราวกับที่นี่คือบ้านของท่านเถิด”

 

นายอําเภอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “โอ้ สาวน้อย… ไม่ต้องสุภาพไป อย่างน้อยข้าก็คนของสํานักงานปกครองแผ่นดิน ข้าไม่คิดมาจบชีวิตในหมู่บ้านเล็กเท่ารังมดที่ไม่มีใครอยู่นี่หรอก”

 

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่หลังจากนางหันกลับมาจึงเห็นว่าเฉินไฉ่อียืนหลบอยู่ในมุมมืดพร้อมแสยะยิ้มชั่วร้ายออก!

 

เห็นอย่างนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะสายศีรษะอย่างขบขัน นางไม่เข้าใจเลยว่าเฉินไฉ่อีจะปลาบปลื้มสิ่งใด แต่อย่างไรเสีย น้ําหวานของผึ้งอาจจะเป็นยาเบื่อของหนู… ทั้งหมดล้วนอยู่ที่มุมมองของคน!

 

สําหรับอาหารมื้อกลางวัน เฉินไฉ่อีลงมือเข้าครัวด้วยตนเอง แม้ว่านางจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่นางก็อ้อนวอนพี่สะใภ้ว่าต้องการช่วยเหลือจริง ๆ ส่วนอีกฝ่ายแม้จะแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ยอมให้หยิบจับช่วยเหลือบ้าง ด้วยคําแนะนําของพี่สะใภ้ นางจึงสามารถทําอาหารออกมาได้จริง ๆ

 

ขณะที่รับประทานอาหาร เฉินไฉ่อีทําตัวดีจนผิดสังเกต ทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวต่างพากันรู้สึกประหลาดใจ ไม่น้อยกับพฤติกรรมของนาง

 

แต่สําหรับภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน นางคิดว่าในที่สุด ลูกสาวของตนก็เป็นผู้ใหญ่มีเหตุผลเสียที

 

แต่ไม่มีใครรู้… ยามกลางคืนที่ควรจะพักผ่อน เฉินไฉ่อีกําลังนั่งอยู่ในห้องและไม่คิดจะนอนด้วยซ้ํา นางนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับเริ่มแต่งหน้าด้วยเครื่องประทินโฉมที่ดีที่สุด…

 

กลางดึก! หมู่บ้านเงียบสงัดไม่มีแม้เสียงเดินเท้า ชนบทแห่งนี้เข้าสู่ความเงียบงัน ไม่มีแม้ไฟจากตะเกียงใด ๆ

 

นายอําเภอและหลี่ซื่อฮวาต่างก็เป็นแขกที่สมควรต้อนรับ แม้หัวหน้าหมู่บ้านจะเพิ่งถูกถอดถอน แต่เขาก็ไม่คิดละเลยอีกฝ่าย อย่างน้อยสองคนนี้ก็เคยช่วยเหลือเขาในยามก่อน ตอนนี้ ห้องของเขาก็ยังคงติดตะเกียงน้ํามันไว้ไม่ยอมหลับใหล

 

ตอนนี้เองที่เสี่ยวชื่อเริ่มบ่นพึมพํา “นายท่านอย่าอยู่ที่นี่เลย เหตุใดเราจึงไม่นอนในเมืองเล่า? ดูสิ ที่นี่ทั้งทรุดโทรมและสกปรก ท่านไม่สมควรอยู่ที่นี่แม้สักวินาที”

 

“ข้าพอใจแล้ว! แค่มีที่หลับนอนก็เพียงพอ นอกจากนี้ข้าไม่เคยยึดถือว่าตนเองเป็นนายน้อยผู้สูงศักดิ์ใด… เจ้าเด็กบ้าน ไม่ชอบใจหรือไร? หรือว่าเจ้าไม่สามารถนอนตรงนี้ได้ เจ้าเป็นนายน้อยมาจากที่ใด!”

 

หลังจากฟ้ามืดสนิทและเงียบสงัด เฉินไฉ่อีสวมชุดคลุมผ้าไหมที่แม่ของนางได้เป็นสินสอดคราวแต่งงาน

 

เสื้อคลุมโล่งโปร่งและบาง แม้แสงจันทร์จะบางเบา แต่ก็สามารถมองเห็นชุดชั้นในลายดอกโบตั๋นอันอวบอันทั้งสองได้อย่างชัดเจน!

 

เฉินไฉ่อีเปิดประตูห้องพร้อมย่องตรงไปที่ห้องข องนายน้อยหลี่อย่างเงียบเชียบ

 

นางวางแผนทุกสิ่งไว้หมดแล้ว เมื่อตอนทานอาหาร นางเพียงเสแสร้งเพื่อให้พ่อและแม่ตายใจ ทั้งหมดคือแผนที่นาง ภาคภูมิ… เหตุใดนางจึงไม่คู่ควรกับนายน้อยเล่า? รูปลักษณ์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร ในหมู่บ้านแห่งนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่คู่ควรกับนายน้อยหลี่!

นิยาย สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 204 ยุติการเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน

 

ตอนที่ 204 ยุติการเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน

 

นายอําเภอกล่าวออกอย่างเย้ยหยัน “เหตุใดจึงต้องไว้หน้าสตรีไร้ยางอายเช่นนี้ด้วย… นางไม่มีแม้แต่มารยาทขั้นพื้นฐานด้วยซ้ํา! ทั้งข้าและนายน้อยหลี่ต่างก็เป็นบุรุษเพศที่เข้ามาเยี่ยมเยียนเฉินซ่ง แต่ตอนนี้ลูกสาวของเจ้าควรจะอยู่ที่ใดกัน?ตรงนี้งั้นหรือ!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านก้มหน้าต่ําอย่างเจ็บปวด เขาตระหนักได้แล้วว่าทุกสิ่งคงจบสิ้นวันนี้

 

ทันใดนั้นเอง ประตูบ้านพลันเปิดออก ทุกคนหันไปมองตาม ทิศทางเสียงจึงเห็นว่าเป็นภรรยาของเฉินเฮ่ออันที่เพิ่งกลับมาจากไร่นา

 

ตั้งแต่ไม่มีงานของหยุนเถียนเถียน ทั้งคู่ก็กลับไปทํางานในไร่เช่นเดิมแม้มันจะเป็นงานที่หนักและได้รับเงินน้อยแต่มันก็คือที่ดินของพวกเขา

 

ทันที่ที่นางเปิดประตูออก ภรรยาของเฉินเต็ออันถึงกับตกตะลึงกับจํานวนคนที่อยู่ภายในบ้าน นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ และพุ่งตรงเข้าไปหาเฉินไล่ออย่างเข้าใจเรื่องราว “เฉินไม่อีก อกไปกับข้าเดี๋ยวนี้ตรงนี้มีแต่บุรุษ เจ้าจะมานั่งเช่นนี้ได้อย่าง ไร?”

 

ทว่าเฉินไม่อีกลับสะบัดมือพี่สะใภ้ออกอย่างดื้อด้าน “พี่ สะใภ้เห็นหรือไม่ว่าพ่อของข้าคุกเข่าอยู่ตรงนี้? ข้าไม่อาจเอาตัว รอดเฉกเช่นท่านได้จะให้ข้าละเลยพ่อของข้าได้อย่างไร!”

 

ในตอนนั้นเองที่ภรรยาของเฉินเต็ออันถึงกับหมดความ อดทน นางกัดฟันยิ้มและกล่าวทักทายแขกทุกคนก่อนจะ เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบส่วนน้องสาวสามีที่นั่งอยู่ ตรงนั้น นางจะทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน!

 

ใบหน้าของเฉินต่ออันถึงกับมืดมน เขาเห็นใบหน้าเคร่งขรึม ของนายอําเภอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งในอก จึงรีบคุกเข่าและค ลานเข้าไป “ผู้น้อยทําความเคารพนายอําเภอ!”

 

นายอําเภอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเพื่อบอกให้เขายืนขึ้น ทว่า เฉินเต่ออันไม่อาจยืนขึ้นได้เพราะบิดาของตนกําลังคุกเข่าอยู่ อย่างนั้น

 

“ข้าขอกล่าวถามท่านนายอําเภอ ท่านพ่อข้าทําสิ่งใดผิดง นหรือขอรับ?”

 

เฉินซ่งหวาดกลัวว่าคําพูดของลูกชายจะสร้างความขุ่น เคืองใจให้นายอําเภอจึงรีบกล่าวแทรก “นายอําเภอกําลังตํา หนิว่าครอบครัวของเราปฏิบัติต่อแม่นางหยุนไม่ดี…. เอ่อ เช่นนี้นี่จึงเป็นความผิด!”

 

เมื่อเฉินเพื่ออันได้ยินอย่างนั้น เขายิ่งสงวนท่าที่มากขึ้นพร้อมกล่าวออกอย่างนอบน้อม“ทั้งหมดนี้พ่อข้าทําผิดจริงแต่ข้าก็หวังว่าท่านจะยอมให้อภัยในสิ่งที่เขาผิดพลาดอย่างไรเขาก็รับรู้ความผิดและคิดกลับตัวขอรับ!”

 

สถานการณ์ในบ้านอบอวลไปด้วยความตึงเครียด แต่หยุนเถียนเถียนที่อยู่ด้านนอกกําลังมีความสุขจนล้นปรี่ ในหมู่บ้านมีที่ดินมากมายไร้ซึ่งเจ้าของ เช่นนี้นางจึงชี้นิ้วเลือกได้อย่างสบายใจการชี้นิ้วอย่างสนุกสนานนั้นทําให้นางได้ที่ดินไปมากกว่าห้าสิบไร่

 

อีกทั้งตอนนี้ดวงอาทิตย์ยังคงเด่นตระหง่านอยู่บนท้องฟ้าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงไม่กล้าปล่อยให้นางตากแดดนานนักเพราะเกรงว่าจะถูกนายอําเภอตําหนิได้

 

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนชี้นิ้วในพื้นที่ที่ต้องการเสร็จสิ้นแล้วนางจึงจําเป็นต้องเดินตามเจ้าหน้าที่กลับไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างไม่เต็มใจนัก

 

และภาพที่ปรากฏตรงหน้าหยุนเถียนเถียนคือหัวหน้าหมู่บ้านและลูกชายของเขากําลังคุกเข่าต่อหน้านายอําเภอ!

 

แต่อย่างไรซะสองคนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางอีกแล้วหยุนเถียนเถียนจึงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ชื่นมื่น

 

นางไม่ได้ทําความเคารพต่อนายอําเภอเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังไม่คิดจะกล่าวขอบคุณเพราะนางรู้ดีว่านายอําเภอไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

 

“ท่านนายอําเภอ จู่ ๆ ข้าก็คิดเปลี่ยนใจ ตอนนี้ข้าอยากได้ที่ดินสักห้าสิบไร่!”

 

นายอําเภอยิ้มกว้างอย่างอบอุ่น “โอ้เ อย่างนั้นหรือ… ยังไงซะหมู่บ้านนี้ก็มีที่ดินว่างเปล่ามากมายเชิญเจ้าเลือกตามต้องการ!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้นถึงกับเงยหน้าขึ้นหยุนเถียนเถียนต้องการจะซื้อที่ดินงั้นหรือ

 

แล้วหากนางเพียงต้องการซื้อที่ดิน เหตุใดจึงต้องวิ่งโร่ไปหานายอําเภอด้วย?เพียงแค่ซื้อที่ดิน… ทําไมกัน

 

อย่างไรเสีย เขาคิดจะซักถามนางให้รู้เรื่องแต่เพราะนายอําเภอยังยืนอยู่ตรงนี้ เขาจึงต้องปรับน้ําเสียงให้อ่อนโยนชวนฟัง

 

“สาวน้อยหยุน หากเจ้าต้องการซื้อที่ดิน เหตุใดจึงต้องไปรบกวนท่านนายอําเภอ…. มาหาข้าด้วยตนเองจะไม่ดีกว่างั้นหรือ?”

 

คําพูดนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนไม่ค่อยพอใจนักนางกล่าวตอบอย่างประชดประชัน “ข้าจําเป็นต้องซื้อที่ดินเพื่อใช้งานแล้วท่านจะสามารถดําเนินการให้ข้าโดยเร็วได้หรือไม่?ก่อนหน้านี้ข้าไปหาท่านด้วยเรื่องเล็กน้อยท่านยังโยกโย้ไม่คิดทําให้จบโดยง่ายดังนั้นเมื่อข้ามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าจึงเกรงว่าท่านจะดื้อดึงไม่ยอมให้ข้ากระทําสิ่งต่าง ๆให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว!”

 

สีหน้าของเฉินซ่งพลันมืดครึมพร้อมกับรีบอธิบายเรื่องราวอย่างรวดเร็ว “เรื่องบุตรบุญธรรมมิใช่จะทําให้สําเร็จโดยง่าย!คนที่มีบุตรอยู่แล้วย่อมไม่ต้องการรับเลี้ยงบุตรของผู้อื่นแต่หากจะหยิบยกให้คนไม่มีบุตร ข้าก็กังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะทําเจ้าเดือดร้อนเรื่องราวเลยไม่เสร็จสิ้นจวบจนวันนี้!”

 

“แล้วหากข้าไม่ถามไถ่ ท่านก็คงจะเลื่อนวันไปเรื่อย ๆจนกว่าการสอบเข้าราชสํานักปีหน้ามาถึง ท่านคิดจะทําให้การสอบของน้องชายข้าล่าช้าเพื่อบีบบังคับให้ข้ามอบผลประโยช

 

“ท่านปฏิบัติกับชาวบ้านทุกคนราวกับว่าพวกเขาโง่เขลายิ่งเรื่องราวทั้งหมดข้าถามอาวุโสมาหมดสิ้นแล้ววันนั้นที่อยู่ต่อหน้าท่านปู เหตุใดจึงไม่กล่าวโต้แย้งเล่าข้าไม่เห็นท่านจะพูดอะไรสักคํา!”

 

แน่นอนว่าเฉินซึ่งเป็นคนโง่เขลาจึงไม่อาจรับมือกับหยุนเถียนเถียนได้

 

เฉินซ่งเงียบอยู่นานก่อนจะคิดประณีประนอมกับอีกฝ่าย

 

“แม่นางหยุน ข้ารับทราบความผิดทั้งหมดแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ครอบครัวไปรังควานเจ้าอีกแน่นอน เมื่อก่อนตอนเจ้าสร้างโรงงาน ครอบครัวของข้าก็ช่วยเหลือเจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่องใด อย่างไรเสียช่วยกล่าวถึงครอบครัวข้าในทางที่ดีหน่อยเถิด”

 

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าเย้ยหยันก่อนจะกล่าวตอบ“คราวแรกที่สร้างโรงงานน่ะหรือ… อ้อ ท่านช่วยเหลือข้าอย่างดี แต่ท่านจงอย่าคิดว่าคนอื่นจะโง่เขลา ท่านช่วยเหลือข้าจริงแต่ราคาที่ข้าต้องจ่ายนั้นไม่น้อยเลย หากท่านจะกล่าวโต้เถียงข้าสามารถเรียกผู้จัดการบัญชีมาเพื่อตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดได้! อย่ากล่าวราวกับว่าท่านมิได้ประโยชน์ใดจากข้าสักแดงเดียว!”

 

เฉินซ่งได้ฟังอย่างนั้นถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่าเด็กหญิงคนนี้รู้ถึงจํานวนเงินที่ใช้จ่ายสําหรับสร้างโรงงานตอนแรกเขาคิดว่านางคงไม่รู้จึงคิดฉกฉวยผลประโยชน์ไปมากล้นและไม่คิดว่านางจะรู้ทัน

 

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิด นางรู้ทุกสิ่งแต่นาง เพียงต้องการความช่วยเหลือจากเขาจึงไม่กล่าวอะไรออกเป็นเขาเองที่ทําลายความเชื่อใจของนางจนหมดสิ้น

 

ส่วนนายอําเภอที่ยืนฟังอยู่อย่างนั้นถึงกับโกรธจัดจนใบหน้าแดง… เขาตะคอกใส่เฉินซ่งอย่างไม่ไว้หน้า “เฉินซ่ง!เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถจัดการกับครอบครัวของตนเองได้ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะดูแลจัดการเรื่องราวในหมู่บ้านนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป. เจ้าถูกถอดออกจากตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน!”

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านลอบแอบฟังสถานการณ์อยู่เงียบๆจนมาถึงเวลานี้ นางไม่อาจอดทนได้อีกจึงรีบวิ่งออกมาช่วยสามี

 

“หยุนเวียนเถียน ทั้งหมดที่เจ้ากล่าวออกมานั้นถูกต้องแล้วหรือคงเป็นเพราะเจ้ามีเพียงแม่ในนามไม่เคยพบเจอ จึงไม่ถูกสั่งสอนอย่างถูกต้อง! ครอบครัวของข้าช่วยเหลือเจ้าไว้มากมายเพียงใด ลืมไปแล้วงั้นหรือ? ช่างเนรคุณนัก! ค่าแรงที่เจ้าจ่ายให้พวกเราล้วนแต่เป็นสิ่งเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ลงแรงไปตอนนี้คําพูดของเจ้าทําให้สามีข้าหลุดจากตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านคงสาแก่ใจเจ้ายิ่งนังเด็กเนรคุณ!”

 

หยุนเถียนเถียนยังไม่ได้ตอบคําใด แต่ใบหน้าของนายอําเภอยิ่งมืดครื้มกว่าเก่า เขาไม่สะดวกใจที่จะด่าทอสตรีและเฉินซึ่งยังอยู่ตรงนี้ เขาจึงหันไปสาปแช่งหัวหน้าครอบครัวแทน

“เฉินซ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะทําผิดซ้ําซากแม้แต่ภรรยาเจ้าก็ไม่อาจควบคุมนางได้เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอย่างแท้จริง!”

 

เรื่องก่อนหน้าที่ลูกสาวทําไว้ยังทําให้เฉินซึ่งโกรธไม่หายตอนนี้ภรรยาเขากลับวิ่งออกมาก่อเรื่องให้ถูกตําหนิอีกครั้งเฉินซ่งถึงกับโกรธจัดพร้อมกับพลั้งมือตบหน้าภรรยาฉาดใหญ่

 

“เรื่องทั้งหมดมันก็เพราะเจ้าคนเดียว หากไม่ใช่เจ้าที่สร้างปัญหาให้กับนาง ข้าคงจะไม่ต้องถูกไล่ออกจากตําแหน่งเช่น

 

เฉินเต็ออันรีบรุดเข้าไปประคองผู้เป็นแม่อย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ หยุดสร้างปัญหาแล้วเข้าไปด้านในก่อนเถิด!”

 

นิยายสามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 203 เฉินไฉ่อผู้ไม่ยอมแพ้

 

หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาเพียงกระดิกนิ้ว อีกฝ่ายก็พุ่งปรี่เข้ามาเดินตามเขาอย่างเต็มใจแล้ว

 

แต่หยุนเถียนเกี่ยนกลับแตกต่างออกไป สามัญสํานึกของนางแกร่งกล้ากว่าสตร์ทั่วไปถ้าวันนั้นเขากระทําการหยาบ เกรงว่านางคงจะเกลียดชังเขาไปจวบจนวันตายแน่

!

เขาจําได้ดีวันที่นางหลบหนี เด็กสาวมีเพียงชุดนอนบาง ๆ ซึ่งไม่มีแม้แต่รองเท้า แม่นางจะได้พบเจอหยุนเคอบนภูเขา… แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะได้เห็นอะไรบ้าง

 

ด้วยคําพูดของนายอําเภอ หลี่ซื่อฮวาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและตัดสินใจว่านับจากวันนี้ไปเขาจะกอดต้นขาของเด็กสาวผู้นี้ไว้ให้มั่น

 

แต่สําหรับหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นพลันเหงื่อแตกซ่าน คราวแรกเขาคิดเพียงว่าคําพูดเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายล่อลวงให้เขาหวั่นเกรง แต่ตอนนี้ดูเหมือนเด็กสาวคนนั้นจะ

มีสถานะที่แข็งแกร่งจนเขาไม่สามารถยั่วยุได้จริง ๆ เสียแล้ว!

 

“ท่านนายอําเภอโปรดยกโทษให้ข้าเถิด หลังจากวันนี้ไปข้าจะดูแลบุตรสาวและภรรยาให้ดีจะไม่ให้พวกนางออกไปสร้างความวุ่นวายให้กับเด็กสาวคนนั้นอีกต่อไป!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถึงกับร้องขอความเมตตา ส่วนเฉินไฉ่อเดินกลับไปที่ห้องด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น

นางไม่เต็มใจที่จะอยู่ตรงนี้จึงไตร่ตรองหาวิธีการอย่างตึงเครียด แต่หลังจากคิดอยู่นานนางก็

สามารถตัดสินใจได้

 

นั่นก็คือขัดคําสั่งผู้เป็นพ่อฑ์ะนางต้องการออกไปเสิร์ฟข่าให้กับแขก ตราบใดที่ได้สบตากับนายน้อยหลีสักหน่อย เขาอาจจะขึ้นข้อบนางบ้างก็ได้…ไม่ลองไม่รู้

 

เฉินไฉ่อนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับเริ่มประทินผิวอย่างตั้งใจ หลังจากจัดการใบหน้าพร้อมพรมน้ําหอมเสร็จสิ้น นางค่อย ๆ ก้าวเดินออกจากห้องไปอย่าง

 

และนางก็ไม่ลืมที่จะหยิบยกกาน้ําข้ามาด้วย

 

“ท่านนายอําเภอ นายน้อยหล ข้าขอรินน้ําขาให้สักหน่อย…”

 

ใบหน้าของนายอําเภอและนายน้อยหลีกระตุกเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขนพอง ส่วนใบหน้าของเฉินข่งกลายเป็นสีฟ้าไปแล้วเพราะโกรธจัดเขาลอบสาปแช่งลูกสาวอยู่ภายใน ใจนังตัวดี! ในที่สุดเจ้าก็คิดจะสร้างปัญหาให้กับข้า!”

 

“หญิงสาวคนนี้เองงั้นหรือ? โอ้เจ้าเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้าน หน้าที่คือคอยดูแลความเรียบร้อย

ของชาวบ้านทุกคน แต่กลับไม่สามารถควบคุมลูกสาวตนเองได้ใช่หรือไม่?”

 

นายอําเภอกล่าวออกอย่างไม่อ้อมค้อม เขาไม่คิดไว้หน้าหญิงสาวคนนี้เลย… หากอีกฝ่ายต้องการจะแตกหัก เขาก็ไม่คิดจะหยุดยั้งเรื่องราวแน่!

 

หัวหน้าหมู่บ้านได้แต่พยักหน้ารับอย่างละอายใจ ในตอนนี้เขาไม่มีคําใดจะแก้ตัวอีกต่อไปแม้ว่าจะเป็นเพียงครอบครัวในชนบท แต่วันนี้มีแขกที่เป็นบุรุษมาเยี่ยมเยือนที่บ้านถึงสองคน

ทว่าเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนซึ่งควรจะอยู่ในห้องอย่างเงียบเชียบกลับออกมาเดินเพ่นพ่านอย่าง

ไร้ยางอาย!

 

เรื่องทั้งหมดเกิดเพราะชาสามถ้วยเท่านั้น แต่เฉินไฉ่อได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้นางยังคงลอบส่งสายตาให้กับหลี่ซื่อฮวาอย่างมีความหวัง

 

“นายน้อยหลไม่ได้มาที่บ้านเรานานมากแล้ว เช่นนี้เชิญอยู่ร่วมรับประทานอาหารก่อนเถิดค่อยกลับ”

 

ก่อนที่นายน้อยหลี่จะทันได้ตอบกลับ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่นก่อนจะก้มลงกระซิบที่ใบหูของนายอําเภออย่างจริงจัง

 

ใบหน้าของนายอําเภอแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหลังจากได้ฟังคํากล่าวเหล่านั้น

 

“เฉินข่ง… ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าจะเหิมเกริมถึงขั้นกล้าปล่อยปะละเลยให้ลูกสาวตนไปวุ่นวายที่บ้านของแม่นางหยุนเจ้ากล้าปล่อยให้ภรรยาและลูกสาวทําลายชื่อเสียงของนางในที่สาธารณะอย่างนั้นหรือ? เจ้าก็รู้ว่านางเป็นคนที่ผู้มีอํานาจหนุนหลังอยู่ แต่ก็ยังกล้ายั่วยุ?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านได้ฟังเช่นนั้นถึงกับนั่งไม่ติด เขาคุกเข่าลงพร้อมกล่าวอ้อนวอน “นายท่านโปรดเมตตา ข้าไม่กล้าทําเช่นนั้นอีกแล้ว ต่อไปนี้ข้าน้อยจะดูแลบุตรหลานให้ดีและไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับนางได้อีก!

 

แน่นอนว่านายอําเภอไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขากล่าวออกด้วยสีหน้าทิ้งตึง “การกระทําเล็กน้อยที่บ้านของเฉินฉ่เกินวันนั้นเป็นความผิดร้ายแรง เจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดมองออกงั้นหรือ? เจ้าจงนั่งรอให้ดีและสวดภาวนาให้สาวน้อยยกโทษให้เจ้าแล้วกัน แต่หากถามข้า… เจ้าไม่สมควรที่จะได้รับตําแหน่งของหัวหน้าหมู่บ้านอีกต่อไป!”

 

เมื่อเอ็นไฉ่อเห็นว่าพ่อของตนคุกเข่าต่อหน้านายอําเภอ นางจึงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะไตร่ตรองว่านี่คือโอกาสอันดีเยี่ยมที่จะเผยให้นายน้อยหลี่เห็นถึงความกตัญญของตน

 

เขั้นนี้เฉินไฉอีจึงรีบคุกเข่าลงบ้าง “ท่านนายอําเภอ ท่านพ่อมักจะเสียสละเรื่องส่วนตัวมากมายในหลายปีที่ดํารงตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่เคยทําผิดใดเลย แต่ท่านกลับต่อว่าท่านพ่อเพียงเพื่อต้องการปกป้องเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นน่ะหรือ? มันไม่ดูเป็นการลําเอียงไปหน่อยหรือไรกัน?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนายอําเภอพลันเขียวคล้ํา “เฉินซึ่ง! เจ้าก็มีอายุมานานจนใกล้จะเข้าโลง

แต่ยังไม่อาจสั่งสอนมารยาทให้กับบุตรสาวตนเองได้เลยหรือไร? เจ้าคงคิดว่า

ตนเองไม่ผิดและข้าพูดจาไร้สาระใช่หรือไม่! เมื่อข้าถึงกับมาสั่งสอนเจ้าด้วยตนเอง แต่เจ้ากลับคิดว่าข้ากําลังลําเอียง.. ข้าก็คงไม่อาจรับปากว่าเจ้าจะได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อไปได้ วันนี้เจ้าถึงกับปล่อยให้ลูกสาวกล่าวดูหมิ่นข้าเช่นนี้ มันมากเกินกว่าที่ข้าจะรับได้”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเผยใบหน้าซีดขาวไร้โลหิตก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าลําคอลูกสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง “ไฉ่อ! เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่! ไสหัวไปซะ!”

 

แผนการที่วาดฝันของเฉินไฉ่อพังทลายในทันใด แต่หางตาก็ยังเหลือบหานายน้อยหลี่และเห็นว่าอีกฝ่ายเผยใบหน้าเย้ยหยันออก

 

หลี่ซื่อฮวากล่าวตอบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ “นายอําเภอคงยังไม่รู้อะไร หญิงผู้นี้แตกต่างจากคนอื่นสักหน่อย นางสามารถขวางรถม้าของข้าบนถนนได้อย่างกล้าหาญ อีกทั้งนางยังกล้าประณามแม่นางหยุนด้วยตนเอง… นางบอกว่าไม่เชื่อว่าแม่นางหยุนเพียงแค่ทําการค้าร่วมกับ

ข้า!”

 

นายอําเภอได้ยินอย่างนั้นถึงกับโกรธจัด เขาตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะตะคอกกลับ“ทํามากเกินไปแล้ว!”

 

หากคนอื่นพูดเช่นนี้ เฉินไฉ่อคงไม่คิดตอบโต้ แต่คําพูดเหล่านั้นกลับออกมาจากปากของนายน้อยหลี่ เช่นนี้จึงทําให้นางคิดหนักไม่น้อย

 

“เหตุใดนายน้อยหลีจึงปกป้องนางเช่นกัน? นางมอบผลประโยช์น์ใดให้ท่านงั้นหรือ… นางก็เป็นเพียงสาวน้อยที่เติบโตในขั้นบท แล้วจะสามารถไปร่วมมือทําการค้ากับนายน้อยหลได้เช่นไร? นางก็เพียงแค่ใช้ความงามล่อลวงให้นายน้อยหลงกลเท่านั้น นอกจากนี้แม้นางจะทําการค้าร่วมกับท่าน แต่นางก็มีคู่หมั้นหมายอยู่แล้ว จึงควรเป็นหยุนเคอที่ต้องออกมาเจรจากับท่านด้วยตนเอง แต่นางเป็นสตรีกลับออกหน้าเองทั้งหมด มันคือสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่!?”

 

นายน้อยหลี่เหยียดยิ้มอย่างดูถูก “สิ่งที่แม่นางเฉินกล่าวช่างไร้เหตุผลนัก เป็นเพราะเจ้าทําเช่นนางไม่ได้ จึงกล่าวโทษว่านางไม่สามารถทําได้! เจ้าก็รู้หนังสือมิใช่หรือ… แต่กลับไม่รู้จักคํากล่าวที่ว่า ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด หรือยังไงกัน?!”

 

ในตอนนั้นเองใบหน้าของหลี่ซื่อฮวาเผยความดูถูกออก รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏบนใบหน้าก่อนจะกล่าวต่อ “อยากให้เจ้าหัดดูตัวเองเสียบ้าง อย่างน้อยก็ช่วยรับรู้เถิดว่าเจ้าไม่มีสิ่งใดจะเทียบ เทียมกับนางได้เลย!”

 

ใบหน้าเงินไฉอีร้อนผ่าว นางรู้สึกอับอายจนน้ําตาเอ่อล้นอาบสองแก้ม!

 

หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งในใจ เขาคลานขึ้นไปด้านหน้าก่อนจะกล่าวอย่างปกป้อง “นายน้อยหลี่! อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของข้า โปรดอย่าได้กล่าววาจาทําร้ายน้ําใจนางเช่นนี้เลย!”

 

“ให้ข้าเห็นแก่ใบหน้าของเจ้างั้นหรือ? เจ้ากําลังคิดสิ่งใดอยู่

ลูกสาวของเจ้าไม่มีสิ่งใดให้ข้าต้องปฏิบัติดีด้วย! ตอนนี้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านควรจะเอาศีรษะทุบลงพื้นเพื่อกล่าวคําขอโทษมิใช่กล่าวโทษผู้อื่นที่พูดความจริงออก”

 

ความโหดเหี้ยมของนายน้อยหลทําให้สองพ่อลูกถึงกับตื่นตระหนก

 

“แม่นางหยุนมีอิสระที่จะค้าขายกับข้า! แล้วแม่นางเฉินมีสิทธิ์ใดจึงไปกล่าวร้ายต่อผู้อื่นเช่น

นั้น? ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าลูกสาวของเจ้าปฏิบัติตัวได้ดีแล้วงั้นหรือ?”

 

ตอนที่ 202 หัวหน้าหมู่บ้านหลั่งน้ําตา

 

หยุนเถียนเถียนเคาะประตูเคาะประตูบ้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานจึงมีเสียงตอบรับออกมาจากด้านใน

 

“มาแล้ว”

 

หยุนเสียนเถียนมองบนเล็กน้อย หากเป็นเมื่อก่อนนางคงคิดว่าเสียงนี้อ่อนโยนไม่น้อย ทว่าในตอนนี้นางกลับคิดว่ามันเป็นการเสแสร้งแกล้งทํา!

 

ถึงอย่างไรหญิงสาวชนบทในหมู่บ้านก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงนิสัยได้

 

ขณะที่กําลังครุ่นคิด ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านพลันเปิดประตูออกและมองดูโดยรอบ นางเห็นนายอําเภอยืนตระหง่านพร้อมอารักขามากมายทันที

 

นางถึงกับตื่นตระหนกและรีบเชิญทุกคนเข้ามาด้านใน

 

ตอนนี้ไม่มีใครที่จะดูแลแขกของบ้านได้เลย เพราะหัวหน้าหมู่บ้านไม่อยู่ นางไม่สนใจนายน้อยหลี่ที่ยืนอยู่ด้วยอีกต่อไป จึงเอ่ยปากตะโกนเรียกลูกสาวของตนอย่างรวดเร็ว

 

เฉินไฉ่อได้ยินเสียงร้องเรียกก็พลันหงุดหงิดยิ่ง เพราะนางไม่อาจอ่านหนังสือ “ปราชญ์รูปหล่อและโฉมงาม” จนจบได้ 

 

แต่ทุกอย่างกลับสงบนิ่งลงเมื่อนางได้พบหน้าของนายน้อยหลี่ที่นางเฝ้าฝันถึง

 

เฉินไฉอีก้าวไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยปากเสียงหวาน “ท่านแม่ เรียกข้ามาทําสิ่งใดหรือ?” แก้มของนางขึ้นสีอย่างประหม่า

 

ตอนนี้ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไป นางรีบตระเตรียมน้ําเพื่อต้มชาและหันไปสั่งลูกสาวอย่างร้อนรน “เจ้ารีบไปทางตะวันตกของหมู่บ้าน ตามพ่อของเจ้ากลับบ้านให้เร็วที่สุด ตอนนี้นายอําเภออยู่ที่บ้านเราแล้ว!”

 

เฉินไฉ่อีพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเดินชายตาอ้อยอิ่ง ไม่ยอมออกจากบ้านไปเสียที เนื่องจากต้องการเรียกร้องความสนใจจากนายน้อยหลี่

 

แม้นางจะอยากแสดงออกมาแค่ไหนว่าต้องการพูดคุยกับเขา แต่ผู้เป็นแม่กลับไม่เข้าใจ และยิ่งเห็นว่านางกําลังลีลาท่ามาก ก็ยิ่งร้อนใจจึงตะโกนเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด

 

“นังโง่! มัวทําอะไรอยู่? รีบไปบอกพ่อเจ้าว่ามีแขกมาหาที่บ้าน!”

 

เฉินไฉ่ เผยสีหน้าหงุดหงิดอย่างไม่ปิดกั้น แต่นางก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียง ยังไงซะนางก็ไม่อยากกลายเป็นหญิงสาวอกตัญญูต่อหน้านายน้อยหลี่เช่นกัน!

 

หยุนเถียนเถียนลอบหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่ใครเล่าจะ รู้ว่าการแสดงออกของนางจะไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของเฉินไฉอี อีกฝ่ายจับจ้องหยุนเถียนเถียนอย่างอุ่นเคืองใจก่อนจะรีบก้าวออกจากลานบ้านไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นาน น้ําชาถูกเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างครบครันและหัวหน้าหมู่ บ้านก็กลับมาพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบเนื่องจากวิ่งอย่างเร่ง

 

แม้เขาจะเห็นว่านายอําเภอมาที่บ้าน เขาก็ยังไม่ร้อนใจเท่ากับการได้เห็นนายน้อยหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ยกยิ้มหน้าระรื่น หัวหน้าหมู่บ้านจับจ้องลูกสาวของตนด้วยใบหน้าเดือดดาลทันที 

 

แค่วิ่งกลับมาก็เหนื่อยหอบแล้ว แต่ตอนนี้เฉินไฉ่จําเป็นต้องเก็บความเหนื่อยล้าไว้และเดินบิดไปมาด้วยความเป็นอาย

 

เมื่อนึกถึงเรื่องราวบางอย่าง หัวหน้าหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะท้องไส้ปั่นป่วน คนหนึ่งคือนายอําเภอ คนหนึ่งคือนายน้อยหลี่ ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็ไม่อาจยั่วยุได้! เขาหันไปหาลูกสาว พร้อมกัดฟันกล่าวเสียงค่อย “ออกไปซะ บอกแม่เจ้าให้ตระเตรียมอาหารให้ดี! ไปช่วยนางในครัวอย่าได้โผล่หน้าออกมา!”

 

แน่นอนว่าคําสั่งนี้ทําให้เฉินไฉ่อไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อนางเห็นว่าพ่อกําลังโกรธจัดจึงต้องยอมพ่ายแพ้ นางกระทืบเท้าอย่างขัดใจก่อนจะเข้าไปในครัวตามคําสั่ง

 

แม้หัวหน้าหมู่บ้านจะไม่พอใจนัก แต่เขาก็ไม่คิดสนใจลูกสาวอีก เขาหันมาหานายอําเภอพร้อมครุ่นคิดว่ามีสิ่งใดที่ไป ทําให้อีกฝ่ายเคืองใจหรือไม่… แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ก็ต้องดูแลแขกที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดเสียก่อน!

 

แต่ดูเหมือนนายอําเภอจะไม่สนใจสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านกําลังจะปรนนิบัติ เขาหันไปสั่งการเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เข้าไปด้านใน หาที่รกร้างไร้เจ้าของแล้วไปวัดมาสามสิบไร่! อ้อ สาวน้อยหยุนสามารถไปเลือกได้ตามสบายเลย ไม่ต้องรีบร้อนล่ะ!”

 

หยุนเถียนเถียนเอียงศีรษะไปมาราวกับไม่เต็มใจที่จะออกไป เพราะต้องการรู้ว่านายอําเภอจะกล่าวสิ่งใดกับหัวหน้าหมู่บ้าน แต่สุดท้ายแล้วนางก็จําเป็นต้องยอมจํานนและเดินออกไปกับเจ้าหน้าที่กลุ่มใหญ่

 

เมื่อนายอําเภอเห็นเด็กสาวคนนั้นออกไปแล้ว สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

 

“เฉินซึ่ง! เหมือนว่าครั้งที่แล้วเจ้าจะจําสิ่งที่ข้าพูดไม่ได้ ทํา ไมจึงไม่ดูแลนางให้ดี? ทําไมถึงกล้าหาญสร้างความขุ่นเคืองใจ ให้กับนาง? เจ้าเบื่อชีวิตนี้แล้วงั้นหรือ!”

 

คําพูดของนายอําเภอทําให้หลี่ซื่อฮวาตื่นตระหนกในทันที เด็กสาวคนนั้นเพียงกล่าวว่าไม่พอใจ นายอําเภอก็พร้อมที่จะปกป้องนางทันที!

 

เหงื่อเย็นเฉียบหลั่งออกทุกรูขุมขนของหัวหน้าหมู่บ้าน ในตอนแรกเขาคิดว่าเด็กน้อยคงไม่มีทางเข้าถึงตัวของนายอําเภอได้ อีกทั้งนายอําเภอคงไม่สนใจหมู่บ้านเทพธิดาน้อย ๆ แห่งนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไปร้องบอกผู้มีอํานาจจริง

 

“ท่านนายอําเภอ! ข้ามีความกล้าเพียงน้อยนิด แน่นอนว่า ข้าย่อมไม่กล้าละเลยคําพูดของท่าน มันเป็นเพียงสตรีสองคนทะเลาะกันเท่านั้น แล้วหลังจากเกิดเรื่องข้าก็ดูแลบุตรสาวของตัวเองอย่างดี นางบันสิ่งใดให้ท่านรับฟังงั้นหรือ?”

 

นายอําเภอยิ้มอ่อนก่อนจะกล่าวต่อ “อย่าพยายามจะเสแสร้งแกล้งทํา! นางไม่ได้ขอให้ข้าพูดกล่าวหรือต่อว่าเจ้า นางเพียงมาหาข้าและขอซื้อที่ดินสามสิบไร่เท่านั้น แล้วเหตุใดนางจึงไม่ยอมมาพบเจ้าโดยตรง? การซื้อที่ดินก็เพียงแค่มาพบเจ้าก็จบเรื่อง แต่เจ้าต้องทําให้นางอุ่นเคืองใจแน่ นางจึงวิ่งมาหาข้า!”

 

“หลังจากนั้นข้าจึงให้เจ้าหน้าที่สืบเสาะว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น ในหมู่บ้านแห่งนี้ แน่นอนว่าชาวบ้านล้วนไม่โกหกเจ้าหน้าที่! ถึงคราวที่ต้องพิจารณาแล้วล่ะ… เฉินซ่ง! เจ้ายังเหมาะที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอยู่หรือไม่? แต่ข้าคิดว่าไม่!”

 

หลี่ซื่อฮวาตื่นตระหนกอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่ารถม้าคันหน้าหยุดบ่อยครั้ง กลายเป็นว่านายอําเภอสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปถามไถ่กับชาวบ้านงั้นหรือ? เด็กสาวคนนั้นเป็นผู้ใดกันถึงสามารถทําให้นายอําเภอร้อนรนได้มากถึงเพียงนี้? เหตุใดเขาจึงยอมลงพื้นที่และจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้กับนางด้วยตนเอง?

 

นายน้อยหลี่กล่าวถามอย่างสงสัย “ท่านนายอําเภอ… ข้าขอสอบถามได้หรือไม่ว่านางมีสิ่งใดพิเศษ ท่านจึงดูแลนางดีนัก… มีเหตุผลใดหรือไม่?”

 

นายอําเภอหันมองนายน้อยหลี่พร้อมรอยยิ้ม เขารู้ได้ทันทีว่านายน้อยหลี่คงยังไม่รู้ เพราะเด็กสาวคนนั้นก็คงไม่มีทางบอกกล่าวว่าเขาให้สัญญาไว้ว่าจะดูแลนางเป็นอย่างดี นางคงไม่เคยเอาชื่อของเขาไปอวดอ้างที่ใดแน่!

 

“นางมิใช่คนธรรมดาที่จะสามารถละเลยได้ เป็นการดียิ่ง หากนายน้อยหลี่จะมีสัมพันธไมตรีกับนางไว้ รักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ดี เพราะในอนาคตนางอาจจะช่วยเหลือนายน้อยได้!”

 

แม้ประโยคนั้นจะไม่ชัดเจนนัก แต่มันก็แจ่มชัดในใจของหลี่ชื่อฮวา!

 

“ไม่เพียงแค่มณฑลไม่สามารถเพิกเฉยต่อนางได้ แต่ท่านหลงเยวที่มาจากเมืองหลวงก็ยังให้ความสําคัญกับนาง! หากนายน้อยมีสัมพันธ์ที่ดีกับนาง แน่นอนว่าท่านหลงเยว่อาจจะ ยอมพูดคุยดี ๆ ด้วยได้ไม่ยาก ว่าแต่… นายน้อยไม่ได้สังเกตเลยงั้นหรือว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ไม่มีใครเข้ามาสร้างปัญหาให้กับธุรกิจของเจ้าเลย?”

 

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่โชคดีที่เขาไม่ใช่ชายหนุ่มไร้เหตุผล หากเป็นอย่างนั้นเขาคงไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ เพราะนางเคยนอนอยู่ในบ้านของเขามาก่อน

 

หากครั้งนั้นหาเรื่องนาง อย่าได้กล่าวถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ เพียงแค่กล่าวถึงสิ่งที่นางจะได้รับในภายหน้า ข้าก็คงไม่ปล่อยมือจากนางไปแน่!

 

ตอนที่ 201 พบนายอําเภอ

 

หลี่ซื่อฮวาถึงกับตกตะลึง เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าสาวน้อยตรงหน้าคิดจะทําทุกอย่างด้วยตนเอง เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกนางว่าจะช่วยซื้อที่ดินให้เอง!

 

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แล้วเจ้าคิดจะไปพบกับนายอําเภอเมื่อใดกัน?”

 

หยุนเถียนเถียนวางถ้วยชาในมือก่อนจะยืนขึ้น “ตอนนี้เลย… ข้าไม่มีรถม้าจึงเดินทางในเมืองไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก”

 

หลีชื่อฮวายกยิ้มพร้อมกับสายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ สาวน้อยคนนี้ช่างใจร้อนและเด็ดเดี่ยวเสียจริง

 

หยุนเถียนเถียนขึ้นรถม้าของนายน้อยหลี่ที่หน้าโรงน้ําชาทันที แต่ขณะที่ก้าวขาขึ้นรถนางพลันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ามีสายตาลึกลับกําลังจับจ้องนางจากในมุมมืด!

 

แต่หันไปทางไหนก็ไม่พบเจออะไร นางเพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับปิดประตู

 

เป็นหยุนเคอที่แอบอยู่ในมุมมืดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงน้ําชา… เขาถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย

 

เขาแอบตามหยุนเสียนเถียนมาตั้งแต่ออกจากบ้านและนางก็ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

 

เมื่อเขาเห็นคู่หมั้นของตนขึ้นรถม้าของนายน้อยหลี่ ความโกรธพลันพวยพุ่งออกจนเผลอปลดปล่อยจิตสังหารแผ่กระจายไปรอบบริเวณอย่างไม่ตั้งใจ

 

ทันใดนั้นหญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงพลังนั้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่นางจับจ้องมา เขารีบหลบเข้ากับมุมตึกทันที

 

รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูเทศบาลขนาดใหญ่ ตามหลักแล้วตอนนี้นายอําเภอน่าจะกําลังทํางานอยู่ด้านใน

 

หลี่ซื่อฮวาเดินตรงเข้าไปด้านในอย่างมั่นคง เขาไม่จําเป็นต้องส่งใครไปแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้า! 

 

หลังจากรออยู่ในห้องรับรองสักครู่ นายอําเภอก็เดินออกมาต้อนรับเขาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

 

ทันทีที่เห็นนายน้อยหลี่ อีกฝ่ายถึงกับส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีสัมพันธ์ต่อกัน

 

แต่เมื่อเหลือบมองด้านข้างและเห็นว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ใบหน้าของเขาพลันแข็งค้างไปอย่างตกตะลึง นั่นไม่ใช่หญิงสาวในหมู่บ้านเทพธิดาที่หลงเยวชื่นชมหรือ?

 

“ทําความเคารพนายอําเภอ!”

 

นายอําเภอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เขาให้ทั้งสองนั่งลงด้วยท่าทางที่เป็นกันเอง

 

“นายน้อยหลี่ถึงกับมาที่นี่ด้วยตนเอง มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่?”

 

หลีชื่อฮวาเพียงส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าเพียงพาสาวน้อยคนนี้มาพบท่านนางต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย โปรดช่วยดูแลนางด้วย!”

 

นายอําเภอหัวเราะก่อนจะกล่าวตอบ “พูดกันตรง ๆ ตราบใดที่เจ้าไม่คิดทําสิ่งใดผิดกฎหมายจะทําสิ่งใดก็ย่อมง่ายดาย! แม้ข้าคนนี้จะไม่ใช่คนซื่อสัตย์และยุติธรรมมากนักแต่ก็ไม่อาจกระทําสิ่ง เลวทรามได้ สาวน้อย… ข้าจะช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร? กล่าวมาเถิดไม่ต้องเกรงใจ”

 

หยุนเสียนเถียนพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มหวาน “ขอบคุณท่านนายอําเภอยิ่งสําหรับความเมตตาในเรื่องราวครั้งก่อน ข้าต้องขอบคุณท่านอย่างแท้จริง”

 

“ ข้ามิได้จัดการอย่างลําเอียงเลย จึงไม่จําเป็นต้องกล่าวขอบคุณ”

“ที่ข้ามาขอพบท่านนายอําเภอวันนี้เพราะข้าต้องการซื้อที่ดินสามสิบไร่ในหมู่บ้านเทพธิดา”

 

นายอําเภอขมวดคิ้วก่อนก่อนจะถามต่อ “แล้วเจ้าไม่ได้กล่าวถามไถ่กับหัวหน้าหมู่บ้านงั้นหรือ? ให้เขาวัดหน่วยที่นิดและนําเงินไปให้กับเจ้าหน้าที่ ขั้นตอนไม่ได้ยากเย็นเลย!”

 

“ท่านคงจะไม่ทราบเรื่อง คราวแรกหัวหน้าหมู่บ้านของข้านั้นเป็นคนดียิ่ง แต่จู่ ๆเขาก็เปลี่ยน ไปจนทําให้ข้าคับข้องใจไม่น้อย ครั้งล่าสุดเขาทําตัวมีปัญหากับเรื่องราวของน้องชายข้าจึงทําให้เรื่องมันล้าช้ามาจนถึงตอนนี้ หากครั้งนี้ข้าคิดไปขอความช่วยเหลือจากเขาแน่นอนว่าคงเกิดปัญหา เพิ่มอีกไม่น้อย!”

 

เดิมที่นายอําเภอย่อมไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ยังไงซะเหล่าหัวหน้าหมู่บ้านก็ยังเป็นมนุษย์และมีความเห็นแก่ตัวแน่นอน ซึ่งบางครั้งตัวเขาเองก็ได้รับผลประโยชน์บางอย่างเช่นกันจึงเพียงทําเมินเฉยต่อความประพฤติเช่นนี้ไป

 

แต่หัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดานั้นต่างจากที่อื่น นั่นเพราะเขาสัญญาแล้วว่าจะดูแลหยุนเถียนเกียนอย่างดี! แต่อีกฝ่ายกลับกล้าล่วงเกินเด็กสาวทําให้นางต้องขุ่นเคืองใจ อีกทั้งยังคิดหาผลประโยชน์จากนางทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่และเกี่ยวข้องกับสถานะความเป็นความตายของเขาด้วยขณะไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดก็ทําให้นายอําเภอรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ! เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปที่หมู่บ้านเทพธิดากับเจ้า หากเขาไร้ความสามารถนักข้าก็จะเปลี่ยนคนซะจะได้จบเรื่องราว!”

 

หยุนเสียนเถียนถึงกับตกตะลึง เหตุใดนายอําเภอผู้นี้จึงดูใส่ใจนางยิ่งนัก? หรือเขาเพียงแค่เอาอกเอาใจนายน้อยหลี่?

 

หยุนเถียนเถียนคิดถึงเรื่องราวที่หยุนเคอบอกกล่าวก่อนหน้า หรือนายอําเภอผู้นี้ก็ทราบเรื่องที่นางมีใบหน้าคล้ายกับหยุนจิงเอ๋อร์? เพราะเหตุนี้หรือไม่เขาจึงดูแลนางอย่างดี

 

เหตุผลที่น่าเชื่อถือหลั่งเข้ามาในศีรษะของเธออย่างล้นหลาม นับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ข้าราชการที่ได้รับตําแหน่งใดบ้างที่ไม่ถูกจับตามอง? แม้ว่าคนซื่อสัตย์จะมีน้อยแต่หากพวก เขาไร้ความสามารถในการปกปิดและจัดการ ทั้งหมดจะถูกดีดให้พ้นตําแหน่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!

 

หลีชื่อฮวาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลันไร้ตัวตนในทันที เขาไม่ใช่เหตุผลที่นายอําเภอจะยืนหยัดข้างเด็กสาว ดูเหมือนนายอําเภอคนนี้จะให้ความสําคัญกับหยุนเถียนเถียนไม่น้อย

 

แม้ว่านายอําเภอผู้นี้จะไม่เลวร้าย แต่ในคราวที่ได้พบกันครั้งแรก นายน้อยหลี่ยังต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายจริงๆ!

 

ทว่าตอนนี้นายอําเภอผู้นี้กลับใจดีอย่างผิดคาด อีกทั้งเขายังคิดวางงานทุกสิ่งลงและไปจัดการเรื่องราวให้สาวน้อย เมื่อไหร่กันที่อีกฝ่ายกลายเป็นคนกระตือรือร้นที่จะจัดการปัญหาทุกข์ยากของชาวบ้าน?

 

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าไม่มีผลประโยชน์ที่เขาพึงพอใจ แน่นอนว่าเขาคงจะออกปากดุด่าหัวหน้าหมู่บ้านสักสองสามคําแล้วปล่อยตัวไป แต่หากในครั้งนี้เขากําลังจะเปลี่ยนหัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดาเพื่อนาง และยังจะไปทําการนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย มันจะไม่มากไปหน่อยงั้นหรือ?

 

ตอนนี้นายอําเภอลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง เขาหันหน้ากลับมาหานายน้อยหลีพร้อมกล่าวถาม“แล้วนายน้อยหลี่จะตามไปด้วยหรือไม่? หากมีธุระใดต่อก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีอะไรทําข้าก็ขอเชิญไปด้วยกัน”

 

แน่นอนว่านายน้อยหลีต้องไปด้วย เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีความสําคัญกับนายอําเภอผู้นี้อย่างไร แล้วอะไรกันทําให้นางพิเศษกว่าผู้อื่น!

นายอําเภอขึ้นรถม้าและสั่งกับคนขับให้มุ่งตรงสู่หมู่บ้านเทพธิดาทันที

 

เมื่อก่อน มีรถม้าวิ่งเข้าออกและหยุดลงที่หน้าบ้านของหยุนเถียนเถียนบ่อยครั้ง และครั้งสุดท้ายมีรถม้ามาจอดที่หน้าบ้านของเฉินฉ่เกินซึ่งเป็นวันที่เฉินเจียวเจียวถูกพาตัวไปหลังจากวันนั้น บ้านหลังนั้นจึงกลายเป็นสถานที่ที่รถม้ามาเยือนอยู่บ่อยครั้งเพราะลูกสาวได้เป็นนางบําเรอของพ่อ ค้ามีอันจะกิน

 

คราวนี้มีรถม้ามุ่งหน้าเข้าหมู่บ้านมาถึงสอง คืนหนึ่งคือรถม้าของนายน้อยหลี่และอีกคันหากใครจดจําได้ ก็คงจะรู้ทันทีว่ามันคือรถของนายอําเภอ! แต่ถ้าหากใครจําไม่ได้ก็คงจะพอนึกออกได้เพราะมีเจ้าหน้าที่มากมายตามอารักขาเขา…

 

หรือว่าเฉินเจียวเจียวที่ขโมยสูตรเนื้อตากแห้งจะถูกนายน้อยหลี่ฟ้องร้อง? เช่นนี้เจ้าหน้าที่มากมายจึงบุกเข้ามาเพื่อจับตัวนางงั้นหรือ?

 

แต่ขณะที่ทุกคนกําลังคาดเดา รถม้าขบวนนั้นไม่ได้จอดลงที่หน้าบ้านของเฉินเจียวเจียวแต่มุ่งหน้าไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแทน ตอนนั้นเองชาวบ้านทุกคนจึงมีนงงและไม่เข้าใจหลายคนเดินตามรถม้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น..

 

นายน้อยหลี่ลงจากรถม้าและยืนรออยู่สักครู่หนึ่ง เป็นหยุนเถียนเถียนที่เดินตามลงมา ภาพตรงหน้าสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนยิง แต่ความตื่นตระหนกยังไม่จบลงแค่นั้น ทั้งสองคน เดินไปเปิดประตูรถม้าอีกคันพร้อมกับทําความเคารพอย่างนอบน้อม… จากนั้นนายอําเภอจึงก้าวล งมาจากรถม้า!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 200 ซื้อที่ดิน

 

ตอนที่ 200 ซื้อที่ดิน

 

ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับบิดเบี้ยว ลูกสาวเขามีคุณธรรมนั้นหรือ? แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกเขาจึงไม่กล่าวโต้แย้งเรื่องนี้

 

อีกด้านหนึ่งหยุนเถียนเถียนกลับมานั่งดื่มน้ําที่ลานบ้าน เมื่อคิดถึงความอัดอั้นตันใจเมื่อครู่นางก็เอ่ย “ผู้ใหญ่บ้านสมควรตาย นี่มันเรื่องอะไรกันถึงลากข้าลงน้ําเช่นนี้”

 

หยุนเคอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จึงอดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชม แม้ห ยุนเถียนเถียนจะโชคร้ายแต่นางสามารถไล่เจียวเจียวออกไปจากหมู่บ้าน และดึงตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ได้ด้วย

 

แต่เหมือนว่าสายตาของหยุนเคอจะเผยความปลาบปลื้มมากเกินไปจนหยุนเสียนเถียนรู้สึกได้

 

“มีอะไรรึ? ข้าให้คนที่จงรักภักดีต่อเจ้าไปเป็นนางบําเรอแก่ผู้อื่น เจ้าไม่มีความสุขงั้นหรือ?”

 

หมายความว่าอย่างไร หยุนเคอสับสนมากความเงียบของหยุนเคอเผลอไปยั่วยุห ยุนเถียนเถียนเสียแล้ว

 

เวลาผู้หญิงอารมณ์เสียมันควรเงียบที่ไหนกัน? เหมือนกับหยุนเถียนเถียน ยิ่งเขาไม่ตอบนางนางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น

 

“หึ! ถ้าเจ้าชอบเฉินเจียวเจียว ข้าจะบอกสูตรเนื้อให้เจ้าไปช่วยนาง นางจะได้กลับมาอยู่เคียงข้างเจ้าข้าคิดว่าเฉินเจียวเจียวคงจะมีความสุขนัก”

 

แม้หยุนเคอจะไม่รู้ทําไมหยุนเถียนเถียนถึงพูดแบบนี้ออกมา แต่เขาไม่ได้มีความคิดที่จะพาเฉินเจียวเจียวมาอยู่ข้างกาย ยิ่งไปกว่านั้นนางชอบคนที่ฐานะเกรงว่าที่เข้ามาหาเขาก็เพราะสูตรอาหารซะมากกว่า

 

“ไม! เฉินเจียวเจียวต้องการคนร่ํารวยเท่านั้น นางต้องการเพียงแค่สูตรเนื้อเราอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”

 

หยุนเถียนเถียนกลั้นหายใจในลําคอเสมือนหายใจไม่ออก นางรู้สึกหยุนเคอตั้งใจช่วยชีวิตคนแต่ก็ไม่อยากรับปัญหาเข้าตัว

 

“ถ้าเจ้าชอบเฉินเจียวเจียวจริง ๆ ข้าหาวิธีช่วยเหลือได้ นางชอบเงินเจ้าก็แค่มีเงิน!”

 

หยุนเคอมองหยุนเสียนเถียนอย่างประหลาดใจ เขาทําตัวเหมือนคนชอบเฉินเจียวเจียวตอนไหนกัน?

 

“ข้าไม่ได้ชอบเฉินเจียวเจียว ข้า”

 

เมื่อพูดถึงตรงก็หยุดไป หยุนเคอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ ริมฝีปากเขาสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับมีประโยคติดอยู่ในใจแต่ไม่สามารถปล่อยคายออกจากปากได้

 

ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็ยอมแพ้ ช่างมันเถอะ…. ด้วยนิสัยของหยุนเคอจะพูดมาสักประโยคช่างชักช้าจนน่ารําคาญ นางควรคาดหวังอะไรจากปากของเขากัน?

 

เมื่อตระหนักอย่างนั้นแล้ว หยุนเถียนเถียนหมุนตัวเข้าไปในห้องโดยไม่พูดจา

 

หลังจากนั้นไม่นานหยุนเคอก็พึมพํากับตัวเองอย่างแผ่วเบา “คนที่ข้าชอบก็คือเจ้า!”

 

น่าเสียดายที่หยุนเถียนเถียนปิดประตูไปนานแล้วทําให้ไม่ได้ยินประโยคที่เขากล่าวออก

 

หยุนเคออดไม่ได้ที่จะตบหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดคําพูดง่าย ๆ เช่นนี้ทําไมยังพูดไม่ออก?

 

หยุนเถียนเถียนที่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ได้ทําสิ่งใดแต่กลับตรงไปที่มิติแทน

 

เสี่ยวเถาใส่แป้งไว้ในมิติแล้ว ขอเพียงหยุนเถียนเถียนคิดก็สามารถหยิบมันออกมาได้

 

แป้งชุดแรกถูกหลีชื่อฮวาเอาไป เขาถึงกับนํารถม้ามารับ เสี่ยวเถากล่าวว่าข้าวมาจากธรรมชาติบริสุทธิ์ไม่สารปนเปื้อนดังนั้นราคาของมันจึงสูงเป็นพิเศษ

 

แป้งชุดแรกถูกนําออกมาอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าหยุนเคอจะรู้ว่ามีบางอย่างผักปกติกับร่างกายของเถียนเถียนแต่เขาก็ไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร!

 

เรื่องนี้เช่นนี้เพียงแค่ครั้งสองครั้งก็เพียงพอแล้ว หากว่านานเกินไปอาจจะมีคนสงสัยได้ของแปลกปลอมเช่นนี้ห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะเด็ดขาด

 

ผู้ใหญ่บ้านล่วงเกินนาง ถ้านางต้องการซื้อที่ดินแน่นอนว่าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้านได้ ด้วยความไร้ยางอายของอีกฝ่ายอาจจะสร้างปัญหาให้นางอีกครั้ง

 

แล้วใครจะช่วยนางเรื่องนี้ได้

 

หยุนเถียนเถียนตัดสินใจที่จะไปหาหลีชื่อฮวาในเมือง นางจะขอซื้อภูเขาบางส่วนโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างเขา จากนั้นจะจ้างคนปลูกเมล็ดข้าวสาลีและจ้างคนเก็บเกี่ยวต่อไป

 

เมื่อตัดสินใจได้ หยุนเสียนเถียนจึงใช้เวลาพักผ่อนทั้งคืนอย่างสบายใจ

 

เช้าตรู่วันถัดมา หยุนเสียนเถียนจัดการตัวเองเรียบร้อยแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะทาครีมบนใบหน้าทําให้ความงามของนางเปล่งประกายออกทั้งหมดทําให้นางกลายเป็นหญิงสาวชาวนาที่งดงาม

 

ขณะที่นางเดินออกจากบ้านไป หยุนเคอก็ออกมาเช่นกัน เขารู้สึกงงเล็กน้อยทําไมเด็กคนนั้นถึงไม่เรียกเขาไปด้วยกัน?

 

เมื่อคิดถึงสิ่งที่สาวน้อยคนนั้นทําไว้ เขาก็พลันตื่นตระหนก เมื่อเร็ว ๆนี้มีแต่เรื่องอย่างเช่นผู้ใหญ่บ้านจ้องจะทําร้ายนางมิใช่หรือ? หยุนเคอจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว

 

เกวียนของลุงเฉินโยกเยกไปมา ขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังจะหลับก็พบว่านางเข้ามาถึงในเมืองแล้ว

คราวนี้หยุนเวียนเถียนไม่ได้ไปที่ร้านอาหาร เพราะตรงนั้นสะดุดตาเกินไปนางตรงไปยังโรงน้ำชาที่เฉินไม่อี้นัดดูตัวก่อนหน้านี้

 

เมื่อหลีชื่อฮวาเห็นหยุนเสียนเถียนมาพบ เขารู้สึกราวกับเห็นเทพแห่งโชคลาภดวงตาเป็นประกายอย่างปลื้มปิติ

 

“แม่นางหยุน เจ้ามาที่นี่มีอะไรเป็นพิเศษงั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ท่านไม่ต้องกล่าวให้มากพิธี ข้ามีธุระกับท่าน”

 

“ต้นกําเนิดแป้งของข้ามันลึกลับมากจนข้าไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากไหนและก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้เช่นกัน ข้าต้องปกปิดมันไว้ แป้งสองชุดนี้ควรมีแหล่งที่มาตอนนี้ข้าเลยคิดว่าเราต้องปลูกมันขึ้นมา”

 

“แต่การปลูกพืชย่อมต้องมีที่ดินเพราะปลูก ขาตั้งใจจะปลูกมันด้วยตัวเอง ยังไงซะหมู่บ้าน เทพธิดาก็มีที่ราบลุ่มอยู่มากมายข้าจึงอยากให้ท่านช่วยซื้อที่ดินสักสามสิบไร่”

 

หลีชื่อฮวาได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดี ถ้าเจ้าสามารถปลูกข้าวสาลีได้จริง ๆ เจ้าอยากได้สิ่งใดข้าจะหามาให้”

 

“แต่ตอนนี้ข้ามีปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่งข้าเลยมาหาท่านเพื่อขอความช่วยเหลือ”

 

หลี่ชื่อฮวายิ้ม ยกแก้วดื่มชาไปอีกหนึ่งแล้วพูดช้า ๆ ว่า “พูดมาสิ ตราบใดที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องข้าก็ช่วยเจ้าได้ทุกอย่าง”

 

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อวานเจ้าก็น่าจะเห็นแล้ว ข้าทําให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจมากการซื้อที่ดินในหมู่บ้านต้องผ่านมือเขา มันจะไม่มีปัญหางั้นหรือ?”

 

“เจ้าหมายถึงให้ข้าซื้อที่ดินให้เจ้างั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มหวาน นางจิบชาไปอีกหนึ่ง นางไม่รู้ว่าใบชานี้ทํามาจากอะไร มันต่างจากที่นางเคยมอบให้หลี่ซื่อฮวาก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

“ชานี้ไม่ค่อยดีนัก แต่โรงน้ําชาหรูยีนั้นนับว่าดี ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถหยิบของล้ําค่าออกมาได้ง่าย ๆ ในเมืองเล็ก ๆ น้ําชานี้ก็นับว่าไม่เลวร้ายนัก”

 

“แล้วท่านจะช่วยข้าซื้อที่ดินหรือไม่? หากไม่ก็ช่วยแนะนํานายอําเภอให้ข้าสักคน ข้ารู้ว่าพ่อค้าเช่นท่านต้องรู้จักกับทางการบ้าง…”

ท่านผู้พิพากษาก่อนหน้านี้แต่เดิมคือนายอําเภอเป็นความเข้าใจผิดของนักแปล จึงขอเปลี่ ยนแปลงมา ณ ที่นี้

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 199 ไร้ยางอาย

 

ตอนที่ 199 ไร้ยางอาย

 

“เฉินเจียวเจียวยินดีที่จะตามนายท่านไป ข้าหวังว่านายท่านจะปล่อยท่านพ่อและท่านแม่ของข้า!”

 

เฉินเจียวเจียวก้มหัวลงด้วยความเขินอาย คอขาวเนียนโผล่ออกมาจากเสื้อ หลี่เฟิงจับจ้องต้นคอขาวระหงจึงเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านออก

 

ชาวบ้านคนหนึ่งพลันถอนหายใจพร้อมกล่าวพึมพำ “แม้เฉินเจียวเจียวจะทำตัวแบบนี้ แต่นางก็กตัญญูยิ่งนัก… น่าเสียดาย

 

หลี่เฟิงถึงกับหมดอารมณ์ ในใจลอบหัวเราะอย่างเย็นชา ความกตัญญงั้นหรือ? จอมปลอมสิ้นดี ผู้หญิงคนนี้ก็แค่อยากปืนออกจากความยากจนเท่านั้น!

 

หลังจากหยุนเถียนเถียนฟังการตัดสินใจของเฉินเจียวเจียว มุมปากของนางก็กระตุกเช่นกันนางไม่คิดว่าเฉินเจียวเจียวจะมีพรสวรรค์ นางกล้าที่จะพูดแบบนี้ต่อหน้าคนที่แก่กว่าพ่อตัวเอง

 

หยุนเคอหลบอยู่หลังเสาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะจบแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้ามือของหยุนเถียนเถียนเอาไว้ เขาได้ยินคำพูดที่เหมือนเถียนเถียนหึงหวงตนเอง แม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หัวใจของเขาพลันเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 

แต่ทันทีที่เฉินเจียวเจียวเห็นหยุนเคอ นางหยุดชะงักไปเล็ฏน้อย ถ้าเป็นไปได้ ใครจะไม่อยากแต่งงานกับชายหนุ่มที่แข็งแรงเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางกลับได้คนที่อายุพอ ๆ กับบิดาตนเอง!

 

แต่เมื่อทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้านาง หยุนเคอเต็มไปด้วยหนวดเครา ร่ายกายที่แข็งแกร่ง แต่กลับเย็นชา แต่หลี่เฟิงนั้นแตกต่างออกไป เขาเข้าถึงง่าย เป็นพ่อค้าและยังดูมี

น้ำใจ

 

ตาชั่งหนักไปทางหลี่เฟิงทันที

 

สิ่งเดียวที่นางต้องกังวลก็คือ นางอาจจะเป็นเพียงแค่อนอย่างแน่นอน ครอบครัวของหลี่เฟิงต้องมีภรรยาเอกอยู่แล้ว

 

หลีชุนเกียวกลอกตาไปมา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเลย แม้ว่าลูกสาวคนนี้จะอยู่ข้างกายนางไม่ได้ แต่ตอนนี้ในมือของนางมีถึงหนึ่งร้อยตำลึง หรืออาจจะสินสอดทองหมั้นเพิ่มอีกก็ย่อมได้

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือการแต่งงานกับครอบครัวที่ดี ลูกสาวคนนี้ยังสามารถเติมเต็มบ้านของนางได้เมื่อนางแก่ตัวลงแต่ยังคงมีเงินอยู่ แค่นี้ชีวิตนางก็สุขสบายแล้ว

 

ดวงตาของหลี่เฟิงเป็นประกาย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเห็นด้วยกับความเห็นของหยุนเถียนเถียนตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังพิจารณาข้อเสนอนั้น พวกเขาเลยไม่ได้สนใจนางมากนัก

 

หยุนเคอฉวยโอกาสนี้ดึงตัวเถียนเถียนออกไป ทั้งสองแยกตัวออกมาจากลานบ้านอย่างเงียบๆ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของตัวเอง แต่ก่อนที่จะจากไปนางมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างมีเลศนัย

 

เดิมที่หัวหน้าหมู่บ้านให้ความสนใจกับการกระทำของหยุนเถียนเถียนเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ยิ่งตกใจกับสายตาที่แฝงไว้ด้วยความหมายนั้น

 

แม้นางจะจากไปแล้ว แต่เขาก็ยังขนลุกขนพองจากแววตาเล่ห์เหลี่ยมนั้นยิ่ง

 

หยุนเวียนเถียนทิ้งคำแนะนำแล้วจากไป คนที่อยู่ตรงนั้นตัดสินใจเช่นไร หยุนเถียนเถียนก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว

 

ไม่นานหลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไป เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก แววตาของหยุนเถียนเถียนดูคุกคามเกินไป มันทำให้เขาไม่สบายใจยิ่ง

 

หยุนเสียนเถียนเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบปีกว่าเท่านั้น แต่เขากลับมองทางไม่ทะลุปรุโปร่ง! แต่ตอนนี้ชาวบ้านกำลังรอให้เขาช่วยแก้ปัญหา เขาจึงรีบกล่าวชื่อของหยุนเถียนเถียนออกไปหวังว่าจะรอดพ้นหายนะนี้ได้

 

ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น เด็กนั่นมองความคิดของเขาออกอย่างชัดเจน

 

บ่ายวันนี้หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ออกไปเดินเล่นแต่ตรงกลับไปที่บ้านของตนเอง

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกถึงความผิดปกติของสามี จึงเอ่ยถาม “สามีข้า… เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

 

ใบหน้าของเขาเผยความหวาดกลัวขณะกล่าวออก “เจ้าไม่เห็นที่ลานบ้านของเฉินนูเป็นงั้นรึ? หยุนเสียนเถียนไม่ธรรมดาเลย แค่คำพูดง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคก็ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดได้แล้ว”

 

“ไม่เพียงแค่ทำลายความคิดที่หลี่เฟิงพยายามสร้างปัญหา แต่ยังเอานายน้อยหลี่มาขู่อีกด้วยอีกอย่างนางกำจัดคนที่อยากได้คู่หมั้นของตนอย่างง่ายดาย วิธีการแบบนี้มิใช่เด็กน้อยทั่วไปแล้ว!”

 

แต่ภรรยาของเขากลับกล่าวขัดแย้ง “สาวน้อยคนนั้นอายุเท่าไหร่กัน อะไรทำให้สามีคิดเช่นนี้ได้? ข้าคิดว่าแค่เห็นเฉินเจียวเจียวอยากหลบหนีความยากจน ก็เลยส่งตนเองไปเป็นอนผู้อื่น แต่ควรไปหาคนที่ดีกว่านี้ ดูหลี่เฟิงสิ อายุมากกว่าพ่อของนางเสียอีก”

 

“ข้ามองไม่ออกว่าเฉินเจียวเจียวกตัญญอย่างไร มันไม่มีอะไรไปมากกว่าการปีนป่ายหาอำนาจให้กับตัวเอง”

 

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ช่างมันเอะ พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว แต่เรื่องแต่งงานของไม่ดี เราต้องรีบหน่อย ข้าว่าเด็กตระกูลจางคนนั้นไม่เลวเลย”

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจออก “ถึงเจ้าเด็กนั้นจะดีแต่มันมีประโยชน์อะไรกัน ลูกสาวของเราไม่ชอบเขาตั้งแต่พบหน้า ข้ารับปากนางแล้วว่าถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง หากนางไม่เต็มใจ เราบังคับลูกไม่ได้”

 

“วันนั้นมีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัย เจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้พบกับนายน้อยหลีที่นั่น และในตอนนั้นนายน้อยหลี่ก็เดินขึ้นไปชั้นบนงั้นหรือ?”

 

เดิมที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านทราบเรื่องนี้ดี แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ต้องการที่จะมองลู กสาวของตนในแง่ร้าย

 

“เหตุใดจึงไม่คิดบอกกล่าวเรื่องนี้กับข้า? บังเอิญอะไรกัน เมื่อสองสามวันก่อนนางไม่ได้เข้าเมืองไปงั้นหรือ? นางคิดทำสิ่งใดเจ้าไม่คิดสงสัยบ้างเลยหรือไร?”

 

“แล้วหลายวันมานี้ตระกูลจางส่งจดหมายมาบ้างไหม พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง?”

 

ฝั่งภรรยาถึงกับถอนหายใจยาว “เด็กทั้งสองคน คนหนึ่งเอาแต่ก้มหน้าแก้มแดงไปถึงใบหูส่วนอีกคนก็ไม่สนใจอีกฝ่าย อย่างไรข้าเห็นนายน้อยจางดูชื่นชอบไล่อ แต่เหมือนจางชิวไฉไม่ค่อยชอบลูกสาวของเรานัก”

 

นางหยุดไปสักครู่ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่ค่อยพอใจนัก “ข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ก็แค่มี พรสวรรค์ทำไมต้องดูถูกลูกสาวของเราด้วย? คิดจริง ๆ หรือว่าลูกชายตัวเองจะเป็นหยกฝังทอง”

 

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ากลัวว่าจางชิวไม่ตาไม่คิดอย่างนั้น เขาคงดูออกว่าลูกสาวเราเป็นคนแบบไหน ดังนั้นจึงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่”

 

“ข้าไม่เชื่อหรอก หรือว่าจางชิวไฉ่จะฉลาดขึ้น เขาดูออกได้อย่างไรว่าเราเป็นแบบไหน? ถ้าการที่เขาสอบซิ่วไฉได้ทำให้เขาฉลาดขึ้นหรือไร?”

 

“นอกจากนี้ได้เป็นคนแบบไหนกัน? นางเป็นคนฉลาด รอบรู้ มีเหตุผล เหตุใดนางถึงไม่คู่ควร?”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 198 หายนะ

“สาวน้อยตระกูลหยุน อย่างน้อยนางก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเจ้า ตอนนี้นางกําลังทรมาน เจ้าจะไม่เข้าไปช่วยหน่อยหรือ?”

หยุนเถียนเถียนเกือบสําลักน้ําลายตัวเอง สมองของหัวหน้าหมู่บ้านจมไปในน้ําแล้วหรือ? เจตนาของคนตรงหน้าเพียงอยากให้นางกระโดดเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้สินะ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หยุนเถียนเถียนก็มีความคิดบางอย่าง นางก้าวออกมาและพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน… ข้ากับนายท่านผู้นี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เกรงว่าถ้าข้าพูดอะไรก็คงไร้ประโยชน์เช่นกัน”

ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านมืดครึมพร้อมกล่าวเสียงค่อย “มีนายน้อยตระกูลหล่อยู่ข้างหลังนะ ถึงเอาแต่ทําตัวเหนือกว่าคนอื่น หากคําพูดสองสามประโยคของเจ้าสามารถช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ ทําไมเจ้าถึงไม่ทําล่ะ?”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะอย่างดูแคลน “หัวหน้าหมู่บ้าน สมองท่านหายไปแล้วหรือ คาดหวังให้ข้าโง่เหมือนท่านหรือไร ถ้าข้ามองไม่ผิด คนที่หาเรื่องน่าจะเป็นคนที่ซื้อสูตรเนื้อจากหลีชุนเกี่ยว ข้าอ่อนแอไร้ความสามารถ จะช่วยนางไปทําไมกัน?”

หัวหน้าหมู่บ้านตะลึง เขาไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ไปได้

หลี่เฟิงรู้สึกชื่นชมเด็กสาวที่กล้าโต้กลับ เขาจึงกล่าวออกไปบ้าง “ข้ามาเพราะสูตรเนื้อของบ้านนี้ ข้าจ่ายเงินไปถึงสองร้อยตําลึง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือของปลอม หากนําสูตรที่แท้มาให้ข้า ข้าจะปล่อยพวกมันไป หากข้ายังไม่ได้”

หลังจากที่เขาเว้นคําพูดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศคุกคาม แม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่สามารถรู้สึกถึงแรงอาฆาตนี้ได้

หลีชุนเกี่ยวหน้าถอดสี สูตรที่แท้จริงมีเพียงยัยเด็กเวรนั้นที่มี แต่นางจะเอาสูตรที่แท้จริงนั้นมาช่วยตัวเองได้เช่นไร?

เฉินเจียวเจียวที่หลบอยู่ในห้องวิ่งออกมา แม่ของนางไม่สามารถทําเรื่องน่าอับอาบได้ ดังนั้นมีแค่นางเท่านั้นที่ทําได้

ขอแค่ดึงหยุนเถียนเถียนลงมานรกได้ ต่อให้เสียหน้าเพียงใด ก็ไม่สําคัญ ยิ่งไปกว่านั้นหากทําแล้วมันได้ผลนางก็จะได้ชื่อเสียงในเรื่องความกตัญญอีกด้วย

“หยุนเถียนเถียน ข้าขอร้อง เจ้าช่วยพวกเราเถอะ ตอนนี้มีแค่เจ้าที่ช่วยครอบครัวของข้าได้เ”

หยุนเถียนเถียนยิ้มและพูดว่า “เฉินเจียวเจียว บอกมาสิว่าข้าจะช่วยครอบครัวเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้ามีสูตรที่แท้จริงอยู่มือ มันสามารถช่วยครอบครัวข้าได้ แม้สิ่งนั้นจะมีค่ามาก แต่มันหมายถึงชีวิตของคอรบครัวข้า”

เมื่อนางพูดจบ หยุนเถียนเถียนก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “มีคนเคยบอกว่าคนไร้ยางอาย บนโลกนี้มักอยู่ยงคงกระพัน เฉินเจียวเจียว เจ้ามันหน้าไม่อายเสียจริง เป็นครอบครัวเจ้าที่รับเงินสองร้อยตําลึง ถ้าข้านําสูตรนั้นให้กับเจ้า แล้วข้าได้อะไรหรือ?”

น้ําตาของเฉินเจียวเจียวไหลออกมาจนสายตาพร่ามัว และพูดขึ้นมา “เถียนเถียน ข้ารู้ว่าข้าล่วงเกินเจ้า แต่ตอนนี้มันเกี่ยวพันกับชีวิตของพวกข้า พวกข้ารับเงินสองร้อยตําลึงจริง แต่เจ้าจะไม่สนใจเราสามคนเลยหรือ ถ้าเจ้ายินดีที่จะช่วยพกเรา ข้าเฉินเจียวเจียวยินดีจะเป็นวัวเป็นม้าสําหรับเจ้า”

“อ้อ ไปเป็นวัวเป็นม้าให้ข้า ก็เหมือนเป็นคนของหยุนเคอสินะ สุดท้ายเจ้าก็ตลบหลังข้าเพื่อเข้าหาคู่หมั้นของข้างั้นรี แผนของเข้านับว่าไม่เลวเลย”

“ก่อนหน้านี้คนที่ขโมยสูตรไปจากข้าก็คือพวกเจ้า นําไปขายได้เงินมัน ก็เป็นเงินของพวกเจ้า ตอนนี้มีคนมาหาเรื่องเจ้าก็ผลักมันมาให้ข้างั้นหรือ ข้าสมควรต้องรับมันงั้นหรือ ข้าไม่ได้ติดหนี้อะไรเจ้านะ?”

เฉินเจียวเจียวคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกังวลพร้อมกอดขาหยุนเถียนเถียนไว้แน่น

 

“ ข้ารู้ว่าข้าเคยล่วงเกิดเจ้ามาก่อน แต่เราเป็นเพื่อนบ้านกันนะ ช่วยพวกเราเถอะ!”

“เฉินเจียวเจียว ถ้าข้าส่งสูตรนั้นให้แล้วเจ้าเป็นอิสระ แล้วนายน้อยหลี่ล่ะ? เจ้าจะอธิบายกับเขาว่าอย่างไร อย่าใช้วิธีนี้บีบบังคับข้าเลย ทุกคนที่นี่ไม่ใช่คนโง่ อย่าเสแสร้งทําท่าทีเช่นนี้เลยมันไม่งาม!

จีชื่อเมื่อได้ฟังเช่นนั้นได้แต่ร้อนใจ ครอบครัวนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ถึงกับบีบบังคับหยุนเถียนเถียนได้ขนาดนี้

จีชื่อเดิมที่เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความกล้ามากกว่าผู้หญิงทั่วไปมี เมื่อเห็นอย่างนั้นนางจึงก้าวเข้ามาหา “ข้านึกว่าคนนอกจะเข้ามารังแกคนในหมู่บ้านเราเสียอีก คิดไม่ถึงว่าคนหมู่บ้านจะทําเสียเอง เถียนเถียน… ในเมื่อนี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวอื่น งั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ! พวกเจ้าจะไปที่ทางการหรือไม่ หรือจะแก้ปัญหากันเอง แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกข้าต้องใส่ใจ!”

หยุนเลี่ยนเกียนเดินตามป้าจอย่างเชื่อฟัง นางเดินออกจากลานบ้านไปอย่างไม่แยแส ส่วนคนอื่น ๆ บางคนก็ยังอยู่เดิมเพื่อชมละครตรงหน้า แต่บางคนก็รู้สึกขายหน้าเกินไปที่จะอยู่ตรงนี้

แต่ขณะนั้นเฉินเจียวเจียวก็ตะโกนขึ้น “หยุนเถียนเถียน! ครอบครัวข้าเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้า เพราะเจ้าคนเดียว! เจ้าจงใจซ่อนสูตรไม่ให้แม่ข้าหาเจอ เพราะอย่างนั้นสูตรที่เรามีจึงเป็นของปลอม!”

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินคําพูดไร้หัวคิดเช่นนี้ นางได้แต่ยิ้มเยาะหยัน เฉินเจียวเจียวคิดว่าจะรังแกข้าได้งั้นรึ?!

นางหันกลับไปมองหลี่เฟิงอย่างเฉยเมย “ท่านไม่ต้องไปสนใจบ้านนั้นหรอก สูตรที่แท้จริงอยู่ในมือข้า พวกมันไม่มีทางเอาไปได้แน่นอน เงินสองร้อยตําลึง ข้าคิดว่าน่าจะเหลืออยู่ มิสู้ออกไปค้นในห้องเสียดีกว่า ส่วนที่เหลือข้าว่าท่านปล่อยวางเสียเถอะ”

“แม้ว่าเฉินเจียวเจียวจะไม่ได้หน้าตาดีนัก แต่นางก็มีเสน่ห์ไม่น้อย นางรักเงินและคิดถึงแต่ความมั่งคั่ง หากติดตามนายท่านได้ก็อาจจะเป็นโชคของนางแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร?”

หลี่เฟิงมองไปที่หญิงสาวที่หยุนเถียนเถียนบอก แม้ใบหน้าของนางจะดูหมองคล้ํา แต่ก็สามารถบอกได้ว่าใบหน้าที่เรียบร้อยนั้นฉายแววสาวงามที่แท้จริง

นางหันกลับไปมองเฉินเจียวเจียวที่ร้องสะอื้น เมื่อเห็นสภาพของนางและไตร่ตรองดูดี ๆ มันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

เดิมที่เขาเพียงเป็นพ่อค้า ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายก็มาจากคู่ค้าหรืองานเลี้ยง รสชาติของหญิงสาวชาวนาที่บริสุทธิ์ เขายังไม่เคยลิ้มรสมันมาก่อน!

เฉินเจียวเจียวตกตะลึง นางไม่เคยคิดเลยว่าหยุนเถียนเถียนจะกล้าทําเช่นนี้

นางหันหน้าไปมองหลี่เฟิง แม้ว่าผู้นี้จะแต่งกายหรูหรา แต่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าแก่กว่าพ่อของตนเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นภูมิหลังทางครอบครัวของบุคคลที่ร่ํารวยกว่าคนอย่างหยุนเคอแน่นอน

เฉินเจียวเจียวกระตือรือร้นที่จะมีชีวิตที่ดี นางปาดน้ําตาไม่ร้องไห้อีกต่อไป นางก้าวเท้าไปข้างหน้าและโค้งคํานับหลี่เฟิงด้วยความเคารพพร้อมส่งสายตาหวานซึ้ง

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 197 ปัญหาคืบคลาน

 

ตอนที่ 197 ปัญหาคืบคลาน

 

เขาไม่คาดคิดว่าหลี่ซื่อฮวาจะเห็นสิ่งผิดปกติเลยเตรียมการแก้ไขไว้แล้ว

 

เมื่อรสชาติของอาหารดีขึ้น ลูกค้าก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แขกที่รู้จี้จุกจิกเหล่านั้นไม่นานก็สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเนื้อทั้งสองร้าน

 

ผู้ที่มีกำลังพอเข้ารับประทานอาหารในร้านต่างพร้อมที่จะจ่ายเงินอยู่แล้ว หากรสชาติอาหารดีกว่า แม้จะราคาสูงสักหน่อยทำไมพวกเขาจึงจะไม่เลือกล่ะ?

 

เถ้าแก่จางจากไปทิ้งหลี่เฟิงไว้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขายิ่งเดือดดาล การหนีไปของเถ้าแก่จางทำให้เขาโกรธจัดแน่นอนว่าหลี่เฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟ้องร้อง!

 

เขาต้องตามกลิ่นเพื่อจับคนร้ายให้ได้ หลังจากนั้นเขาจะชำระแค้นทุกสิ่ง!

 

ถ้าเจอตัวเถ้าแก่จางเมื่อไหร่ มันจะต้องเป็นที่ระบายความโกรธที่ยอดเยี่ยมแน่! หลี่เฟิงอยู่ในเขตเมืองเพื่อจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น เขาขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วเคลื่อนย้ายของกลับเมืองหลวง

 

ของที่ขายทั้งหมดนั้นได้ราคาต่ำมาก หลังจากชำระบัญชีที่ติดค้างไว้ก็แทบจะไม่เหลือ หรือให้พูดอีกก็คือกิจการเนื้อหมูของหลี่เฟิงมันทำให้เขาสูญเสียทรัพย์สินของตนเองจนหมดสิ้น!

 

แม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้กระทบตระกูลหลี่มากนัก มันก็ยังส่งผลไม่น้อย ตอนนี้น้องสาวของเขาอยู่ที่บ้านของนายน้อยหลี่ และผู้ชนะทั้งหมดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกพี่ลูกน้องของเขา!

 

เจ้าตัวไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้ชั่วคราว อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน หลี่เฟิงเคยรักน้องสาวคนนี้มาก แต่นางกลับแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียก่อน ซึ่งเขาพ่ายแพ้อีกฝ่ายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงแข่งด้วยซ้ำ

 

ยังไงซะตอนนี้เขาก็ยังตามหาเถ้าแก่จางไม่เจอ ยังไงก็ต้องอดทนรอไปก่อน!

 

สิ่งแรกที่หลี่เฟิงทำเมื่อกลับมายังเมืองหลวงคือการไปหาฮูหยินหลี่ และได้ทราบข่าวของเฉินฉ่เกินแห่งหมู่บ้านเทพธิดา

 

หลี่เฟิงรู้สึกว่าถ้าความโกรธที่ยังพลุ่งพล่านไม่ได้ระบายออก ในไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องกลั้นหายใจจนตาย ดังนั้นเขาจึงตรงดิ่งไปที่หมู่บ้านเทพธิดาทันที

 

ในหมู่บ้านมีรถม้าคันหนึ่งกำลังขับเคลื่อนเข้ามา มันไม่ใช่รถของนายน้อยหลี่ เช่นนี้จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย

 

น่าแปลกใจที่รถม้าคันนี้ไม่ได้จอดอยู่ที่บ้านของหยุนเถียนเถียนแต่กลับจอดอยู่บ้านของเฉินฉ่เกินที่ทุกคนรังเกียจที่สุด

 

หลี่เฟิงให้คนเตะประตูบ้านของเฉินฉ่เกินและเดินเข้าไปอย่างไร้มารยาท

 

หลี่ชุนเถียวร้องออกมาเสียงดัง “ใครกัน! รีบเหมือนมีใครตายกล้าดีอย่างไรมาถีบประตูบ้านของข้า เจ้าคิดรนหาที่ตายรึ!”

 

แต่ทันทีที่ตะโกนเสร็จ นางเงยหน้าขึ้นจึงเห็นใบหน้าเย็นชาของหลี่เฟิงชัดเจน

 

หลี่ซุนเกี่ยวคนนี้จะว่าฉลาดก็ไม่มาก แต่จะว่าโง่ก็ไม่ใช่ อย่างน้อยใบหน้าคนตรงหน้าก็คลับคล้ายกับฮูหยินหลีที่เคยเห็นในจวนสกุลหลี่ ไม่ต้องบอกก็รู้คนตรงหน้ามีความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้อง

 

หลี่เฟิงเดินเข้าไปด้วยความเกรี้ยวกราด บรรยากาศกดดันปกคลุมไปทั่วบ้าน หลี่ขุนเขียวไม่กล้ามองคนตรงหน้าเพราะรู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี

 

แม้ว่านายท่านผู้นี้ดูอายุราวสามสิบสี่สิบปี แต่ร่างกายก็สวมผ้าล้ำค่า แม้หน้าตาจะดูไม่ดีนัก แต่ทั้งร่างก็ดูสูงส่ง หลี่ซุนเฉียวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใบหน้าของนางกลับแดงก่ำเวลามองไปที่หลี่เฟิง

 

“นายท่าน ท่านมาที่นี่มีอะไรหรือไม่?”

 

ตอนนี้หลี่เฟิงรู้สึกขยะแขยงคนตรงหน้า นางเป็นแค่หญิงชาวนาใบหน้าหยาบกระด้างดูไม่ได้ แต่กลับแสดงท่าที่เขินอายออกมา ให้เห็นมันน่าขยะแขยง น่าบีบคอให้ตายยิ่งนัก

 

เขาไม่ได้ลืมจุดประสงค์ของวันนี้… มาเพื่อคิดบัญชี

 

หลี่เฟิงนั่งไขว้ห้างอยู่บนโต๊ะหินและยกขาขึ้น “สูตรเนื้อหมูพวกนั้นเป็นสูตรที่เจ้าให้น้องสาวข้าใช้ไหม?”

 

หลี่ชุนเดียวไม่สามารถโต้แย้งได้และถามอย่างกระสับกระส่าย “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ สูตรนั้นถูกต้องแล้ว ตอนนั้นข้าเป็นคนทำเอง”

 

“หึ! ของที่ทำออกมาย่ำแย่กว่าคนอื่นหายขุม ไม่แม้แต่ได้ประโยชน์ เจ้าต้องการเงินงั้นรี ถึงกล้าหลอกหลวงน้องสาวของข้า!”

 

การแสดงออกจากหลี่เฟิงดูน่ากลัวมาก เดิมที่หลี่ชุนเกี่ยวรังแกคนอ่อนแอเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเจอกับตัวเองถึงกับต้องหวาดหวั่น คนตรงหน้ามิใช่สิ่งที่นางจะสามารถล่วงเกินได้ นางตกใจจนเผลอถอยหลังไปหลายก้าว สุดท้ายได้แต่เอนทิ้งอ่างน้ำข้าง ๆ พร้อมร่างกายที่สั่นสะท้าน

 

“รับเงินจากข้าไปแล้ว แต่กลับไม่ทำให้ดี ให้ข้าคิดก่อนว่าข้าจะจัดการกับครอบครัวเจ้าอย่างไรดี?”

 

หลีชุนเกียวสันสะท้าน แต่ยังคงโต้กลับว่า “เดิมที่พวกท่านรับปากที่สองร้อยตำลึง แต่สุดท้ายกลับให้ข้าแค่ร้อยตำลึง การได้สูตรเช่นนี้นับว่าไม่เลวร้ายเลย พวกท่านยังต้องการอะไรอีก!”

 

“มันใช่เรื่องที่เจ้าจะมาโต้ตอบข้างั้นหรือ? มานี่ ข้าจะสั่งสอนเจ้า!”

 

หลี่เฟิงพาเหล่าข้ารับใช้รุ่นเยาว์และแข็งแรงเข้ามาในลานบ้านพวกเขาเริ่มทุบตีสั่งสอนคนตรงหน้า

 

เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมดึงดูดผู้คนในหมู่บ้าน แม้ว่าหลีชุนเฉียวจะไม่ได้เป็นคนที่ใครชอบนัก แต่สุดท้ายก็เป็นคนในหมู่บ้าน ทุกคนไม่อยากเห็นคนอื่นมารังแกคนในหมู่บ้านของตัวเอง

 

ดังนั้นชาวบ้านกลุ่มใหญ่จึงนำจอบ เสียมหลากหลายชนิดเดินมาที่บ้านของหลี่ซุนเกี่ยว

 

เหล่าข้ารับใช้ยังคงทุบนางไม่หยุด หลี่ซุนเกี่ยวกระโดดหนีอย่างร้อนรน แม้แต่เฉินซูเกินก็พยายามปกป้องของในบ้านตนเอง แต่ก็ถูกเตะจนล้มลงไปกับพื้น

 

“พอได้แล้ว! พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ามาจากที่ไหนถึงวิ่งมารังแกคนในหมู่บ้านของเรา!”

 

คนที่พูดประโยคนี้คือหัวหน้าหมู่บ้านเฉินซ่ง หากไม่เคยรู้จักเขามาก่อน หยุ นเถียนเถียนคงคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนยุติธรรม

 

นางรับชมเรื่องสนุกอยู่ด้านหลังได้แต่เบ้ปาก หัวหน้าหมู่บ้านจอมเสแสร้งยังคิดจะอวดดีต่อหน้าคนพวกนี้อีกหรือ?

 

หลี่เฟิงมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่? เจ้าพยายามปกป้องหญิงคนนี้งั้นเหรอ?”

 

เฉินซ่งขมวดคิ้ว รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ง่ายจะตอแยด้วย แต่การขี่เสือนั้นลงยาก ในเมื่อเขาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องปกป้องชาวบ้าน

 

“เจ้าเข้ามาในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผล แล้วมาทำเช่นนี้ข้าจึงไม่อาจยืนดูเฉย ๆ ได้!”

 

“หากข้าทุบตีอย่างมีเหตุผล แล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะว่าอย่าง ไร?”

 

หลี่เฟิงพูดพลางโบกพัดในมือไปด้วย

 

“ถ้าครอบครัวนี้น่าสงสารจริง ๆ ก็ให้พวกเขาชดใช้ค่าเสียหายเงินแค่นี้ไม่ทำให้พวกมันไร้บ้านหรอก”

 

“ข้าสูญเสียของที่ครอบครัวนี้ไม่สามารถจ่ายได้ แล้วข้าควรทำเช่นไรดี? หัวหน้าหมู่บ้านควรชั่งน้ำหนักให้ดีว่าควรปกป้องคนพวกนี้หรือไม่

 

ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังลังเลว่าจะทำอย่างไรดี แววตาของเขากลอกไปมา เหลือบเห็นหยุนเถียนเถียนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 196 หนี

 

แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มหัวเราะไม่ออก ทุกคนเริ่มรู้สึกสงสารเขาจับใจแม้ว่าเฉินผิงอันจะทําเรื่องน่าขยะแขยงมามากมาย แต่ในวันนี้สภาพของเขาทําให้ทุกคนรู้สึกจุกในอก

 

มีเพียงคนที่จิตใจหยาบช้าที่จับจ้องเงินสิบตําลึงในมือของเขาหากแม้เขาได้รับสักสองตําลึงก็สร้างความอิจฉาได้แล้ว นับประสาอะไรกับครอบครัวเล็ก ๆ อย่างคนพวกนี้? แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่มีเงินมากมายเท่าเฉิงผิงอันในตอนนี้เลย..

หมู่บ้านแห่งนี้สงบสุขได้สองถึงสามวันก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งเถ้าแก่จางขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดไม่ตก

 

ที่จริงแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน มีลูกค้าบุกมาที่ร้านและสร้างปัญหาว่าร้านของเขาขายเนื้อเหม็นเน่า! เถ้าแก่จางไม่เคยเชื่อถือคําคารหาเหล่านั้นแต่ว่าคนกล่าวหายิ่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทําให้ธุรกิจของเขาเริ่มติดขัด

 

ตอนนี้เนื้อล็อตสุดท้ายที่เอามากลับขายไม่ออก ทั้งหมดเป็นเพราะเถ้าแก่จางไม่เคยตรวจสอบคลังสินค้าด้วยตนเองจนกระทั่งวันนี้เขาเห็นหนอนไต่อยู่บนเนื้ออย่างชัดเจน กลิ่นเหม็นหืนโชยมาอย่างน่าพะอืดพะอม เถ้าแก่ได้แต่ยืนคิดหนักอยู่อย่างนั้น

 

ทันทีที่เปิดประตูโกดังออก กลิ่นเหม็นตีเข้าจมูกเถ้าแก่ทันที

ดวงตาของเถ้าแก่จางเบิกกว้างเมื่อเห็นแมลงวันมหาศาลกําลังบินว่อนอยู่ตรงกลางชั้นวางเนื้อ!

แม้ว่านี่จะไม่ใช่การค้าเพียงอย่างเดียวของตระกูลหลี่ แต่มันก็คือกิจการที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้ หากร้านอาหารไม่สามารถเดินต่อไปได้กิจการของตระกูลหลี่ในเมืองคงต้องจบสิ้นแน่

 

เถ้าแก่จางไม่รู้จะอธิบายให้หลี่เฟิงฟังอย่างไร เนื้อที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นสูตรที่เขาเอามา ตอนนี้ผลกระทบร้ายแรงเช่นนี้ เกรงว่าจะขายต่อก็ไม่มีซื้อแน่นอน

เถ้าแก่จางปิดประตูคลังอย่างใจเย็น ตกบ่ายเขาไม่ไปที่ร้านอาหารและมุ่งตรงกลับบ้านพร้อมกับเงินทองที่ได้รับมานานหลายปีทั้งยังพาภรรยาทั้งสองคนไปด้วย เขาทิ้งฮูหยินที่เสียโฉมไว้ที่นี่มือทั้งสองข้างโอบอุ้มลูกน้อยทั้งสองไว้ อาศัยความมืดที่ปกคลุ มลอบหนีออกจากเมืองไป

 

ส่วนหลี่เฟิงยังคงนอนอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ เขาเฝ้าฝันถึงการค้าขายอย่างมีความสุข ตอนนี้เถ้าแก่จางคงอยู่ที่ร้านอาหารและเขาไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลอะไร

 

แต่ตอนนี้เถ้าแก่ไม่อยู่แล้ว เสี่ยวเอ้อกับลูกจ้างคนอื่น ๆ ต่างพากันงุนงง แม้แต่ในครัวก็ยังไม่รู้ว่าควรต้องทําอย่างไร พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะไปตามหาหลี่เฟิงที่ไหน

 

ค่าแรงของทุกคนในร้านก็ยังไม่ได้รับ พวกเขาทําได้เพียงเปิดร้านอาหารทุกคนแต่ไม่มีใครเข้าร้านสักคน…

 

หลังจากผ่านมาครึ่งเดือน หลี่เฟิงคิดว่ามันถึงเวลาที่จะเข้าไปดูกจการบ้างแล้ว เขาเดินโบกพัดไปมาอย่างสบายใจพร้อมกับมุ่งหน้าจากเมืองหลวงสู่ร้านอาหารทันที

นายบัญชีทั้งสองที่รู้จักหลี่เฟิงหันหน้ามองกันแล้วเดินเข้าไปโค้งคํานับทําความเคารพ

 

“นายท่าน ท่านมาแล้ว! ข้าไม่สามารถไปหาท่านถึงเมืองหลวงได้ทําให้เราต้องรอท่านอยู่ที่นี่ เถ้าแก่จางหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา มาครึ่งเดือนแล้วร้านอาหารแห่งนี้ไม่สามารถเปิดต่อไปได้แล้ว ยังไงท่านก็มาแล้วดีเลยรีบจ่ายเงินค่าจ้างให้พวกข้าเถอะ ที่บ้านยังมีคนรอกินข้าวอยู่!”

หลี่เพิ่งตกใจพร้อมขมวดคิ้วแน่น จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “เถ้าแก่จางไม่มาครึ่งเดือนแล้วงั้นรึ? เขาควรอยู่ร้านอาหารทุกวันมิใช่หรือ?”

 

นายบัญชีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถ้าแก่จางมาโดยตลอด แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่คนตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ แต่พอเห็นคําถามของเจ้านายเขาก็รีบร้อนตอบกลับ “เถ้าแก่ในร้านอีกคนบอกว่าเขามีปัญหาภายในครอบครัวนิดหน่อยจึงขอกลับบ้านก่อน แล้วจากวันนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเจอเขาอีกเลย!”

หลี่เพิ่งได้ยินอย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนก เงินทั้งหมดในร้านอาหารถูกฉกชิงไปโดยเถ้าแก่จาง…

 

“พาข้าไปที่บ้านของเถ้าแก่จางเร็วเข้า!”

นายบัญชีรีบพาหลี่เพิ่งออกไปตรงมายังบ้านของตระกูลจาง ประตูบ้านปิดสนิท เช่นนี้นายบัญชีเดินไปเคาะประตูด้วยความหวาดกลัว

 

สตรีสูงวัยผู้หนึ่งเปิดประตูออกมาพร้อมสีหน้าโศกเศร้า

“นายท่าน ท่านมาที่นี่ทําไม?”

หลี่เฟิงไม่ได้สนใจหญิงคนนี้ เขาเดินเข้าไปในจวนตระกูลจางและมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ฮูหยินจาง สามีของเจ้าอยู่ที่ ไหน?”

 

ฮูหยินจางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่านายท่านสั่งให้เขาไปธุระต่างเมืองหรอกหรือ? เพราะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ เขาจึงพาอนุคนโปรดไปด้วย แม้แต่เด็ก ๆก็ยังไปด้วยเขายังบอกอีกว่าจะพาเด็ก ๆ ไปเผชิญ โลกภายนอกมากขึ้น”

หัวใจของหลี่เฟืนเต้นระรัว “ข้าสั่งให้เขาไปทําธุระต่างเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่กันทําไมข้าไม่รู้ว”

 

เมื่อมองไปยังเรือนไร้เจ้าของ นายบัญชีก็ก้าวขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ข้าว่าเถ้าแก่จางหนีไปแล้ว!”

 

เมื่อหลี่เฟิงได้ยินคําพูดนี้เขาก็ตกใจเล็กน้อย มือที่ถือพัดอยู่อ่อนแรงลงจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? แล้วทําไมเขาต้องหนี?”

 

นายบัญชีถอนหายใจออกมา “เพราะข้าไม่รู้จะติดต่อนายท่านอย่างไรมิเช่นนั้นข้าคงบอกท่านไปแต่แรกปกติเถ้าแก่จางไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่สกปรกมาก แต่เพราะเป็นเจ้านายข้าจึงไม่อาจพูดอะไรได้เมื่อเร็วๆนี้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น!”

 

“เมื่อไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่จางให้คนทําเนื้อหมูมาขายในร้าน ราคาถูกกว่าที่ซื้อข้างนอกมาก ตอนแรกธุรกิจเรากําลังไปได้สวย แต่นายน้อยหลี่ไม่รู้ว่าได้สูตรอาหารมาจากที่ไหนลูกค้าจึงโดนดึงไปฝั่งนั้นไม่น้อย”

“นานวันเข้า มันเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ มีคนเข้ามาโวยวายในร้านบอกว่าเนื้อที่ขายทั้งเหม็นและยังมีแมลงตอม เถ้าแก่จางรู้ว่ามีความผิดปกติกับเนื้อจึงพาพวกข้าไปที่โกดัง ใครจะไปคาดคิดว่าเนื้อในนั้นมีกลิ่นเหม็นสาปและแมลงวันบินเต็มไปหมด”

 

“ข้านึกว่าเถ้าแก่จางจะไปหานายท่าน ใครจะคาดคิดว่าเขาจะพาอนุและลูกหนีไป ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เพราะคิดเสมอว่าครอบครัวเขาอยู่ที่นี่ ฮูหยินจางก็อยู่บ้านตลอด ใครจะรู้ว่าการจากไปครั้งนี้กลับไม่พาฮูหยินไปด้วย!”

หลี่เฟิงขมวดคิ้ว “ทําไมเนื้อถึงมีปัญหาได้?”

นายบัญชีรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เถ้าแก่จางหนี้ไปแล้ว ถ้านายท่านหนีไปอีกคน ลูกจ้างจํานวนมากคงไม่ได้แม้แต่ค่าแรง

“ตอนที่พวกข้าย้ายเนื้อเข้ามา ข้าบอกเขาแล้วว่าเนื้อยังไม่แห้งดีเกรงว่าจะเก็บไว้ได้ไม่นาน แต่เถ้าแก่จางกลับไม่เชื่อคําข้า และพูดขี้นว่ามาไม่นานก็ขายหมดแล้ว แต่เนื้อพวกนั้นไม่น้อยเลย น้ําหนักทั้งหมดสองพันชั่ง วิธีการรักษาก็ไม่ดีนัก”

 

หลี่เฟิงตกตะลึง เขารู้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นของเนื้อหมู.. เขาคิดว่าแม้รสชาติจะแย่เล็กน้อยแต่ราคามันแสนถูก ตามหลักแล้วเนี้อสองพันชั่งนั้นใช้เวลาไม่นานก็ขายหมดแล้ว!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 195 ความอัปยศของเฉินผิงอัน

ตอนที่ 195 ความอัปยศของเฉินผิงอัน

เฉินซ่งได้ยินเช่นนั้นก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสเริ่มไม่พอใจ เขาจึงรีบลุก ดึงภรรยาตัวเองเอาไว้

 

“อย่าฉันไม่เข้าท่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา พวกเขารับได้เ”

ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านรู้ว่าต้องไว้หน้าสามี จึงก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ

 

หลังจากโต้เถียงกันไม่กี่ประโยค ชายหลายคนพาเฉินผิงอันเข้ามาในห้องโถงบรรพบุรุษ

 

ร่างกายของเฉิงผิงอันเต็มไปด้วยโคลนสกปรก ผมยุ่งเหยิง ในมือยังถือไหเหล้าไม่ยอมปล่อย ปากยังบ่นเกี่ยวกับหยุนจิงเอ๋อไม่ขาดปาก

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะก่อนจะยกถ้วยน้ําชาขึ้นมาสาดใส่หน้า ของเฉินผิงอัน

 

เฉินผิงอันลืมตาขึ้นมอง เขาใช้แขนเสื้อสกปรกเช็ดน้ําบนใบหน้า แต่การเช็ดครั้งนี้ทําให้ใบหน้าเปื้อนเหมือนหนวดแมว

 

“ผู้ใด? ผู้ใดมันกล้าสาดน้ําใส่ข้า?”

อาวุโสทุบไม้เท้าลงพื้นอย่างแรง “เฉินผิงอัน! เจ้ายังมีดวงตาอยู่หรือไม่?”

เฉินผิงอันมองใบหน้าเคร่งขรึมของผู้อาวุโสสูงสุด เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากสั่นสะท้านไม่ยอมพูดอะไรต่อ

“ที่จริงแล้ววันนี้เจ้าจะมาหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องที่ข้าตัดสินใจแล้ว! เจ้าอย่าหาว่าตาแก่อย่างข้าเรื่องเยอะ เพราะถึงอย่างไร ข้าทําเพื่อเด็กคนนี้ ข้ามีหลานเพิ่มมาอีกคนก็ไม่มีปัญหา การทําความดีเช่นนี้จะไม่สูญเปล่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของตาแก่ผู้นี้ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรก็บอกข้าออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

เฉินผิงอันก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไร หยุนเถียนเถียนบอกถึงประโยชน์ของเด็กคนนี้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว หยุนเถียนเถียนบอกเขาชัดเจนหมดสิ้น ต่อให้ไม่เต็มใจเขาก็ไม่ควรทําให้อนาคตลูกชายถูกทําลายไปมากกว่านี้

 

“เจ้าเคยขายลูกชายแท้ ๆ นี้ไปแล้ว แต่ถึงเจ้าจะไม่ได้บอก เจ้าก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี ตอนนี้แค่เห็นเจ้าที่เป็นผู้ให้กําเนิดมา ข้าแค่จะถามความคิดเห็นเท่านั้น มีอะไรก็พูดออกมา แล้วหลังจากนี้หากกล้าหาเรื่องข้าอีก อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าเป็นตาแก่ไร้เหตุผล!”

 

สิ่งที่หยุนเถียนเถียนคิดได้คือ ตาแก่คนนี้นําเรื่องทั้งหมดมาผูกไว้ที่นี่ที่เดียว ถึงแม้เฉินผิงอันจะมาหาเรื่อง หยุนเถียนเถียนก็ไม่จําเป็นต้องกลัวอีกต่อไป เพราะมีหนทางรับมือแล้ว

 

“ข้า

ข้าก็แค่ เขาเป็นลูกชาย…”

 

หยุนเถียนเถียนหัวเราะเย้ยหยันอยู่ด้านข้าง “ตอนนี้เพิ่งได้รู้หรือว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว!? ทําไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ากระทํากับเขาเฉกเช่นลูกชายเลย… ทําไมเขาถึงไม่ได้กินอาหาร? การไม่มีเฉินเฉินท่านพอใจแล้วงั้นหรือ? ท่านยอมส่งลูกชายคนอื่นไปเรียนมากกว่าส่งลูกชายตัวเองเรียน! แต่ตอนนี้ท่านกลับบอกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว”

 

เฉินผิงอันเผยใบหน้าแดงก่ํา เขาไม่รู้เลยว่าควรโต้ตอบด้วยคําใด

แต่หยุนเถียนเถียนไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ “ในเมื่อขายเขาไปแล้ว แม้แต่สัญญาก็อยู่ในมือของข้า เฉินผิงอัน… เจ้ามีความสามารถที่จะไถ่เขากลับคืนงั้นหรือ?”

“ถึงแม้ท่านจะไถ่เขากลับไป ท่านจะเลี้ยงดูเขาได้งั้นหรือ ท่านยังจะให้เขาร่ําเรียนต่อหรือไม่ ออกไปหาอ่างน้ําแล้วส่องดูหน้าของตัวเองดูซิ คนขี้ขลาดเช่นท่านจะให้ความรู้แก่ลูกชายตัวเองได้อย่างไร ข้าแนะนําให้ท่านพยักหน้าเห็นด้วยเพื่อไม่ให้อนาคตของลูกชาย ท่านล่าช้าไปกว่านี้”

เฉินผิงอันหน้าซีดเผือด… ถูกต้องทั้งหมด! เขายังคงทําตัวเป็นโคลนตมอยู่ข้างเตาผิง ตอนนี้สภาพบ้านไม่เหมือนก่อน ทุ่งนาก็รกร้างไปแล้วสองส่วน แม้แต่บ้านก็พังพินาศจากการถูกเผาจนพังยับเยิน ตอนนี้ทําได้เพียงอยู่อาศัยได้เท่านั้น

การดื่มเหล้าติดต่อกันเป็นเวลานานทําให้เงินแทบหมดไป ตอนนี้ อาหารมื้อต่อไปของตัวเองก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหน หากยังดิ้นรนนําเด็กคนนี้กลับมา เขากลัวว่าแม้แต่อาหารก็ไม่สามารถหาให้กินได้

หยุนเถียนเถียนไหนเลยจะไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของเฉินผิงอัน เพราะรู้แล้วเลยยิ่งดูแคลน ไร้ความสามารถเช่นนี้ความสามารถการใช้ชีวิตห่วยแตกสิ้นดี

หยุนจิงเอ๋อที่คิดถึงก็ตายไปแล้ว หลินชวนฮวาก็นําของเขาหนีออกไป เขาสูญสิ้นทุกอย่าง เขาโกรธแค้น ตอนนี้เขายิ่งทําตัวเหลวไหลจนเหมือนผีเดินได้

“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จบลง ในอนาคต เจ้าห้ามสร้างปัญหาให้แก่ข้า ถ้าเจ้ายังกล้าข้าจะนําไม้กวาดใหญ่นี่ไล่เจ้าออกไป! จริงสิ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นบิดาแท้ ๆ ของเขา แต่ถึงเจ้าหิว… ข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ”

 

“ดูจากตอนนี้เจ้านั้นคงไม่เหลืออะไรแล้ว แม้แต่อาหารก็ไม่รู้จะไปกินที่ไหน อันนี้เงินสิบตําลึงถือว่าเป็นเงินเดือนแล้วกัน”

 

หยุนเถียนเถียนโยนแท่งเงินทิ้งไป ชาวบ้านที่เห็นอย่างนั้นถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก

 

เดือนละสิบตําลึง…. ครอบครัวของพวกเขาใช้เงินไม่ถึงสิบตํา ถึงต่อปีด้วยซ้ํา เด็กสาวคนนี้ช่างร่ํารวยเงินทองยิ่งนัก!

เฉินผิงอันไม่สนใจว่าหยุนเถียนเถียนจะใช้ท่าทางเช่นใดในการโยนแท่งเงินลงบนพื้น เขารีบย่อตัวลงคว้าแท่งเงินนั้นไว้แน่นแล้วยัดใส่อกเสื้อตัวเองอย่างเร่งรีบ

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มดูแคลน นางเปือนหน้าหนีไปทางอื่นราวไม่ต้องการมองขยะ

“วันนี้ข้าขอบคุณท่านปู่มาก เงินสิบตําลึงนี่เป็นความกตัญญูของเฉินเอื้อมอบให้ท่าน”

 

หลังพูดจบ นางก็วางเงินสิบตําลึงลงบนโต๊ะข้างห้องโถงบรรพบุรุษอย่างนอบน้อม จากนั้นคว้ามือเฉินเอ๋อและเดินออกไปอย่างใจเย็นภายใต้สายตาของชาวบ้านทุกคน

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินเฉินมีเพียงสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่พูดอะไรสักคํานอกจากเรียกผู้อาวุโสว่าท่านปู่

ขณะกําลังจะเดินออกไป หยุนเถียนเถียนหยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันมากล่าวทิ้งท้าย “เฉินผิงอัน ครั้งหน้าถ้าเจอเฉินเอ๋อ ท่านต้องเรียกเขาว่าลุง… มันไม่ได้ยากหรือง่าย แต่ข้าคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาของท่าน”

ชาวบ้านที่นั่งอยู่แถวนั้นก็หัวเราะกันอย่างคึกคักเมื่อได้ยิน

 

เมื่อครู่พวกเขาสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเดียวของเฉินผิงอันถูกพาตัวไป พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าเป็นคนใคร แต่หลังจากที่ได้ยินหยุนเถียนเถียนพูดเช่นนี้ ยิ่งเฉินเฉินเรียกผู้อาวุโสว่าท่านปู่แล้ว ตอนนี้มีใครไม่เข้าใจบ้าง?

เฉินเฉินตกอยู่ภายใต้ชื่อของลูกชายคนโตที่ตายไปแล้วของผู้อาวุโส ตามลํากับตระกูลแล้ว เฉินผิงอันต้องเรียกลูกชายตัวเองว่า ลุง!

หลังจากวางระเบิดหนักเสร็จสิ้น หยุนเถียนเถียนก็เดินจากไป

 

ดวงตาขุ่นมัวของเฉินผิงอันจ้องเขม็งไปที่ร่างเล็ก ๆ นั่น เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ชีวิตของเด็กนั่นดีขึ้นมาก จู่ ๆ ก็ปีกกล้าขาแข็ง ถึงแม้จะยังสู้ความแข็งแรงกับเด็กคนอื่นไม่ได้ แต่ก็แข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

สิ่งที่ทําให้เขาเศร้าที่สุดก็คือเฉินเฉินไม่มองเขาเป็นพ่ออีกแล้ว อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะชายตามอง ถึงมองก็เพียงมองผ่านไปเท่านั้น

 

เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของเฉินผิงอัน ทุกคนทําได้เพียงถอนหายใจออกทั้งที่เมื่อก่อนนี้พวกเขาต่างพากันเย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างเมามัน เฉินผิงอันที่เคยดูดีกลับกลายเป็นชายวัยสี่สิบที่เต็มไปด้วยผมหงอกขาวเต็มศีรษะ!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 194 ห้องโถงบรรพบุรุษ

ตอนที่ 194 ห้องโถงบรรพบุรุษ

ชายชราหลับตาอยู่เนิ่นนานก่อนจะกล่าวต่อ “ตัวตนที่แท้จริงของนางไม่ธรรมดาแน่นอน หยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนที่เราจะสามารถดูแคลนได้…”

 

“อีกอย่างแม้ว่าตอนนี้นางจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่อนาคตของนางช่างมั่นคงเจ้ารอดูเอาเถิดชายชราผู้นี้พบเจอคนมานักต่อนักแล้ว… ทําไมข้าจะมองไม่ออกว่าผู้ใดคือทองผู้ใดคือก

รวด…”

สะใภ้รองพยักหน้าอย่างจริงจัง นางไม่พูดขัดและเริ่มคร้อยตามท่านพ่อช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่ง

นางแต่งงานเข้ามาและให้กําเนิดบุตรชาย เช่นนี้จึงสามารถแยกบ้านออกไปได้อย่างง่ายดาย มีพื้นที่ไม่กี่ไร่ให้นางได้ปลูกบ้านอยู่กันในครอบครัวทั้งหมดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งของ เหล่าลูกชายไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางระหว่างพ่อแม่สามีกับลูกสะใภ้ เพื่อให้พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวเมื่ออยู่ห่างไกลทุกคนก็จะห่วงใยและคิดถึง จึงทําให้เกิดเป็นความรักเป็นสายใยในครอบครัว!

ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว แม้ระหว่างพวกเขาบางครั้งจะมีการทะเลาะวิวาทบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกห่างเหินกันตอนนี้แม่สามีเสียชีวิตไปจึงเหลือเพียงท่านพ่อเท่านั้น

 

แม้นางจะไม่มีเวลา เพราะลูกสะใภ้ทุกคนทํางานอย่างหนักแต่เมื่อหลานคนใหม่จะเข้ามาอยู่ในตระกูล นางก็จะดูแลให้ดี

ชายชราเต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉลียวฉลาดและใจเย็นเขามักจะเสนอแนวทางใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นหลังอยู่เสมอ เช่นนี้จึงน้อยนักที่จะมีใครไม่ชื่นชอบเขา

 

“แต่ท่านพ่อ เราอาจจะทําให้เฉินผิงอันไม่สบายใจได้ แม้เขาจะไม่สนใจใยดีและขายลูกชายตัวเองไปแล้วแต่ตอนนี้เขาจะต้องเรียกลูกชายตัวเองว่าลุงข้าว่ามันต้องน่าอึดอัดใจไม่น้อย”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ขายชราก็นั่งลงและพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา“ไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คนที่เราต้องเกรงใจแม้เราอาจทําให้เขาขุ่นเคืองใจแต่อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางทําอะไรเราได้แน่ ยังไงซะคนไม่เอาไหนอย่างเขาไม่อาจหยุดการเติบโตของเหล่าลูกหลานตระกูลเฉินได้เจ้ารอดูเถิดบางทีเฉินเฉินอาจจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ภายในสาม ปีเขาอาจจะมีชื่อเสียงโด่งดัง!”

 

“เจ้าอาจจะไม่รู้ว่า ญาติห่าง ๆ ของตระดูลเฉินอย่างเฉินซิ่วในที่สอนหนังสือในเมืองเคยเขียนจดหมายถึงตาแก่ผู้นี้ว่าให้ข้าดูแลเจ้าเด็กนี้ให้ดีอย่าให้ไข่มุกถูกฝุ่นตลบตาแก่คนนั้นมองขาดเสมอนาน ๆ ที่จะมีคนรุ่นหลังที่เจ้านั่นรับรองเห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยนี่ย่อมมีอนาคตที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่”

ลูกสะใภ้อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายชรากลับโบกมีอห้ามไม่ให้นางพูดแล้วจึงพูดต่อว่า “ก็แขวนอยู่ใต้ชื่อข้าเป็นหลานชายนิรนามทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวก็มอบให้พี่ของน้องเจ้าเช่นเดิมแม้เด็กนั่นจะวางแผนอะไรมันก็จะไม่มีทางสําเร็จยิ่งไปกว่านั้นจากความสําเร็จของหยุนเถียนเถียนแล้วเกรงว่าอาจจะไม่ถูกใจบ้านคนในบ้านเราสักสามส่วนในเมื่อเราสามารถขายน้ําใจได้โดยเสียเงินสักบาทแล้วทําไมเราจึงไม่ทําล่ะ?”

 

“ลูกคนโตอายุสั้นนัก เจ้าเป็นพี่สะใภ้ต้องบอกพี่น้องที่อยู่ข้างหลังให้ชัดเจนเจ้าเด็กนั่นจะไม่เอาเปรียบพวกเขาหรอกรอจนเด็กนั่นสอบผ่านจริง ๆ เราจะมีเกียรติไม่น้อยการค้านี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คุ้ม!”

 

เดิมที่ลูกสะใภ้คนรองไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ตอนนี้ท่านพ่อได้อธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนบวกกับที่นางได้เห็นวิสัยทัศน์ของเขามาหลายปี การเป็นลูกสะใภ้คนรองและพี่สะใภ้ใหญ่ก็ถือว่ายอมรับความจริงข้อนี้แล้ว

 

จากนั้นวันรุ่งขึ้น ชายชราก็ใช้ฐานะของตนเองเรียกสมาชิกในตระกูลเฉินมารวมกันที่ห้องโถงบรรพบุรุษ

 

ต่อหน้าทุกคน เขายอมรับการคุกเข่าของเฉินเฉินจากนั้นก็เพิ่มชื่อในลําดับวงศ์ตระกูล

 

ขณะที่ทุกคนกําลังสงสัยว่าเฉินผิงอันจะรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นเองเฉินผิงอันก็เดินเข้ามา

“ท่านปู ข้าเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่เกือบจะมาร่วมงานน่ายินดีเช่นนี้ไม่ได้เพราะเมามาย!”

 

ชายชราเผยสีหน้าโกรธา “มาไม่ได้ก็ไม่ต้องมา! ไอ้บัดซบนับวันยิ่งทําตัวเหิมเกริม ตั้งแต่เลิกเล่นการพนันก็เปลี่ยนมาดื่มเหล้าเมายาตอนนี้แขกมากมายกําลังจับจ้อง หากต้องการมีส่วนร่วมก็ไปนั่งลง ซะอย่าได้สร้างปัญหา!”

หลังจากเสียงอันน่าเกรงขามเงียบลงเหล่าแขกเหรื่อก็เริ่มพูดคุย

 

บางคนคิดว่าเฉินผิงอันไม่คู่ควรที่จะเปิดพ่อแม่ของใครเฉินเฉินไปเป็นหลานของท่านปูเพื่อสะดวกในการเข้าสอบนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

 

แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนไม่ดีอีก เช่นลูกสะไภ้ของเฉินซ่งและภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน

 

ภรรยาของเฉินซึ่งเป็นคนที่กล้าพูด นางอดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อฟังการสนทนารอบ ๆ ที่เอาแต่พูดถึงแต่เรื่องดี ๆ ของหยุนเถียนเถียน

 

“ถ้าจะให้ข้าพูด เรื่องนี้หญิงสาวตระกูลหยุนจัดการไม่ดีพอเฉินผิงอันมีลูกชายแท้ ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น หากเอาเด็กน้อยคนนั้นออกไปแล้วใครจะดูแลเขายามแก่เฒ่า?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ท่านจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ทําไมเจ้าคะป้าหลี่ ทําไมท่านต้องห่วงคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองด้วยยิ่งไปกว่านั้นหากวันหนึ่งเฉินผิงอันไม่สามารถดูแลตัวเองได้เฉินเอ๋อจะไม่สนใจเขาจริง ๆ งั้นหรือ? ท่านต้องรู้ว่าบัณฑิตนั้นให้ความสําคัญกับชื่อเสียงยิ่งกว่าสิ่งใด”

เมื่อหลายคนได้ยินเรื่องนี้พวกเขาก็พยักหน้าอย่างใจเย็นแม้ว่าเฉินผังอันจะเลวแต่ก็ถือว่าเป็นพ่อแท้ ๆ หากเฉินเฉินมองดูเฉินผังอันอดตายจริง ๆ เขาคงไร้จิตสํานึกอย่างแท้จริง และนั่นย่อมส่งผลที่เลวร้ายต่อชื่อเสียงของเขา

 

“อีกอย่างต่อให้เขาไม่สนใจเฉินผิงอันจริง ๆ ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนั้นขาใช้เงินห้าสิบตําลึงซื้อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ตอนนี้เอกสารอยู่ในมือของข้าเขาไม่ต้องการลูกชายคนนี้ ทําไมเฉิน เฉินต้องมอบอะไรให้เขาหรือ?การเรียกเขามาในวันนี้ก็เพียงเพื่อให้ รับรู้เท่านั้น!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น นางถึงกับพูดไม่ออก จึงนั่งกลอกตาไปมาอย่างไม่เต็มใจและถอยหลังกลับไปสองก้าวเพราะสายตาของอาวุโส

 

อย่างไรซะตําแหน่งของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านสูงกว่าอีกฝ่ายนางจึงยืนขึ้นเพราะต้องการแสดงตัวว่าไม่พอใจต่อเหตุการณ์นี้

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน นางยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวคัดค้าน

“ท่านบอกกล่าวว่าการเลี้ยงบุตรบุญธรรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอื่นทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่หากท่านปูทําเช่นนี้มันจะไม่เป็นการกระทําโดยพละการงั้นหรือ? ท่านสมควรจะถามความคิดเห็นของบุตรหลานในตระกูลเสียก่อน! แม้ว่าสตรีผู้นี้จะไม่ได้ต้องการให้ท่านปูเลี้ยงเด็กคนนี้ แต่หากมีคนอื่นคิดจะทํา เช่นนางอีกล่ะ ไม่ต้องช่วยกันไปตลอดงั้นหรือ?”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ชายชราเผยสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ชายชราเช่นข้าจะกระทําสิ่งใด ล้วนแต่ได้รับความยินยอมจากครอบครัวแล้วบุตรหลานของข้าล้วนแต่นั่งอยู่ในที่นี้ หากไม่เชื่อก็จงถามไถ่ พวกเขา!เฉินซ่ง…. แล้วเจ้ากล้าดีอย่างไรให้ภรรยาตนพูดคัดค้านข้าในสถานที่แห่งนี้? อีกทั้งช่วงหลังมานี้เจ้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นไม่น้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างไรซะข้าจะไม่พูดกล่าวให้มากความเพราะสุดท้ายเจ้าก็ยังเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 193 หารือ

 

“แน่นอนว่าข้าไม่สามารถปิดบังอะไรจากท่านปูได้ ข้าไตร่ตรองอยู่นานว่าจะหาผู้อาวุโสที่ไว้ใจได้จากที่ไหน แล้วจึงส่งน้องชายของข้าไป”

 

ชายชราขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนการรับลูกบุญธรรมไม่ได้ง่ายนัก เพราะมันเปรียบเสมือนการรับเด็กมาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตน

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแจกจ่ายมรดก ดังนั้นเขาต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

 

“ที่จริงท่านไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก ข้าแค่อยากให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ดี ไม่มีอะไรต้องคาดหวัง ท่านคงรู้ดีว่าตอนนี้ข้าไม่สนใจที่ดินสามส่วนนี้เลย”

 

ชายชราพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจ แต่ในใจผู้อื่นมักมีความสงสัยตลอดเวลา”

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอย่างรอบครอบ เพราะเหตุนี้หรือไม่หัวหน้าหมู่บ้านถึงไม่เล่าให้คุณปูฟัง? แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตามตอนนี้ต่อให้เขากล่าวออก นางก็จะทําอยู่ดี

“เรื่องนี้ข้าบอกหัวหน้าหมู่บ้านแล้วหรือว่าเขายังไม่มีแจ้งท่าน แต่มันสําคัญมาก ปีหน้าเฉินเอ๋อจะต้องลงสนามสอบแล้ว”

 

“เฉินซึ่งรึ? เขาไม่ได้มาหาข้า เจ้าเด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งดื้อรั้น!”

อีกฝ่ายอายุมากแล้ว ย่อมมองเห็นโลกมามาก หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าท่านปูจะคิดออก

แม้ว่าปกติหัวหน้าหมู่บ้านจะยุติธรรมและไม่เห็นแก่ตัวแต่ตราบใดที่เขารู้จุดที่ได้เปรียบ เขาจะไม่จัดการเรื่องนั้นให้จบ เขาจะต้องรอหยุนเถียนเถียนมาเคาะประตูบ้านสองถึงสามรอบเพื่อให้เขาได้ประโยชน์ จากนั้นจึงค่อยรีบจัดการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว

 

ข่าวที่แพร่กระจายไปก่อนหน้านั้น คาดว่าคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ปล่อยออกไปให้เฉินผิงอันรู้แล้วเข้ามาขัดขวาง เช่นนี้จึงทําให้เรื่องราวทั้งหมดยิ่งยุ่งยากมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งได้ประโยชน์จากหยุนเถียนเถียนมากขึ้นเช่นกัน

มิฉะนั้นข่าวของหยุนเถียนเถียนจะแพร่กระจายมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?

หยุนเถียนเถียนจะไม่กล่าวเรื่องที่ตนไม่มั่นใจ ต่อให้คุยกับเฉินผิงอันแล้วเฉินผิงอันไม่มีทางเล่าเรื่องน่าอับอายให้ใครฟังแน่นอนเพราะฉะนั้นข่าวที่แพร่สะพัดออกไปต้องมาจากหัวหน้าหมู่บ้าน!

“อืม… เมื่อเฉินซึ่งยังเด็ก เขาฉลาดยิ่ง แต่เมื่ออายุเยอะขึ้น เขาน่าจะมีความรู้กว้างขวาง

ยิ่งอยู่มานานแล้วจะมีความรู้กว้างขวางจริงงั้นหรือ? เห็นได้ชัดเลยว่าขนาดรู้ตัวตนของหญิงสาวตระกูลหยุนนั้นไม่ธรรมดาแต่ยังกล้าที่จะทําเรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าเด็กคนนี้จะถูกรับเลี้ยงหรือไม่ หัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสําหรับการฝากดูแล แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เลวร้ายเด็กคนนี้อาจจะสะดวกสบายมากขึ้นก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ตัวเองได้ผลประโยชน์จากคนอื่น มันทําให้ตัวเองมีราศีขึ้นมิใช่หรือ แม้แต่เจ้าเมืองยังต้องการผลประโยชน์แบบนี้แล้วหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ทําแบบนั้นได้อย่างไร?

“เอาเถอะ งั้นเอาอย่างนี้ เราถอยกันคนละก้าว ลูก ๆ ของข้ากตัญญทุกคนสนับสนุนข้าอย่างดี แต่ลูกชายคนโตของข้าตายตกไปเสียแล้วงั้นนําน้องชายของเจ้ามาอยู่ภายใต้ชื่อลูกชายคนโตของข้าแล้วกัน”

“ข้าจะเป็นปูของเขา แม้ไม่อาจสนับสนุนเขาได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรประวัติของครอบครัวข้านั้นโปร่งใส ของใช้ในบ้านทั้งหมดล้วนแจกจ่ายให้กับลูกจนหมดสิ้น ข้าไม่มีส่วนได้หรือเสียกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้น เด็กน้อยเฉินสมควรอยู่ภายใต้ชื่อของลูกชายคนโตข้านั้นเหมาะสมยิ่ง”

 

แม้คําพูดจะดูคลุมเครือ แต่หยุนเถียนเถียนก็ยังฟังออกว่าท่านปูคนนี้ต้องการให้เฉินเฉินเป็นหลานชาย

ถึงอย่างไร การรับเลี้ยงนี้จะไม่เป็นปัญหาใด ๆ เพราะลูกหลานของท่านผู้เฒ่าแต่ละคนล้วนมีอนาคตที่ดี นิสัยไม่ได้เลวร้าย คิดดูแล้วว่าคงไม่อาจทําให้เฉินเฉินเดือดร้อนได้ในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกหลานทั้งหมดล้วนแยกบ้านออกไปแลว แม้ว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด แต่ก็คงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก

 

ด้วยวิธีนี้ เฉินผิงอันจะต้องอยู่ไม่สุขแน่

เดิมที่เฉินเฉินเป็นลูกชายของตัวเอง เมื่อได้เป็นหลานชายของอาวุโสผู้นี้ เช่นนั้นเขาจะต้องเรียกลูกชายตัวเองว่าลุง

 

เดิมที่เฉินผิงอันไม่ได้มีค่าในสายตาของหยุนเถียนเถียนแม้แต่น้อยยิ่งตอนนี้มีวิธีแก้ปัญหาแล้ว นางจะคิดถึงเฉินผิงอันเพื่ออะไร?

“ขอบคุณท่านมาก ท่านวางใจเถิด นิสัยของเฉินเฉินไม่ได้เลวร้ายตอนนี้เขาอยู่กับข้าแล้ว ข้าจะสอนเขาอย่างดีเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของท่าน!”

ชายชราพยักหน้าอย่างใจเย็น “ความอัปยศอดสูยังไม่ถึงขั้นนั้นข้าเกรงว่าชายชราอย่างข้าคงไม่อาจมีเรี่ยวแรงสั่งสอนเขาได้ดี เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าต้องสั่งสอนเขาให้ดี”

“ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว เฉินผิงอันนั้นโง่เขลาและตัดสินใจผิดพลาดเฉินเฉิงเยี่ยคนนั้นได้เรียนแต่ขาดปัญญาไปหลายส่วนอีกทั้งความแน่วแน่ยังไม่เพียงพอ แต่ลูกชายคนเล็กที่ถูกทอดทิ้งไปกลับไม่พูดไม่จาทว่าขยันขันแข็งในการเล่าเรียนยิ่ง…”

 

หยุนเสียนเถียนยิ้มเยาะ “ตอนที่ข้ารับเลี้ยงเด็กคนนี้ เดิมทีเพื่อแก้แค้นหลินชวนฮวา ให้นางมองลูกชายที่เกลียดแสนเกลียดแต่สุดท้ายมีอนาคตไกล ให้นางเสียใจกับสิ่งที่กระทํา ในเมื่อไม่สามารถแก้แค้นหลินชวนฮวาได้ตรง ๆ ข้าก็ต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อเพิ่มชื่อเด็กคนนั้นมาไว้ในลําดับวงศ์ตระกูล!”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู! พรุ่งนี้จะมีหลานที่เชื่อฟังเพิ่มมาอีกหนึ่งคนข้าคิดว่าท่านต้องมีความสุขแน่”

 

ชายชราผู้เฉลียวฉลาดคนนี้กําลังนอนเอนอยู่บนเก้าอี้และโบกพัดไปมาไม่หยุด เขาเผยรอยยิ้มอ่อนออกมาอย่างมีความสุข

หยุนเถียนเถียนไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่ตกลงไว้ไหสุราถูกทิ้งไว้ให้กับท่านปูแล้วนางก็เดินหันหลังจากไป

 

ตอนนั้นเอง ลูกสะไภ้คนที่สองเดินออกมาจากการให้อาหารไก่ที่สวนหลังบ้าน และนางได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดกล่าวกันเมื่อครู่

นางรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดชายชราจึงยอมแบกรับเรื่องเหล่านี้ไว้กับตนเอง หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่นานนางก็รู้สึกว่าทั้งหมดจะต้องส่งผลเสียอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วเด็กที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูในบ้านของพวกเขาจะมีความฉลาดและกตัญญได้อย่างไร?

 

“ท่านพ่อ! ถ้านําเฉินเฉินมาที่บ้านของเราจริง เราไม่ได้ประโยชน์อะไรสักนิดทําไมเราต้องลําบากด้วย?”

ชายชราไม่ได้ตําหนิลูกสะใภ้คนนี้ เพียงแค่โบกพัดไปมาพลางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าต้องมองให้ไกลกว่านี้ ฐานะของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย นางห่วงใยน้องชายคนนี้มากเรายืนดูความทุกข์ยากที่นางได้รับ หากนางเกลียดชังขึ้นมาเกรงว่าจะคงไม่อาจรับมือได้ไหว”

“ตอนนี้มีโอกาสเราก็ควรทํา ความเมตานี้ย่อมได้บุญคุณถ่านหินในหิมะจะทําให้คนจดจําเสมอเมื่อถึงเวลาถ่านหินก้อนนั้นอาจจะเป็นมีสีสันเพิ่มขึ้นก็ได้”

 

ลูกสะใภ้เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะกล่าวตอบอย่างไม่พอใจ “ท่านพ่อมั่นใจถึงสถานะที่แท้จริงของเด็กเมื่อครู่แล้วงั้นหรือ?”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 192 อับอาย

“ยังหน้าด้านมีหน้ามาโอ้อวดอีกงั้นรี บอกลูกสาวตัวเองเป็นคนรู้ความมีมารยาทพอเห็นนายน้อยหลีก็อยากจะกระโจนเข้าไปหาทําไมเจ้าไม่ไปเรียนรู้จากเฉินผิงอันล่ะ และส่งลูกสาวตัวเองไปที่เตียงนายน้อยหลี่ซะเลย!”

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดไม่ว่านางจะทําตัวแย่เพียงใด แต่นางก็ยังไม่อาจเทียบเท่าคนอย่างเฉินผิงอันได้มิใช่หรือ?!

“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าเอะอะโวยวายเพื่ออะไรจะสร้างความวุ่นวายเพื่ออะไรกัน?”

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านกระโจนเข้าไปหมายจะตบตีอีกครั้งแต่เฉินฉ่เกินคว้าตัวของนางได้ทัน ในขณะนั้นเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยสตรีที่จิตใจอ่อนโยนผู้นั้นสามารถทะเลาะตบตีกับผู้อื่นได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน อย่าได้ลําเอียงแล้วเข้าข้างภรรยาตัวเอง! ทุกคนรู้ดีแม้ลูกสาวของข้าจะไม่เอาไหน แต่ลูกสาวของเจ้าดีอย่างไร? อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยจะให้เจียวเจียวไปแต่งงานกับคนที่นางไม่ชอบแต่ตอนนี้เจ้าพยายามที่จะทําใหบุตรสาวไร้ยางอายเช่นนี้ต้องแต่งออกไปเป็นนางบําเรอผู้อื่น!”

 

ยิ่งได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดําคล้ําขึ้น จึงหันกลับมาตะคอกใส่ภรรยาของตนอย่างรุนแรง “ทําข้าขายหน้าพอหรือยัง?ไสหัวกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”

ภรรยาของเขากลับทิ้งตึงใส่ แต่ก็รู้ว่าสามีนั้นรักในศักดิ์ศรีมากเพียงใดหากยังคงยืนกรานไม่อ่อนข้อ กลับบ้านไปคงไม่พ้นถูกทุบตีอย่างหนักแน่

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยลงมือกับภรรยานักแต่หากยังยั่วโมโหมาก ๆเกรงว่าอาจไม่มีข้าวกินหลายวัน!

ลําคอนางหดลงเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจการมีเรื่องทะเลาะวิวาทเช่นนี้ ไม่ว่าจะคิดมุมไหน นางก็มีแต่เสียเปรียบ

เมื่อเห็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจากไป ความหยิ่งยโสของหลี่ชุนเถียวก็เพิ่มพูนมากขึ้น

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าได้ยินว่าท่านก็เคยสั่งสอนลูกสาวท่านคงเข้าใจเหตุผลและปฏิบัติตามกฏ ไม่รู้ว่าการที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านวา งแผนจะให้ลูกสาวแต่งเข้าบ้านผู้ใดหรือ?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้าเขียวคล้ํา “เจ้า! อย่าลําพองตัวเองไปหน่อยเลยการที่มาโวยวายอยู่ที่นี่ตอนนี้ เจ้าก็ไม่ต่างกับตัวตลกให้คนในหมู่บ้านรับชมมีแต่งผลเสียสําหรับชื่อสียงของลูกสาวทั้งสองคนในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ถอยหลังคนก้าวแล้วกัน แยกย้ายกันไปได้แล้ว!”

ในตอนนั้นนางจึงรู้ว่าไม่สมควรล่วงเกินหัวหน้าหมู่บ้านมากไปกว่านี้ก่อนหน้าจะเกิดเรื่อง หัวหน้าหมู่บ้านช่วยหยุนเถียนเถียนอย่างเต็มกําลังแต่เมื่อเป็นลูกสาวของนางทําไมจึงถูกปฏิบัติอย่างแตกต่างเช่นนี้?

ก่อนหน้านี้นางเกรงว่าชื่อเสียงฉาวโฉ่ของลูกสาวตนจะทําให้ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ทว่าตอนนี้แม้แต่ลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านก็สร้างเรื่องงามหน้าไม่แพ้เช่น จึงไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีกต่อไป!

“เมื่อหยุนเถียนเถียนมอบผลประโยชน์มากมายให้กับเจ้าวันนั้นเจ้าจึงปราบปรามพวกเราเพื่อนาง! แต่ตอนนี้เด็กสาวคนนั้นไม่มอง แม้แต่หน้าของเจ้าด้วยซ้ําไม่แม้แต่จะให้เกียรติเจ้าในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านแต่เจ้าก็ยังคิดปกป้องนางงั้นหรือ? ชื่อเสียงของเจ้ามันยังสําคัญหรือไม่?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าตัวเองเป็นคนไร้เหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเคียดแค้นหยุนเถียนเถียน แต่ต่อหน้าผู้คนเขาไม่มีทางระบายความแค้นของตัวเองออกมาได้

“เรื่องภายในครอบครัว เจ้าอย่ามายุ่งถ้าว่างนักก็ไปดูลูกสาวตัว

เอง!”

พูดจบหัวหน้าหมู่บ้านก็หันหลังเดินกลับบ้านไป เขาไม่อาจยืนอยู่ตรงนี้ได้นานนักเพราะใบหน้าร้อนผ่าวจนชาแล้ว!

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนรับชมละครน้ําเน่าจบ นางจึงเดินกลับบ้านอย่างสบาย ๆ ส่วนหยุนเคอถึงกับยิ้มออก เขาไม่คิดว่าสาวน้อยจะชื่นชอบการทะเลาะวิวาทที่น่ารําคาญเช่นนี้

 

แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เถียนเถียนหยุดนิ่งพร้อมกับเอามือทุบศีรษะตัวเองด้วยความหงุดหงิด

“แย่แล้ว! มีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้ให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการให้เรียบร้อยยิ่งไปล่วงเกินเขาแบบนั้นยิ่งทําให้มันยากขึ้น”

 

หยุนเคอมองนางด้วยความสับสน แล้วเขาก็จําได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น… นางขับไล่ทุกคนออกไปด้วยความโกรธตอนนี้นางคงตระหนักได้แล้วว่ายังมีงานที่ยังทําไม่เสร็จ

 

“พี่ใหญ่หยุน ข้าได้ยินมาว่าก่อนจะเข้าสอบ เฉินเฉินต้องถูกตรวจสอบความโปร่งใสของบรรพบุรุษถึงสามชั่วอายุคน! ขากําลังคิดว่าจะหาครอบครัวที่รับอุปการะเฉินเฉิน… แต่เรื่องนี้ยังไม่ทันแล้วเสร็จข้าก็ทะเลาะกับหัวหน้าหมู่บ้านก่อน หากข้าต้องไปขอร้องให้เขาจัดการให้คงดูไม่ค่อยดีนัก”

“ข้ามองว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้แตกต่างจากพวกขุนนางชั่วๆไม่แน่เขาอาจจะใช้เหตุผลพวกนี้มาแก้แค้นข้าก็ได้”

หยุนเคอได้ฟังอย่างนั้นจึงยิ้มออกมา คราวแรกเขาคิดว่าเถียนเถียนจะกังวลเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เสียอีก

“ผู้เฒ่าในหมู่บ้านต่างตั้งรอความสําเร็จของลูกหลานพวกเขา มีเป้าหมายเช่นนั้นจึงยังมีชีวิตอยู่ มันจะดีกว่าหากเจ้าฝากฝังเฉินเฉินไว้กับพวกเขา”

 

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจอย่างโล่งอก “โอ๊ย ทําไมข้าโง่เช่นนี้ทําไมถึงคิดไม่ออกนะ แม้ว่าตาแก่จะรับมือยากแต่ก็ดีกว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลายเท่า

หยุนเถียนเถียนคิดอยู่พักหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากนางต้องเร่งจัดการเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุดเมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วจึงยกไหเหล้าในบ้านแล้วรีบเดินไปบ้านของท่านปูทันที

 

สําหรับอาวุโสคนอื่น เถียนเถียนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวแต่สําหรับหัวหน้าหมู่บ้านนั้นแตกต่างกันไป เขาเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก็มีความลําเอียงไม่น้อยแต่คราวนี้เรื่องทั้งหมดเป็นประโยชน์กับเฉินเฉินนางเชื่อว่าผู้อาวุโสทั้งหมดจะตอบตกลง

อาวุโสทั้งหมดล้วนแต่อายุมาก พวกเขาสนุกกับการจับจ่ายและเพลิดเพลินไปกับหลานชาย ที่บ้านมีแต่ความสะดวกสบายให้ใช้สอยชายชรานั่งอยู่ใต้ต้นพุทราใหญ่หน้าลานบ้าน เขามองดูห ลานสองสามคนวิ่งไปมาอย่างสนุกสนานที่ใต้ต้นไม้

หยุนเถียนเถียนเดินเข้ามาในลานบ้าน นางถอนหายใจอย่างเหนี่อยหน่ายผู้คนในยุคนี้อายุยืนยิ่งนัก ชายชราตรงหน้านางอายุกว่าแปดสิบปีซึ่งมากที่สุดในหมู่บ้านแล้ว

 

แต่ดูเหมือนว่าเคล็ดลับของการอายุยืนจะไม่ใช่ความลับ ชายชราผู้นี้ดูผ่อนคลายราวกับไม่คิดสิ่งใด เขายิ้มจนตาหยีขณะมองลูกหลานวิ่งเล่นอีกทั้งยังหัวเราะอย่างสนุกสนานจนนางแอบประหม่าเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการขัดจังหวะแห่งความสุข

 

“ท่านปู!”

ชายชราเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่สดใส “เถียนเถียน ทําไมมาอยู่นี่ล่ะมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นรึ?”

“ข้าได้ยินมาว่าท่านชอบดื่มสุรายิ่งนัก ข้าได้รับสุราชั้นดีมาหนึ่งไฟจึงตั้งใจนํามันมาให้ท่าน แต่ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากให้ท่านช่วย…”

 

ขณะพูด นางวางไหเหล้าไว้บนโต๊ะกลมในลานบ้านแล้ว

 

“สุราชั้นเลิศนี้ข้าไม่รีบร้อนจะดื่ม แต่เจ้าบอกมาเถิดว่าต้องการให้ข้าช่วยสิ่งใดข้าไม่คิดจะเอาเปรียบแน่ หากข้าช่วยได้จึงจะขอรับมันไว้แต่หากข้าไม่อาจช่วยเหลือเจ้าก็จงนํามันกลับไปเสีย

 

หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวออก “ท่านรู้ข่าวหรือไม่ ข้าส่งเฉินเฉินเข้าโรงเรียนแล้ว ปีหน้าเขาจะได้สอบคัดเลือก”

 

ชายชราถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนักตระกูลเฉินของพวกเราไม่มีนักวิชาการมาเนิ่นนานแล้ว แม้ว่าจะมีหนึ่งหรือสองแต่ก็เท่านั้นเอง คนที่มีความสามารถนั้นหาได้ยากยิ่ง”

“เพียงแต่ท่านอาจจะยังไม่รู้ หากคิดจะสอบ ต้องมีบรรพบุรุษและลูกหลานสามรุ่นที่มีประวัติโปร่งใสและขาวสะอาดไม่ต้องพูดถึงเฉินผังอันหรือหลินชวนฮวา เพราะชาติกําเนิดเช่นนั้นทําให้เด็กคนนี้ล่าช้ากว่าเด็กคนอื่น”

ชายชรายิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “แต่เจ้าก็ยังจะส่งเขาไปเรียนเช่นนี้อาจารย์คงจะยอมรับเขาแล้วเพราะมันมีวิธีแก้ไขใช่หรือไม่?”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 191 หมากัดกัน

 

ตอนที่ 191 หมากัดกัน

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านตะลึง “ที่เมื่อกี้เจ้าก้มหน้าแล้วแสดงท่าทางเขินอายไม่ใช่เพราะคุณชายจางชอบเจ้าหรอกหรือ?”

 

“อีกอย่างคุณชายจางเป็นบัณฑิตที่สอบซิ่วไฉเมื่อรอบที่ผ่านมาแต่เพราะเขาปวยจึงไม่ได้เข้าร่วมการสอบ หากเขาเข้าร่วม ด้วยความสามารถขนาดนี้ เขาจะต้องสอบผ่านแน่นอน! หากฝักใฝ่ตั้งใจเขาจะได้ต้องเป็นขุนนางตามที่หวังไว้ แล้วเจ้าก็จะเป็นภรรยาของขุนนาง! มันดียิ่งกว่าครอบครัวพ่อค้าอีกไม่ใช่หรือ”

 

“ท่านแม่ ท่านเชื่อจริงๆ หรือ? มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? การที่เขากำลังจะสอบซิ่วไฉแต่เกิดปวยขึ้นมา เพราะเขารู้ว่าตัวเองต้องสอบไม่ผ่านเลยจงใจแกล้งปวยยังไงล่ะ! ถึงอย่างไรข้าก็ไม่แต่งงานกับคุณชายจาง แม่เคยรับปากว่าจะไม่บังคับข้า!”

 

คราวแรกภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมั่นใจนักหนาว่าลูกสาวของตนจะต้องตกหลุมรักคุณชายจางตั้งแต่แรกพบ ดังนั้นนางจึงตอบตกลงกับลูกไปโดยไม่ทันคิด แต่ใครจะรู้เล่าว่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างเช่นนี้

 

อย่างไรเสียหากภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ชีวิตของนางก็คงจะไร้ค่าไปอีกหลายปีแน่!

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก นายน้อยหลี่เดินเข้ามาในร้านเพื่อบอกว่าที่นี่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับลูกสาวของนางแม้แต่น้อย ทว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดเชื่อคำกล่าวของเขา!

 

คราแรกเฉินไฉบอกกับนางชัดเจนว่าไม่ชอบคุณชายจาง ทว่าตอนนี้กลับเผยท่าที่เขินอายและประหม่าอย่างล้นพ้นเมื่อนายน้อยหลี่ปรากฏตัว

 

เมื่อนางเหลือบไปเห็นลูกสาวกระทำเช่นนั้น คราแรกนางพลันปลื้มปริ่มเพราะคิดว่าลูกสาวกลับใจ ทว่าเมื่อตรวจสอบให้ดีจึงพบว่าลูกสาวของตนส่งสายตาให้นายน้อยหลี่ต่างหาก อีกทั้งราวกับว่าทั้งคู่สนใจกันและกัน!

 

หากเธอปฏิเสธลูกพี่ลูกน้อง ก็เกรงว่าจะกลายเป็นโดนเย้ยหยัน

 

“เฉินไฉอี คุณชายจางเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าสืบข่าวมาแล้ว หากเขาเข้าร่วมการสอบในปีนี้ เขาจะต้องสอบผ่านแน่นอน แต่หากเขาสอบผ่าน คงไม่มีทางมาชอบสาวชาวนาเช่นเจ้าหรอก”

 

เมื่อเฉินไม่ได้ยินอย่างนั้นเผยสีหน้ารังเกียจออก “ได้ยินเรื่องอะไรมา? ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ แม่ไม่ได้เห็นกับตาสักหน่อย ดูท่าทางของเขาเมื่อครู่สิ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด แม้แต่ความมั่นใจก็ไม่มี!”

 

“อีกอย่างคือเขาไม่อาจเทียบเทียมกับนายน้อยหลีได้เลย อีกฝ่ายไม่เพียงหล่อเหลา แต่ยังมีสง่าราศีและดูเป็นบุรุษที่แท้จริง”

 

ในตอนนั้นเองที่ผู้เป็นแม่เริ่มโมโห “ข้างกายของนายน้อยหลี่มีสตรีรายล้อมมากมาย เจ้าจะไปถวายตัวให้คนเช่นนั้นได้อย่างไร? นายน้อยหลี่เคยชายตามองเจ้าบ้างหรือไม่ ลองเปิดตาให้กว้างและมองดู!”

 

แต่ไม่ว่านางจะกล่าวเช่นไร ลูกสาวตัวดีก็แสร้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งใดจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน

 

หลีชุนเกี่ยวกำลังทำงานอยู่ในทุ่งหญ้าหน้าหมู่บ้านเงยหน้าขึ้นมาพักผ่อน นางเห็นเฉินไฉ่อีแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชั้นดี เดินมากับผู้เป็นแม่ที่อยู่อย่างสุขสบายในหมู่บ้าน ไม่เคยต้องใช้แรงงานใด ๆ เช่นนี้ความอิจฉาพลันผุดขึ้นในใจอย่างเงียบเชียบ

 

“อ้าว นายหญิง พาลูกสาวไปดูตัวมาหรือ? ลูกสาวของท่านนะฉลาดหลักแหลมก็จริง แต่ไม่ควรจะส่งนางไปเป็นเมียของพวกขุนนางหรอก พวกเขาจะมาชอบหญิงสาวชนบทอย่างพวกเราได้อย่างไร”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หลี่ชุนเดียว…. เหตุใดจึงกล่าววาจาเช่นนั้น? เอาเวลาที่พูดพล่ามกับข้าไปดูแลลูกสาวตนเองเสียดีกว่า! ไม่รู้ปานนี้มัวไปยั่วยวนชายที่เขาไม่สนใจตัวเองถึงไหนแล้ว เหตุใดจึงกล้าที่จะมายืนเย้ยหยันผู้อื่นเช่นนี้เล่า?”

 

หลี่ชุนเฉียวเป็นคนเย่อหยิ่ง ชาวบ้านกว่าครึ่งต่างเกรงใจนาง สิ่งที่ทำให้นางเจ็บใจจนถึงทุกวันนี้คือลูกสาวของตนพยายามไปยั่วยวนหยุนเคอ ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า!

 

“แต่อย่างน้อยลูกสาวข้าก็รู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่ใครบางคนคล้ายกับว่าต้องการจะเข้าไปเป็นนางบำเรอในบ้านผู้อื่น ช่างหน้าไม่อาย สร้างเรื่องฉาวโฉ่แต่ยังคิดจะแต่งงาน ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่านายน้อยตระกูลไหนจะตาบอดมาตกหลุมรักสตรีไร้ยางอายเช่นนี้!”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับโกรธจัด หากไม่ใช่ว่าลูกสาวนางเป็นเช่นนั้นจริง นางคงไม่ต้องอับอายในตอนนี้

 

“แต่อย่างน้อยลูกสาวของข้าก็ดีกว่า ลูกสาวของเจ้าใจง่ายและไร้ยางอาย กล้าหาญยั่วยวนบุรุษที่แต่งงานแล้ว!”

 

เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ หลี่ซุนเฉียวที่กลั้นอารมณ์ไว้ก็กระโจนใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งสองเริ่มตลุมบอนกันอย่างขะมักเขม้น ทั้งถีบ ทั้งดึงผม คลุกวงในกันอย่างเอาเป็นเอาตาย!

 

เฉินไม่อีถึงกับยืนอึ้ง นางไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรเมื่อเห็นว่าแม่ตนเองกำลังตบตีอยู่กับผู้อื่น หญิงสาวหันซ้ายขวาอย่างกระวานกระวายอย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไร

 

นานนักกว่าจะมีคนมาพบ เพราะทุ่งนาแห่งนี้ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน โดยปกติแล้วภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ในวันนี้นางถูกหลี่ชุนเฉียวตบตีจนใบหน้าเปื้อนฝุ่น เส้นผมเต็มไปด้วยโคลนตม

 

ขณะนั้น หยุนเถียนเถียนกลับมาจากในตัวเมือง นางเห็นฉากต่อสู้อันเผ็ดร้อนตอนลงจากเกวียน

 

ทั้งสองคนนอนกองอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่น่าสมเพช ส่วนเฉินไฉ่อียืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยเสื้อผ้าขาวสะอาด

 

หยุนเถียนเถียนยืนพิงกายกับต้นไม้ นางกำลังรับชมหญิงวัยกลางคนที่กำลังตบตีกันอย่างสนุกสนาน

 

หลี่ชุนเกี่ยวตะโกนด่าอีกฝ่ายไม่หยุดปาก “เจ้านี่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง สั่งสอนลูกสาวมาอย่างไรจึงไม่อาจสู้ลูกสาวของข้าได้! ดูซิว่าลูกสาวของเจ้าน่ะอยากเป็นนางบำเรอของนายน้อยหลี่จนตัวสั่นแต่ใครเขาก็รู้ว่านายน้อยหลีไม่มีทางตกลงปลงใจกับนางแน่นอนหากพูดว่านางฉลาดรู้หนังสือ แล้วหนังสือเล่มนั้นไปอยู่ที่ใดแล้ว? คงจะไม่ใช่สมองหรอก เพราะตอนนี้ข้าไม่เห็นแม้แต่มารยาทใด มีแต่ความไร้ยางอาย!”

 

ส่วนภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านหอบหนักอย่างเหนื่อยล้า นางเริ่มหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังตะโกนด่าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

 

“อย่างไรลูกสาวข้าก็ยอดเยี่ยมกว่าเป็นไหน ๆ แม้นางจะชื่นชอบใครก็ดูดีมีสกุลรุนชาติ แต่ลูกสาวเจ้าไม่สนว่าชายผู้นั้นจะตัวหอมหรือเหม็น แค่คนป่าเถื่อนบนภูเขาก็จับจ้องเขาเสียตาเป็นมัน!”

 

หญิงวัยกลางคนทั้งสองยังคงก่นด่ากันไม่หยุดหย่อน ยิ่งทะเลาะกันนานเท่าไหร่ ชื่อเสียงของลูกสาวทั้งคู่ยิ่งย่ำแย่ลงไปมากเท่านั้น

 

เฉินไฉอีไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองพร้อมกับรีบวิ่งกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

 

มุมปากของเถียนเถียนยกยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะที่แห่งนี้ใกล้กับบ้านของนางมาก นางจึงรับชมเหตุการณ์ได้ไม่มีสะดุด ส่วนหยุนเคอก็เดินออกมาจากบ้านเช่นกันเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

 

ฝูงชนมากมายกำลังรับชมเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนุกสนานส่วนหยุนเคอไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยนอกจากใบหน้าสนอกสนใจของเถียนเถียน…

 

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง การวิวาทนี้ก็ยังไม่หยุดลง ทั้งสองไม่สนใจเสียงห้ามปรามของผู้อื่นและพยายามกระโจนเข้าหากันอย่างต่อเนื่องราวกับว่าต้องการฉีกอีกฝ่ายให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น!

 

ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็มาถึง ขณะที่อยู่ไกล ๆ เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่กำลังทำตัวเสื่อมเสียจะเป็นภรรยาของตน!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 190 ความทุกข์ของจางชิวไฉ

 

ตอนที่ 190 ความทุกข์ของจางชิวไฉ่

 

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเดินทางมาถึง สีหน้าอันตกตะลึงของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที!

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านคิดในใจ “นายน้อยหลี่มาที่นี่ด้วยเหตุใด? หรือเขาหมายจะทำลายการนัดดูตัวของลูกสาวข้า?”

 

น่าเสียดายที่ทั้งครอบครัวไม่รู้ว่าเฉินไฉ่อีเลือกมาที่โรงน้ำชาแห่งนี้เพราะต้องการพบหลี่ซื่อฮวา

 

เฉินไม่อิ่มองไปยังชายหนุ่มที่เฝ้าหมายปองมาโดยตลอดด้วยความปีติ นางต้องการจะก้าวเข้าไปทักทาย ทว่าเมื่อคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตนแล้วจึงนั่งลงอย่างสงบ

 

โดยปกติแล้วจะมีแขกไม่มาก เพราะโรงน้ำชาแห่งนี้มักจะเป็นสถานที่ที่เหล่าพ่อค้ารายใหญ่ใช้เพื่อการนัดหมายเจรจากิจการ

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสถานที่ที่ผู้คนมักใช้ในการนัดหมายดูตัวอีกด้วย!

 

เมื่อเห็นว่าเฉินไม่อีมาเป็นลูกค้าของโรงน้ำชาในวันนี้ก็ทำให้หลี่ชื่อฮวาขมวดคิ้วแน่น

 

แม้จะเป็นเพียงการชำเลืองมอง หลี่ซื่อฮวาก็สังเกตเห็นว่าเฉินไฉ่อีสวมชุดสีแดงแสนงดงาม รสนิยมของหญิงผู้นี้ช่างมีระดับเสียจริง!

 

หากไม่นึกถึงเรื่องวุ่นวายที่นางเคยก่อ เขาอาจคิดว่าเฉินไฉ่อีเป็นหญิงงามและเพียบพร้อม

 

“เหตุใดวันนี้นางจึงไม่ตามติดข้าเช่นเคยเล่า??”

 

แม้หลี่ซื่อฮวาจะรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เขาเดินก้มหน้าไปยังโต๊ะคิดเงินก่อนจะนั่งลงตรวจสอบบัญชีอย่างใจจดใจจ่อ!

 

เฉินไฉ่อีหงุดหงิดเล็กน้อย เหตุใดนายน้อยหลี่จึงยังไม่สนใจข้า? แต่… เนื่องจากมีคนมากมายที่นี่จึงอาจทำให้เขารู้สึกเขินอาย!?

 

เฉินไม่อีปลอบใจตนเองก่อนจะก้มหน้าลงอย่างเขินอาย! ทันทีที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเห็นก็รับรู้ได้ทันทีว่าทุกอย่างกำลังจะแย่แต่เนื่องจากชายคู่หมายและพ่อของเขานั่งอยู่ตรงหน้าจึงทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย!

 

จางชิวไฉ่จิบชาครึ่งถ้วยก่อนจะเงยหน้าขึ้นพิจารณาเฉินไฉฮี!

 

แม้จางชิวไฉ่จะชราลงกว่าที่เคย แต่เขาก็ร่ำเรียนมานานจนรอบรู้จึงทำให้มองคนออกอย่างชัดเจน

 

เขาแสร้งทำราวกับว่าเจอครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านโดยบังเอิญและนั่งลงร่วมโต๊ะพูดคุยกัน ทว่าหางตากลับจ้องมองเฉินไฉฮี!

 

เนื่องจากมีลูกชายเพียงคนเดียว แน่นอนว่าเขาต้องระมัดระวังและพิถีพิถันในการเลือกสะใภ้! แม้จางชิงเฟยจะอายุมากแล้วแต่เขาเป็นคนมีชื่อเสียงจึงคู่ควรกับหญิงที่เพรียบพร้อมเท่านั้น!”

 

แม้จางชิวไฉ่จะไม่เต็มใจรับหญิงชนบทผู้นี้มาเป็นสะใภ้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น! อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฉินไม่รู้หนังสือและถือว่าเพรียบพร้อมกว่าหญิงชนบทคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงยอมรับนาง

 

ทว่าเฉินไฉอีกลับทำให้เขาผิดหวัง! แม้นางจะพูดคุยกับจางชิวเฟยด้วยท่าที่เขินอาย แต่สายตากลับจ้องมองไปยังชายที่นั่งทำบัญชีอยู่อย่างไม่ลดละ!

 

“นางไม่ได้เห็นลูกชายของข้าในสายตาเลยด้วยซ้ำ!”

 

เพื่อไว้หน้าหัวหน้าหมู่บ้านจางชิวไล่จึงไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

 

สำหรับจางชิงเฟิง เนื่องจากผู้เป็นพ่อมักจะเข้มงวดกับเขาเสมอส่งผลให้ชายหนุ่มมีบุคลิกขี้อายและเก็บตัว

 

หญิงสาวที่เขาเคยพบมาก็มีเพียงเหวินเหวินเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสะดุดตากับความงดงามและความสดใสของนาง

 

แม้รูปโฉมของเฉินไฉอีจะไม่งดงามเท่าหยุนเถียนเถียน แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในหญิงที่สง่าและเพรียบพร้อมที่สุดในหมู่บ้าน ยิ่งเมื่อนางได้แต่งตัว พรมน้ำหอมให้ดูดี ยิ่งทำให้นางโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

เฉินไฉ่อีก้มลงจิบชาด้วยความเขินอาย กริยาของนางดึงดูดความสนใจของจางชิงเฟิงเป็นอย่างมาก

 

เมื่อเห็นดังนั้น หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาก็รู้สึกปลื้มปีติ เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจางชิวไฉ่ขุ่นเคืองลูกสาวตน

 

นอกจากจางชิวไฉ่ที่มองเฉินไม่ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วก็ไม่มีใครรับรู้ความจริงเลย! ทุกคนรวมถึงแม่ของนางต่างคิดว่าลูกสาวของตนพึงพอใจกับจางชิงเฟิง!

 

แท้จริงแล้วจางชิงเฟิงไม่ใช่เพียงชายหนุ่มธรรมดา เขามีชื่อเสียงและความสามารถทางด้านวรรณกรรม แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนเก็บตัวส่งผลให้กลายเป็นคนไร้เสน่ห์และเทียบสง่าราศีของนายน้อยหลี่ไม่ได้เลย

 

จางชิวไฉไม่แปลกใจที่หญิงสาวผู้นี้คลั่งไคล้นายน้อยหลี่แต่กลับเพิกเฉยลูกชายของเขา

 

จางชิงเฟิงใสซื่อเกินกว่าชายหนุ่มทั่วไป แม้ผู้เป็นพ่อจะรับรู้ว่าคู่หมายของลูกชายคิดไม่ซื่อต่อชายอื่น ทว่าเขากลับปิดปากเงียบและไม่ยอมพูดอะไร

 

เนื่องจากจางชิวไฉ่รู้ว่าจางชิงเฟิงหลงรักเฉินไฉอีตั้งแต่แรกพบ จึงทำให้เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบเพราะกลัวว่าลูกชายจะเสียใจหากได้รู้ความจริง

 

หากจางชิงเฟิงได้หลงรักหญิงใดแล้ว เขาก็จะรักนางอย่างสุดหัวใจ ด้วยเหตุนั้นหากบอกความจริงไปคงไร้ประโยชน์

 

จางชิวไฉ่เป็นคนใจกว้างและรักลูกชายมาก จึงตั้งใจจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปและยอมรับหญิงผู้นี้ในฐานะลูกสะใภ้! อย่างไรก็ตาม หากเฉินไฉอีทำให้จางชิงเฟิงต้องทุกข์ใจ จางชิวไผ่ก็จะตัดสัมพันธ์กับครอบครัวของนางทันที!

 

แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องเตือนลูกชายตัวเองสักหน่อย!

 

ขณะเดียวกับหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาพึงพอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้สึกสบายใจที่สามารถกำจัดหลี่ซื่อฮวาออกจากชีวิตของลูกสาวได้

 

สำหรับพวกเขาแล้ว จางชิงเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่านายน้อยหลี่เลยทั้งรูปร่างหน้าตาและความอ่อนเยาว์ ที่สำคัญเขามีชื่อเสียงด้านวรรณกรรมพร้อมด้วยความรู้ความสามารถเปี่ยมล้น

 

จางชิงเฟิงเป็นทั้งนักปราชญ์ เกษตกร และนักธุรกิจเช่นเดียวกับนายน้อยหลี่ แม้จางชิงเฟิงจะเป็นเพียงชายชนบทธรรมดาไม่ได้รวยเช่นหลี่ซื่อฮวา แต่แน่นอนว่าเขาต้องเป็นนักปราชญ์ที่เก่งกล้ายิ่งกว่าเป็นแน่!

 

เมื่อเจรจากันเสร็จพวกเขาก็เริ่มแยกย้าย

 

แม้เฉินไฉอีจะไม่ต้องการจากนายน้อยหลี่ แต่เมื่อเห็นว่าเขาออกไปหลังตรวจสอบบัญชีเสร็จจึงทำให้นางจำใจยอมอดทนคุยกับจางชิงเฟิง

 

หลังจากนั้น ภรรยาของเฉินเต่ออันก็พาตัวพ่อและแม่สามีเดินออกจากโรงน้ำชามาทันที

 

ภรรยาของเฉินเต่ออันถามด้วยความเป็นห่วงปนความภาคภูมิใจ “ท่านแม่… ท่านจะไม่ทำร้ายไฉ่อใช้ไหม? ลูกชายตระกูลจางเป็นคนดีใช่หรือไม่? หากไฉ่อีแต่งงานกับเขาแล้ว นางจะได้เป็นเมียเดียวจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 189 นัดดูตัว

หัวหน้าหมู่บ้านผู้ดีพร้อมถูกมองว่าเห็นแก่ตัวจากสิ่งที่ลูกสาวของเขากระทํา! นิสัยของเฉินไฉ่อีแปลกไปจากเดิมมาก นางกระทําการอันน่าละอายโดยไม่คํานึงถึงครอบครัวเลย!

 

อย่างไรก็ตาม ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านประหลาดใจต่อพฤติกรรมอันรุนแรงของพ่อเป็นอย่างมาก

 

เฉินเพื่ออันเป็นลูกที่เชื่อฟังมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงนั่งลงบนโต๊ะอาหารพร้อมตวาด “พ่อ! จริงอยู่ที่เราได้รับผลประโยชน์มากมายจากนาง แต่ก็ใช่ว่าจะได้มาโดยไม่ต้องแลกกับสิ่งใด! ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดก็เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึงพร้อมคิดในใจ “ลูกชายผู้แสนดีของข้ากล้าต่อปากต่อคําถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เอาเถิด! เมื่อโตขึ้นและได้รับการศึกษา แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีความคิดเป็นของตนเอง!”

 

“เอาล่ะ! ปล่อยวางเรื่องหยุนเถียนเถียนและมุ่งความสนใจไปที่น้องสาวของเจ้าเถิด! จะเป็นการดีหากนางได้แต่งงานโดยเร็วที่สุด! ข้าว่า… ลูกชายของจางชิวไผ่ก็เพรียบพร้อมไม่น้อย!”

 

ภรรยาของเฉินเพื่ออันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ในฐานะลูกสะใภ้ นางไม่สามารถออกความเห็นต่อการตัดสินใจของผู้เป็นพ่อได้ แม้จะต้องการชื่นชมเขาก็ตาม!

 

หากไม่รีบแต่งงานชื่อเสียงของฉินไฉ่อีอาจเสียหายไปมากกว่านี้ หัวหน้าหมู่บ้านย่อมคิดและวางแผนมาดีแล้วว่าวิธีนี้จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของลูกสาวได้

สําหรับภรรยาของเฉินเดืออันแล้ว น้องสาวผู้นี้ช่างน่าสงสาร! นางถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม ไม่เคยต้องทํางานหนักหรือถูกขัดใจเลย! เมื่อพบกับเหตุการณ์เช่นนี้นางจึงเอาแต่ซ่อนตัวในห้องด้วยความโศกเศร้า

ส่วนลูกชายของจางชิวไฉนั้น โชคดีที่เขาอาศัยอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านเทพธิดาจึงทําให้ไม่ได้ยินข่าวลือของเฉินไฉ่อี เพราะหากพวกเขารับรู้ จางชิวไฉ่ต้องไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับหญิงสาวผู้นี้เป็นแน่!

 

ภรรยาของเฉินเฮ้ออันได้แต่ภาวนาในใจขอให้ครอบครัวของจางชิวไฉไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่าน้องสาวของสามีจะไม่ได้แต่งงาน!

ครอบครัวจางอาศัยอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านเทพธิดาราวสองหมู่บ้าน จึงทําให้พวกเขาไม่ได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาของเฉินไล่อีเลย! รู้เพียงว่านางเป็นลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความรู้

ด้วยเหตุนั้นจางชิวไฉ่จึงพึงพอใจมากและคะยั้นคะยอให้จางชิงเฟิงผู้เป็นลูกชายให้ไปสู่ขอนาง!

อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเฉินเต่ออันยังคงเป็นกังวลถึงสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้น! แม้นางจะรู้ว่าลูกชายของชายชิวไฉ่เป็นชายในแบบที่เฉินไฉ่อีชื่นชอบ ทว่าท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าเช่นนี้ หญิงสาวผู้นั้นไม่มีทางชายตาแลใคร!

เฉินไฉ่อีได้ยินแผนการทุกอย่างจึงหงุดหงิด ก่นจะตะโกนออกมาทั้งน้ําตา “ข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นนอกจากนายน้อยหลี่!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ภรรยาเฉินเต่ออันกังวลใจทันที นางจึงพยายามคิดวิธีหลอกล่อพร้อมกล่าวว่า “ชายผู้นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า! ลองดูก่อนเถิด หากเจ้าไม่ชอบก็เพียงปฏิเสธไป จะไม่มีผู้ใดบังคับเจ้าได้ทั้งนั้น!”

 

เฉินไฉฮีรู้สึกเห็นด้วยกับพี่สะใภ้และคิดในใจ “จริงด้วย ข้าควรลองดู! อย่างไรเสียนายน้อยหลีก็เห็นว่าหยุนเถียนเถียนสําคัญกว่าข้าอยู่แล้ว!”

 

“นายน้อยหลี่เป็นลูกชายตระกูลใหญ่ เขาไม่มีทางมองหญิงต่ําต้อยเช่นนั้น! หรือแท้จริงแล้วเขาเองก็ชอบข้า เพียงแต่ไม่รู้ตัว?”

“การนัดดูตัวในครั้งนี้อยู่ในเมือง ข้าได้ยินมาว่าบ้านของนายน้อยหลีก็อยู่ที่นั่นด้วย! อันที่จริงการไปดูตัวไว้ก่อนก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ยิ่งไปกว่านั้นหากนายน้อยหลี่เห็นว่ากําลังมีชายอื่นหมายปองข้า เขาอาจรู้สึกเสียดายขึ้นมาก็ได้!”

 

เฉินไฉ่อีจมดิ่งในภวังค์ของตนพร้อมพยักหน้า “ตกลง! ข้าจะทํา ตามคําสั่งของท่านแม่! แต่… ข้าต้องเป็นผู้เลือกเวลาและสถานที่เอง!”

 

ภรรยาเฉินผิงอันดีใจเป็นอย่างมากที่เฉินไฉ่อีเห็นด้วย ทว่าคําพูดของนางกลับทําให้ภรรยาเฉินผิงอันรู้สึกไม่สบายใจ!

 

“เจ้าเห็นด้วยจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ได้มีสิ่งใดอื่นแอบแฝงใช่หรือไม่?!”

เฉินไฉ่อีพยักหน้า “ข้าไม่มีสิ่งใดแอบแฝงทั้งนั้น! แต่ระหว่างนี้อย่าบังคับข้าให้ทําสิ่งใดอีก! ข้าต้องไปหาซื้อเหล้าแดงเสียก่อน”

เหล้าแดงนับเป็นของขวัญอันยอดเยี่ยมที่จะมอบให้แขกผู้ใหญ่ ด้วยเหตุนั้นหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาจึงไม่เอะใจและยอมปล่อยนางไป

 

เฉินไฉ่อีคว้าเงินทั้งหมดที่มีและออกไปขึ้นเกวียนวัวของเฉินชูกงทันที!

หนึ่งวันผ่านไป…

เฉินไฉ่อีกลับมาอย่างมีความสุข ทว่ากลับไม่ได้นําเหล้าแดงหรือสิ่งใดมาด้วยเลย!

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าลูกสาวดูสดใสขึ้นจึงไม่ได้เอะใจอะไร

 

“ท่านแม่เ ข้าขอเลือกโรงน้ําชาหรูยี่เป็นสถานที่นัดดูตัว ส่วนเรื่องอื่นข้าจะจัดการเอง!”

แม้ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจะแปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินคําพูดของลูกสาว แต่กลับคิดว่านางจะจัดการทุกสิ่งด้วยตนเองได้จริงๆ

“เอาล่ะ! อย่าได้กังวลเลยไม่อี แม่จะไม่ยอมให้ใครมุ่งร้ายต่อเจ้า! ลูกชายของจางชิวไฉ่เป็นคนดีและเพียบพร้อม ข้าได้ยินมาว่าเขาจะสอบเป็นขุนนางในปีหน้า! เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นคนดีและเชื่อฟัง เจ้าจะได้เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขา จะไม่มีสนมใดมาเทียบเคียงเจ้า เชื่อแม่เถิด เจ้าจะมีความสุขกว่าที่ได้อยู่กับนายน้อยหลี่”

 

เฉินไฉ่อีครุ่นคิด “การได้เป็นเมียเดียวมันดีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ข้าก็ไม่เห็นว่าหญิงชราเหล่านั้นจะมีความสุขเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุมผู้นั้นคงไม่สามารถเทียบเทียมสง่าราศีของนายน้อยหลี่ได้”

 

“ข้ารู้เท่านแม่! ข้ารู้ว่าท่านหวังดี! แต่โปรดจําไว้ว่าข้าไม่เห็นด้วย ที่ท่านคลุมถุงชนข้าเช่นนี้!”

เมื่อได้ยินดังนั้นภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจึงคิดหาวิธีรับมือลูกสาวทันที หลังจากจัดเตรียมแผนการทุกอย่างแล้ว นางก็เดินทางไปเจรจากับจางชิวไฉ

ทั้งสองตัดสินใจว่าจะปล่อยให้จางชิงเฟิงและเฉินไฉ่อีได้พบกัน ณ โรงน้ําชาหรูยี่!

 

เมื่อวันนัดหมายเดินทางมาถึง ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกังวลใจเป็นอย่างมาก

ทุกคนต่างคิดว่าเฉินไฉ่อีจะยอมทําสิ่งนี้ด้วยฝืนใจ ทว่านางกลับตื่นแต่เช้า ปะแป้ง พรมน้ําหอมอย่างน่าประหลาดใจ!

 

เฉินไฉ่อีดูงดงามไปจากเดิมมาก! นางสวมชุดสีแดงพร้อมใบหน้าสละสลวยจนน่าตกตะลึง! เมื่อเห็นดังนี้ทุกคนในบ้านต่างรู้สึกโล่งใจ

ทั้งหมดเริ่มออกเดินทางไปยังโรงน้ําชา

เมื่อชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ก็เริ่มซุบซิบนินทากันทันที!

 

จากนั้นไม่นาน เฉินไฉ่อีก็เดินทางมาถึงโรงน้ําชาหรูยี่ ทุกย่างก้าวของนางนั้นดูสง่าและเพรียบพร้อมเป็นอย่างมาก

 

ทุกคนที่นั่งอยู่ในโรงน้ําชาต่างตะลึงงันไปตามกัน

เนื่องจากโรงน้ําชาหรูยี่เป็นหนึ่งในกิจการของตระกูลหลี่ ดังนั้น หลี่ซื่อฮวาจึงมักจะมาที่นี่ทุกๆสองวันเพื่อตรวจสอบบัญชี

 

และวันนี้ก็เป็นวันที่เขาต้องเดินทางมาที่นี่เช่นกัน!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 188 ความขุ่นเคืองของหัวหน้าหมู่บ้าน

ตอนที่ 188 ความขุ่นเคืองของหัวหน้าหมู่บ้าน

 

“ไม่อยากรู้ความจริงเรื่องที่แม่ของเจ้าถูกกล่าวหาว่ากระทําการอันน่าละอายหรือ? เรื่องพ่อที่แท้จริงของเจ้าด้วย! ไม่อยากหาคําตอบหรือ?

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สนมเอกของเจ้าหลวงอย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่? เหตุใดนางจึงตัดสินใจหนีจากชีวิตอันสุขสบายในวังเพื่อมาแต่งงานกับชายชนบทผู้ยากจน? ทั้งยังให้กําเนิดข้าที่นี่ด้วย? เหตุใดนางจึงเลื อกที่จะจากมา?”

อย่างไรก็ตาม หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสนมเอกของเจ้าหลวงนั้นย่อมไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะทิ้งชีวิตอันสุขสบายเช่นนั้นมาได้แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลอะไรเป็นแน่! แต่ตอนนี้หยุนเถียนเถียนเป็นเพียงเด็กสาวชนบทธรรมดา จะเข้าไปข้องเกี่ยวหรือหาคําตอบเรื่องนี้ได้อย่างไร?

“ข้าทําแน่หากมีโอกาส! หากรู้ความจริงแล้วข้าจะปาวประกาศแก่ทุกคนเพื่อล้างมลทินให้ท่านแม่ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!”

หยุนเคอยิ้ม “หญิงที่มีความสามารถและเพรียบพร้อมเช่นนางไม่มีทางไร้คู่ครอง! แม้จักรพรรดิองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นอดีตกษัตริย์ยังหลงใหลแม่ของเจ้า! ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันยังเป็นพี่สาวของแม่เจ้าด้วย!”

“ข้าคงไม่สามารถบอกหรือให้คําตอบเจ้าไปมากกว่านี้ได้ เพราะตอนนั้นข้ายังเด็กมากและถูกตัดขาดจากครอบครัว! ในตอนที่แม่ของเจ้าหายตัวไปข้ามีอายุเพียงหกขวบเท่านั้น!”

หยุนเถียนเถียนรวบรวมความกล้าพร้อมถามอย่างใคร่รู้ “แล้วตัวตนที่แท้จริงของพี่คือผู้ใด? หากเคยได้ยินข่าวคราวของท่านแม่แสดงว่าพี่หยุนก็ต้องเป็นคนร่ํารวยและมีอํานาจในเมืองหลวงเช่นกัน!”

 

หยุนเคอยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าเป็นเพียงลูกชายคนโตผู้ไร้ยางอาย!ข้าเจ็บปวดเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องนี้!”

 

เดิมที่หยุนเคอเพียงต้องการปลอบโยนหยุนเถียนเถียนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง แต่กลับไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าประโยคคําถามสั้น ๆ ของหญิงสาวจะทําให้เขาจมดิ่งในความเจ็บปวดได้!

ด้วยเหตุนี้หยุนเคอจึงเอาแต่ซ่อนตัวในห้องนอนและไม่ออกมารับประทานอาหารเลย

 

หยุนเถียนเถียนนั่งคอยบนโต๊ะกินข้าวด้วยความงุนงง “เหตุใดหยุนเคอจึงต้องเจ็บปวดถึงเพียงนั้น? เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นไรกัน แน่?!”

ขณะเดียวกันบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายและข่าวลือเรื่องลูกสาวของเขาก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากที่ถูกเติมแต่งอย่างไม่รู้จบ!

 

“เฉินไฉ่อีลุ่มหลงและคลั่งไคล้นายน้อยหลีเป็นอย่างมากโดยไม่คํานึงถึงหน้าตาของครอบครัวเลย นางยั่วยวนเขาสารพัด ช่างน่าสมเพศเสียจริง!”

เดิมที่เพราะเฉินไฉอีเป็นลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงทําให้ไม่มีใครกล้านินทา ทว่าพฤติกรรมของนางกลับแย่ลงทุกวันจนหนีไม่พ้นสิ่งเหล่านี้!

ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าหมู่บ้านยังมีอํานาจในที่ดินจํานวนหลายไร่ในหมู่บ้านจึงทําให้ไม่มีใครกล้ารุกรานครอบครัวของเขา

 

ทว่าเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

หัวหน้าหมู่บ้านบังเอิญได้ยินชาวบ้านจับกลุ่มนินทาลูกสาวของตนอย่างหมิ่นเกียรติ จึงวิ่งออกไปหาคนกลุ่มนั้นด้วยความโกรธทันที!แม้พวกเขาจะไม่ต้องการมีปัญหากับหัวหน้าหมู่บ้านและพยายามหลบเลี่ยง แต่คํากล่าวหาของพวกเขาก็ยังทําให้หัวห น้าหมู่บ้านขุ่นเคือง!

เมื่อเห็นดังนั้น หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านจึงตะโกนต่อว่าเขาและลูกสาวถึงเรื่องที่นางก่อในบ้านของหยุนเถียนเถียน! หัวหน้าหมู่บ้านเถียงไม่ออกพร้อมหน้าซีดก่อนจะเดินกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง

 

แม้เถียนเถียนจะไม่ได้บอกอะไร แต่ชาวบ้านทุกคนก็รับรู้เรื่องหมดที่เกิดขึ้นจากการอาละวาดของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน

 

เมื่อมาถึงบ้าน หัวหน้าหมู่บ้านก็พบว่าภรรยาของเขากําลังนั่งทําอาหารอยู่ในครัวด้วยสีหน้าบูดบึง!

เมื่อเห็นสามีเดินทางมาถึงบ้น ภรรยาของเขาจึงกล่าวทักทายทันที ” สามีของข้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!”

หัวหน้าหมู่บ้านถามภรรยาของตนด้วยความโกรธเกรี้ยวโดยไม่สนใจลูกชายและลูกสะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เลย “นังผู้หญิงไร้ยางอาย! รู้หรือไม่ว่าเจ้าทําให้ชื่อเสียงของของไฉ่อีต้องเหม็นเน่าเพียงใด?! รู้หรือไม่ว่าเจ้าทําให้ชาวบ้านเหยียดหยามข้าอย่างไม่ไว้หน้า?”

แววตาของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไร้ซึ่งความรู้สึกผิด นางลุกขึ้นเถียงสามีของตนด้วยเสียงแข็ง “คนผิดคือนางหยุนไม่ใช่หรือ?!นางไล่ขับไล่ลูก ๆ ของเราออกจากโรงงาน ทั้งยังเอาเรื่องของไฉ่อีไปป่าวประกาศอีกด้วย!”

หัวหน้าหมู่บ้านทุบโต๊ะด้วยความโมโหจนแก้วไวน์ตกพื้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ !

 

“เจ้ายังกล้าใส่ร้ายผู้อื่นอีกหรือ?! หากเจ้าไม่ยั่วยวนนางเรื่องทั้งหมดคงเงียบไปแล้ว! ข้าพยายามทุกอย่างเพื่อจบเรื่องแม้ต้องก้มหัวอ้อนวอนนางก็ตาม แต่เจ้ากลับสร้างเรื่องไม่รู้จบสิ้น!อยู่เงียบ ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร?!”

 

ลูกสะใภ้ของพวกเขาแทรกขึ้นอย่างแผ่วเบาด้วยความหวาดกลัวทันที “ข้าและท่านแม่ไม่ได้ยั่วยุนางเลย เราเพียงไปสอบถามถึงเหตุผลที่ไล่เราออกเท่านั้น”

“เราไม่ได้ทํางานให้นางโดยไร้สิ่งตอบแทน เราทํางานแลกกับเงินของนาง! ทั้งยังได้รับผลประโยชน์มากมายจากกิจการของนางหากลูกน้องทําการหมิ่นเกียรติเจ้านายก็สมควรแล้วที่ถูกไล่ออก!”

 

แท้จริงแล้วหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน เฉินไฉ่อถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนไม่รู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือควรทํา ยิ่งไปกว่านั้นการก้มหัวขอโทษของเขากลับไร้ความหมาย เพราะในท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็รับรู้เรื่องราวของลูกสาว อีกทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ยังถูกไล่ออกอีกด้วย!

 

หัวหน้าหมู่บ้านจึงพูดด้วยความโมโหอีกครั้ง “ข้าทําทุกอย่างเพื่อปิดปากหยุนเถียนเถียนไว้ นางจะได้ไม่นําเรื่องนี้ไปบอกใครแต่เจ้ากลับยั้วโทสะนางจนทุกอย่างแย่ไปหมด! การที่เรื่องนี้แพร่ออกไปนั้นไม่เป็นผลดีเลยสักนิด! ไฉ่อี! เจ้าต้องรีบแต่งงานโดยเร็วที่ สุด! หากเรื่องนี้กระจายออกไปในวงกว้างเจ้าไม่มีทางได้แต่ง งานเป็นแน่!”

หลังจากพูดจบภรรยาของเขาก็แทรกขึ้นทันที!

 

“จริงอยู่ที่ครอบครัวเราได้รับผลประโยชน์มาหมายจากนาง ข้าไม่ปฏิเสธ! แต่นางทําตัวเป็นเจ้านายมากเกินไป แม้เจ้าจะทําทุกอย่างเพื่อนางแต่ก็ไร้ความหมาย! ท้ายที่สุดแล้วนางก็ขับไล่เราอย่างไรเยื่อใย! เอาล่ะ จากนี้ไปเจ้าจะทําอย่างไร?”

“ทําอย่างไรงั้นหรือ?! ข้าเคยเตือนเจ้าไปหลายคราแล้วว่านางไม่ใช่คนธรรมดา อย่าทําให้นางอุ่นเคืองเด็ดขาด! แต่เจ้ากลับดื้อรั้นและยั่วยุนาง! แม้เจ้าจะไม่พอใจก็ควรระบายเพียงในบ้าน ไม่ใช่เอาไปปาวประกาศจนทั่วเช่นนี้”

เฉินเต่ออันตกตะลึงเพราะโดยปกติแล้วพ่อของเขาเป็นคนยุติธรรมและโกรธช้า แต่วันนี้กลับโมโหร้ายจนน่าประหลาดใจ!

“เพราะน้องสาวของข้าทําผิดมหันต์จึงเป็นเหตุให้หยุนเถียนเถียนขับไล่ครอบครัวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ทุกอย่างล้วน ชัดเจนอยู่แล้วเหตุใดพวกเขาจึงยังทะเลาะกันไม่รู้จบ

 

ตอนที่ 187 หยุนจิงเอ๋อคือใคร?

 

“หากหยุนเถียนเถียนต้องการไล่พวกข้าออกจริง ๆ ก็ควรมีเหตุผลไม่ใช่หรือ? แต่นี่กลับไร้ซึ่งคำอธิบายใด! ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่นางขับไล่ยังเป็นลูกชายและสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านอีกด้วย! เพียงเพราะลูกสาวของข้าทะเลาะกับนางจนทำให้เกิดความไม่พอใจต่อทั้งสองฝ่าย หยุนเถียนเถียนจึงใช้อำนาจที่มีตัดสินอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ในเมื่อนางมีนายน้อยหลี่คอยคุ้มและหนุนหลังให้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหัวหน้าหมู่บ้านแล้วสิ!”

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน หยุนเถียนเถียนที่เดินมาถึงบ้านได้ยินทุกอย่างทันที

 

เดิมที่หยุนเถียนเถียนคิดว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนที่ไว้ใจได้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้นางรู้สึกคิดไม่ผิดที่ขับไล่พวกเขา

 

“ย้อนกลับไปในอดีต หยุนจิงเอ๋อใช้ความงามของตนยั่วยวนและหลอกล่อชายอื่น จนทำให้พวกเขารวมถึงสามีของข้ายังเพิกเฉยภรรยาของตน บางที่นางหยุนก็อาจใช้วิธีการนี้ในการหลอกล่อให้นายน้อยหลี่ช่วยเหลือนางเช่นกัน! นายน้อย… ท่านไม่เอะใจเลยหรือ? เหตุให้จึงหลงกลและยอมซื้อเนื้อตากแห้งของนางได้?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป นางก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวขึ้นทันที “สิ่งที่ท่านภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพูดไม่ดูลำเอียงไปหน่อยหรือ?! ใครกันแน่คือคนที่สร้างปัญหา? ลูกสาวของท่านไม่ใช่หรือ?”

 

การถูกคนที่ไว้ใจกล่าวหาและนินทาลับหลังเช่นนี้ช่างน่าผิดหวังหลายวันมานี้เฉินไม่อิ่มุ่งร้ายต่อหยุนเถียนเถียนสารพัด คงไม่แปลกหากนางจะลุกขึ้นปกป้องตนเองและให้บทเรียนแก่ครอบครัวนี้

 

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น! แน่นอนว่าพ่อแม่เป็นเช่นไร ลูกก็ย่อมเป็นเช่นนั้น!

 

“เจ้าพูดจาหยาบคายทั้งยังตบหน้าลูกสาวของข้าไม่ใช่หรือ?! เจ้าทำร้ายนางจนเลือดไหล! ข้าต้องสั่งสอนเจ้าสักหน่อยเพื่อจะได้รู้ว่าการไล่เตืออันและภรรยาออกอย่างไร้เหตุผลนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “ท่านก็เป็นแม่คนแล้ว กิริยาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือ?! ลูกสาวโตจวนจะแต่งงาน แต่ท่านยังทำราวกับนางเป็นเด็ก ใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าลูกสาวท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นหญิงผู้รอบรู้ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เพราะเมื่อนางรู้ว่านายน้อยหล่ำอยู่ที่บ้านของข้าก็รีบโผล่มาทันที! ขณะที่ข้ากำลังเจรจาธุระกับนายน้อย นางก็เข้ามาขัดจังหวะ ช่างรอบรู้เสียจริง! ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ลูกสาวที่มีแม่คอยถือหางและไม่สั่งสอนก็มักจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ท่านภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็กำลังรังแกและต่อว่าข้าอยู่ เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกสาวของท่านเป็นเช่นนี้ พอเห็นนายน้อยหลีกระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ท่านเป็นแม่แท้ๆ ไม่คิดจะอบรมลูกสาวบ้างเลยหรือ? เมื่อวานท่านหัวหน้าหมู่บ้านก้มหัวขอโทษข้าและขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใด แต่ตอนนี้ท่านเองกลับยั่วยุข้า หากข้าเผลอพลั้งปากไปก็คงไม่แปลกข้าจะไม่ขอโทษหรือรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกสาวของท่านสร้างเรื่องเดือดร้อนสารพัด! ยิ่งไปกว่านั้นนางหมิ่นเกียรติและต่อว่าแม่ของข้า กล่าวหาว่านางไม่ประพฤติตามวิถีสตรีตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานและไร้ยางอาย ท่านมองไม่เห็นความผิดของเฉินไม่อีจริง ๆ หรือ?!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีดและนิ่งเงียบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของหยุนเถียน เพราะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดมาหักล้างได้

 

“เดิมที่ข้ารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ขับไล่ลูกชายและสะใภ้ของท่านไปเพราะความผิดของเฉินไฉอี ข้าเพียงอยากให้บทเรียนกับนางเพื่อที่จะได้ไม่กล้ามาก่อเรื่องอีก และเพื่อให้ท่านรู้จักสั่งสอนลูกสาวของตนด้วย แต่เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ข้าคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านก้มหัวขอร้องข้าอย่างจริงใจ ข้าจึงตั้งใจกัดฟันเงียบเพื่อไม่ให้ผู้ใดรู้เรื่องนี้ ทว่าคำพูดและกิริยาของท่านกลับไร้ซึ่งความละอายใจ อย่างไรแล้วข้าคงต้องสั่งสอนท่านและลูกสาวบ้าง! สิ่งหนึ่งที่ท่านควรรู้ไว้ แม่ของข้าเดินทางมาที่นี่อย่างยากลำบากและถูกบังคับให้แต่งงานกับเฉินผิงอัน คนเพรียบพร้อมเช่นนางไม่มีทางทำเรื่องน่าละอายได้ หากท่านผิดใจกับข้าก็จงกล่าวหาหรือตำหนิเพียงข้า อย่าดึงท่านแม่เข้ามาเกี่ยว!”

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนพูดจบก็หันหลังกลับบ้านไปพร้อมความรู้สึกกระสับกระส่ายในใจ ในสังคมยุคนี้ผู้หญิงมักจะถูกมองว่าไร้ค่าเสมอ!

 

หยุนเคอรู้สึกได้ทันทีว่าหญิงสาวไม่สบอารมณ์จึงก้าวเข้าไปถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเสียนเถียนทุกข์ใจหลายอย่างตั้งแต่เดินทางย้อนกลับมายังยุคนี้ ทว่ากลับไม่เคยพูดหรือระบายกับใครเลย บัดนี้เมื่อได้ยินคู่หมายถามด้วยความห่วงใย นางก็ปรารถนาที่จะกล่าว แต่บางอย่างก็คงไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับชายในยุคแห่งศักดินานี้

 

“สำหรับท่านแล้วการเกิดเป็นหญิงนั้นไร้ค่าหรือไม่? สมควรได้รับการดูถูกหรือไม่? แม่ข้าตายมาหลายปีแล้ว แต่กลับยังถูกกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่… “

 

หยุนเคอพยักหน้าด้วยความเข้าใจเพราะกลัวว่าจะทำให้หญิงผู้นี้โกรธเคืองอีก

 

“อันที่จริงแม่ของเจ้าเลืองชื่อมากเมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองหลวงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเรื่องเสียหายเช่นนั้น ต้องมีเหตุผลที่ทำให้นางหนีมาขณะตั้งครรภ์อยู่ ชาวบ้านที่ไม่อะไรก็ต่างพูดจาเพื่อสนุกปาก อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

 

นี่อาจนับว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่หยุนเคอพูดตั้งแต่รู้จักกับหยุนเถียนเถียน

 

“เจ้ารู้จักแม่ของข้าด้วยหรือ?”

 

หยุนเคอหัวเราะเบา ๆ “เมื่อยังเด็กข้าเคยได้หญิงมาว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งงดงามมากนามว่านางหยุน ข้าเดาว่านางอาจเป็นสนมเอกของเจ้าหลวง ทว่าไม่นานนักนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยบ้างก็บอกว่านางหนีไป แต่ท่านเจ้าหลวงกลับบอกว่านางเสียชีวิตเพราะโรคร้าย!”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง นางคิดมาตลอดว่าแม่ของตนเป็นเพียงหญิงธรรมดา แต่แท้จริงแล้วนางเป็นสนมของเจ้าเมือง ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง!

 

“แล้วตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดจึงรู้จักสนมเอกของเจ้าหลวงได้? ตัวตนของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่! อาศัยในเมืองหลวงครั้งยังเด็ก แต่เมื่อเติบโตกลับย้ายมาอาศัยในป่าและใช้ชีวิตเช่นนายพราน เพื่อสิ่งใดกัน?”

 

แววตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นที่กำลังจ้องมองหยุนเคออยู่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและต้องการหลบเลี่ยง หยุนเคอถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่สามารถพรรณาทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเป็นคำพูดได้

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 186 ความแค้น

ตอนที่ 186 ความแค้น

 

“ไฉ่อีทําให้หยุนเถียนเถียนชี้หน้าด่าข้าว่าไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวให้ดี! ข้าถูกพวกเขาหมิ่นเกียรติทั้งยังต้องก้มหัวขอโทษ! ดูเอาเถิด! ลูกสาวเจ้าทําระยําไว้เพียงใด!”

เฉินไฉ่อีตอบกลับอย่างฉุนเฉียว “ทุกสิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นเรื่องจริง! ท่านพ่อยอมก้มหัวขอโทษพวกเขาก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวต่างหาก ทั้งยังผลักความผิดทั้งหมดมาให้ข้า! เป็นพ่อเช่นใดกัน?!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านโกรธจนตัวสั่น!

ทันใดนั้น ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านแทรกขึ้นทันที “ พ่อแม่เจ้าไม่เคยสั่งสอนหรืออย่างไร?! เหตุใดจึงกล้ากล่าวหาหยุนเถียนเถียน และแม่ของนางอย่างไรเหตุผลเช่นนั้น?! สมควรแล้วที่เจ้าจะโดนนางตบหน้า! เฉินไฉ่อี… หากยังอยากเป็นลูกสาวตระกูลเฉินก็ต้องเชื่อฟังข้าและแต่งงานกับลูกชายของจางชิวไฉ่!”

 

“แต่งงานกับลูกชายของจางชิวไฉ่เหรอ?! ไม่! ข้าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากนายน้อยหลี่! ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อเขาเท่านั้น!”

 

เมื่อพูดจบเฉินไม่กี่วิ่งเข้าไปในห้องและลงกลอนทันที นางรู้ดีว่าพ่อแม่จะต้องบังคับและไม่ยอมปล่อยนางไปเป็นแน่!

 

ทันใดนั้น… เฉินเต่ออันก็พาภรรยากลับมาถึงบ้าน

 

“พ่อ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดนางหยุนจึงขับไล่ข้าทั้งสอง? ไฉ่อีทําสิ่งใดให้นางต้องเคืองใจหรือ?!”

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหัวเพราะเขาไม่ต้องการเล่าพฤติกรรมของลูกสาวให้ลูกชายฟัง

“ในเมื่อถูกขับไล่แล้วก็อย่ากลับไปอีก! น้องสาวเจ้าสร้างเรื่องเลวร้ายต่อนางไว้มาก”

ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกําลังจะเดินกลับห้องนอนไป ภรรยาของเฉินเต็ออันก็แทรกขึ้นทันที “เราช่วยนางสร้างและดูแลโรงงานมาจนถึงทุกวันนี้ เหตุใดจึงขับไล่เราอย่างไร้เหตุผล? ท่านพ่อ…. ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่หรือ? หน้าที่ของท่านคือต้องสะสางเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านหันมองลูกสะใภ้ หญิงผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดมาโดยตลอด เหตุใดจึงถามเช่นนี้ออกมาได้?”

 

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบ “นางหยุนไม่ได้ไร้เหตุผลหรอก ลูกสะใภ้ ข้ารู้ว่าเจ้าสูญเสียสิ่งดีไปอย่างน่าเสียดาย แต่แม้จะไม่มีโรงงาน ครอบครัวเราก็อยู่กันได้!”

เฉินเพื่ออันแทรกขึ้นทันที “ไฉ่อีทําสิ่งใดให้นางต้องเคืองโกรธ?! เมื่อตอนที่เถียนเถียนขับไล่ข้าทั้งสอง นางสั่งให้พวกข้ากลับมาถามน้องสาว ข้ารู้มาว่านายน้อยหลี่เดินทางมาที่นี่ ไฉ่อีตามรังควานเขาอีกแล้วใช่หรือไม่? แม่! เหตุใดจึงไม่สั่งสอนหรือควบคุมดูแลลูกสาวของท่านให้ดี ไม่รู้หรือว่านางทําผิดวิถีสตรีไปมากเพียงใด?!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตอบพร้อมน้ําตาไหล “ข้าเห็นไฉ่อีหยิบผ้า และเข็มปักออกไปและเข้าใจว่านางคงจะไปปักผ้ายังบ้านสหายจึงไม่ได้สนใจ นางก็โตมากแล้วจะให้ข้าคอยมานั่งจับตามองไปตลอดคงไม่ได้ ยังไงซะครอบครัวของเราหาเงินได้มากมาย ไม่จําเป็นต้องพึ่งพานังเด็กคนนั้น พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมด? เหตุใดจึงเชื่อฟังนางหยุนและกล่าวโทษน้องสาวของตนอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้?!”

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินคําพูดของภรรยาก็รู้สึกไม่พอใจจึงรีบเดินออกมาจากห้องนอนทันที “หุบปากเสีย! ลูกสาวเราเป็นเช่นนี้ ก็เพราะเจ้าสั่งสอนนางมาให้หยิ่งผยอง ไร้การไตร่ตรอง และเอาแต่กล่าวโทษผู้อื่น! หยุนจิงเอ๋อมีเมตตาต่อเจ้ามากจนถึงขั้นมาช่วยทําคลอด หากไม่มีนางก็ไม่มีไฉ่อีในวันนี้! นางเด็กนั่นคงตายไปนานแล้ว แต่ลูกสาวของเจ้ากลับกล่าวหาและหมิ่นเกียรตินาง เช่นนี้แล้วยังจะบอกว่าไฉ่อีไม่ผิดอีกหรือ?! นอกจากนี้เจ้าไม่รู้หรือว่าแม่นางหยุนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด?! แม้กระทั่งท่านหลงเยว่ยังยอมต่อนาง และออกปากสั่งให้ท่านนายอําเภอดูแลปกป้องจนถึงที่สุด เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ลองไตร่ตรองเถิดว่าลูกสาวของเจ้าสมควรทําเช่นนี้หรือไม่?!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตะคอกอย่างโกรธเคืองภรรยายิ่ง

 

ขณะเดียวกันภรรยาของเขาก็ฉุนเฉียวเช่นกัน ยิ่งถูกตําหนิก็ยิ่งทําให้นางรู้สึกขุนเคืองไม่น้อย

 

แม้นางจะพยักหน้าแสดงอาการเห็นด้วย ทว่ากลับพร่ําบ่นในใจ “ครอบครัวข้าต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะนางหยุนผู้เดียว!

 

เฉินไฉ่อีที่แอบฟังอยู่ในห้องก็นึกในใจเช่นกัน พ่อทํามากเกินไปแล้ว! หากนางหยุนยิ่งใหญ่จริงดังที่ท่านพูด นางจะทนยอมให้หลินชวนฮวาทารุณมานานหลายปีเพื่อสิ่งใดกัน?! เป็นไปได้ว่านางอาจใช้มารยาหญิงหลอกล่อทั้งหลงเยวและนายอําเภอ!?

เฉินไฉ่อีถูกขังไว้ในห้องอย่างแน่นหนา ขณะที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านยังคงดื้อรั้นแม้จะถูกสามีสั่งห้ามก็ตามนางและลูกสะใภ้ออกไป เพื่อเจรจากับหยุนเถียนเถียนทันที!

เมื่อไปถึงนางก็พบว่านายน้อยหลี่ยังคงอยู่ที่บ้านของหยุนเถียนเถียน

หากนายน้อยหลี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าคนทั้งหมู่บ้านก็จะรู้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหลี่ยังเคยบาดหมางกับหยุนจิงเอ๋ออีกด้วย!

เนื่องจากนายน้อยหลี่รับรู้เรื่องที่เฉินเดืออันและภรรยาถูกไล่ออกแล้ว ดังนั้นจึงทําให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน

 

ทุกคนในหมู่บ้านต่างได้รับผลประโยชน์จากโรงงานของหยุนเถียนเถียนโดยเฉพาะครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม แม้นายน้อยหลี่จะทราบเรื่องแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านที่มีอํานาจตัดสินใจยังยอมต่อหยุนเถียนเถียน ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจด้วยความอึดอัดพร้อมถามไถ่ “นายหญิงหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านถูกไล่ออกจากโรงงานอย่างนั้นหรือ?”

 

ขณะที่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกําลังจะตอบ ลูกสะใภ้ของนางก็แทรกขึ้นทันที “ใช่แล้ว! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวเราร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่หยุนเถียนเถียนมาโดยตลอดตั้งแต่โรงงานถูกก่อตั้ง ทว่านางกลับขับไล่เราอย่างไร้เยื่อใยและไร้เหตุผล!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 185 แค้นนี้ต้องชําระ

ตอนที่ 185 แค้นนี้ต้องชําระ

 

เฉินซ่งคว้ามือลูกสาวด้วยสีหน้าบูดบึงก่อนจะเดินกลับบ้านไป!

 

หลี่ซื่อฮวาตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหยุนเถียนเถียนจะเด็ดขาดเช่นนี้สําหรับนางแล้วความถูกต้องสําคัญกว่าความเกรงใจ แม้จะต้องทําให้หัวหน้าหมู่บ้านขุ่นเคืองก็ตาม!

“นายน้อยหลี่ ข้าจะไปโรงงานกับท่านและจะจัดการความเรียบร้อยด้วยตนเองโดยจะไม่ไปรงกวนครอบครัวของท่านหัวหน้าหมู่บ้านอีก!”

 

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้า “เอาล่ะ งั้นก็ไปกันเถอะ!”

หยุนเถียนเถียนเดินออกไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย หยุนเคอรีบวิ่งตามมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเมื่อนางโกรธอาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้

 

เพราะหยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปในโรงงานด้วยความฉุนเฉียวจึงทําให้บรรยากาศของโรงงานเปลี่ยนไป

ไม่นานเหล่าคนงานก็รับรู้และวิ่งมารวมตัวกันยังลานโรงงานทัน

 

นางหวงก้าวไปข้างหน้าพร้อมถาม “นางหยุน มีอะไรเกิดขึ้นห รือ?”

หยุนเถียนเถียนระงับอารมณ์และตระหนักได้ทันทีว่าตนสัญญากับหัวหน้าหมู่บ้านไว้ว่า จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป

 

“พี่เต๋ออัน ไปเรียกภรรยาของท่านและกลับบ้านไปเถิดนี่เงินค่าจ้างและเงินชดเชยของท่านทั้งสอง รับไปเสียและไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก!”

 

ภรรยาของเต่ออันเป็นหญิงซื่อสัตย์ ทั้งยังไม่เคยคิดร้ายต่อใครไม่เคยขี้เกียจหรือเถลไถล ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงถูกไล่ออก?!

 

“เถียนเถียน เกิดอะไรขึ้น? เราสองผัวเมียไม่เคยเกียจคร้านหรือเถลไถลเลย”

 

หยุนเสียนเถียนนิ่งเงียบพร้อมครุ่นคิด เนื่องจากไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ ดังนั้นนางจึงต้องคิดหาเหตุผล! เมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วหยุนเถียนเถียนจึงหลับตาลงและพูด “หากท่านสงสัยว่าเหตุใดข้าจึงทําเช่นนี้ก็กลับไปถามน้องสาวของท่านเสียเถิด!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเต่ออันก็ตระหนักได้ทันทีเมื่อไม่นานมานี้นองสาวของข้าทําให้เถียนเถียนต้องขุ่นเคืองเป็นไปได้ไหมว่าไฉ่อจะยั่วโมโหนางอีกครั้งจนทําให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้?”

ภรรยาของเต่ออันถามด้วยความสงสัย “เถียนเถียน! น้องสาวของเราทําอะไรให้เจ้าโกรธเคืองหรือ?”

“กลับไปถามน้องสาวท่านเถิด อย่าให้ข้าต้องพูดเลย!”

หยุนเถียนเถียนหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้สนใจพวกเขาอีกเลย!

ภรรยาของเต่ออันมองสามีด้วยแววตาเศร้าโศกก่อนจะพบว่าเต้ออันเองก็หน้าซีดด้วยความเสียใจเช่นกัน!

“ไปเถิด กลับไปดูที่บ้านกัน!”

เมื่อพูดจบเฉินต่ออันก็ลากตัวภรรยากลับบ้านทันที!

 

แม้ทั้งสองจะจากไปแล้ว ทว่าเสียงฮือฮาในโรงงานยังคงดังสนั่นพวกเขาไม่เข้าใจว่าครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านทําอะไรที่ส่งผลให้หยุนเถียนเถียนโกรธถึงเพียงนี้ และต่างคาดเดากันว่าเฉินไฉ่อีต้องเป็นผู้ก่อเรื่องแน่

ขณะที่ทุกคนกําลังซุบซิบนินทากันอยู่นั้น จีชื่อก็พบว่านางหวงก้มหน้าทํางานอย่างมุ่งมั่นโดยไม่สนทนากับใคร!

 

“นางหวง เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”

นางหวงก้มหน้าตอบ “ข้าไม่รู้อะไรเลย รีบทํางานกันเถิด อย่าต้องให้นางโกรธเคืองเราไปด้วยเลย!”

 

“เป็นไปได้อย่างไร? ปกติแล้วหญิงผู้นี้ปากสว่างยิ่งกว่าใคร! นางสามารถต้านทานความอยากรู้ยากเห็นของตนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่านางต้องรู้อะไรแน่!”

“นางหวง ฟังนะ.. ข้าเป็นป้าของหยุนเถียนเถียน ข้าจําเป็นต้องรู้หลานของข้าแข็งแกร่งและใจเย็นเสมอ แน่นอนว่าต้องมีบางอย่างที่ทําให้นางเป็นเช่นนี้!”

 

นางหวงกระซิบทันที “สัญญากับข้ามาว่าเจ้าจะไม่บอกใคร!”

 

นางหวงมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นก่อนจะก้มศีรษะลงพร้อมกระซิบ

 

“เฉินไม่ดีไม่ใช่หญิงเรียบร้อบอย่างที่เจ้าเห็น เมื่อไม่กี่วันก่อนนายน้อยหลี่เดินทางมายังหมู่บ้านของเราเพื่อรับของนางกลับวิ่งไปดักรถม้าของเขาไว้ทั้งยังมุ่งร้ายต่อหยุนเถียนเถียนซึ่งทําให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก!”

“นายน้อยหลี่เป็นถึงลูกชายตระกูลใหญ่ นางจะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร?! ไฉ่อีเป็นเพียงหญิงชนบทธรรมดา นางทําให้ครอบครัวของตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อสิ่งใดกัน?!”

 

จี้ชื่อถามด้วยความงนงง อย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกหากหยุนเถียนเถียนจะไล่ครอบครัวนี้ออกไปโดยทันทีเพราะเฉินไม่ดีล่วงเกินและมุ่งร้ายต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยหลี่ยังคอยหนุน หลังหยุนเสียนเถียนอยู่แม้หัวหน้าหมู่บ้านจะไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถขัดขืนได้!

ขณะเดียวกันหัวหน้าหมู่บ้านลากตัวลูกสาวกลับบ้านไปด้วยท่าทีเคร่งขรึมภรรยาของเขาตกใจทันที่เห็นเหตุการณ์จึงรุดเข้าไปถาม “พ่อ!เกิดอะไรขึ้น?”

 

“เจ้ายังจะถามอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงไม่ถามว่าลูกสาวของเจ้าทําระยําอะไรไว้?!”

 

เฉินไม่อีพยายามดิ้นหนีจากกํามือของผู้เป็นพ่อ ทว่าก็ไม่สามารถต้านทานความแข็งแรงของเขาได้จึงกรีดร้องด้วยความโมโห

หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที “ข้าต้องทําเช่นนี้เพราะเจ้าไร้สติ! ทําเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน?! วิ่งไประรานพวกเขา งบ้าน ไม่รู้หรือว่าคนทั้งหมู่บ้านสมเพสเจ้าเพียงใด?! ยังดีที่หยุนเถียนเถียนสัญญาว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง หากแพร่สะพัดออกไปต้องไม่มีใครยอมแต่งงานกับเจ้าแน่!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยความงุนงง “เจ้าไม่ได้ไปปักผ้ากับสหายของเจ้าหรอกหรือ?เหตุใดจึงไปก่อเรื่องยังบ้านของนาง

ได้?”

“ข้า ข้าเพียงอยากพบนายน้อยหลี่ แต่เมื่อเห็นว่าเขากําลังกับหยุนเคอข้าจึงไปสนทนากับหยุนเถียนเถียน!”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนั้น ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจึงมองสามีด้วยความประหลาดใจทันที “เจ้าลงโทษนางมากเกินไป”

“มากเกินไปงั้นเหรอ?! ลูกสาวเจ้าสร้างเรื่องและใส่ร้ายเถียนเถียนอย่างไม่ละอาย อ้อนวอนขอถวายตัวเป็นนางบําเรอให้ กับนายน้อยหลี่!ยิ่งไปกว่านั้นนางด่าทอหยุนจิงเอ๋อผู้ล่วงลับอย่างเสียหายยังจะบอกว่าข้าทํามากเกินไปอีกหรือ?!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านแทบไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวผู้รอบรู้ของนางจะกระทําเรื่องโง่เขลาเช่นนี้โดยไม่ละอาย

 

“เป็นไปได้อย่างไร?

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเชื่อ เพราะหากข้าฟังก็คงไม่เชื่อเช่นกัน!”

เมื่อพูดจบเฉินซ่งนั่งลงจิบชาด้วยความโมโหที่ร้อนผ่าวจนอกแทบระเบิด

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 184 ความอัปยศ

ตอน 184 ความอัปยศ

 

ทุกสิ่งที่ทั้งสามคนพูดคุยกันด้วยนเป็นบทสนทนาปกติในแวดวงการค้า แต่ใครจะคิดว่าสําหรับเฉินไฉ่อีจะเป็นสิ่งที่หญิงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง!

 

เฉินไฉ่อีเสียหน้าและลําบากใจเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นปฏิกิริยาของหลี่ซื่อฮวายิ่งทําให้นางอับอายมากกว่าเดิม!

“หากเจ้าหมายใจจะคุยเรื่องกิจการจริงๆ ข้าคงไม่พูดจาเช่นนี้ แต่… เห็นได้ชัดว่าเจ้ากําลังยั่วยวนนายน้อยหลี่แม้จะมีคู่หมั้นแล้วก็ตาม! หยุนเถียนเถียน เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายเช่นนี้?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่พอใจต่อคําดูถูกของเฉินไฉ่อีเป็นอย่างมาก จึงยืนขึ้นตะโกนด้วยความโมโห!

“เสี่ยวชื่อ ช่วยข้าที่ได้ไหม? ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาให้ข้าที!”

เสี่ยวซื่อหันมองเจ้านายของตนเพื่อรอคําสั่ง เมื่อเห็นว่าหลี่ซื่อฮวาพยักหน้าเขาจึงรีบวิ่งไปยังบ้านหัวหน้าหมู่บ้านทันที!

 

เฉินไฉ่อีมองนายน้อยหลี่พร้อมพูดทั้งน้ําตา “นายน้อยหลี่ นอกจากใบหน้าแล้วหญิงผู้นี้มีอะไรดีหรือ? นางเทียบอะไรข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ํา! ไม่เข้าใจจริงๆว่าเหตุใดท่านจึงหลงใหลนางนัก?”

 

หลี่ซื่อฮวาแสยะยิ้ม “ดูเหมือนว่านางเฉินจะไม่รู้จักตนเองเอาเสียเลย! ข้ามีสนมมากมายในบ้าน ไม่จําเป็นต้องกระเสือกกระสนไปหาใคร และข้าก็ไม่ได้สนใจในตัวเจ้า! เจ้าเป็นเพียงห

ญิงชนบทที่ไม่ได้รอบรู้หรือเก่งกาจเช่นหยุนเถียนเถียน เหตุใดข้าต้องสนใจคนงี่เง่าเช่นเจ้าด้วย?! เอาล่ะ… ไปเรียกหัวหน้าหมู่บ้านมาเร็วๆ ถิด ปล่อยให้เขาจัดการลูกสาวด้วยตนเอง ส่วนนางหยุน… ข้าว่าเราย้ายโรงงานไปที่หมู่บ้านอื่นดีกว่า อย่าทนอยู่ให้ใครดูถูกเช่นนี้เลย!”

ขณะเดียวกันเสี่ยวซื่อและหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินทางมาถึง แต่เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้นทําให้เขาไม่กล้าก้าวขาเข้าไป

ทว่าเสี่ยวซื้อกลับไม่ปล่อยให้หัวหน้าหมู่บ้านหนีไปได้ เขาจะโกนเสียงดังทันที “หัวหน้าหมู่บ้าน! ท่านควรเข้าไปข้างในเพื่อดูสิ่งที่ลูกสาวของท่าได้กระทํา! เจ้านายของข้ามาที่นี่เพื่อเจรจากิจการ แต่นางกลับเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย!”

ใบหน้าของเฉินซ่งแดงกําด้วยความละอายก่อนจะก้มเดินเข้าไป ในบ้านทันใดนั้น! เฉินไฉ่อิที่เห็นว่าพ่อมาถึงแล้วก็ก้มลงพร้อมใบหน้าซีดเผือดทันที!

“พูดต่อสิ! เฉินไฉ่อี… ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าใส่ร้ายข้าเพื่อสิ่งใดกัน? ข้าเพียงเจรจาธุรกิจกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็มีคู่หมั้นแล้ว คิดว่าข้าจะกล้ายั่วยวนนายน้อยหลี่ต่อหน้าคนรักอย่างนั้นหรือ?! และแม้นายน้อยหลี่จะวิเศษมากสําหรับเจ้า แต่เขาก็เป็นเพียงคู่ค้าสําหรับข้า ความหึงหวงทําให้เจ้าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นถึงเพียงนี้เลยหรือไร?! ทั้งยังกล่าวหาว่าข้าไม่รักษาศีลธรรมและวิถีสตรีอีกด้วย เฉินไฉ่อี… พ่อแม่เจ้าอบรมสั่งสอนเจ้ามาอย่างไรกัน?”

เมื่อได้ยินดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็นิ่งเงียบ แม้จะเห็นว่าหยุนเถียนเถียนกําลังชี้หน้าตําหนิลูกสาวของตนก็ตาม

 

“แม่นางเถียน… ข้าขอโทษที่ลูกสาวทําให้เจ้าเดือดร้อน แต่โปรดอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เลย ข้าสัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่ยอมให้นางมาก่อความวุ่นวายอีก ไม่ต้องกังวล ไม่อีกําลังจะแต่งงานกับชายอื่นในไม่ช้า”

 

เฉินไฉ่อีรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ทําให้ผู้เป็นพ่อต้องก้มหน้าขอโทษต่อพวกเขาซึ่งอายุน้อยกว่า

ทว่าความรู้สึกผิดกลับพ่ายแพ้ความเห็นแก่ตัว “พ่อ! จะขอโทษพวกเขาเพื่อสิ่งใดกัน?! นางอาจท้องก่อนแต่งและไม่รู้ว่าใครคือพ่อเด็ก จนต้องหาชายมารับผิดชอบเช่นแม่ของนาง เห็นได้ชัดว่าหยุนเถียนเถียนกําลังยั่วยวนนายน้อยหลื่อย่างน่าไม่อาย นางไม่เหมาะสมกับเขาด้วยซ้ํา! เหตุใดท่านจึงต้องกล่าวเช่นนั้นทั้งๆที่ข้าไม่ผิด!”

“หากเจ้ายอมรับผิดและแต่งงาน พ่อและแม่จะไม่ลงโทษเจ้า กลับบ้านกับข้าเดี๋ยวนี้!”

อันที่จริงหัวหน้าหมู่บ้านไม่ต้องการตําหนิลูกสาวต่อหน้าผู้อื่น ทว่านางไม่ฟัง เขาจึงจําเป็นต้องทํา

“ข้าไม่กลับ!”

 

“เจ้าจะอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งใดกัน?! ไฉ่อี… พ่อขอร้อง… อย่าทําเรื่องน่าอายเช่นนี้อีกเลย หากเรื่องในวันนี้แพร่สะพัดออกไป ต้องเป็นผลเสียต่อการแต่งงานของเจ้าในอนาคต

“อันที่จริงนายน้อยหลี่ไม่ได้สนใจนางเลยด้วยซ้ํา ยิ่งเมื่อเห็นเช่นนี้ยิ่งทําให้เขาเกลียดชังหญิงราคาถูกคนนี้! หญิงที่คอยสร้างเรื่องเดือดร้อนและไร้ค่าเช่นนี้ ไม่คู่ควรกับนายน้อยหลี่แม้แต่น้อย!”

หยุนเถียนเถียนโกรธเคืองต่อคําพูดของเฉินไฉ่อีเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าแม่ของนางจะเคยทําสิ่งใดไว้ในอดีต แต่นางก็ได้ตายจากไปแล้ว จึงไม่สมควรได้รับคําวิจารณ์เสียหายเช่นนี้

 

“ข้าไม่รู้ว่าข้าคู่ควรกับนายน้อยหลี่หรือไม่ แต่เฉินไฉ่อี เจ้าคิดจริงๆหรือว่าหญิงชนบทธรรมดาเช่นเจ้าจะคู่ควรกับลูกชายตระกูลใหญ่?! ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังด้อยกว่าแม่ของขามาก และนางยังอาวุโสกว่าเจ้า เหตุใดจึงกล้ากล่าวถึงนางเช่นนี้?!”

 

“นางทั้งไร้ยางอาย ท้องไม่มีพ่อ และผิดวิถีสตรีจนให้กําเนิดลูกสาวผู้ชั่วร้ายเช่นเจ้า ยังจะให้ข้านับถือว่านางประเสริฐอีกหรือ?!”

หยุนเถียนเถียนพุ่งเข้าตบเฉินไฉอีทันที่ด้วยความโกรธ!

ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครกล้าตบตีเฉินไฉ่อีมาก่อน แม้กระทั่งพ่อแม่ของนาง ทว่าหยุนเถียนเถียนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้จนพลั้งมือตบนางไปอย่างรุนแรง

เฉินไฉอียืนนิ่งด้วยความงุนงงพร้อมเลือดที่ไหลออกจากมุมปาก

เมื่อเห็นดังนั้น หัวหน้าหมู่บ้านรีบอ้อนวอนแทนลูกสาวทันที “แม่นางหยุน… โปรดเมตตานางด้วย!”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ไม่จําเป็นต้องอ้อนวอนเพื่อนาง นับจากนี้ไปครอบครัวของท่าน ทั้งหมดไม่ต้องมาทํางานที่โรงงานของข้าอีก ไว้ข้าจะจ่ายค่าแรงก้อนสุดท้ายให้”

เมื่อพูดจบนางหันมองเฉินไฉ่อีทันที “ครอบครัวของเจ้าได้รับผลประโยชน์มากมายจากกิจการของข้า เฉินไฉอี ข้าอยากรู้นักว่า หญิงเช่นเจ้าจะแต่งงานกับใครได้อีก?!”

 

เฉินซ่งตกตะลึงจนปากอ้าค้าง แม้จะต้องการขอโอกาสแต่ก็ไม่สามารถทําได้ เพราะลูกสาวของเขาทําผิดมหันต์ทั้งยังกล่าวหาและด่าทอหยุนจิงเอ๋อผู้ล่วงลับที่เป็นที่รักของชาวบ้านทุกคน

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 183 ยุ่งทุกเรื่อง

ตอน 183 ยุ่งทุกเรื่อง

“เถียนเถียน อยู่หรือไม่?”

หยุนเคอจ้องมองเฉินไฉอีด้วยแววตาขุ่นเคือง ซึ่งทำให้นางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากจนถอยหลังไป

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

“ข้า… ข้ามาหาเถียนเถียน!”

หยุนเถียนเถียนเดินออกมาพร้อมถ้วยชาในมือ

“หยุนเคอ… เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดมา?”

เฉินไฉ่อีฉวยโอกาสพูดขึ้นทันที “เถียนเถียน ข้าเอง! ข้ามาที่นี่ เพื่อเจรจากับเจ้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยุนเถียนเถียนรู้ทันทีว่านางต้องมีแผนร้าย

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เฉินไฉ่อีรวบรวมความกล้าก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่ามีแขกที่บ้านของเจ้า และแน่นอนว่าหยุนเคอคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยและปรนนิบัติเขา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเบื่อจึงมาหา”

นายน้อยหลี่แสยะยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว แม้หยุนเถียนเถียนไม่รู้ว่านางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แต่เนื่องจากตอนนี้นายน้อยหล่ำอยู่ในบ้าน จึงทำให้ไม่สามารถเสียมารยาทและโจมตีเฉินไฉ่อีต่อหน้าเขาได้

“นั่งลงสิ ข้าจะไปเอาชามาให้!”

หากเฉินไฉ่อีตั้งใจมาหาหยุนเถียนเถียนจริงอย่างที่นางพูดก็คงรีบเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทว่าตอนนี้กลับยังคงยืนจ้องมองนายน้อยหลี่อย่างไม่ละสายตา

หยุนเคอยืนมองกิริยาของหญิงสาวด้วยแววตาขุ่นเคือง ก่อนจะหันมาพูดกับหลี่ซื่อฮวา “นายน้อยหลี่ช่างสง่าเสียจริง แม้จะมีชื่อเสียงไม่ดี แต่ก็ยังมีหญิงมากมายหลั่งไหลเข้ามาหา”

หลี่ซื่อฮวาส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับ “ข้ายังด้อยกว่าพี่หยุนมาก! ข้าเองไม่รู้วิธีรับมือหรือปฏิเสธหญิงสาวเหล่านั้น แต่พี่หยุนกลับจัดการได้เป็นอย่างดี!”

หยุนเคอสำลักทันที “แม้แต่นายน้อยหลี่ ข้าก็เอาชนะเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ไร้เดียงสาเสียจริง!”

แม้เฉินไฉ่อีจะกำลังนั่งปักผ้าอยู่ ทว่าสายตาของนางกลับจ้องมองไปยังนายน้อยหลี่อย่างไม่ลดละ

“เอาล่ะ เชิญทุกท่านดื่มชาก่อนเถิด!” หยุนเถียนเถียนกล่าวพร้อมวางถ้วยชาลง

ภายในถ้วยเต็มไปด้วยยอดใบชาสีเขียวสบายตา ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งกลิ่นหอมเสียจนดึงดูดใจหลี่ซื่อฮวา

นายน้อยหลี่ตกตะลึงต่อสิ่งที่เห็นก่อนจะถามขึ้น “เจ้าได้ชาชั้นดีเช่นนี้มาจากที่ใด?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มพร้อมตอบว่า “เก็บมาจากบนภูเขาและนำมาต้มตามสูตรของข้า หากนายน้อยหลี่ชอบ ข้าจะขายให้ในราคาถูกสักสองสามตำลึง!”

หลี่ซื่อฮวาคิดถึงพ่อผู้ชื่นชอบชาเป็นชีวิตจิตใจจึงตอบตกลงทันที แม้เขาจะไม่จำเป็นต้องประจบประแจงนายหัวหลี่เพื่อให้ได้มาซึ่งมรดก ทว่าการมีของติดมือไปฝากผู้เป็นพ่อก็คงทำให้เป็นที่พอใจไม่น้อย

ดวงตาของหยุนเคอเบิกกว้างทันที เขาจำไม่ได้ว่าหยุนเถียนเถียนขึ้นภูเขาไปเก็บชาเมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางมีสูตรต้มชาเฉพาะตัว!

“นางมีเรื่องปิดบังข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?

เฉินไฉ่อีเบ้ปากพร้อมคิดในใจ เศษใบชาราคาถูก ไม่ได้ส่งกลิ่นหอมอะไรถึงเพียงนั้น ทั้งยังมีรสชม ชาชนบทสกปรกเช่นนี้จะเทียบชาฝรั่งในท้องตลาดได้อย่างไร? เหตุใดนายน้อยหลี่จึงชื่นชมนัก??

“เถียนเถียน ปล่อยให้ชายหนุ่มพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเถิด ส่วนเจ้า… ไปสนทนาตามประสาหญิงกับข้าดีหรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนยืนนิ่งพร้อมเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินใฉ่อี ก่อนจะคิดในใจ “มุ่งร้ายต่อข้าสารพัด แต่กลับบอกว่าอยากสนทนากับข้าอย่างนั้นหรือ? หึ! ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีแผนร้ายอยู่ในใจ แม้จะไม่กลัวแต่ก็ไม่อยากข้องเกี่ยว!?”

“นายน้อยหลี่ คู่แข่งของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เนื้อตากแห้งของเขายังขายดีอยู่หรือไม่?”

“แม้ลักษณะจะเป็นเช่นเดียวกับสินค้าของเรา แต่กลิ่นและรสชาติยังต่างออกไปมาก ดังนั้นพวกเขาจึงขายไม่ได้เลย ต้องขอชื่นชมว่าเนื้อตากแห้งของพวกเจ้าทำเงินให้ข้าได้มากจริง ๆ! ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพของเนื้อยังดีมาก ไม่แห้งจนเกินไปและเลิศรส ทั้งยังมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์โชยมาแต่ไกล ไม่เสียแรงที่ข้ามาหาและร่วมเป็นคู่ค้ากับพวกเจ้า! หลี่เฟิงจ่ายเงินลงทุนไปมากแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ข้าคาดว่าเขาคงจะมาหาพวกเจ้าในเร็วๆ นี้! ฮ่าฮ่า! เมื่อรู้ว่าสองพี่น้องนั่นทำตัวน่าสมเพชก็ทำให้ข้ารู้สึกดีไม่น้อย นี่นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขาจะรักษาสัม พันธ์ไปได้นานแค่ไหน?!”

หยุนเถียนเถียนยกถ้วยชาขึ้นจิบ อันที่จริงทั้งกลิ่นและรสชาติของชานี้เทียบไม่ได้เลยกับยุคปัจจุบัน!”

“ยอดเยี่ยม! คนที่ทำเรื่องเดือดร้อนในหมู่บ้านจะได้รับโทษในไม่ช้า! คราก่อนที่ข้าปล่อยนางไปอาจทำให้นางตายใจได้! ไม่รู้ว่าวิธีการของนายจางจะบรรลุผลอย่างไร?”

หลี่ซื่อฮวายิ้ม “นายจางเป็นบุคคลที่หลี่เฟิงไว้ใจมากที่สุด อยากขอบคุณเขาเหลือเกินที่ช่วยเหลือครอบครัวข้า เขาปฏิบัติต่อข้าอย่างดีเสมอมา!”

“เช่นนั้นแล้วเรามาดื่มชาฉลองชัยชนะกันเถิด!”

หยุนเถียนเถียนชักชวยให้ดื่มให้กับชัยชนะ ขณะที่เฉินไฉ่อีมองนางด้วยแววตาเคืองโกรธ

“เถียนเถียน เจ้ายังสาวควรใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตนให้มาก! ปล่อยให้ชายคุยกันเถิด… มาปักผ้ากับข้าจะดีกว่า!”

หยุนเถียนเถียนไม่พอใจต่อคำพูดนั้นเป็นอยากมาก “เจ้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญทั้งยังมาชี้หน้าสั่งข้า! ข้าจะสนทนากับใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า?!?”

“นางเฉิน! ข้าไม่คิดว่าหญิงจะต้องอยู่บ้านปักผ้าเท่านั้น หยุนเคอเป็นคู่หมั้นของข้าแต่เขากลับไม่ว่าอะไร เหตุใดเจ้าจึงกล้าสอนข้า?! หากไม่ชอบใจก็เชิญกลับบ้านเจ้าไปเสีย!”

เฉินไฉ่อีตกตะลึงต่อคำพูดของหยุนเถียนเถียน และแสร้งทำหน้าเสียพร้อมน้ำตาซึม

“ข้าทำเช่นนี้เพื่อการดีต่อตัวเจ้าเอง เหตุใดจึงพูดเช่นนั้นออกมาเล่า? หากไม่เห็นแก่ตนเองก็เห็นแก่ชื่อเสียงของหมู่บ้านเราเถิด อย่าทำเรื่องน่าละอายอีกเลย!”

หยุนเถียนเถียนลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างรุนแรงทันที่จนทำให้ทุกคนตกตะลึง

“เห็นแก่คนในหมู่บ้านอย่างนั้นเหรอ? เจ้าต่างหากที่ไม่ควรพูดเช่นนี้ ไม่รู้หรือว่าพ่อของเจ้าได้รับผลประโยชน์มากมายจากธุรกิจของข้า? ยังกล้ามาบอกว่าข้าทำเรื่องน่าละอายอย่างนั้นหรือ? ลองไปถามพ่อเจ้าดูเถิด ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาจะพูดเหมือนเจ้าหรือไม่!”

เฉินไฉอีหน้าซีดก่อนจะหันมองหลี่ซื่อฮวาและพบว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้หายไปแล้ว

“นางหยุน นี่เป็นเรื่องระหว่างข้าและเจ้า! ข้าไม่สนว่าใครจะได้ผลประโยชน์”

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 182 ต่อสู่โดยเปล่าประโยชน์

ตอนที่ 182 ต่อสู้โดยเปล่าประโยชน์

 

คําพูดของหยุนเวียนเถียนทําให้เฉินไฉฮีรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากนางจึงพูดด้วยเสียงแข็งทันที “นางหยุน… เหตุใดจึงกล่าวหาข้าเช่นนี้? ข้าหมายจะชนเจ้าเมื่อใดกัน? เห็นได้ชัดว่าเจ้ากําลังทําเรื่องอัปยศกับชายผู้นี้กลางวันแสก ๆ”

แม้หยุนเถียนเถียนจะเห็นว่าหลี่ซื่อฮวากําลังเดินมาหาตน แต่กลับไม่สนใจและยังคงตําหนิเฉินไฉอี “เหตุใดข้าจึงต้องละอาย? ชายผู้นี้เป็นคู่หมายของข้า และเราจะแต่งงานกันในอีกไม่ช้าขณะที่ข้ากําลังจะล้มเขาก็ช่วยพยุงข้าไว้ เหตุใดต้องละอายใจด้วยเล่า?! ในทางกลับกัน… เจ้าไม่ละอายบ้างหรือที่พูดชาเช่นนี้?! เจ้า เป็นหญิงเก่งและรู้หนังสือแต่เหตุใดจริงไม่มีหัวคิดและไตร่ตร องจนใส่ร้ายผู้อื่นไปทั่วเช่นนี้? ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เจ้ากระทําต่อ ข้า!”

เมื่อหลี่ซื่อฮวามาถึงและเห็นว่าหยุนเคอกําลังโอบเอวหยุนเถียนเถียนอยู่ทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจราวกับถูกแทง

“เถียนเถียน! เจ้าเป็นอะไรไป? มีใครหมายจะทําร้ายเจ้าหรือ? เหตุใดพี่ชายหยุนจึงต้องโอบเจ้าไว้ราวกับว่ากลัวจะเสียเจ้าไปเช่นนั้น?”

 

เมื่อหยุนเคอได้ยินคําพูดเหล่านั้นก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของนายน้อยหลี่ทันที

“ข้าไม่เหมือนนายน้อยหลี่ที่มีหญิงรอบกายนับร้อยพันก็เป็นธรรมดาที่จะต้องกลัวเสียนางไป!”

 

หลีชื่อฮวาหน้าซีดเมื่อได้ยินคําพูดของหยุนเคอ แม้เขาจะอยากตอบโต้เพียงใดแต่ก็ทําได้เพียงนิ่งเงียบ

 

“คู่หมายที่เจ้าหวงแหนเคยถูกส่งมาประเคนให้ข้าจนถึงเตียงโดยพ่อแม่ของนาง! เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านางยังบริสุทธิ์อยู่?”

 

หยุนเคอยิ้ม “เพราะในคืนที่เถียนเถียนหนีออกมา ข้ากําลังล่าสัตว์อยู่บนภูเขาเทพธิดาและบังเอิญพบนาง! นางขอให้ข้านําทางให้ออกจากภูเขาเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายจากหมาป่า หญิงสาว ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนกทั้งยังสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น…. ต้องหนีมา จากบ้านของนายน้อยหลี่เป็นแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนจ้องมองชายทั้งสองที่กําลังพูดจากระแนะกระแหนกันด้วยความสงสัย ขณะที่ใบหน้าของนายน้อยหลี่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างเห็นชัด

 

“ชายทั้งสองนี้กําลังหึงหวงข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”

 

ขณะเดียวกันเฉินไม่อีก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเช่นกัน

 

เดิมที่เฉินไม่กี่ต้องการให้หลี่ซื่อฮวาเข้าใจผิดและเกลียดชังหยุนเถียนเถียนจากคําพูดของนาง ทว่าชายทั้งสองกลับเสียดสีกันด้วยความหึงหวง!

หากทั้งสองโต้เถียงกันเพราะหึงหวงเฉินไฉ่อื่นางคงจะรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย ทว่าพวกเขากลับทําทุกอย่างเพื่อแย่งชิงหยุนเถียนเถียน ซึ่งทําให้เฉินไฉ่ รู้สึกไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก

หยุนเถียนเถียนรีบขัดขวางชายทั้งสองทันที เพราะการวิวาทกันท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นนี้คงไม่ดีนัก

 

“เอาล่ะ พอได้แล้ว! นายน้อยหลี่มารับของใช่หรือไม่? ไปที่โรงงานกันเถิด! หลังจากเสร็จกิจแล้วก็เชิญท่านมาร่วมรับประทานอา หารที่บ้านข้าหยุนเคอล่ากระต่ายปามาได้สองตัว คงจะเป็นอาหารรสเลิศไม่น้อย!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ซื่อฮวาจึงพูดเสียดสีหยุนเคอทันที “นายน้อยเช่นข้าเดินทางมาถึงที่นี่ เจ้ากลับใช้เพียงกระต่ายป่าเป็นของต้อนรับอย่างนั้นหรือ?”

หยุนเถียนเถียนจึงตอบกลับด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา “จริงอยู่ที่มันไม่ใช่ของหายาก แต่ท่านแน่ใจหรือว่ากระต่ายปาที่ท่านเคยลิ้มรสมาจะโอชาเช่นเดียวกับของข้า? นี่คือกระต่ายปาจากภูเขาเทพธิดาเชียว”

 

คําพูดของหยุนเสียนเถียนทําให้หยุนเคอรู้สึกพึงพอใจทว่ากลับทำให้หลี่ซื่อฮวาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม!

 

แต่เมื่อคิดดูแล้ว หากหลี่ซื่อฮวาจากไปโดยไม่ได้ลิ้มรสอาหารเหล่านี้ก็คงน่าเสียดายไม่น้อย

หยุนเถียนเถียนยิ้มให้หยุนเคอก่อนจะพยักหน้าและจูงมือเขาเดินออกไป

ทั้งสองเดินไปยังโรงงานพร้อมนายน้อยหลี่ที่ตามหลังไปด้วยท่าทีไม่พอใจเสี่ยวซื่องุนงงก่อนจะเดินตามเจ้านายไป

 

“นายน้อยหลี่กลายเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน? ปะทะวาจากับหยุนเคอเพียงเพราะสาวชนบทผู้นี้จริง ๆหรือแม้นางเฉินจะเป็นหญิงที่ไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็พูดถูก หยุนเสียนเถียนไม่มีอะไรดีเลยนอกจากใบหน้าอันที่จริงนายน้อยหลี่ไม่ควรประพฤติ เช่นนี้! อีกทั้งหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ได้มีเสน่ห์ยั่วยวนใจใดเลยเหตุใดเขาจึงหลงใหลนางนัก??

หลี่ซื่อฮวาเดินจากไป ขณะที่เฉินไฉอียังคงหงุดหงิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น! พราะนายน้อยหลี่ไม่สนใจนางเลยจะให้เพิกเฉยอยู่ได้อย่างไร?

นางยืนกัดริมฝีปากพร้อมครุ่นคิดก่อนจะรีบวิ่งไปยังบ้านของตนทันที!

แน่นอนว่าหากเฉินไม่อีตั้งใจจะทําสิ่งใดแล้วย่อมไม่มีอะไรมาขัดขวางได้และจะมุ่มมั่นจนกว่าจะสําเร็จ! เนื่องจากนางไม่สามารถทําให้นายหน่อยหลี่สนใจหรือหลงเชื่อได้ ดังนั้นจึงคิดหาวิธีอื่น!

 

เฉินไม่กี่วิ่งกลับบ้านด้วยความตื่นตระหนก แม้ภรรยาหัวหน้าหมู่ บ้านจะประหลาดใจแต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพราะนางคิดว่าลู กสาวคงเจ็บช้ําใจมามากและควรจะปล่อยนางไป! อย่างไรก็ตาม ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้คิดหาคู่หมายซึ่งเป็นลูกชายของขุนนาง จางไว้สําหรับบุตรสาวของตนแล้ว

 

แน่นอนว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านย่อมรู้ดีกว่าลูกสาวของตนนั้นมีความคิดและความต้องการเช่นไร..

 

“ข้าจะให้ไฉ่อีแต่งงานกับชายผู้มีศักดินา! ลูกชายของจางชิวไฉ่หลงใหลนางมาตั้งแต่เด็ก และเขาเองก็กําลังศึกษาเพื่อจะได้ เป็นขุนนางทั้งยังเป็นคนเชื่อฟังและมีเมตตา

เฉินไฉอีกลับมายังห้องนอนของตนพร้อมหยิบผ้าและเข็มปักก่อนจะรีบเดินออกไปทันที!

 

เมื่อเห็นดังนั้นภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกโล่งใจที่ลูกสาวยังคงเชื่อฟังและไม่อาละวาด

 

เฉินไม่อีคิดว่าหยุนเถียนเถียนผู้เคยถูกหลินชวนฮวากดขี่ทําสิ่งใดไม่ได้เลยนอกจากงานบ้าน ซึ่งแตกต่างจากตน เพราะในหมู่บ้านนี้ไม่มีหญิงผู้ใดปักลายผ้าได้งดงามเช่นและรู้หนังสือเช่นนาง!

เฉินไฉ่อนําผ้าและเข็มปักเหล่านั้นมายังบ้านของหยุนเถียนเถียน

 

หยุนเถียนเถียนและหยุนเคอกําลังรินชาลงถ้วยเพื่อให้การต้อนรับนายน้อยหลี่ ทันใดนั้น! เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

หยุนเคอยืนขึ้นมองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะพบว่าเฉินไฉ่กําลังคอยอยู่หน้าประตู เมื่อรู้ว่าเฉินไฉอมายังบ้านของพวกเขาก็ทําให้หยุนเคอไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 181 บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?

ตอนที่ 181 บ้าไปแล้วหรืออย่างไร?

 

อาจเป็นเพราะเฉินไฉอียังไม่รู้สึกหิวและต้องการประชดประชัน จึงเมินเฉยต่อเสียงเรียกของพี่ชายที่กําลังเคาะประตูอยู่

 

“ไฉอี ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักเจ้า หากเจ้าปล่อยวางจากนายน้อยหลี่ และหันไปรักชายชนบทธรรมดาที่ทําให้เจ้ามีความสุข เจ้าก็จะยังคงเป็นน้องรักของพี่!”

สิ่งที่เฉินไม่อีไม่อยากได้ยินมากที่สุดคือการบอกให้ลืมนายน้อยหลี่ ดังนั้นนางเดินไปเปิดประตูอย่างแรง

 

เฉินเต่ออันรู้สึกพึงพอใจที่อย่างน้อยน้องสาวของเขาก็ไม่ต้องเป็นนางบําเรอของใคร

 

ทันใดนั้น เฉินไฉอียื่นมือออกมาบัดอาหารที่เฉินเต่ออันนํามาให้ด้วยความโมโห

 

“พี่มันคนน่าชื่อใจคด ท่านช่วยหูเม่ยจื่อทุกวิถีทาง แต่กลับพยายามห้ามปรามข้าที่เป็นน้องสาวแท้ๆ! เฉินเต่ออัน…. ท่านเป็นพี่ชายเช่นใดกัน?!”

เฉินเต่ออันหน้าแดง “ไฉ่อี. หยุดเอาแต่ใจได้หรือไม่? นายน้อย หลี่ไม่ได้รักเจ้า! อีกอย่างเจ้าจะหาคนไม่เอาถ่านเช่นนั้นมาเป็นคู่ชีวิตหรือ? เจ้าจะมีความสุขจริงๆหรือที่ได้เป็นเพียงนางบําเรอ?”

 

“พี่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า! ดูแลชีวิตตนเองให้ดีเถิด!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเต่ออันจึงตอบกลับด้วยความโกรธ “เอาล่ะ หากเจ้าอยากทําสิ่งใดก็เชิญตามใจเจ้า แต่นับจากนี้ไปไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพี่ชาย! เพราะข้าไม่มีน้องสาวน่าละอายเช่นเจ้า!”

เมื่อพูดจบเฉินเต่ออันก็หันหลังเดินจากไปทันที ขณะที่เฉินไฉอีตกตะลึงต่อคําพูดของพี่ชาย “เขาเคยเป็นพี่ชายที่แสนดีและรักข้ามาโดยตลอด แต่เพียงเพราะได้ฟังสิ่งที่หญิงผู้นั้นเล่า เขาถึงกับตัดสัมพันธ์กับข้าเลยอย่างนั้นหรือ?! หญิงผู้นั้นประเสริฐมากหรืออย่างไร เหตุใดคาอบครัวข้าจึงเลือกที่จะเชื่อนางมากกว่าตัวข้าเอง?!”

เฉินไม่ออาละวาดพร้อมทําลายข้าวของด้วยความโกรธ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงและร้องไห้

หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาได้ยินทุกอย่างระหว่างลูกทั้งสอง แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้

ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดของลูกสาว หัวหน้าหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าเคร่งครึ่ม!

“เต่ออัน กลับห้องไปนอนเสีย! ในเมื่อนางคิดไม่ได้ก็ปล่อยไว้เสีย! หากนางไม่อยากกินก็ไม่ต้องให้กิน! ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่านางจะดี้อดึงได้ถึงเมื่อไหร่?!”

เฉินเต่ออันก้มศีรษะลงก่อนจะเดินกลับห้องไป..

 

เมื่อมาถึงเขาก็ได้ตบกับภรรยาของตน ทว่าเฉินเตออันกลับทําได้ เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยไม่ได้พูดอะไร!

หัวหน้าหมู่บ้านไม่กล้าสั่งสอนลูกสาวต่อหน้าผู้อื่นเพราะเกรงว่า เหตุการณ์นี้จะทําให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง

 

โดยปกติแล้วเฉินไฉอีมักจะเหม่อลอยและจ้องมองไปยังทางเข้า หมู่บ้านอย่างไม่ละสายตา ราวกับว่ากําลังรออะไรบางอย่าง! ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมักจะดุลูกสาวทุกครั้งที่พบ ทว่าเฉินไฉ่อีกลับเมินเฉยต่อคําพูดของผู้เป็นแม่

เพื่อไม่ให้เฉินไฉ่อีพร่ําเพ้อถึงเพียงแต่นายน้อยหลี่ ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านและลูกสะใภ้จึงพยายามคลุมถุงชนนาง! ทั้งสองจึงพาเฉินไฉ่อไปยังลานกลางหมู่บ้านเพื่อประกาศหาคู่หมาย!เมื่อเทียบกับลูกสาวครอบครัวอื่นแล้ว เฉินไม่อีถือเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบมาก แม้จะสู้หยุนเถียนเถียนไม่ได้ แต่ก็สง่างามและเฉลียวฉลาดกว่าหญิงทุกคน!

 

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งใดอื่น เพียงแค่บอกว่านางรู้หนังสือและเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน ชายหนุมมากมายก็ต่างแตกตื่นและมาดูตัวนางทันที!

แววตาของเฉินไฉ่อีเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและกังวลเมื่อรู้ว่า แม่ต้องการให้ตนแต่งงานโดยเร็วที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะทําให้ความหวังที่จะได้เป็นคนรักของนายน้อยหลี่หมดไป!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฉินไฉอีไม่ขัดขืน ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

เนื่องจากเฉินไฉ่อีอยู่ในยุคแห่งการคลุมถุงชนจึงรู้สึกกังวลและไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร ข้าต้องแต่งงานกับชายชนบทในหมู่บ้านจริงหรือ? ไม่มีชายใดเลยที่จะเทียบนายน้อยหลีได้!”

 

ทว่าเมื่อคํานวณวันแล้วนางก็ตระหนักได้ทันทีว่า นายน้อยหลี่กําลังจะเดินทางมายังหมู่บ้านเทพธิดาในไม่ช้า ดังนั้นนางจึงจ้องมองบริเวณทางเข้าหมู่บ้านเพื่อเฝ้ารอคอยการมาถึงของเขา

 

ไม่นานนัก รถม้าของนายน้อยหลี่ก็มาถึง เขาเดินลงมาพร้อมกับเสี่ยวชื่อคนสนิท เมื่อแนไม่อิ่มองเห็นจากระยะไกลก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขทันที!

ขณะเดียวกัน หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนก็เดินลงมาจากกฎ เขาพร้อมกระต่ายปาสองตัวในมือ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งเสร็จกิจจากการล่าสัตว์

เมื่อเห็นดังนั้นเฉินไฉอีจึงลุกขึ้นและวิ่งตรงไปยังหยุนเถียนเถียนอย่างรวดเร็ว!

แม้หยุนเถียนเถียนจะเห็นว่านางกําลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตน แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เพราะอาจทําให้เฉินไม่อีพุ่งชนหยุนเคอและล้มลงจนเกิดเรื่องไม่ดีตามมาในภายหลัง

หยุนเถียนเถียนยืนมองด้วยความสับสน “ข้าไม่ได้ทําอะไรให้นางต้องเคืองโกรธ เหตุใดนางจึงวิ่งมาหาข้าด้วยแววตาดุร้ายเช่นนั้น?

เมื่อเห็นว่าเฉินไม่อีกําลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยุนเคอจึงทิ้งกระต่ายป่าในมือและพุ่งเข้าโอบเอวของหยุนเถียนเถียนทันทีเพื่อให้นางยืนได้อย่างมั่นคง!

 

ทันใดนั้น! เฉินไฉ่อีกกรีดร้องออกมา

“พวกเจ้าไร้ยางอายนัก!”

 

หยุนเถียนเถียนยืนนิ่งและสงบจิตใจอันตื่นตระหนกของตน ก่อนจะเริ่มจ้องมองด้วยเฉินไฉ่อีอย่างโกรธเคือง

ขณะเดียวกันหลี่ซื่อฮวาก็เดินมาถึงยังลานที่พวกเขาอยู่

 

” พวกเจ้าคือ…”

เมื่อเห็นว่าชายร่างกํายําที่เต็มไปด้วยหนวดเครากําลังโอบกอดหยุนเถียนเถียนอยู่ หลี่ซื่อฮวาก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ขณะที่เฉินไฉ่อีกล่าวขึ้นทันที

“นางหยุน กล้าทําเรื่องบัดสีบัดเถลิงกลางวันแสกๆเช่นนี้เลยหรือ? หากอยากแสดงความรักก็ควรกลับไปทําที่บ้าน! น่าอายเสียจริง”

 

หยุนเลี่ยนเกียนตอบกลับเกรี้ยวกราด “นางเฉิน… ปากคอเราะร้ายเสียจริง! เพราะเจ้ากําลังจะชนข้าให้ล้ม หยุนเคอจึงเข้ามาโอบข้าไว้ เรื่องเพียงนี้เจ้าก็คิดไม่ได้อย่างนั้นหรอ?!”

เมื่อเห็นว่านายน้อยหลี่อยู่ตรงนั้นด้วย เฉินไม่อีจึงแสร้งตอบกลับ “นางหยุน ข้าขอโทษที่พูดออกไปเช่นนั้น เพราะความตกใจจึงพลังปากออกไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง”

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะทราบอยู่แล้วว่าเฉินไฉอีหลงรักนายน้อยหลี่ แต่กลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงคิดมุ่งร้ายต่อตน

“เหตุใดเจ้าจึงบอกว่ามันบัดสีบัดเถลิง? นางเฉิน… โปรดอธิบายข้า อนึ่ง เจ้าวิ่งมาเพื่อหมายจะชนข้าให้ล้ม หากข้าได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเจ้าจะจ่ายสินไหมให้ข้าได้หรือ?เข้าไม่สนใจสิ่งใดอื่น ในเมื่อเจ้าทําร้ายข้า… ก็ต้องชดใช้!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 180 อดข้าว

เฉินไม่อีฟังถ้อยคําตําหนิของพี่ชายแต่ก็ไม่สามารถหาคําใดมาหักล้างได้ จึงทําได้เพียงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น

 

หญิงงามหลั่งน้ําตาเป็นภาพที่น่าดูมาก น่าเสียดายที่ตอนนี้ทั้งสองเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เขาจึงไม่มีเวลามาชื่นชมความงามราวกับดอกหลีต้องฝนของเฉินไฉ่อี

 

เตืออันใบหน้าทิ้งตึง เขาแทบทนไม่ไหวเกือบเข้าไปตบปากน้องสาวไร้สมองคนนี้ แต่เพราะรักและทะนุถนอมนางมาหลายปีจึงทําร้ายไม่ลง

 

เขาทําได้เพียงแค่ชี้หน้าและกรุนด่านางอย่างโกรธเคือง “เฉินไฉ อี เจ้าก็น่าจะเห็นแล้ว ตราบใดที่ป่าหวางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พรุ่งนี้คนทั้งโรงงานก็ต้องรู้ว่าเจ้าทําเรื่องดีงามอะไรลงไป สุดท้ายไม่พ้นครอบครัวของเราต้องล้างตามเช็ดให้เจ้า!”

“เจ้ายังมีหน้าไปบอกหยุนเถียนเถียนให้ดูแลคนข้างกายและปฏิบัติต่อหยุนเคอให้เหมาะสม! ข้าขอถามสักคํา ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างเจ้ามีหน้าที่อะไรถึงต้องไปจัดการเรื่องในบ้านของผู้อื่น?”

 

“หากหยุนเถียนเถียนไม่เจรจาการค้ากับนายน้อยหลี่ เจ้าคิดว่าโรงงานในหมู่บ้านจะสร้างขึ้นได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นหยุนเคอก็อยู่ด้วยตอนที่พวกเขาพูดคุยกัน คนเป็นคู่หมั้นยังไม่ขัดข้องแล้วเจ้าอยู่ในฐานะที่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ได้หรือ?”

 

“แม่ท่านดูแลนางให้ดีหน่อยเถิด วันนี้นางวิ่งไปหาเรื่องแม่นางหยุนถึงหน้าบ้าน ทั้งยังเสียงดังโวยวาย จากนี้ข้าจะมีหน้าไปพบกับแม่นางหยุนได้อย่างไร คนทั้งโรงงานคงหัวเราเยาะข้าเป็นแน่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้ง่าย ๆ หากข้าเสียงานนี้ไป ก็คงหาเงินเยอะขนาดนี้ไม่ได้”

 

เมื่อเต่ออันพูดจบ เขาหันไปตวัดสายตาใส่น้องสาวผู้งี่เง่าอย่างหมดความอดทนและเดินกลับไปที่โรงงาน ตอนนี้เขาทําให้แม่นางหยุนอุ่นเคืองเขาควรจะตั้งใจทํางานอย่างดียิ่งขึ้น หากนางยัง ไม่พอใจเขาอาจจะถูกไล่ออกได้

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธจัด ลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เอาแต่ร้องให้อยู่อย่างนั้น นางอดทนอย่างมากที่จะไม่ทุบตีลูกสาวสุดท้ายจึงทําได้แค่ปัดจานอาหารบนโต๊ะทิ้งเพื่อระบายความโกรธ

“ร้องไห้! เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อยู่อีกหรือ? เจ้ามีชีวิตที่ดีกว่าใครหลายคนยังไม่พอใจหรือ? ถึงได้วิ่งออกไปทําตัวไร้ค่าข้างนอกนั่น!จากนี้ไปหากเจ้ายังกล้าเอ่ยชื่อนายน้อยหลี่ข้าจะจับเจ้าไปถ่วงน้ําให้ตายดีกว่าทําให้ข้าต้องอับอายขายหน้าอยู่ทุกวัน!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธสุดขีดจึงได้กล่าววาจาอันโหดเหี้ยมออกมาลูกสาวที่นางเลี้ยงดูมาอย่างดีแทบประคองไว้ในฝ่ามือกลับพาตัวเองไปหานายน้อยหลี่เพื่อให้เขาเหยียบย่ํา ใครจะรู้ว่าหัวใจของนางเจ็บปวดเพียงใด

เฉินไฉ่อีตะโกนเสียงดังทั้งน้ําตา “ข้าจะแต่งงานกับนายน้อยหลี่เท่านั้นแม้ว่าจะเป็นแค่นางบําเรอก็ตาม! แม่เป็นบ้าไปแล้วหรือ ท่านทําร้ายจิตใจข้าแต่กลับไปช่วยเหลือนังเด็กไม่มีพ่อนั่น! แค่ได้เงินจากนางท่านก็ปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง! ”

“เจ้ามันเด็กโง่เง่าไม่รู้จักคิด! ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้าต่างก็ทํางานหนัก เพื่อให้ได้รับเงินค่าจ้างจากนาง แล้วจะไม่นับว่านางมีความสําคัญต่อบ้านเราได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เจ้าก็ทําตัวไร้เหตุผลยังจะให้ข้าเข้าข้างเจ้าอีกหรือ? อีกอย่างหยุนเถียนเถียนยังมีหยุนเคอแล้วเจ้าเล่า? ทําตัวให้คนทั้งหมู่บ้านดูถูกเหมือนเฉินเจียวเจียว เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”

เฉินไฉ่อีเถียงกลับมาด้วยท่าที่เย้ยหยัน “ข้าไม่ใช่คนงี่เง่าเหมือนนังเฉินเจียวเจียวนั่น! หยุนเคอเป็นเพียงคนป่าบนภูเขาไร้ค่า อย่างไรนายน้อยหลีก็ดีกว่ามาก!”

“นังลูกไม่รักดี! เจ้าอยากให้ข้าตายไปจริง ๆ ใช่หรือไม่? ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าอย่าหวังจะได้เข้าไปเป็นสนมในบ้านตระกูลหลี่ดูซิว่าเจ้าจะทําอย่างไร?”

แม้ว่าคนในครอบครัวจะทั้งคู่ทั้งปลอบนางอย่างไรเฉินไฉ่อีกไม่ยอมรับฟังความจริง นางเอาแต่ร้องไห้และขังตัวเองอยู่ในห้อง

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธจัดจนพูดไม่ออกต้องเอามือลูบหน้าอกตัวเองและค่อย ๆ หายใจ

 

เสียงกระแทกประตูของเฉินไฉอีทําให้ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านได้สติกลับมา ตราบใดที่นางยังคงไม่ปล่อยวางและเอาแต่หลอกตัวเองการปล่อยให้นางโศกเศร้าขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านก็นับเป็นเรื่องดีอย่างไรนางก็ไม่ออกไปทํางานข้างนอกอยู่แล้ว

ก่อนที่เฉินไฉอีจะฟูมฟายไปมากกว่านี้ นางก็ได้ยินเสียงแม่ปิดประตูจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่าแม่ของนางไม่อนุญาตแม้แต่ให้ออกจากห้อง

 

เฉินไม่อีตกใจจนลืมร้องไห้ แล้วรีบวิ่งไปทุบประตูด้วยมือของนางอย่างสิ้นหวัง แต่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างนางจะสามารถพังประตูนี้ออกไปได้หรือ?

 

หากเป็นเมื่อก่อนภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านคงลําบากใจไม่น้อยที่จะทํากับลูกสาวเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางโกรธมากจนไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

เฉินไฉ่อีถูกด่าทอทุบตีจนร้องไห้เกือบทั้งวัน เมื่อคิดว่าแม่ใจร้ายและอยากลงโทษนาง จึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลั่งน้ําตาออก

มา

ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตของตนนั้นช่างแสนเศร้าราวกับหญิงสาวในนิยายถูกพ่อแม่ขัดขวางความรักเช่นกัน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จิตใจนางก็สงบมากขึ้นตราบใดที่นางยืนหยัดฝ่ากลุ่มก้อนเมฆไปได้สุดท้ายแล้วสายรุ้งจะปรากฏ

แม้ว่าในตอนนี้นายน้อยหลี่จะยังไม่ชอบนางแต่อีกไม่นานเขาต้องเห็นถึงความจริงใจของนางอย่างแน่นอน

แต่เฉินไฉอีคิดน้อยไป เรื่องความรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้การพยายายามอย่างหนักใช่ว่าจะได้รับรางวัลตอบแทนเพราะนางไม่เข้าใจในความเป็นจริงนี้สุดท้ายจึงต้องเจ็บปวดเจียนตาย

สิ่งเหล่านี้ค่อยกล่าวถึงในภายหลัง แต่มื้อเย็นวันนี้ไม่มีส่วนของลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

เฉินไม่กี่ต้องการอดข้าวเพื่อเรียกร้องให้แก่ความรักของนางจึงไม่สนใจว่าจะได้กินข้าวหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครนําอาหารมาให้และยังขังนางไว้ในห้อง แต่นางไม่ทางเชื่อว่าพ่อแม่จะใจร้ายปล่อยให้นางอดตายได้

ในที่สุดภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ใจอ่อนและทนไม่ได้อีกต่อไป “สามีไม่อดอาหารไม่ได้หรือไม่?นางไม่เคยต้องทนหิวมาก่อน”

ก่อนที่กลับเข้าบ้านหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้ยินเรื่องซุบซิบมาบ้างตอนนี้เขาจึงกัดฟันพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “มีตั้งกี่คนที่ได้กินข้าวเพียงวันละสองมื้อทุกวันนี้นางได้กินข้าวครบสามมื้อแต่ก็ยังทําให้ข้าต้องอับอายขายหน้านางไม่เชื่อฟังถึงต้องอดอาหารนาง อย่างไรนางก็ ไม่อดตายหรอก!”

 

เตืออันถอนหายใจ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเขาเองก็โกรธมากแต่เห็นน้องสาวที่เขารักและทะนุถนอมมาหลายปีต้องทนลําบากเช่นนี้เขาหักใจทําไม่ลงเช่นกัน

ดังนั้นเขาจึงแอบซ่อนข้าวปั้นเก็บไว้รอจนกว่าพ่อแม่เข้านอน แล้วค่อยย่องไปเคาะหน้าต่างห้องน้องสาวเบา ๆ

 

“ไฉ่อี! ตื่นเร็ว พี่ชายเก็บอาหารไว้ให้ เจ้ารีบกินก่อนเถิด”

ก่อนหน้านี้เฉินไฉอีได้กินมื้อกลางวันอย่างเต็มอิ่มตอนเย็นจึงไม่กลัวว่าจะต้องทนหิว

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 179 น้องสาวของเต่ออัน

ตอนที่ 179 น้องสาวของเต่ออัน

“ตอนนี้เจ้ามีคู่หมั้นแล้ว ควรดูแลตัวเองและคนที่อยู่ข้างกายให้ดี นายน้อยหลี่เป็นชายสูงศักดิ์ เขาไม่ควรถูกผู้หญิงที่มีคนรักอยู่แล้ว ทําให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตัวเจ้าเองก็ไม่ได้มีอะไรดีนอกจากหน้าตา อ ย่ามัวแต่เพ้อเจ้อจะดีกว่า ที่ข้ากล่าวมาเจ้าว่าถูกหรือไม่

หยุนเถียนพูดไม่ออก เฉินไฉอีเอาตาที่ไหนมาดูว่านางปฏิบัติไม่ดี กับหยุนเคอ? หรือว่าหยุนเคอไปร้องเรียนกับหัวหน้าหมู่บ้าน?

ถึงอย่างนั้นแม้ว่านางจะทําไม่ดีกับหยุนเคอจริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างเฉินไฉอีจะมาชี้นิ้วสั่งสอนนางได้!

ด้วยความที่หยุนเถียนเถียนเป็นคนตรงๆ นางจึงเอ่ยถามออกไป

“พี่ไฉอี ข้าปฏิบัติต่อหยุนเคอดีหรือไม่ก็ไม่ใช่ธุระของท่าน หรือว่าพี่ไฉอีแอบชอบหยุนเคอ?”

เมื่อหยุนเถียนเถียนกล่าวออกไปเช่นนี้ ก็ยังคิดอีกว่าหากลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านตกหลุมรักหยุนเคอจริงๆก็จะยอมปล่อยให้หยุนเคอไปกับนาง แม้ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ในใจแต่ก็ไม่อาจรั้งหยุนเคอไว้ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้

เฉินไม่อีถึงกับหน้าเปลี่ยนสี “ใครชอบหยุนเคอกัน? ตอนนี้ข้ากําลังพูดถึงนายน้อยหลี่ ในเมื่อเจ้ามีหยุนเคออยู่แล้ว ต่อไปห้ามติดต่อกับนายน้อยหล่อีก! ดูสิ่งที่เจ้าทําสิ เชิญชวนผู้ชายเข้าไปในบ้าน หากคนข้างนอกรู้คงแย่แน่!”

 

คราวนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเถียนเถียนไม่เพียงแข็งค้าง แต่สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน

“เฉินไฉอี แม้ว่าท่านจะเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะวิ่งมารังแกข้าถึงหน้าประตูบ้านได้! ข้ากับนายน้อยหลี่มีเพียงมิตรภาพทางการค้าต่อกัน และตอนที่พวกข้าพูดคุยกันหยุนเคอเองก็อยู่ด้วย ข้าไม่เข้าใจว่าตัวหยุนเคอยังไม่ได้เดือดร้อน เหตุใดท่านถึงต้องมาวุ่นวายกับข้า?”

เมื่อมาถึงขั้นนี้ หากหยุนเถียนเถียนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นคงโง่เต็มที

เห็นได้ชัดว่าเฉินไม่อีตกหลุมรักหลี่ซื่อฮวา จึงได้บุกมาที่หน้าประตูเพื่อต่อว่านาง ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขาจะยอมยกลูกสาวให้ผู้ชายงี่เง่าคนนั้นหรือ?

 

ใบหน้าของเฉินไฉอียิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น แต่ในใจก็คิดว่าจะไม่มีทางยอมแพ้หญิงงามตรงหน้าเป็นแน่

ดังนั้นนางจึงพูดขึ้นมาอีก “มีกิจการอันใดที่เด็กอย่างเจ้าต้องไปพูดคุยกับนายน้อยหลี่ ? ไม่ใช่ว่าเรื่องพวกนี้ควรปล่อยให้หยุนเคอเป็นผู้จัดการหรือ? ในฐานะสตรีเจ้าควรยืนรออยู่ข้างหลังอย่างสงบเสงี่ยมเท่านั้น การเสนอตัวออกมาเจรจากับนายน้อยหลี่ไม่ใช่มารยาทที่สตรีพึงกระทํา!”

เสียงของหญิงสาวทั้งสองคนทําให้ป่าหวางรีบเดินเข้ามา เดิมทีก็อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่ด้วยอารมณ์โกรธเสียงของพวกนางจึงดังขึ้นเรื่อยๆ ทําให้คนในโรงงานได้ยินสิ่งที่พวกนางคุยกันทั้งหมด

เมื่อวานป่าหวางเองก็แอบเห็นเหตุการณ์ตอนที่เฉินไฉ่ยีวิ่งเข้าไปขวางทางนายน้อยหลี แต่เห็นแก่หน้าของหัวหน้าหมู่บ้าน นางจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ไฉอี นี่ใช่เรื่องที่เจ้าสมควรพูดหรือ? ที่ผ่านมาข้าชื่นชมว่า เจ้าเป็นคนรอบรู้มีเหตุผลมาตลอด ไม่คิดเลยว่าวันนี้เจ้าจะมาหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ทําตัวไม่ต่างจากพวกผู้หญิงปากตลาด รีบกลับบ้านไปซะ! แล้วข้าจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”

แต่เฉินไฉอีไม่รับความหวังดีของนาง “ป้าหวาง ที่ท่านคอยตามช่วยนางไปทุกที่เพราะได้รับผลประโยชน์จากนังผู้หญิงคนนี้ใช่หรือไม่? เห็นอยู่ว่านังจิ้งจอกร้อยเล่ห์นี้ใช้ใบหน้าที่งดงามล่อลวงให้ นายน้อยหลี่หลงเสน่ห์และมาทํากิจการด้วย พวกท่านไม่กลัวว่านางจะทําให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านเสื่อมเสียหรือ?”

 

ป่าหวางโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี “แม่นางผู้สูงส่ง เจ้าต้องการให้ข้าพูดความจริงออกมาหรือ? เจ้าบอกว่าเถียนเถียนไม่ยึดหลักคุณธรรมของสตรี แล้วเจ้าต่างกันอย่างไร? คนประพฤติตนดีงามต้องวิ่งแร่เข้าไปขวางทางนายน้อยหลื่อย่างเจ้าใช่หรือไม่? ที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่พูดเพราะเห็นแก่หน้าของเจ้า เจ้าจะหยุดได้หรือยัง?”

 

ในช่วงเวลาสั้น ๆ เฉินไฉ่อีถูกทําให้อับอายยิ่งนัก เต่ออันเดินมาทางด้านหลังป่าหวางและมองน้องสาวของตนที่กําลังก่อปัญหา

“พอได้แล้ว เฉินไฉ่อีกลับบ้านกับข้า! ป้าหวางได้โปรดให้อภัย ข้าจะพาน้องสาวกลับบ้านและสั่งสอนนางให้ดี ไม่ต้องกังวล จะไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

 

ลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านพูดกับป่าหวางด้วยท่าที่อ่อนน้อม ปกติแล้วป่าหวางก็ไม่ใช่คนใจร้าย นางจึงยิ้มให้อย่างผืดเพื่อน และกลับเข้าไปในโรงงานทันที

 

เต่ออันมองน้องสาวของตนด้วยใบหน้าถมึงถึง “เจ้าจะทําอะไรอีก? รีบกลับบ้านกับข้าเดี๋ยวนี้ อย่ามาทําตัวน่าอับอายอยู่ที่นี่!”

 

“แม่นางหยุน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะรีบพานางกลับไปและไม่ให้มาสร้างปัญหาที่นี่อีก น้องสาวคนนี้ถูกพ่อตามใจจนนิสัยเสีย ตอนนี้ถึงได้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ํา”

หากคําพูดเหล่านั้นของป่าหวางทําให้เฉินไม่กี่อับอาย คําพูดนี้ของพี่ชายก็ทําให้นางเจ็บปวดมาก เหตุใดที่ชายที่เอ็นดูนางมาโดยตลอดถึงไม่เข้าใจความรักอันสวยงามของนาง?

“ข้าไม่ไป! ข้าไม่ได้ทําอะไรผิด เห็นกันอยู่ว่าหยุนเถียนเถียนนอกใจหยุนเคอและติดต่อกับชายอื่น”

เตืออันหมดความอดทนที่จะฟังคําแก้ตัวของนาง เขาดึงแขนน้องสาวแล้วลากนางกลับบ้านทันที ไม่ว่าเฉินไฉอีจะพยายามดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพละกําลังอันแข็งแกร่งของพี่ชายได้

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกําลังเก็บผักอยู่ในสวน จู่ๆก็เห็นว่าลูกสาวกําลังร้องไห้และถูกพี่ชายของนางฉุดกระชากลากถูกลับมา

“เต่ออัน เกิดอะไรขึ้นอีก? เจ้าอย่าได้รังแกน้องสาวของเจ้า!”

เตืออันเหวี่ยงเฉินไฉ่อีลงกับพื้น “ข้ารังแกนางงั้นหรือ? ข้าจะกล้ารังแกนางได้อย่างไร? วันนี้นางทําให้ข้าต้องอับอาย เหตุใดท่านไม่ถามนางดูว่าทําเรื่องโง่ๆอะไรลงไป?”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพูดไม่ออก วันนี้ลูกสาวบอกว่าจะขอออกไปเดินเล่นอย่างตรงไปตรงมา หรือว่านี่จะเป็นอุบายเพื่อให้ได้ออกจากบ้าน?

เมื่อเฉินไม่อีลุกขึ้นก็ชี้หน้าพี่ชายและตะโกนเสียงดัง “เห็นอยู่ว่าหยุนเถียนเถียนไม่ยึดถือคุณธรรมของสตรี นางมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังกล้าคิดถึงนายน้อยหลี่! ไม่มีเรื่องอะไรแต่ก็เชิญนายน้อยหลี่เข้าไปในบ้าน ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะทําเรื่องน่าอายอะไรในนั้น!”

“ลูกสาวคนเดียวของตระกูลช่างกล่าวคํานี้ออกมาได้ คนที่ไร้ยางอายที่สุดไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ? เมื่อวานนี้ผู้ใดกันที่วิ่งเข้าไปขวางทางนายน้อยหลี่อยู่หน้าโรงงาน? เจ้ายังมีหน้าไปต่อว่าคนอื่นว่าเขาไม่ยึดถือคุณธรรมของสตรีได้อีกหรือ? แม้แต่พ่อเจ้าที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปียังไม่กล้าทําเช่นนั้นเลย!”

ใบหน้าของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเศร้าสลดลงในทันใด นางรู้ดีว่าในบ้านนี้คนที่รักเฉินไฉอีที่สุดก็คือหัวหน้าหมู่บ้านและเต่ออันลูกชายคนโตของนาง จะฆ่าให้ตายนางก็ไม่มีวันเชื่อแน่ว่าเต่ออันจะรังแกน้องสาวโดยไร้เหตุผล

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 178 เฉินไฉ่อมาเยือนหน้าประตู

ตอนที่ 178 เฉินไฉ่อีมาเยือนหน้าประตู

 

“ไม่ใช่! นายน้อยหลี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น ครั้งก่อนเขายังยิ้มให้ข้าอยู่เลย!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านมองดูลูกสาวที่พยายามจะอธิบายต่อหน้าเขาอย่างหมดหนทาง รู้สึกปวดหัวขึ้นมาจริง ๆ

 

“เจ้าเคยเจอเขาแค่ไม่กี่ครั้ง แน่ใจหรือว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น? แล้วถ้าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ครอบครัวของเขาจะยินยอมให้มีภรรยาที่เป็นเพียงลูกสาวชาวนาหรือ?”

 

เฉินไฉ่อีกล่าวอย่างหมกมุ่น “ต้องไม่เป็นเช่นนั้นแน่ในหนังสือบอกไว้ หากบุตรชายของตระกูลที่ร่ํารวยรักชอบข้าจริง ๆ เขาต้องพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ได้แต่งงานกับข้า!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านปรี่เข้าไปตบหน้าลูกสาวอย่างรุนแรง “หากเจ้ายังไม่เลิกฝันกลางวัน วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย! ต้องโทษพ่อของเจ้าที่สอนให้รู้หนังสือ ถึงได้เอาแต่เพ้อฝันเป็นจริงเช่นนี้!”

 

นี่เป็นอีกครั้งที่เฉินไฉอีถูกทําร้าย หลังจากโดนตบนางก็วิ่งเข้าไปในห้องและกระแทกประตูเสียงดัง ก่อนจะร้องไห้พร้อมกับกอดผ้าห่มไว้ในอ้อมแขน

 

แม้ว่าคนทั้งโลกจะบอกว่านายน้อยหลี่โหดร้ายเพียงใดนางก็ไม่มีทางเชื่อ บทบรรยายในนิยายนั้นสวยงามมาก นางคือหญิงสาวชาวนาที่นายน้อยหลี่ตกหลุมรัก ด้วยความสนับสนุนจากนายน้อยหลี่จะทําให้ชีวิตของนางหลุดพ้นจากความยากลําบาก

 

เหตุใดพ่อกับแม่ถึงไม่เข้าใจความรักอันงดงามเช่นนี้

 

แต่สมาชิกของครอบครัวห้าคนที่กําลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างนอกก็ไม่สบายใจนัก

 

หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว เขาเสียใจที่ตนตามใจลูกสาวคนนี้มากเกินไป

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตบโต๊ะก่อนจะพูดออกมา “ข้าให้กําเนิดสิ่งที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้ จะด่าจะตีก็ไม่ได้ สมองของนางคงมีปัญหาไปแล้ว ให้อยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ”

 

เต่ออันกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึง “พ่อ! วันนี้น้องสาวกล้าไปขวาง ทางนายน้อยหลี่ ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะทําเรื่องน่าอับอายอะไรอีก ท่านต้องสั่งสอนนางให้ดี หากเกิดเรื่องเสียหายขึ้น แม้แต่ตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านท่านก็จะไม่ได้เป็น”

 

ภรรยาของเต่ออันเต็มไปด้วยความรู้สึกรังเกียจเหยียดหยามในตอนที่นางแต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่ แม่สื่อบอกกับนางว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นคนฉลาดและมีเหตุผล แต่คนที่มีความรู้จะทําเรื่องสิ้นคิด เช่นนี้ได้อย่างไร?

 

ลองคิดดูแล้วนายน้อยหลี่คงไม่มีท่าทีที่ดีต่อนางนัก ไม่เช่นนั้นจะกลับมาร้องไห้ที่บ้านหรือ?

 

เด็กน้อยไร้เหตุผล นางจะยอมก้มหัวให้ผู้อื่นก็แค่ตอนที่กินข้าวเท่านั้น ไม่เคยเข้าใจความยากลําบากที่ผู้ใหญ่ต้องเผชิญมาอย่างยาวนาน

 

เมื่อลูกชายกล่าวเช่นนั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็ตระหนักถึงสิ่งที่ควรทํา เขาพยักหน้าเบา ๆ “ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี เมื่อลูกสาวโตขึ้นนางก็ยิ่งดื้อรั้น หน้าที่ของผู้เป็นแม่คือต้องหาชายที่ซื่อสัตย์มาแต่งงานกับนาง ส่วนคุณสมบัติของครอบครัวนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลนัก”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผู้หญิงอย่างนางหากข้าส่งไปแต่งงานกับบ้านไหนก็คงเหมือนส่งโชคร้ายเข้าบ้านคนอื่น สุดท้ายพวกเขาจะไม่ด่าข้าลับหลังหรอกหรือ? ถ้าจําเป็นต้องแต่งจริง ๆ ข้าคิดว่าอาจจะทําได้แค่หมั้นหมายเอาไว้ก่อน ไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะให้แต่งงานเลยโดยที่นางยังทําใจไม่ได้”

 

ภรรยาของเต่ออันมุมปากกระตุก นางไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายเหมือนที่แม่สามีพูด น้องสาวของสามีวันวันไม่ทํางานบ้าน เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการอ่านนิยาย ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวชาวบ้านทั่วไปควรจะเรียนรู้เรื่องการเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งพ่อ และแม่ต่างก็ยินดีที่จะตามใจลูกสาวคนนี้ ในฐานะลูกสะใภ้นางจึงพูดอะไรมากไม่ได้

 

แต่ถ้าน้องสาวไม่สามารถแต่งงานออกไปได้ นางก็คงได้รับความอับอายไปด้วยเช่นกัน

 

ทางด้านหยุนเถียนเถียนนั้นไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอก สิ่งที่นางไม่อนุญาตให้หลี่ซื่อฮวาถามก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายความว่าหยุนเคอจะไม่อยากรู้

 

ที่ผ่านมาเขาคอยปลอบใจตัวเองว่าระหว่างคนสองคนมีความลับต่อกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก แต่ตอนนี้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจด้วยความอยากรู้ว่าความลับอันยิ่งใหญ่ของหญิงสาวคืออะไร นางเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ได้อย่างไร หรือว่านางได้วิญญาณปีศาจภูเขามาจากที่ใดกัน?

 

หยุนเถียนเถียนสังเกตเห็นตั้งแต่แรก นางรู้ดีว่าหยุนเคอกําลังสงสัยเรื่องอะไร

 

ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ออกไปได้ การมีอยู่ของเสี่ยวเถาคือตัวช่วยและตัวแปรที่สําคัญที่สุดของนาง ในตอนนี้หยุนเคออาจจะยังไม่เป็นอันตรายต่อนาง แต่ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?

 

ชีวิตก่อนของนางเคยเห็นมาเยอะเรื่องที่ญาติพี่น้องหรือแม้แต่สามีภรรยาขัดแย้งกันเพราะผลประโยชน์ หากคนที่มีเจตนาร้ายรู้เรื่อง นี้แม้แต่เพียงเล็กน้อย นางอาจจะถูกจับไปเผาทั้งเป็นเพราะคิดว่านางเป็นปีศาจก็ได้

 

หยุนเคออาจจะสงสัยแต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีหลักฐาน หยุนเถียนเถียนจึงพอวางใจไปได้บ้าง

 

ในตอนบ่ายขณะที่ทุกคนกําลังงีบหลับ มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้าน

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะแปลกใจที่มีคนมาเวลานี้ แต่อย่างไรคนมาเยือนก็คือแขก จะไม่ออกไปต้อนรับก็เป็นไปไม่ได้

 

เมื่อเปิดออกไปจึงเห็นเฉินไฉ่ยี่ยืนอยู่หน้าประตู

 

หัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวของเขาล้วนทํางานให้นาง มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้นนางจึงต้องอดทนกับคนในครอบครัวของพวกเขาสักเล็กน้อย

 

“พี่สาวไฉ่อี เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้? เข้ามาข้างในก่อนเถิด”

 

แต่เฉินไฉ่อีกลับยืนนิ่ง นางเมินเฉยต่อความกระตือรือร้นของหยุนเถียนเถียน

 

“เป็นอะไรไป? พี่ไฉอีมีอะไรจะคุยกับข้าหรือ?”

 

เฉินไฉ่อไม่พูดจาแต่ความอิจฉาริษยาฉายชัดในแววตาของนาง

 

นางไม่เคยสังเกตมากก่อนเลย ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เด็กหน้าตามอมแมมคนนั้น เติบโตเป็นหญิงสาวรูปร่างดีและหน้าตางดงามถึงเพียง

 

ตั้งแต่ตอนที่ออกจากตระกูลเฉิน หยุนเถียนเถียนมักจะแต่งตัว ซอมซ่ออยู่แต่ในบ้านของตัวเอง เมื่อออกไปข้างนอกก็ดูไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เฉินไฉ่อีเคยเจอนางอยู่สองสามครั้ง และไม่เห็นว่าหญิงสาวผู้นี้จะดูดีตรงไหน

 

แต่ว่าตอนนี้เมื่ออยู่ในบ้านของนาง หญิงสาวหน้าตาสะอาดหมดจด รูปลักษณ์เปล่งประกายงดงามไปทั้งตัว จนไม่อาจละสายตาจากนางไปได้ ไม่ต้องพูดถึงว่านายน้อย หลี่จะชื่นชอบเพียงใด แม้แต่นางที่เป็นผู้หญิงก็อาจจะถูกล่อลวงได้

 

“เถียนเถียน ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า ในเมื่อเจ้าเป็นผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ ดังนั้นชื่อเสียงของเจ้าย่อมส่งผลต่อทุกคน ตอนนี้เจ้ากําลังจะแต่งงานและอยู่ร่วมชายคากับหยุนเคอ ดังนั้นก็ไม่ควรไปให้ความหวังผู้ชายที่ไม่ใช่ของเจ้าอีก”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเถียนเถียนแข็งค้างไปในทันที

 

จู่ ๆ ก็เข้ามาสั่งสอนนาง ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านมีหน้าที่ต้องดูแลเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ?

 

“พี่สาวไฉ่อีพูดเรื่องอะไร? ข้าฟังไม่เข้าใจแม้แต่ประโยคเดียว เหตุใดท่านไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าท่านกําลังคิดสิ่งใดอยู่?”

 

เฉินไฉอีพิจารณาตัวเองดูแล้ว นางมีความรู้อ่านหนังสือได้ แม้ว่า หยุนเถียนเถียนจะงดงามมาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับนางได้

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

หลี่ซื่อฮวาที่เพิ่งถูกหยุนเถียนเถียนปฏิเสธมา เมื่อออกมาข้างนอกและพบกับนางเข้า จากเดิมที่ใจร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมาก

เขาก้มหน้าลงไปมองหญิงสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน หญิงผู้นี้ก็ดูสง่างามดี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนที่งดงามราวหยกไข่มุก ถือว่ารูปลักษณ์ของนางแทบจะไม่สะดุดตาเลยด้วยซ้ํา

“เฉินไฉ่อี? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ท่าทางของเจ้าเป็นอย่างไร?”

เฉินไฉ่อีเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าถึงดูเย็นชานัก

“เจ้าดูเหมือนนักแสดงที่แสร้งทําเป็นถ่อมตัวต่อหน้าผู้อื่น”

แต่เดิมเฉินไฉ่อีนั้นเป็นผู้ชื่นชอบการอ่านหนังสือ จึงเข้าใจวาจาเสียดสีในประโยคนี้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นดวงตาของนางจึงแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง

“อย่าร้องไห้ล่ะ ข้ากลัวหัวหน้าหมู่บ้านจะคิดว่าข้ารังแกเจ้า หลีกทางไปซะ ข้าต้องกลับเข้าเมืองแล้ว”

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นว่านางกําลังจะร้องไห้ เขายิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย จึงหันหลังเดินจากไปอย่างหมดความอดทน

 

นึกถึงตอนที่หยุนเวียนเถียนตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง นางถูกมัดและโยนลงบนเตียงของเขาก็ไม่เห็นว่าจะเอาแต่ร่ําไห้เสียใจ กลับพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะหนีออกไปให้ได้

อย่างไรก็ตามเฉินไฉ่อียังคงไม่ลดละ นางยื่นแขนออกไปขวางทางหลี่ซื่อฮวาเอาไว้ “นายน้อยหลี่ ข้าไม่เข้าใจ ข้าเทียบกับหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน? นางทั้งชื่อเสียงเสื่อมเสียและอยู่กินกับหยุนเคอ แม้แต่พ่อของนางก็เป็นใครไม่รู้”

 

หลี่ซื่อฮวาอดทนอย่างมากที่จะไม่กล่าวคําผรุสวาทกับหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว

 

“เพียงแค่เติบโตมาในครอบครัวที่ดี ไม่ได้หมายความว่าแม่นางเฉินจะสามารถเทียบกับนางได้”

 

“อีกอย่างโปรดระวังคําพูดของเจ้าด้วย ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องการค้าและหยุนเคอคู่หมั้นของนางเองก็อยู่ ข้าบริสุทธิ์ใจต่อนาง ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องกิจการเท่านั้น ตอนนี้นางยังไม่มีที่ไปจึงได้อยู่ร่วมชายคากับหยุนเคอ แต่พวกเขาทั้งสองต่างคนก็ต่างแยกกันนอน นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งกายและใจ!”

 

“ส่วนเรื่องที่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของนางนั้น ไม่ใช่เรื่องที่แม่นางเฉินสมควรจะเอามาพูด อย่ามาทําให้ข้าไม่พอใจ ไม่เช่นนั้นสุสานคนจนอาจจะมีศพเพิ่ม!”

 

หลี่ซื่อฮวาสะบัดมือและเดินจากไป เขามีความสุขเมื่อได้มาพบหยุนเถียนเถียนที่นี่ แต่ก็อึดอัดใจทุกครั้งที่ต้องเจอกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้

เฉินไฉ่อีถูกชายที่ตนรักดูถูกจนแทบทนไม่ไหว นางหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้าน และปิดหน้าร้องไห้เสียงดังอยู่ในห้อง

เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเห็นลูกสาววิ่งร้องไห้กลับมา นางก็ทั้งสงสัยและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน

 

“ไฉ่อี เจ้าไปไหนมา ผู้ใดรังแกเจ้า?”

เฉินไฉ่อีเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมตอบ

ในตอนนั้น เต๋ออันก็เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ามืดมน

 

ขณะที่เขากําลังทํางานอยู่ในโรงงานก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอก เมื่อเขาออกไปดูจึงได้เห็นว่าน้องสาวของตนกําลังยื่นมือไปขวางทางนายน้อยหลี่

ด้วยเกรงว่าเสียงนั้นจะรบกวนผู้คนในโรงงาน และจะทําให้ชื่อเสียงของน้องสาวเสื่อมเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่เต๋ออันต้องใช้ความอดทนอย่างหนัก

ในที่สุดนายน้อยหลี่ก็กล่าวคําพูดที่ทําลายความภาคภูมิใจของนาง เมื่อถูกต่อว่าน้องสาวก็วิ่งกลับมาร้องไห้ที่บ้าน เขาจึงรีบตามมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“แม่! ท่านควรสั่งสอนน้องสาวให้ดี นางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน แต่กล้าไปพูดต่อหน้านายน้อยหลี่ว่านางเทียบหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน! ตอนที่ได้ยินข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง นางไม่คิดว่าลูกสาวที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอด จะทําตัวใจแตกไร้ยางอายเช่นนี้

“นอกจากเจ้าก็ไม่มีผู้ใดเห็นใช่หรือไม่?”

 

ใบหน้าของเต๋ออันหม่นหมอง เขาจิบชารสฝาดเพื่อข่มความโกรธในใจ “ในโรงงานมีผู้คนอยู่มากมาย ส่วนพวกเขายืนคุยกันที่หน้าประตู แม้ว่าตอนนั้นจะมีเพียงข้าคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ แต่ข้าก็เกรงว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้นถ้าคนข้างในรับรู้ ข้าจึงเดินตามออกมาเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร”

 

“ข้าไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะมาที่หมู่บ้านของเราเพียงเพื่อพูดจาไร้สาระ ท่านควรสั่งสอนนางให้ดี หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะไม่เป็นที่น่าอับอายหรือ? บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านไร้ผู้ชายมามาเหลียวแลหรืออย่างไร? ถึงได้คอยวิ่งตามนายน้อยหลี่!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าวางใจเถิด เมื่อพ่อของเจ้ากลับมาข้าจะบอกเรื่องนี้กับเขาและให้เขาเป็นคนสั่งสอนนาง”

“ตั้งแต่แรกพ่อของเจ้าเฝ้าสอนให้นางอ่านหนังสือ เพื่อที่นางจะได้มีพื้นฐานสังคมที่ดีแต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ นางไม่เคยเข้าใจเรื่องความเหมาะสมและเกียรติยศเลย พ่อของเจ้ายังบอกอีกว่าโชคดีที่นางเป็นผู้หญิงฉลาดรอบรู้ ตอนนี้ข้ารู้สึกละอายกับพฤติกรรมของนางยิ่งนัก”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วอย่างอิดหนาระอาใจ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องตั้งใจทํางานให้แม่นางหยุนอย่างดีที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับค่าจ้างที่ได้รับ เรื่องน้องสาวของเจ้าข้าจะจัดการอย่างดี เจ้ารีบกลับไปเถิด”

แม้ว่าเต๋ออันจะยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วจะดีหรือชั่วก็อยู่ตัวของนางเอง เขาไม่พูดอะไรอีกและกลับไปทํางานที่โรงงาน

 

เมื่อภรรยาของเต๋ออันเห็นว่าสีหน้าของสามีไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย

หัวหน้าหมู่บ้านกลับมาถึงบ้านในยามอาทิตย์อัสดง ภรรยาของเขาจัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วจึงเรียกเขาพร้อมกับเต๋ออันและภรรยาให้นั่งลง ก่อนจะไปตามเฉินไฉ่อีออกมา

เฉินไฉ่อีนั้นร้องไห้อย่างหนักจนตาบวมแดง

หัวหน้าหมู่บ้านที่รักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาตลอดจึงเข้าไปลูบผมนางและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครมารังแกลูกสาวของพ่อ? บอกมาเถิด พ่อจะไปสั่งสอนมันให้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านที่ตั้งใจจะตักเตือนนางหลังจากทานมื้อเย็นก็ทนไม่ได้และตบโต๊ะอย่างแรง

 

“ท่านก็ดีแต่ให้ท้ายนางจนเสียผู้เสียคน ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ นางไปทําเรื่องงามหน้าอะไรไว้? นางวิ่งไปขวางทางนายน้อยหลี่และยืนคุยกับเขาอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงงาน

เฉินไฉ่อีก้มศรีษะลงและไม่กล่าวอะไรออกมา ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้ว่าสิ่งที่ภรรยาของตนพูดเป็นความจริง สีหน้าของเขาดําทะมึนในชั่วพริบตา

“ไฉ่อี เจ้าก็รู้ว่าพ่อตามใจเจ้ามาโดยตลอด เจ้าต้องการสิ่งใดพ่อก็พยายามหามาให้เจ้าอย่างเต็มที่ แต่นายน้อยหลี่ผู้นี้ เขาไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านายน้อยหลี่พาผู้หญิงเข้าบ้านไปกี่คนแล้ว? และยังมีอีกมากที่แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ อย่ามองคนแค่ภายนอกแต่งตัวดูดี แต่เจ้าไม่รู้เลยด้วยซ้ําว่าภายในเขาเหมือนสัตว์ร้ายประเภทใด”

 

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 176 ค้าขาย

หยุนเถียนเถียนพยายามเมินเฉยสายตาที่ร้อนแรงของหยุนเคอและถามซ้ําอีกครั้ง “เป็นอย่างไรบ้าง? แค่บะหมี่ธรรมดา นายน้อยหลี่พอจะกินได้หรือไม่?”

 

ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเป็นประกาย “เจ้าจะทํากิจการนี้กับข้าอีกครั้งหรือ? หากเจ้าไม่กังวลเรื่องแป้ง เราสามารถซื้อจากในเมืองหลวงมาก่อนก็ได้ ถึงแม้จะราคาแพงไปหน่อย แต่ปัญหาคือบะหมีจะต้องไม่เหมือนกับที่อื่นใช่หรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนหยิบถุงขนาดเล็ก ซึ่งปิดผนึกด้วยกระดาษน้ํามันออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างใจเย็น อันที่จริงมันถูกนําออกมาจากเสี่ยวเถาแต่ใช้แขนเสื้อกว้าง ๆ เป็นที่กําบังเอาไว้

 

“ท่านดูนี่สิ โรยสิ่งนี้ลงไปในน้ําซุปเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยเพิ่มรสชาติของบะหมี่ได้มาก หรือจะนําไปผัดใส่อาหารก็อร่อยยิ่งขึ้นที่นี้นายน้อยหลี่ก็สามารถอาศัยสิ่งนี้รักษาลูกค้าไว้ได้”

“ข้าจะมอบเครื่องปรุงห่อนี้ให้นายน้อยหลี่เพื่อเป็นการชดเชยเรื่องที่สูตรถูกขโมย แต่ท่านต้องระวังหากใส่มากเกินไปจะเกิดผลเสียถ้าท่านต้องการซื้อเพิ่มอีก ราคาห่อเล็กยี่สิบตําลึง มั่นใจได้เลยว่าสูตรนี้จะไม่มีวันรั่วไหล

 

หลี่ชื่อฮวาเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษน้ํามันและเปิดดูเล็กน้อยมีเครื่องปรุงรสสีเหลืองอยู่ข้างในนั้น

 

“ข้าได้เขียนสูตรบะหมี่เอาไว้ให้แล้ว ท่านสามารถนําไปใช้ได้

เลย”

หลี่ซื่อฮวารับมันไป หญิงผู้นี้ใจกว้างมากไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับไว้

“นายน้อยหลี่อันที่จริงนี่ไม่ใช่สิ่งสําคัญที่สุด ข้าต้องการขายแป้งให้ท่านมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านจะหาซื้อแป้งมากมายจากในเมืองหลวงท่านสามารถมาซื้อกับข้าในราคาที่ถูกและยุติธรรมอย่างแน่นอนแต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียว คือท่านห้ามถามว่าข้านําของเห ล่านี้มาจากที่ใด เนื่องจากข้าไม่ต้องการเปิดเผยให้ใครรู้”

 

หลี่ซื่อฮวาถูกน้ําเสียงของหยุนเถียนเถียนครอบงําไปชั่วขณะ เขาอยากรู้ว่านางจะหาแป้งมากมายมาจากที่ใด แต่เมื่อเอ่ยปากตั้งแต่แรกแสดงว่านางคงไม่อยากให้ถามจริง ๆ

“เจ้าสามารถหาแป้งได้ครั้งละเท่าไหร่? ถ้าเจ้าอยากขายแป้งให้ข้าจริง ๆ ข้าเองก็มีร้านธัญพืชอยู่ในมือ ตระกูลใหญ่หลายตระกูลเมื่อต้องขนมที่ทําจากแป้ง พวกเขาก็มาซื้อที่ร้านของข้าหากเจ้าสามารถจัดหามาได้ข้าก็ยินดีทํากิจการนี้กับเจ้า”

 

ในตอนนี้เสี่ยวเถาแจ้งเตือนหยุนเถียนเถียนด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้านายเมื่อมั่นใจว่ามีความสมดุลระหว่างเวลาและพื้นที่ก็ง่ายที่จะซื้อแป้งและธัญพืชอย่างเพียงพอ ในยุคของท่านข้าวไม่ได้ปนเบี้อนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงจึงราคาแพง แต่ในยุคนี้ข้าวให้ผลผลิตสูงและยังราคาถูกมาก”

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าสามารถให้ท่านได้มากเท่าที่ต้องการแต่ท่านก็ต้องมีข้าวดีๆมาแลกเปลี่ยนกับข้า”

 

หลี่ซื่อฮวารีบตอบตกลงโดยไม่ลังเล โดยทั่วไปแล้วข้าวราคาถูกมากและขายไม่ค่อยดีนัก ทุกครัวเรือนมีที่ดินสําหรับเพาะปลูกมากมายมีเพียงคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นเท่านั้นที่จะไปร้านขายธัญพืชเพื่อซื้อข้าว

ทุกปีเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ชาวนาจะนําข้าวมาขายในเมืองต่อให้ราคาจะตกต่ําเพียงใด ข้าวก็จะวางขายเต็มไปหมด กล่าวได้ว่าสามารถซื้อเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสําหรับเกษตรกรที่จะอยู่รอดหลังจากจ่ายภาษีแล้วมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีเงินเหลือใช้ ในเขตมณฑลที่จํานวนประชากรเบาบางแห่งนี้ จึงเหลือพื้นที่ว่างเปล่าสําหรับเพาะปลูกเป็นจํานวนมาก

ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ก่อนส่งผลให้จํานวนประชากรทางตอนใต้ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดได้มากขึ้นทางการจึงสนับสนุนให้พ่อค้าขนส่งธัญพืชจากเหนีอลงใต้แต่ไม่อนุญาตให้ที่ดินถูกทิ้งร้างเมื่อพบว่าที่ดินของผู้ใดถูกปล่อยให้รกร้างจะต้องเสียภาษีเพิ่ม

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจมากนัก “ถ้าเช่นนั้นนายน้อยหลีไปเตรียมตัวเถิด ท่านนําข้าวมาได้เท่าไหร่ข้าก็จะให้แป้งแก่ท่านเท่านั้นเพียงแต่ท่านต้องคิดส่วนต่างราคาและนําส่วนต่างนั้นมาจ่ายให้ข้า”

หลี่ซื่อฮวาเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทําให้ร้านอาหารของเขากลับมาดีขึ้นแต่ยังส่งผลดีต่อกิจการร้านขายธัญพืชอีกด้วยเขาพอใจมากและพูดคุยกับนางต่อแต่หยุนเถียนเถียนก็แสดงท่าที่หลีก

เลี่ยง

“ในเมื่อจุดประสงค์ของนายน้อยหลี่สําเร็จลุล่วงแล้ว ข้าคงไม่สะดวกคุยกับท่านต่อ ครอบครัวเล็ก ๆของพวกเราไม่สามารถนั่ง ๆ นอน ๆ เหมือนนายน้อยหลี่ได้”

ในตอนที่เจรจาการค้าหญิงสาวผู้นี้มีท่าที่น่าเอ็นดูมากแต่เมื่อจบเรื่องแล้วนางก็หันหน้าไปราวกับจํากันไม่ได้ หลี่ซื่อฮวารู้สึกหมดหนทางยิ่งนัก

อันที่จริงเหตุผลของหยุนเถียนเถียนคือตอนที่นางมาถึงยุคนี้ครั้งแรก ในตอนนั้นนางกําลังนอนอยู่บนเตียงเพื่อจะถูกเชือดโดยนายน้อยหลี่เป็นผู้อยู่เบื้องบนแค่คิดถึงช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอนี้หยุนเถียนเถียนก็ไม่สามารถนั่งคุยกับนายน้อยหลีได้อย่างสงบใจยิ่งไปกว่านั้นในฐานะตํารวจ หยุนเสียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ เห็นนายน้อยหลี่มีชีวิตของหญิงสาวมากมายอยู่ในกํามือ

 

หยุนเถียนเถียนออกไปแล้ว หยุนเคอก็จ้องมองนายน้อยหลี่ด้วยความเย็นชา

 

ที่นี่ไม่ต้อนรับเขา! หลี่ซื่อฮวาคิดอย่างหงุดหงิดและลุกขึ้นเตรียมจะจากไป

 

ทันที่ที่เดินออกจากลานบ้าน ก็มองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏตัวข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และมองมาด้วยแววตาหลงใหล

 

ตรงกันข้ามกับหยุนเถียนที่เว้นระห่างและไม่มีท่าที่สนใจเขา นางยังดูดีกว่ามากเมื่อเทียบกับหญิงสาวคนนี้

เดิมที่เขายังอยู่ในอารมณ์ที่จะรับมือกับหญิงผู้นี้ แต่ตอนนี้เขาชักจะหมดความอดทนแล้ว

 

สาวน้อยที่มาดักรอหลี่ซื่อฮวาหน้าบ้านหยุนเถียนเถียนก็คือเฉินไฉอีลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน

 

เฉินไฉ่อีก้มหน้าลงด้วยความเขินอายยามได้เจอชายที่ตนหมายปอง แต่เมื่อเห็นว่านายน้อยหลีไม่สนใจและกําลังจะหันหลังเดินจากไปก็ไม่รู้ว่านางเอาความกล้ามาจากไหนร้องทักเขาออกไป

 

“ผู้น้อยนามว่าเฉินไฉอี ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอนายน้อยหลี่”

หลี่ซื่อฮวาเหลือบมองนาง หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างอ่อนช้อยและปฏิบัติตนตามมารยาทที่คุณหนูในห้องหอพึงกระทํา

ด้วยความที่นางเป็นแค่สาวชาวนา หญิงสาวที่ได้รับการศึกษาจากตําราแค่ไม่กี่ประโยค ไม่ว่าจะเรียนเก่งแค่ไหนก็ไม่เคยฝึกฝนมารยาทจึงทําให้กิริยาของนางค่อนข้างแข็งกระด้างอย่างบอกไม่ถูก

 

แม้แต่การแต่งกายของนางก็นับว่าดูดีแค่เฉพาะตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาเท่านั้น เมื่อออกไปข้างนอกยังถือว่าห่างชั้นกับคุณหนูตระกูลใหญ่อยู่มาก สิ่งนี้ยิ่งทําให้สมบัติผู้ดีของนางดูแย่ลงไปอีก

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 175 แค่บะหมี่ชามหนึ่ง

หยุนเถียนเถียนก้มหน้าลงยิ้มหวาน ในขณะที่หลี่ซื่อฮวาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความสเน่หา ภาพนี้ช่างดูเข้ากันแต่ก็ขัดตายิ่งนัก

สีหน้าของหยุนเคอมืดมน เขาก้าวเท้าเข้าไปตรงนั้นแม้ว่าจะทําอะไรไม่ได้แต่ก็นั่งลงที่โต๊ะเพื่อขัดจังหวะเหตุการณ์ที่คิดว่าบาดตาบาดใจ

หลี่ซื่อฮวาขมวดคิ้ว นี่หยุนเคอกําลังประกาศความเป็นเจ้าของใช่หรือไม่?

ส่วนหยุนเถียนเถียนยังคงหัวเราะจนน้ําหูน้ําตาไหล “หยุนเคอเจ้าลองทายดูสิว่าหลี่ชุนเถียวจะได้รับผลกรรมแบบไหน?”

 

หยุนเคองุนงงและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน หญิงสาวถามโดยไม่ได้คาดหวังคําตอบจากเขา

“เจ้าคิดดูว่าเนื้อตากแห้งของเราใช้เวลารมควันกี่วันกว่าจะออกจากเตาแต่เนื้อที่หลี่ซุนเกียวทํานั้นรมควันเพียงแค่สองสามวันเนื้อยังคงมีความชื้นอยู่ในสภาพอากาศเช่นนี้ยากที่รักษาคุณภาพของเนื้อตากแห้งไว้ ข้าไม่รู้ว่าหลี่เฟิงจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นว่าในบ้านเต็มไปด้วยหนอนแมลงวัน!”

 

“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะขายดีอยู่มาก แต่ก็ยังมีความแตกต่างของรสชาติ ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะไม่โลภเห็นแก่ของถูกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้แน่ อีกอย่างหลังจากลองชิมไปแล้วคงไม่ใครกลับไปซื้ออีก ข้าอยากรู้นักเนื้อตากแห้งสองพันจินจะสามารถเลี้ยงแมลงวันได้ที่ตัว?”

 

หลี่ซื่อฮวาเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง นายหญิงหลี่จะตกใจเพียงใดและน้องชายของนางจะมองพี่สาวด้วยสายตาเช่นไร? อย่างน้อย ๆ ความโกรธนี้คงทําให้นางแทบกระอักตาย!

“ท่านลองนึกดู คนผู้นั้นจะไม่อารมณ์เสียหรือ ในฐานะผู้กระทําผิดไม่รู้ว่าหลี่ชุนเถียวจะมีปัญญารับมือกับคนที่มาชําระบัญชีแก้นกับนางได้หรือไม่?”

แต่มีเรื่องที่ไม่ค่อยตลก หลี่ซื่อฮวาไม่ได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขนัก ในใจของหยุนเคอคงคิดว่าคู่หมั้นตัวน้อยของเขากําลังถูกจีบซึ่ง ๆ หน้า

“เอาล่ะ! พวกเจ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันคงมีเรื่องให้สนทนากันมากมาย อย่างไรก็นั่งคุยกันไปก่อน ข้าจะไปเตรียมอาหารกลางวันและเอาของที่จะเสนอขายให้นายน้อยหลี่มาด้วย”

เมื่อหยุนเสียนเถียนลุกออกไปก็เหลือเพียงชายร่างใหญ่สองคนพวกเขาไม่สามารถหาหัวข้ออะไรมาสนทนากันได้เลยจริง ๆ

“คุณชายหลี่ แม้ว่าตอนนี้หยุนเถียนเถียนจะยังไม่แต่งงานแต่เมื่อถึงเวลาข้าจะแต่งงานกับนางและย้ายมาอยู่ด้วยกันทันที”

มุมปากของหลี่ซื่อฮวากระตุกเล็กน้อย เจ้าจะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องของข้า จะมาโอ้อวดต่อหน้าข้าเพื่ออันใดกัน?

“เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับพี่หยุนล่วงหน้า!”

 

หยุนเคอรู้สึกพอใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ส่วนหลี่ชื่อฮวานั้นเมื่อเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะต่อยหน้าเขาสักหมัด

ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนถึงไปชอบพอผู้ชายหนวดรกรุงรังเช่นนี้? หนวดเคราเขียวครึ้มนั่นไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ําว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร หากวันใดโกนหนวดขึ้นมาอาจจะจําไม่ได้เลยด้วยซ้ํา

แต่หลี่ซื่อฮวาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ไปถามเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้กับหยุนเถียนเถียน อย่างไรก็ต้องไว้หน้าหญิงสาวอยู่บ้าง

 

ในที่สุดก็ถึงเวลามื้อเที่ยง หลี่ซื่อฮวาต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่กลับไปเสียก่อน

หยุนเถียนเถียนไม่ได้ทําอาหารมื้อใหญ่ หลังจากเข้าไปในครัวสักพักนางก็นําบะหมี่สามชามออกมา

 

ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเบิกกว้าง “ไม่สิ! นี่มันก็แค่บะหมี่ชามหนึ่งแม้ว่าสิ่งนี้จะค่อนข้างแพงแต่ก็ไม่ใช่ของหายากในเมืองนี้ อีกทั้งต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการขนส่งมาจากทางเหนือ เหตุใดเจ้าถึงคิดได้แค่นี้”

 

หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าของนาง “อันที่จริงเมืองของเราก็ไม่ได้อยู่ทางใต้เกินไปนัก หากต้องการท่านสามารถปลูกข้าวสาลีได้ และตอนนี้ก็ถึงช่วงฤดูปลูกข้าวสาลีแล้วในหมู่บ้านยังมีพื้นที่รกร้างอีกมากมายที่เราสามารถนํามาปลูกข้าวสาลีก่อนได้ ต่อไปราคาของแป้งจะได้ถูกลง”

“ที่สําคัญที่สุดคือบะหมีของข้าแตกต่างจากของผู้อื่น แม้หน้าตาจะดูธรรมดาแต่ท่านก็ไม่สามารถสบประมาทได้ ลองกินดูก่อน เถิด!”

 

หลี่ซื่อฮวายังคงมีสีหน้าสับสนมึนงง แต่เขาก็ยื่นตะเกียบไปคืบบะหมี่ที่น่าตายั่วน้ําลายขึ้นมาด้วยความหิว

 

เมื่อรสชาติของบะหมี่แผ่กระจายในปากหลี่ซื่อฮวาก็ตกใจแม้จะถูกส่งตัวมายังพื้นที่ห่างไกลแต่เขาก็เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน

 

ถึงบะหมีจะเป็นอาหารหลักของคนทางตอนเหนือแต่รสชาติก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะสําหรับคนทางใต้ที่ไม่คุ้นเคยกับการทานบะหมี่ มันช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมีบะหมี่ขายในร้านอาหาร เพราะไม่เป็นที่นิยมมากนัก

แต่บะหมี่ชามนี้รสชาติที่ถูกปากคนทางใต้อย่างแน่นอน

 

หยุนเคอตาโตเมื่อได้ทานบะหมีที่อยู่ในชาม จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วในการกินเพื่อแสดงถึงความชื่นชอบต่ออาหารชามนี้

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เป็นอย่างไร? เห็นหรือยังว่าข้าไม่ได้โกหกท่าน? หากนําบะหมีพวกนี้ไปขายในร้านอาหารท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นหยุนเคอทานอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็ไม่สนใจตอบคําถามของหยุนเถียนเถียน แต่ก้มหน้าลงกินบะหมี่เช่นกัน

 

เสี่ยวซื้อเองก็ตกตะลึง แม้ว่าบะหมีชามนี้จะดูดีกว่าบะหมีทั่วไปแต่นายน้อยก็มิใช่คนขัดสน ดูเถิด สูดบะหมี่เสียงดังเช่นนั้นน่าเกลียดเสียจริง!

เคล็ดลับความอร่อยของบะหมี่ชามนี้มาจากเนื้อไก่ที่ซื้อจากเถาเปาเครื่องปรุงรสจากต่างยุคถูกห่อด้วยกระดาษน้ํามันโดยเสี่ยวเถา จากนั้นก็ปรากฏในมือของหยุนเถียนเถียน

 

รสชาติจึงอร่อยกว่าบะหมี่ที่ปรุงด้วยน้ํามันและเกลือของทางตอนเหนือมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนโบราณสองคนนี้จะกินเข้าไปอ ย่างไม่รักษาท่าที่

 

โดยเฉพาะพริกน้ํามันที่ลอยอยู่ด้านบน แม้ว่าหลี่ซื่อฮวาจะรู้ว่ามันทํามาจากพริกไทยและน้ํามันแต่ก็ไม่รู้วิธีการทํา น่าเหลือเชื่อมากที่ไม่เคยมีพ่อครัวคนไหนค้นพบวิธีการที่แสนง่ายดายเช่นนี้

ด้วยความคิดที่อนุรักษ์นิยมและอวดดีของคนโบราณทําให้พวกเขารู้วิธีสืบทอดประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน แต่ลืมหาแนว

 

เมื่อกินบะหมี่หมดไปหนึ่งชามหลี่ซื่อฮวาก็ประหลาดใจมาก เขากินจุขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ในคราแรกที่บะหมี่ชามใหญ่ถูกยกออกมาเขารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก แต่เมื่อกินไปแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

 

อีกด้านหนึ่ง หยุนเคอมองหยุนเถียนเถียนด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาเติบโตจากทางตอนเหนือถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ทางใต้แต่เขาก็ยังคงชอบบะหมี่มาก

 

แม้ว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค่อย ๆ ยอมรับวัฒนธรรมการกินของทางใต้ แต่บะหมี่ชามนี้รสชาติดีกว่าที่บ้านเกิดของเขาเสียอีก

ดูจากทักษะการทําอาหารของหญิงสาวผู้นี้เขาจะไม่มีวันเสียใจเลยหากได้แต่งนางเข้าบ้าน!

ฝ่ายเถ้าแก่จางที่ได้สูตรไปแล้ว แน่นอนว่าต้องรีบติดต่อเจ้านายของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

เขาบรรจุชิ้นเนื้อตากแห้งลงในกล่อง แล้วรีบรุดไปที่สวนหลังบ้านตระกูลหลี

กิจการหลักของตระกูลหลี่ล้วนตั้งอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นคฤหาสน์ของเขาจึงอยู่ในเมืองหลวงตั้งแต่แรกและไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่

มณฑล

ผู้ที่เถ้าแก่จางต้องการมาพบก็คือนายหญิงหลี่

เมื่อเห็นสูตรเนื้อตากแห้งนายหญิงหลีก็มีความสุขมาก จึงสั่งให้เถ้าแก่จางผลิตออกมาในปริมาณมาก

ตั้งแต่หลี่ซื่อฮวาถูกส่งไปยังเขตมณฑล เขาได้รับคําชื่นชมมากมายจากนายหัวหลีเรื่องเนื้อตากแห้ง แม้แต่ร้านอาหารในเมืองหลวงก็ยังถูกส่งต่อให้ลูกเลี้ยงผู้นี้

เรื่องนี้ทําให้ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของนางแสดงออกอย่างน่ากลัว ทุกอย่างในตระกูลหลี่ต้องเป็นของลูกชายนางเท่านั้นส่วนหลี่ซื่อฮวาควรใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าภายใต้การส่งเสริมจากนาง

 

แต่ถึงกระนั้น หลังจากใช้เวลาหลายปีในการออกไปอยู่ข้างนอกหลี่ซื่อฮวาก็ได้เรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างแท้จริง ทําให้นางร้อนรนเป็นอย่างมากดูเหมือนว่ามีบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมของนาง

 

หลังจากผลงานของหลี่ซื่อฮวาได้รับการชื่นชมจากนายหัวหลี่แน่นอนว่านายหญิงหลี่ไม่สามารถไปแย่งชิงกิจการจากมือของหลี่ชื่อฮวาซึ่ง ๆ หน้าได้ดังนั้นนางจึงกระทําการลับหลัง

น้องชายแท้ ๆ ของนางก็ทํากิจการค้าขายเช่นกันเขามีร้านอาหารอยู่ในครอบครองอีกด้วย สูตรเนื้อตากแห้งที่เถ้าแก่จางได้มานั้นนางไม่ได้ตั้งใจจะนําไปขายให้ผู้อื่นแต่ต้องการส่งให้น้องชายรับช่วง

เนื่องจากเนื้อตากแห้งนี้ ทําให้กิจการถูกคนของหลี่ซื่อฮวายึดครองไปส่งผลให้หลี่เฟิงน้องชายของนางโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

กว่าจะได้สูตรนี้มาไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงต้องเร่งผลิตให้ได้จํานวนมากและรีบชิงกิจการกลับคืนมาถึงอย่างไรน้องชายของนางก็ไม่มีทางสืบสาวความถูกต้องของสูตรที่ได้มา เขาเชื่ออยู่เสมอว่าพี่น้อง ของตนย่อมไม่มีวันทรยศหักหลังกัน

เนื้อหมูสองพันจินถูกซื้อจากตลาดในคราวเดียว จากนั้นก็นําไปรมควันในลานเล็ก ๆ เป็นเวลาสามวันในที่สุดเนื้อตากแห้งชุดแรกก็ออกมาจากเตา

หลี่เฟิงมีความสุขมาก จนไม่สนใจเลยว่าเนื้อของเขาเหตุใดถึงไม่มีกลิ่นหอมเย้ายวนแบบที่ควรจะเป็น เขารีบนําเนื้อตากแห้งออกไปขายที่ตลาดทันที

เนื่องจากตั้งขายในราคาถูกจึงดึงดูดให้ผู้คนเข้าไปซื้อเป็นจํานวนมากเมื่อหลี่ซื่อฮวาได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย

เรื่องนี้ไม่สามารถรบกวนพ่อของเขาได้ เพราะเขาไม่สามารถรักษาสูตรเนื้อตากแห้งเอาไว้ได้เอง นี่ถือเป็นความรับผิดชอบของเขานายหัวหลิ่ไม่ใช่คนที่จะสนใจเหตุผลมากมายถึงเพียงนั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือภรรยาของเขาและน้องชายของนางที่พยายามจะแย่งชิงกิจการ ดังนั้นหลี่ซื่อฮวาจึงไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ

สิ่งแรกที่เขาทําคือสืบข่าวในหมู่บ้านเทพธิดาและรีบพาคนไปที่นั้นทันที

 

รถม้าของหลี่ซื่อฮวานั้นหรูหราสวยงามอยู่เสมอ เมื่อต้องใช้เดินทางบนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นในชนบทจึงดูไม่ค่อยเข้ากันนัก

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หยุนเถียนเถียนก็เห็นหลี่ซื่อฮวายืนหน้าเคร่งเครียดอยู่นอกลานบ้าน

ทั้งสองยังไม่ทันได้พูดคุยกันเสี่ยวชื่อก็ตะโกนขึ้นมาก่อน

“หยุนเสียนเถียน! ข้าไม่น่าพาเจ้ามาเจอนายน้อยเลย ไหนตกลงกันว่าจะขายเนื้อตากแห้งให้แก่ตระกูลของเราเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีเนื้อตากแห้งขายที่ตลาดในเมืองหลวง ทั้งยังราคาถูกกว่าด้วยเจ้าไปค้าขายกับผู้อื่นอีกใช่หรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าแผนการของหลี่ชุนเฉียวนั้นยอดเยี่ยมมาก ถึงกับส่งสูตรเนื้อตากแห้งไปขายในเมืองหลวงเลยทีเดียว!

หลี่ซื่อสวามีชีวิตอยู่โดยการบิดเบือนตัวตนมานานนับสิบปีในความคิดของเขาหญิงสาวผู้นี้ไม่น่าจะเป็นคนทํายิ่งไปกว่านั้นความคลางแคลงใจของเขาจะยิ่งส่งผลให้นางรังเกียจเขาอีกด้วย

ไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไรแน่แต่หลี่ซื่อฮวาก็เอ็ดเสี่ยวชื่อเสียงดัง“หุบปากซะ! หลีกไป!”

เสี่ยวชื่อรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเขากําลังปกป้องเจ้านายด้วยใจจริงเหตุใดนายน้อยหลี่ถึงมองไม่เห็นคุณค่าเลย?

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม เป็นครั้งแรกที่นางหลีกทางและเชิญให้นายน้อยหลี่เข้าไปในลานบ้าน

 

“ท่านไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องนี้ข้ารู้ดี”

หลี่ซื่อฮวาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนถึงยังนั่งอยู่ที่นี่อย่างมั่นใจหลังจากชะงักไปพักหนึ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าไม่ใช้ฝีมือเจ้าแต่เท่าที่รู้สูตรนี้ต้องมาจากคนในหมู่บ้านเทพธิดาแน่นอน”

“ใช่แล้วและข้าก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนขายสูตร แค่ไม่รู้ว่าเอาไปขายที่ไหนถึงอย่างนั้นก็รับรองได้ว่าสูตรที่เขาได้ไปนั้นไม่สมบูรณ์อาจเป็นเพราะราคาที่ขายค่อนข้างถูกจึงดึงดูดใจผู้คนได้เพียงชั่วคราวแต่ไม่สามารถขายในระยะยาวได้อย่างแน่นอน”

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นท่าทางมั่นใจของหญิงสาวเขาจึงผ่อนคลายลง

“ในเมื่อเจ้ามั่นใจ ข้าก็จะไม่ซักไซ้เจ้า แต่อีกไม่นานร้านอาหารของข้าต้องโดนถล่มแน่ เกรงว่าตาแก่พ่อของข้าคงจะหาเรื่องมาด่าข้าอีก”

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดของข้า ดังนั้นข้าจะชดเชยให้ท่านเอง เช้านี้ท่านพักผ่อนที่นี่ไปก่อนถึงตอนเที่ยงข้าจะแสดงสินค้าตัวใหม่ให้ท่านดูหากท่านซื้อไปรับรองว่าขายดียิ่งกว่าเดิมแน่นอน”

แม้ว่าหลี่ซื่อฮวาจะสงสัย แต่เขาก็รู้ว่าควรให้เวลาหญิงสาวในการเตรียมพร้อมการขายของนาง

“แต่จะว่าไปแล้ว นายน้อยหลีก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการซื้อสูตรนี้มิใช่หรือ?”

เสี่ยวชื่อเริ่มบ่นอย่างโกรธเคืองอยู่ข้าง ๆ “หากไม่ใช่นายหญิงก็คงไม่มีใครรู้ว่าจะหาสูตรมาจากไหน! แม้จะไม่กล้าลงมือต่อหน้านายหัวหลี่แต่ก็ส่งกลับไปที่บ้านเดิมของนางได้ยินมาว่าหลี่เฟิงนั้นทําการใหญ่ซื้อหมูสองพันจินในคราวเดียวและยังจะทําเพิ่ม อีก”

 

สองพันจิน?

หยุนเถียนเถียนไม่เข้าใจความคิดของหลี่เฟิงผู้นี้เขาไม่ตรวจสอบเลยแม้แต่น้อยว่าสูตรนี้ดีหรือไม่ แต่กล้าที่จะทําการใหญ่ไม่กลัวว่าจะขาดทุนบ้างหรือ?

แม้ว่าสินค้าราคาถูกจะดึงดูดลูกค้าที่อยากรู้อยากลองให้มาซื้อในช่วงแรกแต่พวกเขาจะไม่กลับไปซื้อซ้ํา เนื้อสองพันจินนั้นถือว่าแย่แล้วยังมีที่ผลิตเพิ่มอีก

แม้ว่าตอนนี้อากาศจะค่อย ๆ เย็นลง แต่ก็ยังมีแมลงวันอยู่เป็นจํานวนมากนอกจากนี้เนื้อตากแห้งยังมีกลิ่นพิเศษที่ดึงดูด แมลงตัวน้อย ๆ เหล่านั้นได้อย่างดีเนื้อที่ถูกรมควันจนเกรียมเช่นนี้เก็บไว้ได้ไม่นานอย่างแน่นอน

 

หากขายไม่หมดภายในสองวัน เนื้อจะต้องมีหนอนขึ้นและถ้าเอาเนื้อที่มีหนอนไปขาย จินตนาการได้เลยว่าสีหน้าของลูกค้าคงจะพิลึกน่าดู!

 

หยุนเถียนเถียนคิดเรื่องนี้แล้วก็หัวเราะออกมาจนหลี่ซื่อฮวารู้สึกงุนงงสิ่งใดที่ทําให้หญิงผู้นี้หัวเราะได้อย่างสุขใจ?

แต่กล่าวตามตรงหญิงสาวผู้นี้เมื่อยามแย้มยิ้มแล้วดูงดงามอย่าง

เมื่อหยุนเคอกลับมาจากข้างนอกและเดินเข้าไปในลานบ้านก็เห็นภาพนี้

สามีข้า…คือพรานป่า

ตอนที่ 173 เสียเงิน

“ข้ารู้ว่าท่านเป็นตัวก่อปัญหา แต่ไม่เกรงกลัวอะไรเลยหรือ? ไม่รู้ว่าหากได้ไปพบนายอําเภอจะทนได้สักเท่าไหร่กัน?”

 

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินเข้ามาตรงหน้า ฉู่เกินฮูหยินก็ลุกขึ้น ตอนนี้นางสุดจะทนแล้ว เงินก็มีอยู่กับตัว ใครจะสนว่าหยุนเถียนเถียนต้องการอะไร?

“ก็แคโรงงานพัง ๆ ข้าเข้าไปดูแล้วมันเป็นอย่างไร? ข้าเข้าไปข้างในและได้เนื้อตากแห้งออกมา จึงอยากเอากลับมาลองทําที่บ้าน เจ้าทํากิจการที่ได้กําไรในหมู่บ้านของเรา แต่พวกข้ากลับไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”

 

เฉินซ่งฟาดมือลงบนโต๊ะ “พอกันที! ชักจะมากเกินไปแล้ว มันคือความสามารถของพวกเขาที่หาเงินได้ หลี่ซุนเกี่ยวหรือเจ้าเป็นคนสร้างโรงงาน? เหตุใดเจ้าถึงไม่ได้รับผลประโยชน์ ในใจเจ้าไม่รู้เหตุผลเลยหรือ? ขโมยของบ้านคนอื่น ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทํานั้นต้องอยู่อีกหรือ?”

“แค่เนื้อตากแห้งไม่กี่ชิ้น พวกเจ้าก็ชี้หน้าด่าว่าข้าเป็นขโมย แล้วยังจะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่อีก ข้าอยากจะรู้นักว่านายอําเภอจะมาที่หมู่บ้านของเราเพื่อพิจารณาคดีเนื้อหายนี้หรือไม่!”

หยุนเถียนเถียนหัวเราะอย่างโกรธจัด แน่นอนว่าเนื้อตากแห้งชิ้นสองชิ้นไม่มีค่าพอสําหรับเงินที่จ่ายไป และไม่คุ้มที่จะรบกวนนายอําเภอสําหรับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จริงๆ

 

“เอาล่ะ ไม่แจ้งความก็ไม่แจ้งความ แต่จากนี้ไปทุกคนต้องคอยระวัง แค่เนื้อตากแห้งทําให้คนโลภอยากได้ถึงกับต้องวางยาพิษสุนัขเพื่อขโมยมัน ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะวางยาพิษคนเพื่อขโมยของ”

คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนั้นซื่อสัตย์และไม่เคยทําอะไรแอบแฝง เมื่อพวกเขาไปทํางานจึงไม่เคยลงกลอนประตู แต่พอเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มีขโมยอยู่ในหมู่บ้าน ต่อไปทุกคนต้องให้ความสําคัญกับมัน เพราะไม่มีใครอยากสูญเสียอะไรทั้งนั้น

“ลูกสาวขโมยไม่สําเร็จ จึงกลับบ้านให้แม่มาขโมยต่อ เป็นหัวขโมยกันทั้งครอบครัว ข้าอยากจะเห็นนักว่าต่อไปใครจะกล้าแต่งงานกับลูกสาวของเจ้า ไม่น่าแปลกใจหากจะไม่มีหลานสืบทอดสกุล”

 

วาจาเผ็ดร้อนเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ได้มาจากหยุนเถียนเถียน แต่เป็นจี้ชื่อที่กล่าวออกมา หลังจากสูญเสียครั้งใหญ่ต้องได้ด่าสักที่สองที่ถึงจะพอใจ

หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย การกล่าวเช่นนี้ถือว่ารุนแรงเกินไป

ถึงจะดีเลวอย่างไรก็ไม่ควรพูดจาทําร้ายจิตใจกันเช่นนี้ และเห็นได้ชัดว่าประโยคนี้แทงใจดําฉู่เกินฮูหยินไม่น้อย

 

ครอบครัวของจีซื้อได้ให้กําเนิดบุตรชายหลายคน นางจึงไม่กลัวจะถูกเยาะเย้ยเรื่องนี้ แต่จี้ชื่อก็มีจุดอ่อนของตัวเอง

เพราะการมีบุตรชายหลายคน เมื่อพวกเขาแต่งงานก็ต้องสร้างบ้านให้ ดังนั้นเฉินผิงเหอและครอบครัวจึงเรียกได้ว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้าน

“ถึงข้าไม่มีลูกชายแต่ข้าก็มีลูกสาว เหตุใดจะไม่มีหลานสืบทอดสกุล เจ้านั่นแหละจีชื่อหน้าตาน่าสงสาร ทั้งยังจนที่สุดในหมู่บ้าน หวังจะพึ่งพาหลานสาวให้ช่วยเหลือครอบครัวเจ้าหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็คิดถี่ถ้วนละ นางไม่ใช่หลานสาวแท้ๆของเจ้าเลยด้วยซ้ํา”

 

แม้จะถูกจับได้ว่าเป็นขโมยแต่ก็ยังกล้าตอกหน้านาง ตอนนี้กางเล็บออกแล้วพุ่งไปข้างหน้าเพื่อจะเอาชนะคู่เกินฮูหยิน

 

โชคดีที่บ้าหวางยืนอยู่ข้างๆ และรั้งนางเอาไว้ “เจ้าใจเย็นๆเถิด ตอนนี้เรื่องสําคัญคือต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นขโมย แล้วคิดว่าจะทําอย่างไรต่อไป? จะมีประโยชน์อันใดหากเจ้าต่อสู้กับนางตรงนี้? อีกหน่อยก็จะเป็นย่าคนแล้ว ควรสนใจแค่เรื่องที่สําคัญเท่านั้น”

 

เมื่อกล่าวถึงสะใภ้ใหญ่ที่กําลังตั้งครรภ์ จีชื่อก็ใจเย็นลง

“นั่นสิ พวกเราจะสนใจอะไรกับครอบครัวที่น่าสมเพชเช่นนี้ว”

ขมับของเฉินซ่งถึงกับปรากฏเส้นเลือดสีน้ําเงินขึ้นมาเมื่อเห็นผู้หญิงสองคนทะเลาะกันอยู่ตรงหน้า “เอาล่ะ! หยุนเถียนเถียนเจ้า เป็นคนที่ถูกขโมยของ คิดจะทําอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนจําต้องปล่อยฉู่เกินฮูหยินไปโดยไม่พอใจนัก แม้ว่าจะมีหลักฐานอยู่ตรงหน้า แต่ผู้หญิงสารเลวคนนี้ก็ไม่ยอมจํานนง่ายๆ

เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วก็แค่ของในบ้านหายและสุนัขถูกวางยาพิษ ด้วยสมองของหลี่ชุนเฉียว แม้ว่านางจะขโมยของทั้งหมดไปแต่ก็ไม่อาจะเข้าใจแก่นแท้ของสูตรได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าส่วนผสมลับจริงๆนั้นอยู่ในมือของหยุนเถียนเถียนเอง

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างใจกว้าง “ง่ายมาก ในเมื่อท่านเพิ่งยอมรับว่าได้ขโมยของบางอย่างไป ก็จ่ายเงินชดเชยมาให้ข้า โดยเฉพาะเจ้าหมาปาน้อย ข้าซื้อมันมาในราคาสิบตําลึง”

“สําหรับความเสียหายนี้ท่านต้องจ่ายเงินชดเชยให้ข้ายี่สิบตําลึง จากนั้นก็ถือว่าจบกัน ถ้าไม่จ่ายก็ไปหาเจ้าหน้าที่ทางการ”

ฉู่เกินฮูหยินคิดจะหลีกเลี่ยง หัวหน้าหมู่บ้านจึงจ้องนางด้วยแววตาดุร้าย “ไร้เหตุผลที่จะแจ้งทางเรื่องเงินแค่ยี่สิบตําลึง เจ้าเลือกเอาว่าจะจ่ายเงินมาตอนนี้ หรือไม่ก็ออกไปจากหมู่บ้านของเราเดี๋ยวนี้!”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของชาวบ้านทุกคนไม่ค่อยดีนัก ฉู่เกินฮูหยินจึงทําอะไรไม่ถูก แต่นางก็ไม่เต็มใจที่จะเสียเงินไป

ในที่สุดเฉินฉู่เกินก็ตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อจะสารภาพเรื่องราวทั้งหมด เขาเป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอดและไม่เคยทําเรื่องแย่ๆเช่นนี้มาก่อน!

 

แต่ฉู่เกินฮูหยินก็รีบเอามือปิดปากเขาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งข่มขู่ด้วยสายตา จากนั้นจึงล้วงเงินออกมาจ่ายด้วยความยินยอม หากพวกเขารู้ว่านางขายสูตรลับทั้งหมดของโรงงาน ชาวบ้านคงไม่ปล่อยนางไว้แน่

เมื่อคิดดูแล้วแม้จะเสียเงินไปยสิบตําลึง แต่หลังจากซื้อเนื้อก็ยังเหลือเงินอยู่อีกเยอะมาก

 

ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกปวดฟันแต่นางก็ทําใจยอมรับมัน

หัวหน้าหมู่บ้านรับเงินมายี่สิบตําลึงและกําลังจะส่งต่อให้หยุนเถียนเถียน แต่จี้ชื่อก็หันมาพูดกับนางอย่างไม่พอใจ “สาวน้อย อย่าโง่นักเลย หากแค่เพราะเนื้อตากแห้ง นางไม่จําเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อวางยาพิษสุนัขหรอก จะต้องมีปัญหาอื่นอีกแน่”

“หรือว่าที่เมื่อวานนางไม่อยู่บ้าน เพราะไปขายเครื่องปรุงทั้งหมดในโรงงาน หากเป็นเช่นนั้นเราต้องถูกนายน้อยหลี่ขุ่นเคืองแน่ จะทําอย่างไรดี?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านคิดว่าเมื่อได้ของพวกนั้นไปแล้วจะรู้สูตรจริงๆหรือ? หลี่ซุนเกียวท่านคอยดูเถิด การแสดงดีๆยังมาไม่ถึง”

หากพ่อค้าผู้ซื้อสูตรพบว่าของที่ฉู่เกินฮูหยินขายไปนั้นไร้ประโยชน์ จากนั้นนางจะอธิบายอย่างไร? แค่คิดเรื่องนี้หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกว่าชีวิตยังมีเรื่องสนุกอีกมาก

ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกหวั่นไหวในใจ แต่เมื่อคิดดูว่าเงินก็ได้มาแล้ว อีกทั้งสัญญาเงินกู้ก็ถูกทําลายทิ้งไปแล้ว เถ้าแก่จางผู้นั้นจะทําอะไรนางได้?

จําชื่อไม่ขัดเมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนนั้นมั่นใจ นางปล่อยให้หยุนเถียนเถียนรับเงินยี่สิบตําลึงแล้วหันหลังกลับไป!

 

 

ตอนที่ 172 ร้องแรกแหกกระเชอ

เดิมที่เฉินฉู่เกินและภรรยาของเขาเป็นเป้าหมายหลักในการสืบสวนของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่พวกเขาไม่กลับบ้านมาเป็นเวลาสองวัน ในที่สุดเย็นวันนั้นทั้งคู่ก็กลับมา

ข่าวนี้ไม่สามารถปกปิดหัวหน้าหมู่บ้านและคนในหมู่บ้านได้

 

ทั้งคู่ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีคนมาที่หน้าประตูทันที แม้แต่เฉินเจียวเจียวที่ร้อนรนก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร

 

เฉินซึ่งถูกเชิญเข้าไปเนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แม้ว่าจะดูถูกสองสามีภรรยา แต่ก็ทําได้เพียงพูดคุยกันดีๆเท่านั้น

“เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องขึ้นในหมู่บ้าน โรงงานถูกขโมยของและคนร้ายวางยาพิษสุนัขที่ดูแลโรงงาน! เฉินฉู่เกินบอกข้ามาตามตรง เจ้าเป็นคนทําหรือไม่?”

เฉินฉู่เกินเป็นคนซื่อสัตย์ เขากลัวจนตัวสั่นและพูดอะไรไม่ออก!

แต่ฉู่เกินฮูหยินนั้นไม่กลัว นางเป็นคนไร้เหตุผลอยู่เสมอ ต่อหน้าเถ้าแก่จางข้างนอก นางไม่อาจเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ แต่ในหมู่บ้านนางเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย จึงไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน หากมีหลักฐานก็จับเราไปหาเจ้าหน้าที่ได้เลย แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน ท่านมาทําอะไรที่นี่ให้คนในบ้านของข้าตกใจ? เห็นสามีของข้าเป็นคนอ่อนแอจึงคิดจะรังแกเขาเช่นนั้นหรือ?”

 

สีหน้าของเฉินซ่งเปลี่ยนไปแต่เขาก็ยังยืนยันคําพูด

“คืนนั้นสุนัขที่โรงงานกินเนื้อผสมยาพิษเข้าไป แต่ข้าไม่ต้องการให้คนนอกรู้เรื่องนี้จึงตรวจสอบกันเองภายในหมู่บ้าน และพบว่าคืนก่อนครอบครัวของเจ้าก็กินเนื้อพอดี มันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร? หลี่ซุนเฉียว เจ้าไม่เคยซื้อเนื้อมาก่อนด้วยซ้ํา!”

จู่ๆฉู่เกินฮูหยินก็นั่งลงกับพื้นและโวยวายเสียงดัง “ครอบครัวเราไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาทั้งปี เหตุใดพอกินเนื้อแค่ครั้งเดียวกลับถูกกล่าวหาว่าขโมยของ? เป็นไปไม่ได้เลยหรือที่ครอบครัวยากจนของพวกเราจะกินเนื้อสักปีละครั้ง?”

หัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีด พิจารณาจากสิ่งที่เขาพูดดูเถิด อยากจะถามจริงๆว่าเขาไปปฏิบัติต่อเหมือนครอบครัวนี้เป็นโจรตอนไหน?

 

“หลีชุนเกียว หากเจ้ายังคงก่อกวนไม่เลิก ข้าคงทําได้เพียงส่งเจ้าไปให้ทางการและให้พวกเขามาสอบสวนคดี! เฉินฉู่เกินเจ้ายังจะปกป้องภรรยาของเจ้าอยู่อีกหรือ?”

เฉินฉู่เกินกลัวจนหน้าซีดเผือด สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดนั้นเหมือนต่อว่าเขาซึ่งๆหน้า!

 

“หรือเจ้าต้องการให้ข้าพูดออกมาตรงๆ? รองเท้าผ้าปักคราว ก่อนไม่ใช่ของเฉินเจียวเจียวลูกสาวเจ้าหรอกหรือ? ไม่ต้องการให้ข้าไว้หน้าเจ้าใช่หรือไม่?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเจียวเจียวซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องก็หน้าซีดด้วยความโกรธ หากเรื่องนี้กระจายออกไป อย่าว่าแต่แต่งงานกับคนดีๆเลย แม้แต่ชาวนายากจนเหล่านั้นก็คงไม่ต้องการนาง

แน่นอนว่าฉู่เกินฮูหยินต้องรักษาชื่อเสียงของลูกสาวเอาไว้ หากนางได้แต่งงานกับคนดี ก็ยังพอจะได้รับสินสอดที่ดีตามไปด้วย

“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านกล่าวเช่นนี้ออกมาควรมีจิตสํานึกบ้าง แม้ว่ารองเท้าปักนั้นจะเป็นลูกสาวข้าจริง แต่ต้องเป็นขโมยด้วยหรือ? มันจะหลุดหายตอนที่เดินเล่นไม่ได้เลยหรืออย่างไร?”

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ายังคงกล่าวโทษผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล

“หลี่ชุนเฉียว! ทุกคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เจ้ายังจะดื้อด้านอีกหรือ? เจ้าอยากให้ข้าเข้าไปในเมืองวันพรุ่งนี้ เพื่อสอบถามกับร้านขายยาว่าเจ้าไปซื้อยาพิษมาจริงๆใช่หรือไม่?”

 

“บ้านใดบ้างที่ไม่มีหนู? ข้าซื้อยาพิษมาเพื่อกําจัดหนู หัวหน้าหมู่บ้านควรใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วยหรือ?”

ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงจึงตระหนักว่าวันนี้คงไม่รู้ผล

 

หัวหน้าหมู่บ้านกําลังจะหันหลังเดินจากไป แต่ใครจะรู้ว่าหลัง จากนั้นฉู่เกินฮูหยินจะสร้างเรื่องใหญ่โตขึ้นมา “ที่พวกเจ้าทุกคนมาที่เพราะเห็นว่าสามีข้าเป็นคนซื่อๆ จึงจะรังแกเขาใช่หรือไม่? มายัดเยียดข้อหาโจรให้ข้าแบบไร้เหตุผล ต้องการบีบข้าให้ตายหรือ? ลูกสาวข้าเพิ่งอายุเท่าไหร่? พากันมาสาดโคลนใส่นาง ยังมีความเป็นคนกันอยู่หรือไม่?”

คราวนี้เฉินซึ่งไม่มีทางเลือกจริงๆ ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาทนโดนใส่ร้ายให้เป็นแพะรับบาปไม่ได้!

 

“เอาล่ะ! เจ้าไม่ต้องมาโวยวายอยู่ตรงนี้ ข้าจะให้ท่านผู้เฒ่าเป็นคนตัดสินให้เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”

“ตาเฒ่าพวกนั้นจะไม่ไว้หน้าเจ้าหรือ? เจ้ามาที่นี่เพื่อรังแกครอบครัวพวกข้า”

 

เฉินซึ่งกล่าวกับคนรอบตัวเขาอย่างโกรธจัด “พวกเจ้าไปเรียกคนในหมู่บ้านมาเถิด ในเมื่อพวกเขาบอกว่าถูกคนในหมู่บ้านของเรารังแก ก็ควรทําให้มันชัดเจนต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน!”

 

หลานชายตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินอาของตนพูดอย่างนั้นก็วิ่งออกไปทันที ไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย ผู้คนก็แห่กันไปล้อมรอบลานบ้านของเฉินฉู่เกิน

หลังจากหยุนเถียนเถียนได้ยินเรื่องนี้ก็เข้ามาที่นี่ด้วย นางไม่สามารถปล่อยให้หัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นแพะรับบาปจากปัญหาของนางได้

“เหตุใดพวกเจ้าถึงพาคนมากมายมารังแกครอบครัวของข้า? อย่างน้อยพวกเราก็แซ่เฉิน พอได้รับผลประโยชน์จากนังเด็กไม่มีพ่อนั่น พวกเจ้ากลับช่วยเหลือนางรังแกคนบ้านเดียวกัน มีความละอายบ้างหรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วและเดินไปข้างหน้า “หัวหน้าหมู่บ้าน และทุกคนได้โปรดฟัง! ถ้ายังมีโจรแบบอยู่ในหมู่บ้านเรา ต่อไปเขาอาจทําร้ายใครอีกก็ได้ เพียงแค่มาหาที่บ้านก็ร้องโวยวายว่าโดนรังแก”

 

“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดพวกเราไม่เล่นเป็นคนพาลบ้างล่ะ? ให้คนมาประเมินราคาบ้านและที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของเฉินฉู่เกิน ข้าจะซื้อมันไว้เอง ครอบครัวของเฉินฉู่เกินไม่ควรอาศัยอยู่ใน หมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้อีกต่อไป เช่นนี้แล้วพวกข้าก็ไม่สามารถรังแกพวกเจ้าได้อีก เจ้าว่าอย่างไร?”

 

เมื่อฉู่เกินฮูหยินได้ยินว่านางจะจ่ายเงินก็รีบตกลงทันที แต่เฉินฉู่เกินกลับส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า “ไม่ได้! ไม่มีทาง!”

 

หากเขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านจริง ๆ ถึงแม้ว่าสมบัติทั้งหมดนี้จะถูกตีเป็นเงินและจ่ายให้ แต่ในอนาคตเขาจะต้องตายไปเป็นเพียงวิญญาณเดียวดาย ไม่มีแม้แต่หลุมศพของบรรพบุรุษ

“วันนี้หัวหน้าหมู่บ้านไปตามบ้านทุกหลังเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ เหตุใดท่านถึงร้องโวยวายว่าถูกผู้คนรุมรังแก? หรือเป็นเพราะมีความผิด? หลีชุนเกี่ยว อายุท่านก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ท่านเคารพตัวเองบ้างหรือไม่? แม้แต่เด็กน้อยอย่างเฉินเฉินที่บ้านข้ายังเทียบไม่ได้!

แต่ฉู่เกินฮูหยินยังกล่าวอย่างต่อต้าน “หมู่บ้านของพวกเรามีแต่คนแซ่เฉิน เจ้าคนนามสกุลต่างถิ่นมาทําอะไรที่นี่? เหตุใดถึงต้องมาตรวจสอบตามบ้านเพื่อปัญหาเล็กน้อยของเจ้า นี่เรียกว่าการสอบสวนหรือ? ปฏิบัติกับพวกเราเหมือนเป็นโจรมากกว่า”

 

หยุนเถียนเถียนโกรธจนหน้าเขียว “แล้วอย่างไร? ของข้าหายในหมู่บ้านนี้ตรวจสอบไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ ของหายบอกว่าไร้เหตุผล แต่เห็นสมควรกับการเป็นโจร หลี่ซุนเกี่ยว ข้าจะบอกท่านเอาไว้ ที่ข้าไม่ไปแจ้งทางการก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของคนหมู่บ้านเดียวกัน หรือท่านต้องการสร้างปัญหาให้ถึงจุดนั้นจริงๆ

สามีข้า… คือพรานป่า

ตอนที่ 171 พ่อค้า

แม้แต่ปรมาจารย์อย่างหยุนเคอยังไม่รู้สึกถึงมันก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้ยินหยุนเถียนเถียนจึงเปลี่ยนใจที่จะสืบสาวเรื่องนี้ต่อไป

 

แต่ชาวบ้านทั้งหมดกําลังพูดถึงเรื่องนี้ ผู้ใหญ่บ้านได้ส่งคนไปตรวจสอบโดยการได้สืบสวนทุกบ้านไปที่ละหลัง

 

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังให้ความสนใจคนขายเนื้อในหมู่บ้านด้วยและสอบถามอย่างระมัดระวังเพื่อดูว่าเมื่อวานตอนบ่ายมีใครมา

ซอเนอบาง

 

หากไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นคนจากครอบครัวใด พรุ่งนี้คงต้องเข้าไปสอบถามร้านขายยาในเมือง

ในตอนนี้ ฉ่เกินฮูหยินก็เข้ามาถึงในเมืองพร้อมกับของที่นางขโมยมา

 

เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ในลานเล็ก ๆ สุดท้ายก็พบว่าเป็นเถ้าแก่จาง

เมื่อเถ้าแก่จางเห็นผู้มาเยือนก็ยิ้มหน้าบาน สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าเงินก็คือการแสดงความสามารถต่อหน้าผู้เป็นนาย ดังนั้นสูตรสําหรับทําเนื้อตากแห้งนี้จึงมีความสําคัญอย่างยิ่ง

 

“เป็นอย่างไรบ้าง? ได้อะไรมาหรือไม่?”

เฉินฉ่เกินไม่กล้าก้าวเท้าไปข้างหน้า ภรรยาของเขาได้แต่มองดูสามีที่ยืนหมดอาลัยตายอยาก ในที่สุดนางจึงเดินเข้าไปและวางตะกร้าไว้บนโต๊ะ

“หญิงผู้นั้นไม่ได้จดบันทึกสูตรไว้ พวกข้าจึงไม่สามารถเอามันมาได้แต่ข้าขโมยวัตถุดิบทั้งหมดจากในโรงงานมาให้ คิดว่าเถ้าแก่จางน่าจะพอใจ”

 

เถ้าแก่จางย่อมพึงพอใจ เป็นธรรมดาที่คนในชนบทไม่รู้หนังสือจึงไม่มีใครเขียนสูตรออกมา จากนั้นเขาก็ก้าวไปเปิดผ้าที่คลุมตะ กร้าออก

ของทุกชิ้นใต้ผ้าขี้ริ้วหาซื้อได้ตามร้านขายยา มีเนื้อตากแห้งชิ้นหนึ่งอยู่ข้าง ๆ

“ได้เครื่องปรุงมาแล้วแต่ว่าทําอย่างไรล่ะ เจ้าเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้หรือไม่? ที่ตรงนี้เป็นส่วนตัวมาก เหตุใดพวกเจ้าไม่อยู่ที่นี่เพื่อทําเนื้อตากแห้งจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

 

“ไม่ต้องกังวล หากไม่มีปัญหาอะไรและพวกเจ้าทําได้จริง ก็สามารถกลับไปพร้อมเงินอีกหนึ่งร้อยตําลึงได้”

 

ฉ่เกินฮูหยินไม่ค่อยพอใจนัก จากที่ตกลงไว้เมื่อเขาได้ของเหล่านี้เถ้าแก่จางควรจ่ายเงินให้และปล่อยนางไป

 

“เถ้าแก่ หากพวกข้าหายไปสองสามวันแล้วไม่มีใครดูแลลูกสาวมันจะเป็นที่น่าสงสัยของคนในหมู่บ้าน เช่นนี้จะดีหรือ?”

 

เถ้าแก่จางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าพวกเขาจะสงสัยหรือไม่ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานย่อมทําอะไรเจ้าไม่ได้ จริงหรือไม่? หาก เจ้ารอบคอบพอผู้คนจะไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ มาชี้ตัวเจ้า อี กอย่างลูกสาวเจ้าก็โตถึงเพียงนั้นอยู่คนเดียวสักสองวันไม่ได้ เชียวหรือ?”

 

“หากรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ก็รีบจัดการเรื่องนี้ให้ไว ข้ายังคงยืนยันคําเดิมว่าเจ้าต้องทําเนื้อตากแห้งให้ได้ ข้าถึงจะปล่อยพวกเจ้าพร้อมกับให้เงินไป”

เพื่อผลประโยชน์และเงินที่ล่อตาล่อใจฉ่เกินฮูหยินจึงต้องกัดฟัน ทน

“มาเถอะข้าเตรียมครัวไว้ให้พวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว”

 

ฉ่เกินฮูหยินเข้าไปและถือของไว้ในมือ ทําตามขั้นตอนที่แอบดูจากประตูเมื่อคราวก่อน นางเอาเนื้อออกมาแล้วพอกด้วยเกลือในป ริมาณที่เหมาะสมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเครื่องปรุงรสเหล่านี้อย่างไร

เมื่อมองดูเนื้อตากแห้งรมควันที่ห้อยอยู่ข้างหลัง ฉ่เกินฮูหยินจึงตัดสินใจหมักเครื่องเทศทั้งหมดพร้อมกับเกลือลงบนเนื้อ

แต่ก็รู้ด้วยว่าต้องใช้เวลาสักระยะกว่าเนื้อจะมีรสเค็ม

 

ในคืนนั้นทั้งคู่ถูกจัดให้อยู่ในห้องพัก พร้อมทั้งตระเตรียมอาหารเย็นให้เรียบร้อย เมื่อเทียบกับชาหยาบ ๆ และอาหารที่บ้านนับว่าเถ้าแก่จางต้อนรับพวกเขาอย่างเกรงใจ

 

วันรุ่งขึ้นเนื้อหมักเสร็จแล้ว ฉ่เกินฮูหยินกลับมองดูมันอย่างกังวลใจเนื้อหมักในโรงงานไม่ใช่สีแบบนี้ แต่นางไม่กล้าพูดออกมาทําได้เพียงแขวนเนื้อไว้บนหิ้งด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและจุดไฟ

 

ฉ่เกินฮูหยินไม่รู้รายละเอียดเชิงลึก รู้เพียงว่าโดยปกติแล้วจะเอาเนื้อมารมควันหนาทึบ ควันแบบนี้ในหมู่บ้านไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่ถ้าตอนนี้มีควันขโมงลอยออกมาจากหลังคาบ้านใครคงทําให้คนนึกว่าเกิดเหตุไฟไหม้

เถ้าแก่จางตื่นตกใจ จึงรีบเข้าไปในครัวเพื่อเตือนคนทั้งคู่ก่อนจะออกไป

 

พวกเขาต่างยุ่งอยู่ในครัวมาทั้งวัน และในคืนนั้นเนื้อตากแห้งก็เปลี่ยนเป็นสีที่เหมาะสมอย่างไม่คาดคิด แม้ว่าจะไม่มีกลิ่นเหมือนเนื้อในโรงงานแต่ก็ได้ต้นแบบมาแล้ว

เถ้าแก่จางมีความสุขมากเมื่อเห็นสิ่งนี้

แต่สําหรับเฉินฉ่เกินและภรรยาจะได้รับเงินจากเถ้าแก่จางจอมเจ้าเล่ห์ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?

แม้ว่าเถ้าแก่จางจะมีความสุขในใจแต่ก็ไม่แสดงสีหน้าออกมา

 

ทั้งเฉินฉ่เกินและภรรยาต่างเป็นชาวบ้านจากชนบทที่ไม่เคยเจอโลกกว้างมาก่อนเมื่อเห็นสีหน้าของเถ้าแก่จางพวกเขาก็รู้สึกหวั่นใจ

 

“สูตรนี้ถูกต้องหรือไม่? เนื้อหมักที่เจ้าทําแย่กว่าของคนอื่นมากแน่นอนว่าเจ้าต้องทําบางขั้นตอนผิดพลาดไป”

 

ฉ่เกินฮูหยินไม่พอใจ นางถูกรมด้วยควันไฟและทํางานอย่างหนักมาตลอดสองวันแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะทําไม่สําเร็จ

 

“อาจเป็นเพราะเวลาหมักไม่เพียงพอ เราสองคนต้องรีบกลับไปจึงไม่มีเวลาอยู่รอแต่สูตรทั้งหมดอยู่ที่นี่จริง ๆ พวกเราขโมยของเหล่านี้มาโดยเสี่ยงที่จะถูกชาวบ้านขับไล่ ท่านไม่สามารถปฏิเสธผลงานของพวกข้าด้วยคําพูดแค่นี้ได้”

เถ้าแก่จางครุ่นคิดก่อนจะยิ้มเยาะ “เห็นได้ชัดว่าของพวกนี้ไม่เพียงพอสําหรับเงินสองร้อยตําลึง เอาเป็นว่าสัญญากู้ยืมเงินนี้ข้าจะคืนให้พวกเจ้าส่วนอีกหนึ่งร้อยตําลึงก็รอตอนที่พวกเจ้ารู้ขั้นตอนหมดค่อยกลับมาทวงข้าอีกครั้ง”

ฉ่เกินฮูหยินนั้นชินกับการอยู่เหนือผู้อื่นมาโดยตลอด เคยต้องทุกข์ทนกับความพ่ายแพ้ถึงเพียงนี้เสียเมื่อไหร่

 

นางทุบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า “เมื่อเจ้าทํากิจการใด ๆ ความน่าเชื่อถือนับเป็นสิ่งสําคัญ! ตอนแรกเจ้าตกลงกับข้าไว้ว่าอย่างไร ตอนนี้กลับไม่ทําตาม เถ้าแก่จาง เจ้าหลอกลวงข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าไปแจ้งทางการหรือ?”

 

เถ้าแก่จางหัวเราะ “แจ้งความ! เอาเลยสิ ข้อตกลงนี้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเจ้าสองคนขโมยของก็อีกเรื่องหนึ่ง ข้าตกลงค่าจ้างไว้สองร้อยตําลึงแลกกับสูตรทําเนื้อตากแห้ง แต่ตอนนี้เนื้อตากแห้งที่เจ้าทําขึ้นมานั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี ขายังคงให้เงินหนึ่งร้อยตํา ถึงถือเป็นความเมตตาอย่างมากแล้ว!”

 

เถ้าแก่จางไม่อยากพัวพันกับคนทั้งคู่อีก เขาเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนและหันหลังจากไป คนรับใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังจับพวกเขาโยนออกไปนอกประตูจากนั้นก็ลงกลอนทันที

เฉินฉ่เกินและภรรยาที่ถูกจับโยนออกมาข้างนอก ไม่สามารถลุกขึ้นได้อยู่ครึ่งค่อนวัน

 

ถึงแม้จะกลับไปที่หมู่บ้านเทพธิดา แล้วจะทําอย่างไรต่อไป? แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่กล้าแจ้งทางการเพราะพวกเขาเองก็ขโมยของ

 

ส่วนเถ้าแก่จางนั้นทั้งร่ํารวยและมีอํานาจ ความแข็งแกร่งของรู่เกินฮูหยินใช้ได้แค่ในหมู่บ้านเท่านั้นข้างนอกนี้นับเป็นอะไรได้พวกเขาได้แต่กลับไปที่หมู่บ้านด้วยความอับอาย

 

ตอนที่ 170 สืบสวน

 

คนงานที่กําลังเตรียมพร้อมจะทํางานยืนกระซิบกระซาบกันอยู่หน้าบ้าน หลายคนพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร

 

จี้ชื่อกําลังขนฟินมาส่งที่โรงงาน ทันทีที่เดินมาและเห็นคนจํานวนมากยืนมุงกันอยู่ก็คิดว่าน่าจะมีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบฝ่าฝูงชนเข้าไป

 

“จะเป็นใครได้อีก? คงเป็นโจรที่มาขโมยของเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกแล้วสินะ พวกมันทั้งหมดใช้วิธีปินหลังคาเหมือนกัน”

 

“แต่โจรคนนี้ฉลาดกว่ามาก มันรู้ดีว่าต้องวางยาพิษสุนัขก่อน! ดูสิ ยังมีเนื้อตกอยู่บนพื้น มีคนในหมู่บ้านไม่มากนักหรอกที่มีปัญญาซื้อเนื้อกิน!”

 

โรงงานแห่งนี้ได้นําประโยชน์มากมายมาสู่คนในหมู่บ้าน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น บางคนก็รีบอาสาไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา

 

เมื่อเฉินซ่งมาถึงเขาก็พบว่าหญิงสาวหน้าซีดเผือด

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเถียนเถียนหันไป ใบหน้าของนางยังคงดูไม่ได้ “หัวหน้าหมู่บ้าน ดูเหมือนว่าครั้งก่อนข้าคงจัดการเบาไป ท่านดูสิ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว!”

 

เฉินซึ่งตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาหันไปเจอสุนัขที่นอนตายอยู่

 

ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหนถึงกล้าใช้เนื้ออาบยาพิษให้สุนัขกินแล้วแอบเข้าไปในโรงงาน

 

“มีอะไรเสียหายไปบ้าง?”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “เมื่อวานข้าตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจะลงกลอนประตู เช้านี้ข้าตื่นมาก็พบว่าโรงงานถูกค้นกระจัดกระจาย เสียเนื้อตากแห้งไปไม่กี่ชิ้นนับเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เครื่องปรุงก็หายไปด้วย ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะมาที่นี่เพื่อหาสูตร”

 

สูตร?

 

คํานี้ทําให้ชาวบ้านหลายคนเริ่มเอะใจ

 

ป้าหวางรีบกล่าวขึ้นมา “พูดถึงสูตร ช่วงนี้มักมีคนแปลกหน้าสองสามคนมาที่หมู่บ้านและถามเรื่องโรงงานอยู่เสมอ จะใช้ฝีมือคนพวกนั้นหรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คนเหล่านั้นไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้โรงงาน เพราะพวกเขากลัวจะเป็นจุดสนใจของผู้คน

 

อีกอย่างผู้ที่สามารถทราบตําแหน่งภายในของโรงงานได้อย่างถูกต้องควรเป็นคนในหมู่บ้าน!

 

หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จากวิธีการลงมือนี้ต้องเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่ก่อนหน้านี้เคยลงมือพลาด แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดและไม่ง่ายเลยที่จะตรวจสอบ”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างคับข้องใจ “หากข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรปล่อยพวกมันไปง่าย ๆ เลย”

 

ชาวบ้านเริ่มจับกลุ่มคุยกันอีกครั้ง!

 

“ดูเหมือนว่าเฉินเจียวเจียวและครอบครัวของนางจะลงมืออีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหลือหลักฐานหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย”

 

ในฐานะที่เป็นตํารวจการดําเนินคดีเล็ก ๆ เช่นนี้ถือเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะไม่คิดอะไรแต่หลังจากนั้นก็เริ่มจัดการบางอย่าง

 

“ผู้ที่คุ้นเคยกับสิ่งของที่นี่จะต้องเป็นคนในหมู่บ้าน และไม่ใช่ทุกคนในหมู่บ้านที่จะซื้อเนื้อมากินได้ รบกวนหัวหน้าหมู่บ้านช่วยตรวจสอบว่าเมื่อคืนนี้มีใครที่ต้มเนื้อบ้าง”

 

“หากหมดหนทางจริง ๆ ก็ลองไปดูในเมือง ยาพิษย่อมซื้อมาจากร้านขายยา ทางร้านจะมีการจดบันทึกเอาไว้ ยังคงต้องรบกวนหัวหน้าหมู่บ้านตรวจสอบเรื่องนี้ให้ลุล่วง เพราะเรื่องของหลินชวนฮวาคราวก่อนหมู่บ้านก็เสื่อมเสียมากพอแล้ว ดังนั้นอย่าให้เรื่องนี้หลุดออกไปจะดีกว่า ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

เฉินซึ่งพยักหน้า สิ่งสุดท้ายที่เขารั้งรอไม่ได้ก็คือเรื่องความเป็นความตายของผู้คน คราวนี้ยังดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต หัวหน้าหมู่บ้านเต็มใจทํางานอย่างหนักเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองเพราะเขาไม่อยากรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่

 

“นอกเหนือจากเบาะแสทั้งสองอย่างนี้ ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว หลักฐานที่สําคัญก็คือชิ้นเนื้อตากแห้งที่หายไป โปรดช่วยกันสังเกตหากลิ่นของเนื้อตากแห้งที่ลอยกระจายอยู่ ถ้าเขากินมันในบริเวรหมู่บ้านคงหนีไม่พ้นจมูกของทุกคน”

 

ชาวบ้านในกลุ่มพยักหน้า หากผู้หญิงคนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ และปิดโรงงาน พวกเขาคงต้องไปหารายได้จากทางอื่น

 

หยุนเถียนเถียนโบกมือให้ทุกคนแยกย้ายกันไปและปล่อยให้พวกเขาทําความสะอาดโรงงานให้เรียบร้อย เมื่อเห็นทุกคนปฏิบัติหน้าที่จนสิ่งต่าง ๆ เริ่มเป็นระเบียบ นางจึงค่อยกลับบ้าน

 

หยุนเคอกําลังก้มหน้าก้มตาซักผ้าอยู่ตรงลานบ้าน แม้บางครั้งเขาจะถอดเสื้อผ้าวางไว้และถ้าหยุนเถียนเถียนมาเจอก็จะคอยซักให้

 

แต่เนื่องจากเมื่อคืนเขามีความฝันในฤดูใบไม้ผลิที่ไม่อาจพูดออกมาได้ และกางเกงก็เลอะเทอะ หยุนเคอรู้สึกอับอายมากหากต้องให้หญิงสาวซักเสื้อผ้าเหล่านี้ให้ ดังนั้นเขาจึงต้องทําเอง

 

หยุนเถียนเถียนมัวแต่กังวลเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ในโรงงานจึงไม่ทันได้สังเกตว่าหยุนเคอต่างไปจากปกติ

 

นางเดินเข้าไปถาม “พี่ใหญ่หยุน ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นตัวอยู่เสมอ บ้านของเราอยู่ใกล้โรงงานที่สุด เจ้าได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ บ้างหรือไม่?”

 

จู่ ๆ เด็กสาวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าและพูดประโยคนี้ขึ้นมา หยุนเคอผู้มีชนักติดหลังพลันหน้าแดงและหัวใจเต้นรัวเร็ว โชคดีที่มีหนวดเคราบดบังไว้จึงไม่มีใครสังเกตเห็น!

” เกิดอะไรขึ้น?”

 

ความจริงแล้วหยุนเคอได้ยินทุกอย่างจากภายนอก แต่เพื่อปกปิดความรู้สึกไม่สบายใจของเขา จึงแสร้งทําเป็นไม่รู้

 

“ข้ามัวแต่ทํางานไม่ได้ฟังให้ดี เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

 

เพื่อที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง หยุนเคอผู้มีความผิดติดตัวจึงกล่าวเพิ่มอีกประโยค

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้ซักไซ้ แต่เล่าเรื่องทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง

 

“ช่วงแรกข้านอนไม่ค่อยหลับ แต่หลังจากผ่านไปครึ่งคืนข้าก็หลับสบาย ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ จากข้างนอกเลย”

 

หยุนเถียนเถียนก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง “คงจะเป็นตอนกลางดึก ข้าได้ยินเสียงหมาเห่าแปลก ๆ แต่คิดว่าง่วงและฟังผิดเลยไม่ได้ลุกไปตรวจดู ข้าเดาว่าน่าจะเป็นตอนนั้นที่โจรบุกเข้ามา”

 

“ตอนนี้เจ้าแน่ใจแล้วว่าเป็นฝีมืองของคนในหมู่บ้าน และมีเพียงหลี่ชุนเฉียวที่เพิ่งสืบเสาะเรื่องสูตรลับในหมู่บ้าน จะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่นาง?”

 

หยุนเถียนเถียนคิดตามการวิเคราะห์ของหยุนเคอ แต่ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีหลักฐานและฉ่เกินฮูหยินไม่มีทางยอมรับว่านางเป็นคนทําแน่ หากโจมตีทันที่เรื่องนี้คงจบไม่สวย

 

“ข้ารู้ว่าเป็นนางแต่ยังไม่มีหลักฐาน จึงขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยตรวจสอบและคงจะรู้ผลในไม่ช้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมาน้อยกินพิษชนิดใดเข้าไป ไม่รู้ด้วยว่าซื้อมาจากร้านขายยาในเมืองหรือไม่ ถ้าใช่ ก็น่าจะหามันเจอ!”

 

หยุนเคอก้มหน้าและไม่พูดอะไร แต่เขากําลังซักผ้าในมืออย่างรวดเร็ว!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 169 ความฝันในฤดูใบไม้ผลิ

ตอนที่ 169 ความฝันในฤดูใบไม้ผลิ

หลังจากผ่านวันที่แสนวุ่นวายก็ได้แช่ทั้งตัวลงไปในน้ําร้อนอย่างสบายอารมณ์หยุนเถียนเถียนเพลิดเพลินกับมันอยู่นานจนลืมเวลา

 

จนกระทั่งน้ําเกือบจะเย็น จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากอ่างไม้

 

พื้นห้องแคบ ๆ ที่ทําจากไม้นี้ ไม่สามารถสาดน้ําลงไปได้ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนมักจะตักมันใส่ถังเล็ก ๆ และนําไปเทรดแปลงผัก

 

ทันทีที่นางสวมเสื้อผ้าเสร็จและเปิดประตูออกไปก็พบว่าหยุนเคอยืนหันหลังให้กับประตูอยู่ข้างนอก

 

หยุนเถียนเถียนถึงกับผงะ โดยปกติแล้วหยุนเคอไม่มีทางที่จะแอบถ้ํามองคนอาบน้ํา แต่เหตุใดวันนี้ถึงมายืนเฝ้าที่ประตู?

อันที่จริงหยุนเคอกําลังรอดูหญิงสาวเพื่อจะช่วยเทน้ําให้ถึงแม้เขาจะยืนอยู่ข้างนอกและหันหลังให้ประตู แต่เมื่อได้ยินเสียงมาจากภายในห้องน้ําก็อดจินตนาการไม่ได้

ลองนึกภาพผิวของหญิงสาวที่ถูกแช่อยู่ในน้ําร้อนจนกลายเป็นสีชมพูระเรื่อโดดเด่นอยู่ในถังไม้ราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีวันสิ้นสุด

 

เขาตําหนิตัวเองซ้ําแล้วซ้ําเล่าถึงความน่าละอายนี้ แต่ถึงอย่างไรภาพเหตุการณ์ในห้องน้ําก็มักจะปรากฏขึ้นในใจโดยที่เขาไม่สามารถยับยั้งได้

 

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงเสียดสีของไม้

เมื่อหยุนเคอหันไปมองก็พบว่าผมของหญิงสาวยังเปียกอยู่และนางสวมเสื้อผ้าแล้ว

เมื่ออยู่ในสวนเล็ก ๆ แห่งนี้ไม่จําเป็นต้องห่อหุ้มร่างกายมากนักอีกทั้งหยุนเถียนเถียนเองก็ไม่ได้สนใจมารยาทพื้นฐานตั้งแต่แรกดังนั้นการแต่งตัวแบบนี้หลังจากอาบน้ําจึงถือเป็นเรื่องปกติ

ถึงอย่างนั้นหยุนเคอก็ยังหน้าแดง เขาก้มหน้าลงแล้วพูด “ข้าคิดว่าเจ้าคงยกถังน้ําเองไม่ได้ให้ข้าเทน้ําออกให้เถิด”

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดวันนี้หยุนเคอถึงพิถีพิถันและเอาใจใส่นัก แต่นางก็ยินดีที่จะพึ่งพาหยุนเคอ ดังนั้นจึงพยักหน้าเงียบๆแล้วก้าวออกจากประตู

 

นางคงใช้เวลาหลายครั้งกว่าจะเทน้ําออกจากถังใบใหญ่ได้ต่างจากหยุนเคอเมื่อเขาเข้าไปก็ยกถังไม้ขนาดใหญ่ในมือได้อย่างมั่นคง

 

จากนั้นก็ก้าวออกมารดน้ําลงไปในแปลงผักและเติมน้ําในถังอีกครั้ง

 

“ไม่เป็นไร เข้าไปพักเถิดมันดึกแล้ว อย่าเพิ่งรีบนอนล่ะรอผมแห้งก่อน”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้า นางใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์เพื่อองมองไปยังชายหนุ่มที่หนวดเครารกรุงตรงหน้า หากไม่คุ้นเคยกันภาพแบบนี้น่าจะทําให้คนส่วนใหญ่หวาดกลัวได้อย่างแน่นอน

 

สายตาของหยุนเถียนเถียนที่จ้องตรงมา ทําให้หยุนเคอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือไปทางหยุนเวียนเถียน

 

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก้าวถอยหลังด้วยความตกใจแววตาของหยุนเคอจึงเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่เขายังคงก้าวเข้าไปและจับเส้นผมนุ่มสลวยนั้นไว้ในมือจากนั้นศีรษะของหยุนเถียนเถียนก็ร้อนผะผ่าว!

 

เมื่อหยุนเคอละมือออกมา หยุนเสียนเถียนก็รู้สึกได้ว่าผมของนางแห้งสนิทจึงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

 

“นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากําลังภายในหรือ?”

หยุนเคอพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและเตรียมจะเข้าบ้าน

 

หยุนเถียนเถียนยังคงจมอยู่ในความตกตะลึง คนโบราณผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ! ความแข็งแกร่งภายในนั้นน่าอิจฉามากนางคิดถึงหลักการของกําลังภายใน ขณะเดินกลับห้องของตัวเองไปด้วย

เมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉ่เกินฮูหยินเริ่มตื่นตระหนกภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเอาแต่ปฏิเสธนางซ้ําแล้วซ้ําเล่าแม้แต่เด็กชื่อบื้ออย่างเต่ออันกระแวงนาง

ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงมันจะยากก็ต้องกัดฟันทําต่อไปหากไม่ทําก็ต้องคืนเงินหนึ่งร้อยตําลึงที่รับมาและยังต้องเสียเงินอีกหนึ่งร้อยตําลึงในมือ

 

ในตอนกลางคืนมีสุนัขคอยเฝ้าอยู่ในโรงงาน เป็นไปได้ยากที่จะแอบเข้าไป

แต่ถ้าไม่เข้าไปในโรงงานก็จะยิ่งยากที่จะรู้ว่าเนื้อตากแห้งทําอย่างไร ไม่รู้ว่าคนในโรงงานได้รับผลประโยชน์อะไรจากผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย!

 

หลังจากคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ต้องเข้าไปในโรงงานอยู่ดีส่วนเจ้าหมาบ้านั่น

 

ทันใดนั้น ฉ่เกินฮูหยินก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา!

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉ่เกินฮูหยินพกเงินจํานวนหนึ่งเข้าไปในเมืองอย่างเงียบ ๆ เพื่อไปที่ร้านขายยา

 

ในเย็นวันนั้นเฉินเจียวเจียวก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ใจ เมื่อมารดาผู้ตระหนี่ของนางตั้งหม้อที่เต็มไปด้วยเนื้อขึ้นโต๊ะอาหารทั้งครอบครัวจึงทานอาหารกันอย่างเรียบร้อย

 

จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง เฉินเจียวเจียวก็ยังไม่กล้าถามว่าแม่ของนางคิดจะทําอะไร

ตกดึกทุกคนในหมู่บ้านต่างนอนหลับพักผ่อน ฉ่เกินฮูหยินก็ลอบออกจากประตูบ้านอย่างลับ ๆ ในมือถือถุงกระดาษและมุ่งหน้าไปที่ ประตูโรงงานก่อนจะเปิดถุงกระดาษแล้วโยนสิ่งของบางอย่างเข้าไปด้านในเงียบ ๆ

 

เจ้าหมาป่าตัวน้อยที่อยู่ข้างใน ถึงแม้จะฉลาดเพียงใดก็ยังเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง เมื่อได้กลิ่นเนื้อก็รีบก้มลงไปกินและไม่ส่งเสียงร้องอะไรออกมา

 

แต่ไม่นานนัก หยุนเถียนเถียนที่กําลังเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงคล้ายสุนัขเห่าแต่จากนั้นก็ไม่สนใจนางคิดว่าตัวเองคงหูแว่วไป

เฉินเฉินที่เหนื่อยล้าจากการร่ําเรียนในตอนกลางวันตกกลางคืนจึงหลับสนิทและไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ

 

ส่วนหยุนเคอนั้น ผ่านไปค่อนคืนก็ยังหลับไม่ลง ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการภาพของหญิงสาวที่ก้าวออกมาจากอ่างไม้พร้อมกลิ่นหอมรวยรินจนหลังเที่ยงคืนถึงได้ผล็อยหลับไป แม้แต่ในห้วงฝัน สาวน้อยแสนสวยก็ยังคงตามติดเขาไม่ยอมปล่อยจนเขาพลาดจาก เสียงเห่าหอนที่ดังขึ้น

ครู่ต่อมาเปลวเทียนอ่อน ๆ ในโรงงานก็ดับลง ปรากฏร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมาบนหลังคาเงียบ ๆและเดินกลับบ้านไปอย่างมีความสุข!

 

วันรุ่งขึ้นหยุนเถียนเถียนยืนอยู่ที่ประตูโรงงานด้วยใบหน้าซีดเผื

อด!

 

เจ้าหมาป่าตัวน้อยตายไปนานแล้ว กระทั่งร่างกายของมันก็แข็งที่อ! บนหลังคาของโรงงานถูกเปิดออกเป็นรูกว้าง!

 

เนื้อตากแห้งในโรงงานหายไปหนึ่งชิ้น และเครื่องปรุงรสทุกอย่างหายไป!

 

แต่โชคดีมากที่หยุนเถียนเถียนไม่ได้เก็บเครื่องปรุงสําคัญใด ๆ ไว้ในโรงงานเพื่อหลบซ่อนจากหูตาของผู้คน นอกจากเกลือแล้ว ยังมีอบเชยเพียงบางส่วนที่ซื้อจากร้านขายยา ส่วนซีอิ้วสูตรพิเศษสําหรับหมักเนื้อดิบเก็บไว้กับตัวเสมอมา ทุกครั้งที่หมักเนื้อเต่ออันถึงจะมาเอาซีอิ้วที่นาง

ในแต่ละครั้งก็จะให้ในปริมาณที่จํากัด ดังนั้นจึงไม่เหลือร่องรอยไว้ในโรงงานเต่ออันนั้นเป็นคนที่ไว้ใจได้ เขารู้ดีว่าซีอิ้วหมักเนื้อดิบ เป็นส่วนที่สําคัญที่สุดของสูตรลับทั้งหมดดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเอามันออกไปง่าย ๆ

 

ตอนที่ 168 การกระทําของหยุนเคอ

 

หยุนเคอสบตากับดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองเขาด้วยความใสซื่อ เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคําใดออกมาได้อีก จึงเดินหนีไปอีกครั้ง

 

หยุนเถียนเถียนยังคงประหลาดใจ หยุนเคอหมายความว่าอย่าง ไร? แน่นอนว่าหลี่ซื่อฮวาไม่ใช่คนดี แต่เรื่องรสนิยมทางเพศก็ว่ากันไม่ได้ อีกอย่างด้วยความสามารถของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือที่จะพาหญิงสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ กลับไป?

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ลงมือทําอะไร เป็นไปได้หรือว่าเขาไม่สนใจในหญิงงามแล้ว

 

เมื่อตอนที่ได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากผิวน้ํา นางยังรู้สึกเสียดายเลย แล้วเขาที่เป็นคนมักมากในกาม จะพลาดของดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

 

แต่ไม่ว่าหลี่ซื่อฮวาจะร่ํารวยเพียงใด เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่นางชอบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะจัดการปัญหาระหว่างตัวเองกับแม่เลี้ยงอย่างไร ผู้หญิงคนใดที่กล้าแต่งงานกับเขาจะมีจุดจบที่ดีหรือ?

 

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่านายน้อยหลี่จะถูกเนรเทศมาที่นี่ แต่เขาก็เป็นคนฐานันดรสูงศักดิ์อยู่ดี เป็นไปได้หรือที่สาวชาวนาจะคู่ควรกับเขาเพียงแค่เพราะหน้าตาอันงดงาม?

 

ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างสาวน้อยผู้นี้ หากไม่ได้เป็นสาวใช้ข้างห้องก็น่าจะได้เป็นนางบําเรอ แต่คงมีแค่คนที่สมองมีปัญหาถึงจะอยากไปเป็นเมียน้อยของตระกูลที่หลังบ้านไม่เคยสงบสุข

 

ถึงอย่างไรหยุนเถียนเถียนก็คิดว่านี้ไม่ใช่เรื่องของนาง เหตุใดหยุนเคอถึงมาเตือนนางเช่นนี้? หรือการแสดงออกของนางทําให้คนเข้าใจว่าอยากแต่งงานกับนายน้อยหลี่?

 

หยุนเถียนเถียนได้แต่คิดหาคําตอบของเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ไปและหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือแทน

 

ส่วนหยุนเคอนั้น หลังจากที่เข้าไปพูดจาแปลกประหลาดกับหยุนเถียนเถียนด้วยความร้อนรน เขาก็หนีไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า เมื่อมาถึงบนภูเขาก็อยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักที

 

ดูเถอะ! พูดจาดูถูกผู้ชายคนอื่นต่อหน้าสตรี นี่ใช้สิ่งที่ลูกผู้ชายควรทําหรือ? เขาก็เคยเป็นเช่นนั้น และตอนนี้ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่คอยวิ่งตามหญิงสาว อยากจะเอาหน้ามุดแม่น้ําหวงเหอแล้ว ไม่ต้องโผล่ขึ้นมาอีกเลย!

 

ที่สําคัญคือตอนสุดท้ายดันวิ่งหนีออกมา การกระทําเช่นนั้นคงทําให้หญิงสาวหัวเราะขบขันอยู่เป็นแน่

 

ตอนแรกก็ทําให้นางไม่สบายใจ ตอนนี้ยังมาทําตัวน่าเกลียดต่อหน้านาง เกรงว่าหญิงสาวคงไม่อยากพบเจอเขาอีกแล้ว

 

ในขณะที่ครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง หยุนเคอก็เดินไปรอบ ๆ ภูเขา และจับไก่ฟ้าได้สองสามตัว เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง

 

หลังจากที่ลังเลอยู่นานตรงหน้าประตู ในที่สุดเขาก็เดินเข้าไป

 

หยุนเถียนเถียนลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยท่าทีปกติพร้อมกับเฉินเฉิน “ในที่สุดก็กลับมา ถึงเวลากินข้าวแล้ว”

 

จากนั้นสองพี่น้องก็ไม่รั้งรอเขาอีกต่อไป แต่หยิบตะเกียบในมือขึ้นมาทันที!

 

หยุนเคอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขานั่งตรงตําแหน่งของตัวเองและก้มหน้าก้มตาคีบข้าว

 

หากมีคนถามหยุนเคอว่าเย็นนี้เขากินอะไร คงตอบไม่ถูกแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้กินมันเลยสักคํา

 

เฉินเฉินกลับมาที่ห้องหลังจากทานอาหารเสร็จ ถึงแม้ว่าพี่สาวของเขาจะซื้อเทียนไขให้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเรียนในตอนกลางคืน ในเมื่อเขาสามารถใช้เวลาช่วงเย็นทบทวนบทเรียน เหตุใดถึงต้องสิ้นเปลืองเทียนเหล่านั้นด้วย?

 

หยุนเถียนเถียนยังต้องเก็บถั่วที่ตากแห้งไว้ในระหว่างวัน และหยุนเคอเองก็ยังไม่เข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็อยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร

 

จนในที่สุด เขาเห็นหญิงสาวกําลังจะก้มลงยกม้านั่ง หยุนเคอจึงรีบคว้ามันด้วยมือของเขาเอง

 

“มีอะไรให้ทําอีกหรือไม่? บอกข้าก็ได้”

 

หยุนเถียนเถียนเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีมาทั้งวัน และในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นนางจึงขยับแล้วมอบหมายงานให้เขาทํา

 

แม้ว่าหยุนเคอจะไม่เคยทํางานบ้านเหล่านี้มาก่อน แต่ภายใต้การควบคุมของหญิงสาวทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย

 

เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในครัวและจุดเตาไฟเพื่อจะต้มน้ําอาบ หยุนเคอก็เอนกายพิงประตูห้องครัวแล้วพูดกับนางเบา ๆ “หากต่อไปเจ้ายกของพวกนี้ไม่ได้ก็มาเรียกข้า อย่างไรพวกเราก็อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้”

 

เกรงใจ? ดูเหมือนว่าคนที่เกรงใจจริง ๆ แล้วคือตัวเขาเองต่างหาก

 

หยุนเถียนเถียนจึงตอบกลับไป “ข้าไม่เข้าใจว่าเมื่อตอนกลางวันที่เจ้าพูดถึงนายน้อยหลี่หมายความว่าอย่างไร แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นนางบําเรอ ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของข้าเลยด้วยซ้ํา”

 

หยุนเคอถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่านางจะยังไม่ได้พิจารณาเรื่องสําคัญใด ๆ ในชีวิตและอาจจะไม่ได้รวมเขาอยู่ในนั้นด้วย แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่มีใครอื่น

 

“ข้ารู้แล้ว ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะถูกล่อลวง เพราะยังเด็กอาจจะมองทุกอย่างเพียงผิวเผิน”

 

หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้ว หยุนเคอใส่ใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาไม่มีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการบ้างหรือ?

 

“อืม! ข้าเข้าใจแล้ว”

 

หยุนเคออยากจะพูดกับนางอีกสักเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขายังกังวลใจอยู่ แต่ก็ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการต่อไปได้

 

หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเตี้ย เปลวไฟตรงหน้าลุกโชติช่วงสะท้อนให้สีผิวขาวราวกับหยกกลายเป็นสีแดงดั่งเพลิง

 

เมื่อภาพนี้ปรากฏสู่ครรลองสายตาของหยุนเคอ ดวงตาของเขาก็แดง หัวใจราวกับถูกแผดเผา

 

แค่มีหญิงสาวผู้นี้อยู่เคียงข้างก็ไม่ต้องกังวลต่อสิ่งใด เป็นเรื่องยากหรือที่จะกล่าวออกไปให้นางรู้ความในใจของเขา หากไม่พูดนางจะเข้าใจมันหรือไม่?

 

ดูเหมือนหยุนเคอจะตัดสินใจได้แล้ว แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวกําลังทําอะไรบางอย่าง

 

ต้มน้ําหม้อใหญ่เช่นนี้คงต้องอาบน้ํา

 

ด้วยอุบัติเหตุครั้งล่าสุด หยุนเถียนเถียนได้ขอให้คนมาช่วยสร้างห้องไม้เล็ก ๆ ในสวนหลังบ้านสําหรับอาบน้ํา และสร้างอ่างไม้ขนาดใหญ่เป็นพิเศษเพื่อความผ่อนคลาย

 

แม้ว่าหยุนเคอจะไม่เคยเข้าไปแต่เขาก็พอจะสังเกตุเห็นมันอยู่บ้าง หญิงสาวผู้นี้ไม่เหมือนคนในครอบครัวชาวนาทั่วไป แต่ราวกับคุณหนูผู้รู้จักแค่การหาความสุขใส่ตัวเท่านั้น

 

เมื่อเห็นน้ําเดือดหยุนเถียนเถียนก็ยืนขึ้นโดยไม่สนใจใครก็ตามที่มองอยู่ ก่อนจะยกถังไม้แล้วเทน้ําลงไป

 

ควันน้ําร้อนพวยพุ่งราวกับอยู่บนแดนสวรรค์ หยุนเคอก้าวไปข้างหน้าแล้วถามขึ้น “จะอาบน้ําหรือ? ให้ข้าช่วยเถิด!”

 

เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้วเขาก็คว้ากระบวยจากมือของนาง เพื่อตักน้ําใส่ถังขนาดใหญ่ แล้วช่วยยกเข้าไปในห้องอาบน้ํา

 

หยุนเถียนเถียนได้แต่ตกตะลึง หยุนเคอไปโดนอะไรกระตุ้นมาอีกแล้วหรือ?

 

แต่ถ้านางยกเองคงได้เพียงครั้งละครึ่งถัง เหตุใดจะไม่ยินดีหากสามารถยกน้ําได้เต็มถังในคราวเดียวเช่นนี้?

 

หยุนเคอเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินกลับมาบอกว่าเสร็จแล้ว

 

หยุนเถียนเถียนเอามือจุ่มลงไปในน้ําและพบว่าอุณหภูมิกําลังอยู่ในระดับที่พอดี ดูเหมือนเขาไม่เพียงแค่เทน้ําร้อนเท่านั้น แต่ยังผสมน้ําเย็นให้อีกด้วย

 

ทันทีที่หันไปมองและพบว่าหยุนเคอไม่ได้เข้ามา เขาน่าจะเข้าไปพักผ่อนในบ้านแล้ว นางจึงถอดเสื้อผ้าอย่างสบายใจและลงไปแช่ในอ่างไม้

 

/

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 167 หัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา

 

ตอนที่ 167 หัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธมาก ในที่สุดนางก็เจอที่ระบายอารมณ์

 

“เอาแต่วิ่งวุ่นทั้งวันคิดว่าการเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้นดีนักหรือ? แม้แต่ลูกสาวก็ไม่สนใจ!”

 

ลูกสาว? ไฉ่อีทําให้นางโมโหหรือ?

 

เฉินซึ่งที่ถูกต่อว่าถามขึ้นมาอย่างงุนงง “ไฉ่อีเชื่อฟังมาตลอดมิใช่หรือ? เหตุใดเจ้าถึงโกรธล่ะ?”

 

“ท่านคิดว่านางเชื่อฟังงั้นหรือ? ข้าบอกให้นางแต่งงานกับคนในหมู่บ้านที่ฐานะเท่าเทียมกัน แต่นางก็รั้นอยากจะไปเป็นนางบําเรอให้นายน้อยหลี่! คิดว่าการเป็นนางบําเรอมันง่ายดายขนาดนั้นหรือ? ช่างรู้จักใฝ่สูงตั้งแต่อายุยังน้อย!”

 

เมื่อได้ยินภรรยาบ่นเรื่องนี้จึงทําให้เฉินซึ่งเข้าใจ

 

เขามัวแต่คอยระวังป้องกันไม่ให้นายน้อยหลี่มาตกหลุมรักลูกสาวของตน ใครจะรู้ว่าเฉินไม่อีกลับไปตกหลุมรักนายน้อยหลี่เสียอย่างนั้น!

 

หากครอบครัวของเขาเป็นขุนนางชั้นสูง แล้วลูกสาวของเขาเกิดสนใจนายน้อยหลี่ก็คงจะพูดกันได้ง่าย หรือถ้านายน้อยหลี่เป็นเพียงคนธรรมดาในหมู่บ้านก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

 

แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือตัวตนของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันมาก อีกทั้งนายน้อยหลี่ยังเป็นคนเจ้าชู้เสเพล หากมีใจรักใคร่ลูกสาวของตนจริงก็คงจะดี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนเถียนแล้ว ลูกสาวของเขาจะนับเป็นอะไรได้?

 

เขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวของตนเลย ส่วนหยุนเถียนเถียนนั้นก็อย่างที่รู้ ตัวตนของนางไม่ธรรมดา ไม่เพียงงดงามเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถอีกด้วย แม้ว่าลูกสาวของเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าเฉินซึ่งก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้

 

“ตอนนี้บ่นมากไปก็ไร้ประโยชน์ ไปเรียกนางมาเถิด ข้าจะคุยกับนางเอง”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตัดพ้อต่อโชคชะตาขณะเดินไปที่ห้องของลูกสาว

 

เฉินซ่งนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางมืดมน เฉินไฉอีออกมาพร้อมกับรอยตบขนาดใหญ่บนใบหน้าและนั่งลงตรงหน้าเฉินซ่ง เขารู้สึกลําบากใจเล็กน้อย แต่เพราะภรรยาของเขาเองก็พยายามเลี้ยงดูลูกสาวให้ดี เขาจึงไม่พูดอะไรมาก!

 

“สาวน้อย พวกเราเลี้ยงเจ้ามาแบบลูกสาวคนเดียวของบ้าน อย่างไรก็ไม่สามารถบังคับจิตใจเจ้าได้ มาคุยกันดี ๆ เถิด เจ้าคิดจะทําอย่างไร?”

 

เมื่อเฉินไม่ได้ยินสิ่งที่พ่อของนางพูด นางก็ตรึกตรองกับตัวเองด้วยเหตุผล และคิดว่ามีวิธีที่จะแต่งงานกับนายน้อยหลีได้ พลันสีหน้าก็ยินดีเป็นอย่างมาก

 

“พ่อ วันนี้นายน้อยหลี่ชมว่าลูกสาวของท่านสวยมาก เขาต้องมีใจให้ข้าแน่ ตราบใดที่เขาชอบข้า จะเป็นนางบําเรอหรือเป็นภรรยานั้นต่างกันอย่างไร? ต่อให้แย่สักแค่ไหนท่านก็เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านลูกสาวของท่านย่อมดีกว่าหญิงผู้นั้น หยุนเถียนเถียนนั่นแม้แต่พ่อของนางยังรังเกียจ เมื่อลูกสาวคนนี้แต่งงานออกไป ข้าจะช่วยให้ครอบครัวของเราดีขึ้น”

 

เฉินซ่งถอนหายใจยาว “เจ้าจะช่วยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรตระกูลเฉินของพวกเราก็ไม่มีทางส่งลูกสาวไปเป็นนางบําเรอ! แล้วอีกอย่าง นายน้อยหลี่ผู้นั้นเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ว่าจะพบหญิงสาวคนไหน เขาก็มักจะเอ่ยปากชื่นชมความงามของพวกนาง เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่านายน้อยหลี่ชอบเจ้า?”

 

เฉินไม่กี่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนึกถึงข้อคุณธรรมของสตรีนางก็หน้าแดงและก้มศีรษะลง

 

“ลูกเอ๋ย อยู่แบบธรรมดาแต่มีชีวิตที่ดีกว่า เหตุใดถึงอยากเป็นคนไร้ค่าในสายตาผู้อื่น? พ่อแม่ของเจ้าก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร หากวันนี้พ่อส่งเจ้าเข้าบ้านเขาเพื่อไปเป็นนางบําเรอ ต่อไปพ่อก็คงไม่มีหน้าไปพบคนอื่นแล้ว!”

 

สีหน้าของเฉินไฉอีซีดเผือดในทันที ในใจของนางคิดว่าอย่างไร พ่อก็มีเหตุผลเสมอ แต่ตอนนี้แม้แต่พ่อก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาง นางเริ่มเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงในนิยายนั้นโศกเศร้าเพียงใด! คนรักกันแต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้

 

ในขณะที่คิดน้ำตาของเฉินไฉ่อีกไหลริน

 

แม้ภรรยาของเต่ออันจะดูแคลนพ่อสามีของตนอยู่บ้าง แต่นางก็คอยเอาอกเอาใจและปฏิบัติต่อเฉินไล่อีเหมือนเป็นคุณหนูของตระกูลเสมอ

 

ภายใต้การดูแลของหัวหน้าหมู่บ้านผู้มีเหตุผล ทําให้นางมีชีวิตที่สุขสบายกว่าใครหลาย ๆ คน ดังนั้นนางจึงไม่เคยมีปากเสียงใด ๆ

 

แต่เมื่อเห็นน้องสามีคนนี้อยากปืนขึ้นไปเป็นนางบําเรอในตระกูลหลี่อย่างสุดใจ นางก็แอบค่อนขอดอยู่ในใจ ปากบอกว่าตัวเองถูกเลี้ยงอย่างดีในบ้านราวกับคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่สุดท้ายกลับจะส่งตัวเองไปเป็นนางบําเรอ ไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหาหรอกหรือ?

 

แต่เรื่องการอบรมเลี้ยงดูไม่ใช่เรื่องที่พี่สะใภ้จะทําได้ ถึงอย่างไรพ่อแม่ก็ยังอยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เพื่อไม่ให้น้องสามีอารมณ์เสีย นางจึงโบกมือแล้วเดินออกไป

 

นางมาทํางานกับสามีที่โรงงานได้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากไม่อยากอยู่บ้านจึงกลับไปทํางานที่โรงงานต่อ

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้รับรู้ถึงความปั่นป่วนที่นายน้อยหลี่ก่อขึ้น หลังจากเข้ามาในหมู่บ้านครั้งนี้ นางยุ่งอยู่กับการทําถั่วเปรี้ยวและเริ่มคิดถึงอาหารเช้าที่เคยกินเมื่อชาติก่อน!

 

ในยุคนี้อาหารหลักสามมื้อต่อวันก็คือข้าว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยากกินบะหมี่ขนาดนี้ แต่ที่แห่งนี้ไม่มีผลผลิตจากข้าวสาลีเลยจะไปหาแป้งได้จากที่ไหน?

 

ตอนนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถนําแป้งออกมาจากห้วงมิติได้โดยตรง ต้องลองดูว่าจะสามารถปลูกข้าวสาลีในสวนตอนฤดูหนาวได้หรือไม่

 

หยุนเคอไม่อาจมีส่วนร่วมกับสิ่งที่หยุนเถียนเถียนทําได้ เขายืนอยู่ในห้อง มองออกไปนอกหน้าต่างดูร่างเล็ก ๆ นั้นกําลังวิ่งวุ่น จากที่เคยมั่นใจอยู่เสมอ ตอนนี้เขากลับไม่มั่นใจในตัวเอง

 

ด้วยตัวตนปัจจุบันของเขา เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลี่ซื่อฮวาแล้วไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ อีกทั้งสายตาที่หลี่ซื่อฮวาคอยจ้องมองหยุนเถียนเถียนนั้นทําให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง

 

หยุนเถียนเถียนเองก็รู้สึกแปลก ๆ เช่นกัน หยุนเคอคล้ายว่ามีอะไรจะพูดแต่ก็ลังเลและไม่พูด ต่างจากปกติที่เคยเป็น เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรหยุนเถียนเถียนก็ยากที่จะถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์อาบน้ำครั้งล่าสุด นางไม่สามารถเผชิญหน้ากับชายผู้นี้ได้อย่างสงบใจ

 

หยุนเคอคิดอย่างรอบคอบและในที่สุดก็เดินไปข้างหน้าหยุนเถียนเถียน “ข้าเกรงว่านายน้อยหลี่จะไม่ใช่คนดีนัก ทุกที่เขาก็ยิ้มแย้มให้กับสาวงามทุกคน เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าสวยขึ้นมากก็ถึงกับตกตะลึง เขาจะต้องพยายามหลอกล่อให้เจ้ากลับไปด้วยแน่ เพราะฉะนั้นอย่างหลงกลเป็นอันขาด!”

 

หยุนเถียนเถียนหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ หยุนเคอรออยู่ตั้งนานเพื่อพูดเรื่องนี้หรือ?

 

แม้ว่าหยุนเคอจะไม่รู้ว่าเขากําลังจะพูดอะไรกันแน่ แต่ไหน ๆ ก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อไป “ข้าเพิ่งเห็นเขาเกี้ยวพาลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านที่หน้าประตู ผู้ชายที่เจ้าชูเสเพลเช่นนี้ต่อให้รูปหล่อร่ำรวยแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะถูกนางบําเรอเล็ก ๆ หลังบ้านรังแกจนตายก็ได้!”

 

หยุนเถียนเถียนยังคงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าหยุนเคอมาบอกนางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

 

 

ตอนที่ 166 ยาเสน่ห์ของนายน้อยหลี่

 

หลี่ซื่อฮวาตกตะลึง ทั้งที่รู้แน่ชัดว่าตัวตนของหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดาและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแอบซ่อนไว้ข้างหลัง

ไร้ยางอายนักนาางเป็นแค่เด็กสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ เท่านั้น!แม้ว่าเขาจะกล้าหาญแต่ก็ไม่กล้าออกปากว่าจะแต่งงานกับนาง!

 

ในช่วงเวลาแห่งความตะลึงงัน หยุนเวียนเถียนก็กล่าวถากถางออกมา“ดูเหมือนว่านายน้อยหลีไม่รู้จะให้ข้าอยู่เคียงข้างในตําแหน่งใด!ท่านไม่เคยได้ยินคํากล่าวนี้หรือ? เป็นภรรยาของสามัญชนดีกว่าเป็นพระสนมขององค์ชาย!”

 

“วันนี้ข้าจะคิดเสียว่าไม่เคยได้ยินสิ่งที่นายน้อยหลี่พูด! หากต่อไปท่านยังเห็นเป็นเรื่องล้อเล่นอยู่ ท่านกับข้าก็ไม่จําเป็นต้องติดต่อกันอีก! แม้ว่าข้าหยุนเถียนเถียนจะสิ้นหวังเพียงใด นายน้อยหลี่ก็ไม่สามารถมาล้อเล่นได้!”

 

คํากล่าวนี้ทําให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในหัวใจของหยุนเคอ!

 

คราแรกที่หยุนเถียนเถียนถามหลี่ซื่อฮวาว่านางจะได้เคียงข้างเขาในฐานะใดหัวใจของหยุนเคอนั้นจมดิ่งลงสู่ก้นบึงทันที!แม้แต่ดวงอาทิตย์ยังดูมืดมนชีวิตช่างไร้ความหมาย!

แต่ในท้ายที่สุด เมื่อหยุนเถียนเถียนออกปากว่าจะยุติการความสัมพันธ์เพียงเพราะคําพูดของอีกฝ่าย เขารู้สึกราวกับมีชีวิตมาในชั่วพริบตาทั้งยังได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอีกด้วย!

เขายืนเงียบมองดูหยุนเถียนเถียนส่งนายน้อยหลี่ออกไปก่อนจะหันหลังกลับไปยังถ้ําที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อน

เขาต้องการที่เงียบ ๆ และคิดเรื่องอนาคตของตัวเองให้ถี่ถ้วน…

เมื่อหลี่ซื่อฮวาถูกหยุนเวียนเถียนส่งออกมาจากลานบ้าน เขาก็รู้สึกขมขึ้นในใจเล็กน้อยไม่นานเขาก็ปลอบใจตัวเองได้

หญิงผู้นี้แค่สวยขึ้นนิดหน่อย อย่าได้คิดวางแผนจะมาเป็นภรรยาของเขา!

 

แต่เมื่อเดินออกไปได้ไม่ไกลก็ปรากฎหญิงสาวร่างผอมบางตรงหนา!

 

แม้หญิงผู้นี้จะไม่สวยเหมือนหยุนเสียนเถียน แต่นางก็ดูสุภาพใจดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มบนใบหน้าของนางเป็นสิ่งที่ทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความอ่อนโยนอย่างมาก

 

นี่คือเฉินไม่อีที่โผล่มาทันทีหลังจากได้ยินข่าว ในที่สุดนายน้อยหลี่ก็มาเยือนหมู่บ้านเล็ก ๆแห่งนี้อีกครั้งดังนั้นนางจึงรีบมาดูชายในดวงใจด้วยตัวเอง!

 

แต่เดิมนั้นนายน้อยหลี่วางตัวต่อคนภายนอกว่าเป็นชายเจ้าสําราญโมโหร้ายเขาใช้พัดตบหลังมือแล้วพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา“ข้าไม่นึกเลยว่าบนภูเขาเช่นนี้จะมีสาวงามอยู่ด้วย!”

เฉินไม่อีหน้าแดงขึ้นมาทันที นางมองหลี่ซื่อฮวาอย่างเขินอายรู้สึกว่านายน้อยหลี่นั้นดูดีไปเสียทุกอย่าง!

ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยหลี่กําลังมองดูตนอย่างเสน่หา เขาจะสนใจในตัวนางหรือไม่?

 

ในตอนนั้นเอง ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านบังเอิญเดินผ่านมาพอดีเมื่อเห็นว่าลูกสาวของนางยืนอยู่ตรงหน้านายน้อยหลุจอมเจ้าชู้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก!

นางรีบวิ่งไปดึงมือลูกสาวแล้วเดินกลับ เมื่อเห็นเฉินไม่อีถูกแม่ลากไปหลี่ซื่อฮวามองดูฉากนี้อย่างสนุกสนาน แต่เขาก็ยังแสร้งมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์!

เมื่อเฉินไฉอีถูกลากกลับมาที่บ้านภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ดนางทันที “ที่พ่อกับแม่บอกเจ้าไม่ได้ฟังเลยใช่หรือไม่? ความงามของเจ้าต่างกับหยุนเถียนเถียนเพียงใด? คิดว่านายน้อยหลี่จะตาบอดมาสนใจคนอย่างเจ้าหรือ?”

เฉินไฉ่อีนั้นเชื่อฟังพ่อแม่มาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่นางรวบรวมความกล้าเพื่อโต้แย้ง “หญิงผู้นั้นมีดีอะไร วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวซ่อมซ่อเวลาเห็นนายน้อยหลีก็ทําตัวแปลกประหลาด ไม่เคยจะสนใจใยดีเขาที่นายน้อยหลี่ดูถูกนางก็สมควรแล้วมิใช่หรือ?”

เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวกล้าเถียงพ่อกับแม่ด้วยเรื่องผู้ชาย!ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธมากจนต้องเอามือลูบหน้าอก และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกลับมาหายใจได้อย่างปกติ

“ข้างนอกนั้นมีผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีน้ําใจอยู่สักกี่คนเจ้าเคยเห็นนายน้อยหลี่ใส่ใจผู้อื่นจริง ๆ หรือไม่? ไม่ใช่แค่คนที่ถูกทอดทิ้งหลังจากเขาเล่นสนุกแล้ว บางคนที่ถูกส่งเข้าบ้านของเขาไม่เคยได้กลับออกมาอีกเลย! เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดูว่าคนพวกนั้นไปอยู่ที่ไหน?”

“เมื่อหญิงพวกนั้นหายตัวไป เขาเพียงแค่จ่ายเงินให้กับคนในครอบครัวของพวกนางโดยที่ไม่มีความผิดอะไรราวกับพวกนางเป็นสิ่งของไร้ราคาเจ้าอยากเป็นเช่นนั้นหรือ!”

หลังจากดุไปแล้ว แต่ลูกสาวยังคงดื้อดึง นางจึงเดินเข้าไปหาและค่อยๆพูดโน้มน้าว “ลูกแม่ ด้วยรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงของเจ้าก็ถือว่าดีกว่าใครในเมืองนี้ อีกทั้งฐานะครอบครัวของเราก็ไม่ได้แย่นักไม่ดีกว่าหรือถ้าแต่งงานกับครอบครัวที่จะให้เจ้าเป็นภรรยาและมีชีวิตที่ดีไม่ต้องทนถูกคนอื่นเหยียบย่ํา”

“หากเจ้าติดตามนายน้อยหลี่ อย่างมากที่สุดคงได้เป็นแค่นางบําเรอหรือไม่ก็สาวใช้ข้างห้องหลังบ้านของตระกูลใหญ่อย่างไรก็ไม่ดีเท่าสวนของบ้านเราที่นั่นมีคนใจร้ายทุกรูปแบบเจ้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆต้องไปต่อสู้กับพวกคนมากประสบการณ์ที่อยู่มานานอีกอย่างนางบําเรอก็เปรียบเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งหากวันใดเขาไม่พอใจเจ้า ก็อาจจะถูกส่งไปขายที่หอคณิกาตอนนั้นชีวิตของเจ้าคงพังย่อยยับ!”

 

แต่ความพยายามอันอุตสาหะของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่อาจทําให้ลูกสาวเข้าใจ

เฉินไล่อีสะบัดหน้าหนี “แม่อย่ามาขู่ข้า!นายน้อยหลี่เขาสนใจข้าตราบใดที่เขายินดีเลี้ยงดูข้าใครจะกล้าพาไปขายแม้แต่ภรรยาก็เกรงว่าจะต้องไว้หน้าข้าบ้าง”

 

“แม่ของครอบครัวอื่น ต่างหวังให้ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานและมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ท่านกลับอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับชาวนาขั้นต่ําข้าต้องตรากตรําอยู่กับท้องทุ่งนาทั้งชีวิตเลยหรือ?”

เมื่อเฉินไฉ่อีกล่าวคําว่าชาวนาชั้นต่ําออกมาภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ตบหน้านางอย่างแรงในทันที!

 

“ พ่อและแม่ก็เป็นชาวนาในหมู่บ้านเหมือนกัน เจ้าดูถูกพวกเขาเช่นนั้นได้หรือ? นายน้อยหลีใช้ยาสเน่ห์อันใดกับเจ้า? ถึงไม่อยากเป็นภรรยาที่ได้รับการยกย่อง แต่อยากเป็นนางบําเรอเพื่อรับใช้ผู้อื่น!นี่คือลูกสาวจากครอบครัวที่ผู้คนนับถือจริง ๆ หรือ?”

 

“รู้ทั้งรู้ว่านายน้อยหลี่เป็นผู้ชายมักมาก เมื่อเขาเจอคนที่ถูกใจกว่าเขาก็ไปรักคนอื่น เจ้ากินยาสั่งของเขาเข้าไปแล้วจริงๆใช่หรือ ไม่?”

 

คําพูดนั้นรุนแรง แต่การตบตีนั้นยิ่งทําให้หัวใจของเฉินไฉอีต่อต้า

 

ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครในบ้านกล้าแตะต้องนางถ้ายังถูกตบตีเช่นนี้นางจะไม่ฟังคําพูดของแม่อีกต่อไป!

แม้จะโกรธเพียงใด นางก็ไม่ได้วิ่งออกไปนอกประตูแต่กลับวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองและปิดประตูเสียงดัง

 

ลูกสาวผู้แสนดีหลงใหลในตัวนายน้อยหลี่มากภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกหายใจไม่ออก ในตอนนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินกลับเข้ามาจากข้างนอกพอดี

 

เขาพบว่าภรรยายืนหน้าซีดเผือดและวางมือทาบไว้บนหน้าอกด้วยความโกรธจนทําอะไรไม่ถูก

 

“เจ้าเป็นอะไรไป? ผู้ใดทําให้เจ้าโกรธหรือ?”

 

ตอนที่ 165 วิวาท

เดิมที่หยุนเคอคิดว่าตนเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนางอีกครั้ง เขาก็ยังคงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

 

ดังนั้นจึงแสร้งทําเป็นเย็นชา ก้มศีรษะลงและจดจ่ออยู่กับการรับประทานอาหารของตัวเอง

 

“หยุนเคอ เจ้าคิดว่าเราควรทําอย่างไรกับหลีชุนเกียว? จะปล่อยให้นางทําเช่นนี้ต่อไปหรือ?”

หยุนเคอไม่ได้ยินคําพูดเหล่านี้ ในความคิดของเขายังคงวนเวียนถึงความฝันเมื่อคืน ว่ากันว่าความฝันในฤดูใบไม้ผลิไม่ทิ้งร่องรอย แต่ความฝันเมื่อคืนนี้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของหยุนเคอ ราวกับเขาจะไม่มีวันลืมความรู้สึกสุขสมนั้น

 

“ยุนเคอ? ยุนเคอ!”

 

หยุนเถียนเถียนตะโกนขึ้นมาถึงสองครั้งแต่เสียงนี้ใกล้เคียงกับเสียงในความฝันของหยุนเคอ จู่ๆเขาก็มือไม้อ่อนทําชามหลุดมือกระแทกบนโต๊ะและร่วงลงบนพื้นอีกครั้ง!

เสียงนี้ปลุกหยุนเคอให้ได้สติขึ้นมา เขาเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆ มองมาที่เขาอย่างสงสัย ดวงตาดอกท้อเปี่ยมเสน่ห์ของนางคล้ายกับแววตาในความฝัน

 

หยุนเคอรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องของตัวเองและบิดประตูทันที ก่อนจะเอนหลังพิงประตูแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

 

หากหญิงสาวมีความรักนางคงไม่มีเขาอยู่ในหัวใจจะทําอย่างไร

หยุนเคอต้องการเข้าใกล้หยุนเถียนเถียน แต่ก็เกรงว่าการกระทําที่มากล้นจนเกินไปของเขาจะทําให้นางกลัว

 

เมื่อคิดดูอีกที แม้ว่าท้ายที่สุดหญิงสาวจะยินดีอยู่กับเขา แต่ตัวตนของเขานั้นราวกับระเบิดเวลาที่จะสร้างปัญหาให้หญิงผู้นี้

 

หยุนเถียนเถียนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บของบนพื้นและเตรียมตัวไปดูโรงงาน

ในตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน หยุนเคอเดินออกจากห้องเงียบๆ และรีบวิ่งไปบนภูเขา ยืนมองจากยอดเขาลงมาเห็นหมู่บ้านที่มีควันลอย

เขาควรทําอย่างไรดี?

 

ในโรงงานทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม หัวหน้าหมู่บ้านจัดการโรงงานได้ดีมาก หยุนเถียนเถียนเดินตรวจตราอย่างสบายๆ จากนั้นก็กลับบ้าน และพบว่าประตูห้องของหยุนเคอเปิดกว้าง ส่วนคนข้างในนั้นหายไปแล้ว

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจอยู่ชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เห็นนางก็ทําหน้าราวกับเห็นผี นางน่ากลัวมากเลยหรือ?

เมื่อใกล้เวลามื้อเย็น ในที่สุดหยุนเคอก็กลับมา! เขาอยู่ในอารมณ์ที่สับสนและไม่อยากกินข้าวเย็น ดังนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูอย่างเงียบๆ

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกขุ่นเคือง นางทําอาหารอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวันและคอยเรียกเขามากินข้าว แต่ตอนนี้ชายผู้นี้กําลังทําราวกับหลบซ่อนตัวจากเชื้อโรค ซึ่งทําให้นางอึดอัดไม่น้อย

 

ดูเหมือนเฉินเฉินจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงดึงชายเสื้อของพี่สาว “พี่ใหญ่ หยุนเป็นอะไรไป?”

 

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นอะไร เจ้ากินข้าวอิ่มหรือยัง ช่วงนี้อยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกเจ้าหรือไม่?”

เฉินเฉินสายหัว “ไม่มีผู้ใดรังแกข้า ท่านอาจารย์สอนข้าเรื่องการวิเคราะห์ แต่พี่สาว! อย่างไรข้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์สอนนั้นน่าเบื่อมาก เทียบกับที่ท่านสอนไม่ได้เลย”

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าวิธีการศึกษาแบบโบราณย่อมไม่สามารถเทียบเท่ากับวิธีการสมัยใหม่ได้

“เอาเถิด จดจําสิ่งที่พี่สาวและอาจารย์ของเจ้าสอนเอาไว้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นบันไดให้เจ้าได้แสดงความสามารถของเจ้าในภายหน้า แม้ว่าต่อไปมันจะไร้ประโยชน์แต่ตอนนี้เจ้าก็ต้องเรียนรู้ เข้าใจหรือไม่?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าแล้วกินต่อ

ทั้งสองพี่น้องต่างไม่กล่าวถึงหยุนเคอที่เก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆอีกเลย

 

วันรุ่งขึ้น เวลาส่งเนื้อตากแห้งของเดือนนี้มาถึงแล้ว ตอนแรกหยุนเถียนเถียนคิดว่านายน้อยหลี่คงไม่มีเวลาว่างมากับเถ้าแก่ทุกครั้ง!

ใครจะไปรู้ว่าคราวนี้เขามาอีกแล้ว แม้จะใกล้ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแต่ชายผู้นี้ยังคงโบกพัดในมือ!

 

เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนที่ยิ่งโตยิ่งปรากฏความงามเจนมากขึ้น หลี่ซื่อฮวาก็รู้สึกยุบยิบในหัวใจ หากรู้ว่านางหน้าตางดงามขนาดนี้ เหตุใดครานั้นเขาต้องทําตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วย?

 

หยุนเถียนเถียนกําลังเก็บถั่วในสวนและบีบปลายทั้งสองข้างเพื่อทําถั่วเปรี้ยว

นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะในสวนเพื่อคัดแยกเมล็ดถั่วอย่างระมัดระวัง ส่วนชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราอยู่ข้างๆ โบกด้ามพัดและก้มหน้าลงยิ้ม

มองอย่างไรก็ไม่เข้ากัน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของสองคนนี้แล้วรู้สึกเหมาะสมกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้! หนุ่มหล่อกับสาวงามก็นับเป็นทิวทัศน์อันสวยงามอย่างหนึ่ง

 

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หยุนเคอก็ก้าวออกจากประตู

 

ในภาพที่ผู้อื่นดูแล้วว่าเหมาะสมกัน หยุนเคอกลับรู้สึกบาดตาเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจควบคุมปีศาจในใจได้ จนอยากซ่อนเด็กสาวผู้นั้นเพื่อไม่ให้ใครพบเห็นอีก!

จากมุมของหลี่ซื่อฮวาสามารถมองเห็นหยุนเคอที่เพิ่งออกมาจากห้อง เขาจึงพูดเย้ยหยันพลางโบกพัดในมือ “สาวน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าอาศัยอยู่ในบ้านกับชายไร้หัวนอนปลายเท้า เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ?”

หยุนเถียนเถียนไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังนักเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด จําเป็นต้องสนใจเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นด้วยหรือ?

แต่ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็เป็นแหล่งเงิน เพราะฉะนั้นอย่าทําให้เขาขุ่นเคืองจะดีกว่า คราวที่แล้วผลักไสเขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านได้ ถ้าครั้งนี้ทําอีกเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ

 

“นายน้อยหลี่หมายความว่าอย่างไร? พวกข้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลยด้วยซ้ํา อย่างดีที่สุดก็คือความสัมพันธ์ของคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงาน อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านนัก ตราบใดที่ท่านสามารถดูแลเนื้อตากแห้งได้ นายน้อยหลี่ก็ไม่จําเป็นต้องมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้”

 

สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาได้ยินคือการประชุดของหญิงสาว แม้ว่าคําพูดจะสุภาพแต่น้ําเสียงที่ประชดประชันนั้นชัดเจนเป็นพิเศษ!

 

เมื่อประโยคนี้ลอยเข้าหูของหยุนเคอ กลับกลายเป็นว่าเด็กสาวผู้นี้แทบรอไม่ไหวที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา! ความโกรธผุดขึ้นในใจ เขาจําไม่ได้แม้กระทั่งข้อตกลงที่ทําเคยกับหยุนเถียนเถียน!

“นายน้อยหลีโรงงานผลิตเนื้อตากแห้งไม่ได้อยู่ในลานนี้ ท่านเป็นสุภาพบุรุษ ควรรู้ไว้บ้างว่าชื่อเสียงของสตรีเป็นเรื่องสําคัญ!”

หลี่ซื่อฮวาหันไปเผชิญกับใบหน้าที่มืดมนของหยุนเคอ รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

 

“ในเมื่อยังไม่ได้แต่งงาน ท่านเป็นสุภาพบุรุษก็ควรยุติธรรมต่อสาวงาม พี่หยุนจะขัดขวางไม่ให้แม่นางหยุนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร?”

 

หยุนเคอโกรธจนหน้าเขียว เขากําหมัดแน่นเหมือนพร้อมจะพุ่งออกไปได้ตลอดเวลา แต่นายน้อยหลีก็ยังคงรนหาที่ตาย!

 

“เป็นไปได้หรือที่พี่หยุนจะปิดบังความลับต่อไปเช่นนี้? ใช่แล้ว เพราะว่าเป็นแค่คนป่าบนภูเขา ต้องไม่รับรู้อะไรจึงจะทําให้แม่นางหยุนมีความสุขได้! แม้ว่าเจ้าจะหมั้นหมายกันแล้วข้าก็ไม่สนใจ แม่นางหยุนเจ้ามากับข้าเถิด”

 

หยุนเถียนเถียนมองนายน้อยหลื่อย่างเย็นชา แม้จะรู้ว่าเขาล้อเล่นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวทิ่มแทงเขาสักสองสามคํา

 

“นายน้อยหลี่ต้องการพาข้าเข้าบ้านของท่านเพื่อไปเป็นนางบําเรอ หรือเป็นแค่สาวใช้ข้างห้องตัวเล็กๆที่ไร้ตัวตนกันล่ะ?”

 

ตอนที่ 164 ลุ่มหลง

ฉู่เกินฮูหยินดีใจจนเนื้อเต้น นี่แหละสวรรค์! เนื่องจากไม่มีผู้ใดสน ใจ นางจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปยังกองข้าวของที่ถูกคลุมไว้

หลังจากเปิดผ้าลินินที่คลุมออก ของสะดุดตาคือตะกร้าใส่เกลือ และหมูกองใหญ่ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว

ฉู่เกินฮูหยินผิดหวังเล็กน้อย แค่สองสิ่งนี้นางยังไม่อาจรู้วิธีการ ทําเนื้อตากแห้งได้

เมื่อเกวียนวัวเข้ามาในหมู่บ้าน ฉู่เกินฮูหยินก็รีบกระโดดลงจากเกวียนวัว

 

นางกล่าวคําขอบคุณด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินกลับไป ดูเหมือนว่านางจะต้องหาวิธีอื่น

ลุงเฉินมองดูนางแล้วส่ายหัวและถอนหายใจออกมา น่าเสียดายที่ในหมู่บ้านมีความไม่ลงรอยกันเช่นนี้

ด้วยความที่เป็นผู้อ่อนอาวุธโสกว่า เต่ออันจึงไม่สามารถตําหนินางได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล่าวอะไรออกมา แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

 

เมื่อไปส่งของที่โรงงานเต่ออันคิดว่าควรบอกกล่าวแม่นางหยุน คนเช่นนี้ต้องระวังให้มาก!

กว่าเต่ออันจะมาถึงลานบ้านของหยุนเคอก็เป็นเวลาเย็นย่ําแล้ว หยุนเคอกําลังนั่งดูเฉินเฉินเขียนอักษรอยู่ตรงลานบ้าน ส่วนหยุนเถียนเถียนก็ยังอยู่ในครัว เขาได้กลิ่นอาหารลอยฟังออกมา

 

“พี่ใหญ่หยุน แม่นางหยุนอยู่ที่นี่หรือไม่?”

 

แม้เขาจะรู้คําตอบในสิ่งที่ตนเองถาม แต่เต่ออันก็ยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อยืนต่อหน้าหยุนเคอ จึงใช้ประโยคนี้ในการชวนคุย

 

เมื่อมีชายหนุ่มมาถามหาหยุนเถียนเถียน หยุนเคอจึงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ

กล่าวตามตรง เต๋ออันนับว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมากในหมู่บ้านนี้ แม้จะไม่ดีเท่าเขาเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เขาถูกหนวดเครารกรุงรังปิดบังไว้ แน่นอนว่าคนตรงหน้าเหมาะสมกับความงามของหญิงสาวมากก

หยุนเคอรู้สึกหดหูใจ ส่งผลให้บรรยากาศแห่งความกดดันครอบคลุมไปทั้งลานบ้าน ส่วนเต่ออันนั้นรู้สึกกลัดกลุ่มเป็นอย่างมาก เขาอยากจะหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เมื่อนึกถึงธุระสําคัญเขาจึงทําได้เพียงรั้งตัวเองไว้ให้ยืนอยู่ที่นั่น

 

“นางกําลังทําอาหารอยู่ข้างใน เจ้ามีอะไรให้นางช่วยหรือ?”

 

สุดท้ายหยุนเคอก็พูดขึ้นมาในตอนที่เต่ออันเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว

 

เตืออันไหนเลยจะกล้าขอพบหยุนเถียนเถียน ในใจของเขาคิดว่าทั้งสองคนนี้คู่ควรที่จะแต่งงานกันตั้งแต่แรก

 

ดังนั้นเขาจึงไม่รอให้หยุนเถียนเถียนออกมาแต่รีบบอกไปตามตรง “พี่ใหญ่หยุน ท่านช่วยบอกแม่นางหยุนให้ระวังมากขึ้นด้วยเถิด วันนี้ฉู่เกินฮูหยินมาที่บ้านข้าและมักจะไถ่ถามถึงวิธีทําเนื้อตากแห้ง ข้าเกรงว่านางจะมีแผนการอะไรอีก”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนเคอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร ตรงกันข้ามกับเฉินเฉินที่เงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างโกรธเคือง “หญิงผู้นี้ต้องการทําอะไร? ทุกวันนี้ข้าจําได้ว่านางเอาแต่สร้างปัญหาให้ครอบครัวของเรา พี่สาวข้าไปทําสิ่งใดให้นางโกรธแค้นหรือ?”

 

หยุนเคอยื่นมือไปแตะศีรษะเล็ก ๆ ของเขา “เด็กน้อยเจ้ากังวลอะไร? ต่อให้มีอะไรไม่ดีจริงๆ ข้ากับพี่สาวเจ้าจะจัดการไม่ได้หรือ? รีบเขียนซะ ถ้าเขียนไม่ดีเจ้าต้องเขียนใหม่!”

หยุนเคอพยักหน้าอย่างสงบภายใต้สายตาประหลาด ใจของเต่ออัน “พวกข้ารู้แล้ว อย่าได้กังวลไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สูตรทําเนื้อตากแห้งนี้ได้”

เต่ออันรู้สึกว่าภาระหน้าที่ของเขาลุล่วงแล้ว หากสูตรนี้รั่วไหลออกไปถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นจึงรีบหันหลังกลับไปด้วยความกลัวที่มีต่อหยุนเคอ

 

เขาจากไปแล้วแต่หยุนเคอกําลังจมอยู่ในห้วงความคิด

 

เขากําลังคิดว่าหยุนเถียนเถียนมีความสําคัญเพียงใดในหัวใจ ก่อนหน้านี้หัวใจของเขานั้นว่างเปล่า แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกไม่สบายใจ

 

กลัวว่าวันหนึ่งหยุนเถียนเถียนจะพบคนที่นางรักและทิ้งเขาไป ความรู้สึกที่เคยได้รับและกําลังจะสูญเสียทําให้เขาอึดอัดใจมาก

 

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกมีความสุขกับภาพ ความฝันอันสวยงามเช่นนี้?

 

ในตอนนั้นหยุนเถียนเถียนก็เดินออกมา

นางได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างนอกแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครจึงเดินออก มาดู

เนื่องจากไม่สามารถละทิ้งของในมือได้ จึงต้องรอให้อาหารสุก พร้อมทานก่อนถึงค่อยเช็ดมือแล้วเดินออกมา

“หยุนเคอ มีใครมาที่นี่หรือ?”

 

หยุนเคอตื่นขึ้นจากภวังค์ เขามองดูเด็กสาวที่ยืนนิ่งด้วยความตื่น

ตระหนก!

 

“เอ่อ… ลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านเพิ่งมาที่นี่ เขาบอกว่าอะไรนะ… ฉู่เกินฮูหยินกําลังวางแผนบางอย่างกับสูตรเนื้อตากแห้งของเจ้า”

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ คิดว่าบทเรียนเรื่อง คืนนั้นจะทําให้พวกเขาได้อยู่อย่างสบายใจสักพัก ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะมีคนคิดแผนชั่วขึ้นมาอีก

 

ดูเหมือนจะต้องหาวิธีเอาชนะเพื่อยับยั้งนางให้ได้

ถึงแม้นางจะเข้ามาในโรงงาน แต่เครื่องปรุงรสที่สําคัญที่สุด เพียงอย่างเดียวก็อยู่ในมือหยุนเถียนเถียน ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาเครื่องปรุงรสออกจากพื้นที่พิเศษไปได้!

 

เมื่อคิดเช่นนี้หยุนเถียนเถียนก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

“เอาเถอะ ตอนนี้รีบเขียนให้เสร็จจะได้รีบไปกินข้าวกัน แม้ว่าเจ้าอยากตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่ต้องรีบร้อน”

 

เฉินเฉินวางปากกาอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะพูดกับเถียนเถียนด้วยรอยยิ้ม “พี่สาว ข้าจะไปล้างมือก่อน”

 

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเด็กน้อย ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ก้าวออกจากเงาดําของเหตุการณ์ก่อนหน้าได้อย่างรวดเร็ว

หยุนเคอมองตามหลังของหยุนเถียนเถียนที่เดินเข้าไปในห้อง และถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่านางจะโดดเดี่ยวแต่หญิงสาวก็เข้มแข็งมาก

เมื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หยุนเคอเอาแต่คิดถึงรอยยิ้มของหยุนเถียนเถียน เขานอนไม่หลับพลิกตัวไปมาอย่างไม่รู้จะทําอย่างไร

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปในที่สุด!

แม้จะหลับไปแล้วหญิงสาวก็ยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบ นางยังตามเข้ามาถึงในความฝันของเขา

ในวันนั้นที่หยุนเถียนเถียนอาบน้ํา หยุนเคอเพียงเหลือบมองแค่แวบเดียว แต่เขากลับเห็นมันอย่างชัดเจนในภาพความฝัน ผิวขาวเนียนราวหิมะกําลังละลายอยู่ในมือ ฉับพลันหยุนเถียนเถียนก็มานอนกะพริบตาอยู่ในอ้อมแขนของเขา

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหยุนเคอตื่นจากความฝันก็สัมผัสได้ถึงความชื้นที่กางเกง เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิดและตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรง!

เด็กสาวอายุเพียงเท่าไหร่เอง? แต่เขามีความคิดราวกับสัตว์ร้าย!

ในตอนนั้นหยุนเถียนเถียนก็ตะโกนเรียกมาจากข้างนอก “หยุนเคอ กินข้าวกัน!”

 

แค่ประโยคสั้นๆ หยุนเคอถึงกับสะดุ้งตกใจแทบตกจากเตียง!

 

ดูเหมือนว่าท่านหมอจะพูดถูก เขาอาการหนักแล้วแต่แค่ไม่รู้ตัว

เขายิ้มเยาะและเก็บเสื้อผ้า ก่อนจะเดินออกประตูห้องไป

 

ตอนที่ 163 ลงมือ

 

“ฉู่เกินฮูหยิน เจ้าอยากตายหรือ? จู่ๆมาขวางหน้าเกวียนวัวเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษคนแก่อย่างข้านะ!”

เป็นครั้งแรกที่ฉู่เกินฮูหยินถูกเขาต่อว่าแต่นางไม่กล้าโกรธ

 

“ลุงเฉิน ขอข้าเข้าไปในเมืองด้วยเถิด ข้าขอร้องล่ะ! อย่างไรท่านก็พาเตืออันไปคนเดียว พาข้าไปด้วยอีกคนคงไม่เป็นไรหรอก ข้าจ่ายค่าโดยสารให้ท่านก็ได้”

ลุงเฉินเหลือบมองนาง แม้ว่าหญิงผู้นี้จะไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก แต่ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่ยอมช่วยนางก็ดูจะไร้ความปราณีไปหน่อย

 

“เรื่องนี้ถามข้าไม่ได้หรอก เกวียนของข้าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจ้าง หากเต๋ออันยินยอมเจ้าก็ขึ้นมาได้!”

เมื่อฉู่เกินฮูหยินได้ยินก็พอใจมาก ด้วยรู้ดีว่าเต๋ออันผู้นี้ถึงจะถูกเลี้ยงดูโดยหัวหน้าหมู่บ้านแต่เขาก็ขี้อายมาก แม้จะหาสูตรลับจากเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่เสียเงินค่าเกวียน

 

“เช่นนั้นก็ขอบคุณลุงเฉิน

 

ฉู่เกินฮูหยินนั่งพิงเกวียนวัวรอ

ในที่สุดเพื่ออันลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินออกจากประตูมาที่เกวียนวัว

 

“ลุงเฉิน พวกเราไปกันได้แล้ว”

เต๋ออันชําเลืองมองฉู่เกินฮูหยินที่ยังนั่งพิงเกวียนอยู่ด้วยความระแวดระวัง

 

ก่อนหน้านี้เขาถูกแม่รั้งเอาไว้และบอกเล่าให้ฟังอย่างละเอียด เขาต้องคอยระวังฉู่เกินฮูหยิน นางผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดีและกําลังสอบถามสูตรเนื้อตากแห้งไปทั่ว

เมื่อฉู่เกินฮูหยินเห็นสายตาของเต๋ออัน นางก็รู้ว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านต้องปากมากเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว นางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ สงสัยไม่เพียงแค่รักษาผลประโยชน์ให้นังผู้หญิงคนนั้น? แต่ยังยินดีเป็นสุนัขรับใช้ด้วย!

 

“เต๋ออัน อย่างไรข้าก็เป็นคนในหมู่บ้าน ข้ามีเรื่องด่วนต้องเข้าไปในเมือง ขอขึ้นเกวียนไปด้วยไม่ได้หรือ?”

เตืออันยังคงมองฉู่เกินฮูหยินอย่างระแวดระวัง ในความคิดของเขาปกติหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่พูดจาดีเท่าไหร่นัก

“ข้าเพียงแค่นั่งไปด้วย เจ้าไม่ต้องเสียอะไรเลย อย่างน้อยครั้งหนึ่งเจ้าก็เคยเรียกข้าว่าน้า ตอนเจ้าเป็นเด็กข้ายังเคยอุ้มเจ้าอยู่เลย เจ้าคงไม่ปฏิเสธคําขอเล็กน้อยนี้ใช่หรือไม่?”

แม้ว่าเต๋ออันจะลังเลแต่ก็จําต้องพยักหน้า หากเขาไม่ยินยอมเกรงว่าฉู่เกินฮูหยินผู้นี้จะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ของเขาได้

เขาได้แต่กัดฟันทนอยู่เงียบๆ ไม่ว่าฉู่เกินฮูหยินจะกล่าวสิ่งใดเขาก็เมินเฉยต่อนางเพียงเท่านี้นางก็ไม่สามารถทําอะไรได้

 

เขารับรู้ได้ว่าหญิงผู้นี้มีเจตนาไม่ดี เมื่อขึ้นมาบนเกวียนก็เอาแต่ถามถึงสิ่งที่เขาต้องทําในทุกวันและของที่ต้องซื้อในเมือง ทั้งยังถามอีกว่าเขารู้วิธีทําเนื้อตากแห้งหรือไม่และมันอร่อยจริงหรือ?

แม้ว่าเต๋ออันจะหงุดหงิดแต่เขาก็ทําได้เพียงตอบไปครั้งสองครั้ง อย่างไรก็ตามฉู่เกินฮูหยินไม่มีทางได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของเขา

เมื่อเห็นความซื่อตรงของชายหนุ่ม สีหน้าของฉู่เกินฮูหยินก็ทิ้งตึง

“เต๋ออัน อย่างน้อยเจ้าก็ควรเรียกข้าว่าน้า ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติโดยตรงแต่ก็ยังมีความสัมพันธ์นี้อยู่ ตอนนี้น้าของเจ้าเพียงถามคําถาม แค่ตอบข้าไม่ต้องเสียเนื้อแม้แต่ชิ้นเดียว!”

เต๋ออันโกรธจนหน้าเขียว แม้เขาจะเป็นคนชื่อแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่!

 

“ท่านน้ากล่าวอะไร? ข้าย่อมไม่กล้าหลงลืมท่านน้า แต่หน้าที่ของข้าคือต้องทํางานให้แม่นางหยุน ข้าไม่สามารถบอกเรื่องของนางให้ผู้อื่นรับรู้ได้! หากข้ากินข้าวของนางแล้วยังขายนางลับหลังอีก ข้าจะมีหน้าอยู่บนโลกนี้ได้หรือ?”

สีหน้าของฉู่เกินฮูหยินมืดมนมากยิ่งขึ้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? มันก็แค่คําถาม เหตุใดเจ้าถึงพูดว่าต้องขายนางลับหลัง? น้าก็แก่มากแล้วแค่อยากลองกินเนื้อตากแห้งแต่ไม่อยากเสียเงินซื้อ จึงถามเพราะอยากทําเอง!”

“เหตุใดท่านน้าถึงเสแสร้งเช่นนี้? ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าในใจของท่านคิดสิ่งใด? มาก่อกวนข้าอย่างนี้จะมีประโยชน์อันใด? ข้าต้องไปทํางาน ไม่มีเวลามาพูดพล่ามกับท่าน!”

เมื่อเตืออันกําลังจะเดินผ่านฉู่เกินฮูหยินไป นางก็ก้าวมาขวางทางเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

ลุงเฉินไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป “ฉู่เกินฮูหยินเจ้าช่างดื้อรั้นนัก ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเจ้ามีความแค้นกับแม่นางหยุน? ไม่ว่าเจ้าคิดจะทําอะไร แต่สิ่งที่แม่นางหยุนกําลังทําอยู่ตอนนี้ก็เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน! หากเจ้ายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างก็อย่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้ากล้าทําเรื่องโง่ๆ ข้าจะกลับไปบอกผู้เฒ่าให้เขาขับไล่เจ้าออกจากหมู่บ้า นเสีย!”

 

ฉู่เกินฮูหยินจ้องมองชายชราอย่างเคียดแค้น เตืออันจึงรีบฉวยโอกาสนี้หนีไป

 

เมื่อเห็นว่าคนที่จะสอบถามได้หนีไปแล้ว ฉู่เกินฮูหยินจําต้องหยุดยั้ง ก่อนจากไปนางจ้องลุงเฉินอีกครั้งและสาปแช่งตาแก่ที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่ในใจ!

ลุงเฉินสายหัวเมื่อเห็นท่าทางปากร้ายของนาง เฉินฉู่เกินเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างหาที่สุดไม่ได้ เขาแต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?

ฝ่ายฉู่เกินฮูหยินนั้นรีบตามเต๋ออันไปอย่างใกล้ชิดเพื่อคอยดูของที่เขาหาซื้อ

หลังจากซื้อของครบแล้วก็มัวแต่ยุ่งกับการขนขึ้นเกวียนลุงเฉิน และเต๋ออันวุ่นวายมากจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ําว่ามีหญิงผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา

เมื่อพวกเขามาถึงประตูเข้าเมือง ฉู่เกินฮูหยินคิดว่านางทนรอไม่ไหวแล้วจึงพุ่งเข้าไปหยุดที่หน้าเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว!

“ลุงเฉินรอข้าด้วย ข้าต้องนั่งเกวียนหัวกลับหมู่บ้าน”

ที่จริงลุงเฉินไม่อยากสนใจหญิงผู้นี้ แต่ฉู่เกินฮูหยินวิ่งมาขวางเกวียนวัวต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุด นางจึงฉวยจังหวะนี้รีบบินขึ้นเกวียนวัวโดยที่ลุงเฉินไม่มีโอกาสได้ทัดทาน

เต๋ออันมองเห็นความลําบากใจของลุงเฉิน จึงทําได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อม “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโยนนางลงไป ตอนนี้โรงงานยังรอของอยู่ พวกเรารีบกลับหมู่บ้านกันเถิด”

 

ลุงเฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จึงสะบัดแส้และเริ่มขับเกวียนวัว!

ครั้งนี้สิ่งที่ทําให้เต๋ออันรู้สึกประหลาดใจคือหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะยอมแพ้แล้ว นางนั่งเงียบๆ และไม่เอ่ยถามอะไรอีกเลย

แต่ก็ดีแล้ว เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง เต๋ออันนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะสบตา กลัวจะเป็นการกระตุ้นให้ท่านน้าผู้นี้มาซักไซ้เขา

 

ลุงเฉินหันไปข้างหน้าเพื่อขับเกวียน ส่วนเต๋ออันนั่งด้านข้างอย่างหมิ่นเหม่ และไม่มีผู้ใดสนใจฉู่เกินฮูหยิน!

 

ตอนที่ 162 หลอกถาม

 

ฉู่เกินฮูหยินลูบคลําเงินสองก้อนในมืออย่างมีความสุข ก่อนจะเอาเข้าปากแล้วกัดมันอย่างปลาบปลื้ม

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็บังเอิญเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคนมองสามีนางด้วยสายตาดูแคลน

 

นางหงุดหงิดใจมากจึงก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถาม “ข้ายังไม่ทราบชื่อของท่านเลย?”

ชายวัยกลางคนกําลังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทํางานใหญ่เช่นนี้ เมื่อกลับบ้านไปเขาควรจะได้รับรางวัลจากเจ้านาย

ด้วยความลําพอง เขาจึงไม่สนว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวตนหรือไม่

“ข้าแซ่จาง เป็นเถ้าแก่เจ้าของร้านหยิ่งเค่ออยู่ในเมืองหลวง ส่วนเจ้านายของข้าเป็นคหบดีผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงในเมืองหลวงเช่นกัน บอกไปพวกเจ้าก็ไม่รู้จักหรอก!”

ชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าทีเย่อหยิ่งจองหอง

แต่ฉู่เกินฮูหยินไม่คิดเช่นนั้น นางรู้ว่าหากเป็นเถ้าแก่ร้านอาหาร ควรจะอยู่ดูแลกิจการ

เขาผู้นี้น่าจะเป็นเพียงลูกจ้าง แต่วางท่ายกตนข่มท่านไปอย่างนั้น

แม้ว่านางจะดูหมิ่นอยู่ในใจ แต่ฉู่เกินฮูหยินก็แสดงท่าที่นอบน้อม “เถ้าแก่จาง”

“เอาล่ะ! เจ้าควรทําให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ข้าจะรอเจ้าอยู่ในเมืองเล็กๆนี้สักสี่ห้าวัน หากครบห้าวันแล้วเจ้าเอาของมาไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

ฉู่เกินฮูหยินไม่คิดเช่นนั้น แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวเหตุใดนางจะเอาชนะไม่ได้?

เถ้าแก่จางไม่กล่าวอะไรมากนอกจากยิ้มอย่างดูถูกแล้วหันหลังเดินจากไป สิ่งต่อไปที่ต้องทํานั้นง่ายมาก ก็แค่รออยู่ในเมืองนี้

 

เมื่อฉู่เกินฮูหยินหันมาเห็นสามีของตนกองอยู่บนพื้นราวกับโคลน สีหน้านางพลันน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งขึ้น รู้สึกเจ็บปวดในใจ!

 

หลี่ชุนเถียว! เหตุใดถึงตาบอดมาตกหลุมรักขยะที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้?

 

ยิ่งคิดยิ่งให้รู้สึกอับอาย ฉ่เกินฮูหยินจึงเตะสามีของนางอย่างแรง!

“ข้าช่างตามืดบอดนัก! คนขี้ขลาดคือคนขี้ขลาดวันยังค่ํา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องกลัว!”

ขณะเดินกลับบ้านนางก็กล่าวถากถางเขาไปด้วย

ตอนนี้ได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินไปแล้ว แม้ว่าเฉินฉ่เกินจะหวาดกลัวเพียงใด ก็ทําได้แค่กัดฟันทนและเดินโซซัดโซเซตามหลังภรรยา

 

กู่ชิวที่กลับจากตัดฟื้นบนภูเขาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นฉู่เกินฮูหยิน

“พี่ชุนเถียว เป็นอะไรไปหรือ? ดูโกรธเคืองยิ่งนัก”

 

ปกติแล้วเมื่อได้พูดคุยกับกู่ชิว ฉู่เกินฮูหยินมักจะมีความสุขมาก เพราะนางรู้สึกเหนือกว่าอย่างบอกไม่ถูก

แต่วันนี้นางอารมณ์ไม่ดีนัก เมื่อเห็นรอยยิ้มประจบประแจงของกู่ชิว จึงตอบกลับอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

กู่ชิวมองฉู่เกินฮูหยินด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย นางน้อยใจจนน้ําตาคลอ

 

เมื่อเห็นเช่นนั้นฉู่เกินฮูหยินยิ่งโกรธจัด กู่ชิวยังคงยืนนิ่งอย่างไม่เข้าเข้าใจ เพียงแค่มองดูเฉินฉู่เกินและภรรยาเดินตามกันไปห่างๆ

เฉินฉ่เกินใบหน้าซีดเผือด หน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เมื่อพบกู่ชิว เขาก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวคําทักทาย

แม้ว่ากู่ชิวจะงงงัน แต่ก็ไม่ได้คิดหาคําตอบเรื่องนี้และรีบมุ่งหน้ากลับบ้าน

อย่างไรทั้งคู่ก็เป็นคู่สามีภรรยากัน ฝ่ายหญิงแข็งกร้าว ส่วนฝ่ายชายซื่อบื้อและขี้ขลาดเช่นนี้มานานแล้ว นางไม่จําเป็นต้องเสียเวลาด้วยเพราะสามีของนางไม่เหมือนกับเฉินฉู่เกิน

หลังจากที่ฉ่เกินฮูหยินกลับถึงบ้าน นางก็หยิบเข็มและด้ายขึ้นมา แล้วกลับไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง

ทันทีที่ลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านเห็นแขกที่มาเยือนก็ขมวดคิ้วมั่น คนผู้นี้ไม่เข้าใจหรืออย่างไร รู้ว่าไม่ชอบก็ยังมาที่บ้านของนางทุกวี่วัน

แต่เนื่องจากภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกังวลว่าจะดูไม่ดี ดังนั้นจึงไม่เอ่ยถึงสีหน้าของคนในบ้านและให้การต้อนรับนาง

ฉ่เกินฮูหยินนั้นกระตือรือร้นที่จะสนทนาเป็นอย่างมาก แต่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกลับถามคําตอบคํา

ทั้งสองคุยกันอยู่อย่างนี้เป็นเวลากว่าสองเค่อ เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเริ่มทนไม่ไหว ในที่สุดฉู่เกินฮูหยินก็พูดเข้าประเด็น

“ข้าเห็นลูกชายคนโตของท่านมักจะนั่งเกวียนวัวลุงเฉินเข้าเมืองบ่อยๆ หญิงผู้นั้นต้องการซื้ออะไรเยอะแยะหรือ? ถึงต้องเดินทางทั้งวันเช่นนั้น?”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านมองนางด้วยสายตาว่างเปล่า “เจ้าจะสนใจของที่นางซื้อไปเพื่ออะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเจ้าจะรับรู้หรือไม่ แต่ข้ายังยืนยันคําเดิม หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับสูตรอาหารย่อมไม่เกิดผลดี และตราบใดที่เจ้ายังมาเซ้าซี้ เจ้านั่นแหละที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย เข้าใจหรือไม่?”

 

ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกอับอายเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางถูกภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตําหนิ แต่ถึงอย่างนั้นเงินสองร้อยตําลึงก็เป็นสิ่งล่อใจชั้นเยี่ยม ฉู่เกินฮูหยินผู้แข็งกร้าวจึงยังคงตอแยภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโดยไม่คํานึงถึงหน้าตาใดๆ

 

“ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่ามันจริงจังถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านกัมมองงานปักในมือแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “หลี่ชุนเถียว หากเจ้ายังอยากมีชีวิตที่ดีอยู่ อย่าได้มาถามเรื่องนี้อีก มิใช่เพียงนายน้อยหลี่เท่านั้นที่เจ้าไม่อาจล่วงเกินได้ แม้แต่หยุนเถียนเถียนก็ไม่ใช่ผู้ที่เจ้าจะยั่วยุได้”

“ข้าบอกเจ้าตามตรง ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า หากเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาเสียใจทีหลัง ตัวข้านั้นขี้ขลาดมิได้คิดการใหญ่เพื่อหาผลกําไรจากโรงงานนี้ หากเจ้าอยากสืบหาอะไรไม่ต้องมาถามจากข้า!”

 

เมื่อกล่าวจบ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็เมินเฉยต่อนาง ก่อนจะวางของในมือลงและลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้าน ราวกับต้องการเชิญใครสักคนออกไป

ฉู่เกินฮูหยินทนรับความเย็นชาไม่ได้อีกต่อไป นางเดินออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวพึมพํา “ไม่ใช่ของหายากเสียหน่อย ถามแค่นี้จําเป็นต้องปกปิดเชียวหรือ?”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจ เมื่อเห็นนางเดินออกไปแล้วก็กระแทกประตูเสียงดังอย่างไม่พอใจ

 

ฉู่เกินฮูหยินก้มหน้าก้มตาขมวดคิ้ว นางไม่อยากสนใจแล้วว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจะมองนางอย่างอย่างไร แค่ต้องคิดหาวิธีให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเงินหนึ่งร้อยตําลึง

นางอ้อยอิ่งอยู่ที่ประตูบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านครู่หนึ่ง แต่ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็ปฏิเสธอย่างชัดเจน หากยังเข้าไปอีกเกรงว่าจะไม่ได้อะไรขึ้นมา

มีเวลาเพียงห้าวันเท่านั้น ฉู่เกินฮูหยินรู้สึกหวาดหวั่นใจ นางเพิ่งลงนามสัญญากู้ยืมเงินไป แต่ความทะยานอันแรงกล้าของนางกลับถูกกลืนหายไปหมดแล้ว

แต่ทันใดนั้น นางก็เห็นเกวียนวัวของลุงเฉินกําลังเดินออกจากหมู่บ้านช้าๆ จึงบังเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา!

นางรีบพุ่งไปขวางหน้าเกวียนวัวลุงเฉิน จะสําเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการเดินทางในครั้งนี้

ลุงเฉินรีบดึงเกวียนให้หยุดแล้วมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 161 ข้อตกลง

ตอนที่ 161 ข้อตกลง

“ดูท่านพูดเข้าสิ! ตอนแรกเป็นเพราะข้าห่วงชื่อเสียงของนางจึงต้องปฏิเสธไป แต่เมื่อกลับถึงบ้านข้าจะไม่สั่งสอนนางได้อย่างไร!”

แม้ว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านจะยังไม่คล้อยตามแต่นางก็รับฟัง คนที่มีลูกสาวในครอบครัวย่อมเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่

“หลายปีมาแล้วที่ไม่มีเรื่องน่าอับอายเช่นนี้เกิดขึ้น เจ้าต้องดูแลให้ดี แม้ทุกคนจะบอกว่าเจ้าชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าลูกสาวของเจ้าเป็นคนทํา? คราวที่แล้วนางตามรังควานหยุนเคอ ตอนนี้ยังจะทําเช่นนั้นอีก หากไม่สั่งสอนนางให้ดี ผู้เฒ่าในหมู่บ้านอาจจะมาจัดการเจ้า!”

“ใช่ ๆ ท่านพูดถูก ข้าได้ให้บทเรียนที่ดีแก่นางแล้ว คราวหน้าคงไม่กล้าทําอีก พี่สาว ข้ามาเพื่อจะถามท่านว่ารองเท้าคู่นี้ดูเป็นอย่างไร สามีของข้าทํางานนอกบ้านต้องแต่งตัวให้สุภาพ”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ทําให้นางรู้สึกอับอายต่อไป แต่แนะนําอย่างจริงจังอีกครั้งสองครั้ง จากนั้นทั้งสองก็ทํางานในมือไปด้วย คุยกันไปด้วย

 

“ พี่สาว ข้าอยู่บ้านว่างๆ อยากหางานทํา เห็นคนในหมู่บ้านทํางานกันอย่างหนักในโรงงาน ยังหาคนช่วยงานอยู่หรือไม่?”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านยังคงระมัดระวังตัว นางมองดูฉู่เกินฮูหยินด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์

 

“ขอเตือนไว้ก่อนว่าโรงงานมีความสาคัญกับคนในหมู่บ้านมาก หากมีอะไรผิดพลาดทุกคนไม่มีทางยอมรับได้ อย่าคิดเข้ามาทําเรื่องไม่ดีเป็นขาด อีกอย่างเจ้าทําให้เถียนเถียนไม่พอใจ นางจะรับเจ้าเข้าทํางานหรือ?”

 

ฉู่เกินฮูหยินพยักหน้าด้วยความละอาย “นั่นสินะ ถ้าพี่สาวคิดว่าไม่ดีก็ลืมมันไปเถิด”

แต่ในใจนางนั้นแสนชิงชัง มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านได้รับผลประโยชน์มากมายจากโรงงาน ต้องเป็นเพราะนังผู้หญิงสารเลวผู้นั้นนําผลประโยชน์มาล่อ หัวหน้าหมู่บ้านถึงได้คอยปกป้องนางเช่นนี้

 

ทั้งคู่ต่างกระอักกระอ่วนเมื่อพูดถึงหัวข้อนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งฉู่เกินฮูหยินก็กลับไป 

 

รอยยิ้มจืดเจื่อนของภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็หายไปเช่นกัน

อะไรกัน? กล้าพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าอยากทํางานในโรงงาน ทั้งที่ก่อเรื่องน่าละอายถึงเพียงนั้น ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะยังไม่ยอมรามือ คงต้องเตือนเฉินซ่งให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นจะเสียหายเอาได้

 

แม้ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างเรียบร้อย แต่หยุนเถียนเถียนยิ่งเคร่งครัดกับโรงงานมากขึ้น ก่อนที่จะทําการค้าอื่นๆได้ โรงงานนี้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของนาง!

บ่ายวันถัดมา ฉู่เกินฮูหยินลากเฉินฉู่เกินไปที่ปาหลังภูเขา

 

ชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามารอนานแล้ว

 

“สวัสดี ข้าคือแม่ของเฉินเจียวเจียว”

ชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสงสัย เฉินเจียวเจียวคือผู้ใด?

 

ไม่แปลกที่เขาจะงุนงงเพราะคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนแซ่เฉิน

 

ฉู่เกินฮูหยินรีบอธิบาย ” ท่านพบลูกสาวของข้าเมื่อสองสามวันก่อน และบอกว่าต้องการซื้อสูตรลับสําหรับทําเนื้อตากแห้งใช่หรือไม่?”

ชายวัยกลางคนจึงรับรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนในครอบครัวของหญิงสาวผู้นั้น

 

“แล้วอย่างไร? พวกเจ้าได้สูตรมาแล้วหรือ?”

 

“สูตรลับจะหามาง่ายๆได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปทําอะไรได้? ไม่ใช่พวกผู้ใหญ่อย่างเราหรือที่ต้องเป็นคนลงมือ?”

 

ชายวัยกลางคนค่อนข้างร้อนใจ เขามาที่นี่เพื่อหาสูตร โดยไม่สนว่าต้องจ่ายเงินมากน้อยเพียงใด แต่คนเหล่านี้กําลังทําให้เขาหมดความอดทน

 

“ผู้ใดกล่าวเช่นนั้น? ข้าไม่สนหรอกนะ ข้าทํางานยื่นหมูยื่นแมวตลอด อย่าได้คิดเอาของปลอมมาหลอกขายข้า หากข้ารู้ว่าเป็นสูตรปลอม ครอบครัวพวกเจ้าไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่!”

ฉู่เกินฮูหยินตกตะลึงกับท่าทางอันสง่างามนี้ เมื่อสังเกตดูก็พบว่า ชายวัยกลางคนผู้นี้แต่งตัวหรูหรา หากต้องการจัดการกับครอบครัวชาวนาที่ยากจนนั้นสามารถทําได้ง่ายดายเพียงใช้ปลายนิ้วบดขยี้

 

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นใคร? ท่านมาหลอกให้ลูกสาวข้าทําเรื่องแย่ๆพวกนั้นใช่หรือไม่?”

ชายวัยกลางคนหงุดหงิดใจมาก เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหญิงชาวนาผู้นี้

 

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

จู่ๆก็ขึ้นเสียงใส่จนทําให้ฉู่เกินฮูหยินตกใจ

“อย่างน้อยท่านก็ต้องทําให้พวกข้าสบายใจ เหมือนตอนสั่งของ แค่วางเงินมัดจําก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”

ชายวัยกลางคนยกมุมปากขึ้นอย่างเหยียดหยาม กลายเป็นว่าที่หญิงผู้นี้พูดพล่ามอยู่นานเพียงเพราะอยากได้เงิน!

“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา! ข้าจะทําตามที่เจ้าเสนอโดยให้เงินมัดจําหนึ่งร้อยตําลึง แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าสามารถเอาของมาให้ข้าได้? เมื่อถึงเวลาหากนําสูตรลับมาให้ข้าไม่ได้ เจ้าต้องคืนเงินให้ข้าสองร้อ ตําลึง! แต่ถ้าเจ้าเอาของมาให้ข้าตรงตามกําหนด ข้าจะจ่ายหนึ่งร้อยตําลึงที่เหลือให้”

เมื่อได้ยินว่าหากทําไม่สําเร็จต้องเสียเงินหนึ่งร้อยตําลึง เฉินฉู่เกินก็เป็นกังวลมาก เขาเป็นคนที่ซื่อตรงและอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่อยากทําอะไรที่ต้องเสียเงิน

 

“ฮูหยิน ลืมมันไปเถอะ หากเราทําไม่สําเร็จจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่ ต่อให้ขายทั้งครอบครัวเราสามคน ก็ไม่สามารถจ่ายเงินหนึ่งร้อยตําลึงได้!”

 

ฉู่เกินฮูหยินจ้องมองเขา สาเหตุที่ทําให้ครอบครัวยากจนอยู่เสมอก็คือผู้ชายตรงหน้านาง เขาขี้ขลาดเกินไป!

โลกนี้โอบอุ้มผู้กล้า ส่วนคนขี้ขลาดต้องอดตาย ตราบใดที่ได้เงินมาจะต้องกลัวอะไรกลับความเสี่ยง? ยิ่งไปกว่านั้นนางวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ต้องได้สูตรลับมาแน่นอน!

“เจ้าช่างไร้ประโยชน์นัก! หากครั้งนี้ข้าทําได้ ก็เท่ากับว่าพรุ่งนี้ เราจะได้เงินมาใช้สองร้อยเหรียญโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย!”

 

ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าผู้หญิงโง่เง่าคนนี้จะทําอะไรได้ หากล้มเหลวเขาก็จะได้เงินหนึ่งร้อยตําลึง แต่ถ้าทําสําเร็จผลประโยชน์ที่ได้ นั้นย่อมมากกว่าเงินสองร้อยตําลึงแน่

อย่างไรก็ไม่ขาดทุน

 

ดังนั้นชายวัยกลางคนจึงเขียนสัญญากู้ยืมเงินสองร้อยตําลึง โดยระบุว่าหากนําสูตรลับมาแลก ไม่เพียงแต่สามารถยกเลิกสัญญากู้ยืมเงิน แต่ยังจะได้รับเงินอีกหนึ่งร้อยตําลึง!

เฉินฉู่เกินไม่คิดว่าจะทําได้ เมื่อต้องประทับนิ้วมือลงไปร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานความชั่วร้ายของภรรยาได้ ฉู่เกินฮูหยินกดนิ้วมือของเขาลงไปอย่างแรง!

เมื่อถูกประทับลายนิ้วมือ เฉินฉู่เกินราวกับเรี่ยวแรงหดหาย จากนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้น

 

ชายวัยกลางคนเพิ่งเคยเห็นคนที่อ่อนแอเช่นนี้ เขาเหลือบมองเฉินฉู่เกินที่ทรุดนั่งบนพื้นด้วยสายตาดูถูกและเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง

เดิมที่เขาไม่มีสัญญากู้ยืมเงินนี้อยู่ในมือ จึงไม่สามารถควบคุมครอบครัวนี้ได้ แต่ในตอนนี้คนพวกนั้นยอมให้ความร่วมมือ นับเป็นเรื่องที่ดีมาก

 

ตอนที่ 160 ฉู่เกินฮูหยิน

ที่สาคัญตอนนี้พ่อกับแม่คงรู้แล้วว่านางทําอะไรลงไป คราวนี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร!

ทางเดินจากโรงงานกลับบ้านช่างแสนยาวไกล แต่ถึงแม้จะช้า อย่างไรก็ต้องเข้าบ้านอยู่ดี!

เนื่องจากความอัปยศนี้ หากเฉินฉู่เกินและภรรยาของเขาออกจากบ้าน คงต้องเผชิญกับสายตาแปลกๆของผู้อื่น ดังนั้นทั้งคู่จึงได้แต่นั่งเงียบๆอยู่ในลานบ้าน!

จนกว่าคนร้ายจะกลับมา!

 

เมื่อเฉินเจียวเจียวเดินเข้าประตูบ้านมาเห็นพ่อแม่ ใบหน้าของนางก็หม่นหมองและคุกเข่าลงกับพื้นทันที

”แม่”

“ยังดีที่เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นแม่ เก่งไม่เบานี่ แอบทําอะไรลับหลังข้า!”

 

ดวงตาของเฉินเจียวเจียวพร่ามัวไปด้วยน้ําตา จากนั้นนางก็นึกถึงข้อตกลงของชายวัยกลางคนผู้นั้น ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเก็บเรื่องนี้ไว้โดยลําพัง จะเป็นการดีกว่าหากแม่ร่วมมือด้วย! ถ้าทําสําเร็จจะได้รับเงินสองร้อยตําลึงและไม่ต้องกังวลกับชื่อเสียงที่ไม่ดีของตน หรือเรื่องที่ไม่สามารถแต่งงานได้

 

“ท่านต้องฟังข้านะ ข้าทําเพื่อประโยชน์ของครอบครัวเราด้วย!”

 

ฉู่เกินฮูหยินตบนางอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย “ข้าไม่เห็นว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เจ้าทําให้ครอบครัวของเราอับอาย เป็นการทําเพื่อประโยชน์ของครอบครัวอย่างไร?”

 

“ข้า มีคนผู้หนึ่งมาหาข้าและขอให้ข้าขโมยสูตรลับในการทําเนี้อตากแห้งของนังผู้หญิงชั้นต่ําคนนั้น แล้วเขาจะให้เงินข้าสองร้อยตําลึง! แม่! เงินทั้งสองร้อยตําลึง!”

 

ในที่สุดฉู่เกินฮูหยินก็เอ่ยออกมา “คนแบบไหนกัน ที่ใช้เงินมากมายเพียงเพื่อซื้อสูตรลับ?”

เมื่อเห็นว่าแม่ไม่ค่อยสนใจ เฉินเจียวเจียวจึงรีบลุกขึ้น “ข้าคิดว่านายน้อยหลี่คงไปทําให้ใครขุ่นเคืองเข้า แต่ผู้คนต่างเกรงกลัวที่ยั่วยุนายน้อยหลี่ จึงเป็นเหตุผลที่เขามาหานังผู้หญิงหน้าตายนี่!”

ฉู่เกินฮูหยินจ้องมองมาที่นางอย่างหงุดหงิด “เจ้ายังมีความคิดอยู่หรือไม่? ตอนนี้คนทั้งหมู่บ้านยังไม่รู้ว่าเจ้าทําเรื่องนี้ เพียงเพราะพวกเขายังไม่ได้ตรวจสอบ เจ้าถึงยังไม่ถูกเรียกว่าคนร้าย!”

 

“ตั้งแต่ที่บอกว่ามีคนมาหาเจ้าเพื่อซื้อสูตร เจ้าเก็บเงินไว้ตลอดเลยหรือ?”

 

เฉินเจียวเจียวนึกถึงเงินห้าสิบตําลึงที่น่าสมเพชนั้น แม้ว่าจะเป็นเงินเพียงเล็กน้อย แม้ว่าแม่จะใจดีกับนาง แต่แม่ก็ไม่ค่อยได้เห็นเงินมากมายขนาดนี้

 

นางกัดริมฝีปาก “ข้าลืมถามเขา และเขาก็ไม่ได้ให้ข้าด้วย!”

 

ฉู่เกินฮูหยินจิ้มนิ้วไปที่ศีรษะของเฉินเจียวเจียว “ไม่รู้ว่าตอนที่คลอดเจ้า ข้าลืมให้สมองกับเจ้ามาด้วยหรือ! แม้แต่ตอนซื้อของยังต้องจ่ายเงินมัดจํา หากเขาโกงเจ้าล่ะ?”

“นังลูกโง่ ไม่มีเงินมัดจําแต่เจ้ากล้าที่จะลงมือ หากถูกจับได้ก็สมควรแล้ว เรื่องใหญ่โตขนาดนี้เจ้าไม่แม้แต่จะบอกคนในครอบครัว เจ้าคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือ?”

 

เฉินเจียวเจียวก้มศีรษะลงรับฟังคําสั่งสอน ไม่กล้าจะโต้แย้งแม้เพียงครึ่งประโยค

 

หากเปลี่ยนเป็นพ่อแม่ที่ปรัชญาสามทัศน์ เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนทําสิ่งนี้ ย่อมต้องอบรมสั่งสอนนางว่าไม่สามารถหาอะไรจากการย่องไปหยิบฉวยของผู้อื่น

แต่ฉู่เกินฮูหยินนั้นไม่ได้สั่งสอนลูกและตัวนางเองก็ไม่ได้ทําสิ่งดีๆ

 

หากหยุนเถียนเถียนอยู่ที่นี่ ก็คงจะรู้สึกว่าพ่อแม่เป็นเช่นใด ลูกก็เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นแบบเดียวกัน

 

“คนผู้นั้นบอกว่าจะแลกเปลี่ยนกับเจ้าเมื่อไหร่? ครั้งนี้ข้าต้องไปคุยกับเขาด้วยตัวเอง อย่างน้อยต้องได้เงินมัดจํามาครึ่งหนึ่ง จากนั้น ข้าจะไปที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านและสืบจากภรรยาของเขา ตราบใดที่รู้ว่าในโรงงานนั้นซื้อของอะไรบ้าง จะไม่รู้สูตรลับได้หรือ?”

ดวงตาของเฉินเจียวเจียวเป็นประกาย “แม่ของข้าฉลาดยิ่งนัก!”

 

ฉู่เกินฮูหยินภูมิใจมาก “เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าจงเรียนรู้จากข้าให้มาก! เป็นได้หรือที่ข้าจะไม่หวังดีกับเจ้า? ดูสิ่งโง่ๆที่เจ้าทําลงไปเถิด ช่างไม่มีเหตุผลเลย ทั้งรองเท้าปัก หรือแม้แต่บันไดก็ยังทิ้งไว้ที่บ้านคนอื่น ไม่อยากได้เงินหรืออย่างไร?”

“ตอนนั้นข้าคิดแค่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนข้าทําให้ท่านโกรธ แม่อาจจะหายโกรธหากข้าทําสําเร็จแล้วได้เงินมาสองร้อยตําลึง ข้ารู้แล้วว่าวันนั้นคิดผิดไป ดังนั้นข้าจึงอยากเอาใจแม่!”

 

เฉินเจียวเจียวกล่าวอย่างออดอ้อน อย่างไรนางก็เป็นลูกสาวและฉู่เกินฮูหยินก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้น

 

หลังจากได้ยินเฉินเจียวเจียวบอกว่าชายผู้นั้นนัดพบที่ด้านหลัง เขาตอนบ่ายวันพรุ่งนี้ ฉู่เกินฮูหยินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

เฉินฉู่เกินเป็นคนที่ชื่อตรงมาโดยตลอด ไม่คาดคิดเลยว่าภรรยาและลูกสาวของเขาจะมีแผนการกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน แม้ว่าเงินสองร้อยตําลึงจะดึงดูดใจมาก แต่หากไปยั่วยุคนที่ไม่สมควร คงจะเป็นเรื่องใหญ่

 

“ลูกพ่อ เขาเป็นคนที่ขัดแย้งกับนายน้อยหลีได้ แสดงว่าตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดา! พวกเรา พวกเราจะร่วมมือกับคนเช่นนั้นจริงหรือ?”

 

ฉู่เกินฮูหยินดูถูกสามีผู้นี้อยู่เสมอ นางไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว เขาขี้ขลาดเกินไป! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้าน เป็นนางที่พุ่งออกไปข้างหน้า ชายผู้นี้ช่างไร้ประโยชน์นัก

นางตวัดสายใส่เฉินซูเกินด้วยความโกรธเคือง “อะไร? ท่านไม่สามารถหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ก็จะไม่ให้ข้าหางั้นหรือ? ไม่ว่าชายผู้นี้จะขัดแย้งอะไรกับนายน้อยหลี่ เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา!”

 

“นังเด็กชั้นต่ํานั่น ทําให้ข้าต้องอับอายเมื่อสองสามวันก่อน ตอนนี้ข้าแค่เอาสูตรลับเนื้อตากแห้งของนางมา ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ํา!”

เฉินซูเกินเคยชินแล้ว เนื่องจากภรรยาได้กระชากความกล้าหาญที่เขาดึงกลับมาได้ไปอีกครั้ง เขาจึงก้มหน้าทํางานในมือ และเป็นดังที่คาด ภรรยาของเขากลอกตาด้วยความรังเกียจ

 

“เด็กดื้อ หากครั้งนี้เราทําสําเร็จ แม่จะเตรียมสินสอดไว้ให้เจ้าหนึ่งร้อยตําลึง อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องหยุนเคอ! คนป่านั่นโหดร้ายอย่างหาที่สุดไม่ได้ หากเขารังแกเจ้า ครอบครัวของเราคงไม่มีใครกล้าช่วยเจ้า!”

 

แม้ว่าเฉินเจียวเจียวจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่มารดาของนางพูด แต่ในเวลานี้นางก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟังใน และคิดถึงเงินหนึ่งร้อยตําลึงสําหรับสินสอดของนาง

 

ฉู่เกินฮูหยินปลอบใจลูกสาวของนาง และเริ่มวางแผนตีสนิทกับภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน

 

เพื่อไม่ให้การกระทําของนางดูกระโตกกระตาก ฉู่เกินฮูหยินจึงถืองานปักมาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อพูดคุยกับภรรยาหัวหน้าหมู่บ้าน ในขณะที่ทุกคนกําลังพักผ่อนตอนเที่ยง

 

แน่นอนว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านย่อมดูถูกคนเช่นนี้! สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ยังติดตานางอยู่เลย!

“ฉู่เกินฮูหยิน เจ้ามาหาข้าที่มีอะไร? ทางที่ดีกลับไปลงโทษลูกสาวของเจ้าซะ หากเจ้ายังทําเรื่องขายหน้าให้หมู่บ้านอีก คอยดูว่าทุกคนจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่?”

ฉู่เกินฮูหยินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แม้ว่าจะถูกนางตําหนิ แต่ก็ยังกัดฟันทนเพื่อแผนการในอนาคต!

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 159 สั่นสะเทือน

 

เฉินซึ่งพยักหน้าซ้ําๆ เหงื่อเย็นพรั่งพรูออกมาที่หน้าผาก!

สิ่งที่ปรุงในโรงงานเล็กๆ นี้คืออาหาร หากมีผู้ไม่หวังดีใส่บางอย่างลงไป!

เขาอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ลําบากจากนายน้อยหลี่ผู้มาจากข้างนอก หญิงสาวผู้นี้มีตัวตนที่สามารถรอดพ้นจากความผิด แต่คนที่หนีไม่พ้นคือชาวบ้านที่ทําเนื้อตากแห้งพวกนี้

เมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหลั่งเหงื่อเย็น หยุนเถียนเถียนก็รู้ว่าเขาหวาดกลัวมากเช่นกัน! โชคดีที่ตอนนี้คนผู้นั้นยังลงมือไม่สําเร็จ เพียงแค่เฝ้าระวังคงเป็นไปไม่ได้!

 

ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงลดน้ําเสียงของนางลง!

“หัวหน้าหมู่บ้าน โชคดีที่คนผู้นั้นลงมือไม่สําเร็จ ผู้ใดที่อยากทําเช่นนี้? ข้าเองรู้ดีอยู่ในใจ! แม้ว่าตอนนี้นางยังไม่จําเป็นต้องรับผิดชอบ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลงโทษนาง เพื่อที่นางจะได้ไม่ทําเช่นนี้อีกในครั้งต่อไป! หัวหน้าหมู่บ้านคิดอย่างไร?”

 

เฉินซึ่งจะคิดอะไรได้อีก? แน่นอนว่าเขาย่อมพยักหน้าเห็นด้วย! ภายใต้การนําของเขา ในที่สุดผู้คนในหมู่บ้านก็มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยโรงงานนี้ อย่างน้อยก็มีที่สําหรับให้ทุกคนหาเงินในยามว่างงาน!

 

หากมีสิ่งใดผิดพลาด เขาสามารถจินตนาการได้ว่าหมู่บ้านจะกลับคืนสู่ชีวิตเดิมในท้องทุ่งนาทันที!

“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าไม่บอกมาว่าจะให้ข้าทําอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่คาดคิดว่าเฉินซ่งจะถามเรื่องนี้ แต่แค่ทําให้เฉินเจียวเจียวตกใจ เรื่องนี้ไม่ถือว่าหนักหนาสําหรับนาง!

 

“ถ้าเช่นนั้น ขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเรียกทุกคนมาที่โรงงานของข้า! ไม่จําเป็นต้องชี้ให้เห็นว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ตราบใดที่เรารู้เรื่องนี้ และมีหลักฐานอยู่ในมือของข้า แค่ต้องลงมืออย่างรอบคอบ”

 

เหตุใดเฉินซึ่งจะไม่เห็นด้วย เขาเพียงแค่ใช้ความพยายามเล็กน้อยเพื่อรวบรวมผู้คนและไม่ต้องสนใจอย่างอื่น!

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปเรียกทุกคนมา!”

 

หยุนเถียนเถียนออกมาจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน และวางเก้าอี้ไว้ที่ประตูโรงงาน ไม่มีใครขยับมันออกจากบันไดข้างกําแพง

ถึงแม้ว่าหลายคนจะบ่นว่าพวกเขาเพิ่งมาที่นี่หลังมื้อเช้า! แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีความสําคัญอย่างยิ่ง และหัวหน้าหมู่บ้านก็เข้ามาแจ้งเป็นการส่วนตัวทุกคนจึงมา

 

เมื่อคืนนี้ เฉินเจียวเจียวนอนไม่ค่อยหลับเพราะกังวลเรื่องนี้! วันนี้ได้ยินมาว่ามีบางอย่างในโรงงานและพ่อแม่ของนางก็จะไปที่นั่นด้วย นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินตามไป อย่างน้อยนางก็จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เมื่อผู้คนเริ่มเข้ามาใกล้ หยุนเถียนเถียนก็เห็นเฉินเจียวเจียวที่กําลังหลบอยู่ในฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว! จึงยิ้มเยาะที่มุมปาก!

ในเมื่อรู้ว่าการทําเช่นนั้นจะทําให้ให้เป็นกังวล เหตุใดถึงทําเรื่องที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นและไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง?

 

“วันนี้ข้าเป็นคนขอให้หัวหน้าบ้านเรียกทุกคนมา! การจัดตั้งโรงงานนี้ในบ้านของข้า ทําให้ทุกคนได้ผลประโยชน์มากมาย! แต่มีบางคนไม่เห็นแก่ส่วนรวม! เมื่อคืนข้าไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหน ไม่หลับไม่นอน! แอบไปที่โรงงานเล็กๆของข้าแล้วปีนกําแพง!”

“ข้าทํากิจการขายอาหาร หากมีคนข้างนอกกินเข้าไปแล้วผิดสำแดง ข้าคิดว่าทุกคนคงไม่มีปัญญาชดใช้! โชคดีที่ข้าเอาสุนัขเฝ้าโรงงานไว้ในตอนกลางคืน วันนี้จึงไม่มีอะไรเสียหายเกิดขึ้น! แต่บันไดยังถูกทิ้งไว้ที่นี่!”

“นอกจากนี้ ใคร ๆ ต่างก็ว่ามันประหลาดมาก ที่โจรสวมรองเท้าปักอย่างดี! สุขสบายขนาดซื้อรองเท้าปักให้ตัวเอง แต่ยังแอบเข้ามาในโรงงานของข้า! นับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก!”

ทันทีที่พูดถึงรองเท้าปัก ดวงตาอันเฉียบคมของหยุนเถียนเถียนก็สังเกตุเห็นเฉินเจียวเจียวรูม่านตาหดแคบลง ใบหน้ายิ่งกระวนกระวาย และเหงื่อเย็นก็เริ่มผุดขึ้นมาที่หน้าผากของนาง!

 

“เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และข้าก็จะไม่ถามว่าใครเป็นคนทํา แค่จะวางบันไดไว้ที่นี่ และก็เอารองเท้าปักที่หล่นไว้มาที่นี่ด้วย! ข้าคิดว่าคนที่ทําเรื่องแย่ๆ ก็น่าจะพอมีหัวใจอยู่บ้าง!”

ขณะพูด หยุนเถียนเถียนหยิบรองเท้าปักในตะกร้าโยนลงบนพื้น!

เมื่อเห็นรองเท้าปักนี้ ดวงตาของเฉินซูเกินและภรรยาก็เบิกโพลง! คราแรกที่เห็นบันได พวกเขาทั้งสองก็รู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นบันไดของที่บ้าน

 

ในขณะที่กําลังหน้ามืดตาลาย แต่รองเท้าปักคู่นี้เป็นของลูกสาวของพวกเขา หลังจากก่อปัญหาจนนับไม่ถ้วน พวกเขาจึงซื้อให้เพื่อปลอบใจนาง

ในตอนนี้ หลี่เสี่ยวเหอก็พูดขึ้นทันที “เหตุใดรองเท้าปักนี้ถึงคุ้นตานัก? เจียวเจียว เจ้ามีรองเท้าแบบนี้มาก่อนหรือไม่?”

ตอนนี้เฉินเจียวเจียวที่ยืนอยู่เริ่มสั่นสะท้านอย่างไร้ควบคุม

ซูเกินฮูหยินที่หน้าตาดูไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาทันที “หลี่เสี่ยวเหอ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าอยากโยนหม้อใส่หัวลูกสาวข้าหรือ? รองเท้าปักของเจียวเจียวฟังไปนานแล้ว ไม่มีแล้ว! ไม่รู้ว่าคนไร้ยางอายผู้ใดเอารองเท้าปักของเจียวเจียวมาสวม!”

อันที่จริงข้ออ้างเช่นนี้ก็นํามาเป็นเหตุผลได้ แต่มองไม่เห็นหรือว่าซูเกินฮูหยินเป็นคนอย่างไร! เมื่อเห็นคําอธิบายอันที่กระวนกระวาย และท่าทางผิดปกติของนาง คนในหมู่บ้านก็ไม่เข้าใจ เกรงว่าลูกสาวของนางจะทําเรื่องนี้!

นางหลัวหยิกลูกสะใภ้อย่างแรง ไปยั่วยุนังผู้หญิงบ้านี่ ยังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่?

หลี่เสี่ยวเหอ ยังคงพูดอย่างไม่มั่นใจ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าเจียวเจียวทําเข้าหมายถึงรองเท้าปักนี้ดูคุ้นตา เหตุใดท่านต้องร้อนรนอธิบายด้วย!”

ดวงตาของหยุนเถียนเถียน จ้องไปที่ใบหน้าของเฉินเจียวเจียวด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเฉินเจียวเจียวก็ขนลุกชันและรู้สึกอยากมุดลงรูจนแทบจะทนไม่ไหว!

“ที่ข้าบอกว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ก็คือไม่ต้องรับผิดชอบจริงๆ แต่บางคนอาจจะคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อเห็นแก่หน้านางและชื่อเสียงของหมู่บ้าน ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไป แต่ถ้าครั้งหน้ายังทําอีก ข้าจะสะสางทั้งบัญชีเก่าและใหม่ด้วยกัน!”

หลังจากหยุนเถียนเถียนกล่าวจบ นางก็หันไปพูดอีกครั้ง “เนื้อสัตว์ที่ต้องใช้ในโรงงานยังไม่พอ หากใครอยากเลี้ยงหมูก็เลี้ยงเพิ่มได้ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีใครเอารบกวนเวลาของทุกคนแล้ว ข้าขอโทษด้วย ไปทํางานกันเถิด”

เฉินเจียวเจียวไม่รู้ว่าเดินกลับออกมาได้อย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่าสายตาของคนในหมู่บ้านมองนางต่างไปจากเดิม!

แม้แต่ที่ที่นางเดินผ่านมา คนที่ไม่เคยปิดประตูก็ยังเริ่มแขวนแม่กุญแจเก่าๆไว้ที่ประตูบ้านของตัวเอง

 

เฉินเจียวเจียวรู้ว่าพวกเขากําลังป้องกันตัวเองจากนาง ตอนนี้นางรู้สึกว่าน้ําลายที่กลืนลงคอนั้นช่างขมขึ้น!

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 158 เฉินเจียวเจียวอีกแล้ว

ตอนที่ 158 เฉินเจียวเจียวอีกแล้ว

 

เฉินผิงอันอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามาจากในหมู่บ้านของเรา? 

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างสงบ ”เฉินผิงอัน ถึงสมองของท่านจะมีปัญหา ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะโง่! หากแบกบันไดเป็นระยะทางไกลจากหมู่บ้านข้างเคียงมาจนถึงหมู่บ้านของเรา! ในช่วงนั้น เขาต้องเดินผ่านบ้านของพวกข้า หยุนเคอเป็นนายพราน หากใครผ่านมาเขาก็ต้องรู้”

 

“ไม่มีผู้ใดสามารถแบกบันไดผ่านบ้านของพวกข้าและปืนขึ้นโรงงานได้! หมายความว่าต้องเป็นคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้แล้วท่านยังต้องปิดบังให้ผู้อื่นอีกหรือ?

เฉินผิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง มีรองเท้าปักเป็นหลักฐาน

 

“เป็นเฉินเจียวเจียว! แม้ข้าจะไม่รู้ว่านางคิดอะไร แต่นางก็คือคนที่แอบไปที่ประตูโรงงานของเจ้าครั้งที่แล้ว! ทว่าข้าไม่มีหลักฐานใดๆ และเจ้าอาจไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บอกในตอนแรก”

 

หากเป็นคนอื่น หยุนเถียนเถียนอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคนนั้นคือเฉินเจียวเจียว นางจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย!

 

ความคิดของผู้หญิงบางคนนั้นอธิบายไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าหยุนเคอเป็นคนที่ทําให้ขุ่นเคืองไม่ใช่นาง! แต่เฉินเจียวเจียวกลับมาโยนความเกลียดชังทั้งหมดใส่หัวของนาง

“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว แต่หมาป่าตัวน้อยที่ท่านให้ข้านั้นทําได้ดีมาก เพื่อเป็นการขอบคุณ เก็บเนื้อตากแห้งพวกนี้เอาไว้กินเสีย ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หากไม่มีที่ไปจริงๆ เฉินเฉินจะไม่ทิ้งท่านไว้ผู้เดียวแน่นอน”

 

“แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ควรพึ่งพาเขา เนื่องจากหนังสือสัญญาซื้อขายนั้นอยู่ในมือของข้า อย่าได้บีบบังคับให้ข้าต้องนํามันออกมา”

 

เฉินผิงอันไม่กล่าวอะไร เมื่อหยุนเถียนเถียนได้รู้ในสิ่งที่ตนต้องการแล้ว นางจึงหันหลังกลับและเดินออกไป!

 

ทันทีที่นางเดินไปที่ประตูเฉินผิงอันก็หยุดนางไว้ก่อน

 

“เจ้าต้องยกเฉินเฉินให้กับผู้อื่นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนหันกลับมาเยาะเย้ย “แล้วอย่างไร? เด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องถูกทําลายอนาคตเพียงเพราะพ่อแม่สองทําตัวไม่เหมาะสมหรือ? เฉินผิงอัน ตอนนี้ที่เด็กยังมีชีวิตอยู่ ท่านควรต้องขอบคุณพระเจ้า!”

 

“ท่านรู้หรือไม่ว่าเด็กใช้ชีวิตอย่างไรในบ้านหลังจากที่ท่านออกไปข้างนอก? ก่อนหน้านั้นเมื่อตอนที่ข้ายังอยู่ หลินชวนฮวายังพอมีที่ให้ระบายความโมโห นางจึงไม่ได้โหดร้ายกับเขานัก อย่างมากที่สุดก็ให้อดข้าวในบางมื้อ แต่เมื่อข้าออกจากบ้านหลังนี้เฉินเฉินต้องกลายเป็นกระสอบทรายตั้งแต่อายุยังน้อย!”

 

“ท่านเป็นพ่อแต่ไม่เคยปกป้องลูก ทั้งยังช่วยให้เขาถูกทารุณอีกด้วย! เฉินผิงอัน ชีวิตของท่านช่างล้มเหลวเสียจริง ในฐานะลูกชาย ท่านก็โกรธเคืองแม่ของท่าน ในฐานะสามี ภรรยาคนแรกก็ไม่เคยสนใจท่าน! และภรรยาคนที่สองที่ถูกมองว่าเป็นสมบัติในมือ กลับกลายเป็นทรยศท่าน!”

 

“ที่สําคัญที่สุดคือในฐานะพ่อ ท่านไม่สามารถปกป้องลูกของตัวเองได้! ตอนนี้เด็กคนนั้นมีแต่ความโกรธเคือง แม้ว่าพวกข้าจะพยายามสอนเขาอย่างดีที่สุด แต่เงามืดในวัยเด็กจะติดตามเขาไปตลอดกาล!”

 

เฉินผิงอันส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า “ไม่! ข้าเองก็ตั้งใจจะส่งเขาไปโรงเรียน! เขาจะไม่ล่าช้าแม้ว่าจะอยู่ที่บ้าน!”

 

“ใช่แล้ว ท่านกําลังวางแผนที่จะส่งเขาไปเรียน! แล้วผลลัพธ์คืออะไร? โยนเขาให้เฉินเฉิงเย่? วันแรกที่เฉินเฉิงเย่สอนเขาก็ทุบตีจนเขาลงไปกองอยู่กับพื้น หากข้าไปไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร!”

“จากนั้นหลินชวนฮวาก็เป่าหูท่าน จนท่านคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์! แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้เล่าเรียนอย่างจริงจัง และอาจารย์ของเขาจะให้เขาเข้าร่วมการสอบซิ่วไฉในปีหน้า! เฉินผิงอัน ท่านไม่ใช่แค่ตาบอด แต่หัวใจยังมืดดํา!”

 

หยุนเถียนเถียนมองเฉินผิงอันที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาซีดเผือดเพราะคําพูดของนาง จึงทําร้ายเขาต่อไปไม่ลง เพียงแค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และหันหลังเดินออกจากลานบ้านของเฉินผิงอัน!

ลานบ้านดูรกไปหน่อยเพราะไม่มีภรรยาคอยดู เมื่อมองดูบ้านที่รกร้าง เฉินผิงอันคิดว่าเขาอยู่คนเดียวแล้ว จึงถอดผ้าคาดเอวออก แล้ววางไว้บนคานหลังคา

จากนั้นก็นั่งลงที่ธรณีประตูและสูบยาสูบไปหนึ่งห่อ

 

เมื่อเขายืนขึ้นบนเก้าอี้และเอาหัวไปพาดที่ผ้าคาดเอว เขาก็สูญเสียความกล้าทั้งหมดไปในทันใด! ก่อนจะเซลงกับพื้นแล้วคลานกลับไปที่เตียง!

ผ้าคาดเอวกางเกงยังคงแกว่งไปมาบนคาน เฉินผิงอันไม่กล้าแม้แต่จะมองดูมัน!

 

หยุนเถียนเถียนกําลังเดินไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน แน่นอนว่ามีรองเท้าปักอยู่ในตะกร้าในมือของนาง! ดังนั้นนางจึงไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเฉินผิงอันเกือบมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย!

 

หรือที่คาดเอวอยู่บนคานบ้าน อาจจะรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกว่าเฉินผิงอันจะมีความขัดแย้งในใจ!

ทุกครั้งที่หัวหน้าหมู่บ้านเห็นหยุนเถียนเถียนมาที่ประตู เขามักจะรู้สึกกังวลใจอยู่เสมอว่ามีบางอย่างที่เขาต้องรับมือ!

 

ก่อนหน้านี้เขาถูกขอให้จัดการเรื่องดีๆ และครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้รับประโยชน์มากมายจากสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน! แต่วันนี้ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนนั้นมืดมน ดูเหมือนว่าจะมีไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น!

 

เฉินซึ่งถามอย่างระมัดระวัง ” แม่หนูหยุน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? มีอะไรหรือ? บอกหัวหน้าหมู่บ้านมาว่าเกิดอะไรขึ้น! ข้าจะช่วยตัดสินให้หากทําได้!”

หยุนเถียนเถียนเดินตามหัวหน้าหมู่บ้านและนั่งลงบนเก้าอี้ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดไม่นานมานี้หัวหน้าหมู่บ้านจึงสุภาพกับนางขึ้น หรือเพราะผลประโยชน์เหล่านั้น!

 

แต่เมื่อวันนี้มาแล้ว อะไรที่ควรพูดก็ต้องพูด!

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคงจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าพบว่าแม่กุญแจที่ประตูโรงงานถูกเคลื่อนย้าย ข้าจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเอาสุนัขตัวเล็กๆ เข้าไปไว้ข้างในโรงงาน! แม้ว่ามันจะไม่กัดคน แต่เมื่อได้ยินเสียงมันก็ยังเห่าได้!”

 

“เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงหมาเห่า ทุกคนในบ้านจึงลุกไปดู! เมื่อพวกข้าไปถึงหน้าโรงงาน ก็เห็นเพียงบันไดไม้ที่พาดอยู่ข้างกําแพงและรองเท้าปักที่ตกอยู่!”

 

“ชัดเจนแล้วว่ามีคนอยากปินขึ้นไปบนหลังคาแล้วแอบเข้าไปในโรงงานของข้า! แต่ที่ไหนได้ข้ามีหมาเฝ้าอยู่ จึงตกใจกับเสียงเห่าร้อง และทํารองเท้าหล่นหายด้วยความตื่นตระหนก”

 

สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นเคร่งขรึม “คนในหมู่บ้านต่างเป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์นานแล้วที่ไม่มีขโมยเช่นนี้!”

 

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนไม่ค่อยสู้ดีนัก หัวหน้าหมู่บ้านจึงเห็นใจนางยิ่งขึ้น!

“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็รู้ว่าทุกคนย่อมยินดีไม่ว่าข้าจะสร้างโรงงานขึ้นที่ใด และไม่จําเป็นต้องสร้างในหมู่บ้านของเราด้วยซ้ํา เหตุผลที่ข้าทําเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่ความเมตตาของคนในหมู่บ้านตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าอดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง! ไม่ว่าคนผู้นั้นจะต้องการในกําแพงเข้ามาทําอะไร ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่ท่านและข้าจะสามารถชดใช้ได้!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 157 กลัวหมา

 

เฉินเจียวเจียวกลับมาที่บ้านของนางพร้อมกับเงิน จากนั้นก็คิดอย่างรอบคอบว่าจะหาสูตรได้อย่างไร

 

อยู่ๆก็นึกได้ว่าโรงงานไม่ได้สร้างไว้สูงมากนัก หากปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วงัดกระเบื้องออกมา จะเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?ตอนออกมาอาจจะลําบากเล็กน้อย แต่ก็สามารถซ่อน ตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของโรงงานสักครู่ รอจนกว่าคนที่ทํางานในโรงงานจะมา จากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้ย่องออกมาเงียบ

 

เมื่อตัดสนใจว่าจะใช้แผนนี้ เฉินเจียวเจียวก็รออย่างใจเย็น สําหรับค่ําคืนที่จะมาถึง นางไม่เคยเข้าใกล้โรงงานเลย ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าในบ้านที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่จะมีเสียงสุนัขเห่าออกมาเป็นครั้งคราว

 

ตกเย็นคนงานเลิกงานกลับบ้าน เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึง นางก็ลงกลอนประตูทั้งสองบานและขังหมาป่าตัวน้อยไว้ในโรงงาน

 

ฮูหยินซูเกินและสามีเข้าพักผ่อนแต่หัวค่ํา นี่คือสิ่งที่เฉินเจียวเจียวต้องรอ นางไม่ได้บอกพ่อแม่ของนางเรื่องแผนนี้ เพราะบอกไปพวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วย

 

ที่สําคัญคือนางต้องการเก็บเงินสองร้อยตําลึงไว้ในมือ ดังนั้นจึงจงใจปิดบังฮูหยินซูเกิน

 

เมื่อความมืดมิดเข้าคืบคลาน หมู่บ้านก็เงียบสงบลง ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากเสียงของแมลงในต้นฤดูใบไม้ร่วง

 

เฉินเจียวเจียวจงใจใส่เสื้อผ้าฝ้ายที่นางไม่ค่อยใส่มากนัก และลอบออกจากบ้านโดยถือบันไดไม้ในบ้านมาด้วย

 

จากนั้นก็ลอบไปที่ด้านนอกโรงงาน แต่ในขณะที่นางเพิ่งตั้งบันได หมาป่าตัวน้อยที่อยู่ข้างในก็ได้ยินเสียงจึงเห่าขู่เสียงดังลั่น!

 

เสียงหมาเห่ากลางดึกอย่างรุนแรง ในไม่ช้าหยุนเถียนเถียนและหยุนเคอซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั้งสองสวมเสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียง

 

แม้แต่เฉินเฉินก็วิ่งออกมาอย่างงัวเงีย “พี่สาว มีอะไรผิดปกติหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “เป็นเด็กเป็นเล็กจะกังวลอะไร? กลับไปพักผ่อนให้สบาย หากเจ้าเลื่อนเวลานอน พรุ่งนี้เจ้าจะเรียนได้อย่างไร?”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่พอใจเล็กน้อยที่พี่สาวปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นเด็ก แต่เขาก็ยังเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง!

 

หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินออกไปที่ประตูบ้าน!

 

ด้านเฉินเจียวเจียว ทันทีที่หมาป่าตัวน้อยเปล่งเสียงแรกออกมา นางก็ตกใจกลัวแล้ว เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนจุดตะเกียงตรงข้างๆลานบ้าน!

 

จึงรีบวิ่งเตลิดออกไป แม้แต่บันไดก็ถูกวางทิ้งไว้ที่นั่น

 

แต่นางไม่สนใจอะไรแล้ว หากถูกจับได้เท่ากับว่านางเป็นขโมย! กลัวว่าชีวิตนี้จะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางทําเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกพ่อแม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเรื่องราวบานปลาย เกรงว่าแม่ที่เคยถูกทําร้ายเพราะนางจะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องอีก

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมาที่หน้าโรงงาน ก็เห็นบันไดไม้พาดกับขอบผนังอยู่ข้างโรงงานและยังมีรองเท้าปักหล่นอยู่ตรงใต้บันใด! ดูจากลักษณะแล้ว หมู่บ้านนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าใส่รองเท้าปักดีๆเช่นนี้

 

หยุนเถียนเถียนก้มลงหยิบรองเท้าปักขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อสามารถซื้อรองเท้าปักลายเช่นนี้ได้ แล้วเหตุใดถึงต้องทําเรื่องลับๆล่อๆเช่นนี้ล่ะ?

 

อีกทั้งหมู่บ้านก็สงบสุขอยู่เสมอ ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงคนไหนที่มีนิสัยชอบย่องเบาเช่นนี้มาก่อน

 

เฉินเจียวเจียวที่อยู่ในความตื่นตระหนก วิ่งเตลิดกลับบ้าน และพบว่าเท้าข้างหนึ่งถูกก้อนหินบาดจนเลือดออก รองเท้าของนางหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

แต่ในเวลานี้ หยุนเถียนเถียนต้องออกมาตรวจสอบแล้วเป็นแน่ นางไม่กล้าออกไปเพราะกลัวจะถูกจับ ทําอย่างไรดี? แต่ถ้าไม่ออกไปตามหา หากวันพรุ่งนี้หยุนเถียนเถียนเจอรองเท้าแล้วโวยวายขึ้นมา นางคงสิ้นหวังแล้วจริงๆ

 

ทั้งที่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องตกใจหนีไปแล้วและโรงงานก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย! แต่หยุนเถียนเถียนก็เปิดประตูเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด

 

หมาป่าตัวน้อยทําหน้าที่ของมันโดยการเห่าร้องเมื่อได้ยินเสียง ดังนั้นผู้ร้ายจึงไม่น่าจะทันได้ทําอะไร แต่ตกใจเสียงร้องเสียก่อน

 

เรื่องนี้ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นมากขึ้นว่าเฉินผิงอันไม่ได้โกหกตั้งแต่แรก และใครบางคนก็กําลังจับตาดูโรงงานของนางอยู่จริง

 

แต่อีกฝ่ายไม่ได้บอกตรงๆว่าเป็นใคร หรือว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเฉินผิงอันอีกครั้ง

 

แม้ว่าเขาจะทําคุณประโยชน์ให้นาง แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองเช่นกัน

 

เช้าตรู่ หยุนเถียนเถียนถือเนื้อตากแห้งสองชิ้นแล้วเดินไปที่ลานบ้านของเฉินผิงอัน

 

เฉินผิงอันนั่งอยู่ตรงลานบ้านพร้อมกับไหเหล้าตั้งแต่เช้า เขาเมาจนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

 

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปใช้เท้าเตะเขา เฉินผิงอันรู้สึกว่าดวงตาที่มัวเมาอยู่นั้นลืมขึ้นมาทันที! นัยน์ตาพร่ามัวสะท้อนภาพใบหน้าอันเลือนลาง

 

“หยุนจิงเอ๋อ! เจ้าก็มาดูข้ากลายเป็นตัวตลกหรือ? ตอนนี้ชีวิตข้าเหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เจ้ามาดูเรื่องตลกนี้สิ!”

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย บอกว่าเกลียดหยุนจิงเอ๋อ ตอนเมากลับพูดถึงไม่หยุด แต่ไม่เห็นถึงความเกลียดชังเลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หยุนเถียนเถียนใช้กระบวยแตงโมตักน้ําในถังเก็บน้ําแล้วสาดใส่หน้าเฉินผิงอัน

 

น้ําในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นเย็นเฉียบ

 

เฉินผิงอันตื่นขึ้นและเห็นหยุนเถียนเถียนยืนมองดูเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่รีบร้อน นางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงเอง “ท่านใช้ชีวิตได้ดีนี่ เมาขนาดนี้ตั้งแต่เช้า!”

 

เฉินผิงอันพูดด้วยใบหน้าบูดบึง “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

 

“อืม! ท่านเมาแล้ว และแม่ของข้าก็คงไม่สนใจท่านอีกแล้ว! หากไม่ใช่เพราะข้า นางคงไม่แม้แต่จะมองท่านด้วยซ้ํา!”

 

เฉินผิงอันยืนขึ้น ตบเสื้อผ้าที่มีรอยยับย่น แล้วนั่งลงบนธรณีประตูโดยไม่เลือกสถานที่

 

“เจ้ากําลังจะพูดอะไร? พูดมาสิ! ไม่อย่างนั้นข้าจะออกไปแล้ว!”

 

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะรู้สึกว่าเฉินผิงอันน่าสงสาร แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทํามาก่อน นางก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับมัน

 

“ข้าแค่อยากถาม เมื่อวานนี้ท่านบอกว่ามีคนกําลังจับตาดูโรงงานของข้า สรุปแล้วเป็นผู้ใด?”

 

เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าหากพูดโดยไม่มีหลักฐานจะเป็นปัญหาหรือไม่!

 

“เมื่อคืนนี้ มีหญิงผู้หนึ่งกําลังจะปีนบันไดที่ด้านนอกโรงงาน โชคดีที่หมาป่าตัวน้อยอยู่ที่นั่น นางจึงกลัวและหนีไป!”

 

เฉินผิงอันไม่แปลกใจ คราวที่แล้วเฉินเจียวเจียวทําไม่สําเร็จ ดังนั้นนางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน จึงเป็นไปได้สูงมากที่จะลงมือใหม่อีกครั้ง!

 

แต่หญิงผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้หญิง? หรือนางมีหลักฐานอยู่ในมือ!?

 

“ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เมื่อวานนางกลัวเจ้าหมาน้อยจนรีบวิ่งออกไปและรองเท้าของนางก็หล่นอยู่ข้างหนึ่ง! ข้าเห็นว่ามันเป็นรองเท้าปัก จึงคิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนในหมู่บ้านที่สามารถซื้อรองเท้าปักได้? เฉินผิงอัน ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ ท่านจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่สําคัญสําหรับข้า!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า บทที่ 156 ศัตรคนเดียวกัน

 

“นอกจากนี้ ที่ข้ายกเฉินเฉินให้ผู้อื่นอุปการะก็เพื่อประ โยชน์ของเขาเอง!”

 

“ท่านก็รู้ ข้าเพิ่งให้เฉินเอ๋อหยุดเรียน เพื่อไปเข้าสอบซิ่วไฉในปีหน้า! ท่านคิดว่ามีพ่อแบบท่านและมีแม่ที่ทําผิดกฎหมาย มันเป็นสิ่งที่ดีสําหรับเขาหรือ? ท่านต้องการให้เขาขาดคุณสมบัติสินะ”

 

เฉินผิงอันพูดไม่ออกพร้อมกับเผยสีหน้าขาวซีด

 

ใช่แล้ว! แม้ว่าเขาจะไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน แต่เฉินเฉิงเย่เคยพูดไว้ตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียน! บรรพบุรุษทั้งสามรุ่นต้องมีประวัติขาวสะอาดถึงจะสามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้!

 

ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจขายลูกชายของเขาไปแล้ว! หลินชวนฮวาในฐานะแม่กําลังปกป้องผู้ร้ายหลบหนี! แม้ว่าในท้ายที่สุดจะพ้นโทษแต่ก็ถือว่าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและชื่นชมท่าทางที่หดหูของเฉินผิงอันด้วยความสะใจ!

 

“อะไร? ในที่สุดก็นึกได้แล้วหรือ? ท่านพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ลูกชายของนักโทษหนีคดีไปสอบซิ่วไฉ แต่กลับละเลยลูกชายของตัวเอง! ท่านคงไม่รู้ว่าเฉินเอ๋อเพิ่งได้เริ่มเรียนปีนี้แต่สามารถเข้าสอบซิ่วไฉในปีหน้า! ช่างมีพรสวรรค์อะไรเช่นนี้? หากไม่ใช่ข้า หยุนเถียนเถียน เขาก็คงทําได้แค่หลบซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น! บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้โตด้วยซ้ํา!”

 

“ช่วยบอกข้าที ตอนที่ท่านอยู่ในบ่อนพนัน หลินชวนฮวาไม่เคยให้เขากินข้าว เป็นข้าที่เลี้ยงดูเฉินเอ๋อมาโดยตลอด! หากข้าปล่อยเขาไว้คนเดียวลูกของท่านคงอดตาย! ตอนนี้ท่านยังต้องการลูกชายผู้นี้อยู่อีกหรือ? ท่านไปดูสิว่าเขายังยินดียอมรับท่านเป็นพ่ออยู่หรือไม่!”

คําพูดเหล่านี้เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้ให้เฉินผิงอันทรุดลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง

 

ใช่แล้ว! ตอนนี้เด็กคนนั้นคงจะเกลียดเขาไปแล้วใช่หรือไม่? อันที่จริงหลินชวนฮวาโกหกอยู่เสมอและมีข้อบกพร่องมากมาย เหตุใดเขาถึงไม่เคยคิดให้รอบคอบ?

 

“เอาล่ะ! สีหน้าโศกเศร้าของท่านช่างทําให้ข้ามีความสุขเสียจริง! เฉินผิงอัน จากนี้ท่านจงใช้ชีวิตให้ดีและอย่ามาก่อกวนพวกข้าอีก! ที่ผ่านมาท่านนําความเกลียดชังที่มีต่อท่านแม่มาลงที่ข้า ตอนนี้ข้าจะไม่นําความแค้นของข้ามาลงกับลูกชายของท่าน ท่านควรจะพอใจแล้ว!”

 

หยุนเถียนเถียนพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ส่วนเฉินผิงอันถูกทิ้งให้นอนอยู่บนพื้นในลานบ้าน หัวใจของเขาก็หนาวเหน็บ!

 

หยุนเถียนเถียนกลับไปที่ลานบ้านโดยคิดว่าเด็กน้อยคงแสดงสีหน้าสงสัย ใครจะรู้ว่าเฉินเฉินไม่แม้แต่จะมองนางและไม่คิดจะเอ่ยถามด้วยซ้ํา! นางถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเงาดําในใจของเด็กไปเสียแล้ว

 

ด้านเฉินเจียวเจียวที่ลอบไปที่โรงงานเมื่อคืนกลางดึก แต่กลับถูกขัดขวางโดยแม่กุญแจทองแดงสองอันยังไม่ยอมถอดใจ!

 

ได้ยินว่าเนื้อตากแห้งถูกซื้อโดยร้านอาหารของนายน้อยหลี่และกิจการกําลังเฟื่องฟู จึงเริ่มเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนและพวกเขาอยากมีส่วนร่วมในกิจการนี้

 

ครั้งล่าสุดที่รถม้าถูกลากออกไป ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนบางกลุ่มให้มายังหมู่บ้านเทพธิดา! อันที่จริงหลายคนในหมู่บ้านมักจะพบว่ามีคนมาถามถึงเนื้อตากแห้งอยู่เสมอ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนในหมู่บ้านเหล่านี้รู้เป็นเพียงแค่เปลือกนอก ส่วนประกอบสําคัญที่แท้จริงอยู่ในขวดซอสถั่วเหลืองนั้นต่างหาก นี่เป็นสูตรลับของเนื้อตากแห้ง

 

เฉินเจียวเจียวไม่สามารถควบคุมความอิจฉาริษยาของตัวเองได้ เมื่อมองหยุนเถียนเถียนซึ่งกําลังยุ่งอยู่ที่ประตูลานบ้านจากระยะไกลอย่างชิงชัง ชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ในทันที

 

“ขอถามแม่นาง ท่านหยุนอาศัยอยู่ที่ใดหรือ?”

 

เฉินเจียวเจียวหันไปอย่างอดกลั้นและมองหาหยุนเถียนเถียนอีกครั้ง

 

“ใครจะรู้ว่าท่านกําลังพูดถึงตระกูลหยุนคนไหน? ข้าไม่

 

แต่ชายผู้นั้นไม่โกรธกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนแม่นาง จะไม่ชอบแม่นางหยุนเท่าใดนัก? พอดีเลย มีบางอย่างที่เจ้าสามารถทําแล้วยังได้เงินอีกมหาศาล ข้าคิดว่าคงจะทําให้แม่นางพอใจไม่น้อย?”

 

แม้ว่าเฉินเจียวเจียวจะไม่ฉลาดนัก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีสิ่งใด ได้มาโดยไม่ต้องลงแรง

 

นางมองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ” ท่านต้องการให้ข้าทําสิ่งใด?”

 

ชายวัยกลางคนยิ้มและพยักหน้า “แม่นางฉลาดยิ่งนัก! ที่แม่นางหยุนมีฐานนะอย่างในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเนื้อตากแห้งของนางหรอกหรือ? หากเนื้อตากแห้งไม่ใช่ของตระกูลนางผู้เดียวอีกต่อไป เจ้าคิดว่านางจะพึ่งพาสิ่งใดให้หยิ่งผยองได้เช่นนี้อีก?”

 

หัวใจของเฉินเจียวเจียวหวั่นไหว แม้จะรู้ว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าอาจไม่ใช่คนดี แต่เนื่องจากนางไม่ต้องการให้หยุนเถียนเถียนมีชีวิตที่ดี จึงถือว่าเขาเป็นมิตรกับนาง

 

“ท่านต้องการสูตรเนื้อตากแห้งของนางหรือ? เหตุใดถึงไม่ขอซื้อจากนางเล่า?”

 

ชายวัยกลางคนยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “เราจะหาสิ่งที่นายน้อยหลี่ต้องการได้จากที่ไหน? หากเราได้มันมาโดยไม่ต้องเสียเงิน พวกเจ้าก็ไม่ต้องทํางานหนักขนาดนี้! แม่นาง ข้าต้องการสูตรเนื้อตากแห้ง และเจ้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตที่ดี เหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันล่ะ?”

 

เฉินเจียวเจียวคลายความระมัดระวังลงมาก แต่ก็ยังถามอย่างสงสัย “เนื้อตากแห้งมีค่ามากเลยหรือ?”

 

“เนื้อหมูชั้นดีข้างนอกราคายี่สิบเหวินต่อจิน เนื้อตากแห้งจานเล็กๆ ขายได้ราคามากกว่าหนึ่งร้อยเหวิน นายน้อยหลี่เองก็หาเงินได้มากมาย ด้วยเหตุนี้ แม่นางคิดว่าสิ่งนี้คุ้มกับเงินหรือไม่?”

 

“ข้าจะไม่พูดถึงอะไรทั้งนั้น และข้าก็ไม่สนใจว่าเจ้าจะขโมยสูตรลับในการทําเนื้อตากแห้งมาได้อย่างไร! แต่ข้าจะซื้อมันต่อจากเจ้าด้วยเงินสองร้อยตําลึง! แม่นางคิดว่าอย่างไร?”

 

เมื่อได้ยินว่าเงินสองร้อยตําลึง เฉินเจียวเจียวก็ตาลุกวาบ

 

หยุนเคอทําให้นางใจเต้นก็เพราะเงินของเขา! ในเมื่อมีเงินอยู่ในมือตัวเอง ทําไมต้องพึ่งพาผู้ชายหน้าเหม็นนั้น นอกจากจะสกปรกแล้ว ยังไม่รู้จักเข้าใจความรู้สึกรักใคร่!

 

“ท่านพูดจริงหรือ?”

 

“ข้าได้ยินมาว่า แม่นางดูเหมือนจะชอบพอชายมีเคราผู้นั้น! หากท่านมีวิธีที่ทําให้ชายมีเคราผู้นั้นคิดว่าสูตรลับทําเนี้อตากแห้งของเขาถูกคนร่วมเรียงเคียงหมอนเอาไปขาย ท่านคิดว่าหญิงผู้นั้นจะยังมีโอกาสอยู่อีกหรือ?”

 

ประโยคนี้ปลุกเฉินเจียวเจียวขึ้นมาทันที แผนการนี้นับว่าดีมาก! ไม่เพียงแต่จะแยกหยุนเคอกับหยุนเถียนเถียนจากกันได้! หากหยุนเคอโกรธเคืองหยุนเถียนเถียนจริงๆ นางอาจจะมีโอกาสได้ไปยืนเคียงข้างหยุนเคอ! และสุขสบายไปกับกองเงินกองทอง

 

และที่สําคัญที่สุด หยุนเถียนเถียนซึ่งก่อนหน้านี้เคยหยิ่งผยองใส่นาง กําลังจะกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกคนอื่นทอดทิ้ง! เมื่อนึกถึงภาพนี้เฉินเจียวเจียวก็รู้สึกมีความสุขมาก

 

“ได้เท่านคอยดูเถิด ข้าจะพยายามจัดการเรื่องนี้ให้ได้!”

 

ชายวัยกลางคนยิ้มด้วยความพอใจและมอบเงินให้ครึ่งหนึ่ง ดวงตาของเฉินเจียวเจียวเปล่งประกาย เพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้รับผลตอบแทนนี้

 

“นี่แค่ของขวัญในการพบกันของข้าขอมอบให้แม่นาง หากทําสําเร็จแล้ว ข้าจะให้ตัวเงินอีกสองร้อยตําลึง!”

 

แค่ของขวัญพบกันก็ได้เงินตั้งห้าสิบตําลึง เฉินเจียวเจียวยินดีไว้วางใจชายวัยกลางคนที่มีทรัพย์สมบัติมากมายตรงหน้า!

 

นางเช็ดเงินอย่างระมัดระวังด้วยผ้าเช็ดหน้าปักที่อยู่ในมือ แล้วยัดมันเข้าไปในแขน หากท่านแม่รู้ต้องเห็นด้วยแน่!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 155 หมาน้อย

 

หยุนเถียนเถียนแค่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยสําหรับความเมตตาอันแปลกประหลาดของเฉินผิงอัน และไม่รู้ว่าจะเผชิญกับมันอย่างไร

 

เมื่อมองดูลูกสุนัขตัวเล็กที่ดุร้ายตรงหน้า แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์นักแต่ก็ยังพอช่วยเตือนภัยได้

 

ถึงหยุนเถียนเถียนจะไม่รู้ว่าเฉินผิงอันหมายถึงอะไร แต่ในเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย

 

ในที่สุดนางก็ตัดสินใจพาสุนัขเข้ามา เมื่อเจอเนื้อตากแห้งชิ้นหนึ่งในห้องครัวจึงโยนเนื้อชิ้นนั้นลงพื้นโดยไม่คิดอะไร

 

แต่เจ้าหมาน้อยตัวนี้ก็ยังไม่เชื่อง มันยังเห่าอยู่แม้ว่าจะกินเนื้อไปแล้ว ไม่นานเสียงร้องนี้ทําให้หยุนเคอและเฉินเฉินรําคาญ ทั้งสองคนขมวดคิ้วเดินออกจากห้องและเห็นสุนัขตัวหนึ่งอยู่ในลานหน้าบ้าน มีเชือกผูกไว้กับประตูและเห่าไม่หยุด

 

“เจ้าตัวเล็กนี้มาจากที่ใด?”

 

หยุนเคอขมวดคิ้ว มองไปที่หยุนเถียนเถียนซึ่งยืนอยู่ในลานบ้าน เฉินเฉินก็มองเช่นเดียวกัน เช้าตรู่พี่สาวของเขาไปได้หมาป่าตัวน้อยแสนดุร้ายนี้มาจากที่ใด?

“เฉินผิงอันเอามาให้!”

 

เฉินผิงอัน?

 

ตาสองคู่ หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กแทบจะถลนออกมาด้วยความสงสัย!

 

“อย่าถามข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเขาก็วิ่งมาที่ประตูตั้งแต่เช้าตรู่และยืนยันว่าต้องการมอบสุนัขตัวนี้ให้แก่ข้า เขายังบอกอีกว่าให้ใช้สุนัขตัวนี้เพื่อเฝ้าดูโรงงานเพราะว่ามีขโมย!”

 

“ข้าเพิ่งไปที่ประตูโรงงานมา แม่กุญแจถูกเคลื่อนย้ายจริงๆ! คราวนี้เฉินผิงอันไม่ได้โกหก ไม่รู้ว่าทําไมจู่ๆเขาถึงทําแบบนี้ หรือเป็นเพราะเขาเสียใจกับสิ่งที่เขาทํา?”

 

เฉินเฉินพูดต่อต้าน “มันสายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจในเวลานี้ พี่สาว อย่าสนใจเขา แค่ส่งข้ากลับไปก็พอ”

 

“ไม่ต้องกังวล พี่สาวจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสพาเจ้ากลับไปหรอก ในไม่ช้าจะมีครอบครัวที่ไร้มลทินมารับเจ้าไป เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าและเฉินผิงอันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

 

หยุนเคอมองไปยังลูกสุนัขที่คอยเห่าอยู่ตรงหน้า ในที่สุดเขาก็หมดความอดทนและปลดปล่อยพลังออกมาจากร่างทันที!

 

ชั่วครู่สองพี่น้องก็รู้สึกว่าขนบนร่างของพวกเขาลุกขึ้นพร้อมๆกัน และแต่ละคนก็มองดูหยุนเค่อด้วยความสยดสยอง! ลูกสุนัขที่อยู่ข้างหน้าก็หยุดเห่าและถอยหนีอย่างขลาดกลัว! เพียงแต่มันยังคงโชว์ฟันแหลมเล็กๆของมันอย่างดุร้าย!

หยุนเคอเดินเข้ามาช้าๆ เอื้อมมือไปแตะหัวหมาป่าตัวน้อย จากนั้นเจ้าหมาป่าตัวน้อยก็นอนราบกับพื้นอย่างเชื่อฟัง!

 

หยุนเคอจึงดึงพลังของเขากลับคืนมาและเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนายพรานธรรมดา แต่สองพี่น้องรู้อยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแน่นอน!

 

“เอาล่ะ! พวกเจ้ามานี่ สอนให้มันจํากลิ่นของพวกเจ้า!”

 

หยุนเถียนเถียนเอื้อมไปจับมือเฉินเฉินและสองพี่น้องก็เดินเข้าไป! แม้ว่าเฉินเฉินจะยังตกใจอยู่ แต่เขามองดูพี่สาวที่เดินเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติจึงกัดฟันตามไป!

 

ในตอนนี้เจ้าหมาป่าตัวน้อยหยุดเห่าแล้ว ในทางกลับกัน มันเอนหัวพิงเฉินเฉินอย่างแสนรู้ ทั้งยังแตะที่ขากางเกงของเขาทําตัวราวกับเด็กน้อย!

 

เฉินเฉินลืมความตื่นตระหนกไปในทันที เขาคุกเข่าลงลูบหัวหมาป่าตัวน้อย!

 

“พี่สาว ลูกสุนัขตัวนี้น่ารักมาก จากนี้พวกเราเลี้ยงมันไว้ได้หรือไม่”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าและยิ้ม “เอาไว้เฝ้าบ้านเถอะ แต่ถึงอย่างไรเฉินผิงอันก็เป็นคนเอามันมา เราควรให้เงินเขาสิบตําลึงเหมือนซื้อหมามาจากเขา! จากนั้นเจ้าค่อยเลี้ยงมัน ดีหรือไม่?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “หมาน้อย จากนี้ไปเจ้าจะอาศัยอยู่ในบ้านของเรา เอาล่ะ ข้าจะตั้งชื่อให้ ดุขนาดนี้ เรียกเจ้าว่า เสี่ยวหลาง เป็นอย่างไร?”

 

ลูกสุนัขรู้ชื่อที่ไหน มันแค่แลบลิ้นออกมาแล้วเลียมือของเฉินเฉิน

 

“พี่สาว ท่านคิดว่าหมาป่าตัวน้อยรู้หรือไม่ว่าตอนนี้มันชื่ออะไร?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ที่สุดแล้วก็คือเด็กคนหนึ่ง แม้ว่าเวลาปกติเขาจะเฉลียวฉลาด แต่ในช่วงเวลาสําคัญก็ยังคงเป็นเด็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม หมาป่าแบบนี้เป็นผู้ช่วยที่ดีแน่นอนหากได้ ส่งไปฝึกที่หน่วยตํารวจพิเศษ น่าเสียดายที่ไม่เคยฝึกกับสุนัขตํารวจมาก่อน!

 

“มันไม่ใช่มนุษย์ มันจะเข้าใจที่เจ้าพูดทั้งหมดในครั้งเดียวได้อย่างไร? แต่ตราบใดที่เจ้าสอนมันอย่างอดทน มันก็จะเรียนรู้! หากได้รับการฝึกฝนอย่างดี มันก็จะเข้าใจทุกสิ่งที่เจ้าพูดด้วย”

 

หยุนเถียนเถียนเดินไปที่ห้องของนางและหยิบเงินสิบตําลึงออกมา

 

จากนั้นเดินไปยังลานบ้านที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากซากปรักหักพัง

 

เฉินผิงอันนั่งอยู่ในลานบ้านและถลกขากางเกงขึ้น! มีรอยฟันอยู่หลายซี่ แผลลึกมาก ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาด้วย! เฉินผิงอันไม่สนใจนัก เขาหยิบยารักษาแผลสีทองที่บ้านออกมาแล้วทาลงไป

 

หยุนเถียนเถียนเดินเข้ามาและบังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้พอดี

 

“เฉินผิงอัน ไม่ว่าท่านคิดอะไรอยู่ในใจ แต่วันนี้ท่านก็ได้ ช่วยเหลือข้า ข้าจะจดจําความช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่รู้ว่าสุนัขของท่านมาจากไหน หรือท่านใช้เงินซื้อ?”

 

เฉินผิงอันไม่เหลือบตามอง “ในสายตาของเจ้า ข้าไม่เคยเป็นคนดี! ข้าซื้อสุนัขตัวนี้จากสหายเก่า แต่เมื่อเอามันกลับมาข้าก็โดนมันกัดอยู่หลายครั้ง!”

 

“หากซื้อมันมา ท่านก็บอกราคาว่าซื้อมาเท่าไหร่ จะได้ไม่ขาดทุน!”

 

หยุนเถียนเถียนมองท่าทางที่น่าสงสารของเขา ในที่สุดก็ทนไม่ไหว แร้นแค้นน่าสมเพช!

 

“ได้สิ! หยุนเถียนเถียนตอนนี้เจริญก้าวหน้าแล้ว และก็ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ถูกผู้อื่นทุบตีและด่าทออีกต่อไป ช่างเถิด ข้าเพียงอยากให้ลูกชายของข้ามีชีวิตที่ดีในมือเจ้า ไม่มีอะไรอย่างอื่น ส่วนเงินจะให้ก็ได้ เอาตามที่เจ้าสบายใจ!”

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอย่างรอบคอบ หยิบเงินสิบสองตําลึงออกจากแขนของนาง และหยิบเงินห้าสิบตําลึงออกจากกระเป๋าของนางด้วย! ก่อนจะยืนให้เฉินผิงอัน!

 

“เงินสิบสองตําลึงถือเป็นการซื้อสุนัขตัวนี้ ส่วนเงินอีกห้าสิบตําลึงที่เหลือเอาไปหาหมอดูให้ดี! ถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว ท่านและข้าไม่มีอะไรติดค้างกัน!”

 

เมื่อได้ยินว่าทั้งสองไม่ได้ติดค้างกัน เฉินผิงอันก็เงยหน้าขึ้นทันที “เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างหมายความว่าอย่างไร? แม่ของเจ้าติดค้างข้า และข้าไม่มีวันได้มันคืนจากนาง! นางติดค้างข้ามาทั้งชีวิต!”

 

“แม่ของข้าคือแม่ของข้า ตัวข้าคือตัวข้า และข้าก็ไม่ได้ติดค้างท่าน!” หลังจากหยุนเถียนเถียนพูดเช่นนี้ นางก็หันหลังและจากไป

 

เมื่อเดินไปถึงประตูก็หยุดอีกครั้ง “อีกไม่นาน ข้าจะส่งเฉินเฉินไปให้บ้านอื่นที่ภูมิหลังครอบครัวขาวสะอาดในหมู่บ้าน! ตอนนี้แค่อยากบอกให้ท่านรับรู้เอาไว้!”

 

เฉินผิงอันตะลึงงัน แล้วเปล่งเสียงคํารามอย่างโกรธเคือง “นั่นคือลูกชายของข้า เหตุใดต้องเอาเขาไปให้ผู้อื่นด้วย? หยุนเถียนเถียน หากเจ้าต้องการแก้แค้นข้า เจ้าก็แก้แค้นได้เลย แต่เจ้าไม่จําเป็นต้องทําร้ายเฉินเอ๋อ!”

 

หยุนเถียนเถียนหันกลับมาอย่างเหยียดหยาม “แก้แค้นท่าน? ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก! ตอนนี้ลูกชายของท่านถูกขายให้ข้าแล้ว มันขึ้นอยู่กับข้าว่าจะรับเลี้ยงหรือไม่!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 154 โจรขึ้นบ้าน

 

แม้ว่าเฉินไฉ่อีจะผิดหวังเล็กน้อย ที่พ่อของนางไม่เห็นด้วย แต่ในใจกลับไม่คิดอย่างนั้น!

 

หรือว่านายน้อยหลี่จะไม่ใช่คนเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะใช่ ผู้หญิงพวกนั้นก็เข้าไม่ถึงหัวใจของเขา เฉินไฉ่อีรู้สึกได้ว่าบางทีนายน้อยหลี่อาจเป็นเช่นชายหนุ่มผู้ร่ํารวยในหนังสือนิยาย

 

เป็นไปได้ว่าอาจจะมาผูกพันธ์แน่นแฟ้นกับหญิงสาวในหมู่บ้านนี้

 

หลังจากได้อ่านหนังสือบางเล่ม เฉินไฉ่อีก็รู้สึกอยู่ในใจว่าไม่อาจรับฟังพ่อแม่ได้ เมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้ต่อต้าน แต่ก้มหน้าลงอย่างเฉยเมย

 

ขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังมีความสุขกับตัวเอง อีกด้านหนึ่งเฉินเจียวเจียวก็ถ่มน้ําลายลงบนพื้นด้วยความอิจฉาริษยา

 

เป็นแค่ลูกไม่มีพ่อไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหนแต่โชคดีจับหยุนเคอได้ ถ้าไม่มีหยุนเคอ นังเด็กสารเลวนี้คงถูกหลินชวนฮวาทรมานจนตาย

 

ในทางกลับกัน เฉินผิงอันกลับนิ่งเงียบ!

 

ยิ่งตอนนี้ยิ่งชีวิตของนังเด็กหน้าตายนั่นดีขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของลูกชายก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ได้ยินว่านางส่งเจ้าเด็กตัวเหม็นไปโรงเรียน ก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน ต่อไปในอนาคตมีความเจริญก้าวหน้า เขาก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเฉินผิงอัน!

 

เมื่อไม่มีหลินชวนฮวาคอยยุยงให้เกิดความขัดแย้งอยู่ข้างๆ เฉินผิงอันก็สงบลงมาก อีกทั้งตอนนี้เขาเริ่มเสียใจที่ขายลูกชายคนเดียวของตัวเองไป

 

สิ่งที่คนในหมู่บ้านพูดก็สมเหตุสมผล หากเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นตามมาอยู่กับเขาจริงๆ ไม่เพียงจะอ่านหนังสือไม่ออก เกรงว่าตอนนี้เขาจะยังขี้อายและเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

 

เมื่อเห็นลูกชายเดินตามนังเด็กขี้ครอกไป ร่างกายของเขาสูงขึ้นและแข็งแรงขึ้นมาก! เขาดูสุภาพแม้จะออกไปข้างนอก และไม่เห็นความขี้ขลาดที่เคยมีในอดีต แม้จะไม่อยากยอมรับในใจแต่ก็ต้องบอกว่าหญิงผู้นี้ทําดีที่สุดแล้วเช่นกัน!

 

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคาดหวังให้หยุนเถียนเถียนดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่ลูกชายของเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน!

 

แต่ความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขามีสติสัมปชัญญะ เมื่อใดที่เขาเมา ความคิดของเฉินผิงอันก็ยิ่งแคบลง ไม่เพียงแต่เขาจะตัดพ้อถึงความโหดร้ายของหลินชวนฮวาเท่านั้น เขายังคร่ําครวญถึงเจ้าลูกกระต่ายที่เห็นแก่ตัวอีกด้วย เมื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นคงลืมพ่อไปนานแล้ว!

 

เวลาพลบค่ํา ในขณะที่เฉินผิงอันกําลังกลับมาจากในเมือง หลังจากดื่มเหล้าเมาจนเซ ก็เห็นร่างเล็กๆวิ่งอยู่ในความมืด ย่องเข้าไปในโรงงานของนังผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าทําอะไร?

 

มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ถึงต้องแอบทําลับๆล่อๆในตอนกลางคืน! เฉินผิงอันสร่างขึ้นเล็กน้อยและรีบตามเขาไป!

 

คนในหมู่บ้านมักอยู่กันแบบเรียบง่าย บ้านของคนอื่นในหมู่บ้าน แม้แต่ประตูก็ไม่ค่อยได้ลงกลอน แต่หยุนเถียนเถียนที่มาจากยุคปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

ร่างลึกลับบิดกลอนประตูอยู่นานแต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ จึงกระทืบเท้าด้วยความรําคาญแล้วหันหลังกลับออกไป!

 

ทันทีที่นางหันกลับมา เฉินผิงอันก็สามารถเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน

 

กลายเป็นเฉินเจียวเจียว นี่คือเฉินเจียวเจียวที่เพิ่งมีเรื่องราวฉาวโฉ่

 

เฉินผิงอันนึกได้ในใจ ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะตกหลุมรักหยุนเคอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางสร้างเรื่องวุ่นวาย แต่สุดท้ายกลายเป็นตัวนางเองที่ต้องอับอาย

 

ดังนั้นนางจึงเกลียดชังหยุนเถียนเถียนและมาที่โรงงานในคืนนี้เพื่อแก้แค้น!

 

ผู้ใดจะรู้ว่านางจะป้องกันถึงขึ้นติดกลอนสองอันไว้ที่ประตูนี้! ไม่มีใครสามารถเปิดประตูนี้ได้เว้นแต่ว่าจะถูกพังอย่างรุนแรง!

 

หากใช้ความรุนแรงย่อมเกิดเสียงดังขึ้นที่นี่ หยุนเถียนเถียนซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านก็จะค้นพบได้ในไม่ช้า!

 

แต่ตอนนี้นางเพิ่งจับกลอนประตูและยังไม่ได้ลงมือใดๆเลย เฉินผิงอันจึงไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงสิ่งเลวร้ายที่เฉินเจียวเจียวทําได้!

 

อย่างไรก็ตาม เฉินผิงอันที่เคยถูกหลินชวนฮวาเปาหูอยู่ข้างๆนั้นได้สติขึ้นมาก! แม้ว่าเขาจะเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาก็อยู่กับนาง หากหญิงสาวประสบกับความสูญเสีย เกรงว่าลูกชายของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย!

 

เฉินผิงอันยังคงกังวล แทนที่จะกลับบ้าน เขาเดินกลับเข้าไปในเมือง…

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนเถียนเถียนเพิ่งเปิดประตูออกมาก็เห็นลูกสุนัขอยู่ที่ประตู! แม้จะยังตัวเล็กแต่ก็ดุดัน เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนก็เห่าใส่ทันที

 

ไม่ไกลจากลูกสุนัข ผมของเฉินผิงอันยังคงเปียกน้ําค้างอยู่ ดังนั้นเขาจึงยืนรับแดดยามเช้า

 

ในตอนที่หยุนเถียนเถียนเห็นเฉินผิงอันก็เริ่มระวังตัว

 

“ท่านมาทําอะไรที่นี่?”

 

เฉินผิงอันไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่มองไปที่หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวตรงหน้า จู่ๆก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้นเมื่อหลายปีก่อน!

 

โดดเด่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังดูถูกเขาอีกด้วย! แต่กลับปรากฏอยู่ในใจของเขาทั้งวันทั้งคืน ทรมานเขาอยู่ตลอดเวลา!

 

“ข้าเก็บลูกสุนัขตัวหนึ่งได้จากถนน อยากถามพวกเจ้าว่า เลี้ยงมันได้หรือไม่! ถึงอย่างไรในหมู่บ้านก็มีแค่พวกเจ้าที่เลี้ยงมันได้ ยังไม่มีใครคอยดูในโรงงานของเจ้า มีสุนัขไว้เฝ้าถือเป็นการดี”

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ “เฉินผิงอัน ท่านรู้สึกสงสารสุนัขจริงๆหรือ? แม้แต่ชีวิตคนก็ไม่มีความหมายในสายตาของท่าน ขายได้กระทั่งลูกชายของตัวเอง! ท่านพูดว่าสงสารสุนัข! ฮ่าฮ่า!”

 

เฉินผิงอันถูกเสียดสีและไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ใบหน้าของเขาก็มีดดําไปแล้ว! นังเด็กเหลือขอนี่ยังน่ารําคาญเหมือนเดิม!

 

“สุนัขตัวนี้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะเอาหรือไม่เอา! ถึงอย่างไรก็ต้องมีของสําคัญบางอย่างในโรงงานของเจ้าใช่หรือไม่? หากถูกขโมยจะเป็นเรื่องใหญ่!”

 

หลังจากพูดจบเฉินผิงอันก็หันหลังเดินจากไป

 

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะยังคงระแวง แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างเมื่อเห็นเฉินผิงอันออกไป! บางทีความคิดของอีกฝ่ายอาจไม่ธรรมดา แต่ประโยคสุดท้ายเหมือนเป็นการเตือนอยู่ในที

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจไปที่โรงงานทันที เฉินผิงอันย่อมไม่พูดเช่นนั้นโดยไม่มีเหตุผล

 

เพราะยังเช้าอยู่ที่โรงงานจึงค่อนข้างเงียบ มีแม่กุญแจทองแดงสองอันคล้องเอาไว้ เนื่องจากจีชื่อเอาให้จึงมีสนิมสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์

 

หยุนเถียนเถียนหยิบกุญแจออกมาเพื่อจะเปิดไข แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึง

 

เดิมทีสนิมทองแดงบนนั้นเป็นสีทึบๆ แต่ในส่วนของตัวแม่กุญแจมีสีสดปรากฏขึ้นมา

 

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวสําหรับร่องรอยเหล่านี้ นั่นคือมีคนบิดแม่กุญแจอย่างแรง

 

ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันจะไม่ใช่คนตื่นตระหนก หรือเขาเห็นอะไรบางอย่างแต่พูดออกมาไม่ได้ จึงทําได้เพียงเตือนอย่างคลุมเครือเท่านั้น

 

แต่เฉินผิงอันเกลียดนางมาตลอดไม่ใช่หรือ? จู่ๆจะมาช่วยเรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

โชคดีที่ระวัง จึงไปที่บ้านของจี๋ซื่อเพื่อเอาแม่กุญแจทองแดงมาสองอัน ไม่อย่างนั้นใครจะเข้าไปในโรงงานก็ไม่รู้?

 

ตอนที่ 153 ชะตาของหลี่ซื่อฮวา

 

เฉินไฉ่อีหน้าแดงก่ําในทันใด นางก้มศีรษะลงอย่างเอียงอายและตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าค่ะ!”

 

จากนั้นก็เดินหันหลังเข้าห้องไป เดิมที่ลูกสาวเป็นเด็กร่าเริงอยู่ดี ๆ มาเดินด้วยท่าทางเยี่ยงกุลสตรีเช่นนี้ หัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านหนักอึ้ง!

 

ยิ่งเมื่อเขาบังเอิญหันไปเห็นรอยยิ้มลึกซึ้งของหลี่ซื่อฮวาหัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเย็นเยียบ!

 

นี่คือนายน้อยหลี่ ไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถขุ่นเคืองได้เขาก้มลงและพาชายหนุ่มผู้นี้เข้าไปในห้องโถงอย่างเร่งรีบ!

 

เสี่ยวชื่อเบ้ปากอย่างเจ็บใจ ชายแก่ผู้นี้จริงจังมากแม้ว่าลูกสาวของเขาจะงดงาม แต่นางก็เป็นบุตรสาวในตระกูลต่ําต้อยอยู่ดี! หญิงสาวเจ้าเล่ห์ในหมู่บ้านยังสวยกว่าหญิงผู้นี้อีกหัวหน้าหมู่บ้านกีดกันนายน้อยของเขาราวกับเป็นข โมย!

 

หลี่ซื่อฮวาเหลือบหางตามอง เมื่อเห็นท่าที่ตลกขบขันของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสายหัวและยิ้มจากนั้นจึงยื่นพัดออกไปเคาะหัวเสี่ยวชื่อ!

 

เสี่ยวชื่อได้สติในทันที และไม่กล้าทํากิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้อีก!แต่ก็ยังแอบบ่นพึมพําในใจ

 

“นายน้อยหลี่ห้องเย็นนี้เรียบง่าย ต้องขออภัยด้วย!”

 

หลี่ซื่อฮวาโบกพัดในมือของเขาแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “แม้เรียบง่าย นายน้อยผู้นี้ก็คงอยู่ไม่นานมิใช่หรือ?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างเชื่องช้าและยิ้ม “ใช่แล้ว! ข้าพูดมากไปแล้ว!”

 

หลี่ซื่อฮวายังคงกล่าวถึงเด็กสาวไร้หัวใจผู้นั้นทันใดนั้นก็นึกบางอย่างได้และถามขึ้น “ตอนนั้นที่ข้ามา ผู้หญิงคนนั้นยังแซ่เฉิน เหตุใดชั่วพริบตาถึงกลายเป็นหยุนไป ได้? มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านได้แต่ทอดถอนใจ ในเมื่อนายน้อยเอ่ยปากถามก็บอกความจริงดีไปกว่า!

 

ขณะที่ทั้งสองกําลังคุยกัน เฉินไฉ่อีเปิดประตูห้องของนางอย่างเงียบ ๆ และลอบมองผ่านช่องประตูจ้องคนที่สีหน้าเคร่งเครียดซึ่งกําลังขมวดคิ้วฟังอย่างตั้งใจ

 

เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเห็นเข้าหัวใจของนางแทบร่วงจึงรีบเดินไปผลักลูกสาวเข้าไปในห้อง!

 

“เด็กดื้อ เจ้ามองอะไรหรือ?”

 

เฉินไฉ่อถูกขังไว้ในห้องอยู่นานและไม่เคยเห็นนายน้อยผู้นี้มาก่อนเวลานี้จึงรู้สึกแปลกใหม่

 

“แม่! คนผู้นั้นเป็นใคร?”

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมองดูใบหน้าเขินอายของลูกสาวแล้วถอนหายใจ! ดูเหมือนว่าเมื่อลูกสาวของนางโตขึ้นก็เริ่มควบคุมไม่ค่อยได้

 

แต่ถึงจะควบคุมไม่ได้ ก็ปล่อยให้เด็กคนนี้มาอยู่ใกล้ชายมากรักไม่ได้อยู่ดี

 

“เด็กดื้อด้าน อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม! นายน้อยผู้นั้นไม่ใช่คนดีปีศาจราคะผู้มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเราเจ้าจักรู้หรือไม่?”

 

เมื่อพูดถึงชื่อของนายน้อยหลี่ เฉินไม่อีกหน้าซีดแม้จะเคยได้ยินเพียงเท่านั้น แต่ทุกคนก็รู้ดีถึงความโหดเหี้ยมและบ้าตัณหาของเขา!

 

“ใช่แล้ว เขาดูเหมือนมนุษย์สวมชุดผ้าไหมทั่วไปแต่คนผู้นี้มองแค่เปลือกนอกไม่ได้ นั่นคือหลี่ซื่อฮวานายน้อยคนโตของตระกูลหลี่ตอนนี้พ่อของเจ้ากําลังขัดขวางไม่ให้เจ้าพบเจอเขาดังนั้นอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดในยามวิกฤติ!”

 

“ในหมู่บ้านนี้ แม้ว่าพ่อของเจ้าจะเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านแต่ข้างนอกนั้นหากนายน้อยหลี่ชิงตัวเจ้าไปพ่อเจ้าก็ช่วยชีวิตน้อย ๆของเจ้าไว้ไม่ได้เข้าใจหรือไม่?”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงหญิงผู้นี้น่าจะรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้จึงออกไปทํางานของตัวเอง

 

แต่เฉินไม่ดีไม่คิดอย่างนั้น นางคิดอยู่เสมอว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่เป็นความจริงแน่นอน

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะรู้สึกกลัวแต่เมื่อเห็นหลี่ซื่อฮวานางก็รู้สึกว่าสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดเป็นเรื่องหลอกลวง

 

ชายหนุ่มที่รูปงามผู้นี้ช่างดูอ่อนโยนเมื่อเขายิ้มให้นางคนเช่นนี้จะเป็นคนมากราคะและโหดเหี้ยมได้อย่างไร บางทีอาจมีคนอิจฉานายน้อยหลี่จึงทําลายชื่อเสียงของเขา

 

เฉินไฉ่อีเป็นลูกสาวของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านผู้ที่อบรมเลี้ยงดูนางอย่างเอาใจใส่มาโดยตลอดก็คือพ่อของนาง

 

หญิงสาวถือได้ว่าเป็นคนที่หายากในหมู่บ้านที่สามารถอ่านหนังสือได้แม้ว่าพ่อของนางมักจะขอให้อ่านหลักสี่คุณธรรมของหญิงสาวแต่นางกลับรู้สึกว่าท่านพ่อนั้นอวดดี เกินไป จึงแอบซื้อหนังสือนิยายจากร้านหนังสือในเมืองมา

 

ชายหนุ่มตรงหน้านั้นหล่อเหลามาก เมื่อมองแวบแรกเขาดูคล้ายกับบัณฑิตที่มีความรักเหมือนในหนังสือ!ในตอนนี้ใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยจินตนาการเพ้อฝัน หัวใจของเฉินไฉอีได้หลุดลอยไปเสียแล้ว!

 

หลี่ซื่อฮวาได้ฟังเรื่องราวของหญิงสาวจากหัวหน้าหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีคนที่ชีวิตน่าตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าบทขับร้องเพลงงิ้ว!

 

ในตอนนี้เขายิ่งรู้สึกชื่นชมเด็กสาวมากขึ้น หลินชวนฮวาและคนอื่น ๆ สามารถบดขยี้เด็กสาวให้ตายได้ลงมือทําเรื่องโง่เขลาในเวลานี้ได้อย่างไรเป็นไปได้ที่เด็กสาวจะมีส่วนในเรื่องนี้

 

ดูเหมือนเด็กสาวผู้นี้เคยบอกต่อหน้าว่าจะร่วมมือกับเขานางไม่ได้โกหกและสามารถทําได้จริง!

 

เขาขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเคร่งขรึม จากนั้นหันหลังกลับขึ้นรถม้าด้วยความช่วยเหลือจากเสี่ยวชื่อ!

 

เฉินไฉ่อมองแผ่นหลังของหลี่ซื่อฮวาด้วยความหลงไหลชายหนุ่มที่สุภาพเช่นนี้ จะเกี่ยวโยงกับคําร่ําลือที่โหดร้ายได้ อย่างไร?

 

เมื่อเฉินซ่งหันกลับมาเห็นท่าที่โง่งมของลูกสาว เขาก็รู้สึกแย์ในใจ!

 

“ไฉ่อี! เจ้ากําลังทําอะไร?”

 

เฉินไม่กี่รู้สึกถึงความเข้มงวดในน้ําเสียงของผู้เป็นพ่อ จึงรีบเก็บสายตาและก้มศีรษะลงกล่าวเสียงเบา“ท่านพ่อ! ไม่.. ไม่มีอะไร!”

 

เฉินซ่งถอนหายใจ รู้ว่าเขาควบคุมหัวใจของลูกสาวคนนี้ไม่ได้!นางเป็นลูกสาวที่รักที่สุดของเขาจะให้แต่งงานกับคนอย่างหลี่ซื่อฮวาได้อย่างไร?

 

แม้ว่าเขายังพอมีอํานาจอยู่บ้างในหมู่บ้านนี้ แต่เกรงว่าตนจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปพูดต่อหน้าคนอย่างนายน้อยหลีหากลูกสาวของเขาแต่งงานไปอย่างมากสุดนางก็ได้เป็นแค่นางบําเรอบางทีนางอาจจะไม่ได้เป็นด้วยซ้ําแต่เป็นได้ แค่สาวใช้ข้างห้อง!

 

“ลูกเอ๋ย พ่อกับแม่หวังดีต่อเจ้าเสมอ นายน้อยผู้นี้ไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าก็ได้ยินชื่อเสียงของเขาทั้งโหดเหี้ยมและมักมากในตัณหาเจ้าจะลงเอยกับคนเช่นนั้นได้อย่างไร?”

 

“นอกจากนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าสถานะของครอบครัวของเราเป็นอย่างไร? ถึงแม้ว่าในหมู่บ้านนี้เจ้าจะสามารถเลือกแต่งกับคนตระกูลใดก็ได้แต่อยู่ในแค่พื้นที่ของหมู่บ้านเทพธิดาส่วนระดับนายน้อยหลี่และคนอื่น ๆ นั้นเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สา มารถอาจเอื้อมได้!”

 

“หาครอบครัวที่ซื่อสัตย์และได้เป็นภรรยาเอก จําเป็นต้องไปเป็นนางบําเรอของเขาหรือ? แม้แต่นางบําเรอบางทีก็อาจจะเป็นไม่ได้เป็นได้แค่สาวใช้ข้างห้อง ยิ่งไปกว่านั้นมีหญิงสาวมากมายที่ต้องตายไปในบ้านของนายน้อยหลี่ไม่เห็นแม้ แต่กระดูก!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 152 คนขี้อิจฉา

 

หากนิสัยเดิมของหยุนเคอเปลี่ยนไป ไม่แน่ว่าอาจจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพังแต่ถึงอย่างไรความอิจฉาของเด็กน้อยก็ไม่มีผลอะไรกับเขาเลย!

 

อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยคนนี้เป็นน้องชายของหยุนเถียนเถียนเช่นนี้เขาจึงต้องอดทนมากกว่าคนอื่นสักเล็กน้อยตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูด หยุนเคอคิดอย่างรอบคอบ และตัดสินใจรออย่างอดทน

 

ชีวิตช่างแสนธรรมดา คนในหมู่บ้านกลัวว่าซูเกินฮูหยินจะบุกมาที่ประตูบ้านของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องซุบซิบของเฉินเจียวเจียวแน่นอนว่าเพียงแค่ต่อหน้า แต่ลับหลังไม่รู้ว่าเฉินเจียวเจียวถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง

 

เฉินเจียวเจียวเงียบไปสองสามวันแล้ว อย่างไรเสียหญิงสาวก็ยังต้องรักษาหน้าเอาไว้บ้าง! แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่พอใจเพียงใดแต่นางก็เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ที่บ้าน ตั้งตารอไปอีกสักพักชาวบ้านถึงจะลืมเลือน และนางก็จะไม่ตกเป็นขี้ปากคน

 

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดคนจากร้านอาหารเซียนหยุนก็มารับสินค้า!

ผู้คนในหมู่บ้านเฝ้าดูเนื้อตากแห้งหอม ๆ กว่าสองพันจินถูกนําออกมาจากโรงงาน

 

จากนั้นก็มองดูเถ้าแก่ส่งตั๋วเงินให้หยุนเสียนเถียน! แม้แต่นายน้อยหลี่ก็ตั้งใจรีบออกมาจากในเมือง!เมื่อเผชิญหน้ากับหยุนเถียนเถียนนายน้อยคนนี้รู้ดีว่าความสุภาพคืออะไร!

 

คนในหมู่บ้านต่างอิจฉาริษยา! แต่ก็ไม่มีใครกล้าก่อกวนหยุนเถียนเถียน!

 

นางหลัวแม่สามีของหลี่เสี่ยวเหอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่กําลังเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น ราวกับลืมความแค้นเคืองระ หว่างนางกับหยุนเถียนเถียนไปแล้ว!

 

ทันใดนั้นนางก็กล่าวขึ้นมาเสียงดัง “แม่หนูหยุน ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้เงินมากมายจากงานนี้! เหตุใดผู้คนที่ทํางานต่าง ๆ ให้เจ้ากลับได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย? อย่างน้อยก็มา จากชาวบ้านเจ้าไม่ควรเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น”

 

รอยยิ้มที่มีความสุขของหัวหน้าหมู่บ้านเลือนหายในทันใด”แม่นางกล่าววาจาเหลวไหลอันใด?อายผู้คนในหมู่บ้านบ้าง ”

 

นางหลัวไม่เกรงกลัวหัวหน้าหมู่บ้าน แม้ว่าน้ําเสียงของนางจะลดลงบ้างแต่ก็ยังหยิ่งผยอง

 

“ผู้ใหญ่บ้านพูดว่าอย่างไร? ไม่มีใครในครอบครัวข้าทํางานในบ้านของนาง! เห็นบอกว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเสี่ยวเหอของข้าแต่ไม่เห็นได้ส่วนร่วมในความร่ํารวยนี้! ข้ารู้สึกไม่ยุติธรรมต่อคนในหมู่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านอย่าเอาแต่รับ ผลประโยชน์จากหญิงผู้นี้และคอยพูดจาดีเพื่อปกป้องนาง เลย”

 

หัวหน้าหมู่บ้านโกรธจนหน้าเขียว เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี แต่ไม่เคยทําอะไรลับหลัง! ผู้หญิงคนนี้ดูถูกเหยียดหยามและทําลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของเขา หัวหน้าหมู่บ้านจะทนได้อย่างไร!

“หากจะมาโวยวายที่นี่ เหตุใดไม่ให้คนในครอบครัวของเจ้าออกมาทํางาน? เจ้ารู้คําตอบดีแก่ใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนหวั่นใจไปชั่วขณะ หากผู้คนในหมู่บ้านถูกนางยั่วยุ คงจะรับมือได้ยาก!

 

“ทุกคนเห็นแต่ตัวเงินที่ข้าได้รับ แต่ไม่ได้คิดถึงตอนที่ข้าจ่ายเงินสดซื้อเนื้อและใช้ฟืนวันละตั้งเท่าไร! พูดตามตรงว่าเป็นเงินที่หามาได้ยาก!แม้แต่เกลือและเครื่องปรุงก็ทําเองทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?เชื่อว่าในใจทุกคนรู้ดี!”

 

“คงเป็นเรื่องไร้เหตุผลสิ้นดี หากข้าหาเงินได้มากมายแต่ไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่ชาวบ้าน ตอนนี้ข้าหาเงินมาได้อย่างยากลําบากทุกคนก็แค่ได้รับค่าจ้างสองเท่าอีกสักพักเมื่อข้ามีหนทางอื่นข้าย่อมฉุดดึงทุกคนให้มีชีวิตที่ดีด้วยกัน! แต่ถ้ามีคนสร้างปัญหาก็จะต้องจัดการให้เร็วที่สุด! ข้า…. หยุนเถียนเถียน ไม่เคยติดค้างผู้ใด เหตุใดถึงต้องถูกต่อว่าเมื่อข้าทําสิ่งที่ดี?”

 

“หากข้าเปลี่ยนใจ ไม่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อีกต่อไป ข้าเชื่อว่าย่อมมีคนจากหมู่บ้านอื่นยินดีต้อนรับข้า! ท้ายที่สุดผลประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้หายากแต่บางคนก็หาไม่ได้”

 

คําพูดของหยุนเถียนเถียนหยุดความโกลาหลในหมู่บ้านทันที!

 

หัวหน้าหมู่บ้านยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่ทําให้คนสูงศักดิ์ศักดิ์ผู้นั้นขุ่นเคืองไม่ได้! การสูญเสียผลประโยชน์เหล่านี้ถือเป็นการสูญเสียในหมู่บ้านเช่นกัน!

 

“เอาล่ะ! หากมีเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีกก็อย่าได้มายุ่งกับของพวกนี้เข้าไม่เชื่อว่าจะมีใครไม่อยากได้เงิน”

 

หลังจากฟังคําพูดยั่วยุสองสามคํานั้น ผู้คนในหมู่บ้านต่างหวั่นไหวในใจ แต่เมื่อคิดให้รอบคอบ ในเดือนที่ผ่านมาพวกเขาก็ได้รับเงินจํานวนมากจากเด็กสาวยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เรียนรู้วิธีการทําเนื้อตากแห้งจากหญิงผู้นี้อีกด้วย

 

โดยเฉพาะน้ํามันสีเข้มนั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรหากไม่ทําตามผู้หญิงคนนี้เกรงว่าจะไม่ได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ด้วย

 

นายน้อยหลี่มีใบหน้ายิ้มแย้ม มองดูผู้หญิงคนนี้จัดการเรื่องในหมู่บ้านด้วยตัวเองนางใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งอย่างเหมาะสม!

 

“สาวน้อย เจ้ากับข้าเป็นหุ้นส่วนกัน ข้ามาถึงหน้าประตูเจ้าแล้วจะไม่เชิญดื่มชาสักถ้วยหรือ?”

 

หยุนเคอรู้สึกหน่วงในอก แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ข้างหลี่ซื่อฮวาก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาด้อยกว่าคนอื่น!

 

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาถูกหนวดเคราขนาดใหญ่ปิดบังไว้และสวมเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดา ๆ อีกด้วย!หากไม่มองนิสัยใจคอของเขาอย่างละเอียดก็คงไม่สามารถเป รียบเทียบกับนายน้อยหลี่ที่แต่งตัวหรูหราตรงหน้าเขาได้จริงๆ!

 

จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเกิดหน้ามืดตาบอดจะทําอย่างไรหากนางตกหลุมรักพี่ชายผู้เย่อหยิ่งคนนี้ขึ้นมา?

 

ใครจะรู้ว่าท่าทีของหยุนเถียนเถียนจะทําให้เขาโล่งใจในทันที

 

หญิงสาวกลอกตา “ต้องขออภัยนายน้อยหลี ที่บ้านของพวกข้าไม่มีชาสักถ้วยท่านคงต้องไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน!หัวหน้าหมู่บ้านนายน้อยหลี่กล่าวว่าเขาจะอยากไปนั่งที่บ้านของท่าน”

 

สาวน้อยผู้นี้ไม่เปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธเลย นายน้อยหลี่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และทําได้เพียงเดินไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน!

 

สิ่งที่ทําให้เขาไม่พอใจมากที่สุด ก็คือเด็กสาวรับเงินก้อนนั้นแล้วเดินเข้าไปในลานบ้านราวกับเด็ก ๆ ไม่แม้แต่จะสนใจเขาเลยด้วยซ้ํา!

 

หัวหน้าหมู่บ้านค่อนข้างแก่แล้ว และก็กลัวที่จะเชิญนายน้อยมาที่บ้านของเขาในขณะเดียวกัน ก็หวังว่าลูกสาวของเขาจะมีไหวพริบ!หลบซ่อนตัวไว้อย่าให้ชายหนุ่มเจ้าสําราญผู้นี้พบเห็น!

 

ผู้ใดจะรู้ ยิ่งกลัวบางสิ่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะเกิดขึ้น!

 

เมื่อเฉินซ่งพานายน้อยหลี่เข้าไปในบ้านของเขา ลูกสาวของเขาบังเอิญยืนอยู่ในสนามมองไปที่ไม้ผลไม้ข้าง ๆ เขาเหมือนว่าผลไม้บนต้นนั้นสุกแล้ว!

 

เฉินซ่งลอบถอนหายใจในใจ ลูกสาวคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของเขา! อยู่ดี ๆ ก็เจ็บในใจ!

 

เขารีบก้าวไปข้างหน้าและตะโกนบอก “สาวน้อยรีบไปขอให้แม่ของเจ้าต้มน้ํา มีแขกมาที่บ้านให้นางเตรียมชาดี ๆสักกา!”

 

ทันทีที่เฉินไม่อีหันมา นางก็เห็นชายหนุ่มรูปงามและรํารวยส่งยิ้มให้

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 151 ช่วงเวลาแห่งความสุข

 

เฉินเจียวเจียวที่นั่งยองๆอยู่บนพื้น ฟังคําถากถางจากคนรอบข้าง พลันใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดสลับแดง

 

โชคดีที่นั่งยองๆกุมหัวไว้ จึงไม่มีใครเห็นหน้าของนาง เมื่อเห็นว่ายิ่งแม่ปกป้องนางมากเพียงใด คนรอบข้างก็ยิ่งเยาะเย้ยมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดก็ทนนิ่งเฉยไม่ได้!

 

“หยุนเถียนเถียน ไม่ว่าข้าจะไร้ยางอายเพียงใด ข้าก็ไม่เหมือนเจ้า ปล่อยให้สามีออกไปทํางานกลางแดด แต่เจ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างเกียจคร้าน!”

 

หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในตอนนี้เฉินเจียวเจียวจะยังสามารถเงยหน้าขึ้นมากัดนางได้

 

ด้วยกลัวว่าหลานสาวจะต้องเจ็บปวด จีชื่อจึงยืนขึ้นอีกครั้ง “เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าเขาเป็นสามีของผู้อื่น? ในเมื่อหยุนเคอเป็นสามีของเถียนเถียน เจ้าเป็นคนนอกจะมากังวลใจด้วยเหตุใด? ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานมีใจห่วงใยสามีคนอื่น ช่างเพ้อฝันเสียจริง!”

 

แม้ว่าซูเจินฮูหยินจะโกรธลูกสาวของนาง แต่ก็กลัวว่าจะเสียหน้า จึงรีบดึงเฉินเจียวเจียวไปหลบอยู่ข้างหลัง!

 

“จีซื่อ เจ้าช่างมีเมตตาต่อผู้อื่นนัก หรือเจ้าเป็นคนโง่? ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หลานสาวของตระกูลเฉิน! แต่เป็นเด็กไม่มีพ่อที่ไหนก็ไม่รู้!”

 

ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนสลดลงเมื่อได้ยินคําพูดนี้ และทักษะการต่อสู้ที่นางได้เรียนรู้จากการฝึกตํารวจพิเศษเมื่อสองสามปีก่อนก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง!

 

หยุนเถียนเถียนที่ทุกคนคิดว่าอ่อนแอ กระโดดขึ้นเตะปลายคางของซูเจินฮูหยินด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว!

 

ยิ่งโกรธมากยิ่งใช้แรงมาก! ด้วยร่างกายที่อ้วนท้วนเช่นนี้ ซูเจินฮูหยินจึงถูกถีบลงกับพื้นและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง ดูเหมือนนางจะปากแตก!

 

“เหตุใดท่านไม่ลองพูดอีกสักประโยคเล่า? จะได้เห็นว่าข้าที่ท่านจนหาฟันไม่เจอ!”

 

มีหรือที่ซูเจินฮูหยินจะยอมให้เด็กสาวทุบตี นางจึงลุกขึ้นสู้! ในตอนนั้นเอง หยุนเคอก็เดินมายืนเคียงข้างหยุนเถียนเถียนอย่างเงียบเชียบ!

 

ซูเจินฮูหยินนั้นเป็นคนพาลมาตลอด แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเคร่งขรึมของหยุนเคอ นางก็กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!

 

คนครึ่งหมู่บ้าน ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นวันที่ภรรยาร่างท้วมของเฉินซูเจินมีวันที่พ่ายแพ้ได้เช่นกัน!

 

และไม่คาดคิดว่าหญิงสาวผู้อ่อนโยนมาตลอดจะกล้าทําเช่นนั้น แสดงว่าโกรธไม่เบา!

 

ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความเงียบ ดูเหมือนพวกเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า!

 

เฉินเจียวเจียวยังคงร้องไห้และพูดต่อ “หยุนเถียนเถียน เจ้ามันนังผู้หญิงสารเลว ไร้จิตสํานึก! พี่ใหญ่หยุน นางกําลังรังแกท่านอยู่ ท่านรู้หรือไม่?”

 

จู่ๆก็มีตอบกลับมา ทําเอาคนในที่เกิดเหตุตกตะลึง!

 

หยุนเคอหันกลับมาพูดอย่างเย็นชา “ข้ายินดี แล้วเจ้ามายุ่งอะไรด้วย?”

 

จากนั้นก็ดึงหยุนเถียนเถียนเข้าไปในลานบ้านโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงปิดประตูลานอีกด้านหนึ่ง เพื่อกันสายตาอยากรู้อยากเห็นออกไป

 

ในตอนนี้ จี๋ซื่อก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ดูสิ! เจ้าบอกว่าเป็นห่วงเป็นใยจนต้องเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องในบ้านของคู่รัก แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะปีนขึ้นไปบนหัวของหยุนเคอแล้วอย่างไรล่ะ? พวกเขาอยากทําอะไรก็ย่อมได้!”

 

“เจ้ามีแก่ใจไปห่วงใยคนในครอบครัวผู้อื่น เหตุใดไม่ดูแลแม่ตัวเองเล่า? แม่ของเจ้ากดขี่พ่อเจ้าทุกวัน เหตุใดเจ้าไม่สั่งสอนแม่ของเจ้าบ้างล่ะ!”

 

ผู้หญิงในหมู่บ้านหัวเราะและจากไป ชื่อเสียงของเฉินเจียวเจียวในอนาคตคงจะย่ําแย่มาก!

 

ซูเจินฮูหยินที่ล้มอยู่มองดูลูกสาวด้วยสายตาเย็นชา ตอนนี้แล้ว ยังจะปกป้องคนปาข้างนอกนั่น ไม่ได้คิดเลยว่าแม่จะถูกรังแกจนต้องกองอยู่ที่พื้น!

 

คนรอบข้างพากันหัวเราะลั่น ซูเจินฮูหยินไม่เคยต้องอับอายขนาดนี้มาก่อน!

 

ความแข็งกร้าวในอดีตของนางเป็นเพียงปราการป้องกันตัวเท่านั้น! ด้วยเหตุนี้ เฉินซูเจินจึงไม่กล้าโต้เถียงหรือตําหนินางที่ไม่ให้กําเนิดลูกชายแก่เขา!

 

หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ นางก็ทําได้แค่เพียงก้มหน้าลงกับพื้น!

 

เหตุผลที่นางรักเฉินเจียวเจียวมากก็เพราะว่าเป็นลูกสาวคนเดียว และหวังพึ่งพาเด็กคนนี้ยามแก่ชรา!

 

ตอนนี้นางอับอายขายขี้หน้า เฉินเจียวเจียวยังคงยืนนิ่ง และร้องไห้โดยไม่มีน้ําตา! เรื่องง่ายๆแค่นี้ยังช่วยแม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ํา!

 

พลังทั้งหมดของซูเจินฮูหยินพังทลายลงทันที นางมองดูผู้คนค่อยๆแยกย้ายกันไป! พลางหน้าซีดและถอนหายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นกลับบ้าน และพบว่าตัวเองนั้นแก่ลงไปมาก!

 

แม้ว่าเฉินเจียวเจียวจะอับอายอยู่บ้างในตอนนั้น แต่มากกว่าความอายก็คือความโกรธแค้น! คิดว่าหยุนเคอเป็นเพียงลูกพลับนิ่ม แต่ความจริงแล้วเป็นกระดูกแข็งจนกัดไม่เข้า

 

นางคิดว่าตราบใดที่แม่ของนางยังอยู่ที่นี่ แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็สามารถถูกรังแกได้เท่านั้น! แต่ใครจะรู้ว่าคนที่ซื่อตรงและถ่อมตนเช่นนี้ เมื่อต่อต้านขึ้นมาก็ไม่กลัวแม่ของนาง!

 

ความอับอายและการเยาะเย้ยที่นางได้รับในวันนี้ ล้วนต้องขอบคุณหยุนเถียนเถียน! ความเกลียดชังดุจดังกระแสน้ําหลั่งไหลไปสู่หยุนเถียนเถียน!

 

ฝูงชนค่อยๆแยกย้ายกันไป แม่ของนางก็ไม่สนใจและจากไป! ในที่สุดเฉินเจียวเจียวก็กลับบ้านด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่มีใครสนใจว่านางคิดอะไรอยู่

 

แม้ว่าหยุนเคอจะมีสถานะอันสูงส่งในอดีต และไม่เคยทํางานหนักขนาดนี้มาก่อน แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มต้น! รอจนปาดเหงื่อออกจากหัว แล้วมองพื้นดินอย่างมีความหวัง!

 

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง! หากเป็นสมัยก่อน คงไม่มีวันเชื่อว่าเขาหยิบจอบของเกษตรกรและทํางานที่ชาวนาควรทําจริงๆ!

 

หยุนเถียนเถียนคิดถึงการปกป้องของหยุนเคอวันนี้ ก็รู้สึกมีความสุขมาก! อาหารค่ําวันนี้ จึงทําเพิ่มเป็นพิเศษอีกสองจาน! และร้องเพลงอยู่ในครัว!

 

หยุนเคอที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเพลงที่ร่าเริงดังมาจากข้างใน ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น!

 

เฉินเฉินที่กําลังนั่งเขียนหนังสืออยู่ข้างใน ได้ยินเสียงเอะอะจากภายนอก เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกรังแกพี่สาวของเขา ใบหน้าเล็กซีดของเขาก็มืดมน! ราวกับมีกระแสไฟในดวงตา!

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนเปิดประตูและเรียกเขาออกไปกินข้าว ใบหน้าที่มืดมนของเฉินเฉินก็กลับมามีรอยยิ้มที่เรียบง่ายอีกครั้ง!

 

“พี่สาว! เมื่อกี้ทะเลาะกันเรื่องอะไร?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ก็แค่เรื่องตลกนิดหน่อย! เฉินเอ๋อไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่ายังมีพี่เขยของเจ้าช่วยจัดการเรื่องทั้งหมดนี้หรอกหรือ? เจ้าแค่ตั้งใจเรียนให้ดี”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่ไม่มีใครเห็นความลุ่มลึกในดวงตาน้อยๆนั้น

 

เนื่องจากหยุนเคอคอยปกป้องตนในวันนี้ หยุนเถียนเถียนจึงรู้สึกสบายใจและตั้งใจมอบตะเกียบสองอันให้เขา ส่วนหยุนเคอเองก็มีความสุขเช่นกัน มีเพียงเฉินเฉินเท่านั้นที่จับจ้องสถานการณ์ทั้งหมดอย่างเย็นชา

 

เขาอิจฉาที่พี่สาวของเขาใจดีกับพี่ใหญ่หยุน

 

ทว่าหยุนเถียนเถียนไม่ได้ใส่ใจสังเกตเรื่องพวกนี้ แต่หยุนเคอสังเกตเห็นอย่างละเอียด เพราะดวงตาของเฉินเฉินเป็นดังมีดที่จ้องตรงมาที่ตัวเขา มันเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา!

 

ตอนที่ 150 หยุนเถียนเถียนโดนหางเลข

 

หยุนเถียนเถียนไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังนัก ส่วนหยุนเคอก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นจึงเดินไปหยิบถังไม้ที่ตกพื้นและตักน้ำขึ้นมาอีกครั้ง

 

ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่นาน ซูเกินฮูหยินก็วิ่งเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด นางเดินไปพลางสาปแช่งไปพลาง “หยุนเถียนเถียนนังคนใจดํา เจ้ากล้ารังแกลูกสาวข้า!

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนสีหน้าของหยุนเคอนั้นยิ่งทะมึนขึ้น!

 

ตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว และกําลังจะเดินเข้าไปในไร่ เสียงดังเป็นสองเท่าซูเกินฮูหยินนั้นดึงดูดทุกคนให้เข้ามา!

 

หยุนเถียนเถียนยืนอยู่ข้างธรณีประตูและมองดูฝูงชนที่รุมล้อมโดยไม่หวั่นไหว ก่อนจะกอดอกและพูดเยาะเย้ย ” ข้าเก็บตัวอยู่ในลานบ้านทั้งวัน ไม่รู้ว่าข้าไปรังแกผู้อื่นได้อย่างไร? เห็นแต่ท่านเข้ามารังแกข้าถึงในบ้านมิใช่หรือ?”

 

จี๋ซื่อกลัวว่าหลานสาวตัวน้อยของนางจะตกอยู่ในสถานการณ์ลําบาก รีบฝ่าฝูงชนเข้าไป และตะโกนขึ้น “ซูเกินฮูหยิน เจ้าควรคิดให้ดีก่อนพูด! ทุกคนรู้ดีว่าหลานสาวของข้าเป็นคนเช่นไร ที่ผ่านมานางถูกหลินชวนฮวากดขี่ ดังนั้นย่อมแข็งแกร่งขึ้น! ในทุกวันนี้นางเถรตรงยิ่งกว่าเถรตรง ต่อให้มีความกล้าอีกสิบเท่า นางก็ไม่รังแกลูกสาวของเจ้าหรอก! นางจะไม่รู้เชียวหรือว่าซูเกินฮูหยินขึ้นชื่อเรื่องปากร้ายเพียงใด?”

 

ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนแข็งค้างไปเล็กน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ในเมื่อบอกว่านางเป็นคนฉลาด เหตุใดถึงบอกว่าเป็นคนขี้ขลาดอีกด้วย?

 

แต่คําพูดของจี๋ซื่อก็สะท้อนถึงคําถามที่ว่าหยุนเถียนเถียนรังแกเฉินเจียวเจียวอย่างไร!

 

จึงเหมือนว่าคนหนึ่งก่อกวนได้ยาก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ทําอะไรไม่ถูก!

 

“ลูกสาวของข้ามาอยู่ที่บ้านเจ้าได้สักพักก็ร้องไห้วิ่งกลับบ้าน ทั้งหน้าฟกช้ำและยังอับอาย เจ้าเป็นคนทําใช่หรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนคํานวณเวลา ในตอนนี้เฉินเจียวเจียวน่าจะยังไม่ทันได้ทําความสะอาดร่างกาย! เมื่อถูกทําร้ายจากข้างนอก ก็กลับไปฟ้องพ่อแม่!

 

“ข้าประหลาดใจนัก ลูกสาวของท่านเดินไม่ดีจึงล้มลงกับพื้น นางยังกล่าวหาว่าเป็นความผิดของข้าอีกหรือ? ท่านคิดว่าข้ารังแกคนได้ง่ายงั้นหรือ? หากท่านยืนยันว่าข้าเป็นคนรังแก ข้าก็หาใช่คนไร้เหตุผล เรียกลูกสาวของท่านออกมาเผชิญหน้ากัน มาดูกันว่าข้า หยุนเถียนเถียนรังแกนางอย่างไร?”

 

ซูเกินฮูหยินตะโกนเสียงดังไปยังทิศทางบ้านของนาง “เจียวเจียว ออกมาแสดงให้ทุกคนเห็น ดูว่าเจ้าถูกผู้อื่นรังแกได้อย่างไร!”

 

เฉินเจียวเจียวได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากนอกบ้านและเริ่มบ่นแม่ของนางในใจ! ออกไปด้วยสภาพน่าอายในตอนนี้ หากหยุนเคอเห็นเข้าคงไม่ชอบยิ่งกว่าเดิม

 

อันที่จริงแล้วนางไม่จําเป็นต้องกังวล หยุนเคอเคยเห็นสภาพที่น่าอับอายของนางมานานแล้ว แม้ว่าเห็นก็ไม่สนใจ!

 

แม้ว่าแม่ของนางจะเข้าใจว่าลูกไม่ได้ถูกผู้อื่นรังแก แต่ปกติก็มักจะร้องเรียนหาความเป็นธรรมจากผู้คนภายนอก! ถ้านางไม่เชื่อฟังแม่ย่อมไม่ใจยอมแพ้

 

เฉินเจียวเจียวเช็ดหน้าของนางลวกๆ อย่างน้อยก็ทําให้ใบหน้าสะอาดสะอ้านขึ้น แล้วค่อยเดินออกไปข้างนอก

 

ผู้คนแยกออกจากกัน เฉินเจียวเจียวที่ผมกระเซิง ร่างกายเปื้อนโคลนก็เดินเข้ามา

 

หยุนเถียนเถียนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลานี้ไม่เหมาะสม นางอยากจะหัวเราะจนตัวงออีกครั้งจริง ๆ

 

หยุนเถียนเถียนไออย่างจริงจังแล้วพูดด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “เฉินเจียวเจียว เจ้ากลับบ้านไปฟ้องว่าหยุนเถียนเถียนรังแกเจ้า ข้ารังแกเจ้าอย่างไร? เจ้าพูดเช่นนี้ไม่ละอายหรือ ข้าเป็นคนผลักเจ้าล้มหรืออย่างไร?”

 

เดิมที่เฉินเจียวเจียวต้องการจะพยักหน้าเพื่อใส่ร้ายนาง แต่แล้วหยุนเคอก็เดินเข้ามา

 

เฉินเจียวเจียวที่ตั้งใจจะสร้างภาพว่าตนนั้นอ่อนโยนและจิตใจดี ต่อหน้าหยุนเคอ! หากโกหกคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่หยุนเคอนั้นรู้ดี นางจึงคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวคําเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้าไม่กล้าพูด ข้าจะเล่าแทนเจ้าเอง! ในตอนที่พี่ใหญ่หยุนกําลังรดน้ำอยู่ในสวนเจ้าก็แต่งตัวสวย เข้ามาบ่นว่าข้าไม่สนใจเขาและปล่อยให้เขาทํางานกลางแดดที่แผดเผา! ก่อนจะแสร้งทําเป็นช่วยเหลือเขา”

 

“พี่ใหญ่หยุนพูดไม่เก่ง ไม่ทันได้ปฏิเสธ แต่เจ้าก็เอาขันน้ำจากเขาไป แล้วเจ้าก็เสนอตัวทํางานให้! เมื่อมีคนบางคนยินดีเป็นวัวเป็นม้า ใครจะทนตากแดด พี่ใหญ่หยุนก็เลยเดินเข้าไปพักผ่อน!”

 

“แต่ไม่มีใครขอให้เจ้าทํางานให้เรา เป็นเจ้าที่เข้ามาช่วยเอง หากเจ้าอยากช่วยก็ย่อมได้ จากนั้นก็ใส่ชุดสวย ๆ เดินถือถังไม้ไปหาบน้ำ แต่ผลปรากฏว่าเจ้ายกถังน้ำขึ้นไม่ได้แล้วลงกับพื้น ดังนั้นจึงวิ่งกลับบ้านไปฟ้องแม่ว่าข้ารังแกเจ้า!”

 

“ข้าประหลาดใจนัก ข้ารังแกผู้ใด ข้าแค่นั่งอยู่ในบ้านและไม่มีใครพูดอะไรกับเจ้าเลย ข้าจะรังแกเจ้าไปเพื่อเหตุใด?”

 

เฉินเจียวเจียวถูกเปิดโปงกลางที่สาธารณะ จึงทั้งโกรธทั้งอาย แต่นางก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ทันใดนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้ออกมา

 

จี๋ซื่อรู้ดีว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ จึงพูดอย่างประชดประชัน “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนสั่งสอนเด็กไร้ยางอายผู้นี้! เป็นหญิงสาวแต่แต่งตัวสวยวิ่งแร่ไปหาผู้ชายและบอกเขาว่าต้องการช่วยงาน คบหาดูใจกับใครอยู่หรือ?”

 

ป้าหวางก็ไม่ชอบคนแบบนี้ที่สุด จึงพูดขึ้นมาเบา ๆ “ไร้ยางอายจริงๆ ล้มก็ล้มไปสิ ยังจะมากล่าวหาผู้อื่นอีก!”

 

“เมื่อตอนที่หยุนเคอเป็นพรานป่า ไม่เคยเห็นว่าเฉินเจียวเจียวจะสนใจใยดี ตอนนี้เขาสามารถสร้างบ้าน สร้างโรงงานและก็จะแต่งงานมีเมียแล้ว แต่กลับมาเปลี่ยนใจเพราะหวังผลประโยชน์ ผู้ใดกันแน่ที่น่ารังเกียจ?”

 

” พวกเจ้าหุบปากนะ ลูกสาวของข้าไม่ได้ไร้คนเหลียวแล ใครจะชอบเจ้าคนป่านี่!”

 

ซูเกินฮูหยินโกรธและตวาดเสียงดัง ในขณะเดียวกันก็จ้องมองไปยังหญิงสาวที่กําลังผิดหวังอยู่ข้าง ๆ

 

ความจริงแล้วก็รู้สึกผิดที่พูดแบบนี้กับลูก เหตุผลที่เฉินเจียวเจียวมาถึงจุดนี้ก็เพราะว่าไม่มีใครต้องการ

 

เฉินเจียวเจียวต้องการแต่งงานกับเศรษฐี แต่คนรวยที่ไหนจะสนใจสาวชาวบ้าน? ชาวนาธรรมดาคงไม่อยากได้คนสวยมีเสน่ห์แต่ไม่สามารถทํางานหนักได้!

 

ยิ่งไปกว่านั้น เดิมที่เฉินเจียวเจียวตั้งใจที่จะอยู่ในบ้านเพื่อรับเขยที่แต่งเข้า! แต่ซูเกินฮูหยินนั้นดุมาก แม้ว่าจะเป็นแค่ความคิดเพียงเล็กน้อย นางก็ไม่กล้ายั่วยุ!

 

เมื่อนางกล่าวคําเหล่านี้อย่างไม่มั่นใจนัก จี๋ซื่อก็หัวเราะออกมา!

 

“เจ้าคิดอย่างนั้น แต่ลูกสาวของเจ้าไม่คิดน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะมาทําเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

ตอนที่ 149 ฟ้อง

 

ปกติคนในหมู่บ้านจะสวมกางเกงขาสั้นสะอาดๆ เวลาทํางาน แม้แต่ผู้หญิงก็สวมกางเกงขายาวการสวมกระโปรงช่างเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง!

 

แต่เพื่อให้ผู้อื่นเห็นความงามของนาง ครั้งนี้เฉินเจียวเจียวจึงสวมกระโปรงยาวออกมาข้างนอกกระโปรงยาวพลิ้วไปตามสายลมดูสวยมากจริงๆ!

 

แต่แค่เฉพาะตอนที่ไม่ได้ทํางานเท่านั้น เมื่อต้องมารดน้ําเฉินเจียวเจียวก็ลําบากไม่น้อยทําได้เพียงจับชายกระโปรงขึ้นมาเพื่อทํางานต่อไป!

 

เนื่องจากไม่เคยยกของหนักมาก่อน ท่าทางจึงทุลักทุเลไม่น้อยยิ่งต้องใช้มืออีกข้างคอยจับกระโปรงไว้!แค่ยกถังเปล่าคู่หนึ่งขึ้นมาก็ทําให้นางเดินเซ!

 

หยุนเถียนเถียนมองดูอย่างเย็นชา จินตนาการได้อย่างชัดเจนว่าเฉินเจียวเจียวจะอยู่ในสภาพใดเมื่อถังไม้เต็มไปด้วยน้ํา!

 

เฉินเจียวเจียวกําลังดิ้นรนเติมน้ําใส่ถังจากข้างลําธารที่อยู่ไม่ไกลจากนั้นก็กัดฟันใช้แรงทั้งหมดที่มีหาบน้ําขึ้นมาอย่างฝืนใจ!

 

ไหล่เล็กๆ ที่ไม่เคยผ่านการออกกําลังกาย เมื่อถูกกดลงไปจึงทําให้นางเจ็บปวดมาก! แต่เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าชายในดวงใจเฉินเจียวเจียวก็อดทนอย่างดื้อรั้นและวางมือขวารองไว้ใต้ไม้บนไหล่

 

แน่นอนว่ามันทําให้สบายมากขึ้น แต่ก็ทําให้นางไม่มีมือว่างไปจับกระโปรง!

 

กระโปรงของนางนั้นยาวในระดับพอดีพื้น เนื่องจากหลังที่งออุ้มชายกระโปรงด้านหน้าจึงลากไปกับพื้น

 

เฉินเจียวเจียวเอาแต่จับจ้องไปที่ใบหน้าของหยุนเคอจึงไม่ได้คอยมองที่รองเท้าปักของตน เมื่อเหยียบเข้าที่ชายกระโปรงด้านหน้าจากนั้นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น!

 

เสียงกรีดร้องดังขึ้น พร้อมกับถังไม้คู่หนึ่งที่ เต็มไปด้วยน้ําและไม้หาบคานกดทับเฉินเจียวเจียวที่ล้มคว่ําลงไปกับพื้นอย่างหนักหน่วง!

 

ใบหน้าที่แดงก่ํานั้นกระแทกกับพื้นอย่างแรงทั้งยังเปื้อนฝุ่นมอมแมมแม้แต่ก้อนหินบนพื้นก็ถูก อาบย้อมไปด้วยรอยเลือด!

 

น้ําในถังไม้กระเซ็นลงพื้นกลายเป็นบ่อโคลน! ผู้ที่นอนอยู่ในบ่อโคลนก็คือเฉินเจียวเจียวซึ่งเดิมที่แต่งกายด้วยชุดสวยงาม

 

ตอนนี้อย่าพูดถึงภาพลักษณ์ที่มีเสน่ห์เลยแม้แต่ใบหน้าก็เกือบเสียโฉม! เฉินเจียวเจียวร้องไห้ออกมาทันที

 

เมื่อเห็นฉากนี้หยุนเถียนเถียนก็กลั้นยิ้มไม่ได้อีกต่อไปจึงกุมท้องของนางแล้วหัวร่องอหงายออกมาเสียงดัง นางถึงกับ หัวเราะทั้งน้ําตา!

 

หยุนเคอที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นหญิงสาวมีความสุข หัวใจของเขาก็มีความสุข เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ําตาออกจากหางตาของหยุนเถียนเถียน!

 

เฉินเจียวเจียวยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม นางจงใจเสแสร้งต่อหน้าหยุนเคอจนตอนนี้นางล้มลงอย่างรุนแรง หยุ นเคอก็ยังไม่สนใจ!

 

ผู้หญิงคนที่เอาแต่หัวเราะเยาะอยู่ในห้องยังคงได้รับการเอาใจใส่จากหยุนเคอมากที่สุด!

 

เฉินเจียวเจียวรู้สึกคิดผิดถนัด ในที่สุดนางก็ยอมแพ้ก่อนจะลุกขึ้นจ้องมองหยุนเถียนเถียน จากนั้นก็รีบหันหลังกลับบ้านของไป!

 

“ฮ่า ๆ! ข้าหัวเราะจนจะตายอยู่แล้ว! หยุนเคอ ตอนนี้นางคงเศร้ามากท่านทําให้ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านของเราต้องร้องไห้มาดูกันว่าพ่อแม่ของนางจะปล่อยท่านไปไหม!”

 

หยุนเคอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเด็กสาวผู้นี้ไร้สํานึกจริงๆเห็นได้ชัดว่าจงใจให้ผู้หญิงน่าขยะแขยงคนนั้นทําเรื่องตลกให้นางหัวเราะขบขันต่อหน้า! แต่ตอนนี้กลับโยนเรื่องที่แม่นางเฉินเจียวเจียวผู้นั้นร้องไห้มาใส่หัวเขาดีจริงๆ!

 

“ไม่มีทางเ”

 

หยุนเถียนเถียนหันมาด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าคําพูดของหยุนเคอหมายถึงอะไร

 

“หมายความว่าพวกเขาจะไม่มารบกวนท่านใช่หรือไม่? ใช่แล้วครั้งสุดท้ายที่ท่านแขวนพ่อของนางไว้บนต้นไม้เขากลัวมากถ้าฉลาดอยู่บ้างคงจะไม่มาสร้างปัญหาให้ท่าน!ข้าอนาถใจนักแม่นางเจียวผู้นี้ดูเหมือนจะเกลียดข้า!”

 

เหตุใดถึงเกลียดเจ้า? นางจะกล้าทําอะไรเจ้าหรือไม่? แต่ถึงอย่างไรอยู่กับข้าก็ไม่มีผู้ใดแตะต้องเจ้าได้

 

หยุนเคอไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ เพียงแค่มองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหยุนเถียนเถียนอย่างอ่อนโยน

 

เขาเหม่อมองจนลืมกระพริบตา ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ!

 

หยุนเถียนเถียนหุบยิ้มกระทันหัน และใช้มือสัมผัสที่ใบหน้าดูเหมือนว่าไม่มีอะไรบนใบหน้า เหตุใดหยุนเคอถึงจ้อง มาที่นางด้วยสายตาเช่นนั้น?

 

“พี่ใหญ่หยุน? เป็นอะไรไป?”

 

หยุนเถียนเถียนยื่นมือออกไปโบกตรงหน้าหยุนเคอสิ่งนี้ทําให้หยุนเคอหวนสติกลับคืนมา!

 

หยุนเคอหันหน้าหนีด้วยความตื่นตระหนก หยุนเถียนเถียนจึงเห็นเพียงหูที่แดงขึ้นเล็กน้อยของเขาเท่านั้น

 

อีกด้านหนึ่ง เฉินเจียวเจียวที่ถูกทําร้ายก็ร้องไห้วิ่งกลับบ้า

 

ซูเกินฮูหยินเคยเป็นคนที่แข็งกร้าว แต่นางก็อดทนกับลูกสาวมาก!

 

เมื่อเห็นลูกที่รักดังดวงใจ วิ่งร้องไห้กลับเข้าบ้านมา ก็รีบเข้าไปถาม“เจียวเจียวของแม่… ผู้ใดรังแกเจ้า? บอกข้ามา!”

 

เฉินเจียวเจียวหวนนึกถึงความอับอายต่อหน้าหยุนเคอใบหน้าของนางแดง… เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้และพูดออกมา ไม่ได้!

 

อะไรล่ะ? หรือว่านางทําตัวน่าอับอายต่อหน้าผู้ชาย?

 

ซูเกินฮูหยินร้อนใจ ในวันที่แดดร้อนเช่นนี้ ลูกสาวของนางจะไปนอนในแอ่งโคลนได้อย่างไร นี่มันไม่ถูกต้อง!

 

“เจียวเจียว…สุดที่รักของแม่! ผู้ใดรังแกเจ้า? บอกความจริงมาสิ!ถ้ากล้ารังแกเจ้า แม่จะไม่ปล่อยไว้แน่!”

 

เฉินเจียวเจียวคิดว่าการต่อสู้ของแม่นาง จะทําให้หยุนเถียนเถียนได้เห็นดี!ตอนนี้เหมือนนางจะลืมความกลัวตอนก่อนที่จะวิ่งเข้าประตูกลับมาหาแม่ไปแล้ว!

 

“ท่านแม่.. ฮือ ๆ เป็นนังหยุนเถียนเถียนชั้นต่ํานั่น…”

 

ซูเกินฮูหยินไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินชื่อหยุนเถียนเถียนก็นึกถึงหยุนเคอผู้น่ากลัวขึ้นมา นางรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

 

“เหตุใดหญิงผู้นั้นถึงรังแกเจ้า? เจ้าบอกมา!”

 

เฉินเจียวเจียวพูดพลางสะอื้นไห้ “ข้าหกล้มตอนที่ทํางานให้นางและนางก็หัวเราะเยาะข้า!”

 

ซูเกินฮูหยินยิ่งแปลกใจมากขึ้น ตอนนี้เจียวเจียวนั่งได้แต่ยืนไม่ได้!แล้วไปทํางานให้หยุนเถียนเถียนเมื่อใด?

 

มารดามีสีหน้างุนงง เฉินเจียวที่มีควา มผิดและดื้อรั้นพูดออกมาเสียงดัง “แม่!ท่านไม่เชื่อข้าหรือ? มีเหตุผลอะไรที่ต้องทําให้ตัวเองเป็นเช่นนี้? ข้าไม่สน ท่านต้องไปสั่งสอนนังผู้หญิงสารเลวคนนั้นให้ได้รับบทเรียน!”

 

“ได้ ๆ! เด็กดี อย่าเพิ่งโกรธ บอกข้ามาก่อนว่าหยุ นเคอรังแกเจ้าหรือไม่!”

 

หยุนเคอ? เฉินเจียวเจียวส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว

 

ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าต้องได้ผู้ชายคนนี้ ตอนนี้นางจึงไม่สามารถล้มเลิกได้! ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่แสนเย็นชาของหยุนเคอไม่เพียงแต่ตัวนางเองที่กลัว แต่ยังกลัวว่าแม่ของนางจะดูไม่ดีต่อหน้าเขาอีกด้วย!

 

หญิงสาวพยักหน้า ซูเกินฮูหยินจึงมั่นใจตราบใดที่วิญญาณชั่วร้ายตนนั้นไม่เกี่ยวข้องด้วยนี่ก็เป็นเรื่องง่าย!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 148 หญิงสาวผู้มีคุณธรรม

 

“ตักน้ํา? ทําอะไรหรือ?”

 

หยุนเคอประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “ที่บ้านก็ยังมีถังเก็บน้ํา”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านเป็นใครมาก่อน ท่านไม่รู้ด้วยซ้ําว่าโดยทั่วไปการปลูกผักท่ามกลางแสงแดดแรงกล้าเช่นนี้ หากไม่รดน้ําเกรงว่ามันจะเที่ยว!”

 

“และไม่เพียงแค่รดน้ําในตอนนี้ ต้องทําทุกวันเช้าเย็น! หยุนเคอ ตอนนี้ท่านรู้หรือยังว่าผักที่พวกเรากินนั้นไม่ได้มาโดยง่ายเลย?”

 

หยุนเถียนเถียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ทําให้หน้าของหยุนเคอร้อนขึ้น! เพื่อกลบเกลื่อนความกระวนกระวาย เขาได้กวนถังไม้สองถังในห้องครัวอย่างแรง

 

หยุนเถียนเถียนมองไปที่ร่างสูง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนสูงศักดิ์ แต่กลับมาถือถังไม้สองถัง! ชาติตระกูลของหยุนเคอคืออะไรกันแน่?

ไม่ต้องคํานึงถึงสิ่งอื่นใด แค่ดูจากความรอบคอบของเขา หยุนเคอเป็นที่พึ่งพิงที่ดีจริงๆ! แม้จะไม่ค่อยพูดแต่เขาก็มีน้ําใจและละเอียดอ่อนมาก

 

อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาเป็นเวลาหลายวัน หยุนเถียนเถียนไม่เคยต้องกังวลเรื่องน้ําและไปหาบน้ํา เมื่อใดก็ตามที่น้ําในถังหมดลงจะมีคนเติมทันที

 

อย่างไรก็ตาม หยุนเคอจะลงมือทํางานหนักทุกอย่างด้วยจิตสํานึก และไม่เคยปล่อยให้นางกังวลเรื่องนี้

 

ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆแห่งนี้ มันคงจะดียิ่งขึ้น

 

แต่ชายที่สูงศักดิ์เช่นเขาจะจมอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งนี้ตลอดไปหรือ?

 

เมื่อออกจากหมู่บ้านก็กลับสู่สถานะอันสูงส่งดั้งเดิมของเขา เกรงว่าจะมีผู้หญิงไม่มากนักที่อยู่รอบตัวเขา ด้วยเหตุนี้หยุนเถียนเถียนจึงรู้สึกว่าหยุนเคอนั้นไม่เหมาะกับผู้ใดเลย!

 

นอกจากนี้ ผู้มีสถานะสูงส่งมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาเพื่อเป็นนายพราน เขาจะต้องสูญเสียอํานาจทางการเมืองไปอย่างแน่นอน คนเหล่านี้มีคําสองคําที่สลักอยู่บนร่างกายของพวกเขาคือ… ปัญหา!

 

เพราะกลอุบายของหลินชวนฮวาในวันนั้น ทั้งสองจึงถูกบังคับให้มาอยู่ร่วมกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะกําจัดปัญหานี้

 

ขณะที่กําลังครุ่นคิด หยุนเคอก็หาบน้ําเต็มถังก็เข้ามา เขายกถังขึ้นและกําลังจะเทลงพื้น

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงและรีบเอื้อมมือไปหยุดยั้ง “ถ้าทําเช่นนี้เมล็ดพืชจะถูกชะล้างไปหมด!”

 

หยุนเคอเหมือนเด็กตัวโตยืนอยู่อย่างจนปัญญา มองหยุนเถียนเถียนด้วยความสงสัยราวกับถามว่าจะทําอย่างไร?

 

“ใช้น้ําเต้าที่อยู่ในครัวรดน้ํา แต่ต้องระวังเมื่อเทลงไป อย่าใช้แรงมาก”

 

หยุนเคอเดินหันหลังกลับเข้าไปในครัวและหยิบของออกมา หยุนเถียนเถียนยังคงไม่ไว้วางใจ นางหยิบน้ําเต้าจากมือของเขาและเริ่มรดน้ําที่ละหลุมด้วยตนเอง

 

เมื่อเห็นเด็กสาวมีเหงื่อไหลที่หน้าผาก หยุนเคอรู้สึกราวกับถูกเข็มทิ่มแทง เขาคว้าน้ําเต้ามาด้วยความตระหนก “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะทําเอง!”

 

หยุนเคอมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม ผ่านไปสักพัก เขาน่าจะเรียนรู้ได้แล้ว หยุนเถียนเถียนจึงเดินกลับเข้าห้องอย่างคลายกังวล

 

แดดแรงขนาดนี้นางย่อมไม่หาเรื่องวุ่นวายอีก แน่นอนว่านางขี้เกียจ!

 

ทันใดนั้น เฉินเจียวเจียวก็ก้าวสั้นๆเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

นางคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของที่นี่ เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนจงใจเกียจคร้าน นางก็คิดว่าเป็นโอกาสอันดี

 

นางสวมใส่กระโปรงลายดอกไม้ แต่งหน้าอย่างละเอียดละออและถือผ้าเช็ดหน้าปักลาย

 

หยุนเถียนเถียนกําลังนั่งอยู่ที่ประตูห้อง และบังเอิญเห็นผู้หญิงคนนี้เสแสร้งเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา แต่หยุนเถียนเถียนยังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เพื่อรอดูว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการทําอะไร?

 

“พี่ใหญ่หยุน เหตุใดท่านถึงทําสวนอยู่ท่ามกลางแสงแดดแรงกล้าเช่นนี้? เถียนเถียนล่ะ? นางนี้จริงๆเลยเชียว งานรดน้ําแบบนี้ควรให้ผู้หญิงทํา เหตุใดพี่ใหญ่หยุนถึงต้องทนทุกข์เช่นนี้ ข้าคิดว่านางช่างไม่เอาใจใส่พี่ใหญ่หยุนเลย!”

 

หยุนเคอไม่สนใจคําพูดของเฉินเจียวเจียว เขาไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีเลยแม้แต่น้อยราวกับนางไม่มีตัวตนและรดน้ําต่อไป

 

เฉินเจียวเจียวจิกเล็บแน่นแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกรา

 

“พี่ใหญ่หยุน ข้าจะช่วยท่านเอง ข้าทุกข์ใจจริงๆที่เห็นท่านเป็นเช่นนี้!”

 

เฉินเจียวเจียวพูดพลางคว้าน้ําเต้าจากมือของหยุนเคอ เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ทันทีที่กําลังจะหลบ หางตาก็เหลือบไปเห็นหยุนเถียนเถียนขยิบตาให้

หยุนเคอไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่จากนั้น เฉินเจียวเจียวก็คว้าบางอย่างจากมือเขาสําเร็จ

 

หยุนเคอไม่คุ้นเคยกับการมีผู้หญิงมาอยู่ใกล้เขามากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นฉุนที่มาจากร่างกายของเฉินเจียวเจียว ยิ่งทําให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น!

 

เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนโบกมือให้ หยุนเคอก็เข้าใจและรีบเดินออกไป

 

“ดูสิ แม้พี่ใหญ่หยุนมีหนวดเคราเต็มหน้า แต่ก็มีผู้หญิงคนอื่นมาชอบเช่นกัน ไม่ใช่เพราะท่านหรือนางถึงเต็มใจตากแดด ในเมื่อเป็นความตั้งใจของนาง พี่หยุนก็ยอมรับไว้เสียเถิด!”

 

หยุนเคออึดอัดใจเล็กน้อย เพราะเขาเต็มใจทําเพื่อเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วจะให้ผู้อื่นไปแทรกแซงได้ที่ไหน? แต่ในเมื่อสาวน้อยคนนี้อารมณ์ดีก็ปล่อยนางไปเถอะ

 

ในใจของเฉินเจียวเจียวคิดว่านางรดน้ําอย่างระมัดระวังและรอบคอบ หยุนเคอก็จะหาบน้ําตามนางไปด้วยอีกคน

 

ดังนั้นนางจึงผ่อนคลายมากและยังแสดงความขยันหมั่นเพียรต่อหน้าหยุนเคอ แต่ไม่คาดคิดว่าหยุนเคอจะเลิกทําไปเลย..

 

เขาเดินเข้าไปในบ้านและพูดคุยกับนังผู้หญิงชั้นต่ําคนนั้นแทน หากเป็นเวลาปกติ เฉินเจียวเจียวคงสะบัดมือและเดินจากไป

 

แต่วันนี้ต่างออกไป หยุนเคอใช้เงินจํานวนมากซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน และบ้านที่สร้างไม่ได้เลวร้ายไปกว่าบ้านเดิมของเฉินผิงอันเลย

 

จากสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงเห็นว่าหยุนเคอมีเงินอยู่ในมือ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะทําให้นางยอมถอย และที่สําคัญที่สุดคือหยุนเคอมีโรงงานอยู่ในมือของเขาอีกด้วย!

 

แม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะบอกว่าโรงงานนั้นเป็นของผู้หญิงชั้นต่ําคนนั้น แต่นางไม่มีทางเชื่อ นังผู้หญิงหน้าตายนั่นหรือจะทําอะไรใหญ่โตได้? มันต้องมาจากหยุนเคอแน่!

 

หากกําลังเดือดร้อน ก็สามารถไปหาหยุนเคอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความขยันหมั่นเพียรและความเมตตาของนางได้ หญิงผู้นั้นแม้แต่จะแต่งงานก็ยังทําไม่ได้! เมื่อถึงเวลานั้นนางก็สามารถไปแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเป็นเช่นนั้น เฉินเจียวเจียวก็คือผู้ที่จะได้เสพสุขกับชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งกว่าใคร

 

ด้วยความคิดนี้เฉินเจียวเจียวจึงกัดฟันทน เก็บผ้าปักไว้ที่เอวและรดน้ําไปเรื่อยๆ

เมื่อเห็นว่าปริมาณน้ําลดลงอย่างรวดเร็ว เฉินเจียวเจียวต้องการขอให้หยุนเคอหาบน้ํามาให้ แต่เพื่อแสดงถึงความมีคุณธรรมของนางต่อไป นางจึงกัดฟันใช้ไหล่ที่ไม่เคยทํางานหนักแบกถังขึ้นมา

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนเห็นตอนที่นางแบกถังขึ้นมาก็รู้สึกว่าจะได้เห็นเรื่องตลกในไม่ช้านี้ และผลลัพธ์ก็ไม่ทําให้นางผิดหวัง!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 147 เกษตรกรรม

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมาจากบ้านของจี๋ชื่อ และผ่านบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ก็นึกได้ว่าเฉินเฉินต้องหาครอบครัวที่ไม่มีเรื่องด่างพร้อย เพื่อรับอุปการะเขา นางจึงเดินเข้าไปทันที

 

หัวหน้าหมู่บ้านเพิ่งต้อนรับหยุนเคอคนใหญ่โตผู้นั้นในตอนเช้า และเพิ่งรับประทานอาหารกลางวันในตอนบ่าย หญิงสาวที่ไม่ธรรมดาผู้นี้ก็มาเยือนหน้าประตู

 

เขาลุกยืนขึ้นประจบสอพลอ “สาวน้อย! เหตุใดถึงมาที่นี่? มีปัญหาอะไรหรือ?”

 

ในตอนนี้ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเดินออกมา เมื่อนางเห็นว่าเป็นหยุนเถียนเถียนซึ่งเป็นบ่อเงินบ่อทองของหมู่บ้าน จึงเผยรอยยิ้มหวานกว่าปกติ!

 

“เถียนเถียน! กินข้าวมาหรือยัง? มากินที่บ้านของพวกเราก็ได้!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและจับมืออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ปกติแล้วภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนมีคุณธรรม แต่นางขี้งกเรื่องราคาของเล็กน้อย ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เกินไป หยุนเถียนเถียนจึงไม่คิดตอบตกลง

 

“ไม่แล้ว! ข้ากินข้าวมาแล้ว ข้าเพียงจะมาขอรบกวนหัวหน้าหมู่บ้าน”

 

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างร่าเริง “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปนั่งคุยกันที่ลานบ้าน ข้าจะไปชงชามาให้”

 

เฉินซ่งยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าภรรยาของเขาจะขี้โลภอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ใช่คนชั่วร้าย

 

มีภรรยาอย่างนางก็ดีกว่าบางคนที่ไม่ชอบคนจนและรักแค่คนรวย นิสัยก็ถือว่าไม่เลว!

 

“มีอะไรกล่าวมาได้เลย!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “คืออย่างนี้ ไม่ใช่ว่าข้าส่งเฉินเฉินไป เรียนหรอกหรือ? หากเขาต้องการเข้าสอบขุนนาง บรรพบุรุษสามชั่วอายุคนจะต้องมีประวัติขาวสะอาด แต่ว่าท่านก็ เห็นปัญหาของหลินชวนฮวา เขาจึงไม่สามารถเป็นผู้บริสุทธิ์ได้อีกต่อไป! ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยหาครอบครัวที่ไร้มลทินและรับเขาไปอุปการะ”

 

“การรับอุปการะนั้นไม่ต้องทําอะไร เพียงแค่ใส่ชื่อเข้าไป เมื่อภายหน้าจะเข้าสอบขุนนางก็อย่าก่อปัญหาเหล่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆก็ไม่มีอะไรแล้ว!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ความกังวลของหยุนเถียนเถียนนั้นสมเหตุสมผลแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็มีลูกชายเป็นของตัวเอง และคาดว่าคงไม่มีใครยินดีรับเลี้ยง

 

หยุนเถียนเถียนเริ่มใจเสีย “อะไรหรือ? หัวหน้าหมู่บ้าน! ยากเกินไปหรือ?”

 

“เรื่องนี้ข้าคงต้องหารือกับผู้เฒ่า มีลูกหลานที่จะเข้าสอบขุนนาง พวกเขาต้องเห็นด้วยที่จะได้ทําเรื่องดี ต้องคัดเลือกคนให้ดี พวกเจ้าไม่ต้องกังวล! เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”

 

เฉินซึ่งรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าหญิงผู้นี้จะรู้สึกว่าเขาช่วยงานไม่ได้

 

แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนไม่ได้คิดเช่นนั้น การรับเด็กสักคนมาเลี้ยงจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาต่างๆอีกด้วย!

 

แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ในนาม แต่ถ้าเรื่องนี้มีปัญหาก็จะส่งผลกระทบต่อเฉินเฉิน!

“แน่นอน เรื่องนี้ต้องรอบคอบ อีกทั้งการเป็นบัณฑิตไม่ใช่เรื่องง่ายหากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องยุ่งๆ เหล่านี้ย่อมไม่เป็นผลดี! หัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดเชิญท่านผู้เฒ่าในหมู่บ้านมาด้วย เมื่อมีอะไรจะได้สรุปร่วมกัน!”

 

เฉินซ่งพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม

 

“เช่นนั้นฝากเรื่องนี้ไว้กับหัวหน้าหมู่บ้าน ยังมีเรื่องต้องทําที่บ้าน ข้าขอกลับก่อน!”

เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านนําน้ําชาออกมา ก็ไม่เห็นหยุนเถียนเถียนแล้ว!

 

“หญิงผู้นี้ไปไวมาไวนัก!”

 

นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่แวะทําระหว่างทาง หยุนเถียนเถียนไม่ได้ต้องการทําทุกอย่างให้เสร็จในครั้งเดียว

 

เมื่อกลับมาที่ลานบ้าน ก็เห็นหยุนเคอกําลังสอนเฉินเฉินเขียนหนังสือ

 

เมื่อเห็นหยุนเสียนเถียนเข้ามา หยุนเคอรู้สึกว่าทั่วทั้งบริเวณถูกดึงดูดโดยใบหน้าของหญิงสาว!

 

ได้ยินมาว่าหญิงผู้นี้จะอายุครบสิบห้าปีในอีกไม่ช้า! ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นหน้าตาของนางจะเป็นอย่างไร!

 

“หยุนเคอ! ข้าไปหาเมล็ดพืชมา! บ่ายนี้ไปทําสวนกันเถอะ!

 

เมื่อเฉินเฉินได้ยิน เขาก็วางปากกาลงทันที และพับแขนเสื้อขึ้น เตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือ

 

หยุนเคอเอ็ดเขาอย่างไม่เต็มใจนัก ”ข้าทํากับพี่สาวเจ้าก็พอ เจ้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่?”

 

เฉินเฉินรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง พี่สาวได้สอนเขาไม่ให้เป็นบัณฑิตที่ไม่สนใจเรื่องภายนอก! เหตุใดพี่เขยถึงไม่ให้ทํางาน?

 

“เฉินเอ๋อ ทบทวนเนื้อหาที่ต้องเรียนก่อน! พรุ่งนี้เจ้าไปโรงเรียนวันแรก ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ยิ่งกว่านั้นไปเรียนครั้งแรกเจ้าก็ได้ข้ามชั้นถงเชิงไปเรียนชั้นซิ่วไฉ หากตามไประวังจะเรียนไม่ทัน!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าเงียบๆ สิ่งที่พี่สาวพูดนั้นถูกต้อง!

 

หยุนเถียนเถียนมองดูเฉินเฉินนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นก็ไปที่สวนหลังบ้านกับหยุนเคอ!

 

หยุนเคอมองเมล็ดพืชในห่อกระดาษน้ํามันที่หยุนเถียนเถียนหยิบออกมา รู้สึกอับอายเล็กน้อย! รู้วิธีกินสิ่งนี้ แต่จะปลูกมันอย่างไร?

 

หยุนเถียนเถียนมองใบหน้าที่รกรุงรังไปด้วยเครา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และรอยยิ้มนี้ทําให้หน้าของหยุนเคอกลายเป็นสีดําทันที!

 

“เอาล่ะ! ไปขุดดินเป็นหลุมเล็กๆ ข้าจะเพาะเมล็ด!”

 

หยุนเคอใช้เท้าของเขาแตะจอบที่อยู่บนพื้นและเอื้อมมือไปคว้าทันที!

 

แม้ท่าทางค่อนข้างจะทุลักทุเล แต่การทําหลุมเล็กๆก็เป็นไปอย่างราบรื่น!

 

หยุนเถียนเถียนเดินตามหลัง วางเมล็ดลงในหลุมทีละสองเมล็ด! จากนั้นก็ใช้เท้าข้างนึงกลบดินเพื่อคลุมเมล็ดพืชไว้

 

ขณะทํางาน หยุนเคอก็แอบจ้องมองหยุนเถียนเถียนจากหางตา และก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเด็กสาวนั้นดูจริงจัง!

 

เหตุการณ์นี้เป็นปกติมากในหมู่คู่รักในชนบท

 

ทุกวันมีคู่รักนับไม่ถ้วนอยู่ด้วยกันในทุ่งหญ้า

 

หยุนเคอไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร เพียงแต่ว่ามันหวานกว่าน้ําตาลเคี่ยวที่เขาเคยกินในเมืองหลวงตั้งแต่ยังเด็ก

 

หลังจากหว่านเมล็ดทั้งหมดแล้ว พื้นดินก็ยังเหลือมากกว่าครึ่ง!

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วและไม่รู้ว่าจะทําอย่างไร

 

หยุนเคอทําพื้นที่ตรงนี้ให้ดีขึ้น จะตําหนิที่เขากระตือรือร้นก็คงจะไม่ดีนัก

 

“ข้าจะใช้บริเวณที่เหลือปลูกดอกไม้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

หยุนเคอพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําเล่า

 

ไม่ใช่ว่าเขาอยากเห็นดอกไม้หรือต้นไม้อะไรทั้งนั้น! แต่เมื่อเขาได้สติคืนมาก็นึกได้ว่าแปลงผักที่อื่นในหมู่บ้านนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใหญ่โตขนาดนี้

 

หลังจากหว่านเมล็ดเสร็จ เขาถึงตระหนักว่าสิ่งที่ทําในตอนเช้านั้นไร้สาระเพียงใด

 

แต่การทํางานหนักก็ได้รับค่าตอบแทนแล้ว น่าเสียดายพื้นที่ว่างเปล่าเหล่านั้น

 

โชคดีที่หญิงสาวคํานวณแผนการ หรือพวกผู้หญิงชอบดอกไม้และต้นไม้เหล่านี้ เช่นนั้นปล่อยให้นางทําไป

 

เช้านี้คงทําให้นางไม่พอใจนัก

 

หยุนเคอพยายามทําความเข้าใจ หรือเขาตั้งใจทําให้หญิงสาวพอใจเพราะความชอบงั้นหรือ?

 

แม้ว่าตัวตนของเขาจะไม่ชัดเจน และการอยู่เคียงข้างหญิงผู้นี้จะนํามาซึ่งความหายนะแก่เขา แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันของคนสองคน คาดว่าไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาไม่ผูกพันธ์กัน

 

“แต่การปลูกผักไม่ใช่เรื่องง่าย! หยุนเคอเจ้าแรงเยอะ ไปตักน้ําที่ลําธารในหมู่บ้านมาเถิด”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 146 เมล็ดพืช

 

“หยุนเคอ เจ้ากําลังทําอะไรอยู่? ขุดแปลงดินเยอะแยะจะปลูกอะไรหรือ?”

 

หยุนเคอยืนอยู่ตรงแปลงดิน ร่างกายเขาสูงใหญ่จนหยุนเถียนเถียนรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ตรงหน้ากําลังถูกบดบัง!

 

“เจ้าชอบกินผักมิใช่หรือ? ข้าก็จะปลูกผักกินเองไง”

 

หลังจากกล่าวจบ เขาพลันรู้สึกประหม่าเกินกว่าจะสบตาอีกฝ่ายเช่นนี้จึงก้มศีรษะแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแม้นางจะอยากกินผักแต่จะกินได้มากแค่ไหนเชียว?จําเป็นต้องรื้อหน้าดินเป็นไร่สองไร่เลยหรือ?

หยุนเคอไม่ได้กินยาผิดสําแดงมาใช่หรือไม่?

 

เฉินเฉินมองเห็นบรรยากาศที่คลุมเครือระหว่างทั้งคู่จึงอดไม่ได้ที่จะอึดอัด

 

ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็พูดขึ้น “ไปกันเถอะ มันเป็นที่ ดินของเขาเองเขาจะทําอะไรก็ได้!เข้าไปหาอะไรกินกันพวกเราหิวแล้ว!”

 

สองพี่น้องเดินเข้าไปในครัวคนหนึ่งกําลังก่อไฟอีกคนกําลังทําอาหารเป็นการร่วมมือกันอย่างขะมักเขม้น

 

หยุนเคอมองดูอยู่ไกลๆจากประตูไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาพลันรู้สึกอิจฉาเด็กน้อยขึ้นมา หรือว่าเมื่อเจ้าเด็กนั่นไปโรงเรียนเขาจะมีโอกาสได้ช่วยหญิงสาวทําอาหารด้วยกัน!?

 

หยุนเคอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาเพ้อฝันมากขึ้นเรื่อยๆคงมีความสุขไม่น้อยหากได้ทําอาหารกับนาง

 

อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วด้วยข้าวหอมและเนี้อตากแห้งนึ่ง มีถั่วจานเล็กและแตงกวาอีกหนึ่งชามในฤดูร้อนที่แผดเผาอาหารจานนี้ทําให้ยิ่งรู้สึกสดชื่นไม่น้อย!

 

หยุนเคอชื่นชอบเนื้อมาโดยตลอด แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสถั่วและแตงกวาอย่างจริงจัง

 

อ่า รสชาติดีจริง ๆ! เหตุใดถึงไม่เคยทานอาหารจานนี้ในเมืองหลวงมาก่อน?

 

หยุนเถียนเถียนมองดูคนสามคนที่รับประทานอาหารอย่างเงียบๆบรรยากาศค่อนข้างขะมุกขมัว

 

ดังนั้นนางจึงพยายามทําลายความอึมครึม“พี่ใหญ่หยุนเจ้าวางแผนจะปลูกผักชนิดใด?”

 

เป็นครั้งแรกที่หยุนเคอพูดขณะรับประทานอาหารโดยไม่ห่วงภาพพจน์“แค่ปลูกถั่วกับแตงกวาแบบนี้ก็ไม่เลว!”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าแม้ว่าตอนนี้จะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปลูกถั่วและแตงกวาไปแล้วก็ตามแต่ถึงอย่างไรในฤดูใบไม้ร่วงถั่วและแตงกวาก็ไม่ได้ขาดแคลน!

 

“ดีเลย! แต่แค่สองอย่างในจานนี้เองหรือ?”

 

หยุนเคอหยุดมองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาจริงจัง “เจ้าปลูกอะไรก็ได้ที่เจ้าชอบ”

 

หยุนเถียนเถียนนิ่งเงียบ

 

พี่ชาย! ท่านไม่ได้เตรียมจะปลูกพืชใด ๆ แล้วจะทําอย่างไรกับที่ดินมากมายขนาดนี้? หรือว่างเกินไปจนเบื่อหน่ายงั้นหรือ?

 

“เช่นนั้นก็ปลูกบ้างเถิด!”

 

หยุนเสียนเถียนก้มศีรษะลงเพื่อทานอาหารขณะพูด

 

จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา!

 

ผ่านมานาน กินข้าวด้วยกันมามากกว่าหนึ่งหรือสองมื้อ!

 

หยุนเคอดูเหมือนจะไม่ชอบกินผัก เขาชอบกินเนื้อไม่ใช่หรือ? เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มเปลี่ยนนิสัยการกิน?

 

ทันใดนั้น หยุนเถียนเถียนก็เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัยอย่างนั้นหมายความว่า ทั้งหมดนี้เพื่อนางไม่ใช่เพื่อตัวเขาเองนั่นเป็นเหตุผลที่เขากําลังเตรียมทําการเพาะปลูกใช่หรือไม่?

 

แต่เมื่อเห็นหยุนเคอกินถั่ว หยุนเถียนเถียนก็ปฏิเสธความคิดก่อนหน้านี้ของนางทันที

 

ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะค้นพบว่าผักสีเขียวนั้นอร่อยเขาจึงเปลี่ยนไป

 

แต่ชายผู้นี้จะปลูกผักได้หรือ?

 

หยุนเวียนเถียนคิดเช่นนั้นในใจอยู่สักพักจึงกล่าวคําออก“พี่ใหญ่หยุนเจ้าปลูกผักเป็นหรือ?”

 

หยุนเคอส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

 

แม้ว่าสถานะเดิมของเขาจะไม่เป็นที่โปรดปราน แต่เขาก็มีเกียรติเช่นกัน!เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าการเกษตรเหล่านี้ทําอ ย่างไร?

 

ต่อให้ตกต่ําจนกลายเป็นพรานป่าบนภูเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องการเกษตรในหมู่บ้านเท่าไหร่นัก!

 

หยุนเถียนเถียนก็เห็นอีกว่าหยุนเคอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและเมื่อเขายื่นตะเกียบไปคืบผักมือของเขาก็แข็งเกร็งเล็กน้อย!

 

ดังนั้นจึงคิดอย่างมีน้ําใจแก่เขา “ช่างเถิด ข้าจะสอนเจ้าเอง!”

 

หยุนเคอรู้สึกดีขึ้นมาทันที หญิงผู้นี้ยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง

 

หลังมื้ออาหาร เฉินเฉินเก็บตัวอยู่ในห้องของเขาและเริ่มจัดของสําหรับไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้!

 

หยุนเคอไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แม้ว่าจะนั่งอยู่ที่ขอบโต๊ะแต่ดวงตาของเขาก็ยังคงมองตามหญิงสาวเดินไปเดินมารอบ

 

หยุนเถียนเถียนล้างจานและตะเกียบจากนั้นก็เดินออกไปที่ลานบ้าน

 

หยุนเคอรีบตามไปและถามขึ้น “เจ้าจะทําอะไร?”

 

“ในเมื่อท่านเตรียมที่ดินไปมากแล้ว แต่ที่บ้านไม่มีเมล็ดพืชเลยข้าคิดว่าน่าจะมีคนในหมู่บ้านที่เก็บไว้บ้างเลยจะไปขอแบ่งมามีอะไรหรือ?”

 

หยุนเคอรู้สึกวุ่ยวายใจกับตัวเองเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ก้มศีรษะลงและไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

 

เอาเถอะ แม้ว่าคนผู้นี้จะแปลกไปสักหน่อย แต่หยุนเวียนเถียนก็ไม่ได้คิดมากก่อนจะเดินออกจากประตูไปอย่างรวด เร็ว

 

แม้ว่าหลี่เสี่ยวเหอจะพูดง่าย แต่ว่าแม่สามีนางไม่ค่อยดีนักเช่นนั้นก็ไปหาจี้ชื่อดีกว่า

 

ในเวลานี้ จีชื่อเพิ่งกลับจากทุ่งนา กินข้าวเสร็จก็วางแผนว่าจะพักสักหน่อยก่อนจะออกไปตัดฟื้น

 

นางก็เหมือนคนอื่นในหมู่บ้านและหยุนเถียนก็ให้ความสําคัญกับฟื้นของครอบครัวนางเสมอ

 

ตอนที่หยุนเถียนเถียนเดินเข้ามานั้น เฉินผิงเหอกําลังล้างหน้าอยู่

 

“ลุงใหญ่!”

 

เฉินผิงเหอหันขวับตามเสียง ” เถียนเถียน! เจ้ามาทําอะไรที่บ้านลุงหรือ?”

 

หลานสาวคนนี้มักรู้สึกว่าชีวิตตนต่ําต้อยเสมออีกทั้งเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เฉินผิงเหอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะรับมือกับหลานสาวตัวน้อยนี้อย่างไร

 

“หยุนเคอขุดแปลงดินหลังสวน ข้าจึงมาดูว่าลุงพอจะมีเมล็ดพืชบ้างหรือไม่?ปลูกเองน่าจะดีกว่าต้อ งคอยแลกเปลี่ยนอาหารกับชาวบ้านตลอดเวลามันไม่ค่อยสะดวกนัก”

 

เฉินผิงเหอยิ้ม “ถ้าเจ้าอยากกินผักก็แค่มาที่บ้านลุงเหตุใดต้องไปแลกเปลี่ยนอาหาร? ก็แค่ผักที่กินกันในบ้านเท่านั้น ลุงจะให้เจ้าไม่ได้เชียวหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มอ่อน “บ้านของท่านลุงเองก็มีคนมากมายแปลงผักเล็กๆนั้นไม่เพียงพอหรอกหลานไม่อยากรบกวนอย่างไรเสียที่ดินก็ถูกขุดไปแล้วเหตุใดไม่แบ่งเมล์ ดพันธ์ให้ข้าขอแค่ที่มีจะเป็นผักชนิดใดก็ไม่สําคัญ”

 

“เรื่องเล็กน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่ของเจ้ามักจะเตรียมไว้เพื่อเสมอแม้จะรู้ว่าบ้านของนางมีที่ดินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเดี๋ยวข้าหาให้เจ้าเอาไปได้หมดเลย!ว่าแต่… เจ้ากินข้าว มาหรือยัง?”

 

“กินมาแล้วเจ้าค่ะ!”

 

เฉินผิงเหอเปิดประตูเสียงดังและตะโกนเข้าไปในห้องครัว”จี้หง! จี้หง!”

 

นางจีรีบวิ่งออกไป “ตะโกนอะไร? ตะโกนหาวิญญาณหรือ!”

 

เฉินผิงเหอรู้สึกอับอายต่อหน้าหลานสาวหน้าแก่ๆของเขาแดงขึ้น!

 

“ดูเจ้าสิ! น่าอายอะไรเช่นนี้ หลานสาวของข้าต้องการเมล็ดพันธุ์ผักในบ้านพวกเรายังมีเหลืออีกมากหรือไม่? เอามันออกมาให้นางเถิด”

 

เมื่อเห็นหยุนเสียนเถียน นางงี้ก็รู้สึกอับอายจึงระงับอารมณ์ฉุนเฉียวของตนและพูดด้วยรอยยิ้ม ” เถียนเถียน!เจ้ากินข้าวหรือยัง? หากยังไม่ได้กินก็มากินที่บ้านป้า!”

 

“ป้าใหญ่! ข้ากินแล้ว ท่านไม่ขออะไรอย่างอื่นเลยหรือ?”

 

จี้ชื่อพูดอย่างจริงใจ “มันก็แค่เมล็ดพืชที่ไม่จําเป็นไม่คุ้มที่จะต้องจ่ายเงินเจ้าเอาไปทั้งหมดได้เลย”

 

จี้ชื่อกล่าวขณะหันหลังเข้าไปในห้องพื้นข้าง ๆ

 

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 145 หยุนเคอทําสวน

 

ตั้งแต่นั้นมา ก็มีลูกค้าตัวจ้อยบนเกวียนของลุงเฉินทุกวัน วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่มีวันไหนเลยที่เด็กชายจะเกียจคร้าน!

 

เฉินเฉินนั่งเกวียนไปกลับจากบ้านและโรงเรียนผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันชื่นชมเถียนเถียนไม่หยุดปาก

 

กับน้องชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ก็นางก็พยายามอย่างยิ่งเพื่อส่งเขาไปโรงเรียน!

 

เฉินผิงอันที่เคยทําร้ายนางมาก่อน นางก็คืนเงินให้เขาเพื่อสร้างบ้านและคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็ได้รับการดูแล จากนางเช่นกัน

 

แน่นอนว่ายังมีอีกหลายครัวเรือนที่ไม่ได้รับการดูแลเช่นครอบครัวของเฉินเจียวเจียว เพราะครอบครัวของพวกเขาจ้องแต่จะหาข้อจับผิดเมื่อมาทํางานที่บ้านของหยุนเวียน เถียนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่หยุนเถียนเถียนไม่ต้องการพวกเขาเพื่อลดความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

และนางหลี่ที่เป็นศัตรูกับหยุนเสียนเดียนอย่างไม่จบไม่ สิ้น!ไม่ใช่ว่าหยุนเสียนเถียนไม่ต้องการนางแต่นางกลับดูถูกและไม่อยากอยู่ร่วมกับหยุนเถียนเถียน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นางต้องการ!

 

กล่าวถึงหยุนเคอที่ตอนนี้เป็นชายหนุ่มใกล้แต่งงานผู้คนในหมู่บ้านต่างยินดีจะอวยพรให้เขาแต่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สาปแช่งเขาอย่างชั่วร้าย

 

นั่นคือเฉินเจียวเจียว!

 

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของหญิงสาวถูกทําให้อับอายขายหน้าและถูกประจาน เฉินเจียวเจียวจึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านด้วยความสงบเสงี่ยมไปชั่วขณะหนึ่ง

 

แต่ข่าวเสียหายของนางก็ถูกบดบังด้วยเหตุการณ์สะท้านโลกที่หลินชวนฮวาเพิ่งทําลงไปเสียงด่าทอที่ทุกคนมีต่อเฉินเจียวเจียวจึงค่อยซาลง

 

ดังนั้นหญิงสาวผู้นี้จึงได้ออกมาเป็นนางปีศาจอีกครั้ง 

 

ในวันที่หยุนเสียนเถียนพาเฉินเฉินไปฝากเข้าเรียนเฉินเจียวเจียวก็เข้าเมืองเช่นกัน

 

เมื่อหยุนเสียนเถียนและเฉินเฉินไม่อยู่จึงมีเพียงหยุนเคอเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน

 

เฉินเจียวเจียวมีแผนการร้ายในใจ! นา งตั้งใจปีนขึ้นไปบนเชิงเกวียนจากนั้นก็หยุดเกวียนแล้วเลี้ยวกลับไป

 

หยุนเคอนั่งอยู่ในห้องด้วยใบหน้ามืดมนเขามองดูหยุนเถียนเถียนเดินออกไปเดิมที่ตั้งใจว่าจะไปด้วยกันใครจะรู้ว่าหยุนเถียนเถียนกลับปฏิเสธเขา!

 

เหตุผลที่นางให้มาช่างน่าเศร้าจริงๆ!

 

“พี่ใหญ่หยุน! เจ้าก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรานั้นไม่เหมือนคนทั่วไป ท่านไม่ชอบ ข้าเองก็ไม่ต้องการ แต่เพราะเราถูกสถานการณ์บังคับท่านจึงต้องลงนามในหนังสือแต่งงานเป็นการดีกว่าสําหรับเราที่จะแยกห่างกันให้มากที่สุด หากในภายหน้าท่านมีคนรักก็จะสามารถอธิบายได้!”

 

หยุนเคอโกรธอยู่ในใจ เขาอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ ที่แสนวุ่นวายนี้แล้วเขาจะไปชอบสาว ๆ ในหมู่บ้านได้อย่างไร?

 

แต่เขากลับตอบกลับอีกฝ่ายอย่างประชดประชัน “ก็ดี!ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ตามไป เพื่อไม่ให้ขัดขวางการแต่งงานที่ดีของเจ้า!”

 

เดิมที่หยุนเถียนเถียนเป็นคนฉลาด แต่ใครจะรู้ว่านางจะได้ยินน้ําเสียงประชุดจากปากของหยุนเคอผู้นี้แต่นางก็ยังพอสังเกตว่าอารมณ์ของหยุนเคอดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก 2

 

ดังนั้น หยุนเสียนเถียนซึ่งไม่ต้องการทําให้หยุนเคออารมณ์เสียจึงจับมือเฉินเฉินหันหลังออกจากบ้านไปทันทีโดยไม่คิดถามอะไรต่อ

 

หยุนเคอโกรธอยู่ครู่หนึ่ง นางฟ้าตัวน้อยเจ้ากรรมวิ่งหนีไปหลังจากยั่วยุเขาเสร็จสิ้น นางช่างไร้ความรับผิดชอบอย่างแท้จริง

 

เขาได้แต่ถอนหายใจในใจและนั่งรออยู่ในห้องอย่างอดทน

 

เมื่อกลอนประตูขยับเบา ๆ หยุนเคอตื่นตัวทันที!

 

“ผู้ใด!?”

 

แต่ไม่มีใครตอบกลับ!

 

หยุนเคอเดินออกไปอย่างระวัง เห็นเพียงร่างเล็ก ๆ วิ่งหนีออกไปจากลานบ้าน

 

เขาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นเสื้อผ้าน่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน แม้ว่าจะจงใจใส่เสื้อผ้าที่ไม่ทําให้ลื่นล้มในฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนรสนิยมของหญิงสาวในหมู่บ้านนี้ได้

 

หยุนเคอไม่ได้ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงจังเขามองดูบ้านที่ว่างเปล่าและถอนหายใจยาว ก่อนจะหันหลังกลับ เข้าห้องของตัวเอง

 

ที่บ้านไม่มีไร่นาเลยไม่ต้องทํางานหนักเหมือนคนอื่น

 

หญิงสาวเพียงแค่ใช้เนื้อหรือไข่จากในบ้านไปแลกกับผักกับชาวบ้านทุกวัน

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยุนเคอจึงลุกขึ้นจากเตียง

 

เขาคิดจะทําอะไรน่ะหรือ! หญิงสาวนั้นดูผอมบางแต่ไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ เวลาที่นางอยากกินผักใบเขียวที่ไรต้องเข้าหมู่บ้านเพื่อไปแลกเปลี่ยนทุกที ช่างไม่สะดวกเสียจริง! 

 

ถ้าทําแปลงดินผืนหนึ่งให้ในบ้านของนาง นางจะชอบหรือไม่?

 

หยุนเคอเองก็เป็นคนที่คิดสิ่งใด ก็จะทําสิ่งนั้นเช่นกัน!

 

แต่ว่าที่บ้านไม่มีเครื่องมือทําการเกษตรเลย…

 

หยุนเคอเอียงศีรษะและครุ่นคิด ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปที่จะซื้อ สุดท้ายจึงตัดสินใจไปขอยืมที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน 

 

เมื่อมองดูท่านชายผู้นี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็เผลอสั่นสะท้านเพราะกลัวว่าจะทําให้เขาขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ! คนอื่นในหมู่บ้านอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้ดี!

 

หลงเยว่อยู่ในใต้หล้ามาช้านานแล้ว แม้แต่เจ้าเมืองยังไม่สามารถทําอะไรได้ แต่เมื่อตอนที่เห็นสองคนนี้เขากลับเชื่อฟัง! เป็นไปได้ว่าตัวตนของทั้งสองคนนั้นเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก

 

หยุนเคอเดินเข้ามาด้วยท่าที่นิ่งสงบ ” หัวหน้าหมู่บ้าน” 

 

ก่อนที่เขาจะได้พูด หัวหน้าหมู่บ้านก็วางท่อในมือลงแล้วลุกขึ้นยืน “น้องชายหยุน มีอะไรหรือ?”

 

หยุนเคอเหลือบมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความประหลาดใจ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านถึง ดูขวัญอ่อนนัก

 

“ข้ามาหาท่านเพื่อขอยืมจอบสักหน่อย ข้าจะเตรียมทําแปลงเกษตรที่บ้าน”

 

ผู้ใหญ่บ้านรีบเข้าไปหยิบจอบออกมาด้วยตัวเองอย่างรีบร้อน

 

เดิมที่เรื่องไร้สาระเหล่านี้มักเป็นหน้าที่ของภรรยาแต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงยินดีทําเองอย่างไม่ปริปากบ่น

 

“น้องชายหยุน บ้านของเจ้าไม่มีแปลงดิน แล้วจะเอาจอบไปทําอะไร? อยากนั่งจิบชาก่อนสักถ้วยหรือไม่?”

 

หยุนเคอกล่าวออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “มันไม่ค่อยสะดวกนักเมื่ออยากกินผักจานเล็ก ๆ แล้วต้องคอยหาค นในหมู่บ้านมาแลกอาหารทุกครั้งที่ดินรกร้างสองไร่ นี้เป็นของครอบครัวข้าแล้ว จะเป็นอะไรหรือไม่หากข้าจะทําแปลงปลูกผักเล็ก ๆ ที่นั่น?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหัวทันที “จะมีปัญหาอะไร? มันเป็นที่ดินของเจ้าอยู่แล้ว จะทําอะไรก็ย่อมได้เ”

 

หยุนเคอพยักหน้า และออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันทีเมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการ

 

แม้หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้ดีว่าปกติหยุนเคอก็มีท่าทางเช่นนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อนั่งลงก็ยังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ได้แต่หวังว่าเขาจะ ไม่ทําให้คนผู้นั้นขุ่นเคือง!

 

ตัวเขาเองเป็นเพียงหัวหน้าหมู่บ้านที่มีอํานาจแค่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่สําหรับขุนนางเหล่านั้น เขาเปรียบเสมีอนมดตัวเล็กจ้อยเพียงนิ้วเดียวก็บี้เขาให้ตายได้! ช่างไม่สม เหตุสมผลเลยที่เขาต้องมาคอยระวังคําพูดและการกระทําเช่

 

เมื่อคิดถึงตอนที่เด็กสาวจะได้กินผักที่เขาปลูกหยุนเคอกรู้สึกมีพลังขึ้นมาเนื่องจากฝึกฝนการต่อสู้มาหลายปีจนฝ่ามือหยาบกระด้างแม้จอบที่หยิบมาจะขึ้นสนิมเล็กน้อยแต่ก็ไม่เกินกําลังมากนัก!

 

หลังจากหยุนเสียนเถียนพาเฉินเฉินกลับมาจากการไปเคารพท่านอาจารย์ก็เห็นหยุนเคอโบกมือให้จากสนามด้านหลัง

 

ที่ดินรกร้างสองไร่ หนึ่งในนั้นใช้สร้างบ้าน หลังบ้านยังพอมีที่ดินอยู่บ้างแต่เพื่อความสะดวกหยุนเถียนเถียนจึงซื้อที่ดินสองไร่ด้านหลังด้วย

 

คาดไม่ถึงว่าหยุนเคอจะพลิกฟื้นมันขึ้นมาภายในครึ่งวัน

 

หยุนเถียนเถียนค่อนข้างสับสนกับภาพตรงหน้าไม่น้อยหยุนเคอกําลังพยายามทําอะไร?

 

เมื่อเห็นหยุนเสียนเถียนกลับมา หยุนเคอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักเพราะทําให้บ้านเปลี่ยนแปลงไปหลายที่เขาจึงวางจอบในมือลงแล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างต้องการอธิบาย

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 144 ฝากตัวเป็นศิษย์

 

ด้วยการปลอบโยนของพี่สาว เฉินเฉินสงบลง เขาจึงพยักหน้ารับเบา ๆ

 

ดวงตาของเฉินซิ่วไฉเปล่งประกายด้วยความชื่นชมเด็กเล็กที่สามารถสงบลงจากความตื่นตระหนกได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปได้ว่าเขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม!

 

“ถ้าเช่นนั้น ท่านอาจารย์ทดสอบโดยการถามคําถามและเจ้าก็ตอบเท่าที่ตอบได้ ดีหรือไม่?”

 

เฉินเฉินไม่ตอบพี่สาว แต่ก้มหัวให้อาจารย์เฉินพร้อมกล่าวหนักแน่น “เชิญท่านอาจารย์ชี้แนะเฉินเฉินขอรับ!”

 

ตอนนี้เฉินซิ่วไฉยังไม่ได้เริ่มถามคําถาม แต่กลับรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก!

 

คําถามสองสามข้อแรกมาจากสี่หนังสือห้าคัมภีร์ เพราะหยุนเถียนเถียนตั้งใจที่จะให้เด็กคนนี้เข้าสอบในปีหน้าการสอนจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

 

ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของเด็กและการฝึกฝนอย่างหนักจึงพัฒนาอยู่เสมอ

 

ในขณะที่เด็กน้อยตอบคําถาม เฉินซิ่วไฉก็พยักหน้ารัว ๆ ราวกับพบเจอสิ่งถูกตาต้องใจ!

 

เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้ให้ความสนใจมากเด็กคนนี้มากนัก จึงคาดการณ์ได้ว่าเขาใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้น้อยเพียงใด เด็กอายุเจ็ดหนาวผู้นี้มีเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่เขาสามารถจําเนื้อหาในสี่หนังสือห้าคัมภีร์ได้ และยังรู้ข้อมูลที่ลึกซึ้งไม่เหมือนใครอีกด้วย

 

กล่าวตามตรงว่าเฉินซิ่วไฉพอใจมาก ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับนักเรียนแบบนี้ที่จะเข้าสอบ เพียงแต่เมื่อสอบผ่านระดับซิ่วไฉอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย

 

ในแง่ของความรู้ เฉินซิ่วไฉพอใจแล้ว

 

แต่ในแง่ของอุปนิสัย ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไร้ศีลธรรม

 

“เฉินเฉิน เจ้าคิดอย่างไรกับคําว่าลูกกตัญญ?”

 

เฉินเฉินส่ายหน้า แม้ว่าจะสอดคล้องกับความกตัญญูกตเวทีในหนังสือ เขาต้องพึ่งพาและเชื่อฟังพ่อแม่อย่างไร้เงื่อนไข 

 

แต่ในความเป็นจริง เขาทําเช่นนั้นไม่ได้

 

“ท่านอาจารย์ แม่ของข้าจิตใจอํามหิตแต่ข้าก็ไม่สามารถต่อว่านางได้ หากในอนาคตนางสูญเสียความมั่นคง ข้าย่อมให้เงินสนับสนุนนางอย่างแน่นอน ส่วนอย่างอื่นนั้นข้าทําไม่ได้ขอรับ”

 

“สําหรับท่านพ่อ แม้เขาจะมิใช่คนคนศีลธรรมเลวร้าย แต่เขาก็ทําร้ายข้ามามากเช่นกัน ในอนาคตหากเขาแก่เฒ่า และหมดหนทางข้าย่อมช่วยเหลือเขา แต่ได้โปรดให้อภัยลูกชายที่หยาบช้าผู้นี้ด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจและไม่สามารถทําได้มากกว่านี้ขอรับ!”

 

สุดท้ายก็คือสําหรับสองคนนี้ หากตอนแก่เฒ่าไม่มีที่ให้อยู่ในฐานะลูกชายเขาย่อมให้การช่วยเหลือ แต่นอกจากความช่วยเหลือด้านปัจจัยภายนอก ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว

 

อาจารย์เฉินพยักหน้า “ดีแล้วที่เจ้าไม่แค้นเคือง ข้าไม่สงสัยในตัวเจ้าแล้ว กับพี่สาวของเจ้าล่ะ เจ้าคิดเช่นไร?”

 

“เมื่อตอนที่ยังเด็ก ผู้น้อยโง่เขลาด้วยการยุยงของท่านแม่ ข้าทําสิ่งชั่วร้ายต่อพี่สาวมากมาย โชคดีที่พี่สาวไม่เคยเก็บมาใส่ใจและตอบแทนความขุ่นเคืองในใจข้าด้วยความดี นางเปรียบเสมือนชีวิตน้อย ๆ ของข้า ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดที่ผิดพลาดในอดีตแล้วและถือว่าพี่สาวคือพ่อแม่ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า”

 

“อืม! การแสดงความกตัญญูมิใช่เรื่องเลวร้าย เอาล่ะวันนี้ชราผู้นี้จะรับเจ้าเป็นศิษย์ หวังว่าเจ้าจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิม”

 

เฉินเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็วก่อนจะคํานับชายชรา ”ศิษย์ขอฝากตัวด้วยขอรับท่านอาจารย์”

 

เฉินซิ่วไฉยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก! ให้พี่สาวของเจ้าหาครอบครัวในหมู่บ้านและดูแลเรื่องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ควรจะจัดการให้รวดเร็ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็แค่ทําตามธรรมเนียม

 

ธรรมเนียมที่ว่าก็คือค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้อาจารย์ 

 

ทั้งหมดคือเงินสองตําลึงกับเนื้อหมูชิ้นหนึ่ง เนื่องจากสุภาพบุรุษผู้นี้เป็นขุนนาง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขอสิ่งต่าง ๆ จากลูกศิษย์ได้โดยตรง สามารถพูดได้แค่ขอบคุณอย่างสุภาพตามมารยาท

 

หยุนเวียนเถียนลําลาท่านอาจารย์ด้วยท่าที่สุภาพเมื่อกําลังจะหันกลับไป เฉินซิวไฉพลันหยุดนางเอาไว้

 

“จากความก้าวหน้าของเด็ก ข้าคิดว่าสอบถงเชิงปีหน้าคงจะไม่มีปัญหา จากนั้นต้องเริ่มเตรียมตัวสอบเยวี่ยนซื่อในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เจ้าต้องเตรียมเงินให้พร้อมสําหรับการเข้าสอบ อย่าให้เรื่องเงินทองทําให้เด็กล่าช้า”

 

หยุนเวียนเถียนพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่เด็กคนนี้มีสามารถสอบได้ แม้ว่าในปีหน้าเขาจะต้องไปเมืองหลวง ข้าก็จะส่งเขาไปอย่างไม่ลังเล”

 

ตอนนี้เฉินซิ่วไฉพึงพอใจมาก เขากลัวว่าจะพยายามอย่างหนักเพื่อสอนเด็กที่มีพรสวรรค์อยู่นาน แต่กลับถูกปัญหาการเงินในครอบครัวทําให้ไม่สามารถเข้าร่วมสอบได้

 

เหตุการณ์นี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อมีเด็กที่ต้องลาออกจากโรงเรียน เฉินซิ่วไฉก็ได้แต่รู้สึกเสียดาย

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าวางใจฝากเด็กคนนี้ไว้กับข้าได้ ข้าไม่สามารถรับประกันสิ่งอื่นได้ แต่ผู้ที่มีความสามารถย่อมได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาขยันขันแข็ง”

 

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงอีกครั้งเพื่อกล่าวขอบคุณเขา “เช่นนั้นฝากท่านอาจารย์สั่งสอนเขาให้ดี ความรู้เป็นเรื่องรอง ที่สําคัญที่สุดคือความเป็นคน การปฏิบัติตนของท่านอาจารย์ ผู้น้อยชื่นชมเป็นอย่างมาก”

 

เฉินซิ่วไฉลูบเคราของเขาและยิ้ม จากนั้นก็โบกมือแล้วเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านอีกครั้ง เขาไม่มีเวลาว่างมากนักเพราะยังมีนักเรียนอีกมากรอให้เขาสอนอยู่

 

เฉินเฉินยังคงตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน หยุนเถียนเถียนจึงเอื้อมมือไปเคาะหัวเด็กชายเบา ๆ อย่างเอ็นดู

 

“ท่านอาจารย์ชื่นชมเจ้ามาก ไม่ภูมิใจในตัวเองหรือ? เฉินเฉินสิ่งที่เจ้าทําในตอนนี้ เด็กคนอื่นก็ทําได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะสร้างความประทับใจให้อาจารย์ของเจ้าคือความสามารถและความพยายาม!”

 

“แม้ว่าอาจารย์จะกล่าวชื่นชมเจ้า ก็อย่าได้หลงลําพองไปกับมัน หนทางแห่งการสอบขุนนางยากเย็นยิ่ง หากเจ้าไม่สามารถทําได้ เจ้าก็เป็นเพียงคนเก่งแต่ขี้เกียจ อย่างไรก็ไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองได้!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ “พี่สาว ข้าเข้าใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะมีวันนี้ได้ ข้าได้เข้าเรียนจริง ๆ!”

 

หยุนเถียนเถียนมองดูท่าทางตื่นเต้นของเขาและพอจะคาดเดาอารมณ์ของเด็กชายได้จึงรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาอีกครั้ง

 

ถ้าในยุคปัจจุบัน เด็กที่อายุเจ็ดขวบเพิ่งเข้าโรงเรียนประถม ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก จะต้องมาทะเลาะกับพ่อแม่ในเรื่องนี้หรือไม่? ยังไงซะนางคิดว่าเด็กคนนี้ย่อมมีเหตุอยู่แล้ว

 

แต่ราคาของความมีเหตุผลช่างสูงนัก! ต้องแลกมากับวัยเด็กที่มืดมน หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะสงสารเด็กชาย

 

“เอาล่ะ! ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนหรอก พี่สาวจะหาเงินมาให้ได้ นับจากนี้ไป ทุกเช้าเจ้าต้องนั่งเกวียนของลุงเฉินมาโรงเรียน และในตอนบ่ายเจ้าก็นั่งเกวียนกลับไปหลังจากเลิกเรียน ไม่มีใครมารับ เจ้าทําได้หรือไม่?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างชาญฉลาด โรงเรียนของท่านอาจารย์อยู่ห่างจากจุดที่เขานั่งเกวียนเพียงไม่กี่ก้าว ไม่มีปัญหา 

 

หยุนเถียนเถียนพาเฉินเฉินไปในเมืองด้วยความโล่งใจ เพื่อซื้อของขวัญสําหรับใช้ในการเรียน ก่อนจะพาเขาไปที่เกวียนของลุงเฉินและอธิบายอย่างละเอียด จากนั้นก็ขึ้นเกวียนมุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้าน

 

ระหว่างทางลุงเฉินก็ถอนหายใจ “โชคดียิ่งนักที่เด็กคนนี้ตามเจ้ามา พ่อของเขาไว้ใจไม่ได้ ส่วนแม่ของเขาก็… เอ่อ! ตอนนี้ถือว่าเรื่องร้ายผ่านไปแล้ว!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม สําหรับเฉินผิงอันนั้นตอนนี้นางพูดอะไรไปก็จะดูไม่ดีนัก

 

เพราะเมื่อก่อนเคยคิดว่าเขาเป็นพ่อ ตอนนี้จึงรู้สึกว่าการพูดไม่ดีถึงคนอื่นนั้นยากเย็นยิ่ง

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดขึ้น ” ข้าจะเชื่อฟังพี่สาว และเมื่อข้าโตขึ้น ภายหน้าข้าจะตอบแทนความมีน้ำใจของพี่สาวให้ดี”

 

ลุงเฉินพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เด็กดี เป็นเรื่องสมควรแล้วที่เจ้าจะตอบแทนพี่สาวผู้นี้!”

 

“เลี้ยงสัตว์ในหมู่บ้านนั้นง่ายดาย แต่จ้างผู้คุ้มกันจํานวนมากเพื่อป้องกันคนร้ายกลับไม่ง่ายเลย!”

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่น นางรู้ว่าหยุนเคอมีวิธีการอยู่เสมอดังนั้นจึงหันไปมองเขาอย่างต้องการคําอธิบาย

“ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะจ้างคนในหมู่บ้านอยู่แล้วเช่นนั้นก็ให้ชาวบ้านช่วยเจ้าเลี้ยงหมูจะดีกว่าเนื้อที่หาซื้อจากข้างนอกน่าจะพอใช้ไปได้อีกสักระยะแต่จะใช้ในระยะยาวไม่ได้แน่นอนซื้อลูกหมูมาเลี้ยงที่บ้านคนอื่นก็ได้เมื่อมันโตขึ้นค่อยไปรับซื้อคืนแล้วหักเงินส่วนของค่าลูกหมูออกไป”

หยุนเถียนเถียนตระหนักในทันใด “ข้าคิดไม่ถึง!หยุนเคอเจ้าหลักแหลมยิ่ง!”

“แต่… ถ้าหมูน้อยตายตอนที่อยู่บ้านคนอื่นข้าก็ช่วยไม่ได้เช่นนั้นจะทําอย่างไรล่ะ? ระหว่างที่ลูกหมูเข้าไปอยู่ในบ้านคนอื่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?ไม่ใช่ว่าชาวบ้านไม่อยากได้เงินค่าลูกหมูแต่เราจะทําอย่างไรหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น? ”

หยุนเคอยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวล เจ้ามอบเรื่องนี้ให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการได้หรือไม่?พวกผู้เฒ่าย่อมยินดีที่จะมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวแน่”

หยุนเถียนเถียนมาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง คราว นี้ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าเป็นหยุนเถียนเถียนมาเยือนนางก็ยิ่งกระตือรือร้นจะออกมาต้อนรับ

ทันทีที่หัวหน้าหยาก็รีบวิ่งไปหาผู้อย่างไร

ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินว่าทุกคนในหมู่บ้านจะ ได้รับผลประโยชน์ เขาก็รีบวิ่งไปหาผู้เฒ่าใหญ่ทันที และ เถียนเถียนไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุยกันอย่างไร

ผลลัพธ์ที่ได้คือทุกคนนําเงินไปซื้อลูกหมูมาเลี้ยงก่อน แล้ วค่อยขายให้หยุนเทียนเถียนเมื่อพวกมันโตขึ้นด้วยวิธีนี้จะทําให้หยุนเถียนเถียนลดความเสี่ยงลง

ในขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกําลังกังวลเรื่องงานต่าง ๆ หยุน เถียนเถียนก็กําลังกังวลเรื่องการเล่าเรียนของเฉินเฉินเช่นกัน

สิ่งที่หยุนเคอพูดนั้นมีเหตุผล นางสามารถสอนให้เฉินเฉิน เข้าใจในเนื้อหาของหนังสือเหล่านี้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่อ ย่างไรก็ตามในการสอบขุนนาง ไม่เพียงจําเป็นต้องเข้าใจความหมายเท่านั้น แต่ยังต้องเขียนเรียงความที่มีประโยชน์ซึ่ง ต้องมีการสอนอย่างเป็นระบบด้วย

ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่หยุนเถียนเถียนไม่เข้าใจ และแม้ว่าหยุ นเคอจะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่เชี่ยวชาญนัก

ในมุมมองของหยุนเสียนเถียนวิชาการที่หยุนเคอเชียวชาญนั้นส่วนใหญ่เกี่ยวกับการว่าจ้างและปกครองผู้คนแต่ในการเขียนบทความที่เข้มงวดเช่นนี้หยุนเคอทําได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หยุนเถียนเถียนยิ่งกังวลมากขึ้น เมื่อได้ยินว่าในเมืองมีอาจารย์แค่สองท่าน

ตอนนั้นเองนางจึงตัดสินใจพาเฉินเฉินไปเยี่ยมผู้อาวุธโสเฉินซิวไฉเป็นการส่วนตัว

ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของเฉินซิ่วไฉผู้นี้ แต่เดิมเป็นคนในหมู่บ้านเทพธิดาด้วยเหตุนี้ คนจากหมู่บ้านเดียวกันอาจช่วยหักล้างเรื่องราววุ่นวายในครอบครัวของเฉินเฉินให้ได้!

เรื่องดีไม่แพร่หลาย เรื่องร้ายๆมักกระจายไกลพันลี้

เรื่องราวของเฉินผิงอันและหลินชวนฮวานั้นเป็นที่โจษจันในวงกว้างไม่อาจรู้ได้ว่าจะไปไกลถึงพันลี้หรือไม่แต่ในเมืองเล็ก ๆแห่งนี้เรื่องฉาวโฉ่ไม่มีทางปกปิดได้!

ทั้งนี้ การจับฆาตรกรทั้งที่เรื่องผ่านมาหลายปีแล้วถือเป็นข่าวใหญ่

หยุนเวียนเถียนสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดาพาเฉินเฉินมาส่งที่โรงเรียนกวดวิชาพร้อมด้วยเสบียงและอาหารเสริม สําหรับหลายวัน!

หลังจากบรรยายจบ เฉินซิ่วไฉพักผ่อนอยู่ในบ้าน เมื่อคนเฝ้าประตูบอกว่ามีคนต้องการฝากตัวเป็นลูกศิษย์จึง เดินออกไป

เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายแวบแรก หยุนเถียนเถียนเกือบจะเห็นหน้าของเฉินซิ่วไฉเป็นผู้เฒ่าสีในหมู่บ้าน

เขาเกรี้ยวกราดและล้าสมัยเหมือนกัน เพียงเท่านี้หัวใจของหยุนเทียนเถียนก็รู้สึกหมดหวัง

นางเพียงภาวนาขอให้ทั้งสองอย่าได้นิสัยเหมือนกันเลยไม่อย่างนั้นคงยากจะรับมือจริง ๆ !

“ท่านอาจารย์เฉิน น้องชายของข้าถึงวัยเข้าโรงเรียนแล้วรบกวนอาจารย์ช่วยสอนให้เขาจดจําสักคําสองคําจะสะดวกหรือไม่เจ้าคะ?”

หยุนเถียนเถียนพยายามยิ้มอย่างสุภาพและกล่าวคําอย่างจริงใจ!

เฉินซิ่วไฉดูข้อมูลส่วนตัวที่เฉินเฉินมอบให้ในมือ ซึ่งเทียบเท่ากับบทความแนะนําตนเองของคนสมัยใหม่

สีหน้าของเขาผ่อนคลายลง “คํานี้เขียนได้ดี เจ้าไปเรียน มาจากที่ใด?”

อาการตื่นเต้นของเฉินเฉินค่อย ๆ สงบลง เขาก้าวไปข้างห น้าและพูดอย่างสุภาพ “ผู้น้อยไร้ความสามารถ จึง พอจดจําคําศัพท์สองสามคําจากบัณฑิตข้างบ้านได้ขอรับ!”

เฉินซิ่วไฉลูบเคราสีดอกเลาของเขาอย่างยิ้มแย้ม “ช่างเป็นเด็กถ่อมตัวเขียนลายมือได้ดี ครอบครัวของเจ้าอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาหรือ?”

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างนอบน้อม “พ่อของข้ามาจากหมู่บ้านเทพธิดาขอรับ”

“เหตุใดวันนี้พ่อของเจ้าไม่ส่งเจ้ามาที่นี่ แต่กลับเป็นพี่สาวมาแทน?”

หัวใจของหยุนเทียนเถียนสั่นไหว ท่านซิ่วไฉไม่ชอบที่นางเป็นผู้หญิงแล้วมาที่โรงเรียนกวดวิชางั้นหรือ?

เฉินเฉินที่เป็นเพียงเด็กชายวัยเจ็ดหนาว ไม่รู้จะตอบคําถามนี้อย่างไรทําได้เพียงยืนนิ่ง ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ซีดลงเรื่อย ๆ

หยุนเวียนเดียนถอนหายใจ ” ท่านอาจารย์ ข้าเกรงว่าท่านไม่ได้ไปที่หมู่บ้านเทพธิดามานานแล้วจึงไม่รู้ข่าวในหมู่บ้านไม่ทราบว่าท่านรู้ข่าวในหมู่บ้านมากน้อยเพียงใด?”

เฉินซิ่วไฉขมวดคิ้วแน่น “ข้าก็พอมีลูกศิษย์จากหมู่บ้านเทพธิดาอยู่บ้าง เหตุใด? มีสิ่งใดที่ไม่สะดวกจะพูดหรือ?”

หยุนเถียนเถียนอีกอัก “ท่านเคยได้ยินเรื่องของเฉินผิงอันหรือไม่? บิดาผู้ให้กําเนิดเด็กคือเฉินผิงอัน มารดาคือหลินชวนฮวาส่วนข้าเป็นบุตรสาวภรรยาเดิมของเฉินผิงอัน”

เฉินซิ่วไฉตระหนักในทันทีดวงตาฉายแววซับซ้อน“เข้าใจล่ะถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นคนซื้อตัวเด็กคนนี้มาหรือ?”

หยุนเสียนเถียนขมวดคิ้วและพยักหน้า “ในคราแรกข้าคิดว่ามันเหมาะสมข้ากังวลเพียงแค่อยากช่วยเด็กผู้นี้ออก มาและไม่เคยคิดมากถึงอนาคตการทําเช่นนี้เพื่อป้องกันไม่ ให้เกิดปัญหา ขอบังอาจถามอาจารย์เฉิน เรื่องพวกนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเด็กหรือไม่?”

เฉินซิ่วไฉลูบเคราพลางถอนหายใจ “เรื่องนี้ต้องคิดหาทางออกที่เหมาะสมอย่างจริงจัง เนื่องจากการกระทํานี้เป็นเพียง ข่าวลือจึงไม่นับอย่างไรเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ทาส เพียงแต่ว่า เมื่อสอบขุนนาง จะมีการตรวจสอบบรรพบุรุษถึงสามชั่วอายุคน!ข้าเกรงว่าจะต้องคิดหาวิธีการแก้ไข”

หยุนเวียนเถียนถามด้วยความลําบากใจ “ท่านอาจารย์ เหตุใดไม่ให้ข้าพาเด็กผู้นี้ไปรับเลี้ยงภายใต้ชื่อของท่านผู้เฒ่า ในหมู่บ้านล่ะ? เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์และไหวพริบดีมาก ข้าจึงไม่อยากให้เขาเก็บมันไว้นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าพาเขามาที่นี้เพื่อลองเสี่ยงโชค ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะให้เกิดปัญหาเช่น

เมื่อเฉินซิ่วไฉได้ยินคําว่ามากพรสวรรค์ เขาก็เริ่มครุ่นคิดหลังจากนั้นจึงกล่าวตอบ

“พูดตามตรงหากเด็กคนนี้มีพรสวรรค์มาก ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือเขาแต่เรื่องความสามารถไม่ใช่แค่พูดอย่างอย่างเดียวต้องมีการทดสอบด้วย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนเถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปยังเฉินเฉินที่กําลังป ระหม่าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่เจ้าอยู่บ้านพี่สาวเจ้าศึกษาสี่หนังสือห้าคัมภีร์อย่างละเอียดเจ้ายังจําสิ่งที่เรียนรู้มาได้หรือไม่?”

ตอนที่ 142 โรงงาน

 

เนื้อตากแห้งงั้นหรือ?

 

หัวหน้าหมู่บ้านถึงกับงุนงงเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

 

“หัวหน้าหมู่บ้านวางใจได้ ข้ารู้วิธีทําเนื้อตากแห้งและข้าก็จะให้คนในหมู่บ้านทําด้วย”

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ก็ยังถามต่อพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น ข้าไม่รู้ว่าวิธีการเป็นอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มหวาน “เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะบอกวิธีการผลิตทั้งหมด แต่ข้าให้คนในหมู่บ้านช่วยทํางานและสร้างโรงงานให้ข้า ด้วยวิธีนี้ชาวบ้านสามารถหารายได้โดยไม่ต้องออกจากหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านคิดอย่างไร? “

 

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า การช่วยทํางานและได้รับค่าแรงวิธีการแก้ปัญหาแบบนี้ง่ายมากและไม่ต้องกลัวเสียเงินด้วย!

 

“เจ้าเป็นแค่เด็กตัวน้อยแต่รีบร้อนจ้างคนมาทํางาน แน่ใจแล้วหรือ?”

 

“แม้ไม่แน่ใจว่าข้าอาจจะขาดทุน แต่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ต้องกังวล ข้าสามารถจ่ายค่าแรงได้แน่!”

 

“อืม! เช่นนั้นก็ดี แต่เจ้าจะจ้างใครบ้าง? ต้องทํางานอะไร? ต้องบอกให้ชัดเจน ข้าจะได้เลือกคนในหมู่บ้านที่ทํางานได้จริงให้!”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ข้ากําลังมองหาผู้ที่สามารถซื้อเนื้อหมูและไก่ให้ข้า ไม่ว่าเขาจะหามาได้ในราคาเท่าไหร่ ข้าจะเพิ่มให้พิเศษอีกยี่สิบเหวินจากราคาที่พวกเขาซื้อมา ข้าต้องการมากที่สุดเท่าที่จะหาได้”

 

คุ้มค่ายิ่งนักสําหรับราคานี้! แม้ว่าจะได้เพิ่มอีกแค่ยี่สิบเหวินจากราคาในท้องตลาด แต่ทั้งหมดก็ขายได้ จะเปรียบเทียบกับการซื้อจํานวนมากของที่นี่ได้อย่างไร?

 

“แต่คุณภาพของเนื้อต้องดี เนื้อต้องสด! เรื่องนี้ต้องชัดเจน จะมากล่าวหาว่าข้าไม่ชัดเจน แล้วเอาเนื้อเก่ามาหลอกขายให้ข้าไม่ได้”

 

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ต้องเป็นเช่นนั้น!”

 

หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบก่อนจะกล่าวขึ้น “ในการทําเนื้อตากแห้ง ต้องใช้ฟืนเป็นจํานวนมาก ชาวบ้านสามารถตัดฟื้นมาขายให้ข้าได้ในราคามัดละสองเหวิน แต่ฟืนต้องขึ้น อย่าปล่อยให้แห้ง ข้ายังพวกรับรําข้าวและธัญพืชไร้ประโยชน์จากในหมู่บ้านด้วย ท่านก็รู้ว่าของพวกนี้ไร้ค่า แต่ข้าให้ราคาสองเหวินต่อหนึ่งร้อยจิน”

 

ของพวกนี้ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง ชาวบ้านมักจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปเลี้ยงหมู เมื่อหมูกินไม่หมด ก็เอามาโยนลงดินเป็นปุ๋ย

 

หากเปลี่ยนเป็นเงินได้ย่อมดีกว่าแน่

 

“นอกจากนี้ ข้าต้องหาคนงานสองคนที่อายุน้อยและแข็งแรงมาทํางานที่บ้าน ค่าจ้างวันละสิบเหวิน ข้าไม่มีอาหารให้พวกเขาต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน แต่ข้ามีค่าอาหารเพิ่มให้อีกสองเหวิน”

 

ในช่วงเวลาว่างจากการทําเกษตรกรรม มักจะมีผู้ชายที่ขยันขันแข็งออกไปหางานทํา ไม่ใช่แค่ในเมืองและไม่ใช่ทุกคนที่จะหางานทําได้ ถึงมีงานทําแต่ค่าแรงสิบเหวินต่อวัน เป็นไปไม่ได้ว่าจะหาเงินได้มากมายขนาดนี้จากในหมู่บ้าน หลายคนย่อมยินดีที่จะได้รับค่าจ้างราคานี้

 

“หากต้องการสร้างโรงงาน ต้องมีที่ดิน บ้านของข้าที่ถูกไฟไหม้ต้องซ่อมใหม่ เรื่องนี้หัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดช่วยข้าด้วย”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกปากรับคําครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหยุนเถียนเถียนก็ทิ้งเงินไว้ให้สามสิบตําลึงและขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยซ่อมแซมบ้านที่ถูกไฟไหม้ หยุนเถียนเถียนรู้สึกโล่งใจที่ทุกอย่างเรียบร้อยดี เช่นนี้นางจึงเดินทางกลับบ้านอย่างสบายใจ

 

หลี่ซื่อฮวานั่งรถม้าเข้ามาในหมู่บ้าน ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของชาวบ้านทุกคน รถม้าคันดังกล่าวหยุดอยู่ตรงลานหน้าบ้านของหยุนเคออย่างเหมาะเจาะ

 

จากนั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าเนื้อตากแห้งรมควันสีเหลือง กลิ่นหอมฟุ้งถูกขนเข้าไปในรถม้า จากนั้นมันก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว!

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังสงสัยอยู่นั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็เรียกให้ไปรวมตัวกันที่โถงบรรพบุรุษเพื่อประชุม

 

เมื่อไปถึงที่นั่นทุกคนจึงได้ทราบว่าตระกูลหลี่รับซื้อเนื้อตากแห้งของหยุนเถียนเถียนในราคาสูง

 

ต่อไปไม่ว่าหยุนเทียนเถียนจะทําอะไรผู้คนก็ไม่สงสัย ในที่สุดเงินของนางก็มีที่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

แล้วหัวหน้าหมู่บ้านจัดประชุมอย่างไร? เขาอธิบายให้ชาวบ้านฟังว่าอย่างไรนั้น หยุนเถียนเถียนไม่ได้สนใจ

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันรุ่งสางก็เริ่มมีผู้คนมาทํางานในบริเวณบ้านที่ถูกไฟไหม้ พวกเขาซื้อซากปรักหักพังและสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่อย่างเชี่ยวชาญ

 

ไม่มีใครมารบกวนหยุนเถียนเถียนเนื่องจากได้รับคําอธิบายจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้จึงทําให้นางมีความสุขมาก

 

สําหรับเฉินผิงอันนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจหยุนเถียนเถียนมากนัก แต่ก็ได้ยินข่าวจากที่นั่นเข้าหูเป็นระยะ

 

เฉินผิงอันไม่ได้สร้างบ้านขึ้นใหม่ เนื่องจากบ้านเดิมเป็นบ้านอิฐซึ่งค่อนข้างแข็งแรง แม้ว่าคานหลังคาจะถูกไฟไหม้ แต่ภายในสองวันเฉินผิงอันก็ขอให้ใครสักคนมาช่วยทําความสะอาด ถือว่ายังพออยู่ได้

 

ไม่มีใครรับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในบ้านหลังนี้

 

ตอนนี้แม้เฉินผิงอันจะไม่ติดการพนันอีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับจมดิ่งลงสู่นรกขุมอื่น

 

หลินชวนฮวาพาเฉินเฉิงเยี่ยออกไปแล้ว และมรดกทั้งหมดยกให้ลูกชายคนโต เฉินผิงอันจึงอยู่คนเดียวและไม่เหลืออะไร

 

หลังจากดื่มสุราจนเมามาย เขาก็หลงใหลในรสชาติแห่งการถูกมอมเมา

 

เมื่อเห็นโรงงานที่สร้างขึ้นเสร็จแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็จัดการให้เงินไปลูกชายของเขาช่วยไปจัดการซื้อหมู ซึ่งมันน่าจะเป็นงานง่ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ไม่แปลกเลยเพราะหัวหน้าหมู่บ้านย่อมให้ความสําคัญของคนในครอบครัวก่อน

 

นางหวังภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จะไม่รีบเกาะนางไว้ให้แน่นได้หรือ?

 

แม้ว่าตอนนี้จะทําได้เพียงแค่ช่วยหญิงผู้นี้ทํางาน แต่ตราบใดที่ยังยืนหยัดและทํางานได้ยาวนาน ยังจะต้องกลัวหญิงสาวไม่เห็นความสําคัญอีกหรือ?

 

นางหวังพาเฉินหลิงผู้เป็นสะใภ้ใหญ่มาช่วยหมักหมูใส่เกลือ คอยรับเนื้อดิบที่เหมาะสําหรับรมควันจากมือหยุนเถียนเถียนและช่วยรมควันเนื้อตากแห้ง

 

ผู้ใหญ่บ้านรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อคนในหมู่บ้าน เพื่อให้ทํางานสําเร็จลุล่วง เขาจึงไม่ไปรบกวนให้ผู้อื่นไม่สบายใจ

 

เฉินช่งซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้น มีน้องชายผู้หนึ่งทันที ที่เกวียนของเขาว่าง เขามักจะไปเรี่ยไรช่วยขนสินค้าให้หยุนเถียนเถียน ดังนั้นเขาจึงหาเงินได้มากมาย

 

ส่วนผู้รับผลประโยชน์รายอื่น ๆ มีเพียงป่าหวางและลูก สะใภ้

 

ป้าหวางเคยช่วยหยุนเทียนเถียนบ้างเล็กน้อย ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงสามารถพูดกับหัวหน้าหมู่บ้านได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านขอให้ป่าหวางช่วย ชาวบ้านหลายคนต่างคัดค้าน แต่เมื่อได้ยินว่าแม่นางหยุนออกปากให้ ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดมากนัก

 

แล้วทั้งหมู่บ้านก็เริ่มคึกคัก ไม่มีใครคิดว่าไม่ต้องแบกฟื้นบนภูเขาเข้าไปขายถึงในเมือง แค่เพียงขายในหมู่บ้านก็ได้ราคาดีแล้ว

 

มัดละสองเหวิน วันละสิบเหวินก็สามารถทําได้สบาย!

 

แต่คนอื่นในโรงงานยังบอกว่าหามาได้อีกเท่าที่ต้องการเพราะความต้องการนั้นไม่มีที่สิ้นสุด!

 

ด้วยการดําเนินงานที่มีประสิทธิภาพของโรงงาน เนื้อสัตว์จากหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งจึงถูกส่งมายังโรงงานนี้ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอสําหรับส่งขายล็อตแรกสองพันจิน

 

หยุนเถียนเถียนกังวลเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจจะเปิดพื้นที่รกร้างใกล้ ๆ เพื่อเลี้ยงสัตว์เอง

 

แต่หยุนเคอยับยั้งจินตนาการของนางในทันที “เจ้านี่คิดสิ่งใด ก็จะทําสิ่งนั้นให้ได้เลยงั้นหรือ!”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 141 อย่าตัดสินจากภายนอก

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้จัดการร้านด้วยสีหน้าขุ่นเคืองก่อนจะกล่าวถาม “ตอนอยู่ข้างล่าง มีสิ่งใดเกิดขึ้น?”

 

เฒ่าแก่อู๋ติดตามนายน้อยมาเป็นเวลาหลายปี เขาทั้งเคารพและเชื่อฟังนายน้อยมานาน เขารู้ดีว่านายน้อยที่ทุกคนต่างดูถูกนั้น แท้จริงแล้วมีอะไรที่มากกว่านั้น

 

“มีเสี่ยวเอ้อดูถูกคนจน เขาถูกไล่ออกไปแล้วขอรับ!”

 

สีหน้าของหลี่ซื่อฮวาดีขึ้นเล็กน้อย “คราวหน้าคอยดูให้ดี เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ธรรมดา ท่านพ่อส่งข้ามาอยู่เมืองเล็ก ๆ เยี่ยงนี้ หากข้าไม่ประสบความสําเร็จคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีก!”

 

“แต่เมืองเล็ก ๆ เช่นนี้จะค้าขายอย่างไร? แม้ข้าจะไม่มั่นใจในตัวเองนัก แต่กับนางนั้นต่างออกไป ดูจากสิ่งเหล่านี้ที่นางมี บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสให้ข้าได้พลิกกลับมาสู้อย่างงดงาม!”

 

เฒ่าแก่พยักหน้าซ้ํา ๆ “ใช่ขอรับ! นายน้อยมิต้องกังวลไป”

 

หลี่ซื่อฮวาหัวเราะเยาะตัวเองและใช้พัดเคาะฝ่ามือ เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจเพราะทอดทิ้งนางไปในวันนั้น ดูเหมือนว่าตอนนี้ช่างน่าเสียดายนัก

 

หยุนเถียนเถียนดึงหยุนเคอตรงไปที่ร้านขายเสื้อผ้า

 

เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าคนเดิมที่หยุนเถียนเถียนเคยขอเศษผ้าขี้ริ้วถุงใหญ่ไป เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้กลับมาอีกครั้ง เถ้าแก่พลันเผยสีหน้าบิดเบี้ยวทันที เขารีบเอาผ้าขี้ริ้วไปซ่อนให้พ้นจากสายตาของนางอย่างเร่งรีบ

 

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ชี้ตรงไปที่เฉินเฉินและพูดด้วยรอยยิ้ม 

 

“เถ้าแก่ข้าขอดูเสื้อผ้าสําหรับเด็กชายคนนี้ได้หรือไม่?”

 

เมื่อเถ้าแก่เห็นว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อซื้อของ อีกทั้งผิวพรรณก็ดูดีขึ้นมาก จึงเข้ามาแนะนําอย่างกระตือรือร้น

 

เขาสังเกตจากการสวมเสื้อผ้าของนางจึงคิดจะหลอกขายเสื้อผ้าหยาบ ๆ ในกระสอบ ทว่าเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวถาม “ที่นี่ไม่มีผ้าฝ้ายงั้นหรือ? เขายังเด็ก สวม ใส่ผ้าฝ้ายน่าจะดีกว่า”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเถ้าแก่แข็งค้างทันที

 

ร้านขายเสื้อผ้าในเมืองเล็ก ๆ แต่เดิมค้าขายกับผู้คนในเมืองนี้ ปกติแล้วผ้าไหมและผ้าแพรนั้นมีเยอะมาก แต่ก็ยังมีคนจํานวนมากจากทั่วทุกพื้นที่รอบ ๆ ที่มุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้า ดังนั้นจึงทําให้มีผ้าฝ้ายเพิ่มขึ้นด้วย

 

จะมีสักกี่คนจากหมู่บ้านนี้ ที่เข้ามาในเมืองและยินดีซื้อผ้าฝ้ายในราคาสูง? ส่วนใหญ่เลือกใช้ผ้าลินินที่หนาหยาบและทนทานต่อการฉีกขาดทั้งนั้น!

 

เถ้าแก่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิดไปมาก ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างละเอียดและต้องการซื้อเสื้อผ้าฝ้ายให้น้องชายของนางเท่านั้น

 

เนื่องจากเป็นร้านใหญ่ก็ยิ่งต้องให้บริการอย่างดี เถ้าแก่จึงหยิบเสื้อผ้าออกมาให้เฉินเฉินเลือกมากมาย

 

แน่นอนว่าเด็กคนนี้ไม่เคยเห็นเสื้อผ้าดี ๆ มากมายขนาดนี้มาก่อน เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะจับมันด้วยซ้ํา!

 

“พี่สาวไม่เห็นต้องซื้อของดีขนาดนี้ เอาผ้าลินินหยาบ ๆ ก็ได้”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและตบหน้าอกของนาง “ตอนนี้เจ้าก็เห็นว่าพี่สาวมีทางหาเงิน น้องชายของข้าไม่จําเป็นต้องประหยัด อีกไม่กี่วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปเรียนหนังสือ หากสวมเสี้อผ้าลินินพวกนั้นในโรงเรียนต้องถูกหัวเราะเยาะแน่”

 

เฉินเฉินไม่กล้าหยิบ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงต้องเข้าไปเลือกเสื้อผ้าสีชุดให้เขา สีฟ้าสองชุดและชุดสีขาวสองชุด ล้วนเป็นเสื้อผ้าตามสมัยนิยมสําหรับหนุ่มน้อย

 

เมื่อยินดีซื้อเสื้อผ้าราคาแพงเช่นนี้ให้น้องชาย แน่นอนว่าหญิงสาวย่อมซื้อที่ดีกว่าให้ตัวเอง!

 

หยุนเถียนเถียนยังสุ่มเลือกชุดผ้าฝ้ายสี่ชุดสําหรับตัวเองด้วย คราวนี้น่าจะเพียงพอสําหรับเปลี่ยนซัก

 

แต่เมื่อนางหยิบเงินจากในแขนเสื้อขึ้นมาจ่ายก็พลันนึกถึงหยุนเคอขึ้นมา

 

หยุนเคอมีนิสัยรักความสะอาด แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะดูซอมซ่อ แต่ก็ผ่านการซักอย่างดี เพียงเพราะเป็นผู้ชายอกสามศอกจึงไม่ค่อยได้มาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถันที่ร้าน

 

“เอามาอีกสองชุดให้เขา ขอผ้าที่ใส่สบาย สองตําลึงนี้ไม่ต้องทอน!”

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนกล่าวจบเถ้าแก่ก็ยินดีเป็นอย่างมาก นางไม่อยากขุดคุ้ยความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่ดูแล้ว เหมือนพี่น้องกัน… แต่ก็ไม่ใช่!

 

ในที่สุดทั้งสามคนก็สวมเสื้อผ้าใหม่ ถือกระเป๋าใบใหญ่ไว้ในมือและจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินไปที่อื่นต่อ

 

ตอนที่หยุนเคอยังไม่มีที่ดินของตัวเอง ในวันธรรมดาเขามักจะนําเหยื่อที่ล่าได้มาแลกเป็นอาหาร

 

ตอนนี้ในบ้านมีกันสามคน แน่นอนว่าอาหารการกินย่อมเพิ่มมากขึ้นและไม่เพียงพอ ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปในร้านขายธัญพืชที่อยู่ติดกัน หยุนเถียนเถียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดก็จะได้กินซาลาเปานึ่งแสนอร่อยแบบภพชาติก่อนหน้าได้แล้ว!

 

หยุนเคอไม่เข้าใจแค่เดินดูร้านขายธัญพืช เหตุใดหญิงสาวถึงตื่นเต้นนัก?

 

บางทีที่ที่นางมาอาจจะเป็นทางใต้ เพราะทั้งสองร้านนี้ไม่มีแป้ง แม้แต่ข้าวก็ไม่มี!

 

หยุนเถียนเถียนถามกับเถ้าแก่จึงได้รู้ว่าข้าวสาลีนั้นมีเฉพาะทางเหนือเท่านั้น ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ คงไม่มีใครใช้เงินเป็นจํานวนมากซื้อแป้งที่ส่งมาจากทางเหนือ ดังนั้นใน ร้านจึงไม่มีขาย

 

หากอยากกินแป้งจริง ๆ สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าใหญ่ ๆ ในเมืองเท่าหลวงนั้น

 

เรื่องนี้ทําให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย สุดท้ายจึงเลือกข้าวคุณภาพดีตามที่ใจต้องการและให้หยุนเคอยกขึ้นเกวียน 

 

ลุงเฉินยิ้มและมองหยุนเคอด้วยสายตาเอ็นดูเป็นอย่างมาก “แม่หนูเถียนเถียนผ่านพ้นความยากลําบากเสียที่นะ ซื้อข้าวเยอะขนาดนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องทนหิวแน่นอน!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและพยักหน้า “ข้าคงต้องรบกวนท่านลุงขนของให้แล้ว”

 

ลุงเฉินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไปส่งสินค้าเพียงลําพังเช่นนี้ เขายินยิ่งดีเพราะจะได้รับเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย

 

จากนั้นเกวียนก็มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเพื่อขนส่งข้าวไปที่บ้านของหยุนเคอ

 

หยุนเถียนเถียนถือโอกาสนี้ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะต้องเร่งมือทําเนื้อตากแห้งของเดือนหน้าให้เสร็จ จากนั้นถึงจะได้รับเงินสองพันตําลึงในเดือนหน้า และทั้งหมดนี้ไม่ใช่โครงการเล็ก ๆ เลย

 

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่แข็งขันที่สุดในหมู่บ้านมาเยือน ก็รีบออกมาทักทายทันที “มาหาข้า มีอะไรให้ช่วยหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มแล้วนําเหล้าหมักที่เตรียมมาวางบนโต๊ะ “ต้องขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านสําหรับความห่วงใยตลอด เวลาที่ผ่านมานี่เป็นของเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจ”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถูฝ่ามืออย่างถ่อมตัว “ข้ามิได้ทําอันใดเลย เป็นเจ้าเองที่เก่งกาจ”

 

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจคําพูดที่สุภาพเหล่านี้ นางมองไปรอบ ๆ และเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งจึงเดินไปนั่งด้วยตัวเอง “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ามีวิธีหาเงินและต้องการให้ชาวบ้านทํา ร่วมกัน ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านคิดอย่างไร?”

 

เป็นเรื่องดีที่หัวหน้าหมู่บ้านจะพาชาวบ้านหารายได้ แต่ก็ยังไม่กล้าตอบตกลง ทําได้เพียงลองสอบถามดูก่อน “ไม่รู้ว่าวิธีนั้นเป็นอย่างไรหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าคําตอบของหัวหน้าหมู่บ้านในวันนี้ แสดงถึงความสนใจของชาวบ้าน นางไม่สนว่าเขาจะระมัดระวังมากแค่ไหน

 

“ข้าทําการค้าร่วมกับนายน้อยหลี่ว่าจะจัดหาเนื้อตากแห้ง จํานวนสองพันจินให้กับร้านอาหารของเขาทุกเดือน”

 

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 140 ร่วมมือกัน

 

สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาไม่ชอบที่สุดคือรอยยิ้มราวกับจิ้งจอกเจ้าแผนการของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า

 

“เอาล่ะ มีสิ่งใดจะกล่าวก็กล่าวมา อย่าให้ข้าหมดความอดทน!”

 

เป็นดังที่คาด หยุนเถียนเถียนจึงมีท่าที่จริงจัง ขึ้นและเก็บรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นไป

 

“ข้ามีสองวิธีที่จะร่วมมือกัน! วิธีแรกข้าจะหาคนในหมู่บ้านของเรามาทําเนื้อหมักนี้ให้ท่านและคิดค่าบริการตามราคา! ข้าจะทําเท่าที่ท่านต้องการท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวาไม่เผยสีหน้าใดก่อนจะกล่าวเสียงค่อย “ไม่ค่อย ดีนัก! แล้วการร่วมมือแบบที่สองคืออะไร? ว่ามาสิ!”

 

“วิธีที่สอง นายน้อยหลอาจจะต้องลําบากสักเล็กน้อย! ข้าใช้วิธีมอบส่วนแบ่งให้ท่านเป็นอย่างไร? พูดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือข้าสอนวิธีทําให้ท่าน หากท่านมีวัตถุดิบไม่เพียงพอก็สามารถซื้อจากข้าได้ แล้วส่วนแบ่งที่ข้าต้องการคือสีในสิบจากกําไร!”

 

หลี่ซื่อฮวาหัวเราะออกมาทันที แต่นายน้อยผู้นี้คิดว่ามีวิธีที่สาม!”

 

“หากนายน้อยหลี่มีวิธีก็กล่าวออกมาเถิด ข้าจะรับฟัง” 

 

“เจ้าเพิ่งกล่าวว่าจะให้ข้าเรียนรู้วิธีการของเจ้า จากนั้นข้าก็แค่หาข้ออ้างโยนเจ้าเข้าคุกหลวง! นายน้อยผู้นี้ จะได้มิได้กําไรหรือ หากไม่ต้องลงทุน?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มสงบ นางรู้ดีว่ายุคนี้ไม่ใช่ยุคแห่งหลักนิ ติธรรมอีกต่อไป และนายน้อยหลี่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!

 

“นายน้อยหลี่หลักแหลมยิ่งนัก เหตุใดไม่ลองดูเล่าว่าท่านจะสามารถเรียนรู้สูตรการทําเนื้อตากแห้งและส่วนผสมพิเศษจากปากของข้าได้หรือไม่มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้สูตรนี้! หลังจากที่ท่านได้เรียนรู้จากข้าแล้ว ข้า…หยุนเถียนเดียนจะยอมจํานนโดยสมัครใจ”

 

หลี่ซื่อฮวาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า “นับเป็นเรื่องดีที่เด็กสาวอย่างเจ้ามีความกล้า เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ว่ากฎหมายอาญาในคุกหลวงมีกี่ประเภท? ร่างกายเล็กๆ เช่นนี้ จะอดทนได้สักเท่าไหร่กัน? อ้อ แล้วถ้าคนรักตัวน้อยของเจ้าอยู่ในกํามือนายน้อยผู้นี้ เจ้าจะช่วยนางให้รอดจากวิธีการนี้ได้หรือไม่?”

 

หยุนเคอไอเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าเองก็ชักในสงสัย สิ่งที่นายน้อยหลี่กล่าว เหตุใดไม่ลองดูเล่า?”

 

“ตอนนี้หลงเยว่น่าจะอยู่ในเมืองนี้แล้ว หากนายน้อยหลี่คิดการนี้ ก็รีบลงมือเถิด มิฉะนั้น…ถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งเกิดหนีไปได้ วันรุ่งขึ้นคงเป็นวันตายของนายน้อยหลี่!”

 

ความจริงแล้วหยุนเถียนเถียนก็ไม่แน่ใจนักว่าหลงเยวผู้นั้น จะยืนเคียงข้างนางจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องลองดูไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยก็พอจะข่มขู่นายน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้!

 

“หลงเยว่?”

 

หลี่ซื่อฮวาถึงกับตื่นตระหนก…

 

ผู้คนในใต้หล้าไม่มีใครไม่รู้จัก! แต่หลงเยวให้การคุ้มครองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างนั้นหรือ?

 

เมื่อครุ่นคิดอย่างรอบคอบถึงเรื่องต่าง ๆ ที่สืบเสาะมา แม่ ของเด็กสาวผู้นี้ดูจะเป็นคนสําคัญ! บางที่หลงเยว่อาจจะอยู่ ข้างนางจริง ๆ แต่ก็ไม่เสมอไป!

 

แต่มันก็เป็นแค่การคาดเดา!

 

หลี่ซื่อฮวายิ้มเย็นชา เขาไม่ได้ตั้งใจจะทําอะไรหญิงผู้นี้อยู่ แล้ว เพียงอยากให้นางตกใจเท่านั้น

 

“เอาล่ะ เลิกกล่าวใช้ผู้อื่นมาข่มขู่ข้าได้แล้ว งั้นข้าตกลงกับวิธีแรกของเจ้า ทุกเดือนข้าจะส่งคนไปรับเนื้อที่หมู่บ้าน เนื้อตามท้องตลาดทั่วไปมีราคายี่สิบเหวินต่อหนึ่งจิน แต่ เนื้อของเจ้าพิเศษกว่าข้าจะให้ราคาแปดสิบเหวินต่อหนึ่ง จินแล้วกัน แต่เจ้าต้องส่งเนื้อให้ข้าเดือนละสองพันจิน เช่นนี้เป็นอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนรู้ว่าราคานี้สมเหตุสมผล แต่ไม่คาดคิดว่านายน้อยผู้ฟุ่มเฟือยคนนี้จะรู้ราคาขายตามท้องตลาดด้วย!

 

“ตกลงตามนี้! แต่พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน เรามาลงนามทําสัญญากันเถิด!”

 

หลี่ซื่อฮวาเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ “ทําสัญญา? เจ้ารู้หนังสือด้วยหรือ?”

 

เหตุใดผู้คนถึงคิดว่าหยุนเถียนเถียนอ่านหนังสือไม่ออก? นางดูเหมือนคนไม่มีการศึกษาหรือ?

 

เอาเถอะ ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะตื่นตระหนก นางเป็นเพียง เด็กสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็ไม่น่าจะรู้หนังสือจริง ๆ !

 

ดูเหมือนหยุนเคอจะรับรู้ถึงความไม่พอใจของหญิงสาว และมองเห็นความกังวลของนางด้วย

 

นางไม่เหมาะที่จะเปิดเผยตัวตน ทว่าตัวตนของเขาปลอดภัยกว่าหญิงสาวมาก

 

“นางไม่รู้หนังสือ แต่ก็ยังมีข้าอยู่มิใช่หรือ? นายน้อยหลี เชิญ!”

 

หลี่ซื่อฮวาเลิกคิ้ว นับตั้งแต่ที่พบเจอคราวแรก เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา ตอนนี้จึงไม่แปลกใจที่เขาจะรู้หนังสือ

 

เนื่องจากตัวตนของบางคนนั้นลึกลับ จึงไม่สามารถยืนหยัดที่จะสืบหาได้ หลี่ซื่อฮวาไม่คิดว่าตนเป็นคนร่ํารวยพอที่จะไปยั่วยุผู้มีตัวตนลึกลับเหล่านั้นได้!

 

ดังนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรมาก แต่พูดอย่างเฉยเมย “งั้นลง นามเลย”

 

อย่างไรเรื่องนี้ก็มิได้มีอันตรายต่อนายน้อยหลี่ ตรงกันข้ามกลับทําให้มีความมั่นใจขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

 

หลี่ซื่อฮวาขอให้ผู้จัดการร้านมอบตั๋วแลกเงินสองร้อยตําลึงให้นางทันที โดยบอกว่าเป็นเงินมัดจําสําหรับเดือนหนา!

 

หยุนเสียนเถียนเก็บเงินด้วยใบหน้าเรียบเฉย สําหรับผลผลิตสองพันจินต่อเดือนไม่ได้ทําให้นางกังวลนัก เพราะชาวบ้นมีมากมายและส่วนใหญ่ก็ใจดีกับนาง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะให้ค่าตอบแทนพวกเขาอย่างไรดี?

 

“เนื้อตากแห้งนี้สามารถทําจากเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อ อะไรก็ได้ส่วนการกินนั้น ข้าจะบอกวิธีการบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าของตัวข้าด้วย”

 

จากนั้นหยุนเถียนบอกให้หยุนเคอเขียนสูตรอาหารสามสี่รายการ

 

หลี่ซื่อฮวาหยิบขึ้นมาดูใกล้ ๆ แล้วโยนให้พ่อครัว

 

“ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ในนี้มีทั้งหมดห้าสิบสองรายการ งั้นข้าให้เจ้าอีกสองร้อยตําลึง! แน่นอนว่ายังมีเงื่อนไขอย่างอื่นอีก หากในภายหน้าเจ้ามีความคิดดี ๆ ให้มาหาข้าก่อนเจ้าว่าอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้ว “นายน้อยหลี่ช่างเชี่ยวชาญการค้า ยิ่งนัก! เห็นแก่ความร่วมมือในครั้งนี้ที่ค่อนข้างน่าพอใจ หากต่อไปข้ามีความคิดใหม่ ข้าจะมาหานายน้อยหลี่คนแรก!” 

 

“ในเมื่อร่วมมือกันแล้ว ข้าเองก็มีอย่างอื่นที่ต้องทํา รบกวนนายน้อยหลี่เพียงเท่านี้!”

 

เมื่อหลี่ซื่อฮวาพูดเรื่องจริงจังเสร็จ จากนั้นเขาก็เริ่มทําตัวงี่เง่า “อะไร? เจ้ารีบพาคนรักของเจ้าไปพลอดรักกันหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะ “ในความคิดนายน้อยหลี่มีเรื่องอื่นนอกจากนี้อีกหรือไม่? ข้าต้องหาซื้อเสื้อผ้าสักสองสามชุดก่อน มิฉะนั้น ครั้งหน้ามาที่ร้านนายน้อยหลี่อาจจะถูก ใครบางคนไล่ออกจากร้านได้ เช่นนั้นคงเสียหน้าไม่น้อย!” 

 

หลี่ซื่อฮวาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”

 

รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยุนเถียนเถียน “นี่เป็นเรื่องในบ้านของนายน้อยหลี่ ข้าเพียงจะบอก แน่นอนว่านายน้อยหลี่ย่อมเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะจัดการเช่นไร แต่ถ้าท่านต้องการให้กิจการรุ่งเรือง ไม่ควรมีเสี่ยวเอ้อที่ดูถูกคนต่ําต้อย!”

 

หลังจากหยุนเถียนเถียนพูดจบ ก็ไม่สนใจสีหน้าของนายน้อยหลีที่อยู่ข้างหลัง นางดึงหยุนเคอและน้องชาย หันหลังเดินออกไปจากร้านทันที

 

หลี่ซื่อฮวามองตามหลังของคนทั้งสามคนด้วยความรู้สึกที่ขัดใจยิ่ง!

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 139 เข้าสู่ร้านอาหาร

 

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนเดินออกมาด้วยท่าทีที่ต่างออกไปซึ่งเขาอาจเป็นผู้จัดการร้าน

 

“เสี่ยวหลินเจ้าอวดดีมากเกินไปแล้ว!เอาล่ะไปหยิบเงินค่าแรงของเจ้าแล้วออกไปซะ! ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆคงไม่สามารถรองรับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าได้!”

 

หลังจากตําหนิลูกจ้างด้วยสีหน้าจริงจังแล้ว เขาเดินมาหาทั้งคู่ก่อนจะกล่าวต้อนรับ “ท่านทั้งสองถามถึงข้า… มีเรื่องอะไรหรือ?”

 

แม้หยุนเสียนเถียนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูไม่ดีนักแต่ก็กล่าวออกด้วยท่าทางอ่อนโยน “ข้าอยากจะขอพบนายน้อยหลี่พวกเรามีเรื่องจะต้องเจรจากับเขาเช่นนี้จึงต้องรบ กวนท่านด้วย”

 

ผู้จัดการร้านหลี่ตาเล็กน้อยพลางมองไปยังหยุนเถียน เถียนแม้นางจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าและทรุดโทรมแต่ก็ยังคงงดงามในทุกการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากับนางนั้นทําให้เขาแทบควบคุมตนเองไม่ได้

 

หากมองข้ามเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวมใส่ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดผู้คนจะคิดว่านางคือสนมของชายยศใหญ่ในวัง

 

ส่วนนายน้อยหลี่เองนั่งอยู่ในห้องใต้หลังคาและเฝ้ารอการมาถึงของหญิงสาวผู้งดงามมาตลอดหลายวัน…

 

เช่นนี้ผู้จัดการร้านไม่รีรอและนําทั้งสามขึ้นไปยังชั้นบนทันที

 

“เอาล่ะสาวน้อย ให้ชายวัยกลางคนและเด็กน้อยรอตรงนี้เสียก่อน”

 

“ชายวัยกลางคน??

 

หยุนเทียนเถียนถึงกับอดไม่ได้ที่จะยิ้ม.

 

หยุนเคอบอกว่าเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้นเหตุใดอีกฝ่ายจึงมองว่าเขาเป็นชายวัยกลางคน?!

 

มันง่ายที่จะสับสนอายุที่แท้จริงของหยุนเคอเพราะหนวดเครารุงรังนั้น

 

เฉินเฉินเองก็สงสัยและแปลกใจว่าเจ้าของร้านรู้ได้อย่างไรว่าหยุนเคอเป็นชายวัยกลางคน?!

 

อย่างไรก็ตาม หยุนเถียนเถียนไม่สนใจคํากล่าวนั้นและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อห้ามตนเองไม่ให้หัวเราะออกมาก่อนจะเดินต่อไปพร้อมกับหยุนเคอ

 

ทันทีที่หยุนเถียนเถียนเดินขึ้นไปถึงชั้นบนก็พบว่านายน้อยหลีกําลังยืนอยู่ริมหน้าต่างพลางพิมพ์ “ หากเป็นหญิงสกปรกผู้นั้นข้าไม่ยอมปล่อยนางไปอีกแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนกระแอมทันที “นายน้อยหลี่กําลังนินทาหญิงสกปรกอยู่ไม่กลัวนางได้ยินหรือ?”

 

หลี่ซื่อฮวาหันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาอดไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อเสื้อผ้าอันทรุดโทรมพลางมองไปยังใบหน้าที่แสนงดงามของนางและตกอยู่ในภวังค์สักครู่หนึ่ง

.

เมื่อเห็นดังนั้น หยุนเคอก็รู้สึกโกรธโดยไม่มีเหตุผลก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อบดบังสายตาของหลี่ซื่อฮวาเขารู้สึกว่าไม่ควรเห็นด้วยกับเรื่องไร้สาระที่หญิงผู้นี้กําลังจะทํา

.

..

 

“นายน้อยหลี่ ข้าทั้งสองนําเนื้อตากแห้งมาให้ท่านชิมหากถูกใจก็เป็นไปได้ที่เราจะร่วมธุรกิจกัน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวามองหยุนเคอด้วยความเกรี้ยวกราดทันที

2

“เจ้ากําลังจะบอกว่า… นางคือคนรักของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าทั้งสองทําผิดศีลธรรมจนต้องแต่งงานกัน ใช่หรือไม่?!อะไรกัน?กล้ายอมรับหรือไม่?”

 

หยุนเคอกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ขอนายน้อยหลี่โปรดเคารพต่อศักดิ์ศรีของเถียนเถียนด้วยนางเป็นคู่หมั้นของข้าและท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวนางจึงไม่ควรกล่าววาจา เช่นนี้!”

 

หลี่ซื่อฮวาตกตะลึงและยิ้ม“เป็นไปไม่ได้!หญิงใฝ่สูงผู้นี้จะชายตาลงมามองเจ้าได้อย่างไร? แม้แต่ชายที่มาจากตระกูลสูงส่งเช่นข้ายังไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย!”

 

หยุนเคอกล่าวตอบหนักแน่น “วันที่ข้าตกลงรับเอานางมาเป็นภรรยาทุกคนในหมู่บ้านก็ต่างร่วมเป็นพยาน!และหัวหน้าหมู่บ้านก็ไปยังสํานักราชการเพื่อดําเนินเรื่องที่ดิน ที่ข้าจะใช้สร้างเรือนหอให้แล้วด้วย!ทําไมหรือ?นายน้อยหลีมีข้อข้องใจอันใดหรือไม่?”

 

สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาแปลกใจไม่ใช่คําพูดของหยุนเคอแต่เป็นการตอบสนองของหยุนเถียนเถียนซึ่งทําให้เขาแทบรับไม่ได้…

 

หากหญิงผู้นี้ไม่เต็มใจแต่งงาน แน่นอนว่านางต้องลุกข์นต่อสู้และปฏิเสธเสียงแข็งแต่คราวนี้ดูเหมือนว่านางจะยินดีรับชะตากรรม

 

หลี่ซื่อฮวาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่างเปล่าในใจราวกับว่าได้สูญเสียสิ่งที่สําคัญไป!

 

“อะไรนะ? จากการกระทําของนายน้อยหลี่ ข้าคิดว่าท่านกําลังตกหลุมรักนางสุดหัวใจ… ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของข้าจะทําให้ท่านเจ็บปวดใจไม่น้อย!” หยุนเคอส่งสายตาเย้ยหยันออก

 

หลี่ซื่อฮวาพยายามข่มความรู้สึกไว้เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูถูกหรือหัวเราะเยาะ เขารีบกล่าวตัดบท “เอาล่ะ!เลิกพูดถึงปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว! สิ่งที่เจ้านํามาคืออะ ไรกัน? พาข้าไปดูสิ!”

 

หยุนเทียนเถียนหยิบตะกร้าจากหยุนเคอและวางมันบนโต๊ะก่อนจะเปิดผ้าคลุมออก

 

เพื่อหน้าตาและรสชาติที่ดีหยุนเถียนเถียนได้ทําการชําระควันดําและคราบไหม้ออกไปจากเนื้อเหลือเพียงสีน้ําตาลสดซึ่งทําให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้นและทันทีที่เปิดผ้าออกกลิ่นหอมก็พวยพุ่งออกอย่างไม่อาจต้าน

 

หลี่ซื่อฮวารู้สึกว่ากลิ่นหอมเหล่านี้ดึงดูดใจเป็นอย่างมากแต่กลับแสร้งทําเป็นไม่สนใจและพูดว่า “ก็เป็นเพียงเนื้อราคาถูกไม่ใช่หรือ?ข้าก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นสิ่งพิเศษอะไร! สาวน้อย…เจ้าเอาเนื้อนี้มาให้ข้าดูเพื่อสิ่งใดกัน?”

 

หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เนื้อนี้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองต้าเย่ว! แน่นอนว่านายน้อยหลี่ต้องไม่เคยลิ้มรสมาก่อนเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าเป็นเพียงเนื้อธรรม ดา?”

 

หลีชื่อฮวาวางพัดในมือก่อนจะนั่งลงอย่างเฉยเมย

 

“เอาล่ะ! พ่อครัวของเราไม่เคยเห็นเนื้อนี้จึงไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรเช่นนั้นแล้ว เจ้าจงไปปรุงเนื้อนี้ในครัวและนํามาให้ข้าชิมเสีย”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าก่อนจะเดินตามเชี่ยวชื่อไปยังห้องครัวทันที

 

หยุนเคอนั่งรออยู่ในร้านอาหารพลางดื่มชาอย่างใจเย็นเฉินเฉินเองก็นั่งอยู่ข้างเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะการที่พี่สาวพามาในเมืองและซื้อเสื้อผ้าให้ก็รับว่าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ มากแล้วสําหรับเขา

 

ในโอกาสนี้เขาไม่อยากพูดอะไรมากเพียงมองด้วยตาและฟังด้วยหูก็พอ

 

หยุนเคอนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร และหลีชื่อฮวาเองก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรเช่นกัน ดูเหมือนว่านายน้อยหลี่จะยังคงไตร่ตรองว่าความรู้สึกสูญเสียในหัวใจของเขานั้นมาจาก ที่ใด?!

 

จากนั้นไม่นาน หยุนเสียนเถียนก็เดินออกมาพร้อมถาดในมือ

 

เพื่อไม่ให้คนครัวของนายน้อยหลี่รู้เคล็ดลับของตนหยุนเถียนเถียนจึงปรุงโดยการนําไปนึ่งเพราะสูตรลับพิเศษในการปรุงเนื้อตากแห้งคือการนําไปอบกับกิ่งเมเปิ้ล ซึ่งเป็น สูตรที่เปิดเผยให้ใครไม่ได้ง่าย ๆ

 

ทันทีที่เปิดฝาครอบออกควันและกลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งก็ลอยคลุ้งไปทั่ว!

 

หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจอย่างโล่งอกชีวิตของเขาฟุ่มเฟือยมาโดยตลอดและไม่มีอาหารรสชาติเยี่ยมชนิดไหนเลยที่เขายังไม่ได้ลิ้มลองแต่กลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งนี้กลับดึงดูดใจเขาเป็นอย่างบอกไม่ถูก

 

นายน้อยหลี่หยิบตะเกียบขึ้นพลางคีบไปยังเนื้ออันหอมหวนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาจะค่อย ๆ คืบเนื้อเข้าปากก่อนจะเคี้ยวจนสัมผัสได้ถึงรสชาติอันโอชะ และกลิ่นหอมคลุ้งตลบอบอวลอยู่ในปากตลบอบอวนไปทั่วศีรษะ

 

“เป็นเนื้อที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!เจ้าทําได้อย่างไร?”

 

“ดูจากสิ่งที่นายน้อยหลี่พูดแล้วเคล็ดลับการปรุงเนื้อตากแห้งของข้าคงใช้ทําเงินได้ไม่น้อยจะให้บอกกับผู้อื่นง่าย ๆได้อย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวายังคงถือตะเกียบไว้ในมือพลางพูดต่อ “เนื้อนี้รสชาติเยี่ยม งั้นบอกมาเถิดว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่?”

 

หยุนเถียนเถียนรินน้ําชาอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าท่านจะพอใจไม่น้อย…”

 

ตอนที่ 138 หญิงชราที่เอาแต่พูดพล่าม

 

“ป้าหลัว ข้าเคารพท่านในฐานะผู้อาวุโส แต่ท่านไม่มีหลักฐานว่าข้าเป็นคนทํา แล้วจะมาตําหนิข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”

 

แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนไม่มีทางยอมรับ แม้นางจะทําผิดจริง ซึ่งเรื่องนี้ทําให้หยุนเคอรู้สึกขบขันยิ่ง

 

เนื่องจากผู้คนในเกวียนให้ความสนใจต่อการโต้เถียงกันของทั้งคู่ จนไม่ทันสังเกตเห็นมือของหยุนเถียนเถียนที่เอื้อมออกไปผลักนางหลัว แต่หยุนเคอกลับเห็นทุกอย่างอย่า งชัดเจน ทว่าเขากลับไม่ได้สนใจหญิงชรา เพราะในสายตาของเขามีเพียงเถียนเถียนคนเดียวเท่านั้น

 

เขาเห็นมือของหญิงสาวเหยียดออกและสะบัดมือของหญิงชราอย่างเงียบเชียบจนทําให้นางตกลงจากเกวียนวัวอย่างน่าเวทนา

 

ลุงเฉินเองก็ทําหน้าชื่อด้วยความไม่รู้ จากการขับเกวียนวัว มาหลายปีและรู้จักผู้คนมามาก ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ดีว่าหญิงชราผู้นี้เป็นคนซุ่มซ่ามและไม่รู้จักระวัง อาจเป็นเพราะกลัวขายหน้านางจึงโยนความผิดให้เถียนเถียน!

 

“พี่หลัว ทุกคนต่างจ้องมองอยู่และไม่มีใครเห็นว่าหญิงสาวผลักท่านลงมาเลย หากจะกล่าวหานางก็ต้องมีหลักฐานเสียก่อน เราไม่สามารถตัดสินใครได้หากไร้หลักฐาน หรือท่านมักจะตัดสินคนจากคําพูดของผู้อื่นหรือ?”

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงด้วยความเขินอายและ เหลือบมองหยุนเทียนเถียนอย่างขอโทษแต่ไม่กล้าทําอะไร เพราะหากแม่สามีถูกประจานหรือขายหน้าเมื่อไหร่ นางจะ ต้องทุกข์ทรมานและน้อมรับการด่าทอเพื่อระบายอารมณ์ทันที!

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าได้ช่วยเหลือหลี่เสี่ยวเหอ และสั่งสอนแม่สามีผู้ดื้อด้านของนาง! 

 

หยุนเคอลุกขึ้น ด้วยร่างอันสูงใหญ่ เงาของเขาจึงปกคลุมหญิงชราที่ยืนอยู่บนพื้นทันที

 

“ป้าหลัว ไปสํานักราชการกันเถิด! หากท่านคิดว่าคู่หมั้นของข้าเป็นคนลงมือ นางเป็นเพียงเด็กอายุสิบสี่จะคิดทําอะไรได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”

 

เฉินเฉินกล่าวเสริมเช่นกัน “ใช่แล้ว… พี่สาว… เราไปที่สํารักราชการกันเถิด! ป้าหลัวกล่าวหาและทําลายชื่อเสียงของพี่ ไปฟ้องผู้พิพากษากัน”

 

นางหลัวชะงักด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะพาไปยังสํานักราชการ

 

“หึ ข้าจะไม่มีวันนั่งเกวียนวัวเก่า ๆ และผุพังนี้อีก!”

 

หญิงชราพูดพลางจ้องไปยังลูกสะใภ้ หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกอายเป็นอย่างมาก จึงกระโดดลงจากเกวียนและเดินออกไปพร้อมกับแม่สามีของตน

 

หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยเพราะตลาดแออัดยิ่ง นางจึงต้องไปแต่เช้าเพื่อทําการจองแผงลอย หากยังคงเดินอยู่เช่นนี้คงไม่มีทางไปทัน

 

ส่วนลุงเฉินก็บังคับเกวียนของตนต่อไปโดยไม่ได้เรียกเก็บค่าโดยสารจากสองแม่ลูก

 

เมื่อเดินทางมาถึง หยุนเถียนเถียนจัดเรียงเรียงดอกไม้ประดิษฐ์ของนางที่มีรูปร่างคล้ายลูกแมวซึ่งดูน่ารักไว้บนพื้น ไม่นานก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเข้ามา

 

กว่านางหลัวและหลีเสียวเหอมาถึงก็พบว่าสายเกินไป เพราะดอกไม้ของหยุนเถียนเถียนกําลังจะขายหมด

 

แม้พวกเขามักจะพูดจาถากถางหยุนเถียนเถียน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร!

 

” ของ ๆ เจ้าสวยขนาดนี้ขายเพียงอันละสองเหวินได้อย่างไร?!” นางหลัวหันมาก่นด่าลูกสะใภ้ของตนเองก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้กล่าวอะไรเสียอีก

 

เพราะนางเห็นว่าดอกไม้ของหยุนเถียนเถียนในราคาหก เหวินนั้นขายดียิ่ง จึงไม่อยากขายสินค้าของตนในราคาที่ต่ํากว่า!

 

“เจ้าค้าขายด้วยความสงสารหรืออย่างงไร?! ดูสิ ดอกไม้ อันน่าเกลียดของหญิงนั้นยังขายได้ในราคาหกเหวิน แต่เจ้ากลับขายเพียงสองเหวิน นี่เจ้าโง่หรืออย่างไร?!”

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงด้วยความโกรธพลางพูดเสียงต่ํา “พวกเรามาช้าเกินไป และคนส่วนใหญ่ก็ซื้อดอกไม้ของนางไปแล้ว ดอกไม้ของพวกเราไม่สวยมากพอจึงขายได้ไม่มาก… ไม่มีใครอยากได้หรอก!”

 

“พูดจาไร้สาระอะไรกัน! จะค้าขายก็ต้องนึกถึงกําไร ข้าไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าจึงขายไม่ได้! ไปให้พ้น เดี๋ยวหญิงชราคนนี้จะทําให้ดู ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เหตุใดลูกชายข้าจึงต้องแต่งงานกับหญิงโง่เง่าเช่นเจ้าด้วย คงต้องพบความซวยไปทั้งชาติ!”

 

นางหลัวผลักหลี่เสี่ยวเหอออกไป นางก็ไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่กําลังมองมาพร้อมตะโกนเสียงดัง

 

“ทุกคน เร่เข้ามาจ้า ปิ่นปักผมดอกไม้สวย ๆ เพียงชิ้นละหกเหวิน!”

 

หญิงชราโวยวายอยู่นานแต่ก็ไม่มีลูกค้าใดเข้าร้านสักคน ชาวบ้านทั้งหมดเดินผ่านไปมาโดยไม่สนใจแผงของนางแม้แต่น้อย

 

หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกอบจนหนทางและเห็นว่าความพยายามทั้งหมดของตนเองกําลังจะพังทลาย นางรีบก้าวไปด้านหน้าก่อนจะกล่าวเตือนสติอีกฝ่าย “ท่านแม่! หากทําเช่น นี้ต่อมันจะขายไม่ได้ ฟังข้าเถิด ขายเพียงอันละสองเหวินก็พอ!”

 

นางหลัวที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง ลูกสะใภ้นอกคอกคนนี้บังอาจมาสั่งสอนนางได้อย่างไร… เหตุใดจึงไม่คิดไว้หน้าขาในฐานะแม่สามี!

 

“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครมาซื้อของก็เพราะความโง่เง่าของเจ้า! นี่ข้าใจดีเกินไปงั้นหรือที่ยอมให้เจ้าพักผ่อนก่อนที่จะมาขายของ? เพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่จึงทําให้เจ้ากลายเป็นคนเกียจคร้าน!”

 

ความเจ็บแค้นในใจของหลี่เสี่ยวเหอยิ่งมากขึ้น นางปฏิบัติต่อแม่สามีอย่างดีมาโดยตลอด และนางยังทําดีกว่าลูกสะใภ้บ้านอื่นด้วยซ้ํา แต่การขายของไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทําได้โดยง่าย ทั้งหมดเป็นเพราะความโลภของแม่สามีผู้นี้ อีกฝ่ายต้องการขายของคุณภาพต่ําในราคาสูงลิ่ว!

 

แต่ความผิดพลาดทั้งหมดกลับถูกโยนให้หลี่เสี่ยวเหอ นางจึงทําได้เพียงกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นมิให้น้ําตาไหลออก หากร้องไห้ออกมาเกรงว่าแม่สามีจะพลันตําหนิ เรื่องอื่นได้อีก

 

ส่วนเถียนเถียนไม่สนใจแม่ผัวลูกใภ้คู่นี้แม้แต่น้อย นางเดินจูงมือเฉินเฉินและจากไปพร้อมหยุนเคอนานแล้ว

 

ส่วนหยุนเคอกําลังมองมือน้อยของเด็กสาวที่ดึงชายเสื้อ เขาไว้และครุ่นคิดบางอย่าง

 

สาวน้อยเจ้าปัญหา… นี่เจ้าไม่รู้จักระยะห่างระหว่างชายหญิงหรือไร? การถึงเสื้อของชายไว้มั่นเช่นนี้มันมิใช่เรื่องดีงาม!”

 

หยุนเคอแปลกใจที่ตนเองไม่รู้สึกโกรธต่อสิ่งที่หญิงสาวกระทําแม้แต่น้อย แต่กลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก!

 

ขณะที่กําลังล่องลอยอยู่ในห้วงความคิดเหล่านั้น หยุนเคอก็ถูกหยุนเสียนเถียนลากไปยังร้านอาหารโดยไม่รู้ตัว 

 

หยุนเถียนเถียนไม่รีรอและเดินเข้าไปในร้ายอาหารทันที

 

“เจ้าของร้านอยู่หรือไม่?”

 

เจ้าของร้านที่แท้จริงไม่ได้ออกมาต้อนรับอีกฝ่ายด้วยตนเองแต่กลับยืนเหยียดยิ้มอยู่ในมุมมืด

 

” ขอทานมาจากไหน? ออกไปเสีย! อย่ามายุ่งกับร้านของเรา!”

 

หยุนเถียนเถียนทุบโต๊ะอย่างรุนแรงด้วยความโมโห “เจ้านายของพวกเจ้าสอนให้ต้อนรับแขกเช่นนี้หรือ?!”

 

“พวกเจ้าเป็นแขกงั้นหรือ? หึ! สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเช่นนี้ จะมีเงินซื้ออาหารจากร้านของเราได้อย่างไร?”

 

ตอนที่ 137 หญิงชราผู้หยิ่งผยอง

 

หยุนเคอถือตะกร้าใบเล็กไว้ในมือ และดูเหมือนว่าหยุนเถียนเถียนยังคงขายดอกไม้จากเศษผ้าเช่นเดิม เพราะในตระกร้าของนางยังเต็มไปด้วยเศษผ้า!

 

ดังนั้นทุกคนจึงคิดในใจว่านี่คือดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่หญิงผู้นี้ทําขึ้นเพื่อนําไปขาย และพวกเขาไม่ได้คาดเดาถึงสิ่งอื่น

 

หลี่เสี่ยวเหอนั่งรออยู่บนเกวียนมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่แม้จะเห็นหยุนเถียนเถียนก็ทําได้เพียงพยักหน้าและยิ้มให้เล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร

 

“นี่ไม่ใช่หลี่เสี่ยวเหอที่ข้าเคยรู้จัก” แต่เมื่อหยุนเถียนเถียนมองไปยังด้านข้างของหลี่เสียวเหอก็พบว่าแม่สามีจอมเจ้าเล่ห์ก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่หลี่เสี่ยวเหอจะมีท่าทีเช่นนี้

 

อันที่จริงนางหลัวตั้งใจจะมาเพื่อจับตาดูหยุนเถียนเถียนต่างหาก!

 

หยุนเถียนเถียนก็เป็นแม่ค้าขายดอกไม้ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่วันนางสามารถทําเงินได้จํานวนมาก ขณะที่ลูกสะใภ้ของหญิงชราบอกเสมอว่าดอกไม้ของนางขายไม่ได้ราคาเลย! ดังนั้นนางหลัวจึงจงใจมาเพื่อดูว่าลูกสะใภ้ซ่อนเงินไว้หรือไม่!

 

แม้หลี่เสี่ยวเหอจะเงียบและไม่ยอมปริปากพูดอะไร แต่นางหลัวกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น!

 

เมื่อนางเห็นหยุนเถียนเถียน หญิงชรายิ้มกว้างออกมาจนแสดงให้เห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าซึ่งดูเหมือนดอกเบญจมาศ

 

“เถียนเถียน ดูหญิงผู้นี้สิ เจ้าอุตส่าห์มาหาถึงที่บ้าน แต่กลับไม่รินชาให้ดื่มแม้สักถ้วย! ไม่ควรอย่างยิ่ง!”

 

เมื่อวานที่หญิงชราเห็นหยุนเถียนเถียนก็แสดงกิริยาไม่พอใจ แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว

 

หยุนเทียนเถียนไม่ต้องการเผชิญหน้าหรือสนทนากับหญิงชราเผชิญมากนัก จึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง “เมื่อวานข้ายุ่งกับการต้องรีบกลับบ้านไปทําอาหารจึงไม่ได้อยู่ทักทายท่านไว้คราวหน้าข้าจะมารบกวนท่านป้าอีกครั้ง”

 

“หญิงผู้นี้ไม่มีอะไรทํานอกจากการปล้นหรือขโมยสินะ!”

 

หญิงชราทักทายหยุนเถียนเถียนเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่

 

“เถียนเถียน! ดูสิ ลูกสะใภ้ของข้าสามารถเรียนแบบดอกไม้ของเจ้าได้แล้วและยังขายได้ราคาดีอีกด้วย! แต่อันที่จริงคําพูดเหล่านี้ก็เป็นเรื่องโกหกที่ใช้หลอกลวงเจ้าเท่านั้น และพวกข้าไม่เคยขายได้ราคาเลย ไหนขอข้าดูหน่อย ว่า เจ้ามีวิธีการเช่นไร”

 

หญิงชราพูดพลางเอื้อมมือไปเปิดผ้าในตะกร้าอย่างไร้ยางอาย!

 

หากตะกร้าใบนั้นอยู่ในมือของเถียนเถียน หญิงชราอาจเปิดดูได้สําเร็จและหากอีกฝ่ายเห็นเนื้อรมควันอยู่ด้านในคงจะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตไม่น้อย!

 

หยุนเคอเป็นชายที่มีไหวพริบดีมาโดยตลอดแม้จะอยู่ในที่ที่มีผู้คนพลุ่งพล่านก็ตาม เช่นนี้เขาจะถูกหญิงชราช่วงชิงจังหวะได้เช่นไร?! หยุนเคอกระชากตะกร้ากลับอย่างรุนแรงจนทําให้หญิงชราเกือบหกล้ม โชคดีที่หลี่เสี่ยวเหอว่องไวจึงคว้าแขนของนางหลัวไว้ได้ทัน!

 

เช่นนี้หญิงชราจึงโกรธจัด นับตั้งแต่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้มาไม่เคยมีใครทําให้นางต้องขายหน้า

 

“โอ้ เหตุใดเจ้าถึงตระหนี้นัก?! มองดูดี ๆ แล้วก็เป็นเพียงเนื้อสกปรกชิ้นเดียวเท่านั้น!”

 

หยุนเทียนเถียนขมวดคิ้วและพูดอย่างฉุนเฉียว “ท่านป้าจะมาตําหนิข้าได้อย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าตะกร้าไม่ได้อยู่ในมือข้า? หรือเป็นเพราะข้ายังเด็กจึงคิดจะดุด่าอย่างไรก็ได้?!”

 

หลี่เสี่ยวเหอขอร้องนางหลัวทันที “ท่านแม่! อย่าทําเช่นนี้เลย!”

 

นางหลัวหันมาและหยิกหลีเสียวเหออย่างรุนแรง แต่นางกลับอดทนและไม่ยอมร้องออกมาแม้จะรู้สึกเจ็บมากก็ตาม

 

“เจ้ากล้าสั่งข้าผู้เป็นแม่อย่างนั้นหรือ?! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าไร้ค่าเช่นนี้! ไม่สามารถให้กําเนิดลูกชายได้ทั้งยังไม่ปกป้องแม่ผัวที่กําลังถูกรังแก แต่กลับช่วยเหลือผู้อื่น!”

 

หยุนเถียนเถียนเข้าใจธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวและลูกสะใภ้ของยุคนี้ได้ดี แต่เมื่อมองดูหลี่เสี่ยวเหอผู้น่าสงสารแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความขุ่นเคืองต่อความอยุติธรรมนี้

 

“ท่านป้านั่นแหละที่ผิด! ข้ารักและเคารพพี่เสี่ยวเหอเสมอ ยินดีจะสอนวิชาการประดิษฐ์ดอกไม้ให้นางอย่างเต็มใจ นี่ก็เป็นการตัดสินใจของข้าว่าจะอนุญาติให้ใครเห็นผลงานนี้หรือไม่! และทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของข้า… แต่ท่านกลับโกรธเกรี้ยวและทําร้ายพี่เสี่ยวเหอ!”

 

“นอกจากนี้ ท่านควรรู้จักพอเสียก่อน! ข้าสอนนางไปแล้วสองขั้นตอนและรอให้นางฝึกฝนจนคล่องจึงจะสอนขั้นตอนต่อไป! แต่หากป้าหลัวยังคงไร้เหตุผลและไม่รู้จักพอเช่นนี้ ต่อให้ข้าและพี่เสี่ยวเหอจะเก่งขึ้นมากเพียงใดก็ไม่ต้องการให้ใครเข้ามาสร้างปัญหาให้ชีวิตข้าทั้งสองอยู่ดี!”

 

โชคดีที่หยุนเถียนเถียนนําผ้าฝ้ายและดอกไม้มาคลุมเนื้อตากแห้งไว้ก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นนางหลัวอาจเห็นมันได้ทั้งหมด!

 

อย่างไรก็ตาม แม้สิ่งเหล่านี้จะดูไม่สมเหตุสมผล แต่หยุนเคอก็เลือกที่จะปกป้องหยุนเถียนเถียน

 

นางหลัวตะคอกทันที “จริงอยู่ที่ทุกคนต่างได้เรียนรู้บางอย่างจากเจ้า เจ้าเป็นเหมือนครูของพวกเราทุกคน! แต่แล้วอย่างไรเล่า? คิดว่ามีใครอยู่ได้โดยปราศจากเจ้าอย่างนั้นหรือ? หยิ่งผยองเหมือนแม่ไม่มีผิด… นังแพศยา!”

 

เมื่อได้ยินประโยคนั้น หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าไม่พอใจออก “ป้าหลัวคิดว่าเป็นผู้อาวุโสแล้วจะพูดอะไรก็ได้งั้นหรือ? เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเคารพและเชื่อฟังอย่างนั้นหรือ?! แต่ท่านคงลืมไปว่าการเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพจะต้องวางตัวดีเหมือนท่านผู้เฒ่า! ข้าบอกว่าแม่ของข้าไม่ใช่หญิงแพศยา หรือหากจะเป็นเช่นนั้นนางก็ตายไปหลายปีแล้ว และคนที่ตายไปแล้วก็นับว่าเป็นบรรพบุรุษ! แต่ป้ายังมีอายุเพียงไม่กี่สิบปี ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้บ้างเลยหรือไร?”

 

อย่างไรก็ตาม การถูกเด็กอายุเพียงสิบสี่ปีสั่งสอนก็ทําให้นางหลัวรู้สึกอับอายและทนไม่ได้

 

“นังเด็กสกปรกไร้การศึกษา เจ้ากล้าสั่งสอนผู้อาวุโสเช่นข้าได้อย่างไร ข้าจะให้บทเรียนเจ้าที่กล้าก้าวร้าวอย่างสาสม!”

 

หยุนเคอกล่าอย่างเย็นชา “ป้าหลัวก็ควรหยุดเสีย! หญิงผู้นี้ไม่ได้ไร้ค่าหรือตัวคนเดียว ข้า… หยุนเคอยังคงมีชีวิตอยู่! นางยังมีคู่หมันหรือสามีคอยสังสอน! แล้วท่านเล่า? อายุก็มากแล้วแต่กลับจองเวรกับคนตายอย่างไม่จบสิ้น เพราะเหตุใดกัน?”

 

หยุนเคอแสดงใบหน้าเคร่งขรึมและแววตาแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมา หญิงชราสันสะท้านด้วยความหวาดกลัวทันทีเมื่อถูกสายตาเย็นชาจับจ้อง

 

“ผู้หญิงชั้นต่ำเช่นเจ้าก็เหมาะสมแล้วกับชายป่าเถื่อน! เสี่ยวเหอ เจ้าต้องรู้จักรักษาความโชคดีนี้ไว้! ลูกชายของข้ามาจากตระกูลสูงส่ง ไม่ใช่คนปาที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่น

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้ จึงเอื้อมมือไปผลักแขนของหญิงชราที่กําลังถูกลูกสะใภ้พยุงอยู่ทันที

 

แต่เนื่องจากมีมือของหลี่เสี่ยวเหอพยุงอยู่ หยุนเถียนเถียนจึงไม่กล้าผลักแรงมากนัก แต่ทันทีที่หญิงชราปล่อยมือออกจากลูกสะใภ้ หยุนเถียนเถียนจึงได้โอกาสจัดการนางทันที!

 

หญิงชราตกจากเกวียนวัวด้วยความงุนงง โชคดีที่เป็นถนนบริเวณเชิงเขาจึงทําให้เกวียนเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ส่งผลให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก!

 

ลุงเฉินผู้ขับเกวียนตื่นตระหนกและหยุดเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว

 

“พี่สะใภ้เป็นอะไรหรือเปล่า? เกวียนของข้าไม่ได้ชนท่านใช่ไหม?”

 

แม้ลุงเฉินจะเป็นเพียงคนขับเกวียนวัว แต่ก็เป็นที่นับถือของชาวบ้านหลายคน! ดังนั้นนางหลัวจึงไม่กล้ารุกรานหรือต่อว่าเขา

 

ลุงเฉินพยุงหญิงชราขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ขณะที่นางหลัวชี้ไปยังหยุนเถียนเถียนพลางพูดด้วยความโมโห “อีขี้ครอก เจ้าเป็นคนทําใช่หรือไม่?! เจ้าทําเช่นนี้เพราะไม่พอใจข้า! นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!”

 

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 136 อสูรร้ายหยุนเคอ

 

หยุนเถียนเถียนพยายามข่มความอายก่อนจะกล่าวถามเสียงแข็ง “รับผิดชอบงั้นหรือ?”

 

หยุนเคอยืนตัวแข็งทือและไม่กล้าหันกลับไปคุยกับนางเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแต่งตัวหรือยังเช่นนี้เขาจึงยืนหันหลังและตะโกนโต้ตอบ

 

“แม้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ข้าก็ทําลายชื่อเสียงของเจ้าข้าจะรับผิดชอบโดยการแต่งงานหลังจากที่เจ้าพร้อม!”

 

*พร้อม?”

 

“ใช่! ในยุคนี้หากสตรีใดมีอายุพร้อมที่จะแต่งงานก็สามารถออกเรือนได้”

 

แต่เนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นพื้นที่ห่างไกล ผู้คนในหมู่บ้านจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ทั้งยังมีหญิงบางคนที่ยังไม่ พร้อม แต่กลับแต่งงานและมีลูกอีกด้วย

 

“สังคมนี้ยุคโบราณนี้มันอะไรกัน ยอมให้เด็กวัยมัธยมเช่นนี้แต่งงานได้อย่างไร?!?

 

“ไม่จําเป็นในเมื่อเราต่างรู้ดีว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็ไม่จําเป็นเลย!”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวออกอย่างไม่แยแส แม้นางจะไม่เคยมีประสบการณ์ความรักระหว่างชายหญิงมาก่อนก็ตาม

 

แต่ต้องขอบคุณรายการทีวีที่น่าเบื่อในยุคปัจจุบันเหล่านั้นที่ทําให้นางรู้ถึงสิ่งที่ควรทํา

 

ในชีวิตนี้หยุนเถียนเถียนจะไม่ต้องการอะไรมากมายนอกจากหาเงินได้มากขึ้นและมีความสุขแต่นางก็มีความดิ้นรั้นในตัวแบบไม่มีใครเหมือน!

 

หากจะแต่งงานก็ต้องรักกันสิ่งนี้จะเป็นผลดีต่อลูกหลานในอนาคตหากไม่ได้รักกันก็ไม่ควรแต่งงาน!

 

ซึ่งในยุคนี้หยุนเสียนเถียนกลับไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย!

 

สามภรรยาสี่นางสนม! หากหญิงใดไม่มีลูกชายก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ!สิ่งเหล่านี้ทําให้หยุนเสียนเถียนเกิดอคติต่อการแต่งงาน!

 

หยุนเคอรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยเมื่อได้เข้าใจในทุกความรู้ สึกของหญิงผู้นี้นางยังมั่นใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้เขารับผิดชอบ เป็นไปได้ไหมว่านางจะกําลังสนใจชายอื่นอยู่?

 

ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนแดงกําด้วยความเขินอายพลางวิ่งกลับไปยังห้องนอนโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ําก่อนจะล้มตัวลงนอนและเอาผ้าห่มคลุมหัวไว้มิดชิด

 

หยุนเคอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเริ่มเคลื่อนย้าย ถังน้ําออกไปนอกประตู และกลับไปยังห้องนอนแต่ก็ไม่อาจข่มตาหลับได้

 

เพราะทุกครั้งที่หลับตาลง ภาพของหยุนเถียนเถียนก็ลอยเข้ามาในจินตนาการของเขาทันทีเขาไม่สามารถหยุดฟุ้งซ่านได้เลยจริง ๆ !

 

หยุนเคออดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับหญิงใดมาก่อน แต่กลับหลงในภวังค์ของหยุนเถียนเถียนเสียได้

 

หลังจากพลิกตัวไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ว่านานแค่ไหนจนในที่สุดหยุนเคอก็ผล็อยหลับไปแต่ภาพของหญิงสาวยังคงลอยเข้ามาในความฝันของเขาอยู่ดี ซึ่งมันทําให้เขารู้ สึกร้อนรุ่มราวกับมีความสุขไม่น้อย!

 

ในฝันนั้น หยุนเถียนเถียนมองมาที่เขาด้วยแววตาเปล่งประกาย พลางหยอดคําหวานออกมาจากปากอย่างนุ่มนวลซึ่งเป็นท่าทีที่หยุนเคอไม่เคยเห็นมาก่อนและทําให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้

 

เช้าวันต่อมา หยุนเคอลืมตามองเพดานห้องตัวเองด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะได้ยินเสียงของหญิงสาวที่กําลังทําอาหารอยู่ด้านนอก

 

เนื่องจากไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวอย่างไร หยุนเคอจึงนอนลงอย่างเกียจคร้านและปฏิเสธที่จะลุกขึ้น

 

“พี่ใหญ่หยุน! พี่ใหญ่หยุน! ลุกขึ้นมาทานอาหารได้แล้ววันนี้พวกเราต้องไปในเมืองกันหนา!”

 

หยุนเคอถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงอันแข็งที่อของหยุนเถียนเถียนซึ่งแตกต่างจากที่เกิดขึ้นในฝันอย่างสิ้นเชิง! เห็น ได้ชัดว่าน้ําเสียงของหญิงสาวจริงจังเกินไป!แล้วเหตุใดเขา จึงได้ยินเสียงหวานยั่วยวนในฝันได้เล่า?

 

หญิงผู้นี้มีมนต์สะกดราวกับแม่มดและภูตผี นางสามารถควบคุมความคิดของหยุนเคอได้อย่างง่ายดายและยังสามารถพังทลายกําแพงแห่งความแข็งกระด้างของเขาอีกด้วย

 

“มาแล้ว!”

 

เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มดังออกมาจากห้องหยุนเถียนเถียนรู้สึกได้ว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับหยุนเคอแต่เมื่อนึกถึงนิสัยของเขาจึงทําให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่เข้า

 

สองพี่น้องนั่งเงียบ ๆ รอหยุนเคอที่โต๊ะอาหาร

 

เมื่อรู้แล้วว่าไม่อาจหลบหน้าอีกฝ่ายได้หยุนเคอจึงลุกขึ้น แต่ในขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ว่ากลางลําตัวของตน เองเปียกชื้น..

 

หยุนเคอหน้าแดงด้วยความเขินอายเขาลงมือตบหน้าตัว เองอย่างรุนแรง!

 

“ไม่เอาหน่า กําลังคิดบ้าๆอะไรอยู่?หญิงผู้นี้อายุแค่สิบสี่

 

ตอนนั้นหยุนเถียนเถียนยังคงเรียกเขาด้วยความร้อนใจเมื่อได้ยินเสียงนั้นหยุนเคอจึงเปิดประตูและเดินออกมา

 

ใบหน้าของหยุนเคอเย็นชาและไร้อารมณ์ราวกับความรู้สึกทั้งหมดของเขาถูกคุมขังไว้อย่างมิดชิด

 

“กินข้าวกัน!”

 

หยุนเทียนเถียนกล่าวพลางมองดูหยุนเคอ สิ่งเหล่านี้ทําให้นางนึกถึงภาพอันน่าละอายเมื่อคืนที่ผ่านมา ใบหน้า ขาวพลันร้อนผ่าวเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

 

หยุนเคอรับรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวรู้สึกเขินอายเมื่อเห็นใบหูอันแดงก่ําของนาง ดูเหมือนว่าการปกปิดความรู้สึกของหยุนเถียนเถียนจะยังไม่ชํานาญพอ

 

เฉินเฉินยังคงจดจ่ออยู่กับการทานอาหาร และในตอนที่พี่สาวของเขากําลังปรุงอาหาร เด็กน้อยก็กําลังขะมักเม้นอยู่กับการอ่านหนังสือจึงทันไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไรในบ้านสักนิด

 

หลังกินเสร็จแล้ว หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงเก็บถ้วยชามบนโต๊ะและนางไม่สบตาหยุนเคอเลยแม้สักวินาที

 

“เร็วเข้า เกวียนวัวไม่ได้จอดรอเราเพียงผู้เดียว!”

 

หยุนเคอพยายามอย่างมากเพื่อเริ่มต้นการสนทนาซึ่งทําให้หยุนเถียนเถียนสามารถควบคุมสติได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เรื่องทั้งหมดก็ควรจะจบลง

 

“ขากลับ ข้าคงต้องขอเหมาลําเกวียนของลุงเฉินเสียแล้ว!เรามีของมากมายที่ต้องซื้อ แล้วเนื้อตากแห้งที่จะเอาเข้าไปขายในเมืองเล่า? พี่คงเอาไปคนเดียวไม่ได้หรอกใช่ไหม?”

 

หยุนเคอมองหญิงสาวผู้ชาญฉลาดด้วยความสับสนก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้ง แรกในรอบหลายปีที่เขาหัวเราะอย่างมีความสุข!

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้สึกแปลกใจที่ชายผู้นี้หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่เสียงหัวเราะอันแหบแห้งของเขาก็ดังเข้ามาในหูของนางและมันทําให้หยุนเถียนเถียนหัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล!

 

“นําไปให้ชิมเพียงเล็กน้อยก็พอ รสชาติของ เนื้อนั้นยอดเยี่ยม นายน้อยหลี่ต้องชื่นชอบแน่! เมื่อถึงเวลาก็ เพียงขอให้เขาไปรับสินค้าที่บ้านของเราด้วยตนเอง ซึ่งแน่ นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ!”

 

หยุนเทียนเถียนแทบจะทิ้งศีรษะตัวเองตรงนี้พร้อมกับคร่ําครวญในใจ “ดูสิ! นี่เขาบ้าหรือโง่กันแน่? ไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกคนจะยอมไปยังหน้าประตูบ้านของเจ้าเพื่อรับสินค้าด้วยตนเองสักหน่อยไม่กลัวหรืออย่างไรว่านายน้อยหลี่จะไม่มา ตามนัด?”

 

ในตอนแรก นายน้อยหลี่วางแผนที่จะทําการซื้อขายของเก่าเพราะเขาคิดว่าความสามารถและการค้าขายทางด้านนี้จะช่วยทําเงินได้ดีแต่เมื่อได้รู้จักกับหยุนเถียน เถียนแผนการของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!

 

ตระกูลหลีไม่เพียงแต่ประกอบธุรกิจขายของเก่า ร้านอาหาร หรือขายเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังลงทุนกับสิ่งต่างๆ อีกมากมาย! ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันของนายน้อยหลีแล้ว แน่นอนว่าเขายังไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับ ธุรกิจขายของเก่าของครอบครัวได้

 

ขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังครุ่นคิด นางก็จัดเก็บโต๊ะอาหารจนเสร็จเรียบร้อย หยุนเคอมองหญิงสาวด้วยความงุนงงพลางยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงลุกขึ้นทําความสะ อาดถ้วยชามด้วยตนเอง

 

หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสามคนนั่งพักสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมเพื่อเตรียมเดินทางเข้าเมือง

 

ตอนที่ 135 ไม่ได้ตั้งใจ

 

เพื่อให้หยุนเคอได้ลิ้มรสเนื้อรมควันที่ทําขึ้น นางจึงบรรจงตัดเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ สวยงามและนํามาวางบนข้าวอย่างตั้งใจ!

 

กลิ่นเนื้ออบหอมหวนยิ่งกว่าสิ่งใด หอมโชยไปไกลจนชาวบ้านได้กลิ่นกันทั่วทุกบริเวณ

 

ทุกคนต่างพยายามคาดเดาว่าหญิงผู้นี้กําลังปรุงอาหารอะไรอยู่? แต่ก็ละอายเกินกว่าจะเดินเข้าไปดูหรือถามไถ่

 

หยุนเคอเกลียดการที่ต้องพูดคุยหรือรับมือกับผู้คนมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาเพราะหวาดกลัวหนวดเครารุงรังนั้น

 

เมื่อหยุนเคอกลับมาถึงบ้านเขาก็ต้องประหลาดใจ ส่วนชาวบ้านมากมายที่กําลังล้อมรอบอยู่ก็พลันตื่นตระหนกเช่นกัน

 

หยุนเคองุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้คนมากมายจึงมารายล้อมรอบบ้านของเขา

 

เมื่อเปิดประตู หยุนเคอได้กลิ่นหอมของอาหารทันที

 

แม้คนอื่นจะไม่รู้ว่ากลิ่นหอมนี้คืออะไร แต่หยุนเคอสามารถคาดเดาได้ทันที

 

นี่คือกลิ่นเนื้อรมควันที่เถียนเถียนต้องการทํา แม้ตอนนี้มันจะยังไม่ค่อยแห้งนักแต่กลิ่นก็หอมยิ่ง

 

หยุนเคอเดินตามกลิ่นหอมโชยของเนื้อไปจนสุดท้ายและพบว่าหยุนเถียนเถียนจัดแต่งอาหารอยู่

 

นางวางจานอาหารที่มีสีสันและดูน่าอร่อยไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หยุนเคอ “เจ้ากลับมาแล้ว มากินข้าวกันเถอะ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจที่เย็นชาของหยุนเคอก็ผ่อนคลายลง พลางนึกในใจว่าหากได้ร่วมดําเนินชีวิตไปกับนางในอนาคตคงจะดีไม่น้อย

 

“รีบไปล้างหน้าล้างตาเสีย แล้วมากินข้าวกัน”

 

หยุนเถียนเถียนพูดพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อนําอาหารออกมา

 

เฉินเฉินที่กําลังฝึกเขียนหนังสืออย่างใจจดใจจ่อพลันรู้สึกหิวเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร เขามองไปบนท้องฟ้า และพบว่าเป็นเวลาเย็นแล้วจึงวางพู่กันในมือลงก่อนจะรีบลุกเดิน

 

“พี่สาวทําอาหารอะไรหรือ? เหตุใดจึงหอมเช่นนี้?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม ” ทําอาหารรสชาติเยี่ยมน่ะสิ! ตอนนี้เนื้อรมควัน พร้อมแล้วมาชิมดูเถิด จะได้รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะนําไปขายได้ราคาดีไหม!”

 

หยุนเคอนั่งลงบนโต๊ะพลางหยิบตะเกียบและคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก

 

แม้จะไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเขาที่แสดงออกมา หลังจากได้ชิมอาหาร แต่หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกได้ถึงความอร่อยในแววตาคู่นั้น!

 

“รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”

 

เฉินเฉินเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมพูดพร้อมกับข้าวเต็มปาก “อร่อยจริง ๆ!”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวขึ้นขณะรับประทานอาหาร “หยุนเคอข้าขอโทษ ขนทั้งหมดที่ข้าเอาไปจากเจ้าถูกเผาไหม้ไปพร้อมกับดอกไม้ประดิษฐ์และบ้านของข้า! เราคงพึ่งพาได้เพียงเนื้อรมควันพวกนี้เท่านั้น!”

 

หยุนเคอพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร

 

“ตอนนี้บนภูเขาอันตรายมาก หากยังมีช่องทางหาเงินก็อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า หยุนเคอข้าคิดว่าเราควรเลิกใช้เนื้อสัตว์ป่าเหล่านี้และเปลี่ยนไปใช้เนื้อหมูในการทําเนื้อรมควันแทน เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

 

หยุนเคอรู้สึกเห็นด้วยในใจแต่ก็ยังไม่ได้ตอบอะไร เพราะในหัวของเขากําลังคิดถึงสิ่งอื่นอยู่

 

เมื่อสามีเดินทางกลับมาจากการทํางานนอกบ้าน ภรรยาก็ตระเตรียมอาหารไว้แล้ว พวกเขาร่วมกันรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างสนุกสนาน นี่เป็นความรู้สึกอันยอดเยี่ยมที่เขาไม่ได้พบเจอมาหลายปีแล้ว!

 

หัวใจอันแข็งกร้านของหยุนเคอค่อย ๆ อ่อนโยนลง และตอนนี้เขามองหยุนเถียนเถียนด้วยสายตาที่ลุ่มลึกยิ่งกว่ากว่า

 

สิ่งเหล่านี้ทําให้หยุนเคอรู้สึกไม่อยากกลับไปยังที่เดิมที่เขาจากมาอีกแล้ว เพราะนับว่าเป็นเรื่องดีที่จะใช้ชีวิตในดินแดนอาทิตย์อุทัยและพักผ่อนอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้

 

ส่วนหยุนเถียนเถียนไม่ได้สนใจอะไรมากนักจึงไม่รู้เลยว่าชายตรงหน้ากําลังคิดอะไร หลังจากกินเสร็จก็ลุกขึ้นเก็บอาหารบนโต๊ะเช่นเคย

 

“เอาล่ะ เราไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารกันหน่อยดีไหม? เฉินเฉิน พรุ่งนี้เช้าพี่จะพาเจ้าไปซื้อเสื้อผ้าในเมือง!”

 

ดวงตาของเฉินเฉินเปล่งประกายทันที

 

ตลอดเวลาเจ็ดปีที่อาศัยอยู่ในบ้านของเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตนเองทุกวัน แต่ไม่เคยซื้อให้ลูกชายเช่นเขาเลยสักตัว!

 

แม้แม่แท้ ๆ ของเขายังไม่เคยทําเช่นนี้เลย แต่พี่สาวนอกสายเลือดที่แทบจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ในตอนแรกกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี เสื้อผ้าดังกล่าวจะต้องนุ่มนวลพร้อมกลิ่นหอมฉุยแน่

 

หยนเถียนเถียนส่งยิ้มให้เฉินเฉินด้วยสายตาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักใคร่

 

ทว่าภาพนี้ทําให้หยุนเคอรู้สึกไม่มีความสุขอย่างอธิบายไม่ ถูก!

 

“นางตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้าให้เด็กน้อยจนลืมสนใจตัวเองใช่ไหม?”

 

หยุนเคอวางจานและตะเกียบลงอย่างรุนแรง ก่อนจะลุกพรวดออกไปนอกบ้านและตักน้ำราดตนเองด้วยความโมโห ซึ่งถือว่าเป็นการอาบน้ำไปในตัว จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องนอนพร้อมปิดประตูเสียงดัง!

 

การกระทํานี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หยุนเถียนเถียนอ้าปากกว้างและไม่เข้าใจว่าหยุนเคอเป็นอะไร

 

นางไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะเดินไปต้มน้ำบนเตาเพื่อให้เฉินเฉินใช้ทําความสะอาดร่างกาย

 

เมื่อเด็กน้อยอาบน้ำเสร็จท้องฟ้าก็มีดมากแล้ว ขณะที่เฉินเฉินเตรียมตัวจะเข้านอน เถียนเถียนยังไม่ได้อาบน้ำ

 

หากผล็อยหลับไปเช่นนี้คงไม่สบายตัวนัก

 

หยุนเถียนเถียนรู้จักร่างกายของตนเองดี ถ้าหากอาบน้ำเย็นจะทําให้ไม่สบายอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงต้มน้ำอย่างอดทน!

 

เพียงแต่ในห้องนอนไม่มีที่อาบน้ำสําหรับสตรี

 

หยุนเคอและเฉินเฉินสามารถอาบน้ำ ณ ลานหน้าบ้านได้อย่างสบายใจ แต่เนื่องจากหยุนเถียนเถียนเป็นหญิงจึงไม่สามารถทําเช่นนั้นได้!

 

ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวของหยุนเคอ เมื่อพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นางจึงเริ่มเคลื่อนย้ายถังน้ำเข้ามาในบ้าน

 

“วันนี้ข้าจะขัดขี้ไคลให้เกลี้ยงเลย!”

 

“การเข้าเมืองวันพรุ่งนี้ ข้าควรซื้อเทียนไข ถังน้ำขนาดใหญ่ และผ้าม่าน เพื่อใช้ทําห้องสําหรับอาบน้ำไว้ในบ้านโดยเฉพาะ

 

หยุนเถียนเถียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พลางถอดเสื้อผ้าออกอย่างสบาย ๆ

 

เนื่องจากหยุนเคอยังไม่ได้หลับสนิท ดังนั้นเขาจึงได้ยินทุกการเคลื่อนไหวของหยุนเถียนเถียน

 

เขาครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวกําลังทําอะไร

 

เพื่อหาคําตอบที่ชัดเจน หยุนเคอจึงลุกขึ้นและกระแทกประตูอย่างรุนแรงเพื่อให้เปิดออก

 

หยุนเถียนเถียนตื่นตระหนกเพราะไม่คาดคิดว่าหยุนเคอจะโผล่มาในเวลานี้ “เขาไม่ได้หลับไปแล้วหรอกหรือ?”

 

หยุนเคอตกตะลึงทันทีราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น!

 

คนที่ตั้งสติได้ก่อนคือหยุนเถียนเถียน นางไม่ได้กรีดร้องเหมือนหญิงคนอื่น ๆ แต่กลับลุกขึ้นหยิบผ้ามาปกปิดร่างกายของตนไว้อย่างรวดเร็ว

 

“จะมัวมองอะไรอีกเล่า? หันหลังไปเร็ว!”

 

หยุนเคอตั้งสติได้ก่อนจะหันกลับมาและถาม “แล้วเจ้าไม่นอนหรืออย่างไร? มาทําอะไรตรงนี้”

 

หยุนเถียนเถียนตอบกลับอย่างใจเย็น “ก็ข้าไม่เหมือนกับเจ้านี้ ข้าไม่สามารถอาบน้ำ ณ ลานหน้าบ้านได้จึงต้องมาอาบตรงนี้!”

 

หยุนเคอรู้สึกตื่นเต้นจนร่างกายร้อนผ่าวราวกับโดนไฟเผา

 

“ข้าขอโทษ! ข้าจะรับผิดชอบเอง!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 134 ไข่แลกผัก

 

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ดื่มชา แต่พี่เสี่ยวเหอ ท่านทําดอกไม้นี้มากเกินไปแล้ว หากทําออกมามากเกินไปคงจะขายได้ถูก!”

 

หลี่เสี่ยวเหอยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่ได้โง่ ข้ารู้ดีว่ามันไม่มีทางได้ราคาดีหากทํามากไป แต่แม่สามีของข้าไม่คิดเช่นนั้น นางเข้าใจว่าสิ่งนี้สามารถทําเงินได้จึงสั่งให้ข้าทําต่อไป แล้วจะให้ข้าอยู่บ้านเฉยๆอย่างนั้นหรือ?! ! คงเป็นไปไม่ได้”

 

หยุนเถียนเถียนยืนไข้ในมือออกทันที “ข้ามาหาท่านเพื่อขอแลกเปลี่ยนไข่เป็นผัก การไม่มีผักไว้กินในบ้านเป็นเรื่องแย่เสียจริง!”

 

หลี่เสี่ยวเหอลุกยืนด้วยความตื่นเต้น “สาวน้อย บ้านของเจ้าก็มอดไหม้ไปในไฟแล้ว? เอาไปกินเถิด จะเอาไข่มาแลกทําไมกัน?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ข้ารู้ว่าพี่เป็นคนใจกว้าง แต่แม่สามีของพี่เล่า? ข้าไม่อยากเอาสิ่งใดจากพี่ไปเฉยๆ เกรงว่าท่าน จะเดือดร้อน”

 

หลี่เสี่ยวเหอถอนหายใจ “ไม่เป็นไรหรอก! ไม่ว่าอย่างไร นางก็ตายก่อนข้า ซึ่งหมายความว่าข้ายังพอมีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตที่ดี!”

 

หลี่เสี่ยวเหอไม่รู้ว่าควรจัดการปัญหาเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้อย่างไร เพราะตอนนี้แม่สามีของนางอายุเพียงห้าสิบปีเท่านั้น และด้วยสุขภาพร่างกายของหญิงชราในตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนางจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสิบถึงยี่สิบปี!

 

“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้านําไข่มาแล้ว หยิบผักไปจากสวนข้าได้ตามสบาย

 

หยุนเถียนเถียนไม่พูดอะไรพลางหยิบไข่ออกจากตะกร้า ก่อนจะเดินไปที่สวนเพื่อเก็บผักใส่ตะกร้า

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างเขินอายก่อนจะกล่าวออก “เถียนเถียน เจ้าเอาไข่มามากมาย เหตุใดจึงเก็บผักไปเพียงสองกํามือเล่า?”

 

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงมองและพบว่าในตระกร้ามีถั่วฝักยาวหนึ่งกํามือ มะเขือยาวสองลูก และแตงกวาหนึ่งลูกเท่านั้น สําหรับนางแล้ว ไข่ห้าฟองแลกกับผักจํานวนนี้ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว เหตุใด… อ้อ! ปีนี้ผักเขียวไม่แพงเท่าไข่ หยุนเถียนเถียนตระหนักได้ทันทีว่าราคาสินค้าในยุคโบราณก็ไม่ได้ต่างจากยุคปัจจุบันมากนัก

 

“เอาไว้ครั้งหน้าหากไม่พอกินข้าจะมาหาพี่อีกครั้ง อีกอย่างการทําดอกไม้เช่นนี้เกรงว่าจะขายได้ราคาไม่ค่อยดีนัก ทําไมจึงไม่ให้ข้าสอนเคล็ดลับอื่นๆให้พี่สักหน่อยล่ะ?”

 

หลี่เสี่ยวเหอไม่เข้าใจในคําพูดของอีกฝ่าย ขณะที่เถียนเถียนนั่งลงเพื่อสอนวิธีทําผีเสื้อให้นางทีละขั้นตอน

 

“เจ้าทําได้อย่างไร? เรียนมาหรือ?”

 

หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกเขินอายพร้อมกับมองต่ํา “เถียนเถียน เหตุใดเจ้าถึงดีต่อข้านัก?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มพร้อมกับคิดในใจ “นางยังสบายดีใช่ไหม? หรือในสายตาของหลี่เสียวเหอการสอนวิธีการที่จะใช้หาเงินให้นางถือเป็นสิ่งที่ดี?”

 

แต่สําหรับหยุนเถียนเถียนแล้ว นางสอนให้โดยที่ไม่ได้หวัง สิ่งใดตอบแทนแม้แต่น้อย และไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ํา

 

“ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับไปทําอาหารก่อน”

 

หยุนเถียนเถียนจากไปพร้อมกับตะกร้าผัก โดยไม่ได้สนใจหลี่เสี่ยวเหอที่กําลังมองนางด้วยแววตาแดงก่ําเลยแม้แต่น้อย

 

ระหว่างทาง นางบังเอิญเจอกับแม่สามีของหลี่เสียวเหอ ซึ่งหญิงชราผู้นี้ช่างอารมณ์ดีอย่างแปลกประหลาด

 

แม่นางจะมีผมหงอกแต่ก็ทําการหวีและจัดทรงอย่างพิถีพิถัน คล้ายกับว่านางไม่ยอมที่จะแก่เลยแม้แต่น้อย แม้เสี้อผ้าก็ล้วนแต่ถูกเลือกสรรมาอย่างดี!

 

แต่เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนเดินออกมาพร้อมตะกร้าผักใบหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนไป

 

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะพร้อมกล่าวทักทายป่าหลัว ทว่าหญิงชรากลับเมินเฉยต่อนางพร้อมพุ่งตรงเข้าไปในสวนด้วยความเกรี้ยวกราด

 

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากของหยุนเถียนเถียน ดูเหมือนว่าหากไม่มีเงิน ก็ไม่สามารถคาดหวังให้ใครชื่นชอบได้

 

นางหลัวเดินเข้าไปในสวนและเห็นหลี่เสี่ยวเหออยู่ตรงนั้น จึงเริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง “นั่งคนเกียจคร้าน! เพราะเห็นว่างานที่ข้าให้ทํานั้นเหนื่อยมากจึงไม่อยากทําใช่หรือไม่? จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ยอมกลับไปทําอาหาร! แล้วหญิงผู้นั้นมาทําอะไรที่บ้านของเรา? เจ้าให้ผักนางไปงั้นหรือ? แสร้งทําเป็นคนใจกว้างอีกแล้วสินะ?”

 

เสียงของนางหลัวดึงดูดความสนใจสามีของหลี่เสี่ยวเหอทันที เขาจึงตะโกนออกเสียงดัง “นังผู้หญิงสกปรก! แม่ของข้าคุยกับเจ้าอยู่หูหนวกหรืออย่างไร?”

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างไม่พอใจและพูดว่า “เถียนเถียนมาเพื่อสอนวิธีหาเงินอีกทางหนึ่งให้ข้า ข้าคิดว่าสิ่งที่นางสอนจะสามารถทําให้เราได้เงินเพิ่มจึงเรียนรู้วิธีการทํา อีกอย่างแม้นางจะมาที่นี่เพื่อขอผัก แต่ก็ยังนําไข่มาแลกถึงห้าฟอง!”

 

“หากเป็นท่าน… จะไม่ยอมแลกผักเพียงเล็กน้อยกับไข่ราคาแพงเช่นนี้หรือ?! เหตุใดเจ้าต้องตําหนิข้าทั้งที่ยังไม่ทันกล่าวถามสิ่งใด?”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น นางหลัวเพิกเฉยต่อคําพูดของหลี่เสี่ยวเหอทันที

 

สิ่งที่นางสนใจคือไข่ที่ลูกสะใภ้บอกว่าหยุนเถียนเถียนนํามาแลก หญิงชราเกิดสงสัยว่าไข่นั้นอยู่ที่ไหน?

 

“นําไข่มาแลกกับผักใบเขียวงั้นเหรอ? แล้วไข่นั่นอยู่ที่ใด? อย่าคิดจะขโมยไปเชียว!”

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้ นางรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวผู้ผอมบางที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ลูกสาวตัวน้อยที่ถูกทรมานมาหลายปี เด็กน้อยกําลังสูญเสียความสุขไปจากแววดวงตา

 

เด็กหญิงวัยหกขวบถูกใช้ให้ทํางานอย่างหนัก ทั้งยังต้องสวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไม่พอดีตัว อีกทั้งยังเก่าและซีดเซียว

 

เด็กน้อยถูกใช้งานอย่างหนักโดยไม่ได้รับอาหารเพียงพอจนทําให้เกิดการขาดสารอาหาร ผมของนางเปราะบาง และเหี่ยวเฉา ทั้งร่างกายยังซูบผอม

 

นางหลัวหยิบไข่เหล่านั้นและนําไปเก็บไว้ในห้องอย่างแน่นหนาราวกับเป็นสมบัติล้ําค่า

 

ตอนนั้นหลี่เสี่ยวเหอแอบหยิบไข่ออกมาซ่อนไว้หนึ่งใบเพื่อให้ลูกสาวได้กินสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง นางเพียงหวังว่าแม่สามีจะไม่เห็นสิ่งที่นางกระทํา

 

“นังผู้หญิงขี้เกียจสันหลังยาว เหตุใดจึงไม่ทําอาหาร? อยากให้ข้าอดตายหรืออย่างไร?”

 

หลี่เสี่ยวเหอนั่งอยู่ในครัวเผยสีหน้าชิงชังออก แต่ก็เริ่มทําอาหารโดยไม่ได้ปริปากบ่น

 

การทําอาหารเป็นหน้าที่ของนาง แต่การกินขึ้นอยู่กับการอนุญาตของแม่สามีเท่านั้น

 

หลังจากทําอาหารเสร็จแล้ว นางหลัวนําอาหารที่หลี่เสี่ยวเหอปรุงเสร็จแยกออกเป็นสัดส่วนเพื่อแจกจ่าย

 

พ่อสามีและสามีของนางเป็นแรงงานหลักของบ้านจึงได้รับอาหารมากที่สุด ส่วนแม่สามีนับว่าเป็นอาวุโสจึงได้รับส่วนแบ่งที่เพียงพอเช่นกัน ซึ่งการแบ่งอาหารแล้วจะมีเพียงเท่านี้ พวกเขาปฏิบัติราวกับว่านางมิใช่คนในครอบครัว

 

ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมแบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้หลี่เสี่ยวเหอ ทว่ามันกลับน้อยนิดยิ่งนัก อาหารเพียงเท่านี้จะเพียงพอให้ลูกสาวของนางกินได้อย่างไร?!

 

หลี่เสี่ยวเหอไม่กล้าขัดขึ้น เพราะหญิงที่ให้กําเนิดลูกชายไม่ได้ก็เป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น

 

เด็กสาวตัวน้อยมองไปยังอาหารในชามพร้อมกับกลืนน้ําลายอย่างเงียบๆ ก่อนจะก้มศีรษะลงกินเศษอาหารที่ตนได้รับ ภาพนี้ทําให้หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก แต่ทั้งแม่และลูกสาวไม่กล้าต่อต้านเพราะไม่ว่าจะทําอย่างไรก็ไม่เป็นผล อีกทั้งหากมีปากเสียงขึ้นมาคงไม่พ้นการถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง

 

ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้รู้ว่าหลี่เสี่ยวเหอที่ทั้งใจดีและใจกว้าง จะต้องทุกข์ทรมานและถูกกดขี่อยู่เป็นนิจ!

 

อย่างไรก็ตาม หยุนเถียนเถียนก็ไม่มีโอกาสรับรู้สิ่งเหล่านี้ เพราะนางต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปทําอาหารเช่นกัน

 

ควันจากอาหารปรุงอาหารลอยฟังออกจากห้องครัว กลิ่นหอมก็โชยออกไปตามลมเช่นกัน

 

ตอนที่ 132 อย่าแทรกแซง

 

“หยุนเถียนเถียนคงไม่ต้องการพบข้าอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว โปรดนําเงินสองร้อยตําลึงนี้ไปให้นาง ถือเป็นสินน้ําใจจากข้า! จงมอบให้แต่ไม่ต้องกล่าวสิ่งใด เข้าใจหรือ

ไม่?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจโล่งอก เขาคิดว่าหลงเยว่จะสั่งให้ทําอย่างอื่นเสียอีก เพียงแค่นําเงินไปให้นางสินะ? ถ้าเช่นนี้ก็พอทําได้!”

 

ทันทีที่หลงเยว่พูดจบจึงเดินจากไป เจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งหมดก็เดินตามไปด้วย

 

ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านยืนนิ่งอยู่เนิ่นนาน

 

เขาไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เหตุใดจึงเกิดเรื่องประหลาดมากมายขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน?

 

จากนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้เฒ่าสั่งให้หยุนเถียนเถียนแต่งงานกับหยุนเคอ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทําให้เขารู้สึกปวดหัวไม่น้อย

 

การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในปีนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

 

ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็ย่อมมีผู้เฒ่าคอยกดดันอยู่เสมอ

 

แต่หากไม่ทําอะไรเลยก็จะทําให้พวกเขาขุ่นเคืองและคงจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลําบาก

 

หัวหน้าหมู่บ้านคิดหนักจนแทบจะเอาขาขึ้นมาก่ายหน้าผาก!

 

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว หากเขาทําตามที่หลงเยาสั่ง ก็อาจจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับชาวบ้านได้ในหมู่บ้านนี้มีผู้เฒ่าเพียงไม่กี่คนที่ควรค่าแก่การนับถือ ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจที่จะไปหารือกับอาวุโสสักหน่อย

 

หัวหน้าหมู่บ้านซ่อนเงินไว้ในมือของเขา โดยไม่ได้เดินทางไปหาหยุนเถียนเถียน แต่ตรงไปที่บ้านของผู้เฒ่าสี่ทันที!

 

ผู้เฒ่าทั้งสามมารวมตัวกันและรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากมีผู้พิพากษาเข้ามาแทรกแซง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงตัวและปล่อยให้อีกฝ่ายจัด

การ

 

แต่ผู้เฒ่าทั้งสามกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาตามหาพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้นทั้งสามจึงมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความแปลกใจ

 

หัวหน้าหมู่บ้านวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะรีบปรับลมหายใจ และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

 

ใบหน้าของผู้เฒ่าหกที่กําลังหัวเราะกลับกลายเป็นจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่ได้ยินว่าหลินชวนฮวาต้องการฆ่าเฉินเฉิน เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธา!

 

ทว่าผู้เฒ่าสี่มีสีหน้าเรียบเฉย ดังนั้นทุกคนจึงมองไม่ออกว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่

 

ดูเหมือนว่ามีเพียงผู้เฒ่าใหญ่เท่านั้นที่เข้าใจประเด็นและถามว่า “ตระกูลเฉินงั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของหยุนจิงเอ๋อนั้นไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม? และท่านผู้พิพากษาก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”

 

“มีชายผู้หนึ่งเขาเป็นถึงผู้ว่าเทศมณฑล นั่นคือท่านหลงเยว่ผู้ยิ่งใหญ่! เขาให้เกียรตินางยิ่ง ทั้งยังมอบเงินสองร้อยตําลึง มาให้ข้าเพื่อมอบให้ลูกสาวของนาง!”

 

ผู้เฒ่าสี่มองเหล่าพี่ชายพลางถามว่า “หยุนเถียนเถียนแห่งหมู่บ้านของเราน่ะหรือ?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเผยแววตาเปล่งประกาย…

 

“เราไม่ควรไปยุ่งอย่างยิ่ง หากเขาสนใจในตัวนางจริงๆ ก็ควรสารภาพกับนางตามตรง! แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่สามารถทําร้ายหญิงผู้นี้ได้! จําไว้ว่าเราไม่มีสิทธิ์บังคับให้นางต้องแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

 

แต่ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะพร้อมตะคอกเสียงดัง “ก็เห็นได้ชัดว่านางช่างไร้ยังอาย หากถูกจับได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร นางก็ต้องแต่งงานกับเขา! เราต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เหตุใดจึงต้องกังวลว่าแม่นางจะกลับมาแก้แค้น?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่มองน้องชายอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นพี่น้องที่มีมิตรภาพยาวนานจึงรับรู้ได้ทันทีว่าผู้เฒ่าสี่นั้นมีอารมณ์โมโหร้าย และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

 

“ในเมื่อตัวตนของนางไม่ใช่คนธรรมดา แล้วจะให้แต่งงานกับพรานปาเช่นนี้ได้อย่างไร? โอ้ ข้าคิดว่าอย่างไรแล้วก็กล่าวโทษพวกเราไม่ได้!”

 

จู่ ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็นึกถึงหยุนเคอและพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ท่านหลงเยว่ถามถึงพรานปาผู้นี้ในตอนที่เขากําลังจะเดินทางกลับ ดูเหมือนว่าตัวตนของพรานปาผู้นี่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”

 

ท่านผู้เฒ่ามองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

 

เหตุผลที่ชายผู้นี้สามารถเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้เพราะเขาเป็นคนที่โดดเด่น ไม่เพียงแต่จะต้องโน้มน้าวประชาชนเก่งเท่านั้น แต่เขายังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว!

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคนก็ต่างไม่ใช่คนธรรมดา! เพียงแค่เราไม่ต้องไปแทรกแซงพวกเขาอีกในอนาคต!”

 

ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอีกครั้ง “ไม่ได้! พี่ก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ หากหญิงผู้นี้ไม่แต่งงานสักที ก็จะทําลายศรัทธาและความเชื่อของชาวบ้านที่เคยมีมาทั้งหมด!”

 

“หากจะให้เราดูแล เราสามารถดูแลได้แต่ต้องไม่ใช่ในส ถานการณ์เช่นนี้! หากวันหนึ่งครอบครัวที่แท้จริงของนางมาพบเข้า พวกเรายังจะเหลือใบหน้าไว้ตั้งบนบ่าอยู่หรือ ไม่? อยากให้พวกเขาคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างอายหรืออย่างไร?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “จากมุมมองของข้า พวกเจ้ากังวลเร็วเกินไป! เนื่องจากหญิงผู้นั้นถูกบังคับให้แต่งงานกับหยุนเคอ นางจึงไม่มีข้อโต้แย้งและไม่ได้ปฏิเสธ แม้นางจะมีท่าทางขัดขืนก็จริงแต่ตอนนี้ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของหยุนเคอ! ลองให้โอกาสนางสักหน่อยเถิด!”

 

“เอาล่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยไปก่อนเถิด! แค่จับตาดูนางให้ดี ข้าไม่คิดว่านางเป็นคนไร้เหตุผลและทําให้ใครต้องอับอาย!”

 

บทสนทนานี้จบลงด้วยคําพูดของผู้เฒ่าใหญ่!

 

หัวหน้าหมู่บ้านนําเงินมาที่บ้านของหยุนเคอทันที “ดูสิ นี่คงเป็นอะไรที่พวกเขาคาดไม่ถึงหรอกใช่ไหม?”

 

ในตอนที่หยุนเถียนเถียนซื้อเฉินเฉินมา ชาวบ้านหลายคนเขาใจว่าเด็กน้อยผู้นี้จะต้องทุกข์ทรมานจากการแก้แค้นของหยุนเถียนเถียนเป็นแน่ แต่เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้า มาก็พบว่าเฉินเฉินกําลังนั่งตัวตรงถือพู่กันอยู่ในมือ และฝึกเขียนที่ละขีด!

 

เฉินเฉินตั้งใจมาก แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา แต่เด็กน้อยก็ไม่ทันรู้ตัว

 

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าแขนน้อยๆนั่นก็ไม่ใช่จะแข็งแรงนัก แต่กลับเขียนหนังสือได้อย่างสวยงาม หัวหน้าหมู่บ้านเองเคยเข้าสอบขุนนาง เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินเฉินขะมักเขม้นและใฝ่เรียนยิ่ง!

 

“ข่าวลือที่บอกว่าเฉินผิงอันต้องการส่งเด็กน้อยเข้าโรงเรียนเป็นเรื่องจริงสินะ! แต่เด็กคนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้ารั้วโรงเรียนเลยไม่ใช่หรือ?!?

 

“แล้วใครกันที่สอนเขา? ดูท่าทางการเขียนของเด็กคนนี้จริงจังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีครูที่เข้มงวด!”

 

สิ่งสําคัญที่สุดในการเรียนรู้ไม่ใช่ความเก่งแต่คือความขยัน! เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินฝึกเขียนอย่างตั้งใจและขะมักเขม้นก็นับว่าเขาเป็นคนขยันและตั้งใจจริง!”

 

ด้วยความสงสัยนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเคาะโต๊ะเบาๆ ทําให้เฉินเฉินตกใจพร้อมอุทานออก “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง เหตุใดเด็กน้อยที่เพิ่งผ่าน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเจ็บปวดจากครอบครัว และต้องย้ายมายู่กับพี่สาวเช่นเฉินเถียนเถียนถึงผิดปกตินัก?! เราจะสามารถพูดคุยและหัวเราะได้อย่างอิสระเร็วถึงเช่นนี้เชียวหรือ??

 

ที่จริงแล้ว เมื่อเฉินเฉินกลับมายังมีอีกหลายสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกเขา แต่หยุนเถียนเถียนก็รู้จักวิธีการรับมือเป็นอย่างดี

 

ส่วนหยุนเคอเองไม่ได้สนใจในอารมณ์ของเด็กชายนัก หยุนเคอสังเด็กน้อยให้ฝึกเขียนอีกสองสามคําทันทีเพื่อเบียงเบนความสนใจออกจากความโศกเศร้า!

 

ขณะที่เขาเขียน อารมณ์ของเขาก็สงบลง! ค่อยๆจมอยู่ในการอ่าน จนทําให้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้เลย

 

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 131 สูญเสียลูกชายอย่างแท้จริง

 

เฉินเฉินพยักหน้ารับก่อนจะก้มศีรษะลง และหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับพี่สาวของเขาโดยไม่ลังเล

 

เฉินผิงอันรับรู้ได้ว่าลูกชายของเขาทนเห็นสิ่งเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น เขาเฉยเมยต่อพ่อของตนราวกับคนแปลกหน้า!

 

เฉินผิงอันรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะเฉินเฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูก ชายของเขาและหลินชวนฮวาก็ไม่ใช่หญิงผู้แสนดีอีกต่อไปแน่นอนว่านางจะไม่มีทางยอมเชื่อฟังหรือดูแลเขาอีกแล้ว!

 

เฉินผิงอันสูญเสียทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ในใจกําลังนึกถึงลูกชายที่เปรียบดั่งของล้ําค่าซึ่งหายไปแล้ว!

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยรักเฉินเฉินเลย ในตอนที่หลินชวนฮวางครรภ์ เฉินผิงอันก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนี่คือลูกที่แท้จริงคนแรกของเขา!

 

แต่เหตุใดลูกชายเพียงคนเดียวของเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้? เพราะนางชั่วหลินชวนฮวา!นางทําให้พ่อและลูกมีความรู้สึกเกลียดชังต่อกัน!

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายเกินไป เพราะเฉินเฉินถูกขายให้กับหยุนเถียนเถียนแล้ว!

 

ราวกับว่าไม่ยอมรับความจริง เฉินผิงอันร้องออกอย่างกังวลใจ “เฉินเอ๋อ…”

 

อย่างไรก็ตามเฉินเฉินไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองพ่อของตน!เขามุ่งหน้าเดินฝ่าฝูงช นตามหยุนเคอไปโดยไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น

 

“เฉินเอ๋อ ทุกอย่างของบ้านเราถูกเผาหมดสิ้น! วันนี้เราจะไปพักผ่อนที่บ้านพี่ใหญ่หยุนก่อน และพรุ่งนี้พี่จะพาเจ้าเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้าและของจําเป็น!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าตอบรับโดยไม่พูดอะไร หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าเด็กคนนี้ยังรู้สึกสะเทือนใจอยู่ และต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้

 

การสูญเสียของเฉินผิงอันทําให้หลินชวน ฮวาพึงพอใจเป็นอย่างมาก “เฉินผิงอัน… เจ้าคงไม่รู้ว่าข้ารู้ สึกอย่างไรในตอนที่ตั้งครรภ์เด็กคนนี้!แม้ในตอนที่เขาเกิด มาแล้ว ข้าก็ยังรู้สึกอยากจะบีบคอเขาให้ตาย!หากไม่ใช่เพ ราะต้องการการยอมรับจากตระกูลเฉิน ข้าคงไม่ยอมให้เขาเกิดมาอย่างแน่นอน!”

 

“เจ้ามีความสุขมากในตอนที่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์! เช่นนั้นแล้วข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและให้กําเนิดเขา! น่าเสียดาย! เมื่อคราที่เจ้าไปทําไร่ คงจะดีไม่น้อย หากเจ้ากลับมาแล้วพบว่าเด็กคนนี้จมน้ําตายเพราะข้า ฮ่าฮ่า ฮ่า!”

 

“เจ้าถามข้าว่าข้าต้องการตั้งชื่อลูกว่าอะไร? ความจริงแล้ว มีเพียงเฉิงเยี่ยเท่านั้นที่เป็นลูกของข้า!เพราะเด็กคน นี้ที่เกิดมานั้นไม่ต่างอะไรกับพ่อของเขา ขี้ขลาดและไร้ค่าราวกับโคลนตม! เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเด็กสกปรกผู้นี้จะเป็นใหญ่ได้ในอนาคต?! สําหรับข้า เขาก็เป็นได้เพียงฝุ่นผง เท่านั้น!”

 

“อันที่จริง ข้าควรจะทนอยู่กับเจ้าให้นานกว่านี้ และเมื่อเฉิงเยี่ยได้เข้ารับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง ข้าจะปลดปล่อยเจ้า ให้ล่องลอยไปกับลมตะวันตกด้วยยาพิษ!แต่น่าเสียดายที่นั่ง ผู้หญิงราคาถูกหยุนเถียนเถียนบังเอิญรู้ความลับของข้าและเมื่อกลับมายังหมู่บ้านคนก็นินทาเรื่องบ้าไปทั่ว! ข้าไม่สามารถยอมให้เจ้ารู้เรื่องเย่วชิวไฉได้ ดังนั้นจึงต้องทําเช่นนี้!”

 

“ทุกอย่างเกิดขึ้นในตอนที่หยุนเถียนเถียน เสนอเงินให้ข้าเพื่อจะซื้อเด็กคนนั้น!ก็เพราะเจ้าติดพนัน มากเกินไปแน่นอนว่าเจ้าต้องทุ่มไปกับการเดิมพันจนหม ดตัว! และในที่สุดเจ้าก็หลงกลข้า! เพื่อเก็บรักษาขาของตน ไว้เจ้าจึงยอมขายเด็กสกปรกผู้นั้น! แม้เจ้าจะรักลูกชายมาก เพียงใด ก็เทียบไม่ได้กับขาทั้งสองข้าง!สาแก่ใจข้ายิ่งนัก!”

 

เฉินผิงอันรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างมาก! เพียงเพราะหลินชวนฮวาต้องการหนีไปกับชายผู้นั้นจึงจุดไฟเผาบ้านเขาจนมอดไหม้อีกทั้งเขายังไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีสิ่งต่าง ๆมากมายตามมาเช่นนี้!

 

เขาไม่อาจอดทนต่อไปได้อีกเมื่อฟังจนจบ เฉินผิงอันเตะหลินชวนฮวาสุดแรงอย่างเกรี้ยวกราด เห็นได้ชัดว่าเขา ค่อนข้างโหดร้ายและสามารถลงมือได้ทุกเมื่อหลินชวน ฮวาทรุดตัวลงบนพื้นและส่งสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวท นา!

 

“ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า นังสารเลว! เจ้าตั้งใจจะฆ่าข้าและทําให้ข้าต้องสูญเสียทุกอย่างไปแม้กระทั่งลูกชายขอ งตนเอง!”

 

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นดังนั้นจึงรีบดึงเขาออกไป “เอาล่ะ! ไม่ว่าเจ้าจะพยายามโทษฟ้าดินแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้อง รู้จักโทษตัวเอง!ตอนนี้บ้านของเจ้าถูกไฟไห ม้และกลายเป็นคนไร้ที่อยู่! เจ้าสูญเสียทุกอย่างภายในพริบตา! เช่นนี้แล้วยังจะอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้หรือไม่?”

 

“หากอยากอยู่ต่อก็จงปฏิบัติตัวให้ดี! รีบไปขอโทษหยุน เถียนเถียนเสียเพราะหากไม่ทํา… อย่าว่าแต่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านเลย แม้แต่ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป!”

 

ขณะเดียวกันเฉินผิงอันจ้องหลินชวนฮวาด้วยแววตา แดงก่ําก่อนจะหันมองผู้คนที่กําลังแกะเชือกให้เฉินเฉิงเยี่ยแม้จะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติมากมายเกิดขึ้น แต่เขาก็เลือก ที่จะไม่ต่อต้านก่อนจะเดินไปช่วยพยุงแม่และออกจากหมู่ บ้านไปอย่างเงียบเชียบ

 

เนื่องจากหัวหน้าหมู่บ้านให้การต้อนรับเขาในฐานะผู้พิ พากษาอย่างอบอุ่นดังนั้นจึงอยากกล่าวชื่นชม!

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน! คนในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างใช้ชีวิตอ ย่างเรียบง่ายแสดงว่าท่านปกครองพวกเขาได้เป็นอย่างดี เพียงแต่หญิงสาวผู้นี้ข้าอยากให้เจ้าดูแลนางให้ดี ถ้ามีใคร ทําร้ายหรือกันแกล้งนางอีกพวกเจ้าจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข แน่! เข้าใจไหม?”

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้ารับแต่ยังถามด้วยความสงสัย “นางพิเศษอย่างไรหรือขอรับ?”

 

โดยปกติแล้วผู้พิพากษาจะไม่ยอมบอกเรื่องราวส่วนตัวกับ หัวหน้าหมู่บ้านดังนั้นเขาเผยรอยยิ้มจางก่อนจะกล่าวตอบ“เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้เรื่องนี้ หากไม่มองเรื่องความงดงาม หญิงผู้นี้ก็ถือว่ามีวิถีชีวิตที่ยอดเยี่ยม นางใช้ชีวิต ได้อย่างชาญฉลาดและไร้ขอบเขตโดยไม่สนใจว่าผู้ที่ทําผิด จะเป็นใครมาจากไหน… เอาล่ะข้าคงต้องไปแล้ว! ไม่ว่าเจ้า จะสงสัยอะไรก็เก็บไว้ในใจก็พอไม่จําเป็นต้องหาคําตอบทุกเรื่อง!”

 

เนื่องจากผู้พิพากษากลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะถามอะ ไรถลําลึกจึงพยายามหยุดการสนทนาและขึ้นรถม้าไป

 

หลงเยวรู้สึกยังไม่อยากกลับจึงเพียงกล่าวลาผู้พิพากษาและตัดสินใจว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าขอถามอะไรสักหน่อย หยุนเคอเป็นผู้ใดและเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง เขาเพิ่งผ่านเรื่องราวอันน่าตกใจที่หยุนเสียนเถียนไม่ใช่เพียงคนธรรมดามาหมาด ๆ ครานี้กลับมีคนสงสัยและถามถึงหยุนเคอเขาไม่ใช่คนธรรมดาอ ย่างนั้นหรือ? เหตุใดหมู่บ้านนี้จึงอลเวงนัก? นี่มันอะไรกัน?”

 

“ชายผู้นั้นเป็นพรานปา เพราะใบหน้าของเขา เต็มไปด้วยหนวดเคราและดูน่ากลัว ผู้คนจึงเรียนเขาว่าคนปาเถื่อน! ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ เขาก็มาหาข้าและบอกว่าอยากจะซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้าน ทั้งยังบอกว่า ไม่เหลือใครในครอบครัวแล้วจึงอยากจะตั้งรกรากในหมู่บ้านนี้เพียงคนเดียวเมื่อไตร่ตรองถึงพระราชกฤษฎีกาปัจจุบันข้าจึงเห็นด้วยและอนุญาต”

 

หลงเยว่ยิ้ม “โอ้! เช่นนั้นหรือ! ข้าเข้าใจแล้ว แต่มีอย่างหนึ่งที่ข้าต้องรบกวนให้ท่านช่วยสักหน่อย”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตัวสั่นเทาเพราะชายที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นจูงใจได้ยากและเป็นคนที่ดื้อด้านที่สุด!

 

“ท่านหลงเยว่ ไม่ว่าท่านจะขออะไรข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ!”

 

ตอนที่ 130 ความเกลียดชังของเฉินผิงอัน

 

หลินชวนฮวาไตร่ตรองและรู้สึกว่าสิ่งที่ลูกชายพูดนั้นถูกต้อง แววตาที่ตื่นเต้นก่อนหน้าจึงค่อย ๆ มีดลง

 

เมื่อฝ่ายโจทก์ตัดสินใจแล้ว ผู้พิพากษาจึงไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไร ทั้งสองแม่ลูกถูกปล่อยตัวออกไป หลินชวนฮวารีบวิ่งไปยังสํานักงานปกครองเขตหลัง ก่อนจะพบว่าเย่วชิวไฉถูกล่ามด้วยเครื่องตรวนห้าชนิดอย่างแน่นหนา!

 

แต่ทันทีที่หลินชวนฮวาได้รับการปล่อยตัวก็มีเรื่องราวเข้าแทรกอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ไม่มีใครรู้ว่าเฉินผิงอันรู้เรื่องการปล่อยตัวได้อย่างไร เขาโกรธมากและรีบเดินทางมายังห้องโถงบรรพบุรุษทันที เมื่อมาถึงจึงได้พบกับหลินชวนฮวาที่กําลังพยายามช่วยเหลือเย่วชิวไฉที่ถูกพันธนาการไว้

 

เฉินผิงอันพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับเหวี่ยงขาเตะนางอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น

 

เย่วชิวไฉโกรธที่ถูกเหยียดหยาม เขาจึงมองหลินชวนฮวาที่กําลังกลิ้งไปบนพื้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

 

“หญิงสารเลว! ข้าไม่ดีพอสําหรับเจ้าหรืออย่างไร? เหตุใดจึงใฝ่ต่ำไปคบชู้กับฆาตกร?!”

 

หลินชวนฮวาจ้องมองเย่วชิวไฉด้วยแววตาอาวรณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้นเฉินผิงอันยิ่งรู้สึกคับข้องใจจนอกแทบระเบิด!

 

หยุนจิงเอ๋อทอดทิ้งเขาไป! และวันนี้หลินชวนฮวากลับทรยศเขาด้วยการคบชู้กับชายฆาตกรอีก…

 

นางสมควรได้รับบทลงโทษ แม้จะมีผู้คนมากมายอยู่ในเห็นเหตุการณ์ แต่ก็ไม่มีใครออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้นางเลย!

 

“ดูสิว่ามีหญิงใดในหมู่บ้านได้อยู่อย่างสุขสบายเช่นเจ้าหรือไม่? กล้าทําเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร?! แม้แต่ลูกชายของเจ้า ข้าก็ยอมทําทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือ! แต่ นี่คือสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้าหรือ?!”

 

เฉินผิงอันตบหน้าหลินชวนฮวาอย่างแรง!

 

เฉินผิงอันทุบตีหลินชวนฮวาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นเองเป็นเฉินเฉิงเยี่ยพุ่งตัวเข้ามาฉุดรั้งอีกฝ่ายไว้ แต่เฉินผิงอันกลับผลักเขาออกอย่างรุนแรงจนใบหน้ากระแทกกับหิน เลือดไหลย้อยออกมาจากมุมปากของชายหนุ่ม

 

เมื่อเห็นว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บ หลินชวนฮวาจึงลุกขึ้นต่อสู้กับเฉินผิงอันด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่!

 

“สําเนียกตนเองเสียบ้าง! การได้แต่งงานกับหยุนจิงเอ๋อก็นับว่าเป็นโชคดีของคนเช่นเจ้าแล้ว! ไม่น่าแปลกใจหากผู้คนจะดูหมิ่นเจ้า เพราะเจ้าเป็นเพียงชายโง่เขลาและไร้ปัญญาเทั้งเกียจคร้านและน่าขยะแขยง! นอกจากใช้เวลาทั้งวันในบ่อนพนัน เจ้าทําอะไรอีกบ้าง?! ไม่ต้องบอกว่ารักข้าหรอก! หยุนเถียนเถียนพูดถูก เจ้าไม่เคยลืมหยุนจิงเอ๋อและข้าเป็นเพียงตัวแทนของนาง และนางก็พูดถูกที่บอกว่าเจ้าไม่เคยสนใจว่าสิ่งใดถูกหรือผิด! เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่สามารถลืมนางได้ แม้เจ้าจะบอกว่าเกลียดนางแทบตาย แต่เจ้ากลับไม่เคยลืมนางได้สักวินาที! เฉินผิงอัน… ช่างน่าขันเสียจริง!”

 

เฉินผิงอันตกตะลึง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลินชวนฮวาเห็นเขาเป็นเพียงแค่ตัวตลก คําพูดเหล่านี้ทําให้เขารู้สึกขมขื่นยิ่งกว่ากินบอระเพ็ด!

 

หยุนเถียนเถียนยืนดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจก่อนจะก้าวออกไปและพูดว่า “หากเฉินผิงอันใช้ชีวิตอย่างน่าขัน เจ้าไม่น่าขันกว่าหรือ?”

 

“ฟังข้านะ เย่วชิวไฉที่เจ้าห่วงใยนักหนากลับเพิกเฉยเมื่อเห็นว่าเจ้าถูกเฉินผิงอันทุบตี! หากเจ้าทนอยู่กับเฉินผิงอันก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เจ้ากลับเลือกอยู่กับชายไร้ยางอายเช่นเขา! ฮ่าฮ่า! หลินชวนฮวา แม้เฉินผิงอันจะเป็นเพียงชายโง่เขลา แต่เขาซื่อตรงต่อเจ้า อันที่จริงเจ้าไม่มีสิทธิ์จะหัวเราะเยาะเขาด้วยซ้ำ!”

 

หลินชวนฮวารู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินสิ่งที่หยุนเถียนเถียนพูด จึงตอบกลับทันที “นังขี้ครอก! เจ้าเคยรู้อะไรบ้าง? เย่วชิวไฉเคยเป็นนักปราชญ์ผู้มีพรสวรรค์! โคลนตมเช่นเฉินผิงอันจะเทียบอะไรเขาได้เ”

 

“พรสวรรค์ที่ใช้เจ้าเป็นตัวกลางในการหลอกใช้เฉินเฉินผิงอันอย่างนั้นหรือ? ชายที่ทอดทิ้งและไม่เคยสนใจภรรยาและลูกของตน ทั้งยังฆ่าคนตายคือเป็นนักปราชญ์ผู้มีพรสวรรค์งั้นหรือ? หลินชวนฮวา… นอกจากผิวหนังและร่างกาย เขาเทียบอะไรกับเฉินผิงอันได้บ้าง? เอาล่ะ! ข้ายอมรับว่าเฉินผิงอันไม่ใช่คนดี ชายที่ใช้เวลาทั้งหมดไปในกับการเล่นพนันไม่ถือว่าเป็นคนดี แต่เขาก็ดูแลและเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี!”

 

หลินชวนฮวาตอบกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว “เหตุใดเจ้าถึงเป็นห่วงเฉินผิงอันนัก ยังคิดว่าเขาเป็นพ่อของเจ้าอยู่งั้นหรือ?!”

 

“เปล่าหรอก เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจคนเช่นเจ้า ยังไงซะตอนนี้ข้าได้ในสิ่งที่ต้องการและทําในสิ่งที่ควรทําแล้ว! หลินชวนฮวา… ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะอยู่อย่างไรหากไม่มีเฉินผิงอัน?!”

 

เฉินผิงอันยืนนิ่งราวกับหุ่นที่สูญเสียจิตวิญญาณ ในใจพลันนึกถึงหยุนจิงเอ๋อผู้เป็นที่รัก!

 

หญิงผู้นั้นสูงส่งเรากับเมฆบนท้องฟ้าซึ่งห่างไกลกับเขามาก ไม่ว่านางจะนอนปวยอยู่บนเตียงหรือตายไปแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทํายังเต็มไปด้วยคุณงามความดีที่ไม่เคยถูกลบล้าง!

 

แม้นางจะไม่ได้ดูแลเขาอย่างดี แต่นางก็จัดการเรื่องราวในครอบครัวได้อย่างเฉียบขาดและเหมาะสม เขาไม่เคยต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงินหรือทําสิ่งใดเลยด้วยซ้ำ

 

เมื่อเทียบหลินชวนฮวาที่คอยแสร้งว่าเป็นศรีภรรยาที่ดี น่าสงสารและอ่อนโยน แท้จริงแล้วกลับไม่เคยคิดหยิบจับสิ่งใด แม้แต่งานบ้านก็เป็นหน้าที่ของหยุนเถียนเถียน ทว่านางกลับโกหกว่าเป็นฝีมือของตนทั้งหมด!

 

ความอ่อนโยนที่เคยเสแสร้งไว้ถูกทําลายลงโดยสมบูรณ์ หากเป็นหญิงที่ดีเช่นหยุนจิงเอ๋อก็ยังจะพอมีคนเห็นอกเห็นใจ แต่หลินชวนฮวาเป็นใครกัน? แค่หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้วหนึ่งครั้ง เหตุใดเขาจึงเชื่อใจนางนัก?

 

ยิ่งทบทวนมากเท่าไหร่ ยิ่งทําให้เขาแทบทนไม่ไหวต่อหญิงที่อยู่ตรงหน้า แม้วันเวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ทุก ๆ การกระทําของหยุนจิงเอ๋อยังตราตรึงในใจเขาเสมอมา!

 

ในตอนแรก เฉินผิงอันเกลียดชังหยุนเถียนเถียนเพราะนางไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา และรู้สึกว่าหยุนจิงเอ๋อไม่ควรมีลูกเช่นนี้ หญิงที่สูงส่งราวกับก้อนเมฆจะมีลูกสาวที่ต่ำต้อยราวกับโคลนตมเช่นนี้ได้อย่างไร? ซึ่งทั้งหมดเป็นความรู้สึกที่ฝังลึกในใจเขาตลอดมา!

 

อีกทั้งความรู้สึกเหล่านี้ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นจากการยั่วยุของหลินชวนฮวา เขาถูกปลูกฝังให้เกลียดหยุนจิงเอ๋อและลูกสาวของนางอย่างสุดซึ้ง!

 

ในตอนนี้เมื่อมองดูลูกสาวของนางอีกครั้งจึงเห็นได้ว่าหยุนเถียนเถียนไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอคนเดิมอีกต่อไป เฉินผิงอันเงยหน้ามองอดีตลูกสาวและรู้สึกว่านางช่างงดงามละม้ายคล้ายกับหยุนจิงเอ๋อยิ่งนัก!

 

ทุกคนเฝ้าดูจุดจบของหญิงชั่วเช่นหลินชวนฮวาอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่เฉินผิงอันยังคงสับสนและจมอยู่ในห้วงความคิด

 

เฉินผิงอันนิ่งเงียบพลางมองไปยังหลินชวนฮวาและหยุนเถียนเถียนด้วยความสับสน

 

“เหมือนว่าจะมีตัวอย่างให้ดูแล้ว เฉินเอ๋อ… เจ้าจงจําไว้ว่าอย่ากลายเป็นคนเช่นนี้ในอนาคต อย่าละโมบจนไม่รู้จักพอ!”

 

ตอนที่ 129 สารภาพ

 

หลินชวนฮวาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา นังเด็กสารเลวนั่นคงไม่มีวันยอมปล่อยพวกนางไปแน่ หากนี่เป็นโอกาสที่ตนจะได้ต่อสู้เพื่อลูกชาย เหตุใดนางจึงจะไม่เต็มใจเล่า? แต่การกระทําเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรจากการสารภาพผิดแม้แต่น้อย

 

ในที่สุดนางจึงกัดนิ้วและกดลายนิ้วมือลงบนกระดาษแผ่นนั้นอย่างแรง!

 

แต่ตอนนั้นเองที่หลินชวนฮวานึกบางอย่างได้จึงรีบเงยหน้าถาม “หากนางสัญญาว่าจะปล่อยเราสองคนไป แล้วพ่อของเจ้าเล่า?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยอดทนพลางนึกในใจ เขาทําลายชีวิตเราถึงเพียงนี้ยังจะนึกถึงเขาอีก!”

 

“แม่! ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? แม้หญิงนั้นจะต้องการปล่อยเขาไป แต่ท่านผู้พิพากษาไม่มีทางเห็นด้วย! ฆาตกรผู้นั้นจะต้องตาย ส่วนลูกและภรรยาของเขาจะได้มีชีวิตที่ดี!”

 

หลินชวนฮวาน้ำตาคลอพลางมองลูกชาย “เฉิงเยี่ย…. เขาเป็นพ่อของเจ้านะ! หากเป็นไปได้ เจ้าพอจะวิงวอนนางแทนพ่อได้หรือไม่? แต่หากเจ้าเกลียดชัง

 

เมื่อได้ยินคําพูดของผู้เป็นแม่ เฉินเฉิงเยี่ยนิ่งเงียบก่อนจะสะบัดมือนางออก!

 

“ช่างมีเมตตายิ่งนัก แม้ในเวลาเช่นนี้ก็ยังคิดถึงฆาตกรทุกลมหายใจ! แม่จะอ้อนวอนอย่างไร? อีกอย่างท่านผู้พิพากษาไม่ได้ใจดีและโง่เขลาเหมือนหยุนเถียนเถียน!

 

แม้หลินชวนฮวาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจของลูกชาย แต่ยังคงรู้สึกเป็นห่วงเย่วชิวไฉ! เงินทั้งหมดของนางถูกยึดไปตั้งแต่ครั้งที่โดนจับกุม! เช่นนั้นแม้ทั้งสองจะหนีไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถลงหลักปักฐานได้ที่ไหน?

 

หลินชวนฮวาทรุดลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง แต่เฉินเฉิงเยียกลับไม่ช่วยพยุง ยิ่งไปกว่านั้นเขาหยิบเอาหลักฐานการก่ออาชญากรรมที่ได้รับการประทับลายนิ้วมือแล้วมาไว้ในมือ เพื่อรอส่งมอบให้หยุนเถียนเถียนในวันพรุ่งนี้

 

หยุนเถียนเถียนเองก็เฝ้ารอรุ่งสางอย่างใจจดใจจ่อ นางนั่งอยู่กับเฉินเฉินตลอดทั้งคืน แต่ไม่ว่าจะปลอบโยนเด็กน้อยมากเพียงใด เขายังคงเสียใจและไม่ยอมพูดจาแม้เพียงครึ่งคํา

 

เฉินเฉินเป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบ แน่นอนว่าไม่อาจยอมรับเรื่องราวทั้งหมดได้

 

ไก่ขันเพื่อเตือนว่าเช้าวันใหม่กําลังจะมาถึง!

 

เฉินเฉินลืมตาขึ้นมาจึงเห็นว่าพี่สาวอยู่ข้าง ๆ เขาตลอดทั้งคืนด้วยความห่วงใย เช่นนี้เด็กชายจึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น

 

หยุนเคอมองดูเฉินเฉินด้วยความสงสารจับใจ

 

ทั้งข้าและหยุนเถียนเถียนต่างถูกข่มเหงจากแม่เลี้ยง แตเด็กน้อยผู้นี้กลับถูกแม่ผู้ให้กําเนิดวางแผนสังหาร!”

 

“ไม่รู้เลยว่าเด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนี้จะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าแม่บังเกิดเกล้าวางแผนลอบวางเพลิงตนเพราะความโกรธ!”

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้พูดอะไร เพราะจากสภาพจิตใจของเฉินเฉินในตอนนี้การร้องไห้คงเป็นการระบายที่ดีที่สุดแล้ว

 

แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยร้องไห้ปาดน้ำตาด้วยความเสียใจ หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดตาม

 

หยุนเคอมองหญิงสาวด้วยความขบขัน ร่างกายของนางแข็งทื่อ ใบหน้าเผยความสงสารออกและเสื้อของนางเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของเด็กน้อย!

 

เมื่อรู้สึกตัว หยุนเถียนเถียนเริ่มรู้สึกรังเกียจจึงผลักเด็กชายออกทันที

 

ทว่าเฉินเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าจากการร้องไห้จึงผล็อยหลับไปบนไหล่ของหยุนเถียนเถียนอย่างช่วยไม่ได้

 

หยุนเถียนเถียนทําอะไรไม่ถูกก่อนจะวางเด็กน้อยลงบนเตียง เนื่องจากนางไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนจึงทําได้เพียงอดทนใส่เสื้อผ้าสกปรกนี้ต่อไป

 

“หยุนเคอ ช่วยเฝ้าเข้าแทนข้าได้หรือไม่? ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของป้าจี้ หากเขาตื่นแล้วร้องหาข้า ก็แค่บอกกล่าวกับเขาดี ๆ แล้วกัน”

 

หยุนเถียนเถียนเดินจากไปทันที ขณะที่หยุนเคอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่านางมีความมั่นใจมากจากไหน เหตุใดจึงไว้ใจข้านัก??

 

เด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงมีร่างกายผอมบางเพราะขาดสารอาหารมานานหลายปี

 

“แม้เด็กน้อยจะได้รับการดูแลจากพี่สาว แต่เขาก็ยังคงต้องหิวโหยอยู่ดี ข้าเคยได้ยินมาว่าในอดีตเฉินเฉินทําร้ายเถียนเถียนสารพัด แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับกลายเป็นพี่น้องที่พึ่งพาอาศัยกัน เด็กน้อยผู้นี้ช่างน่าสงสารที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่คงที่เช่นนี้”

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไม่ได้ไปยังบ้านของหยุนเคอในทันที แต่เดินทางไปยังห้องโถงบรรพบุรุษแทน!

 

หลินชวนฮวามองดูผู้คนที่เดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง ขณะที่เฉินเฉิงเยี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าหญิงผู้นี้จะลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้

 

“ทําไมเล่า? ไหนดูซิ… นักปราชญ์ของเรามีอะไรมาฝากข้าหรือไม่? แสดงให้ข้าดู!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนําม้วนกระดาษออกจากแขนและส่งให้นาง

 

หยุนเทียนเถียนเปิดอ่านที่ละหน้าอย่างละเอียด

 

เฉินเฉิงเยี่ยตื่นตระหนกยิ่งที่หญิงตรงหน้าอ่านหนังสือออก โชคดีที่เขาต้องการที่จะมีชีวิตรอดจึงเขียนคําสารภาพโดยไม่ได้ปกปิดหรือบิดเบือนใด!

 

ส่วนหลินชวนฮวาเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เฉินเฉิงเยี่ยรู้ดีว่าหญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หยุนเถียนเถียนคนเดิมต่อไป แต่เขาก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้!

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มหวานทันทีเมื่ออ่านจบ “ครานี่เจ้าไม่ได้หลอกข้า! เอาล่ะ เนื่องจากเงินในมือของพวกเจ้าถูกริบไป ข้าจะให้เงินเพื่อใช้สร้างบ้านให้สักหลัง ข้าสัญญาว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่มีเงื่อนไขว่าเฉินผิงอันต้องไม่รู้เรื่องนี้! และข้าหวังว่าเจ้าจะยังคงมีความสามารถในการหลอกลวงเฉินผิงอันอยู่!”

 

หยุนเถียนเถียนหยิบเงินออกจากกระเป๋าก่อนจะโยนให้ทั้งสองและเดินจากไป

 

หลินชวนฮวาหันมาถามเฉินเฉิงเยี่ยทันที “แม่ไม่ได้เข้าใจผิดไปใช้ไหม? นังเด็กขี้ครอกนั่น… รู้หนังสือจริง ๆ หรือ?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยรู้ดีว่าหากหญิงผู้นี้กล้าเปิดเผยความลับเรื่องการรู้หนังสือต่อหน้าเขา แสดงว่านางต้องมีแผนการซ่อนอยู่!

 

ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมา “แม่เป็นหญิงที่ฉลาดมาโดยตลอด เหตุใดจึงไม่รู้ว่านางเปลี่ยนไปมากตั้งแต่กลับมาจากบ้านของนายน้อยหลี่? นางไม่ใช่เถียนเถียนคนเดิมอีกต่อไป!”

 

“แต่เพื่อให้ทุกคนยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างเป็นธรรมชาติ นางจึงยอมรับการกดขี่ของเราก่อนและ ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง แม่… เราทุกคนประมาทเกินไป ดังนั้นตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว มันสายไปแล้วทุกสิ่ง!”

 

* หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดจึงบอกว่านางไม่ใช่คนเดิมแล้ว?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยแสยะยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้ามั่นใจว่านางไม่ใช่คนเดิมแน่!”

 

หลินชวนฮวารู้สึกหวาดกลัวและถามขึ้นทันที “เจ้าไม่ได้หมายความว่า… หญิงผู้นั้นถูกผีเข้าหรือเป็นสัตว์ประหลาดหรอกใช่ไหม?”

 

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามเราต้องชดใช้!”

 

ทันใดนั้นดวงตาของหลินชวนฮวาก็เปล่งประกายทันที “หากเจ้าบอกคนในหมู่บ้านว่านางถูกผีสิง พวกเขาก็จะเผานางทั้งเป็น เราใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่หยุนเถียนเถียนให้ปล่อยพ่อของเจ้าออกมาดีไหม?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดแม่ยังพูดถึงฆาตกรผู้นั้นอยู่

 

“แม่ช่วยคิดสักหน่อยได้หรือไม่ หากเป็นก่อนหน้านี้ทุกคนต้องเชื่อแน่ แต่ตอนนี้ยังคิดว่าจะมีใครเชื่อคําพูดของท่านอีกหรือ?”

 

ตอนที่ 128 ยอมถอย

 

“เช่นนั้นงั้นหรือ… แล้วต้องทําเช่นไรนางจึงจะยอมร่างจดหมายนั้น?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยพยายามระงับความตื่นเต้นพร้อมเผยสีหน้า เกลียดชังออก “ ง่ายดายยิ่ง แค่เจ้าปล่อยข้ากับแม่ไป.. แล้วข้าจะกลับไปเรียนหนังสือเพื่อสอบเป็นขุนนางให้ได้ วันหนึ่งเมื่อข้าทําสําเร็จ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดเรียกร้องหาผลประโยชน์จากเฉินเฉิน!”

 

“สําหรับเย่วชิงไฉ… เขาเป็นฆาตกรจึงต้องชดใช้และรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด เพราะหากพ้นโทษออกไปในอนาคต ข้าไม่ต้องการให้ใครเรียกหาข้าว่าลูกชายฆาตกรแหกคุก!”

 

เพราะเฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนเห็นแก่ตัวและรักแม่มาก เช่นนั้นแล้วจึงไม่น่าแปลกใจหากเขาจะละทิ้งผู้เป็นพ่อได้อย่างง่ายดาย!

 

“หืม นั่นคือบิดาผู้ให้กําเนิด.. เจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยเริ่มใส่อารมณ์ “ข้าแน่ใจ! เมื่อยังเยาว์ ข้าเกือบจะมีอนาคตที่สดใส แต่เขากลับทิ้งภรรยาซึ่งกําลังตั้งครรภ์และไปซื้อบริการโสเภณี ก่อนจะพลั้งมือฆ่านางโดยไม่ ตั้งใจ แม่ของข้าทุกข์ใจมาก จึงต้องมาแต่งงานกับเฉินผิงอันเพื่อข้า!”

 

“ทั้งหมดเป็นเพราะเขา ชีวิตที่ราบรื่นของข้าถูกทําลายโดยเขา! เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านของเฉินผิงอัน ข้าเองก็เกลียดเขาไม่น้อยเพราะเขาทั้งกดขี่และข่มเหงแม่! แต่เมื่อข้ากําลังจะได้สอบขุนนางในปีหน้า เย่วชิวไฉกลับโผล่มา! ความลับของข้าที่ปกปิดมาโดยตลอดถูกเปิดเผยและทุกคนต่างหัวเราะเยาะข้าอีกครั้ง!”

 

“เช่นนี้แล้วเจ้าจะบอกว่าข้าไม่ควรเกลียดเขาอย่างนั้นหรือ? จริงอยู่ที่เขาเป็นพ่อผู้ให้กําเนิด ทว่าตั้งแต่ที่ข้าเกิดมาเขาก็เอาแต่ใช้ชีวิตในซ่องกับหญิงโสเภณีและไม่สนใจข้าเลย! เช่นนี้แล้วเหตุใดข้าต้องสนใจพ่อเช่นนี้ด้วย?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “เย่วชิวไฉก่ออาชญากรรมร้ายแรง ต่อให้ข้าจะอยากปล่อยเขาไปแต่พวกเจ้าคงไม่ยอมเป็นแน่! และแม้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปโดยไม่ให้เจ้าหน้าที่สอบสวน แต่เฉินผิงอันจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นข้าคงรับรองไม่ได้”

 

“เฉินผิงอันเป็นคนขี้ขลาด เขาไม่กล้าแม้แต่จะไปสํานักราชการ นับประสาอะไรกับยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้พิพากษา! หากได้พบหน้าเย่วชิงไฉและแม่ของข้าอย่างมากที่สุด เขาก็ทําได้เพียงแสดงอาการไม่พอใจ เขาไม่เหมือนกับเจ้า เช่นนั้นแล้วชีวิตและความตายของข้าแขวนอยู่ในมือของเจ้าเพียงผู้เดียว!”

 

หยุนเถียนเถียนไม่ได้ถามอะไรต่อ แม้จะเคยถูกเฉินเฉิงเยี่ยรังแก แต่นั่นก็เป็นเถียนเถียนคนก่อนไม่ใช่นาง สําหรับหยุนเถียนเถียนคนปัจจุบันนั้นเปี่ยมไปด้วยความยุ ติธรรม แม้จะรู้สึกไม่สบายใจก็ตาม… ยิ่งไปกว่านั้น เงื่อนไขที่เขาเสนอมาก็น่าสนใจไม่น้อย!

 

“เอาล่ะ รุ่งสางของวันพรุ่งนี้ข้าต้องได้จดหมายการก่ออาชญากรรมจากแม่ของเจ้า หากอ่านดูแล้วรู้สึกพอใจก็จะปล่อยพวกเจ้าไป! แต่หากยังรู้สึกไม่พอใจก็อย่าได้กล่าวโทษข้า เพราะสําหรับขุนนางเช่นเจ้าการเขียนหลักฐานพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร! อ้อ พวกเจ้าจะต้องเขียนหนังสือโอนที่ดินคืนให้ข้าด้วย!”

 

หยุนเถียนเถียนหันหลังกลับและจากไปโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลดีกับตัวนาง

 

สําหรับเฉินเฉิน จะเกิดอะไรขึ้นหากพบว่าแม่ผู้ใจร้ายของเขาถูกทิ้งไว้ด้านหลัง? แต่ด้วยหลักฐานที่มีในมือย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร!

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือในยุคนี้ผู้คนมักเชื่อในการอุปทานหมู่ ดังนั้นเพียงแค่หยุนเถียนเถียนใช้หลักฐานนี้ในการจูงใจชาวบ้าน ก็จะทําให้พวกเขาเชื่อและคิดว่าทุกอย่างสมเหตุสมผล!

 

เช่นนั้นแล้วหยุนเถียนเถียนจึงตอบตกลงกับเฉินเฉิงเยี่ยไป เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครยอมให้บ้านถูกไฟไหม้โดนเปล่าประโยชน์!

 

หยุนเทียนเถียนขอให้คนส่งกระดาษ ปากกาและหมึกให้เฉินเฉิงเยี่ย ก่อนจะสั่งให้เจ้าหน้าที่คุ้มกันปลดเชือกของเขาออกเพื่อให้เขียนได้สะดวก

 

จริงอยู่ที่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นนักปราชญ์แต่เขาก็ไม่สามารถลักไก่หลบหนี้ได้ เพราะเจ้าหน้าที่คุ้มกันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงไม่มีทางที่เขาจะหนี!

 

เฉินเฉิงเยี่ยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเขียนจดหมาย และเตรียมหลักฐานทางอาญาต่าง ๆ มากมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งสองคนก็มัดมือเขาอีกครั้ง ก่อนจะส่ง หลักฐานให้หลินชวนฮวาประทับลายนิ้วมือ

 

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าลูกชายของตนถูกกระทําจึงพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นช่วยเขา แต่เพราะถูกมัดอยู่นางจึงไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะทําอะไร

 

“เฉิงเยี่ย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

เดิมที่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นห่วงและต้องการปกป้องแม่เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นสิ่งที่นางทําในตอนนี้เขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างประชดประชัน!

 

“แม่คิดถึงแต่ฆาตกรผู้นั้นไม่ใช่หรือ? ยังห่วงใยและรักลูกชายเช่นข้าด้วยหรือไร?!”

 

หลินชวนฮวาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด “เฉิงเยี่ย… เจ้าคิดว่าแม่ไม่รักได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะทําเพื่อเจ้า แม่จะแต่งงานกับคนเช่นเฉินผิงอันและยอมให้เขาทารุณเพื่อสิ่งใด?! ทุกอย่างที่แม่ทําก็เพื่อเจ้า!”

 

“ทําเพื่อข้างั้นหรือ? แม่ทําเพื่อตนเองและชายผู้นี้ที่ท่านรักมากกว่า! หากจะบอกว่าทําเพื่อลูก ในตอนที่ข้ากําลังมีอนาคตที่สดใส เหตุใดแม่จึงไปคบชู้กับชายผู้นั้น?! ข้ากําลังจะได้เป็นขุนนาง แต่กลับโดนทําลายจนหมดสิ้น!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวออกอย่างเจ็บปวดพร้อมกับน้ําตาคลอเบ้า

 

หลินชวนฮวารู้สึกผิดและคิดว่าหากไม่ใช่เพราะความโลภของนางที่อยากได้เงินของเฉินผิงอัน หรือความแค้นที่มีต่อหยุนเถียนเถียนจนทําไปสู่การก่ออาชญากรรม ลูกชายของนางคงไม่ได้รับผลกระทบเช่นนี้

 

“เฉิงเยี่ย”

 

จู่ ๆ เฉินเฉิงเยี่ยก็ตั้งสติได้และนึกถึงสิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้

 

“ท่านแม่! หากข้าขอร้องท่านครานี้ ท่านจะช่วยลูกชายของท่านหรือไม่?”

 

หลินชวนฮวาพยายามดิ้นรนออกจากพันธนาการที่ผูกมัดอย่างแน่นหนา แต่ก็ไม่สามารถทําได้

 

“เฉิงเยี่ย… ตอนนี้แม่ถูกมัดอยู่ จะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยเห็นว่าแม่ของเขาตั้งใจจะช่วยเขาจึงรีบคลานไปหานางทันที

 

“แม่! ข้าต่อรองกับอีขี้ครอกว่าจะเขียนหลักฐานการก่อ อาชญากรรมให้นางเพื่อแลกกับการปล่อยตัวเราสองคน!”

 

หลินชวนฮวาถามด้วยความไม่เชื่อ “นางสารเลวนั่นจะใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

 

“นางทําเพื่อเฉินเฉิน แม้จะไม่เต็มใจแต่ในอนาคตหากเฉินเฉินเข้าโรงเรียน ชื่อเสียงของเขาจะมีความสําคัญเป็นอย่างมาก! จะไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเขาคือใครหรือเคยก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างไร และจะทําให้ชีวิตของเด็กน้อยราบรื่นขึ้น!”

 

แววตาของหลินชวนฮวาเปล่งประกายทันที “หากเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องจ่ายส่วยให้เราเป็นการตอบแทน… ไปเอาเงินกับนางกันเถิด!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยมองมารดาผู้โง่เขลาพลางถอนหายใจ “การที่นางประนีประนอมให้เราขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว! หากเราขอมากเกินไปนางอาจไม่พอใจได้! อีกอย่างนางสามารถหาครอบครัวอื่นที่จะอุปถัมภ์และลงนามเป็นแม่บุญธรรมของเฉินเฉินได้! การทําเช่นนั้นคงจะดีกว่า!”

 

“ท่านแม่ นี่เป็นทางออกเดียวสําหรับเราสองคน!”

ตอนที่ 127 ยื่นข้อเสนอ

 

เนื่องจากเจ้าหน้าที่คุ้มกันรับเงินสินบนจากเฉินเฉิงเยี่ย จึงพยายามโน้มน้าวหยุนเถียนเถียนอย่างสุดความสามารถ “ข้าคิดว่าเขาน่าจะอยากพบแม่นางหยุนยิ่ง เช่นนั้นโปรดไปพบเขาหน่อยเถิด ตอนนี้เขาถูกมัดแน่นหนาและยังมีพวกเราคอยคุ้มกัน จะไม่มีปัญหาใดแน่นอน!”

 

แต่หยุนเคอกลับจ้องมองพวกเขาด้วยความเคลือบแคลงใจ อีกฝ่ายจึงยิ่งร้อนรนเพราะรู้สึกได้ว่าหยุนเคอกําลังจับผิดพวกเขาอยู่!

 

“อ่า… ไม่เป็นไรหรอก ไปคุยกับเขาสักหน่อยก็ดี!”

 

เมื่อกล่าวจบ เถียนเถียนจึงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปจนถึงทางเข้าห้องโถงบรรพบุรุษ

 

ไม่มีใครต้องการให้ฆาตกรเข้ามาอาศัยในบ้านของพวกเขา ดังนั้นสถานที่ที่ทั้งสามผู้ร้ายอยู่ได้คือห้องโถงบรรพบุ

 

รุษเท่านั้น!

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึงก็พบกับเฉินเฉิงเยี่ยซึ่งถูกมัดมือไว้อย่างแน่นหนา กําลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น

 

“เจ้าอยากพบข้างั้นหรือ อยากกล่าวอันใดจงพูดมา!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยหันหน้ามองหญิงผู้นี้ด้วยแววตาแห่งความตื่นกระหายพลางคิดในใจ หากรู้ว่านางจะงดงามถึงเพียงนี้ ข้าคงเก็บนางไว้เป็นเมีย! การได้รับการยอมรับว่าเป็นขุนนางจะมีประโยชน์อะไร? เมื่อเทียบกับการได้โอบกอดสตรีผู้โฉมงามเช่นนี้!”

 

“เฉินเฉิงเยี่ย… ข้าควักลูกตาเจ้าแน่ หากยังมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้อีก”

 

เฉินเฉิงเยี่ยรีบตั้งสติอย่างรวดเร็วก่อนจะกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าจะส่งเฉินเอ๋อเรียนหนังสืองั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “เฉิงเฉิงเยี่ย…. ตาข้างใดของเจ้าที่เห็นว่าข้าต้องการส่งเด็กสกปรกผู้นั้นไปโรงเรียน? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเขารังแกข้าอย่างไรในอดีต จะให้ข้ารับตัวเขามาและส่งเสียให้เรียนหนังสืออย่างนั้นเหรอ? ในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนดีถึงเพียงนั้นหรือไร?”

 

“เราทุกคนล้วนมีเหตุผล เจ้าไม่จําเป็นต้องแสร้งใจร้ายต่อหน้าข้า! แม้เฉินเฉินจะเคยทําไม่ดีต่อเจ้า แต่เขาก็ถูกแม่ทําร้ายเช่นเดียวกับเจ้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเจ้าจะดีต่อเขา เพราะเห็นใจ! ตอนนี้เด็กน้อยไม่ต้องการแม้แต่พ่อแม่แท้ๆของตนเองด้วยซ้ํา เขารักเจ้าอย่างสุดหัวใจ แน่นอนว่าเจ้าก็รักเขาเช่นเดียวกัน!”

 

หยุนเถียนเถียนกอดอกพร้อมกับพิงผนังห้องโถงบรรพบุรุษ “เอาล่ะ.. แม้ว่าเจ้าจะพูดถูกที่บอกว่าข้าอยากส่งเสียเด็กสกปรกให้เรียนหนังสือ แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า? อย่างไรแล้วจุดจบของเจ้ากําลังจะมาถึงในไม่ช้า!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าคงพบจุดจบที่ไม่ดีนัก แต่สําหรับเฉินเฉิน แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นห่วงเขามาก และคงไม่อยากให้เขาต้องพบเจอกับอุปสรรคต่าง ๆ ในการสอบเพื่อเป็นขุนนางในอนาคตใช่หรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงโดยไม่ได้ตอบอะไร นางรู้ดีว่าการที่เฉินเฉินมีพ่อแม่เช่นนี้นั้นเป็นเรื่องด่างพร้อยในชีวิตอย่างแท้จริง! ในอนาคตหากเขาเข้ารับการสอบเป็นขุนนาง แน่นอนว่าการโดนวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้! แม้เขาจะบริสุทธิ์ใจแต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า?

 

“ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่หากมีคนต้องการทําร้ายเขาจริงๆ แม้จะไม่มีข้อแก้ตัวใด แต่ข้าจะทําทุกอย่างเพื่อให้เฉินเฉินได้รับสิ่งที่ดี!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงเฉยเมย “ข้าสามารถช่วยเจ้ายับยั้งสิ่งเหล่านั้นได้โดยที่เจ้าไม่จําเป็นต้องจ่ายใดๆเลย สนใจในข้อเสนออันคุ้มค่านี้หรือไม่?”

 

หยุยเถียนเถียนกอดอกพร้อมกับยืดตัวขึ้นอย่างตั้งใจฟัง

 

แม้ว่าห้องโถงบรรพบุรุษจะทรุดโทรม แต่ก็ยังค่อนข้างสะอาด คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีนามสกุลเฉิน และผู้คนจํานวนมากมักจะมาที่ห้องโถงบรรพบุรุษในช่วงวันหยุด ถึงไม่มีเงินซ่อม แต่ยังคงดูแลความสะอาดภายในอยู่

 

“บอกมาสิเจ้าต้องการอะไร? ข้าต้องให้อะไรเป็นการตอบแทน?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยมองเด็กสาวตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเยาะ “เจ้าไม่ใช่เถียนเถียน! ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดแม่ข้าถึงตกเป็นเหยื่อของเจ้าได้!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มก่อนจะกล่าวตอบ “แม่ของเจ้าพ่ายแพ้เพราะความโลภ และนางประเมินข้าต่ําเกินไป! ส่วนเจ้า หากข้าไม่ใช่หยุนเถียนเถียนแล้วจะเป็นใครได้อีก? เจ้าคิดว่าจะมีใครกล้าปลอมตัวมาเพื่อแก้แค้นแทนข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่ห ยุนเถียนเถียนอย่างแน่นอน! หญิงสาวผู้นั้นอ่อนแอมากและ ไม่รู้วิธีตอบโต้ใครเลยด้วยซ้ํา! แต่ตอนนี้กลับแกร่งกล้าและเฉียบแหลม ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุ เจ้าก็พร้อมจัดการพวกเขาอย่างไม่ลังเล ข้ารู้สึกได้ว่า เจ้าเปลี่ยนไปมากหลังจากกลับมาจากบ้านของนายน้อยหลี่!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มโดยไม่ได้กล่าวตอบ ตอนนี้เด็กสาวคนนี้กลายเป็นกระสุนที่กระหน่ํายิงผู้คนที่คิดร้ายต่อนาง แน่นอนว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ดังนั้นตอนนี้นางจึงรู้สึกมั่นใจในระดับหนึ่ง

 

“งั้นลองคิดดูอีกทีสิ อะไรที่ทําให้ข้าเป็นเช่นนี้?”

 

เฉินเฉิงเยี่ยไม่สนใจว่ามือของเขาถูกมัดไว้แน่นเพียงใด เขาจะพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อปรับท่าทางให้รู้สึกสบายขึ้น

 

“ไม่ว่าจะพยายามปิดบังเพียงใดเจ้าก็ไม่ใช่หยุนเถียนเถียน! แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คงสายเกินไปที่ข้าจะเข้าใจเรื่องนี้ หากข้าได้เป็นขุนนางตั้งแต่ตอนนั้นคงสามารถขับไล่ เจ้าออกจากหมู่บ้านนี้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านนี้อีก! น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ตอนนี้ตัวข้าจบสิ้น ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาและ เริ่มมีปากเสียง ทุกคนก็ต่างเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นบังคับให้แม่ข้าต้องทําเช่นนี้ ทุกสิ่งค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มหวาน “ดูเหมือนว่าหลินชวนฮวาจะโอ้อวดนักว่าเจ้าฉลาดและเรียนเก่งจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียแล้ว! แต่เหตุใดจิตใจของขุนนางจึงเปลี่ยนไปรวดเร็วนักเล่า? โอกาสสําหรับเจ้ามาแล้ว ตอนนี้เจ้ามีประโยชน์อะไรบ้าง? เจ้าอยากทําอะไร? หรือสามารถทําอะไรได้อีก?”

 

“หากข้าทําอะไรไม่ได้ เจ้าก็ทําไม่ได้เช่นกัน! แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะสนับสนุนเฉินเฉิน! ปมด้อยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาคือการมีแม่เช่นนี้! เมื่อก่อนข้าเคยมีอนาคตที่สดใส แต่เพราะมีพ่อเป็นฆาตกร ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “เจ้าคิดผิดแล้ว.ข้าจ่ายเงินให้สองสามีภรรยานั้นเพื่อซื้อเด็กน้อยผู้นี้มา ข้าจะเปลี่ยนแปลงความคิดและตัวตนของเขาให้ได้!”

 

“แต่มันอาจเป็นปัญหาได้! เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่เจ้าเลี้ยงมาเป็นอย่างดีต้องไปอยู่กับคนอื่นในตอนสุดท้ายงั้นหรือ? ข้าคิดว่าคงจะปลอดภัยที่สุดหากเขาได้อยู่กับเจ้า!”

 

หยุนเถียนเถียนย่อตัวลงและพยายามรักษาสายตาให้อยู่ ในระดับเดียวกับเฉินเฉิงเยีย นางสบตากับเขาอย่างไม่หวั่นเกรง “ถ้าเช่นนั้นท่านขุนนางลองคิดดูเถิด! ข้าทําสัญญาซื้อขายเป็นอย่างดีและคงไม่มีทางให้พวกเขามาเอาผลประโยชน์จากน้องชายของข้าไปได้โดยง่าย!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยมองขึ้นไปบนหลังคาทอันทรุดโทรม และจากรอยแตกทําให้สามารถมองเห็นดวงดาวที่ส่องประกายอยู่ด้านนอก เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ “อันที่จริงทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เจ้าเพียงขอให้แม่ของข้าเขียนหลักฐานการก่ออาชญากรรมและยืนยันว่าได้ตัดขาดสัมพันธ์กับพวกเจ้าแล้ว! เมื่อใดก็ตามที่นางข่มขู่หรือต้องการผลประโยชน์จากเฉินเฉิน หลักฐานอาชญากรรมนี้จะเป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด!”

 

หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบ “นี่ช่างเป็นวิธีที่ดีจริงๆ! แต่เฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนใจดีจนสามารถบอกกล่าวได้โดยไม่หวังสิ่งใดอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้!”

ตอนที่ 126 การตัดสินใจ

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มแสยะยิ้ม ขณะที่เฉินเฉิงเยี่ยมองไปยังเย่วชิวไฉผู้ซึ่งเป็นบิดาผู้ให้กําเนิดด้วยความเกลียดชัง!

 

เย่วชิวไฉไม่ยอมแพ้และกล่าวโต้ตอบ “ข้าเป็นพ่อของเจ้า เหตุใดจึงกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้”

 

เฉินเฉิงเยี่ยตอกกลับทันที “ใช่แล้ว หากท่านไม่ใช่พ่อของข้า ข้าคงไม่กล้าพูดจาเช่นนี้ ท่านก็รู้ดีว่าข้าไม่ได้ทําผิดอะไรเลยแต่กลับต้องโดนจับกุมและคุกเข่าอยู่ตรงนี้เพื่อรับผิดจากสิ่งที่ท่านทํา!”

 

“ในตอนที่ท่านทิ้งพวกเราไป เหตุใดจึงไม่คิดว่าข้าเป็นลูกชายของท่านบ้าง? เดิมที่ข้าสามารถไปโรงเรียน รับทุนการศึกษา หรือแม้แต่สอบขุนนางได้ แต่ทั้งหมดนี้กลับถูกทําลายโดยท่าน! ข้าถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชายของฆาตกรเพราะท่าน! แม้แม่จะเต็มใจยกโทษให้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะยกโทษให้ท่านด้วย!”

 

ดวงตาของเย่วชิวไฉแดงก่ำและพูดไม่ออก ในตอนนั้นเขาเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ตั้งแต่ที่ฆ่าโสเภณีผู้นั้น เขาก็กลายเป็นผู้ร้ายหนีคดี! แต่เขาจะต่อสู้กับผู้อื่นได้อย่างไรหากไม่ใช้เงิน?

 

แม้จะเป็นความตั้งใจของเขา แต่ตอนนี้กลับไร้ประโยชน์ยิ่ง! เนื่องจากเขาทําการฆาตกรรมหญิงโสเภณีจึงทําให้ตนเองต้องสูญเสียชื่อเสียงและอนาคตที่สดใส และทําได้เพียงแค่หลบซ่อนราวกับหนูข้างถนนเท่านั้น!

 

“แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจ้า!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยแสยะยิ้ม เขาไม่ต้องการให้ค่ากับเย่วชิวไฉจึงตอบกลับแม่ไปว่า “แม่… ข้ารู้ว่าการที่ต้องแต่งงานกับเฉินผิงอันนั้นเป็นสิ่งที่ทรมานใจ! แต่ความทุกข์ทรมาณเหล่านี้กําลังจะได้รับการแก้แค้น เหตุใดท่านจึงไม่รอให้ข้าประสบความสําเร็จเสียก่อนแล้วเราค่อยช่วยกันกําจัดเขา? เหตุใดต้องร่วมมือกับฆาตกรผู้นี้?”

 

หลินชวนฮวาร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับเพื่อนทะลัก “แต่เขาเป็นพ่อของเจ้า! เฉิงเยี่ย ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงความจริงเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจ้าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยลุกขึ้นตะโกนใส่หลินชวนฮวาทันที “ในเมื่อแม่แต่งงานกับเฉินผิงอันแล้ว เหตุใดจึงยุ่งเกี่ยวกับชายผู้นี้?! หากอดทนต่อเฉินผิงอันไม่ได้ เหตุใดจึงไม่ทิ้งเขาไป?! ข้าเองก็เจ็บปวดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เฉินผิงอันแต่ก็อดทนมาได้หลายปีเพื่อให้มีชีวิตที่ดี แต่วันนี้แม่กลับทําลายความหวังทั้งหมดของข้า!”

 

“หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบจัดการเฉินผิงอันเล่า? เหตุใดยังอดทนอยู่?”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น! การกระทําของหลินชวนฮวาช่างน่าละอายเสียจริง ยอมทุกอย่างได้เพราะความรัก! แต่ไม่ว่าอย่างไร สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถลบล้างเรื่องเลวร้ายที่นางทํากับเฉินผิงอัน อีกทั้งยังหลอกใช้เขาอย่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย!

 

ไม่ว่าเฉินผิงอันจะรู้สึกโกรธหรือไม่ แต่ทุกอย่างกลับไม่ยุติธรรมเลย! เขาลําบากทํางานหนักมาหลายปีเพื่อส่งเสียเฉินเฉิงเยี่ยและเลี้ยงดูทุกคน แต่กลับไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน!

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ

 

หัวหน้าหมู่บ้านไม่กล้าขัดผู้พิพากษามากนัก จึงทําได้เพียงกล่าวกระซิบแผ่วเบา “ท่านผู้พิพากษา… นี้ก็ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนที่บ้านของข้าก่อนดีหรือไม่? ไว้รอการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้เถิด!”

 

ผู้พิพากษายิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี! สาวน้อย เจ้าต้องได้รับความยุติธรรม! เจ้าจงตัดสินใจเถิดว่าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร พวกข้าสามารถจัดการให้เจ้าได้ตามต้องการ!”

 

แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนเข้าใจในสิ่งที่ผู้พิพากษาต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี แม้เขาจะทําหน้าที่เป็นผู้ตัดสินคดี แต่เขาก็ปล่อยให้นางได้ลงโทษผู้ร้ายตามต้องการ!

 

หยุนเคอที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้ยินคําพูดนี้ของท่านผู้พิพากษาเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเขากําลังเดินจากไป หยุนเคอก็เข้าใจในทันทีว่าความงดงามของหยุนเถียนเถียนต้องได้รับความสนใจจากชายผู้มีอํานาจเป็นแน่ จึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้! แต่ดูเหมือนว่าหญิงผู้นั้นจะยังไม่รู้จึงไม่ได้ต่อต้านอะไร

 

เมื่อเห็นว่าทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว หยุนเคอจึงก้าวไปข้างหน้าพลางถามว่า “ใครเป็นคนจับพวกเขามา? ถ้าไม่คิดว่ารัฐบาลมณฑลจะจับนักโทษได้เร็วขนาดนี้!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มด้วยความงุนงงแต่ก็ยังตอบคํา “ท่านหลงเยว่! เจ้าคิดว่าแท้จริงแล้วหลงเยว่เป็นใครกัน? ในตอนที่จัดการกับเฉินผิงอันเขาดูไร้ความปรานีเป็นอย่างมาก แต่วันนี้กลับช่วยเหลือและปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี!”

 

หยุนเคอเงียบพลางครุ่นคิดถึงหลงเยว่!

 

แม้ตัวตนของหลงเยว่ไม่ธรรมดา แต่ตัวตนของหยุนเคอไม่ธรรมดายิ่งกว่านั้น!

 

“ข้าว่าเขามาจากเมืองหลวง! เขาไม่ได้สนใจในตัวเจ้าหรอก แต่อาจคุ้นเคยต่อใบหน้าของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเหมือนแม่มาก… แม่นางหยุนจิงเอ๋อ เป็นไปได้สูงว่าหลงเยว่อาจรู้จักแม่ของเจ้า จึงเป็นเหตุผลให้”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง แม้แต่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ยังมีเรื่องซับซ้อนมากมาย! ทันใดนั้นหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งขอให้หยุนเถียนเถียนช่วยกลับไปที่เมืองหลวงกับนาง เพราะรู้สึกคุ้นหน้าของนางเหลือเกิน

 

ความเงียบของหยุนเถียนเถียนทําให้หยุนเคอตื่นตระหนก

 

หยุนเถียนเถียนไม่เข้าใจว่าหญิงผู้นี้หมายถึงอะไร นางอยากไปเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ? เพราะเหตุใดกัน?!”

 

“หากเขาคุ้นหน้าข้า แสดงว่าผู้คนในเมืองหลวงก็ต่างรู้จักข้าใช่หรือไม่? นี่มัน…”

 

หยุนเคอขมวดคิ้วมองหญิงสาวด้วยความอึดอัดใจและถามขึ้นทันที “ข้าเห็นว่าท่านหลงเยว่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเมืองหลวง! และที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แน่นอนว่าต้องไม่มีใครรู้จักเจ้า!”

 

“สิ่งที่หลงเยว่ทําไม่ใช่เพียงการช่วยเหลือเจ้าแบบไม่หวังผล หากเจ้าไม่ต้องการไปอยู่ในเมืองหลวง ก็จงอย่าเข้าไปพัวพันกับเขาจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิต! เพราะหากเจ้าถลําลึกเจ้าจะต้องได้ย้ายกลับไปที่เมืองหลวงแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนมองหยุนเคอด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น “พี่ชายหยุน… ข้าเองก็ไม่คิดว่าท่านเป็นเพียงพรานป่าธรรมดา! แล้วท่านเล่า? เป็นใครกัน?”

 

หยุนเคอนิ่งเงียบ เพราะเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจึงไม่ตอบคําใดกลับ

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกสับสนราวกับคนกําลังหลงทาง “หยุนเคอไม่เชื่อมั่นในตัวข้าอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงลังเลที่จะบอกเรื่องนี้กับข้า?”

 

“หากไม่อยากพูดก็ไม่จําเป็นต้องบอก! ข้าสัญญาว่าจะไม่พัวพันกับอะไรในตอนนี้ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าก็คงต้องเผชิญหน้า!”

 

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันต่างฝ่ายก็ต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อคุยกันไม่ลงตัวทั้งสองจึงเงียบไป

 

ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่คุ้มกันต่างกรูกันเข้ามา!

 

“แม่นางหยุน เฉินเฉิงเยี่ยขอให้ข้าส่งสารถึงท่าน เขาบอกว่าต้องการพบเจ้า!”

 

พวกเขาล้วนเป็นขุนนาง แต่เมื่อเห็นว่าท่านผู้พิพากษาให้เกียรติหยุนเถียนเถียน พวกเขาจึงนับถือนางด้วยเช่นเดียวกัน

 

เฉินเฉิงเยี่ยรู้สึกว่าหากจะหนีไป ต้องจัดการกับหญิงขี้ครอกที่เขาเกลียดชังมากที่สุดเสียก่อน ดังนั้นเขาจึงหยิบเงินในกระเป๋าที่แม่เก็บไว้ให้ออกมาแล้วยื่นเป็นสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยคุ้มกันเขา!

 

ด้วยความเห็นแก่เงินเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็เต็มใจร่วมมือกับเขาเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งไปหาหยุนเถียนเถียน และสร้างเรื่องว่าเฉินเฉิงเยี่ยต้องการพบ

 

“เหตุใดเขาจึงอยากพบข้า?”

 

เมื่อเห็นดังนั้นหยุนเคอคาดเดาได้ทันที “เขาอาจต้องการขอร้องเจ้า หลังจากได้ยินคําพูดของท่านผู้พิพากษา…. อาจกลับใจและคิดได้!”

ตอนที่ 125 คําสารภาพ

 

เย่วชิวไฉพยายามลุกขึ้นและกล่าวใส่ร้ายหลินชวนฮวาทันที!

 

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขอกล่าวคํา! นางผู้นี้เป็นคนลงมือ นางเกลียดชังเฉินผิงอันแต่แต่งงานกับเขาเพียงเพราะต้ งการหลอกเอาเงินเพื่อส่งเสียให้ลูกชายเรียนหนังสือ และเมื่อได้ผลประโยชน์ทุกอย่างตามต้องการแล้ว นางจึงวางแผนที่จะฆ่าเฉินผิงอันทิ้ง!”

 

“หญิงผู้นี้กระทําทุกอย่างด้วยตนเองและข้าก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นางเกลียดเด็กสาวคนนั้นที่ปล่อยข่าวลือในหมู่บ้าน และทําให้เฉินผิงอันไม่เชื่อใจ จึงคิดวางแผนเผาบ้านเพื่อเป็นการแก้แค้น”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม เนื่องจากไม่รู้ว่าสองคนนี้ลงมือทําจริงหรือไม่ จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหาหลักฐาน

 

แต่ตอนนี้กลับมีประจักษ์พยานเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าความรักอันสัตย์ซื่อจะเป็นของหลินชวนฮวาแต่เพียงผู้เดียว ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไรกับสิ่งที่เย่วชิวไฉพูด แต่สุดท้ายนางก็ถูกทอดทิ้งอย่างไร้ความปราณี!

 

หยุนเถียนเถียนหันมองหลินชวนฮวาและพบว่านางกําลังจ้องมองเย่วชิวไฉด้วยแววตาประหลาดใจ

 

ชายผู้ที่รักเคยใคร่และห่วงใยตนด้วยความกรุณาและความรัก วันนี้กลับผลักไสและโยนความผิดให้นางแต่เพียงผู้เดียว!

 

หยุนเถียนเถียนอยากที่จะทําให้หลินชวนฮวารู้สึกเจ็บใจยิ่งกว่าเดิม จึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมกระซิบ “หลินชวนฮวา… หากเจ้าไม่ยอมรับความผิด ข้าก็จะหาหลักฐานมามัดตัวเจ้าให้ได้ อันที่จริงนับว่าเป็นโชคดีของข้าที่ครั้งนี้ยังไม่ได้หาหลักฐานแต่กลับมีพยานยืนยันให้”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจึงมองจ้องเย่วชิวไฉด้วยความผิดหวัง “เย่วชิว ไม่ว่าจะถูกหรือผิดเราก็จะอดทนและฝ่าฟันไปด้วยกันไม่ใช่หรือ?!”

 

เย่วชิวไฉตอบกลับอย่างไม่แยแส “หากเจ้ายังสวยงามเหมือนตอนยังสาว ข้าคงไม่ทําเช่นนี้! แต่ดูตอนนี้เถิด เจ้าไม่ต่างอะไรกับหญิงชราหน้าตาเหี่ยวย่นที่พยายามทําทุกอย่างเพื่อรักษาความงดงามบนใบหน้าไว้! แล้วเหตุใดข้าจึงต้องยอมรับผิดไปกับเจ้าด้วยเล่า? เพราะการลอบวางเพลิงในครั้งนี้เป็นความคิดของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว!”

 

ผู้พิพากษาแห่งเทศมณฑลขมวดคิ้ว “เมื่อพูดถึงการรอบวางเพลิง ก็ทําให้นึกถึงเหตุการณ์สังหารผู้คนที่ซ่องโสเภณีเมื่อราวสองสามปีก่อน! เย่วชิงไฉ… เจ้ารอดมาได้เพราะผู้พิพากษาในครานั้นไม่ใช่ข้า! แล้วพวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร? มีใครจําเหตุการณ์นั้นได้หรือไม่?”

 

แน่นอนว่าเย่วชิงไฉจดจําเหตุการณ์นั้นได้เป็นอย่างดี แม้สามีและลูกชายของหญิงผู้เสียชีวิตจะย้ายออกไปแล้วก็ตาม

 

เมื่อวันก่อนที่เข้ามาที่นี่ เขาไม่ได้ปลอมตัวแต่อย่างใด น่าแปลกใจที่ไม่มีใครจําได้ว่าเขาคือเย่วชิวไฉ! เช่นนั้นแล้วความ ผิดจากการลอบวางเพลิงในครั้งนี้จึงอาจถูกส่งไปยังหลินชวนฮวาแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่เขาสามารถรอดไปได้!

 

แต่ใครเล่าจะคาดว่าท่านผู้พิพากษายังคงจดจําเรื่องนี้ได้อย่างแม่นยํา ในท้ายที่สุด คดีที่ผู้พิพากษาคนก่อนปล่อยให้คนร้ายหลุดรอดไปกลับถูกจับได้และต้องกลับมาพิจารณาคดีโดยเขา ซึ่งนับเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าทําให้เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“เย่วชิวไฉ…ต่อให้รู้ว่าใครเป็นคนจุดไฟ ต่อให้เจ้าจะไม่มีส่วนรู้เห็นในคดีการลอบวางเพลิง เจ้าก็ยังคงเป็นผู้ร้ายในคดีฆาตกรรมอยู่ดี เช่นนั้นแล้วก็จงกลับไปในที่ที่เจ้าควรอยู่!”

 

ผู้พิพากษาโบกมือสั่งลูกน้อง ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ราชการเข้าจับกุมเย่วชิวไฉและพาตัวเขาไปยังสํานักราชการ ชายผู้นี้จะต้องถูกจําคุกในเรือนจําของเขตปกครองหลัง! เมื่อผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วง เขาจะถูกประหารชีวิต!

 

หลินชวนฮวายังคงตกใจมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นว่ามีคนกําลังพยายามเอาตัวเย่วชิวไฉไปจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ข้าเป็นลงมือเอง ข้าเป็นคนจุดไฟ ปล่อยเขาไปเถิด!”

 

ไม่น่าเชื่อว่าคนเลวทรามและเห็นแก่ตัวเช่นหลินชวนฮวาจะยังมีความอ่อนโยนในใจ… เพียงแต่ผิดเวลา!

 

ใบหน้าของเฉินเฉิงเยี่ยซีดเซียว เดิมทีเขามีอนาคตที่สดใส แต่พ่อของเขากลับทําลายมันโดยการฆาตกรรมผู้อื่น ทําให้เขาต้องกลายเป็นลูกชายของฆาตกรผู้อัปยศอีกครั้ง!

 

หลังจากที่ก้าวผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มาได้ เพื่อให้มีโอกาสที่ดีขึ้นเฉินเฉิงเยี่ยจึงร่วมมือกับแม่ของตนส่งหยุนเถียนเถียนให้นายน้อยหลี่!

 

หากแผนการของเขาสําเร็จ นายน้อยหลี่ผู้ตัณหาจัดจะไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไป และเฉินเฉิงเยี่ยจะเข้าสู่รีตของตะกูลหลี่ได้ผ่านทางหยุนเถียนเถียน เขาจะได้รับโอกาสเล่าเรียนกับอาจารย์ชื่อดังและมีอนาคตที่ก้าวไกล!

 

แต่เพราะหยุนเถียนเถียนหนีออกมาจึงทําให้ชายหนุ่มผู้น่าอิจฉากลายเป็นคนบกพร่องทางศีลธรรมทันที

 

หลินชวนฮวาใช้ความพยายามอย่างมากในการส่งเขาเข้าเรียนในเมืองอื่น และตอนนี้เขากําลังจะหลุดพ้นจากข่าวลือเรื่องหยุนเถียนเถียน

 

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น… แม่ของเขาไม่เพียงมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฆาตกรแต่ยังทําการลอบวางเพลิงเพื่อสังหารผู้อื่นอีกด้วย!

 

“แม้สองคนนั้นจะสมควรตาย แต่แม่รออีกหน่อยไม่ได้หรือ? เมื่อข้ากลายเป็นขุนนางแล้ว ข้าจะแก้แค้นทุกอย่างให้ท่านเอง! แม่กลัวว่าข้าจะไม่สามารถเอาคืนคนพวกนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

 

แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เฉินเฉิงเยี่ยรู้สึกโกรธและหงุดหงิดในใจขณะเหลือบมองผู้พิพากษาอย่างระมัดระวัง

 

เมื่อเฉินเฉิงเยี่ยเห็นว่าผู้พิพากษารู้สึกเวทนาแม่ของตน ในที่สุดเขาที่จะหลอกล่อเพื่อโน้มน้าวจิตใจของอีกฝ่าย

 

“ท่านผู้พิพากษา แม่ของข้าเป็นเพียงหญิงธรรมดา นางไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าไก่แล้วจะกล้าทําเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?! ต่างจากเย่วชิวไฉที่เคยฆ่าคน สําหรับเขาการเผา

 

บ้านใครคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากจะให้ถูกต้อง ท่านควรบอกว่าเขาหลอกล่อแม่ของข้าและใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม!”

 

เมื่อผู้พิพากษาได้ยินกับพูดของเฉินเฉิงเยี่ยก็หันมองหยุนเถียนเถียนทันที! ส่วนหยุนเถียนเถียนเข้าใจในสิ่งที่เขากําลังจะสื่อจึงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย ในฐานะที่ท่านผู้พิพากษาควรจะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตนเองไม่ใช่หรือ?”

 

“การพิจารณาคดีและการตัดสินเป็นอํานาจของเขาโดยสิ้นเชิง! เหตุใดจึงอยากถามความคิดเห็นของข้า?”

 

ท่านผู้พิพากษาสบตากับหลงเยว่! เขาไม่ต้องการรุกรานผู้สูงศักดิ์เช่นหลงเยว่… เพราะหากทําให้เขาขุ่นเคืองก็อาจเสียใจและเสียโอกาสมากมายในอนาคตได้!

 

อย่างไรก็ตาม คนเราย่อมมีมนุษยธรรม! หากเขาไม่ต้องการทําร้ายหยุนเถียนเถียน ก็ต้องจัดการกับสามคนนั้น! เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว สามคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาและหนึ่งในนั้นยังเป็นฆาตกรอีกด้วย เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บพวกเขาไว้ เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ผู้พิพากษาจึงปล่อยให้หยุนเถียนเถียนจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง!

 

หยุนเถียนเถียนยังคงคับข้องใจ เพราะหากผู้พิพากษาต้องการจะปล่อยตัวสามคนนี้ไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดหนักถึงเพียงนี้

 

“เฉินเฉิงเยี่ย สิ่งที่เจ้าพูดช่างน่าขันยิ่งนัก! แม่ของเจ้าพยายามปกปิดความผิดของพ่อเจ้า แต่เจ้ากลับใส่ร้ายพ่อบังเกิดเกล้าของตนได้อย่างไรกัน? นี่คือความกตัญญูของนักปราชญ์เช่นเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

 

แววตาของเฉินเฉิงเยี่ยเป็นประกายทันที ดูเหมือนว่าจากคําพูดของหยุนเถียนเถียนจะสามารถทําให้เขาโน้มน้าวใจผู้พิพากษาได้!

 

“ความกตัญญูกตเวทีก็เป็นสิ่งสําคัญ แต่ศีลธรรมและความยุติธรรมมีความสําคัญมากกว่า เนื่องจากเย่วชิวไฉกระทําผิดร้ายแรง แน่นอนว่าข้าซึ่งเป็นลูกชายก็ต้องตัดสินทุกอย่างด้วยความสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม!”

 

ตอนที่ 124 สอบสวน

 

เฉินเฉิงเยี่ยนั่งลงพร้อมเอามือกุมศีรษะอย่างทําอะไรไม่ถูกแม้เขาจะไม่ต้องการไปจากที่นี่แต่ก็ดูเหมือนไม่มีทางเลือ กอีกแล้ว

 

สุดท้ายแม้ไม่เต็มใจ แต่เขาก็เลือกที่จะติดตามหลินชวนฮวาเพื่อหนีออกจากเมืองนี้ไปเฉินเฉิงเยี่ยไม่กล้าแม้แต่จะมองโรงเรียนของตนเป็นครั้งสุดท้าย…

 

น่าเสียดายที่หลงเยว่และพรรคพวกซุ่มรออยู่ตรงทางเข้าตรอก ทั้งหมดพุ่งเข้าจับกุมพวกเขาทันที!

 

เมื่อเห็นว่าเย่วชิวไฉและหลินชวนฮวาเป็นคนที่เจ้านายต้องการตัว พวกเขาจึงจับทั้งสองมัดไว้ด้วยกันส่วนเฉินเฉิงเยี่ย ถูกมัดแยกแต่เพราะหลงเยว่ไม่ได้บอกว่าให้จับใครไปบ้างดังนั้นพวกเขาจึงจับทั้งสามไปด้วยกัน!

 

คนหนึ่งถูกมัดแยก อีกสองคนถูกมัดเข้าด้วยกัน

 

ทั้งสามถูกพาตัวมาจนถึงที่นั่งให้ปากคําของสํานักราชการ เย่วชิวไฉและหลินชวนฮวาตะโกนโวยวายตลอดทาง แต่ก็ถูกเหล่าลูกน้องของหลงเยวตักเตือนจึงค่อย ๆ เงียบ ไปในที่สุด

 

เมื่อมาถึงสํานักนักราชการทั้งสองก็เหนื่อยหอบราวกับ กวางกระหายน้ําดังนั้นผู้พิพากษาจึงยังไม่ได้ซักถามอะไรและปล่อยให้ทั้งสองพักผ่อนสักครู่

 

ผู้พิพากษาส่งคนไปเชิญหยุนเถียนเถียนและจี้ชื่อทันที

 

หลงเยว่ต้องการพบหยุนเถียนเถียนมาก ดังนั้นหลังจากที่ได้รับข่าวสารจากลูกน้องว่าจับทั้งสองได้แล้วเขาก็รีบรุดมายังสํานักราชการทันที!

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้พบหลงเยว่ในสํานักงานราชการ

 

หลงเยวยิ้มออกมาโดยไม่ได้สนใจว่าหยุนเถียนเถียนกําลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่สับสนเพียงใด

 

“สาวน้อย…. เจ้าคับข้องใจสิ่งใดหรือ? เพราะท่านผู้พิพากษาขอให้ข้าช่วยเหลือเจ้า ข้าจึงช่วยเหลือ! หากไม่ใช่เพราะข้า ผู้ร้ายทั้งสองคงลอบกัดเจ้าและหนีไปได้ เช่นนี้แล้วคิดอยากจะตอบแทนข้าหน่อยไหม?”

 

หยุนเถียนเถียนกลอกตาโดยไม่ได้พูดอะไร หากเป็นนายน้อยหอื่นางอาจอยากตอบแทนเขาแต่เมื่อเป็นหลงเยว่นางกลับรู้สึกสะอิดสะเอียน

 

ผู้พิพากษามองทั้งสองด้วยท่าทีอึดอัด เขาทําได้เพียงไอออกมาเพื่อขัดจังหวะเท่านั้น

 

“เอาล่ะ พวกเจ้าจับผู้ร้ายทั้งสองคนมาได้อย่างไร?”

 

ชายร่างใหญ่ซึ่งเป็นผู้จับตัวทั้งสามมาได้ยิ้มและตอบว่า“เราจับพวกเขาได้ในตอนที่ทั้งสองกําลังเกลี้ยกล่อมลูกชายให้หนี้ไปด้วยกันเพราะเกรงกลัวต่อความผิด!”

 

ผู้พิพากษามองหยุนเถียนเถียนที่กําลังยืนอยู่อย่างใจเย็นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “ไปเถิด พาสองคนนี้กลับไปยังหมู่บ้านของเจ้า”

 

“เนื่องจากเป็นการลอบวางเพลิง ข้าอยากให้ท่านส่งพวกเขาไปยังที่เกิดเหตุด้วย!”

 

นี่เป็นข้อแก้ตัวที่แยบยล แน่นอนว่าเมื่อผู้พิพากษาได้ยินเช่นนั้นก็ต้องช่วยเหลือนาง! เป็นการดีที่สุดที่จะทําให้เฉินเฉินหมดหวังในตัวหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่และไม่ลัง เลที่จะตัดสัมพันธ์กับนาง!

 

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์นี้จะทําให้ผู้เฒ่าในหมู่บ้านไม่บังคับให้นางแต่งงานอีกต่อไป

 

หยุนเถียนเถียนขึ้นไปบนรถม้าของผู้พิพากษาพร้อมกับงอยู่ในความเงียบ ขณะที่จี้ชื่อสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความประหม่า เนื่องจากนางไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเช่นนี้มาก่อน

 

ผู้พิพากษามองเถียนเถียนพลางนึกใจในว่า “แม้ใบหน้าของนางจะยังไม่โตเต็มวัยแต่ก็ยังงดงามและคงจะงดงามมากขึ้นเมื่อเติบโตไปในอนาคต! ดูไม่เหมือนหญิงชนบททั่วไปเอาเสียเลย!”

 

หลงเยวรู้สึกคุ้นเคยต่อไปหน้าของหยุนเถียนเถียนยิ่งนัก… เขาเคยอาศัยในเมืองหลวง และย้ายมายังเมืองเล็ก ๆ แน่นอนว่าเขาต้องรู้จักและคุ้นเคยกับ คนในสํานักราชวังเป็นอย่างดี

 

หญิงผู้นี้ช่างดูคล้ายคลึงกับขุนนางในเมืองหลวงยิ่งนัก หากเป็นเด็กสาวเจ้าปัญหาที่ถูกส่งมาดัดนิสัยจากเมืองหลวงในเวลานี้ก็คงได้รับบทเรียนไปไม่น้อย!”

 

หยุนเถียนเถียนและจี้ชื่อโชคดีมากที่ได้นั่งรถม้าของท่านผู้พิพากษาแต่เป็นโชคร้ายของทั้งสามคนที่ถูกจับตัว! เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันและผูกเชือกติดกับรถม้าเพื่อให้พวกเขาวิ่งตาม

 

เมื่อรถม้าเริ่มวิ่ง เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ต่างออกวิ่งอย่างคล่องแคล่วแม้จะเป็นสิ่งที่ทําได้ยากแต่พวกเขาก็สามารถจัดการได้อย่างดี!

 

หลินชวนฮวา เย่วชิวไฉ และเฉินเฉิงเยี่ยช่างน่าสงสารพวกเขาเหนื่อยล้าจากการถูกจับตัวและพาไปยังสํานักราชการ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องวิ่งเท้าตามรถม้าเพื่อกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา

 

อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของมนุษย์นั้นมีขีดจํากัด แต่หากพวกเขาหยุดวิ่งก็จะถูกรถมาลากไปกับพื้นซึ่งทําให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่าวิ่งด้วยเท้าเสียอีก!

 

อย่างไรก็ตามสามคนก็เหนื่อยหอบจนต้องล้มลุกคลุกคลานตลอดเส้นทาง!

 

เมื่อรถมาวิ่งเข้ามาถึงหมู่บ้าน ทั้งสามคนที่ถูกผูกติดอยู่ด้านหลังก็เป็นที่คุ้นเคยของคนในหมู่บ้าน เมื่อเห็นดังนั้นชาวบ้านก็ต่างกรูกันเข้ามายังลานกว้างแห่งหนึ่งเพื่อรับชมสถานการณ์ที่กําลังจะเกิด

 

หยุนเคอกําลังเล่นอยู่กับเฉินเฉิน แต่เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวายเขาจึงจูงมือเด็กน้อยออกมา

 

เป็นเวลากว่าหนึ่งวันแล้วที่หยุนเถียนเถียนเดินทางออกจากหมู่บ้านนี้ไป และเรื่องนี้ทําให้หยุนเคอเป็นกังวลอย่างมาก แต่เขาก็รู้ดีว่าหากเฉินเฉินอยู่ที่นี่ หญิงสาวจะกลับมา หาน้องชายอย่างแน่นอน

 

เมื่อเห็นหนุนเถียนเถียนเดินลงมาจากรถม้า หยุนเคอถอนหายใจออกอย่างโล่งอก

 

เนื่องจากเป็นรถม้าขนาดใหญ่จึงสามารถบรรจุคนได้เยอะ ไม่เพียงแต่หยุนเถียนเถียนที่เดินลงมาแต่ยังมีจี้ชื่อและหลงเยวด้วย! หลังจากที่ทั้งหมดลงจากรถม้า ใบหน้าอันยิ้มแย้มของหลงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีและแสร้ง ทําเป็นผู้พิพากษาที่แสนจะจริงจัง!

 

หยุนเถียนเถียนรีบวิ่งไปหาเฉินเฉินทันที ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้จิตใจของเด็กอ่อนไหวมาก และนางก็รู้ดีว่าควรเอาใจใส่ต่อน้องชายให้มาก

 

แต่การเคลื่อนไหวของหยุนเถียนเถียนทําให้หลงเยว่รู้สึกสะดุดตาต่อหยุนเคอที่ยืนอยู่

 

แม้หนวดเคราบนใบหน้าของหยุนเคอจะสามารถปกปีดการแสดงสีหน้าของเขาแต่เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สา มารถปกปิดคิ้วที่กําลังขมวดอยู่ได้

 

หลงเยวขมวดคิ้วเพื่อแสดงความขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามหยุนเคอก็มองมาที่เขาด้วยแววตาแห่งความสงสัยเช่นกันหลงเยว่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับความ สงสัยไว้ในใจ และคิดว่าจะต้องสืบหาอย่างรอบคอบเพราะเขารู้สึกว่าชายผู้นี้ต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่!

 

หยุนเคอรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อสบตาหลงเยว่ “เหตุใดชายผู้นี้จึงมานังหมู่บ้านเทพธิดา? เป็นไปได้ไหมว่าผู้ที่อยู่เหนือกว่าสั่งให้เขาทําเช่นนี้?” โชคดีที่เมื่อหลายปีผ่านไป วิชามวยจีนและออร่าพลังของเขาได้เสื่อมสภาพลง อีกทั้งยังมีหนวดเขา รุงรังเต็มใบหน้าจึงทําให้หลงเยว่ไม่สามารถจําเขาได้!

 

หยุนเสียนเถียนจูงมือเฉินเฉินมายังลานกว้าง เด็กน้อยผู้ชาญฉลาดมองแม่ของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉยดูเหมือนว่าในตอนนี้ความเหนื่อยล้าและความน่าสงสารของผู้เป็นแม่ไม่อาจส่งผลต่อความรู้สึกของเขาได้อีกต่อไปแล้ว

ผู้พิพากษานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าได้รับแจ้งว่ามีคนลอบวางเพลิงในหมู่บ้านเทพธิดา! ข้าจีงมาที่นี่เพื่อทําการตรวจสอบและพาตัวผู้ต้องสงสัยมาด้วยหยุนเถียนเถียน… นี่คือบ้านของเจ้าที่ถูกไฟไหม้อย่างนั้น หรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “ไม่ใช่เพียงแต่บ้านข้า แต่ยังมีบ้านของเฉินผิงอันที่ถูกลอบวางเพลิงด้วยเช่นกัน! ขณะที่ไฟกําลังลุกไหม้มีเพียงหลินชวนฮวาเท่านั้นที่หายตัวไป เป็นไปได้ไหมว่านางเป็นคนลงมือจึงเร่งร้อนหนีเพราะกลัวความผิด!”

 

ตอนที่ 123 ลูกชายฆาตกร

 

ผู้พิพากษามองหลงเยวด้วยความประหลาดใจ “เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่าสิ่งที่นางกล่าวออกนั้นเป็นจริงหรือไม่ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่านางจะไม่โกหก?”

 

หลงเยวยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? หญิงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา การวิเคราะห์ของนางนั้นสมเหตุสมผลมาก! ยิ่งไปกว่านั้นหลินชวนฮวาก็ไม่ใช่คนดีอะไร นางเกลียดชัง ทารุณ และทุบตีหญิงผู้นี้อย่างรุนแรง เช่นนั้นแล้ว… การเผาบ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลก!”

 

ผู้พิพากษาหรี่ตาลง “ผู้ร้ายมีสองคน เป็นชายนักโทษที่หลบซ่อนมานานถึงสามปีและอีกคนเป็นหญิง! ท่านเคยเจอทั้งสองคนแล้ว พอจะช่วยข้าตามตัวพวกเขากลับมาได้หรือไม่? หากท่านต้องการเก็บผู้หญิงไว้ข้าก็ไม่ขัดขืน แต่ต้องส่งตัวผู้ชายกลับเข้าคุก!”

 

หลงเยวส่ายหัวทันที “ไม่ได้! แม้หลินชวนฮวาจะค่อนข้างน่าสนใจ แต่หากจับตัวได้ข้าจะส่งทั้งสองให้โดยไม่บิดพริ้ว ข้าจับคนได้เก่งกว่าเจ้าหน้าที่เช่นท่านเสียอีก อย่างไรก็ ตาม… ข้าขอพบหญิงสาวผู้ร้องเรียนก่อน ข้าต้องการให้นางรู้ว่าใครเป็นคนช่วยนาง!”

 

ผู้พิพากษามือสั่น “นางเป็นเพียงหญิงธรรมดา เหตุใดจึงอยากพบนางเล่า?”

 

หลงเยว่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านรู้หรือไม่ ข้าเคยไปเที่ยวในเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้นั้น…”

 

“ใช่ นางงดงามมาก แต่เกี่ยวอะไรกับเมืองหลวงเล่า?”

 

หลงเยวยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร ผู้พิพากษาวางถ้วยชาลงอย่างไม่เต็มใจ “เอาล่ะ หากท่านจับพวกเขาได้ ข้าจะยอมให้พบนาง แต่หากท่านได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ ท่านหลงเยว่ ได้โปรดอย่าลืมข้า!”

 

ขณะที่ผู้พิพากษาเดินกลับมา แววตาที่เขาใช้มองหยุนเถียนเถียนพลันเปลี่ยนไป แม้นางจะรับรู้แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่

 

“ระหว่างนี้ข้าจะให้เจ้าอาศัยอยู่เรือนรับรองของสํานักราชการก่อน ข้าจะจับกุมพวกเขาและปิดคดีภายในสองวัน! และเพื่อรักษาชื่อเสียงของหญิงสาวเช่นเจ้า จงไปพาพยานมาจากหมู่บ้านเพื่อรับฟังการพิจารณาคดี!”

 

หยุนเถียนเถียนไม่สนใจว่าผู้พิพากษาจะมีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่ในแววตานั้น เพราะการที่เขารับเรื่องและทําคดีให้นางก็นับว่าช่วยได้มากแล้ว!

 

หยุนเถียนเถียนเพียงต้องการให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของหลินชวนฮวา เผื่อว่าหากเฉินเฉินมีอนาคตที่สดใสและประสบความสําเร็จนางจะได้ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอีก

 

“ข้าขอบคุณท่านผู้พิพากษายิ่งนัก!”

 

เดิมที่ชื่อวางแผนที่จะยืนหยัดและเป็นพยานต่อหน้าผู้พิพากษาเพื่อหยุนเถียนเถียน แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเห็นความโอ่อ่าของสํานักราชการแห่งนี้ ก็ทําให้นางรู้สึกประหม่าจนพูดไม่ออก ซึ่งต่างกับหยุนเถียนเถียนที่พูดจาและอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน!

 

หัวหน้าหมู่บ้านมองหยุนเถียนเถียนด้วยความภาคภูมิใจที่นางเติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง! แน่นอนว่านางต้องได้รับการถ่ายทอดมาจากหยุนจิงเอ๋อผู้เป็นแม่ซึ่งแกร่งกล้าและสง่างาม

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกว่าหญิงชรานั้นมองการณ์ไกล หยุนเถียนเถียนเป็นคนมีเหตุผลและใจเย็น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องยากต่อการควบคุมและโน้มน้าวใจนาง

 

“นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาแยกครอบครัวกัน? หญิงผู้นี้ซื้อน้องชายด้วยเงินทั้งหมดที่มี! และตอนนี้ผู้คนมากมายในหมู่บ้านก็ต่างโปรดปรานนาง

 

แน่นอนว่าไม่มีใครรับรู้ถึงความยากลําบากในอดีตของหยุนเถียนเถียน และไม่มีใครรู้ว่านางเสียความบริสุทธิ์ไปได้อย่างไร แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้มากนัก ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาพูดถึงความใจร้ายของหลินชวนฮวา และความมีเมตตาของหยุนเถียนเถียนซะมากกว่า

 

แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะถูกคนในหมู่บ้านนินทา แต่เมื่อได้รับรู้ความจริง ทุกคนต่างเปลี่ยนฝ่ายและเข้าข้างนางทันที

 

ตามกฏแล้วหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถอยู่ในสํานักราชการได้ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจและกลับไปยังหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ เนื่องจากตอนนี้หยุนเถียนเถียนได้รับความสนใจจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก บริเวณทางเข้าหมู่บ้านจึงห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอฟังและถามไถ่ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

หัวหน้าหมู่บ้านตอบได้เพียงให้ทุกคนกลับไปรอฟังผลที่บ้านด้วยความสบายใจ

 

หลงเยว่จัดการสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยํา

 

หลินชวนฮวาและเย่วชิวไฉหนีมายังอีกเมืองเพื่อค้นหาเฉินเฉิงเยี่ย พวกเขาตั้งใจจะพาลูกชายหนีไปให้ไกลที่สุด!

 

ในปีแรก เฉินเฉิงเยี่ยถูกเพื่อนล้อและกลั่นแกล้งเพราะมีพ่อเป็นฆาตกร!

 

แต่ขณะที่เขากําลังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน ทันใดนั้น แม่และพ่อที่เคยเป็นฆาตกรก็ปรากฏตัว

 

เฉินเฉิงเยี่ยรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินพ่อขอให้หนีไปด้วยกัน ชายหนุ่มหมดความอดทนพร้อมพูดประชดประชัน “ตามเจ้าไปงั้นหรือ? หากตามเจ้าไปจะมีประโยชน์อะไร? ชื่อเสียงของข้าก็คงจะพังทลายและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายของฆาตกรแทน… แต่ไม่นานทุกคนก็จะลืมไปและกลับมาพูดถึงข้าเช่นนี้ซ้ําๆอีกครั้ง!”

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เย่วชิวไฉเข้าไปพัวพันกับพวกสามลัทธิเก้าอาชีพและเขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษแห่งปีอีกต่อไป

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่วชิวไฉก็งางหมัดอย่างต้องการสั่งสอนลูกชายทันที แต่หลินชวนฮวากลับคว้าแขนเขาไว้แน่น!

 

“เฉิงเยี่ย… แม้เจ้าจะไม่ตามไป แต่เจ้าก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างปกติสุข! ชาวบ้านต่างรู้กันดีว่าข้าคือพ่อของเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าคงจะกลับไปที่นั่นเพื่อขอเงินเฉินผิงอันไม่ได้!”

 

“เมื่อเดินทางไปถึงเจียงหนานแล้ว จะไม่มีใครจดจําอดีตของเจ้าได้และเราจะเริ่มต้นใหม่ที่นั่น! เฉิงเยี่ย ข้าเคยบอกเจ้ามานานแล้วว่าเฉินผิงอันเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถทําให้เจ้าได้เรียนหนังสือ เขาไม่ได้มีบุญคุณและไม่ใช่พ่อของเจ้า!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเฉิงเยี่ยโต้กลับด้วยความเกรี้ยวกราด “ข้ารู้ ข้าไม่เคยคิดว่าเฉินผิงอันเป็นพ่อของข้า! แต่ข้าก็ ไม่อยากเป็นลูกของฆาตกรเช่นกัน! แม่… รอข้าก่อนไม่ได้ หรือ? รอให้ข้าประสบความสําเร็จก่อนได้หรือไม่?”

 

เย่วชิวไฉชกหน้าลูกชายอย่างแรงก่อนจะสาปแช่ง “ไอ้ลูกนอกคอก! คิดว่ากําลังพูดกับใครอยู่หรือ?! เจ้าอยู่กับเฉินผิงอันมาหลายปีจนลืมไปแล้วหรือว่าพ่อแท้ๆเป็นใคร?!”

 

ตอนนี้เกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรงขึ้น ณ ทางเข้าโรงเรียน ไม่นานก็มีผู้คนมากมายต่างห้อมล้อมเข้ามารับชม เฉินเฉิงเยี่ยรู้สึกอายและทําตัวไม่ถูกจึงก้มศีรษะพร้อมเดินออกไปด้านนอกจนมาถึงตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง

 

หลงเยวที่กําลังซุ่มอยู่เดินตามไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะกระจายข่าวบอกเหล่าลูกน้องเพื่อเตรียมจับกุม

 

“เย่าชิวไฉ… หากเจ้าเป็นพ่อของข้าจริงๆ ก็จงอย่าทําลายอนาคตข้า! ข้าได้ร่ําเรียนอย่างดีและมีท่านขุนนางคอยรับรอง ยิ่งไปกว่านั้นขากําลังจะลงสอบจิ๋วไฉ!”

 

หลินชวนฮวากระซิบลูกชายด้วยความกังวล “มันสายเกินไปแล้วลูกเอ๋ย.. ก่อนที่แม่และพ่อจะออกจากหมู่บ้านเทพธิดามา เราได้เผาบ้านของเฉินผิงอันและหยุนเถียนเถียน โดยหวังจะคร่าชีวิตของพวกมันด้วย! แต่หากทั้งสองรอดมาได้และเราไม่รีบหนีไปก็อาจถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรมร้ายแรง เป็นเหตุให้ต้องตัดสินประหารชีวิต!”

 

เฉินเฉิงเยี่ยเดินเซถอยหลังไปทันที “พวกเขาทําเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? ข้าเคยทําอะไรไม่ดีต่อพ่อแม่หรือ.เหตุใดพวกเขาจึงดึงข้าเข้าไปเกี่ยว?”

 

แม้ปกติแล้วเฉินเฉิงเยี่ยจะไม่ชอบเฉินผิงอัน แต่ก็รู้สึกเป็นห่วงเขาไม่น้อย หากเฉินเฉิงเยี่ยประสบความสําเร็จในอนาคต เขาก็ต้องทําให้เฉินผิงอันมีหน้าตาทางสังคมที่ดี ขึ้น! เฉินเฉิงเยี่ยรู้ดีว่าน้องชายของตนได้เข้าเรียน แต่กว่าจะประสบความสําเร็จได้ก็ต้องใช้เวลานาน แล้วตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถบรรลุผลสําเร็จใดได้…แต่สองคนนี้กลับกําลังสร้างเรื่องทําลายชีวิตเขา!

 

ตอนที่ 122 ขึ้นศาล

 

เฉินเฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของเฉินผิงอัน แต่กลับได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมาโดยตลอด อีกทั้งเขายังเรียนหนังสืออยู่ และตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาใช้เงินของครอบครัวเฉินไปจํานวนมาก!

 

“ไม่จริง! หลินชวนฮวาเป็นคนดี นางจะกล้าทําเรื่องพวกนั้นได้อย่างไร..”

 

หยุนเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินผิงอันไม่มีทางยอมรับความจริง จึงกล่าวแทรก “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะคิดอย่างไร! หากเจ้าเต็มใจจะให้นางและชู้ทําเช่นนี้ ก็จงปล่อยให้เขาเผาบ้านเจ้าเพียงคนเดียว! แต่ข้าไม่ยอม และจะรายงานเรื่องนี้ต่อหน่วยงานราชการ!”

 

“ข้าและน้องชายต้องสูญเสียบ้านเพียงหลังเดียว เพราะกองเพลิงที่พวกเขาสร้าง! ข้าไม่มีวันปล่อยนางไปเด็ดขาดหากยังไม่สามารถทวงความยุติธรรมได้! ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ครานี้ท่านคงปกป้องพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป เพราะพวกเขาเป็นภัยต่อชีวิตของชาวบ้านทุกคน!”

 

“ในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เพียงข้าที่หลินชวนฮวาเกลียดชัง แต่ทุกคนล้วนพูดถึงข่าวลือของนางและชายชู้ทั้งนั้น! หากบ้านที่ถูกเผาไหม้ไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของชาวบ้านคนอื่น ท่านจะทําอย่างไร? จะวิ่งมาช่วยพวกเขาได้ทันเวลาหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าหัวหน้าหมู่บ้านให้ความสําคัญกับชื่อเสียงมากกว่าความปลอดภัย แน่นอนว่าเขาจะอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ! หากนางสามารถจูงใจผู้คนให้ตระหนักถึงชีวิตและความปลอดภัยได้ พวกเขาก็จะร่วมมือกันเพื่อรายงานเรื่องนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหรือท่านผู้เฒ่าก็จะไม่สามารถห้ามพวกเขาได้!

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็เงยหน้าขึ้นและพบว่า ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท

 

“แม่นางเอ๋ย ข้าไม่ได้วางแผนที่จะหยุดเจ้าไม่ให้ไปฟ้องร้อง แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว! หากจะไปก็จงรอพรุ่งนี้เถิด!”

 

“ตอนนี้บ้านของเจ้าถูกไฟไหม้ไปแล้ว เจ้าวางแผนจะจัดการอย่างไรต่อ?”

 

หยุนเถียนเถียนเดินมาหาจชื่อพลางกระซิบ “ข้าคงต้องรบกวนท่านป้าอีกแล้ว! ข้ารู้ว่าท่านป้าจะช่วยเหลือข้าได้ดีที่สุด ส่วนเฉินเฉินข้าจะให้เขาไปอาศัยอยู่กับหยุนเคอก่อน!”

 

จี้ชื่อพยักหน้าทันที “ได้สิ! ถึงแม้ว่าเจ้ากําลังจะแต่งงาน แต่เป็นหญิงก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวจนกว่าจะถึงคืนร่วมหอ!”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้ารับ แท้จริงแล้วหากนางจ่ายเงินห้าสิบตําลึงก็สามารถยุติความสัมพันธ์กับหยุนเคอได้! เพราะหยุนเถียนเถียนเองมีเงินมากมายในเถาเปา!

 

จะเกิดอะไรขึ้นหากทั้งสองยุติความสัมพันธ์? แน่นอนว่าชาวบ้านก็ยังคงบังคับให้พวกเขาแต่งงานกันอยู่ดี! เช่นนั้นแล้ว แต่งงานและอยู่กันกับสุภาพบุรุษเช่นหยุนเคอ ยังดีกว่าต้องถูกยังคับให้แต่งกับชายที่ไม่รู้จัก

 

– หยุนเถียนเถียนยังคงสวมเสื้อคลุมของหยุนเคอ เนื่องจากนางตกใจจนไม่ได้หยิบสิ่งใดออกมาจากบ้านเลย จึงทําได้เพียงสวมใส่สิ่งที่มีอยู่เท่านั้น

 

เมื่อจีชื่อเห็นว่าเสื้อคลุมที่หญิงสาวสวมใส่ใหญ่เกินไป จึงหยิบเสื้อผ้าของลูกสะใภ้ออกมาและยื่นให้ก่อนจะสั่งให้นางเปลี่ยนทันที

 

หยุนเถียนเถียนผล็อยหลับไปข้างหญิงชรา แม้นางจะไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของย่าแล้ว แต่เนื่องจากความเหนื่อยล้าจึงหลับไปโดยไม่สนใจอะไร!

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ชื่อทําอาหารเสร็จ หยุนเถียนเถียนนั่งก้มหน้าและรับประทานอาหารด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

 

“เถียนเถียน… แม้บ้านป้าจะแออัด แต่ก็ยังสามารถรองรับเจ้าได้ เจ้าอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการเลยนะ! แต่ไม่ว่าอย่างไรชาวบ้านก็ต่างเห็นเหตุการณ์ระหว่างเจ้ากับหยุนเคอแล้ว ยังไงก็รีบแต่งงานให้เรียบร้อยเถิด!”

 

“แม้ชายผู้นั้นจะมีรูปลักษณ์ป่าเถื่อนและน่ากลัว แต่เขาก็มั่นคงและเป็นสุภาพบุรุษ! ข้าอาศัยในหมู่บ้านนี้มานานแต่ไม่เคยได้ยินข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับตัวเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีแม่สามีที่คอยควบคุมชีวิต ซึ่งเจ้าจะสามารถอยู่กับเขาได้อย่างสบายใจ!”

 

“เนื่องจากหยุนเคอไม่มีญาติผู้ใหญ่ ข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะต้องถูกเข้าใจผิดหากแต่งงานกับเขา! คราก่อนที่ซื้อบ้านได้ เพราะเจ้ามีเงินและได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แต่พวกเขาคงช่วยเจ้าไม่ได้ทุกครั้ง! แต่หากแต่งงานกับหยุนเคอ ผู้ซึ่งมีบ้านหลังใหญ่และพวกเจ้าสามารถอยู่ร่วมกันได้ทั้งสามคน!”

 

หยุนเถียนเถียนรับรู้ได้ว่าจี้ชื่อกําลังพยายามจูงใจให้นางยอมแต่งงานจึงตอบกลับอย่างใจเย็น “ท่านป้าอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย ตอนนี้การฟ้องร้องกับทางราชการสําคัญที่สุด! หากท่านป้าไม่มีเงิน รับเงินจากข้าไปเถิด นําเงินเหล่านี้ไปซื้อเสื้อผ้าเสีย ข้าไม่อยากให้ท่านต้องใส่เสื้อผ้าเก่าๆเช่นนี้อีกแล้ว!”

 

หยุนเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดต่อ “ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า เพราะในตอนที่หนีออกมาจากกองเพลิง ข้านำเงินที่มีออกมาด้วยและข้ามีเงินเพียงพอที่จะซื้อเสื้อผ้าให้ท่านได้เพื่อเป็นการตอบแทน”

 

ชื่อยิ้มพลันพยักหน้า “เช่นนั้นต้องขอบใจเจ้ามาก หลังรับประทานอาหารเสร็จเราขึ้นเกวียนไปยังหน่วยงานราชการด้วยกันเถิด หัวหน้าหมู่บ้านจะตามไปที่หลัง เราควรจะรีบไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นสักที!”

 

หยุนเถียนเถียนไม่ค่อยเข้าในระบอบการปกครองของยุคนี้ นางจึงต้องเดินทางไปกับหัวหน้าหมู่บ้าน คุกเข่าลงกล่าวเรื่องร้องเรียนต่อหน้าผู้พิพากษา พลางสาปแช่งสังคมศักดินาในใจและคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา!

 

ผู้พิพากษารู้สึกแปลกใจต่อเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า เพราะในการตัดสินคดีนั้นไม่เคยมีหญิงผู้ใดกล้ากล่าววาจาหรือยื่นเรื่องฟ้องร้องเลย แต่เด็กสาวผู้นี้กลับพูดจารายงานทุกอย่างได้อย่างฉะฉานและคล่องแคล่ว!

 

เนื่องจากคดีนี้เชื่อมโยงกับคดีเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นผู้พิพากษาจึงต้องส่งขุนนางของเขาเพื่อไปอ่านเล่มคดีเก่าและเชิญเหล่าผู้เกี่ยวข้องมาด้วย

 

แท้จริงแล้วมณฑลป่ายเต้าอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของท่านผู้พิพากษา แต่มณฑลเห่ยเต้าอยู่ภายใต้การปกครองของนายท่านหลงเยว่!

 

หลงเยว่ฉลาดหลักแหลม เขาจ่ายส่วยให้รัฐบาลมากมายจนทําให้ไม่มีใครกล้าขัดขวาง เช่นนี้เขาจึงสามารถควบคุมมณฑลเห่ยเต้ามานานหลายปี

 

หลงเยว่เปิดบ่อนและซ่องโสเภณี! ถึงจะเป็นเช่นนั้น หลงเยว่ก็ไม่เคยทําร้ายหรือยุ่งเกี่ยวกับใครเลย แม้เขาจะจับตัวคนในครอบครองของลูกหนี้มาเพื่อขัดดอก แต่ก็ไม่เคยสร้างปัญหาใหญ่ถึงขั้นต้องเผาบ้านใคร!

 

เมื่อหลงเยว่ได้รับคําเชิญจากผู้พิพากษาจึงรีบเดินทางมาทันที แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ให้ความร่วมมือกับทางผู้พิพากษาเป็นอย่างดี

 

“หมู่บ้านเทพธิดา… มีคนถูกเผาบ้านอย่างนั้นหรือ?”

 

เมื่อคณะเทศมณฑลได้ยินคําถามของหลงเยว่ก็ตอบกลับด้วยความเคารพทันที “ใช่ แม่นางผู้นี้รายงานว่าท่านไปทวงหนี้ที่นั่น! พอตกกลางคืน มีคนเผาบ้านของนาง บ้านของนางถูกลอบวางเพลิงในวันเดียวกับที่นางกระทําหยาบคายต่อท่าน ช่างน่าแปลกเสียจริง!”

 

หลงเยวพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจดจําหญิงผู้น่าประทับใจนี้ได้

 

“นางสงสัยผู้ใดหรือไม่?”

 

ผู้พิพากษาตอบกลับด้วยความประหม่า “ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่นางกล่าวว่าแม่เลี้ยงเป็นคนลงมือทํา!”

 

หลงเยว่ตอบอย่างเฉยชา “ต้องเป็นนังแม่เลี้ยงผู้นั้นแน่! อันที่จริง เฉินผิงอันผู้เป็นคนรักของหญิงนั้นยืมเงินของข้าเพื่อเล่นพนัน! ข้าจึงไปที่บ้านของเขาเพื่อทวงหนี้ แต่พวกเขาไม่มีเงินจ่าย ข้าจึงจะยึดที่ดินเพื่อแลกกับเงินยี่สิบตําลึงแทน”

 

“ตอนนั้นข้าเองก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน ไม่สําคัญว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องหนี้สินหรือไม่ แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาถึงขั้นกล้าหาญจุดไฟเผาบ้านเพื่อฆ่าผู้อื่นได้อย่างหน้าตาเฉย!”

 

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 121 เผยธาตุแท้

 

เป็นเพราะหยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนโบราณในยุคอนุรักษ์นิยม นางจึงไม่รู้สึกเขินอายเมื่อเห็นว่าหยุนเคอกําลังจ้องมองตนที่สวมชุดบาง ๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ํา!

 

โชคดีที่ใบหน้าของหยุนเคอถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเครา อีกฝ่ายจึงไม่สามารถเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเถียนเถียนกัดฟันตอบอย่างอุ่นเคือง “จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกเล่า? มีคนตั้งใจเผาบ้านข้า! ดูกองฟื้นพวกนั้นสิ! ข้าควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือไม่ที่ชายผู้นี้อุตส่าห์ตัดไม้มามากมายขนาดนั้นเพื่อนํามาใช้เผาบ้านข้า?!”

 

หยุนเค่อเอียงศีรษะด้วยความสงสัย “ใครกันที่อยากคร่าชีวิตของเจ้ามากถึงขนาดนี้?”

 

“ในหมู่บ้านนี้ นอกจากครอบครัวเฉินแล้ว จะมีใครอีกที่เป็นศัตรูของข้า?

 

ทันใดนั้น ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนลั่น “ไฟลุกแล้ว เร็วเข้า!”

 

หยุนเถียนเถียนมองตามเสียงไปและพบว่าชาวบ้านแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันมายังบ้านของนาง และอีกกลุ่มกําลังวิ่งไปยังบ้านของครอบครัวเฉิน

 

ทั้งบ้านของหยุนเถียนเถียนและบ้านของเฉินผิงอันถูกปกคลุมไปด้วยไฟอันโชติช่วงพร้อมควันโขมง!

 

เมื่อเห็นว่าคนมากมายกําลังห้อมล้อมเข้ามา หยุนเค่อจึงถอดเสื้อนอกออกและคลุมให้หยุนเถียนเถียนทันที เฉินผิงเหอวิ่งมาด้วยความเป็นห่วง และเมื่อเห็นว่าหลานสาวปลอดภัยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก!

 

แต่เฉินผิงอันกลับไม่โชคดีนัก เป็นเพราะความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันจึงทําให้หลับสนิทราวกับคนตาย เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าไฟไหม้ไปทั่วบ้านและลามมาจนถึงเตียงแล้ว!

 

เฉินผิงอันเอื้อมมือไปด้านข้างเพื่อจะปลุกภรรยา แต่นางไม่ได้อยู่ที่นี่!

 

ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว…. เฉินผิงอันจึงรีบหยิบเสื้อคลุมและวิ่งออกจากบ้านไปทันที เมื่อวิ่งออกมาถึงลานกว้างก็พบว่า ชาวบ้านต่างกรูกันเข้ามาเพื่อช่วยดับไฟ!

 

พวกเขาสาดน้ําใส่ตัวเฉินผิงอันทันทีเพื่อช่วยคลายความร้อนและบรรเทาอาการขาดน้ํา

แต่เฉินผิงอันไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ เขาหันศีรษะมองดูไฟลุกโชนเผาไหม้บ้านของตน แข้งขาที่เคยแข็งแรงพลันโอนอ่อนจนทรุดลงกับพื้นอย่างน่าสมเพช

 

“มันจบแล้ว บ้านที่เป็นที่ซุกหัวนอนของข้ากําลังถูกไฟไหม้ เป็นไปได้อย่างไร?

 

เขาก็นึกถึงหลินชวนฮวาและพยายามมองหานาง!

 

“ชวนฮวาอยู่ที่ไหน? มีใครเห็นนางหรือไม่?”

 

ทุกคนในหมู่บ้านส่ายหัวปฏิเสธ

 

หัวหน้าหมู่บ้านเองก็รีบวิ่งมายังบ้านของเฉินผิงอันด้วยความตื่นตระหนก

 

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดทั้งสองบ้านจึงถูกไฟไหม้?”

 

หยุนเถียนเถียนรีบวิ่งเข้ามาทันที “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน. เห็นได้ชัดว่ามีคนจ้องจะฆ่าเขา! ดูเถิด เฉินผิงอันจะสามารถหาฟื้นจํานวนมากขนาดนี้ได้ด้วยตัวเองหรือ? ลานบ้า นของข้าก็เช่นกัน มีฟื้นมากมายกองอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าข้าไม่สามารถหามาได้ด้วยตัวคนเดียว!”

 

“เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจนําฟื้นเหล่านี้มาใช้วางเพลิง! น่าเสียดายที่ข้าเหนื่อยล้ามาทั้งวันจึงหลับสนิทจนไม่สามารถจับผู้ร้ายได้!”

 

คนร้ายที่ลอบวางเพลิงต้องหมายเอาชีวิตของพวกเขา และชาวบ้านที่มารวมตัวกันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยและเริ่มกระสับกระส่ายด้วยความหวาดกลัว

 

ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านมองดูฝูงชนที่กําลังตื่นตระหนกและไม่รู้ว่าจะทําอย่างไร!

 

จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดของชาวบ้านผู้หนึ่งดังขึ้น “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจเป็นฝีมือของท่านหลงเยว่? เพราะเมื่อกลางวันทั้งสองคนก็ต่างยั่วโมโห และพูดจาดูหมิ่นจนทําให้ท่านหลงเยวขุ่นเคือง เขาจึงเอาคืนโดยการเผาบ้านเช่นนี้!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มอย่างดูถูก “แม้หลงเยว่จะเป็นอันธพาล แต่ก็ไม่ได้ขี้ขลาดจนต้องลอบกัดเช่นนี้! หากคําพูดเพียงเท่านั้นทําให้เขากล้าเผาบ้านและฆ่าคนได้ก็นับว่าโง่เขลา!”

 

ชาวบ้านหยุดพูดทันทีพลางคิดในใจ “หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร?

 

ทันใดนั้น! หลี่เสี่ยวเหอก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงตะโกนออกมาทันที “หลินชวนฮวาอยู่ที่ไหน? ไฟไหม้บ้านทั้งหลังขนาดนี้นางไม่รู้หรือ? หายไปไหน… เหตุใดจึงชักช้านัก?”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง ขณะที่เฉินเฉินหน้าซีดพลันทรุดตัวลงกับพื้น! เขาไม่เพียงเสียใจที่แม่ไม่ต้องการ แต่กลับใจสลายเพราะคิดว่าผู้เป็นแม่ต้องลอบวางเพลิงเพื่อฆ่า เขา…

 

หลี่เสี่ยวเหอครุ่นคิดถึงสิ่งที่เคยเจอก่อนจะพูดออกมา “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเห็นหลินชวนฮวาคลอเคลียกับชายอื่นอยู่ในเมือง และชายผู้นั้นคืออดีตสามีของนาง! เขาเป็นผู้ร้ายคดีฆาตกรรม… ต้องเป็นเขาแน่!”

 

ก่อนหน้านี้แม้ว่าหลี่เสี่ยวเหอจะบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้กับทุกคนฟัง แต่ชาวบ้านต่างคิดว่านางพูดจาไร้สาระและไม่คิดเชื่อถือคํากล่าวนั้น

 

แต่ตอนนี้นางตะโกนเล่าเหตุการณ์นี้ท่ามกลางฝูงชนด้วย ใบหน้าจริงจัง ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็ใบหน้าแดงก่ําด้วยความโกรธ… มันจะยิ่งแย่กว่าเดิมหากคนในหมู่บ้านเย้ยหยันว่าเขาเป็นเพียงชายที่โง่เขลา!

 

“ไร้สาระ! ชวนฮวาไม่ใช่คนเช่นนั้น!”

 

เมื่อก่อนหลี่เสี่ยวเหอหวาดกลัวเฉินผิงอันยิ่ง เพราะนางเช่าที่ดินของเขาในการทํากิน แต่ตอนนี้นางได้ซื้อโฉนดเหล่านั้นมาไว้ในครอบครองแล้ว ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องเกรงกลัวเขาอีกต่อไป!

 

นางยกยิ้มเย็นชาก่อนกล่าวคํา “หากไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ! ข้าและเถียนเถียนเห็นกับตาตนเองด้วยกันทั้งคู่เพียงแต่ไม่ อยากพูด! และบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ก็ไม่ใช่บ้านข้า ดังนั้นข้าจึงไม่จําเป็นต้องกังวล!”

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดถึงพฤติกรรมในอดีตของหลินชวนฮวา หากทําให้นางต้องขุ่นเคืองก็ต้องถูกโบยตี! แม้จะรู้ว่าคนบ้าบินเช่นนางสามารถทําทุกอย่างไรเพื่อความ สะใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายถึงขั้นกล้าขายลูกของตนและเผาบ้านคนอื่นโดยไม่สนใจอะไรเลย

 

จี๋ชื่อยืนมองท่ามกลางผู้คนอย่างเงียบงันมาเนิ่นนาน ในที่สุดนางก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้ไหว

 

“เพราะในสายตาเจ้า หลินชวนฮวาเป็นคนดี แต่เราทุกคนเป็นคนไม่ดี! หากเจ้าไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราก็จะไม่บอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเมืองวันนั้น! ทุกอย่างเป็นเพราะหลินชวนฮวาผู้เดียว! ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของนาง! เฉินผิงอัน… เจ้าเคยเห็นหญิงคนใดสนับสนุนให้สามีเล่นการพนันด้วยหรือ?”

 

“ใช่ เพราะนางยอดเยี่ยมในสายตาของเจ้า! และเถียนเถียนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ เจ้าจึงคิดจะทําอะไรก็ได้ แต่เฉินเอ๋อเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเจ้า!”

 

“เมื่อวานก่อน นางได้รับเงินค่าสินสอดไปห้าสิบตําลึง แต่เหตุใดในตอนที่เจ้าแพ้พนัน นางกลับไม่หยิบออกมาใช้หนี้ให้เจ้าสักตําลึงเดียว! ขณะที่มีดกําลังจ่ออยู่บนมือของเจ้า นางยังไม่คิดสงสาร… นางเพียงคิดว่ามือของเจ้าไม่มีค่าเท่าเงินห้าสิบตําลึง! จนทําให้เจ้าต้องพยายามทําทุกอย่างเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ด้วยตนเอง!”

 

จี๋ชื่อและชาวบ้านต่างรุมประณามความชั่วของหลินชวนฮวาและความโง่เขลาของเฉินผิงอันอย่างเมามัน

 

แม้จะสงสัยในตัวภรรยา แต่เฉินผิงอันก็เลือกที่จะไม่เชื่อ! หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปฏิบัติต่อนางในทางที่ผิด และหลินชวนฮวาเองก็ดูแลเขาอย่างดีไม่เคยขาดตกบก พร่องสิ่งใด

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 120 ไฟไหม้กลางดึก

 

หมายความว่านับจากนี้ไปชาวบ้านต้องจ่ายค่าเช่าที่ ดินทั้งหมดให้กับหลงเยว!

 

หากปล่อยให้ที่ดินตกเป็นของหลงเยว่แล้ว แน่นอนว่าค่าเช่าจะต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นชาวบ้านจึงตัดสินใจใช้เงินเก็บอันน้อยนิดซื้อที่ดินคืนมา

 

เมื่อหลงเยว่ขายที่ดินจนได้เงินครบยี่สิบตําลึงแล้วก็จากไปทันที ทิ้งให้ชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านต้องวุ่นวายอยู่กับการทําเรื่องโอนโฉนด

 

เฉินผิงอันทรุดตัวลงกับพื้น หลินชวนฮวาก้าวไปข้างหน้า เพื่อพยุงเขาและพาเดินกลับบ้าน

 

หลินชวนฮวาพยายามที่จะหยุดกังวลถึงสิ่งที่เสียให้กับหลงเยวไป!

 

นางสงบสติอารมณ์พร้อมกล่าวกับเฉิงผิงอันว่า “ไม่เป็นไรหรอกผิงอัน ความปลอดภัยของเจ้าสําคัญกว่าทุกสิ่ง!”

 

เฉินผิงอันกล่าวด้วยความโกรธแค่น “อีขี้ครอกนั่น! ตั้งแต่ที่มันออกจากบ้านเราไปก็คอยสร้างแต่เรื่องทําลายชีวิตข้า”

 

ด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทําให้เฉินผิงอันรู้สึกเหนื่อยล้าก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น

 

หลินชวนฮวาที่กําลังพยุงเขาอยู่ก็เซไปทันที นางแบกเฉินผิงอันกลับด้วยความอดทนพลางสาปแช่งให้เขาตายในเร็ววัน

 

ทั้งสองค่อยๆพยุงกันเดินกลับบ้าน แต่ในตอนนี้หลินชวนฮวารู้สึกราวกับว่าร่างกายของนางกําลังจะฉีกขาดออกจากกัน แต่เมื่อคิดว่าต้องพยายามทุกอย่างเพื่อเย่วชิวไฉก็ทําให้นางมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง!

 

“ชวนฮวา แล้วเงินสินสอดห้าสิบตําลึงที่เถียนเถียนพูดคืออะไร?”

 

หลินชวนฮวาตกตะลึงต่อคําถามนั้น เพราะนางไม่รู้ว่าควรจะแก้ตัวอย่างไร…

 

“ผิงอัน เด็กสาวคนนั้นก็แต่งงานไปแล้ว ยังจะต่อว่าข้าที่เรียกค่าสินสอดอยู่เหรอ? ก็ข้าเลี้ยงนางมาตั้งหลายปี! ข้า”

 

เฉินผิงอันแทรกขึ้นทันที “ข้าไม่ได้จะต่อว่าที่เจ้าเรียกค่าสินสอด แต่เงินนั้นหายไปไหน? หากนางไม่บอก เจ้าก็จะซ่อนไว้เองอย่างนั้นหรือ?!”

 

หลินชวนฮวาส่ายหัวทันที “ไม่… ข้าไม่ได้จะซ่อน! เพียงแต่ช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยอยู่บ้าน ข้าจึงไม่มีโอกาสบอก!”

 

เฉินผิงอันเป็นชายชนบทก็จริงแต่ไม่ใช่คนโง่!

 

“ขณะที่เห็นมีดจ่ออยู่บนมือของข้า แต่เจ้ากลับลังเลที่จะควักเงินออกมาอย่างนั้นหรือ? ข้ารักและเทิดทูนเจ้ามาก แต่เจ้ากลับปล่อยให้ข้าเกือบจะถูกตัดมือเพียงเพราะหวงแหนเงินจํานวนนี้งั้นหรือ?”

หลินชวนฮวาพูดไม่ออก นางไม่คาดคิดว่าหยุนเเถียนเถียนจะเปิดโปงเรื่องนี้ และตอนนี้ที่เฉินผิงอันกําลังเริ่มสอบสวน นางก็ไม่ทันได้คิดหาวิธีรับมือด้วยซ้ํา! หากเฉิงเยี่ยอยู่ตรงนี้คงจะดีไม่น้อย เพราะเขาคงหาทางออกได้อย่างแนบเนียน!

 

หลินชวนฮวายังคงลังเลและไม่กล่าวคําใดตอบกลับ แต่เฉินผิงอันไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขารู้สึกโกรธและเจ็บปวดมากที่ภรรยาผู้เป็นที่รักมีความลับต่อตน!

 

เฉินผิงอันบีบมือหลินชวนฮวาแน่น ตอนนี้เองที่นางจึงเริ่มดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด “ผิงอัน ฟังข้าก่อน! โปรดฟังข้าอธิบาย!”

 

เฉินผิงอันไม่ฟังคําใดอีกแล้ว เขาบีบมือหลินชวนฮวาสุดแรงและเริ่มค้นหาเงินในตัวนาง แต่เพราะหลินชวนฮวามอบเงินทั้งหมดให้กับเย่วชิวไฉแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเฉินผิงอันจะค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวันพบ!

 

“บอกข้าเดี๋ยวนี้! เงินห้าสิบตําลึงนั้นหายไปไหน?”

 

หลินชวนฮวาไม่กล้าบอกว่าได้มอบเงินนั้นให้เย่วชิวไฉไปแล้ว ดังนั้นนางจึงทําได้เพียงพูดปดด้วยน้ําเสียงติดขัด “ข้าใช้จ่ายไปหมดแล้ว! เสื้อผ้า ปิ่นปักผม และเครื่องประทินโฉมที่ข้ามีอยู่ล้วนถูกซื้อด้วยเงินนี้ทั้งหมด ผิงอัน เจ้าจะตําหนิข้าเพราะเงินเพียงเล็กน้อยงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะไม่ใช้เงินของเจ้าอีก!”

 

เฉินผิงอันตบหลินชวนฮวาอย่างรุนแรงจนทําให้ใบหน้างดงามนั้นมีรอยนิ้วมือประทับไว้

 

“เจ้าใช้เงินห้าสิบตําลึงจนหมดและนาลูกชายข้าไปขายใช้หนี้อย่างนั้นหรือ?! เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าสุรุ่ยสุร่าย!”

 

แท้จริงแล้ว เฉินผิงอันกล่าวเช่นนี้เพื่อเป็นข้ออ้างในการโยนความผิดเรื่องขายลูกชายให้หลินชวนฮวา! หากเงินห้าสิบตําลึงนั้นยังอยู่ เขาก็เลือกที่จะเก็บที่ดินไว้และขายลูกชายอยู่

 

เพราะที่ดินเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา แต่ลูกชายนั้นไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินผิงอันต้องคอยรับฟังคําด่าทอของชาวบ้านที่ตําหนิติเตียน เช่นนี้เขาจึงพยายามหาข้ออ้างเพื่อปกป้องตนเองและโยนความผิดทั้งหมดให้หลินชวนฮวา!

 

หลินชวนฮวานั่งเงียบด้วยความเสียใจโดยไม่กล้าพูดหรือร้องไห้ออกมา เพราะนางรู้ดีว่าหากทําเช่นนั้นจะทําให้เฉินผิงอันโมโหร้ายมากยิ่งขึ้น ทว่าเขากลับเตะนางเต็มแรงอยู่หลายครั้งก่อนจะยอมหยุดเพราะเหนื่อยหอบ!

 

“ชวนฮวา เพราะเจ้า… ข้าจึงต้องเสียลูกไป! ดังนั้นหากเฉิงเยี่ยอกตัญญ… ข้าจะทําลายเขาทันที”

 

หลินชวนฮวาพยักหน้ารับ “ผิงอัน… วางใจเถิด เขาจะกตัญญต่อเจ้าอย่างแน่นอน!”

 

เฉินผิงอันเอนกายลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า! ขณะที่หลินชวนจ้องมองเขาด้วยแววตาแห่งความเกลียดชัง!

 

เดิมที หลินชวนฮวาคิดว่าจะกอบโกยทุกอย่างจากเฉินผิงอันและปล่อยเขาไป แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทําในวันนี้ ทําให้หลินชวนฮวาแค้นใจจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายไปเสีย

 

หลังจากเฉินผิงอันหลับสนิท หลินชวนฮวายองก็ย่องออกจากบ้านอีกครั้ง ทันทีที่เย่วชิวไฉเห็นนางเดินออกมา เขาก็ราดน้ํามัน ใส่ปืน และจุดไฟเพื่อเผาบ้านของเฉินผิงอันทันที

 

หลังจากนั้น ทั้งสองจึงแอบย่องไปยังบ้านของหยุนเถียนเถียนและจุดไฟเผาเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ทั้งสองจึงรีบแยกย้ายกันไปทันที

 

หลินชวนฮวาและเย่วชิวไฉกลัวว่าอาจมีใครคนหนึ่งรอดไปได้จึงคิดแผนสํารองเอาไว้!

 

ทั้งสองนัดพบกันบนภูเขาเทพธิดาเพื่อจะเตรียมตัวหนีออกไปจากหมู่บ้านนี้

หยุนเถียนเถียนที่กําลังหลับใหลสะดุ้งตื่นเนื่องจากได้กลิ่นควัน! ทันใดนั้น! นางก็พบว่าตนเองกําลังจมอยู่ในกองเพลิง!

 

หยุนเถียนเถียนรีบวิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก และเห็นไฟกําลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง!

 

นางรีบวิ่งไปหาเฉินเฉินทันที ก่อนจะปลุกเด็กน้อยที่กําลังหลับใหลด้วยความตื่นตระหนก

 

เฉินเฉินขยี้ตาพลางถาม “พี่สาว… มีอะไรหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่มีเวลาแม้จะตอบคําถาม นางรีบคว้าผ้าห่มและนําไปชุบน้ําในถัง ก่อนจะใช้คลุมศีรษะของทั้งสอง จากนั้นจึงรีบพาน้องชายวิ่งออกจากบ้าน!

 

หยุนเคอเองก็ถูกปลุกจากกลิ่นควันที่ลอยคลุ้งไปยังบ้านของเขา เมื่อเห็นว่าไฟกําลังลุกไหม้บ้านของเถียนเถียน หยุนเคอรีบวิ่งมาหาสองพี่น้องทันที!

 

หยุนเคอรีบวิ่งไปยังบ้านของหยุนเถียนเถียนด้วยความกังวล แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่สวมชุดผ้าฝ้ายบางๆ กําลังยืนอยู่นอกบ้านด้วยความตื่นตระหนก ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก!

 

“หญิงผู้นี้ช่างแข็งแกร่งเสียจริง นางเป็นเลิศไปซะทุกอย่างจริงเชียว!”

 

ตอนที่ 119 ไม่พอ

 

“เป็นไปได้อย่างไร?” เฉินผิงอันหันมองหลินชวนฮวาด้วยความสงสัย “เหตุใดหญิงผู้นี้จึงตัดสินใจทําอะไรเช่นนี้โดยไม่ปรึกษาข้า? แล้วเงินห้าสิบตําลึงนั้นอยู่ที่ไหน?”

 

หลินชวนฮวารีบกล่าวออกอย่างอุ่นเคือง “อย่ากล่าวหาข้า! เจ้ากับหยุนเคอทําผิดหลักศีลธรรมและต้องแต่งงานกัน! เช่นนั้นแล้ว ข้าก็สมควรได้รับเงินสินสอดจากการเลี้ยงดูเจ้ามานานหลายปี!”

 

หลินชวนฮวากลัวว่าหยุนเสียนเถียนจะเปิดเผยความจริงมากขึ้นและอาจทําให้เฉินผิงอันสงสัย จึงรีบก้าวไปด้านหน้านางพลางกล่าวว่า “เถียนเถียน! ข้ารู้ดีว่าข้าไม่สามารถควบคุมอะไรเจ้าได้อีกต่อไป แต่เจ้าเป็นคนบอกเองว่าจะซื้อเฉินเฉิน ในเมื่อเด็กผู้นั้นอยู่ในบ้านของเจ้า จ่ายเงินเจ็ดสิบตําลึงให้ข้าเสีย!”

 

“อะไรนะ… มีใครบ้างที่จะซื้อคนใช้ในราคาเจ็ดสิบตําลึง? หลินชวนฮวา… เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?

 

“เจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่ อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจ้า!”

 

หยุนเสียนเถียนวางเข็มในมือก่อนจะยืนขึ้นพร้อมกล่าวตอบ “หลินชวนฮวา.. ต่อให้ข้ามีเงินมากมายก็ไม่อาจ มอบให้เจ้าได้ถึงเจ็ดสิบตําลึง นอกจากนี้ เฉินผิงอันก็เคย พูดต่อหน้าคนมากมายอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาไม่ใช่พ่อของข้า! และข้าจะซื้อเฉินเฉินในราคาห้าสิบตําลึงเท่านั้น หากเจ้าตกลง ข้าจะไปเอาเงินที่บ้านของหยุนเคอมาให้ แต่หากไม่ก็สามารถพาเด็กน้อยคนนี้กลับไปยังบ้านของพวกเจ้าได้เลย เพราะเขากินอาหารมากขึ้นทุกวันและข้าคงจ่ายไม่ไหว!”

 

เฉินเฉินที่แอบฟังอยู่ตรงประตูใจสลายเมื่อได้ยินว่าพ่อกําลังจะขายตน เขากัดฟันกลั้นน้ําตาด้วยความเจ็บปวด

 

หลงเยว่แสยะยิ้ม “แม่นาง เจ้าช่างฉลาดนัก! เด็กเจ็ดขวบไม่คุ้มกับเงินห้าสิบตําลึงที่เจ้าเสนอเลยแม้แต่น้อย หากเป็นข้าก็คงไม่ยอมจ่าย! แต่หากเป็นเจ้า ข้าจะเพิ่มให้อีกห้าสิบตําลึง!”

 

เนื่องจากเป็นตํารวจ หยุนเถียนเถียนจึงเกลียดชังคนเช่นนี้ยิ่งนัก เพราะพวกเขาทั้งน่ารําคาญและน่าขยะแขยง!

 

“หลงเยว่ ท่านมาเพื่อทวงหนี้ไม่ใช่หรือ?! ข้าไม่ได้เป็นหนี้เจ้าสักแดง เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่บ้านข้า? ในเมื่อคนเราดําเนินชีวิตในสังคมร่วมกัน ก็ย่อมต้องรู้จักเกรงใจไม่ใช่หรือ?!”

 

หลงเยว่ยิ้มจางอย่างไม่ถือโทษ “ปากคอเป็นเลิศถูกใจข้าเสียจริง! หากมีใครทําร้ายหรือรังควานเจ้าในอนาคต จงเข้าไปบอกข้าในเมือง ข้าพร้อมจะช่วยเหลือเจ้าเสมอ! ฮ่าฮ่า!”

 

หยุนเถียนเถียนกลอกตาด้วยความหงุดหงิด “กว่าจะถึงวันที่ข้ายอมก้มหัวขอความช่วยเหลือเจ้า ข้าว่าเจ้าคงเหลือเพียงกระดูกแล้ว!”

 

หลงเยว่ยังคงหัวเราะต่อไปโดยไม่กล่าวคําตอบ แววตาของเขาทอประกายความพึงพอใจออกเมื่อมองเด็กสาวตรงหน้า!

 

อันธพาลเหล่านี้คือพวกที่เกลียดชังศีลธรรมทางโลก หญิงผู้นี้กล้าที่จะต่อสู้กับพ่อแม่ของตนเพื่อความยุติธรรม เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทําให้หลงเยว่ชื่นชมแล้ว!

 

อย่างไรก็ตาม จากการกระทําของหยุนเถียนเถียนก็พอจะทําให้หลงเยว่รับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากพ่อและแม่ปฏิบัติต่อนางในทางที่ดีและถูกต้อง การต่อต้านหรือการก่อกบฏเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นแน่

 

หลินชวนฮวาตัดสินใจที่จะชายเฉินเฉินในราคาห้าสิบตําลึงและนําเงินไปคืนหลงเยว่ แต่นางลืมไปว่าเงินที่เฉินผิงอันยืมมาพร้อมดอกเบี้ยมันมากกว่านั้น!

 

เห็นได้ชัดว่าหลงเยว่ไร้ซึ่งความสงสารใด เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกระซิบกับอีกฝ่ายว่า “เงินห้าสิบตําลึงก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็สามารถช่วยรักษาขาของเจ้าทั้งสอนข้างไว้ แต่อีกยี่สิบตําลึง ใช้มือของเจ้าแทนก็แล้วกัน!”

 

หยุนเถียนเถียนนิ่งเงียบพลางถอนหายใจ ก่อนจะเกิดไปยังบ้านของหยุนเคอเพื่อเอาเงินจํานวนห้าสิบตําลึงจากเถาเปา และกลับมายังบ้านของตนอีกครั้ง

 

“เดี๋ยว! ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน โปรดร่างสัญญาซื้อขายให้ข้าด้วยเถิด ข้าไม่เชื่อในนิสัยของสองคนนี้! และเพื่อเห็นแก่เด็กน้อยผู้นี้ ข้าจะไม่ฟ้องร้องหน่วยงานราชการเพื่อเอาผิดพวกเขาที่ดูแลลูกไม่ดี แต่ข้าต้องการสัญญาไว้เผื่อในอนาคตทั้งสองคนนี้คิดไม่ซื่อและต้องการยั่วยุข้า โปรดเขียนสัญญาว่าข้ามีสิทธิ์ในตัวของเฉินเฉินทุกประการ!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจพลางหยิบพู่กันและกระดาษออกมาก่อนจะเริ่มร่างสัญญา

 

หลังจากร่างเสร็จ เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาประทับนิ้วมือลงบนสัญญา หยุนเสียนเถียนตรวจสอบสัญญาฉบับนั้นด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะยื่นเงินให้พวกเขาไป

 

เฉินเฉินเดินออกมาพลางมองพ่อและแม่ด้วยแววตาที่ไม่คุ้นเคยราวกับมองคนแปลกหน้า

 

หยุนเสียนเถียนกลัวว่าเด็กน้อยจะรู้สึกเสียใจจึงรีบเดินไปหาพร้อมกล่าวปลอบโยน “เฉินเอ๋อ! ไม่ต้องกลัว…”

 

เฉินเฉินเดินไปคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อและแม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พร้อมกับใช้ศีรษะเคาะกับพื้นสามครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามหลังหยุนเถียนเถียนไปโดยไม่พูดอะไรสักคํา

คลิปหลุด

“เอาล่ะ! ในเมื่อได้เงินแล้วก็กลับไปเสียบ้านของข้าค่อนข้างเล็ก ไม่มีพื้นที่พอที่จะจุคนจํานวนมากได้!”

 

“เฉินเอ๋อ เข้าไปข้างในเถิด เจ้าและพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว! อย่าทนมองคนใจร้ายเช่นนี้เลย! โอ้ แม้แต่ข้าก็ยังไม่อยากจะมองเช่นกัน!”

 

หยุนเถียนเถียนพูดพลางจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในบ้านโดย ไม่สนใจพ่อที่กําลังจะถูกตัดมือแม้แต่น้อย!

 

เฉินผิงอันรับรู้ได้ทันที่ว่านับจากวินาทีนี้เขาได้สูญเสียลูกชายไปแล้วโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่โทษหลงเยว่ที่บังคับเขาให้ทําเช่นนี้ แต่กลับขุ่นเคืองและเกลียดชังหยุนเถียนเถียนยิ่งกว่าเก่า

 

“เฉินเฉินต้องถูกหยุนเถียนเถียนยั่วยุแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวันเกลียดพ่อคนนี้!!

 

หนุนเถียนเถียนพาน้องชายเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจ สายตาของเฉินผิงอันที่กําลังมองตามแม้แต่นิด

 

หลังจากนั้น ลูกน้องทั้งสองคนของหลงเยว่เดินมาคว้าตัว เฉินผิงอันเอาไว้และดึงเงินในมือเขายื่นให้หลงเยว่ทันที

 

“เอาล่ะ แม้เจ้าจะคืนเงินต้นให้ข้าแล้วแต่ดอกเบี้ยยังคงอยู่ ข้าน่ะใช้มีดได้เชี่ยวชาญยิ่ง! ทุกอย่างจะรวดเร็วจนเจ้าไม่ทันรู้สึกเจ็บ!”

 

หลงเยว่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจราวกับยมทูตที่กําลังจะพรากชีวิตของเฉินผิงอัน!

 

ขณะที่เฉินผิงอันกําลังจะถูกตัดมือ เขาตะโกนลั่นทันที “หยุดก่อน! หากท่านไม่ตัดมือข้า ข้าจะยกที่ดินที่มีให้!”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลงเยว่ยิ้มออกมาพร้อมกับปล่อยมือ เฉินผิงอันให้เป็นอิสระ

 

“ข้ามีที่ดินมากมาย! เอาโฉนดที่ดินไปเสียแล้วคนในหมู่บ้านที่เช่าที่ดินของข้าจะจ่ายเงินให้ท่านทุกเดือน! หากได้รับเงินจนครบยี่สิบตําลึงแล้ว ข้าจึงจะไปขอรับคืน!”

 

ชาวบ้านได้ยินอย่างนั้นก็พลันตื่นตระหนกทันที

 

ตอนที่ 118 เจ้าหนี้

 

เย่วชิวไฉผลักหลินชวนฮวาออกอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ความโกรธและเกลียดปะทุขึ้นในหัวใจอย่างไม่มีสิ่งใดกั้น!

 

“เอาล่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน! เจ้ากลับไปได้แล้ว เพราะหากเฉินผิงอันสงสัยอาจทําให้แผนของเราฟังได้!”

 

หลินชวนฮวารู้ดีว่าสิ่งที่ชายผู้นี้พูดนั้นถูกต้อง และหากนางโต้แย้ง เขาก็ยิ่งไม่พอใจแน่! ดังนั้นนางจึงทําได้เพียงสวมเสื้อผ้าก่อนจะเดินลงจากภูเขาไปอย่างไม่เต็มใจ นัก เมื่อมาถึงบ้านนางย่องเข้าไปนอนข้างเฉินผิงอันราวกับ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

 

เย่วชิวไฉถุยน้ําลายอย่างรุนแรงด้วยความดูถูก หากไม่ใช่เพราะหญิงโง่หลินชวนฮวายังมีประโยชน์อยู่ เขาก็คงไม่คิดที่ จะหลับนอนกับนางแน่!อย่างไรซะการซื้อบริการหญิงโสเภณีที่ทั้งสาวและสวยไม่ดีกว่าหรือ?

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้คนมากมายกรูกันเข้ามา ณ ลานบ้านของครอบครัวเฉินอย่างอุกอาจเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่กําลังจะ เกิดขึ้น

 

หลงเยว่เคาะประตูบ้านของครอบครัวเฉินด้วยความเกรี้ยวกราด! หากไม่เห็นชายอันธพาลที่ตามหลังมา ชาวบ้านคงคิดว่าเขามาในฐานะแขก

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันพลันดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตระหนก

 

“เฉินผิงอัน เป็นเรื่องยากที่นายท่านหลงจะมาเยือนบ้านใครด้วยตนเองแต่เจ้ากลับปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้หรือ?”

 

หลังจากได้ยินเสียงนั้น เฉินผิงอันรีบปลุกหลินชวนฮวาให้ตื่นทันที!

 

“ชวนฮวา พวกเข้ามาแล้ว! ข้าควรทําอย่างไรดี?”

 

เมื่อเห็นท่าที่กระวนกระวายของชายชนบทผู้โง่เขลา หลินชวนฮวาเผยสีหน้าดูถูกออกมาอย่างอดไม่ได้

 

“เขามาอย่างกะทันหันเช่นนี้จะทําอะไรได้ เล่า?! รีบไปเปิดประตูเร็วเข้าหากชักช้าพวกเขาพังประ ตูบ้านเราแน่!”

 

เฉินผิงอันปฏิเสธที่จะออกไปเปิดประตูด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวดังนั้นจึงต้องเป็นหลินชวนฮวาที่เดินไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ

 

หลงเยว่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหญิงวัยกลางคนตรงหน้าแม้นางจะมีอายุสักหน่อยแต่ก็ยังมีความงดงามเผยอ อกมาให้เห็นชัดเจน

 

“เฉินผิงอันขี้ขลาดจนต้องส่งหญิงผู้นี้มาใช้หนี้เลย หรือ? ไม่เป็นไรแม้นางจะแก่แต่ก็ยังงดงามพอที่จะส่งไป ขายในซ่องได้!แต่ราคาที่ข้าได้มาอาจสูงไปหน่อย… ตั้งเจ็ดสิ บตําลึงเชียว!”

่ ่

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่ามีชาวบ้านมากมายรายล้อมอยู่จึงแสร้งทําหน้าเศร้าเรียกความสงสารทันที “นายท่านหลง… อีกประเดี๋ยวสามีข้าจะออกมาพบท่านด้วยตนเอง”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลงเยวและลูกน้องจึงยืนรออย่าง ใจเย็นเฉินผิงอันไม่สามารถหลบซ่อนอีกต่อไปได้จึงจําเป็น ต้องก้าวเดินออกมา

 

“หลงเยว่ ข้า… ข้าขอเวลาอีกสักสองสามวันได้ไหม?”

 

หลงเยวหัวเราะลั่นราวกับว่ารู้ทุกอย่างมาก่อนแล้ว “ผลัดวันประกันพรุ่งงั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้นอย่าถามข้าเลย ถามพี่น้อ งที่อยู่ด้านหลังข้าดีกว่าว่าพวกเขาจะยอมไหม?!” 

 

เหล่าลูกน้องของหลงเยวมองด้วยความดุดัน เมื่อเห็นดังนั้น เฉินผิงอันรับรู้ได้ทันทีว่าหากถามพวกเขาคงไม่ยอมอย่างแน่นอน

 

“ชวนฮวา เจ้าไปเรียกท่านหัวหน้าหมู่บ้านมานี่เถิด!” 

 

หลินชวนฮวามองดูชายเหล่านั้นด้วยความหวาดกลัวและถอยหลังกลับอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวิ่งไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที!

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน โปรดออกมาช่วยข้าทั้งสองด้วย!”

 

ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินเสียงของหลินชวนฮวาก็พรวดพราดออกมาทันที! แม้เขาจะอยากหลบซ่อนเพียงใดแต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด!

 

หลินชวนฮวาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อด้วยความเหนื่อยหอบก่อนจะพูดว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เจ้าหนี้มาถึงแล้ว ผิงอันจึงสั่งให้ข้ามาเชิญท่านไป!”

 

“อืม… ไปกันเถอะ!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเดินมายังบ้านของเฉินผิงอัน แต่ก็ไม่ได้ทําให้หลงเยวรู้สึกกลัวแต่อย่างใด

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน มาที่นี่เพื่ออะไรกัน? เอาล่ะ แต่ในเมื่อมาแล้วก็จงเป็นพยานให้เราเถิด อย่างที่ท่านทราบ.. เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกหนี้จะต้องคืนเงินเจ้าหนี้! ข้าไม่ ได้มาเพื่อทําร้ายใคร!”

 

หลงเยวยิ้มอย่างมีเลสนัย หัวหน้าหมู่บ้านรู้ดีว่าคนเช่นนี้งยิ้มมากเท่าไหร่ ยิ่งมีอันตรายมากเท่านั้น!

 

“เฉินผิงอัน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าไม่มีใครรวยเพราะการพนัน? แต่เจ้ากลับเล่นจนเป็นหนี้ เช่นนั้นแล้วข้าคงช่วยอะไร ไม่ได้!”

 

เฉินผิงอันรีบวิ่งไปคุกเข่าลงตรงหน้าเขาทันที “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน จําที่เราตกลงกันเมื่อวานได้หรือไม่?! ข้าจะขายเฉินเฉินให้กับเถียนเถียนและขอให้นางช่วยจ่ายหนี้ให้!” 

 

สายตาเหยียดหยามของอีกฝ่ายทําให้เฉินผิงอันอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจ!

 

“คิดดูเถิด เฉินเฉินเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้า! หากขายเขาให้หยุนเถียนเถียนไปแล้ว ก็จงอย่าได้รบกวนนา งอีก!”

 

เฉิงผิงอันพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว เพราะอยากรีบขายเฉินเฉินเพื่อจบเรื่องนี้!

 

“อันที่จริงเจ้าไม่จําเป็นต้องทําเช่นนี้ เพราะเจ้าสามารถขายที่ดินในครอบครองเพื่อใช้หนี้ได้ เจ้ามีที่ ดินมากมายไม่ใช่หรือ?!”

 

“ทําแบบนั้นไม่ได้! หากขายไปข้าก็ไม่มีที่อยู่!และหากขายไปแล้วข้าจะเอารายได้มาจากที่ไหน?!”

 

เฉินผิงอันไม่เคยคิดจะขายที่ดินตั้งแต่แรก! เพราะเด็กน้อยเอาแต่คิดถึงพี่สาวของตนจึงไม่มีเหตุผลที่จะเลี้ยงดูเขาอีกต่อไป! หากขายเขาไปและเก็บที่ดินไว้คงจะมีประโยชน์กว่า!

 

แม้หัวหน้าหมู่บ้านจะพยายามเกลี้ยกล่อมเฉินผิงอันแต่เขาก็รู้ดีในใจว่าเฉินเฉินจะมีอนาคตที่ดีหากได้อยู่กับพี่สาวทว่าหากยังอยู่กับสองคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาจะเติบโตไปได้ แค่ไหน?

 

“หากเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะถามลูกชายของเจ้าและเถียนเถียนว่าพวกเขายอมรับข้อตกลงนี้หรือไม่?!”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มีการขายลูกในหมู่บ้าน ทุกคนจึงให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่งและมุ่งเข้ามารุมล้อมบ้านของห ยุนเสียนเถียนเพื่อรับชมเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด!

 

หยุนเถียนเถียนที่กําลังนั่งเย็บผ้าอยู่หน้าบ้านเห็นผู้คนมากมายต่างรายล้อมเข้ามา จึงรู้ทันทีว่าหลินชวนฮวาต้องวางแผนทําอะไรสักอย่างแน่

 

เพื่อรักษาภาพลักษณ์แห่งความใสซื่อ หนุนเถียนเถียนจึง แสร้งลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน… พวกท่านมาทําอะไรกันหรือ?”

 

หลินชวนฮวาไม่ได้ตกลงอะไรกับหยุนเถียนเถียนมาก่อนและกลัวว่าคําโกหกของตนจะถูกเปิดเผยจึงรีบก้าวไป ข้างหน้าทันที “เถียนเถียน!เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าต้องการซื้อเฉินเฉินเพื่อช่วยชีวิตพ่อเจ้า!”

 

เด็กสาวผู้อ่อนแอที่เคยถูกทารุณค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและเผยให้เห็นความงามอันไร้ที่ติ! ดวงตาของเฉินผิงอันเปล่งประ กายอย่างชั่วร้ายพลางกระซิบหลงเยาว่า “ไม่!ข้าจะไม่ขาย ลูกชายแล้ว! ท่านสนใจรับหญิงผู้นี้ไปแทนเงินที่ข้ายืมมาไหม?”

 

หลงเยวมองหยุนเถียนเถียนด้วยความพึงพอใจก่อนจะพยักหน้า “หากเป็นหญิงผู้นี้ ก็เหมาะสมที่จะซื้อในราคาเจ็ดสิบตําลึง!”

 

หยุนเถียนเถียนหัวเราะถิ่น “เฉินผิงอัน… ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปว่าเราทั้งสองตัดขาดสัมพันธ์กันไปนานแล้ว!เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงจะมาขายข้าขัดดอก?”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจ้าอยากจะขายข้าก็สายเกินไปแล้ว! เพราะหลินชวนฮวาขายข้าให้หยุนเคอในราคาห้าสิบตํา ถึง! เจ้าไม่รู้เรื่องสั้นหรือ?”

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 117 ลอบวางเพลิง

 

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินอย่างนั้นก็พลันตื่นตระหนกยิ่ง!

 

เขาชี้หน้าเฉินผิงอันพร้อมตะโกนสาปแช่ง “เหิมเกริมขี้นทุกวัน! นางหยุนทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้แต่เจ้ากลับโปรยเล่นราวกับดอกไม้! ทั้งยังไปกู้ยืมมาเล่นพนันจนต้องขายลูกชายใช้หนี้! ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!”

 

แม้เฉินผิงอันจะทําผิด เขาก็รู้สึกไม่พอใจที่ต้องโดนต่อว่า แต่เนื่องจากยังต้องพึ่งพาหัวหน้าหมู่บ้านอยู่เขาจึงทําได้เพียงกัดฟันอดทนเท่านั้น

 

หลินชวนฮวาทําได้เพียงเกลี้ยกล่อมสามีและพูดว่า “แม้จะไม่ชอบก็จงอดทนไว้! หากพวกเจ้าหนี้มาถึง เฉินเอ๋อก็อาจถูกพาตัวไปได้ ส่งตัวเขาให้อยู่กับพี่สาวจะดีกว่า…. อย่างน้อยก็ทําให้อยู่กับเราได้นานขึ้น”

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้ดีว่าหยุนเถียนเถียนกําลังคิดอะไรอยู่ เพราะเด็กสาวต้องการให้น้องชายหลุดพ้นจากความทุกข์ และเมื่อหลินชวนฮวามาขอยืมเงิน นางจึงออกอุบายเสนอให้ขายลูกชายทันที

 

เมื่อคราที่เฉินเฉินหมดสติลงมาจากภูเขาและเข้าพักในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาถอดเสื้อผ้าให้เด็กน้อยและพบว่ามีร่องรอยบาดแผลมากมาย อีกทั้งร่างกายยังซูบผอมมีเพียงกระดูกโผล่พ้นผิวหนัง

 

เฉินเฉินเป็นเด็กอายุเจ็บขวบ แต่ร่างกายกลับซูบผอมกว่าเด็กวัยห้าขวบในหมู่บ้านเดียวกันเป็นอย่างมาก! เป็นไปได้ว่าครอบครัวเฉินไม่เคยดูแลหรือใส่ใจเด็กน้อยผู้นี้เลย 

 

“ผิงอัน! ในเมื่อเจ้าตัดสินใจทุกอย่างถี่ถ้วนแล้วก็จงลงนามในสัญญาการซื้อขายเสียและข้าจะเป็นพยานให้! แต่หากเจ้าขายลูกไปแล้วก็จะไม่มีวันเรียกร้องคืนได้แม้จะเสียใจในอนาคต! พวกของหลงเยวจะมาเมื่อไหร่?”

 

เฉินผิงอันตอบด้วยใบหน้าเย็นชา “พรุ่งนี้แล้ว!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “พรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ ยังมีเวลาคิดอีกหนึ่งวัน หากเจ้าขายลูกชายคนนี้ไปแล้วจริง ๆ แม้จะอยากได้เขาคืนเพียงใดก็จะไม่มีสิทธิ์ และทุก ๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับเฉินเฉินถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของเถียนเถียนผู้เดียว!”

 

เฉินผิงอันถามด้วยความโกรธเคืองทันที “แต่ไม่ว่าอย่างไร เด็กนั้นก็ไม่กลับมาหาเราอยู่ดี! ขายเขาเพื่อแลกเงิน ยังดีกว่าปล่อยให้พวกเจ้าหนี้มาหักขาข้าไปไม่ใช่หรือ? ข้าทั้งสองให้กําเนิดและเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ การขายเขาเพื่อใช้หนี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณที่ข้าต้องได้รับไม่ใช่หรือไร?”

 

แม้ชายผู้นี้จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของตระกูลเฉินจึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไรมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดเรื่องฟ้องร้องระหว่างบิดาผู้ให้กําเนิดและลูกก็อาจเป็นเรื่องใหญ่จนไปถึงหูท่านผู้เฒ่า เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่ง่ายที่จะรับมือ แน่นอนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะยิ่งไปกันใหญ่!

 

เด็กที่ถูกทารุณอย่างหนักกําลังจะถูกขาย หัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องรีบตัดสินใจเพราะหากปล่อยให้เรื่องนี้ไปถึงหูท่านผู้เฒ่าคงไม่ดีแน่

 

“เอาล่ะ หากพวกเจ้าหนี้มาในวันพรุ่งนี้ก็จงพามาหาข้า! แต่เจ้าจงไตร่ตรองให้ดีและจําไว้ว่าหากตัดสินใจอะไรแล้ว ย่อมไม่มีวันแก้ไขได้!”

 

เฉินผิงอันพยักหน้ารีบและหันหลังกลับด้วยคิดที่จะจากไป

 

ทันใดนั้น หัวหน้าหมู่บ้านจึงพูดขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด “จงแต่งงานกับหญิงที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม! ดูเถิด… ตั้งแต่แต่งงานกับหญิงผู้นี้ชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? แม้ในสายตาเจ้านางจะเป็นหญิงที่อ่อนโยนและดีงาม แต่เจ้าควรฟังสิ่งที่ผู้อื่นเตือนด้วย!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจ้องมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความขุ่นเคืองใจทันที

 

เพื่อไม่ให้เฉินผิงอันคิดมาก หลินชวนฮวาจึงรีบก้าวเข้าไปคว้าแขนของเขาพร้อมกล่าวคํา “กลับกันเถิด กลับไปคํานวณถึงหนี้สินที่เราต้องจ่ายในวันพรุ่งนี้กันดีกว่า”

 

เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง เขาไม่ได้ใส่ใจต่อคําพูดของหัวหน้าหมู่บ้านเลย! เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วหัวหน้าหมู่บ้านได้แต่ส่ายหัวด้วยความเวทนา!

 

แม้เฉินผิงอันจะติดพนัน แต่ในเวลานี้เขากักขังผีพนันในใจไว้แน่นเพราะยังคงเป็นกังวลต่อสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เช่นนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่ไปบ่อย..

 

เฉินผิงอันครอบครองหลินชวนฮวาได้เพียงกาย แต่ใจของนางยังคงกังวลถึงเย่วชิวไฉที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเทพธิดา อีกทั้งในตอนนี้นางยังไม่สามารถหาเวลาออกไปพบเขา

 

แม้เฉินผิงอันจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าต้องการขายเฉินเฉิน ทว่าภายในใจของเขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เฉินเฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ด้วยซ้ำ หากเขาแก่ตัวไปจะสามารถไว้ใจเฉินเฉิงเยี่ยได้จริงหรือ?

 

“ชวนฮวา ปีหน้าเฉินเฉิงเยี่ยจะได้รับการเลื่อนขั้นจริง ๆ หรือ?”

 

หลินชวาฮวาที่ยังคงพะวงถึงชายผู้เป็นที่รักตอบกลับด้วยน้ำเสียวนุ่มนวล “สามี ไม่ต้องกังวล ข้าได้ยินเฉิงเยี่ยบอกว่าขุนนางชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก ปีหน้าหลังจากที่ได้ ร่ำเรียนวิชาจนเก่งแล้วลูกก็จะเข้าสอบเลื่อนขั้นทันที”

 

คําพูดของหลินชวนฮวาทําให้เฉินผิงอันมั่นใจมากขึ้น ตอนนี้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ลูกเลี้ยงและรู้สึกว่าเฉินเฉินนั้นไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเดิม!

 

หลังจากทําอาหารเย็นเสร็จ หลินชวนสบโอกาสและแอบไปที่ภูเขาเมื่อเฉินผิงอันหลับ

 

ทันทีที่มาถึง ทั้งสองร่วมรักกันอย่างมีความสุข จากนั้นหลินชวนฮวาจึงเอนกายลงในอ้อมแขนของเย่วชิวไฉและจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยความอิ่มเอม!

 

“สามีข้า… พรุ่งนี้หลังจากได้เงินแล้วเราจะหนีไปด้วยกัน แต่ระหว่างนี้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยเตรียมพื้นไว้ ก่อนจากไปเราต้องแก้แค้นนังเด็กขี้ครอกนั้นเสียก่อน ข้าจะเผาบ้านนางเสีย… เพราะหากไม่มีนางชีวิตของข้าคงไม่เป็นเช่น

 

เย่วชิวไฉลูบหัวนางพร้อมพูดเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม! ไม่เพียงแก้แค้นนังเด็กนั่น แต่ข้าต้องเอาคืนเจิ้นผิงอันด้วย!”

 

หลินชวนฮวาหันขวับด้วยความตกใจ “เฉินผิงอันเป็นผู้ใหญ่ เขาจะตายตกเพียงเพราะสําลักควันได้หรือ? ชิวไฉ… ข้าว่าคงจะดีไม่น้อยหากเราจุดไฟเผาเขาทั้งเป็นและแสร้งทําราวกับว่าเป็นอุบัติเหตุ… ทว่าหากเราเผาทั้งสองบ้านข้าเกรงว่าจะวุ่นวายกันไปทั้งเมือง!”

 

เย่วชิวไฉผลักหลินชวนฮวาออกด้วยความหงุดหงิด “อะไรนะ? เจ้าไม่อยากทําอย่างนั้นหรือ? เจ้าทุกข์มานานหลายปีตลอดเวลาที่อยู่กับมัน แต่เจ้ากลับลังเลใจ เอาเป็นว่าข้าจะยอมปล่อยมันไปก็ได้!”

 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตจนทําให้หลินชวนฮวาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

 

“ข้ามิใช่ไม่ยินยอม…ข้าเพียงกลัวว่าเจ้าจะเดือดร้อน!” 

 

เย่วชิวไฉถอนหายใจอย่างเย็นชา “ในเมื่อตั้งใจจะฆ่าอยู่แล้ว เหตุใดต้องกลัวเดือดร้อน? หลินชวนฮวา… ทางเดียวที่จะทําให้ผู้คนลืมว่าเจ้าเคยเป็นเมียใครคือการทําให้ชาวผู้นั้นหายไป! เข้าใจไหม? ข้าทําทั้งหมดก็เพื่อเจ้า!”

 

หลินชวนฮวาใจเต้นทันที่ที่ได้ยิน ดูหมือนว่าเย่วชิวไฉจะต้องการมีชีวิตใหม่ที่ดีกับนางจริง ๆ สิ่งที่นางรอคอยมาตลอดหลายปีไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 116 หัวหน้าหมู่บ้าน

 

“ผิงอัน! เขาก็เป็นลูกชายของข้าเช่นกัน แต่ข้าไม่ต้องการเขาแล้ว! เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงมาอย่างไร้ประโยชน์ อกตัญญูและยังเลือกที่จะอยู่กับหญิงนั้น เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะยอมถูกตัดขาเพราะเด็กไม่รู้จักบุญคุณหรือ?!”

 

“ผิงอัน… เจ้าไม่รู้หรือว่าคนของหลงเยวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?! มีคนในหมู่บ้านนี้เป็นหนี้เขาห้าตําลึง แต่ผ่านไปสามวันกลับโดนคิดดอกเบี้ยเป็นสิบตําลึง! เมื่อถึงวันที่พวกเขามาตามทวงหนี้และชายผู้นั้นไม่มีจ่าย เขาก็โดนตัดมือและคนในครอบครัวยังถูกจับตัวไป!”

 

“เพราะคนพวกนั้นติดสินบนให้กับตํารวจและหน่วยงานราชการ จึงไม่มีใครเข้าจัดการกับเรื่องนี้ได้! หากเจ้าไม่ขายเฉินเอ๋อ…. เมื่อพวกเขามาก็จะจับตัวลูกไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็จะถูกจับตัวไปด้วย!”

 

“หากเราถูกพาตัวไป ทุกอย่างก็อาจจบลงโดยการถูกฆ่า แต่หากเจ้ายอมขายเฉินเอ๋อให้เถียนเถียน… ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป! ประการแรก เจ้าก็จะได้มีเงินไปใช้หนี้ และประการที่สอง ลูกจะมีอนาคตที่ดีขึ้นเพราะนาง!”

 

เมื่อหลินชวนฮวาอธิบายทุกอย่างที่คิดว่าจะทําให้เฉินผิงอันเข้าใจได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจึงถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อยก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง

 

เฉินผิงอันรู้สึกกระวนกระวายและไม่เต็มใจที่จะขายเฉินเฉิน อีกทั้งยังไม่ต้องการให้หยุนเถียนเถียนดูถูก! 

 

แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากหยุนเถียนเถียนที่จะช่วยเขาได้!

 

“ชวนฮวา เหตุใดหญิงผู้นั้นจึงต้องการซื้อตัวเฉินเฉินเล่า?”

 

หลินชวนฮวาที่กําลังจะคล้อยหลับต้องถูกเฉินผิงอันปลุกเพื่อให้ลุกมาตอบคําถามนี้

 

แม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลินชวนฮวาก็แสร้งตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เพราะเฉินเอ๋อจะถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเมื่ออยู่กับนาง อีกทั้งข้าว่าเราคงเลี้ยงลูกให้กินอิ่มนอนอุ่นไม่ได้ปล่อยให้เขาได้อยู่กับพี่สาวเถิด!”

 

“มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านที่ออกจากอกพ่อแม่ไปแล้วสุขสบายบ้าง? อีขี้ครอกนั้นต้องกลั่นแกล้งลูกเราแน่!”

 

หลินชวนฮวาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดอย่างจริงจัง “ผิงอัน ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล! ทุกวันนี้เพราะเขายังเป็นเด็ก เราจึงยังสามารถเลี้ยงดูได้! แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นในขณะที่สถานการณ์ทางการเงินของเรายังเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้! หากมีใครสักคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเลี้ยงดูลูก… มันไม่ดีหรือ?!”

 

“หญิงผู้นั้นบอกว่าให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยาน ต่อให้เราไม่รับเงินจากนาง ลูกก็ไม่อยากกลับมาหาเราอยู่ดี เช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร?! นอกจากนี้ เฉินเฉิงเยี่ยก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมามากและยังกตัญญ เราสามารถพึ่งพาเขาได้ยามแก่เฒ่า แต่เด็กน้อยผู้นั้นเราอาจไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ เช่นนั้นแล้วขายเขาไปเสียดีกว่า!”

 

เฉินผิงอันตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่จะกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา!

 

ทันใดนั้นหลินชวนฮวาตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ค่อยดีนักจึงรีบลุกขึ้นแก้ตัวทันที “จริงอยู่ที่หญิงผู้นั้นหาเงินได้มากมายโดยการทําดอกไม้ขาย แต่ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มหันมาค้าขายในสิ่งเดียวกันกับนาง! และแม้นางจะใกล้ชิดกับคนปาผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์เพื่อนําไปขาย แต่ก็ย่อมมีรายได้ที่ลดลงในอนาคต”

 

“หลังจากนั้นนางก็จะพบว่าการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และแน่นอนว่านางต้องส่งเฉินเฉินคืนมาให้เรา! เมื่อถึงเวลานั้นลูกก็จะกลับมาอยู่ในอ้อมแขนเราไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักลูก แต่ข้าวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว เพื่อให้ทั้งเราและเขามีชีวิตที่ดีขึ้น!”

 

“หากรอให้พวกเจ้าหนี้มาจับตัวข้าและลูกไป ข้าทั้งสองอาจถูกส่งไปเป็นทาสที่ไหนสักแห่ง! แน่นอนว่าจะไม่มีวันถูกปล่อยออกมาง่าย ๆ และเราอาจไม่ได้เจอกันอีก!”

 

คําพูดของหลินชวนฮวาทําให้เฉินผิงอันรู้สึกผิดและเจ็บปวดยิ่ง!

 

หลังจากที่ได้ยินหลินชวนฮวาพูดเช่นนั้น เฉินผิงอันจึงยอมแพ้และเลือกที่จะเก็บรักษาขาและแขนของตนไว้

 

และคําพูดของหญิงผู้นี้ก็เปรียบดังข้ออ้างที่สามารถปลอบโยนหัวใจของเฉินผิงอันได้!

 

“พรุ่งนี้ข้าจะไปหาท่านหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ผิงอัน แน่นอนว่าคนในหมู่บ้านจะพูดถึงเจ้าในทางที่ไม่ดีเพราะเรื่องที่เจ้าตัดสินใจขายลูกชาย”

 

“แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องมีชีวิตอยู่และมีหวังในทุกสิ่ง! สามี.. คิดดูเถิด หากเจ้าเสียขาทั้งสองข้างไปเราจะทําอย่างไรเล่า?! เพราะเจ้าคือเสาหลักของครอบครัว!”

 

คําเหล่านี้นับเป็นคําปลอบโยนที่ยอดเยี่ยมสําหรับเฉินผิงอัน!

 

วันต่อมา เฉิงผิงอันแทบรอคอยการไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ไหว!

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกกระวนกระวายในทันที เพราะเขาไม่รู้ว่าเฉินผิงอันมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านช่วยข้าได้!”

 

แววตาของหัวหน้าหมู่บ้านทอประกายวูบไหวเพียงครู่ก่อนกลับเป็นปกติ

 

เฉินผิงอันเป็นที่เกลียดชังของคนในหมู่บ้าน แม้เขาจะเป็นเพียงชายชนบทธรรมดาที่เต็มไปด้วยความโง่เขลาและซื่อตรง แต่ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวจนทําให้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้ในตอนนี้ ข้ารู้ว่าข้าเป็นเพียงชายสารเลว แต่หากท่านช่วยข้าในครั้งนี้ข้าจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้นอย่างไม่อดทน “เจ้ามาร้องขอความช่วยเหลืออะไรตั้งแต่เช้า?! ไหนลองบอกมาสิว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

 

หลินชวนฮวารู้ดีว่าเฉินผิงอันไม่กล้าพูด จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดแทนเขาอย่างไร้ยางอาย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน สามีของข้านั้นเป็นคนโง่เขลา! เค้าติดการพนันเป็นอย่างมากจนต้องยืมเงินผู้อื่นมากมายเพื่อเดิมพัน! ท่านก็รู้ใช่หรือไม่ว่ารายได้ของเราไม่ได้มากมายอะไรและส่วนใหญ่ก็มาจากค่าเช่าที่ดิน ดังนั้นการติดเงินดอกในบ่อนพนันจึงถือเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง!”

 

ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่คาดคิดว่าเฉินผิงอันจะติดพนันเสียจนต้องยืมเงินเพื่อใช้เดิมพัน!

 

“เจ้าจะให้ข้าช่วยได้อย่างไร? จริงอยู่ที่ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ครอบครัวของข้าก็เป็นเพียงเกษตรกรและไม่ได้รวยไปกว่าเฉินผิงอันมากนัก หากข้าช่วย พวกเจ้าจะมีปัญญาจ่ายคืนข้าหรือ?”

 

หลินชวนฮวาจึงรีบก้าวออกไปและกล่าวว่า “แม้เราจะมั่นใจ แต่ก็ไม่กล้ารับปากว่าจะสามารถจ่ายคืนท่านได้ การยืมเงินในสมัยนี้เป็นเรื่องยาก มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้คือเถียนเถียน!”

 

“เพราะนางเคยเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรามาก่อน และยังเรียกเฉินผิงอันว่าพ่อมานานหลายปี ข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากนาง! แต่หญิงผู้นี้มีใจโหดเหี้ยมนัก แม้นางจะมีเงินมากมายแต่ก็ไม่เต็มใจที่จะมอบให้เรา เช่นนี้ข้าจึงต้องขายเฉินเอ๋อให้นางและต้องขอให้ท่านช่วยเป็นพยานให้!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 115 ไม่มีทางหาเงินได้

 

หลินชวนฮวารู้สึกว่าเหลือเวลาอีกหลายวัน ตอนนี้จึงคิดปลอบใจผู้เป็นสามีก่อน

 

“สามี ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาทําอะไรเจ้าแน่!”

 

หลินชวนฮวากล่าวย้ำอย่างจริงจัง “ตอนนี้ใจเย็นก่อนเถิด ข้าจะไปยืมคนในหมู่บ้านให้!”

 

เฉินผิงอันพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

 

เมื่อรู้สึกผ่อนคลายแล้วเฉินผิงอันจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความสบายใจ หลินชวนฮวาเห็นภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ารังเกียจออก

 

อันที่จริงนางไม่จําเป็นต้องขอยืมใคร เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครยอมให้เฉินผิงอันยืมเงินแน่ ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงไม่คิดทําเช่นนั้นและออกไปนอกหมู่บ้านทันที!

 

เพราะเย่วชิวไฉกําลังรออยู่

 

เมื่อเห็นหลินชวนฮวาเดินออกมา เย่วชิวไฉรีบเข้ามาทักทาย “ชวนฮวา เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

หลินชวนฮวาตอบกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ไอ้โง่เฉินผิงอันสร้างเรื่องให้ข้าไม่รู้จบ! ข้าจะทิ้งเขาไว้ที่บ้านสองวันโดยไม่ให้รับรู้เรื่องราวอะไรจากใครทั้งนั้น! พรุ่งนี้ข้าจะขายเฉินเฉินเสีย เพราะเป็นวิธีเดียวที่หาเงินได้ง่ายที่สุดแล้ว!” 

 

แม้เย่วชิวไฉจะไม่สนใจว่าหลินชวนฮวาจะมีลูกกับเฉินผิงอันหรือไม่ แต่ยังไงซะเรื่องนี้มันก็ยังคอยตามกวนใจไม่ยอมให้เขามีความสุขเสียที แต่เพราะความกระวนกระวายใจนี้จึงทําให้เขารู้ใจตัวเองว่าหลินชวนฮวาสําคัญต่อเขามากเพียงใด!

 

“ชวนฮวา แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้าไม่มีทางเลือกอื่น แต่ในใจของข้ายังคงคับข้องใจ… เหตุใดเจ้าจึงมีลูกกับเขา?”

 

หลินชวนฮวาขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นเย่วชิวไฉผู้เป็นที่รักกําลังเศร้า จึงอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยน 

 

“เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าหากข้าไม่ยอมมีลูกกับเขา ก็จะไม่มีวันถูกยอมรับและตั้งหลักที่หมู่บ้านนั้นได้ และเฉิงเยี่ยก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ! แต่ไม่ต้องกังวลไป หากไม่ใช่ลูกของเจ้า ข้าก็ไม่ต้องการเก็บไว้ใกล้”

 

“ขายให้อีขี้ครอกนั่นดีไหม? หากนางซื้อเด็กคนนี้ไปแล้ว เสียนหนามของเราก็จะหมดไป และตราบใดที่เฉินเอ๋อหายไป ครอบครัวเราสามคนก็จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า!”

 

ชิวไฉไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่กระซิบกลับอย่างแผ่วเบา “ข้ารู้ว่าข้ามิอาจตําหนิเจ้าได้ในเรื่องนี้ แต่ข้าเพียงไม่เข้าใจว่าเจ้าต้องอดทนทําเพื่อลูกของเราถึงเพียงนี้เลยหรือ?! ผู้ชายบ้านนอกอย่างเฉินผิงอันจะคู่ควรกับเจ้าได้อย่างไรกัน?”

 

หลินชวนฮวาพยักหน้าพลางปลอบโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ตําหนิข้า! แต่หากเราไม่ขายเฉินเฉินตอนนี้และปล่อยให้พวกเขารู้ตัว อีขี้ครอกนั่นก็จะเล่นไม่ซื้อกับข้าได้ ดังนั้นข้าต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดี!”

 

เย่วชิวไฉเฝ้าดูหลินชวนฮวาเดินกลับไปในหมู่บ้าน โดยที่ตนเองกลับไปซ่อนตัวอยู่ในป่าดังเดิม

 

หญิงชั่วผู้นี้ หากนางยังสาวและยังสวย เย่วชิวไฉคงจะพึงพอใจในตัวนางมากกว่านี้หลายเท่า!

 

ย้อนกลับเมื่อหลายปีก่อน เขายอมแต่งงานกับนางเพียงเพราะความงามเท่านั้น! หลินชวนฮวาไม่มีดีอะไรเลยและพฤติกรรมยังไม่ต่างอะไรจากโสเภณีในซ่อง!

 

เย่วชิวไฉไม่ได้รักหลินชวนฮวามากมายถึงเพียงนั้น เพราะเมื่อตอนที่เขาก่อเหตุฆาตกรรมในซ่องครา หลินชวนฮวาโกรธมากจนพาลูกชายหนีและไปแต่งงานใหม่ เย่วชิวไฉใช้เวลาอยู่นานกว่าจะขจัดความรู้สึกคับค้องใจที่มีต่อหญิงผู้นี้ไปได้

 

การจะเกลี้ยกล่อมใครสักคนเพื่อใช้ประโยชน์จําเป็นต้องรักด้วยเหรอ? แน่นอนว่าไม่! หลังจากหลายปีผ่านไป ความงามของหญิงผู้นี้ก็ถดถอยลงเหลือทิ้งไว้เพียวความเหี่ยวย่นจนไม่น่ามอง!

 

เย่วชิวไฉไม่ได้สนใจหรือรักใคร่หญิงแก่เช่นหลินชวนฮวาเลย เพียงแต่ตอนนี้ชื่อเสียงและความสามารถของเขาลูกกําจัดไป ดังนั้นในฐานะชายขี้คุกเขาจึงต้องทําทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด!

 

แม้หลินชวนฮวาจะค่อนข้างแก่ แต่นางก็เต็มใจช่วยเหลือและเดินทางไปมาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังหลอกเอาเงินของเฉินผิงอันเพื่อมาเลี้ยงดูเขา… นี่คือสิ่งที่สําคัญที่สุด

 

และเฉิงเยี่ยผู้ซึ่งเป็นลูกชายของเย่วชิวไฉก็เรียนเก่ง หากลูกชายประสบความสําเร็จก็อาจต่อสู้และพลิกคดีให้เขาได้ และเขาจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอีกครั้ง

 

หลินชวนฮวามีประโยชน์เพียงเพื่อใช้หลอกเอาเงินเฉินผิงอันมาให้เขาเท่านั้น หลังจากที่ได้รับเงินก้อนสุดท้ายแล้ว เย่วชิวไฉจะพาลูกชายหนีไปตั้งรกรากที่เมืองอื่น!

 

แน่นอนว่าเย่วชิวไฉไม่ได้นึกถึงหลินชวนฮวาในความคิดหรือแผนการแห่งอนาคตของเขาเลย!

 

ก่อนเข้าบ้านหลินชวนฮวาแสร้งกระวนกระวายด้วยท่าทีโมโหร้าย!

 

เฉินผิงอันได้ยินการเคลื่อนไหวที่ประตูจึงมองไปและเห็นว่าหลินชวนฮวากําลังเดินเข้ามาด้วยท่าที่ไม่พอใจ!

 

“สามี ข้าขอโทษ ชาวบ้าน… พวกเขารู้สึกว่าเงินมันมากเกินไป พวกเขายังต้องจ่ายค่าเช่าให้กับเราจึงไม่มีเงินมากพอที่จะให้ยืมได้!”

 

เฉินผิงอันตกตะลึงพร้อมเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา

 

“หากไม่มีเงินคืนพวกเขา ข้าจะทําอย่างไร?

 

หลินชวนฮวามองไปรอบ ๆ และพูดต่อ “จริง ๆ แล้วยังมีคนรวยอีกคนที่ช่วยเราได้! เถียนเถียนขายดอกไม้ในเมืองมาระยะหนึ่งแล้วน่าจะเก็บเงินได้มากโข แต่ขากลัวว่านางจะไม่ยอมช่วยเรา…”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันจึงลุกขึ้นทันที “ข้าเลี้ยงดูนางในฐานะลูกมาหลายปี ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้นางจะไม่ยอมช่วยข้าเลยหรือ?!”

 

หลินชวนฮวาพูดต่อด้วยความลังเล “เฉินเอ๋อไปอยู่กับพี่สาวของเขาและรู้สึกไม่อยากกลับมา ข้าบอกนางไปแล้วว่าจะเอาตัวเขาไปไม่ได้ แต่นางไม่ยอมฟัง หลังจากที่ข้าอ้อนวอนอยู่นาน หยุนเถียนเถียนจึงเสนอว่าให้ขายเฉินเฉินให้นางโดยไม่สนใจว่าเขาจะเกี่ยวพันกับเราอย่างไร! ยิ่งไปกว่านั้น การขายลูกคนนี้จะทําให้เรามีเงินใช้หนี้ได้!”

 

แต่ชายชนบทผู้โง่เขลากลับรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที “ไม่ได้! เฉินเฉินเป็นลูกชายแท้ ๆ ของข้า หากขายเขาไป ข้าคงกลายเป็นพ่อผู้อํามหิตในสายตาชาวบ้าน!”

 

หลินชวนฮวาแสยะยิ้มในใจ โง่เขลาและเห็นแก่ตัวมาทั้งชีวิตแต่กลับรักลูกชายขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?! กลัวชาวบ้านจะคิดว่าตนเป็นพ่อผู้อํามหิตงั้นเหรอ?! ก็ดี นับว่าเป็นประโยชน์ต่อแผนการของข้าไม่น้อย!”

 

“จริงอยู่ที่เด็กคนนั้นเป็นลูกของข้าเช่นกัน แต่ผิงอัน… เจ้าคือหัวใจของข้า! การที่หยุนเถียนเถียนกล้าพูดแบบนั้น แสดงว่านางมีเงินมากพอที่จะจ่ายเราได้!”

 

“แต่ในเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นมีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ย่อมไม่มีทางที่นางจะปฏิบัติต่อลูกของเราในทางที่ไม่ดี! หากขายเขาไปเราจะได้เงินมาเพื่อใช้หนี้! แต่หากเราตัดสินใจที่จะไม่ขาย เฉินเฉินก็ไม่มีทางกลับมาหาเรา!”

 

เฉินผิงอันเริ่มเปลี่ยนใจแต่ก็ยังมีความลังเล “แต่นั่นคือลูกของข้า ถ้าขายเขา ไม่! หลินชวนฮวา! มันต้องมีวิธีอื่นสิ ต้องมีวิธีอื่น!”

 

หลินชวนฮวารู้สึกหงุดหงิด เก็บไว้แล้วคิดว่าจะดูแลเขาได้หรืออย่างไร? ที่ผ่านมาไม่เคยแยแส แต่ตอนนี้กลับรู้สึกรักลูกขึ้นมางั้นเหรอ? เจ้ารู้ตัวช้าไปแล้ว!”

 

ตอนที่ 114 หนี้สิน

 

หลินชวนฮวาตระหนักได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องการขายลูกชายในตอนนี้ เพราะไม่ว่าเฉินผิงอันจะโกรธหรือเกลียดเฉินเฉินเพียงใดก็คงไม่ใจร้ายถึงขนาดตัดสินใจขายลูกชายในสายเลือดได้!

 

ส่วนเฉินผิงอันรู้สึกไม่พอใจต่อการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ยิ่ง แต่ตามหลักแล้วนักพนันล้วนต้องการชนะ ยิ่งแพ้ยิ่งต้องแก้มือ!

 

แม้เฉินผิงอันจะรู้ว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี แต่เมื่อชายคนหนึ่งมาเรียกในเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ตัดสินใจไปกับชายผู้นั้นทันที

 

หลินชวนฮวาเดินทางเข้าเมืองพร้อมกับเฉินผิงอัน เพื่อมาหาเย่วชิวไฉที่กําลังรออยู่ในตรอก

 

เย่วชิวไฉเคยเป็นชายที่มีพรสวรรค์ แต่เนื่องจากเขาก่อเหตุฆาตกรรมในซ่องจึงทําให้ชื่อเสียงและความสามารถของเขามลายไป และกลายเป็นเพียงนักโทษแหกคุกเท่านั้น! 

 

นักโทษแหกคุกจะหาสหายได้จากที่ไหน? แน่นอนว่าต้องเป็นพวกอันธพาลในบ่อน ในบ่อนมีคนทุกประเภททั้งดีและชั่วเพราะสถานที่แห่งนี้ล้วนไม่มีใครเลือกปฏิบัติ!

 

นักโทษแหกคุกนี้นามเดิมของเขาคือเย่วชิว แต่เพราะได้รับการยอมรับจากขุนนางจึงเปลี่ยนชื่อเป็นเย่วชิวไฉ 

 

หลินชวนฮวาเข้ามาในเมืองพร้อมเฉินผิงอันเพื่อให้ง่ายต่อการหาข้ออ้าง!

 

ไม่เคยมีใครรวยจากการเล่นพนัน ไม่ว่าเฉินผิงอันจะแพ้หรือชนะย่อมมีเจ้าของบ่อนเป็นผู้ควบคุมอยู่เบื้องหลัง ซึ่งคนเหล่านี้รู้จักหลักการและความคิดของนักพนันเป็นอย่างดี!

 

การพนันบ้างก็แพ้ บ้างก็ชนะ เมื่อชนะก็จะมีแรงกระตุ้นทําให้อยากชนะอีก แต่เมื่อแพ้ก็รู้สึกอยากแก้มือจนเทหมดหน้าตัก! ทุกอย่างในบ่อนล้วนดําเนินด้วยวัฏจักรนี้ทั้งสิ้น

 

เฉินผิงอันใช้เวลาในบ่อนทั้งวันจนสูญเงินทั้งหมดที่มี!

 

เฉินผิงอันสูญเสียเงินไปมากกว่าคราก่อนจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน ทันใดนั้นชายผู้หนึ่งซึ่งมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงก็เข้ามาหยุดเขาไว้!

 

“พี่เฉิน… ข้าว่าวันนี้โชคของท่านค่อนข้างดีและเหมาะสมที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งการกอบโกย! เหตุใดจึงรีบกลับนักเล่า? จากที่พี่สูญเสียไปมากมายในวันนี้ ข้าจะให้ยืมเงินเพื่อใช้แก้มือ! พี่สะใภ้คงไม่ว่าอะไรกระมัง!”

 

แม้เฉินผิงอันจะเห็นสีหน้าของภรรยาที่ไม่พอใจ แต่เขาก็นั่งลงอีกครั้ง!

 

นอกจากจะมีบ่อนสําหรับนักพนั้นแล้วยังมีแหล่งเงินกู้อีกด้วย คนเหล่านี้ช่างห่วงใยนักพนันเสียจริง เมื่อรู้ว่าเงินหมดก็จะรีบนํามาส่งถึงประตูบ้านทันที หากนักพนันคนใดยอมรับข้อตกลงได้เงินก็จะกลายเป็นของพวกเขา!

 

แม้เฉินผิงอันจะลังเลแต่ก็ยอมกดลายนิ้วมือยอมรับข้อตกลงภายใต้การยุยงของเอ้อโก่วจื้อ ก่อนจะได้รับเงินไปยี่สิบตําลึงเพื่อใช้สําหรับการแก้มือ!

 

ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใจเสมอ หากมีโชคร้ายเกิดขึ้นก็จะมีโชคดีเช่นกัน และเฉินผิงอันเองก็เชื่อมั่นในคําพูดเหล่านั้น ดังนั้นในการเดิมพันครั้งนี้เขาจึงทุ่มเงินมากกว่าเดิมถึงสองเท่า!

 

แต่หลังจากนั้นไม่นานเงินยี่สิบตําลึงก็หมดไป แต่เดินผิงอันมุ่งมานะและไม่รู้จักยอมแพ้ เขาจึงตัดสินใจยืมเงินจากหลงเยว่เพิ่มอีกทันที!

 

เมื่อเห็นว่าเฉินผิงอันได้รับเงินสามสิบตําลึงแล้ว แน่นอนว่าเจ้าของบ่อนย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ เฉินผิงอันไม่ชนะพนันเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนทําให้เสียเงินราวห้าสิบตําลึงไปภายในพริบตา!

 

และเมื่อแพ้ก็ต้องเดิมพันอีกครั้ง ตอนนั้นเองหลงเยว่ยิ้มจางพร้อมกล่าวคํา “เจ้าจะขอยืมเงินข้าอีกหรือไม่? ไม่ใช่ว่าข้าไม่ให้ แต่หากจะยืมครานี้ต้องมีการจํานอง! หากไม่มีสิ่งใดมาค้ำประกันข้าจะกล้าให้เจ้ายิ้มได้อย่างไร? เพราะพี่น้องที่แพ้พนันก็ต้องการยืมเงินข้าเช่นกัน!”

 

เฉินผิงอันถูมือด้วยใบหน้าแดงก่ำ “นายท่าน.. หากไม่ให้ข้ายืม แล้วข้าจะเอาที่ไหนมาลงเดิมพันเพื่อเป็นการแก้มือและหาเงินมาจ่ายคืนท่านเล่า?”

 

หลงเยว่หัวเราะ “เฉินผิงอัน ข้าเจอผู้คนเช่นเจ้ามามากมาย! เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะชําระหนี้ได้ภายในคืนเดียว! เพราะเจ้าต้องจ่ายเงินทั้งหมดคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย เฉินผิงอัน… ข้ารู้จักที่อยู่ของเจ้า ไม่นานข้าจะส่งคนไปทวงหนี้ที่นั้น!”

 

“หากไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร เจ้าสามารถใช้ลูกและเมียเพื่อขัดดอกได้ แต่จําเอาไว้ว่าข้าให้เวลาเจ้าเพียงแค่สองวันเท่านั้น หากเจ้าหาเงินมาคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ขาและแขนของเจ้าคืนแทนเงินดีไหม? ข้าจะให้ราคาขาข้างละยี่สิบห้าตําลึง เจ้าคิดว่าอย่างไร?!”

 

เฉิงผิงอันตกตะลึง หากขาข้างหนึ่งเท่าเงินยี่สิบห้าตําถึง แสดงว่าเขาจะต้องถูกตัดไปทั้งสองขา ซึ่งหมายความว่าจะต้องนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงไปตลอดชีวิต!

 

“และนี่ยังไม่รวมดอกเบี้ย! หากถึงเวลาเก็บดอกเบี้ยข้าจะเรียกเงินเจ้าเจ็ดสิบตําลึง ซึ่งสามารถแทนได้ด้วยมือทั้งสองข้าง!”

 

หลงเยวจากไปพร้อมเสียงหัวเราะแห่งความสะใจ! เฉินผิงอันแทบล้มทั้งยืนก่อนจะหันไปหาเอ้อโก่วจื้อและพบว่าชายผู้นั้นหายตัวไปแล้ว!

 

เฉินผิงอันกลับบ้านมาด้วยความร้อนใจ ขณะที่หลินชวนฮวายิ้มปริ่มดีใจต่อการกลับมาของสามี!

 

“ชวนฮวา เจ้ายังมีปิ่นปักผมของนางหยุนอยู่หรือไม่? ส่ งมาให้ข้าเสีย ข้าต้องใช้มันเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง!”

 

หลินชวนฮวาหัวเราะเยาะในใจ แต่ยังคงแสร้งก้าวไปข้างหน้าด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมเจ้าต้องใช้ปิ่นในการรักษาชีวิตด้วยเล่า? สามี…เกิดอะไรขึ้น?”

 

เฉินผิงอันหน้าซีดพลันคุกเข่าลงและร้องไห้เสียงดัง “วันนี้ข้าแพ้พนันไปจนหมดจึงตัดสินใจยืมเงินหลงเยว่ห้าสิบตําลึงเพื่อใช้แก้มือ! เขาจะมาที่นี่ในอีกสองวันเพื่อทวงเงินเจ็ดสิบตําลึงพร้อมดอกเบี้ย! ชวนฮวาช่วยข้าด้วย!”

 

หลินชวนฮวาหน้าซีดด้วยความกลัว “แต่… เมื่อวันก่อนเจ้าเพิ่งบอกว่าอยากส่งเฉิงเยี่ยไปเรียนหนังสือในอีกเมืองไม่ใช่หรือ? ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือโดยที่ไม่ต้องใช้เงินมาก แต่เมื่อท่านผู้พิพากษารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ข้าก็ต้องเอาเงินปิดปากเขาเช่นกัน ปิ่นปักผมนั้นมีราคาแพงก็จริง แต่คงใช้จ่ายเพื่อคนทั้งครอบครัวไม่ได้!”

 

เฉินผิงอันกลัวจนสั่นไปทั้งตัว “เมื่อไม่กี่วันข้าเห็นว่าปิ่นปักผมนั้นยังอยู่ใช่หรือไม่?”

 

หลินชวนฮวาน้ำตาคลอ “ข้าขายให้พี่สาวของข้าไปแล้ว ที่เจ้าเห็นเป็นเพียงของปลอมที่ข้าสั่งทําขึ้นมาเพื่อระลึกถึงเฉินเถียนเถียนเท่านั้น!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินผิงอันจึงทรุดลงกับพื้นทันที!

 

เฉินผิงอันไม่คาดคิดว่าหลินชวนฮวาจะหลอกเขาเรื่องถิ่นปักผมมาโดยตลอด แต่ตอนนี้แม้จะอยากทุบตีหลินชวนฮวาเพียงใดก็ทําไม่ได้ เพราะมัวแต่กังวลและคิดว่าจะทําอย่างไรกับเจ้าหนี้ที่จะมาในวันมะรืนนี้

 

เมื่อหลินชวนฮวารู้ว่าแผนของตนได้ผลก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพียงแต่ขณะที่อยู่ต่อหน้าเฉินผิงอัน นางไม่สามารถแสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาได้!

 

“สามี… เราจะทําอย่างไรดี? เจ้าคิดว่าจะทําอย่างไร… จะทําอย่างไรหรือ…”

 

“ชวนฮวา เจ้าต้องหาทางช่วยข้าให้ได้! วันมะรืนนี้พวกมันจะมาทวงหนี้ หากหาเงินมาคืนไม่ได้ พวกมันก็จะตัดขาข้า! เงินทั้งหมดที่ข้ามอบให้เจ้า… เอามาคืนพวกเขาให้ข้าได้ไหม?!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 113 ตันไก่ป่า

หยุนเคอลุกขึ้นก่อนจะหยิบไก่ปาออกมาและยื่นให้หยุนเถียนเถียนด้วยท่าทางสบายๆ

 

“หยุนเคอ… ข้าขอบคุณเจ้ามาก รอให้เฉินเฉินอิ่มก่อน แล้วเราค่อยคุยกันดีไหม?”

 

หยุนเคอผู้พูดน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบพยักหน้ารับทันที

 

หยุนเถียนเถียนถือไก่ป่ากลับบ้านไปอย่างระมัดระวังและวางแผนจะทําตันสูตรพิเศษ!

 

ทันใดนั้น เสียงของเสี่ยวเถาก็ดังขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเคี้ยวไก่ป่าให้เขาดื่มโดยไม่ใส่อะไรเพิ่มเลย? หากไม่มีสมุนไพร สารอาหารที่มีจะไม่สูญเปล่าหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง “อะไรนะ? เจ้ากําลังจะขายของให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

เสี่ยวเถาแสร้งพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เปล่าเลย ข้าเพียงคิดถึงเจ้า ดูเงินที่หมุนเวียนอยู่ในเถาเป่าสิ การขยายพื้นที่ขึ้นอยู่กับเงินหมุนเวียน ดังนั้นหากเจ้าไม่ใช่เงินซื้อของในเถาเป่าเลยทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มด้วยความหงุดหงิด “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนตระหนี่และต้องการขายสินค้า แต่เด็กคนนี้อ่อนแอมาก ข้าเกรงว่าเขาจะไม่สามารถกินสมุนไพรอะไร

ได้!”

 

เสี่ยวเถาส่ายหัวทันที “เจ้าคงไม่รู้สินะว่าสมุนไพรของเถาเป่านั้นมีประโยชน์สูง อาหารเสริมต่างๆในยุคของเจ้าไม่อาจทัดเทียมได้ สมุนไพรของข้ามีสรรพคุณในการรักษาโรคได้อย่างชะงัดนักจึงสามารถให้เฉินเฉินดื่มได้!”

 

หยุนเถียนเถียนนิ่งไปครู่หนึ่งพลางครุ่งคิด เมื่อเห็นว่านางดูสนใจ เถาเป่าจึงรีบโยนหอสมุนไพรออกมาทันที!

 

หยุนเถียนเถียนชะงักเพราะยังไม่ได้ตกลงว่าจะรับสมุนไพรนี้หรือไม่ แต่เหตุใดเถาเป่าจึงทําราวกับกําลังบังคับ?

 

แต่เนื่องจากได้รับมาแล้วและไม่สามารถคืนได้ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงนําไปตุ๋นกับไก่ปาอย่างช่วยไม่ได้ หนึ่งชั่วโมงต่อมาไก่ป่าตุ้นยาสมุนไพรก็ส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่ว

 

“เฉินเฉิน เศร้าต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ออกมากินอาหารเถิด!”

 

เฉินเฉินเดินออกไปอย่างเชื่องช้าโดยไม่รู้ว่าจะข้ามผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้อย่างไร? ทว่าใบหน้าของเขาดูดีกว่าเดิมมาก

 

“ไม่เอาน่า! ลองชิมฝีมือของข้าหน่อยดีไหม?”

 

เฉินเฉินน้ําตาไหลทันทีที่เห็นไก่ป่าตุ้น!

 

การเป็นเด็กไม่ได้หมายความว่าจะวิเคราะห์อะไรไม่ได้ โดยเฉพาะเฉินเฉินที่ผ่านการเรียนหนังสือมาแล้วย่อมไตร่ตรองได้อย่างสมเหตุสมผล

 

“พี่สาวของข้าต้องลําบากจากการโดนกดขี่มาหลายปี ทั้งยังต้องทําดอกไม้ขายเพื่อให้ได้เงินมา ต้องเหนื่อยแค่ไหนกันนะ?

 

“ตอนอยู่ที่บ้านไม่เคยได้กินอะไรเลย แต่เมื่อมาหาพี่กลับได้กินตันไก่ปาอย่างดี ตลอดเวลาที่อยู่บ้านข้าต้องซ่อนตัวในห้องและไม่ออกไปเล่นที่ไหน เพราะกลัวว่าความเหนื่อยล้าจะทําให้หิวมากยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่กับพี่สาวข้ากลับไม่ต้องอดทนต่ออะไรเลย!”

 

แม้ในบทเรียนจะบอกว่าเป็นลูกต้องกตัญญ แต่ลูกตัญญก็ต้องเอาชีวิตรอด ในยุคสมัยนี้ความกตัญญูกตเวทีนับเป็นสิ่งสําคัญที่สุด!

 

“พี่ พี่สาวใช้เงินมากมายเพื่อซื้อตัวข้ามา แล้วจะมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายหรือ?”

 

หยุนเทียนเถียนยิ้ม “เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยแต่กลับคิดขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่ต้องกังวล… ตราบใดที่เจ้าเต็มใจอยู่กับข้า และทําตามความหวังดีที่พี่มอบให้ เจ้าจะไม่ขัดสน!ตั้งใจศึกษาเถิด การเรียนสําคัญกว่าสิ่งใด!”

 

“ลองคิดดู… ในอนาคตข้าก็ต้องแต่งงาน และหากครอบครัวของสามีข้าไม่สนับสนุนเจ้า! หากพวกเขารังแกหรือทําร้ายเจ้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดหรือบ่น! แต่ถ้าหากเจ้าตั้งใจเรียนก็จะประสบความสําเร็จด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้วต่อให้ใครหน้าไหนก็จะไม่กล้าดูถูกหรือทําร้ายเจ้า!”

 

เฉินเฉินเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น! “ใช่แล้ว พี่สาวช่างดีกับข้านัก! ในเมื่อพี่ตั้งใจจะเลี้ยงดูข้า ข้าก็จะตั้งใจเรียนเพื่อเป็นการตอบแทน!

 

ในอนาคตเมื่อเขาได้เป็นขุนนางก็จะไม่มีใครสามารถรังแกเขาได้อีก แล้วเขาก็ไม่ต้องให้พี่สาวคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อถึงวันนั้นเขาผู้แข็งแกร่งกว่าจะเป็นคนปกป้องพี่สาวคนนี้เอง!

 

แววตาของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น โดยที่หยุนเถียนเถียนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถสร้างคลื่นแห่งความมุ่งมานะในหัวใจของเด็กคนนี้ได้

 

เฉินเฉินดื่มน้ําสมุนไพรไก่ตุ้นทันที หลังจากเกิดเหตุร่างกายของเฉินเฉินค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงหยิบหนังสือที่น้องชายตั้งใจจะอ่านออกมาเพื่อให้เขาได้พักผ่อนเสียก่อน

 

หยุนเสียนเถียนค่อยๆเดินออกจากห้องของน้องชาย ก่อนจะไปที่บ้านของหยุนเคอเพื่อเจรจาถึงเรื่องราวของพวกเขาทั้งสอง

 

หยุนเคอเตรียมเนื้อตากแห้งย่างไว้เพื่อต้อนรับหยุนเถียนเถียน

 

หยุนเถียนเถียนจ้องมองเนื้อชิ้นใหญ่ที่กําลังถูกย่างอยู่บนเตาด้วยแววตาทอประกายวูบไหว

 

นางจําได้ว่าหากอยากให้เนื้อหอมจะต้องอบด้วยกิ่งเมเปิ้ล นางจึงขึ้นภูเขาไปเก็บมาก่อนจะนํากิ่งเมเปิ้ลเปียกใส่ลงไปในไฟที่กําลังลุกโชน จนเกิดควันโขมงลอยอวบอวนและทําให้เนื้อหอมยิ่งขึ้น

 

“เอาล่ะ! การอบเนื้อด้วยกิ่งเมเปิ้ลต้องใช้เวลาทั้งคืน พรุ่งนี้ข้าจะมาดูใหม่!”

 

หลังจากพูดจบ หยุนเสียนเถียนจึงเดินกลับไปอย่างเย็นชา โดยไม่ทันสังเกตว่าหยุนเคอกําลังจ้องมองแผ่นหลังของนางด้วยแววตาล้ําลึก

 

เฉินเฉินไม่จําเป็นต้องกลับบ้านและสามารถอาศัยในบ้านพี่สาวได้อย่างเปิดเผย แม้จะต้องช่วยนางทํางานบ้านมากมายเพียงใดคงไม่หนักหนาเท่าการที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ต้องกลัวเลยว่าจะถูกทุบตีหรือไม่

 

หัวใจของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความสุขและความเปรมปรีดิ์ น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาอ่อนแรงจากอาการเจ็บป่วย หยุนเถียนเถียนจึงไม่ยอมให้เขาอ่านหนังสือสักที

 

เฉินผิงอันใช้เวลาทั้งวันในบ่อนก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน หลังจากชนะพนันและได้เงินมามากมาย แต่เฉินผิงอันกลับไม่รู้จักพอ เขายังคงลงเงินเดิมพันอย่างต่อเนื่องจนเสียหมดหน้าตัก!

 

แม้เฉินผิงอันจะอยากเดิมพันต่อมากแค่ไหน แต่เนื่องจากไม่เหลือเงินในมือแล้วจึงทําได้เพียงกลับบ้านเท่านั้น

 

หลินชวนฮวาเดาว่าเฉินผิงอันคงอารมณ์ไม่ดีแน่จึงต้องพูดอะไรอย่างระมัดระวัง ตลอดเวลาหลายปีที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทําให้นางสามารถวิเคราะห์นิสัยและอารมณ์ของสามีได้อย่างแม่นยํา!

 

“สามี ท่านหายไปไหนมาทั้งวัน?! ข้าไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรดี เฉินเฉินไม่ยอมกลับบ้านเลย!”

 

เฉินผิงอันที่กําลังหงุดหงิดและรู้สึกไม่อยากสนใจเรื่องนี้ จึงกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “หากไม่อยากกลับมาก็ปล่อยเขาไป ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีขี้ครอกนั่นจะทําอาหารให้เขากินได้หรือไม่?! ไม่ต้องกังวล หากหิวเขาจะกลับมาเอง!”

 

สําหรับเฉินผิงอันแล้วการเลี้ยงดูใครสักคนจนเติบใหญ่เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องพูดถึงเฉินเฉิน การจะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตได้ก็เป็นเรื่องลําบากไม่น้อย!

 

 

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 112 รับรู้ความจริง

หลินชวนฮวาคิดในใจด้วยความสงสัย “เด็กสาวที่เพิ่งแยกทางจากครอบครัวมาจะมีเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?

“หยุนเถียนเถียน… เลิกโกหกสักที! เจ้าเพิ่งแยกจากครอบครัวข้ามาจะมีเงินได้อย่างไร? คิดพูดปดกับข้าหรือไร?”

 

“ข้าไม่ได้มีเวลามาล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้! ขายเฉินเฉินให้ข้าในiาคาห้าสิบตําลึง! เจ้าได้เงิน ข้าได้ตัวเด็ก! ไปตกลงกับเฉินผิงอันให้ได้และแบ่งเงินกันคนละครึ่ง เพราะหากตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองให้แก้ไข!”

หลินชวนฮวายังคงครุ่นคิดอย่างสงสัย เมื่อหยุนเถียนเถียนอีกฝ่ายลังเลจึงหยิบเงินออกมาวางบนโต๊ะทันที

 

“นี่คือยี่สิบตําลึงซึ่งถือเป็นเงินมัดจํา หากตกลง ข้าจะให้เพิ่มอีกห้าสิบตําลึง! ไม่ต้องต่อรองหรือสงสัยอะไร… ข้ามีปัญญาจ่าย! เจ้าต้องเก็บเงินให้ลูกคนชายคนโตไม่ใช่หรือ? แต่หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะไปยังหน่วยงานราชการและฟ้องร้องว่ามีแม่ฆาตกรพยายามฆ่าลูกชายของตน!”

 

หยุนเถียนเถียนนั่งลงและดื่มชาก่อนจะมองไปยังหยุนเคอด้วยความมั่นใจ เพราะเงินเจ็ดสิบตําลึงที่กําลังจะได้รับในวันนี้บวกกับห้าสิบตําลึงจากค่าสินสอดของเมื่อวาน ในที่สุดหลินชวนฮวาก็ตัดสินใจได้!

“เอาล่ะ ตกลงตามนั่น!”

หยุนเสียนเถียนยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไปแต่ขณะนั้นเองอีกฝ่ายพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

 

หลินชวนฮวากลัวว่านางจะเปลี่ยนใจจึงรีบคว้าเงินบนโต๊ะมาเก็บไว้ทันที

“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เปลี่ยนใจหรอก และเพื่อยืนยันว่าข้าจะไม่โกหก…. จงไปเชิญท่านผู้เฒ่าและหัวหน้าหมู่บ้านมาเป็นพยานในการซื้อขายครั้งนี้เสีย!”

 

“ข้าเกรงว่าคงจะยากและน่าอายไปหน่อย ท่านผู้เฒ่าและหัวหน้าหมู่บ้านไม่มีทางเห็นด้วยแน่!”

 

หยุนเสียนเถียนแสยะยิ้ม “ มันก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของเจ้า! หากทําให้เฉินผิงอันตัดสินใจที่จะขายลูกชายได้ แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็ไม่สามารถหยุดเขาได้เ”

 

หยุนเถียนเถียนเดินออกไปอย่างเย่อหยิ่ง ขณะที่หลินชวนฮวายงคงนั่งกัดฟันด้วยความโมโห แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรนางได้! 4

หยุนเคอเดินตามออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยมาได้พูดอะไร ก่อนจะเดินไปพาเฉินเฉินกลับบ้าน

ทั้งสามพบกันที่บ้านของหยุนเทียนเถียน

หยุนเถียนเถียนกระซิบสั่งหยุนเคอให้เขาพาตัวเฉินเฉินออกไป และนางจะตั้งใจฟังในสิ่งที่หลินชวนฮวาพูด เพราะนี่จะเป็นคําพูดสุดท้ายที่ออกมาจากใจ!

 

เฉินเฉินหน้าซีดและเต็มไปด้วยความโศกเศร้าในใจราวกับโลกทั้งใบได้พังทลายลง ซึ่งเด็กน้อยยังคงหาความหมายของการมีชีวิตต่อไปไม่ได้

“มันโหดร้ายเกินไปไหมที่จะให้เขาได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่ยังเด็ก?”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกกังวลเมื่อมองดูรูปลักษณ์ของเด็กน้อยผู้นี้

“ไม่เด็กหรอก เขาโตพอที่จะเข้าใจทุกอย่างแล้ว”

 

“คนเราจะมีความหวังก็ต่อเมื่อเคยพบเจอกับความผิดหวังมาแล้วแต่หากข้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนเฉินเฉิน แต่เขากลับยกความดีความชอบทั้งหมดให้หลินชวนฮวา นี่จะเป็นสิ่งที่น่าเศร้าที่สุด!”

 

แต่เมื่อมองหน้าเด็กน้อยผู้น่าสงสารก็ทําให้หยุนเถียนเถียนเป็นทุกข์นางขอให้หยุนเคอเดินนําไปก่อนและนางจึงเดินแนบข้างเด็กชาย

 

“เฉินเอ๋อ เจ้ากําลังคิดอะไรอยู่?”

เฉินเฉินเอียงศีรษะถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ในเมื่อแม่ไม่รักข้าเหตุใดจึงให้กําเนิดข้าเล่า?”

“เราทั้งสองต่างเรียนหนังสือมามากจนมีความรู้ความสามารถดังนั้นเจ้าต้องยอมรับความจริงและอย่าโทษตัวเองในความผิดพลาดของผู้อื่นเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าเป็นแค่เด็กและไม่สามารถเลือกเกิดได้!”

“ส่วนแม่ของเจ้า ในตอนนั้นนางถูกบังคับให้คลอดบุตรเพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางถูกยอมรับในฐานะลูกสะใภ้ตระกูลเฉินจึงจําเป็นต้องให้กําเนิดเจ้าเฉินเอ๋อ… แม้แม่ไม่ได้อยากจะมีเจ้าแต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะเมตตาและมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อตนเอง!”

 

เฉินเฉินดูเหมือนจะเข้าใจแต่กลับไม่เข้าใจอะไรเลย ริมฝีปากของเด็กน้อยเริ่มสั่นเทาราวกับกําลังจะร้องไห้

“เด็กน้อย… อย่าเพิ่งหมดหวังไปเลย เจ้าก็ได้ยินในสิ่งที่เราเจรจากันไม่ใช่หรือ? ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพ่อเจ้าหาก เขาไม่เห็นด้วยหลินชวนฮวาก็จะไม่มีสิทธิ์ขายเจ้าให้ข้าได้!แม้ข้าจะรู้ว่าหลินชวนฮวาจะใช้กลอุบายต่าง ๆ ในการหลอกล่อเขาแต่ก็ไม่มีทางที่พ่อจะยอมทิ้งลูกของตน!แต่หากเขาตัดสินใจที่จะขายเจ้าจริง ๆ เฉินเอ๋อก็ยังมีข้าที่เป็นพี่สาวอยู่ไม่ใช่หรือ?”

แววตาแห่งความเสียใจของเฉินเฉินค่อย ๆ จางหายไป…

 

“เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่จะซื้อเจ้ามาเพื่อแก้แค้น? ข้าไม่กล้าระบายความโกรธต่อร่างกายอันเล็กน้อยของเจ้าหรอกข้าเพียงอยาก ให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ไม่ต้องอดอยากแต่ยังได้เรียนหนังสือดังต้องการแม้ข้าจะสอนหนังสือเจ้าได้แต่ไปโรงเรียนย่อมดีกว่า หากยังอยู่กับพ่อและแม่เจ้าจะไม่มีทางได้ไปโรงเรียนแม้เฉินติ งอันจะอนุญาตแต่หลินชวนฮวาไม่มีทางยอมแน่!”

เฉินเฉินพยักหน้าหยุนเถียนเถียนไม่รู้ว่าเด็กน้อยกําลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่ายังมีบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจและคงต้องปล่อยให้เขาคิดไปตามประสาเด็ก!

 

หยุนเถียนเถียนเอื้อมมือจับศีรษะเฉินเฉิน “พูดตามตรง… เจ้าอาจจะโกรธหรือเกลียดข้าที่ทําเช่นนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ให้อยู่ที่นี่ไปก่อนเพราะเจ้ายังต้องพบหมอเพื่อตรวจร่างกายเพราะร่างกายของเจ้า”

หยุนเถียนเถียนหยุดพูดก่อนจะลากเฉินเฉินเข้าไปในห้อง

“เจ้าเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้… ทุกอย่างในอนาคตอยู่ ที่การตัดสินใจของเจ้าอยากร่ําเรียนจนได้เป็นขุนนางหรือไม่? หรืออยากเป็นเพียงชายชนบทธรรมดาที่ทําไร่ไถนาไปวัน ๆ? ทุกอย่างอยู่ที่เจ้าเลือก!”

“แม้พ่อแม่เจ้าจะเลี้ยงดูเจ้าได้ไม่ดี แต่ในอนาคตหากเจ้ามีครอบครัว ก็จงดูแลลูก ๆ ให้ดีและอย่าให้เป็นเช่นเจ้า! มีอีกหลายอย่างที่เจ้าต้องคิดและตัดสินใจ ไตร่ตรองให้ดีเถิดว่าเจ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่!”

หยุนเถียนเถียนเดินออกจากห้องของเฉินเฉินและไปยังห้องครัว ก่อนจะพบว่าวัตถุดิบที่กักตุนไว้ในเถาเปาหมดเกลี้ยง! ต่อให้อยากทําอาหารแสนอร่อยเพียงใดก็ทําไม่ได้เสียแล้ว

 

แต่เด็กคนนี้ยังต้องกินอาหารดี ๆ หยุนเถียนเถียนจึงตัดสินใจไปหาหยุนเคอ แม้จะเป็นหนี้บุญคุณเขาบ่อยครั้งแต่หยุนเคอกไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเลย.

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 111 ขายลูกชาย

 

“หากจะบอกว่าข้าทั้งสองล่วงประเวณีก็คงไม่ต่างอะไรจากเจ้า! ชายที่อยู่ในเมืองผู้นั้นดูดียิ่งกว่าเฉินผิงอันเสียอีก!”

 

ในที่สุดหลินชวนฮวาก็เข้าใจทันทีว่าข่าวลือในหมู่บ้านเกิดจากผู้หญิงคนนี้

 

“เป็นเจ้าสินะ… นั่งสารเลว เจ้าเป็นคนปล่อยข่าวลือ!”

 

“ไม่สําคัญหรอกว่าข่าวลือนั่นจะมาจากข้าหรือไม่? เจ้าคิดว่าจะสามารถปกปิดคนทั้งโลกได้อย่างนั้นหรือ? จริงอยู่ที่เฉินผิงอันถูกเจ้าหลอกมานานหลายปี… แต่เจ้าคิดว่าชาวบ้านจะเบาปัญญาเช่นเขาเหรอ?”

 

หลินชวนฮวากลอกตาไปมาพลางคิดหาข้อแก้ตัวที่ดีที่สุด สําหรับเรื่องนี้

 

ทันใดนั้นหยุนเถียนเถียนจึงกล่าวขึ้น “ไม่ต้องกังวล หากเจ้าไม่สร้างข่าวลือเพื่อทําลายชื่อเสียงของข้าจนหนาหูไปทั้งหมู่บ้าน ข้าคงไม่ทําเช่นนี้! ครานี้มาลองดูกันว่าระหว่างเจ้ากับข้าใครจะเสียหายมากกว่ากัน?!”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เจ้าทําในระหว่างที่ข้าหมด สติไปนั้นไร้ยางอายมาก เจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้า เหตุใดจึงกล้าเรียกสินสอดทองหมั้นตั้งห้าสิบตําลึงทอง?! หลินชวนฮวา คิดว่าข้าไม่กล้าไปฟ้องร้องเจ้าที่หน่วยงานราชการเหรอ?!”

 

หลินชวนฮวากําเงินในมือไว้แน่น “ใช่ ข้าเรียกเงินสินสอด แต่แล้วอย่างไรเล่า? มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าทําอะไรได้นอกจากแต่งงานกับเขา? ว่าแต่… ในสายตาเจ้าหยุนเคอถือเป็นชายที่แสนดีอยู่หรือ? เขากล้าถอดเสื้อผ้าของเจ้าขณะที่ตัวเปียกโชกโดยที่เจ้าไม่รู้สึกตัว เช่นนี้แล้วยังคิดว่าเขาสัตย์ซื่ออยู่อีกหรือไร? แม้ข้าจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ขอชื่นชมว่าเจ้านั้นงดงามมาก! แต่หยุนเคอยังเป็นคนดีสําหรับเจ้าจริง ๆ หรือ?”

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งใดกับหยุนเคอ แต่เนื่องจากเป็นหญิงหากถูกแตะต้องหรือสัมผัสจากชายแล้วก็นับว่ามีมลทิน! หยุนเคอเป็นชายที่แข็งแรง หากเขาต้องการจะขึ้นใจนางจริง ๆ ก็คงไม่อาจรอดไปได้!

 

“หยุด! พอได้แล้ว! หากยิ่งพูดก็จะยิ่งไปกันใหญ่! หลินชวนฮวา ไหนๆ เจ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้ามีอีกเรื่องจะเจรจากับเจ้า!”

 

หลินชวนฮวาตื่นตระหนก “ข้าและเจ้ายังมีอะไรต้องเจรจากันอีกเหรอ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “มีสิ! ตอนนี้เจ้าไม่ต้องการเฉินเฉินแล้วใช่หรือไม่? ในเมื่อเจ้ารังเกียจเขา… ยกให้ข้าได้หรือไม่?”

 

หลินชวนฮวากลอกตา “ต่อให้ข้าจะรังเกียจเด็กนั่นแต่เขาก็เป็นลูกชายของข้า เจ้าจะมาชุบมือเปิบเอาเขาไปได้อย่างไร?!”

 

หยุนเถียนเถียนหันมากระชิบหยุนเคอ จากนั้นเขาจึงหันมองหลินชวนฮวาทันที!

 

“มา! ให้ข้าเดาดีไหมว่าเจ้ากําลังคิดอะไรอยู่?! ตอนนี้เรื่องที่เจ้ามีชู้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน! แม้เฉินผิงอันจะยังไม่ได้ยินหรือต่อให้เจ้ามีแผนการในการรับมือ แต่สักวันเขาก็ต้องรู้ ไม่ช้าก็เร็ว!”

 

“อีกทั้งเจ้ายังต้องการเงินจํานวนมากเพื่อส่งเสียลูกชายคนโต และเฉินผิงอันผู้โง่เขลาก็สามารถมอบทุกอย่างให้ได้ เจ้ากอบโกยทุกอย่างไปจากเขาได้อย่างง่ายดาย! แน่ นอนว่าข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นจึงสามารถบอกทุกอย่างกับเฉินผิงอันได้โดยไม่ต้องเกรงใจ!”

 

หลินชวนฮวามองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะคาดเดาความคิดของนางอย่างละเอียด! 

 

“เจ้า เจ้าต้องการอะไร?”

 

“ข้าขออะไรได้บ้างล่ะ? หลินชวนฮวาผู้ฉลาดหลักแหลม! แน่นอนว่าหากเฉินผิงอันรู้เรื่องที่เฉินเฉินถูกนําไปทิ้งบนภูเขา เจ้าก็คงมีวิธีเกลี้ยกล่อมสามีให้เชื่อ ดังนั้นไม่ว่าข้าจะเข้าไปแทรกแซงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อเจรจาตกลงกับเจ้า!”

 

ในตอนนั้นเองหยุนเถียนเถียนได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงยิ้มออกอย่างมีเลศนัย!

 

“เฉินเฉินไม่มีความหมายอะไรสําหรับเจ้าแล้ว เพราะเจ้ารักและทําทุกอย่างเพื่อลูกชายคนโตเท่านั้น! หากต้องการหย่าร้างกับเฉินผิงอันก็จงทิ้งเด็กน้อยไว้กับพ่อ ห้ามพาตัวเขาไปเด็ดขาด เพราะถ้าเจ้าพาตัวเฉินเอ๋อไป… เย่วชิวไฉก็อาจเข้าใจผิดได้ แต่หากข้าเดาไม่ผิด หญิงสิบแปดมงกุฏเช่นเจ้าก็คงไม่อยากให้เขาเจอเฉินเฉินหรอกจริงไหม?”

หลินชวนฮวายืนนิ่งโดยไม่พูดอะไรเพราะนางต้องการวิเคราะห์ถึงวิธีการอื่น ๆ ที่หยุนเถียนเถียนสามารถทําได้อีกสักหน่อย

 

หยุนเถียนเถียนถามขึ้นอีกครั้งด้วยท่าที่จริงจัง “หากเก็บเฉินเฉินไว้ก็ไร้ประโยชน์! เหตุใดจึงไม่ขายเขาให้ข้าล่ะ?!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาเบิกตากว้างพลางมองไปยังเด็กสาวผมทองผู้งดงามที่อยู่ตรงหน้า

 

“ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ? เลี้ยงเฉินเฉินไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเจ้า! แต่หากขายเขาให้ข้า เจ้าก็จะมีเงินส่งเสียลูกชายคนโตเรียนหนังสือได้อีกนานโข หากเขาเป็นลูก สาว แน่นอนว่าต้องมีคนอยากซื้อไปเป็นทาสหรือนางบําเรอมากมาย ทว่าเฉินเฉินปั้นเด็กชายคงจะขายได้ยาก! แต่ตอนนี้ข้าเสนอที่จะซื้อตัวเขา เจ้ายังจะคิดลังเลอยู่อีกหรือ?”

 

หลินชวนฮวาก้มศีระลงไตร่ตรองถึงสิ่งที่หยุนเถียนเถียนพูด แน่นอนว่านางต้องการจะขายเฉินเฉิน เพียงแต่กําลังคํานวณว่าควรขายเขาไปในราคาเท่าไหร่?!

 

“เด็กคนนั้นขี้ขลาดและโง่เขลา หากขายไปก็คงไม่เสียหาย แต่อย่างไรเสียข้าเกรงว่าพ่อของเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของเจ้า! เห็นได้ชัดว่าเฉินผิงอันเป็นเพียงคนรวยที่โง่เขลา ไม่เช่นนั้นจะถูกเจ้าหลอกมาหลายปีได้อย่างไร?! ตัดสินใจให้ดี ในเมื่อเจ้าสามารถเลี้ยงดูชู้มาได้นานจนถึงขนาดนี้โดยที่เฉินผิงอันไม่รู้… นับประสาอะไรกับการวางแผนขายลูกชายแค่คนเดียว?!”

 

หลินชวนฮวายิ้มด้วยความพึงพอใจ นางเงียบไปเพื่อทดสอบให้แน่ใจว่าหยุนเสียนเถียนต้องการซื้อเด็กน้อยผู้นั้นจริง ๆ

 

“เฉินเฉินไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับเจ้าเหตุใด จึงอยากซื้อเขา? มันดีต่อตัวเจ้าหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “อย่าคิดมากไปเลยหลินชวนฮวา เด็กคนนี้ไม่มีทางทําอะไรข้าได้และจะต้องถูกทารุณจนตาย! ปล่อยไปก็ไร้ประโยชน์ แต่หากซื้อเขาไว้เพื่อแก้แค้น คงจะดีไม่น้อย ลองทบทวนดูสิ เจ้าเคยสอนให้เขารังแกข้าอย่างไรบ้าง?!”

 

“แท้จริงแล้ว ข้าโกรธแค้นเจ้าและสามีมากเหลือเกิน! แต่เพราะเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ จึงไม่สามารถทําอะไรพวกเจ้า ได้แต่ตอนนี้ถึงคราวแก้แค้นแล้ว! ข้าจะซื้อเฉินเฉินและทร มานเขาจนลมหายใจสุดท้าย! และหากเรื่องนี้จบลงก็จงระวัง ตัวไว้! ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายแน่ๆ หลินชวนฮวา!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจึงตอบกลับด้วยความมั่นใจทันที!

 

“หากอยากซื้อเขา เจ้ามีเงินจ่ายหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ก็ขึ้นอยู่กับราคาที่เจ้าเสนอ! คิดมาเถิด… ข้ามีเงินมากพอจะจ่ายได้ แต่หากเรียกราคาที่สูงเกินไป ข้าจะจ่ายตามที่คิดว่าเหมาะสมเท่านั้น ยังไงซะข้าก็ไม่เกี่ยงว่าจะถูกหรือแพง ข้าพร้อมจ่าย!”

 

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 110 ข้อตกลง

 

หยุนเคอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกลําบากใจแม้เพียงนิด ทุกครั้งที่คิดว่าจะได้แต่งงานกับหยุนเถียนเถียน เขาก็รู้สึกปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก!

 

หยุนเถียนเถียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมาถึงขนาดนี้แล้ว หากปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์! ป้า…เชื่อข้าเถิด ข้าจัดการได้!”

 

“แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่ต้องทํา คือการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเฉินเฉิน! เขาเป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวาแต่นางกลับทุบตีเขาอย่างทารุณ ทั้งยังปล่อยเฉินเอ๋อไว้บนภูเขาตามลําพัง นางตั้งใจจะฆาตกรรมเด็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ข้าต้องการให้นางได้รับบทเรียนอันสาสม!”

 

ป้าจี๋ถอนหายใจทันที “เจ้าคิดน้อยเกินไป! หากเฉินเฉินต้องการจะฟ้องร้องแม่ของเขาในข้อหาฆาตกรรม เด็กน้อยอาจถูกพี่ชายฟ้องกลับในข้อหาอกตัญญูและประพฤตินอกรีต! ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฉินต้องถูกลงโทษโดยการโบยสามสิบไม้ เจ้าคิดว่าเด็กน้อยจะทนไหวหรือ?”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนเทียนเถียนถอนหายใจยาว นางรู้สึกหดหู่ต่อกฎเกณฑ์ที่ไร้ความยุติธรรมนี้ยิ่งนัก!

 

“แล้วข้าควรทําอย่างไร? ปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ? เพื่อให้พ่อรู้ความจริง แม้จะต้องไปฟ้องร้องนางที่หน่วยงานราชการ ข้าก็จะทํา!”

 

จี๋ชื่อแสยะยิ้ม “พ่อของเจ้า เป็นคนเช่นไรไม่รู้เลยหรือไร? ในเมื่อหลินชวนฮวากล้าทําเช่นนี้ ข้าเกรงว่านางจะหาทางออกหรือข้อแก้ตัวทั้งหมดได้แล้ว! รอดูไปก่อนเถิด… ข้าเชื่อว่าชาวบ้านไม่มีทางปล่อยให้นางรอดไปได้!”

 

ป้าจี๋ถอนหายใจอีกครั้ง “เอาล่ะ เถียนเถียน… คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์… ดูแลร่างกายของเจ้าให้แข็งแรงก่อนดีกว่า! เดิมที่ร่างกายของเจ้าก็แย่พอแล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ดูแลสุขภาพของเจ้าให้ดีขึ้นเถิด ชีวิตสําคัญเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!”

 

“เอาล่ะ บ้านป้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรจึงมีอาหารให้เลือกไม่มาก กินเท่าที่มีไปก่อนเถิด หลังจากที่เจ้าแต่งงานกับหยุนเคอแล้ว ป้าจะขอให้เขาออกไปล่าสัตว์เพื่อหาอาหารดี ๆ มาปรุงให้เจ้ากิน!”

 

หยุนเทียนเถียนเหลือบมองหยุนเค่อด้วยความเขินอาย เนื่องจากพวกเขาทั้งสองยังไม่เคยพูดคุยหรือตกลงกันถึงเรื่องนี้เลย แล้วการที่ป้าจี๋พูดเช่นนี้ จะทําให้หยุนเคอลําบากใจหรือไม่?

 

หลังจากนั้นป้าจี๋จึงเดินออกไป ทิ้งให้ทั้งสองนั่งมองหน้ากันโดยอย่างขวยเขินโดยไม่รู้จะพูดอะไร

 

“เจ้า”

 

“เจ้า”

 

ทั้งสองพูดพร้อมกันก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย!

 

“เจ้าพูดก่อนสิ!”

 

หยุนเคอก้มศีรษะลงราวกับว่าเต็มใจที่จะโดนตําหนิ

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามากสําหรับเรื่องวันนี้ เจ้าช่วยชีวิตข้าและเฉินเฉิน ทั้งยังต้องมาเสียเงินมากมายเพราะข้า!”

 

“นับว่าคุ้มค่าหากต้องใช้เงินทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเจ้า!”

 

แม้ในใจจะคิดเช่นนั้นแต่หยุนเคอก็ไม่ได้พูดออกมา “เงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ชีวิตของเจ้าสําคัญที่สุด!”

 

จริงๆ แล้วหยุนเคอไม่เคยสนใจถึงความสําคัญของชีวิตใครเลย หากไม่ใช่หยุนเถียนเถียน…. เขาก็อาจจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้!

 

“ข้าจะคืนให้!”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หยุนเคอจึงพยายามพิสูจน์เพื่อให้หยุนเถียนเถียนรู้ว่าเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับเขา!

 

“ไม่มีต้องกังวลเรื่องเงิน แต่ขอพูดถึงเรื่องอื่นดีกว่า”

 

หยุนเถียนเถียนมองไปยังเคราของหยุนเคอด้วยความสงสัย ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดถึงอีกเหรอ?”

 

เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของหยุนเถียนเถียน หยุนเคอจึงรีบแถลงไขทันที “แม้ข้าจะไม่ได้แตะต้องเจ้าเลยตอนที่อุ้มลงมาจากภูเขา แต่ในสายตาของชาวบ้าน…พวกเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น หากเจ้าไม่ยอมแต่งงานกับข้า พวกเขาก็จะลงโทษเจ้า! แล้วเจ้าก็รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ข้าปลูกบ้านมักจะมีหญิงมากมายแวะเวียนมาเสมอ ข้าเองก็รู้สึกรําคาญจึงคิดใช้เจ้าปิดกั้นพวกนาง ข้าอยากขอให้เจ้าร่วมมือกันข้าก่อน เจ้าจะว่าอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึงต่อคําพูดของหยุนเคอ!

 

หยุนเคอกลัวว่าหยุนเถียนเถียนจะไม่เห็นด้วยจึงพูดต่อว่า “หากในอนาคต เราทั้งสองเจอคนที่ถูกใจในอนาคตก็ค่อยแยกย้ายกัน หากไม่… ก็อยู่เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตเถิด!”

 

หยุนเถียนเถียนนึกถึงไตร่ตรองต่อคําพูดเหล่านั้น หากเจอคนที่ถูกใจในอนาคตก็ค่อยแยกย้ายกัน!” แม้จะเป็นคําพูดที่ทําให้นางรู้สึกสับสน แต่ก็ถือว่าเป็นการรับประกันที่หนักแน่นเช่นกัน!

 

หยุนเคอรู้สึกว่าหากอยู่กับหญิงผู้นี้แล้วยังรู้สึกอึดอัด ก็สมควรอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต!

 

ขณะเดียวกันหยุนเถียนเถียนก็คิดว่า หากไม่ให้ความร่วมมือกับหยุนเคอก็คงจะดูไร้ความปราณีเกินไป

 

หยุนเถียนเถียนจึงพยักหน้าตอบรับ หยุนเคอจึงถอนหายใจออกอย่างโล่งอก

 

ทั้งสองเงียบอยู่นานก่อนที่หยุนเถียนเถียนจะพูดต่อ “เราต้องไม่ให้เฉินเฉินกลับไปหาครอบครัวของเขาอีก เพราะหลินชวนฮวาไม่ได้ต้องการหรือเห็นค่าเด็กคนนี้เลย!”

 

“ข้าคิดมาอย่างรอบคอบแล้วว่า แม้เราจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินผิงอัน ก็ไม่สามารถทําให้อะไรดีขึ้นได้ สิ่งที่เราทําได้ดีที่สุดคือการไม่ให้หลินชวนฮวาทารุณเฉินเอ๋ออีก เช่นนั้นแล้ว… เราจึงไม่จําเป็นต้องบอกอะไรเขา!”

 

ทันทีที่ความโกรธในใจของหยุนเถียนเถียนผ่อนคลายลงมาก จากนั้นแผนการในหัวของนางก็เด่นชัดขึ้นในทันที

 

หยุนเคอไม่ได้ตอบโต้หรือเข้าแทรกแซงอะไรในแผนการนี้ เขาปล่อยให้หยุนเถียนเถียนจัดการด้วยตัวเอง อย่างมากที่สุดที่เขาจะทําก็เพียงคอยสนับสนุนเท่านั้น

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้ว่าหลินชวนฮวามีแผนการรับมือกับเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะกล่าวอ้างอย่างไร้ยางอาย โดยการบอกกับคนอื่นว่าหยุนเถียนเถียนลักพาตัวเฉินเฉินออกไป!

 

เพื่อไม่ให้เฉินผิงอันมีโอกาสพูดคุยหรือรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากชาวบ้าน หลินชวนฮวาจึงออกอุบายให้เขานั่งเกวียนชมวิวเข้าเมืองจนเหนื่อยล้า เฉินผิงอันกลับบ้านมาในตอนบ่ายก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อตื่นขึ้นมา เขารีบมุ่งไปบ่อนทันที!

 

เฉินผิงอันมักจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกันการเล่นพนัน แม้จะแพ้บ่อยครั้งแต่ก็ยังติดใจ! วันนี้ชายผู้หนึ่งมาหาเขาถึงบ่อนและชวนให้นั่งเกวียนเข้าเมืองเพื่อไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน เนื่องจากชายผู้นั้นชนะพนันบ่อยครั้งในวันเดียว!

 

หลินชวนฮวายังคงคิดหาวิธีจัดการกับหยุนเถียนเถียนอย่างไม่ลดละ แต่ในตอนนั้นเอง…. หยุนเถียนเถียนกําลังเดินมาพร้อมกับหยุนเคอ!

 

เมื่อเห็นว่าชาวบ้านต่างให้ความสนใจทั้งสองคน หลินชวนฮวาจึงเดินถอยหลังเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูด “พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่? หญิงร้ายชายชั่ว!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “หญิงร้ายชายชั่วเหรอ? คิดจะป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเสียบริสุทธิ์ให้หยุนเคอแล้วใช่หรือไม่? แต่เจ้าอาจยังไม่รู้ว่า… ชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องที่เจ้าปล่อยเฉินเอ๋อไว้กลางภูเขา เช่นนี้แล้วยังจะกล้าใส่ร้ายข้าอีกหรือไม่?

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 109 

เฉินผิงอันเดินโซเซมาถึงบ้านและพบกับหลินชวนฮวาซึ่งกําลังอารมณ์ดี นางพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากดังนั้นจึงทําอาหารมื้อใหญ่ซึ่งส่งกลิ่นหอมฉุย!

เมื่อเห็นว่าเฉินผิงอันกลับมาแล้ว ดวงตาของหลินชวนฮวาก็ฉายแววแห่งความรังเกียจออกมาก่อนจะแสร้งทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม!

“ผิงอัน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา!” นางพูดพลางน้ำตาไหลราวกับคู่รักที่พลัดพรากจากกันมานาน!

เฉินผิงอันขาดพลังงานจากการไม่ได้นอนทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงผลักหลินชวนฮวาออกไปทันทีก่อนจะนั่งลงและเริ่มกินอาหารเช้า

“ผิงอัน รู้ไหมว่าตอนที่เจ้าไม่กลับบ้านทุกอย่างวุ่นวายไปหมด!”

แม้หลินชวนฮวาจะพยายามจูงใจเขาเพียงใด แต่เฉินผิงอันก็ไม่สนใจอะไรเลย อย่างไรก็ตาม หลินชวนฮวาจะต้องพยายามหาวิธีผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงแย่เป็นแน่! 

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลินชวนฮวาหน้ามุ่ยและแสร้งทําเป็นไม่พอใจก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเถียนเถียนไปพูดอะไรกับเฉินเฉินกันแน่! เด็กคนนั้นเริ่มไม่สนใจอะไรเลยทั้งยังประพฤติตัวไม่ดี! ข้าดุเขาไปเพียงสองสามคําเท่านั้น แต่เฉินเฉินกลับวิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขา!”

“ข้ากลัวมากเพราะฝนตกหนัก! ไม่นึกเลยว่าเขาจะไปหาพี่สาวของเขาที่นั่น และพี่สาวเขาก็ทําเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับพรานป่าบนภูเขา!”

เฉินผิงอันเริ่มโกรธอีกครั้ง “ลูกไม่รักดี! ในเมื่อเขาต้องการจะติดตามพี่สาวนักก็ปล่อยไปเถอะชวนฮวา! ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอให้ข้าได้พักผ่อนเถิด! ไว้เย็นนี้ข้าจะจัดการสองคนนั้นให้หนัก!”

หลินชวนฮวาแสร้งทําตัวเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน นางช่วยพยุงเฉินผิงอันเข้าไปในห้องและเขาก็นอนหลับไป หลินชวนฮวาเองก็ไม่ได้พักผ่อนเช่นกันเพราะต้องซุ่มดูหยุนเถียนเถียนทั้งคืน ดังนั้นนางจึงใช้โอกาสนี้ล้มตัวลงบนเตียง และผล็อยหลับไปเช่นกัน

จนกระทั่งบ่ายโมงหยุนเถียนเถียนก็ตื่นขึ้นมา

เพราะมีไข้สูงจึงทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกปวดหัว และอ่อนล้าเมื่อลืมตาตื่นราวกับว่าร่างกายของนางไม่ใช่ของนางอีกต่อไป!

นางพยายามดิ้นรนและในที่สุดก็ลุกขึ้นได้

หยุนเถียนเถียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากในห้องครัว เมื่อคิดดูแล้ว… เหมือนว่าหยุนเคอจะเป็นคนพานางลงมาจากภูเขา! ดังนั้นนางจึงค่อย ๆ เดินไปที่โต๊ะด้วยความมั่นใจและรินน้ำหนึ่งแก้วให้กับตนเอง!

ทันใดนั้น หยุนเค่อก็ออกมาจากครัวพร้อมกับถ้วยยาในมือ! เดิมที่เขาคิดว่าหยุนเถียนเถียนยังไม่ตื่นและคงต้องป้อนยานางด้วยปากอีกครั้ง!

แม้ว่าหญิงผู้นี้จะยังดูขาดสารอาหาร แต่ริมฝีปากของนางก็นุ่มนวลมาก! จนทําให้ยาจีนโบราณของหยุนเคอที่มีรสขมเริ่มหวานขึ้นทันที

เมื่อหยุนเคอเดินเข้ามาก็เห็นว่าหยุนเถียนเถียนกําลังนั่งอยู่! เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังและเสียใจราวกับว่าไม่มีโอกาสอะไรแล้ว!

“หยุนเคอ! เฉินเอ๋ออยู่ที่ไหน? อย่าส่งเขาให้หลินชวนฮวานะ!”

หยุนเคอวางชามยาลงบนโต๊ะ หยุนเถียนเถียนค่อนข้างมีสติและรับรู้ได้ว่าต้องกินยาเสียก่อน ดังนั้นนางจึงหยิบชามยาขึ้นและเทลงในปากทันที! จู่ ๆ ก็รับรู้ได้ถึงรสขมไปทั่วปาก!

เพราะรสชาติขมเกินไป หยุนเถียนเถียนจึงแลบลิ้นออกมา ซึ่งดูน่าขัน หยุนเค่อจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา!

“ดื่มเข้าไปเร็วเข้า!”

หยุนเถียนเถียนได้รับคําสั่งจากหยุนเค่อ ดังนั้นนางจึงหยิบขึ้นมาดื่มอีกครั้งและรับรู้ได้ถึงรสขมไปทั่ว

“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ส่งเด็กน้อยเฉินเฉินให้หลินชวนฮวาเด็ดขาด!” หยุนเค่อตอบกลับ

หยุนเสียนเถียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่จู่ ๆ หยุนเคอก็นึกถึงอีกเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เขารู้สึกประหม่าและไม่รู้ว่าจะบอกกับหญิงผู้นี้อย่างไรดี

เขาตัดสินใจอะไรไปโดยปราศจากความยิมยอมของนาง! แม้ตอนนั้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ แต่… หยุนเคอก็กลัวว่าหยุนเสียนเถียนจะโกรธ

“มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าหมดสติไป…” หยุนเคอลังเลและไม่รู้ว่าจะพูดต่ออย่างไร

“มีอะไรหรือ?”

ทันใดนั้น! ป้าจี๋ชื่อที่ได้ยินข่าวก็เปิดประตูเดินเข้ามา 

หยุนเค่อตะลึงที่จู่ ๆ นางก็โผล่เข้ามา จึงทําให้เขาถึงกับทําตัวไม่ถูก!

“ดูสิ เด็กคนนี้ ช่างโง่เขลาเสียจริง! เจ้าขึ้นภูเขาไปหาใครกัน? เหตุใดมีอะไรถึงไม่มาหาป้า? ไม่คิดว่าป้าเป็นคนในครอบครัวของเจ้าแล้วหรือ?”

หยุนเถียนเถียนมองดูหญิงตรงหน้าที่ดูห่วงใยนางและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย!

“เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนั้นวุ่นวายมาก ข้าจึงไม่มีเวลามากพอที่จะตั้งสติหรือขอให้ใครช่วย!”

จี้ชื่อพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ไม่ว่าเด็กน้อยคนนั้นจะฉลาดหรือน่าสงสารแค่ไหน อย่างไรแล้วเขาก็เป็นลูกของหลินชวนฮวา! ปีศาจร้ายตนนี้ให้กําเนิดลูกชายคนโตที่เป็น ดั่งสัตว์ร้ายและลูกชายคนเล็กที่เป็นดั่งหนูที่คอยสร้างปัญหา เหตุใดเจ้าจึงเลือกที่จะเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเขา?”

หยุนเถียนเถียนยิ้มเบาๆ “ไม่ดีหรือที่ข้าทําเช่นนี้? ป้า… ในตอนนั้นข้าไม่ทันได้คิดอะไรมาก ข้าเพียงนึกถึงเด็กน้อยเฉินเฉิน หากเกิดอะไรขึ้นต่อเขาคงจะ…”

“เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ? หลินชวนฮวาผู้ชั่วร้ายใช้โอกาสนี้ทําลายชื่อเสียงของเจ้า! นางขายเจ้าให้พรานป่าผู้นี้ห้าสิบตําลึงทอง!”

สําหรับหยุนเถียนเถียนตอนนี้ ในหัวของนางมีแต่เครื่องหมายคําถามเต็มไปหมด!

เงินห้าสิบตําลึงทอง? ขายให้พรานปา?”

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนนิ่งเฉยและเต็มไปด้วยความึนงงจนทําให้หยุนเคอรู้สึกประหม่า

“เอ่อ… เถียนเถียน! ข้าไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาเห็นข้าอุ้มเจ้าลงมาจากภูเขาในขณะที่เจ้าหมดสติ! หลินชวนฮวาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อบอกว่าข้าได้พรากความบริสุทธิ์ของ เจ้าไปและต้องการนําเจ้าไปถ่วงน้ำ!”

ป้าจี้ชื่อแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว “หยุนเคอถูกบังคับและขัดขืนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องสัญญาว่าจะแต่งงานกับเจ้า แต่หลินชวนฮวากลับเรียกค่าสินสอดสูงลิ่ว นางขายเจ้าด้วยราคาห้าสิบตําลึงทอง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดนางจึงหน้าด้านนัก!”

เมื่อหยุนเคอเห็นว่าการแสดงออกหยุนเถียนเถียน เริ่มเปลี่ยนไปจึงรีบพูดขึ้นทันที “ในตอนนั้นเจ้ามีไข้สูง ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไปหากไม่ได้พบหมอ จึงหยุดทุกอย่างโดยการตอบตกลงและจ่ายเงินให้นางห้าสิบตําลึงทอง!”

ตอนนี้ทั้งสองได้เล่าทุกอย่างให้หยุนเถียนถียนฟังแล้วและ นางก็รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น!

พฤติกรรมของหลินชวนฮวาในการขายหยุนเถียนเถียน ทําให้ทุกคนตาสว่างทันที

แม้ทุกคนในหมู่บ้านนี้จะคิดว่าหลินชวนฮวาทําเกินไป ทั้งหมดต่างตีตัวออกห่างจากนางได้อย่างชัดเจน แต่บางคนกลับเห็นด้วยว่านางมีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าสินสอด จึงแส ร้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร!

แน่นอนว่า ชาวบ้านย่อมเคยเห็นเหตุการณ์ที่คิดว่าหยุนเถียนเถียนเสียบริสุทธิ์เมื่อคราก่อน นั่นคือเหตุผลที่ 1 ทําให้ทุกคนแสร้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นเช่นนี้ อันที่จริง ถูกหรือผิดไม่ใช่เรื่องน่าสนใจสําหรับพวกเขาอีกต่อไป แต่สิ่งสําคัญคือหญิงผู้นี้ได้ถูกพรากความบริสุทธิ์ไปโดยพรานป่า!

จี้ชื่อเหลือบมองหยุนเคอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเป็นอาย “แม้หยุนเคอจะเป็นพรานป่า แต่ก็ไม่ควรให้เรื่องนี้มาเป็นปัญหาใหญ่ในการแต่งงาน ตอนนี้เจ้าไม่สามารถทํา อะไรได้ตามอําเภอใจ ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องแต่งงานกันหยุนเคอเองที่ช่วยเหลือเจ้า เขาก็ถูกบังคับให้แต่งงาน ไม่รู้เลยว่าจิตใจของเขาจะเป็นอย่างไร?!”

แม้ป้าจี้ชื่อจะพูดกับเถียนเถียน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหยุนเคอกําลังฟังอย่างตั้งใจ

ตอนที่ 108 สินสอด

 

หลินชวนฮวาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยแม้กระทั่งภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าชาวบ้านทุกคน! นางเพียงแต่คิดจะทําลายหยุนเถียนเถียนให้สิ้นเท่านั้น!

 

“หยุนเคอ! เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวผู้นี้ถูกพรากไปโดยเจ้า นับเป็นความผิดมหันต์ เจ้าต้องไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านนี้! ท่านผู้เฒ่าจงเป็นพยาน หากเขาไม่รับผิดชอบก็ไม่ต้องตามหมอมาและนํานางไปถ่วงน้ําเสีย!”

 

ชาวบ้านต่างนิ่งเฉยโดยไม่ขัดอะไร แม้พวกเขาจะรู้สึกสงสารหยุนเถียนเถียน แต่เมื่อเรื่องแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้วและพวกเขาก็ไม่สามารถปกปิดมันไว้ได้! ท้ายที่สุด การที่หญิงสาวผู้นี้เสียบริสุทธิ์ให้กับหยุนเคอก็นับเป็นความอัปยศของหมู่บ้านยิ่งนัก!

 

หยุนเคอมองดูทุกคนที่เฝ้าดูเพื่อรอให้เขาตัดสินใจ!

 

หยุนเคอก้มลงมองและเห็นว่าใบหน้าของหยุนเถียนเถียนแดงอย่างผิดปกติเนื่องจากมีไข้สูง!

เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็บีบความเจ็บปวดในใจไว้แน่น แม้อยากจะปฏิเสธเพียงใดแต่ก็ทนปล่อยให้หญิงสาวมีอันเป็นไปไม่ได้!

 

อันที่จริง มีหญิงอีกมากมายที่เสียชีวิตต่อหน้าหยุนเคอและเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกนางเลย!

 

เมื่อนึกถึงเรื่องดังกล่าว หยุนเคอก็สงบจิตใจและยอมรับ!

 

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้แตะต้องหญิงผู้นี้เลยและไม่จําเป็นต้องแต่งงานกับนาง! แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ ข้า…หยุนเคอจะรับผิดชอบนางเอง! ท่านช่วยตามหมอมาได้ไหม?!”

 

| หลินชวนฮวายิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจในความสําเร็จ “เจ้าบอกว่าจะรับผิดชอบนางโดยการแต่งงานใช่ไหม? แล้วสินสอดทองหมั้นล่ะ?”

 

กระแอมก่อนจะกล่าว “หลินชวนฮวา! หุบปากเสีย!”

 

หลินชวนฮวากล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แม้จะลําบากแต่ก็ถือได้ว่าข้าอุ้มชูนางมาจนเติบโต! แม้ครอบครัวจะแยกจากกัน ข้าก็ไม่เคยเพิกเฉยต่อการเอาใจใส่หรือเลี้ยงดูนางเลยมาเป็นเวลาหลายปี! ตอนนี้ข้าไม่ขออะไรนอกจากสินสอดทองหมั้น เหตุใดข้าจึงทําไม่ได้เล่า?”

 

ในที่สุด หลี่เสี่ยวเหอก็ทนไม่ได้จึงขัดจังหวะและพูดว่า “ในเมื่อนางต้องการสินสอดทองหมั้นก็มอบให้นางไปเถิด!”

 

หยุนเคอเห็นหยุนเทียนเถียนกําลังทุกข์ทรมานจากการมีไข้สูง จึงส่งเสียงครวญครางด้วยความกังวลก่อนจะพูดว่า “ตกลง เจ้าต้องการเท่าไหร่?!”

 

หลี่เสี่ยวเหอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อขัดจังหวะไม่ให้หลินชวนฮวาพูดอะไร และหยุนเคอเองก็ไม่ได้สนใจ!

 

ทันใดนั้น! หลินชวนฮวาจึงพูดอย่างมีชัย “ข้าไม่ต้องการอะไรมากมาย เพียงเงินห้าสิบตําลึงทองเท่านั้น!”

 

ครานี้ แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่เห็นด้วย “หลินชวนฮวา เจ้าเรียกค่าสินสอดในการแต่งงานหรือเรียกราคาขายลูกสาวกันแน่? ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนนางจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเจ้าใช่ไหม? กล้าร้องขอเต็มปากเต็มคําเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

 

ผู้เฒ่าสี่มองหลินชวนฮวาด้วยความไม่พอใจ ขณะเดียวกันหยุนเถียนเถียนกําลังจะทนพิษไข้ไม่ได้! ดังนั้นหยุนเคอจึงเอื้อมหยิบเงินออกจากกระเป๋าและโยนให้หลินชวนฮวาทันที!

 

“เอาล่ะ รับเงินและออกไปจากที่นี่เสีย! หากเจ้ายังเข้ามายุ่งก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ได้โปรดเรียกหมอโดยเร็ว ข้าเกรงว่านางจะทนไม่ไหว!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านมองหยุนเคอและตระหนักได้ว่าไม่ควรถามอะไรตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือสั่งอย่างรวดเร็ว “รีบไปเชิญหมอหวงมาก่อนเพราะหมอในเมืองไม่อยู่!”

 

หยุนเคอไม่ได้พูดอะไรและเดินออกไปพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง! เมื่อมาถึงบ้านของตน เขาจึงเปิดประตูก่อนจะรีบนํานางไปวางบนเตียงอย่างรวดเร็ว!

 

“หัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องที่เฉินเฉินไปปรากฏตัวบนภูเขาได้อย่างไรนั้น เราจะทําการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป! ระหว่างนี้ก็ให้เขาอยู่ที่บ้านของท่านก่อน! และจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พาตัวเขาไปทั้งนั้น!” ผู้เฒ่าสี่กล่าว

 

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้ารับ เนื่องจากมีคนเต็มใจที่จะจัดการเรื่องนี้จึงทําให้เขารู้สึกสบายใจ!

 

เมื่อผู้เฒ่าสี่เห็นว่าทุกอย่างในหมู่บ้านได้รับการแก้ไขและคิดว่าคงสงบลงแล้ว จึงจากไปและทิ้งไม้เท้าไว้

 

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะกลัวว่าแผนการที่นางวางไว้อาจพังทลาย แต่ก็ได้คิดหาวิธีจัดการกับมันแล้ว!

 

ตอนนี้หลินชวนฮวาได้เงินมาห้าสิบตําลึงทอง ก่อนจะมองดูมันอย่างมีความสุขและถืออย่างระมัดระวังในอ้อมแขน นางรู้สึกว่าแม้จะทําให้เด็กสาวราคาถูกนั้นตายไม่ได้ แต่ก็ไม่เลวเลยที่จะแลกกับเงินมากมายขนาดนี้!

 

หลินชวนฮวากลับมาพร้อมความสุข! สําหรับเฉินเฉิน ลูกชายที่หลินชวนฮวาละเลยมาเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่ได้ทําให้นางได้รับความเดือดร้อนอะไร!

 

เมื่อความวุ่นวายจบลงชาวบ้านก็ต่างแยกย้ายกันกลับและพูดคุยกันไปตามทาง!

 

เฉินเฉินที่ตื่นมาในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านและมองเห็นสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาด ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ!

 

หัวหน้าหมูบ้านเดินไปดูเด็กชายผู้นี้ด้วยความสงสาร

 

“เด็กน้อยเจ้าปลอดภัยแล้ว ตอนนี้เจ้าอยู่ในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน สบายใจได้!”

 

เฉินเฉินพูดทั้งน้ําตาอย่างกังวลว่า “แล้วพี่สาวของข้าเล่า? พี่สาวของข้ายังอยู่บนภูเขาหรือไม่?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเอื้อมมือแตะศรีษะของเฉินเฉิน ในช่วงเวลาเช่นนี้เขายังนึกถึงพี่สาวได้ ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะเป็นเด็กไม่ดีอย่างที่ใครกล่าวอ้าง!

 

“พี่สาวของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว! ไม่ต้องกังวล! เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เด็กอย่างเจ้าวิ่งเข้าไปในภูเขาได้อย่างไร?”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เด็กน้อยก็จําได้ว่าเขาถูกแม่ทอดทิ้งจึงร้องไห้ด้วยความเศร้า “ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน…”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยความสงสัย “พี่สาวของเจ้าพาเจ้าไปที่ภูเขาหรือ?”

 

เมื่อเห็นว่าทุกคนกําลังจะกล่าวหาพี่สาวของเขาอีกครั้ง เฉินเฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและตะโกนว่า “ไม่ พี่สาวเป็นคนช่วยข้า!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึงกับเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของเด็กชายจึงถามว่า “ในเมื่อพี่สาวไม่ได้พาเจ้าไปที่นั่น แล้วเจ้าเข้าไปในภูเขาได้อย่างไร? ที่นั่นมีหมาป่าอยู่นะ!”

 

เฉินเฉินพูดด้วยอาการสั่นเทา “เมื่อเช้านี้ แม่เรียกให้ข้าไปร่วมโต๊ะอาหารและข้าก็ความสุขมากเพราะไม่ได้กินข้าวที่บ้านนานแล้ว! แต่ทันทีที่นั่งลงแม่ก็เฆี่ยนข้าอย่างรุนแรง ข้ากลัวมากจึงวิ่งหนีและหมดสติไป จากนั้นก็ตื่นมาบนภูเขาและพี่สาวกําลังกอดข้าไว้ ก่อนที่ข้าจะหมดสติไปอีกครั้ง!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเดาเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็วจากคําพูดเหล่านี้ และรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก “นางปีศาจหลินชวนฮวา! ยังกล้าบอกว่าเขายังเป็นลูกชายอยู่อีกหรือ? กล้าทํากับเด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร? ลูกเอ๊ย ที่เจ้าบอกว่าไม่ได้กินข้าวที่บ้านมานานแล้ว แล้วที่ผ่านมาใครเป็นผู้หาอาหารมาให้เจ้าเล่า?”

 

เฉินเฉินคิดถึงเรื่องนี้และเศร้าใจก่อนจะกล่าวว่า “ทุกวัน แม่มักจะหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้ข้ากินอาหาร และพ่อก็เชื่อฟังทุกสิ่งที่นางพูด… ข้าต้องออกไปหาพี่สาวเพื่อให้นางทําอาหารให้ แล้วพี่สาวก็แบ่งอาหารให้ข้ากิน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังเป็นพ่อแม่ของเด็ก! หากจะฟ้องร้องผู้เป็นแม่คงไม่เป็นผลดีต่อเฉินเฉินนัก หัวหน้าหมู่บ้านนิ่งไปสักพักพร้อมครุ่นคิดว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี?

 

เฉินผิงอันมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นการพนัน! เขาจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องยุ่งๆเหล่านี้เลย! 

 

สายตาของชาวบ้านยังคงเหมือนเดิม แต่เฉินผิงอันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว…

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 107 จับได้แล้ว

 

เนื่องจากฝนตกหนักทําให้เฉินผิงอันยังคงติดอยู่ในเมือง!

 

ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงพอมีเวลาที่ จะสอดแนมและสังเกตความเคลื่อนไหวของหยุนเถียนเถียน!

 

เมื่อเห็นว่าเด็กสาวรีบวิ่งขึ้นภูเขาด้วยความสิ้นหวังขณะที่ฝนตกหนัก หลินชวนฮวาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและยิ้มอย่างมีชัย! เพราะบนภูเขานั้นมีสัตว์ร้าย ต่อให้หญิงผู้นี้จะมีเก้าชีวิตก็คงไม่สามารถหนีรอดได้ 

 

โดยเฉพาะเฉินเฉิน เด็กสกปรกที่หลินชวนฮวาเกลียดชังก็วิ่งหนีไปยังภูเขาเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดทําให้นางรู้พึงพอใจเป็นอย่างมาก

 

แต่เมื่อเห็นว่าพรานป่าผู้นั้นขึ้นไปด้วย นางก็อดที่จะรู้สึกประหม่าไม่ได้เพราะหลินชวนฮวาไม่ต้องการให้หยุนเคอช่วยชีวิตพวกเขา

 

แน่นอนว่าหลินชวนฮวากังวลใจเป็นอย่างมากและไม่สามารถกลับบ้านได้อย่างสบายใจ ดังนั้นแม้ว่าฝนจะตก นางก็ยังแอบซ่อนตัวเพื่อเฝ้าดูและสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวใต้ภูเขาอย่างระมัดระวัง!

 

เมื่อเห็นว่าหยุนเคอพาตัวเด็กชายไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หลินชวนฮวายิ่งรู้สึกหวั่นวิตกในใจ!

 

หลินชวนฮวาไม่รู้ว่าหยุนเคอและเฉินเฉินพูดอะไรกับหัวหน้าหมู่บ้านกันแน่? ดังนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่บ้านของอีกฝ่าย!

 

อย่างไรก็ตามหลินชวนฮวายังมีโอกาสที่จะจัดการกับเด็กน้อยเฉินเฉินได้เสมอ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กขี้ครอกที่ยังไม่ลงมาจากภูเขา นางไม่มีทางรอด! แม้หยุนเคอจะกลับขึ้นไปบนนั้นอีกครั้ง แต่ด้วยฝนที่กําลังตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ คงไม่มีทางช่วยนางทันแน่

 

หลินชวนฮวาปลอบใจตนเองตลอดว่า หยุนเถียนเถียนจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาอย่างแน่นอน!

 

นางยืนรอจนมืด ก็ยังไม่เห็นหยุนเถียนเถียนลงจากภูเขาและพรานป่าผู้นั้นก็ยังไม่ลงมาเช่นกัน!

 

ทันใดนั้น หลินชวนฮวาก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น นางต้องการพาทุกคนในหมู่บ้านขึ้นไปบนภูเขา! เพราะคิดแผนจะใส่ร้ายหยุนเถียนเถียนโดยการบอกว่า นางเสียบริสุทธิ์ให้หยุนเคอแล้ว ทางที่ดีควรล้อมทั้งสองไว้เพื่อไม่ให้หนีไปได้!

 

“นั่นคือนังเด็กขี้ครอกผู้ปากคอเราะร้ายใช่ไหม? รอจนกว่าพรานปาจะแตะเนื้อต้องตัวนางก่อนก็แล้วกัน! ข้าอยากรู้ว่านางจะเถียงอะไรได้อีก?

 

“เด็กคนนี้ต้องคู่กับพรานป่าเท่านั้น! หากนางยืนการที่จะขัดขึ้น และหากพรานปาปฏิเสธ พวกเขาก็จะโดนผู้เฒ่าบังคับให้แต่งงาน!” ยิ่งหลินชวนฮวาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ก่อนจะเริ่มยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย!

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากหญิงสาวเริ่มมีไข้สูง หยุนเคอจึงไม่สนใจว่าฝนจะยังคงตกหนักแค่ไหน เขาอุ้มรีบหยุนเถียนเถียนลงจากภูเขาทันที โดยไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายใด ๆ เพียงแต่…

 

หลินชวนฮวาใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่เชิงเขาเพื่อซุ่มดูและคิดวิธีทําลายหยุนเถียนเถียน!

 

เมื่อเห็นว่าหยุนเคออุ้มหยุนเถียนเถียนลงจากภูเขา หลินชวนฮวาก็ชี้ไปยังพวกเขาทันทีพลางตะโกนลั่น “คุณพระ? กล้าทําเช่นนี้กลางวันแสก ๆ ได้อย่างไร?”

 

เสียงตะโกนของหลินชวนฮวาทําให้คนในหมูบ้านต่างแตกตื่นและมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว! แน่นอนว่าทุกคนต่างเห็นหยุนเคออุ้มหยุนเถียนเถียนลงมา!

 

ก่อนหน้านี้ หลังจากเสื้อผ้าของหยุนเถียนเถียนแห้ง หยุนเคอรู้สึกประหม่าพร้อมเหงื่อไหลบนใบหน้าก่อนสวมเสื้อผ้าให้หญิงสาว

 

เขาประหม่ามากขณะใส่เสื้อผ้าจนถึงขั้นติดกระดุมผิดเม็ด

 

เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนกําลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของหยุนเคอ หลินชวนฮวาก็ตะโกนลั่นจนทําให้ชาวบ้านต่างหันมอง!

 

ขณะเดียวกัน เมื่อหยุนเคอเห็นว่าทําคนกําลังจ้องมองและชี้มาที่เขา แต่ไม่ว่าอย่างไรหยุนเคอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาหยุนเถียนเถียนไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหยุนเคอกลับขึ้นไปบนภูเขาเพื่อช่วยใครอีกคน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า คน ๆ นั้นจะเป็นหยุนเถียนเถียน!

 

“เขาตั้งใจจะช่วยหรือจะทําลายชีวิตหญิงสาวคนนี้กันแน่ นี่มันอะไรกัน?

 

หัวหน้าหมู่บ้านไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรจึงทําได้เพียงจ้องมองอย่างตะลึงงั้น!

 

หยุนเคอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือหญิงสาวอย่างไรจึงทําได้เพียงอุ้มนางลงมาที่นี่เท่านั้น!

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อวานข้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อช่วยหญิงผู้นี้และตอนนี้นางมีไข้สูง ขอท่านหัวหน้าหมู่บ้านโปรดช่วยหาหมอมารักษานางด้วย!”

 

เนื่องจากชีวิตของหญิงสาวกําลังตกอยู่ในอันตราย หัวหน้าหมูบ้านจึงทําได้เพียงส่งคนไปจ้างหมอในเมืองมาอย่างรวดเร็ว และแม้ไข้ของเฉินเฉินจะทุเลาลงแล้วแต่เขาก็ยังไม่ฟื้น!

 

หลี่เสี่ยวเหอ ป้าผู้มักจะดูถูกและประสงค์ร้ายต่อหยุนเถียนเถียนจึงคิดฉวยโอกาสในครั้งนี้เพื่อทําลายและใส่ร้ายนาง!

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ดูสิว่าทั้งสองคนนี้ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยดีนัก! หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปคงไม่ดีต่อหยุนเถียนเถียนเป็นแน่!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเงยหน้ามองอย่างเคร่งขรึม “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ตอนนี้ชีวิตของนางกําลังตกอยู่ในอันตราย ต้องรีบให้หมอมาดูเสียก่อน!”

 

“เหตุใดจึงห้ามพูดถึงเรื่องนี้”

 

ป้าหลี่ยังพูดไม่ทันจบ หลินชวนฮวาก็รีบวิ่งมาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที!

 

“ว๊าย! เกิดอะไรขึ้นกับนาง?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ทุกอย่างแต่นางกลับหมดสติ!

 

“ไปตามหมอกันก่อนเถิด เรื่องอื่นค่อยว่ากัน!”

 

แน่นอนว่าหลินชวนฮวาไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ เพื่อจัดการกับเด็กหญิงราคาถูกผู้นี้นางจึงไปเชิญผู้เฒ่าสีมาทันที แม้จะถูกท่านผู้เฒ่าตําหนิแต่เขาก็ยอมรับคําเชิญ!

 

แม้ผู้เฒ่าสี่จะรู้สึกไม่ชอบหลินชวนฮวา แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของหมู่บ้านเขาจึงต้องจําใจรับคําเชิญ!

 

“ท่านผู้เฒ่า ดูสิ แม้ว่าเถียนเถียนจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของข้า แต่ครอบครัวเราก็เลี้ยงดูนางมาโดยตลอด! แต่ความบริสุทธิ์ของนางกลับต้องถูกทําลายเพราะพรานป่าผู้นี้! ขอท่านผู้เฒ่าโปรดพิจารณาด้วยเถิด!”

 

สิ่งที่หลินชวนฮวาพูดออกมานั้นค่อนข้างไร้ยางอาย แต่คนรอบข้างนางกลับไม่ได้ว่าอะไร เพราะพวกเขากลัวว่า หยุนเถียนเถียนที่กําลังนอนหมดสติอยู่อาจเกิดความเสียหายได้

 

ผู้เฒ่าสี่จ้องมองมายังหยุนเคออย่างดุเดือดเพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร และไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนนําเขาเข้ามาในหมู่บ้านจนต้องทําให้เด็กหญิงผู้นี้ต้องเสื่อมเสีย!

 

“หยุนเคอ เจ้ามีอะไรจะพูดไหม?”

 

เมื่อดูจากสถานการณ์โดยรอบแล้ว ไม่ว่าอย่างไรหยุนเคอก็ไม่สามารถชําระล้างความผิดของเขาได้ แม้จะกระโดดลงในแม่น้ำก็ตาม และหากเขาไม่ยอมรับเด็กสาวในอ้อมกอดของเขาก็จะไม่มีทางรอด!

 

ดังนั้นหยุนเคอจึงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าสี่… เหตุใดหญิงสาวผู้นี้จึงขึ้นไปบนภูเขาในช่วงที่มีฝนตกหนัก? ทั้งยังไปพร้อมกับน้องชายอีกคนเสียด้วย สิ่งเหล่านี้ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก ข้าเองก็ไม่รู้เรื่อง คงทําได้เพียงแค่รอให้หญิงผู้นี้ตื่นมาเล่าให้ฟังเท่านั้น!”

 

หลินชวนฮวาแทรกขึ้นทันที “นางขึ้นไปด้วยเหตุอันใดเล่า?”

 

หยุนเคอไม่ได้ตอบกลับอะไร ก่อนจะจ้องมองหลินชวนฮวาด้วยแววตาโกรธเคืองเพราะกลัวว่านางจะมีแผนร้าย!

 

“แล้วเฉินเฉินเล่า? เมื่อวานเถียนเถียนขอให้ข้าไปกับนางเพื่อตามหาเด็กน้อยบนภูเขา! แต่ข้าปฏิเสธนางจึงต้องขึ้นไปด้วยตนเอง ข้าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยผู้น่าสงสารเช่นเฉินเฉิน เขาขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างไร?”

 

หลินชวนฮวาดวงตาแดงก่ำราวกับกําลังจะร้องไห้ นางแสร้งทําเป็นเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น! หยุนเคอเย้ยหยันในใจ ดูเหมือนความจริงของเรื่องนี้จะชัดเจนแล้วว่าทั้งหมดคือแผนการชั่วร้ายของหลินชวนฮวา! เพียงแค่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดในมือเท่านั้นเอง!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 106 ท่ามกลางสายฝน

 

เมื่อเห็นเฉินเฉินเช่นนี้แล้ว ยังมีอะไรที่หยุนเถียนเถียนไม่รู้อีกหรือไม่? หรือเรื่องที่นางคาดเดาในใจจะกลายเป็นความจริง?!

 

“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ไม่มีใครทําร้ายเจ้าได้มาคุยกันเถิด แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมบอก แต่ข้าก็เดาใจเจ้าได้!”

 

เฉินเฉินปลดปล่อยน้ำตาไหลพราก “พี่สาว… แม่ ของข้า…. แม่เรียกให้ข้าไปร่วมโต๊ะกินข้าวเป็นครั้งแรกซึ่ง ทําให้ข้ามีความสุขมาก!”

 

“แต่หลังจากนั้น แม่กลับโบยตีข้าจนแทบขาดใจ เมื่อข้าตื่นขึ้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ข้าคิดว่าแม่คงจะใจดีต่อข้าแล้วเพราะข้าเป็นลูกของท่าน แต่เมื่อเทียบแล้ว แม่อ่อนโยนต่อพี่ใหญ่มาก แต่กลับใจร้ายกับข้าได้อย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม “เฉินเอ๋อ… เจ้าไม่สามารถบังคับให้ผู้ใดรักเจ้าได้! หากพวกเขาไม่รักก็จงอย่าใส่ใจ รอก่อนเถิด รอถึงวันที่เจ้าเก่งกว่าพี่ใหญ่ แม่จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!”

 

เฉินเฉินส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ได้อยากให้แม่เสียใจ ข้าเพียงไม่อยากเจอแม่อีก!”

 

เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยผู้นี้รู้สึกเจ็บปวด หยุนเถียนเถียนจึงโอบกอดน้องชายไว้ในอ้อมแขน “เอาล่ะ! ไม่เป็นไร ข้าจะใช้โอกาสนี้หาทางพาเจ้าออกไป! ตอนนี้เราต้องไปแล้ว ต้องรีบออกจากที่นี่ เดี๋ยวฝนจะตกหนัก!”

 

ทันใดนั้นทั้งสองล้มลง เฉินเฉินได้รับบาดเจ็บที่เท้าแต่ก็ลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ข้อเท้าของหยุนเถียนเถียนได้รับบาดเจ็บมากและไม่สามารถลุกขึ้นได้

 

หยุนเถียนเถียนนั่งบนพื้นและขมวดคิ้วพร้อมฏข้อเท้าของนาง ดูเหมือนว่าร่างกายนี้บอบบางมาก หากเป็นเมื่อก่อนบาดแผลเล็ก ๆ เช่นนี้คงไม่มีผลอะไร

 

“เฉินเอ๋อ ข้อเท้าของข้าบาดเจ็บ!”

 

แม้ว่าดวงตาของเฉินเฉินจะยังคงขุ่นมัวและท่วมไปด้วยน้ำตา แต่เด็กน้อยก็ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาออกก่อนจะเดินไปหาพี่สาวและดึงนางให้ลุกขึ้น เดิมทีเด็กน้อยผู้นี้ผอมโซจากการขาดสารอาหาร แต่เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งและมีเรี่ยวแรงได้ถึงขนาดนี้?

 

“เฉินเอ๋อ… ฟังข้า ลงจากภูเขาไปตามทางจะเจอหมู่บ้าน. จงตามหาคนมาช่วยพี่ เข้าใจไหม?”

 

เฉินเฉินตอบอย่างไม่เชื่อฟัง “ที่นี่อันตรายมาก ข้าจะอยู่กับพี่ที่นี่! อย่างไรก็ตาม ข้างนอกไม่มีอะไรที่น่าจดจําหรือตื่นเต้น ข้าจะอยู่ที่นี่ อย่างน้อยข้าก็ได้อยู่กับพี่สาวของข้า!”

 

“ไปเสียเด็กโง่! หากฝนตกหนัก จะมีสัตว์ร้ายปรากฏบนภูเขาแห่งนี้ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปกป้องเจ้าได้หรือไม่!”

 

เฉินเฉินยิ้มอย่างน่าเวทนา ก่อนจะเอนตัวนั่งลงพิงหยุนเถียนเถียน!

 

ฉับพลันฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จึงทําให้เสื้อผ้าของทั้งสองคนเปียกโชกในพริบตา

 

อาจเป็นเพราะได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ประกอบกับขาดชีวิตที่ดีและเป็นอิสระมานาน ไม่ช้าเฉินเฉินก็หมดสติลงอีกครั้ง หยุนเถียนเถียนทําได้เพียงขยับร่างกายช้า ๆ และอุ้มน้องชายไว้ในอ้อมแขน!

 

ขณะเดียวกันหยุนเคอรีบวิ่งขึ้นไปมาภูเขาและในที่สุดก็มาถึงที่ที่หยุนเถียนเถียนอยู่

 

หยุนเถียนเถียนดีใจมาก ฟ้าย่อมมีทางออกให้เสมอและตอนนี้หยุนเคอก็มาช่วยนางแล้วจริงๆ!

 

“หยุนเคอ! รีบส่งเด็กคนนี้ลงจากภูเขาต้องรีบพาเขาไปหาหมอ!”

 

หยุนเคอขมวดคิ้วแน่น “แล้วเจ้าล่ะ?”

 

หยุนเถียนเถียนหน้าซีด ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “ข้าคงไปกับเจ้าไม่ได้ พาเด็กคนนี้ลงไปจากภูเขาเสียก่อนแล้วจึงกลับมารับข้าอีกครั้ง! หยุนเคอ… ได้โปรด!”

 

แท้จริงแล้ว สิ่งที่หยุนเคออยากทํามากที่สุดคือตีสอนหญิงผู้นี้นี้สักครั้ง! เขาอยากให้นางรู้ว่าฟ้าก็สูงดินก็หนาอย่ามาที่นี่เพียงคนเดียว! เพราะนอกจากจะทําให้นางต้องเจ็บตัวเช่นนี้แล้ว ยังต้องทําให้เด็กน้อยได้รับอันตรายไปด้วย!

 

“อย่ามัวนิ่งอยู่เช่นนี้ ข้าไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าต้องพาเขาลงไปให้เร็วที่สุด! เมื่อพาเขาลงไปแล้ว ค่อยกลับมารับข้า!”

 

หยุนเคอไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะรีบนําเด็กน้อยเฉินเฉินวิ่งลงจากภูเขาไป เมื่อเห็นดังนั้น หยุนเถียนเถียนจึงยิ้มอย่างสบายใจและเอนกายพิงต้นไม้ ด้วยคิดว่าหยุนเคอต้องกลับมาช่วยนางเป็นแน่!

 

หยุนเคออุ้มเด็กน้อยไว้แน่นและวิ่งลงจากภูเขา หลังจากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ หายไป เขานําเฉินเฉินเข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน!

 

ท่ามกลางฝนตกหนัก หัวหน้าหมู่บ้านกําลังนั่งอยู่ในห้องมองผ่านประตูบานใหญ่พร้อมบุหรี่ในมือ!

 

จู่ ๆ หยุนเคอก็บุกเข้ามา!

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ไปหาหมอกับข้าที่ ช่วยเด็กคนนี้ด้วย!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของเฉินผิงอัน เขาก็สูดลมหาย จลึกทันที!

 

“เข้ามา ข้าจะให้แม่ยายช่วยดูให้”

 

หลังจากที่หยุนเคอวางเด็กน้อยลง เขาหยิบเงินออกจากระเป๋าและมอบให้หัวหน้าหมู่บ้านทันที “โปรดช่วยตาม หาหมอให้ข้าด้วย ข้าต้องไปก่อน ยังมีอีกคนบนภูเขา ข้าจะต้องไปช่วยชีวิตนางก่อน!”

 

หลังจากพูดจบ หยุนเคอรีบวิ่งฝ่าม่านฝนกลับไปทันที! 

 

หัวหน้าหมู่บ้านงุนงงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อีกคนที่อยู่บนภูเขาคือใครกัน? อย่างไรก็ตาม ชายผู้นี้ได้ทิ้งเงินไว้ให้แล้ว หน้าที่ของเขาคือดูแลเด็กชายผู้นี้อย่างดีที่สุดเท่านั้น แต่ตอนนี้คงจะไปจ้างหมอในเมืองไม่ได้ คงทําได้เพียงตามหมอชนบทมารักษาก่อน

 

โดยปกติแล้ว หมอชนบทจะอยู่แต่ในโรงหมอเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็ยังเปิดสถานพยาบาลขนาดย่อมเพื่อช่วยบรรเทาผู้คนในยามฉุกเฉิน

 

หยุนเคอกังวลใจ ขณะที่ฝนเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาวิ่งกลับไปบนภูเขาอย่างไม่ลดละ! เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยุนเถียนเถียนบนภูเขาแห่งนั้น

 

เมื่อหยุนเคอเข้ามาใกล้ เถียนเถียนก็เริ่มสับสนและสติของนางก็ค่อย ๆ เลอะเลือนไป! เพราะฝนที่เย็นยะเยือกตกกระทบร่างกายเป็นเวลานาน จึงทําให้นางหนาวสั่นจนหมดแรง

 

ในที่สุด หลังจากที่เห็นหยุนเคอหยุนเทียนเถียนก็เอียงศีรษะและหมดสติไป!

 

หยุนเถียนเถียนเปียกโชกไปทั้งตัว ตอนนี้ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีวี่แววที่จะลงจากภูเขาได้เลย!

 

หยุนเคอกัดฟันและอุ้มนางเข้าไปในถ้ำที่เขาเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดเสื้อผ้าของหยุนเถียนเถียนออก เพราะการช่วยชีวิตนางสําคัญ ยิ่งกว่าสิ่งใด!

 

ด้วยใบหน้าอันสง่างามและเรือนร่างอันน่าหลงใหล ทําให้หยุนเคอเกิดความคิดเกินเลยมากกว่าที่ควรจะเป็น

 

เมื่อหยุนเคอเห็นภาพเหล่านั้น ก็รู้สึกราวกับว่ามีไฟอันร้อนรุ่มค่อย ๆ ลุกโชนจากร่างกายของเขา! ชายหนุ่มกัดฟันอย่างรุนแรงและพยายามความคุมความคิดวิตถารของตนไว้

 

ในที่สุด เขาก็ข่มใจและไม่ทําอะไรนางไม่กล้าแม้กระทั้ง จะสวมเสื้อผ้าให้! ดังนั้นเขาจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมนางไว้แทน!

 

หยุนเคอตบหัวตนเองอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว พลางคิดในใจ “ข้ากลายเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

ตอนที่ 105 การหายตัวไปของเฉินเฉิน

 

กินน้ําบ่ออย่าลืมคนขุดบ่อ… เฉินผิงอันถือเป็นน้ําบ่อใหญ่ของหลินชวนฮวาและเฉิงเยี่ย

 

สองวันมานี้เฉินผิงอันรู้สึกพอใจมากที่หลินชวนฮวา สนับสนุนให้เขาไปบ่อน ไม่รู้ว่าดวงขึ้นหรือกําลังจะได้รับโชค แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเฉินผิงอันไม่เคยกลับมามือเปล่าเลย

 

แม้จะชนะไม่มากนัก แต่เงินที่ได้มาก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายราวหนึ่งถึงสองเดือน ยิ่งไปกว่านั้น หลินชวนฮวายังอ่อนโยนมากขึ้นเมื่อเห็นเม็ดเงินมากโข แม้เงินทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าของนาง แต่สําหรับเฉินผิงอันมันก็ยังถือว่าเป็นของเขาอยู่ดี!

 

เฉินผิงอันยังคงรื่นเริงกับการเล่นพนันและมักจะเดินทางไปบ่อนด้วยตัวคนเดียวเป็นประจํา

 

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือของหลินชวนฮวาแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน แต่เนื่องจากเฉินผิงอันเป็นชายที่ไม่สนใจอะไรจึงไม่รู้เรื่องนี้ หลินชวนฮวาวางแผนไว้ว่าหากข่าวลือถึงหูเฉินผิงอันเมื่อไหร่ นางจะพาเย่วชิวไฉและเฉิงเยี่ยหนีไปจากที่นี่ทันที

 

ทว่าก่อนจะหนีไป นางจะต้องทําการแก้แค้นนั่งเด็กสา รเลวนั่นเสียก่อน

 

สองวันมานี้หยุนเถียนเถียนไม่ได้ระวังหลินชวนฮวาแม้แต่น้อย นางอาจต้องเสียใจต่อสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้น แต่ก็สายเกินไปที่จะเตรียมการรับมือ

 

หยุนเถียนเถียนไม่เคยสังเกตเลยว่าหลินชวนฮวาแอบเข้าไปในบ้านของนางทุกวัน และมักจะเดินตามหลังนางบ่อยๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังแอบเข้าไปในบ้านของหยุนเคอ และเห็นเฉินเฉินถือหนังสือไปหาหยุนเถียนเถียนทุกวัน

 

หลังจากผ่านไปสามวัน หลินชวนฮวาก็คิดว่าพร้อมแล้ว และตัดสินใจที่จะลงมือ

 

เช้าวันนั้น หยุนเถียนเถียนทําอาหารเช้าอย่างตั้งใจ รอเฉินเฉินอยู่ที่บ้าน ท้องฟ้ามืดครื้ม ดูราวกับฝนกําลังจะตก ทําไมเด็กน้อยถึงยังไม่มานะ?

 

ทันใดนั้นลูกสาวคนเล็กของป้าคู่ชิวก็มา สําหรับหยุนเถียนเถียนไม่ได้อารมณ์ดีเลยสักนิด

 

กู่ชิวกับหลินชวนฮวาเป็นเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง บางครั้งตอนที่หลินชวนฮวารังแกเถียนเถียน กู่ชิวก็พูดจาเหน็บแนมด้วย

 

การสูญเสียเงินคืออะไร? เกิดมาเพื่อมีชีวิตต่ําต้อย คํากล่าวนั้นถูกพ่นออกมาจากปากของคู่ชิว แม้ว่าลูกสาวของนางจะไม่ค่อยได้เจอมากนัก แต่หยุนเถียนเถียนเกลียดคนบ้านนั้นที่สุด

 

“พี่เถียน แย่แล้ว! เฉินเอ๋อถูกป้าชวนฮวาทุบตี! แล้ววิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขาเทพธิดา เราจะทํายังไงกันดี?!”

 

หยุนเถียนเถียนมองไปยังต้นเสียง สิ่งที่นางพูดออกมาไม่น่าไว้วางใจนัก นางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “เอ๋อหยา เจ้ารู้ได้อย่างไร แล้วทําไมเจ้าถึงมาหาข้า?”

 

เอ๋อหยาร้องไห้แล้วพูดว่า “ท่านแม่ให้ข้ามา แม่บอกว่าสองสามวันมานี้ป้าชวนฮวามีท่าทางแปลกไป เฉินเฉินโดนตีและวิ่งหนีออกไป แม่ข้าไม่สามารถจับเขาได้ทัน พี่เถียน ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนแม่ข้าผิด แต่ตอนนี้ข้าขอร้องให้พี่ช่วยเฉินเฉินด้วย เขาน่าสงสารมาก!”

 

“ข้าพูดจริงๆ ข้าไม่ได้โกหก ป้าหลี่ก็เห็น!”

 

เหอะ! แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะพูดจริงหรือเท็จ แต่ต่อให้เด็กนี่พูดเรื่องโกหกก็เพราะถูกผู้ใหญ่แกล้งแน่ๆ

 

หยุนเถียนเถียนต้องแยกแยะระหว่างของจริงกับของปลอม ดังนั้นหลังจากส่งเอ๋อหยากลับบ้าน จนก็ตรงไปที่เรือนตระกูลเฉิน

 

ทั้งภายในและนอกลานบ้านล้วนค้นหาจนทั่วแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กคนนั้น หยุนเถียนเถียนรู้สึกกระวนกระวายใจ บนภูเขามีแต่สัตว์ปาอยู่เต็มไปหมด ต่อให้ตนเองขึ้นเขาก็เกรงว่าจะกลับมาได้ยาก แล้วนางควรทําเช่นใด?

 

ไม่รู้เพราะอะไร หยุนเถียนเถียนก็นึกถึงหยุนเคอขึ้นมา หยุนเคอมีฝีมือ ถ้าเขาขึ้นเขาเพื่อตามหาเด็กคนนั้น นางก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใดแล้ว

 

หยุนเถียนเถียนคิดเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปหาหยุนเคอ

 

ปกติหยุนเคอมักจะอยู่บ้านเกือบทุกวัน แต่ไม่รู้ทําไมวันนี้กลับไม่พบเขา เรื่องนี้ไม่สามารถเสียเวลาได้ เด็กคนนั้นมีอันตรายทุกวินาทีถ้าหากอยู่บนภูเขานั้น

 

ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงไม่สนใจอะไรมาก ทิ้งบันทึกไว้หนึ่งแผ่น แล้วเดินขึ้นเขาเทพธิดาตามลําพัง แม้นางจะเป็นคนขี้ขลาดเมื่ออยู่บนนั้น แต่เห็นแก่เด็กคนนั้น นางจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้

 

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนขึ้นเขามา นางไม่ได้สนใจสิ่งใด ขณะเดียวกันก็ตะโกนเรียกเฉินเฉินพลางเดินเข้าไปลึกเรื่อย ๆ ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงและฝนกําลังจะตก หากฝนตกลงมา การค้นหาจะเป็นเรื่องยากขึ้น

 

ไม่นานหลังจากหยุนเถียนเถียนออกไป หยุนเคอก็กลับมา บังเอิญเห็นจดหมายฉบับนั้น เด็กคนหนึ่งอายุเพียงสิบสี่ปี อีกคนก็เป็นเด็กอายุเจ็ดขวบ!

 

เมื่อคิดถึงสองคนนี้บนภูเขาแล้ว หากเจอสัตว์ป่าตัวใดตัวหนึ่งเข้าอาจจะตายได้ ทําไมนางไม่รอเขากลับแล้วค่อยเริ่มออกตามหา?

 

หยุนเคอกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ยัยเด็กคนนี้! เขาทําได้เพียงรีบวิ่งขึ้นไปบนภูเขา

 

หยุนเสียนเถียนมองรอบๆอย่างกังวล นางมองหานานแล้วกลับยังไม่เจอเฉินเฉิน เด็กคนนี้หายไปไหน ถ้าโดนตีขนาดนั้นทําไมถึงไม่มาหานาง?

 

หยุนเถียนเถียนตะโกนเสียงดังพลางเดินไปข้างหน้า จังหวะนั้นเองนางสะดุดกิ่งไม้ล้มลงไป ความเจ็บปวดจากข้อเท้าเริ่มเกาะกุม

 

หยุนเถียนเถียนรู้ว่ามันจบแล้ว

 

นางประมาทเอง ตอนนี้แค่ยืนยังทําไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นางจะออกไปจากที่นี่ก่อนฝนตกได้อย่างไรกัน

 

ยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวายใจ เด็กสาวนวดเท้าพลางใช้สายตาค้นหาไปทั่ว ไม่รู้เพราะเหตุใด นางที่เชี่ยวชาญการค้นหา แต่กลับไม่พบเงาของเด็กคนหนึ่งในปาลึกนี้ ราวกลับไม่มีใครเดิน แต่ก็มีร่องรอยแปลกๆอยู่บ้าง

 

เพื่อความปลอดภัยนางตามร่องรอยเหล่านี้ไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

 

นี่เหมือนกับร่องรอยของคนที่ถูกลากไปบนพื้น ถ้าหากฝนตกเกรงว่ารอยพวกนี้จะหายไป หยุนเถียนเถียนมั่นใจแล้วว่าต้องมีคนทําให้สลบแล้วลากขึ้นบนภูเขา

 

ถึงแม้จะยากที่จะเชื่อ แต่นางก็คาดเดาได้นานแล้วว่าคนที่ทําให้เด็กนี่สลบไปจะเป็นมารดาที่ชั่วช้าของเขา

 

เมื่อเห็นร่องรอยเริ่มเบาลงเรื่อยๆหยุนเถียนเถียนจึงได้แต่ลากเท้าที่บาดเจ็บเดินกระโผลกกระเผลกบนภูเขา ในที่สุดก็เห็นร่างสีเทานอนอยู่ในกองหญ้า

 

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปจึงพบเฉินเฉินนอนนิ่งอยู่ในกองหญ้า โชคดีที่นางเจอก่อนที่ฝนจะตก ไม่อย่างนั้นสัตว์ป่าที่พบเจอต้องมากินเด็กคนนี้จนไม่เหลือซากศพแล้ว

 

หยุนเถียนเถียนตบหน้าของเฉินเฉินเบาๆ เด็กชายลืมตาขึ้นแล้วกล่าวพึมพําออกมาอย่างอ่อนแรง “พี่สาว…”

 

พอเห็นเด็กคนนี้ตื่นขึ้น หยุนเถียนเถียนก็วางใจลงครึ่งหนึ่ง “ข้าได้ยินจากเอ๋อหยาว่าเจ้าโดนหลินชวนฮวาทําร้ายแล้ววิ่งขึ้นภูเขาคนเดียว แต่พี่สาวเชื่อว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นเจ้าต้องมาหาข้าแล้ว อย่างไรซะข้าไม่เชื่อคําพูดของคนอื่น เจ้าต้องบอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

 

ตอนที่ 104 ความตื่นกลัวของหลินชวนฮวา

 

ระหว่างทางที่เฉินผิงอันเดินกลับจากบ่นเขาเห็นแววตาสมเพชปนสงสารจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา

 

แม้เขาจะเป็นคนหยาบโลน แต่ก็สัมผัสได้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีความสามารถจะสืบเสาะว่ามันคือเรื่องอะไร

 

หลี่เสี่ยวเหอบอกกล่าวกับคนในหมู่บ้านว่าได้พบเจอหลินชวนฮวาออกไปเสพสุขชั่วคราวกับฆาตกรอย่างทั่วถึง แต่ก่อนที่นางจะแยกตัวไป นางกล่าวกับทุกคนอย่างย้ําเตือนว่า…. อย่าบอกผู้อื่นเด็ดขาด!

 

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น เรื่องทั้งหมดจึงกระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

 

ความโกลาหลครั้งใหญ่จึงก่อกําเกิดขึ้น หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมเช่นนี้ สิ่งที่หลี่ชื่อกล่าวในคราวแรกถูกกลบด้วยคลื่นลูกใหม่จนหายวับไปกับตา!

 

เฉินผิงอันเป็นคนหยาบกระด้าง แม้เขาต้องการมีเพื่อนฝูงแต่ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกับใครได้นาน เช่นนี้ชาวบ้านจึงไม่ค่อยชอบหน้าเขานัก

 

แต่หลินชวนฮวาแตกต่างออกไป นางเป็นคนพูดเก่งและกลมกลืนกับทุกคนเช่นนี้จึงทําให้นางพอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง

 

เพื่อนของนางคนหนึ่งชื่อคู่ชิว อีกฝ่ายมาจากหมู่บ้านเดียวกับหลินชวนฮวาและถูกตบแต่งเข้ามาในหมู่บ้านเทพธิดา

 

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ได้ดีนัก อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้ว คู่ชิวน่าสงสารยิ่งกว่ามาก แม้จะเข้ามาในหมู่บ้านนี้ด้วยการแต่งงานแต่ชีวิตของนางก็ไม่สุขสบาย เป็นเพราะสา มีนางพลัดตกจากภูเขาจนขาหักและนอนติดเตียงเป็นอัมพาต

 

คู่ชิวจึงกลายเป็นหญิงที่น่าสงสารทันที ส่วนหลินชวนฮวาแสร้งทําเป็นสงสารอีกฝ่ายและทําตัวสนิทสนมกับคู่ชิวราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน

 

หลายวันมานี้หลินชวนฮวาไม่ค่อยอยู่ในหมู่บ้านจึงไม่รู้ข่าวลือที่หนาหู แต่คู่ชิวรับรู้ทุกสิ่งทําให้นางยิ่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวของเพื่อนรัก

 

เช่นนี้คู่ชิวยืนรออยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่บ่าย 

 

เกือบพลบค่ํา หลินชวนฮวากลับมาถึงหมู่บ้าน นางไม่ได้แสดงความกังวลใดสักนิด เพราะอย่างไรแล้วที่บ้านก็ยังมีเด็กชายตัวน้อยคอยทํางานบ้านทุกสิ่งอยู่ อีกทั้ง ไม่ต้องพูดถึงว่านางอิ่มเอมจากชิวไฉมากขนาดไหน เพราะเขาปรนนิบัตินางตลอดทั้งวันจนแทบไม่อยากจะผละออกจากกัน

 

คู่ชิวเห็นชวนฮวาเดินมาก็พุ่งปรี่เข้าหาทันที “พี่สาวชวนฮวาเหตุใดจึงกลับมามืดค่ําเช่นนี้?”

 

“แล้วเจ้ามายืนทําอะไรอยู่ตรงนี้? มีเรื่องอะไรกัน… หรือว่าถูกทุบตีอีกแล้ว?”

 

ภู่ชิวซาบซึ้งใจยิ่ง อีกฝ่ายเป็นเพื่อนรักของนางอย่างแท้จริง ขนาดในช่วงเวลาเช่นนี้ยังห่วงใยความรู้สึกตนเช่นนี้ข่าว ลือที่แพร่สะพัดในหมู่บ้านจะต้องบอกกล่าวให้นางรู้

 

“พี่สาวชวนฮวา ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ในหมู่บ้านลือกันว่าท่านแต่งตัวงามงดเพื่อไปหาสามีเก่าในเมือง”

 

หลินฮวาได้ฟังเช่นนั้นถึงกับตื่นตระหนก นางมั่นใจว่าระมัดระวังตัวอย่างดีแต่ทําไมจึงมีข่าวลือเช่นนี้ได้?

 

นางคว้ามือของคู่ชิวแน่นพร้อมถามย้ํา “เจ้าได้ยินมาจากผู้ใด?”

 

คู่ชิวอธิบายต่อ “ข้ารู้ว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่ทุกคนพูดถึงมันอย่างหนาหู ข้าเกรงว่าสามีของท่านจะได้รับข่าวสารที่ผิดและทําให้ท่านถูกทุบตี…”

 

ทั้งหมดที่คู่ชิวกล่าวออกแทบจะไม่เข้าหูหลินชวนฮวา นางกล่าวแทรกด้วยความกังวล “มันไม่ใช่ความจริงบอกข้ามาว่าใครเป็นต้นเรื่อง!”

 

คู่ชิวตื่นตระหนกกับท่าทางของอีกฝ่าย นางถอยออกไปหลายก้าวก่อนจะกล่าวตอบ “พี่สาวชวนฮวา ข้าไม่ทราบว่าใครเป็นคนแรกที่พูด แต่ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว”

 

สีหน้ากังวลเผยออกอย่างปิดไม่มิด หลินชวนฮวาไม่รู้เลยว่าจะรับมือเรื่องตรงหน้าอย่างไรดี หากหนีไปตอนนี้ ข้าวของของเฉินเยี่ยก็อยู่ในบ้าน หากนางไม่รีบหาเงินก้อนใหญ่ก็คงไม่มีเงินส่งลูกชายเรียนจนจบ แล้วจะทําอย่างไรดี?

 

คู่ชิวเห็นว่าหลินชวนฮวาเงียบไปจึงกล่าวกระซิบ “ข้าออกจากบ้านมานานแล้ว หากกลับช้ากว่านี้คงโดนทุบตีแน่” 

 

คู่ชิวจากไป ทิ้งให้หลินชวนฮวายืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

 

หลังจากไตร่ตรองเรื่องราวอยู่หลายตลบ หลินชวนฮวาตัดสินใจที่จะกลับบ้าน ยังไงซะเฉินผิงอันก็โง่เขลายิ่ง การหลอกลวงเขามันไม่ยากเย็นนักหรอก..

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือเงิน! เย่วชิวไฉไม่สามารถเตร็ดเตร่บนถนนได้หากนางไม่มีเงินก็คงไม่อาจดูแลครอบครัวได้ไม่ต้องพูดถึงการส่งเฉินเยี่ยเรียนหนังสือด้วยซ้ํา!

 

หลังจากกลับมาถึงบ้าน นางเห็นว่าเฉินผิงอันกําลังมองเฉินเฉินที่กําลังใช้ไม้กวาดขนาดใหญ่กวาดลานบ้านอยู่

 

เมื่อเห็นว่าหลินชวนฮวากลับมาแล้ว เฉินผิงอันโอบเอวภรรยาพร้อมเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจลูกชายด้านนอกอีกต่อไป แววตาของเฉินเฉินวูบไหวเพียงครู่ก่อนจะกลับคืนเป็นปกติ

 

ก่อนหน้านี้เฉินเฉินคิดว่าหากเขาทํางานบ้านเสร็จสิ้นบิดาคงไม่เพิกเฉยต่อตนเช่นนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าทุกสิ่งเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ พี่สาวกล่าวถูกต้องทั้งหมด เขา ไม่สามารถคาดหวังใดกับคนในบ้านนี้ได้อีกแล้ว

 

หลังจากกวาดพื้นเสร็จ เด็กน้อยกลับไปซ่อนตัวในห้อง เช่นเคยยังดีที่เขากินอาหารเย็นจากบ้านของเถียนเถียนมาแล้วจึงไม่ต้องกังวลว่าที่บ้านจะมีอะไรให้กินหรือไม่

 

หลินชวนฮวาเริ่มทําอาหารและทั้งสองนั่งกินข้าวกันอย่างสบายใจไม่มีใครคิดจะเรียกหาเฉินเฉินแม้สักคํา ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเด็กชายกําลังทอดทิ้งพ่อและแม่ออกไปจา กหัวใจที่ละน้อย

 

“สามีข้า… พวกเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ช่างไม่มีอนาคตเอาเสียเลย ที่ดินที่นี่ทําเงินได้น้อยนิดยิ่งนัก วันนี้ข้าเข้าเมืองและพบที่ดินผืนหนึ่งมันน่าจะทําเงินให้เราได้มาก วันพรุ่งนี้ข้าจะพาท่านไปดู!”

 

“อย่างนั้นหรือ? ข้าเป็นเพียงชาวนาจะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไรชวนฮวาเจ้าถูกหลอกแล้ว!”

 

หลินชวนฮวากล่าวโน้มน้าว “สามีข้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิดอย่างน้อยเราก็ลองไปดูก่อนได้ สักวันมะรืนเป็นอย่างไร? คนอื่นอาจจะหลอกลวงข้าได้ แต่เขาหลอกท่าน ไม่ได้หรอก อย่างไรแล้วท่านเก่งกาจที่สุดในสายตาข้า!”

 

หลินชวนฮวากล่าวออกพร้อมแสร้งทําเขินอาย เฉินผิงอันเห็นท่าทางอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยิ่งผยองจึงพยักหน้ารับ โดยไม่รู้ตัว

 

ทั้งสองคนมองตากันอยู่ครู่จึงพากันเดินเข้าห้องนอนไปโดยที่จานอาหารทั้งหมดยังวางอยู่บนโต๊ะเช่นเดิม! 

 

หลินชวนฮวาไตร่ตรองอยู่นานว่าจะไปหาเงินก้อนใหญ่ได้ที่ไหน จนสุดท้ายจึงคิดออกว่าต้องหาทางฉกฉวยเงินก้อนใหญ่จากเฉินผิงอันให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยหลบหนีไปกับเย่วชิวไฉผู้เป็นที่รัก

 

ส่วนเฉินผิงอันไม่เคยรับรู้ถึงแผนการของคนข้างกายเลยท่าทางอ่อนหวานของภรรยาทําให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก

 

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบหลินชวนฮวากับหยุนจิงเอ๋อ… นางคนนั้นเปรียบตัวเองราวกับนางสวรรค์

 

ทั้งหยิ่งผยองและไม่คิดก้มหัวให้ผู้ใด! แต่หญิงที่อยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ช่างอ่อนโยน ใจกว้างและเอาใจใส่ช่างเป็นสมบัติล้ําค่าที่คู่ควรกับเขาอย่างแท้จริง!

 

วันรุ่งขึ้นหลินชวนฮวาเข้าเมืองอีกครั้ง แม้ว่านางจะปวดเอวมากแต่ก็ไม่ท้อถอย คราวนี้นางพุ่งตรงไปหาเย่วชิวไฉทันที่เพื่อคิดแผนการหลอกลวงเฉินผิงอัน!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 103 พายุกําลังจะมา

 

แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้โชคจะอยู่ข้างเถียนเถียน..

 

ชายคนนั้นจําเป็นต้องปลอมตัว ไว้หนวดเคราเมื่อเดินไปมาบนถนนแม้มันจะลําบากแต่ก็ดีกว่าถูกจับได้และโดนประหาร!

 

ชีวิตของเขาไม่ได้สะดวกสบายนัก แต่มันดีขึ้นมากเมื่อหลินชวนฮวามาดูแลทุกวัน

 

เงินสําหรับใช้ในชีวิตประจําวันก็ได้รับจากหลินชวนฮวาเช่นกันส่วนสตรีนางนี้ทั้งหอบเงินมาให้อีกฝ่ายและยังหุงหาอาหารให้เขาอีกด้วย

 

เพื่อความสะดวกสบาย เขาจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้หลินชวนฮวามีความสุขและโปรดปรานไม่รู้จบ

 

เดิมที่เขาคืออัจฉริยะผู้เก่งกาจ ไม่ว่าใครก็ต้องการครอบครองเย่วฉิวไฉ… ตอนนั้นเขาคือชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและ ฉลาดหลักแหลมส่วนหลินชวนฮวาก็เป็นหญิงสาวที่งามงอก ว่าใครจะเปรียบเทียบได้ ทั้งสองคนราวกับเทพธิดา เทพบุตรประจําหมู่บ้าน

 

แต่การดื่มเหล้าในครั้งนั้นทําให้เขาพลั้งมือฆ่าคนตายใน ซ่องชิวไฉจึงกลายเป็นบุคคลน่ารังเกียจทันที ส่วนหลินชวนฮวาต้องกลายเป็นแม่ม้ายและตบแต่งกับเฉินผิงอันเพื่ อนําเงินมาจุนเจือเขา

 

เมื่อไม่มีเงิน เย่วชิวไฉไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้หลินชวนฮวามาหาทุกวินาทีเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องเช่าด้วยความ หวาดระแวง

 

ก่อนหน้านี้เขามีอนาคตที่สดใสจนไม่ต้องใยดีหลินชวนฮ วามากนักแต่ในตอนนี้เขาต้องพึ่งพานางจึงจําเป็นต้องกล่าววาจาไพเราะให้ลื่นหูอีกฝ่ายเขาพูดซ้ํา ๆ เสมอว่าเขาไม่ อาจขาดนางได้

 

วันนี้ก็เช่นกัน หลินชวนฮวาต้องซื้อของเข้ามาให้เขา เช่นนี้ เย่วชิวไฉจึงออกมาจากห้องเพื่อกล่าวคําหวานกับนางสัก หน่อย

 

เขาพูดพร่ําเสมอว่ารังเกียจตนที่ทําเรื่องผิดพลาดและทํา ให้หลินชวนฮวาต้องเจ็บช้ําน้ําใจ

 

เมื่อก่อนเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แต่ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะฆาตกรและเก็บตัวเงียบไม่สามารถเดินเตร็ดเตร่บน ถนนได้ เช่นนี้จึงทําให้เขาไม่สามารถเดินจูงมือกับนางได้ดั่งเช่นเคย

 

ทั้งสองกล่าวคําหวานต่อกันก่อนจะโอบรัดกันอย่างรักใคร่ หลินชวนฮวาอิงแอบศีรษะไว้กับอกกว้างด้วยใบหน้าอิ่มเอมทั้งสองเดินกอดกันเข้าไปในตรอกแคบอย่างมีความสุข

 

ภาพทั้งหมดประจักษ์ต่อสายตาของเถียนเถียนและหลี่ เสียวเหอชัดเจน!

 

แม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องยอมรับ เถียนเถียนต้องการจะ เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายแต่หลีเสียวเหอเอามืออุดปากนางไว้อ ย่างรวดเร็วและลากนางออกมาข้างนอก

 

“เถียนเถียน! ห้ามร้องเรียกเด็ดขาด ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ว่าชายคนนั้นอันตรายยิ่ง เขาเป็นฆาตกร หากเขาจับได้เราสองคนถึงคราวเคราะห์แน่เขาอาจจะฆ่าปิดปากเราได้ เอาล่ะเด็กดีใจเย็น ๆ เถิดนะ”

 

หยุนเสียนเถียนแสร้งทําเป็นตัวสันราวกับหวาดกลัวคําพูด นั้นอย่างแท้จริง

 

หลังจากหลี่เสี่ยวเหอลากนางออกมา หยุนเถียนเถีย นก็ฟื้นคืนสติและอยู่เฉยตามที่อีกฝ่ายบอก

 

เป็นตอนนี้เองที่นางได้พูด จึงระบายความคับข้องใจทัน ที่ “ไม่แปลกเลยว่าทําไมนางจึงปฏิบัติไม่ดีกับเฉินเอ๋อ เพราะหัวใจนางมีเพียงฆาตกรคนนั้น!”

 

หลี่เสี่ยวเหอตื่นตระหนกที่เห็นเถียนเถียนกล่าวออกโดย ไม่สนใจฝูงชนเดินผ่านไปมา นางเกรงว่าคําพูดเหล่านี้จะทําให้ใครไม่พอใจจึงลากหยุนเถียนเถียนออกจากบริเวณนี้โดย เร็วทันที

 

“สรุปว่าเรื่องที่เราคาดเดากันเป็นความจริง แต่เจ้าจะรี บกล่าวออกไม่ได้ ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ในบ้านเพียงคนเดียวหากฆาตกรนั้นรู้เรื่องเข้า มันคงบุกมาฆ่าปิดปากเจ้าแน่ เอา ล่ะเราออกจากที่นี่กันเถิด… ข้าต้องรีบไปจัดการกับเศษผ้าที่ บ้านนะ!”

 

หยุนเสียนเถียนสงบปากลงและปล่อยให้หลี่เสี่ยวเหอลาก ขึ้นเกวียน เด็กสาวแสร้งทําหน้าหวาดกลัวและไม่กล่าวคําใด ขณะนั่งอยู่บนเกวียน

 

หลี่เสี่ยวเหอถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวปล อบ “เถียนเถียน… เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกยังไงซะเฉินผิง อันก็ไม่ใช่พ่อของเจ้า ถ้าหากให้ข้ากล่าวคงต้องบอกว่า ทั้งสองคนนี้เหมาะสมกับราวกับผีเน่าโลงผุ คนหนึ่งก็ไร้ยางอายอีกคนก็ไร้หัวใจ!”

 

หยุนเถียนเถียนเพียงส่ายศีรษะ “ข้าเพียงเป็นห่วงเฉิน เอ๋อ…”

 

นางไม่ได้กล่าวจนจบเพียงแต่เงียบไป ซึ่งทุกคนเข้าใจดีแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา

 

“หลินชวนฮวาคิดทําสิ่งใดแน่?! แม้เฉินผิงอันจะชั่วช้าแต่ข้าก็ซื่อสัตว์ ชิวไฉต่างหากที่เป็นฆาตกร ชายคนนั้นเลวร้ายเกินจะพรรณาเรื่องนี้จบไม่สวยแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “แล้วเฉินผิงอันมีอะไรดีเล่า? เขาเพียงแค่โง่เขลาเท่านั้น เย่วชิวไฉนั้นรูปหล่อและดูดียิ่งนัก ไม่แปลกที่นางจะเอาเงินของเฉินผิงอันไปปรนนิบัติดูแล ชายฆาตกรและปล่อยให้ลูกชายของเฉินผิงอันต้องอดอยาก”

 

หลี่เสี่ยวเหอคิดตามและรู้สึกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่นางไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าน้ําเสียงของหยุนเสียนเถียนเปลี่ยนไปแล้ว

 

“อ้อ เรื่องมันเป็นเช่นนี้ อ๊ะ เฉินผิงอันผู้น่าสงสาร ถูกปอกลอกเงินแล้วยังถูกสวมเขา!”

 

หยุนเถียนเถียนเกือบสําลัก สําหรับนางคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!

 

แม้ปากของหลี่เสี่ยวเหอจะพูดพร่ําว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร แต่หยุนเถียนเถียนรู้ดี

 

นางไม่สามารถหุบปากได้แน่นอน!

 

เมื่อเกวียนแล่นมาถึงหมู่บ้าน หลี่เสี่ยวเหอไปส่งเถียนเถียนที่บ้านและรีบตรงปรี่ไปยังบ้านของเพื่อนตนเองอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานนัก ข่าวลือของเถียนเถียนกับพรานปาก็หายไปอ ย่างรวดเร็ว

 

เป็นเพราะมีข่าวลือใหม่ปรากฏออก หลินชวนฮวาแต่ง กายงามงดตรงปรี่เข้าเมืองทุกวัน การบ้านงานเรือนไม่แตะต้องลูกน้อยก็ไม่สนใจ… นางเข้าเมืองเพราะเหตุใด?

 

นางเข้าไปหาเพื่อนงั้นหรือ? แล้วผู้ใดกันคือเพื่อนของนาง สามีเก่าที่เป็นฆาตกรใช่หรือไม่? เดิมที่เขาคืออัจฉริยะแต่เพราะพลั้งมือสังหารโสเภณีนางหนึ่งจึงต้องกลายเป็นผู้ต้องหา หลบหนีคดี!

 

หากนางยังติดต่อกับเขาอยู่ แล้วเหตุใดจึงมาตบแต่งกับเฉินฝั่งอัน?

 

อีกฝ่ายเป็นถึงฆาตกร แต่นางกลับออกไปพบเขาเพื่ออะไรกัน? อีกทั้งยังใช้เงินของเฉินผิงอันเลี้ยงดูลูกชายคนโตอย่างดี คงเป็นเพราะเงินของเฉินผิงอันจึงทําให้นางตกลงแต่ง งาน!

 

แต่นางก็แต่งงานจนมีลูกกับเฉินผิงอันแล้ว เหตุใดจึงยัง เกี่ยวข้องกับฆาตกรคนนั้นอีกล่ะ? ฆาตกรหลบหนีคดีจะเทีย บกับเฉินผิงอันที่มอบความสะดวกสบายให้นางได้อย่างไร?

 

แต่ทําไมจะเทียบไม่ได้? ชิวไฉทั้งรูปงาม วาจาไพเราะน่าฟังส่วนเฉินผิงอันทั้งหยาบโลนและแข็งกระด้าง จะสามารถ เทียบเทียมกันได้อย่างไร?

 

เพราะเหตุผลนี้แน่นางจึงให้ความสําคัญกับลูกชายของสามีเก่าอย่างยิ่งยวด กลับกันหลินชวนฮวาเลี้ยงลูกชายคน เล็กอย่างทิ้งขว้างไม่ดูแลไม่ใส่ใจใยดีใด ๆ ทั้งสิ้น!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 102 ลอบสอดแนม

 

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ใช่! ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงใจดํานัก!”

 

หลังกล่าวจบนางคิดไตร่ตรองเรื่องราวอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะคิดอยากสืบว่าเหตุใดหลินชวนฮวาจึงเข้าเมืองบ่อยนัก หากคนในหมู่บ้านรู้เข้าจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ล่ะ?

 

หยุนเถียนเถียนจึงกล่าวเปิดประเด็นขึ้น “หลินชวนฮวาแต่งตัวงามงดทุกวันเพื่อเข้าเมือง ไม่รู้เหตุใดจึงต้องไปทุกวัน เพราะเหตุนี้นางจึงทิ้งเด็กชายไว้ที่บ้านอย่างไม่ สนใจจะดูแล!”

 

หลี่เสี่ยวเหอได้ยินอย่างนั้นก็พลันอยากจะนินทาด้วย นางจึงดึงเถียนเถียนเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบเสียงแผ่ว “ข้าบอกแล้ว หลินชวนฮวามิใช่สตรีผู้เพียบพร้อมเรียบร้อยดังผ้าพับไว้ ตอนนี้ข้าสงสัยว่านางคงจะเข้าเมืองเพื่อไปหาใครสักคน!”

 

ส่วนหยุนเถียนเถียนก็พอจะคาดเดาได้ หญิงสาวในหมู่บ้านก็คิดเช่นเดียวกับนาง มีเพียงเฉินผิงอันเท่านั้นที่ไม่เคยรู้เรื่องราวใด นี่เขาเชื่อใจภรรยาหรือว่าโง่เง่ากันแน่?

 

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็นางมีครอบครัวแล้ว…”

 

หลี่เสี่ยวเหอหันซ้ายขวาเพื่อตรวจสอบคนรอบข้าง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังปกตินางจึงกระซิบกระซาบอีกครั้ง “เจ้าไม่รู้จริง ๆ งั้นหรือ! ถึงหลินชวนฮวาจะบอกว่าสามีเก่าตาย ตกไปแล้ว แต่ตอนที่ข้าเข้าเมืองกับพ่อแม่ก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างเหมือนกัน!”

 

“เขาลือกันว่าสามีเก่าของนางเคยทะเลาะวิวาทในซ่อง และพลั้งมือสังหารโสเภณีนางหนึ่งทางการออกหมายจับแต่ ไม่รู้ว่าเขาหนีไปไหน หลินชวนฮวาจึงกล่าวอ้างว่าเขาตายแล้ว จากนั้นก็ตบแต่งกับเฉินผิงอันไงล่ะ!”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหยุนเถียนเถียนถึงกับตกตะลึงสัญชาตญาณตํารวจครอบงํานางอีกครั้ง เรื่องนี้มันมีเงื่อนงํา!

 

“พี่สาวเสี่ยวเหอ ท่านจะบอกว่าฆาตกรยังอยู่ในเมืองงั้นหรือ? แล้วทุกครั้งที่นางเข้าเมืองก็คือการไปพบสามีเก่า!”

 

หลี่เสี่ยวเหอยกนิ้วจรดริมฝีปาก “ชู่! รู้แล้วเหยียบไว้ก่อนล่ะ ข้าเพียงคาดเดาแต่ยังไม่เคยเห็นกับตา… แต่ก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง”

 

“แล้วเฉินผังอันไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”

 

“ฮ่าฮ่า! ก่อนหน้าข้าเคยได้ยินจากแม่สามีว่าเฉินผิงอันเป็นชายชาญฉลาด มิฉะนั้นแม่ของเจ้าที่ถูกชายมากมายหมายปองจะมาแต่งงานกับเขาได้อย่างไร? แต่หลังจากแม่เจ้าตาย ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจึงมาหลงรักสตรีดั่งเช่นหลินชวนฮวา!”

 

“ตอนนั้นหลังจากแม่ของเจ้าตายตกไป ก็มีสาวหม้ายคนหนึ่งถูกจับให้แต่งงานกับเฉินผิงอัน แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่เหมาะสม! โดยที่ก่อนหน้านี้เขายังยอมแต่งงานกับ แม่ของเจ้าอย่างไม่บิดพลิ้วยังไงซะเรื่องนั้นก็ถูกลืมเลือนไป จนเขามาพบกับหลินชวนฮวาและนางก็เป็นหม้าย เขาแต่งกับนางอย่างเต็มใจ จากนั้นเฉินผิงอันก็กลายเป็นคนโง่…”

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เถียนเถียนไม่อยากจะฟังนักอย่างไร ซะหลี่เสี่ยวเหอก็ไม่ได้พูดมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่นางสงสัยคือเฉินผิงอันรักหลินชวนฮวาอย่างแท้จริงงั้นหรือ?

 

อย่างไรซะมันก็ไม่สําคัญ

 

ทั้งหมดพิสูจน์ได้แล้วว่าหยุนจิงเอ๋อไม่ได้สําคัญอะไรกับเขาเลย ส่วนหลินชวนฮวาก็เพียงแค่หลอกใช้เขาเท่านั้น

 

แต่ถ้าทั้งหมดเป็นความจริง นี่คงเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยม หากทําให้เด็กชายหลุดพ้นจากพ่อแม่ที่น่ารังเกียจ

 

หยุนเถียนเถียนไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบเชียบ ส่วนหลี่เสี่ยวเหอที่นั่งข้าง ๆ เห็นอีกฝ่ายกําลังคิดบางอย่างจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

 

“ว่าไปแล้ว… เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเลย เหตุใดเจ้าจึงต้องเข้าไปยุ่งกับเด็กชายคนนั้นด้วยล่ะ?”

 

หยุนเถียนเถียนตอบกลับจริงจัง “เด็กน้อยคือผ้าขาว! หากข้าไม่ช่วยเขา แล้วผู้ใดจะช่วยเหลือเขาได้อีก? เด็กดีไม่ควรถูกทารุณจนตาย! ข้ายังจดจําสิ่งที่พวกเขาทํากับ ข้าได้ดี เช่นนี้ข้าจึงจะช่วยเหลือเขาให้ได้!”

 

หลี่เสี่ยวเหอมองหยุนเถียนเถียนพร้อมกล่าวออกอย่างอ่อนใจ “เจ้าใจดีเกินไปแล้ว หากหลินชวนฮวาฆ่าลูกชายของตัวเอง ในอนาคตนางจะต้องเสียใจแน่ แต่ถ้าหากเจ้าตั้งมั่น เช่นนั้น ก็เอาเถิด”

 

“แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะช่วยเขาไม่ได้ ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่กัน? เพียงแค่เลี้ยงดูตนเองยังยากลําบากอีกฝ่ายชั่วร้ายและ ยังเป็นบิดามารดาที่แท้จริงท้ายที่สุดเด็กคนนั้นก็จะหนีจากครอบครัวไม่พ้น…เจ้าจะช่วยเขาอย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนได้ฟังก็เผยสีหน้าขมขืน “นิดหน่อยก็ยังดี! หากให้ข้ายืนมองเขาตายไปต่อหน้าคงจะไม่ได้อย่างไรเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายข้า!”

 

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมั่นใจแน่วแน่แล้ว หลี่เสี่ยวเหอจึงไม่กล่าวอะไรอีก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงอีกฝ่าย

 

“เฮ้อ ดูอย่างข้าสิ แต่งงานมาตั้งสามปีแต่ให้กําเนิดเพียงลูกสาว โชคดีที่แม่สามีใจดียังรักใคร่ข้าจึงไม่เดือดร้อนนัก แต่ไม่ว่าใครก็ย่อมอยากได้ลูกชายเท่านั้น หลินชวนฮวาให้กําเนิดลูกชายได้ แต่กลับไม่รู้จักดูแล!”

 

“หากเด็กคนนั้นยังอยู่ในบ้านหลังนั้น คงจะมีชีวิตที่ไม่สงบสุข เด็กน้อยอายุตั้งเจ็ดขวบแต่กลับเตี้ยแคระกว่าเด็กห้าขวบเพราะนางเอาแต่ใช้ให้เขาทํางานและไม่ยอมให้กิน ข้าว”

 

หยุนเถียนเถียนพอจะเข้าใจสิ่งที่หลี่เสี่ยวเหอจะสื่อ

 

นางไม่ได้เห็นด้วยที่หลินชวนฮวาทารุณลูกชาย แต่ที่นางคัดค้านก่อนหน้าเพราะกลัวตนจะถูกลากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ เรื่องราววุ่นวายนี้

 

อย่างไรเสีย แม้ว่าจะยุ่งยากในการช่วยเหลือเด็กชาย แต่ตราบใดที่เถียนเถียนมีเสี่ยวเถาในมือนางย่อมช่วยเหลืออีกฝ่ายได้แน่!

 

ทั้งสองนั่งคุยกันมาตลอดทางจนในที่สุดก็มาถึงตลาด 

 

คราวนี้หยุนเถียนเถียนยังไม่ทันตะโกนขาย คนที่เห็นก็เข้ามารุมล้อมเพื่อซื้อปิ่นปักผมผีเสื้อในตะกร้าอย่างเร่งรีบ

 

หากมีใครมาถามหาแบบเก่า นางจะชี้ไปที่แผงของหลี่เสี่ยวเหอ เช่นนี้หลี่เสี่ยวเหอจึงขายได้เช่นกัน แต่ก็มีคนลอกเลียนแบบสินค้ามากขึ้นทําให้ราคาของมันหายไปกว่า ครึ่ง! แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคนต้องการซื้อมันอยู่

 

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มอย่างพอใจ นางใช้ปิ่นปักผมเหล่านี้ เพื่อเข้าไปสนิทสนมกับสาวขี้นินทาในหมู่บ้าน แม้จะมีใครพูดถึงนางในแง่ร้าย แต่คนส่วนใหญ่ย่อมเลือกที่จะปกป้องนางแน่นอน

 

ไม่นาน ทั้งสองก็ขายของหมดจากนั้นจึงพากันเดินเล่น บนถนนซึ่งหนทางนี้เป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเดินนัก จึงไม่พลุกพล่านเท่าไหร่

 

หยุนเถียนเถียนเดินไปตามทาง ซึ่งเส้นทางนี้นางเคยพบเจอกับหลินชวนฮวาในตรอกแคบหากคราวนี้ทั้งสองได้พบ

 

หลินชวนฮวากับชายคนนั้น แน่นอนว่าหลี่เสี่ยวเหอจะต้องนำไปปาวประกาศให้คนในหมู่บ้านรับรู้ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์ของเถียนเถียน!

 

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะระมัดระวังตัวเพียงใดแต่ก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาได้นาน เพราะคนในหมู่บ้านมากมายมาขายของที่ตลาดแห่งนี้ เรื่องทั้งหมดเพียงรอวันถูกค้นพบเท่า

 

นั้น!

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 101 ข่าวลือเปรียบเสมือนมีด

 

หยุนเคอถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือ งานนองเลือดเช่นนี้ไม่เหมาะกับสตรีสักเท่าไหร่ เช่นนี้หยุนเถียนเถียนจึงนั่งลงข้างๆ เพื่อดูหยุนเค่อจัดการกับเหยื่อ

 

ไม่นานนักหยุนเคอแบ่งเหยื่อออกเป็นสองกอง หนึ่งเป็นชั้นขนที่สะอาดสะอ้าน ส่วนอีกกองเป็นเนื้อแดงสด

 

เมื่อเห็นดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงลงมือจัดการต่อ

 

แม้จะไม่มีใครเคยทําเนื้อรมควันมาก่อน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าการทาเกลือลงบนเนื้อสามารถเพิ่มอายุการเก็บรักษาได้

 

ถึงมันจะมีราคาแพงเล็กน้อย แต่ครอบครัวนายพรานก็ควรที่จะมีติดบ้านไว้

 

หยุนเคอมองหยุนเถียนเถียนซึ่งทาเกลือลงบนเนื้อที่เขา แล่ไว้และกําลังโรยเครื่องปรุงแปลกประหลาดลงไป

 

แม้สีของมันจะเป็นซอสดําคล้ํา แต่หลังจากเนื้อถูกเคลือบแล้ว กลับเปล่งประกายกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนที่เห็นได้เป็นอย่างดี

 

หลังจากหยุนเถียนเถียนจัดการเสร็จสิ้น นางจึงหยิบเนื้อใส่ถังแล้วนําผ้าคลุมไว้ก่อน

 

“เอาล่ะ ทิ้งไว้อย่างนี้ก่อน กว่ารสชาติของเครื่องปรุงจะซึมเข้าเนื้อคงพรุ่งนี้ เราต้องหมักมันไว้แล้วหลังจากนี้ข้าจะทําเนื้อรมควัน”

 

หยุนเถียนเถียนอธิบายพร้อมกับตักน้ําล้างมือ

 

“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วข้าต้องกลับไปทําอาหารให้เด็กน้อยก่อน”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวจบจึงหันหลังเดินออกไป แต่ขณะที่กําลังออกจากบ้านของหยุนเคอเป็นจังหวะเดียวกันที่หลี่ชื่อเดินผ่านพอดิบพอดี

 

หลี่ชื่อกับหลี่เสี่ยวเหอนั้นรู้จักเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างดี

 

หลี่เสี่ยวเหอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลี่ซื่อ ทั้งสองเป็นญาติห่าง ๆ เพราะถูกตบแต่งเข้ามาในตระกูลเดียวกัน แต่ยังไงซะ เมื่ออยู่บ้านแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก บรรยากาศทั้งหมดค่อนข้างมืดมน

 

เมื่อเห็นอย่างนี้ หลี่ซื่อพลันคิดอะไรบางอย่างออก

 

ปกติแล้วนางเกลียดชังแม่นางหยุนเป็นทุนเดิม แม้อีกฝ่ายจะตายตก แต่ความแค้นนี้ยังฝังลึกในหัวใจ ถึงจะผ่านมาเนินนานแต่ก็ไม่เคยลดหลั่นลงแม้แต่น้อย

 

อีกทั้งตอนนี้ยังมีเพียงลูกสาวที่อีกฝ่ายหลงเหลือไว้บนโลกนี้ หลี่ชื่อจึงไม่จําเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป

 

แต่หยุนเถียนเถียนไม่ได้รับรู้ความในใจของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เมื่อนางกลับมาถึงบ้านก็เริ่มจุดเตา ทําอาหารอย่างใจเย็น

 

ทั้งวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหมู่บ้านนี้กําลังจะเกิดพายุใหญ่!

 

รุ่งขึ้น เถียนเถียนเปิดประตูบ้านออกไปดั่งเช่นเคย นางไม่เคยล็อกประตูมาก่อนเพราะคนในหมู่บ้านเป็นคนชื่อสัตย์ เช่นนี้จึงไม่ต้องเกรงกลัวการถูกยกเค้าแต่อย่างใด

 

นางไม่คิดล็อกประตูเพราะเฉินเฉินจะสามารถวิ่งมากินข้าวได้ เช่นนี้เถียนเถียนจึงออกไปตลาดเพื่อขายปิ่นปักผมผีเสื้อที่ทําขึ้น

 

แต่ทันทีที่ก้าวเดินออกจากประตู นางตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

 

มีผู้หญิงสองสามคนจับกลุ่มนินทาด้วยสายตากระอักกระอ่วน ขณะที่นางเดินผ่าน อีกฝ่ายก็เงียบลงและจับจ้องด้วยแววตาใครรู้

 

หยุนเถียนเถียนรู้ตัวแล้วว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

 

หลี่เสี่ยวเหอก็เป็นหนึ่งในคนที่กําลังพูดถึงเรื่องเช่นนี้ เมื่อนางเห็นหยุนเถียนเถียนเดินมาก็ผละออกจากคนข้างๆ และเดินเข้ามาคุยกับหยุนเถียนเถียนทันที

 

“เถียนเถียน วันนี้เจ้ายังไปขายปืนอยู่หรือไม่? ขอข้าดูหน่อยสิ”

 

หยุนเถียนเถียนไม่คิดอะไร นางเปิดผ้าบนตะกร้าออกมาปรากฏในผีเสื้อที่อยู่ข้างในออกมา ถึงอย่างไรเงินที่ได้จากฝีมือเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ หยุนเสียนเถียนไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาสักนิด ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คนอื่นจะเห็นมันก่อน

 

เมื่อหลี่เสี่ยวเหอเห็นปิ่นผีเสื้อที่ประณีตเหล่านี้นางก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “เถียนเถียน ฝีมือของเจ้าช่างงดงามเสียจริง ดูผีเสื้อตัวนี้ ปีกที่กางออกมาเหมือนมันกําลังโบยบิน ช่างงดงามยิ่งนัก”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม นางนั่งตัวตรงและยังไม่ได้พูดอะไรนัก ตอนนี้นางไม่ได้ตั้งใจสืบหาว่าทําไมคนในหมู่บ้านถึงมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

 

ที่ไม่ได้สืบหาเพราะอะไร เพราะมีเหตุผลที่ง่ายกว่านั้น หลี่เสียวเหอเป็นคนประเภทที่ปากไม่มีหูรูด นางกลั้นปากไว้ไม่ได้นานหรอก ต่อให้ไม่ถาม ไม่ช้าก็เร็วนางก็พูดออกมาอยู่

 

หลี่เสี่ยวเหอยังคงกลั้นหายใจอยู่ นางยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้คนในหมู่บ้านกําลังพูดถึงเจ้ากันอยู่ เขาว่ากันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับนายพรานข้างบ้านจะผิดประเพณีไปเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?”

 

หยุนเถียนเถียนถึงกับตื่นตระหนก นางไปที่บ้านของหยุนเคอทางประตูหลังและพยายามหลีกเลี่ยงคนให้มากที่สุดแต่ทําไมคนถึงรู้เรื่องนี้

 

“พี่เสี่ยวเหอ ท่านกําลังพูดอะไรอยู่? นั่นมันสิ่งที่ควรพูดได้เหรอ? ข้าใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ข้าต้องหาเลี้ยงดูตัวเอง ทําปิ่นปักผมเหล่านี้ทุกวันเหนื่อยตัวแทบขาด ข้าจะเอาเวลาว่างที่ไหนไปบ้านของนายพรานคนนั้นได้”

 

หลี่เสี่ยวเหอกลั่นกรองความคิดในหัว และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้ว่าการทําปิ่นปักผมนั้นจะเรียบง่ายแค่ไหน แต่นั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่แม้แต่จะลงมือทําเอง

 

สาวน้อยคนนี้สอนวิธีการต่างๆให้กับคนอื่น แล้วนางก็เริ่มที่จะทําสิ่งอื่นแล้ว ทําไมนางต้องคิดมากด้วย นางไม่มีทางที่จะมีเวลาวิ่งไปที่บ้านของนายพรานแน่!

 

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสองคนนี้ตั้งใจที่จะแต่งงานกันจริงๆ หยุนเถียนเถียนก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง การอยู่ด้วยกันสามารถทําได้ง่ายดายมาก แล้วทําไมถึงต้องแอบย่องไปหากันด้วย?

 

“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าใครมีจิตใจที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ถึงกับปล่อยข่าวลือบ้าๆเช่นนี้ออกมา เอ๊ะ… แม้หลี่เสี่ยวเหอผู้นี้จะปากไม่ค่อยดี แต่ข้าจะไม่ให้ใครรับข่าวสารผิดๆเด็ดขาด!

 

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าไม่เข้าใจ “ข้าไม่รู้เหมือนกัน ถ้าข้ารู้ว่าเป็นใคร ข้าคงโกรธ… ในที่สุดข้าก็ออกจากถ้ําหมาป่าได้ ทําไมข้าต้องมาตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ช่าง…”

 

เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้ากําลังจะร้องไห้ หลี่เสี่ยวเหอรู้สีกผิดจึงเดินเข้าไปลูบหลังนางเบาๆ

 

“เอาล่ะ ครั้งหน้าถ้ามีคนพูดแบบนี้อีก ข้าจะไปเถียงกับนางให้เชื่อใจพี่สาวได้เลย โลกนี้มันไม่ง่ายสําหรับหญิงสาวอย่างพวกเรา”

 

หยุนเวียนเถียนเช็ดน้ําตาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเผยสีหน้า ซาบซึ้งใจ

 

“ช่างเถอะพี่เสี่ยวเหอ พวกเราไปขายของพวกนี้กันเถอะ ข้าต้องอยู่รอดในฤดูหนาวนี้ให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดทนหนาวตาย ข้าไม่อยากคิดเรื่องอื่นแล้ว!”

 

“ยิ่งน้องชายของข้ากําลังใช้ชีวิตที่ยากลําบาก ข้าปล่อยให้เขาตายไม่ได้หรอก เด็กอายุเจ็ดขวบ ถ้าข้าไม่ดูแลเขาต้องถูกพวกมันทรมานจนตายแน่!”

 

หลี่เสี่ยวเหอคิดตามคําพูดของหยุนเถียนเถียน จึงนึกถึงเฉินผังอันและภรรยาของเขา

 

“สามีภรรยาคู่นั้นช่างเหลือเกินเสียจริง พวกมันกระทํากับเจ้าได้เพราะเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่กลับกัน เด็กน้อยคนนั้นที่เป็นลูกในไส้ แต่ยังทําตัวชั่วช้าได้ลง!”

 

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 100 รสชาติหอมหวาน

 

เฉินเฉินดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจ้องมองหยุนเคอไม่วางตา

 

ในตอนนั้นเองหยุนเถียนเถียนก็เดินเข้ามา

 

“เฉินเอ๋อ ถ้าเจ้าอยากประสบความสําเร็จในอนาคต เจ้าต้องรีบตัดความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและมารดาของเจ้าให้ได้ หรือเจ้าคาดหวังอะไรกับพวกเขา?”

 

“แน่นอน ถ้าเจ้ายังลังเลที่จะแยกทางกับพวกเขา งั้นก็จงใช้ชีวิตปากยื่นปากยาวไปเช่นนี้เถิด! อย่างไรเจ้ากับข้าก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด”

 

หยุนเถียนเถียนยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ผล นางโบกมือเตรียมจะจากไป

 

ใครจะคาดคิดว่า เฉินเฉินกลับจับแขนเสื้อของนางไว้แน่น และร้องให้ออกมา “ข้ารู้ว่าพี่สาวดีกับข้า ข้าจะเชื่อฟังท่าน”

 

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจออกมา ถึงอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็อายุเพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น จะให้แยกห่างจากครอบครัวได้อย่างไรกัน

 

เช่นนี้นางจึงปรับอารมณ์และกล่าวออกอย่างใจเย็น “เด็กน้อยเอ๋ย เมื่อครอบครัวไม่ได้ดีกับเรา เราจะกตัญญไปเพื่ออะไร? ยิ่งเจ้ากตัญญูต่อพวกเขามากเท่าไหร่มันเป็นการกระทําที่โง่มาก สักวันหนึ่งเดินผิงอันกับหลินชวนฮวาก็แก่ลง ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกหากจะทิ้งพวกเขาไว้ตามลําพัง ตอนนี้เจ้ายังเด็กไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายของพวกเขาได้ แต่ถ้านานไปกว่านี้มันจะยิ่งเป็นปัญหา”

 

“ข้ารู้ว่าเจ้ายังต้องพึ่งพาครอบครัว ดังนั้นข้าเลยไม่ได้บังคับที่จะให้เจ้าไปจากพวกเขา เฉินเฉิน ข้ายังรอได้ อดทนได้ เมื่อเจ้าพร้อมแล้วข้าจะเป็นคนพาเจ้าออกมาเอง!”

 

หยุนเสียนเถียนพูดจบก็หันมองหยุนเคอ

 

“พี่ใหญ่หยุน ข้าสามารถสอนสิ่งเหล่านี้ได้เท่าที่ข้าทําได้ ข้าไม่สามารถสอนการเขียนให้เขาได้ ข้าขอร้อง และข้าเชี่อว่าเจ้าจะไม่ได้ปฏิเสธคําขอร้องนี้”

 

“ข้าขอตัวไปซ่อมชุดให้เฉินเอ๋อก่อน โปรดช่วยสอนเขาด้วย”

 

เมื่อได้ยินคํากล่าวเช่นนี้ หยุนเคอก็รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเด็กสาวคนนี้กล้าที่จะขอร้องด้วยน้ําเสียงเช่นนั้น คนหัวสูงเช่นนางแต่ท่าทางที่เสนอออกมากลับน่ารักเสียจริง

 

แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา หยุนเคอก็รู้สึกปลงตก เขาไม่น่าคาดหวังกับนางเลย…

 

ความเป็นจริงเขาก็ไม่คิดเกี่ยวกับมันเลยสักนิด แต่เพราะหยุนเถียนเถียนกลัวว่าเขาจะไม่ตอบรับเลยเสนอผลประโยชน์ให้

 

ใครจะไปรู้ว่าผลประโยชน์ขนาดนี้ใครบ้างจะไม่ตอบรับขอให้เขาช่วย แต่กลับพูดกับเขาอย่างไม่ใยดี?

 

หยุนเคอพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างเย็นชา หยุนเถียนเถียนรู้สึกงุนงง นี่เขาอารมณ์ไม่ดีเหรอ หรือว่านางกล่าวอะไรผิดไป?

 

“พี่ใหญ่หยุน พวกเรากําลังจะร่วมมือการค้าขาย ตอนนี้เจ้าช่วยชี้แนะเฉินเฉินเถิด อย่าใจร้ายนักเลย”

 

เฉินเฉินตกใจกับบรรยากาศในห้องที่เริ่มจะกดดัน เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ส่วนพี่สาวของเขาซื้อหยุนเคอแบบไม่กลัวตายเลยสักนิด

 

หยุนเคอหัวเราะออกมาอย่างยอมแพ้ต่อสาวน้อยตรงหน้า

 

ช่างเถอะ ทําไมต้องคิดเล็กคิดน้อยกับสาวน้อยคนนี้กัน ไม่แน่นางอาจจะไม่รู้อะไรด้วยซ้ําว่าเพราะอะไรเขาจึงไม่พอใจ…

 

หยุนเคอรู้สึกชีวิตที่จืดชืดน่าเบื่อของเขากําลังจะมีสีสันขึ้นมาเพราะสาวน้อยคนนี้ นางกล้าหาญ ร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องประกายในก้อนเมฆหนาทึบ

 

หยุนเถียนเถียนเห็นว่าวิธีการยั่วยุนี้ไม่ทําให้หยุนเคอหลงกล นางจริงเปลี่ยนวิธีอีกครั้ง

 

เด็กสาวบุ้ยปากและเขย่าแขนเสื้อของหยุนเคอเบา ๆ “พี่ใหญ่หยุน เจ้าช่วยข้าเถอะนะ นะพี่ใหญ่!”

 

หยุนเคอเห็นรอยยิ้มหวานก็พลันพยักหน้าตอบกลับอย่างไร้สติ

 

จนกระทั่งหยุนเถียนเถียนโห่ร้องเขาจึงฟื้นคืนสติ กลับมาพร้อมกับลอบสบถในใจ นี่ข้าทําอะไรโง่ๆลงไปอีกแล้ว!”

 

การสอนเด็กเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เขาไม่เคยคิดที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้มาก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตกลงแล้วเขาก็ไม่สามารถกลับคําได้ หยุนเคอชี้ไปที่โต๊ะและมองไปที่เฉินเฉิน “ยังไม่รีบไปฝึกคัดตัวอักษรอีกหรือ?”

 

เฉินเฉินไม่กล้าเหมือนพี่สาวที่จะต่อต้านชายหนวดเคราคนนี้ เขารีบไปนั่งที่โต๊ะ กางหนังสือเริ่มใช้หมึกของตัวเอง

 

“แล้วเจ้ามาหาข้าทําไม?”

 

หยุนเคอไม่อ้อมค้อม ถามนางออกไปโดยตรงเพื่อเตือนสติของหยุนเถียนเถียน

 

“อ้อ ก่อนหน้านี้ที่ข้าคุยกับนายน้อยหลี่ ข้าจะทําให้เหยื่อของเจ้ามีกลิ่นที่หอมหวานเพื่อส่งไปที่ร้านอาหารของเขา เช่นนี้ข้าจึงมาสอนวิธีการนั้นให้เจ้า”

 

หยุนเคอไม่พูดอะไรและเดินเข้าครัวไป

 

เมื่อคืนเด็กคนนี้ไม่ได้ไปด้วย แต่เขาก็ยังเรียนรู้วิธีของนางมาบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้มากนัก แต่ที่ได้มานับว่าไม่เลวเลย

 

หยุนเถียนเถียนยิ้ม ดูท่าหยุนเคอจะฉลาดกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก แม้ในอนาคตนางจะไม่ได้ตามขึ้นไปบนเขา แต่สักวันหนึ่งเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่านางแน่ นางไม่อาจดูถูกความสามารถในการเรียนรู้ของคนยุคโบราณเหล่านี้ได้เลย

 

“เจ้าต้องลอกหนังมันออกก่อน และโรยเกลือให้ทั่วเนื้อ เสร็จแล้วรอจนถึงเย็นวันพรุ่งนี้เราถึงจะเริ่มรมควันให้มันหอมหวานน่ารับประทาน

 

หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบ กลิ่นหอมควันจากเนื้อรมควันอาจจะธรรมดาเกินไป ต้องมีลูกเล่นสักหน่อย!

 

“เสี่ยวเถา เจ้ามีเครื่องปรุงอะไรบ้าง เช่นซอสถั่วเหลืองหรืออะไรทํานองนั้น?”

 

เสี่ยวเถาไม่แม้แต่เปิดเปลือกตาขึ้น “นี่เจ้ายังต้องถามอีกเหรอ เสี่ยวเถามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”

 

“เยี่ยม! ข้าขอซอสถั่วเหลือสองขวด”

 

เสี่ยวเถาหักตัวเลขในระบบของนางอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็มีขวดซอสถั่วเหลืองสองขวดก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ โชคดีจริงๆที่ระบบนี้พร้อมใช้งานตลอดเวลา มันไม่ใช่ขวดพลาสติกเหมือนช่วงเวลาที่นางจากมา แต่มันมาในรูปแบบขวดกระเบื้อง

 

“พี่ใหญ่หยุน ข้าว่าทาแค่เกลือน่าจะไม่เพียงพอ ทําไมพี่ไม่ลองเอาใช้สิ่งนี้ทาไปบนนั้นด้วยล่ะ?”

 

พูดจบหยุนเถียนเถียนก็โยนขวดทั้งสองออกไป ไม่กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นมิติของนาง ยังไงเดี๋ยวก็ต้องรู้อยู่ดี งั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบัง

 

หยุนเคอเห็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติของหยุนเถียนเถียนก็รู้สึกสบายใจอย่างไม่รู้ตัว อย่างน้อยนางก็ไม่เห็นว่าเขาเป็นคนนอกดังเช่นเคย

 

ถึงอย่างนั้น หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าชายคนนี้จะถามเรื่องมิติอย่างกะทันหัน โชคดีที่หยุนเคอรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ตั้งนานแล้ว

 

เมื่อคิดดูจากสภาพ หยุนเถียนเถียนคนเดิมไม่อาจทําเช่นนี้ได้แน่ สาวน้อยคนนั้นคงตายตกไปนานแล้ว ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณมาจากที่ใด

 

นางคงฉวยโอกาสที่หยุนเถียนเถียนจากไป แล้วยึดครองร่างสาวน้อยคนนี้แทน

 

สัตว์ประหลาดย่อมมีอาวุธวิเศษเป็นของตัวเอง ไม่มีทางที่จะซ่อนความลับสองสิ่งได้พร้อมกัน

 

หยุนเคอเหลือบมองหยุนเถียนเถียนอย่างลึกซึ้ง และไม่ได้พูดอะไรมา แต่เดิมหยุนเถียนเถียนคิดข้อแก้ตัว แต่เมื่อหยุนเคอไม่ได้พูดอะไรออกมา นางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

แม้ทั้งสองจะค่อนข้างคุ้นเคยกัน แต่นางก็ยังรู้สึกว่าบางอย่างเขาไม่ควรจะถาม!

 

ตอนที่ 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ

 

“เด็กคนนี้ซื่อสัตย์ ย่อมไม่ทางทําผิดใหญ่หลวงเลย แล้วทําไมพวกท่านต้องตีเขา ข้าเชื่อว่าไม่มีใครในหมู่บ้านเห็นด้วยกับการกระทําเช่นนี้ ถ้าหากโดนท่านตีจนตายจริงๆ ชื่อเสียงของหมู่บ้านเราต้องเสื่อมเสียแน่”

 

คนรอบข้างย่อมเกลียดชังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ชื่อเสียงของหมู่บ้านมันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของตนเอง

 

คิดต่อไปอีกหน่อย หากเฉินผิงอันถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ที่ดินที่อยู่ในมือของมันจะถูกแบ่งให้ชาวบ้าน แล้วใครเล่าจะทิ้งผลประโยชน์ที่ดีเช่นนี้?

 

เฉินเฉินเดินกลับไปหาเฉินผิงอันอย่างระหวาดระแวง บางครั้งก็หันกลับไปมองพี่สาวของตัวเอง

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่พอใจกับสถานการณ์นี้ แต่นางก็ไม่มีทางที่จะบังคับเด็กคนนี้ออกมาได้ นางออกจากตระกูลเฉินได้เพราะบิดามารดาไม่ได้ให้กําเนิดนางมา แต่ไม่ใช่กับเด็กคนนี้ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ กล้าปกกล้าขาแข็งงั้นรึ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถสั่งสอนเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทุบตีเขาอีก แต่มันจะไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในห้องนอนนั้น พวกข้าจะไม่ให้อาหาร ถ้าอยากกินมากนักเชิญไปให้นังเด็กนั่นหาให้เจ้ากินเองแล้วกัน!”

 

เฉินผิงอันทิ้งคําพูดไว้แล้วเดินไปที่บ่อนพนัน หลินชวนฮวาเมื่อเห็นสามีของตนเดินออกไปจากลานบ้าน ใบหน้าของนางก็มืดครื้มลง

 

“บอกมาสิ ว่าพี่สาวของเจ้าเอาอะไรให้กิน?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลง ไม่ยอมพูดออกมา เขาไม่เคยเชื่อมารดาของตัวเอง และเชื่อว่านางไม่มีเจตนาที่ดีแน่

 

“หึ ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ เจ้าไปอยู่กับพี่สาวเจ้าสิ ถ้านางทําให้เจ้ากิน อย่าลืมนํากลับมาให้ข้าด้วย ไม่อย่างนั้น…”

 

เฉินเฉินไม่กล้าที่จะโต้กลับ เขาทําได้เพียงก้มหน้าเงียบ

 

“ไปสิ! พี่สาวของเจ้ารออยู่ที่บ้านแล้ว อย่าลืมนํามันกลับมาให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะขังเจ้าไว้ในบ้านไม่มีวันให้เจ้าออกไปไหนอีก!”

 

เฉินเฉินฉวยโอกาสนี้หยิบหนังสือที่แอบเอาออกมาจากห้องยัดใส่อกตัวเอง ก้มหน้ารีบออกจากลานบ้านไป

 

หยุนเสียนเถียนนึกว่าในสถานการณ์แบบนี้เฉินเฉินคงไม่สามารถออกมาหานางได้ 

แต่ใครจะคาดคิดว่าตอนที่นางกําลังจะออกไปข้างนอก เฉินเฉินกลับวิ่งเข้ามาหา

 

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนไป ก้มตัวลงถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไป แม่รังแกเจ้าอีกแล้วเหรอ?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ําเสียงหดหู่ “นางไม่ได้ตีข้า แต่นางให้ข้านำอาหารของพี่สาวกลับไปให้นาง”

 

หยุนเสียนเถียนรู้ว่าหลินชวนฮวาอาจจะใช้ประโยชน์จากการเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆพวกนี้ แม้เฉินผิงอันจะไม่ต้องการแต่นางกลับละโมบ

 

“แล้วพ่อของเจ้าล่ะ เขาได้พูดอันใดออกมาหรือไม่?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดต่อว่า “บิดาไม่ยอมให้ข้าออกมาหาพี่สาวขอรับ”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “มารดาของเจ้านี่เล่ห์เหลี่ยมมากเสียจริง ให้เจ้าเอาอาหารของข้า แล้วบอกเฉินผิงอันว่าเจ้าตะกละเลยทําอาหารเยอะขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นคนที่โดนทุบตีก็คือเจ้า นางฉลาดมาก”

 

“เจ้าไม่ต้องนําของที่ดีมากกลับไปแล้วกัน หลินชวนฮวาจะต้องเสียใจ ข้าจะทําอาหารแย่ๆให้เจ้านํากลับไป ถ้าหากเฉินผิงอันจะตีเจ้าอีก เจ้าบอกเขาไปว่าจะไม่มาพบพี่สาวอีก เข้าใจไหม?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ

 

“วันนี้เจ้านําหนังสือมาด้วยหรือ?”

 

เฉินเฉินรีบล้วงนําหนังสือเล่มนั้นออกมาจากอกเสื้อ หยุนเถียนเถียนลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู ขนาดเจอเรื่องร้ายๆเช่นนี้ยังไม่ลืมที่จะศึกษาเล่าเรียน

 

“เอาล่ะ เจ้าไปที่บ้านของลุงหยุนดีกว่า จําไว้นะ พี่สาวอาจจะมีคนมาหา ตอนนั้นถ้ามีคนเห็นเจ้าเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี”

 

เฉินเฉินพยักหน้าและกระซิบตอบ “ขอบคุณพี่สาว” หลังจากนั้นก็วิ่งไปหาหยุนเคอ

 

หยุนเสียนเถียนทําความสะอาดบ้านอย่างระมัดระวัง เสมือนออกกําลังกายให้ร่างกายอบอุ่น ร่างกายนางยังคงอ่อนแออยู่บ้าง แม้นางเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีแต่ก็เผยโฉมความงามเกินอายุแล้ว

 

เถียนเถียนหยิบหนังสือสอนวิธีทําเครื่องประดับที่ซื้อจากเสียวเถาออกมา

 

มุมปากเด็กสาวยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเองต้องพึ่งพาของแบบนี้ในการหาเงิน?

 

แม้สถานการณ์จะแย่เพียงใด แต่นางก็ทําได้เพียงก้มหน้าลงหยิบกรรไกร เศษผ้า และเริ่มเย็บปักถักร้อย

 

ปิ่นดอกไม้ชนิดต่างๆที่สอนให้คนอื่นไปหยุนเถียนเถียน ไม่ได้คิดนํามาขายต่อ นางบอกกับหลี่เสี่ยวเหอและคนอื่นๆให้ขายมันได้เลย เพราะนางจะศึกษาการทําสิ่งอื่นและสิ่งที่นางจะทําวันนี้คือปืนผีเสื้อที่แสนเรียบง่ายและงดงาม

 

แม้ผ้าฝ้ายที่ขาดวิ่นเหล่านั้นจะหยาบ ไม่ได้อ่อนนุ่มแต่เมื่อจับจีบไม่กี่ครั้งมันสามารถกลายเป็นปีกที่สวยงามได้

 

ไม้ไผ่ที่ถูกตัดไว้นํามาห่อด้วยผ้าฝ้าย ด้านหนึ่งนําผีเสื้อที่กางปีกโบยบินมาติดไว้ มันดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

 

แต่ความอดทนมีขีดจํากัด นางทําได้ราวๆสามสิบอัน หยุนเถียนเถียนก็เริ่มท้อจนโยนกรรไกรและเข็มลงตระกร้า

 

ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย นางไม่สามารถขายวิญญาณทํามันได้ตลอดไป ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่จะไปหานายน้อยหลี่เพื่อพูดคุยแล้ว!

 

แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุย นางต้องช่วยหยุนเคอปรับปรุงรสชาติเนื้อเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้นเสียก่อน

 

หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดบางอย่างได้ นางไม่อยากเสียเวลาจึงแอบเข้าไปในบ้านของหยุนเคอแบบลับๆจากทางประตูหลัง

 

ก่อนที่จะเข้าไปก็ได้ยินเสียงของหยุนเคอดังออกมาจากด้านใน “พี่สาวเจ้าสอนความหมายของเนื้อหาในนั้น แต่ไม่ได้สอนวิธีเขียนมันใช่ไหม การไปสอบต้องเข้าใจมากกว่าการอ่าน เจ้าต้องเขียนให้เป็น

 

น้ําเสียงของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด “ลุงหยุนสามารถสอนข้าได้ไหม?”

 

หยุนเคอใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากของเฉินเฉินอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าอายุแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น อย่าเรียกลุงเลยข้าว่ามันไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เรียกพี่ใหญ่หยุนเหมือนพี่สาวเจ้าก็ได้”

 

เสี่ยวเฉินเฉินทําตามที่พูด “พี่ใหญ่หยุน ท่านสอนข้าได้หรือไม่ ข้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่ชมข้าบ้าง”

 

มุมปากของหยุนเคอยกยิ้มขึ้นราวกับเหยียดหยาม “ถ้าเจ้าเรียนหนังสือเพื่อให้บิดามารดาเจ้าชื่นชม หนังสือเล่มนี้ เจ้าก็ไม่สมควรที่จะอ่านมัน ถ้าพวกเขาชอบเจ้าจริง พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้เจ้าได้เรียน แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รักเจ้าเลย ไม่ว่าเจ้าจะทําดีแค่ไหน พวกเขาไม่มีทางที่จะมาใส่ใจเจ้าหรอก”

 

“เฉินเฉิน เจ้ายังเด็กนัก เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องในราชสํานัก ในอนาคตถ้าเจ้าสอบเข้าไปเป็นศึกษาที่นั่นได้ แม้เจ้าจะได้ตําแหน่งไหนในนั้น ครอบครัวของเจ้าต้องสร้างปัญญาให้เจ้าไม่เว้นแต่ละวันแน่ พวกมันจะใช้อํานาจของเจ้าเพื่อทําร้ายผู้อื่น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ตอนที่ 98 เด็กขี้ขลาด

 

ความโกรธปะทุขึ้นจนเฉินผิงอันแทบจะไร้สติ เขาด่าทอคําหยาบออกจากปากไม่หยุดหย่อน

 

“ไอ้เด็กสารเลว ข้าเลี้ยงดูเจ้ามานานหลายปีแต่กลับทําตัวขี้ขลาดวิ่งออกไปหาคนนอกงั้นหรือ!”

 

ขณะที่พูด เท้าก็ก้าวไปข้างหน้าหมายจะดึงเฉินเฉินที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหยุนเถียนเถียนออกมา

 

หยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นกลับไม่กลัวสักนิด นางยกยิ้มเย็นชาพร้อมกับพูดโต้ตอบเสียงดัง “คําพูดของท่านดูจะไม่เหมาะสมนะ เด็กคนนี้มากินข้าวที่บ้านข้าและข้าก็ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน แล้วทําไมเด็กน้อยคนนี้ต้องออกมาหากินด้านนอกด้วย เฉินผิงอันท่านอายุก็นานนับหลายชั่วอายุคนยังแยกไม่ออกอีกหรือว่าเพราะเหตุใด?”

 

ส่วนผู้เฒ่าสี่มองเฉินผิงอันด้วยแววตาว่างเปล่า เขาใช้ไม้เท้าทุบลงพื้นอย่างรุนแรงก่อนจะตะคอกออก “อวดดี! เฉินผิงอันเจ้าปฏิบัติเหมือนข้าตายไปแล้วงั้นรึ?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินผิงอันเลยสักนิด ถ้าเขาอยากจะดึงคนที่หลบอยู่ด้านหลังหยุนเถียนเถียนจริงนางก็ไม่อาจจะสู้ได้ แต่โชคดีที่หยุนเคอยืนอยู่ข้างๆออร่าเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาทําให้เฉินผิงอันไม่กล้าเดินเข้าไป

 

“เฉินผิงอัน ข้าเฝ้าดูเจ้าเติบโตมาตั้งแต่เจ้ายังเล็ก แต่ตอนนี้เจ้าดูเปลี่ยนไปตั้งแต่หญิงนางนั้นเข้ามา ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่ามารดาของเจ้าเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงจนลุกขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้เจ้ากําลังทําให้ลูกชายแท้ๆเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”

 

เฉินผิงอันหดมือกลับก่อนจะกล่าวตอบ “ท่านผู้เฒ่า…ข้าไม่ได้จะทําเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินชวนฮวา ดูเจ้าเด็กเวรนี่สิ มันทําอะไรไม่ได้สักอย่าง ข้าอดอาหารมันสักวันสองวันให้มันยอมรับความผิดที่ก่อ แต่ผ่านมาสองวันมันก็ยังไม่ทําอะไร และออกจากบ้านมาหาเด็กสารเลวนี่เพื่อกินอาหารอีก!”

 

“ท่านรู้ว่าเขาหิวมาสองวัน! เด็กคนนี้ทําอะไรผิดกันถึงสั่งสอนที่ชั่วช้าแบบนี้ เด็กอายุหกเจ็ดขวบเป็นวัยที่กําลังชนท่านทําอะไรเขา? ตอนท่านอายุเท่านี้บิดามารดาของท่านให้ท่านทําสิ่งใดบ้าง!?”

 

เฉินเฉินลุกขึ้นยืนด้วยน้ําตา “ข้าไม่ได้ขี้เกียจงานบ้านข้า ก็เป็นคนทําแต่แม่โกหกว่านางเป็นคนทํา แล้วกลับเอาแต่บอกว่าข้าขี้เกียจ!”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะพลางพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าเป็นความจริง เพราะตอนนั้นข้าก็โดนทุบตีจากท่านด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน”

 

“อีกอย่างหลินชวนฮวาแต่งกายงดงามราวกับดอกไม้แรก แย้มวิ่งเข้าเมืองแต่เช้าตรู่ทุกวัน แต่กลับบอกว่าทํางานที่บ้านของท่าน หึ! ช่างโง่เง่าเสียจริง”

 

คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้ แน่นอนว่าเฉินผิงอันย่อมเชื่อภรรยาที่แสนอ่อนโยน เขาไม่มีวันเชื่อเด็กชั้นต่ําน่ารําคาญที่อยู่ตรงหน้านี่เด็ดขาด!

 

“ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าในตอนที่ข้าหิวและไม่อยากทํางาน บ้านของท่านเป็นอย่างไร ดูเหมือนคนที่ท่านไว้ใจจะหายไปไหนนะ ข้าเป็นวัว ม้า กระทิงให้ท่าน ดูเหมือนเด็กคนนี้ทําได้ดีกว่าข้าเสียอีก”

 

เดิมที่แล้วผู้เฒ่าสี่รักเด็กรุ่นเยาว์ในครอบครัวมากที่สุด ตอนนี้เขายินดีที่จะช่วยเฉินเฉินบ้าง

 

“เฉินผิงอัน ข้าขอถามตรง เจ้ายังอยากได้ลูกชายอยู่ไหม ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าจะนําเขากลับไปด้วย!”

 

เฉินผิงอันพยักหน้ารับอย่างไม่ยอมแพ้ “เขาเป็นลูกชายของข้า เขาต้องอยู่กับข้า!”

 

หยุนเสียนเถียนกลับยิ้มเยาะอยู่ด้านข้าง “อยู่กับท่านงั้นรึ? ท่านเคยบอกว่าจะขายที่ดินเพื่อส่งเสียให้เด็กคนนี้เรียนหนังสือ แต่จนตอนนี้เด็กคนนี้ก็ยังอยู่ที่บ้าน เฉินผิงอัน… ท่านเห็นเด็กคนนี้เป็นลูกชายจริงแล้วเงินส่วนนั้นมันหายไปไหนหรือ?”

 

พูดถึงเรื่องนี้เฉินผิงอันก็โกรธอีกครั้ง “เงินจากการขายที่ดินไปอยู่ที่ไหนนั่น? เจ้าไม่รู้ตัวหรือไรว่าตอนที่เจ้าออกจากบ้านไปเจ้าก็นําเงินนั่นไปด้วย!!”

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนยกขึ้นเล็กน้อย “สิ่งที่ข้านําออกมามันแทบไม่มีค่าเลย สินสอดทองหมั้นเยอะแยะมากมาย ค่าเช่าที่ท่านเก็บพอที่จะส่งเด็กคนนี้ไปเรียนที่หมู่บ้านข้างๆ อย่างมากก็ไม่เกินห้าตําลึงต่อปี! เฉินผิงอัน ท่านมีอะไรจะพูดไหม ท่านคิดจะโยนความผิดให้ใครอีก?”

 

ความจริงเฉินผิงอันก็เสนอที่จะส่งบุตรไปเรียนและพร้อมส่งไปทันที แต่เขาไม่อยากเห็นใบหน้าที่ทุกข์ใจของหลินชวนฮวา

 

ขณะนั้นเองหลินชวนฮวาก็ปรากฏตัว “เถียนเถียน! เจ้ากําลังใส่ร้ายบิดาของเจ้า! ครอบครัวของเราย่อมไม่สามารถสนับสนุนการเรียนพร้อมกันได้ถึงสองคน พี่ชายของเจ้าศึกษาหนังสือมานานเขาควรได้รับมัน แต่สําหรับเฉินเอ๋อเขายังไม่เคยได้ร่ําเรียนเลย เช่นนี้จึงต้องให้พี่ใหญ่สอนหนังสือไปก่อน!”

 

หยุนเถียนเถียนหัวเราะอย่างเย็นชา เฉินเฉินมีพรสวรรค์ แค่ไหนทั้งสองคนไม่อาจรู้ ตอนนี้นางไม่อาจพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ มันยังไม่เหมาะที่จะเปิดเผยความลับนี้

 

“งั้นหรือ แม้ว่าจะส่งเด็กคนนี้ไปเรียนไม่ได้ แต่หลินชวนฮวากลับปล่อยที่ลูกตัวเองหิวขนาดนี้เชียวหรือ มองดูสิ! เฉินเอ๋ออายุได้เจ็ดขวบแล้ว แต่ยังสูงไม่เท่ากับเด็กห้าขวบในหมู่บ้านเลย”

 

หลินชวนฮวาชะงักและรู้สึกลําบากใจเล็กน้อย เฉินผิงอันที่เห็นหน้าภรรยาอย่างนั้นจึงรีบเข้ามาช่วยทันที “ต่อให้ลูกชายของข้าหิวจนตายมันก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

 

ผู้เฒ่าสี่ที่จริงจังกับเรื่องนี้มากพูดขึ้นมา “เฉินผิงอัน ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ก็เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ในหมู่บ้านนี้มีคนที่ร้ายกาจถึงขนาดอดอาหารลูกจนตายเชียวรึ คนผู้นั้นต้องจมน้ําตายด้วยน้ําลายของคนในหมู่บ้านแล้ว!”

 

“วันนี้ข้าขอเตือนไว้ ณ ที่แห่งนี้ ถ้าเจ้าไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ ก็ให้คนอื่นเลี้ยงดูเขาซะ หลายคนในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีลูก ถ้าเขายังหิวอีก ข้าจะพาเขาออกไป!”

 

แม้เฉินผิงอันจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้งต่อหน้าตาเฒ่าสี่ ทําได้เพียงกลืนน้ําลายลงคอไป

 

หยุนเถียนเถียนกลัวว่าสามีภรรยาคู่นี้เมื่อกลับไปที่บ้านต้องคิดบัญชีกับเฉินเฉินแน่

 

ดังนั้นต่อหน้าคนจํานวนมาก นางตะโกนว่า “เฉินเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกลัว! ถ้าพวกเขาจะกล้าเจ้าอีกให้ตะโกนเรียก ให้ผู้คนในหมู่บ้านได้ยิน พวกข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแก เจ้าอีก ถ้าบิดารมารดาเจ้าไม่อยากเลี้ยงดูเจ้า มาหาข้า พี่สาวจะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเฉินผิงอันฉายแววโกรธแค้นออกมา ส่วนหลินชวนฮวาหน้าเขียวไปแล้ว เจ้าเดรัจฉานอยู่ในบ้านแต่ไม่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้แล้วจะมีไปเพื่อ อะไร?

 

แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายนางไม่สามารถเปิดเผยความคิด ของตนเองได้แม้แต่น้อย

 

“เถียนเถียน จากที่เจ้าพูด หากเด็กคนนี้ทําไม่ดี พวกเขาไม่สมควรโดนงั้นหรือ?”

 

“แล้วมีใครทุบตีบุตรตัวเองด้วยไม้กวาดขนาดใหญ่เช่นนี้หรือไม่ ถ้าหากไม่รีบเข้ามาช่วยเหลือ เกรงว่าเด็กคนนี้ได้ตายหายไปจากโลกนี้แล้ว! หลินชวนฮวาเก็บใบหน้าเหนียมอายของเจ้าไป มีใครในหมู่บ้านไม่รู้ความคิดของเจ้ากัน มีเพียงสามีโง่เง่าอย่างเฉินผิงอันนี่แหละที่ยังโดนเจ้าหลอกอยู่!”

ตอนที่ 97 ปกป้องเฉินเฉิน

 

หลินชวนฮวาลอบคิดในใจว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน แต่สําหรับเฉินผิงอันกลับไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น…

 

“บอกข้า! เจ้าแอบออกมากินข้าวใช่หรือไม่!?”

 

เฉินเฉินเองรู้ดีว่าหากพูดกล่าวถึงพี่สาว เขาจะต้องถูกดุด่าหรืออาจถึงขั้นถูกทุบตีอย่างรุนแรงได้

 

อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กจึงไม่อาจคิดหาข้อแก้ตัวอื่นได้ เด็กชายจึงทําได้เพียงสายศีรษะเพื่อปฏิเสธเท่านั้น

 

เฉินผิงอันมองไปรอบ ๆ เพื่อคิดหาวิธีง้างปากลูกชาย เขาคว้าไม้กวาดด้านข้างขึ้นมาพร้อมกับเงื้อมมือขึ้นสูง!

 

“เจ้ากล้าดียังไง ข้าไม่ให้อาหาร เจ้าเลยแอบออกมากินงั้นรึ ทั้งวันไม่รู้สึกผิด ข้าอยากจะฆ่าให้ตายนัก!”

 

ไม้กวาดฟาดลงร่างของเด็กชายเต็มแรง เฉินเฉินเจ็บปวดยิ่งจึงรีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง

 

ยิ่งเด็กชายขัดขืน เฉินผิงอันยิ่งโกรธจัด ผู้เป็นพ่อถือไม้กวาดวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ! มานี่ มาให้พ่อคนนี้สั่งสอนเจ้า! ไอ้ลูกไม่รักดี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”

 

ร่างเล็กของเฉินเฉินวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงการวิ่งไปหาพี่สาวของตนเท่านั้น! 

 

ชาวบ้านทั้งหมดต่างรู้ดีถึงความชั่วร้ายของเฉินผิงอัน… ชายคือชายผู้ที่สามารถทุบตีลูกได้อย่างโหดเหี้ยม! 

 

หลังจากลูกสาวออกจากบ้านไป เขากลับใช้ด้ามไม้กวาดวิ่งไล่ลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง… ช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก

 

เสียงเอะอะของทั้งเฉินผิงอันดังไปถึงหูของหยุนเถียนเถียน แม้นางจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเด็กชาย แต่เสียงของผู้เป็นพ่อกลับเกรี้ยวกราดจนน่าหวาดกลัว

 

เถียนเถียนจึงเปิดประตูออก… ตอนนั้นเองที่เฉินเฉินล้มลง และเฉินผิงอันเงื้อมมือขึ้นสูงหวังฟาดลงที่ศีรษะของเด็กน้อย!

 

หากเด็กชายถูกตี คงไม่พ้นที่ต้องหัวร้างข่างแตก! หยุนเถียนเถียนกระโดดเข้าไปหมายจะบีบคอคนตรงหน้าอย่างเหลืออด

 

แต่โชคดีที่หยุนเคอตามหลังนางมาติด ๆ เขาสูดลมหายใจลึกพร้อมพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยวิชาตัวเบา จากนั้นจึงใช้ทักษะของตนเองเตะด้ามไม้กวาดที่กําลังจะฟาดล งบนศีรษะของเด็กชายกระเด็นออกไป

 

เดิมที่เขากังวลว่าเถียนเถียนจะเจ็บตัว แต่การยื่นมือเข้ามาในคราวนี้กลับช่วยเฉินเฉินไว้ได้อย่างทันท่วงที

 

เฉินผิงอันถึงกับตื่นตระหนก ทันทีที่ตั้งสติได้เขาเริ่มสาปแช่งหยุนเคออย่างไม่เกรงกลัว “ข้าจะสั่งสอนบุตร เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง!”

 

หยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหยุนเคอไม่สามารถตอบโต้กับอีกฝ่ายได้แน่ เช่นนี้นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที

 

“โอ้! เฉินผิงอันเอ๋ย… ช่างน่าเกรงขามนัก ทุบตีลูกชายตั้งแต่กลางวันแสก ๆ นี่เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาอายุเท่าใด!”

 

เมื่อเฉินผิงอันได้พบหน้าคนที่เกลียดชังที่สุด ยิ่งทําให้ความเกรี้ยวกราดเพิ่มเป็นเท่าทวี “ข้าจะสั่งสอนบุตร! เจ้ามาแส่เพื่อสิ่งใด?!”

 

“แต่ที่ข้าเห็นมันไม่ใช่การสั่งสอน! พ่อที่ใดเล่าจะสั่งสอนลูกเช่นนี้? เจ้ากําลังจะฆ่าเขาชัด ๆ! รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากําลังจะฆ่าเขา!”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวออกพร้อมกับพยุงร่างของเด็กชายขึ้นและดึงเขาไปหลบด้านหลังนาง

 

ทําไมอาวุโสของหมู่บ้านจึงอายุยืนยาว… ก็เพราะว่าพวกเขาไม่เคยเกียจคร้าน! เช้าตรู่วันนี้ผู้เฒ่าสื่ออกมาเดินเล่นและพบเจอเรื่องราววุ่นวายโดยบังเอิญ

 

“เฉินผิงอัน… เจ้าก่อเรื่องอะไรอีก?”

 

เมื่อชาวบ้านที่รับชมเหตุการณ์อยู่เห็นว่าผู้เฒ่าสี่เดินเข้ามาก็รีบหลีกทางทันที

 

หยุนเถียนเถียนเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในสายตาของผู้ฆ่าสี่แล้ว นางเป็นเพียงตัวปัญหา ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าไม่ควรพูดอะไรกับชราแสนดื้อรั้นผู้นี้

 

เฉินผิงอันรู้ว่าเหตุผลของตนเองมากพอ จึงก้าวออกมาด้านหน้าและกล่าวคํา “ผู้เฒ่าสี่ ไม่ต้องกล่าวโทษข้า! คนที่สมควรจะตําหนิคือเด็กคนนี้ ทั้งโง่ เกียจคร้าน แถมยังขโมยของกิน ข้าที่เป็นบิดาไม่สมควรที่จะสั่งสอนเขางั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสับสน ต่อให้ไม่ชอบผู้เฒ่าสี่มากเพียงใดแต่ก็ทําใจผืนเดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า “นี่มันไม่ใช่การสั่งสอนบุตร ท่านไล่ทุบตีเขาด้วยไม้กวาด ใหญ่ขนาดนี้ เด็กตัวแค่นี้ท่านหมายจะเอาชีวิตเขาแล้ว!”

 

เฉินผิงอันถลึงตามองหยุนเสียนเถียนอย่างดุดัน “ข้าสั่งสอนบุตรชายคนเดียวของข้า เจ้าเกี่ยวข้องอะไรงั้นรึ? อย่ามายุ่ง!”

 

หยุนเถียนเถียนพูดเสียงเรียบ “แม้ท่านเฉินผิงอันจะไล่ข้าออกจากตระกูลแล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังเป็นน้องชายของข้า ข้าระลึกได้เสมอ อีกอย่างท่านคิดจะสั่งสอนบุตรแบบไหนกัน? ท่านกําลังจะฆ่าเขาในเมื่อหมายจะเอาชีวิตเขาแล้วทําไมข้าจะยังไม่ได้ล่ะ?”

 

วันนี้ผู้เฒ่าสมองหยุนเถียนเถียนด้วยความงงงวย แต่ใบหน้าแฝงไปด้วยความรู้สึกยินดี

 

“นังเด็กนี่! จะให้ข้าบอกเจ้าอย่างไรดี? ถ้าเด็กทําผิดผู้เป็นบิดาก็ต้องอบรมสั่งสอน ผิดก็ลงโทษ”

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย น้ำเสียงพูดเบาลงเล็กน้อย “ผู้เฒ่าสี่อาจจะไม่ทราบ เด็กคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ยิ่ง เขาไม่มีทางทําอะไรผิดแน่! เถียนเถียนคนนี้จะไม่ พูดพล่าม แต่ข้าต้องการที่จะปกป้องเด็กคนนี้!”

 

“บอกตามตรง ตอนที่ข้าออกมาใช้ชีวิตคนเดียวมันไม่ง่ายเลย! เด็กคนนี้มาหาข้า แล้วบอกกับข้าว่าหิว แม้ข้าจะลําบากแค่ไหนก็ต้องหาอาหารให้เด็กคนนี้”

 

“ข้าเกรงว่าทุกคนจะไม่รู้ นี่มันมากเกินไปสําหรับการสั่งสอนเด็กตัวแค่นี้ ท่านกล้าพูดว่าเฉินเฉินกินข้าวหนึ่งเม็ดที่บ้าน เมื่อสองวันก่อนไหม? ท่านต้องการให้เขาอดอาหาร ท่านต้องการฆ่าเขาให้ตาย!”

 

เฉินผิงอันสวนกลับ “เด็กคนนี้ทําไม่ดี ทําไมข้าถึงจะทําให้เขาหิวไม่ได้ ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นลูกชายของข้า พวกเจ้าไม่ต้องมาสนใจว่ามันจะอดอยากยังไง!”

 

“ชะตากรรมของเด็กคนนี้คงเหมือนกับข้าเมื่อก่อนสินะ อายุเพียงแค่เจ็ดขวบก็ถูกเจ้าบังคับให้ไปทํางานที่ห้องครัว ที่นั่นต้องทําอะไรบ้างงั้นหรือ หลินชวนฮวาเพียงแค่นั่งเฉย ๆ และออกไปข้างนอกทุกวัน งานที่บ้านก็ถูกทิ้งให้ข้าทําเพียงคนเดียว!”

 

“แน่นอนว่าเด็กคนนี้จะได้ต้องรับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับข้า เมื่องานทั้งหมดเสร็จ หลินชวนฮวาก็พูดกับท่านว่า เด็กนี่ทํางานไม่ดี เมื่อท่านได้ยินก็จะเฆี่ยนตีหรือไม่ก็ไม่ให้อาหารเขา!”

 

“ตอนนั้นข้าไม่อดตายเพราะท่านก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่วันนี้ข้าไม่สามารถทนเห็นเด็กคนนี้หิวได้ ทุกวันข้าต้องแอบส่งอาหารให้เขา ท่านบอกว่าวันนี้เขาขโมยอาหารงั้นหรือ ข้าไม่เชื่อ! เพราะเป็นข้าที่ทําอาหารให้เขากิน! แม้ว่าจะเป็นมีเพียงแค่ผักปา แต่จะมันก็ทําให้เขาอิ่มท้องโดยที่ไม่จําเป็นต้องขโมยอาหารสักนิด!”

 

ตอนนี้เฉินผิงอันรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิด เจ้าเด็กเวรนี่ตอน ถามกลับไม่ตอบตอนนี้เขาเหมือนถูกลากไปตบหน้าด้วยเด็กสาวตรงหน้านี้

 

สิ่งนี้ทําให้เฉิงผังอันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ลูกชายคนโปรดอยู่กับเด็กที่น่ารังเกียจและน่ารําคาญเป็นที่สุดของเขา แล้วมันเหมือนโดนเยาะเย้ยและยิ่งทําให้เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้น

ตอนที่ 96 ความสงสัยของหยุนเคอ

 

ตรงหน้าเฉินเฉินมีซาลาเปาเนื้อชิ้นใหญ่วางอยู่ห้าลูก เด็กหนุ่มกลืนน้ําลายลงคออย่างยากลําบากขณะนั่งดมกลิ่น

 

“พี่สาว จะให้ข้ากินทั้งหมดนี้คงไม่ไหวหรอก”

 

เถียนเถียนถอนหายใจพร้อมลูบศีรษะเด็กชาย “เจ้ารีบกินเถิด หากอิ่มแล้วก็เก็บไว้กินคราวหลัง เดี๋ยวเจ้าอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านข้าก่อนแล้วค่อยกลับ ข้าเกรงว่าพ่อของเจ้าจะ…”

 

เฉินเฉินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเอื้อมมือหยิบซาลาเปา

 

“อ้อ! ตอนนี้เจ้าต้องรีบเก็บหนังสือทั้งหมดและไปอยู่ที่บ้านของลุงหยุนเสียก่อน ช่วงบ่ายเจ้าจงศึกษาอยู่ที่บ้านของเขา หากติดขัดสิ่งใดสามารถถามลุงหยุนได้โดยตรง”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่เข้าใจว่าทําไม แต่ก็รีบหยิบหนังสือและมุ่งหน้าไปบ้านของหยุนเคอ

 

เถียนเถียนมองดูเขาจนลับตา จากนั้นจึงนั่งลงและเริ่มกินซาลาเปาของตัวเองบ้าง

 

หยุนเคอเปิดประตูบ้านออกมาและเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ เขาจึงเปิดประตูและหลีกทางให้เกิดช่องว่างเล็กน้อย ส่วนเฉินเฉินเข้าใจนิสัยของลุงหยุนผู้นี้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบแทรกตัวผ่านช่องว่างเล็กๆนั้นเข้าไปด้านในและเริ่มมองหาโต๊ะเก้าอี้เพื่ออ่านหนังสือ

 

หลังจากหยิบหนังสือขึ้นมา เด็กน้อยพลันนึกถึงซาลาเปาที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อ!

 

“ลุงหยุน พี่สาวให้ซาลาเปามาห้าลูก ข้าคงกินไม่หมดแน่ จึงอยากแบ่งให้ท่านสักสองลูก”

 

หยุนเคอมองเด็กชายล้วงซาลาเปาในห่อกระดาษน้ํามันออกมาจากอกเสื้อด้วยสายตาที่ไร้ความอยากอาหาร

 

ขณะนั้นเองเขาพลันตระหนักถึงบางอย่าง ขณะที่เด็กสาวคนนั้นเดินไปมาในตลาด เขาจับจ้องนางตลอดเวลา… แล้วเช่นนี้นางเอาเวลาที่ไหนไปซื้อซาลาเปา?

 

นอกจากนี้ร้านซาลาเปาทั้งหลายไม่มีทางทําซาลาเปาชิ้นใหญ่เช่นนี้ได้แน่

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หยุนเคอจึงรับซาลาเปาจากเด็กน้อยและกัดมันหนึ่งคํา…. กลิ่นหอมลอยฟังขึ้นจมูกพร้อมกับความรู้สึกประหลาด

 

รสชาติของมันเยี่ยมยอดเกินกว่าจะพรรณา… เกรงว่าแม้แต่เมืองหลวงก็คงไม่มีซาลาเปารสเลิศเช่นนี้!

 

เช่นนั้นแล้วนางไปซื้อซาลาเปาแบบนี้มาที่ใด? แม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมากนัก

 

แน่นอนว่ามันอร่อยยิ่ง เฉินเฉินยัดซาลาเปาเข้าปากด้วยเช่นกัน ขณะที่เคี้ยวอยู่ เด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำไปด้วย “มันอร่อยจริง ๆ”

 

“ลุงหยุน ท่านเคยกินซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนหรือไม่?”

 

หยุนเคอสายศีรษะแทนคําตอบ

 

เมื่อเฉินเฉินเห็นอย่างนั้นจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กชายเปิดหนังสือและเริ่มศึกษาอีกครั้ง

 

เมื่อหยุนเคอเห็นว่าเด็กชายเริ่มศึกษาอย่างจริงจังก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เด็กสาวคนนั้นคงจะชื่นชอบเฉินเอ๋อมาก เช่นนั้นเขาก็ควรจะช่วยเหลือนางด้วยการสนับ สนุนเด็กน้อยคนนี้ ใช่หรือไม่?

 

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนอิ่มท้องได้เพียงครู่ หญิงสาวจํานวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของนาง

 

ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ตระเตรียมน้ําชาเอาไว้ หยุนเถียนเถียนมีเพียงน้ําต้มสุกหนึ่งโถ… จากนั้นนางจึงไปหยิบเศษผ้าออกมาจากห้อง

 

เศษผ้าทั้งหมดนี้นางได้รับมาจากร้านผ้าในเมือง ซึ่งไม่ได้เสียเงินแม้แต่แดงเดียว!

 

จากนั้นหญิงสาวทั้งหมดก็เริ่มเรียนทําปิ่นดอกไม้จากเศษผ้า พวกนางพูดคุยและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน

 

ในยุคนี้ สตรีทุกคนล้วนแต่เย็บปักเป็น เพียงแค่สอนวิธีเล็กน้อย พวกนางก็สามารถต่อยอดได้จนงดงามกว่าที่เถียนเถียนทําขึ้นเสียอีก

 

ส่วนเถียนเถียนเองก็ไม่คิดปิดบังหรือหมกเม็ดสิ่งใด นางสอนทุกอย่างจนหมดสิ้น ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อเสร็จสิ้นจึงแยกย้ายกลับบ้านไป

 

หลังจากทุกอย่างจบลง เถียนเถียนถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แม้จะซื้อของอร่อยจากเถาเปามามากมาย แต่นางก็ตัดสินใจที่จะทํามื้อเย็นด้วยตนเอง

 

อีกทั้งหากหยิบของกินออกมาจากเถาเปาบ่อยๆ เกรงว่าจะทําให้ผู้อื่นยิ่งสงสัยได้

 

ควันขาวขุ่นลอยออกจากห้องครัวน้อย ทุกวันนางจะทําอาหารตามความทรงจําเดิมของเถียนเถียนคนเก่า อาหารทั้งหมดล้วนเรียบง่ายแต่มีรสชาติยอดเยี่ยม!

 

หลังจากทําเสร็จแล้วนางจัดการตักใส่ชามและเดินตรงไปที่บ้านของหยุนเคอ

 

“เฉินเอ๋อกลับบ้านได้แล้ว รีบมากินอาหารเย็นแล้วรีบกลับบ้านตัวเอง เดี๋ยวหากพ่อเจ้าจับได้คงถูกทุบตีจนตาย”

 

หยุนเถียนเถียนตะโกนออกพร้อมกับผลักประตูอย่างแรง นางวางชามอาหารลงบนโต๊ะพร้อมกับจูงเด็กชายออกไป

 

นางไม่แม้แต่จะพูดคุยกับหยุนเคอแม้เพียงครึ่งคํา เขาได้แต่ตื่นตระหนกกับท่าทางรวดเร็วของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายวางชามลงบนโต๊ะก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือส่วนของเขา

 

หยุนเคอไม่ชอบทําอาหารและไม่มีความคิดที่จะทําอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาอยากจะทําแต่ก็ไม่มีพรสวรรค์แม้แต่น้อย เขาจึงเอาเวลาทั้งหมดไปฝึกฝนร่างกายจนหมดสิ้น หลังจากลองชิมมันดูหนึ่งคํา… รสชาติที่ยอดเยี่ยมทําให้เขาถึงกับตกตะลึง

 

เช่นนี้เขาจึงไม่คิดเกรงใจอีกต่อไป ชายหนุ่มยกชามข้าวพร้อมเริ่มกินมันอย่างมูมมาม อาหารที่เด็กสาวคนนี้ทําช่างแตกต่างจากรสมือคนอื่นๆยิ่งนัก

 

เฉินเอ๋อรีบเร่งในขณะที่ฟ้ายังสว่าง เขากินข้าวเย็นอย่างรวดเร็วและแอบย่องกลับเข้าบ้านด้วยความระมัดระวัง

 

เด็กชายแอบเข้าบ้านจากประตูหลัง ส่วนเฉินผิงอันนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่รับรู้เลยด้วยซ้ําว่าลูกชายที่ออกจากบ้านไปกลับมาแล้ว

 

ขณะนั้นหลินชวนฮวานอาหารออกมาวางตั้งไว้ที่ห้องโถงของบ้าน

 

แม้นางจะดีใจที่เฉินผิงอันไม่ให้เฉินเฉินกินข้าว แต่ต่อหน้าสามีแล้วนางต้องสวมบทบาทความเป็นแม่ให้แนบเนียน

 

“ข้าว่าลองใจเย็นสักนิดดีไหม… เฉินเอ๋อยังเยาว์นัก เรียกเขาออกมากินข้าวเถิด”

 

เฉินผิงอันตะหวาดกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่! ข้าอยากจะรู้นักว่ามันจะดื้อรั้นไปได้อีกสักเท่าไหร่! วันๆไม่คิดจะทําสิ่งใดเพื่อครอบครัว หากต้องการเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างนั้น ก็ลองดู! อยากรู้เช่นกันว่าจะยอมอดข้าวไปได้สักกี่วัน!”

 

หลินชวนฮวาแสร้งถอนหายใจราวกับทําสิ่งใดไม่ได้ นางเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเฉินเฉินแต่ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไป ที่ต้องทําเช่นนี้เพราะว่าเดี๋ยวการแสดงละครนั้นจะไม่สมบูรณ์

 

“เฉินเอ๋อ.. ออกมาขอโทษพ่อเจ้าเร็วเข้า เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าดื้อรั้นนักเลย มิฉะนั้นเจ้าจะอดตายในเร็ววัน!”

 

ส่วนเฉินเฉินแอบซ่อนตัวอยู่ยังคงปิดปากเงียบ เป็นเพราะเขายังเด็กจึงไม่รู้ว่าควรตอบสิ่งใดกลับ

 

ในที่สุดหลินชวนฮวาก็รู้สึกว่าสมควรหยุดเล่นละครได้แล้ว นางจึงส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะกลับไปนั่งกินข้าวร่วมกับสามี ทั้งคู่กินข้าวและหยอกล้อกันราวกับลืมไปแล้วว่ามีลูกชายอีกหนึ่งคนอยู่ในบ้านด้วย

 

สุดท้ายแล้วการหลบหนีออกจากบ้านของเฉินเฉินไม่ได้ทําให้พวกเขาฉุกคิดอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

 

วันรุ่งขึ้นหลินชวนฮวาตระเตรียมอาหารเช้าพร้อมกับคิดจะเข้าไปหาชายคนนั้นที่รอนางอยู่ในเมืองด้วยใจเสน่หา แต่สภาพบ้านในวันนี้เต็มไปด้วยฝุ่น ลานบ้านสกปรก และเสื้อผ้ามากมายที่ยังไม่ได้ซัก

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก นางจึงรู้สึกว่าเด็กชายเห็นแก่ตัวยิ่งที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง เหตุใดเขาจึงได้นอนสบายๆโดยไม่ต้องทําสิ่งใดเลย?

 

แววตาทอประกายวูบไหวหลังจากคิดอะไรบางอย่างได้ นางร้องเรียกเฉินผิงอันที่กําลังเดินมาด้วยน้ําเสียงออดอ้อน

 

“สามี… งานในบ้านนั้นมากมายเหลือเกิน ข้าว่าควรให้เฉินเอ๋อออกมาช่วยสักหน่อยน่าจะเบาแรงได้มาก”

 

เฉินผิงอันได้ฟังก็พลันโกรธลูกชายยิ่ง เขาเตะประตูห้องของเด็กชายอย่างรุน

แรงทําให้เฉินเฉินที่เพิ่งตื่นถึงกับตกใจจนร่วงหล่นจากเตียง

 

แต่เฉินผิงอันและหลินชวนฮวามิใช่คนเขลา พวกเขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่เหตุใดใบหน้ายังสดใสราวกับคนปกติทั่วไป

 

ตอนที่ 95 แทรกซึม

 

หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มจาง “อันที่จริงเจ้าไม่จําเป็นต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ หากเจ้าเข้ามาอยู่ในตระกลูหลี่ เจ้าก็จะได้เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองมิใช่หรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าบึ้งตึง “นายน้อยหลี่คิดง่ายเกินไป ท่านอาจมองว่ามันเป็นกําไรเล็กน้อย แต่มันก็สามารถทําให้ชีวิตข้าดําเนินไปได้ มันจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาเจรจาการค้า ท่านต้องจริงใจกับข้า ท่านต้องแสดงความเท่าเทียมกันระหว่างกัน คอยดูเถิดหากผลลัพธ์ มันยอดเยี่ยม ท่านย่อมไม่มีทางปฏิเสธมันแน่!”

 

หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มอย่างมีเลศนัย แม้เขาจะไม่มั่นใจว่าจะโต้แย้งหยุนเถียนเถียนได้ แต่การปล่อยให้นางโกรธคงไม่ดีแน่!

 

“เอาล่ะ! งั้นตามที่เจ้าว่า ถ้าเสร็จแล้วข้าจะให้พ่อครัวส่งมันให้ข้า หากว่ามันเหมาะสมที่จะลงทุน ข้าจะมาพูดคุยกับเจ้าอีกครั้ง”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “งั้นตกลงตามนี้ นายน้อยหลี่ ตอนนี้ข้าไม่ว่างมีหลายอย่างที่ข้าต้องไปทํา เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”

 

หลังจากพูดจบ นางดึงแขนเสื้อของหยุนเคอและวิ่งออกไป หลี่ซื่อฮว๋าทําได้เพียงมองเด็กสาวคนนั้นอย่างจนปัญญา เมื่อเห็นมือน้อย ๆ เกาะกุมแขนเสื้อของชายร่างใหญ่ข้างกายไว้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

 

“นายน้อย ดูยัยเด็กป่านั่นสิ ช่างไม่มีมารยาทนัก!”

 

เสี่ยวซื่อกล่าวออกอย่างรังเกียจ แต่เขามัวก่นด่าเถียนเถียนจนลืมมองหน้านายน้อยของตน จังหวะนั้นเองที่พัดในมีอนายน้อยหลีเคาะลงบนศีรษะของเขา

 

แม้เสี่ยวซื่อจะไม่รู้ว่าตนถูกนายน้อยตําหนิเรื่องอะไร แต่เขาก็รีบหดคอและไม่กล่าวคําใดต่อ

 

เมื่อเดินมาถึงหน้าตลาด หยุนเถียนเถียนหยุดฝีเท้าพร้อมหมุนตัวกลับมาถามชายที่ลากมา “พี่ชายหยุน เราจะจัดการกับขนพวกนี้อย่างไรดี?”

 

หยุนเคอได้แต่ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขากําลังรู้สึกโกรธเคืองที่สาวน้อยคนนี้ตัดสินใจทําเรื่องต่าง ๆ โดยพละการ นางกําลังทําให้เขากลายเป็นคนชั่วช้าด้วยการคว้า ขนเขาเดินเช่นนี้

 

“งั้นไม่เป็นไร งั้นข้าจะเก็บพวกมันไว้แล้วหาทางแปรรูปมันทีหลังแล้วกัน หากมันขายได้ ข้าจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่ง!”

 

มุมปากของหยุนเคอกระตุกเล็กน้อยพร้อมกับคิดในใจ “อย่างนั้นหรือ… สุดท้ายในหัวของเจ้าก็มีเพียงแค่การหาเงิน”

 

ทั้งสองแยกทางกันกลับไปที่เกวียน หญิงขายไข่รออยู่บนเกวียนมานานโขแล้วจึงรีบร้องถาม “เถียนเถียน เจ้าไปเดินเที่ยวตลาดมาตั้งนาน ได้ซื้ออะไรบ้างไหม?”

 

หยุนเถียนเถียนปืนขึ้นบนเกวียนช้า ๆ และหลังจากจัดท่านั่งเรียบร้อยแล้วจึงตอบกลับ “พี่เสี่ยวเหอ ข้ามีเงินเพียงน้อยนิด ฤดูหนาวนี้ยังต้องซื้อข้าวของอีกมากมาย ดังนั้นจึง ต้องเก็บออมไว้ก่อน”

 

หลี่เสี่ยวเหอพูดอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น “ต้องอดออม เพื่ออะไรกัน? เจ้าขายดีขนาดนั้นไม่ต้องกลัวว่าเงินจะขาดมือแล้ว!”

 

หยุนเถียนเถียนแสร้งขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม “พี่เสี่ยวเหอ… ของชิ้นนี้มีไว้เพื่อขายชั่วคราวเท่านั้น ถึงจะมีคนซื้อก็จริง แต่เมื่อทุกคนมองมันก็จะรู้ว่ามันสร้างขึ้นอย่างไรและเมื่อทุกคนรู้ว่ามันทําอย่างไร พวกเขาก็จะไม่กลับมาซื้ออีก” 

 

หลี่เสี่ยวเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย “จริงสิ แม้ว่ามันจะประณีตแต่ก็ไม่ได้ยากเย็นนัก สตรีที่คุ้นเคยกับการเย็บปักถักร้อยมองแค่ครั้งเดียวก็รู้ต้องทําอย่างไร เฮ้อ! โลกช่างไม่ยุติธรรมเลย”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มจาง “แม้ไม่ง่ายนักแต่มันจะผ่านไป หากพี่เสี่ยวเหอต้องการเรียนรู้ก็หยิบเศษผ้าที่บ้านมาหาข้าสิ แล้วข้าจะสอนวิธีให้”

 

ดวงตาของหลี่เสี่ยวเหอเป็นประกาย แม้ว่ามันจะไม่ได้ทําเงินมากนัก แต่เศษผ้าในบ้านก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ต่อให้ขายได้หนึ่งเหวิน…มันก็คือเงิน!

 

“งั้น… งั้นข้าจะไปที่บ้านของเจ้าเย็นนี้ ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะหยุดขาย เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะนํามันมาขาย อย่างไรซะข้าไม่ขโมยความคิดของเจ้าแน่นอน!”

 

หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ หน้าตาไม่คุ้นเคยมองทั้งสองก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน “แค่สิ่งของที่ทําจากเศษผ้า หาเงินได้สองสามตําลึง พูดราวกับว่ามันเป็นสมบัติ”

 

หลี่เสี่ยวเหอไม่ได้โกรธเคืองคําพูดเหล่านั้น นางเพียงยิ้มและกล่าวโต้ตอบ “แต่ข้าไม่คิดเช่นพวกเจ้า! เด็กสาวคนนี้ขายมันได้ในราคาห้าเฉียนต่อชิ้นเชียวนะ แม้ซื้อสามชิ้นจะเหลือเพียงสิบเฉียนก็ตาม แต่นางก็นํามาขายตั้งยี่สิบชิ้น เมื่อขายเสร็จสิ้นแล้วนางได้รับเงินถึงหกสิบเฉียน นั่นคือเงินกว่าหกตําลึง! เด็กตัวแค่นี้แต่หาเงินได้มากมายในการขายของครั้งแรก นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก หากข้าอายุเท่านาง คงไม่มีทางคิดได้! อีกอย่างเถียนเถียนเป็นคนใจดี หาเงินได้ด้วยตัวเองขนาดนี้ยังคิดที่จะสอนข้าอีก แม้ว่าข้าจะไม่อาจขโมยธุรกิจของนาง แต่เมื่อนางไม่ขาย ข้านี่ล่ะที่จะขายมันเอง ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็คือเงิน!”

 

ประโยคของหลี่เสี่ยวเหอราวกับเตือนผู้อื่นให้ตระหนักได้ว่าที่บ้านของพวกตนก็มีเศษผ้ามากมายแต่กลับไม่เคยนําไป สร้างประโยชน์อันใด เช่นนี้เอาพวกมันออกมาขายเป็นเงินไม่ดีกว่างั้นหรือ?

 

“เถียนเถียน! ข้าขอไปที่บ้านเจ้าตอนเย็นด้วยได้หรือไม่ อย่าสอนเสียวเหอคนเดียวสิ”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มและพยักหน้าตอบรับ หากนางสามารถผูกมิตรกับคนในหมู่บ้านนี้ได้อาจจะเป็นเรื่องดี

 

แต่ว่า…

 

ทันใดนั้นนางนึกขึ้นมาได้ว่าเด็กน้อยเฉินเฉินยังอยู่ในบ้าน ถ้าหากมีคนเห็นเข้าอาจจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ แต่นางก็ยังตระหนักได้ว่ามีหยุนเคออยู่ในบ้านข้าง ๆ มิใช่หรือ?

 

หยุนเคอนั่งอยู่บนเกวียนด้วยหลังที่ชุ่มเหงื่อราวกับรับรู้ได้ ว่ามีใครกําลังวางแผนร้ายกับตน เมื่อเขาหันไปและเห็นสายตาอารมณ์ของเถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมา

 

เด็กสาวคนนั้นกําลังคิดอะไรอยู่?

 

หยุนเถียนเถียนรีบถอนสายตาออกและหันกลับไปพูดคุยกับหลี่เสี่ยวเหอที่อยู่ข้าง ๆ ต่ออย่างเก็บอาการ

 

แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นหลี่เสี่ยวเหอที่กําลังพูด หยุนเถียนเถียนเพียงแค่ฟังเงียบ ๆ เท่านั้น

 

ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานนัก ทั้งหมดก็มาถึงในหมู่บ้าน

 

หยุนเถียนเถียนกระโดดลงจากเกวียนก่อน จากนั้นจึงบอกลาหลี่เสี่ยวเหอและเดินกลับบ้านของตัวเอง

 

หยุนเคอเดินตามหลังนางมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเด็กสาวตรงหน้าหยุดเดิน เขาจึงรีบหยุดตามทันที

 

“พี่ชายหยุนช่วยข้าได้หรือไม่ วันนี้คนจะมาบ้านข้าตอนเย็น ข้าอยากให้เฉินเฉินไปนั่งเรียนที่บ้านของเจ้าก่อน” 

 

หยุนเคอมองเด็กสาวตรงหน้าที่กําลังอ้อนวอนเขาอย่างเต็มกําลังก็พลันใจอ่อน แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนรักความสะอาดและไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ของตนเองมากนัก

 

แต่นี่ไม่ใช่ถ้ำ มันเป็นบ้านเฉินเฉินจะเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้

 

แต่หลังจากที่เขาพยักหน้ารับ หยุนเถียนเถียนกระโดดตัวโยนด้วยความดีใจ นางปรี่เข้ามาจับมือเขาโยกไปมาพร้อมกล่าวคําขอบคุณ “พี่ชายหยุนใจดียิ่งนัก ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว!”

 

เมื่อกล่าวจบ นางปล่อยมือเขาพร้อมกับกึ่งเดินกึ่งกระโดดกลับไปยังบ้านของตัวเอง

 

หลังจากเข้าบ้านมาแล้ว นางเห็นเฉินเฉินกําลังอ่านหนังสืออย่างใจจดจ่อโดยไม่ทันสังเกตว่านางกลับมาถึงบ้านแล้ว

 

“เฉินเอ๋อ…”

 

หยุนเถียนเถียนเรียกเด็กน้อยแผ่วเบา เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับแววตาที่ยัง

คงเศร้าโศกอยู่บ้าง

 

“พี่สาว… เหตุใดท่านจึงออกไปนานนัก ตอนนี้ข้าหิวยิ่งนัก”

 

ส่วนหยุนเถียนเถียนที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกว่าตนเองเพิ่งกลับมาและไม่ต้องการจะทําอาหารในตอนนี้ นางจึงแอบสั่งซาลาเปาจากเถาเป่าแทน

ตอนที่ 94 เจรจาค้าขาย

 

นายน้อยหลี่ถึงกับถอนหายใจ เด็กสาวผู้งดงามคนนี้ช่างปากคอเราะร้ายยิ่ง!

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าขายมันอย่างไรล่ะ?”

 

พออีกฝ่ายพูดเรื่องค้าขาย รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนหน้าของเถียนเถียน มันงดงามเสียจนอีกฝ่ายตกตะลึง นางหันไปหาหยุนเคอพร้อมร้องเรียก “พี่ชายหยุน นายน้อยหลี่ต้องการซื้อเหยื่อ พี่จงบอกกล่าวราคากับเขา”

 

หยุนเคอพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืน “พวกมันทั้งหมดราคาเพียงยี่สิบเหลียงเท่านั้น ขายทั้งหมดไม่แยก…”

 

ราคานี้นับว่าถูกยิ่ง ขนาดหมูยังราคายี่สิบสี่เหลียง แต่เหยื่อกองนี้กลับถูกกว่าหมูเสียอีก

 

นายน้อยหลีเหลือบมองหยุนเคอพร้อมกับเผยสีหน้าเย็นชาออกมา

 

“โอ้ นี่คือพี่ชายสุดที่รักของเจ้างั้นหรือ? ไม่ไหวเอาซะเลย หากเทียบกับข้าแล้วผู้ใดดูดีกว่ากัน?”

 

คราวแรกหยุนเถียนเถียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อได้ยินคําถามนั้นใบหน้าพลันแดงเรื่อขึ้นมา ส่วนหยุนเคอที่มีใจอยู่แล้วก็พลันอึดอัดไม่น้อย

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ในใจของนายน้อยมีเพียงเรื่องเลวทรามงั้นหรือ? เราเป็นเพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น ท่านบอกจะซื้อเหยื่อมิใช่หรือไร? รีบเลือกเร็วเข้า!”

 

นายน้อยหลี่เพียงยกยิ้มอย่างไม่ถือสา แต่เสี่ยวชื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันเบิกตากว้าง “สาวบ้านนอก! เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับนายน้อยได้อย่างไร?”

 

หยุนเถียนเถียนถลึงตากลับอย่างไม่ยอมแพ้ “หากยังไม่หยุดล้อเล่น ข้าสามารถทําได้มากกว่านี้”

 

ทั้งหยุนเคอและหลี่ซื่อฮวามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทําเช่นไร เหตุใดทั้งสองจึงทะเลาะกันราวกับเด็กน้อย

 

“เอาเช่นนั้น! ยังไงซะตระกูลของข้าก็เปิดร้านอาหาร ข้าต้องการเหยื่อพวกนี้ก็จริงแต่ต้องการเพียงเนื้อของมันเท่านั้น ส่วนขนของมันข้าไม่สนใจ”

 

เถียนเถียนรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย นางเหลือบมองหยุนเคอด้านข้างและเห็นว่าเขายังคงนิ่งเฉย นางจึงถึงวิสาสะกล่าวออกไปอย่างเด็ดขาด “เรื่องนั้นง่ายดายยิ่ง เพียงแค่ยี่สิบห้าเหวินต่อหนึ่งตัวเท่านั้น! เดี๋ยวข้าจะให้เขาเอามันไป ถลกหนังแล้วจึงส่งมอบให้ท่าน”

 

หลีซื่อฮวาหยักหน้าแล้วให้เสี่ยวซื่อจัดการจ่ายเงิน

 

“เอาล่ะ มันมีประมาณสี่สิบจิน ก็ประมาณหนึ่งถึงสองตําลึง งั้นข้าให้สามตําลึงแล้วกัน เดี๋ยวพวกเจ้าไปที่หลังร้านของข้า แล้วถลกหนังออกมันออกที่นั่น!”

 

หยุนเถียนเถียนสะกิดหยุนเคอให้รีบเอาเหยื่อให้ตะกร้า แล้วเดินตามหลังหลี่ซื่อฮวาไป

 

นางเดินเคียงข้างกับหยุนเคอไม่ห่าง แต่ว่ากลับมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นจนทําให้ตกตะลึงไม่น้อย

 

หลี่ซื่อฮวาคล้ายกับนกยูงรําแพนหางไปมาก็มิปาน ขณะที่เขากําลังเดินโปรยเสน่ห์นั้นพลันหันกลับมาขยิบตาให้สาวน้อยอย่างมีเล่ห์นัย

 

บางคนที่เห็นอย่างนั้นก็พลันเขินอายเพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่บางคนที่รู้จักชื่อเสียของนายน้อยเผยสีหน้าราวกับเห็นผี ทั้งหมดรีบเดินหลบไปราวกับว่ากลัวจะถูกจับตัวไป หากเขาเพียงสนใจขึ้นมา

 

เถียนเถียนเดินตามนายน้อยหลีจนไปถึงหลังร้านอาหาร

 

เสี่ยวซื่อวิ่งเข้าไปเรียกพ่อครัว พวกเขาพูดคุยกันอยู่สองคําก่อนอีกฝ่ายจะหยิบมีดออกมา

 

หยุนเคอก้มลงและเริ่มทํางานทันที มันคืองานที่ต้องพิถีพิถันและเต็มไปด้วยเลือดเหม็นคาว แต่หยุนเคอกลับทําออกมาได้ดียิ่ง

 

หลี่ซื่อฮวาใช้โอกาสที่เถียนเถียนอยู่คนเดียวเข้าหานางอีกครั้ง “นี่สาวน้อย เจ้าทํางานหนักเช่นนี้เพื่ออันใด? มาทํางานกับข้าดีหรือไม่… เจ้าไม่จําเป็นต้องทํางานหนักเลย เพียงแค่รับใช้ข้าเท่านั้น”

 

หยุนเคอได้ยินอย่างนั้นพลันโกรธจัดจนเกือบกระชาก หนังสัตว์ฉีกขาดเสียหาย

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบาๆ ท้ายที่สุดนางจึงกล่าวออกมา “นายน้อยหลีเลิกสนใจข้าเถิด มีหญิงสาวมากมายต้องการรับใช้ท่าน อย่างไรซะมันไม่ดีกว่าหรือหากเราสองคนมาร่วมมือค้าขาย ท่านลืมแล้วหรือไรว่าข้ากุมความลับของท่านอยู่ หากข้าพลังปากกล่าวออกจะกล่าวโทษข้ามิได้”

 

ความลับ?

 

นางมีความลับอะไรกับเจ้าหนุ่มคนนี้!?

 

หยุนเคอส่ายศีรษะพร้อมกับจัดการถลกหนังกระต่ายตรงหน้าอย่างเร่งมือ

 

ส่วนเสี่ยวซื่อส่ายศีรษะพร้อมกล่าวเย้ย “ฝีมือเจ้าก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก เจ้ากําลังจะทําให้หนังดีๆ กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์”

 

แต่หยุนเคอไม่ได้กล่าวตอบ เขาเพียงโยนหนังของกระต่ายทิ้งไปอย่างไม่แยแส แต่ใครจะคาดคิดว่าเถียนเถียนจะร้องออก “โอ้! สิ่งนั้นมีประโยชน์กับข้า เก็บไว้ก่อน!”

 

“เจ้าชอบของเช่นนี้หรือ? หากเจ้ามารับใช้นายน้อยของข้า เจ้าจะได้รับของดีมากมาย”

 

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าไม่พอใจให้เสี่ยวชื่อ “ดูท่านายน้อยของเจ้าจะชื่นชอบหญิงสาววัยแรกแย้มเสียจริงนะ แต่เห็นหรือไม่ว่าหญิงสาวที่พบเจอเขาต่างก็พากันวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าพูดคุยกับเขาตรงๆโดยไม่ขลาดเขลา เอาล่ะ กล่าวก็คือความกล้าของข้านั้นมากมายยิ่งและข้าไม่สนใจเขา อ้อ! นายน้อยของเจ้านั้นหล่อเหลานัก แต่ก็เพียงเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเขาคือนายน้อยหลี่ เจ้าคิดว่าผู้ใดอยากจะมองหน้าเขาบ้างล่ะ?!”

 

หยุนเถียนเถียนรู้สึกผิดยิ่งที่กล่าววาจาเช่นนั้นออกไป ยังไงเสียทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง ใบหน้าหล่อเหลาแต่ชื่อเสียงค่อนไปทางเลวทราม หญิงสาวใดจะต้องการติดตามเขากันล่ะ?

 

บ้าชะมัด เด็กสาวคนนี้พูดมากเกินไปหรือไม่ เจ้ากล้าชื่นชมคนอื่นว่าหล่อเหลางั้นหรือ? ลองดูหากว่าข้าโกนหนวดเคราออก ก็คงจะ…

 

ช่างมันเถอะ หยุนเคอเพียงถอนหายใจออก เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทําไมเขาต้องโกรธสาวน้อยคนนี้ด้วย แต่เพื่อไม่ให้เด็กคนนี้ได้มีโอกาสคุยกับนายน้อยหลี่ หยุนเคอจึงเร่งจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ

 

“เอาล่ะ… นายน้อยหลี่!”

 

หยุนเคอโยนหนังเหล่านั้นลงตะกร้าด้านหลัง และเรียกให้พ่อครัวในร้านนํามันไปชั่งน้ําหนัก

 

ตอนนั้นเองหยุนเถียนเถียนกลับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงดึง แขนเสื้อของหลี่ซื่อฮวาไว้ “นายน้อยหลี่ อย่างไรร้านอาหารของร้านก็ต้องการเนื้อ อย่างนั้นให้ข้าส่งมันมาที่ร้านของท่านเลยจะดีหรือไม่?”

 

หลี่ซื่อฮวาใช้พัดเคาะหัวหญิงสาว “เมืองเล็กๆเช่นนี้ เจ้าคิดว่าร้านอาหารมันจะไปได้ดีสักแค่ไหนเชียว”

 

หยุนเถียนเถียนหรี่ตาลงเล็กน้อยทําท่าเหมือนวางแผน “นายน้อยหลี่ ท่านมีร้านอาหารเพียงแคในเมืองนี้เท่านั้นหรือ แล้วเมืองอื่นล่ะ?”

 

หลี่ซื่อฮวาเหลือบมองสาวน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “ร้านอาหารในเมืองมีไม่มาก แต่การจะส่งของไปที่นั้นค่อนข้างลําบากและมีค่าใช้จ่าย หรือว่าเจ้าจะรับผิดชอบส่วนนี้ให้ข้า?”

 

เถียนเถียนเงียบไปครู่ก่อนจะตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้นางจําได้ว่ายายเคยทําเนื้อตากแห้ง ซึ่งจนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยเห็นเลยว่ายุคนี้มีสิ่งของเหล่านั้น หรือว่า…

 

“นายน้อยหลี่! ข้ามีวิธีที่จะทําให้เนื้อเหล่านี้มีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น ลองให้ข้าทํามันแล้วส่งให้ร้านอาหารของท่านดีหรือไม่? ยังไงซะท่านก็ลองชิมมันดูก่อน หากว่าชื่นชอบ มันก็จะเป็นการร่วมมือของเราสองคนในอนาคต เช่นนี้ดีหรือไม่?”

 

 

ตอนที่ 93 พบกับหลี่ซื่อฮวาอีกครั้ง

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมาย หยุนเถียนเถียนไม่สามารถปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ จึงต้องทําตัวเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ดังเดิมแต่การขายของในตลาดเช่นนี้ หากไม่ตะโกนเรียกหาลูกค้าผู้คนก็เพียงเดินผ่านไปมาโดยไม่สนใจ อะไร

 

หยุนเคอเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกับเหยื่อ แต่พ่อครัวบอกว่าช่วงนี้กิจการของร้านไม่ค่อยดีนักเขาจึงไม่สามารถซื้อเหยื่อทั้งหมดไว้ได้

 

สุดท้ายพวกเขาก็เลือกเหยื่อที่จําเป็นเท่านั้น ส่วนเหยื่อตัวอื่นให้หยุนเคอเอากลับไป

 

หยุนเคอหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เมื่อตอนที่กิจการร้านอาหารไปได้ดี พวกเขาต้องการเหยื่อมากจนถึงขั้นที่เถ้าแก่ขอร้องให้เขาหามาให้มากกว่านี้แต่ตอนนี้โรงเตี้ยมเหล่านี้กลับไม่ต้องการสัตว์ป่าพวกเขาเลือกเหยื่อสวย ๆ ไป ส่วนที่เหลือก็ทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี

 

แต่ช่างมันเถอะ ในชีวิตนี้ต้องพบเจอผู้คนมากมายหลายประเภทเขาจะมัวโกรธทุกคนที่พบเจอได้งั้นหรือ?

 

หยุนเคอไม่สนใจจึงแบกเหยื่อขึ้นหลังและเดินตรงไปที่ตลาด เพราะหากวางไว้ที่นี่ มันอาจจะเน่าบูดเพราะอากาศร้อ นได้

 

ที่ตลาดเด็กสาวยืนนิ่งอยู่ใจกลางฝูงชนอย่างงุนงง นางแสร้งทําเป็นไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร แต่หยุนเคอมองออกแม้อีกฝ่ายจะเก็บซ่อนไว้อย่างดีจิตใจของนางกําลังเต็มไปด้วยความกังวล!

 

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเด็กสาว ชายหนุ่มจึงทําได้เพียงเอาเหยี่อมากองไว้บนพื้นและรอให้มีคนมาซื้อมันไป

 

หลี่เสี่ยวเหอเหมือนจะสังเกตเห็นปัญหาเช่นกัน นางเอี้ยวตัวเล็กน้อยพร้อมกระซิบถาม “เถียนเถียนเจ้าเงียบ แบบนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นไม่มีใครมาดูของเจ้าหรอก เจ้าต้อง ตะโกนเรียกพวกเขา!”

 

“เจ้าดูข้า… พี่สาวเสี่ยวเหอผู้นี้จะสอนเจ้าเอง”

 

“เอ้า เร่เข้ามา… ไข่สดใหม่ ๆ ออกจากเล้าเมื่อเช้านี้ สารอาหารครบครัน หนึ่งใบเพียงสองเฉียนเท่านั้นแต่ถ้าหากจ่ายห้าเฉียนข้าให้ถึงสามใบ!”

 

เสียงตะโกนนี้ดึงดูดผู้คนในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาเริ่มทยอยจะเดินเข้ามาเลือกไข่อย่างต่อเนื่อง

 

หลี่เสี่ยวเหอต้อนรับผู้คนที่มุงดูและกล่าวขึ้นมา “เถียนเถียนเจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเจ้าต้องการขายของเจ้าต้องตะโกนเรียกลูกค้าหากเจ้าไม่ทําก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าขา ยอะไร”

 

หยุนเถียนเถียนแสร้งทําเป็นเข้าใจพร้อมกับส่งสายตาซาบซึ่งให้อีกฝ่าย “ พี่สาวเสี่ยวเหอ ต้องขอบคุณท่านแล้วที่สั่งสอนข้าเข้าใจแล้ว!”

 

หยุนเสียนเถียนแสร้งทําร้องตะโกนด้วยเสียงแผ่วเบา “ปิ่นสวย ๆ อันละห้าเฉียนสามอันสิบเฉียนเท่านั้น!”

 

หลี่เสี่ยวเหอที่อยู่ข้าง ๆ ชะงักไปเล็กน้อย นางหันมองเด็กสาวอย่างคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีไหวพริบเช่นนี้แต่ยังไงซะเสียงของเถียนเถียนยังเบาเกินไป

 

แต่ขณะที่กําลังคิด นางขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับไตร่ตรองอย่างไม่เข้าใจ. ปืนที่ทําจากเศษผ้าขายได้ถึงห้าเฉียนเลยงั้นหรือ?

 

ส่วนเถียนเถียนก็รู้สึกว่ายังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน นางเริ่มกังวลแต่ก็ยังตะโกนออกอย่างต่อเนื่องจนใบหน้าแดงก่ํา

 

“ปิ่นปักผมรูปดอกไม้สวย ๆ เพียงวันละห้าเฉียนเท่านั้นหากซื้อสามอันจ่ายเพียงสิบเฉียน!ของสวยงามเช่นนี้มีเพียงยี่สิบชิ้นเท่านั้น!”

 

เริ่มได้ผล! ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ เดินเข้ามามุงดู อีกทั้งหยุนเคอที่อยู่ไม่ไกลก็ยังชําเลืองมองอย่างอดไม่ได้

 

ใบหน้าของเด็กสาวค่อย ๆ ผ่อนคลายลงมาก ดูเหมือนว่านางจะเจอวิธีแก้ปัญหาแล้ว หยุนเคอจึงผ่อนคลายลงไปด้วยเช่นกัน

 

แต่เพราะลักษณะนิสัยหยาบกร้านของเขาไม่เหมาะสม ที่จะขายของเช่นนี้แผงลอยที่เขาตั้งขึ้นจึงเงียบสงัดไม่มีผู้ใดเข้ามาเยี่ยมชม

 

หลายคนเข้ามารับชมปิ่นดอกไม้ ทั้งหมดตระหนักได้ว่า มันงดงามยิ่งบางคนถึงกับสอดมันลงไปในเส้นผมและรู้สึกถูกอกถูกใจ พวกเขาเริ่มต่อราคากันอย่างเมามัน

 

เถียนเถียนเลิกทําตัวเขินอายและกล่าวหยอกล้อกับลูกค้า อย่างสนุกสนานในที่สุดปิ่นดอกไม้กว่ายี่สิบชิ้นก็ถูกขายออกไปจนหมดในเวลาเพียงครู่เดียวอีกทั้งยังมีหลายคนที่ต้องคอตกกลับไปด้วยความผิดหวัง

 

“พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก หากพวกเจ้าอยากได้ก็มาพบกันที่นี่!” เถียนเถียนร้องตะโกนบอกลูกค้าอย่างไม่ยอมเสียโอกาสค้าขายในวันพรุ่งนี้

 

ส่วนหลี่เสี่ยวเหอที่อยู่ด้านข้างมองเด็กสาวด้วยความตกตะลึง นางคาดไม่ถึงว่าจะมีคนมากมายมาซื้อปิ่นปักผมที่ทํามาจากเศษผ้าหยาบ ๆ พวกนี้ เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา!

 

หยุนเถียนเถียนเก็บของและถือตะกร้าใบเล็ก นางคิดจะไปสํารวจในเมืองสักหน่อย เดิมที่หลี่เสี่ยวเหอคิดจะรั้งนางไว้แต่ใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก จนกระทั่งนางนึกขึ้นมาได้ว่าอย่างไรแล้วก็ต้องนั่งเกวียนกลับไป ด้วยกันหลี่เสี่ยวเหอจึงไม่ได้คิดสิ่งใดมากและกลับมานั่งขายไข่ต่อ

 

เถียนเถียนเดินออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นหยุนเคอนงยอง ๆ พร้อมกับเหยื่อที่กองอยู่ตรงหน้า…

 

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก เจ้าบ้านี่หนวดเครารุงรังไปหมดอีกทั้งสีหน้ายังคล้ํามืดน่าหวาดกลัวยิ่งแล้วผู้คนในตลาดส่วนใหญ่ล้วนเป็นสตรีทั้งนั้น

 

ยังไงซะเมื่อเห็นภาพลักษณ์เช่นนี้มีผู้ใดบ้างจะไม่หวาดกลัวกับท่าทางของเขา? ใครจะกล้าเดินมาเลือกเหยื่อทั้งหมดนี้เล่า?

 

เถียนเถียนหันศีรษะไปรอบ ๆ จึงเห็นว่าทุกคนในตลาดกําลังวุ่นวายกับการจับจ่ายใช้สอยจึงไม่มีใครสังเกตเห็นแผงลอยของหยุนเคอ

 

นางจึงเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว “หากเจ้ายังทําอย่างนี้ต่อให้นั่งจนถึงเช้าก็ไม่มีทางขายได้ อาล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าเอง เอาเหยื่อพวกนั้นเดินตามข้ามา ยังไงซะเราต้องออกห่างจากสายตาผู้หญิงพวกนั้นก่อน!”

 

หยุนเคอไม่ถามอะไรและไม่ปฏิเสธนางเขาเก็บข้าวของเงียบ ๆ แล้วเดินตามเถียนเถียนไปที่ท้ายตลาดหลังจากเดินออกมาสักระยะหนึ่งจึงรู้สึกว่าเริ่มปลอดภัยแล้ว

 

เถียนเถียนส่งสัญญาณบอกให้เขาเอาเหยื่อออกมาขณะที่ นางกําลังจะร้องเรียกบางสิ่งแต่กลับมีร่างหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่สบายอารมณ์

 

หยุนเถียนเถียนรีบสงวนท่าที่พร้อมกับฉีกยิ้มหวาน “เจ้าสนใจที่จะซื้อเหยื่อเหล่านี้งั้นหรือ?”

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหลี่ชื่อฮวาคนที่นางได้พบหลังจากข้ามมิติมา!

 

“นายน้อยหลี?”

 

ส่วนหลี่ซื่อฮวาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะได้พบเจอสาวน้อยคนนี้อีกครั้งแม้จะเคยพบเห็นนางมาก่อนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในคราวนั้นนางทั้งซูบผอมจนแทบจะไม่มีเนื้อหนัง

 

แต่ในวันนี้ ร่างกายนั้นเริ่มมีเนื้อหนัง ใบหน้าอวบอิ่มและค่อยๆ เผยความงดงามออก

 

“สาวน้อย… ทําไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

 

หยุนเถียนเถียนกลอกตาอย่างไม่พอใจ “นายน้อยหลี่จะซื้อเหยื่อพวกนี้หรือไม่?ถ้าจะซื้อก็ต้องจ่ายแต่ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามายืนขวางทาง มันเสียเวลาข้า!”

 

นายน้อยหลี่ก้มมองเหยื่อบนพื้นพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

 

“สาวน้อยเจ้าไปเอาสัตว์ป่าพวกนี้มาจากไหนกัน? หรือว่าจะเป็นพี่ชายของเจ้าออกไปล่ามาให้?”

 

สุ่มเสียงอ่อนโยนทําให้เถียนเถียนรู้สึกอึดอัดใจ แต่การค้าขายย่อมต้องใช้วาจาเข้าแลก หากไม่ทําเช่นนั้นคงไม่มีทางร่ํารวยได้นางจึงไม่คิดต่อปากต่อคํากับผู้ชายตรงหน้าแน่นอน

 

“นายน้อยไม่จําเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น หากท่านต้องการซื้อก็รีบซื้อเถิด อย่างไรเสียข้าก็ยืนยันได้ว่ามันมิได้ถูกปล้นชิงมาจากผู้ใด”

 

 

ตอนที่ 92 ตลาด

 

“เฮ้ คิดดูถูกข้าหรือ? นําเหยื่อที่จับได้ทั้งหมดให้ข้ามันหมายความว่าอย่างไร?”

 

หยุนเคอไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด เขากําลังมองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้ากําลังทําหน้ามุ่ยอย่างไม่เข้าใจจึงกล่าวถาม “แม่นาง เจ้าจะเลี้ยงดูครอบครัวอะไรกัน? ตอนนี้ข้าไม่ได้รีบร้อนจะใช้เงินนัก จึงคิดว่าควรยกเหยื่อทั้งหมดให้เจ้า” 

 

แต่เถียนเถียนกลับไม่เชื่อถ้อยคําพวกนั้น นางหยิบตะกร้ามาวางตรงหน้าพร้อมกับเริ่มแยกเหยื่อที่จับมาได้ทีละตัว 

 

“ข้าขอแค่ส่วนของข้าเท่านั้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสาร ข้ามีวิธีเลี้ยงดูครอบครัวของข้าเอง ช่วงนี้ร้านยังไม่ได้เปิด ข้าจะล่าสัตว์ต่อไป!”

 

หลังจากผ่านไปสักพักอาจจะไม่มีสัตว์ให้ล่ามากนัก หยุนเคอเพียงคิดเรื่องเหล่านี้ในใจ บรรยากาศทั้งหมดพลันอึมครึม ดวงตาทั้งคู่หมองคล้ำอยู่ในความมืดอย่างคิดไม่ตก 

 

“ยังไงซะการล่าสัตว์น่ะอันตรายยิ่ง แม้เจ้าจะมีฝีมือแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดอันตราย! หยุนเคอ… สิ่งที่เราทําอยู่นั้นไม่ยั่งยืน หากวันหนึ่งข้ามีวิธีหาเงิน เจ้ามาทํางานกับข้าไหม?”

 

แววตาหยุนเคอพลันเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกก่อนกล่าวถาม “เจ้าไม่กลัวคนในหมู่บ้านนินทางั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจ “ก็จริงว่าหากเจ้าอยู่กับข้าคงไม่ดีนัก แต่ข้าก็ไม่อาจจัดการเรื่องทั้งหมดคนเดียวได้ อีกอย่างข้าก็ไม่ชินด้วย!”

 

“เจ้าก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”

 

ดวงตาของหยุนเคอยิ่งทอประกายวูบไหว เขานึกคิดว่าไตร่ตรองว่านางฟ้าตัวน้อยนี้มาจากที่ใดกัน?

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าชนกับเสียงนินทานั้นแล้ว ข้าไม่สนใจมันหรอก ถ้าหากข้าทําสําเร็จ ข้าไม่ทนอยู่ในที่หมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้หรอก ข้ามีเป้าหมายที่ชัดเจน!”

 

หยุนเคอพลันคิดว่าหากเด็กสาวคนนี้ทําสําเร็จขึ้นมาจริง ๆ แล้วออกจากหมู่บ้านนี้ไป เขาจะสามารถอดทนได้งั้นหรือ?

 

เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการจะจากไป หยุนเคอจึงรีบพยักหน้ารับคําเชิญชวนนั้นอย่างไร้สติ

 

หยุนเถียนเถียนถึงกับตื่นตระหนก นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าในยุคโบราณเช่นนี้ ชายคนหนึ่งจะยอมเดินตามผู้หญิงเพื่อทําเรื่องไร้สาระด้วยกัน อีกทั้งมันยังยากยิ่งที่ชายและหญิงจะคบกันฉันเพื่อน!

 

หยุนเถียนเถียนเดินกลับบ้านพร้อมกับเหยื่อที่ล่าได้วันนี้ นางคิดไตร่ตรองอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจว่าควรเอาพวกมันวางไว้ในเถาเป่า!

 

ต้องขายมันในเถาเป่าเท่านั้น! แต่หากแบกเหยื่อทั้งหมดนี้เข้าเมืองตอนกลางวันแสก ๆ เกรงว่าผู้คนคงจะตื่นตระหนกกันไม่น้อย!

 

วันรุ่งขึ้น เถียนเถียนเตรียมตัวเพื่อจะเข้าเมือง แต่ทุกครั้งที่นางต้องอาศัยเกวียน นางออกจากบ้านเช้ากว่าหลินชวนฮวามาก ทั้งสองจึงไม่เคยได้พบกันบนเกวียนเลยแม้เพียงครั้ง

 

แต่ไม่ใช่นางคนเดียวที่ตื่นเช้า ยังมีหยุนเคอและหญิงอีกคนที่นําไข่ไปขายในเมืองเช่นกัน

 

ขณะที่ทั้งสองมาถึงเกวียน เสียงซุบซิบทั้งหมดของชาวบ้านเงียบลงทันที สายตาสอดรู้สอดเห็นจับจ้องที่หยุนเคอและเถียนเถียนผู้มาใหม่เป็นตาเดียว

 

แม้เด็กสาวจะแต่งตัวโทรม ๆ ด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ใบหน้าของนางสะอาดสะอ้านจนเผยความงดงามออกราวกับแม่นางหยุนจิงเอ๋อยืนอยู่ตรงนี้

 

แม้จะมีสายตาตกตะลึงของพวกเขาจับจ้องมา แต่ไม่ได้ทําให้หยุนเถียนเถียนสะทกสะท้านแต่อย่างใด นางขึ้นเกวียนพร้อมกับวางตะกร้าเล็ก ๆ ไว้ข้างกาย

 

ตระกร้าใบเล็กนี้เป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวต้องมี ตระกร้าของหยุนเถียนเถียนถูกสร้างขึ้นโดยท่านลุงเฉินผิงอัน ท่านลุงสร้างมันจากต้นไม้ไผ่ที่ภูเขาด้านหลังและทําขึ้นเพื่อนางโดยเฉพาะ

 

ด้านบนของตระกร้ามีผ้าที่โทรมอยู่คลุมไว้ ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านจึงทําให้พวกเขาจ้องมันไม่วาง ตา

 

หลี่เสี่ยวเหอจากหมู่บ้านเดียวกันเป็นหญิงสาวที่แต่งงานเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ไม่นาน นางเป็นคนมีความสามารถที่ผูกมิตรกับผู้หญิงในหมู่บ้านได้ทั้งหมด เพราะเหตุผลข้อดีของนางคือขี้นินทา

 

ยิ่งนางพูดคุยเรื่องซุบซิบกับผู้อื่นมากเท่าไหร่ ยิ่งทําให้นางรู้เรื่องราวตั้งแต่ทิศตะวันออกยันทิศตะวันตกและยังคุ้นเคยกับผู้คนในหมู่บ้านมากขึ้นด้วย

 

นางได้ยินเรื่องในหมู่บ้านมาบ้าง ถึงแม้ว่านางจะปากรั่วไปบ้าง แต่สําหรับหยุนเถียนเถียนนางกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายยิ่ง

 

เด็กคนนี้แยกตัวออกมาได้ ชีวิตของนางไม่อดตายแล้ว ตอนนี้กลับมีน้ำมีนวลขึ้นเรื่อย ๆ ทําให้ใบหน้าเดิมที่ซูบผอมพลันเรียวอิมงดงาม…

 

หลี่เสี่ยวเหอเห็นตระกร้าใบเล็กข้างกายของนาง ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมจึงถามออกไปอย่างสงสัย “เถียนเถียน ในตระกร้าของเจ้ามีอะไรงั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนถียนมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง นางปกป้องมันราวกับสมบัติล้ำค่า อีกฝ่ายพลันคิดไปไกลว่าหากเป็นไข่ก็คงจะใช่ เพราะนางโอบกอดมันไว้แน่น หากผ้าคลุมเปิดสักหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย!

 

“ยังไงซะชีวิตยังต้องดําเนินต่อไป ข้าจึงประดิษฐ์ของบางอย่างขึ้นมาและต้องการเอามันไปขาย

 

หยุนเถียนเถียนพูดขึ้นมาพลางยกผ้าบนตระกร้าออกอย่างใจกว้าง แม้ว่าข้างในใจจะสาบแช่งอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม จึงปรากฏปิ่นปักผมที่งดงามสู่สายตาของทุกคน 

 

หลี่เสี่ยวเหอก้มไปมองอย่างหวาดระแวง แม้ว่าฝีมือที่ทําออกมาจะงดงามแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแค่เศษผ้าเท่านั้น!

 

เช่นนี้นางจึงถามออกด้วยความสงสัย “ของชิ้นนี้สามารถทําเงินได้หรือ มันทําจากเศษผ้า มีคนต้องการมันงั้นหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนได้ฟังอย่างนั้นจึงยิ้มอย่างเขินอายแล้วก้มศีรษะลง

 

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็แค่อยากลองดูสักครั้ง เพียงแค่สักครั้ง!”

 

หลี่เสี่ยวเหอเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เด็กนี่คงทําอะไรหลายอย่างจนปัญญาแล้วกระมัง

 

“พ่อของเจ้านี่ช่างเหลวไหลจริงเชียว!”

 

เถียนเถียนแค่ยิ้มออกมา แม้จะได้ยินคําพูดเหล่านั้นแต่นางก็ไม่ได้กล่าวอะไรตอบ

 

ทุกคนที่นั่งอยู่บนเกวียนเริ่มซุบซิบกันอีกครั้ง หญิงหม้ายบนเกวียนขยิบตาใส่หลีเสียวเหอจนทําให้คนอื่น ๆ บนเกวียนต่างจ้องมองนางเป็นตาเดียว!

 

เถียนเถียนเพียงแค่ฟังผ่าน ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรออกไปแม้เพียงครึ่งคํา

 

หยุนเคอที่นั่งอยู่ด้านข้างราวกับไร้ตัวตน ข้างกายเขามีกองเหยื่อตั้งอยู่ ผู้หญิงเหล่านั้นกลัวว่ากลิ่นคาวเลือดจะติดเสื้อผ้าจึงได้แต่ถอยห่างออกไป

 

เกวียนจอดลงนอกตลาด ทุกคนหยิบยื่นเงินเพื่อชําระค่าเดินทางให้กับคนขับเกวียนและมุ่งหน้าเข้าตลาดไป

 

หลี่เสี่ยวเหอยังคงสงสัยอยู่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าของของเด็กนี้จะขายได้จริงหรือ… นางจึงเริ่มที่จะตีสนิทอีกฝ่าย

 

“เถียนเถียน เจ้าคงดูไม่ค่อยสะดวกนัก ทําไมเจ้าไม่ไปตลาดกับพวกข้าล่ะ!”

 

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะไม่ชอบคนขี้นินทาสักเท่านไหร่ แต่ความงามของนางก็โดดเด่นกว่าใคร ถ้าหากนางอยู่กับหญิงสาวเหล่านี้คงจะไม่เป็นที่สะดุดตานัก

 

ดังนั้นนางจึงพยักหน้าอย่างอาย ๆ ปล่อยให้หลี่เสี่ยวเหอลากตนไปด้วย

 

หยุนเคอมองเด็กสาวตัวน้อยที่แสร้งทําตัวอ่อนต่อโลกอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ นางฟ้าตัวน้อยของเขานั้นช่างไหวพริบยอดเยี่ยมนัก!

 

แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องของเขาก็สําคัญเช่นกัน ชายร่างใหญ่แบกเหยื่อในตะกร้าพร้อมกับเดินตรงไปยังร้านอาหารเจ้าดังที่มักจะซื้อเหยื่อจากเขาเสมอ

 

เถียนเถียนเดินตามพวกเขาไปจนถึงแผงลอยที่ตลาด นางเปิดตะกร้าออกเพื่อให้ปิ่นปักผมงามงดปรากฏต่อสายตาผู้คนที่สัญจรไปมา!

 

ตอนที่ 91 ล่าสัตว์อีกครั้ง

 

ตะวันกําลังจะลับขอบฟ้า หยุนเคอยังคงแวะเวียนมาที่บ้านของเถียนเถียน วันนี้เขาไม่มีอารมณ์ใด ๆ เลย แม้ว่าคําพูดของหมอเฒ่าจะดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา ตอนนี้เขาอยากจะชะโงกหน้าไปดูว่าเพื่อนบ้านตัวน้อยกําลังทําอะไรอยู่

 

เมื่อแสงอาทิตย์หมดลงความมืดมิดเริ่มปกคลุม แต่ผู้คนยังคงวงเวียนอยู่ไม่ขาดสาย หยุนเคอตัดสินใจได้แล้ว เขามีข้อแก้ตัวที่ยอดเยี่ยมออกมาได้นั่นคือการชวนเด็กคนนั้นให้ไปออกล่าสัตว์ด้วยกัน!

 

ยามเงียบสงัด หยุนเคอเคาะประตูเสียงดัง หยุนเถียนเถียนไม่ลืมว่าตอนนี้นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวร้องตะโกนตอบเสียงดัง “ผู้ใด!?”

 

ด้านหลังประตูนางแอบถือท่อนไม้ยาวและหนาไว้ในมือร่างกายเริ่มเกร็งตั้งรับ!

 

“ข้าเอง!”

 

เมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งของหยุนเคอ หยุนเถียนเถียนก็ผ่อนคลายความเกร็งลงจนมือที่ถือไม้อยู่อ่อนแรง ท่อนไม้หล่นลงกับพื้นกระแทกเข้ากับหลังเท้าของหยุนเถียนเถียน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทําให้นางจับเท้าและกระโดดไปมาด้วยความเจ็บปวด

 

“โอ๊ย!”

 

หยุนเคอตื่นตระหนกพร้อมหัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเกิดอะไรขึ้นกับนาง! เขารีบร้องตะโกนอย่างเป็นห่วง “เถียนเถียน เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเถียนเถียนกัดฟันกรอดพร้อมตอบกลับ “ไม่เป็นไร ข้ากําลังจะไปเปิดประตูให้!”

 

ตอนนี้หยุนเคอสามารถทําอะไรได้บ้าง? เขาทําได้เพียงอดทนรอเท่านั้น หากบุก

เข้าไปได้จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่านางจะคิดเช่นไรกับเขา!

 

ไม่นานหยุนเถียนเถียนก็เปิดประตู แล้วเดินอ่อนปวกเปียกไปนั่งลงที่เก้าอี้

 

ชายร่างใหญ่มองดูท่อนไม้บนพื้น และภาพของเด็กผู้หญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยขาของนางอยู่ในอ้อมแขน เขาเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จึงอดที่จะหัวเราะกับภาพตรงหน้านี้ไม่ได้!

 

“พี่ชายหยุน ทําไมจู่ ๆ ถึงมาหาข้าที่นี่ล่ะ?”

 

แม้จะมีแสงจันทร์ในยามค่ำสาดส่องเข้ามา แต่ใบหน้าของหยุนเคอกลับถูกหนวดเคราขวางไว้ ไม่มีใครสามารถเห็นสีหน้าของเขาได้

 

“ข้ามาถามเจ้า คืนนี้จะไปล่าสัตว์กับข้าไหม?”

 

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันไปมองเท้าที่หยุนเถียนเถียนจับแน่น

 

“แต่ดูเหมือนวันนี้เจ้าจะไปไม่ได้ ถ้างั้นข้า”

 

หยุนเถียนเถียนรีบร้อนตะโกนออก การค้าของนางกําลังเริ่มขึ้นเพราะฉะนั้นการล่าสัตว์ยังต้องดําเนินการต่อ

 

“ไม่ ไม่ ข้าไปได้ ช่วยรอข้าดีขึ้นสักประเดี๋ยว เมื่อหายดีข้าจะไปทันที!”

 

หยุนเคอถอนหายใจอย่างปลงตก สายตาของนางมีแต่เงินอยู่ในนั้นหรือ?

 

“งั้นข้าจะรอแล้วกัน!”

 

หลังจากหยุนเคอพูดจบ เขาจึงไม่สนใจหยุนเถียนเถียนและหันหลังกลับบ้านไป

 

หยุนเถียนเถียนมองไปยังแผ่นหลังของคนที่กําลังจากไป ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจจนยากจะอธิบาย ยุคสมัยนี้มันไม่ง่ายเลย!

 

เจ้ายักษ์หยุนเคอมันไม่รู้จักความสงสารหรือเห็นใจหรือไง เขารู้ว่าเท้าของข้าบาดเจ็บอยู่แต่ก็ไม่คิดจะมาปลอบโยนข้า

 

หยุนเถียนเถียนคิดเช่นนั้น จากนั้นเริ่มที่จะไม่ยอมรับตัวเอง ระหว่างการฝึกตํารวจ

 

พิเศษได้รับบาดแผลมากมาย แล้วตอนนี้สิ ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับผลกระทบจากยุคนี้มากไปแล้ว!

 

ไม่นานหลังจากนั้นหยุนเคอก็กลับมาในมือถือขวดยารักษากระดูกขนาดเล็กอยู่

 

คราวนี้เขาเปิดประตูโดยที่ไม่ต้องเคาะ ชายร่างใหญ่เดินเข้ามาแล้ววางขวดยารักษากระดูกลงบนโต๊ะ

 

“เจ้าป้ายยาขวดนี้ลงบนแผล ข้าจะรอด้านนอก!”

 

หยุนเถียนเถียนรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี! แม้ชายผู้นี้จะไม่มีความสงสารและปลอบโยนใด ๆ แต่สุดท้ายเขาก็ช่วยเหลืออยู่ดี

 

นางหยิบขวดกระเบื้องเล็ก ๆ นี้ขึ้นมา จากคําสั่งสอนของท่านปู่ นางรู้ดีว่ายาจีนโบราณชนิดนี้เหมาะกับการรักษากระดูกมากกว่าอาการที่นางเป็นอยู่มาก!

 

หยุนเถียนเถียนเทยาลงบนมือ กลิ่นฉุนลอยที่จมูก จากนั้นค่อย ๆ กดลงไปที่เท้าอย่างระมัดระวัง แม้ว่ามันจะเจ็บแต่นางต้องทนให้ได้

 

นางใส่รองเท้าและถุงเท้าอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเดินออกจากประตู แม้ว่าอาการเจ็บยังมีอยู่แต่มันก็ไม่ส่งผลกับการเดินมากนัก

 

หยุนเคอลังเลเล็กน้อย นางได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ยังสมควรที่จะพานางไปที่ภูเขางั้นหรือ? แต่ไม่รู้ทําไมเขารู้สึกไม่เต็มใจนักถ้าหากพลาดโอกาสนี้

 

จู่ ๆ ก็นึกถึงคําพูดของหมอชรา “ทําให้คนที่เจ้าโอบกอดเป็นคนที่เจ้าห่วงใยเสมอ ใครคือดวงใจงั้นหรือ? หนุ่มสาวสมัยนี้น่าผิดหวังเสียจริง”

 

หยุนเคอหลับตาตั้งสติและก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือว่าไปได้ อย่ามากล่าวโทษว่าข้าเป็นคนลากเจ้าไปในภายหลัง!”

 

ประโยคแสนเย็นชานี้ทําให้หยุนเถียนเถียนผิดหวังเล็กน้อย แม้แต่ตอนนี้นางก็ไม่เข้าใจว่ากําลังคาดหวังอะไรอยู่?

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปได้แล้ว!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งสองก็เดินออกจากห้องและรีบหันหลัง

 

ปิดประตู

 

ในความมืด ทั้งสองร่างกําลังจะเดินทางไปยังภูเขา

 

หมูบ้านตอนนี้เงียบสงัด แต่หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนกลับเดินเข้าไปในป่าที่มีดมิด

 

ไม่ช้า หยุนเถียนเถียนก็หาเหยื่อที่อยู่ด้านหน้าเจอ หยุนเคอคอยระวังด้านหลัง เขาพร้อมที่จะฆ่าเหยื่อด้วยเพียงหมัดเดียว

 

สัตว์ขนาดใหญ่อย่างหมีและเสือมีมากมายเต็มไปหมด แม้ว่าภูเขาเทพธิดาจะสูงใหญ่ แต่ก็มีแต่ป่าขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอีกด้านหนึ่งของป่าอยู่ที่ไหน!

 

สัตว์กินเนื้อตัวอ้วนมากมายอาศัยอยู่ที่นี่ แต่นับจากที่หยุนเคอออกล่า ไม่มีสัตว์ตัวใดกล้าออกมาที่ภูเขาด้านนอกอีกเลย

 

ในหมู่บ้านเทพธิดาก็ไม่มีผู้กล้าเดินเข้าไปในป่า ดังนั้นสัตว์และผู้คนจึงใช้ยอดเขาเทพธิดาเป็นแขตแดนที่อยู่อาศัยซึ่งทั้งสองฝ่ายก็อาศัยอยู่อย่างสงบมาช้านาน

 

หยุนเคอถามตัวเองว่ากล้าหรือไม่ ในป่านี้มีสิ่งของลึกลับขนาดที่เขาก็ยังไม่กล้าแตะต้องยั่วยุ… นั่นคือหมาป่าตะวันออก สัตว์ต่าง ๆ มีอาณาเขตของตัวเอง ภูเขาที่อยู่อีกด้านของภูเขาเทพธิดาเป็นอาณาเขตของหมาป่าตะวันออก 

 

ถ้าหากหมาป่าตะวันออกข้ามอาณาเขตมาที่ภูเขาแห่งนี้ หยุนเคอจะฆ่ามันให้ตาย เพราะเป็นมันที่ข้ามเขตแดนมาก่อน

 

แต่เขาไม่กล้าไปที่ภูเขาตรงข้ามเพื่อยั่วยุหมาป่าตะวันออก พวกมันมีหวงอาณาเขตของตัวเองมาก และมีกลิ่นอายความแค้นมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น

 

ถ้าหากเขาข้ามพรมแดนและฆ่าหมาป่าตะวันออก เกรงว่าหมู่บ้านจะเป็นอันตรายจากการคุกคามของพวกมันแน่

 

สิ่งนี้ทําให้กิจกรรมของพวกเขาถูกขัดขวางในภูเขาเทพธิดา ตราบใดที่ไม่มีหมาป่าตะวันออก แต่ใครจะกล้านําเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ร่างกายอ่อนแอไปยังที่แห่งนั้น? เกรงว่าพวกเขาจะไปไม่ถึงภูเขาอีกฝังด้วยซ้ำ

 

ทั้งสองคนเดินไปบนภูเขา ไม่ช้านานพวกเขาก็ล่าไก่ฟ้าและกระต่ายได้เต็มตะกร้า

 

“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้เถอะ บนภูเขาลูกนี้เริ่มมีเหยื่อน้อยลงทุกที พี่ใหญ่หยุนข้าว่าเราไม่มีทางพึ่งพาแค่การล่าสัตว์ได้แล้ว เราต้องหาวิธีเลี้ยงดูครอบครัวที่ดีกว่านี้กันดีกว่า!”

 

หยุนเคอเงียบ… เขาไม่ใช่คนช่างพูด ที่เขาเรียกนางออกมาด้วยกันเพียงแค่อยากเจอนางมากกว่านี้เท่านั้น

 

แล้วไม่ให้เมินเฉยได้อย่างไร นางกําลังฝันถึงอะไรอยู่ นางเป็นเพียงผู้หญิงจะเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างไรกัน?

 

“เหยื่อทั้งหมดในวันนี้ ข้ายกให้เจ้า!”

 

เสียงทุ่มต่ำติดเย็นชาของหยุนเคอดังขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน แต่น้ำเสียงนั้นกลับทําให้หยุนเถียนเถียนรู้สึกโกรธ!

 

ตอนที่ 90 ทําการค้า

 

เมื่อวานตอนที่หยุนเถียนเถียนเข้าไปในเมือง นางขอเศษผ้าขี้ริ้วเล็ก ๆ มากมายจากเจ้าของร้าน

 

วันนี้นางจึงหมกตัวอยู่ในห้องและจัดการผ้าขี้ริ้วเล็กเหล่านั้น

 

ใช้ทําอะไรน่ะหรือ… หยุนเถียนเถียนไม่ได้บอกจี๋ชื่ออย่างละเอียด แต่ความจริงแล้วนางมีแผนในใจ!

 

ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็มีปิ่นปักผมไม้เรียบ ๆ อยู่บนศีรษะ หากสวยงามขึ้นมาสักหน่อยก็มีปิ่นทองแดงและปิ่นเงิน คนที่ฐานะร่ำรวยก็ใช้ปิ่นปักผมทอง!

 

ส่วนสถานที่อื่น ๆ นางยังไม่เคยไปจึงไม่สามารถบอกได้ แต่สถานที่ใกล้เคียงนี้ก็น่าจะเหมือน ๆ กัน!

 

หลินชวนฮวาใช้ปืนปักผมทองแดงที่ดูแข็งแรง ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ ต่อให้เป็นอัญมณีที่พอมีคุณค่า ย่อมเป็นที่น่าอิจฉาของผู้อื่น!

 

หยุนเถียนเถียนคิดว่าหากทําเครื่องประดับจากผ้าควรขายในราคาถูก อย่างน้อยก็ยังสวยกว่าการเอาดอกไม้มาทัดผม เพราะไม่ต้องกังวลกับเครื่องประดับว่าจะเหี่ยวเฉาเห มือนดอกไม้พวกนั้น

 

ในยุคนี้ มีวิธีบางอย่างที่ใช้หาเงินได้ แต่ตอนนี้นางยังไม่กล้าทํา

 

ความงดงามของร่างกายนี้นั้นเป็นบาปที่จะชักนําความเดือดร้อนมาให้ โชคดีที่ตอนนี้อายุเพียงแค่สิบสี่หนาว เมื่อยังไม่โตนักจึงไม่มีภัยคุกคาม!

 

ต้องรอให้ร่างกายนี้เติบโตถึงวัยสาวสะพรั่ง หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลานั้นนางจะสามารถปกป้องตัวเองได้

 

สําหรับเด็กหญิงอายุสิบสี่ นอกจากความสวยที่เป็นบาปติดตัวแล้ว ร่ำรวยมากก็ไม่ดีนัก ผู้คนในหมู่บ้านอาจจะเพ่งเล็งว่าสามารถหาเงินมากมายได้อย่างไร?

 

ดังนั้นบางอย่างจึงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป แม้ว่าเสี่ยวเถาจะอยากแสดงฝีมือเต็มที่ แต่ก็ทําได้เพียงยับยั้งเอาไว้ เพื่อรอเวลาที่สามารถปกปิดการมีอยู่ของมันได้ในอนาคต

 

แต่ตอนนี้เสี่ยวเถาก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว!

 

“เสี่ยวเถา…ที่คุณบอกว่าให้ฉันซื้อผ้าจากคุณ แล้วหัดทําด้วยตัวเอง! วิธีนี้จะสามารถหาเงินได้มากในยุคนี้ คนอื่นจะไม่สงสัยเหรอ? ”

 

เสี่ยวเถาตอบกลับมาด้วยเสียงเครื่องจักรกลที่เย็นชา “แน่นอน! ไม่เพียงแต่สินค้าที่ทําจากผ้าที่สามารถนําไปขายได้ แต่ยังรวมถึงวัสดุสําหรับผลิตผ้าด้วย! เช่นเดียวกับ หนังสือเล่มนี้ ร้านเถาเป่าขายถูกจริงๆ เจ้าลองดูได้!”

 

หยุนเถียนเถียนซื้อหนังสือเล่มนี้โดยไม่ลังเล จากนั้นทําตามขั้นตอนด้านบนเพื่อเริ่มผลิตสินค้าชิ้นแรกของนาง 

 

ข้อมูลที่ให้มานั้นดีมาก แม้ว่าทักษะฝีมือของหยุนเถียนเถียนจะค่อนข้างเลวร้าย แต่นางก็ทํางานชิ้นแรกเสร็จอย่างรวดเร็ว

 

มันเป็นดอกไม้สีแดงเล็ก ๆ ใช้ผ้าฝ้ายสีแดงมัดเป็นกลีบลูกกลม ๆ ตรงกลางมีสีเหลืองเป็นเกสรตัวผู้

 

จากนั้นพันผ้าสีเขียวที่แข็งกว่าเป็นกิ่งดอกไม้และมีใบเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านบนอย่างสวยงาม

 

หยุนเถียนเถียนยิมด้วยความพึงพอใจ แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็น่าสนใจ! ปิ่นปักผมสีเงินและทองเหล่านั้นไม่มีสีอื่น แม้ว่าพวกเขาจะทําได้แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนในเมืองนี้จะมี ดังนั้น หากมีใครมาเอาผ้าแบบนี้มาประดับศีรษะคงจะโดดเด่นน่าดู!

 

หยุนเถียนเถียนทําปิ่นปักผมแบบนี้มากกว่ายี่สิบชิ้นติด ๆ กัน โดยที่มือยังไม่หยาบ

 

ในระหว่างนี้บางครั้งมักจะถูกเฉินเฉินรบกวนโดยการมาถามคําถาม แต่หยุนเถียนเถียนก็ทําได้เพียงตอบคําถามของเขาอย่างอดทน

 

เฉินเฉินรู้ดีว่าหากแม่ของเขาเข้าไปในเมือง นางมักจะกลับมาตอนที่ตะวันลับขอบฟ้าและเฉินผิงอันก็กลับมาในเวลานั้นเช่นกัน

 

ก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า เฉินเฉินจึงรีบกลับบ้าน เขาทําความสะอาดห้องครัวอย่างละเอียดอีกครั้งและล้างชามทั้งหมดที่ยังไม่ได้ล้างเพื่อไม่ให้ถูกทุบตีในตอนค่ำ

 

พี่สาวถูกเฆี่ยนตีมามากเพียงเพราะว่าทําได้ไม่ดี เฉินจึงใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพี่สาวเพื่อหลีกเลี่ยงในครั้ง

 

น่าเสียดายที่หลินชวนฮวากลับมาหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย และเฉินผิงอันก็ก้าวเท้าหลังตามเข้ามา!

 

เมื่อเฉินผิงอันมาถึงก็ไม่มีอะไรทําจึงตะโกนออก “ชวนฮวา เจ้าทําอันใดอยู่? ข้าหิวแล้วรีบไปทําอาหารเถิด!!”

 

หลินชวนฮวาเพิ่งเดินเข้าไปในห้องและถอดปิ่นปักผมผมบนหัวของนางออก

 

ดังนั้นนางจึงรีบเดินออกไปโดยที่สีแดงบนใบหน้ายังไม่ทันได้เช็ดออก!

 

“ผิงอัน ข้ามัวแต่ยุ่งกับงานบ้านยังไม่มีเวลาทําอาหารเลย เจ้าเด็กตัวเหม็นนี้ไม่ได้เรื่องเหมือนพี่สาวทําอะไร ไม่ได้ดั่งใจเลย! รอก่อนนะ ข้าจะรีบทําอาหารเดี๋ยวนี้!”

 

ขณะที่หลินชวนฮวาพูด ก็ตวัดสายตาข่มขู่เฉินเฉิน เพื่อเตือนไม่ให้เปิดโปงคําโกหกของนาง มิฉะนั้นจะโดนดี!

 

แน่นอนว่าเฉินเฉินไม่โต้เถียง เพราะแม่ของเขาทําสิ่งนี้จนเป็นนิสัยแล้ว!

 

“เฉินเอ๋อ เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลานัก? ไม่รู้จักแบ่งเบาภาระของแม่! หากเจ้ายังดื้อด้านอีก ข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สํานึก!”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ภาพนี้ช่างคล้ายกับนังเด็กเหลือขอคนนั้นมากเหลือเกิน..

 

เฉินผิงอันโกรธมาก เด็กตัวเหม็นคนนี้เป็นลูกของเขาชัด ๆ เหตุใดถึงได้เหมือนกับนังสารเลวคนนั้นขึ้นเรื่อย ๆ?

 

“เข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่? อย่าทําตามนังเด็กสารเลวนั่น! ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเฉินผิงอัน ได้ยินหรือไม่?”

 

ทันใดนั้นเฉินผิงอันก็ตะโกนออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เฉินเฉินเองก็ไม่คิดว่าพ่อที่ใจดีกับเขามาโดยตลอด จู่ ๆ จะเปลี่ยนไปเป็นหลังมือเช่นนี้ เด็กชายจึงถอยหลังด้วยความตกใจและสุดท้ายก็ล้มลงกับพื้น!

 

ดูเหมือนว่านั่งเด็กสารเลวนั่นก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้เมื่อถูกตนตะคอก ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้เฉินผิงอันก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาเตะที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้จนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง!

 

“ไสหัวไปซะ คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมากินข้าว!”

 

เฉินผิงอันตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน เฉินเฉินที่หวาดกลัวจึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเล็ก ๆ ของเขา และปิดประตูอย่างรวดเร็ว

 

หลินชวนฮวาที่ได้ยินเหตุการณ์ด้านนอก ก็ยิ้มอย่างสะใจที่มุมปาก แต่ก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่แสร้งทําเป็นกังวล “ผิงอัน เขายังเด็กนัก หากบอกกล่าวดี ๆ เขาก็น่าจะฟัง”

 

เฉินผิงอันพูดเสียงดังราวกับจะแสดงอํานาจของเขา “หากไม่ฟังข้าก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว! ชวนฮวาตั้งแต่วันนี้ไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาหาข้าเพื่อยอมรับผิด ถึงตอนนั้นค่อยให้เขากินข้าว! ”

 

หลินชวนฮวาพยักหน้ารับด้วยความเชื่อฟัง พร้อมกับลอบยิ้มอย่างสะใจในมุมมืด

 

เฉินเฉินไม่เข้าใจว่าตนทําอะไรผิด เหตุใดเขาถึงต้องยอมรับความผิด? แต่เพื่อไม่ต้องทนหิว เฉินเฉินต้องออกไปยอมรับผิดกับเฉินผิงอัน แต่ก็เกรงว่าจะพูดอะไรผิดหูเข้าแล้วถูกทุบตี ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงทนหิวอยู่เงียบ ๆ และรอให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเสียก่อน

 

ตอนที่ 89 การกดขี่มีอยู่ทุกหนแห่ง

พูดได้ว่าการที่หลินชวนฮวาไม่สนใจก็เป็นประโยชน์เช่นกัน อย่างน้อยหนังสือที่ซ่อนไว้ในห้องก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกนางนําออกไป

 

ทั่วทั้งลานบ้าน หลินชวนฮวาตั้งใจทําความสะอาดเพียงไม่กี่ที่ แล้วนับประสาอะไรกับห้องของเฉินเฉิน?

 

ทั้งสองอ่อนเพลียจากการงีบหลับในตอนกลางวัน ขณะที่เฉินผิงอันกําลังจะลุก หลินชวนฮวาก็ฝังความคิดที่ว่าเฉินเฉิงเยี่ยนั้นร่ําเรียนอย่างยากลําบากใส่หัวเขาอีกครา

 

เฉินผิงอันที่เชื่อคนง่าย ก็ยึดถือว่าเรื่องพวกนี้เป็นความจริง! ยิ่งนังเด็กน่าตายนั่น พูดจาดูถูก ยิ่งต้องพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็น!

 

ขณะที่หลินชวนฮวาลุกขึ้นรอเฉินผิงอันแต่งตัว นางพลันถอนหายใจว่างานบ้านนั้นเหนื่อยเกินไปและไม่มีใครคอยช่วยสักคน

 

เฉินผิงอันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ไม่ควรมาเสียเวลา กับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงนึกถึงเฉินเฉิน!

 

เขาไม่ทันเห็นแววตาของหลินชวนฮวาที่ฉายความพึงพอใจออกมา และตรงไปเรียกเฉินเฉินที่กําลังพักผ่อนอยู่ในห้อง!

 

“เฉินเอ๋อ ออกมา!”

 

เนื่องจากท่านพ่อเรียก แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาก็ยังเดินออกไปอย่างสงบ!

 

“ท่านพ่อเรียกข้าทําไมหรือ?”

 

สิ่งที่เฉินผิงอันไม่ชอบมากที่สุดคือรูปลักษณ์ที่ขี้อายของเขา รอยยิ้มอ่อนโยนเลือนหายไปทันที “เฉินเอ๋อ ตอนนี้ เจ้าก็อายุกว่าเจ็ดหนาวแล้ว! เจ้าอ่านเขียนไม่เก่งก็ควรเรียนรู้ที่จะทําอะไรอย่างอื่น ดูสิว่าบ้านรกแค่ไหน แม่ของเจ้าเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นเจ้าควรหัดทําความสะอาดบ้านด้วย!”

 

เฉินเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็รับปากอย่างเฉยชา

 

เด็กอายุเพียงเจ็ดขวบ สูญเสียความมีชีวิตชีวาที่เด็กวัยนี้ควรมีไปนานแล้ว เฉินผิงอันไม่เคยรับรู้เลย เขาลูบหัวของเฉินเฉินและชมเชยในความเชื่อฟังของอีกฝ่าย

 

เฉินผิงอันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการกระทําของเขาเอง ทําให้ชีวิตของเฉินเฉินแย่ลงไปอีกตั้งแต่นั้น

 

ตามที่คาดไว้ ต่อหน้าเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาเริ่มบอกกล่าวให้เฉินเฉินไปที่ห้องฟืนเพื่อขนฟืนออกมา และปล่อยให้เด็กยืนอยู่ในห้องครัวที่เต็มไปด้วยควัน เพื่อให้เขาดูว่าต้องทําอาหารอย่างไร!

 

เฉินเฉินมองไปยังมารดาที่ยืนภาคภูมิใจอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาหนาวเหน็บ ตอนนี้พี่สาวจากไปแล้ว คงถึงเวลาของเขาบ้าง ลูกชายผู้ไม่เป็นที่โปรดปรานกําลังถูกพวกเขากดขี่ข่มเหง!

 

เขารู้วิธีการของผู้เป็นแม่แล้ว ก่อนอื่นแกล้งทําเป็นสอนงานบ้านให้เขา จากนั้นก็จะดุด่าทุบตีเขาได้อย่างเปิดเผย!

 

แม้ว่าจะไปฟ้องพ่อในภายหลัง หลินชวนฮวาก็จะมีข้อแก้ตัวบอกว่าเขาไม่เชื่อฟัง แม้แต่งานบ้านเล็กๆน้อยๆก็ทําไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องสั่งสอน!

 

เป็นเรื่องปกติที่แม่จะสอนลูกชายที่ไม่เชื่อฟัง เฉินผิงอันย่อมไม่สนใจเรื่องนี้ หรือไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันก็คงไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครสามารถลงมือกับลูกชายของตัวเองได้เช่นนี้

 

วันรุ่งขึ้น เป็นไปดังที่คาดคิดไว้น

 

แม้ว่าเฉินผิงอันจะบังคับตัวเองให้อยู่บ้านทั้งวันเพราะคําพูดของหยุนเถียนเถียน แต่เขาก็เริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งหลัง จากที่ไม่ได้เล่นการพนัน

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขารีบร้อนไปที่บ่อนทันทีหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ

 

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นเฉินผิงอันออกจากบ้าน รอยยิ้มที่เดิมที่แสนจะอ่อนโยนกลับกลายเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวอีกครั้ง

 

นางตบประตูห้องของเฉินเฉินอย่างรุนแรง!

 

“ไอ้สารเลว ตื่นเร็วเข้า! สายมากแล้วยังหลับอยู่ เจ้าเป็นหมูหรือ?”

 

เฉินเฉินตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย เมื่อรู้ว่าไม่มีใครคอยช่วยเหลือ เขาจึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เพราะประสบการณ์สอนว่าหากชักช้าอาจจะถูกเฆี่ยนตีและดุด่าเอาได้ 

 

เฉินเฉินรีบเปิดประตูและยืนอยู่ตรงหน้าหลินชวนฮวา เมื่อเห็นใบหน้านี้ หลินชวนฮวายิ่งรู้สึกอับอายมากที่แต่งงานกับเฉินผิงอัน ความโกรธจึงปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว!

 

“ไม่ได้ยินที่พ่อเจ้าพูดหรือ? จากนี้ไปงานบ้านเป็นหน้าที่ของเจ้า! ไปทําความสะอาดสวนให้ข้าเดี๋ยวนี้”

 

หลินชวนฮวาไม่อยากสนทนากับลูกชายคนนี้นัก จึงเดินกลับไปที่ห้องของและค่อยๆเริ่มแต่งตัว

 

เขาคนนั้นบอกกับนางว่าจะกลับมาในเมืองในวันนี้ หลินชวนฮวาจึงต้องรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุดและไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา!

 

เฉินเฉินรู้สึกเศร้าใจ เด็กน้อยมองดูลานบ้านอันกว้างใหญ่ที่เหมือนกับคอกหมู แต่ต้องยอมรับชะตากรรม เขาจึงก้มหน้าก้มตาทําความสะอาดให้เรียบร้อย

 

เขาจําได้ว่าก่อนหน้าคนที่ทําความสะอาดลานบ้านคือพี่สาว ตอนนี้ถึงคราวของเขาแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้การกระทําของพี่สาวคนโตและจัดการความรกในลาน!

 

หลินชวนฮวาไม่ได้เหลือข้าวทิ้งไว้ให้ ปล่อยเขาก้มหน้าก้มตาทําความสะอาดด้วยความความหิว ส่วนนางออกจากบ้านไปนานแล้ว!

 

เฉินเฉินมองลานบ้านที่เป็นระเบียบขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงไปที่ห้องของเขาเพื่อหยิบหนังสือออกมา และแอบย่องไปทางภูเขาด้านหลังบ้านของพี่สาว

 

เขาอยากไปโรงเรียนเร็วๆ และเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองด้วยการศึกษา!

 

หยุนเถียนเถียนบิดเอวอย่างขี้เกียจ แล้วเปิดประตูบ้านให้เขาเข้ามา

 

ทุกวันนี้เฉินเฉินเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากขึ้น เมื่อเจอคําถามที่ไม่เข้าใจก็สามารถถามนางได้ ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงไม่สนใจมาก ทําให้นางมีเวลาว่างมากขึ้นสําหรับทํางานของตัวเอง

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่ได้บอกว่าหิว แต่ท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องดังออกมา

 

หยุนเทียนเถียนถอนหายใจยาว “แม่ของเจ้าไม่ให้กินข้าวหรือ?”

 

นิ้วของเฉินเฉินสั่นเล็กน้อยแล้วพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้พี่สาวไม่อยู่แล้ว นางมักจะมองหาใครสักคนที่สามารถรังแกได้!!”

 

หยุนเถียนเถียนถอนหายใจยาว แม้ว่านางจะทนไม่ได้ที่เห็นหลินชวนฮวาทําแบบนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องในบ้านของคนอื่น โลกนี้ไม่เหมือนชาติก่อนที่มีหน่วยงานปรับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ ไม่มีแม้กระทั่งมาตรการทางกฎหมายที่สามารถนํามาใช้เพื่อจัดการกับความรุนแรงในครอบครัว!

 

ในโลกนี้ ความกตัญญที่ทําให้คนเจ็บปวดก็เพียงพอแล้วที่จะกักขังผู้คนให้ตาย เว้นแต่หลินชวนฮวาจะยอมละทิ้งลูกชาย เฉินเฉินจะได้ไม่มีข้ออ้างที่จะตัดขาดจากนาง!

 

หยุนเถียนเถียนไม่ใจดําพอที่จะทนมองดูคนหิวโหย จึงนําอาหารเช้าที่เหลือออกมาจากครัว เดิมทีก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้กินข้าวเช้า จึงเก็บไว้ให้เขา!

 

เฉินเฉินตื่นแต่เช้าเพื่อทําความสะอาดสวน และทําหลายอย่าง แต่ไม่ได้กินข้าว เขาจึงหิวไม่น้อย พอเห็นว่ามีอะไรให้กิน ก็รีบกลืนเข้าไปทันที!

 

หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วและถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปจัดการเรื่องของตนเองต่อไป

 

ในบรรดาห้องที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้น มีห้องหนึ่งที่ไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้าไปนั่นคือห้องส่วนตัวของนาง ถ้าเฉินเฉินอยากได้อะไร ก็ทําได้แค่ยืนรอที่หน้าประตูและตะโกนเรียกเท่านั้น!

ตอนที่ 88 เฉินเฉินเรียนหนังสือ

คําพูดของหมอเฒ่าทําให้หยุนเคอหน้าแดงก่ํา เขาค่อนข้างสงสัยว่าสิ่งที่หมอพูดถูกต้องหรือไม่

 

หมอเฒ่ายิ้มแล้วกล่าวต่อ “เป็นเรื่องดีสําหรับคนหนุ่มสาว! ข้าว่าหน้าตาเจ้าก็ไม่เลว โกนหนวดโกนเคราเสียหน่อย รับรองว่าหล่อเหลา สาวน้อยคนไหนหรือจะไม่ถูกใจ? หากชอบ ก็รีบๆแต่งงานกันเสีย! ไม่อย่างนั้นหากนางแต่งงานกับคนอื่นจะมาร้องไห้ก็สายเกินไปแล้ว!”

 

ตอนนั้นหยุนเคอคิดภาพของหญิงสาวแต่งงานกับคนอื่น จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ถูกต้อง!

 

ไม่ว่าจะเป็นคนผู้นั้นจะไม่รู้จี้จุกจิกเรื่องภูมิหลังครอบครัว หรือเป็นคนที่ดูน่าเกลียด พูดได้คําเดียว เขารู้สึกว่าไม่มีใครคู่ควรกับนาง

 

แต่ถ้าแทนคนที่ยืนอยู่เคียงข้างนางเป็นตัวเขา… กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมา!

 

หยุนเค่อส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขาไม่ได้ถูกหมอเฒ่าวางยาพิษใช่หรือไม่?

 

ตอนนี้ตัวตนของเขาช่างน่าอับอายและไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรหรือไม่ เขาจะลากหญิงสาวลงไปในโคลนได้อย่างไร?

 

หยุนเคอเดินออกไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ทิ้งหมอเฒ่าไว้เบื้องหลังและลูบเคราของตนอย่างมีนัยยะ!

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดหลังจากนั้น เมื่อหยุนเคอเห็นหยุนเถียนเถียน เขาถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป

 

หยุนเถียนเถียนเดินไปทั่วเมืองเพื่อซื้อของมากมายจึงรู้สึกเหนื่อยมากจนกินซาลาเปาเย็นชืดที่บ้านของจี้ชื่อหมดไปสองลูก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ปีนขึ้นเตียงและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้อะไรเลย

 

วันนี้คนที่ผิดปกติไม่ใช่หยุนเคอเพียงคนเดียว แต่ยังรวมถึงเฉินผิงอันด้วย!

 

ราวกับจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนทํามาหลายปีนั้นถูกต้อง เฉินผิงอันจึงไม่ออกไปไหนทั้งวัน เอาแต่ทําตัวติดกับหลินชวนฮวาอยู่ที่บ้าน!

 

หลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าออกมา สิ่งที่ทําให้นางหงุดหงิดใจก็คือเฉินเอ๋อกําลังจะมีชีวิตที่ดี!

 

เมื่อเฉินผิงอันอยู่ที่บ้าน เขาก็มักจะเรียกลูกชายตัวน้อยให้มากินข้าว ท่าทางของเฉินเฉินวางเฉยต่อเรื่องในอดีต เขากินเท่าที่อยากกินและไม่พูดถึงพี่สาวแม้แต่ครึ่งประโยค ราวกับว่าลืมคนคนนั้นไปแล้ว!

 

เมื่อเฉินผิงอันและหลินชวนฮวางีบหลับ เฉินเฉินก็แอบออกจากบ้าน วิ่งเท้าเปล่าท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาโดยไม่คํานึงถึงความร้อนใต้ฝ่าเท้ามาจนถึงที่รกร้าง ที่หยุนเถียนเถียนใช้สร้างบ้าน!

 

“พี่สาว พี่สาว!”

 

หยุนเถียนเถียนเพิ่งนึกได้ ดูเหมือนว่านางจะลืมเด็กน้อยเฉินเฉินไปเสียสนิท!

 

นางออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนี้เจ้าก็น่าจะรู้ ข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด “แต่ท่านเป็นพี่สาวของข้า พี่สาวสัญญาว่าจะสอนข้าอ่านหนังสือ!”

 

หยุนเถียนเถียนไม่สามารถไล่เด็กคนนี้ออกไปได้ และยิ่งได้เห็นเขากระตือรือร้นที่จะเรียนหนังสือก็ยิ่งไม่อาจใจร้ายได้ลง

 

“ข้ารักษาสัญญากับเจ้า ต่อไปเมื่อพ่อของเจ้าไม่อยู่บ้านก็แอบมาที่นี่ แล้วข้าจะสอนเจ้าเหมือนเดิม แต่เฉินเฉินนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก หากกระทําเช่นนี้นานๆ ย่อมไม่ส่งผลดี! ในใจของพ่อแม่ไม่มีเจ้าอยู่ในนั้น หรือว่าจะให้ข้ารับเจ้ามาอยู่ด้วย จะได้ไม่ต้องกลัวว่ากลับบ้านไปจะถูกทุบตี?”

 

เฉินเฉินลังเล หัวใจของเด็กน้อยยังหวังพึ่งพาพ่อแม่ แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่น่าวางใจได้นัก!

 

“พี่สาว… ข้า…”

 

“เฉินเฉิน… แม้ว่าเจ้าจะยังเด็กและหลายสิ่งยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าเจ้ายังอยู่กับพ่อแม่ อนาคตของเจ้าก็น่าเป็นห่วงนัก แม้ว่าเจ้าจะไม่อดตาย แต่ก็จะไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ เจ้ายินดีที่จะเป็นคนไร้การศึกษาและทําได้เพียงแค่มองพี่ชาย ของเจ้าไปเรียนหนังสืองั้นหรือ?

 

เฉินเฉินส่ายหัวอย่างหนักแน่น ” แต่ท่านพ่อบอกว่าอีกไม่นาน หากมีเงิน ข้าจะได้เรียนหนังสือ!”

 

“เจ้ายังเห็นไม่ชัดอีกหรือว่าเฉินผิงอันเป็นคนเช่นไร? เขาไม่ทํางานและเอาแต่เข้าบ่อนพนันทุกวัน จะไปเอาเงินมาจากไหน? ปลดหนี้แล้วยังต้องส่งพี่ชายเจ้าเรียนอีก เป็นไปได้หรือที่จะเหลือส่งให้เจ้าเรียนด้วย?”

 

เฉินเฉินรู้สึกหนักอึ้ง และในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นพูด “พี่สาว ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่ในใจของข้า…”

 

“ข้ารู้ เจ้ายังมีความหวังอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าก็เริ่มอ่านสี่หนังสือห้าคัมภีร์เถิด หากคืบหน้าได้รวดเร็ว เจ้าต้องได้เข้าร่วมสอบเซี่ยนชื่อในปีหน้าอย่างแน่นอน! พี่สาวจะจัดเตรียมบทเรียนให้เจ้าเอง!”

 

“หากเฉินผิงอันไม่เห็นเจ้าเป็นลูกชายและละทิ้งเจ้าเพื่อช่วยพี่ชาย จากนั้นเป็นต้นไปเจ้าต้องแยกจากพ่อของเจ้าและมาอยู่กับข้า! และแน่นอนถ้าในที่สุดพ่อของเจ้ารู้สํานึกและตัดสินใจทําดีกับเจ้า ข้าก็ยินดีเช่นกัน อย่างมากข้าก็แค่มีเจ้ามาเป็นเรือพ่วง เจ้าคิดย่างไร?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น ตั้งมั่นอยู่ในใจว่าจะไม่มีวันยอมแพ้!

 

หยุนเถียนเถียนใช้ประโยชน์จากเวลางีบหลับสอนเฉินเฉินอีกหลายอย่าง เป็นเวลากว่าหลายพันปี การวิจัยสี่หนังสือ ห้าคัมภีร์ของคนรุ่นใหม่ย่อมล้ําหน้าคนโบราณเหล่านี้ จากมุมนี้ทําให้เฉินเฉินเหนือกว่าคนอื่นไปไกล!

 

หยุนเถียนเถียนมองเฉินเฉินฝึกคัดลายมือพลางหาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฉินเฉินจะเขียนแนวนอนและแนวตั้งตามตัวอักษรที่นางสอนให้เขียน แม้ว่าจะเขียนตัวอักษรได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ดูดีนัก!

 

จากครั้งล่าสุดที่หยุนเคอได้แสดงลายมือต่อหน้าเขา เฉินเฉินที่หัวไวก็เริ่มเลียนแบบการเขียนของหยุนเคอ และยังมีความคิดของตัวเองอีกด้วย!

 

หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดด้วยความเศร้าใจ หากนางไม่ใส่ใจเด็กที่มีความสามารถเช่นนี้จะต้องเสียเวลาไปเพราะคนสารเลวสองคนนั้น!

 

ไม่รู้ว่าความเฉลียวฉลาดของหลินชวนฮวาหายไปไหน? ถึงได้หน้ามืดตาบอดเชื่อในเฉินเฉิงเยี่ย แต่ไม่สนใจเฉินเฉินที่มีพรสวรรค์

 

เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก หยุนเถียนเถียนจึงเร่งเร้าเฉินเฉินที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกเขียนพู่กันของเขา หากไม่กลับตอนนี้ แล้วเฉินผิงอันรู้เข้า เกรงว่าชีวิตของเฉินเฉินคงจะลําบาก!

 

เฉินเฉินทําได้เพียงพยักหน้า ก่อนจากไปเขาเหลือบมองหนังสือที่หยุนเสียนเถียนเตรียมไว้ให้ด้วยแววตาห่วงหา 

 

“ถ้าเจ้าชอบก็แอบเอากลับบ้านได้! แต่จําไว้นะต้องอย่าให้พ่อเจ้าเห็น และห้ามอ่านหนังสือตอนกลางคืนเพราะจะปวดตา ทีหลังต้องคิดให้รอบคอบ หากปวดตาก็จะทําอะไรไม่ได้ อีก”

 

เฉินเฉินเหลือบมองพี่สาวอย่างซาบซึ้งและแอบยัดหนังสือไว้ในอ้อมแขนของเขา เสื้อผ้าที่หลวมเล็กน้อยดูดีขึ้นมากเพราะเขายัดหนังสือเข้าไป

 

จากนั้นเฉินเฉินก็กลับบ้านเงียบๆ วิ่งจากสวนหลังบ้านไปที่ลานหน้าบ้านและซ่อนหนังสือไว้ในห้องอย่างมิดชิด

ตอนที่ 87 หยุนเคอป่วย

ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ หยุนเถียนเถียนไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งกับผู้ใด ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาไล่ตาม เพียงแต่นางไม่เคยพบใครที่หัวใจสื่อถึงกันได้!

 

จู่ ๆ จี๋ชื่อก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจึงหน้าแดงระเรื่อ ทําได้เพียงรีบเดินออกไปเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเอง

 

แน่นอนว่าจี้ชื่อและหยุนเวียนเถียนพบกับหยุนเคออยู่ใกล้ ๆ หลังจากเดินออกจากบ้านมาได้ไม่นาน

 

จีชื่อคุ้นเคยกับหยุนเคอแล้วก็กระตือรือร้นจะทักทายเขา “น้องชายหยุน! ตื่นแต่เช้าจะเข้าเมืองหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนตกตะลึง เพราะปกติแล้วหยุนเคอที่มีนิสัยเย็นชามักจะไม่ตอบคําถามใด ๆ !

 

แต่ผู้ใดจะรู้จู่ ๆ หยุนเคอตอบกลับอย่างสุภาพ “ใช่แล้ว! ท่านป้ากําลังจะเข้าไปในเมืองกับแม่นางหยุนหรือ?” 

 

ดูเหมือนว่าจี๋ชื่อเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบกลับจากคนผู้นี้ “ถูกต้อง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปพร้อมกันเถิด!”

 

หยุนเคอพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและเงียบไป

 

จี๋ชื่อรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่ปกตินิสัยเขาก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาอยู่เงียบ ๆ และคุยกับหยุนเถียนเถียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แทน!

 

“เถียนเถียน เจ้าเพิ่งย้ายออกจากตระกูลเฉิน อย่างไรก็คงไม่มีเงินติดตัว วันนี้เอาเงินป้าไปซื้อของที่จําเป็นต้องใช้ก่อ น!”

 

หยุนเถียนเถียนอยากจะบอกว่าตนนั้นมีเงิน แต่ก็ยากจะอธิบายที่มาของเงิน จึงได้แต่พยักหน้ารับเงียบ ๆ ! 

 

“ท่านป้าไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายเงินคืนให้ท่าน เมื่อข้าหาเงินได้!”

 

เมื่อจี๋ชื่อได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งกังวล นางจึงถอนหายใจและพูดขึ้น “เจ้ายังเป็นเด็กจะหาเงินได้จากที่ไหน? เถียนเถียนป้า ยังมีเจ้าพวกลูกชายตัวเหม็นอยู่ที่บ้าน หากเจ้าต้องการ ความช่วยเหลือจริง ๆ ก็แค่เอ่ยปาก! ป้าจะพยายามช่วยเจ้า อย่างสุดความสามารถ!”

 

หยุนเสียนเถียนยิ้มอย่างซึ้งใจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน แต่จี๋ชื่อก็ยังมุ่งมั่นช่วยเหลือและก็รู้ดีว่าครอบครัวของจี๋ชื่อนั้นค่อนข้างยากจน แค่คําสัญญาดังกล่าวก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว!

 

“ท่านป้าไม่ต้องห่วง จริง ๆ แล้ว ข้ายังพอมีลู่ทางหากินในอนาคตอยู่บ้าง! ท่านป้าอย่าได้กังวล!”

 

แม้ว่าจี๋ชื่อจะไม่ได้วางใจนัก แต่นางก็พยักหน้าอย่างมีความสุข มีหนทางประสบความสําเร็จก็ดีกว่าร้องไห้อยู่ในบ้านและรอความตาย!

 

ทั้งสามคนขึ้นไปนั่งบนเกวียน ท่านลุงคนขับเกวียนฉีกยิ้มอย่างใจดีเมื่อเห็นชื่อ

 

แม้จี๋ชื่อจะต้องการจ่ายค่ารถให้หยุนเถียนเถียนก็ถูกท่านลุงปฏิเสธ

 

“เด็กผู้นี้ไม่มีเงิน หากข้าเก็บค่าโดยสารกับนางคงไร้เหตุผลสิ้นดี! จี๋ชื่อ…เจ้ายังทําเพื่อหลานมากมาย ข้าเป็นลุงก็ขอรักเด็กบ้างไม่ได้หรือ?”

 

คําพูดของเขาทําให้จี๋ชื่อชะงัก ทําได้เพียงยิ้มอย่างซาบซึ้งอันที่จริงค่าโดยสารไม่แพงมาก แค่สองเหวิน แต่ตอนนี้ในสายตาของผู้อื่น หยุนเถียนเถียนคือคนที่ไม่มีรายได้เลย ความช่วยเหลือเหล่านี้ย่อมสําคัญมาก!

 

เถียนเถียนจดจําคนเหล่านี้ไว้ในใจเงียบ ๆ หากในอนาคตมีโอกาสนางจะตอบแทนอย่างดี!

 

เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย หยุนเคอจึงไม่พูดอะไร เมื่อเกวียนเข้ามาถึงในเมือง เขาก็กระโดดออกจากเกวียนและจาก

 

จี๋ชื่อไม่ว่าอะไร เพียงแค่ลงจากเกวียนและพูดคุยกับลุงคนขับต่อ “เกรงว่าจะต้องรบกวนท่านลุงแล้ว! เด็กคนนี้เพิ่งย้ายบ้านจึงมีของที่ต้องซื้อมากมาย เลยต้องขอให้ ท่านลุงรออีกสักหน่อย แล้วก็ช่วยส่งของไปให้ที่หมู่บ้าน ข้าจะจ่ายค่าโดยสารให้เป็นพิเศษ!”

 

ท่านลุงเหลือบมองผมสีทองของของหยุนเถียนเถียนที่คล้ายกับหยุนจิงเอ๋อในครานั้น แล้วก็ถอนหายใจยาว! 

 

“ไปเถิด ๆ ลุงมิได้ขาดแคลน หากช่วยได้ก็อยากจะช่วย!”

 

จี๋ชื่อขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง จากนั้นจึงพาหยุนเถียนเถียนเข้าไปในเมือง

 

นี่เป็นครั้งที่สองของหยุนเถียนเถียนที่เข้ามาเยือนในเมืองเมืองเล็ก ๆ แต่กลับเจริญรุ่งเรือง มีร้านค้าครบครัน

 

โรงตีเหล็กในตอนนี้ขายดีมาก เกษตรกรหลายคนสั่งทําเครื่องมือทําการเกษตรที่นี่

 

ผู้คนแน่นขนัด จนจี๋ชื่อและหยุนเถียนเถียนยากที่จะเข้าไปร่วมดูด้วยได้

 

แต่ชาวนาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนเรียบง่ายและซื่อตรง ในไม่ช้าก็หลีกทางให้จี๋ชื่อและหยุนเถียนเถียนเข้าไปในร้าน!

 

มีกระทะและมีดทําครัวอยู่ในนั้น จี๋ชื่อให้เงินห้าสิบเหวินสําหรับเครื่องมือทําการเกษตร ตอนนี้ใช้เงินที่จี๋ชื่อไปก่อนจากนั้นสามารถซื้อได้เองเมื่อมีเงิน

 

ทั้งสองนําหม้อเหล็กไปส่งที่เกวียน จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ร้านขายผ้า ซื้อชุดผ้าหยาบสําหรับใช้เป็นเครื่องนอนและซื้อผ้าฝ้าย จี๋ชื่อบอกว่าผ้าสําเร็จรูปราคาแพงเกินไป พวกมันสามารถทําเองได้ เมื่อซื้อเกลือและเมล็ดพันธุ์พืชเพิ่ม จากนั้นทั้งสองก็ปีนขึ้นไปเกวียนและมุ่งหน้ากลับบ้าน ในช่วงเวลานั้นหยุนเถียนเถียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ และไม่ต้องการซื้ออย่างอื่น นางแค่ขอผ้าขี้ริ้วถุงใหญ่จากเจ้าของร้านผ้าเท่านั้น

 

เป็นเรื่องแปลกมากที่หญิงสาวชาวนามาที่นี่โดยไม่เสียเงินเมื่อหยุนเถียนเถียนขอสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าเจ้าของร้านจะไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ไม่เก็บเงินนางสักบาท

 

จี๋ชื่อถามอย่างไม่เข้าใจ “เถียนเถียน ผ้าขี้ริ้วพวกนี้เล็กเกินไป เจ้าเอากลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าจะหาเสื้อผ้ามาซ่อมได้อย่างไร?”

เถียนเถียนยิ้ม “ข้ากําลังคิดวิธีหาเงิน! ข้าต้องการเศษผ้าพวกนี้ จึงขอเจ้าร้านมาลองใช้ดู หากไม่ได้ผลอย่างมากก็แค่เสียเวลาไปบ้าง!”

 

จี๋ชื่อไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แค่นี้จะหาเงินได้? แต่ในเมื่อนางอยากลองก็ปล่อยให้ลอง ทั้งยังถามอีกว่า…ไม่จําเป็นต้องใช้เงินหรือ?

 

ของเหล่านี้ถูกส่งไปยังเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานหยุนเคอก็กลับมา ทันทีที่เห็นหยุนเถียนเถียน ใบหน้าของเขาแดงก่ํา แต่โชคดีที่ถูกหนวดเคราดกหนาปิดบังเอาไว้

 

เขาได้แต่หลบสายตายอย่างไม่สบายใจ หยุนเถียนเถียนรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย เหตุใดหยุนเคอจึงหายไปนาน แล้วเหมือนมีอะไรแปลกไป…

 

แม้แต่จี๋ชื่อที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่กล้าถาม ดังนั้นพวกเขาจึงโดยสารเกวียนหัวกลับหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ!

 

เหตุใดหยุนเคอถึงดูอึดอัดนัก? ก็เพราะว่าเขาไปหาหมอมา!

 

หมอตรวจชีพจรอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มมีชีพจรที่แข็งแรงและเขาดูไม่เหมือนคนป่วยเลย ดังนั้นหมอจึงถามอย่างละเอียดว่าหยุนเคอมีอาการอย่างไร

 

เมื่อหยุนเคอเล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียด หมอเฒ่าจึงหัวเราะออกทันที!

 

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าอายุมากแล้ว แต่เจ้ายังไม่มีครอบครัวหรือ?”

 

หยุนเคอถามด้วยความไม่สบายใจ “อาการป่วยของข้าเกี่ยวข้องกับการแต่งงานได้อย่างไร?

 

แม้กิจการของหมอเฒ่าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก แต่เขาก็มีความสุขมากที่ได้กวนใจชายหนุ่ม

 

“เหตุใดจะไม่เกี่ยว? ถ้าหากเจ้าต้องการรักษาอาการป่วย! เจ้าต้องแต่งงาน! เจ้ากําลังเป็นโรคร้ายโรคตกหลุมรัก!” 

 

ตอนที่ 86 เปลี่ยนนามสกุล

เฉินเถียนเถียนจากไป ผู้เฒ่าสี่ก็ถอนหายใจราวกับแก่ลงไปอีกสิบปี ส่วนเฉินผิงอันนั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้น 

 

เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขากําลังทําอะไรอยู่? รักหยุนจิงเอ๋อหรือเกลียดหยุนจิงเอ๋อกันแน่?

 

จําชื่อไม่คิดว่าเฉินเถียนเถียนจะเฉียบขาดถึงเพียงนี้ เมื่อนางบอกว่าอยากเปลี่ยนสกุลก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

 

“เถียนเถียน เจ้าพูดจริงหรือ? เจ้าจะไปตามหาพ่อของเจ้าจริง ๆ หรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้ม “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทําเช่นนั้น เพียงแค่ทําให้เฉินผิงอันตกใจ หากในภายหน้าข้าจะมีโอกาสได้เจอท่านพ่อก็สุดแล้วแต่โชคชะตา! ส่วนเฉินผิงอันนั้นเวรกรร มย่อมตามสนองเขาในอีกไม่นาน!”

 

จี๋ชื่อนิ่งเงียบ ในตอนนั้นตัวนางเองก็ไม่รู้อะไรมาก อย่างน้อย ๆ ก็ไม่รู้เรื่องที่นางหยุนตั้งครรภ์

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจยาวหลังจากรับฟังสิ่งที่จี้ชื่อพูดอย่างซื่อตรง

 

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้เฒ่าถึงปกป้องเฉินเถียนเถียน…

 

ในไม่ช้าเฉินเถียนเถียนจะถูกเรียกว่าหยุนเถียนเถียน! 

 

สําหรับเรื่องนี้ อีกคนหนึ่งที่รู้สึกถึงบางอย่างคือหยุนเคอ!

 

ชื่อหยุนเถียนเถียนทําให้เขานึกย้อนวันวาน… ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงใครบางคน นั่นคือบุตรสาวของตระกูลหยุนที่ปกครองเมืองหลวงในตอนนั้น

 

ในตอนนั้นอัครมหาเสนาบดีหยุน ดํารงตําแหน่งอาลักษณ์ของราชสํานัก!

 

แม้จะเป็นเพียงอาลักษณ์ของราชสํานัก แต่ก็ได้เกี่ยวข้องกับองค์ชายของหลายตระกูลถึงตอนนั้นหยุนเคอจะยังเด็ก แต่เขาก็จดจําคนผู้นี้ได้

 

ไม่ใช่เหตุผลอื่นใดแต่เป็นเพราะอัครมหาเสนาบดีหยุน มีน้องสาวผู้งดงามอยู่ที่บ้าน! แต่น้องสาวผู้แสนงดงามคนนั้นหาใช่น้องของเขา แต่เป็นนางสนม

 

เคยได้ยินมาว่าพ่อของอัครมหาเสนาบดีหยุนเห็นนางรําจากต่างแดนบนถนน เขาจึงพานางไปที่จวนในฐานะนางสนม ซึ่งนางรําผู้นี้คือหยุนจิงเอ๋อ!

 

เนื่องจากหยุนจิงเอ๋อแม่ของนางเป็นที่โปรดปราณที่สุดในบ้าน ภายใต้การดูแลของผู้เป็นพ่อ นางจึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง! แต่จู่ ๆ คนงามผู้โด่งดังก็หนีออกจากบ้าน ตามชู้รัก!

 

ต่อมาได้ยินว่าอัครมหาเสนาบดีหยุนจับกุมตัวพวกเขาไว้ได้ และจากนั้นไม่นานก็ได้ยินว่าพวกเขาหนีไปแล้ว 

 

หากคํานวณตามเวลานั่นคือหยุนจิงเอ๋อที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาเมื่อสิบสี่ปีก่อน!

 

หยุนเคอค่อนข้างสับสน เขาไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องราวชีวิตของหยุนจิงเอ๋อให้หยุนเถียนเถียนฟังหรือไม่

 

แต่เมื่อบอกที่มาของหยุนจิงเอ๋อ หยุนเถียนเถียนจะต้องสืบหาต้นกําเนิดของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตน!

 

ที่สําคัญมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหยุนจิงเอ๋อถึงหนีออกจากเมืองหลวง? ถ้าบอกหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจะกลับเข้าไปในเมืองหลวงก่อนถึงเวลาอันควรแล้วจะเกิดอันตรายกับนางหรือไม่?

 

หยุนเคอไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงกังวลเรื่องของหยุนเถียนเถียน ถึงเพียงนี้และไม่เข้าใจกับความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ที่เป็นอยู่! ทําได้แค่ตั้งคําถามอยู่ในใจว่าควรบอกเรื่องนี้แก่หยุนเถียนเถียนหรือไม่!

 

ช่างเถิด… หยุนจิงเอ๋อในตอนนั้นเป็นเพียงนางสนมที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า

 

ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนั้นก็กลับถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับชายชาวบ้าน เห็นได้ว่าคนที่ครอบครองหยุนจิงเอ๋อในตอนนั้นหาใช่คนดีนัก เพื่อไม่ให้เด็กสาวผู้นี้ต้องโศกเศร้า ไม่พูดอะไรเสียน่าจะดีกว่า ปล่อยให้บางอย่างเป็นไปในวิถีที่ควรจะเป็น

 

หยุนเคอตัดสินใจเลิกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากลับมาที่ลานเล็ก ๆ อย่างสงบ ไม่ไกลจากบ้านของเขา ยังมีบ้านอีกสองสามหลังตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในถิ่นทุรกันดารนี้! 

 

หนึ่งในนั้นคือบ้านของหยุนเถียนเถียน!

 

เมื่อถึงตอนกลางคืน หยุนเถียนเถียนก็เดินเข้าไปในห้องเล็ก ๆ มีข้าวของเครื่องใช้มากมายตกแต่งอยู่เต็มห้อง เป็นเพราะนางประหยัดจึงมีเงินเก็บมากพอสมควร แต่หากหยิบยกออกไปโอ้อวด ผู้อื่นคงจะตื่นตระหนกไม่น้อย!

 

นางเพิ่งบอกกับจี้ชื่อว่าจะไปซื้อของที่ตลาดด้วยกัน! หากพรุ่งนี้จี้ชื่อเห็นของหลายอย่างในห้องนี้ จะไม่แปลกใจจนตาหลุดไปเลยหรือ?

 

แต่เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ถึงสิ่งประดิษฐ์ของพระเจ้าในมือของนาง หยุนเถียนเถียนจึงทําได้เพียงทรมานตัวเองและใช้ผ้าห่มเก่าที่จี้ชื่อนํามาจากบ้าน!

 

หยุนเถียนเถียนยิ่งรู้สึกเสียใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางสามารถทําให้ชีวิตดีขึ้นได้ แต่เมื่ออยู่ในตระกูลเฉิน ก็ไม่กล้าที่จะหยิบอะไรออกมาเพราะกลัวว่าของอื่น ๆ จะดูด้อยค่า

 

ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเอาออกมา เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเจอบางอย่างที่ผิดปกติ

 

แต่เมื่อนึกถึงชีวิตใหม่ที่กําลังจะมาถึง หยุนเถียนเถียนผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งก่อนเข้านอน มุมปากของนางก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้มหวาน!

 

จิตใจของหยุนเคอไม่ค่อยสงบนัก เมื่อนึกถึงเด็กสาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ไม่รู้ว่านางจะกลัวที่ต้องมาอยู่ในที่ธุรกันดารเช่นนี้หรือไม่!

 

ดูเหมือนว่าหยุนเคอจะลืมคิดไปว่าเด็กสาวกล้าออกไปล่าสัตว์กับเขาในตอนกลางคืน คนเช่นนี้จะกลัวได้อย่างไร? 

 

เขายังคงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เป็นความกังวลที่อธิบายไม่ถูก! ไม่รู้ว่าจะทักทายหญิงสาวผู้นี้อย่างไร เมื่อพบกันในวันพรุ่งนี้

 

เขาป่วยหรือ? เหตุใดถึงเอาแต่คอยกังวลเกี่ยวกับเด็กสาวผู้นี้อยู่ตลอดทั้งวัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง! 

 

หยุนเคอตัดสินใจว่าจะไปหาหมอในวันพรุ่งนี้! แม้ว่าเขาค่อนข้างจะหมดหวังกับโลกนี้แต่ก็ยังไม่ถึงกับอยากตาย เมื่อไม่สบายก็ต้องไปหาหมอ!

 

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น จี้ชื่อก็มาตะโกนเรียกหยุนเถียนเถียนที่หน้าประตู

 

หยุนเถียนเถียนได้ยินในทันที จึงตื่นนอนอย่างรวดเร็วและหยุนเคอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของนางก็ได้ยินเช่นกัน! 

 

วันนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ต้องกังวลไป แต่หยุนเคอคิดว่าหญิงสาวตื่นเช้ามาก เขาจึงรีบตื่นด้วย เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินออกมาและเห็นว่านางยังคงยุ่งอยู่!

 

ในตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว หากหยุนเคออยากเข้าไปในเมืองก็มีเกวียนรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว แต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทําไมถึงอยากรอผู้หญิงคนนี้!

 

หยุนเถียนเถียนรีบร้อนไปสระผม ด้วยความช่วยเหลือของจี้ชื่อ จึงได้หวีผมอีกอันที่เหมาะกับยุคสมัยนี้

 

หยุนเถียนเถียนจําได้ว่าตอนที่เข้าไปในเมืองครั้งแรก ผู้คนมากมายต่างสนใจนาง เปียสองเส้นบนหัวนี้สะดุดตาคนอื่นอย่างมาก!

 

ตอนนี้จึงม้วนผมครึ่งหนึ่งไว้บนศีรษะเอาและผูกกับผ้า ตามแบบของหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนในยุคนี้ 

 

แม้ว่าในชาติก่อน หยุนเถียนเถียนจะหกคะเมนตีลังกาอยู่ท่ามกลางผู้ชาย แต่นางก็ยังเป็นผู้หญิงที่มีความรักสวยรักงามตามธรรมชาติ หลังจากหวีจัดแต่งทรงผมอย่างสวยงามเช่นนี้แล้ว ก็ส่องดูความงามในอ่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

จี้ชื่อถอนหายใจและกล่าวขึ้น ”เจ้าดูคล้ายกับแม่ของเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ! ไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะโชคดีได้แต่งงานกับสาวสวยบ้านนี้!”

ตอนที่ 85 คือความรักหรือความเกลียดชัง ?

 

ป้าหวงตระหนักได้ในทันใด “ในตอนนั้นพวกเจ้าไม่ได้เข้าหอกัน? เช่นนั้นเถียนเถียนเกิดมาได้อย่างไร?”

 

เฉินผิงอันแสดงสีหน้าเย้ยหยัน “ต่อหน้าทุกคน…. หญิงผู้นั้นช่างดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติใช่หรือไม่? พวกท่านคงคาดไม่ถึงตอนที่ท่านแม่ข้าช่วยชีวิตนาง! นางเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว! เป็นข้า… เฉินผิงอัน… เพื่อเห็นแก่นาง จึงนําหมวกมาสวมให้ตัวเองชุบเลี้ยงนังเด็กสารเลวที่ไม่รู้ที่มาคนนี้!” 

 

หลายคนยังคงไม่เชื่อความจริงข้อนี้ สตรีผู้จิตใจดีและโอบอ้อมอารีคนนั้นจะทําอย่างนั้นได้อย่างไร?

 

ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอย่างรุนแรงอีกครั้ง “เฉินผิงอัน คนตายคือผู้สูงส่ง ไม่ใช่เรื่องสมควรที่เจ้าจะมากล่าวถึงเช่นนี้!” 

 

เฉินผิงอันยิ้มด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “ดูเถิด ข้ารู้ว่าอย่างไรพวกท่านก็ไม่เชื่อ โชคดีที่ในตอนนั้นมิได้มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ของข้าหรือจะไม่รู้?” 

 

จี้ชื่อตกตะลึงอยู่นาน “ไม่แปลกที่ครานั้นท่านแม่สามีถามเจ้าว่าจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกใช่หรือไม่! เจ้ารู้ทั้งรู้ว่านางหยุนมีลูกอยู่แล้ว เหตุใดถึงยังแต่งนางเข้าตระกูล?”

 

เฉินผิงอันราวกับคนบ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว “ในครานั้นข้าหลงใหลในตัวของนางที่งดงามราวกับเทพธิดา ข้าคิดมาเสมอว่าตราบใดที่ข้าแต่งงานกับนาง สักวันหนึ่งคงจะเปลี่ยนใจนางได้! แต่ผ่านไปหลายปี นางกลับไม่เคยแยแสข้าแม้แต่น้อย!”

 

เฉินเถียนเถียนรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดนี้แล้วและพบกุญแจสําคัญในการหักล้างเฉินผิงอัน!

 

“ในตอนนั้นท่านแม่น่าจะรู้ว่าตัวเองมีลูก คนที่มีลูกแล้วคงไม่เต็มใจแต่งงานกับชายอื่น! ท่านต้องทําบางอย่างเพื่อให้นางแต่งงานด้วยใช่หรือไม่?”

 

เฉินผิงอันหัวเราะ และจ้องมองเฉินเถียนเถียนด้วยดวงตาแดงกํ่า แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สุดจนน่าตกใจ!

 

“ใช่! แม้ว่าแม่ของข้าจะใช้เรื่องบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตนางมาบีบบังคับ นางก็ไม่ยอมแต่งงานกับข้า! สุดท้ายข้าจึงใช้เจ้าก้อนเลือดชั่ว ๆ ที่อยู่ในท้องของนางตอนนั้นมาข่มขู่ นางจึงยอมตกลง!”

 

เฉินเถียนเถียนหัวเราะเสียงดัง “เฉินผิงอัน ท่านช่างน่าสงสารนัก! เพื่อจัดการกับหญิงอ่อนแอผู้หนึ่ง ท่านถึงกับคุกคามชีวิตลูกของนาง! และแม้ว่าท่านแม่หยุนจะแต่งงานกับท่านเป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเหลือบแลท่าน ข้าสมเพชยิ่งนัก!”

 

“นั่นคือสิ่งที่นางติดค้างข้า! เมื่อนางตายไปแล้ว เจ้าก็ต้องชดใช้ทั้งหมด!”

 

จู่ๆ เฉินเทียนเถียนก็ไม่ใยดี ดวงตาของนางไม่แดงก่ำอีกต่อไป แต่กลับเดินสบาย ๆ ไปนั่งข้าง ๆ ผู้เฒ่าสี่ ดูเหมือนว่าชายชราจะตกใจจนนั่งนิ่งไม่ไหวติงเพราะเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้!

 

“นางติดค้างอันใดท่าน? เห็นได้ชัดว่าท่านข่มขู่นาง! ทรัพย์สินมากมายที่นางได้มอบให้ตระกูลเฉิน ถือว่าชดใช้บุญคุณที่ช่วยชีวิตนางไปนานแล้ว! จากนั้นตระกูลเฉินต่างหากที่ติดค้างนาง แม้ว่าจะตาย… นางก็ไม่เต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างท่าน!”

 

เฉินผิงอันที่ถูกคําพูดยั่วยุวิ่งเข้าไปหวังจะเอื้อมมือไปบีบคอหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเพื่อบรรเทาความโกรธของตน

 

น่าเสียดายที่หยุนเคอคว้าคอเสื้อด้านหลังไว้ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปไม่กี่ก้าว เช่นนี้จึงไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก!

 

หลายปีก่อนข้าน่าจะฆ่าเจ้าซะ นังเด็กเวร! น่าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”

 

เฉินเถียนเถียนหยิบถ้วยชาขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ข้างในคือชาที่นางชงเองจากในครัว เดิมที่ตั้งใจจะนํามาให้ผู้เฒ่าสี่ดื่ม!

 

“เดิมที… นางหยุนสามารถหาที่พักพิงที่เหมาะสมเพื่อให้กําเนิดบุตร แม้กระทั่งเลี้ยงดูลูกอย่างดีได้ด้วยตนเอง แต่แผนการที่ดีนี้ กลับถูกทําลายโดยชายบ้านนอกหลงตัวเองเช่นท่าน!”

 

“ท่านเห็นแก่ตัวเอง คิดว่าทําอย่างไรก็ได้ ขอแค่เพียงนางอยู่เคียงข้าง! แต่สุดท้ายนางก็ตาย! ข้าคิดว่าในตอนนั้นท่านแม่ของข้าคงไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลของท่าน แล้วสุดท้ายต้องมาจบลงเช่นนี้ พวกท่านไม่ได้ช่วยนางเลย แต่ท่านฆ่านางต่างหาก!”

 

“ทั้งเครื่องประดับบนเรือนร่างและทักษะทางการแพทย์ของนางก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันว่าตัวตนของนางมิได้เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ! นางหงส์ผู้สูงศักดิ์กําลังตกอยู่ในสถานการณ์ลําบาก คนโง่เช่นเจ้าคงเกินจะจินตนาการถึง!”

 

“เฉินผิงอัน แม้ว่านางจะตายไปแล้ว แต่ท่านก็ยังทรมานข้ามาโดยตลอด! ในใจของท่านมีความสุขจริงหรือ? บางทีความเกลียดชังของท่านก็เป็นเพราะว่าท่านรักนางมากเกินไป! ผ่านมาหลายปีจนถึงตอนนี้ ท่านก็ยังคงรักนางหยุนเช่นเคย!”

 

“ท่านช่างน่าสมเพชนัก ตกหลุมรักผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใยดี! และไม่เคยได้รับอะไรจากนางเลยด้วยซ้ำ!”

 

ในสายตาผู้อื่น คําพูดเหล่านี้ก็เป็นคํากล่าวเสียดสี มีเพียงหยุนเคอที่อยู่ใกล้ ๆ เฉินผิงอันเท่านั้นที่รู้ดีว่ามันคือยาพิษร้ายแรงแค่ไหน!

 

แน่นอนว่าเฉินผิงอันยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ

 

“ไม่! ข้าไม่มีทางตกหลุมรักหญิงไร้ยางอายผู้นั้น ข้าเกลียดมัน ข้าแทบทนรอไม่ไหวที่จะทรมานนางจนตาย แต่น่าเสียดายที่นางตายเร็วเกินไป!”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้มแล้วโยนถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ “ท่านจดจํานางเสมอมา! เอาแต่สงสัยในใจว่านางเกลียดท่านที่ตรงไหน? แน่นอนว่านี่คือความรัก ท่านมันคนเลวทราม!” 

 

“เพื่อพิสูจน์ว่าท่านเกลียดนาง จึงแสร้งทําเป็นชอบหลินชวนฮวา แต่ท่านชอบหลินชวนฮวาจริงหรือ? แม้ว่าหลินชวนฮวาจะแต่งตัวหรูหรา ท่านรู้ว่านางอาจมีปัญหาแต่ก็ไม่เคยสนใจ! หากท่านชอบหลินชวนฮวาจริง ๆ คงเอาใจใส่นางและไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสทรยศท่าน!”

 

“เฉินผิงอัน… ท่านเป็นคนที่สารเลวที่สุดในโลก!”

 

เฉินเถียนเถียนไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ต่อหลังจากพูดจบ นางหันหลังกลับและยิ้มให้กับจี๋ชื่อ “วันนี้ต้องขอบคุณท่านป่า ในบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเป็นของข้า ดังนั้นข้าก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว!”

 

จี๋ชื่อยิ้มอย่างกังวลเล็กน้อย “เถียนเถียน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มิตรภาพตลอดหลายปีที่ผ่านมาระหว่างข้ากับแม่ของเจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง อย่างไรในใจข้า เจ้าก็เป็นหลานสาวของข้าเสมอ!”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แน่นอน เถียนเถียนจะไม่ลืมบุญคุณ จะจดจําทุกคนที่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี! ในตอนนั้นท่านแม่ของข้าเป็นคนที่วิเศษยิ่งนัก พ่อของข้าย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของตัวข้าก็ตาม เฉินผิงอัน… หากโชคชะตานําพาให้ข้าได้พบท่านพ่อ ข้าจะบอกให้เขารู้ว่าท่านทําให้แม่และข้าต้องเจ็บปวดแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

 

“ข้าคิดว่าเขาจะไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน! คอยดูเถิด ท้ายที่สุดแล้ว ความดีและความชั่วย่อมได้รับการตอบแทนเสมอ! ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่ได้ชดใช้เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลา! ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ว่าเจ้าได้รับผลกรรมเช่นไร!”

 

“ท่านป้า ข้าคงต้องขอให้ท่านพาข้าไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เนื่องจากข้าไม่ใช่ลูกสาวของเฉินผิงอัน ก็ไม่จําเป็นต้องใช้แซ่เฉินตามเขา! ข้าอยากใช้สกุลเดิมของท่านแม่!”

 

ตอนที่ 84 ความเกลียดชังของเฉินผิงอัน

ป้าหวงเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เมื่อเห็นหญิงสาวกลับมาที่บ้าน ก็ตรงไปยังโรงเก็บไม้โดยที่ไม่เข้าไปในห้องอื่นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ!

 

“มากเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าเป็นคนสร้างบ้านหลังนี้ แต่กลับให้เจ้ามานอนในโรงเก็บไม้ พ่อของเจ้าทํามากเกินไปแล้ว”

 

แต่ในตอนนี้ร่างกายของเฉินเถียนเถียนกําลังสั่นไหว หยาดน้ําตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตา “พี่ใหญ่เป็นบัณฑิต เขาจึงต้องได้อาศัยอยู่ในห้องดีๆ ผู้เป็นพ่อต้องอาศัยอยู่ในห้องหลักของบ้าน เฉินเอ๋อยังเด็กย่อมต้องมีห้องที่ปลอดโปร่ง ส่วนห้องอื่นๆก็ต้องเก็บไว้เผื่อมีแขกมาพัก ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ยอม แต่ก็ต้องเชื่อฟัง ข้าเพียงแต่ไปอาศัยอยู่บ้านท่านลุงไม่กี่วัน เหตุใดที่นอนของข้าถึงหายไป? ท่านแม่ทําเหมือนกับข้าไม่ใช่ลูกสาว…”

 

เฉินเถียนเถียนพูดด้วยน้ําเสียงสะอึกสะอื้น คนรอบข้าง ไม่รู้จะปลอบใจนางอย่างไร เลยได้แต่ทอดถอนใจ!

 

หยุนเคอเองก็เดินตามหญิงสาวเข้ามาในลานบ้าน คิดว่าหากแม่ของนางเข้ามาสร้างความลําบากให้ในขณะที่กลับมาเอาของ เขาก็พร้อมจะเข้าไปช่วยทันที ใครจะคาดคิดว่าจะได้ยินเสียงนางร้องไห้ทันทีที่เดินเข้าไป

 

จี๋ชื่อก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกัน นางเป็นสะใภ้ใหญ่ แต่ในตอนนี้ก็ไม่สามารถจัดการอันใดได้มากนัก

 

“แม่เจ้าอาจจะเอาไปทิ้ง เจ้าลองตามหาดูก่อนเถิด!”

 

ในขณะที่เฉินเฉินเดินออกมาจากห้อง เขาตกใจมากที่เห็นผู้คนมากมาย แต่เมื่อหันไปเจอพี่สาวจึงรีบร้องเรียกนาง!

 

เถียนเถียนยิงคําถามใส่ทันที “เฉินเอ๋อ ท่านแม่เอาที่นอนของข้าไปไว้ที่ไหน เจ้าเห็นหรือไม่?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ “ข้าเห็น ตอนนี้มันอยู่ในห้องเก็บของอีกฝั่งหนึ่ง!”

 

เฉินเถียนเถียนเปิดประตูเข้าไป และหยิบผ้าห่มขึ้นมาราวกับเป็นสมบัติล้ําค่า!

 

เมื่อทุกคนมองดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าผ้าห่มที่อยู่ในอ้อมแขนของ เฉินเถียนเถียนนั้นมีผ้าชิ้นใหญ่เย็บปะกับชิ้นเล็ก ฝีตะเข็บที่เย็บลงไปบนผืนผ้านั้นโย้เย้คดเคี้ยว เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเด็กน้อย!

 

นอกจากจะมีผ้าเย็บปะอยู่หลายชิ้น ก็ยังมีรูฉีกขาดขนาดใหญ่ ดังนั้นสําลีที่โผล่ออกมาจึงกลายเป็นสีดําสนิท และแข็งเหมือนแพนเค้กค้างคืน แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยง มีเพียงแค่หลินชวนฮวาเท่านั้นที่ทําได้

 

จู่ ๆ จี๋ชื่อก็ดึงผ้าห่มในอ้อมแขนของนางแล้วทุ่มลงพื้นอย่างไม่อดทน

 

“ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าทนเห็นเด็กน้อยผู้นี้ถูกนังผู้หญิงต่ําทรามคนนั้นรังแกไม่ได้ ได้โปรดมาช่วยกันเถิด!”

 

ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งออกไปเชิญผู้เฒ่าสี่มา!

 

เมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ผู้เฒ่าสี่ก็ชักอารมณ์ไม่ดีและรู้สึกว่านังผู้นี้สร้างปัญหาอีกแล้ว

 

ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวอันใดออกมา จี๋ชื่อก็เปิดฉากนําไปก่อนแล้ว!

 

“ท่านผู้เฒ่า ท่านจงดูด้วยตาตนเองเถิดว่าหลินชวนฮวาทําสิ่งใด! เห็นได้ชัดว่ายังมีห้องหับดีๆว่างอยู่ แต่บอกว่าต้องเก็บไว้รอให้แขกเหรื่อเข้ามาพักแล้วให้เด็กผู้นี้นอน ในโรงเก็บไม้! ไม่รู้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติประเภทใด ถึงได้เก็บห้องไว้รอให้เข้าพักทั้งปี!”

 

“แล้วดูผ้าห่มผืนนี้ ต่อให้เป็นขอทานข้างถนน ก็ยังมองเมินไปเสียด้วยซ้ําเมื่อเห็นมัน แต่เด็กคนนี้นับว่ามันคือสมบัติ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผ้าห่มที่นางหยุนซื้อให้ตอนที่ยังอยู่ที่นี่ แต่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว! ผู้เฒ่าสี่ ท่านก็เป็นพ่อแม่คน คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้ในโลก!”

 

ใบหน้าของผู้เฒ่าสี่มืดทะขึ้นลงกะทันหัน เขาอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดเฉินผิงอัน แม้แต่หลังบ้านของตัวเองก็ยังไม่สามารถจัดการให้ดีได้จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการทําให้ตัวเองต้องอับอายขายขี้หน้าหรือ!

 

คําพูดของจี๋ชื่อฟาดหน้าของเขาราวกับถูกตบ เดิมทีเขาช่วยเหลือเฉินผิงอัน แต่ตอนนี้ข้อเท็จจริงดังกล่าวกลับมากระทบกับตัวเขาเอง!

 

“ผู้ใดก็ได้! ไปที่บ่อนพนันแล้วเรียกเฉินผิงอันกลับมาเดี๋ยวนี้

 

แม้ว่าผู้คนในหมู่บ้านจะจิตใจดี ก็แต่มีคนเต็มใจเข้ามามุ่งกับเรื่องแบบนี้เสมอ…

 

เฉินผิงอันถูกตามตัวกลับมาในขณะที่กําลังเพลิดเพลิน เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย! แต่ผู้เฒ่าสี่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าทิ้งตึง เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินทําได้เพียงแค่ระบายความโกรธใส่เฉินเถียนเถียนที่อยู่ด้านข้างแทน!

 

“นังเด็กเหลือขอ มิใช่ว่าเจ้าขอแยกตระกูลไปแล้วหรือ? กลับมาทําอะไร?”

 

ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอีกฟากหนึ่งอย่างเดือดดาล ในบรรดาผู้อาวุโสในตระกูล เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่มีร่างกายแข็งแรง การตบลงที่โต๊ะจึงใช้พลังเพียงเล็กน้อย!

 

“เฉินผิงอัน มีพ่อที่ไหนเป็นอย่างเจ้าบ้าง? ที่ผ่านมาพวกข้าผู้เฒ่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าปฏิบัติต่อลูกสาวของนางหยุนเช่นนี้ ในตอนนั้นเจ้าสัญญาต่อหน้าข้าและเหล่าผู้เฒ่าว่าจะดูแลลูกสาวของนางหยุนเป็นอย่างดี สุดท้ายเจ้ากลับปฏิบัติต่อลูกสาวของนางเช่นนี้หรือ?”

 

จี๋ชื่อเปิดปากประชดประชัน “หลายปีมานี้ พานังหญิงสารเลวชวนฮวาเข้ามาถลุงสมบัติในบ้าน เหตุใดถึงยังปล่อยให้ลูกสาวของตัวเองอยู่ในที่ที่แย่กว่าคอกหมูเสียอีก? เฉินผิงอัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นนางหยุนจะปฏิเสธเจ้า นางคงเห็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร!”

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของแม่เจ้าที่มีต่อนางหยุนในตอนนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะไม่มีปัญญาได้แต่งภรรยาเช่นนี้ เมื่อนางไม่ยินยอมเจ้าก็เกลี้ยกล่อมนาง เจ้าไม่คิดว่ามันช่างไร้ค่าบ้างหรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนไม่คิดว่าสิ่งที่เคยคาดไว้จะได้รับการยืนยัน จากปากของจี๋ชื่อ!

 

แม่เฒ่าเฉินไม่ได้กล่าวคําเท็จ ตอนนั้นเฉินผิงอันชอบนางหยุนมาก จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้แต่งงานกับนาง โดยอาศัยบุญคุณของแม่เฒ่าเฉินที่มีต่อนาง นางหยุนที่กําลังโศกเศร้าจึงตอบตกลง!

 

หยุนจึงเอ๋อเป็นคนฉลาด นางดูออกว่าเฉินผิงอันมิใช่คนดี ดังนั้นจึงเป็นเฉยต่อเขา หรือเพราะความเฉยเมยนี้ จึงทําให้ความรักของเฉินผิงอันค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงแค่อ้อนวอนให้ไม่เกลียดชัง!

 

หยุนจิงเอ๋อยังไม่แน่ใจว่าเฉินผิงอันจะปฏิบัติต่อลูกสาวของนางอย่างไรหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นนางจึงทิ้งบางอย่างไว้ โดยการระบุชื่อในโฉนดที่ดินทั้งหมดเป็นชื่อลูกสาว น่าเสียดายที่เฉินเดียนเถียนยังเด็กเกินกว่าจะใช้มันให้เป็นประโยชน์

สิบปีต่อมา สิ่งเหล่านี้ไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลินชวนฮวาเข้ามาในบ้าน นางยุแยงให้เฉินผิงยิ่งเกลียดชังเพราะเด็กนี่ไม่ใช่ลูกสาวของเขา!

 

ในตอนนั้นเด็กหญิงตัวเล็กๆอายุเพียงไม่กี่ขวบจะสามารถต่อสู้กับผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์สองคนได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ เฉินเถียนเถียนตัวน้อยจึงถูกกลืนหายไปในที่สุด ชีวิตของนางก็ถูกคนชั่วสองคนนี้ทําให้จบสิ้นลง!

 

เฉินผิงอันกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้น เมื่อถูกจี๋ชื่อพูดถึง ความเจ็บปวดในอดีตของเขา “ในตอนนั้นข้าปฏิบัติต่อหยุนจึงเอ๋อราวกับเป็นเทพธิดา แต่ตลอดเวลาหลายปีข้าได้รับสิ่งใดกลับคืนมา? หยุนจิงเอ๋อตอนอยู่ข้างนอกนั้นจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น แต่เมื่อกลับถึงบ้านก็มีแต่ท่าที่เย็นชาต่อข้า! แต่งงานกันมาหลายปี ข้ายังไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางเลย นางต่างหากที่ติดค้างข้า!”

 

ตอนที่ 83 คานบ้าน

 

“เฮ้ เจ้าคนป่าไม่รู้ชั่วดี! เจียวเจียวลูกสาวของข้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เจ้ายังลงมือกับนาง เจ้าคนป่า…ข้าบอกไว้เลย หากวันนี้ไม่จ่ายเงินมายี่สิบตําลึง พวกข้าไม่ยอม จบเรื่องง่าย ๆ แน่!”

 

นี่มันคือการขู่กรรโชกทรัพย์ซึ่ง ๆ หน้า หยุนเคอ โกรธจนหน้าทะมึน เขาปล่อยลมหายใจเย็นเยียบอยู่ตรงหน้าเฉินฉ่เกินและภรรยา ทั้งคู่พลันหวาดกลัวจนเดินถอยไปสองก้าว

 

เมื่อภรรยาของเฉินฉ่เกินได้สติ ก็ทั้งโกรธทั้งอาย นางแผลงฤทธิ์อยู่ในหมู่บ้านนี้มานานหลายปีเคยกลัวใครเสียเมื่อไหร่!

 

“ข้า…ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ หากเจ้าไม่ยอมจ่ายเงิน ข้าจะไปที่ศาลเพื่อฟ้องเจ้า…ฟ้องที่เจ้ารังแกลูกสาวของข้า!”

 

หยุนเคอยิ้มอย่างเย็นชาแล้วก้าวไปข้างหน้า “เจ้าจะบอกเจ้าหน้าที่ศาลว่าข้ารังแกเจ้าอย่างไรหรือ?”

 

ขณะที่พูดเขากระชากคอปกเสื้อของเฉินฉู่เกินแล้วเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง เฉินฉู่เกินถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ใหญ่หน้าที่ดินรกร้าง ห้อยต่องแต่ง เขากรีดร้องจนกระทั่งรดกางเกง

 

ภรรยาของตนนั้นแข็งแกร่งมาตลอด เฉินฉู่เกินรู้แก่ใจดีแต่ตอนนี้หยุนเคอไม่ทําร้ายผู้หญิง กลับเลือกลงมือกับผู้ชายด้วยมือเพียงข้างเดียว ทําให้ทุกคนต่างปรบมือชื่นชม!

 

พละกําลังอันแข็งแกร่งของหยุนเคอ ได้รับการยกย่องมานานแล้ว!

 

ในสังคมที่ระบบกฎหมายพื้นฐานไม่สมบูรณ์ มักมีคนพาลเข้ามารบกวนชาวบ้านอยู่เสมอ แต่หากมีหนึ่งคนที่ทักษะยอดเยี่ยม และอาจปกป้องคนทั้งหมู่บ้านได้

 

ตอนนี้สามีของนางถูกแขวนไว้บนต้นไม้ ภรรยาของเฉินฉู่ เกินยิ่งอับอาย!

 

แต่ผู้หญิงอย่างนี้หาเจอพบยาก แม้ว่าจะอับอายแต่ก็ไม่ยอมร้องขอความเมตตา นางนั่งลงกับพื้นแล้วพ่นก่นด่าสาปแช่ง “คนป่าจากภูเขาลงมาข่มเหงคนในหมู่บ้านของเรา แต่พวกเจ้ายังคงปรบมือชื่นชม ช่างไม่มีจิตสํานึกกันเลยสัก คน!”

 

เวลานี้ เฉินเถียนเถียนในฐานะเจ้าของที่ดินรกร้างแห่งนี้ลุกขึ้นยืน!

 

“ข้าคิดว่าเป็นครอบครัวของท่านที่ต้องการสร้างปัญหาให้ข้า เมื่อวานตอนที่ข้าไม่อยู่บ้าน ท่านก็ส่งลูกสาวมาสร้างปัญหา และวันนี้ทั้งครอบครัวก็พากันมาอีกครั้ง! จงใจจะบีบบังคับข้าใช่หรือไม่?”

 

หากเป็นชายป่าเถื่อนคนนั้นภรรยาของเฉินฉู่เกินคงจะหวาดกลัว แต่เมื่อเป็นหญิงสาวตัวเล็กข้างหน้านี้นางหาได้กลัวไม่!

 

ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “ข้าคือใคร? เจ้าต่างหากที่เป็นตัวสร้างปัญหา วุ่นวายกันทั้งครอบครัว เจ้าต้องการก่อกวนคนทั้งหมู่บ้านจึงวิ่งออกมาให้คนช่วยใช่หรือไม่?” 

 

เฉินเถียนเถียนหงุดหงิดขึ้นมาทันที หญิงผู้นี้ช่างไร้ยางอายไม่มีใครเทียบ!

 

หยุนเคอเอ่ยเตือนนางอย่างเย็นชา “จะพูดจาดี ๆ หรือไม่? หากเจ้าพูดไม่ดี ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่กับสามีซะ!”

 

เดิมที่ภรรยาของเฉินฉู่เกินผู้นี้เป็นคนพาลและชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น แต่คราวนี้เจอผู้ที่แข็งแกร่งและไม่อ่อนข้อให้จึงรีบหดคอกลับไปทันที

 

“ข้าไม่อยากทําร้ายผู้หญิง เจ้าอย่ามาก่อกวนที่นี่! ไม่อย่างนั้นอย่าได้กล่าวโทษหากว่าข้าหยาบคาย!”

 

ดวงตาและน้ำเสียงที่เย็นชาของหยุนเคอราวกับอสรพิษที่พุ่งเข้าหาภรรยาของเฉินฉ่เกิน

 

หญิงผู้นี้หวาดกลัวมากจนเดินถอยออกไปหลายก้าว และสุดท้ายก็ไม่สนใจว่าสามีของนางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางรีบวิ่งกลับบ้านไปราวกับคนเสียสติ

 

แม้ว่าจะวิ่งไปไกลแล้ว ผู้คนที่ยืนอยู่ก็ยังได้ยินเสียงปิดประตู!

 

ปากของทุกคนกระตุกขึ้นพร้อมกัน ช่างหน้าด้านจริงเชียวผู้หญิงคนนี้

 

ตัวก่อปัญหาวิ่งหนีไปแล้ว แล้วเฉินฉ่เกินที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ล่ะ?

 

หยุนเคอจับเสาไม้ไผ่เงียบ ๆ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้แล้วดึงเขาออกมา ทันใดนั้นก็คว้าเสื้อคนที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ก็ห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศ ในขณะที่เกิดเหตุการณ์นี้ เฉินฉู่เกินก็ยังกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง!

 

มีกลิ่นประหลาดโชยออกมาจากร่างกายของเขา หยุนเคอ ผู้รักความสะอาดจึงรีบโยนเฉินฉู่เกินออกไปทันที

 

เฉินฉู่เกินยังคงกรีดร้องอยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองได้ลงมาสู่พื้นโลกแล้ว!

 

เขาตะเกียกตะกายด้วยความตื่นตระหนกและวิ่งกลับบ้านไป!

 

แม้ว่าปกติหยุนเคอจะดูถูกคนเหล่านี้ แม้กระทั่งเอ่ยถ้อยคําเสียดสี!

 

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความสามารถที่แท้จริงต่อหน้าทุกคน พวกเขากลัวว่าจะทําให้หยุนเคอไม่พอใจต่างก็ พากันหดคอลงและหวังว่าจะไม่ถูกคนผู้นี้โกรธเคือง!

 

“แม่นางเฉิน ตอนนี้หมดปัญหาแล้วอากาศดี ๆ แบบนี้พวกเรารีบต่อคานกันโดยเร็วเถิด!”

 

เมื่อเฉินผิงเหอเอ่ยขึ้นมาทําลายความเงียบ ทุกคนจึงกลับไปทํางานกันต่อ! มีเรื่องเดียวที่เปลี่ยนไปคือผู้คนต่างมองไปที่ หยุนเคอด้วยความยําเกรงและชื่นชม!

 

หยุนเคอสงบนิ่งราวกับว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องจริงจัง เขายังคงแบกคานคนเดียวและปีนขึ้นไปบนหลังคา!

 

ชายร่างใหญ่สองสามคนสร้างคานเสร็จภายในวันเดียว จากนั้นเพื่อนบ้านก็เข้ามาและช่วยกันปูกระเบื้องมุงหลังคาต่อ

 

บ้านสร้างเสร็จแล้ว แต่มีเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ และผู้คนก็ไม่ทําให้เธอรู้สึกอับอาย นางต้องมีห้องที่อบอุ่น!

 

ป้าหวงดึงเฉินเดียนเถียนออกมาด้วยความกระตือรือร้น โดยอาสาจะช่วยนางย้ายของที่ยังเหลืออยู่ในตระกูลเฉิน 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ป้า ๆ หลายคนพูดคุยและหัวเราะตามเฉินเถียนเถียนเข้าไปในลานบ้านตระกูลเฉิน

 

ตั้งแต่เฉินเถียนเถียนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ นางก็ไม่เคยทํางานบ้านอีกเลย หลินชวนฮวานั้นขี้เกียจจนเป็นนิสัยและ บางครั้งก็ต้องเข้าไปในเมืองเพื่อพบกับชู้รัก ดังนั้นจึงไม่มี เวลามาจัดบ้านหรือทําความสะอาดลานหน้าบ้าน!

 

ทันทีที่ทุกคนเข้าไปในประตูก็เห็นสนามหญ้ารก ๆ และ ตอนนี้มีไก่สองตัวอยู่ในบ้าน มันกําลังบินขึ้นลง สนามหญ้ามีเศษมูลไก่กระจัดกระจาย

 

ป้าสองสามคนที่ชอบทําความสะอาดบ้านปิดป่ากและจมูกทันที สีหน้ารังเกียจเผยออกอย่างไม่คิดปิดบังผู้ใด!

 

“หลินชวนฮวาแต่งตัวสวยทุกวัน แต่ดูลานบ้านนี้สิ! ผู้หญิงที่ไม่สนใจทํางานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ช่างน่าอายยิ่ง เฉินผิงอันก็ช่างทนได้!”

 

“ใช่แล้ว! ข้าคิดว่าทุกวันนี้นางเป็นคนอ่อนโยนและอ่อนแอ ปรากฏว่าใช้ชีวิตอย่างกับอยู่ในคอกหมู! ไม่รู้ว่านางไปไหนตอนกลางวันแสก ๆ ลูกที่บ้านก็ไม่สนใจ!”

 

เฉินเถียนเถียนปิดปากลอบขา แต่เมื่อมองลงไปที่พื้นก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่อดกลั้นเอาไว้จนตาแดงก่ำ

 

“ตอนข้าอยู่ที่บ้าน งานบ้านทั้งหมดข้าเป็นคนทํา แต่ท่านแม่กลับยกความดีความชอบให้ตัวเอง ดูเอาเถิดข้าไม่อยู่ สองสามวันบ้านก็กลายเป็นเช่นนี้ ท่านแม่นี่เหลือเกินจริงๆ!”

 

“น่าเสียดายที่ท่านพ่อมักจะไม่ฟังพวกข้า! ช่างเถิด แม้แต่ครอบครัวก็แตกแยก ข้าคงไม่สามารถจัดการอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว! “

 

หลังจากที่เฉินเถียนเถียนพูดจบ ก็พาทุกคนเข้าไปในโรงเก็บไม้ แต่บนกองไม้ ผ้าปูที่นอนทั้งแข็งหยาบและเกรอะกรังหายไปแล้ว!

 

 

ตอนที่ 82 วันซวย

 

ทุกคนพากันถอนหายใจ ใบหน้าของเฉินผิงเหอมืดครื้ม เขาแทบจะอดรนทนไม่ไหวอยากจะรีบพุ่งไปหาเฉินผิงอันเสียตอนนี้ แต่ในที่สุดก็ข่มใจเอาไว้ได้! “เอาล่ะ พวกเรากลับไปทํางานกันเถิด! ส่วนเจ้าก็อยู่ที่บ้านของลุงไปก่อน ดีแล้วที่รีบย้ายออกมา สองสามีภรรยานั้นช่าง…”

 

เมื่อเรียกทุกคนแล้ว พวกเขาก็พากันกลับไปที่เขตก่อสร้างแล้วเริ่มทํางานอีกครั้ง!

 

เฉินเถียนเถียนสวมหมวกฟางที่เจอในบ้านของลุงใหญ่และคอยช่วยส่งอิฐให้ทุกคนอย่างขยันขันแข็ง

 

ผู้คนมากมายช่วยกันสร้างบ้านหลังเล็กที่มีเพียงสามห้องอย่างสบายใจ ในตอนเย็นของวันนั้น โครงบ้านสร้างเสร็จแล้ว เพียงแค่รอคานและกระเบื้องในวันถัดไป

 

เฉินเถียนเถียนกลับไปที่บ้านของลุงใหญ่ และนอนในห้องเดียวกับแม่เฒ่าเฉิน!

 

แต่วันนี้แม่เฒ่าเฉินเข้านอนเร็ว นางไม่ได้พูดพร่ําเพ้อ เฉินเถียนเถียนจึงไม่มีโอกาสที่จะถามเรื่องนั้นต่อ..

 

หลังจากทิ้งตัวนอนลงบนเตียง นางก็เริ่มคาดเดาถึงที่มาของนางหยุนผู้เป็นแม่อย่างอดไม่ได้

 

ประการแรก นางหยุนผู้นี้ต้องไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา แค่เครื่องประดับสองชิ้นบนหัว ก็สามารถซื้อทรัพย์สินที่ทําให้ทุกคนในหมู่บ้านอิจฉาได้ เป็นไปได้ว่าครอบครัวเดิมของนางจะต้องร่ํารวยมั่งคั่ง!

 

ยิ่งไปกว่านั้น นางหยุนมาถึงที่นี่โดยไม่ถูกดักปล้น สามารถนําสิ่งของมากมายมาที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย ดูเหมือนว่าตัวตนที่แท้จริงของนางจะมิใช่หญิงสาวผู้อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเชือดไก่ อีกทั้งยังมาถึงหมู่บ้านนี้ พร้อมกับลูกสาวในครรภ์

 

จากคําบอกเล่าของแม่เฒ่าเฉิน เดาได้ว่าในคราแรกนางหยุนมิได้ตั้งใจจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่ แต่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นและแม่เฒ่าเฉินบังเอิญช่วยชีวิตไว้!

 

ด้วยบุญคุณจากการช่วยชีวิตในครั้งนี้ แม่เฒ่าเฉินจึงบีบให้นางหยุนแต่งงานกับเฉินผิงอันเพราะรู้ว่าลูกชายของตนชื่น ชอบอีกฝ่ายยิ่ง!

 

หรือในตอนแรก เฉินผิงอันจะชอบนางหยุนเพราะว่านางคือผู้หญิงที่ไร้ที่ติในสายตาของทุกคนในหมู่บ้าน

 

หญิงสาวผู้นี้หน้าตางดงามไร้ที่ติ แม้กระทั่งในยาม โกรธขึ้ง! ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนที่มาช่วยสร้างบ้านวันนี้กล่าวถึงแม่ของนางว่า นางหยุนนั้นรู้วิชาการแพทย์และเคยช่วยรักษาผู้คนมากมายในหมู่บ้าน ตอนนี้คนเหล่านั้นจึงยินดีช่วยสร้างบ้านให้!

 

นางหยุน หยุนจึงเอ่อ!

 

ผู้หญิงคนนี้เปรียบเสมือนความลึกลับที่คอยหลอกหลอน เฉินเถียนเถียน!

 

เฉินผิงอันรับรู้เรื่องที่หยุนจิงเอ๋อตั้งครรภ์ลูกของผู้อื่น เขาชอบนางจึงอยากแต่งงานด้วย แต่เหตุใดในภายหลังถึงเกลียดนางได้?

 

อันที่จริงเรื่องราวเหล่านี้ของหยุนจิงเอ๋อก็มิได้เกี่ยวข้องกับเฉินเถียนเถียนโดยตรง แต่ด้วยนิสัยที่ติดมาจากอาชีพเดิมของนาง จึงทําให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกสงสัย!

 

หากจะต่อเติมคานบ้านจะต้องหาวันที่เหมาะสม! แต่เฉินเถียนเถียนอึดอัดใจที่ต้องนอนอยู่ข้างๆแม่เฒ่าเฉิน ดังนั้นจึงไม่เลือกวันและไม่รอฤกษ์ยามดี!

 

แม้ว่าจี๋ชื่อจะยินดีให้เฉินเถียนเถียนพักอยู่ที่บ้านและแม่ เฒ่าเฉินเองก็ชอบนางมาก แต่เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่าหญิงชราชอบนางด้วยความรู้สึกผิด นี่คือสิ่งที่เฉินเถียนเถียนไม่ต้องการ จึงอยากย้ายออกให้เร็วที่สุด!

 

คงเป็นเพราะว่าไม่เลือกวันให้ดี วันนี้จึงนับเป็นวันซวย!

 

ในตอนแรกทุกคนต่างทํางานกันอย่างราบรื่น โดยเฉพาะหยุนเคอที่มีพละกําลังมหาศาล เขาสามารถปีนขึ้น ไปบนหลังคาอย่างง่ายดายโดยใช้ไม้เพียงแค่ท่อนเดียว สิ่งนี้เรียกเสียงปรบมือชื่นชมจากทุกคน

 

แต่ในขณะนั้นเอง ผู้หญิงบ้าอํานาจจอมบงการกําลังรีบมุ่งหน้ามาที่นี่!

 

“เจ้าคนป่า ลงมาหาข้าเดี๋ยวนี้! เมื่อวานเจ้ารังแกลูกสาวข้าได้อย่างไร? พูดมาให้ชัดเจน!”

 

คนป่า? เฉินเถียนเถียนที่ยืนอยู่อยู่ข้างๆรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงหยุนเคอ!

 

เมื่อวานนี้มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่นางไม่อยู่?

 

เดิมที่ทุกคนตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นทุกคนกําลังตกใจเรื่องที่เฉินเฉินถูกทําร้ายจึงลืมมันไปเสียสนิท

 

ป้าหวงผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใดยืนขึ้นและกล่าวเยาะเย้ย “โอ้! วันนี้จะเกิดปัญหาไม่ได้ นี่เป็นวันต่อเติมคานบ้านของเถียนเถียน หากเจ้ามีอันใดก็ไปคุยที่บ้านหยุนเคอ มาตะโกนอยู่ตรงนี้ให้ได้อะไร?”

 

ป้าจี๋เท้าสะโพก ถลึงตา และพูดเสียงดัง “ภรรยาของฉู่เกิน… คนอื่นอาจจะกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัว! เจ้าอย่ามาสร้างปัญหาให้หลานสาวขาเพราะเรื่องพวกนี้ พวกลูกชายของข้าไม่ใช่คนที่จะยอมให้เจ้ามารังแกได้ง่าย อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

 

กล่าวได้ว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ มีเพียงแค่จี๋ชื่อเท่านั้นที่กล้าสู้กับภรรยาของเฉินฉู่เกิน เนื่องจากว่าจี๋ชื่อนั้นมีลูกชายหลายคน และชายร่างกายกํายําสองสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็เพียงพอที่จะทําให้คนหวาดกลัว!

 

ส่วนภรรยาของเฉินฉู่เกินนั้น ด้วยความที่บ้านเดิมของนางสามารถพึ่งพาได้ และความโมโหร้ายของนาง จึงทําให้ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด! คนในหมู่บ้านต่างไม่มีใครอยากมีปัญหากับนาง เพราะนางสามารถไปตามรังควานคนด้วยการยืนจ้องหน้าที่ประตูหน้าบ้านทุกวัน และทําให้ผู้คนรําคาญจนต้องตายกันไปข้าง!

 

หยุนเคอไม่คาดคิดเลยว่าหมู่บ้านนี้จะมีสิ่งเหลือเชื่อเช่นนี้ เมื่อวานก็ลูกสาวน่ารําคาญ วันถัดมาแม่ก็มายืนอยู่ตรงหน้า!

 

เดิมที่เฉินฉู่เกินไม่ได้อยากออกมาแต่ก็ถูกภรรยาดึงหู บอกว่าลูกสาวถูกรังแก ต้องทวงความเป็นธรรม!

 

ภรรยาของเฉินฉู่เกินไม่สนใจเรื่องนี้ แต่เขากลับเป็นกังวลยิ่ง ภายใต้สายตาที่เหยียดหยามของผู้คนรอบตัว เขาย่อมรู้สึกละอายใจ แต่ก็เกรงว่าภรรยาของเขาจะถูกคนเอารัดเอาเปรียบ!

 

หยุนเคอโกรธมาก วันดีๆ ของหญิงสาว กลับมาถูกคนเหล่านี้รบกวน เขายืนตัวตรงบนหลังคา แล้วกระโดดลงมาที่พื้นอย่างแรงโดยไม่ท่าที่สะทกสะท้าน

 

ทุกคนต่างตะลึง ความสูงอย่างน้อยสองหรือสามช่วงตัวคน! แต่หยุนเคอสามารถกระโดดลงมาและยืนบนพื้นอย่างมั่นคง ทําให้หลายคนมองเขาด้วยแววตาตกตะลึง

 

“ใครคือลูกสาวของเจ้า? ข้ารังแกอันใดนาง? หากต้องการความเป็นธรรมก็พูดให้กระจ่าง!”

 

ฉู่เกินฮูหยินวางมือบนสะโพก เกือบจะชี้นิ้วจิ้มหน้าหยุนเคอ “ลูกสาวของข้านําชามาให้เจ้า แต่เจ้ากลับทําให้นางหวาดกลัว! ลูกสาวที่ข้าเลี้ยงมากับมือ ตอนนี้หวาดกลัวจนระแวงทุกสิ่ง เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบหรือ?”

 

หยุนเคอหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้ากําลังพูดถึงผู้หญิงที่ไร้ยางอายและเอาตัวมาคอยเกาะติดผู้ชายคนนั้นน่ะหรือ?”

 

คําพูดนี้ราวกับเคลือบยาพิษ เฉินฉู่เกินและภรรยาโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ยังไม่รู้จะตอบโต้กลับไปอย่างไร! 

 

จากนั้นทุกคนต่างก็บอกว่าควรสอนให้ลูกสาวรู้จักมียางอาย นี่ใช่ลูกสาวของเจ้าหรือไม่? ไม่ใช่ปัญหาของเขา!

 

อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเฉินฉู่เกินนั้นทั้งหน้าด้านและไร้ยางอาย เช่นนี้จะปล่อยให้จบเรื่องง่ายๆ ได้อย่างไร? 

 

ตอนที่ 81 ปล่อยข่าว

 

แต่ป้าหวงที่มองดูอยู่นั้นรู้สึกหมดความอดทน ในหมู่บ้านไม่ควรจะมีผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้!

 

“เจียวเจียว เจ้ากลับไปเถิด! พวกเราจะได้สร้างบ้านให้เสร็จเร็ว ๆ ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเถียนเถียนลําบากนัก จะได้รีบย้ายออกมาและหลุดพ้นจากหลินชวนฮวาสักที!”

 

แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่นอกบ้าน เฉินเจียวเจียวมักจะเอาแต่ใจตัวเองอยู่เสมอ!

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงกลอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ท่านป้า หาใช่ธุระอันใดของท่านไม่ พ่อของนางไม่สนใจก็ย่อมต้องลําบากอยู่แล้ว จะทําเยี่ยงไรได้นอกเสียจากต้องอดทน!”

 

คนส่วนใหญ่ที่มาช่วยต่างก็เป็นคนที่ปรารถนาดีจริง ๆ เงินแค่ยี่สิบตําลึงสําหรับสร้างบ้านนั้นน้อยนิด แม้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะจัดสรรงบประมาณอย่างระมัดระวังก็ยังถือว่าแย่ ดังนั้นค่าจ้างของทุกคนจึงได้ไม่สูงนัก!

 

ในตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูทํานาที่แสนจะวุ่นวาย แต่ละครอบครัวต่างก็งานยุ่ง การมาช่วยสร้างบ้านหลังนี้ ไม่ใช่เพราะหัวหน้าหมู่บ้านขอร้องให้มาช่วย แต่พวกเขามาด้วยใจที่ปรารถนาดีอย่างแท้จริง

 

ทุกคนตรงนี้ล้วนเป็นคนจิตใจดี แต่เมื่อได้ยินคําพูดของ เฉินเจียวเจียว ทั้งหมดพลันรู้สึกรังเกียจนางอยู่ในใจ!

 

“เจียวเจียว หากเจ้าไม่ได้มาเพื่อช่วยก็รีบกลับไปซะ ถึงอย่างไรเจ้าก็มิได้ชอบเถียนเถียนนัก ต่อไปก็ไม่ต้องมาที่นี่ให้เสียเวลา!”

 

เฉินผิงเหอไม่แม้แต่จะกล่าวถึงเรื่องค่าจ้างเลยด้วยซ้ำ เขามาช่วยที่นี่ด้วยตัวเอง แม้แต่ลูกชายของเขายังมาร่วมด้วย จึงถือได้ว่าเป็นคนที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุด!

 

หากเป็นหญิงสาวที่ยังรักษาหน้าตัวเองอยู่บ้าง เมื่อได้ยินถ้อยคําเช่นนี้คงจะรีบกลับไป!

 

แต่เฉินเจียวเจียวก็ยังคงทําหูทวนลมและยังคงรบกวนหยุนเคอไม่หยุดหย่อน

 

ส่วนหยุนเคอเป็นคนขี้รําคาญ แม้ว่าเขาจะเมินเฉยต่อเฉินเจียวเจียวได้ แต่ความอดทนของเขาก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ราวกับได้ยินแมลงวันบินอยู่ใกล้ ๆ หูอย่างไรอย่างนั้น!

 

ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาคงยื่นมือไปคว้าคอผู้หญิงคนนี้แล้วจับโยนไปให้ไกล แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน หากทําให้คนในหมู่บ้านขุ่นเคืองคงจะไม่ดีนัก แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเท่าไหร่ก็ตามที

 

“พี่ชายหยุน ท่านดูนังบ้าเฉินเถียนเถียนนั่น นางไม่เห็นจะสนใจใยดีสร้างบ้านของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ท่านจะกังวลอันใดนัก!”

 

ในที่สุด หยุนเคอก็สุดจะทน เขาจ้องมองไปที่เฉินเจียวเจียวด้วยใบหน้ามืดครึมพร้อมปลดปล่อยออร่าเย็นเยียบออกมา!

 

เฉินเจียวเจียวนั้นรู้สึกตัวช้า เมื่อนางรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีบางอย่างผิดปกติก็รีบถอยออกมาด้วยความกลัว!

 

“อยู่ห่างจากข้า เข้าใจหรือไม่? ข้าเกลียดผู้หญิงที่เอาแต่พูดพล่ามอย่างเจ้า น่ารําคาญยิ่งนัก!”

 

เฉินเจียวเจียวที่คิดเพ้อฝันมากมาย แต่ไม่คิดมาก่อนว่าหยุนเคอจะเอ่ยคําว่าเกลียดต่อหน้านางตรง ๆ ทั้งยังมองนางด้วยสายตารําคาญยิ่ง!

 

ในคราแรก นางรู้สึกกลัวจนเย็นวาบไปทั้งร่างหยุนเคอน่ากลัวเกินไปแล้ว! แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความโกรธและอับอาย ทั้งที่นางเอาใจใส่อย่างดี แต่หยุนเคอกลับปฏิบัติต่อนางอย่างไร้ความเมตตา

 

นางหันหลังวิ่งกลับบ้านและร้องไห้ไปตลอดทาง

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ป่าหวงก็ยิ้มอย่างมีความสุข “น้องชายหยุน ทําเช่นนี้แหละดีแล้ว หญิงผู้นี้หน้าด้านไร้ยางอาย หากเข้าไปพัวพันกับนาง เจ้าคงรําคาญจนตาย! เดิมที่ตอนที่เจ้ายังไม่ลงมาจากภูเขา นางไม่เคยชายตาแลทั้งยังดูถูกเจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้นางเข้าหาเจ้าคงเพราะถูกใจบ้านของเจ้านางไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนักสมควรแล้วที่ต้องขู่ให้กลัวเช่นนี้!”

 

เมื่อหยุนเคอเห็นคนน่ารําคาญจากไปแล้วพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก!

 

แม้ว่าเขาจะไม่กล่าวอันใดออกมา แต่ก็พยักหน้าให้ป้าหวงอย่างเห็นด้วย

 

แต่ในทางกลับกัน เฉินผิงเหอไม่คิดอย่างนั้น เขาขมวดคิ้วพร้อมกล่าวคํา “ภรรยาของเฉินฉู่เกินนั้นเป็นคนที่วุ่นวายที่สุดในหมู่บ้าน เจ้าทําให้เจียวเจียวของนางต้องหลั่งน้ำตา เกรงว่าผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นจะต้องมาสร้างปัญหาให้เจ้าแน่ ”

 

อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากนัก หยุนเคอไม่คิดเกรงกลัวอยู่แล้ว หากพวกนางมาจริง ๆ ก็แค่จับโยนออกไปซะก็สิ้นเรื่อง!

 

เพียงแต่ว่าบ้านของเฉินเถียนเถียนเพิ่งสร้างเสร็จแค่ครึ่งเดียว ก็เกิดเรื่อง… นับว่าเป็นโชคร้ายหรือไม่? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยุนเคอก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล

 

ส่วนฝั่งของเฉินเถียนเถียน หลังจากนางดูแลเด็กน้อยเฉินเฉินเสร็จก็รีบวิ่งลงมาจากภูเขาทันที

 

ตอนนี้เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี หลายคนกําลังสร้างบ้านให้นาง แน่นอนว่านางไม่สามารถอยู่เฉยได้ ด้วยการแนะนําของจําชื่อ นางจึงเตรียมหม้อชาใบใหญ่และนําไปยังบริเวณที่สร้างบ้าน

 

บ้านค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แม้จะมีเพียงแค่สามห้อง แต่นี่ก็เป็นบ้านของเธอจริง ๆ เฉินเถียนเถียนมองดูคนเหล่านี้ที่ยังคงทํางานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือแม้ว่าจะได้เงินเพียงเล็กน้อยด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มและตื้นตันใจ!

 

“ท่านลุง ท่านป้า! อากาศร้อนเกินไป ทุกคนมาพักดื่มชาก่อนเถิด!”

 

ทันใดนั้นก็มีคนหันมามองหญิงสาวผู้น่าสงสารด้วยรอยยิ้ม “เถียนเถียนเอาน้ำชามาแล้ว! พวกเราลงไปพักดื่มน้ำชากันก่อนเถิด อย่าชักช้าเลย!”

 

ผู้คนจากด้านบนสองสามคนเริ่มพากันลงมา เฉินเถียนเถียนก็ช่วยรินน้ำให้อย่างขยันขันแข็งทันที

 

ป้าหวงขมวดคิ้วถาม “เถียนเถียน เหตุใดเจ้าไม่อยู่ดูบ้านที่นี่เล่า? พวกเราไม่รู้ว่าบ้านที่สร้างไปจะตรงตามที่เจ้าต้องการหรือไม่!”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าย่อมพอใจกับทุกสิ่งที่พวกท่านทําให้ อันที่จริงข้ามีเหตุผลที่ไม่ได้อยู่ดูบ้านหลังนี้ พวกท่านน่าจะรู้ว่าในครอบครัวของข้ามีน้องชายคนเล็กที่อายุเพียงเจ็ดขวบอยู่ด้วย”

 

“ตอนที่ข้าอยู่ในบ้านหลังนั้น ชีวิตข้าลําบากมาก ถึงตอนนี้ข้าหลุดพ้นแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในชีวิตคือน้องชายคนเล็ก ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้กินข้าวที่บ้านมากี่วันแล้ว ข้าทนเห็นน้องชายของข้าเป็นแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ ก็เลยแอบพาเขาไปหาอะไรกิน”

 

ทุกคนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคําถาม เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าเฉินเฉินมีชีวิตที่ยากลําบาก!

 

ป้าหวางขมวดคิ้วแน่นและถามขึ้น “เขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวาหรอกหรือ? เหตุใดนางจึงปล่อยให้เขาอดอยาก?”

 

เฉินเถียนเถียนฝืนยิ้มอย่างลําบากใจ “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใด ท่านแม่ถึงปฏิบัติต่อลูกชายตัวเองด้วยการทุบตีและด่าทอ นางบอกว่าที่ขายที่ดินไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อจะส่งให้เขาไปเรียน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปสองวันมานี้ก็ถูกตบจนหน้าบวม หากเด็กซนก็ควรจะสอนเขาให้ดีปล่อยให้อดข้าวได้อย่างไร?”

 

ความจริงแล้วเฉินเถียนเถียนจงใจปล่อยข่าว เพราะตั้งใจเอาคืนท่านผู้เฒ่าสี่

 

ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าเฉินเถียนเถียนเป็นตัวปัญหาหรอกหรือ? ในเมื่อตอนนี้กําจัดตัวปัญหาได้แล้ว แต่เด็กน้อยคนนี้กลับต้องอดทนอยู่

 

“เสือถึงร้ายไม่กินลูกของตัวเอง ครั้งนี้หลินชวนฮวาไม่นับว่าเป็นคนแล้ว แล้วพ่อของเจ้าล่ะ? เขาไม่สนใจเลยหรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านแม่ปิดบังท่านพ่อมาตลอด พ่อของข้าไม่อยู่จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านหลินชวนฮวามักจะบอกว่าเด็กไม่รู้จักเชื่อฟังต้องถูกสั่งสอน ท่านพ่อ…”

 

“บางทีท่านพ่อก็อาจจะมีปัญหาของตัวเอง! สงสารก็แต่เด็กน้อย ทําได้เพียงแอบออกมาหาข้าทุกวันเพื่อให้ข้าหาอะไรให้กิน!”

 

 

ตอนที่ 80 น้ําใจของเจียวเจียว

บ้านของหยุนเคอเสร็จเร็วกว่ากําหนดแน่นอน มันจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากพวกชาวบ้านได้รับเงินค่าจ้างไม่เคยขาดมือ!

 

เมื่อบ้านอิฐสีเขียวหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนที่รกร้างตรงเชิงเขา ผู้คนในหมู่บ้านต่างตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นนายพรานจะมีรากฐานครอบครัวที่แข็งแกร่งเช่นนี้

 

แม้ว่าหยุนเคอที่มีหนวดเคราดกและแสนเย็นชายังไม่เป็นที่นิยมนัก แต่เขากลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้ร่ํารวยยิ่ง บรรดาหญิงสาวในหมู่บ้านต้องการมีชีวิตสุขสบาย ทั้งหมดเริ่มออกมาเดินกรีดกรายผ่านหน้าบ้านของหยุนเคอบ่อย ๆ ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้พบเจอและหวังให้ชายหนุ่มหนวดครื้มคนนี้ตกหลุมรัก

 

หญิงสาวในหมู่บ้านอย่างเฉินเจียวเจียวก็ด้วย!

 

นางเป็นหญิงสาวเจ้าสเน่ห์สมชื่อเจียวเจียว เป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูล แต่เพราะแม่ของนางเป็นคนปากร้ายจึง ไม่ใครกล้าตําหนิเรื่องที่ไม่สามารถให้กําเนิดลูกชายได้!

 

เดิมที่เฉินเจียวเจียวค่อนข้างรังเกียจชายที่มีหนวดเครารกรุงรัง แต่ด้วยความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ครอบครัวของนางยังคงอาศัยอยู่ในถ้ำบนไหล่เขา

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พูดถึงความป่าเถื่อนของชายคนนี้ ดังนั้นเฉินเจียวเจียวจึงไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานกับหยุนเคอ

 

แต่เมื่อบ้านหลังใหญ่ถูกสร้างขึ้น เฉินเจียวเจียวก็เปลี่ยนใจ!

 

นางรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงหญิงธรรมดาในหมู่บ้านเป็นไปไม่ได้ที่จะได้แต่งงานกับตระกูลดี ๆ อย่างมากที่สุดก็คงจะเป็นคนจากหมู่บ้านเดียวกันหรือหมู่บ้านใกล้เคียง

 

แล้วจะให้นางยินยอมได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแม่ของนางต้องการให้นางอยู่ในบ้านและเฝ้ารอลูกเขยแต่งเข้ามา เฉินเจียวเจียวก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วชายที่แต่งเป็นเขยเข้าบ้าน มักจะเป็นคนที่ครอบครัวฐานะยากจน หรือไม่ก็ร่างกายผิดปกติจนไม่สามารถแต่งงานได้

 

เฉินเจียวเจียวรู้ดีว่าแม่ของตนเป็นคนแบบไหน หากนางเลือกครอบครัวที่ร่ำรวย แม่จะต้องยินยอมอย่างแน่นอนในหัวใจของแม่ แม้ว่านางจะเป็นที่หนึ่งหรือสองอย่างไรเสีย เรื่องเงินก็สําคัญมากเช่นกัน!

 

บ้านที่หยุนเคออาศัยอยู่ก็ไม่ไกลจากบ้านของนาง แม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็สามารถกลับไปที่บ้านได้ตลอดเวลา แม่ของนางจะได้หมดกังวลว่าลูกสาวแต่งงานแล้วจะกลายเป็นคนของตระกูลอื่น

 

อีกอย่างหยุนเคอก็มีเงิน เมื่อไหร่ที่ต้องการความช่วยเหลือ แม่ก็จะสามารถพึ่งพาเขาได้!

 

ด้วยความคิดนี้ เฉินเจียวเจียวจึงไปหาหยุนเคอบ่อยยิ่งขึ้น และใช้วิธีการต่าง ๆ จัดการกับเด็กสาวในหมู่บ้านที่ต้องการปรากฏตัวต่อหน้าหยุนเคอ!

 

เนื่องจากเด็กสาวคนอื่น ๆ ไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่บ้านอย่างเช่นเฉินเจียวเจียว หากมีความขัดแย้งกันขึ้นมาจริง ๆ ไม่มีใครเหมือนกับแม่ของเฉินเจียวเจียวที่ไม่คํานึงถึงสิ่งใดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม!

 

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินเจียวเจียวทุกคนต่างถอยห่าง

 

หยุนเคอมักจะพบกับเฉินเจียวเจียวเวลาที่เขาเข้าออกบ้าน แต่เขาก็ไม่เคยชายตาแลผู้หญิงธรรมดาเช่นนี้ แม้ว่าจะดูแปลกไปหน่อยที่หญิงสาวเหล่านี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา แต่ตราบใดที่พวกนางไม่มารบกวนหยุนเคอก็ไม่สนใจ! 

 

ในฐานะสมาชิกใหม่ของหมู่บ้าน เขาจะมีอะไรให้ทําเพื่อแสดงผลงานในเร็วๆนี้ ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านรวบรวมคน เพื่อช่วยสร้างบ้านให้เฉินเดียนเถียน แน่นอนว่าเขาเป็นคน แรกที่ออกมาข้างหน้าและเสนอตัวเข้าช่วยพร้อมทุ่มอย่างสุดตัว!

 

เงินยี่สิบตําลึง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็พอสร้างบ้านธรรมดา

 

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านกล่าวถึงเรื่องนี้ บางคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากนางหยุนในตอนนั้นก็ต้องการตอบแทน ดังนั้นความคืบหน้าของบ้านหลังนี้จึงเร็วกว่าบ้านของหยุนเคอไปโดยปริยาย

 

ในตอนนี้เฉินเถียนเถียนรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก นางไม่อยากไปจากหมู่บ้านนี้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อผู้เฒ่าสี่ที่กําลังจ้องมองจากมุมมืดต้องการให้นางแต่งงานโดยเร็วที่สุด นางจึงเกรงว่าเวลาที่จะอยู่ในหมู่บ้านนี้เหลืออีกไม่มากแล้ว..

 

ตอนนี้คนในหมู่บ้านกําลังช่วยสร้างบ้าน เฉินเถียนเถียนก็ต้องไปที่ภูเขาทุกวันเพื่อเอาอาหารให้เด็กชายตัวน้อยรับประทาน

 

ทั้งหลินชวนฮวาและเฉินผิงอันต่างหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เด็กน้อยไม่เคยได้กินข้าวที่บ้าน และไม่เห็นว่าพวกเขาจะกังวลอะไรด้วยซ้ำ หลินชวนฮวาจงใจทําแบบนี้ ส่วนเฉินผิงอันนั้นไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

 

แม้ว่าจะต้องไปบนภูเขาเพื่อดูแลเฉินเฉินทุกวัน คนงานที่บ้านต่างก็กลับไปกินข้าวที่บ้านของตัวเองได้ แต่นางก็ยังต้องเตรียมน้ําชาเอาไว้ให้พวกเขาทุกวัน

 

เฉินเถียนเถียนสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดี แต่ก็มีใครบางคนเข้ามาแทรกแซง…นั่นก็คือเฉินเจียวเจียว!

 

ผู้คนในหมู่บ้านต่างให้ความสนใจเหตุการณ์นี้!

 

หากเฉินเจียวเจียวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินเถียนเถียน การกระทําเช่นนี้ก็ดูจะสมเหตุสมผล แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ทั้งสองไม่เคยพูดคุยกันเลยสักครั้ง โดยเฉพาะเฉินเจียวเจียวที่ดูถูกเฉินเถียนเถียนอย่างมาก และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับหลินชวนฮวาอีกด้วย!

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ช่างเอาอกเอาใจนัก ภายใต้แสงแดดที่แผดเผาร้อนแรง ก็ยังส่งน้ําชาไปยังที่ก่อสร้าง เรื่องนี้จึงน่าสนใจไม่น้อย!

 

เป็นเพราะเฉินเจียวเจียวไม่รู้จะหาข้ออ้างมาเข้าหาหยุนเคออย่างไร นางจึงต้องมีอะไรทําบังหน้า หากแต่พวกหญิงสาวที่มีเป้าหมายเดียวกันนี้ ย่อมรู้ดีว่านางคิดอะไรอยู่!

 

อย่างไรก็ตาม พวกนางก็ไม่สามารถขัดขวางการกระทํานี้ได้ จึงทําได้เพียงแค่พูดคุยกับพ่อแม่ของตน

 

ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่รู้ถึงเบื้องลึก เพียงแต่รู้สึกแปลก ๆ และอธิบายไม่ถูก…

 

แต่ก็ยังมีหญิงสาวบางกลุ่มที่ไม่ได้คิดอะไร รอชมเหตุการณ์นี้อย่างใจจดจ่อ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของนางที่ดุร้ายราวกับเสือ หญิงสาวเหล่านี้คงได้กล่าววาจาเสียดสีให้เฉินเจียวเจียวดูไร้ยางอายไปแล้ว!

 

หยุนเคอนั้นค่อนข้างมีนิสัยรักความสะอาด เขาจึงเตรียมน้ำดื่มสําหรับตัวเองไปด้วย แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะเตรียมไว้ให้ แต่เมื่อมีผู้คนเข้ามามากมาย เขาจึงไม่หยิบมันขึ้นมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ําจากคนแปลกหน้า!

 

เฉินเจียวเจียวถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง แต่นางก็ยังไม่ท้อถอย หลังจากแจกจ่ายน้ำให้คนอื่น ๆนางก็เทน้ําลงไปในแก้ว แล้วนําไปให้หยุนเคอ

 

“พี่ชายหยุน ทํางานหนักอยู่นาน พักดื่มน้ําก่อนแล้วค่อยกลับไปทําเถิด!”

 

หยุนเคอยังคงไม่สนใจนาง เขาหันกลับไปทํางานต่อ เดิมที่หยุนเคอไม่สามารถทํางานช่างก่ออิฐเช่นนี้ แต่คนในหมู่บ้านก็สอนเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาจึงเรียนรู้ได้

 

เฉินเจียวเจียวที่ถูกเมินก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายของตนก็พลันข่มใจไว้ แล้วจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “พี่ชายหยุน…อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่บ้านของท่าน หยุดพักเสียหน่อยจะเป็นไรไป?”

 

ทันที่ที่นางกล่าวจบ เขาลอบถอนหายใจเบา…. เฉินเจียวเจียวก็คือเฉินเจียวเจียว หยุนเคอไม่อาจเปลี่ยนนิสัยของนางได้!

 

หยุนเคอเผยสีหน้าเย็นชาออก ดูเหมือนว่าคราวนี้เขาจะหมดความอดทนแล้วจริง ๆ !

 

“ข้าไม่อยากพัก แล้วก็ไม่อยากดื่มน้ำ แม่นางรีบกลับบ้านเถิด แดดที่นี่ค่อนข้างแรง อย่าออกมาตากแดดเช่นนี้เลย” 

 

แต่เมื่อได้ฟังประโยคนี้เฉินเจียวเจียวกลับรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก น้ำเสียงทุ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดของหยุนเคอติดตรึงเข้าไปในใจของนางทันที!

 

 

ตอนที่ 79 ถูกทอดทิ้ง

 

เฉินเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาคาดไม่ถึงว่าการเขียนของลุงหยุนจะดีกว่าพี่สาวมาก ส่วนตัวเขายังเด็กจึงไม่เข้าใจการเขียนเท่าไหร่นัก และในตอนนี้เขาก็พอใจกับลายมือของตนแล้ว!

 

เมื่อได้ยินเรื่องน่าประหลาดใจ เฉินเถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปดูที่โต๊ะ

 

ภาพที่ปรากฏทําให้ใบหน้านั้นแดงขึ้นสี

 

หากไม่มีการเปรียบเทียบ นางยังสามารถหลอกตัวเองว่างานเขียนของตนไม่ได้แย่! แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็รู้สึกว่างานเขียนของนางไม่ควรให้ใครเห็น!

 

หยุนเคอหัวเราะในใจ ‘หญิงสาวผู้นี้…’

 

จากนั้นเขายิ้มพร้อมกล่าวกับเด็กชาย “พี่สาวเจ้าเขียนได้ ไม่ค่อยดีเท่าข้า แต่เมื่อพูดถึงการบรรยาย ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าพี่สาวของเจ้านั้นมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ มาก! แต่ละคนย่อมมีจุดแข็งของตัวเอง!”

 

เฉินเถียนเถียนละทิ้งความเขินอาย และมองไปที่โต๊ะทํางานอย่างจริงจัง

 

เมื่อเห็นตะขอเงินและภาพวาดเหล็ก เฉินเถียนเถียนเข้าใจทันที่ว่าทําไมคุณปู่จึงมักวิจารณ์งานเขียนของนางว่าไร้จิตวิญญาณ!

 

คนโบราณที่อยู่ตรงหน้าอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ตอนนี้เขาเป็นเพียงนายพรานที่วิ่งไปมาบนภูเขาทุกวันเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง เอาเวลาจากไหนไปฝึกคัดลายมือ? นับว่ามีพรสวรรค์จริง ๆ! แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไม่ต้องฝืน อย่างไรก็ตามลายมือของนางก็ยังพอเอาไปอวดผู้คนได้!

 

เฉินเถียนเถียนรีบปลอบใจตัวเอง จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนความคิดและกลับไปทําอาหารต่อ!

 

“ใช่! แม้ว่าข้าจะเขียนไม่เก่ง แต่อาหารที่ทําก็ยังอร่อยอยู่ เฉินเอ๋อ… ข้าก็มีข้อดีมากมาย อย่าได้ประเมินพี่สาวต่ําไป!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง พี่สาวคนนี้ถือเป็นพรแก่เขายิ่ง!

 

มีเนื้อสดแขวนอยู่ในถ้ำ และถั่วที่หยุนเคอซื้อมาจากเชิงเขา! นอกถ้ำมีผักปานานาชนิดที่เก็บรวบรวมมา มันเพียงพอสําหรับเป็นอาหารของทั้งสามคน

 

มีอาหารสดใหม่และอร่อยอยู่สองสามอย่างบนโต๊ะหินกลมขนาดใหญ่ ซึ่งทําให้คนเห็นรู้สึกอยากอาหารข้าวขาวนึ่ง ใหม่ในหม้อหอมหวนมากจนทั้งสามคนต้องรีบละมือมากินข้าวก่อน

 

เฉินเฉินไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้มานาน เขาจึงไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป

 

“คราวหน้าถ้าหิวก็มาที่ถ้ำ พี่สาวจะทําอาหารให้กินเอง ไม่ต้องไปหาแม่ที่ไร้ยางอายของเจ้าเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงกับเจ้า!”

 

หยุนเคอเอียงศีรษะและกล่าว “นักปราชญ์จะไม่ทําให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย! บางครั้งเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะถอยและหลีกเลี่ยง!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างหมดท่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่บอกเด็กชายก็ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว!

 

“ในตอนนี้ชีวิตของเจ้ายังอยู่ในมือของหลินชวนฮวา ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องวันนี้และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเงียบ ๆ ถ้านางอนุญาตให้เจ้ากิน เจ้าก็ไปกิน แต่ถ้านางไม่ให้กิน ก็หลบอยู่ในห้อง ห้ามออกมาเป็นอันขาด ถ้าหิวจริง ๆ ให้หาทางมาที่ถ้ำ พี่สาวจะเก็บอาหารไว้ให้!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาซึม

 

ภายใต้การยุยงของหลินชวนฮวา เขาจึงไม่เคยพูดคุยกับพี่สาวมาก่อน ไม่ว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ไม่สนใจ เขาถึงกับพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้นางถูกทุบตี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขามีชีวิตอยู่รอดได้จากการคุ้มครองของพี่สาว

 

“เมื่อก่อนตอนข้ายังอยู่ที่นั่น หลินชวนฮวามีข้าเป็นที่ระบายความโกรธ ดังนั้นชีวิตเจ้าจึงดีขึ้น แต่ตอนนี้ข้าได้รับอิสระแล้ว! และเจ้า…อา! เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หมดหวังกับแม่ของตัวเองแล้ว แม้แต่พ่อเขาก็ยอมแพ้แล้ว!

 

ในตอนกลางคืน แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่อยากกลับบ้านแต่เขาก็ต้องจําใจกลับ

 

เมื่อกลับถึงบ้านเฉินผิงอันและหลินชวนฮวานั่งอยู่ที่โต๊ะและทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว

 

เมื่อเห็นเฉินเฉิน ดวงตาของเฉินผิงอันเบิกกว้าง “เจ้าเด็กตัวเหม็นไปไหนมาทั้งวัน? เจ้าทะเลาะกับใครในหมู่บ้านมาหรือ? ดูหน้าเจ้าสิ”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและไม่ยอมพูด ความทุกข์ใจของเฉินผิงอันค่อย ๆ กลายเป็นความโกรธ เด็กหน้าเหม็นคนนี้ เชื่อฟังพ่อของเขาบ้างหรือไม่? เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลย?

 

“ไม่อยากพูดหรือ? ถ้าไม่พูดก็กลับห้องของเจ้าไปซะ ไม่ต้องกินข้าวเย็น!”

 

เฉินเฉินก้มศีรษะลงอีกครั้งและกลับไปที่ห้องโดยไม่กล่าวอะไรสักคํา

 

หลินชวนฮวารีบใช้โอกาสนี้เติมเชื้อไฟ “ผิงอัน ลูกเฉินเอ๋อนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อเช้าเขาวิ่งไปที่ห้องแล้วตระโกนถามข้าว่าท่านแม่เอาพี่สาวไปซ่อนไว้ที่ไหน? ท่านคิดว่าข้าจะเอาพี่สาวของเขาไปซ่อนไว้ที่ไหนได้ล่ะ? หลังจากถูกตําหนิไม่กี่คํา เขาก็วิ่งหนีและหายไปทั้งวัน!”

 

“เด็กดื้อเช่นนี้ไม่สมควรได้เรียนหนังสือ!”

 

ใบหน้าของเฉินผิงอันมืดมน เป็นที่เข้าใจได้ว่าเมื่อผู้ใดก็ตามบอกว่าลูกของเขามีพฤติกรรมที่ไม่ดี เขาก็จะแสดงออกเช่นนี้!

 

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย นางก็เริ่มหว่านล้อมอีกครั้ง “เด็กคนนี้เป็นลูกของข้า ข้าจะทนทําร้ายเขาจริง ๆ ได้อย่างไร แต่เพราะข้าไม่รู้และกังวลเกินไป จึงดุเขาไปสองสามคํา ในใจของเขามีแต่พี่สาว ข้าเกรงว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี!”

 

เฉินเฉินคิดถึงแต่เฉินเถียนเถียน… คําพูดนี้บีบรัดหัวใจของเฉินผิงอันเหลือเกิน!

 

ในครานั้นหญิงผู้หนึ่งตั้งแง่รังเกียจเขาเพราะชายป่า เลื่อนที่ไหนไม่รู้ ในตอนนี้ลูกชายแท้ ๆ ของเขาก็มาชั่งน้ำหน้าเขาเพราะลูกสาวของหญิงผู้นั้น!

 

เฉินผิงอันโกรธแค้นเป็นอันมาก “ในเมื่อตั้งใจจะมอบสิ่งดี ๆ ให้เจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่นแต่เขาไม่ต้องการก็ลืมมันไปซะ! ตัวข้าเนรมิตเงินทองได้หรือ? เฉิงเยี่ยกําลังศึกษาอยู่ที่เมืองถัดไป เจ้าควรกระตุ้นให้เขาจริงจังกว่านี้! เขาคือความหวังเดียวของครอบครัวเรา!”

 

เฉินเฉินได้ยินการสนทนาจากนอกบ้าน เด็กน้อยรู้ดีว่าเสียน้ำตาไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงแค่ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวอย่างไม่ต้องการรับรู้

 

ท่านพ่อถอดใจจากเขาเพียงแค่เพราะคําพูดยุแยงไม่กี่คําจากท่านแม่…

 

หัวใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ถูกทอดทิ้ง! โชคดีที่ยังมีพี่สาว… เฉินเฉินคอยปลอบตัวเองในใจ!

 

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าในที่สุดเฉินผิงอันก็คล้อยตามความคิดนาง จึงพิงซบเฉินผิงอันและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ใช่แล้ว! มีแค่เฉิงเยี่ยเท่านั้น! ตั้งแต่เขาไปเรียนหนังสือก็ได้รับการยกย่องชมเชยจากท่านอาจารย์ เราอดทนเพื่อเขามาเป็นเวลาหลายปี! ตราบใดที่ยังยืนหยัด เขาจะได้เป็นซิ่วไจในปีหน้า! สามี… เมื่อถึงเวลานั้น เราจะรุ่งโรจน์และจะไม่มีผู้ใดดูถูกเราได้อีก!”

เฉินผิงอันดูเหมือนจะจมอยู่ในจินตนาการ เขาลืมไปแล้วที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกไว้ว่าเฉินเฉิงเยี่ยอาจจะไม่สามารถเข้าสอบได้ด้วยซ้ำ!

 

 

ตอนที่ 78 ความโกรธของเถียนเถียน

 

ในที่สุดเฉินเฉินก็ฉวยโอกาสที่หลินชวนฮวากําลังเผลอ รีบวิ่งออกจากประตูไปทันที!

แต่เขาไม่กล้าไปที่ประตูหน้าเพราะเกรงว่าจะพบกับหลินชวนฮวา และอาจจะถูกทุบตีแบบไร้เหตุผลอีกครั้ง

 

เขาจึงวิ่งออกจากประตูหลังไปได้ไม่ไกลก็ชนเข้ากับหยุนเคออย่างแรง หยุนเคอตกใจเล็กน้อยแต่เมื่อมองดูให้ดีก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

 

ใบหน้าของเฉินเฉินบวมไปครึ่งซีก มุมปากของเขามีเลือดซึมออก มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกทุบตีแต่ในตระกูลเฉินใครจะทุบตีเฉินเฉินได้?

 

“ลุงหยุน ท่านเห็นพี่สาวข้าไหม?”

 

หยุนเคอตกตะลึง เฉินเถียนเถียนไม่ได้กลับบ้านหรือ? นางจะไปที่ไหนได้?

 

“ข้าก็ไม่รู้ แต่เจ้าไปกับข้าก่อนข้าจะตรวจดูอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ให้เ”

 

แม้ว่าปกติแล้วเฉินเฉินจะกลัวลุงหนวดผู้นี้ แต่หลังจากติดตามพี่สาวของตนไปที่บ้านของอีกฝ่ายหลายครั้ง เขาก็รู้สึกคุ้นเคยและไม่หวาดกลัวแล้ว!

 

หยุนเคอพาเฉินเฉินไปที่ถ้ําระหว่างทางขึ้นภูเขา จากนั้นก็นตู้ที่เขาทําขึ้นเองออกมา ในนั้นมียารักษาแผลสีทองและเหล้าสมุนไพร!

 

เฉินเฉินตัวน้อยถอดเสื้อผ้าออก หลินชวนฮวาทั้งทุบตีและ ด่าทอเขาตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ปรากฏร่องรอยแผลเป็นมากมายบนร่างกายของเขา ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านเมื่อต้องลมหนาว!

 

แม้แต่คนเย็นชาอย่างหยุนเคอ ยังรู้สึกโกรธมากเมื่อเห็น รอยแผลเป็นเหล่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็คือลูกชายของนาง ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นทําแบบนี้ได้อย่างไร?

 

“มานี้ ข้าจะทายาตรงรอยฟกช้ําให้ เจ็บนิดหน่อย ต้องอดทนไว้!”

 

ด้วยเหตุนี้ หยุนเคอจึงลอบใช้พลังอย่างลับ ๆ ดูเหมือนว่าเฉินเฉินจะชินชากับความเจ็บปวดเช่นนี้มานานแล้ว จึงสามารถอดกลั้นได้

 

ในตอนนี้ เฉินเถียนเถียนก็มาถึงแล้วเช่นกัน

 

หลังจากทานมื้อเช้าที่บ้านของจีชื่อแล้ว นางงี้ก็มีธุระที่ต้องทํา ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพัง 

 

เฉินเถียนเถียนไปที่ลานบ้านตระกูลเฉิน แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั้น!

 

คนอย่างหลินชวนฮวาจะปล่อยให้เฉินเฉินออกไปได้อย่างไร ต้องถูกขังไว้ในบ้านสิ! การที่เฉินเฉินไม่อยู่ที่นี่เป็นไปได้ว่า เขาต้องแอบวิ่งออกไปเอง!

 

นอกจากลานบ้านแล้วจะไปที่ไหนได้อีกล่ะ? เฉินเถียนเถียนแทบจะไม่นึกถึงที่อื่นเลย ยกเว้นถ้ำของหยุนเคอ!

 

ดังนั้นเมื่อเฉินเถียนเถียนเดินเข้าไปในถ้ําก็เห็นภาพนี้

 

“เฉินเอ๋อ? หลินชวนฮวาตีเจ้าอีกแล้วหรือ? เหตุใดนางถึงทําร้ายเจ้าอีก?”

 

เฉินเฉินหันไปเห็นพี่สาว น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ทั้งหมดก็พลั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก!

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าหยุนเคอที่เป็นคนนอก เขายังพอทนได้ แต่เมื่อเห็นพี่สาวอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่สามารถแบกรับความคับข้องใจ อีกต่อไปได้และเริ่มร้องไห้ออกมา

 

“หลินชวนฮวา นังสารเลว! เจ้าเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนางกล้าดีอย่างไรถึงทํากับเจ้าแบบนี้? ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะเอาคืนให้สาสม!”

 

เฉินเถียนเถียนไม่สามารถอดกลั้นกับความโกรธนี้ได้อีกต่อไป นางจึงผละออกไปอย่างฉุนเฉียว!

 

ในตอนนั้น หยุนเคอที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวออกมาอย่างเป็นชา “ในเมื่อรู้ว่านี่คือลูกชายแท้ ๆ ของนาง เจ้าจะจัดการเรื่องนี้ได้หรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนที่ถูกถาม สงบลงราวกับโดนนเย็นสาดนางไม่ได้อยู่ในตําแหน่งที่จะไปลงโทษผู้กระทําผิดได้! 

 

“แต่เจ้าจะปล่อยนางไปหรือ? เด็กเล็กแค่นี้ นางกลับลงมือได้อย่างโหดร้าย! หากไม่ระวังจนเกิดเรื่องร้ายกับเขาจะทําอย่างไร? เฉินผิงอันนั้นเป็นคนโง่งม เขาไม่เคยจะสนใจเรื่องพวกนี้!”

 

เฉินเฉินยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น ร่างกายผอมบางของเขาสวมเสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าตัวไปหลายขนาด ยิ่งทําให้ดูหลวมโพรก!

 

“ไม่ต้องกังวล! เฉินเอ๋อ… ข้าคิดว่าเจ้าควรบอกเรื่องนี้ กับเฉินผิงอัน! แม้ว่าเฉินผิงอันจะเป็นคนไร้จิตสํานึก แต่อย่างไรเจ้าก็เป็นลูกชายของเขา ไม่มีทางที่เขาจะละเลยเจ้าได้!”

 

เฉินเฉินสะอื้นไห้แล้วพูดขึ้น “พูดไปก็ไร้ประโยชน์! ท่านแม่ ท่านแม่เอาแต่บอกว่าข้าซนและอยากแต่จะไปเรียน เท่านั้นนางก็ไม่สนใจข้าแล้ว แต่ถ้านางรู้ว่าข้าฟ้องท่านพ่อ ครั้งหน้าข้าคงโดนหนักกว่านี้!”

 

นี่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน เฉินผิงอันไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา ตราบใดที่เขาออกไปข้างนอก หลินชวนฮวาก็จะสบโอกาสทําร้ายเฉินเฉินอีก!

 

“เอาล่ะ ต่อไปถ้าหลินชวนฮวาตีเจ้า ต้องรีบวิ่งหนี รู้หรือ ไม่? อย่ายืนโง่ ๆ แล้วปล่อยให้นางตี! และตราบใดที่เฉินผิงอันไม่อยู่บ้าน เจ้าควรอยู่ต่อหน้าหลินชวนฮวาให้น้อยที่สุด!”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ

 

“พี่สาว วันนี้ท่านควรสอนข้าอ่านหนังสือต่อ!”

 

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ดวงตาอันเฉียบคมของหยุนเคอก็มองไปยังเฉินเถียนเถียนทันที!

 

จําได้ว่าครั้งล่าสุดหญิงผู้นี้บอกว่านางไม่รู้หนังสือ? ดูเหมือนว่าคําโกหกจะถูกเปิดเผยในตอนนี้?

 

แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะหน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็หน้าด้านทําที่ไม่มองหยุนเคอและหันไปนั่งลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบชุดหนังสือออกมาจากด้านบนของตู้หนังสือ

 

จากนั้นก็ไม่สนใจการมีตัวตนของหยุนเคอ และเริ่มสอนเฉินเฉินอ่านหนังสือในแบบของตัวเอง!

 

ความรู้สึกของหยุนเคอค่อย ๆ เปลี่ยนจากความสนใจเป็นความชื่นชม!

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะมีเหตุผล แต่เขาก็ยังคงเป็นเด็ก! เด็กที่สมาธิยังไม่แน่วแน่ เมื่อต้องนั่งนาน ๆ ก็มักจะอยากออกไปวิ่งเล่น!

 

แต่เรื่องสั้นที่เล่าโดยเฉินเถียนเถียน ไม่เพียงแต่มีความจริงที่เฉียบคมเท่านั้น ยังทําให้เด็ก ๆ ซึมซับไปกับมันและ รู้สึกอัศจรรย์จนไม่อยากหยุดเรียน!

 

เฉินเถียนเถียนมั่นใจเรื่องการสอนมาก ประสบการณ์พัน ปีของนางจะด้อยไปกว่าความดื้อรั้นของเด็กในยุคนี้ได้อย่างไร?

 

หญิงสาวที่มีความมั่นใจและเฉลียวฉลาด จึงสามารถดึงดูดใจผู้อื่นได้ เฉินเถียนเถียนพูดคุยและอธิบายอย่างอดทนเมื่อเด็กน้อยไม่เข้าใจ แววตาของหยุนเคออ่อนลงอ ย่างช่วยไม่ได้ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยซ้ํา!

 

เฉินเฉินเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ ประกอบกับวิธีการสอนของเฉินเถียนเถียน เขาจึงยิ่งใฝ่เรียนใฝ่รู้

 

จนช่วงเช้าผ่านไป เฉินเฉินผู้หิวโหยก็ยกศีรษะขึ้นจากทะเลแห่งหนังสือ!

 

“หิวแล้วหรือ? ข้ารู้ว่าแม่ของเจ้าไม่ให้กินข้าว! แต่วันนี้พี่ สาวจงใจไม่ให้เจ้ากินมื้อเช้าและปล่อยให้เจ้าหิวคราวนี้รู้ หรือยัง? ถ้าเจ้าหิวก็ต้องบอก หากไม่พูดออกมาจะมีผู้ใดรู้ หรือว่าหิว?”

 

เฉินเฉินมองเฉินเถียนเถียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง เขาคาดไม่ถึงเพราะคิดว่าเฉินเดียนเถียนโกรธจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

 

เห็นเด็กน้อยพยักหน้า เฉินเดียนเถียนก็คิดว่าเขาทําอย่างขอไปที่ เมื่อหันไปสบตากับหยุนเคอที่มองมาอย่างมีความหมาย ก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้!

 

“หยุนเคอ ดูท่าว่าข้าจะต้องยืมสถานที่ของท่านอีกครั้ง ข้าจะเข้าไปทําอาหารในครัว พวกเราจะกินข้าวกันในถ้ำนี้ ท่านไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่?”

 

หยุนเคอพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นก็นั่งดูเฉินเฉินฝึกเขียน!

 

เฉินเถียนเถียนยังเขียนบางคําลงไประหว่างบทเรียนทั้งในแนวตั้งและแนวนอน แต่ดูเหมือนน้ําหนักมือจะยังขาดความหนักแน่น!

 

หยุนเคอหยิบปากกาในมือของเฉินเฉินและกระดาษข้างบนโต๊ะ ก่อนจะตวัดมือราวกับหงส์บินร่ายรํา เพื่อคัดลอกคําที่เฉินเถียนเถียนเขียนขึ้นมาอีกครั้ง!

 

 

ตอนที่ 77 ความจริง

 

จี๋ชื่อโอบไหล่ของเฉินเถียนเถียนพร้อมกับถอนหายใจ!

 

เรื่องราวของคนในอดีต เฉินเถียนเถียนคิดว่านางไม่มีสิทธิ์ที่จะถอนหายใจ ดังนั้นจึงได้แต่ก้มหน้าลงโดยไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ !

 

จี๋ชื่อยังคงหยุดปากของนางไม่ได้จึงพูดต่อ “ถึงตอนนั้นข้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้ารู้สึกว่าท่านย่าของเจ้ารู้สึกผิดกับเรื่องบางอย่างต่อแม่ของเจ้า! หลังจากนั้นนางจึง พยายามทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้พ่อของเจ้าแต่งงานกับหลินชวนฮวา นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกัน!”

 

รู้สึกผิด?

 

แหล่งข้อมูลชั้นยอด!

 

เป็นไปได้ไหมที่ท่านย่าผู้นี้เคยทําอะไรให้นางหยุนเสียใจ? ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกผิดได้อย่างไร?

 

จากนั้นไม่นาน เฉินเถียนเถียนก็ถูกจี๋ชื่อจัดแจงให้พักในห้องที่ท่านย่าอาศัยอยู่ แม้ว่าท่านย่าจะนอนซมอยู่บนเตียง แต่บางครั้งก็มีสติชัดเจน บางครั้งก็สับสน!

 

อย่างเช่นตอนนี้ที่นางเห็นใบหน้าของเฉินเถียนเถียน ซึ่งเหมือนกับนางหยุนผู้ล่วงลับ ดวงตาของนางก็ฉายแววความรู้สึกผิดออกมา

 

“จิงเอ๋อ…เป็นแม่เองที่ไม่ดีที่รั้งเจ้าไว้ให้แต่งงานกับผิงอันเดิมที่ข้าอยากให้ลูกชายคนนี้มีความสุข ใครจะไปรู้ว่ามันจะทําร้ายเจ้าและลูกสาวของเจ้า!”

 

หมายความว่าอะไร? หญิงชราที่อยู่ตรงหน้าบังคับให้นางหยุนแต่งงานกับเฉินผิงอันงั้นหรือ?

 

เฉินเถียนเถียนที่สงสัยใคร่รู้เรื่องราว ดังนั้นนางจึงเดินไปพูดกับหญิงชราที่แววตาแตกสลาย “เพราะเหตุใด? เหตุใดท่านถึงต้องการให้ข้าแต่งงานกับเฉินผิงอัน?”

 

แม่เฒ่าเฉินพูดอย่างเลื่อนลอย “เพราะเด็กคนนั้น ชอบเจ้า! ผิงอันเป็นลูกที่ข้ารักที่สุดในชีวิต เขาชอบสิ่งไหนแน่นอนว่าข้าต้องหาวิธีช่วยให้เขาได้มันมา!”

 

อะไรนะ?

 

เฉินผิงอันชอบนางหยุน?

 

ทําไมถึงไม่เคยมองเห็นมันล่ะ?

 

เฉินเถียนเถียนคิดว่าดวงตาของนางยังคงเฉียบคมและ อ่านสายตาของคนไม่ผิด ทุกครั้งที่เฉินผิงอันกล่าวถึงนางหยุนแววตาของเขามีแต่ความเกลียดชัง!

 

“เถียนเถียนไม่ใช่ลูกของเฉินผิงอันหรือ?”

 

แม่เฒ่าเฉินเบิกตากว้างและพึมพําในลําคอ “ไม่ใช่… ข้าช่วยชีวิตจิงเอ๋อไว้ในตอนนั้นจึงเอ๋อมีลูกแล้ว แต่ผิงอันบอกว่าเขาไม่สนใจ! จิงเอ๋อ… ผิงอันบอกข้า เขาบอกว่าจะปฏิบัติต่อเด็กคนนั้นเหมือนลูกของเขาเอง จิงเอ๋อ… ขอแค่เจ้าอยู่ที่นี่!”

 

เอาล่ะ! เฉินเถียนเถียนเข้าใจแล้ว หญิงชราตรงหน้าบังคับให้หยุนจิงเอ๋อแต่งงานกับเฉินผิงอัน ด้วยบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตหยุนจิงเอ๋อเอาไว้

 

หยุนจิงเอ๋อไม่เคยคิดที่จะประนีประนอมเลยแม้แต่น้อย หรือว่าก่อนหน้านี้จะเคยได้รับความบอบช้ําทางจิตใจ หรือว่าคนรักของนางตายไปแล้ว เหลือเพียงเด็กอาภัพคนนี้ ดังนั้นจึงไม่สนใจที่จะแต่งงานกับชายป่าเถื่อนแบบนี้! 

 

“ในเมื่อเฉินผิงอันชอบข้ามาก เหตุใดเขาจึงทําไม่ดีกับลูกสาวของข้า?”

 

เฉินเถียนเถียนรู้สึกอยู่เสมอว่าหญิงชราตรงหน้ายังรู้ความลับบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ ดังนั้นใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ดีที่สุด ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทุกคนต่างออกไปทําเรื่องอื่น ๆ !

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้แม่เฒ่าเฉันเริ่มสับสน!

 

“ผิงอัน ผิงอันของแม่! เหตุใดเจ้าไม่มาหาแม่ล่ะ?”

 

อาการของแม่เฒ่าเฉันคงจะประมาณนี้ ตอนนี้ นางกําลังสับสน แม้ว่านางอยากคิดอะไรก็เกรงว่าจะทําไม่ได้แล้ว!

 

เฉินเถียนเถียนทําได้เพียงวางทุกอย่างไว้ชั่วคราว แล้วล้มตัวลงบนเตียงไม้เล็ก ๆ นั้น!

 

ถึงจะนอนบนกองไม้มานานจนชินแล้ว แต่เนื่องจากมีที่ที่นุ่มกว่า เฉินเถียนเถียนจะรู้สึกไม่สบายได้อย่างไร?

 

แม้ว่าจะมีหญิงชราแปลกหน้าอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความง่วงของตัวเองได้! ในไม่ช้า เฉินเถียนเถียนก็ผล็อยหลับไป

 

หญิงชราพูดพร่ำทั้งน้ําตาและในที่สุดก็ผล็อยหลับไปเช่ นกัน

 

วันรุ่งขึ้นเฉินเถียนเถียนตื่นแต่เช้าตรู! ไม่ได้กลับไปที่ ลานบ้านตระกูลเฉินทั้งวัน แม้ว่าในบ้านนั้นจะไม่มีอะไรให้ต้องคิดถึงแต่ถึงอย่างไร นางก็ไม่สามารถปล่อยเรื่อง เฉินเฉินไปได้!

 

แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะไม่สนใจเขาก็ได้ แต่เขาก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง หากแม่ของเขาไม่สนใจ และปล่อยให้อดอยากจนตาย มันต้องแย่แน่ ๆ ด้วยจิตวิญญาณของตํารวจผู้รักในความยุติธรรมจึงทําให้นางปล่อยวางไม่ได้!

 

ตอนนี้หยุนเคอลงจากภูเขาและกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่ง ของหมู่บ้านอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าเขาก็อยู่ในเหตุการณ์สําคัญเมื่อวานนี้ด้วย!

 

ในตอนนั้น หยุนเคอไม่สามารถยืนหยัดข้างนางได้ ด้วยเกรงว่าจะทําให้หญิงสาวที่เสียชื่อเสียงยิ่งแย่ลงไปอีก!

 

เขากังวลว่าหญิงสาวอาจจะถูกทุบตีอย่างรุนแรงเมื่อกลับมาถึงบ้าน ดังนั้นเขาจึงหลบซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ อยู่ระแวกบ้านตระกูลเฉิน หากเกิดอันตรายถึงชีวิต เขาจะได้ออกมาช่วยหญิงสาวได้ทัน!

 

ถึงไม่สามารมาจะมาจากผู้ใดคิดเลยว่าบาง

 

หยุนเคอได้แต่สงสัย เขาไม่ใช่คนที่ใจดีนัก แต่เหตุใดเขาถึงไม่สามารถปล่อยเรื่องของหญิงสาวไปได้ เขาคิดว่าทั้งหมดนี้น่าจะมาจากผู้หญิงคนนี้ที่ดึงดูดความอยาก รู้อยากเห็นของตัวเอง แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าบางครั้งก็เกิด ความรู้สึกดี ๆ และหัวใจเต้นแรงจากความอยากรู้อยากเห็นเหล่านี้

 

ดูเหมือนว่าหยุนเคอไม่รู้ว่านางจะไม่กลับบ้านในคืนก่อน แต่ไปอาศัยอยู่ที่บ้านป้าใหญ่จี้!

 

เมื่อเฉินเฉินตื่นนอนขึ้นมา หลินชวนฮวาไม่ได้ออกไปไหนแต่ก็ไม่เหลืออะไรไว้ให้เด็กน้อยได้กิน!

 

เฉินเฉินเดินไปรอบ ๆ ห้องครัวและพบว่าไม่มีใครเก็บอะไรไว้ให้เขากินจริง ๆ เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าแม่ต้องการให้เขาอดอาหาร!

 

หัวใจดวงน้อยของเฉินเฉินทําใจเรื่องความหิวได้นานแล้ว จากนั้นเขาก็คิดว่าถึงเวลาที่พี่สาวต้องสอนเขาอ่านหนังสือ

 

เขาจึงแอบมาที่โรงเก็บไม้ แต่รออยู่นานก็ไม่มีส้มเสียงของพี่สาว แม้กระทั่งผ้าปูที่นอนที่เก่าจนโทรมก็หายไป!

 

เขาหงุดหงิดมากเพราะกลัวว่าแม่ของเขาจะจับพี่สาวแต่งงานกับคนโง่นั่นจริง ๆ จึงรีบวิ่งออกไปอยู่ตรงหน้าหลินชวนฮวา

 

“แม่ พี่สาวล่ะ? พี่สาวอยู่ที่ไหน?”

 

หลินชวนฮวาฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ลูกชายที่นางให้กําเนิดมาอย่างยากลําบาก เอาแต่นึกถึงนังเด็กบ้านั้นนี่ไม่เท่ากับ เป็นการตบหน้านางหรือ?

 

ดังนั้นนางจึงยกมือขึ้นตบหน้าเฉินเฉินอย่างแรงจนเด็กน้อยหูอื้อ ปากแตกจนมุมปากมีเลือดซึมออกมา!

 

“ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปี แต่ใจของเจ้ากลับคิดถึงแต่นังบ้านั่น! ออกไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

 

เฉินเฉินทรุดลงกับพื้น ไม่เคยคิดเลยว่า แม่จะโหดร้ายกับตนเช่นนี้ เขาตกตะลึงอยู่ครึ่งค่อนวัน ลืมแม้กระทั่งจะร้องไห้

 

แต่หลินชวนฮวาหาได้สนใจเขา นางลุกขึ้นและเดินผ่านเฉินเฉินออกไปข้างนอก บางครั้งก็ใช้เท้าเตะเด็กน้อยอย่างรุนแรง

 

เฉินเฉินได้แต่ปิดปากของเขาเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้! เขารู้ว่าในเวลานี้ร้องไห้ไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรเฉินผิงอันก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน และไม่มีใครต่อสู้กับหลินชวนฮวา เพื่อปกป้องเขาได้

 

 

ตอนที่ 76 ออกจากตระกูล

 

ผ่านไปนานกว่าเฉินผิงอันจะกล่าวออก “นางหยุนตายไปหลายปีแล้ว แม้จะตามหาจนเจอ ใครจะรู้ว่านางเป็นคนที่พวกเขากําลังตามหาจริง ๆ ท่านผู้เฒ่า ท่านระแวงเกินไปหรือไม่?”

 

ท่านผู้เฒ่าใหญ่จ้องมองเฉินผิงอันด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า ชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์ผู้นั้น กลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อใด?

 

“เฉินผิงอัน เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่มีใครหาเจอ? หน้าตาของนางหยุนในตอนนั้นก็คล้ายคลึงกับนังหนูในตอนนี้ แค่นี้ก็เพียงพอให้คนจดจําได้! นอกจากนี้ตระกูลใหญ่ยังมีวิธี การตรวจสอบมากมาย เจ้าไม่รู้หรือ? ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเลือด หรือปานบนร่างกาย ย่อมหาหลักฐานได้เสม อ!”

 

“แทนที่จะกลัวว่าจะมีคนมาตามเจอ เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดว่านี่ก็เป็นลูกสาวของเจ้าคนหนึ่งล่ะ! นางแต่งกับเจ้าด้วยสินเดิมทั้งหมดและยังให้กําเนิดลูกสาว แต่ตอนนี้เจ้าใช้สมบัติของผู้อื่น แล้วยังปฏิบัติต่อลูกสาวของนางไม่ดี เจ้ายังมีสํานึกอยู่หรือไม่? หมู่บ้านเทพธิดาจะยอมรับสัตว์ร้ายเช่นเจ้าได้หรือ?”

 

“ตกลง หากเจ้าไม่อยากแยกตระกูล! ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปจากหมู่บ้านเทพธิดาได้เลย เจ้าไม่สามารถอยู่ที่นี่อีกต่อไป! เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์หมู่บ้านของเราเสียหาย!”

 

แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่เต็มใจที่จะออกจากหมู่บ้านเทพธิดา แม้ว่าโฉนดที่ดินจะเป็นของเขา แต่ที่ดินก็ไม่สามารถเอาไปได้! เมื่อเขาจากไป นั่นหมายความว่าเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!

.

“แยกไปเถอะ แต่ต้องหาข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้ จะปล่อยให้คนทั้งหมู่บ้านต้องทนทุกข์ไปกับเจ้าไม่ได้”

 

ผู้เฒ่าสี่กล่าวประโยคนี้ขึ้นมา เฉินเถียนเถียนรู้ว่าผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์และมีแผนการ! แต่ไม่รู้ว่าแผนนั้นคืออะไร?

 

“ต้องหาข้อแก้ตัวให้ได้! นังหนูข้าทําผิดต่อเจ้าในเรื่องนี้ ในเมื่อชื่อเสียงของเจ้าเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ถ้าคนที่แต่งงานกับเจ้าไม่สนใจ เจ้าก็จะไม่ต้องสนหรอก แต่หากเจ้ากังวลก็แค่อยู่ในหมู่บ้านเพื่อดูแลคนแก่ชรา! ไม่เป็นไร แค่บอกดวงชะตาของเจ้าขัดกับดวงของพ่อก็พอ!”

 

ผู้เฒ่าหกทําตามความคิดนี้ทันที! ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เฉินเถียนเถียนทํานั้นไม่ดีนัก แต่สาเหตุที่นางต้องทําแบบนี้คือเฉินผิงอันพ่อของนาง!

 

เฉินเถียนเถียนเย้ยหยัน หากวันหนึ่งชาวบ้านรู้ว่าเฉินผิงอัน ไม่ใช่บิดาผู้ให้กําเนิดนาง คงจะตกใจเป็นอย่างมาก! ท้ายที่สุดแล้ว ความคับข้องใจและทุกข์ทรมานเหล่านี้ก็ไร้เหตุผล

 

อย่างไรก็ตาม ต่อให้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาในตอนนี้ เฉินผิงอันย่อมปฏิเสธอย่างแน่นอน และจะทําให้การสืบสวนเขา ในอนาคตยากยิ่งขึ้น ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงทําได้เพียงแค่ ยอมรับมัน!

 

“เอาล่ะ! ชื่อเสียงหรืออะไรนั้นไม่สําคัญ อย่างน้อยเจ้าก็มีชีวิตอยู่รอดได้!”

 

ท่านผู้เฒ่าใหญ่ยืนขึ้นกล่าวข้อสรุปนี้ แม้ว่าเขาจะช่วยให้หญิงผู้นั้นฟื้นคืนมาไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็ได้ต่อสู้เพื่อนาง!

 

“แต่เดิมที่ดินเป็นของนังหนูคนนี้ ตอนนี้ให้แบ่งออกเป็นสองไร่ นับว่าดีที่สุด… ข้าเชื่อว่าที่ดินสองไร่นี้ จะทําให้นางอยู่รอดได้! สําหรับที่พักอาศัยนั้น ข้าจะให้คนสร้างห้องสองห้องสําหรับนางตรงที่ดินรกร้างในเชิงเขาตามแบบของตระกูลเฉิน!”

 

เห็นได้ชัดว่าเฉินผิงอันนั้นไม่พอใจ เหตุใดนางเด็กขี้ครอกนี่ถึงได้อยู่อาศัยในบ้านราวกับเป็นที่ของตัวเอง! แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรผู้เฒ่าก็จ้องมาที่เขาอย่างดุเดือด

 

“หากเจ้าไม่พอใจ ก็ออกไปจากหมู่บ้านเทพธิดาของข้าซะ!”

 

เพียงแค่คําเดียวก็ทําให้เฉินผิงอันโกรธจัดจนดวงตากลายเป็นสีแดง เขาทําได้แค่มองเฉินเถียนเถียนด้วยสายตาอาฆาต!

 

เฉินเถียนเถียนย่อมรู้ดีว่า การที่ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวออกมาเช่นนี้ ถือเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ตัวนาง ดังนั้นแม้ว่านางจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทําได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น!

 

การออกจากตระกูล เอกสารจะถูกร่างขึ้นโดยหัวหน้าหมู่บ้าน! ตอนนี้เฉินเถียนเถียนได้ตัดขาดจากตระกูลแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็มีเอกสารแล้วเช่นกัน!

 

เมื่อเฉินผิงอันเห็นสิ่งนี้ เขาก็บังเกิดความคิดที่น่ากลัวขึ้นมาอย่างหนึ่ง

 

“เป็นธรรมดาที่คนเราต้องกตัญญูต่อบุพการี! การเลี้ยงนังเด็กนี่ให้โตมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้ายังต้องการให้นางตอบแทนบุญคุณ!”

 

เป็นครั้งแรกที่เฉินเถียนเถียนและท่านผู้เฒ่าได้พบเจอคนหน้าด้านขนาดนี้!

 

ท่านผู้เฒ่าโกรธจนกระอัก!

 

“แค่ก… เฉินผิงอัน สมองเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า แค่ก แค่ก! เจ้ากล้าทวงบุญคุณกับเด็กหญิงที่อายุไม่ถึงสิบสี่ เป็นคนหน้าไม่อายหรืออย่างไร?!”

 

ผู้เฒ่าพูดพร้อมชี้ไปที่หัวหน้าหมู่บ้านด้วยนิ้วอันสั่นเทา “เขียนคําพูดของข้าลงในเอกสาร! ไม่จําเป็นต้องทดแทนบุญคุณ หากเฉินผิงอันและครอบครัวของเขาตามรังควานนังหนูคนนี้ ให้ไล่ออกจากหมู่บ้านไปให้หมดถือว่าเป็นศัตรูกัน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านรีบลุกขึ้นเอามือลูบหน้าอกท่านผู้เฒ่าให้ใจเย็นลง ท่านผู้เฒ่ายังตายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหัวหน้าหมู่บ้านคงต้องรับมือกับความโกลาหลนี้ หากเป็นเช่นนั้นเขาคง ร้องไห้ไม่ออก!

 

“ทําตามที่ท่านผู้เฒ่าบอก ไม่ต้องห่วง พวกเราหลายคนจับตาดูอยู่ อย่าปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ตลอดไป!”

 

ในที่สุดท่านผู้เฒ่าก็ควบคุมลมหายใจได้ และจ้องมองหัวหน้าหมู่บ้านที่กําลังเพิ่มสิ่งนี้ลงในเอกสารการแยกตระกูล มีเพียงเฉินผิงอันเท่านั้นที่โกรธแค้น!

 

อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าท่านผู้เฒ่าก็ไม่มีใครกล้ากล่าวอันใดออกมา!

 

เฉินเถียนเถียนถือว่าได้ในสิ่งที่ใฝ่ฝัน และพื้นที่รกร้างสําหรับสร้างบ้าน แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของหยุนเคอด้วย

 

ท่านผู้เฒ่าแก่มากแล้ว และเมื่อระเบิดอารมณ์โกรธขึ้นมาอีกครั้ง อาการไอของเขาจึงแย่ลง! เขามองที่ไปเฉินผิงอันก่อนจะจากไปและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง!

เฉินผิงอันพาหลินชวนฮวากลับบ้าน และรับโฉนดที่ดินที่เปลี่ยนเป็นชื่อของเฉินเดียนเถียนอีกครั้ง! นอกจากนี้เขายังต้องยืมเงินยี่สิบตําลึงจากครอบครัวที่คุ้นเคยกัน และมอบให้หัวหน้าหมู่บ้านเพื่อสร้างบ้าน!

 

ฝูงชนค่อยๆ แยกย้ายกันไปจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านท้ายที่สุดแล้ว แต่ละครอบครัวก็มีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการ!

 

เฉินผิงอันมองเฉินเถียนเถียนด้วยแววตาอาฆาตมาดร้ายอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินนาหลินชวนฮวาและเฉินเฉิงเย่ออกจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่สนใจเฉินเดียนเถียนที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น!

 

จี้ชื่อยิ้มด้วยความพึงพอใจ แม้ว่านางจะบอกว่าการสูญเสียนี้ เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่ในอนาคตเฉินเถียนเถียน จะสบายยิ่งขึ้น!

“เถียนเถียน วันนี้พ่อเจ้าโกรธมาก ถ้ากลับไปอาจจะโดนตีเอาได้ ไปอยู่บ้านป้าใหญ่ก่อนเถอะ! แม้ว่าจะมีไม่กี่ห้องในบ้าน แต่เจ้าก็ไปอยู่กับท่านย่าได้! เตียงนอนเล็กที่อยู่ข้างๆ เจ้านอนไปก่อนนะ!”

 

เฉินเถียนเถียนได้ยินมานานแล้วว่าท่านย่าผู้นี้ แต่ก่อนนั้นพึงพอใจในตัวนางหยุนมาก ต่อมาเมื่อหลินชวนฮวาเข้ามา ท่านย่าก็ไม่ยอมรับนาง! จนท้ายที่สุด เฉินผิงอันยืนกรานที่จะแต่งงานกับนางให้ได้ หญิงชราจึงโกรธจนล้มป่วยอยู่บนเตียง!

 

เฉินเดียนเถียนรับรู้ได้จากความทรงจําของ เสี่ยวเถียนเถียนว่าท่านย่านั้นเป็นคนใจดีมีเมตตา ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงยินดีอย่างมากที่จะได้ไปเยี่ยมนาง!

 

“ก่อนที่แม่ของเจ้าจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ชีวิตของป้าใหญ่นั้นยากลําบากนัก ท่านย่าของเจ้าพอใจในตัวสะใภ้เล็กคนนี้มาก! แม้แต่ข้ายังเทียบไม่ติด!”

 

 

สามีข้า… คือพรานป่า

 

ตอนที่ 75 หากว่า

 

ชายชราตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้ว่าผู้เฒ่าสี่จะดูแคลนเฉินเถียนเถียนมาตลอดก็ยังมองเฉินผิงอันด้วยความรังเกียจ ผู้เฒ่าหกซึ่งนั่งเงียบอยู่นานก็มองเฉินผิงอันราวกับเป็นอาจมเหม็นเน่า!

 

ชาวบ้านที่อยู่นอกประตูก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างอื้ออึง!

 

ทุกคนต่างคาดเดากันว่าเฉินเถียนเถียนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเฉินผิงอันหรือไม่! แต่นางหยุนก็ให้กําเนิดเฉินเถียนเถียนออกมา!

 

หลังจากที่เงียบไปนาน ผู้เฒ่าหกซึ่งรักในความสงบสุขก็เดินออกมา…

“นังหนู ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าจะถูกทําร้ายขนาดนี้! ตัวข้าถูกเรียกจานว่าผู้เฒ่าหก ถือเรื่องความสงบสุขเป็นสิ่งสําคัญ แต่ข้าไม่เคยคิดบีบบังคับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คราวนี้พ่อของเจ้าทําเกินไปจริง ๆ อีกทั้งเจ้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้เฒ่าหกจึงไม่อาจให้เจ้าไปไปร้องเรียนกับทางการได้!”

 

“อย่างแรก ลูกสาวจะฟ้องร้องพ่อได้ ก็ต่อเมื่ออายุถึงยี่สิบปี นังหนู เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะทําเช่นนั้น! เราไม่จําเป็นต้องเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง!”

 

“อย่างที่สอง หากเจ้าไปฟ้องร้องพ่อของเจ้า ถึงจะชนะก็จริง แต่คนอื่นจะไม่คิดเช่นนั้น! ตรงกันข้ามเขาจะรู้สึกว่าเจ้าช่างอกตัญญ! ลูกเอ๋ย… โลกใบนี้ไม่ได้ยุติธรรมกับทุกคน!”

 

“อีกอย่างหนึ่ง เจ้าไม่อยากให้น้องชายได้เรียนหนังสือหรอกหรือ? เรื่องในครอบครัววุ่นวายเยี่ยงนี้ ย่อมส่งผลต่อการเล่าเรียนของน้องชายเจ้าในภายหน้าอย่างแน่นอน! และในอนาคตคนในหมู่บ้านของเราจะไม่มีชื่อเสียงดีงาม! ท้ายที่สุดเรื่องอื้อฉาวก็เกิดขึ้นในหมู่บ้าน… นังหนู เจ้าลองคิดดูให้ดี!”

 

เฉินเถียนเถียนพยักหน้า นางเข้าใจสิ่งเหล่านี้อย่างถ่องแท้ แต่อย่างไรก็ตามคนที่ทุกข์ใจไม่ใช่คนอื่นจะให้นางยินยอมได้อย่างไร?

 

แม้ว่าที่ผ่านมาผู้เฒ่าสี่จะไม่ชอบเฉินเถียนเถียน แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับหญิงสาวผู้นี้ ไม่อย่างนั้นผู้ที่สูญเสียก็คือคนในหมู่บ้าน!

 

“เฉินผิงอัน แม้ว่าตอนนี้โฉนดที่ดินและโฉนดบ้านจะอยู่ในมือของเจ้า แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คําพูดสุดท้ายของเจ้าในหมู่บ้านเทพธิดา! หากเจ้าทําสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ ย่อมได้รับการลงโทษในหมู่บ้าน! จับตัวเขาไป.. หลังจากทุบสามสิบไม้กระดานค่อยว่ากันอีกที!”

ผู้เฒ่าสี่เป็นคนเด็ดขาดจึงไม่มีใครเถียงเขาได้ อีกทั้งเฉินผิงอันได้กระทําความผิดต่อหน้าผู้คนมากมาย จึงไม่มีใครแก้ต่างแทนเขา ในไม่ช้าวัวหนึ่งตัวและม้าตัวใหญ่สองตัวก็มาถึงหมู่บ้าน พวกเขาพาตัวเฉินผิงอันไปและกดเขาลงกับพื้น แม้ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างสิ้นหวังก็ไม่สามารถหลบหนีจากไม้กระดานขนาดใหญ่สามสิบแผ่นได้

 

เมื่อได้ยินเสียงไม้กระดานที่ฟาดลงบนร่างกายของเฉินผิงอันจนแตก!

 

เฉินผิงอันจ้องมองไปยังเฉินเถียนเถียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง! ไม้กระดานพวกนี้หนักมาก เขาเกลียดเพชฌฆาตพวกนี้

 

จากนั้นไม่นาน เฉินผิงอันก็เริ่มก้มศีรษะลงและส่งเสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดออกมา เฉินเถียนเถียนยังคงยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับว่าคนที่ถูกทุบตีต่อหน้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง!

 

หลังจากทุบตีไปยี่สิบไม้กระดาน เฉินเถียนเถียนถึงยืนขึ้นเพื่ออ้อนวอน!

 

ไม่ใช่ว่าเห็นอกเห็นใจที่เฉินผิงอันถูกทุบตี เขาสมควรโดนแล้ว แม้แต่ตัวเฉินเถียนเถียนเองยังอยากฟาดเขาสักสองสามที!

 

แม้จะดีใจที่เฉินผิงอันถูกโบยตี แต่เกรงว่าหลังจากนี้จะถูกผู้คนมองว่าเฉินเถียนเถียนใจไม้ใส้ระกํา แม้แต่พ่อตัวเองก็ไม่ละเว้น?

 

เพื่อสร้างชื่อเสียงที่ดี เฉินเถียนเถียนจึงต้องลุกขึ้นทักท้วง!

 

“ท่านผู้เฒ่า! พอเถิด! อย่างไรเขาเป็นพ่อของข้า ได้โปรดหยุดตีเถิด!”

 

ผู้เฒ่าสี่พึงพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่านางหยุนคิดผิดที่แต่งงานกับคนเช่นนี้ แต่อย่างไรก็แต่งไปแล้ว! แม้ว่าจะดูถูกเหยียดหยามเฉินผิงอันแค่ไหน แต่เขาก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไร้ที่ติอย่างนางหยุน!

 

ในครานี้เฉินเถียนเถียนยอมอ้อนวอนขอร้องเพื่อพ่อของตน เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างพากันทอดถอนใจให้กับความมีเมตตาของนาง

 

ผู้เฒ่าสี่โบกมือให้คนเหล่านั้นหยุด! แม้ว่าเหลืออีกไม่กี่ครั้งก็จะครบสามสิบไม้กระดาน!

 

หลังของเฉินผิงอันเต็มไปด้วยรอยแตกของผิวหนัง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสําหรับเขา! ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้หญิงที่เขารักที่สุดได้แต่ยืนมองอย่างโง่งมอยู่ข้าง ๆ ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากอ้อนวอน!

 

หลินชวนฮวาหวังให้เฉินผิงอันถูกตีจนตายอยู่ที่นี่ สมบัติทั้งหมดของเขาจะได้ตกเป็นของเฉินเฉิน!

 

เจ้านั่นยังเด็กนัก อย่างไรก็ต้องอยู่ในเงื้อมมือของหลินชวนฮวาไม่ใช่หรือ? หากเฉินผิงอันตายย่อมเป็นเรื่องดี! เพราะชายผู้นี้ไม่มีประโยชน์อื่นใดให้ตนได้อีก!

 

แต่ตอนนี้เฉินเถียนเถียนกลับร้องขอให้เฉินผิงอัน แม้ว่าในใจของหลินชวนฮวาจะไม่ยินดีนัก แต่นางก็ทําได้เพียงแค่ยืนขึ้นร้องไห้

 

“สามี! ท่านอดทนไว้”

 

คนที่ฉลาดเฉียบแหลมย่อมมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่เฉินผิงอันนั้นกลับมองสถานการณ์นี้ไม่ออก!

 

หัวใจของเฉินผิงอันเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อนังเด็ก เหลือขอที่ทําให้เขาต้องถูกทุบตี แล้วจากนั้นก็ออกมาขอร้องอ้อนวอน!

 

แต่ในเวลานี้ ความคับข้องใจได้ถูกปลอบประโลมโดยผู้หญิงตนรัก มันทําให้เขารู้สึกผ่อนคลายยิ่ง

 

“นังหนู พ่อของเจ้าได้รับการลงโทษไปแล้ว เจ้าต้องการอะไรอีก”

 

ผู้เฒ่าสี่กล่าวประโยคนี้ขึ้นมาด้วยความเป็นปฏิปักษ์อย่างเห็นได้ชัดต่อเฉินเถียนเถียน!

 

“เถียนเถียนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเพียงแค่แยกจากตระกูล! สายตาที่ท่านพ่อจ้องมองข้าช่างน่ากลัวนัก! เกรงว่าหากกลับไปคราวนี้ ข้าคงไม่มีชีวิตที่ดีอีกต่อไป ได้โปรดช่วยข้า… ปล่อยข้าไปเถอะ!”

 

ท่านผู้เฒ่าใหญ่นั่งดูเฉินผิงอันถูกทุบตีอย่างมีความสุข! 

 

”แยกออกไปเถิด!”

 

ผู้เฒ่าสี่มองผู้เฒ่าใหญ่ด้วยแววตาประหลาด การตัดสินใจเช่นนี้ย่อมทําให้ชาวบ้านได้รับความอับอาย! นี่คือสิ่งที่ท่านผู้เฒ่าไม่เคยทํามาก่อน!

 

“อย่างแรกเลย ข้าเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้! หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ! ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ลูกสาวของนางหยุนคงต้องตายอยู่ที่นี่!”

 

“พวกเจ้ารู้ไหมว่านางหยุนในตอนนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน เพียงแค่ปิ่นปักผมสองอันบนหัวก็ทําให้ตระกูลเฉินมีชีวิตที่ดีมาเป็นเวลาหลายปี! หญิงสาวเช่นนี้ต้องเป็นลูกสาวของคนรวยในเมืองหลวง วันใดวันหนึ่งพวกเขาคงค้นพบหมู่บ้านของพวกเราแน!”

 

“นางหยุนจากไปแล้วแต่ลูกสาวยังถูกทรมานจนตายในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อถึงตอนนั้นหมู่บ้านของเราจะกลายเป็นคนบาป เจ้าคิดว่าคนในหมู่บ้านจะมีชีวิตรอดหรือไม่? ข้ารู้ว่าบางคนช่างโชคดีนัก จึงคิดว่าเวลาผ่านมาหลายปีแล้ว คงไม่มีมาใครตามหาเจอ!”

 

“แต่ถ้าหากว่า สมมุติว่ามีคนมาตามหานางจริง ๆ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? ในหมู่บ้านของเรา ใครจะสามารถต่อสู้กับนางหยุนในตอนนั้นได้?”

 

คําพูดของผู้เฒ่าทําให้ทุกคนตกตะลึง! โดยเฉพาะหลินชวนฮวา นางรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังอีกทั้งแขนขาอ่อนแรง!

 

สิ่งที่ผู้เฒ่าพูดนั้นเป็นความจริง เฉินผิงอันไม่โต้แย้งอันใด นั่นหมายความว่าเขายอมรับแต่โดยดี!

 

แล้วเหตุใดเฉินผิงอันถึงบอกว่านางไร้ประโยชน์? เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้คงไม่มีใครสนใจนั่งเด็กบ้านอีกต่อไป!

 

ตอนที่ 74 ออกจากตระกูล

 

จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็เสนอว่าอยากแยกตัวออกจากตระกูล นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด หากหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แยกตัวออกมา นางจะอยู่รอดได้อย่างไร? แม้ว่าคนในหมู่บ้านจะน่ารัก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบเจอคนที่จิตใจบิดเบี้ยวสักหนึ่งหรือสองคน ถ้าหากว่า…

แค่คิดให้รอบคอบก็สามารถเข้าใจการตัดสินใจดังกล่าวได้ ถึงคนในหมู่บ้านจะเลวทรามแค่ไหนก็ยังมีคนจับตามองอยู่มากมาย แต่หากผู้เป็นพ่อต้องการวางแผนจัดการกับนาง เขาสามารถทําได้ทุกเมื่อ!

 

“ออกจากตระกูล? นั่งเด็กโง่ เจ้ากําลังรนหาที่ตาย! แม้ว่าตอนนี้ข้าต้องอับอาย แต่คอยดูเถิดข้าต้องฆ่าเจ้าแน่!”

 

เฉินผิงอันคํารามด้วยความโกรธ ในสายตาของเขา ลูกสาวคนนี้ก็เหมือนกับนางหยุน! ต่อให้ตายก็อย่าคิดที่จะหลุดพ้นไปได้! อยากมีชีวิตที่สุขสงบ… ฝันไปเถอะ!

 

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงจะเป็นเรื่องน่าอับอาย ลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานบอกพ่อของตนว่าจะตัดขาดจากตระกูล

 

“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อก็ตีข้าให้ตายเลยสิ!”

 

เฉินเถียนเถียนจ้องมองด้วยดวงตาแดงก่ำ เผชิญหน้ากับเฉินผิงอัน พ่อและลูกสาวราวกับเป็นศัตรูที่ต้องน้ำนั่นกันให้ตาย!

 

“ท่านช่างดูไม่เหมือนคนเป็นพ่อเลย ดูถ้อยคําที่ท่านกล่าวออกมาสิ เหยียดหยามลูกสาวของตนราวกับเป็นคนไร้ค่า! แม้ว่าท่านจะดูสูงส่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็สกปรกแปดเปื้อนอยู่ดี!”

 

ในบรรดาคนที่ผู้เฒ่าดูหมิ่นที่สุดในชีวิตคือเฉินผิงอันอย่างแน่นอน! แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถรับเฉินผิงอันไว้ได้จริง ๆ ! ตอนนั้นแม่ของเฉินผิงอันได้แต่อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าเขา! หากไม่เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่คงไม่ผ่อนปรนให้

 

“นังหนู เจ้าพูดมาเถอะ… ต้องการแยกจากตระกูลนี้อย่างไร?”

 

เฉินเถียนเถียน ก้มหน้า ไม่รู้จะตอบอย่างไร เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาไม่เต็มใจที่จะแบ่งปัน สิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขาไม่แบ่งอะไรเลยก็ยอมไม่ได้จริงๆ!

 

“ขอที่ดินบางส่วนให้ข้าเถิด เพียงแค่พออยู่รอดได้”

 

ประโยคนี้ทําให้เฉินผิงอันโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาจ้องเขม็งเหมือนวัวคลั่งและพูดเสียงดัง “นังผู้หญิงนอกครอก ข้าเลี้ยงดูเจ้ามานาน แต่ไม่เคยได้รับประโยชน์แม้แต่น้อย เจ้ายังต้องการแบ่งขอแบ่งที่ดินของข้าอีก ฝันไปเถอะ!”

 

เฉินเถียนเถียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องโกรธ ที่ดินเหล่านี้ใช้สินเดิมของนางหยุนซื้อมา เฉินผิงอันไม่ส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย!

 

“พูดออกมาได้ ไม่ละอายใจ! ท่านเลี้ยงข้ามาไม่เคยได้จ่ายอะไรเลย ตรงกันข้าม ท่านพ่อทําเหมือนข้าเป็นทาสมากี่ปีแล้ว! อีกอย่างนี้คือที่ดินของท่านพ่อหรือ? แม่ของข้าเป็นคนซื้อมาต่างหาก!”

 

“เหลวไหล ที่ดินพวกนี้เป็นของข้า!”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้ม คนโง่ก็เป็นได้แค่คนโง่อยู่วันยังค่ำ! แม้แต่จะหาข้อแก้ตัวก็ยังดูแย่! 

 

“ท่านไม่รู้หรือ ว่าสินเดิมที่ผู้หญิงนำมาที่บ้านของสามีจะถูกมอบให้กับลูกของนางในอนาคต! แม่ของข้าไม่มีลูกชาย มีแค่ข้าที่เป็นลูกสาว ตามหลักแล้วสินเดิมของนางก็ควรจะเป็นของข้า!”

 

ในคราแรกเฉินเถียนเถียนไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนหน้านี้ป้าจี๋เคยพูดให้ได้ยินกับหู ในหมู่บ้านมีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้กฏดังกล่าว! เนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียวในหมู่บ้าน ส่วนบัณฑิตอีกคนไม่สามารถช่วยพูดให้เฉินเถียนเถียนได้

 

“เหลวไหล! ใครเป็นคนบอกเรื่องพวกนี้ ใครเป็นคนยุยงให้เจ้าแบ่งสมบัติของตระกูลเฉิน?”

 

รอยยิ้มที่แสนดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินเถียนเถียน “ลูกชายบัณฑิตที่แสนดีของท่านไม่ได้บอกหรือ? นี่คือกฎหมายของต้าเยว่!”

 

เฉินผิงอันยืนนิ่งพูดไม่ออก แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงจากด้านนอกประตูดังขึ้น!

 

“ต้าเยว่มีกฎหมายนี้! แต่ตอนนี้ โฉนดที่ดินทั้งหมดของตระกูลเฉินอยู่ในมือของเฉินผิงอัน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในชื่อของนางหยุน จึงไม่สามารถนับเป็นสินเดิมได้!”

ทุกคนหันกลับมา และพบว่าเป็นเฉินเฉิงเยี่ย!

 

ในตอนที่หลินชวนฮวารู้ว่าสถานการณ์กําลังจะแย่ นางจึงแอบบอกคนรู้จักให้ไปที่เมืองข้างๆ และเรียกลูกชายกลับมา แต่กลับมาตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า?

 

เฉินผิงอันรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ “นังขี้ครอก ได้ยินหรือไม่? เจ้ายังต้องการจะสู้กับข้าอยู่อีกหรือ?”

 

มุมปากของเฉินเถียนเถียนเหยียดยิ้ม “ดีเหมือนกัน ในเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ข้าก็อยากจะไปที่สํานักราชการ เพื่อถามเจ้าหน้าที่ศาล! พ่อหลอกลวงลูกสาวที่ไม่รู้หนังสือให้ลงนามในหนังสือโอนที่ดิน ครั้งนี้จะตัดสินอย่างไรดี?”

 

เฉินผิงอันรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่เขายังคงพูดอย่างแข็งกร้าว “นังเด็กเลว เจ้าขู่ใคร? คิดว่าเจ้าหน้าที่ศาลคือคนที่เจ้าสามารถเข้าพบได้ตามต้องการหรือ?”

 

“ตราบใดที่ข้าตีกลองที่ประตูสํานักงานเขตปกครอง เจ้าหน้าที่ศาลย่อมรับรู้ ท่านพ่อควรรู้ว่ากระต่ายจะกัดคนหากโดนบีบคั้น และหากลูกสาวของท่านถูกบีบจนไม่มีทางรอด ย่อมต่อสู้อย่างถึงที่สุด!”

 

“แล้วหลักฐานล่ะ? เจ้ามีหลักฐานหรือ?”

 

“หลักฐานก็มีอยู่ไม่กี่อย่างไม่ใช่หรือ? อย่างเช่น ข้าไม่รู้หนังสือจะประทับตราหนังสือโอนที่ดินได้อย่างไร ข้าจะไม่ปกป้องทรัพย์สินของตัวเองหรือหากไม่มีคนมาคอยเกลี้ยกล่อม? เฉินเฉิงเยี่ย… เจ้าอย่าคิดว่าทุกคนจะโง่เขลา การที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ตรงนั้นได้ พวกเขาย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว!”

 

แน่นอนว่าในแง่นี้เฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้เก่งกาจไปกว่าเฉินเถียนเถียนที่เป็นตํารวจ เขาจึงไม่สามารถหาคําพูดมาหักล้างได้!

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างล่างที่โต้เถียงกันอยู่นาน ท่านผู้เฒ่าที่ยังไม่รู้สถานการณ์ก็ขมวดคิ้วถาม!

 

เฉินผิงอันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่เฉินเถียนเถียนอยากพูด!

 

“ท่านผู้เฒ่าคงไม่รู้ เมื่อสองสามวันก่อน ท่านพ่อมาพบข้า บอกว่าต้องการขายที่ดินสองไร่เพื่อส่งน้องชายไปเรียนหนังสือ! เถียนเถียนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะส่งน้องชายไปเรียน จึงตกลงขายที่ดินสามไร่! จากนั้นท่านพ่อของข้าก็เอาหนังสือโอนที่ดินมาให้ประทับลายมือ!”

 

“ในตอนนั้น เถียนเถียนเชื่อใจว่าพ่อย่อมไม่หลอกลวง จึงยอมตกลงเพื่อให้น้องชายของข้า ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าหนังสือโอนที่ดินนั้น รวมถึงโฉนดที่ดินและบ้านทั้งหมดที่เป็นชื่อของข้า! ท่านพ่อใช้วิธีนี้เพื่อหลอกเอาที่ดินและบ้านของข้าให้ไปอยู่ในมือของเขา!”

 

“เรื่องนี้มีหลักฐานมากมาย หยุนเคอที่ซื้อที่ดินสามไร่เป็นพยานที่ดีที่สุด! หัวหน้าหมู่บ้านก็น่าจะรู้ด้วย!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ในตอนนั้นข้าได้รับหนังสือโอนที่ดินสามไร่ แล้วเอาโฉนดไปที่สํานักราชการเพื่อดําเนินการตามขั้นตอน แต่หนังสือโอนที่ดินฉบับเดิมมีพื้นที่เพียงสามไร่เท่านั้น!”

 

“แต่สองวันหลังจากนั้น หลินชวนฮวาก็ได้เอาโฉนดที่ดินและบ้านทั้งหมดออกไป และในนั้นก็กลายเป็นชื่อท่านพ่อ! นี่ยังไม่เรียกว่าโกงอีกหรือ?”

 

ท่านผู้เฒ่าตกตะลึงกับการกระทําเช่นนี้ ช่างเปิดหูเปิดตายิ่งนัก… พ่อแย่งทรัพย์สินของลูกสาว!

 

“ดี… ดียิ่งนัก! หมู่บ้านเทพธิดาไม่มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้มาหลายปีแล้ว!”

 

“เฉินผิงอัน เจ้าช่างทําได้ดีเหลือเกิน! ตอนนั้นเจ้าตกลงอะไรกับนางหยุนไว้? เอาทรัพย์สินของนางไปแล้วก็ควรดูแลลูกสาวของนางให้ดี ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังได้รับส่วนแบ่งของลูกสาวคนนี้อีกด้วย!”

เมื่อเฉินเถียนเถียนได้ยินคําพูดเหล่านี้ ก็ไม่กล่าวอะไรเพียงแค่ ยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้น ตอนนี้นางทําได้เพียงควบคุมรู้สึกที่มีอยู่ให้มากที่สุดเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้เฒ่าสี่กล่าวหาว่านางสร้างปัญหาอีก!

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะทําราวกับไร้ตัวตน ก็ใช่ว่าผู้เฒ่าสี่จะปล่อยนางไปจริง ๆ ! ในสายตาของผู้เฒ่าสี่ เฉินเถียนเถียนนับเป็นความผิดพลาด เป็นความอัปยศของสตรีอย่างที่สุด! ไม่ว่านางจะทําอะไรก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ! เป็นคนที่ดีหรือร้ายก็อธิบายไม่ถูก! 

 

“นังหนูเฉิน เจ้าบอกมาสิ เรื่องวุ่นวายคราวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

 

เฉินเทียนเถียนถึงคราวดวงตก อยู่เฉย ๆ ก็โดนเข้าจนได้ ตอนนี้นางต้องหาทางรอดด้วยตัวเองเท่านั้น!

 

“ท่านผู้เฒ่าคิดมากไปแล้ว วันนี้มีคนจากหมู่บ้านอื่นมาหาเรื่องถึงตระกูลเฉิน ข้าย่อมปกป้องท่านแม่! ท่านผู้เฒ่ามักจะบอกว่าข้าดีแต่ก่อเรื่อง แต่วันนี้ชาวบ้านทุกคนก็ได้เห็นเองกับตา! หรือการที่เถียนเถียนอยู่ที่นี้ ทําให้ผู้เฒ่าสีไม่สบายใจ?”

 

“ขอถามผู้เฒ่าสี่ ข้าเองเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง เคยไปทําอันใดให้บาดหมางใจหรือ? ข้าทําอะไรก็ไม่ถูกใจ ข้าสร้างปัญหาอะไรให้? ข้าต้องทนถูกพวกเขาสองคนทรมานจนตายอยู่ในบ้านท่านผู้เฒ่าคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?”

 

ผู้เฒ่าสี่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ! คําพูดของเฉินเถียนเถียนนั้นเฉียบแหลมมาก เขาเอาแต่พูดฝ่ายเดียวจริง ๆ !

 

“เอาล่ะ! เฉินผิงอัน เหตุที่นางหยุนแต่งงานกับเจ้าในครานั้นเป็นเพราะอะไร? เจ้าต้องการให้ผู้เฒ่าพูดมันออกมาต่อหน้าคนมากมายในวันนี้หรือ? ในตอนนี้เจ้าได้รับทั้งทรัพย์สินเงินทอง แต่สุดท้ายก็ยังไม่ยอมปล่อยวางจากเด็กสาวผู้นี้! เจ้าจะเอาอย่างไรอีก ต้องการให้นางหยุนขึ้นมาจากหลุมฝังศพเพื่อเอาคืนเจ้าจริง ๆ หรือ?”

 

เฉินผิงอันนิ่งเงียบ แต่ใบหน้าของเขายังคงมืดมนเช่นเคย! 

 

เพราะเหตุใด? ผู้คนเหล่านี้ถึงเอาแต่กล่าวถึงนางหยุนจนถึงตอนนี้? ผู้หญิงที่ไม่ยึดถือหลักการของสตรี ไม่เคยเอาใจใส่สามี!

 

แม้ว่าเขาจะคํารามอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา! ท้ายที่สุดคนมากมายที่ได้พบเห็นนางหยุน ผู้ที่งดงามจนหญิงสาวหลายเคยอิจฉาริษยา แต่ก็ไม่เคยนําไปสู่ความเกลียดชัง!

 

พวกผู้หญิงต่างอิจฉาริษยากัน แต่นางวางตัวห่างไกลจากเรื่องพวกนี้มาก ความอิจฉานั้นจึงไม่มีผลอันใด

 

ตัวอย่างเช่นมดที่อยู่บนพื้นจะไม่มีวันอิจฉาก้อนเมฆบนท้องฟ้า!

 

เฉินเถียนเถียน ก้มหน้าลง ปล่อยความคิดล่องลอยไปไกล

 

เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของผู้คนในหมู่บ้านเทพธิดา การดํารงชีวิตของนางหยุนเป็นสิ่งที่ลึกลับอย่างยิ่งและในสายตาของทุกคน นางสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใด ผู้หญิงเช่นนี้จะมาอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาที่แสนห่างไกลนี้ได้อย่างไร?

 

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีเครื่องประดับมากมาย!

 

คนแบบนี้สามารถอยู่อย่างสุขสบายที่ไหนก็ได้ แล้วจะมาอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาและแต่งงานกับชาวบ้านอย่างเฉินผิงอันได้อย่างไร?

 

เพียงแต่ว่าหลังจากผ่านไปหลายปี จากความทรงจําของเสี่ยวเถียนเถียนก็ลืมเลือนสิ่งเหล่านี้ แม้คนในหมู่บ้านจะคอยมองนางหยุน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…. แล้วใครล่ะที่รู้เรื่องนี้? 

 

ถ้าบอกว่าเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์แต่งงานกับคนอย่างเฉินผิงอัน เขาควรรู้สึกว่าตัวเองได้รับเกียรติอย่างมากและควรปฏิบัติอย่างดีต่อนาง! การได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรภาคภูมิใจหรอกหรือ? ทําไมสีหน้าของเขาถึงแสดงความเก ลียดชังออกมาทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงนาง?

 

นอกจากนี้ ดูจากปฏิกิริยาของเฉินผิงอัน เสี่ยวเถียนเถียนไม่น่าจะใช่ลูกสาวของเขา แล้วนางหยุนให้กําเนิดเสี่ยวเถียนเถียนได้อย่างไร? เสี่ยวเถียนเถียนเป็นลูกของใครกันแน่?

 

เรื่องราวของนางหยุนเป็นเพียงคําเล่าลือสําหรับเฉินเถียนเถียน มีปริศนามากเกินไปในเรื่องเล่านี้ จึงทําให้เห็นภาพไม่ชัดเจนจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น!

 

“ถึงอย่างไรนางก็เสื่อมเสียชื่อเสียงอยู่ดี ไม่ใช่ว่าเราต้องให้นาง แต่งงานออกไปโดยเร็วที่สุดหรอกหรือ? เป็นไปได้หรือที่จะมีชายหนุ่มไร้เดียงสาคนใดสนใจแต่งงานกับนาง? หากจะแต่งงาน แต่งกับฉื่อโถวก็จะดีกว่าแต่งกับคนที่ไม่รู้ที่มา! “

 

ท่านผู้เฒ่าเขวี่ยงไม้ค้ํายันลงพื้นอย่างรุนแรง “ในเมื่อเจ้าตกลงว่าจะปล่อยให้นางตัดสินใจ ก็ต้องผ่านความยินยอมของนาง! หากนางไม่ยินยอมเจ้าจะบีบบังคับได้อย่างไร? การที่เจ้าทําแบบนี้ ทําให้หมู่บ้านของเราอับอายเป็นที่สุด หากพวกหมู่บ้านใกล้เคียงรู้เรื่องนี้เข้าจะเป็นเรื่องใหญ่มาก!”

 

“โชคดีที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากตระกูลหลิน! หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนในหมู่บ้านของเราไปที่ตระกูลหลินเพื่อพูดคุยกับพวกเขา เราจะปล่อยให้เรื่องนี้หลุดออกไปไม่ได้ มิฉะนั้น สาว ๆ ในหมู่บ้านของเราจะไม่เป็นที่ชื่นชอบ!”

 

ทุกคนค่อนข้างเห็นด้วยกับความคิดของผู้เฒ่าและมีคนอาสาไปที่หมู่บ้านถัดไปทันที ทุกอย่างที่หลินหยาจะทํานั้นส่งผลต่ออนาคตของหมู่บ้านแห่งนี้

 

เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่าถ้านางไม่ใช้ประโยชน์จากเหยื่อรายนี้ และไม่ฉวยโอกาสที่เหมาะสมที่สุดในการออกจากตระกูลเฉิน นางก็จะไม่มีวันลุกขึ้นยืนได้!

 

“ท่านผู้เฒ่า เถียนเถียนไม่รู้ว่าไปทําอะไรให้ท่านพ่อเกลียดชังนัก ท่านพ่อทําร้ายข้าซ้ําแล้วซ้ำเล่า! ข้าไม่อาจอยู่ในตระกูลเฉินได้อีกต่อไป! หากไม่ระวังสักวันหนึ่งขาอาจจะถูกท่านพ่อพาไปขาย 

 

เถียนเถียนขอบังอาจให้ท่านผู้เฒ่าช่วยตัดสินเรื่องนี้ด้วย!” 

 

ชายชราผู้เฉลียวฉลาดถอนหายใจยาว สิ่งที่เฉินผิงอันทําลงไป ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องถูกลงโทษ อย่างไรก็ตาม เดิมที่นี่เป็นเรื่องในบ้านผู้อื่น เขาไม่สามารถจัดการทั้งหมดนี้ได้ภายในวันเดียว แต่ก็ไม่อาจ รีรออีกต่อไปได้!

 

หรือสักวันหนึ่งที่กระดูกแก่ ๆ นี้ขยับเขยื้อนไม่ได้ นางหยุนอาจ 

จะมาที่เพื่อทําให้ตระกูลเฉินพบกับหายนะ!

 

ถ้าในเวลานี้ การปล่อยให้หญิงผู้นี้ไป และยังมีชีวิตอยู่ในภายภาคหน้า 

ครอบครัวเฉินก็พอจะมีทางรอด!

 

“นังหนู เจ้าคิดผิดแล้ว! เหตุใดไม่พูดออกมาว่าเจ้าต้องการจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร?”

 

ดวงตาของเฉินเถียนเดียนแดง “ท่านผู้เฒ่า อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของข้า! เรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วข้าไม่เก็บมาใส่ใจ! แต่เถียนเถียนกลัว กลัวว่าจะต้องอดตายอยู่ในบ้าน กลัวว่าวันนึงต้องถูกจับไปขาย! เถียนเถียนไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากออกจากตระกูลเฉินให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ขวางหูขวางตาท่านพ่อ ข้ากลัวจริงๆ!”

 

“ดังนั้น ท่านได้โปรดตัดสินใจ อนุญาตให้เถียนเถียนออกจากตระกูลนี้เถิด!”

 

 

ตอนที่ 72 ร้องเรียน

แม้ว่าเฉินผิงอันจะพูดเช่นนั้น หลินชวนฮวาก็ยังไม่ยินยอม เหตุใดหลินหยาถึงอยากได้เงินมากมายขนาดนั้น?

 

“พี่สะใภ้… ท่านรู้ไหม ลูกชายคนโตของข้ากําลังจะไปเข้าสอบในเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาได้รับบรรจุเป็นขุนนาง พวกเราก็จะมีชีวิตที่สุขสบายกันมากขึ้น เหตุใดถึงตัดอนาคตเขา…”

 

หลินหยากัดฟันโต้ตอบอย่างดุร้าย “เจ้าคิดว่าเป็นแบบนี้ ลูกของเจ้าจะมีหน้าไปสอบซิ่วไฉได้หรือ? มีแม่ที่บีบบังคับให้ลูกเลี้ยงต้องตาย หากข่าวนี้กระจายออกไป เขาจะยังเป็นซิ่วไฉได้อีกหรือ? เกรงว่าคุณสมบัติของบัณฑิตก็จะถูกคัดออก! 

 

เดิมทีหลินหยาศึกษาเรื่องนี้เพราะผลประโยชน์จากเฉินเฉิงเยี่ย แน่นอนว่าหลินชวนฮวาเองก็รู้ แต่เฉินผิงอันกลับไม่รู้ อย่างไรก็ตามเขายังคงฝากความหวังไว้กับการสอบครั้งนี้

 

แต่หลินหยาเปิดเผยสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าเฉินผิงอัน ในที่สุดเขาก็รู้ว่าถูกหลินชวนฮวาหลอกลวง! แม้ว่าเฉินเฉิงเยี่ยจะยังไปสอบแต่ก็ไร้ความหมาย ตรงกันข้ามมันคือการ เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

 

ต่อหน้าคนนอกจํานวนมาก นางคือผู้หญิงที่เขายืนหยัดเพื่อจะแต่งงานด้วย เฉินผิงอันรู้สึกคับแค้นในอก เขาทําเพียงแค่มองหลินชวนฮวาอย่างเดือดดาล แล้วยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าซีดเผือด!

 

ในครานี้ดวงตาของหลินชวาฮวาฉายแววตกตะลึง อนาคตที่นางวาดฝันให้เฉินผิงอันนั้นขาดสะบั้น จากนี้ไปเฉินผิงอันย่อมไม่จ่ายค่าเล่าเรียนของเฉินเฉิงเยี่ยโดยที่นางไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง!

 

เฉินผิงอันหาใช่คนมีเหตุผลนัก หากไม่เชื่อฟัง จะถูกทุบตีอย่างรุนแรงด้วยหมัดของเขา!

 

หลินชวนฮวาเคยประสบกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน มิฉะนั้นเฉินเฉิงเยี่ยคงไม่เกลียดเฉินผิงอันมากนัก เพียงแต่หลินชวนฮวาเรียนรู้ที่จะเอาอกเอาใจเขามาหลายปีแล้ว จึงช่วยให้นางรอดพ้นจากการถูกทุบตีมาได้!

 

ด้วยความกลัวนางจึงจําต้องต้องเชื่อฟัง แม้ว่าหลินชวนฮวาจะไม่เต็มใจนัก แต่นางก็หยิบเงินสามสิบตําลึงออกจากตู้ และส่งให้หลินหยาที่รออยู่!

 

หลินหยาอ้าปากค้างเมื่อเห็นแสงสะท้อนจากเงิน! นางรู้ดีว่าเงินทั้งหมดของตระกูลเฉินถูกเก็บไว้ที่นี่ เนื่องจากเมื่อตอนที่หลินชวนฮวามาถึงที่บ้านนางก็เปิดเผยออกมาด้วยความโอ้อวด!

 

ดังนั้นนางจึงไม่เรียกร้องมากนัก เพียงแค่ต้องการเงินทั้งหมดสามสิบตําลึงที่อยู่ในมือของพวกเขา!

เมื่อหลินชวนฮวาตระหนักได้ นางก็ทําได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพียงเพราะต้องการโอ้อวดทรัพย์สินของครอบครัว ตอนนี้เงินทั้งหมดกําลังจะตกเป็นของหลินหยา!

 

“เอาล่ะ! ข้าได้เงินชดเชยที่เหมาะสมแล้ว! เงินสามสิบตําลึงพอ ๆ กับสินสอดขอลูกสะใภ้ให้ลูกชายของข้า ต้องขอบคุณท่านอาที่แสนดีของเขา! ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก หลินชวนฮวา… แต่ต่อไปข้าคงไม่กล้าให้เจ้าเข้าประตูบ้านข้าแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเจ้าจะทําอันตรายแก่ลูกข้าขึ้นมาเมื่อใด!”

 

หลังจากที่หลินหยาพูดจบ นางก็ดึงหลินอี่ออกไป!

 

ตอนนี้ผู้คนเหล่านั้นออกไปแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องจัดการคือเรื่องภายในตระกูลเฉิน!  แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านด้วย!

 

เฉินเถียนเถียนหลุดพ้นคําครหา แต่เฉินผิงอันกลับทําให้หมู่บ้านเสื่อมเสีย! หากผู้คนรู้ว่าในหมู่บ้านมีคนชั่วที่ทําร้ายลูกสาวตัวเอง ใครจะกล้าแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่?

 

แม้ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเทพธิดาจะไม่ชอบสร้างปัญหา แต่เมื่อมีงานสําคัญในหมู่บ้านพวกเขาก็จะกระตือรือร้นมาก! 

 

ขาและเท้าของผู้เฒ่านั้นไม่ค่อยดีนัก จึงเดินเร็วไม่ได้ แน่นอนว่าต้องอาศัยคนหนุ่มสาวบางคนคอยช่วยเหลือ!

 

ตรงทางเข้าบ้านใหญ่ของตระกูลเฉิน ป้าหวงที่บ้านอยู่ข้าง ๆ ก็ยกเก้าอี้ออกมา ให้คนมีสถานะสูงนั่งลงก่อน ส่วนคนอื่น ๆ ที่รอดูโรงละครก็ยืนอยู่แถวนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านก็จะมาล้อมรอบที่นี่!

 

“บอกมาสิ พวกเจ้าคิดจะทําอย่างไรต่อไป?”

 

สิ่งที่ผู้เฒ่าสี่ผู้รักในความยุติธรรม ไม่ชอบที่สุดคือการจัดการกับข้อพิพาทในครอบครัว! เขารู้สึกอยู่เสมอว่าข้อพิพาทเหล่านี้น่ารําคาญเกินไป!

 

ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก ทําให้หัวใจของเฉินผิงอันสั่นระรัว!

 

เฉินเถียนเถียนเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะพรวดพราดออกไป นี่คือความประทับใจเดียวที่หลงเหลือหลังจากผ่านการสูญเสียมามาก! 

 

จี๋ชื่อไม่ต้องการให้หลานสาวคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าและพูดแทนเฉินเถียนเถียน!

“ท่านผู้เฒ่า ไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ในหมู่บ้านของเรามาหลายปีแล้ว! แม้ว่าเถียนเถียนจะเสียชื่อเสียง แต่นั่นก็เกิดจากหลินชวนฮวา! ในตอนแรกท่านเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย ที่จะให้นางตัดสินใจชีวิตของนางด้วยตัวเอง แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องแก้ไขโดยเร็วที่สุด!

 

“คราวที่แล้วข้ามาคุยกับนาง ตัวนางเองก็มีแผนอยู่ในใจ ขอเพียงให้ข้าช่วยหาชาวนาที่ซื่อสัตย์ ไม่จําเป็นต้องมาจากตระกูลที่ร่ำรวย เพียงแค่ให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้! นางเป็นคนติดดินเช่นนี้ ความดีจึงส่งผลแก่นาง!”

 

“แต่ดูสิ่งที่หลินชวนฮวาทําเถิด นางพาคนหลานชายโง่เขลาของนางมาที่หมู่บ้าน

เข้ามาอยู่ในตระกูลเฉิน โดยไม่คํานึงถึงชื่อเสียงของหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน!

ดูก็รู้ว่าหลินชวนฮวาต้องการจับเถียนเถียนแต่งงานกับหลานชายโง่เง่าของนาง!”

 

“คงจะดีหากเถียนเถียนเต็มใจ แต่นางไม่ยินยอมแม้แต่น้อย! ไม่รู้ว่าหลินชวนฮวาเป่าหูน้องชายข้าอย่างไร ถึงได้กล้าปล่อยให้นางพาไอ้เง่านั้นเข้าไปในโรงเก็บไม้ที่เถียนเถียนอาศัยอยู่ โดยไม่คํานึงถึงชีวิตของลูกสาวของตนเอง! ท่านเคยเห็นพ่อที่ใจดําอํามหิตเช่นนี้หรือ? หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หมู่บ้านเทพธิดาของเราคงไม่มีใครมาแต่งงานด้วย สุดท้ายคงกลายเป็นหมู่บ้านที่ร้างผู้คน!”

 

“นอกจากนี้ ท่านยังเคยเตือนเฉินผิงอันไปแล้ว ว่าอย่าปฏิบัติไม่ดีต่อนางอีก! แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาเถียนเถียนต้องเดินขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาอาหาร! ข้าเพิ่งรู้ว่าหลังจากกลับจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านครั้งล่าสุด นางก็ไม่เคยได้ร่วมโต๊ะอาหารอีกเลย! คราวนี้คงต้องขอบคุณเจ้าคนโง่นั่นถึงทําให้นางไปกินข้าวร่วมโต๊ะได้!

 

“ท่านดูเอาเถิดว่านางต้องอยู่อย่างไร? นางไม่มีที่พักในบ้าน จนต้องอาศัยในโรงเก็บไม้และนอนบนกองไม้! ดูผ้าปูที่นอนข้างในสิ มันแย่ยิ่งกว่าผ้าที่บ้านข้าทิ้งไปแล้วเสียอีก! นางได้นอนห่มผ้าเช่นนี้จริง ๆ”

 

“ถ้าเจ้าบอกว่าครอบครัวไม่มีเงินซื้อจริง ๆ ข้าก็ยอมรับได้ แต่เมื่อครู่นี้หลินชวนฮวาเพิ่งเอาเงินสามสิบตําลึงออกมา! ผู้เฒ่า ท่านเห็นที่คนเหล่านี้กลั่นแกล้งนางหรือไม่? ทั้งหมดนี้ที่แม่นางหยุนทิ้งไว้ให้ หลินชวนฮวาไม่เคยสํานึก ลูกสาวของนางได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายและเกือบถูกทรมานจนตายอยู่ที่นี่ ท่านต้องตัดสินเรื่องนี้!”

 

คนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร แต่สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเปลี่ยนไปมาก! ในครานั้นแม้เฉินผิงอันจะได้รับคําตักเตือน แต่เขาก็ยังกระทําต่อหน้าผู้คนมากมาย การที่เฉินผิงอันไม่สนใจปฏิบัติตาม ทําให้เขารู้สึกราวกับถูกตบหน้ากลางหมู่บ้าน!

 

ตอนที่ 71 เสียเงิน

 

หลินชวนฮวาผงะไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าหน้ากากอันอ่อนโยนของนางจะถูกจี๋ชื่อผู้นี้กระชากออกมา!

 

“ว่าอย่างไร? เวลานี้ไม่เหมาะสมหรือ?”

 

หลินหยาเริ่มร้อนใจ พวกเขาเอาแต่จัดการเรื่องในตระกูลของตนเองแต่กลับไม่คิดสนใจนาง

 

หลินหยาเดินเข้าไปอีกสองก้าว ก่อนจะพูดเสียงดัง “จะจัดการปัญหาภายในตระกูลอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า! แต่หลินชวนฮวา ข้าหาใช่คนไร้เหตุผล! ลูกชายเพียงคนเดียวของข้าที่ฝากเจ้าดูแล เมื่อคืนเขาวิ่งกลับบ้านเพียงลําพัง ด้วยความหวาดกลัว แถมยังไข้สูงจนตัวร้อนราวกับไฟ ท่านหมอยังบอกอีกว่าอาการของเขานั้นจะแย่ยิ่งกว่าเดิม!”

 

“หลินชวนฮวา ทุกครั้งที่เจ้ากลับไปบ้านเดิมของมารดา ข้าซึ่งเป็นพี่สะใภ้ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อเจ้าเลยสักครั้ง ตอนนี้ลูกชายของข้าถูกทําร้ายด้วยน้ำมือของเจ้า ไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ?”

 

หลินชวนฮวาลอบกลอกตาในใจ ทุกครั้งที่นางกลับไป ไม่ใช่ว่านางหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปให้หรอกหรือ? หลินหยาเองก็ชอบของเหล่านั้น ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อนางอย่างดี ทั้งหมดก็ถูกต้องแล้ว!

 

“เมื่อคืนนี้ฉื่อโถวพักผ่อนอยู่ในบ้านอย่างดี ข้าไม่รู้ว่าเขาวิ่งออกไปตั้งเมื่อไหร่! ตอนกลางคืนข้าก็ต้องหลับนอนเช่นกัน!”

 

หลินหยามองหลินชวนฮวาด้วยสายตาเกลียดชัง “หลินชวนฮวา เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนโง่หรือ? สื่อโถวเป็นคนอย่างไร? ตราบใดที่เจ้าปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา เขาก็ไม่มีทางออกไปได้! อีกอย่างหากเขานอนหลับอย่างดีอยู่ในบ้านเขาจะหวาดกลัวขนาดนี้ได้อย่างไร เจ้าคงทําอะไรดี ๆ กับเขาเป็นแน่!”

 

หลินชวนฮวาคิดผิดจริง ๆ ตอนนั้นที่ฉื่อโถวบุกเข้าไป นางเองก็ตกใจมาก จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กโง่นั่นในโรงเก็บไม้?

 

“เถียนเถียน จนถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังไม่พูดอะไรอีกหรือ? ฉื่อโถวหวาดกลัวขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

หลินชวนฮวาไม่ต้องการแบกหม้อดํานี้ จึงรีบโยนความผิดไปให้เฉินเถียนเถียน หารู้ไม่ว่าการกระทําดังกล่าวนั้นเข้าทางเฉินเถียนเถียนพอดี!

 

“ท่านแม่กล่าววาจาประหลาดนัก? แม้ว่าฉื่อโถวจะเป็นคนโง่ แต่เขาก็คือคนนอก! เมื่อคืนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเหตุใดต้องมาหาข้าหรือ?”

 

หลินชวนฮวากล่าวเยาะเย้ย “เมื่อคืนฉื่อโถวนอนหลับอยู่ในโรงเก็บไม้ของเจ้า หากเจ้าไม่รู้แล้วใครจะรู้?”

 

เฉินเถียนเถียนแทบอยากจะปรบมือให้หลินชวนฮวา แต่ก็ต้องแสร้งทําตาแดงบีบน้ำตาอีกครั้งเพื่อให้สมบทบาทในฉากนี้!

 

“ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไร? ห้องของพี่ใหญ่ก็ยังว่างอยู่ เหตุใดฉื่อโถวถึงต้องมาเบียดเบียนโรงเก็บไม้ของข้าด้วยเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เฉินเฉินตัวน้อยยังต้องหลีกทางให้เขา แล้วเขาจะเข้ามาอยู่ในโรงเก็บไม้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าท่านพ่อและท่านแม่คงอยากฆ่าข้าให้ตายจริงๆ!

 

“ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์แต่กลับถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งรังแก! ท่านแม่ของข้า เหตุใดถึงจากข้าไปเร็วนัก ทิ้งให้ข้าต้องถูกรังแกอยู่ที่นี่! เหตุใดไม่พาข้าไปด้วย?”

 

“เฉินเถียนเถียน หุบปากของเจ้าซะ!”

 

หากเป็นหลินชวนฮวาที่ถูกทําให้อับอายจนโกรธแล้วพูดคํานี้ออกมาก็คงไม่แปลกนัก แต่กลับกลายเป็นว่าเฉินผิงอันเองที่ตะคอกออกมาเสียงดัง! แววตาของชาวบ้านจ้องมองคู่สามีภรรยาราวกับเป็นอาจมเหม็นเน่า เหตุใดถึงใจดําได้เพียงนี้?

 

“เมื่อคืนนี้เป็นแผนการของข้าเอง! ผู้หญิงที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างเจ้าจะสามารถทำอะไรได้อีกนอกจากแต่งงานกับคนโง่? หากเจ้าไม่แต่งแล้วจะให้ข้าทําอย่างไร? ข้าเพียงแค่ส่งเขาไปที่ห้องนอนของเจ้า! แล้วอย่างไรล่ะ? เจ้ายังอยากจะแก้ตัวอะไรอีกหรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนร้องไห้หนักกว่าเดิม “ท่านพ่อ! ข้ายังเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่านอยู่หรือไม่? ผู้เฒ่าในตระกูลคงเห็นมานานแล้วว่าท่านไม่ใช่พ่อที่ดีนัก จึงให้ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง! แต่ตอนนี้ท่านกลับไม่เคารพแม้กระทั่งคําพูดของผู้เฒ่า!”

 

“วันหนึ่งที่ข้าได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง คนที่เชื่อมั่นในตัวข้าย่อมแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน! ท่านพ่อช่างใจร้ายกับลูกสาวของตัวเองไม่กลัวเวรกรรมบ้างหรือ? ไม่กลัวว่าวิญญาณท่านแม่ของข้าจะขึ้นจากหลุมมาแก้แค้นท่านหรือ?”

 

ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเฉินผิงอันย่ำแย่มาก เขาส่งคนโง่เข้าห้องนอนลูกสาวของตัวเอง! เรื่องอื้อฉาวนี้ร้ายแรงยิ่งนัก!

 

บางคนในหมู่บ้านที่มาไม่ทันเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งไปเชิญตัวผู้เฒ่าเหล่านั้นมาอีกครั้ง! แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ตรงมาที่นี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด!

 

หลินหยายืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน จึงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!

 

สันนิษฐานได้ว่านางเด็กบ้านไม่ต้องการแต่งงานกับลูกโง่ของนาง ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงเกิดความคิดที่จะพาลูกชายของนางเข้าไปในห้องของลูกสาว แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดลูกชายถึงตกใจและวิ่งขวัญกระเจิงกลับบ้าน และดูเหมือนเด็กสาวนี่จะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย!

 

“หลินชวนฮวา เรื่องในตระกูลเจ้าก็จัดการเอาเองเถอะ! ตอนนี้ลูกชายของข้าต้องไปหาหมอเพราะมีไข้สูง และเขายังโง่กว่าเดิมอีก! หากเจ้าไม่จ่ายค่าชดเชยมาให้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่ เอาเงินมาให้ข้าสามสิบตําลึงแล้วข้าจะกลับเดี๋ยวนี้ ต่อจากนี้ไปผู้หญิงสารเลวเช่นเจ้าไม่นับว่าเป็นคนตระกูลหลิน!”

 

จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้า “ดูเหมือนว่าท่านแม่ของข้าจะทนมองสิ่งเลวร้ายที่พวกท่านทําไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนางจะปกป้องข้าด้วยการทําให้เจ้าโง่คนนี้หวาดกลัวได้อย่างไร? ฮ่าฮ่า! เฉินผิงอันไม่ต้องกังวลหรอกเวรกรรมกําลังจะตามสนองเจ้าแล้ว!”

 

จู่ ๆ เฉินผิงอันก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังราวกับว่ามีบางอย่างกําลังจ้องมองเขาอยู่! ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกลัวจนเกินกว่าจะกล่าวอะไรออกมา!

 

หลินชวนฮวาพูดด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่สะใภ้ท่านกําลังบีบบังคับให้ข้าตายหรือ? ข้าจะหาเงินมาจากที่ไหน? ข้าจะให้ลูกสาวของข้าแต่งงานกับหลานชายโดยเร็วที่สุด! ท่านกําลังเข้าใจเจตนาดีของข้าผิดไป ท่านทําแบบนี้กับข้าไม่ ได้!”

 

หลินหยากัดฟันพูดอย่างโหดเหี้ยม “ข้าทําได้ หลินชวนฮวาหากเจ้ายังพอมีจิตสํานึกอยู่บ้างก็ควรจะไปที่บ้านของข้าตั้งแต่เมื่อคืน! ลูกชายของข้าวิ่งหายออกไปทั้งคืน แต่เจ้ายังนอนหลับอยู่ที่บ้านได้!”

 

หลินชวนฮวาอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่เฉินผิงอันถลึงตาใส่นาง!

 

“ทั้งบ้านมีเงินอยู่เท่าไหร่? ไปเอาออกมา! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถือว่าข้าซื้อขาดเจ้าจากคนในตระกูลแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก ดูสิว่าที่ผ่านมาเจ้าให้เงินช่วยเหลือตระกูลแม่ของเจ้าไปตั้งเท่าไหร่ มาตอนนี้พวกเขากลับหันหลังให้เจ้าแบบนี้!”

 

เฉินผิงอันพูดอย่างมั่นใจ เพราะเขารู้ดีว่าในครอบครัวมีเงินเหลืออีกเท่าไหร่ และแน่นอนว่าหลินชวนฮวาไม่กล้าเข้าไปเอาเงินเช่นกัน!

 

เนื่องจากยังต้องใช้เงินสําหรับส่งให้เฉินเฉิงเยี่ยเล่าเรียน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลี้ยงดูบัณฑิตในชนบท ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเข้าสอบในปีหน้าจําเป็นต้องหาคนมาค้ำประกัน ต้องจ่ายเงินให้พวกเขาคนละห้าตำลึง หากมีสี่หรือห้าคนอาจจะต้องจ่ายถึงสามสิบตําลึง!

 

แน่นอนว่าหลินชวนฮวาไม่ยินยอม “แต่นั่นเป็นเงินสําหรับไปสอบของเฉิงเยี่ย! เราทําเช่นนั้นไม่ได้”

 

เฉินผิงอันได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ให้พวกมันไปซะ! ช่วงเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ก็ประหยัดเงินขึ้นอีกหน่อย!”

ตอนที่ 70 หักหลัง

 

จิตใจของหญิงผู้นี้ช่างเลวทรามจริง ๆ ต้องการให้ลูกสาวดี ๆ แต่งงานกับคนโง่!

 

หลินชวนฮวารับมือไม่ถูกกับการเปลี่ยนแปลงนี้ นางตกตะลึงอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตนเองเจอ!

 

“เถียนเถียนหากพูดกันอย่างมีมนุษยธรรม แม้ว่าฉื่อโถวจะดูงี่เง่าไปหน่อย แต่เจ้าไม่ต้องการผู้ชายที่ซื่อสัตย์หรือ? จากนี้ไปเขาจะเชื่อฟังและดูแลเจ้าอย่างดี”

 

เฉินเถียนเถียนพูดพลางร้องไห้ “แม่… ท่านจะฆ่าข้าหรือ? ก่อนหน้านี้ให้ข้าไปที่ตระกูลหลี่ พยายามที่จะทําลายความบริสุทธิ์ของข้าจนต้องเสี่ยงตายหนีออกมา และตอนนี้ท่านแม่ ก็จะส่งข้าไปอีกครั้งในหัวใจของท่านแม่… ข้าคู่ควรแค่กับคนโง่เท่านั้นหรือ?”

 

แม้ในใจหลินชวนฮวาจะอยากพยักหน้ารับ แต่นางจะกล้าดีอย่างไรต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้?

 

หลินหยาไม่อยากสนใจความพัวพันระหว่างหญิงสาวสองคนในตระกูลเฉิน นางสนใจเพียงลูกชายเท่านั้น!

 

“ข้าไม่สน! ลูกชายของข้าเป็นเช่นนี้ เจ้าสัญญาว่าจะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวเจ้า แม้ว่าทําไม่ได้ข้าก็จะไม่โทษใคร! แต่ดูสิเจ้าทําอะไรกับเขา? เมื่อคืนเขาไม่สบายมีไข้สูงทั้งคืน แต่อาของเขากลับนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านช่างดีจริง ๆ!”

 

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านเทพธิดาก็ต้องแสร้งทําเป็นอ่อนแอ ดังนั้นหลินหยาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางในตอนนี้

 

“พี่ชาย! ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ตั้งใจ!”

 

หลินชวนฮวารู้ดีว่าแม้ตัวนางและพี่สะใภ้จะเลวร้ายพอกัน แต่อย่างไรพี่ชายก็รักนางด้วยใจจริง จึงทําได้เพียงส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายเท่านั้น

 

แม้ไม่มีใครเห็นแต่หลินหยาก็สังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว นางจึงเป็นเฉยและพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “หลินอี ข้าพูดได้แค่ว่าเรามีลูกชายเพียงคนเดียว ระหว่างลูกชายของท่านกับน้องสาวผู้ใดสําคัญกว่ากัน?”

 

หลินอี่เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหน้าลงไป ในตอนนี้หลินชวนฮวาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แม้แต่พี่ชายก็ไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือนางจึงไม่รู้ว่าจะจัดการกับหลินหยาอย่างไร

 

หลินชวนฮวาต้องการที่จะหันกลับไปขอความช่วยเหลือจากเฉินผิงอันที่อยู่ข้างใน จึงชําเลืองสายตาไปมองที่ลานบ้าน

 

การกระทําดังกล่าวทําให้เฉินเถียนเถียนรู้ถึงความตั้งใจของนางทันที! 

 

เฉินเถียนเถียนที่กลายเป็นเพียงผู้ชมในสถานการณ์อันน่าตื่นเต้น จึงทำตามความต้องการของหลินชวนฮวา โดยการวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

 

“พ่อ! ออกมาเร็ว ๆ ตรงนี้มีคนมารังแกแม่!” แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะผอมบาง แต่เสียงของนางนั้นบาดแก้วหมาก

 

เมื่อเฉินผิงอันได้ยินเสียงที่น่ารําคาญนี้ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการกร่นด่า “นังเด็กเหลือขอเจ้าพูดเรื่องอะไร? ปล่อยให้ข้านอนไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”

 

เอาเถอะ แม้พ่อคนนี้จะดูถูกเหยียดหยามลูกสาวคนเดียวของตน แต่เฉินเถียนเถียนก็ไม่ได้โกรธเคืองเช่นกัน เพราะต่อไปไม่ใช่ตนที่จะเป็นฝ่ายต้องทนทุกข์

 

“พ่อ ท่านพูดอะไร? เหตุใดไม่รีบลุกมาดูท่านแม่ล่ะ? ไม่ใช่ว่าท่านรักนางที่สุดหรือ? แม่… อย่าเพิ่งเข้าไปหาท่านพ่อเลยเดี๋ยว ท่านพ่อจะเห็นหน้าบวม ๆ ของท่าน!”

 

หลินชวนฮวาคาดหวังว่าเฉินผิงอันจะออกมาช่วย แต่นางก็รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมากเมื่อนางเด็กขี้ครอกนี้ตะโกนออกมา

 

แต่ภายใต้สายตาของทุกคน นางต้องไม่เกรี้ยวกราด ทําได้เพียงก้มหน้าและแสร้งทําเป็นว่ารู้สึกผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“เถียนเถียน นี่คือพี่สะใภ้ของแม่ พี่สะใภ้คนโตก็เปรียบเสมือนเหมือนมารดา ดังนั้นแม่จึงโต้ตอบอะไรไม่ได้”

 

คําพูดเหล่านี้ทําให้เฉินเถียนเถียนอยากปรบมือให้กับนาง หลินชวนฮวาสามารถแสดงความเสียใจได้ถึงเพียงนี้ ย่อมง่ายที่จะกลับขาวเป็นดํา!

 

แต่ ณ เวลานี้… เฉินเถียนเถียนยังคงต้องทนคลื่นไส้และให้ความร่วมมือกับหลินชวนฮวา!

 

“ท่านแม่พูดอะไร? แม้ว่านางจะเป็นพี่สะใภ้คนโตของตระกูลท่าน แต่ตอนนี้ท่านแม่แต่งเข้าตระกูลเราแล้วนับว่าเป็นคนของตระกูลเฉิน ถึงอย่างไรท่านพ่อย่อมปกป้องท่านแม่อย่างแน่นอน!”

 

คําพูดเหล่านี้กล่าวตรงใจคนในหมู่บ้าน ป้าหวงจึงเดินออกมา “จริงด้วย! ลูกผู้ชายหากปกป้องผู้หญิงของตนไม่ได้ ก็อย่าโผล่หัวออกมาให้อับอายผู้คนเลย!”

 

เฉินเถียนเถียนยิ้ม ป้าหวงช่างเป็นผู้ช่วยที่พระเจ้าส่งมาจริง ๆ เนื่องจากเฉินผิงอันเพิ่งเหยียดหยามบุตรสาวของตนไป จะปล่อยให้ลอยตัวไม่ได้เช่นกัน

 

“พ่อ! หากท่านไม่รีบออกมาแม่คงถูกทุบตีจนตาย! แม้ว่านางจะไม่ใช่ภรรยาคนแรกของท่าน แต่นางก็รับใช้ท่านมาตั้งหลายปี”

 

น้ำตาของหลินชวนฮวาแห้งเหือดไปในทันที!

 

ไม่ใช่ว่าบาดแผลในใจของนางคือการตายจากไปของนางหยุนผู้ถูกกล่าวขานหรอกหรือ? แต่นางเด็กบ้านี่กลับเอาแต่พูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

 

แม้ว่าหลินชวนฮวาแทบอยากจะฆ่าเฉินเถียนเถียนให้ตาย แต่ในที่สุดคําพูดพวกนี้ก็ทําให้เฉินผิงอันลุกขึ้นมา!

 

เขาเดินออกจากห้องอย่างสุดจะทน และเมื่อเห็นว่ามีคนล้อมอยู่มากมายก็ยิ่งหงุดหงิด!

 

“นังเด็กเวร เจ้าร่วมมือกับคนนอกเพื่อรังแกแม่ของเจ้าใช่หรือไม่?”

 

ดวงตาของเฉินเถียนเถียนแดงราวกับสะเทือนใจอย่างรุนแรง แต่ความจริงคือการเสแสร้ง! สําหรับพ่อผู้โง่เขลาคนนี้ ไม่สามารถทําให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกอะไรได้เลยจริง ๆ !

 

“เหตุใดท่านพ่อถึงพูดเช่นนี้? ต่อให้อยากรวมตัวกับคนนอกรังแกแม่ ข้าก็ไม่มีทางหาครอบครัวของแม่เจอแน่นอน! นั่นไม่เท่ากับข้ารนหาที่ตายหรือ? ท่านกล่าวหาว่าข้าร่วมมือกับคนนอกทันที่ที่ออกมา ท่านอยากฆ่าข้าให้ตายเลยหรือ? ข้าอยากจะถามสักคําข้าเป็นลูกสาวของท่านหรือไม่?”

 

เฉินผิงอันฉายแววตาแห่งความรู้สึกผิดออกมาชั่วพริบตาเฉินเถียนเถียนสังเกตเห็นปฏิกิริยาแรกของเขาในทันที แสดงว่าต้องมีปัญหาอื่นเกี่ยวกับตัวตนของร่างเดิม อย่างไรก็ตาม ก่อนจะสืบสวนที่มาชีวิตของนางเฉินผิงอันยังคงเป็นพ่อและนางก็ไม่อาจ ปฏิเสธได้!

 

แต่อย่างน้อยเมื่อรู้เรื่องนี้ เฉินเถียนเถียนก็โล่งใจมาก แม้จะดูเหมือนว่าไม่มีทางรอดพ้นจากแผนการของเฉินผิงอัน แต่นี่เป็นข่าวดีที่ใหญ่ที่สุด

 

เฉินผิงอันกระพริบตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะคอกเสียงดัง “นังเด็กขี้ครอกนี่อวดเก่งนักหรือ? หากข้าไม่ใช่พ่อเจ้าแล้วใครจะเป็นใครจะอยากมีลูกสาวที่น่าอับอายเยี่ยงนี้!”

 

“เจ้าไม่อยากแต่ข้าอยาก! ข้าเคยบอกแล้วว่าให้เจ้ายกเด็กคนนี้ให้ข้า แต่เจ้ากลับไม่ยินยอม!”

 

ท่ามกลางฝูงชน จี๋ซื่อพูดขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงเฉินเถียนเถียนมาอยู่ข้างหลัง

 

แม้ว่าเฉินผิงอันจะหยิ่งผยอง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกลับพี่สะใภ้ของตน หากเขากล้าดูหมิ่นจี๋ชื่อ เฉินผิงเหอพี่ชายของเขาคงไม่ให้การช่วยเหลืออะไรอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เฒ่า เฉินผิงอันรู้ดีว่าสถานะของตนเป็นอย่างไร

 

“หลินชวนฮวา ไม่ใช่ว่าเจ้าแสร้งเป็นคนใจกว้างเสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนภายนอกหรอกหรือ? เป็นเพราะเจ้าทําให้เฉินเถียนเถียนถูกพ่อของนางเข้าใจผิด เจ้าจะไม่กล่าวอะไร สักหน่อยหรือ?”

 

เมื่อหมอเฒ่าได้ยินว่าพวกเขาต้องการให้เจ้าเด็กโง่แต่งภรรยา นี่เท่ากับการทําลายชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น!

 

“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าลูกตัวเองเป็นอย่างไร? ยังคิดที่จะให้เขาแต่งภรรยาอีก? เพียงแค่ต้องการ คนมาดูแลเขา พวกเจ้าถึงกับต้องทําร้ายผู้อื่นเลยหรือ?”

 

หลินหยาโต้กลับอย่างลังเลใจ “เด็กคนนี้ก็แค่โง่ไปหน่อย! แต่ถ้าเขาไม่แต่งภรรยาแล้วข้าจะหาหลานชายจากที่ไหน? มีข้อกฎหมายว่าคนโง่แต่งภรรยาไม่ได้หรือ?”

 

ก่อนที่หมอเฒ่าจะพูดอะไรอีก ฉื่อโถวก็พึมพําออกมาแล้วเริ่มเพ้อ

 

” ท่านแม่! ไม่แต่งงาน! ภรรยากินคน!”

 

หมอเฒ่ากล่าวเยาะเย้ย “ดูสิ นี่คือคําสาปของการหาลูกสะใภ้อย่างไรล่ะ ถ้าหญิงผู้นั้นเต็มใจที่จะแต่งงานก็ไม่เป็นไร! แต่นี่ลูกสะใภ้ก็ไม่ได้ แถมลูกยังโง่กว่าเดิมอีก! โรคโง่นี้ไม่มีทางรักษา พาเขาไปทําแผลแล้วดูแลให้ดี!”

 

หลินหยาอับจนหนทาง หากท่านหมอบอกว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบังคับให้เขารักษา

 

หมอเฒ่าผลักไสคนทั้งคู่ พวกเขาจึงตัดสินใจไม่พักค้างคืนและเรียกเกวียนลากพาฉื่อโถวที่ยัง ไม่ได้สติกลับบ้านไป

 

“เป็นอย่างไรล่ะ ข้ามอบลูกชายคนเดียวให้น้องสาวท่านดูแล แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหานางเพื่อชําระบัญชี! ”

 

หลินอี่ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาจะโง่แต่ก็ยังถือว่า ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

 

“เขาตกใจถึงเพียงนี้แต่หลินชวนฮวากลับไม่สนใจ ท่านดูเถิด หลานชายหายออกจากบ้านมานานแล้ว นางที่เป็นอาที่แท้ ๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ํา! เห็นได้ชัดว่าปกติแล้วนางก็ไม่เคยสนใจจะดูแลลูกชายของข้าเลย!”

 

หลินหยายังคงบ่น ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ หลินอี่เดิมที่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงแค่เงียบฟังอย่างโง่เง่าอยู่ฝ่ายเดียว

 

“ตอนข้าเห็นนางกลับมาเยี่ยมบ้านท่านแม่ บางครั้งก็นึกว่าจะเอาอาหารมาฝากหลานชายบ้าง ตอนนี้ข้ารู้แล้ว นางแค่อยากมาอวดชีวิตแต่งงานที่ดีของนาง! ตอนนี้ท่านเห็นไหม ดึกป่านนี้แล้วนางยังไม่แม้แต่จะออกตามหาหลานให้เจอ!”

 

“…”

 

หลินหยายังคงพูดไม่หยุด ส่วนหลินอี่นั้นชินชาเสียแล้ว ที่ผ่านมาเขามักจะถูกนางดุด่ามาโดยตลอด จึงเงียบเฉยไม่กล่าวอันใดออกมา

 

จากนั้นทั้งสองก็กลับถึงบ้าน เมื่อพวกเขาประคองฉื่อโถวที่ยังคงมีอาการหวาดกลัวนอน ลงบนที่นอนก็พบว่าฉื่อโถวนั้นมีไข้สูงมาก

 

โชคดีที่ก่อนจะจากมา หมอเฒ่าได้เรียกเก็บเงินพร้อมกับจ่ายยาลดไข้ให้ พวกเขาจึงรีบนํามาต้มให้ฉื่อโถวกินในทันที!

 

จนถึงรุ่งเช้าวันใหม่ไข้ของฉื่อโถวก็ลดลง ส่วนทั้งคู่เหนื่อยล้ายิ่ง

 

หลินอี่อยากนอนพักแต่หลินหยากลับไม่ยินยอม นางต้องการให้เขาไปบ้านตระกูลเฉินเพื่อตามหาหลินชวนฮวาตัวปัญหา หลินอี่ไม่สามารถขัดใจภรรยาได้เช่นเคย ดังนั้นนางจึงพาฉ้อโกวเดินไป ยังหมู่บ้านเทพธิดาด้วยใบหน้าทิ้งตึง

 

ถึงแม้ว่าฉือโถวจะจําไม่ค่อยได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังหวาดระแวงต่อหมู่บ้านเทพธิดา

 

ดังนั้นเขาจึงเอาแต่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา “ข้าไม่ไป มีผีอยู่ที่นั่น ท่านอาไม่ สนใจข้า ข้าไม่ไป!”

 

หลินหยาได้ยินดังนั้นยิ่งโมโห แม้ว่าบ้านตระกูลเฉินจะสวยงาม แต่อย่างไรนางหยุนก็ตายอยู่ที่นั่น คนตายไปเป็นผี หลินหยาย่อมเชื่อเรื่องพวกนี้ อีกอย่างลูกชายของนางก็ไม่มีทางโกหกแน่

 

ขนาดถูกผีหลอกแต่อาของเขาก็ยังไม่สนใจ ไม่น่าแปลกใจที่ฉื่อโถวจะหวาดกลัวขนาดนี้ โชคยังดีที่แม้ว่าจะกลัวแค่ไหนก็ยังจําทางกลับบ้านได้ หากเขาหายไประหว่างทางชีวิตของหลินหยาคงจบสิ้น

 

เมื่อทั่งคู้พร้อมด้วยฉื่อโถวที่ตัวสั่นกลัวมาถึงบ้านตระกูลเฉิน ดวงอาทิตย์ก็เพิ่งจะพ้นขอบฟ้า หลินชวนฮวาลุกขึ้นยืดเอวเพื่อเตรียมพร้อมจะทําอาหารและเมื่อทําอาหารเสร็จเรียบร้อย นางก็จะได้ไปที่โรงเก็บฟื้นเลย

 

จากนั้นก็เตรียมที่จะส่งเสียงร้อง คราวนี้นังเด็กขี้ครอกนั่นคงไม่มีทางหลบหลีกได้อีกเป็นแน่

 

ความฝันนั้นสวยงาม แต่ความจริงโหดร้ายอย่างยิ่ง

 

ทันทีที่หลินชวนฮวาเดินออกจากประตูห้อง ประตูหน้าลานบ้านก็ถูกคนเขย่าอย่างรุนแรง!

 

มีเสียงตระโกนด่าทอดังขึ้นมา “หลินชวนฮวา ผู้หญิงสารเลว ออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

ทุกคนในหมู่บ้านที่กําลังจะออกจากบ้านก็มารวมตัวกันอยู่รอบๆ

 

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบนัก แต่นางก็เป็นคนของหมู่บ้านเทพธิดา เมื่อชาวบ้านเห็นคนมากล่าวหานางก็รวมตัวกันเข้าล้อมรอบ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้คนในหมู่บ้านของตนถูกผู้อื่นรังแกได้

 

หลินชวนฮวาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของนางเอง เมื่อได้ยินเสียงนั้น นางจึงเปิดประตูออกมา

หลินหยาพุ่งเข้าไปตบหน้าหลินชวนฮวาทันที! นางจึงทําได้เพียงแค่ยกมือขึ้นป้องหัวและปิดหน้า

 

เมื่อเฉินเดียนเถียนได้ยินก็ปรบมือดังลั่น แทบจะกระโดดขึ้นปรบมือด้วยซ้ํา

 

“พี่สะใภ้ ท่านทําอะไร?”

 

หลินชวนฮวานั้นมักจะเสแสร้งเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ในตอนนี้มีชาวบ้านมากมายรุมล้อมอยู่ที่นี่ แม้ว่านางจะอยากกระโดดไปกระชากหัวหลินหยาแต่ก็ไม่กล้าทํา

 

“ข้าทําอะไรงั้นหรือ? เมื่อสองสามวันก่อน เจ้าไปที่บ้านของข้าและบอกข้าว่าจะให้ลูกเลี้ยงมาแต่งงานกับลูกชายข้า รับปากจะดูแลเขาอย่างดี!”

 

หลินชวนฮวาเงยหน้าขึ้นทั้งน้ําตา “ท่านต้องการให้ข้าดูแลลูกชายของท่านดีขนาดไหน! ห้องที่ ดีที่สุดในบ้านก็ให้เขาอยู่ เนื้อบนโต๊ะอาหารก็ไม่เคยขาด ท่านยังต้องการให้ข้าดูแลเขาดีขนาด ไหนอีกหรือ?”

 

หลินหยาถึงกับกระโจนใส่นางด้วยความโกรธ แต่ถูกป้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รั้งไว้!

 

“แม่นางหลิน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ เถิด อย่างไรก็คนตระกูลหลินเหมือนกัน!”

 

หลินหยาเห็นว่าไม่สามารถทุบตีนางได้อีก แต่สามีของนางกลับยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว!

 

“พูดมาสิว่าเจ้าดูแลลูกชายข้าอย่างไร? เมื่อคืนเจ้าปล่อยให้เขากลับบ้านคนเดียว เขาหมดสติไปจนข้าต้องพาเขาไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าเขาหวาดกลัวมาก! หลินชวนฮวา เจ้าลองบอกเหตุผลมาสิ ลูกชายข้ากลับไปถึงบ้านตั้งนาน หายไปทั้งคืน แต่เจ้าที่เป็นอายังนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านได้อย่างไร?”

 

ชาวบ้านบางคนที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนต่างพูดไม่ออก ในเมื่อมีการตกลงแต่งงาน นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของสองตระกูล เหตุใดถึงต้องไล่ตีหลินชวนฮวา?

 

เฉินเถียนเถียนที่รอจังหวะนี้ ก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงสะอื้น “ท่านแม่ ท่านอย่าทําร้ายข้าเช่นนี้ จะให้ข้าแต่งงานกับคนโง่ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าพี่ฉื่อโถวจะโตแล้ว แต่ก็ยังรดที่นอนอยู่เลย ให้ข้าแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหัวใจของท่านทําด้วยอะไร?”

 

คราวนี้หมู่บ้านเทพธิดาแตกตื่นอย่างแรง!

 

หลินชวนฮวาผู้แสนดี แค่ลูกติดที่ชื่อเสียงเสียหาย นางถึงกับให้แต่งงานกับหลานชายที่ดูแลตัวเองไม่ได้!

 

ตอนที่ 68 โง่กว่าเดิม

 

“แต่ภรรยาของเจ้าหน้าตาเป็นแบบนี้แหละ!”

 

นางกล่าวออกด้วยน้ําเสียงเย็นชา สื่อโถววิ่งเตลิดกลับ ไปที่ลานบ้านของตระกูลเฉินด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด

 

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเถียนเถียนก็รีบดึงแขนเสื้อของหยุนเคอ “เร็วเข้า ทางที่ดีควรพาเขากลับไปที่ตระกูลเฉิน!”

 

หยุนเคอที่กําลังเหม่อลอยรีบวิ่งตามเขาไป เมื่อเห็นว่าสื่อ โถวกําลังจะวิ่งไปผิดทาง ก็รีบลากอีกฝ่ายเข้าไปในลาน บ้านของตระกูลเฉิน

 

สื่อโถวบุกเข้าไปในห้องของหลินชวนฮวาและเฉินผิงอัน อย่างบ้าคลัง!

 

เฉินผิงอันตื่นขึ้นกลางดึกจึงลุกไปเข้าห้องน้ํา เมื่อเขากลับ มาเห็นหลินชวนฮวาในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ย อารมณ์ปรารถ นาก็บังเกิด เขาดึงหลินชวนฮวาขึ้นมาออกแรงยามเที่ยงคืน ใครจะคาดคิดว่าฉือโถวจะบุกเข้ามาในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เฉินผิงอันจึงหมดอารมณ์ไปในทันที!

 

“ท่านอา… ข้าอยากกลับบ้าน! ข้าอยากกลับบ้าน! ข้าไม่อ ยากมีเมียแล้ว!”

 

หลินชวนฮวาเริ่มร้อนรน อยู่ ๆ เจ้าคนง่เง่าคนนี้ ก็ร้องจะกลับบ้านกลางดึก?

 

“ไปหาเมียเจ้าซะ! พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน!”

 

หลินชวนฮวาโดนเจ้าโง่ตบเข้าที่หน้า นางรู้สึกอับอายจน ต้องเอาผ้าห่มมาคลุมหัวและปฏิเสธที่จะออกไป

 

จู่ ๆ หลินชวนฮวาก็ถูกทําให้อับอายขายหน้า จน ลืมไปว่าฉ้อโถวเป็นคนโง่และไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด

 

ลื่อโถวจ้องมองอาที่ไม่สนใจตนเองเลย ด้วยความที่ มีสติปัญญาเหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดขวบทําให้เขาดื้อรั้นมาก ดังนั้นเขาจึงออกจากหมู่บ้านท่ามกลางความมืดเพื่อกลับไป หาแม่ ก่อนหน้านี้แม่ของเขาเคยพามาจึงยังพอจําทางกลับได้

 

แต่ด้วยตอนนี้เป็นเวลากลางคืน อีกทั้งสื่อโถวที่สติกระ เจิดกระเจิงและอยู่ในอาการตกใจ เมื่อเจอถนนเป็นหลุ มเป็นบ่อเขาจึงแทบจะคลานไปตามถนน

 

เมื่อกลับถึงบ้านรองเท้าของสื่อโถวข้างหนึ่งหลุดหาย เสื้อ ผ้าขาดรุ่งริ่ง จมูกและใบหน้าบวมเป่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ถูกหยุนเคอเตะอย่างแรง เขาจึงดูกระเซอะกระเซิงอย่างมาก

 

หลินหยาได้ยินเหมือนคนเคาะประตูอย่างอ่อนแรง และ ได้ยินเสียงลูกชายตะโกนเรียกหาแม่

 

ดังนั้นนางจึงรีบร้อนจนไม่ทันสวมรองเท้า เมื่อเปิดประตู ออกมาก็เห็นสภาพลูกชายยืนอยู่ที่ประตูด้วยสภาพยับเยิน

 

เมื่อเห็นมารดาอันเป็นที่รักฉ้อโถวก็รู้สึกผ่อนคลาย! เมื่อค วามตึงเครียดเบาบาง ในที่สุดเขาก็ทรุดตัวล้มลงไป หลินห ยาตกใจมากนางกอดลูกชายของตนไว้และเรียกหาสามีอย่าง สิ้นหวัง

 

เฉินเถียนเถียนไม่รับรู้ถึงความวุ่นวายหลังจากสื่อโถววิ่ง เตลิดไปแล้ว ภายใต้การจ้องมองจากดวงตาที่ตื่นกลัวของ เฉินเฉิน นางจึงรีบล้างเครื่องสําอางออกด้วยน้ําอุ่น

 

“เป็นอะไรไป? กลัวหรือ?”

 

คําพูดของเฉินเถียนเถียน ทําให้เฉินเฉินผ่อนคลายในทันที นางยังคงเป็นพี่สาวคนเดิมของเขา

 

หยุนเคอเองก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ ซุกซนนัก!

 

แต่สุดท้ายปัญหานี้ก็คลี่คลาย หยุนเคอพอจะจินตนาการ ได้ว่าแม้เฉินเถียนเถียนจะเต็มใจแต่งงาน เจ้าคนโง่นั่นก็คงไม่ กล้าแต่งกับนาง

 

หลินชวนฮวาทั้งโกรธและอาย นางไม่สนใจใยดีว่าสื่อ โถวจะเป็นอย่างไร เฉินผิงอันที่อารมณ์ค้างอยู่ก็เช่นกัน นาง ไม่สนใจเขาและผล็อยหลับไป

 

หยุนเคอพาเฉินเถียนเถียนและเฉินเฉินกลับไปส่งที่ลานห น้าบ้าน จากนั้นพวกเขาก็กลับไปนอนหลับที่ห้อง หยุนเคอรู้ ว่าตระกูลเฉินไม่สามารถก่อปัญหาใด ๆ ได้อีก ดังนั้นเขา จึงกลับไปที่ถ้ําอย่างหมดกังวล บ้านของเขากําลังจะสร้างเส ร็จในไม่ช้า ถึงเวลานั้นก็ย้ายเข้าหมู่บ้านแบบเปิดเผยได้

 

ตระกูลเฉินเข้าสู่ความสงบ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอ ย่างจะสงบตาม!

 

หลินหยาที่เห็นลูกชายล้มลงต่อหน้ารู้สึกกังวลใจเป็นอย่า งมาก จึงเรียกหาสามีและพาเขาไปหาหมอในเมืองภาย ในคืนนั้น!

 

แม้ว่าเขาจะเป็นคนโง่ แต่เขาก็เป็นเพียงเด็กน้อยของต ระกูลหลินเท่านั้น! แน่นอนว่าสําหรับหลินหยาและหลินอีสา มีของนางนับว่าเขาสําคัญยิ่งกว่าชีวิต

 

หลินหยาบ่นไปด้วยเดินไปด้วย “ดูน้องสาวที่แสนดีของ เจ้าเถิด อุตส่าห์ฝากฝังลูกชายสุดที่รักให้นางดูแล อย่าว่าแต่ หาสะใภ้ดี ๆ กลับมาให้ ลูกชายของเราเกือบจะเอาชีวิตไม่ รอด! หลินอู่ข้าจะบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่ง หากครั้งนี้เจ้ายังคิดจะปกป้องนางผู้นั้นอีก เราสองคนถือว่าสิ้นสุดกันแค่นี้!”

 

ใบหน้าของหลินลี่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ แน่นอ นว่าเขารู้ถึงคุณธรรมในใจของน้องสาวตนเองเป็นอย่างดี และในสายตาของชายผู้ซื่อตรงคนนี้ เขาย่อมไม่เชื่อใจน้องสาวของตน

 

ใช้มรดกของคนอื่นเลี้ยงลูกตัวเอง ปฏิบัติต่อลูกเลี้ยงอย่างเลวร้าย ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือเมื่อทําสิ่งเหล่านี้? แต่อย่าง ไรก็ตาม นางก็คือน้องสาวของเขาเองจึงไม่สามารถชี้หน้าด่า

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้หลินหยาจะบอกว่าเขากําลังปกป้องน้อง สาวตนเอง แต่ที่ผ่านมานางเองที่ปกป้องกันมาตลอดไม่ใช่หรือ?

 

ชายชื่อตรงผู้นี้มักถูกรังแก หลินชวนฮวาดูถูกพี่ชายที่ชื่อ สัตย์ของนางอยู่เสมอแต่ยังดีที่ไม่ต่อต้านพี่สะใภ้ทั้ง สองก็ถือว่าเข้ากันได้ดี

ฉ้อโถวถูกพาเข้าเมืองด้วยอาการหมดสติ หลินอีที่เป็นห่วงลูกชายเคาะประตูเรียกหมออย่างสิ้นหวัง

 

“เป็นอะไร? มาร้องไห้ดึกดื่นปานนี้!”

 

แน่นอนว่าหมอย่อมต้องช่วยชีวิต แม้ว่าเขาจะดู กเรียกตอนดึกดื่นและบ่นอยู่ในใจ แต่ก็ยังเร่งรีบสวมเสื้อผ้า และเปิดประตูให้

 

หลินอีพาลูกชายไปในโรงหมอและขอพบท่านหมออย่างร้อนใจ

 

หลินหยายังไม่สามารถปรับอารมณ์ของตนได้จึงพูดออก มาเสียงดัง “นี่คือลูกชายคนเดียวของข้า ท่านต้องหาทา งจะช่วยเขา!”

 

ท่านหมอเริ่มหมดความอดทน เขากลอกตาและลูบเค ราของตน “เจ้าต้องให้ข้าดูก่อนว่าเขาจะรอดหรือไม่? ตอนนี้ ข้าจับชีพจรไม่ได้!”

 

แม้ว่าในตอนนี้หลินหยาจะไม่อยากเชื่อฟังนักแต่นางก็หยุ ดพูด ที่สุดแล้วลูกชายของนางยังต้องให้เขาช่วยเหลือ

 

หมอเฒ่ายื่นมืออันสั่นเทาออกมาวางบนข้อมือของสื่อโถว เขานิ่งเงียบ สีหน้าเคร่งขรึมอยู่นาน หัวใจที่วิตกกังวลของห ลินหยาแทบจะกระเด็นออกมา แต่หลังจากถูกตําหนิก่อนห น้านี้นางจึงไม่กล้าโวยวาย

 

“ลูกของเจ้ามีข้อบกพร่องที่มีมาแต่กําเนิดหรือไม่?”

 

หลินหยากังวลใจ หมอเฒ่าพยายามอธิบายอยู่นานแต่นาง ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่พูด? อะไรคือบกพร่องแต่กําเนิด? อะไรคือบก พร่องทางจิตใจ?

 

“ง่าย ๆ ก็คือลูกของเจ้าปัญญาอ่อนหรือเปล่า?”

 

ท่านหมอเริ่มหมดความอดทน จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา อย่างไม่กลัวโดนด่า!

 

หลินหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใช้เวลาอยู่นานก็ไม่อาจสง บอารมณ์ได้ แต่หลินอีก้มหน้าลงอย่างเสียใจ เด็กคนนี้ค่อ นข้างโง่ แต่อย่างไรแล้วเขาก็เป็นความหวังเดียวในอนาคต ของพวกข้า ท่านหมอโปรดช่วยเหลือด้วย!”

 

ทัศนคติของหลินอีทําให้หมอเฒ่ารู้สึกดีขึ้นมาก เขาแตะเค ราแล้วพยักหน้า “เนื่องจากเด็กคนนี้ผิดปกติดังนั้นจึงต้อง เอาใจใส่เขาอย่างดี ดูสิ อีกอาการหนึ่งคือเขาหวาดกลัวมาก ข้าเกรงว่าเขาจะโง่กว่าเดิม น่าจะมีบางอย่างผิดปกติ” 

 

หวาดกลัว?

 

หลินหยาร้องไห้โฮออกมาทันที ”ข้าบอกแล้วว่าน้องสา วของเจ้าไม่น่าเชื่อถือ นางบอกว่าต้องการให้ลูกนางแต่งงาน กับสื่อโถว! ผลเป็นอย่างไรท่านดูสิ…”

ตอนที่ 67 คนโง่ที่หวาดกลัว

 

หยุนเคอลอบขึ้นไปบนหลังคาบ้านตระกูลเฉิน เปิดแผ่น กระเบื้องแล้วสอดส่ายสายตาลงมายังโรงเก็บไม้

 

สื่อโถวยังคงลูบไล้แก้มของเฉินเถียนเถียนอย่างหลงไหล แม้ว่าเขาจะมีความคิดเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบ แต่สัญชาตญาณของร่างกายก็กระตุ้นให้มือของเขาเลือนไปที่คอปกเสื้อ ของเฉินเดียนเถียน!

 

หยุนเคอโกรธจัดทันที หญิงงามขนาดนี้เจ้าโง่นั่นจะไปหา จากไหนได้?

 

เขากระโดดลงจากหลังคา และรีบพังประตูเข้าไป จากนั้น ก็พุ่งเข้าไปทุบตีเจ้าคนโง่ ก่อนจะใช้ มืออีกข้างโอบรอบเอวของเฉินเถียนเถียนและจะพาหญิงสาวไปที่ข้างลําธาร

 

เฉินเฉินรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่นั่น เมื่อเห็นลุงหยุนพาตัว พี่สาวของตนออกมาก็รีบร้องเรียก

 

“พี่สาวข้าเป็นอะไร?”

 

ใบหน้าของหยุนเคอมืดมนจนเกือบจะหลั่งน้ําตาออกมา ด้วยความที่เขาไม่อยากเอ่ยถึงจึงเพิกเฉยต่อเฉินเฉินและกวักน้ําจากลําธารขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วลูบลงบนใบหน้าของเฉินเถียนเถียนอย่างเบามือ

 

ลําธารบนภูเขานั้นเย็นเฉียบ ซึ่งทําให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เมื่อพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและเห็นคอเสื้อตัวเองหลุดรุ่ย จึงรู้สึกโกรธอย่างมาก!

 

“ข้าจะไปหาหลินชวนฮวา คอยดูเถอะข้าจะถลกหนังนาง จิ้งจอกนั่น!”

 

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตนอยู่ข้างลําธาร หยุนเคอและ เฉินเฉินตัวน้อย มองเฉินเถียนเถียนที่มีท่าที่ดุร้ายด้วยความตกตะลึง

 

เฉินเฉินพูดด้วยเสียงสะอื้น “ท่านแม่ที่พี่สาวจนสลบและ ปล่อยให้เจ้าคนโง่เข้าไปในห้องของท่านโชคดีที่ข้าวิ่งออกไป หาลุงหยุนทัน ลุงหยุนช่วยพี่สาวเอาไว้”

 

เฉินเถียนเถียนเข้าใจเรื่องราวทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ จากนั้นจึงหันมาถาม ” หยุนเคอ เจ้าคนโง่นั่นอยู่ที่ไหน?”

 

“ข้าตีมันจนสลบ คิดว่าน่าจะยังอยู่ในโรงเก็บไม้ของเจ้า!”

เฉินเถียนเถียนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า “หยุนเคอเจ้าช่วยพาไอ้คนโง่นั่นออกมาจากโรงเก็บไม้หน่อย! ข้าจะทําให้มันไม่อยากเจอหน้าข้าอีก!”

 

เมื่อมองดูรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของนาง หยุนเคอก็อดไม่ได้ที่จะต่อต้าน แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่าคนชั่ว ต้องได้รับผลกรรม ดังนั้นจึงหันกลับไปที่ตระกูลเฉิน

 

เฉินเถียนเถียนกัดฟันนั่งลงข้างลําธารและเริ่มคิดออก ได้ ยินมาว่าพ่อแม่ของเจ้าคนโง่เง่านั้นรักเขามาก แม่ของเขา และหลินชวนฮวามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

 

นี่คือลูกชายสุดที่รักของพวกเขาซึ่งหลินชวนฮวาเป็นคน พามาที่ตระกูลเฉิน แต่ตระกูลเฉินกลับทําให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก คิดว่าทั้งสองคนจะยังมองหน้ากันติดอีกหรือ?

 

ในใจเฉินเดียนเถียนคิดอย่างชั่วร้าย แต่ก็ยังคงปลอบโยน เด็กน้อยเฉินเฉินที่อยู่ข้าง ๆ !

 

“ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าแม่ของเจ้าเป็นคนอย่างไร นางขัดขวางไม่ให้ท่านพ่อส่งเจ้าไปเรียนหนังสือในหัวใจของนางเจ้า ไม่ใช่ลูกชายที่นางห่วงใย หากวันใดที่นางไม่สนว่าเจ้าจะอยู่ หรือตาย ก็ไม่จําเป็นต้องปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นแม่”

เฉินเฉินเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ําตา “แต่อย่างไรนางก็เป็นผู้ ให้กําเนิดข้า!”

 

เฉินเทียนเถียนเย้ยหยันและทําลายภาพลวงตาในใจของ เด็กชาย ” ข้าเกรงว่านางจะไม่ได้อยากให้เจ้ากําเนิดมาแม้ว่า ข้าจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กําลังคิดอะไรอยู่ แต่ข้าแน่ใจว่าตัว เจ้าไม่ได้มีค่าในใจนางแม้แต่น้อย!”

 

“เมื่อรู้ว่าตอนสุดท้ายจะต้องผิดหวังก็ไม่ต้องคาดหวังเสีย ตั้งแต่แรก เฉินเฉิน… วันหนึ่งเจ้าจะต้องเติบโตขึ้น หากมีแม่ เช่นนี้ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก “ข้ารู้พี่สาว นางไม่ ควรที่จะเป็นแม่ของข้าด้วยซ้ํา”

 

แม้ว่าเฉินเดียนเถียนจะเสียใจที่เด็กน้อยได้ถูกทิ้งเงาดําไว้ ในหัวใจ แต่นางก็ไม่เสียดายเลย เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมจะน่าเสียดายก็เพราะมีแม่ที่ต่ําตม

 

หยุนเคอรีบเดินกลับมา พร้อมกับร่างของฉือโถวงเง่า ที่หมดสติไป!

 

เอาเถอะ! อย่างไรเจ้าคนโง่ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นเพราะมีแม่และอาเลว ๆ จึงส่งเสริมให้เขาทําเรื่องนี้

 

แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ซะทีเดียวหรือ? ไม่ใช่แค่ต้องแต่งงานกับคนโง่เท่านั้น แต่มันคือการทําลายชีวิตอีกครั้งที่เหลืออยู่ของนางด้วย

 

เมื่อคิดได้ดังนี้เฉินเถียนเถียนก็ไม่ลังเลใจ สาดน้ําในลําธาร เย็นยะเยือกใส่ใบหน้าของสื่อโถว ทําให้เขาตื่นขึ้นมาทันที!

 

ทันทีที่เห็นสถานที่เปลี่ยวร้างในยามกลางคืน สื่อโถวก็ ถอยร่นออกไปด้วยความตกใจ ก่อนจะตะโกนร้องเรียกหาแม่ ให้มาช่วย แต่ก็หวาดกลัวจนพูดออกมาไม่เป็นภาษา

 

แต่เมื่อเขาหันไปเห็นใบหน้าของเฉินเถียนเถียน นั่นไม่ใช่ ภรรยาที่ท่านอาบอกเขาหรอกหรือ? ดังนั้นเขาจึงไม่ห วาดกลัวอีกต่อไป ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น

 

” ภรรยา… ภรรยาของข้า…”

 

ความโกรธของหยุนเคอปะทุขึ้นมาในใจอย่างไม่ทราบสา เหตุก่อนจะถีบท้องของฉือโถวอย่างแรง เขาโกรธจนควบคุม อารมณ์ไว้ไม่ได้ จึงเตะเข้าที่หัวของฉือโถวอีกหลายที และในที่สุดเจ้าคนโง่ก็ล้มลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้

 

โชคดีที่อยู่ไกลจากหมู่บ้านและมีลมกรรโชกแรงในตอนก ลางคืน ดังนั้นเสียงร้องเหล่านี้จึงถูกกลบไว้และไม่มีใครถูกรบกวน

 

เฉินเถียนเถียนแอบถามเสี่ยวเถาในใจ “มีลิปสติกขายไหม?”

 

เสี่ยวเถากลอกตา “นี่คือเถาเป่า! เหตุใดจะไม่มีขาย? จะเอาแบบแพงหรือแบบถูกล่ะ?”

 

“เอาแบบถูก ๆ ก็พอ ฉันต้องการสีแดงเลือด!”

 

เสี่ยวเถาถอนหายใจเบาๆ “เจ้านาย! ท่านเองก็อายุยังน้อ ย เหตุใดถึงใช้สีแดงเลือดแบบนี้? สิ่งใดคือนิยามความงาม ของท่านหรือ?”

 

เฉินเทียนเถียนกลอกตาอย่างโกรธเคือง “ไม่ได้จะใช้มัน แต่งหน้า! รู้ไว้ด้วยว่าเจ้านายของเจ้านะ ไม่จําเป็นต้องใช้ของ พวกนี้ก็สวยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว! แค่จะใช้ทําให้คนตกใจ!”

 

เสียวเถาไม่อยากจะสนใจผู้หญิงหน้าเหม็นคนนี้ จึงโยนลิป สติกราคาถูกออกมาทันที!

 

เฉินเถียนเถียนรีบหันหลังให้ลื่อโถวและใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อละเลงลิปสติกลงบนใบหน้าของตนเอง

 

ใบหน้าขาวซีดมีเลือดสีแดงไหลจากหางตาและริมฝีปากเป็นสีแดงช้ํา! แถมยังแลบลิ้นยาว!

 

เมื่อใบหน้าดังกล่าวปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉือโถวเขา พลันกรีดร้องด้วยความตกใจ!

 

“ผีหลอก! ช่วยด้วย ช่วยด้วย…”

 

หยุนเคอมองหญิงสาวที่ดูน่าสะพรึงอย่างหวาดกลัว และดู เหมือนว่าเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ก็หวาดกลัวเช่นกัน จึงถอยมา หลบอยู่ข้างหลังลุงหยุนของเขา!

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากแต่งข้าไปเป็นภรรยาหรือ?”

 

เฉินเถียนเถียนจงใจยืดเสียงและพูดด้วยน้ําเสียงที่ไร้ วิญญาณ แม้แต่หยุนเคอก็ยังรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นยะเยือกจ นขนลุกและหลังเหงื่อเย็นออกมา

 

ฉ้อโถวส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ใช่ ภรรยาขอ งข้าไม่ใช่แบบนี้ ภรรยาของข้าสวยมาก!”

 

เฉินเถียนเลียนแอบยิ้มในใจ แม้จะเป็นคนโง่แต่คําชมนี้ก็ มาจากใจ ยิ่งตอกย้ําความสวยของนาง!

ตอนที่ 66 ขอความช่วยเหลือ

 

หลินชวนฮวาพาแขกเข้าบ้าน แม้ว่าเฉินผิงอันจะกังวล เรื่องการไปโรงเรียนของลูกชายคนสุดท้อง แต่ก็ไม่เหมาะสม ที่จะเถียงกันต่อหน้าแขก แน่นอนว่าหลินชวน

ฮวาจงใจลืมเรื่องนี้ไป

 

“ผิงอัน ท่านก็เห็นว่าเถียนเถียนโตแล้ว นางควรจะหาสามีได้แล้ว และตอนนี้ 

สิ่งที่คนพูดนั้นสร้างปัญหามาก ผู้หญิงปากยาวพวกนั้นกําลังนินทาเถียนเถียน 

ให้นางแต่งงาน ออกไปโดยเร็วน่าจะดีที่สุด”

 

เฉินผิงอันพยักหน้า “แต่นางต้องตกลงยินยอมแต่งงานด้วยตัวเอง ตาเฒ่าหนังเหนียวพวกนั้นให้สัญญากับนางเอาไว้”

 

หลินชวนฮวาเอนซบลงบนไหล่ของเฉินผิงอันเบา ๆ 

การออดอ้อนของภรรยาตัวเล็ก ๆ แสนน่ารัก ทําให้เฉินผิงอันรู้สึกสบายใจ!

 

“ผู้เฒ่าพวกนั้นช่างไม่รู้อะไรเลย พวกเขาเอาแต่สั่งว่าเรา ต้องทําอะไร เถียนเถียนตัวน้อยเติบโตมาจากที่ไหนกัน? การหาบ้านสามีของนาง พวกเราเป็นพ่อแม่ย่อมต้องเป็นคนตัดสินใจ แม้ว่าในตอนนั้น ข้าจะไม่เคยพบพี่สาวหยุนมาก่อนแต่ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของนางมาโดยตลอด!”

 

เมื่อกล่าวถึงแม่นางหยุนในตอนนั้นเฉินผิงอันก็จําได้ทันที่ว่าถูกอีกฝ่ายกดข่มอยู่เป็นเวลาหลายปี ผู้คนจากทั่วทุกที่ต่างบอกว่าน่าเสียดายที่นางแต่งงานกับชายไร้ความสามารถในชนบทเช่นเขา!

 

ดังนั้น เฉินผิงอันจึงรู้สึกขยะแขยงในใจและพูดออกไป อย่างเหลืออด 

”นังเด็กเหลือขอคนนี้จะหาตระกูลดี ๆ มา แต่งด้วยได้หรือ? ข้าหวังเพียงแค่ให้นางแต่งออกไปเร็ว ๆ แค่นี้ข้าก็ไม่ต้องอับอายแล้ว!”

 

เป็นไปตามที่คาดไว้ หลินชวนฮวายิ้มอย่างมีชัย “แถวนี้ หาตระกูลที่เหมาะสมกับนางไม่ได้แล้ว แต่หลานชายของข้า ท่านเองก็น่าจะเห็น แม้ว่าหลานชายของข้าจะมาจากตระ กูลที่ไม่ได้ดีนักแต่เขาก็เป็นลูกชายคนเดียว ถ้าเถียนเดียนแต่งงานกับเขา…”

 

หลินชวนฮวาฉลาดอยู่เสมอ นางรู้ว่าเฉินผิงอันไม่สามารถ อดทนต่อความคิดของผู้อื่นได้ ดังนั้นนางจึงทําได้แค่ชักจูง และเกลี้ยกล่อมเขาเท่านั้น

 

ในอดีตนั้นนางหยุนทั้งหยิ่งผยองและไม่เคยสนใจเขา แต่ ตอนนี้มีหลินชวนฮวาที่แสนน่ารักช่างเอาใจ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างทั้งสอง แม้ว่าหลินชวนฮวาจะไม่ดีเท่านางหยุน แต่ก็มีน้ำหนักในใจของเขาอย่างชัดเจน

 

ยิ่งเฉินผิงอันเกลียดนางหยุนที่หยิ่งผยองมากเท่าไหร่ เขา ก็ยิ่งเกลียดเฉินเถียน

เถียนมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นนาง ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของเขาและเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกของนาง หยุนกับใคร ทนเลี้ยงดูมาตั้งหลายปีถือว่ามากพอแล้ว

 

เฉินผิงอันในตอนนี้มีแต่ความเกลียดชังต่อนางหยุน และความเกลียดชังนี้ได้ถูกส่งต่อให้เฉินเถียนเถียนลูกสาวขอ งนางต่อ

 

มีเพียงการทําลายชีวิตของเฉินเถียนเถียนเท่านั้น ที่จะทํา ให้ปีศาจในใจของเฉินผิงอันพอใจได้! และสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด สําหรับเฉินเดียนเถียนคือชีวิตการแต่งงานของนางอยู่ในกํา มือของเขา ปล่อยให้นางแต่งงานกับคนโง่งั้นหรือ? ย่อมทําได้!

 

“ข้าว่าไม่เป็นไรหรอก อย่างไรเสียนังเด็กขี้ครอกนี่ก็ดื้อรั้นสิ้นดี แต่ตอนนี้นังเด็กนี่พูดด้วยไม่ง่ายนัก หากเจ้าต้องการให้ นางแต่งงานกับหลานชายอย่างเต็มใจ 

ต้องคิดหาวิธี ไม่อย่างนั้นนางอาจจะโวยวายได้”

 

หลินชวนฮวาพอใจเป็นอย่างมาก นางจึงแนบริมฝีปากจุมพิตลงไปที่ใบหน้าของเฉินผิงอัน

 

ตัวนางนั้นแสนอิจฉาริษยา ยิ่งได้ยินนางหยุนถูกผู้ คนกล่าวขวัญถึงซ้ําแล้วซ้ําเล่าตอนนี้ลูกสาวของมันกําลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองก็อย่าภูมิใจให้มากนัก!

สําหรับวิธีจัดการกับนางเด็กเหลือขอนั้น ไม่นับว่าเป็น งานถนัดของตนหรือ? ตราบใดที่จับได้ว่าเจ้าหลานชายคนโง่ อยู่ในห้องกับนาง แม้ว่าจะไม่อยากแต่งก็คงต้องแต่ง!

 

เฉินเดียนเถียนระแวดระวังตั้งแต่สื่อโถวผู้นั้นเข้ามาอยู่ใน บ้าน เพราะเกรงว่าตนอาจตกหลุมพรางได้

 

หลินชวนฮวายังแสร้งทําเป็นใจดีชวนให้นางร่วมทานมื้อ เย็นด้วยทุกคืน และปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี ในขณะที่ร่วมโต๊ะอาหาร แต่นั่นยิ่งทําให้ในใจของ เฉินเถียนเถียนระแวงมากยิ่งขึ้น!

 

ความระมัดระวังของเฉินเถียนเถียนนั้นไม่ผิด นางคิดเสมอว่าหลินชวนฮวาต้องหาวิธีที่ลึกล้ํากว่านั้น เช่น การใช้ยาที่ ทําให้ไม่สามารถคุมสติได้!

 

แต่คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวชาวบ้านจะคิดได้ขนาดนี้ 

วิธีที่ง่ายและหยาบคายที่สุดคือการทุบนางให้หมดสติ

 

ก่อนจะหมดสติไป นางเห็นหลินชวนฮวายืนภาคภูมิใจอยู่ ข้างหลัง จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง นี่นางยังจะพ่าย แพ้ให้แก่คนโบราณนี้อีกหรือ?

 

ในตอนนั้น เฉินเฉินที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์ผ่านรอยร้าว ของประตู รีบย่องออกจากประตูหลังและวิ่งไปหาหยุนเคอ!

 

ก่อนหน้านี้หยุนเคอไม่ได้ทําอะไรเลย เขาเพิ่งสับไม้ไผ่ 

บนเนินเขาด้านหลังตระกูลเฉินขณะรอฟังข่าว

 

การสร้างบ้านและมุงหลังคาจําเป็นต้องมีแท่งไม้ไผ่ จึงไม่ มีใครสนใจการกระทําเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหยุนเคอ!

 

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หยุนเคอกลับไปทานอาหาร เย็นที่บ้านแล้วกลับมาซ่อนตัวในตระกูลเฉิน ส่วนเฉินเฉินวิ่ง หอบหายใจไปตลอดทาง

 

“ลุงหยุน รีบไปหาพี่สาวข้า นางถูกท่านแม่ตีจนสลบไป แล้ว!”

 

หัวใจของหยุนเคอบีบรัดขึ้นในทันใด แต่ก่อนจะสอบถาม เรื่องราวใด เขาก็สับขาวิ่งออกไปแล้ว!

 

สื่อโถวถูกหลินชวนฮวาพาเข้าไปในโรงเก็บไม้ของตระกูล เฉินอย่างเงียบ ๆ

 

เดิมที่สื่อโถวเป็นคนโง่ แม้จะถูกขังไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร

 

หลินชวนฮวาทําได้เพียงนําทางอย่างอดทน นางนํา ทางฉือโถวไปที่โรงเก็บไม้และปล่อยให้เขานอนลงข้าง เฉินเถียนเถียน

 

ห้องนี้เป็นเพียงโรงเก็บไม้ธรรมดา เตียงนอนจึงไม่นุ่มเห มือนเตียงใหญ่ในห้องพัก สื่อโถวจึงโวยวายทันทีเพราะเขาไม่ อยากนอนที่นี่

 

“ไม่เอา! ข้าจะกลับบ้านไปฟ้องท่านแม่ว่าท่านรังแกข้า และไม่ให้ข้านอนในที่ดี ๆ!”

 

หลินชวนฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม “สื่อโถว หลานไม่อยาก แต่งภรรยาหรือ? ดูสิ พี่สาวคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร? พานาง กลับไปเป็นภรรยาดีหรือไม่?”

 

เมื่อได้ยินว่าตนจะไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งภรรยา สื่อ โถวก็สงบลงและหันไปมองหน้าเฉินเดียนเถียน คราแรกฉื่อ โถวยังไม่ค่อยพอใจนัก แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันงดงามของ เฉินเดียนเถียน น้ําลายของเขาก็ไหลยืด…

 

“สวยจัง! นี่คือภรรยาของสื่อโถว!”

 

เมื่อมองเจ้าโง่ที่น้ำลายยืดกับนังเด็กเหลือขอที่อยู่ตรงหน้า หลินชวนฮวามีความสุขอย่างมาก ไม่ว่าจะงดงามสักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องแต่งงานกับคนโง่

 

“ถ้าอยากให้นางเป็นภรรยา เจ้าต้องทนลําบากสักหน่อย นอนที่นี่กับนางหนึ่งคืนและรอจนวันรุ่งขึ้น นางก็จะได้เป็นก รรยาของเจ้า”

 

สื่อโถวมองไปรอบ ๆ ที่มีกองฟืนอยู่บ้างอย่างไม่ชอบใจนัก จึงเบะปากด้วยความรังเกียจ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันงดงามข องเฉินเถียนเถียน เขาก็ยิ้มออกทันที

 

“ฉือโถวจะนอน… นอนและเชื่อฟัง จะได้แต่งงาน”

 

เจ้าคนโง่น้ำลายไหลย้อยปืนขึ้นไปนอนข้าง ๆ เฉินเถียนเถียน จากนั้นก็ใช้มือของเขาค่อย ๆ สัมผัสใบหน้าด้านข้างของนาง

 

หลินชวนฮวายิ้มอย่างภาคภูมิใจออกจากโรงเก็บไม้ไป เงียบ ๆ และลงกลอนประตูจากด้านนอก จากนั้น ก็กลับไปที่ห้องอย่างมีความสุข ตราบใดที่นางรอจนถึงพรุ่งนี้ เสียงกรีดร้องของนางก็จะเรียกความสนใจจากทุกคนใน หมู่บ้าน เมื่อถึงตอนนั้นเฉินเดียนเถียนจะต้องแต่งงาน แม้ว่าจะไม่อยากแต่งก็ตาม!

ตอนที่ 65 อธิบายไม่ได้

 

หยุนเคอส่ายหัวและหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมให้แก่ตนเอง

 

คงเป็นเพราะความสงสารกระมัง

 

เขาเห็นใจในสิ่งที่หญิงสาวตัวน้อยคนนี้ต้องเผชิญ ด้วยความมีมโนธรรม จิตใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นี่ แสดงให้เห็นว่าเขายังมีมนุษยธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง

 

หยุนเคอครุ่นคิดเกี่ยวเรื่องนี้ และในที่สุดก็ตัดสินใจทําอะไรบางอย่าง!

 

ในคืนนั้น เขาใช้ประโยชน์จากความมืดของยามราตรีลอบเข้าไปในโรงเก็บไม้ของตระกูลเฉิน!

 

เฉินเถียนเถียนถือท่อนไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ และ จ้องไปยังผู้บุกรุกที่อยู่เบื้องหน้าอย่างดุร้าย เมื่อเห็นว่าเป็นใค รมุมปากของนางก็กระตุก!

 

รูปร่างเหมือนกอริลลาเช่นนี้ จะเป็นใครได้อีกนอกจากหยุนเคอ?

 

คนผู้นี้ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลยจริง ๆ กล้าลักลอบเข้าบ้านตระกูลเฉิน หากถูกเฉินผิงอันและคนอื่น ๆ ทุบตี คงเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่

 

หยุนเคอไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงแต่สัมผัส หลังมือของเฉินเถียนเถียน และเดินออกจากบ้านตระกูล เฉินอย่างเงียบ ๆ ทั้งสองแวะตรงลําธารที่เคยนัดแนะ ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน

 

เฉินเถียนเถียนเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “หยุนเคอเจ้าพาข้ามาทําอะไรที่นี่? หรือว่าคืนนี้จะออกไปล่าสัตว์?”

 

ในใจของหยุนเคอคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่รู้แผนการร้ายข องหลินชวนฮวา!

 

“ถึงตอนนี้เจ้ายังคิดที่จะล่าสัตว์อยู่อีกหรือ?”

 

เฉินเดียนเถียนงุนงงเล็กน้อย พวกเขานัดพบกันเพื่อเรียน รู้การล่าสัตว์ไม่ใช่หรือ? ตนถูกเขาพามายังบริเวณที่เคยเป็น จุดนัดพบเพื่อล่าสัตว์ หากไม่ใช่ออกล่าแล้วจะทําอะไรอีก หรือ?

 

เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าช่างดูไร้เดียงสา หยุนเคอยิ่งโกรธจัด และรู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อหลินชวนฮวานั้นน่ารังเกียจเหลือเกิน!

 

“เจ้าไม่รู้หรือว่าแม่เลี้ยงของเจ้าคิดจะทําอะไร? นางจะบังคับให้เจ้าแต่งงานกับหลานชายผู้โง่เขลาคนนั้น เจ้าไม่รู้ หรือ?”

 

เอ่อ…

 

เฉินเถียนเถียนพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าแผนการของหสินชวนฮวาไม่ค่อยเข้าท่านัก ขนาดคนที่เพิ่งเข้ามาใน หมู่บ้านยังดูออก เป็นไปไม่ได้ว่าชาวบ้านคนอื่นจะไม่รู้

 

เพียงแต่ตัวนางเองยังไม่ร้อนรน แล้วหยุนเคอจะกังวล เรื่องอะไร?

 

“อย่ากังวลไปเลย ข้ารู้แผนของนางดี ถ้าแม้แต่คนโง่เง่า คนหนึ่งข้ายังจัดการไม่ได้ ตัวข้าก็คงไร้ประโยชน์จริง ๆ!”

 

เมื่อมองท่าที่สบประมาทของเฉินเถียนเถียน หยุนเคอก็ยิ่ง กังวลมากขึ้นไปอีก แม้ว่าจะไม่รู้ว่าตนกังวลเรื่องอะไรก็ตาม

 

“แม้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะเป็นคนโง่ แต่ก็มีคนฉลาดอยู่เบื้องห ลัง หลินชวนฮวาไม่มีทางยอมแพ้แน่ นางมีหน้าที่รับ ผิดชอบเรื่องการแต่งงานของเจ้าตั้งแต่ต้น ย่อมมีวิธีมากมาย เพื่อจัดการเจ้า!”

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเถียนเถียนได้ยินหยุนเคอพูดประโยคยาว ๆ แบบนี้ นางจึงประหลาดใจและรู้สึกแปลกแปร่ง เล็กน้อย!

หยุนเคอและตัวนางเองค่อนข้างจะใกล้ชิดกัน เมื่อออกล่าสัตว์ แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อื่นใดอีก จึงคาดไม่ ถึงว่าเขาจะกังวลกับเรื่องของนางขนาดนี้

 

แม้ว่าชายตรงหน้าจะเหมือนกอริลล่า แต่เฉินเทียนเถียนผู้ ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อนในชีวิต จู่ ๆ ก็รู้ สึกหัวใจสั่นไหว!

 

นางคิดว่าหากหยุนเคอเสนอตัวจะแต่งงานกับตัวเองในเว ลานี้ ก็คงไม่สามารถตอบตกลงได้

 

แต่หัวใจของเฉินเดียนเถียนที่กําลังหวั่นไหวอยู่ก็ต้องผิดหวัง!

 

“แม้ว่าวันนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านของเจ้าจริง ๆ มันก็ ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย ไม่เห็นจําเป็นต้องลงโทษตัวเอง ด้วยการแต่งงานกับคนโง่”

 

” ข้าไม่ได้…”

 

“เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าหากแต่งงานกับไอ้คนงี่เง่านั่น ชีวิตของเจ้าคงจบสิ้น ข้ายังได้ยินมาอีกว่าแม่ของเจ้าคนโง่นั่น เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวอีกด้วย!”

 

เฉินเถียนเถียนนิ่งเงียบเพื่อรอให้หยุนเคอพูดจบ “ท่านพูดจบหรือยัง?”

 

“แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทําอย่างไร? หลินชวนฮวาพาหลาน โง่เง่านั้นกลับมาที่บ้าน ย่อมคิดหาวิธีจัดการกับข้าไว้แล้ว ข้าควรทําอย่างไรตอนนี้? หนีไปงั้นหรือ? หากข้าหนีไปจะ ให้ไปอยู่ที่ใด? โฉนดที่ดินบ้านอีกล่ะ หรือว่าเจ้าจะพาข้าหนี? แม้ว่าข้าจะหนีไปกับเจ้า แต่ก็เป็นได้แค่ภรรยารอง คิดว่าข้าจะยอมเป็นเมียน้อยของคนอื่นงั้นหรือ? หากต้องก ลายเป็นน้อย ลูกที่เกิดมาย่อมต่ําต้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้น ข้ายอมแต่งงานกับเจ้าโง่นั่นเสียดีกว่า!”

 

คําถามเหล่านี้ทําให้หยุนเคอเงียบไป

 

ในตอนแรกหยุนเคอโกรธมาก จึงบุกไปที่ตระกูล เฉินเพื่อตามหาเฉินเถียนเถียน แต่ก็ไม่ทันได้คิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

 

เขาหัวเราะเยาะตัวเองที่ช่วยอะไรไม่ได้!

 

“เป็นข้าเองที่ยุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”

 

ดูเหมือนว่าเฉินเถียนเถียนคิดอะไรได้บางอย่าง จึงรีบหยุดหยุนเคอที่กําลังจะก้มหน้าเดินจากไป

 

“เจ้าไม่ได้ยุ่ง! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะต้องการจะช่วยเหลือข้า ช่างเถิด… เจ้าค่อยช่วยข้าแก้ปัญหานี้ทั้งหมดในคราวเดียวก็ได้”

 

เพียงแค่นั้นก็ทําให้หยุนเคอรู้สึกดีขึ้นมาทันที ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน อีกแล้ว

 

“หลินชวนฮวาพาหลานชายโง่เง่าของนางมาอยู่ที่บ้านแล้ว ดังนั้นนางคงต้องเริ่มลงมือจัดการข้า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่าน มานางยอมให้ข้าไปกินมื้อเย็นที่โต๊ะด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีแผน อะไรอยู่เบื้องหลังอีก”

 

“ตั้งแต่แรกผู้เฒ่าในหมู่บ้านอนุญาตให้ข้ามีอิสระในการ แต่งงาน พวกเขาเองก็ต้องการช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากการควบคุมของนาง ดังนั้นหลินชวนฮวาจะต้องมีวิธีบังคับให้ข้า ยอมจํานนอย่างแน่นอน!”

 

“วิธีที่ดีที่สุดในการบังคับผู้หญิงให้ยอมจํานนคือการทํา ลายชื่อเสียง! ข้าเกรงว่านั่งสารเลวนั่นวางแผนให้เจ้าคนโง่ นั่นทําลายความบริสุทธิ์ของข้าเพื่อบังคับให้ข้ายอมจํานน แม้ว่าข้าจะไม่กลัวคนโง่เง่านั้น แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าคํา พูดของเขาจะทําให้ข้าเสียหายอย่างไรบ้าง”

 

“หยุนเคอข้ารู้ว่าเจ้าเก่งกาจ เจ้าสามารถซ่อนตัวอยู่ ในบ้านตระกูลเฉินโดยไม่มีใครสังเกตเห็น หลังจากวันนี้เจ้า มาซ่อนตัวอยู่ในบ้านของข้า โดยเฉพาะตอนกลางคืน เจ้าต้อ งอยู่ที่นี่ ข้าเดาว่าพวกเขาต้องลงมือในอีกไม่กี่วันนี้แน่!”

 

“ทันทีที่พวกเขาจะทําอะไรข้า เจ้าก็จัดการได้งเง่านั้นด้วย การทําให้เขาตกใจ คนโง่ผู้นี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเป็นผู้บริ สุทธิ์ แค่ขู่ให้เขากลัวแล้วกลับไปก็พอ! ”

 

หยุนเคอมองดูหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่กําลังพูดอยู่ตรงหน้า เขาด้วยแววตาลุ่มลึก

 

จากนั้นเขาก็พยักหน้า หยุนเคอเชี่ยวชาญการต่อสู้ มีห ลายวิธีที่จะซ่อนตัวอยู่ในตระกูลเฉินโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น แต่แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น ไม่สามารถทําได้ในตอนกลางวัน เขาพร้อมรับมือกับผู้หญิงสารเลวคนนั้น แต่ถ้านางกล้าลงมือ ในตอนกลางวันล่ะ?

 

ดูเหมือนว่าเฉินเดียนเถียนจะเห็นถึงความสงสัยของเขา “ที่รกร้างที่เจ้าสร้างบ้านอยู่นั้นไม่ไกลจากบ้านของข้า ไม่ เป็นอะไรหรอก หากมีอะไรผิดพลาดจริง ๆ ข้าจะให้เฉินเฉิน ไปตามหาเจ้า คงไม่สายเกินไปที่จะเข้ามาช่วยข้าในตอนนั้น”

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฉินเถียนเถียนจะต้องถ่วงเวลาไว้ให้ได้

 

หยุนเคอพยักหน้าอย่างหนักแน่น ผู้คนในหมู่บ้านรับเงิน ค่าจ้างในการสร้างบ้านจากเขา หากเขาไม่ทํางานก็ยังมีค นอื่น ๆ ทําแน่นอน! เขาจะคอยมาอยู่ใกล้ ๆ บริเวณบ้านต ระกูลเฉินสักเล็กน้อย หากเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่ล่าช้า!

เฉินเถียนเถียนไม่ได้รับรู้ว่าการแต่งงานของนางจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่บ้าน แต่แล้วทุกอย่างก็สงบลงอย่างรวดเร็วโดยที่นางเองไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ!

ในวันนั้น หลินชวนฮวากลับไปยังบ้านเดิมของนางเพื่อพบกับพี่สะใภ้ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซึ่งนางชื่นชอบสะใภ้คนนี้มาก

หลินชวนฮวาได้มอบชาดประทินโฉมที่ตนไม่ค่อยชอบนักให้แก่นาง ทำให้หลินหยามีความสุขมาก เนื่องจากครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีของใช้ฟุ่มเฟือยเช่นนี้

“พี่สะใภ้! เห็นว่าฉื่อโถวถึงวัยต้องแต่งภรรยาแล้ว ท่านไม่ดูแลเรื่องนี้ให้เขาหรือ?”

นี่เป็นเรื่องที่หลินหยากังวลมาก ตลอดชีวิตนี้นางมีลูกชายเพียงคนเดียว และสามีของนางก็ไม่สามารถหาผู้หญิงที่ดีมาให้ได้ นางจึงต้องจัดการเรื่องนี้เอง!

แต่ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของนางมีสติปัญญาเหมือนเด็กอายุสิบหก สิบเจ็ดเท่านั้น! ในแต่ละวันนอกจากจะร้องไห้และกินข้าวแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเลย แถมบางครั้งก็ยังฉี่รดที่นอนอีกด้วย!

ไม่นานมานี้ ไม่รู้ว่าฉื่อโถวถูกผู้ใดแกล้งมา เขาเอาแต่ตามหาหลินหยาและเอะอะโวยวายเรื่องแต่งงาน

ครอบครัวยากจน แถมลูกชายก็โง่ ผู้หญิงคนไหนจะยินดีจะแต่งเข้ามา? หลินหยาเองก็กังวลเช่นกัน!

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าหลานชายเป็นอย่างไร ผู้หญิงคนไหนจะเต็มใจแต่งงานกับบ้านเรา”

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะดูแคลนหญิงงี่เง่าผู้นี้เล็กน้อย แต่นางก็ยังแสร้งทำเป็นอ่อนโยน “เมื่อเด็กโตขึ้นหากท่านไม่หาทางแต่งสะใภ้ให้ย่อมมีคำติฉินนินทาแน่! ทั้งยังต้องพึ่งพาอาศัยเขาในการสืบทอดตระกูล หากเขาให้กำเนิดหลานชายหน้าตาน่ารัก แล้วท่านคอยปลูกฝังให้ดี ชีวิตในภายหน้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากแล้ว”

หลินหยาขมวดคิ้วแน่น “ข้าต้องการหาลูกสะใภ้ แต่หาคนที่เหมาะสมไม่เจอเลย หรือเจ้าพอจะช่วยข้าได้?”

หลินชวนฮวาได้ยินคำถามนี้ก็รีบเดินเข้าไปหานาง “แล้วหากเป็นลูกเลี้ยงของข้าท่านชอบหรือไม่? เหตุใดไม่แต่งนางเข้าตระกูลท่านล่ะ เด็กนั่นเคยชินเวลาถูกข้าทุบตี ต่อไปก็แค่เปลี่ยนมือมาเป็นท่านแทน!”

หลินหยาลังเล แม้ว่าลูกชายของนางจะเป็นคนโง่แต่ก็คือความจริง! ควรทำอย่างไรดี? หญิงผู้นั้นไม่เหลือบริสุทธิ์เลยด้วยซ้ำ!

หลินชวนฮวารีบตีเหล็กตอนร้อน “ในเวลานี้ยังต้องการอะไรมากมายอีก แค่หาผู้หญิงมาแต่งได้ก็ดีแล้ว จากนั้นก็ไม่ต้องให้นางออกไปพบปะผู้คน ขอแค่นางมีหลานให้แล้วช่วยทำงานบ้าน มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นอีกหรือ? ท่านก็น่าจะรู้สถานการณ์ในครอบครัวตัวเองดี แถมหน้าตาของลูกเลี้ยงข้าก็นับว่าไม่เลว!”

หลินหยารู้สึกตื่นเต้นมาก นางเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว นางงดงามจริง ๆ  หากหญิงสาวให้กำเนิดหลานในอนาคตออกมา จะต้องเป็นเด็กน่ารักอย่างแน่นอน!

ตัวนางเองรู้ดีลูกชายที่นางเลี้ยงมากับมือ นอกจากจะหน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังโง่อีกด้วย!

“ย่อมได้อยู่แล้ว ข้าและเจ้าย่อมเกี่ยวดองกันได้! แต่นังเด็กบ้านั่นจะยินยอมหรือ?”

แน่นอนว่าครั้งนี้หลินชวนฮวาไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โต บทเรียนจากครั้งที่แล้ว คำเตือนของผู้เฒ่ายังก้องอยู่ในหู นางจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง

“มันไม่มีทางตอบตกลงอย่างเต็มใจแน่! นังเด็กคนนี้ไม่ค่อยรู้ตัวเอง นางไม่คู่ควรกับฉื่อโถวด้วยซ้ำ ทุกวันนี้จิตใจของนางแข็งกร้าวมาก ถ้าไม่ใช้วิธีการบางอย่าง ข้าเกรงว่านางจะไม่ตกลง”

แม้ว่าหลินหยาจะฉุนเฉียวอยู่เสมอ แต่นางก็เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ดังนั้นในใจของนางจึงไม่สามารถเกิดความคิดอันน่ากลัวเช่นนี้ได้ เรื่องนี้นางจึงทำได้แค่เพียงทำตามแผนการของหลินชวนฮวา!

ทั้งสองคนทานอาหารกลางวันและพูดคุยกัน จากนั้นหลินชวนฮวาก็กลับไปที่หมู่บ้านเทพธิดาพร้อมกับฉื่อโถว

หลินหยาฝากฝังลูกชายกับหลินชวนฮวาให้ดูแลเขาอย่างดี ลูกชายเพียงคนเดียวของนาง แม้จะโง่เขลาแต่เขาก็เป็นที่รักดังดวงใจ!

แม้หลินชวนฮวาจะแอบดูถูกเขาอยู่เล็กน้อย แต่นางก็พยักหน้า อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องดำเนินตามแผน

“ฉื่อโถว ไปกันเถอะ! อาจะพาเจ้าไปหาภรรยา!”

ฉื่อโถวไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เมื่อกล่าวว่าจะพาไปหาภรรยากลับรู้ความขึ้นมาทันที! เขาเดินน้ำลายไหลยืดตามหลินชวนฮวาไปอย่างว่าง่าย

หลินหยามองดูพวกเขาจากไปโดยไร้ความกังวล! แค่นึกถึงหลานชายหน้าตาน่ารักที่กำลังจะมาเกิด ก็ทำให้นางรู้สึกไม่อยากยอมแพ้

เมื่อเห็นหลินชวนฮวากลับมาพร้อมกับหลานชายหน้าโง่ แม้ว่าเฉินผิงอันจะไม่พอใจนัก แต่เขาก็เป็นญาติฝั่งตระกูลแม่ของนาง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้เขาอาศัยอยู่ในห้องเดิมของเฉินเฉิงเยี่ย

ฉื่อโถวมีความสุขมากเพราะบ้านของเขาไม่ได้กว้างขวางและสว่างไสวเช่นนี้

เมื่อมื้ออาหารจบลง หลินชวนฮวาก็มุ่งหน้าไปที่โรงเก็บไม้และเรียกเฉินเถียนเถียนออกมา!

หลังจากปล่อยให้นางไร้ตัวตนอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ในที่สุดหลินชวนฮวาก็ตระหนักกับตนเองได้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องเลี้ยงหลานเอง หลินชวนฮวาลองคิดดูแล้ว ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นสภาพอย่างไร!

เฉินเถียนเถียนเดินออกมาอย่างสงบ แต่เฉินเฉิงเยี่ยที่กำลังจะไปเรียนในเมืองข้าง ๆ สงสัยว่าเหตุใดคนพวกนี้ถึงมาอยู่ตรงหน้าเขา? เจ้าโง่น้ำลายยืดนั่นคือใคร?

หลินชวนฮวาเดินไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะจับมือเฉินเถียนเถียน ถึงแม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะสะบัดมืออย่างแรง แต่ก็ไม่สามารถหลุดจากผู้หญิงคนนี้ได้!

“เถียนเถียน ดูสิ นี่คือหลานชายแท้ ๆ ของข้า ช่วงนี้แม่ของเขาไม่อยู่บ้าน เจ้าต้องคอยดูแลเขาให้ดีล่ะ!”

เฉินเถียนเถียนจำได้ในทันที เมื่อไม่กี่วันก่อนหลินชวนฮวามากระซิบข้างหู บอกว่าต้องการให้แต่งงานกับหลานชายที่โง่เขลาของนาง ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือฉื่อโถวหลานชายหน้าโง่นั่น!

ในขณะเดียวกัน ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้ว่าลูกเขยตระกูลเฉินเป็นคนโง่เขลา!

หญิงสาวขี้นินทาหลายคน ต่างคาดเดาว่าหลินชวนฮวาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อให้เฉินเถียนเถียนแต่งงานกับหลานชายที่โง่เขลาของนาง และแม่ของหลานชายที่โง่เขลาคนนี้ก็ฉาวโฉ่วในเรื่องหน้าไม่อายเช่นกัน!

หากเฉินเถียนเถียนแต่งเข้าตระกูลเช่นนี้ ดูเหมือนว่าวันข้างหน้าชีวิตของนางคงจะน่าสังเวชนัก!

แม้ว่าหยุนเคอจะไม่อยากฟังเรื่องซุบซิบเหล่านี้ แต่ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนนั้นคำพูดพวกนี้ก็กระทบเข้าไปในโสตประสาทของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่แปลกนักที่แม่เลี้ยงจะปฏิบัติต่อลูกเลี้ยงไม่ค่อยดี หยุนเคอไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวกับนาง เพราะท้ายที่สุดแล้วตัวของหญิงสาวเองก็ไม่ได้เป็นพวกที่ชอบสร้างปัญหาให้ผู้อื่น

แต่ในวันนี้ เมื่อได้ยินว่ามีคนต้องการให้หญิงสาวแต่งงานกับคนโง่ ความโกรธที่อธิบายไม่ได้ก็ปะทุขึ้นมาในอกของเขา!

หากได้รับการปฏิบัติไม่ดีก็ทุกข์เพียงแค่ชั่วคราว แต่ทั้งชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งสำคัญเพียงใด ผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนนั้นสามารถคิดหาวิธีที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้ ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!

แต่ในไม่ช้าหยุนเคอก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ฐานะที่จะดูแลเรื่องนี้!

เฉินเถียนเถียนยิ้มปลอบเขา “ยังเด็กยังเล็กเหตุใดจึงถอนหายใจ เอาล่ะ! รีบกลับกันเถอะ ท่านแม่ของเจ้าจะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องข้าอีก”

หยุนเคอเรียกเกวียนวัวจากหมู่บ้านข้าง ๆ เพื่อนำอิฐสีเขียวจำนวนมากกลับมาและเจ้าของเตาอิฐก็จะส่งอิฐสีเขียวมาให้ทุกวัน

หัวหน้าหมู่บ้านได้รับผลประโยชน์จากหยุนเคอ จึงทุ่มเทอย่างมากในการหาคนงานที่ขยันขันแข็งในหมู่บ้านเพื่อเริ่มขุดที่ดินรกร้างที่เขาซื้อมา!

ฐานบ้านถูกขุดลงไปลึกมากและบางคนก็พบว่าหินทุกชนิดบนภูเขานั้นเป็นเพียงหินหัวมุมใต้ดินของบ้าน เรื่องนี้เป็นที่อึกกระทึกครึกโครมมาก จนคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านรับรู้กันทั่ว

คนป่าบนภูเขานั่นต้องการลงมาใช้ชีวิตอยู่ในเมือง และดูเหมือนว่าเขาน่าจะมีเงินในมืออยู่ไม่น้อย เพราะบ้านที่เขาสร้างทำจากอิฐสีเขียวทั้งหลัง!

บางทีการที่เขามีหนวดเครารกรุงรังก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีเงิน แต่คนแบบนี้ก็มักจะขาดผู้หญิงรายล้อม เป็นไปได้ว่านี่คือเหตุผลที่เขาเปลี่ยนใจย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน

แม้ไม่รู้ว่าชายคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้าลูกสาวบ้านไหนได้แต่งเข้าบ้านที่สร้างจากอิฐสีเขียวทั้งหลังนี้ เป็นไปได้หรือที่สินสอดทองหมั้นจะมีเพียงน้อยนิด?

ส่งผลให้บางครอบครัวเริ่มปล่อยให้ลูกสาวแต่งตัวสวย ๆ เดินผ่านที่ดินรกร้างโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจ

หยุนเคอรู้สึกเย้ยหยันคนพวกนี้ในใจ ในอดีตตอนที่เขายังเรืองอำนาจอยู่นั้น ได้พบเจอผู้หญิงเช่นนี้มากมายนับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น!

อีกอย่างแม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะตกต่ำ แต่รสนิยมของเขาก็ยังไม่ต่ำตาม!

หญิงสาวในหมู่บ้านยังคงต้องทำงานหนัก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงผิวหยาบกร้านและดำคล้ำเพราะแสงแดด!

ผู้หญิงคนนี้ผิวหน้าแดงเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่สีผิวตรงลำคอของนางกลับเป็นสีดำคล้ำ ความขัดแย้งของสองช่วงนี้ทำให้รู้สึกราวกับนางเป็นคนหน้าซื่อใจคด!

หยุนเคอไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นผู้หญิงแบบนี้ เขารู้สึกขยะแขยงและนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยผู้นั้นแทน…

ใบหน้าของเฉินเถียนเถียนงดงามผุดผาดถอดแบบมาจากมารดา ซึ่งดูอ่อนโยนเป็นธรรมชาติมากและเนื่องจากถูกกักขังไว้ที่บ้านเป็นเวลานานสีผิวจึงขาวซีด

ต่อให้นางไม่แต่งหน้าก็ตราตรึงใจยิ่งกว่าหญิงสาวในตระกูลสูงศักดิ์ที่เคยพบเจอในเมืองหลวง

หยุนเคอรู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย เหตุใดเขาจึงเผลอคิดถึงเด็กสาวคนนั้นอยู่ร่ำไป?

เหมือนจะได้คำตอบในใจว่าเป็นเพียงความเผลอไผลชั่วคราวเท่านั้น หยุนเคอยกจอบในมือก้มหน้าขุดต่อไป แม้ว่าในอดีตเขาจะเคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่การใช้ชีวิตบนภูเขาเป็นเวลาหลายปีก็ได้สอนให้เขารู้จักงานที่ยากลำบากเหล่านี้

เมื่อเขากำลังจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นใกล้ ๆ พวกนางก็เริ่มซุบซิบนินทา เดิมทีเขาไม่ชอบฟังเรื่องราวพวกนี้ แต่แล้วเรื่องที่คนเหล่านั้นพูดถึงกลับเป็นเรื่องของเด็กสาวผู้นั้น… หยุนเคอจึงอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

เขาอยู่ห่างจากกลุ่มคนที่จับกลุ่มนินทาระยะหนึ่ง แต่หลังจากฝึกฝนการต่อสู้มาหลายปี ความสามารถในการได้ยินของเขาจึงเหนือชั้นกว่าคนทั่วไป

ผู้ที่เริ่มกล่าวเรื่องนี้ คือป้าหวงผู้แสนใจดี สามีของนางเป็นคนขยันและคล่องแคล่วที่สุดในหมู่บ้านนี้!

“ทุกคนช่วยกันหน่อย! ลูกสาวของเฉินผิงอันกำลังมองหาตระกูลที่เหมาะสม ผู้หญิงที่จิตใจดีและงดงามเช่นนี้ อย่าปล่อยให้เขาต้องทำให้นางเสื่อมเสียเลย”

“จริงหรือที่หลินชวนฮวาไม่สนใจใยดีการหาคู่แต่งงานให้ลูกเลี้ยงของนาง?”

ป้าหวงถอนหายใจ “หลินชวนฮวาวัน ๆ เอาแต่แต่งหน้าแต่งตัวแล้วยังอยากได้บ้านของลูกสาวคนนี้อีก มีแค่ป้าของนางที่ขอให้ช่วย ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยหรือเก่งกาจ ขอเพียงแค่เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ก็พอ!”

“เด็กสาวคนนั้นสวยมาก แต่ต้องการแค่จับคู่กับชาวนา ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ!”

คำพูดที่เผลอกล่าวออกมานั้น ทำให้บางคนที่มีลูกสาวรู้สึกไม่สบายใจ!

“แค่สวยจะมีประโยชน์อะไร? ไม่รู้ว่ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่? ไม่อย่างนั้น นายน้อยหลี่คงพอจะช่วยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ด้วยการแต่งกับนางจริงหรือไม่?”

ป้าหวงได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีโทสะ “หลี่ซื่อ! เจ้าควรระวังคำพูดด้วย มิใช่ว่านางตามหานายน้อยหลี่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางแล้วหรือ? เจ้าต้องการอะไรอีก? เหตุใดถึงยังไม่ปล่อยวาง? หรือต้องการให้หญิงบริสุทธิ์ออกจากหมู่บ้าน ช่างมีเกียรติเสียจริงนะ?”

หญิงงามใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ยกนิ้วเรียวสวยราวกับดอกกล้วยไม้ของนางขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย “บางทีนายน้อยตระกูลหลี่อาจจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ดูสวยดี จึงช่วยนางเป็นพิเศษ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหากนางไม่บริสุทธิ์จริงก็อาจจะถูกจับถ่วงน้ำตาย!”

“ถ้าจะให้พูด หญิงผู้นี้ถือได้ว่ามีความสามารถมาก หลอกลวงนายน้อยหลี่ จนหลงหัวปักหัวปำ!”

ป้าหวงใบหน้าบูดบึ้ง ชี้นิ้วไปที่จมูกของผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดเสียงดัง “ข้าคิดว่าเจ้าก็ไม่ใช่สตรีที่ดีนักหรอกใช่หรือไม่? หากนางคบหากับนายน้อยหลี่จริง ๆ เหตุใดจึงไม่เข้าไปอยู่ในตระกูลหลี่! เป็นไปได้หรือที่ชีวิตในบ้านนายน้อยตระกูลหลี่จะลำบากกว่าชาวนายากจนอย่างพวกเรา?”

“หลี่ซื่อข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ หากยังพูดจาแบบนี้อีก ข้าจะไปบอกผู้เฒ่าในหมู่บ้านว่าเจ้าจงใจทำให้คนในหมู่บ้านเสื่อมเสียชื่อเสียง!”

หญิงงามคนนั้นกลอกตา แม้ว่านางจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อจริงๆ!

ปกติป้าหวงก็ทำอะไรนางไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้แค่ถอนหายใจ “พวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าต้องเจอเรื่องแบบนี้คงรู้สึกทุกข์ใจไม่น้อยและวันนี้นางก็อยู่ที่นี่ เราควรเห็นใจและพูดจาด้วยความสัตย์จริง ถือเป็นการให้เกียรตินางด้วย!”

หญิงชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกด้านถอนหายใจ “แม่นางหยุนตอนนั้นงดงามยิ่ง เมื่อนางแต่งงานกับเฉินผิงอัน ใครจะรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก ตอนนี้เขาหมดความเอ็นดูในตัวลูกสาวคนนี้แล้ว นางไม่จึงเคยมีวันที่มีความสุขเลย ชีวิตตอนนี้ถือได้ว่าพังพินาศ!”

เมื่อพูดถึงแม่นางหยุนในตอนนั้น แม่นางหลี่ก็กลอกตาอีกครั้ง แน่นอน! นางรู้ดีว่าไม่มีใครเทียบได้กับผู้หญิงที่ดูสูงส่งเทียมเมฆ แม้แต่สามีของนางก็เกือบจะพ่ายแพ้ให้แก่หญิงผู้นั้น แล้วอย่างนี้จะให้จิตใจของนางปล่อยวางได้อย่างไร?

ขณะที่หยุนเคอกำลังฟังอยู่ เขาก็รู้สึกสงสารเด็กสาวจับใจ อย่างไรก็ตามในตอนนี้คงต้องรักษาระยะห่างที่ดีกับนาง เดิมทีชื่อเสียงของเขาก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ถ้าลากอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เกรงว่านางจะไม่มีจุดจบที่ดีจริง ๆ!

โชคดีที่หัวข้อสนทนานี้ยุติลงอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาห้ามปราม!

แต่ป้าหวงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี แม้ว่าหญิงผู้นี้จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ชาวนาที่ซื่อสัตย์คนไหนจะเต็มใจยอมรับนาง?

“อย่ามัวแต่สนใจความชั่วร้ายของมนุษย์ ยิ่งเห็นก็จะยิ่งรู้สึกแย่!”

เฉินเฉินพยักหน้า ภายในเวลาแค่สี่ห้าวันเขาก็อ่านคัมภีร์สามอักษรอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะขอหนังสือเล่มอื่นจากบิดา แต่ว่าพี่สาวของเขาก็ได้มอบตำราแซ่ร้อยสกุลให้แทน

หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูต่อพี่สาว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ที่พาเขาไปสู่โลกใบใหม่และได้เห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม

หลังจากศึกษาบทเรียนสำหรับวันนี้ เฉินเถียนเถียนเตรียมอาหารเย็นในถ้ำ เมื่อสองพี่น้องกินข้าวเสร็จก็เหลืออาหารอีกส่วนไว้ให้เจ้าของถ้ำด้วย ก่อนจะออกจากภูเขาเทพธิดาและกลับไปที่ลานหน้าบ้าน

ในที่สุด เฉินเฉิงเยี่ยก็พบกับอาจารย์ที่ยอมรับเขาเป็นศิษย์ ซึ่งความจริงแล้วอยู่ที่เมืองข้าง ๆ เนื่องจากเขาฝึกฝนอย่างหนัก อาจารย์จึงจำใจต้องรับเขาเป็นศิษย์ อีกไม่กี่วันหลังจากนี้เฉินเฉิงเยี่ยจะได้ไปเรียนที่เมืองข้าง ๆ แล้ว

เนื่องจากเมืองที่ต้องไปอยู่ค่อนข้างไกล ทำให้เขากลับบ้านได้แค่เดือนละหนึ่งครั้ง หลินชวนฮวาจึงไม่ลังเลที่จะซื้ออาหารดี ๆ เพื่อเป็นรางวัลให้แก่บุตรชายคนโตของตน

และทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสองคนพี่น้องนี้เลย!

เดิมทีเฉินผิงอันต้องการเรียกเฉินเฉินออกไป แต่หลินชวนฮวาหยุดเขาไว้ “ไม่รู้ว่าเถียนเถียนกับเฉินเอ๋อไปไหนกันมาทั้งวัน แต่อย่างไรพี่สาวก็คงไม่ปล่อยให้น้องชายของตนต้องทนหิว เมื่อครู่ข้าเดินผ่านเขาไปก็ได้กลิ่นเนื้อบนตัวของเฉินเอ๋อ พวกเขาน่าจะกินข้าวกันมาแล้ว”

เฉินผิงอันรู้สึกหงุดหงิดใจที่ลูกชายของตนมีความสัมพันธ์อันดีกับนังเด็กชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้า เขาจึงไม่สนใจเด็กหน้าเหม็นพวกนั้นและเพลิดเพลินกับอาหารมื้ออร่อยบนโต๊ะอย่างอิ่มหนำสำราญ

ส่งผลให้พี่น้องทั้งสองถูกทอดทิ้งอีกครั้ง แต่ช่วงนี้ชีวิตของเฉินเถียนเถียนไม่ได้แย่นัก เฉินเฉินเองก็ไม่ได้ดูน่าสงสารหรือโหยหิวเหมือนแต่ก่อน

ถึงอย่างนั้นเสียงแห่งความสุขของครอบครัวสามคนที่ดังอยู่ข้างนอกก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของเฉินเฉินขุ่นมัว เขารู้สึกเหมือนตนเป็นคนนอกคอยมองดูคนอื่นมีความสุข

โชคดีที่พี่สาวของเขาสอนว่าถึงแม้โลกนี้จะมีคนเลว แต่ก็ยังมีคนดีอยู่ด้วย ถ้ำของลุงหยุนกลายเป็นฐานที่มั่นลับสำหรับพวกเขาสองพี่น้อง!

วันนี้ ในขณะที่เฉินเถียนเถียนเพิ่งกลับมาจากถ้ำและยังคงจับมือน้อย ๆ ของเฉินเฉินเอาไว้ จี๋ชื่อก็เข้ามาขวางทางด้วยสีหน้าจริงจังราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น!

“เถียนเถียนวันนี้เจ้ามัวทำอะไรอยู่? ป้าตามหาตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่เจอ!”

เฉินเทียนเถียนยิ้มอย่างขมขื่น “ตั้งแต่กลับบ้านครั้งที่แล้ว หลินชวนฮวาก็ไม่ยอมให้ข้ากินข้าว! ข้าต้องออกไปหาอะไรกินเพื่อไม่ให้อดตาย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้จี๋ชื่อก็โกรธจัด “นังหญิงสารเลวนี่! ข้านึกแล้วเชียวว่านางไม่เคยมีเมตตาต่อเจ้า!”

เฉินเถียนเถียนมองดูมือเล็ก ๆ ที่ตนกอบกุมไว้ “ข้าไม่ใช่ลูกของนาง จึงไม่แปลกใจที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่เด็กคนนี้อย่างไรก็เป็นลูกชายของนาง เวลาพ่ออยู่ที่บ้านเขายังพอได้กินข้าวครบทุกมื้อบ้าง แต่หากวันใดที่พ่อไม่อยู่เขาแทบไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ!”

“หลินชวนฮวาไร้จิตสำนึกแต่ข้าทนเห็นแบบนี้ไม่ได้! เด็กคนนี้เป็นเด็กดี ข้าจึงทำได้แค่พากันไปที่ภูเขาเพื่อหาอาหาร อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาไม่ต้องอดตาย”

ดวงตาของจี๋ชื่อเบิกโพลง “แม้เสือจะร้ายแต่ก็ไม่กินลูกของตน ดอกมะลิหน้าหนาวก็ยังต้องดูแลเอาใจใส่ แต่นี่เป็นคน… เมื่อพวกเจ้าหิวเหตุใดไม่ไปบอกพ่อ!”

เฉินเถียนเถียนถอนหายใจอย่างเย็นชา “ป้าใหญ่ท่านคิดง่ายเกินไป แม้ท่านพ่อจะดีต่อเฉินเอ๋อแต่เขาก็เชื่อฟังหลินชวนฮวามาก เฉินเอ๋อจะถูกหลินชวนฮวาขังทุกครั้งที่เขาคิดจะบอกพ่อ! ตัวข้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ข้าไม่ได้กินข้าวที่บ้านมาหลายวันแล้ว แต่พ่อไม่เคยสนใจว่าข้าจะอยู่หรือตาย ไม่พอยังสมคบคิดกันโกงโฉนดบ้านและที่ดินไปจากข้า!”

จี๋ชื่อตระหนักในทันใด “ข้าว่าแล้วเชียว ไม่ว่าเจ้าจะโง่เง่าเพียงใดก็คงไม่มีทางขายที่ดินที่เป็นชื่อของเขาอย่างแน่นอน ที่แท้เป็นฝีมือของเฉินผิงอัน กล้าที่จะขายสินเดิมของภรรยา! เขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”

เฉินเถียนเถียนยิ้มจาง ๆ “ตอนนี้เขาต้องการขายที่ดินเพื่อส่งเด็กคนนี้ไปเรียน ข้าจึงยอมรับได้และไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอันใดหากเขาส่งเด็กผู้นี้ไปเรียนจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่หลินชวนฮวาไม่ยอมพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ นางขัดขวางอยู่ตั้งหลายครั้ง ข้าเกรงว่า…”

จี๋ชื่อถอนหายใจ “พ่อของเจ้าใจดำเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงเขาแล้ว แต่ตอนนี้ที่ดินถูกตั้งราคาขายไปแล้ว สินเดิมของเจ้าก็จะถูกเอาไปด้วยเพราะเป็นที่ดินในหมู่บ้าน!”

“เอาเถิดเถียนเถียน ข้าเกรงว่าพวกผู้เฒ่าคงรอไม่ได้แล้ว เขาต้องการให้เจ้าแต่งงานออกไปในเร็ว ๆ นี้ เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม ขอโทษที่ข้าต้องเร่งเร้า แต่คราวนี้ฟังที่ป้าบอกเถิด หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็บอกป้ามาว่าเจ้าชอบคนแบบไหน ป้าจะได้ช่วยมองหาคนในหมู่บ้านนี้ให้”

เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างขมขื่นและก้มหน้าลง เฉินเฉินที่เห็นว่าพี่สาวถูกบีบบังคับขนาดนี้ด้วยตาตัวเอง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับคิดในใจ ‘ท่านแม่… ทำเกินไปแล้ว’

“ช่างเถิด! ท่านป้าช่วยข้าหาหน่อยแล้วกัน ขอแค่เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ ข้าคิดว่าท่านป้าคงหาเจอในหมู่บ้านนี้”

จี๋ชื่อมองใบหน้าที่เริ่มปรากฏเค้าความงามอย่างยากจะหาใครเทียบได้ ช่างน่าเสียดายนัก!

หญิงงามขนาดนี้ ต่อให้แต่งเข้าตระกูลใหญ่มั่งคั่งในฐานะภรรยาเอกก็ยังเป็นไปได้ น่าเสียดายที่โอกาสทั้งหมดถูกทำลายโดยนังคนโง่หลินชวนฮวา!

กล่าวตามตรง หญิงผู้นั้นช่างโง่เขลานัก หากบุตรสาวคนนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างดี เฉินเถียนเถียนหรือจะไม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นมารดา?

ด้วยความงามของเด็กสาวคนนี้ ย่อมสามารถแต่งเข้าตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยได้ และคู่ควรกับตำแหน่งภรรยาเอกที่ได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นยังจะกลัวว่าลูกสาวจะไม่สำนึกบุญคุณและดูแลครอบครัวไม่ดีอีกหรือ?

แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว! แม้ว่าหลินชวนฮวาต้องการจะชดเชยในภายหลังก็เกรงว่าจะไม่ได้!

“ป้าจะพยายามช่วยหาอย่างดีที่สุด ชีวิตเจ้าช่างน่าเวทนานัก!”

แม้เฉินเถียนเถียนไม่ได้หวั่นไหวเมื่อได้ยินเช่นนี้แต่ก็ก้มหน้าลง ส่วนจี๋ชื่อก็ถอนหายใจแล้วค่อย ๆ เดินจากไป!

ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดพวกคนแก่หัวแข็งถึงต้องบังคับให้แต่งงานด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของตน แต่กลับต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด!

เฉินเฉินพูดอย่างระมัดระวัง “พี่สาว! ท่านจะแต่งงานจริง ๆ หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาพี่สาวเพื่อฝึกอ่านหนังสือได้หรือไม่?”

เฉินเถียนเถียนยิ้มและจิ้มที่ปลายจมูกของเฉินเฉิน “อะไรที่ทำให้เด็กอย่างเจ้าสนใจขนาดนี้? ไม่ต้องกังวลหรอก แม้ว่าพี่สาวจะแต่งงานแล้ว แต่เรื่องของเจ้าย่อมต้องถูกจัดการอย่างเหมาะสม”

เฉินเฉินไม่ยิ้ม ทั้งยังถอนหายใจใส่พี่สาวของเขาอีกด้วย!

คราแรกเมื่อเฉินเถียนเถียนรับหนังสือโอนที่ดินมา นางวางแผนที่จะตรวจสอบดูว่าหนังสือโอนนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต่อหน้าคนเหล่านี้ต้องทำเหมือนไม่รู้หนังสือ

ลืมไป… มันเป็นแค่หนังสือโอนที่ดิน ต่อให้มีอะไรผิดพลาดก็คงไม่เสียหายมากมาย ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน

ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงประทับรอยนิ้วมือลงไปโดยไม่กล่าวคำใดออก

เฉินผิงอันพอใจมากสีหน้าของเขาจึงสงบลง “นังเด็กเหลือขอ ไปทำอาหารดี ๆ ขึ้นโต๊ะซะ แล้วเก็บไว้กินเองด้วย เห็นหรือไม่หากเชื่อฟังอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่อง?”

เฉินเถียนเถียนยิ้มและกล่าวประชดประชัน “หากเชื่อฟังตั้งแต่ทีแรกข้าคงไม่ถูกท่านพาไปขายใช่หรือไม่? งั้นเกรงว่าพ่อคงต้องหาข้าวกินเองแล้ว! หากข้ากินข้าวด้วยพ่อจะอธิบายกับแม่อย่างไรหรือ?”

เฉินผิงอันครุ่นคิด… เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายจริง ๆ ต่อหน้าหลินชวนฮวาเพราะเขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่าจะอดข้าวนังเด็กขี้ครอกนี่!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินผิงอันก็ไม่โต้ตอบอันใดอีกต่อไป ก่อนจะถือหนังสือโอนที่ดินหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง เมื่อได้โฉนดที่ดินและมอบให้แก่หัวหน้าหมู่บ้าน เงินสิบห้าเหรียญจะต้องเป็นของเขา!

ในสายตาของเขานังเด็กเหลือขอนี่ไม่รู้หนังสือจริง ๆ เท่ากับว่าหนังสือโอนที่ดินได้ถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว ส่วนเฉิงเยี่ยก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกัน…

วันรุ่งขึ้นผู้ใหญ่บ้านไปที่สำนักราชการพร้อมสำเนาหนังสือโอนและโฉนดที่ดิน โฉนดฉบับใหม่ใกล้เสร็จแล้ว!

แต่ทันทีที่เขาจากไป เฉินผิงอันก็ก้าวเท้าเข้าไปในสำนักราชการ จากนั้นก็ทำการโอนย้ายที่ดินทั้งหมดมาเป็นชื่อของตนเองรวมถึงโฉนดบ้านด้วย

จากนี้ไปนังเด็กหน้าตายนั่นก็จะไม่มีอะไรมาควบคุมเขาได้อีกแล้ว

เมื่อกลับถึงบ้านหลินชวนฮวาเก็บซ่อนอาหารกลางวันเอาไว้ วันนี้นางไม่ต้องเข้าเมืองเพราะคน ๆ นั้นไม่ได้อยู่ในเมืองแล้ว

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเอ๋อออกไปข้างนอกและไม่รู้ว่าไปที่ไหน แต่หลังจากได้เก็บอาหารเอาไว้หลินชวนฮวาก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

เฉินผิงอันใช้โอกาสนี้นำโฉนดที่ดินไปมอบให้หลินชวนฮวาเป็นของขวัญ

แน่นอนว่าหลินชวนฮวาตาเป็นประกาย เมื่อฟังลูกชายคนโตอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นก็อดหัวเราะในใจไม่ได้

“สามีข้า… ท่านทำถูกแล้ว การปล่อยให้ของพวกนี้ตกอยู่ในมือของเถียนเถียนช่างเปล่าประโยชน์นัก เก็บไว้ในมือของท่านเสียเองดีกว่า อีกอย่างมันเป็นบ้านของเรา สินทรัพย์เดิมของลูกสาวสุดท้ายมีแต่จะกลายเป็นของบ้านอื่น!”

จากนั้นหลินชวนฮวาก็จ้องมองลูกชายคนโตด้วยสายตาชื่นชม นางรู้สึกว่าเฉินผิงอันคงไม่อาจคิดเรื่องเช่นนี้ได้ นี่น่าจะเป็นความคิดของลูกชายคนโต

เฉินผิงอันไม่ไปบ่อนพนันในตอนบ่ายเพราะได้รับการปรนนิบัติจากหลินชวนฮวา เขาครวญครางอยู่กับนางที่บ้านจนเหนื่อยอ่อน

ในตอนเย็น เฉินเถียนเถียนพาเฉินเอ๋อเดินเข้ามาที่ลานบ้าน นางไม่คาดคิดว่าจะเจอทั้งครอบครัวอยู่ที่นี่

“นังเด็กเหลือขอพาน้องชายไปไหนมา? ไม่รู้หรือว่าน้องของเจ้าต้องไปเรียนกับพี่ใหญ่?”

เมื่อเฉินเอ๋อเห็นว่าพี่สาวของตนถูกตำหนิจึงอยากแก้ต่างให้ แต่เฉินเถียนเถียนส่งสายตาห้ามปรามและส่ายหัวเบา ๆ!

“เมื่อเช้าเฉินเอ๋อไม่ได้กินข้าวเลยหิวมาก ข้าจึงพาเขาไปหาอาหารที่ภูเขา”

เฉินผิงอันมองหลินชวนฮวาอย่างไม่พอใจ แม้นางจะตื่นตระหนกแต่ก็หาข้อแก้ตัวได้ทันที “เฉินเอ๋อนี่จริง ๆ เลย หิวแล้วไม่รู้จะไปตามหาแม่ที่ไหนหรือ? ไปรบกวนอะไรพี่สาว? ช่างเป็นเด็กไม่เชื่อฟังอะไรเช่นนี้!”

แม้แต่น้ำเสียงตำหนิ หลินชวนฮวาก็ยังกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ความสงสัยทั้งหมดของเฉินผิงอันจึงคลายลงไปในทันที

“ไอ้ลูกเต่านี่… ยังไม่ขอโทษท่านแม่อีก!”

เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้มที่มุมปาก “ลองพูดอีกสักประโยคสิ? ดีเลยเชียว นานแล้วเหมือนกันที่ข้าไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านของพวกผู้เฒ่า!”

ใบหน้าของเฉินผิงอันเริ่มแข็งทื่อ ในครานั้นผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่สนับสนุนนางอย่างเต็มที่ หากนางพูดออกไปว่าต้องทนอดอยาก ผู้เฒ่าคงไม่ให้อภัยเขาแน่!

หลินชวนฮวาปิดบังความเกลียดชังไว้ในใจและพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน เหตุใดเจ้าถึงเอาแต่ไปพูดกับคนนอกเยี่ยงนี้เล่า? ดีแล้วที่มอบทรัพย์สินทั้งหมดของแม่เจ้าให้แก่พ่อของเจ้า อย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเจ้าเป็นลูกกตัญญูรู้คุณ!”

เฉินเถียนเถียนตกตะลึง มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้เขาหมายความว่าอย่างไร? ดูเหมือนว่าหนังสือโอนที่ดินฉบับนั้นจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ท่านพ่อช่างเก่งกาจนัก คิดหาวิธีคดโกงลูกสาวได้ถึงเพียงนี้! เฉินเฉิงเยี่ยดูเหมือนว่าชื่อเสียงเลว ๆ ของเจ้าคงยังฉาวโฉ่ไม่พอ หากข้าป่าวประกาศออกไปว่าเจ้าร่วมมือกับท่านพ่อยักยอกสินเดิมของแม่ข้า เกรงว่าเจ้าคงไม่มีหน้าไปเข้าสอบซิ่วไฉ!”

เฉินเฉิงเยี่ยตื่นตระหนก เขาคาดไม่ถึงว่ามารดาของตนจะปากเปราะจนสร้างปัญหาจึงอดไม่ได้ที่จะตวัดสายตาใส่อย่างไม่พอใจ หลินชวนฮวาเมื่อเห็นลูกชายของนางจ้องมองมาด้วยความขุ่นเคือง ก็ตระหนักได้ว่าตนได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปอย่างแน่นอน!

“เถียนเถียนเจ้าประทับตราสัญญาโอนด้วยตนเอง… จะโทษผู้ใดได้?”

เฉินเถียนเถียนยิ้ม “ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าข้าถูกกักตัวไว้ที่บ้านมีหรือจะรู้หนังสือ! ปลอมหนังสือโอนที่ดินน่าจะมีแค่ผู้นำครอบครัวเท่านั้นที่ทำได้? หลินชวนฮวาท่านคิดว่าเรือนจำทั้งหมดในเขตปกครองมีไว้แค่ดูเล่นหรือ? “

เหตุการณ์นี้เดิมเป็นความคิดของเฉินผิงอันและเขาเพิ่งได้รับคำชมจากครอบครัว แต่ตอนนี้นังเด็กผู้หญิงหน้าตายนี่กำลังชี้หน้าด่าเขาว่าทำผิดกฎหมาย!

“นังเด็กหน้าเหม็น เจ้ากล้าฟ้องร้องพ่อของเจ้าหรือ? หากเจ้าคิดเอาสินสอดเดิมของแม่เจ้าคืน ก็ถือว่าเจ้าไม่ใช่คนสกุลเฉินอีกต่อไป!”

“หากท่านพ่อคิดเช่นนั้นก็ควรจะมาปรึกษาข้าก่อน เอาของผู้อื่นไปโดยไม่ขอ ลองถามตัวเองดูเถิดว่านี่ถือเป็นการกระทำของโจรหรือไม่?”

“หากไม่ต้องการให้ข้าฟ้องร้องก็เอาอาหารในคลังทั้งหมดมาให้ข้า เมื่อข้าไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป ข้าก็จะไม่ขวางทางพวกท่าน!”

เฉินผิงอันเบิกตากว้าง “นี่เจ้าเรียกร้องมากเกินไปหรือไม่? ยกอาหารทั้งหมดให้เจ้าแล้วพวกข้าจะเอาอะไรกิน?”

เฉินเถียนเถียนแบมือออก “ข้าไม่สน! หากข้าไม่ต้องทนหิวก็คงไม่ว่างออกไปร้องเรียน อย่างไรเงินก็ยังอยู่ในมือของพ่อมิใช่หรือ? ท่านก็คงไม่อดตายหรอก”

ใบหน้าของเฉินผิงอันซีดเผือด ส่วนใบหน้าของหลินชวนฮวาเริ่มเคร่งเครียด แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องประนีประนอมและนำกล่องอาหารไปไว้ในโรงเก็บไม้!

เด็กน้อยเฉินเฉินยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูพี่สาวของตนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดและผู้เป็นพ่อที่ทำราวกับว่าลูกสาวคนนี้คือศัตรู!

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเฉินเถียนเถียนผู้นี้ถึงสอนให้เขามองโลกในแง่ดี เดิมทีมนุษย์นั้นชั่วร้ายมิใช่หรือ? ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้ลูกสาวอดตายได้อย่างไร?

วันรุ่งขึ้นเมื่อเฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินไปที่ถ้ำ เด็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงความสงสัยในใจ!

“แน่นอนว่าพื้นฐานจิตใจของมนุษย์นั้นย่อมดีอยู่แล้ว! เฉินเอ๋อ… เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองดูความงามของโลกใบนี้! อย่างเช่นตอนนี้เจ้ากำลังใช้ถ้ำของคนแปลกหน้า แม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจก็ตาม! “

หยุนเคอยกยิ้มมุมปาก “ข้าไม่มีผู้อาวุโสในครอบครัวเกรงว่าอาจจะไปทำลายชื่อเสียงของหญิงสาว ตอนนี้เรื่องปลูกบ้านสำคัญกว่า!”

พรานป่าตรงหน้าเผยวาจาฉะฉาน หัวหน้าหมู่บ้านจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว พวกเขาทั้งสองคำนึงถึงชื่อเสียงของหญิงสาวและล้มเลิกความคิดนี้ไป

ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงตั้งใจที่จะไม่พูดถึงมันอีก หยุนเคอเองก็เดินทางกลับหลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จ

เฉินเถียนเถียนกำลังหลับอยู่ในถ้ำ นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครมากังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตของนาง

หลังจากที่หยุนเคอทานอาหารบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เขาก็เดินตามหัวหน้าหมู่บ้านไปเพื่อค้นหาพื้นที่สำหรับปลูกบ้าน

ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านจึงได้ทราบว่ามีพรานป่าพยายามหาเงินและต้องการจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน!

เฉินผิงอันที่อยู่ในบ่อนพนันก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ใครในหมู่บ้านนี้มีที่ดินมากที่สุด? แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลเฉิน!

เมื่อก่อนครอบครัวเฉินรับจำนำเครื่องประดับและนำเงินมาซื้อที่ดินเก็บไว้ ตอนนี้พวกเขาไม่ทำอะไรแต่มีรายได้จากค่าเช่าที่ดิน ซึ่งเพียงพอสำหรับเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของเขามีนักปราชญ์อยู่ นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง!

เมื่อพูดถึงเรื่องที่มีคนกำลังหาซื้อที่ดิน เฉินผิงอันก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น โฉนดที่ดินของครอบครัวเป็นชื่อของเฉินเถียนเถียน หากเขาสามารถฉวยโอกาสในการขายที่ดินได้ เขาก็จะสามารถโอนสิ่งเรานั้นเป็นชื่อของตนเองได้เช่นกัน… นี่นับว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ?

เมื่อได้ยินข่าวเฉินผิงอันจึงหยุดเดิมพันทันที เขารีบถามหาหัวหน้าหมู่บ้านและหยุนเคอเพื่อจะเสนอขายที่ดินให้!

หยุนเคอรู้จักเฉินผิงอันเป็นอย่างดี! ชายโง่เขาผู้เลี้ยงดูลูกคนอื่นดุจเทวดาแต่กลับใจร้ายและเพิกเฉยต่อลูกสาวของตน

“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านกำลังหาซื้อที่ดินงั้นหรือ?”

หัวหน้าหมู่บ้านจึงถามขึ้นทันที “เฉินผิงอัน… เจ้าเองก็มีชีวิตที่ดีแล้ว สินสอดทองหมั้นของแม่นางหยุน เจ้าต้องการจะแบ่งขายหรือไม่?”

เฉินผิงอันถอนหายใจพร้อมกล่าวตอบ “นางตายตกไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะยังเก็บไว้ให้ช้ำใจเพื่อสิ่งใดกัน? คนที่ยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าเองก็ต้องการส่งเฉินเฉินไปโรงเรียนด้วย ดังนั้นข้าจึงต้องการขายที่ดินสักหน่อย เถียนเถียนเองก็คงไม่ขัดขืนหากรู้ว่าน้องชายต้องเข้าโรงเรียน!”

หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร เขาหันมามองหยุนเคออย่างครุ่นคิด แต่ไม่ว่าอย่างไรใครก็ตามที่ต้องการซื้อที่ดินต้องให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสินใจ

“ที่ดินของเจ้าอยู่ที่ไหน?” ไม่ว่าอย่างไรหยุนเคอก็ต้องการซื้อที่ดินและไม่สำคัญว่าจะซื้อจากใคร

“ใต้ภูเขาเทพธิดามีพื้นที่ประมาณเจ็ดไร่ครึ่ง ข้าขอสักห้าตำลึงต่อสองไร่ครึ่ง… เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

พื้นที่แห่งนี้แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีราคาถูกที่สุด แต่ด้วยความโลภจึงทำให้เขาขายในราคาที่สูงขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หยุนเคอไม่ต้องการพัวพันกับคนโง่เขลาเช่นนี้มากนักจึงหยิบเงินสี่สิบตำลึงออกจากกระเป๋าและส่งให้หัวหน้าหมู่บ้าน

“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะรบกวนให้ท่านเป็นธุระเรื่องนี้ ไปที่หน่วยงานราชการและรับโฉนดให้ข้าที ส่วนข้าจะไปติดต่อหาวัสดุสำหรับสร้างบ้าน!”

การแสดงออกของหยุนเคอได้อธิบายทุกอย่างแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่เฉินผังอันก็ไม่ได้สนใจเพราะเขากำลังจดจ่อไปที่เงินในมือของหัวหน้าหมู่บ้าน!

“หยุนเคอแม้ว่าที่ดินสองไร่กว่าจะมีมูลค่าห้าตำลึงเงินแต่มันก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก”

หยุนเคอหันกลับมาและมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านทันที “ข้ารู้ว่าที่ดินที่นี่ค่อนข้างแพง แต่ในอนาคตข้าก็จะอยู่ในหมู่บ้านนี้ จึงไม่เป็นไรหากจะปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบนิดหน่อย ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน… ข้าจะพาท่านไปดื่มเพื่อเป็นการตอบแทน แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าขอรบกวนท่านเป็นธุระที่หน่วยงานราชการให้ด้วย!”

หัวหน้าหมู่บ้านไม่พูดอะไร เขาอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินหยุนเคอกล่าวเช่นนั้น เพราะเป็นความจริงที่ว่าเมื่อชาวบ้านวานให้เขาไปเป็นธุระที่หน่วยงานราชการให้ ทุกคนก็มักจะให้สิ่งต่าง ๆ เป็นค่าตอบแทนเสมอ

หยุนเคอหันหลังกลับและเดินจากไป ไม่นานเขาก็มาถึงจุดรอขึ้นกวียน ขณะที่นั่งอยู่ในเกวียน เขาไม่สนใจใครเลยและขอให้ลุงคนขับพาเข้าไปในเมือง

เขาจำได้ว่าเคยได้ยินเรื่องคนขายอิฐในหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อนและในตัวเมืองก็มีคนขายกระเบื้องด้วย

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินอยู่ในถ้ำตลอดทั้งวัน ดังนั้นนางจึงจงใจตระเตรียมอาหารเย็นไว้ให้หยุนเคอเพื่อตอบแทนสำหรับการให้ยืมสถานที่

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินเถียนเถียนได้พบกับเฉินผิงอันที่กำลังฉุนเฉียว!

เฉินผิงอันกำลังมองหาเฉินเถียนเถียน เพราะที่ดินทั้งหมดอยู่ภายใต้ชื่อของนาง ดังนั้นเขาจึงต้องการลายนิ้วมือของนางเพื่อใช้ในการขายที่ดิน!

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินเดินไปถึงสนามหน้าบ้าน ตอนนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวของเฉินผิงอันทันที

“อีขี้ครอก แกบังอาจพาน้องไปไหนมา?!”

หลังจากที่ไม่ได้พบลูกสาวมาหลายวัน แต่เขากลับไม่สนใจนางเลย ไม่แม้แต่จะถามว่าลูกสาวคนนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า!

ก่อนหน้านี้ถึงเฉินเถียนเถียนจะเห็นเรื่องไม่ดีของแม่เลี้ยงแต่ก็ไม่ได้คิดบอกกล่าวอะไรกับผู้เป็นพ่อ

“พ่อไม่เคยสนใจเลยจริง ๆ ว่าข้าไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว ไม่เห็นพ่อเคยถามเลย พอเจอกันก็เอาแต่เรียกข้าว่าอีขี้ครอก! ไม่รู้เลยว่าข้ายังเป็นลูกสาวของพ่ออยู่หรือไม่? เป็นพ่อแบบไหนกัน?”

เฉินผิงอันไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร แต่กลับนำโฉนดที่ดินและจดหมายการโอนกรรมสิทธิ์ที่เขียนโดยหัวหน้าหมู่บ้านออกมา เขาออกคำสั่งหนักแน่น “กดลายนิ้วมือของเจ้าลงตรงนี้!”

หากเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิม คงจะทำตามคำสั่งโดยไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ แต่ตอนนี้ นางรู้ทันทุกอย่างแล้ว

เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินผิงอันตั้งใจจะขายที่ดินในนามของเขาเอง

“พ่อช่างเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดต้องขายสินสอดทองหมั้นของแม่เพื่อแลกกับเงิน!”

เฉินผิงอันมองเฉินเฉินด้วยความรัก “ข้าแค่ต้องการส่งเสียให้น้องชายของเจ้าได้เล่าเรียน!”

เฉินเถียนเถียนตกตะลึงจนเผลอหัวเราะออกมา  อ่านนิยาย novelza.com

“พ่อไม่ละอายที่จะพูดแบบนี้เลยหรือ? อยากส่งเฉินเอ๋อไปโรงเรียน แม่เขาอนุญาตแล้วหรือ? แต่แทนที่การขายที่ดินจะเป็นความคิดของแม่ แต่กลับเป็นพ่อ… มันหมายความว่าอย่างไร? คิดจะขายที่ดินเพื่อส่งเฉินเฉินไปโรงเรียน คิดว่าแม่จะยอมให้เขาไปงั้นหรือ?”

คำพูดเหล่านี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เฉินผิงอันเป็นอย่างมาก เขาตะหวาดกลับทันที “หลินชวนฮวาทำทุกอย่างตามคำสั่งของข้า!”

“ดูเหมือนพ่อจะไม่รู้… ในตอนที่ท่านไม่อยู่ เฉินเอ๋อไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ คิดจะส่งเขาไปโรงเรียน พ่อคิดว่าจะทำได้จริงหรือ? อยู่ที่บ้านข้าก็ยังพอหาให้น้องกินได้ แต่หากไปโรงเรียนแล้ว ข้ากลัวว่าน้องจะไม่ได้กินอะไรและอดตาย! “

เฉินผิงอันไม่เชื่อคำพูดของเฉินเถียนเถียนแม้แต่น้อย เพราะเขาเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของหลินชวนฮวา นางไม่มีทางทำเช่นนั้น

“อีเด็กขี้ครอก หุบปากเสีย! คิดยุยงให้ข้าเข้าใจผิดงั้นหรือ? ไม่ว่าอย่างไร เฉินเอ๋อเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนาง!”

ลืมไปเถอะ… มันคงดูไม่สมเหตุสมผลกับหนุ่มชนบทไร้สมองคนนี้! จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็นึกได้ว่าเฉินผิงอันต้องการขายที่ดิน

“หากข้าตกลง… ที่ดินนี้จะถูกขายให้ผู้ใด”

“เขาเป็นนายพรานป่าเถื่อนบนภูเขา!”

โอ้! เนื่องจากเขาต้องการขายที่ดิน ดังนั้นไม่ว่านางจะเห็นด้วยหรือไม่แต่ก็คงต้องทำตามคำสั่งของพ่อ…

เฉินเฉินพยักหน้ารับเบา ๆ อีกครั้งและจดจำสิ่งที่พี่สาวสอนสั่งไว้ในใจ

ในคัมภีร์สามอักษรมีเพียงไม่กี่ตัวอักษรให้เรียนรู้แต่ก็ยังต้องฝึกเขียน แต่เนื่องจากพู่กันและกระดาษในสมัยนั้นค่อนข้างใหญ่และแพง จึงทำให้เปลือง อีกทั้งกระดาษแผ่นเดียวคงเขียนไม่พอ

เฉินเถียนเถียนหยิบพู่กัน หมึกและกระดาษออกมาจากเถาเป่า ก่อนจะยื่นให้เฉินเฉิน เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น

“ไม่ต้องถามหรอกว่าข้าได้มันมาจากไหน การฝึกเขียนด้วยกิ่งไม้อาจทำให้ลายมือของเจ้าแย่ แต่ไม่ว่าอย่างไรอย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อฟังเด็ดขาด หากปีหน้าเจ้าสอบผ่านได้จึงค่อยบอก!”

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของพี่สาวและตัวเขาเอง!

หลังจากเด็กน้อยรับปากแล้ว เฉินเถียนเถียนจึงตั้งใจสอนเขาอย่างรวดเร็ว แม้เฉินเฉินจะเกิดและเติบโตในครอบครัวที่ไม่ดี แต่เขาก็มีสติปัญญาและความเข้าใจที่ยอดเยี่ยมมาก อีกไม่นานการใช้เพียงคัมภีร์สามอักษรคงจะไม่พอ

เฉินผิงอันออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับมาในตอนเย็น หลินชวนฮวาก็มักจะออกไปข้างนอกเช่นกัน ส่วนเฉินเฉิงเยี่ย… ตราบใดที่ไม่มีใครรบกวนหรือมีธุระที่ไหน เขาก็จะไม่ออกจากห้องเด็ดขาด!

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เฉินเฉิงเยี่ยก็ค่อนข้างกังวลมากเช่นกัน

แม้ว่าขุนนางจะเคยชื่นชมเขาเมื่อยังเด็ก แต่เขาก็ยังไม่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนัก มีเพียงคำชมที่ลอยมาตามลมตั้งแต่ปีก่อน… ที่ทำให้เขายังพอภูมิใจในตัวเองได้บ้าง

หลายปีมานี้นอกจากสิ่งที่ขุนนางบังคับให้เขียน เขาก็ยังไม่คืบหน้าอะไรเลย…

ในอดีตเฉินเฉิงเยี่ยมักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เขาถูกริบเงินไปทั้งหมดและสิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลให้การเรียนของเขาแย่ลงมาก

แม้เขาจะใฝ่รู้แต่กลับไม่มีวินัย หนังสือที่ต้องอ่านเพื่อสอบเลื่อนระดับนั้นน่าเบื่อยิ่ง บวกกับความไม่เอาใจใส่ เขาจึงไม่พัฒนาไปไหน!

แม้เฉินเฉิงเยี่ยจะอยากเป็นจักรพรรดิ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อ่านหนังสือเหล่านั้น มันกลับทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายและง่วงนอน

เฉินเฉิงเยี่ยขังตัวเองไว้ในห้องและพยายามบังคับตัวเองให้ตั้งใจอ่านหนังสือ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำไม่ได้!

แต่เฉินเฉินได้รับการสอนและรับฟังเรื่องราวที่น่าสนใจจากเฉินเถียนเถียน การแหวกว่ายในมหาสมุทรแห่งความรู้สำหรับเขาจึงไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหน่าย!

ชั้นเรียนของเฉินเถียนเถียนนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก จึงทำให้เฉินเฉินต้องการใช้ความสำเร็จของตนเพื่อเปลี่ยนสถานะในครอบครัว เขาเอาใจใส่ต่อการเรียนมากจนคนสอนปลาบปลื้ม ส่วนหลินชวนฮวา… ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือแม่ เด็กน้อยเฉินเฉินจึงปฏิญาณที่จะดูแลนางด้วยเช่นกัน!

ต่อจากนี้เฉินเฉินตั้งใจจะไม่พูดอะไรอีก เขาตั้งใจจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนี้ทั้งวันโดยใช้พู่กัน ปากกาและกระดาษเพื่อฝึกเขียน ตั้งใจเรียนรู้จนกว่าจะเรียนคัมภีร์สามอักษรจนจบ คำปฏิญาณเหล่านั้นถูกประทับอยู่ในใจของเขาอย่างลึกซึ้งและจะไม่มีวันหายไป

เฉินเถียนเถียนซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและนอนหลับอย่างสบายใจโดยไม่มีใครมารบกวน ส่วนเฉินเฉินฝึกเขียนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนไม่ยอมนอนกลางวัน

เฉินเถียนเถียนต้องการให้เฉินเฉินออกไปเล่นสนุกเหมือนเด็กคนอื่นจึงกล่าวกระตุ้นเขาทันที “เอาล่ะ… เด็กน้อย ออกไปเล่นบ้างเถอะ หากเจ้าเอาแต่จ้องตัวหนังสือมาก ๆ ดวงตาของเจ้าจะอ่อนล้าได้!”

เฉินเฉิงเยี่ยยังคงจมอยู่ในกองหนังสือด้วยความว่างเปล่า แน่นอนว่าเด็กที่ตั้งใจเรียนอย่างหนักจะต้องเป็นที่ถูกใจของนักปราญช์ใดเข้าในสักวัน!

แม้เฉินเถียนเถียนจะไม่รู้ถึงสถานะปัจจุบันของเฉินเฉิงเยี่ย แล้วก็มั่นใจว่าหากเทียบเฉินเอ๋อแล้ว… เฉินเฉิงเยี่ยนับว่าด้อยลงมาก!

อีกด้านหนึ่ง หยุนเคอเดินทางไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

หัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าเหตุใดคนป่าเถื่อนจึงลงมาหาเขา?

“หัวหน้าหมู่บ้าน… ข้าตั้งใจจะตั้งรกรากในหมู่บ้านนี้ ข้าต้องการสร้างบ้านของตัวเอง โปรดช่วยข้าด้วย!”

เป็นเรื่องดีที่จะมีประชากรต่างชาติต้องการตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้าน เพราะจะช่วยให้การเติบโตของประชากรในหมู่บ้านจะประสบความสำเร็จตามรายงาน!

หัวหน้าหมู่บ้านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “พ่อหนุ่ม… เจ้าสามารถอยู่ในหมู่บ้านได้แน่นอนแต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านด้วย… จึงต้องขอถามว่าเจ้ามาจากไหน?!”

จากนั้นหยุนเคอจึงเริ่มเล่าเรื่องให้หัวหน้าหมู่บ้านฟัง “ข้าชื่อหยุนเคอ พ่อของข้า… แต่เดิมเป็นนายพรานในภูเขา แม้จะไม่เคยอยู่บนยอดเขาเทพธิดามาก่อนแต่ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ต่อมาพ่อได้เดินทางออกจากภูเขาและเข้าเมืองเพื่อรับราชการทหาร หลังจากที่หมดอายุราชการและกำลังจะกลับบ้าน เขาก็เจอแม่บนถนนระหว่างทางกลับ…”

“แต่หลังจากที่ข้าเกิดได้ไม่นาน พ่อของข้าก็ตกหน้าผาขณะล่าสัตว์และตายตกไป แม่ของข้าตรอมใจและล้มป่วย ไม่นานก็จากไป จึงเป็นเหตุให้ข้าต้องดิ้นรนอยู่บนภูเขาตามลำพัง แล้วในที่สุด… ข้าก็เก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง จึงตัดสินใจที่จะลงมาตั้งหลักปักฐานในหมู่บ้านนี้!”

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าสามารถอยู่ในหมู่บ้านได้! แต่ที่ดินที่เจ้าต้องการ มีชาวบ้านเป็นเจ้าของ เจ้าต้องซื้อที่ดินจากมือของชาวบ้าน นอกจากนี้หากวันหนึ่งเจ้าก่ออาชญากรรมร้ายแรง ทุกคนในหมู่บ้านมีสิทธิ์ที่จะขับไล่เจ้าออกไป!”

หยุนเคอพยักหน้ารับ “ตอนที่เกิดมาข้ายังไม่เคยไปที่หน่วยงานราชการเพื่อขอเอกสารใด ๆ เลย ดังนั้นข้าคิดว่าข้าต้องขอรบกวนท่านหัวหน้าหมู่บ้านเสียแล้ว!”

หัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้าลังเลออก หยุนเคอจึงวางเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ…

“ขอท่านหัวหน้าหมู่บ้านโปรดช่วยข้าด้วย…”

หัวหน้าหมู่บ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสกระเป๋าเงิน เขาก็ต้องตกใจกับน้ำหนักข้างใน พรานป่าผู้นี้ช่างมีน้ำใจเสียจริง เงินกว่าห้าสิบตำลึงอยู่ตรงหน้าของเขา!

“ไม่ต้องห่วงเรื่องขอเอกสารต่าง ๆ หรอกหยุนเคอ เพราะไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านนี้อยู่ดี อ้อ งั้นอยู่ร่วมทานอาหารกับข้าก่อนสิ”

เดิมทีหยุนเคออยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขายังต้องการอยู่ในหมู่บ้านนี้ ดังนั้นการรักษาสัมพันธ์ก็ไม่เลว เช่นนี้จึงตอบตกลงอย่างว่าง่าย

ลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านเดินไปที่โต๊ะอาหาร พลางเห็นชายหนวดเครารุงรังผู้นี้ นางพลันตื่นตระหนกกระโดดตัวโยนและวิ่งกลับไปที่ห้องพร้อมปิดประตูเสียงดัง!

หยุนเคอยิ้มแห้งอย่างขมขื่น หัวหน้าหมู่บ้านเองก็รู้สึกอับอายไม่น้อย

“หยุนเคอ… เจ้าลองโกนเคราอันรุงรังนี้เถิด ไม่เช่นนั้น… ทุกคนจะตกใจเมื่อพบเจอเจ้า ผู้คนในหมู่บ้านนั้นขี้กลัวโดยเฉพาะเหล่าสตรี!”

หยุนเคอไม่เต็มใจจึงยกมือปิดหน้าและหนวดเคราของตนเองทันที

“แต่ข้าเคยชิน… มันอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว!”

เมื่อได้ยินดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงไม่คิดบังคับเขาอีกต่อไปและเริ่มถามไถ่แผนในอนาคตของเขาทันที

“หยุนเคอ… การอยู่ในหมู่บ้านนี้ก็เป็นเรื่องดี แต่สำหรับผู้ชาย… การแต่งงานก็เป็นเรื่องสำคัญ!”

หยุนเคอยิ้มเบาๆ “ผู้หญิงคนไหนเล่าที่เต็มใจจะแต่งงานกับข้าตอนนี้?”

จู่ ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็นึกถึงเฉินเถียนเถียนขึ้นมาทันที แม้นางจะยังเด็กแต่ก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดี ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากแม่เลี้ยงใจร้ายต่อนางอีกครั้ง แล้วหากหลินชวนฮวาหาสามีที่ไหนมาให้… เขาก็ไม่รู้เลยว่าจะช่วยเหลือเด็กสาวคนนั้นได้อย่างไร

“ข้าคิดว่าเฉินเถียนเถียนก็ไม่ได้แย่ แม้จะมีข่าวลือไม่ดีในหมู่บ้านแต่เด็กคนนี้บริสุทธิ์และไร้เดียงสา เป็นการดีที่จะไปสู่ขอนางที่บ้าน …เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย!”

ขณะพูดอย่างนั้นหัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกว่าความคิดของตนนั้นยอดเยี่ยมยิ่ง เขาพยักหน้าให้กับความคิดของตัวเองอย่างพึงพอใจ

หลินชวนฮวาสะบัดหน้าออกไปด้วยความโกรธจัดจนลืมว่าตนมาที่นี่เพื่อสั่งให้เถียนเถียนทำความสะอาดบ้าน… เช่นนี้นางจึงต้องจัดการเองทั้งหมด

ระหว่างเดินกลับหลินชวนฮวายังแอบคิดในใจ ‘ก็ขอให้จี๋ชื่อให้ข้าวเจ้ากินทุกมื้อก็แล้วกัน… ไม่เช่นนั้นเจ้าได้อดตายแน่นังเด็กอวดดี!’

ตกดึกเฉินผิงอันกลับมาพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียว พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นปกติของคนที่เสียพนัน

เขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมตะโกนเสียงดัง “ชวนฮวา! อาหารเสร็จหรือยัง?! ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”

แม้หลินชวนฮวาจะไม่เต็มใจนัก แต่นางก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ได้มาเยอะหรือไม่?”

“หมดตัวน่ะสิไม่ว่า!”

หลินชวนฮวารู้สึกโกรธเคืองในใจ นางไม่ชอบการที่สามีโมโหร้ายใส่เช่นนี้เลย!

“สามี… ข้าควรทำอย่างไรดี? ข้าหาใครที่จะยอมรับเฉินเฉิงเยี่ยเป็นศิษย์ไม่ได้เลย… เป็นไปได้อย่างไร?! ต้องเป็นเพราะนายน้องหลี่ปล่อยข่าวเรื่องเถียนเถียนแน่ ๆ พวกเราคงต้องไปจากที่นี่!”

“หากเมืองนี้ไม่มีก็จงไปดูเมืองอื่น! ไม่ว่าข่าวลือจะไปไกลแค่ไหนก็คงไม่ไปถึงทุกเมืองหรอก!”

คำตอบนั้นเป็นดั่งที่หลินชวนฮวาคาดคิด ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายออกทันที ตอนนี้นางกำลังคิดจะใช้เงินเป็นสินบน แต่ไม่รู้ว่าเฉินผิงอันจะเห็นด้วยหรือไม่

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะจัดการเอง ไม่ต้องกังวล… เฉินเฉิงเยี่ยเคยได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนนาง จะต้องมีคนยอมรับเขาเป็นศิษย์อย่างแน่นอน!”

เฉินผิงอันขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกล่าวคำ “ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากมีคนยอมรับและเฉิงเยี่ยถูกส่งตัวไป ใครจะสอนหนังสือเฉินเฉินเล่า? หากเป็นเช่นนั้นเราต้องส่งเขาไปโรงเรียน!”

หลินชวนฮวาขมวดคิ้ว แม้ครอบครัวเฉินจะมีเงินมากมายแต่เหตุใดจึงต้องใช้จ่ายเพื่อเด็กชายโง่เขลาคนนั้นด้วย?

“ลองดูก่อนสักพักจะดีไหม? เพื่อให้แน่ใจว่าเฉินเฉินเหมาะกับการเรียนหนังสือหรือไม่! หากไม่เหมาะสมจริง ๆ ก็ให้เฉิงเยี่ยเล่าเรียนคนเดียวจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาก!”

เฉินผิงอันก็คิดเช่นกันว่าหากเขาไม่เหมาะสมจริง ๆ การส่งเฉินเฉินไปโรงเรียนก็จะเป็นการเสียเงินเปล่า! เฉินเฉิงเยี่ยก็ร่ำเรียนมาหลายปีแล้ว ส่วนเฉินเฉินเป็นเพียงเด็กเล็ก ๆ และเป็นเรื่องยากมากในการสอบวัดระดับ ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นเด็กเฉลียวฉลาด เพียงแค่ไม่รู้วิธีการอ่านเท่านั้น

ทางด้านของเฉินเถียนเถียน นางไม่ได้สนใจถึงคำพูดของหลินชวนฮวาเมื่อช่วงเย็นเลยแม้แต่น้อย ยิ่งตอนนี้กำลังนอนเอนหลังอย่างสบายใจอีกด้วย

แม้จะรู้ดีว่าเฉินผิงอันต้องเชื่อฟังคำพูดของภรรยาเป็นแน่ แต่เขาจะทำอะไรนางได้เล่า?

ตกดึก หลังจากทุกคนหลับสนิท เฉินเถียนเถียนแอบหนีออกไปอีกครั้ง แต่นางไม่คาดคิดว่าเฉินผิงอันผู้เป็นพ่อจะเกิดความรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา…

เพราะเฉินผิงอันไม่ได้เจอหน้าเฉินเถียนเถียนมาหลายวันแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าเถียนเถียนต้องอดอาหารมากี่วันแล้ว ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยังอยู่หรือตายตกไปแล้ว…

ขณะที่เฉินเถียนเถียนมาถึงริมธาร หยุนเคอรู้ได้ทันทีว่านางคงยังไม่ได้กินอะไร ดังนั้นเขาจึงแบ่งอาหารให้ ลำห้วยนี้ไหลลงมาจากภูเขาเทพธิดาไม่มีใครรู้จักที่มาที่ไปของมัน แต่ลำธารแห่งนี้ไม่เคยแห้งแล้งเลยแม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี

เฉินเถียนเถียนถอนหายใจพร้อมยิ้มรับความเมตตาของหยุนเคอ ก่อนจะเริ่มนั่งข้างริมธารและเริ่มกินอาหาร

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ไปล่าสัตว์แล้วเพราะข้าจะปลูกบ้านใต้ภูเขา!”

คำพูดของหยุนเคอไม่ใช่การสนทนาแต่เป็นการบอกเล่า

เฉินเถียนเถียนเงียบไปพลางครุ่นคิด เพราะแม้ว่านางจะมีเงิน แต่ก็ไม่สามารถหาซื้ออาหารในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้“

“หากหิวก็ให้มาที่ถ้ำของข้า แล้วข้าจะเตรียมอาหารให้!”

ดูเหมือนหยุนเคอจะคาดเดาสถานการณ์ของหญิงสาวได้และกลัวว่าในอนาคตนางจะต้องลำบาก ดังนั้นเขาจึงรับปากที่จะดูแลนางด้วยคำพูดที่เรียบง่าย

เฉินเถียนเถียนไม่ได้คาดหวังว่า ชายเย็นชาและเคร่งขรึมผู้นี้จะเต็มใจช่วยถึงขนาดนี้

“เช่นนั้นข้าขอบคุณแล้ว อ้อ งั้นข้าจะให้เงินเจ้าแลกกับอาหาร!”

หยุนเคอส่ายหัวด้วยความสงสาร เมื่อมองดูสาวน้อยคนนี้ก็ทำให้เขานึกถึงตัวเองในอดีตและเขาก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด!

วันนี้เฉินเถียนเถียนเงียบผิดปกติ เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการล่า นางจึงพยายามทำงานให้หนักเพื่อที่จะเติมวัตถุดิบให้เต็มเถาเป่า เพราะเมื่อนางหิวจะได้ไม่ต้องรบกวนหยุนเคอมากนัก

หลังจากล่าสัตว์ได้ตามเป้าหมายแล้ว ทั้งสองจึงหยุดมือ

โดยปกติแล้ว หยุนจะต้องมอบเหยื่อครึ่งหนึ่งให้เด็กสาวคนนี้ แต่เมื่อคิดถึงความอยากลำบากในชีวิตประจำวันของนาง เขาจึงยกทั้งหมดให้นางโดยไม่พูดถึงเหตุผลอะไรสักคำ

เฉินเถียนเถียนกลับไปนอนในโรงเก็บไม้และเริ่มคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อในอนาคต?

หากไม่ได้ทำการล่าสัตว์ นางก็ต้องอดอยากและไม่รู้จะพึ่งพาใคร ไม่ต้องพูดถึงทุกคนในหมู่บ้านที่กำลังรอให้นางแต่งงาน… เพราะถ้าหาคนที่เหมาะสมไม่ได้จริง ๆ เฉินเถียนเถียนก็ต้องออกจากหมู่บ้านนี้ไปตามคำสั่งของผู้เฒ่า นางเกรงว่าตนเองจะตกไปอยู่ในกำมืองของหลินชวนฮวาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นนางจึงคิดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากป้าจี๋ชื่อ เพราะในหมู่บ้านนี้มีเพียงป่าจี๋ชื่อเท่านั้นที่เอ็นดูและคอยช่วยเหลือนางอย่างเต็มใจ

เฉินเถียนเถียนหลับไปพร้อมกับความสับสนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นเฉินเฉินวิ่งเข้ามาในโรงเก็บไม้และเขย่าตัวนางอย่างแรง

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินขึ้นมาบนภูเขาอีกครั้ง พวกเขาทั้งสองคนตรงมาที่ถ้ำของหยุนเคอ

สถานที่แห่งนี้ดึงดูดเด็กน้อยเป็นอย่างมาก เด็กชายเอ่ยปากถามด้วยความใคร่รู้ “พี่สาว… ใครอาศัยอยู่ที่นี่? คนเถื่อนไม่ใช่หรือ?”

เฉินเถียนเถียนมองหน้าหยุนเคอและเห็นว่าหนวดเคราอันรุงรังทำให้หยุนเคอดูไม่ต่างอะไรจากคนป่าเลย!

“อืม!”

เฉินเฉินตื่นตระหนกพร้อมกระโดดจับมือพี่สาว เขาคิดที่จะพาเถียนเถียนหนี!

“พี่สาว… เขาเป็นคนป่ามิใช่หรือ? เรารีบไปกันเถอะ”

เฉินเถียนเถียนยืนนิ่งและปฏิเสธที่จะจากไป “เฉินเอ๋อ… หากเจ้าอยากเป็นนักปราชญ์ เจ้าควรรู้ว่าข่าวลือนั้นไม่น่าเชื่อถือ ทุกคนบอกว่าเขาเป็นคนป่าเถื่อนแล้วเจ้าเคยเห็นกับตาตนเองหรือไม่?”

เฉินเฉินส่ายหัวและไม่รู้ว่าใครเป็นคนบอกว่าชายผู้นี้เป็นคนป่าและดุร้าย…

“ก็จริงที่ว่าหยุนเคอมีหนวดเคราอยู่เต็มไปหมดและเขาอาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้ ไม่ผิดที่จะเรียกเขาว่าคนป่าเถื่อน แต่ดูเหมือนคนป่าเถื่อนคนนี้จะไม่เคยทำร้ายใครเลย… ใช่หรือไม่?”

“ผู้คนมักกลัวสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจเสมอ แต่หยุนเค่อไม่เคยทำร้ายเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่าเขาเป็นคนป่าเถื่อน?”

เฉินเฉินยิ้มกว้างอย่างเข้าใจ “พี่สาวของข้าพูดถูกที่สุด ในเมื่อพี่บอกว่าเขาเป็นคนดี แน่นอนว่าเขาต้องเป็นคนดี!”

“ไม่! ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ แต่อย่างน้อยจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยทำร้ายข้าเลย แต่กลับช่วยเหลือด้วยซ้ำ เฉินเอ๋อ… มันยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนดีหรือชั่วร้าย บางคนที่ใคร ๆ ต่างบอกว่าดี แท้จริงแล้วกลับเป็นคนชั่วก็มีถมไป แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เจ้าต้องรู้จักบุญคุณเพราะเขาใจดีต่อข้าและเจ้า เช่นนี้เจ้าควรกตัญญูต่อเขา ไม่ใช่ทำให้เขาขุ่นเคืองเพียงเพราะคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี”

“แม้เจ้าจะรู้คำศัพท์เหล่านี้ แต่ก็จงอย่าอวดอ้างให้แม่ของเจ้ารู้ พ่อก็ไม่ได้เช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้น… ห้ามบอกว่าข้าเป็นคนสอนหนังสือเจ้าเด็ดขาด”

“หากเจ้าเล่าให้พวกเขาฟัง แน่นอนว่าพ่อกับแม่จะไม่ยอมให้เจ้ามาเจอข้าอีก และข้าก็จะไม่มีโอกาสได้สอนเจ้าอีกเช่นกัน เป็นไปได้มากว่าข้าอาจถูกพวกเขาเผาจนตาย!”

คำพูดของเฉินเถียนเถียนนั้นหนักแน่นและจริงจังมากจนทำให้เฉินเฉินกลัวจนตัวสั่น

เด็กน้อยเฉินเฉินรวบรวมความกล้าและถามว่า “เพราะเหตุใดเล่า?”

เฉินเถียนเถียนมองเด็กชายและกล่าวตอบ “เจ้าคิดว่าพี่สาวของเจ้าที่ถูกขังให้อยู่ในบ้านมาโดยตลอดจะอ่านหนังสือออกได้อย่างไร? อันที่จริงการที่ข้าสอนเจ้าก็นับว่าเสี่ยงมากพอแล้ว เพียงแต่เจ้าไม่เคยเห็นข้าต้องอดทนต่อการถูกแม่ทำร้ายมาก่อน!”

เฉินเฉินดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ในไม่ช้าความสงสัยอื่นก็เข้ามาในหัวของเขา!

“แล้วทำไมจู่ ๆ พี่สาวจึงอ่านออกเขียนได้เล่า?”

เฉินเถียนเถียนก้มศีรษะมองน้องชายที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นจึงนั่งลงและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทุกคนย่อมมีความลับของตนเอง แล้วข้าจะมีความลับบ้างไม่ได้หรือ? เจ้าคิดว่าพี่สาวของเจ้าจะยอมอดทนอยู่ในบ้านหลังนั้นโดยไม่รู้ว่าจะถูกแม่ใช้เป็นสินค้าเมื่อไหร่อย่างนั้นหรือ? การกระทำเช่นนั้นอาจเป็นเรื่องดีสำหรับคนอื่นแต่ไม่ใช่ข้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีนัก ดังนั้นข้าควรต้องพยายามต่อสู้ดิ้นรนให้หนักเพื่อจะได้เอาตัวรอด เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

เฉินเฉินส่ายหัว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดเลยแม้แต่น้อย!

“กระต่ายจะกัดคนก็ต่อเมื่อพวกมันทนไม่ไหวแล้ว เพราะพี่สาวของเจ้าถูกแม่บังคับขู่เข็ญจึงเรียนรู้ที่จะต่อต้าน แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้ากับข้าก็มีพ่อเดียวกัน ดังนั้นข้าจึงยอมสอนเจ้าแบบลับ ๆ จงอย่าบอกใครเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

“อีกไม่นานพี่ชายใหญ่จะบอกพ่อว่าเจ้าไม่เชื่อฟัง และหากเจ้าไม่เชื่อฟังจริง ๆ เจ้าจะต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด! จงอดทน! จนถึงวันที่เจ้าได้ขึ้นไปอยู่จุดเดียวกันกับเฉินเฉิงเยี่ยแล้วจึงเปิดเผยความสามารถและความลับที่เจ้ามี เจ้าต้องจำไว้ว่า… ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น*”

*มาจากตำราว่าด้วยเรื่องชะตาชีวิต หมายถึง ต้นไม้ที่เติบใหญ่เกินออกมาจากไม้ทั้งมวลในป่า สุดท้ายก็จะถูกลมพัดจนหักไป เปรียบเปรยคนที่กระทำการแตกต่างจากผู้อื่น สุดท้ายก็จะถูกคนอื่นเล่นงานจนต้องพ่ายแพ้

“ถึงแม้ความชาญฉลาดของเจ้าจะไม่ใช่สิ่งผิด แต่ในสายตาของคนที่เกลียดหรืออิจฉาเจ้า มันจะกลายเป็นสิ่งผิดทันที และพวกเขาจะหาทางทำร้ายเจ้าจนได้!”

เฉินเฉินรับคำเหล่านี้ไว้อย่างมั่นคงในใจ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจแต่เขาก็คิดว่าสักวันหนึ่งจะเข้าใจ!

“เอาล่ะ พรุ่งนี้เช้าให้มารอข้าที่เดิม ข้าจะสอนบทต่อไป แล้วข้าต้องพักผ่อนต่อในตอนบ่าย! เพราะเนื้อที่เจ้ากินกับข้าเมื่อวันก่อน ได้มาจากการออกล่าสัตว์ในตอนกลางคืน! เรื่องนี้ก็เป็นความลับเช่นกัน เจ้าจงอย่าบอกใคร เข้าใจไหม? ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สอนหนังสือเจ้าอีก”

เฉินเฉินพยักหน้ารับ เนื่องจากพี่สาวตั้งใจสอนเขาอย่างอดทน ขณะที่พี่ชายคอยแต่ทุบตี! ดังนั้นเมื่อเทียบดูแล้วเฉินเฉินรู้ดีว่าควรเชื่อฟังใคร!

เฉินเถียนเถียนลูบหัวเขาและยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งสองเดินกลับบ้านพร้อมกัน

เฉินถียนเถียนเข้าไปในโรงเก็บไม้และเฉินเฉินซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนตามปกติ

เฉินเถียนเถียนยังย้ำเตือนกับเฉินเฉินว่าควรเรียนรู้ที่จะรักษาตัวเองให้ดี เพราะในอนาคตเขาอาจได้อาศัยในบ้านหลังใหญ่นี้กับพี่สาว ดังนั้นตอนนี้เขาต้องรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองไว้ ไม่เช่นนั้นแม่อาจหงุดหงิดและไม่พอใจมาก!

เมื่อหลินชวนฮวากลับมาถึงบ้านก็พลันร้อนใจ จนกระทั่งตอนนี้นางยังหาใครที่จะรับเฉินเฉิงเยี่ยเป็นศิษย์ไม่ได้เลย ดังนั้นแล้ว แม้ว่านางจะได้ดื่มด่ำกับชายอื่นแต่ก็ยังไม่สุขใจอยู่ดี… และเมื่อเห็นบ้านรกก็ยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม

จากนั้นนางจึงเดินไปถีบประตูโรงเก็บไม้พลางตะคอกเสียงดัง “อีขี้ครอก! บ้านรกเป็นรังหมู ทำไมไม่รู้จักทำความสะอาด จะให้ข้าทำหรืออย่างไร?!”

เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นจากกองไม้ด้วยความสะลืมสะลือ

“แม่… ข้าขอโทษจริง ๆ ก็ข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว จึงไม่มีแรงถือไม้กวาด”

หลินชวนฮวาพูดไม่ออก แม่เด็กหญิงผู้นี้จะบอกว่าไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว แต่เหตุใดจึงดูมีน้ำมีนวลขึ้น แถมผิวพรรณยังดูเปล่งปลั่งอีกด้วย แปลกจริง… เป็นไปได้ไหมที่จะมีคนแอบเอาอาหารมาให้นาง?

หากไม่ใช่จี๋ชื่อ ใครจะทำเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้ได้?

แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หลินชวนฮวาก็คิดคว้าผลประโยชน์นี้เอาไว้ แม้จะเกลียดชังจี๋ซื่อ แต่ก็ไม่อาจโวยวายได้ เพราะหากผู้เฒ่ารู้ว่าพวกเขาไม่ได้ดูแลเด็กสาวคนนี้ ตระกูลเฉินทั้งหมดคงต้องตกที่นั่งลำบากแน่

แต่หากเด็กขี้ครอกคนนี้ยังอยู่ในบ้านก็ยิ่งเป็นที่น่ารำคาญตา ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงคิดหาทางส่งเฉินเถียนเถียนออกไปให้เร็วที่สุด!

“เด็กขี้ครอกอย่ากล่าวโทษแม่เลยที่ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ ชื่อเสียงของเจ้าก็เสียหายไปแล้ว จะไม่มีทางแต่งงานกับครอบครัวที่ดีได้ แต่บังเอิญว่าครอบครัวของข้ามีหลานชายและเขาก็คู่ควรกับเจ้ามาก เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

แม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่า ปฏิกิริยาของหลินชวนฮวานั้นแปลกไปจากเดิมราวกับพลิกฝ่ามือ

“แม่มีหลานชายด้วยหรือ? เขาเป็นลูกของใครกัน? เคยมาบ้านเราหรือไม่?”

หลินชวนฮวายิ้มด้วยความพอใจ แม้เด็กสาวคนนี้ไม่เคยพบหน้าเขา แต่นางก็ยังลองถามดู เช่นนี้เฉินเถียนเถียนก็คงคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกันใช่หรือไม่?

ดูเหมือนว่าเฉินเถียนเถียนจะถูกผลักดันไปสู่ความสิ้นหวัง เป็นไปไม่ได้แน่ที่จี๋ชื่อจะเลี้ยงดูนางได้ตลอดชีวิตและดูเหมือนว่าเฉินเถียนเถียนก็กำลังหาทางออกให้ตัวเองเช่นกัน ซึ่งง่ายและดีกว่ามาก!

“เขาเคยมาที่นี่แล้ว เป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่สามของเจ้า… มาจากบ้านของพี่เขยข้า”

“ครอบครัวของพวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและทุกอย่างในอนาคตจะเป็นของเจ้า น่าสนใจหรือไม่?”

โชคดีที่เฉินเถียนเถียนฉลาดและหัวไว เมื่อหลินชวนฮวาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่สามของนาง เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นชายปัญญาอ่อน เขายังพูดไม่ชัดเลยแม้จะโตแล้วก็ตาม!

“ข้าไม่สนใจ! หลินชวนฮวา… เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่คิดวางแผนให้ข้าแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน! ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องมายุ่ง ข้าจะตัดสินและเลือกทางเดินชีวิตของข้าเอง ไม่ต้องพยายามเข้ามายุ่งหรือแทรกแซงชีวิตข้า!”

จากนั้นหลินชวนฮวาถุยน้ำลายพร้อมดวงตาปูดโปน นางตะเบ็งเสียงด้วยความโมโห “เอาล่ะ! ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะมีปัญญาไปทำอะไรได้ ลองคิดดูก็แล้วกัน ผู้เฒ่าเองก็ให้เวลาเจ้าไม่นาน… หากเจ้าไม่แต่งงานก็จะได้อยู่ในสำนักชีไปตลอดชีวิต!”

“ก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน! นอกจากนี้พี่เขยของท่านก็ไม่ใช่คนเรียบง่ายสักนิด เขาทั้งเรื่องมากและสร้างปัญหา! หากต้องอยู่บ้านเดียวกับเขา ข้าขอบวชชีเสียยังดีกว่า หลินชวนฮวา… ไม่เป็นไรหากท่านจะไม่ให้ข้ากินอาหาร ข้าจะไม่ฟ้องผู้เฒ่าด้วย แต่ท่านต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของข้าอีก…”

การแสดงออกของเฉินเถียนเถียนเต็มไปด้วยความมั่นใจและกล้าหาญยิ่ง หลินชวนฮวาไม่กล้าอวดดีต่อนางเลยแม้แต่น้อยและนี่เป็นวิธีที่ทำให้หลินชวนฮวาสงบปากสงบคำลง

“เอาล่ะ งั้นข้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว หวังว่าเจ้าจะไปถึงวันนั้นได้จริง ๆ ก็แล้วกัน”

เฉินเถียนเถียยกยิ้มเย้ยหยันและนั่นทำให้หลินชวนฮวาโกรธจัดจนอกแทบจะระเบิดออก!

“ข้าเพิ่งเคยเข้าเมืองครั้งแรกจึงอยากจะซื้อของสักหน่อย เจ้าไปจัดการธุระของเจ้าเถิด ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่ได้กลับด้วยกันอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นชาวบ้านคงมีเรื่องพูดกันจนหนาหู”

เฉินเถียนเถียนหันหลังกลับและจากไป

หยุนเค่อกัดฟันและคิดในใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมจำนน

คนหนึ่งไปทางทิศตะวันออก อีกคนไปทางทิศตะวันตก

เฉินเถียนเถียนตระหนักได้ว่าหากยังอาศัยอยู่ที่บ้าน เป็นไปได้ว่าทุกอย่างที่นางซื้อจะถูกหลินชวนฮวายึดไปและต้องถูกสอบถามถึงที่มาที่ไปแน่นอน

ดังนั้นแม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะตอบคำถามทุกอย่างได้ แต่หลินชวนฮวาคงไม่หยุดง่าย ๆ หากออกจากครอบครัวเฉินไปได้ทุกอย่างย่อมดีกว่านี้

เฉินเถียนเถียนซื้อหนังสือสองเล่มกลับไปด้วย นอกจากนี้หนังสือทุกเล่มถูกซ่อนไว้ในเถาเป่าและไม่มีใครสามารถค้บพบ

ขณะที่เฉินเถียนเถียนกำลังจะหันหลังกลับ นางเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยเดินออกมาจากร้านขายเครื่องประดับ… นั่นหลินชวนฮวาไม่ใช่หรือ?

นอกจากนี้… ดูเหมือนว่าชายที่อยู่ข้าง ๆ จะไม่ใช่เฉินผิงอันใช่ไหม?

โอ้สวรรค์! ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้แต่หลินชวนฮวาสามารถนอกใจสามีได้งั้นหรือ?!

ตอนนี้เฉินเถียนเถียนไม่กล้าแม้แต่เผยตัวออกไป เพราะถูกพบ นางอาจจะถูกฆ่าปิดปากได้โดยง่าย แขนขาเล็ก ๆ สองคู่นี้คงจะสู้อะไรไม่ได้!

แม้เฉินเถียนเถียนจะเคยผ่านการฝึกตำรวจหน่วยพิเศษมาแล้ว แต่นางก็คุ้นเคยกับการใช้อาวุธมากกว่า นางไม่มั่นใจในฝีมือการต่อสู้ระยะประชิดของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว

มันจะดีกว่าหากตรวจสอบความจริงให้แน่ใจเสียก่อน!

ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเริ่มสะกดรอยตามหลินชวนฮวาไป

หลินชวนฮวาเดินออกมาจากร้านขายเครื่องประดับพร้อมผ้าห่อหนึ่งในมือ…

แม้เฉินเถียนเถียนจะเดาไม่ได้สิ่งนั้นคืออะไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจดจำทุกรายละเอียดของหลินชวนฮวา เพื่อจะนำไปบอกเฉินผิงอัน!

ทั้งสองพูดคุยกันและหัวเราะไปตลอดทาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เราจะสามารถกอดและจับมือได้ ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงรับรู้ได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ธรรมดา!

พวกเขาเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ จากนั้นชายร่างใหญ่จึงเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน!

หลังจากเห็นสถานที่ชัดเจนแล้ว เฉินเถียนเถียนหยุดตามทันที นางตัดสินใจที่จะเก็บความลับนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยเปิดเผยเมื่อถึงเวลา… การได้พบกับหลินชวนฮวาคราวนี้นับเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่!

จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงขึ้นเกวียนเพื่อเดินทางกลับ ส่วนหลินชวาฮวาอยู่บนเกวียนอีกคัน ดังนั้นเมื่อมาถึงหมู่บ้านเทพธิดาทั้งสองจึงไม่ได้พบกัน ทันใดนั้นหยุนเคอรีบเดินเข้ามาหาเฉินเถียนเถียนทันที ทั้งสองสบตากันอย่างรวดเร็วและรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจน

หยุนเคอรู้ดีว่าข่าวลือนั้นหนาหูเพียงใด มีเพียงคนโง่ที่ไม่ใส่ใจอะไรเท่านั้นจึงไม่ทราบ!

เฉินเถียนเถียนนั่งอยู่บนเกวียนวัว แสร้งราวกับว่าไม่รู้จักใครและไม่มีใครนั่งข้าง หยุนเคอก็นั่งนิ่งด้วยความรู้สึกประหม่าเช่นกัน พวกเขาไม่เหล่มองซึ่งกันและกันเลย ทั้งยังนั่งห่างกันประมาณสองถึงสามฟุต!

หากในเวลาที่อยู่กันตามลำพัง ทั้งสองคนคงจะพูดจาหยอกล้อกันตามปกติ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับจริงจังไม่คิดจะกล่าวอะไรเพียงครึ่งคำ!

เกวียนวิ่งต่อไปท่ามกลางความเงียบ ไม่มีใครอยู่บนเกวียนนี้แล้วเหลือเพียงพวกเขาสองคน จึงทำให้สองคนนี้อยากกลับให้ถึงหมู่บ้านโดยเร็ว

เวียนวัวเคลื่อนที่ช้า ๆ ผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ พวกเขารู้สึกว่าล้อของเกวียนกำลังเหยียบหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนพลันร่วงหล่นจากเกวียน หยุนเคอหันมามองนางทันที

ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ หยุนเคอจึงเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและคว้าเด็กหญิงตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างมั่นคง

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ …ราวกับว่าเขาให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของหญิงผู้นี้ตลอดเวลาและเมื่อนางกำลังจะตกจากเกวียน เขาก็สามารถดึงนางกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฉินเถียนเถียนตื่นตระหนก จนกระทั่งหยุนเคอนำนางกลับขึ้นมาบนเกวียนได้อย่างราบรื่น นางจึงฟื้นคืนสติกลับมา

ทันทีที่ตั้งสติได้ ใบหน้าของเถียนเถียนแดงขึ้นสีก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาด้วยความประหม่า

ชายชราตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวคำออก

“ข้าขอพูดตรง ๆ เถิด… ทำไมเจ้าสองคนถึงไม่แต่งงานกันเลยเล่า? เจ้าจะอาศัยอยู่ในถ้ำจนแก่เฒ่าเลยหรืออย่างไร? หากไม่ยอมมีครอบครัว เมื่อแก่ตัวไปผู้ใดจะยอมแต่งงานด้วย? ส่วนสาวน้อย… ในเมื่อบ้านไม่ใช่ที่ที่เจ้ามีความสุข การย้ายออกมาให้โดยเร็วจะไม่ดีกว่าหรือ?”

เฉินเถียนเถียนหน้าแดงและก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไรตอบ ส่วนหยุนเคอซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดเช่นกัน หางตาของหยุนเคอเหลือบมองเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งกำลังก้มศีรษะด้วยความเขินอาย…

เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่น่าอายนี้… หยุนเคอจึงจำเป็นต้องพูดอะไรสักอย่าง “ลุงเฉิน… ข้าอาศัยอยู่บนภูเขามาโดยตลอดและยังมีความไม่สะดวกบางประการ จู่ ๆ จะให้ข้าลงจากภูเขามาซื้อบ้านในเมือง ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?”

ชายชราจึงเริ่มพูดคุย “เจ้าต้องไปเจรจากับหัวหน้าหมู่บ้านก่อน แล้วจากนั้นเขาจะมอบที่ดินให้กับเจ้า เจ้าก็ใช้เงินเพื่อจ้างวานช่างมาสร้างบ้านให้ แน่นอนว่าหากเจ้าเป็นคนในพื้นที่จะไม่ต้องใช้เงินเลย ทุกคนต่างพร้อมใจที่จะมาช่วยเหลือ แต่ก็อย่างที่ทราบ ในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครรู้จักเจ้าเลย ดังนั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องใช้เงินในการจ้างวาน!”

หยุนเคอพยักหน้าแสดงท่าทางราวกับว่ากำลังสนใจในสิ่งที่ลุงเฉินพูด!

ลุงเฉินพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่เจ้ามีเงินเพียงพอ เจ้าก็จะได้บ้านตามแบบที่ต้องการ ถ้าจะให้ดี ต้องใช้อิฐสีน้ำเงิน มีเพียงหญิงคนเดียวเท่านั้นในหมู่บ้านของเราที่สร้างบ้านจากอิฐสีน้ำเงิน!”

เมื่อพูดเรื่องการสร้างบ้านด้วยอิฐสีน้ำเงิน ใบหน้าของลุงเฉินดูโหยหาราวกับว่าเขาจะหวังจะมีบ้านแบบนั้นด้วย!

“แต่หากเจ้ามีเงินไม่มากพอเหมือนกับคนส่วนใหญ่ ก็จะสร้างบ้านได้จากอิฐดิบเท่านั้น หากชอบความเงียบก็จงสร้างกำแพงให้หนาเป็นการดีที่สุด!”

ยิ่งชายชราพูดมากเท่าไหร่ เฉินเถียนเถียนยิ่งสัมผัสได้ว่าทั้งหมดคือสิ่งที่ชายชราใฝ่หามาโดยตลอด แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเสมอ บางทีเค้าอาจจะไม่บรรลุเป้าหมายนั้นเลยแม้จะใช้เวลาทั้งชีวิต!”

คนหนึ่งคนพูดไม่รู้จบสิ้นและอีกสองคนก็กำลังฟังด้วยความงุนงง… แต่ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านเทพธิดา

ตะวันลับขอบฟ้าแล้ว เฉินเถียนเถียนมอบเงินให้ชายชราจำนวนสองก้วนท้องแดงก่อนจะกระโดดลงจากเกวียนไป จากนั้นจึงวิ่งกลับไปหาเฉินเฉิน นางไม่คิดว่าเด็กน้อยผู้จะมีสมาธิดีมาก เขาอดทนฝึกฝนกับการอ่านและเขียนอักษรจีนห้าสิบตัวมาเป็นเวลานานตั้งแต่เช้า

เมื่อเห็นว่าคำที่สอนไปถูกเขียนจนหมดสิ้น เฉินเถียนเถียนจึงรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร เพราะตัวหนังสือที่เถียนเถียนเขียนนั้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายเท่านั้น นางจึงตระหนักได้ว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และลักษณะเฉพาะตัว

เฉินเถียนเถียนไม่คาดคิดว่าคนโง่เช่นเฉินผิงอันจะสามารถมีลูกชายที่อัจฉริยะเช่นนี้ได้ หรืออาจจะเป็นความฉลาดที่มาจากหลินชวนฮวา มิเช่นนั้นนางจะสามารถหลอกเช่นผิงอันให้เชื่อฟังแบบนี้ได้อย่างไร?!

เพียงแต่ความฉลาดเหล่านั้นของนางถูกนำมาใช้ทำสิ่งชั่วร้าย ช่างน่าละอายเสียจริง

เด็กน้อยเฉินเอ๋อจ้องมองพี่สาวด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเขากำลังรอรับคำชม!

เฉินเถียนเถียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “ยอดเยี่ยมมาก เจ้ามีพรสวรรค์จริง ๆ ฉะนั้นจงฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายเถิด!”

ตั้งแต่บ่อนพนันในหมู่บ้านเปิด เฉินผิงอันก็มีเพียงสองที่ในชีวิตที่จะไปคือบ้านและบ่อน!

ที่ดินของครอบครัวที่ปล่อยเช่ายังมีรายได้ดี แต่พื้นที่อีกสองไร่กว่า ๆ ที่เหลือนั้นปกคลุมไปด้วยวัชพืช!

เนื่องจากเขาได้รับค่าเช่าที่ดินทุกปี ดังนั้นเฉินผิงอันไม่ได้จริงจังหรือใส่ใจกับพื้นที่ที่เหลือมากนัก ส่งผลให้พื้นที่สองไร่กว่านั้นถูกทิ้งให้รกร้างและไม่มีอะไรเลย! หลินชวนฮวาเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นค่าเช่าทั้งหมดที่ได้มาก็ตกอยู่ในกำมือของนาง มีเพียงอาหารที่เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างอื่นที่เหลือถูกจัดการโดยนางทั้งหมด

แต่หลินชวนฮวาก็ยังพยายามจัดการปันส่วนอาหารที่เหลือได้อย่างลงตัว! ที่ผ่านมาเฉินเถียนเถียนมัวยุ่งอยู่กับการออกล่าและเก็บอาหารต่าง ๆ ไว้สำหรับตนเอง แต่หลินชวนฮวาก็ไม่ได้ใส่ใจนางมากนัก

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังรับประทานอาหารเสร็จ เฉินผิงอันจึงออกเดินทางไปบ่อนตามปกติ

เช่นเดียวกันกับหลินชวนฮวา เมื่อกินเสร็จ นางนำอาหารไปให้เฉินเฉิงเยี่ยก่อนจะกลับออกมาและแต่งตัวสวยอีกครั้ง

แม้เฉินเฉินจะรู้สึกหิวมาก แต่เนื่องจากเขาต้องไปเรียนหนังสือ จึงทำให้ตื่นเต้นจนลืมความหิว!

เฉินเฉิงเยี่ยคิดว่าเฉินเฉินต้องขอให้เขาสอนหนังสืออย่างแน่นอนจึงยกยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัวและกำลังคิดว่าจะจัดการกับเด็กน้อยผู้นี้อย่างไรดี

แต่ใครจะคิดว่าเฉินเฉินจะรีบอาบน้ำแต่งตัวพร้อมถือหนังสือเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว แม้เฉินเฉิงเยี่ยจะอยากรู้มากว่าเด็กน้อยคนนี้จะไปไหน แต่เขาก็ไม่อยากออกจากบ้าน เนื่องจากชาวบ้านยังคงพูดถึงเรื่องของเขาจนหนาหูและเขาไม่อยากได้ยินสิ่งเหล่านั้น

ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเด็กน้อยจะไปเรียนที่ไหน แต่ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้า จะมีการสอบวัดในระดับมณฑลและระดับภาค เฉินเฉิงเยี่ยผ่านการทดสอบระดับมณฑลไปอย่างง่ายได้ แต่ต้องหยุดสอบในระดับภาค ดังนั้นในปีหน้าเขาจึงอยากลงสอบอีกครั้ง!

เฉินเฉินเดินออกมานอกบ้านและเฉินเถียนเถียนก็ตามหลังเขาไป แม้ว่านางยังนอนไม่เต็มอิ่มแต่เพราะนางได้ตกลงกับเขาไว้แล้วจึงต้องรักษาคำพูด!

เฉินเถียนเถียนนั่งลงข้างลำธารและเปิดหนังสือ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างทรุดโทรมและมีรอยหมึกเปรอะเปื้อน แสดงว่าเฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้สนใจมันมากนัก!

แต่ตัวหนังสือข้างในยังชัดเจน ตัวหนังสือพวกนี้เป็นอักษรจีนโบราณที่เฉินเถียนเถียนเคยร่ำเรียนมาจากคุณปู่ในยุคปัจจุบันและเนื้อหาก็เหมือนกับของซานจื้อจิงอย่างไม่ผิดเพี้ยน!

“ธรรมชาติโดยกำเนิดของมนุษย์…”

เฉินเถียนเถียนเปิดหนังสือและเริ่มสอนเฉินเฉินอ่านทีละคำ จากนั้นจึงวาดพื้นดินด้วยกิ่งไม้เพื่อสอนวิธีการเขียน!

เมื่อเจอประโยคที่เข้าใจยาก เฉินเถียนเถียนต้องอธิบายด้วยความอดทน ซึ่งวิธีของนางแตกต่างจากที่ขุนนางสอน แม้จะไม่ได้มีเรื่องราวอะไรให้ยกตัวอย่างมากมายนักแต่ก็ใช้สิ่งที่เล่าสืบต่อกันมาอธิบายให้เขาฟัง!

เฉินเฉินชอบมากและก็รู้สึกตื่นเต้นกับมัน!

แค่เพียงวันเดียวเขาเรียนไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบคำ!

ในที่สุดเฉินเถียนเถียนก็ตระหนักได้ว่า หากสอนมากเกินไปอาจทำให้เขาไม่สามารถจำได้… ดังนั้นนางจึงหยุดก่อน

หลังจากสอนเสร็จแล้ว เฉินเถียนเถียนก็สั่งให้น้องชายฝึกเขียนด้วยกิ่งไม้ที่บ้านและนางก็รีบเตรียมตัวเข้าเมือง

‘ไม่เคยไปแต่ไม่กลัว! ท้ายที่สุดข้าไม่ใช่เพียงหญิงชาวบ้านผู้อ่อนแอ แต่เป็นตำรวจหญิงเฉินเถียนเถียน!’

ก่อนหน้านี้ หยุนเคอมอบก้วนทองแดงให้นางสองเหรียญเพื่อใช้จ่าย และก้วนแผ่นทองแดงเหล่านั้นก็มีประโยชน์จริง ๆ เฉินเถียนเถียนใช้มันเพื่อแลกกับการขึ้นเกวียน!

คนขับเกวียนก็เป็นชาวบ้านเทพธิดาเช่นกัน คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้นามสกุลเฉินและพวกเขาก็มีญาติอยู่ทั่วสารทิศ!

ตัวอย่างเช่นชายชราผู้ขับเกวียน เฉินเถียนเถียนเรียกเขาว่าลุง!

เด็กหญิงก้มหน้าแล้วเรียกลุงด้วยน้ำเสียงประหม่าเบา ๆ ชายชราอารมณ์ดีจึงขับเกวียนเข้าเมือง

แม้ว่าเฉินเถียนเถียนจะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่นางก็ย้ำเตือนกับตนเองตลอดว่าอย่าไปเพ่นพ่านที่ไหน จงไปตามที่นัดหมายหยุนเคอไว้และเมื่อเสร็จธุระให้รีบกลับทันที!

เฉินเถียนเถียนพยายามกักเก็บความประหม่าที่ต้องเจอคนแปลกหน้าอย่างใจเย็น ในยุคนี้ยังมีคนใจดีอีกมากและคงไม่มีใครดุร้ายไปกว่าหลินชวนฮวา!

หลังจากเข้าไปในเมืองได้ไม่นาน หยุนเคอก็ปรากฏตัวขึ้น!

เฉินเทียนเถียนตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดก็หยุดในตรอกแห่งหนึ่ง จากนั้นนางจึงลากหมีออกจากเถาเป่า

สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเถาเป่านั้นสดใหม่เสมอ แม้เสี่ยวเถาจะตั้งตารอที่จะขายหมีป่าตัวนี้ แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เมื่อรู้ว่าเถียนเถียนมีสิทธิ์ครอบครองเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!

 

หยุนเค่อไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาอุ้มหมีเดินไปที่ประตูหลังของบ้านหลังหนึ่งในตรอกแล้วเริ่มเคาะ

“พ่อบ้านเปิดประตูออกมาจากด้านในและพบว่ามีนายพรานผู้หนึ่งกำลังแบกหมีไว้บนบ่า! คงชักช้าไม่ได้แล้วชายผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!

“ข้าขอซื้อ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยชอบรับประทานของหายาก! ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการจะขายหมีตัวนี้หรือไม่?”

ขณะเดียวกัน แม่บ้านพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แน่นอนว่าเป็นการดีที่สุดที่จะมีของดีเช่นนี้ต่อหน้านายน้อย!

หยุนเคออุ้มหมีเข้าไปแล้วโยนมันลงบนพื้น ศพหมีล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย

“ช่างเป็นหมีที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ยิ่งนัก เจ้าเสนอราคามาได้เลย!”

พอมองมาและเห็นว่าหมีนั้นยังสดใหม่ แม้แต่ขนก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อุ้งเท้าหมีที่มีค่าที่สุดก็ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ โดยเฉพาะน้ำดีในตัวหมียังสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ จากนั้นพ่อบ้านจึงเร่งทำการประเมินราคา

“แปดร้อยตำลึงแลกกับหมีทั้งตัว!”

เงินแปดร้อยตำลึง… เท่ากับแปดหมื่น!

แม้ว่าราคาที่เสี่ยวเถาขายได้จะสูงกว่า แต่ในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ ราคาเท่านี้ก็นับว่าสูงแล้ว!    อ่านนิยาย novelza.com

จากนั้นหยุนเคอและเฉินเถียนเถียนก็พยักหน้าก่อนจะออกไปพร้อมเงิน เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านผู้นี้ก็มีความเฉลียวฉลาด เขาไม่ยอมเสียเปรียบใครเลยง่ายๆ!

หลังออกมาจากบ้านหลังนั้น เงินทั้งแปดใบถูกแบ่งออกเป็นสี่ใบและหยุนเคอจึงมอบเงินครึ่งหนึ่งให้กับเฉินเถียนเถียน จากนั้นนางจึงหยิบเงินหนึ่งใบขึ้นมาและกล่าวเสียงแผ่ว “หยุนเคอ… การเผชิญหน้ากับหมีตัวใหญ่เช่นนั้น หากไม่มีเจ้า ชีวิตข้าคงอยู่ในอันตราย… เพราะเจ้าเสี่ยงมากที่สุดในครั้งนี้จึงควรได้รับส่วนแบ่งที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นข้าขอมอบส่วนแบ่งพิเศษนี้ให้เจ้า!”

หยุนเคอตกใจเล็กน้อย เขาคิดมาตลอดว่าผู้คนต่างโลภมากกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเฉินเถียนเถียนที่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ถ้านางมีเงินในมือมากขึ้นก็จะทำให้ชีวิตนางง่ายขึ้นในอนาคต! ทว่าหญิงสาวผู้นี้กลับเลือกที่จะเพิ่มเงินให้เขา…

“รับไปเสีย… เจ้ากำลังต้องการเงินเพื่อใช้สร้างบ้านไม่ใช่หรือ? เงินนี้อาจทำให้เจ้าสร้างบ้านได้หลังใหญ่กว่าเดิม! หากเจ้ารู้สึกไม่ดีที่ต้องรับเงินนี้ก็เอาไว้ค่อยตอบแทนข้าในอนาคต แม้ว่าวันนั้นข้าอาจจะแต่งงานและย้ายออกไปแล้ว แต่น้องชายของข้ายังอยู่ในบ้านหลังนั้นและเขาก็ไม่ชอบแม่เช่นเดียวกัน! ข้าแค่อยากให้เจ้าคอยช่วยเหลือพวกเราด้วย!”

หยุนเคอยอมรับส่วนแบ่งนั้นมาอย่างว่าง่าย ส่วนเฉินเถียนเถียนยิ้มหวานให้เขาอย่างพอใจ

ชายผู้นี้จริงจังกับคำสัญญาเสมอและธนบัตรนี้ก็แทนคำสัญญาที่มีต่อเฉินเถียนเถียน หากวันหนึ่งนางต้องรับแรงกดดันและถูกบังคับแต่งงานแต่อย่างน้อยเฉินเฉินก็ไม่ต้องอดอาหารตาย!

เฉินเถียนเถียนกำลังหมกมุ่นกับความเจ็บปวดจนไม่ได้สนใจอะไร แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

ทำไมชายเครายาวที่อยู่ด้านหน้าจึงพยายามคลำร่างกายของนางทุกที่?

นางพยายามผลักเขาออกไป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีแรงมากพอจึงไม่สามารถทำให้หยุนเคอขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย!

“ไอ้บ้า เจ้าจะทำอะไร?”

เฉินเถียนเถียนถามด้วยน้ำเสียงสะอื้น ในตอนนี้แม้จะเป็นหยุนเคอหรือหมีป่าก็ไม่สามารถทำให้นางสงบสติอารมณ์ได้!

เขาจะทำอะไรกันแน่? ดูเหมือนว่าการที่เขาทำกับนางเช่นนี้คงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วกระมัง!

หยุนเคอกล่าวถามอย่างไม่อดกลั้น “เจ็บตรงไหนหรือไม่?”

เฉินเถียนเถียนจึงตระหนักได้ทันทีว่าชายผู้นี้กลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงตรวจสอบตัวร่างกายของนางว่ามีบาดแผลหรือกระดูกแตกหักหรือไม่… และการกระทำเหล่านี้นางล้วนแต่เข้าใจผิดไปเอง!

“ข้าไม่เจ็บ แม้ว่าข้าจะเจ็บจริง ๆ เจ้าก็ทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!”

หยุนเคอตระหนักได้ว่าดูเหมือนเขากำลังลวนลามเฉินเถียนเถียนจริง ๆ ด้วย! ยิ่งตอนนี้มือใหญ่ ๆ ของเขายังอยู่บนเอวบางนั้น…

เขาจึงรีบดึงมือออกด้วยความตกใจแล้วพูดว่า “ข้าต้องรับผิดชอบไหม?”

หืม!

เฉินเถียนเถียนเต็มไปด้วยความงุงงง! หยุนเคอแตะเนื้อต้องตัวนางหลายครั้ง แต่กลับถามนางว่าต้องรับผิดชอบไหมได้อย่างไรกัน?

หากเป็นคนพื้นเมืองของหมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้จริง ๆ โดยปกติแล้ว เขาจะต้องรับผิดชอบ! และดูเหมือนหยุนเคอเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วย แต่สีหน้าของเฉินเถียนเถียนเต็มไปด้วยอาการต่อต้านและเนื่องจากหนวดเคราอันรุงรังปิดบังใบหน้าของหยุนเคอ จึงทำให้เฉินเถียนเถียนมองไม่เห็นสีหน้าของเขา!

จากนั้นปฏิกิริยาของเฉินเถียนเถียนก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

“รับผิดชอบอะไรกัน? งั้นวันนี้ข้าขอส่วนแบ่งเป็นอุ้งเท้าหมีได้หรือไม่?”

หืม? แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นล่ะ? ปกติแล้ว หากนางถูกแตะต้องจากชายอื่นก็นับว่าเสียบริสุทธิ์และต้องแต่งงานไม่ใช่หรือ?

หยุนเคอไม่เข้าใจว่าเด็กสาวตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่!

ตกลง! อุ้งเท้าหมีก็อุ้งเท้าหมี!

หยุนเคอนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เฉินเถียนเถียนเคยเจอและรู้สึกว่าไม่อยากมีปัญหากับเด็กสาวคนนี้ ดังนั้นเขาจึงยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

คราวนี้มันเป็นหมีตัวใหญ่และมีกลิ่นเลือดคลุ้งทั่ว คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากสัตว์อื่นได้กลิ่นและตามมา!

อย่างไรก็ตาม หมีตัวนี้หนักมากกว่าร้อยกิโลกรัม หยุนเคอคิดว่าเขาคงไม่มีความสามารถในการลากมันไปได้

เมื่อเห็นว่าหยุนเคอค่อนข้างลำบากใจ เฉินเถียนเถียนจึงคิดถึงบางสิ่งได้อย่างรวดเร็ว!

หยุนเคอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับหมีป่าตัวนี้ ในขณะที่เขากำลังไตร่ตรองอย่างหนัก เฉินเถียนเถียนเองก็คิดหนักเช่นกัน หากนางใช้มิติของเถาเป่า ความลับก็จะถูกเปิดเผย!

เมื่อเห็นชายผู้นี้ลังเล ราวกับว่าเขาไม่รู้จะจัดการกับหมีป่าตัวนี้อย่างไรดี เฉินเถียนเถียนจึงเสนอวิธีแก้ปัญหาให้!

“อย่างไรก็ตามหมีตัวนี้ทั้งอ้วนและหนัก งั้นลองลากไปที่ถ้ำของเจ้าก่อนสิ แล้วค่อยหาวิธีแบ่งกันที่นั่น! ข้าต้องการเพียงอุ้งเท้าและหนังหมี ส่วนอื่นข้าไม่ต้องการ!”

หลังจากที่เฉินเถียนเถียนพูดจบ นางก็มองหาเถาวัลย์จากต้นไม้ทุกชนิดเพื่อมาพันตัวหมี! จากนั้นหยุนเคอจึงรวบเถาวัลย์ไว้บนบ่าและลากหมีป่าลงมาด้วยสุดกำลัง แม้เฉินเถียนเถียนจะอ่อนแอแต่นางก็คอยช่วยดันหลังให้ การลากหมีในครั้งนี้ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาทั้งสองกำลังดันภูเขาขนาดใหญ่!

เนื่องจากหยุนเคอยังไม่ได้หั่นแบ่งหมีป่า จึงทำให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกแปลกเล็กน้อยและถามว่า “แล้วจะทำอย่างไรต่อ? จะทำความสะอาดมันอย่างไร?”

หยวนเคอตอบ “หมีป่าทั้งตัวได้ราคาดีกว่า! ข้าจะขายหมีทั้งตัวและนำเงินที่ได้มาแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง… ตกลงไหม?”

เฉินเถียนเถียนพยักหน้ารับดูคล้ายจะเข้าใจ…

“หากไม่เชื่อก็เข้าเมืองกับข้าสิ!”

เข้าเมือง?

สองคำนี้สร้างความตื่นเต้นให้เฉินเถียนเถียนเป็นอย่างมาก นางอยู่ที่นี่มานานมากแล้วแต่ยังไม่เคยเห็นเมืองในยุคโบราณเลย

 

“แต่ข้าสัญญากับเฉินเฉินว่า… พรุ่งนี้ข้าจะสอนหนังสือเขา!”

หยุนเคอเบิกตากว้างไม่ใช่เพราะเฉินเถียนเถียนปฏิเสธเขา แต่เป็นเพราะตะลึงกับสิ่งที่นางพูดออกมาเมื่อครู่นี้

“เจ้ารู้หนังสือจริง ๆ ด้วย!”

จากคำพูดนี้ของหยุนเคอทำให้เฉินเถียนเถียนตกตะลึงทันที นางจำได้ว่านางบอกกับเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่านางไม่รู้หนังสือ!

“ข้าก็แค่พออ่านได้! หยุนเคอ… ข้ามีเรื่องต้องทำในตอนเช้า ค่อยไปตอนบ่ายได้ไหม?”

หยุนเคอมองสำรวจเฉินเถียนเถียนด้วยความตั้งใจก่อนจะตอบว่า “ย่อมได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอไปพร้อมเจ้าตอนบ่าย แต่หมีป่าตัวนี้ใหญ่เกินไป เราจะขนมันเข้าเมืองอย่างไรดี?”

เฉินเถียนเถียนที่เพิ่งเผลอพูดความลับของตนเองออกไป ตอนนี้จึงเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น

“เราจะไม่จ้างเกวียนเพื่อขนมันไปงั้นหรือ?”

หยวนเคอตอบ “เจ้ากับข้าจะเข้าเมืองด้วยกันโดยเกวียนวัวอย่างนั้นหรือ? หากมีใครมาเห็นเข้าคงจะไม่ดีนัก!”

ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนก็จำเรื่องราวระหว่างนางกับหยวนเคอได้ ระหว่างทางนางพูดอะไรไปมากมาย ชี้นกชี้ไม้ดูสิ่งต่าง ๆ แม้จะถูกดึงดูดโดยสิ่งอื่นก็ตาม แต่หากทำเช่นนั้นอีก นางก็กลัวว่า…

ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่จะใช้ได้คือเถาเป่า! เพียงแต่ว่าหยุนเคอก็ยู่ตรงนี้… จะหลบเลี่ยงเขาได้อย่างไร?

เฉินเถียนเถียนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างตั้งใจ หยุนเคอไม่รีบร้อนและยืนรออยู่ด้านข้าง บรรยากาศทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน

ในที่สุดหยุนเคอก็ทนไม่ไหวจึงกล่าวออก “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถขนหมีตัวนี้เข้าเมืองได้เพราะข้าเคยเห็นมันมาก่อน เจ้าโยนสิ่งต่าง ๆ เข้าไปในอากาศแล้วก็สามารถหยิบยกมันออกมาได้!”

เฉินเถียนเถียนหันมองหยุนเคอด้วยความตกตะลึง!

ความลับยิ่งใหญ่ของนางถูกเปิดเผยแล้ว… ควรทำอย่างไรดี?

ฆาตกรรมเขางั้นเหรอ? แต่เมื่อดู ๆ แล้วหยุนเคอก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร!

หยุนเคอมองไปยังเฉินเถียนเถียนที่กำลังครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง เด็กสาวเบิกตากว้างจ้องมองเขาอย่างจริงจัง! แต่หยุนเคอเพียงแค่รู้สึกขบขันกับใบหน้าเช่นนั้น

“เจ้ากลัวที่จะทำหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้ามีความลับและข้าก็ไม่ได้อยากจะรู้อะไรไปมากกว่านี้! อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านนี้ เราทั้งสองไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าไหร่ ดังนั้น…”

เฉินเถียนเถียนคิดได้ว่าหากหยุนเคอต้องการทำลายนางหรือทำให้เสียชื่อเสียง เขาจะทำอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความลับเหล่านี้เพื่อข่มขู่ด้วย! ดังนั้นนางจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…

“ตกลง ข้าจะช่วยเจ้าเคลื่อนย้ายหมีป่า! แต่หยุนเคอ… ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าไปในเมืองบ่อยหรือไม่?! หากเจ้าต้องการจะขายหมีป่าตัวนี้ เจ้าจะทำอย่างไร? จะเอาไปขายที่ไหน?”

หยุนเคอยิ้ม “แน่นอนว่าข้าต้องมีทาง! ถ้าต้องการหาเงินเพื่อสร้างบ้าน จึงออกล่าหาสัตว์ป่าไปขายในเมืองบ่อย ๆ!”

เฉินเถียนเถียนพยักหน้ารับ จากนั้นนางจึงโบกเรียกหาเสี่ยวเถาและหมีป่าตัวใหญ่ก็หายไปทันที!

“พรุ่งนี้ตอนบ่ายให้เจ้าไปรอข้าในเมือง แล้วข้าจะตามไปทีหลัง!”

หลังจากเฉินเทียนเถียนพูดจบ ก็เดินลงจากภูเขาไป ส่วนหยุนเคอทอดสายตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผู้นี้อยู่เป็นเวลานาน…

ขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน เฉินเถียนเถียนพร่ำบนกับตนเองด้วยความขุ่นเคืองใจ นางทำอะไรลงไป… เรื่องนี้มันไม่ควรถูกเปิดเผยต่อหน้าใครทั้งสิ้น แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ครานี้ทำให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกสับสนเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ความคุมไม่ได้เช่นนี้เป็นครั้งแรก!

หลินชวนฮวาลืมไปว่าแม้นางจะชื่นชมลูกชายของตนเองเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วยังไม่มีผู้ใดยอมรับเฉินเฉิงเยี่ยเลย

จริง ๆ แล้ว เฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนมีความสามารถมาก แต่การศึกษาส่วนใหญ่ในยุคนี้คือการท่องจำ ดังนั้นจึงทำให้เขาหมดความสนใจในการเรียนไป

เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่าระบบการสอบเป็นนักปราชญ์หรือจักรพรรดิในยุคนี้เข้มงวดมาก! ดังนั้นนางจึงพอคาดเดาสถานการณ์ของลูกชายได้!

เพราะการต้องหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือทั้งวันจึงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับวัยหนุ่มสาว และทำให้บางคนควบคุมตัวเองไม่ได้! เช่นเดียวกับนักเรียนในยุคปัจจุบันหลายคน ที่มักจะผล็อยหลับไปขณะอ่านหนังสือและเฉินเฉิงเยี่ยก็น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์นั้น

ดังนั้นนางจึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถสั่งสอนเฉินเอ๋อได้

แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใดต่อการหลับนอนของเฉินเถียนเถียนเลยแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะในตอนที่หลินชวนฮวาเข้าไปในโรงเก็บไม้และเห็นเฉินเถียนเถียนนอนหลับอยู่ ซึ่งนั่นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจพร้อมกับสงสัย ‘นางเด็กขี้ครอกผู้นี้หิวโหยมาหลายวันแล้วและไม่มีใครเห็นใจแม้แต่น้อย แต่เหตุใดร่างกายอันผอมโซนี้กลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น?! นางควรอดตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?!’

ทว่าคำเตือนของผู้เฒ่ายังคงดังก้องในหูของหลินชวนฮวา จึงทำให้นางไม่กล้าทำอะไรรุนแรงต่อเด็กหญิงผู้นี้!

เมื่อยามราตรีมาเยือน ครอบครัวเฉินหลับใหลอีกครั้ง เมื่อได้โอกาสเฉินเถียนเถียนจึงแอบออกจากบ้าน

นางมุ่งหน้าไปยังริมธารแต่วันนี้ไม่พบหยุนเคอ

เฉินเถียนเถียนจึงรอเขาอยู่ที่นั่นและเริ่มจุดไฟเพื่อทำอาหาร

เฉินเถียนเถียนหยิบวัตถุดิบออกมาจากเถาเป่า หลังจากหุงข้าวเสร็จ เฉินเถียนเถียนก็ตักข้าวใส่ชาม ก่อนจะนำหม้อไปล้างเพื่อนำมาตุ๋นเนื้อไก่!

เมื่อหยุนเคอมาถึง เขาก็เห็นเฉินเถียนเถียนกำลังก้มเป่าเตาไฟจนใบหน้าเต็มไปด้วยขี้เถ้า

“เจ้าทำอาหารอยู่หรือ?”

เฉินเถียนเถียนสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหยุนเคอ ทันใดนั้นนางก็นึกได้ว่าใบหน้าตนเต็มไปด้วยขี้เถ้า ซึ่งมันดูสกปรกยิ่ง!

เฉินเถียนเถียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมทุกอย่างจึงบังเอิญขนาดนี้? ดูหมือนว่าหยุนเคอมักจะโผล่มาในช่วงเวลาแห่งความอับอายของนางเสมอ!

แม้จะไม่ทันแล้วแต่เฉินเถียนเถียนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งไปยังลำธารเพื่อล้างหน้า! หยุนเคอจึงคิดว่าหากยิ่งมอง นางคงยิ่งอับอาย เช่นนี้เขาจึงเบือนหน้าไปทางอื่นแทน

หยุนเคอมองหม้อตุ๋นและจานข้าวของเฉินเถียนเถียนอย่างครุ่นคิด ‘เด็กสาวคนนี้ขนของจากที่บ้านมาหมดเลยงั้นหรือ? แล้วหลังจากฟ้าสางนางจะขนมันกลับไปอย่างไร?’

หลายวันแล้วที่หยุนเคอไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฉินและไม่รู้เลยว่าชีวิตของเด็กสาวผู้นี้เป็นอย่างไร แต่เมื่อเขามาเห็นนางทำอาหารในคืนนี้ก็เดาได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ยังหิวโหยอยู่…

“หยุนเคอ… ลองกินตุ๋นเนื้อไก่ที่ข้าทำดูสิ! อร่อยมาก!”

หยุนเคอมีนิสัยรักสะอาด เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนเพิ่งล้างมือ อีกทั้งชามข้าว หม้อ และเนื้อไก่ตุ๋นก็ดูสะอาดปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงรับถ้วยไว้!

หลังจากรับเอามาแล้ว หยุนเคอมองเห็นตะเกียบจากกิ่งไม้ที่เพิ่งหักมา เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

แต่เฉินเถียนเถียนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นางหยิบชามและตะเกียบพร้อมเริ่มลงมือจัดการหม้อตรงหน้าทันที ในแต่ละวันเฉินเถียนเถียนได้กินอาหารเพียงสองมื้อเท่านั้น แม้ตอนนี้จะเริ่มชินบ้างแล้วแต่ท้องก็ยังหิวเสมอ ดังนั้นวัตถุดิบที่หามาได้ทั้งหมดล้วนอยู่ในท้องของนางทั้งหมด!

หญิงสาวกลืนอาหารเหล่านี้อย่างเร่งรีบ ทำให้หยุนเคอรู้สึกว่าไก่ตัวนี้ช่างดูน่าอร่อย! จากนั้นเขาจึงเริ่มหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปากโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นว่าเขาก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน เฉินเถียนเถียนจึงไม่กล้าซ่อนอาหารต่อหน้าหยุนเคออีกและคิดจะย้ายไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้อื่น

หยุนเคอมองดูอาหารทั้งหมดนี้และรับรู้ได้ว่า… แท้จริงแล้วสัตว์ประหลาดตัวน้อยผู้นี้ค่อนข้างฉลาดและเขารู้สึกได้ว่านางไม่ต้องการให้ใครรับรู้ถึงความสามารถพิเศษของตน

อย่างไรก็ตาม หยุนเค่อไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนางเพราะเขาเคยเห็นความดีและความชั่วมากมายในโลกมนุษย์มานานแล้ว เนื่องจากสัตว์ประหลาดตัวน้อยไม่มีเจตนาร้าย เขาจึงตั้งใจว่าปล่อยนางไป

หลังจากนั้น ทั้งสองจึงออกล่าด้วยกันอีกครั้ง โดยให้เฉินเถียนเถียนเป็นผู้นำและหยุนเคอตามหลัง!

แต่เฉินเถียนเถียนกลับรู้สึกว่าการล่าคราวนี้จะไม่ราบรื่นเหมือนครั้งก่อน!

เถินเถียนเถียนรู้สึกถึงลางร้ายอะไรบางอย่าง ราวกับรับรู้ได้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น… หัวใจของนางเต้นแรงและขาสั่นเสียควบคุมไม่อยู่

“หยุนเคอ วันนี้เราพอกันแค่นี้เถิด! ข้าเหนื่อยมากจากการล่าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา!”

แต่ในสายตาของหยุนเคอ นางไม่ได้ดูเหนื่อยล้าอะไรเลย…

มีอะไรผิดปกติกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนี้หรือไม่?

ขณะที่เฉินเถียนเถียนจะพยายามโน้มน้าวหยุนเคอ ทันใดนั้น… เสียงคำรามลั่นก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของป่า!

เฉินเถียนเถียนหน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก ทำไมยังมีหมีป่าในหมู่บ้านเทพธิดา?

หยุนเคอก็ตกใจเช่นกัน!

หลังจากนั้น เฉินเถียนเถียนคว้าแขนหยุนเคอไว้แน่นและตะโกนเสียงหลง “วิ่ง! วิ่ง!”

หยุนเคอจะกลัวหมีได้อย่างไรในเมื่อแต่เดิมเขาเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้? แต่เมื่อเฉินเถียนเถียนดึงแขนให้เขาวิ่ง หยุนเคอก็มึนงงและวิ่งตามนางไปอย่างไม่มีทางเลือก!

อย่างไรก็ตาม คนที่มีสองขาจะวิ่งหนีหมีสี่ขาได้อย่างไร?

ไม่นานนัก เจ้าหมีร่างใหญ่ก็มาหยุดยืนตรงหน้าทั้งสองและกำลังจะกระโจนใส่พวกเขา!

หยุนเค่อฉุดเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้อย่างแรงแล้วโยนนางขึ้นไปบนต้นไม้!

เฉินเถียนเถียนกลัวมากจนกรีดร้องและกอดกิ่งไม้ไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว!

จากนั้นจึงมองไปที่หยุนเค่อซึ่งอยู่ด้านล่างด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าเขาจะทารุณหมีป่าอยู่ฝ่ายเดียว…

เฉินเถียนเถียนมองดูหมีป่าที่กำลังถูกหยุนเคอจัดการ นางจึงถอนหายใจโล่งด้วยความเบาใจ จากนั้นจึงนั่งมองดูพวกเขาต่อสู้กันอยู่บนต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ!

แม้ว่าหมีตัวนี้จะร่างใหญ่ แต่ก็ค่อนข้างเงอะงะ หยุนเค่อเคลื่อนไหวสลับไปมาทั้งข้างหน้าเขาและข้างหลัง กระโดดไปทางซ้ายและขวา ร่างกายของเขามีความยืดหยุ่นอย่างมาก!

ในที่สุดหยุนเค่อสบโอกาสใช้ลูกธนูของเขาปักลงตรงลำคอของหมีตัวนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนของหมีป่าดังก้องไปทั่ว

แต่ว่ามันยังไม่ตาย… ทว่ากลับบ้าคลั่งยิ่งขึ้น

หยุนเคอหลบและกระโดดหนี หมีตัวนี้จึงไม่สามารถแตะต้องเขาได้แม้ปลายเส้นผม

แต่เฉินเถียนเถียนไม่ได้โชคดีขนาดนั้น หมีป่าพุ่งเข้าทำลายต้นไม้ที่นางกอดรัดอยู่ทำให้ต้นไม้เริ่มสั่นคลอน… สุดท้ายเฉินเถียนเถียนพลัดตกลงจากต้นไม้และต้นไม้นั้นก็ล้มทับร่างของหมีป่า!

หมีป่าได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียเลือดมาก มันล้มลงกับพื้น กระตุกไม่กี่ทีก็แน่นิ่งไป

“โอ๊ย!”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกราวกับหล่นจากสวรรค์!

หยุนเคอตกใจยิ่งที่เห็นอย่างนั้น จิตใจของเขาว้าวุ่นพร้อมกับคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนี้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?

เขาจึงพุ่งตัวไปตรวจสอบเฉินเถียนเถียนด้วยความร้อนใจทันที!

จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ยิ่งและตอนนี้นางสอนให้เขารู้จักถูกผิดได้แล้ว

แม้หลินชวนฮวาจะต้องการปลูกฝังความคิดแย่ ๆ ให้กับเขา แต่นับจากนี้เฉินเฉินรับมือได้แน่นอน

“เจ้าต้องรู้จักเป็นคนดีด้วย เพราะหากเจ้าทำดีต่อผู้อื่น พวกเขาก็จะตอบแทนเจ้าด้วยการทำดีเช่นกัน แล้วถ้าหากมีใครรังแก เจ้าก็ต้องรู้จักป้องกันตนเองและเรียนรู้ที่จะตอบโต้!”

“เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้เมื่อถูกพี่ชายทุบตี เจ้าหนีมาข้า วิธีนี้ก็ไม่ผิด แต่เจ้าก็ต้องรู้จักหาวิธีที่พี่ชายจะไม่กล้าทำเช่นนี้กับเจ้าอีก หากยังไม่มีความสามารถที่จะตอบโต้ก็จงอดทนและซ่อนตัวให้ดี เข้าใจหรือไม่?”

เฉินเฉินพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

“เมื่อวานนี้แม่ยอมให้เจ้าเรียนหนังสือแต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้น… อย่างไรซะมันจะดียิ่งหากเจ้ายืนหยัดในสิ่งที่ต้องการ!”

เฉินเฉินยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาว

“วันนี้เฉินเฉิงเยี่ยต้องฟ้องพ่อกับแม่แน่นอน โดยเขาจะบอกว่าเจ้าปฏิเสธที่จะเรียน โง่เขลาและไม่เชื่อฟัง! เช่นนี้เจ้าจะทำอย่างไร?”

เฉินเฉินยืนขึ้นด้วยความโมโห “เห็นได้ชัดว่าพี่เฉิงเยี่ยทุบตีข้า แล้วเขากล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกว่าควรสอนน้องให้รู้จักกับการยืนหยัดและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วต่อให้เฉินเฉินจะพยายามเพียงใด เขาก็ต้องถูกหลินชวนฮวาทำลายอยู่ดี…

“แม่จะไม่ฟังคำแก้ตัวของเจ้าและจะคิดว่าเจ้าโง่เขลา! กระทั่งทุบตีเจ้า… เชื่อหรือไม่?”

เฉินเฉินส่ายหัวและนั่งลง “ไม่… พวกเขาจะไม่ทำกับข้าเช่นนั้น!”

เฉินเถียนเถียนยิ้มจางพลางลูบศีรษะของน้องชายอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะรู้เอง หากพวกเขาห่วงใยและเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม พวกเขาจะตรวจสอบอย่างจริงจัง! ถ้าหากสิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น โทษทั้งหมดก็จะตกไปอยู่ที่พ่อแม่ของเจ้า แต่ถ้าหากเป็นจริงดั่งเขากล่าวอ้าง ทุกอย่างก็จะกลายเป็นความผิดของเจ้าทันที!”

เฉินเฉินสะบัดมือของเฉินเถียนเถียนออกก่อนจะร้องไห้และกล่าวว่า “พ่อไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่!”

“แน่นอนว่าในตอนแรกพ่อย่อมไม่เชื่อ แต่หากโดนแม่เกลี้ยกล่อมและพูดให้ฟังทุกวัน เขาจะเชื่ออย่างแน่นอน! แม้จะมีผู้คนมากมาย แต่ในสายตาของพ่อมีเพียงแม่เท่านั้นที่เก่งที่สุด! ดังนั้นไม่ว่าแม่จะพูดอะไรก็มักจะดูสมเหตุสมผลในสายตาของพ่อเสมอ!”

เฉินเฉินถามด้วยน้ำเสียงสะอื้น “แล้วข้าควรทำอย่างไ?  พวกเขาจะไม่เชื่อข้าได้อย่างไร?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร! ในสายตาพวกเขา… ข้าเป็นเพียงคนนอก ดังนั้นข้าจึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรและยิ่งข้าเรียกร้อง เกรงว่าพวกเขาจะรังแกเจ้า! แต่สำหรับเจ้า… เจ้าต้องรู้ว่านักปราชญ์ยอมรับในสิ่งที่คนธรรมดายอมรับไม่ได้ จงอดทน อดทนไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร อย่าเถียงเด็ดขาด! ปีหน้าเจ้าต้องสอบเข้าโรงเรียนให้ได้ เพื่อจะมีโอกาสได้เล่าเรียนและอ่านหนังสือ และจะได้ไม่ต้องวิ่งมาฟ้องข้าอีก เข้าใจไหม?”

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เพราะสิ่งที่พี่สาวพูดนั้นมีเหตุผลมาโดยตลอดและครั้งนี้ก็เช่นกัน!

สองพี่น้องเดินกลับบ้านอย่างเงียบ ๆ เฉินเฉินกลับไปที่ห้องนอน ขณะที่เฉินเถียนเถียนกลับไปที่โรงเก็บไม้ด้วยพร้อมกับความขุ่นเคืองทั้งหมด!

วันนี้หลินชวนฮวาไม่ได้เดินทางไปไหนจึงไม่ได้แต่งตัวสวยอะไรและเอาแต่นั่งเฉยอยู่ในบ้าน… รอยยิ้มที่เหี้ยมโหดและแววตาดุร้ายฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเฉินเฉิน

เฉินเฉินซ่อนตัวอยู่ในห้องและไม่กล้าที่จะออกมา เฉินเถียนเถียนเองก็อยู่ในโรงเก็บไม้และนอนหลับเช่นกัน

บรรยากาศการทานอาหารอันแสนสุขร่วมกับลูกชายคนโตดำเนินไปอย่างราบรื่น ส่วนเฉินเฉินซ่อนตัวอยู่ในห้องพร้อมกับได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของแม่และพี่ชาย จากนั้นความโกรธพลันก่อเกิดขึ้นในใจเขา เห็นได้ชัดว่าเขาก็เป็นลูกของหลินชวนฮวาเช่นกันแต่ทำไมจึงไม่มีสิทธ์นั่งตรงนั้น?

แต่ความโกรธก็ค่อย ๆ เลือนหายไป พี่สาวเคยบอกว่าหากใครใส่ใจเรา ให้ใส่ใจเขาตอบ แต่สำหรับคนที่ไม่หวังดีเรา ก็อย่าสนใจอะไร ต่อให้เขาจะตายตรงหน้าก็ตาม!

เฉินเฉินเข้าใจความจริงนี้อย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาตั้งใจว่าจะไม่คาดหวังความรักจากแม่อีกแล้ว

หลินชวนฮวาไม่เคยรู้เลยว่านางกำลังจะสูญเสียอะไรไป! หรือแท้จริงแล้วในสายตานางสิ่งที่กำลังจะสูญเสียเป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เด็กแบบนี้ควรจะอยู่ใกล้กับนางมากที่สุด

เพราะเด็กคนนี้เมื่อเติบโตขึ้น เขาจะได้ยืนในจุดสูงสุดโดยที่หลินชวนฮวาคาดไม่ถึง แน่นอนว่าวันนั้นนางอาจต้องเสียใจ!

แต่ตอนนี้นางไม่คิดสนใจ เพราะไม่ว่าเด็กคนนี้จะหิวโหยแค่ไหน นางก็ไม่ยอมให้เขากินอะไรทั้งสิ้น

ในตอนเย็น เฉินผิงอันกลับมาที่บ้านและเขาได้รับเงินคืนทั้งหมดที่สูญเสียไปเมื่อวานนี้! แม้จะรู้สึกดีใจที่ได้กลับคืน แต่เงินเหล่านั้นก็ถูกจ่ายออกไปจนหมดสิ้นแล้ว!

ดังนั้นเมื่อหลินชวนฮวาถาม เขากล่าวตอบอย่างประชดประชันว่าจะแพ้หรือชนะก็ไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น!

เฉินเฉิงเยี่ยวางแผนไว้ว่าหากเด็กคนนี้ฟ้องพ่อ เขาจะสอนให้อีกหนึ่งบทเรียนและบอกกับเฉินผิงอันโดยตรงว่าเด็กคนนี้โง่เขลาเกินกว่าจะเรียนหนังสือ!

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฉินตัวน้อยเรียนรู้ที่จะนั่งที่โต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขากินข้าวเย็นโดยไม่เอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน ซึ่งทำให้เฉินเฉิงเยี่ยรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก

เมื่อทานอาหารใกล้เสร็จ จู่ ๆ เฉินเฉินก็พูดขึ้นว่า “พ่อ! พี่ใหญ่สามารถสอนข้าอ่านได้ แต่ข้าต้องการหนังสือ หนังสือเพื่อจะเรียนรู้… ข้าคิดว่าพี่ชายคนโตจะต้องให้ยืมอย่างแน่นอน… ใช่หรือไม่? “

เฉินเฉิงเยี่ยเกือบจะโพล่งออกมาว่า… เหตุใดข้าต้องให้เจ้ายืมด้วย!

แต่หลินชวนฮวากลับคิดแผนการชั่วร้ายได้บางอย่าง นางวางแผนที่จะมอบหนังสือที่เฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้เรียน หรือไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วให้กับเฉินเฉินและหากเกิดความเสียหายต่อหนังสือเหล่านี้ นางและเฉินเฉิงเยี่ยจะสามารถใช้โอกาสนี้ที่จะลงโทษและโยนความผิดให้เด็กชายได้!

ตามที่คาดไว้ เฉินเฉิงเยี่ยแสร้งทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี เขาตบไหล่น้องชายคนเล็กแล้วพูดว่า “ตกลง! ข้าจะเอาคัมภีร์สามอักษรมาให้เจ้ายืม!”

เฉินเฉินดูเหมือนจะรู้สึกขอบคุณพี่ชายคนนี้จริง ๆ จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่ใหญ่แล้ว!”

เฉินผิงอันมองดูพี่น้องทั้งสองที่ดูรักใคร่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างสบายใจ จากนั้นจึงหันศีรษะมาพูดกับหลินชวนฮวาว่า “ดูพี่น้องคู่นี้สิ หากพวกเขามีได้เติบโตเป็นขุนนางในอนาคตพวกเขาก็จะช่วยเหลือกันได้!”

หลินชวนฮวาหัวเราะเยาะในใจ แต่กลับแสร้งพยักหน้าพร้อมฉีกยิ้มอย่างมีความสุข

ในอีกมุมที่เฉินผิงอันมองไม่เห็น หลินชวนฮวายิ้มอย่างดูถูกและคิดในใจว่า ‘คนโง่เช่นเฉินผิงอันจะให้กำเนิดบุตรที่ฉลาดได้อย่างไร?’ เด็กน้อยผู้นี้ก็เปรียบเสมือนโคลนตมต่ำต้อยและนางเองก็ไม่เห็นว่าเขาเป็นลูก หลินชวนฮวาคิดเสมอว่าตนมีลูกชายเพียงคนเดียวนั่นคือ เฉินเฉิงเยี่ย! ซึ่งเป็นเติบโตกลายเป็นบุรุษผู้น่ายกย่อง!

หลินชวนฮวาเชื่อในใจเสมอว่าลูกชายของนางยังมีหวังเพราะว่าเขาเคยได้รับคำชมจากผู้เป็นอาจารย์ว่าฉลาดหลักแหลม!

เฉินเฉินกระตุกแขนเสื้อของเฉินเฉิงเยี่ยเบา ๆ เพื่อเรียกพี่ชายของเขา

“เด็กบ้า! ใครสั่งให้เจ้าเข้ามาในห้องของข้า!”

เมื่อเฉินเฉิงเยี่ยลืมตาขึ้น เขาก็ผลักเด็กชายคนนี้ออกไปอย่างแรง

“พี่ใหญ่… ท่านบอกว่าจะสอนข้าอ่านหนังสือ”

เฉินเฉิงเยี่ยยกยิ้มอย่างดูถูก “คนอย่างเจ้าสามารถเรียนรู้ที่จะอ่านได้งั้นเหรอ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เฉินเฉินไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดจึงทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ

เฉินเฉิงเยี่ยยกยิ้มร้ายกาจก่อนจะกล่าวต่อ “เฉินเฉินหมายถึงฝุ่น! เจ้าคิดว่าฝุ่นมีประโยชน์อะไรหรือไม่? เพราะแม่เกลียดเจ้าจึงไม่อยากให้เจ้าไปโรงเรียน จากนี้ไปเจ้าก็เป็นได้แค่ชาวบ้านคนหนึ่งและเป็นเพียงโคลนตมให้ผู้อื่นเหยียบย่ำ!”

เฉินเฉินไม่เข้าใจที่พี่ชายบอกว่าเขาเป็นเพียงโคลนตม เขาจึงตอบกลับเสียงดังอย่างไม่พอใจ  “ไม่เป็นเช่นนั้นแน่! พ่อบอกว่าต้องการส่งข้าไปเรียนเพื่อจะได้เป็นขุนนางในอนาคต!”

เฉินเฉิงเยี่ยยิ้มอ่อนจะตอบกลับ “เด็กสกปรกเช่นเจ้าต้องการไปโรงเรียนเพื่อสิ่งใดกัน? ช่างน่าขัน!”

เฉินเฉินรู้สึกเสียใจยิ่ง เขายืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตรงนั้น

เฉินเฉิงเยี่ยเผยสีหน้าเหยียดหยาม “หากอยากเรียนนัก… เอาแบบนี้ก็แล้วกัน! หากเจ้ายอมให้ข้าทุบตีเจ้าหนึ่งครั้ง ข้าจะสอนเจ้าอ่านหนึ่งคำ… ดีไหม?”

เฉินเฉินร้องไห้เสียงดัง “ข้าจะบอกพ่อว่าพี่ใหญ่ตีข้า!”

เฉินเฉิงเยี่ยโกรธจัดจึงเตะร่างเล็ก ๆ ของเฉินเฉินกระเด็น จากนั้นปล่อยหมัดตรงใส่น้องชายอย่างไร้ปรานี!

ในที่สุดเสียงร้องไห้ของเฉินเฉินก็ปลุกเฉินเถียนเถียนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในโรงเก็บไม้ให้ตื่นขึ้น

หลังจากระบุแหล่งที่มาของเสียงอย่างรอบคอบแล้ว เฉินเถียนเถียนก็เข้าใจสถานการณ์ทันที

เฉินเถียนเถียนเกรงว่านี่จะเป็นอุบายของเฉินเฉิงเยี่ยที่บอกว่าจะสอนหนังสือน้องชาย แต่ที่จริงแล้วกลับใช้โอกาสนี้เพื่อรังแกเขา!

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินซึ่งยังคงมีความรู้สึกยุติธรรมอยู่ในใจรีบวิ่งเข้ามาและถีบประตูให้เปิดออก แน่นอนว่าภาพที่เห็นคือเฉินเฉิงเยี่ยกำลังต่อยและเตะเด็กชายตัวเล็กอยู่!

“หยุดมือเดี๋ยวนี้!”

หลังจากเฉินเถียนเถียนตะโกน เฉินเฉิงเยี่ยจึงหยุดมือ

เมื่อเฉินเฉินเห็นว่าพี่สาวมาปกป้อง เขารีบคลานอย่างรวดเร็วและซ่อนอยู่ข้างหลังพี่สาวทันที

“เฉินเฉิงเยี่ย… โธ่ พ่อขุนนางในอนาคต พ่อแม่ของเจ้าสอนมาแบบนี้หรือ? ทำร้ายน้องชายของตนเองได้อย่างไร?”

เฉินเฉิงเยี่ยนั้นเป็นชายหนุ่มแสนเจ้าเล่ห์ เขาจะไม่ยอมให้ใครกล่าวถึงตนในทางที่ไม่ดีแน่

“อีขี้ครอก เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ในฐานะพี่ชายใหญ่ก็เปรียบเสมือนพ่อ ข้าทุบตีสั่งสอนน้องชายของตนเองมันผิดปกติอย่างไรหรือ?”

“พี่ชายก็เป็นเหมือนพ่องั้นหรือ? งั้นเจ้าโง่เหมือนพ่อด้วยหรือไม่? ถ้าเช่นนั้น เหตุใดจึงกล้ามาสอนและทำร้ายเขาทั้งที่เจ้าก็ไร้ปัญญา?”

เฉินเฉิงเยี่ยหัวเราะอย่างประชดประชัน “ใฝ่สูงอยากจะเรียนหนังสือทั้ง ๆ ที่เป็นแค่โคลนตมอย่างนั้นหรือ?”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นโคลนตมเช่นกัน! กล้าใช้เงินของตระกูลเฉินในการศึกษาแต่กล้าคิดว่าพวกเขาเป็นโคลนตมอีกรึ?”

เฉินเฉิงเยี่ยหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง “แล้วอย่างไร? เฉินผิงอันก็ไม่คัดค้านอะไรนี่!”

เฉินเถียนเถียนไม่อยากสนทนากับขุนนางไร้ปัญญาผู้นี้อีกต่อไป นางจึงหันหลังกลับและลากเฉินเฉินออกไปด้วย!

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินหันไปมองยังพี่สาวของตนและกล่าวว่า “พี่สาว… ข้าไม่อยากเป็นโคลนตม… ข้าอยากเรียนหนังสือ!”

เฉินเถียนเถียนลากเฉินเฉินออกไปยังสนามหน้าบ้านก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขาและพูดอย่างเหลืออด “เฉินเอ๋อ… หากเจ้าต้องการเรียนหนังสือจริง ๆ เจ้าก็จงหาหนทางให้กับตนเองเสีย ดีกว่าปล่อยให้คนเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเช่นนั้นมาสอนเจ้า ในเมื่อเขาเป็นคนไม่ดี เขาจะสอนเจ้าได้อย่างไร? เจ้าควรเข้าใจว่าการอ่านและการเรียนเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่เจ้าต้องเรียนรู้และเข้าใจคือคุณธรรมแห่งชีวิต!”

เฉินเฉินพยักหน้ารับ เขาจดจำสิ่งที่พี่สาวพูดไว้ในใจ… เรียนรู้หลักธรรมของชีวิต!

“ในเมื่อเจ้าอยากเรียน ข้าจะสอนให้! แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด… เข้าใจไหม?”

 

เฉินเฉินกระโดดตัวโยนอย่างดีอกดีใจ จากนั้นจึงลดเสียงลงแล้วกระซิบถาม “พี่สาวรู้หนังสือด้วยหรือ?”

เฉินเถียนเถียนนึกได้ทันทีว่าทั้งสองยุคอยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันมาก จึงไม่รู้ว่าตัวหนังสือหลาย ๆ อย่างจะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ ดังนั้นจึงสั่งน้องชายอย่างเคร่งขรึมว่า “คืนนี้เจ้าจงไปขอหนังสือจากพ่อเพื่อจะใช้ในการเล่าเรียน! พรุ่งนี้ให้นำหนังสือเล่มนั้นมาให้ข้าและข้าจะดูว่าควรสอนเจ้าอย่างไร!”

เสี่ยวเถากระซิบเฉินเถียนเถียนอย่างลับ ๆ ว่า “ผู้คนในยุคนี้ค่อนข้างแตกต่างจากโลกของเจ้า ว่าแต่… เจ้ารู้ตัวอักษรจีนโบราณไม่ใช่หรือ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เถียนเถียนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เนื่องจากในโลกปัจจุบันนางมีคุณปู่เป็นพ่อค้าของเก่าจึงทำให้นางหลงใหลในตัวอักษรจีนโบราณเป็นอย่างมาก!

แม้การทานอาหารร่วมกันสองสามมื้อระหว่างเฉินเถียนเถียนและเฉินเฉินจะทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น แต่เขาก็อายเกินกว่าจะรบกวนพี่สาวในเรื่องอื่น… นอกจากการสอนหนังสือ!

ทว่าเฉินเฉินกลับความคุมความหิวของตนเองไม่ได้ ทันใดนั้นเสียงคำรามในท้องของเด็กชายก็ดังขึ้นอย่างโจ่งแจ้ง

“ผู้หญิงใจร้ายคนนั้น ไม่ให้อะไรเจ้ากินอีกแล้วงั้นหรือ?”

เฉินเฉินต้องการลบล้างคำพูดที่บอกว่าแม่ของเขาเป็นคนใจร้าย! แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่แม่กระทำจนเขาต้องมารบกวนพี่สาวก็ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะลบล้างคำครหานี้อย่างไร!

“เอาล่ะ ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียและตามข้ามา!”

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินหลบเลี่ยงผู้คนในหมู่บ้านและกลับมายังภูเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงนำไก่ป่าครึ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนแล้วส่งให้เขา

อย่างไรซะ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ๆ นั้นรุนแรงเสมอ!

เขามองผ่านเสื้อผ้าของเฉินเถียนเถียนด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น…

“พี่สาว… ใครให้ไก่ป่านี้แก่ท่าน?”

เฉินเถียนเถียนกระซิบข้างหูเฉินเฉิน “เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าไก่ป่านี้มาจากไหน แต่หลังจากกินเสร็จ เจ้าควรกลับบ้านและอย่าบอกใครเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ยอมให้เจ้ามาหาข้า แล้วเจ้าก็จะไม่ได้กินไก่ป่าอีกจนสุดท้ายต้องตายเพราะความหิว!”

หัวใจดวงน้อยของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความกลัว จึงรีบพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

เฉินเถียนเถียนยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ในเวลานี้ของวันพรุ่งนี้ ให้ขอหนังสือจากพ่อแล้วมาที่นี่ ข้าจะสอนเจ้าเอง!”

เฉินเฉินพยักหน้ารับราวกับไก่จิกเปลือกข้าว    อ่านนิยาย novelza.com

“การที่เจ้ารู้จักใฝ่เรียนใฝ่รู้เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่วันนี้ข้าจะสอนหลักการขั้นแรกของการเป็นมนุษย์คือให้เจ้าเรียนรู้ที่จะเป็นคนมีเมตตา ไม่ใช่เพียงการเล่าเรียนและการรู้หนังสือเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าเป็นนักปราชญ์ได้ ในอนาคตแม้เจ้าจะได้เป็นใหญ่เพราะมีวิชาความรู้ แต่ก็จงรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น!”

“เฉินเอ๋อ… ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเลวร้ายเพียงกระทำทุกอย่างตามคำสั่งของแม่เท่านั้นและสิ่งนี้จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนไม่ดี จงจำไว้ว่าเจ้าต้องมีเหตุผลเสมอ ข้าไม่ได้จะปลูกฝังความคิดที่ไม่ดีต่อแม่ให้กับเจ้า แต่หากเจ้าเชื่อคำพูดของแม่ เจ้าก็จะจดจำไปจนตายว่าเพราะพี่ขโมยอาหารจึงทำให้เจ้าต้องหิวโหย!”

“การกระทำแบบนี้ไม่ใช่สิ่งดีนัก จงอย่าเลือกปฏิบัติกับใคร ลองคิดดูสิว่าพี่สาวของเจ้าจะเสียใจมากเพียงใด?”

ด้วยคำพูดเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของเฉินเฉินก็เริ่มแดงและน้ำตาไหลเอ่อเต็มดวงตาน้อย ๆ ของเขา

“พี่สาว… ข้าทราบความผิดแล้ว ข้าขอโทษ!”

แม้เฉินเฉินจะไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดเกี่ยวกับการเข้าโรงเรียน แต่เขาก็ได้ยินพี่ใหญ่สัญญาว่าจะสอนหนังสือให้ เท่านั้นเขาก็รู้สึกดีใจมากแล้ว

เรื่องราวทั้งหมดทำให้เขาตื่นเต้นจนไม่อาจข่มตานอนได้

ขณะที่พ่อแม่กำลังหลับนอนกันอยู่ เฉินเฉินย่องออกจากบ้านพร้อมเข้าไปในโรงเก็บไม้เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้กับพี่สาวด้วยตนเอง

“เฉินเอ๋อเจ้ามาทำอะไรที่นี่ แม่ไม่ให้เจ้านอนในห้องงั้นหรือ?”

เด็กชายไม่สนใจที่จะตอบคำถามแต่กล่าวอย่างอื่นแทน “พี่สาว… พ่อบอกว่าจะส่งเสียให้ข้าเรียนหนังสือ!”

เฉินเถียนเถียนยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับ “ยอดเยี่ยม อย่างนั้นเจ้าจงตั้งใจเล่าเรียน หากในอนาคตเจ้าเก่งกาจมากพอ เจ้าจะไม่ต้องพบเจอความหิวอีกต่อไป”

เฉินเฉินพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น “หากวันนั้นหากไม่ต้องทนหิวแล้ว พี่สาวก็ต้องไม่ทนหิวเช่นเดียวกันกับข้า!”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกพอใจมาก การให้ข้าวให้น้ำกับเขาไม่ไร้ประโยชน์ ในที่สุดเด็กชายคนนี้ก็คิดได้…

“อย่างนั้นจงตั้งใจเรียนให้ดี ถึงเฉิงเยี่ยสัญญาว่าจะสอนเจ้าอ่าน แต่ข้าก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ยังไงซะข้าจะจับตามองเจ้าอยู่ห่าง ๆ แล้วกัน”

เพราะเฉินเฉินยังเด็กจึงไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่สาวพูด เขาไม่คิดอะไรพร้อมเดินกลับห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แม้เฉินเถียนเถียนจะค่อนข้างกังวลมาก แต่ก็ไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไร… ยังไงซะตอนนี้ทำได้เพียงปล่อยผ่านไปก่อน หากเฉิงเยี่ยทำเกินกว่าเหตุก็ยังไม่สายที่จะจัดการเขา!

คืนนี้เฉินเถียนเถียนคิดจะขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง

หลังจากทุกคนเข้านอนหมดแล้ว เฉินเถียนเถียนจึงรีบขึ้นไปบนภูเขา ตอนนี้หยุนเคอยืนอยู่ข้างริมธารแต่วันนี้เขาไม่ได้ตระเตรียมอาหารใดมาให้นางกิน

แต่ถึงอย่างไรเฉินเถียนเถียนก็ไม่ได้สนใจนัก นางจึงนำตุ๋นเครื่องในหมูที่เก็บในคราวก่อนออกมากิน หลังจากอิ่มแล้วจึงเริ่มออกเดินทาง

เพราะหมูป่าในคราวก่อนถูกแบ่งคนละครึ่ง ดังนั้นเหยื่อต่อไปก็จะต้องถูกแบ่งเช่นกัน ทั้งสองคนไม่มีวันแยกจากกันได้อีกต่อไป เพราะหากแยกกันแล้ว หยุนเคอต้องใช้เวลานานโขกว่าจะล่าสัตว์ได้เท่ากับตอนที่มีนางอยู่ด้วย

ตอนนี้หยุนเคอตระหนักได้แล้วว่าเด็กสาวคนนี้มีประโยชน์ นางสามารถแกะรอยสัตว์ป่าได้มากมายแม้จะเป็นเวลากลางคืน!

หลังจากล่าสัตว์เสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาจึงแบ่งเหยื่อกันและคิดแยกย้าย

“ให้ข้าไปด้วยไหม?”

หยุนเคอถามออกเพราะคิดว่าเฉินเถียนเถียนคงไม่สามารถแบกเหยื่อมากมายกลับบ้านได้โดยใช้ร่างเล็กนี้แน่

แต่เด็กสาวกลับโบกมือปฏิเสธด้วยความเด็ดเดี่ยว “ไม่เป็นไร เจ้าพักผ่อนเถิดคงเหนื่อยมาแล้ว”

แววตาหยุนเคอทอประกายวูบไหวแต่ก็ไม่กล่าวคำใดตอบ เขาหันหลังและเดินกลับเข้าถ้ำไป เมื่อเห็นว่าเขาลับตาแล้ว เถียนเถียนจึงใช้เถาวัลย์มัดเหยื่อแล้วค่อย ๆ ลากลงจากภูเขา

นางมองซ้ายขวาจึงมั่นใจว่าหยุนเคอไม่ได้ตามมา เช่นนี้จึงเหวี่ยงเหยื่อทั้งหมดเข้าไปในเถาเป่า!

ทันใดนั้นเองเหยื่อทั้งหมดก็หายวับไป เถียนเถียนถูมืออย่างพึงพอใจก่อนจะเดินลงจากภูเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แต่ในมุมมืด… ชายร่างใหญ่กำลังมองเด็กสาวตัวน้อยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เกิดอะไรขึ้นกันแน่… เหยื่อของนางไปไหนหมดแล้ว?

ข้าได้ยินมาว่าเด็กหญิงจากตระกูลเฉินแห่งหมู่บ้านเทพธิดาไม่ได้มีทักษะใดมิใช่หรือ? อย่างนั้นแสดงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เฉินเถียนเถียนคนเดิม เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเขาก็ไม่อาจอธิบายได้เช่นกัน… หรือว่าเฉินเถียนเถียนจะเป็นปีศาจร้าย?

แม้หยุนเคอจะตื่นตระหนกไม่น้อยแต่เขาก็รู้สึกได้ว่านางไม่ได้ต้องการทำร้ายเขา ดังนั้นจึงสงบสติก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

ส่วนเฉินเถียนเถียนเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวตนของนางกำลังจะถูกเปิดเผย!

เมื่อคืนนางล่าสัตว์ได้มากมายและเก็บมันไว้ในเถาเป่า ตอนนี้นางหยิบกระทะออกมาเพื่อตระเตรียมปรุงอาหารเช้า

เมื่อเสร็จสิ้นนางจึงจัดการกับไก่จนอิ่มหนำและนำที่เหลือไปซ่อนไว้ดังเดิม

ได้เวลากลับบ้านแล้ว…

ส่วนเฉินเฉินตื่นเช้ามากเพราะตื่นเต้นอย่างต้องการเรียนหนังสือ!

วันนี้เขามาทันมื้อเช้าที่แม่ของตนตระเตรียมเอาไว้บนโต๊ะ

เพราะเฉินเถียนเถียนเคยมอบอาหารให้เขาในยามหิว เด็กชายจึงคิดอยากตอบแทนพี่สาวบ้าง

เด็กน้อยโพล่งขึ้นกลางโต๊ะอาหารด้วยความประหม่า “พ่อ… พี่สาวข้ายังไม่ได้กินข้าว ข้าชวนนางมาร่วมโต๊ะกับเราได้หรือไม่?”

สีหน้าของเฉินผิงอันเปลี่ยนไปทันที เขาเกลียดที่ลูกชายพูดถึงเด็กสาวขี้ครอก!

หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เด็กนี่ช่างรนหาที่จริง ๆ! ผู้เป็นพ่อคิดอยากเอาใจแต่เขากลับทำลายทุกสิ่งด้วยการพูดถึงนังเด็กสารเลวนั่น!

“เฉินเอ๋อ! เจ้าควรจะห่วงตนเองก่อน รีบกินข้าวซะ!”

เฉินผิงอันดุลูกชายด้วยความหงุดหงิด คิดไตร่ตรองเพียงครู่เขาก็ทุบตะเกียบลงบนโต๊ะพร้อมลุกหนีไปโดยไม่แยแสผู้ใด

หลังจากถูกดุ เฉินเฉินพลันเจ็บปวดยิ่ง อีกทั้งหลังจากเฉิงผิงอันเดินออกไปแล้ว ใบหน้าหลินชวนฮวาแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดทันที

“ถ้าเป็นห่วงอีขี้ครอกนั้นมากก็ไม่ต้องกิน เอาไปแบ่งให้นางซะ! ข้าเลี้ยงเจ้ามาหลายปี เจ้าก็ได้เรียนรู้การกินอาหารในบ้านและการหากินเองนอกบ้านแล้วไม่ใช่หรือ? หากเจ้าไม่อยากกินอาหารฝีมือข้า… ก็ไม่ต้องกิน!”

จากนั้นนางคว่ำชามและตะเกียบในมือของเฉินเฉินอย่างรุนแรง น้ำตาของเด็กน้อยไหลอาบแก้ม แต่ไม่ว่าจะร้องไห้แค่ไหนก็ไม่สามารถปลุกความเห็นใจหรือความเป็นแม่ในตัวของหลินชวนฮวาได้ รังแต่ยิ่งทำให้นางหงุดหงิดมากขึ้นด้วยซ้ำ

นางทุบหลังเฉินเฉินอย่างรุนแรงพร้อมก่นด่า “ขี้ขลาดถึงเพียงนี้ก็ยังอยากจะเล่าเรียนเพื่อเป็นนักปราชญ์หรือ? เจ้าควรจะเป็นขี้ข้าและถูกเหยียบย่ำไปจนตาย!”

หลังจากกล่าวจบ นางเลิกสนใจเฉินเฉินที่ร้องไห้แต่กลับนำอาหารที่เหลือทั้งหมดไปส่งที่ห้องของเฉิงเยี่ยแทน

เพราะเฉิงเยี่ยกล่าวรับปากว่าจะสอนน้องชายด้วยตนเอง เช่นนี้จึงต้องรับผิดชอบงานหนักขึ้น แต่สายป่านนี้เขากลับยังไม่ลุกจากเตียง!

หลินชวนฮวาไม่ได้สนใจอะไรนักจึงวางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบด้วยความเกรงใจ

เมื่อเฉินเฉินเห็นแม่เดินออกมาก็รีบวิ่งเข้าห้องเพื่อหลบซ่อนเพราะเกรงว่าจะถูกตีอีกครั้ง

เฉินเฉินไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายคนโตจึงมีค่าราวกับทองคำ แต่พี่สาวของเขากลับถูกเหยียบย่ำราวกับวัชพืช!

ในที่สุดแม่ผู้น่ารังเกียจก็ออกไปจากบ้าน เฉินเฉินจำได้ดีว่าพี่ชายสัญญาจะสอนหนังสือให้กับเขา ดังนั้นถึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องของเฉินเฉิงเยี่ยด้วยความตื่นเต้น

แต่เขาจะเล่าเรียนได้อย่างไรก็ในเมื่อนักปราญช์ผู้นั้นยังไม่ยอมลุกจากที่นอน?

เฉินเฉินกลืนน้ำลายขณะมองอาหารบนโต๊ะ แต่เขาก็ไม่กล้าแตะต้องมันเพราะรู้ว่าแม่ตั้งใจทิ้งไว้ให้พี่ชายใหญ่…

หลังจากตระเวนไปทั่วเมืองในตลอดทั้งวันนางก็ต้องพบกับความผิดหวัง ทุกคนรู้ดีว่ามีนักปราญช์อยู่หนึ่งคนในหมู่บ้านเทพธิดาซึ่งขายน้องสาวตนเองเพื่อแลกกับอนาคตของตัวเอง!

เฉินเถียนเถียนไม่เคยไปเมืองอื่น นางไม่มีอิทธิพลมากพอที่จะป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ได้… ซึ่งนางก็พอเดาออกว่าใครเป็นคนทำเรื่องเช่นนี้

นายน้อยหลี่ต้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดแน่ แต่เขาไม่ใช่คนธรรมดาที่นางจะมีปัญหาด้วยได้…

เช่นนี้นางจึงกล่าวโทษเฉินเถียนเถียนแต่เพียงผู้เดียว!

นังเด็กขี้ครอกผู้นี้ต้องเกลี้ยกล่อมนายน้อยหลี่และใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นแน่

หลินชวนฮวากลับบ้านมาด้วยความขุ่นเคือง เฉินผิงอันอยู่ในห้องของเฉินเฉิน… ทั้งพ่อและลูกกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากล่าวถึงการเรียนหนังสือ หลินชวนฮวาก็ยิ่งไม่พอใจ!

ตอนนี้นังเด็กขี้ครอกก็ยังซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บไม้ อาหารค่ำวันนี้หลินชวนฮวาต้องจัดการเองทั้งหมด นางยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม!

หลินชวนฮวาทำอาหารไปพร้อม ๆ กับสาปแช่งเฉินเถียนเถียนไปด้วย!

เฉินผิงอันและเฉินเฉินคล้ายกับว่ากำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานตามประสาพ่อลูก ทั้งหมดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะทั้งหมดกลับสร้างความรำคาญใจให้กับหลินชวนฮวายิ่ง…

ในที่สุดอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ

หลินชวนฮวาเดินไปเรียกสามีเพราะต้องการจะแยกพ่อลูกออกจากกัน

“สามี… กินข้าวกันเถิด”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับก่อนจะอุ้มเฉินเฉินไปที่โต๊ะอาหารด้วยกัน

เพราะเฉินเฉินเคยได้ลิ้มรสมือแสนอร่อยของพี่สาวมาแล้ว ดังนั้นอาหารที่วางตรงหน้าจึงไม่ต่างอะไรจากรำข้าวของหมู!

แต่ถึงจะไม่อร่อยเพียงใดเขาก็ไม่กล้าปริปาก แต่เฉินผิงอันก็ตักอาหารใส่จานลูกชายตนอย่างเอาใจ

“ภรรยาข้า… จงเตรียมตัวเถิด เราจะส่งเฉินเอ๋อไปโรงเรียนในอีกสองวัน”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินชวนฮวาจึงหงุดหงิดไม่น้อย เหตุใดต้องให้เด็กคนนี้ไปโรงเรียนด้วย? ทีลูกชายของนางเฉินผิงอันยังไม่กระตือรือร้นเช่นนี้!

“เฉินเอ๋อยังเด็ก จะไปโรงเรียนคนเดียวได้หรือ?”

แม้จะถามอย่างนั้น แต่หลินชวนฮวาก็ไม่คิดจะให้เฉินผิงอันกล่าวตอบในสิ่งที่ขัดใจ

“ภรรยาข้า… ตั้งแต่เจ้าแต่งงานเข้ามาในตระกูลเฉิน ข้าไม่เคยขัดใจเจ้าเลยสักเรื่อง เจ้าอยากให้เฉิงเยี่ยได้เรียน ข้าก็ส่งเสีย คราวนี้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของข้าบ้าง แต่เจ้ากลับพยายามขัดขืนทุกวิถีทาง เขามิใช่ลูกชายเจ้างั้นหรือ?”

เฉินผิงอันไม่เคยพูดเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเขาเชื่อฟังถ้อยคำภรรยาเสมอ

แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเฉินผิงเหอพี่ชายใหญ่ของเขา อีกฝ่ายพูดกับเขาอย่างจริงจังว่าเฉินเอ๋อควรได้เรียนหนังสือ

“เฉินผิงอัน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เหตุใดจึงส่งเสียลูกชายนอกไส้แทนที่จะส่งเสียลูกชายของตน! เฉินเอ๋อเป็นเด็กดี ส่วนเฉิงเยี่ยนั้น… พวกเรารู้จักเขาตอนที่โตมากแล้ว เขาจะรักและกตัญญูต่อเจ้าได้เพียงใด? มันคงดีไม่น้อยหากปลูกฝังลูกของตนตั้งแต่ยังเด็ก หากเฉินเอ๋อร่ำเรียนจนกลายเป็นนักปราญช์จริง ๆ เจ้าเองก็จะได้มีหน้ามีตาด้วย มันไม่ดีงั้นหรือ?”

ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพี่ชายใหญ่กล่าวกับเขาในระหว่างทางกลับบ้าน คำพูดทั้งหมดราวกับเตือนสติให้เฉินผิงอันกล้าหาญและหนักแน่นที่จะพูดคุยกับภรรยามากขึ้น

หลินชวนฮวาสบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ นางรู้ดีว่าตอนนี้เฉินผิงอันไม่ได้ขอความเห็นแต่เขากำลังสั่งให้นางปฏิบัติตาม!

ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำยอม

“สามี… ไม่ว่าอย่างไรเฉินเอ๋อก็เป็นลูกของข้าเช่นกัน แต่การส่งเขาไปโรงเรียนตอนนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการ ในช่วงสองสามปีแรกให้เฉิงเยี่ยเป็นคนสอนเขาเถิด ครอบครัวเราจะได้ประหยัดเงินไว้ใช้ในยามลำบาก เฉิงเยี่ยร่ำเรียนมาหลายปี เพียงแค่สั่งสอนน้องชายคงไม่ยากเย็นนัก”

“ยังไงซะสองสามปีแรกการสอบไม่น่ากังวลเท่าไหร่ การให้พี่ชายสอนก็ไม่เสียหาย หลังจากนั้นเขาก็จะโตพอที่จะไปโรงเรียนด้วยตนเองได้”

เฉินผิงอันครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย

บทสทนาทั้งหมดกระทบหูของเฉินเถียนเถียน แต่นางกลับไม่คิดอย่างผู้เป็นพ่อสักนิด ยังไงซะนางก็ไม่อาจเชื่อใจหลินชวนฮวาได้

ประการแรก… เฉิงเยี่ยไม่มีทางตั้งใจสอนเด็กคนนี้แน่นอน อาจฟังดูไม่มีเหตุผลแต่อย่างไรแล้วทรัพย์สินในบ้านมีมากมาย เขาไม่มีทางยอมให้เฉินเอ๋อเก่งกว่า และเพื่อต้องการครอบครองทุกสิ่ง เขาจะต้องเป็นใหญ่และเหนือกว่าทุกคนในบ้านเท่านั้น!

หรือหากเขายอมสอนเฉินเอ๋อด้วยความตั้งใจ แต่นอนว่าในอนาคตเด็กชายคนนี้จะเติบโตและมีนิสัยชั่วร้ายไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแน่นอน

เฉินเถียนเถียนคิดว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี นางจึงเดินออกมาจากโรงเก็บไม้เพื่อที่จะกล่าวคำสักหน่อย

“แม่ก็ช่างสรรหาเรื่องราวไปรบกวนพี่ชายใหญ่เสียจริง เขาต้องเรียนและอ่านหนังสืออย่างหนัก จะเอาเวลาที่ไหนมาสอนเฉินเอ๋อเล่า?”

‘นังเด็กขี้ครอกช่างโผล่หน้ามาถูกจังหวะอะไรเช่นนี้! อีกอย่างนางไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วแต่เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่ได้?’

เฉินผิงอันไม่ได้สนใจว่าเด็กสาวคนนี้จะออกมาจากโรงเก็บไม้เพื่ออะไร แต่เขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกนั้นถูกต้อง!

“นั่นสิ เฉิงเยี่ยไม่มีครูจึงต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังต้องใช้เวลามากเพื่อศึกษา หากไปรบกวนให้เขาสอนเฉินเอ๋อ ข้าเกรงว่าเขาจะเสียเวลาเปล่า”

เฉิงเยี่ยที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนก็พลันเดินออกมาจากห้อง เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้วจึงเดินออกมาเพราะเกรงว่าแม่จะไม่สามารถรับมือได้

“พ่อไม่ต้องกังวล ก็แค่การสอนหนังสือขั้นพื้นฐาน ข้าสามารถจัดการได้!”

แต่เถียนเถียนกลับกล่าวโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ “เจ้าไม่มีวันจัดการหรือรับมือได้เพราะการสอนหนังสือต้องใช้หัวใจและจิตวิญญาณที่ดี!”

เฉิงเยี่ยเอียงคอไปมาก่อนจะเย้ยหยันอีกฝ่าย “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

เฉินผิงอันถึงกับทำตัวไม่ถูก หลินชวนฮวาเดินไปแตะตัวสามีพร้อมกล่าวปลอบ “สามี… ไม่ว่าอย่างไรพวกเราล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน”

“เฉินเอ๋อไม่เคยไปโรงเรียนและอ่านหนังสือไม่ออก แทนที่จะส่งเขาไปตอนนี้ เราน่าจะวากรากฐานที่มั่นคงให้กับเขาก่อนดีกว่า หากเขาไปโรงเรียนแล้วต้องอยู่รั้งท้ายคนอื่นมันย่อมส่งผลเสียมิใช่หรือ?”

หลินชวนฮวากำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ตอนนี้เฉิงผิงอันไม่ได้สนใจถ้อยคำของนางอีกแล้วเพราะความอ่อนนุ่มที่เขาโหยหากำลังถูไถอยู่กับแขนของเขาในตอนนี้…

เฉินเถียนเถียนส่งสายตารังเกียจให้กับผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินกลับโรงเก็บไม้ ต่อให้พวกเขาอนุญาตให้นางอยู่ต่อ นางก็ไม่อยากจะอยู่แม้สักวินาที!

เมื่อเฉินเถียนเถียนหันกลับมาจึงเห็นใบหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดของเฉิงเยี่ย… แววตาคมปลาบนั้นราวกับจะฆ่าแกงผู้เป็นพ่อบุญธรรมให้ตายตกเป็นพันครั้ง!

เหมือนว่าเฉิงเยี่ยจะไม่สำนึกในบุญคุณของเฉินผิงอันแม้แต่น้อย ความแค้นฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของเขาและเฉินผิงอันกลับมองไม่ออก!

แต่ไม่ว่าอย่างไร เฉินเถียนเถียนก็รู้สึกว่านางคิดไม่ผิด!

แต่ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเรื่องราวที่ควรค่าแก่การรับชมแน่นอน เถียนเถียนคิดอย่างนั้นจึงเดินยกยิ้มไปอย่างมีความสุข ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ตระกูลเฉินต้องเจ็บปวด นางย่อมยินดียิ่ง!

พี่สาวจูงแขนน้องชายตัวน้อยมายังริมธาร

“เสี่ยวเถา… หมูนั่นขายไปแล้วเหรอ?”

เสี่ยวเถากล่าวตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ของหมดแล้ว! แต่ยังมีลูกค้าถามว่ามีอีกไหม… เพราะมันหายากที่จะมีอาหารธรรมชาติบริสุทธิ์แบบนั้นในพื้นที่นี้!”

“แล้วข้าเอาเงินไปซื้อเครื่องปรุงได้ไหม?”

ทันใดนั้น แสงอินเตอร์เฟซเสมือนปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินเถียนเถียน นางยืนดูรายการต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ มีเพียงเฉินเถียนเถียนเท่านั้นที่มองเห็นสิ่งนี้

เครื่องปรุงรสมากมายปรากฏต่อสายตา บางอย่างเป็นสมุนไพรที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่น ใบกระวาน โป๊ยกั๊กและอื่น ๆ อีกมากมาย

เฉินเถียนเถียนเลือกเครื่องปรุงออกมาสองชนิดก่อนจะบอกให้เฉินเอ๋อนั่งคอย นางนำหม้อ เครื่องปรุงออกมาและทีเด็ดของวันนี้คือเครื่องในหมู!

เฉินเอ๋อกลายเป็นเด็กน่าสงสารไปทันที เพราะถูกแม่ทุบตีบ่อยครั้งจนทำให้เขากลายเป็นเด็กขี้กลัวเมื่อออกนอกบ้าน

“หากอยากกินก็มาช่วยข้าทำ มิฉะนั้นหลังจากอาหารเสร็จสิ้น ข้าจะไม่แบ่งเจ้าแม้เพียงคำ!”

หลังจากเถียนเถียนกล่าวจบ นางจึงให้เด็กน้อยไปเก็บฟืน แล้วจากนั้นจึงเริ่มใช้หินมาเรียงก่อเป็นเตา

หลังจากล้างเครื่องในหมูแล้ว นางก็ตั้งหม้อ เติมน้ำ และรอเดือด

เมนูนี้ทำง่ายกว่าปลาย่างเสียอีก จากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งไปในอากาศ!

เฉินเฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

แม้เฉินเถียนเถียนอยากจะเก็บไว้เอง แต่นางเป็นคนบอกเองว่าจะให้หยุนเคอชิม แม้จะไม่เต็มใจแบ่งให้แต่ก็ต้องรักษาคำพูด!

ดวงตาของเฉินเอ๋อเบิกกว้าง เขาจับจ้องพี่สาวร่ายเวทมนตร์เสกอาหารอยู่ทุกวินาที ไม่ช้าหม้อตุ๋นเครื่องในสุดแสนน่ากินก็ปรากฎ!

แต่เป็นเพราะไม่มีชามหรือตะเกียบ ทั้งสองจึงทำได้เพียงหักกิ่งไม้มาแทนและเริ่มกินจากในหม้อ

อาหารในหม้อถูกจัดการอย่างรวดเร็วและสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยบรรจุอะไรมาก่อน

เพราะไม่มีใครอยู่บ้าน หลังจากเสร็จสิ้นแล้วเฉินเถียนเถียนจึงเอาหม้อไปวางไว้ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

ส่วนเฉินเฉินก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและเฉินเถียนเถียนมุ่งหน้าไปหาหยุนเคอที่ถ้ำ

หลังจากมาถึง เฉินเถียนเถียนเห็นชามข้าววางตั้งไว้แต่หมูป่าอีกครึ่งตัวไม่อยู่แล้ว

คงยังไม่กลับมาสินะ…

เฉินเถียนเถียนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงวางซุปตุ๋นเครื่องในเอาไว้และเดินลงจากภูเขาไป

หลังจากนางกลับออกไป หยุนเคอก็กลับมาถึงถ้ำพอดี

เขาไม่รู้เลยว่ามีใครมาเยี่ยมเยียนจนได้กลิ่นซุปตุ๋นเครื่องในหอมฟุ้งตลบอบอวลถ้ำแห่งนี้

ชายร่างใหญ่คาดเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเฉินเถียนเถียน

เดิมทีเขาไม่ใช่คนตะกละจึงไม่กินของที่วางทิ้งไว้ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นของมันช่างเย้ายวนนัก เขาจึงหยิบตะเกียบพร้อมกับคิดว่าลองชิมดูสักคำคงไม่เสียหาย

อร่อยมาก!

แม้หยุนเคอจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้ทำมาจากอะไร แต่มันอร่อยจริง ๆ เขาไม่อาจยับยั้งใจได้กว่าจะได้สติก็กินจนเกลี้ยงชามเสียแล้ว!

เฮ้อ… เพราะข้าได้กินฝีมือของสาวน้อยคนนี้แล้ว ถ้างั้นจากนี้ไปข้าจะไม่ยอมให้นางต้องลำบากอีก!

วันนี้เฉินผิงอันสูญเงินเป็นจำนวนมาก เขาจึงอารมไม่ค่อยดีนัก แม้จะเป็นบ่อนเล็ก ๆ แต่เขากลับแพ้พนันตลอดทั้งวัน…

เฉินผิงอันหดหู่นยิ่งเมื่อคิดถึงแววตาทอประกายของหลินชวนฮวาหลังจากที่เขาหยิบยกเงินให้…

วันนี้เขาพ่ายแพ้พนันจนสูญเงินไปมาก แน่นอนว่าภรรยาย่อมไม่พอใจแน่ ดังนั้นเงินที่เสียไปทั้งหมดวันนี้จึงต้องเก็บเป็นความลับ

เขาไม่เพียงแต่สูญเงินที่มีเท่านั้น แต่เงินที่หยิบยืมชาวบ้านมาก็เอาไปเล่นพนันจนหมดตัว!

เฉินผิงอันคิดว่าเขาไม่ควรบอกกล่าวกับภรรยาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ แต่ควรจะบอกกล่าวกับนางเมื่อหาเงินมาคืนได้ในอนาคต

แม้จะตัดสินใจแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด…

เฉินผิงอันกลับมาถึงบ้าน หน้าต่างทุกบานปิดสนิทมีเพียงประตูเท่านั้นที่เปิดไว้

เขาจึงคิดสงสัยว่าลูกทั้งสามคนอยู่บ้านหรือไม่…

แต่ลืมเฉินเฉิงเยี่ยไปเถอะ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริง ระหว่างทั้งสองยังมีช่องว่างอยู่มาก เช่นนี้เฉินผิงอันจึงไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย!

ส่วนนังเด็กขี้ครอก เขายังโกรธแค้นนางอยู่ที่ต้องเสียหน้าจากเรื่องราวในหมู่บ้านไม่กี่วันก่อน…

จู่ ๆ ภาพของเฉินเฉินก็ปรากฏขึ้นในศีรษะ แม้จะเสียใจที่เด็กน้อยเป็นคนขี้ขลาด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือลูกชายในไส้!

เฉินผิงอันเดินเข้ามาในห้องจึงเห็นว่าเฉินเฉินนอนหลับอยู่ เหมือนกับว่าเขากำลังฝันอะไรบางอย่างที่มีความสุขยิ่ง

“พี่สาว! ข้าอยากกินเนื้อ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉินผิงอันถึงกับตื่นตระหนก เด็กคนนี้เรียกนังขี้ครอกนั่นว่าพี่สาวงั้นเหรอ? อีกทั้งดูเหมือนจะสนิทกันมากด้วย…

แต่ยังไงซะเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเด็กคือผ้าขาวคงจะฝันสิ่งใดเรื่อยเปื่อย

“เฉินเอ๋อ! เฉินเอ๋อ!”

เฉินเฉินลืมตาขึ้นพร้อมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพ่อนั่งอยู่ตรงขอบเตียง

“พ่อ! กลับมาแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงสดใสของลูกชาย… เหตุใดวันนี้เด็กชายจึงได้ดูสดใส ร่าเริง ไม่ขี้กลัวแล้วล่ะ?

“เฉินเอ๋ออยากไปโรงเรียนเหมือนพี่ใหญ่หรือไม่?”

แววตาเด็กชายทอประกายเจิดจ้า แม้ว่าเขายังเด็กแต่ก็รู้ดีว่าพี่ชายคนโตคือนักปราญช์!

แน่นอนว่าเขาอยากไปโรงเรียน แต่ว่า…

เมื่อได้ยินพ่อกล่าวถาม เฉินเฉินจึงรีบพยักหน้าตอบรับอย่างลิงโลด

“ข้าอยากไป! ข้าอยากไปโรงเรียน ข้าอยากเก่งกาจเหมือนพี่ใหญ่”

แต่เมื่อได้กล่าวถึงพี่ใหญ่ของตน แววตาเด็กน้อยพลันเศร้าสร้อยนัก เขาชื่นชมอีกฝ่ายมากแต่เฉิงเยี่ยไม่เคยสนใจเขาเลยสักครั้ง

“ได้ พ่อจะส่งเจ้าไปเรียนหนังสือ หลังจากแม่กลับมาเดี๋ยวข้าจะคุยกับนาง”

เฉินเฉินกระโดดตัวโยน “ท่านพ่อใจดีที่สุด ข้าจะได้ไปเรียนหนังสือแล้ว!”

เสียงตะโกนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ดังกึกก้องไปทั่วบ้านจนกระทบหูของเฉินเฉิงเยี่ย

ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันมีความคิดที่จะส่งเด็กสกปรกนี่ไปโรงเรียนจริง ๆ!

ใบหน้าของเฉินเฉิงเยี่ยเต็มไปด้วยความคับข้องใจ แววตาดุร้ายปรากฏอยู่ในมุมมืด…

ส่วนเฉินเถียนเถียนเองก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่นางกลับเย้ยหยันอยู่ในใจอย่างเดาเหตุการณ์ออก

หากคิดส่งเด็กคนนี้ไปเรียน หลินชวนฮวาไม่มีทางยอมแน่ เพราะนางไม่เคยสนใจลูกชายคนเล็กแม้แต่น้อย!

หากเฉินผิงอันมีความสามารถที่จะตัดสินใจสักหน่อย มันก็น่าชื่นชมในฐานะพ่อของลูก แต่ยังไงซะหลินชวนฮวานั้นเห็นแก่ตัวและโง่เขลา ส่วนเฉินเฉิงเยี่ยก็คงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้โดยง่ายแน่!

เฉินเฉินกระโดดโลดเต้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดพร้อมเผยสีหน้ากังวลออกมา

“แล้วท่านแม่จะปฏิเสธหรือไม่?”

“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น… หากตระกูลเฉินของเรามีนักปราญช์ถึงสองคนก็นับว่ายอดเยี่ยม แม่ของเจ้าจะปล่อยโอกาสนี้หลุดไปได้อย่างไรกัน!”

เฉินผิงอันจับมือลูกชายแน่นอย่างให้สัญญา

ความอบอุ่นระหว่างพ่อและลูกดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น แต่ช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้จะคงอยู่ได้นานสักเท่าใด?

หลินชวนฮวากลับมาแล้ว

แม้นางจะเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปดูข่าวคราวให้ลูกชาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไปหาชายที่รักเช่นกัน…

เฉินเถียนเถียนยังคงอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอันแสนหวาน นางไม่รู้เลยมีคนเข้ามาในโรงเก็บไม้และจ้องมองนางเป็นเวลานาน!

หลินชวนฮวาสำรวจโรงเก็บไม้นี้อย่างระมัดระวังเพื่อค้นหาว่าเถียนเถียนเก็บซ่อนอาหารไว้บ้างหรือไม่ แต่หลังจากค้นอยู่นานแล้วไม่พบสิ่งใดจึงจากไปพร้อมกับฟืนเต็มอ้อมแขน

ปกติแล้วเถียนเถียนมักจะถูกเรียกใช้อยู่ตลอดเวลา นางจึงตื่นตัวเสมอ แต่วันนี้นางหลับสนิทจนอดไม่ได้ที่จะเคลือบแคลงใจ… อีกทั้งห้องนี้ยังไม่เหมาะแก่การนอนยิ่ง

เมื่อก่อนตอนที่เฉินผิงอันเรียกเฉินเอ๋อออกมารับประทานอาหาร หลินชวนฮวามักจะอ้างเสมอว่าเด็ก ๆ ควรนอนหลับให้นานเพื่อให้ตัวสูงขึ้น

ดังนั้นวันนี้เขาจึงไม่เรียกลูกชายออกมากินข้าวและเขาไม่รู้ว่าหลินชวนฮวากำลังทำอะไรอยู่จึงออกไปเล่นการพนันอย่างสบายใจ

ปีก่อน… เฉินผิงอันจะคอยดูแลพืชผักในทุ่งนา แต่ว่าหลังจากมีบ่อนมาเปิดในหมู่บ้าน เขาก็ไม่เคยเข้าไปดูทุ่งนาของตนอีกเลย

บ่อนที่นี่น่าสนใจมาก ไม่ว่าใครก็สามารถเดิมพันได้และไม่จำเป็นต้องใช้เงิน อีกทั้งยังไม่มีการเดิมพันใหญ่ ๆ ชาวบ้านจึงรู้สึกว่าเข้าถึงได้และชื่นชอบนัก

แม้ผู้เฒ่าในหมู่บ้านจะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปิดมัน…

เป็นเพราะผู้เป็นพ่อไม่สนใจ ดังนั้นเมื่อเฉินเอ๋อตื่นขึ้นเขาจึงไม่มีอาหารเช้ากิน!

วันนี้ก็เป็นดังเช่นเคย… หลินชวนฮวานั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง นางบอกกับเฉิงผิงอันว่าจะเข้าเมืองตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปตรวจสอบดูว่าผู้ใดสามารถรับเฉินเฉิงเยี่ยเป็นศิษย์ได้หรือไม่!

แม้จะสายแล้ว แต่นางก็ยังคงหวีผมอย่างแช่มช้า

เด็กน้อยตื่นมาพร้อมกับความหิวโหยจึงเดินไปหาผู้เป็นแม่อย่างระมัดระวัง เขาเอ่ยปากพูดอย่างอ้อนวอน “แม่… ข้าหิว”

หลินชวนฮวากลอกตาไปมาและไม่สนใจเขาอย่างสมบูรณ์

เฉินเฉินรู้สึกว่าอย่างไรซะเขาก็เป็นลูกชายของนาง เช่นนี้แม่คงจะไม่โหดร้ายกับเขานัก

เขาจึงก้าวไปด้านหน้าก่อนจะกระตุกแขนเสื้อของผู้เป็นแม่เบา ๆ “แม่ได้ยินหรือไม่… ข้าหิว”

แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ หลินชวนฮวาก็ทุบตีเด็กน้อยอย่างรุนแรง “ทุกวันนี้นอกจากหิวและหิว เจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง? ไปให้พ้นหน้าข้าซะ!”

เฉินเฉินตื่นตระหนกจนตัวสั่นและรีบถอยออกมา

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นท่าทางของเด็กน้อยก็ยกยิ้มด้วยความภูมิใจ นางเดินไปหาลูกชายพร้อมกับหยิกคางของเขาอย่างข่มขู่ แม้มันจะไม่ได้เจาะลงไปสุดแต่เขาย่อมเจ็บแน่!

“ตอนนี้พ่อของเจ้ากำลังกลายเป็นผีพนัน เขาต้องใช้เงินเพื่อเล่นไพ่ทุกวันแล้วข้าจะเอาเงินที่ไหนมาซื้ออาหารให้เจ้ากิน?!”

หลินชวนฮวาเผยสีหน้าเกลียดชังออกอย่างไม่ปกปิด แต่เฉินเฉินยังไม่เชื่อคำของผู้เป็นแม่เพราะเมื่อวานพ่อยังเรียกให้เขาออกมากินข้าวและยังมีเนื้อบนโต๊ะอาหารด้วย!

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่กล้าที่จะขัดขืนแม่ของตนจึงทำได้เพียงร้องไห้และวิ่งออกไป

หลินชวนฮวาไม่สนใจเด็กชายอีกต่อไป นางลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะไปรอเกวียนวัวมารับ

ยังไงซะหมู่บ้านนี้ก็มีเกวียนวัวรับส่งเพียงหนึ่งคันเท่านั้น นางจึงจำเป็นต้องขึ้นเกวียนไปพร้อมกับพรานป่าและหมูครึ่งตัว… กลิ่นหอมของมันโชยมาตามลมตลอดเวลา

แม้ว่าชายผู้นั้นเป็นคนที่นางเกลียด แต่เนื้อหมูก็ทำให้นางน้ำลายสอ!

“นี่! พี่หยุน… จะเอาหมูนี้ไปขายที่ตลาดหรือ?”

หยุนเคอเผยสีหน้าเย็นชาพร้อมไม่ตอบคำใดกลับ

แม้ว่าหลินชุนฮวาจะสังเกตเห็นความเย็นชาในตัวบุคคลนี้ แต่กลิ่นอันเย้ายวนของเนื้อค่อนข้างจูงใจนางมาก

“น้องหยุน เจ้าก็อายุมากแล้วและยังอาศัยอยู่ในถ้ำเพียงคนเดียว ไม่รู้เลยว่าเวลาทุกข์ยากใครจะอยู่เคียงข้าง ข้าอยากให้เจ้าแต่งงานกับลูกสาวของข้า แม้นางจะยังเด็ก… แต่ก็ได้รับการฝึกฝนจากข้ามาเป็นอย่างดีและนางยังสามารถมีลูกได้!”

หยุนเคอกลอกตาอย่างเหยียดหยาม หญิงผู้นี้ต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับใครก็ตามที่รับผิดชอบชีวิตของทั้งครอบครัวนี้ได้… นางเป็นแม่แบบไหนกัน?

“แม้ว่าสินสอดเจ้าสาวจะแพงไปหน่อย แต่นางก็เป็นผู้หญิงที่ดี! ถ้าเจ้าไม่แต่งงานกับนาง ข้าเกรงว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานและเข้าไปอยู่ในถ้ำกับเจ้าอีกแล้ว!”

หลินชวนฮวาได้แต่พร่ำบ่นในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อหยุนเคอไม่ตอบกลับแม้เพียงครึ่งคำ ส่วนหยุนเคอก็กำลังอดทนต่อตนเองอย่างมากที่จะไม่ถีบหญิงวัยกลางคนให้ตกเกวียน!

หากเชื่อเจ้า… หมูคงพูดได้แล้ว!

แน่นอนว่าคนที่นั่งเกวียนมาด้วยกันทั้งหมดคือคนของหมู่บ้านเทพธิดา หยุนเคอทนไม่ไหวจึงจำเป็นต้องเอ่ยปาก “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมบทเรียนที่ผ่านมาหมดสิ้นแล้วสินะแม่นางหลิน เจ้าต้องการถูกผู้เฒ่าลงโทษหรือไร? ลูกติดของเจ้าก็สมควรที่จะแต่งงาน แล้วเจ้าต้องการจะกินทรัพย์สมบัติไปนานแค่ไหน? นางก็ยอมเจ้าจนสุดทางแล้ว ไม่รู้สึกรักใคร่นางบ้างงั้นหรือ?”

คำพูดของหยุนเคอทำให้หลินชวนฮวารู้สึกหดหู่แต่ก็ไม่กล้าที่จะกล่าวคำใดตอบ

หลังจากถึงที่หมาย ทุกคนลงจากเกวียนและหยุนเคอสังเกตเห็นว่าหญิงคนนี้เดินเข้าไปในตรอกเดิมอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจอะไรจึงเดินเอาหมูป่าครึ่งตัวไปขายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

หลังจากที่ขายหมูเสร็จแล้วเขาซื้อไวน์ขวดเล็กก่อนจะเดินทางกลับไปที่ภูเขา

จู่ ๆ เขาก็พลันนึกถึงเด็กสาวตัวน้อย ‘เมื่อวานเถียนเถียนพยายามขนหมูอีกครึ่งตัวลงภูเขาอย่างยากลำบาก นางไม่ได้เอากลับไปที่บ้านงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงนั้นจะไม่รู้เรื่อง… แล้วนางเอาหมูไปซ่อนไว้ที่ใด? ยังไงซะนางก็เป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อยในหมู่บ้าน ทั้งยังไม่รู้วิธีเอาตัวรอดแต่เหตุใดจึงกระทำตัวลึกลับนัก?’

ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดที่หลินชวนฮวาเอ่ยปากอยากให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับเขาก็ยังดังลั่นอยู่ในหัว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หยุนเคอสะบัดศีรษะแรง ๆ พร้อมกับหยุดคิดทุกสิ่งทันที

ด้วยสถานะปัจจุบันของตัวเองเขาคงไม่สามารถดูแลใครได้ แม้แต่เด็กสาวตัวน้อยคนนั้นก็ตาม… เขาเกรงว่าจะทำให้นางเดือดร้อนเสียเปล่า

แต่ยังไงซะเมื่อเมล็ดพันธุ์บางอย่างหยั่งรากลึกลงในจิตใจ ท้ายที่สุดมันก็จะเติบโตแตกหน่อและกลายเป็นต้นไม้สูงตระหง่าน!

ตอนนี้เถียนเถียนหลับสนิทอยู่ในโรงเก็บไม้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าแม่เลี้ยงของตนพยายามขายนางให้กับหยุนเคอ!

แต่ว่าเวลาแห่งความสุขมักจะอยู่ไม่นาน…

เฉินเฉินวิ่งเข้ามาพร้อมกับน้ำตาอาบหน้า เขาใช้มือน้อยเขย่าตัวพี่สาวอย่างแรง

เมื่อวานเฉินเถียนเถียนทั้งเหนื่อยและเพลีย นางต้องการพักผ่อนยิ่ง เมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อยเข้ามาก่อกวนจึงอดไม่ได้ที่จะบ่น

“เหตุใดจึงส่งเสียงดังนัก? เจ้าจะไม่ให้ข้าหลับนอนเลยหรือ?”

เฉินเฉินร้องไห้พร้อมกับกุมท้องเอาไว้อย่างน่าสงสาร เถียนเถียนมองท่าทางของเด็กชายแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหลินชวนฮวาจะไม่ให้เขากินข้าวอีกแล้ว!

“อะไรกัน? แม่ของเจ้าไม่ได้ให้เจ้ากินอาหารอีกแล้วเหรอ?”

เฉินเฉินพยักหน้าพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

“พี่สาว! ข้าหิวมาก แต่แม่ไม่สนใจข้าเลย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป… ข้าต้องอดตายแน่!”

ในที่สุดเฉินเถียนเถียนก็ทนไม่ไหว นางสงสารเด็กชายจับใจจึงรีบลุกขึ้นและจูงมือเด็กน้อยไปที่ริมธาร อีกทั้งนางยังไม่ลืมที่จะนำหม้อต้มใบหนึ่งติดมือมาด้วย

ขอยืมใช้ก่อนเดี๋ยวตอนค่ำจะนำมาคืนแล้วกัน…

เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ว่าหมูป่าตัวนี้มีน้ำหนักไม่น้อย เถียนเถียนถูมือไปมาอย่างปลาบปลื้ม!

เพราะพื้นดินค่อนข้างลาดชัน ดังนั้นการจะเคลื่อนย้ายสัตว์จึงไม่ง่ายนัก เถียนเถียนพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อเพิ่มความคล่องตัว

หยุนเคอเห็นอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าท่าทางของนางช่างขบขันยิ่ง

ชายร่างใหญ่ยืนขึ้นพร้อมกับยกหมูป่าขึ้นบ่าด้วยมือเพียงข้างเดียวและเริ่มออกเดิน ท่าทางผ่อนคลายของเขาราวกับว่าหมูป่าเบาบางราวกับกระดาษหนึ่งแผ่น!

เถียนเถียนทั้งตื่นตระหนกและปลื้มปิติในคราวเดียว

ความแข็งแกร่งนั้นคืออะไรกัน? ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!

เขาเป็นกอริลล่ากลับชาติมาเกิดรึเปล่านะ… อีกทั้งยังใจดีด้วย!

เฉินเถียนเถียนอดไมได้ที่จะชื่นชมเขาขณะมองแผ่นหลังกว้าง

แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเถียนเถียนจะรอดพ้นสายตาของหยุนเคอได้อย่างไร?

แม้จะไม่รู้ถึงความคิดของนาง แต่เขาก็สังหรณ์ใจว่ามันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่…

ตอนนั้นเขาต้องการจะหยุดเดินเพื่อถามไถ่ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดเพราะเขาสับสนว่าเหตุใดจึงต้องสนใจนางด้วยเล่า?

ชายร่างใหญ่สลัดความคิดทั้งหมดทิ้งพร้อมกับมุ่งหน้าไปที่ถ้ำโดยไม่หันหลังกลับ!

ความเย็นชาของหยุนเคอไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย เถียนเถียนจึงเดินตามเขาไปและไม่ปริปากพูดคำใด

แต่ในป่ายามค่ำคืนนั้นเงียบสงัด และบางครั้งก็มีแมลงตัวเล็กตัวน้อยบินก่อกวน

เถียนเถียนรู้สึกเบื่อจึงคิดพูดคุยกับเสี่ยวเถา… “เสี่ยวเถา เจ้าขายอะไรบ้าง? แล้วหมูป่าของข้าสามารถขายในพื้นที่ของเจ้าได้ไหม?”

เสี่ยวเถาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “แน่นอน! ราคาของมันค่อนข้างสูงถึงห้าสิบหยวนต่อกิโลกรัม… นอกจากนี้เจ้ายังสามารถใช้มันเพื่อแลกกับอาหารมากมายที่เพียงพอสำหรับครึ่งเดือนได้”

“โอ้ ห้าสิบหยวนเลยงั้นหรือ? พวกเจ้าใช้เงินหยวนแลกเปลี่ยนหรือไร… ในยุคนี้เขามิได้ใช้เงินหยวนนี่ พวกเขาใช้เพียงแผ่นทองแดงเท่านั้น”

เสี่ยวเถาพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าคือพ่อบ้านที่แสนชาญฉลาด คำถามง่าย ๆ เช่นนี้ดูถูกสติปัญญาของข้าเกินไป ข้าจึงไม่คิดตอบ!”

“เฮ้อ… แน่นอนว่ามันย่อมใช้ได้ แผ่นทองแดงน่ะมีมูลค่าประมาณหกหยวน สองแผ่นก็ราวสิบสองหยวน… ตอนนี้เงินในบัญชีของเจ้าคือศูนย์ เจ้าควรจะไตร่ตรองให้ดีว่าควรทำสิ่งใด!”

เถียนเถียนถอนหายใจออกอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร แม้นางจะมีระบบที่ยอดเยี่ยม แต่นางก็ยังไม่สามารถใช้มันได้ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ใครกันที่มีเงินสำหรับแลกเปลี่ยนกับนาง… มันหาง่ายนักหรือ?

โชคดีที่นางได้พบกับหยุนเคอ มิฉะนั้นวิญญาณที่พลัดหลงมาเช่นนี้คงต้องอดตายเพราะความหิวโหย

เสี่ยวเถากล่าวออกด้วยถ้อยคำเย็นชา “อีกหนึ่งอย่างที่เจ้าต้องเข้าใจ ห้ามให้ผู้ใดรู้ถึงการมีอยู่ของข้าเด็ดขาด… ชายคนนั้นถึงกับสามารถจัดการหมูป่าได้ในพริบตา ไม่กลัวเขารู้งั้นหรือ? เบื้องหลังของเขาไม่ธรรมดา!”

หัวใจของเถียนเถียนสั่นไหวระริกระรี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เพราะอะไรหรือ? เขาเป็นใครกัน… จ้าวแห่งสมุทรหรือสวรรค์กันล่ะ?”

เสี่ยวเถาเริ่มไม่พอใจ “หืม? ช่วยคิดให้มากกว่านี้สักหน่อย ตอนนี้ตัวตนของเจ้ายังไม่สามารถสั่งข้าได้ เช่นนี้ข้าจึงไม่จำเป็นต้องตอบ!”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะชูนิ้วกลางใส่เสี่ยวเถา!

หลังจากเดินมาสักพักใหญ่ ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าถ้ำ

หยุนเคอหยิบมีดออกมาและเริ่มกรีดลงบนผิวหนังของมัน ลึกลงไปจนถึงเนื้อด้านใน… จนในที่สุดก็ถึงช่วงท้อง ทำให้เครื่องในของมันทั้งหมดแตกโพล๊ะออกมาทันที

มันคือทักษะที่คนขายเนื้อชำนาญ แต่นางกลับค้นพบว่าเขาก็มีทักษะนี้เช่นกัน

หลังจากถลกหนังมันเสร็จสิ้น ต้องใช้เวลาอีกสักครู่ใหญ่เพื่อจัดการกับส่วนทั้งหมด แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบใบหน้าเคร่งขรึม หนวดเครารุงรังเต็มไปด้วยเลือดของสัตว์ป่ายิ่งทำให้ดูดุร้ายมากขึ้น

ดวงตาของเถียนเถียนเบิกกว้างพร้อมร้องถาม “เสร็จแล้วงั้นหรือ?”

หยุนเคอชี้ไปที่เนื้อหมูบนพื้นพร้อมกล่าวเชิญชวน “เจ้าเลือกเลย!”

หยุนเคอจัดการเนื้อหมูป่าอย่างดีทั้งสองชิ้นจึงมีขนาดเท่ากันทุกประการ… เช่นนี้เถียนเถียนจึงหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้นโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก

ส่วนกองหนังหมูอีกฝั่งเป็นส่วนของเสีย กลิ่นเครื่องในของมันส่งกลิ่นแปลก ๆ โชยไปทั่ว

หนังหมูพวกนี้อาจจะเก็บไว้ได้ แต่เครื่องในของมัน…

“เจ้าจะทำอะไรกับสิ่งเหล่านี้?”

หยุนเคอมองหนังหมูก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าสามารถเก็บมันไว้ได้ ส่วนเครื่องในทั้งหมดย่อมทิ้งไป เจ้าต้องการสิ่งใดหรือไม่?”

แววตาของเถียนเถียนทอประกายเจิดจ้าพร้อมรีบร้อนกล่าวตอบ “เช่นนั้นเอาเครื่องในพวกนั้นให้ข้าเถิด!”

“เพื่ออะไร? มันกินไม่ได้!”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเถียนเถียนรีบร้องตอบ “เจ้าไม่รู้หรือไรว่ารสชาติของมันยอดเยี่ยมมากหากได้รับการปรุงอย่างถูกต้อง… เมื่อปรุงเสร็จข้าจะลองเอามาให้เจ้าชิมดูว่าเป็นอย่างไร… เช่นนี้ดีไหม?”

หยุนเคอยังไม่ยอมแพ้ “หากเจ้านำพวกมันกลับไป มันก็จะเป็นเพียงของเน่าเสีย! มันไม่สามารถกินได้”

เถียนเถียนตอบกลับอย่างมั่นใจ “แล้วเหตุใดข้าจึงเก็บมันไม่ได้? หากหลินชวนฮวาต้องการเยื้อแย่งเนื้อของข้า แน่นอนว่านางต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

ดวงตาคู่นั้นฉายแววดื้อรั้น หยุนเคอเห็นอย่างนั้นจึงต้องยอมใจอ่อนก่อนจะชี้นิ้วออกไปด้านนอก “เสร็จสิ้นแล้ว กลับไปซะ”

เหมือนกับว่าเจ้าคนป่านี้จะอารมณ์เสียอีกแล้ว!

เฉินเถียนเถียนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะไม่พอใจเขายิ่ง

แต่หยุนเคอเพิกเฉยต่อนางโดยสมบูรณ์ก่อนจะเริ่มหยิบเอาเนื้อและหนังหมูออกไปทันที

เถียนเถียนกล่าวคำลาอย่างประหม่า “งั้นคืนนี้ข้ากลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาอีกครั้ง”

หยุนเคอไม่ได้ตอบอะไรกลับ เขาเดินตรงไปยังริมธารโดยมีแสงจันทร์ช่วยนำทาง ชายร่างใหญ่ล้างมือและดับกองไฟอย่างชำนาญ

เถียนเถียนยังเด็ก อีกทั้งยังมีร่างกายซูบผอม ตอนที่ยังอยู่ในบ้าน นางต้องทำงานหนักยิ่งดังนั้นอาหารสักสิบมื้อก็คงไม่เพียงพอ!

เด็กสาวเลียนแบบท่าทางของหยุนเคอด้วยการแบกเนื้อหมูไว้บนบ่าก่อนจะเดินลงจากภูเขาไป

หยุนเคอไม่ได้ใส่ใจท่าทางนั้นก่อนจะเห็นว่านางเดินลับสายตาหายไปในความมืดแล้ว

รุ่งสาง… เถียนเถียนเอาเนื้อหมูไปล้างในลำธาร

เป็นเพราะไม่มีแป้ง นางจึงแอบย่องเข้าไปในบ้านและหยิบขี้เถ้าออกมาจากเตาไฟ

จากนั้นนางจึงเริ่มล้างเครื่องในหมูอย่างระมัดระวัง

เมื่อฟ้าสาง ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยพอดี นางนำสิ่งเหล่านี้ไปเก็บไว้ในที่เก็บของของตนก่อนจะเดินกลับไปที่โรงเก็บไม้เพียงลำพัง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะตอนนี้ยังไม่มีใครตื่น…

ไม่นานหลังจากนางผล็อยหลับไป หลินชวนฮวาก็ตื่นขึ้นมา

เมื่อคืนนางสร้างความไม่พอใจให้กับเฉินผิงอัน วันนี้นางจึงต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าครัวทำอาหาร…

แต่ฟืนในครัวถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว หลินชวนฮวาเหลือบมองโรงไม้ด้วยความรังเกียจก่อนจะเดินเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก

เด็กสาวตัวน้อยนอนอยู่ในนั้น นางหันหลังให้ประตูและกำลังหลับสนิท

ความรู้สึกประหลาดใจถาโถมขึ้นทันที หลินชวนฮวารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้เล่า?

แต่เฉินเฉิงเยี่ยหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ยินผู้เป็นแม่กล่าวคำ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาสั่ง!

“หมดเรื่องแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน! ข้าเรียนและอ่านหนังสือทั้งวันเหน็ดเหนื่อยยิ่ง มันดึกมากแล้ว รีบออกไปสักที!”

หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ หากไม่ใช่เพราะนางคงมีหลายคนในเมืองที่พร้อมรับเขาเป็นศิษย์ แต่เพราะปัญหาที่นางก่อขึ้นทุกอย่างจึงพังทลายลง เมื่อไตร่ตรองสักครู่นางจึงตัดสินใจว่าวันถัดไปจะมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อค้นหาคนที่จะรับลูกชายเป็นศิษย์… ต่อให้ต้องใช้เงินทองมากมายเท่าไหร่นางก็ยอม!

เมื่อเห็นลูกชายโกรธจัดนางจึงรีบกระวีกระวาดออกจากห้องและย่องเบาเข้าห้องตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเถียนเถียนย่องออกจากโรงเก็บไม้และมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาเทพธิดา

ข้างริมธารคือสถานที่นัดหมาย เฉินเถียนเถียนมองเห็นกองไฟอยู่ไม่ไกลนัก ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังเช่นเคย

เมื่อเข้าไปไกลนางก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังย่างไก่ป่าอยู่ กลิ่นหอมของมันฟุ้งกระจายไปทั่ว… เฉินเถียนเถียนลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหิวจากสีหน้าได้

“หยุนเคอ… ขอโทษที่ข้ามาช้า เป็นเพราะต้องรอให้พวกเขาหลับก่อนจึงจะแอบออกมาได้”

หยุนเคอไม่ได้ตอบคำใดกลับเพียงยกไก่ที่ถูกย่างไว้ขึ้นจากกองไฟและวางลงบนใบไม้ เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมาหั่นไก่ตรงหน้า

เสร็จสิ้นแล้วเขายกไก่ป่าครึ่งหนึ่งให้กับเฉินเถียนเถียน… แต่เด็กสาวกลับงุนงงต่อการกระทำนั้น นางตกตะลึงอยู่นานก่อนจะคิดได้ว่าเขามอบมันให้นาง เช่นนี้จึงรีบเอื้อมมือคว้าไว้โดยเร็ว

หยุนเคอยังคงไม่กล่าวคำใด เขาหยิบไก่อีกครึ่งขึ้นมาและเริ่มรับประทานอย่างช้า ๆ

ใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย ซึ่งเป็นสิ่งที่เถียนเถียนไม่สามารถคาดเดาได้ นางจึงนั่งเงียบไม่พูดอะไรอีก…

ทั้งสองคนนั่งกินไก่ป่าด้วยกันจนหมดสิ้นเหลือเพียงกระดูกที่สะอาดเอี่ยม

เฉินเถียนเถียนจึงลุกขึ้นก่อนจะกล่าวคำ “วันนี้เจ้าสอนข้าล่าสัตว์ ส่วนข้าก็จะสอนวิธีแกะรอยสัตว์ป่าทุกชนิด… เมื่อก่อนข้าเชี่ยวชาญการแกะรอยยิ้มแต่ว่าไม่มีความสามารถในการจับ หากเราร่วมมือกัน ผลลัพธ์จะต้องยอดเยี่ยมโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่ง!”

ใบหน้าเย็นชาของหยุนเคอพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก่อนเขาจะกล่าวตอบ “เริ่มกันเลย…”

นี่คือคำแรกที่เขากล่าวออกมาในคืนนี้!

เถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองดูแสงจันทร์พร้อมกับทอดสายตาไปรอบ ๆ นางเริ่มแกะรอยเท้าสัตว์บนพื้นอย่างรอบคอบ จนในที่สุดก็พบร่องรอยของกระต่ายป่า

หยุนเคอไม่พูดพร่ำคำใด เขาหยิบคันธนูออกมาและยิงออกไปทันที! เพียงแค่การยิงธนูดอกเดียวสามารถปลิดชีพกระต่ายป่าได้ทันที…

เฉินเถียนเถียนหยิบยกร่างกระต่ายป่าขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินไปข้างหน้าเพื่อทำงานต่อ

เป็นเพราะนี่คือกลางคืน ความมืดจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการแกะรอยไม่น้อย

ไม่นานนักเถียนเถียนได้กลิ่นเหม็นโชยมาตามลม แม้นางจะไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็พอเดาได้ว่านั่นคือมูลสัตว์!

หลังจากเดินตามกลิ่นไปก็พบกองอุจจาระขนาดใหญ่… มันคือสัตว์ใหญ่!

“หยุนเคอ… ถ้าเราพบหมูป่า เจ้าจะสามารถจัดการมันได้หรือไม่?”

เถียนเถียนกล่าวถามอย่างคาดหวังแต่ดูเหมือนหยุนเคอจะรำคาญนางไม่น้อยกับคำถามเหยียดหยามเช่นนี้

‘บัดซบ! นายพรานผู้เก่งกาจสามารถเหาะเหินได้เช่นข้าหากไม่สามารถสังหารหมูป่าได้ แล้วข้าจะมีชีวิตรอดในโลกนี้ได้อย่างไร?’

เถียนเถียนตามกลิ่นนั้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดได้ยินเสียงดังขึ้นในความมืดตรงหน้า ทันใดนั้นเองหยุนเคอดึงนางไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

แม้เถียนเถียนจะรู้สึกตัวช้ากว่าแต่นางก็รับรู้ได้ถึงอันตราย

ตอนนั้นเองหมูป่าตาแดงพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เหมือนว่าน้ำหนักของมันราวหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้!

เขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากของมันเรืองรองภายใต้แสงจันทรา…

ด้วยความตื่นตระหนกเถียนเถียนจึงปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร่งรีบ

“ข้าหามันจนพบแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะจัดการมันได้หรือไม่! ข้าจะรออยู่ตรงนี้นะ…”

หยุนเคอเพียงยกยิ้มจางก่อนจะมองเถียนเถียนผู้กำลังพยายามปีนต้นไม้อย่างเงอะงะ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะก่อนจะอุ้มนางขึ้นและทะยานสู่ด้านบน ชายร่างใหญ่วางเด็กสาวไว้บนกิ่งไม้ก่อนจะกระโดดลงมาสู้กับหมูป่าต่อ

หมูป่าพุ่งเข้าหาหยุนเคออย่างเกรี้ยวกราด

หยุนเคอไม่ได้ใช้ธนู เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมา

หมูป่าพุ่งเข้ามาอย่างไม่หวาดหวั่น ส่วนหยุนเคอเพียงย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี

จากนั้นเขายื่นกริชในมือออกไปอย่างรวดเร็ว บาดแผลยาวลึกถูกฝากไว้บนลำคอของหมูป่า เลือดไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก

ยิ่งมันบาดเจ็บมากเท่าไหร่ ความคลั่งยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มันเอี้ยวตัวกลับพร้อมพุ่งทะยานเข้าหาหยุนเคออีกครั้ง

หยุนเคอกระโดดพร้อมใช้ขายาวของตัวเองรัดลำคอของมันเอาไว้ก่อนจะเงื้อมกริชขึ้นสูงและแทงตัดขั้วหัวใจของมันอย่างรุนแรง!

หมูป่าล้มลงและแน่นิ่งไปโดยไม่ทันได้กรีดร้อง

เถียนเถียนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นางตื่นตระหนกไม่น้อยกับฉากน่าตื่นตา เด็กสาวต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อตั้งสติก่อนจะร้องตะโกนออก “หยุนเคอ… พาข้าลงไปหน่อย!”

หยุนเคอได้ยินดังนั้นจึงนึกได้ว่านางอยู่บนต้นไม้ เขาจึงกระโดดขึ้นไปอุ้มนางกลับลงมาพื้น

เพราะเถียนเถียนคือตำรวจเก่า แม้ว่าจะเป็นคนตายนางก็ไม่คิดหวาดกลัว แต่ตอนนี้สิ่งที่ตายตกเป็นเพียงหมูป่าตัวหนึ่งเท่านั้

อีกทั้งเถียนเถียนเบื่อหน่ายกับความหิวโหยในโลกใบนี้ยิ่งนัก หมูป่าตัวใหญ่ตรงหน้านี้ไม่มีความสามารถใดจะทำให้นางสงสารได้แม้แต่น้อย ในสายตาของนางมันก็เพียงหมูหันที่แสนอร่อยเท่านั้น…

‘นางเพิ่งจะกินไก่ป่าไปครึ่งตัวมิใช่หรือ?’

หยุนเคอมองเด็กสาวที่เผยแววตาหิวโหยใส่หมูป่าที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดหลัว…

“หยุนเคอ… เจ้าจะแบ่งหมูป่านี้อย่างไร มันคือสิ่งที่เราสองคนร่วมกันหา เจ้าแบ่งให้ข้าเพิ่มขึ้นอีกสักนิดได้หรือไม่? แต่ข้าไม่ได้ต้องการมากมายนัก ขอแค่สองมื้อก็พอ!”

หยุนเคอเงียบพร้อมครุ่นคิด ‘นางสามารถแกะรอยสัตว์ป่าได้… ค่อนข้างเก่งพอสมควร แต่นางยังไม่สามารถล่าสัตว์ได้ หากร่วมมือกับนาง… ข้าก็จะมีเงินสร้างบ้านในเร็ววัน!’

“ข้าให้ครึ่งหนึ่ง!”

“โอ้?”

คำกล่าวตอบถึงกับทำให้เถียนเถียนตกตะลึง

การจัดการกับหมูป่าตัวนี้ต้องใช้ทักษะมากมาย แม้ว่านางจะเป็นคนแกะรอยก็จริง แต่หากไม่มีหยุนเคอ… อย่าว่าแต่การสังหารหมูป่าเลย เพียงรักษาชีวิตตัวเองไว้ก็คงทำไม่ได้!

หยุนเคอพยายามใช้มีดหั่นเนื้อของหมูป่าเพื่อผ่าครึ่ง เถียนเถียนที่มองอยู่ก็เผยแววตาที่แปลกไป… เขาไม่ใช่คนตระหนี่สักหน่อย!

“ขอบคุณแล้ว!”

ในตอนนั้นเองหยุนเคอจึงเงยหน้าขึ้นมองเถียนเถียนด้วยแววตาประหลาด แต่นางกลับไม่เข้าใจจึงเอ่ยถาม “มีอะไรงั้นหรือ?”

หยุนเคอไม่ได้ตอบกลับพร้อมทรุดตัวนั่งลงก่อนจะกล่าวถาม “แล้วเจ้าจะแบกหมูป่าครึ่งหนึ่งกลับไปยังไง?”

เถียนเถียนได้ยินอย่างนั้นก็พลันปวดร้าว นางรีบคิดหาวิธีเพื่อจะได้รับหมูป่าอีกครึ่ง…

เมื่อคิดได้นางรีบร้องบอก “เดี๋ยวก่อน! ย้ายหมูป่าตัวนี้กลับไปที่ถ้ำกันเถอะ หลังจากผ่าครึ่งแล้ว… ข้ามีวิธีจัดการกับมัน!”

หยุนเคอพยักหน้ารับ แม้ในใจจะอยากรู้อยากเห็นแต่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ…

จู่ ๆ เฉินผิงอันก็เริ่มคิดได้ว่าคนในหมู่บ้านกล่าวถูกต้องทั้งหมด เฉินเฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ แต่เขากลับเลี้ยงดูอีกฝ่ายอย่างดี ชายหนุ่มผู้นี้ทั้งเย่อหยิ่ง ทะนงตนและเห็นแก่ตัวยิ่ง!

แต่ลูกชายคนเล็ก… เฉินเฉินเป็นลูกชายของเขาแท้ ๆ!

หากในอนาคตเขาส่งเด็กชายคนนี้เข้าโรงเรียน แล้วเฉินเฉินจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้หรือไม่? แล้วถ้าหากเด็กชายได้ดีแล้วจะปฏิเสธที่จะเลี้ยงดูพ่อแท้ ๆ ของตนหรือเปล่า…

ขณะที่เฉินผิงอันใช้ผ้าเช็ดเท้า เขากล่าวคำออกอย่างเรียบง่าย “ชวนฮวา… ตอนนี้เฉินเอ๋ออายุเจ็ดขวบแล้ว ตอนนี้มีแค่เฉิงเยี่ยที่อ่านหนังสือออก ข้าจึงอยากส่งเฉินเอ๋อไปเรียนหนังสือด้วย!”

คำพูดเหล่านั้นทำให้หลินชวนฮวาตกตะลึง นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฉิงผิงอันจะมีความคิดเช่นนี้

นางจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “สามี… การเล่าเรียนต้องใช้เงินมากโข เงินที่มีทั้งหมดเราลงทุนซื้อที่ดินไปแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ครอบครัวเราจะสามารถดูแลนักปราชญ์พร้อมกันสองคนได้!”

เฉิงผิงอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “เฉิงเยี่ยไม่ใช่ลูกในไส้ของข้า แต่ข้าก็ยังส่งเขาไปเรียนได้ แล้วข้าต้องอดทนเพื่อให้บุตรชายของข้าอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้อย่างนั้นหรือ? นอกจากนี้แม่นางหยุนยังทิ้งทรัพย์สินต่าง ๆ ไว้มากมาย แม้เราจะใช้บางส่วนซื้อที่ดินไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกมาก! ข้าคิดว่าจะเอาทรัพย์สมบัติพวกนั้นไปแลกกับเงินเพื่อส่งเสียให้เฉินเอ๋อเล่าเรียน…”

ในตอนนี้เองที่หลินชวนฮวาเริ่มไม่พอใจ

ในหัวนางคิดอยู่อย่างเดียวคือ… ห้ามให้เฉินผิงอันรู้ว่าปิ่นปักผมอันนั้นอยู่ที่ไหน!

หากว่าต้องส่งเด็กชายคนนั้นไปเรียนหนังสือ ก็ย่อมต้องคืนปิ่นปักผมให้เขา… เช่นนั้นแล้วนางจะไปหาปิ่นปักผมที่ล้ำค่าเช่นนี้ได้จากที่ใดอีกเล่า?

หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้า นางจับแขนของเฉินผิงอันอย่างแผ่วเบาพร้อมกล่าวต่อ “สามี… แต่ท่านมอบปิ่นปักผมนั้นให้ข้าแล้วมิใช่หรือ?”

เฉิงผิงอันกุมมือนางไว้แน่นก่อนจะกล่าวปลอบ “นั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดซึ่งข้ามอบมันให้เจ้า แต่เฉินเอ๋อคือลูกชายของเรา ข้าอยากให้เขามีอนาคตที่สดใด… ส่วนเจ้ายังสามารถหาปิ่นปักผมอันใหม่ได้”

หลินชวนฮวาเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘ข้าก็เป็นคนโง่เขลาเช่นเจ้า แล้วเราจะสามารถให้กำเนิดบุตรชายที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไร?’

นอกจากนี้ แม้ว่าเด็กชายจะฉลาดปราดเปรื่อง แต่ด้วยนิสัยขี้ขลาดตาขาวเช่นนั้น… ความฉลาดจะมีประโยชน์อะไรเล่า?

เขาไม่มีวันกลายเป็นนักปราชญ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างเฉิงเยี่ยได้!

ประการแรก… การบ้านของเฉิงเยี่ยได้รับการชื่นชมจากอาจารย์ อีกทั้งพ่อของเขาไม่ใช่ชายบ้านนอกเช่นเฉิงผิงอัน!

นอกจากนี้นางก็อายุไม่น้อยแล้ว กว่าเฉินเอ๋อจะมีอนาคตสดใสคงใช้เวลาหลายปี นางจึงไม่ต้องการที่จะทำงานหนักยาวนานขนาดนั้น

แต่เฉิงผิงอันตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเฉิงเยี่ยคงจะมีทางออกว่าควรจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี

‘เฉิงเยี่ยฉลาดหลักแหลมยิ่ง เขาต้องหาทางออกให้ข้าได้แน่!’

หลินชวนฮวาคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบ

ในความคิดของเฉินผิงอันแล้ว หลินชวนฮวาเป็นหญิงอ่อนโยนและอ่อนแอ นางปฏิบัติกับสามีราวกับเทวดา… เช่นนี้จึงทำให้เขารู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ขัดขืนอะไรนัก จึงคิดว่าทุกสิ่งคงราบรื่น

เมื่อคิดอย่างนี้แล้วเฉินผิงอันจึงผล็อยหลับไป…

หลังจากเสียงกรนดังขึ้น หลินชวนฮวาจึงแน่ใจว่าเขาหลับสนิทแล้ว นางจึงย่องออกจากห้องและเข้าไปในห้องของเฉิงเยี่ย!

“เฉิงเยี่ยอย่าเพิ่งนอน แม่มีเรื่องต้องคุยกับเจ้าเดี๋ยวนี้”

เฉินเฉิงเยี่ยลืมตาขึ้นด้วยความเกียจคร้าน เมื่อเห็นว่าเป็นแม่จึงตะคอกกลับด้วยความเกรี้ยวกราด “พรุ่งนี้ค่อยคุยไม่ได้หรือไร?”

แต่หลินชวนฮวารีบกล่าวอย่างกระตือรือร้น “เป็นเรื่องสำคัญ… รอไม่ได้แล้ว!”

“ลูกรู้ไหมว่าวันนี้เฉินผิงอันกล่าวสิ่งใด… เขาบอกว่าจะส่งเด็กน้อยนั่นไปโรงเรียน เช่นนี้มันจะทำให้เจ้าต้องลำบากมากขึ้น นอกจากนี้เขายังต้องการปิ่นปักผมที่เมียเก่าทิ้งเอาไว้ด้วย ซึ่งมันไม่ได้อยู่กับแม่แล้ว… สถานการณ์ของครอบครัวไม่สามารถส่งเสียบุตรชายถึงสองคนได้ ดังนั้นเราต้องเอาความคิดบ้า ๆ นี้ออกจากหัวของเขาให้ได้!”

หลังจากที่เฉิงเยี่ยได้ยิน เขาลืมตาพร้อมกับลุกขึ้นนั่งด้วยความเร่งรีบ “ไอ้โง่นั่นคิดจะส่งลูกชายไปโรงเรียนงั้นหรือ? นี่เป็นฝีมือของนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นหรือไม่?”

แม้หลินชวนฮวาจะไม่เข้าใจว่าลูกชายกล่าวถึงใคร แต่นางก็คิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องกำจัดความคิดนั้นออกจากศีรษะของสามีโดยเร็วที่สุด

“เฉิงเยี่ยเป็นคนฉลาด ช่วยแม่คิดหาวิธีด้วยเถิด”

เฉิงเฉิงเยี่ยเผยสีหน้าไม่พอใจนักพร้อมกล่าวต่อ “เมื่อครู่แม่บอกว่าต้องมอบปิ่นปักผมให้เขาไปงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นแม่คงต้องไปอธิบายเรื่องนี้กับเฉิงผิงอันด้วยตัวเองแล้ว ไม่ต้องรอให้ข้าสามารถเป็นขุนนางได้หรอก เพราะข้าไม่ต้องการให้ใครพูดว่าข้ามีพ่อเป็นคนขี้คุก!”

“แต่เขาเป็นพ่อเจ้า! แม้ในอนาคตเจ้าจะไม่เลี้ยงดูเขาก็ย่อมได้ แต่ตอนนี้เขากำลังลำบาก เจ้าจะไม่ช่วยเขาได้อย่างไร?”

เฉินเฉิงเยี่ยผลักผู้เป็นแม่ออกอย่างรุนแรงก่อนจะตะหวาดกลับ “แม่ไปช่วยเขาเอง ตอนนี้เขาได้รับจากเราไปมากมายแล้วไม่ใช่หรือ? อีกทั้งข้าก็เปลี่ยนนามสกุลแล้ว ทั้งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ… ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะแม่ไม่อยากเป็นหม้ายเท่านั้น!”

หลินชวนฮวากล่าวออกพร้อมน้ำตา “เหตุใดจึงคิดว่าข้าไม่อยากเป็นหม้าย? เจ้าไม่รู้หรือไรว่าพ่อของเจ้าก่ออาชญากรรมร้ายแรง! ข้าจึงต้องยอมเป็นหม้ายเพื่อให้เจ้ามีอนาคตที่สดใส หากไม่ทำเช่นนี้เจ้าจะได้เรียนหนังสืองั้นหรือ? เราควรขอบคุณไอ้โง่เฉินผิงอันที่เชื่อถือคำโกหกเหล่านั้นด้วยซ้ำ!”

“หากแม่คิดทำเพื่อข้าจริง เหตุใดจึงไม่อดทนให้ตลอดรอดฝั่งเล่า? ให้ข้าเดา… เมื่อสามวันก่อนแม่ไปหามันมาใช่หรือไม่? หากทำเพื่อข้าจริงโปรดตัดขาดกับเขาเสีย!”

“วันข้างหน้าข้าจะไม่เพียงถูกตราหน้าว่ามีพ่อขี้คุก แต่ยังมีแม่เป็นหญิงที่แหกประเพณีตามวิถีของสตรี! แม่คิดถึงข้าบ้างหรือไม่? เอาล่ะสำหรับเฉินเอ๋อ แม่จงบอกกล่าวกับเขาว่าไม่ต้องเสียเงินมากมายหรอก ข้าจะสอนหนังสือเขาเอง!”

แต่หลินชวนฮวาโต้เถียงอย่างไม่พอใจ “จะให้เด็กนั่นถ่วงเวลาเจ้าได้อย่างไร? เวลาของเจ้ามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเพราะมัน!”

“ข้ารู้ว่ามีเวลาไม่มาก แต่หลังจากสอนไปสักพักหนึ่ง… ข้าจะบอกกับเฉินผิงอันว่าเด็กคนนี้โง่เขลาและไม่สมควรที่จะเรียน เขาคงไม่อยากจะให้ข้าเสียเวลาเพื่อสอนเด็กหัวช้าหรอกมั้ง!?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินชวนฮวาจึงรู้สึกผ่อนคลายก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“อ้อ! เดี๋ยวข้าจะทำปิ่นปักผมปลอมเพื่อทดแทนอันเก่า เจ้าโง่นั่นไม่มีทางดูออก! ความจะไม่แตกถ้าแม่ไม่เอามันไปขาย…”

เฉินเฉิงเยี่ยมองใบหน้าชั่วร้ายของผู้เป็นแม่ก่อนจะตะคอกอย่างรำคาญ “ข้าแก้ปัญหาให้แล้ว แม่ก็กลับออกไปสักที พรุ่งนี้ข้าไม่อยากจะตื่นมาพร้อมกับความวุ่นวายเดี๋ยวสมองจะไม่ปลอดโปร่ง ข้าต้องการพักผ่อน มีหนังสืออีกมากที่ข้าต้องอ่าน!”

หลินชวนฮวากล่าวออกอย่างห่วงใย “แน่นอนว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ดี แต่เจ้าจะหมกตัวอยู่ในห้องเช่นนี้คงไม่ดีนัก ออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกบ้างเถิดลูก…”

เฉินเฉินหมกตัวอยู่แต่ในห้อง

แม้เขายังเด็กแต่ก็รับรู้ได้ว่าในครอบครัวมีเพียงพ่อเท่านั้นที่รักและหวังดี ส่วนแม่และพี่ชายกลับเกลียดชังเขาเข้าไส้!

แต่ตอนนี้… ดูเหมือนจะมีพี่สาวอีกคนที่รักเขา…

แม้พี่สาวจะไม่ค่อยอ่อนโยนกับตัวเขามากนัก แต่นางก็ห่วงใยเขาด้วยใจจริง ถึงจะดุไปหน่อยก็ตาม…

ด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจเหล่านี้ทำให้เฉินเฉินผล็อยหลับไปในห้องเล็ก ๆ ของเขา

ทั้งเฉินเฉิงเยี่ยและเฉินเฉินต่างรู้ดีว่าคงไม่มีใครในบ้านที่จะเตรียมอาหารรอพวกเขา ดังนั้นทั้งสองจึงซ่อนตัวอยู่ในห้องและไม่ยอมออกมาพบเจอใคร

เฉินเฉิงเยี่ยยังคงรู้สึกหิวอยู่บ้างหลังจากรับประทานมื้อเช้าไปแล้ว แต่เขาขี้เกียจเกินกว่าจะลุกออกไปข้างนอก

หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนที่หลินชวนฮวามาพบคือเฉียฮุย!

จากการได้พบเจอชายที่ปรารถนาจะพบมาโดยตลอดทำให้นางมีความสุขมาก แม้กระทั่งขณะเดินทางกลับบ้าน นางยังคงหน้าแดงจากความเขินอายราวกับหญิงสาวมีรักครั้งแรก

อย่างไรก็ตามอารมณ์สุนทรีของนางหมดลงทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้าน

ตั้งแต่เฉินเถียนเถียนหยุดรับใช้บ้านหลังนี้ ก็ไม่มีใครทำความสะอาดลานหน้าบ้านเลย ส่วนหลินชวนฮวาเองก็เพิกเฉยต่อสิ่งนี้ และนางก็ไม่คิดที่จะทำมันแต่อย่างใดจึงเดินออกจากบ้านไปด้วยความสบายใจ

แต่ตอนนี้นางกลัวว่าหากเฉินผิงอันกลับมาเห็นความเละเทะของลานหน้าบ้านก็อาจโทษว่าเป็นเพราะนางไม่ยอมทำความสะอาด ทั้ง ๆ ที่นางพยายามแสร้งว่าเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีมาโดยตลอด!

หลินชวนฮวากลัวว่าความลับนี้จะถูกเปิดเผยจึงเริ่มทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว แต่เพราะนางไม่ได้ทำงานบ้านมาเป็นเวลาหลายปี เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนางอีกต่อไป

เพื่อที่จะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้เสร็จก่อนที่เฉินผิงอันจะกลับ นางจึงทำได้เพียงกองสิ่งสกปรกหรือเศษใบไม้ต่าง ๆ ทั้งหมดไว้ในมุมมุมหนึ่ง เพื่อให้พื้นที่ที่เหลือดูสะอาดมากขึ้น… ส่วนมื้อเย็นก็ยังไม่ได้ตระเตรียม!

เฉินผิงอันกลับบ้านมาด้วยความอารมณ์ดี เขาได้รับเงินมากมายจากการเล่นไพ่และซื้อเนื้อจากทางเข้าหมู่บ้านติดมือมาด้วย

เมื่อกลับบ้านและเห็นว่าภรรยาของตนแต่งตัวสวย เขาก็ยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นกว่าเดิม

แต่ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปกอด อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยปากถาม

“สามี… เหตุใดจึงมีเนื้อกลับมาด้วย… ชนะพนันอย่างนั้นหรือ?”

ดูเหมือนเฉินผิงอันจะคิดว่าการชนะพนันเป็นเรื่องน่าชื่นชม เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวออกอย่างยินดี “ใช่แล้ว สามีของเจ้ามีทักษะอันยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ?”

หลินชวนฮวาพยายามปิดบังความเกลียดชังไว้ในใจก่อนจะยิ้มอย่างประจบสอพลอพร้อมกับคว้าถุงเนื้อในมือของเขามาไว้กับตนอย่างรวดเร็ว

“ไปเดินเล่นด้านนอกมาทั้งวันคงจะหิวน่าดู อย่างนั้นข้าจะรีบไปทำอาหารให้เดี๋ยวนี้!”

เฉินผิงอันยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่หลินชวนฮวาจะจากไป เขาก็เอื้อมมือไปแตะก้นนางเบา ๆ อย่างหยอกล้อ

เพื่อเป็นการประหยัดอาหารไว้ให้ลูกชายคนโต หลินชวนฮวาพยายามอย่างหนักเพื่อหั่นเนื้อให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะปรุงอาหาร นางใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อที่บางเฉียบดูฉ่ำและน่ารับประทาน!

หลังจากอาหารวางลงบนโต๊ะ เฉินผิงอันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าทำอาหารเก่งขึ้นมาก ต่อจากนี้… หากนางเด็กขี้ครอกนั่นไม่ทำก็ไม่เป็นไร! ต่อให้นางไม่ทำ เจ้าก็ทำได้ ไม่ต้องให้นางกินอะไรในบ้านเราเลย ข้าจะคอยดูว่ากระดูกของนางจะแข็งแรงแค่ไหน!”

คำพูดนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่หลินชวนฮวาเคยได้ยินมา แต่เพื่อแสดงความอ่อนโยนและความเมตตา นางจึงแสร้งยิ้มและกล่าวตอบ “ข้าเกรงว่า… นางจะกล่าวโทษว่าข้าทำการทารุณนางเสียมากกว่า!”

“หึ ปล่อยให้นางพล่ามไปเถิด ตอนนี้ไม่ว่านางจะกล่าวสิ่งใดก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว พวกผู้เฒ่าไม่ได้มาสอดแนมเราทุกวัน แม้เด็กสาวที่กำลังจะแต่งงานต้องพบเจอกับอันตรายเท่าใด ผู้เฒ่าพวกนั้นไม่มีวันรู้หรอก!”

หลินชวนฮวาก้มหน้าลงพร้อมเผยสีหน้าชั่วร้ายออก

จู่ ๆ เฉินผิงอันก็มองหาลูกชายคนเล็ก

“เฉินเฉินอยู่ที่ไหน เรียกเขาออกมากินข้าวกับข้าเร็ว!”

เรื่องนี้ทำให้หลินชวนฮวาไม่พอใจนัก นางแอบซ่อนเนื้อไว้เพื่อลูกชายคนโต! อาหารที่มีนั้นน้อยนิดนัก จะให้เด็กนั่นมากินด้วยได้อย่างไร!

“ทำไมถึงให้เด็กน้อยมาทานอาหารบนโต๊ะเล่า? เจ้าอย่าแหกกฎของบ้านสิ! เฮ้อ เราทั้งสองก็มาจากต่างครอบครัวอย่างนั้นมาคุยเรื่องกฎกันหน่อยดีกว่า!”

เฉินผิงอันเผยสีหน้าพอไม่ใจทันที “เอาล่ะ กฎของบ้านอะไรกันนักหนา? ข้าไม่เห็นหน้าเฉินเฉินมาหลายวันแล้ว ไปเรียกเขามาเสีย! เขาอายุเพียงเจ็ดขวบจะซ่อนเขาไว้แต่ในห้องได้อย่างไร?”

แม้ว่าหลินชวนฮวาจะไม่พอใจ แต่เฉินผิงอันก็เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วและแน่นอนว่านางทำได้แค่เชื่อฟัง

เฉินเฉินซ่อนตัวอยู่ในห้องโดยไม่ยอมเล่นเพื่อไม่ให้เสียงพลังงาน เขารู้ดีว่าอาหารทุกสิ่งที่พี่สาวนำมาให้นั้นต้องผ่านความลำบากยากเข็ญ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะวิ่งออกไปด้านนอกด้วยความโง่เขลา เขาจำเป็นต้องนอนนิ่ง ๆ เพื่อเก็บแรงไว้และวันนี้คงไม่ได้กินข้าวเย็นอีกตามเคย

แต่จู่ ๆ พ่อกลับเรียกเขาออกไปกินข้าว ซึ่งเสียงนี้ทำให้เด็กชายกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

ขณะที่เฉินเฉินกำลังเดินออกจากประตู เข้าก้มศีรษะเพื่อหลบหน้าแม่ใจยักษ์

“หากเจ้ากล้าฟ้องเรื่องนี้กับพ่อ พรุ่งนี้เมื่อพ่อไม่อยู่ ข้าจะขายเจ้าพวกค้ามนุษย์!”

เฉินเฉินตกใจมาก ใบหน้าชั่วร้ายของผู้เป็นแม่ตราตรึงเต็มตาทั้งสองข้าง เด็กชายก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัวพร้อมสะดุดขาตัวเองล้มและกำลังจะร้องไห้

แต่หลินชวนฮวาจะปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้ทำลายนางได้อย่างไร?

“หากเจ้าแหกปากเพียงนิด ข้าจะทุบปากเจ้า!”

เด็กชายหุบปากแน่นทันที ร่างกายเขาสั่นสะท้านและเดินตามหลังผู้เป็นแม่ไปอย่างเงียบเชียบ แม้พ่อจะอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็ไม่กล้ากล่าวคำใดแม้เพียงครึ่งคำ ทำได้เพียงนั่งสงบเสงี่ยมอยู่อย่างนั้น

เฉินผิงอันเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ “เหตุใดเจ้าไม่เหมือนข้าเลย? ไม่กล้าหาญและยังขี้ขลาดตาขาว!”

เมื่อถูกตำหนิ… เฉินเฉินได้แค่ก้มศีรษะลงด้วยความเสียใจ เขาก้มหัวกินข้าวที่อยู่ในจานของตน เด็กชายหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะตักกับข้าวตรงหน้า

แต่ไม่ว่าอย่างไร เฉินเฉินก็เป็นลูกชายแท้ ๆ ของตน เฉินผิงอันจึงไม่ได้พูดอะไรก่อนจะถอนหายใจยาวพร้อมกับเอื้อมมือไปคีบเนื้อวางลงในจานของเขา

เฉินเฉินไม่พูดอะไรต่อหน้าแม่ เขาเพียงก้มหัวและกินต่อไปเท่านั้น

หลังจากที่ทั้งสองคนกินเสร็จ หลินชวนฮวาจึงกินอาหารที่เหลือ จากนั้นนำอาหารที่ซ่อนไว้ไปให้ลูกชายของตน…

ไม่มีใครสงสารเด็กสาวที่นอนอยู่ในโรงเก็บไม้เลย… เฉินเถียนเถียนที่หิวโซยังคงนอนอยู่ในนั้น!

ความจริงแล้วหลินชวนฮวาค่อนข้างรู้ดีว่านังเด็กขี้ครอกนั่นเอาตัวรอดได้ ตอนนี้นางนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารและรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง

สำหรับหลินชวนฮวาแล้ว การที่นางจะต้องเอาตัวเองให้รอดในแต่ละวันก็แสนยากเย็น อีกทั้งนางยังมีลูกที่ต้องดูแล

วันนี้แม้เฉินผิงอันจะยอมให้เฉินเฉินขึ้นร่วมโต๊ะอาหาร แต่เขาก็ไม่ได้อยู่บ้านทุกวัน สุดท้ายเด็กชายตัวน้อยก็จะได้กินข้าวเพียงมื้อเดียวเท่านั้น…

นางหยุดคิดเรื่องทั้งหมดเพราะต้องรีบยกน้ำไปให้เฉินผิงอันล้างหน้า!

เถียนเถียนจูงมือเฉินเฉินออกไปอย่างไร้จุดหมาย

แม้ว่าป้าใหญ่จะมีอาหารแต่คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะรบกวนและหากท่านรู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นลูกชายของหลินชวนฮวา ท่านก็จะยิ่งดูถูกและเหยียดหยามเด็กคนนี้!

แต่หากจะให้ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา เถียนเถียนก็ยังไม่ได้ชำนาญ

จริงสิ! ดูเหมือนว่าจะมีฝูงปลาในลำห้วยที่ไหลลงมาจากภูเขาเทพธิดา …ทำไมไม่ลองไปเสี่ยงโชคดูล่ะ!

เฉินเถียนเถียนจูงแขนน้องชายเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

เฉินเฉินเอียงคอถามอย่างไร้เดียงสา “พี่สาว… เราจะไปไหนกันหรือ?”

“จะไปไหนอีกเล่า? พาเจ้าไปหาของกินน่ะสิ!”

เฉินเถียนเถียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จนทำให้เฉินเฉินรู้สึกว่าเขาเองที่เป็นภาระ ซึ่งเฉินเถียนเถียนเองก็รับมือกับเด็กได้ไม่เก่งเท่าไหร่นัก

หากวันนี้สามารถหาอาหารให้น้องชายกินได้ นางก็รู้สึกปลื้มใจอย่างถึงที่สุดแล้ว!

ณ เชิงเขา มีลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลไปอย่างเชื่องช้า มันไหลผ่านหมู่บ้านโดยไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดคือที่ใด

แต่ไม่ว่าแม่น้ำจะไหลไปที่ไหน เฉินเถียนเถียนก็ไม่อยากรู้ เพราะตอนนี้นางไม่มีอะไรอะไรมาลบล้างความหิวได้เลย!

จากนั้นนางจึงหาไม้ยาว กะเทาะเปลือกไม้ออกและเหลาให้แหลมคม

เฉินเถียนเถียนพับขากางเกง ถอดรองเท้าและเดินลงน้ำไป

ส่วนเฉินเฉินนั่งมองพี่สาวอยู่บนบกด้วยใบหน้าใสซื่อ

เฉินเถียนเถียนกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ ก่อนจะมีปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายผ่านเท้าของนางไป ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนจ้วงแทงไม้ลงน้ำและปลาก็เริ่มดิ้นรนอยู่ปลายไม้แหลมก่อนจะแน่นิ่งไป!

เท่าที่จำได้… ไม่มีใครกินปลาชนิดนี้

เพราะมีก้างเยอะ เนื้อน้อยและหากนำไปทำซุปก็จะส่งกลิ่นคาวอย่างรุนแรง

อีกทั้งปลานี้ยังลื่นมากและไม่มีใครสามารถจับมันได้ง่าย!

แต่คนที่นี่ไม่รู้ว่าปลามีคุณค่าทางโภชนาการมากเกินกว่าจะจินตนาการ!

ปลาในห้วยไม่กลัวคนเลยเพราะพวกมันไม่เคยพบเจออันตราย ปลาที่เฉินเถียนเถียนแทงได้ค่อนข้างอ้วนและมีน้ำหนักที่มากพอสมควร

นางดึงปลาออกจากไม้ และโยนไปทางเฉินเฉินทันที

“รับไว้! หากเจ้าปล่อยให้มันหนีไปได้ เจ้าจะต้องทนหิวจนตาย!”

เฉินเฉินกลัวความหิวมากจึงบีบปลาในมือไว้แน่น

ในที่สุดก็มีปลาถึงสี่ห้าตัวกองอยู่บนฝั่ง

เฉินเถียนเถียนเดินขึ้นไปสวมรองเท้าและถุงเท้า… ในยุคนี้แม้การเปลือยเท้าในที่สาธารณะก็ถือว่าเสียบริสุทธิ์ได้เช่นกัน เฉินเถียนเถียนจดจำรายละเอียดเหล่านี้ได้เสมอ

จากการสังเกตวิธีการปรุงไก่ป่าของหยุนเคอเมื่อวานนี้ เฉินเถียนเถียนจึงนำไม้มากองเป็นฟืนและนำหินมากะเทาะจนเกิดประกายและติดไฟได้ในที่สุด

หากปล่อยปลาไว้โดยไม่ปรุงหรือแปรรูป แน่นอนว่ามันจะไม่อร่อย

แต่นางไม่มีมีด จึงมองไปรอบ ๆ และพบหินแหลมวางอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้จึงหยิบหินแหลมนั้นมาใช้แทนมีด

จากนั้นไม่นานปลาก็ถูกขอดเกล็ดจนหมดสิ้น นางเริ่มเสียบมันกลับเข้าไม้แหลมพร้อมกับลงมือย่างปลาทันที

กลิ่นปลาย่างหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่

ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไม่เคยกินปลามาก่อน เขาจึงถามออกอย่างหวาดระแวง “พี่สาว… มันกินได้งั้นหรือ?”

เฉินเถียนเถียนยิ้มจางพร้อมตอบกลับอย่างเย็นชา “หากกลัวก็ไม่ต้องกิน!”

แม้พี่สาวคนนี้จะดุ แต่ก็ยังใจดีกว่าแม่มาก… อย่างน้อยนางก็ไม่ตบตีและยังเตรียมอาหารให้ด้วย!

เฉินเฉินทำตามพี่สาวของตน เขาเริ่มแทะปลาอย่างมูมมาม

เมื่อเห็นเด็กน้อยไม่ทันระวัง เฉินเถียนเถียนจึงรีบร้องเตือน “เคี้ยวอีกสองสามครั้งค่อยกลืน ปลามีก้างอาจติดคอเจ้าได้!”

เฉินเฉินพยักหน้า ก่อนจะยัดปลาเข้าปากและเริ่มเคี้ยวให้นานขึ้น ใบหน้าน้อย ๆ เผยความรู้สึกผิดออกมา

 

หยุนเคอเพิ่งกลับจากการล่าสัตว์ เขาแบกกว่าไว้บนบ่าและเดินลงมาจากภูเขา

สิ่งที่เขาเห็นคือสองพี่น้องกำลังนั่งแทะปลาอยู่อย่างหิวโหย…

เด็กคนนี้อดอยากอีกแล้วเหรอ? เหตุใดจึงกินได้มูมมามและสกปรกเช่นนี้… และการปรากฏตัวของหยุนเคอกลับกลายเป็นการขัดจังหวะมื้ออาหารของเฉินเถียนเถียน

เมื่อนึกถึงอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป นางก็รู้สึกอายไม่น้อย… ดูเหมือนว่าการพบกันในครั้งนี้ จะเป็นคราวที่นางขายหน้ามากที่สุด!

หยุนเคอและเฉินเถียนเถียนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นชายร่างใหญ่จึงค่อยๆ แบกกวางเดินหนีไป

เฉินเถียนเถียนก้มศีรษะลงโดยไม่ได้กล่าวทักทายใด!

เนื่องจากเฉินเฉินอยู่ข้าง ๆ นางจึงไม่กล้าพูดอะไรกับหยุนเคอแม้เพียงคำ เพราะหากน้องชายเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้อื่น เป็นไปได้ว่า นางอาจจะได้แต่งงานกับพรานป่าผู้นี้จริง ๆ

ส่วนหยุนเคอเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยเพราะเด็กที่เดินตามเฉินเถียนเถียนคือลูกชายแท้ ๆ ของหลินชวนฮวา!

สาเหตุที่ทำให้เขาตกใจคือในเมื่อเด็กชายผู้นี้เป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวา แล้วทำไมเขาถึงหิวโหยเช่นเดียวกับพี่สาวเล่า?

ว่ากันว่าเสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนี้? หญิงผู้นี้ไม่มีมนุษยธรรมเลยหรือ?

ทันใดนั้น หยุนเคอก็ตกใจเสียงกรีดร้องของเด็กน้อยที่ทางเข้าของภูเขา เด็กน้อยกรีดร้องเสียงดังพร้อมวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

“คนป่าอยู่บนภูเขา!“

จากนั้นเขาก็หยุดคิดเรื่องทั้งหมดเพราะว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

ขณะที่เขากำลังเอากวางตัวใหญ่ขึ้นเกวียน หลินชวนฮวาพลันเดินเข้ามาพอดิบพอดี นางจ้องมองเกวียนของหยุนเคอด้วยสายตารังเกียจ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้จึงใช้สายตาเย็นชาโต้ตอบเช่นกัน

“เอาของเหม็น ๆ พวกนั้นอยู่ให้ห่างจากข้า!”

หยุยเคอไม่ได้ใส่ใจหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย เขาขึ้นเกวียนและทั้งหมดก็ออกเดินทางไปอีกเมืองทันที

เมืองเถาฮวาเป็นเมืองที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเทพธิดามากที่สุด

หยุนเคอมักจะนำสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านในเมืองนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อมานานมานี้เขาวางแผนที่จะสร้างบ้านใต้ภูเขาและการสร้างบ้านต้องใช้เงิน ดังนั้นเขาจึงนำกวางที่ล่าได้ไปแลกเงินในเมืองเถาฮวา

 

ทันทีที่เกวียนหยุด เขาก็กระโดดลงจากเกวียนขนสัมภาระและเดินไปที่โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง

หลินชวนฮวามองดูเขาด้วยท่าทีรังเกียจก่อนจะถุยน้ำลาย “โชคร้ายจริง ๆ ที่ข้าต้องนั่งเกวียนมากับพรานป่าสกปรกผู้นี้!”

จากนั้นนางจึงจัดผมของตนให้เข้าทรงพร้อมกับเดินเข้าไปในเมืองอย่างไม่แยแสผู้ใด

จากนั้นไม่นาน หยุนเคอขายกวางที่ล่าได้ให้กับร้านอาหาร ขณะที่กำลังเดินออกไป เขาก็พบว่าผู้หญิงวัยกลางคนที่คุ้นเคยเดินเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวนัก

แต่เมื่อเดินผ่านตรอก เขาก็พบว่าหญิงนั้นคือหลินชวนฮวาและกำลังสาวกอดรัดกับชายร่างสูงอยู่…

ทั้งสองกอดกันและเข้าไปในลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง!

อ้อ! นางกำลังสวมเขาให้เฉินผิงอันสินะ…

แต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา ดังนั้นหยุนเคอจึงทำไม่รู้ไม่เห็นก่อนจะรีบกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดาพร้อมกับเงินที่ได้มา เขามีธุระมากมายต้องจัดการ ทั้งยังต้องรีบไปรอเกวียนจึงไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องอื่น

เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินกินปลาจนอิ่มท้อง ก่อนจะส่งเด็กน้อยกลับบ้านและตั้งใจว่าจะไม่ดูแลรับผิดชอบเขาอีก

สำหรับตัวนางเองก็วางแผนที่จะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเรียนรู้การล่าสัตว์ในตอนกลางคืน แน่นอนว่าต้องพักผ่อนให้เพียงพอระหว่างวัน

นางเดินเข้าไปในโรงเก็บไม้ หลังจากเอนตัวลงนอนนางก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าคงหิวมาก… พอได้กลิ่นอาหารหอม ๆ เช่นนี้คงจะอดใจไม่ไหว อ้อ แต่ข้ามีบางอย่างจะบอก… พรุ่งนี้ข้าจะหาอะไรมาให้กินอีก แต่เจ้าห้ามบอกแม่เด็ดขาด!”

เฉินเฉินพยักหน้ารับซ้ำ ๆ ราวกับไก่จิกเปลือกข้าว

เขารู้ดีว่าการขัดคำสั่งของแม่เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ แต่แม่จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะนางไม่ยอมให้เขากินข้าวและเขาไม่ชอบเวลาที่ตัวเองต้องหิวโหยเป็นที่สุด!

พี่สาวที่อยู่ตรงหน้าดูไม่มีเจตนาร้ายใด อีกทั้งยังมอบอาหารให้กับเขาด้วยความเต็มใจ… เขารู้สึกเชื่อใจนาง นางคงจะไม่ใช่คนเลวหรอกใช่ไหม?

เฉินเฉินไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ภายในใจพร้อมกับเดินตามพี่สาวกลับบ้านอย่างเงียบเชียบ จนท้ายที่สุดเด็กชายย่องเบาเข้าห้องของตนสำเร็จ

หลังจากนั้นเถียนเถียนก็กลับมาที่โรงไม้พร้อมกับหลับสนิทในทันที

เป็นเพราะเฉินเฉินและเถียนเถียนนอนดึก ทั้งสองคนจึงตื่นสายโดยมิได้นัดหมาย แต่ในทางกลับกันหลินชวนฮวากลับมีความสุขมาก หลังจากได้ลองทำอาหารมาหลายครั้ง ในที่สุดนางก็สามารถทำให้มันอร่อยได้สักที!

หลังจากเฉิงผิงอันกินข้าวเสร็จก็คิดจะไปเล่นไพ่ที่บ่อนสักหน่อย…

แต่แล้วเขาก็นึกถึงลูกชายตัวน้อยได้จึงกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ “ข้าวที่เหลือในจานนี้เก็บไว้ให้เฉินเฉินนะ!”

หลินชวนฮวายิ้มแห้ง ๆ อย่างไม่เต็มใจแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ขัดขืน ส่วนเฉินผิงอันไม่ได้สนใจอะไรนัก เขารีบลุกขึ้นและเดินออกจากบ้านไปทันที

อย่างไรเสียในใจของเขายึดมั่นอยู่เสมอว่าภรรยาคงไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา…

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากเขาจากไป ใบหน้าของหลินชวนฮวาเผยความเย็นเยียบออกมา

เมื่อเฉินเฉินได้ยินพ่อบอกว่าให้เก็บอาหารส่วนนี้ให้ตัวเอง เขารีบแจ้นออกมาจากห้องอย่างมีความสุข

จะอร่อยเหมือนไก่ป่าเมื่อคืนไหมนะ?

ในตอนนั้นเองที่หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่ง “กิน กิน กิน! ทั้งวันไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากเล่นไพ่! ส่วนนังเด็กขี้ครอกก็ทิ้งไว้ให้ข้าเลี้ยง ไม่เคยคิดจะสั่งสอนหรือสนใจ ดูซิ! ตอนนี้มันเอาแต่สร้างปัญหามากมายไม่หยุดหย่อน ก็ยังไม่คิดจะสนใจงั้นเหรอ!?”

สายตาบริสุทธิ์ของเฉินเฉินจับจ้องแม่ที่กำลังก่นด่าอย่างอารมณ์เสียก็พลันนึกหวาดกลัว เขาก้าวถอยหลังจะกลับเข้าห้องแต่ว่ากลิ่นหอมของอาหารกลับฉุดรั้งเขาเอาไว้มิให้เดินหนีไป

“ท่านแม่… ข้าวพวกนี้พ่อให้ข้ากิน!”

หลินชวนฮวาหันมาพร้อมกับเงื้อมมือฟาดลงบนร่างของเด็กน้อยอย่างรุนแรง เด็กชายล้มลงกับพื้นพร้อมกับจับจ้องผู้เป็นแม่อย่างหวาดกลัว

“ไอ้เด็กเวรหากไม่ได้กินข้าวสักวันมันจะตายหรือไร? พี่ชายของเจ้าร่ำเรียนจนเหน็ดเหนื่อย เขาจึงต้องได้รับอาหารมากกว่าใคร ที่บ้านนี้ไม่มีอาหารสำหรับเจ้า ไปให้พ้นหน้าข้าซะ!”

ขณะกล่าวอย่างนั้นหลินชวนฮวาจัดเก็บอาหารที่เหลือบนโต๊ะทั้งหมดก่อนจะนำไปให้เฉิงเยี่ยในห้อง

เฉิงเยี่ยมองอาหารมื้อนี้ด้วยสายตารังเกียจ… เขาไม่ค่อยเต็มใจที่จะกลืนมันลงคอเท่าไหร่นัก

หลินฮวาที่เห็นสายตาของลูกชายจึงรีบกล่าวปลอบ “ทุกวันนี้ลูกต้องอดทนกับสิ่งรอบข้างมากมาย อีกทั้งการอ่านหนังสืออย่างหนักคงทำให้ลูกกดดันและกินข้าวไม่ลง… แต่ยังไงซะลูกก็ต้องกินเยอะ ๆ เพราะร่างกายและชีวิตของลูกสำคัญกับแม่ยิ่งนัก”

แต่เฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้ตอบคำใดกลับ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมกับคีบอาหารเข้าปากอย่างรังเกียจ แต่หลังจากเคี้ยวไปได้ครู่หนึ่งเขาขว้างตะเกียบลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด

“นี่มันกลิ่นอะไรกัน? มันคืออาหารของมนุษย์งั้นหรือ? นังเด็กขี้ครอกนั่นมันไม่ยอมทำอาหารหรือไร?”

หลินชวนฮวาถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวตอบ “นางมิได้ทำอาหารแล้วเพราะแม่เกรงว่ามันจะใส่ของแปลกปลอมลงไป แม้ก่อนหน้านี้นางจะทำได้ดี แต่ตอนนี้แม่ไม่ไว้ใจนางอีกต่อไป สิ่งที่จะลงไปอยู่ในท้องของลูกต้องผ่านการคัดสรรจากแม่เท่านั้น”

ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่หลินชวนฮวาโป้ปดเพื่อความสบายใจเท่านั้น นางไม่อยากให้ลูกชายรู้ว่าเฉินเถียนเถียนไม่จำเป็นต้องรับใช้พวกเขาอีกต่อไป!

เฉินเฉินหิวโซและเริ่มตาลาย อาหารของเขาถูกยกให้พี่ชายจนหมดสิ้น อีกทั้งตอนนี้แม่ยังโยนความผิดให้กับพี่สาวเขาอีกด้วย!

เพราะเฉินเฉินไม่ได้ข้าวข้าวและหิวมาก เขาวิ่งไปหาเถียนเถียนที่โรงเก็บไม้อย่างเร่งรีบ

ส่วนเถียนเถียนยังคงนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ ตั้งแต่ที่นางผล็อยหลับไปเมื่อคืนจนตอนนี้ก็ยังไม่คิดลุกจากเตียงแม้ว่ามันจะทั้งเปียกและอับชื้นก็ตาม

ไม่ว่าบรรยากาศจะเลวร้ายแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถเทียบกับความเหนื่อยล้าของนางได้ เช่นนี้การนอนหลับจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

สำหรับเฉินเฉินที่หลับลึกในห้องอุ่น บนเตียงค่อนข้างนุ่มแต่ก็มีเสียงรบกวนจากในตัวบ้านจึงทำให้เขาตื่นเช้า

“นังขี้ครอก! ตื่นได้แล้ว มันสายแล้ว!”

เฉินเถียนเถียนลืมตาตื่นด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าน้องชายยืนอยู่ตรงหน้า

“เกิดอะไรขึ้น?”

“นังขี้ครอก… ข้าหิว!”

ดวงตาของเถียนเถียนเบิกกว้างพร้อมกับตะหวาดออกอย่างเกรี้ยวกราด “แล้วเจ้าเรียกผู้ใดว่านังขี้ครอก? เมื่อคืนเจ้ากินอาหารของข้าจนหมดสิ้นแต่เช้ามากลับลืมบุญคุญแล้วงั้นหรือ?”

เฉินเฉินตื่นตระหนกพร้อมกับหดหัวลงอย่างรวดเร็ว เด็กชายถามเสียงค่อย “แล้ว… ข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไร?”

เถียนเถียนกลอกตาไปมาด้วยความหงุดหงิด “ข้ากับเจ้ามีพ่อคนเดียวกันและข้าแก่กว่าเจ้า หากไม่เรียกว่าพี่สาวแล้วจะเรียกว่าอะไร!”

ใบหน้าของเฉินเฉินแดงก่ำ เขาเอ่ยปากด้วยคำเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “พี่สาว…”

เขาลังเลที่จะเรียกนางว่าพี่สาวงั้นหรือ?

เอาล่ะ ไม่เป็นไร! เด็กก็คือเด็ก เป็นเพราะหลินชวนฮวาสั่งสอนเขามาเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่เขาจะเชื่อฟังแม่ของตนเอง!

“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่แต่เช้า”

เฉินเฉินหน้าแดงด้วยความเคอะเขินพร้อมและกระซิบ “ข้าหิว”

หิวอีกแล้วเหรอ?

เฉินเถียนเถียนถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าเป็นคนตะกละใช่ไหม? ที่นี่ไม่มีอาหารให้เจ้าแล้ว กลับไปหาแม่เจ้าเสีย… ไปซะ!”

เฉินเฉินเบ้ปากราวกับจะร้องไห้ “แม่บอกว่าหากไม่ทำอะไรก็ไม่ต้องกินข้าว พี่ชายของข้าต้องอ่านหนังสือจึงต้องกินเยอะกว่าใคร!”

“อะไรกัน! หลินชุนฮวาเป็นแม่ของเจ้าไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงปฏิบัติราวกับว่าเจ้าถูกเก็บมาเลี้ยง? นางไม่ให้เจ้ากินอาหารเลยเหรอ?”

เฉินเฉินก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร!

เฉินเถียนเถียนพูดไม่ออกก่อนจะจับมือเฉินเฉินและวิ่งไปหาหลินชวนฮวาทันที!

นางเอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา “หลินชวนฮวา! ท่านสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้วหรือ? หากท่านมีความแค้นต่อข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารข้า แต่เด็กน้อยผู้นี้เป็นลูกชายของท่านไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่ให้เขากินอาหาร ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”

หลินชวนฮวาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเขาเป็นลูกของข้า เจ้าจะกังวลแทนข้าทำไม? เฉินเถียนเถียน… ข้าว่าเจ้าเป็นห่วงตัวเองเสียดีกว่า เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะหาคนมาปกป้องดูแล รีบแต่งงานซะ… จะหน้าด้านอยู่ที่นี่ทำไม?!”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกคับแค้นใจที่เอาชนะไม่ได้และด่าไม่ได้จึงทำได้เพียงชี้หน้าและพูดว่า “ผู้หญิงอย่างท่านไม่สมควรเป็นแม่คน ไม่ช้าก็เร็วท่านต้องถูกฟ้องแน่!”

หลินชวนฮวาทำหูทวนลมไม่สนใจก่อนจะหันกลับไปหยิบลิปสติกสีแดงบนโต๊ะเครื่องแป้งมาทา!

เฉินเถียนเถียนหันมาจับมือน้องชายและเดินออกจากห้องไป

อย่างไรก็ตาม ความสงสัยที่เถียนเถียนมีก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หญิงวัยกลางคนที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวานกลับทำตัวประหลาดในยามที่เฉินผิงอันไม่อยู่ …นางคิดจะทำอะไรกันแน่?

นางรู้สึกว่าเฉินผิงอันน่าเป็นห่วง ต้องมีใครสักคนเตือนสติเขาสักหน่อย!

แต่เฉินผิงอันเป็นใครกันเล่า? เฉินเถียนเถียนผู้นี้ไม่จำเป็นต้องตักเตือนเขา ปล่อยเขาไป… ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องเสียใจอย่างไม่มีวันลืม!

หยุนเคอยกยิ้มก่อนจะหัวเราะ “เจ้ารับคำขอโทษเป็นไก่ป่างั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเถียนเถียนก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด นางก้าวถอยหลังออกไปอย่างสิ้นหวัง

“แต่เจ้าจะโทษข้าก็ไม่ถูก… เป็นเพราะข้าหิว มิเช่นนั้นหญิงสาวหน้าตางดงามเช่นข้าจะเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในป่ายามค่ำคืนเช่นนี้หรือ? ก็เพียงแค่ไก่ป่าตัวเดียว ข้าก็แค่ยืมมิใช่ขอสักหน่อย!”

“ข้ารู้ว่าข้ามันไร้ยางอาย แต่หากไม่ทำข้าคงต้องหิวตาย!”

หยุนเคอไม่พูดอะไรพร้อมหันหลังคิดเดินจากไป

เห็นอย่างนี้เถียนเถียนยิ่งกัวลใจ นางวิ่งตามพร้อมตะโกนเสียงดัง “เจ้าจะให้ไก่ป่ากับข้าหรือไม่?”

หยุนเคอดึงไก่ป่าออกจากเอวก่อนจะโยนมันลงพื้น เขาหยิบกริชคมปลาบออกมาเพื่อจัดการกับมัน สายตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับมองหากองฟางและสมุนไพรเพื่อปรุงอาหาร

เถียนเถียนรู้สึกละอายใจยิ่งที่ร้องขออาหารจากเขาไม่พอ ยังต้องพึ่งพาให้เขาปรุงมันให้อีก… แม้มันจะไม่ยากเย็นอะไรนัก แต่นางก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อย

เถียนเถียนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวเสียงอ่อน “ข้าขอบคุณเจ้ายิ่ง จากวันนี้ข้าจะตอบแทนเจ้าให้สาสม!”

หลังกล่าวจบนางจึงก้มลงคว้าตัวไก่ป่าและเริ่มถอนขนของมันออก

หยุนเคอเหลือบมองครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำในส่วนของตัวเอง

……

มันใกล้จะสุกแล้ว!

หลังจากไก่สุก เถียนเถียนฉีกมันออกมาครึ่งหนึ่งและแบ่งให้หยุนเคอครึ่งหนึ่ง แต่เขากลับปฏิเสธ…

“ถ้าเจ้าอยากเรียนล่าสัตว์ก็ขึ้นมาบนภูเขาในวันพรุ่งนี้”

หลังพูดจบเขาจึงหันหลังจากไปทันที

เฉินเถียนเถียนถูกทิ้งให้อยู่ในความสับสนเป็นเวลานานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า… ก่อนหน้านี้นางร้องขอให้เขาสอนล่าสัตว์!

ความงุนงงปรากฏขึ้นในจิตใจของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้… นางจะกินไก่ป่าทั้งหมดนี่คนเดียวได้อย่างไรกัน?

เหตุใดเขาจึงไม่รับมันไป…

แต่สุดท้ายนางก็หิวโหยเกินกว่าจะคิดไตร่ตรองสิ่งใด เด็กสาวลงมือแทะไก่ในมืออย่างมูมมามโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

แต่เพราะหิวจัดจึงทำให้นางสามารถกินมันได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ส่วนที่เหลือทั้งหมดจึงต้องเก็บไว้ก่อนอย่างน่าเสียดาย

นางถูกความหิวนำพามาที่นี่ เช่นนี้จึงคิดว่าควรจะกินอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!

เป็นเรื่องน่าสมเพชยิ่งที่ตระกูลเฉินนั้นแสนร่ำรวยแต่ลูกสาวของตระกูลกลับต้องหิวโหย!

เดิมทีเฉินเถียนเถียนนั้นอ่อนแอและซูบผอม แต่หลังจากนางได้กินไก่ป่าเข้าไปทำให้นางอิ่มจนจุก หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เด็กสาวจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านเพื่อเข้านอน

แต่ในขณะที่กำลังจะหลับตา จู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงดังมาจากในครัว… ความหวาดระแวงปรากฏพร้อมกับคิดในใจ ‘ทุกคนหลับหมดแล้ว… นั่นเสียงอะไร?’

‘อาจมีโจรอยู่ในห้องครัว แต่… โจรจะเข้ามาได้อย่างไร?!’

‘หรือจะเป็นหนู? แต่หนูจะตัวใหญ่จนทำเสียงโครมครามได้ขนาดนี้เลยเหรอ?’

‘ไม่สิ ข้าแยกแยะเสียงฝีเท้าของหนูกับคนได้ชัดเจน!’

‘นั่นมันเสียงฝีเท้าคนชัดๆ!’

แม้เฉินเถียนเถียนจะไม่สนใจว่าอะไรถูกขโมยไปจากบ้านหลังนี้ แต่ความยุติธรรมในฐานะตำรวจยังคงอยู่ในจิตใจเสมอ!

นางลุกขึ้นและค่อย ๆ ย่องเข้าใกล้ห้องครัว

เขาเป็นใคร?

ที่แท้ก็เป็นเฉินเฉิน… น้องชายวัยเจ็ดขวบของนางนั่นเอง!

มือน้อยกุมท้องไว้แน่นก่อนจะพยายามคุ้ยหาของกินด้วยความหิวโหย

หลินชวนฮวาเพิกเฉยต่อลูกชายคนเล็กของตนงั้นหรือ?

เฉินเถียนเถียนย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ แต่เฉินเฉินที่พยายามคุ้ยหาของกินกลับตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าถูกพบเห็นเข้าแล้ว เขาถอยหลังก่อนจะเริ่มกรีดร้อง

เฉินเถียนเถียนเอามืออุดปากน้องชายทันที

“หากแม่รู้ว่าเจ้ามาขโมยอาหาร เจ้าถูกเฆี่ยนจนตายแน่! หยุดร้อง… ได้ยินไหม? ออกไปคุยกันข้างนอกก่อนที่แม่ของเจ้าจะตื่น!”

เฉินเฉินฟังคำขู่ทั้งหมดพร้อมกับเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ยอมเดินตามพี่สาวออกไปอย่างเชื่อฟัง

“ไหนเล่าให้ข้าฟังซิ… แม่ผู้แสนดีของเจ้าบอกว่าข้าขโมยอาหารจนทำให้เจ้าไม่มีข้าวกินงั้นหรือ?”

เฉินเฉินส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับ “ไม่ใช่… แม่บอกว่าข้าเป็นพวกหมาขี้ขลาด ดังนั้นจึงเอาข้าวของข้าเทให้หมาข้างถนนหมดสิ้น!”

เถียนเถียนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หลินชวนฮวายังมีสมองอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงปลูกฝังให้ลูกคิดว่าตนเองเป็นหมาขี้ขลาด?

“เจ้าหิวมากไหม? เฮ้อ เช่นนี้นางยังเป็นแม่ที่แสนดีของเจ้าอยู่หรือไม่? จงจำไว้เถิดว่าข้าไม่ได้ขโมยอาหารจนทำให้เจ้าต้องอดอยาก เฮ้อ… ดูเอาเถิดว่าใครกันแน่ที่ทำให้เจ้าต้องอดอาหารและหิวโซเช่นนี้!”

เฉินเฉินก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย แต่เด็กเจ็ดขวบจะไปรู้อะไร?

เฉินเถียนเถียนถอนได้แต่หายใจออกอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร!

“ที่แม่พูดก็ไม่ผิดหรอก แต่ข้าเป็นคนก่อปัญหา… มันไม่เกี่ยวกับเจ้าแม้แต่น้อย เหตุใดจึงต้องให้เจ้าอดอาหารด้วย? อ้อ แล้วเจ้าบอกพ่อหรือยัง?”

เฉินเฉินพูดออกด้วยความหวาดกลัว “ข้าอยากจะบอก แต่หลังจากพ่อกลับมาถึงบ้าน แม่ก็พาพ่อเข้าห้องและล็อกประตูแน่นไม่ยอมให้ข้าได้พบเจอ ข้ายังไม่ได้พูดกล่าวกับพ่อสักคำ!”

เฉินเถียนเถียนนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เด็กคนนี้เคยกระทำกับนาง มันทั้งเจ็บปวดและทรมานยิ่ง แต่การจะถือโทษเขาก็ไม่ถูกนัก ยังไงซะนางก็ยังต้องการที่จะให้เด็กชายเติบโตอย่างมีความสุข

เด็กไม่รู้อะไร มีแต่ผู้ใหญ่ที่ยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ ให้!

ถ้าปล่อยให้เด็กน้อยต้องหิวโหยต่อไป ภายภาคหน้าสุขภาพของเขาจะย่ำแย่

สุดท้ายแล้วความยุติธรรมในใจของเถียนเถียนก็ได้รับชัยชนะ นางถอนหายใจยาวพร้อมกับจูงมือเฉินเฉินออกไปจากบ้าน

นางให้เฉินเฉินนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมสระน้ำ เถียนเถียนเดินเข้าไปในโพรงหญ้าก่อนจะนำไก่ป่าอีกครึ่งตัวที่เหลือออกมา

“นี่! กินเสีย! กินเสร็จแล้วกลับบ้าน!”

ดวงตาของเฉินเฉินเบิกกว้าง… มีอาหารอยู่ในพุ่มไม้! เขาจับจ้องพร้อมคิดในใจ ‘พี่สาวของข้าเสกอาหารได้งั้นหรือ?’

เถียนเถียนจับจ้องน้องชายพร้อมกับลูบหัวของเขาอย่างเบามือ “ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าก็ทำอย่างเจ้า… แอบออกมาหาของกินในตอนกลางคืน… เฮ้อ เจ้าเองก็รีบ ๆ กินเข้า หากแม่รู้ว่าเจ้าออกมานอกบ้านเช่นนี้คงถูกเฆี่ยนจนหลังขาด แล้วหลังจากนั้นอาจจะได้นอนในโรงเก็บไม้เช่นข้า”

กลิ่นหอมของไก่ป่าทำให้เฉินเฉินไม่มีสติอีกต่อไป เขากัดแทะมันอย่างมูมมามด้วยความหิวโหย

เถียนเถียนนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นอย่างนั้นจึงอดไม่ได้จะส่ายศีรษะเบา ๆ พร้อมคิดในใจ ‘นางเป็นแม่ประสาอะไรกัน?’

แม่ก็คือแม่วันยังค่ำ เหตุใดจึงสามารถปล่อยให้ลูกหิวโหยได้? นางไม่เข้าใจ!

เฉินผิงอันก็ไม่เคยสนใจสิ่งใด เขาไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าลูกชายของตนซูบผอมหรือผิดแปลกไปอย่างใด… แต่ถึงแม้เขาจะรับรู้ได้ ท้ายที่สุดหลินชวนฮวาก็คงหาข้ออ้างเพื่อทำให้เขาเข้าใจจนได้

เฉินเฉินแทะไก่ครึ่งตัวนี้อยู่นานจนมันสะอาดเอี่ยมเหลือเพียงกระดูกไร้เนื้อ แต่เขากลับส่งสายตาอ้อนวอนพี่สาวราวกับว่าท้องของเขายังไม่ถูกเติมเต็ม!

เดิมทีเถียนเถียนตั้งใจว่าจะเก็บไก่ตัวนี้ไว้กินตอนเช้า… ทว่าน้องชายกลับกินมันจนหมดเกลี้ยง อาหารสำหรับพรุ่งนี้หมดไปแล้ว เช่นนั้นนางจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปล่าสัตว์บนภูเขาล่ะ?

เฉินเถียนเถียนซ่อนตัวอยู่ในโรงเก็บไม้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!

นางนอนกลิ้งไปมาบนกองไม้ด้วยความกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

ความจริงแล้ววันนี้ก็ไม่ถือว่านายพ่ายแพ้อะไร แม่เลี้ยงก็เสื่อมเสีย ส่วนเฉิงเยี่ยก็ไม่ต่างกัน!

ในเมื่อไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ การยกห้องนอนให้น้องชายก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย นางหวังเพียงว่าเด็กชายจะพอจดจำความดีของนางได้บ้าง… หวังว่าทั้งสองจะเข้าใจกันในสักวัน

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่อาจหลับลงได้เพราะนางหิวยิ่งนัก… เฉินเถียนเถียนรอให้ทุกคนในบ้านเข้านอนหมดเพื่อจะหาโอกาสขึ้นไปบนภูเขา…

เพราะหยุนเคอชอบออกล่าสัตว์ในตอนกลางคืน เช่นนี้นางก็น่าจะหาอะไรกินได้บ้าง!

หลังจากนั้นไม่นานเฉิงผิงอันและหลินชวนฮวาก็หลับสนิท เรื่องราวตลอดทั้งวันทำให้ทั้งสองเหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

เฉินเถียนเถียนย่องออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ภูเขาเทพธิดา

ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณแต่คราวนี้เฉินเถียนเถียนไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะนางเคยมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงเริ่มคุ้นเคยและรู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น!

นางเดินขึ้นไปบนภูเขาอย่างราบรื่น แต่การล่าสัตว์กลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดไว้!

เถียนเถียนได้ยินเสียงของไก่ป่าวิ่งไปมา แต่เมื่อนางพุ่งตัวเข้าใกล้กลับไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ!

ยิ่งไปกว่านั้นการพุ่งเข้าไปอย่างเร่งรีบทำให้นางสะดุดล้มจนนอนกลิ้งไปบนกองหญ้า… กว่าจะหยุดลงก็เหนื่อยหอบเสียแล้ว!

เถียนเถียนพ่นวัชพืชต่าง ๆ ออกจากปากและเสียงนั้นดังก้องในความมืด อย่างไรซะสภาพของนางในตอนนี้แทบจะดูไม่ได้อีกต่อไป

ผมเผ้ายุ่งเหยิงพร้อมกับเศษหญ้าที่เปรอะเปื้อน แขนเสื้อขาดรุ่ย… เถียนเถียนก่นด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน เพียงแค่ไก่ป่าตัวเดียวทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้เชียวหรือ?

เด็กสาวลุกขึ้นด้วยความอับอายและเดินต่อขึ้นไปบนภูเขา แม้ว่าจะไม่มีสัตว์ป่าใดแต่ผลไม้ป่าก็น่าจะทดแทนได้

นางเริ่มหากิ่งไม้ยาว ๆ เพื่อเอาไว้ใช้สอยผลไม้ เด็กสาวหยุดยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ แสงจันทราสาดส่องพอให้มองเห็นบ้าง แม้ว่ามันจะยังไม่สุกดีแต่ก็มีบางผลที่กินได้!

เถียนเถียนทิ้งไม้ยาวในมือก่อนจะเริ่มปีนต้นไม้!

แม้นางจะไม่เก่งกาจในด้านการล่า แต่เรื่องปีนต้นไม้นางไม่แพ้ใครแน่นอน!

ถึงผลไม้จะยังเขียว ๆ นิดหน่อยแต่มันสามารถทำให้อิ่มท้องได้ เฉินเถียนเถียนนั่งกระดิกเท้าพร้อมแทะผลไม้ในมืออย่างมีความสุข

แต่ผลไม้รสเปรี้ยวนี้ช่างประหลาด ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ท้องของนางเริ่มร้องระงมโครกครากไม่หยุดหย่อน!

มือน้อย ๆ ลูบไปที่พุงอย่างกระสับกระสาย ขณะที่นางกำลังจะเอื้อมมือไปเด็ดผลไม้อีกลูกกลับพลาดท่าลื่นและร่วงหล่นจากต้นไม้ทันที!

นางรู้สึกขอบคุณที่ตอนนี้คือเวลากลางคืน หากมีใครพบเห็นคงต้องอับอายจนแทรกแผ่นดินหนี… โชคดีนักที่ไม่มีใครอยู่บนภูเขาลูกนี้

ขณะที่กำลังพร่ำบ่นกับตนเอง จู่ ๆ พลันเกิดเสียงกร็อบแกร็บจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ

ความตื่นตระหนกครอบงำทันที แม้ไม่มีสัตว์เล็กวิ่งผ่านให้พบเจอ แต่มีเสียงหมาป่าหอนดังไปทั่วภูเขา

การพบเจอหมาป่าในตอนนี้คือความโชคดีหรือโชคร้าย?

เฉินเถียนเถียนสังเกตเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง นางรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงรีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว

ลูกศรยาวเฉียดเส้นผมของนางไปเพียงนิด!

หากก้มลงช้ากว่านี้อีกสักวินาที มันอาจจะปักเข้าที่ลำคอแล้วเป็นแน่!

เฉินเถียนเถียนตื่นตระหนกพร้อมกับพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านจากความหวาดกลัว

ใครกันที่หมายมั่นจะสังหารนาง? หลินชวนฮวาก็ไม่น่าจะรู้จักนักฆ่าที่ไหน…

เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นนายน้อยหลี่… เขาเพียงหลอกล่อว่าจะปล่อยนางไปแต่ความจริงแล้วกลับหาโอกาสสังหารทีหลัง!?

“ออกมา!”

เสียงทุ้มต่ำของชายนิรนามดังขึ้น!

เป็นหยุนเคอ! นางจดจำเสียงนั้นได้ทันที…

“หยุนเคอ… เป็นข้าเอง ข้าหิวยิ่งนักเลยเดินขึ้นมาหาอะไรกินบนภูเขาน่ะ มันอาจจะเป็นเขตแดนของเจ้าแต่อย่าถือโทษโกรธข้าเลยได้ไหม?”

หยุนเคอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเฉินเถียนเถียน… แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใด

“เจ้าอีกแล้วงั้นหรือ?”

“คนที่สามารถวิ่งขึ้นมาบนภูเขากลางดึกเช่นนี้จะเป็นใครได้อีกหากไม่ใช่ข้า?”

หยุนเคอนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเดินจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดตอบ

แต่ด้วยสายตาคมหลาบของเฉินเถียนเถียน นางเห็นไก่ป่า กระต่ายและอื่น ๆ อีกมากมายห้อยอยู่ที่เอวของเขา!

หยุนเคอหยุดชะงักไปชั่วขณะเมื่อรับรู้ได้พลังออร่าแห่งความหิว… แต่อย่างไรเขาก็ไม่ได้หันหลังกลับ เฉินเถียนเถียนกัดฟันแน่นอย่างอึดอัดใจ โดยปกติแล้วเขาจะต้องหันกลับมาและถามไถ่นางมิใช่หรือ?

หากภูเขาไม่เคลื่อนเข้ามา ข้าก็จะเคลื่อนตัวเข้าหาภูเขาเองแล้วกัน!

“หยุนเค่อ… ช่วยสอนข้าล่าสัตว์หน่อยได้ไหม?”

หยุนเคอเพียงเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา เขาไม่ได้กล่าวตอบแต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ความจริงแล้วข้าก็มิใช่อ่อนแอ หยุนเคอ… เจ้าเก่งมากก็จริงแต่ไม่สามารถแกะรอยของสัตว์ได้ แต่ข้าทำได้นะ! หากสัตว์ตัวนั้นเคยวิ่งผ่านแถวนี้ ข้าสามารถตามจนพบตัวมันและพวกเราก็จะได้รับสัตว์ป่าจำนวนมากขึ้นไงล่ะ… ดีไหม?”

เฉินเถียนเถียนพยายามโน้มน้าวชายร่างใหญ่อย่างเต็มที่ หากเขายินยอม นางก็ไม่ต้องทนหิวโหยอีกต่อไป!

หยุนเคอพลันนึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นบุคคลที่กล้าหาญและช่างดื้อรั้นยิ่ง นางสามารถหาหนทางเอาชีวิตรอดด้วยตนเองเสมอ

นางไม่น่าจะโกหก…

“ได้!”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น เถียนเถียนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

“ถ้าเช่นนั้น… ข้าขอยืมเหยื่อที่เจ้าล่ามาก่อนได้หรือไม่ ยังไงซะข้าต้องอิ่มก่อนจึงจะทำงานได้…”

หยุนเคอหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ในตอนนี้เถียนเถียนเริ่มสงสัยอยู่บ้าง นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดหยุนเคอที่ไม่เคยให้ความร่วมมือในตอนแรกจึงตอบตกลงกับนางอย่างง่ายดายในภายหลัง?

การจะหอบหิ้วสตรีไปด้วยตลอดทางมันคือภาระมิใช่หรือ?

“หลังจากข้าเรียนรู้วิธีล่าสัตว์ได้แล้ว ข้าย่อมตอบแทนเจ้าแน่นอน อย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวเลยหน่า”

ตระหนี่?

หยุนเคอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่เห็นด้วย เถียนเถียนกลอกตาไปมาและนึกถึงสิ่งที่เคยทำเงินมากโขให้กับนางในครั้งยังเป็นตำรวจ… แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ตำรวจลำบากใจมากที่สุด!

การสร้างสถานการณ์ว่าโดนรถชนเพื่อเรียกค่าเสียหาย!

หากเป็นการทำเช่นนี้นางค่อนข้างจะถนัด…

“ก็ดูเจ้าสิ… ลูกธนูนี้เกือบทำให้ข้าตายตกไปแล้ว ข้ามิควรชดใช้งั้นหรือ?”

หยุนเคอจับจ้องหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่ก็ไม่เห็นว่านางจะหวาดกลัว!

ตอนนี้เถียนเถียนเข้าใจความคิดของหยุนเคออย่างรวดเร็ว

“ก็ถูกของเจ้า… เพราะข้าน่ะกล้าหาญจึงไม่กลัว แต่ในยามที่ข้าเอ่ยปากว่าหวาดกลัว ก็แสดงว่าข้ากลัวจริง ๆ! เจ้าไม่คิดจะขอโทษข้าสักหน่อยหรือ? อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมาก ไก่ป่าสักตัวก็พอ…”

‘เอาล่ะ… เจ้าลงเรือลำเดียวกับข้าแล้ว แค่ขอหยิบยืมสักนิดมันจะไม่ได้เชียวหรือ?’

เป็นไปตามคาดของเฉินเถียนเถียนว่าหลินชวนฮวาผู้แสนดีจะแปรเปลี่ยนเป็นนางมารร้ายเมื่อนางกลับมาถึงบ้าน!

“กลับมาแล้วงั้นหรือนังหญิงราคาถูก! วัน ๆ คอยแต่สร้างเรื่องอับอายให้กับครอบครัวไม่หยุดหย่อน”

โลกใบนี้มีทั้งดีและชั่วผสมปนเป ส่วนเหล่าสตรีก็ไม่ต่างกัน… เพราะเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้จนชินชาจึงทำให้เฉินผิงอันไม่รู้สึกรู้สาใดกับคำพูดเหล่านี้

หรือแม้จะรู้สึกอยู่บ้างแต่ก็เพียงทำเมินเฉยราวกับไม่ได้ยินคำใด

“แม่ช่างเก่งกล้าเสียจริง… คิดได้อย่างไรจึงเอานายน้อยหลี่มาเป็นเครื่องมือให้กับตนเอง? คงคาดไม่ถึงล่ะสิ แม้เขาจะขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจแต่เขาก็ไม่รังแกหญิงที่อ่อนแอกว่า!”

หลินชวนฮวาอ้าปากราวกับกำลังจะตอบโต้แต่เฉินเถียนเถียนกล่าวแทรกเสียก่อน

“แม่คิดว่าพวกเขาจะทำตามที่ท่านร้องของั้นหรือ? เสียใจด้วยที่นายน้อยหลี่เลือกปกป้องข้าแทนและตอนนี้เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจเรื่องของท่านอีก ต่อไปนี้คงมีแต่เรื่องวุ่นวายที่แม่ต้องเผชิญ… ข้าคิดว่าแม่คงจะไม่มีเวลามาสนใจข้าแล้วล่ะ!”

หลินชวนฮวาเชิดหน้าขึ้นพร้อมสายตาเหยียดหยาม “ไม่จริง ข้าไม่มีใดต้องเกรงกลัว! เจ้าเสียมากกว่าที่ต้องกังวลใจ หากไม่รีบแต่งงานคงจะต้องโกนผมบวชชีไปตลอดชีวิต!”

เฉินเถียนเถียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสียงค่อย “ถ้าหากข้าเป็นนายน้อยหลี่และได้รู้ว่ามีใครบางคนพยายามจะใช้ข้าเป็นเครื่องมือทำลายผู้อื่น… ข้าจะไม่ปล่อยคนผู้นั้นไว้แน่และเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันไม่ใช่เพราะท่านจงใจขายข้าเพื่อแลกกับผลประโยชน์ของเฉินเฉิงเยี่ยงั้นหรือ?”

“มันสายเกินไปที่จะปิดบังแล้ว! หากแม่กล้าป่าวประกาศเรื่องข้าเช่นนั้นก็ควรจะคิดหนทางรับมือไว้บ้าง ตอนนี้นายน้อยหลี่ไม่ต้องทำสิ่งใดแม้แต่น้อยเพราะแม่ทำทุกสิ่งพังทลายด้วยตนเอง เรื่องราวของเฉินเฉิงเยี่ยถูกโพทะนาไปไกลไม่รู้ถึงไหน ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครจะยอมรับเขาเป็นศิษย์!”

แม้หลินชวนฮวาจะแสร้งแสดงใบหน้าไม่แยแส แต่ภายในใจกลับตื่นตระหนกและกังวลเกี่ยวกับอนาคตอย่างยิ่ง

นางทั้งรักและหวงแหนเฉินเฉิงเยี่ยมากกว่าสิ่งใด แต่สุดท้ายเขากลับไม่ได้เข้าโรงเรียนและถูกไล่ออกราวกับหมูหมา!

“นังเด็กสารเลว! เจ้ากำลังกล่าววาจาไร้สาระใดกัน การยืนยันความบริสุทธิ์ของเจ้าก็จบสิ้นลงแล้ว แต่เหตุใดจึงคิดระรานข้าไม่จบสิ้น?”

เฉินเถียนเถียนเดินไปที่โต๊ะพร้อมเผยสีหน้าเบื่อหน่ายออก นางยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะกล่าวต่อ “อ้อ ท่านคิดว่าแค่ส่งข้าให้ตระกูลหลี่แล้วเรื่องทุกอย่างจะจบสิ้นงั้นหรือ? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่!”

“ข้าทำให้นายน้อยหลี่ขุ่นเคืองใจไปแล้ว ตอนนี้เพียงการส่งข้าให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งข้าได้ เตรียมรับชะตากรรมของตนเองเถิด! ฮ่าฮ่าฮ่า! เฉิงเยี่ย… เตรียมตัวเถิด ปัญหาของข้าจบสิ้นแล้ว ต่อไปเป็นคราวของเจ้าบ้าง!”

แต่เฉินเฉิงเยี่ยไม่สนใจในสิ่งที่เถียนเถียนกล่าวคำ แต่ยังไงซะเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลก่อนจะโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อน “นังผู้หญิงเพศยา! เจ้าเพ้อเจ้อเรื่องใดกัน กำลังฝันกลางวันอยู่งั้นหรือ? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะต้องเป็นนักวิชาการให้ได้ อีกทั้งนายน้อยหลี่เองย่อมรู้ว่าผู้ใดคือคนสำคัญของเขา!”

เถียนเถียนยิ้มเยาะแต่ไม่ได้ตอบคำใดกลับ นางปรายตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นอาหารเย็นวางอยู่บนโต๊ะเลย…

ยังไงซะนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าบ้านหลังนี้จะมีอาหารเย็นอยู่แล้ว เช่นนี้จึงเดินตรงเข้าห้องนอนพร้อมกับลงกลอนอย่างรวดเร็ว

แต่หลินฮวากลับไม่สามารถอดกลั้นได้จึงเผยสีหน้าไม่สู้ดีนักออกมา

“เจ้ายังกล้าจะมานอนที่นี่อีกหรือ? หญิงไม่บริสุทธิ์เช่นเจ้าสมควรไปนอนในเพิงไม้!” เฉินผิงก่นด่า

ด้วยท่าทางที่เลวทรามของผู้เป็นพ่อนี้อาจทำให้เฉินเถียนเถียนคนเก่าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แต่สำหรับเฉินเถียนเถียนคนใหม่กลับฉีกยิ้มอย่างสบายอารมณ์

“แล้วพ่อจะหวงแหนห้องนี้ไว้เพื่ออะไรกัน? หรือท่านต้องการนอนในห้องนี้หรือ? แม้แต่ลูกชายสุดรักสุดหวงของท่านยังไม่มีสิทธิ์ในห้องนี้เลยด้วยซ้ำ… หึ เพราะสิ่งที่ดีที่สุดทั้งหมดมันตกอยู่กับลูกชายสุดที่รักของแม่ยังไงล่ะ!”

ได้ยินเช่นนั้นเฉินผิงอันจึงสงบปากสงบคำลงในทันใด

เฉินเถียนเถียนกล่าวถูกต้องทุกอย่าง ห้องนี้ยังว่างอยู่นางจึงมีสิทธิ์ที่จะใช้ อีกอย่างเฉินเฉิงเยี่ยก็โตพอที่จะแต่งงานแล้ว…

ส่วนหลินชวนฮวาพลันหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น

หากเฉินเถียนเถียนไม่กล่าวออกก็คงไม่สามารถจัดการกับเฉินผิงอันได้ เขาคงไม่มีวันจำได้จึงต้องใช้คำพูดของเด็กสาวเพื่อเตือนความจำ… เขาไม่ควรจะหวงแหนห้องนี้เลยสักนิด!

เดิมทีเฉินเถียนเถียนอาศัยอยู่ในโรงเก็บไม้เล็ก ๆ ทั้งแคบและชื้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ

ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันมักจะอ้างเสมอว่าเฉินเฉินยังเด็กจึงไม่สามารถนอนคนเดียวได้ ตอนนี้เด็กชายอายุเจ็ดขวบซึ่งถึงเวลาที่เขาต้องนอนคนเดียวแล้ว

“สามี… ข้าบอกท่านนานแล้วว่าคงจะไม่ดีนักหากเฉินเฉินยังนอนกับเราอยู่ เขาควรจะนอนคนเดียวแต่เถียนเถียนฉกฉวยเอาห้องนี้ไปแล้ว ข้าจึงไม่…”

เฉินผิงอันเริ่มโกรธขึ้นมาอีกครั้งจึงตะเบ็งออกสุดเสียง “นังเด็กสารเลวเมื่อไหร่เจ้าจะเลิกสร้างปัญหาสักที!”

เฉินเถียนเถียนไม่สนใจสิ่งใดพร้อมกับปล่อยร่างกายล้มลงบนเตียงทรุดโทรมด้วยความสบายใจ

เอาล่ะ หากเรื่องนี้ไปถึงหูของผู้เฒ่า ชาวบ้านก็คงจะเริ่มรำคาญที่ปัญหาไม่ยอมจบสิ้น ควรจะอดทนไว้ก่อน!

ตอนนี้เฉินเถียนเถียนรู้สึกหิวมากแต่ก็ทำได้เพียงอดทนและนอนอยู่บนเตียงเพื่อให้คืนวันผ่านไปโดยเร็ว

เดิมทีเฉินผิงอันและหลินชวนฮวาตั้งใจจะมอบห้องนี้ให้กับเฉินเฉิน เมื่อเห็นลูกสาวทำตัวเช่นนี้จึงทำให้เกลียดชังเฉินเถียนเถียนมากยิ่งกว่าเก่า!

แต่ว่าเฉินเฉินกลับรู้สึกบางอย่างอยู่ภายในใจ…

พี่สาวคนนี้ช่างเก่งกาจนัก เพียงนางกล่าวออกไม่กี่คำห้องใหญ่นั่นก็กลายเป็นของนางทันที… หรือว่านางจะรู้และไม่อยากให้เขานอนตัวสั่นอยู่ในห้องมืด ๆ คนเดียวทั้งคืน?

หัวใจของเฉินเฉินทั้งบริสุทธิ์และขาวสะอาด มีเพียงผู้เป็นแม่ที่ขีดเขียนความเกลียดชังลงไป แต่สุดท้ายแล้วเด็กน้อยก็ยังตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขารู้สึกว่าเฉินเถียนเถียนคือพี่สาวและผู้เป็นแม่ช่างลำเอียงนัก นางใจดีกับพี่ใหญ่คนเดียว… พี่ใหญ่คือคนที่ดีที่สุดในสายตาของท่านแม่!

เมื่อก่อนคราวที่เฉินเถียนเถียนเป็นคนดูแลบ้านและหุงหาอาหาร เฉินเฉินไม่เคยเลยต้องทนหิว แต่ตอนนี้แม่มักบอกกล่าวว่าเขาได้กินในสิ่งที่สมควรได้กินแล้ว… ถ้าหากตอนนี้พี่สาวยังอยู่ เขาคงจะอิ่มท้องมากกว่านี้แน่!

สายตาของเฉินเฉินที่มองดูคนในบ้านเปลี่ยนไป… แววตานั้นแปลกประหลาดราวกับเขาคือผู้ใหญ่คนหนึ่ง!

ในท้ายที่สุดเฉินเถียนเถียนก็มอบห้องนี้ให้กับน้องชายและตนเองออกไปอยู่ที่โรงเก็บไม้ดังเดิม…

แต่ดูเหมือนว่าแม่จะเก็บอาหารทั้งหมดออกไปแล้ว เช่นนี้เขาต้องอดอาหารอีกหรือไม่?

เด็กน้อยไม่สามารถหยุดคิดเรื่องราวภายในใจได้ เขาจึงแสดงความรังเกียจต่อหลินชวนฮวาออกไปอย่างชัดเจน!

แต่ในตอนนั้นหลินชวนฮวากลับต่อว่าเขาอย่างเดือดดาลจนทำให้เฉินเฉินหวาดกลัวจนต้องพ่ายแพ้ และเขาก็ไม่กล้าที่จะไปยังโรงเก็บไม้อีกแล้วด้วย

“ช่างขี้ขลาดตาขาวอะไรเช่นนี้!”

เสียงก่นด่าของผู้เป็นแม่ดังขึ้นในหัวของเฉินเฉินไม่หยุดหย่อน…

อย่างไรเสียเด็กน้อยไม่เข้าใจความหมายของคำว่าขี้ขลาดตาขาว… เด็กชายเริ่มรับรู้ได้ว่าแม่กำลังดุด่าเขาอยู่ ตอนนี้เขาสามารถแยกแยะเจตนาดีและร้ายของผู้อื่นได้แล้ว… แต่อย่างไรเขาก็ไม่กล้าตอบโต้จึงทำได้เพียงถอยหลังกลับเข้าไปในห้องเท่านั้น

‘ในโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นเถียนเถียนคนเดิมหรือคนปัจจุบัน ข้าก็รู้จักเพียงผู้ชายไม่กี่คนเท่านั้น แล้วข้าจะหาผู้ชายที่ไหนมาแต่งงานได้เล่า?’

ตอนนี้เถียนเถียนอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น หากอยู่ในภพเดิมก็คงเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น… แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้ปวดหัวยิ่ง!

หลังจากที่ทุกคนจากไป นางก็เดินออกมาจากตรงนั้นด้วยเช่นกัน… ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ครั้งนี้นางก็พ่ายแพ้!

เฉินเถียนเถียนเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยความผิดหวัง แต่เมื่อถึงสี่แยกนางเห็นหลี่ซื่อฮวายืนอยู่ข้างรถม้า เขาเอ่ยปากถามอย่างหยอกเย้า “เฮ้สาวน้อย เจ้ายอมแพ้แล้วงั้นหรือ? ข้าเห็นว่าผู้เฒ่าพวกนั้นบังคับให้เจ้าแต่งงานให้โดยเร็ว!”

เฉินเถียนเถียนยังคงรู้สึกขอบคุณต่อนายน้อยหลี่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขาบ้าง…

“นายน้อยหลี่… เหตุใดยังคงหยุดอยู่ที่นี่ มารอฉุดเด็กสาวจากหมู่บ้านเทพธิดาอีกแล้วเหรอ?”

เสี่ยวซื่อยิ้มจางพร้อมกล่าวตอบ “รอฉุดเด็กสาวอย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดว่าจะมีหญิงเข้ามาติดพันนายน้อยของข้าบ้างหรือ?”

ส่วนนายน้อยหลี่ไม่ได้พูดอะไรตอบแต่เอื้อมมือไปตบหัวของเสี่ยวซื่อเบา ๆ! อีกฝ่ายหดคอและก้าวถอยหลังไปทันที!

“สาวน้อย… สิ่งที่ข้าพูดวันนี้ช่วยชีวิตเจ้าได้ เจ้าไม่คิดสำนึกบ้างหรือ?”

เฉินเทียนเถียนกลอกตาโดยไม่ได้พูดอะไรตอบ นายน้อยหลี่เห็นอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“เอาล่ะ! ข้าไม่ได้ช่วยเพราะเจ้ากตัญญูหรืออะไรหรอก แต่เจ้าเป็นหญิงน่าสงสารและข้าก็ไม่อยากมีปัญหาภายหลัง!”

หลังพูดจบหลี่ซื่อฮวาก็โบกพัดในมือไปมาอย่างสง่างาม

“พูดถึงแม่เลี้ยงของเจ้าแล้ว นางช่างโง่เขลาเสียจริง มันสายเกินไปแล้วที่จะปิดบังเรื่องนี้ นางกล้าพูดออกมาได้อย่างไร?! ดูเหมือนในอนาคตเฉิงเยี่ยจะลำบากไม่น้อย ชื่อเสียงของนักปราชญ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากข่าวเรื่องแม่ของเขากระจายออกไป… ใครเล่าจะกล้ารับเขาเป็นศิษย์?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉินเถียนเถียนพลันตื่นเต้น ดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องจัดการอีกฝ่ายด้วยตนเองแล้ว นายน้อยหลี่ช่างปราดเปรื่องนัก… เขาไม่ยอมให้หลินชวนฮวาใช้ตนเป็นเครื่องมือเลยสักนิด!

“แท้จริงแล้วท่านเป็นคนอย่างไรกันแน่? หากมองจากภายนอกก็คงเห็นว่าท่านโหดร้ายและบ้ากาม แต่ตอนนี้ชายที่อยู่ตรงหน้าข้ากลับไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย… ใครจะไปคาดคิดว่านายน้อยหลี่จะสงสารเด็กสาวตัวเล็กเช่นข้า กล่าวคำยืนยันความบริสุทธิ์ให้ข้าด้วยความสัตย์จริง… ทุกสิ่งที่ปรากฏมันชวนให้ข้าสับสนเพราะเรื่องราวที่ได้ยินมามิใช่อย่างนี้!”

ได้ยินอย่างนั้นหลี่ซื่อฮวาก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ตัดสินเขาจากเรื่องราวที่ได้ยินงั้นหรือ… นางไม่ได้คิดว่าเขาเลวร้ายจริง ๆ หรือ?

เฉินเถียนเถียนยังคงไม่หยุดจ้อ “ไม่ใช่ข้าอยากโอ้อวดอะไร แต่หากไม่ใช่เพราะข้าขาดสารอาหารจนผ่ายผอม… ข้าก็นับว่าเป็นหญิงงามเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่คิดจะทำอะไรข้า มันจึงทำให้ข้าตกใจไม่น้อยเพราะอย่างไรแล้วชื่อเสียงและกิตติศัพท์ความโหดร้ายของตระกูลหลี่นั้นเลื่องลือนัก!”

“ข้าได้ข่าวมาว่าแม่เลี้ยงของนายน้อยก็โหดเหี้ยมเช่นเดียวกับแม่เลี้ยงของข้า! แต่ว่าแม่เลี้ยงของข้านั้นกดขี่ข่มเหงและใส่ร้ายเพื่อตัดอนาคตของข้าให้จบสิ้น! การที่นางต้องเผชิญหน้ากับนายน้อยหลี่นั้นนับว่าสมน้ำสมเนื้อไม่น้อย ข้าเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านไม่ได้เห็นด้วยกับนางแต่ก็ไม่ต้องการจะมีปัญหากับผู้ใดจึงแสร้งโอนอ่อนตามบทบาท เมื่อสบโอกาสที่อีกฝ่ายคลายความระวังตัวท่านจึงจะทุบตีในคราวเดียวใช่หรือไม่?!”

นายน้อยหลี่ถึงกับชะงักงันด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมพร้อมเสี่ยวซื่อที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง… ไม่มีใครรู้ว่านายน้อยทำอะไรลงไปบ้างนอกจากตัวของเขาเอง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับถูกเปิดเผยโดยแม่สาวน้อยตรงหน้า! เขาคงไม่ฆ่าตัวตายเพราะโกรธาใช่หรือไม่?

“แม่นางเฉินเถียนเถียน… นับว่าเจ้าฉลาดหลักแหลมยิ่ง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากรู้มากไปย่อมส่งผลร้ายตามมา อย่างเช่นตอนนี้ข้าคิดว่าควรจะฆ่าปิดปากเจ้าดีหรือไม่?!”

เฉินเถียนเถียนถอยกรูดอย่างไม่รู้ตัว นางรู้สึกได้ว่าทุกถ้อยคำที่นายน้อยหลี่กล่าวออกล้วนแต่เป็นความจริงและเขาสามารถสังหารนางได้จริง ๆ!

“เอาล่ะ… คราวนี้ถือว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน แต่สำหรับเรื่องราวกงการของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งวุ่นวายเด็ดขาดจำไว้ให้ดี! รีบไปให้พ้นหน้าข้าซะ…”

ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินเถียนเถียนสับขาวิ่งหนีไปทันที คำพูดและอำนาจของนายน้อยผู้นี้ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน้อยก็ทำให้นางกลัวได้!

แต่ความจริงแล้วไม่เห็นต้องกลัวอะไร คนเราเกิดมาก็ต้องตาย!

หากเขาต้องการจะฆ่าใครจริง ๆ เฉินเถียนเถียนอาจไม่ใช่เป้าหมายของชายหนุ่มทั้งสองก็ได้! เพราะถ้าหากใช่… พวกเขาคงไม่ปล่อยให้นางวิ่งหนีออกมาหรอก

หลี่ซื่อฮวาเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา แต่หญิงตรงหน้ากลับวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายป่า… เขาควรทำอย่างไรหากนางเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปแพร่งพราย?

ในโลกนี้… ใครสามารถเก็บความลับได้ดีที่สุด?

คนตายไงล่ะ!

เสี่ยวซื่อมองไปที่ใบหน้าอันเคร่งขรึมของนายน้อยก่อนจะรวบรวมความกล้าและเอ่ยปากถาม “นายน้อยต้องการให้ข้าหยุดนางหรือไม่?”

แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็ยกมือเพื่อปฏิเสธอย่างไม่หยี่ระ…

“ไม่ต้องหรอก! นางจะไม่นำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายเพื่อแลกกับคำว่ากตัญญูแน่… นอกจากนี้นางยังสามารถใช้เรื่องทั้งหมดเพื่อเรียกร้องบางสิ่งจากข้าได้ตามต้องการ เช่นนี้นางจึงไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเพราะมันไม่เกิดผลดีอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย!”

“แต่ในกรณีที่…”

“ไม่มีอะไรหรอก เจ้านี่โง่เหมือนกับหลินชวนฮวาหรือไงนะ? เหตุใดจึงพูดกล่าวไม่เข้าใจสักที!”

เฉินเถียนเถียนหลบหนีไปจนสุดทางก่อนจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับบ่นพึมพำ “โอ้พระเจ้า! นายน้อยผู้นี้น่ากลัวยิ่ง หยุนเคอก็ลึกลับ แต่นายน้อยหลี่ก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้โดยง่าย!”

ขณะที่กำลังนึกคิด เถียนเถียนก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าเหตุใดนางจึงนึกถึงหยุนเค่อ? นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้พบเจอเขา?

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ตระหนักได้ว่าตนสามารถอ่านใจนายน้อยหลี่ได้ แต่สำหรับหยุนเคอ… ช่างยากเย็นนัก!

ไม่รู้เลยว่าหน้าตาของหยุนเคอตอนนี้เป็นเช่นไร หนวดเครายังคงรุงรังหรือไม่? เฉินเถียนเถียนคิดในขณะที่เดินกลับบ้าน! แม้ว่านางจะไม่อยากกลับแต่ตอนนี้ก็ไม่มีที่อื่นให้ไปแล้ว!

เด็กสาวก้มศีรษะและรีบเดินกลับบ้านไป ผู้คนรอบข้างมองดูนาง ไม่มีผู้ใดเห็นว่าใบหน้าของนางเป็นเช่นไร ดูเหมือนว่าวันนี้นางจะเศร้าโศกยิ่ง

คงต้องเป็นเช่นนั้นแน่เพราะบิดาผู้ให้กำเนิดถือว่าลูกสาวแท้ ๆ เป็นศัตรู ทั้งยังอยากให้นางโดนถ่วงน้ำ!

แต่ในความเป็นจริง เฉินเถียนเถียนไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกแต่อย่างใด แม้ว่านางจะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยในตอนที่เจอเหตุการณ์นี้ครั้งแรกแต่เสี่ยวเถาพูดถูก เขาไม่ใช่พ่อของนาง แล้วทำไมจะต้องเสียใจด้วย?

นางไม่รู้เลยว่าเฉินผิงอันเป็นใครในตอนนี้… แม้แต่ความเห็นอกเห็นใจจากชาวบ้าน เฉินเถียนเถียนก็ยังเลือกที่จะไม่สนใจ แม้จะรู้ว่าพวกเขาสงสารและเห็นใจ แต่ก็ไม่สามารถทำให้นางเอาชนะได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นกลับถูกบังคับให้แต่งงานอีกด้วย!

ผู้คนในหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุข ปลอดภัย ท่ามกลางชื่อเสียงอันเสื่อมเสียของนาง ความเห็นอกเห็นใจที่มอบให้ นับว่าไร้ประโยชน์ บางคนก็เย่อหยิ่งและประสงค์ร้าย นินทาลับหลังและลอบกัด ซึ่งนางเห็นมันทะลุปรุโปร่งแล้ว!

 หลี่ซื่อฮวาได้ยินอย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนก เหตุใดอาวุโสผู้นี้จึงไร้เหตุผลนัก? เขาต้องการจะกำจัดนางจริง ๆ ใช่หรือไม่? หรือว่าเขาไม่เชื่อว่านางบริสุทธิ์กันแน่?

แน่นอนว่าผู้เฒ่าใหญ่กลับไม่คิดเห็นด้วย “สิ่งที่น้องสี่กล่าวออกนั้นไม่ถูกต้อง… ประการแรกคือเด็กสาวผู้นี้ยังไม่เสียบริสุทธิ์ให้กับผู้ใด จะให้รีบจัดการกับนางราวกับมิใช่คนงั้นหรือ? ประการที่สอง… บุคคลที่ทำผิดอย่างแท้จริงคือหลินชวนฮวา! หากทำดั่งที่เจ้าว่าโลกใบนี้ควรมีคำว่าความยุติธรรมอยู่หรือไม่?”

อาวุโสทั้งสองจับจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ เฉินเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย…

ไม่เช่นนั้นนางคง… รอไม่ไหวที่จะถอนหงอกของชายชราผู้น่ารังเกียจคนนั้นออก!

คราวนี้เป็นทีของผู้เฒ่าหกขอกล่าวคำบ้าง “ข้าจะไม่พูดถึงผู้อื่นแต่จะพูดถึงเพียงหญิงสาวในตระกูลเฉินผู้นี้เท่านั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนมีปัญหาเกิดขึ้นและส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในวันนี้! คงจะเป็นการดีหากนางได้แต่งงานโดยเร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งงานจะช่วยหยุดข้อพิพาทได้โดยเร็วอีกด้วย!”

หากไม่มีผู้ใดเชื่อในความบริสุทธิ์ของเฉินเทียนเถียน นางก็พร้อมจะเริ่มสาบาน!

ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองนางเป็นตัวปัญหา แต่แท้จริงแล้ว… นางไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย!

ผู้เฒ่าใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเด็กสาวผู้นี้ยอดเยี่ยม นางหนักแน่น มีเหตุผลและต่อสู้เพื่อตนเอง แต่เพราะนางถูกทำร้ายอย่างทารุณ แล้วทุกอย่างมันควรจะเป็นเช่นนี้หรือ?”

ผู้เฒ่าที่สี่และผู้เฒ่าที่หกต่างไม่ชอบใจเฉินเถียนเถียน อาจเป็นเพราะความเป็นเลิศและความดีงามของแม่นางหยุน อีกทั้งยังรู้สึกเสมอว่าหญิงที่ดีไม่สมควรมีลูกสาวที่น่าอับอายเช่นนี้!

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจอดทนต่อเฉินเถียนเถียนที่เอาแต่สร้างปัญหาได้

“แต่ไม่ใช่ผู้เฒ่าทุกคนจะยอมรับ เราจึงทำได้เพียงแก้ปัญหาให้นางได้เท่านั้น! ถึงแม้นางจะบริสุทธิ์และเราเองก็ทราบเรื่องนี้ แต่เมื่อข่าวแพร่ออกไปแล้วใครบ้างจะยังเชื่อว่านางบริสุทธิ์?”

คำพูดของผู้เฒ่าที่สี่ทำให้ผู้เฒ่าใหญ่เงียบ!

แน่นอนว่าไม่ผิดที่เขาจะชอบเด็กหญิงผู้นี้ และไม่ผิดที่จะชื่นชมนางแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฟังความเห็นของคนในตระกูล สิ่งที่ผู้เฒ่าสี่พูดก็ไม่ผิดเพราะนางไม่มีวันลบล้างความคิดแย่ ๆ ของผู้คนที่มีต่อนางได้

 

บางครั้งข่าวลือก็ไม่สามารถลบล้างได้ด้วยหลักฐานแห่งความจริง…

อีกทั้งยังมีคนบางกลุ่มที่คิดว่าทั้งเฉินเถียนเถียนและหลี่ซื่อฮว๋าต่างสมรู้ร่วมคิดสร้างหลักฐานปลอมนี้ขึ้นมา!

“สาวน้อย… อย่าโทษผู้เฒ่าสี่เลยที่ไม่ช่วยเจ้า หลักฐานที่เจ้ามียังไม่ชัดเจน พวกข้าก็ชรามากแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องปกติ ยังมีหญิงสาวมากมายที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานถูกกล่าวหา ไม่ใช่เพียงแต่เจ้า…”

เฉินเทียนเทียนรู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องปกติของทุกคนให้กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฏสังคม แยกแยะผิดถูกได้อย่างชัดเจนและรู้จักบังคับใช้กฎหมายได้

แต่ตอนนี้ นางอยู่ในโลกที่ในโลกที่ข่าวลือสามารถฆ่าคนได้ และการยืนยันด้วยหลักฐานก็เป็นสิ่งที่อ่อนแอมาก!

“สินสอดทองหมั้นจะเป็นเงินของแม้เจ้า แต่บ้านและทุ่งนาทั้งหมดก็ยังอยู่ในหมู่บ้าน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยกให้เจ้าครอบครอง! ดังนั้นจงโอนกรรมสิทธิ์ทุกสิ่งให้เป็นของพ่อเจ้าเถิด”

“เอาล่ะ เฉินผิงอัน… เหล่าผู้เฒ่าอย่างพวกข้ายังมีชีวิตอยู่ หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแล้วเจ้ายังกล้าเพิกเฉยต่อนางอีก พวกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน! แม่นางเฉิน… ข้าช่วยเจ้าได้ดีที่สุดก็เท่านี้ สำหรับการแต่งงาน เจ้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ทั้งแม่เลี้ยงและตระกูลหลี่จะไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด!”

แววตาของผู้เฒ่าใหญ่เปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความชาญฉลาด แม้เด็กสาวผู้นี้จะไม่ได้หัวอ่อนเหมือนหญิงอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นเคืองหรือปัญหาขึ้นในอนาคตเพราะอาจส่งผลเสียต่อตระกูลเฉินได้

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่ยินยอม แต่เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเฝ้าดูและกดดันนาง อีกทั้งผู้เฒ่าใหญ่ก็ตัดสินเรื่องทั้งหมดอย่างเด็ดขาดแล้ว ดังนั้นนางจึงหยิบโฉนดบ้านและที่ดินออกมาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

จากนั้นยื่นมันทั้งหมดให้กับเฉินผิงอันด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจนัก

เฉินผิงอันยิ้มอย่างมีชัย ดวงตาของเขาฉายแววเย้ยหยันอย่างไม่ปกปิด

‘นังเด็กขี้ครอก ต่อให้เก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องถวายทุกอย่างให้ข้าด้วยมือทั้งสอง!’

ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวต่อ “เด็กสาวผู้นี้ได้รับความเจ็บช้ำใจมามากพอแล้ว เฉินผิงอัน… หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นที่บ้านและสร้างความไม่พอใจให้แก่นาง นางมีสิทธิ์นำมาบอกข้าได้ทุกเมื่อ! จำไว้ให้ขึ้นใจเมื่อมองย้อนกลับไปเจ้าเองก็ทำให้แม่ต้องคับข้องใจเช่นกัน!”

“ในตอนนั้นข้าต้องการจะขับไล่เจ้าออกไปเพราะทำผิดกฎของหมู่บ้าน แต่รู้หรือไม่ว่าแม่ของเจ้าเข้ามาอ้อนวอนต่อพวกข้า! หลังจากนี้เด็กสาวคนนี้จะอยู่ในบ้านของพวกเจ้าไปอีกสักพัก ห้ามทำร้ายนางแต่จงปกป้อง! เรื่องสินสอดทองหมั้นก็อย่าได้เรียกร้องมากนัก ไตร่ตรองเรื่องราวให้ถี่ถ้วนจะได้ไม่ต้องเสียใจในอนาคต!”

นี่เป็นคำเตือนที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง คำพูดที่ผู้เฒ่ากล่าวออกเห็นได้ชัดว่ามีความเอนเอียงไปหาเฉินเถียนเถียน

ผู้เฒ่าทั้งที่สี่และผู้เฒ่าที่หกยืนพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย! เฉินผิงอันรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน แม้เขาจะไม่เต็มใจแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างฝืนทน

“ส่วนเจ้า… หลินชวนฮวา! หากเจ้าไม่สามารถจัดการกับเรื่องราวทั้งหมดได้ ข้าจะเป็นคนจัดการให้เอง ยังไงซะเหตุการณ์ทั้งหมดนี้นับว่าเจ้าคือต้นเหตุ อย่างไรคนผิดคือเจ้าแต่เพียงผู้เดียว! ก้าวขาออกมาขอโทษเด็กคนนี้ซะ!”

หลินชวนฮวาได้ยินอย่างนั้นก็เผยสีหน้าไม่พอใจยิ่ง ส่วนเฉินผิงอันก็อับอายจนไม่รู้จะมุดหน้าไว้ไหน แต่ภายใต้คำสั่งเด็ดขาดของผู้เฒ่าใหญ่ทำให้ทุกคนไม่กล้าขัดขืน

สุดท้ายแล้วหลี่ชวนฮวายืนขึ้นพร้อมกล่าวคำอย่างไม่เต็มใจนัก “ข้าขอโทษ!”

เฉินเทียนเถียนหันเบือนหน้าหนีอย่างไม่ยอมรับคำขอโทษของอีกฝ่าย!

“หากเจ้าทำร้ายใครสักคน แล้วคำขอโทษทำให้ทุกอย่างจบ กฎหมายบ้านเมืองจะมีประโยชน์อะไร! หลินชวนฮวาสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ อีกไม่นานเจ้าจะได้ลิ้มรสแห่งความชั่วร้าย จงจำไว้ให้ดี!”

ผลตัดสินเป็นเด็ดขาด ทุกคนจึงแยกย้ายกลับ

ผู้เฒ่าใหญ่ยืนถือไม้เท้าอยู่ตรงหน้าเฉินเถียนเถียนพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยน “เด็กน้อย… ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ โลกนี้มันไม่ยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว! บอกตามตรงผู้เฒ่าทั้งสองต่างเสียใจที่ต้องทำแบบนี้และข้าก็เสียใจที่ช่วยเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจทำให้สมดั่งใจทุกคนปรารถนาได้!”

เฉินเถียนเถียนก้มศีรษะลงด้วยท่าทีเคารพก่อนจะกล่าวตอบเสียงค่อย “ท่านอาวุโสทำเพื่อข้ามามากพอแล้ว! ตอนนี้ที่ข้าคับข้องใจมีเพียงเรื่องที่ข้าต้องแต่งงานเท่านั้น… ส่วนสิ่งอื่นท่านช่วยเหลือข้ามากพอแล้ว เด็กสาวคนนี้ไม่อาจตำหนิท่านได้!”

ผู้เฒ่าใหญ่เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจยาว “เด็กน้อย… ข้าเองก็แก่แล้ว แม่เลี้ยงของเจ้าก็เอาแต่สร้างเรื่องวุ่นวาย ดังนั้นจึงเป็นการดีสำหรับเจ้าที่จะแต่งงาน!”

เฉินเถียนเถียนกล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน “อย่างนั้นข้าก็ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่ายิ่ง!”

ชายชราถอนหายใจด้วยความไม่รู้จะทำอย่างไรก่อนจะส่ายศีรษะและเดินจากไป เฉินเถียนเถียนรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องยากมาก การแต่งงานมันยากเกินไป!

“นายน้อย ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เหตุใดจึงมีเรื่องมากมายเช่นนี้?”

“หากเจ้าถามเช่นนี้ ข้าควรจะตอบเจ้าอะไรดี… ก็อยู่ด้วยกันจะรู้ได้อย่างไร!?”

แม้หลินชวนฮวาจะรู้สึกสะใจที่ขายเด็กขี้ครอกคนนี้ได้ แต่ก็ยังไม่พอใจนักเพราะการแก้แค้นเช่นนี้มันยังไม่รุนแรงพอ!

เรื่องที่เฉินเฉิงเยี่ยถูกท่านหลินปฏิเสธทำให้หลินชวนฮวาต้องการฉีกร่างของเฉินเถียนเถียนทั้งเป็น!

วันรุ่งขึ้นชาวบ้านเกือบทุกคนมารวมตัวกัน ณ ลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เว้นเสียแต่ผู้ที่มีธุระข้างนอกที่ต้องไปจัดการเท่านั้น

หัวหน้าหมู่บ้านเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าอ่อนโยนและดูน่าเคารพยิ่ง แม้เขาจะเรียนหนังสือไม่เก่งแต่เขาสามารถกล่าวถ้อยคำให้คนทั้งหมู่บ้านยอมรับได้!

จากนั้นผู้เฒ่าทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้น!

คราก่อนมีผู้เฒ่าสองคน คนหนึ่งเป็นอาวุโสผู้มีอารมณ์ขัน ส่วนอีกคนเป็นอาวุโสผู้เคร่งขรึม! แท้จริงแล้วยังมีผู้เฒ่าอีกหนึ่งคนซึ่งเฉลียวฉลาดและทุกคนต่างเคารพนับถือ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์หรือที่เรียกกันว่าปรมาจารย์!

ตระกูลเฉินอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้มาหลายปีแล้ว และทุกปัญหาของตระกูลเฉินมักจะถูกผู้เฒ่าและหัวหน้าหมู่บ้านจัดการให้อยู่เสมอ… ยังไงซะวันนี้นับว่าเป็นการรวมตัวที่พบเจอได้ยากยิ่ง

เฉินเถียนเถียนไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติหรือรู้สึกเศร้า เพียงเพราะปัญหาของตนต้องทำให้หลายคนต้องเสียเวลาเพื่อมาตัดสิน

เฉินเถียนเถียนเดินออกมาใจกลางวงด้วยท่าทางน่าสงสาร นางมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเฉินผิงอันที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่ตรงหน้า

“ตระกูลเฉิน… สำหรับปัญหาเหล่านี้ในครอบครัวของเจ้า ข้าได้เตือนพวกผู้ใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า แค่เด็กสาวเพียงคนเดียว พวกเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือนางได้เลยงั้นหรือ?”

ชายชราตำหนิหัวหน้าครอบครัวเฉิน… ส่วนเฉินผิงอันยืนฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มทว่าไม่กล้าผลีผลามต่อหน้าอาวุโส

ขณะนั้นอาวุโสหันหน้าไปหาเฉินเถียนเถียน ทุกคนจึงมองตามเขาอย่งช่วยไม่ได้ ในตอนนั้นเองที่เด็กสาวสลัดคราบความอ่อนแอทั้งหมดทิ้งพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้!

ชายชราพยักหน้ารับอย่างพอใจ เด็กสาวคนนี้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา แม้ว่านางจะยังเด็กแต่ก็กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก!

เขาชื่นชมเถียนเถียนอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้งก่อนจะกล่าวคำออกด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “ข้าได้ยินมาว่า สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดในตระกูลเฉินคือแม่เลี้ยงของเจ้า… ผู้ที่ส่งลูกสาวให้ตระกูลหลี่ใช่หรือไม่?”

เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่านี่คือเวลาที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาทุกอย่าง นางจึงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวออกอย่างน้อบน้อม…

“ท่านผู้เฒ่า! เถียนเถียนผู้นี้สัตย์ซื่อและขี้ขลาด ไม่กล้ายุ่งกับสิ่งผิดอันใดทั้งสิ้น! ในอดีตข้าให้เกียรติแม่เลี้ยงยิ่ง แต่แม่กลับไม่เคยเมตตาหรือสงสารข้าเลย ท่านส่งตัวข้าไปยังบ้านของตระกูลหลี่ เพื่อแลกกับโอกาสที่พี่ชายจะได้เรียนหนังสือ แม้ข้าจะยังเด็ก ข้าก็รับรู้ได้ว่าต้องไปทำอะไรที่นั่น… ต่อให้ข้าจะพยายามคัดค้านเพียงใด แม่ก็ไม่ฟัง สุดท้ายจึงตบตีและส่งข้าไปยังบ้านของตระกูลหลี่ จากนั้น… ข้าพยายามใช้กลอุบายทั้งหมดที่มีจนสามารถหนีออกมาได้!”

“เถียนเถียนอดทนมาหลายปี ข้าต้องการเรียกร้องความยุติธรรม ข้าไม่เต็มใจจะทำเช่นนั้น ข้าจึงเชิญท่านผู้เฒ่ามาเพื่อให้นำสินสอดทองหมั้นของแม่กลับคืน! ในที่สุด… วันที่ข้ารอคอยก็มาถึง!”

“แต่หลังเรื่องราวจบลงกลับยังคงมีบางคนที่ไม่ยอมปล่อยข้าไป พวกเขาปล่อยข่าวลือว่าข้าเสียตัวให้ตระกูลหลี่แล้ว! วันนี้ข้ามาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง!”

ชายชราพยักหน้ารับ แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่กลับกล้าพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างฉะฉาน ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ถือได้ว่าเป็นเด็กสาวมากล้าหาญและมีความมั่นใจนัก!

“แล้วเจ้ามีหลักฐานอะไรที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้?”

เฉินเถียนเถียนประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถาม นี่มันอะไรกัน!

“ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานทางอาญาที่บอกว่าถูกข่มขืน… แต่เจ้าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ได้!”

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เฉินเถียนเถียนจะทำอย่างไรได้เล่า? นางจึงยอมเล่าเรื่องทุกอย่างด้วยน้ำเสียงหนักแน่น!

“ในตอนที่ข้าหนีออกมา… ข้าทำให้สาวใช้ในบ้านตกใจ นางสามสามารถเป็นพยานให้ข้าได้ จากนั้นข้าเดินเท้ากลับบ้านในตอนค่ำและพ่อแม่ก็หลับไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่คิดรบกวน พอรุ่งอรุณ… ทั้งสองก็พบว่าข้าอยู่ในบ้านแล้ว”

ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าหมู่บ้าน “เจ้ามีพยานที่นางกล่าวถึงหรือไม่?”

หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าด้วยความเคารพ “นายน้อยหลี่มาที่นี่ด้วยตนเอง… และตอนนี้พักผ่อนอยู่ในบ้านของข้า!”

ทันใดนั้น ชาวบ้านที่มุงอยู่ก็ต่างแยกออกจากกัน เสี่ยวซื่อเดินนำทางหลี่ซื่อฮวาเพื่อฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างสง่างาม

เฉินเถียนเถียนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น นางสร้างความขุ่นเคืองให้นายน้อยหลี่โดยการหนีออกมา ถ้าเขาให้การเท็จ แล้วสิ่งที่นางพยายามทั้งหมดจะมีประโยชน์อะไรเล่า?

นายน้อยหลี่สบตาเข้ากับนางในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในลาน

“โอ้! เจ้าก็งดงามไม่น้อย… วันนั้นข้าก็บอกแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น! แม่นาง… ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่ได้รักหรือต้องการเจ้า เหตุใดจึงไม่อยู่กับข้าเล่า?”

หลังจากได้ยินอย่างนั้นเฉินเถียนเถียนเผยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธา นางตะหวาดใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด “หากท่านไม่คิดจะให้เกียรติข้า ก็จงรักษาเกียรติของตนบ้าง!”

“ให้เกียรติตนเองงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนใจนัก!”

เป็นอีกครั้งที่เฉินเถียนเถียนหักหน้านายน้อยหลี่และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหลินชวนฮวา… นางเผยแววตาแห่งความดีใจออกมาอย่างไม่ปกปิด

‘นังเด็กขี้ครอกคนนี้กล้าหักหน้านายน้อยหลี่… เช่นนี้เขาย่อมขุ่นเคืองแน่ ยังคิดว่าเขาจะยอมเป็นพยานปากเอกให้อยู่งั้นหรือ? หากเขายอมช่วยนังเด็กสารเลวนี่อยู่ข้าจะเขียนชื่อตัวเองกลับหลังทันที!’

อย่างไรซะอาวุโสทั้งหมดไม่ต้องการจะมีปัญหากับนายน้อยหลี่ เขาไอเพื่อขัดจังหวะก่อนจะกล่าวคำออก “ขอนายน้อยหลี่โปรดจงวางเรื่องอื่นไว้ก่อน ตอนนี้ได้โปรดกล่าวความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้…”

หลี่ซื่อฮวากล่าวแทรกด้วยเสียงดัง “ข้าคิดว่าหญิงคนนี้กำลังรนหาที่ตาย! คราวแรกข้าตั้งใจจะทำให้ชีวิตนางดีขึ้น อีกทั้งยังให้สาวใช้ถึงสองคนคอยปรนนิบัติ แต่นางกลับทำร้ายสาวใช้ของข้าและหลบหนีไปเสียก่อน… เช่นนี้ข้าจึงไม่ได้แตะต้องนางแม้ปลายเล็บ! เหตุใดนางจึงคิดว่าตระกูลหลี่ของข้านั้นเป็นสิ่งที่สามารถนึกอยากมาก็มา นึกอยากไปก็ไป?”

ทุกถ้อยคำยืนยันความบริสุทธิ์ของเฉินเถียนเถียนได้เป็นอย่างดี เด็กสาวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกพร้อมกับจับจ้องนายน้อยหลี่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

ดูเหมือนว่าผู้สืบสกุลของตระกูลหลี่จะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ท้ายที่สุดชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเฉินเถียนเถียนก็ถูกปลดปล่อยเพราะคำพูดของเขา!

ส่วนหลินชวนฮวาที่ยืนอยู่ด้านหลังของเฉินผิงอันได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะทรุดลงกับพื้น!

‘เขาบ้าหรือโง่กันแน่? เหตุใดจังไม่ยอมแก้แค้น?!’

‘เกิดอะไรขึ้น นายน้อยแห่งตระกูลหลี่คิดจะทำอะไรกันแน่?’

ผู้เฒ่าถอนหายใจอย่างโล่งอก ตระกูลเฉินให้กำเนิดบุตรสาว และทำลายชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของนางไป แต่ตอนนี้ หญิงผู้นี้กลับหมดมลทินและดูสง่ามาก! ท้ายที่สุดเรื่องราวก็จบลงอย่างน่าพอใจ หญิงตระกูลเฉินได้กอบกู้ชื่อเสียงกลับมาอีกครั้งจนได้!

เมื่อเด็กสาวผู้นี้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ นางก็มีบางถ้อยคำที่อยากจะกล่าว…

“นับตั้งแต่…”

แต่จู่ ๆ ผู้เฒ่าสี่ก็แทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท “แม้หญิงคนนี้ยังไม่ถูกแตะต้องแต่นางก็เข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลหลี่จริง เรื่องนี้อย่างไรเสียก็ส่งผลต่อตระกูลเฉินไม่น้อย! พี่ใหญ่ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้ารู้สึกว่าแม้นางจะไม่ต้องถูกลงโทษแต่ก็ควรจะรีบจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้จบลงโดยเร็วที่สุด!”

เสี่ยวซื่อเบ้ปากพร้อมคิดในใจ ‘ความคิดดีที่ไม่ดีมากกว่า!”

เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวออกด้วยความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น “ใช่แล้วนายน้อย! นางยืนยันความบริสุทธิ์ของตนแข็งกร้าว หากท่านสามารถยืนยันว่านางเสียความบริสุทธิ์ให้ท่านแล้ว คนในหมู่บ้านก็จะพาตัวนางไปถ่วงน้ำ! ด้วยวิธีนี้ความแค้นและความคับข้องใจทั้งหมดก็จะถูกสะสางหมดสิ้น!”

หลี่ซื่อฮว๋าพยักหน้ารับ “หญิงผู้นี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ไม่ผิดหรอกหากจะสั่งสอนนางซะบ้าง!”

เฉินเฉิงเยี่ยกำลังจะพูดต่อ แต่หลี่ซื่อฮว๋ายกชาขึ้นจิบพร้อมกล่าวแทรก “เมื่อเจ้าได้กล่าวสิ่งที่ต้องการแล้ว จงกลับไปเถิด… ข้าต้องการพักผ่อน”

สิ้นประโยคนั้นเฉินเฉิงเยี่ยคลานเข่าออกมาราวกับสุนัข ขณะที่เสี่ยวซื่อกำลังจะปิดประตูให้นายน้อย เฉินเฉิงเยี่ยก็ลุกขึ้นปิดประตูตัดหน้าเขา!

“นายน้อย… ชายผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง ใช้วิธีการนี้ใส่ร้ายผู้หญิง สารเลวนัก!”

หลี่ซื่อฮว๋าถอนหายใจอย่างเย็นชา “แล้วหากเจ้ารู้ว่านายน้อยของเจ้าไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้าจะยังเป็นสหายของข้าอยู่ไหม?”

เสี่ยวซื่อตอบกลับเสียงแข็ง “ข้าเชื่อว่านายน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น! ข้าชื่นชมท่านอยู่เสมอ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านถึงตอบรับไปเช่นนั้น?”

หลี่ซื่อฮว๋าถอนหายใจ “ดูเหมือนหญิงผู้นี้จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับข้า… นางดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง และเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์!”

“เจ้าบอกว่าจะเป็นสหายที่ดีและจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยผู้นี้ใช่หรือไม่ งั้นจะเป็นการดีหรือไม่ที่จะหาทางออกให้นาง? หลังจากนางกลับมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นแถมยังต้องถูกตีกรอบโดยอาวุโสที่แก่แต่ตัว!”

“แต่ข้าคิดว่านางคงไม่รู้ว่านายน้อยนั้นจิตใจดี… เพราะหากให้ข้าเดาปกติแล้วผู้หญิงทุกคนเมื่อได้ยินชื่อเสียงของท่านก็ต่างเตลิดหนีกันไปหมดไม่ใช่หรือ?”

หลี่ซื่อฮว๋ารู้สึกอับอายยิ่งก่อนจะเดินมาเตะเสี่ยวซื่อ!

“เจ้าคนทรยศ! เมื่อครู่ยังบอกว่าชื่นขมข้าแต่ในวินาทีต่อมากลับบอกว่าข้ามีแต่ชื่อเสียงในเรื่องแย่ ๆ!”

เสี่ยวซื่อรีบร้องออก “นายน้อย โปรดยกโทษ… ข้าทราบความผิดแล้ว!”

หลี่ซื่อฮว๋าไม่สนใจเสี่ยวซื่อต่อไป เขาถือถ้วยน้ำชาพร้อมกับทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง

ในตอนนั้นเองหลินชวนฮวาเคาะประตูบ้านอย่างแผ่วเบา

เสี่ยวซื่อรีบเดินไปเปิดประตูด้วยความร้อนใจ

เมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนผู้ทรงเสน่ห์ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกจากอก

“เจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่!?”

หลี่ซื่อฮว๋าหันศีรษะถาม “เสี่ยวซื่อ… ใครมา?”

เนื่องจากหลินชวนฮวาเป็นผู้หญิง เสี่ยวซื่อจึงไม่กล้ายื่นมือเพื่อผลักไสนาง ทำได้เพียงห้ามไม่ให้เข้ามาเท่านั้น

แต่หลี่ซื่อฮว๋าจดจำได้ทันทีว่าหญิงวัยกลางคนนี้คือใคร!

‘หญิงผู้นี้คือแม่เลี้ยงที่คุยกับข้าเรื่องจะส่งลูกสาวมาให้ไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่านางจะเป็นแม่เลี้ยงของเด็กผู้หญิงคนนั้น!’

“นายน้อยหลี่… นี่ข้าเอง! ข้าเป็นแม่ของเด็กผู้หญิงที่หนีออกจากบ้านของท่าน!”

หลี่ซื่อฮว๋าเขย่าแก้วชาในมือและไม่ได้ตอบคำใดกลับ

“นายน้อยหลี่… ท่านก็ได้เห็นความงามของนางแล้ว… ไม่สนใจความงามเล็กน้อยนั่นหน่อยหรือ?”

หลี่ซื่อหัวคิดในใจ ‘หญิงผู้นี้เป็นโรคจิตวิปริตหรืออย่างไร?’ แต่เขายังคงต้องสงวนท่าทีจึงเพียงแค่ยิ้มรับ

“จริงดังเจ้าว่า… เด็กสาวผู้นั้นงดงามยิ่งและยังดื้อรั้นกว่าหญิงคนอื่น ข้าอยากจะสอนให้นางรู้จักอ่อนข้อเสียจริง แต่เพราะเหตุใดกันนางจึงไม่เต็มใจที่จะอยู่กับข้าและหนีไป… ไม่กลัวตายบ้างหรือ? กล้าหนีไปได้อย่างไร?”

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่านายน้อยชอบพอเฉินเถียนเถียนอยู่บ้างจึงรีบเร่งเร้า นี่เป็นโอกาสที่ดีในการหว่านล้อมอีกฝ่าย!

“หากนายน้อยต้องการข้าคิดว่ายังพอมีทาง! ตอนนี้ชื่อเสียงของนางไม่ดีนัก หากท่านยอมรับว่านางเสียตัวให้ท่านแล้ว หญิงผู้นั้นจะถูกส่งไปถ่วงน้ำ หากท่านช่วยเหลือนางได้… บางทีนางอาจจะยอมติดตามท่านไปด้วยความเต็มใจ!”

“เมื่อเวลานั้นมาถึง นายน้องหลี่เพียงแค่เดินออกมาและยอมรับนางเป็นนางบำเรอ ท่านก็จะช่วยชีวิตนางได้และยังช่วยเยียวยาหัวใจผู้เป็นแม่เช่นข้า แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะจบลงที่ท่านเป็นผู้ครอบครองนาง”

หลี่ซื่อฮว๋าคล้ายกับพระเจ้าเมื่อเขายืนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้

แต่หญิงสาวตัวน้อยคนนั้นเป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ที่ไร้หนทางต่อสู้… นางเพียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองแต่ต้องต่อสู้กับคนในครอบครัวที่คอยลอบกัดอีกด้วย!

แม้ว่าเขาอยากจะไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปมากเพียงไรแต่ก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้

“โอ้ งั้นหรือ! ท่านจะยกลูกสาวให้ข้าสินะ… แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นลูกชายของท่านก็คงจะไม่มีวันได้กลับไปที่โรงเรียนอีกแล้วเพราะเขาถูกท่านหลินไล่ออก!”

เมื่อได้ยิน หลินชวนฮวาจึงเอ่ยปากถามอย่างร้อนใจ “ท่านหลินได้รับคำเชิญจากตระกูลของท่านให้ช่วยสอนหนังสือให้กับคนที่ตระกูลบอกกล่าวให้สอนมิใช่หรือ เหตุใดเขาจึงปฏิเสธได้?”

หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มอย่างเย็นชา “ท่านหลินไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงขุนนางยิ่งใหญ่ แม้เราจะเป็นคนเชิญเขามาก็จริงแต่เขาไม่จำเป็นต้องสอนหนังสือให้กับคนฉาวโฉ่!”

เมื่อหลินซื่อฮว๋าได้ยินแบบนั้นนางก็ยิ่งเกลียดเฉินเถียนเถียนมากยิ่งขึ้น!

หากเด็กสาวผู้นี้เข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่ซื่อฮว๋าอย่างถูกต้อง ชื่อเสียงของเฉินเฉิงเยี่ยคงไม่ลงเอยเช่นนี้แน่! อย่างไรเสียท่านหลินก็มิใช่ขุนนางยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่เขามองไม่เห็นความสามารถของเฉินเฉิงเยี่ยได้อย่างไร?

แต่หากท่านหลินไม่เต็มใจสอนก็ย่อมต้องหาผู้อื่นมาสอนแทนได้!

“ในเมื่อท่านหลินไม่เต็มใจ เราก็คงไม่สามารถบังคับได้ แต่ไม่เป็นไร… หากลูกสาวข้าจะต้องแต่งงาน เราก็ควรได้รับสินสอดทองหมั้นเพราะเดิมทีครอบครัวข้าก็ไม่ได้ร่ำรวยนัก นายน้อยหลี่คิดเห็นอย่างไร?”

หลี่ซื่อฮว๋ายกยิ้มเย็นชา “เจ้าต้องการให้ลูกสาวที่มีชื่อเสี่ยงเสื่อมเสียแต่งงานกับข้า… แล้วยังจะกล้าเอ่ยปากขอสินสอดทองหมั้นอีกหรือ?”

หลินชวนฮว๋าผงะไปครู่หนึ่ง นางไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะเป็นคนกลับกลอกเช่นนี้ ก่อนหน้าเขาเอ่ยปากราวกับต้องการชดใช้… แต่ในวินาทีต่อมา เขากลับไม่ให้ราคาฝ่ายเจ้าสาวเลยแม้แต่แดงเดียว!

“นายน้อยหมายความว่าอย่างไร… เถียนเถียนยังเป็นสาวบริสุทธิ์! ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือ?”

เป็นตอนนี้เองที่หลี่ซื่อฮว๋าได้เห็นธาตุแท้ของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า เขารู้สึกสะอิดสะเอียนและไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนางอีกต่อไป

ความเกลียดชังที่หญิงคนนี้มีต่อลูกเลี้ยงไม่ต่างอะไรจากแม่เลี้ยงของเขาแม้แต่น้อย… เฉินผิงอันช่างโง่เขลานัก คงจะลุ่มหลงในกามอารมณ์เช่นเดียวกับพ่อของเขาไม่ผิดแน่!

“เอาล่ะ หยุดพูดเถิด! ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร… นี่ก็ดึกมากแล้ว หญิงที่แต่งงานแล้วมาอยู่กับข้าในยามดึกเช่นนี้ หากใครรู้เข้าคงไม่ดีนัก… และข้าคงไม่อาจรับผิดชอบท่านได้!”

หลินชวนฮวาใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับในใจ ‘ช่างเถิด แม้จะไม่ได้ผล… แต่การได้ขับไล่เด็กสาวผู้นี้ออกไปเพื่อแลกกับเงินก็ไม่ได้เลวร้ายนัก!’

หลินชวนฮวายกยิ้มอย่างมีชัยพร้อมกับจากไป ทิ้งให้หลี่ซื่อฮว๋ารู้สึกเห็นอกเห็นใจเถียนเถียนอยู่ฝ่ายเดียว

ส่วนเสี่ยวซื่อถุยน้ำลายตามหลังนางอย่างดูถูก!

เรื่องราวใหญ่โตในหมู่บ้านอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของทุกคน

หากหญิงสาวผู้หนึ่งเป็นผู้ก่อปัญหา เป็นไปได้มากว่าหญิงสาวคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านจะได้รับผลกระทบด้วย!

วันต่อมา ผู้เฒ่าใหญ่ส่งคนจากหมู่บ้านไปยังบ้านของตระกูลหลี่ เพื่อเยี่ยมเยียนหัวหน้าครอบครัว นายท่านแห่งตระกูลหลี่จึงโยนเรื่องทั้งหมดให้หลี่ซื่อฮวาจัดการ

ลูกชายของเขาเป็นผู้ก่อปัญหา ดังนั้นเขาต้องจัดการแก้ไขมัน

ตรงกันข้ามแม่เลี้ยงของหลี่ซื่อฮวายังคงแสร้งทำเป็นใจดีและร้องไห้เพื่อขอให้สามีช่วยเขา

หลี่ซื่อฮวายกยิ้มจางเพราะรับรู้ได้ถึงความเสแร้งของนาง

ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน รถม้าขนาดใหญ่แล่นเข้ามาในหมู่บ้านเทพธิดา

ปกติแล้วผู้เฒ่าในตระกูลไม่กล้าแตะต้องพวกเขาเพราะครอบครัวนี้เป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์ ในคืนนั้นเพราะชื่อเสียงของตระกูลนายน้อยหลี่จึงย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

แม้ว่านายน้อยหลี่จะมีชื่อเสียงไม่ดีนัก แต่ก็มีผิวพรรณที่ดี หน้าตาหล่อเหลาและมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เขาไม่ปรากฎตัวให้ผู้ใดพบเห็นนานแล้วทว่าเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันงดงามนั้น หญิงสาวมากมายจึงพยายามส่งสายตาอย่างเสน่หา

หลี่ซื่อฮวาแสร้งยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร แต่แท้จริงแล้วในชีวิตนี้เขาพบเจอผู้หญิงเช่นนี้มานับไม่ถ้วน!

แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่จะได้พบกับหญิงสาวที่สามารถจัดการกับสาวใช้ของตนจนอยู่หมัดและหลบหนีออกมาจากบ้านของเขาได้… ในตอนนี้เฉินเถียนเถียนน่าสนใจยิ่งกว่าผู้ใด!

วันนี้เขามาที่นี่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง…

แขกผู้มีเกียรติทุกคนในหมู่บ้าน รวมถึงเฉินเฉิงเยี่ยผู้รู้หนังสือเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเทพธิดาก็จะมารวมตัวกันที่นี่!

แม้ตัวเขาเองไม่ต้องการออกไปพบเจอ แต่หลินชวนฮว๋ากลับผลักดันให้เขาต้องยอมจำนน

นายน้อยหลี่เย่อหยิ่งและปฏิบัติต่อเขาราวกับสุนัข อีกทั้งยังชอบลากเขาไปทุบตีในที่ลับตา เฉินเฉิงเยี่ยไม่ต้องการพบเจอกับความอัปยศเช่นนั้นอีกแล้ว

หลินชวนฮว๋าปลอบใจลูกชายอย่างอดทน “ที่เจ้าบอกว่าเป็นความอัปยศอดสูนั้นหมายความว่าอย่างไร? รวมถึงแม่ด้วยหรือ? ลูกจะผูกมัดตัวเองให้ขี้ขลาดเช่นเดียวกับคนในชนบทนี้ได้อย่างไร? หากวันหนึ่งลูกกลายเป็นเจ้าคนนายคน วันนั้นจะไม่มีใครต่อต้านเจ้าได้… แม้นายน้อยหลี่ก็ต้องยอมก้มหัวให้เจ้า!”

ในที่สุดเฉินเฉิงเยี่ยก็คล้อยตาม สิ่งที่แม่พูดนั้นมีเหตุผลแน่นอนว่าเขาเชื่อฟัง ที่สำคัญเขาต้องทำให้นังเด็กขี้ครอกนั่นให้ได้!

หลินชวนฮว๋ารู้นิสัยของลูกชายดี ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะวางใจมากนัก นางแอบตามเขามาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเงียบเชียบ

เนื่องจากนายน้อยหลี่ต้องมาพักที่นี่ในคืนนี้และบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านมีลูกสาวเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกทางเพื่อป้องกันไม่ให้นายน้อยหลี่เห็นลูกสาวของตน โดยสั่งให้นางอยู่แต่ในห้องของบ้านหลังหนึ่ง ส่วนนายน้อยหลี่อยู่อีกหลัง!ฃ

ทางเชื่อมของบ้านและสถานที่อื่น ๆ ได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดเพราะกลัวว่านายน้อยหลี่จะเห็นลูกสาวของเขา

หลี่ซื่อฮวาแสยะยิ้มจางแต่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก แต่กลับเป็นเสี่ยวซื่อที่แสดงอาการขุ่นเคือง!

“ดูท่าทางของพวกมันสิ! นายน้อยขอรับ ครอบครัวของท่านสูงส่งยิ่ง เพียงเอื้อมมือออกไป ก็ย่อมมีผู้หญิงเข้ามาติดพัน นางเป็นเพียงหญิงธรรมดาในชนบทแต่ครอบครัวกลับปฏิบัติราวกับเป็นเจ้าหญิง!”

หลี่ซื่อฮวายิ้มมุมปาก “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าข้ามีชื่อเสียงในเรื่องความโลภ โหดร้ายและตัณหา แล้วใครเล่าจะยินดีส่งลูกสาวมาให้ข้า? หัวหน้าหมู่บ้านก็ย่อมรักและหวงแหนลูกสาวของตนเช่นกัน!”

เสี่ยวซื่อรู้สึกเบื่อหน่ายกับท่าทีของอีกฝ่ายจึงเบ้ปากก่อนจะตอบกลับ “นายน้อย… ท่านนี่น่าผิดหวังเสียจริง ผู้คนดูถูกท่านมากมาย เหตุใดจึงยังยิ้มและหัวเราะได้อยู่?”

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังเป็นนายน้อยของเจ้า พูดแบบนี้ได้อย่างไร? ดีแล้วที่คนดูถูกข้า! ข้าไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้น หากข้าไม่มีเงิน เจ้าคิดว่าพวกนางจะเข้าหาข้าไหม? ช่างเป็นเรื่องไร้สาระเสียจริง!”

ขณะกำลังพูดคุยมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ผู้ใดกัน? อีกทั้งยังมาหาข้าในเวลาเช่นนี้อีกด้วย?

เสี่ยวซื่อเดินไปเปิดประตูและเมื่อเห็นคนที่อยู่หลังประตู ใบหน้าของเขาฉายแววความตื่นตระหนก

“นี่เจ้าอีกแล้ว มาทำอะไรที่นี่?”

ชายผู้นั้นคือเฉินเฉิงเยี่ย แน่นอนว่าเขามีจุดประสงค์บางอย่าง แต่เพราะเขาเป็นเพียงผู้น้อยจึงทำได้เพียงแสร้งยิ้มอ่อนโยนออก

“ได้โปรดบอกนายน้อยหลี่ว่าเฉินเฉิงเยี่ยขอพบ!”

เสี่ยวซื่อเบ้ปากด้วยความรังเกียจ “เจ้ามีอะไร! เหตุใดจึงอยากเข้าพบนายน้อยของข้า?”

เมื่อหลี่ซื่อฮวาได้ยินเสียงของเฉินเฉิงเยี่ยก็รับรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่มาหาคือทาสรองมือรองตีนของเขา ขณะที่หลี่ซื่อฮวากำลังคิดว่าหมู่บ้านนี้ช่างน่าเบื่อเสีย ไม่มีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ ทันใดนั้นความสนุกก็ส่งตรงมาหาเขาถึงหน้าบ้าน!

“เสี่ยวซื่อ… แขกก็คือแขก เจ้านี่มันเป็นคนอย่างไรกัน? ให้เขาเข้ามา!”

แน่นอนว่า เสี่ยวซื่อรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ที่นายน้อยจะตำหนิเขาเพราะชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่านายน้อยของเขากำลังวางแผนจะทำอะไรเป็นแน่

แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาก็ยอมให้เฉินเฉิงเยี่ยเข้ามา

เฉินเฉิงเย่เดินเข้ามาด้วยไปหน้าเรียบเฉย แต่เมื่อเห็นใบหน้าเหยียดหยามของหลี่ซื่อฮวาทำให้เขาแทบอยากจะหันหลังกลับไปแต่น่าเสียดายที่เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะทำเช่นนั้น

เขายังคงหวังว่านายน้อยหลี่จะให้โอกาสเขา

เคยมีขุนนางผู้หนึ่งกล่าวเสี่ยงทายไว้ว่า… เฉินเฉิงเยี่ยจะได้เป็นใหญ่ในอนาคตและอาจเป็นใหญ่มากกว่าเหล่าขุนนางด้วย

หลี่ซื่อฮวาหัวเราะเยาะพร้อมกล่าวถาม “นายน้อยเฉิน… มาหาข้าด้วยเหตุอันใด?”

เฉินเฉิงเยี่ยเห็นว่าหลี่ซื่อฮวาพูดคุยกับเขาด้วยถ้อยคำสุภาพจึงรู้สึกผ่อนคลายทันที

อย่างไรก็ตามเสี่ยวซื่อรู้จักนายของตนดี เขาเหลืองมองเฉินเฉิงเยี่ยที่ถูกหยอกล้อราวกับคนโง่ จึงอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันเขาในใจ

“นายน้อยหลี่คงจะต้องยุ่งยากยิ่ง… เพราะนังเด็กเหลือขอที่ข้าส่งให้ท่านสามารถจัดการกับสาวใช้ของท่านและหลบหนีไปได้!”

หลี่ซื่อฮวามองเขาด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่หญิงคนเดียว ข้าไม่ใส่ใจหรอก ทำไมหรือ… นายน้อยเฉินคิดทำสิ่งใดเล่า?”

เฉินเฉิงเยี่ยหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “นังเด็กเหลือขอนั่นไม่ได้อยู่ในสายตาของท่านเลยสินะ เช่นนี้นางจึงสมควรถูกถ่วงน้ำ! ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม… เพียงท่านกล่าวออกคำเดียวว่านางหลับนอนกับท่านแล้ว นังเด็กนั่นจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากอีกเลย!”

หลี่ซื่อฮวายังคงแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แต่ไม่มีใครสามารถรู้ถึงความคิดของเขาได้เลย!

“โอ้? อย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว เพียงนายน้อยเอ่ยออกมาเท่านั้น เรื่องนี้จะไม่ส่งผลใดต่อท่านอย่างแน่นอน แต่เด็กนั่นจะถูกทำลายจนสิ้น เพียงบอกว่านางร่วมหลับนอนกับท่านจริง ๆ เด็กขี้ครอกผู้นั้นก็จะไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้อีกต่อไป!”

เสี่ยวซื่อไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนหน้าด้านขนาดนี้ในโลก บุรุษที่เอาแต่คอยคิดหาวิธีที่จะใส่ร้ายผู้หญิง คนเช่นนี้ช่างไร้คุณธรรม แล้วจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร!?

แววตาของนายน้อยหลี่ทอประกายวูบไหวอย่งไม่อาจคาดเดาได้

“เป็นความคิดที่ดี!”

มันคงดีกว่าหากได้อธิบายเรื่องทั้งหมดต่อหน้าทุกคน แม้ว่าชื่อเสียงของหญิงสาวจะไม่ค่อยดีนักทว่ากลับมีคนอีกมากมายที่ไม่สนใจและรับรู้ว่านางนั้นยังบริสุทธิ์!

แต่หลินชวนฮวากลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะนางต้องการควบคุมทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเถียนเถียน เมื่อเด็กสาวแต่งงานกับหลานชายของนางแล้วก็จะยิ่งควบคุมทุกอย่างได้ง่ายดายขึ้น

“เหตุใดพี่สะใภ้ต้องเข้ามาก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของผู้อื่น? เถียนเถียนเป็นเช่นนี้จริง มันสายเกินไปที่จะปกปิด! พี่สะใภ้ลองบอกข้าทีพี่ต้องการช่วยหรือทำร้ายนางกันแน่?”

เฉินเถียนเถียนรับฟังคำพูดเหล่านั้นด้วยความโกรธ ขณะที่หลินชวนฮวาแสร้งทำหน้าใสซื่อ

แต่สุดท้ายเถียนเถียนก็หัวเราะเบาพร้อมกล่าวโต้ตอบ “สายเกินไปที่จะปกปิดงั้นหรือ? ในเมื่อข้าพูดไปแล้วและทุกคนยังคงสงสัยในความบริสุทธิ์ของข้าอยู่ ดังนั้นข้าจึงต้องพิสูจน์ให้ได้ หากพิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ได้โกหกมลทินที่ท่านแปดเปื้อนจะถูกชำระล้างออกไปได้หรือไม่?”

“แม่คงไม่ต้องการให้ข้าทำเช่นนี้นักเพราะเกรงว่าหากข้าพ้นมลทิน ข้าจะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของท่านใช่หรือไม่?”

หลินชวนฮวาไม่ได้กล่าวอะไรต่อและคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านคงจะไม่เชื่อนาง แต่เถียนเถียนก็ยังคงยืนกรานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนอย่างหนักเช่นกัน!

ยังไงซะนายน้อยหลี่เป็นคนตัณหากลับ โลภ และโหดร้าย ไม่เคยมีหญิงสาวหนีหลบหนีออกมาจากเงื้อมมือเขาได้ ดังนั้นเขาย่อมไม่ยอมช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้นางเป็นแน่ เพราะฉะนั้นนอกจากคนใช้ของตระกูลหลี่แล้วคงไม่มีใครสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้อีก

เมื่อคิดได้อย่างนี้หลินชวนฮวาจึงกล่าวกับเฉินผิงอันพร้อมกับแสร้งบีบน้ำตาเช่นเคย “ข้าเป็นคนใจดีและจริงใจ แต่กลับไม่มีใครมองเห็น หากสามีเลือกที่จะเชื่อและไว้ใจสิ่งที่คนนอกพูดก็ไม่เป็นไร… ข้าพยายามแล้ว!”

เฉินผิงอันมองดูหยดน้ำตาของผู้เป็นภรรยาด้วยความรู้สึกผิด ทันใดนั้นโทสะภายในใจพลันปะทุขึ้นอย่างต้องการปกป้องผู้เป็นภรรยา

“นังเด็กสารเลว! ดูซิ… แม่ทำร้ายเจ้าอย่างไร? ปล่อยให้คนนอกมาจัดการกับแม่ของตนเช่นนี้เรียกว่ากตัญญูได้งั้นหรือ?”

“หากอยากให้ข้ากตัญญู… ก็จงไปที่หลุมศพของแม่ข้า จุดธูป จุดเครื่องหอมและขอขมาท่านเสีย หากสงสัยว่าเหตุใดลูกอย่างข้าจึงต้องการให้ท่านทำเช่นนี้ก็เพราะการจะแต่งงานจะต้องผ่านการทำพิธีและต้องได้รับการยืนยันจากพราหมณ์เท่านั้นจึงจะถือว่าเป็นครอบครัวที่ถูกต้องได้ หากพ่อหม้ายแต่งงานใหม่ก็ต้องได้รับการยินยอมเช่นกัน แล้วพ่อเล่า… ขอความยินยอมจากย่าแล้วหรือ?”

‘ดังนั้นตามกฎแล้ว แม่ผู้นี้ไม่ถือว่าเป็นสตรีอย่างชอบธรรมของพ่อเลย อย่างดีที่สุด ก็เป็นได้เพียงเมียรองไร้ยางอาย! ข้าไม่จำเป็นต้องกตัญญูต่อท่านเลย ดูหน้าพ่อสิข้าเพียงพูดไม่กี่คำก็หน้าเจื่อนแล้ว!’

แต่เถียนเถียนไม่ได้กล่าวประโยคหลังออกไป แม้ต้องการจะกล่าวเพียงใดแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ ด้วยวัยของเฉินเถียนเถียนที่โตมากแล้วจึงทำให้เข้ากับแม่เลี้ยงได้ยากและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หลินชวนฮวายังคงแสร้งเสียใจปล่อยหยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่เฉิงผิงอันหน้าซีดด้วยความโกรธจัด เป็นจริงดั่งคำกล่าวของเด็กสาว… ครั้งเมื่อตอนที่เฉินผิงอันต้องการแต่งงานกับหลินชวนฮวา คุณนายเฉินผู้ซึ่งเป็นแม่กลับไม่ยินยอมแต่เพราะเขาดื้อดึงจนทำให้แม่โกรธและล้มป่วยนับตั้งแต่นั้นมา

ทุกคนในหมู่บ้านต่างรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้ จะมีครอบครัวใดบ้างที่สามารถมีเมียรองได้? นับตั้งแต่เฉินผิงอันตัดสินใจให้นางมาเป็นภรรยาของตระกูลเฉินก็ไม่มีผู้ใดคิดเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องราวของบ้านหลังใหญ่นี้เลย…

แต่เมื่อเฉินเถียนเพียนพูดเตือนสติ ทุกคนก็จดจำเรื่องทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะเฉินผิงเหอที่จู่ ๆ ปรากฎตัวพร้อมกล่าวเสียงดัง “หากเจ้าจะบอกว่าหลานของข้าไม่กตัญญู ก็คงเป็นการดีที่เจ้าต่อว่าตนเองด้วย เจ้าทำให้แม่โกรธเคืองเพราะผู้หญิงคนนี้ เช่นนี้แล้วยังเรียกว่าลูกกตัญญูอยู่หรือ? เจ้าเรียกร้องในสิ่งที่เจ้าก็ไม่แม้แต่จะทำได้ เจ้าเคยคิดเรื่องนี้บ้างหรือไม่?”

แววตาของเฉินผิงอันแดงก่ำพร้อมอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ภายในแต่กลับไม่สามารถแสดงความรู้สึกต่อหน้าพี่ใหญ่ได้ เขาทำได้เพียงยืนนิ่งทั้งที่ในใจโกรธจัดจนแทบจะระเบิดออกมา!

เพราะนังเด็กสารเลวคนนี้ผู้เดียว หากไม่ใช่เพราะนางปากมาก เขาก็คงไม่ต้องมาเสียหน้าเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อาจเลี้ยงดูเด็กสาวคนนี้ได้อีกต่อไป มิเช่นนั้นอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็มิอาจทราบได้!

เฉินผิงอันคิดไตร่ตรองอยู่ในหัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะเป็นคนชนบทที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์ แต่มิใช่คนโง่ เช่นนี้จึงรีบคิดหาวิธีจัดการกับลูกสาวที่ตนเกลียดชังในทันที

“เจ้าต้องการให้ผู้เฒ่าในตระกูลออกมาตัดสินงั้นหรือ? ข้าว่าไม่จำเป็นหรอก! คงไม่มีหลักฐานใดที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้ ดังนั้นเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเฉิน เอาอย่างนี้แล้วกัน… ข้าจะถือว่าลูกสาวผู้นี้ได้ตายจากไปแล้วและถือว่าเจ้าไม่มีค่าในสายตาของข้าอีกต่อไป!”

คำพูดที่ร้ายกาจออกมาจากปากผู้เป็นพ่อแท้ ๆ!

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าปริปาก

เถียนเถียนพลันรู้สึกบีบรัดที่หน้าอกอย่างช่วยไม่ได้ นางเจ็บปวดในหัวใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อเสี่ยวเถาเห็นว่านางเสียใจจนเริ่มจะรับไม่ไหวแล้วจึงรีบกล่าวปลอบทันที “เฉินเถียนเถียน เขาก็เพียงแค่สัตว์เดรัจฉาน ไม่มีค่าคู่ควรกับความโกรธของเจ้าได้เลย หากเจ้าไม่ควบคุมอารมณ์ ร่างกายของเจ้าอาจรับมันไม่ได้!”

เฉินเถียนเถียนตื่นจากภวังค์โดยคำพูดของเสี่ยวเถา!

นางได้เสียคืนมาราวกับเมื่อครู่นั้นฝันไป ในที่สุดนางก็ตระหนักว่าตอนนี้ตนมิใช่เฉินเถียนเถียนผู้น่าสงสารคนเดิม แต่เป็นวิญญาณที่มาจากอีกโลกหนึ่ง… ดังนั้นในการรับมือกับเฉินผิงอัน นางจึงไม่จำเป็นต้องให้ค่าหรือรู้สึกว่าเขาคือพ่อแท้ ๆ!

นางไม่ได้รู้สึกโกรธหรือสิ้นหวังแบบนี้มานานเท่าไหร่กันนะ?

เฉินเถียนเถียนสงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและขอบคุณเสี่ยวเถาจากก้นบึ้งของหัวใจ!

นางกลอกตาไปมาก่อนจะกล่าวคำเด็ดขาด “แน่นอน… เขาเป็นพ่อที่ดี ซื่อสัตย์และทำลายล้างญาติพี่น้อง เฉินผิงอัน…  เนื่องจากท่านเป็นคนแปลกหน้าสำหรับข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเคารพนับถือท่าน! ลุงใหญ่… โปรดเชิญผู้เฒ่ามาเดี๋ยวนี้!”

แม้เฉินผิงเหอจะทราบเรื่องแต่การกระทำเช่นนี้ไม่ส่งผลดีต่อเฉินเถียนเถียนแน่ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้มากนักจึงกล่าวเสียงแผ่ว “อย่างนั้นไปพักที่บ้านข้าก่อนเถิด เดี๋ยวเจ้ายังต้องไปที่บ้านของตระกูลหลี่เพื่อเรียกหาพยาน ดังนั้น อย่างเพิ่งด่วนตัดสินเลย!”

เฉินเถียนเถียนเงียบและยอมรับข้อตกลง แต่เมื่อนางหันหลังกลับอย่างต้องการจะจากไป นางพลันนึกบางอย่างขึ้นได้เด็กหญิงหันกลับมาแล้วโยนกุญแจในมือไปที่เท้าของเฉินผิงอันก่อนจะกล่าวคำออก “ข้าก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อท่านกล่าวหาว่าข้านั้นอกตัญญู นี่คือกุญแจของกล่องไม้ใหญ่ในห้อง… มีอาหารอยู่ในนั้น”

จากนั้นเฉินเถียนเถียนก็เดินหันหลังจากไปโดยไม่สนใจที่จะรอฟังคำตอบ

ดูเหมือนเฉินผิงอันจะตระหนักว่าตนกำลังจะสูญเสียบางสิ่งไปตลอดกาล แต่เมื่อเขามองไปที่หลินชวนฮวา หญิงสาวผู้งดงามแม้ยามร้องไห้ก็ทำให้เขาลืมทุกอย่างทันที

แม้พ่อจะประณามว่านางเป็นลูกอกตัญญูและถูกพาตัวไปให้เสิ่นถัง แต่เฉินเถียนเถียนยังคงคิดเป็นห่วงและไม่อยากให้พ่อของนางอดตาย!

ฉากนี้อาจสร้างความสะเทือนใจให้ผู้คนโดยรอบอย่างทั่วถึง

แต่เฉินเถียนเถียนก็มิได้คำนึงถึงเรื่องเล็กน่อยเหล่านี้ แม้เขาจะเป็นผู้กระทำผิดแต่นางก็ยังมีความเป็นมนุษยชน แม้เฉินผิงอันจะไม่สามารถช่วยเถียนเถียนได้แต่สุดท้ายทุกสิ่งที่เกิดก็ย่อมเป็นหนทางที่เขาเลือก!

เฉินเถียนเถียนตัดสินใจกล่าวออกไปอย่างนั้นพร้อมกับมองหยุนเคอด้วยสายตาอ้อนวอนหวังให้เขาเล่นไปตามบทบาทที่ตนวางเอาไว้

ทั้งที่รู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งที่ผิดแต่ให้หันหลังกลับตอนนี้ก็คงยาก หากประมาทเพียงนิดอาจทำลายชื่อเสียงของหญิงสาวได้!

หยุนเคอบอกกับตัวเองเสมอว่า… อย่าเป็นสุภาพบุรุษมากจนทำให้ตนเดือดร้อน เขาพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะหยิบเงินก้วนทองแดงออกมาจากกระเป๋าสองถึงสามเหรียญและนี่คือเงินทั้งหมดที่เขามี

หญิงสูงวัยคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “จะหาซื้อไก่ป่าด้วยเงินเท่านี้ได้จากที่ใด? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าสองคนกำลังปิดบังอะไรอยู่!”

เฉินเถียนเถียนโต้กลับทันที “ป้าพูดเรื่องอะไร? เห็นความสัมพันธ์ของข้าสองคนด้วยตาตัวเองหรือไม่? เรายืนอยู่ข้างถนนที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาและแสงอาทิตย์แรงกล้าเช่นนี้ แต่ป้ากลับเรื่องไร้สาระ เหตุใดจึงมีเวลาว่างนักมายุ่งเรื่องของคนอื่น? ข้านัดกับนายพรายผู้นี้ไว้นานแล้วว่าจะค่อย ๆ ทยอยแบ่งจ่ายเงินให้เขา เพราะข้าไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ภายในคราวเดียว ยังไงซะข้ายังต้องพึ่งพาไก่ป่าตัวนี้และมันจะทำให้ครอบครัวข้าผ่านความหิวไปได้ในแต่ละวัน!”

“แม่… ครอบครัวเรายากจนขนาดนั้นเลยหรือ? เหตุใดถึงจ่ายเงินให้เขาไม่ได้ หากร่างกายของพ่อทรุดโทรมลงจะมีประโยชน์อะไรกันเล่าหากเก็บเงินไว้มากมาย?”

หลินชวนฮวากล่าวตอบพร้อมบีบน้ำตา “แม้ครอบครัวเราจะไม่ได้ลำบากมากนัก แต่ก็ไม่ได้สุขสบายอย่างที่เจ้าคิด เรายังต้องอดมื้อกินมื้อแทบทุกวัน!”

“อดมื้อกินมื้ออย่างนั้นหรือ? ดูเถิด ข้าซื้อไก่ป่าให้พ่อและแม่มากมายจนสามารถแบ่งกินได้อีกหลายรอบ เช่นนี้เหตุใดจึงเรียกหาข้าว่าเป็นลูกอกตัญญู! ข้าไม่เหมือนกับแม่ที่ไม่เคยสนใจว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร วัน ๆ คิดเพียงจ้องจะทำลายข้า มันหมายความว่าอย่างไร? เมื่อวานท่านก็เอาแต่สารภาพผิดต่อและบอกว่าจะไม่รังแกข้าอีก วันนี้กลับคิดคดและพยายามใส่ร้ายข้า ทั้งหมดนี้มันมากเกินกว่าข้าจะรับได้ไหวแล้ว!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินชวนฮวาจึงตะโกนออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าเห็น…”

“แม่พูดมาสิว่าเห็นอะไร? บนถนนสายนี้มีผู้คนมากมายผ่านไปมา ทำไมไม่มีใครเห็น? แม่เห็นเพียงคนเดียวงั้นหรือ? อ้อ ก็คงเพราะแม่เห็นพี่ชายสำคัญกว่าข้า ยังไงซะชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคมของเขาก็คงจะสำคัญมาก!”

เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงลูกชายสุดที่รัก หลินชวนฮวาโกรธจัดพร้อมกับตะเบ็งเสียงออก! “นังเด็กสารเลว กล้าดีอย่างไรมาพูดถึงเฉิงเยี่ยเช่นนี้ อย่าบังอาจกล่าวหาถึงลูกข้า เจ้าไม่มีวันเทียบเคียงเขาได้แม้ปลายเล็บ!”

คำพูดเหล่านั้นทำให้เฉินผิงอันรีบวิ่งเข้ามาทันที ความพยายามของเขาไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลยงั้นหรือ? แต่ในไม่ช้า ความคิดของเฉินผิงอันก็ถูกครอบงำด้วยความปรารถนาในหัวใจ…

เฉินผิงอันทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเฉิงเยี่ยเข้าโรงเรียน แม้จะต้องมัธยัสต์เขาก็ยอม หากเฉิงเยี่ยกล้าที่จะเนรคุณ เขายังสามารถไปฟ้องศาลเพื่อฟ้องร้องลูกชายบุญธรรมคนนี้ได้ แต่เด็กหญิงขี้ครอกคนนี้ไม่รู้จักบุญคุณเหมือนกับแม่ของนางไม่มีผิด!

“นังเด็กขี้ครอก ทำไมยังสร้างปัญหาไม่รู้จบสิ้น แค่นี้ยังไม่ขายหน้าพองั้นหรือ?”

เฉิงเถียนเถียนรู้สึกหดหู่ในตัวของผู้เป็นพ่อก่อนจะตอบกลับอย่างไม่อาจอดกลั้น “พ่อไม่ลำเอียงไปหน่อยหรือไร? ใครกันแน่ที่ทำเรื่องอัปยศ? ควรถามแม่มากกว่าว่าใครทำเรื่องน่าอายมากกว่ากัน วันนั้นข้าถูกส่งไปยังบ้านของตระกูลหลี่! ทั้งพ่อและแม่ก็ต่างเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ยังคิดทำลายชื่อเสียงของข้าด้วยการเอาไปป่าวประกาศว่าข้าเสียตัวให้ตระกูลหลี่! มีลูกสาวที่น่าอายอย่างข้า… ท่านคงจะผิดหวังไม่น้อย!”

เฉินผิงอันจ้องไปยังหลินชวนฮวา เกิดอะไรขึ้นกับนาง? ใยจึงทำเรื่องอัปยศครั้งแล้วครั้งเล่า!

หลินชวนฮวารีบแก้ต่าง “ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ข้าไม่เคยพูดว่าเจ้าเสียตัวตระกูลหลี่ ข้าแค่เป็นห่วงเจ้าเลยพูดไปเช่นนั้น!”

เฉินเถียนเถียนตอบกลับ “แม่เป็นคนพูดทุกอย่างจนทำให้ผู้คนเข้าใจว่าข้าเสียตัวให้กับตระกูลหลี่! แม่เก่งมาก ที่สามารถปั้นน้ำเป็นตัวจนชาวบ้านหลงเชื่อ นี่คงเป็นพรสวรรค์ของท่านสินะ!”

หลินชวนฮวาแสร้งบีบน้ำตาออก “ข้าไม่ได้…”

ทันใดนั้น ป้าหลี่ก็ฝ่าเข้ามากลางวง ป้าหลี่เป็นที่รู้จักดีในหมู่บ้าน นางชอบสอดรู้สอดเห็น แม้จะยุ่งแค่ไหนก็มีเวลาว่างให้เรื่องของคนอื่นเสมอ!

“เฉินน้อย ครานี้เจ้าเข้าใจแม่ตนเองผิดไป เมื่อรุ่งแม่ของเจ้าร้องไห้อยู่ที่ประตูแล้วบอกกับข้าว่ากลัวเจ้าจะไม่ได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี เราไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งสืบทราบมาว่าเจ้าถูกนายน้อยหลี่พาตัวไป…”

สีหน้าของเฉินเถียนเถียนเปลี่ยนไปทันที “ไม่จริง! ที่ป้ากล่าวออกไม่เหมือนกับที่ข้าได้ยินมาเลยสักนิด อีกอย่างหากเป็นห่วงข้าจริงจะส่งข้าไปที่บ้านของตระกูลหลี่ทำไม! สิ่งที่ข้าพูดทั้งหมดคือเรื่องจริง พี่เฉิงเยี่ยวางแผนเอาข้าไปอยู่ที่บ้านของนายน้อยหลี่เพื่อแลกกับโอกาสในการเรียนหนังสือ แม่คงกลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้เลยเอาไปป่าวประกาศว่าข้าหนีไปเอง!”

“นอกจากนี้… ในวันที่ข้าโดนนายน้อยหลี่จับตัวไป แม่ยังไม่เคยสงสัยว่าข้าหนีออกมาจากที่นั่นได้อย่างไร?! ถ้าลูกชายของท่านเรียนจบและประสบความสำเร็จจริง ใยไม่ไปแสดงความยินดีกับเขาที่โรงเรียนเล่า? ใยถึงยังอยู่ที่เรือน? สุดท้ายเขาถูกทุบตีอย่างหนักและถูกส่งตัวกลับมาเพราะข้าหนีออกมาได้ เหตุใดยังคอยสร้างเรื่องปกป้องเขา ทั้ง ๆ ที่ข้าก็เห็นความจริงกับตา!”

เฉินเถียนเถียนได้พูดทุกอย่างที่รู้สึกต่อแม่แล้ว นางจึงหันมาหาผู้เป็นพ่อบ้าง “พ่อเองก็ไม่เคยสนใจสิ่งใด เวลาเห็นข้าถูกรังแก ก็ไม่สนใจหรือนึกถึงความถูกต้องอันใดเลย เอาแต่บอกว่าละอายที่มีลูกสาวแบบข้า! ตอนนี้เห็นหรือยังว่าใครกันแน่ที่ทำให้ท่านต้องอาย?”

หลินชวนฮวาร้องไห้หอบจบเกือบหมดสติ ส่วนเฉินผิงอันเองก็เสียใจยิ่งกว่า แต่เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เด็กสาวพูดเป็นความจริง เขาก็ยอมแพ้และไม่ปฏิเสธอะไร ตอนนี้เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? เขาทำได้แค่รอให้ทุกอย่างสงบลงและพยายามกล่าวปลอบประโลมเด็กสาวเสียงแผ่ว “แม้ว่าแม่เจ้าจะทำผิด เจ้าก็ไม่ควรมาตำหนิเช่นนี้นี้ ไม่มีความกตัญญูบ้างเลยหรือ?”

เถียนเถียนรู้ดีว่าเมื่อผู้ใหญ่กล่าวหาว่าอกตัญญูก็ต้องแบกรับคำพวกนั้นไปทั้งชีวิต แต่ครานี้เฉินผิงอันทำมากเกินไป เขาต้องการทำลายชีวิตลูกสาวของตนหรือไร?

“ก็เพราะแม่ทำผิด ด้วยความกตัญญู ข้าจึงบอกให้รู้ พ่อก็เอาแต่บอกว่าแม่ไม่ผิด ถ้าเช่นนั้นก็ให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ตัดสินเถิด!”

เดิมทีพวกเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงปัญหาในครอบครัว ทว่าเรื่องก็เริ่มไปกันใหญ่ให้ถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว…

จากคำพูดเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเฉินเถียนเถียนไม่ต้องการแสร้งทำตัวอ่อนแออีกแล้ว นางต้องการลุกขึ้นสู้และเปลี่ยนแปลงอย่างมีเหตุผล

แม้หลินชวนฮวาจะทำสิ่งเลวร้าย แต่ในท้ายที่สุดแล้วนางก็ต้องรับผลกรรมนั้น เรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของชาวบ้านได้

ก่อนหน้านี้เฉินเถียนเถียนแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ทุกคนตายใจ แต่จากนี้ไปนางจะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับตำรวจสาวผู้แข็งแกร่ง!

เหตุผลที่เฉินเถียนเถียนต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอก็เพราะหากชาวบ้านรู้สึกว่านางเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันอาจเกิดความสงสัยและคิดว่านางโดนผีเข้าได้ เป็นเพราะคนในยุคนี้เชื่อเรื่องผีสางยิ่งกว่าสิ่งใด!

สำหรับหลินชวนฮวาในตอนนี้ภาพลักษณ์ของนางไม่ได้สวยงามเช่นเคยจึงไม่กล้าพูดกล่าวอะไรมากมายนัก เพราะพูดไปแล้วไม่มีใครคิดเชื่อถือ

ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเลือกโอกาสนี้เพื่อก้าวออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้กับตนเอง หลังจากถูกรังแกและทารุณมาเนิ่นนานนาน แน่นอนว่าการลุกขึ้นต่อต้านไม่ใช่เรื่องแปลก ฉะนั้นนี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย!

“หลานรัก อย่าได้โกรธเคืองไปเลย… ไม่ว่าอย่างไรนางก็ถือว่าเป็นแม่ของเจ้า อีกไม่นานทุกคนคงรู้ความจริงและไม่มีใครให้ค่ากับคำพูดของนาง!”

เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นพร้อมอย่างคำออกอย่างเย็นชา “ข้าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปจริงหรือไม่… ไม่มีใครรู้! แต่เรื่องที่หลินชวนฮวาส่งข้าไปยังบ้านของนายน้อยหลี่เพื่อเป็นสินบนให้กับลูกชายนั้นเป็นความจริงที่นางไม่อาจแก้ตัวได้! ข้าอาจจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปแต่เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่าข้าไม่อาจรักษาทรัพย์สมบัติของแม่หยุนไว้ได้… ส่วนเฉินเฉิงเยี่ยเป็นลูกชายผู้ล้ำค่าของหลินชวนฮวาใช่หรือไม่? ยังคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้อีกหรือ? ข้าจะทำลายความฝันของนางเอง! ป้าไม่ต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้ข้าใจเย็นหรอกเพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่มีวันปล่อยนางไป ท่านผู้เฒ่าจะลงโทษข้าขั้นรุนแรงไม่ได้เพราะพวกเขาไม่มีหลักฐาน มากที่สุดก็แค่บังคับให้ข้าแต่งงาน… แต่ก่อนที่ข้าจะแต่งงาน หลินชวนฮวาต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง ข้าจะทำให้นางรู้จักคำว่าเจ็บปวด!”

หลังจากพูดจบ นางก็เดินออกไปโดยไม่สนใจว่าทุกคนต่างกำลังจ้องมองด้วยความประหลาดใจ

ในยามนี้… เฉินเถียนเถียนเด็ดเดี่ยวราวกับนักสู้!

แต่หลังจากเดินออกมาได้ไม่นาน เด็กสาวพลันสะดุดก้อนหินและล้มลงหน้าคะมำกับพื้น

ความอัดอั้นทำให้นางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่างมันช่างเจ็บปวดยิ่ง แม้แต่หินก้อนเล็ก ๆ ยังทำร้ายนาง!

เฉินเถียนเถียนนอนนิ่งโดยไร้ซึ่งความปรารถนาที่จะลุกขึ้น

ทว่าในตอนนั้นรองเท้าผ้าสีดำคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น… เมื่อเห็นดังนั้นนางก็คาดเดาได้ทันทีว่าเจ้าของรองเท้าคู่นี้คือใคร!

เฉินเถียนเถียนอดที่จะชื่นชมตนเองไม่ได้ แม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้นางยังคงสามารถแสดงทักษะทางตำรวจออกมาได้อย่างน่าภูมิใจ!

นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองภาพตรงหน้า

เจ้าของรองเท้าคู่นี้คือชายร่างใหญ่หนวดเครารุงรัง… เขามักจะโผล่มาในช่วงเวลาที่อับอายของนางเสมอ!

‘อะไรกัน? เหตุใดเจ้าต้องโผล่มาในช่วงเวลาเช่นนี้ตลอด? ตอนนี้คงหัวเราะเยาะข้าในใจเป็นพันครั้งแล้วสินะ?!’

แม้ว่าหยุนเคอจะรู้สึกขบขันกับภาพตรงหน้าแต่คงไม่ดีนักหากจะหัวเราะออกมา ด้วยประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาทำให้หยุนเคอควบคุมอารมณ์ได้ดี แล้วก็ไม่มีใครสามารถเดาความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน

“เจ้าไปที่บ้านของข้าหรือไม่?”

เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิด นางค่อย ๆ ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของตนก่อนจะกล่าวตอบ “ใช่ ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าหากให้ยืมไก่ป่า… ข้าก็จะเอามาคืน! แต่เมื่อข้าไปถึงกลับไม่เห็นเจ้าจึงวางมันไว้อย่างนั้น”

หยุนเคอยกตระกร้าขึ้นและพบว่าของที่เฉินเถียนเถียนนำมาคือไก่ป่า ซึ่งนางซื้อมาด้วยเงินที่ได้รับคืนจากหลินชวนฮวา

เมื่อได้ยินว่าเฉินเถียนเถียนถูกเรียกไปบ้านของป้าจี๋ หลินชวนฮวาก็รู้สึกกระวนกระวายจนไม่สามารถเอาก้นแนบพื้นได้ ในที่สุดนางจึงเร่งรีบออกจากบ้านด้วยความร้อนใจ

ในตอนนั้นเองนางก็บังเอิญเห็นว่าเฉินเถียนเถียนกำลังพูดคุยกับหยุนเคออยู่

‘นังเด็กเหลือขอรู้จักกับคนป่าด้วยงั้นหรือ? ช่างนางสิ… นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี!’

หลินชวนฮวาคิดอย่างนั้นจึงร้องตะโกนสุดเสียง “เถียนเถียนระวัง! นั่นมันคนป่า!”

ชาวบ้านทุกคนต่างตื่นตระหนกไปด้วย พวกเขารู้ดีว่ามีคนป่าอาศัยอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาลงมาจากภูเขาเมื่อไหร่กันอีกทั้งยังมีหลายคนรู้เพียงว่ามีคนป่าอาศัยอยู่ แต่กลับไม่เคยพบเห็นสักครั้ง!

ชาวบ้านกรูเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกคนล้วนอยากเห็นว่าคนป่านั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?

ในคราวแรกหยุนเคอตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงตะโกน แต่เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วทว่าร่างกายกลับถูกล้อมรอบไปด้วยชาวบ้านมากมายเสียแล้ว

หลินชวนฮวารุดตัวมาหาเฉินเถียนเถียนอย่างเร่งรีบพร้อมหายใจหอบหนัก

“เถียนเถียนกลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้… เขาเป็นคนป่าอาจทำร้ายเจ้าได้!”

เฉินเถียนเถียนยกยิ้มเย็นชาก่อนจะกล่าวตอบ “ในโลกใบนี้นอกจากหญิงที่ชื่อหลินชวนฮวาแล้วยังมีใครกล้าทำร้ายข้าอีกเหรอ? โอ้… หรือจะเป็นชายที่ชื่อเฉินผิงอัน?!”

หลินชวนฮวาได้ฟังอย่างนั้นก็พลันตกตะลึง นางพูดจาขวานผ่าซากและยังเรียกชื่อของพ่อแม่อย่างไม่ให้เกียรติได้อย่างไร?

“เถียนเถียน… เจ้าเป็นอะไรไป? เรียกพ่อว่าเฉินผิงอันได้อย่างไร? อย่างไรเขาก็คือพ่อของเจ้า!”

เฉินเถียนเถียนยกยิ้มก่อนตอกกลับอย่างเย็นชา “ใช่ เขาเป็นพ่อของข้า! แต่นอกเหนือจากการให้ยืมนามสกุล โบยตี และตะโกนสาปแช่ง เขาทำอะไรเพื่อข้าอีกบ้าง? แม่หยุดเสแสร้งเสียที เลิกทำตัวน่าสงสารได้แล้ว แม่ปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงของข้า เหตุใดยังกล้าบีบน้ำตาร้องไห้เสียใจอีก?”

หลินชวนฮวาแสร้งร้องไห้ราวกับเสียใจและผิดหวังยิ่ง นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “เถียนเถียน… เจ้าพูดแบบนั้นกับแม่ได้อย่างไร? มันก็เป็นความจริงที่ข้าทั้งสองอาจไม่เคยทำสิ่งดี ๆ ให้เจ้า แต่นับตั้งเจ้าก้าวเข้าไปในบ้านของนายน้อยหลี่และหลบหนีออกมาได้… ข้าก็เพียงสงสัยว่าเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่? เอ๊ะ… แล้วเหตุใดคนป่าผู้นี้จึงยื่นตะกร้าให้แก่เจ้า?”

เฉินเถียนเถียนตอบอย่างประชดประชัน “เพียงเห็นว่าเขายื่นตะกร้าให้ข้า เหตุใดจึงต้องโวยวายเสียงดังว่าเขาจะทำร้ายข้า?”

ป้าหวางหันมองหลินชวนฮวาด้วยความรังเกียจก่อนจะพ่มลมหายใจยาวอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ป้าหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่คิดเช่นนั้นจึงกล่าวถามอย่างไร้ยางอาย “ลูกสาวครอบครัวเฉินควรอธิบายก่อนว่าเจ้าและคนป่าผู้นี้รู้จักกันได้อย่างไร? เหตุใดเขาจึงมอบตะกร้านี้ให้กับเจ้า?”

เฉินเถียนเถียนมองตะกร้าพร้อมกับนึกในใจว่า ‘หากไม่คิดข้อแก้ตัวดี ๆ ข้าต้องโดนประณามอีกแน่!’

‘คนพวกนี้กำลังจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น หากข้าพูดอะไรไปหวังว่าหยุนเคอจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเพื่อหยุดปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นนะ!’

“พ่อของข้า… ท่านบ่นว่าสุขภาพไม่ค่อยดี จึงใช้ให้ข้าไปซื้อไก่ป่าจากพรานป่าผู้นี้มาต้มกิน มีสิ่งใดแปลกประหลาดงั้นหรือ?”

ระหว่างทางกลับบ้าน ไม่ว่าเฉินเถียนเถียนจะเดินไปทางไหน ชาวบ้านที่เห็นนางจะหยุดมือทำทุกสิ่งและหันมองนางด้วยความสงสาร

‘เกิดอะไรขึ้น?’ เฉินเถียนเถียนไม่เข้าใจแต่ทำได้เพียงเพิกเฉยและก้มหน้าเดินต่อไปด้วยความเบื่อหน่าย

ระหว่างนั้นป้าหวงเดินเข้ามาทักทาย “เถียนเถียน… เจ้าไปที่ใดมางั้นหรือ?”

เฉินเถียนเถียนเบิกตากว้างแสร้งทำสีหน้าไร้เดียงสา “เกิดอะไรขึ้นหรือป้าหวง? เหตุใดทุกคนถึงจ้องมองข้าเช่นนั้น?”

“เอ่อ…”

แม้ป้าหวงไม่อยากจะเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นแววตาอันอ้อนวอนอย่างใคร่รู้นั้นก็ทำให้นางทนไม่ได้ จึงคิดว่าหากจะปิดบังไว้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะยังมีผู้คนอีกมากมายที่เฉินเถียนเถียนต้องพบเจอ แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนเล่าให้นางฟัง!

“เถียนเถียน… เล่าให้ป้าฟังเถิดว่าวันที่เจ้าหนีออกมาจากบ้านของนายน้อยหลี่! คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

“ใช่แล้ว ไม่เคยมีหญิงคนไหนหนีรอดเงื้อมมือนายน้อยหลี่มาก่อน เจ้าแน่ใจหรือว่ายังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้กับเขา?”

เฉินเถียนเถียนถึงกับพูดไม่ออก คนพวกนี้ไปเอาความคิดเหล่านี้มาจากที่ใดกัน… ดูเหมือนว่าหลินชวนฮวาจะสร้างข่าวลือบางอย่างระหว่างที่นางไม่อยู่!

“ป้าพูดอะไร? ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย?”

“ไม่เป็นไร…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงคนหนึ่งถามแทรกขึ้น “หญิงทุกคนที่ถูกส่งไปให้นายน้อยหลี่แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกลับมาพร้อมกับความบริสุทธิ์!”

เฉินเถียนเถียนบีบน้ำตาพร้อมกล่าวออกอย่างเศร้าโศก “แม่ของข้าบอกเช่นนั้นหรือ? เหตุใดแม่ต้องใส่ร้ายข้าเช่นนี้? แม่ตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของข้าหรืออย่างไร?!”

เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ร้องไห้ ชาวบ้านต่างรู้สึกสงสารราวกับว่าตนกำลังรังแกเด็ก!

“เจ้าเข้าไปอยู่ในบ้านของนายน้อยหลี่ถึงหนึ่งคืนก่อนจะหนีออกมา… ใครจะรู้เล่าว่าเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่?”

แม้หลินชวนฮวาจะพยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายชื่อเสียงของเฉินเถียนเถียนแต่ก็ไม่มีใครเชื่อนางอย่างสนิทใจ

มีเพียงนางหยุนเท่านั้นที่เคยเป็นที่รักและชื่นชมของชาวบ้านต่อให้หลินชวนฮวาจะพยายามแทนที่แต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้!

เพราะหลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและริษยา!

“ใครบอกว่าข้าเข้าไปอยู่ถึงหนึ่งคืน? ข้าหนีออกมาจากบ้านนั้นก่อนจะตกใจจนหมดสติไปในระหว่างทางและเมื่อตื่นมาก็เดินข้ามภูเขาเพื่อกลับบ้าน! ต่อให้แม่จะทราบเรื่องนี้ดี… แต่คงไม่มีทางปกป้องข้า!”

เรื่องเล่าของเฉินเถียนเถียนนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ หลินชวนฮวาใช้โอกาสที่เฉินเถียนเถียนเข้าไปอยู่ในบ้านของนายน้อยหลี่เพื่อสร้างเรื่องว่านางได้เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องคืนนั้นจะจริงหรือเท็จก็ยังนับว่าตัดสินไม่ได้

“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ค้างคืนที่บ้านของหลี่ มีพยานหรือไม่?”

เฉินเทียนเถียนตื่นตระหนกและไม่รู้จะทำอย่างไรจึงทรุดตัวลงร้องไห้!

“แม่รู้ดีทุกอย่าง… นางรู้ดีว่าในคืนนั้นข้ากลับมานอนที่โรงเก็บไม้ แต่ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? แม่บอกว่าจะเลิกรังแกและทำลายชื่อเสียงของข้าแล้วไม่ใช่หรือ?”

จี๋ชื่อได้ยินเสียงของชาวบ้านและเสียงร้องไห้ของเฉินเถียนเถียนแว่วมาแต่ไกลจึงฝ่าฝูงชนเข้าไปและเห็นเฉินเถียนเถียนกำลังนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่พร้อมชาวบ้านมากมายที่ต่างรุมถากถาง!

“พวกเจ้าไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร? เหตุใดจึงมารังแกหลานข้า?!”

จี๋ชื่อมีคู่ปรับคือป้าหลี่… เพราะทั้งสองเป็นคนขวานผ่าซากจึงมักจะมีปัญหากันอยู่เสมอ แต่เมื่อได้ยินคำถามเมื่อครู่ป้าหลี่ก็โต้กลับทันที “โอ้! สะใภ้ใหญ่แห่งตระกูลเฉินคงไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม? เด็กสาวผู้นี้ที่ไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายปีเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว!”

“แม่นางหลี่พูดไร้สาระอะไร? เจ้าตัดสินคนจากการฟังความเพียงข้างเดียวหรือ?”

เมื่อเฉินเถียนเถียนเห็นว่าจี๋ชื่อมาถึงก็รู้สึกโล่งใจเพราะในที่สุดนางก็ไม่ต้องรับมือกับคำถามของชาวบ้านแต่เพียงผู้เดียว เช่นนี้นางจึงรีบเล่าเรื่องราวเพื่ออธิบาย “ท่านป้า… แม่สร้างเรื่องโกหกทุกคนหลังจากที่นางรับปากต่อหน้าทุกคนว่าจะเลิกรังแกข้า แต่กลับยังคงปล่อยข่าวลือเพื่อทำลายข้าอยู่!”

เมื่อจี๋ชื่อได้ยินดังนั้นก็เกิดความสงสัยว่าเหตุใดหลินชวนฮวาจึงทำเช่นนี้ นางรีบถามต่ออย่างร้อนใจ “เจ้าว่าอย่างไรนะ? เล่าให้ป้าฟังก่อนเถิด!”

“แม่รู้ดีว่าข้าหนีออกจากบ้านของตระกูลหลี่และกลับไปอยู่ในโรงเก็บไม้ นายน้อยหลี่เองก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่แม่กลับบอกทุกคนว่าข้าค้างคืนที่บ้านของนายน้อยหลี่และเสียบริสุทธิ์ให้เขาแล้ว!”

เมื่อได้ยินดังนั้นจี๋ชื่อโกรธจัดทันทีพร้อมโวยวายเสียงดัง “ข้าคิดแล้วว่านางต้องไม่จริงใจ แสร้งทำเป็นรู้สึกผิด แท้จริงแล้วกลับมีแผนการร้ายอยู่เบื้องหลัง นังผู้หญิงคนนี้… ”

ตอนนั้นเองป้าจี๋เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้จึงชะงักและหยุดโวยวาย ซึ่งท่าทางนี้ทำให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกถึงลางร้าย

“เถียนเถียน ไปกันเถอะ! ไปบ้านข้า!”

แม้เฉินเถียนเถียนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รับรู้ได้ว่าป้าจี๋ไม่เคยคิดร้ายต่อตนเลย ดังนั้นนางจึงตามจี๋ชื่อไปยังบ้านของนาง

เฉินเถียนเถียนเดินเข้าไปในบ้านอย่างสงบเสงี่ยม ขณะที่จี๋ชื่อถอนหายใจออกด้วยความหดหู่

“เด็กน้อย… เรื่องนี้มันยากที่จะกล่าว!”

แต่เพื่อให้ไม่เป็นที่สงสัย เฉินเถียนเถียนจึงก้มลงเช็ดน้ำตาและแสร้งทำเป็นอ่อนแอให้เหมือนเฉินเถียนเถียนคนเก่า

“กล้ารังแกหลานข้าถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“ป้าอยากจะช่วยเหลือเจ้าแต่ท่านผู้เฒ่าค่อนข้างหัวโบราณนัก หากถูกหลินชวนฮวารังแกแน่นอนว่าทุกคนต้องเข้าข้างเจ้า! เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เจ้าหลบหลีออกมาจากบ้านของนายน้อยหลี่… ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดีและยังบริสุทธิ์!”

“ถึงแม้… เรื่องทั้งหมด… จะเป็นฝีมือของนังปีศาจหลินชวนฮวาแต่ท่านผู้เฒ่าก็คงไม่สนใจ เพราะพวกเขาหัวโบราณยิ่ง หากรู้ว่าชื่อเสียงของเจ้าเสียหาย พวกเขาจะคิดว่าครอบครัวเฉินเป็นเหยื่อและจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่ง…”

“หลินชวนฮวามีแผนร้ายเต็มหัว! ข้าเกรงว่าทุกอย่างในมือเจ้าจะต้องตกไปเป็นของนาง เกรงว่านางจะวางแผนให้เจ้าถูกขับไล่หรือส่งกลับไปให้นายน้อยหลี่ เฮ้อ… เด็กน้อยเอ๋ย… ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้นะ!”

จี๋ชื่อคอยช่วยเหลือเฉินเถียนเถียนมาโดยตลอด ทั้งยังวางแผนและวิเคราะห์สถานการณ์ให้ ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นผลดีต่อตัวเฉินเถียนเถียนอย่างมาก

เฉินเถียนเถียนเกรงว่าตนอาจเป็นต้นเหตุให้ป้าจี๋ผิดใจกับคนในตระกูลและท่านผู้เฒ่า… แต่ทุกอย่างก็ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!

อย่างไรก็ตามแม้หลินชวนฮวาจะพยายามสร้างเรื่องเพื่อทำลายชื่อเสียงของนาง แต่ชื่อเสียงของอีกฝ่ายก็ถูกทำลายเช่นกัน!

เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นไตร่ตรองก่อนจะกล่าวคำออก “ท่านป้า… ท่านทำเพื่อข้ามามากจนข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร ในเมื่อป้าช่วยข้าในเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าก็จะหาทางออกด้วยตนเอง… ข้ารู้ดีว่าคนอย่างหลินชวนฮวาไม่มีทางคิดเรื่องดี ๆ ในหัวได้!”

ชาวบ้านในระแวกนั้นมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจทันที เมื่อพวกเขาเห็นอย่างนี้แล้ว การแสดงของเฉินเถียนเถียนในวันนั้นก็พลันสูญเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นแม้เฉินเถียนเถียนจะเคยถูกทารุณมาก่อน แต่การแก้แค้นบุพการีนับเป็นเรื่องที่ผิด หากทำเช่นนี้จะนับว่าเป็นลูกกตัญญูได้อย่างไร?

“หืม… เฉินเถียนเถียนทำร้ายเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”

หลินชวนฮวาต้องการที่จะพยักหน้าเพื่อตอบรับ แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีจึงทำได้เพียงกล่าวออกด้วยท่าทางโศกเศร้า “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เถียนเถียนเป็นเด็กมีเหตุผลและยังยอมยกโทษให้ข้า”

ฉับพลันมีเสียงหญิงคนหนึ่งดังขึ้น “แม่นางหลิน… เจ้าคิดจะหลอกพวกข้าหรือไร? หากนางอภัยแล้ว เจ้าจะมานั่งร้องไห้เช่นนี้เพื่ออะไรกัน?”

สายตาทั้งหมดล้วนจับจ้องที่หลินชวนฮวาอย่างคาดคั้น

นี่คือคำถามที่หลินชวนฮวาต้องการ… เพราะจะทำให้นางสามารถแสดงละครต่อไปได้ นางตอบกลับเสียงเศร้า “เถียนเถียนเป็นเด็กดี ข้าเป็นแม่ย่อมต้องคิดถึงนางเสมอ เมื่อก่อนข้าละเลยความรู้สึกนางเพราะความไม่รู้ เพียงคิดว่าควรวางแผนอนาคตที่ดีให้นางตั้งแต่ยังเด็กจึงส่งนางไปที่บ้านของตระกูลหลี่!”

ชาวบ้านทั้งหมดพลันหัวเราะเยาะในใจแต่ยังคงแสร้งทำเป็นสงสารหลินชวนฮวา ทุกคนต่างรู้ดีว่านางใช้เฉินเถียนเถียนเพื่อเปลี่ยนอนาคตของลูกชายแต่กลับกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร้ยางอาย!

“นางพักอยู่ในบ้านของนายน้อยหลี่ทั้งคืนแต่กลับหนีรอดมาได้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วอนาคตของนางจะเป็นอย่างไรต่อไป?”

‘เหตุใดแม่เลี้ยงที่ถูกลูกเลี้ยงเปิดโปงถึงนึกเป็นห่วงลูกเลี้ยงขึ้นมา? ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?’

แม้จะรู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาแต่ชาวบ้านก็เลือกที่จะเพิกเฉย พวกเขาเพียงดูการแสดงของหลินชวนฮวาต่อไปเท่านั้น ส่วนเฉินเถียนเถียนจะยังบริสุทธิ์หรือไม่ ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นเลย

หญิงชนบทมักจะเป็นเช่นนี้ ถูกปลูกฝังด้วยจริยธรรมและศักดินาจึงไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ในทางกลับกัน ยิ่งเป็นเรื่องต้องห้ามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากเท่านั้น ทุกคนเริ่มซุบซิบกันอย่างออกรส

“นายน้อยหลี่เป็นคนตัณหาจัด ไม่เคยมีหญิงใดหลุดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้ แม้เฉินเถียนเถียนจะซูบผอมแต่ก็หน้าตางดงามยิ่ง เมื่อก่อนนางหยุนถือเป็นหญิงที่สวยที่สุดในเมืองนี้ แน่นอนว่าลูกสาวของนางก็ต้องงดงามไม่แพ้กัน นางสวยจนเกือบจะ…”

ทุกคนต่างรู้ดีว่าคืออะไรเพียงแต่ไม่กล้าจะพูดออกไป ทำได้เพียงสงสัยในใจ…

“แต่ในเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว เฉินเถียนเถียนต้องกลับไปยังบ้านของนายน้อยหลี่ ว่ากันว่าหญิงที่ดีจะต้องมีเพียงสามีเดียว ดังนั้นเด็กสาวคนนี้จะไม่มีวันได้แต่งงานกับคนดี ๆ ได้เพราะถือว่ามีมลทินเสียแล้ว…”

หลินชวนฮวาแสร้งบีบน้ำตาแล้วพูดต่อ “ไม่! พวกเจ้าอย่าพูดเช่นนั้นเลย เถียนเถียน… ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง! ข้าเพียงอยากเลือกผู้ชายดี ๆ ให้ลูกเท่านั้น ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วข้าจะเป็นคนเลือกผู้ชายให้กับนางเอง!”

ทว่ากลับมีชาวบ้านคนหนึ่งตอบกลับด้วยความเย้ยหยัน “หวังจะให้หญิงสาวชนบทแต่งงานกับชายในตระกูลสูงส่ง… นี่เจ้าฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร? แม่นางหลิน… ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำทุกอย่างเพียงเพื่อลูกชายคนโต หากเป็นห่วงเถียนเถียนจริงก็จงแก้ปัญหาทั้งหมดให้นางเสีย!”

ทุกคนในระแวกนั้นพลันเห็นด้วยพร้อมกับส่งสายตาดูถูกให้กับหลินชวนฮวา

“เจ้าควรดีใจไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเจ้าเป็นคนทำลายชีวิตของผู้อื่นเองแล้วจะร้องไห้เพื่ออะไรกัน?”

‘นางส่งลูกสาวให้นายน้อยหลี่เพื่อแลกกับอนาคตที่ดีของลูกชายไม่ใช่หรือ?’

‘หลินชวนฮวาแสร้งทำเป็นอ่อนแอและใจดีอย่างนั้นเหรอ? คนจิตใจดีจะกล้าทำลายชีวิตของหญิงบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ? ทั้งยังคิดจะให้นางแต่งงานกับหลานชายของตนอีก!’

หลินชวนฮวาตั้งใจจะสร้างข่าวลือที่ว่าเฉินเถียนเถียนเสียบริสุทธิ์แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ได้เป็นไปตามที่นางคาดหวัง!

หลินชวนฮวาต้องการทำลายชื่อเสียงของเฉินเถียนเถียนเพื่อให้นางโดนประณามและถูกขับไล่

แน่นอนว่าชายหนุ่มทุกคนอยากแต่งงานกับหญิงบริสุทธิ์ทั้งนั้น ไม่มีใครต้องการหญิงที่มีมลทิน แต่หลานชายของหลินชวนฮวานั้นเป็นคนโง่เขลา!

หากหลินชวนฮวาสามารถทำให้เฉินเถียนเถียนแต่งงานกับหลานชายของตนได้ก็นับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากนางจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของเฉินเถียนเถียนแล้ว ยังได้ขับไล่และแก้แค้นหญิงผู้นี้อีกด้วย!

น้องสะใภ้ผู้ซึ่งเป็นแม่ของหลานชายก็สนิทกับหลินชวนฮวา นางย่อมรู้ดีว่าพี่สะใภ้เกลียดชังลูกเลี้ยงเพียงใด อีกทั้งเฉินเถียนเถียนยังมีใบหน้าที่งดงามกว่าใครอีกด้วย หลินชวนฮวาต้องการบรรลุแผนการโดยไม่สนใจว่าใครจะนินทา นางแสร้งแสดงละครต่อไปเพราะหากให้หยุดตอนนี้คงไม่ทันแล้ว

“พวกเจ้า… พวกเจ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร? เหตุใดจึงไม่คิดจะเห็นใจข้าบ้าง!”

หลินชวนฮวาลุกขึ้นหันหลังกลับเข้าบ้านพร้อมปิดประตูเสียงดัง!

อีกฝั่งของประตูมีแต่เสียงหัวเราะเยาะของชาวบ้านดังขึ้นอย่างชัดเจน

“ถึงพวกข้าจะไร้ความเห็นอกเห็นใจแต่ก็มิได้ใจร้ายเช่นเจ้า แม่ที่ส่งลูกสาวไปให้นายน้อยหลี่เพื่อแลกเปลี่ยนกับอนาคตที่ดีของลูกชาย… ยังกล้าเรียกตนเองว่าเป็นคนมีความเห็นอกเห็นใจอีกหรือ?!”

“ใช่! ทุกคนรู้ดีว่าจุดประสงค์ของเจ้าคืออะไรแต่ยังหน้าด้านมาบอกว่าทำไปเพราะความรักงั้นหรือ?! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอำมหิตเช่นนี้และไม่อยากคิดเลยว่าหญิงผู้หนึ่งที่ถูกเจ้าทำร้ายจะต้องทุกข์ทรมานเพียงใด?!”

หลินชวนฮวาโกรธจนแทบอยากจะออกมาโต้เถียงกับชาวบ้านเหล่านั้น แต่เพื่อเรียกคะแนนสงสารนางจึงทำได้เพียงกัดฟันและอดทนไว้

หลินชวนฮวาพยายามหาข้ออ้างในใจเพื่อปลอบโยนตัวเองเพื่อให้สงบจิตสงบใจลง

เฉินเฉิงเยี่ยกำลังจะได้เป็นขุนนางและหลินชวนฮวาจะกลายเป็นแม่ของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อวันนั้นมาถึงจะไม่มีหญิงชนบทคนใดจะเทียบเทียมนางได้!

แม้หลินชวนฮวาจะหาเหตุผลมากมายมาปลอบใจตนเอง แต่ก็ยังไม่คลายความโกรธ

‘ในเมื่อพวกเขาต่างรู้ดีว่านางเสียบริสุทธิ์ให้ชายอื่นแล้ว เหตุใดคนเหล่านี้จึงเลือกที่จะโจมตีข้าทั้ง ๆ ที่ควรประณามเด็กคนนั้น?’

ส่วนเฉินเถียนเถียนอยู่ในโรงเก็บไม้อย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างนอกนั้น…

เย็นวันนั้นเฉินเถียนเถียนจำได้ว่าตนเป็นหนี้บุญคุณหยุนเคอ จึงลุกขึ้นเพื่อออกเดินทางไปยังถ้ำ นางต้องการตอบแทนเขาแต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าชายร่างใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่

หลังจากรออยู่นานและไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะกลับมา นางจึงวางของในมือลงบนโต๊ะก่อนจะเดินกลับบ้าน ในช่วงเวลาเช่นนี้ผู้คนมากมายก็ต่างเตรียมตัวกลับบ้านจากการทำไร่ไถนาและล่าสัตว์เพื่อนำมาใช้เป็นอาหาร…

แต่ท้ายที่สุดเฉินเถียนเถียนก็หยุดคิดเรื่องทั้งหมดทันที ตอนนี้ทุกอย่างของครอบครัวเฉินอยู่ในมือของนาง ไม่สำคัญว่าใครจะเกลียดชังหรือรักใคร่! เพราะความรู้สึกแห่งความยุติธรรมในฐานะตำรวจยังคงเต็มล้นดังนั้นนางจึงไม่อาจยอมโดนกดขี่อย่างอยุติธรรมได้

อีกทั้งร่างนี้ไม่ใช่เฉินเถียนเถียนคนเดิมอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งทำว่าอ่อนแอในท้ายที่สุดนางก็จะยืนหยัดด้วยขาของตนเองให้ได้

ตราบใดที่เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาไม่เข้ามากวนใจ นางก็จะไม่สร้างปัญหาอะไรอีก

ความจริงทั้งหมดของเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะกระจ่างไม่ช้าก็เร็ว

ณ ถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาเทพธิดา หยุนเคอมองดูสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นและเริ่มมีความคิดที่อยากจะปลูกเรือนในหมู่บ้าน

นับตั้งแต่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทของครอบครัวเฉินในวันนั้น หมู่บ้านแห่งนี้ดูชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย เฉินเถียนเถียนมีเล่ห์เหลี่ยมอันชาญฉลาด จนทำให้หลินชวนฮวาไม่สามารถสร้างปัญหาใด ๆ ได้เลย

เมื่อเวลาผ่านไป… หลินชวนฮวาเริ่มมองหาอาหารที่เฉินเถียนเถียนกิน

นางต้องการกลั่นแกล้งเด็กสาวโดยการนำวัตถุดิบไปซ่อน ทว่าเฉินเถียนเถียนตระเตรียมอาหารไว้สำหรับทุกคนและตักแบ่งส่วนของตนไว้แล้ว!

ส่วนเฉินผิงอันรู้สึกพอใจมากที่ลูกสาวรู้จักหน้าที่และบทบาทของตนเป็นอย่างดี!

เมื่อเห็นอาหารที่น่ารับประทานบนโต๊ะ หลินชวนฮวาจึงวางแผนที่จะซ่อนเนื้อตุ๋นไว้ให้กับลูกชายแต่เพียงผู้เดียว และเพื่อไม่ให้เฉินผิงอันเห็นสิ่งที่ตนทำ หลินชวนฮวาจึงแอบซ่อนเนื้อราวสองสามชิ้นไว้ในจานก่อนจะนำเข้าไปให้เฉินเฉิงเยี่ย

ใบหน้าฟกช้ำจากการถูกรุมทำร้ายของเฉินเฉิงเยี่ยเกือบจะหายดีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าออกมาพบปะผู้คนอยู่ดี

อย่างไรก็ตามอาหารที่หลินชวนฮวานำมาในวันนี้ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก… แล้วเขาจะพอใจกับอาหารจานนี้ได้อย่างไร? เพราะขุนนางไม่มีทางทานอาหารเช่นเดียวกับคนธรรมดาได้

“เฉิงเยี่ย… แม่จัดการกับอีขี้ครอกนั่นแล้วและตอนนี้อาหารทั้งหมดก็อยู่กับแม่ เจ้าแต่ไม่ต้องกังวลเลย… แม่จะไม่ยอมปล่อยให้เจ้ากินอาหารชั้นต่ำเช่นนี้ไปตลอดเด็ดขาด อดทนก่อนนะลูก… หากมีโอกาสแม่จะแอบซื้อเนื้อมาฝากเจ้า!”

 

แม้เฉินเฉิงเย่จะรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้คำใดกลับ เพียงแต่มองหลินชวนฮวาด้วยแววตาเย็นชาจนน่าขนลุก

“เฉิงเยี่ย… แม้ตอนนี้ลูกจะไปโรงเรียนไม่ได้ แต่จงอย่าล้าหลังหรือยอมแพ้ในการศึกษา ที่แม่ยอมทุกอย่างในตอนนี้ก็เพื่อเจ้า หากเจ้าทำสำเร็จ… ความคับข้องใจที่แม่ต้องอดทนทั้งหมดจะไม่ไร้ประโยชน์!”

เฉินเฉิงเยี่ยพ่นลมหายใจเย็นชาก่อนตอบกลับ “ข้ารู้แล้ว!”

ความจริงหลินชวนฮวาพูดประโยคนี้บ่อยครั้งจนเฉินเฉิงเยี่ยเบื่อที่จะฟังอีกต่อไป

“แต่… ข้าว่าเราควรปล่อยนางไปดีไหม? เด็กสาวนั่นเริ่มจะรับมือยากขึ้นเรื่อย ๆ! ดูสิ… วันนี้ไอ้โง่เฉินผิงอันได้รู้ความจริงเรื่องที่นางเป็นคนทำอาหารแล้ว ข้าเกรงว่าหากนานไปเราจะยิ่งเสียเปรียบ!”

หลินชวนฮวาขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าอีขี้ครอกนั่นยากจะรับมือ แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องร่วมมือกัน ต่อให้เด็กสาวผู้นั้นจะรับมือยากเพียงใดมันก็คงไม่เกินความสามารถของเราสองคนหรอก!”

เฉินเฉิงเยี่ยตอบกลับอย่างเยือกเย็น “แม่คงไม่รู้สินะ… ไม่ใช่เพียงชื่อเสียงของขุนนางที่สำคัญ ชื่อเสียงของหญิงสาวก็สำคัญด้วย หากเฉินเถียนเถียนมีชื่อเสียงที่ไม่ดี แม้นางจะไม่สนใจ แต่ท่านผู้เฒ่าต้องขับไล่นางออกไปจากบ้านแน่!”

หลินชวนฮวาตอบกลับอย่างหนักแน่น “ในตอนแรกแม่ตั้งใจใช้นางเป็นสินบนเพื่อแลกกับโอกาสที่เจ้าจะได้เข้าศึกษา แต่แผนนี้กลับล้มเหลว…”

“แม่ไม่ต้องคิดมาก! อย่างไรซะนางก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของข้า! หากชื่อเสียงของนางย่ำแย่เราก็ประกาศตัดสัมพันธ์กับนางเสีย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การใช้นางเป็นเครื่องมือ แต่เป็นการทำลายชื่อเสียงของนางจนต้องถูกขับไล่ออกไป… จะเป็นการดีที่สุดที่จะทำให้นางออกจากบ้านนี้ไปโดยไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินใดเลย!” เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวคำออกพร้อมเผยแววตาเย็นชาชั่วร้าย

หลินชวนฮวาได้ยินอย่างนั้นจึงรีบกล่าวชื่นชมลูกชาย “โอ้… ลูกชายของแม่ช่างฉลาดนัก! ไม่ต้องห่วง หลังจากคืนที่นางหลบหนีมาจากบ้านของนายน้อยหลี่ไม่มีใครเชื่ออีกแล้วว่านางยังบริสุทธิ์ แม่จะสร้างเรื่องให้ทุกคนคิดว่านางเสียบริสุทธิ์ไปแล้ว… เช่นนี้ต้องได้ผลแน่!”

เมื่อได้ยินดังนั้นเฉินเฉิงเยี่ยจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าขุนนางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงมอบแผนการทุกอย่างไว้ให้หลินชวนฮวาจัดการ

หลินชวนฮวาเดินออกจากห้องไปด้วยความสบายใจ แม้ภายนอกของนางจะยอมอ่อนข้อแต่ภายในใจเต็มไปด้วยไฟแห่งความริษยาและเกลียดชัง!

แน่นอนว่าทุกคนย่อมเกิดมาพร้อมความสอดรู้สอดเห็น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างออกมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยและนินทาครอบครัวเฉิน!

“เจ้าคิดว่าหลินชวนฮวาจะเปลี่ยนนิสัยได้จริงหรือ? ข้าว่านางเพียงแสร้งทำเท่านั้น… แสร้งคุกเข่าลงขอโทษลูกสาวเพื่อเรียกคะแนนสงสาร!”

ชาวบ้านอีกคนแสยะยิ้ม “หากเป็นเจ้าจะยอมทำเช่นนั้นโดยเปล่าประโยชน์หรือ? เจ้าก็รู้ว่าเถียนเถียนครอบครองทรัพย์สินมากมายของนางหยุนอยู่ หลินชวนฮวาไม่มีทางทำไปโดยไร้จุดประสงค์!”

“ลูกสาวของนางหยุนเปรียบเสมือนคนใช้สำหรับครอบครัวเฉิน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าพวกเขาปฏิบัติต่อนางอย่างไร? หากท่านผู้เฒ่าทราบว่าหลินชวนฮวากระทำต่อลูกเลี้ยงอย่างทารุณ นางต้องเดือดร้อนเป็นแน่!”

หลินชวนฮวาเกือบหลุดหัวเราะออกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้!

เป็นเพราะหลินชวนฮวาไม่เคยให้ค่าหญิงปากสว่างพวกนี้เลยและยังรู้สึกเสมอว่าการพูดคุยกับพวกนางเป็นการลดระดับของตนเองเพราะในอนาคตนางจะกลายเป็นแม่ของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่!

นางจึงทำได้เพียง… อดทนเท่านั้น แน่นอนว่าหลินชวนฮวาไม่จำเป็นต้องเข้าไปเจรจากับพวกนางเพื่อให้เสียเวลา เพียงนั่งลงร่ำไห้อยู่หน้าบ้านอย่างน่าสงสารก็พอ

เมื่อชาวบ้านเห็นอย่างนั้นจึงเริ่มให้ความสนใจและถามไถ่

“นางหลิน… เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเจ้าต้องทำงานบ้านต่าง ๆ มากมายและยังถูกลูกเลี้ยงรังแก กลั่นแกล้งอย่างนั้นหรือ? เมื่อก่อนเป็นเจ้าที่คอยทารุณนาง แล้วเหตุใดวันนี้จึงเป็นฝ่ายถูกทำร้ายเสียเองเล่า?!” หญิงสาวชาวบ้านผู้หนึ่งถามด้วยความตกใจ!

ถ้าเป็นเมื่อก่อนหลินชวนฮวาไม่มีทางสนทนากับพวกนางแน่ แต่เพื่อเรียกคะแนนสงสารจึงต้องจำยอมที่จะพูดคุย

‘เอาล่ะ! เป็นคำถามที่หยาบคายยิ่ง… แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครถามเลย!’

“มิใช่! เถียนเถียนเป็นลูกสาวที่ดีเสมอมา… ทั้งยังให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำลงไปก่อนหน้านี้ด้วย!”

การที่เฉินผิงอันสั่งให้หลินชวนฮวาทำอาหารถือเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับนาง

หากเป็นเมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรือการทำอาหารล้วนแต่เป็นหน้าที่ของเฉินเถียนเถียนทั้งนั้น แต่เนื่องจากตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในมือของนาง หากปฏิบัติต่อนางไม่ดีก็อาจโดนขับไล่ได้

หลินชวนฮวาไม่มีทางเลือก นางจึงเดินไปที่โรงเก็บไม้พร้อมกับเคาะประตูอ้อนวอนเฉินเถียนเถียน

“เถียนเถียน… พ่อของเจ้าหิวแล้ว โปรดช่วยทำอาหารให้เขาด้วย!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่หลินชวนฮวาจะมาขอร้องเธอถึงที่!

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามื้อเย็น เหตุใดแม่จึงไม่รีบไปทำอาหารเล่า? ท่านหรือพ่อกันแน่ที่หิว? แล้ววัตถุดิบทั้งหมดที่ท่านซ่อนไว้อยู่ที่ใดกัน? เอามาให้ข้าเสีย! หากให้ไม่มี… ข้าเกรงว่าคงต้องรอไปก่อน แม่กลับไปบอกพ่อเถิด!”

หลินชวนฮวาไม่คิดให้เฉินผิงอันรู้เรื่องนี้เพราะเขาอาจโมโหร้ายขึ้นมาอีกครั้ง

“พ่อของเจ้าหิว… งั้นเจ้าไปบอกเขาด้วยตัวเองสิ!”

เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นมาเปิดประตูและมองหลินชวนฮวาด้วยรอยยิ้ม

“อาหารที่แม่ซ่อนไว้ไม่เหลือแล้วใช่หรือไม่?”

หลินชวนฮวารู้สึกตกใจต่อแววตาและรอยยิ้มอันมีเลศนัยของเด็กสาวตรงหน้ายิ่ง

“อ้อ มันจะหมดได้อย่างไรกันนะ? เมื่อตอนเที่ยงพ่อขอให้ข้าทำอาหารให้เขาและเฉินเฉิน แต่เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบ ข้าจึงไม่สามารถทำให้ได้ แล้วก็… เฉินเอ๋อก็ได้บอกพ่อไปแล้วว่าแม่ไม่ยอมทำอาหารให้เขากินเลย!”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้นหลินชวนฮวาตกใจจนตัวสั่น

‘เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่บ้าน? เฉินผิงอันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?’

‘เฉินเฉินบอกกล่าวอะไรกับพ่อของเขา?’

แม้หลินชวนฮวาจะรู้สึกตื่นตระหนกแต่ก็ไม่อยากให้เฉินเถียนเถียนจับได้ จึงรีบหยิบถังน้ำและเดินเข้าไปในห้องนอนของตนทันที

 

หลินชวนฮวาคุกเข่าลงก่อนจะนำมือและเท้าของเฉินผิงอันมาแช่ลงในน้ำเพื่อทำให้เขาใจเย็นลงแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งที่นางคาดคิด!

เฉินผิงอันที่หิวจนสามารถกลืนช้างได้ในคำเดียวไม่พอใจยิ่งกับการกระทำของนาง

“ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ลุกขึ้นมา! ข้าหิว ไปเรียกอีเด็กขี้ครอกมาทำอาหารเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงดุร้ายและเต็มไปด้วยความโมโหของเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาจึงขอโทษเขาทันที “สามี… โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ที่ข้าทำลงไปก็เพราะว่ารักและกลัวเจ้าจะรังเกียจข้า!”

‘หืม? เกิดอะไรขึ้นกับนาง? เหตุใดจึงต้องขอให้ข้ายกโทษให้?’

“ข้ารู้ว่าข้าผิด! แต่ข้าทำอาหารไม่เป็นและไม่เคยทำเลย ดังนั้นทุกครั้งที่ข้าทำอาหารมันจึงไม่อร่อย ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ชอบ ที่ผ่านมาทุกมื้อเป็นฝีมือของเถียนเถียน แม้ข้าจะอยากทำเพียงใด… แต่ให้เถียนเถียนจัดการคงดีกว่า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็มองไปยังภรรยาผู้น่าสงสาร น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของนางทำให้เฉินผิงอันรู้สึกเห็นใจ เขารู้สึกเข้าใจจึงไม่ได้ต่อว่าอะไรนางอีก

ที่ผ่านมาหลินชวนฮวาบังคับและใช้งานเฉินเถียนเถียนโดยให้นางทำอาหารและนำมาบอกสามีว่าเป็นฝีมือของตนเองโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าอาหารแสนอร่อยทั้งหมดเป็นฝีมือของเฉินเถียนเถียน แสดงว่าการโบยตีและลงโทษที่ผ่านมาของเฉินผิงอันนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด… เฉินผิงอันเข้าใจมาโดยตลอดว่าลูกสาวเป็นคนเกียจคร้าน แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นเพราะหลินชวนฮวาหลอกลวงเขา!

ขณะนั้นหลินชวนฮวาสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว

‘อาจเป็นเพราะนางไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป หลินชวนฮวามาจากครอบครัวที่มั่งมีจึงไม่แปลกหากจะทำอาหารไม่ได้ ทุกอย่างดู…ดูสมเหตุสมผลใช่ไหม?’ เฉินผิงอันนึกไตร่ตรองอย่างปลอบใจตัวเอง

ยิ่งในตอนนี้เฉินเถียนเถียนหลายเป็นหญิงที่รักความสะอาด นางมักจะลุกขึ้นมาล้างหน้าให้ผ่องใสเสมอ แม้จะผอมไปหน่อย แต่ก็ยังนับว่างดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนและยังเย่อหยิ่งมากขึ้นด้วย!

ขณะที่หลินชวนฮวาเป็นหญิงงามที่เจ้าอารมณ์… แต่สำหรับเฉินผิงอันแล้ว หลินชวนฮวาเป็นหญิงที่เพียบพร้อมกว่าหญิงอื่นมากโข

เฉินเถียนเถียนเป็นดั่งพายุไฟที่คอยแผดเผาผู้อื่นอยู่เสมอ ทุกครั้งที่นึกถึงนางก็ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกไม่มีความสุขสักนิด!

ในทางกลับกันหลินชวนฮวาเป็นหญิงที่อ่อนโยนและมีเมตตา แม้ในตอนนี้จะมีปัญหาแต่นางก็ไม่เคยต้องทำให้เขาเดือดร้อนเลยสักครั้ง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินชวนฮวาจึงเป็นหญิงที่ดีที่สุดสำหรับเฉินผิงอัน!

ส่วนเฉินเถียนเถียนเป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ใช่… เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินผิงอันก็เอื้อมมือพยุงร่างกายของหลินชวนฮวาขึ้น

“เอาล่ะ! ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด หากทำอาหารไม่เป็นก็ไม่ต้องทำ! ปล่อยให้เด็กขี้ครอกนั้นจัดการ แล้วเจ้าค่อยเรียนรู้เอาจากนาง เถียนเถียนเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านไม่ใช่หรือ? จะปล่อยให้คนในครอบครัวหิวได้อย่างไร? หากกล้าทำเช่นนั้น ข้าจะไปยังหน่วยงานราชการเพื่อฟ้องร้องนางทันที!”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจึงยิ้มและเอนตัวลงบนอกของสามีผู้โง่เขลาอย่างเสแสร้งก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสะใจโดยที่ไม่มีใครเห็น

แม้หลินชวนฮวาจะไม่เคยได้เห็นความงดงามของนางหยุน แต่ชาวบ้านก็อธิบายถึงความไร้ที่ติของนางได้อย่างน่าตกตะลึง!

หลินชวนฮวาเคยได้ยินมาว่าเฉินผิงอันช่วยชีวิตนางไว้ในป่าจึงได้แต่งงานพร้อมสินสอดทองหมั้นมากมาย แต่ในท้ายที่สุดแล้วหญิงงามผู้นี้ก็พ่ายแพ้ให้กับหลินชวนฮวา เพราะชายชนบทผู้โง่เขลาเช่นเฉินผิงอันมองเห็นเพียงหลินชวนฮวาเท่านั้นในสายตา เช่นนี้หญิงใดจะเทียบเคียงนางได้อีก?

เฉินเถียนเถียนที่รอฟังอยู่ด้านนอกก็ได้ยินทุกอย่างทั้งหมด นางคาดหวังว่าผู้เป็นพ่อจะลงโทษหลินชวนฮวาบ้าง แต่นางไม่คิดว่าเฉินผิงอันจะยอมอ่อนข้อให้หลินชวนฮวาถึงเพียงนี้ ‘นี่มันอะไรกัน? หญิงผู้นี้มีเวทมนต์หรืออย่างไร? นางทำให้ชายผู้นี้เพิกเฉยต่อลูกสาวได้จริงๆ หรือ?’

‘ไม่สิ! ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!’

เพราะเฉินเถียนเถียนเป็นตำรวจและไม่เคยเชื่อว่าในโลกนี้จะมีความรักที่แน่วแน่จนทำให้เกิดความเกลียดชัง โดยเฉพาะความเกลียดชังที่พ่อมีต่อลูกสาว!

‘แต่… เพราะเหตุใดกัน?’

เฉินเถียนเถียนจำแม่ผู้ให้กำเนิดของตนไม่ได้เลย แต่กลับรู้สึกได้ว่าแม่เป็นหญิงที่เงียบขรึมและอ่อนโยน เมื่อก่อนเฉินเถียนเถียนและพ่อไม่ได้ผิดใจกันมากนัก แต่หลังจากที่แม่ป่วยจนเสียชีวิตทั้งสองก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย

‘เป็นเพราะแม่พวกเขาจึงยอมคุยกันอย่างนั้นหรือ? เพราะเหตุใดกัน?’

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เฉินเถียนเถียนก็ยิ่งสงสัยมากเท่านั้น!

แม้เฉินเถียนเถียนไม่เชื่อถือแต่ก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ

“โปรดเชื่อในคำพูดของแม่เถิด ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว นับจากนี้ข้าจะดูแลครอบครัวให้ดี ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าและเฉินเอ๋อต้องหิว”

เฉินผิงอันได้ยินทุกสิ่งชัดเจนแต่กลับไม่เข้าใจความหมายของประโยคเหล่านั้นแม้สักนิด และไม่คิดทำตามด้วย!

ในครอบครัวนี้นอกจากเฉินเถียนเถียนแล้ว เฉินเอ๋อก็อดอยากและน่าสงสารไม่ต่างกัน

เฉินเถียนเถียนเห็นเด็กชายผู้น่าสงสารยืนดูทุกอย่างอยู่หน้าประตู นี่เป็นครั้งแรกที่แววตาของเฉินเฉินไร้ซึ่งความเกลียดชังหรือคาดหวังต่อสิ่งใด

ทั้งเฉินเถียนเถียนและเฉินเฉินถูกกระทำอย่างทารุณ แม้ว่าเด็กชายจะเป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวาและเฉินผิงอันก็ตาม

ในตอนนี้เองเฉินเถียนเถียนจึงคิดได้ว่าควรใช้เฉินเฉินเป็นเครื่องมือเพื่อแก้แค้นหลินชวนฮวาจะที่ดีที่สุด หากลูกชายเกลียดแม่ของตนคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย…

หากเฉินเฉิงเยี่ยไม่ประสบความสำเร็จในการสอบเป็นขุนนางแต่กลับเป็นเฉินเฉินผู้น่าสงสารที่ได้เป็นใหญ่ เรื่องราวทุกอย่างคงสนุกสนานน่าดูชม

‘ไม่อยากคิดเลยว่า หลินชวนฮวาจะมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง?!’ เมื่อคิดได้อย่างนี้เฉินเถียนเถียนจึงตัดสินใจให้เฉินเฉินเป็นพันธมิตรของนาง

ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหลินชวนฮวาเป็นแม่บ้านที่ดีและยังจัดการดูแลทุกอย่างได้ดีกว่าเฉินผิงอัน เดิมทีหลินชวนฮวาตั้งใจจะยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสินสอดทองหมั้นของเฉินเฉิงเยี่ยเพื่อใช้แต่งงานหลังจากที่สอบขุนนางได้

เฉินเถียนเถียนกำลังเสียเปรียบ นางไม่ได้พูดถึงเรื่องอาหารที่หลินชวนฮวานำไปซ่อนเพราะรู้ดีว่าหลินชวนฮวาไม่มีทางยอมรับผิดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนแน่… และแน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่เต็มใจให้มันจบลงเช่นนี้เลย

เมื่อการตัดสินจบลง ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านและท่านผู้เฒ่าหันมาตักเตือนครอบครัวนี้อย่างจริงจังก่อนจะจากไป

จี่ชื่อกล่าวออกอย่างกังวล “หลานรัก… ตอนนี้มีคนหนุนหลังเจ้าแล้ว ไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีก หากมีใครทำร้ายหรือรังแก เจ้าก็จงไปหาท่านผู้เฒ่าเสีย ข้าเป็นเพียงป้าและพี่สะใภ้ของพ่อเจ้าจึงทำอะไรมากไม่ได้แต่ท่านผู้เฒ่าสามารถตัดสินได้ทุกอย่าง!”

“ถ้าหากว่านางไม่ต้องการจะหย่า ก็จงให้นางรับประกันว่าจะไม่มีรอยแผลใดบนร่างกายของเจ้าอีก!”

เห็นได้ชัดว่าทุกคำพูดของจี๋ชื่อพุ้งเป้าไปที่หลินชวนฮวา แม้นางจะโกรธมากแต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายที่ยังไม่บรรลุผลจึงทำได้เพียงกัดฟันทน

แน่นอนว่าคำพูดของจี๋ชื่อเป็นความจริง ทุกคนต่างเห็นพ้องว่านางพูดจาฉะฉานและเล่าทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งจี๋ชื่อยังเป็นหญิงที่มีลูกชายเยอะที่สุดในหมู่บ้านจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุ!

ใบหน้าของเฉินผิงอันไม่สู้ดีนัก แม้เขาอยากจะตำหนิจี๋ชื่อเพียงใดแต่เพราะนางเป็นพี่สะใภ้จึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้

หลินชวนฮวาและเฉินผิงอันอดทนจนแทบกระอัก แม้ภายในจะเจ็บปวดแต่ก็รู้สึกดีที่จี๋ชื่อยอมกลับไปเสียที

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินผิงอันจึงเดินไปยังโรงเก็บไม้พร้อมกับถีบกำแพงด้วยความโมโห เขาตะโกนเสียงดัง “นังเด็กขี้ครอก ปีกกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน! คอยดูเถิด… ข้าจะขายเจ้าสักวัน!”

เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างพอใจ “เหมือนพ่อจะลืมอะไรไป…”

“โฉนดที่ดินทั้งหมดรวมถึงบ้านหลังนี้อยู่ในมือข้า หากท่านขายข้าให้ผู้อื่น ทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะตกไปเป็นของเขาด้วย พวกท่านรังแกและบีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้… อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าหยาบคาย!”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและหงุดหงิดมากกว่าเดิม

แม้หลินชวนฮวาจะอยากเอาชนะเฉินเถียนเถียนมากเพียงใดก็ทำได้เพียงแค่ห้ามเฉินผิงอันไว้เท่านั้น

“สามี… อย่าต่อปากต่อคำกับนางเลย”

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นพ่อย่อมมีสิทธิ์สั่งสอนลูกไม่ใช่หรือ?”

เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ “ใช่แล้ว พ่อมีสิทธิ์สั่งสอนข้า! ลองสักหน่อยดีไหม? หากถูกพ่อตี ข้าจะได้ป่าวประกาศต่อชาวบ้านว่าแม่เป็นคนทำและนางจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านขณะที่ข้าอยู่อย่างสบายที่บ้านหลังนี้!”

เฉินผิงอันตกตะลึงไปทันที

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่ใช่หญิงสาวผู้อ่อนแอและโง่เขลาคนเดิม แต่หากนางยั่วยุเฉินผิงอันมากเกินไปก็อาจทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมได้

“ข้าอยากอยู่อย่างสงบสุข หยุดเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของข้าเสียที!”

หลังพูดจบ เฉินเถียนเถียนก็ลุกขึ้นปัดฝุ่นพร้อมกับคิดเดินหนีไป

“เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม? ยุติเรื่องบาดหมางไว้เพียงเท่านี้ พ่อและแม่จงทำราวกับว่าข้าไม่มีตัวตน ข้าก็จะยอมให้พวกท่านอยู่ในบ้านนี้ต่อไปด้วยทรัพย์สินของแม่ข้า หากข้าแต่งงานก็จะยกที่ดินบางส่วนให้ แต่ขณะที่ข้าอยู่ที่บ้านต้องได้อยู่อย่างสบายที่สุด… ดีหรือไม่?”

เฉินผิงอันโกรธมากเพราะหากยอมให้เฉินเถียนเถียนมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น พวกเขาก็ต้องลำบากขึ้นเช่นกันและหากต้องการใช้จ่ายในอนาคตก็ต้องขออนุญาตจากนางไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่

เมื่อเห็นว่าสามีกำลังจะก่อความยุ่งยาก หลินชวนฮวารีบคว้าแขนเขาไว้ทันที

“ได้ ข้ายอมรับ” หลินชวนฮวาตอบกลับเพราะกลัวว่าเฉินผิงอันอาจโมโหจนทำให้แผนของนางพังไม่เป็นท่า

แต่เฉินผิงอันนั้นมีกำลังล้นเหลือ นางจะห้ามเขาได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ นางจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปเกาะแขนของเฉินผิงอันไว้แน่นก่อนจะใช้หน้าอกอันนุ่มนวลถูไถไปกับมือของเขา เฉินผิงอันคือชายตัณหากลับแม้กระทั่งต่อหน้าลูกสาวเขายังคิดเรื่องอย่างว่าได้…

ทันใดนั้นเฉินผิงอันจึงลากหลินชวนฮวาเข้าไปในห้องนอน เฉินเถียนเถียนยกยิ้มอย่างรังเกียจก่อนจะหยิบสำลีมายัดหู เพราะไม่อยากได้ยินเสียงแห่งความสุขของชายหญิงคู่นี้

หลังเสร็จกิจ เฉินผิงอันถือว่าได้ระบายความโกรธออกไปแล้ว เขาจึงเริ่มรู้สึกหิวเพราะใกล้มื้อเย็น เนื่องจากเฉินผิงอันไม่สามารถสั่งให้เฉินเถียนเถียนทำอาหารได้จึงสั่งให้หลินชวนฮวาลุกขึ้นไปทำแทน

หลินชวนฮวาลุกจากเตียงด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะก่นด่าเฉินผิงอันในใจด้วยความหงุดหงิด!

ด้วยกลัวว่าเฉินเถียนจะไม่รู้จักท่านผู้เฒ่าและอาจทำให้เขาขุ่นเคือง จี๋ชื่อจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและแนะนำเขาให้เด็กสาวรู้จัก!

“เถียนเถียนนี่คือผู้เฒ่าสี่ ท่านเป็นผู้เฒ่าผู้น่านับถือของหมู่บ้านนี้”

เฉินเถียนเถียนมองไปยังท่านผู้เฒ่า และเห็นรัศมีแห่งความชอบธรรมจากตัวเขาก็รู้สึกโล่งใจ!

“ส่วนชายชราผู้นั้นคือผู้เฒ่าหก คำตัดสินของพวกเขาถือว่าเด็ดขาด ท่านผู้เฒ่าจะนำความยุติธรรมกลับคืนมาสู่เจ้าได้อย่างแน่นอน!”

ท่านผู้เฒ่าหกยิ้มให้เฉินเถียนเถียนอย่างมีเลศนัย เนื่องจากนางเป็นตำรวจและเคยได้พบปะกับคนเช่นนี้บ่อยครั้ง จึงทำให้รับรู้ได้ว่าเขามีเจตนาที่ไม่ค่อยดีนัก

ลางสังหรณ์ของเฉินเถียนเถียนนั้นแม่นยำมาก ท่านผู้เฒ่าหกก้าวออกมาพลางยิ้มและกล่าวว่า “ดูสิ! นี่เป็นเพียงการผิดใจกันระหว่างครอบครัวไม่ใช่หรือ? นั่งลงและพูดให้ชัดเจน… เหตุใดพวกเจ้าจึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้?”

จี๋ชื่อรู้ดีว่าผู้เฒ่าหกมีนิสัยอย่างไรจึงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านผู้เฒ่า… นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องธรรมดา หลินชวนฮวาทำเกินไป!”

“ขอท่านผู้เฒ่าโปรดฟังข้า… หญิงผู้นี้เป็นลูกสาวของครอบครัวเฉิน นางเป็นเด็กกตัญญูและเชื่อฟัง แต่กลับต้องทรมานด้วยความหิวโหย ร่างกายผอมโซ ทั้งยังได้สวมเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ ที่ขาดรุ่งริ่ง ท่านไม่คิดว่าหลินชวนฮวาทำเกินไปหรือ?! ท่านคงทราบดีว่าในฐานะหญิงสาวร่างกายถือเป็นสิ่งสำคัญ ข้าเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อชีวิตการแต่งงานของหลานและตระกูลเฉินในอนาคต!”

จี๋ชื่อช่างฉลาดและรู้จักใช้คำพูด เพราะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งสองก็รู้สึกสงสารเฉินเถียนเถียนจับใจโดยเฉพาะเรื่องที่อาจส่งผลต่อการแต่งงานและอนาคตของตระกูลเฉิน เพราะสตรีจะต้องให้กำเนิดบุตรเพื่อเป็นมรดกอันล้ำค่าของตระกูล!

เมื่อไตร่ตรองสักครู่ท่านผู้เฒ่าหกก็กล่าวทันที “นางทำมากเกินไป!”

นี่ถือเป็นคำพูดที่จริงจังที่สุดของผู้เฒ่าหกเพราะเขามักพูดจาเหลวไหลและไม่ชอบเห็นใครทะเลาะกันจึงคิดยุติเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุด

แต่ผู้เฒ่าสี่นั้นเข้มงวด เขาเป็นคนขวานผ่าซากและไม่เคยเห็นใจผู้ใด โดยเฉพาะแม่หม้ายไร้มนุษยธรรมเช่นหลินชวนฮวา

“นางหลิน เจ้ากระทำต่อลูกสาวอย่างไม่ยุติธรรม มีอะไรจะแก้ต่างหรือไม่?”

เฉินผิงอันผงะเมื่อได้ยินคำถามนั้น แม้เฉินผิงอันจะหยาบคายและเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่กล้าอวดดีต่อท่านผู้เฒ่า แต่ยังไม่วายที่จะโต้เถียง “ไหนกัน… แม่รังแกเจ้าอย่างไร? เหตุใดจึงใส่ร้ายนางเช่นนี้?”

เฉินเถียนเถียนถลกแขนเสื้อทันที “ท่านพ่อ… ตาบอดหรืออย่างไร? นี่คือรอยแผลที่แม่เฆี่ยนตีข้า! ข้า… ข้าไม่เคยมีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารหรือพูดคุยกับครอบครัวเลยย่อมไม่แปลกหากพ่อจะไม่เคยเห็น เพราะข้าต้องคอยกินอาหารที่เหลือจากพวกท่านเท่านั้น!”

เฉินเถียนเถียนกล่าวพลางร้องไห้ ขณะที่เฉินผิงอันรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น การที่เฉินเถียนเถียนประจานคนในบ้านทำให้เขารู้สึกไม่พอใจยิ่ง

“เด็กน้อย… เจ้าไม่รู้หรือว่าเป็นหญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว? อยู่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เจ้ากล้าถลกเสื้อให้ผู้อื่นดูได้อย่างไรกัน?!” ท่านผู้เฒ่าตักเตือนเฉินเถียนเถียนอย่างอ่อนโยน เพราะพวกเขาเป็นคนมีศีลธรรมจึงไม่สามารถทนเห็นสิ่งเหล่านี้ได้

เฉินเถียนเถียนผงะด้วยความกลัว เนื่องจากท่านผู้เฒ่าค่อนข้างทรงอำนาจในหมู่บ้านนี้นางจึงไม่กล้าที่จะโต้เถียง

“ท่านผู้เฒ่าสี่โปรดอภัยข้าด้วย! ไม่เคยมีใครสอนข้ามาก่อน!”

ผู้เฒ่าสามเชื่อในสิ่งที่เฉินเถียนเถียนพูด เพราะโดยปกติแล้วคงไม่มีแม่เลี้ยงคนไหนที่คอยสอนสิ่งดี ๆ ให้กับลูกคนอื่น

“ครั้งหน้าก็ระวังแล้วกัน!”

เฉินเถียนเถียนพร่ำบ่นในใจต่อความหัวโบราณของท่านผู้เฒ่า แต่ภายนอกกลับทำได้เพียงก้มหน้าและรับฟัง

จี๋ชื่อก้าวไปข้างหน้าและพูดต่อ “ท่านผู้เฒ่า… เมื่อครั้งนางหยุนยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็รู้ดีว่านางสั่งเสียอะไรไว้ บ้านหลังนั้นยังอยู่ภายใต้ชื่อของเถียนเถียน แต่นางกลับได้นอนในโรงเก็บไม้เก่า ๆ เท่านั้น… ไม่น่าละอายไปหน่อยหรือ?!”

“นอกจากนี้ที่ดินที่พวกเขาปล่อยเช่าก็มาจากเงินของนางหยุนและตอนนี้อยู่ภายใต้ชื่อของเถียนเถียน แต่นางกลับไม่มีอาหารกินด้วยซ้ำ พวกเรารู้สึกสงสารนางเป็นอย่างมากจึงใคร่ขอให้ท่านผู้เฒ่าไต่สวนและแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยเถิด!”

ผู้เฒ่าสี่มองไปยังเฉินผิงอันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เนื่องจากนางหลินเป็นหญิง ข้าจึงไม่สามารถทำอะไรนางได้ แต่หากปล่อยให้หญิงผู้นี้อยู่ในหมู่บ้านต่อไปก็อาจเป็นอันตรายต่อลูกสาวของเฉินผิงอันได้ ข้า… ในฐานะผู้อาวุโสขอตัดสินว่าเฉินผิงอันมีสิทธิ์หย่าขาดกับหลินชวนฮวา ตอนนี้การตัดใจทั้งหมดอยู่ที่เฉินผิงอันแล้ว!”

อันผิงอันรู้สึกโกรธแค้นเพราะเมื่อครั้งที่นางหยุนยังอยู่ทุกคนต่างตราหน้าว่าเฉินผิงอันอาศัยนางเพื่อให้มีชีวิตที่ดี!

แม้ตอนนี้นางหยุนจะตายไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับอยู่ภายใต้ชื่อของเฉินเถียนเถียน เฉินผิงอันไม่มีสิทธิ์ครอบครองสิ่งใดเลย เนื่องจากความเกลียดชังที่มีต่อภรรยาคนเดิมทำให้เฉินผิงอันพลอยเกลียดลูกสาวของนางไปด้วย!

ขณะที่เฉินผิงอันกำลังจะตอบโต้ หลินชวนฮวาที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนักจึงรีบคุกเข่าลง

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพ่อเจ้า ข้าเป็นผู้กระทำทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว! เถียนเถียน… แม่ต้องขอโทษเจ้า! จากนี้ไปข้าจะเป็นแม่ที่ดี ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า… โปรดเชื่อใจข้าอีกสักครั้งได้ไหม?”

หลินชวนฮวาที่อยู่ในฐานะแม่สำนึกผิดและกำลังคุกเข่าขอโทษลูกสาว ทำให้นางดูน่าเวทนายิ่งขึ้นในสายตาผู้อื่น

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ว่าหลินชวนฮวาแสร้งทำเพื่อเรียกคะแนนสงสาร

แต่ชาวบ้านจะสงสารนางได้อย่างไร? ในเมื่อทุกคนเห็นความจริงกับตาตนเอง!

‘ข้าเปิดเผยความจริงอันน่าขยะแขยงของครอบครัวนี้ต่อหน้าทุกคนและท่านผู้เฒ่า ซึ่งทุกอย่างก็มีเหตุผลเพียงพอจนทำให้พวกเขาทนไม่ได้!’

‘แต่ตอนนี้ผู้ร้ายยอมรับสารภาพและเต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งผิดเพื่อหวนคืนสู่ความชอบธรรม การกระทำเช่นนี้ย่อมกดดันให้เฉินเถียนเถียนให้รู้จักความกตัญญูและให้อภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้นางรู้สึกค่อนข้างกังวลใจยิ่ง!’

เฉินเถียนเถียนไตร่ตรองถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะได้รับสิทธิทุกอย่างคืนหรือขับไล่หลินชวนฮวาไปก็คงไม่ทำให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นเลยแม้แต่น้อย!

“แน่นอนว่าพวกท่านต้องเชื่อคำพูดของแม่เลี้ยง… แต่ข้าอาศัยอยู่ในโรงไม้และอดทนต่อหิวโหยอยู่ทุกวัน แม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยใช่ไหม?”

แววตาของหลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก… ข้าจะมอบห้องที่สว่างที่สุด อาหารที่ดีที่สุดและอิสระให้แก่เจ้านับจากนี้ไป”

เฉินเถียนเถียนหันมองเหล่าผู้เฒ่าและเห็นว่าพวกเขาผ่อนคลายลงมาก ซึ่งดูเหมือนว่าวิธีการของหลินชวนฮวาจะได้ผลซะแล้ว

“มันไม่แปลกหากเจ้าจะเพิกเฉยหรือเกลียดชังเฉินเถียนเถียน ยังไงซะนางก็มิใช่สายเลือดของเจ้า แต่เด็กชายคนนั้นเป็นลูกแท้ ๆ ของนาง… กล้าดีอย่างไรถึงทำตัวเช่นนี้?”

“ดูเสื้อผ้าที่เด็กชายสวมใส่สิ… ทั้งใหญ่และขาดรุ่งริ่ง ทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”

หลินชวนฮวาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ชาวบ้านที่เคยชื่นชมและเทิดทูนนาง เหตุใดตอนนี้จึงเปลี่ยนฝั่งมาต่อว่านางแล้ว?

“ยอมให้ลูกใส่เสื้อผ้าเก่าและขาดจนไม่นามองได้อย่างไร? ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าผู้ใหญ่อีกด้วย! ไม่คิดจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูกชายบ้างเลยหรือ?”

ทุกคนเริ่มก่นด่าแม่ผู้นี้อย่างออกรส!

ทั้งหมดคือกำไรที่เฉินเถียนเถียนไม่ได้คาดหวังไว้!

“ข้า… ข้าจะเอาเวลาที่ไหนมาตัดเย็บเล่า?” หลินชวนฮวาตอบเสียงค่อย

‘อยู่บ้านทั้งวัน แต่กลับไม่มีเวลาเพียงเล็กน้อยที่จะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูกอย่างนั้นหรือ? แล้วคนอื่นๆ ในบ้านใช้ชีวิตอย่างไรกัน?’

‘หญิงทุกคนในหมู่บ้านต่างออกมาทำไร่ไถนา ขณะที่นางอยู่บ้าน แต่งตัวสวยและออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก แต่ไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างนั้นหรือ?’

“เจ้ามีเวลาแต่งหน้าพรมน้ำหอมจนสละสลวย เหตุใดจึงไม่มีเวลาตัดเย็นเสื้อผ้าให้ลูกเล่า? หลินชวนฮวา! หือ… เจ้าเพียงหลอกให้เฉินผิงอันตายใจใช่หรือไม่?”

เมื่อหลินชวนฮวาถูกชาวบ้านมากมายรุมต่อว่า นางจึงหันมองเฉินผิงอันผู้เป็นสามีด้วยแววตาน่าสงสาร ทว่าเขากลับไม่ตอบสนองอะไรนอกจากหันมองเฉินเถียนเถียนอย่างเกรี้ยวกราด

“ผิงอัน เจ้าก็รู้… ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรเลย!”

การแสดงออกอันเสแสร้งของหลินชวนฮวาทำให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกไม่พอใจยิ่ง

แต่คนโง่เขลาเช่นเฉินผิงอันกลับเชื่อนางจนสนิทใจ!

“นังเด็กขี้ครอก! ครอบครัวเราอยู่กันอย่างสงบสุขดีอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าจึงสร้างแต่ปัญหา? เหตุใดจึงไม่อยู่เงียบ ๆ จะทำให้ข้าอับอายไปถึงไหน?”

ทันใดนั้นป้าจี๋ก็พุ่งเข้ามาทันที!

“น้องสองนี่เจ้ามีหัวใจอยู่หรือไม่? เถียนเถียนไม่ใช่ลูกสาวเจ้าหรืออย่างไร? เจ้าเลี้ยงดูและอยู่กับนางมานานหลายปี ไม่มีความผูกพันบ้างเลยหรือ? หากเจ้าไม่รักหรือไม่ต้องการนางแล้วก็มอบให้ข้าเสีย ข้าจะเลี้ยงดูนางเอง!”

เฉินผิงอันรู้สึกไม่พอใจและอยากเอาชนะ

“พี่สะใภ้ไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องของข้า!”

ป้าจี๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “หากไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้หยุนเคยขอให้ข้าดูแลลูกสาวของนางมาก่อน ข้าคงไม่ยุ่งกับพวกเจ้า!”

“ชายหม้ายที่ละเลยลูกสาวของตนและแต่งงานใหม่กับหญิงหม้ายลูกติดจนทำให้แม่ต้องล้มป่วยก็เป็นเจ้ามิใช่หรือ?”

“หลินชวนฮวา… แต่งตัวสวยออกจากบ้านเพื่อไปหาชายใดหรือ? ข้าได้ยินมาว่าที่ต้องเลิกรากับสามีเก่าเพราะเจ้าไม่สัตย์ซื่อ แต่น้องสองไม่ต้องคิดมากนะ จงพูดคุยกับนางดี ๆ แล้วกัน!”

เฉินผิงอันได้ยินอย่างนั้นก็โกรธจัด

เฉินเถียนเถียนก็เริ่มไตร่ตรองถึงบางสิ่ง

‘หลินชวนฮวาแต่งตัวสวยและออกจากบ้านไปขณะที่เฉินผิงอันไม่อยู่… นี่มันเรียกว่านอกใจไม่ใช่หรือ?’

ใบหน้าของหลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด นั่นยิ่งทำให้เฉินเถียนเถียนมั่นใจทันทีว่านางต้องนอกใจเฉินผิงอันเป็นแน่

“สามี… ข้าแต่งงานกับเจ้ามาหลายปีและยังให้กำเนิดเฉินเฉิน เจ้าย่อมรู้จักข้าดี… จงอย่ายอมให้ใครมาใส่ร้ายข้า!”

เมื่อเฉินผิงอันเห็นความน่าสงสารของหลินชวนฮวาจึงเชื่อนางหมดใจ

ในความคิดของเฉินผิงอัน หากหลินชวนฮวาไม่รัก นางจะยอมแต่งงานกับเขาเพื่ออะไร?

เฉินผิงอันไม่ได้คิดว่าหลินชวนฮวาจะหลอกใช้หรือแผนการร้ายอะไรต่อชายบ้านนอกเช่นเขา!

“พี่สะใภ้ ท่านคิดว่าการเป็นอาวุโสนั้นจะสามารถดูถูกหรือใส่ร้ายใครก็ได้หรือ? ท่านอยากจะฆ่าหลินชวนฮวาหรืออย่างไร?”

จี๋ชื่อถอนหายใจออกด้วยความเบื่อหน่าย!

“นางเป็นเพียงแม่หม้ายลูกติดที่ไม่สัตย์ซื่อจะเทียบสาวบริสุทธิ์เช่นเฉินเถียนเถียนได้อย่างไร? เห็นถึงเพียงนี้ยังคิดว่าข้าใส่ร้ายนางอีกหรือ?”

คำพูดนี้เฉียบคมนี้คือเรื่องจริงและหลินชวนฮวาก็ไม่สามารถหักล้างได้!

เพราะหากยังบริสุทธิ์และไร้มลทิน นางจะไม่มีทางแต่งงานใหม่อีกครั้งแน่…

หลินชวนฮวาพูดโต้ตอบอย่างไม่พอใจ “เหตุใดพี่สะใภ้จึงชอบใส่ร้ายข้านัก? หากคิดว่าข้าไม่สัตย์ซื่อก็แสดงหลักฐานออกมา!”

จี๋ชื่อหัวเราะ “ใช่! ข้าไม่มีหลักฐาน แต่หากท่านผู้เฒ่ามาถึง… หวังว่าเจ้าจะกล้ายืนกรานเช่นนี้!”

หลินชวนฮวาถามด้วยความตื่นตระหนกทันที “หมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าหมายความว่าอย่างไรนั้นจำเป็นต้องบอกเจ้าด้วยหรือ? พี่สะใภ้ที่หวังดีช่วยเปิดโปงหญิงแพศยาต่อหน้าน้องเขย! แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ฟังและคิดว่าข้าน่ารำคาญ ข้าคงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้!”

“โธ่… หลินชวนฮวา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผิงอันจะจำสิ่งที่แม่ของเฉินเถียนเถียนพูดไว้ก่อนตายไม่ได้!”

“บ้านที่เจ้าอาศัยอยู่ตอนนี้คือบ้านของน้องสะใภ้หยุนและข้าวทุกเม็ดที่เจ้ากินก็มาจากไร่นาของนาง แม้แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าก็ใช้เงินของนางเพื่อเรียนหนังสือ ทรัพย์สินทั้งหมดก็อยู่ภายใต้ชื่อของเฉินเถียนเถียน ในเมื่อเจ้ารังแกนาง ท่านผู้เฒ่าก็สามารถเป็นผู้กอบกู้ความยุติธรรมคืนให้เถียนเถียนได้!”

หัวใจของหลินชวนฮวาเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก!

‘ทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ภายใต้ชื่อของเฉินเถียนเถียนอย่างนั้นหรือ? พวกเขารู้ได้อย่างไรกัน?’

‘แต่เหตุใดเฉินเถียนเถียนจึงไม่ตอบโต้ในยามที่โดนรังแก? เป็นไปได้ไหมว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้?’

‘เป็นเช่นนั้นแน่! เพราะในตอนที่เสียแม่ไปนางยังเด็กและเสียใจมาก… อาจลืมเรื่องเหล่านั้นไปหมดแล้ว!’

ผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านก็รู้สึกสงสารเฉินฉียนเถียน แม้จะไม่รู้มาก่อนว่านางลำบากเพียงใด!

เดิมทีเฉินเถียนเถียนไม่ทราบมาก่อนว่ามีผู้ผดุงความยุติธรรมในการตัดสินปัญหาภายในหมู่บ้าน แต่เมื่อทราบดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับสองสามีภรรยานี้!

ยังไงซะเฉินเถียนเถียนกลับรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นง่ายดายเกินไปจนอดไม่ได้ที่จะกังวล…

หลินชวนฮวาตื่นตระหนกพร้อมกับสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นดังนั้นเฉินผิงอันจึงลุกขึ้นปกป้องภรรยาทันที

“เหตุใดพี่สะใภ้ต้องเข้ามายุ่ง?! ข้าเป็นพ่อของนาง แล้วท่านเป็นใคร?”

จี๋ชื่อเยาะเย้ย “ใช่ เจ้าเป็นพ่อของนางและเฉินเถียนเถียนก็ไม่ใช่ลูกสาวที่เกิดมานอกรีต! แต่เหตุใดเจ้าจึงเอาสมบัติทั้งหมดของแม่นางไปเลี้ยงดูหญิงอื่น? ยิ่งไปกว่านั้นกลับเลี้ยงดูลูกของชายอื่นอีกด้วย!”

เสียงของจี๋ชื่อดังจนทำให้เฉินเฉิงเยี่ยที่กำลังที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้ยินชัดเต็มสองหู

แต่แม้อยากตอบโต้เพียงใดก็ไม่อาจทำได้ เพราะเขาต้องการหลบเลี่ยงการประณามของชาวบ้านเพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ให้มั่น

เฉินเถียนเถียนหัวเราะเยาะพวกเขาในใจ! นางรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินเฉิงเยี่ยไม่มีทางออกมาตอบโต้เพราะเขาไม่อยากโดนรุมประณามเหมือนแม่ของตน จึงซ่อนตัวอยู่ในห้องต่อไปอย่างเงียบๆ!

ในที่สุดผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านก็เดินทางมาถึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเถียนเถียนได้พบกับผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน เขาเป็นชายชราหนวดเคราสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนแสดงออกถึงศีลธรรมอันสูงส่ง!

เฉินเถียนเถียนโต้เถียงด้วยความไม่พอใจ “แม้แต่ข้ายังไม่มีอาหารสำหรับตนเองแล้วจะไปหาจากที่ไหนมาให้เจ้ากิน?!”

เฉินเฉินเริ่มงอแงอย่างไร้เหตุผลอีกครั้ง “เจ้ากินจนหมดจนไม่เหลือให้ข้า แม่บอกว่าเพราะเจ้าขโมยไป ข้าจึงไม่มีอาหารกิน รีบตายไปเสียจะได้ไม่ต้องแย่งอาหารของข้าอีก!”

เฉินเถียนเถียนมองหน้าน้องชายด้วยความหงุดหงิด ‘เด็กคนนี้ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”

“พ่อ… ครอบครัวของเราไม่มีอะไรกินเลยหรือ? จะปล่อยให้เด็กคนนี้หิวโหยต่อไปเช่นนี้หรือไร ข้าเป็นเพียงลูกติดไม่ได้ต้องการความใส่ใจจากแม่ ดังนั้นท่านจึงไม่สนว่าข้าจะหิวหรือไม่! แต่เฉินเฉินเป็นลูกชายของท่านไม่ใช่หรือ?!”

เฉินเถียนเถียนพยายามโน้มน้าว แต่สำหรับเฉินผิงอันแล้วหลินชวนฮวาเป็นหญิงที่แสนดี ดังนั้นเขาจะไม่มีทางยอมให้ใครทำลายชื่อเสียงของนาง

“ไร้สาระ! เพราะวันนี้หลินชวนฮวาไม่อยู่บ้าน เจ้าจึงหาโอกาสใส่ร้ายนาง! หยุดเสียเฉินเถียนเถียน! เลิกพูดเรื่องไร้สาระ!”

‘ไร้สาระ?’

เฉินเถียนเถียนถึงกับพูดไม่ออก!

“ในเมื่อเฉินเฉินไม่เคารพข้าในฐานะพี่สาว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเขาเหมือนน้องชาย ท่านเป็นพ่อของเขา ในเมื่อลูกหิวท่านก็ต้องหาให้เขากิน!”

หลังพูดจบเฉินเถียนเถียนเดินออกไปทันที

เดิมทีเฉินผิงอันเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วจึงทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวก้าวร้าวเช่นนี้

“นังเด็กสารเลว ไร้มนุษยธรรมขึ้นทุกวัน สมควรโดนจับถ่วงน้ำให้ตายตกไปเสีย!”

ตอนนั้นเองเฉินเถียนเถียนจึงหันกลับมายิ้มจางพร้อมกล่าวตอบ “พ่อ… ท่านแน่ใจแล้วหรือที่พูดออกมา?”

“ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้าอีกต่อไป ออกไปซะ อย่าอยู่กวนใจน้องชายของเจ้าอีก!”

สีหน้าของเฉินเถียนเถียนเปลี่ยนไปทันที นางเริ่มหยิกตนเองอย่างรุนแรงและร้องเสียงดัง

เป็นตอนนี้เองที่เฉินผิงอันรับรู้ได้ทันทีว่าหากไม่พยายามหยุดนางต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่

แต่เฉินเถียนเถียนไม่มีทางปล่อยให้เขาหยุดนางได้จึงวิ่งออกไปนอกบ้านพลางตะโกนสุดเสียง

“เหตุใดท่านแม่จึงต้องด่วนจากข้าไปเช่นนี้? เหตุใดจึงไม่พาข้าไปด้วย?! ปล่อยให้ข้าอยู่ตามลำพังและถูกรังแกเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

เมื่อเฉินผิงอันวิ่งออกมาก็พบว่าทุกอย่างสายไปเสียแล้ว ตอนนี้เฉินเถียนเถียนกำลังป่าวประกาศให้ชาวบ้านรับรู้

ชาวบ้านที่กำลังพักกลางวันก็ต่างวิ่งออกมาดูด้วยความสนใจ

“เกิดอะไรขึ้น? ใยเจ้าจึงตะโกนโวยวายเสียงดังอีกแล้ว?”

เฉินผิงอันเห็นอย่างนั้นจึงตะคอกพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “นังเด็กขี้ครอก! คิดว่าข้าจะจับเจ้าถ่วงน้ำจริง ๆ หรือไร?”

ยิ่งเฉินผิงอันรู้สึกอายมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เฉินเถียนเถียนสะใจมากเท่านั้น

“พ่อฆ่าข้าสักทีเถิด! อย่างน้อยหากตายไปชีวิตข้าก็คงไม่ทุกข์ทรมานเช่นนี้ หากทุกอย่างยังดำเนินไป สักวันข้าคงหายไปจากโลกนี้โดยไม่มีใครรู้!”

เฉินเถียนเถียนร่ำไห้ ระบายความเจ็บปวดในใจที่ได้รับอย่างน่าเวทนา

ชาวบ้านเริ่มยื่นใบหน้าออกมารับชมและสีหน้าของเฉินผิงอันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

“นังสารเลว! มีอะไรก็กลับไปคุยที่บ้าน จะออกมาตะโกนโวยวายเพื่อสร้างปัญหาทำไม?”

เฉินเถียนเถียนไม่หยุดพร้อมกับร้องไห้และพร่ำบ่น “บ้านของเราก็ซื้อจากเงินสินสอดทองหมั้นของแม่หยุน แต่ลูกสาวของนางกลับต้องนอนในโรงเก็บไม้ ไร้ซึ่งที่นอนหรือผ้าห่ม ต้องนอนบนไม้แข็ง ๆ สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ชีวิตของข้าช่างลำบากเหลือเกิน ข้าไม่เคยได้กินข้าวหุงใหม่มาก่อนเลย แม้ท้องนาของครอบครัวเฉินจะถูกซื้อมาด้วยเงินของแม่ข้าก็ตาม หากทั้งหมดนี้ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของแม่ ข้าก็สามารถฟ้องร้องพ่อได้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อกลับเพิกเฉย ต่อว่าข้า และแสร้งทำเป็นไม่รับรู้สิ่งใด!”

เพราะเฉินผิงอันพูดไม่เก่งและไม่รู้ว่าจะหักล้างสิ่งที่เฉินเถียนเถียนอ้างได้อย่างไร จึงทำได้เพียงยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

ขณะนั้นหลินชวนฮวาก็กลับมาถึงบ้าน

หลินชวนฮวากลับมาอย่างเร่งรีบเพราะนางใช้โอกาสจากการที่เฉินผิงอันไม่อยู่เพื่อแต่งตัวสวยสง่าและออกจากบ้านไป

เพราะกลัวว่าเฉินผิงอันจะกลับมาเจอ นางจึงรีบมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน หลินชวนฮวาเห็นกลุ่มคนยืนรวมกันอยู่ แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปช้า ๆ!

ทันทีที่ชาวบ้านเห็นว่าหลินชวนฮวาเดินเข้ามา พวกเขาจึงมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด

หลินชวนฮวาจึงฝ่าฝูงชนเข้าไปกลางวงทันที!

หลังจากนั้น หลินชวนฮวาพลันตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ลูกเลี้ยงที่นางเกลียดชังกำลังคุกเข่าร้องไห้ท่ามกลางฝูงชน

ส่วนเฉินผิงอันที่อยู่ข้าง ๆ มองลูกของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ยิ่ง

ชาวบ้านสนทนากันเสียงดังพลันชี้ไปที่หลินชวนฮวาและเริ่มต่อว่า

“เจ้าเป็นคนเช่นใดกัน? กล้าใช้ทรัพย์สมบัติของเมียเก่าแต่กลับทำร้ายลูกสาวนาง! เหตุใดจึงใจดำได้ถึงเพียงนี้?”

“เฉินผิงอันไม่มีสมองหรืออย่างไร? เลี้ยงลูกของชายอื่นแต่กลับรังแกและเพิกเฉยต่อลูกสาวแท้ ๆ ของตน!”

หลินชวนฮวาไม่อาจยอมแพ้ต่อสายตาเหล่านั้น นางครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเดินไปข้างหน้าและกล่าวตำหนิ “เถียนเถียน เจ้าสร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว? มีอะไรทำไมไม่คุยในบ้าน?”

เมื่อเฉินเถียนเถียนเห็นว่าหลินชวนฮวากำลังแสร้งใจดีเพื่อเรียกคะแนนสงสาร นางจึงโต้แย้งทันที!

“แม่บอกว่าข้าสร้างปัญหางั้นหรือ?! เฉินเอ๋ออายุยังน้อยแต่แม่กลับสอนไม่ให้เคารพข้าและให้น้องเรียกข้าว่าอีขี้ครอก! ทั้งยังปลูกฝังให้เขาเข้าใจว่าเพราะข้าขโมยอาหารจึงทำให้เขาต้องอดข้าว! วันนี้เฉินเอ๋อตีข้าด้วยท่อนไม้อย่างแรง แต่โชคดีที่ข้าหลบได้ เมื่อข้าตอบโต้… เฉินเอ๋อล้มลงและมีเลือดไหลออก เขาวิ่งร้องไห้มาฟ้องพ่อและพ่อจึงไล่ตีข้า!”

เมื่อเฉินเฉินเห็นว่าเฉินเถียนเถียนกล่าวถึงตนในทางที่ไม่ดี จึงลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจทันที “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าคนเดียว! อีขี้ครอก! เจ้าขโมยกินอาหารจนหมดบ้าน!”

หลินชวนฮวาฉวยโอกาสแทรกขึ้นทันที “ลูกหิวใช่หรือไม่? แน่นอนว่าหากอยากกินก็ต้องปล่อยให้พี่ของเจ้ากินให้เสร็จเสียก่อน!”

เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้ม “แม่ซ่อนอาหารไว้ที่ไหนหรือ? ไม่ว่าจะยากจนเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอดยากจนไม่มีอาหารให้เด็กคนหนึ่งกิน อีกทั้งวันนี้แม่แต่งตัวสวยและออกไปข้างนอกแต่หัววัน สำหรับแม่แล้วใครกันแน่ที่สิ้นเปลืองและไร้ประโยชน์?!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชาวบ้านต่างซุบซิบกันสนั่นหู

ในหมู่บ้านนี้ครอบครัวเฉินนับว่าเป็นบ้านที่ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายและร่ำรวยที่สุด แม้จะเปรียบเทียบนายใหญ่ในเมืองไม่ได้ แต่ก็ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้!

ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันอิจฉาตระกูลเฉินยิ่ง!

แน่นอนว่าความเกลียดชังและความอิจฉามีอยู่ทั่วไป ชาวบ้านต่างชี้นิ้วไปที่หลินชวนฮวาและเริ่มตำหนินาง

“เฉินเฉินเป็นลูกแท้ ๆ ของเจ้า เหตุใดจึงไม่คิดดูแลเขาเอง?!”

หลังจากเฉินผิงอันกินอาหารเสร็จสิ้น เขาโยนภาชนะทุกอย่างลงบนพื้นอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ความกังวลเริ่มถาโถมเป็นเพราะเขาหาเงินที่หลินชวนฮวาซุกซ่อนไว้ไม่เจอ อย่างนี้คงจะไม่มีเงินไปเอาทุนคืนจากบ่อนแน่!

เมื่อเห็นว่าหมดหนทางจึงล้มตัวลงบนเตียงด้วยความสิ้นหวัง

ขณะนั้นเองเฉินเฉินเดินมาพร้อมกับเขย่าขาของเขาอย่างน่าสงสาร

“พ่อ… ข้าหิว…”

เฉินผิงอันที่กำลังหงุดหงิดจากการแพ้พนันก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาไม่สนใจเฉินเฉินที่กำลังคร่ำครวญและอ้อนวอนเลย แม้อีกฝ่ายจะเป็นลูกรักก็ตาม!

“บอกข้าเพื่ออะไร! ไปบอกแม่ซะ!”

ร่างกายของเฉินเฉินสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “ข้าหาแม่ไม่เจอ! พ่อ! อย่านอนเลยนะ… ข้าหิวจริง ๆ!”

เฉินผิงอันลุกขึ้นด้วยความรำคาญก่อนจะตะคอกกลับ “แม่ของเจ้าไม่ให้กินข้าวหรืออย่างไร? อีขี้ครอกอยู่ที่ไหน? ไปเรียกนางมาหาให้เจ้ากินสิ!”

เฉินเฉินตะลึงต่อภาพตรงหน้าและถอยกรูดไปด้านหลังอย่างตื่นตระหนก!

เมื่อเฉินผิงอันเห็นพฤติกรรมของลูกชายก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวด้วยความหงุดหงิดและไม่คิดสนใจอีกต่อไป เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นพ่ออย่างนี้แล้ว เฉินเฉินไม่กล้าพูดอะไรต่อ ‘มีอีกคนที่ทำอาหารได้นอกจากแม่ไม่ใช่หรือ? อีขี้ครอกที่นอนอยู่ในโรงเก็บไม้ไง!’

เมื่อก่อนตอนยังเด็ก เขาเคยเรียกเฉินเถียนเถียนว่าพี่สาว แต่หลินชวนฮวาไม่พอใจพร้อมดุด่าและสั่งสอนว่าหญิงคนนี้ไม่ใช่พี่สาวของเขา!

ตอนแรกเฉินเฉินไม่ได้สนใจจะฟังที่แม่บ่น แต่เมื่อถูกตีบ่อย ๆ จึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด หากเขารังแกหรือดุด่าพี่สาว นั่นจะทำให้เขาได้รับรางวัลจากแม่มากมายและแม่ก็จะมีความสุข!

ดังนั้นเขาจึงเดินไปยังโรงเก็บไม้ ก่อนจะถีบประตูออกสุดแรง!

“อีขี้ครอก! ลุกขึ้นมาทำอาหารให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เฉินเถียนเถียนมองไปที่ประตูพร้อมกับจ้องมองเด็กชายตัวน้อยที่บุกเข้ามาในห้องอย่างกะทันหัน เด็กคนนี้ผอมโซอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าหลินชวนฮวาต้องไม่ให้เขากินอาหารแน่นอน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สกปรกและขาดรุ่งริ่ง ทั้งยังเย็บขอบไม่เรียบร้อยอีกด้วย

จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กชายคนนี้เคยเป็นฝันร้ายของนาง นี่คือเจ้าเด็กน้อยนามว่าเฉินเฉินที่มักจะรังแกเฉินเถียนเถียนอยู่เสมอ

เฉินเฉินแปลกใจต่อปฏิกิริยาของพี่สาว ‘ปกตินางจะต้องกลัวสิ แต่วันนี้ทำไมกลับมองข้าเช่นนี้เล่า?’

“อีขี้ครอก ไม่ได้ยินเหรอ? รีบไปทำอาหารให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องแม่!”

ใช่แล้ว! นี่คือเฉินเฉิน!

น้องชายต่างมารดาของเฉินเถียนเถียน!

เขาสามารถสั่งให้เฉินเถียนเถียนทำอะไรก็ได้และไม่จำเป็นต้องเรียกนางว่าพี่สาว หากนางไม่ทำตามเฉินเฉินสามารถนำเรื่องนี้ไปฟ้องหลินชวนฮวาและหลินชวนฮวาจะนำเรื่องไปบอกเฉินผิงอัน จากนั้นเฉินผิงอันจะโมโหและอาละวาดเฉินเถียนเถียนทันที…

บางครั้งหลินชวนฮวาก็ลงโทษเฉินเถียนเถียนโดยการเฆี่ยนตี จนเกิดรอยแผลมากมายตามร่างกายของนาง

“บ่นอะไร? เอาล่ะ! อยากพล่ามนักก็ตามใจ นอกจากพร่ำบ่นเจ้าทำอะไรได้อีกเล่า?”

เฉินเฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่สาวผู้อ่อนแอจะกล้าแข็งข้อขึ้นมา

“อีขี้ครอก! อยากตายหรือไร?!”

จากนั้นเฉินเฉินจึงก้มลงหยิบไม้และเงื้อมมือขึ้นสุดอย่างหมายจะทุบตีอีกฝ่าย แต่หากเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิมคงจำยอมและซ่อนอยู่ในกองฟืนด้วยความกลัว

แต่วันนี้หากยอมให้เด็กคนนี้ทำร้ายคงเสียชื่อตำรวจสาวเป็นแน่

เฉินเถียนเถียนจึงเดินไปหยิบไม้เล็ก ๆ ก่อนจะเดินไปข้างหลังเฉินเฉินและฟาดขาเขาอย่างแรง เด็กน้อยล้มลงพร้อมมีเลือดไหลออกมา

เฉินเถียนเถียนตระหนักได้ว่าแม้เด็กน้อยจะเคยพูดจาหยาบคายหรือทำร้ายตน แต่จากเลือดที่ไหลจากขาที่บาดเจ็บคงทำให้เขาทรมานจนอยากร้องไห้ เฉินเถียนเถียนจึงก้าวไปข้างหน้าและดึงร่างน้องชายขึ้น

“ไม่ต้องมาทำดีต่อข้า เจ้ามันหน้าซื่อใจคด! ข้าจะบอกพ่อว่าเจ้ารังแกข้า! ข้าจะบอกให้พ่อลงโทษเจ้าให้ตาย!”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกโมโหต่อความก้าวร้าวของเฉินเฉิน จึงเอื้อมมือคว้าคอเสื้อของเขาอย่างรุนแรงก่อนจะยกตัวเด็กน้อยขึ้น อย่างไรซะเฉินเฉินเองยังเป็นเด็ก เมื่อเห็นพฤติกรรมอันรุนแรงของพี่สาวจึงทำให้เขากลัวและกำลังจะแหกปากเพื่อร้องไห้

“อีขี้ครอก! ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!”

เฉินเถียนเถียนลากตัวเฉินเฉินเข้ามาในบ้านก่อนจะถีบประตูห้องนอนของเฉินผิงอันอย่างแรง

เฉินผิงอันตื่นจากฝันดีทันทีพลางดึงผ้าห่มลงด้วยความไม่พอใจ “อะไรนักหนาเนี่ย?!”

เฉินเถียนเถียนพูดออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ว่าอย่างไรท่านก็คือพ่อ ไม่คิดจะหาอาหารให้ลูกชายของตนกินบ้างหรือ?”

เฉินผิงอันรู้สึกงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเฉินเถียนเถียนหมายถึงอะไร ‘ไม่คิดจะหาอาหารให้ลูกชายกินงั้นหรือ?’

เฉินเฉินรู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งตรงหน้าอย่างยิ่งจึงร้องไห้ออกมา

“พ่อโบยนางให้ตายเลย! นางทำร้ายข้า! ดูสิ ขาและมือของข้ามีเลือดออกด้วย!”

เมื่อเฉินผิงอันเห็นเลือดไหลที่มือและขาของลูกชายก็โกรธจัดทันที

“อีขี้ครอก! กล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?! เขาเป็นน้องชายของเจ้านะ!”

เฉินเถียนเถียนแสร้งทำโศกเศร้าพร้อมกล่าวออกด้วยความคับข้องใจ “เป็นน้องชายของข้างั้นหรือ? ข้าเป็นเพียงอีขี้ครอกสกปรก! ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวของใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เฉินเฉินเห็นสีหน้าของพ่อเปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราดจึงยิ่งร้องไห้ออกมาดัง ๆ อีกครั้ง “แม่บอกว่านางไม่ใช่พี่สาวของข้า เป็นเพียงอีขี้ครอกสกปรกเท่านั้น!”

แน่นอนว่าเด็กน้อยย่อมไม่โกหกและที่เฉินเฉินพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง!

“…” เฉินผิงอันรู้สึกรำคาญใจ คงจะดีไม่น้อยหากเฉินเฉินเงียบและไม่ปริปากพูด เพราะเขาวางแผนจะจัดการกับเฉินเถียนเถียนได้อยู่แล้วเชียว แต่เพราะเฉินเฉินพูดแบบนั้นออกมาจึงทำให้เฉินผิงอันดำเนินแผนการต่อไม่ได้!

หากเขาเพิกเฉยและบอกว่าสิ่งที่หลินชวนฮวาบอกลูกชายนั้นถูกต้อง แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนต้องนำเรื่องนี้ไปฟ้องคนในหมู่บ้านแน่!

หลังจากไตร่ตรองอยู่นานในที่สุดเฉินผิงอันก็เกลี้ยกล่อมเฉินเถียนเถียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นน้องชายของเจ้า ทำแบบนี้ได้อย่างไร? เหตุใดจึงต้องทุบตีเขา?!”

คำพูดนั้นทำให้เฉินเถียนเถียนรู้สึกกระอักกระอ่วนต่อการเสแสร้งของเฉินผิงอัน!

พ่อเอาแต่ฟังความข้างเดียวจริง ๆ!

“พ่อ! ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าทำร้ายเขา? เฉินเฉิน… เจ้าเองก็เป็นชายอกสามศอ กลับไม่กล้าพูดความจริงสักนิดเลยหรือ?

เมื่อเฉินเฉินได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก เขาไม่พอใจที่โดนหญิงสกปรกเหยียดหยามจึงโพล่งออกมาเสียงดัง “ต่อให้ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้าก่อน เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าไม่ยอมลุกมาเตรียมอาหารให้ข้า!”

เฉินเถียนเถียนเดินตามพ่อเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเอนตัวพิงประตูและกัดต้นหญ้าไว้ในปากก่อนจะกล่าวถาม “เห็นแล้วใช่ไหม? ในที่สุดพ่อก็เชื่อข้าสินะ”

เฉินผิงอันเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลินชวนฮวามักจะซ่อนทุกอย่างไว้ในตู้ของห้องนอนเสมอ ยังไงซะข้าวที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวในฤดูก่อนคงเหลืออยู่อีกมาก

เฉินผิงอันเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะเดินไปยังตู้ขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่มีแม่กุญแจลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา

“หญิงผู้นี้ช่างขี้เหนียวนัก ขนาดซ่อนไว้ในห้องนอนแล้วยังจะลงกลอนไว้อีก” เฉินผิงอันบ่นอย่างทำอะไรไม่ถูกและงุนงงต่อเรื่องราวทั้งหมด จากนั้นเสียงครวญครางจากท้องของเขาก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เฉินผิงอันจึงตัดสินใจใช้ค้อนทุบแม่กุญแจออกทันที

แต่เมื่อเปิดตู้ออกเฉินผิงอันถึงกับตกตะลึง เพราะในตู้หลังนั้นไม่มีอาหารใดซ่อนอยู่เลย เนื่องจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวเพิ่งผ่านไปไม่นาน ตู้หลังนี้ควรเต็มไปด้วยข้าวสารไม่ใช่หรือ?!

แม้เฉินผิงอันจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก แต่เขาก็จัดสรรอาหารให้กับครอบครัวอย่างเพียงพออยู่เสมอ แต่ผ่านไปไม่ถึงเดือน อาหารทั้งหมดกลับเหลือเพียงน้อยนิดได้อย่างไร?

‘แม้จะมีหนูอยู่ในบ้าน แต่พวกมันจะสามารถกินอาหารทั้งหมดที่มีได้จริงหรือ? และเนื่องจากวัตถุดิบทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ในตู้ แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่มีทางแตะต้องได้… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’

เฉินผิงอันตั้งใจจะรอให้หลินชวนฮวากลับมาตอบคำถามของเรื่องทั้งหมดแต่เพราะความหิวจึงทำให้เขาต้องหาอาหารประทังชีวิตก่อน

เฉินผิงอันหยิบธัญพืชและหมูสามชั้นที่หลินชวนฮวาตั้งใจเก็บไว้ให้เฉินเฉิงเยี่ยออกมาก่อนจะส่งให้เฉินเถียนเถียนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกล่าวว่า “ทำอาหารให้ข้ากินหน่อย หากเจ้ากลับกลอกหรือไม่เชื่อฟัง ข้าหักขาเจ้าแน่!”

เฉินเถียนเถียนรับข้อเสนอพร้อมกับคิดในใจ ‘ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการสะสมอาหารเพราะข้าคงไม่สามารถขึ้นไปบนภูเขาได้ตลอดเวลาและดูเหมือนว่าการล่าสัตว์จะไม่ใช่เรื่องง่าย’

เช่นนี้นางจึงหยิบวัตถุดิบทั้งหมดและเดินเข้าห้องครัวไป โชคดีที่ยังคงหลงเหลือความทรงจำของฉันเทียนเทียนคนเก่า จึงทำให้นางพอจำวิธีการทำอาหารได้ นางเริ่มปรุงอาหารสูตรพิเศษนั้นทันที

เฉินผิงอันที่กำลังโมโหหิวกลับตกตะลึงเมื่อเห็นอาหารอันน่ารับประทานบนโต๊ะ เขามองพร้อมกับบ่นพึมพำในใจ ‘ข้าเคยได้ยินมาว่าเด็กคนนี้ขี้เกียจและทำอะไรไม่เป็น… วันนี้เกิดอะไรขึ้น?’

เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมกับความเคลือบแคลงใจ ‘หลินชวนฮวาบอกว่าเด็กคนนี้ทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่หรือ? ทั้งยังขี้เกียจและสกปรก!’ แต่เพียงแค่มองใบหน้าอันสกปรกของเด็กสาว เฉินผิงอันก็เชื่อหลินชวนฮวาอย่างสนิทใจทันที!

แม้จะเกิดความสงสัย แต่เฉินผิงอันก็เลือกที่จะเชื่อภรรยาผู้อ่อนโยนและคอยอยู่เคียงข้างมากกว่าเด็กขี้ครอกที่เขาไม่แยแสมาหลายปีแล้ว!

แน่นอนว่าเฉินผิงอันย่อมตกเป็นเหยื่อได้ง่ายเพราะเขาเป็นเพียงชายบ้านนอกผู้โง่เขลาที่มักจะตัดสินสิ่งต่าง ๆ ด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลเสมอ

เฉินเถียนเถียนเคยศึกษาจิตวิทยาของอาชญากรมาก่อน จึงถือเป็นเรื่องง่ายที่จะเดาใจคนเบาปัญญาเช่นเฉินผิงอัน ดังนั้นนางจึงได่แต่ถอนหายใจยาวด้วยความรังเกียจ

เฉินเถียนเถียนเดินหันหลังพร้อมซ่อนบางอย่างไว้ในมืออย่างแนบเนียน

ทันใดนั้นเฉินผิงอันก็ตระหนักได้ว่าเขาละเลยลูกสาวคนนี้มากเกินไปจึงกวักมือเรียกนางทันที

“เถียนเถียนมานั่งกินข้าวกับพ่อ!”

เฉินเถียนเถียนกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย แม้จะรู้ว่าความรักของพ่อเป็นสิ่งที่ดีแต่แสดงออกตอนนี้ไม่สายไปหน่อยหรือ? แต่เพื่อจัดการกับหลินชวนฮวา เฉินเถียนเถียนจึงยอมก้มหัวและเดินไปนั่งอย่างฝืนใจ

“พ่อรู้ว่าพ่อเพิกเฉยต่อเจ้ามาโดยตลอด แต่เจ้าก็เอาแต่สร้างปัญหาและทะเลาะกับแม่เป็นประจำ มันไม่มากไปหน่อยหรือ?”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกว่าตนนั้นไร้ค่าในสายตาของพ่อ จึงโพล่งออกมาด้วยความน้อยใจทันที “ใช่สิ! ข้าควรต้องเชื่อฟังแม่โดยการยอมให้ส่งข้าไปอยู่กับนายน้อยหลี่ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นเหมือนกับหญิงคนก่อน ๆ ที่ถูกส่งไปแล้วหายสาบสูญหรือไม่?!”

หลังจากนางพูดจบ เฉินเถียนเถียนจึงลุกขึ้นพร้อมตบโต๊ะอย่างแรง “หากจะเรียกข้ามาเพื่อพูดเรื่องนี้… ไม่ต้องเรียก! ข้าไม่อยากฟัง! ข้าเคยเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านของตระกูลหลี่ ยิ่งข้าอดทน พ่อและแม่ก็ยิ่งข่มเหงข้า อยากให้ข้าเป็นบ้าหรืออย่างไร?!”

สิ้นเสียงเฉินเทียนเถียนสะบัดแขนเแล้วเดินออกไปทันที

เฉินผิงอันลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะดื้นรั้นได้ถึงเมื่อไหร่?! ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะให้ชาวบ้านจับเจ้าถ่วงน้ำ!”

คำพูดหล่านี้ทำให้เฉินเถียนเถียนเคืองแค้นและนางพยายามคิดหาวิธีเพื่อจัดการกับสองสามีภรรยาคู่นี้ แต่ตอนนี้สำหรับผิงอันความรักระหว่างสายเลือดกลับบางเบาราวกับขนนก

เฉินเทียนเถียนจึงก้มศีรษะลงและหยุดต่อปากต่อคำ

เฉินผิงอันรู้สึกภาคภูมิใจทันที ‘นังเด็กขี้ครอกคนนี้ หยิ่งยโสและทะนงตนถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? ยังหนีไม่พ้นออกพ่อเลยด้วยซ้ำ!’

“หากไม่อยากอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อ ข้าก็ขอพูดตรง ๆ! ไสหัวออกไปซะ! ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับแม่เจ้าที่ต้องรับมือกับเด็กเถียงคำไม่ตกฟากเช่นนี้!”

มันคือคำพูดที่เชิญเฉินเถียนเถียนไม่ต้องการได้ยินมากที่สุด เพราะสำหรับเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาคือหญิงที่ยอดเยี่ยม แม้เฉินเถียนเถียนจะพยายามเตือนแต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ

“เพราะนางไม่ใช่แม่แท้ ๆ ข้าจะไม่ยอมทำตามความต้องการของนางเด็ดขาด แต่พ่อผู้ให้กำเนิดนี้ช่างเลือดเย็นยิ่งนัก ท่านจะทนเห็นข้าถูกจับถ่วงน้ำได้จริง ๆ หรือ?!”

เฉินเถียนเถียนเอ่ยประโยคนี้อย่างเย็นชาก่อนจะเดินกลับไปยังโรงเก็บไม้ของตน

เฉินผิงอันตบโต๊ะอีกครั้งพลางตะโกน “นังเด็กบ้า! ข้าอุตส่าห์ชวนมาร่วมโต๊ะอาหารแต่กลับปฏิเสธ เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องกินอีกตลอดไป!”

หลังจากที่เฉินเถียนเถียนเดินออกไป เฉินผิงอันหยิบตะเกียบขึ้นแต่รู้สึกว่าความอยากอาหารหายไปหมดสิ้น

ไม่ใช่เพราะเฉินเถียนเถียน แต่เป็นเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้หยั่งรากลึกในใจเขาแล้ว เขากำลังรู้สึกสงสัยต่อสิ่งที่หลินชวนฮวากำลังทำ ‘อาหารในบ้านหมดไปโดยไร้คำอธิบายได้อย่างไร?!’

เฉินผิงอันนั่งนิ่งพลางครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น ส่วนเฉินเถียนเถียนเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มอย่างพอใจ …เมื่อบุคคลมีความสงสัยในใจ ย่อมมีความปรารถนาที่จะเสาะหาความจริงอยู่เสมอ

ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงควรปิดทุกอย่างให้ดี เพราะอาจโดนเฉินผิงอันจับได้หากไม่ระวัง

ส่วนเฉินเฉิงเยี่ยนั่งอ่านหนังสือในห้องท่ามกลางเสียงทะเลาะของสองพ่อลูก แม้เขาจะไม่ได้ยินอะไรชัดเจน แต่ก็รับรู้ได้ว่าแม่กำลังจะถูกทำให้อับอาย ถึงกระนั้นเขาก็แน่ใจว่าแม่มีแผนการรับมือที่ดีและเฉินผิงอันจะเชื่อฟังนางจึงไม่กังวลอะไรนัก

สิ่งที่เฉินเฉิงเยี่ยต้องทำมีเพียงตั้งใจศึกษาเพื่อเป็นขุนนางให้ได้และเขาต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเฉินผิงอัน…

“พ่อเชื่อแม่เสมอจนยอมส่งข้าให้นายน้อยหลี่ ท่านคงไม่ได้สนใจชื่อเสียงของข้าแล้วคงหวังเพียงให้ข้าไปให้พ้นสายตาโดยเร็วเท่านั้น” เมื่อกล่าวจบเฉินเถียนเถียนก็รีบเอามือป้องหน้าและวิ่งร้องไห้กลับบ้านไปทันที

เป็นเพราะป้าหวงปากสว่าง เฉินเถียนเถียนจึงเล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังเพราะมั่นใจว่านางต้องเอาไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้แน่

เฉินเถียนเถียนกลับมาถึงบ้านโดยไม่รู้ว่าเฉินผิงอันผู้เป็นพ่อหายไปไหน แต่นางก็สามารถเดาได้ว่าเขาต้องไปเล่นพนัน พวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก เพราะมีทั้งแพ้ ชนะ และเสมออย่างยุติธรรม

ส่วนหลินชวนฮวาไม่รู้ว่าเฉินเถียนเถียนกลับมาแล้วจึงนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจกเพื่อชื่นชมความงามของตน เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้มชั่วร้ายออกพร้อมกับมองด้วยสายตาเย้ยหยัน… อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังกล้านั่งชื่นชมความงามของตนเองหน้ากระจกได้อย่างไร?!

หลินชวนฮวาไม่ใช่หญิงที่มีหน้าตางดงามอะไรนัก เพียงแต่การแสร้งพูดจาอ่อนโยนและเป็นคนดีทำให้นางดูงดงามขึ้น

‘เวลาแบบนี้นางจะแต่งตัวไปทำไมกัน? ต้องมีอะไรแน่!’

“แม่… ข้ายังต้องทำอาหารกลางวันอยู่หรือไม่?”

หลินชวนฮวาที่กำลังชื่นชมความงามของตนอย่างสุนทรีพลันชะงัก เมื่อถูกขัดจังหวะ นางจึงหันมาและโบกมือด้วยความโกรธ “ไม่ต้องทำ พ่อเจ้าไม่กลับมา ข้าก็จะออกไปข้างนอกเช่นกัน”

“แล้วข้าเล่า?”

หลินชวนฮวายกยิ้ม “เอ๊า… เจ้าต้องกินข้าวด้วยหรือ?! เมื่อตอนเช้ายังปีกกล้าขาแข็งอยู่ไม่ใช่หรือไร?! หากหิวมากก็ตายไปเสีย!”

เฉินเถียนเถียนไม่ได้โมโหหรือตอบโต้อะไรเพราะนางรู้ดีว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้จึงกล่าวถามต่อ “แล้วเฉินเฉิงเยี่ย…”

“ของลูกข้า ข้าเตรียมให้เอง เจ้าไม่ต้องสาระแน!”

เฉินเถียนเถียนไม่พูดอะไรพร้อมกับเดินไปที่โรงเก็บไม้ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่นางหยุนรู้ดีว่าเฉินผิงอันมีนิสัยเกียจคร้านและไม่สนใจใคร เหตุใดจึงเลือกที่จะแต่งงานกับเขาผู้ที่ทอดทิ้งนางไว้ในบ้านเสมอ

เมื่อแม่ตายไปสินสอดทองหมั้นที่เหลือทั้งหมดลูกสาวแท้ ๆ กลับไม่ได้ใช้เพราะเฉินผิงอันปล่อยให้คนอื่นครอบครองหมดสิ้น

ทุกครั้งที่หลินชวนฮวาเห็นหน้าเฉินเถียนเถียนก็อารมณ์เสียอย่างไร้สาเหตุ ใบหน้านี้งดงามโดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องคอยเติมแต่งดังเช่นใบหน้าของตนจึงทำให้นางรู้สึกอิจฉายิ่ง

แต่ไม่ว่าอย่างไรหลินชวนฮวาก็ทำลายใบหน้าอันงดงามนี้ไม่ได้เพราะความสวยของเฉินเถียนเถียนจะช่วยให้ลูกชายของนางมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น

เฉินเถียนเถียนเหนื่อยล้ามาทั้งวันจากการขึ้นไปหาอาหารบนภูเขาจึงไม่อยากมีเรื่องกับหลินชวนฮวาอีกต่อไป

‘ข้ากินไก่ที่หยุนเคอให้มาเพียงครึ่งตัว ส่วนอีกครึ่งอยู่ในเถาเป่า หากนางไม่ยอมให้ข้ากินข้าวก็ไม่เป็นไรหรอก’ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเดินกลับโรงเก็บไม้

‘แท้จริงแล้วข้าควรขอบคุณหยุนเคอที่ช่วยอุ้มข้าลงมาจากภูเขาอันสูงชัน ไม่เช่นนั้นข้าต้องเดินจนเหนื่อยตายแน่ แล้วหากถูกหลินชวนฮวากลั่นแกล้งก็คงไม่มีแรงสู้กลับ’

ขณะที่เฉินเถียนเถียนกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลินชวนฮวาก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีใครรู้ว่านางกำลังจะไปที่ไหน

เฉินเถียนเถียนล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเอาแรง

แต่ทันใดนั้นเองเฉินผิงอันก็กลับมาที่บ้าน

“ชวนฮวา! ชวนฮวา!” เฉินผิงอันตะโกนเรียกภรรยาเสียงดังตั้งแต่หน้าประตูจนทำให้ได้ยินไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

ส่วนเฉินเถียนเถียนที่กำลังเคลิ้มหลับก็ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ แต่หลังจากนั้นนางก็พลิกตัวเพื่อจะนอนต่อ

ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงเฉินผิงอันจึงกลับบ้านมาด้วยความหิวโหย มื้อเช้าที่ผ่านมาหลินชวนฮวาไม่มีทางเลือกจึงต้องเข้าครัวเองและหุงข้าวแฉะจนกินไม่ได้

เฉินผิงอันก็เร่งเร้านางเพราะความหิว หลินชวนฮวาจึงเปลี่ยนข้าวสวยเป็นข้าวต้มทันที

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เฉินผิงอันก็ออกไปข้างนอกโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ

และพอถึงเวลามื้อเที่ยงก็กลับมาที่บ้าน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหาอาหารกินข้างนอก แต่เนื่องจากวันนี้เขาแพ้พนันจนหมดตัวจึงทำให้ไม่มีเงินซื้ออาหารกิน

เมื่อเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงแล้วเขาจึงรีบกลับมาที่บ้านเพราะคิดว่าภรรยาผู้เป็นที่รักจะทำกับข้าวไว้รอ แต่เมื่อเข้ามาในบ้านกลับไม่เจอหลินชวนฮวา ด้วยความหิวโหยจึงทำให้เขานึกถึงเฉินเถียนเถียนขึ้นมาทันที

เฉินผิงอันตะโกนเรียกลูกสาวอยู่นานแต่ไม่มีการ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่โรงเก็บไม้ทันที ซึ่งประตูโรงเก็บไม้ไม่ค่อยแข็งแรงนักและแรงถีบในครานี้ก็ทำให้มันแกว่งราวกับกำลังจะพังลง

“อีนังเด็กขี้ครอกนี่มันกี่โมงแล้ว เหตุใดเจ้ายังนอนอยู่อีก?!”

เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด เฉินผิงอันเป็นชายชนบทที่ใช้แรงงานมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไป

“หากไม่ให้ข้านอนแล้วจะให้ข้าทำอะไร? วัตถุดิบในห้องครัวก็เก็บไปหมดแล้ว พวกท่านไม่อนุญาตให้ข้ากินอาหาร นอกจากนอนแล้วข้าจะมีเรี่ยวแรงทำสิ่งใดได้อีก?”

เฉินผิงอันจ้องหน้าลูกสาวด้วยความเกรี้ยวกราด “แม่เจ้าจะซ่อนไปเพื่อสิ่งใด? หากไม่ใช่เพราะเจ้าขโมย! ใช้ชีวิตเกียจคร้านแต่กลับขยันขโมยอาหารงั้นหรือ?!”

“พ่อ! ข้าตัวเล็กแค่นี้จะกินอาหารเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร?! แต่เมื่อครู่ข้าเห็นแม่แต่งตัวสวยและพรมน้ำหอมก่อนจะรีบออกจากบ้านไป ดูแล้ว… แม่คงมีเรื่องต้องทำ”

เฉินผิงอันผงะ ‘เวลาเที่ยงแบบนี้ ทุกคนต่างกลับบ้านมากินข้าวและพักผ่อน แต่หลินชวนฮวากลับแต่งตัวสวยและออกจากบ้านไปเพื่อสิ่งใดกัน?’

แม้จะสงสัย แต่เฉิงผิงอันก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น!

“พอได้แล้ว เลิกพูดจาใส่ร้ายแม่เจ้าสักที รีบลุกขึ้นมาทำกับข้าวซะ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”

เฉินเถียนเถียนพูดด้วยความโมโห “ท่านพ่อหูไม่ดีหรืออย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าห้องครัวไม่มีวัตถุดิบ!”

“ไร้สาระ! ข้าวสารสักเม็ดก็ไม่มีเลยหรือ?!”

เฉินเถียนเถียนกลอกตา “หากไม่เชื่อก็ไปดูเองสิ จะยืนด่าข้าอยู่ตรงนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันจึงเดินไปดูในห้องกลัว แต่กลับพบว่าข้าวสารสักเม็ดก็ไม่มีจริง ๆ พวกหนูรู้ที่ซ่อนอาหารถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ถัดมายังผนังอีกฝั่งหนึ่ง พบโต๊ะหินที่มีหนังสือมากมายกองอยู่พร้อมพู่กันสำหรับเขียนและยังมีห้องครัวอีกด้วย ถ้ำเล็ก ๆ เช่นนี้กลับมีของครบครันราวกับคฤหาสน์!

“ดูเสร็จรึยัง?” หยุนเคอถามโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวตื่นเต้นกับถ้ำแห่งนี้เพียงใด

“โอโห ที่นี่ช่างยอดเยี่ยมนัก!”

เมื่อได้ยินดังนั้นหยุนเคอจึงตกตะลึงไม่น้อย เขาคิดว่าเฉินเถียนเถียนจะตั้งคำถามว่าเหตุใดชายร่างใหญ่กำยำเช่นนี้จึงมาอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ เพราะบ้านของเฉินเถียนเถียนเป็นบ้านที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน ถึงแม้เมื่อก่อน… ช่างเถิด… เมื่อก่อนก็นับว่าเป็นอดีตไปแล้ว!

ถึงแม้เฉินเถียนเถียนจะโดนรังแก แต่ไม่ว่าอย่างไรบ้านก็ย่อมดีกว่าถ้ำ ไม่น่าเชื่อว่านางจะประทับใจกับที่แห่งนี้!

“บ้านเจ้าเป็นบ้านที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน แต่เหตุใดกลับชื่นชมถ้ำเล็กๆ เช่นนี้เล่า?”

เฉินเถียนเถียนนิ่งไปครู่หนึ่ง เป็นความจริงที่ว่าบ้านของนางเป็นบ้านที่ดีที่สุด แต่นางเพียงได้อยู่ในโรงเก็บไม้เท่านั้น

ณ ที่แห่งนั้นมีเพียงฟืนที่นางเป็นคนเก็บมาจากภูเขา โดยคำสั่งของแม่เลี้ยงใจร้ายอย่างหลินชวนฮวา แต่ส่วนอื่น ๆ ในบ้าน เฉินเถียนเถียนไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้าไปแม้สักก้าว

“ที่แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับรังหนู แต่ถ้ำของเจ้าช่างเรียบง่ายและสบายตานัก”

หยุนเคอไม่ได้ตอบกลับอะไรและก้มหน้าจัดการสัตว์ป่าที่เขาล่าได้เมื่อวาน เฉินเถียนเถียนสังเกตเห็นว่าหยุนเคอล่าสัตว์ได้เยอะมากและเหยื่อเหล่านั้นก็ถูกวางกองเต็มพื้นจึงร้องออกอย่างตื่นเต้น “โอโห! เจ้าช่างล่าสัตว์ได้เก่งยิ่งนัก…”

หยุนเคอรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมากแต่ด้วยความน่าสงสารของนางจึงทำให้เขาอดทนฟังต่อ ส่วนเฉินเถียนเถียนพูดจาเจื้อยแจ้วสารพัดจนในที่สุดก็วนมาถึงเรื่องของเขา

“หยุนเคอ… เจ้าดูไม่ใช่คนธรรมดา มีเรื่องอะไรในใจใช่ไหม? เจ้าอยู่คนเดียวคงไม่มีใครให้ระบาย เช่นนี้เจ้าอยากเล่าให้ข้าฟังหน่อยไหม?”

คำพูดเหล่านั้นทำให้หยุนเคอโกรธเป็นอย่างมาก สายตาของเขาดูเย็นชายิ่งกว่าเดิมจนทำให้รู้สึกวังเวงไปทั้งถ้ำ ร่างกายของเฉินเถียนเถียนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวแต่เมื่อมองหน้าหยุนเคอกลับไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“โอ้… เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดหน้าจึงรู้สึกหนาวขึ้นมาเช่นนี้?!”

หยุนเคอทนไม่ไหวและลากตัวเฉินเถียนเถียนออกจากถ้ำทันที แต่แม้เฉินเถียนเถียนจะโวยวายเพียงใดเขาก็ไม่ฟัง!

หยุนเคออุ้มเฉินเถียนเถียนมายังเชิงเขา ก่อนจะทิ้งตัวนางลงและเดินกลับไป

เฉินเถียนเถียนก่นด่าตามหลังทันที “ไม่แปลกใจที่ไร้คู่ครอง ช่างไม่รู้จักประนีประนอมเอาเสียเลย ข้าน่ะงดงามและบอบบางถึงเพียงนี้… กล้าโยนข้าลงได้อย่างไร?”

หยุนเคอได้ยินทุกคำพูดของเฉินเถียนเถียนแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอนหายใจและเดินจากไป

ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างเดินกลับจากทุ่งนาท่ามกลางแดดแรงกล้า จุดหมายคือการพักกลางวันที่บ้านของพวกเขา

เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนกำลังเดินลงมาจากภูเขา ชาวบ้านเหล่านั้นก็ต่างสงสัยอย่างใคร่รู้ “เมื่อวันก่อนนางยังวิ่งร้องไห้ลงมาจากภูเขาไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี่กลับร่าเริง? แม้ร่างกายจะดูสกปรกแต่ใบหน้ารับดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น!”

“หืม? เจ้าคือลูกสาวครอบครัวเฉินไม่ใช่หรือ? ขึ้นไปทำอะไรบนเขา?”

เฉินเถียนเถียนรีบตอบทันที “คือ… คือว่า… ข้าหิว”

หญิงสูงวัยผู้เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ‘ป้าปากสว่าง’ ชะงักและวางจอบลงจากบ่าทันที

“หิวได้อย่างไร? ครอบครัวเจ้าร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่หรือ? ช่วงเวลานี้ทุกบ้านต่างยุ่งกับการทำไร่ไถนาเพื่อหาเงิน ยกเว้นบ้านเจ้าแต่เหตุใดยังบอกว่าหิวเล่า?”

เฉินเถียนเถียนเดินถอยหลังและก้มหน้าลงราวกับว่ากำลังถูกสอบปากคำ

“ท่านแม่บอกว่าที่บ้านมีหนูจึงต้องซ่อนอาหารไว้ เมื่อข้าตื่นมาก็ไม่มีวัตถุดิบให้ใช้ทำอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นท่านกลับก่นด่าว่าไม่ยอมให้กินของในบ้านและข้าไล่ออกมา!”

“โธ่เอ๊ย! ช่างน่าสงสารเสียจริง พ่อเจ้าก็ไม่สนใจเลยหรือ?”

เฉินเถียนเถียนรู้กฎของยุคโบราณดีว่าการฟ้องร้องหรือให้ร้ายพ่อแท้ ๆ ของตนเป็นสิ่งไม่ดี

“ทะ… ท่านพ่อ… อาจไม่รู้…”

ป้าหวงรู้สึกสงสารเฉินเถียนเถียน “ช่างไม่ได้เรื่องเสียจริง! กล้าโยนลูกสาวแท้ๆ ของตนให้แม่เลี้ยงดูแลได้อย่างไร?!”

“ชาวบ้านต่างชมว่าหลินชวนฮวาเป็นคนดี ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่านางเพียงแสร้งทำ! ไม่เช่นนั้นนางจะปล่อยให้เด็กสาวผู้นี้ขึ้นเขาไปหาของกินทำไมกัน?”

เฉินเถียนเถียนแสร้งทำตัวสั่นสะท้านให้น่าสงสารยิ่งขึ้นและด้วยเสื้อผ้าอันสกปรกที่นางสวมใส่ยิ่งทำให้น่าเวทนาพร้อมกล่าวต่อ “ข้าหิวมากจึงไปหาอาหารบนภูเขา แต่… แม้ผลไม้ป่ายังไม่มีให้ข้ากินเลย”

ป้าหวงฟังแล้วรู้สึกสงสารเฉินเถียนเถียนเป็นอย่างมาก หากเป็นเมื่อก่อนผู้หญิงเดินขึ้นเขานับเป็นเรื่องปกติเพราะการออกไปเก็บเห็ดหรืออาหารป่ามาขายก็ยังพอทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่หลังจากที่มีคนป่ามาอาศัยอยู่ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปอีกเลยเพราะหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อาจเป็นผลเสียต่อชีวิตได้!

“เถียนเถียน หากหิวก็ให้มาบ้านข้า อย่าขึ้นไปบนนั้นอีก บนภูเขามีคนป่าและน่ากลัวยิ่ง!”

เฉินเถียนเถียนยิ้ม “ขอบคุณป้าที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าหิวจนเกือบอดตาย… ยังจะให้สนใจเรื่องพวกนี้อีกหรือ?”

“ไม่ว่าอย่างไรป้าก็ต้องดูแลครอบครัวคงดูแลข้าไปตลอดไม่ได้ หากไปบ้านป้าบ่อย ๆ ท่านพ่อคงไม่สบายใจแน่”

ป้าหวงลูบหัวเฉินเถียนเถียนด้วยความเวทนา “เฮ้อ… เด็กน้อยผู้น่าสงสาร เสียดายที่ข้าไม่ได้ร่ำรวยไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องไปหาของกินบนภูเขาเช่นนี้”

“แต่เจ้าต้องเชื่อฟังข้า คนป่าผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนไม่รู้ทั้งยังเป็นผู้ชายและเจ้าเองก็เป็นหญิงที่มีหน้าตาสะสวย หากเขาทำมิดีมิร้ายต่อเจ้าจะทำอย่างไร?”

เฉินเถียนเถียนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “โธ่… ป้าไม่รู้หรือว่าข้าแข็งแกร่งถึงเพียงใด?”

“ยังมีแรงเหลือที่จะพร่ำบ่นอยู่… คงไม่หิวเท่าไหร่สินะ”

เฉินเถียนเถียนที่ได้ยินเสียงนั้นสะดุ้งตัวโหยงพร้อมหันขวับไปหาต้นเสียงทันที

หยุนเคอวางไก่ป่าลงก่อนจะเริ่มหากิ่งไม้มาเพื่อจุดไฟ

“เจ้า… เจ้ากลับมาทำไม?”

หยุนเคอไม่ได้ตอบอะไร เพียงก้มหน้าหาฟืนต่อไป ในฤดูนี้กิ่งไม้จะแห้งและเปราะ เพียงใช้มือหักก็หลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย

จากนั้นไม่นาน บริเวณที่เฉินเถียนเถียนนั่งก็เต็มไปด้วยกิ่งไม้ นางตกตะลึงต่อสิ่งที่เห็นจนไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร แต่หยุนเคอไม่ได้สนใจพร้อมกับหยิบไก่ป่าไปล้างที่ริมธารอย่างกระฉับกระเฉง

เฉินเถียนเถียนนั่งนิ่งและจ้องมองไก่ป่า เพียงคิดถึงช่วงเวลาที่มันถูกย่างก็ทำให้นางน้ำลายสออย่างไม่อาจอดกลั้น

หยุนเคอหลุดขำเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของอีกฝ่าย แต่เพราะนางดุราวกับพยัคฆ์ หากเผลอหัวเราะเสียงดังคงโดนตะครุบเป็นแน่!

การจุดไฟในป่าแม้จะมีควันลอยขโมงแต่ก็ยังมีต้นไม้ใหญ่บดบังไว้ หยุนเคอย่างไก่ตัวนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ขณะที่เฉินเถียนเถียนนั่งจ้องด้วยความหิวโหย…

แม้ไม่รู้ว่าหยุนเคอจะแบ่งให้กินหรือไม่ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากอ้อนวอนเขา! เฉินเถียนเถียนทราบดีว่าหากจะเอาตัวรอดในป่าได้ก็ต้องล่าสัตว์เป็นก่อน แต่การเริ่มต้นลงมือนั้นไม่ง่ายเลย

ผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของไก่คละคลุ้งไปทั่วจนทำให้เฉินเถียนเถียนหุบปากแน่นเพราะกลัวน้ำลายจะไหลออก!

ในที่สุดไก่ป่าอันหอมหวนก็สุกสักที หยุนเคอดับไฟก่อนจะนำใบ้ไม้มาห่อไก่ย่างตัวนั้นไว้

เห็นอย่างนั้นแล้วเฉินเถียนเถียนกลัวว่าหากไม่พูดอะไร หยุนเคอต้องไม่ยอมแบ่งไก่ให้เธอแน่จึงรีบร้องออก “ท่านลุง… เรามาตกลงข้อแลกเปลี่ยนกันดีไหม? ดูเอาเถิด ตอนนี้ข้าหิวเหลือเกิน หากยังไม่ได้กินอะไรข้าตายแน่! ขอยืมไก่ของท่านสักครึ่งตัวได้หรือไม่?”

‘ท่านลุงงั้นเหรอ? ผมข้ายังคงดกดำอยู่จะเป็นลุงได้อย่างไร?!’

“ยืม? แล้วเจ้าจะหามาคืนข้าได้หรือ?”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกได้ถึงการดูถูก ‘เห็นข้าเป็นคนคิดเอาเปรียบผู้อื่นหรือไร?!’

“ได้สิ! ข้าเขียนจะใบสัญญาไว้ให้ราคาเท่ากับท้องตลาดเลย!”

หยุนเคอขมวดคิ้ว ‘หญิงผู้นี้นับว่าไม่ธรรมดา โดนขังอยู่ในบ้านมาโดยตลอดจนไม่รู้จักสังคมข้างนอก และแน่นอนว่าแม่เลี้ยงคงไม่ได้สอนนางแน่!’

‘แต่นางเขียนหนังสือเป็นงั้นหรือ?’

ทันใดนั้นหยุนเคอจึงหลุดปากถามด้วยความสงสัย “เจ้าเขียนหนังสือเป็นเหรอ? หรือต่อให้ข้าเป็นคนเขียนสัญญา เจ้าจะอ่านออกหรือ? ไม่กลัวข้าเอาเปรียบหรือไร?”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกไม่พอใจและสบถอยู่ในใจ ‘กล้าหาว่าข้าอ่านหนังสือไม่ออกได้อย่างไร? สมัยนี้ใครเขาไม่เรียนหนังสือกัน?’

ทันใดนั้นนางตระหนักได้ว่าตนอยู่ในยุคโบราณและเฉินเถียนเถียนคนเดิมก็อ่านหนังสือไม่ออก เช่นนี้นางจึงเงียบและไม่ตอบโต้กลับ

“ข้าอ่านไม่เป็นหรอก แต่เจ้าสอนข้าสิ!”

เพียงมองตาก็ทำให้หยุนเคอรู้ว่าแท้จริงแล้วนางอ่านออกเขียนได้ แต่กลับปิดบังเพราะเหตุใดกัน แต่ถึงแม้จะสงสัยมากเพียงใดหยุนเคอก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องของนาง

“ไม่ต้องหรอก… ข้าให้!” หยุนเคอกล่าวพลางยื่นไก่ย่างให้นาง

“ให้ข้าหมดเลยเหรอ? เจ้าไม่กินเหรอ?” ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ทำให้เฉินเถียนเถียนไม่อาจรับรู้ได้ถึงสีหน้าของเขา

“จะกินไหม?”

เฉินเถียนเถียนผู้หิวโหยจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร? ในเมื่อเขาปรุงและย่างไก่ป่าให้เห็นถึงขนาดนี้ คงไม่ได้ประสงค์ร้ายหรือกลั่นแกล้งนางโดยการใส่ยาพิษลงไปหรอก เช่นนี้เฉินเถียนเถียนรีบยื่นมือไปรับทันที

“ค่อย ๆ กินล่ะ หากติดคอตายข้าคงช่วยอะไรไม่ได้นะ!” หยุนเคอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเริ่มกินไก่อย่างตะกละตะกลามด้วยความหิวโหยจนมันติดคอนางเข้าจริง ๆ!

หยุนเคอคิดในใจ ‘ข้าไม่เคยพบหญิงที่ไร้สติเช่นนี้มาก่อนเลย!’

แม้จะหงุดหงิดใจแค่ไหนแต่หยุนเคอก็รีบหยิบกระบอกไม้ไผ่ไปตักน้ำมาให้นางอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณนะ” เฉินเถียนเถียนกล่าวขอบคุณพร้อมสำลักเฮือกใหญ่

หยุนเคอเดินจากไปทันทีโดยไม่หยิบอะไรติดมือไปด้วย แม้เฉินเถียนเถียนจะกำลังยุ่งอยู่กับการกิน แต่นางก็ตระหนักได้ว่าควรกล่าวขอบคุณเขาก่อน ดังนั้นนางจึงรีบวิ่งตามหยุนเคอไปทันที

แต่เพราะหยุนเคอมีวิชาตัวเบาจึงเดินได้เร็วและทิ้งห่างเฉินเถียนเถียนไปไกลจนลับตา แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้และเดินตามไปอย่างเร่งรีบ

ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นตำรวจ หากไล่ตามคนเพียงเท่านี้ยังทำไม่ได้ คงเสียชื่อแย่!

ไม่ว่าหยุนเคอจะมีวิชาที่แกร่งกล้าแค่ไหน ก็ย่อมต้องมีรอยเท้าหลงเหลืออยู่บ้าง… ต้องค้นหาให้ละเอียด!

เฉินเถียนเถียนเดินตามหาเขาไปจนถึงถ้ำ ‘ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเขาเป็นคนป่า แต่… เป็นคนป่าที่อาศัยอยู่ในถ้ำจริง ๆ เหรอ?’ เฉินเถียนเถียนได้แต่คิดในใจ

“ลุง? ลุง? อยู่หรือไหม?”

หยุนเคอแปลกใจ ‘ข้าทิ้งนางไว้แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ยินเสียงนางอีกล่ะ?’

“ถ้าไม่ว่าอะไร ข้าขอเข้าไปนะ!” ทันทีที่พูดจบเฉินเถียนเถียนก็เดินเข้าไปในถ้ำโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเดินเข้ามาถึงขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้ หยุนเคอแสยะยิ้มพลางคิดในใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร

‘หากตั้งใจจะเข้ามาอยู่แล้ว จะถามข้าเพื่อสิ่งใดกัน?’

“กลับไปซะ!” หยุนเคอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา!

“เพราะข้ากินอาหารของเจ้าจึงอยากมาขอบคุณและเพียงอยากเห็นว่าเจ้าอยู่ที่ไหน… หากวันหนึ่งข้าได้ดีจะกลับมาตอบแทน!”

“ในเมื่อเห็นแล้วก็ออกไปเสีย!”

“ก็ได้… แต่ที่นี่ดูเหมือนว่าจะอยู่อาศัยได้ลำบากไม่น้อย!” เฉินเถียนเถียนแสร้งทำราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่หยุนเคอบอกก่อนจะเดินสำรวจรอบ ๆ ถ้ำ

แม้จะลำบากไป แต่ถ้ำแห่งนี้ก็สะอาดเรียบร้อย! รอบผนังถ้ำได้กลิ่นกำมะถันคละคลุ้ง!

‘เขาต้องใช้ไล่มดแน่! ไม้ท่อนเหล่านี้ที่ใช้แทนเลื่อย เขาสร้างมันเองสินะ’

ภายในถ้ำยังประกอบไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากหิน ลึกเข้าไปด้านใน มีเตียงหนึ่งหลังที่ทำจากหินอ่อนด้วย!

เฉินเถียนเถียนมองดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบอะไรจึงนั่งลงด้วยความท้อใจ

“เสี่ยวเถา เจ้ามองผิดไปรึเปล่า? หญิงร่างเล็กผอมแห้งจนไม่น่ามองเช่นนี้ยังจะเป็นที่หมายตาของใครอีกหรือ?”

เสี่ยวเถาตอบกลับ “ไม่มีทางผิดแน่นอน เขาอาจหลบอยู่ที่ไหนสักที่! และอีกอย่างเจ้าไม่ควรพูดเช่นนี้ ร่างนี้ดูไม่ดีอย่างไรหรือ?”

เฉินเถียนเถียนลืมไปว่าเธอไม่ได้อยู่ในร่างตำรวจสาวอีกต่อไป แต่เป็นร่างกายของหญิงผู้งดงามราวกับนางในวรรณคดี!

“สหาย! ตามมาถึงที่นี่และระแวกนี้ก็ไม่มีใคร เจ้าตามข้ามาเพื่อสิ่งใดกัน? ออกมาคุยกันเถิด!”

หยุนเคอยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้

เฉินเถียนเถียนเห็นผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้นางตกใจจนสะดุดล้มพร้อมก้นกระแทกพื้นทันที

“นี่ลุง ต้องการอะไร? ข้าขอบอกว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมง่ายๆ นะ!”

หยุนเคอส่ายหัวพร้อมตอบเสียงทุ้ม “เป็นข้าเอง!”

‘หือ? เสียงนี้ช่างคุ้นหูนัก’

ตั้งแต่มาที่นี่ได้พบเจอคนเพียงไม่กี่คน และน้ำเสียงนี้แน่นอนว่านางจดจำมันได้ดี… ที่แท้ก็เป็นชายที่ช่วยนางไว้เมื่อคืนนี่เอง

“โอ้ เป็นชายแกร่งนั่นเอง!”

‘ชายแกร่งงั้นหรือ? นี่มันชื่อเรียกอะไรกัน?’ หยุนเคอชะงักพร้อมกับสงสัยว่าแท้จริงแล้วหญิงผู้นี้เป็นใครกันแน่?!

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“ล่าสัตว์”

เฉินเถียนเถียนตาเป็นประกายทันที “ปรมาจารย์ชุดดำ! ข้าเห็นเจ้าบินไปบินมาอย่างโฉบเฉี่ยวทั้งยังมีฝีมือในการล่าเก่งกาจ เช่นนี้ช่วยสอนข้าได้หรือไม่?”

หยุนเคอกลอกตาพร้อมยกยิ้ม แต่หนวดเครารุงรังปกปิดใบหน้าของเขาไว้จึงทำให้มองไม่เห็น

“ไม่!”

ในที่สุดเฉินเถียนเถียนก็ได้เจอกับคนที่พอจะช่วยนางได้ เช่นนี้จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

“ท่านปรมาจารย์จะไม่สอนข้าจริงหรือ? ตามข้ามาขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่สนใจข้าอีกหรือ? นี่สมองหรือสายตาของเจ้ามีปัญหากันแน่? ข้าสวยดั่งนางกินรีเช่นนี้ แต่กลับปฏิเสธคำขอของข้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยุนเคอมั่นใจทันทีว่าลูกสาวบ้านเฉินต้องวิปลาสเป็นแน่!

‘รูปร่างผอมโซเช่นนี้ยังคิดว่าตนเองสวยดุจนางกินรีอีกหรือ? ช่างเถิด! ความจริงแล้วนางก็งดงามเพียงแต่ผอมบางเกินไป โดยเฉพาะดวงตาอันกลมโตสวยงามส่องประกายวิบวับ มองนาน ๆ อาจทำให้ใจอ่อนได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างไรแม้นางจะงดงาม แล้วทำไมข้าต้องสอนนางด้วยเล่า?’ เมื่อคิดเช่นนี้หยุนเคอจึงเดินหนีไปดื้อ ๆ

เฉินเถียนเถียนเห็นว่าความหวังกำลังจะมลายสิ้นจึงรีบคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ทันที

“เจ้าทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาได้หรือไร? ข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว… หิวเหลือเกิน!”

หยุนเคอกลอกตาอีกครั้ง ‘เจ้าหิวแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?’ เขาเฝ้าถามตนเองว่าเหตุใดจึงต้องเดินตามเฉินเถียนเถียนด้วย?!

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หญิงและชายไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ใช่หรือไร?!”

“ข้าไม่ปล่อย เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายถึงเพียงนี้?! ข้าหิวมากแต่เจ้ากลับไม่ช่วยข้า!”

หยุนเคอโมโหพร้อมสบถในใจ ‘เจ้าหิว… แล้วเหตุใดข้าต้องช่วย เห็นข้าว่างมากหรือไร?’

จากนั้นหยุนเคอจึงสะบัดมือทิ้งพร้อมกับกระโดดหนีทิ้งให้เฉินเถียนเถียนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

เขาเป็นคนอย่างไรกัน? ใจร้ายถึงเพียงนี้เลยหรือ… จากไปโดยไม่บอกลาสักคำ!

‘หากไม่อยากข้องเกี่ยว… เหตุใดจึงต้องเดินตามข้าด้วยเล่า? ราวกับว่าต้องการอะไร แต่จู่ ๆ กลับหนีไป น่าโมโหเสียจริง!’

“อย่างนั้นข้าจะตามหาเจ้าเอง!”

แต่เนื่องจากหยุนเคอมีวิชาตัวเบา เฉินเถียนเถียนจึงไม่สามารถวิ่งไล่ตามเขาได้ ทำได้เพียงกระทืบเท้าอยู่กับที่และตะโกนด่าเขาด้วยความโมโหเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าหยุนเคอจากไปแล้ว เฉินเถียนเถียนจึงทิ้งตัวลงพื้นด้วยความหิวโหยโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก

‘ชายผู้นี้ถึงแม้จะอาศัยอยู่ในป่า แต่กลับมีนิสัยที่ไม่เหมือนคนป่าเอาเสียเลย! ยิ่งไปกว่านั้น พรานที่เอาแต่ล่าสัตว์อยู่ในป่าจะมีวิชาอาคมแข่งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ? ทั้งยังมีวิชาตัวเบาอีกด้วย! เฮ้อ ช่างเถิด! ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็นับว่าฝีมือไม่ธรรมดา!’ แม้เฉินเถียนเถียนจะเป็นตำรวจก็ไม่สามารถสู้เขาได้อย่างแน่นอน

หยุนเคอที่เดินหนีออกมาเริ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาจึงเริ่มไตร่ตรอง ‘เพราะนางหิวโหยและไม่มีทางเลือกจึงต้องรบกวนข้า และข้าเองก็เป็นคนที่เดินตามนางก่อน แล้วเหตุใดข้าจึงต้องโกรธนางขนาดนี้ด้วยล่ะ?!”

หยุนเคอไม่เคยถูกจับได้มาก่อน แต่เฉินเถียนเถียนกลับมีค้นหาเขาพบ คงเป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก

หยุนเคอไม่สนใจและเดินกลับไปยังถ้ำเพื่อพักผ่อน เนื่องจากต้องออกล่าสัตว์ในตอนกลางคืน แต่ขณะที่กำลังเดิน จู่ ๆ เขาหยุดฝีเท้า หยุนเคอนึกถึงใบหน้าและแววตาอันน่าสงสารของเฉินเถียนเถียน ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงใจอ่อนอย่างง่ายดาย…

เพราะก่อนที่เขาจะเดินจากมา หยุนเคอได้ยินเสียงท้องที่ร้องอย่างบ้าคลั่งของเฉินเถียนเถียน เขาพยายามหยุดความคิดเหล่านั้น แต่เมื่อยิ่งห้ามก็ยิ่งทำให้เป็นห่วงนางมากขึ้น

‘ช่างเถอะ… ถือว่าเป็นเคราะห์ร้ายของข้าก็แล้วกัน!’

ในที่สุดหยุนเคอก็หยิบไก่ป่าที่ล่าได้เมื่อคืนและเดินตรงออกจากถ้ำ เขาเดินกลับไปยังทิศทางเดิมจนพบเฉินเถียนเถียน และเห็นว่านางกำลังนั่งร้องไห้และพร่ำเพ้ออย่างหนัก

“นังปีศาจหลินชวนฮวา… บังอาจคิดเทียบเคียงแม่ข้า ใส่เสื้อผ้าของแม่ข้า ทั้งยังใช้เงินของแม่ในการเลี้ยงดูลูกชายตนเอง แต่กลับไม่ยอมให้ข้ากินอาหารและคิดปล่อยให้อดตาย! การที่ทำเช่นนี้ไม่โหดเหี้ยมไปหน่อยหรือ?! เฉินผิงอันเองก็ช่างไร้ความคิด ไม่เคยเหลียวแลลูกสาวในไส้แต่กลับไปดูแลลูกของชายอื่น กำลังฝันเฟื่องอยู่หรืออย่างไร? คนโง่เขลาเช่นเฉินเฉิงเยี่ยไม่มีทางเป็นขุนนางได้ หากเขาสอบผ่านข้าจะยอมเปลี่ยนนามสกุลเลยคอยดูเถอะ! แล้วต่อให้เฉินเฉิงเยี่ยสอบเป็นขุนนางได้ เฉินผิงอันจะหวังพึ่งพาอะไรเขา? ไม่เห็นสายตาที่เด็กชายผู้นั้นมองตนเลยหรืออย่างไร? หากได้ดี… เขาไม่มีทางตอบแทนบุญคุณ เพราะไม่ว่าอย่างไรเฉินผิงอันก็ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ อยู่แล้ว!”

หยุนเคอส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงที่เขามีนั้นสูญเปล่า เพราะเด็กสาวยังคงมีพลังเหลือล้นจึงสามารถพูดพล่ามได้ยาวเหยียด

“หยุนเคอเองก็เช่นกัน หญิงสาวหน้าตาสละสลวยเช่นข้ายืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับเลือกที่จะสะบัดมือและเดินหนีไป ไม่แปลกที่ทุกวันนี้จึงไม่มีสาวใดเคียงข้าง!”

หยุนเคอเลิกคิ้ว ‘นางกำลังเอาความโกรธมาลงที่ข้าอย่างนั้นหรือ?’

เมื่อคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เฉินเถียนเถียนไม่ค่อยสบายใจนัก แต่พอนึกถึงจุดมุ่งหมายของตัวเองก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายบ้าง

หลังจากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงมุ่งหน้าขึ้นภูเขา เนื่องจากเฉินผิงอันได้แต่งงานกับหญิงผู้ร่ำรวยเช่นนางหยุนจึงปล่อยเช่าที่ดิน เขาไม่จำเป็นต้องทำงานเพราะรายได้ทั้งหมดมาจากค่าเช่า ดังนั้นเขาจึงมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าพ่อคนอื่น ๆ!

เฉินเถียนเถียนคิดว่าชาวบ้านคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่เมื่อนางหันหลังกลับก็พบว่าทุกสายตากำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่

ลูกสาวผู้เกียจคร้านของครอบครัวเฉิน เนื้อตัวสกปรกและน่าเกลียดถูกเลี้ยงดูโดยการไม่ให้ออกจากบ้าน แต่วันนี้กลับโผล่หน้ามาด้วยเหตุผลอะไรกัน?

เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าการออกจากบ้านมาในช่วงเวลาแบบนี้ถือเป็นโอกาสดี นางจึงวิ่งไปหลบหลังต้นไม้พลางร้องไห้เสียงดังราวกับกำลังกลัวและหนีอันตรายมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เฉินเถียนเถียนยกมือปิดหน้าช้าเกินไปทำให้ชาวบ้านได้เห็นใบหน้าอันงดงาม แม้ร่างกายจะผอมโซแต่กลับมีหน้าตาสละสลวยยิ่งกว่าผู้ใด!

ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหมดตระหนักทันทีว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

“มิน่าล่ะ! หากบอกว่าลูกสาวไม่ดี แล้วพวกเขาจะกล้าส่งตัวไปให้นายน้อยหลี่ได้อย่างไร? เพราะนายน้อยหลี่น่ะเลือกมากและมากเรื่อง!”

“กล้าให้เป็นของขวัญก็ต้องมีความโดดเด่นอยู่แล้ว พอมาเห็นวันนี้ก็รู้ได้ทันทีว่านางมีใบหน้าที่งดงามโดดเด่นกว่าใคร!”

การกระทำของเฉินเถียนเถียนทำให้ทุกคนตกใจ เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมื่อวานทำให้ทุกคนต่างรู้ดีว่านางต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

เด็กสาวผู้น่าสงสารเดินมาล้างหน้า ณ ริมธารจนสะอาดหมดจด ดวงตาเอ่อล้นด้วยคราบน้ำตาใส ๆ ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสารจับใจ

“ข้าได้ยินมาว่านางขี้เกียจมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงขยันไปล้างหน้าล้างตาได้เล่า?”

“ข้ารู้สึกว่านางงดงามยิ่ง หน้าตาเหมือนแม่ที่จากไปไม่มีผิด ว่ากันว่าลูกสาวจะเหมือนแม่ นางหยุนทั้งเก่งและขยัน เด็กคนนี้ไม่มีทางขี้เกียจ ข้าว่าหลินชวนฮวาต้องใส่ร้ายนางแน่นอน”

“ใช่ ทั้งยังบอกว่านางเรื่องมากและเลือกกินจนต้องอดอยาก ข้าว่าคงมีเพียงเฉินผิงอันที่หลงเชื่อ เมื่อครู่ตอนเถียนเถียนเดินผ่านข้าได้ยินเสียงท้องร้อง ต้องเป็นเพราะอดอาหารแน่!”

“เจ้าเคยเห็นคนที่กำลังหิวโซเลือกกินด้วยหรือ? นางแม่เลี้ยงใจร้ายคงเลี้ยงดูลูกชายจนอิ่มหนำและปล่อยให้นางอดตาย!”

“เป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่เหตุใดถึงใจร้ายใจดำเช่นนี้?”

เฉินเถียนเถียนไม่คิดว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดของชาวบ้านและล้างมลทินให้กับตนเองได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่นางอยากทำมากที่สุดคือหาอาหาร ไม่เช่นนั้นต้องอดตายแน่

เฉินเถียนเถียนคิดมาโดยตลอดว่าต้องมีสัตว์ป่าเดินเพ่นพล่านบนภูเขา ทว่าตั้งแต่ที่นางหนีออกมาจากบ้านนายน้อยหลี่เมื่อคืนก่อนกลับได้ยินเพียงเสียงหมาป่าตลอดทางไร้ซึ่งเสียงใดอื่น!

แต่การมาเยือนบนภูเขาในครั้งนี้ เฉินเถียนเถียนกลับต้องประหลาดใจ

ผู้คนส่วนใหญ่มักสร้างกับดักเพื่อล่าสัตว์ แต่เพราะตอนนี้อยู่นอกฤดูเก็บเกี่ยวจึงทำให้ชาวบ้านออกล่าสัตว์เพื่อนำกลับไปยังหมู่บ้าน ด้วยเหตุนั้นทำให้บนภูเขาไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าเหลืออยู่เลย กลายเป็นว่าสิ่งที่เฉินเถียนเถียนทำทั้งหมดนั้นเปล่าประโยชน์ นางจึงจับท้องอันหิวโหยของตนด้วยความผิดหวัง

‘ทั้งหมดที่บันทึกในหนังสือเป็นเรื่องโกหกงั้นหรือ?’

‘เวลาหิวก็สามารถขึ้นเขาล่าสัตว์ได้ไม่ใช่หรือ?’

แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย เฉินเถียนเถียนเดินขึ้นเขาด้วยความยากลำบาก ถึงแม้จะมีความรู้ด้านการเดินป่าแต่ก็ขาดทักษะและประสบการณ์ในการล่าสัตว์

เมื่อมาถึงครึ่งทางนางรู้สึกหิวจนหมดแรง ก่อนจะนั่งลงบนพื้นเพราะก้าวขาเดินต่อไม่ไหว

แต่เฉินเถียนเถียนไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่กำลังนั่งพักอยู่นั้นมีใครบางคนคอยจับตาดูนางอยู่ทุกการเคลื่อนไหว

เฉินเถียนเถียนนั่งกุมท้องด้วยความหิวโหย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีตัวช่วยที่สามารถช่วยนางได้!

“เสี่ยวเถา… ออกมาหน่อยสิ!”

ระบบมหัศจรรย์นี้นับเป็นสิ่งประหลาดสำหรับคนในยุคโบราณ ดังนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเอ่ยปากแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน

ผ่านไปชั่วอึดใจ เสี่ยวเถาก็ตอบรับ

“ได้ยินเสียงโวยวายของเจ้าตั้งแต่เช้า… มีเรื่องอะไรหรือ?”

เฉินเถียนเถียนถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้ามีของกินขายให้ข้าไหม?”

เสี่ยวเถาตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าเป็นถึงเถาเป่าก็ต้องมีทุกอย่างอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้ามีเงินไหมล่ะ?”

เฉินเถียนเถียนเอามือล้วงเสื้อ ทั้งเนื้อทั้งตัวนอกจากเสื้อผ้าเก่า ๆ อันนี้ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย

“ถือว่าช่วยข้าก่อนไม่ได้หรืออย่างไร? หากเจ้าไม่หาอะไรให้ข้ากิน ข้าคงต้องหิวตายแน่!”

เสี่ยวเถาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่มีทาง ข้าเป็นนักธุรกิจย่อมไม่ทำอะไรที่ต้องขาดทุน!”

“เอาเถอะ…” เฉินเถียนเถียนยอมแพ้!

‘นี่มันระบบบ้าบออะไรกัน? เสียดายที่ข้าอุตส่าห์คิดว่าตนเองโชคดี ที่ไหนได้กลับโชคร้ายที่สุด!’

“เอาหน่า… ข้าก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น อย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าสักหน่อยแล้วกันว่ามีคนกำลังจับตาดูเจ้าอยู่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเถียนเถียนก็ตกใจ “มีคนกำลังจับตาดูข้าเหรอ?”

เฉินเถียนเถียนหันมองรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง แต่กลับไม่พบใคร นางจึงลุกขึ้นกอดอกแน่นทันที

‘เป็นถึงตำรวจไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนเดินตามอยู่! มีคนตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือเป็นเพราะหิวเกินไปจนลืมสนใจสิ่งรอบข้าง?’

ท่าทางของเฉินเถียนเถียน ทำให้หยุนเคอที่อยู่บนต้นไม้รู้สึกขบขันอย่างช่วยไม่ได้!

‘นางเป็นอะไร? อย่าบอกนะว่า… นางกำลังคิดว่าจะมีคนพยายามทำไม่ดีไม่ร้ายต่อตนในสภาพเช่นนี้?’

“ออกมาเถอะ ข้าเห็นเจ้าแล้ว!”

หยุนเคอที่ยืนอยู่บนต้นไม้ถึงกับสะดุ้งจนเกือบร่วงหล่น เขาค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของตัวเองแต่กลับไม่สามารถหลบพ้นสายหญิงผู้นี้ได้งั้นหรือ?!

‘เป็นเพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ฝึกจึงอ่อนแอลง? หรือเป็นเพราะว่าเด็กสาวผู้นี้มีไหวพริบดีกันแน่?’

เสียงของเฉินผิงอันและหลินชวนฮวาดังลั่นมาถึงโรงเก็บไม้ เฉินเถียนเถียนไม่อาจข่มตาลงจนต้องยกผ้าห่มอุดหู! อีกทั้งเสียงนั้นดังรบกวนไปถึงห้องของเฉินเฉิงเยี่ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เป็นเหตุให้เขาโกรธจัดจนกำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะทำเพื่อตน แม่คงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้! สักวันหนึ่งเขาจะเอาคืนเฉินผิงอันให้ได้!

ในที่สุดหลินชวนฮวาที่เหนื่อยล้าจากการไม่ได้พักผ่อนทั้งคืนก็ผล็อยหลับยาวจนลืมไปว่านางต้องเป็นคนลุกมาทำอาหารในตอนเช้า!

เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินผิงอันออกแรงตลอดทั้งคืนและก่อนหน้านั้นแทบจะไม่ได้กินข้าวเลย เช่นนี้จึงส่งผลให้เขารู้สึกหิวมากหลังจากตื่นนอน

เฉินผิงอันนั่งรออาหารอย่างใจจดใจจ่อ สมาชิกของครอบครัวนี้มีทั้งหมดห้าคนแต่เฉินเฉิงเยี่ยอ้างว่าต้องอ่านหนังสือจึงตั้งใจจะกินอาหารในห้องเพื่อไม่ให้เสียเวลา ขณะที่เฉินเฉินยังเด็กมากจึงไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้ใหญ่ได้

การนั่งร่วมโต๊ะในห้องอาหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่หลินชวนฮวาเองยังต้องได้รับอนุญาตจากเฉินผิงอันก่อน ทั้งหมดก็เพราะหลินชวนฮวาอยากให้เฉินผิงอันและเฉินเฉิงเยี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น จึงอ้างกฎของการนั่งร่วมโต๊ะอาหารเช่นนี้ขึ้นมา

หลินชวนฮวาถือได้ว่าเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นางไม่เพียงต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีให้ลูกชายเท่านั้น แต่ยังเกลี้ยกล่อมเฉินผิงอันให้ทอดทิ้งและขับไล่เฉินเถียนเถียนออกจากบ้านได้อีกด้วย

หลิวชวนฮวาใส่เสื้อผ้า ก่อนจะบิดขี้เกียจและเดินตามเฉินผิงอันออกมา แต่วันนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เฉินเถียนเถียนไม่ได้ทำกับข้าวรอไว้เช่นเคย หลินชวนฮวาตระหนักได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เฉินเถียนเถียนคนเดิมอีกต่อไป!

เฉินผิงอันตบโต๊ะด้วยความโมโห “หายหัวไปไหนกันหมด?! อยากให้ข้าหิวตายงั้นหรือ?!”

หลินชวนฮวามองเฉินผิงอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจแต่ยังคงแสร้งทำตัวเป็นหญิงอ่อนโยน “สามี… ข้าต้องขอโทษด้วย เมื่อคืน… ข้าเหนื่อยเกินไปจึงตื่นสาย”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนั้น แน่นอนว่าเฉินผิงอันยอมอ่อนข้อลงทันที แต่ก็ยังไม่วายตะโกนเสียงดัง “หากแม่ไม่สบาย ลูกสาวต้องเป็นคนทำแทนไม่ใช่หรือ? อีเด็กขี้ครอกนั่นไปไหน?”

เฉินเถียนเถียนยังคงนอนหิวโซอยู่ในโรงเก็บไม้ นางจำเป็นต้องลดการใช้แรง เนื่องจากอาจทำให้เสียพลังงานมากขึ้น

ในขณะนั้นเองเฉินผิงอันถีบประตูเข้ามาด้วยความเกรี้ยวกราด เป็นเพราะเฉินเฉิงเยี่ยจึงทำให้เฉินเถียนเถียทำตัวสกปรกตลอดเวลา แต่ในสายตาของเฉินผิงอัน นอกจากจะไม่น่าสงสารแล้วยังสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาไม่น้อย!

“นังเด็กขี้ครอก! ปีกกล้าขาแข็งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่ลุกมาทำกับข้าว?!”

เฉินเถียนเถียนมักจะอารมณ์เสียเป็นปกติในตอนตื่น ยิ่งถูกปลุกด้วยวิธีที่หยาบคายเช่นนี้ยิ่งทำให้หงุดหงิดจนลืมไปว่าอยู่ในร่างของใคร จึงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “พ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือไร คิดว่าข้าไม่หิวงั้นหรือ?! ห้องครัวไม่มีอาหารสักอย่างจะให้ข้าทำสิ่งใดให้กินเล่า?”

เฉินผิงอันรู้สึกโกรธมาก ลูกสาวที่เคยแสนดีกล้าพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร?

“นังเด็กเหลือขอ กล้าพูดกับพ่อแบบงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินเถียนเถียนก็ฟื้นคืนสติทันที “พ่อก็ไปถามแม่สิว่าเหตุใดจึงต้องซ่อนอาหารจากข้าด้วย?!”

ฉับพลันหลินชวนฮวารีบวิ่งเข้ามา หากเฉินผิงอันได้ยินว่านางทำอะไรลงไปบ้าง เขาต้องสงสัยในตัวนางแน่ เพราะมีเพียงเฉินเถียนเถียนเท่านั้นที่รู้ว่านางทำชั่วอะไรบ้าง

“สามี… ทั้งหมดเป็นความผิดข้าเอง ข้ากลัวว่าจะมีหนูมาขโมยอาหารจึงนำไปซ่อนและลืมเอาออกมา”

เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้ม “หากกลัวหนู เหตุใดจึงไม่วางกับดักเล่า?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันจึงโมโหขึ้นมาอีกรอบพร้อมตะคอกเสียงดัง “นี่เจ้าพูดจาดี ๆ ไม่เป็นหรือไร?!”

เฉินเถียนเถียนตอบ “ไม่เคยมีใครสอน ข้าจะพูดได้อย่างไร?”

“ไม่ใช่ไม่มีใครสอนแต่เจ้าไม่ฟังเสียมากกว่า แม่ของเจ้ามีเรื่องมากมายต้องจัดการ จะให้มาคอยสอนเจ้าได้ตลอดเลยหรือ?!”

เฉินเถียนเถียนกลอกตาไปมาด้วยความขยะแขยง

‘ให้นางมาคอยสอนงั้นหรือ? คงจะได้เรียนรู้วิธีการใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเสียมากกว่า!’

หลินชวนฮวากลัวว่าเฉินเถียนเถียนจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงรีบลากตัวเฉินผิงอันออกไปพร้อมกล่าวปลอบประโลม “สามีข้า… นางเป็นลูกของเจ้านะ พูดจากับนางดี ๆ หน่อยเถิด!”

“หากแม่เป็นห่วงข้าจริงก็ทำกับข้าวเองเสีย มื้อนี้ข้าจะออกไปหากินข้างนอก”

เฉินผิงอันที่กำลังจะใจเย็นลงก็พลันโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนเฉินเถียนเถียนรีบลุกและเดินออกจากบ้านทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาอาละวาดแม้เพียงครึ่งคำ

“ส่วนเรื่องนายน้อยหลี่ อย่าคิดส่งข้ากลับไปอีก! หากพ่อยังขัดขืน ข้าจะทำให้เฉินเฉิงเยี่ยเสียชื่อเสียง คิดให้ดีก็แล้วกัน ขุนนางที่ขายน้องสาวเพื่อแลกกับการเรียนหนังสือจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร?” จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเดินออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี

แต่ในขณะเดียวกันเฉินผิงอันกลับโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หลินชวนฮวาจึงใช้เรือนร่างอันยั่วยวนเพื่อปลอบและทำให้เขาพอใจ

เฉินเฉิงเยี่ยได้แต่กัดฟันอดทนและเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้น!

เฉินเถียนเถียนลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะเดินมายังบ่อน้ำพร้อมกับบิดขี้เกียจเบา ๆ อากาศในยุคโบราณช่างดีเสียจริง ในยุคที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าและควันจากไอเสียรถจะหาอากาศเช่นนี้ได้จากที่ไหนกัน?

เฉินเถียนเถียนไม่คุ้นชินกับวิถีชีวิตของคนโบราณที่ไม่แปรงฟัน แต่ยุคนี้แม้แต่เกลือขัดฟันยังหายาก ดังนั้นนางจึงหยิบหญ้ามาใช้แทนแปรงสีฟัน

หยุนเคอกำลังเดินลงมาจากภูเขาและเจอเข้ากับภาพนี้ก็ตกตะลึงทันที

หญิงสาวสกปรกคนนั้นกำลังใช้ต้นหญ้าขัดฟัน!

……

‘เสร็จสักที!’ เฉินเถียนเถียนชะโงกหัวดูบ่อน้ำก่อนจะยิงฟันเพื่อตรวจสอบ จากนั้นจึงทราบว่าใบหน้านั้นงดงามถึงเพียงนี้ แต่กลับอ่อนแอและปกป้องตนเองไม่ได้ เอาเถอะ อย่างไรซะแม้ร่างกายจะซูบผอมแต่ใบหน้ายังคงสง่างาม!

‘ต่อไปนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าจะดูแลร่างกายของเจ้าให้ดี… ไม่อยากจะคิดเลยว่าความงามของเจ้าจะมากมายเพียงใด!’

ทั้งหมดเป็นเพราะนางรู้ถึงเจตนาของเฉินเฉิงเยี่ยจึงทำตัวให้ดูสกปรกและไม่น่ามอง…

เฉินผิงอันนั่งรอกินมื้อเย็นด้วยความหงุดหงิด เขามองประตูห้องครัวและเห็นว่าหลินชวนฮวากำลังยกอาหารออกมา

“ผิงอัน ดูสิ! เถียนเถียนช่างเป็นลูกที่ดีเสียจริง! นางรู้ว่าเจ้าโกรธจึงตั้งใจทำอาหารมาขอโทษจะไม่ให้อภัยนางหน่อยหรือ?”

เฉินผิงอันตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “รู้จักขอโทษด้วยงั้นหรือ?! คิดว่าทำแค่นี้ข้าจะให้อภัยหรือไร?!”

หลินชวนฮวายิ้มด้วยความสะใจที่แม้ลูกสาวแท้ ๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะใจเฉินผิงอันได้

“ผิงอัน… ไม่ว่าอย่างไรนางก็คือลูกสาวของเจ้า ลองชิมรสมือของนางดูก่อนเถิด ถึงแม้นางจะไม่เคยทำอะไรเลยแต่เท่าที่ข้าดูก็พอใช้ได้!”

เฉินผิงอันถอนหายใจด้วยความเย็นชา แม้เฉินเถียนเถียนจะไม่มาให้เห็นหน้าแต่เขาก็ยังไม่คลายความโกรธพร้อมกับคิดในใจ ‘ดูความขี้ขลาดของนังเด็กสารเลวนั่นสิ เหมือนแม่ของนางไม่มีผิด!’

เมื่อนึกถึงเฉินเถียนเถียนยิ่งทำให้เฉินผิงอันรู้สึกโกรธ ปล่อยให้นางอดตายก็ดีเหมือนกันเพราะยิ่งเห็นนาง เฉินผิงอันยิ่งรู้สึกแค้น!

เฉินผิงอันคว้าตะเกียบ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นหน้าตาของอาหาร มันประหลาดจนเขาแทบกินไม่ลง

และแม้เฉินเถียนเถียนจะไม่ได้เห็นหน้าตาของอาหาร แต่รับรู้ได้ว่ามันไม่น่ากลืนลงคอแน่นอน

ทว่านางกลับไม่คาดคิดว่าจะใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ผักในจานถูกต้มจนเหลืองเปื่อยทั้งยังมีหนอนอีกด้วย

สีหน้าของเฉินผิงอันเปลี่ยนไปทันที เขาตะคอกเสียงดัง “นี่อาหารคนหรือไม่? ให้หมากินเสียยังดีกว่า!”

หลินชวนฮวารู้สึกสะใจแต่ยังแสร้งพูดดี “ผิงอัน… ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกเจ้า เข้าครัวครั้งแรกก็เป็นเช่นนี้แหละ ครั้งต่อไปค่อยให้นางแก้ตัว”

หลินชวนฮวาพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อแก้ตัวแทนเฉินเถียนเถียน เพียงแต่อยากให้เฉินผิงอันรู้สึกว่านางเป็นคนดีเท่านั้น หากเฉินผิงอันฉลาดสักนิดคงไม่ถูกหลอกมานานหลายปี และยิ่งถูกหลินชวนฮวาชักจูงก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดเฉินเถียนเถียนมากขึ้น

ฉับพลันเฉินผิงอันรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปในครัวอย่างต้องการโบยตีเฉินเถียนเถียน

หากเป็นเมื่อก่อนหลินชวนฮวาคงดีใจที่ได้เห็นภาพนี้แต่วันนี้นางจำเป็นต้องห้ามเขาไว้ก่อน เพราะเฉินเถียนเถียนเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แน่นอนว่าหากเฉินผิงอันเข้าไปโวยวาย เฉินเถียนเถียนต้องบอกเขาแน่ว่าอาหารในมื้อนี้เป็นฝีมือของหลินชวนฮวา!

ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงรีบดึงแขนสามีไว้พร้อมร้องห้าม “สามีข้า… นางโตขนาดนี้แล้วยังจะโบยตีนางอีกหรือ?!”

เฉินผิงอันชะงัก “เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเป็นหญิงหากขี้เกียจก็ต้องถูกสั่งสอน? ทั้งยังบอกว่าเจ้าเป็นแม่เลี้ยง หากเข้ามายุ่งคงไม่ดีนัก”

หลินชวนฮวาอยากทุบตีเฉินเถียนเถียนให้แหลกคามือก็จริง แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่เคยสร้างมาจึงทำได้เพียงห้ามใจไว้ ขณะเดียวกันเฉินผิงอันก็เต็มไปด้วยความโมโหซึ่งทำให้หลินชวนฮวากระวนกระวายใจไม่น้อย

หลินชวนฮวาจะปล่อยให้เฉินผิงอันเข้าครัวไปถามความจริงจากเฉินเทียนเทียนได้อย่างไร? เพราะในตอนนี้นางไม่ใช่เด็กสาวผู้อ่อนแอและโง่เขลาอีกต่อไปแล้ว!

“พอแล้ว นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ คิดจะตีให้ตายเลยหรืออย่างไร? เรื่องที่นางทำไม่ได้ข้าจะช่วยสอนเอง เจ้าจะโมโหร้ายไปเพื่อสิ่งใดกัน? ไม่ว่าอย่างไรสักวันนางก็ต้องแต่งงานไปอยู่บ้านอื่น!”

เฉินผิงอันนั่งลงกินข้าวต่อโดยไม่ได้พูดอะไรและไม่แตะอาหารจานนั้น แม้แต่มองก็ไม่!

“ครอบครัวเราไม่ได้อยากจนถึงขั้นต้องกินอาหารสกปรกเช่นนี้ งั้นเราซื้อเนื้อมากินกันดีไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาก็รู้สึกรังเกียจเฉินผิงอันอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ต้องกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แต่… เราต้องเก็บเงินไว้ให้เฉินเฉิงเยี่ยนะ อดทนหน่อยเถิด หากเฉิงเยี่ยสอบเป็นขุนนางได้เราจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นอย่างแน่นอน!”

หากเฉินเฉิงเยี่ยสอบขุนนางได้ เขาจะไม่ใช่ชายที่ไม่ได้เรื่องอีกต่อไปและคนในหมู่บ้านจะไม่กล้ามองว่าเขาต่ำต้อยอีก แต่จะก้มหัวให้พร้อมกล่าวสรรเสริญว่าท่านขุนนาง!

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินชวนฮวา เฉินผิงอันก็ใจเย็นลงทันทีแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่า “เพราะนังเด็กเหลือขอนั่นคนเดียว! คอยดูแลนายน้อยหลี่และได้อยู่อย่างสุขสบายไม่ดีหรือ? เขาร่ำรวยขนาดนั้นยังกล้าหนีออกมาอีก นังลูกไม่รักดี!”

ในตอนนี้หลินชวนฮวาแสร้งพยายามปกป้องเฉินเถียนเถียน เพราะการจัดการอีกฝ่ายด้วยตนเองเป็นเรื่องง่ายมากไม่จำเป็นต้องพึ่งเฉินผิงอันแต่อย่างใด

“ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยงคงจะว่าอะไรนางไม่ได้ ข้าส่งนางให้นายน้อยหลี่เพราะคิดว่าหากนางอาศัยอยู่ที่นั่นอาจมีชีวิตที่สุขสบายมากขึ้น ทั้งยังช่วยพี่ชายให้ได้เรียนหนังสือ หากเฉินเฉิงเยี่ยสอบขุนนางได้ ตระกูลหลี่อาจจะยอมรับเขา… เสียดายที่นางไม่เข้าใจความหวังดีของข้า! สามี… ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยง หลายครั้งข้าทำอะไรไม่ได้จึงทำให้นางกลายเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ยิ่งนางโตขึ้นยิ่งทำให้ครอบครัวเราอับอาย ข้ากลัวเหลือเกินว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเฉิงเยี่ย”

หลินชวนฮวาพูดออกพร้อมแสร้งบีบน้ำตาให้สมกับบทบาทแม่เลี้ยงผู้หวังดี

เฉินผิงอันโอบกอดและปลอบใจผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนโยน “ที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมาก…”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินชวนฮวาโผลเข้ากอดเฉินผิงอันทันที

เฉินเถียนเถียนที่แอบฟังอยู่ในห้องครัวก็หลุดขำออกมา ความจริงแล้วหลินชวนฮวาไม่ได้ฉลาดหรือแผนสูงอะไร นางเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่หลอกใช้ชายชนบทผู้โง่เขลาคนหนึ่ง ช่างเป็นหญิงที่ไร้ยางอายจริง ๆ!

‘เฉินเถียนเถียนทำดีมาโดยตลอด แต่กลับโดนหลินชวนฮวาแย่งความดีความชอบไป ช่างขี้ขลาดนัก นับจากนี้ข้าจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง! เอาล่ะ ยอมเป็นแพะรับบาปเพื่อให้หลินชวนฮวาตายใจก่อนก็แล้วกัน หากความจริงปรากฏเมื่อไหร่ ฝันของนางก็จะสลายเมื่อนั้น …ว่าแต่ข้าจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไรกัน? หญิงผู้นั้นไม่เหลืออาหารให้ข้ากินเลยแม้สักคำ เฮ้อ ยังดีที่ข้าได้กินอาหารจากบ้านป้ามาแล้วบ้าง ไม่เช่นนั้นคงหิวโซเป็นแน่!’

เพื่อให้เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาไม่ระแคะระคาย เฉินเถียนเถียนจึงยอมอดทนเป็นแพะรับบาปในวันนี้

หลังจากความโกลาหลสิ้นสุดลง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบ มีเพียงเสียงแห่งความสุขที่ดังออกมาจากห้องนอนของเฉินผิงอันและหลินชวนฮวา!

หลินชวนฮวารู้สึกภาคภูมิใจราวกับแม่ทัพที่ชนะศึกและนำเชลยกลับมาได้ ผู้คนมากมายต่างอิจฉาหลินชวนฮวาเพราะนางได้แต่งงานกับเฉินผิงอันผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่โต

หลังจากเข้าบ้าน เฉินเถียนเถียนและหลินชวนฮวาก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เฉินเถียนเถียนที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

“มีอะไรหรือท่านแม่? จะล้างแค้นข้าอย่างนั้นหรือ?”

หลินชวนฮวาตกตะลึง ปกติแล้วเฉินเถียนเถียนไม่กล้าพูดจาเช่นนี้ นางจะเชื่อฟังและคอยเป็นที่รองรับอารมณ์ให้กับหลินชวนฮวาเสมอ

แต่คนที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ก็คือเฉินเถียนเถียน เหตุใดจึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน?!

หลินชวนฮวาขมวดคิ้วพลางตะคอก “อีขี้ครอกไปอยู่บ้านนายน้อยหลี่เพียงไม่กี่คืน ปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้เชียวหรือ?!”

เฉินเถียนเถียนมองหลินชวนฮวาด้วยสายตาเหยียดหยัน หญิงสาวชนบทที่หยาบคายจนเป็นสันดานแม้จะแสร้งทำดีแค่ไหนก็ไม่มีทางปกปิดได้

“ใช่! หากไม่ใช่เพราะแม่ส่งข้าไป ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้หรือ? ลองให้ข้าส่งแม่ไปที่นั่นบ้างดีไหมเผื่อจะได้กล้าหาญขึ้นบ้าง?”

เพราะหลินชวนฮวาเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว การบอกว่าจะส่งนางให้ชายอื่นถือเป็นการหมิ่นเกียรติอย่างยิ่ง

หลินชวนฮวาตะคอกกลับอย่างเหลืออด “อีขี้ครอก นังเด็กแม่ไม่สั่งสอน กล้าดีอย่างไรมาพูดเช่นนี้กับข้า?!”

เฉินเถียนเถียนขมวดคิ้ว “แม่ข้าตายไปแล้วจะให้มาสั่งสอนได้อย่างไร? จากเรื่องวันนี้ นอกจากพ่อ… คงไม่มีใครเชื่อว่าท่านเป็นคนอ่อนโยนแล้วกระมัง?”

หลินชวนฮวาถามด้วยความสงสัย “เจ้าไม่ใช่เฉินเถียนเถียน เจ้าเป็นใคร?”

เฉินเถียนเถียนไม่ได้ตกใจหรือกังวลเลย เพราะไม่ว่าอย่างไรรูปลักษณ์ของนางก็ยังเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิมของหมู่บ้านเทพธิดา เพียงแต่กลัวชาวบ้านจะหาว่าตนโดนผีเข้าเท่านั้น

“ถ้าข้าไม่ใช่เฉินเถียนเถียน แล้วเป็นใครเล่า? หากท่านสติวิปลาสก็จงไปหาหมอเสีย!”

ทันใดนั้นเฉินผิงอันเดินเข้ามาด้วยความโมโห เนื่องจากออกไปตามหาเฉินเถียนเถียนทั้งวันและยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะความหิวโหยจะให้อารมณ์ดีได้อย่างไร?!

“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่? ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”

หลินชวนฮวาต้องเอาใจผู้เป็นสามีจึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โอ้สามี… ข้าจะไปทำกับข้าวให้เดี๋ยวนี้ เถียนเถียนตั้งเตาเสีย!”

หลินชวนฮวาพูดเสียงดังโจ่งแจ้ง! เป็นเพราะนางต้องการทำให้เฉินเถียนเถียนอับอาย ในหมู่บ้านนี้คงมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นหญิงและยังสาวแต่ไม่ยอมทำงานบ้าน แต่เฉินเถียนเถียนไม่ได้โต้ตอบ เพียงนั่งลงจุดไฟตั้งเตาเท่านั้น

หลินชวนฮวาไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะหากเกิดเรื่องอีกคงขายขี้หน้ากว่าเดิม แท้จริงแล้วหลินชวนฮวาไม่ได้สนใจในชื่อเสียงหรือความอับอาย นางเพียงสนใจเฉินผิงอันเท่านั้น…

เพราะเฉินผิงอันห่วงเรื่องภาพลักษณ์และชื่อเสียงเป็นอย่างมาก! หากหลินชวนฮวาทำอะไรไปโดยไม่ระวังอาจเป็นผลเสียต่อนางและทำให้สามีต้องอับอาย! เฉินผิงอันเป็นคนบ้าบิ่นไร้เหตุผล คงไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ แน่!

ครานี้หลินชวนฮวาเข้าครัวด้วยตนเอง ซึ่งปกติแล้วนางจะสั่งให้เฉินเถียนเถียนทำ แต่เนื่องจากเฉินผิงอันมายืนเฝ้าด้วยความหิวโหยนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น

นี่คือเหตุผลสำคัญ!

เฉินผิงอันยืนรอด้วยความหิวและเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา หลินชวนฮวาจึงแสร้งทำตัวเป็นหญิงผู้อ่อนโยน แม้ไม่ได้ดูเป็นเช่นนั้นจริง แต่คนจะเชื่อไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าก็เชื่อ!

นี่คือครั้งแรกของหลินชวนฮวาในการทำอาหาร เพราะก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของเฉินเถียนเถียนทั้งนั้น

ที่ผ่านมานางใช้อาหารอันโอชะซึ่งเป็นรสมือของเถียนเถียนหลอกล่อเอาใจเฉินผิงอันเพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นมือของลูกสาวตัวเอง

หลินชวนฮวารู้ดีว่าฝีมือการทำอาหารของตนนั้นไม่ได้เรื่อง แต่เนื่องจากอยากเอาใจสามี และเคยเฝ้าดูเฉินเถียนเถียนมาหลายครั้งคงไม่น่ามีอะไรยาก

จากนั้นหลินชวนฮวาจึงลงมือทำอาหารด้วยตนเองทันที เฉินเถียนเถียนมองดูหลินชวนฮวาด้วยสายตาเย้ยหยันขณะที่อีกฝ่ายกำลังเทน้ำลงในอาหารที่กำลังปรุง

เฉินเถียนเถียนได้แต่คิดในใจว่า… นางปล่อยให้คนโง่เขลาเช่นนี้รังแกตนเองมาร่วมสิบปีได้อย่างไร?!

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนเถียนไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขาแต่ก็อยากเห็นว่าหลินชวนฮวาจะหลอกเฉินผิงอันอย่างไรสำหรับอาหารในมื้อนี้?!

หลังจากหลินชวนฮวาชิมอาหารคำแรก ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวทันที นางตระหนักได้ว่าไม่มีทางนำอาหารรสชาติเช่นนี้ไปหลอกเฉินผิงอันได้ แต่เพราะตอนนี้ไม่มีวัตถุดิบในห้องครัวแล้ว ไม่เช่นนั้นยังสามารถสั่งให้เฉินเถียนเถียนทำใหม่ได้

หลินชวนฮวาร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่จู่ ๆ ก็นึกแผนการบางอย่างออก

หลินชวนฮวาเดินไปหาเฉินเถียนเถียนพลางยิ้มอ่อน “เถียนเถียนว่ากันว่าพ่อลูกตัดกันไม่ขาด เฉินผิงอันอาจโกรธจึงพูดออกไปเช่นนั้นเอาเป็นว่าให้ข้าช่วยคุยให้ดีไหม?”

เฉินเถียนเถียนรู้ทันทีว่าหลินชวนฮวากำลังหลอกใช้ตนจึงคิดจะแก้แค้น แต่เพื่อให้หลินชวนฮวาตายใจต้องยอมเชื่อฟังนางก่อนในคืนนี้ ยังไงซะเฉินเถียนเถียนก็เป็นตำรวจจึงรู้จักใช้หลักจิตวิทยาจัดการคนร้าย

หลินชวนฮวาประสงค์ร้ายต่อเฉินเถียนเถียนมาโดยตลอด แล้วอาหารวันนี้นางต้องโทษว่าเป็นฝีมือของเฉินเถียนเถียนแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เฉินเถียนเถียนก็ตั้งใจจะหาวิธีแก้แค้นให้ได้

“แม่ตัดสินใจเถิด ไม่ต้องถามข้า! ที่พ่อละเลยและเกลียดชังข้าก็เป็นเพราะท่านไม่ใช่หรือ?”

แววตาของหลินชวนฮวาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะไม่ว่าอย่างไรเฉินผิงอันก็เชื่อฟังนางอยู่ดี

ตอนนี้หลินชวนฮวาหวีผมแต่งตัวเสร็จสิ้นแล้วจึงนำอาหารที่นางปรุงไปให้เฉินผิงอัน…

“ขอโทษงั้นเหรอ? ทำไมข้าต้องขอโทษด้วย? ถึงท่านจะเป็นพ่อและสามีที่ดี ก็ไม่ควรเอาใจแม่เช่นนี้!”

พวกเขาทะเลาะกันเสียงดังจนชาวบ้านได้ยิน! และรีบเสนอหน้าออกจากหน้าต่างบ้านอย่างต้องการรับชมเหตุการณ์!

เฉินผิงอันตะโกนลั่น “นังลูกสารเลว! เหตุใดจึงกล้าสั่งสอนข้า?! ต่อหน้าข้ายังกล้าโกหก วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าให้ตายคามือ!”

นี่คือสิ่งที่เฉินเถียนเถียนต้องการ นางแสร้งจะตบหน้าหลินชวนฮวาเพื่อยั่วโมโหเฉินผิงอันและเหมือนว่ามันเป็นวิธีที่ได้ผลเสียด้วย!

“ถึงแม้พ่อจะเข้าข้างแม่แต่ก็ไม่ควรใส่ความข้าเช่นนี้ ถึงข้าจะเก่งกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าทำร้ายแม่หรอก! แม่รักและหวังดีต่อข้ายิ่งกว่าใครไม่ใช่หรือ?! โปรดบอกกล่าวให้พ่อเข้าใจที!”

หลินชวนฮวามองเฉินเถียนเถียนด้วยสายตาเคืองแค้น แต่ก็รู้ดีว่าหากตอบโต้ไปจะมีแต่เสียเปรียบ!

ดังนั้นนางจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก เหตุใดจึงโมโหร้ายเช่นนี้? หากเจ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เองที่คิดแทนเจ้า ข้าเพียงอยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดี!”

เฉินเถียนเถียนไม่มีทางเชื่อคำพูดของหลินชวนฮวา แต่หากตอบโต้อะไรไปนางอาจกลายเป็นคนผิดในสายตาของชาวบ้านได้ ในยุคที่ความกตัญญูยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดเช่นนี้นางจึงทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านเท่านั้น

หากหลินชวนฮวายอมรับผิด แต่เฉินเถียนเถียนยังตอบโต้ด้วยการด่าทอ ทุกคนจะมองว่านางอกตัญญูแม้จะทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ตาม ภาพลักษณ์ของแม่และภรรยาผู้แสนดีที่หลินชวนฮวาสร้างมามากมายนัก ความผิดในวันนี้อาจยังไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่กลับมาจากบ้านของนายน้อยหลี่ นิสัยของเฉินเถียนเถียนเปลี่ยนไปมาก หากทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดอาจเป็นที่ผิดสังเกตได้ ดังนั้นนางจึงไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่

“ข้ารู้แล้วว่าแม่ทำเพื่อข้า แต่ข้าไม่ได้ชอบนายน้อยหลี่!”

เฉินเถียนเถียนแสร้งทำตัวเป็นลูกที่เชื่อฟังยิ่งทำให้หลินชวนฮวารู้สึกไม่พอใจ เพราะหากเฉินเถียนเถียนเดินเกมเช่นนี้ นางก็ต้องแสร้งเล่นละครต่อไปเช่นกัน

“ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไว้เราค่อยหาทางอื่นยังไม่สาย”

เฉินผิงอันเห็นถึงความอ่อนโยนของหลินชวนฮวาจึงเงียบไปสักพัก แต่ฉับพลันเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “คิดว่าตนเองเป็นคุณหนูหรืออย่างไร? หัดดูสารรูปของเจ้าเสียบ้าง ต่ำต้อยเช่นนี้ยังกล้ารังเกียจนายน้อยหลี่งั้นเหรอ?!”

เฉินเถียนเถียนรู้สึกขอบคุณพ่อผู้โง่เขลาที่พูดแบบนี้ เขากำลังเปิดทางให้เฉินเถียนเถียนเรียกคะแนนสงสารใช่หรือไม่?

เฉินเถียนเถียนบีบน้ำตาพร้อมกล่าวตอบ “พ่อ! พูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ข้าเป็นลูกสาวของท่านนะ จริงอยู่ที่ข้าไม่คู่ควรกับนายน้อยหลี่แต่ก็มีศักดิ์ศรีมากกว่าการเป็นเพียงนางบำเรอของเขาไม่ใช่หรือ? พ่อจับข้าส่งให้เขาโดยไม่บอกอะไรยังนับว่าเป็นความโชคดีของข้าอยู่อีกหรือ?”

เฉินผิงอันกวาดสายตาและเห็นว่าชาวบ้านกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

ลูกสาวคนนี้กำลังนำพาปัญหามาให้เขา ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ

แม้เฉินผิงอันจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ เพราะแท้จริงแล้วเขาก็เป็นเพียงชายผู้โง่เขลาเท่านั้น

แต่เป็นหลินชวนฮวาเองที่คิดได้จึงรีบห้ามเฉินผิงอันไว้

“ผิงอัน พูดจากับลูกดี ๆ ไม่เป็นหรืออย่างไร?! เถียนเถียนเป็นหญิงย่อมต้องอับอายเป็นธรรมดา นางยังไม่เข้าใจความหวังดีของเรา”

เมื่อได้ยินภรรยาพูดดังนั้น เฉินผิงอันก็ผ่อนคลายลงทันทีจึงตอบกลับ “เหอะ! ก็มีแต่เจ้าที่ใจดีเกินไป”

เมื่อพูดจบ เฉินผิงอันก็เดินหนีไปทันที!

เฉินเถียนเถียนรู้สึกผิดหวัง ‘ชายผู้นี้ช่างไร้สมองเสียจริง! ทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองจนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของหลินชวนฮวา!’

เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนก้มหน้าร้องไห้ หลินชวนฮวาก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตของเด็กคนนี้ก็อยู่ในกำมือนางไม่มีทางหนีรอดไปได้

หลินชวนฮวาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนจึงขยับหลบอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเฉินเถียนเถียนจะถูกหลินชวนฮวารังแกมามากจึงตอบสนองเช่นนี้ รอยแผลมากมายบนร่างกายของนางเป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจน

ชาวบ้านนินทากันสนั่นหู “มีเพียงเฉินผิงอันผู้เดียวที่เบาปัญญาจนดูไม่ออก ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเฉินเถียนเถียนต้องลำบากเพียงใดในการใช้ชีวิตภายใต้กำมือของหลินชวนฮวา!”

เป็นไปได้ว่าเฉินผิงอันอาจดูไม่ออก หรือหากดูออกก็เลือกที่จะเพิกเฉยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ!

สายตาของหลินชวยฮวาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ นางจึงห้ามใจตนเองและเดินเข้าไปหาเฉินเถียนเถียน

“พอได้แล้วเถียนเถียน อย่าเคืองใจไปเลย แม้เจ้าจะไม่ชอบในสิ่งที่พ่อทำแต่ทั้งหมดก็เพราะเขาหวังดีต่อเจ้า! และเจ้าก็ไม่ควรดื้อกับพ่อเช่นนี้!”

แม้เฉินเถียนเถียนอยากโต้ตอบมากเพียงใดก็ทำไม่ได้ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านสงสัย นางต้องอ่อนโยนและเชื่อฟังเหมือนเฉินเถียนเถียนคนเดิม …กัดฟันยอมแพ้ไปก่อน!

‘ช่างมัน! ครั้งนี้ถือว่ายอมไปก่อน ฝากไว้ก่อนเถอะหลินชวนฮวา!’

จากนั้นหลินชวนฮวาเดินไปหาเฉินเถียนเถียนด้วยร้อยยิ้ม พลางคล้องแขนราวกับกำลังจะจูงมือ แต่กลับหยิกเฉินเถียนเถียนสุดแรงก่อนจะกระซิบว่า “หากเจ้ายังสร้างปัญหาไม่หยุด ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่กับคนป่า ดูสิว่าจะมีปัญญาหนีออกมาอย่างไร?!”

หากเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิมอาจเกรงกลัวต่อคำพูดเหล่านั้น แต่หญิงผู้นี้ไม่ใช่เฉินเถียนเถียนผู้อ่อนแออีกต่อไป นางเปลี่ยนไปแล้ว!

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจแสดงตัวตนได้ เพราะหากเปลี่ยนไปเป็นอีกคนอย่างกะทันหัน อาจไม่เป็นผลดีต่อตัวเฉินเถียนเถียนเอง

‘รอก่อนเถอะนังปีศาจ! สิ่งที่เจ้าทำกับข้า… ข้าจะเอาคืนเป็นพันเท่า ความเจ็บปวดที่เถียนเถียนเจอ เจ้าจะต้องชดใช้ให้นางอย่างสาสม!’

เฉินเถียนเถียนกัดฟันอดทนแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องตามหลินชวนฮวากลับไปอยู่ดี เมื่อชาวบ้านเห็นดังนั้นก็ต่างถอนหายใจอย่างผิดหวังที่เรื่องราวจบลงอย่างง่ายดาย

จี๋ชื่อไม่มีทางเชื่อคำพูดของหลินชวนฮวาแน่ แต่อย่างไรแล้วพวกเขาก็เป็นพ่อแม่ของเฉินเถียนเถียน ยังไงก็ต้องปล่อยนางกลับไปแต่อย่างน้อยหลินชวนฮวาต้องถูกสั่งสอนซะบ้าง

“หลินชวนฮวาอย่าทำเหมือนทุกคนโง่ มีแค่เฉินผิงอันเท่านั้นที่เบาปัญญาและหลงเชื่อจนปล่อยให้เจ้าทำตามใจชอบ แต่คราวนี้หลานสาวของข้าถูกรังแก ข้าจะขอให้ท่านผู้เฒ่าช่วยตัดสิน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครปราบแม่หม้ายใจร้ายเช่นเจ้าได้!”

เฉินผิงอันรู้สึกไม่พอใจที่จี๋ชื่อเอาแต่เรียกหลินชวนฮวาว่าแม่หม้าย มันคือถ้อยคำต้องห้ามที่เขาไม่ต้องการได้ยิน!

“พี่สะใภ้พูดเกินไปแล้ว ชวนฮวาเป็นเมียของข้าจะเรียกหานางว่าแม่หม้ายได้อย่างไร? และอีกอย่างเฉินเถียนเถียนก็เป็นลูกสาวของข้า พี่ไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องนี้!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉินเถียนเถียนก็แสยะยิ้มอ่อน ‘คิดจะเอาลูกสาวขายไปให้คนอื่นอีกแล้วล่ะสิ!’

แต่ไม่ว่าอย่างไร จี๋ชื่อก็เป็นแค่ป้าคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้ และเฉินเถียนเถียนก็ไม่อยากทำให้คนที่ดีกับนางต้องเดือดร้อนจึงแกล้งถอยหลังไปด้วยความกลัว

“พ่อ…”

เฉินผิงอันโกรธมากที่ลูกสาวทำให้เขาต้องอับอายจึงคิดในใจว่าหากกลับไปจะจัดการลงโทษเฉินเถียนเถียนให้ถึงที่สุด!

เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังจากแววตาคู่นั้น แม้ยังไม่ได้กลับบ้านแต่ก็รู้ดีว่าพ่อคิดวิธีจัดการตัวเองไว้แล้ว

เฉินเถียนเถียนตัวสั่นก่อนจะถอยหลังด้วยความกลัวพร้อมแสร้งบีบน้ำตาออก “พ่อ… ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่กล้าทำให้พ่อขายหน้าแล้ว เหตุใดพ่อต้องมองข้าเช่นนั้นด้วย… นี่ข้าลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อ…”

เฉินผิงเหอคิดมาตลอดว่าตนเป็นพี่ใหญ่และจะไม่มีใครกล้าหยามหน้าเขาแต่เฉินผิงอันกลับหมิ่นเกียรติโดยการข่มขู่และดุด่าเฉินเถียนเถียนต่อหน้าเขางั้นหรือ!

“ผิงอัน! เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! ไม่เกรงใจความเป็นพี่ใหญ่ของข้าเลยหรือ?! ต่อหน้าข้าเจ้ายังทำขนาดนี้ หากกลับไปเจ้าจะลงโทษนางขนาดไหน?!”

หลินชวนฮวากล่าวแทรกทันที “พี่เขยก็พูดเกินไป… ราวกับว่าจะให้ครอบครัวเราเลี้ยงดูและเชิดชูนาง ใครเขาเลี้ยงลูกสาวแบบนั้น? ข้าเลี้ยงมาอย่างดีและไม่เคยยอมให้ใครรังแกนาง ตั้งแต่โตมาเคยเห็นข้าใช้นางทำไร่ไถ่นาบ้างหรือไม่?”

จี๋ชื่อรู้สึกไม่พอใจยิ่งที่อีกฝ่ายพูดอย่างนี้ หลินชวนฮวาคิดว่าตนเองเป็นใคร? เป็นหม้ายได้ไม่ทันไรก็เข้ามาพัวพันจนได้แต่งงานกับเฉินผิงอัน ผู้หญิงไร้ยางอายเช่นนี้กล้าต่อปากต่อคำกับเฉินผิงเหอได้อย่างไร?! มันจะมากเกินไปแล้ว!

“ใช่ เฉินเถียนเถียนไม่เคยทำไร่ไถนา แต่มีสักครั้งไหมที่พวกเจ้าจะให้นางร่วมโต๊ะกินข้าว นางต้องรอให้พวกเจ้าอิ่มเพื่อรอกินของเหลือ ลูกสาวคนเดียวเลี้ยงให้ดีไม่ได้อย่างนั้นหรือ? หากไม่มีปัญญาก็ยกนางให้ข้าเสีย! หลินชวนฮวา… เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่คนเดียวหรือไร คิดว่าไม่มีใครมองออกงั้นหรือ?”

หลินชวนฮวารู้สึกไม่พอใจและกำลังอ้าปากจะเถียง แต่จี๋ซื้อก็แทรกขึ้นอีก “พอได้แล้ว! เจ้าไม่ต้องพูด ไม่ว่าอย่างไรข้าคงห้ามไม่ให้หลานกลับบ้านไม่ได้ เถียนเถียนกลับบ้านไปกับพ่อแม่เจ้าก่อนเถิด แต่หากนางรังแกเจ้าให้รีบมาหาข้าทันที ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในหมู่บ้านนี้จะไม่มีใครเข้าข้างเจ้า!”

เฉินเถียนเถียนไม่อยากกลับ เพราะรู้ดีว่าจะต้องตกอยู่ในกำมือของแม่เลี้ยง แม้นางจะเป็นตำรวจแต่กฎหลายอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้ที่นี่

แม้เฉินเถียนเถียนจะกลับไปอยู่บ้านก็จริงแต่อีกฝ่ายก็ไม่สามารถทำอะไรนางตามใจได้ เป็นเพราะตัวตนของหลินชวนฮวาก็ถูกจี๋ชื่อเปิดโปงแล้ว แน่นอนว่าทุกคนกำลังจับตาดูนางอยู่ หากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก เฉินเถียนเถียนก็สามารถนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องได้ทันที

หลังจากนั้นจี๋ชื่อจึงเดินเข้าไปหาเฉินเถียนเถียพร้อมกระซิบ “เจ้ากลับไปเถิด ไม่ต้องกลัวอะไร หากพวกเขายังละเลย และรังแกเช่นเดิมหรือส่งเจ้ากลับไปให้นายน้อยหลี่ก็จงบอกกล่าวกับข้า… ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

แม้จะเป็นการกระซิบแต่ทุกคนต่างได้ยินคำพูดเหล่านั้นชัดเจนเต็มสองหู

เฉินเถียนเถียนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงตามพวกเขากลับบ้านไป

เพราะอยากเอาใจเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาจึงพยายามหักห้ามใจและแสร้งพูดกับเฉินเถียนเถียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เถียนเถียนคราวหน้าอย่าทำเช่นนี้อีก เจ้าโตเป็นสาวพอที่จะออกเรือนแล้วอีกทั้งนายน้อยหลี่ก็เป็นคนดี หากแต่งงานกับเขาคงช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวเราได้มาก เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าครอบครัวของเราลำบาก…”

เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่าหากไม่เชื่อฟัง เฉินผิงอันอาจลงมือทำร้ายนางได้ ดังนั้นจึงพยายามทำตัวให้น่าสงสารแต่กลับยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกรังเกียจ

“แม่… ข้ารู้ว่าครอบครัวของเราลำบาก แม้ข้าจะแต่งงานไป ไม่ว่าอย่างไรครอบครัวของข้าก็คือตระกูลเฉิน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนท่านทั้งสอง แต่หากให้ข้าแต่งงานกับนายน้อยหลี่ก็ควรต้องรักกันก่อนมิใช่หรือ?!”

หลินชวนฮวากล่าวตอบอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นเพียงหญิงธรรมดา นายน้อยหลี่เป็นถึงลูกชายตระกูลใหญ่ เขาไม่มีทางชอบพอหรือคิดจะเอาเจ้ามาเป็นเมียเอก แต่เถียนเถียนฟังเถิด… ทั้งหมดที่แม่ทำก็เพื่อเจ้าทั้งนั้น เจ้าลองคิดดูสิ หากเจ้าแต่งงานกับเขา แม้จะเป็นได้เพียงนางสนมแต่ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายซึ่งหาไม่ได้จากบ้านหลังนี้”

เฉินเถียนเถียนง้างมืออย่างต้องการตบหน้าหลินชวนฮวาด้วยความโมโห ทุกคนที่เห็นเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกเพราะไม่คิดว่าคนอ่อนแอเช่นนางจะกล้าทำเช่นนี้!

“แม่… อย่าคิดว่าข้าไม่รู้จักท่าน! ในโลกใบนี้คงมีเพียงพ่อเท่านั้นที่หลงเชื่อคนเช่นท่าน ข้าไม่ได้สนใจว่าจะแต่งงานแล้วได้เป็นเพียงสนมหรือมีชีวิตที่สุขสบายหรือไม่ แต่ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อข้า?!”

“อยากให้ข้าป่าวประกาศหรือไม่ว่าเฉินเฉิงเยี่ยเข้าเรียนในโรงเรียนประจำตระกูลหลี่ได้เพราะใช้น้องสาวเป็นสินบน?!”

“แม่คงไม่รู้ว่าชื่อเสียงทางการศึกษานั้นสำคัญมาก ลองคิดดูว่าหากเรื่องนี้หลุดออกไป ยังจะมีที่ไหนรับพี่ชายเข้าเรียนอีกหรือไม่? อนาคตของเขาต้องพังทลาย!”

หลินชวนฮวาโกรธมาก แต่เนื่องจากเฉินผิงอันยังอยู่จึงไม่สามารถตอบโต้ได้ ทำได้เพียงบีบน้ำตาเพื่อเรียกร้องความสงสารเท่านั้น

“ผิงอัน… ดูนางทำกับข้าสิ นี่หรือลูกสาวที่แสนดีของเจ้า? ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรนางก็คิดทำร้ายข้า เช่นนี้แล้วข้าจะกล้าสั่งสอนนางได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินผิงอันจึงรีบตะโกนสาปแช่งลูกสาวทันที “นังเด็กสารเลว! เจ้าไม่รู้หรือว่าการทำร้ายร่างกายบุพการีเป็นความผิดมหันต์ รีบขอโทษแม่เดี๋ยวนี้!”

เฉินเถียนเถียนกินข้าวอย่างตะกละตะกลาม แม้จะเป็นอาหารที่ไม่อร่อยนักแต่ก็ดีกว่าต้องอดตาย เมื่อกินอิ่มเฉินเถียนเถียนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้นางอยู่ในบ้านสวนเก่า ๆ แห่งหนึ่ง

บ้านสวนแห่งนี้มีกองข้าวเปลือกอยู่มากมาย แต่ในตอนที่เดินเข้ามากลับไม่เห็นที่นาเลยสักผืนมีเพียงพื้นดินเปล่าอันแห้งแล้งเท่านั้น ผู้คนที่นี่รูปร่างกำยำราวกับเป็นคนที่ข้ามภพจากทางใต้ของยุคปัจจุบันที่นางอาศัยอยู่มายังฝั่งเหนือของยุคโบราณนี้!

จี๋ชื่อเห็นลักษณะการกินอันมูมมามของเฉินเถียนเถียนแล้วรู้สึกสงสารอย่างช่วยไม่ได้ นางต้องหิวขนาดไหนกันจึงกินเข้าไปเยอะขนาดนี้?

“ข้าขอบคุณป้าเหลือเกิน ตั้งแต่ที่ข้าเสียแม่ไปก็เพิ่งเคยกินอาหารดี ๆ และรู้สึกอิ่มขนาดนี้!”

ในตอนนี้เฉินเถียนเถียนต้องทำตัวน่าสงสารเพื่อให้ผู้อื่นเห็นใจ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่นางเรียนรู้ของวัตถุโบราณกับคุณปู่ เขาก็สอนให้นางเข้าใจระบบการดำเนินชีวิตของคนยุคโบราณด้วย แม้ในยุคนี้ความกตัญญูจะต้องมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่นางจะยอมได้

เป็นเพราะคนในหมู่บ้านนี้มองว่านางเป็นคนเกียจคร้าน ไม่เอาการเอางานและมีดีเพียงหน้าตาเท่านั้น บางคนในหมู่บ้านก็ไม่รู้จักเฉินเถียนเถียนเพราะนางไม่เคยออกจากบ้านเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจในตัวของนางนัก

ป้าจี๋ถอนหายใจพร้อมส่ายหัว  “พ่อของเจ้านี่ก็เหลือเกิน ลูกสาวตัวเองไม่รักแต่กลับไปสนใจลูกติดของคนอื่น!”

“ท่านป้าข้าไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลย ขอแค่ข้าได้กินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้ว ท่านพ่อคงเห็นข้าเป็นเพียงลูกสาวไม่ได้สำคัญอะไร”

ป้าจี๋มองด้วยความเห็นดู “ลูกสาวแล้วอย่างไร? ข้ายังอยากมีลูกสาวเลย ดูสิ บ้านข้ามีลูกชายหกคน ไม่มีใครคอยดูแลหรือสนใจพ่อแม่เลย ข้าอยากมีลูกสาวที่คอยเอาใจใส่ข้าบ้าง”

เฉินเถียนเถียนก้มหน้าโดยไม่พูดอะไร นางตระหนักได้ว่าในยุคนี้ แม้บุพการีจะเลวร้ายแค่ไหนคำพูดเหล่านั้นก็ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของผู้เป็นลูก

“ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อน หากพ่อจะมารับเจ้ากลับก็ต้องได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าต้องห้ามเดินตามเขาไปตามอำเภอใจเพราะหลินชวนฮวาไม่ใช่คนดี นางอาจรังแกเจ้าและพ่อของเจ้าก็เชื่อฟังแต่นาง!”

เฉินเถียนเถียนกัดปาก “ข้าขอบคุณท่านป้ายิ่งที่คอยช่วยเหลือ”

จี๋ชื่อพยักหน้าก่อนจะกลับไปปักผ้าที่ทำค้างไว้ต่อ

ย่าของเฉินเถียนเถียนนอนป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง ปากของนางเรียกหาเพียงเฉินผิงอันลูกชายผู้เป็นที่รัก แต่เฉินเถียนเถียนทราบดีว่าพ่อของนางพึ่งพาอะไรไม่ได้

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ลุงและพี่ชายทั้งหกของเฉินเถียนเถียนก็กลับมา หลังจากที่พวกเขาได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางก็ต่างโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

เฉินเถียนเถียนช่วยป้าจี๋ทำอาหารอยู่ในครัว ทั้งสองทำข้าวต้มและหมั่นโถวสำหรับหนุ่ม ๆ พร้อมไข่เจียวหนึ่งฟองให้คุณย่า

แม้สภาพบ้านของป้าจี๋จะทรุดโทรมแต่นางก็ยังมีจิตใจเมตตา ครั้งหนึ่งจี๋ชื่อตั้งใจนำเนื้อไปแบ่งให้เฉินเถียนเถียนกินแต่หลินชวนฮวากลับออกอุบายและหาข้ออ้างโดยการบอกว่าเป็นหญิงหากกินเนื้อเยอะจะรูปร่างไม่ดีไม่น่ามอง เฉินเถียนเถียนจึงได้กินเพียงหมั่นโถวและสูดดมกลิ่นหอมของอาหารจากในบ้านเท่านั้น

ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารอยู่ หลินชวนฮวาและเฉินผิงอันก็เดินเข้ามา

ลุงเฉินผิงเหอสามีของป้าจี๋พูดขึ้นทันที “น้องรอง! เจ้าลืมคำพูดของข้าไปแล้วหรือว่าห้ามให้หญิงผู้นี้เข้ามาเหยียบบ้านข้าโดยเด็ดขาด!”

หลินชวนฮวาแสดงสีหน้าไม่พอใจชั่วขณะก่อนจะรีบควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่เฉินเถียนเถียนเห็นทุกอย่างชัดเจนและตกตะลึงในความกลับกลอกของนาง

“พี่ใหญ่เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ข้าเองก็มีลูกชายให้ตระกูลเฉินแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ยอมให้ข้าเข้าบ้านเล่า?” หากเป็นเฉินผิงอันก็คงยอม แต่เฉินผิงเหอไม่ใช่คนหูเบา

“อย่ามาทำกริยาเช่นนี้กับข้า หากอยากคุยก็เชิญไปคุยข้างนอก อย่าได้คิดเข้ามาในบ้านของข้าเด็ดขาด ผิงอัน… เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงล้มป่วย?”

เฉินผิงอันนึกได้จึงดึงมือหลินชวนฮวาออกไปข้างนอก

“วันนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้ว ไปกัน… ออกไปดูว่าสองผัวเมียคู่นี้จะพูดอะไร!” เฉินผิงเหอวางตะเกียบลงก่อนจะเดินออกไป

“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา! แม่นอนป่วยบนเตียงมาเป็นสิบปี เจ้าไม่เคยคิดจะแยแส วันนี้มีเรื่องอะไรถึงต้องมาที่บ้านของข้าด้วยตนเอง?”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เฉินผิงอันก็รู้สึกเจ็บปวด เป็นเพราะแม่ไม่ยอมให้แต่งงานกับหลินชวนฮวาแต่เขาขัดขืน! จึงทำให้แม่ตรอมใจและล้มป่วย…

“ลูกสาวข้ารบกวนพี่ใหญ่มาทั้งวันแล้ว ข้ามารับนางกลับบ้าน”

จี๋ชื่อแทรกขึ้นทันที “มารับทำไมกัน? จะส่งนางไปขายอีกครั้งงั้นหรือ เจ้าเป็นน้องเขย… ข้าไม่ควรเข้าไปยุ่งก็จริง แต่นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้านะ เจ้ากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

เฉินผิงอันกำลังจะตอบกลับว่าไม่เคยมีลูกอกตัญญูเช่นนี้ แต่หลินชวนฮวาก็ดึงชายเสื้อเขาไว้ เฉินผิงอันจึงตั้งสติได้ก่อนจะก้มหน้าตอบอย่างแผ่วเบา “พี่สะใภ้ ทั้งหมดที่ข้าทำก็เพราะหวังดีต่อนาง ข้า…”

จี๋ชื่อยกมือขึ้นตัดบทเขาก่อนจะมองไปยังเฉินเถียนเถียนพลางถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีชีวิตที่ดีแต่จงไตร่ตรองให้ดีเถิดว่าเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายได้ก็เพราะน้องสะใภ้หยุน แต่ดูสิ่งที่เจ้าทำกับลูกสาวของนางสิ ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ?! แต่ช่างเถอะ ข้าไม่อยากฟังเหตุผลร้อยแปดที่หลินชวนฮวาสรรหามาให้เจ้าใช้แก้ตัว แต่… หากเจ้าอยากรับตัวเฉินเถียนเถียนกลับไปก็ต้องรับปากข้า! เจ้าทั้งสองห้ามส่งนางให้นายน้อยหลี่และอย่าโบยตีนางอีก หากทำไม่ได้ก็กลับไปเสีย!”

เฉินผิงอันได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจยิ่ง เหตุใดทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ดีเพราะแม่นางหยุน? แม้นางจะขายทรัพย์สินเพื่อซื้อที่นามากมาย แต่หลายปีผ่านไปผืนดินก็แห้งแล้ง หากไม่ใช่เพราะเขาที่ทำงานอย่างหนักท้องนาจะกลับมางดงามเช่นนี้ได้อย่างไร?

หลินชวนฮวาเห็นว่าเฉินผิงอันไม่พูดอะไรจึงรีบตอบแทน “ข้าทราบแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะดูแลนางให้ดี หากนางไม่ต้องการแต่งงานกับนายน้อยหลี่ ข้าก็จะไม่บังคับ!”

แท้จริงแล้วเฉินเถียนเถียนไม่อยากแต่งงานกับคนป่าจึงไม่กล้าขัดคำสั่งแม่เพื่อออกจากบ้าน เพราะท้ายที่สุดชีวิตนางอยู่ในกำมือของหลินชวนฮวา

เฉินผิงอันแสดงสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวเฉินเถียนเถียนอย่างแรง

“พี่สะใภ้เราแยกบ้านกันแล้ว นางเป็นลูกสาวของข้า เช่นนี้ข้าจะดูแลและสั่งสอนเอง นังเด็กขี้ครอกกลับบ้าน! หากยังทำเรื่องน่าอายแบบนี้ไม่หยุด ข้าเองนี่แหละจะเฆี่ยนเจ้าจนตาย!”

ป้าจี๋ยิ้ม “จริงอยู่ที่เฉินเถียนเถียนเป็นลูกของเจ้าแต่ก็เป็นหลานของท่านแม่และนางใช้นามสกุลเฉิน หลานสาวของตะกูลเฉินกำลังจะถูกตีให้ตาย แน่นอนว่าข้าคงไม่อาจอยู่เฉยได้!”

“น้องสอง… ข้าไม่สนว่าเจ้าจะจัดการตัวเองอย่างไร ไม่สนว่าเจ้าจะโมโหร้ายเพียงใดและยังไม่สนหากเจ้าแต่งงานกับหญิงอื่น แต่หากเป็นเรื่องของหลานข้า เช่นนี้ข้าจึงไม่อาจเมินเฉยได้!”

เฉินเถียนเถียนอุ่นใจที่มีคนคอยช่วยเหลือ แต่ทำไมเถียนเถียนตัวน้อยถึงสิ้นหวังจนฆ่าตัวตายไปแบบนั้นเล่า?

“ป้า… ข้าหิวเหลือเกิน ข้าวิ่งหนีกลับบ้านมาทั้งคืน แต่แม่ก็ไม่เห็นใจหรือสงสารข้าเลย ข้าไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว…”

จี๋ชื่อรู้สึกเจ็บปวดและเป็นห่วงเฉินเถียนเถียนมากจึงรีบกล่าวปลอบ “ไปเถิด… ไปกินข้าวที่บ้านป้า แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว ข้ามีปัญญาเลี้ยง!”

คำพูดของนางทำให้ใบหน้าของเฉินผิงอันชาวาบ! เฉินผิงอันมีชีวิตที่ดีได้เพราะแม่ของเฉินเถียนเถียนแต่เขากลับดูแลลูกให้ดีไม่ได้ ขณะที่ป้าจี๋เป็นเพียงหญิงยากจนชนชั้นล่างของหมู่บ้านนี้สามารถเลี้ยงดูลูกสาวของครอบครัวผู้ร่ำรวยให้กินอิ่มนอนหลับได้งั้นหรือ?!

เฉินผิงอันไม่กล้าพูดจารุนแรงกับพี่สะใภ้เพราะอย่างไรนางก็อาวุโสกว่า อีกอย่างจี๋ชื่อเป็นที่ชื่นชมของคนในหมู่บ้านมากยิ่งกว่าหลินชวนฮวาเสียอีก!

“พี่สะใภ้ บ้านท่านก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ส่งลูกสาวข้าคืนมาเถิด ข้าจะเลี้ยงนางเอง ข้าจะยอมให้ลูกสาวหิวตายได้อย่างไร?”

จี๋ชื่อไม่สนใจในสิ่งที่เฉินผิงอันพูดเลยแม้แต่น้อย นางเดินเข้ามาจับมือของเฉินเถียนเถียนก่อนจะตอบกลับด้วยความโกรธ

“กล้าพูดออกมาได้อย่างไร เจ้ารักเมียมากกว่าลูกสาวแท้ ๆ เสียอีก ถึงขั้นยอมให้นางเอาลูกตัวเองไปขายให้กับชายตัณหากลับเช่นนั้น แล้วจะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร?!”

เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนถูกจี๋ชื่อพาตัวไป ทุกคนที่รับชมอยู่จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน จากนั้นไม่นานเฉินเฉิงเยี่ยก็กลับมาที่หมู่บ้านพร้อมกับ ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาโยนเฉินเฉิงเยี่ยลงบนพื้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาปูดโปนจนไม่เหลือเค้าโครงที่ดี!

คนที่ใฝ่เรียนอย่างเฉินเฉิงเยี่ยไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ชาวบ้านจึงมารับชมสถานการณ์อีกครั้ง

“พวกเจ้าไม่มีอะไรทำกันหรืออย่างไร มุงดูอะไรนักหนา?!” เฉินผิงอันโกรธจัดจึงไล่ทุกคนออกไป นับตั้งแต่ตอนนี้ตระกูลเฉินจึงกลายเป็นที่ติฉินนินทาของชาวบ้านอย่างออกรส…

หลังจากที่ชาวบ้านทุกคนแยกย้ายกัน เฉินผิงอัน เฉินเฉิงเยี่ย และหลินชวนฮวาเดินกลับเข้าบ้าน

เฉินเฉิงเยี่ยร้องโวยวายดังลั่น “แม่… เป็นเพราะอีเด็กขี้ครอกนั่นคนเดียว เพราะนางหนีออกมา นายน้อยจึงโมโหและให้คนมารุมกระทืบข้าทั้งยังไล่ข้าออกจากโรงเรียน แม่! แม่ต้องไปจัดการให้ข้า!”

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าลูกชายสุดที่รักได้รับบาดเจ็บก็รีบหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเฉินเฉิงเยี่ยพลางร้องไห้หนักอย่างสงสารลูก

“เฉิงเยี่ยกว่าลูกจะเข้าเรียนที่นั่นได้ช่างยากลำบาก! แต่เด็กขี้ครอกกลับทำลายทุกอย่างจนสิ้น ผิงอัน… ดูเฉินเฉิงเยี่ยสิ เข้ายอมทิ้งนามสกุลของพ่อแท้ ๆ และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฉินเพื่อจะได้สอบเป็นขุนนางและสร้างเกียรติให้กับตระกูลของเจ้า!”

เฉินผิงอันโมโหจึงลุกขึ้นถีบประตูด้วยความรุนแรง “ยังจะคิดเรื่องสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรอีก? บ้านเราทำเรื่องขายขี้หน้าแค่ไหนลืมไปแล้วหรือ? จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เจ้าจะยังกล้าแบกหน้าออกจากบ้านไปเจอผู้คนไหม? พอได้แล้ว! ไปเรียนโรงเรียนอื่นในเมืองแทนก็ได้!”

หลินชวนฮวาไม่คิดอย่างนั้นจึงรีบเกลี้ยกล่อมสามีด้วยการจับมือเขามาถูไถที่หน้าอกของตนเองต่อหน้าลูกชายทันที…

“ผิงอัน… หากเฉิงเยี่ยได้เป็นขุนนาง เจ้าก็จะได้เป็นท่านพ่อของขุนนางเชียวหนา แต่ถ้าให้เขาไปเรียนในโรงเรียนธรรมดาคงเป็นได้เพียงนักปราชญ์ทั่วไป …อย่าทำลายอนาคตของลูกเลย!”

เฉินผิงอันช่างตัณหาหนาเสียจริง โดนถูไถเท่านี้ก็หน้าแดงหูแดงจนไม่รู้จะตอบคำใดกลับ

“ลูก… ลูกก็กลับมาแล้ว จะทำอย่างไรได้อีกเล่า? นังเด็กขี้ครอกนั่นก็อยู่ที่บ้านของพี่ใหญ่ จะให้ไปลากนางกลับมาและส่งให้นายน้อยหลี่อย่างนั้นหรือ?!”

เฉินเฉิงเยี่ยเห็นการกระทำของแม่ที่อ้อนวอนต่อเฉินผิงอันจึงจ้องหน้าเขาด้วยสายตาโกรธแค้นพร้อมกับคิดในใจว่าหากได้ดีเมื่อไหร่ต้องกำจัดชายผู้นี้ให้สิ้น!

แต่ภายใต้คำสั่งของหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่ เฉินเฉิงเยี่ยจึงเดินก้มหน้ากลับเข้าห้องตัวเองทันที

“พี่สะใภ้เข้ามายุ่งเรื่องของเรามากเกินไปหรือไม่ ลูกสาวที่เกียจคร้านทำไมข้าจะตีนางเพื่อสั่งสอนไม่ได้? ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นพ่อแท้ ๆ ของนาง ไม่มีเหตุผลที่จะให้นางไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่น!”

เมื่อได้ยินภรรยาผู้เป็นที่รักพูดอย่างนั้นเฉินผิงอันก็ยิ่งโมโห เพราะในตอนที่เขาแต่งงานกับหลินชวนฮวา จี๋ชื่อก็เข้ามายุ่งวุ่นวายจนทะเลาะกันใหญ่โตถึงขั้นต้องแยกบ้านและยังทำให้เฉินผิงอันดูเป็นลูกอกตัญญูในสายตาคนอื่นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจะเข้ามายุ่งเรื่องวันนี้อีก!

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่าสามีกำลังโมโหจึงเร่งพูดกระตุ้นเขาให้โกรธมากขึ้น

“ดูสิ ข้าอุตส่าห์หาบ้านดี ๆ ให้ได้เป็นคุณนายโดยไม่ต้องทำงานอะไร แต่นางกลับทำเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงแม่เลี้ยง… เถียนเถียนคงไม่เข้าใจในความหวังดีที่ข้ามีให้ หากนางเข้าใจข้าสักนิดและเอาอกเขาใจนายน้อยหลี่ ไม่ใช่เพียงเฉินเฉิงเยี่ยจะได้เรียนหนังสือ แต่นางจะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย… เฮ้อ!”

เฉินผิงอันโมโหจนรีบลุกขึ้นและตั้งใจจะไปลากตัวเถียนเถียนกลับมา ทว่าหลินชวนฮวารีบห้ามไว้ “ผิงอันไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวของเจ้า จงอย่าทำร้ายความรู้สึกนาง พูดจาดี ๆ หากนางขออะไรก็ให้รับปากไปก่อน!”

“เพื่อสิ่งใด? เหตุใดข้ายังต้องพูดดี ๆ กับลูกอกตัญญูเช่นนั้น!” หลินชวนฮวามองเฉินผิงอันด้วยสีหน้ารังเกียจ ช่างไร้สมองเสียจริง นางคงไม่มีวันแต่งงานกับเขาแน่หากไม่ใช่เพราะ…

“เอาเถิด! กล่อมให้นางกลับมาก่อน หลังจากกลับมาค่อยพูดคุยเจรจากันก็ได้ ดีกว่าทะเลาะกันแล้วนางหนีไปไม่ใช่หรือ?” เฉินผิงอันโอบกอดหลินชวนฮวาไว้แน่นพร้อมกล่าวอ่อนโยน “เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดียิ่งนัก ทั้งอ่อนโยนและสุภาพ ไม่เหมือนเด็กนั่น… ไร้มารยาทเหมือนแม่มันไม่มีผิด!”

แม้หลินชวนฮวาจะรังเกียจเฉินผิงอันและภรรยาเก่ามาก แต่กลับแสร้งตอบกลับอย่างอ่อนโยน “อย่าพูดเช่นนั้นเลย ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นภรรยาคนแรกของเจ้า…”

เฉินผิงอันได้ยินเสียงเรียกก็คิดจะหลบหนีทันทีเพราะไม่ต้องการอธิบายอะไร… แต่ป้าจี๋ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของเฉินเถียนเถียนคว้าร่างของเขาไว้ได้ทัน

“น้องสองฟังข้าก่อนเถิด แม้เราจะแยกบ้านกันแล้วแต่ข้าก็ยังเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า… ตอนที่แม่ของเถียนเถียนแต่งงานกับเจ้า นางต้องขายทรัพย์สมบัติมากมายเพื่อแลกกับบ้านที่เจ้าอาศัยอยู่ในตอนนี้ หากไม่มีนางเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ได้หรือไม่?”

ป้าจี๋ไม่พอใจกับกระทำของน้องเขยมานานแล้ว แต่เมื่อก่อนเฉินเถียนเถียนยังอ่อนแอและไม่สู้คน นางจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะกลัวว่าหลานจะเป็นอันตราย

เมื่อหลินชวนฮวาได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจทันที ‘นางเรียกหญิงที่ตายไปแล้วว่าน้องสะใภ้ แล้วข้าเล่า? นางเห็นข้าเป็นใคร?’

“พี่สะใภ้พูดจาไร้สาระใดกัน? ไม่ว่านางจะเป็นลูกของใคร สุดท้ายก็ต้องแต่งงานออกไปอยู่ดี ข้าเพียงหาผู้ชายดี ๆ ให้ ดูความเกียจคร้านของนางสิ หากไม่หาผู้ชายมั่งมีนางจะอยู่รอดได้อย่างไร?”

เฉินเถียนเถียนเบ้ปาก ก่อนจะเริ่มร้องไห้เสียงดังกลางวงล้อม

“หากอยากให้ข้าแต่งงาน เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวกับข้าดี ๆ เล่า?! แต่ส่งข้าไปเป็นนางบำเรอบนเตียงของชายอื่นโดยที่ข้าไม่รู้เรื่อง เช่นนี้แล้วยังจะบอกว่าอยากให้ข้าแต่งงานอีกหรือ? นี่มันเรียกว่าการบังคับจิตใจมากกว่า!”

ป้าจี๋เบิกตากว้างและวางตัวในฐานะป้าใหญ่ทันที “หลินชวนฮวา! เจ้ามีลูกติดตอนแต่งงานกับน้องเขยข้า เจ้าและลูกเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านน้องสะใภ้ข้า ส่งลูกชายไปเรียนด้วยเงินของนางยังไม่พอใช่หรือไม่? ตอนนี้เจ้ายังกล้าทำร้ายลูกสาวนางอีกงั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉินผิงอันก้าวขาออกมาทันที แต่ที่เขายอมเผยตัวไม่ใช่เพราะโกรธหลินชวนฮวาแต่เป็นเพราะเฉินเถียนเถียนสร้างความอับอายให้กับตน!

“นังลูกไม่รักดี! ยังทำบ้านเราขายขี้หน้าไม่พออีกใช่ไหม? มีอะไรทำไมไม่พูดในบ้าน เจ้าจะออกมาโวยวายให้คนรู้ทำไม?!”

‘สวรรค์! เฉินเถียนเถียนเมื่อชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้จึงต้องเกิดมามีพ่อชั่วร้ายเช่นนี้!? การขายลูกสาวให้ชายอื่นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกหรือ?’

“พ่อพูดอะไร ข้าเป็นลูกแท้ ๆ ของท่าน…จำไม่ได้หรือ?! เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของแม่ผู้เดียวใช่หรือไม่? เพราะหากพ่อรู้ พ่อจะยอมขายข้าเพื่อแลกกับอนาคตของลูกติดแม่อย่างนั้นหรือ? ทั้งที่รู้ว่าเขาอาจไม่กลับมาเลี้ยงดูท่านในอนาคต!”

จี๋ชื่อรู้ดีว่าเฉินผิงอันเป็นคนเช่นไร นางจึงได้แต่ถอนหายใจ แม้เฉินเถียนเถียนจะแข็งแกร่งขึ้นแต่ก็ยังมองพ่อของตนดีเกินไป

เฉินถียนเถียนมีหน้าตางามงดและเมื่อร้องไห้ก็น่าทะนุถนอม! เฉินผิงอันเห็นลูกสาวเป็นเช่นนั้นจึงรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อหลินชวนฮวาเห็นเฉินผิงอันเผยความสงสารผ่านแววตาจึงรีบพุ่งเข้าไปกระซิบทันที

“ผิงอันอย่าสนใจเลย นางเป็นเพียงเครื่องมือของเรา! เฉินเฉิงเยี่ยต้องเรียนหนังสือเพื่อจะสอบเป็นขุนนางและเมื่อประสบความสำเร็จ เขาก็จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวเรา!”

เมื่อเป่าหูเฉินผิงอันเสร็จ หลินชวนฮวาก็หันไปพูดกับเถียนเถียน “เถียนเถียนเจ้าก็รู้ว่าเพราะเจ้าไม่คู่ควรกับนายน้อยหลี่จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อได้อยู่ข้างกายเขา แค่นี้ก็ดีสำหรับเจ้าแล้ว ตอนนี้เจ้าอายุสิบหกปีแล้วต่อไปใครจะมาเอาผู้หญิงเกียจคร้านเช่นเจ้าไปเป็นเมีย?!”

เฉินเถียนเถียนร้องไห้ก่อนจะแย้งด้วยเสียงดัง “ข้าเป็นคนเกียจคร้านหรือไม่แม่รู้ดีที่สุด! งานในบ้านมีสิ่งใดที่ข้าไม่เคยทำบ้างหรือไม่? ขนาดชุดชั้นในลายดอกไม้สีแดงสดของแม่ที่ตากไว้ ข้าก็ยังเป็นคนซัก!”

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก การให้ลูกสาวซักผ้าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถึงขั้นให้ซักชุดชั้นในต้องเป็นคนเกียจคร้านขนาดไหนกัน?!

ทั้งยังเป็นชุดชั้นในลายดอกไม้สีแดงสด ซึ่งมีเพียงหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่เท่านั้นจะสวมใส่ชุดชั้นในลายนี้ แต่หลินชวนฮวาอายุสี่สิบปีแล้ว เหตุใดยังใส่ชุดชั้นในลายนี้อยู่?

หลินชวนฮวาที่ไม่ว่าจะไร้ยางอายแค่ไหนก็เริ่มหน้าแดงทันที นางทั้งโกรธและอายพลางจ้องถลึงไปยังเฉินเถียนเถียน เฉินผิงอันแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนักเพราะเขาไม่เข้าใจว่าเด็กสาวคนนี้กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?!

“นังเด็กขี้ครอกระวังปากของเจ้าบ้าง พูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร? เหตุใดจึงกล้าตำหนิและประจานแม่ของตนเช่นนี้!”

เฉินเถียนเถียนตระหนักได้ว่าไม่ควรพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาจึงแสร้งเอามืออุดปากแล้วร้องไห้ต่อ

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า… ไม่มีใครเคยสอนข้าเลย พ่อก็ออกไปทำงานทุกวัน ส่วนแม่หากไม่ตำหนิ ดุด่า หรือลงโทษข้าก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับข้าเลย เช่นนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าโลกภายนอกควรวางกริยามารยาทอย่างไร…”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเฉินผิงอันก็ทำตัวไม่ถูก แท้จริงแล้วทุกครั้งที่หลินชวนฮวาเฆี่ยนตีลูกสาวเขาก็อยู่ด้วยเพียงแต่ไม่สนใจ

เฉินเถียนเถียนเห็นว่าไม่มีใครไม่พูดอะไรจึงคิดว่าพวกเขาไม่เชื่อ นางจึงลุกขึ้นถลกแขนเสื้อปรากฎให้เห็นรอยแผลเต็มไปหมด

“ดูเถิด! เพราะแม่จะส่งข้าให้กับนายน้อยหลี่จึงไม่ได้ตีข้า แต่ยังมีรอยแผลเก่าเต็มไปหมด ฮือ… พ่อ ข้าเจ็บเหลือเกิน แม่ไม่ยอมให้ข้าโต้เถียงหรือฟ้องท่าน เพราะหากข้าทำเช่นนั้น แม่จะส่งให้ข้าไปแต่งงานกับคนป่า!”

“แต่… ฮือ… สาเหตุที่ข้าไม่ยอมบอกท่าน เพราะกลัวว่าจากนี้ไปข้าจะไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีก!”

หลังจากที่เฉินเถียนเถียนพูดจบ นางก็นั่งลงร้องไห้อย่างน่าสงสาร

หลินชวนฮวารู้ว่าจะกำลังจะเดือดร้อน ต่อให้เฉินผิงอันจะไม่ยอมปล่อยให้นางต้องขายหน้า แต่หากวันนี้เฉินผิงอันโกรธเขาจะต้องมาระบายอารมณ์ที่นางเป็นแน่ หลินชวนฮวาจึงคิดแผนร้ายเพื่อรับมือกับเฉินเถียนเถียนทันที

“เถียนเถียน เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้เล่า? เวลาลูกทำผิดและถูกตีก็นับเป็นการสั่งสอนจากแม่ มันเป็นเรื่องปกติ เจ้าจะถลกเสื้อเพื่อแสดงรอยแผลให้ผู้อื่นเห็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

หลินชวนฮวาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เฉินเถียนเถียนด้วยสายตาข่มขู่!

ป้าจี๋เห็นดังนั้นจึงรีบดึงเฉินเถียนเถียนเข้ามาใกล้ “หลินชวนฮวา! อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยังคิดจะทำอะไรอีก? ดูสิ จิตใจของเจ้าต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เป็นแค่เมียรองกล้ามาทำร้ายลูกสาวของเมียเอกได้อย่างไร?!”

“เถียนเถียน… ไปเถิด ไปอยู่กับย่าของเจ้า! ป้ารับรองได้ว่าจะไม่ทีใครกล้าเข้ามาทำร้ายเจ้าอีก!”

เฉินเถียนเถียนโผกอดป้าจี๋ทันที แม้เรื่องราวก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการแสร้งทำ แต่การโอบกอดในครั้งนี้ถูกกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกของนางจริง ๆ

“ป้า… ข้าอยากไปหาย่าตั้งนานแล้ว แต่แม่ขังข้าไว้ในบ้านและไม่อนุญาตให้ข้าออกไปไหนเลย!”

หลังจากกินเสร็จทั้งสองคนก็ออกเดินทางอีกครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นหมู่บ้านเทพธิดา มีควันไฟลอยขึ้นมาจากบ้านแต่ละหลังซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าทุกคนกำลังตื่นมาทำอาหารเช้า

จากความทรงจำเก่าของเฉินเถียนเถียน บ้านที่ดูดีที่สุดคือบ้านของตระกูลเฉิน!

ในขณะที่ฟ้ายังไม่สว่างดี เฉินเถียนเถียนรีบหาเสื้อผ้ามาใส่ เพราะหากมีคนเห็นนางใส่เสื้อผ้าผู้ชายอย่างนี้คงไม่พ้นถูกจับถ่วงน้ำแน่!

หยุนเคอมองนางที่กำลังใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ของเขาด้วยความขบขันในขณะที่เด็กสาวกำลังคลานข้ามรั้วไปอย่างทุลักทุเล

เฉินเถียนเถียนเดินไปยังโรงเก็บไม้ที่คุ้นเคยก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และแอบเดินออกทางประตูหลังเพื่อเอาเสื้อผ้ามาคืนหยุนเคอ

หยุนเคอรับเสื้อผ้าไว้และไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันหลังกลับ

“เอ่อ… ขอบใจเจ้ามากนะ!”

หยุนเคอชะงัก แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรและเดินจากไปทันที

เป็นเพราะเฉินเถียนเถียนกินไก่ป่ามาครึ่งตัวจึงไม่รู้สึกหิว เธอเอนกายนอนเพื่อพักผ่อนก่อนจะรับศึกหนักที่จะเกิดขึ้นในเช้านี้!

ในห้องนอนใหญ่ หลินชวนฮวานอนหลับอย่างสบายใจ เพราะสามารถกำจัดเสี้ยนหนามชีวิตอย่างเฉินเถียนเถียนได้สำเร็จ เมื่อเสียงไก่ขันดังขึ้น นางก็รีบลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าทันที

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเฉินเถียนเถียนที่ต้องทำอาหารเช้า แต่อีกฝ่ายไม่อยู่แล้วจึงเป็นหน้าที่ของหลินชวนฮวา เช่นนี้ก็เพราะไม่ให้เฉินผิงอันเคลือบแคลงใจต่อนาง

หลังจากส่งตัวเฉินเถียนเถียนไปเมื่อวานนี้ เฉินผิงอันยังมีท่าทีคล้ายทำใจไม่ได้… ดังนั้นหลินชวนฮวาจึงต้องทำตัวดี ๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดในใจของเขาบ้าง

หลินชวนฮวานึกถึงลูกชายคนโปรดของตัวเองที่ได้ร่ำเรียนในโรงเรียนดี ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดี หลังจากทำอาหารเสร็จแล้วนางจึงปลุกเฉินผิงอัน

ส่วนลูกคนเล็กคงไม่เป็นไรหากจะอดมื้อกินมื้อ เพราะยังไงซะเฉินเฉิงเยี่ยลูกชายคนโปรดได้เข้าโรงเรียนประจำตระกูลหลี่แล้ว ค่าใช้จ่ายของเขาค่อนข้างมากเช่นนี้ครอบครัวจึงต้องประหยัดเพื่อให้เขามีชีวิตที่ดี

แต่แล้วอารมณ์สุนทรีของหลินชวนฮวาก็พังทลายลง เมื่อเห็นเฉินเถียนเถียนเดินออกมาจากโรงเก็บไม้

“อีขี้ครอก! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

เฉินเถียนเถียนแสร้งทำตัวราวกับเจ้าของร่าง… เธอก้มหน้าลงพร้อมกล่าวเสียงแผ่ว “แม่… หากข้าไม่อยู่ที่นี่… แล้วควรไปที่ใดเล่า?”

หลินชวนฮวากังวลใจมาก หากสินบนที่ถูกส่งตัวไปกลับมา… แล้วลูกชายของนางจะได้เรียนหนังสืออยู่หรือไม่?

“นังตัวดี! แกกล้าหนีกลับมาได้ยังไง!? แกไม่อยากให้พี่ชายได้ดีใช่ไหม… มานี่ ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้!”

หากเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิมอาจปล่อยให้นางทุบตีตามสะดวกและรีบวิ่งแจ้นกลับไปหานายน้อยหลี่

แต่ผู้หญิงที่อยู่ในร่างนี้คือเฉินเถียนเถียนคนใหม่ซึ่งไม่ยอมถูกรังแกหรือตกเป็นเบี้ยล่างของใคร ขณะหลินชวนฮวากำลังหยิบฟืนท่อนใหญ่เพื่อจะฟาดอีกฝ่าย แต่เฉินเถียนเถียนหลบได้และวิ่งออกจากโรงเก็บไม้ไปอย่างรวดเร็ว

“แม่! ข้ากลัวแล้ว ปล่อยข้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปที่บ้านนายน้อยหลี่บอกให้เขาอย่าไล่พี่ชายออก”

ส่วนหลินชวนฮวาได้เพียงฟึดฟัดอยู่ในใจแต่ไม่คิดวิ่งตามเด็กสาวไปแต่อย่างใด ภาพลักษณ์ของแม่เลี้ยงผู้แสนดีที่นางพยายามสร้างมาตลอดจะต้องไม่พังทลายลงจากการโวยวายของเฉินเถียนเถียน… เช่นนี้นางจึงไม่คิดจะสาปแช่งอะไรและหยุดฝีเท้าไม่ก้าวออก

แม้เฉินเถียนเถียนจะอ่อนเพลียเนื่องจากไม่ได้นอนทั้งคืน แต่การวิ่งหนีหลินชวนฮวาก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก!

“แม่อย่าตีข้าเลย ข้ากลัวแล้ว! เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปนอนบนเตียงของนายน้อยหลี่ตอนนี้เลย ข้าจะไม่ให้เขาไล่พี่ชายออกเด็ดขาด!”

ยังไงซะแม่เลี้ยงคนนี้แสนจะปลื้มลูกชายคนโตอย่างยิ่ง อีกทั้งยังป่าวประกาศไปทั่วสารทิศว่าลูกชายได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำของตระกูลหลี่!

ถ้าปล่อยให้เด็กขี้ครอกคนนี้โวยวายไปทั่ว ชาวบ้านต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น!

ทุกคนรู้ดีว่านายน้อยหลี่เป็นคนอย่างไรและตอนนี้เฉินเถียนเถียนก็ยังไม่หยุดตะโกน

หลินชวนฮวาที่เพิ่งโอ้อวดลูกชายไปเมื่อวาน วันนี้กลับตกเป็นเป้าสายตาของชาวบ้าน… ผู้คนมากมายหลั่งไหลออกมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสนอกสนใจ

“ข้าก็สงสัยอยู่ว่าคนโง่เขลาเช่นเฉินเฉิงเยี่ยจะเข้าเรียนในโรงเรียนประจำตระกูลหลี่ได้อย่างไร ที่แท้ก็เอาลูกสาวไปเป็นสินบนนี่เอง!”

“ข้าอุตส่าห์คิดว่าหลินชวนฮวาเป็นคนดี ที่ไหนได้กลับลูกเลี้ยงไปแลกกับอนาคตของลูกชายตัวเอง โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

“เฉินผิงอันยังมีสมองให้ไตร่ตรองหรือไม่? เอาลูกสาวแท้ ๆ ไปแลกกับอนาคตลูกนอกสมรสได้อย่างไร?!”

“ก็เห็นกันอยู่ว่าเขารักเมียใหม่มากกว่าลูกแท้ ๆ ของตัวเอง! ผู้หญิงคนนี้คงจะร้องขอเรื่องนี้บนเตียง เขาจึงยอมรับปาก อีกอย่างหลินชวนฮวาก็เต็มไปด้วยมารยาร้อยเล่มเกวียน สำหรับนางแล้วมันคงไม่ยากเย็นนัก”

เฉินเถียนเถียนพอใจมากที่มีคนมากมายล้อมรอบเข้ามา เพราะการแสดงเพิ่งจะเริ่มต้น หากไม่มีผู้รับชมคงไม่สนุกนัก!

ในเมื่อมีผู้ชมแล้วเฉินเถียนเถียนจึงไม่ลังเลที่จะแสดงต่อ ขณะที่หลินชวนฮวาถือไม้เตรียมจะฟาดลง เฉินเถียนเถียนแกล้งล้มทันที แต่ภาพที่ชาวบ้านเห็นคือแม่เลี้ยงใจร้ายทุบตีลูกเลี้ยงจนล้มลง

“แม่อย่าตีข้าเลย ข้าจะกลับไปบ้านนายน้อยหลี่เดี๋ยวนี้! เมื่อคืนข้ากลัวมากจึงวิ่งหนีอออกมา!”

ตอนนี้หลินชวนฮวาเห็นว่าภาพลักษณ์ของนางถูกทำลายย่อยยับเสียแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องสนใจสิ่งใดอีก

“เหตุใดเจ้าจึงว่าร้ายข้าเช่นนี้? เป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่เห็นแก่เงินจนถวายตัวให้นายน้อยหลี่! จะกล่าวโทษข้าได้อย่างไร!”

เฉินเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่นเพราะไม่คิดว่าหลินชวนฮวาจะมีแผนตีกลับเช่นนี้!

แต่เธอไม่ได้โง่และไม่ยอมจนตรอกเพียงแค่นี้แน่!

“แม่พูดเช่นนี้ได้อย่างไร? หากข้าต้องการถวายตัวให้นายน้อยหลี่เพื่อหวังเงินทองจริงแล้วหนีกลับมาทำไมเล่า? กว่าข้าจะหนีออกมาได้มิใช่เรื่องง่าย!”

เป็นตอนนี้เองที่หลินชวนฮวาเริ่มสงสัยว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคือเฉินเถียนเถียนผู้อ่อนแอและขี้ขลาดจริงหรือ?

“แม่… ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ข้าก็เรียกท่านว่าแม่มาหลายปี ข้าแค่กลัวจึงหนีกลับมา ท่านถึงขั้นจะเอาชีวิตข้าเลยหรือ? พ่อ… พ่อช่วยข้าด้วย แม่จะฆ่าข้าแล้ว!”

เฉินเถียนเถียนไม่ได้วางแผนที่จะจัดการเพียงหลินชวนฮวาเพราะหญิงผู้นี้ฉลาดเกินไป นางจึงคิดที่จะร้องเรียกพ่อผู้โง่เขลาออกมาเผชิญปัญหาพร้อม ๆ กัน!

เฉินเถียนเถียนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ชายตรงหน้าเอาแต่เงียบงันไม่ยอมกล่าวสิ่งใด นางสบถอยู่ในใจ ‘หากยังชักช้าอยู่อย่างนี้ข้าคงได้แข็งตายในป่าแน่ ผู้ชายคนนี้ช่างแล้งน้ำใจนัก!’

ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเขาก็เอ่ยปากพูด “ข้าเป็นนายพรานจากภูเขาเทพธิดานามว่าหยุนเคอ แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่? เจ้าควรจะอยู่บ้านไม่ใช่หรือ? อ้อ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหนีออกมาจากบ้านของตระกูลหลี่หรือไม่?”

เมื่อเฉินเถียนเถียนรู้ว่าเขาเป็นคนในหมู่บ้านเทพธิดาก็พลันดีใจพร้อมกับนึกได้ว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ในความทรงจำของเฉินเถียนเถียนคนเก่าขณะที่อายุครบสิบสี่ปี

ปกติแล้วหยุนเคอจะหมกตัวอยู่ในป่าและไม่ออกไปไหนเลย ถ้าหากเขาออกจากป่านี้นั่นหมายความว่าเขาจะนำสัตว์ป่าที่ล่าได้ออกไปขายหรือและเปลี่ยนเป็นของใช้กับคนในหมู่บ้านเท่านั้น ว่ากันว่าเขามีบ้านหลังเล็กอยู่บนยอดเขา…

เฉินเถียนเถียนรู้จักหยุนเคอเพราะว่านางมักจะถูกแม่เลี้ยงด่าว่าและเอานายพรานผู้นี้มาข่มขู่เสมอ หลังจากที่ทุบตีจนพอใจ นางก็มักจะกล่าวต่อว่าหากร้องไห้เสียงดังจะขายลูกเลี้ยงคนนี้ให้กับหยุนเคอ ให้เฉินเถียนเถียนกลายเป็นเมียของคนป่า!

อย่างไรแล้วเฉินเถียนเถียนก็เติบโตมาในหมู่บ้านเทพธิดา นางรู้ดีว่าคนป่าไม่มีที่นาให้ทำกิน หากแต่งงานกับหยุนเคอคงจะต้องพบเจอแต่ความลำบาก อีกทั้งชายคนนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังจนแทบจะมองไม่เห็นดวงตาของเขาด้วยซ้ำ ใบหน้านั้นยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างดุร้ายและป่าเถื่อน!

แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ เฉินเถียนเถียนไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องนี้อีกแล้ว ในเมื่อเขาเป็นพรานป่าย่อมหมายความว่าเขารู้จักเส้นทางบนภูเขานี้ดีที่สุด… ตอนนี้เธอรอดพ้นจากการถูกหมาป่าขย้ำคอแล้ว!

“พี่ชายของข้าอยากเข้าเรียนในโรงเรียนประจำของตระกูลหลี่จึงบอกกล่าวให้พ่อส่งตัวข้าให้นายน้อยหลี่เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน ตอนนี้ข้าหลบหนีออกมาได้ตอนที่สาวใช้กำลังจะจับอาบน้ำ เจ้าช่วยพาข้ากลับบ้านทีเถิด!”

แน่นอนว่าเฉินเถียนเถียนไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย แต่ด้วยการมองเพียงครู่เดียวทำให้เธอสามารถเข้าใจอะไรบางอย่างได้ ประสบการณ์ในการเป็นตำรวจมานานหลายปีทำให้เธอพอจะเข้าใจแววตาของคนดีและคนชั่วได้อย่างง่ายดาย!

“หืม! เจ้าจะกลับหมู่บ้านในสภาพเช่นนี้งั้นหรือ?”

หยุนเคอเข้าใจเรื่องราวและสามารถส่งเด็กหญิงคนนี้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่การแต่งตัวของนาง…

เฉินเถียนเถียนก้มมองสารรูปตัวเองจึงเห็นว่ามันเป็นเพียงชุดบาง ๆ เท่านั้น ยังดีที่ก่อนหน้านี้เธอหาผ้าชิ้นเล็กมาปกปิดจุดสำคัญเอาไว้ มิฉะนั้นการใส่หรือไม่ใส่ก็คงจะไม่ต่างกัน!

เมื่อก่อนเสื้อผ้าที่บางกว่านี้เธอก็เคยใส่มันมาแล้ว แต่ในคราวนี้ไม่รู้เพราะอะไรจึงได้อับอายและรู้สึกขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“หากข้า…หากข้ากลับไปสภาพนี้คงต้องถูกแม่เลี้ยงตีจนตายเป็นแน่! เจ้าช่วยหาที่ลับตาเพื่อให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยสิ!”

หยุนเคอมองร่างกายของเด็กสาวที่กำลังสั่นสะท้านเพราะความหนาวก่อนจะนึกถึงเรื่องแย่ ๆ ในบ้านของนางได้… เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

เฮ้อ… คิดซะว่าทำความดีสักครั้งแล้วกัน!

หยุนเคอถอดเสื้อนอกตัวตัวเองออกก่อนจะโยนให้เฉินเถียนเถียนด้วยใบหน้าเรียบร้อย แต่เป็นเพราะหนวดเครารุงรังเลยทำให้เธอไม่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร!

ส่วนเฉินเถียนเถียนที่ยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักในสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงรีบหยิบเสื้อของหยุนเคอมาสวมทับในทันทีและด้วยขนาดเสื้อที่ใหญ่มากทำให้เธอกลายเป็นเด็กน้อยที่สวมใส่เสื้อผ้าของผู้ใหญ่!

 

หยุนเคอถอดรองเท้าพร้อมกับโยนมันให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจ แต่ครั้งนี้เธอกลับเกรงใจและคิดจะปฏิเสธ… “เจ้าใส่เถอะ การเดินเท้าในป่าอาจทำให้เท้าของเจ้าเป็นแผล…”

หยุนเคอตอบกลับด้วยความรำคาญ “เลิกพูดมากแล้วใส่มันซะ!”

อ้อ… เขาปฏิเสธความหวังดีของฉันงั้นเหรอ เอาล่ะ อย่างนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะใส่มัน เท้าเปล่าที่สัมผัสกับพื้นเย็นเฉียบและใบหญ้าแข็ง ๆ มาเนิ่นนานก็เริ่มอุ่นขึ้นมาทีละนิด

หยุนเคอเดินนำโดยมีเด็กสาวเดินตามหลัง แต่กว่าจะผ่านภูเขาไปสักหนึ่งลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นนายพรานก็จริง แต่เขาเอาเรี่ยวแรงจากที่ไหนจึงสามารถเดินได้ไกลขนาดนี้? อีกทั้งสีหน้าของเขายังเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยนด้วยซ้ำ…

เฉินเถียนเถียนรู้สึกเหนื่อยจนไม่สามารถก้าวขาได้อีกต่อไป แม้ชีวิตก่อนหน้านี้จะเป็นตำรวจ แต่มันก็เป็นแค่ร่างเก่าเท่านั้นที่แข็งแรง ตอนนี้เธออยู่ในร่างของหญิงสาวผู้อ่อนแอและความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

“ข้าไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว พักหน่อยเถิด ข้าจะตายแล้ว!”

หยุนเคอเงยหน้ามองท้องฟ้าและเห็นว่าอีกนานกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น เขาจึงวางธนูในมือลงและนั่งพัก

เฉินเถียนเถียนทั้งเหนื่อย ทั้งหิว แต่เธอก็ไม่ได้สนิทกับผู้ชายคนนี้นักและไม่กล้าที่จะรบกวนเขาด้วย ทั้งเสื้อและรองเท้าต่างก็เป็นของเขา หากจะเอ่ยปากขออาหารคงไม่ดีนัก

ยังไงซะการรักษามารยาทก็เป็นสิ่งที่ควรทำแม้ว่าจะหิวมากเพียงใด… ทว่าร่างกายกลับทรยศ “โครก!” เสียงท้องร้องดังสนั่นขึ้นมาอย่างไม่ให้ความร่วมมือ

เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหลบตาอย่างเขินอาย เสียงดังขนาดนี้อีกฝ่ายต้องได้ยินแน่

ตอนนี้เองที่หยุนเคอหยิบธนูและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“นี่…เจ้าจะไปไหน?”

หยุนเคอไม่ตอบคำถาม เขาเดินจากไปและทิ้งให้เฉินเถียนเถียนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“แปลกคนเสียจริง ท้องข้าร้องแล้วมันไปหนักส่วนไหนของเจ้า?”

เฉินเถียนเถียนเอนตัวพิงต้นไม้พลางเงยหน้ามองท้องฟ้า กิ่งไม้โล่ง ๆ ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมา ชวนให้คิดถึงโลกก่อนหน้ายิ่งนัก อย่างน้อยที่นั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความหิว!

เมื่อหยุนเคอกลับมาเห็นสภาพของนางก็ยิ้มแห้ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอกับหญิงสาวที่ไม่คู่ควรจะเป็นหญิงสาว นางช่างไม่มีการรักษาท่าทีเลยสักนิด!

เฉินเถียนเถียนเห็นไก่ป่าในมือของหยุนเคอรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมกับแววตาทอประกายวูบไหว

‘เอาล่ะ ช่างมันเถอะ… นางคงจะหิวมากจนทนไม่ไหว!’

หยุนเคอนั่งลงพร้อมกับเริ่มก่อไฟ ผ่านไปครู่หนึ่งกลิ่นหอมของไก่ป่าลอยคละคลุ้งจนทำให้เฉินเถียนเถียนแทบจะกลั้นน้ำลายไว้ไม่อยู่

ขณะเอื้อมมือออกไปหมายมั่นว่าจะคว้ามันแต่ก็ต้องดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว ความร้อนจากไก่ป่าไม่ใช่เรื่องตลก เธอรีบเอามือจับที่ติ่งหูทันทีเพื่อหวังจะคลายความร้อนเมื่อครู่!

หยุนเคอเห็นท่าทางอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เขาเอื้อมมือเด็ดใบไม้และใช้มันฉีกไก่ออกเป็นสองชิ้นใหญ่

กลิ่นหอมของมันทำให้เฉินเถียนเถียนทนไม่ไหวก่อนจะเอ่ยปากอย่างไร้ยางอาย “คือ… เจ้าคงกินมันไม่หมดหรอก ตั้งเยอะน่ะ… แบ่งให้ข้าสักครึ่งได้ไหม?”

หยุนเคอยื่นไก่ป่าครึ่งตัวให้ เฉินเถียนเถียนรีบรับมันมาและเริ่มกัดกินอย่างไม่สงวนท่าที

เมื่อพรานป่าเห็นท่าทางของเด็กสาวตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วก่อนส่ายศีรษะน้อย ๆ เขาใช้กริชเล็ก ๆ หั่นไก่เป็นชิ้นก่อนจะเริ่มกินมันบ้างเช่นกัน

หลังจากกินอิ่มแล้ว เฉินเถียนเถียนเงยหน้ามองหยุนเคออย่างพิจารณา

ไม่แปลกที่คนในหมู่บ้านจะเรียกขานว่าเขาคือคนป่า ทั้งหมดเป็นเพราะหนวดเครารุงรังพวกนั้น… ไม่รู้เลยว่าเขาไม่โกนมันมานานเท่าไหร่ แต่กริชเล่มเล็กในมือนั้น…

ดูเหมือนว่าพรานป่าคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป!

โลกของเถียนเถียนค่อย ๆ กลายเป็นสีเทา!

สิ่งที่คนอื่นเห็นคือแม่เลี้ยงเป็นคนดี อ่อนโยน และเฉินเถียนเถียนเป็นเด็กเกียจคร้าน สกปรกและเนื้อตัวมอมแมม!

แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนเห็น คนทั้งบ้านรังเกียจเฉินเถียนเถียนและเด็กอายุเพียงเจ็ดขวบต้องทำกับข้าวให้คนในบ้าน ทุกคนในครอบครัวนั่งกินข้าวบนโต๊ะ ขณะที่นางต้องกินข้าวในโรงเก็บไม้เล็ก ๆ ทั้งยังต้องกินของที่ถูกที่สุด!

เฉินเถียนเถียนคาดหวังให้ตนเองเติบโตโดยเร็ว เพื่อจะได้แต่งงานและออกจากบ้านนี้ไปให้ไวที่สุด ท้ายที่สุดนางเองก็เติบโตมากับวิถีชีวิตดังกล่าวจนอายุครบสิบสี่ปี!

แม้เฉินเถียนเถียนจะต้องใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่ก็โดนเฉินเฉิงเยี่ย พี่ชายซึ่งเป็นลูกติดของแม่เลี้ยงหมายตา เพราะใบหน้างามงดของนาง

ในคืนมืดมิดเฉินเฉิงเยี่ยตั้งใจจะลงมือขืนใจเฉินเถียนเถียน เขาเดินเข้ามาในโรงเก็บไม้ก่อนจะเคาะประตู เฉินเถียนเถียนได้ยินเสียงนั้นก็วิ่งหนีทันที อีกทั้งนางยังพยายามทำให้ร่างกายสกปรกมอมแมมที่สุดเพื่อให้รอดพ้นจากอีกฝ่าย

ดังนั้นในสายตาคนอื่นจึงมองว่าเฉินเถียนเถียนป็นเด็กเกียจคร้านและสกปรก ขณะที่แม่เลี้ยงดูเป็นหญิงใจกว้างและอ่อนโยน

เฉินผิงอันผู้เป็นพ่อขายที่ดินกว่าสิบไร่เพื่อส่งให้เฉินเฉิงเยี่ยเข้าเรียน แต่เขากลับไม่รักดีและหยุดอยู่ในระดับถงเชิง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสอบผ่านได้

เฉินเฉิงเยี่ยบอกกล่าวกับผู้เป็นพ่อว่าเพราะครูสอนไม่ดีจึงทำให้เขาสอบตก แต่เขารู้มาว่าโรงเรียนประจำตระกูลหลี่ในตัวเมืองมีขุนนางคนหนึ่งซึ่งปราดเปรื่องยิ่งรับสอนหนังสืออยู่ที่นั่น!

เขาต้องการที่จะเข้าเรียนที่นั่น แม้อีกฝ่ายเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นและไม่รู้จักมักจี่กับเขาแม้แต่น้อย แต่เฉินเฉิงเยี่ยก็ไม่ลดละความพยายามที่จะสืบเสาะหาข้อมูลของนายน้อยหลี่

จนสุดท้ายเขาได้รู้ว่านายน้อยหลี่เป็นคนเจ้าชู้และชื่นชอบความรุนแรง เช่นนี้เฉินเฉิงเยี่ยจึงคิดที่จะเอาน้องสาวต่างมารดาไปแลกเปลี่ยน!

เนื่องจากคำพูดเป่าหูของหลินชวนฮวาทำให้เฉินผิงอันตัดสินใจส่งลูกสาวที่ไม่เคยอยู่ในสายตาไปเป็นสินบนให้ตระกูลหลี่อย่างง่ายดาย ดังนั้นเฉินเฉิงเยี่ยจึงเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ทันที!

แต่ในคืนนั้นเองเมื่อเฉินเถียนเถียนผู้อ่อนแอและถูกรังแกมาตลอดได้รู้ข่าวที่น่าสะพรึง นางตื่นตระหนกจนเป็นลมหมดสติไปกับพื้น… เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธอได้ยึดครองร่างนี้ซะแล้ว!

ตำรวจสาวเงียบงันในขณะที่มองจอภาพ เธอได้รับความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างนี้อย่างครบถ้วน ซึ่งมันคือสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กหญิงที่งดงามคนนี้จะต้องพบเจอกับชีวิตที่แสนโศกเศร้า!

เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนรับรู้ความทรงจำทั้งหมดแล้วหน้าจอจึงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง

“ระบบโลกทะลุมิติเถาเป่าเปิดใช้งานแล้ว ตอนนี้อยู่ในระดับชั้นต้น! ทาสน้อยเถาเป่าพร้อมให้บริการ!”

เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองบนจอสว่างซึ่งกำลังฉายภาพคน ๆ หนึ่งในยุคปัจจุบันแบบดิจิทัลอยู่ “เสี่ยวเถาเหรอ? เจ้าตัวนี้มีประโยชน์อะไรกัน?”

เมื่อเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเฉินเถียนเถียน เสี่ยวเถาจึงเอ่ยปากกล่าวต่อ “เจ้าตัวนี้งั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะข้าหรอกเหรอ ที่ทำให้เจ้าหลุดจากเงื้อมมือของชายผู้นั้น!”

“เอาล่ะ! ก็ถือว่าเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า ว่าแต่… เจ้ามีประโยชน์อะไร? เถาเป่าระดับชั้นต้นเหรอ? เดี๋ยวนะ… เจ้าคงไม่ใช่เถาเป่าที่ใช้ช้อปปิ้งออนไลน์หรอกใช่ไหม?”

เสี่ยวเถาไม่ได้ตอบอะไรแต่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่เจ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบจึงทำงานอัตโนมัติ จำไว้ว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่บ้านของนายน้อยหลี่ ระบบนี้จะใช้ได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น หมดเวลาของวันนี้แล้ว …ลาก่อน!”

“หมายความว่ายังไง? หมดเวลาแล้วงั้นเหรอ? นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองนะ!”

แต่ไร้เสียงตอบรับใด ๆ เรื่องราวทั้งหมดทำให้เธอรู้สึกสับสนอย่างไร้ที่พึ่ง

หลังจากตื่นขึ้นมา เฉินเถียนเถียนยังคงอยู่ในชุดนอนวาบหวิวและนอนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น

 

‘เจ้าระบบบ้า! จะช่วยก็ช่วยให้ถึงที่สุดสิ! พาฉันไปในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ไม่ได้หรือไง? ตรงนี้มีแต่อันตรายเต็มไปหมด!’

เฉินเถียนเถียนยืนกอดอกในขณะที่สวมใส่เพียงชุดนอนบาง ๆ ตอนนี้เด็กสาวกำลังเดินตรงไปด้านหน้าพร้อมร่างกายที่สั่นสะท้าน!

ในความทรงจำของเฉินเถียนเถียน จากหมู่บ้านไปถึงในเมืองต้องเดินไกลมาก แต่ถ้าจากหลังภูเขาลูกนี้และผ่านไปอีกสองลูกก็จะถึงหมู่บ้านเทพธิดา!

ด้วยลักษณะการแต่งตัวของเฉินถียนเถียนในตอนนี้ทำให้นางไม่กล้าเดินไปตามทางถนนเพราะกลัวจะเจอเข้ากับอันธพาลและเกิดอันตราย! ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเดินข้ามภูเขา!

แต่การเดินเท้าเปล่าข้ามภูเขาไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เฉินเถียนเถียนทำงานอยู่ในบ้านตลอดเวลาและไม่เคยออกไปไหนหรือพบเจอใครเลย เช่นนี้จึงทำให้นางรู้สึกประหม่าและไม่ปลอดภัย!

เนื่องจากนางอยู่แต่ในบ้านและไม่เคยออกไปไหน ส่งผลให้ไม่ว่าจะโตขนาดไหนผิวพรรณและเท้าของนางก็ยังคงเนียนสวย แค่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นทำให้เฉินเถียนเถียนก็รู้สึกเจ็บปวดที่ข้อเท้าขึ้นมาทันที!

แต่จะให้อยู่ในเขาอย่างนี้นี้ต่อไปก็คงไม่ได้ ถึงจะเป็นตำรวจแต่ก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากหมาป่า… หรือสัตว์อื่น ๆ ได้

ความยากลำบากเพียงแค่นี้ไม่อาจหยุดยั้งเธอได้ แต่ยังไงซะการต่อสู้กับหมาป่าก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจเช่นกัน

เฉินเถียนเถียนกอดร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านและเดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเจ็บปวดที่ข้อเท้าเท่านั้น แต่ยังต้องระวังการถูกกิ่งหนามบาดที่ขาระหว่างทางด้วย

แม้ว่าเธอจะเป็นคนสมัยใหม่ แต่หลังจากพบเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูตผีอะไรเธอก็ไม่คิดเกรงกลัวอีกต่อไป เด็กสาวมุ่งสมาธิไปที่การเดินและระวังกิ่งหนามต่าง ๆ จนไม่คิดสนใจเรื่องไร้สาระ

ทันใดนั้นเองในขณะที่กำลังเดินทางก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น ที่นี่เต็มไปด้วยหมาป่าที่เห่าหอนอย่างสนุกสนาน คงจะไม่มีสัตว์อื่นโผล่ออกมาหรอกหน่า…

เธอทำได้แค่คิดในใจพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าท่อนไม้มาไว้ข้างตัว ถึงมันจะไม่มีประโยชน์อะไรแต่อย่างน้อยก็อุ่นใจ

เสียงจากพุ่มไม้ด้านหน้าค่อย ๆ ดังขึ้นก่อนจะมีชายคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา เฉินเถียนเถียนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ใช่สัตว์ป่า!

จากนั้นนางเห็นถึงความผิดปกติและเข้าสู่โหมดระวังตัวทันที ผู้ชายน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเป็นไหน ๆ! ชุดที่เขาสวมใส่แปลกประหลาด… และท่าทางของเขาก็น่ากลัวจนไม่อาจคาดเดาได้ว่ากำลังจะทำอะไร!?

เฉินเถียนเถียนพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ “หยุดนะ!”

ชายคนนั้นหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหันมามองใบหน้านั้นผ่านแสงจันทราที่สาดส่อง… ช่างเป็นสาวน้อยที่งดงามนัก แต่ทำไมจึงเข้ามาเดินอยู่ในป่าด้วยชุดเบาบางเช่นนี้เล่า?

“ข้าเป็นนายพรานอาศัยอยู่ที่นี่! เหตุใดเจ้าถึงมาที่ภูเขาในยามวิกาลเช่นนี้?!”

เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อเฉินเถียนเถียนได้ยินอย่างนั้นก็ผ่อนคลายความกลัวทันที

“ข้ามาจากครอบครัวเฉินแห่งหมู่บ้านเทพธิดา! เพิ่งหนีมาจากบ้านตระกูลหลี่และกำลังจะกลับบ้าน!”

เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงบางอย่าง ตระกูลเฉินมีลูกสาวสองคน… คนแรกชื่อเฉินวานวานที่ชอบออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกเป็นประจำ ส่วนลูกสาวคนที่สองชื่อเฉินเถียนเถียน ลูกสาวคนแรกเป็นเด็กหญิงอ่อนโยนผู้ใจกว้างและเป็นที่รู้จักของทุกคน เช่นนี้เขาจึงรู้จักนางด้วยเช่นกัน

แต่เด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใช่เฉินวานวานที่เขาเคยพบ เช่นนี้นางคงจะเป็นเฉินเถียนเถียนลูกสาวของเฉินผิงอัน คนที่ถูกล่ำลือว่าขี้ขลาดและอ่อนแอ อีกทั้งยังไม่เคยออกจากบ้าน เกียจคร้านและสกปรก เด็กสาวที่ถูกพูดถึงคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ งั้นหรือ?

เป็นเพราะเฉินเถียนเถียนเปลือยกายอยู่จึงไม่กล้าเดินออกจากห้องนี้

นางหยิบเชือกเมื่อครู่ขึ้นมาก่อนจะเข้าไปหลบหลังม่านเพื่อรอซิวเอ๋อนำเสื้อผ้ามาให้!

ซิวเอ๋อเป็นหญิงที่มีไหวพริบดีมาก อาจเป็นเพราะนางทำงานในบ้านของตระกูลหลี่มานานจึงมีความตื่นตัวสูงกว่าใคร!

ไหวพริบของซิวเอ๋อนับว่าดีกว่าสาวใช้อีกคนมาก! หากอยากหนีให้พ้นเงื้อมมือนางจะต้องห้ามส่งเสียงเด็ดขาด! ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

ซิวเอ๋อใช้มือทั้งสองประคองชุดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดรอยยับ!

ขณะที่เดินผ่านม่านนางกลับรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยอย่างฉับพลัน… จากนั้นจึงล้มลงบนพื้นและหมดสติไปอย่างรวดเร็ว

เฉินเถียนเถียนคว้าร่างกายของซิวเอ๋อไว้ก่อนจะใช้เชือกมัดอย่างระมัดระวัง ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วนางเกิดตื่นขึ้นมากระทันหัน แผนการอาจพังไม่เป็นท่า

เฉินเถียนเถียนมองชุดผ้าไหมในมือของซิวเอ๋อด้วยความตกตะลึง แม้จะไม่ได้เกิดในยุคนี้แต่ก็รู้ว่าหากสวมใส่มันออกไปเดินเพ่นพ่านด้านนอก… คงมีใครหลายคนต้องน้ำลายไหลจนหมดตัวเพราะเธอแน่!

แต่ด้วยสภาพอากาศที่โหดร้าย หากไม่ใส่อะไรเลยคงจะไม่พ้นต้องหนาวตาย ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยัดร่างกายลงไปในชุดนี้ซะ!

เฉินเถียนเถียนใช้ผ้าเช็ดตัวห่อหุ้มหน้าอกและช่วงล่างไว้ ก่อนจะสวมชุดนอนบางเบาจนแทบจะมองเห็นทุกส่วน!

เอาล่ะ! แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย จากนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเดินไปส่องดูเงาของตนเองในอ่างน้ำ!

‘จะว่าไป หญิงผู้นี้งดงามมากทีเดียว! ไม่แปลกใจเลยที่พ่อจะใช้เป็นของขวัญเพื่อแลกเปลี่ยน ก็เพราะรูปร่างหน้าตาของนางน่ะมันช่าง…’

‘นี่มันหญิงงามล่มเมืองชัด ๆ!’

เฉินเถียนเถียนรู้สึกหลงไหลในความงดงามของตน แม้ร่างกายจะซูบผอมจากการขาดสารอาหาร ก็ยังถือว่างดงามยิ่ง ผมยาวสีน้ำตาลเข้มนั้นช่างเข้ากับใบหน้านัก แต่ไม่ว่าอย่างไรหากแก่ตัวและตายไป… ทุกคนก็ย่อมมีหน้าตาเหมือนกันหมด!

ยังไงซะความงามปลอมเปลือกในยุคปัจจุบัน ยังไม่สามารถเทียบความน่าพิศมัยของเธอคนนี้ได้เลย!

ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของนางยังงดงามราวกับนางในวรรณคดี

เพียงแค่คิดว่าใบหน้านี้จะกลายเป็นของตนนับจากนี้ไป เฉินเถียนเถียนก็ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก!

แม้เมื่อก่อนใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าเธอสวยที่สุดในสถานีตำรวจ แต่คำพูดพวกนั้นเป็นเพียงเรื่องจอมปลอม! แต่ดูหน้าตาของเธอตอนนี้สิ …สวยเสียยิ่งกว่าดาวจรัสฟ้า!

เพราะเฉินเถียนเถียนมัวเสียเวลากับการชื่นชมความงดงามของตนอยู่ ทำให้หลี่ซื่อฮวาที่รออยู่นานเริ่มหงุดหงิด เขาสั่งให้คนมาตะโกนเรียกซิวเอ๋อที่หน้าประตู และทันใดนั้นเองซิวเอ๋อก็เริ่มรู้สึกตัวและกำลังจะตื่น!

‘แย่แล้ว! จะซวยเพราะหน้าของตัวเองจนได้!’

‘ขายหน้าชะมัด!’

จากนั้นเฉินเถียนเถียนรีบหนีออกไปทางหน้าต่างทันที

แต่ในขณะที่กำลังเร่งรีบ เธอกลับเหยียบน้ำจนลื่นไปกับพื้น หญิงสาวรีบใช้มือคว้าเอาผนังกั้นลมเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง

 

แต่เธอไม่รู้ว่าผนังกั้นลมน่ะไม่สามารถช่วยได้… มันล้มลงและทับร่างกายของเธออย่างแรง!

ด้วยความเจ็บปวดนี้ เธอจะต้องได้ย้อนกลับไปในยุคปัจจุบันที่จากมาแน่นอน!

ในยุคนี้ เฉินเถียนเถียนไม่ได้รู้สึกดีหรือมีความสุขสักนิด ถ้าได้กลับไปก็ดี!

ขณะที่เฉินเถียนเถียนกำลังโลดแล่นอยู่กับความคิดไร้สาระ ทันใดนั้นทุกอย่างก็จมลงสู่ความมืดทันที!

เสียงโครมครามที่เฉินเถียนเถียนสร้างขึ้นเมื่อครู่ทำให้สาวใช้ทั้งสองคนตื่นขึ้นมาทันที

ซิวเอ๋อพยายามลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะถูกมัดไว้ ส่วนชวนเอ๋อที่นอนอยู่ข้าง ๆ ลูบคล้ำท้ายทอยของตัวเองอย่างเจ็บปวด

ชวนเอ๋อรีบนำเรื่องนี้ไปรายงานนายน้อยหลี่ทันที!

เด็กสาวคนนี้น่าสนใจไม่น้อย นางสามารถหนีออกจากบ้านของเขาได้ด้วยงั้นหรือ? นานแล้วที่เขาไม่ได้พบเจอกับอะไรที่น่าตื่นเต้นอย่างนี้… เมื่อคิดอย่างนั้นแววตาสนุกสนานพลันฉายขึ้นบนใบหน้าของนายน้อยหลี่ที่กำลังมองดูห้องน้ำตรงหน้า!

หลี่ชุนฮว๋าเห็นผนังกั้นลมล้มแตก รอยเท้าและร่องรอยการล้ม เขาจึงรู้ทันทีว่าเด็กสาวคนนั้นต้องล้มกระแทกพื้นก่อนจะหายตัวไป

‘แต่ด้วยเวลาเท่านี้ นางจะหนีไปไหนได้?’

หลี่ซื่อฮวาโบกมือไล่ เขาไม่ถือสาหรือลงโทษสาวใช้ทั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเลย!

‘’หึ! เด็กสาวบ้านนอกที่มีแต่คนบอกว่าอ่อนแอและบอบบาง แต่กลับหนีออกไปจากที่นี่ได้งั้นเหรอ!’

ความจริงแล้วเฉินเถียนเถียนยังไม่ได้หนีไปไหน แต่ผนังกั้นลมที่ทับตัวอยู่ทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นเธอ

ตอนนี้เธอหมดสติไปเพราะการล้มหัวฟาดพื้นเมื่อครู่นี้

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอหมดสติ ตอนนี้เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แต่ก็ยังพยายามพยุงตัวที่จะลุกขึ้นให้ได้

ที่นี่ที่ไหนกัน? ทำไมใต้ฝ่าเท้าไม่ใช่พื้น มีแต่ควันเต็มไปหมด รอบ ๆ นี้ไม่มีอะไรเลยราวกับยืนอยู่บนก้อนเมฆ!

‘ครั้งก่อนฉันได้เห็นว่าโลกนี้มีพ่อแม่ใจร้ายที่เอาลูกสาวตัวเองไปขาย… แล้วครั้งนี้จะให้ฉันเห็นอะไรอีก?’

เฉินเถียนเถียนนึกในใจพลางก้มหน้าลง ‘แต่ตอนนี้เรายังใส่ชุดนอนตอนที่กำลังจะหนีออกมานี่?!”

‘ยังไม่ได้ข้ามกลับไปภพเดิม! ฉันยังอยู่ในยุคที่มีพ่อใจร้าย!’

เฉินเถียนเถียนทุบศีรษะตัวเองเบา ๆ ก่อนจะบ่นพึมพำ ‘แล้วที่นี่มันคือที่ไหน? หรือจะเป็นฝีมือของนายน้อยหลี่?’

“ยินดีต้อนรับลูกค้าใหม่เข้าสู่มิติข้ามเวลาเถาเป่า!”

‘หืม? นี่มันอะไรกัน?’

เฉินเถียนเถียนตื่นตระหนกกับเสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ทราบที่มาที่ไป!

ทันใดนั้นก็มีหน้าจอที่กำลังฉายภาพความทรงจำมากมายในวัยเด็กของเฉินเถียนเถียนคนก่อนโผล่ขี้นมาด้านหลัง

เฉินเถียนเถียนถูกภาพความทรงจำเหล่านั้นดึงดูดไว้ทันที  นางทั้งดีใจเสียใจไปกับเฉินเถียนเถียนตัวน้อยในจอนั้น!

ในความทรงจำของเถียนเถียนตัวน้อย ภาพของผู้เป็นแม่เบลอจนแทบมองไม่เห็น แต่ก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักการดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจ แต่ความรู้สึกของแม่ที่มีต่อพ่อของนางนั้นค่อนข้างประหลาด!

ในบางครั้งก็เหมือนว่าแม่รักและเป็นห่วงพ่อมาก! แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโกรธแค้นและสับสน!

ภาพของแม่ค่อยๆ จางหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงธนบัตรมากมายโปรยอยู่เต็มท้องฟ้า ไม่นานนักหญิงงามคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น ใบหน้านั้นค่อนข้างเย็นชา ผู้หญิงคนนั้นมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าที่เย็นชายิ่งกว่าซึ่งยืนหลบยกยิ้มอยู่ด้านหลัง หากผู้อื่นมองเห็นรอยยิ้มนี้อาจจะรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังจนไม่อาจขยับตัวได้!

ก่อนหน้านี้พ่อก็แทบจะไม่คุยกับเฉินเถียนเถียนอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านก็ยิ่งทำให้พ่อเย็นชามากกว่าเดิม จนสุดท้ายเขาก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน

หลังจากนั้น พ่อและแม่เลี้ยงก็มีลูกชายอีกหนึ่งคน ซึ่งเติบโตภายใต้การดูแลของแม่เลี้ยง และเด็กคนนี้มักจะคอยกลั่นแกล้งพี่สาวต่างมารดาอยู่เสมอ!

หลี่ซื่อฮว๋าได้แต่ยกยิ้มแห้ง แม้จะอยากได้ร้านวัตถุโบราณนี้ขนาดไหนแต่ก็ไม่อาจคว้ามาได้ เพราะถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้เข้า เขาคงไม่อาจอยู่ในบ้านหลังนี้อีกต่อไป

“อืม เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้เรามาคุยเรื่องสำคัญก่อนเถิด พ่อเจ้าคงไม่ได้ส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มาเพื่อพูดจาไร้สาระ! อย่างไรแล้วข้าก็คงต้องรับน้ำใจนี้ไว้!”

หลี่ซื่อฮว๋าเผยแววตาชั่วร้ายก่อนจะเดินเข้าหาเถียนเถียนอย่างตั้งใจ ทุกย่างก้าวของเขาราวกับกำลังเหยียบย่ำหัวใจนางไม่มีผิด

ตอนนั้นเองที่มือหนาของหลี่ซื่อฮว๋าคว้าที่คอเสื้อของเฉินเถียนเถียน!

หลินชวนฮวาตั้งใจส่งเฉินเถียนเถียนมาให้นายน้อยหลี่เพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่าง แล้ว…นายน้อยหลี่คือใครกัน?

นายน้อยหลี่คือปรมาจารย์แห่งความเย่อหยิ่งและยังสุรุ่ยสุร่าย เขาสวมใส่ชุดที่ทอด้วยผ้าไหมอย่างดี เฉินเถียนเถียนมองเขาด้วยแววตาล้ำลึก การที่ชายหนุ่มตรงหน้าทำเช่นนี้คืออะไร… ต้องการสัมผัสเสื้อผ้าที่หยาบกร้านงั้นหรือ?

อย่างไรก็ตาม แม้หญิงสาวคนนี้จะมีใบหน้างามงดก็จริง แต่ร่างกายของนางกลับผอมแห้งไร้เนื้อหนัง นี่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจนัก ดูเหมือนว่าสภาพความเป็นอยู่ของนางจะค่อนไปทางลำบากซะส่วนใหญ่!

ความสงสารพลันก่อเกิดขึ้นในใจของนายน้อยหลี่ ต่อให้นางจะอาศัยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงเหมือนกัน แต่ตัวเขายังกินอิ่มนอนอุ่นและมีความสุขดี… เขาตั้งปณิธานในใจว่าจะทำให้ร่างกายของเด็กสาวที่ขาดสารอาหารตรงหน้ากลับมามีเนื้อหนังให้ได้!

ดูใบหน้าเรียวราวนั่นสิ… อีกทั้งผิวยังขาวราวกับหิมะ นางงดงามเหลือเกิน!

เพราะเฉินเถียนเถียนเป็นตำรวจมานานหลายปี เช่นนี้นางจึงสามารถคาดเดาอารมณ์จากสีหน้าของผู้อื่นได้

จากสีหน้าเห็นได้ชัดว่าเขาไม่กล้าลงมือขืนใจเธอ แท้จริงแล้วนายน้อยหลี่ก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้ง!

“เหตุใดแม่จึงด่วนจากข้าไปเช่นนี้ เหตุใดต้องปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียว? พ่อก็ไม่รัก แม่เลี้ยงก็คอยกลั่นแกล้ง ทั้งยังส่งข้ามาเป็นข้อแลกเปลี่ยนราวกับสิ่งของ!”

อยู่ ๆ เฉินเถียนเถียนร้องไห้โวยวายจนทำให้หลี่ซื่อฮว๋าตกใจ

“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้ ข้า… ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย!”

เฉินเถียนเถียนดีใจและหยุดร้องไห้ แต่ยังคงแสร้งสะอื้นไม่หยุด!

“นายน้อยช่างเป็นคนดีเสียจริง ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยข้าไปเถิด!”

แม้เด็กหญิงคนนี้จะงามงดเพียงใด แต่เมื่อเห็นนางอยู่ในสภาพเช่นนี้เขากลับไม่กล้าสบตาจึงได้แต่เบือนหน้าหนี!

“สกปรกเช่นนี้จะให้ข้าคิดทำสิ่งใด? เจ้า! พานางไปอาบน้ำล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้ จากนั้นค่อยกลับมาหาข้า!”

เฉินเถียนเถียนคิดว่ากำลังจะรอดพ้นจากน้ำมือของนายน้อยหลี่ แต่แท้จริงเขาเพียงรังเกียจตัวเธอเท่านั้น!

‘เจ้าบ้านี่มีสมองมีปัญหางั้นเหรอ? ถ้วยเก่าอายุร้อยปียังกล้าใช้มันเพื่อดื่มชาแต่กลับรังเกียจตัวข้าเนี่ยนะ?’

เฉินเถียนเถียนได้แต่คิดในใจและไม่กล้าพูดออกมา อีกทั้งเมื่อเหลือบมองชายร่างใหญ่ที่อยู่ใกล้ เธอไม่มีทางหนีรอดได้แน่ แล้วตอนนี้เธอต้องไปอาบน้ำตามคำสั่งนายน้อยหลี่… งั้นแปลว่าต้องมีคนมาคอยเฝ้าด้วยเหรอ?

เฉินเถียนเถียนถูกสาวใช้สองคนลากตัวไปอาบน้ำ เมื่อถึงเวลานี้ก็รู้ได้ทันทีว่านายน้อยหลี่มิได้ใจดีอย่างที่คิด! แม้เขาจะสั่งให้สาวใช้พาเธอไปอาบน้ำแต่ก็ไม่คิดจะแก้มัดให้แต่อย่างใด

เฉินเถียนเถียนพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่เชือกถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา การขยับตัวเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้รู้สึกเจ็บเป็นอย่างมาก

เอาล่ะ ถ้าอยากหนีไปจากที่นี่ก็คงต้องพึ่งสาวใช้สองคนนี้เท่านั้น!

“พี่สาวทั้งสอง เชือกนี้รัดข้าไว้แน่นเหลือเกิน ข้าเจ็บ ช่วยแก้มัดให้ทีได้ไหม?”

สาวใช้ทั้งสองมองหน้าเฉินเถียนเถียนก่อนจะสบตากันและส่ายหัว

“พี่สาว ข้ารู้ว่าพี่ทั้งสองเป็นคนดี ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นหญิงเหมือนกัน พวกท่านทนเห็นข้าถูกชายผู้นั้นทำร้ายได้งั้นหรือ?”

สาวใช้อาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อยู่เงียบ ๆ เถิด เจ้าได้เข้ามาอยู่ดูแลนายน้อยที่นี่นับว่าเป็นความโชคดี มีหญิงอีกมากที่อยากจะทำเช่นนี้แต่ไม่มีโอกาส”

สาวใช้อีกคนพยักหน้า แม้จะไม่เห็นด้วยแต่เพราะคำพูดของสาวใช้อาวุโสจึงทำให้นางไม่กล้าแย้ง อีกทั้งยังไม่กล้าขัดขืนคำสั่งนายน้อยด้วย!

‘โชคดีเหรอ?’

‘โชคดีอะไรกัน? ตรรกะความคิดของผู้คนที่นี่เป็นบ้าไปหมดแล้วหรือไง?’

“หากการเป็นภรรยาของนายน้อยนับเป็นเรื่องโชคดี ถ้าเช่นนั้น… พี่ก็ไปแทนข้าสิ!”

สาวใช้ผู้นั้นมองหน้าเฉินเถียนเถียน “นี่เป็นโชคดีของเจ้า ไม่ใช่ของข้า!”

เห็นได้ชัดว่าตรรกะของสาวใช้ตรงหน้ายังคงใช้การได้อยู่เพราะแม้แต่นางเองก็ไม่ต้องการจะเป็นผู้หญิงของนายน้อยหลี่เช่นกัน!

สาวใช้อีกคนเห็นเลือดซึมออกมาจากเชือกจึงพูดด้วยความสงสาร “พี่ซิวเอ๋อ เราแก้เชือกให้นางดีไหม? นางคงหนีไปไหนไม่ได้หรอก ดูสิ! เลือดออกเต็มไปหมดแล้ว!”

สาวใช้อาวุโสโบกมืออย่างปฏิเสธแต่ก็ปลดเชือกให้หลวมขึ้นเล็กน้อย

การปลดเชือกออกเพียงนิดนับว่ามีประโยชน์มาก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นตำรวจ เชือกแค่นี้ไม่มีทางทำอะไรเฉินเถียนเถียนได้!

“พี่สาวทั้งสองใจดียิ่ง แต่ถ้าข้าหนีไป นายน้อยหลี่คงจะไม่ให้อภัยพวกท่านทั้งสองแน่!”

สาวใช้หัวเราะ “เจ้าไม่ต้องคิดมาก นายน้อยไม่ได้โหดร้ายอะไรนักหรอก!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเถียนเถียนพลันโล่งใจ เพราะในยุคโบราณแล้วชีวิตของเหล่าคนรับใช้ทั้งหมดล้วนแต่ไร้ค่า ถ้าเธอหนีไปแล้วสาวใช้ทั้งสองคนนี้ต้องถูกลงโทษจนตาย เรื่องนี้คงทำให้เธอรู้สึกผิดไม่น้อย!

การที่สาวใช้พูดกล่าวออกมาอย่างสบายใจนั่นหมายความว่าถ้าเธอหนีไป พวกนางก็ไม่ได้ถูกลงโทษถึงตาย!

หลังจากนั้น ซิวเอ๋อจึงลุกไปหยิบเสื้อผ้า ขณะเดียวกันสาวใช้อีกคนจึงพูดกับเฉินเถียนเถียนว่า “เจ้าช่างงดงามนัก ราวกับไม่ได้มาจากชนบท”

เฉินเถียนเถียนถอนหายใจ “งดงามแล้วมันดีอย่างไรหรือ? สุดท้ายข้าก็โดนพ่อเอามาขายอยู่ดี”

สาวใช้ถอนหายใจ “ในยุคนี้ชีวิตผู้หญิงช่างไร้ค่า! แต่อย่ากลัวเลย… หากนายน้อยได้เห็นความงามที่แท้จริงของเจ้า เขาอาจจะเบามือลง!”

เฉินเถียนเถียนขยับตัวยุกยิกไปมาพร้อมกับร้องออก “พี่สาว… ดูหลังให้ข้าที! เหตุใดจึงรู้สึกคันเช่นนี้ มันมีตุ่มอะไรขึ้นหรือไม่?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วสาวใช้รีบลุกขึ้นเพื่อตรวจสอบทันที ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนใช้เทคนิคที่เคยเรียนรู้ในกรมตำรวจเพื่อแก้เชือกหลวมออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้สันมือทุบลงที่ต้นคอของสาวใช้ตัวน้อย

สาวใช้ล้มพับไปกับพื้นอย่างรวดเร็วแต่เฉินเถียนเถียนคว้าร่างของนางเอาไว้ได้ทันก่อนจะร่วงถึงพื้น เช่นนี้ก็เพราะเธอไม่ต้องการให้ชิวเอ๋อรู้ตัว

นี่คือโอกาสในการหลบหนี… นายน้อยหลี่คงไม่คิดว่าเธอจะรอดพ้นไปได้จึงไม่ให้ผู้ใดเฝ้าที่หน้าประตูเลยสักคน!

เฉินเถียนเถียนรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ มันเจ็บจนแทบทนไม่ไหว

รอเดี๋ยวนะ… ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าเธอตกบันไดหัวฟาดพื้นตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมจึงยังรู้สึกเจ็บอยู่ล่ะ?

ตอนนี้เธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันเลวร้ายมาก ทั้งร่างกายถูกทับไว้โดยไม่สามารถขยับตัวได้ ข้างใต้ทั้งเย็นและแข็งทำให้ไม่สบายตัวมาก เฉินเถียนเถียนพยายามพลิกตัวเพื่อหันไปอีกทางแต่ศีรษะก็กระแทกเข้ากับบางสิ่งอย่างแรง

ศีรษะที่รู้สึกปวดมากอยู่แล้วในตอนแรก พอโดนกระแทกเข้าไปอีก ยิ่งรู้สึกปวดมากขึ้นกว่าเดิม

เธอขมวดคิ้วแน่นเพราะไม่อาจลืมตาได้โดยง่าย สิ่งแรกที่เห็นคือเตียงไม้แกะสลักตกแต่งด้วยผ้าม่านสีข้าว กลิ่นอายยุคโบราณปะทะเข้ากับจมูกของเธอเต็ม ๆ

ที่นี่คงไม่ใช่โรงพยาบาลหรอกมั้ง… ไม่มีโรงพยาบาลไหนจะตกแต่งห้องหับได้หรูหราเช่นนี้แน่

ทุกสิ่งรอบตัวแปลกประหลาดไปหมด แม้จะประหลาดใจแต่ก็ยังพยายามยันตัวลุกขึ้น จนตอนนี้เองที่เธอตระหนักได้ว่ามือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ ขาทั้งสองก็ด้วยเช่นกัน

นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย เจ็บจะตายอยู่แล้วยังคิดจะมัดฉันไว้แบบนี้อีกเหรอ?

“ตื่นแล้วหรือ?”

“คุณเป็นใคร?”

เฉินเถียนเถียนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับประหลาดใจเมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาผมยาวสวมใส่ชุดในยุคสมัยจีนโบราณราวกับเป็นบุตรชายของตระกูลใหญ่ที่แสนร่ำรวย อีกทั้งยังมีบริวารอยู่ด้านหลังอีกด้วย

ชายคนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะทรงกลม ในมือของเขาถือถ้วยแก้วโปร่งใสที่ดูงดงามประณีต

เฉินเถียนเถียนเบิกตากว้างทันทีเมื่อได้เห็นแก้วชาใบนี้ เป็นเพราะคุณปู่เคยสั่งสอนเธอเลยมีความรู้สึกมีความรู้และเข้าใจเรื่องราวของวัตถุโบราณอยู่บ้าง

“ช่างงดงามเสียจริง! ถ้วยใบนี้เนื้อเนียนละเอียด มีสีสันดุจหยกเคลือบ… และเรืองแสงเปล่งประกายด้วย… แต่น่าเสียดาย…” เฉินเทียนเถียนยังคงมองประกายระยิบระยับของถ้วยที่สะท้อนแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุมากกว่ายี่สิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นถ้วยเรืองแสงของจริง

ดวงตาของเฉินเทียนเถียนยังคงจับจ้องไปที่ถ้วยเรืองแสง ขณะที่ชายแปลกหน้าผู้ถือถ้วยใบนั้นค่อยๆเดินมายังเตียงของเธอ ประกายตาของเขาชวนให้รู้สึกกังวล อีกทั้งรูปลักษณ์ที่ดูก้าวร้าวนั้นก็ยิ่งทำให้เฉินเทียนเถียนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“เสียดายอะไร?”

“เสียดายที่สิ่งของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป มันน่าจะเป็นของที่พวกมีฐานะอย่างเศรษฐีเอาใช้ในงานศพ สิ่งของแบบนี้ถ้าเอามาเพื่อชื่นชมก็พอได้ แต่การเอามาใช้มันก็ค่อนข้างจะ…”

เขาพอเข้าใจถึงสิ่งที่นางกล่าวออกอยู่บ้างพร้อมพยักหน้าแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ

ขณะนั้นเฉินเถียนเถียนก็พยายามขยับตัวไปมาแต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้ ความอึดอัดกำลังถาโถมเธอไม่น้อย

มองดูจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เธอน่าจะข้ามภพมาแล้วแน่นอน ซึ่งในชาติภพก่อนเธอไม่เคยชื่นชอบเรื่องราวที่มักจะเกิดขึ้นในนิยายเลย แต่ตอนนี้เธอกลับตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้นเสียแล้ว

ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรก แม้จะไม่ชอบ แต่เธอก็จะลองอ่านมันดูสักหน่อย มันคงจะดีกว่าเรื่องราวในตอนนี้แน่… เพราะเธอไม่รู้อะไรเลย!

แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่มีเวลาจะมาคิดเรื่องเหลวไหลพวกนี้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบหาวิธีหนีออกไปจากที่นี่ดีกว่า

“ข้าพอจะมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณบ้างนิดหน่อย เราสามารถนั่งคุยกันได้นะ… แต่ช่วยแก้มัดให้ข้าก่อนได้หรือไม่?”

ช่างน่าสนใจ! เขาเป็นนายน้อยของตระกูลหลี่และถือได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลคนหนึ่ง เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่หมกมุ่นกับกามารมณ์ ทางบ้านมักจะส่งหญิงงามทั่วแคว้นเพื่อมาบำเรอปรนเปรอเขาไม่หยุดหย่อน

เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย เขาเลือกที่จะนอนกับผู้หญิงสองสามคนที่ไม่จู้จี้จุกจิก ทุกคนในแคว้นย่อมรู้ดีว่านายน้อยของตระกูลหลี่มีกิตติศัพท์ด้านความโลภและกามตัณหา

โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงที่ถูกส่งตัวมาเช่นนี้ย่อมรู้ดีว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ส่วนใหญ่ก็มักจะเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ก็มีผู้หญิงบางคนที่คิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อผูกมัดตนเองและหาหนทางไต่เต้าขึ้นเป็นคุณนายของตระกูลหลี่

แต่ทั้งสองประเภทนี้ดันไม่มีอยู่ในตัวของนางเลย นางไม่ได้เรียกร้องหรือโวยวายใด ๆ แต่กลับพยายามหลอกล่อเพื่อหาวิธีหนีออกไปให้ได้เพียงเท่านั้น

ทุกคนล้วนรู้กันดีว่าคุณชายใหญ่มีนิสัยใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดไหน มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ถูกส่งตัวมาบำเรอเขาแล้วสามารถหลบหนีไปได้ ในเมืองนี้ไม่เคยมีเด็กคนไหนที่เจอเขาแล้วไม่ร้องไห้ แต่คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีรูปลักษณ์ดูสง่างดงามจะกล้าหาญได้มากเพียงนี้ อีกทั้งนางยังกล้าต่อรอง ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่ง

หลี่ซื่อฮวายกยิ้มมุมปากพร้อมจับจ้องด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่เพียงเรียกเด็กรับใช้เข้ามาแล้วเอ่ยถาม “ใครเป็นคนส่งตัวนางมา?”

“ตระกลูเฉินจากหมู่บ้านเทพธิดาส่งมาขอรับ ส่งนางมาเป็นตัวแลกเปลี่ยนเพื่อขอโอกาสเข้าเรียนโรงเรียนในตระกูลของเราขอรับ”

เด็กรับใช้ครุ่นคิดสักพัก “คนที่อยากเข้าเรียนโรงเรียนของเรานั้นเหมือนจะเป็นเฉินเฉิงเยี่ย… พี่ชายของนางนะขอรับ”

“อย่างงั้นหรือ เจ้าโง่นั้นหรอต่อให้เข้ามาเรียนในโรงเรียนตระกูลของเราได้ แต่ถ้าเกิดว่าถูกท่านอาวุโสหลินสอนไปแล้วละก็… การสอบขั้นพื้นฐานก็คงสอบเข้าไม่ได้ แล้วเหตุใดข้าจะต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรที่มีค่าแบบนี้ไปทำไมกันล่ะ?”

หลี่ซื่อฮวาเผยแววตาไม่พอใจ คนที่คิดเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแบบนั้น คิดจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้เพื่อแสวงหาความสำเร็จในชีวิตเชียวเหรอ?

เด็กรับใช้ของเขาพยายามกลั้นขำพร้อมอธิบายต่อ “จะให้ทำยังไงได้ล่ะขอรับก็ในเมื่อพ่อของเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขายอมเสียลูกสาวเพื่อแลกกับอนาคตของลูกชาย คิดดูแล้วมันก็ยังคุ้มค่า อย่างไรแล้วสักวันลูกสาวเขาก็จะเป็นของคนอื่นอยู่ดี แต่ลูกชายก็ยังเป็นของตัวเองอยู่นะขอรับ”

หลี่ซื่อฮวายังไม่ทันได้บอกให้เด็กรับใช้ออกไป ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังโวยวายขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน ลูกสาวไม่ใช่คนหรอ ถ้าคิดจะทำเรื่องเลว ๆ แบบนี้ก็สมควรถูกตอนทิ้งไปซะ! รอให้ข้าออกไปได้ก่อนเถอะ ข้าจะไปตอนของเขาทิ้งแน่”

ผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องตกตะลึงอยู่พักนึงแล้วรีบหนีบขาเข้าหากันในทันที

“เจ้าใจเย็นก่อนเถิด อย่าใช้อารมณ์เลย” น่าเสี่ยวซือนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์งดงามสวยสง่าแบบนี้ แลดูอ่อนแอคล้ายกับคนขาดอาหารที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะมีจิตวิญญาณที่เกรี้ยวดราดได้ถึงเพียงนี้

“เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงพอควร ไม่ว่ายังไงเขาก็คือพ่อแท้ ๆ ของเจ้านะ”

แม่เจ้า…

โอ้สวรรค์…

เป็นพ่อแท้ ๆ งั้นเหรอ!

เฉินเถียนเถียนจึงตระหนักได้อีกครั้งว่าเธอไม่ใช่ตำรวจหญิงที่เก่งกาจคนเดิมอีกต่อไป เธอข้ามมาอีกภพหนึ่งแล้วและภพที่เธอข้ามมาอยู่ในตอนนี้นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังเข้าไปอีก

ชาติที่แล้วไปทำเรื่องไม่ดีอะไรมานักหนา ถึงมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้กันล่ะเนี่ย?

เอาล่ะ ใจเย็น ๆ ก่อน เมื่อครู่เธอเพิ่งจะแสดงกิริยาก้าวร้าวต่อหน้าผู้ชายคนนี้อยู่เลยนะ…

คนโบราณนี่ค่อนข้างจะใช้แต่อารมณ์ที่เกรี้ยวกราด เฉินเถียนเถียนคิดว่าถ้าเธอคิดที่จะพูดต่อไป คนที่จะซวยก็คือเธอเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ

“งั้นเรามาพูดเรื่องของเราต่อดีกว่า ข้าสังเกตจากห้องของคุณชายแล้ว น่าจะเป็นการทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณใช่หรือไม่? และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คุณจะเจอผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้แบบข้า งั้นเรามาลองคุยกันดูก่อนดีไหม?”

“ถึงตระกูลของข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับวัตถุโบราณก็จริง แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้หรอก เพราะฉะนั้นการเก็บเจ้าไว้มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า”

หลี่ซื่อฮวาเลิ้กคิ้วและมองหน้าเฉินเถียนเถียน เขาอยากเห็นว่านางจะเผยสีหน้าอะไรออกมา

“เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลหลี่ เหตุใดเรื่องธุรกิจในครอบครัวตนเองยังยุ่งไม่ได้… ข้าซักจะเป็นห่วงแทนท่านแล้วสิ คุณชายไม่คิดจะอยากมีอำนาจในบ้านหลังนี้บ้างเลยหรือไร?”

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า คือพรานป่า

Score 10
Status: Completed

เรื่อง สามีข้า คือพรานป่า


โดย นำเรื่อง สามีข้า คือพรานป่า มาเป็นบางส่วน

บทนำ หลงยุคมาเจอการคลุมถุงชนว่าแย่แล้ว พ่อกับแม่เลี้ยงยังไม่ใยดีขนาดคิดจับตัวนางออกขาย แม้รอดพ้นแต่ก็ต้องเผชิญความหิวโหย หลงทางบนป่าเขายังดีได้พรานป่าหนวดเฟิ้มช่วยเหลือ พอจะหลงรักโดยไม่สนหน้าตา พลิกผันอีกสัปดาห์ปรากฏว่าเป็นองค์ชาย! ไหนว่าจะปลูกผักทำไร่ด้วยกัน หลอกลวงทั้งเพ! ข้าไม่อยากเป็นชายาเจ้า!

Options

not work with dark mode
Reset