สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 680 อาจารย์มาแล้ว

บทที่ 680 อาจารย์มาแล้ว

บทที่ 680 อาจารย์มาแล้ว

แค่นักธนูคนหนึ่งกล้าท้าทายองครักษ์เสื้อแพรของวังหลวงอย่างนั้นหรือ!

ช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!

หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรกระโดดขึ้นแล้วฟาดฟันด้วยกระบี่ยาวของเขาลงที่ศีรษะของกู้เจียวอย่างรวดเร็ว!

ในระยะใกล้ขนาดนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะยิงธนูได้อย่างไร!

กู้เจียวไม่ได้เลือกที่จะหลบ แต่ปล่อยให้ม้ารับแรงจากการโจมตีแทน

แต่เขาคิดผิดที่คิดว่ากู้เจียวจะยิงธนูเป็นอย่างเดียวเท่านั้น

กู้เจียวมองเขาอย่างเย็นชา

กำลังจะฟันเขาให้ขาดครึ่งท่อนอยู่แล้ว เหตุใดเด็กคนนี้ถึงยังดูนิ่งนัก

ความนิ่งสงบของกู้เจียวไม่ได้เกิดจากความประหม่า ความจริงแล้วฝีมือการต่อสู้ของพวกนี้ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย ฝีมือการต่อสู้ของแต่ละคนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเทียนหลังด้วยซ้ำ

นางไม่เคยได้ลองต่อสู้กับ “เทียนหลัง” หกคนพร้อมกันมาก่อน

แต่นางก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองตื่นตระหนก

ควรสู้ก็ต้องสู้ ควรฆ่าก็ต้องฆ่า คู่ต่อสู้เก่งกาจก็ต้องสู้อย่างจริงจัง คู่ต่อสู้ไม่เก่งก็ควรสู้แต่พอประมาณ แต่อย่างไรก็ตามจะไม่มีทางถอยหลังกลับ

กระบวนท่ากระบี่พุ่งเข้ามา เส้นผมและชายเสื้อของนางปลิวว่อนไปด้านหลัง

นางดึงทวนพู่แดงออกมาจากด้านหลัง ปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายได้!

กระบวนท่ากระบี่พุ่งเข้าใส่ทวนพู่แดงถูกสะบัดจนผ้าขาวที่ห่อหุ้มทวนแตกออก เผยให้เห็นพู่ถักที่ประดับอยู่บนปลายทวนและลวดลายที่อยู่บนทวน

หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรเกือบจะตาพร่า เขาถึงกับหยุดหายใจไปชั่วครู่!

ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน!

กู้เจียวหมุนทวนแล้วแทงไปที่เอวของเขา!

“บัดซบ!”

เขาถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปทันที!

ไม่ใช่ว่าเขาหลบไม่ทัน ไม่ใช่ที่เขาตั้งรับไม่ทัน จริงๆ แล้วทวนพู่แดงนั่นมันช่างน่าเกลียดนัก โตมาขนาดนี้ ฝึกฝนวิชามาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นอาวุธที่น่าเกลียดขนาดนี้มาก่อนเลย!

ก่อนที่เขาจะตกลงถึงพื้น เขาใช้กระบี่ยาวปักลงกับพื้นแล้วพลิกตัวกลับคืนมาอย่างสง่างาม!

“พี่ใหญ่!”

ที่เหลืออีกไม่กี่คนก็เข้ามาล้อมรอบ

ยังสู้ไหวอีกหรือ

ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์มองกู้เจียวอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “พวกเจ้าจะหาทางผ่านไปให้ได้ ถึงแม้ต้องว่ายน้ำก็ต้องว่าย” เพราะเขาเชื่อว่าแค่เด็กน้อยอย่างกู้เจียวนั้น เขาสามารถจัดการได้แน่นอน!

“ขอรับ พี่ใหญ่!”

หลายคนตอบรับพร้อมกัน

พวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเด็กคนนี้มีเพียงพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้น ไม่มีพลังภายในแม้แต่น้อย คนแบบนี้ต่อให้ฝีมือเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้พวกเขาได้เกินสิบกระบวนท่า

พี่ใหญ่จัดการเจ้าได้สบายอยู่แล้ว!

คนกลุ่มนั้นก้าวเดินไปข้างหน้า

กู้เจียวกลับควบม้าพุ่งไปข้างหน้าคนกลุ่มนั้น ทวนพู่แดงปักลงกับพื้น ใช้แรงผลักตัวเองกระโดดกลับตัวมายืนอยู่ข้างหน้าคนกลุ่มนั้น!

นางถือทวนพู่แดงยืนขวางทางไม่ให้มีใครสามารถผ่านไปได้ “วันนี้ไม่มีผู้ใดผ่านไปได้เด็ดขาด!”

องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งเอ่ย “ปากดีเสียจริง มาดูกัน!”

เขาถือกระบี่วาดมาที่กู้เจียว

เมื่อครู่ ทุกคนต่างก็ถูกทวนพู่แดงของกู้เจียวทำให้ตกตะลึง แต่ตอนนี้พวกเขาก็กลับมามีสติแล้ว องครักษ์เสื้อแพรคนนั้นใช้พลังเพียงห้าส่วน

นี่นับเป็นการให้เกียรติเด็กคนนี้

สำหรับคนที่ไม่มีพลังภายใน แม้แต่การใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนก็ถือว่ามากเกินไป โนเวลพีดีเอฟ

ส่วนที่เหลืออีกสี่ส่วนส่วนใหญ่เป็นการระบายอารมณ์ เขาต้องการจะฟันเด็กคนนี้ให้เละเป็นชิ้นเนื้อ!

แต่ผู้ใดจะไปรู้เล่า และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้อยู่ตรงหน้าเขา แต่ทันทีที่กระบี่ฟันลงมา อีกฝ่ายก็หลบได้ในทันที!

ว่องไวนัก!

กู้เจียวหลบการโจมตีแล้วก็พุ่งทวนพู่แดงเข้าใส่เขา

อย่างไรก็ตาม เทียนหลังก็คือเทียนหลัง เป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกกู้เจียวโจมตีได้ง่ายๆ

เขาหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย

ฝีมือของเขาอยู่ในลำดับที่ห้าในบรรดาหกคน

เขายิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็เท่านั้นล่ะ! ตายเสียเถอะ!”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และใช้พลังทั้งเจ็ดส่วนในทันที

กู้เจียวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย แท้จริงแล้วก็เป็นมือสังหารเช่นกัน

แต่ไม่ใช่มือสังหารธรรมดา พวกเขาดูเหมือนจะฝึกฝนเคล็ดวิชาบางอย่างที่สามารถซ่อนกลิ่นอายของมือสังหารได้ มองเผินๆ ก็เหมือนนักสู้ทั่วไป

กู้เจียวต่อสู้กับเขาไปหลายกระบวนท่า จำต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก

นางไม่มีเวลาพอที่จะทำดินระเบิด ดินปืนของนางก็ใช้หมดไปกับการจัดการกับหันซื่อจื่อแล้ว

“หลิวตง เจ้าไหวไหม” องครักษ์เสื้อแพรอีกคนเอ่ยขึ้น

องครักษ์เสื้อแพรที่ชื่อหลิวตงมีสีหน้าเคร่งเครียด เด็กคนนี้จัดการยากยิ่งนัก

เขาจำต้องใช้พลังทั้งหมดแล้ว

แค่เอ่ยออกไปก็ทำให้คนอื่นหัวเราะได้แล้ว องครักษ์เสื้อแพรแห่งวังหลวงกลับถูกเด็กที่ไร้พลังภายในบีบให้ต้องใช้พลังทั้งหมด

เขาพุ่งเข้าใส่กู้เจียวด้วยกระบวนท่าสังหาร

พรรคพวกของเขาไม่ได้เข้ามาช่วย เพราะพวกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นจะให้พวกเขาช่วยกันจัดการด้วยหรือ

ฟึบบบ

คมกระบี่แทงเข้าร่าง ทุกคนต่างตกตะลึง

ม่านตาของหัวหน้าองครักษ์คนนั้นหรี่ลง “เหตุใดถึง…”

ทวนพู่แดงของกู้เจียวแทงทะลุหัวใจขององครักษ์เสื้อแพรคนนั้น!

นางเตะอีกฝ่ายออกไปด้วยเท้าข้างหนึ่ง ทวนพู่แดงหลุดออกจากร่าง เลือดกระเด็นเปื้อนหน้ากากของนาง

ขอบคุณนักบวชเส้าหลินเหล่านั้น ที่ช่วยให้พลังของนางฟื้นฟูขึ้นมาเกือบครึ่ง ดังนั้นแม้จะไม่มีอาวุธช่วยใดๆ ก็ยังสามารถฆ่ามือสังหารระดับเทียนหลังได้

เพียงแต่…

ต่อจากนี้ยังมีอีกห้าคน

กู้เจียวหายใจหอบเล็กน้อย “ผู้ใดจะเป็นคนต่อไป”

นางไม่ได้เอ่ยท้าทายว่าแน่จริงก็เข้ามาพร้อมกันเลย จะอวดเก่งก็ต้องดูตาม้าตาเรือบ้าง

“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!” องครักษ์เสื้อแพรอีกคนเดินออกมา

โชคดีที่คนพวกนี้ไม่ใช่คนแบบเสวียนผิงโหว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงรุมนางจนตายในพริบตา

กู้เจียวต่อสู้กับชายคนนั้นสามสิบกระบวนท่า ในที่สุดนางก็แทงทะลุจุดตายของเขา

ยามนั้น กู้เจียวเองก็ได้รับบาดเจ็บ

นางหายใจเริ่มไม่เป็นจังหวะ

“โธ่เว้ย! ไปสู้มันพร้อมกัน!” องครักษ์เสื้อแพรหน้าเหลี่ยมเอ่ยขึ้น

กู้เจียวเช็ดเลือดที่มุมปากของนาง “นี่ เจ้าพวกนี้ไม่อายบ้างหรือ รุมกันมาสู้กับข้าคนเดียว ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรือไร”

หัวหน้าองครักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฆ่าเจ้าทิ้งไปแล้วก็จะไม่มีคนหัวเราะเยาะพวกข้าแล้ว!” เขาเอ่ยกับเหล่าองครักษ์ของเขา “ฆ่ามัน! ถีบมันลงไปในน้ำ! เอาทวนพู่แดงของมันมา!

ทวนนั่นดูน่าเกลียด แต่ใช้งานได้ดี

กู้เจียวกำทวนพู่แดงในมือของนางแน่น จริงสิ ทุกคนที่ตายไม่สามารถหนีความจริงที่ว่าทวนพู่แดงนั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน

น่าเสียดายที่ทวนพู่แดงนี้เป็นของพี่น้องของนาง นางจึงไม่สามารถยอมแพ้ได้!

สี่คนร่วมมือกันต่อสู้กับกู้เจียว กู้เจียวและสี่คนต่อสู้กันมากกว่าร้อยกระบวนท่า ร่างกายของนางอาบเลือด อีกฝ่ายมีฝีมือและจำนวนที่มากกว่า ได้รับบาดเจ็บน้อยกว่ากู้เจียว

ดูเหมือนว่าด้านสี่คนนั้นจะได้เปรียบ

แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสี่คนต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

เด็กคนนี้เป็นผู้ใดมาจากไหนกัน เหตุใดยังสู้ไหว

เขาเก่งกาจราวกับนักธนูในค่ายทหาร แถมเขายังใช้ทวนได้เก่งอีกด้วย พวกเขาจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นทหารหนุ่มที่เก่งกาจเช่นนี้ในค่ายทหารใดของเมืองเซิ่งตู

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะล้มลง กลับสามารถลุกขึ้นได้อีกทุกครั้ง

“พี่ใหญ่ เจ้านั่นยังมีแรงอยู่ได้อย่างไร” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งถามด้วยเสียงแผ่วเบา

“ใช่ พี่ใหญ่ เขาโดนกระบี่ของเราโจมตีมามากมายขนาดนี้ น่าจะตายไปได้ตั้งนานแล้ว” องครักษ์เสื้อแพรอีกคนตอบ

ผู้นำองครักษ์มองดูเด็กน้อยที่เสื้อผ้าอาบเลือดอย่างสงสัย หน้ากากของเด็กน้อยตกลงระหว่างการต่อสู้ แต่ก็มองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเด็กคนนี้เพราะใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

หัวหน้าองครักษ์คนนั้นพลันรู้สึกไม่อยากฆ่าเขาแล้ว

“เจ้าหนู ข้าไม่สนว่าเจ้าถูกใครส่งมา แต่คนที่ส่งเจ้ามานั้นไม่ได้หวังดีแน่ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่เขากลับปล่อยให้เจ้ามาคนเดียว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะฆ่าเจ้า หากเจ้ายอมสวามิภักดิ์ต่อเจ้านายของข้า ข้าจะยอมยกโทษให้เจ้าและจะช่วยสนับสนุนเจ้าในอนาคต”

“พี่ใหญ่!” องครักษ์ที่เหลือสามคนต่างเปลี่ยนสีหน้าไปพร้อมๆ กัน

“เขาฆ่าหลิวตงกับจางเฉียง!” องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งเอ่ยอย่างโกรธเคือง

หัวหน้าองครักษ์ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่จ้องมองเด็กน้อยที่เหนื่อยล้าจนหมดแรง แต่ก็ยังคงไม่ยอมจำนนราวกับหมาป่าหิวเลือด “จะตายหรือจะยอม เลือกเอาเอง”

“ข้าเลือก…” กู้เจียวมองพวกเขาด้วยสายตาที่พร่ามัวไปด้วยเลือดอย่างเย็นชา “ฆ่าพวกเจ้า!”

หัวหน้าองครักษ์กัดฟันเอ่ย “ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตเขาแล้ว ฆ่ามัน!”

สามคนพุ่งเข้าหากู้เจียว

กู้เจียวยกมือขึ้นกำเครื่องรางที่คอไว้

“ถ้าสู้ไม่ได้ก็วิ่งหนีไป! แต่ห้ามถอดเครื่องรางออกนะรู้ไหม!”

กู้เจียวค่อยๆ วางมือลง มองสามคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยสายตาที่ลุกโชน เงื้อทวนพู่แดงในมือโดยไม่หลบหลีกใดๆ เข้าปะทะกับอีกฝ่ายไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย

ดวงตาของทั้งสามคนเบิกกว้าง

เด็กคนนี้!

กู้เจียวแทงทะลุองครักษ์เสื้อแพรด้านขวาด้วยทวนพู่แดง องครักษ์เสื้อแพรด้านซ้ายอยู่ห่างออกไปหนึ่งคนจึงไม่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บ แต่องครักษ์เสื้อแพรคนกลางกลับฟันขาของนางจนได้รับบาดเจ็บ

นางเตะอีกฝ่ายจนล้มลง ใช้แรงดึงทวนพู่แดงออกมา แล้วหมุนตัวถอยหลังไปเจ็ดคืบ

ภาพนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง

แม้จะอยู่ในสภาพที่ใกล้ตาย แต่นางกลับฆ่าคนไปได้อีกคนหนึ่ง

หัวหน้าองครักษ์เต็มไปด้วยพลังสังหาร เอ่ย “ในบรรดาคนหนุ่มสาวที่ข้าเคยเห็น คนที่เก่งที่สุดในด้านศิลปะการต่อสู้คือท่านชายตระกูลหัน เจ้าอาจจะยังไม่เก่งเท่าเขาในตอนนี้ แต่พรสวรรค์ของเจ้านั้นเหนือกว่าเขาอย่างแน่นอน การฆ่าเจ้าไปมันช่างน่าเสียดายจริงๆ !”

เมื่อเขาเอ่ยจบ เขาก็ถือกระบี่ยาว ฟันไปที่กู้เจียวสุดแรง!

คมกระบี่เล่มนี้ นางหยุดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

แม้แต่เครื่องรางก็ไม่สามารถถอดออกได้

ร่างกายของนางชาไปหมด

เซียวเหิง ข้ายังไม่รู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงเขาเจ้าเป็นใคร

นางนอนหงาย ลืมตาโพลง ล้มลงกับพื้น

“ตายเสียเถอะ!” หัวหน้าองครักษ์ฟันกระบี่ไปที่คอของกู้เจียว

ฟึบบบ!

คมกระบี่ถูกอะไรบางอย่างขวางไว้อย่างกะทันหัน กระบี่หลุดออกจากมือ พุ่งออกไปปักต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ด้ามกระบี่สั่นไหวไปมา เห็นได้ถึงพลังของกระบวนท่าที่เพิ่งผ่านพ้นไป

“ใคร!” เขาตะโกนเสียงดัง

“หึ พวกผู้ชายตัวโตรวมตัวกันรังแกเด็กสาว องครักษ์เสื้อแพรของวังหลวงตอนนี้ไร้ยางอายขนาดนี้แล้วหรือ”

ภายใต้คืนแสงจันทร์ ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีเทาของนักบวช ถือลูกปัดด้วยมือข้างหนึ่ง เดินเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าวอย่างเชื่องช้า

ชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลานัก แม้จะเป็นภิกษุ แต่กลับมีดวงตาที่แสนเย้ายวน

ใต้ตาขวาของเขายังมีไฝที่ทำให้คนจดจำได้ไม่รู้ลืม

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset