ศพ 387 ล้อม

ตอนที่ 387 ล้อม

ตอนที่ 387 ล้อม

ภายใต้ดวงตาสวรรค์ วินาทีที่ผมหันไปมอง ผมเห็นด้านหลังของตัวเอง มีผีร้ายนับสิบมาปรากฎ ตัวอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ผีร้ายพวกนี้เริ่มขยับเข้ามาใกล้ตําแหน่งที่เราอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ละตัวใบหน้าขาวซีด หน้าตาดุร้าย

ดวงตาทั้งสองข้างที่ไม่มีม่านตาคู่นั้น กําลังจ้องมองเราอย่างไม่วางตา
นอกจากผีร้ายพวกนี้แล้ว ยังมีสิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้น

ผมมองเห็นคนตายคนหนึ่ง เดินอยู่ที่แถวหน้าสุด

เขาใส่ชุดคนตาย เป็นชายชราหน้าเหี่ยว

เขาพาใบหน้าเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อยๆ

ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ตาแก่คนนี้ไม่มีไฟทั้งสาม

หรือจะพูดว่า คนคนนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นศพ

แต่ศพจะเดินได้ยังไงละ

มันชัดเจนมาก เพราะเมื่อกี้เสี่ยงที่เปล่งออกมา ก็คือเสียงของปุยซานหยวน นักพรตปุยนั่นเอง

ไม่รู้เจ้าหมอนี่ไปเอาศพที่ไหนมาทําเป็นกายเนื้อของตัวเองอีกแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็หนาวไปทั้งตัว

เวรเอ๊ย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเจ้าปุยซานหยวนในที่แบบนี้

แถมแค่เผชิญหน้ากับผีร้ายนับสิบ ก็เกินความสามารถของผมและเหล่าเฟิงแล้ว

ถ้ารวมกุ้ยซานหยวนเข้าไปอีกคน ผมและเหล่าเฟิงไม่มีโอกาสชนะแน่

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง

“ปุยซานหยวน !” ขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ ฮ่าๆๆ ! ใช่ข้าเอง ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดเอาไว้แล้วนิ ไม่ช้าก็เร็วยังไงข้าก็ต้องมาคิดบัญชีกับพวกเจ้า

แต่วันนั้นดันมาเร็วหน่อยก็เท่านั้น !” เสียงแหบพร่าของปุยซานหยวนดังขึ้นอีกครั้ง

หน้าเหล่าเฟิงก็ดูไม่ได้สุดๆ เขาเองก็สัมผัสถึงแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้

เขาเองก็รู้ดี ถ้ายังอยู่ต่อ ผมสองคนต้องตายไม่มีที่ฝังแน่ๆ

เหล่าเฟิงไม่พูดจาไร้สาระ พูดกับผมตรงๆทันที “เหล่าติง รีบหนีเร็ว !”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ายังมัวพูดไร้สาระอีกเรา คงได้ตายอยู่ที่นี่แน่
เหล่าเฟิงเพิ่งพูดจบ ผมก็ไม่ลังเล

คว้ามือพี่หลี่ หรือแม้แต่ไม่มองปุยซานหยวนอีก รีบหมุนตัววิ่งไปอีกทางด้านหนึ่งทันที

และยังรีบพูดกับพี่หล่อย่างร้อนรน “รีบหนีเร็วพี่หลี่ !”

ขณะพูด ผมก็ลากพี่หลี่ และวิ่งไปข้างหน้ากับเหล่าเฟิงได้ห้าหกร้อยเมตรแล้ว

ส่วนปุยซานหยวนที่อยู่ข้างหลัง ก็ไม่ได้รีบตามมา

เขาเพียงยิ้มหัวเราะฮ่าๆ และตะโกนตามหลังเรามาเท่านั้น “พวกแกคิดว่าจะหนีรอดงั้นเหรอ

เขาเพิ่งพูดจบ ยังไม่รอให้ผมและเหล่าเพิ่งรู้ตัว

ปลายถนนอีกด้านหนึ่ง ก็มีคนใส่ชุดขาวสิบกว่าคนปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน

ในขณะที่คนชุดขาวพวกนี้ปรากฏตัว หมอกสีดําก็ก่อตัวขึ้นตรงกลางพวกนั้นอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งของยัยแก่คนหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเด็กน้อย ป้าคนสวยรอพวกเจ้านานแล้วนะ !”

พอได้ยินเสียงนี้ ผมก็กลั้นหายใจทันที

ป้าคนสวย ยัยแก่นั้นงั้นเหรอ พอคิดได้แบบนั้น หมอกสีดําก็รวมตัวกันเสร็จแล้ว

ต่อจากนั้น ยัยแก่สาวกองค์กรตาผีก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของพวกเรา

ยัยแก่ยังคง หลังค่อมเหมือนเดิม ในมือถือไม้เท้าดํา

ไม่อาจมองเห็นหน้าเธอได้ตลอดกาล เห็นแต่คางเหี่ยวๆอันนั้นเท่านั้น

ข้างหลังของยัยแก่ มีผีร้ายอีกหลายสิบตัว

ถึงผีร้ายของฝั่งนี้จะไม่เยอะเท่าของปุยซานหยวน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผีร้ายสิบกว่าตัวนี้ร้ายกาจกว่า

พวกมันก้มหน้า ร่างกายปล่อยพลังชั่วร้ายออกมา แต่พลังพวกนั้นกลับเข้มข้นมาก

ผมและเหล่าเฟิงตัวแข็งที่อ เราจะกล้าวิ่งต่อไปข้างหน้าได้ยังไง
บัดซบ ! หน้ามีคนดักหลังมีคนตาม แล้วแบบนี้ จะดีได้ยังไง

ขณะที่ผมกําลังทําอะไรไม่ถูก จู่ๆเหล่าเฟิงก็ชี้ไปทางด้านหนึ่ง “ทางนี้ !”

หลังจากพูดจบ ผมก็มองไปทางที่เหล่าเฟิงชี้ พบว่ามันเป็นซอยเล็กๆซอยหนึ่ง

ตอนนี้ผมเองก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอแค่มีทางหนี พวกเราก็กล้าพุ่งเข้าไปทั้งนั้น

พวกเราหมุนตัว เตรียมวิ่งเข้าไปในซอย

ผลลัพธ์เพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เราก็หยุดลงดื้อๆ

เพราะเราพบว่า ในซอยก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน

จู่ๆก็มีเสียงคํารามดังออกมา พร้อมกันนั้นในซอยที่มืดมิดก็มีพลังหยินระเบิดออกมา

เสี้ยววินาทีต่อมา ผู้ชายผิวขาวคนหนึ่งก็ค่อยๆเดินออกมา

เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือเพื่อนร่วมชั้นของผมที่ไปเข้าร่วมกับองค์กรตาผี จางจีเทา

แต่นอกจากจางจีเทาแล้ว ผมยังเห็นเงาของตัวอะไรบางอย่างหลายคน กําลังขยับอยู่ด้านหลังเขาอย่างชัดเจน

ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้คือตัวอะไร ตอนนี้พวกมันกําลังปืนอยู่บนกําแพง อ้าปากกว้าง เผยให้เห็นลิ้นประหลาดสีแดง

จางจีเทาค่อยๆเดินออกมาจากซอย หน้าของเขาค่อนข้างเย็นชา พูดออกมาอย่างไม่ใยดี “ติงฝาน คิดไม่ถึงละซิ ! ว่าพวกเราจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ !”

หลังจากพูดจบ จางจีเทาก็เดินออกมาจากซอยแล้ว

ส่วนผีที่อยู่ข้างหลัง ก็คํารามออกมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นวิญญาณร้ายอย่างแน่นอน

“พวกเขา พวกเขาเป็นใคร เหมือน เหมือนพวกเราจะไม่มีทางหนีแล้วนะ !” จู่ๆพี่หลี่ก็พูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างตกใจ

ถึงจะไม่รู้จักปุยซานหยวน ยัยป้าคนสวยและจางจีเทา แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงอันตราย

สําหรับผมและเหล่าเฟิง พวกเราเครียดมาก

ช่วงเวลานี้ หัวใจเต้นแรง หายใจเร็ว รู้สึกสิ้นหวัง

พวกเราสองคนและหนึ่งตนยืนอยู่ตรงกลาง ไม่มีทางหนีแล้ว

กุยซานหยวนและยัยป้าคนสวย ค่อยๆเดินจากถนนทั้งสองฝั่งเข้ามาหาพวกเรา

ผมและเหล่าเฟิงจ้องเขาอย่างหวาดระแวง ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินผมพูดว่า “เหล่าเฟิง ดูเหมือนเราจะตกเป็นเป้าตั้งแต่แรกแล้ว !”

“ฮี ตกเป็นเป้าแล้วยังไง ? อยากเอาชีวิตเรา ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก !” เหล่าเฟิงพูดอย่างเย็นชา

ในเวลาเดียวกัน เหล่าเฟิงก็ยื่นมือขึ้นมา ดึงกระจกแปดทิศที่อยู่ตรงคอออก

กระจกแปดทิศอันนี้ ก็คือไพ่ตายใบสุดท้ายของเหล่าเพิ่ง

พอเห็นเหล่าเฟิงทําแบบนั้น ผมก็ไม่รอช้า รีบหยิบกระดิ่งที่เอวออกมาถือ

หลบไม่พ้นแล้ว แต่ถึงเราจะโดนล้อมเอาไว้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่อยากจับเราง่ายๆ

ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ

เพราะเรารู้ดี หากโดนคนใดคนนึงในสามคนนี้จับได้

จุดจบของเราไม่สวยแน่ สุดท้ายก็คงต้องตาย หรืออาจโดนเอาไปสังเวย ฝึกเป็นทาสผีของพวกเขา

ให้คนใช้ได้ตามใจชอบ

ตอนนี้นอกจากผมจะเอากระดิ่งออกมาแล้ว ก็ยังแอบประสานมือ กระตุ้นไฝดําด้วย

ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงพวกเราจะสู้จนตัวตาย แต่ด้วยพลังของพวกเราสองคนอย่างเดียว ก็ไม่มีทางหนีรอดแน่ๆ

ดังนั้น ต้องให้คนอื่นช่วย เรียกยัยเมียขี้โมโหของผมออกมาช่วย

แน่นอน ว่ามันต้องใช้เวลา

ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายจะทําได้หรือเปล่า ตอนนี้ยังพูดยาก

ในขณะที่ผมเคลื่อนพลัง กระตุ้นไฝดํา ปุยซานหยวนที่อยู่ห่างออกไปเห็นผมและเหล่าเฟิง เอาอาวุธออกมา กลับหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว “จะใช้ของเล่นในมือพวกนาย มาสู้กับเรางั้นเหรอ?”

“ฮีจะได้ไม่ได้ แกมาลองดูก็จะรู้แล้วไม่ใช่เหรอ ?” หลังจากพูดจบ เหล่าเฟิงก็ประสานมือควบคุมกระจก

หากใครเข้ามาใกล้ เขาก็จะลงมือกับคนๆนั้นทันที

และในขณะที่พวกเขาคุยกัน ผมก็กระตุ้นไฝดําจนพูดออกมาเบาแล้ว “มู่หลงเหยียน”

เสียงเบามาก แม้แต่เหล่าเฟิง ก็ยังไม่ได้ยิน

ผมรู้ดี โอกาสเรียกน้องศพออกมามีแค่ครั้งเดียว ดังนั้นต้องระวังแล้วระวังอีก……

ศพ

ศพ

Score 10
Status: Completed

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

Options

not work with dark mode
Reset