ตอนที่ 378 ชายร่มดํา
หลังออกจากบ้าน ผมก็โทรศัพท์ไปหาเหล่าเฟิง
ตอนไปซื้อรถผมสองคนไปด้วยกัน ตอนนี้จะไปรับรถก็ต้องพาเหล่าเฟิงไปด้วยอยู่แล้ว
หลังเหล่าเฟิงรับโทรศัพท์ผม เขาก็ยังเย็นชาเหมือนเดิมเพียงตอบรับมือว่า “ถือ” จากนั้นก็วางสายทันที
ผมรอเหล่าเฟิงที่ทางแยกพักหนึ่ง เจ้าหมอนี่กลับคืบบุหรี่เดินมาอย่างสบายใจ
“เหล่าเฟิง นายเดินเร็วๆหน่อยซิ !” ผมกระตุ้น
เหล่าเฟิงไม่รู้ว่าตัวเองทําผิดตรงไหน เขายังถามอย่างใจเย็น “นายจะรีบไปไหน ?”
“เจ้าอ้วนนั่นโทรมาแล้วบอกว่ารถมาถึงศูนย์แล้ว”ผมตอบกลับจากนั้นก็เดินไปที่ขนส่งพร้อมเหล่าเฟิง
แต่หลังจากพวกเรามาถึงขนส่งผมและเหล่าเฟงก็สะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่ง
พวกเราเห็นใครคนหนึ่งกําลังกางร่มอยู่แต่อากาศของวันนี้ไม่มีทั้งหิมะ ไม่มีทั้งฝนแถมแดดก็ไม่ออก
ไม่จําเป็นต้นกางร่มเลยสักนิด แต่เจ้านั้นกลับแตกต่างจากชาวบ้านยืนกางร่มน้ํามันดําอยู่คนเดียว
แต่สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ เขาไม่ได้กางร่มคันนั้นให้ตัวเองแต่เป็นกางให้พื้นที่ว่างๆข้างๆเขา
เหมือนกับกําลังช่วยกางร่มให้ใครอย่างงั้น พิลึกสุดๆ
การกระทําที่ผิดแปลกของเขา ทําให้ผมและเหล่าเฟิงมองด้วยความสงสัยตั้งหลายครั้ง
พอเข้าไปใกล้อีกหน่อย ผมก็พบว่าคนที่กางร่มเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูท่าทางค่อนข้างแข็งแรง
เขาใส่ชุดสีดํา ทรงผมสกินเฮดผิวออกสีแทนสูงประมาณ 190 เซนติเมตร สูงกว่ากลุ่มคนข้างๆคืบหนึ่งได้
และชายวัยกลางคนคนนี้ก็ล่มากไม่มีพุงแค่มองก็รู้ว่าเป็นคนเล่นกล้าม
เขากางร่มดําอยู่แบบนั้นแต่นอกจากถือร่มดําแล้วเขาก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก
บนโลกมีคนพิลึกตั้งมากมายผมและเหล่าเฟิงจึงกวาดสายตามองเขาแค่สองสามครั้งเท่านั้นจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ผ่านไปไม่นาน รถก็มาถึง
ผมและเหล่าเฟิงนั่งเบาะหลังสุดในเวลาเดียวกันชายถือร่มก็ตามขึ้นมาบนรถด้วย
เขานั่งอยู่เบาะหน้าพวกเรา เบาะด้านในถูกทิ้งให้ว่างเปล่า
ส่วนร่มดําคันนั้น ก็ไม่ได้โดนหุบเก็บแต่ถูกวางบังกระจกรถเอาไว้
บนรถมีคนไม่มากนัก ที่ว่างจึงมีเยอะมากและไม่มีใครสนใจจะมานั่งข้างๆชายวัยกลางคนคนนี้ด้วย
ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจแต่หลังจากรถออกเหล่าเฟิงก็ใช้ศอกสะกิดผมเบาๆ จากนั้นก็ส่งสายตาให้ผม
ผมสงสัย เลยมองตามสายตาเขา ค่อยๆหันไปมอง
ทันใดนั้นผมก็พบเข้ากับเรื่องประหลาดชายวัยกลางคนคนนั้นกําลังทําเสียงเบาๆ และทิศทางที่เขาส่งเสียงไป ก็คือที่วางที่อยู่ข้างๆ
เสียงเบามาก ผมฟังได้ไม่ชัดเจน
เหมือนเขากําลังพูดว่า เวยเอ๋อร์เธอวางใจได้มีฉันอยู่เรื่องนี้ต้องสําเร็จแน่ๆ……
น่าจะประมาณนี้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ
สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจคือ ชายวัยกลางคนคนนี้กําลังคุยกับที่ว่างข้างๆ
และหลังจากพูดจบเขาก็หยุดไปพักหนึ่งเหมือนกับคุยโทรศัพท์ บางครั้งก็แสดงสีหน้าออกมา
ผมมองอยู่พักหนึ่งพบว่าชายคนนี้ไม่ได้ใส่หูฟังไม่เหมือนกับกําลังคุยโทรศัพท์
และชุดที่ชายคนนี้ใส่ ก็ดูสะอาดเรียบร้อยไม่เหมือนกับคนบ้า
แต่ท่าทีของเขา ทําให้ผมกับเหล่าเฟิงรู้สึกสงสัยมาก
ทันใดนั้นเอง เหล่าเฟิงก็กระซิบกับผมว่า “เหล่าติงนายดูร่มดําคันนั้นให้ดีๆ ดูที่โครงร่มและตัวผ้าซิ !”
ผมทําหน้าสงสัย แต่ก็ยังมองดูร่มดําคันนั้นอย่างละเอียด
ผลลัพธ์พอลองมองดูอย่างละเอียด ผมก็เห็นบางอย่างจริงๆ
โครงร่มคันนั้น สลักอักขระบางอย่างเอาไว้ตัวผ้าด้านใน ก็มีรอยไท่จี้และปากัวอยู่ลางๆ
“รูปปากัว อักขระ……นี่ นี่มันไม่ใช่ร่มกันแดดที่ทําขึ้นมาให้ผีเหรอ ?” ผมกดเสียงลงต่ําพูดด้วยความตกใจ
“ก็ใช่นะซิ ฉันสงสัยว่าเบาะที่ว่างตรงนั้นน่าจะมีใครบางคนนั่งอยู่ ฉันไม่ได้เอาน้ําตาวัวมานายลองดูซิ !”เหล่าเฟิงพูดต่อด้วยเสียงที่เบามาก
พอได้ยินถึงตรงนี้ผมก็อดเครียดขึ้นมาไม่ได้
ถ้าที่ว่างตรงนั้นมีคนนั่งอยู่จริงๆงั้นก็น่าจะเป็นผีแน่ๆ
เนื่องจากการกระทําทุกอย่างของชายวัยกลางคนต่างชี้ไปที่ร่มกันแดดสีดําคันนั้นมันเลยทําให้ผมอดสงสัยไม่ได้
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ถ้าเป็นผีจริงๆ ตามหลักแล้วพวกเราอยู่ใกล้ขนาดนี้ ถึงจะไม่เปิดตาแต่ยังไงเราก็น่าจะรับรู้ได้ถึงพลังหยินบางซิ
แต่ตอนนี้ กลับไม่มี ไม่มีเลยสักนิดนี่เป็นจุดที่แปลกที่สุด
หลังจากยืนยันว่าร่มคันนั้นเป็นร่มกันแดดให้ผีแล้วผมก็คิดจะเปิดตาดูว่าชายวัยกลางคนคนนี้กําลังพาผีเดินทางไปด้วยจริงๆหรือเปล่า
ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย ความอยากรู้อยากเห็นโดยสัญชาตญาณทําให้ผมอยากรู้ให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเวลานี้ผมไม่ลังเลเลยสักนิดหยิบขวดน้ําตาวัวออกมาก้มหน้าแล้วป้ายมันที่เปลือกตา
ในขณะที่ความเย็นแพร่ซ่านตาก็ค่อยๆเปิดออก
หลังจากตาเปิดแล้วผมก็ไม่ลังเลเงยหน้ามองที่เบาะหน้าทันที
แต่วินาทีที่ผมเงยหน้าขึ้นชายวัยกลางคนคนนั้นกลับหุบร่มอย่างรวดเร็ว
“พรึบ” ร่มดําที่เคยกางอยู่ถูกหุบลงทันที
แสงแดดที่เคยโดนบังเมื่อก่อนหน้านี้สาดเข้ามาทางกระจกรถทันที
ดังนั้นการเปิดตามองครั้งนี้ของผมเลยมองไม่เห็นอะไรสักอย่างกลับกันหลังจากหุบร่มดําแล้ว
ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ค่อยๆหันมามอง
เขากวาดสายตามองผมและเหล่าเฟิงแวบหนึ่งท่าที่ดูนิ่งมาก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองตาผมและเหล่าเฟิงเท่านั้นหลังจากนั้นก็หันกลับไปกอดร่มดําคันนั้นเอาไว้ในมือแล้วพิงเบาะนอน หลับทันที
เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็อดหันมามองตากันไม่ได้จากนั้นผมก็ได้ยินเหล่าเฟิงถามเบาๆว่า
“เห็นอะไรไหม ?”
ผมยกมือขึ้น ทําหน้าเสียใจ “ไม่ !”
เนื่องจากเขาเก็บร่มเร็วมาก เหมือนรู้ว่าผมเปิดตาอย่างงั้น
ถึงก่อนหน้านี้จะมีผีอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นเขาก็เก็บเข้าไปในร่มแล้วละ
ตอนนี้อะไรก็มองไม่เห็นทั้งนั้น อีกฝ่ายเองก็หลับตานอนหลับไปแล้ว
ผมจึงได้แต่คายคาถา ปิดตาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ต่อจากนั้น ผมและเหล่าเฟิงก็จ้องชายวัยกลางคนตลอดทางจับตามองทุกการกระทําของเขา
แต่หลังจากเขาเก็บร่มแล้วเขาก็ไม่ได้ทําอะไรอีกนอกจากพิงเบาะหลับ
เมื่อรถมาถึงสถานีแล้วชายวัยกลางคนคนนั้นก็ค่อยๆตื่น
เขายืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็ถือร่มดําลงจากรถ
ผมและเหล่าเฟิงก็ตามหลังเขาไปพอลงมาจากรถแล้ว จู่ๆก็มีคนโทรหาเขา
พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาก็ทําหน้าดีใจออกมาแล้วกดรับโทรศัพท์ทันที
ต่อจากนั้น เราก็ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ มาถึงแล้ว อยู่ไหนน่ะ ? ได้ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้……”
หลังจากพูดจบ ชายร่างบิ๊กคนนี้ก็คุยโทรศัพท์ไปและเดินออกไปจากสถานีขนส่งอย่างรวดเร็วท่าทางของเขาดูดีใจมาก
ผ่านไปไม่นาน ตัวเขาก็หายไปจากสายตาพวกเราแล้ว
แม้ผมสองคนจะสงสัยเจ้าหมอนี่มากแต่ก็ไม่ได้ทําอะไรเกินกว่านี้
ตอนนี้ชายคนนั้นจากไปแล้วผมสองคนเองก็ไม่คิดจะตามไป
หลังจากอยู่ที่หน้าสถานีแป็บนึ่งเราก็เรียกรถแท็กซี่คันนึ่งได้เราทําตามแผนเดิมตรงไปที่ย่านขายรถทันที…