วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 7-4

ตอนที่ 7-4

เสียงกระซิบแผ่วเบาของฮอนดูร้อนรน แต่ว่าก็เต็มไปด้วยใจจริง รยูฮานึกถึงความคิดที่อันตรายแล้วค่อยๆ ตบลงบนหลังของเขาที่ลูบไปก่อนหน้านี้เบาๆ 

 

 

“อย่างนั้นเองสินะเพคะ ฝ่าบาท” 

 

 

ตอนนั้นเองน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็ดังแทรกขึ้นมา 

 

 

“ทั้งสองท่าน ทำอะไรกันอยู่ตรงนั้นเพคะ” 

 

 

เป็นมินอาที่ทำหน้าบูดบึ้งเหมือนทนดูไม่ได้และชานที่กำลังซ่อนสีหน้าบูดเบี้ยวยืนอยู่ ฮอนตกใจรีบผละออกมาทำเสียงกระแอมกระไอ แต่ก็โบกมือไปทางมินอาแสดงถึงความยินดีที่ได้เจอ 

 

 

“ข้าตั้งใจว่าพอกลับไปแล้วจะไปหาเจ้าอยู่พอดีเชียว จากที่พวกข้าไปตรวจสอบมามีพวกรูปร่างสูงใหญ่ที่ดูอย่างไรก็เหมือนนักเลงอยู่ เจ้าตามพวกนั้นไปแล้วสืบแหล่งซ่องสุมของพวกมันมาซะ” 

 

 

“ทำไมเป็นหม่อมฉันอีกแล้วเพคะ พวกทหารที่พามาเป็นขบวนก็เอาออกไปใช้หน่อยสิเพคะ” 

 

 

ชานยกยิ้มเพราะมองมินอาที่กำลังไม่พอใจจากจุดที่ห่างออกมา ไหล่ของหญิงสาวลู่ลง ตอนกลางคืนอันมืดมิด ดวงจันทร์ที่ลอยขึ้นมาก็ถูกเมฆบดบัง สีหน้าของมินอาดูหวั่นไหวในชั่วพริบตาจนไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น 

 

 

“เดี๋ยวข้าไปด้วย ผู้หญิงไปคนเดียวมันอันตรายไม่ใช่หรือ” 

 

 

“สิ่งที่อันตรายคือท่านต่างหาก กลับไปรอเฉยๆ เถอะเพคะ” 

 

 

“ดูเหมือนคงจะจำไม่ได้ว่าข้าชนะเจ้าทั้งดาบแล้วก็ธนู” 

 

 

พอพูดความจริงก็หมดคำจะตอบโต้ มินอาถอนหายใจส่งบังเ**ยนม้าให้ฮอน สิ่งนั้นหมายถึงการยินยอม มินอาและชานรับข้อมูลตำแหน่งจากรยูฮาแล้วก็หายตัวไป รยูฮามองตามเบื้องหลังด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วก็เดินไปทางที่ว่าการ 

 

 

“กลับไปแล้ว ฝ่าบาทสั่งพวกทหารให้เตรียมตัวด้วยนะเพคะ หากมินอากลับมาจะได้ออกเดินทางได้ทันที” 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

จักดู หัวหน้านักเลงที่เก่งกาจที่สุดในเมืองนี้ 

 

 

เขาคือลูกชายของคนทำไร่เลื่อนลอยผู้ยากจน แต่เพราะเกลียดความยากจนจึงหนีออกมากลางดึกแล้วเข้าไปอยู่ในกองโจร รูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าดุดันนั้นพอเจอเข้ากับความยากลำบากสะสมมาก็ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก หลังจากสั่งสมประสบการณ์มากกว่าสิบปีเขาก็ลงจากเขามาตั้งถิ่นฐานในเมืองที่อยู่ห่างไกลแห่งนี้ 

 

 

สิ่งที่เรียนรู้มามีแค่การลักขโมย แน่นอนว่าไม่มีทางจะมาค้าขายหรือทำการเกษตร ในชั่วพริบตาพวกเขาที่ดึงดูดเอาคนที่เดิมทีก็ดีอยู่แล้วที่มีอยู่เข้ามา แล้วเริ่มขูดรีดตามคำสั่งของผู้ใหญ่จนตอนนี้ถึงกับทำบ่อน เงินที่ได้จากการพนันเป็นเพียงรายได้ที่เพิ่มขึ้น รายได้หลักคือขายสมาชิกในครอบครัวของคนที่เสียพนันหมดจนเป็นหนี้ หรือก็คือ การซื้อขายมนุษย์นั่นเอง 

 

 

รายได้นั้นมากมายเหลือเกิน ถึงขั้นสามารถใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายได้ไม่แพ้เหล่าขุนนาง นอกจากนั้นยังติดสินบนเจ้าเมือง ทำเรื่องสกปรกแทนเพื่อแลกกับความคุ้มครอง แล้วใครจะกล้ายุ่งกับจักดูกันเล่า 

 

 

เขาพอใจกับชีวิตเช่นนี้เป็นอย่างมาก แต่แล้วจู่ๆ เหล่าคนรับใช้ก็พรวดพราดเข้ามา พวกเขาถูกพวกทหารใช้มีดจี้ที่คอ ชายผู้ดูเหมือนพวกชอบเที่ยวหอนางโลมก็ปรากฏตัวขึ้นและหัวเราะ 

 

 

“คุ้นหน้าข้าใช่หรือไม่” 

 

 

“พะ… พูดเรื่องอะไร…” 

 

 

“เมื่อกี้ไม่ได้เจอกันที่บ่อนสินะ ว่าแต่เจ้ารักษากระเป๋าเงินของนายข้าไว้เป็นอย่างดีหรือไม่” 

 

 

ตาที่ปกติก็โปดปูนอยู่แล้วของจักดูคราวนี้เหมือนกับจะหลุดออกมาจากเบ้า เงินและทองที่ขโมยมาถึงแม้เขาจะต่ำช้าแต่ก็ดูออกว่าในกระเป๋าเงินสีฟ้านั้นมีเครื่องประดับมีค่ามากอยู่ กระเป๋าเงินที่ดีที่สุดของปีนี้ ใครจะไปรู้ว่ากระเป๋านั้นจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของความโชคร้าย 

 

 

“จะคืนให้ตามเดิมขอรับ ขอแค่ไว้ชีวิตข้า” 

 

 

“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะข้าก็ไม่ชอบฆ่าใคร” 

 

 

คำพูดของเขาใกล้เคียงความจริง การฆ่าไม่ใช่งานอดิเรกของฮอน เจ้าพวกที่ส่งสายตาแปลกๆ มาให้เขาตอนอยู่ที่บ่อนตอนนี้ก็กลายเป็นกองเลือดและกำลังส่งเสียงร้องคราญครางน่าสงสาร ก่อนอื่นเลยคือไม่ได้ตาย 

 

 

“เจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ชองโอค้นที่แห่งนี้ทุกซอกทุกมุมแล้วยื่นถุงเงินสีฟ้าให้ฮอน พอพลิกกระเป๋าเงินลงบนโต๊ะ เงิน ทอง และเครื่องประดับที่ถูกขโมยไปก็ไหลออกมา ฮอนหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากในนั้นแล้วลุกขึ้น เขายื่นมันไปตรงหน้าจักดูแล้วเขย่าไปมา 

 

 

“รู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร” 

 

 

“ไม่รู้ขอรับ ข้าแค่ดูแล้วก็เก็บใส่ไว้ตามเดิม!” 

 

 

ดวงตาของนักเลงกลิ้งไปมาทั้งที่หน้าแนบอยู่กับพื้น เครื่องประดับที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของมีค่าทั่วไปและจักดูก็รู้ว่าในบ้านนอกแบบนี้ไม่มีทางมีของเช่นนี้แน่ เขาจึงตั้งใจจะเอาไปที่เมืองหลวงจึงเก็บส่วนหนึ่งแยกจากประเป๋าเงินไว้ต่างหาก 

 

 

“ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้มีรูปภาพใช่หรือไม่” 

 

 

ฮอนยกยิ้มอีกครั้งแล้วชี้ใช่ดูตราประทับที่ถูกประทับอยู่ข้างหลัง 

 

 

“นี่คือตราของราชสำนัก ทำไม ก็ตราเดียวกันกับที่ถูกวาดอยู่บนธงที่ติดอยู่ตรงที่ว่าการอย่างไรเล่า” 

 

 

สายตาที่ตกอยู่ในความตื่นตระหนกของจักดูไล่ไปตามรูปภาพที่ฮอนชี้ให้ดู ธงของที่ว่าการที่เคยผ่านหูผ่านตา แน่นอนว่าเคยเห็นอยู่เรื่อยแต่ไม่ได้สนใจ สิ่งที่ถูกเขียนอยู่บนธงที่โบกสะบัดไปมา มาซ่อนอยู่ด้านหลังเครื่องประดับที่ชิงมาจากบ่อนได้อย่างไร 

 

 

จักดูกลอกตาไปมาเพราะความสับสน เขานึกถึงกองทหารที่เพิ่งติดสินบนไปเมื่อหลายวันก่อน ทหารพวกนั้นรายงานว่าเมืองข้างๆ ที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนนั้น องค์รัชทายาทเสด็จมาแล้วก็มาจัดการทุกอย่างให้ระวังตัวไว้… 

 

 

“องค์รัชทายาท…ฝ่าบาท?” 

 

 

ช่วงเวลารุ่งโรจน์ของชีวิตนักเลงกำลังจะจบลง ความชั่วมากมายที่เคยทำไว้ผ่านเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าต่อให้ฟ้าถล่มลงตรงหน้า ว่ากันว่าจะมีช่องให้ได้ไหลไป เขานึกถึงเชือกเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตตัวเองได้แล้วรีบไหลตามออกมาอย่างรวดเร็ว 

 

 

“กระหม่อมรู้เรื่องการทุจริตทั้งหมดของเมืองนี้พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะสารภาพออกมาให้หมด เพราะงั้นช่วยละเว้นชีวิตกระหม่อมด้วย!” 

 

 

สายตาของฮอนยังคงมีรอยยิ้มไม่จางหายไป ด้านหลังของจักดูที่หมอบอยู่ ที่ตรงนั้นรยูฮาในชุดเครื่องแบบสีดำยืนพิงกรอบประตูและกำลังจ้องมองมาทางฮอน 

 

 

ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งเหลือเกิน ใช้เวลาสองสามวันก็จับหัวหน้าโจรได้ อีกทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงเจ้าเมืองผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีได้ด้วย ฮอนส่งยิ้มเล็กๆ ไปให้นาง แล้วหันมามองจักดูอีกครั้ง  

 

 

“ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าคำพูดของเจ้าคือความจริง มีหลักฐานหรือไม่” 

 

 

“มีพ่ะย่ะค่ะ เหล่าลูกน้องของกระหม่อมเป็นพยานได้ กระหม่อมมอบทรัพย์ให้เจ้าเมืองและมีหนังสืออนุญาตที่ได้รับมาด้วย” 

 

 

จักดูดิ้นรน ความตั้งใจอันแรงกล้าของนักเลงผู้ซึ่งไม่เหลืออะไรแล้วทำให้ฮอนคิดหนัก แม้แต่นักเลงที่อ่านหนังสือไม่ออกสักตัวและขโมยของคนอื่นเพื่อดำรงชีวิตยังดิ้นรนเพื่อรักษาชีวิตตน แล้วก่อนที่รยูฮาจะปรากฏตัว เขามัวแต่ทำอะไรอยู่ 

 

 

“เอามา” 

 

 

สิ้นคำสั่งสั้นๆ จักดูก็เอากระดาษเก่าหนึ่งแผ่นที่ผูกพับหลายทบออกมาจากอ้อมกอดซึ่งถูกมัดติดไว้อย่างแน่นหนา เอกสารนั้นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอำนาจในการจัดการตลาด ตรงส่วนท้ายมีแม้กระทั่งตราประทับของเจ้าเมือง 

 

 

ไม่เกินจริงเลยหากบอกว่ามันคือข้อตกลงเพื่อบีบบังคบเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ทำถูกกฎหมาย ต่อให้ไม่ได้เห็นกับตาก็ชัดเจนว่าชาวบ้านในเมืองนี้ต้องหลั่งน้ำตาและเลือดมากแค่ไหนเพราะกระดาษแผ่นเดียวแผ่นนี้  

 

 

“หากินกันเป็นระบบเชียว” 

 

 

ฮอนพูดซ้ำเบาๆ แล้วพับสิ่งนั้นอีกครั้งก่อนจะเก็บไว้ในหน้าอก เขาออกคำสั่งกับจักดูที่ตอนนี้หมอบคว่ำหน้าลงราวกับพยายามทำให้รูปร่างใหญ่โตนั้นเล็กลงให้ได้มากที่สุด 

 

 

“สารภาพความผิดที่เจ้าเคยทำออกมาจากปากเจ้าให้หมด ถ้าเหล่าทหารตรวจสอบแล้วตกหล่นไปแม้แต่เรื่องเดียว เจ้าถูกเด็ดคอทิ้งแน่” 

 

 

ไม่มีทางจำความผิดทั้งหมดที่ทำมาได้แน่ คำสั่งในตอนนี้ก็เหมือนกับสั่งให้เด็ดคออยู่แล้ว แต่จักดูก็ดิ้นรนพยายามคิดแล้วสารภาพความผิดที่จำได้ออกมาทีละอย่าง 

 

 

“ตระกูลคิมขายปลา…ติดหนี้บ่อนเลยส่งลูกสาวเขาไปซ่อง…เอื๊อก!” 

 

 

ทุกครั้งที่ความผิดที่ตัวเองทำหลุดออกมาจากปากของจักดู ชองโอที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็จะฟาดปลอกดาบลงไปหนึ่งครั้ง หนึ่งเรื่องต่อหนึ่งครั้ง หลังจากค่อยๆ เอ่ยความผิดที่นึกออก จักดูก็กลายเป็นกองเลือดน่าสงสารเหมือนกันกับคนเฝ้าประตูที่มากวนใจฮอน และหายใจหอบอย่างยากลำบาก ฮอนยกมือขึ้นสั่งหยุดการตีแล้วหรี่ตามอง 

 

 

“รักษาเขา เฝ้าคนที่อยู่ที่นี่ไว้พอตะวันขึ้นให้ลากมาที่ว่าการ ถ้าสอบสวนเสร็จแล้วให้สรุปความผิด จากนั้นส่งไปยังเมืองที่ครั้งก่อนกำแพงถล่มลง ให้ไปก่อกำแพงเช้าจรดเย็นในฐานะทาสหลวง ตลอดชีวิตไม่มีเว้นสักวัน” 

 

 

พอพูดเสร็จ ฮอนก็เดินจากไปพร้อมกับรยูฮาโดยไม่หันกลับมามอง เหล่าทหารตามทั้งคู่ไปเป็นแถวเพื่อคุ้มครองแต่ก็ไม่ใกล้จนเกินไป รยูฮาที่เงียบมาสักพักเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน 

 

 

“พาไปตอนนี้ก็ได้ ทำไมต้องรอถึงตอนเช้าเพคะ” 

 

 

ปลายจมูกของหญิงสาวที่ถามอย่างนั้นมีแสงจันทร์ส่องประกายเลือนรางอยู่ ฮอนรู้สึกอิจฉาแสงจันทร์ ดังนั้นก่อนจะตอบคำถามเขาจึงลูบไปที่ปลายจมูกนั้นด้วยปลายนิ้วทำทีเหมือนว่ากำลังเช็ดอะไรบางอย่างออกให้ 

 

 

“ให้ชาวบ้านที่โดนพวกเขากระทำได้แก้แค้นบ้าง พวกเขาคงสบายใจมาก ถ้าได้เห็นคนที่ทรมานตัวเองถูกทรมานแล้วจึงค่อยพาตัวไป” 

 

 

รยูฮาไม่ถามต่อแล้วเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรจะพูดอีก ถึงจะไม่ใช่เส้นทางที่ไกลมากแต่เพราะฝีเท้าที่ช้าลงเรื่อยๆ ของทั้งคู่ทำให้นานทีเดียวกว่าจะถึงที่ว่าการ ริมฝีปากของรยูฮายกยิ้มเศร้าพลางพยักหน้าเป็นการบอกลาในค่ำคืนนี้ 

 

 

 

 

 

* * * 

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


มิใช่เพียงเพราะสัญญาองค์ชายรัชทายาทฮอน จำเป็นต้องอภิเษกสมรสกับซอรยูฮา ให้นางอยู่ในฐานะพระชายาเอก เพราะต้องการพาหญิงสาวชาวบ้านผู้เป็นคนรักเข้ามาเป็นพระสนม แต่ซอรยูฮา หญิงสาวที่องค์ชายรัชทายาทเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยนั้น แทนที่จะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวานดั่งที่ใครต่อใครคิด แต่เมื่อเจอตัวจริงพระองค์ถึงกับให้คำจำกัดความนางว่า ‘ไร้สติ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจ และไม่มีผู้ใดเหมือน’

ซอรยูฮาคอยคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ภายในพระราชวังให้เป็นไปในทางที่ดี เวลาผ่านไปองค์ชายรัชทายาทฮอนในฐานะพระสวามีที่ไม่เคยเหลียวแลและมอบความรักให้แก่พระชายาของตนเองเลยนั้น กลับค่อยๆ ให้ความสนใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงเวลาเขาต้องเลือกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ตนเองมีใจให้นั้นคือชายาที่ตนเคยตั้งแง่รังเกียจหรือพระสนม คนรักของตนกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset