วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 6-7

ตอนที่ 6-7

วันถัดมาในหัวเมืองที่อดอยาก งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นผิดเวลา เหนือกำแพงที่ถูกรื้อออกไปครึ่งหนึ่ง ไฟที่ใช้ย่างเนื้อทั้งคืนยังไม่มอดดับ อีกทั้งกับข้าวที่ทำและส่งไปจากห้องครัว เสบียงที่เหลืออยู่ไปจนถึงเสบียงที่ขบวนรัชทายาทเอามานั้นหมดเกลี้ยงแล้ว พวกเขากินและดื่มจนทำให้คนที่อยู่นอกเมืองเห็นแสงไฟและควันไฟขนาดใหญ่จากในระยะร้อยลี้ได้ สีหน้าขององค์รัชทายาทที่พึงพอใจเพราะเหล่าทหารต่างก็เอ่ยปากขอบคุณที่ทำให้อิ่มท้องเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความกังวลใจในคืนวันที่สาม ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าข้ามชายแดนมาแต่ไกล 

 

 

“มาแล้ว อย่าตื่นตระหนกไป ค่อยๆ เคลื่อนไหว” 

 

 

เหล่าทาสและผู้หญิงรวมถึงคนที่มีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดต่างก็ส่งเสียงดังและเต้นตามคำสั่งฮอน ส่วนเหล่าทหารก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆจับดาบกับธนูไว้แน่น ข้างล่างกำแพงนั้นเหล่าทหารที่ชานพามาดักซุ่มอยู่ภายใต้เงาของแสงไฟที่ถูกสร้างขึ้นเหนือกำแพง รอคอยเหล่าผู้บุกรุกที่กำลังใกล้เข้ามา 

 

 

“มาแล้ว! ยิง!” 

 

 

ในที่สุดตอนที่ง้างธนูเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ลูกธนูก็ถูกยิงออกมาจากกองไฟย่างเนื้อขนาดใหญ่ในคราวเดียวทั้งอย่างนั้นราวกับดาวตก เหล่าผู้หญิงก็ไม่ได้มัวแต่เล่นอยู่ พวกนางเอาก้อนหินและกรวดที่อยู่เกลื่อนไปทั่วยัดใส่ในกระโปรงแล้วขึ้นไปบนกำแพงก่อนจะขว้างใส่หัวพวกคนป่า และสาดน้ำมันเดือดจากการประกอบอาหารใส่ เหล่าทหารที่ดักซุ่มอยู่ปิดกั้นทางเหล่าคนป่าที่พยายามจะหลบหนีและบั่นคอพวกนั้นจากทางด้านหลัง เหล่าทหารที่ไม่มีเรี่ยวแรงเพราะไม่ได้กินอาหารอย่างเต็มที่พอได้กินดีและพักผ่อนเพียงพอก็กลับมามีขวัญกำลังใจกว่าครั้งไหน 

 

 

ระหว่างที่การต่อสู้เกิดขึ้นตรงบริเวณกำแพง เหล่าทหารที่ติดตามรยูฮากับมินอามาและพวกผู้ชายที่มีกำลังดีลากเกวียนที่เต็มไปด้วยดินโคลนพร้อมกับพาม้าข้ามชายแดน จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือฐานทัพของเหล่าคนป่าซึ่งอยู่ตรงเนินเขาที่มองไม่เห็นได้อย่างง่ายดาย 

 

 

“หยุด ส่งเสียงแม้แต่น้อยก็ไม่ได้” 

 

 

รยูฮาที่อยู่หน้าสุดยกมือสั่งให้เกวียนหยุด 

 

 

“พระชายามันอันตรายพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันกลับมาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ชองโอรีบคว้าชายเสื้อและห้ามไว้อย่างรวดเร็ว ที่แผ่นหลังของรยูฮาในชุดเครื่องแบบสีดำมีหน้าไม้ติดอยู่แทนดาบ และในมือของนางเป็นมีดสั้น ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากแต่การที่หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ว่าใครก็ดูออก 

 

 

“ขัดคำสั่งรึ” 

 

 

“ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ชองโอหน้าจ๋อยทันทีเพราะคำพูดดุดันที่ตอบกลับมาพลางโค้งตัวลงทำความเคารพ รยูฮาตบลงบนไหล่เขาสองครั้ง หลังจากนั้นก็หายเข้าไปในความมืด มินอาในชุดแบบเดียวกันและทหารที่ว่องไวที่สุดสี่ห้าคนก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

เหล่าคนป่าส่วนใหญ่ออกไปปล้นตามที่คาดเดาไว้ เหลือส่วนน้อยที่เฝ้าฐานทัพ รั้วที่ทำจากไม้ซุงเหลาให้แหลมแล้วปักลงค่อนข้างแข็งแรง แต่คนเฝ้าประตูที่เคยเฝ้าทางเข้าออกทั้งสี่ทิศกลับถูกปลิดชีพด้วยมีดสั้นในสภาพที่ไม่ได้กรีดร้องแม้สักนิด 

 

 

มินอาผู้ลักลอบเข้ามาเช่นนั้นค้นหาฟางข้าวที่กองสุมตรงมุมเอามาเป็นเชื้อเพลิง ฟางข้างแห้งเจอเข้ากับลมแรงจากทางเหนือไม่นานก็ลุกไหม้เป็นสีแดงราวกับจะทำให้ทุกอย่างหายไปในไม่ช้า ไม่ใช่แค่ที่เดียว เปลวไฟพุ่งทะยานขึ้นจากมัดฟางตรงนั้นตรงนี้บ้าง แล้วเสียงตะโกนเอะอะวุ่นวายก็ทำลายค่ำคืนอันสงบสุขลง 

 

 

“ไฟไหม้! ไฟ! ดับไฟเร็ว!” 

 

 

แผ่นหลังของเหล่าคนป่าที่วิ่งออกมาจากทั่วทุกที่โดนถูกลูกธนูที่แม้จะเล็กแต่ทรงพลังเข้าอย่างจัง ค่ำคืนอันมืดมนจนเหมือนไม่มีแสงจากดวงจันทร์แม้แต่น้อย แต่เปลวไฟที่เล็ดลอดออกมาจากส่วนทุกที่ก็ส่งสว่างไปหมดจนสว่างเหมือนตอนกลางวัน ไม่มีมุมให้ใครซ่อนตัวได้ 

 

 

รยูฮาพาพวกทหารลักลอบเข้ามาที่ฐานทัพได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือศพที่กระจัดกระจาย และต้อนเหล่าผู้หญิงกับเด็กที่พากันกลัวจนตัวสั่นให้มาอยู่ที่เดียวกัน ตอนนี้เองที่ลูกธนูไฟของรยูฮาถูกส่งเป็นสัญญาณออกไปแล้วเกวียนกับม้าก็เข้ามาถึง พอโปรยดินโคลนที่บรรทุกมาจนหมดเกลี้ยง เปลวไฟสีแดงเข้มก็อ่อนกำลังลง กองไฟหลายกองที่กำลังลุกโชนอยู่ก็ค่อยๆ สงบลง หน้ากากเลื่อนลงมาใต้คางของรยูฮาสะท้อนกับกองไฟนั้นจนส่องแสงสีขาว 

 

 

“บรรทุกเสบียงและของมีค่าไปให้หมด เจ้า เจ้า เจ้า แล้วก็มินอาตระเวนดูว่ามีคนบาดเจ็บไหม” 

 

 

“พระชายา ทำอย่างไรกับผู้หญิงและเด็กดีพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ทหารคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม 

 

 

“ถามสิ่งที่รู้อยู่แล้วสินะ ในสงครามประชาชนของประเทศที่แพ้จะต้องกลายเป็นอะไร” 

 

 

“พาไปเป็นทาสแล้วก็เชลยศึกพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“รู้แล้วก็ทำตามนั้น” 

 

 

เพราะสั่งให้ตามมาจึงตามมา แต่พวกเขายังไม่สามารถปรับตัวได้ เหมือนตอนที่ชานเจอรยูฮาครั้งแรกก็เป็นเช่นนั้น หากว่าปรับตัวได้แล้ว การที่ได้เห็นหญิงสาวออกคำสั่งให้บั่นหัว วางเพลิง ไปจนถึงให้พาเชลยไป ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่เปลี่ยนสักนิดก็ออกจะเป็นเรื่องที่น่าทึ่งไม่ใช่หรือ เหล่าทหารที่อยู่รอบๆ จ้องมองมาในสภาพอ้าปากกว้าง รยูฮาขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วหันมองพวกเขา แล้วก็พูดเสียงแผ่วเบาออกมา 

 

 

“จะขัดคำสั่งงั้นรึ” 

 

 

คำนั้นได้ผลเหมือนกับเวทมนตร์ เหล่าทหารที่มึนงงและมองไปที่รยูฮาเบนสายตากลับมาอย่างพร้อมเพรียงกันและเริ่มเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า แต่รยูฮาเห็นหัวหน้าองค์รักษ์ที่เคยทำหน้างงงวยมากที่สุดบรรดาทุกคนกลับตะโกนขึ้นแล้วก็โบกแขนไปมา 

 

 

“ยืนทำอะไรอยู่! รีบๆ ขนเร็วเข้า!” 

 

 

รยูฮาควบม้าสืบเสาะไปตามอาคารทีละหลังซึ่งยังมีควันลอยออกมาตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง มีศัตรูที่หลบซ่อนอยู่ไหม มีผู้ได้รับบาดเจ็บไหม ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดให้แน่ชัด ความพอใจถึงจะตามมาหลังจากความเหนื่อยล้า หลังจากการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ขอบปากของรยูฮามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น 

 

 

“เผาให้หมด วัชพืชต้องเผาไปจนถึงรากจะได้เงยหน้าขึ้นมาอีกไม่ได้” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา” 

 

 

หญิงสาวหวงแหนประชาชนของประเทศเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นเหล่าคนชนชั้นล่างที่ยังเด็กและไม่มีเรี่ยวแรงยิ่งหวงแหน เช่นนั้นแล้วจึงไม่มีความเมตตาต่อศัตรูที่มายุ่งกับพวกเขา อาคารต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้แห้งและฟางข้าวซ้อนเป็นชั้นๆ พอจุดไฟอีกครั้งไฟก็ลุกโชนราวกับรอคอยอยู่ จากนั้นก็เหลือแต่เถ้าถ่าน 

 

 

ค่ำคืนแห่งเสียงอึกทึกครึกโครมผ่านไปเช่นนั้นจนถึงราวๆ ช่วงฟ้าสาง ม้าสีดำของฮอนที่นึกเป็นห่วงเพราะเห็นควันไฟจากที่ไกลๆ ก็ออกมาข้างนอก เขาเห็นหญิงสาวพร้อมกับแผงคอม้าในกลุ่มควันในสภาพหันหลังให้ดวงอาทิตย์ นางปรากฏตัวพร้อมกับเกวียนมากมายที่บรรทุกเสบียงและเชลยศึก แต่สำหรับฮอนแล้วเขามองเห็นแค่เพียงนาง ขณะที่เหล่าทหารรอคอยอย่างร้อนรุ่มกลุ้มใจอยู่บนกำแพงก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้น ฮอนหยุดม้าตรงหน้ารยูฮาแล้วยิ้มสดใสก่อนจะยื่นมือออกไป 

 

 

“ข้าเป็นห่วง ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่” 

 

 

“ไม่มีใครบาดเจ็บสักคนเพคะ” 

 

 

ร่องรอยของการต่อสู้ที่ดำเนินไปทั้งคืนดูน่าสงสารและโหดร้าย ข้างล่างกำแพงนั้นศพกองกันเกลื่อน และด้านหน้าเป็นหัวของหัวหน้าคนป่าที่ถูกตัดแล้วมาปักไว้ โบกไปมาเหมือนธง ควันไฟของการเผาเหล่าศัตรูพวยพุ่งอย่างต่อเนื่องตลอดสามวันไม่หยุดพักราวกับค่ำคืนงานเทศกาล แต่ก็ไม่มีเวลาให้หยุดพักมากนัก ฮอนเปิดเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าเมืองแล้วเอาเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา ในระหว่างนั้นชานจัดทำรายการสิ่งของที่บรรทุกมาด้วยตัวเองแล้วถือเข้าไป 

 

 

“ลำบากท่านแล้ว เสด็จพี่” 

 

 

ชานวางรายการที่ทำมาวางลงบนโต๊ะแทนการตอบแล้วจ้องไปทางฮอน ท่าทางของน้องชายที่ก้มหน้าอยู่กับเอกสารไม่เงยหน้าขึ้นมาดูไม่คุ้นตาราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดูอีกทีก็คุ้นอยู่ ท่าทางเหมือนกับพ่อของพวกเขาที่เคยเห็นในห้องทรงงานของพระราชวัง 

 

 

“เปลี่ยนไปเยอะเลยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ” 

 

 

ในที่สุดฮอนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับชานและยิ้มกว้าง ใบหน้าที่เคยงดงามดูเหนื่อยล้า ตรงใต้ตามีเงาดำ แม้แต่เสื้อผ้าก็เลอะเทอะไปด้วยฝุ่นและน้ำหมึก แต่ว่ารอยยิ้มนั้นดูสดใสกว่าครั้งไหนที่ชานเคยเห็น 

 

 

“เพราะบุญคุณของเสด็จพี่ หากไม่ใช่เสด็จพี่ อย่าว่าแถวชายแดนเลย แม้แต่โลกภายนอกพระราชวังเป็นไปอย่างไรข้าก็คงไม่รู้ คงไม่อาจจินตนาการได้ว่าการเป็นกำลังให้กับชาวบ้านเป็นอย่างไร” 

 

 

ชานเองก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าน้องชายผู้ลุ่มหลงอยู่กับเหล้าและอิสตรีอย่างเสเพลจะเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ความจริงเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ต้องยินดี เขาคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น 

 

 

“คนที่ควรได้รับความเคารพไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นพระชายาต่างหาก” 

 

 

แต่ว่าคำที่ออกมาจากปากของชานอย่างแท้จริงกลับมีเสี้ยนหนามปักอยู่จนน่าตกใจ ไม่รู้ว่าไม่ทันได้สังเกต หรือแสร้งทำเป็นไม่ทันได้สังเกต ฮอนก้มลงไปหาเอกสารอีกครั้งแล้วตอบราวกับตามน้ำไป 

 

 

“อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นสิ่งที่ต้องเป็นองค์รัชทายาทถึงจะได้รับ”

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


มิใช่เพียงเพราะสัญญาองค์ชายรัชทายาทฮอน จำเป็นต้องอภิเษกสมรสกับซอรยูฮา ให้นางอยู่ในฐานะพระชายาเอก เพราะต้องการพาหญิงสาวชาวบ้านผู้เป็นคนรักเข้ามาเป็นพระสนม แต่ซอรยูฮา หญิงสาวที่องค์ชายรัชทายาทเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยนั้น แทนที่จะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวานดั่งที่ใครต่อใครคิด แต่เมื่อเจอตัวจริงพระองค์ถึงกับให้คำจำกัดความนางว่า ‘ไร้สติ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจ และไม่มีผู้ใดเหมือน’

ซอรยูฮาคอยคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ภายในพระราชวังให้เป็นไปในทางที่ดี เวลาผ่านไปองค์ชายรัชทายาทฮอนในฐานะพระสวามีที่ไม่เคยเหลียวแลและมอบความรักให้แก่พระชายาของตนเองเลยนั้น กลับค่อยๆ ให้ความสนใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงเวลาเขาต้องเลือกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ตนเองมีใจให้นั้นคือชายาที่ตนเคยตั้งแง่รังเกียจหรือพระสนม คนรักของตนกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset