วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 5-5

ตอนที่ 5-5

แชยอนเม้มปากไม่มีคำจะพูดต่อ หญิงสาวมองไปยังโฮจินอีกครั้งเพื่อขอร้องให้ออกไป แต่ก็เอ่ยปากไม่ได้

 

 

ดวงตาสีน้ำตาลและริมฝีปากยังคงยกยิ้ม ถ้าใส่เสื้อผ้าพวกนี้ออกไปแล้วไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีก พอคิดไปถึงตรงนี้ไม่รู้ทำไมในใจของแชยอนจึงเริ่มสั่นไหว

 

 

“มองกระหม่อมแทบทะลุเช่นนั้น กระหม่อมก่อเรื่องอะไรอีกไม่รู้ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

โฮจินที่สบตาเข้ากับแชยอนเอ่ยปากขึ้นก่อน ราวกับคำพูดนั้นกลายเป็นแม่เหล็ก แชยอนวางเสื้อวางลง แล้วยื่นแขนออกไปดึงโฮจินเข้ามากอด มือใหญ่ลูบลงบนแผ่นหลังอย่างอบอุ่น ไม่รู้ทำไมหญิงสาวจึงระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา เหมือนคืนนั้นที่ช่วยนางไว้จากผู้ลอบสังหาร

 

 

“ฮึก…ฮือ…”

 

 

“ร้องไห้ทำไมพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไม่รู้…ฮือ”

 

 

 “หากร้องไห้เพราะกระหม่อม…ตอนแรกกระหม่อมนึกว่าจะดีใจ แต่กลับไม่ดีใจเลย”

 

 

รสขมตีตื้นขึ้นมาตรงขอบปากของโฮจิน ชุดที่เขายื่นให้ตอนนี้ก็เพื่อยัดเยียดบาดแผลที่ลบไม่ออกให้กับแชยอน แต่ต่อหน้าน้ำตาอันไร้เดียงสานี้ ใจของเขามันกลับดำปี๋และรู้สึกละอาย นี่คือความละอายต่อบาปหรือไม่นะ รู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา เขาจึงไม่แน่ใจนัก แต่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่ ความคิดนั้นช่างขัดแย้งกับสัมผัสที่กำลังลูบไปบนแผ่นหลังเล็กที่สั่นเทา

 

 

ตอนแรกเขาแค่อยากได้ เพราะว่างดงามจึงเกิดความโลภอยากได้ อยากได้ร่างกายที่สั่นเทานี้ ความอยากที่อยากจับหญิงสาวกลืนกินลงไปทั้งตัวเติบโตพรวดๆ อยู่ภายในจนกลืนกินตัวตนของเขา คำว่าหลงรักซึ่งไม่เหมาะกับตัวเขาเลยแขวนอยู่บนตัวนี้ เมื่อคิดอะไรได้สักพัก โฮจินจึงได้จุมพิตลงบนดวงตาของแชยอนแล้วช่วยเช็ดน้ำตาให้

 

 

“หากไม่อยากไป ท่านจะไม่ไปก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ดวงตาสีดำและดวงตาสีน้ำตาลประสานกันกลางอากาศและอ่านใจของกันและกัน แต่ดวงตาสีดำก็เป็นฝ่ายส่ายหน้าแล้วก้มสายตาลงมองพื้น

 

 

“ไม่ได้ ข้าไปจากฝ่าบาทไม่ได้”

 

 

“ด้วยเหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“เพราะถ้าไม่มีฝ่าบาท…ข้าก็ไม่ใช่สิ่งใดเลย”

 

 

ริมฝีปากของโฮจินที่ตั้งใจจะเอ่ยบางอย่างลังเลอยู่สักครู่ ใจของเขาติดอยู่กับน้ำเสียงอันใสบริสุทธิ์จนเอ่ยคำนั้นออกมาไม่ได้

 

 

“เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาเถอะ”

 

 

 

 

* * *

 

 

 

 

เงาสีดำลอยไปเหมือนสายลมพาดผ่านจวนของเจ้าเมือง คนที่เฝ้าสังเกตการณ์คนที่ผ่านไปมายังไม่ตายแค่หมดสติลงตรงนั้น

 

 

“ทางนี้”

 

 

พอตรวจดูความปลอดภัยรอบทิศแล้ว เขาก็อุ้มแชยอนที่ช่อนตัวอยู่นอกรั้วขึ้นแล้วพาเข้าไปทางด้านล่างหน้าต่างที่มีไฟส่องสว่างอยู่ และรอไม่นานจังหวะที่ยกมือขึ้นจะเคาะหน้าต่างนั่น

 

 

“ฝ่าบาทมาทางนี้เร็วเพคะ หม่อมฉันร่างกายไม่ค่อยจะสู้ดี…ฝ่าบาทต้องช่วยแล้วล่ะเพคะ”

 

 

เสียงยั่วยวนของสตรีแม้จะเบาแต่ก็เล็ดลอดออกมาชัดเจน โฮจินหยุดการเคลื่อนไหวเพราะแน่ใจว่าเป็นเสียงรยูฮาแล้วหันมองแชยอน ดวงตาของแชยอนสั่นสะท้านรุนแรงในสภาพยังคงมองไปที่หน้าต่างที่ซึ่งชัดเจนท่ามกลางความมืด เสียงที่เว้นช่วงไปสักครู่แล้วก็ดำเนินต่อไปอีกแทรกเข้ามาตรงระหว่างสายตาของทั้งคู่ที่สวนทางกัน

 

 

“อ้า ฝ่าบาท ดีจังเลยเพคะ”

 

 

มือของโฮจินค่อยๆ ลดลงไปด้านล่างแล้วยกขึ้นมาอีกครั้ง แต่แทนที่จะเคาะประตูนั้น เขากลับยกมันขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงเงียบๆ ของแชยอน แล้วโอบกอดไหล่ของนาง ในระหว่างนั้นเสียงร้องเบาๆ และเสียงพูดแผ่วเบาของทั้งคู่ก็ดำเนินต่อไปในห้องเรื่อยๆ ไม่มีหยุด จนท้ายที่สุดไฟก็ถูกดับลง

 

 

“จะรอก่อนแล้วค่อยเข้าไปใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ศีรษะเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของโฮจินส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงกระซิบถามข้างหู การเคลื่อนไหวเล็กน้อยทำให้ภารกิจระหว่างโฮจินและรยูฮาสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ นางสนมผู้งดงามแลกเปลี่ยนกับอนาคตและชีวิตขององค์รัชทายาท ในที่สุดก็มาอยู่ในมือเขา รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของโฮจินเมื่อได้ผลลัพธ์ตามต้องการเพียงครู่เดียว แล้วรอยยิ้มนั้นก็ถูกลบหายไป

 

 

“ไปเถอะ”

 

 

โฮจินอุ้มแชยอนขึ้นตัวลอยโดยไม่มีลังเลแล้วข้ามรั้วอีกครั้ง จนเข้ามาในโรงเตี๊ยมและเข้ามาในห้อง เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยนางออกจากอ้อมกอดแม้เพียงเสี้ยวนาที

 

 

“ท่านโฮจิน”

 

 

แชยอนที่นั่งมองท้องฟ้าอยู่บนเตียงเอ่ยปากขึ้นอย่างยากลำบาก

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ท่านบอกว่าถ้าเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ…จะทำให้ทุกอย่างใช่หรือไม่”

 

 

โฮจินแก้มัดผมของแชยอนออกให้ เส้นผมมันวาวทิ้งตัวลงบนไหล่ราวกับคลื่น หลังจากนั้นเขาเสยผมของนางไปข้างหลังแล้วก็ค่อยๆ คลายปมที่ผูกอยู่บนเสื้อของนางออก แชยอนนั่งมองโฮจินนิ่งเหมือนตุ๊กตาโดยที่ทั้งไม่ปฏิเสธและไม่เคลื่อนไหว

 

 

“ก่อนที่ท่านจะขอร้องให้กระหม่อมปลิดชีพองค์รัชทายาท พระชายามีเรื่องฝากถึงท่าน”

 

 

ไหล่ขาวที่ถูกคลุมด้วยเสื้อผ้าสีดำทำให้เขาผงะและแสบตา โฮจินหยุดพูดไปสักครู่แล้วประทับริมฝีปากลงไปตรงนั้นก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วเคลื่อนไหวมืออีกครั้งอย่างช้าๆ

 

 

“จำสัญญาที่มีกับข้าไว้ให้ดี แล้วก็เรื่องที่ข้าปกป้องมารดาของเจ้าด้วย”

 

 

พอทบทวนคำพูดของเขาอยู่สักครู่ แชยอนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ วันที่เจอกันครั้งแรกที่สวนในวังหรือแม้แต่ก่อนหน้านั้น นางก็ไม่สามารถเอาชนะพระชายาได้แม้แต่เสี้ยววินาที ไปจนถึงตอนนี้ที่อีกฝ่ายฉวยเอาสิ่งที่นางได้ครอบครองเป็นครั้งแรกนับแต่เกิดมาไป

 

 

โฮจินพับเสื้อผ้าที่ถอดออกมาจากร่างของแชยอนวางไว้ข้างๆอย่างเรียบร้อยราวกับจะอ่านความคิดนั้นของนาง แล้วก็ลิ้มรสริมฝีปากแดงที่เผยอขึ้นอย่างอ่อนเพลีย เสียงกระซิบที่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเหมือนกับว่ามีรอยยิ้มเจืออยู่ถูกส่งต่อจากริมฝีปากสู่ริมฝีปาก

 

 

“ยังทรงตรัสอีกว่าตอบแทนที่ฉวยบางอย่างไปจากท่าน จะทรงมอบน้อยชายคนเล็กให้ และบอกให้ระวังเพราะเขาเป็นคนอันตราย…”

 

 

“น้องชายคนเล็ก?”

 

 

“กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ ถึงไม่ใช่สายเลือดโดยตรงแต่ก็เติบโตมาเหมือนพี่น้องแท้ๆ”

 

 

โฮจินถอนริมฝีปากอย่างระมัดระวังแล้วดึงร่างเปลือยเปล่าของแชยอนเข้ามากอด ความอยากกำลังเบ่งบานเหมือนเปลวไฟภายใต้การเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ราวกับจะเด็ดดอกไม้บอบบางที่ถูกฉีกขาดได้ง่าย ร่างกายท่อนบนอันแข็งแกร่งของเขาก็ถูกเผยออกให้เห็นโดยไม่รู้ตัว เขามุดหน้าลงบนกลุ่มผมแล้วสูดลมหายใจเข้า

 

 

“ชอบแบบนุ่มนวล หรือว่าชอบแบบรุนแรง?”

 

 

โฮจินยิงคำถามอย่างตรงไปตรงไปมาแล้วจับหน้าอกที่นูนออกมาเต็มมือข้างหนึ่ง จากนั้นก็อยู่นิ่งๆ ราวกับรอคอยคำตอบ แต่แชยอนไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามนั้น

 

 

“ถ้าไม่ตอบจะคิดว่าแบบไหนก็ชอบ แล้วก็จะทำตามใจกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าตอบไม่ได้ คำโต้แย้งของแชยอนถูกเปลี่ยนเป็นลมหายใจพ่นออกมา มือที่เต็มไปด้วยความอยากเริ่มลูบคลำหน้าอกอีกข้างอย่างชำนาญ ลิ้นหมุนวนรอบๆ ส่วนที่แข็งเป็นไตขึ้นมาทุกครั้งที่แตะต้องลงบนส่วนปลาย ความตื่นเต้นอันร้อนแรงโหมซัดเข้ามา แค่เพียงสิ่งนั้นก็ทำให้ตื่นตัวอย่างมาก ถึงขนาดลืมความเหน็ดเหนื่อยและหมดหวังของแชยอนก่อนหน้านี้

 

 

“อ๊ะ…อ้า!”

 

 

โฮจินออกแรงดูดเม้มตรงส่วนอ่อนไหว พอตรงส่วนท้องน้อยได้แรงกระตุ้นเข้าไป ขาอ่อนด้านในก็เปิดกว้างออกเอง ของเหลวที่ไหลออกมาจากตรงส่วนนั้นไหลลงไปทางบั้นท้าย และตอนนี้เองที่กลุ่มผมสีดำซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของแชยอนจู่ๆ เลื่อนลงไปข้างล่าง

 

 

“ไม่ได้นะ!”

 

 

สติสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ทำให้ออกแรงไปตรงขาที่เปิดกว้างออกอย่างหวุดหวิด แต่ว่าโฮจินไม่มีความคิดที่จะอนุญาตให้หญิงสาวหุบขาลง

 

 

“อะไรไม่ได้?”

 

 

โฮจินยกมุมปากขึ้นอย่างหยอกล้อแล้วแลบลิ้นเลียนิ้วชี้

 

 

“ระ…เรื่องนั้น”

 

 

“เรื่องไหน? หืม”

 

 

โฮจินเลียนิ้วอย่างหนักปิดท้ายแล้วลดสายตาลงไปทางด้านล่างราวกับสั่งให้มองตาม นิ้วมือที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำลายบดขยี้ลงไปตรงส่วนที่ยื่นออกมา หญิงสาวถูกปราบอย่างง่ายดายเพราะมือซ้ายของเขากดลงบนกระดูกเชิงกรานที่พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการถูกกระตุ้น

 

 

“เรื่องนี้? หรือว่า…”

 

 

เฮือก แชยอนเบิกตากว้างกำผ้าห่มแน่น

 

 

“เรื่องนี้”

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


มิใช่เพียงเพราะสัญญาองค์ชายรัชทายาทฮอน จำเป็นต้องอภิเษกสมรสกับซอรยูฮา ให้นางอยู่ในฐานะพระชายาเอก เพราะต้องการพาหญิงสาวชาวบ้านผู้เป็นคนรักเข้ามาเป็นพระสนม แต่ซอรยูฮา หญิงสาวที่องค์ชายรัชทายาทเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยนั้น แทนที่จะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวานดั่งที่ใครต่อใครคิด แต่เมื่อเจอตัวจริงพระองค์ถึงกับให้คำจำกัดความนางว่า ‘ไร้สติ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจ และไม่มีผู้ใดเหมือน’

ซอรยูฮาคอยคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ภายในพระราชวังให้เป็นไปในทางที่ดี เวลาผ่านไปองค์ชายรัชทายาทฮอนในฐานะพระสวามีที่ไม่เคยเหลียวแลและมอบความรักให้แก่พระชายาของตนเองเลยนั้น กลับค่อยๆ ให้ความสนใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงเวลาเขาต้องเลือกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ตนเองมีใจให้นั้นคือชายาที่ตนเคยตั้งแง่รังเกียจหรือพระสนม คนรักของตนกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset