วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 16-1

ตอนที่ 16-1

“วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”  

 

 

ฮอนรีบวิ่งมาที่วังจานยองทันทีที่ว่าราชการตอนเช้าเสร็จ เขาลูบฝ่ามือของรยูฮาอย่างสงสาร รยูฮาซึ่งเริ่มแพ้ท้องตั้งแต่เมื่อสามสี่วันก่อนกินข้าวต้มไม่ได้สักช้อน แม้กระทั่งน้ำเปล่าก็ยังบอกว่ามีกลิ่นคาวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม และลูกในท้องของนางไม่ได้มีเพียงคนเดียวแต่มีถึงสอง เพราะฉะนั้นควรจะทำอย่างไรดีในเมื่อนางกินอาหารไม่ลงแบบนี้  

 

 

“พออยู่ได้เพคะ ทรงเสร็จงานตอนเช้าไวหรือเพคะ”  

 

 

“ข้าไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานแล้ว แต่ว่าพวกงานด่วนข้าจัดการหมดแล้วเพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก”  

 

 

พระพักตร์ที่พูดพร้อมกับยิ้มกว้างช่างหล่อเหลาเหลือเกิน หรือนี่จะคือเหตุผลที่มาเป็นพระมเหสี จะหาผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ที่ทิ้งเรื่องอื่นไปก่อนและมาหาถึงวังจานยองบ่อยๆ ได้จากที่ไหนอีก รยูฮามองดูใบหน้าของฮอนโดยที่ลืมอาการคลื่นไส้ไปสักพัก จากนั้นจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกออกแล้วหยิกแก้มเขาอย่างแรง  

 

 

“โอ๊ย!”  

 

 

“ขอทำเท่านี้พอแล้วกันเพคะ”  

 

 

เพราะรอยยิ้มของเขาทำให้นึกถึงภาพที่เขายิ้มอย่างน่าเกลียดหลังจากพาเสด็จย่าเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงอย่างไรก็ตามเพราะว่าผลลัพธ์ออกมาดีจึงขอจบด้วยการหยิกแก้มก็พอ หลังจากใช้แรงไปพอประมาณ รยูฮาก็วางมืออันหนักอึ้งไว้บนผ้าห่มอีกรอบ  

 

 

“ซังกุงห้องเครื่องมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้เข้ามาเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

เสียงยางจินที่ดังขึ้นมาจากข้างนอกทำให้รยูฮาทำหน้าบูดเบี้ยว บอกแล้วอย่างไรว่าไม่อยากได้กลิ่นอาหาร แล้วนี่เอาอะไรมาอีกล่ะ  

 

 

“ไม่ต้องให้เข้ามา”  

 

 

“ไม่ ให้เข้ามาเลย”  

 

 

ฮอนที่ขัดคำพูดของรยูฮาที่บอกว่าไม่ต้องให้เข้ามาเอ่ยด้วยเสียงที่ดังกว่า รยูฮาปิดปากและหันหน้าหนีตั้งแต่ที่เขาลุกขึ้นไปรับจานและตะเกียบจากซังกุงด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าของนางก็คือ  

 

 

“เอ้า นี่ ข้าหามาให้แล้ว ดูรึบ”  

 

 

มันคือดูรึบสีเขียวอ่อนซึ่งมีขนาดแค่ประมาณนิ้วโป้งเหมือนกับเพิ่งขึ้นมาได้ไม่นาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกใจมองมันด้วยความมึนงง แล้วจึงหันไปมองฮอนอีกรอบและหันไปมองดูรึบซ้ำไปซ้ำมา อยากกินมากจนเก็บไปฝันหรือเปล่านะ แต่กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิที่แผ่กระจายอยู่เต็มปากนี้ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน  

 

 

“ฝ่าบาท…”  

 

 

“มีอีกเยอะเลย เพราะฉะนั้นเสวยให้เต็มที่เลยนะพระมเหสี”  

 

 

หลังจากเอาดูรึบชิ้นที่สองใส่เข้าปาก รยูฮาก็น้ำตาหยดติ๋งๆ อย่างไรก็ตามปากของนางก็ยังคงขยับไม่หยุดหย่อนและเคี้ยวดูรึบที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีสติ ตอนนั้นนางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมินอาถึงต้องร้องไห้หาผลไม้ฤดูร้อนในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้บานสะพรั่งด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจแล้ว  

 

 

“ฮึก อร่อยเพคะ ฮึก ขอบใจนะ ฮอน ฮึก”  

 

 

“อืมๆ รีบๆ กินเข้า”  

 

 

เขาเข้าๆ ออกๆ สวนด้านหลังคืนละสามสี่รอบด้วยความเป็นกังวลจนกระทั่งมันงอกออกมา พอเห็นว่ารยูฮากินได้อย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้ก็นึกว่าความเหนื่อยล้าคงจะหายไปหมดอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่อย่างนั้น ฮอนอมยิ้มและผล็อยหลับไปข้างๆ นางจนถึงช่วงเย็น ส่วนรยูฮาก็ประทับจูบลงบนใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบาก่อนจะมุดเข้าไปในอกกว้าง  

 

 

 

 

 

* * *  

 

 

 

 

 

หลังจากฮอนหาดูรึบซึ่งไม่มีในช่วงกลางฤดูหนาวได้สำเร็จ รยูฮาก็เริ่มกินนู่นกินนี่มากขึ้นทีละนิด แม้จะโล่งใจแต่ปัญหาคือสิ่งที่นางอยากกินมักจะเปลี่ยนแปลงเสมอโดยไม่มีความแน่นอน หากเป็นอาหารที่สามารถหาได้ในพระราชวัง ไม่สิ ในเมืองหลวงก็ไม่เป็นไร แต่จะทำอย่างไรหากนางมองหาอาหารที่อยู่เหนือความคาดหมายในช่วงดึกดื่น  

 

 

“ฝ่าบาท”  

 

 

“ตื่นขึ้นมาทำไมหรือพระมเหสี”  

 

 

ฮอนที่ตื่นขึ้นมาเพราะรยูฮาเรียกเบาๆ ส่งยิ้มที่ซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ให้พร้อมกับลูบเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย  

 

 

“เมื่อก่อนตอนที่เดินดูตลาดที่สุดเขตชายแดน เราเคยซื้อเกี๊ยวกินใช่ไหมเพคะ”  

 

 

“อย่าบอกนะว่า”  

 

 

“ไม่ได้หรือเพคะ”  

 

 

รยูฮาทำหน้ามุ่ยและคลุมโปงในผ้าห่มทันที น่ารัก น่ารักจนแทบบ้าแล้ว คนอะไรน่ารักยันตอนตั้งท้อง เกี๊ยวน่ะไม่ใช่ของหายากสักหน่อย  

 

 

“มีใครอยู่ข้างนอกไหม!”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”  

 

 

เสียงที่ดังขึ้นมาไม่ใช่ของขันทีร่างเล็ก แต่เป็นเสียงของชายหนุ่มที่เฝ้าอย่างหนาแน่นทั้งสองฝั่ง ให้ทหารองครักษ์มาเฝ้าข้างนอกอย่างนั้นหรือ ฮอนเรียบเรียงความคิดในหัวที่มึนงงแล้วจึงพูดด้วยเสียงที่ขาดๆ หายๆ  

 

 

“ไปตามชองโอมา”  

 

 

“กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”  

 

 

“ทำไมเจ้าถึงไปอยู่ตรงนั้นได้”  

 

 

“ฝ่าบาททรงรับสั่งให้คุ้มกันห้องบรรทมคืนนี้พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

อย่างนั้นหรือ พอหลับๆ ตื่นๆ อยู่ข้างๆ รยูฮาซึ่งตื่นขึ้นมาหลายรอบต่อคืนติดต่อกันก็ดูเหมือนว่าสติของเขาก็เดี๋ยวมีเดี๋ยวหายไปด้วย รยูฮาทั้งรู้สึกเห็นใจและขอโทษฮอนจึงเข้าไปกอดแขนของเขาเบาๆ ภายใต้ผ้าห่ม  

 

 

“เจ้า ทำได้ดีมาก ไปซื้อเกี๊ยวมาซะ”  

 

 

“ตอนนี้มัน…ยามโฉ่ว[1]นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”  

 

 

“นั่นแหละๆ ตอนที่เราไปเขตชายแดน มีเกี๊ยวที่พระมเหสีทรงชอบเสวยอยู่ใช่ไหม ที่มีท่านยายทำขายเองคนเดียวอยู่ตรงสุดนู่นน่ะ ไปซื้อมาซะ”  

 

 

ชองโอที่หมดความอดทนไปโดยไม่รู้ตัวกำลังจะตะโกนออกไปว่า ‘ทรงคิดว่ามันใกล้ๆ เหมือนไปบ้านหมาข้างๆ บ้านหรือพ่ะย่ะค่ะ’ แต่เขาก็ตั้งสติได้ในวินาทีสุดท้าย ถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์ แต่หลังจากพระมเหสีทรงตั้งครรภ์ หน้าที่หลักของเขาก็กลายเป็นการออกไปตามหาอาหารข้างนอกพระราชวังโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่วันนี้มันค่อนข้างต่างออกไป เพราะต้องขี่ม้าออกจากเมืองหลวงไปเป็นระยะเวลาสามวัน  

 

 

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แต่มันอาจจะเสียระหว่างทางกลับมาได้พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

“อ่อ นั่นสินะ”  

 

 

ในขณะที่พยายามเรียบเรียงความคิดในหัวที่สับสนมึนงงอยู่นั้น ฮอนก็รีบคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาหลากหลายวิธีอย่างรวดเร็ว และพอใจตัวเองหลังจากค้นพบวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุดจากในบรรดาวิธีมากมาย  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพาท่านยายคนนั้นมาซะสิ ให้มาทำที่นี่”  

 

 

“ทรงฉลาดหลักแหลมมากเพคะฝ่าบาท”  

 

 

“จริงหรือพระมเหสี”  

 

 

เสียงของพระองค์ทั้งสองที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยผลักชองโอออกไปยังด้านนอกอันมืดมิด พระราชาทรงเชื่อใจเขาซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันตั้งแต่สมัยยังเป็นองค์รัชทายาทจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างมาก เขาต้องเชื่อเช่นนั้น เพราะไม่อย่างนั้นช่วงเวลาในตอนนี้ที่กำลังไปพาตัวท่านยายคนขายเกี๊ยวมากลางดึกกลางดื่นโดยมีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ เขาคงจะรู้สึกละอายเป็นอย่างมาก เสียงเกือกม้าของชองโออันแสนเปล่าเปลี่ยวออกไปจากเมืองหลวงและมุ่งหน้าตรงไปยังร้านขายเกี๊ยวในชนบท  

 

 

 

 

 

* * *  

 

 

 

 

 

ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวที่หิมะตกเยอะเป็นพิเศษ แต่เหล่าราษฎรของแทซากุกที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีต่างรู้สึกอบอุ่นกันถ้วนหน้า อาการแพ้ท้องของรยูฮาที่มากเป็นพิเศษก็เริ่มทุเลาลงในตอนที่ฤดูหนาวผ่านไปและพืชผักป่าก็เริ่มงอกเงยมากมาย มันช่างเป็นฤดูที่แสนจะงดงาม น้ำจากน้ำแข็งที่ละลายทั่วทุกแห่งไหลรวมกันกลายเป็นน้ำในลำธาร ยอดอ่อนสีเขียวและดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิหลากสีสันก็บานสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล  

 

 

แต่ฤดูที่งดงามที่สุดย่อมผ่านไปไวสุดเสมอ แม้กระทั่งฤดูใบไม้ผลิในปีนี้ก็ไม่ยกเว้น สายลมเย็นสบายที่พัดผ่านระหว่างแสงแดดร้อนระอุเป็นตัวบ่งบอกว่านี่คือจุดสิ้นสุดของฤดูใบไม้ผลิและเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อน  

 

 

“โอ๊ย!”  

 

 

รยูฮาซึ่งกำลังชมการแสดงของนักดนตรีพร้อมกับวางมือไว้บนท้องที่ป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัดเริ่มมีสีหน้าบูดเบี้ยว เจ้าตัวแสบนี่คือคนไหนกันแน่จากทั้งสองคน  

 

 

“เจ้าพวกนี้! อยู่เฉยๆ ไม่ได้หรือไง! ทำไมถึงต้องทำให้แม่ของพวกเจ้าลำบากแบบนี้”  

 

 

ฮอนต่อว่าพลางใช้ปลายนิ้วดีดลงบนท้องรยูฮาเบาๆ เสียงหัวเราะของรยูฮาที่ลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้นคละเคล้าไปกับเสียงพิณ ก่อนจะกระจัดกระจายไปทั่วบนท้องฟ้าสีคราม พอมีลูกสองคน อาหารที่กินเข้าไปจึงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท้องที่นูนออกมาก็ใหญ่เป็นสองเท่า และความลำบากก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความยากลำบากที่จะต้องแบกรับหลายๆ อย่างในอ้อมแขนเดียว แต่เพราะมีฮอนคอยดูแลอยู่เคียงข้างเสมอ รยูฮาจึงไม่ได้รู้สึกลำบากถึงขนาดนั้น  

 

 

“ฝ่าบาททรงตีองค์รัชทายาทสุดที่รักของหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ”  

 

 

“ก็เจ้าพวกนี้ทำให้พระมเหสีของข้าลำบากนี่”  

 

 

“ฝ่าบาทเองก็ทำให้หม่อมฉันลำบากเหมือนกันเพคะ”  

 

 

“ข้าทำตอนไหน”  

 

 

รยูฮาเหลือบมองดูรอบๆ ก่อนจะกวักมือเบาๆ หูของฮอนจึงค่อยๆ เลื่อนลงไปหาทีละนิด  

 

 

“เมื่อวานฝ่าบาทตรัสว่าอยากเห็นองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือเพคะ แถมยังบอกให้หม่อมฉันขึ้นไปอยู่ข้างบนก็ได้ด้วย”  

 

 

 

 

 

[1]  ยามโฉ่ว  ช่วงเวลา 01.00 น.-02.59 น.  

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


มิใช่เพียงเพราะสัญญาองค์ชายรัชทายาทฮอน จำเป็นต้องอภิเษกสมรสกับซอรยูฮา ให้นางอยู่ในฐานะพระชายาเอก เพราะต้องการพาหญิงสาวชาวบ้านผู้เป็นคนรักเข้ามาเป็นพระสนม แต่ซอรยูฮา หญิงสาวที่องค์ชายรัชทายาทเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยนั้น แทนที่จะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวานดั่งที่ใครต่อใครคิด แต่เมื่อเจอตัวจริงพระองค์ถึงกับให้คำจำกัดความนางว่า ‘ไร้สติ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจ และไม่มีผู้ใดเหมือน’

ซอรยูฮาคอยคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ภายในพระราชวังให้เป็นไปในทางที่ดี เวลาผ่านไปองค์ชายรัชทายาทฮอนในฐานะพระสวามีที่ไม่เคยเหลียวแลและมอบความรักให้แก่พระชายาของตนเองเลยนั้น กลับค่อยๆ ให้ความสนใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงเวลาเขาต้องเลือกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ตนเองมีใจให้นั้นคือชายาที่ตนเคยตั้งแง่รังเกียจหรือพระสนม คนรักของตนกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset