วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 13-7

ตอนที่ 13-7

รยูฮาทิ้งเด็กๆ ที่เริ่มทะเลาะกันและไปยืนตรงหน้าหอนางโลมที่คุ้นตา แต่นางยังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดพรวดออกมาเสียก่อน หมอที่มีหนวดหงอกประปรายคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูโดยมีหญิงสาวตามมาส่งด้วย 

 

 

“กลับดีๆ นะเจ้าคะ โอ๊ะ?” 

 

 

เมื่อโซยูเงยหน้าที่โค้งคำนับท่านหมอขึ้นแล้วทำตาโตเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อที่เห็นรยูฮายืนอยู่ตรงหน้าประตู เท่าที่นางรู้ นางไม่ใช่คนที่จะมาปรากฏตัวอยู่ในชนบทแบบนี้ แต่นั่นคือนางไม่ผิดแน่ 

 

 

“สบายดีไหม” 

 

 

“พระชายา ไม่ใช่สิ พระมเหสี ถวายบังคมเพคะ!” 

 

 

รยูฮามองดูโซยูที่โค้งตัวลงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แล้วยิ้มแย้มพร้อมกับตบไหล่นางเบาๆ 

 

 

“ข้ามาหาท่านองครักษ์ของเจ้าน่ะ” 

 

 

“หากทรงหมายถึง…ท่านองครักษ์…” 

 

 

หน้าโซยูหมองลงเล็กน้อย แต่เพราะว่ายังโค้งคำนับอยู่ รยูฮาจึงไม่สังเกตเห็น ส่วนโฮจินก็เอาแต่ตามเซ้าซี้โซยูไม่ดูตาม้าตาเรือ จึงถูกรยูฮาฟาดท้ายทอยไปหนึ่งที 

 

 

“เสด็จเข้ามาก่อนเถอะเพคะ อยู่ข้างในเพคะ” 

 

 

รอยยิ้มกลับคืนมาบนใบหน้าของทั้งสองที่เข้ามาด้านในตามการนำทางของโซยู แต่ไม่นานก็มีสีหน้าตึงเครียดเหมือนเดิม เพราะรอยเลือดสีแดงที่เห็นแวบๆ ข้างล่างชายผ้าห่มสีขาวที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยและมินอาที่นอนอยู่บนนั้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ภาพที่ไม่อยากจะเชื่อแม้จะเห็นด้วยตาตัวเองทำให้มือรยูฮาสั่นเทา แล้วตรงไปหามินอาอย่างรวดเร็ว 

 

 

“มินอา” 

 

 

ลองเรียกเบาๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา โซยูส่ายหน้าเบาๆ แล้วเข้าไปห้ามนางที่พยายามจะเรียกอีกครั้ง 

 

 

“ไม่ได้เพคะ ท่านหมอสั่งว่าต้องให้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพคะ” 

 

 

เฮ้อ รยูฮาพยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอและค่อยๆ เอามือออก ตอนนี้ถึงคราวที่จะถามคำถามที่กลัวคำตอบแล้ว แววตาที่ไม่สงบนิ่งเลยสักนิดและเต็มไปด้วยความกังวลหันมามองโซยู แต่โฮจินเป็นคนถามแทนรยูฮาที่ไม่กล้าถามออกไปและเอาแต่ขยับปากขึ้นลง 

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก” 

 

 

“ถึงจะรีบรักษาอาการแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก อีกทั้งอาการตกเลือดก็หยุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เพคะ และเพราะว่าชีพจรยังคงอ่อนแรงอยู่จึงไม่ควรขยับเขยื้อนจนกว่าท่านหมอจะบอกเพคะ” 

 

 

“เฮ้อ” 

 

 

อย่างน้อยก็เป็นเรื่องโชคดีท่ามกลางข่าวร้าย รยูฮาทรุดลงกับพื้นแล้วซบหน้าลงข้างๆ มือของมินอาพลางถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปมองโฮจิน สายตาที่มีจุดประสงค์อย่างแน่นอนทำให้โฮจินถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง 

 

 

“ข้าขี้เกียจไปพามา…แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” 

 

 

“อย่าบอกนะว่า” 

 

 

“ไปพาหมอหลวงมา ข้าให้เวลาสองวัน” 

 

 

“พูดอะไรเพ้อเจ้อขอรับ เห็นคนเป็นคยอกรังหรือไง” 

 

 

“สามวัน ไปซะ ไม่ต้องใช้เกี้ยวหรือรถม้า ให้ขี่ม้ากลับมา” 

 

 

แผ่นหลังของโฮจินที่ต้องย้อนกลับไปทางเดิมอีกรอบ หลังจากมาถึงจุดหมายได้แค่แป๊บเดียวดูห่อเ**่ยวชอบกล แต่รยูฮาไม่สนใจ นางนั่งลงข้างๆ เตียงอย่างสุภาพเรียบร้อยและค่อยๆ เช็ดเหงื่อที่ไหลบนหน้าผากมินอาอย่างระมัดระวัง 

 

 

“ชื่อโซยูใช่ไหม” 

 

 

“เพคะ พระมเหสี” 

 

 

“เรียกว่านายหญิงก็พอ เพราะว่าต้องคอยดูแลมินอาอยู่แบบนี้ คงทำให้เจ้าลำบากแย่เลยสินะ ขอบใจเจ้ามาก” 

 

 

รอยยิ้มที่รยูฮาคลี่ยิ้มให้เล็กน้อย ทำให้โซยูวางตัวไม่ถูก อย่างมากสุดนางก็เป็นแค่นางบำเรอด้อยค่าในหอนางโลมที่ชนบทเท่านั้น แต่ผู้ที่สูงศักดิ์เช่นนั้นกลับนั่งตรงหน้าและพูดขอบคุณนาง 

 

 

“มันเป็นสิ่งที่ควรจะทำเจ้าค่ะ อย่าได้พูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กในท้องนี่เป็นใคร” 

 

 

“อ้า ไม่รู้เจ้าค่ะ” 

 

 

มือของรยูฮาลูบปลายนิ้วมือมินอาที่ห้อยลงด้านล่างอย่างไร้เรี่ยวแรงอย่างเงียบๆ 

 

 

“หลานของพระราชา หลายแท้ๆ ของพระราชาอย่างไรเล่า” 

 

 

หลานของพระราชาอย่างนั้นหรือ แม้แต่โซยูที่เชี่ยวชาญเรื่องซ่อนความรู้สึกยิ่งกว่าใครอื่นยังอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง 

 

 

“หากถึงเวลากลับไปที่วัง ข้าจะมอบรางวัลใหญ่ให้แก่เจ้า คิดไว้เลยนะว่าอยากได้สิ่งใด” 

 

 

คำพูดที่คาดไม่ถึงทำให้หัวใจของโซยูเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ หรือว่าตอนนี้แหละที่จะได้ออกไปจากหอนางโลมอันคับแคบและน่าอึดอัดนี้เสียที ในตอนที่โซยูกำลังจะพูดออกมา เสียงที่เหมือนกับละเมอก็พุ่งตรงไปหารยูฮา 

 

 

“พระ…มเหสี?” 

 

 

“มินอา!” 

 

 

แม้จะเห็นรยูฮา แต่มินอาก็ไม่ฝืนลุกขึ้นมา รยูฮาเองก็ทำแค่เพียงก้มลงไปมองมินอาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบาใจและความเป็นห่วง โดยที่ยังกุมมืออันเย็นเฉียบของนางไว้แน่น 

 

 

“ลูก…” 

 

 

“ไม่เป็นไรแล้ว แต่หมอสั่งห้ามไม่ให้ลุกขึ้นมาโดยเด็ดขาด โฮจินกำลังไปพาหมอหลวงมา” 

 

 

มินอาลูบท้องเบาๆ และยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เด็กที่อดทนจนผ่านเรื่องยากลำบากทั้งหมดมาได้ไม่มีทางหมดท่าด้วยเรื่องแค่นี้หรอก สีหน้าที่ไม่คุ้นตาทำให้รยูฮายิ้มออกมาพร้อมกับลูบหัวที่ยุ่งเหยิง 

 

 

“เจ้าเก่งกว่าข้าเสมอเลยนะ ตอนนี้ก็เช่นกัน” 

 

 

บทสนทนาที่เริ่มขึ้นจากนี้คือเรื่องราวภายในราชวงศ์ โซยูจึงลุกขึ้นจากที่เงียบๆ แล้วบอกว่าจะไปต้มยาสมุนไพรมาให้ก่อนจะหายออกไปข้างนอก ก่อนที่รยูฮาจะสั่งให้ออกไปเสียอีก 

 

 

“ตอนนี้หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ เสด็จกลับวังหลวงไปเถอะเพคะ หากผู้ใดรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้ล่ะก็…” 

 

 

“นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะเป็นห่วงเรื่องนี้นะ ตอนนี้คิดแค่เรื่องดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีก็พอ” 

 

 

“แต่เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ก่อกบฏนะเพคะ” 

 

 

“ชู่ว พักผ่อนให้เต็มที่และทำใจให้สงบนะ” 

 

 

รยูฮาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงคอของมินอาและจัดเหลี่ยมมุมผ้าห่มให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ 

 

 

“เขาคือหลานของพระราชา หลานคนแรกของราชวงศ์และตระกูลซอ เดี๋ยวฝ่าบาทจะทรงจัดการแก้ไขเรื่องนี้ให้” 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“ฝ่าบาท เจ้ากรมกลาโหม ซอโฮจินขอเข้าเฝ้า…” 

 

 

โฮจินเดินเข้ามาในประตูที่ถูกเปิดออกก่อนที่ขันทีจะพูดจบ ดูท่าคงจะโยนชุดขุนนางทิ้งแล้ว จึงอยู่ในชุดคลุมที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินเหมือนเคย ขันทีตกตะลึงหน้าซีด แต่ฮอนลุกพรวดขึ้นและต้อนรับเขาด้วยความยินดี ด้วยเหตุนั้นหนังสือถวายฎีกาที่กองกันอยู่อย่างน่าหวาดเสียวจึงพังครืนลงมาที่พื้น 

 

 

“กระหม่อมจะมาพาหมอหลวงไปพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“กรุณาสำรวมกิริยามารยาทด้วยขอรับ ท่านเจ้ากรมกลาโหม!” 

 

 

“ดุเสียจริง เจ้าไปตามหมอหลวงมาสิ” 

 

 

ขันทีว่ากล่าวตักเตือนโฮจินเสียงดัง ก่อนจะโดนฮอนไล่ออกไป ทำให้เขาต้องรีบไปตามหมอหลวงโดยไม่มีเวลาให้รู้สึกทุกข์ใจ 

 

 

“เจอตัวแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

“เจอแล้วตัว สบายดีแต่เจ้าตัวเล็กเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ขอรับ” 

 

 

“เจอที่ไหนล่ะ” 

 

 

“หอนางโลม ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ” 

 

 

“…อ๋อ ที่นั่นเองรึ” 

 

 

ฮอนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ แหงนหน้ามองเพดานและถอนหายใจ วันที่เคยนั่งล้อมกันเป็นวงแล้วดื่มเหล้ากันสี่คนโผล่ขึ้นมาอย่างชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ตอนนี้ไม่มีชานแล้ว ความทรงจำของพี่ชายที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมักจะลากเขาเข้าไปในความเจ็บปวดเสมอ ไม่ว่ามันจะเป็นความทรงจำที่ดีหรือความทรงจำอันเลวร้ายก็ตาม 

 

 

“พระมเหสีสบายดีใช่หรือไม่” 

 

 

“แน่นอน” 

 

 

“จะเสด็จกลับมาประมาณเมื่อไหร่เล่า” 

 

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คงจะไม่ใช้เวลานานหรอกมั้ง” 

 

 

ฮอนรู้สึกท้อใจกับคำพูดนั้น แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงอะไรที่แปลกมากๆ จากคำตอบของโฮจิน เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าการพูดจาห้วนๆ ของเขาฟังดูไม่สุภาพขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย 

 

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะพูดจาห้วนขึ้นกว่าเดิมนะ” 

 

 

“เหรอ ก็คงจะอย่างนั้น” 

 

 

 

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


มิใช่เพียงเพราะสัญญาองค์ชายรัชทายาทฮอน จำเป็นต้องอภิเษกสมรสกับซอรยูฮา ให้นางอยู่ในฐานะพระชายาเอก เพราะต้องการพาหญิงสาวชาวบ้านผู้เป็นคนรักเข้ามาเป็นพระสนม แต่ซอรยูฮา หญิงสาวที่องค์ชายรัชทายาทเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยนั้น แทนที่จะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวานดั่งที่ใครต่อใครคิด แต่เมื่อเจอตัวจริงพระองค์ถึงกับให้คำจำกัดความนางว่า ‘ไร้สติ ละเอียดรอบคอบ ฉลาดหลักแหลม เก่งกาจ และไม่มีผู้ใดเหมือน’

ซอรยูฮาคอยคลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ภายในพระราชวังให้เป็นไปในทางที่ดี เวลาผ่านไปองค์ชายรัชทายาทฮอนในฐานะพระสวามีที่ไม่เคยเหลียวแลและมอบความรักให้แก่พระชายาของตนเองเลยนั้น กลับค่อยๆ ให้ความสนใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงเวลาเขาต้องเลือกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ตนเองมีใจให้นั้นคือชายาที่ตนเคยตั้งแง่รังเกียจหรือพระสนม คนรักของตนกันแน่!

Options

not work with dark mode
Reset