วาสนาบันดาลรัก 384 ตัดใจลงมือ

ตอนที่ 384 ตัดใจลงมือ

คุณชายสามสกุลหลัวเพียงยื่นมือออกมาข้างเดียวก็สามารถหยุดคุณชายรองเอาไว้ได้แล้ว นี่สามารถยืนยันได้ว่าการฝึกฝนร่างกายของเขานั้นพัฒนาไปมากเพียงใด ทั้งที่มีรูปร่างเช่นเดียวกันแท้ๆ  

 

 

“เจ้ารอง เจ้าเป็นบ้าอันใด ไม่ต้องมาที่เรือนของข้า ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า!” ด้วยกลัวว่าเขาจะอาละวาดจนทำบุตรในครรภ์เถียนเสวี่ยได้รับอันตรายไปด้วย คุณชายสามจึงจับแขนเสื้อของคุณชายรองไว้แล้วผลักเขาออกไปด้านนอก  

 

 

เถียนเสวี่ยที่ยืนอยู่บนบันไดได้แต่ปิดปากร้องด้วยความตกใจ แม้ใบหน้าจะขาวซีดไปหมดแล้ว แต่ยังมีสติกำชับสาวใช้ว่า “รีบไปเรียนฮูหยินรองเร็วเข้า”  

 

 

สาวใช้น้อยเดินไปตามระเบียงทางเดินเพื่อหลบเลี่ยงสองพี่น้องที่กำลังวิวาทกันอยู่  

 

 

คุณชายรองจ้องคุณชายสามนิ่ง ในแววตาฉายความแค้นเคืองออกมา ทั้งเอ่ยอย่างบ้าคลั่งว่า “เจ้าสาม เจ้าทำให้ข้าต้องเป็นเช่นนี้แล้ว หากคิดจะปิดประตูใช้ชีวิตอย่างสงบสุขน่ะหรือ ฝันไปเถิด!”  

 

 

เขาชกหมัดออกมาหมัดหนึ่ง คุณชายสามหลบไปตามสัญชาตญาณ หมัดนั้นจึงกระแทกถูกบ่าเขา  

 

 

สายตาคุณชายสามจ้องคุณชายรองที่คลุ้มคลั่งผู้นั้นนิ่ง ในใจก็พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา  

 

 

เขาชั่วช้าเพียงนี้ เหตุใดตนจึงไม่เบียดเขาให้ตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาเสียเลยเล่า!  

 

 

กระทั่งอีกหมัดหนึ่งชกเข้าใส่ เพราะเสียงร้องตกใจของเถียนเสวี่ยทำให้คุณชายรองตื่นจากภวังค์ เขาจับข้อมือของคุณชายรองไว้ บิดมันอย่างไม่เกรงใจแล้วแค่นหัวเราะเอ่ยว่า “เจ้ารอง เจ้ามันเห็นแก่ตัวจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เอง ข้าเฝ้ามองดูมาตลอด! ไหนลองบอกมาสักหน่อยเถิดว่าข้าคุณชายสามทำร้ายอันใดเจ้า หรือเพราะคืนนั้นที่ข้าไปหาเจ้าเพื่อสอบถามเรื่องราวให้กระจ่าง”  

 

 

เขาหันหลังกลับไปเอ่ยว่า “ญาติผู้น้อง เจ้าเข้าเรือนไปก่อนเถิด”  

 

 

เถียนเสวี่ยกัดริมฝีปากล่างตนด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ  

 

 

เมื่อเห็นนางยกกระโปรงเดินหมุนตัวคิดจากไป คุณชายรองที่จ้องเงาเบื้องหลังนางอยู่ก็พลันแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “น้องสามรีบไล่ญาติผู้น้องไปทำไมเล่า หรือเพราะกลัวคนจะรู้ว่าตนทำชั่วอันใดไว้”  

 

 

คุณชายสามถลึงตาเบิกกว้างด้วยความโทสะ แล้วก้มหน้าพื้นเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ข้ากลัวคนจะรู้ว่าตนทำชั่วงั้นหรือ ข้าคุณชายสามสกุลหลัวเดินอกผายนั่งไหล่ผึ่ง มิเหมือนคนบางคน โชคร้ายมาเยือน ไม่คิดว่าเป็นกรรมตามสนองแต่ในหัวกลับเอาแต่โทษผู้อื่น”  

 

 

คุณชายรองเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มออกมา “เช่นนั้นการที่น้องสามตกหลุมรักสาวใช้ทงฝังของบิดาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ทั้งเอาแต่คิดถึงนางไม่ลืมเลือนก็เป็นการกระทำที่เรียกว่าเดินอกผายนั่งไหล่ผึ่งงั้นหรือ”  

 

 

คิดไม่ถึงว่าคุณชายรองจะพูดเรื่องพรรค์นี้ต่อหน้าเถียนเสวี่ยและเจินเมี่ยว คุณชายสามจึงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขากำคอเสื้อคุณชายรองแน่นพลางเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “เจ้าพูดเหลวไหลอันใด!”  

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงร้องห้ามของนางเถียนดังลอยมา นางรีบวิ่งเข้ามาพลางเอ่ยตำหนิว่า “เจ้าสาม เจ้าทำอันใดกัน พี่รองเจ้าอารมณ์มิใคร่ดีนัก เขามาสั่งสอนเจ้า เจ้าแค่ฟังก็พอแล้ว เหตุใดต้องลงไม้ลงมือ”  

 

 

คุณชายสามคลายมือตนแล้วหันไปมองนางเถียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขาถอยไปสองก้าวพลางแค่นหัวเราะเอ่ยว่า “ท่านแม่พูดถูก คนเช่นนี้มิควรค่าให้มือข้าต้องแปดเปื้อนเลย!”  

 

 

“เจ้าสาม! เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้กับพี่ชายตนเอง เจ้ารองกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ควรช่วยเหลือกัน เหตุใดถึงได้ซ้ำเติมกันเช่นนี้” นางเถียนเอ่ยขึงขังแล้วจึงถอนหายใจ “เจ้าสาม หากเจ้าไม่มีแม้แต่ความรักความห่วงใยให้พี่น้อง แม่รู้สึกผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกิน”  

 

 

คุณชายรองมองคุณชายสามที่มีท่าทีเสียใจดั่งคนถูกกระทำอย่างไม่ยี่หระ  

 

 

ตนรู้จักน้องชายคนนี้ดี แค่การที่เขาเคยหวั่นไหวกับเยียนเหนียงก็ไม่มีทางเอาเรื่องของเขาไปบอกผู้อื่นแล้ว ควรต้องทราบว่าเมื่อใดก็ตามที่ฐานะแท้จริงของเจ้าแปดถูกเปิดเผยออกมา เยียนเหนียงก็มีแต่ทางตายทางเดียวเท่านั้น ผู้รักถนอมหยกงามเช่นเขาไหนเลยจะกล้าทำลายชีวิตหนึ่งชีวิตเพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคได้  

 

 

เจินเมี่ยวพลันเอ่ยปากขึ้นภายใต้บรรยากาศที่คล้ายหยุดชะงักไปครู่หนึ่งนี้ “อาสะใภ้รอง ท่านเข้าใจน้องสามผิดไปแล้ว ข้าอยู่ที่นี่ตลอด ข้าเห็นกับตาว่าน้องรองบุกเข้ามาทำร้ายน้องสามก่อน”  

 

 

นางที่ยืนเฝ้ามองเหตุการณ์อันร้อนแรงนี้กลับมิอาจอยู่นิ่งได้อีกต่อไป  

 

 

คิดไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีคนชอบกลับดำเป็นขาวเช่นคุณชายรอง วันนี้หากนางมิกระชากหนังหน้าอันหนาหนักของเขาออกมา นางจะไม่ไปไหนเด็ดขาด!  

 

 

นางเถียนจึงเพิ่งเห็นว่าเจินเมี่ยวอยู่ที่นี่ด้วย พลันรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาจึงเอ่ยแดกดันไปว่า “ที่แท้หลานสะใภ้ก็อยู่ด้วย เจ้าเป็นสะใภ้ใหญ่เหตุใดจึงปล่อยให้พวกเขาพี่น้องชกต่อยกันแต่กลับไม่ห้ามเล่า”  

 

 

เจินเมี่ยวเอ่ยอย่างรู้สึกแปลกใจสงสัยยิ่ง “อาสะใภ้รอง ข้าเห็นแค่น้องรองที่บุกเข้ามาลงไม้ลงมือ ยังมิเห็นน้องสามตอบโต้ด้วยซ้ำ ไหนเลยจะเรียกว่าชกต่อยกันได้เล่า”  

 

 

นางมองคุณชายรองและคุณชายสามคราหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากชกต่อยกันจริง แค่ฝีมือจากการฝึกซ้อมจากค่ายทหารของน้องสาม…เกรงว่าภาพที่อาสะใภ้รองเห็นคงไม่เป็นเช่นนี้แน่”  

 

 

นางเถียนจุกอกไปคราหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “หลานสะใภ้ใหญ่ เจ้าไม่เข้าใจเรื่องราวที่แท้จริงก็มิจำเป็นต้องพูดให้มากความ เจ้ารองมาหาเจ้าสามเพราะสองสามวันมานี้มีเรื่องกลัดกลุ้มใจจึงอดกลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เท่านั้น”  

 

 

ยามนี้เจ้ารองได้กลายเป็นตัวตลกให้คนวิจารณ์ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว จึงมิอาจให้มีข่าวว่าลงไม้ลงมือกับพี่น้องตนแพร่ออกไปอีกได้  

 

 

หากมิใช่เพราะเจ้าสามทำเรื่องอัปรีย์มิรู้ความนั่นก่อน เจ้ารองไหนเลยพบเคราะห์ร้ายอันไม่คาดคิดนี้ได้  

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางเถียนก็อดหันไปชำเลืองมองคุณชายสามมิได้  

 

 

ครั้นเจินเมี่ยวยอมออกหน้าให้ ใจของคุณชายสามก็อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสายตานั้นของนางเถียนกลับทำให้เขาดั่งตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งก็มิปาน  

 

 

มุมปากเจินเมี่ยวประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ “อาสะใภ้รอง ข้าทราบเรื่องนั้นดี น้องรองเกิดความคิดอันไม่ควรมีต่อสาวใช้ทงฝังของท่านอารอง น้องสามทราบเข้า คิดว่าเขาทำไม่ถูกจึงไปหาเขาเพื่อพูดคุยให้กระจ่าง”  

 

 

“อย่าได้พูดจาเหลวไหล!” มิทันรอให้คุณชายรองตื่นจากภวังค์แห่งความตกใจ นางเถียนก็ร้องเสียงแหลมขึ้นต่อว่าเสียก่อน  

 

 

เมื่อเห็นท่าทีตอบโต้ของนางเถียนแล้ว ใจของคุณชายสามกลับยิ่งเหน็บหนาวมากขึ้นไปอีก เขาหัวเราะเยาะหยันตนทันที ที่แท้มารดาที่เขารักและเคารพมาตั้งแต่เยาว์วัยกลับไม่ลังเลเลยที่จะเทถังอาจมราดบนศีรษะเขา มากกว่าที่จะยอมคิดว่าเจ้ารองจะทำเรื่องผิดพลาดแม้เพียงสักน้อยนิด  

 

 

เจินเมี่ยวปิดปากไว้ด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย “อาสะใภ้รอง ท่านอย่าเพิ่งวู่วามไป ข้าเพียงบังเอิญได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกันเท่านั้น”  

 

 

อย่างไรเสียเรื่องที่คุณชายรองกับเยียนเหนียงลอบนัดพบกันก็เป็นความจริง นี่ไม่นับว่านางใส่ร้ายพวกเขาเลย  

 

 

“สารเลว เจ้าหุบปากเสีย!” คุณชายรองถลึงตาเบิกกว้าง แล้วยื่นมือออกมาหวังคว้าตัวเจินเมี่ยวท่าทางคล้ายสัตว์ดุร้ายตัวหนึ่งที่คิดจะจับคนไปฉีกทึ้ง  

 

 

คุณชายสามเกิดโมโหขึ้นมา “เจ้ารอง หากเจ้ากล้าแตะต้องพี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้ข้าจะหักแขนเจ้าเสีย!”  

 

 

“เจ้าสาม!” นางเถียนมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ นางหันไปมองเจินเมี่ยวด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว “หลานสะใภ้ พวกเขาพี่น้องต้องชกต่อยกันเพราะเจ้า อาสะใภ้รองคงต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบสักหน่อยแล้ว”  

 

 

เจินเมี่ยวกะพริบตาอย่างคนถูกใส่ร้าย “อาสะใภ้รองพูดเช่นนี้ได้อย่างไร เห็นชัดว่าน้องรองคิดไม่ซื่อต่อเยียนเหนียง พวกเขาถึงได้ทะเลาะกัน หากท่านย่าเรียกพบข้าก็จะพูดเช่นนี้เช่นกัน”  

 

 

นางเถียนโกรธจนปวดร้าวหัวใจไปหมด ทั้งทนไม่ได้ที่เจินเมี่ยวสาดน้ำสกปรกใส่คุณชายรอง นางจึงอดเอ่ยออกมามิได้ว่า “เป็นเจ้าสาม…”  

 

 

ครั้นเอ่ยออกไปจึงรู้สึกว่าไม่เหมาะสม นางได้แต่เข่นเขี้ยวเขี้ยวฟัน อยากจะให้เจินเมี่ยวหายตัวไปเสียเดี๋ยวนี้คงดีไม่น้อย  

 

 

เจินเมี่ยวเบนสายตาไปมองสองพี่น้องนั้นทันทีแล้วส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ต่างเป็นบุตรชายด้วยกันทั้งสิ้น เหตุใดอาสะใภ้รองถึงต้องให้น้องสามรับผิดแทนน้องรองด้วย แม้แต่ข้าที่เป็นพี่สะใภ้ยังทนดูไม่ได้”  

 

 

นางเถียนกลับสูดปากตนคราหนึ่ง  

 

 

วาจานี้ของนางเจินช่างเต็มไปด้วยเจตนาร้าย เดิมเจ้าสามก็ทำตัวเหินห่างกับนางอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เขาจะคิดเช่นไร เกรงว่าคงได้ตำหนิต่อว่ามารดาเช่นนางไปชั่วชีวิตเลยกระมัง  

 

 

นางคนสารเลว ความคิดช่างชั่วร้ายนัก!  

 

 

นางเถียนกำลังคิดจะด่าออกไป กลับได้ยินเจินเมี่ยวพูดขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า “หากเป็นอย่างที่อาสะใภ้รองพูดว่าน้องสามทำผิด น้องรองจึงได้สั่งสอนตักเตือน คืนนั้นน้องรองก็ควรไปที่เรือนน้องสาม เหตุใดเรื่องราวจึงกลับกันเล่า ข้าคิดว่าต่อให้กล้าหาญเพียงใด แต่หากกระทำเรื่องน่าอับอายเช่นนั้น คนที่ทำผิดคงต้องเก็บซ่อนมันไว้อย่างดีด้วยกลัวว่าผู้อื่นจะทราบเข้า ไหนเลยจะวิ่งไปเรือนผู้อื่นแล้ววิวาทกันจนเป็นเรื่องเป็นราว”  

 

 

สายตาตานางจับจ้องนางเถียนที่สีหน้าซีดเหลือง ท่าทีเหม่อลอย รอยยิ้มเคลือบที่มุมปากแล้วเอ่ยว่า “สายตาของบรรดาบ่าวไพร่ช่างแม่นยำนัก ต่างเป็นบุตรชายเช่นกัน ผู้ใดทำผิดก็อบรมสั่งสอนเสีย แต่หากผู้ที่มิได้ทำผิดต้องมารับผิดชอบแทน คนทำผิดกลับทำตัวดั่งมิใช่เรื่องตนต่างหากที่ทำให้คนเจ็บปวดใจ อาสะใภ้รอง ท่านว่าใช่หรือไม่”  

 

 

เจินเมี่ยวพูดจบก็หันไปชำเลืองมองคุณชายรองคราหนึ่ง แล้วย่อกายคารวะนางเถียนที่นิ่งงันเป็นระกาไม้ “อาสะใภ้รอง ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วเจ้าค่ะ”  

 

 

กระทั่งเจินเมี่ยวเดินไปไกลแล้ว นางเถียนจึงค่อยๆ กันกลับมามองคุณชายรอง ริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย “เจ้ารอง ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงหรือ”  

 

 

นางไม่อยากเชื่อแต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่าที่เจินเมี่ยวพูดนั้นมีเหตุผลไม่น้อย…  

 

 

“ไม่…” นางเถียนส่ายหน้าโดยแรงเพื่อสลัดความคิดนั้นทิ้งไป  

 

 

นางเจินคงต้องการยุแหย่เพื่อทำลายชื่อเสียบุตรชายที่นางภาคภูมิใจที่สุดเป็นแน่  

 

 

นางมองไปที่คุณชายสาม “เจ้าสาม คนที่มีใจให้กับเยียนเหนียงเมื่อคราแรกเป็นเจ้าแท้ๆ เหตุใดจึงยอมปล่อยให้ผู้อื่นเอาน้ำสกปรกมาสาดพี่รองเจ้าได้”  

 

 

“ท่านแม่!” คุณชายสามรู้สึกไม่อยากเชื่ออย่างยิ่ง เขาหันกลับไปมองเถียนเสวี่ยคราหนึ่ง  

 

 

เขาไม่ควรคาดหวังว่าเมื่อท่านแม่ฟังวาจาของพี่สะใภ้ใหญ่แล้วจะเห็นธาตุแท้ของเจ้ารองเสียที ใช่การพยายามโยนเรื่องของเยียนเหนียงเข้าใส่เขาต่อหน้าภรรยาเขาเช่นตอนนี้!  

 

 

แววตาของคุณชายสามเย็นชาไปจนถึงก้นบึ้ง  

 

 

นางเถียนถึงกับตกใจจนอึ้งงันกับแววตาเย็นชานั้นของคุณชายสาม นางหันหน้ามามองเลิ่กลั่กด้วยใจอันสับสน “เจ้ารอง…”  

 

 

คุณชายรองพลันหัวเราะออกมา เมื่อหัวเราะพอแล้วก็หมุนกายเดินโซซัดโซเซออกไปด้านนอก  

 

 

นางเถียนรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาจึงรีบร้องตะโกนออกไปว่า “รีบไปเชิญหมอหลวงมาเร็ว”  

 

 

นางรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้วด้วยรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตั้งแต่คุณชายรองสอบไม่ผ่าน เขาก็ดูไม่ใคร่ปกตินัก เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้วมิใช่ป่วยเป็นโรคทางจิตแล้วหรือ  

 

 

คุณชายสามมิได้ตามออกไป แต่หมุนกายเดินไปบนบันได แล้วโอบเอวเถียนเสวี่ยพลางเอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยล้าว่า “ญาติผู้น้อง เราเข้าเรือนกันเถิด”  

 

 

“อืม” เถียนเสวี่ยเก็บความตกใจหวั่นไหวทุกอย่างไว้ให้ลึกสุดใจแล้วหมุนกายตามเข้าไป  

 

 

กระทั่งส่งหมอหลวงกลับไปแล้ว นางเถียนจึงหันไปมองคุณชายรองที่หลับสนิทไปหลังจากดื่มยาด้วยสีหน้าขมวดเกร็ง “ท่านพี่ยังไม่กลับมาใช่หรือไม่”  

 

 

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”  

 

 

“ไปเรียกสาวใช้ร่างใหญ่มาสักหลายคนหน่อย”  

 

 

กระทั่งคนมาครบแล้วนางเถียนจึงไปที่เรือนฝั่งตะวันตก  

 

 

“ฮูหยิน…” สาวใช้ที่มาเปิดประตูรีบทำความเคารพ  

 

 

นางเถียนไม่มองแม้แต่หางตา นางเชิดคางขึ้นเอ่ยกำชับว่า “พวกเจ้าเข้าไปเชิญเยียนเหนียงออกมา”  

 

 

สาวใช้ร่างใหญ่ต่างมองสบตากันด้วยความลังเลเลิกลัก  

 

 

นายท่านรองรักใคร่เยียนเหนียงและบุตรมาก พวกนางต่างเห็นกันอยู่กับตาตน  

 

 

นางเถียนมีโทสะขึ้นมา “มีอันใด ข้าสั่งพวกเจ้าไม่ได้แล้วงั้นหรือ หากผู้ใดไม่ไป ข้าจะไล่ออกจากจวนเดี๋ยวนี้!”  

 

 

สาวใช้ทั้งหลายต่างใจหายวาบขึ้นมาจึงรีบเข้าไปในเรือน ไม่นานก็ลากเยียนเหนียงออกมา  

 

 

เยียนเหนียงมองนางเถียนคราหนึ่งด้วยความสงบนิ่ง “เยียนเหนียงคารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”  

 

 

นางเถียนจ้องเยียนเหนียงเขม็ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ดูท่าเยียนเหนียงคลอดบุตรแล้วคงไม่มีเวลาดูแลตัวเอง บ่าวไพร่ช่วยเยียนเหนียงล้างหน้าสักหน่อยเถิด!”  

 

 

ภายในบริเวณเรือนนั้นมีอ่างเลี้ยงปลาลายครามอยู่คู่หนึ่ง สูงเท่าเอวคน เมื่อได้ยินคำสั่งของนางเถียน สาวใช้ร่างใหญ่หลายคนต่างก็กดศีรษะของเยียนเหนียงลงไปในนั้นพร้อมกัน  

 

 

 

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset