ลูกเขยมังกร 822ดับความคิด

ตอนที่ 822ดับความคิด

เน่หวาเฟิงได้แต่พยักหน้า เขาคิดในใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทรมานเฉินเฟิงยังไง

พอผู้อาวุธโสของสำนักเทียนซานที่ไม่เคยลงเขามาก่อนลงเขามาข่าวก็ไปถึงหูของเจี่ยตงอย่างรวดเร็ว

เจี่ยว่างเล่ที่นั่งอยู่ข้างๆเจี่ยตง ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลเป็นอย่างมาก

“ตอนนี้ผู้อาวุธโสของสำนักเทียบซานลงมาด้วยตัวเอง แต่แกรู้สึกว่าตัวเองสามารถรับมือกับพวกเขาได้ ถ้าเกิดเขาสังเกตเห็นความผิดปรกติ ต่อให้พ่อแกก็ไม่สามารถปกป้องแกได้”

เจี่ยตงกลับมองลุงตัวเองด้วยความสงบ ไม่ได้รู้สึกร้อนรนแต่อย่างใด ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย

“ใจของคนเราเกิดมาจากเลือดเนื้อ ต่อให้เขาจะเป็นถึงมหาปรมาจารย์ แต่คงไม่สามารถฝึกฝนจนมีสัมผัสที่เจ็ด เรื่องนี้ผมเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะมองออก จะต้องเชื่ออย่างแน่นอนว่าเฉินเฟิงเป็นคนทำร้ายพี่น้องตระกูลเน่ จนสุดท้ายถึงแก่ชีวิต”

เจี่ยว่างเล่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี แต่ก็รู้ว่าต่อให้ตัวเองพูดยังไงก็คงเปล่าประโยชน์

เน่หวาเฟิงมาถึงเมืองหลวง สิ่งที่แรกที่เขาทำก็คือไปดูศพของเด็กทั้งสองคน

ส่วนเจี่ยตงเองก็ตามหลังเน่หวาเฟิงจะไป ระยะเวลาของพวกเขาทั้งสองคนห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่ทักทายกัน ก็ตามหลังของเน่หวาเฟิงอยู่ตลอด ไปตรวจสอบศพของพี่น้องตระกูลเน่พร้อมกัน

พอรอจนเห็นศพถูกวางอยู่ในห้องเก็บศพที่หนาวเหน็บ ความรู้สึกของเน่หวาเฟิงก็ไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป ความเจ็บปวดจากการเสียลูกชาย ความเจ็บปวดจากการเสียหลานชาย ไม่ได้น้อยลงไปเพียงเพราะว่าเขาเป็นมหาปรมาจารย์

เขายืนอยู่ข้างๆศพ แววตาแห้งเหือด ใบหน้าที่สูญเสียความสดใสทำให้รู้สึกแก่ขึ้นเยอะมาก

เจี่ยตงเอาแต่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาไม่ได้ร้องไห้ และไม่ได้โทษเฉินเฟิง แต่สิ่งหน้าก็เต็มไปด้วยเจ็บปวดเหมือนกัน

ผ่านไปอย่างยาวนาน เน่หวาเฟิงถึงค่อยๆยับยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ น้ำตาของเขาไหลออกในใจจนแห้งเหือดไปนานแล้ว เขาอยากจะคืนความเป็นธรรมให้กับลูกชายตัวเองมากกว่า

เขาเดินไปหาเจี่ยตง คนนี้คือคนที่อยู่ข้างพี่น้องตระกูลเน่มาโดยตลอด เขาได้แต่ถามด้วยเสียงที่เย็นชาว่า

“เจ้ามีเรื่องอะไรที่อยากจะพูดกับข้ารึเปล่า”

สิ่งที่เจี่ยตงรอคอยก็คือประโยคแบบนี้

แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้น หรือแสดงอารมณ์แต่อย่างใด เอาแต่จมอยู่ในความโศ้กเศร้าที่ต้องสูญเสียเพื่อนของตัวเอง

ในตอนที่เน่หวาเฟิงถามเขา เขาก็ลังเลอยู่หลายวินาทีกว่าจะตอบสนอง

“ฉันผิดต่อพวกเขา”

เน่หวาเฟิงมองเ ถ้าเกิดสำหรับเขาแล้วตอนนี้อยากจะฉีกเฉินเฟิงออกเป็นชิ้นๆ งั้นความรู้สึกที่เขามีต่อเจี่ยตงก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเจี่ยตง พี่น้องตระกูลเน่ก็คงไม่ต้องตาย เหมือนกัน

แต่ว่าในโลกนี้ไม่มีถ้าเกิดเยอะขนาดนั้น

เน่หวาเฟิงพูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า

“เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว”

เจี่ยตงไม่พูดอะไร ราวกับเด็กที่ยอมรับความผิดของตัวเองจากใจจริง

“ข้าจะพาพวกเขากลับไป แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าตามหาเจ้าหมอนั่น ข้าจะทำให้เจ้านั่นได้รู้จักความเจ็บปวดที่แท้จริงว่าเป็นยังไง”

เจี่ยตงพยักหน้า ยังคงพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า

“ฉันทำผิดต่อพี่น้องทั้งสองท่าน เพราะงั้นเรื่องครั้งนี้ ฉันจะช่วยท่านอย่างเต็มความสามารถ แต่ว่าเฉินเฟิงไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ เขา……”

เน่หวาเฟิงกลับไม่รอให้เขาพูดจนจบประโยค พูดตัดบทพูดของเขาว่า

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง เจ้าแค่ช่วยข้าตามหาที่อยู่ของมันก็พอแล้ว เรื่องที่เหลือข้าจะเป็นคนจัดการเอง”

เจี่ยตงเงียบปาก เขาอยากให้เน่หวาเฟิงกับเฉินเฟิงทั้งสองต่อสู้จนตายไปข้างนึงจนแทบทนไม่ไหว บนโลกนี้ไม่ต้องการยอดฝีมือมากขนาดนั้น

แต่แน่นอนว่าไม่สามารถแสดงออกมาได้ตรงๆ

เรื่องหลังจากนี้ก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ พอรอให้เน่หวาเฟิงจัดงานศพของพี่น้องตระกูลเน่ เอาศพของพวกเขากลับไปยังสำนักเทียนซาน เจี่ยตงก็แค่ช่วยหาที่อยู่ของเฉินเฟิงก็พอแล้ว

แต่หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งที่แล้ว เฉินเฟิงก็เหมือนกับหายตัวไป ไม่มีข่าวคราวใดๆ

ยันเจียง หรือแม้แต่ชางโจว เจี่ยตงก็ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ

หลายวันมานี้ เขาร้อนรนจนแทบจะบ้าตาย

ถ้าเกิดช้าไปหนึ่งวัน สำหรับเขาแล้ว โอกาสที่ความจะแตกก็เหมือนกับมากขึ้นอีกหน่อย

ยังดี ในที่สุดจากการที่เน่หวาเฟิงอยู่ที่เมืองหลวงมาห้าวัน ที่ยันเจียงก็ได้ข่าวคราวของเฉินเฟิงแล้ว

เจี่ยตงให้เน่หวาเฟิงไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักของเขา พอเขาได้รู้ข่าวนี้ สิ่งแรกที่ทำก็คือไปหาเขา

ห้องใหญ่มาก ตกแต่งไปด้วยของที่หรูหรา ภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังก็ถูกคัดสรรมาอย่างดี ที่ปรกติไม่สามารถเห็นได้

แต่เน่หวาเฟิงในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชม เขามองออกไปยังคฤหาสน์ที่อยู่นอกหน้าต่าง อยากจะกลับไปหาครอบครัวที่อยู่บนเขามากกว่า

เขาไม่รู้ว่าการที่ตัวเองไม่อยู่หลายวัน ภรรยาของเขาซินเอ๋อเป็นยังไงบ้าง การสูญเสียลูก สำหรับคนเป็นแม่แล้วเป็นความเจ็บปวดที่ร้ายแรงที่สุด อุ้มท้องมาสิบเดือน อบรมสั่งสอนลูกมาอย่างยากลำบาก แต่สิ่งที่ได้มาก็คือคนผมขาวต้องค่อยจัดงานศพให้กับคนผมดำ

เขาอยากจะรีบจัดการเรื่องทางด้านนี้ให้เสร็จ จะได้กลับไปอยู่ข้างๆภรรยาไวๆ

ขณะที่พึมพำอยู่ ก็มีคนมาเคาะประตู

หลังจากที่เน่หวาเฟิงจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง จึงให้คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามาข้างใน

คนที่เข้ามาก็คือเจี่ยตง หลังจากที่เขาได้ข่าวของเฉินเฟิงสิ่งแรกที่ทำก็คือรีบมาหาเขา

แต่หลังจากที่เปิดประตู อารมณ์ที่ตื่นเต้นของเขากลับหายไป ดูราวกับว่าจู่ๆก็มาหาเพราะความเป็นห่วงก็เท่านั้น

“ได้ข่าวแล้วเหรอ?”

เน่หวาเฟิงถามด้วยทันที

แต่เจี่ยตงกลับทำเหมือนไม่อยากจะบอกข่าวออกมา ขยับริมฝีปาก แต่ก็ยังลังเลที่จะพูด

“เจ้าทำอะไร มีอะไรก็รีบพูด”

เน่หวาเฟิงเป็นคนใจร้อน แน่นอนว่าไม่อยากให้เจี่ยตงทำท่าทางแบบนี้

เจี่ยตงราวกับถูกบังคับ จนต้องพูดออกมา

“ลุงเน่ ไอ้คนชั่วช้าคนนั้นพวกเราเจอแล้วก็จริง แต่ว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก ลุงเน่ท่าน……”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่เน่หวาเฟิงเป็นคนยังไง เขาเป็นหนึ่งในมหาปรมาจารย์ที่มีเพียงแค่ไม่กี่คน พอเขาได้ยินประโยคนี้ ก็พูดออกไปด้วยความโมโหว่า

“เจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้ให้กับมันงั้นเหรอ” แววตาทั้งสองเต็มไปด้วยความเย็นชา อารมณ์เต็มไปด้วยความเดือดดัน จู่ๆเจี่ยตงก็รู้สึกหายใจไม่ออก รีบก้มหน้าแล้วยอมรับผิดว่า

“ไม่ใช่ ลุงเน่ฉันก็แค่……”

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าให้คนพาข้าไปหาเขาก็พอแล้ว เรื่องที่เหลือเจ้าไม่ต้องยุ่ง”

ในเมื่อเน่หวาเฟิงพูดแบบนี้ เจี่ยตงเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องดื้อรั้นอีกต่อไป

เขาออกจากห้องด้วยความผิดหวังเล็กน้อย แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสุข เขารู้สึกว่ามหาปรมาจารย์ก็ไม่เท่าไหร่ แค่แกล้งทำเห็นสงสาร ก็ไม่ถูกสงสัยอีกต่อไป

แต่ความโกรธของมหาปรมาจารย์ ตอนนี้เฉินเฟิงยังไม่รู้แม้แต่น้อย

หลังจากที่กลับมาจากเขา ก็กลับไปที่สวนซวนหยวนทันที ที่นั่นเขาเห็นหลินหวั่นชีว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก แค่ถามไม่กี่ประโยค

การที่เฉินเฟิงหายตัวไปหลายวัน โดยที่ไม่ได้ข่าวอะไรก็เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว คนข้างๆต่างก็คุ้นชินแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก

เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้อธิบายอะไร แค่ให้คนจัดเตรียมอาหารชั้นเลิศ ความลำบากที่อยู่บนภูเขาทำให้เขาคิดถึงรสชาติพวกนี้

จากนั้นก็ดื่มเหล้ากับข้าวจนอิ่ม ดูสบายๆเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ออกจากร้านอาหาร ก็เป็นช่วงเวลากลางคืนสักแล้ว ความมืดบนฟากฟ้าที่ปกคลุมทั้งเมือง น่าจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของทุกสรรพสิ่ง แต่คนเรากลับใช้ทุกวิธีทางเพื่อเพลิดเพลินกับเวลาว่างนี้

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Score 10
Status: Completed
“คุณชาย ท่านใช้เงินช้าเกินไปแล้ว ตระกูลให้เงินพันล้าน หนึ่งเดือนแล้ว ทําไมยังไม่ใช้ หมดขอรับ?”ในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลร่ํารวยที่สุด เฉินเฟิงกลัดกลุ้มใจมาก คนอื่น นั้นล้วนแต่ ถ้าไม่ขยันทํางาน ก็ต้องกลับบ้านไปทํานาแต่เฉินเฟิง ถ้าเขาไม่พยายามเป็น ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ก็ต้องกลับไปสืบทอดทรัพย์สินหลายล้านล้าน โธ่ การ ดําเนินชีวิตมันยากจริงเลย

Options

not work with dark mode
Reset