ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 3051 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า + 3052 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า+ 3053 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า

ตอนที่ 3051 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า ตอนที่ 3052 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า ตอนที่ 3053 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า

ตอนที่ 3051 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (11)

ถังเจิ้งหลงเบิกตามองเหยียนหมิงต๋าด้วยความตกตะลึง ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเจอนายคนใหม่ในงานรวมรุ่นของภรรยา

กับนายคนใหม่อย่างเหยียนหมิงต๋าผู้นี้ ถังเจิ้งหลงมีความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้

ว่ากันว่าคนเพิ่งได้รับตำแหน่งจะมีไฟในการทำงานมากแต่ถังเจิ้งหลงกลับคิดว่าไฟของเหยียนหมิงต๋าลามมาถึงศีรษะของเขาแล้ว เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่มาหนึ่งเดือนกว่าเขาก็ทำงานล่วงเวลามาหนึ่งเดือนแทบจะเลิกงานช้าทุกวัน

คนอื่นต่างบอกกันว่ารองผู้บัญชาการเหยียนเห็นความสำคัญของเขา คิดจะชุบเลี้ยงเขาให้เป็นลูกน้องคนโปรด แต่ถังเจิ้งหลงกลับไม่รู้สึกถึง ‘ความรัก’ ที่เหยียนหมิงต๋ามีต่อตนเลยสักนิด!

ถ้ามีเรื่องสำคัญแล้วทำงานล่วงเวลาพอจะเข้าใจได้ แต่เหตุผลที่เหยียนหมิงต๋าให้เขาทำงานล่วงเวลาทุกครั้งมักจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เขาให้ลูกน้องระดับล่างทำยังได้

แต่นายเจาะจงให้เขาเลิกงานดึก ต่อให้ถังเจิ้งหลงใจกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งหรอก!

อย่าเห็นว่าภรรยามักโม้ให้คนข้างนอกฟังว่าสารวัตรอย่างเขาเก่งกาจเพียงใด แต่ถังเจิ้งหลงกลับใจหวิวแปลก ๆเพราะในสำนักงานตำรวจมีสารวัตรตั้งมากมาย ลำพังสารวัตรตัวเล็ก ๆอย่างเขาใช่จะสำคัญอะไรมากมาย!

สิ่งที่ทำให้ถังเจิ้งหลงหมดคำจะพูดมากที่สุดคือ เขามักรู้สึกว่าสายตาที่เหยียนหมิงต๋ามองตนแปลก ๆอย่างบอกไม่ถูก

แน่นอนว่าไม่ใช่การชื่นชมหรือชื่นชอบ ถังเจิ้งหลงเองก็บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน อย่างไรเสียทุกครั้งที่เหยียนหมิงต๋ามองเขามักจะทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ อยากลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างเดียว

“รองผู้บัญชาการเหรอ? อยู่ไหนเหรอ? เราไปทักทายกันเถอะ…” เหอหลิงหลิงกวาดตามองรอบ ๆด้วยแววตาเป็นประกาย

เธอกำลังเครียดที่ยังไม่ตีสนิทกับรองผู้บัญชาการคนใหม่แหนะ!

รอตีสนิทกับรองผู้บัญชาการคนใหม่ได้แล้วค่อยให้สามีจัดการคนรักของอิงซานหง ต้องย้ายตานี่ไปอยู่กลางป่ากลางเขาให้ได้ อย่าได้คิดจะออกมาอีกตลอดชีวิตเลย หึ!

เพื่อนคนอื่น ๆสังเกตถึงบางอย่างก็พากันตะลึงยกใหญ่ ขณะเดียวกันนึกโชคดีในใจว่าพวกเขาไม่ได้ช่วยเหอหลิงหลิงต่อกรกับอิงซานหง อย่างมากแค่ไม่สนิทกันเท่านั้น ก็ยังดีกว่าล่วงเกินอีกฝ่าย

ถังเจิ้งหลงไม่ได้สนใจภรรยาแล้วพุ่งไปยิ้มเอาใจเหยียนหมิงต๋า “รองผู้บัญชาการเหยียนมาร่วมงานด้วยเหรอ?”

เหยียนหมิงต๋ามองเหอหลิงหลิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปชนิดกลับตาลปัตร เอ่ยเสียงเรียบว่า “มาร่วมงานรวมรุ่นของภรรยาผม ท่านนี้คือคนรักของสารวัตรถังเหรอ?”

ถึงตอนนี้เหอหลิงหลิงถึงได้สติกลับมา รองผู้บัญชาการเหยียน?

เธอไม่ได้ฟังผิด สามีของเธอเรียกสามีของอิงซานหงคนอัปลักษณ์นี่ว่ารองผู้บัญชาการเหยียน ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการคนใหม่ที่ย้ายมาจากเมืองหลวง ได้ยินว่าภูมิหลังของเขาใหญ่โตมากทีเดียว ถูกเลี้ยงดูเป็นว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการเลยล่ะ

เหอหลิงหลิงนึกถึงคำพูดของอิงซานหงอีกทีว่าเพิ่งย้ายมา เมื่อก่อนทำงานที่เมืองหลวง…ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้กันนะ!

ทีนี้ทำอย่างไรดีล่ะ?

สามีของอิงซานหงจะหาเรื่องสามีเธอหรือเปล่า?

ถังเจิ้งหลงไม่ทันสังเกตเห็นความไม่เป็นธรรมชาติของภรรยา ยังแอบดีใจที่คิดไม่ถึงว่าภรรยาจะเป็นเพื่อนเก่ากับภรรยาของรองผู้บัญชาการเหยียน หากมีความสัมพันธ์นี้อยู่อนาคตเขาคงได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน!

“ครับ คนนี้ภรรยาของผมเอง หลิงหลิง นี่รองผู้บัญชาการเหยียนคนใหม่…เธอเป็นอะไรไป?”

ในที่สุดถังเจิ้งหลงก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเหอหลิงหลิงก็ใจหล่นตุบ พลันก็ฉุกคิดได้ว่าเมื่อก่อนภรรยามักเอ่ยถึงเพื่อนผู้หญิงในห้องคนหนึ่ง หน้าตาอัปลักษณ์ชนิดที่เทพยังพากันโกรธ แถมยังไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นนัก อย่างไรเสียเหอหลิงหลิงก็นินทาว่าร้ายเพื่อนผู้หญิงคนนี้แทบไม่เหลือชิ้นดี ใครเห็นก็พากันรังเกียจ

หรือว่า?

ถังเจิ้งหลงเริ่มสังหรณ์ใจพลางกวาดตามองประเมินอิงซานหงข้าง ๆเหยียนหมิงต๋าก็เบาใจอีกครั้ง ภรรยาของรองผู้บัญชาการสวยมากนี่นา แถมเป็นหญิงงามบุคลิกสง่างาม หุ่นดีกว่าภรรยาของเขาอีกแหนะ!

คนที่เหอหลิงหลิงล่วงเกินไม่ใช่ภรรยาของผู้บัญชาการแน่นอน!

เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงเย็น “ที่แท้คุณผู้หญิงคนนี้ก็คือภรรยาของคุณสารวัตรสินะ เห็นทีสารวัตรถังสายตาไม่ค่อยดีจริง ๆ มีเวลาว่างก็ไปหาหมอด้านสายตาบ้างนะจะได้ไม่กระทบเรื่องงาน”

………………………………..

ตอนที่ 3052 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (12)

อิงซานหงแอบเอาศอกกระทุ้งหลังเอวของเหยียนหมิงต๋าเบา ๆให้เขาอย่าทำแบบนี้ ความจริงตอนนี้เธอคิดได้แล้ว ตรงกันข้ามเธอควรขอบคุณพวกเหอหลิงหลิงด้วยซ้ำ

เนื่องจากเสียงหัวเราะเย้ยหยันและการดูถูกของเพื่อนเหล่านี้ อิงซานหงถึงได้มีแรงผลักดันในการเล่าเรียน เพราะเธอก็อยากมีความสุขหลังหลุดพ้นจากคำสบประมาทเหล่านั้น และคิดจะทำให้ทุกคนที่เคยดูถูกเธอเปลี่ยนความคิดใหม่

ก่อนที่จะมาร่วมงานรวมรุ่นอิงซานหงยังคิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้…เธอปล่อยวางแล้ว

เป็นอย่างที่พี่สะใภ้ใหญ่จ้าวเหมยบอกไว้ วิธีการเอาคืนที่ดีที่สุดก็คือหลังเวลาผ่านไปต้องทำให้คนที่เคยดูถูกเธอล้วนต้องแหงนมองเธอใหม่!

มีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขาก็คือวิธีการเอาคืนที่สะใจที่สุด

เหยียนหมิงต๋าหันไปขยิบตาให้อิงซานหงแล้วขยับปากพูดไร้เสียงว่า “คุณไม่ต้องสนใจ!”

ผู้ชายที่ปกป้องภรรยาไม่ได้ ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีแน่นอน

อดีตภรรยาเขาถูกรังแกมาตั้งมาก ส่วนมากต้องเป็นฝีมือแม่คนที่ชื่อเหอหลิงหลิงนี้แน่นอน เขาต้องทวงคืนความยุติธรรมแก่ภรรยาให้ได้!

ถังเจิ้งหลงใจหล่นวูบสีหน้าเริ่มดูแย่ลง ไม่เข้าใจความหมายที่เหยียนหมิงต๋าสื่อเลยพูดเสียงอ้ำอึ้งว่า “ค่าสายตาของผมดีออก…สองข้างขนาด 5.2 หมดเลย…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยียนหมิงต๋าเลือนหายไปกลายเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมอย่างมาก ถังเจิ้งหลงยิ่งใจพะวงไม่สบายใจ รู้สึกเพียงเย็นวาบตรงท้ายทอย รู้สึกลาง ๆว่าใกล้จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว

แต่ตายก็ต้องตายให้ทราบสาเหตุสิ!

ต่อให้ภรรยาล่วงเกินภรรยาของรองผู้บัญชาการ แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยระหว่างผู้หญิง ท่านผู้บัญชาการคงไม่ใจแคบขนาดนี้หรอกมั้ง!

เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงนิ่ง “งั้นเหรอ? ค่าสายตาที่ดีขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกภรรยาที่ชวนให้หมดคำพูดแบบนี้ล่ะ?”

เหอหลิงหลิงสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ไฟโทสะก่อขึ้นในใจ เธอชวนให้หมดคำจะพูดอย่างไรกัน?

หน้าตาเธอดีพื้นหลังครอบครัวดี หน้าที่การงานก็ไม่เลว ร่างกายยิ่งทำหน้าที่ได้ดี ตอนถังเจิ้งหลงแต่งงานกับเธอยังเป็นเพียงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธรรมดา แต่ไม่กี่ปีก็เลื่อนตำแหน่งถึงขั้นสารวัตร บ่งบอกว่าเธอเป็นคนเสริมดวงสามี

ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอย่างเธอ ผู้ชายตั้งเท่าไรที่ต้องแย่งกันเอา!

“รองผู้บัญชาการเหยียน คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ตัวฉันไม่เคยล่วงเกินคุณ อีกอย่างงานคืองาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ต่อให้ฉันกับอิงซานหงมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย รองผู้บัญชาการเหยียนก็ไม่ควรระบายอารมณ์ที่สามีของฉันสิ คุณทำแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นว่าคุณเอาเรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัวเหรอ?”

เหอหลิงหลิงตัดสินใจพูดไปตรง ๆ อย่างมากเธอแค่ลดตัวขอโทษอิงซานหง ถ้าเหยียนหมิงต๋าคิดจะหาเรื่องสามีเธอจริง ๆเธอก็จะไปรายงานกับผู้บัญชาการ

เหยียนหมิงต๋ามองเหอหลิงหลิงอย่างเย้ยหยัน “เรื่องเข้าใจผิดแค่นิดหน่อยเหรอ? พูดง่ายดีนะ ซานหงของผมไม่สนใจหรอกแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่สนใจนี่ ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ต้องพูดให้เข้าใจ ผมเป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาตลอด เห็นใครขัดหูขัดตาก็จะเล่นงานกันซึ่ง ๆหน้าและไม่กลัวคนอื่นว่าด้วย”

เขามองถังเจิ้งหลงที่หน้าซีดเผือดเหงื่อผุดไม่หยุด ยิ้มตาหยีกล่าว “สารวัตรถัง หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณให้ดีเลยล่ะ!”

“เหยียน…รองผู้บัญชาการเหยียน…เรื่องเข้าใจผิด เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ คุณฟังผมอธิบาย…”

ถังเจิ้งหลงทำท่าจะร้องไห้ เขารู้อยู่แล้วเชียวว่ารองผู้บัญชาการคนใหม่ไม่ได้โปรดปราณตน ไม่เกินที่เขาคาดคิดไว้จริง ๆด้วย

เขาเพิ่งเลื่อนมาเป็นสารวัตร ยังไม่ทันทำตามความฝันของเขาเลย!

เหยียนหมิงต๋าตบบ่าเขาปุ ๆ กระซิบข้างหูเขาว่า “ผมได้ยินมาว่าภรรยาคุณรับของฝากไว้ไม่น้อยแหนะ รายชื่อผมจดไว้หมดแล้วนะ สารวัตรถังรักษาเวลาไม่กี่วันที่เหลือกับการเป็นสารวัตรให้ดีเถอะ!”

รับรองว่าเขาเล่นงานอย่างเปิดเผย ใครให้ถังเจิ้งหลงแต่งงานกับภรรยาที่ไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้ล่ะ!

เป็นแค่สารวัตรฝ่ายงานทะเบียนราษฎร์เล็ก ๆกลับกล้ารับเงินใต้โต๊ะหลายแสน หึ…ถังเจิ้งหลงก็คือไฟลูกใหญ่หลังเขาได้เลื่อนตำแหน่ง!

ตอบสนองคำขวัญประจำพรรค ยืนหยัดว่าจะกำจัดปรสิตพวกนี้ให้สิ้นซาก!

จะได้เพิ่มผลงานแก่ตัวเองอีกสักหน่อย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว กำลังดีเลย!

………………………………..

ตอนที่ 3053 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (13)

ถังเจิ้งหลงหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษขาว สองขาสั่นพรึ่บพรั่บ ในหัวยุ่งเหยิงกันไปหมด

ไม่กี่วันสุดท้าย…

เสียงของเหยียนหมิงต๋าดังก้องในหัวเขาไม่หยุด เหงื่อตรงหน้าผากของถังเจิ้งหลงไหลพราก รู้สึกเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ เขาเพิ่งเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรไม่ถึงหนึ่งเดือนนะ!

หรือว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ครองตำแหน่งสารวัตรที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์งั้นหรือ?

“ที่รัก…คุณเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า…”

เสียงเหอหลิงหลิงดังอยู่ข้างหูถังเจิ้งหลงเหมือนเสียงยุง เธอไม่รู้ว่าเหยียนหมิงต๋าพูดอะไรกับสามีไปบ้าง เธอยังหลงคิดว่าสามีเหนื่อยล้าจากการทำงานล่วงเวลาติดต่อกันหลายวันเสียอีก!

ถังเจิ้งหลงมองเหอหลิงหลิงนิ่งด้วยสายตาแดงก่ำ ทุกอย่างเป็นเพราะนังแพศยานี่!

“เพี้ยะ”

ถังเจิ้งหลงยกมือตวัดตบหน้าเหอหลิงหลิงอย่างแรง เสียงดังก้องสร้างความตกใจแก่คนในห้องพร้อมมองสามีภรรยาคู่นี้ที่รักกันดีมาตลอด

“เพี้ยะ”

ถังเจิ้งหลงตวัดฝ่ามือตบเหอหลิงหลิงรอบที่สองและตบรัวหลายทีเหมือนเป็นบ้า สุดท้ายยังกระชากผมของเธอทีเดียวแล้วใช้กำปั้นทุบอย่างแรง แรก ๆเหอหลิงหลิงยังส่งเสียงร้อง สุดท้ายเหลือเพียงเสียงครางเบา ๆ

“โอ๊ย…นี่มันอะไรกัน…ยังไม่ทันดื่มก็เมาแล้วเหรอ…”

ทุกคนถลาเข้าไปห้าม ถ้าปล่อยให้ถังเจิ้งหลงต่อยต่อไปต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่

เหอหลิงหลิงหน้าบวมเป่ง ตรงจมูกและมุมปากมีแต่รอยเลือด ผมที่ตั้งใจเกล้ามาอย่างประณีตเละยุ่งเหยิง ตุ้มหูหลุดไปข้างหนึ่ง ในมือถังเจิ้งหลงยังทึ้งผมจนหลุดติดมือไปกระจุกหนึ่งพลางถลึงตาจ้องเธออย่างดุดัน

“ถังเจิ้งหลงคุณเป็นบ้าอะไร…ทุบตีภรรยามันใช้ได้ที่ไหน…ตอนนั้นคุณเคยสัญญากับพ่อแม่ฉันว่ายังไง…” เหอหลิงหลิงทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้อง เจ้าตัวมึนไปหมดแล้ว

ถังเจิ้งหลงในวันปกติแม้มีความคิดที่ชายเป็นใหญ่อยู่บ้างแต่ก็ดีกับเธอมากจริง ๆ ทั้งให้เงินเดือนทั้งหมด ไม่สูบบุหรี่ไม่เล่นการพนัน เพียงแต่ติดดื่มเหล้าไปสักนิด หน้าที่การงานก้าวหน้า ใครบ้างไม่อิจฉาที่เธอมีสามีดี!

แต่ตอนนี้…สามีที่ดีคนนี้กลับทุบตีเธอในงานนัดรวมรุ่น สิ่งที่ทำให้เหอหลิงหลิงอับอายปนโกรธยิ่งกว่าคืออิงซานหงก็อยู่ในงานด้วย สภาพที่เธออนาถที่สุด อิงซานหงเห็นมันทั้งหมดแล้ว

“นังแพศยา…ฉันจะตีเธอให้ตาย สิ่งที่ฉันทำพลาดที่สุดในชีวิต ก็คือแต่งงานกับนังแพศยาอย่างเธอ…”

ถังเจิ้งหลงยิ่งคิดยิ่งเดือดดาล ผลักคนที่เข้ามาห้ามเขาออกแล้วหลุนหมัดใส่หน้าเหอหลิงหลิง แต่เขาเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยตำรวจ ร่างกายจึงแข็งแรงกว่าคนทั่วไปมากโข หมัดนี้…ทำเอาเหอหลิงหลิงล้มลงพื้นทันทีจนไม่อาจลุกขึ้นได้อยู่นาน

ทุกคนตกใจแทบแย่ ลังเลว่าควรโทรแจ้งความหรือไม่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าถังเจิ้งหลงก็ทำงานอยู่ในสำนักงานตำรวจอยู่แล้ว แถมยังมีรองผู้บัญชาการอยู่ด้วยแหนะ!

ทุกคนต่างมองไปทางเหยียนหมิงต๋า หวังว่าเขาจะช่วยออกหน้าควบคุมสถานการณ์สักหน่อย ถ้าปล่อยให้ทุบตีต่อไปต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแหงเลย!

อิงซานหงเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เหยียนหมิงต๋าพูดอะไรกับถังเจิ้งหลงไป แต่เธอรู้ว่าการที่ถังเจิ้งหลงคลุ้มคลั่งขึ้นมากะทันหันต้องเกี่ยวข้องกับเหยียนหมิงต๋าแน่นอน เธอถลึงตาไปทีหนึ่ง เหยียนหมิงต๋าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปหาถังเจิ้งหลงที่ยังสติคลุ้มคลั่งอยู่ เพียงแค่ตบบ่าเบา ๆ มือสองข้างของถังเจิ้งหลงก็ร่วงตกไปอยู่ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง สติเริ่มกลับมาทีละนิด

“รองผู้บัญชาการเหยียน…ผมไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆนะครับ เธอทำลับหลังผมทั้งนั้น ผมถูกเข้าใจผิดนะ…” ถังเจิ้งหลงกอดแขนเหยียนหมิงต๋าพร่ำร้อง ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะสอบติดมหาวิทยาลัยจากเขตพื้นที่บนเขาห่างไกล แล้วถูกจัดให้มาทำงานที่สำนักงานตำรวจ ในที่สุดตอนนี้ก็เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว

แต่ถูกเหอหลิงหลิงทำให้กลับไปอยู่จุดเริ่มต้นเสียได้

ไม่สิ…แย่ยิ่งกว่าจุดเริ่มต้นเสียอีก เขาอาจจะต้องจำคุกเลยนะ!

……………………

ตอนที่ 3049 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (9)

เหยียนหมิงต๋าอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนของอามานี่ ส่วนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อน รองเท้าผ้าใบ AJ เป็นการแต่งตัวที่สบาย ๆต่างไปจากความทางการในชุดเครื่องแบบของวันปกติ

อิงซานหงอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาว ผมดัดลอนเล็กน้อยขับให้ดูอ่อนหวานสวยงามและดูมีฐานะ

โดยปกติแล้วขอเพียงไม่ทำหน้าตาบูดบึ้งก็ไม่เลวร้ายอะไร หลังจากตั้งใจแต่งตัวดี ๆก็พอเข้าวัดเข้าวาได้ ถ้ามีของแบรนด์มาประดับก็ช่วยเพิ่มให้ดูมีฐานะและดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก

ทุกคนภายในห้องต่างมองสองสามีภรรยาเหยียนหมิงต๋าอย่างตกใจ หน้าตาของอิงซานหงต่างจากอดีตราวฟ้ากับเหวจนทุกคนจำไม่ได้ในทีแรกต่างกระซิบกระซาบถามไถ่ว่าพวกเขาเป็นใคร

“อิงซานหง เธอจริง ๆเหรอเนี่ย…ทำฉันตกใจหมดเลย ทำไมเธอถึงสวยขึ้นขนาดนี้…”

เพื่อนเพียงคนเดียวที่ติดต่อกับอิงซานหงมาตลอดคือหยูเฟิน เธอเป็นคนแรกที่จำหล่อนได้พลางพุ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ กวาดตามองประเมินอิงซานหงจากหัวจรดเท้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

อิงซานหงเข้าใจจุดประสงค์ที่เหยียนหมิงต๋าทุ่มเงินจัดซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าแล้ว ขณะที่รู้สึกซาบซึ้งใจ ต่อหน้าบรรดาเพื่อนเก่าก็อยากเอาคืนสักหนเพื่อแก้แค้นสิ่งที่เคยถูกกระทำในอดีต

อีกอย่างสามีเสียเงินไปตั้งมาก ถ้าเธอไม่ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าก็เสียความตั้งใจของสามีสิ!

อิงซานหงอมยิ้มน้อย ๆ “ฉันเอง นี่สามีกับลูกสาวของฉัน หมิงต๋า นี่เพื่อนเก่าของฉันหยูเฟิน สมัยเรียนค่อนข้างดูแลฉันดีเลยล่ะ”

หยูเฟินเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวในห้องที่ยอมเป็นเพื่อนกับอิงซานหง ทั้งยังมอบความอบอุ่นให้แก่อิงซานหงยามหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลังจากอิงซานหงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วมักยังติดต่อกับหยูเฟินอยู่เสมอ

“สวัสดี เคยได้ยินซานหงพูดถึงคุณบ่อย ๆ”

เหยียนหมิงต๋าจับมือทักทายกับหยูเฟิน หยูเฟินยิ้มกล่าว “พวกคุณแต่งงานก็ไม่บอกฉันสักคำ ฉันยังไม่ได้ดื่มเหล้ามงคลเลย”

“เราจัดงานแต่งที่เมืองหลวง ไม่ทันกลับมาจัดที่บ้านเกิดน่ะ” อิงซานหงอธิบาย

เมื่อนั้นเหยียนหมิงต๋าได้รับภารกิจเร่งด่วนกะทันหัน หลังจัดงานแต่งงานไปเพียงสามวันก็รีบออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างรีบร้อน หลังจากนั้นก็หาเวลากลับมาจัดงานแต่งที่บ้านเกิดไม่ได้อีกเลย อิงซานหงไม่รู้สึกอะไรแต่คุณพ่ออิงกับคุณแม่อิงกลับมีปมในใจเพราะเรื่องนี้มาโดยตลอด

“วันชาติผมกับซานหงเตรียมจัดงานแต่งชดเชยที่โรงแรมหัวกวาง ถึงตอนนั้นก็เรียนเชิญเพื่อน ๆทุกท่านไปร่วมงานด้วยนะ” เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงดัง

อิงซานหงมองไปทางเขาอย่างตกใจ ทำไมเธอไม่รู้ล่ะว่าจะมีการจัดงานแต่งชดเชยในวันชาติ?

เหยียนหมิงต๋าขยิบตาให้เธอเรียกให้อิงซานหงหยิกตรงเอวเขาเบา ๆไปทีหนึ่ง ไว้กลับไปคิดบัญชีทีหลัง คิดไม่ถึงว่าจะมัดมือชก!

“ไปแน่ ๆ…”

หยูเฟินตอบรับไปอย่างดีใจ เพื่อนเก่าคนอื่น ๆก็รับปากกันหมดแล้ว พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาดเข้าสังคมมาหลายปี แค่เห็นท่าทางเหยียนหมิงต๋าก็รู้ว่ามีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ทั้งยังมีคนตาแหลมดูออกตั้งแต่แรกถึงแบรนด์อามานี่กับชาแนลบนตัวของคู่นี้ ครอบครัวทั่วไปจะมีปัญญาสวมเสื้อราคาหลายแสนได้หรือ?

เห็นทีอิงซานหงตกลูกเขยเศรษฐีได้แล้วสิ!

เหอหลิงหลิงที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆรู้สึกอิจฉาในใจ เมื่อก่อนอิงซานหงนอกจากจะได้คะแนนดีกว่าเธอไปนิดเดียว เรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นพื้นหลังครอบครัว หน้าตาหรือหุ่น ไม่มีสิ่งใดที่เอาชนะเธอได้เลย

แต่ตอนนี้…อิงซานหงหุ่นดีกว่าเธอ หน้าตากลับไม่แย่ไปกว่าตนในตอนนี้เลย เหอหลิงหลิงจะทนไหวได้อย่างไร!

‘อิงซานหง หลายปีมานี้เธอทำงานอะไรเหรอ? ไม่ได้ข่าวคราวเธอมาตั้งนาน จู่ ๆโผล่หน้ามาก็บอกว่าจะจัดงานแต่งเลย ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆนะ!” เสียงที่แฝงด้วยความอิจฉาริษยาของเหอหลิงหลิงฟังดูแสบหูเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในห้องกว้างนี้

เหยียนหมิงต๋าหรี่ตาลงน้อย ๆ แม่คนนี้ไม่ผิดตัวล่ะ!

…………………………..

ตอนที่ 3050 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (10)

“หลายปีนี้ซานหงของผมก็ต้องเรียนหนังสือสิ เธอกำลังเตรียมสอบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง เวลามีค่าจะตาย คนที่ไม่ค่อยสำคัญผมเลยไม่ให้ซานหงติดต่อแล้ว”

แม้เหยียนหมิงต๋าไม่ถนัดพูดนักแต่อย่างน้อยก็ทำงานมาตั้งหลายปี แถมยังมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีจึงพูดเหน็บแนมกลับไป เหอหลิงหลิงแทบจะยิ้มรับไม่อยู่แล้ว

“ซานหง สามีเธอพูดอวดดีจังเลย เขาทำงานอะไรเหรอ?”

เหอหลิงหลิงถาม หวังจะเอาชนะอิงซานหงในเรื่องสามี

สามีของเธอเพิ่งได้เลื่อนขั้น ตอนนี้เป็นสารวัตรของสำนักงานตำรวจ มีเพื่อนหลายคนที่จะทำอะไรก็ต้องแบกหน้ามาขอร้องสามีเธอแหนะ!

อิงซานหงตอบกลับเสียงเรียบ “เขาทำงานที่สำนักงานตำรวจน่ะ”

เหอหลิงหลิงให้ความสนใจในทันที “สำนักงานตำรวจประจำเมืองเหรอ? ตำแหน่งอะไรเหรอ สามีฉันก็ทำงานอยู่ที่นั่น เขาเป็นสารวัตรฝ่ายทะเบียนราษฎร์ล่ะ!”

เหยียนหมิงต๋าเห็นหญิงสาวคนนี้ทำหน้าได้ใจก็จงใจถาม “สามีของคุณมาไหม?”

“ต้องรออีกสักครู่ วันนี้เขาเลิกงานช้า อาจจะมาช้าสักหน่อย เฮ้อ…รองผู้บัญชาการที่เพิ่งมาใหม่มักให้สามีฉันทำงานเลิกช้าตลอด ไม่ไหวเลยจริง ๆ” เหอหลิงหลิงกึ่ง ๆบ่นแต่ดูแล้วว่าสัดส่วนของการโอ้อวดมีมากกว่า

เหยียนหมิงต๋าอมยิ้มเล็กน้อย ดูท่าทางการดูแลพิเศษของเขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใจผิดซะแล้ว!

“คนมีความสามารถมักได้ทำงานเยอะเป็นธรรมดา บ่งบอกว่ารองผู้บัญชาการคนใหม่ถูกใจสามีของคุณ เห็นทีอีกไม่นานสามีคุณต้องได้เลื่อนขั้นอีกแน่เลย!”

“โอ๊ย…ขึ้นจากตำแหน่งสารวัตรเป็นอะไรล่ะ? คงไม่ใช่ผู้บัญชาการหรอกนะ…เหอหลิงหลิงเธอนี่โชคดีจริง ๆ ในบรรดาเพื่อนผู้หญิงในห้องเธอแต่งงานได้คู่ดีที่สุดแล้ว…”

……

ภายใต้เสียงยกยอปกปั้นของทุกคน เหอหลิงหลิงได้ใจอย่างมาก ความหงุดหงิดที่ผุดขึ้นเพราะอิงซานหงก่อนหน้านี้ก็จางหายไปเกือบหมดแล้ว

อิงซานหงสวยขึ้นแล้วอย่างไร สามีไม่มีทางยศใหญ่ไปกว่าสามีเธออยู่แล้ว ยังคงเป็นรองเธออยู่ดี!

เหอหลิงหลิงแสร้งถามด้วยความเป็นห่วง “อิงซานหง สามีเธอทำงานอยู่ในสำนักงานตำรวจประจำเมืองนานแล้วเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยล่ะ?”

“เปล่า เขาเพิ่งย้ายมาปีนี้ เมื่อก่อนอยู่เมืองหลวง” จู่ ๆอิงซานหงก็ไม่ได้รู้สึกแค้นอีกต่อไปพลางยิ้มรับเรียบ ๆ

เพราะเธอคิดว่าตอนนี้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วพลางมองเหอหลิงหลิงเหมือนตัวตลก เธอมีความรู้สึกสะใจเหมือนผู้ที่อยู่เหนือกว่า ไม่ต้องเปรียบเทียบอะไรเหอหลิงหลิงก็พ่ายแพ้แล้ว

เหอหลิงหลิงเอะใจ ไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีคนใหม่ย้ายมาเลยนี่นานอกจากรองผู้บัญชาการคนใหม่ที่ให้สามีเลิกงานช้าทุกวี่วันนั่น แต่เหอหลิงหลิงไม่เคยคิดเชื่อมโยงเหยียนหมิงต๋ากับตำแหน่งรองผู้บัญชาการนั่นเลย

เพราะเป็นไปไม่ได้!

“เพิ่งมาใหม่ ถ้ามีปัญหาเรื่องงานก็มาหาสามีฉันนะ เขาเป็นสารวัตรแหนะ อีกเดี๋ยวจะแนะนำให้พวกเธอได้รู้จักนะ!” เหอหลิงหลิงยิ้มจนเหนียงออก ดูเหมือนหวังดีแต่ฟังดูแล้วเหมือนยกยอตัวเองแล้วมองแคลนอิงซานหงมากกว่า

เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงนิ่ง “สารวัตรถังเจิ้งหลงน่ะผมเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว ทำงานเก่งจริง ๆ แต่มีจุดด่างพร้อยอยู่อย่างหนึ่ง…”

เหอหลิงหลิงเปลี่ยนสีหน้าถามเสียงสูง “จุดด่างพร้อยอะไร?”

กล้าบอกว่าสามีของเธอไม่ดีงั้นหรือ?

ไว้กลับไปจะให้สามีคิดหาทางจัดการไอ้คนไม่เจียมตัวคนนี้ย้ายไปสถานีตำรวจในป่าในเขา อย่าคิดจะก้าวหน้าทางการงานอีกทั้งชีวิตเลย

เหยียนหมิงต๋ามองเธออย่างเย้ยหยัน “จุดด่างพร้อยก็คือไม่มีภรรยาที่ดี”

“คุณ…” เหอหลิงหลิงหน้าถมึงทึง อ้าปากกำลังจะด่า แต่–

“ขอโทษทีที่ผมมาช้า เดี๋ยวไถ่โทษด้วยการดื่มสามแก้วรวดแล้วกัน อ้าว…รองผู้บัญชาการ…”

สามีของเหอหลิงหลิงถังเจิ้งหลงเข้ามาอย่างเร่งรีบ พอเห็นเหยียนหมิงต๋าก็ตกใจแทบแย่

………………

ตอนที่ 3047 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (7)

สามวันหลังจากนั้นเหยียนหมิงต๋าก็ตั้งใจกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน พอเห็นอิงซานหงกำลังอ่านหนังสือในสภาพที่แต่งตัวธรรมดาเรียบง่าย บนตัวมีเครื่องประดับเพียงกำไลหยกที่คุณย่าหยางให้ เพราะเป็นของที่ท่านอาวุโสให้มาฉะนั้นอิงซานหงเลยสวมมันทุกวัน

แม้เหยียนหมิงต๋าคิดว่าสภาพของภรรยาในตอนนี้ก็ดูดีอยู่แล้ว แต่วันนี้เป็นวันที่สำคัญอย่างมาก ภรรยาจะต้องออกงานอย่างจัดเต็ม!

เหยียนหมิงต๋าค้นตู้ที่บ้านจนบนเตียงเต็มไปด้วยเสื้อผ้า ในที่สุดอิงซานหงก็ทนดูต่อไปไม่ได้อีก

“คุณทำอะไรน่ะ? รกไปหมดแล้ว!”

“ที่รัก เราไปซื้อเสื้อผ้ากันเถอะ…ไม่สิ ผมจะโทรหาพี่สะใภ้ก่อน ถามเธอว่ารู้จักห้องเสื้อทางนี้บ้างไหมจะได้ออกแบบชุดการแต่งตัวที่ดูดีให้เราได้”

เหยียนหมิงต๋าค้นอยู่นานก็ไม่เจอเสื้อผ้าที่ถูกใจเลยตัดใจเลิกหาแล้วตัดสินใจขอความช่วยเหลือเหมยเหมยแทน

อิงซานหงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ตำหนิไปว่า “คุณคิดว่าเราไปเดินพรมแดงกันเหรอถึงต้องออกแบบการแต่งตัวด้วยน่ะ? ขอร้องเถอะ แค่งานนัดรวมรุ่นระหว่างเพื่อน แต่งตัวปกติไปก็พอแล้วนี่”

“ไม่ได้ วันนี้เราต้องจัดเต็ม ที่รักอย่ามัวแต่อ่านหนังสือเลย เราไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างกัน”

เหยียนหมิงต๋าดึงหนังสือออกจากมืออิงซานหงแล้วฉุดเธอออกจากบ้านพร้อมกัน หากให้ทางห้องเสื้อออกแบบการแต่งตัวออกจะดูยิ่งใหญ่เกินไปสักหน่อยจริง ๆ งั้นไปซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ห้างสรรพสินค้าเลยจะเหมาะสมกว่า

“คุณแม่ ช่วยผมจัดการเสื้อบนเตียงทีนะ ผมพาซานหงไปซื้อเสื้อผ้าก่อนครับ” เหยียนหมิงต๋าให้ความเคารพคุณแม่อิงอย่างมาก เพราะเขารักภรรยาก็ย่อมต้องรักพ่อแม่ของเธอด้วย

“รีบไปเถอะ!” คุณแม่อิงยิ้มตาหยีบอก

กับลูกเขยเธอยิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจ ร่างสูงล่ำหล่อเหลา พื้นหลังครอบครัวหน้าที่การงานดีทุกอย่าง ปฏิบัติต่อลูกสาวก็ดีจนหาที่ติไม่ได้ ต่อให้เธอฝันก็ไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวที่กลัวว่าจะหาคนที่แต่งงานด้วยไม่ได้ตั้งแต่เด็กจะหาลูกเขยที่ดีขนาดนี้ได้

เงินที่เผาไปให้บรรพบุรุษตอนปีใหม่ยังต้องเพิ่มอีกหลายเท่า เพื่อขอให้คุ้มครองลูกชายลูกสาวชีวิตดียิ่ง ๆขึ้นไปอีก!

เหยียนหมิงต๋าขับรถตรงดิ่งไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหนิงหนาน แถมยังไปชั้นบนสุดที่ล้วนแต่เป็นแบรนด์ใหญ่ชื่อดังจากทั่วโลก มีทั้งสำหรับชายและหญิง เนกไทเส้นเดียวอาจจะราคาหลายพันถึงหลักหมื่นซึ่งพนักงานเงินเดือนทั่วไปไม่มีกำลังซื้อ

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนเลยไม่จำเป็นต้องสวมหนาเกินไป เหยียนหมิงต๋าจัดชุดอามานี่ให้ตัวเองอย่างเรียบง่าย นี่เป็นชุดในคอลเลกชันที่มีระดับที่สุดของอามานี่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่สองสามหมื่นซึ่งเหยียนหมิงต๋าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจประจำเมืองเชียวนะ อีกทั้งเขายังมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทจำนวนหนึ่ง เมื่อก่อนเขาแค่ไม่อยากอวดรวยเท่านั้น วันนี้…เขาต้องอวดให้เต็มที่สักหน!

เหยียนหมิงต๋าพาอิงซานหงไปยังส่วนของเสื้อผ้าผู้หญิง ชาแนล จีวองชี่ ดิออร์…เป็นต้น ล้วนเป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แน่นอนว่าราคาย่อมไม่ถูกเช่นกัน

อิงซานหงถูกใจชุดกระโปรงยาวสีขาวของชาแนลตัวหนึ่ง แต่พอดูราคาทีก็สะดุ้งแทบแย่ กระโปรงพลิ้วตัวเดียวกลับมีราคาตั้งหมื่นกว่า

เธอคิดมาตลอดว่าเสื้อผ้าในราคาประมาณหนึ่งพันยังพอซื้อได้ เสื้อผ้าที่ราคาเกินหนึ่งพันล้วนแพงอย่างไร้เหตุผล ร้อยละเก้าสิบเป็นค่าแบรนด์และไม่ได้ทำจากเส้นไหมจากธรรมชาติสักหน่อย จะราคาหมื่นกว่าได้อย่างไร?

“ซื้อ!”

เหยียนหมิงต๋าไม่พูดพร่ำทำเพลงล้วงการ์ดออกมาทันที อิงซานหงหยิกเขาไปหลายทีก็เปล่าประโยชน์ เหยียนหมิงต๋าเองก็คร้านจะไปเดินหาร้านอีกเลยตัดสินใจซื้อของครบชุดให้ภรรยาที่ร้านชาแนลตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

คนงานเพราะแต่งจริง ๆ อิงซานหงเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนภายใต้การบริการอย่างแข็งขันของพนักงานในร้าน ทำเอาเหยียนหมิงต๋ามองจนตาค้าง

“สวยมาก ไปซื้อเครื่องประดับอีก แค่นี้ก็ครบแล้ว!”

เหยียนหมิงต๋าฉุดแขนอิงซานหงที่คัดค้านอย่างรุนแรงไปยังร้านเครื่องประดับโดยตรง

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? เดือนหน้าคิดจะกินแกลบใช่ไหม? คุณหิวไม่เป็นไรแต่นิวนิวล่ะจะทำไง…” อิงซานหงปวดใจแทบแย่ ทั้งตัวเธอรวม ๆแล้วเสียเงินไปตั้งเจ็ดแปดหมื่น บวกกับของเหยียนหมิงต๋าอย่างน้อยก็แสนหนึ่ง…

เดือนหน้าต้องกินแกลบจริง ๆแล้วสินะ!

………………………………..

ตอนที่ 3048 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (8)

“ที่รัก สามีคุณมีเงิน ไม่ปล่อยให้คุณกับนิวนิวหิวแน่นอน!”

เหยียนหมิงต๋าถูกใจสร้อยคอคาเทียร์เส้นหนึ่ง พอดูอีกก็พบว่ากำไลก็ดีไม่หยอกจึงซื้อมาทั้งหมด เงินส่วนแบ่งจากกำไรของหลายปีเขาแทบไม่ได้ใช้ คาดว่าคงมีไม่น้อย ต่อให้ซื้อกำไลสักสิบเส้นก็ไม่ใช่ปัญหา

อิงซานหงปลงแล้ว กำไลสร้อยคอรวมกันก็หายไปอีกสามแสนกว่า

ตั้งแต่เกิดมาเสื้อผ้ารองเท้าที่เธอเคยสวม รวมกันยังไม่เคยเกินหนึ่งพันเลย!

“ที่รัก…คุณรู้ไหมว่ากำไลที่คุณย่าผมให้คุณราคาเท่าไร?” เหยียนหมิงต๋าจงใจถาม

อิงซานหงยกแขนขึ้นมาดูแวบหนึ่ง กำไลดูคล้ายจะทำจากแก้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าผู้อาวุโสไม่ให้ของปลอมอิงซานหงคงคิดว่าเป็นกำไลที่ทำจากแก้ว แต่เธอคาดว่าคงไม่ได้มีราคามากถึงได้สวมมันอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ ขนาดผัดกับข้าวล้างถ้วยก็ไม่ยอมถอดออก

“ไม่กี่พันละมั้ง?” อิงซานหงยังจงใจพูดให้แพงกว่าเดิมอีกประมาณหนึ่ง

เหยียนหมิงต๋าหัวเราะจนท้องแข็ง มิน่าภรรยาเขาถึงเก็บกำไลไร้ราคาอย่างดี แต่วัน ๆกลับสวมแต่กำไลหยกทำงานบ้าน

“คุณต้องเพิ่มศูนย์ไปอีกหลาย ๆตัวต่างหาก นี่เป็นหยกชนิดเย็น ตอนนี้ตามท้องตลาดอย่างน้อยก็เริ่มต้นที่สิบล้าน แถมไม่สุกใสแวววาวขนาดนี้ด้วยนะ” เหยียนหมิงต๋ากลั้นขำพูด

พอเห็นอิงซานหงที่รอยยิ้มค่อย ๆเจื่อนลงแล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าตกใจ…ปวดใจ เหยียนหมิงต๋าก็หัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว

“ทำไมคุณไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้…ถ้าทำแตกล่ะจะทำยังไง…สิบล้านเชียว…เจ้าบ้าเหยียนหมิงต๋า…”

อิงซานหงอยากหยิกเจ้าโง่ตรงหน้าให้ตาย ๆไปเสียเหลือเกิน เงินสิบล้านเชียว…เธอเห็นกำไลราคาสิบล้านเป็นกำไลแก้ว…แถมวัน ๆเอามันสวมไปชนนั่นชนนี่ อิงซานหงรีบตรวจเช็กกำไลทันที โชคดี…ที่ไม่มีรอยร้าว

เธอพรูลมหายใจยาวแล้วเตรียมถอดกำไลออกเก็บใส่กระเป๋า รอกลับไปจะเอาผ้าฝ้ายห่อหุ้มอย่างดี เก็บเป็นสมบัติไว้สำหรับสืบทอดต่อไป

“อย่าเพิ่งถอดมัน คืนนี้สวมไปงานรวมรุ่นด้วย” เหยียนหมิงต๋าห้ามอิงซานหงไว้

งานรวมรุ่นจะเริ่มขึ้นในเวลาเย็นหกโมงครึ่ง สถานที่คือโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองหนิงหนาน ความแพงอยู่ที่ระดับปานกลาง ซึ่งหลังจากนั้นเหยียนหมิงต๋ายังพาอิงซานหงไปทำผมอีกต่างหาก

ผมลอนมีวอลลุ่มเพิ่มความสวยฉบับสาววัยผู้ใหญ่ให้อิงซานหงที่แต่งตัวจัดเต็มอีกเล็กน้อย พอเธอส่องกระจกก็แทบจะจำตัวเองไม่ได้ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าเธอจะมีวันที่สวยขนาดนี้เช่นกัน

คุณพ่ออิงคุณแม่อิงปลาบปลื้มใจยิ่งกว่า ลูกสาวของพวกเขาจากลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์เสียแล้ว!

“ที่รัก…ไปกันเถอะ!”

เหยียนหมิงต๋าจูงมืออิงซานหง ทั้งคู่สบตากันยิ้มทีหนึ่งแล้วอุ้มนิวนิวออกเดินทาง

เพื่อนสมัยเรียนของอิงซานหงนัดเจอกันที่ห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม ทุกคนต่างถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ คนที่มีชีวิตดีก็โอ้อวดคุยโม้ คนที่มีชีวิตธรรมดาก็เงียบไม่พูดไม่จา บรรยากาศโดยรวมยังครื้นเครงกันดี

ในเมื่อทุกคนไม่ต่างกันมากเท่าไร ถ้าคนที่มีชีวิตแย่จริง ๆคงไม่มาร่วมงานนัดรวมรุ่นหรอก

“วันนี้อิงซานหงจะมาจริงเหรอ?” คนที่เอ่ยถามคือหญิงรูปร่างอวบอั๋นคนหนึ่ง หน้าตาถือว่าสะสวยทีเดียวแต่อวบไปหน่อยและดูมีอายุเล็กบ้าง

ผู้หญิงคนนี้ก็คือเพื่อนผู้หญิงที่ไม่ถูกกับอิงซานหงมาตลอดนั่นเอง เธอชื่อเหอหลิงหลิง หลังคลอดลูกหุ่นของเธอก็อ้วนขึ้นทุกวัน จากหญิงสาวหุ่นเพรียวในอดีตกลายเป็นคุณแม่ร่างกลมในปัจจุบัน

“เธอบอกแล้วว่าจะมา” มีคนตอบ

เหอหลิงหลิงแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจ “คงอายเกินกว่าจะมาเพราะมีชีวิตที่แย่ละมั้ง จะว่าไปแล้วปีนี้อิงซานหงอายุยี่สิบเก้าแล้วสินะ ถ้าอายุขนาดนี้ยังไม่แต่งงานก็ใกล้จะเข้าขบวนหญิงขึ้นคานแล้วล่ะ”

“ภรรยาผมกลายเป็นหญิงขึ้นคานไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้ล่ะ?” เสียงทุ้มหนาของผู้ชายดังขึ้นจากประตู

เหยียนหมิงต๋ามือหนึ่งอุ้มลูกสาวนิวนิว อีกมือจูงอิงซานหงที่สวยสง่าเข้ามาภายในห้อง

………………

ตอนที่ 3045 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (5)

วันเวลาผ่านพ้นไปสองปีโดยไม่รู้ตัว

เหยียนหมิงต๋ากับอิงซานหงเป็นสามีภรรยากันมาสองปี ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นเรื่อย ๆซึ่งเป็นประเภทแต่งก่อนค่อยเจอรักแท้ แต่ละวันตัวติดกันอย่างกับตังเม

อิงซานหงที่เดิมทีหน้าตาไม่ค่อยโดดเด่นเป็นที่เข้าตาเท่าไร หลังแต่งงานกลับดูดีขึ้นมากเหมือนแตกเนื้อสาวครั้งที่สองอย่างไรอย่างนั้น เจ้าตัวดูโตขึ้นโดยเฉพาะหลังคลอดลูก ทั้งยังแผ่กลิ่นอายเย้ายวนฉบับหญิงสาวที่แต่งงานแล้วตั้งแต่หัวจรดเท้า เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมักถามว่าเธอไปศัลยกรรมมาหรือเปล่า

อิงซานหงเองก็แปลกใจเช่นกัน ก่อนคลอดลูกเธอทั้งดำทั้งผอม ด้านหน้าไม่ยื่นด้านหลังไม่มีให้เห็น พอคลอดลูกสาวออกมาผิวก็เริ่มขาวเริ่มมีหน้าอกและบั้นท้ายงอนงาม หนำซ้ำยังอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นประมาณหนึ่ง ทั้งยังเป็นความอวบอิ่มที่กำลังพอดี

สิ่งที่สร้างความตกใจแก่อิงซานหงมากที่สุดคือใบหน้าของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนจากเดิมไปมากแต่แค่ดูอ่อนโยนกว่าเดิม ท่าทางดูโอนอ่อนไม่แข็งทื่อ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสุขดี

พี่สะใภ้ใหญ่เหมยเหมยเคยบอกว่าสำหรับผู้หญิงแล้วการแต่งงาน ความจริงเหมือนศัลยกรรมครั้งใหญ่ที่สุด

ผู้หญิงที่ชีวิตการแต่งงานราบรื่นมีความสุขจะสวยวันสวยคืน

ส่วนผู้หญิงที่ชีวิตการแต่งงานมีแต่ความทุกข์ทรมาน ต่อให้มีหน้าตาสะสวยเพียงใดก็จะโทรมลง

อิงซานหงคิดว่าสิ่งที่พี่สะใภ้พูดดูมีเหตุผลดี อย่างพี่สะใภ้ใหญ่จ้าวเหมยลูกตั้งสามคนแล้วกลับยังดูเหมือนสาวน้อยก็ไม่ปาน ดูไม่ออกเลยว่าเป็นแม่ลูกสามแล้ว

รวมถึงตัวเธอเองด้วย…

อิงซานหงมองผู้หญิงที่สวยขึ้นเรื่อย ๆในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ เธอมัดผมหางม้าลวก ๆ เธอเพิ่งตื่นจากการนอนกลางวัน เหยียนหมิงต๋าน่าจะใกล้เลิกงานแล้ว เธอต้องไปเตรียมมื้อเย็น

ลูกสาวบนเตียงส่งเสียงร้องอ้อแอ้ แขนขาเป็นป้อม ๆนั่นทำเอาใจเธอแทบละลายเลยอุ้มขึ้นมาหอมอีกหลายทีอย่างอดใจไม่อยู่

ลูกสาวชื่อนิวนิวยังอายุไม่ครบหนึ่งขวบ เดิมทีเธอกังวลว่าลูกสาวจะหน้าตาขี้เหร่เหมือนเธอตอนเด็ก แต่นิวนิวกลับทั้งขาวทั้งอ้วนแล้วยังน่ารักมากด้วย อิงซานหงถึงค่อยสบายใจขึ้นบ้าง

อิงซานหงเพิ่งหั่นผักเสร็จเหยียนหมิงต๋าก็เลิกงานกลับถึงบ้านแล้ว พอได้ยินเสียงที่ดังแว่วออกมาจากห้องครัวเขาก็ระบายยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

เหยียนหมิงต๋าที่เป็นคุณพ่อแล้วดูนิ่งขรึมภูมิฐานขึ้นมาก เขาเดินไปอุ้มลูกสาวจากเตียงทารกแล้วเดินตรงไปยังห้องครัว หอมแก้มอิงซานหงทีหนึ่ง

“รีบอุ้มนิวนิวไป เดี๋ยวน้ำมันก็กระเด็นใส่หรอก” อิงซานหงผลักเขาไปข้างนอก

เหยียนหมิงต๋ายิ้มร่าเดินออกไปเล่นกับลูกสาวอย่างไม่นึกรำคาญเด็กสักนิด อิงซานหงมองออกไปข้างนอกแวบหนึ่งก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเหยียนหมิงต๋าจะชอบลูกสาวขนาดนี้จนบางทีก็ทำเธอหึงอยู่เหมือนกัน!

มื้อเย็นค่อนข้างเรียบง่าย อิงซานหงทำกับข้าวไปสองอย่างกับแกงอีกหนึ่งอย่าง พวกเขาสองคนทานอะไรไม่ค่อยเยอะ

เหมยเหมยให้พวกเขาย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวเพราะจะได้ช่วยดูแลนิวนิวแทนเธอด้วย แต่อิงซานหงไม่ยอม เธอไม่ชอบรบกวนคนอื่นอยู่แล้ว อะไรที่ทำเองได้ก็จะลงมือทำเอง

อีกทั้งเธอคิดว่าระหว่างเพื่อนหรือญาติพี่น้อง การรักษาระยะห่างที่เหมาะสมถึงจะเป็นวิธีการอยู่ด้วยกันที่ดีที่สุด

ลิ้นกับฟันบางทียังทะเลาะกันได้แล้วระหว่างพี่น้องสะใภ้จะไม่มีข้อบาดหมางกันได้อย่างไร แค่นัดเจอทานข้าวร่วมกันเป็นครั้งคราวความสัมพันธ์ถึงจะยืนยาวสิ!

“งานใหม่ของผมมีคำสั่งลงมาแล้ว” เหยียนหมิงต๋าเอ่ย

อิงซานหงรู้ว่าช่วงนี้งานของเขาจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ยังอยู่เมืองหลวงเหมือนเดิมเหรอ?”

“เปล่า เป็นรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจประจำเมืองหนิงหนาน”

อิงซานหงมือค้างกลางอากาศและชะงักไป พอเห็นเหยียนหมิงต๋ายิ้มบื้อก็คิดได้ทันที ทั้งซาบซึ้งใจทั้งโกรธพลางพูดเสียงตำหนิไปว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณก็ไม่ปรึกษาฉันหน่อยเลยเหรอ? พี่ใหญ่รู้หรือเปล่า?”

………………………………….

ตอนที่ 3046 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (6)

“รู้ เพราะพี่ใหญ่นั่นแหละที่ย้ายผมไป บอกว่าไปฝึกงานจากระดับล่างหลายปีหน่อยก็ดี”

พอเหยียนหมิงต๋าเห็นท่าทางซาบซึ้งใจของภรรยาก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม พ่อแม่อิงซานหงอาศัยอยู่เมืองหนิงหนานแต่อยู่แถบชนบท พ่อตาแม่ยายของเขาต่างใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด ทางอิงจวี้กังเองก็ปลีกตัวไปไม่ได้ อิงซานหงพะวงนึกถึงแต่พ่อแม่อยู่เสมอ ถ้าพวกเขาย้ายไปเมืองหนิงหนานก็สามารถดูแลพ่อตาแม่ยายได้สบาย ๆแล้ว

“แล้วไปตอนไหน? ฉันจะได้เตรียมของ” อิงซานหงถาม

“ผมไปก่อน คุณกับนิวนิวค่อย ๆเตรียมก็ได้ เอาแค่เสื้อผ้าไปก็พอ ส่วนของอย่างอื่นค่อยไปซื้อจากที่นั่น ถึงตอนนั้นเราค่อยไปรับพ่อแม่ของคุณมาอยู่ด้วย” เหยียนหมิงต๋าบอก

อิงซานหงยิ้มรับในใจสุขสมอย่างหาที่เทียบไม่ได้จนไม่มีอารมณ์ทานข้าวรีบวิ่งไปโทรหาที่บ้าน เธออยากรีบบอกข่าวดีนี้ให้พ่อแม่รับรู้โดยเร็วที่สุด

เหยียนหมิงต๋าเองก็ยิ้มกว้างเช่นกัน เขารู้อยู่แล้วว่าภรรยาต้องดีใจมาก

สำหรับเขาแล้วไปฝึกที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ความสุขของภรรยาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อีกทั้งเขาไม่เพียงเพื่อดูแลพ่อตาแม่ยายแต่มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นแหนะ!

สองเดือนผ่านไป อิงซานหงใช้ชีวิตอยู่เมืองหนิงหนานมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว รอบข้างมีแต่เสียงสำเนียงท้องถิ่นอันคุ้นเคย อีกทั้งสภาพอากาศสภาพแวดล้อมกับข้าวอาหารก็ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน อิงซานหงใช้ชีวิตสบายใจกว่าอยู่เมืองหลวงมากโข

พ่อแม่ของเธอก็ถูกรับมาอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยเธอดูแลนิวนิว เธอจะได้มีเวลาว่างมาอ่านหนังสือมากขึ้นเพราะเธอเตรียมจะสอบปริญญาเอก เหยียนหมิงต๋าให้การสนับสนุนเต็มที่บอกว่าขอแค่เธอต้องการก็สอบปริญญาเอกได้เลย เช่นนั้นเขาก็มีหน้ามีตาเหมือนกันนี่นา!

“ซานหง…ลูกอย่าวัน ๆเอาแต่อ่านหนังสือสิ เรียนปริญญาโทไปแล้ว จะอ่านหนังสือมากขนาดนี้ทำไม? หมิงต๋างานยุ่งทุกวัน ลูกต้องดูแลเขากับนิวนิวให้ดีสิ”

คุณแม่อิงไม่พอใจกับรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกสาวมานานแล้ว ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเป็นภรรยาและแม่คนแล้ว งานบ้านกลับให้ลูกเขยทำ แม้แต่เปลี่ยนแพมเพิสให้นิวนิวยังเป็นงานของลูกเขย ไม่เข้าท่าเอาซะเลย!

“หนูจะสอบปริญญาเอก แม่อย่ากวนหนูสิ!” อิงซานหงฟังจนรำคาญใจ นี่มันยุคสมัยไหนแล้วแม่ของเธอยังมีแนวคิดโบราณอยู่อีก

เธอมีหน้าที่การงานของตัวเอง แล้วจะอยู่เป็นแม่บ้านเฉย ๆได้อย่างไร?

อีกทั้งเหยียนหมิงต๋ายังสนับสนุนเธอมาก แม่ของเธอจะกังวลไปทำไม!

คุณแม่อิงไม่พอใจอย่างมาก ปากเอาแต่พร่ำบ่น “สอบปริญญาเอก? เรียนหนังสือจนโง่หมดแล้ว…อย่าทำตัวเหมือนอยู่ท่ามกลางความสุขแต่ไม่รู้สึกมีความสุขนักเลย…”

อิงซานหงหน้าตึง พอเห็นอยู่ว่าใกล้จะระเบิดอารมณ์คุณพ่ออิงเลยรีบกระชากยายแก่ออกไป เขากลัวลูกสาวระเบิดอารมณ์ที่สุดแล้ว ยายแก่ก็ว่างจนไม่มีอะไรทำ ลูกเขยยังไม่ว่าอะไรแล้วเธอจะกังวลมากไปทำไม!

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากเพื่อนเก่าสมัยเรียนของอิงซานหงบอกว่าอีกสามวันจะมีงานนัดรวมรุ่น แถมบอกอิงซานหงว่าต้องไปร่วมงานให้ได้ด้วย

“เมื่อก่อนเธอไปอยู่ที่อื่นไม่มาได้ ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านเกิดแล้ว ถ้ายังไม่มาก็ไม่เข้าท่าแล้วนะ!” เพื่อนเก่าพูด

อิงซานหงคิดจะปฏิเสธไปโดยอัตโนมัติ เธอไม่รู้สึกสนใจงานรวมรุ่นใด ๆ ถึงขั้นเพื่อนเก่ามากมายก็ไม่เคยคิดอยากจะติดต่อ สิ่งที่ชีวิตช่วงมัธยมทิ้งไว้ให้เธอล้วนเป็นความทรงจำที่ไม่ดีนัก

นอกจากเพื่อนเก่าที่โทรมารู้เพียงว่าเธอกลับมาอยู่บ้านเกิด แต่ไม่ทราบสถานะของเหยียนหมิงต๋า

“งั้นฉันหาเวลาว่างไปหน่อยแล้วกัน!” อิงซานหงรับปากไป

“เอาแฟนมาด้วยนะ!”

“ฉันต้องถามคนของฉันก่อนว่าเขามีเวลาว่างไหม”

อิงซานหงไม่ได้รับปากไปทันที เหยียนหมิงต๋าเพิ่งรับตำแหน่งใหม่ งานยุ่งจนหัวหมุนจนมักจะกลับถึงบ้านดึกดื่นประจำ

แต่วันนี้เหยียนหมิงต๋ากลับมาตรงเวลาดีและแสดงท่าทีสนใจงานรวมรุ่นอย่างมาก “ไป…ต้องไป เราพานิวนิวไปด้วย!”

ให้ตาย…เขารอวันนี้มานานเกินไปแล้ว!

……………

ตอนที่ 3043 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (3)

“ผมไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน…แค่ชอบกินขนมจุกจิก คุณให้เงินผมใช้ห้าร้อยก็พอแล้ว…”

เหยียนหมิงต๋ายังพูดจ้อไม่หยุด ผ่านไปสักพักในที่สุดเขาก็ได้สติและตกใจกับเซอร์ไพรส์ที่มาอย่างกะทันหันพลางมองอิงซานหงอย่างไม่เชื่อสายตา แถมยังเอามือแคะหูโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าหูของเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า

คุณอิงจะตกลงจดทะเบียนสมรสกับเขาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรเล่า!

ต้องเป็นเขาที่เพ้อฝันทุกวันจนหูแว่วไปเองแน่ ๆ

อิงซานหงเรียกความกล้าบอกไปว่าจดทะเบียนสมรสกัน พอเธอหลุดปากพูดไปแบบนั้นก็นึกเสียใจทีหลังทันที

เธอเป็นผู้หญิงรักนวลสงวนตัว จะแต่งงานฟ้าแลบเหมือนในหนังตะวันตกได้อย่างไร?

พี่สะใภ้ใหญ่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมักพูดเสมอว่าผลลัพธ์ของการแต่งงานฟ้าแลบมีสองอย่าง ถ้าไม่หย่าร้างกันไปก็ใช้ชีวิตร่วมกันไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต

อิงซานหงไม่มั่นใจในตัวเองนัก เธอคิดว่าระหว่างเธอกับเหยียนหมิงต๋ามีความเป็นไปได้ที่จะหย่าร้างกันมากกว่า

ครั้นเห็นเหยียนหมิงต๋าไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้พักใหญ่ ขณะเดียวกันอิงซานหงก็นึกโล่งอก แต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกอายปนโกรธ

เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าหมอนี่เห็นเธอเป็นแค่ตัวสำรอง ไม่คิดจะแต่งงานกับเธอจากใจจริง

อิงซานหงหน้าขรึมพูดเสียงเย็น “หลังจากนี้คุณไม่ต้องมาหาฉันที่มหาวิทยาลัยอีกนะ!”

พอเห็นรถเมล์สายที่เธอจะนั่งมาถึงพอดีจอดตรงหน้า อิงซานหงเลยเตรียมขึ้นรถ ความจริงเธอรู้สึกเจ็บในใจอยู่บ้าง เดิมทีคิดจะอยู่ครองโสดไปตลอดชีวิต เจ้าสารเลวเหยียนหมิงต๋าดันมาปั่นป่วนหัวใจของเธอซะได้

พอเธอหวั่นไหวแล้ว…หมอนี่กลับจะถอย!

อยากกระทืบสารเลวนี่ให้ตายไปเสียจริง ๆ

อิงซานหงโกรธแทบแย่และสบถคำด่าในใจ

ในที่สุดเหยียนหมิงต๋าก็ได้สติกลับมา เขาไม่ได้หูแว่วไปเอง เมื่อกี้อิงซานหงตกลงไปจดทะเบียนสมรสกับเขาจริง ๆ!

“ปิดประตู!”

เสียงตะคอกดังจนคนขับรถเมล์ตกใจเผลอกดปุ่มปิดประตูอัตโนมัติ อิงซานหงยังไม่ทันขึ้นรถเหยียนหมิงต๋าก็ก้าวสองสามทีรุดหน้ากระชากแขนเธอไว้

“คุณรับปากจะไปจดทะเบียนสมรสกับผมแล้ว ต้องรักษาคำพูดนะ เราไปกันตอนนี้เลย!”

“ฉันไม่ได้พูด คุณฟังผิดไปแล้ว…ปล่อยนะ!”

อิงซานหงทั้งอายทั้งร้อนใจ ตรงป้ายรถเมล์มีคนยืนเต็มไปหมด น่าขายหน้าชะมัดเลย

“ไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่ไปจดทะเบียนกับผมก็ไม่ปล่อย!” เหยียนหมิงต๋าทำตัวหน้าด้านไร้ยางอายจนถึงที่สุด เพื่อให้ได้ภรรยาเขาพร้อมสลัดยางอายนี้ทุกเมื่อ

“คุณปล่อยมือก่อน!”

อิงซานหงทั้งโกรธทั้งเขิน นี่มันอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยซึ่งพร้อมจะเจอเพื่อนได้ทุกเมื่อ หากให้เพื่อนเห็นเข้าเธอต้องขายหน้ามากแน่ ๆเลย!

“คุณต้องจดทะเบียนสมรสกับผมก่อน!”

คราวนี้เหยียนหมิงต๋าฉลาดขึ้นเลยไม่ยอมปล่อยมือ

ตรงป้ายรถเมล์มีคนมาเพิ่มเรื่อย ๆซึ่งล้วนแต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเมืองหลวง ทุกคนต่างยิ้มตาหยีมองพวกเขา หลงคิดว่าคู่รักกำลังทะเลาะผิดใจกัน มีเพื่อนผู้ชายมีน้ำใจคนหนึ่งเตือนขึ้นมาด้วยความหวังดี “วันนี้วันหยุด สำนักงานเขตไม่ทำงาน จดทะเบียนสมรสต้องรอพรุ่งนี้แล้วล่ะ!”

เหยียนหมิงต๋าชะงักแล้วตบหน้าผากอย่างหงุดหงิดทีหนึ่ง แต่แล้วก็รีบพูดเสียงหนักแน่นว่า “งั้นก็ไปกันพรุ่งนี้ คุณพูดอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ จะมาเล่นกับความรู้สึกผมไม่ได้นะ!”

อิงซานหงโมโหจะตายอยู่แล้ว เมื่อก่อนเธอยังรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ซื่อสัตย์จริงใจ แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเธอตาบอดไปจริง ๆ!

ฝีปากร้ายในวันปกติใช้ไม่ได้ผลกับเหยียนหมิงต๋าที่คอยตามตื๊ออย่างหน้าไม่อาย อิงซานหงทั้งโกรธทั้งรู้สึกขำ ทำอะไรกับเหยียนหมิงต๋าที่ทำตัวไร้เหตุผลไม่ได้เลย

“อิงซานหง เธอก็ไปจดทะเบียนสมรสกับเขาสิ เขาอุตส่าห์ถ่อมาไม่ง่ายเลยนะ!” คนที่ตะโกนพูดเป็นเพื่อนของอิงซานหง รวมถึงเพื่อนคนอื่น ๆก็อยู่กันหมด แถมกำลังหัวเราะคิกคักรอดูเรื่องสนุก ๆอยู่แหนะ

“มา ๆ…ขอแต่งงานจะขาดดอกกุหลาบไม่ได้ ฉันให้นายยืมใช้ก่อนแล้วกันเพื่อน ใช้เสร็จค่อยคืน!” เพื่อนผู้ชายอีกคนยื่นช่อดอกกุหลาบที่เตรียมให้แฟนสาวส่งให้เหยียนหมิงต๋ายืมอย่างใจกว้าง

………………………………

ตอนที่ 3044 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (4)

เหยียนหมิงต๋ารับช่อดอกกุหลาบมาอย่างนึกขอบคุณ จากนั้นก็ถือมาหยุดอยู่ตรงหน้าอิงซานหง “ซานหง ได้โปรดแต่งงานกับผมนะ!”

“คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขอแต่งงานจะได้ดูเป็นพิธีการหน่อย!” มีคนตะโกนขึ้น

เหยียนหมิงต๋าได้ยินก็คิดว่ามีเหตุผลดี เขากำลังจะคุกเข่าลงอิงซานหงที่อายแทบแทรกแผ่นดินหนีก็รีบฉุดตัวเขาไว้ ถ้าให้เจ้าบื้อนี่คุกเข่าลงจริง ๆ เธอต้องกลายเป็นประเด็นร้อนในเว็บมหาวิทยาลัยแหง

เธอไม่อยากดังเพราะเรื่องแบบนี้นะ!

“พอแล้ว ยังขายหน้าไม่พอหรือไง!” อิงซานหงกัดฟันพูด

เหยียนหมิงต๋ายิ้มกว้าง “ซานหงคุณตกลงแล้วใช่ไหม? เราไปจดทะเบียนกันพรุ่งนี้เลยนะ!”

“ยินดีด้วย ๆ…ขอให้รักกันนาน ๆ รีบ ๆมีลูกนะ…” บรรดาเพื่อนร่วมชั้นของอิงซานหงปรบมือกันเกรียวพร้อมส่งเสียงโห่แซว

เพื่อนที่เหลือก็มาร่วมวงด้วยเช่นกัน ทำเอาป้ายรถเมล์กลายเป็นสถานที่แต่งงานไปแล้ว

เหยียนหมิงต๋ายิ้มแฉ่งดีใจจนไม่รู้จะเอามือไปวางตรงไหน อิงซานหงเห็นท่าทางโง่ ๆของเขาก็อดจะหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ยังฝืนเอาไว้

“ไปขับรถมา!”

เหยียนหมิงต๋ารีบตอบรับรัว ๆแล้วหมุนตัวจะไปขับรถมา แต่ด้วยความตื่นเต้นที่มากเกินไปเลยทำให้ลืมจังหวะมือกับเท้าจนกลายเป็นว่าเดินก้าวขากับแกว่งแขนข้างเดียวกัน เดินไปหลายก้าวถึงเพิ่งจะกลับมาเดินปกติทำเอาทุกคนหัวเราะฮาลั่น

ในที่สุดอิงซานหงก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอรู้สึกถึงความจริงใจของเหยียนหมิงต๋าว่าไม่ใช่การแสดง

บางที…เธออาจจะมีความสุขจริง ๆก็ได้!

เหยียนหมิงต๋าขับรถมาแล้วยังเปิดประตูรถให้อิงซานหงอย่างสุภาพบุรุษ พอรอเธอขึ้นรถเสร็จเหยียนหมิงต๋าถึงจะกลับไปยังฝั่งคนขับ เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหา “เพื่อนเอาดอกไม้คืนฉันมา ฉันยังต้องใช้อีกนะ!”

“อ้อ…ขอบคุณนะ!”

เหยียนหมิงต๋าถึงเพิ่งได้สติกลับมาแล้วนำช่อดอกกุหลาบคืนให้อีกฝ่ายไปแล้วเอ่ยขอบคุณ

เวลาเก้าโมงเช้าอีกวันอิงซานหงตั้งใจแต่งตัวสักครั้ง แถมยังแต่งหน้าอ่อน ๆพร้อมสวมเสื้อโค้ทขนแกะสีแดงสดที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้เธอ ความจริงหุ่นของเธอยังใช้ได้ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป ไม่สูงไม่เตี้ยเกินไป เพียงแค่ปกติเธอไม่ชอบแต่งตัว แต่ถ้าได้ตั้งใจแต่งตัวก็ดูดีไม่เบาทีเดียว

ในเมื่อก้มหน้าเรียนงก ๆมาตั้งเกือบยี่สิบปีเลยย่อมมีกลิ่นอายความเป็นเด็กเรียนออกมาจากตัวเป็นธรรมชาติ นี่เป็นบุคลิกที่ต่อให้ใช้เครื่องสำอางตกแต่งมากเท่าไรก็คงไม่ได้

เหยียนหมิงต๋าเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยอย่างตื่นเต้น เมื่อคืนเขาพลิกตัวไปมานอนไม่หลับทั้งคืนจนตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หาย ไม่นานเขาก็จะเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว!

ครั้นเห็นอิงซานหงเดินมาเหยียนหมิงต๋าก็จ้องจนตาค้าง ผ่านไปพักใหญ่เขาถึงพูดเสียงงึมงำไปว่า “สวยจัง…ทีหลังคุณไม่ต้องแต่งตัวดูดีขนาดนี้หรอก ผมใจหวิว!”

เขาคิดว่าตนเหมือนป๋อเล่อ[1]ที่เลือกม้าพันธุ์ดีจากท่ามกลางฝูงม้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะเลือกหยกที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนอย่างอิงซานหงมาได้ ถ้าให้ผู้อื่นสังเกตเห็นความสวยของอิงซานหงเขาก็เสียเปรียบแย่สิ

อิงซานหงอดยิ้มกับท่าทางโง่ ๆของเหยียนหมิงต๋าไม่ได้แล้วมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง “รีบขับรถ!”

“นี่…ซานหง อันนี้ให้คุณนะ!”

เหยียนหมิงต๋ายื่นผลแอปเปิลแดงที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตสวยงามลูกหนึ่งแก่เธอ ก่อนออกจากบ้านเขาเจอเพื่อนหนุ่มวัยรุ่นในสำนักงานถือลูกแอปเปิลบอกว่าจะเอาไปให้แฟนสาว เพราะวันนี้เป็นคืนคริสต์มาสอีฟที่มีธรรมเนียมให้แอปเปิลแฟนกัน!

ดังนั้นระหว่างทางเขาเลยซื้อมาลูกหนึ่ง เพื่อเอาให้หญิงสาวที่กำลังจะเลื่อนสถานะเป็นภรรยาของเขา!

อิงซานหงนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นคืนคริสต์มาสอีฟ ไม่คิดว่าวันครบรอบแต่งงานของเธอจะเป็นวันคริสต์มาสอีฟ!

เธออดยิ้มไม่ได้ “ไปกันเถอะ!”

จดทะเบียนสมรสวันคริสต์มาสอีฟมีความหมายดีไม่หยอก เธอกับเหยียนหมิงต๋าชีวิตคงราบรื่นปลอดภัยสินะ!

…………………

ตอนที่ 3041 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (1)

อิงหงซานล้างหน้าแปรงฟันที่หอพักอย่างลวก ๆ วันนี้คือวันหยุดสุดสัปดาห์พี่สะใภ้เลยโทรให้เธอกลับบ้าน ความจริงเธอค่อนข้างชอบพี่สะใภ้ใหญ่อย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากทีเดียว แม้จะอารมณ์ร้อนไปบ้างแต่ไม่ใช่คนไร้เหตุผล

สิ่งสำคัญที่สุดคือเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าตาสวยทำงานเก่ง ภูมิหลังครอบครัวก็ดี ไม่รังเกียจพี่ชายใหญ่ของเธอเลยสักนิด

บอกตามตรงคนนิสัยชักช้ายืดยาดอย่างอิงจวี้กังพี่ชายใหญ่ของเธอ ไหนจะหน้าตาธรรมดาเหมือนคนทั่วไปกับฐานะครอบครัวที่ห่างจากคำว่ายากจนเพียงมิลลิเมตรเดียว…การที่หาภรรยาอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ถือว่าโชคดีมากแล้ว

ดีกว่าฮุ่ยเซียงที่พ่อแม่เธอถูกใจตั้งหลายร้อยเท่า!

โชคดีที่พี่สะใภ้มีเพื่อนดี ๆช่วยรักษาอาการป่วยให้จนหายขาดและตอนนี้ก็ตั้งท้องแล้ว ลูกสาวที่รับเลี้ยงมาก็หน้าตาสะสวยอย่างมาก ตอนนี้พ่อแม่ของเธอตัดใจที่จะให้ฮุ่ยเซียงแต่งเข้าบ้านมาแล้วอย่างสิ้นเชิง

อิงซานหงเดินตัวเบาหวิวไปยังหน้าประตูมหาวิทยาลัย เธอต้องไปนั่งรถประจำทางและไม่คิดจะโบกแท็กซี่เลย แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะโอนเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแก่เธอทุกเดือนมากมาย แต่อิงซานหงกลับยอมใช้แค่เงินของตน หากจำเป็นจริง ๆถึงจะแตะต้องเงินของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เธอเป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเองดี และเธอยอมรับว่าเธอเป็นคนชอบวางแผน

ฉะนั้นเธอต้องสร้างความประทับใจให้แก่พี่สะใภ้ใหญ่ เช่นนี้เธอถึงจะยืนปักหลักอยู่เมืองหลวงได้มั่นคงกว่าเดิม

“คุณอิง ผมไปส่งคุณเอง!”

เหยียนหมิงต๋าเฝ้าอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเฉกเช่นปกติพร้อมส่งยิ้มใสซื่อให้เธอ

เกือบครึ่งปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงต๋าจะมารอเธอที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยแทบจะทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้แต่ลมฝนก็ขัดขวางไม่ได้

ความจริงอิงซานหงไม่ได้รำคาญเหยียนหมิงต๋ามากเท่าแต่ก่อนแล้ว เพราะเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้ คุณจ้าวเหมยที่หน้าตางดงามผู้นั้นเคยเล่าเรื่องราวของเหยียนหมิงต๋าให้เธอฟัง ซึ่งความจริงเธอเองก็ค่อนข้างเห็นใจเหยียนหมิงต๋าเลยทีเดียว

ผู้หญิงกลัวเจอผู้ชายไม่ดี ผู้ชายก็เช่นกัน

แต่อิงซานหงยังรู้สึกตงิดในใจอยู่บ้าง ใครใช้ให้เหยียนหมิงต๋าบอกว่าเธอมีหน้าตาที่ชวนให้อุ่นใจกันล่ะ!

เหอะ เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สวย รู้มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย ฉะนั้นเธอถึงได้ตั้งใจเรียนเพราะพี่ชายเคยบอกไว้ว่าผู้หญิงมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่สวยได้แต่จะขาดความรู้ความสามารถไม่ได้

เธอต้องพยายามทำให้จิตวิญญาณของตัวเองน่าสนใจและมีความลึกซึ้งยิ่งกว่านี้

ต่อให้เธอไม่คิดจะแต่งงานทั้งชีวิต เธอก็จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแน่นอน

เพราะเธอมีหัวใจที่แข็งแกร่งมากพอ

แต่ไม่ว่าหัวใจจะแข็งแกร่งมากเพียงใด อิงซานหงก็ยังสนใจเวลาคนอื่นวิจารณ์หน้าตาเธออยู่ดี โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นคนเพศตรงข้าม

เหยียนหมิงต๋าไล่ตามอย่างไม่ย่อท้อ นี่เลยทำให้อิงซานหงคิดว่าเธอเป็นเพียงตัวสำรองที่ถูกเลือกหลังเหยียนหมิงต๋าผิดหวังในความรัก วันไหนเหยียนหมิงต๋าทำใจได้แล้วตัวสำรองอย่างเธอก็จะหมดประโยชน์และไสหัวไปเอง!

“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งรถไปเองได้”

อิงซานหงไม่ได้เย็นชาเช่นเคย ทว่าปฏิเสธอย่างเกรงใจและห่างเหินแล้วเดินมุ่งตรงไปทางป้ายรถเมล์

“คุณอิง คุณไม่พอใจผมตรงไหนเหรอ ผมแก้ไขมันได้นะ” เหยียนหมิงต๋าพูดขึ้นอย่างจริงใจ

“ไม่มีตรงไหนที่ไม่พอใจ ฉันแค่ไม่อยากเป็นตัวสำรองแค่นั้นเอง!” ในที่สุดอิงซานหงก็บอกเหตุผลไป

หัวใจมนุษย์เราสร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อ เหยียนหมิงต๋าขยันมาหาชนิดที่ลมฝนก็ไม่ใช่อุปสรรคทุกวัน เธอเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน อีกทั้งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคอยเป่าหูเธอว่าอย่าปล่อยโอกาสอันดีตรงหน้าหลุดมือไปจนทำให้อิงซานหงปฏิเสธไม่ได้ว่า…

ความจริงเธอก็หวั่นไหวแล้ว!

แต่เธอต้องรอให้มั่นใจก่อนว่าตนไม่ใช่ตัวสำรอง!

เหยียนหมิงต๋าร้อนใจ “ไม่ใช่อยู่แล้ว ผมหวังแต่งนะ ขอแค่คุณตกลงเราไปจดทะเบียนกันตอนนี้เลย ผมจะให้คุณเป็นคนดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของผมด้วย”

……………………………….

ตอนที่ 3042 ตอนพิเศษของเหยียนหมิงต๋า (2)

อิงซานหงหน้าแดงระเรื่อ เธอแค่อยากวัดใจของเหยียนหมิงต๋าให้แน่ใจเท่านั้นเอง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าหมอนี่กลับโพล่งคำว่าแต่งงานออกมา

ยังไม่ทันคบหาดูใจกันแล้วจะแต่งงานกันได้ไงล่ะ!

“ใครจะแต่งกับคุณกัน?” อิงซานหงถลึงตาใส่ แก้มแดงระเรื่อทำให้เธอดูน่าเย้ายวนกว่าเดิมเล็กน้อย

เหยียนหมิงต๋ามองจนตาค้างแล้วหลุดปากพูด “คุณอิง ความจริงคุณก็ดูดีมากนะ”

เขาคิดเช่นนี้จริง ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะคนที่เราชอบมักดูดีในสายตาเราเสมอหรือเปล่านะ?

อย่างไรเสียตอนนี้เขารู้สึกว่าอิงซานหงดูดีกว่าอู่เยวี่ยร้อยเท่า!

อิงซานหงแอบดีใจ แม้รู้ว่าเหยียนหมิงต๋าหลอกแต่เธอก็ชอบฟัง ทว่าภายนอกเธอไม่แสดงอาการให้เห็นแถมยังตอบกลับไปอย่างไม่พอใจว่า “ไหนคุณบอกว่าฉันหน้าตาชวนให้คุณสบายใจไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้ตัวว่าไม่สวย คุณไม่ต้องมาปลอบฉัน!”

เหยียนหมิงต๋าหัวเราะเคอะเขินแล้วตอบกลับไปตามตรงว่า “เมื่อก่อนผมรู้สึกว่าคุณทำให้ผมสบายใจจริง ๆ แต่เมื่อกี้ผมรู้สึกว่าคุณดูดี ดูดีจริง ๆนะ ผมไม่ได้พูดโกหก”

เขาเห็นอิงซานหงจุดยิ้มมุมปากอ่อน ๆก็ยิ้มร่าในใจ เรียกกำลังใจให้ตัวเองพูดขึ้นว่า “สิ่งที่ผมพูดมาจากใจจริง ๆนะ พี่สะใภ้ใหญ่ของผมเคยบอกว่าความรักทำให้อีกคนเหมือนเป็นซีซือ[1]ในสายตาเรา ในสายตาผมคุณสวยเหมือนซีซือเลย!”

อิงซานหงรู้สึกหวานจับใจ พยายามเกร็งหน้าไว้ถึงไม่หลุดยิ้มออกมา

ไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี่ไปหัดพูดจาหวาน ๆมาจากไหน เมื่อก่อนพูดเป็นแค่ ‘ผมไปส่งคุณ’ ‘ผมชอบคุณ’ ‘ผมคิดว่าเราค่อนข้างเหมาะสมกันเลย’….อะไรที่แข็งทื่อพวกนี้ ทว่าตอนนี้แม้แต่คำว่าความรักทำให้กลายเป็นซีซือในสายตาอีกคนยังพูดออกมาได้

มิน่าพี่ชายถึงพูดจาหวาน ๆน่าฟังเอาใจพี่สะใภ้ทุกวัน

เธอเป็นผู้ฟังอยู่ข้าง ๆยังรู้สึกเลี่ยน แต่พี่สะใภ้กลับใจเบิกบานฟังเท่าไรก็ไม่เบื่อ

“คุณไปหลอกเด็กสามขวบเถอะ ฉันกับคุณไม่นับว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ” อิงซานหงกลอกตาใส่ แต่ไม่ทันสังเกตว่ารถเมล์ที่เธอจะนั่งขับผ่านไปแล้ว

เหยียนหมิงต๋าถูกรอยยิ้มของอิงซานหงกระตุ้นจนใจฟูและความสุขก็แทบล้นทะลักออกมา ตกผลึกเปิดอกเรื่องความรักในพริบตาเดียว

“ผมคิดว่าเรากำลังคบกันมาโดยตลอดจนเกือบครึ่งปีแล้ว” เหยียนหมิงต๋าเรียกกำลังใจพูดไปอีกประโยค พอเห็นอิงซานหงหน้าแดงแต่ไม่มีท่าทีขุ่นเคือง แถมรอยยิ้มตรงมุมปากกว้างขึ้นกว่าเดิมก็มั่นใจกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

มิน่าพี่ชายใหญ่ถึงบอกว่าตามจีบผู้หญิงต้องหน้าด้าน ปากต้องหวาน เขาคิดได้ช้าเกินไปแล้ว

“ซานหง…” เหยียนหมิงต๋าคิดว่าสามารถรุกหน้าไปใกล้ได้อีกหนึ่งก้าว เขาจึงตัดสินใจตัดนามสกุลทิ้งไป ช่วงนี้คุณย่าเร่งเร้าเหมือนจ้องจะเอาชีวิตอย่างไรอย่างนั้น เขารีบจัดการเรื่องสำคัญในชีวิตให้เร็วที่สุดดีกว่า!

อิงซานหงหัวใจเต้นรัวอย่างรุนแรง จู่ ๆเธอก็พบว่าเสียงของเหยียนหมิงต๋าเพราะมาก เป็นเสียงทุ้มต่ำที่เธอชอบที่สุด เสียงแหบพร่า แถมหมอนี่ก็หน้าตาใช้ได้ด้วย

ไม่ว่าจะเรื่องส่วนสูงหรือหน้าตาหรือหน้าที่การงาน ล้วนสามารถเติมเต็มความทระนงตนของหญิงสาวได้นับไม่ถ้วน

รวมถึงเธอด้วยเช่นกัน

‘หน้าตาธรรมดาอย่างอิงซานหงน่ะเหรอ ไม่อยู่เป็นสาวโสดไปตลอดชีวิต ก็รอแต่งงานกับผู้ชายแก่ ๆหรือคนพิการ พวกเธอรอดูเถอะ!’

คำพูดของเพื่อนผู้หญิงในห้องที่มักต่อกรกับเธอในวัยเรียนคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูอิงซานหงอีกครั้ง

ประโยคนี้เธอจำมันได้ดีมาตลอด

อีกทั้งเพื่อนผู้หญิงหน้าตาสวยงามคนนี้แต่งงานไปแล้ว แต่งงานกับคนเมืองเดียวกันซึ่งสามีเป็นผู้ปฏิบัติการตำรวจประจำสำนักสันติบาลของเมือง ส่วนเธอเป็นคุณครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ถือว่ามีชีวิตที่ไม่เลวในบรรดากลุ่มเพื่อน ๆแล้ว

ทุกครั้งที่มีงานนัดรวมรุ่นเพื่อนผู้หญิงคนนี้จะทำตัวเย่อหยิ่งอวดเก่ง ต่อให้อิงซานหงไม่ไปร่วมงานด้วยเพื่อนผู้หญิงคนนี้ก็ต้องตามสืบเรื่องของเธอให้ได้ พอได้ยินว่าเธอสอบติดนักศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง เพื่อนผู้หญิงคนนี้ก็พูดอีกว่าถึงเธอจะเรียนถึงปริญญาเอกก็ขายไม่ออกอยู่ดี

ถึงขั้นเคยบอกว่าเพราะเธอไม่มีผู้ชายตามจีบถึงได้แปรเปลี่ยนอารมณ์โกรธเคืองเศร้าหมองเป็นแรงผลักดัน และเอาแต่ให้ใจจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องเรียน

ถ้อยคำเหล่านี้เพื่อนคนอื่น ๆเป็นคนส่งสารมาให้อิงซานหง ความจริงเธอโกรธอย่างมาก แน่นอนว่าอยากเอาคืนให้ตัวเองสักที!

“ซานหง…ขอแค่คุณตกลง เราจะไปจดทะเบียนกันตอนนี้ได้เลย ผมรับรองว่าหลังจากนี้เงินเดือนทั้งหมดจะให้คุณหมดเลย คุณแค่ให้เงินค่าใช้จ่ายผมไม่กี่ร้อยก็พอ ผมยัง…”

เหยียนหมิงต๋ายังพร่ำพูดเรื่อย ๆ อิงซานหงกัดฟัน เธอตัดสินใจจะลองเสี่ยงครั้งแรกในชีวิต

“ได้ ไปจดทะเบียนกันตอนนี้เลย!”

……………………

ตอนที่ 3039 การใหญ่สำเร็จแล้ว

“มีเรื่องอะไรทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้” เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจว่าทำไมเล่อเล่อถึงร้อนรนขนาดนี้

“มีเรื่องใหญ่ต้องจัดการ” เล่อเล่อลากเสี่ยวเป่าขึ้นรถแล้วปิดประตู จากนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิดกระทั่งดริฟต์รถบนถนนใหญ่ด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่าใจเต้นมาถึงคอหอยแล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

คงไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไรอีกหรอกใช่ไหม?

“เรื่องเร่งด่วนมาก ถ้าไม่ทำต้องตายแน่” เล่อเล่อกัดฟันแน่น

ถ้าต้องเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าเป่ารื่อน่า เธอสู้ยอมตายเสียยังดีกว่า ดังนั้น…วันนี้เธอต้องนอนกับหนิงเสี่ยวเป่าให้ได้

จะปล่อยเวลายืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว!

ทว่าเสี่ยวเป่ากลับตกใจยกใหญ่เพราะนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่เข้าจริง ๆ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาหมายจะโทรหาเสี่ยวจู การเดินทางบนภูเขาสือว่านครั้งนี้เขาเห็นความเก่งกาจของเสี่ยวจูแล้วจริง ๆ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นต้องขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวจู

“พี่จะทำอะไร?” พอเห็นเสี่ยวเป่ากดมือถือผ่านกระจกเล่อเล่อก็ตวาดใส่

“เรียกให้เสี่ยวจูกลับมา เขาน่าจะเปลี่ยนเครื่องอยู่ที่ฮ่องกง”

“ห้ามโทร เราสองคนก็เอาอยู่แล้ว!”

เล่อเล่อหันไปแย่งมือถือมา จะเรียกเสี่ยวจูมาฟังเสียงผ่านกำแพงไม่ได้หรอกนะ!

เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่ออย่างผวาพร้อมความงงงวย ตกลงเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกันแน่?

เล่อเล่อจอดเทียบรถหน้าโรงแรมระดับห้าดาวที่หรูที่สุดของเมืองหลวงแล้วลากตัวเสี่ยวเป่าไปห้องชุดราคาแพงสูงลิ่วที่เธอจองไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว

“พวกเรามาโรงแรมกันทำไม?” เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม

“นอน!”

เล่อเล่อเปิดประตูผลักเสี่ยวเป่าเข้าไปด้วยมือเดียวแล้วปิดล็อกประตู

เสี่ยวเป่าหนังศีรษะตึงเปรี๊ยะแล้วเดินถอยหลังเรื่อย ๆ “ถ้าคุณอาเหยียนรู้เข้าต้องโกรธมากแน่”

อีกอย่างตอนนี้เขายังไม่ได้แต่งงานกับน้องเล่อเล่อเลย ฉะนั้นเรื่องบางเรื่องยังทำไม่ได้

“ไม่กลัว ถ้าพ่อถามขึ้นมาพี่ก็บอกไปเลยว่านอนกับฉันแล้ว!”

เล่อเล่อยกตัวเสี่ยวเป่าขึ้นมาสะบัดเขาลงเตียงแล้วขึ้นคร่อม เสี่ยวเป่าสัมผัสร่างนุ่มนิ่มของเด็กสาวและกลิ่นหอมจาง ๆหน้าก็แดงราวกับเลือด

“เล่อเล่อ…ใจเย็นหน่อยสิ!”

“ใจเย็นบ้าอะไรล่ะ…ทำไมกระดุมมันแกะยากแกะเย็นแบบนี้นะ!”

เล่อเล่องมปลดกระดุมอยู่นานไม่ได้สักทีเลยใช้แรงกระชากออกด้วยความโกรธ เสื้อเชิ้ตอามานี่ถูกเธอกระชากออกจนขาดเป็นชิ้น ๆเผยให้เห็นผิวขาวละเอียดของเสี่ยวเป่า

“พี่อย่าคิดจะเรียกพวกสัตว์มาเลยเพราะหน้าต่างทุกบานปิดสนิทหมดแล้ว อีกอย่างที่นี่คือชั้นสูงสุด พี่เรียกยังไงก็เรียกไม่ได้อยู่แล้ว เชื่อฟังน้องอย่างว่าง่ายจะดีกว่า…”

เล่อเล่อลำพองใจมาก เธอเตรียมการมาตั้งแต่แรกแล้ว ศึกในวันนี้ต้องสำเร็จ ห้ามล้มเหลวเด็ดขาด!

……

ทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาจนเสื้อผ้าถูกเล่อเล่อกระชากออกเป็นชิ้น ๆ ร่างเปลือยเปล่ากอดกัดแน่นใครก็ไม่กล้ามองตาใคร บรรยากาศเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันได้

เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่อที่นอนฟุบอยู่บนกายเขาโดยไม่ขยับก็พรูลมหายใจเบา ๆ จากนั้นเขาก็พลิกกดฝ่ายหญิงมาไว้ใต้ร่างแทนแล้วประกบริมฝีปากสีแดงที่ผุดเข้ามาในห้วงฝันบ่อย ๆ

หากง้างคันธนูแต่ไม่มีลูกธนูจะได้อย่างไร อีกอย่างธนูก็จ่อเป้าพร้อมแล้ว เขาเก็บกลับคงไม่ได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากเก็บมันด้วย!

ส่วนทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่น วันหลังค่อยชดใช้แล้วกัน!

……

เหยียนหมิงซุ่นรู้แต่แรกแล้วว่าเสี่ยวเป่าจะกลับเมืองหลวงมาวันนี้ เขานึกว่าเสี่ยวเป่าต้องมาทานมื้อเย็นที่บ้านแน่ แต่ว่า——

“ตอนเย็นเสี่ยวเป่าไม่มาทานข้าวด้วยเหรอ?”

อาหารที่เหมยเหมยทำในครัวดูเรียบง่ายไม่เหมือนจะมีแขกมาเลย

“เสี่ยวเป่ากลับมาแล้วเหรอ?” เหมยเหมยแปลกใจกว่าอีก ไม่ได้ยินมาก่อนเลยว่าเสี่ยวเป่าจะกลับมา

เหยียนหมิงซุ่นใจหายวาบและรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขาโทรหาลูกน้องเลยรู้ว่าถูกลูกสาวชิงตัวตัดหน้าไปแล้วพลันใจกระตุกวูบและยิ่งสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าเจ้าเด็กบ้าหนิงเสี่ยวเป่ากล้าล่วงเกินลูกสาวเขา เขาเอาเจ้าเด็กนี่ถึงตายแน่!

………………………………………

ตอนที่ 3040 ท่องไปทุกที่

เหยียนหมิงซุ่นโทรหาลูกสาวแต่ปิดเครื่อง พอเขาโทรหาเสี่ยวเป่าก็ไม่มีใครรับสาย

“ไม่ได้…พี่ต้องออกไปตามหาพวกเขา!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ่งคิดก็ยิ่งไม่วางใจเลยสวมเสื้อคลุมเตรียมออกไปข้างนอก แต่เหมยเหมยร้องห้ามไว้ “เขาสองคนอยู่ด้วยกันแล้วพี่จะไปเป็นก้างขวางคอเขาทำไมล่ะ!”

“ถ้าเกิดเอาเปรียบเล่อเล่อขึ้นมาล่ะ!” เหยียนหมิงซุ่นไม่วางใจเลยสักนิด

ฝีมือศิลปะการต่อสู้ของลูกสาวเหนือกว่าเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือ…เกรงว่ายัยลูกสาวจอมร้ายกาจของเขาจะเต็มใจมากกว่าน่ะสิ!

เหมยเหมยแค่นเสียงใส่ “เล่อเล่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่จะเข้มงวดอะไรนักหนา?”

“ถ้ายังไม่ได้แต่งงานก็ห้ามเด็ดขาด กฎเกณฑ์ของพี่เป็นแบบนี้แหละ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่พอใจ

เหมยเหมยกลอกตาใส่ “แล้วทำไมตัวพี่เองทำไม่ได้? ใจเขาใจเราบ้างสิ เหยียนหมิงซุ่น!”

“เธอ…เธอต่างหากเจ้าเล่ห์!”

เหยียนหมิงซุ่นวางสีหน้าไม่ถูกพลันรู้สึกจุกอก ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเหมยเหมยยัยตัวแสบยั่วยวนเขา แต่ก็ต้องโทษว่าเขาใจไม่แข็งพอ…แต่มันคนละเรื่องกับเล่อเล่อ ถึงอย่างไรลูกสาวก็ห้ามถูกเจ้าเด็กนั่นเอาเปรียบก่อนเด็ดขาด

“ฉันพูดความจริงไม่ใช่หรือไง? เรื่องที่พี่ทำไม่ได้ทำไมต้องไปตั้งกฎเกณฑ์กับเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อด้วย? หัวโบราณจริง ๆ!”

เหมยเหมยด่าเหยียนหมิงซุ่นยาวเหยียดราวยิงปืนกลพร้อมกลอกตามองบนใส่

เหยียนหมิงซุ่นขุ่นเคืองใจอยู่นานก็ตัดสินใจไปตามหา แต่ทว่าเขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าก็กลับมาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “รู้จักกลับมาบ้านด้วยเหรอ?”

ฉับพลันก็รู้สึกวางใจขึ้นมา ดูท่าทางแค่คงไปเดินชอปปิงกันมาเท่านั้น กลางวันแสก ๆแบบนี้จะไปทำอะไรได้

แต่ว่า——

“คุณอาเหยียนครับ ผมอยากขอเล่อเล่อแต่งงาน” เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยท่าทางจริงใจ

“รีบร้อนอะไร เล่อเล่ออายุยังไม่โตมากพอ!” เหยียนหมิงซุ่นคำรามอย่างไม่พอใจ

เขาวางแผนจะเก็บลูกสาวไว้จนอายุ 28 ปีแหนะ!

“แต่ผมกับเล่อเล่อมีอะไรกันแล้ว เพราะงั้นผมต้องรับผิดชอบเล่อเล่อ…” เสี่ยวเป่ากล่าวออกมารวดเดียว เล่อเล่อห้ามไม่ทันด้วยซ้ำเลยกลอกตาใส่อย่างระอา

พี่เสี่ยวเป่าของเธอซื่อสัตย์เกินไปแล้ว

เล่อเล่อลากตัวเสี่ยวเป่าชิ่งหนีออกไปก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะคลุ้มคลั่ง เธอบอกแล้วว่าไม่ต้องกลับมาสู้นอนกกกันอยู่บนเตียงที่โรงแรมดีกว่าตั้งเยอะแต่เสี่ยวเป่าก็ดึงดันจะกลับมา ตอนนี้โดนรังผึ้งเข้าแล้วไหมล่ะ!

ในสมองของเหยียนหมิงซุ่นจมอยู่ในห้วงคำว่า ‘มีอะไรกันแล้ว’ เวลาผ่านไปนานกว่าจะได้สติ จากนั้นไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา

“เหยียนเล่อเล่อ หนิงเสี่ยวเป่า…พวกแกหยุดเลยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพุ่งไปคว้าเจ้าสองตัวที่ใจกล้านั่นมา กล้าทำเรื่องอย่างว่าตอนกลางวันแสก ๆ…มีอย่างที่ไหนกัน!

เล่อเล่อสลัดตัวออกอย่างว่องไวและหนีไปได้เร็วกว่า เธอนึกรังเกียจที่เสี่ยวเป่าวิ่งช้าเกินไปเลยยื่นมือคว้าตัวเสี่ยวเป่าขึ้นหลังแล้วก็หายวาบไปไม่เห็นเงา

“พ่อคะ…หนูกับพี่เสี่ยวเป่าจะไปพักผ่อน พ่อหายโกรธเมื่อไหร่พวกเราค่อยกลับมา!” เสียงของเล่อเล่อดังแว่วมาแต่ไกล

เหยียนหมิงซุ่นสะสมความโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆแต่กลับทำไม่ได้อย่างใจหวัง เขาตามลูกสาวไม่ทันจึงสะกดอารมณ์แล้วตะโกนขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “ถ้ามีลูกขึ้นมาก็ไม่ต้องกลับมาตลอดชีวิตเลย!”

ความบริสุทธิ์ของลูกสาวหมดสิ้นกันแล้ว หวังว่าจะไม่มีลูกโผล่มานะ!

เหยียนหมิงซุ่นกลับเข้าบ้านด้วยความปวดใจ ในที่สุดเวลานี้เขาก็เข้าใจอารมณ์ของพ่อตาจ้าวอิงหัวในตอนนั้นแล้ว ผู้หญิงโตไปก็ต้องออกเรือน…พูดไม่ผิดเลยสักนิด

เล่อเล่อวิ่งมาไกลหลายสิบเมตรถึงวางตัวเสี่ยวเป่าลงพร้อมยิ้มหวานเอ่ย “พี่เสี่ยวเป่า พวกเราไปฮันนีมูนกันเถอะ!”

“ไปไหนล่ะ?” เสี่ยวเป่าเองก็จนใจแล้ว ตอนนี้คุณอาเหยียนโกรธมาก ฉะนั้นออกไปหลบพายุลูกใหญ่จึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก

“ป่าอเมซอน ทะเลทรายซาฮาร่า ขั้วโลกใต้-เหนือ…เลือกมาได้เลย พวกเราจะท่องไปทุกที่เลย!”

……

ตอนที่ 3037 ลูกลับๆ ของพระคาร์ดินัล

เล่อเล่อและเป่ารื่อน่าตกตะลึงกันอยู่นานและในที่สุดก็ได้สติแล้วหยัดกายขึ้นเดินไปสูดอากาศที่ริมระเบียงพร้อมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เห็นปูยาแล้วรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาอีก

ปูยาอดขำไม่ได้ เพื่อนของเป่ารื่อน่าตลกดีจริง ๆ น่ารักเหมือนเป่ารื่อน่าเลย

“ผู้ชายดี ๆแบบนี้เธอไปล่อมาจากไหน?” เล่อเล่อประหลาดใจมาก

เป่ารื่อน่ายิ้มอย่างได้ใจ เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับปูยาเช่นกัน กล่าวได้ว่าเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้ได้มาเจอกันแล้วล่ะ

“หลังจากเธอกับเสี่ยวเป่าออกไปผจญภัยไม่กี่วัน ฉันก็ถูกคนลักพาตัวไป…”

เป่ารื่อน่าเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เธอผ่านมาในระยะหนึ่งเดือนกว่านี้ออกมาไม่หยุด ระดับความวุ่นวายยอดเยี่ยมแบบนี้สามารถเอาไปเขียนหนังสือได้เชียวล่ะ

“ดังนั้น…ปูยามีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ที่หายากเหมือนเธองั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว คนพวกนั้นลักพาตัวฉันไปก็เพื่อเอามาเป็นคลังเลือดให้ปูยา”

“ตกลงปูยาเป็นใครกันแน่?” เล่อเล่อรู้สึกว่าคงไม่ใช่สถานะธรรมดาแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีความสามารถข้ามน้ำข้ามทะเลมาลักพาตัวเป่ารื่อน่าไปได้หรอก

เป่ารื่อน่าไม่ได้ตอบคำถามแต่ถามกลับไปว่า “เธอยังจำเรื่องราวตอนเด็กที่เธอกับพี่เสี่ยวเป่าถูกพวกองค์กรหัตถ์พระเจ้าลักพาตัวไปได้ไหม?”

“จำได้อยู่แล้ว” ฉับพลันเล่อเล่อก็นึกบางอย่างขึ้นได้แล้วเอ่ยถามอย่างตกใจว่า “ปูยาเป็นคนร้ายที่เล็ดลอดมาได้ขององค์กรนั้นงั้นเหรอ?”

หลังจากเธอเติบโตพ่อก็เล่าจุดจบขององค์กรนี้ให้ฟัง เห็นบอกว่าทั้งตระกูลถูกคุณอาเฮ่อเหลียนเช่อสังหารหมู่ ตอนนั้นเป็นข่าวดังระดับโลกเชียวล่ะ

เป่ารื่อน่าขึงตาใส่เธออย่างไม่ชอบใจนัก “อะไรคือคนร้ายที่เล็ดลอดมากัน อันที่จริงปูยาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลนั้นเลย เขาบริสุทธิ์นะ”

เธอเล่าภูมิหลังของปูยาให้ฟังคร่าว ๆ ความจริงแล้วปูยาเป็นลูกลับ ๆของพระคาร์ดินัลชั้นสูงองค์หนึ่ง ทั้งยังส่งผลกระทบต่อพระคาร์ดินัลองค์นั้นมากเพราะเขาห้ามแต่งงาน ดังนั้นปูยาจึงถูกส่งให้หัตถ์พระเจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก

อีกอย่างพระคาร์ดินัลรักปูยามากจึงส่งคนคอยตามปกป้องดูแลเขาเสมอเพราะสถานะพิเศษของปูยา ตระกูลที่เขาส่งปูยาให้ช่วยเลี้ยงดูก็ไม่กล้าละเลยและเลี้ยงดูปูยาดั่งราชา

“เป็นพระคาร์ดินัลชั้นสูงองค์ไหนเหรอ?” เล่อเล่ออยากรู้ตัวตนของพระคาร์ดินัลเหลือเกิน

ทั่วทั้งโลกมีพระคาร์ดินัลชั้นสูงอยู่ไม่กี่องค์ ใครกันที่ใจกล้าแหกกฎร้ายแรงมหันต์ขนาดนี้ได้!

“ไม่รู้สิ แม้แต่ปูยาก็ไม่รู้ว่าพ่อแท้ ๆของเขาคือใคร พระคาร์ดินัลไม่เคยมาหาเขาเลยสักครั้งแต่ปกป้องเขาเป็นอย่างดี” เป่ารื่อน่าส่ายศีรษะ

“คนที่จับตัวเธอไปคือบอดี้การ์ดของปูยาเหรอ?” เล่อเล่อถาม

เป่ารื่อน่าพยักหน้า “ใช่ พ่อแท้ ๆของปูยาตามหาคนที่มีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์มาโดยตลอดเพื่อรับประกันความปลอดภัยของลูกชาย แต่ปูยาเกลียดชีวิตที่ไม่เป็นอิสระและไม่อยากให้พ่อของเขาต้องทำลายคนอื่น ดังนั้นเขาเลยแอบปล่อยฉัน จากนั้น…เราสองคนก็หนีออกมาด้วยกัน!”

พอพูดถึงตรงนี้ใบหน้าของเป่ารื่อน่าก็แดงแปร๊ด หางตาแฝงไปด้วยความเสน่หา ทันทีที่เล่อเล่อเห็นก็รู้ทันทีว่าระหว่างที่หลบหนีกันมาสองคนนี้คงผ่านการร่วมรักกันมาแล้ว

“พ่อของเขาไม่ตามหาพวกเธอหรือไง?”

“หาสิ ตอนนี้บอดี้การ์ดของปูยาอยู่แถวนี้แหละแต่ปูยาไม่อยากกลับ พวกเขาเองก็ไม่กล้าบีบบังคับ อีกอย่างพวกเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรในฮวาเซี่ย ในเมื่อมีพ่อเธออยู่นี่นา!”

เล่อเล่อได้ใจสุด ๆ “ถ้าพวกเขากล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในเมืองหลวง พ่อฉันคงไม่ปล่อยพวกเขากลับไปหรอก!”

“แต่พวกเธอคงจะหลบแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้มั้ง!” เล่อเล่อกังวลอนาคตของเพื่อนรัก ฟังดูแล้วพระคาร์ดินัลองค์นั้นใช่ว่าจะใจดีสักหน่อย!

เป่ารื่อน่ายักไหล่ “ทำไมต้องหลบด้วย พระคาร์ดินัลต่างหากที่กลัวว่าจะถูกเปิดโปงความจริงมากกว่า ฉันกับปูยาวางแผนกันว่าจะลงหลักปักฐานกันอยู่ที่ฮวาเซี่ยนี่แหละ ควรกินอะไรก็กิน ควรดื่มอะไรก็ดื่ม”

………………………………………

ตอนที่ 3038 จัดการเรื่องใหญ่

เล่อเล่อเหลือบหันไปมองหนุ่มหล่อที่นั่งดูทีวีบนโซฟาเงียบ ๆแวบหนึ่ง ปูยาหนุ่มหล่อขยิบตาให้เธอทีหนึ่ง ดวงตาสีฟ้างดงามยั่วยวนเล่อเล่อจนตัวแข็งทื่อจนต้องรีบเบือนหน้าหนีทันที

แม่เจ้าโว้ย หนุ่มตาน้ำข้าวคนนี้ยั่วยวนคนเก่งดีจริง ๆ!

โชคดีที่เธอมีพี่เสี่ยวเป่าอยู่แล้วเลยมีแรงต้านเสน่ห์หนุ่มหล่ออยู่มาก

 “วันหลังเธอต้องระวังหน่อยนะ ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีจนเกิดหายนะได้เชียว แบบนี้ต้องดึงดูดสายตาสาว ๆได้ไม่น้อยเชียวล่ะ” เล่อเล่อเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี

เป่ารื่อน่ามั่นใจมากเลยขยิบตาให้เล่อเล่อแล้วพูดเสียงเบาว่า “ปูยาเป็นโรคกลัวเพศตรงข้าม ขอแค่ผู้หญิงแตะต้องตัวเขาหน่อยเขาก็ขนลุกเกรียวแล้ว”

เล่อเล่อเบิกตากว้าง “งั้นเธอกับเขาจะปั่มปั๊มกันได้ไงล่ะ? เอาฟิล์มถนอมอาหารห่อตัวก่อนทำหรือไง?”

เป่ารื่อน่าจิ๊ปากใส่หล่อนทีหนึ่ง “จะเป็นไปได้ไงกัน ต้องบอกว่าฉันกับปูยาเป็นคู่ที่ฟ้าลิขิตให้มาเจอกัน ฉันเป็นเพศตรงข้ามเพียงคนเดียวบนโลกนี้ที่ปูยาไม่กลัว วันหนึ่งจะปั่มปั๊มกับสิบแปดรอบก็ไม่ใช่ปัญหา!”

“งั้นเธอจะมั่นใจในความรักที่ปูยามีให้เธอว่าเป็นเรื่องจริงหรือเพราะเป็นตัวเลือกเดียวของเขากันแน่ได้เหรอ?” เล่อเล่อถามทิ่มแทงใจ

เธอไม่อยากให้เพื่อนรักต้องเสียเปรียบ ใครจะรับประกันได้ว่าวันหน้าจะไม่มีผู้หญิงที่เขาไม่กลัวคนที่สองโผล่มาล่ะ?

เป่ารื่อน่ากลับใจกว้างมาก เธอยักไหล่แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “จะสนใจทำไมว่าเพราะอะไร ถึงอย่างไรตอนนี้เราคบกันมีความสุขดี เรื่องวันข้างหน้าค่อยว่ากัน ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์จะขึ้นทางไหนล่ะ!”

สิ่งสำคัญของมนุษย์คือตอนนี้ ตอนนี้ยังใช้ชีวิตไม่มีความสุขแล้วเรื่องวันข้างหน้าจะคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร!

ครั้นเล่อเล่อเห็นเธอใจกว้างขนาดนี้เลยไม่คิดจะเอ่ยโน้มน้าวอีก

“แม่เธอกับน้าอ้วนรู้เรื่องนี้ไหม?”

“รู้สิ ปูยากลับไปกินข้าวด้วยบ่อย ๆ พ่อแม่ฉันชอบปูยากันทั้งนั้น แถมยังไม่ให้ฉันรังแกเขาอีกต่างหาก!” เป่ารื่อน่ายิ้มเอ่ย

มีพ่อแม่เปิดกว้างแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เธอมีความสุขที่สุดแล้ว!

“แล้วทำไมเธอไม่อยู่บ้าน? ใช่ว่าบ้านเธอจะไม่มีห้องว่างสักหน่อย”

“ไม่เอาหรอก ฉันกับปูยาอยากใช้ชีวิตรักกันสองคน อีกอย่างอยู่บ้านทำอะไรส่วนตัวตอนกลางวันแสก ๆไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” เป่ารื่อน่าขยิบตาให้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์

เล่อเล่อขึงตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้จักอายบ้างเลยจริง ๆ!

“เธอกับหนิงเสี่ยวเป่านอนด้วยกันหรือยัง? ศึกรักกลางแจ้งรู้สึกเป็นไงบ้างล่ะ” เป่ารื่อน่าถามกลับ

เล่อเล่อใจดิ่งวูบ เธอจะให้ยัยบ้านี่รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอยังไม่ได้นอนกับพี่เสี่ยวเป่า มิเช่นนั้นคงหัวเราะเยาะเธอแน่

 “นอนด้วยกันแล้วสิ ศึกรักกลางแจ้งมันเยี่ยมยอดมากเลยล่ะ สนุกกว่าทำเรื่องส่วนตัวในบ้านกลางวันแสก ๆอะไรนั่นกว่าตั้งหลายเท่า”

“จริงเหรอ? เดี๋ยวหาเวลาไปลองบนเขากับปูยาหน่อยดีกว่า” เป่ารื่อน่าปรารถนาอยากลองสักครั้งเหลือเกิน เธอไม่เคยลองศึกรักกลางแจ้งเลยนะ!

เล่อเล่อลอบพรูลมหายใจ ถือว่าพอกลบเกลื่อนผ่านไปได้แล้ว รอพี่เสี่ยวเป่ากลับมาเธอตัวรวบหัวรวบหางให้ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นวันหลังเป่ารื่อน่ารู้เข้าต้องยิ้มเยาะเธอแน่!

วันเวลาผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างรวดเร็ว อากาศของเหมืองหลวงค่อย ๆเย็นลง ใบไม้ตามต้นไม้ข้างทางต่างร่วงเกือบหมดแล้ว

ในที่สุดหนิงเสี่ยวเป่าและเสี่ยวจูก็ศึกษาคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ เล่อเล่อรู้มาจากเหยียนหมิงซุ่น ระยะนี้หลายหมู่บ้านบนภูเขาสือว่านเริ่มมีชาวบ้านเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นแล้ว

ทว่าส่วนปกครองในพื้นที่ได้ร่อนเอกสารแจงข้อมูลไปแล้ว ดังนั้นชาวบ้านในพื้นที่เลยไม่ได้ตกใจอะไรมาก ทั้งยังโทรติดต่อทางโรงพยาบาลภายในระยะเวลาอันรวดเร็วแล้วจัดการเอาชาวบ้านที่ติดเชื้อไปกักตัวแยกไว้จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ

หลังจากประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนก็ยิ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก

เสี่ยวเป่ากลับมาถึงเมืองหลวง พอเขาลงจากเครื่องบินก็ส่งข้อความบอกเล่อเล่อว่า——

“พี่กลับมาแล้ว!”

เดิมทีเสี่ยวเป่าวางแผนว่าจะไปเยี่ยมเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยที่บ้านตระกูลเหยียน แต่ภายหลังเล่อเล่อกลับส่งข้อความมาว่า “กำลังรออยู่ที่สนามบิน ฉันมารับพี่แล้ว!”

เล่อเล่อที่นับวันนับคืนเฝ้ารอคนไกลก็มาถึงสนามบินอย่างว่องไวปานสายฟ้า จากนั้นก็ลากตัวเสี่ยวเป่าไป

เป่ารื่อน่าเริ่มสงสัยแล้ว เธอต้องรีบจัดการให้สำเร็จ!

…………………

ตอนที่ 3035 เกิดมาเพื่อคู่กัน

เงาทั้งสองที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงหยุดลงในทันทีแล้วมองเสี่ยวจูอย่างตกตะลึง

“ลูกว่าไงนะ? พูดอีกรอบสิ!” เหยียนหมิงซุ่นตะคอกถาม

เสี่ยวจูเลยทำได้แค่พูดอีกรอบ “เลือดของพี่เสี่ยวเป่ากับพี่สาวเข้ากันได้ดีมาก ลูกที่พวกเขาให้กำเนิดมาจะแข็งแรงมาก ทั้งยังไม่มียีนด้อยแฝงด้วย ดังนั้น…เรื่องที่พ่อกังวลไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน!”

เพียงแวบเดียวเขาก็ดูออกแล้วว่าพ่อกังวลเรื่องอะไร เพราะงั้นเขาเลยตัดสินใจทำการวิเคราะห์เลือด ถึงเสี่ยวเป่าจะเป็นรุ่นลูกแต่ก็ใช่ว่าจะสืบทอดพันธุกรรมมาทั้งหมดจนแต่งงานมีลูกไม่ได้

ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมายและต้องดูยีนของคู่รักด้วย

นับว่าโชคดีใช้ได้เลย——

“หากพี่เสี่ยวเป่าแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอาจมีความเป็นไปได้สูงมากที่ลูกหลานจะไม่แข็งแรงสมบูรณ์ แต่ถ้าเขามีลูกกับพี่สาวลูกหลานกลับไม่มียีนด้อยแฝงเลย เพราะยีนของพี่สาวเข้ากับยีนของพี่เสี่ยวเป่าได้อย่างสมบูรณ์!”

เสี่ยวจูบอกผลลัพธ์ที่เขาศึกษาได้ออกมา ลี่จิ่วเดินไปดูโค้ดบนหน้าจอโน้ตบุ๊กแวบหนึ่งก็เอ่ยพร้อมยิ้มร่า “เหยียนหมิงซุ่น ลูกสาวนายกับเสี่ยวเป่าเกิดมาเพื่อคู่กันจริง ๆ พูดถึงเลือดของลูกสาวนายก็มีปัญหาเหมือนกันนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ “ตั้งแต่เล็กมาลูกฉันไม่เคยเป็นหวัดเลยสักครั้งแล้วจะมีปัญหาได้อย่างไรกัน!”

เหลวไหล!

ทว่าเสี่ยวจูกลับเอ่ยว่า “เลือดของพี่สาวมีปัญหาจริง ๆเพราะเข้ากับคนอื่นยากเกินไป ถ้าพี่สาวแต่งงานกับผู้ชายธรรมดา รุ่นลูกหลานอาจจะมีปัญหาได้”

แต่ถ้าแต่งงานกับเสี่ยวเป่า เรียกว่าแข็งกับแข็งมาเจอกัน ลูกที่ให้กำเนิดมาก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

เฮ่อเหลียนเช่อฟาดหน้าขาฉาดใหญ่แล้วหัวเราะร่า “เหยียนหมิงซุ่นนายมีอะไรจะพูดอีกไหม? ฉันเคยบอกนายแล้วไงว่าลูกสาวนายกับเสี่ยวเป่าของฉันเป็นคู่ที่ฟ้าประทานมา ฟ้าลิขิตมาให้เราเป็นทองปึกแผ่นเดียวกัน!”

ในที่สุดเล่อเล่อก็ได้สติแล้วร้องถามเฮ่อเหลียนเช่ออย่างดีใจว่า “งั้นหนูต้องเรียกว่าพ่อหรือพี่ดีล่ะ?”

การแบ่งลำดับญาติออกจะวุ่นวายไปหน่อยนี่นา!

เสียงหัวเราะของเฮ่อเหลียนเช่อชะงักลงแล้วสีหน้าก็กลับมากลุ้มใจเช่นเดิม

ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นขึงขังยิ่งกว่าเดิม แต่อันที่จริงเขาก็แอบโล่งอกอยู่ไม่น้อย ขอแค่ลูกที่คลอดออกมาไม่มีปัญหาเขาก็ไม่คัดค้านอะไรอยู่แล้ว แต่ลูกสาวก็ไม่รู้จักสำรวมบ้างยังไม่ทันเข้าบ้านก็เรียกกันอย่างสนิทสนมแล้ว เขายังยืนอยู่นี่นะ!

“ควรเรียกอย่างไรก็เรียกอย่างนั้นแหละ วันหลังเรียกพี่ชายแล้วกัน!”

ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนักแต่ก็นับว่ายอมรับเรื่องเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าแล้ว เสี่ยวเป่าดีใจยกใหญ่ “ขอบคุณครับคุณอาเหยียน!”

ถ้าในเมื่อผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ต่อให้เขาเป็นลูกใครก็ไม่สำคัญแล้ว

จู่ ๆเหมยเหมยที่อยู่ในสายมาตลอดก็หัวเราะร่า “เฮ่อเหลียนเช่อ วันหน้าฉันก็คือแม่ยายของเสี่ยวเป่า นายเป็นพี่ชาย งั้นต่อไปนายจะเรียกฉันว่าอย่างไรนะ? มา…ไหนลองเรียกคุณน้าให้ได้ยินสักครั้งสิ!”

เหยียนหมิงซุ่นหนังตากระตุก เขาไม่ได้นึกถึงจุดนี้เลย ภรรยาเขายังหัวไวกว่าเขาเสียอีก!

เขามองสีหน้าเกรี้ยวโกรธของเฮ่อเหลียนเช่อราวกับมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นก็ไม่ปานแล้วเอ่ยยียวนว่า “มีฉันเป็นคุณอาของนายอีกคนด้วยนะ อย่างไรเสียวันหน้าก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของนายแล้ว งั้นก็มาทำความเคารพก่อนสิ!”

“แถมยังมีฉันกับภรรยาฉันด้วยนะ ถ้านายเรียกอย่างว่าง่ายอาจะให้ซองแดงหนัก ๆแล้วกัน” หากเอาเปรียบได้มีหรือที่ลี่จิ่วจะไม่ทำ เขาหัวเราะจนท้องแข็งหมดแล้ว

เสี่ยวเป่ามองคุณพ่อของเขาอย่างเห็นใจ ขอโทษด้วยที่เขาช่วยอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้พ่อเขาปิดบังมานานหลายปีล่ะ เรียกสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก!

“ไม่อยากอยู่ต่อแล้วสินะ…ฉันจะซัดพวกนายให้ตายเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่ออับอายจนเกรี้ยวโกรธ เจ้าสารเลวพวกนี้ร่วมมือกันเอาเปรียบเขา คิดว่าเขารังแกได้ง่าย ๆหรือไง!

“กร่างไม่เบา เก่งนักก็มาเจอกันสักตั้งสิ” เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเย็นชา

คุณนายลี่แค่สะบัดมือเบา ๆไม่กี่ที เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำก็ลงไปนอนขยับตัวไม่ได้อยู่ที่พื้นแล้ว มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่กลอกมองไปมา

“เสี่ยวเป่า…” เฮ่อเหลียนเช่อวิงวอนขอความช่วยเหลือจากลูกชาย

แต่ทว่า——

เสี่ยวเป่ากำลังพลอดรักกับเล่อเล่ออยู่ ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเขาล่ะ!

…………………………………….

ตอนที่ 3036 คุยกันว่าเป็นคนพูดน้อยไม่เปิดเผยนี่นา

พอเรื่องทุกอย่างคลี่คลายทุกคนก็พากันปิติยินดี เหยียนหมิงซุ่นยังคงพาเล่อเล่อกลับบ้านอยู่ดี ในเมื่อมีหลักฐานคาตาว่าเอาแต่ตัวติดกันทั้งวันไม่เป็นอันทำอะไรสักอย่าง

“จู่ ๆช่วงก่อนเป่ารื่อน่าก็หายตัวไปแล้วกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง แถมยังพาหนุ่มต่างชาติคนหนึ่งกลับมาด้วย ลูกกลับไปดูหน่อยเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งระเบิดลูกใหญ่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

เล่อเล่อตกใจยกใหญ่เลยถามไม่หยุดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ยอมบอกอะไรแล้วให้เธอกลับบ้านไปดูเอง

ความจริงเป่ารื่อน่าถูกคนลักพาตัวไป อีกอย่างสาเหตุที่เธอถูกลักพาตัวไปก็เป็นเพราะกรุ๊ปเลือดที่หายากของเธอ อีกทั้งหนุ่มตาน้ำข้าวที่หล่อนพากลับมาจะว่าไปเมื่อก่อนก็เคยพัวพันกับองค์กรหัตถ์เทพเจ้าอยู่ช่วงเวลาหนึ่งด้วย

เล่อเล่อกลับเมืองหลวงด้วยความร้อนใจสุดขีดแล้วพุ่งตรงไปบ้านของเป่ารื่อน่าเลย เป่ารื่อน่าไม่ได้พักอยู่ที่บ้านแต่อาศัยในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆแห่งหนึ่งพร้อมถ่ายละครไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังแอบซุกผู้ชายไว้อีกต่างหาก

ถึงอย่างไรเสียเล่อเล่อก็คิดแบบนี้แหละ

เธอเกือบหน้ามืดยามเห็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเบื้องหน้า นับว่าเขาเป็นหนึ่งหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาพอ ๆกับเสี่ยวเป่าในบรรดาผู้ชายที่เธอเคยเจอมาเลยทีเดียว

แน่นอน…ว่าในใจของเธอเสี่ยวเป่าต้องหล่อที่สุดอยู่แล้ว

ไม่มีใครเทียบได้หรอก

แต่เธอก็คงมิอาจฝืนใจปากแข็งบอกว่าหนุ่มตาน้ำข้าวคนนี้ไม่หล่อนี่นา

ดวงตาดูลึกล้ำราวมหาสมุทร จมูกโด่งเป็นสัน ผมลอนสีทอง รูปหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนลอนดอนอย่างชัดเจน ใบหน้าขรึมดุดันแต่กลับดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด ดูเจริญตายิ่งกว่าลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอดาราฮอลลีวูดเสียอีก

มีเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้เล่อเล่อไม่พอใจก็คือหนุ่มรูปงามคนนี้ดูอ่อนโยนเกินไป

เลยทำให้ขาดมาดความเป็นชายไปสักหน่อย!

“แฟนเธอเหรอ?” เล่อเล่อถามไปตรง ๆโดยใช้ภาษาจีน

เธออยากคุยกับเพื่อนรักเป็นการส่วนตัว อีกทั้งยังถามออกไปโต้ง ๆได้ด้วย

เป่ารื่อน่าเผยสีหน้าขวยเขินแล้วพยักหน้าเบา ๆ แถมยังเสียงเบายิ่งกว่ายุงเสียอีก “อืม เขาชื่อยาปู”

“นอนด้วยกันหรือยัง?”

เป่ารื่อน่ามองค้อนเธอแวบหนึ่ง “โอ๊ย…เธอจะถามตรง ๆแบบนี้ทำไมเนี่ย?”

เล่อเล่อกลอกตาใส่ “ได้ งั้นฉันจะถามอ้อม ๆ ผู้ชายคนนี้ลีลาเป็นไงบ้าง?”

เป่ารื่อน่าหน้าแดงแจ๊ด บ้าเอ๊ย ถ้าถามแบบนี้สู้ถามว่านอนด้วยกันหรือยังเถอะ!

เธอมองยาปูที่ฟังพวกเธอคุยกันเป็นการส่วนตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง ทั้งยังนึกดีใจที่แฟนฟังภาษาจีนไม่ออก มิเช่นนั้นคงถูกเล่อเล่อทำให้ตกใจจนเผ่นกลับประเทศไปแน่

“พอได้…ถึงอย่างไรฉันก็รู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะ” เป่ารื่อน่าตอบเสียงอ้อมแอ้มพร้อมส่งสายตาออดอ้อนผ่านหางตาให้

เล่อเล่อถลึงตาใส่ บ้าเอ๊ย…เธอแค่ถามไปงั้น ๆ คิดไม่ถึงว่าจะขุดได้ข้อมูลมากขนาดนี้ โธ่เว้ย…เธอยังไม่เคยนอนกับพี่เสี่ยวเป่าเลยนะ!

โดนยัยบ้านี่แซงหน้าไปก่อนแล้ว!

“เธอเคยนอนกับผู้ชายมาแค่คนเดียวจะไปเข้าใจความสุขอะไรได้ล่ะ” เล่อเล่อมองเป่ารื่อน่าอย่างไม่สบอารมณ์นักพลางกลอกตาไปมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีลับลมคมในว่า “ฉันเห็นในหนังสือบอกว่าถ้าเจ้านั่นของผู้ชายยาวไม่ถึง 18 เซนติเมตรก็ไร้ประโยชน์ เจ้าหมอนี่ยาวเท่าไหร่?”

หนุ่มข้าง ๆที่มีสีหน้าเรียบเฉยหลุดพิรุธออกมาแล้วแต่ก็ข่มความตกใจไว้ได้แล้วกลับมาปกติได้อย่างรวดเร็ว ทว่าในใจกลับปั่นป่วนไปหมด

โธ่ ใครบอกว่าสาวตะวันออกโลกส่วนตัวสูงชอบพูดน้อยกันล่ะ?

แต่สาวสองคนเบื้องหน้าเปิดกว้างยิ่งกว่าผู้หญิงประเทศของเขาเสียอีก!

แถมคืนแรกของเขายังถูกเป่ารื่อน่าเป็นฝ่ายขืนใจอีกต่างหาก!

เป่ารื่อน่ามองค้อนเล่อเล่อแวบหนึ่งแล้วส่งยิ้มขวยเขินไปให้ปูยา เอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า “ปูยาของฉันเป็นที่หนึ่งหมดแหละ!”

ในใจของปูยาภาคภูมิใจสุดขีดเลยหลุดปากออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมนะที่รัก!”

จากนั้นทั้งสองสาวก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“เขาฟังภาษาจีนเข้าใจด้วยเหรอ?” เล่อเล่อตวาดถามเป่ารื่อน่า เธอถกเถียงเรื่องขนาดของเขาต่อหน้าเลยนะ เธออับอายขายหน้าไปหมดแล้ว

“ฉันไม่รู้นี่นา….”

เป่ารื่อน่าอับอายยิ่งกว่า แล้วคืนนี้เธอจะกล้าสู้หน้าปูยาได้อย่างไร?

……………………………..

ตอนที่ 3033 ไม่ใช่พ่อแต่เป็นพี่ชาย

เสี่ยวจูใช้พลาสมาที่เหลือจัดการไวรัสในน้ำได้และสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง

หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไปพวกเขาก็ออกมาจากภูเขาสือว่านแล้วกลับไปยังเมืองที่คึกคัก ยามได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมที่ทุกคนคุ้นเคย แม้แต่เสียงบรื้นรถที่น่ารำคาญยังฟังเสนาะหูด้วยซ้ำ

“เจนนิเฟอร์คงต้องฝากฝังพวกนายด้วย ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็ช่วยหยุดความทรมานของเธอทีเถอะ!”

เจสันหันมองคู่ขาในวันวานที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็อดถอนหายใจไม่ได้

 “หล่อนทนได้ไม่นานหรอก ไม่เกินหนึ่งปีก็จะกลายเป็นศพจริง ๆแล้ว” เสี่ยวจูเอ่ยความจริงออกไป

เจสันแบมืออย่างช่วยไม่ได้ “แบบนั้นก็ดี”

มีชีวิตเหมือนท่อนไม้แบบนี้สู้ตายไปเสียยังดีกว่า!

“พวกนายวางแผนจะไปไหนต่อ?” เน่าเน่าถามอย่างสนใจ

เจสันและปิแอร์สบตากันแล้วผุดรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวและความสุขที่รอดพ้นจากความตาย “พวกเราจะไปลงหลักปักฐานกันที่หางโจว วันหลังพวกเธอมาหาพวกฉันที่หางโจวนะ”

“ยินดีด้วย!”

ทุกคนต่างอวยพร เจสันและปิแอร์โบกมือลาพวกเขาแล้วจากไป

เสี่ยวเป่าและเสี่ยวจูต้องไปวิจัยวัคซีนซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาไม่น้อย เล่อเล่ออยากตามไปด้วยแต่เหยียนหมิงซุ่นกับตีหน้าขรึมใส่ “กลับบ้าน แม่เป็นห่วงแทบแย่แล้ว!”

“งั้นหนูโทรหาแม่” เล่อเล่อเบะปากและไม่พอใจท่าทีวางอำนาจของเหยียนหมิงซุ่น

เสี่ยวเป่าเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นทันทีเพราะยังคงคัดค้านเรื่องที่เขากับเล่อเล่อคบกันอยู่ เขาเอ่ยอย่างจริงใจว่า “คุณอาเหยียน ผมกับน้องเล่อเล่อรู้สึกดีต่อกัน ผมอยากขอน้องเล่อเล่อแต่งงานครับ หวังว่าคุณอาเหยียนจะ…”

“ไม่ได้ เมื่อก่อนเคยรับปากฉันว่าอย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นตัดบทเสี่ยวเป่าเสียงกร้าวด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก

ทางฝั่งเล่อเล่อกำลังโทรหาเหมยเหมยแต่เพราะจู่ ๆถูกเหยียนหมิงซุ่นตวาดใส่เลยตกใจจนลืมคุยกับเหมยเหมย

เหมยเหมยได้ยินผ่านปลายสายชัดเต็มสองหู เธอนึกชื่นชมที่เสี่ยวเป่ารู้ใจตัวเองในที่สุดและยิ่งนึกโกรธเหยียนหมิงซุ่นที่ยังดึงดันทำผิดแบบนี้อยู่ได้ เธอเลยให้เล่อเล่อเปิดลำโพงแล้วตะคอกใส่ว่า “เหยียนหมิงซุ่น ตอนแรกพี่ก็เคยสาบานต่อหน้าพ่อฉันเหมือนกัน แล้วพี่ทำได้ไหมล่ะ?”

เหยียนหมิงซุ่นหน้าเจื่อนแล้วขึงตาใส่พวกเด็ก ๆที่แอบหัวเราะแวบหนึ่ง จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์จากเล่อเล่อมาแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องที่บ้านรอกลับไปก่อนค่อยว่ากันนะ”

“ถึงอย่างไรพี่ก็ห้ามยุ่งเรื่องเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่า!”

“เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะพี่ไม่เห็นด้วย” เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีหนักแน่นมาก

ยิ่งหลังจากรู้เรื่องที่หนิงเฉินเซวียนก๊อบปี้ยีนมนุษย์และไวรัสเขาก็ยิ่งคัดค้านมากกว่าเดิม หนิงเฉินเซวียนเป็นบ้าไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เสี่ยวเป่าเป็นลูกของเขาก็ต้องมียีนบ้านี้ด้วยอยู่แน่ หากจะปล่อยให้ลูกสาวต้องทุกข์ทรมานในวันข้างหน้า สู้ตอนนี้เขาทำตัวน่ารังเกียจพรากพวกเขาจากกันยังดีเสียกว่า!

“เหยียนหมิงซุ่น นายมีสิทธิ์อะไรมาคัดค้าน? เสี่ยวเป่าของฉันหล่อเหลา มั่งคั่ง มีความสามารถ มีตรงไหนที่ไม่เข้าตานายงั้นเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อนึกโมโหขึ้นมาแล้ว

“เพราะเรื่องพ่อเขาไง ฉันไม่มีทางเห็นด้วยหรอก!” เหยียนหมิงซุ่นตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมใจเต้นตุ้ม ๆต่อม ๆ เสี่ยวเป่าเห็นท่าทีไม่ชอบมาพากล “คุณอาเหยียน คุณอากับคุณพ่อเข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”

เสี่ยวจูเอ่ยเสียงเย็นชา “พี่เสี่ยวเป่า พ่อของพี่ไม่ใช่คุณอาเฮ่อเหลียนหรอกนะ”

เล่อเล่อตกใจยกใหญ่ “ถ้าไม่ใช่คุณอาเฮ่อเหลียนแล้วเป็นใคร?”

“หนิงเฉินเซวียน อันที่จริงคุณอาเฮ่อเหลียนเป็นพี่ชายของเสี่ยวเป่า” เสี่ยวจูเอ่ยสิ่งที่เขาค้นพบออกมา

หลังจากเขาได้วิเคราะห์ศึกษาเลือดของเสี่ยวเป่าถึงได้รู้ว่าระหว่างเสี่ยวเป่าและหนิงเฉินเซวียนเป็นพ่อลูกกัน และเพราะเช่นนี้เลือดของเสี่ยวเป่าเลยต้านไวรัสได้

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ทุกคนตกตะลึง

เสี่ยวเป่าตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน เขาเรียกว่าพ่อมาตั้ง 20 กว่าปี แต่จู่ ๆตอนนี้กลายเป็นพี่ชายไปเสียได้ เขาไม่อยากเชื่อเลยสักนิด

…………………………………….

ตอนที่ 3034 มีลูกได้ไม่มีปัญหา

เสี่ยวจูเอ่ยเสียงเรียบว่า “เรื่องจริงเป็นแบบนี้แหละ ถ้าพี่เสี่ยวเป่าไม่ใช่ลูกชายของหนิงเฉินเซวียนก็คงไม่มีทางถอนพิษได้”

ทุกคนมองไปทางเฮ่อเหลียนเช่ออย่างพร้อมเพรียง ความจริงเป็นอย่างไรมีเพียงเจ้าหมอนี่เท่านั้นที่รู้

ลี่จิ่วรู้ต้นตอของไวรัสมาจากเสี่ยวจูเลยพูดว่า “ไวรัสถูกเพาะพันธุ์จากเลือดของหนิงเฉินเซวียน เพราะฉะนั้นจึงมีเพียงเลือดของหนิงเฉินเซวียนหรือเลือดของลูกหลานสายตรงของเขาเท่านั้นที่จะต้านไวรัสพวกนี้ได้”

“เสี่ยวเป่าเป็นหลาน ก็ถือว่าเป็นลูกหลานโดยตรงเหมือนกัน” เฮ่อเหลียนเช่อคัดค้านด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่มาก

เขาเก็บงำความลับมา 20 กว่าปีแต่เวลาเพียงครู่เดียวก็ถูกเสี่ยวจูเจ้าเด็กนี่เปิดโปงหมดเปลือก บ้าเอ๊ย เขาอยากซัดเจ้าเด็กนี่เหลือเกิน!

“รุ่นที่สามไม่ได้ ต้องเป็นรุ่นที่สองเท่านั้น อีกอย่างขนาดรุ่นที่สองยังไม่แน่ว่าเลือดจะเข้ากันได้ด้วยซ้ำ” เสี่ยวจูเอ่ย

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันกรามแน่น เขาพยายามอดกลั้นไว้ถึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ

“เป็นลูกตัวเองจริงหรือเปล่าตัวเองยังไม่รู้แก่ใจอีกเหรอ?” คุณนายลี่เอ่ยเสียงเย็นชา สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อก็ยิ่งดุดันมากกว่าเดิม

เหยียนหมิงซุ่นจ้องเขาตาเขม็งอย่างหัวเสีย “จนป่านนี้แล้ว นายปิดบังลูกต่อไปแล้วมีความหมายอะไรงั้นเหรอ?”

เสี่ยวเป่าใจดิ่งวูบแล้วมองไปทางเฮ่อเหลียนเช่อพลางเค้นถาม “พ่อครับ…เรื่องที่เสี่ยวจูกับคุณอาเหยียนพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้าสบตาเสี่ยวเป่า เขาก้มหน้าด้วยใจที่หวาดกลัว เสี่ยวเป่าใจชาวาบในชั่วขณะ ทุกครั้งที่คุณพ่อโกหกเขามักจะมีท่าทีเช่นนี้เสมอ เขาเป็นลูกชายตาแก่บ้าอย่างหนิงเฉินเซวียนจริง ๆสินะ!

เขาไม่อยากเป็นลูกชายของหนิงเฉินเซวียนเลยสักนิด!

“เสี่ยวเป่า…เรื่องนี้ไม่สำคัญเลย ในใจของพ่อ ลูกคือลูกชายของพ่อตลอดไป” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยปลอบเสี่ยวเป่าแล้วสบถด่าเหยียนหมิงซุ่นด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ “ฉันก็ไม่ได้อะไรกับลูกสาวนายนักหนาหรอก ไม่เห็นด้วยก็ช่าง!”

เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยกับเสี่ยวเป่าที่สติล่องลอยไปแล้วว่า “ลูกรัก พ่อจะหาคนที่ดีกว่านี้ให้ ขอแค่ลูกชอบ ต่อให้เป็นลูกสาวของประธานาธิบดีของอเมริกาพ่อก็จะเอามาให้ลูก!”

หึ…ถ้าไม่ยินยอมก็แย่งตัวมาเลย แค่วางยาจับนอนด้วยกัน ต่อให้เป็นสาวพยศก็ต้องมาเป็นลูกสะใภ้เขาอย่างว่าง่าย!

อีกอย่างเสี่ยวเป่าของเขาทั้งหน้าตาหล่อเหลาทั้งฉลาดมีความสามารถ แล้วจะมีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบบ้าง?

คนที่มองเสี่ยวเป่าไม่เข้าตาใช่ว่าเป็นเพราะสายตามีปัญหา แต่เป็นเพราะสมองมีปัญหาต่างหาก!

“พี่เสี่ยวเป่าเป็นของหนู ใครกล้าแย่งไปหนูจะเอาให้ตายเลย!”

เล่อเล่อที่ยังงงงวยกับสถานการณ์มาตลอดเอ่ยคำรามเสียงเรียบ ครั้นเธอได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อบอกจะให้เสี่ยวเป่าขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงานไฟโทสะก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันทีแล้วถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนเช่อ

“โอ๊ย…เหยียนหมิงซุ่น ลูกสาวของนายสายตาดีใช้ได้รู้ด้วยว่าลูกชายฉันดี” เฮ่อเหลียนเช่อพึงพอใจเล่อเล่อมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่ชอบใจนักก็คือหน้าตาเหมือนเหยียนหมิงซุ่นเกินไป ทำไมไม่ได้ยีนหน้าตาจิ้มลิ้มมาจากจ้าวเหมยบ้างนะ!

เหยียนหมิงซุ่นตวาดลั่นด้วยสีหน้าดุดัน “เหยียนเล่อเล่อ กลับบ้าน!”

“ไม่เอาหรอก ถ้าพ่อไม่ยอมให้หนูคบกับพี่เสี่ยวเป่า งั้นหนูก็จะแอบหนีไปกับพี่เสี่ยวเป่า” เล่อเล่อเอ่ยคำพูดน่าตกใจออกมา เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มตาหยีแล้วลูบคางดูเรื่องสนุก ๆ

“เล่อเล่อ ไม่ต้องแอบหนีไปด้วยกันหรอก กลับบ้านกับอาแล้วอาจะจัดงานแต่งงานใหญ่โตในรอบศตวรรษให้พวกเธอเอง วันหน้าเธอก็จะเป็นคนของตระกูลอาแล้ว!”

เฮ่อเหลียนเช่อคิดว่ารวบหัวรวบหางเอาลูกสะใภ้มาเลยจะดีกว่า คุยกับเจ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่รู้เรื่องสักที พอคุยกันยังไม่ถึงสามประโยคก็จะตีกันแล้ว

“เห็นฉันตายไปแล้วหรือไง?”

เหยียนหมิงซุ่นปล่อยหมัดออกไปสุดกำลัง พวกเขาสองคนพุ่งเข้าหาปะทะกันอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน อีกทั้งฝีมือยังสูสีกันและไม่มีใครจับพวกเขาแยกออกจากกันด้วย

เสี่ยวจูเอากระบอกเลือดออกมาแล้วทิ่มไปที่เล่อเล่อและเสี่ยวเป่าคนละที จากนั้นก็เริ่มทำการศึกษา

หลังจากผ่านไปห้านาที เขาก็คำรามใส่พวกเขาสองคนที่ซัดใส่กันไม่หยุดจับแยกกันไม่ออกว่า “หยุด พี่เสี่ยวเป่ากับพี่เล่อเล่อมีลูกกันได้ไม่มีปัญหา!”

…………………….

ตอนที่ 3031 ห้ามเปลืองเลือดแม้แต่หยดเดียว

เสี่ยวจูล้วงหยิบวัตถุบางอย่างซึ่งดูคล้ายแป้งออกมาจากกระเป๋า เขาขุดเอาดินขึ้นมาแล้วเอา ‘ผงแป้ง’ นี้ผสมเข้าไปในดินแล้วเทน้ำใส่เข้าไป จากนั้นดินก็กลายเป็นดินโคลน

“เอาของพวกนี้ไปไว้ร่องน้ำชั้นใต้ดิน มันแห้งไวจะช่วยขวางการไหลออกของน้ำได้”

นี่เป็นคอนกรีตชนิดแห้งเร็วที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเอง เพราะตอนไปสำรวจนอกสถานที่ บ้านที่ทำจากไม้ไม่ค่อยปลอดภัยเลยทำให้เขาต้องศึกษาการทำคอนกรีตชนิดแห้งเร็วขึ้นมาเพื่อหยิบขึ้นมาใช้ได้ทุกสถานการณ์ซึ่งสะดวกสบายมาก อีกทั้งความทนทานก็ไม่เป็นรองซีเมนต์ตามท้องตลาดด้วย

ดินเหลวถูกเทลงไป ฉับพลันก็แข็งจับตัวกันเป็นก้อนทันตาและกลายเป็นสีอิฐแดงเทาในตอนท้าย จากนั้นก็จับตัวกันเป็นชั้นหนาหนึ่งชั้นและน้ำก็ไม่ซึมออกมาแล้ว

ทุกคนพรูลมหายใจกันอย่างพร้อมเพรียงแต่เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นว่า “คงต้านได้นานสุดสองวัน หวังว่าอีกสองวันพวกพ่อ ๆจะมาทันเวลานะ”

“จะเป็นไปได้ไงกัน? พ่ออยู่เมืองหลวงนะ เมืองหลวงห่างจากที่นี่ตั้งหลายพันลี้!” เน่าเน่าร้องออกมาอย่างเกินจริง เขารู้สึกว่าเสี่ยวจูกำลังพูดเรื่องตลกอยู่

“ไม่หรอก พ่อมาถึงที่นี่แล้ว อีกอย่างอยู่ห่างจากเราไม่ถึง 200 กิโลเมตรด้วย”

มือถือของเสี่ยวจูมีฟังก์ชั่นระบุตำแหน่งอัตโนมัติ ทันทีที่ได้รับสายจากเหยียนหมิงซุ่นก็จะรู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายทันที อีกทั้งยังคำนวณระยะทางให้อัตโนมัติด้วย

“เยี่ยมไปเลย พ่อฉันต้องมาทันแน่” สือเอ้อร์ดีใจสุดขีด การออกมาผจญภัยครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย ตอนนี้หวังอยากให้พ่ออยู่เคียงข้างกายเธอเหลือเกิน

“แล้วน้ำพวกนี้จะจัดการอย่างไร? ใช้ไฟเผามันเหรอ?” เสี่ยวเป่าชี้น้ำที่ไหลซึมออกมาแล้วเอ่ยถาม

“อุณหภูมิสูงทำอะไรมันไม่ได้หรอก แต่น้ำที่ไร้ประโยชน์พอจะต้มให้ระเหยได้อยู่”

เสี่ยวจูล้วงเอาน้ำยามาจากกระเป๋าแล้วเทใส่น้ำถึงค่อยจุดไฟ ในน้ำปรากฏเปลวไฟสูงปะทุขึ้นมาแล้วลุกลามเป็นทะเลเพลิงในพริบตา น้ำในหลุมเดือดปุด ๆอย่างหนักหน่วงพร้อมไอน้ำสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา อุณหภูมิในอากาศก็ค่อย ๆร้อนขึ้นเช่นกัน

และเช่นนี้…น้ำในหลุมก็ระเหยหายไปเกินครึ่ง ส่วนที่เหลือก็แปรสภาพเป็นน้ำสกปรกเหนียวหนืดเห็นแล้วเหมือนขี้มูกน่าสะอิดสะเอียนมากทีเดียว

“ของพวกนี้เป็นไวรัสร้ายแรงมากใช่ไหม? น่าขยะแขยงจริง ๆ!” ทุกคนมอง ‘ขี้มูก’ กองโตที่อยู่ในหลุมอย่างนึกรังเกียจ แม้แต่ข้าวของวันก่อนยังจะขย้อนออกมาด้วยเลย

เสี่ยวจูเหลือบมองมนุษย์โคลนนิ่งแวบหนึ่งจนขนลุกเกรียว ใบหน้าช่างน่าสยดสยองไม่เบา

“แม้ของพวกนี้จะไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ปกติทั่วไปแต่ก็ห้ามสิ้นเปลืองเด็ดขาด!” เสี่ยวจูอมยิ้มคว้ามีดสั้นมาแล้วเดินพุ่งไปหามนุษย์โคลนนิ่ง

“นาย…นายจะทำอะไร? เลือดของฉันไม่มีประโยชน์หรอก…ฉันไม่ใช่หนิงเฉินเซวียนนะ…” มนุษย์ฉบับก๊อบปี้ตะโกนร้องเสียงดัง

“ทำให้มันหุบปากที!” เสี่ยวจูมุ่นคิ้ว หนวกหูซะจริง น่ารำคาญ!

เน่าเน่าถีบไปที่คางของมนุษย์โคลนนิ่งทีหนึ่งจนปริเสียงออกมาไม่ได้อีก

เสี่ยวจูคลายปมคิ้วอย่างพอใจ จากนั้นก็กรีดข้อมือของมนุษย์โคลนนิ่งจนเลือดไหลรินหยดเข้าไปในหลุมนั้น

“พอเลือดไหลช้าลงก็ใช้กำลังภายในเค้นเอาเลือดที่เหลือออกมาให้ได้ ห้ามสิ้นเปลืองเด็ดขาด!” เสี่ยวจูเอ่ยกับเน่าเน่าเสียงเย็นชา

มนุษย์โคลนนิ่งสีหน้าซีดขาวพร้อมดิ้นพล่านสุดแรง

เขาคือเทพผู้สูงส่งในใต้หล้า เขายังไม่ได้รวมโลกเป็นปึกเดียวกันเลย…เขาจะตายได้อย่างไร?

อีกทั้งเสี่ยวจูยังเอาเลือดมาจากเสี่ยวเป่าด้วย เขาหยิบขวดแก้วใสขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วรินน้ำใสไร้สีลงไปผสมกับเลือดของเสี่ยวเป่า หลังจากถูกเขาจัดการพอสมควรแล้ว เขาถึงเอาของเหลวที่ผสมกันเสร็จเทเข้าไปในหลุมนั้น

ของเหลวเหล่านี้ผสมกับเลือดของมนุษย์โคลนนิ่งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นของเหลวเหนียวหนืดราวขี้มูกก็เริ่มเดือดปุด ๆราวกับน้ำเดือด อีกอย่างทุกระลอกการเดือดของเหลวเหนียวหนืดนั้นจะลดลงราวกับถูกของเหลวพวกนั้นเขมือบกลืนกินเข้าไป

มือถือของเสี่ยวจูดังขึ้นซึ่งเป็นเหยียนหมิงซุ่นโทรมา “ทนได้อีกนานแค่ไหน?”

………………………………………………

ตอนที่ 3032 ถอนพิษได้สำเร็จ

เสี่ยวจูเหลือบมองหลุมแล้วมองมนุษย์โคลนนิ่งที่หายใจโรยรินแวบหนึ่ง ความเร็วของเลือดค่อย ๆช้าลงโดยเน่าเน่าได้ใช้กำลังภายในไปแล้ว เขาคำนวณในใจแล้วเอ่ย “ราว ๆ 32 ชั่วโมง 35 นาทีครับ!”

หากเลยเวลานี้ไปน้ำทั่วทั้งสายแห่งนี้จะต้องพุ่งขึ้นสูงจนทำให้การถอนพิษกลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากแน่นอน!

“จะถึงภายใน 15 ชั่วโมงนี้แหละ” เหยียนหมิงซุ่นพรูลมหายใจ ดีที่ยังทันเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องหาพลาสมากรุ๊ปเลือด O มามากหน่อย ตอนนี้เขาคงออกเดินทางได้แล้ว

เสี่ยวจูยังไม่ทันวางสายสัญญาณก็หายไปแล้ว

“พ่อบอกว่าจะมาถึงภายใน 15 ชั่วโมง”  เสี่ยวจูบอกทุกคน

“เย้…ขอให้พ่ออายุยืนยาว!” เน่าเน่าร้องเฮเสียงดังอย่างดีใจ

มนุษย์โคลนนิ่งหมดลมหายใจแล้ว ร่างกายแปรเป็นสีขาวเทาเพราะถูกสูบเลือดจนหมดตัว

ของเหลวสกปรกเหนียวหนืดที่อยู่ในหลุมลดลงไปมากแต่ก็ยังเหลือเยอะพอสมควร ทุกคนเบาใจลงมากและเฝ้ารอการมาถึงของเหยียนหมิงซุ่น

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ค่ำคืนนี้เหมือนช่างยาวนานกว่าทุกที ทุกคนต่างไม่มีความง่วงเลยสักนิดเพราะรอเวลาให้ฟ้าสว่าง

ท้องฟ้าอันมืดมิดก็ค่อย ๆมีแสงอรุณโผล่พ้นออกมาจาง ๆ หลงเฟิงนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เขานิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างดีใจว่า “มีเครื่องบินขับมาทางพวกเรา น่าจะอีกสักครึ่งชั่วโมงคงมาถึงแล้วล่ะ”

ทุกคนได้สติจากอาการง่วงเหงาหาวนอนทันที

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเหนือฟ้าก็มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น สือเอ้อร์เอ่ยอย่างดีใจ “เสียงเครื่องบินพ่อฉันเอง ฉันรู้อยู่แล้วว่าพ่อต้องมาหาฉัน!”

คนขับเครื่องบินคือเหยียนหมิงซุ่นแต่เครื่องบินลำนี้ลี่จิ่วเป็นคนออกแบบเองซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมาก เครื่องบินรุ่นนี้มองสถานการณ์บนพื้นดินได้อย่างละเอียดและยังหาจุดที่ดีที่สุดลงจอดได้ด้วย

เหยียนหมิงซุ่นหาจุดลงจอดจุดหนึ่งบนหุบเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลพวกเสี่ยวจูนัก พวกเฮ่อเหลียนเช่อลงจากเครื่องบิน ครั้นเห็นหุบเขาอันเวิ้งว้างแห่งนี้ก็ตกใจไม่น้อย ส่วนลี่จิ่วแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าต้องมีไวรัสบางอย่างแน่นอน

“พ่อคะ…แม่คะ…” สือเอ้อร์ร้องเสียงแหลมวิ่งพุ่งเข้ามา คุณนายลี่กระชากคอเสื้อเธอเข้ามาหา “ถ้าวันหลังยังเถลไถลอีก ฉันจะจับแกไปขังที่ถ้ำหมื่นพิษสักเดือนหนึ่งเลย!”

สือเอ้อร์อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ ถ้ำหมื่นพิษเป็นแหล่งที่คุณแม่ของเธอสะสมแมลงพิษทุกรูปแบบไว้ มีทั้งงูพิษ ตะขาบ แมงป่องเบียดกันแน่นขนัด…แค่มองแวบเดียวศีรษะก็ชาวาบไปหมดแล้ว

ถ้าให้เธออยู่เป็นเดือน สู้เธอยอมแต่งงานกับเสี่ยวจูจอมขี้เกียจนี่ดีกว่า!

เฮ่อเหลียนเช่อวิ่งเข้าไปพร้อมสำรวจร่างกายเสี่ยวเป่า ครั้นเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรถึงได้วางใจ ทว่าพอเห็นศพมนุษย์โคลนนิ่งบนพื้นเฮ่อเหลียนเช่อก็ใจเต้นมาถึงคอหอย “ทำไมปู่ลูกถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“เขาไม่ใช่ปู่…” เสี่ยวเป่าเล่าเรื่องก๊อบปี้ยีนของหนิงเฉินเซวียนให้ฟังทั้งหมด เฮ่อเหลียนเช่อหน้าเขียวปั๊ดด้วยความโกรธ เขาอยากไปขุดศพหนิงเฉินเซวียนขึ้นมาแล้วฟาดแส้ใส่เหลือเกิน!

วัน ๆเอาแต่คิดจะเป็นฮ่องเต้จนทำเอาเสี่ยวเป่าเกือบตาย โชคดีที่ตายไปตั้งนานแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นขนพลาสมากองโตมา เสี่ยวจูให้พวกเขาเทพลาสมาเลือดลงในหลุม และก็เหมือนก่อนหน้านี้เขาเจาะเอาเลือดของเสี่ยวเป่ามาเป็นตัวตั้งต้นแล้วเติมสิ่งอื่นลงไป จากนั้นก็โยนลงไปเหมือนเดิม

พอใช้พลาสมาเลือดไปได้เกินครึ่ง ของเหลวเหนียวหนืดพวกนั้นถึงหายไปราวกับแปรสภาพเป็นอากาศ ในหลุมนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด

“งั้นไวรัสก้นแม่น้ำจะทำไงต่อดีล่ะ? อีกแค่สิบกว่าชั่วโมงน้ำก็จะสูงขึ้นแล้วนะ” เสี่ยวเป่าเอ่ยถาม

เสี่ยวจูเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร มาหยุดไวรัสไม่ให้กลายพันธุ์ก่อนดีกว่า”

เขาคิดหาวิธีหยุดการกลายพันธุ์ของไวรัสได้แล้ว แม่น้ำใต้บาดาลเชื่อมต่อกับแม่น้ำหลายสายคงขจัดไวรัสจนหมดไม่ได้ ฉะนั้นคงทำได้แค่หาวิธีจัดการคนเอาดีกว่า

รอจัดการทางนี้เรียบร้อยเขาค่อยศึกษาวิจัยวัคซีนต้านไวรัสขึ้นมา หลังจากฉีดยาเข้าไปก็จะดื่มน้ำที่มีเชื้อเหล่านี้ได้โดยไม่เป็นไร อีกอย่างพอไวรัสเจริญเติบโตไม่ได้ ความเร็วในการขยายพันธุ์ของเชื้อก็จะช้าลงจนหายไปในที่สุด

………………………

ตอนที่ 3029 เดาถูกแล้ว

มนุษย์โคลนนิ่งยิ้มแปลก ๆ ใบหน้าครึ่งซีกบวมเป่งแต่เขาเหมือนไม่รู้สึกอะไร ความบ้าคลั่งประกายวาบในแววตา

เสี่ยวจูพูดแทรก “เลือดของเขาใช้ไม่ได้ผล!”

“ทำไมล่ะ? เขาโคลนนิ่งมาไม่ใช่เหรอ?”

“เขาไม่ได้ก็อบปี้ดีเอ็นเอของหนิงเฉินเซวียนมาทั้งหมด เมื่อกี้ฉันเพิ่งวินิจฉัยเลือดของเขาพบว่าดีเอ็นดีของเขามีจุดบกพร่องอย่างเห็นได้ชัด พูดง่าย ๆก็คือหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ ดีเอ็นเอของเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตของมนุษย์เลย” เสี่ยวจูอธิบาย

“แล้วเขาเป็นอะไร?” ทุกคนนิ่ง ทั้งที่ดูเหมือนมนุษย์แต่ทำไมไม่ใช่มนุษย์ล่ะ?

เสี่ยวจูยักไหล่ “พูดยาก น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่อยู่ระหว่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกับมนุษย์ละมั้ง ไว้ค่อยอธิบายวันหลัง ตอนนี้คงอธิบายให้รู้เรื่องยาก”

“แล้วที่มันพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?​ต้องเป็นเลือดของหนิงเฉินเซวียนถึงจะถอนพิษได้ใช่ไหม?” เสี่ยวเป่าถามด้วยสีหน้าร้อนใจ

ถ้ามีวิธีนี้เพียงวิธีเดียวละก็ หรือว่าพวกเขาต้องปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้าโดยทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือ?

“ตามหลักการคงเป็นแบบนั้น เมื่อกี้ฉันลองวินิจฉัยดูแล้วจุลินทรีย์ในน้ำเกิดการแตกตัวไวจนน่าตกใจ ต่อให้ใช้ความร้อนอุณหภูมิสูงก็ฆ่าพวกมันไม่ได้ มันแข็งแกร่งมาก” เสี่ยวจูบอก

“ไม่มีวิธีฆ่าพวกมันสักนิดเลยเหรอ?”

“มีสิ ก็เซรุ่มเลือดของหนิงเฉินเซวียนไง มันเป็นคู่ปรับของเจ้าเชื้อไวรัสล่ะ”

เล่อเล่อถลึงตาใส่เสี่ยวจูแวบหนึ่ง “นายพูดหรือไม่พูดก็ไม่ได้ต่างกันเลย หนิงเฉินเซวียนสลายเป็นขี้เถ้าไปแล้วจะเอาเซรุ่มเลือดมาจากไหน? นายรีบหาวิธีอื่นสิ!”

เธอมั่นใจในตัวเสี่ยวจูว่าจะต้องหาวิธีอื่นได้แน่ ๆ!

มนุษย์โคลนนิ่งหัวเราะอย่างได้ใจ “ไม่มีวิธีอื่นแล้ว พวกแกอย่าคิดให้เปลืองสมองเลย!”

เสี่ยวจูปรายตามองเขาอย่างเย็นชาวูบหนึ่ง “ก็ใช่ว่าจะไม่มีซะทีเดียว”

เขามองเสี่ยวเป่า “ขอเก็บเลือดหน่อย!”

เสี่ยวเป่ายื่นแขนออกมาอย่างไม่ลังเล เสี่ยวจูสูบเอาเลือดไปครึ่งกระบอกแล้วเริ่มแยกเซรุ่มเลือดออกมา เขาต้องพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนั่น ถ้าเป็นจริงการถอนพิษก็ไม่ใช่ปัญหา

ถ้าเขาเดาผิดงั้นเขาคงหมดหาทางแล้วจริง ๆ แต่ไม่ต้องกังวลอะไร คนในครอบครัวเขายังหาวิธีปกป้องได้ อื้ม…หรือต่อให้หาภรรยาหรือรอมีลูกเขยเพิ่มมาอีกสักคนก็ไม่มีปัญหา

“เขาเป็นแค่หลานของหนิงเฉินเซวียน ห่างกันตั้งสองรุ่น เลือดของเขาไม่ได้ผลหรอก!” มนุษย์โคลนนิ่งพูดเย้ยหยัน

“หุบปาก!”

เล่อเล่อตบหน้าไปอีกฉาดใหญ่จนแก้มบวมทั้งสองข้าง

เซรุ่มเลือดที่เสี่ยวจูทำการแยกออกมา เขาค่อย ๆหยดมันลงในน้ำทีละนิด แล้วเริ่มสังเกตการณ์ด้วยใบหน้าจดจ่อ ทุกคนก็เผลอกลั้นหายใจไปตาม ๆกันเพราะกลัวจะขัดระบบความคิดของเสี่ยวจู

เวลาผ่านพ้นไปนาทีแล้วนาทีเล่า บรรยากาศเงียบฉี่มีเพียงเสียงของสายน้ำที่ระดับพื้นผิวน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆจนมันล้นทะลักหลุมไปหลายหลุมแล้ว

และในที่สุด–

“ถูกต้องแล้ว…” สีหน้าเซอร์ไพรส์ของเสี่ยวจูส่งผลทำให้ทุกคนพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่เล่อเล่อยังกังวลไม่หาย “น้ำเยอะขนาดนี้ ต่อให้สูบเอาเลือดทั้งตัวพี่เสี่ยวเป่ามาใช้ก็ไม่พอหรอก!”

ถ้าการถอนพิษต้องแลกด้วยชีวิตของพี่เสี่ยวเป่า เล่อเล่อก็อยากเห็นแก่ตัวสักครั้ง เธอไม่อยากสูญเสียพี่เสี่ยวเป่าไป ต่อให้ต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกันคนทั้งโลกก็ตาม!

“ไม่ต้องเอาเลือดมาทั้งตัวหรอก ขอแค่มีตัวอย่างเซรุ่มเลือดของพี่เสี่ยวเป่าฉันก็ก็อบปี้มันได้!” เสี่ยวจูยิ้มอย่างมั่นใจ

อาร์คีมีดีสเคยกล่าวไว้ว่าขอแค่มีแกนหลักแก่เขาเพียงหนึ่งจุด เขาก็สามารถแบกโลกทั้งใบได้แล้ว

เขากลับตรงกันข้าม ขอเพียงมีหนึ่งตัวอย่างแก่เขา เขาก็สามารถฟื้นฟูโลกทั้งใบได้

“แต่อุปกรณ์มีไม่ครบ ฉันติดต่อพ่อก่อน ให้เขาส่งกำลังหนุนมา!”

เสี่ยวจูล้วงโทรศัพท์ออกมา พอเห็นเน่าเน่ายังคงวุ่นอยู่กับการขุดหลุมก็หยิบระเบิดเชอร์รี่ออกมาเงียบ ๆ “ถอยไป!”

เน่าเน่าถอยไปอีกฝั่ง เสี่ยวจูโยนระเบิดไป ก่อนจะตามด้วยเสียงดังสนั่น จากนั้นหลุมใหญ่ก็ปรากฏบนพื้นดินโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

…………………………….

ตอนที่ 3030 ต้องการพลาสมาเลือดจำนวนมาก

เน่าเน่ายืนมองหลุมลึกตรงหน้าแล้วชะงักไปพักใหญ่ จากนั้นก็ตวาดเสียงใส่เสี่ยวจูอย่างหงุดหงิด “ทำไมไม่รีบโยนแต่แรก?”

ทำเขาเสียแรงตั้งมากจนเหม็นเหงื่อไปทั้งตัวเลย

“ก็มองไม่เห็นนี่!” เสี่ยวจูตอบกลับเสียงเรียบประโยคเดียว เขารู้สึกงงงวยกับอาการเดือดดาลของเน่าเน่าเหลือเกิน

เขาดูสัญญาณโทรศัพท์แวบหนึ่ง มีเพียงน้อยนิดแต่น่าจะโทรติดได้

เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อเดินทางมาถึงภูเขาสือว่านเป็นที่เรียบร้อยและกำลังเดินตามเส้นทางของพวกเสี่ยวเป่าพอดี แถมยังอยู่ตรงเนินเขาที่ฝังศพสายลับคนแรกที่ตายด้วยฤทธิ์ของงูพิษ

“ตรงนี้มีหลุมหนึ่ง แถมยังมีรอยเท้าเต็มไปหมดด้วย” เหยียนหมิงซุ่นสังเกตเห็นหลุมใหญ่สำหรับใช้ฝังศพสายลับผู้นั้น

ศพในหลุมถูกพวกสัตว์ประหลาดขนไปแล้วและกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดเป็นที่เรียบร้อย

เฮ่อเหลียนเช่อย่อตัวดมกลิ่นดินตรงขอบหลุมก็ทำหน้าแปลก ๆ “ทำไมมีกลิ่นเน่าของศพล่ะ? กลิ่นศพเหม็นเหมือนเน่ามาแล้วหลายปีด้วย”

เหยียนหมิงซุ่นก็อยากดมด้วยอีกคน ทว่าโทรศัพท์เขาก็แผดเสียงดังพอดีซึ่งโทรมาจากเสี่ยวจูนั่นเอง

“เสี่ยวจูโทรมาแล้ว เงียบ!”

เหยียนหมิงซุ่นยกมือทำท่าให้เงียบ สีหน้าสดใสยิ้มร่า แบบนี้บ่งบอกว่าตอนนี้เด็ก ๆต้องปลอดภัยแน่นอน

“คุณพ่อ สัญญาณไม่ค่อยดี ผมจะพูดแล้วพ่อฟังนะ…เส้นลองจิจูดที่ 100.3 องศาตะวันออก เส้นละติจูดที่ 25.4 องศาเหนือ แล้วเอาของที่ผมบอกไปมาด้วย…ยิ่งเร็วยิ่งดี…”

เสี่ยวจูพูดอย่างรวดเร็วโดยแจ้งพิกัดทางภูมิศาสตร์ตรงที่เขาอยู่รวมถึงสิ่งของที่เขาต้องการไป นับว่าโชคดีไม่หยอก พอเขาพูดจบก็มีเสียงดังตู๊ด ๆดังแว่วออกมาจากปลายสายสัญญาณขาดหายไปพอดี

เหยียนหมิงซุ่นกดรับสายก็กดลำโพงไปพร้อมกัน รายการที่เสี่ยวจูแจ้งมารวมถึงพิกัดทางภูมิศาสตร์เฮ่อเหลียนเช่อจดไว้หมดแล้ว

“ต้องการพลาสมาเยอะขนาดนี้ แถมยังเป็นพลาสมาของเลือดกรุ๊ป O อีกต่างหาก แย่แล้ว…คงไม่ใช่เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปหรอกนะ เสี่ยวเป่ากรุ๊ปเลือด O…” เฮ่อเหลียนเช่อตกใจยกใหญ่

“นายโง่หรือไง พลาสมาที่เสี่ยวจูต้องการได้เลือดสามเท่าของลูกชายนายแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆต้องใช้พลาสมาเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลี่จิ่วมองเหยียดใส่เขา

คนสมองหมู รู้จักแต่ใช้กำลัง

เฮ่อเหลียนเช่อพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอก เขาคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับท่าทีของหมอนี่แล้ว ขอแค่ลูกชายไม่เป็นไรก็พอ

“ไปขนเลือดจากคลังของมณฑลอวิ๋นที่อยู่ใกล้ที่สุดมา ถ้าไม่พอก็ประกาศขอรับบริจาคจากชาวบ้าน!” เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจฉับไวหันหลังเดินกลับทางเดิม

ทางฝั่งเสี่ยวจูต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวจูคงไม่โทรมาขอความช่วยเหลือหรอก

จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจูขอความช่วยเหลือจากเขาเลยนะ!

“ฉันโทรหาคลังเลือดก่อนจะได้ให้เขารีบเตรียมการ!” ลี่จิ่วเองก็พอจะคาดการณ์ถึงความรุนแรงของปัญหาได้ แต่เขากลับคิดหาสาเหตุไม่เจอ ถ้าไม่ได้บาดเจ็บแล้วต้องเป็นเพราะสาเหตุอะไรถึงจะใช้พลาสมามากมายขนาดนี้?

หรือว่าเพื่อแยกเอาเซรุ่มเลือดงั้นหรือ?

มีคนโดนวางยาพิษหรือเปล่านะ?

ลี่จิ่วปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเขาเองก็นึกถึงเรื่องเชื้อไวรัสขึ้นได้ คนบ้าอย่างหนิงเฉินเซวียนมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างเชื้อไวรัสชนิดใหม่ออกมาเพื่อทำลายโลกใบนี้!

“โทรหาเสี่ยวจู ฉันมีเรื่องจะถามเขา!”

“ไม่มีสัญญาณแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นโทรติดกันหลายสายก็โทรไม่ติดจึงต้องยอมแพ้แต่โดยดี

เสี่ยวจูวางสายไปก็มองพื้นผิวน้ำที่กำลังสูงขึ้นอย่างใจเย็นพลางกล่าว “พ่อน่าจะต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันกว่าจะมาถึง พวกเราต้องหาทางแยกน้ำที่เป็นมลพิษพวกนี้ออกมาก่อน”

น้ำมาจากชั้นใต้ดิน ถ้าไม่แยกน้ำก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้มีพลาสมาเลือดมากแค่ไหนก็ไม่พอใช้

เสี่ยวจูหยิบเอาระเบิดเชอร์รี่อีกหนึ่งลูกมาโยน พอเกิดเสียงดังกระหึ่มก็เกิดหลุมลึกอีกหนึ่งหลุม กลางหุบเขามีแต่หลุมมีแต่บ่อ ถ้าให้หมอนี่ระเบิดต่อไปเรื่อย ๆเกรงว่าคงไม่เหลือแม้แต่พื้นดินให้ยืน

เสี่ยวเป่าเข้าใจความหมายของเสี่ยวจูเลยรีบไปขุดร่องน้ำขยายความกว้างในทันที น้ำในบ่อเล็กทยอยไหลเข้าหลุมลึก ส่วนน้ำตรงนั้นก็เริ่มลดลงช้า ๆ สุดท้ายก็เห็นเพียงเศษก้อนหินเกลื่อนอยู่ใต้ก้นบ่อ

…………………

ตอนที่ 3027 แหล่งต้นน้ำเกิดมลพิษทางน้ำ

มุมปากของเสี่ยวจูกระตุก เจ้าโง่เป็นตัวนำโชคตามคาดจริง ๆ บนโลกนี้มีมนุษย์ตั้งมากมายแต่ดันทำให้เขามาเจอคู่อริเอาเสียได้ถึงเป็นเหตุช่วยกระตุ้นชั้นสมองของเจนนิเฟอร์ให้เธอฟื้นคืนชีพได้ชั่วคราว

“หัวหน้าของพวกเธอไปไหนแล้ว? ขอแค่เธอพาเราไปฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นคนปกติ!” เสี่ยวจูกล่าว

เจนนิเฟอร์ตาลุกวาวแล้วพยักหน้าแรง ๆ ขอแค่ได้กลับไปเป็นคนปกติเธอยอมแลกทุกอย่าง

เธอเดินไปตรงหน้าภาพวาดรูปหนึ่งแล้วฉีกทึ้งภาพวาดทีเดียว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผลงานของนักวาดผู้โด่งดังในสมัยราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ทว่าตอนนี้กลับถูกเธอฉีกทึ้งขาดเป็นชิ้น ๆทำเอาเน่าเน่าใจสลาย

สมองของเจนนิเฟอร์ไม่ได้กลับสู่สภาวะปกติเต็มร้อยจึงมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างงก ๆเงิ่น ๆอยู่บ้าง เธอครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะนึกได้ว่าปุ่มควบคุมอยู่หลังภาพวาด แต่เธอกลับนึกไม่ออกว่าต้องเปิดปิดสวิตช์เช่นไร

เสี่ยวจูเดินไปศึกษาอยู่ครู่หนึ่งก็เปิดออกได้อย่างรวดเร็ว เสียงกำแพงหินเคลื่อนไหวดังครืนสนั่นหวั่นไหว จากนั้นก็เผยให้เห็นภาพที่แท้จริงด้านใน

ยังคงเป็นถ้ำเหมือนเดิมแต่ขนาดแคบลงไปหน่อย มีเตียงมีโทรทัศน์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนของมนุษย์โคลนนิ่งผู้นั้นซึ่งตกแต่งดูสะดวกสบายอย่างมาก

เพียงแต่ในห้องนอนนี้ไม่มีเจ้าหมอนั่นอยู่

“ที่นั่นยังมีอีกหนึ่งทางออก แย่แล้ว…เขากำลังเร่งกลายพันธุ์เชื้อไวรัสแน่ ๆ รีบไปห้ามเขาเร็ว!” เสี่ยวจูสีหน้าเปลี่ยนไป

ทุกคนใจกระตุกวูบ ทางออกอยู่ด้านหลังโทรทัศน์ พอเปิดออกกลับมีเสียงสายน้ำแว่วมาพร้อมอากาศที่แสนจะอับชื้นและกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างมาก

“นี่คือร่องน้ำชั้นใต้ดินที่เราผ่านก่อนหน้านี้ และน่าจะเป็นแหล่งต้นน้ำ” เสี่ยวจูบอก

ทุกคนทำหน้าเคร่งเครียดพลางมุดเข้าไปในถ้ำอย่างไม่ลังเล สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือข้างในนี้ไม่ใช่ร่องน้ำในที่มืดทั้งหมด มีครึ่งส่วนที่เลยออกไปข้างนอกพอจะเห็นแสงสว่างอยู่รำไร

“ไปทางนั้นกัน!”

พวกเขานั่งแพยางพายไปถึงจุดสว่างอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่านั่นจะเป็นหุบเขาเล็ก ๆที่เงียบสงัด ไม่มีสิ่งมีชีวิต วัชพืชดอกไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉา ทุกอย่างที่สะท้อนในสายตาไร้ชีวิตชีวาและเงียบสงบ

“เขาอยู่นั่น!” เล่อเล่อชี้ไปตรงหน้าแล้วเอ่ย

หนิงเฉินเซวียนฉบับโคลนนิ่งอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก ที่นั่นเป็นธารน้ำสายเล็ก ๆที่ไหลมารวมกับร่องน้ำชั้นใต้ดินไม่ขาดสาย น่าจะเป็นแหล่งต้นน้ำที่เสี่ยวจูเอ่ยถึง แต่มนุษย์โคลนนิ่งนั่นกลับกำลังเทบางอย่างลงในน้ำ

“รีบขัดขวางเขาเร็ว!” เสี่ยวจูตะโกนเสียงดัง

ทุกคนพุ่งเข้าไป พอมนุษย์โคลนนิ่งเห็นพวกเขาก็สะดุ้งเฮือกทีหนึ่ง ยังไม่ทันวิ่งหนีก็ถูกจับกุมตัวได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับไม่มีท่าทีลนลานเลยสักนิด

“พวกแกหนีไม่พ้นหรอก ฉันเป็นกษัตริย์ผู้สูงศักดิ์ พวกแกล้วนเป็นบ่าวไพร่ของฉัน!” มนุษย์โคลนนิ่งพูดเสียงดังพลางทำหน้าโอหัง

“สูงศักดิ์บ้าบออะไรของแก วัน ๆเอาแต่ฝันกลางวัน ฉันจะฆ่าแก่!” เน่าเน่ายกขาถีบไปทีหนึ่ง

“บังอาจ ทหาร…มาลากคอเจ้าไพร่ทรพีนี่ไปตัดคอซะ!” มนุษย์โคลนนิ่งคำรามออกคำสั่ง

ทุกคนชะงักงัน พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังแสดงละครโบราณอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยคงหัวเราะจนท้องแข็งไปแล้ว

“มนุษย์โคลนนิ่งก็อบปี้ระบบความคิดมาด้วยไม่ได้ ความคิดของเจ้าหมอนี่น่าจะเพิ่งได้รับข้อมูลภายหลัง หนิงเฉินเซวียนฝันอยากเป็นจักรพรรดิถึงได้ถ่ายทอดความคิดเหลวไหลแบบนี้ให้เขา แต่หนิงเฉินเซวียนกลับคิดไม่ถึงว่ามนุษย์โคลนนิ่งจะโง่ได้ขนาดนี้” เสี่ยวจูกล่าว

“นี่หรือที่เรียกว่าแผนทุ่มสุดตัว” เล่อเล่อเย้ยหยัน

“รีบหาวิธีถอนพิษเถอะ เมื่อกี้เจ้าบ้านี่เทอะไรก็ไม่รู้ลงไปในน้ำ” เสี่ยวเป่ากำลังคิดหาวิธีกักน้ำไว้แต่คิดว่าคงกักได้ไม่นานเท่าไร

“อย่างมากคงอยู่ได้หนึ่งชั่วโมง น้ำก็จะไหลกระจายตัวไปทั่วแล้ว”

“ฉันขอวิเคราะห์ก่อน” เสี่ยวจูตักน้ำขึ้นมาหนึ่งแก้ว

…………………………….

ตอนที่ 3028 หมดหนทางแก้

เสี่ยวจูหยดน้ำลงบนเลนส์และเก็บเลือดของมนุษย์โคลนนิ่งมาด้วยก่อนจะใช้กล้องจุลทรรศน์ความคมชัดสูงตรวจสอบดู

“น้ำกระจายตัวเร็วกว่าเดิมแล้ว เกรงว่าคงอยู่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง” เสี่ยวเป่าเห็นระดับพื้นผิวน้ำที่กำลังค่อย ๆสูงขึ้นก็ร้อนรุ่มในอกดั่งไฟเผา

ไม่นานเขาก็หาวิธีได้ “รีบขุดหลุมข้าง ๆเร็ว เปิดทางให้น้ำไหลลงหลุมจะได้ช่วยถ่วงเวลาได้”

“ฉันขุดเอง!”

เน่าเน่ากับคนอื่น ๆหยิบอุปกรณ์มาช่วยกันขุดหลุม คนมากพลังก็มากและไม่นานก็มีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นไม่น้อย แถมหลุมยังอยู่ในระหว่างขุดให้ลึกกว่าเดิม จากนั้นค่อยขุดร่องน้ำ เมื่อน้ำไหลลงหลุมระดับพื้นผิวน้ำก็จะลดลง ทุกคนเห็นดังนั้นก็โล่งอกไปเฮือกหนึ่ง

“ไม่พอก็ขุดอีก ถ่วงเวลาได้ยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งดี!” เล่อเล่อปาดเหงื่อออกคำสั่ง

มนุษย์โคลนนิ่งมองเหยียดพวกเขาพลางทำหน้าอวดเก่ง “ถ่วงนานแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ เชื้อไวรัสพวกนี้ไม่มีวิธีรักษามันให้หายขาดได้ ฉันต้องได้ครองโลกใบนี้แล้วสร้างราชวงศ์หนิงของฉันขึ้นมา!”

“สร้างบ้าสร้างพออะไร ฉันจะฆ่าแก แกไปสร้างเอาในนรกเถอะ!”

เน่าเน่าโกรธจนฟับดาบลงตรงส่วนลำคอของมนุษย์โคลนนิ่ง ขอเพียงกดปลายดาบลงเจ้าหมอนี่ก็จะคอขาดสิ้นชีพทันที

“แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก!” มนุษย์โคลนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความกลัว

แม้เขาไม่ได้ชาญฉลาดปราดเปรื่องเท่าหนิงเฉินเซวียนแต่ก็ไม่ได้โง่เขลาอย่างแท้จริง คนพวกนี้ต้องไว้ชีวิตเขาเพื่อเค้นถามวิธีการถอนพิษแน่นอน

หึ…เชื้อไวรัสอันสุดยอดของเขาแข็งแกร่งไม่มีอะไรเทียบเทียมได้ คิดจะถอนพิษ นอกเสียจากหนิงเฉินเซวียนตัวจริงฟื้นคืนชีพจริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็หมดหนทางแก้ไข!

สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้หนีไม่พ้นการรุกรานของเชื้อไวรัสและจะต้องกลายเป็นบ่าวไพร่ของเขา ถึงเมื่อนั้นเขาจะเป็นใหญ่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง!

“อย่ามั่นใจไป!” เสี่ยวเป่ามองเขาอย่างเย็นชา ความเย็นยะเยือกในแววตาทำเอามนุษย์โคลนนิ่งตัวสะท้านเฮือกหลายที

มนุษย์โคลนนิ่งเดือดดาล “ฉันเป็นปู่ของแก แกกล้าขัดขืนคำสั่งอกตัญญูต่อฉันเหรอ?”

เสี่ยวเป่าแค่นหัวเราะ “คุณไม่นับว่าเป็นมนุษย์ปกติด้วยซ้ำ ยังคิดจะเป็นปู่ของฉันอีกเหรอ? อีกอย่างต่อให้เป็นหนิงเฉินเซวียนตัวจริง เขาทำสิ่งเลวร้ายไม่น่าให้อภัยลงไปขนาดนี้ ฉันก็ฆ่าเขาอยู่ดี!”

คนที่เขาให้ความสนใจมีเพียงไม่กี่คน หนิงเฉินเซวียนไม่เคยเป็นหนึ่งในนั้น

เพื่อคนที่เขาให้ความสำคัญ เขาสามารถฆ่าใครก็ได้รวมถึงคุณปู่อย่างหนิงเฉินเซวียนผู้นี้ด้วย!

มนุษย์โคลนนิ่งเห็นแววตาอาฆาตของเสี่ยวเป่าที่เห็นชัดว่าไม่ได้ล้อเล่นก็นึกลนลานใจขึ้นมา เขาเพิ่งพบว่าที่แท้เสี่ยวเป่าต่างหากที่เป็นคนที่โหดเหี้ยมเย็นชาที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้ ไม่แน่อาจจะฆ่าเขาจริง ๆก็ได้!

เสี่ยวเป่าเห็นความหวาดกลัวของมนุษย์โคลนนิ่งก็แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม โบกมือเบา ๆพลันก็ปรากฏมีดผ่าตัดอันแหลมคมอยู่ตรงระหว่างนิ้วเล่มหนึ่ง ใบมีดบางเฉียบประกายแสงเย็นยะเยือกเรียกให้มนุษย์โคลนนิ่งใจสะท้านยิ่งกว่าเดิม

“แกจะฆ่าฉันไม่ได้…ไม่ได้!” มนุษย์โคลนนิ่งมองมีดผ่าตัดที่เลื่อนมาใกล้เส้นเอ็นคอของเขามากขึ้นเรื่อย ๆอย่างหวาดผวา ใบหน้าซีดขาวลงทีละนิด

“ทำไมจะไม่ได้? คุณอยากให้ฉันเริ่มกรีดตรงไหนก่อนดี? ตรงคอหรือหัวใจ? หรือว่าสมองดีล่ะ?” เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงแผ่ว ทาบมีดลงตรงลำตัวมนุษย์โคลนนิ่งก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัวแก่เขามากขึ้นเท่าตัว เมื่อสติกระเจิงก็ไร้ซึ่งมาดจองหองราวกับไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ในก่อนหน้านี้อีก

“อย่าฆ่าฉัน ฉันจะบอกวิธีถอนพิษให้พวกแกเอง!” มนุษย์โคลนนิ่งขอร้อง แต่แววตาของเขาวูบไหวอย่างได้ใจซึ่งไม่ได้หลุดรอดสายตาของเสี่ยวเป่าไปได้เลย

เสี่ยวเป่าเริ่มสังหรณ์ใจ มนุษย์เทียมคนนี้เหิมเกริมย่ามใจไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด หรือว่าหมดทางถอนพิษได้จริง ๆอย่างนั้นหรือ?

“ถอนพิษยังไง?” เสี่ยวเป่ายังคงถามไปอยู่ดี

มนุษย์โคลนนิ่งยิ้มอย่างลึกลับเอ่ยเสียงแหบพร่าว่า “ยาถอนพิษคือเซรุ่มเลือดของหนิงเฉินเซวียน แต่เขาตัวสลายกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว!”

เล่อเล่อโมโหจนฟาดใส่เขาไปทีหนึ่ง “งั้นก็ใช้เลือดของแกแล้วกัน!”

มนุษย์โคลนนิ่งนี่มีดีเอ็นเอของหนิงเฉินเซวียน ถ้าอย่างนั้นเลือดก็คงใช้ได้เหมือนกันสินะ!

……………

ตอนที่ 3025 ฟันแทงไม่เข้า

“เกิดอะไรขึ้น? พี่เสี่ยวเป่าล่ะ? เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” เล่อเล่อฟื้นขึ้นมาไม่เจอเสี่ยวเป่าก็เป็นกังวลใจอย่างมาก

“ฉันอยู่ข้างในนี้ ไม่เป็นอะไร!” เสียงเสี่ยวเป่าดังแว่วออกมา

ทุกคนสำรวจร่างกายตัวเองก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร เพียงแต่ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง สือเอ้อร์หยิบเอาสเปรย์น้ำแร่ที่เธอคิดค้นเองออกมา เมื่อพ่นใบหน้าแล้วก็รู้สึกสดชื่นในพริบตา

“ทำไมที่นี่เหมือนตำหนักเลย โอ้โห…ของพวกนี้เป็นของจริงหรือของปลอมกันเนี่ย? ถ้าเป็นของจริงก็รวยเละเลย!”

เน่าเน่าเห็นของเก่าที่กองอยู่บนพื้นก็ตาตั้งทันที

ช่วงนี้เขากำลังขาดเงินพอดี ต่อให้ของพวกนี้เป็นของลอกเลียนแบบก็น่าจะขายได้เงินไม่น้อย ไว้เดี๋ยวแอบเอาไปซ่อนไว้หน่อยดีกว่า เวลาขาดแคลนเงินใช้ก็ขายไปสักชิ้น!

“ของจริง เป็นของจริงทั้งหมด ของที่โชว์ในพิพิธภัณฑ์เป็นของปลอม” เสี่ยวจูตอบ

เน่าเน่าแววตาเป็นประกาย คนที่มองตาวาวยังมีสือเอ้อร์อีกคน ทั้งคู่แลกสายตากันอย่างรู้ใจ

“ผู้หญิงพวกนี้คือใคร?” เล่อเล่อสังเกตเห็นหญิงสาวหลายคนที่มีแววตาแข็งทื่อ

เสี่ยวจูชิงพูดขึ้นก่อน “เป็นพระชายาที่หนิงเฉินเซวียนเตรียมไว้ให้พี่เสี่ยวเป่า บอกว่าอยากได้เท่าไรก็มีเท่านั้น”

เสี่ยวเป่าถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งอย่างไม่พอใจแล้วรีบอธิบายว่า “อย่าไปฟังเสี่ยวจูพูดเหลวไหล คนพวกนี้ก็เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงไม่เน่า”

เล่อเล่อกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อแต่ในใจก็เกิดอาการหึงหวงขึ้นมา พอตวัดตามองหญิงสาวเหล่านี้ก็พบว่าพวกเธอล้วนเป็นหญิงสาวอกใหญ่เอวบางสะโพกผายสุดแสนจะเย้ายวนทั้งสิ้น ความหึงหวงก็ยิ่งรุนแรงเป็นทวีคูณเลยเอ่ยเสียงแค้นใจว่า “ในเมื่อเป็นสัตว์ประหลาดงั้นก็ฆ่าซะ!”

เพียงแต่–

เล่อเล่อฟันดาบลงตัวหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ทั้งที่ฟันเข้าเนื้อแท้ ๆ ทว่าพอดึงดาบออกมาแผลกลับสมานกันอย่างรวดเร็ว ผิวพรรณเปล่งปลั่งดังเดิมไม่เห็นแม้แต่รอยเลือด

“ทำไมถึงฟันแทงไม่เข้าแบบนี้ล่ะ?” เน่าเน่าแหวเสียงดัง

เล่อเล่ออารมณ์ขุ่นเคืองแล้วฟันลงไปอีกหน แต่ไม่รอให้ปลายดาบจรดลงพลันก็มีเสียงคุ้นเคยดังแว่วมาซึ่งเป็นเสียงของผู้บงการนั่นเอง บรรดาหญิงสาวที่เดิมทีมีแววตาว่างเปล่าประกายแสงสีเขียวออกมา แล้วทำการโจมตีเล่อเล่อด้วยความไวปานสายฟ้าและเร็วกว่าสัตว์ประหลาดก่อนหน้านี้มากโข

“ให้ตาย…บังคับทางไกลได้ด้วยเหรอ…” เน่าเน่าด่าไปก็ปล่อยมีดกงจักรไปด้วย

ทุกคนตะลุมบอนกันเป็นกลุ่มก้อน หญิงสาวพวกนี้เก่งกาจกว่าสัตว์ประหลาดในร่างศพเหม็นเน่าก่อนหน้านี้เยอะ ฟันแทงไม่เข้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีพลังและความว่องไวที่น่าตกใจ โชคดีที่จุดบอดของพวกเธอยังคงเป็นส่วนหัวเช่นเดิม

ทุ่มแรงไปไม่น้อยก็เอาชนะสัตว์ประหลาดสาวกลุ่มนี้ได้ สุดท้ายเหลือเพียงหญิงสาวผมทองตาฟ้าที่ยังคงฟัดกับปิแอร์ไม่ลดละ เน่าเน่าเตรียมไปช่วย เจสันที่หลบอยู่หลังปิแอร์ก็ร้องขึ้นมากะทันหัน “เจนนิเฟอร์…”

หญิงผมทองตาฟ้าชะงักไปกึกหนึ่ง แววตาดูล่องลอยวูบหนึ่งแต่ไม่นานก็ประกายแสงสีเขียวเช่นเคย ปิแอร์ทำการโจมตีก่อนที่เจสันจะเรียกขึ้นมาอีกหน “เจนนิเฟอร์…เธอมาอยู่นี่ได้อย่างไร? ฉันคือเจสัน…”

เน่าเน่าเหวี่ยงเชือกไปมัดตัวหญิงสาวผมทองตาฟ้าผู้นี้ไว้ เชือกเส้นนี้เสี่ยวจูคิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กก็ดิ้นไม่หลุดตัดไม่ขาด แสงสีเขียวในดวงตาของหญิงสาวเข้มขึ้นเรื่อย ๆและแยกเขี้ยวคำรามใส่พวกเขาไม่หยุด

“นายรู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอ?” เน่าเน่าถาม

เจสันตอบด้วยความตื่นเต้น “ใช่ เป็นคู่หูเก่าของฉัน แต่เราร่วมงานกันได้แค่ปีเดียว จากนั้นเธอก็ไปร่วมงานกับคนอื่นแทน ตอนหลังได้ข่าวว่าตายไปตอนออกภารกิจเมื่อห้าปีก่อน ไม่คิดว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่”

“ความจริงสมองของเธอตายไปแล้ว มีแต่ร่างกายที่ยังหายใจอยู่” เสี่ยวจูอธิบาย

ปิแอร์จับประเด็นสำคัญได้เลยถามเสียงเย็นชาว่า “ทำไมนายไม่เคยพูดถึงเธอให้ฉันฟันมาก่อน? ทำไมเธอถึงไปจากนาย?”

สาเหตุการเปลี่ยนคู่หูมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง ไม่ตายก็พิการ ผู้หญิงคนนี้ไม่ตายและไม่พิการแล้วทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ?

……………………………

ตอนที่ 3026 คิดเข้าข้างตัวเอง

สีหน้าของเจสันดูอึดอัดมากพลางพูดเสียงอ้ำอึ้งว่า “เอ่อ…เธอคุกคามฉันจนสร้างความเดือดร้อนให้กับฉัน ฉันถึงขอเปลี่ยนคู่เอง ปิแอร์ นายต้องเชื่อฉันนะ ฉันรักแค่นายคนเดียว!”

“ฮึ่ม…”

หญิงสาวผมทองตาฟ้าคำรามขึ้นกะทันหัน เธอเปล่งเสียงร้องสั้น ๆไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดตัวอื่น เจนนิเฟอร์มีสีหน้าดูสะเทือนอารมณ์อย่างมาก เธอไม่ได้หน้าตาเรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้าแต่ดูมีกลิ่นอายความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง

“ไม่สิ ดูเหมือนสมองของเธอยังไม่ตายโดยสิ้นเชิง ฉันขอดูหน่อย…”

เสี่ยวจูทำหน้าจริงจังแล้วเก็บเลือดจากตัวเจนนิเฟอร์มาหนึ่งกระบอก จากนั้นก็เริ่มทำการวินิจฉัย

เน่าเน่ากับสือเอ้อร์ไปเก็บของสะสมโดยมีสือเอ้อร์คอยคุ้มกันเขาอยู่ เน่าเน่าเก็บของสะสมที่เข้าตาไว้ในช่องมิติทั้งหมด เขาใช้เวลาไม่นานก็กวาดไปกว่าครึ่งหนึ่ง

“ที่เหลือไว้ตอนจะออกไปค่อยมาเอาแล้วเรามาแบ่งกันคนละครึ่ง!” เน่าเน่าเอ่ยยิ้มร่า

ส่วนทางเจสันกำลังอธิบายความบริสุทธิ์ระหว่างเขากับเจนนิเฟอร์ให้ปิแอร์ฟัง เขาสาบานต่อฟ้าดินว่าตอนเขาอายุสิบสามปีก็มั่นใจในรสนิยมทางเพศของตัวเองแล้วจึงไม่มีความสนใจต่อตัวผู้หญิงเลยสักนิด

“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พวกนายพูดถึงหนิงเฉินเซวียน? เขาไม่ได้ตายไปแล้วเหรอ?” เล่อเล่อเพิ่งมารู้สึกตัวเอาทีหลังก็โพล่งถามขึ้นมาเลยทำเอาคนอื่น ๆก็สะดุ้งตกใจไปตามกัน

เน่าเน่าเล่าเรื่องมนุษย์โคลนนิ่งไป “ถ้าพูดให้ถูกก็คือความจริงเขาไม่ใช่หนิงเฉินเซวียน แต่เป็นแค่ของเทียมเท่านั้น ฉะนั้นหนิงเฉินเซวียนคนนี้ทั้งโง่เขลาทั้งอวดเก่ง นี่เป็นข่าวดีสำหรับเรา”

“บ้าไปแล้ว…นี่มันกลายเป็นคนบ้าไปแล้วจริง ๆ!” ทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกันแต่ก็ต้องยอมในความบ้าบิ่นของหนิงเฉินเซวียนที่ศึกษาวิทยาการการโคลนนิ่งดีเอ็นเอตั้งแต่หลายสิบปีก่อนได้ แถมยังสร้างฐานระเบิดที่สะเทือนไปทั่วหล้าได้อีกด้วย

“โชคดีที่เขาตายไปแล้ว!” เล่อเล่อเอ่ย

และโชคดีที่วิทยาการการโคลนนิ่งยังไม่สมบูรณ์ดีถึงทำให้มนุษย์โคลนนิ่งมีจุดบอด ถ้าเป็นหนิงเฉินเซวียนตัวจริง ไม่แน่พวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปแล้วก็ได้

“ตัวปลอมน่าจะยังอยู่ในถ้ำสินะ เรารีบหาเขาให้เจอกันเถอะ แล้วให้เขาบอกวิธีถอนพิษ” เล่อเล่อกล่าว

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้ว “ฉันหาทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอตัว”

เสี่ยวจูตะโกนขึ้นมา “รอเดี๋ยวให้เจนนิเฟอร์พาเราไปได้ ฉันใกล้จะเสร็จแล้ว”

“สมองของเธอหยุดทำงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“เราโชคดีไม่หยอกเพราะยังเหลือเซลล์สมองบางส่วนที่ยังไม่ตาย ฉันกระตุ้นมันหน่อยก็น่าจะฟื้นคืนชีพได้ชั่วคราว” เสี่ยวจูฉีดยากระตุ้นประสาทส่วนสมองเลยทำให้ร่างหญิงสาวชักไม่หยุดและมีสีหน้าดูเจ็บปวดอย่างมาก

“เธอจะตายไหม?” เจสันถาม

“เธอตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันแค่กระตุ้นให้เธออยู่ในสภาวะสมองทำงานได้ก่อนตายเท่านั้นเอง!” เสี่ยวจูตอบเสียงเรียบ

เจนนิเฟอร์ชักอยู่อีกหลายนาทีก่อนจะเข้าสู่สภาวะหมดสติ ผ่านไปอีกครู่หนึ่งเจนนิเฟอร์ก็ลืมตาขึ้น แววตาล่องลอยงุนงง แต่พอเห็นเจสันเธอก็เพ่งสายตามองไปยังเจสันอย่างโกรธเคือง

“ดูเหมือนเธอจะทั้งรักทั้งแค้นนายนะ!” เน่าเน่าพูดหยอกเย้า

เจสันหดคออย่างรู้สึกผิด เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง!

“สารเลว…” คาดไม่ถึงว่าเจนนิเฟอร์จะเอ่ยปากพูด แม้เสียงแหบพร่าแต่แข็งกระด้างและฟังได้ชัดเจนดี

“อุ๊บ เธอด่านายว่าสารเลวแหละ สงสัยนายจะเข้าใจผิดแล้วละมั้ง ไม่แน่เธออาจจะไม่เคยชอบนายมาก่อนเลยก็ได้นะ!” เน่าเน่าพูดเชิงล้อเล่น

เจนนิเฟอร์กลับพยักหน้ารัว ๆ ผู้ชายคนนี้ต่อให้สลายกลายเป็นผุยผงเธอก็จำได้ขึ้นใจ เธอจะชอบผู้ชายที่ตัวเตี้ยกว่าเธอได้อย่างไร?

เพียงแค่คุยกับเขามากไปหน่อยแล้วทำท่าสนิทสนมเกินไปหน่อยเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะขอเปลี่ยนตัวเธอซะได้?

ผู้ชายสารเลว ถึงเธอจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่มีวันลืมเจ้าสารเลวนี่ได้!

เจสันหน้าเขียว หรือว่าเขาคิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?

……………

ตอนที่ 3021 ถึงแล้ว

เสี่ยวเป่ายื่นมือไปตรงหน้าปากถ้ำแล้วขมวดคิ้วกล่าว “ในถ้ำยังมีทางออกอื่น ๆอยู่ ไฟล้อมไม่ได้ผล!”

“ขอแค่พวกมันออกมาก็พอ ใครจะสนว่าออกทางไหนกันล่ะ!” เน่าเน่าตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วไปหาฟืนจากละแวกใกล้ ๆสภาพครึ่งแห้งครึ่งชื้นมาเป็นมัดใหญ่

เขาราดน้ำมันก๊าดบนฟืนแล้วกองไว้หน้าปากถ้ำ จากนั้นก็ให้คนอื่นถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะจุดไฟเผาฟืน

เพลิงไฟถูกจุดติดในฉับพลันตามด้วยควันกลุ่มใหญ่ลอยโขมงแต่ลมกลับพัดออกนอกถ้ำ ไม่ว่าจะเป็นสะเก็ดไฟหรือควันไฟล้วนถูกพัดออกนอกถ้ำทั้งหมด

เน่าเน่าไม่มีท่าทีรีบร้อน แต่ตะโกนหาเสี่ยวจูว่า “ฝากด้วย!”

เสี่ยวจูกลอกตาใส่เขาทีหนึ่งแล้วหยิบเอาพัดลมพับได้จากกระเป๋ามาซึ่งขนาดเพียงฝ่ามือ แต่พอเสี่ยวจูเปิดใช้งานกลับขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาเอาพัดลมเสียบต่อช่อง USB ของคอมพิวเตอร์พกพาโดยตรงก่อนที่ใบพัดจะเริ่มหมุน ไม่มีเสียงให้ได้ยินสักนิดแต่ควันกับสะเก็ดไฟกลับเปลี่ยนทิศทางเข้าไปในถ้ำแทนทันที

เน่าเน่าหัวเราะอย่างดีใจ เขารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวจูสามารถพลิกแพลงสถานการณ์เลวร้ายให้กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ได้ น้องชายของเขานอกจากมีลูกเองไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

ไม่สิ เน่าเน่ากะพริบตาด้วยความฉงนใจเหมือนเขาจะเข้าใจผิดแล้ว เมื่อก่อนเสี่ยวจูเคยบอกว่าผู้ชายก็มีลูกเองได้เหมือนกันเพียงแต่จะยุ่งยากไปสักหน่อย อีกอย่างเสี่ยวจูไม่ได้อยากไปวุ่นวายนัก

ดังนั้นเรื่องบนโลกนี้ไม่มีเรื่องไหนทำอะไรเสี่ยวจูได้!

เจสันมองพัดลมที่แรงลมขนาดพายุระดับหกนี้อย่างอิจฉา เด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจูคนนี้ช่างเป็นนักคิดค้นที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ของที่คิดค้นออกมาได้แซงหน้าเทคโนโลยีปัจจุบันไปไกล อย่างน้อยก็นำอยู่ยี่สิบปีได้!

“ฮึ่ม…”

มีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังแว่วออกมาจากถ้ำ เน่าเน่ายิ้มอย่างได้ใจ “ออกมาแล้ว เตรียมรับมือต่อสู้!”

เพิ่งสิ้นประโยคของเขาก็มีสัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวปรากฏตัวตรงปากถ้ำ รวมถึงหมาป่าตัวมหึมาตัวหนึ่ง เน่าเน่าคนเดียวสามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย ภายหลังก็ทยอยกันมาอีกหลายฝูง บางส่วนมาจากในถ้ำ บางส่วนกลับมาจากที่อื่น นับจำนวนดูแล้วไม่มากเท่าไรจึงสามารถกำจัดทิ้งได้อย่างสบาย ๆ

รอจนกระทั่งกลุ่มควันกระจายหายไป เพลิงไฟเองก็ดับลงแล้ว ไม่มีสัตว์ประหลาดกับอสูรยักษ์ออกมาอีก ทุกอย่างตรงหน้าปากถ้ำกลับคืนสู่สภาวะปกติ

“เข้าไปเถอะ มีเวลาไม่มากแล้ว เรารอไม่ได้!” เสี่ยวเป่าเดินนำอยู่ข้างหน้า อย่างมากเหลือเวลาอีกหกสิบกว่าชั่วโมงเชื้อไวรัสก็จะกลายพันธุ์แล้ว เขาต้องชิงขัดขวางแผนการของหนิงเฉินเซวียนให้ได้ก่อน

อีกอย่างเขาอยากรู้จริง ๆว่าเสียงข้างในที่คอยเรียกเขาอยู่ตลอดคืออะไรกันแน่?

ไม่มีใครแย้งแล้วเดินเข้าถ้ำตามหลังเสี่ยวเป่าไป ถ้ำแห่งนี้ไม่ใหญ่นักและมีสภาพแห้งแล้งมาก หลอดไฟของเสี่ยวจูให้ความสว่างในถ้ำเหมือนแสงอาทิตย์ตอนกลางวันช่วยให้มองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

“ถ้ำนี้มาจากการเจาะของมนุษย์ พวกเธอดูสิ บนกำแพงถ้ำมีร่องรอยของเครื่องเจาะ” เสี่ยวเป่าชี้ไปตรงกำแพงถ้ำอันราบเรียบแล้วกล่าว

เล่อเล่อถาม “หรือว่าเป็นฝีมือของหนิงเฉินเซวียนงั้นเหรอ?”

“นอกจากเขาแล้วยังมีใครอีกได้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ มีชีวิตดี ๆไม่เอาแต่ดันอยากเป็นจักรพรรดิ แถมยังสร้างปัญหาไว้ตั้งเยอะแยะ…” สือเอ้อร์อดที่จะบ่นไม่ได้

ความจริงคุณพ่อของเธอไม่นับว่าเป็นคนปกติ ทำอะไรก็ดูบ้าบิ่นไปเสียหมด แต่อย่างน้อยพ่อของเธอก็เป็นอย่างคนทั่วไป หนิงเฉินเซวียนไม่อาจนับว่ามนุษย์แล้ว สิ่งที่เขาทำไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำได้!

“เฮ้ย…นี่มันไข่มุกเรืองแสงสินะ ติดเยอะขนาดนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?” เน่าเน่ามองไข่มุกเรืองแสงขนาดเท่าไข่ห่านที่ประดับอยู่ตามกำแพงถ้ำอย่างตกตะลึง มันทอแสงสีนวลออกมาขับให้ภายในถ้ำอันมืดมิดสว่างไสว

“หนิงเฉินเซวียนรวยจริง ๆ แม้แต่กลางหุบเขาใหญ่ยังทำเสียหรูหราขนาดนี้ ไว้เดี๋ยวเราแงะไข่มุกพวกนี้ลงมา คงขายได้ไม่น้อย…” สือเอ้อร์วางแผนไว้ดิบดี

เสี่ยวเป่าหยุดเดินแล้วมองตรงไปข้างหน้านิ่ง เอ่ยเสียงงึมงำว่า “ถึงแล้ว!”

……………………….

ตอนที่ 3022 เป็นหนิงเฉินเซวียนเสียได้

ทุกคนเริ่มระแวงในทันทีแล้วหยิบเอาอาวุธออกมาแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเพราะภายในถ้ำยังเงียบสงัดอยู่

“อยู่ไหน?” เล่อเล่อถาม

“ข้างในนี้!” เสี่ยวเป่าชี้ไปที่กำแพงหินตรงหน้าเขา

ทุกคนชะงัก นี่มันแค่กำแพงหินธรรมดาเท่านั้น แล้วจะมีอะไรได้?

“ระวัง…” เสี่ยวจูเป็นคนแรกที่ไหวตัวทัน แต่เขาเพิ่งเปล่งเสียงออกมาได้ไม่นานก็มีกลุ่มควันผงสีชมพูยิงออกมาจากกำแพงหิน พวกเน่าเน่าล้มลงพื้นแต่เสี่ยวเป่ากลับไม่เป็นอะไรสักนิดและยังคงยืนนิ่งเช่นเดิม

เสี่ยวจูกลอกลูกตาทีหนึ่งแล้วก็ล้มไปอีกคน จากนั้นก็รีบเอาถุงอัดออกซิเจนในกระเป๋าออกมาอย่างไว ขณะที่ล้มลงก็หันหน้าลงพื้นเลยสามารถแอบสูดออกซิเจนจึงไม่ถูกศัตรูจับได้

เขาพอจะมั่นใจได้แล้วว่าหัวหน้าสุดลึกลับนั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาด

แต่เป็นมนุษย์ มนุษย์เช่นเดียวกับพวกเขา!

เสี่ยวเป่ายืนมองทุกคนล้มลงต่อหน้าต่อหน้า รวมถึงเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวด้วยเลยร้อนใจดั่งถูกไฟแผดเผา แต่เขาประหลาดใจยิ่งกว่าว่าทำไมเขาไม่เป็นไร ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ที่สุดและสูดดมควันพิษเข้าปอดมากที่สุดแท้ ๆ

“เข้ามาสิเด็กน้อย!” เสียงคุ้นเคยดังแว่วมาจากด้านหลังกำแพงหิน

“ครืนนน….”

กำแพงหินเคลื่อนออกจากกันจนเกิดเสียงดังสนั่นก่อนจะเผยให้เห็นสภาพข้างในอย่างแท้จริงและสร้างความตกใจจนเสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง ข้างในนี้เป็นถ้ำที่หรูหราโอ่อ่าราวกับราชวัง ไม่สิ…ต้องบอกว่าเป็นตำหนัก

บนกำแพงประดับด้วยไข่มุกเรืองแสง พื้นดินถูกปูด้วยหยกขาวบริสุทธิ์ไร้ตำหนิ รวมถึงของประดับมากมายหลายชนิดที่แต่ละอย่างไม่ใช่ของหาได้ทั่วไป เสี่ยวเป่าถึงขั้นเห็นเครื่องประดับที่เป็นเครื่องเคลือบราคาสูงเสียดฟ้าจากการประมูลหลายอย่าง ทว่าตอนนี้กลับถูกโยนทิ้งไว้บนพื้นเรี่ยราดดั่งของถูกไร้ซึ่งราคา

“ที่อยู่ข้างนอกเป็นของลอกเลียนแบบทั้งนั้น ข้างในนี้ต่างหากที่เป็นของจริง” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง

เสี่ยวเป่าเหลียวมองรอบตัวหมายจะหาต้นตอเสียง พลันเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “อยู่ข้างนอกมองไม่เห็นฉันหรอก เข้ามาสิ เด็กน้อย!”

เขาลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ฉาฉาเลื้อยมาอยู่ตรงข้อมือเขาและแตะข้อมือเบา ๆเขาอีกหลายที เสี่ยวเป่าจุดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก้าวเท้าเหยียบเข้าไปในตำหนักก่อนที่ฉาฉาจะเลื้อยกลับไป

เสี่ยวจูที่หมอบอยู่ตรงพื้นก็ยกยิ้มมุมปากไม่ต่างกัน เมื่อครู่ฉาฉาเพิ่งติดตั้งเครื่องมอนิเตอร์ขนาดจิ๋วที่เขาคิดค้นมาโดยเฉพาะไว้บนตัวเสี่ยวเป่า ต่อให้เขาอยู่ข้างนอกก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างในนั้นได้อย่างชัดเจน

เสี่ยวเป่าเดินเข้าไปพบว่าตำหนักมีขนาดใหญ่กว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เป็นการตกแต่งตำหนักตามฉบับของฮ่องเต้ไม่มีผิด ถึงขั้นวางเก้าอี้มังกรทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่จุดสูงสุด ข้างบนนั้นมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่

คนคนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากกรีดร้องออกมาเป็นครั้งแรก

เสี่ยวเป่าสูดหายใจเข้าลึกพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง เขายกแขนขึ้นสูงเล็กน้อย ฉาฉาติดตั้งเครื่องมอนิเตอร์ไว้ตรงแขนเสื้อของเขา มีขนาดเท่าเข็มและเปลี่ยนสีได้

“คุณตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวเป่าผ่อนน้ำเสียงอ่อนลงแสร้งทำเหมือนไม่ตกใจ ความจริงภายในใจเขาราวกับมีคลื่นยักษ์ซัดเข้าหา ภายในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด

เกินความคาดหมายของเขามากไปจริง ๆ

เสี่ยวจูบอกว่าอาจจะเป็นคนคุ้นเคย เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนผู้นี้!

เสี่ยวจูที่อยู่ข้างนอกได้เปิดโน้ตบุ๊คแล้วเชื่อมต่อกับเครื่องมอนิเตอร์ ภาพปรากฏบนหน้าจอพร้อมกับชายผู้นั้นที่นั่งเด่นอยู่จุดสูงสุด เสี่ยวจูก็ตกใจไม่แพ้เสี่ยวเป่าเลย

คนคุ้นเคยนี้กลับเป็นหนิงเฉินเซวียนที่ถูกประหารชีวิตไปเมื่อสิบแปดปีก่อน

อีกทั้งยังดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อสิบแปดปีก่อนประมาณหนึ่ง ดวงตาจมูกโครงหน้าเหมือนเดิมไม่มีผิด รูปร่างขนาดตัวส่วนสูงเองก็ไม่เพี้ยนจากเดิมสักนิด

ปฏิกิริยาแรกของเสี่ยวจูคือหนิงเฉินเซวียนเมื่อสิบแปดปีก่อนไม่ได้ตาย เขาหนีออกมาต่างหาก!

……………

ตอนที่ 3023 ก๊อบปี้ดีเอ็นเอ

เสี่ยวเป่าก็คาดเดาเช่นนั้น เขามองไปยังชายที่ทำหน้าได้ใจด้านบนแล้วเอ่ยถาม “สิบแปดปีก่อนคุณไม่ได้ตายเหรอ? มีคนช่วยพาคุณหนีออกมาสินะ!”

เขาค่อย ๆใจเย็นลง ในหัวทำงานอย่างหนักหน่วงคอยครุ่นคิดหาตัวการว่าใครกันแน่ที่ช่วยหนิงเฉินเซวียนให้หนีออกมาได้?

บนโลกใบนี้คนที่มีความสามารถช่วยให้หนิงเฉินเซวียนรอดจากความตายได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

คุณอาเหยียนเป็นไปไม่ได้แน่นอน เขาอยากให้หนิงเฉินเซวียนตายยิ่งกว่าใคร และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับนายใหญ่

ลี่จิ่วยิ่งเป็นไปไม่ได้ เขากับหนิงเฉินเซวียนไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ที่เหลืออยู่ก็คือคุณพ่อแล้วล่ะ แต่เสี่ยวเป่าก็ตัดเฮ่อเหลียนเช่อออก

สิบแปดปีที่ผ่านมาในทุกครบรอบวันตายของหนิงเฉินเซวียน เฮ่อเหลียนเช่อจะพาเขากับคุณอามาไหว้หนิงเฉินเซวียนด้วยกัน อีกทั้งในวันนั้นคุณพ่อจะเงียบเป็นพิเศษ บ่งบอกว่าคุณพ่อหลงคิดว่าหนิงเฉินเซวียนตายไปแล้วจริง ๆ

“ฮ่า ๆ…สิบแปดปีก่อนฉันตายไปแล้วแน่นอน ระบบคุ้มกันแน่นหนาขนาดนั้นฉันจะหนีออกมาได้อย่างไร” หนิงเฉินเซวียนทำท่าได้ใจยิ่งกว่าเก่า

เสี่ยวเป่าใจเต้นตึกตัก จู่ ๆเขาก็สังเกตเห็นว่าหนิงเฉินเซวียนที่นั่งอยู่ข้างบนมีส่วนต่างจากหนิงเฉินเซวียนที่อยู่ในความทรงจำของเขาอยู่บ้าง

หนิงเฉินเซวียนคนนี้อ่อนเยาว์กว่าและเหิมเกริมกว่า ทั้งยังแผ่กลิ่นอายความเป็นใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแล้วจริง ๆ หนิงเฉินเซวียนในความทรงจำเขาไม่ได้มีความคิดตื้นเขินขนาดนี้

“คุณไม่ใช่หนิงเฉินเซวียน คุณเป็นใครกันแน่?” เสี่ยวเป่าซักถาม

หนิงเฉินเซวียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรอมยิ้ม “ฉันก็คือหนิงเฉินเซวียน ฉันยอดเยี่ยมกว่าเขา เพราะฉันกำลังจะยึดครองโลกทั้งใบ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตระกูลหนิงของฉัน!”

“อาศัยแค่เชื้อไวรัสที่คุณคิดค้นขึ้นมางั้นเหรอ? คุณฆ่ามนุษย์ทั้งโลกไปเหลือแต่คุณคนเดียว ต่อให้ยึดครองโลกทั้งใบแล้วอย่างไร? คุณก็ยังอยู่ตัวคนเดียวอยู่ดี!” เสี่ยวเป่ามองเย้ยใส่เขา

“แกจะไปรู้อะไร ฉันคือฮ่องเต้ ย่อมต้องมีพสกนิกร ขอเพียงฉันยึดครองโลกใบนี้ได้ อยากมีเท่าไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ขอแค่แกยอมร่วมมือกับฉัน แกก็จะเป็นองค์รัชทายาท ส่วนพระชายาของรัชทายาทฉันก็ช่วยหาไว้ให้แกแล้ว!”

หนิงเฉินเซวียนตบมือไม่กี่ทีอยู่ดี ๆตรงกำแพงก็ปรากฏประตูเล็กบานหนึ่งให้เห็น สาวงามเย้ายวนรูปร่างอวบอั๋นเดินออกมา แต่กลับเป็นหญิงชาวต่างชาติที่จมูกโด่งดวงตาสีฟ้า แววตาไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดพวกนั้นแต่ร่างกายไม่เน่าเฟะทว่าสะอาดสะอ้านเหมือนคนทั่วไป

“ฝ่าบาท!” หญิงสาวถวายความเคารพเหมือนหุ่นยนต์แต่กลับพูดภาษาจีน เพียงแต่แข็งทื่อมากเท่านั้น

“นี่หรือพระชายาองค์รัชทายาทที่คุณหมายถึง? เธอเป็นแค่สัตว์ประหลาดที่ไร้ซึ่งวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่มนุษย์” เสี่ยวเป่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าความจริงหญิงสาวติดเชื้อกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

แต่หญิงสาวผู้นี้กลับพิเศษกว่าสัตว์ประหลาดทั่วไป ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนใช้วิธีอะไร

“ผู้หญิงต้องการวิญญาณไปทำไม ขอแค่ร่างกายของเธองดงามและซื่อสัตย์สวามิภักดิ์ต่อแกตลอดไป ไม่มีวันหักหลังทรยศแก นี่ต่างหากผู้หญิงที่แท้จริง ผู้หญิงที่ฉันหาให้แกมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบ!”

หนิงเฉินเซวียนยิ่งพูดยิ่งฮึกเหิม ยามนี้เขากลับมีท่าทางคล้ายคลึงแต่ก่อนประมาณหนึ่งแล้ว

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้ว ตัวจริงหรือตัวปลอมเขาแยกไม่ค่อยออกแล้ว คนคนนี้คือใครกันแน่?

“คุณตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังมีชีวิตอยู่ได้?” เสี่ยวเป่าถามไปตรง ๆ

หนิงเฉินเซวียนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างย่ามใจ “ต่อให้ฉันตายร้อยรอบฉันก็ยังมีชีวิตได้เหมือนเดิม สำหรับฉันแล้วการตายเทียบเท่ากับการเกิดใหม่!”

เสี่ยวเป่าย่นคิ้วแน่น เขายังไม่เข้าใจนัก เสี่ยวจูที่อยู่ข้างนอกกลับนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็พลันตกใจเฮือกใหญ่

มีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้นั่นก็คือวิธีการพิมพ์ดีเอ็นเอหรือที่เรียกกันว่าการโคลนนิ่งนั่นเอง ความจริงวิทยาการนี้ประสบความสำเร็จตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วแต่กลับถูกสั่งห้ามไม่ให้มีการใช้ แต่ยังมีคนบางกลุ่มแอบลักลอบศึกษาไม่สนใจคำสั่งเรื่อยมา

…………………………

ตอนที่ 3024 จุดอ่อนของมนุษย์โคลนนิ่ง

ไม่นานเสี่ยวเป่าก็คิดได้พลันก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขามองหนิงเฉินเซวียนที่ทำท่าได้ใจอย่างตกตะลึงโพล่งเสียงถาม “นี่คุณทำการพิมพ์ดีเอ็นเองั้นเหรอ?”

“ฉันคือหนิงเฉินเซวียนคนใหม่ ฉันเก่งกว่าเขา ขอแค่แกยอมติดตามฉัน แกก็คือองค์รัชทายาท!” หนิงเฉินเซวียนสีหน้าหยิ่งผยองราวกับใต้หล้านี้มีเขาเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว

“องค์รัชทายาทเหรอ? รัชทายาทที่ไม่มีวันได้สืบทอดบัลลังก์ต่องั้นเหรอ? เมื่อกี้คุณก็บอกอยู่ว่าคุณตายร้อยรอบก็ฟื้นคืนชีพใหม่ได้!” เสี่ยวเป่ายิ้มเย็นพูดประชด

‘หนิงเฉินเซวียน’ สีหน้าเย็นชาตวาดเสียงใส่ “อย่าโลภนัก ถ้าไม่ใช่เพราะประเทศราชต้องมีองค์รัชทายาท แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกมีชีวิตต่องั้นเหรอ? เมื่อกี้แกก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกับเพื่อนของแก!”

“เพื่อนของฉันเป็นอะไรไป?” เสี่ยวเป่าเริ่มกังวล

‘หนิงเฉินเซวียน’ แค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง “แน่นอนว่าไม่รอดอยู่แล้ว พวกเขาสูดอากาศพิษของฉันไป ต่อให้เซียนจุติลงมาก็ช่วยไม่ได้”

“ทำไมฉันไม่เป็นอะไร ฉันสูดไปเยอะที่สุด!”

“เพราะในตัวแกมีเลือดของฉัน ควันพิษนั่นไม่มีผลต่อแก” ‘หนิงเฉินเซวียน’ ยังพอมีความอดทนต่อเสี่ยวเป่าอยู่บ้างพลางอธิบายเหตุผลให้ฟัง

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วและไม่ค่อยกังวลใจเท่าไรนัก เสี่ยวจูต้องหาทางช่วยพวกเล่อเล่อได้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาต้องล่อให้อีกฝ่ายบอกวิธีถอนพิษเป็นอันดับแรก เขาพบว่าหนิงเฉินเซวียนฉบับก๊อบปี้คนนี้นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนหนิงเฉินเซวียนแล้ว เรื่องลักษณะนิสัยและระดับสติปัญญาไม่ได้คล้ายกันเลย ถึงขั้นมีจุดบกพร่องอยู่บางส่วน

หนิงเฉินเซวียนฉบับก๊อบปี้นี้หลงตัวเอง เหิมเกริมโอหังและทะนงตัวมากเกินไป เขาไร้ซึ่งความมีเล่ห์เหลี่ยมและช่างเจ้าแผนการของหนิงเฉินเซวียน บางทีนี่อาจเป็นข้อบกพร่องอันสำคัญของมนุษย์โคลนนิ่งสินะ!

คาดว่าหนิงเฉินเซวียนที่ตายจากไปคงคิดไม่ถึงว่ามนุษย์โคลนนิ่งนั่นทำการคัดลอกไปแค่รูปลักษณ์ภายนอกกับเรือนร่างเท่านั้น แต่ไม่ได้คัดลอกเอาจิตวิญญาณและความนึกคิดไปด้วย ความจริงไม่ใช่คน ๆเดียวกันเลยด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่ากวาดตาสังเกตรอบตัวเงียบ ๆ ภายในตำหนักมีเพียง ‘หนิงเฉินเซวียน’ กับหญิงชาวต่างชาติผู้นั้น แต่กลับไม่พบสัตว์ประหลาดตัวอื่น ถ้าตอนนี้เขาควบคุม ‘หนิงเฉินเซวียน’ ไว้ได้แล้วบีบบังคับให้เขาบอกวิธีการถอนพิษละก็…

ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นไปได้ เสี่ยวเป่าเดินไปข้างหน้าช้า ๆจงใจเอ่ยว่า “พระชายามีแค่คนเดียวจะพอได้อย่างไร? ดูไม่สมฐานะเลย”

‘หนิงเฉินเซวียน’ หลงคิดว่าเสี่ยวเป่าเปลี่ยนใจก็นึกดีใจอย่างมาก “ไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่นอนอยู่แล้ว แกอยากมีกี่คนก็ได้”

เขาปรบมืออีกรอบก็มีหญิงงามในชุดกิโมโนหุ่นดีเดินซอยเท้าก้าวเล็ก ๆออกมา เกล้าผมไว้กลางศีรษะ แค่มองก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวจากประเทศญี่ปุ่น แววตาจืดชืดไร้จิตวิญญาณเหมือนหญิงชาวต่างชาติคนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

ด้านหลังหญิงชุดกิโมโนยังมีหญิงสาวอีกหลายคนตามมาติด ๆซึ่งล้วนเป็นหญิงชาวต่างชาติที่มีรูปร่างสัดส่วนสุดเซ็กซี่ แต่กลับแข็งทื่อดั่งท่อนไม้ นัยน์ตาว่างเปล่า

“เป็นไง? แกชอบคนไหน?” ‘หนิงเฉินเซวียน’ ชี้ไปที่เหล่าหญิงสาวแล้วถาม

“ฉันขอดูดี ๆก่อน…”

เสี่ยวเป่าพูดให้ ‘หนิงเฉินเซวียน’ ตายใจแล้วค่อย ๆขยับเข้าไปใกล้เก้าอี้มังกร เขาค้นพบว่ามนุษย์โคลนนิ่งผู้นี้มีปฏิภาณไหวพริบแย่ลงมากเช่นกัน ถ้าเป็นหนิงเฉินเซวียนตัวจริงไม่มีวันยอมให้เขาเข้าไปใกล้ได้ง่าย ๆอยู่แล้ว

“แกคิดจะทำอะไร?” ในที่สุด ‘หนิงเฉินเซวียน’ ก็รู้ทันแผนการของเสี่ยวเป่าพานออกเสียงคำรามพร้อมทั้งกดปุ่มตรงเก้าอี้พลันเก้าอี้มังกรก็หายวับไปกลางอากาศ

เสี่ยวเป่านึกเสียดายอย่างมาก อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…

“อย่าร้อนใจไป เขาหนีไปได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ ปลุกพวกเน่าเน่าก่อนแล้วค่อยตามมนุษย์โคลนนิ่งนั่นไปก็ได้!” เสี่ยวจูเดินเข้ามา เขามองหญิงสาวที่ยืนทื่อเป็นท่อนไม้เหล่านั้นแวบหนึ่ง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

ควันพิษที่ ‘หนิงเฉินเซวียน’ ปล่อยออกมาไม่มีเชื้อไวรัสแต่เป็นเพียงควันพิษที่มีผลต่อเส้นประสาททั่วไปและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จะตกอยู่ในอาการนั้นเป็นเวลานานเท่านั้น ถ้าไม่รับสารอาหารเข้าร่างกายเป็นเวลานานพวกเน่าเน่าต้องหิวตายก่อนแหง

เสี่ยวจูไม่ได้เสียเวลานานก็คิดค้นยาถอนพิษช่วยทุกคนได้อย่างง่ายดาย

…………………

ตอนที่ 3019 อสูรยักษ์

เหยียนหมิงซุ่นปั้นหน้านิ่งเย็นชา “คุณนายจิ่วช่วยพูดจาให้ความเกรงใจหน่อย เรื่องด่วนในตอนนี้คือต้องรีบหาทางตามหาพวกสือเอ้อร์ให้เจอแต่ไม่ใช่มาทะเลาะกันเอง ถ้าคุณกล้าแตะต้องคนในครอบครัวผมแม้แต่ปลายนิ้ว ผมเหยียนหมิงซุ่นก็คงไม่อยู่เฉยเหมือนกัน!”

ลี่จิ่วรีบพูดกู้สถานการณ์ “มีอะไรค่อย ๆคุยกัน สือเอ้อร์ของเราเป็นเด็กดีพระเจ้าย่อมคุ้มครอง ไม่มีทางเป็นอะไรไปแน่”

เหมยเหมยอดแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งไม่ได้ “ลูกทั้งสามคนของฉันกับเสี่ยวเป่าก็ไม่มีทางเป็นอะไรเหมือนกัน!”

เฮ่อเหลียนเช่อชักไม่สบอารมณ์ “เรื่องด่วนคือรีบตามหาคน มาทะเลาะกันเรื่องนี้แล้วมีประโยชน์บ้าอะไร พวกเสี่ยวเป่าไปไหนกันแน่?”

“ภูเขาสือว่าน” เหยียนหมิงซุ่นบอกสถานที่ไปเลยเรียกให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปโดยเฉพาะเฮ่อเหลียนเช่อกับลี่จิ่ว

พวกเขารู้ดีถึงเหตุการณ์ฐานระเบิดเมื่อสิบแปดปีก่อน จนถึงตอนนี้ที่นั่นยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเข้าใกล้ แม้แต่หนูที่เป็นสัตว์ประเภทที่เอาตัวรอดเก่งที่สุดยังไม่ยอมไปใช้ชีวิตที่นั่นเลย

แต่เด็กพวกนี้กลับวิ่งแจ้นไปที่บ้า ๆนั่นเสียได้

“นายรู้จุดประสงค์ที่พวกเขาไปที่นั่นสินะ!” เฮ่อเหลียนเช่อถาม

ลี่จิ่วชิงตอบขึ้นก่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “เพื่อชีพจรมังกร เจอยัยเด็กนี่ฉันจะตีก้นให้ลายเลยคอยดู!”

มิน่าช่วงก่อนหน้านี้สือเอ้อร์มักตามตื้อถามเรื่องภูเขาสือว่านจากเขาอยู่เรื่อย ถ้าเขารู้แต่แรกว่ายัยตัวแสบนี่จะไปที่นั่นคงหาทางล็อกตัวเธอไว้ เหยียนหมิงซุ่นบอกเรื่องที่มีแผนที่ขุมสมบัติในหยกแขวนของหนิงเฉินเซวียนไป แต่เขาไม่รู้เรื่องชีพจรมังกร เฮ่อเหลียนเช่อก็งงยิ่งกว่าเดิม

“ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ มีเขามาเกี่ยวด้วยจะมีเรื่องดีอะไรได้ ฉันจะไปตอนนี้เลย!” เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันพูด พอเขาได้ยินชื่อหนิงเฉินเซวียนก็ใจหายทันที

ไอ้แก่บ้านี่ตายแล้วยังไม่สงบสักที ถ้าเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป เขาจะขุดเอาศพตาแก่นี่มาเฆี่ยนซะ!

“ฉันไปด้วย นั่งเครื่องบินของฉันไปแล้วกัน!” ลี่จิ่วบอก

เหมยเหมยเสนอตัวว่าอยากไปด้วยแต่เหยียนหมิงซุ่นไม่อนุญาตพลางให้เธอรออยู่ที่บ้าน

ณ หุบเขา

พวกเสี่ยวเป่านั่งพักอยู่ตรงที่ราบแล้วทานเสบียงอาหารแห้งเพื่อเพิ่มพลังงาน ที่ราบกลางหุบเขามีธารน้ำใสสะอาดแต่พวกเขาไม่กล้าดื่ม หุบเขาแห่งนี้ให้ความรู้สึกแปลก ๆจึงไม่กล้าดื่มอะไรเท่าไรนัก

“ไม่รู้ว่าพ่อแม่กำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาจะรู้ไหมว่าพวกเรามาที่นี่” สือเอ้อร์แทะบิสกิตคำหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลืนลงคอได้ เธออดนึกถึงเตียงใหญ่นุ่ม ๆแสนอบอุ่นที่บ้านไม่ได้ ไหนจะอาหารรสเลิศอีกซึ่งทำเอาถอนหายใจไปตาม ๆกัน

การผจญภัยคราวนี้เป็นครั้งที่อันตรายที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ จู่ ๆก็เริ่มกังวลว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปและจะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่อีก!

“อย่ามัวแต่เศร้าเลย รีบพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวยังมีการต่อสู้ครั้งใหญ่รอเราอยู่!” เล่อเล่อกล่าว

เสี่ยวเป่าดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่งถึงพบว่านาฬิกาหยุดเดินแล้วจึงไม่สามารถดูเวลาได้เลย เสี่ยวจูดูนาฬิกาของเขาอีกวูบหนึ่งก็เอ่ยเสียงเบา “ยังเหลืออีกหกสิบห้าชั่วโมงหรืออาจจะน้อยกว่านั้น!”

“ไปกันเถอะ ฉันรู้ว่าพวกมันอยู่ใกล้ ๆแถวนี้แล้ว แถมยังดักซุ่มแอบดูเราอยู่” เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วกล่าว

ความรู้สึกแปลก ๆเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจคล้ายจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็ไม่ปาน

“หลบไป!”

เล่อเล่อตะโกนเสียงดังแล้วกระชากเสี่ยวเป่ามาอยู่หลังเธอพร้อมฟันดาบยาวลงไป สัตว์อสูรที่ขนาดตัวใหญ่กว่าเสือย่องออกมา เล่อเล่อฟันดาบลงกลางหลังของมันจนร้องโหยหวนแต่กลับดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

ทุกคนถึงเห็นหน้าค่าตาของอสูรตัวนี้ได้อย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหมาป่าตัวหนึ่งแต่ขนาดตัวกลับใหญ่กว่าหมาป่าทั่วไปถึงสองเท่า

“ทำไมหมาป่าถึงตัวใหญ่ขนาดนี้?” ทุกคนอึ้งกับภาพตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

เสวี่ยเอ๋อร์คำรามทีหนึ่ง แม้จะมีความต่างเรื่องขนาดตัวแต่เสวี่ยเอ๋อร์ไร้ซึ่งความกลัวแล้วเริ่มการต่อสู้กับหมาป่าตัวนั้นชนิดที่ไม่มีใครตกเป็นรองใคร

“พระเจ้า…ทำไมถึงมีงูหลามตัวใหญ่ขนาดนี้ได้?” เจสันมองไปตรงหน้าอย่างหวาดกลัวพลางเอาตัวเข้าหลบหลังปิแอร์

……………………………

ตอนที่ 3020 หลอกล่อ

งูหลามตัวหนาเท่าถังน้ำเลื้อยออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพากลิ่นเหม็นคาวคลุ้งอย่างรุนแรงมาด้วย งูหลามตัวนี้มีความยาวถึงสิบกว่าเมตรตัวหนาเท่าถังน้ำเหมือนงูหลามแถบแอฟริกาซึ่งสามารถฆ่ากระทิงตัวขนาดโตเต็มวัยได้อย่างง่ายดาย

เสี่ยวจูดีดตรงข้อมือเบา ๆทีหนึ่งฉาฉาก็เลื้อยลงไปเงียบ ๆ เมื่อครู่เขาไม่มีโอกาสได้แสดงให้เห็นความสามารถ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์สักที!

“พระเจ้า…ทำไมถึงโผล่มาอีกตัวล่ะ? ให้ตาย…ตัวนี้ใหญ่ยิ่งกว่าอีก…แต่หน้าตาดูดีแปลก ๆ!” เจสันหน้าซีด พอเห็นฉาฉาที่ตัวสะอาดสะอ้านมาพร้อมกับกลิ่นใบชาอ่อน ๆ ความขี้สงสัยก็เอาชนะความกลัว

“กลิ่นนี้แหละ กลิ่นที่ฉันเคยได้กลิ่นตอนอยู่ในถ้ำ กลิ่นคล้ายชาหลงจิ่ง…” เจสันตื่นเต้นสุดขีด สองตาที่มองฉาฉาเป็นประกายวิบวับ

งูหลามที่มีกลิ่นชาติดตัว งั้นเนื้อของมันก็คงมีกลิ่นชาเหมือนกันใช่ไหม?

น่าจะอร่อยมากสินะ!

“สัตว์ที่นี่ทำไมถึงมีขนาดตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะ? ผิดปกติชะมัด!” เล่อเล่อถามด้วยความสงสัย

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วพร้อมใบหน้าเรียบนิ่ง เขานึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเลยหยิบเอาแผนที่ในกระเป๋าออกมา ซึ่งก็คือแผนที่ภูเขาสือว่านที่เตรียมไว้ก่อนเดินทาง

“นายลองดูค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของที่นี่ที” เสี่ยวเป่าเอ่ยกับเสี่ยวจู

เสี่ยวเป่าระบุพิกัดให้อย่างรวดเร็ว เมื่อเสี่ยวเป่าทำการค้นหาในแผนที่สีหน้าก็แย่กว่าเดิมแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “อยู่ละแวกนี้จริง ๆด้วย…”

“ที่ไหน?” ทุกคนฟังไม่เข้าใจ

“ฐานระเบิดนิวเคลียร์ พวกเธอยังจำเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนได้ไหม ฐานระเบิดนั่นอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้” เสี่ยวเป่าอธิบาย

เสี่ยวจูตาวาว “ฉะนั้น…สัตว์พวกนี้ถึงได้กลายพันธุ์เพราะอนุภาพกัมมันตรังสีเลยมีขนาดตัวใหญ่มหึมาขนาดนี้สินะ”

“งั้นเราอยู่นี่จะโดนสารกัมมันตรังสีด้วยหรือเปล่า?” เล่อเล่อถามด้วยความกังวลใจ

“ฉันขอวัดดูก่อน…” เสี่ยวจูหยิบเอาสมบัติของเขาออกมาจากกระเป๋าอีกครั้ง

เจสันมองแล้วคันยุบยิบในใจ กระเป๋าใบนี้ของเสี่ยวจูก็ดูไม่ใหญ่นักแต่ทำไมถึงล้วงสิ่งของได้ไม่มีวันจบสิ้นกันนะ เขารู้สึกเหมือนเป็นกระเป๋าหน้าของโดราเอม่อนด้วยซ้ำ ถ้าเขาขอล้วงได้สักทีก็ดีสิ!

“ไม่เป็นไร ค่ารังสีกัมมันตภาพรังสีของที่นี่ปกติดี” เสี่ยวจูวัดค่าเสร็จอย่างรวดเร็ว ทุกคนก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ทางฝั่งเสวี่ยเอ๋อร์และฉาฉาก็กำจัดอสูรสองตัวได้สำเร็จ มันนอนจมกองเลือดตัวแน่นิ่งอยู่บนพื้นไร้ซึ่งลมหายใจ ฉาฉาแอบกลายร่างกลับมาพันรอบข้อมือเสี่ยวจูเช่นเดิม

เจสันถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างนึกเสียดาย “งูสวย ๆตัวนั้นหายไปไหนไม่รู้อีกแล้ว เนื้อของมันต้องหอมมากแน่ ๆ…”

ยังไม่ทันพูดจบดีก็โดนทุกคนกลอกตาใส่บวกกับฉิวฉิวที่สะบัดหางใส่ กล้านึกโลภอยากได้เพื่อนของเขา แบบนี้อยากตายหรือไงกัน!

“หยุดพูดได้แล้ว อยู่แถวนี้แหละ ฉันรู้สึกได้…พวกมันอยู่ที่นี่…” เสี่ยวเป่าพูดเสียงงึมงำ สีหน้าเริ่มแสดงความรู้สึกแปลกใจ กลิ่นอายในถ้ำช่างคุ้นเคยแต่ก็ช่างแปลกใหม่

ข้างในนั้นเป็นใครกันแน่?

เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้นจนทำเอาทุกคนชาวาบทั้งศีรษะแล้วเหลียวมองรอบตัวอย่างระแวง แต่ครั้งนี้ไม่มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัว

“มันกำลังเรียกให้ฉันเข้าไป!” เสี่ยวเป่าสีหน้าดูแปลกกว่าเดิมแล้วเดินเข้าถ้ำไปเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงฝัน

“ไม่ได้นะ พี่เสี่ยวเป่าตื่นเร็ว ข้างในนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ถ้าเข้าไปจะตายได้นะ…”

เล่อเล่อกระชากแขนเสี่ยวเป่าไว้หมายจะปลุกเขาให้ตื่น

เสี่ยวจูเอาน้ำเย็นเฉียบสาดใส่หน้าเสี่ยวเป่าเลยพอเรียกสติเสี่ยวเป่าได้บ้าง ดวงตาใสบริสุทธิ์ เขามองเล่อเล่อที่กำลังกระชากแขนตัวเองไว้เหนียวแน่นอย่างฉงน

“คนที่อยู่ข้างในใช้เสียงหลอกล่อพี่ นี่ก็เป็นค่ายกลกล่อมประสาทชนิดหนึ่ง แต่น่าแปลกมากทำไมถึงมีผลกับพี่เสี่ยวเป่าคนเดียว?” เสี่ยวจูลูบคางอย่างคิดไม่ตก

“บีบบังคับให้พวกมันออกมาโดยใช้ไฟกัน!” เน่าเน่าเผยยิ้มร้ายกาจ

…………………

ตอนที่ 3017 หัวหน้าอาจจะเป็นคนคุ้นเคย

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กลิ่นเหม็นเน่าในหุบเขาเริ่มมลายหายไป แม้จะยังมีกลิ่นเน่าของศพอยู่แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่รับไหว

เสี่ยวจูเก็บถุงอัดออกซิเจน สิ่งมหัศจรรย์คือถุงอัดออกซิเจนกลับยังสามารถปล่อยออกซิเจนได้ทั้งที่ถูกพวกเขาใช้สับเวียนกันหายใจไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วแท้ ๆ ต่อให้เป็นถุงอัดออกซิเจนขนาดใหญ่ก็น่าจะหมดไปตั้งนานแล้ว

เจสันมองถุงอัดออกซิเจนที่เสี่ยวจูพับเก็บด้วยความตะลึง อ้าปากกำลังจะถามแต่เสี่ยวจูยกมือห้ามไว้ก่อน “อย่าถามว่าทำไม ฉันไม่อยากอธิบายกับนาย!”

เสี่ยวจูมองเจสันที่ทำหน้าหงอยแวบหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย เจ้าหมอนี่น่ารำคาญยิ่งกว่าพระถังซัมจั๋งเสียอีก เมื่อก่อนตอนดูละครเรื่องไซอิ๋วเขารู้สึกว่าการที่พระถังซัมจั๋งจู้จี้จุกจิกจนบีบให้ปีศาจน้อยสองตัวนั่นฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องเกินจริง แต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันไม่เกินจริงเลยสักนิด

เสียงพร่ำพูดขี้บ่นมันทำให้คนเป็นบ้าได้จริง ๆ!

เจสันเบะปากแล้วเดินไปอยู่ข้างปิแอร์ ผู้ใหญ่อย่างเขาจะไม่ถือสากับเด็ก ไว้ค่อยถามเอาทีหลังแล้วกัน

“เดินไปทางไหน?” เน่าเน่าถาม

หุบเขากว้างใหญ่แถมยังมีถนนหลายสาย ฐานใหญ่ของสัตว์ประหลาดจะอยู่เส้นทางไหนกันนะ?

เสี่ยวเป่าชี้ไปยังเส้นทางหนึ่งอย่างไม่ลังเล “ไปทางนี้ ฉันรู้สึกแปลก ๆ คิดว่าคงอยู่ทางนี้”

เล่อเล่อมองเขาด้วยความเป็นห่วง เธอก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน นี่เป็นสัญชาตญาณเวลาเธอมีอันตราย เจ้าบ้าหนิงเฉินเซวียนนั่นต้องไม่หวังดีต่อพี่เสี่ยวเป่าแหง เธอจะปล่อยให้พี่เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปไม่ได้!

เสี่ยวเป่ารู้สึกได้ความห่วงใยของเธอเลยอมยิ้มน้อย ๆพูดเสียงเบาว่า “วางใจได้ เราจะออกไปอย่างปลอดภัย”

“อื้ม!” เล่อเล่อพยักหน้าแรง ๆ

ทุกคนมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่เสี่ยวเป่าชี้ซึ่งเป็นถนนเส้นเล็กคดเคี้ยวแห่งหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็มาถึงที่ราบแห่งใหม่ อุณหภูมิเหมือนจะต่ำลงอีกนิด ไอหนาวเย็นยะเยือก ดวงตาจมูกปากที่โผล่พ้นนอกร่มผ้าแทบจะรับความหนาวไว้ไม่อยู่แล้ว

เจสันมองปิแอร์อย่างกังวลใจ แต่ปิแอร์กลับทำท่าเหมือนไม่เป็นไรและไม่กลัวหนาวสักนิด

“เชื้อไวรัสเปลี่ยนห่วงโซ่ยีนของเขาไป ตอนนี้เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้ว ส่วนรายละเอียดที่ว่ามีตรงไหนที่เปลี่ยนไปคงต้องรอวินิจฉัยอีกที” เสี่ยวจูอธิบาย

เน่าเน่าสะดุ้งเฮือก “ว่าไงนะ…ฉันก็ไม่ใช่มนุษย์แล้วงั้นเหรอ?”

เสี่ยวจูมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วพยักหน้ารับ “ใช่…แต่กรณีของนายพิเศษกว่าหน่อย รอออกไปจากที่นี่ค่อยวินิจฉัย วางใจได้ ผลดีมีมากกว่าผลเสียแน่นอน!”

ผลดีที่ชัดเจนที่สุดคือร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความว่องไวและพละกำลัง รวมถึงข้อดีในเรื่องอื่น ๆบางส่วนด้วย แต่ผลเสียย่อมมีเช่นกันแต่ต้องดูเป็นบุคคลไป

เสี่ยวเป่าใจเต้นรุนแรง ความรู้สึกแปลก ๆทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนทุกคนสังเกตได้ถึงความผิดปกติของเขา

“รู้สึกได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างใช่ไหม?” เสี่ยวจูถาม

“ใช่แล้ว ฉันเดาว่าคงเป็นหัวหน้านั่น!” เสี่ยวเป่าคาดเดา แต่เขาไม่เข้าใจทำไมถึงมีจิตสัมผัสระหว่างเขากับหัวหน้าคนนั้นได้?

เสี่ยวจูสีหน้าเคร่งขรึม ความจริงเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที ความจริงเขาไม่อยากเปิดโปงความจริงเลยเพราะคงชวนให้รู้สึกขยะแขยงไม่น้อย แต่เขาจำเป็นต้องขุดคุ้ยความจริงนั้น

หวังว่าจะทันทำลายแผนการของหนิงเฉินเซวียนนะ!

“ฉันคิดว่าหัวหน้าคนนั้นน่าจะเป็นคนคุ้นเคยนะ ไปกันเถอะ ความจริงใกล้จะกระจ่างแล้ว!” เสี่ยวจูยิ้มอย่างลึกลับ

ทุกคนไม่เข้าใจความหมายนี้ หัวหน้าคือคนคุ้นเคยหรือ?

“ใครเหรอ? เสี่ยวจูนายอย่ามาทำให้อยากรู้แล้วไม่พูดสิ!” เล่อเล่อร้อนใจที่สุด

เสี่ยวจูกลับไม่ยอมพูดเสียแล้ว “ฉันแค่เดาเฉย ๆ เรื่องที่ไม่มั่นใจจะยังบอกไม่ได้ ไปกัน รอเห็นหัวหน้าพวกพี่ก็จะรู้เอง”

เล่อเล่อโมโหคันมือยุบยิบจนต้องฟาดตามตัวเน่าเน่าหลายทีถึงจะหายโกรธ ทำเอาเน่าเน่าโมโหแทบตาย มีแต่เขาที่กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ทุกที เขาไม่มีศักดิ์ศรีหรือไงกัน?

…………………………..

ตอนที่ 3018 โหดเหี้ยมไม่ไว้หน้าใคร

ณ เมืองหลวง

เหมยเหมยตื่นนอนอย่างไร้ชีวิตชีวา เมื่อคืนเธอฝันร้ายว่าเกิดเรื่องกับเล่อเล่อและพวกเน่าเน่า พวกเขาติดอยู่ในหุบเขาสุดสยองแห่งหนึ่งแล้วหาทางออกมาไม่ได้ ฝันนั้นช่างสมจริงเหลือเกินจนเธอหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาจากการวิ่งในยามเช้าจนเหงื่อท่วมตัว แม้เจ้าตัวจะอยู่ในวัยกลางคนแล้วแต่เนื่องด้วยการวิ่งในยามเช้าติดต่อกันมาหลายสิบปี เหยียนหมิงซุ่นจึงสุขภาพร่างกายดีกว่าวัยรุ่นทั่วไป เขามีกล้ามเนื้อแน่นกำยำและเส้นเว้าเส้นโค้งของกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบทุกสัดส่วน

“พวกเล่อเล่อถึงไหนแล้ว? เมื่อคืนฉันฝันว่าเกิดเรื่องกับพวกเขา…” เหมยเหมยคว้าตัวเขาไว้แน่น ใจร้อนดั่งไฟเผา

เธอฝันร้ายจนแทบนับครั้งได้ และทุกครั้งที่ฝันร้ายบ่งบอกว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น แถมไม่ใช่เรื่องดีและเป็นดั่งในฝันไม่มีผิดเพี้ยน

คราวก่อนที่ฝันร้ายคือตอนที่เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อเข้าไปในภูเขาสือว่านพร้อมกัน ตอนนั้นเธอกำลังท้องเล่อเล่ออยู่ ฝันร้ายซ้ำซ้อนทั้งวันทั้งคืน ฝันเห็นฐานระเบิดนิวเคลียร์และเหยียนหมิงซุ่นถูกเอี่ยวเข้าไปในนั้นด้วย…

คราวนี้กลับฝันถึงลูก ๆของเธอ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือทำไมเน่าเน่ากับเสี่ยวจูถึงอยู่ในฝันด้วยล่ะ?

“ฉันยังฝันเห็นเน่าเน่ากับเสี่ยวจูด้วย พวกเขากำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดสุดท้ายก็พูดออกไป “เน่าเน่ากับเสี่ยวจูอยู่กับพวกเล่อเล่อเสี่ยวเป่า แล้วก็สือเอ้อร์ของตระกูลลี่ เด็ก ๆพวกนั้นนัดเจอกันแล้ว”

เจ้าเด็กพวกนี้ปิดบังการเคลื่อนไหวไม่พ้นสายตาเขาอยู่แล้ว สองพี่น้องเพิ่งกลับประเทศก็มีลูกน้องมารายงานเขาแล้ว เขาไม่ได้เก็บมาคิดมากในเมื่อลูก ๆโตกันแล้วย่อมต้องออกไปเผชิญกับโลกกว้าง วัน ๆเอาแต่ขดตัวอยู่ในห้องไม่ได้ช่วยอะไรเลย

อีกอย่างเขาวางใจในความสามารถของสองพี่น้องเน่าเน่ากับเสี่ยวจู นอกเสียจากวันสิ้นโลกคงไม่มีใครทำอะไรลูกชายเขาได้!

เหมยเหมยเบิกตากว้างแล้วแหวเสียงใส่ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมพี่ไม่บอกฉัน? พวกเขาไปไหน?”

“ภูเขาสือว่าน!”

เพิ่งสิ้นเสียงของเหยียนหมิงซุ่นเหมยเหมยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ภูเขาสือว่านอีกแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่เป็นมงคลเลยสักนิด ถ้าเธอรู้แต่แรกว่าลูก ๆจะไปที่นั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขัดขวางให้ได้!

“ทำไมพี่ไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ ที่นั่นอันตรายขนาดไหน พี่กับเฮ่อเหลียนเช่อยังเกือบตายอยู่นั่น พี่…พี่นี่มันน่าโมโหจริง ๆ รีบโทรหาเล่อเล่อบอกให้พวกเขารีบกลับมาเลยนะ!” เหมยเหมยโกรธจนทุบเหยียนหมิงซุ่นไปหลายที

พอคุณย่าหยางกับคุณปู่รู้เรื่องเข้าก็ร้อนใจยิ่งกว่าเหมยเหมยและสั่งให้เหยียนหมิงซุ่นรีบไปตามหา เหมยเหมยทนรอไม่ไหวชิงโทรหาเล่อเล่อก่อน แต่ปลายสายกลับส่งเสียงมาว่า “ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนี้…”

เหมยเหมยใจหายวาบ เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ต้องเกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ!

“เหยียนหมิงซุ่น…ถ้าพวกเล่อเล่อเป็นอะไรไปเราก็หย่ากัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว!” เหมยเหมยทั้งร้อนใจทั้งกลัว

ภูเขาสือว่านกลายเป็นหนามในอกของเธอ ต่อให้พวกเล่อเล่อไปท่องอวกาศเธอยังไม่เป็นห่วงหรือกลัวได้เท่านี้เลย!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีและเตรียมติดต่อเฮ่อเหลียนเช่อกับลี่จิ่ว สองคนนี้ดันมาหาถึงที่เสียก่อน นอกจากนี้ยังมีคุณนายลี่จิ่วอีกคน หน้าตาสะสวยดุจดอกไม้แต่กลับใจเหี้ยมไม่ไว้หน้าใคร เหยียนหมิงซุ่นยังยำเกรงต่อเธอด้วยซ้ำ

“เสี่ยวเป่า / สือเอ้อร์ของฉันไปไหนแล้ว?” เฮ่อเหลียนเช่อกับลี่จิ่วถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกันพร้อมทำหน้ากระวนกระวาย

คุณนายลี่จิ่วมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย็นชา ชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วเอ่ยเสียงเย็น “ถ้าสือเอ้อร์เป็นอะไรไป ฉันจะวางยาพิษฆ่าพวกเธอทั้งบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนสือเอ้อร์ให้หมด!”

เหมยเหมยสะดุ้งจนตัวสะท้านแล้วรีบเข้าไปหลบหลังเหยียนหมิงซุ่น

โลกช่างกว้างใหญ่ เธอกลัวนางมารตนนี้เสียเหลือเกิน เซียวเซ่อเป็นคนภายนอกดูเย็นชาแต่ภายในใจกลับอบอุ่นกับมิตรสหายดั่งลมในฤดูใบไม้ผลิ ทว่าคุณนายลี่จิ่วผู้นี้ภายนอกเย็นชาแต่ภายในนั้นโหดเหี้ยมยิ่งกว่าและฆ่าคนได้โดยไม่สะทกสะท้านอะไรอย่างแท้จริง!

เธอเชื่อสุดใจว่าภรรยาของลี่จิ่วจะวางยาพิษฆ่าทั้งครอบครัวเธอได้จริง ๆ!

………

ตอนที่ 3015 เจอคนคุ้นเคย

เจสันชะงักก่อนในทีแรกแล้วมองปิแอร์ที่อยู่ด้านหลังอย่างน่าสงสาร ปิแอร์ปลอบว่า “เราจะมีชีวิตรอดกลับไปแน่นอน”

“อื้ม…เราไปซื้อบ้านติดทะเลสาบที่หางโจว แล้วก็ไปกินปลาผัดเปรี้ยวหวานริมทะเลสาบทุกวันเลย” เจสันพูดอย่างเพ้อฝันและไม่กังวลใจสักนิด เขาคิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะเขาไม่ได้รู้สึกถึงภัยอันตรายด้วยอารมณ์ที่ดีไม่หยอก

ปิแอร์กลับมาปกติได้แล้วยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกล่ะ?

เจสันตบบ่าเสี่ยวจูทีหนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “สู้ ๆนะ…ฉันว่านายต้องสำเร็จแน่!”

รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่เก่งกาจยิ่งกว่าวินน็อก โคสลาเสียอีก ลำพังแค่สัตว์ประหลาดมีอะไรน่ากลัวกัน!

เสี่ยวจูมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วกระชากเน่าเน่ามาสลับที่กับเขาเพราะรำคาญหมอนี่เหลือเกิน

ปากถ้ำเริ่มขยายกว้างขึ้นในฉับพลัน ขนาดประมาณครึ่งรอบสนามฟุตบอลพอ ๆกับตอนเข้าถ้ำเมื่อครู่ แถมในอากาศยังมีกลิ่นเหม็นเน่าของศพอ่อน ๆคละคลุ้งอยู่ เสี่ยวเป่าทำหน้าจริงจังแล้วพูดเสียงเบาว่า “ระวังตัวด้วย พวกมันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แล้ว”

ทุกคนเผลอกลั้นหายใจอย่างอดไม่ได้ พลางเหลียวมองรอบตัวไปด้วย

“ฉันลองคำนวณจากความไวของการกระจายตัวในอากาศของกลิ่น รวมถึงระดับความเข้มข้นของกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศตอนนี้ สัตว์ประหลาดพวกนั้นน่าจะอยู่ห่างจากเราประมาณสามกิโลเมตร” เสี่ยวจูลอบคำนวณอยู่ในใจเงียบ ๆ ไม่นานก็ได้ระยะทางโดยประมาณมา

คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ไร้ขีดจำกัดในชีวิต ขอเพียงเขาต้องการก็จะสามารถคำนวณหาเลขลอตเตอรี่ทั้งหมดได้ รวมถึงตำแหน่งคลังเก็บเงินของธนาคารยูบีเอสด้วย…

แต่เขาไม่อยากเสียเวลา ในเมื่อเขาไม่ขาดแคลนเงิน

“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว!” เน่าเน่ารู้สึกตื่นเต้นกระปรี้กระเปร่าพลางดึงเอามีดกงจักรของเขาออกมา เขาจะลงมือฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่ให้เหลือแม้แต่เศษซากเลย

เจสันชี้ไปที่ปิแอร์แล้วขอร้อง “ขอเสื้อให้เขาสักตัวได้ไหม?”

“ไม่มีแล้ว ฉันมีแค่ตัวเดียวไว้สำรอง” สือเอ้อร์ส่ายศีรษะ

เจสันหน้าบูดแล้วจะถอดเสื้อตัวเองออกให้ปิแอร์ เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในร่างกายเขามีภูมิคุ้มกัน ต่อให้บาดเจ็บก็ไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรอก!”

เจสันสีหน้าแปรเปลี่ยนจากความกลัดกลุ้มเป็นความดีใจ ปิแอร์ก็ดีใจเช่นเดียวกัน ไม่คิดว่าจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายเช่นนี้

เล่อเล่อเห็นฉิวฉิวที่ฟุบตัวอย่างเงียบสงบอยู่บนไหล่ของเน่าเน่าก็ชักสงสัย พลางกล่าว “พวกนายสังเกตไหม? ตั้งแต่มาถึงภูเขาสือว่าน ฉิวฉิวก็ไม่ชอบขยับตัวเลย แล้วก็ฉาฉา เมื่อกี้มีสัตว์ประหลาดออกมาตั้งมากมันก็ไม่ออกโรงสักนิด”

ลูกตาดำเท่าเม็ดถั่วของฉิวฉิวหมุนไปมา แย่แล้ว…เจ้านายคนเล็กจับได้แล้ว

ฉาฉามุดเข้าแขนเสื้อของเสี่ยวจูอย่างอับอายขายหน้าเหลือเกิน

เสี่ยวเป่ามองฉิวฉิวที่เอาหัวมุดเข้าหาหางตัวเองอย่างมีเลศนัยแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “บางทีอาจจะเหนื่อยละมั้ง ไปกันเถอะ!”

เขาเดาว่าฉิวฉิวกับฉาฉาคงไม่ยอมลงมือด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง ไว้กลับไปค่อยถามอีกที รอจัดการสัตว์ประหลาดก่อนแล้วกัน!

ฉิวฉิวถูกเล่อเล่อที่อยู่ด้านหลังจ้องไม่ละสายตา ฟุบตัวอย่างไรก็รู้สึกไม่สบายตัวสักทีเลยได้แต่แอบกำชับฉาฉาว่า “ไว้เดี๋ยวแกสะบัดหางหน่อยแล้วกัน จำไว้ว่าอย่าทำมากเกินไปล่ะ!”

“รับทราบ!” ฉาฉาแลบลิ้นอย่างดีอกดีใจ ในที่สุดก็ออกแรงช่วยได้แล้ว

เดินต่อไปได้อีกสิบนาทีรอบตัวก็สว่างวาบขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเดินออกจากถ้ำมาถึงกลางหุบเขาลึกแห่งหนึ่งแต่กลับไม่งดงามเท่าหุบเขาที่เต็มไปด้วยดอกลิลลี่แห่งนั้น หุบเขาแห่งนี้มีแต่กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพตลบอบอวลอยู่ อีกทั้งบนพื้นยังมีแต่กระดูกขาวกระจัดกระจายชวนให้ผู้ที่พบเห็นสยดสยองไม่น้อย

“ฮึ่ม…”

สัตว์ประหลาดมากมายคับคั่งพลั่งพรูออกมาจากทุกสารทิศเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พวกเสี่ยวเป่า สัตว์ประหลาดที่นำทางอยู่ข้างหน้าสุดคือกลุ่มมนุษย์ ตามด้วยสัตว์ป่าหลากหลายชนิดที่ส่วนมากเป็นหมาป่าพร้อมดวงตาประกายสีเขียว

“ให้ตาย…พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?” เจสันชี้ไปที่สัตว์ประหลาดมนุษย์หลายตัวที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดแล้วแหวเสียงดังด้วยแววตาตกใจปนกลัว

………………………………

ตอนที่ 3016 ความรู้สึกแปลกๆ

ทุกคนมองไปยังต้นเสียงพลันก็ตาเบิกโตอ้าปากค้าง

พวกสายลับที่ตายไประหว่างทางปรากฏตัวที่นี่เสียอย่างนั้น แม้แต่สายลับหนุ่มที่ถูกหมาป่ากัดจนอวัยวะเละเป็นชิ้น ๆยังมาในสภาพโครงกระดูกเปล่า อีกทั้งบนโครงกระดูกมีเศษชิ้นเนื้อเน่า ๆติดมาด้วยบางส่วนและกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างช้า ๆ

“เกิดอะไรขึ้น? ทั้งที่พวกเขาตายไปแล้ว ทำไมยังฟื้นคืนชีพได้? ผีหลอกหรือไงกัน…” เจสันตกใจจนหน้าซีด อย่างน้อยเขาเป็นสายลับอาวุโสที่ทำงานสายนี้มาสิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนตายฟื้นคืนชีพ น่าสยองเกินไปแล้ว

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เริ่มต่อสู้ได้!” เล่อเล่อตะคอกใส่อย่างหงุดหงิดแล้วตัดหัวสัตว์ประหลาดที่อยู่ใกล้ที่สุดไป

เน่าเน่าปล่อยมีดกงจักรออกไปในเวลาเดียวกัน สือเอ้อร์กับพวกหลงเฟิงก็เริ่มโจมตีแล้ว เสวี่ยเอ๋อร์เองก็วิ่งเข้าไปพร้อมกับฉาฉาที่แอบเลื้อยอยู่ตรงพื้น เขาต้องหาที่ลับในการแปลงร่าง

เสี่ยวเป่าไม่ได้ส่งสัญญาณเรียกบรรดาสัตว์มา นอกจากสัตว์อย่างเสวี่ยเอ๋อร์กับฉาฉาสัตว์ตัวอื่นไม่ใช่คู่แข่งของสัตว์ประหลาดพวกนี้เลย แถมเสี่ยงติดเชื้อกลายเป็นสัตว์ประหลาดจนกลายเป็นศัตรูของพวกเขาอีกต่างหาก

เขาดึงมีดจากกระเป๋าออกมาแล้วเริ่มทำการฆ่าฟันสัตว์ประหลาด

เสี่ยวจูกลับไม่เข้าร่วมใด ๆแต่แค่หาที่เงียบ ๆในการจัดวางกับดัก ถ้าสัตว์ประหลาดเข้ามาใกล้เขาจะเขวี้ยงระเบิดเชอร์รี่ออกไปทำเอาทุกคนหูแทบหนวก

“หยุดโยนระเบิดได้แล้ว ฉันจะคุ้มกันนายเอง ระเบิดเสียงดังจนหูแทบพังอยู่แล้ว!” เน่าเน่าสุดจะทนเลยวิ่งไปบังหน้าเสี่ยวจูไว้

เสี่ยวจูอมยิ้มน้อย ๆแล้วหยิบของออกจากกระเป๋าวิเศษทีละอย่าง ตั้งแต่ขวดแก้ว เส้นจุดชนวน น้ำมัน ผงสีดำต่าง ๆ…เขาคอยตระเตรียมอุปกรณ์ทีละอย่างอย่างไม่รีบร้อน เน่าเน่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังจะทำระเบิดขวด

“ระเบิดนาปาล์มใช้ได้ผลเหรอ?” เน่าเน่าทำท่าสงสัย

“ได้ผล ฉันผสมผงที่เป็นตัวเร่งการเผาไหม้ไปด้วย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เสี่ยวจูทำการประกอบอย่างรวดเร็ว เขาทำการผสมผงสีดำกับน้ำมันก๊าดเข้าด้วยกันแล้วใส่เข้าไปในขวด จากนั้นก็เหลือเส้นจุดชนวนไว้

“ให้พวกเขาถอยมาตรงนี้!” เสี่ยวจูประกอบระเบิดนาปาล์มเสร็จแล้ว

เน่าเน่าตะโกนทีหนึ่ง “ทุกคนหยุด แล้วมาตรงนี้!”

ทุกคนถอยร่นมาโดยไม่ต้องคิด ฉาฉาที่เตรียมจะออกโรงอย่างเฉิดฉายชักหงุดหงิด เขายังต้องออกโรงอยู่ไหมนะ?

พอทุกคนมากันครบเสี่ยวจูก็จุดไฟตรงเส้นชนวนแล้วโยนระเบิดนาปาล์มไปในกลุ่มสัตว์ประหลาด เส้นชนวนที่ไฟจุดติดเกิดสะเก็ดไฟราวกับดอกไม้ไฟก็ไม่ปาน ทุกคนต่างเอามือปิดหูหันหลังหลบ

“ตู้ม”

เสียงสนั่นเกิดขึ้นซึ่งอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระเบิดทั่วไปเลย ระเบิดนาปาล์มระเบิดท่ามกลางกลุ่มสัตว์ประหลาดและสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทิศ ขอเพียงสัมผัสโดนตัวสัตว์ประหลาดก็จะเกิดประกายไฟสีฟ้าอ่อนขึ้น ไม่นานสัตว์ประหลาดก็จะถูกเพลิงไฟล้อมรอบคอกและส่งกลิ่นเหม็นเน่าชวนอ้วกคลุ้งไปทั่วอากาศ

เสี่ยวจูประกอบระเบิดนาปาล์มต่อไปแล้วโยนตามไปติด ๆ สัตว์ประหลาดจมอยู่ในทะเลเพลิงส่งกลิ่นเหม็นเน่าหนักหน่วงกว่าเดิมจนไม่สามารถหายใจได้ เสี่ยวจูเอาถุงอัดก๊าซออกซิเจนจากกระเป๋ามาให้ทุกคนสับเวียนกันใช้หายใจ

“ถุงอัดออกซิเจนอันนี้ใช้ได้นานแค่ไหน?” เจสันกังวลอีกครั้ง ถุงอัดออกซิเจนขนาดแค่นี้แค่เขาคนเดียวก็คงสูบหายใจได้แค่สิบกว่านาทีเองละมั้ง

เสี่ยวจูย่นคิ้วคร้านจะสนใจเจ้าคนเรื่องมากคนนี้อีก ชอบเป็นห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง สมองต้องมีปัญหาแน่ ๆ

ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของสารเร่งการเผาไหม้เลยทำให้สัตว์ประหลาดกลุ่มใหญ่ถูกแผดเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้าและไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก บนพื้นมีแต่เศษฝุ่นชั้นบาง ๆกับกลิ่นเหม็นหึ่งกลางอากาศ

“หัวหน้ามันอยู่ไหน? ทำไมไม่ออกมา?”

ทุกคนเหลียวมองรอบหุบเขาแต่กลับมืดมนมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ ในมุมอับมีแต่วัชพืชที่ไม่ต้องการแสงกับหิมะที่ร้อยวันพันปีก็ไม่ละลายสักที

“น่าจะแอบมองเราอยู่แถว ๆนี้แหละ เดินไปทางนั้นน่าจะมีสัตว์ประหลาดอีก ถ้าไม่กำจัดสัตว์ประหลาดให้หมด หัวหน้ามันไม่มีทางปรากฏตัวหรอก” เสี่ยวเป่ากวาดตามองรอบตัว เขารู้สึกแปลก ๆชอบกลคล้ายมีคนลักลอบมองเขาอยู่ในที่มืดแต่ไม่ได้มีเจตนาไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด

เขาคือหัวหน้าลึกลับผู้นั้นหรือเปล่านะ?

…………………

ตอนที่ 3013 กอบกู้โลก

พวกเสี่ยวเป่ามุ่งหน้าต่อไป ยิ่งเดินลึกเข้าถ้ำไปก็ยิ่งแคบลง สุดท้ายก็เข้าได้แค่ทีละคน กำแพงถ้ำอับชื้นเย็นยะเยือกแล้วยังมีลมเย็นพัดผ่านมาเป็นระยะ ๆอีกด้วย

“ปากถ้ำนี้คงมีทางออกอีกหลายทาง นายดูทิศทางลมพวกนี้สิ มันไม่ได้มาจากทิศทางเดียวกันทั้งหมด” เสี่ยวเป่ายื่นมือสัมผัสอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ผลสรุปดังกล่าว

เสี่ยวจูพยักหน้า “ฉะนั้น…ถึงได้มีสัตว์ประหลาดบางส่วนโผล่มาจากสวนดอกไม้ มีบางส่วนมาจากนอกหุบเขา ความจริงพวกเขาล้วนออกมาจากถ้ำเหมือนกันแต่คนละเส้นทางเท่านั้นเอง”

“ไม่รู้ในถ้ำมีสัตว์ประหลาดอีกมากเท่าไร แล้วที่อื่น ๆมีอีกหรือเปล่า?” เล่อเล่อครุ่นคิด

หลงเฟิงที่เงียบมาตลอดทางหลังได้สติก็เอ่ยว่า “เคยเจอสัตว์ประหลาดตัวแรกตั้งแต่ห้าปีก่อนในหมู่บ้านหนึ่งในมณฑลอวิ๋น ชาวบ้านที่นั่นยังรักษาขนบธรรมเนียมในการดื่มน้ำเย็นอยู่ คนที่มีอาการเป็นชายโสดคนหนึ่ง เขาเกือบจะกัดครอบครัวที่อยู่ข้างบ้านตายเลยทีเดียว”

“ชายโสดคนนั้นมีอาการเหมือนสัตว์ประหลาดพวกนี้เหรอ?”

หลงเฟิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว แต่หมู่บ้านนั่นชาวบ้านส่วนมากเป็นนายพราน ชายโสดคนนั้นถูกขับไล่ให้เข้าไปอยู่บนหุบเขาใหญ่กลายเป็นคนป่า ตอนนั้นฉันกับเพื่อนร่วมงานอีกคนได้รับคำสั่งให้ไปฆ่าสัตว์ประหลาดนั่นบนหุบเขาใหญ่”

เสี่ยวเป่าทำหน้าจริงจังพลางถาม “ภายหลังยังมีอีกไหม?”

หลงถูเล่าต่อ “แน่นอน จากนั้นก็พบอีกหลายสิบตัวไม่ขาดสายอยู่กันกระจัดกระจายกันไป แต่คนพวกนี้ล้วนติดนิสัยดื่มน้ำเย็น คนในพื้นที่บอกว่าพวกเขาถูกผีเข้าสิง กลุ่มมังกรของเราตามสืบอยู่นานห้าปีถึงรู้ว่าต้นตอโรคนี้มาจากน้ำ แต่ไม่มั่นใจว่าแหล่งต้นน้ำอยู่ที่ไหน”

เสี่ยวเป่าถามอีก “พวกนายมาที่นี่ไม่ใช่เพราะเชื้อไวรัสเหรอ?”

สองคนส่ายศีรษะ “เรามาเพื่อชีพจรมังกร ถ้ารู้สถานการณ์ที่นี่แต่แรกทางองค์กรคงไม่ส่งแค่เราสองคนมาหรอก”

คาดว่าต่อให้ยกกันมาทั้งกลุ่มมังกรก็กำจัดสัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่หมดหรอก!

อีกทั้ง…พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าต่อหน้าเด็กพวกนี้ กลุ่มมังกรของพวกเขาไม่มีอะไรให้น่าภูมิใจเลยจริง ๆ และไม่มีทางทำได้ดีกว่าเด็กกลุ่มนี้เลย!

เสี่ยวจูง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ “เชื้อไวรัสในน้ำกำลังกลายพันธุ์ไม่หยุด ตอนนี้ใช้อุณหภูมิสูงยังฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่ถ้าเชื้อไวรัสพัฒนาไปถึงระดับขีดสุด อุณหภูมิสูงก็ใช้ฆ่าไม่ได้แล้ว”

“แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ?” ทุกคนถามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“คนทั้งประเทศคงหนีไม่พ้นจนถึงขั้นลามไปทั่วโลก หนิงเฉินเซวียนอยากให้โลกทั้งใบตายไปพร้อมกับเขา” เสี่ยวจูทำสีหน้าเคร่งเครียด

“เขาบ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริง ๆ…” ทุกคนหายใจสะดุด ความยะเยือกถาโถมเข้ามาในใจไม่หยุดหย่อน

ฐานนิวเคลียร์ก็ว่าบ้ามากพอแล้ว พอเทียบกับเชื้อไวรัสอันน่ากลัวชนิดนี้ฐานนิวเคลียร์นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยไปเลย ยิ่งกว่านั้นยังมีความเป็นไปได้ว่าหนิงเฉินเซวียนต้องการใช้เรื่องนี้มาตบตาผู้คนเท่านั้น แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาเพื่อสร้างวันสิ้นโลก!

เสี่ยวเป่าทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นยิ่งกว่าเดิม พลันเขาก็นึกถึงข้อสันนิษฐานที่บ้าบิ่นอย่างหนึ่ง

เสี่ยวจูมองมาทางเขาแวบหนึ่ง ทั้งคู่รู้ใจอีกฝ่ายดีแต่ไม่ได้พูดออกมา

“เชื้อไวรัสใช้เวลากลายพันธุ์นานแค่ไหน?” เสี่ยวเป่าถาม

“ประมาณสามวัน หรือจะพูดให้ถูกต้องคงไม่ต้องถึงสามวัน ฉันแค่คาดการณ์คร่าว ๆเท่านั้น” เสี่ยวจูยักไหล่

“งั้นก็นับว่าสามวันแล้วกัน เท่ากับว่าเราต้องกำจัดสัตว์ประหลาดพวกนี้ให้หมดภายในเจ็ดสิบชั่วโมง ทั้งยังต้องกำจัดเชื้อไวรัสในน้ำไปด้วย ไม่งั้น…ก็คงต้องรอวันสิ้นโลกมาเยือนแล้วละ!”

เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงจริงจัง ทุกคนกลั้นหายใจพร้อมกันอย่างอดไม่ได้ กอบกู้โลก…ภาระหน้าที่ที่แสนจะมีเกียรตินี้ตกมาอยู่ในมือพวกเขาโดยปริยาย

“เราจะทำสำเร็จไหม?” สือเอ้อร์ถามเสียงเบา

“สำเร็จ ต้องสำเร็จ!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

ถอยไม่ได้ มีแต่ลุยไปข้างหน้าเท่านั้น!

……………………….

ตอนที่ 3014 เหลืออีกสามวัน

“ฉันติดต่อไปทางศูนย์บัญชาการใหญ่ก่อนว่าให้พวกเขาส่งกำลังเสริมมาช่วยแล้วกัน” หลงเฟิงหยิบโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมออกมา

เสี่ยวจูมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “โทรศัพท์ของนายโทรไม่ติดหรอก”

“เป็นไปไม่ได้ ของฉันเชื่อมต่อกับดาวเทียม…เอ๊ะ…ทำไมถึงโทรไม่ติดล่ะ?” หลงเฟิงมองโทรศัพท์ด้วยความตกใจ โทรไม่ติดจริง ๆและไม่มีสัญญาณเลยสักนิดเดียว

หลงถูก็หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาแล้วพบว่าไม่มีสัญญาณเหมือนของเขาเช่นกัน

“ของเราโทรติดไหม?” เล่อเล่อรีบล้วงโทรศัพท์ของเธอออกมาก็พบว่าไร้ซึ่งสัญญาณเช่นเดียวกันเลยอดลนลานไม่ได้

พวกเน่าเน่าหยิบโทรศัพท์ออกมาตาม ๆกันซึ่งล้วนไม่มีสัญญาณกันทั้งนั้น เสี่ยวจูถอนหายใจเบา ๆ “ของฉันก็ไม่มีสัญญาณ สัญญาณถูกตัดตั้งแต่เข้ามาในถ้ำแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เสี่ยวจูหยิบกล่องสีดำขนาดเล็ก ๆเท่าฝ่ามือใบหนึ่งออกมา เขาดึงเสาสัญญาณหนึ่งขึ้นแล้ววางติดกับกำแพงถ้ำไว้ จากนั้นก็เกิดเสียงติ๊ดติ๊ดดังออกมาจากกล่องใบนั้น

“นี่เป็นเครื่องวัดคลื่นสนามแม่เหล็ก ละแวกถ้ำมีสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่คอยรบกวนสัญญาณอยู่” เสี่ยวจูเก็บกล่องดำใส่กระเป๋าดังเดิมแล้วอธิบายสาเหตุที่ไม่มีสัญญาณ

“แต่ตอนอยู่บนพื้นดินยังมีสัญญาณอยู่เลย!” เล่อเล่อไม่เข้าใจ

เสี่ยวเป่ายิ้มกล่าว “เราเดินทางมาสี่ชั่วโมงกว่าและเวลาส่วนมากก็ลอยอยู่บนน้ำ คาดว่าคงอยู่ห่างจากหุบเขาอย่างน้อยห้าสิบกิโลเมตรแล้วละ”

เล่อเล่อตบหน้าผากทีหนึ่ง เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียหมด เธอฟาดเสี่ยวจูทีหนึ่งแล้วออกคำสั่ง “นายรีบจดตำแหน่งนี้ไว้ กลับไปแจ้งกรมเหมืองแร่ให้พวกเขามาขุดแร่ที”

“ขุดไม่ได้ พื้นที่ตรงนี้ไม่เหมาะกับการขุดเหมือง” เสี่ยวจูหาเหตุผลหนึ่งมาเป็นข้ออ้าง

หลายปีมานี้มนุษย์ขุดเหมืองแร่อยู่เรื่อย ๆและดีแต่มาเอาผลประโยชน์จากธรรมชาติ ภัยพิบัติเลยเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆแต่มนุษย์กลับไม่รู้จักสำนึกผิด สักวันหนึ่งพวกเขาจะถูกธรรมชาติลงโทษในไม่ช้าก็เร็ว

ไม่สิ…ความจริงธรรมชาติเริ่มลงโทษแล้ว!

แผ่นดินไหว สึนามิ พายุ น้ำท่วมน้ำป่าไหลหลากที่เป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติต่างๆ เริ่มเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นการเอาคืนมนุษย์จากธรรมชาติที่ถูกทำลายไปอย่างมหาศาล แต่มนุษย์ยังไม่รู้จักปรับปรุงตัว

ดังนั้น…เสี่ยวจูไม่มีวันให้มนุษย์มาทำลายภูเขาใหญ่เก่าแก่แห่งนี้แน่นอน

เล่อเล่อหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก

เสี่ยวเป่ากับสือเอ้อร์ รวมถึงพวกหลงเฟิงหลงถูมองอย่างรู้ทันแต่ไม่ได้เปิดโปงคำลวงของเสี่ยวจู ในเมื่อเรื่องปกป้องพื้นธรณีของธรรมชาติมีจุดประสงค์ตรงกัน

“เรามีภารกิจสองอย่าง อย่างแรกคือกำจัดสัตว์ประหลาด อย่างที่สองหาวิธีถอนพิษ สองภารกิจนี้ต้องทำให้สำเร็จในสามวัน เริ่มได้!”

เสี่ยวเป่ายื่นมือออกมา คนอื่น ๆก็แปะมือตาม ๆกัน “สู้กันเถอะ ต้องชนะ!”

เสี่ยวจูให้เน่าเน่าโค้งตัวลงเพื่อวางคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กหรือก็คือโน้ตบุ๊กไว้บนหลังเขา นิ้วมือเคาะบนแป้นพิมพ์อย่างว่องไวจนจับตามองไม่ทัน โค้ดบนหน้าจอเด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็วผ่านตาไปโดยไม่มีใครมองเห็นอย่างชัดเจน

“ฉันหาวิธีถอนพิษได้แล้ว แต่ยังไม่มีการทดสอบ ไปกันเถอะ เราไปหาหัวหน้าแสนลึกลับคนนั้นกัน”

เสี่ยวจูเก็บโน้ตบุ๊กใส่กระเป๋าแล้วเดินหน้าต่อ เจสันตามอยู่ด้านหลังคิดไม่ตกสักทีก็โพล่งคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจมานานไปว่า “โน้ตบุ๊กของนายไม่ต้องชาร์ตแบตเหรอ? ฉันเห็นใช้มาหลายวันแล้ว!”

“ไม่ต้อง ชาร์ตไฟด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ก็พอ!”

“ดีจัง ซื้อได้จากที่ไหนเหรอ?” เจสันดีใจสุดฤทธิ์ เขาก็อยากได้โน้ตบุ๊กเครื่องกะทัดรัดแถมไม่ต้องคอยชาร์ตไฟแบบนี้เหมือนกัน ต่อให้แพงแค่ไหนก็ซื้อได้

“ฉันประกอบเอง หาซื้อไม่ได้”

“งั้นนายช่วยประกอบให้ฉันสักเครื่องได้ไหม? ฉันจ่ายเงินให้”

“ไม่ได้ อีกอย่างนายอาจไม่มีโอกาสได้ใช้ก็ได้”

“ทำไมล่ะ?” เจสันไม่เข้าใจ

เสี่ยวจูนึกเสียใจภายหลังเหลือเกินที่เมื่อกี้เผลอตอบเจสันไปประโยคหนึ่ง เขารำคาญจะตายอยู่แล้ว เขาหันกลับมาตอบเสียงเรียบ “เพราะคนตายไม่จำเป็นต้องใช้โน้ตบุ๊ก!”

…………………

Related

ตอนที่ 3011 หายาถอนพิษเจอแล้ว

อานุภาพของระเบิดยามอยู่ในน้ำก็ไม่เบาเช่นกัน สัตว์ประหลาดถูกระเบิดจนอวัยวะกระจัดกระจายเศษซากเนื้อกระเด็นไปทั่วสารทิศ เรือยางโยกส่ายตามแรงคลื่นบนผิวน้ำ ถ้าไม่มีเล่อเล่อใช้พละกำลังถ่วงเอาไว้เรือคงคว่ำไปตั้งนานแล้ว

เสี่ยวจูโยนระเบิดออกไปติดต่อกันหลายลูก ในน้ำเต็มไปด้วยชิ้นส่วนแขนขาของสัตว์ประหลาดรวมถึงศีรษะด้วย ถึงจะช่วยฆ่าไปไม่น้อยแต่ก็น่าขยะแขยงไม่เบา

“ใช้ไฟเผาเถอะ!” เล่อเล่อก็ทนไม่ไหวแล้ว เศษเนื้อกระเด็นเข้าตัวเป็นระยะ ๆ พอได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพก็แทบทำเอาเธออยากอ้วกเสียเดี๋ยวนี้

“พี่เผาเลย!”

เสี่ยวจูเอาน้ำยากับประทัดให้เล่อเล่อแล้วเอากระบอกฉีดยาสูบเลือดจากตัวเสี่ยวเป่า เขาพยายามวินิจฉัยเซรุ่มเลือดแข่งกับเวลา เขาต้องพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเอง ถ้าข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้องเน่าเน่ากับพวกหลงเฟิง…ก็จะกลับมาเป็นปกติได้

อีกทั้งไวรัสอันน่ากลัวเหล่านี้ก็จะถูกกำจัดทิ้งสักที!

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปสัตว์ประหลาดในน้ำพร่องหายไปกว่าครึ่งแต่ยังเหลืออีกบางส่วน ขณะที่เล่อเล่อเตรียมใช้ไฟลุยก็มีเสียงแหลมเสียงหนึ่งดังแว่วมา พวกสัตว์ประหลาดดำลงใต้น้ำทันทีทำให้ผิวน้ำกลับมาสงบดังเดิม

“ฐานใหญ่พวกมันอยู่ไหนกันแน่?” เล่อเล่อพึมพำ

เสี่ยวเป่าตอบ “ต้องไม่ไกลจากตรงนี้แหละ เมื่อกี้เสียงชัดมาก ห่างจากเราไม่เกินสิบลี้”

เล่อเล่อชะงักไปทีหนึ่งก็รีบก้มดูเวลาแล้วเอ่ยอย่างดีใจว่า “ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วพี่เสี่ยวเป่ารู้สึกเป็นไงบ้าง? มีไม่สบายตรงไหนไหม?”

คำถามถูกโยนมารัว ๆเหมือนรัวกระสุน เสี่ยวเป่าเองก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มกลายพันธุ์หลังสำลักน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย

“ดีมาก ไม่รู้สึกอะไรเลย” เสี่ยวเป่ายิ้มร่าบนใบหน้า เล่อเล่อสวมกอดเขาแล้วร้องไห้

หลงเฟิงกับหลงถูดิ้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวซีดไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดพวกนั้นเท่าไร อีกทั้งพวกเขาเหมือนจะได้ยินเสียงเรียกรวมพลเมื่อครู่เช่นกันเลยแยกเขี้ยวทำท่าเหมือนจะอยากตามไปด้วยอีกคน

เน่าเน่าฟื้นจากการหมดสติ สายตาเหม่อลอยไร้จุดหมายสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่นานเขาก็ดิ้นรนขลุกขลักไม่หยุดเหมือนพวกหลงเฟิง

“ทำอย่างไรดี? พวกเขาเหมือนสัตว์ประหลาดขึ้นเรื่อย ๆเลย” เล่อเล่อร้อนรนใจ

หากฆ่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นเธอไม่มีทางใจอ่อนแน่ แต่ถ้าสัตว์ประหลาดเป็นน้องชายแท้ ๆของเธอแล้วจะให้เธอลงมือได้อย่างไร?

“ทำไมปิแอร์ถึงไม่มีปฏิกิริยาล่ะ?” สือเอ้อร์ถามพร้อมชี้ไปยังปิแอร์ที่กำลังนิ่งงัน

“เพราะในใจเขามีแต่ฉัน คนอื่น ๆไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ประหลาดก็ไม่มีวันทำให้ปิแอร์ใจหวั่นไหวได้!” เจสันทำท่าได้ใจจนถูกกลอกตาใส่หลายที

เวลานี้แล้วยังมาอวดความรักต่อหน้าพวกเขาอยู่ได้ สมควรให้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดอยู่เป็นคู่กับปิแอร์ไปเสียจริง ๆ

“ปิแอร์เป็นประเภทที่กลายพันธุ์ได้ประหลาดมาก เดิมทีสัตว์ประหลาดไม่มีกระบวนการทางความคิด แต่ปิแอร์ยังหลงเหลือความทรงจำของเจสันอยู่บ้าง ฉะนั้นเขาถึงได้ปกป้องเจสันและไม่ฟังเสียงเรียกรวมพลของหัวหน้า” เสี่ยวจูอธิบายเหตุผล

หรือจะบอกว่าพลังแห่งความรักยิ่งใหญ่เกินไปจนเกิดปาฏิหาริย์ก็ได้!

เจสันก็ยิ่งได้ใจกว่าเดิม เขารู้อยู่แล้วว่าปิแอร์ไม่มีทางลืมเขาไม่ว่าจะกลายเป็นสภาพไหน ซึ่งเขาเองก็เช่นกัน

เสี่ยวจูพับปิดหน้าจอแล้วพรูลมหายใจยาว “ฉันหาวิธีถอนพิษได้แล้ว”

นอกจากนี้เขายังค้นพบเรื่องสำคัญกว่านี้ด้วยแต่ยังไม่มั่นใจนักจึงไม่กล้าพูดออกมา รอหาตัวหัวหน้าเจอเขาค่อยทำการวินิจฉัยอีกทีก็พอจะมั่นใจได้แล้ว!

“เร็ว…รีบถอนพิษให้เน่าเน่า!” เล่อเล่อพูดอย่างร้อนใจ

เสี่ยวจูฉีดเซรุ่มเลือดที่ดึงเอามาจากเลือดบนตัวเสี่ยวเป่าเข้าสู่ร่างกายของเน่าเน่า “อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะเห็นผลแล้วล่ะ”

……………………………..

ตอนที่ 3012 ถอนพิษสำเร็จ

“นี่มันหลักการอะไร? ทำไมเลือดของพี่เสี่ยวเป่าถึงถอนพิษได้ล่ะ?” เล่อเล่อไม่เข้าใจ

เสี่ยวจูฉีดเซรุ่มเลือดของเสี่ยวเป่าให้พวกหลงเฟิงหลงถูตาม ๆกันพร้อมอธิบายเหตุผล

“ฉันเคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเชื้อไวรัสพวกนี้ความจริงก็เหมือนพิษกู่ชนิดหนึ่ง พิษกู่จำเป็นต้องได้รับเลือดหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่องจากเจ้าของ ส่วนเจ้าของเชื้อไวรัสพวกนี้ก็คือหนิงเฉินเซวียน ฉะนั้นยาถอนพิษเชื้อไวรัสพวกนี้ก็คือเลือดของเจ้าของ พี่เสี่ยวเป่าเป็นลูกหลานสายตรงของหนิงเฉินเซวียน เลือดของเขาย่อมถอนพิษได้เพราะมียีนคล้ายคลึงกันมาก”

สือเอ้อร์ชี้ไปที่น้ำพลางกล่าว “แล้วเชื้อไวรัสในน้ำพวกนี้จะทำอย่างไร? ไม่นานต้องมีคนติดเชื้อเพราะดื่มหรือใช้น้ำตรงนี้ซึ่งมีประมาณเท่าไรก็ไม่มีใครรู้ แต่คิดว่าคงไม่น้อยแน่ ๆ ถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร? พี่เสี่ยวเป่ายังมีเลือดให้ใช้อีกเท่าไร?”

“ไม่ช่วย…ห้ามใครพูดเรื่องที่เลือดของพี่เสี่ยวเป่าสามารถถอนพิษได้ออกไปเด็ดขาด ใครพูดฉันจะฆ่าคนนั้นซะ!” เล่อเล่อทำหน้าจริงจังแต่สายตากลับเหล่มองไปทางเจสัน

ในบรรดาพวกเขามีเพียงเจสันที่เป็นเพียงคนนอก สือเอ้อร์กับเสี่ยวจูไม่มีทางแพร่งพรายออกไปอยู่แล้ว

เจสันสะดุ้งเฮือกแล้วรีบส่ายหน้ารัว ๆ “ไว้ใจได้…ฉันไม่มีทางพูดออกไปแน่ ๆ ถ้าฉันแพร่งพรายออกไปก็ขอให้ฉันกับปิแอร์ไม่ได้แต่งงานกัน!”

เล่อเล่อแค่นเสียงทีหนึ่ง “หวังว่าคำพูดของนายจะเชื่อถือได้ ไม่งั้นฉันจะแปลงเพศให้นายกลายเป็นผู้หญิงแล้วส่งไปขายตัวที่ตะวันออกซะ!”

เจสันตัวสะท้านวาบหลายทีแล้วรีบเข้าไปหลบอยู่หลังปิแอร์ ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก ถ้าให้เขาขายตัวเขายอมตายเสียยังจะดีกว่า!

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเน่าเน่าได้สติเป็นคนแรก สายตากลับมามองชัดตามเดิมและใบหน้ากลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้มีสีเขียวช้ำอีกต่อไป เขามองทุกคนอย่างงุนงง ในหัวขาวโพลนนึกอะไรไม่ออกเหมือนตอนเมาหลังดื่มหนัก

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฝันไปเลย”

“ไม่มีอะไร นายหลับไปหนึ่งตื่น ยังไม่ตื่นดีก็เท่านั้น” เล่อเล่อตบไหล่เน่าเน่าแรง ๆสองที ในที่สุดก็กลับคืนสู่ปกติแล้ว

หลงเฟิงหลงถูกับปิแอร์สามคนก็ทยอยกันฟื้นขึ้นมา และเป็นเช่นเดียวกับเน่าเน่าที่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความทรงจำที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้รับความเสียหาย

“อย่าไปคิดอีกเลย อันตรายยังไม่หายไปไหน รีบตั้งสติเร็ว!” เล่อเล่อเตือนพวกเขา

ทุกคนปรับสีหน้ากลับมาเคร่งขรึมและไม่ชะล่าใจอีก พวกเขากวาดตามองรอบด้านอย่างระมัดระวัง น้ำเริ่มตื้นลงและปากถ้ำก็แปรเปลี่ยนเป็นแคบลง พวกเขามีประสบการณ์มาก่อนเลยรู้ว่าน้ำกำลังจะลดอีกครั้ง

เป็นไปตามคาดเมื่อไม่นานจากนั้นเรือก็เกยตื้นอีกรอบ เสี่ยวจูปล่อยลมในแพออกมาแล้วพับให้เป็นก้อนยัดใส่กระเป๋า

“ฉันไม่เข้าใจ ถ้าหนิงเฉินเซวียนอยากทำลายชีพจรมังกร แค่ระบายเชื้อไวรัสลงน้ำก็พอ ทำไมต้องทำให้มันดูลึกลับปล่อยข่าวลือเรื่องขุมสมบัติเพื่อดึงดูดสายลับมาตายที่นี่กันตั้งมากมายล่ะ?” เล่อเล่อพึมพำกับตัวเอง

เสี่ยวจูหัวเราะเสียงเบาทีหนึ่ง “เดิมทีพิษกู่ไม่ละลายในน้ำและไม่ทำให้คนกลายพันธุ์ พิษกู่ชนิดนี้อยู่ได้แค่ในตัวสัตว์ โดยเฉพาะในร่างกายของมนุษย์ถึงจะเกิดการกลายพันธุ์และวิวัฒนาการกลายเป็นไวรัสขั้นสุดอีกชนิดหนึ่ง หนำซ้ำถ้าคนที่ติดเชื้อจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เชื้อไวรัสชนิดนี้ก็จะกลายพันธุ์ร้ายแรงกว่าเดิมขึ้นเรื่อย ๆ”

เสี่ยวเป่าใจหล่นวูบพลันเอ่ยถาม “ฉะนั้น…หนิงเฉินเซวียนหลอกล่อให้คนมาที่นี่ตั้งมากเพื่อให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์เหรอ?”

“ใช่…นี่ต่างหากเป้าหมายของเขา!” เสี่ยวจูพยักหน้า

“แล้วทำไมเขาถึงล่อให้พี่เสี่ยวเป่ามาล่ะ?” เล่อเล่อถามอีก

เสี่ยวจูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ รอฉันมั่นใจแล้วค่อยว่ากันอีกที”

ความจริงเขาคิดว่าหนิงเฉินเซวียนกำลังวางแผนลับสะท้านโลกอย่างหนึ่ง ถ้าเขาทำสำเร็จจริง ๆเกรงว่าจะก่อให้เกิดภัยพิบัติอย่างหนักหน่วง แม้แต่วันสิ้นโลกก็อาจมาเยือนได้จริง ๆ

…………………

Related

ตอนที่ 3009 ในน้ำมีเชื้อไวรัส

เน่าเน่าที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุดล้มไปแล้ว หลงเฟิงหลงถูแค่ไม่โจมตีพวกเขาก็เพียงพอแล้ว ฝั่งพวกเสี่ยวเป่าเหลือเพียงเล่อเล่อกับสือเอ้อร์ที่ยังมีกำลังในการรับมืออยู่บ้าง เจสันนั้นพึ่งพาไม่ได้เลย เขาหลบอยู่หลังปิแอร์กลับยังปลอดภัยเสียกว่า

หลังจากปิแอร์กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากจึงมีแรงปกป้องเจสันเหลือเฟือ แต่เขาจะลงมือแค่ช่วงที่เจสันมีอันตรายเท่านั้น ส่วนช่วงเวลาอื่น ๆแทบจะไม่กระดิกตัวและไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเสี่ยวเป่าด้วย

“ไม่ได้การแล้ว…เสี่ยวจูนายใช้ระเบิด!” เล่อเล่อเมื่อยมือขึ้นเรื่อย ๆ สัตว์ประหลาดมีมากเกินไป เธอฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมดสักที

เสี่ยวจูส่ายศีรษะ “ระเบิดของฉันอานุภาพสูงเกินไป อาจจะทำให้ถ้ำถล่มได้”

“แล้วจะทำอย่างไร? รีบหาทางเร็ว…ไม่งั้นเราต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดหมดแน่!” เล่อเล่อชักร้อนใจแล้วจัดการฟันซอมบี้หมาป่าตัวหนึ่งที่กระโจนเข้าใส่จนหัวขาด

พลันเจสันก็ร้องขึ้นว่า “แปลกจัง…ทำไมสัตว์ประหลาดไม่โจมตีพวกมัน?”

เขาชี้ไปที่พวกเน่าเน่าบนแพก็ทำท่าตกใจอย่างมาก เขาหลบอยู่หลังปิแอร์ปลอดภัยดี พอว่างจนรู้สึกเบื่อถึงได้เหลียวมองดูรอบตัวก็บังเอิญเห็นภาพปรากฏการณ์สุดแปลกนี้เข้า

สัตว์ประหลาดทุกตัวล้วนเลี่ยงแพไปโดยอัตโนมัติราวกับมองไม่เห็น

พวกเสี่ยวจูได้รับการเตือนสติจากเขาจึงสังเกตเห็นภาพปรากฏการณ์น่าประหลาดนี้ ไม่นานเสี่ยวเป่าก็หาสาเหตุเจอ “เพราะพวกมันเป็นพวกเดียวกัน…สัตว์ประหลาดได้กลิ่นของพวกเดียวกันจากตัวพวกเน่าเน่า!”

“ฉันหาทางได้แล้ว…เอาเลือดสัตว์ประหลาดทาบนตัว เร็ว…”

เสี่ยวจูเป็นคนเริ่มลงมือก่อนพลางเอาเลือดสีดำจากศพของสัตว์ประหลาดบนพื้นมาทาตัวจนทั่ว เสี่ยวเป่าลงมือเป็นคนที่สอง เล่อเล่อกับสือเอ้อร์พยายามอดกลั้นความขยะแขยงไว้แล้วฝืนเอาเลือดมาทาตัวด้วยอีกคน

เจสันกลับลงมือไม่ได้สักที ให้ทาของน่าขยะแขยงพวกนี้เขายอมตายเสียดีกว่า!

“ฮึ่ม”

สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาแยกเขี้ยวคมต่อหน้าเขา ถึงจะถูกปิแอร์จัดการทึ้งตัวออกเป็นสองซีกแต่เจสันก็ยังตกใจจนเหงื่อผุดเต็มกายเลยตัดสินใจเอาเลือดสัตว์ประหลาดมาทาตัวอย่างเด็ดเดี่ยว

“กลั้นหายใจไว้…สัตว์ประหลาดไม่มีลมหายใจ” เสี่ยวเป่าเตือน

วิธีนี้ใช้ได้ผลจริง ๆ ขอแค่กลั้นหายใจไว้ ต่อให้สัตว์ประหลาดยืนอยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น กระทั่งตอนนี้เองพวกเขาถึงรู้ว่าที่แท้สัตว์ประหลาดนั้นมองไม่เห็น พวกมันอาศัยการรับกลิ่นทางจมูกและสัมผัสลมหายใจในการแยกแยะมนุษย์กับพวกพ้องเดียวกัน

“ฟู่ว…”

เจสันที่กลั้นหายใจไม่ไหวแล้วจริง ๆเผลอพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สัตว์ประหลาดฝูงหนึ่งกรูล้อมเข้ามาอย่างไวทำเอาเขาตกใจก็รีบกลั้นหายใจทันที สัตว์ประหลาดเยอะขนาดนี้ ถึงปิแอร์จะเก่งกาจเพียงไหนก็สู้ไม่ไหวหรอก!

แต่ละคนทำได้แค่สูดอากาศเข้าปอดเฮือกหนึ่งแล้วกลั้นต่อสักพักสลับทำเช่นนี้แล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปในระยะทางไกลพอสมควรราวกับปาฏิหาริย์ พวกสัตว์ประหลาดเหมือนแมลงวันไร้หัวก็ไม่ปานที่หาไม่เจอว่าเป้าหมายอยู่ที่ใด

“ทำไมอยู่ดี ๆน้ำถึงลดล่ะ? เมื่อกี้ยังเชี่ยวขนาดนั้น!” เล่อเล่อขยับปากถาม

เสี่ยวเป่าใช้เท้าชี้ไปยังหลุมบนพื้น แล้วขยับปากตอบกลับ “ด้านใต้นี้มีธารน้ำ”

นี่ก็คือแม่น้ำในแม่น้ำอีกที ใต้ลำน้ำยังมีธารน้ำอีกหนึ่งสาย น้ำจะไหลซึมเข้าร่องน้ำชั้นใต้ดินผ่านหลุมเล็กพวกนี้ บางทีเดินต่อไปอีกสักระยะอาจจะเกิดน้ำท่วมอีกก็ได้

ไม่ต่างจากที่เสี่ยวเป่าคาดเอาไว้ ไม่นานจากนั้นก็มีน้ำหลากอีกหนและฉุกละหุกเช่นเดียวกับครั้งก่อน เสี่ยวเป่ารีบเตือน “ในน้ำมีเชื้อไวรัส อย่าให้เข้าปากละ!”

เขาคิดมาตลอดทาง ในที่สุดก็คิดออกสักทีว่าทำไมพวกเน่าเน่าถึงติดเชื้อได้

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือเน่าเน่ากับพวกหลงเฟิงสำลักน้ำ ในน้ำมีเชื้อไวรัสเป็นเหตุให้มนุษย์ติดเชื้อได้เช่นกัน!

……………………………….

ตอนที่ 3010 สัตว์ประหลาดไม่โจมตีเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าอารมณ์หนักอึ้ง ร่องน้ำชั้นใต้ดินเชื่อมไปได้ทุกทาง เชื้อไวรัสพวกนี้จะต้องแปดเปื้อนแหล่งน้ำแล้วแน่ หากมนุษย์ใช้น้ำติดเชื้อแบบนี้เข้า ผลลัพธ์นั้น…

คลื่นน้ำเป็นระลอกซัดใส่เสี่ยวเป่าพาร่างร่วงตกน้ำไป เขาไม่มีเวลาคิดอะไรอีกและพยายามว่ายไปหาแพ แต่เพราะเขาอยู่ไกลจากแพมากที่สุด ไหนจะพละกำลังตามไม่ทันเลยทำให้สำลักน้ำโดยไม่ทันระวังตัว

เสี่ยวเป่าใจหล่นวูบแต่เขาไม่ได้มีท่าทีลนลานพยายามว่ายต่อไป รอบตัวมีแต่สัตว์ประหลาดและพวกเล่อเล่อว่ายไปถึงแพแล้ว

“พี่เสี่ยวเป่ารีบมา ฉันจะรับพี่ไว้เอง!” เล่อเล่อเป็นห่วงอย่างมาก

เจสันหลบไปอยู่หลังปิแอร์อย่างปลอดภัย เมื่อไม่มีอะไรต้องกังวลอีกเขาก็ร้องขึ้นมาอีกที “รีบดูสิ…สัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่โจมตีเขา!”

ทุกคนต่างมองไปที่เสี่ยวเป่าก็พบว่ารอบตัวเขาเบียดแน่นไปด้วยสัตว์ประหลาด แต่เป็นไปตามที่เจสันพูดเพราะสัตว์ประหลาดไม่โจมตีเสี่ยวเป่าราวกับมองไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น พวกมันเอาแต่โจมตีพวกเล่อเล่อที่อยู่บนแพอย่างเดียว

เลือดสัตว์ประหลาดบนตัวของพวกเล่อเล่อถูกสายน้ำชำระล้างไปจนหมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่คราบ มิน่าสัตว์ประหลาดถึงสังเกตเห็นพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

“ทำไมสัตว์ประหลาดไม่โจมตีพี่เสี่ยวเป่าล่ะ? หรือว่าเลือดสัตว์ประหลาดบนตัวพี่เสี่ยวเป่ายังไม่หายไป? เป็นไปไม่ได้สิ!” สือเอ้อร์คิดไม่ตก

เจสันกลับนึกอีกเรื่องขึ้นได้ “ความจริงตอนอยู่บนนี้ฉันก็สังเกตเห็นว่าสัตว์ประหลาดเหมือนจะชอบเขามาก ไม่โจมตีเขาเลย”

“นายแน่ใจนะ?” เสี่ยวจูทำหน้าร้อนรน

“แน่นอน มั่นใจมาก ฉันนึกว่าเพราะเขาหน้าตาสวยเกินไปถึงดึงดูดสัตว์ประหลาดไว้ซะอีก” เจสันยักไหล่พลางพูดเชิงล้อเล่นประโยคหนึ่ง แต่ไม่มีใครตอบรับเขา

นี่มันช่วงนาทีชีวิตแล้วใครจะมีอารมณ์ล้อเล่นกันล่ะ?

เสี่ยวเป่าเองก็ได้ยินคำพูดของเจสันเช่นกัน ใจเขาก็ยิ่งหนักอึ้งมากกว่าเดิม หรือว่าเขาเริ่มกลายพันธุ์แล้วงั้นหรือ?

แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรสักนิดเลยล่ะ?

ในที่สุดก็ปีนขึ้นแพสำเร็จ เสี่ยวเป่านั่งหายใจสักพักแล้วบอกเรื่องที่เขาสำลักน้ำไป “พวกเธอรีบมัดตัวฉันไว้ก่อน!”

“พี่บอกให้เราอย่าสำลักน้ำ แต่ตัวเองดันสำลักน้ำเสียเองเนี่ยนะ…” เล่อเล่ออดร้องไห้ไม่ได้ เน่าเน่าเกิดเรื่องไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าพี่เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปอีกคน เสี่ยวจูกับสือเอ้อร์จะเป็นอะไรไปด้วยเหมือนกันไหม?

เสี่ยวเป่ายิ้มพลางเช็ดน้ำตาให้เล่อเล่อ “อย่าร้อง เสี่ยวจูจะต้องหาวิธีได้แน่ ไว้เรากลับไป ฉันจะคุยกับคุณอาเหยียนขออนุญาตเขาให้เราแต่งงานกันนะ!”

“ฉันขอแค่พี่กับเน่าเน่าหายดี ไม่แต่งงานก็ไม่แต่ง ขอแค่พวกพี่ปลอดภัยดีก็พอ…” เล่อเล่อพูดเสียงติดสะอื้น เธอไร้ประโยชน์เกินไป ใครก็ปกป้องเอาไว้ไม่ได้สักคน!

สือเอ้อร์ร้องไห้ด้วยอีกคน อย่างน้อยพี่เล่อเล่อยังรอพี่เสี่ยวเป่าขอแต่งงานได้ แต่กระทั่งตอนนี้ในใจพี่เน่าเน่าเธอยังเป็นเพียงต้นกล้าเล็ก ๆที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เกรงว่าโอกาสที่เธอจะพิสูจน์ให้เห็นเรือนร่างสุดเร่าร้อนของตนในอนาคตคงไม่มีแล้ว!

สองพี่น้องกอดคอกันร้องไห้ เจสันเห็นแล้วรู้สึกปวดใจเลยร้องไห้ด้วยอีกคนอย่างหักห้ามใจไม่ได้

เขายังไม่ได้จัดงานแต่งงานกับปิแอร์เลย!

“หยุดร้องได้แล้ว พี่เสี่ยวเป่าไม่กลายพันธุ์หรอก!” เสี่ยวจูพูดเสียงแน่วแน่

เสียงร้องไห้หยุดชะงัก

“จริงเหรอ? เพราะในน้ำนี้ไม่มีเชื้อไวรัสใช่ไหม?” เล่อเล่อถามด้วยความดีใจ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ น้ำกับน้ำก่อนหน้านี้มีเชื้อไวรัสเหมือนกัน แต่เลือดของพี่เสี่ยวเป่ามีความพิเศษเขาเลยไม่ติดเชื้อไวรัส และไม่ถูกสัตว์ประหลาดโจมตีด้วย” เสี่ยวจูบอกข้อสันนิษฐานล่าสุดของเขาไป

“เลือดของพี่เสี่ยวเป่าทำไมเหรอ?” เล่อเล่อฟังไม่รู้เรื่อง

เสี่ยวจูเผยรอยยิ้มอย่างลึกลับแล้วย้อนถาม “พี่เสี่ยวเป่าเป็นอะไรกับหนิงเฉินเซวียนล่ะ?”

ทุกคนเข้าใจในฉับพลัน “หรือว่าถ้าลูกหลานของหนิงเฉินเซวียนมาที่นี่จะไม่เป็นอันตรายงั้นเหรอ?”

“ตอนนี้เท่าที่ดูน่าจะเป็นอย่างนี้ละนะ รอดูต่อไปแล้วกัน หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ก็รู้ผลแล้ว!” เสี่ยวจูโยนระเบิดลูกหนึ่งลงน้ำไป มีระเบิดเป็นแรงกันชนและทำให้ถ้ำไม่ถล่มอีกด้วย

……………………

Related

ตอนที่ 3007 หลงเฟิงหลงถูติดเชื้อ

“งั้นคงต้องใช้มีดฟันแล้วล่ะ” เน่าเน่าขบฟันแน่นดึงมีดออกมาเตรียมฟันต่อ

เจสันถามขึ้นกะทันหัน “ยังมีน้ำยาอีกไหม?”

“มี ทำไมเหรอ?”

“ฉันมีวิธีจุดไฟ รอเดี๋ยวนะ แค่แป๊บเดียว” เจสันค้นกระเป๋าอยู่นานกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะหยิบประทัดในงานแต่งมาด้วย แถมยังเป็นประทัดหมื่นนัดอีกต่างหาก

“ทำไมนายถึงมีของแบบนี้ได้?” เน่าเน่ายอมใจจริง ๆ มาออกสำรวจแล้วยังพกประทัดมาด้วยหรือ?

หรือว่าคิดจะใช้ประทัดไล่สัตว์ป่าหรืออย่างไร?

“ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เวลาจัดงานแต่งงานต้องจุดประทัดเพื่อฉลอง ฉันก็อยากฉลอง…”

เจสันอธิบายเหตุผลอย่างเคอะเขิน เขากับปิแอร์ไม่ได้จัดงานแต่งงานกันสักที พอได้ยินว่ามีขนบธรรมเนียมนี้เจสันก็ไปซื้อประทัดมาแถวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ เขาตัดสินใจว่าหลังออกจากเขาใหญ่ลูกนี้ก็จะเฉลิมฉลองกับปิแอร์สักหน น่าเสียดาย…ไม่มีโอกาสจุดสักที

เน่าเน่ายกนิ้วโป้งให้อีกคน อัจฉริยะจริง ๆ!

เขาทำการแกะประทัดออกจัดเป็นกอง ๆเหมือนตอนเล่นประทัดในวัยเด็กโดยจุดบุหรี่มวนหนึ่งแล้วเอาไปจุดเส้นชนวนของประทัดจนค่อย ๆดีดออก เมื่อประทัดระเบิดร่างสัตว์ประหลาดก็จะเกิดประกายไฟลุกท่วมในทีเดียว

แม้จะช้าไปหน่อยแต่ก็สบายกว่าใช้มีดฟันมากโข อีกทั้งประทัดที่เจสันซื้อมามากพอ รับรองว่าพอใช้

ราวครึ่งชั่วโมงผ่านไป…สัตว์ประหลาดในน้ำถูกกำจัดจนหมดสิ้น น้ำกลับมาใสสะอาด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่…ราวกับเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น

“เยี่ยมมาก ลุยต่อเถอะ!” เล่อเล่อตบบ่าเน่าเน่าแรง ๆทีหนึ่งก่อนจะพายเรือต่ออย่างดีใจ เรือลำเล็กไหลลงไปตามกระแสอย่างรวดเร็ว

เน่าเน่าขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขามีความรู้สึกแปลก ๆบางอย่างเหมือนใจสั่น แต่ไม่นานก็หายไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

เพราะมีไฟส่องนำทางของเสี่ยวจูเลยทำให้มองเห็นภายในถ้ำอย่างชัดเจน เจสันมองลูกบอลไฟฉายอย่างกังวลใจ “ถ่านพอใช้ไหม? หรือปิดก่อนจะดีกว่า!”

ถ่านก้อนเล็กขนาดนี้ ไหนจะแสงไฟที่สว่างขนาดนี้ คาดว่าคงใช้ได้ไม่นานนัก

เสี่ยวจูเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พอใช้น่า!”

ไฟฉายนี้ของเขาใช้งานติดต่อกันได้นานถึงสามสิบชั่วโมง นอกจากนี้ยังเป็นการชาร์ตไฟด้วยแสงอาทิตย์ ขอเพียงอยู่ในช่วงกลางวันไม่ว่าจะเป็นวันที่อากาศดีหรือแย่ก็ทำการชาร์ตไฟได้ทั้งสิ้น ฉะนั้น…ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องไฟไม่พอใช้เลย

ทีนี้เจสันค่อยวางใจหน่อยเลยทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆปิแอร์อย่างสบายใจ ตรงข้ามเขาคือหลงเฟิงกับหลงถูสองคน ทั้งสามคนต่างจ้องตากันไปมาอย่างไม่มีอะไรจะพูด

“ทำไมหน้าของพวกนายถึงขึ้นสีเขียวช้ำขนาดนี้? พระเจ้า…พวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว!” เจสันตะโกนร้องขึ้นมาอย่างตกใจแล้วหลบไปอยู่หลังปิแอร์

พวกหลงเฟิงแยกเขี้ยวทำการโจมตีเจสัน พวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วตามคาด

เล่อเล่ออยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดเลยลงมือไวปานแสงก่อนจะทำการควบคุมตัวทั้งสองคนด้วยเชือก ทั้งคู่พยายามดิ้นรนขัดขืนพร้อมส่งเสียงขู่ร้องทุ้มต่ำ

ทุกคนจดจ่อความสนใจไปที่พวกหลงเฟิงเลยไม่มีใครสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเน่าเน่าก็ไม่ปกติมากเช่นกัน อีกทั้งเขากำลังกุมหน้าอกขมวดคิ้วแน่น รู้สึกแย่ขึ้นเรื่อย ๆแล้ว

“ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปได้? ตามตัวไม่มีรอยบาดแผลและไม่ได้กินดอกลิลลี่สีดำด้วย แล้วจะติดเชื้อได้อย่างไร?”

เสี่ยวจูก็คิดไม่ตกเช่นกันพลางทำหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก เขากำลังกังวลว่ายังมีวิธีอื่นที่จะติดเชื้อได้อีกแต่เขายังหาไม่เจอ

“พี่…รู้สึกไม่ดีเลย…” ในที่สุดเน่าเน่าก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป สีหน้าเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนไฟกำลังลุกท่วมหัวจนนึกอะไรไม่ค่อยออกแล้ว

“เป็นอะไรไป? รีบบอกพี่มาว่ารู้สึกไม่ดีตรงไหน?” ในที่สุดเล่อเล่อก็สังเกตถึงความผิดปกติของเน่าเน่าก็ร้อนใจอย่างมาก

…………………………….

ตอนที่ 3008 เน่าเน่าก็ติดเชื้อเช่นกัน

“มัดฉันไว้…อย่าเข้าใกล้ฉัน…มัดฉันไว้…”

เน่าเน่าผลักเล่อเล่อที่คิดจะเข้าใกล้ตัวเองออกไป เมื่อกี้เขากลับคิดจะหักคอพี่สาวแท้ ๆเสียได้ เขาตกใจกับความคิดนี้ของตนแทบแย่ ภายในหัวยุ่งเหยิงขึ้นทีละนิดและรู้สึกเหมือนไฟลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆจนเขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

“พี่เน่าเน่า…พี่เป็นอะไรไป…พี่อย่าทำฉันขวัญเสียสิ…” สือเอ้อร์ตกใจแทบแย่

“เขาก็ติดเชื้อด้วยคนแล้ว รีบมัดตัวเขาไว้!”

เสี่ยวจูหยิบเชือกออกจากถุง ดวงตาของเน่าเน่ากำลังเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ สติกับความคลุ้มคลั่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด สติลดน้อยลงเรื่อย ๆ ตรงกันข้ามความคลุ้มคลั่งกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เน่าเน่าไม่รู้ว่าเขาจะคงสติไว้ได้อีกนานแค่ไหน

“เร็ว…มัดตัวฉันไว้!”

เน่าเน่ายื่นมือออกมาเอง พยายามหักห้ามอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะฆ่าคนเอาไว้ เล่อเล่อกัดฟันแน่นแล้วรีบทำการมัดตัวเน่าเน่าอย่างรวดเร็ว ดวงตาเริ่มแดงก่ำด้วยเช่นกัน เธอมันไม่ได้เรื่องปกป้องน้องชายเอาไว้ยังไม่ได้เลย แล้วเธอจะบอกพ่อแม่อย่างไร?

“ฉันจะหาทางแก้พิษให้ได้ นายอดทนไว้นะ!” เสี่ยวจูพูดเสียงหนักแน่น

เน่าเน่าอมยิ้มนิด ๆ คิดจะพูดอะไรต่อแต่ลิ้นของเขาแข็งตัวไปแล้วขยับไม่ได้ เขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง หรือว่าอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้นเหมือนกันงั้นหรือ?

ถ้าต้องใช้ชีวิตตายทั้งเป็นแบบนั้น สู้ให้เขาตาย ๆไปเลยยังจะดีกว่า!

เล่อเล่อเอาเม็ดยาวิเศษออกมายัดใส่ปากเน่าเน่า ไม่รู้ว่าใช้ได้ผลหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยละนะ!

เสี่ยวจูเอากระบอกฉีดยาออกมาสูบเลือดจากตัวเน่าเน่าไปหนึ่งกระบอก แล้วรีบทำการแยกเซรุ่มเลือดออกอย่างว่องไว เขามีอุปกรณ์เฉพาะทางที่สามารถแยกเซรุ่มเลือดได้ในเวลาสั้น ๆ

“เขาทำอะไร?” เจสันถามแต่ไม่มีใครสนใจเขา ทุกคนต่างกำลังรู้สึกบีบหัวใจที่เน่าเน่าติดเชื้อ แล้วจะมีกะจิตกะใจอะไรไปสนใจเรื่องอื่นอีก

ไม่นานจากนั้นเสี่ยวจูก็ได้แยกตัวเซรุ่มเลือดไร้สีออกมาได้สำเร็จ มีประมาณครึ่งกระบอกเข็มแล้วทำการฉีดเข้าตัวเน่าเน่าทั้งหมด

“ความจริงตัวเน่าเน่าจะสร้างภูมิคุ้มกันเอง แต่ตอนนี้ภูมิคุ้มกันมีไม่มาก ฉันแค่ดึงเอาภูมิคุ้มกันออกมานิดหน่อย พอจะให้เน่าเน่าทนไปได้อีกสักระยะ” เสี่ยวจูอธิบายเหตุผลที่เขาทำเช่นนี้

ความจริงเรื่องนี้ไม่ต่างจากการปลูกฝีเท่าไร เซรั่มพิษงูก็ถูกดึงออกมาด้วยวิธีแบบนี้เช่นกัน

“ขอร้องละได้โปรดช่วยปิแอร์ที ฉีดให้เขาด้วยเถอะ!” เจสันมองเสี่ยวจูอย่างวิงวอน

เน่าเน่าที่พอถูกฉีดเข้าไปก็ไม่ร้องโวยวายอีกแล้วเข้าสู่สภาวะหมดสติคล้ายนอนหลับ บ่งบอกว่าเซรุ่มเลือดเกิดผลแล้ว เจสันมองเห็นแสงสว่าง เขาหวังว่าปิแอร์จะหายเป็นปกติเหมือนกัน

“ปิแอร์ติดเชื้อไปทั้งตัวแล้ว เซรุ่มเลือดไม่ได้ผลเท่าไร” เสี่ยวจูปฏิเสธไป

เจสันยิ้มอย่างขมขื่นทีหนึ่ง แล้วถามอีก “นายหาทางแก้พิษได้ใช่ไหม?”

“แน่นอน” เสี่ยวจูมั่นใจอย่างมาก

ความจริงเขาหาทางได้แล้วแต่เขาต้องรอพิสูจน์อีกหนึ่งเรื่อง หากข้อสันนิษฐานของเขาเป็นจริง เช่นนั้นเขาก็สามารถคิดค้นยาต้านเชื้อไวรัสได้แล้ว

เจสันจุดยิ้มบนใบหน้าแล้วขอบคุณเสี่ยวจูไม่หยุด เขาเชื่อในตัวเสี่ยวจู เด็กชายชาวฮวาเซี่ยคนนี้ราวกับเป็นเทพมาจุติเพราะรู้สึกว่าไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำไม่ได้ ฉะนั้นเขาต้องคิดค้นยารักษาได้อย่างแน่นอน!

“น้ำลดแล้ว…เกิดอะไรขึ้น?” เล่อเล่อรู้สึกว่าเรือลำเล็กนิ่งไปไม่ขยับก็ใช้มือพายอีกหลายทีแต่กลับว่างเปล่า ทีนี้ถึงพบว่าน้ำลดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจทราบได้ เรือลำเล็กกำลังจอดอยู่บนพื้นดิน

“แพเคลื่อนที่บนพื้นดินได้เหมือนกัน จับคนกลุ่มนี้ไว้บนแพแล้วลากไป” เสี่ยวจูเสนอความคิด

แต่พวกเขาเพิ่งลงจากแพก็มีซอมบี้หมาป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา กรงเล็บแหลมคมปล่อยไอเย็นยะเยือกภายใต้แสงไฟ

ในเวลาเพียงอึดใจเดียวก็มีสัตว์ประหลาดอีกกลุ่มหนึ่งทะลักพลั่งพรูออกมาห้อมล้อมพวกเขาไว้อยู่ตรงกลาง บนตัวพวกมันมีกลิ่นเหม็นเน่าของศพซึ่งน่าพะอืดพะอมมากทีเดียว

……………………

Related

ตอนที่ 3005 สัตว์ประหลาดมนุษย์มาจากไหนเยอะแยะ

“ให้ตาย…สัตว์ประหลาดพวกนี้ว่ายน้ำเป็น…ผีหลอกแล้ว…” เน่าเน่าร้องโวยวายเสียงดังพลางมองเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ

สัตว์ประหลาดที่เวลาเดินยังตัวแข็งทื่อกลับคล่องแคล่วยามอยู่ในน้ำ แต่เพราะข้อกระดูกแข็งทื่อไปทำให้พวกเขาเคลื่อนตัวเสียงดังไปสักหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเน่าเน่าคงไม่สังเกตเห็นง่ายขนาดนี้

“แสงไฟฉายไม่สว่างพอ มีอันที่สว่างกว่านี้ไหม?” เน่าเน่าตะโกนถาม

ในถ้ำมืดไปทุกหนแห่งและไฟฉายของเขาฉายได้เพียงจุดเดียวไม่ครอบคลุมพื้นผิวน้ำทั้งหมดเลยมองไม่ชัดว่าสัตว์ประหลาดจำนวนเท่าไร

“รอแป๊บหนึ่ง”

เสี่ยวจูล้วงลูกบอลเล็ก ๆขนาดเท่าแอปเปิลลูกหนึ่งจากกระเป๋าด้วยท่าทีเรียบนิ่ง เขากดปุ่มเปิดพลันแสงไฟสว่างจ้าก็ส่องไปทั่วภายในถ้ำราวกับแสงอาทิตย์สาดส่องแต่กลับไม่แยงตา

“พระเจ้า…หรือว่าพวกมันใช้ชีวิตในน้ำงั้นเหรอ?” เจสันมองด้วยแววตาหวาดกลัว

พื้นผิวน้ำที่เย็นจัดเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดอย่างแน่นขนัดราวกับต้มเกี๊ยว แออัดเสียจนไม่มีที่ให้น้ำระบายและแทบนับไม่หวาดไม่หวั่นว่ามีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ เรือลำเล็กของพวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยสัตว์ประหลาดไปแล้ว อีกทั้งสัตว์ประหลาดพวกนี้กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เรือลำเล็ก

“เป้าหมายของพวกมันคือเรา รีบพายเรือเร็ว!” เล่อเล่อตะโกนขึ้น ก่อนจะใช้แขนแทนไม้พายรีบพายน้ำอย่างสุดกำลัง

เสี่ยวเป่าส่ายหน้ากล่าว “เปล่าประโยชน์ สัตว์ประหลาดปิดเส้นทางไว้แล้ว ต้องกำจัดพวกมันทิ้งอย่างเดียวถึงจะเดินทางต่อได้”

“งั้นก็กำจัดพวกมันทิ้งซะ คอยดูฝีมือฉันเถอะ!”

เน่าเน่าหยิบเอามีดกงจักรสามเล่มของเขาออกมาแล้วเหวี่ยงออกไปหมุนพรึ่บ ๆอยู่ในถ้ำ โชคดีที่สัตว์ประหลาดพวกนี้ปฏิกิริยาเชื่องช้าน้อยมากที่จะหลบการโจมตีของมีดกงจักรได้ ในชั่วพริบตาเดียวก็มีสัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวหัวขาดและร่างลอยแพอยู่บนผิวน้ำไหลลงไปตามกระแสน้ำ

สัตว์ประหลาดมีจำนวนมากเกินไปจริง ๆ มีทั้งมนุษย์กลายพันธุ์ สัตว์ป่า กระทั่งปลาในน้ำที่ล้วนเริ่มโจมตีเรือลำเล็กแล้ว

ฉาฉาโผล่หัวออกมา เขาอยากลงน้ำไปจัดการสัตว์ประหลาดพวกนี้เสียแต่ฉิวฉิวกลับห้ามเขาไว้

“อย่าไป ให้เด็กพวกนี้หาทางเอาเอง ถ้ายังไม่ถึงวินาทีสุดท้ายอย่าออกโรง!”

“รับทราบ!”

ฉาฉาหดคอกลับไปอย่างเชื่อฟัง คำพูดจากลูกพี่ฉิวไม่มีทางผิดแน่นอน

สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งแอบปรากฏอยู่ด้านหลังเจสันแล้วยื่นกรงเล็บหมายจะโจมตีเจสัน เจสันกลับไม่รู้สึกตัวใด ๆพลางใช้มีดสั้นโจมตีสัตว์ประหลาดในน้ำต่อ พวกเน่าเน่าเห็นกันทุกคนแล้วแต่ไม่มีใครช่วย

เสื้อหายากของลี่จิ่วกันกระสุนได้ กรงเล็บจากสัตว์ประหลาดก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา

แต่ปิแอร์ดันไม่รู้เรื่องนี้ ถึงเขาไม่มีสติสัมปชัญญะไปแล้วแต่การปกป้องเจสันเป็นสัญชาตญาณที่ฝังเข้ากระดูกของเขา ต่อให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเขาก็ไม่มีทางลืม

“ฮึ่ม”

จู่ ๆปิแอร์ก็ขืนตัวจนเถาวัลย์ขาดสะบั้นพลางคว้าตัวซอมบี้หมาป่าแล้วกระชากซอมบี้หมาป่าจนขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่จรดเท้า

“ขอบคุณนะ…ที่รัก ฉันรู้อยู่แล้วเชียวว่านายไม่ลืมฉัน!” เจสันหันกลับมายิ้มให้คนรัก

ปิแอร์มองเขานิ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขาคำรามอีกทีแล้วจัดการฉีกทึ้งสัตว์ประหลาดอีกตัวที่เข้ามาใกล้

“น่าแปลก ปิแอร์ไม่เหมือนสัตว์ประหลาดตัวอื่น ข้อกระดูกของเขาไหวตัวได้คล่องแคล่วกว่า และพลังการต่อสู้แข็งแกร่งกว่า” เล่อเล่อจับผิดสังเกตได้

เจสันทำท่าภูมิใจใหญ่ “ปิแอร์ต้องเก่งที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสายพันธุ์ไหนเขาย่อมต้องเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว!”

ทุกคนฟังแล้วก็นึกขัน เจ้างั่งนี่ช่างโง่เขลาใจใหญ่นัก แต่เขามีจุดเด่นสุดขั้วอยู่สองจุดคือดวงดีสุด ๆและสภาวะทางจิตใจที่มองโลกในแง่ดีเสียจนดูโง่เขลา คนรักกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วเขายังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ตามเดิม เป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากเลยจริง ๆ

“น่าแปลก…สัตว์ประหลาดที่เป็นมนุษย์มากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน? กลางหุบเขาใหญ่แบบนี้มีคนเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ?” เล่อเล่อสังเกตถึงสิ่งผิดปกติเข้าแล้ว

………………………….

ตอนที่ 3006 ไฟคอก

พอได้ยินคำเตือนสติจากเล่อเล่อทุกคนก็เริ่มคิดถึงคำถามนี้เช่นกัน สัตว์ประหลาดมนุษย์ในน้ำแม้จะตัวผอมซูบและมอมแมมเสียจนไม่เหลือสภาพ แต่ยังพอจะแยกแยะเค้าโครงหน้าตาของพวกมันได้คร่าว ๆ

มีทั้งคนแก่คนหนุ่ม มีทั้งชายทั้งหญิงและสีผิวที่แตกต่างกันไปคล้ายมาจากทั่วทุกมุมโลก แต่ส่วนมากเป็นคนผิวเหลืองซึ่งน่าจะเป็นชาวฮวาเซี่ย

“อาจจะมาผจญภัยที่นี่ ทุกปีจะมีคนจากทั่วทุกมุมโลกมาสำรวจที่นี่กัน” เสี่ยวเป่าคาดเดา

เสี่ยวจูกลับปฏิเสธข้อสันนิษฐานนี้ “ไม่ใช่ ถ้าเป็นนักสำรวจ คนหายสาบสูญตั้งเยอะจะต้องมีการรายงานข่าวบ้างแล้วสิ แต่เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเกิดเรื่องที่ภูเขาสือว่านเลยนะ”

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่น เป็นไปตามที่อีกฝ่ายพูดจริง ๆ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกันล่ะ?

หรือว่าเป็นคนของหนิงเฉินเซวียนหรือ?

หลงเฟิงกลับทำหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ความจริงข่าวขุมสมบัติหลุดออกไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว มีสายลับจากทั่วโลกเดินทางมาที่นี่แต่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นับรวม ๆแล้วจำนวนของสายลับก็ไม่น้อยเลย”

เจสันพูดเสริม “ฉันรู้เรื่องนี้ ที่นี่เป็นเขตอันตรายระดับ SSS ของหน่วย FBI ของเรา เมื่อก่อนเคยส่งคนมาหลายคนแต่ก็ไม่มีใครกลับไปเลยแถมไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรด้วย เดาว่าคงกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วมั้ง!”

“งั้นคงไม่เยอะขนาดนี้หรอก อย่างน้อยในนี้ต้องมีสัตว์ประหลาดมนุษย์มากกว่าพันตัว อย่าเพิ่งพูดเลยดีกว่า กำจัดพวกมันไปก่อนค่อยว่าอีกทีแล้วกัน ทำไมยิ่งฆ่าก็ยิ่งเยอะเนี่ย!”

เล่อเล่อใช้มีดตัดหัวของสัตว์ประหลาดตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างฮึกเหิม บนผิวน้ำมีศพของสัตว์ประหลาดจำนวนมาก แต่จำนวนของสัตว์ประหลาดกลับไม่ลดน้อยลงเลย

“รอเดี๋ยว!”

เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นเสียงเรียบคำหนึ่งแล้วก็ค้นบางอย่างในกระเป๋าวิเศษของเขา เจสันมองกระเป๋าของเขาอย่างตกตะลึง ถ้าเสี่ยวจูล้วงเอาเครื่องย้อนเวลาออกมาเขาก็ไม่แปลกใจ

“ใช้อันนี้เถอะ ขอเวลาฉันสักห้าวินาที”

สิ่งที่เสี่ยวจูล้วงออกมาเป็นลูกบอลสีดำขนาดเล็กใหญ่เท่านิ้วก้อย เขาเอ่ยกับเสี่ยวเป่าว่า “หยดน้ำยาของพี่ไว้บนตัวสัตว์ประหลาด”

“นายคิดจะใช้ไฟคอกเหรอ?” ไม่นานเสี่ยวเป่าก็คิดได้จึงหยิบขวดยาเล็กออกมา แต่เขายังกังวลใจอยู่บ้าง “แพของนายกันไฟหรือเปล่า?”

“กันไฟอยู่แล้ว!” เสี่ยวจูพยักหน้าอย่างมั่นใจ

เสี่ยวเป่าวางใจแล้วจึงให้เน่าเน่าหยดน้ำยาในขวดใส่ตัวสัตว์ประหลาดพวกนี้รวมถึงตัวที่ตายไปแล้ว

“ภายในร่างกายของสัตว์ประหลาดมีแต่เชื้อไวรัส จะปล่อยให้พวกมันแปดเปื้อนแม่น้ำชั้นใต้ดินไม่ได้เด็ดขาด” เสี่ยวเป่าเองก็เพิ่งคิดได้ ทันใดนั้นเองก็มีบางอย่างวาบเข้ามาในหัวของเขาแต่เขาจับเอาไว้ไม่ทัน มันวนเวียนเลือนรางอยู่ในห้วงความคิด

เน่าเน่ารับขวดมาแล้วให้เล่อเล่อกับพวกหลงเฟิงพายเรืออย่างสุดกำลังพร้อมเทน้ำยาไม่หยุดมือ อาวุธลับความคล่องตัวของเขาดีไม่หยอก ภายในชั่วพริบตาก็สาดใส่สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวแล้ว

“พอแล้วล่ะ หมอบลง!”

เสี่ยวจูหยิบลูกบอลสีดำนั่นถูกับหนังแพแรง ๆทีหนึ่งแล้วโยนออกไป ลูกบอลสีดำหมุนกลางอากาศเรื่อย ๆแล้วแตกตัวออกเป็นพลุไฟหลากหลายสีสันงดงามดุจพลุดอกไม้

ประกายไฟที่กระเด็นใส่ตัวสัตว์ประหลาดก็จุดติดไฟ ในชั่วพริบตาสัตว์ประหลาดก็ถูกลูกไฟอาบท่วม ต่อให้พวกมันอยู่ในน้ำก็ไม่มีทางดับมอดไปแต่อย่างใด

ไม่นานสัตว์ประหลาดที่ถูกหยดน้ำยาใส่ก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าในฉับพลันแล้วไหลตามสายน้ำไป

สัตว์ประหลาดตัวอื่นชะงักไปครู่เดียวก็กรูล้อมเข้ามาอย่างเร็ว เน่าเน่าทำตามวิธีเดิม เสี่ยวจูโยนลูกบอลสีดำออกไปสามลูกติดต่อกัน สัตว์ประหลาดในน้ำน้อยลงไปประมาณหนึ่งซึ่งไม่ได้แน่นขนัดอย่างก่อนหน้าแล้ว แต่จำนวนก็ยังไม่น้อยเท่าไรอยู่ดี

“ทำต่อไป ทำไมนายไม่โยนแล้วล่ะ?” เน่าเน่ามองเสี่ยวจูด้วยความสงสัยเมื่อไร้เสียงเคลื่อนไหวจากอีกฝ่าย

“หมดแล้ว ฉันมีแค่สี่ลูก” เสี่ยวจูตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

เพราะมีอานุภาพเทียบเท่าพลุระเบิดเขาจึงไม่ได้ทำมากเท่าไร ใครจะคิดว่าดันมาตกม้าตายในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้

…………………

Related

ตอนที่ 3003 น้ำท่วม

“หรือว่านี่เป็นฐานใหญ่ของสัตว์ประหลาดพวกนั้น?” เล่อเล่อถาม

เสี่ยวจูพยักหน้า “น่าจะใช่ ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ำนี้ลึกแค่ไหน แต่เดาว่าคงไม่เล็กและพอจะรองรับสัตว์ประหลาดหลายหมื่นตัวหรืออาจจะมากกว่านั้นได้”

“ไม่สิ…ก่อนหน้านี้มีสัตว์ประหลาดที่เข้ามาจากข้างนอกด้วยอีกเยอะซึ่งไม่ได้ออกจากถ้ำนี้เสียทั้งหมด ไม่แน่สัตว์ประหลาดอาจมีฐานใหญ่สองที่!” เจสันเสนอความคิดเห็นที่ต่างออกไป

เสี่ยวเป่าหยุดเดินกวาดตาสังเกตรอบตัวทีหนึ่ง “ถ้ำนี้เชื่อมไปได้ทุกทิศทางแถมมีลม บ่งบอกว่าไม่ได้มีทางออกแค่ทางเดียว บางทีอีกทางออกหนึ่งอาจจะอยู่นอกหุบเขา”

“เป็นไปได้ สัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่สามารถปรากฏตัวใต้แสงอาทิตย์เป็นเวลานานได้ พวกมันเหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดอับชื้น มีความเป็นไปได้สูงว่าช่วงกลางวันจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ส่วนกลางคืนจะออกไปหาอาหาร!” เสี่ยวจูอธิบาย

สองวันนี้เขาสังเกตเห็นว่าสัตว์ประหลาดนั้นกลัวแสง แถมอาหารของพวกมันก็เป็นเลือดเหมือนผีดูดเลือดแต่ไม่ใช่ผีดูดเลือดแน่นอน ผีดูดเลือดถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิต สัตว์ประหลาดพวกนี้เป็นร่างที่ตายไปแล้ว พวกมันเป็นแค่เจ้าของร่างกายที่พิษกู่อาศัยอยู่เท่านั้น อีกทั้งไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเองด้วย

เสี่ยวจูพูดต่อ “งั้นแบบนี้ก็ถูกละ ฉันได้ยินมาว่าสัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวตอนกลางคืน หลายวันนี้จู่โจมเราตอนกลางวันน่าจะมีสาเหตุบางอย่าง”

“เดาว่าคงเป็นเหตุผลที่หนิงเฉินเซวียนพยายามใช้แผนหลอกล่อเรามาที่นี่สินะ!” เสี่ยวจูยิ้มจาง ๆ

เล่อเล่อไม่เข้าใจ “สาเหตุอะไร? ความหมายคือหนิงเฉินเซวียนวางกับดักใส่เราเหรอ?”

“ใช่แล้ว ที่นี่ไม่มีสมบัติอะไรหรอก และไม่มีภาพร่างอาวุธใหม่อะไรทั้งนั้น ที่นี่มีแต่สัตว์ประหลาดที่เขาสร้างขึ้นมา แล้วก็แผนลับของเขา” น้ำเสียงของเสี่ยวจูนานทีจะฟังดูเคร่งเครียดสักที

“เขาตัวสลายกลายเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้วยังจะมีแผนลับอะไรได้อีก?” เล่อเล่องุนงงกว่าเดิม

เหตุผลที่คนเลววางแผนย่อมหวังในผลประโยชน์ น้อยคนนักที่จะทำในสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อทั้งผู้อื่นและตัวเอง คนที่ตายไปแล้วอย่างหนิงเฉินเซวียนยังจะสร้างผลประโยชน์อะไรแก่ตนได้อีกล่ะ?

เสี่ยวจูหยักไหล่ “ตอนนี้ยังไม่รู้ ค่อย ๆดูไปแล้วกัน”

“ไม่สิ…พวกนายได้ยินเสียงน้ำไหลไหม?” เน่าเน่าเงี่ยหูฟัง

ทุกคนหยุดเคลื่อนไหวทุกอย่างแล้วกลั้นหายใจ เป็นไปตามคาดเมื่อได้ยินเสียงน้ำหลากที่ไหลดังขึ้นเรื่อย ๆ

พลันเน่าเน่าก็สีหน้าเปลี่ยนไปแล้วร้องขึ้น “แย่แล้ว น้ำไหลมาทางเรา!”

เพิ่งสิ้นเสียงของเขาก็มีกระแสน้ำเชี่ยวพัดพามาทางพวกเขาทันทีราวกับคลื่นกระทบฝั่ง ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัวดีก็จมอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำหลาก ดีที่ถ้ำนี้ลึกพอเลยมีช่องว่างราวหนึ่งเมตร

“ให้ตาย…น้ำนี้เย็นมาก เย็นจัดยิ่งกว่าน้ำที่ขั้วโลกเหนือซะอีก!” เน่าเน่าสำลักน้ำทีหนึ่งอย่างไม่ทันระวังตัว ทำเอาตัวเองเกือบแข็งไปทั้งปาก

เล่อเล่อรีบยกเสวี่ยเอ๋อร์ขึ้นเหนือศีรษะ เสวี่ยเอ๋อร์ไม่กลัวหนาวแต่มันอยู่ในน้ำเป็นเวลานานไม่ได้ ฉิวฉิวเองก็กระโดดขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะของเน่าเน่าตั้งแต่แรกแล้ว ท่าทางใจเย็นไม่ลนลานสักนิด

เสี่ยวจูก็ใจเย็นไม่แพ้กัน เขาหยิบแพที่ทำเองกับมือออกมาจากกระเป๋าวิเศษของเขาขนาดเท่าลูกเป็ดตัวหนึ่ง แต่สะบัดทีก็จะพบว่าขนาดแพไม่ได้เล็กเลย

“เติมลมอย่างไร? สลับกันเป่าเหรอ?” ทุกคนมองแพเหี่ยวด้วยความสงสัย นี่ต้องเสียเวลามากแค่ไหนกว่าจะเติมลมให้เต็มได้?

“น้ำลายจะเปื้อนแพของฉันเอาได้”

เสี่ยวจูเบะปากน้อย ๆอย่างนึกรังเกียจแล้วหยิบกล่องเล็กอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋าซึ่งมีทรงสี่เหลี่ยมรูปร่างไม่ใหญ่มากลักษณะคล้ายพาวเวอร์แบงก์ เสี่ยวจูหยิบหลอดเล็กอันหนึ่งออกจากกล่องแล้วเสียบเข้ารูของแพ จากนั้นก็กดปุ่มเปิดปิดปุ่มหนึ่งบนหน้ากล่อง

“ฟู่ว…”

เพียงชั่วอึดใจเดียวแพยางเหี่ยวย่นในทีแรกก็เด้งขยายพองตัวออกอย่างแรงและเต็มไปด้วยลม เสี่ยวจูกดแพทีหนึ่งอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ดึงหลอดออกแล้วปิดรูอย่างดี

……………………………

ตอนที่ 3004 ตัวอยู่ในชีพจรมังกร

“ขึ้นไปเถอะ!”

เสี่ยวจูปีนขึ้นแพอย่างทุลักทุเลก่อนจะตามด้วยคนอื่น ๆ แพของเขารองรับได้ถึงสิบคนราวกับเรือลำเล็กก็ไม่ปาน พวกเขามีกันเจ็ดคนบวกเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังมีที่เหลือเฟือ

“ให้ตาย…ด้านหลังมีสัตว์ประหลาด!” เจสันมองไปด้านหลังอย่างหวาดกลัว

ในน้ำมีสองชีวิตที่กำลังกระเสือกกระสนอยู่ ดูท่าทางจะเหนื่อยน่าดู

เสี่ยวเป่ามองไปยังเสี่ยวจูแวบหนึ่ง เรือเป็นของเขา ฉะนั้นต้องให้เสี่ยวจูตัดสินใจเอง

เสี่ยวจูยักไหล่ “พวกพี่ตัดสินใจเถอะ อย่างไรเสียก็ยังมีที่ว่างเหลือ”

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม พอพวกหลงเฟิงว่ายมาก็ช่วยดึงพวกเขาขึ้นเรือ

“ขอบคุณ…” ทั้งคู่กล่าวขอบคุณ คุณสมบัติด้านการรักษาความอุ่นของเนื้อผ้าพวกเขาไม่ดีเท่าของพวกเสี่ยวเป่า ตอนอยู่ในน้ำหนาวเอาเรื่องเลยทีเดียว

เน่าเน่าพูดประชด “ในที่สุดก็ยอมเปิดเผยโฉมหน้าสักทีนะ ฉันนึกว่าพวกนายจะหลบไปจนวันที่ฟ้าดินสลายซะอีก!”

พวกหลงเฟิงก้มหน้างุดอย่างลำบากใจ ไม่คิดว่าความเคลื่อนไหวของพวกเขาจะถูกจับได้ตั้งแต่เริ่มแล้ว

เสี่ยวเป่าส่งสายตาให้เน่าเน่าทีหนึ่ง เน่าเน่าได้แต่ปิดปากเงียบแต่โดยดี เขาเกลียดคนที่ทำตัวลับ ๆล่อ ๆอยู่ลับหลังที่สุด ไม่ตรงไปตรงมาสักนิด ถ้าไม่เห็นแก่ลี่จิ่วเขาคงลงมือแต่แรกแล้ว!

เรือลำเล็กไม่จำเป็นต้องมีคนคอยพายเพราะมันไหลไปตามกระแสน้ำอัตโนมัติด้วยความเร็วที่ไม่ช้ามากไปในถ้ำที่มืดมน เหนือศีรษะเป็นหินงอกหินย้อยที่ประกายแสงแพราวพราว

“ไม่สิ…ตอนนี้เรากำลังไหลจากบนไปล่างตามกระแสน้ำ บ่งบอกว่าน้ำพวกนี้มีคนจงใจปล่อยมันลงมา” เล่อเล่อตบหน้าขาทีหนึ่ง เสียงดังก้องเป็นพิศษเมื่ออยู่ชั้นใต้ดิน

“ต้องเป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้นแน่!” เน่าเน่าแค่นเสียงทีหนึ่ง

“ไหนว่าสัตว์ประหลาดไม่มีสติสัมปชัญญะไง?​ ทำไมพวกมันถึงคิดจะปล่อยน้ำมาฆ่าเราได้ล่ะ?” เล่อเล่อเอ่ยท้วง

เน่าเน่าไร้คำตอบโต้ในฉับพลัน

เสี่ยวเป่ากล่าว “มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นคำสั่งจากหัวหน้าของพวกมัน ฉันสงสัยว่าหัวหน้าคนนี้ต้องมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน สัตว์ประหลาดพวกนี้เคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม ฉะนั้นน่าจะแอบบงการอยู่ลับ ๆ”

ทุกคนเงียบจนบรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงกระแสน้ำไหล

สัตว์ประหลาดในยามไร้สติยังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้ามีสติจะรับมือยากขนาดไหน!

เสี่ยวเป่ามองไปยังพวกหลงเฟิง “ตอนนี้เราอยู่ในแอ่งชีพจรมังกรแล้วใช่ไหม?”

พวกหลงเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไป แม้ไม่ได้ตอบคำถามแต่ก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างดีใจ เขาไม่ได้เดาผิดจากที่คาดจริง ๆด้วย

สมบัติที่ว่าเป็นแค่คำหลอกลวงทั้งเพ เส้นทางแผนที่ในหยกเจ้าแม่กวนอิมที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้ให้ความจริงเป็นเส้นทางของชีพจรมังกร รวมถึงสัตว์ประหลาดเหล่านั้น สิ่งที่เสี่ยวเป่าคิดไม่ตกคือเหตุใดหนิงเฉินเซวียนต้องให้เขามาที่นี่ด้วย?

บางทีเมื่อไปถึงปลายทางอาจจะรู้สักทีสินะ!

“ชีพจรมังกรเป็นแบบนี้เหรอ? นี่มันแค่แม่น้ำชั้นใต้ดินเฉย ๆไม่ใช่หรือไง?” เล่อเล่อมองผิวน้ำท่ามกลางความมืดอย่างไม่เชื่อหู นี่มันเกินความคาดหมายของเธอไปแล้ว

หลงถูขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าวปฏิเสธ “ชีพจรมังกรที่นี่ค่อนข้างแปลก ชีพจรมังกรเป็นแดนมงคลของโลกมนุษย์ เดิมทีควรเต็มไปด้วยพลังดั่งอากาศอบอุ่นวันในฤดูใบไม้ผลิ แต่ตอนนี้กลับมืดมนเย็นยะเยือกมีแต่ความอับชื้นไปทั่วทุกหนแห่ง”

“เพราะชีพจรมังกรถูกทำลายแล้ว!” เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงนิ่ง

หลงเฟิงกับหลงถูสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ชีพจรมังกรเกี่ยวโยงถึงความเป็นความตายของประเทศ ต่อให้เป็นแค่ชีพจรมังกรที่เดียวก็จะสร้างผลกระทบไม่น้อยเหมือนกัน หนิงเฉินเซวียนจิตใจช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ นี่เขาคิดจะให้คนทั้งประเทศตายไปพร้อมกับเขางั้นเหรอ!”

“รีบร้อนอะไร จัดการสัตว์ประหลาดพวกนี้ไปซะก็ไม่เป็นไรแล้ว!” เน่าเน่ายอกย้อนกลับไปประโยคหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์

แค่ชีพจรมังกรเดียวเอง หากจะลามไปทั่วทั้งประเทศคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสักปีหนึ่ง มันจะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ในเวลาหนึ่งปีนี้พอสำหรับให้พวกเขากำจัดสัตว์ประหลาดแล้วล่ะ

“ตู้ม…กรรซ์…”

เสียงน้ำดังขึ้นปนเสียงคำรามแหบพร่า เรียกให้ทุกคนระวังตัวแล้วหยิบเอาอาวุธออกมากันถ้วนหน้า

……………………

Related

ตอนที่ 3001 ความจริงเป็นพิษกู่

ทุกคนค่อย ๆเดินตามเสี่ยวจูไป เจสันไม่วางใจปิแอร์จึงพาเขาไปด้วยพร้อมใช้เถาวัลย์ผูกตัวเขาไว้แน่นแล้วเดินจูงเบี่ยงออกไปทางด้านหน้า

อาการของปิแอร์น่าแปลกอย่างมาก เขาไม่เหลือสติสัมปชัญญะใด ๆหลงเหลือ จำใครไม่ได้รวมถึงเจสันด้วย อีกทั้งยังไม่เป็นมิตรกับพวกเล่อเล่ออย่างมาก ขอเพียงเข้าใกล้เขาก็พร้อมจะทำการจู่โจมได้เสมอ

แต่กับเจสันปิแอร์กลับมีท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างมาก ยอมให้เขาจูงแต่โดยดีไม่ขัดขืนสักนิด

เสี่ยวจูสนใจในตัวปิแอร์อย่างมากเลยห้ามพวกเล่อเล่อลงมือจัดการปิแอร์เด็ดขาด เขาต้องเก็บไว้ค่อย ๆศึกษา

ทุกคนเดินไปได้ราวสิบนาที นอกจากดอกลิลลี่ก็มีเพียงดอกลิลลี่ พอยิ่งเดินลึกเข้าไปต้นดอกลิลลี่ก็ยิ่งสูงใหญ่ มีบางต้นสูงเกือบเท่าครึ่งตัวคนด้วยซ้ำ

“ดอกไม้พวกนี้แปลกมากเหมือนโดนยากระตุ้นเลย!” สือเอ้อร์รู้สึกขนลุกในใจแล้วเผลอเดินชิดเน่าเน่า

เสี่ยวจูพูดเสียงเรียบ “ได้รับสารกระตุ้นจริง ก็จุลินทรีย์กลายพันธุ์พวกนั้นไง หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือพิษกู่จากเผ่าเหมียวเจียง”

เขาพอจะมั่นใจได้แล้วว่าดอกลิลลี่พวกนี้มีเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าวอยู่ในตัว ซึ่งเป็นพิษกู่ที่เลื่องชื่อไปทั่วโลกนั่นเอง

ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ภารกิจคราวนี้…ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเขาเคยคาดคิดเอาไว้ซะแล้ว!

นอกสวนดอกไม้มีหลงเฟิงกับหลงถูคอยยืนอยู่เงียบ ๆ

“จะตามเข้าไปไหม?” หลงถู่ถาม สีหน้าเขาดูไม่ดีนัก มีท่าทีพะว้าพะวงใจ

“นายรู้สึกถึงอะไร?” หลงเฟิงถาม

หลงถูมุ่นคิ้วแน่น “ฉันรู้สึกได้ไม่ปะติดปะต่อกันนัก หลังจากเข้ามาในหุบเขานี้ฉันก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลย แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่ฉันรับรู้ได้คือ…อย่าเข้าใกล้ที่นี่ มันอันตราย!”

นี่เป็นคำเตือนจากพิภพใหญ่ หลงถูจึงไม่กล้าชะล่าใจ

เมื่อก่อนเคยออกภารกิจครั้งหนึ่งเขาไม่ได้ถอยกลับตามคำตักเตือน ครั้งนั้นเขาเกือบตายเลยทีเดียว

“เราถอยกันเถอะ!” หลงถูเริ่มมีใจยอมแพ้

กลุ่มมังกรมีกฎว่าถ้าคาดว่าจะอันตรายถึงชีวิตก็สามารถล้มเลิกภารกิจได้ เพราะสมาชิกทุกคนของกลุ่มมังกรล้วนประเมินค่าไม่ได้และสูญเสียไม่ได้เด็ดขาด

หลงเฟิงกลับส่ายศีรษะ “ถอยไม่ได้ เด็กพวกนี้เข้าไปกันหมดแล้ว เราจะนิ่งดูดายไม่ได้”

ในนี้มีลูกสาวของลี่จิ่ว ลูกของเหยียนหมิงซุ่นกับ…ของเฮ่อเหลียนเช่อ แต่ละคนมีที่มาที่ไปใหญ่โตขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเขากับหลงถูนิ่งดูดายไม่สนใจ เกรงว่าอนาคตคงลำบาก

หลงถูเองก็คำนึงถึงจุดนี้ได้ “งั้นเข้าไปเรียกพวกเขาออกมาไหม?”

เขายังไม่ได้แต่งงานเลย ไม่อยากตายจริง ๆนะ!

หลงเฟิงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “เด็กเขายังใจกล้ายิ่งกว่านายซะอีก เข้าไปเถอะ ฉันว่าไม่น่ามีอะไร อย่างมากก็แค่เสี่ยงอันตรายหน่อย!”

เด็กพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเชียว พวกเขาเป็นถึงคนของกลุ่มมังกรจะถูกเด็กกะโปกกลุ่มหนึ่งดูแคลนไม่ได้!

เน่าเน่ามองไปทางด้านหลังทีหนึ่งก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “พวกเขาตามเข้ามาแล้ว ใจกล้าดีนี่”

“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย เรามาถึงปากทางเข้าแล้ว” เสี่ยวจูที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดินก่อนจะปรากฏบางอย่างให้เห็นตรงหน้า

“พระเจ้า…นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีถ้ำใหญ่ขนาดนี้ได้?” เจสันร้องอย่างเกินจริง เบิกตากว้างจนลูกตาแทบหลุดออกมา

คนอื่น ๆก็ตาโตอ้าปากค้างเช่นกัน เล่อเล่อฉงนใจไม่หาย “มีปากถ้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำไมกล้องถ่ายภาพทางอากาศถึงจับภาพไม่ได้ล่ะ?”

กล้องถ่ายภาพทางอากาศของเสี่ยวจูถ่ายเจอแค่ดอกไม้ ไม่มีปากถ้ำนี้แต่อย่างใด

“วิชาอำพราง ค่ายกลชั้นสูงไม่เพียงแค่ตบตาผู้คนได้ ยังตบตาเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้…รอฉันแป๊บหนึ่ง ฉันดูสิว่าอันตรายไหม” เสี่ยวจูเดินไปตรงปากถ้ำ

ทุกคนต่างรู้สึกมหัศจรรย์ใจนัก ถ้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ยังปกปิดได้ คนโบราณช่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

…………………………

ตอนที่ 3002 ความหนาวที่แทบปลิดชีวิต

ในถ้ำเผยให้เห็นพื้นดินเพียงครึ่งซึ่งมองเข้าไปจากปากถ้ำมีเพียงความมืดมิดที่มองไม่เห็นปลายทาง ความเย็นยะเยือกที่มาพร้อมกับความชื้นแผ่ออกมาจากถ้ำ กลางหุบเขาอบอุ่นดั่งวันฤดูใบไม้ผลิ แถมวันนี้ยังแดดจ้า สวมเสื้อสองตัวกำลังพอดีไม่ร้อนไม่หนาว

แต่ตอนนี้…พวกเขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตกระชับปิดจนมิดชิดยังรู้สึกหนาวแทบทนไม่ไหวเลย

“ทำไมถึงหนาวได้ขนาดนี้? รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลย!” สือเอ้อร์หนาวจนตัวสั่นระริกและหน้าเริ่มเขียวช้ำ รีบหยิบเอาเสื้อป้องกันอันตรายที่พ่อของเธอออกแบบมาโดยเฉพาะขึ้นมาสวมใส่

ผลงานของลี่จิ่วย่อมไม่ใช่ของธรรมดา ดูก็รู้ว่าต่างจากแจ็กเก็ตทั่วไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้ก็ย่อมต่างกัน กันความหนาวในฤดูหนาวได้และกันความร้อนในฤดูร้อนได้ นอกจากนี้ยังกันกระสุนได้อีกต่างหาก แถมยังมีระบบซักเองอัตโนมัติด้วย ต่อให้สวมติดต่อกันทั้งปีก็ไม่สกปรก เขาไม่เพียงแต่ทำให้ลูกสาวคนเดียวแต่ทำให้พวกเสี่ยวเป่าด้วยกันคนละตัว

เพียงแต่…เสื้อกันหนาวหายากตัวนี้มีจุดอ่อนแก่ชีวิตอย่างหนึ่ง–

น่าเกลียดที่สุดในโลก!

น่าเกลียดเสียจนพวกเล่อเล่อไม่มีทางสวมใส่มันตราบใดที่ยังไม่ถึงช่วงคับขันจริง ๆ แต่ตอนนี้…กำลังตกอยู่ในภัยอันตรายแก่ชีวิต ต่อให้น่าเกลียดแค่ไหนก็ต้องสวม

ในเมื่อชีวิตกับรูปลักษณ์ภายนอกเทียบกันแล้ว ชีวิตย่อมสำคัญกว่า!

“ไม่รู้จริง ๆว่าพ่อของฉันทำบ้าอะไร เลือกสีอื่นยังสวยกว่าสีเหลืองเหมือนขี้อันนี้ตั้งเยอะ ลำพังสีเหลืองยังพอว่าแต่ยังผสมสีเขียวเข้าไปอีก…ให้ตาย มื้อเย็นฉันกินไม่ลงแล้ว กลับไปจะให้เขาเปลี่ยนสีใหม่ให้ได้เลย!”

สือเอ้อร์เป็นคนสวมก่อนจึงมองเสื้อที่มีสีเหลืองเหมือน ‘ขี้’ ที่สวมอยู่บนร่างตัวเองอย่างระอาใจปนรังเกียจ สาวสวยอย่างเธอตอนนี้กลายเป็นขี้ก้อนหนึ่งไปแล้ว…

คนอื่น ๆก็สวมเสื้อตาม ๆกัน เสื้อตัวนี้ใส่ค่อนข้างลำบากไปสักหน่อยเพราะเป็นชุดรวดที่ต้องสวมทั้งศีรษะ มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นให้เห็นเท่านั้น บอกได้ว่าเป็นการป้องกันในระดับครอบคลุมเลยทีเดียว

พอลองจินตนาการดูว่าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ามีสีคล้ายขี้ ถ้าไม่ใช่ขี้ก้อนหนึ่งแล้วจะเป็นอะไรได้?

“อุ๊บ…เหมือนขี้หมาเลย!” เจสันมองพวกเขาด้วยความตะลึงและอดขำไม่ได้จนถูกกลอกตาใส่หลายคู่

พวกหลงเฟิงกับหลงถูที่ตามอยู่ด้านหลังก็สวมเสื้อหายากเช่นเดียวกัน แต่วัสดุของพวกเขาแย่ไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับของพวกสือเอ้อร์ในเมื่อความสนิทต่างกันนี่นา!

พวกเขาสวมเสื้อเหมือนกันทุกคนก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง ใครก็อย่าคิดหัวเราะเยาะใครเลย ทว่า…ทุกคนหันไปมองเจสันอย่างพร้อมเพรียง บนตัวเขามีเพียงเสื้อแจ็กเก็ตธรรมดาเท่านั้น

ท่ามกลาง ‘ขี้หมา’ เจสันดูโดดเด่นขึ้นมาทันที มีความรู้สึกเหมือนดอกไม้สีแดงท่ามกลางผืนหญ้าสีเขียว มองอย่างไรก็รู้สึกขัดตาไปหมด

“ใส่มันซะ!”

สือเอ้อร์หยิบเอาเสื้อหายากอีกตัวจากถุงขึ้นมา ลี่จิ่วเป็นห่วงว่าลูกสาวจะไม่พอใช้เลยเตรียมของทุกอย่างไว้ให้สองชิ้น

เนื้อผ้าของเสื้อมีความยืดหยุ่นและเนื้อสัมผัสดี แค่ขยำเข้าด้วยกันก็สามารถยัดเข้าปากขวดที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ฟองหนึ่งได้แล้ว พกพาสะดวก เจสันมองเสื้อด้วยสายตารังเกียจ เขาไม่อยากสวมใส่มันเลยสักนิด

น่าเกลียดจะแย่!

“ไม่ใส่…”

“ไม่ได้!”

ทุกคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน จะน่าเกลียดก็ต้องน่าเกลียดไปด้วยกัน!

เจสันยักไหล่อย่างเอือมระอาจนจำต้องสวมเสื้อแต่โดยดี จากนั้นเขาก็ค้นพบจุดเด่นของเสื้อตัวนี้ เมื่อกี้ยังรู้สึกหนาวเข้ากระดูกแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหนาวอีกแล้ว แถมยังรู้สึกอุ่นด้วย

“เข้าไปกันเถอะ!” เสี่ยวจูก้าวเข้าไปในถ้ำแล้ว ทุกคนเดินตามไปติด ๆ

ในถ้ำชื้นมากจนได้ยินเสียงน้ำหยด พื้นที่ในถ้ำใหญ่กว่าข้างนอกมากโข จุดที่ใหญ่ที่สุดขนาดเท่าสนามฟุตบอลแห่งหนึ่งเลย แถมเพดานถ้ำรวมถึงกำแพงทั้งสองข้างยังเป็นหินย้อยจากธรรมชาติพร้อมหยดน้ำตรงปลาย

บ่งบอกว่าถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่รู้ว่าใช้เวลากี่ร้อยล้านปีกว่าจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเช่นนี้ได้ ยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้!

“กรรซ”

มีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังแว่วมาแต่ไกลก้องกังวานไปทั่วอาณาบริเวณของถ้ำ แทบแยกแยะไม่ได้เลยว่าต้นเสียงมาจากทิศทางใด

……………………

Related

ตอนที่ 2999 ฆ่าเขาซะ

“กลับมาให้หมด ฉาฉามาแล้ว!” เล่อเล่อตะโกนใส่สือเอ้อร์ที่กำลังฆ่าอย่างเมามัน แล้ววิ่งไปกระชากเธอให้ย้อนกลับมา เพราะจะทำลายอารมณ์สุนทรีย์ในการกวาดล้างศัตรูของฉาฉาไม่ได้

ฉาฉาแลบลิ้นสองแฉก หัวขนาดใหญ่ชูขึ้นสูงพลางก้มมองพวกสัตว์ประหลาดตรงหน้า พอเห็นเล่อเล่อกับสือเอ้อร์วิ่งไปไกลแล้วฉาฉาถึงลงมือ

หางใหญ่สะบัดทีก็เกิดลมขึ้นซึ่งอนุภาพแรงกว่าเมื่อครู่มากโขจนสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งถูกกระแสลมพัดลอยขึ้นไปเหนือฟ้าลุ่ม ๆดอน ๆราวกับว่าวเชือกขาด

ความต่างกันในเรื่องขนาดตัวทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดต้านทานแรงฉาฉาไม่ไหว ไม่นานฉาฉาก็พัดเอาตัวสัตว์ประหลาดกว่าครึ่งลอยอยู่เหนืออากาศแล้วปล่อยให้ร่วงตกลงมา บางส่วนที่โชคร้ายก็คอขาดทันที หัวก้อนสีดำกลิ้งขลุก ๆบนพื้น

“คนกลายพันธุ์พวกนี้กระดูกเปราะบางมาก กระดูกคอก็เหมือนกัน ไม่ต้องออกแรงอะไรมากก็หักคอพวกมันได้แล้ว” เสี่ยวจูอธิบาย

ทันใดนั้นเอง…มีเสียงสัญญาณแปลก ๆดังแว่วมาในอากาศ คล้ายเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่ดังเสียดหูอย่างมาก เรื่องที่แปลกกว่านั้นคือเหล่าสัตว์ประหลาดที่เดิมทียังเดินหน้าต่ออยู่นั้น พอได้ยินเสียงอันแปลกนี้กลับหยุดนิ่งชะงัก จากนั้นก็ค่อย ๆหันหลังย้อนกลับทางเดิมช้า ๆ

“ดูสิว่าพวกมันจะไปไหน?”

ทุกคนต่างจ้องสัตว์ประหลาดที่เหลืออย่างไม่ละสายตา แม้จะแขนขาดขาขาดบาดเจ็บสาหัสแต่กลับเลือกที่จะย้อนกลับทางเดิมอย่างไม่ลังเลโดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้เพียงสักนิดเดียว

“พวกมันกลับสวนดอกไม้จริง ๆด้วย!”

สัตว์ประหลาดมุ่งหน้าสู่สวนดอกไม้ สิ่งที่คิดไม่ตกคือทั้ง ๆที่มีสัตว์ประหลาดตั้งมากมาย แต่พอก้าวเข้าสู่สวนดอกไม้ก็เหมือนหายไปเสียดื้อ ๆ

ในที่สุด…สัตว์ประหลาดทั้งหมดก็เดินหายลับเข้าไปในสวนดอกไม้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีหัวและแขนขารวมถึงเศษเนื้อทั่วพื้น พวกเขาคงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันหนึ่งเท่านั้น

“ค่ายกลนี้ช่วยอำพรางตัว” เสี่ยวจูย่นคิ้ว คิด ๆแล้วก็พูดอีก “นี่ไม่ใช่ค่ายกลต้องคำสาปธรรมดา หนิงเฉินเซวียนยังเพิ่มวิชาอำพรางตัวอย่างอื่นเข้าไปด้วย”

“ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อ? เข้าไปหาพวกมันเหรอ?” เน่าเน่ารู้สึกตื่นเต้น

เมื่อกี้เขายังฆ่าไม่หนำใจพอเลยก็ถูกฉาฉาจัดการไปเสียหมด

“ยังไม่ต้องเข้าไป ฉันสงสัยว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ถูกบงการอยู่ พวกนายได้ยินเสียงเมื่อกี้ไหม?” เสี่ยวเป่าถาม

“ได้ยิน สัตว์ประหลาดได้ยินเสียงแปลก ๆนั่นถึงกลับไป หรือว่าในสวนดอกไม้นี้ยังมีคนอยู่อีกงั้นเหรอ?” เล่อเล่อแปลกใจยิ่งกว่าเดิม ถ้ามีคนอยู่แล้วคน ๆนั้นเอาอะไรใช้ประทังชีวิตกัน?

คงเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยหัวดอกลิลลี่ประทังชีวิตไปทุกวันหรอกนะ!

เสี่ยวเป่าปฏิเสธทันที “ไม่มีทางเป็นคนเด็ดขาด พี่สงสัยว่าเป็นจ่าฝูงสัตว์ประหลาด พักกันก่อนสักครู่ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้เราค่อยเข้าไปในค่ายกลกัน!”

เขาหยิบขวดยาออกมาหยดลงบนพื้นดินแล้วหยิบท่อนไม้ที่ติดไฟจากกองไฟออกมาโยนไปพลันก็ไฟลุกท่วม ไม่นานบนพื้นก็สะอาดสะอ้าน เว้นแต่เพียงดินโคลนที่กลายเป็นสีดำ

เจสันตรงพื้นครางเสียงในลำคอทีหนึ่งก็ค่อย ๆฟื้นขึ้นพลางมองพวกเขาอย่างงุนงงแล้วถามว่า “สัตว์ประหลาดพวกนั้นล่ะ?”

“หนีไปแล้ว!”

เจสันลูบหลังศีรษะปอย ๆ บนพื้นสะอาดไม่มีหัวไม่มีแขนขาที่ถูกตัดขาด แต่อากาศกลับมีกลิ่นหอมของใบชาที่อ่อนลงจากเดิมไปหน่อย

“พวกนายได้กลิ่นชา…”

เสียงเสี่ยวเป่าขัดคำของเขาพลางชี้ไปที่ปิแอร์ตรงพื้นแล้วตะโกนว่า “เขาติดเชื้อแล้ว!”

เน่าเน่าดึงมีดกงจักรออกมาทันที เอ่ยเสียงเย็นชา “ฆ่าเขาซะ!”

………………………..

ตอนที่ 3000 เข้าค่ายกล

“อย่า!”

เจสันตกใจเฮือกหนึ่งรีบเอาตัวเข้าบังปิแอร์ มองทุกคนอย่างเว้าวอน “อย่าฆ่าปิแอร์เลย ขอร้องละ ฉันจะคอยจับตาดูเขาเอง!”

“นายอยากตายหรือไง? เขาจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จำไม่ได้แม้แต่นายและอาจจะฆ่านายได้ด้วยนะ!” เน่าเน่าด่ากลับ

“ไม่หรอก ปิแอร์ไม่ฆ่าฉันหรอก ต่อให้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ ฉันมัดตัวเขาไว้ก็พอ ไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายพวกนายแน่ ขอร้องละ…อย่าฆ่าเขา!”

เจสันอ้อนวอน ปิแอร์บาดเจ็บเพราะเขา ถ้าไม่ถึงวินาทีสุดท้ายเขาไม่มีวันทอดทิ้งปิแอร์แน่นอน

ต่อให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆเขาก็ไม่ทอดทิ้งเด็ดขาด อย่างมากเขาก็ใช้ชีวิตอยู่บนเขาใหญ่ลูกนี้กับปิแอร์ ที่นี่ทิวทัศน์สวยงามและมีเนื้อกับผลไม้ที่ทานไม่หมดด้วย เขากับปิแอร์จะต้องมีความสุขแน่!

“นายดูเอาเอง ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนแล้ว ถ้าสีเริ่มเข้มขึ้นเขาก็จะกลายพันธุ์ สองคนเมื่อวานก็เป็นแบบนี้ นายอย่าโกหกตัวเองเลย ถอยไป!”

เน่าเน่าผลักเจสันไปทีเดียวแล้วชูมีดขึ้นเตรียมตัดหัวปิแอร์

เขาไม่อนุญาตให้มีภัยอันตรายอยู่ข้างกายเด็ดขาด ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม

“อย่า…ได้โปรด…”

เจสันโถมตัวเข้ามาด้วยความเจ็บปวดแต่เขาไม่ได้เร็วเท่าเน่าเน่า เขามองมีดที่ประกายแสงเย็นยะเยือกอย่างสิ้นหวัง หัวใจเจ็บปวดดั่งถูกมีดกระหน่ำแทง

“ปล่อยเขาไปก่อนเถอะ!” เสี่ยวจูเอ่ยปากบอก

มีดของเน่าเน่าอยู่ห่างจากลำคอของปิแอร์ในระยะไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรดีก็หยุดชะงักพลางมองเสี่ยวจูอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันค้นพบเรื่องใหม่บางอย่าง จำเป็นต้องมีเครื่องมือทดลอง เก็บเขาไว้ให้ฉันทำการทดลองเถอะ” เสี่ยวจูอธิบายเหตุผลเสียงเรียบ

เน่าเน่ายักไหล่แล้วเก็บมีด “ก็ได้ ฉันต้องไปหาเส้นเถาวัลย์ที่แข็งแรงกว่าเดิมมามัดตัวเขาไว้”

“ฉันเอากลับมาแล้ว ฉันจะจับตาดูเขาเอง!” เจสันร้องไห้อย่างดีใจแล้วมองเสี่ยวจูอย่างนึกขอบคุณ

เขาชิงมัดตัวปิแอร์ก่อน สติของปิแอร์เริ่มพร่ามัวแล้ว ดวงตากลายเป็นสีเขียวมองเห็นใครก็แยกเขี้ยวคำรามใส่หมด มีเพียงเจสันในยามเข้าใกล้เขาเท่านั้นที่จะใช้สายตางุนงงจดจ้องเจสันคล้ายกำลังครุ่นคิดว่าคนนี้เป็นใคร ดูท่าทางเชื่องเสียเหลือเกิน

“แปลกมาก ปิแอร์กลายพันธุ์เร็วกว่าสองคนนั้นมาก สองคนนั้นเว้นระยะหนึ่งคืนถึงเริ่มกลายพันธุ์ ปิแอร์ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็เริ่มแล้ว” เน่าเน่าลูบปลายคางอย่างคิดไม่ตกว่าเป็นเพราะอะไร

เสี่ยวจูเก็บเลือดของปิแอร์มาส่องด้วยแว่นขยาย เมื่อได้ยินคำถามของเน่าเน่าเขาก็ตอบเสียงจริงจังว่า “เพราะปิแอร์ติดเชื้อจากสัตว์ประหลาดโดยตรง ส่วนอีกสองคนนั้นติดเชื้อเพราะกินหัวดอกลิลลี่สีดำเข้าไป พวกนายดูสิ จุลินทรีย์ในเลือดปิแอร์กลายเป็นชนิดใหม่อีกแล้ว ฟักตัวไวและกระจายเร็วกว่าเดิม…”

ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นตาม ๆกัน บรรยากาศก็อึมครึมไปด้วย

“เตรียมตัวเข้าค่ายกลเถอะ หาอะไรทานก่อน” เสี่ยวเป่าเอ่ย

เล่อเล่อหยิบแฮมกับอาหารสำเร็จรูปทั่วไปจากถุงออกมาผ่านกระบวนปรุงง่าย ๆแล้วทาน ส่วนเสี่ยวจูก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของเขา

“เข้าค่ายกลจากตรงนี้ ตรงนี้น่าจะเป็นทางเข้าที่ปลอดภัยที่สุด ข้างในอาจจะเป็นค่ายกลลวงตา ถ้าเห็นสาวสวย เงินทอง อาหารหรือญาติสนิทที่เสียชีวิตไปแล้ว…หรือภาพเหตุอะไรที่ไม่มีทางปรากฏขึ้นที่นี่ได้ พวกนายห้ามเชื่อเด็ดขาดแล้วรีบหลับตาลง”

เสี่ยวจูกำชับทีหนึ่งแล้วเดินนำอยู่หน้าสุดเพื่อพาทุกคนเข้าสู่ค่ายกล

ปากทางเข้าที่เขาพาเข้าไปนั้นอยู่ตรงหัวมุมสวนดอกลิลลี่สีขาว ทุกคนเดินตามหลังเขาเข้าสู่สวนดอกลิลลี่

……………………

Related

ตอนที่ 2997 สัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตาย

สิ่งที่เสี่ยวจูเขวี้ยงไปเป็นระเบิดเชอร์รี่ที่คิดค้นขึ้นมาเอง พลังทำลายล้างเทียบเท่าระเบิดสามลูกที่สามารถระเบิดบ้านหลังหนึ่งให้เละเป็นผุยผงได้ สัตว์ประหลาดทั้งฝูงถูกระเบิดใส่จนตัวลอยขึ้นฟ้า หัวขาดบ้าง แขนหักบ้าง ขาหักบ้าง…รวมถึงเศษเนื้อต่าง ๆกระจายเต็มฟ้าแล้วถึงร่วงตกสู่พื้นอีกที

สัตว์ประหลาดที่เดิมทียกโขยงมากันเป็นกลุ่มใหญ่แน่นขนัดถูกระเบิดปาใส่จนแหว่งหายไปไม่น้อย แต่สัตว์ประหลาดที่เหลือยังคงเดินมุ่งหน้าต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านกับระเบิดสักนิด มีบางส่วนในนั้นที่แขนขาดขาขาดหรือถึงขั้นตัวหายไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังคงใช้ร่างอีกครึ่งส่วนที่เหลือเดินหน้าต่อ…

“ให้ตาย…ของพวกนี้ทำไมถึงฆ่าไม่ตายนะ?”

เจสันลุกจากพื้นพลางปัดเศษขี้ดินกับเศษเนื้อติดตัวออกอย่างนึกรังเกียจ หูอื้อเกิดเสียงวิ้ง ๆราวกับมียุงนับไม่ถ้วนกำลังบินวนอยู่ในหูอย่างไรอย่างนั้น

“เพราะระบบประสาทพวกมันถูกทำลายแล้ว มีแต่ตัดหัวทิ้งพวกมันถึงจะตาย” เสี่ยวจูเอ่ยเสียงนิ่ง เตรียมเอาระเบิดเชอร์รี่อีกลูกมาจุด

ลูกเมื่อครู่พอจะเห็นผลอยู่บ้างเพราะอย่างน้อยก็ฆ่าสัตว์ประหลาดได้นับสิบกว่าตัว เนื่องจากหัวของพวกมันปลิวไปด้วยแรงระเบิด อย่างไรเสียเขาก็มีลูกระเบิดเช่นนี้อีกมากมาย เมื่อก่อนทำไว้ตอนเบื่อ ๆ เพียงครู่เดียวก็ทำออกมานับไม่หวาดไม่ไหวแล้ว

อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาจนพวกเสี่ยวเป่ากลับมาได้

“นายว่าอะไรนะ? เสียงดังหน่อย…ได้ยินไม่ชัด!” เจสันเห็นเสี่ยวจูขยับปากแต่เขากลับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น มีแต่เสียงวิ้ง ๆดังอยู่ในหู

เสี่ยวจูมองเขาด้วยสายตารังเกียจแวบหนึ่งอย่างคร้านจะพูดต่อ โง่ยิ่งกว่าหมูเสียอีก ทั้งที่เมื่อกี้เขาเตือนล่วงหน้าแล้วแท้ ๆก็ไม่รู้จักเอามือปิดหู สมน้ำหน้าที่หูตึง

ขณะที่เสี่ยวจูเตรียมเขวี้ยงระเบิดลูกที่สองก็มีลมพัดกระหน่ำซัดมาพร้อมทรายเม็ดสีเหลืองตลบไปทั่วทั้งอากาศเลยทำเอายากจะลืมตาขึ้นได้ แถมยังมีกลิ่นหอมของใบชาอ่อน ๆแฝงมาด้วย

“ให้ตาย ทำไมถึงมีพายุได้ล่ะ? นี่มันน่าแปลกจริง ๆ…เรารีบถอยดีกว่า!” เจสันสะดุ้งเฮือกพร้อมใช้มือป้องตาไว้แต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้น แต่เขากลับได้กลิ่นหอมของชาสุดโปรด

“ทำไมถึงมีกลิ่นหอมของใบชาได้ล่ะ? เหมือนจะเป็นชาหลงจิ่งด้วยนะ หรือว่าที่นี่ก็มีต้นใบชาหลงจิ่งเหมือนกันเหรอ?” เจสันทั้งตกใจทั้งดีใจ

เสี่ยวจูรู้ว่าต้องเป็นฉาฉากลายร่างแล้วแน่ เขายิ้มให้เจสันพร้อมกวักมือเรียก เจสันชี้ตัวเองด้วยความแปลกใจ เสี่ยวจูพยักหน้า เจสันรีบวิ่งดุก ๆไปหาอีกฝ่าย ปิแอร์ไม่วางใจจึงตามมาด้วยอีกคน

“มีอะไรเหรอ?” เจสันถาม

เสี่ยวจูยิ้มอย่างลึกลับ เขาแบมือไปตรงหน้าอีกคน “มีของดีให้นายดู!”

“อะไร…ตุบ…”

เจสันเพิ่งเบิกตาโต เสี่ยวจูสะบัดมือเบา ๆทีหนึ่งก็มีผงไร้สีไร้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ เจสันที่สูดดมเข้าไปล้มลงกับพื้น ปิแอร์ตกใจก็ทำการโจมตีเสี่ยวจู แต่ผงยาที่เสี่ยวจูสาดออกไปได้ลอยไปถึงตรงหน้าปิแอร์ตามสายลมแล้ว

ปิแอร์เพิ่งก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงกับพื้นไม่ต่างจากเจสัน

พายุหยุดลงพวกเสี่ยวเป่าปรากฏตัวแล้ว ร่างใหญ่มหึมาของฉาฉาเหมือนดั่งมังกรยักษ์ ระหว่างทางที่มาได้ทับสัตว์ประหลาดตายไปหลายตัวแล้ว เล่อเล่อกับสือเอ้อร์มองกลุ่มสัตว์ประหลาดที่ยังคงเดินมุ่งหน้าต่อไปอย่างรังเกียจ

“ทำไมจู่ ๆถึงโผล่มาเยอะขนาดนี้? ปกติพวกมันหลบอยู่ไหน?” เล่อเล่อรู้สึกสงสัยอย่างมาก

ทั้งที่ในหุบเขาไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเลยสักนิดเดียว ทำไมอยู่ดี ๆถึงมีสัตว์ประหลาดโผล่มามากขนาดนี้ได้ เขารู้สึกเหมือนมุดออกมาจากใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น

“ข้างใต้สวนดอกลิลลี่ ที่นั่นเป็นฐานใหญ่ของพวกมัน เสียงร้องคำรามของสายลับกลายพันธุ์สองคนตอนเช้าเรียกพวกมันมา แต่พวกเขากลายพันธุ์สำเร็จแล้วเลยรับมือยากยิ่งกว่า!” เสี่ยวเป่ากล่าว

………………………….

ตอนที่ 2998 แข่งฆ่าสัตว์ประหลาด

“กรร…”

เสวี่ยเอ๋อร์ที่กลับมาพร้อมกับพวกเสี่ยวเป่า พอเห็นสัตว์ประหลาดมากมายก็ใช้กรงเล็บสองขาหน้าลับพื้นอย่างตื่นเต้น ไม่รอให้เล่อเล่อออกคำสั่งก็กระโดดโถมเข้าหาพวกสัตว์ประหลาด

ในที่สุดก็สามารถต่อสู้อย่างหนำใจได้สักที เขาอดกลั้นมาตั้งหลายปีแล้ว!

“เสวี่ยเอ๋อร์ อย่ากัดพวกมัน สกปรกเกินไป!” เล่อเล่อตะโกนกำชับ

เน่าเน่ากลอกตาอย่างระอาใจทีหนึ่ง นี่มันยามคับขันยังเป็นห่วงเรื่องความสะอาดอยู่อีก ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้มักลืมว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ใดตลอด

เสวี่ยเอ๋อร์เชื่อฟังอย่างมากเลยเปลี่ยนเป็นใช้กรงเล็บแทน กรงเล็บของมันคมยิ่งกว่ามีดสั้นเสียอีกจึงตะปบคอสัตว์ประหลาดให้ขาดได้อย่างง่ายดาย ตะปบทีก็จัดการไปได้หนึ่งตัว

“สวยมาก ต่อไปก็ตาฉันโชว์พลังให้ดูบ้างล่ะ!”

เน่าเน่าหยิบมีดกงจักรออกมาสามเล่ม เขาสามารถใช้งานมันได้สามเล่มในเวลาเดียวกัน พลังทำลายล้างน่ากลัวยิ่งกว่าระเบิดเสียอีก เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยบอกไว้ว่าถ้าไม่ใช้ของนอกกายอย่างระเบิดกับยาพิษ หากวัดกันที่ค่าพลังทำลายล้างละก็เน่าเน่าต้องเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน เล่อเล่อได้แค่อันดับสองเท่านั้น

ส่วนพวกเสี่ยวเป่ากับเสี่ยวจู ถ้าไม่มีพรสวรรค์ของพวกเขา พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็ต่ำต้อยยิ่งกว่าอะไร

“ไปเถอะ…”

เน่าเน่าเหวี่ยงมีดกงจักรสามเล่มออกไปแล้วเกิดเสียงดังฟิ้วขึ้นกลางอากาศ ทุกคนเห็นเพียงแสงสีเงินวาดผ่านท้องฟ้าไปแล้วตีโค้งกลับพร้อมมีหัวของสัตว์ประหลาดในจุดที่มีแสงสีเงินผ่านด้วย…ราวกับกำลังหั่นแตงโมก็ไม่ปาน จนมันกระเด็นตกเต็มพื้นไปตาม ๆกัน

แสงสีเงินหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้วย้อนกลับมาที่มือเน่าเน่าในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่บนพื้นกลับมีแต่หัวระเนระนาด สือเอ้อร์ลองนับดูคร่าวๆ “ยี่สิบเอ็ดหัว พี่เน่าเน่าเก่งจัง!”

ยัยเด็กน้อยดวงตาประกายวิบวับแล้วมองเน่าเน่าอย่างชื่นชม เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าพี่เน่าเน่าเก่งที่สุดเลย!

“ตาฉันบ้าง!”

เล่อเล่อไม่ยอมเป็นรองตัดสินใจทิ้งหนังสติ๊ก เธอดึงดาบอ่อนที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาสะบัดเบา ๆ ดาบตรงปลายแหลมคมปล่อยไอเย็นยะเยือกออกมา สือเอ้อร์เองก็หยิบอาวุธของเธอออกมาเช่นกัน เป็นแส้ทำจากลวดเงินคล้าย ๆกับอาวุธของเหมยเหมย แต่กลับถูกลี่จิ่วปรับแก้ทำให้มีพลังทำลายล้างสูงกว่าเดิม

ทั้งคู่มองกันและกันแวบหนึ่งแล้วก็เกิดอารมณ์อยากเอาชนะขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะพุ่งเข้าหาฝูงซอมบี้ในเวลาเดียวกัน “เรามาแข่งกัน ดูว่าใครตัดหัวได้เยอะกว่ากัน!”

คนที่เสนอความคิดเป็นสือเอ้อร์ เพิ่งสิ้นเสียงเธอก็สะบัดแส้ไปพัดรอบหัวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง แค่ดึงเบา ๆหัวก็ขาดสะบั้นลง

เพราะแส้เส้นนี้บางราวกับเส้นใยแต่กลับมีความแข็งแรงทนทานและคมปลาบ ฉะนั้นเนื้อหนังของมนุษย์จะอ่อนนุ่มดั่งเต้าหู้เมื่ออยู่ตรงหน้ามัน

สือเอ้อร์แค่นเสียงทีหนึ่งอย่างได้ใจ แม่แท้ ๆของเธอเป็นถึงนักต่อสู้ที่แม้แต่ลุงเหยียนยังระแวง และเธอเป็นถึงศิษย์เก่งของแม่เชียวนะ!

เล่อเล่อยิ้มอย่างไม่ยี่หระพลันก็ฟันดาบใส่สัตว์ประหลาดตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดจนร่างของมันแยกออกผ่าครึ่งตั้งแต่กลางหน้าผากลงไป ขนาดใช้ไม้บรรทัดวัดยังไม่แม่นยำขนาดนี้

สัตว์ประหลาดยืนนิ่งอยู่สักครู่ สามวินาทีถัดไปร่างที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นสองท่อนก็ล้มลงแน่นิ่งกับพื้น

สือเอ้อร์ขมวดคิ้วแน่นอย่างรังเกียจ พี่เล่อเล่อก็เป็นซะแบบนี้ ฆ่าคนได้ไม่สวยงามสักนิด ทำอย่างกับโรงฆ่าอย่างไรอย่างนั้น

“พี่เล่อเล่อ อย่าให้มันสยองขนาดนี้ได้ไหม?”

เล่อเล่อฟันดาบลงไปอีกหน คราวนี้เลือกฟันหัวของสัตว์ประหลาดโดยตรงก่อนจะโต้กลับไป “ฆ่าคนแล้วไม่เห็นเลือด ยังจะเรียกว่าฆ่าอีกเหรอ?”

ดัดจริต!

ทั้งคู่แสดงศักยภาพท่ามกลางฝูงซอมบี้กันใหญ่จนฆ่ากันติดต่อไปหลายสิบตัว แต่จำนวนของสัตว์ประหลาดมากเกินไป แม้จะตายไปไม่น้อยแต่ยังดูเหมือนจะเท่าเดิม เห็นเป็นสีดำเต็มแน่นขนัดไปหมด

เสี่ยวจูตบหัวฉาฉาเบา ๆ ฉาฉาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วหันกลับไปพุ่งเข้าหาฝูงสัตว์ประหลาดราวกับรถถัง

……………

Related

ตอนที่ 2995 โครงกระดูกเดินได้

“อะไร…เกิดอะไรขึ้น…”

เจสันที่เพิ่งทานเนื้อเสร็จจนอิ่มท้องกำลังนอนแผ่อาบแดดอยู่บนผืนหญ้าอย่างอิ่มเอมใจก็สะดุ้งตกใจกับเสียงคำรามของสายลับสาวจนกระเด้งตัวเหมือนปลา

ปิแอร์กระชากตัวเขาไปอยู่ด้านหลัง รีบคว้าปืนออกมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าประหม่า

“กร๊าซ…”

สายลับหนุ่มก็ส่งเสียงร้องเช่นกัน ทั้งคู่ลุกขึ้นจากพื้นดิ้นอยู่หลายที แต่คิดไม่ถึงว่าสายเถาวัลย์ที่มัดรอบตัวพวกเขาจะขาดสะบั้นได้

คนที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดคือเสี่ยวจูซึ่งอยู่ห่างไม่ถึงสามเมตร เสี่ยวจูเป็นคนที่สมองไวแต่แขนขาไม่มีพละกำลังและไม่เป็นวิชาต่อสู้สักนิด ปฏิกิริยาตอบสนิงก็ช้าเช่นกัน

“พระเจ้า…รีบไปช่วยเด็กคนนั้นเร็ว…” เจสันร้องขึ้นมาแล้วยิงปืนใส่ซอมบี้ทั้งสองที่กำลังคืบคลานไปหาเสี่ยวจู

แต่กระสุนยิงโดนตัวซึ่งแค่ช่วยผ่อนความเร็วพวกเขาลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น ร่างกายที่เป็นรูจากกระสุนหลายนัดปล่อยเลือดสีดำสนิทไหลออกมาเป็นทาง แต่พวกเขากลับยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุดพร้อมปากที่คำรามเรื่อย ๆ

“ให้ตาย…นี่มันผีอะไรเนี่ยทำไมถึงยิงไม่ตายสักที?” เจสันตกใจแทบแย่ ทั้งที่เขายิงใส่หัวใจของสายลับสาวแล้วแท้ ๆ แต่ยายนี่กลับไม่เป็นอะไรเลย ผีหลอกหรือไง

ซอมบี้อยู่ใกล้เสี่ยวจูในระยะไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ เจสันลังเลเพียงครู่สุดท้ายก็พุ่งไปหาเพราะเห็นแก่เนื้อชิ้นใหญ่เขาจะต้องไป

ปิแอร์ถอนหายใจเบา ๆและจำต้องตามไปแต่โดยดี เจ้าเจสันชอบใจดีเรี่ยราด บนตัวเขามีจุดอ่อนชอบรนหาที่ตายนับไม่ถ้วน แต่สิ่งน่าเหลือเชื่อคือเจ้าหมอนี่กลับยังมีชีวิตอยู่รอดมาได้สิบกว่าปีแล้ว!

เสี่ยวจูกลิ้งบนพื้นทีหนึ่งอย่างทุลักทุเล ซอมบี้สาวที่ปากเปื้อนเลือดเกือบจะกัดโดนคอของเขาแล้ว ปิแอร์ยกเท้าเตะใส่จนซอมบี้สาวปลิวไปอีกทาง เสี่ยวจูผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งพลางกดกำไลบนข้อมือ ก่อนที่แสงสีเงินพุ่งวาบออกไปโดนตัวซอมบี้สาว

“บึ้ม…”

มีเสียงระเบิดทุ้มต่ำดังขึ้นจากภายในตัวของซอมบี้สาว หน้าอกของเธอระเบิดเป็นรูกลวงขนาดใหญ่เหลือเพียงซี่โครงสองข้างคอยประคองเอาไว้จนสามารถเห็นภาพวิวด้านหลังซอมบี้สาวผ่านรูนี้ได้เลย

เจสันกลืนน้ำลายลงคออย่างสะอิดสะเอียนใจแล้วถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าว เขากลัวว่าเศษเนื้อสกปรกของซอมบี้จะกระเด็นโดนตัวเขา

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ซอมบี้สาวก็ยังคงเดินหน้าต่อไป บรรยายคำว่าโครงกระดูกเดินได้ให้เห็นภาพได้ดีทีเดียว

เสี่ยวจูหอบโน้ตบุ๊กและกระเป๋าวิเศษของเขาวิ่งหนีไป พอไปถึงจุดปลอดภัยเขาถึงพรูลมหายใจยาวและเตรียมตัวว่าพอกลับไปค่อยคิดค้นอาวุธเล็ก ๆน้อย ๆไว้ช่วยป้องกันตัวดีกว่า อย่างไรเสียก็ต้องรักษาชีวิตไว้ให้ดี

“โฮ้…ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก…”

เจสันหน้าซีดพร้อมลั่นไกอีกหลายนัดจนกระสุนหมดเกลี้ยง แต่ซอมบี้ทั้งสองกลับไม่เป็นอะไร

รอเสี่ยวจูตั้งสติได้ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด ไม่นานเขาก็ฉุกคิดได้จึงตะโกนไปว่า “หักคอพวกมัน!”

ปิแอร์เก็บปืนสวมถุงมือหนัง พร้อมดึงมีดสั้นแหลมคมออกมาพุ่งไปอยู่ด้านหลังซอมบี้สาวแล้วใช้มีดสั้นกรีดรอบคอเธอค่อยปล่อยหมัดออกไปอีกรอบ

“ตุบ”

ศีรษะของซอมบี้สาวกลิ้งตกพื้น ร่างของมันนิ่งค้างอยู่ไม่กี่วินาที…ก่อนจะล้มลงพื้นแล้วหยุดเดิน

“ดีจัง…”

เจสันตะโกนกู่ร้องอย่างดีใจ และพุ่งออกไปอีกคนเตรียมร่วมมือกับปิแอร์ในการตัดศีรษะซอมบี้หนุ่มด้วยกัน

ทั้งคู่ร่วมงานกันมาสิบกว่าปีย่อมรู้ใจกันดีจึงเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ไม่นานก็ควบคุมตัวซอมบี้หนุ่มได้ ปิแอร์ทำการตัดศีรษะของซอมบี้หนุ่มเหมือนเมื่อครู่

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งคู่พรูลมหายใจเฮือกหนึ่งเตรียมเก็บอาวุธ แต่ว่า–

“ระวังด้านหลัง!” เสี่ยวจูตะโกน

ปิแอร์ไหวตัวเร็วกว่าเล็กน้อยแล้วกระชากเจสันมายืนบังไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณ ร่างสีเทาร่างหนึ่งกระโดดขึ้นกลางอากาศโถมตัวใส่เขา ปิแอร์ยกแขนบังหน้าก่อนที่ความรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงจะแล่นริ้วขึ้นมา

……………………..

ตอนที่ 2996 ซอมบี้ที่โผล่มากะทันหัน

ร่างสีเทาเป็นซอมบี้หมาป่าผอมกระร่องตัวเดียวกับที่พวกเสี่ยวเป่าเจอ ดวงตาของมันประกายแสงสีเขียว ร่างที่ผอมเหลือเพียงโครงกระดูกแต่กลับว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ

ซอมบี้หมาป่ากัดเข้าที่แขนของปิแอร์ทำเอาเจสันตกใจยกใหญ่แล้วพุ่งไปข้างหน้าเหมือนคนบ้า เขาหมายจะฟันคอของซอมบี้ให้ขาดแต่ปิแอร์กลั้นเจ็บไว้พลางกระชากตัวเจสันไปอยู่ด้านหลังอีกครั้ง

“ฉันเอง!”

ปิแอร์รู้ว่าตนจะติดเชื้อไวรัสกลายเป็นซอมบี้ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกไม่ต่างกับสายลับชายหญิงคู่นั้น เขาไม่เต็มใจให้มันเป็นอย่างนี้เลย…แต่เขาไม่อยากเห็นเจสันบาดเจ็บมากกว่า

ปิแอร์รัดตัวซอมบี้หมาป่าไว้โดยยอมเสี่ยงที่จะถูกมันกัดอีกครั้ง เขาพยายามรัดหัวหมาป่าแล้วตะโกนหาเจสัน “เร็ว!”

พอเจสันได้สติอีกทีก็ตัดคอของซอมบี้หมาป่าอย่างโหดเหี้ยม หัวของหมาป่าร่วงตกลงพื้น ปิแอร์ถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนจะมองบาดแผลตรงแขนอย่างท้อใจ

“ฉันจะฆ่าเชื้อให้นายเอง…ไม่เป็นไรหรอก ต้องไม่เป็นไรแน่ ๆ…” เจสันพึมพำอย่างประหม่าพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เขาค้นในถุงรอบหนึ่งก็ไม่เจออะไรเลยตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมาจนกระจัดกระจายเต็มพื้น

“อย่ากังวลไป ฉันไม่เป็นไรแน่ ๆ” ปิแอร์ปลอบเขา

“ต้องไม่เป็นไรแน่ ๆ…เราจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่หางโจว ฉันออมเงินไว้เยอะมาก ซื้อบ้านหลังใหญ่ริมทะเลสาบซีหูได้ ที่นั่นวิวสวยมาก แล้วยังมีของอร่อย ๆด้วย…นายจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ…”

เจสันค้นอยู่นานจนในที่สุดก็หายาเจอ ปากพร่ำพูดไม่หยุดเพราะไม่อย่างนั้นเขาต้องร้องไห้ออกมาแน่

ปิแอร์หัวเราะที่แฝงไปด้วยความขมขื่น เขากำลังจะเอ่ยปากปลอบเจสันสักหน่อยแต่ไม่นานเขาก็จับผิดสังเกตบางอย่างได้เลยรีบหันหลังไปด้วยสีหน้าตกใจ

“ถอยหลังไป!” ปิแอร์ตะโกนใส่เจสัน

เสี่ยวจูก็สะดุ้งด้วยอีกคน สวนดอกลิลลี่แสนงดงามจู่ ๆก็มีฝูงซอมบี้โผล่ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทั้งชายทั้งหญิง รวมถึงสัตว์ป่าอีกจำนวนหนึ่งที่ต่างมีใบหน้าซีดขาวเรียบนิ่ง แต่ร่างกายกลับว่องไวดีกว่าสายลับชายหญิงก่อนหน้านี้มากทีเดียว

โผล่มาตัวแล้วตัวเล่าจนจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆหลายร้อยตัว เรียกให้คนมองรู้สึกขนลุกซู่ไปหมด

“ให้ตาย…ทำไมเยอะขนาดนี้…เรารีบหนีกันเถอะ…” เจสันฉุดแขนปิแอร์หมายจะวิ่งหนี ช่างหัวภารกิจบ้า ๆนี่ไปเถอะ!

ตอนนี้เขาแค่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับปิแอร์อย่างมีความสุข ต่อให้ปิแอร์กลายเป็นซอมบี้เขาก็ไม่มีวันทอดทิ้ง ต่อให้ลืมเขาไปแล้วอย่างไร?

ขอแค่เขาจดจำอีกฝ่ายได้ก็เพียงพอแล้ว!

“หนีไม่พ้นแล้ว…” ปิแอร์เอ่ยเสียงงึมงำ ใบหน้าที่ไม่เคยสะท้านกับความกลัวใด ๆปรากฏให้เห็นถึงความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก

เขาไม่ได้กลัวตาย แต่เขากลัวไม่สามารถปกป้องคนรักได้ต่างหาก!

เสี่ยวจูคอยมองเหล่าซอมบี้ที่ทะลักเข้ามาจากนอกหุบเขาก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เขาประมาทเอง ซอมบี้เหล่านี้คงจะถูกเสียงคำรามของสายลับสาวก่อนหน้านี้เรียกตัวมาสินะ!

น่าเสียดายที่ฉาฉากับพวกเสวี่ยเอ๋อร์ล้วนถูกพวกเสี่ยวเป่าพาไปด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไร เสี่ยวจูถอนหายใจแล้วทำการค้นกระเป๋าวิเศษของเขารอบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบของที่มีหน้าตาคล้ายไข่นกพิราบออกมา

“ปิดหูแล้วหมอบลง!”

เสี่ยวจูพุ่งเข้าไปเอ่ยกับพวกเจสันประโยคหนึ่งแล้วโยนของในมือใส่ฝูงซอมบี้ก่อนจะรีบเอามือปิดหูพร้อมหมอบลงกับพื้น

พวกเจสันทันแค่หมอบลงแต่ไม่ทันปิดหู เสียงดังสะท้านฟ้าดังขึ้นจนพื้นดินไหวไปตามเสียงอย่างแรง

พวกเสี่ยวเป่าที่เตรียมจะกลับได้ยินเสียงดังกระหึ่มเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป

“ให้ฉาฉาพาเรากลับไป เกิดเรื่องแล้ว!” เสี่ยวเป่าตะคอกเสียงกล่าว

………………

Related

ตอนที่ 2993 ผีชีวะหรือ

หลังจากพวกเสี่ยวเป่าจากไป เสี่ยวจูก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของเขา เขาอยากรีบวินิจฉัยห่วงโซ่ยีนของจุลินทรีย์เหล่านั้นให้ได้เร็วที่สุดแล้วหาวิธีแก้ไขมัน เขามีลางสังหรณ์ว่าจุลินทรีย์เหล่านี้…จะสร้างความโกลาหลยิ่งใหญ่ขึ้น

เจสันไปขุดหัวดอกลิลลี่มาประมาณหนึ่ง เขามองเนื้อตรงหน้าเสี่ยวจูที่กำลังย่างจนน้ำในเนื้อซึมออกมาอย่างนึกอิจฉา ไม่รู้เด็กพวกนี้ไปล่าสัตว์พวกนี้มาจากไหน เขากับปิแอร์หาอยู่กลางหุบเขาตั้งนานก็ไม่เจอกระทั่งแมลงวันสักตัว

เจสันปอกหัวดอกลิลลี่ที่เผาจนสุกมาทานอย่างเบื่อหน่าย ทานครั้งแรกยังรู้สึกว่าไม่เลวแต่พอทานรสชาติจืดชืดแบบนี้ไปหลายมื้อเจสันก็นึกอยากอ้วกขึ้นมา

เขาจ้องเนื้อตรงหน้าเสี่ยวจูแน่นิ่ง น้ำมันหยดลงกองไฟจนเกิดประกายไฟสีฟ้าขึ้น กลิ่นเนื้อหอมฉุยเรียกน้ำลาย แววตาแสดงความหิวโหยและยิ่งรังเกียจหัวดอกลิลลี่เผาในมือตัวเองมากกว่าเดิม

ปิแอร์ทานหัวดอกลิลลี่คำโตราวกับกำลังลิ้มรสอาหารจานเด็ดก็ไม่ปาน เจสันฝืนทานไปได้ลูกเดียวก็ทานต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยอดถามไม่ได้ว่า “อร่อยขนาดนั้นจริงเหรอ? นายไม่รู้สึกเอียนบ้างเหรอ?”

“นี่เป็นอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างพลังได้”

ปิแอร์พูดเสียงเรียบ สำหรับเขาแล้วการที่มีหัวดอกลิลลี่คอยเสริมสร้างพลังงานได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว ครั้งหนึ่งที่เขาไปออกภารกิจ ไม่มีอาหารจริง ๆก็จำต้องทานเนื้อกับเลือดของศัตรูประทังชีวิตเอา…

รสชาติแบบนั้น…จนถึงทุกวันนี้เขายังรู้สึกพะอืดพะอมไม่หาย

หากเทียบหัวดอกลิลลี่เผากับซากศพมนุษย์แล้ว…เขายอมทานเจ้านี่ไปตลอดชีวิตดีกว่า!

เจสันบุ้ยปากไปทางเสี่ยวจู “ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก”

มีเนื้อตั้งมากมาย ทำไมเด็กผู้ชายคนนั้นถึงไม่ทานล่ะ?

โน้ตบุ๊กบ้า ๆนั่นมีอะไรน่าเล่นกัน!

ปิแอร์มองเพียงแวบเดียวก็ทานหัวดอกลิลลี่ต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ของพวกนั้นไม่ใช่ของเรา แต่นายไปขอได้ ดูว่าเขายอมแบ่งให้นายหรือเปล่า!”

ความจริงเขาแค่พูดเล่นเท่านั้นแต่เจสันกลับคิดจริง เจ้าหมอนี่ตาลุกวาวแล้วโยนหัวดอกลิลลี่เผาที่พร่องไปเพียงครึ่งเดียวในมือทิ้งก่อนจะเดินไปหาเสี่ยวจู

ปิแอร์มุมปากกระตุกพลางทานหัวดอกลิลลี่ต่อ เขาไม่คาดหวังว่าเจสันจะได้เนื้อย่างมาเลย ปล่อยให้เขาไปเผชิญหน้ากับอุปสรรคบ้างก็ดี จะได้ไม่ไร้เดียงสาขนาดนี้ทั้งที่อายุตั้งปูนนี้แล้ว!

เสี่ยวจูเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสองมืออย่างคล่องแคล่วราวกับกำลังเริงระบำและไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดกับการมาเยือนของเจสัน

“เฮ้…เนื้อย่างของนายใกล้จะไหม้แล้ว” เจสันช่วยพลิกเนื้อที หากไหม้ไปคงน่าเสียดายแย่ เนื้อดีขนาดนี้

เสี่ยวจูไม่ตอบโต้และไม่ละสายจากหน้าจอเลยสักนิด เจสันกลืนน้ำลายแล้วช่วยพลิกเนื้อให้อีกที ก่อนจะพูดเสียงเบา “ถ้ายังไม่กินก็จะไหม้แล้วนะ…”

ยังคงไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้

เจสันจำต้องทิ้งตัวนั่งลงรับหน้าที่ย่างเนื้อแทน การฟุ่มเฟือยอาหารเป็นเรื่องน่าละอายใจ เขาจะปวดใจได้

ต่อให้เนื้อพวกนี้ไม่ใช่ของเขาก็ตาม

ปิแอร์รออยู่นานก็ไม่เห็นเจสันกลับมา เห็นเขาติดหนึบอยู่กับเสี่ยวจูเหมือนหมารอเจ้าของก็ส่ายศีรษะอย่างละเหี่ยใจแล้วทานหัวดอกลิลลี่ต่อไปพร้อมเก็บไว้ให้เจสันหลายลูกเผื่ออีกประเดี๋ยวจะกลับมาทาน

“กร๊าซ…”

สองคนที่ถูกมัดตัวอยู่บนพื้นเริ่มดีดดิ้นไม่หยุด ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเขียวช้ำและส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ ฟังดูเหมือนกับเสียงคำรามของสัตว์ป่าที่กำลังเจอเรื่องอันตราย

เจสันมองสองคนนั่นอย่างฉงนใจ ความรู้สึกกลัวถาโถมเข้ามา

“นายว่า…พวกเขาจะกลายพันธุ์หรือเปล่า? เหมือนมนุษย์กลายพันธุ์ในเรื่องผีชีวะไง” เจสันพูดติดล้อเล่นทั้งที่ในใจคิดว่าเป็นไปไม่ได้

ผีชีวะเป็นเพียงหนังวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นในชีวิตความเป็นจริง

“ใช่…พวกเขาก็คือมนุษย์กลายพันธุ์!”

คำตอบอันกะทันหันของเสี่ยวจูทำเอาเจสันสะดุ้งเฮือกและตกใจไปพร้อมกัน

…………………………..

ตอนที่ 2994 อันตรายมาเยือน

เสี่ยวจูจ้องจนเมื่อยตาเล็กน้อยและพับจอลงในที่สุด เขานวดคลึงถนอมสายตาสักครู่ก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย ทันใดนั้นเองสองคนที่อยู่บนพื้นก็คำรามถี่ขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆเรียกให้คนฟังรู้สึกผวาจับใจ

“เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงเหรอ? นายคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกใช่ไหม?” เจสันรู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อ

เสี่ยวจูหยัดตัวลุกย่อตัวลงตรงหน้าสายลับสาวแล้วหยิบกระบอกฉีดยาออกมาเก็บเลือดเต็มกระบอก เจสันถึงเห็นว่าเลือดของสาวสายลับผู้นี้กลายเป็นสีดำในเวลาอันสั้น

สายลับหนุ่มก็ถูกเก็บเลือดมาส่วนหนึ่ง สีของมันไม่ต่างอะไรจากสายลับสาวแต่ดูจะอ่อนกว่าเล็กน้อย

“นายลองให้พวกมันกัดดูได้ แบบนี้นายก็จะกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนกัน” เสี่ยวจูตอบเสียงเชื่องช้า แล้วเริ่มทำการวินิจฉัยเลือดทั้งสองกระบอก เขาอยากรู้ว่าจุลินทรีย์เหล่านั้นจะแพร่กระจายตัวเร็วแค่ไหน

เจสันหดคอถอยหลังไปหลายก้าว แผ่นหลังเหงื่อผุดกราย ๆ กลางวันแสก ๆเช่นนี้แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีลมเย็นยะเยือกพัดมาเป็นระลอก ๆ

“นายไม่กินเนื้อเหรอ? มันสุกแล้วนะ”

เจสันจำได้ว่าตั้งแต่เสี่ยวจูมาถึงก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบมีดขึ้นมาหั่นเนื้อหอมกรุ่นออกเป็นชิ้นเล็กใช้ไม้เสียบแล้วยื่นให้เสี่ยวจู “กินอะไรหน่อยเถอะ ไม่งั้นไม่ดีต่อกระเพาะนะ”

เนื้อส่งถึงหน้าแล้วเสี่ยวจูคิดจะปฏิเสธคงยากเลยจำต้องรับเนื้อมาทาน เขาพึงพอใจกับวิธีการเอาไม้เสียบเนื้ออย่างมากและรู้สึกดีกับเจสันมากกว่าเดิม

คนที่จะเป็นห่วงกระเพาะเขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

“โครก…โครก…”

เจสันกลืนน้ำลายหลายทีฝืนใจไม่หันกลับไปมองเสี่ยวจูทานเนื้อแต่จมูกกลับปิดไม่มิด กลิ่นหอมฉุยพยายามลอยเข้าจมูก

เสี่ยวจูมองไปยังต้นทางของเสียงก็เห็นท่าทางเก้อเขินของเจสันเลยยกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ ฝรั่งคนนี้น่าสนใจดี เป็นสายลับที่แปลกจริง ๆ

“นายเอาเนื้อเก็บไว้ให้ฉันสองไม้ ที่เหลือนายเอาไปกินเถอะ”

เสียงดั่งสวรรค์ของเสี่ยวจูดังขึ้นทำให้เจสันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลูกตาแทบหลุดออกมา มีเรื่องดีขนาดนี้จริงหรือ?

“ไม่อยากกินก็ช่าง” เสี่ยวจูชักหมดความอดทนเพราะเขาแน่นิ่งไปนาน แบบนี้ไอคิวต่ำเกินไปแล้ว

เจสันพยักหน้าแรง ๆ “กิน…ฉันจะเอาไม้ที่นุ่มที่สุดให้นะ สองไม้น้อยเกินไป ฉันเสียบให้สามไม้เลย วัยรุ่นต้องกินเยอะ ๆหน่อยถึงจะตัวสูง ฉันจะบอกให้เด็กผู้ชายต้องสูงมากกว่าร้อยแปดสิบนะ ไม่งั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนมารัก…”

เสี่ยวจูย่นคิ้วมองชายหนุ่มที่กำลังพูดจ้อตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขานึกเสียใจภายหลังแล้ว…

ไม่เคยเห็นผู้ชายจู้จี้ได้มากกว่าผู้หญิงมาก่อนเลย

“ฉะนั้น…นี่เลยเป็นเหตุผลที่นายเป็นรับเหรอ?” เสี่ยวจูพูดเสียงเรียบแล้วรับเนื้อย่างสามไม้ที่เจสันจัดการเสียบให้อย่างเสร็จสรรพมาพร้อมมองเจ้าคนที่สูงเพียงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรด้วยท่าทียียวน

เจสันชะงักไปพักใหญ่ถึงเข้าใจความหมายของเสี่ยวจูพลันก็หน้าแดงเถือกและหมดคำจะโต้แย้ง

“ปะ…เปล่า…ฉันรักปิแอร์…” เจสันอธิบายเสียงอ้ำอึ้ง

เสี่ยวจูหันกลับไปหาคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กของตนอย่างคร้านจะฟังต่อ เขาไม่สนใจเรื่องความรักสักนิด ไม่ว่าจะชายชายหรือชายหญิง หรือจะเป็นหญิงหญิงก็ตามแต่

เจสันอ้ำอึ้งอยู่นานพอเห็นว่าเสี่ยวจูไม่สนใจเขาพูดอยู่ฝ่ายเดียวก็ไร้ซึ่งความหมายเลยหยิบเนื้อชิ้นโตที่เหลือกลับไปหาปิแอร์อย่างมีความสุข จากนั้นก็แบ่งเนื้อครึ่งหนึ่งให้เขาอย่างได้ใจภายใต้สายตาตกตะลึงของปิแอร์

“รีบกินเถอะ หอมมาก!” เจสันกัดคำโต ปากมันแผลบตาหรี่ลงเป็นเส้นเดียว

ปิแอร์กระตุกมุมปากยิ้มใช้มีดหั่นเนื้อป้อนใส่ปากเจสัน ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มลงมือทานคำโต

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ทั้งสามคนอยู่กันอย่างเงียบสงบ แสงแดดจ้า ลมอ่อนพัดมา ดอกไม้บาน ถ้ามองข้ามสองคนประหลาดบนพื้น ทุกอย่างมันช่างงดงามเหลือเกิน

“กร๊าซ…” จู่ ๆสายลับสาวก็ร้องขึ้นอย่างฉับพลัน

………………

Related

ตอนที่ 2991 ฉิวฉิวที่เงียบสงบ

“ความเป็นไปได้ไหนเหรอ?” เล่อเล่อเค้นถาม

เสี่ยวเป่าชี้ไปยังสวนดอกลิลลี่นั่นพลางกล่าว “เป็นไปได้ว่าสมบัติอยู่ในค่ายกลนี้แหละ เรากลับไปก่อน ปรึกษาเสี่ยวจูก่อนว่าจะเข้าค่ายกลอย่างไร”

หนิงเฉินเซวียนไม่มีทางสร้างค่ายกลต้องคำสาปไว้กลางหุบเขาอย่างไร้เหตุผลแต่ต้องมีจุดประสงค์ของเขาแน่นอน เสี่ยวเป่าพอจะคาดเดาอะไรได้บ้างแต่ยังเรียบเรียงไม่เป็นระบบระเบียบนัก เขาต้องรอดูสถานการณ์อีกที

“ในสวนดอกไม้นอกจากดอกไม้แล้วยังมีอะไรอีก ในภาพทางอากาศของเสี่ยวจูก็มีแต่ดอกไม้ ไม่มีอะไรนอกจากนี้แล้ว” เล่อเล่อคิดว่าเป็นไปไม่ได้

“ไม่แน่หรอก เธออย่าดูถูกค่ายกลโบราณแบบนี้เชียว พลังเสวียนซู่[1]เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าในค่ายกลนี้ต้องมีเรื่องลึกลับอะไรบางอย่าง ไปกันเถอะ!” เสี่ยวเป่ามั่นใจอย่างมาก

เครื่องบินเล็กทางอากาศถ่ายได้เพียงภาพภายนอก อีกอย่างค่ายกลยังทำให้สติพร่ามัว อย่างค่ายกลลวงบางอย่างที่ทำให้คนตัวเป็น ๆหายไปต่อหน้าต่อหน้าซึ่งต่อให้อยู่ใกล้เพียงไม้บรรทัดก็ยังมองไม่เห็น รวมถึงวิชากับดักของหลู่ปานต้าซือ[2] โคไม้ม้าเลื่อนของอาจารย์ว่อหลง[3]…เรื่องราวที่มองว่าเป็นไปไม่ได้เหล่านี้คนโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนล้วนทำได้ ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากด้วย

“หาไม่เจอสักอย่าง พวกพี่หาอะไรเจอบ้างไหม?” เน่าเน่ากับสือเอ้อร์เดินมาจากอีกฟากแล้วตะโกนหาพวกเขา

“ไม่เจอเหมือนกัน พี่เสี่ยวเป่าบอกว่าเป็นไปได้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้พวกนี้ เรากลับไปหาเสี่ยวจูก่อน” เล่อเล่อเพิ่งพูดจบก็หันขวับกลับไปมองด้านหลังทีหนึ่ง เธอรู้สึกว่ามีคนคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ท่ามกลางความมืด

“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีคน…พวกพี่รู้สึกเหมือนกันไหม?” เน่าเน่าเอ่ยด้วยความฉงนแล้วเหลียวมองรอบ ๆเป็นระยะ ๆ

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน…” สือเอ้อร์ขมวดคิ้วแน่น

ฉิวฉิวที่ฟุบนอนอยู่บนไหล่ของเน่าเน่าหมุนลูกตาดำขลับ ใบหน้ากระรอกเผยสีหน้าล้ำลึกอย่างคาดเดาไม่ถูก การผจญภัยครั้งนี้ฉิวฉิวไม่ร่าเริงเท่าแต่ก่อนแต่กลับเงียบสงบอย่างมาก นอกจากกินแล้วก็กิน บางครั้งอาจจะออกไปเดินเล่นเองบ้าง อย่างมากแค่หนึ่งวันก็จะกลับมาแล้ว

“ฉิวฉิวรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า ฉันเห็นมันเงียบ ๆไปนะ” สือเอ้อร์มองฉิวฉิวที่เงียบเกินไปด้วยความห่วงใย แต่ก่อนตอนออกไปเที่ยวคนที่สนุกที่สุดก็คือคุณชายฉิวล่ะ

พอไปถึงยอดเขาลูกใหม่บรรดากระรอกตัวเมียงดงามเหล่านั้นมักหนีไม่พ้น ‘เงื้อมมือมาร’ ของคุณชายฉิวแม้แต่ตัวเดียว ทว่าครั้งนี้กลับไม่ไปเที่ยวหากระรอกตัวเมียสักตัว มันช่างประหลาดนัก

“อายุมากแล้วไง แม่ฉันบอกว่าถ้าวัดตามอายุของมนุษย์ฉิวฉิวก็ต้องอายุแปดสิบกว่าแล้ว ถึงจะมีกระรอกตัวเมียสวย ๆฝูงหนึ่งอยู่ตรงหน้า​ ต่อให้ฉิวฉิวคิดก็คงไม่มีแรงหรอก”

เน่าเน่าลูบขนฟูนุ่มมือของฉิวฉิวด้วยความเห็นใจก่อนจะสำนึกผิดอยู่ราวสามวินาที คิดอยู่ว่าควรออกไปล่าวัวป่าสักตัวแล้วเอาไข่ของวัวหรือไตของวัวมาให้ฉิวฉิวบำรุงร่างกายสักหน่อย น่าจะได้ผลอยู่นิดหนึ่งละนะ!

“จิ๊ ๆ…”

ฉิวฉิวฟาดหางใส่หน้าเน่าเน่าทีหนึ่งแล้วแยกเขี้ยวใส่ เจ้าเด็กอวดดี เขาเป็นถึงคุณชายฉิวที่คงไว้ซึ่งความเยาว์วัยตลอดกาลเชียว ต่อให้เจ้าอายุเจ็ดแปดสิบแล้วเขาก็ยังไม่แก่

เหตุผลที่ไม่ยอมไปเกี้ยวพาราสีพวกกระรอกตัวเมียเพราะภูเขาใหญ่ลูกนี้ไม่ปลอดภัย หลายวันนี้เขาออกไปสำรวจดูหลายรอบก็พบว่ากลางหุบเขาใหญ่มีสิ่งประหลาดซุกซ่อนอยู่ แถมมีสัตว์หลายตัวติดเชื้อน่ากลัวด้วย ตอนนี้ดูเหมือนไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะกำเริบเมื่อไหร่อยู่ดี

ฉิวฉิวไม่ได้ตักเตือนพวกเสี่ยวเป่า นี่เป็นโอกาสฝึกตนครั้งดี เขาเชื่อในตัวเด็กกลุ่มนี้…ว่าจะต้องขัดขวางเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน!

“หลบไป!” พลันเน่าเน่าก็ตะโกนขึ้นแล้วผลักสือเอ้อร์ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดออกไป

เล่อเล่อก็ไหวตัวได้อย่างรวดเร็วคว้ามือเสี่ยวเป่าหลบทันที จากนั้นก็มีร่างสีเทาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา

…………………………….

ตอนที่ 2992 ซอมบี้หมาป่า

ร่างเทากระโดดขึ้นกลางอากาศว่องไวดั่งสายฟ้า พอถอยหลังไปพวกเขาถึงเห็นหน้าตาเจ้าสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน คิดไม่ถึงจะเป็นหมาป่าที่ผอมซูบเหลือเพียงกระดูกตัวหนึ่ง ดวงตาทอแสงสีเขียวน่าประหลาดทำเอาคนมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างอดไม่ได้

“ไม่มีสัตว์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีหมาป่าได้?” เล่อเล่อกระชากเสี่ยวเป่าไปอยู่ด้านหลัง หยิบเอาหนังสติ๊กงานประณีตของเธอออกมา นี่เป็นของขวัญสำหรับวันบรรลุนิติภาวะที่เหยียนหมิงซุ่นให้เธอ

ด้ามจับของหนังสติ๊กถูกทำด้วยเหล็กกล้าผสมกับการหล่อของหินอุกกาบาตที่เอากลับมาพร้อมกับจรวดอวกาศ ต่อให้โยนลงกลางลาวาก็ไม่มีทางละลายได้ สายหนังทำด้วยเส้นเอ็นของตัวแรดแอฟริกาที่เหนียวแน่นคงทนที่สุดจึงสามารถรองรับพลังที่เกินมนุษย์มนาของเล่อเล่อได้

“หลบไปให้หมด!”

เล่อเล่อดึงสายหนังพร้อมวางเม็ดเหล็กกลมสามลูก ขณะที่หมาป่าอยู่ห่างเธอเพียงหนึ่งเมตร เม็ดเหล็กทั้งสามก็พุ่งออกไปสามทิศทางแล้วกระแทกใส่กลางหน้าผากและดวงตาทั้งสองของหมาป่าซึ่งล้วนเป็นจุดสำคัญแก่ชีวิต หมาป่าธรรมดาย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่–

หมาป่าแค่ชะงักกลางอากาศเพียงวิเดียว ต่อให้กลางหน้าผากจะเป็นรูโบ๋ถึงสามรูถึงขั้นมีน้ำสมองสีขาวไหลออกมาปะปนกับเลือดสีสด ทว่าหมาป่ากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บใด ๆเหมือนว่าไม่มีอะไรกระทบมันแถมยังคงพุ่งเข้ามาต่อ แสงสีเขียวในดวงตาทำเอาขนลุกวาบไปทั้งตัว

“ไอ้บ้าเอ้ย…หมาป่าฆ่าไม่ตาย…นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” เน่าเน่าโยนดาบกงจักรออกไป นี่เป็นอาวุธเฉพาะตัวของเขาที่สามารถใช้งานซ้ำได้ มันทำจากวัสดุเช่นเดียวกับหนังสติ๊กของเล่อเล่อหรือก็คือหินอุกกาบาตที่นำกลับมาจากอวกาศ

ดาบกงจักรส่งเสียงพั่บ ๆใสก้องแล้วร่อนไปอยู่ตรงหน้าหมาป่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หมุนรอบคอของมันหนึ่งรอบช่วยสกัดหมาป่าเอาไว้ได้ ดาบกงจักรหมุนกลางอากาศแล้วย้อนกลับมากรีดตัวหมาป่าอีกหนจนครึ่งหัวของมันขาดออกห้อยลงมาพร้อมเลือดสีดำที่ไหลริน

เรื่องแปลกคือหมาป่าที่หัวแทบจะขาดรอมร่อยังไม่หยุดโจมตี น่าประหลาดจนรู้สึกอัศจรรย์ใจ

“ตัดหัวมัน!” เสี่ยวเป่าเอ่ยขึ้นกะทันหัน

“ได้เลย!”

เน่าเน่าเก็บดาบกงจักรกลับมาแล้วเหวี่ยงออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้ท่าไม้ตายกระบวนท่ากงจักรสามพัด ซึ่งก็คือใบพัดจะทำการร่อนกลางอากาศไปมาสามครั้งอย่างรวดเร็ว อดีตเน่าเน่าที่ไปท่องเที่ยวประเทศเล็ก ๆแห่งหนึ่งแถบตะวันออกกลางใช้กระบวนท่านี้ฆ่าพวกลามกสิบสองคนที่รังแกผู้หญิงคนหนึ่งจนเรียบ

ในที่สุดหัวของหมาป่าก็ร่วงตกพื้น สามวินาทีผ่านไปในที่สุดหมาป่าก็ล้มลงพร้อมสี่ขาที่ชักไม่หยุด

ทุกคนถอนใจโล่งอกเฮือกหนึ่งแล้วเดินเข้าไป เล่อเล่อใช้เท้าเตะศพของหมาป่าทีหนึ่ง “หมาป่าตัวนี้เหมือนจะมาจากสวนดอกไม้สินะ พี่เสี่ยวเป่าไหนพี่บอกว่ากลางหุบเขานี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เหรอ?”

เสี่ยวเป่าทำหน้าเคร่งเครียด “หมาป่าตัวนี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิต มันตายไปตั้งนานแล้ว ไม่มีเสียงหัวใจเต้นและไม่มีลมหายใจด้วย”

“ตายแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ เมื่อกี้ยังวิ่งเร็วขนาดนั้น ยังคิดจะมากินพวกเราอีกแหนะ หรือว่าจะเป็นซอมบี้?” เล่อเล่อพูดกลั้วหัวเราะ แต่เพิ่งพูดจบเธอก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆเลือนหายไปทีละนิด

“นี่ก็คือซอมบี้หมาป่า เป็นสายพันธุ์ที่คล้าย ๆกับซอมบี้ในนิยาย พวกเธอระวังตัวหน่อย อย่าไปโดนเลือดของมัน เลือดมีเชื้อไวรัส” เสี่ยวเป่ากำชับ

“หมาป่าตัวนี้คงไม่ได้กินหัวดอกลิลลี่ถึงกลายเป็นซอมบี้หรอกนะ…ให้ตายเถอะ…สายลับสองคนนั่นจะกลายเป็นแบบนี้เหมือนกันด้วยหรือเปล่า?”

“เป็นไปได้สูงมาก…เรารีบกลับไปกันเถอะ ฉันเป็นห่วงเสี่ยวจู!” เสี่ยวเป่าหยิบขวดน้ำยาเล็ก ๆออกมาขวดหนึ่งแล้วหยดใส่ศพหมาป่าเล็กน้อยถึงค่อยจุดไฟ ไฟคอกท่วมตัวในชั่วพริบตากักเหนี่ยวศพของหมาป่าไว้ในกองเพลิง และไม่นานก็สลายเหลือไว้เพียงเถ้ากระดูก

“ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิต ฉะนั้นมีแต่ไฟที่ฆ่ามันได้ ไปกัน!”

เสี่ยวเป่าอธิบายประโยคหนึ่งแล้วฉุดแขนเล่อเล่อเดินย้อนกลับไป เขาสะเพร่าเอง ตอนนี้เขารู้จุดประสงค์ของเชื้อไวรัสแล้ว–นั่นก็คือการที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นซอมบี้

ตอนนี้เสี่ยวจูอันตรายมาก!

……………

Related

ตอนที่ 2989 เรื่องประหลาด

เสี่ยวจูส่ายศีรษะ “ถอนคงถอนได้แต่ตอนนี้ฉันยังคิดหาวิธีไม่ได้”

เล่อเล่ออยากตบเสี่ยวจูสักทีทว่าฝ่ามือที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็เปลี่ยนทิศทางไปลงที่ศีรษะเน่าเน่าแทนด้วยความหงุดหงิด นับตั้งแต่เข้าหุบเขามาทุกย่างก้าวของพวกเขามักเป็นฝ่ายถูกกระทำราวกับมีมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นกำลังแอบบงการอยู่ หลอกล่อพวกเขาให้ก้าวสู่เหวลึกทีละก้าว ๆโดยมิอาจต้านทานได้

“ตบฉันทำไม? ฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ” เน่าเน่าตวาดใส่ด้วยความโมโห ตบเขาทุกทีเลย เขาเจ็บไม่เป็นหรือไง!

“ใครใช้ให้นายมาอยู่ข้างฉันล่ะ ไปโน้นเลย เห็นแล้วหงุดหงิด!”

เล่อเล่อปล่อยหมัดใส่เขา เน่าเน่าเลยถอยหลบอย่างหัวเสีย ในเมื่อเขาหาเรื่องไม่ได้แต่หลบได้นี่นา

ฉับพลันสือเอ้อร์ก็ตะโกนขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้ว พวกเราเองก็กินหัวดอกลิลลี่เหมือนกัน งั้นพวกเราต่างก็โดนพิษหมดน่ะสิ!”

ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี เสี่ยวจูส่ายศีรษะเอ่ย “อย่ากังวลไป พวกเราไม่ได้กินดอกลิลลี่สีดำ ถ้ามีแค่จุลินทรีย์ชนิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”

“งั้นก็ดี…แต่พอคิดว่าในร่างกายมีจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งไหลเวียนอยู่ในเลือดก็พลอยรู้สึกขนลุกไปด้วยแฮะ มีวิธีขับจุลินทรีย์นี้ออกจากร่างกายไหม?” เล่อเล่อลูบแขน เธอรู้สึกไม่สบายตัวเลยจริง ๆ

สือเอ้อร์กลับไม่คิดเช่นนั้นแล้วเอ่ย “พี่คิดมากไปแล้ว ต่อให้เราไม่กินหัวดอกลิลลี่เข้าไปร่างกายของเราก็มีจุลินทรีย์มากมายอยู่แล้ว อีกอย่างในอากาศก็มีพวกจุลินทรีย์กระจายตัวอยู่เต็มไปหมด พี่สูดหายใจเข้าไปทีหนึ่งก็มีแมลงตัวเล็ก ๆเข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ทั้งยังไหลไปทางหลอดลมหลอดอาหาร…แล้วเข้าไปใน…”

“หุบปากไปเลย…”

เล่อเล่อยกฝ่ามือซัดยัยเด็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดกระเด็นไปอยู่เป็นเพื่อนเน่าเน่าด้วยความโกรธ ให้เจ้าเด็กไม่รู้ความสองคนนี้ไปอยู่ด้วยกันเถอะ

สือเอ้อร์ยู่ปาก เธอไม่ได้พูดผิดสักหน่อย พี่เล่อเล่อชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าโดยเฉพาะเธอกับพี่เน่าเน่า

เสี่ยวจูคลิกบนคอมพิวเตอร์ครู่หนึ่งก็ปรากฏภาพปริศนาออกมาซึ่งมองดูแล้วเหมือนเขาวงกต เขาชี้ไปที่ภาพแล้วเอ่ย “ฉันวิเคราะห์ห่วงโซ่ยีนดีเอ็นเอแล้ว ตอนนี้ในคลังจุลินทรีย์หาจุลินทรีย์ตัวนี้ไม่พบ”

เสี่ยวเป่าสีหน้าขรึมลง “หมายความว่าจุลินทรีย์สองตัวนี้เป็นชนิดใหม่งั้นเหรอ”

เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ก็เหมือนสิ่งประหลาดเพราะไม่มีใครรู้ว่าจะสร้างอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ต่อให้ตอนนี้จุลินทรีย์ที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้ออกอาการอะไร แต่ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เป็นอะไรล่ะ?

“ฉันจะออกไปจากหุบเขานี้หน่อย เสี่ยวจูไปกับพี่ที” เสี่ยวเป่ามองไปทางเสี่ยวจู

ในหุบเขาไม่มีสัตว์ใด ๆแต่นอกหุบเขามี บางทีเขาอาจจะเข้าใจสถานการณ์อะไรขึ้นบ้าง เขาต้องไปหาถามให้รู้เรื่อง มิเช่นนั้นก็สู้อยู่ในหุบเขาโดยไม่รู้อะไรเลยเหมือนแมลงวันที่ไร้หัวเช่นนี้

เสี่ยวจูถอนหายใจ “ก็ได้…ฉันเก็บของก่อน”

เน่าเน่าเข้ามาสมทบ “ให้ฉันแบกพวกนายไหม? แต่สองคนออกจะยากไปหน่อยนะ”

“ไม่ต้องหรอก นายเฝ้าอยู่ที่นี่แหละ ห้ามไปไหนทั้งนั้น!” เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่น เน่าเน่าไม่กล้าล้อเล่นอีกพลันก็ดูท่าทีจริงจังขึ้นกว่าเดิม

เล่อเล่อก็อยากไปด้วยเช่นกันแต่เธอไตร่ตรองดูแล้วเธออยู่ที่นี่ดีกว่า ในเมื่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นก็เป็นเด็กดีอยู่ในหุบเขาไปนี่แหละ

“พวกเขาไปไหนเหรอ? ไปหาของกินหรือเปล่า?” เจสันเห็นเสี่ยวเป่ากับเสี่ยวจูจากไปก็เดินมาถามไถ่ สีหน้าไม่ทะเล้นอีกเช่นเคยแต่กลับดูขรึมขึ้นมาก

“ใช่” เล่อเล่อพยักหน้า จากนั้นก็เอาเถาวัลย์มามัดสายลับสาวที่ร้องเสียงแหบพร่าไว้แน่น

พอเดินออกมาได้สักพักหนึ่ง เสี่ยวเป่าก็กวาดตามองรอบทิศแล้วพยักหน้าให้เสี่ยวจู เสี่ยวจูงอมือก่อนที่สิ่งมีชีวิตสีเขียวเงาวับจะมุดเข้าไปในป่า ไม่นาน…งูหลามยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขาพร้อมทั้งแลบลิ้นให้อย่างเป็นมิตร แถมแววตายังคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

เพราะมันก็คือฉาฉาฉบับขยายตัวแล้วนั่นเอง

……………………………………………….

ตอนที่ 2990 ขุมสมบัติอยู่ที่ไหน

ฉาฉาดูดซับสารกัมมันตรังสีปริมาณมากเข้าไปและผ่านวิบากกรรมนั้นมาได้สำเร็จ แต่เพราะเกิดเรื่องขัดข้องนิดหน่อยเลยถือว่าไม่ได้สำเร็จด้วยดีนักซึ่งขาดอีกนิดเดียวถึงลุล่วงด้วยดี

ณ เวลานั้นฉาฉามีขนาดใหญ่เกินไปและหดตัวไม่ได้ดั่งเดิม ดังนั้นฉาฉาเลยอาศัยอยู่ที่ภูเขาสือว่าน หลังจากเสี่ยวจูไปก็ปรับข้อบกพร่องได้สำเร็จจนในที่สุดก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

เสี่ยวเป่าลูบหัวฉาฉาอย่างแผ่วเบาแล้วนั่งลงบนตัวฉาฉา เสี่ยวจูก็นั่งลงเช่นกัน ฉาฉาฟลุบลงอย่างว่าง่าย ครั้นเห็นพวกเขานั่งลงเรียบร้อยถึงเชิดหน้าเลื้อยไป อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วทะลุพุ่มหญ้าที่ขนาดสูงกว่าคนเสียอีก

เพราะสีร่างกายของฉาฉากลมกลืนกับหญ้ามากแถมยังเคลื่อนไหวว่องไวให้ความรู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านเท่านั้นจึงยากที่จะเห็นว่ามีงูยักษ์หนึ่งตัวเลื้อยอยู่ในพุ่มหญ้า

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงพวกเสี่ยวเป่าก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เป็นไงบ้าง? เจออะไรบ้างไหม?” เล่อเล่อถามอย่างร้อนใจ เมื่อครู่สายลับสาวอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกแล้ว เธอเลยต้องมัดด้วยเถาวัลย์อีกหลายก้านถึงจะควบคุมหล่อนอยู่

เสี่ยวเป่าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “อาการประสาทหลอนจากจุลินทรีย์ตัวนี้กลายพันธุ์ สามปีก่อนมีทีมนักสำรวจหลงมาที่นี่ แล้วมีสมาชิกคนหนึ่งมีอาการแบบผู้หญิงคนนี้เลย”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

 “สมาชิกคนนี้กัดเพื่อน ๆของเขา สุดท้ายเพื่อนของเขาก็ติดเชื้อและคลุ้มคลั่งเช่นกัน” เสี่ยวเป่ามุ่นคิ้วแน่น

นักสำรวจพวกนั้นคลุ้มคลั่งแล้วยังไม่ถูกมัดตัวไว้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้พวกเขาไม่รู้หายไปไหนแต่แน่ใจได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่แน่นอน

เพราะสัตว์ต่าง ๆนอกหุบเขาบอกว่าในระหว่างสามปีนี้ในป่ามักมีคนป่าน่ากลัวโผล่มาไล่ฆ่าสัตว์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือสัตว์ที่ถูกกัดก็ดุร้ายน่ากลัวกลายเป็นปีศาจร้ายในป่าเหมือนคนป่าเหล่านั้นไม่มีผิด

“แต่ระหว่างที่เราเดินมาไม่เห็นเจอคนป่าหรืออสูรคลุ้มคลั่งเลยนะ!” เล่อเล่อไม่เข้าใจ

“เพราะป่าแห่งนี้กว้างใหญ่มาก อีกอย่างระยะเวลาแค่หนึ่งปีคงไม่กระจายไปทั่วทั้งหุบเขาหรอก ฉะนั้นเราถึงไม่เจอกันไง” เสี่ยวจูอธิบาย

สือเอ้อร์ชี้ไปที่สายลับหนุ่มที่ใบหน้าเขียวจาง ๆแล้วเอ่ยว่า “เขาต้องถูกแพร่เชื้อใส่แล้วแน่ ตอนนี้ทำไงดีล่ะ ฆ่าพวกเขาเหรอ?”

“อย่านะ…ฉันไม่ได้โดนพิษนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกปกติดี…”

สายลับหนุ่มตะโกนไม่หยุดและพยายามข่มอาการกระสับกระส่ายไว้ เขาจะให้คนอื่นเห็นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กใจเหี้ยมพวกนี้ต้องฆ่าเขาแน่!

“ฆ่าทิ้งให้หมดเลย!”

“ไม่ต้องหรอก เก็บไว้ให้ฉันศึกษาเถอะ!”

เสี่ยวเป่าและเสี่ยวจูเอ่ยออกมาพร้อมกัน ทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมฟังความคิดเห็นของเสี่ยวจูเก็บสองชีวิตนี้ไว้แต่ก็ถูกเถาวัลย์รัดไว้อย่างแน่นหนา

“พวกเราไปหาขุมสมบัติกันเถอะ ไม่รู้ว่าทางเข้าอยู่ไหน เมื่อกี้ฉันหาอยู่นานก็ไม่เห็นเจอถ้ำหรืออะไรเลย หรือว่าจะฝังไว้ใต้ดินนะ?” เล่อเล่อเอ่ย

“แบ่งกันหาสองทาง”

เสี่ยวเป่าพาเล่อเล่อไปด้วย เน่าเน่ากับสือเอ้อร์ไปกันอีกทาง ส่วนเสี่ยวจูอยู่ศึกษาอาการของสองคนนี้ บางทีอาจจะค้นพบบางอย่างก็ได้

หุบเขากว้างใหญ่หลายสิบลี้ พวกเขาสี่คนหาอยู่นานแต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากดอกลิลลี่ พุ่มหญ้าสูงกว่าคนและลำธารล้อมรอบหุบเขา

“น่าแปลกจัง หรือจะอยู่ใต้ดินจริง ๆนะ?” เล่อเล่อพึมพำ

เสี่ยวเป่าหยุดเดินแล้วกวาดตามองบรรยากาศรอบด้าน เขากับเล่อเล่อวนเวียนเดินหารอบสวนดอกลิลลี่มานานแล้ว โดยรวมหุบเขาเป็นแนววงกลม สวนดอกลิลลี่อยู่ใจกลางหุบเขา ส่วนรอบด้านเป็นสนามหญ้าพื้นราบธรรมดา

“มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง…” เสี่ยวเป่าผุดความคิดบางอย่างขึ้นได้แล้วหันไปมองสวนดอกลิลลี่ที่ผลิดอกเบ่งบาน

………………………………….

Related

ตอนที่ 2987 ผีดูดเลือด

เน่าเน่าก็เพิ่งล้างหน้าแปรงฟันกลับมาจากลำธารเช่นกัน พอเห็นสือเอ้อร์จ้องหนุ่มโป๊เปลือยตาโตก็พุ่งไปปิดตาเธอไว้ด้วยความโกรธพร้อมคำรามว่า “มองอะไร ระวังจะเป็นตากุ้งยิงเอานะ!”

พอไม่ได้ดูของเพลินตา สือเอ้อร์ก็ยื่นมือไปปิดตาเน่าเน่าอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน “นายเองก็ห้ามดูผู้หญิงเหมือนกัน”

เธอไม่ได้ดู เน่าเน่าก็อย่าหวังจะได้ดูเลย

ทั้งสองคนปิดกันไปปิดกันมาราวกับเด็กน้อยทะเลาะกันก็ไม่ปาน

เน่าเน่าแค่นเสียงใส่ “ฉันเคยเห็นโลกกว้างมาแล้ว ผู้หญิงพวกนั้นนมยานกันหมดให้ดูฟรีฉันยังไม่เอาเลย”

เขาชอบดูสาวอกอึ๋มตึงสวยไม่ใช่ยานแบบนี้ สือเอ้อร์ดูถูกรสนิยมเขามากไปแล้ว

จุดสนใจของสือเอ้อร์กลับเป็นเรื่องอื่น “คิดไม่ถึงว่าจะเห็นหน้าอกของหล่อนแล้ว…นายจะดูส่วนนั้นอีกได้ไง…เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปล้างตาเลยนะ”

เน่าเน่าแค่นเสียงใส่ “ฉันไม่ได้ตาบอดนะ อีกอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน เวลาที่เธอดูนานกว่าฉันอีก…เหอะ!”

นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เน่าเน่าไม่ชอบใจ เขาเจ๋งกว่าเจ้านั่นตั้งเยอะ สือเอ้อร์ตาไม่มีแววเอาซะเลย

สือเอ้อร์แดกดันไปว่า “นายมีสิทธิ์อะไรไปว่าของเขาเล็กเหมือนไส้เดือน ฉันว่าของนายต่างหากล่ะที่ใช่!”

“เหลวไหล…” เน่าเน่ายอมไม่ได้ เขาต้องปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขา!

“บ้าบออะไรกันเนี่ย…นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมามัวหยอกเย้ากันอยู่ได้ รีบหนีเร็ว!” เล่อเล่อเดินปรี่เข้ามาหาแล้วดึงเจ้าทึ่มสองคนที่ถูกความโง่บังตาออกจากกัน ถ้ายังไม่หลบคงได้ประชันกับสายลับสาวนั่นแน่

สายลับสาวว่องไวขึ้นมาก ทั้งยังดวงตาเหม่อลอยราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน เธอตามไล่บี้ผู้ชายคนนั้นไม่ห่างแถมประชิดเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

สายลับหนุ่มสบถด่าออกมาแล้วคิดจะวิ่งหนีเร็วกว่านี้อีกหน่อย ทว่าทุ่มสุดแรงกายแล้วก็ยังไม่สามารถหลบฝ่ามือปีศาจของสายลับสาวได้ สายลับสาวคว้าคอของหนุ่มคนนั้นไว้ได้พร้อมรอยยิ้มร้ายกาจคลุ้มคลั่งชวนให้สยดสยอง

“พระเจ้า…หล่อนกลายเป็นซอมบี้แล้ว” เจสันร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วหลบอยู่ด้านหลังปิแอร์

เสียงของเขาเพิ่งเปล่งออกมาสายลับสาวคนนั้นก็กัดเข้าที่คอหนุ่มคนนั้น สายลับหนุ่มดิ้นรนพยายามเอาชีวิตรอด “ช่วยด้วย…ช่วยฉันด้วย…”

เจสันถามเสียงเบา “ช่วยเขาหน่อยไหม?”

ปิแอร์ถลึงตาใส่ เจสันเลยรีบปิดปากแล้วดูเรื่องสนุก ๆต่อไป

“จะช่วยไหม?” เล่อเล่อก็ถามเช่นกัน

เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงทุ้ม “ตอนนี้อย่าเพิ่งช่วย ลองดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”

สายลับสาวกัดเข้าที่คอของสายลับหนุ่มคนนั้นแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมา สายลับหนุ่มร้องโหยหวน “รีบช่วยฉันที หล่อนกำลังดูดเลือดฉันอยู่ หล่อนบ้าไปแล้ว…”

ทุกคนต่างเสียวสันหลังวาบ เพียงผ่านไปแค่คืนเดียวเท่านั้น ทำไมจู่ ๆหญิงสาวคนนี้ถึงกลายเป็นผีดูดเลือดไปได้ล่ะ?

ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เสียงร้องขอความช่วยเหลือของสายลับหนุ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ เขามองคนอื่น ๆอย่างสิ้นหวัง ถ้าเขารู้ว่าหล่อนจะกลายเป็นผีดูดเลือด เขาไม่มีทางไปร่วมรักกับหล่อนแน่นอน

ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนจะไม่มีทางวันไนต์สแตนด์ในขณะทำภารกิจแท้ ๆ

“ช่วยพวกเขาเถอะ ฉันอยากตรวจดูเลือดของเขาหน่อย” ไม่รู้ว่าเสี่ยวจูตื่นมายืนอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

เสี่ยวเป่ายื่นมือไปห้ามเล่อเล่อที่เตรียมลงมือ “ไม่ต้องเข้าไปประชิดใกล้นักหรอก เน่าเน่า ใช้อาวุธลับของนาย”

“ได้เลย!” เน่าเน่ารับคำแล้วก้มลงหยิบก้อนหินจากพื้นมาไม่กี่ก้อน เขาไม่ต้องเล็งเป้าก็ดีดออกไปซึ่งกำหนดไปที่จุดเส้นลมปราณของหล่อน

สายลับสาวคนนั้นกรีดร้องพร้อมล้มลงพื้นทว่ามือของหล่อนกลับไม่ปล่อยจากคอหนุ่มคนนั้นราวกับล็อกไว้ปลดออกไม่ได้ พวกเขาสองคนล้มลงพร้อมกัน สายลับหนุ่มเสียเลือดมากจนหน้าซีดและอ้าปากหายใจไม่หยุดราวกับปลาที่ขาดน้ำ

…………………………………..

ตอนที่ 2988 จุลินทรีย์ที่แสนประหลาด

“ทำไมถึงบีบแน่นนักล่ะ ต้องหักกระดูกถึงจะเอาออกได้”

เน่าเน่าแกะมือออกอยู่นานแต่ก็แกะมือของสายลับสาวไม่ออก ถ้าไม่รีบเอามือออกสายลับหนุ่มต้องหมดลมหายใจแน่

“ฉันมาแล้ว…” เล่อเล่อเดินพุ่งมาหาแล้วคว้ามือของสายลับสาวไว้ เสียงแกร็กดังขึ้นไม่หยุดจนสุดท้ายนิ้วทั้งสิบของผู้หญิงคนนั้นก็หักจนหมด สายลับหนุ่มถูกเล่อเล่อดึงเบา ๆก็หลุดพ้นจากมือปีศาจนั่นได้ในที่สุด

เจสันอดตัวสะท้านเฮือกไม่ได้ ตอนนี้เขาถึงเพิ่งค้นพบว่าเด็กพวกนี้ไม่ธรรมดาสักคน แต่ละคนฝีมือไม่แพ้กันเลย

ราวกับว่าสายลับสาวคนนั้นไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ ถึงแม้นิ้วจะหักอ่อนปวกเปียกทว่ากลับทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอเพียงแค่แสยะยิ้มร้ายกาจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“เหมือนว่าเธอจะสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดไปแล้ว” สือเอ้อร์กล่าว

เสี่ยวจูหยิบกระบอกฉีดยาออกมาสองอันแล้วเก็บเลือดของพวกเขาสองคนโดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าสายลับหนุ่มเสียเลือดไปมากขนาดไหน ทั้งยังเก็บเลือดจนเต็มหลอด สายลับหนุ่มดวงตาทั้งสองข้างนิ่งค้างแล้วเป็นลมสลบไปเพราะทนไม่ไหว

“ฉันไปศึกษาเลือดก่อนแล้วกัน” เสี่ยวจูสีหน้าเรียบนิ่งแล้วหยิบหลอดเลือดทั้งสองกลับไป

เสี่ยวเป่าเดินไปข้างกองไฟที่ใกล้มอดเต็มทีแล้วเก็บดอกลิลลี่สีดำเหี่ยวเฉาสองสามดอกขึ้นมาจากพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 “ผู้หญิงคนนี้น่าจะกินหัวดอกลิลลี่สีดำที่มีพิษเข้าไป” เสี่ยวเป่ารู้สึกเหนือคาด อีกทั้งลางสังหรณ์ไม่ดีก็รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

เล่อเล่อล้วงเอายาวิเศษออกมาเม็ดหนึ่งซึ่งเหมยเหมยเตรียมไว้ให้ พวกเขาทั้งสามคนพี่น้องต่างมีหมดเพราะปกติมักเอามาทานเล่นเป็นลูกอม เธอเอายาวิเศษยัดใส่ปากสายลับหนุ่ม จากนั้นอาการของเขาก็ดีขึ้นแต่สีหน้ายังคงซีดเซียวอยู่

“เมื่อคืนพวกนายกินหัวดอกลิลลี่สีดำเข้าไปใช่ไหม?” เล่อเล่อตะคอกถาม

สายลับหนุ่มพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “ฉันไม่ได้กิน มีแต่หล่อนที่กิน”

“นอกจากนี้แล้วยังกินอะไรอีกไหม?”

สายลับหนุ่มส่ายศีรษะ บนหุบเขาแห่งนี้นอกจากดอกลิลลี่ก็มีแค่หญ้าป่า เขาจะกินอะไรได้

ดูท่าทางสายลับสาวจะอาการไม่ได้ทุเลาลงเลยแต่กลับคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิมราวกับซอมบี้ เธอร้องโหยหวนเสียงดังเหมือนในหนังก็ไม่ปาน เล่อเล่อนึกรำคาญเลยเตะเข้าที่คางของสาวคนนั้นทีหนึ่ง

พอเสียงแกร๊กดังขึ้น ความสงบก็บังเกิดขึ้นชั่วขณะ

“ฉันวิจัยออกมาได้แล้ว ในเลือดของพวกเขามีจุลินทรีย์มีชีวิตอยู่ การแพร่กระจายตัวของจุลินทรีย์ชนิดนี้เร็วมาก ฉันลองคำนวณดูแล้วเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเจ้าจุลินทรีย์ชนิดนี้จะกระจายตัวภายในร่างกายได้ทุกซอกทุกมุม” เสี่ยวจูได้ผลลัพธ์แล้วและไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย

“นายหมายถึงว่าพวกเขาสองคนโดนพิษเข้าแล้วเหรอ? งั้นแล้วทำไมมีเพียงผู้หญิงที่อาการคลุ้มคลั่งล่ะ?”

เสี่ยวจูเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฉันยังพูดไม่จบ ในเลือดของผู้หญิงคนนี้ยังมีจุลินทรีย์มีชีวิตอีกชนิดหนึ่งอยู่ด้วย เอ่ยได้ว่าเป็นดั่งหยินหยาง จุลินทรีย์สองชนิดนี้รวมร่างกันอย่างรวดเร็วจนแปรสภาพเป็นจุลินทรีย์อีกชนิดหนึ่ง”

เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “จุลินทรีย์ตัวนี้มีผลทำให้ชั้นเยื่อหุ้มสมองของสัตว์ตื่นตัว หรือพูดได้ว่าคลุ้มคลั่งนั่นแหละ”

“งั้นตามที่ว่ามาความต่างของหัวดอกลิลลี่สีดำกับสีอื่น ๆก็คือมีจุลินทรีย์ชนิดที่ต่างกัน หากกินเพียงอย่างเดียวจะไม่เป็นไร แต่ถ้ากินหมดจะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง หมายความว่าแบบนี้ใช่ไหม?” เสี่ยวเป่าเอ่ยถาม

เสี่ยวจูพยักหน้าและส่ายศีรษะเช่นกัน “ก็ไม่เชิงหรอก จุลินทรีย์ในดอกลิลลี่สีดำมีผลทำให้ประสาทหลอนเท่านั้นแต่ไม่ได้รุนแรงอะไร ทว่าถ้ารวมกันถึงจะแปรเปลี่ยนทำให้อาการประสาทหลอนหนักขึ้น”

“ถอนพิษได้ไหม?” เสี่ยวเป่าเอ่ยถาม

หลังจากเข้าหุบเขามาครั้งนี้เขามักรู้สึกไม่สบายใจเพราะในละแวกหุบเขาหลายสิบลี้แห่งนี้เงียบเหงาไม่มีสัตว์ที่มีชีวิตเลยสักตัว ฉะนั้นพรสวรรค์ของเขาจึงใช้ไม่ได้ในที่แห่งนี้

………………………………………….

Related

ตอนที่ 2985 ต้องกลับไปด้วยกัน

เสี่ยวเป่าทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม “งั้นค่ายกลนี้เป็นแค่แบบครึ่งหนึ่งหรือสมบูรณ์เหรอ?”

“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ นอนก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยดูอีกที” เสี่ยวจูหาวหวอดใหญ่พร้อมท่าทางสะลึมสะลือ

เขาต้องเข้านอนสองทุ่มตรงตามเวลา ต่อให้เขาไม่นอนแต่นาฬิกาชีวิตของเขาก็ต้องเตือนเขาอยู่ดี ทุกคนล้วนรู้อาการของเขาดี ถึงแม้จะคันยุบยิบในใจจนทนไม่ไหวแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“นอนเถอะ ๆ เรื่องนอนใหญ่สุดแล้ว” เล่อเล่อลูบศีรษะเสี่ยวจูที่ตาปรือจนลืมไม่ขึ้นเบา ๆ จากนั้นก็ให้เน่าเน่ารีบไปกางเต็นท์

รอจนเน่าเน่าจัดการกางเต็นท์เสร็จ เสี่ยวจูก็ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว

“จริง ๆเลย…วันหลังจะแต่งงานมีภรรยาได้อย่างไรกัน!” เล่อเล่อมองพร้อมส่ายศีรษะย่อตัวอุ้มเสี่ยวจูขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในถุงนอน ตอนจะเดินจากไปก็อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกกลมมนของเสี่ยวจูไปทีหนึ่ง

จมูกของเสี่ยวจูเหมือนแม่มาก กลม ๆเนื้อเยอะ เห็นแล้วอยากบีบสักหลายทีเชียวล่ะ

ทุกคนกลับไม่มีความง่วงเลยสักนิด ตอนนี้แค่สองทุ่มเท่านั้น เป็นช่วงเวลาตื่นตัวที่สุดด้วยซ้ำ

“พวกพี่ว่าหนิงเฉินเซวียนสร้างค่ายกลต้องคำสาปนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร?” สือเอ้อร์ไม่เข้าใจ

เน่าเน่าแทะกระดูกเสร็จโยนทิ้งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ค่ายกลต้องคำสาป ก็ต้องเพื่อสาปแช่งไม่ใช่หรือไง!”

“แล้วสาปแช่งอะไรล่ะ?”

เน่าเน่าคิดไตร่ตรองดู ยากนักที่จะเห็นเขาใช้สมอง ผ่านไปสักพักเขาก็เอ่ยว่า “เดาว่าน่าจะเป็นคู่แค้น คงไม่ใช่คนรักหรอก!”

สือเอ้อร์พองปากด้วยความโมโห ไร้สาระ…พูดก็เหมือนไม่ได้พูด!

เสี่ยวเป่าสีหน้าดูจริงจังไร้ซึ่งความง่วงใด ๆ เขาเดินไปทางข้างสวนดอกลิลลี่แล้วยืนอยู่นาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่?

เล่อเล่อเดินไปหาพร้อมเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเราคนตั้งมากมาย ทั้งพี่ทั้งเสี่ยวจูก็เก่ง ๆกันทั้งนั้น แผนร้ายของหนิงเฉินเซวียนไม่มีทางสำเร็จหรอก”

เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างเล่อเล่อ หนิงเฉินเซวียนคงไม่ได้จงใจทำแค่ค่ายกลไม่สมบูรณ์นี้ขึ้นมาหรอก อีกทั้งยังเปลืองแรงทนทรมานมาเกือบ 20 ปี…เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวเป่าก็หวังเพียงว่าเล่อเล่อและพวกเสี่ยวจูจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปเพียงเพราะเรื่องของเขาเลย

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องพาพวกเสี่ยวจูกับเน่าเน่าถอยออกไปเข้าใจไหม” ฉับพลันเสี่ยวเป่าก็พูดขึ้น

เล่อเล่อชะงักไปแล้วสีหน้าก็หม่นลงทันที “พี่อย่ามาเล่นเกมสละชีวิตตัวเองเพื่อทุกคนนะ ใช่ว่าฉันจะเป็นน้องสาวที่อ่อนแอสักหน่อย พวกเรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันจะขาดใครสักคนไปไม่ได้เด็ดขาด”

ครั้นเห็นเสี่ยวเป่าจะพูดต่อ เล่อเล่อก็ฟาดเขาทีหนึ่งด้วยความโกรธแล้วเอ่ยอย่างเผด็จการว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว นอน!”

เล่อเล่อหมุนตัวพร้อมสีหน้าที่หม่นลง เธอไม่ได้ผึ่งผายเหมือนภายนอกที่เห็นสักนิด ในใจหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอจะไม่ปล่อยให้พี่เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปแน่

รวมถึงเสี่ยวจู เน่าเน่าและสือเอ้อร์

จะขาดใครไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว!

เสี่ยวเป่านวดคลึงบ่าที่ปวดเคล็ดแล้วยิ้มแห้ง พละกำลังของน้องเล่อเล่อมากขึ้นทุกวันแล้ว

ท้องฟ้าในหุบเขามืดมนลงทุกที ถ้าไม่ใช่เพราะแสงสว่างจากกองไฟคงมืดสนิทจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือ ถึงแม้จะประหลาดใจกับค่ายกลต้องคำสาปแห่งนี้แต่ท้องฟ้ามืดมิดเลยทำอะไรไม่ได้ พวกเล่อเล่อเลยนอนแต่หัวค่ำ

เจสันกับปิแอร์ก็นอนแล้วเช่นกัน เหลือเพียงชายคนหญิงคน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มาจากประเทศเดียวกัน แต่เพราะเล่อเล่อและพวกเจสันตกลงเป็นคู่หู่กันแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงกลายเป็นพันธมิตรกัน

“ไปขุดเอาหัวดอกลิลลี่มาเผาหน่อยเถอะ ฉันว่าพวกเขาคงเอามาเผากินกันหมดแล้ว” สายลับสาวเอ่ย เธอหิวจนตาลายหมดแล้ว

อาหารแห้งของพวกเขาทานจนเกลี้ยงหมดแล้ว แถมพวกเขาไม่ได้มีความสามารถล่าสัตว์อย่างเน่าเน่าเลยทำได้แค่ซุกตัวอยู่ในหุบเขาต่อไป

………………………………………………

ตอนที่ 2986 คลุ้มคลั่ง

สายลับหนุ่มลังเลอยู่บ้างเพราะเขาเองก็หิวมากเช่นกัน หลายวันมานี้เขาไม่ได้ทานอาหารดี ๆเลย ทั้งยังต้องปฏิบัติภารกิจที่ใช้แรงมากจนสูบพลังงานไปถึงขีดจำกัดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าอยู่ดี

ไม่กี่วันก่อนสายลับสองคนตายเพราะพิษที่อยู่ในสมุนไพร เรื่องนี้เขาไม่ลืมสักหน่อย

แต่ถ้าไม่ทานอะไรเลยก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน

“หัวดอกลิลลี่กินได้จริง ๆเพราะเมื่อก่อนฉันเคยกิน อีกอย่างพวกเขากินไปตั้งเยอะไม่เห็นเป็นไรเลย” สายลับสาวเอ่ยโน้มน้าว นอกจากหัวดอกลิลลี่ในหุบเขาก็ไม่มีของอย่างอื่นที่ทานได้แล้ว

ในที่สุดสายลับหนุ่มก็พยักหน้าแล้วไปขุดหาหัวดอกลิลลี่กับสายลับสาว

“หน่อหัวดอกลิลลี่สีดำอวบกว่า เราขุดสีดำมากหน่อยแล้วกัน” สายลับสาวกล่าวอย่างตื่นเต้นพร้อมสองมือที่ขุดออกมาสิบกว่าหัวไม่หยุดมือ

สายลับหนุ่มยังอ้ำ ๆอึ้ง ๆอยู่แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่าเขากลับขุดหัวของดอกลิลลี่สีอื่นขึ้นมาแทน

เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าพวกเสี่ยวเป่าเองก็ขุดหัวของดอกลิลลี่สีดำขึ้นมาเช่นกันแต่สุดท้ายก็ทิ้งหมดแล้วทานแต่สีอื่น เพื่อความปลอดภัยเขาจะไม่ทานหัวสีดำแน่นอน

ส่วนสายลับสาวอยากทานอันไหนก็ทานไปแล้วกัน

หากโดนพิษขึ้นมา งั้นก็ต้องโทษที่เธอไม่ระมัดระวังตัวเอง ถ้าตายไปก็สมน้ำหน้า เขาเองจะได้ลดคู่ต่อสู้ไปอีกคนด้วยพอดี

ความเย็นชาพาดผ่านแววตาสายลับหนุ่มแวบหนึ่งแล้วเขาก็ขุดหาหัวดอกลิลลี่ต่อไป พวกเขาสองคนขุดหาได้เป็นกอง จากนั้นก็โยนเข้าไปเผาในกองไฟซึ่งไม่นานก็เสร็จพร้อมโชยกลิ่นหอมจาง ๆออกมาจนชวนให้น้ำลายสอ

สายลับสาวรีบเขี่ยเอาชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมาอย่างใจร้อนแล้วปอกเปลือกออกเผยให้เห็นเนื้อขาวสวย เธอกัดคำโตแล้วกลืนลงท้องอย่างพึงพอใจ “อร่อยมากจริง ๆ นายก็รีบกินสิ อันนี้ต้องกินตอนร้อน ๆถึงจะอร่อย”

สายลับหนุ่มเบะปากแล้วควานเอาชิ้นเล็กออกมาชิ้นหนึ่งทานอย่างช้า ๆ สายลับสาวทานติดต่อกันสามชิ้นก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสายลับหนุ่มทานแต่ชิ้นเล็กเลยเอ่ยว่า “ทำไมนายไม่กินชิ้นใหญ่ล่ะ? ชิ้นใหญ่อร่อยกว่านะ”

“รสชาติก็เหมือนกัน ชิ้นเล็กก็ต้องกินเหมือนกัน เธอกินชิ้นใหญ่ไปเถอะ” สายลับหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย

สายลับสาวชะงักไปก่อนที่จะขยิบตาให้ จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นออดอ้อน “ขอบคุณนะ…คืนนี้จะสร้างความอบอุ่นให้กันหน่อยไหมล่ะ?”

เธอหลงคิดว่าผู้ชายมีใจให้ ภูเขาเปลี่ยวรกร้างแบบนี้ อีกทั้งอันตรายนานาชนิด ถ้าได้ร่วมรักแก้เซงก็ดีไม่หยอกเหมือนกัน

ถึงแม้ชายคนนี้จะหน้าตาธรรมดาไปหน่อยแต่เธอไม่มีตัวเลือกแล้ว และคงไปยั่วยวนสายลับหนุ่มรักร่วมเพศนั่นไม่ได้เช่นกัน!

สายลับหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมา “เอาสิ ในเมื่ออุณหภูมิในหุบเขาก็ต่ำอยู่แล้ว”

หลังจากพวกเขาทานเสร็จก็รีบไปล้างหน้าบ้วนปากแล้วเบียดกันเข้าเต็นท์…

ยามค่ำคืนบนหุบเขาเงียบสงัดราวกับไม่ได้อยู่บนโลกแห่งความจริงเพราะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแมลง แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินนักทุกคนเลยตื่นแต่เช้ายกเว้นเสี่ยวจู

ถ้ายังไม่แปดโมงเช้า เขาไม่มีทางลืมตาแน่นอน

เพราะจำเป็นต้องรับประกันเวลานอนหนึ่งวันให้ครบ 12 ชั่วโมง

เล่อเล่อสังเกตเห็นเต็นท์หลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปก็ชะงักครู่หนึ่ง ทั้ง ๆที่เธอจำได้ว่าสองคนนั้นไม่ใช่คนชาติเดียวกันเลยแยกกันนอนตลอด แล้วทำไมเมื่อคืนถึงนอนด้วยกันได้ล่ะ?

“อ๊าก…ไอ้ปีศาจ…ฉันจะฆ่าแก…”

จู่ ๆเสียงแหลมสูงของหญิงสาวก็ร้องดังลั่นแล้วตามด้วยเสียงโหยหวน สายลับหนุ่มพุ่งตัวออกมาด้วยตัวเปลือยเปล่าพร้อมไหล่ด้านขวาที่อาบไปด้วยเลือด

“แย่แล้ว…เกิดอะไรขึ้น?” สือเอ้อร์ที่เพิ่งกลับมาจากแปรงฟันก็เบิกตากว้างมองอย่างเพลิดเพลิน

ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มที่หน้าตาไม่ได้เรื่องจะมีรูปร่างที่ดูดีขนาดนี้

ทว่าเล่อเล่อไม่ได้มีกะจิตกะใจดูหนุ่มร่างเปลือยนักเพราะสาวโป๊เปลือยก็วิ่งไล่ตามมาติด ๆเช่นกัน เธอปล่อยผมยาวสยายและมุมปากมีเลือดไหลซิบ ๆแฝงไปด้วยรอยยิ้มร้ายกาจชวนให้น่าขนลุก

…………………………………..

Related

ตอนที่ 2983 อาหารขยะคืออาหารรสเลิศในโลกมนุษย์

เสี่ยวจูกัดหัวดอกลิลลี่ต่อแล้วเอ่ยอย่างเนิบ ๆว่า “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นค่ายกลอะไร รอฉันกินอิ่มก่อนค่อยทำกล้องถ่ายทางอากาศดูรอบทิศแล้วกัน!”

ครั้นเล่อเล่อเห็นเสี่ยวจูทานอย่างอืดอาดก็คันมือยุบยิบด้วยความโมโห เธออยากซัดเจ้าหมอนี่สักทีแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร

เพราะเหมยเหมยไม่ให้เธอตีเสี่ยวจูมาตั้งแต่เด็ก แถมยังบอกว่าเน่าเน่าหนังหนายังพอตีตามใจชอบได้แต่กว่าเสี่ยวจูจะตื่นมาแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉะนั้นต้องให้เขาดื่มด่ำอาบแสงอาทิตย์อย่างเต็มที่ อีกอย่างถ้าตีเขาอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ ถ้าเกิดไม่ตื่นขึ้นมาอีกจะทำอย่างไรล่ะ!

ด้วยวันเวลาที่ล่วงเลยไปเลยทำให้เล่อเล่อติดนิสัยดูแลปกป้องเสี่ยวจู ต่อให้จะโกรธแค่ไหนก็จะไม่ลงมือกับเสี่ยวจู แต่เน่าเน่ากลับแตกต่างกันออกไปเพราะโดนครบทั้งมือทั้งเท้าอย่างไม่มีอ่อนข้อให้

“นายกินให้มันเร็ว ๆหน่อย!” เล่อเล่อเร่ง

ทว่าเสี่ยวจูกลับไม่เพิ่มความเร็วเลยสักนิดแล้วมองเล่อเล่ออย่างเย็นชาเอ่ยตอบ “กินเร็วเกินไปไม่ดีต่อกระเพาะ”

เล่อเล่อกำมัดแน่นพร้อมหายใจเข้าลึก ๆอยู่หลายที ทั้งยังลอบเตือนตัวเองว่า…นี่คือน้องชายแท้ ๆ เป็นน้องชายที่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน อดกลั้นไว้นะ!

เสี่ยวเป่าเห็นเช่นนั้นก็นึกขันแล้วหยิบแฮมชิ้นโตออกมาจากกระเป๋า เพียงกรีดลงเบา ๆก็เผยให้เห็นเนื้อสีอมชมพู จากนั้นก็หั่นอีกหลายทีแล้วเอาไม้เสียบมาย่างไฟ กลิ่นหอมยั่วยวนโชยมาเตะจมูกเป็นระยะ ๆจนทำเอาเสี่ยวเอ้อร์อดกลืนน้ำลายไม่ได้

“ย่างเอาเอง!”

เสี่ยวเป่าโยนให้เธอไม้หนึ่งแล้วจดจ่อย่างไม้ในมือ เธอย่างให้แค่น้องเล่อเล่อเท่านั้น ส่วนคนอื่นเขาไม่สนหรอก

สือเอ้อร์เบะปากและทำได้แค่จัดการเอง ในเมื่อมีอาหารพร้อมแล้วแค่ย่างตามเท่านั้น ทุกคนดื่มด่ำกับกลิ่นหอมเย้ายวนของแฮม มีเพียงเสี่ยวจูที่ถอยออกห่างพร้อมสีหน้าที่ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก

ในบรรดาอาหารทุกชนิดเขาเกลียดอาหารขยะอย่างเช่น แฮม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เคเอฟซี โค้กและขนมหม่าล่าพวกนี้ที่สุด ต่อให้อยู่ห่างสิบเมตรเขาก็ยังได้กลิ่นเครื่องปรุงที่อยู่ในอาหารพวกนี้ รวมถึงกลิ่นของส่วนประกอบทางเคมีด้วย

สำหรับคนอื่นอาจเป็นอาหารรสเลิศ แต่สำหรับเขาของพวกนี้คือขยะ

เขายอมแทะเปลือกไม้ดีกว่าทานขยะพวกนี้!

เสี่ยวเป่าเอาแฮมที่ย่างสุกแล้วยื่นส่งให้เล่อเล่อ “อนุญาตให้กินแค่อันเดียว”

เขาเองก็ไม่ชอบทานอาหารขยะพวกนี้เช่นกันแต่เล่อเล่อชอบ เสี่ยวเป่าไม่กล้าให้เธอทานเยอะเลยจะกำหนดปริมาณทุกครั้ง

เล่อเล่อสูดหายใจเข้าลึก หอมมากจริง ๆ ตอนเด็กเธอค้นพบความจริงอย่างหนึ่ง——

สิ่งที่เรียกว่าอาหารขยะคืออาหารรสเลิศในโลกมนุษย์ ยิ่งเป็นอาหารขยะก็ยิ่งอร่อย ซึ่งนี่เป็นความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยน

“อร่อยมากจริง ๆ พี่เสี่ยวเป่ากินด้วยไหม?” เล่อเล่อกัดคำโตอย่างพึงพอใจแล้วยื่นแฮมไปจ่อปากเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ “ไม่กิน พี่กินหัวดอกลิลลี่ก็พอ อันนี้อร่อย”

เล่อเล่อหัวเราะคิกคัก เธอตัดใจกัดหมดคำไม่ได้เลยปอกหัวดอกลิลลี่ทานคู่กับแฮมโดยยึดทานแฮมเป็นหลัก ทว่าเล่อเล่อทานไปตั้งห้าหกหัวแต่กลับยังไม่สะเทือนถึงท้องเลย

 “ฉันกลับมาแล้ว บ้าจริง ๆ หุบเขาใหญ่โตขนาดนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลยสักตัว ฉันวิ่งไปไกลนับหลายสิบไมล์หากระต่ายมาได้แค่ไม่กี่ตัวเอง”

เน่าเน่ากลับมาพร้อมบ่นอุบอิบและกระต่ายป่าไม่กี่ตัวในมือ เล่อเล่อและสือเอ้อร์ดวงตาเป็นประกายแล้วพร้อมใจกันโยนหัวดอกลิลลี่ในมือทิ้ง ในเมื่อมีเนื้อสัตว์ในมือแล้วใครจะยังแทะเจ้านี่อีกล่ะ!

“น่าแปลกจริง ๆ ทั้ง ๆที่ชายแดนหุบเขามีสัตว์ป่าตั้งมากมาย แล้วทำไมพอข้ามเข้าหุบเขานี้มาถึงไม่มีแมลงสักตัวเลยนะ…”

เมื่อครู่เน่าเน่ารวดวิ่งดูรอบหุบเขานี้ไปด้วยรอบหนึ่ง เพราะความสามารถพิเศษของเขาคือความเร็ว ถ้าใช้สุดแรงละก็ความเร็วของเขาคงเปรียบได้ดั่งลม

…………………………………………..

ตอนที่ 2984 ค่ายกลต้องคำสาป

เสี่ยวจูได้ยินเช่นนั้นก็ขบคิดแล้วเอ่ยถาม “สัตว์ป่าพวกนั้นเดินป้วนเปี้ยนอยู่ตรงเขตชายแดนใช่ไหม?”

“ใช่ ราวกับมีอะไรที่มองไม่เห็นมาแบ่งเขตแดนกั้นไว้อยู่” เน่าเน่าพยักหน้า

เสี่ยวจูงึมงำอยู่ครู่หนึ่งก็ยัดหัวดอกลิลลี่เข้าปากหมดภายในไม่กี่คำ ปัดมือจนสะอาดก็ล้วงหยิบเครื่องบินขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าวิเศษของเขา ถึงจะเล็กกว่าเครื่องบินขนาดเล็กที่ขายตามท้องตลาดอยู่หน่อยแต่ก็ประณีตไม่เบา

ครั้นเน่าเน่าเห็นเครื่องบินก็ตาโต “จะถ่ายภาพกลางอากาศใช่ไหม ฉันจัดการเอง ฉันวิ่งเร็ว…”

เขาชอบเล่นเครื่องบินที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเครื่องบินที่เสี่ยวจูประกอบขึ้นเอง ความเร็วสูง ความละเอียดก็สูงเช่นกัน น่าเสียดายที่เสี่ยวจูมักไม่ให้เขาเล่นบ่อย ๆ

“รอเดี๋ยว”

เสี่ยวจูจัดการเครื่องบินขนาดเล็กครู่หนึ่งแล้วเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ส่งรีโมทไปให้เน่าเน่าพร้อมเอ่ยกำชับ “ต้องถ่ายภาพให้เห็นทั้งหมดเลยนะ”

“วางใจได้ ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”

เน่าเน่ารับรีโมทมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมร้องเฮในใจ ทั้งยังรวดแย่งแฮมที่สือเอ้อร์เพิ่งย่างเสร็จกำลังจ่อปากมายัดเข้าปากตัวเองแทน จากนั้นก็หยิบเครื่องบินวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“เกลียดจริง…” สือเอ้อร์สบถด่าด้วยความโมโห แล้วทำได้แค่ย่างต่อไป

เสี่ยวจูปรับคอมพิวเตอร์เสร็จเรียบร้อย ขอแค่เครื่องบินเริ่มทำงาน คอมพิวเตอร์ก็แสดงผลทันทีซึ่งสะดวกมาก

“ฟ้ามืดขนาดนี้ยังถ่ายได้ชัดอีกเหรอ?” เล่อเล่อถาม

“ได้” เสี่ยวจูมั่นใจมาก ถึงแม้เครื่องบินของเขาจะเล็กแต่อุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งล้วนเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ต่อให้มืดสนิทก็ถ่ายได้อย่างชัดเจน

ความเร็วของเน่าเน่าว่องไวใช้ได้ หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีคอมพิวเตอร์ก็แสดงภาพสวนทะเลดอกไม้ขึ้นมา สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือแยกแยะสีได้ด้วย ถึงแม้สีจะผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปบ้างแต่ก็ใช่ว่าจะดูถูกได้เลย

เสี่ยวจูใช้วิทยุสื่อสารออกคำสั่งกับเน่าเน่า สักพักภาพทิวทัศน์ทั่วทั้งสวนดอกลิลลี่ก็ปรากฏบนจอภาพ เสี่ยวจูปรับมุมเล็กน้อย ทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจน

“มีทั้งหมดเจ็ดสี ดำ แดง ชมพู ขาว เหลือง ทอง ส้ม ลำดับของพวกมันเป็นระเบียบซึ่งดูแล้วไม่ได้ปลูกเรื่อยเปื่อยแน่นอน” สือเอ้อร์ค้นพบเบาะแสบางอย่าง

เล่อเล่อพึมพำกับตนเองอย่างฉงน “เสี่ยวจูบอกว่านี่เป็นค่ายกล แต่ทำไมฉันมองไม่ออกเลยล่ะ”

เสี่ยวจูสีหน้าจริงจัง เขาให้เน่าเน่าบินวนอีกสองสามรอบโดยถ่ายจากมุมที่แตกต่างกันไป พอผ่านไปสักพักภาพทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนกันหลายใบก็ถูกถ่ายเก็บไว้ซึ่งคนละมุมกัน

“กลับมาเถอะ!”

เสี่ยวจูพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วเรียกให้เน่าเน่ากลับมา เขาเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมแต่งรูป ไม่นานภาพใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นซึ่งก็คือภาพทิวทัศน์ของสวนดอกไม้แต่ดูออกง่ายมากกว่าเดิม พอดูแล้วก็เข้าใจในทันที

“ถ้าดูแบบนี้ก็เหมือนค่ายกลหนึ่งจริง ๆ แต่มันคือค่ายกลอะไรกันล่ะ?” เล่อเล่อถามอย่างแปลกใจ

“รอเดี๋ยวนะ”

เสี่ยวจูคลิกอีกทีเลือกภาพใบหนึ่งที่ไม่รู้มาจากไหนแคปเก็บไว้แล้ววางเทียบข้างภาพทิวทัศน์ของสวนดอกไม้

“สองภาพนี้เหมือนกันมาก แต่…ไม่ใช่ทั้งหมด” เล่อเล่อตกใจ

ภาพที่เสี่ยวจูแคปมากับภาพสวนดอกไม้นอกจากขนาดเล็กใหญ่ที่ต่างกัน โดยรวมทุกอย่างก็เหมือนกันหมด เสี่ยวเป่าตกใจมาก ทุกคนมองไปทางเสี่ยวเป่าอย่างพร้อมเพรียง “สรุปคือค่ายกลอะไรกันแน่?”

“ค่ายกลต้องคำสาป” เสี่ยวจูเอ่ยเสียงเบา

ทุกคนตกตะลึง พอฟังชื่อนี้แล้วดูท่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ หนิงเฉินเซวียนต้องการจะสาปอะไรกันแน่?

เสี่ยวเป่าชี้ไปที่ดอกลิลลี่สีดำแล้วถาม “ตรงนี้คงเป็นใจกลางค่ายกลใช่ไหม?”

“ใช่ ดอกลิลลี่สีดำคือแกนกลาง นี่เป็นค่ายกลเก่าแก่ชนิดหนึ่งซึ่งมาจากเหมียวเจียงแต่หยุดสืบทอดกันมาหลายร้อยปีก่อนหน้านี้แล้ว ภาพที่ฉันแคปมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรฉันไม่รู้หรอก” เสี่ยวจูอธิบาย

………………………………………..

Related

ตอนที่ 2981 ไม่มีสัตว์

“ดอกไม้ต้องคำสาปงั้นเหรอ? จริงหรือเนี่ย?” เล่อเล่อมุ่นคิ้ว คำสาป…ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีจัง อีกอย่างดอกไม้สีดำมักให้ความรู้สึกไม่เป็นมงคลเท่าไหร่ด้วย

“เป็นเรื่องจริง ดอกลิลลี่สีดำถูกสื่อในแง่คำสาปจริง ๆ”

เสี่ยวจูยื่นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กประมาณหนึ่งฝ่ามือซึ่งใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือเล็กน้อยมาให้ นี่เป็นคอมพิวเตอร์ที่เขาประกอบขึ้นเองและฟังก์ชั่นต่าง ๆประสิทธิภาพดีกว่าสิบเท่า ไม่เพียงแต่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้เท่านั้น สิ่งที่วิเศษกว่านั้นก็คือคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กนี่ติดตั้งอุปกรณ์เปลี่ยนถ่ายพลังงานไว้ด้วย

ขอแค่ร่างกายอยู่ในระหว่างการเคลื่อนไหว อุปกรณ์เปลี่ยนถ่ายพลังงานก็จะแปรเปลี่ยนพลังงานมาเป็นแบตพลังงานไฟฟ้า ถ้าแม้พลังงานจะไม่มากนักแต่ก็เพียงพอให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้

คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเครื่องนี้เหมือนดาวเทียมระบุตำแหน่ง แถมเสี่ยวจูยังผูกติดกับดาวเทียมที่สุดยอดที่สุดไว้อีก ต่อให้เขาโผล่ไปขั้วโลกเหนือก็จะมีภาพถ่ายระหว่างเขากับหมีขั้วโลกเหนือ อีกทั้งยังส่งไปทุกประเทศทั่วโลกเพียงระยะอันสั้นด้วย

ดังนั้น…ถึงแม้จะอยู่ในป่าลึก เสี่ยวจูก็ยังคงใช้ไป๋ตู้ค้นหาสารพัดสิ่งได้อยู่ดี

เล่อเล่อรับคอมพิวเตอร์มา พอเห็นคำอธิบายของดอกลิลลี่สีดำด้านหน้า ฉับพลันอารมณ์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเศร้าใจแทน

“หนิงเฉินเซวียนปลูกดอกลิลลี่สีดำพวกนี้หมายความว่าไงกันแน่? ดูท่าคงเป็นเรื่องเศร้าใจแฮะ!”

เน่าเน่าไม่สนใจเรื่องนี้สักนิด เขาวิ่งไปขุดเอาดอกลิลลี่มาอีกกำหนึ่งโดยไม่แม้แต่จะเอาดินออกแล้วโยนเข้าไปในกองไฟ “จะคิดอะไรเยอะแยะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว กินให้อิ่มท้องก่อนสำคัญที่สุด”

“พี่เน่าเน่า ฉันยังมีแฮมกระป๋องอยู่ ฉันเอาให้พี่กินนะ” สือเอ้อร์หยิบแฮมกระป๋องมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เน่าเน่าพร้อมยิ้มหวาน

“อันนี้ดีเลย พวกเรากินด้วยกัน” เน่าเน่าดวงตาลุกวาว แค่มีเนื้อก็พอแล้ว

เสี่ยวเป่าเผาหัวดอกลิลลี่อย่างช้า ๆเหมือนเผามันเทศป่าก็ไม่ปาน เขาโยนมันเข้ากองไฟรอจนสุกทั่วก็เป็นอันใช้ได้ ในหัวของดอกลิลลี่อุดมไปด้วยแป้ง อีกทั้งยังเป็นอาหารเติมพลังที่ได้ผลไม่เลวด้วย

จากนั้นเขาก็เอาหม้อมาต้มน้ำ ถึงแม้ในหุบเขาแห่งนี้จะไม่มีสัตว์แต่กลับมีลำธารใสสะอาด เสี่ยวจูลองทดสอบดูแล้วว่าวางใจนำมาใช้ดื่มได้

“น่าแปลกแฮะ…มีน้ำมีหญ้า แล้วทำไมถึงไม่มีสัตว์ล่ะ? อย่างน้อยก็ต้องมีกระต่ายสักตัวสิ!” เน่าเน่าทำสีหน้าฉงนไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

เมื่อครู่เขาห้ามใจไม่อยู่เลยคว้าเอาหัวดอกลิลลี่ที่เผาสุกแล้วมาทานก่อน สีขาวนิ่มรสชาติใช้ได้ทีเดียว แต่สำหรับเน่าเน่าแล้วต่อให้อาหารมังสวิรัตินี้จะอร่อยขนาดไหนก็เทียบรสชาติอันโอชะของน่องไก่ชิ้นโตไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้เขาแค่อยากจับกระต่ายมาย่างให้สุกสักตัวแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อยสักมื้อ

เน่าเน่ากัดไปแค่ครึ่งหนึ่งก็ทานไม่ลงแล้ว “ในปากรสชาติจืดชืดไปหมด ไม่ได้การล่ะ ฉันออกไปหาด้านนอกดูสักหน่อย ตอนมาฉันยังเห็นไก่ป่ากระต่ายป่าอยู่เลย อย่างมากก็แค่เดินมากหน่อยเท่านั้นเอง”

ส่วนครึ่งอันที่เหลือ ฉาฉาที่นิ่งสงบอยู่บนข้อมือเสี่ยวจูก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเขมือบกินมันหมดในคำเดียว ทั้ง ๆที่ชิ้นที่เหลือขนาดใหญ่กว่าหัวของฉาฉาไม่รู้กี่เท่า แต่เจ้านี่กลับไม่เปลืองแรงเขมือบกลืนกินมันเลยสักนิด

ร่างสีเขียวอ่อนพองใหญ่ขึ้นเหมือนมีไข่ลูกใหญ่อยู่ในตัวก็ไม่ปาน แต่แค่ไหลจากปากลงท้องก็กลับเล็กลงเรื่อย ๆ ยังไม่ทันไหลไปถึงหาง เจ้าหัวดอกลิลลี่นี่ก็หายวับไปแล้ว

ฉาฉาแลบลิ้นสองแฉกอย่างน่ารักด้วยความดีอกดีใจ หัวของมันกวาดตามองไปรอบด้าน ครั้นไม่เห็นของอร่อยมันก็หดตัวมุดเข้าไปในแขนเสื้อของเสี่ยวจู

“เอ๊ะ…เจ้างูน้อยตัวนี้น่ารักจัง พี่เสี่ยวจู นี่สัตว์เลี้ยงใหม่ของพี่เหรอ? ราคาเท่าไหร่?” สือเอ้อร์สนใจในตัวฉาฉาไม่น้อย

เสี่ยวจูมองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ไม่มีสิ่งล้ำค่าใดเทียบได้ เพราะฉาฉาเป็นคู่หูของฉัน”

สือเอ้อร์เบะปากใส่พร้อมเหลือบมองแขนเสื้อของเสี่ยวจูเป็นระยะ ๆ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลยเพราะหาตัวที่เหมาะสมไม่ได้สักที ถ้าสัตว์ตัวไหนธรรมดาเกินไปก็ไม่เข้าตาเธอ สือเอ้อร์เหลือบมองเสวี่ยเอ๋อร์แวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทำไมสัตว์วิเศษถึงไปโผล่บ้านตระกูลเหยียนหมดนะ?

………………………………………………

ตอนที่ 2982 อันที่จริงก็เป็นแค่ค่ายกล

พลันเล่อเล่อก็เห็นสีหน้าสลดใจของหล่อน เธอรู้ว่ายัยเด็กคนนี้อยากมีสัตว์เลี้ยงสักตัวมากมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่คุณอาลี่หามาครึ่งค่อนโลกก็หาตัวที่เหมาะสมให้ไม่ได้กระทั่งคิดวางแผนจะหาคู่ให้เสวี่ยเอ๋อร์

ครั้นพอนึกถึงคุณอาลี่จิ่วที่อุ้มหมาป่าตัวหนึ่งมาบ้านเธอด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆ เล่อเล่อก็อดนึกขันไม่ได้ ถึงแม้คุณอาลี่จิ่วจะไม่เป็นที่ชื่นชอบนัก แต่หัวใจที่รักลูกสาวกลับร้อนแรงไม่แพ้ใครเลย

คุณอาลี่จิ่วนึกอยากได้ลูกหลานของเสวี่ยเอ๋อร์มาเล่นเป็นเพื่อนสือเอ้อร์สักตัว พอเห็นว่าเสวี่ยเอ๋อร์หาแฟนไม่ได้สักที เขาเลยผันตัวมาเป็นพ่อสื่ออุ้มหมาป่าตัวผู้บึกบึนแวะเวียนมาบ้านเธอไม่เว้นวันด้วยความกระตือรือร้น เพราะอยากจับคู่ให้เสวี่ยเอ๋อร์สักตัว

เพียงแต่สายตาของเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้สูงธรรมดา หมาป่าเพศผู้ที่คุณอาลี่จิ่วอุ้มมาพวกนั้นไม่เข้าตาเสวี่ยเอ๋อร์เลยสักนิด แถมยังถีบล้มหมดอีกต่างหาก

ดังนั้น…จนถึงตอนนี้ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังบริสุทธิ์อยู่

“รอจัดการเรื่องขุมสมบัตินี่ได้แล้ว พวกเราค่อยขึ้นไปหาบนเขากัน ไม่แน่อาจจะหาตัวที่เหมาะสมได้ก็ได้นะ” เล่อเล่อเสนอ

สือเอ้อร์ดวงตาเป็นประกาย “อืม ฉันจะหาหมาป่าตัวเมียที่งดงามเหมือนเสวี่ยเอ๋อร์สักตัวนี่แหละ”

เล่อเล่อกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่ง “เลิกคิดได้แล้ว ในจักรวาลนี้ไม่มีตัวไหนเหมือนเสวี่ยเอ๋อร์ได้หรอก”

เสวี่ยเอ๋อร์เชิดหน้าด้วยท่าทีหยิ่งผยองพร้อมแผ่รังสีความน่าเกรงขามออกมา แววตาเหลือบมองสือเอ้อร์อย่างดูถูกเล็กน้อย

สือเอ้อร์กลับหัวเราะร่าแล้วลูบหัวเสวี่ยเอ๋อร์หลายที “แกเก่งที่สุดแล้ว…”

เสวี่ยเอ๋อร์แลบลิ้นเลียมือของสือเอ้อร์พร้อมแววตาที่อ่อนโยนลง สือเอ้อร์รั้งเสวี่ยเอ๋อร์มาจุ๊บหลายที “พี่เล่อเล่อ พวกเรารีบหาแฟนให้เสวี่ยเอ๋อร์กันเถอะ มันอัดอั้นมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว พวกเราคงไร้ความเป็นมนุษย์ไม่ได้หรอกใช่ไหม!”

เล่อเล่อเองก็กลุ้มใจเช่นกัน “เธอคิดว่าฉันไม่อยากหาหรือไง พ่อฉันหามาไม่รู้กี่สิบตัวแล้วแต่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่เข้าตาเลยสักตัว  แต่เจ้าสัตว์พวกนั้นถ้าเป็นฉันก็คงไม่เข้าตาเหมือนกันแหละ แค่เจอเสวี่ยเอ๋อร์เข้าหน่อยก็ขาอ่อนกันหมด แล้วแบบนั้นจะมาขอแต่งเมียอะไรอีกได้!”

เสวี่ยเอ๋อร์ร้องหงิง ๆอยู่หลายที ก็ใช่น่ะสิ เจ้าพวกนั้นแค่เจออุ้งมือมันหน่อยก็ล้มเกลี้ยงแล้ว แบบนี้ยังคิดจะมาเป็นสามีของมันอีกเหรอ?

เหอะ…ฝันไปเถอะ!

เสี่ยวเป่าเขี่ยหัวดอกลิลลี่ที่เผาสุกแล้วออกมา หลังจากเย็นลงก็ยื่นส่งให้เล่อเล่อ “ปอกเปลือกออกก็กินได้แล้ว”

เล่อเล่อปอกเปลือกที่เผาจนเกรียมออกเผยให้เห็นเนื้อขาวด้านในซึ่งเหมือนมันเทศป่ามากทีเดียว แต่มันเทศป่าจะขาวเป็นเนื้อทรายมากกว่าหน่อย เล่อเล่อกัดคำหนึ่งแล้วมุ่นคิ้วแน่น จากนั้นก็ล้วงหยิบผงพริกไทยออกมาจากกระเป๋าโรยลงไปแล้วกัดอีกที รสชาติดีขึ้นมากทีเดียว

“แต่เนื้อสัตว์ก็อร่อยกว่าอยู่ดี ทำไมพี่เน่าเน่ายังไม่กลับมาอีกนะ!” สือเอ้อร์ทานไปชิ้นนึกก็หมดความอยากอาหารไปแล้วมองทิวทัศน์รอบด้านด้วยสีหน้าขมขื่น

สายลมพัดเอื่อย ๆ ดอกลิลลี่สีละลานตาโอนเอนไปตามสายลมราวกับทะเลดอกไม้ ในอากาศมีกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ ทว่ากลับไม่มีผึ้งไปดูดเกสรดอกไม้สักตัว

“ฉันไม่ชอบกลิ่นหอมแบบนี้ ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เลย พวกเรารีบจัดการให้จบ ๆแล้วออกไปจากที่นี่กันเถอะ” สือเอ้อร์ขมวดคิ้วแน่น

“แปลกจัง ที่นี่ก็ออกจะสวย แต่ทำไมฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันนะ” เล่อเล่อเองก็แปลกใจ ตอนเธอเห็นหุบเขาดอกไม้แวบแรกก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน แถมยังความรู้สึกตงิดใจแปลก ๆด้วย

เสี่ยวจูยัดหัวดอกลิลลี่เข้าปากอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ย “เพราะหุบเขาดอกไม้แห่งนี้จริง ๆแล้วคือค่ายกล ดังนั้นเลยทำให้แรงดึงดูดของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น”

“ค่ายกลอะไรกัน? นายว่ามาให้ชัดเจนเลยนะ อย่ามาพูดครึ่ง ๆกลาง ๆ” เล่อเล่อเอ่ยเสียงแหลม

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่น เขาเองไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอภิปรัชญาอะไรทำนองนี้นัก การเรียนรู้เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับไอคิวหรอก เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้แต่เสี่ยวจูมี ในสายตาคนอื่นคงเหมือนตำราปรัชญาอี้จิงแห่งสวรรค์ ทว่าสำหรับเสี่ยวจูแล้วกลับเหมือนอ่านหนังสือการ์ตูน ไม่ต้องให้พวกผู้ใหญ่อธิบายก็เข้าใจได้

……………………………………………….

Related

ตอนที่ 2979 หุบเขาที่สวยงาม

 หลังจากถูกเสี่ยวเป่าเอ่ยเตือนทุกคนต่างก็นึกถึงฐานระเบิดน่ากลัวเมื่อสิบแปดปีก่อนได้ ถึงแม้เฮ่อเหลียนจะโชคดีในความโชคร้ายได้รับร่างกายมาอย่างน่าพิศวง แต่นั่นก็ทำให้เขามีลูกไม่ได้จนกลายเป็นความเสียใจของคู่สามีภรรยาเฮ่อเหลียนเช่อไปชั่วชีวิต

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่ในช่วงเวลานั้นเหมยเหมยกลับขวัญเสียไม่น้อย ตอนนั้นเล่อเล่อยังอยู่ในท้องของเหมยเหมยอยู่เลย!

แต่จากระเบิดครั้งนั้นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือฉาฉา มันผ่านพ้นภัยวิบากกรรมมาได้สำเร็จจนอายุขัยเพิ่มขึ้นเกือบหมื่นปี แน่นอนว่าความสามารถก็เพิ่มขึ้นไม่เบาเช่นกัน

“พวกเรารีบเดินกันเถอะ ระหว่างทางกินพวกอาหารแห้งไปแล้วกัน ไม่ตั้งค่ายแล้ว!” เล่อเล่อนึกกังวลขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวเดินไปข้างหน้า

คนอื่น ๆก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดแล้วเดินตามหลังไปติด ๆ ชั่วพริบตาเดียวความเร็วก็เพิ่มขึ้นจนทิ้งระยะห่างกับทั้งสี่คนค่อนข้างมาก

“พวกเขาถูกกระตุ้นอะไรขึ้นมา? หลายวันก่อนยังเที่ยวชมนกชมไม้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? อยู่ดี ๆตอนนี้กลับเร่งเดินทางซะได้?“ เจสันไม่เข้าใจ

ปิแอร์ทำหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสียงขรึม “พวกเราก็ต้องเร่งเหมือนกัน”

ต้องเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นพวกเด็ก ๆคงไม่เร่งความเร็วอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุผลหรอก โชคดีที่เขายังเหลืออาหารแห้งสำรองไว้ไม่น้อยคงพอได้อีกหลายวัน

อีกสองคนก็ตามมาเช่นกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

พวกหลงเฟิงยังคงตามหลังมาอย่างไม่เร่งรีบ พวกเขาไม่กลัวหลงทางเพราะพื้นดินจะรายงานพิกัดของเด็กพวกนั้นแก่หลงถู

“ทำไมพวกเขาถึงเร่งความเร็วแล้วล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” หลงถูถามด้วยความสงสัย

“น่าจะใกล้ถึงชีพจรมังกรแล้ว พวกเรารีบตามไปให้ทันเถอะ!” หลงเฟิงคาดเดาและซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้

“พี่เฟิง ชีพจรมังกรมีจริงไหม? ฉันรู้สึกว่าหนิงเฉินเซวียนเจตนาสร้างเรื่องหลอกลวงมากกว่า” หลงถูไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ภูเขาที่อยู่ชานเมืองรกร้างเช่นนี้จะมีชีพจรมังกรอะไรได้

หลงเฟิงส่ายศีรษะ “ไม่แน่ หนิงเฉินเซวียนต้องการเป็นจักรพรรดิ เขาอาจจะหาจุดสร้างชีพจรมังกรก็ได้ พวกเรารีบตามไปกันเร็ว!”

“ถ้าหากเป็นชีพจรมังกรจริง ๆ พวกเราควรจะทำอย่างไรต่อดี?” หลงถูถาม

หลงเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมพูดเสียงจริงจังว่า “ต้องปิดล้อมชีพจรมังกรแล้วปกปิดห้ามใครเข้าใกล้เป็นสถานที่ลับ ชีพจรมังกรมีเพียงประเทศเท่านั้นที่ครอบครองได้ จะเป็นของส่วนบุคคลไม่ได้”

“พวกหนิงเสี่ยวเป่าล่ะ?”

“ขอแค่พวกเขาไม่แย่งไป แน่นอนว่าต้องปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว” หลงถูจนปัญญา อันที่จริงถ้าคิดจะแก่งแย่งจริง ๆเขาและหลงถูก็ใช่ว่าจะแย่งมาได้ ความสามารถของเด็กพวกนี้ยากจะคาดเดาได้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังสืบหารายละเอียดได้ไม่ชัดเจนเลย

แต่เขาเชื่อว่าเหยียนหมิงซุ่นและลี่จิ่วไม่มีทางปล่อยให้ลูกหลานเป็นปฏิปักษ์กับประเทศแน่นอน

พวกเสี่ยวเป่าย่นระยะเวลาการเดินทางได้เป็นเท่าตัว ทั้งตอนเช้าและเที่ยงทานแต่อาหารแห้ง ตกเย็นก็ทำแค่ซุปดื่มเท่านั้น กระทั่งวันต่อมาก็มาถึงสถานีสุดท้าย

“ที่นี่แหละ เห็นหุบเขาที่อยู่ไกล ๆนั้นไหม มองจากระยะไกลดูเหมือนสาวงามที่นอนหลับใหล ส่วนขุมสมบัติก็อยู่ตรงสะดือของสาวงามนั่นแหละ พวกเราไปกันเถอะ!” เสี่ยวจูชี้ไปยังทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งยังใช้เครื่องมือมาวัดพิกัดอย่างแม่นยำ

“ตรงนั้นมองเหมือนใกล้แต่ที่จริงไกลมาก อีกอย่างถนนหนทางขรุขระด้วย ไม่งั้นพักกันก่อนเถอะ หาอะไรกินก่อนค่อยออกเดินทาง” เน่าเน่าเสนอ

“ไม่จำเป็นหรอก เดินไปถึงที่นั้นก็น่าจะฟ้ามืดแล้ว พวกเราไปตั้งค่ายที่ปลายทางเถอะ” เสี่ยวเป่าไม่เห็นด้วยพร้อมก้าวขายาวไปข้างหน้า เสวี่ยเอ๋อร์ก็หางกระดิกไล่ตามไป

เล่อเล่อตบศีรษะเน่าเน่าไปทีหนึ่ง “รีบ ๆเข้าเถอะ หยุดพักบ้าบออะไรกัน!”

เธอวิ่งเหยาะ ๆไปอยู่ข้างเสี่ยวเป่า คนหนึ่งอยู่หน้าอีกคนตามหลังเหมือนคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันเหลือเกิน

ตอนฟ้าใกล้มืดในที่สุดทุกคนก็มาถึงปลายทาง ที่นี่เป็นหุบเขาสวยงาม ดอกลิลลี่ป่าหลากสีบานสะพรั่ง มีทั้งสีเหลือง สีขาว สีแดง สีดำ…เบ่งบานงดงามมาก

…………………………………………..

ตอนที่ 2980 ดอกไม้ต้องคำสาป

“พระเจ้า…นี่คือสวนของพระเจ้าใช่ไหม? ช่างงดงามเหลือเกิน…ที่รัก พวกเราลงหลักปักฐานที่นี่กันเถอะ…“เจสันเห็นดอกลิลลี่ป่าเต็มหุบเขาก็ตื่นเต้นเหมือนเด็กที่แอบขโมยกินช็อกโกแลตพลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

ปิแอร์มองเขาอย่างระอาแวบหนึ่ง สมองมักไร้รอยหยักเสมอสินะ

ภูเขาที่รกร้างกันดารเช่นนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงแมลงและสัตว์มีพิษ ขนาดจะไปเมืองที่ใกล้ที่สุดยังต้องใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งเดือน หากคิดจะซื้อข้าวคงเดินเหนื่อยจนขาแทบหัก เขาไม่ได้อารมณ์สุนทรีย์ขนาดนั้น

อีกสองคนที่เหลือก็ตกตะลึงกับความงามที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาเช่นกัน โดยเฉพาะสายลับสาวคนนั้นแววตาเต็มไปด้วยความหลงใหล ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบดอกไม้หรอก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงดอกลิลลี่ที่งดงามขนาดนี้เลย

“สวยมากจริง ๆ เป็นแดนสวรรค์บนดินเลย…” สายลับสาวพึมพำกับตัวเอง

ทว่าสีหน้าท่าทางของเสี่ยวเป่ากลับดูดุดันแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ดอกลิลลี่เหล่านี้เป็นฝีมือคนปลูก ประเทศของเราไม่มีดอกลิลลี่ป่าสีดำเพราะมีเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น คาบสมุทรรัสเซียและไซบีเรียตะวันออกเท่านั้น ที่นี่มีดอกลิลลี่สีดำมากมายขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือคนปลูก

“ใครปลูกกัน? หนิงเฉินเซวียน?” เล่อเล่อถาม

เสี่ยวเป่าพยักหน้า “น่าจะใช่ พ่อของพี่บอกว่าดอกไม้โปรดของคุณย่าคือดอกลิลลี่ ดอกไม้เหล่านี้น่าจะปลูกให้แก่คุณย่าซึ่งก็คือหนิงเสี่ยวซี!”

เล่อเล่อเงียบไป เธอเคยได้ยินเรื่องราวชีวิตของเฮ่อเหลียนเช่อเหมือนว่าจะเป็นลูกที่เกิดจากหนิงเฉินเซวียนและน้องสาวแท้ ๆของเขา ส่วนเสี่ยวเป่าเป็นลูกของเฮ่อเหลียนเช่อ

“ทำกับข้าวกันเถอะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” เล่อเล่อลูบท้องพลางตะโกนขึ้นด้วยท่าทีเกินจริง

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม “งั้นพี่เผาหัวดอกลิลลี่ให้เธอกินแล้วกัน อร่อยมากเลยนะ”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแล้วพยักหน้าแรง ๆ ขอแค่เป็นสิ่งที่พี่เสี่ยวเป่าทำเธอชอบทานทั้งนั้นแหละ

ในหุบเขามีดอกลิลลี่มากมายจนละลานตาไปหมดซึ่งคาดว่าคงมีประมาณหลายสิบไร่นับไม่ถ้วน เสี่ยวเป่ากระชากออกมาอยู่หลายต้นอย่างไร้ซึ่งการทะนุถนอม

หัวดอกลิลลี่ป่าอวบอิ่มมากและแต่ละหัวขนาดเท่ากำปั้น เสี่ยวเป่าขุดออกมาหลายสิบต้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีขาวเพราะในหุบเขามีดอกลิลลี่สีขาวมากที่สุด สือเอ้อร์กวาดตามองไปรอบ ๆแล้ววิ่งไปขุดดอกลิลลี่สีดำกลับมาหลายต้น

“ลองกินสีดำดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเห็นว่าหัวสีดำดูอวบกว่าหน่อย!”

เสี่ยวเป่ารับหัวดอกลิลลี่สีดำมาแล้วขจัดสิ่งสกปรกด้านนอกออก แต่จัดการไปได้ครู่หนึ่งเสี่ยวเป่าก็ขมวดคิ้วแล้วโยนรากของดอกลิลลี่สีดำทิ้งไป “อันนี้กินไม่ได้ มีพิษ”

สือเอ้อร์หยิบขึ้นมาหนึ่งหัวแล้วดมดู เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า “มีพิษจริง ๆด้วย แต่ว่าพิษไม่นับว่าร้ายแรง หากกินแค่หัวสองหัวไม่ทำให้ถึงตาย”

“ทำไมดอกลิลลี่สีดำถึงมีพิษแต่ดอกสีอื่น ๆกลับไม่มีพิษล่ะ?” เล่อเล่อไม่เข้าใจ

เน่าเน่าเอ่ยเยาะเย้ย “เรื่องนี้ง่ายจะตาย นี่ต้องเป็นฝีมือของหนิงเฉินเซวียนแน่นอน!”

เสี่ยวเป่าหยิบดอกลิลลี่สีดำขึ้นมาดม จากนั้นเขาก็ปิดจมูกด้วยความรังเกียจแล้วโยนดอกลิลลี่สีดำลงพื้นและปัดมือ

“ทั่วทั้งดอกมีพิษหมดแต่ตรงหัวของมันมีมากที่สุด นี่เป็นพิษที่ทำให้คนประสาทหลอนได้เลยนะ ยามดอกไม้บานสะพรั่งกลิ่นดอกไม้จะทำให้คนประสาทหลอนได้ ถ้ากินหัวเข้าไปก็จะทำลายประสาทจนคลุ้มคลั่งเป็นบ้าได้เลย!” เสี่ยวจูกล่าว

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพรียงแล้วจับจ้องดอกลิลลี่สีดำเบื้องหน้าด้วยความสยดสยอง ดอกลิลลี่สีดำทุกต้นบานสะพรั่งนับพันนับหมื่นดอก อีกทั้งในอากาศก็มีกลิ่นจาง ๆลอยอยู่ด้วย

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ดอกลิลลี่สีดำพวกนี้ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างภาพหลอน ขอแค่ไม่ได้กินหัวของมันก็ไม่เป็นไรแล้ว”

ทุกคนเลยวางใจอีกครั้งและเริ่มเตรียมอาหารมื้อเย็น เดิมทีเน่าเน่าจะไปจับสัตว์ตัวเล็กมาทานแต่เดินวนครบรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่พบแม้กระทั่งกระต่ายป่า เขาเลยเดินกลับมาด้วยความเศร้าใจ

“ฉันนึกออกแล้วดอกลิลลี่สีดำถูกขนานนามว่าดอกไม้ต้องคำสาป แบบนี้จะเกี่ยวข้องกันไหมนะ?” อยู่ดี ๆสือเอ้อร์ก็ตะโกนขึ้นมา

…………………………………………..

Related

ตอนที่ 2977 โชคดีอย่างไม่มีใครเทียม

พอเจสันเห็นเล่อเล่อมองมาที่เขาเลยส่งยิ้มไปให้พร้อมโบกมือ รอยยิ้มของเขาสดใสกว่าผมสีบลอนด์บนศีรษะของเขาเสียอีก ท่าทีดูซื่อบื้อเหมือนสุนัขพันธุ์ฮัสกี้อย่างไรอย่างนั้น บางทีแค่ซาลาเปาลูกเดียวอาจล่อเอาตัวไปได้แล้ว

“คาดไม่ถึงว่าคนโง่แบบนี้จะสามารถเป็นสายลับได้ FBI ไม่มีคนอื่นแล้วเหรอ?” เล่อเล่อพึมพำกับตัวเอง

ด้วยมาดการปฏิบัติภารกิจของเจสันและปิแอร์เป็นสไตล์ของ FBI อย่างสิ้นเชิง เล่อเล่อมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว อีกทั้งเสี่ยวจูเห็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวบนนาฬิกาข้อมือของพวกเขาเลยเอาไปเปิดค้นหาในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เด้งเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของ FBI โดยตรง เสี่ยวจูเลยเข้าไปจัดการเอาข้อมูลเกี่ยวกับเจสันและปิแอร์มาได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่ทำเอาทุกคนตกใจจนแทบฟันร่วงก็คือคาดไม่ถึงว่าสองคนนี้ยังเป็นสายลับระดับสูงอีกด้วย?

ปิแอร์ที่สุขุมเย็นชาถือว่าบุคลิกดูมีความเป็นสายลับระดับสูงอยู่บ้าง แต่เจสันที่พูดจ้อไม่หยุดปาก…หากว่ากันจากใจตั้งแต่หัวจรดเท้าดูไม่ออกเลยว่าเป็นสายลับระดับสูง แม้กระทั่งคุณสมบัติของการเป็นสายลับยังไม่พอด้วยซ้ำ

เล่อเล่อเดาว่าเจสันคงพึ่งพาใบบุญของปิแอร์ที่เป็นทั้งคู่หูและคนรักของเขาเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ภารกิจสำเร็จอย่างต่อเนื่องและรอดพ้นจากความตายกลายเป็นสายลับระดับสูงคู่เดียวที่เหลืออยู่

ใครใช้ให้ดวงของพวกฝีมือดี FBI เหล่านั้นไม่ดีกันล่ะ เดี๋ยวตาย เดี๋ยวพิการ จนสุดท้ายผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเหลือเพียงแค่คู่ของเจสันเท่านั้น!

เสี่ยวเป่าเหลือบมองเจสันและเอ่ยพลางอมยิ้มว่า “อย่าดูถูกเขา แม้จะดูซื่อบื้อไปบ้างแต่เขาก็มีข้อดีที่ไม่มีใครเทียบได้”

“อะไรเหรอ?” เล่อเล่อและสือเอ้อร์ถามเป็นเสียงเดียวกัน

เสี่ยวจูตอบกลับ “ดวงดี แถมสามารถพลิกชะตาได้ทีเดียว”

หลังจากเขาแฮ็กเว็บไซต์ของ FBI ดูประวัติการทำงานของเจสันที่เปลี่ยนแปลงขึ้น ๆลง ๆตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาคร่าว ๆ เจสันผ่านอันตรายที่โผล่มาจู่โจมเขาไม่หยุดจนเกือบกลับมาไม่ได้หลายครั้งหลายครา ทว่าเจ้าหมอนี่ก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง ทั้งยังทำภารกิจเสร็จสมบูรณ์ไม่มีเสียหายอีกด้วย

หนึ่งครั้งคือความบังเอิญ แต่ความบังเอิญครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาเช่นนี้ งั้นก็มีเพียงคำอธิบายเดียวแล้วล่ะ——

โชคดีอย่างไม่มีใครเทียมจริง ๆ!

คนแบบนี้เป็นลูกรักของพระเจ้า เกรงว่าต่อให้ตกลงจากที่สูงนับหมื่นเมตรก็คงไม่ตายเพราะมีเมฆลอยมารับเขาไว้อย่างแน่นอน อันที่จริงมีครั้งหนึ่งเจสันเคยตกลงมาจากเครื่องบินแต่ไม่ได้สูงนับหมื่นเมตรทว่าก็หลายพันเมตรอยู่

ตอนนั้นเจสันไม่ได้ใส่ร่มชูชีพและกระโดดลงมาตัวเปล่า ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ความจริงช่างน่าประหลาดนัก ตอนเขาร่วงตกมากลางอากาศลมประหลาดก็พัดผ่านมาพาตัวเจสันไปหาศัตรูซึ่งประจวบกับศัตรูคนนี้กำลังจะกดใช้ร่มชูชีพพอดี และด้วยทักษะการเอาตัวรอดอันยอดเยี่ยมของเจสันเลยกอดศัตรูคนนี้ไว้แน่น

เพราะร่มชูชีพอันเดียวมีถึงสองคนเลยทำให้ดิ่งตกลงมาอย่างรวดเร็วและดันโชคร้ายดิ่งตกลงมาตรงเนินเขาที่เต็มไปด้วยโขดหิน และผลสุดท้ายก็คือ——

เจสันขี่อยู่บนตัวของศัตรูดิ่งตัวลงพื้นอย่างปลอดภัยไร้แผลไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น เดิมทีศัตรูที่สามารถเอาตัวรอดดิ่งลงพื้นได้อย่างสวยงาม แต่เพราะความเร็วที่ดิ่งลงมา รวมถึงแรงโน้มถ่วงบวกกับน้ำหนักที่ไม่น้อยของเจสัน…

ชายผู้โชคร้ายคนนี้เลยถูกเจสันทับตายอย่างน่าสลดใจ!

เล่อเล่อหันไปมองเจสันอีกครั้งอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หรือว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นผู้รวยโชคในตำนาน?

หลังจากนั้นไม่นานเล่อเล่อก็สัมผัสได้ถึงความโชคดีที่ไร้ใครเทียมของเจสันด้วยตัวเอง เขาเป็นลูกรักของพระเจ้าอย่างแท้จริงและเป็นคนที่โปรดปราณที่สุดเพียงหนึ่งเดียวซึ่งไม่ใช่หนึ่งในบรรดาใครทั้งสิ้นอีกต่างหาก

พวกเขาจัดกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมเดินทางต่อไป

ขบวนยาวเหยียดในเดิมทีทว่าตอนนี้สั้นลงไปมาก สี่คนที่เหลือยกเว้นเจสันและปิแอร์ก็มีผู้หญิงที่ตกใจกลัวจนประสาทหลอนและผู้ชายที่หน้าตาดูธรรมดาคนหนึ่ง

“น่าจะอีกประมาณสองวัน พวกพี่คิดว่าชีพจรมังกรหน้าตาเป็นอย่างไร? แล้วมีมังกรตัวหนึ่งอยู่ในนั้นจริง ๆเหรอ?” เน่าเน่าอดถามไม่ได้

……………………………………………

ตอนที่ 2978 ไม่ได้หวังดี

เล่อเล่อได้ฟังก็นึกแปลกใจ “ชีพจรมังกรอะไรกัน?”

เน่าเน่าตบหน้าผากทีหนึ่ง “ลืมบอกพวกพี่ไปเลย สือเอ้อร์บอกว่าเธอได้ยินคุณอาลี่โทรคุยกับคนอื่น ขุมสมบัตินั้นมีโอกาสมากที่จะเป็นชีพจรมังกร ดังนั้นผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังถึงสะกดรอยตามมาอย่างไม่ลดละไงล่ะ!”

เสี่ยวเป่าเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขานึกถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่นึกไม่ถึงคือชีพจรมังกร

ถ้าหากเป็นชีพจรมังกรจริง ๆ งั้นก็อธิบายพฤติกรรมของกลุ่มมังกรได้แล้ว

ชีพจรมังกรไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ กลุ่มมังกรน่าจะมาตามสืบดูว่าเขาจะไปตามหาที่ซ่อนสมบัติหรือเปล่า หากชั่วชีวิตนี้เขาไม่ไปตามหาขุมสมบัติ กลุ่มมังกรก็จะแค่จับตาดูแต่ไม่ทำอะไรเขาทั้งนั้น

ส่วนรูปอาวุธรุ่นใหม่ที่ถูกเล่าลือจนแพร่หลายในวงกว้างพวกกลุ่มมังกรไม่ได้สนใจเลยสักนิด หรือเดิมทีขุมสมบัติอาจจะไม่มีอาวุธใหม่อะไรทั้งนั้น แต่แค่มีคนจงใจกุข่าวขึ้นมาเท่านั้น

แต่ใครกันที่จงใจปล่อยข่าวแบบนี้?

เสี่ยวเป่ายังไม่เข้าใจในชั่วขณะ เขาอดหันไปมองเสี่ยวจูไม่ได้เพราะในกลุ่มของพวกเขามีเพียงเสี่ยวจูเท่านั้นที่ไอคิวเทียบกับเขาได้

เสี่ยวจูยักไหล่ “ตอนนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออก รอถึงปลายทางคงรู้แล้วล่ะ”

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม ก็ใช่ ตอนนี้คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ พอไปถึงขุมซ่อนสมบัติก็รู้เองว่ามันอย่างไรกันแน่

สือเอ้อร์เขกศีรษะของเน่าเน่าทีหนึ่งแล้วพูดเยาะเย้ยว่า “มันจะเป็นแค่มังกรตัวเดียวได้อย่างไร อันที่จริงชีพจรมังกรคือจุดรวบรวมจิตวิญญาณ ชีพจรมังกรสำคัญของฮวาเซี่ยอยู่ที่เมืองหลวง ส่วนรายละเอียดเป็นความลับระดับสูง AAA พ่อของฉันรู้แต่ว่าแม้กระทั่งแม่เขาก็ยังไม่บอกด้วยซ้ำ ปากปิดแน่นเชียวล่ะ”

เน่าเน่าไม่เข้าใจ  “เธอหมายถึงประเทศของเราไม่ได้มีชีพจรมังกรเส้นเดียวแต่มีหลายเส้นงั้นเหรอ? งั้นหมายความว่ามีจักรพรรดิหลายองค์หรือไง?”

สือเอ้อร์เขกศีรษะเขาไปอีกที “จะเป็นไปได้อย่างไร จักรพรรดิมีได้เพียงองค์เดียว ชีพจรมังกรแต่ละเส้นใช่ว่าจะเข้ากับจักรพรรดิได้เพียงองค์เดียวสักหน่อย ความจริงแล้วในสมัยโบราณชีพจรมังกรเหล่านั้นจะคอยปกป้องคุ้มครองเหล่าอ๋องทั้งหลาย ตัวอย่างเช่นมีชีพจรเส้นหนึ่งในจวนจิ้งอ๋องแห่งเมืองกุ้ย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะสิ้นราชวงศ์อ๋องนี้ไปแล้ว แต่ชีพจรมังกรจะดีหรือร้ายย่อมส่งผลต่อชีพจรมังกรหลักด้วย”

เธอชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “เปรียบเหมือนแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นสายหลักแตกแขนงเป็นแม่น้ำสายย่อยมากมาย น้ำจากแม่น้ำสายย่อยจะไหลลงสู่แม่น้ำแยงซีเกียงสายหลัก หากวางยาพิษในแม่น้ำสายย่อย นานวันเข้าก็จะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำในสายหลักอย่างแน่นอนซึ่งเหตุผลเดียวกับชีพจรมังกร หากชีพจรมังกรย่อยเสียหาย ชีพจรมังกรหลักก็จะได้รับผลกระทบและส่งผลต่อโชคของประเทศ”

หลังจากที่พูดยาวเหยียดสือเอ้อร์ก็คอแห้งผากกระหายน้ำ เธอรีบกรอกน้ำเข้าปากหลายอึกใหญ่ถึงรู้สึกชุ่มชื่นและสบายขึ้นเยอะ

“ฉันเข้าใจแล้ว หมายความว่าไม่ว่าชีพจรมังกรเส้นไหนก็ต้องปกป้องมันให้ดี อย่าทำให้เสียหายเป็นอันขาดถูกต้องไหม?” เน่าเน่าเองก็ถึงบางอ้อในฉับพลัน

“ใช่ ความหมายประมาณนั้นแหละ” สือเอ้อร์ลูบศีรษะเน่าเน่าเหมือนลูบหัวลูกสุนัขก็ไม่ปานเลยถูกเน่าเน่ามองบนใส่

เล่อเล่อกลับยังคงมีคำถาม ”ทำไมหนิงเฉินเซวียนถึงต้องสร้างชีพจรมังกรขึ้นมา? ต่อให้เขาสร้างขึ้นมาก็ใช่ว่าจะเป็นจักรพรรดิได้สักหน่อย!”

ถ้าจะสร้างก็ต้องสร้างชีพจรมังกรหลักอย่างในเมืองหลวงสิ ชีพจรมังกรในที่ห่างไกลอย่างภูเขาสือว่าน นอกจากซับพลังจิตวิญญาณแล้วยังทำอะไรอีกได้?

เสี่ยวเป่าที่คิดไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆโดยไม่พูดอะไร ทว่าจู่ ๆก็สีหน้าเปลี่ยน “พวกเราต้องเร่งเดินทางแล้ว!”

“ทำไมล่ะ?”

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่น เมื่อครู่เขารู้สึกใจหวิวขึ้นมาฉับพลันและรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนักซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับชีพจรมังกร

“มีความเป็นไปได้มากที่หนิงเฉินซวนต้องการทำลาย!” เสี่ยวเป่าคาดเดา

ในเมื่อสามารถสร้างฐานระเบิดขนาดใหญ่ได้อย่างลับ ๆ อีกอย่างแม้แต่ชีวิตของลูกชายแท้ ๆยังไม่แยแส หนิงเฉินเซวียนที่ต้องการทำลายทางตะวันตกเฉียงใต้ให้พังพินาศย่อยยับแบบนี้ไม่ใช่คนปกติเลยสักนิด

ความคิดของคนบ้าจะเอามาเปรียบเทียบกับคนปกติไม่ได้ เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าหยกแขวนที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้ไม่ใช่เรื่องดีเลย

………………………………………….

Related

ตอนที่ 2975 คนที่สวรรค์เลือก

ชายผู้โชคร้ายโยนเศษกองในมือทิ้งอย่างขยะแขยงพร้อมสีหน้ายากที่จะอธิบาย

มีคนหยิบเศษซากขนาดเท่าเมล็ดข้าวขึ้นมาจากพื้น แค่บีบเบา ๆเศษนั้นก็กลายเป็นผุยผง เป่าเบา ๆก็ปลิวกระจายไปตามสายลมแล้วหายวับไปในอากาศ

“เป็นถ่านกัมมันต์สมบูรณ์แบบ อัตราการคายน้ำเกือบ 100%” นอกจากเจสันและปิแอร์ คนที่พูดก็เหลือเพียงผู้ชายคนเดียวแล้ว ในบรรดาสิบสองคนเขาไม่ได้เป็นคนที่น่าจับตามองนัก แต่ตอนนี้คงยากหากไม่ให้สนใจ

ทั้งหมดเหลือแค่สี่คน ต่อให้ไม่คิดสนใจคงยากแล้วล่ะ

ผู้ชายเป็นคนเอเชีย ผิวสีเหลือง เส้นผมสีดำ ความสูงระดับปานกลาง หน้าตาธรรมดา ปกติเขามักจะพูดน้อยจนเกือบทำให้ทุกคนนึกว่าเขาเป็นใบ้ ตอนนี้คงเป็นครั้งแรกที่เขาเปิดปากพูดละมั้ง

เจสันก้มตัวลงหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น แค่บีบเบา ๆ ผลลัพธ์ก็ยังคงลอยหายไปตามสายลมเช่นเคย

“เป็นถ่านกัมมันต์ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ถ่านกัมมันต์ระดับสูงเช่นนี้จะต้องใช้คู่กับเครื่องมือที่มีความละเอียดซับซ้อน รวมถึงต้องปิดช่องว่างสนิทและอุณหภูมิสูงพอถึงจะฝืนทำให้เป็นแบบนี้ได้ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่?” เจสันคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก

ความชื้นในป่ามีสูงมากและไม่ใช่พื้นที่ปิด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่พื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง อีกอย่างไม่ต้องพูดถึงถ่านกัมมันต์หรอกเพราะแม้แต่ก่อไฟยังต้องใช้เวลานานเลย

อีกทั้งถุงนอนของมัมมี่ทั้งสามก็ยังอยู่ดีไม่มีร่องรอยความเสียหายหรือถูกเผาแม้แต่นิดเดียว แล้วตกลงถ่านกัมมันต์ทำขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่?

เป็นพวกมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า? หรือเมื่อคืนมีมนุษย์ต่างดาวบุกมา?“ เจสันคิดออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยอย่างมั่นใจ

ปิแอร์ถลึงตาจ้องเขาแวบหนึ่ง ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมตอนนั้นองค์กรถึงเลือกเขา วัน ๆเอาแต่อยู่ในจินตนาการและคิดแต่สิ่งที่ไม่ใช่ความจริง โลกนี้จะมีมนุษย์ต่างดาวได้อย่างไร เขาลอบมองเสี่ยวเป่าแล้วมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย

เด็กพวกนี้แปลกมาก ปิแอร์รู้สึกว่าบางทีพวกเขาอาจจะเป็น ‘ผู้ถูกเลือก’ ในตำนาน!

คนที่ถูกเลือกจะมีพลังบางอย่างที่คนธรรมดายากจะจินตนาการถึง ทั้งสามารถควบคุมธรรมชาติเช่น ลม ไฟ น้ำ ดิน ซึ่งโลกมนุษย์มักพูดว่าเป็นพลังเหนือมนุษย์ ปิแอร์คิดอยู่นานถึงนึกความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา

ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้จะอธิบายปรากฏการณ์ประหลาดในสองสามวันนี้ว่าอย่างไร

ปิแอร์ไม่พูดอะไรแล้วหยิบมีดคมออกมากรีดเสื้อผ้าและถุงนอนบนตัวมัมมี่ หลังจากนั้นไม่นานซากมัมมี่อีกสองศพก็ถูกเปิดออก ชายคนหญิงคน ผู้ชายเป็นหนุ่มร่างใหญ่บึกบึนแต่ตอนนี้กลับหดตัวลงครึ่งหนึ่งเหมือนเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น

มัมมี่หญิงก็เช่นเดียวกันเพียงแต่เล็กกว่า ราวกับว่าโครงกระดูกทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยผิวหนังชั้นบาง ๆ

“ตกลงมันเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน? การทำให้เป็นถ่านกัมมันต์ได้อย่างรวดเร็วต้องให้โมเลกุลของไฮโดรเจนและออกซิเจนเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี หรือไม่ก็ใช้กรดกำมะถันเข้มข้น หรืออุณหภูมิสูง แต่นี่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสามไม่ใช่ ปิแอร์…นายว่าเกิดอะไรขึ้น?” เจสันนั่งลงตรงหน้ามัมมี่แล้วพึมพำกับตัวเองพร้อมสีหน้างงงวย

นอกจากมนุษย์ต่างดาวแล้ว เขาก็คิดไม่ออกจริง ๆว่าจะมีสาเหตุอะไรอีก!

“ไม่รู้ รีบไปกันต่อเถอะ!” ปิแอร์ไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด เขาแค่กลับไปเก็บเต็นท์ของเขากับเจสัน

เหลือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ยังคงกรีดร้องโวยวายจะกลับบ้าน ดูเหมือนว่าตอนนี้จะกลายเป็นบ้าไปแล้ว

“แล้วพวกนี้จะทำอย่างไรต่อ?” เจสันเอ่ยพลางชี้ไปที่พวกมัมมี่ที่เหลือ

“กลับคืนสู่พระแม่ธรณี” ปิแอร์พูดด้วยอารมณ์ขันที่หาได้ยากนัก เจสันพึมพำเสียงเบาแล้วเตะใส่ไปสองที ซากมัมมี่ทั้งสองแตกอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกองขี้เถ้าในท้ายที่สุด

เจสันมองฝูงชนที่พากันตกใจแล้วกางมือออกพลางยักไหล่ “ฉันก็แค่ช่วยพวกเขากลับไปสู่อ้อมแขนของพระแม่ธรณีเท่านั้น”

เล่อเล่อกลอกตามองบน ช่างซื่อบื้อจริง ๆ!

“ไปเถอะ เก็บของให้เรียบร้อย!” เสี่ยวเป่าพูด

พวกเสี่ยวจูเก็บของใกล้เสร็จแล้ว สือเอ้อร์ลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังขยิบตาส่งให้เล่อเล่อที่เดินกลับมา ทว่าเล่อเล่อกลับตบหัวเธอเบา ๆทีหนึ่ง “รีบ ๆพูดมานะว่ามันยังไงกันแน่?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2976 รักใครชอบใครก็ว่าคนนั้นดีไปหมด

“ถ้าให้บอกก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ต่อไปพี่เล่อเล่อห้ามแย่งเนื้อของฉันอีก!” สือเอ้อร์ฉวยโอกาสเสนอขอเรียกร้อง

“ถ้าไม่พูดก็ช่างเถอะ!” เล่อเล่อกลอกตามองบนใส่ จากนั้นก็มองไปทางเสี่ยวเป่าพร้อมเค้นยิ้มหวานส่งให้

สือเอ้อร์แค่นเสียงฮึเอามือกอดอกเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “พี่เสี่ยวเป่าไม่รู้หรอก นี่เป็นเทคนิคลับเฉพาะของฉัน”

เสี่ยวเป่ามองเธอแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “แค่การควบคุมน้ำง่าย ๆเอง สือเอ้อร์ทำให้โมเลกุลน้ำในร่างกายของสามคนนั้นเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น แค่นี้ก็สามารถสร้างถ่านกัมมันต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เมื่อครู่เจ้าหมอนั่นก็อธิบายไปแล้ว”

สือเอ้อร์ทำปากมุ่ย “หนิงเสี่ยวเป่าเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย ทำไมชอบเผยไต๋ฉันนักนะ?”

ปล่อยให้เธอลำพองใจต่อหน้าพี่เล่อเล่อสักหน่อยไม่ได้หรือไง?

เล่อเล่อเขกศีรษะไปทีพลันตะคอกใส่ “ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เรียกพี่เสี่ยวเป่าเดี๋ยวนี้”

สือเอ้อร์ลูบหลังศีรษะด้วยความโมโหแล้วมองไปทางเน่าเน่าอย่างน้อยอกน้อยใจ

เน่าเน่าหัวเราะร่า “เธอยังมีทีเด็ดอยู่อีกเหรอ? เสี่ยวจูมองออกตั้งนานแล้ว แต่วิธีการของเธอไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน จืดชืดไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว”

เมื่อก่อนเลือดสาดแขนขาขาดเนื้อกระเด็น ดูแล้วน่าตื่นเต้นกว่าตั้งเยอะ!

สือเอ้อร์เบะปากพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “พี่เล่อเล่อบอกว่ารุนแรงเกินไป เป็นสาวเป็นนางต้องหัดอ่อนโยนหน่อย แบบนี้ถึงจะทำให้คนชอบ!”

ยัยเด็กคนนี้พูดพลางเหลือบมองเน่าเน่า ฝ่ายหนึ่งมีใจแต่อีกฝ่ายไร้ไมตรี เน่าเน่าไม่สังเกตเห็นเลยสักนิดแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฟังพี่สาวฉันพูดซี้ซั้ว เธอไม่อ่อนโยนตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่แล้ว พี่เสี่ยวเป่าก็ไม่ชอบเหมือนกัน จริงๆแล้วฉันก็…”

ประโยคสุดท้ายที่ว่า ‘จริงๆแล้วฉันก็ชอบสาวดุดันเช่นกัน’ ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็โดนเล่อเล่อตบกลับไปก่อน

เสี่ยวเป่าพูดเสียงเบาว่า “น้องเล่อเล่ออ่อนโยนจะตาย”

ในสายตาของเขาน้องเล่อเล่อเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน น่ารักและสวยที่สุดในโลก ไม่มีใครเทียมได้เลยล่ะ

เล่อเล่อเปลี่ยนจากอารมณ์โกรธเป็นดีใจถลึงตาใส่เน่าเน่าแล้วหันไปยิ้มหวานให้เสี่ยวเป่า ในใจหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า เธอแอบดีใจที่ตามมาผจญภัยครั้งนี้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเธอจะเห็นอีกด้านของพี่เสี่ยวเป่าที่คนอื่นไม่รู้ได้อย่างไร!

เน่าเน่าส่งเสียงฮึ่มแล้วเอ่ยข้างหูสือเอ้อร์เสียงเบา “อย่าไปฟังคำพูดเพ้อเจ้อ ดูแม่เธอสิเป็นถึงผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุดในโลกแต่พ่อของเธอก็รักแม่ของเธอสุดจิตสุดใจเลยไม่ใช่หรือไง!”

ในเมื่อมีตัวอย่างที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้า ยัยหนูคนนี้ยังจะเชื่อคำพูดไร้สาระของพี่สาวเขาอีกเหรอ

สือเอ้อร์ตบหน้าผากทีหนึ่ง “ใช่แล้ว แม่ของฉันป่าเถื่อนกว่าฉันตั้งเยอะแต่ไม่รู้ว่าพ่อฉันรักแม่ฉันขนาดไหน ขอบคุณพี่เน่าเน่าที่เตือน วันหลังฉันจะไม่ใช้วิธีการซับซ้อนอะไรแบบนี้อีก!”

ทำศพมัมมี่แบบนี้วุ่นวายเกินไป เมื่อคืนเธอเสียเวลาไปตั้งมากโข ระเบิดร่างกายโต้ง ๆเหมือนเมื่อก่อนไปเลยง่ายกว่าตั้งเยอะ แถมไม่ต้องเสียแรงมากด้วย!

เล่อเล่อถลึงตาใส่พวกเขาสองคนอย่างรังเกียจพลันเอ่ยว่า “ถ้าวันหลังพวกเธอจะฆ่าคนก็อยู่ห่างจากฉันเลย ฆ่าคนทีทำซะเอิกเกริก เรียนรู้จากพี่เสี่ยวเป่าให้มาก ๆ ดูสิทั้งเรียบร้อยและรวดเร็ว!”

เน่าเน่าและสือเอ้อร์ส่งเสียงฮึ่มพร้อมกันและคร้านจะสนใจผู้หญิงที่หลงผู้ชายจนหัวปักหัวปำคนนี้อีก ในสายตาของเธอต่อให้เป็นขี้ของหนิงเสี่ยวเป่าเธอก็ยังว่าหอมละมั้ง!

รักใครชอบใครก็ว่าคนนั้นดีไปหมดแหละ!

“คนที่เหลืออีกสี่คนไม่ฆ่าให้ตายเหรอ? ฉันไม่กลัวยุ่งยากหรอกนะ“ สือเอ้อร์เสนอตัวอย่างกระตือรือร้น

เสี่ยวเป่าจ้องเธออย่างตักเตือน “ห้ามลงมือ!”

สือเอ้อร์ตัวสั่นสะท้านเฮือกแล้วไม่กล้ายอกย้อนอีก หนิงเสี่ยวเป่าและเสี่ยวจูเป็นสองคนบนโลกนี้ที่เธอไม่กล้าปะทะตัวต่อตัวด้วยเพราะรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่นิดเดียว

เล่อเล่อก็แปลกใจเช่นกัน เธอชี้ไปยังเจสันที่ยังคงบ่นเจื้อยแจ้วกับปิแอร์แล้วเอ่ยถามว่า “ดูเหมือนพี่จะปฏิบัติกับพวกเขาสองคนดีเป็นพิเศษนะ ทำไมล่ะ?”

เสี่ยวเป่ายิ้มน้อย ๆ “เพราะคุณพ่อและคุณอา”

เล่อเล่อเข้าใจในทันที รูปแบบความสัมพันธ์ของเจสันและปิแอร์คล้ายกับเฮ่อเหลียนเช่อและภรรยามากโข ถึงแม้ตอนนี้หานเหมยจะเป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ในใจของเสี่ยวเป่าเธอก็ยังคงเป็นคุณอาที่คอยจู้จี้คนนั้นอยู่ดี!

…………………………………………….

Related

ตอนที่ 2973 การตายที่แปลกประหลาด

 

ความผิดปกติของเจสันดึงดูดความสนใจของทุกคน ปิแอร์คือคนแรกที่เดินเข้ามาก่อน “เกิดอะไรขึ้น?”

 

“พระเจ้า…ฉันไปดูทางนั้นหน่อย…” เจสันกลับมามีสติอีกครั้ง ทว่าสีหน้าท่าทางยากที่จะอธิบายได้ เขาเหลือบมองปิแอร์แวบหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปยังเต็นท์อื่น เพราะคนในเต็นท์นี้ก็ยังไม่ตื่นเช่นกัน

 

ถึงแม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อเห็นบางอย่างในถุงนอนเจสันก็อดส่ายหน้าไม่ได้พร้อมสีหน้าเหมือนทานอุจจาระก็ไม่ปาน

 

“บ้าไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” ปิแอร์ก็เห็น ‘บางอย่าง’ ในเต็นท์เช่นกัน ขนาดคนที่สุขุมแน่นิ่งอย่างเขายังตกใจกลัวจนเดินเซถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมความตื่นตระหนกฉายชัดในแววตา

 

บุกป่าฝ่าดงท่องยุทธภพมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นวิธีการตายที่แปลกประหลาดและน่าขยะแขยงเช่นนี้

 

“ทำไมเหรอ…เฮ้ย…บ้าไปแล้วจริง ๆ…เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา…” คนอื่น ๆก็แห่เข้ามาดูเช่นกัน ทว่าแค่เหลือบมองก็ตกใจกลัวจนเซถอยหลังพลางสบถไม่หยุดปาก

 

อันที่จริงคำด่าทอที่สบถออกมาก็แค่ความหวาดกลัวที่ซ่อนไว้ในใจเท่านั้น

 

ก่อนออกมาทำภารกิจพวกเขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดพลางคิดว่าเป็นงานง่าย ๆกระจอก ๆเท่านั้นเลยคิดเสียว่าเป็นวันพักผ่อนอันยอดเยี่ยม แต่หลังจากมีการตายแปลก ๆอย่างต่อเนื่องก็ทำเอาพวกเขาแทบประสาทหลุดกระเจิงกันหมด

 

ในที่สุดเส้นประสาทอันเปราะบางก็ขาดผึ่งลงอย่างสมบูรณ์ในเช้าวันนี้โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งถึงกับร้องไห้ “ผี…มีผีอยู่ในป่านี้แน่ ๆ ฉันอยากกลับบ้าน ให้ขุมสมบัตินั่นอยู่กับผีไปเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว…”

 

มีผู้หญิงทั้งหมดสามคน คิมิโกะถูกตะขาบฆ่าตายไปแล้ว ส่วนอีกคนตายอย่างน่าประหลาดในเต็นท์ ตอนนี้เหลือเธอคนเดียว สายลับสาวคนนี้หมดสิ้นความมั่นใจในการต่อสู้ เธอแค่อยากกลับเข้าเมืองที่มีเสียงดังอึกทึกมากกว่า

 

แทนที่จะอยู่ในป่าน่ากลัวแห่งนี้

 

เล่อเล่อแปลกใจมากว่าสือเอ้อร์ปรับปรุงจิตวิญญาณน้ำเป็นแบบไหนกันนะ?

 

ถ้าแค่น่าขยะแขยงเต็มไปด้วยคาวเลือดละก็คงไม่ทำให้สายลับที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาเหล่านี้หวาดกลัวได้ เธอเหลือบมองสือเอ้อร์ที่ทำท่าลำพองใจอยู่ข้างเธอ ยัยเด็กนี่ทำหน้าทำตาประมาณว่า ‘อยากรู้ไหมมาถามฉันสิ’ เธอนึกอยากตบบ้องหูเสียจริง ๆ

 

เล่อเล่อไม่ยอมถามแต่กลับเดินมุ่งหน้าไปทางฝูงชนที่กำลังห้อมล้อมอยู่ เสี่ยวเป่าลุกขึ้นและเดินตามหลังไปติด ๆ

 

สือเอ้อร์เบะปาก คนเป็น ๆอยู่ตรงหน้าไม่ถามดันอยากไปดูให้เสียเวลาเปล่า!

 

นอกจากสายลับสาวเพียงคนเดียวที่ตกใจกลัวจนขวัญเสียแล้ว การแสดงออกของผู้ชายคนอื่น ๆก็ดูแย่ไม่น้อยเหมือนผ่านเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมา พวกเขาสำรวจรอบด้านอย่างระแวดระวังพร้อมร่างกายที่แข็งทื่อ

 

 

ต่อให้ฝูงหมาป่าดุร้ายมาในเวลานี้ก็ไม่มีใครรู้สึกกลัวอีกแล้วเพราะอย่างมากก็แค่ฆ่าทิ้ง

 

สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวก็คืออันตรายที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้ตายไปแล้วแปดคน แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าศัตรูอยู่ที่ไหน!

 

และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูใช้วิธีการใด

 

งูพิษ ตะขาบ หมูป่า พืชสมุนไพรมีพิษ…ทุกอย่างดูเหมือนบังเอิญแต่จะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน มันต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน

 

ศัตรูที่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตในป่าได้…นี่ต่างหากสาเหตุที่พวกเขากลัว!

 

เล่อเล่อเดินเข้าไปใกล้และได้ยินเสียงบ่นพึมพำของเจสัน “ปิแอร์ ป่าแห่งนี้ต้องมีปีศาจแน่นอน พวกเราไปกันเถอะ ไปหาเมืองที่ไม่มีใครรู้จักใช้ชีวิตกัน เมืองที่ชื่อว่าเฉิงตูครั้งก่อนก็ไม่เลว มีของอร่อยมากมายเลย ฉันว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเราคงกินกันไม่ครบทุกอย่างแน่”

 

ปิแอร์เหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เฉิงตูไม่ดี อยู่สิบวันแต่นายท้องเสียไปแล้วแปดวัน”

 

เจสันหน้าแดงซ่านพร้อมนึกสงสัยเหมือนกัน เขาเอ่ยต่อเสียงเบาว่า “งั้นไปหางโจว…ทิวทัศน์ที่นั่นงดงาม ของอร่อยก็มีตั้งมากมายแถมไม่ท้องเสียด้วยดีไหม?”

 

เสียงสุดท้ายลากยาวพร้อมเสียงออดอ้อน เล่อเล่ออดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านเฮือก

 

โธ่เว้ย…เธอมองไม่ออกจริง ๆว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน!

 

………………………………………….

 

ตอนที่ 2974 มัมมี่อย่างสมบูรณ์

 

เล่อเล่อส่งเสียงไอค่อกแค่กแรง ๆ เจสันที่เกือบสิงร่างปิแอร์ก็แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วแล้วแสร้งทำตัวปกติ เขาหันมาส่งยิ้มให้พวกเล่อเล่อ ทว่าหน้ายังแดงเรื่อไม่หาย

 

“พวกเธออย่าไปดูเลย มันไม่น่าดูเท่าไรหรอก หรืออาจส่งผลต่อความอยากอาหารเช้าของพวกเธอได้นะ” เจสันเตือนด้วยความหวังดี

 

อันที่จริงก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไร แน่นอนว่าสำหรับสายสืบประสบการณ์โชกโชนอย่างเขาคาดว่าหากเด็กอายุน้อยอย่างเล่อเล่อและเสี่ยวเป่าคงตกใจร้องหาแม่หลังจากเห็นศพแน่นอน!

 

ปิแอร์เหลือบมองเสี่ยวเป่า แล้วดึงเจสันออกไป

 

“อย่าดึงฉันสิ ฉันต้องอยู่กับพวกเขา เกิดตกใจจนขวัญเสียขึ้นมาฉันยังอยู่ปลอบพวกเขาได้” เจสันไม่ยอมไป

 

“พวกเขากล้าหาญกว่านายเยอะ” ปิแอร์พูดอย่างหงุดหงิด

 

เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆที่คู่ขาของเขาอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ ไอคิวน่าเป็นห่วงแถมพูดมากอีกต่างหาก ความกล้ามากกว่าหนูไม่เท่าไหร่แล้วยังตะกละด้วย ขนาดซาลาเปาลูกเดียวยังทำให้เขาหลงติดกับได้…สำหรับปิแอร์แล้วเจสันมีข้อดีเพียงอย่างเดียวคือโชคดีไร้ใครเทียม

 

ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติภารกิจเจ้าโง่นี่รอดตายอย่างหวุดหวิดมาได้เสมอ แถมปฏิบัติภารกิจสำเร็จเพราะความบังเอิญทุกครั้ง ดวงดีจนคนอื่นคันฟันยุบยิบด้วยความเกลียดชังแต่กลับทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้

 

เช่นเดียวกับภารกิจครั้งนี้ เขาใช้ฝ่าเท้าคิดยังมั่นใจได้เลยว่าแปดคนที่ตายล้วนเกี่ยวข้องกับพวกเสี่ยวเป่าทั้งสิ้น แต่ปิแอร์ก็แปลกใจมากเช่นกันว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงไม่จัดการเขาและเจสัน?

 

ปิแอร์เหลือบมองเจสันที่ยังคงพูดพล่ามไม่หยุดแวบหนึ่ง ใบหน้าเย็นชาคลายลงมาก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมความอบอุ่นฉายชัดในแววตา

 

บางทีอาจเป็นเพราะความโชคดีของเจ้าหมอนี่สินะ!

 

เสี่ยวเป่าเหลือบมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่แฝงในแววตา เล่อเล่อเปิดเต็นท์หนึ่งออกแค่นเสียงเบาและปรากฏท่าทีตกตะลึงไปสามวินาที

 

“นี่คือมัมมี่สินะ?” เล่อเล่อพึมพำกับตัวเองแล้วกลับมามีท่าทีสงบนิ่งดั่งเดิม

 

ศพแห้งกรังที่อยู่ในถุงนอนมองไม่ออกนักว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูจากเสื้อผ้าแล้วคงเป็นหนุ่มสายลับของประเทศเล็ก ๆสักแห่ง อีกอย่างเป็นหนุ่มกำยำตัวสูงราว180 แต่เหมือนว่าศพแห้งในถุงนอนตอนนี้กลับขนาดหดลง

 

ใช่…นี่คือการหดตัว

 

 

เปรียบเทียบได้กับแอปเปิลขนาดเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ แต่หลังจากผ่านการคายน้ำก็จะเหลือขนาดเท่าไข่ไก่หรือเล็กกว่า

 

ชายกำยำตรงหน้าเหมือนเด็กอย่างไรอย่างนั้น เขาหดตัวอยู่ในถุงนอน ใบหน้ามีเพียงชั้นผิวหนังบาง ๆห่อหุ้มอยู่ เนื่องจากสวมเสื้อผ้าไว้เลยมองไม่สภาพร่างกายไม่ออกแต่คาดว่าคงพอ ๆกับใบหน้า

 

อีกสองเต็นท์ที่เหลือก็เช่นเดียวกัน เพียงคืนเดียวก็มีศพมัมมี่สภาพสมบูรณ์เพิ่มมาอีกสามศพ อีกทั้งสมบูรณ์ยิ่งกว่ามัมมี่ในพีระมิดเสียอีก

 

บางทีในสายตาของนักโบราณคดีเหล่านั้น มัมมี่ทั้งสามศพนี้คงมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าคนงามที่มีชีวิตตัวเป็น ๆเสียอีก!

 

“ย้ายพวกเขาออกมาเถอะ!” มีคนพูดขึ้น

 

จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปจัดการ แต่ว่า——

 

“แกรบ”

 

มีเสียงแผ่วเบาดังแว่วมา ท่าทีของทุกคนดูค่อนข้างแปลกใจเลยค้นหาต้นเสียงไปทุกซอกมุม เล่อเล่อเป็นคนแรกที่ตอบสนองไว เธอชี้ไปที่มัมมี่ในอ้อมแขนของใครบางคนแล้วตะโกนว่า “แตกแล้ว หัวแตกแล้ว!”

 

“พระเจ้า…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…” ทุกคนต่างสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของมัมมี่และแสดงสีหน้าหวาดกลัว

 

ผิวภายนอกของมัมมี่ที่สมบูรณ์ไร้ที่ติปรากฏรอยแตกเต็มไปหมดเหมือนใยแมงมุม อีกทั้งรอยแตกก็ขยายกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เวลาไม่ถึงนาที…มัมมี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของชายผู้โชคร้ายก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามขนาดเล็กใหญ่

 

คนอื่น ๆไม่กล้าขยับอีกแล้วมองมัมมี่อีกสองศพที่เหลืออย่างหวาดกลัว

 

………………………………………….

Related

ตอนที่ 2971 ชายผู้โชคร้ายคนที่ห้า

 

เน่าเน่าเลือกชายผิวดำคนท้ายสุดของขบวนเพราะบังเอิญชายผู้โชคร้ายคนนี้เป็นคนที่เจ็ดในแถวพอดี ตอนเน่าเน่าตัดสินใจจะลงมือ เขาคิดจะกำจัดคนที่อยู่ลำดับที่เจ็ดอยู่แล้ว

 

“นายวางแผนจะจัดการอย่างไร?” สือเอ้อร์ถามอย่างแปลกใจ

 

เน่าเน่าหัวเราะอย่างร้ายกาจ “เจตจำนงแห่งสวรรค์แพร่งพรายไม่ได้ รอดูไปเถอะ!

 

สือเอ้อร์แค่นเสียงฮึ การเดินทางหลังจากนี้เธอจับจ้องเป้าหมายของเน่าเน่าไม่วางตาเพราะอยากรู้ว่าเน่าเน่าจะใช้วิธีการไหน

 

ครั้นล่วงเลยใกล้ช่วงเที่ยงผู้ชายคนนี้ก็ยังสุขสบายดีอยู่ เน่าเน่ายังคงเฉยเมยไม่ใส่ใจอะไรเขา แถมยังโวยวายจะไปจับกระต่ายป่ามาใส่ท้องสักสองสามตัว คนอื่น ๆก็ไปล่าสัตว์เช่นกัน พวกเขาทานขนมปังอาหารแห้งหมดแล้วเลยทำได้แค่ไปหาอาหารมาเติมพลังเท่านั้น

 

ชายผู้โชคร้ายคนนั้นก็ไปล่าสัตว์เช่นกัน เขามีร่างกายแข็งแรงกล้ามเนื้อแน่นทุกสัดส่วนซึ่งเต็มไปด้วยพละกำลัง อีกอย่างฝีเท้าว่องไว ฝีมือคล่องแคล่วไม่ธรรมดา ดูท่าต้องเป็นนักสู้ยอดฝีมือแน่นอน

 

เน่าเน่าหันไปขยิบตาให้พวกเล่อเล่อแล้วลูบหัวเสวี่ยเอ๋อร์เบา ๆ “วันนี้แกพักผ่อนนะ ฉันจะไปหาอาหารเอง”

 

เสวี่ยเอ๋อร์ส่งเสียงร้องหงิงตอบรับแล้วเลียมือเน่าเน่าพร้อมนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

 

เน่าเน่าไม่ได้พกอะไรไปด้วย เขาแค่หยิบหินแหลมคมขึ้นมาจากพื้นสองสามก้อนใส่กระเป๋าแล้ววิ่งเข้าป่าลึกไป

 

“พวกเราตามไปดูกันดีไหม พี่เน่าเน่าต้องเตรียมซุ่มดักโจมตีชายผู้โชคร้ายคนนั้นแน่นอน” สือเอ้อร์เอ่ยเสียงเบา

 

เล่อเล่อไม่ได้สนใจ เธอกำลังเผาเกาลัดและมันเทศอยู่ “ไม่ไป อยากไปก็ไปเอง…”

 

สือเอ้อร์คิด ๆแล้วไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ไป หลังจากผ่านไปสิบห้านาทีในป่าก็มีเสียงคำรามของสัตว์ป่าร้ายดังแว่วมาไม่ขาดสายซึ่งฟังดูแล้วเหมือนมีสองตัว เล่อเล่อขมวดคิ้ว “หมูป่า แถมมีสองตัวด้วย”

 

สือเอ้อร์พูดอย่างมั่นใจว่า “เน่าเน่าเรียกมา เขาคิดจะยืมมือหมูป่าฆ่าคน”

 

แรงสู้ของหมูป่ามีไม่น้อยไปกว่าหมีและเสือดาวเลยโดยเฉพาะยามอยู่กันเป็นคู่ ตัวผู้ตัวเมียสามัคคีรวมพลังกันเป็นหนึ่งย่อมมีพละกำลังไม่น้อยอยู่แล้ว หากหมูป่าสองตัวร่วมมือกันแม้แต่เสือก็ใช่ว่าจะสู้ไหว!

 

“พระเจ้า…รีบหนีเร็ว มีหมูป่ามา!” มีคนวิ่งลงมาตะโกนบอกพวกเล่อเล่อซึ่งเขาก็คือเจสันนั่นเอง

 

ทว่าไม่มีใครขยับและนั่งทานกันด้วยท่าทีเฉยเมย แค่หมูป่ามีอะไรน่ากลัวกัน

 

เจสันวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนกแล้วตะโกนใส่พวกเขา “หมูป่าสองตัวใหญ่มาก ขนาดปืนยังฆ่าไม่ตายเลย”

 

 

เพิ่งพูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องแหลมสูงซึ่งฟังดูเหมือนหมูป่าจะโกรธ จากนั้นก็มีอีกสองสามคนวิ่งหนีกลับมา เล่อเล่อนับดูแล้วนอกจากชายผู้โชคร้ายคนนั้น คนที่เหลือก็วิ่งกลับมากันครบหมด

 

“พระเจ้า ลำไส้ของเขาถูกหมูป่าแทงทะลุเข้าไปแล้ว…” มีใครบางคนตะโกนขึ้น

 

สือเอ้อร์บุ้ยปากเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือพี่เน่าเน่า”

 

เล่อเล่อไม่สนใจแล้วปอกเปลือกเกาลัดต่อ ในเมื่อมีเน่าเน่าอยู่หมูป่าสองตัวนั้นไม่มีทางวิ่งมาทางนี้อย่างแน่นอน ครั้นคนอื่น ๆเห็นพวกเขาไม่ขยับก้นทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยผ่อนคลายลงไม่น้อยแล้วนั่งลงเช่นกัน

 

พวกเขาเป็นถึงสายลับที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้วจะด้อยกว่าพวกเด็ก ๆเหล่านี้ได้อย่างไร ฉะนั้นจะทำตัวขายหน้าไม่ได้!

 

จากนั้นก็มีเสียงร้องดังแว่วมาอีกแล้วเงียบลงในท้ายที่สุด ครั้นผ่านไปไม่กี่นาทีเน่าเน่าก็กลับมาพร้อมกระต่ายอ้วนสองสามตัวด้วยเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน แม้แต่เส้นผมก็ไม่กระดิก

 

“เจ้าหมอนั่นดวงซวยจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าจะไปหาเรื่องสองตัวนั้นได้ แถมเป็นคู่สามีภรรยาตัวใหญ่เบิ้มอีกต่างหาก สมควรตายแล้วจริง ๆ” เน่าเน่าเอากระต่ายป่าที่ล่ามาได้โยนลงพื้นพร้อมยิ้มกริ่ม

 

เล่อเล่อกลอกตามองบน แค่ทำคนตายคนเดียววางท่าซะใหญ่โต มีอะไรน่าโม้กัน

 

พวกเขาพักผ่อนหลังทานมื้อเที่ยงเสร็จครู่หนึ่งแล้วเดินทางต่อ อีกทั้งยังมองเห็นศพที่ร่างกายไม่สมบูรณ์อยู่ไกล ๆพร้อมเลือดนองเต็มพื้น รวมถึงไส้ที่ทะลักออกมาเป็นชิ้น ๆบางส่วนซึ่งกลิ่นคาวเลือดแรงไม่เบาเลย

 

…………………………………………..

 

ตอนที่ 2972 ยามเจอปาฏิหาริย์

 

“พระเจ้าโปรดคุ้มครอง…ชายผู้น่าสงสาร!” เจสันไขว้มือเป็นรูปไม้กางเขนตรงหน้าอกแล้วพึมพำกับตัวเอง

 

จนถึงตอนนี้ชายผู้โชคร้ายคนนี้ตายได้อนาถที่สุดแล้ว เขาคงทำได้แค่โทษความซวยของตัวเอง ในเมื่อต้องมาปะทะกับเน่าเน่าที่ชอบความสุนทรีขั้นรุนแรงเช่นนี้ ขนาดอยากตายอย่างสงบยังทำไม่ได้เลย

 

ยามราตรีมาถึง คนที่เหลืออีกเจ็ดคนดูสุขุมยิ่งกว่าเดิม ทุกคนเตรียมอาหารมื้อเย็นกันอย่างเงียบ ๆโดยไม่มีอารมณ์จะพูดจาอะไร

 

สือเอ้อร์หยิบขวดใสขนาดราวนิ้วหัวแม่มือออกมาขวดหนึ่ง ดวงตาเสี่ยวเป่าฉายแววประหลาดใจจึงกระซิบถาม “นี่คือจิตวิญญาณน้ำ?”

 

“ใช่ จิตวิญญาณน้ำในสภาพของเหลว จากนี้…ก็ถึงเวลาได้เห็นปาฏิหาริย์แล้ว” สือเอ้อร์ยิ้มอย่างลึกลับพร้อมกำขวดเล็กไว้ในมือ เธอเดินมุ่งไปทางลำธารข้างค่ายพักแรม

 

“ฉันจะไปตักน้ำ” สือเอ้อร์เอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมถุงน้ำในมือ

 

เธอนั่งยองริมธารแล้วยื่นมือลงไปในน้ำ หยดน้ำสุกใสแวววาวหนึ่งหยดไหลไปตามฝ่ามือของเธอลงสู่ธารน้ำใส แล้วถึงเริ่ม…กระจายหายไปอย่างช้า ๆ

 

สือเอ้อร์ยื่นมือวาดวงกลมบริเวณที่หยดน้ำเม็ดใสนั้นกระจายตัวหายไป ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง ๆเพราะน้ำหยุดแน่นิ่งราวกับถูกแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น

 

คนอื่น ๆก็มาตักน้ำเช่นกัน จุดตักน้ำก็คือจุดที่สือเอ้อร์วาดวงกลมไว้ คนพวกนี้ไม่มีใครสังเกตเลยว่าน้ำแน่นิ่งไม่ขยับ พอตักน้ำเสร็จก็กลับไปทำมื้อเย็น

 

หลังจากบุกป่าฝ่าดงมาหนึ่งวัน ตอนนี้พวกเขาแค่อยากทานอาหารอุ่น ๆและนอนดี ๆสักตื่น

 

สือเอ้อร์เองก็ตักน้ำกลับมาถุงหนึ่งเช่นกันพร้อมขยิบตาให้พวกเขา เอ่ยไร้เสียงว่า “อีกเดี๋ยวจะมีโชว์ดี ๆให้ดู”

 

เล่อเล่อพูดอย่างหงุดหงิดว่า “มีอะไรน่าดูกัน คนที่เธอฆ่าตายก็ไม่ได้เก่งไปกว่าเน่าเน่าเท่าไหร่ เห็นแล้วสะอิดสะเอียนมากกว่า”

 

เจ้าเด็กคนนี้ภายนอกดูเหมือนโลลิน้อยแสนน่ารักแต่อันที่จริงมีปีศาจตัวน้อยสิงร่างอยู่ หล่อนชอบศึกษายาพิษมากที่สุด และเพราะพลังวิเศษของเธอคือการควบคุมน้ำ วิธีการวางยาพิษจึงแทบจับไม่ได้ ต่อให้ระมัดระวังแค่ไหนก็ย่อมมีโอกาสโดนพิษได้ทั้งนั้น

 

พิษที่น่ากลัวที่สุดของสือเอ้อร์ก็คือจิตวิญญาณน้ำอันล้ำค่าที่สุดของเธอ อันที่จริงมันไม่เป็นพิษแต่ทุกอย่างจะมากเกินไปไม่ได้ น้ำก็เช่นกัน การดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้บวมตายได้อย่างแน่นอน

 

จิตวิญญาณน้ำแค่เพียงหยดเดียวแต่อันที่จริงรวบรวมน้ำไว้หลายร้อยลิตร พอจินตนาการว่าน้ำหลายร้อยกิโลกรัมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?

 

 

มีเพียงผลลัพธ์เดียวคือ——ร่างระเบิด

 

หลอดเลือดและทางเดินอาหาร…ไม่สามารถบรรจุน้ำได้มากและทนแรงดันน้ำไม่ไหวเช่นเดียวกับคนดำดิ่งอยู่ในทะเลลึกซึ่งย่อมถูกแรงดันน้ำทำให้ตายได้แน่นอน

 

ผลที่ตามมาหลังดื่มจิตวิญญาณน้ำเข้าไปเป็นเช่นนั้น ทั่วทั้งร่างกายจะมีเลือดไหลซึมออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ผิวหนังแตกเป็นรอยปริ ต่อให้ตายไปแล้วร่างกายก็ยังคงแตกเป็นรอยปริต่อไปได้จนกว่าจิตวิญญาณน้ำในร่างกายจะถูกปลดปล่อยออกมา

 

เมื่อก่อนเล่อเล่อมีบุญได้เห็นคนที่ถูกสือเอ้อร์จัดการด้วยจิตวิญญาณน้ำเช่นกัน น่าขยะแขยงจนไม่อยากทานเนื้อไปสามวันทีเดียว ในหนึ่งเดือนนั้นเธอไม่อยากเห็นต้มเลือดเป็ดเลย ทั้งยังยอมศิโรราบให้ยัยเด็กคนนี้จริง ๆ

 

สือเอ้อร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เวลาผ่านไปความสามารถก็พัฒนาเช่นกัน ฉันปรับปรุงพัฒนาขึ้นแล้ว ฉะนั้นไม่ทำให้พี่เล่อเล่อสะอิดสะเอียนแน่นอน”

 

เล่อเล่อเกิดสนใจขึ้นมา “เปลี่ยนเป็นแบบไหนเหรอ?”

 

“พรุ่งนี้เช้าก็รู้เอง เจตจำนงของสวรรค์จะแพร่งพรายไม่ได้ กินข้าวกันเถอะ” สือเอ้อร์ลอกเลียนคำพูดของเน่าเน่ามา

 

ฝ่ามือของเล่อเล่อตวัดฟาดไปทีหนึ่งแล้วคว้ากระต่ายครึ่งตัวในมือของสือเอ้อร์มาโยนไปวางกองรวมกับมันเทศ กล้าวางท่าต่อหน้าเธอเหรอ งั้นก็หิวตายไปเลย!

 

ความเงียบสงัดยามค่ำคืนผ่านพ้นไป เสียงนกร้องยามเช้าอันไพเราะเรียกปลุกคนที่นอนหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา ทุกคนทยอยพากันตื่น ทว่าจำนวนคนกลับไม่ถูกเพราะขาดไปสามคน

 

 “ทำไมยังไม่ตื่นอีก ฉันจะไปปลุกพวกเขาเอง” เจสันจอมจุ้นจ้านวิ่งไปที่เต็นท์หลังหนึ่ง ครั้นเปิดเต็นท์ออกเข้าไปข้างในพลางร้องเรียกปลุกแต่จู่ ๆเสียงก็ชะงักกลางคัน สีหน้าตกตะลึงพร้อมแววตาหวาดกลัว

 

………………………………………….

Related

ตอนที่ 2969 สตรีไม่เป็นรองบุรุษ

 

“ตะขาบ…พระเจ้า…” มีคนอุทานออกมาพร้อมทำหน้าหวาดกลัว

 

ตะขาบขนาดใหญ่สองตัวไต่ออกมาจากรองเท้าของคิมิโกะซึ่งแต่ละตัวยาวเกือบครึ่งฟุตและตัวหนาเท่านิ้วก้อย โดยเฉพาะส่วนหัวออกสีม่วงที่ดูก็รู้ว่าต้องมีพิษร้ายแรงแน่

 

“ช่วยฉันด้วย…ขอร้องพวกเธอล่ะ…” คิมิโกะที่พิษเริ่มออกฤทธิ์มองเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีวิงวอน

 

สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เธอมั่นใจว่าเสี่ยวเป่าสามารถช่วยเธอได้ เธอไม่อยากตายนะ!

 

“โฮ้…นี่มันตะขาบทองสีม่วงที่มีพิษร้ายแรงที่สุดที่ฆ่าได้แม้กระทั่งช้างของหลิงหนานเลยนะ แถมเจอตั้งสองตัวอีก หมดหนทางช่วยแล้วล่ะ ขุดหลุมฝังเถอะ!”

 

สือเอ้อร์จับตะขาบน่าผวานั่นมาสำรวจใกล้ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ปล่อยตะขาบแสนน่ากลัวลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ปัดมือแล้วกล่าวสรุป

 

ถูกตะขาบตัวเดียวกัดยังพอมีโอกาสรอด แต่โดนตะขาบสองตัวกัดฝ่าเท้าขนาดนี้ ต่อให้ต้าหลัวจินเซียน[1]อยู่ก็ช่วยไม่ได้หรอก!

 

สือเอ้อร์มองเสี่ยวเป่าแวบหนึ่งด้วยสีหน้านิ่งเฉย บางทีหมอนี่อาจช่วยได้

 

แต่จะช่วยทำไมกัน ตายไปก็ยิ่งดี!

 

“ช่วยฉันที…ขอร้องละ…ช่วยฉันด้วย…ฉันผิดไปแล้ว…” คิมิโกะหน้าซีดลงเรื่อยอๆ เสียงแผ่วลงเรื่อยอๆ ตาจดจ้องเสี่ยวเป่านิ่งหวังว่าเขาจะเมตตาช่วยชีวิตเธอสักครั้ง

 

เสี่ยวเป่าไม่ได้มองเธอแต่กลับเอ่ยกับเล่อเล่อว่า “กินข้าวเถอะ พี่ตุ๋นน้ำซุปไก่ไว้”

 

“ได้ เดี๋ยวฉันจะไปหาไข่ป่ามาปิ้งกินคู่กัน” เล่อเล่อกลืนน้ำลายพลางนึกถึงไข่นกปิ้งหอมกรุ่น เธอหิวแล้ว

 

“คืนนี้ค่อยทำ กินเม็ดเกาลัดย่างก่อน”

 

“เม็ดเกาลัดเผาอร่อย…” เล่อเล่อตาวาวพุ่งกลับถิ่นของตัวเอง บนพื้นมีเม็ดเกาลัดเผาเกรียมกองอยู่ซึ่งฉิวฉิวเริ่มลงมือยัดเข้าปากทีละลูก ๆแล้ว

 

เล่อเล่อรีบโถมตัวไปกวาดเม็ดเกาลัดมากองเล็ก ๆจากใต้กรงเล็บของคุณชายฉิวแล้วคุ้มกันดั่งของรักของหวง ฉิวฉิวกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ ขี้เหนียวเสียจริง เจ้านายเหมยเหมยสิใจกว้างไม่เคยแย่งของกินกับเขาเลย

 

เสี่ยวเป่าอมยิ้มกล่าว “ทางนั้นมีต้นเกาลัดหลายต้นออกผลตั้งเยอะ พอให้พวกเธอทานแน่”

 

เล่อเล่อเหลียวมองรอบตัวก็เห็นต้นเกาลัดสูงใหญ่บนเนินหลายต้นและออกผลเป็นเม็ดอวบจริง ๆ อีกทั้งบนต้นยังมีกระรอกหลายตัวปีนป่ายไปมาพลางมองกลุ่มคนด้านล่างอย่างนึกแปลกใจ

 

“ไป ไปเด็ดมาเผาอีกหน่อย” เล่อเล่อผลักเน่าเน่าไป หมอนี่ถนัดเรื่องปีนต้นไม้ แถมเร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก

 

“ฉันไปด้วย!” สือเอ้อร์ตามไปอีกคนอย่างกระตือรือร้น

 

เน่าเน่าปีนขึ้นต้นไม้ได้ในพริบตาแล้วจิ้มลูกให้ตกพื้นทีลูก ๆ สือเอ้อร์รับหน้าที่เก็บใส่กระสอบซึ่งไม่นานก็เต็มกระสอบ แล้วหอบวิ่งกลับมาโยนเข้ากองไฟ จากนั้นก็ไปเก็บอีกหนึ่งกระสอบแล้วถึงกลับมา

 

เม็ดเกาลัดแค่เผาไปพร้อมเปลือกก็พอ ยามสุกเปลือกจะแตกเอง เวลาปอกจะสะดวกมากและช่วยขจัดขนเกาลัดได้ง่ายดายมากด้วย

 

“อร่อยจัง ทั้งหอมทั้งหวาน อร่อยกว่าเกาลัดคั่วน้ำตาลซะอีก” เล่อเล่อใช้มีดแกะลูกหนึ่งที่เผาสุกแล้ว ไอร้อนลอยโขมงพร้อมกลิ่นหอมหวานของเนื้อเกาลัดยั่วให้คนน้ำลายสอ

 

กลิ่นหอมที่ลอยเตะจมูกช่วยดับความประหม่าของทุกคน คิมิโกะตายเป็นที่เรียบร้อย หน้าเขียวช้ำตัวแข็งตาเบิกโพลงนอนตายตาไม่หลับ

 

หลายคนแสดงน้ำใจช่วยกันขุดหลุมฝังคิมิโกะ

 

ทั้งทีมเหลือแค่แปดคน

 

คนที่เดิมทีไม่ใส่ใจอะไรนัก ทว่า ณ ตอนนี้กลับไม่กล้าประมาทอีก สงครามยังไม่เริ่มก็ตายเงียบ ๆถึงสี่คนแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต่อไปจะเป็นคนดวงซวยคนไหน!

 

สือเอ้อร์ถามเสียงเบา “ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วย ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเถอะ รับรองว่าจัดการหมดในครึ่งชั่วโมง”

 

ถ้าเอ่ยถึงพวกเขาทั้งหมด คนที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดคงไม่พ้นสือเอ้อร์ และตามด้วยเล่อเล่อ

 

สตรีย่อมไม่เป็นรองบุรุษ

 

…………………………….

 

ตอนที่ 2970 เหลือไว้ครึ่งหนึ่ง

 

เล่อเล่อตบหลังศีรษะสือเอ้อร์พร้อมดุเสียงต่ำ “จะอวดความเก่งสินะ เชื่อฟังคำสั่งของพี่เสี่ยวเป่า ถ้ากล้าทำเองโดยพลการฉันจะฆ่าเธอซะ!”

 

สือเอ้อร์หดคอบ่นอุบอย่างไม่พอใจ “พวกพี่ไม่รู้สึกอึดอัดใจเหรอ? ทั้ง ๆที่จัดการได้สบาย ๆแต่ดันทำให้เรื่องยุ่งยากขนาดนี้ แถมคอยตามต้อย ๆอยู่ทุกวันน่ารำคาญจะตายชัก”

 

“ตายหมดก็หมดสนุกสิ!” เสี่ยวเป่าพูดเสียงเบาพร้อมตักน้ำซุปยื่นให้เล่อเล่อ ในน้ำซุปมีเห็ดหอมแสนอร่อยส่งกลิ่นหอมโชยเตะจมูก

 

เล่อเล่อรับถ้วยน้ำซุปมาอย่างดีใจ ไม่ต้องลิ้มลองก็รู้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ อาหารฝีมือเสี่ยวเป่าไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปรุงรสมากมายก็สามารถโชว์ความหอมอร่อยในตัวของมันให้ออกมาอย่างเต็มที่ได้ พี่เสี่ยวเป่าทำอร่อยกว่าพวกเชฟใหญ่เหล่านั้นมากโข

 

สือเอ้อร์เบะปากน้อย ๆแล้วพึมพำเสียงเบา “เก๊กอีกแล้ว”

 

เธอรำคาญหนิงเสี่ยวเป่าที่มักจะแสดงท่าทางเหนือกว่าคนอื่นประจำที่สุดราวกับไม่เคยกินข้าวมนุษย์แต่กินลมทองคำน้ำค้างหยกชั้นเลิศเท่านั้น ทั้ง ๆที่ความจริงหนิงเสี่ยวเป่าฆ่าคนมากกว่าเธอตั้งเยอะ แถมยังเป็นจอมตะกละคนหนึ่งอีกด้วย

 

คนขี้เก๊กขนาดนี้ไม่เข้าตาเธอเอาเสียเลย!

 

“ไม่เก๊กเท่าพ่อของเธอหรอก พ่อของเธอต่างหากเก๊กเก่งที่สุดในโลก!” เล่อเล่อโต้กลับไป กล้านินทาเสี่ยวเป่าต่อหน้าเธอนี่อยากตายนักหรือไง!

 

อีกอย่างเสี่ยวเป่าเก๊กได้เท่าพ่อแท้ ๆของสือเอ้อร์เสียที่ไหนล่ะ คุณอาลี่ออกจากบ้านทีก็เชิดหน้าจนจมูกแทบชี้ฟ้าอยู่แล้ว เวลาคุยกับใครก็ทำท่ากวนประสาทเหมือนกับ ‘ข้าเก่งที่สุดในเลิศหล้า’ แต่เสียดายที่จนวันนี้ก็ไม่มีใครล้มเขาอย่างจริงจังได้สักคน

 

นอกจากคน ๆหนึ่ง

 

นั่นก็คือคุณนายลี่ที่เธอยกย่องมากที่สุด ผู้หญิงที่ฆ่าคนยังคล่องมือกว่าฆ่าไก่เสียอีก

 

ได้ยินมาว่าคุณอาลี่ถูกคุณนายของเขาซัดไปยกหนึ่ง เขาลืมผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลยตามหาแม่ของสือเอ้อร์ทั่วทุกหนแห่งจนสุดท้ายก็ได้สาวงามมาครอบครองดั่งใจ เล่อเล่อเดาว่าตอนอยู่บ้านพ่อของสือเอ้อร์คงโดนดีไม่น้อย คนแบบนี้ต้องเป็นพวกชอบทรมานตัวเองแหง

 

สือเอ้อร์ได้แต่หุบปากเงียบ พ่อของเธอขี้เก๊กจริง ๆ เธอไม่อาจยอกย้อนได้

 

“ตอนนี้พ่อของฉันอ่อนโยนขึ้นเยอะแล้ว” สือเอ้อร์แย้งเสียงเบาเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้พ่อตัวเอง

 

เล่อเล่อแค่นเสียงทีหนึ่ง ขนาดผียังไม่เชื่อเลย ผู้ชายที่ควรถูกตั้งชื่อว่าหลงอ้าวเทียน[2]นั่นวันไหนไม่ได้เก๊กคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอก!

 

หลังจบมื้อเช้าเล่อเล่อก็เก็บเกาลัดเผาใส่ถุงผ้าไว้เป็นของทานเล่นระหว่างทาง

 

“ไปทางนั้น” เสี่ยวจูศึกษาแผนที่ก่อนจะชี้ทางให้

 

พวกเขาเดินทางต่อไปโดยมีแปดคนที่เหลือตามอยู่ด้านหลัง คนพวกนี้ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง สายตาเริ่มระแวงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

 

หลงถู่กับหลงเฟิงก็ตามมาติด ๆ เมื่อผ่านหลุมศพของคิมิโกะหลงถู่ก็อดถามไม่ได้ว่า “จะเป็นฝีมือของหนิงเสี่ยวเป่าหรือเปล่า?”

 

การตายของทั้งสี่คนนี้ไม่ว่าคนไหนก็ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุทั้งหมด แต่หลงถู่กลับรู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเป่า แค่ครั้งสองครั้งอาจจะเป็นความบังเอิญได้ แต่พอมีครั้งที่สี่ครั้งที่ห้าก็ชวนให้สงสัยอย่างห้ามไม่ได้

 

หลงเฟิงเองก็คิดไม่ตก ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าลงมือได้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้ได้อย่างไร สิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่านั้นคือหลังจากแปดคนที่เหลือตายแล้ว เสี่ยวเป่าจะลงมือกับพวกเขาหรือเปล่า?

 

สามวันให้หลังก็เริ่มเข้าใกล้จุดขุมสมบัติมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“อีกสามวันน่าจะถึง จะทำอย่างไรกับแปดคนนั่นต่อ?” เสี่ยวจูถาม

 

เสี่ยวจูมองไปด้านหลังแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเรียบ “ฝากพวกนายด้วย เหลือไว้ครึ่งหนึ่งพอ รวมถึงสองคนนั่น”

 

เขาชี้ไปยังเจสันที่กำลังบ่นเรื่องแมลงกับเพื่อนร่วมทาง

 

“พี่เป็นเพื่อนกับพวกเขาเหรอ?” สือเอ้อร์ถามด้วยความแปลกใจ

 

“น่าสนใจดี” เสี่ยวเป่าหัวเราะ สองคนนี้ไม่ค่อยขัดหูขัดตาเขาเท่าไร ขอเพียงไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุเขาก็ไม่มีวันลงมือหรอก

 

สือเอ้อร์ไม่ค่อยพอใจกับคำสั่งที่ให้จัดการแค่สี่คน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น

 

“คืนนี้ก็ลงมือเลย” สือเอ้อร์ตัดสินวันสิ้นชะตากรรมของคนดวงซวยทั้งสี่

 

เน่าเน่าลูบปลายคางพลางยิ้มร้ายกล่าว “จัดการสี่คนในครั้งเดียวออกจะชัดเจนเกินไปหน่อย ฉันจะฆ่าก่อนหนึ่งคน งั้นจัดการเจ้าคนที่วัน ๆเอาแต่ไหว้พระนั่นก่อนแล้วกัน!”

 

……………………………..

 

 

[1] คนที่บรรลุเป็นเซียนต้าหลัวเทียน หรือแดนสวรรค์ต้าหลัว เป็นภูมิสวรรค์ชั้นยอดในทางลัทธิเต๋า

 

[2] เปรียบความหมายชื่อว่าเป็นคนเย่อหยิ่ง

Related

ตอนที่ 2967 ต้องการแค่อยู่เคียงข้าง

ตอนมื้อเช้าขาดไปหนึ่งคน มื้อเที่ยงกลับขาดไปอีกสองคน ขามามีทั้งหมดสิบสองคนตอนนี้กลับเหลือเพียงเก้าชีวิต ทุกคนจึงตกอยู่ในสภาพห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา

พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆว่าตอนมื้อเย็นคงไม่เกิดอุบัติเหตุกับใครสักคนหรอกนะ?

พระเจ้าได้โปรดคุ้มครอง ช่วงมื้อเย็นทุกคนต่างผ่านพ้นไปท่ามกลางความพะว้าพะวงไม่สบายใจ สุดท้ายไม่มีใครเป็นอะไรปลอดภัยกันดีเลยถอนหายใจโล่งอกอย่างพร้อมเพรียงกัน

กลางป่าฟ้าจะมืดเร็วเป็นพิเศษเลยทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ทุกคนจึงเริ่มกางเต็นท์ปักหลักในคืนนี้

พวกเสี่ยวเป่ากางเสร็จแล้ว เน่าเน่าเห็นเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อนอนในเต็นท์เดียวกันก็กระชากตัวเล่อเล่อมาถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รวบหัวรวบหางพี่เสี่ยวเป่าได้แล้วจริง ๆเหรอ?”

“นอนด้วยกันก็ต้องเคยทำเรื่องแบบนั้นเหรอ? ในหัวของนายอย่าคิดแต่เรื่องสกปรกได้ไหม วัน ๆเอาแต่คิดอะไรเนี่ย!”

เล่อเล่อตบศีรษะเขาไปทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ เรื่องไหนไม่พูดดันมาพูดเรื่องที่จี้หัวใจคนอื่นแบบนี้ซะได้

เน่าเน่าค่อยเบาใจลง “ไม่เคยก็ดี ไม่งั้นพ่อไม่มีทางไว้ชีวิตพี่เสี่ยวเป่าแน่!”

เล่อเล่อกลุ้มใจจนขมวดคิ้วแน่น เหยียนหมิงซุ่นเป็นปัญหาใหญ่เทียบเท่าภูเขาใหญ่ที่ขึ้นยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก แต่ต่อให้ยากเพียงใด…เธอก็ต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ ถ้าไม่ได้จริง ๆก็ใช้กำลังในการแก้ปัญหา!

ซ้อมจนพ่อเธอต้องหมอบลง ไม่อนุญาตก็ต้องอนุญาตแหละ!

สือเอ้อร์เบียดตัวแทรกเข้ามามองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ กระซิบถาม “คืนนี้ฆ่าพวกมันหมดเลยดีไหม?”

“ผู้หญิงวัน ๆเอาแต่ตี ๆฆ่า ๆได้ไง ขึ้นเขามาแล้วก็ต้องฟังพี่เสี่ยวเป่าให้หมด เขาไม่สั่งพวกเธอก็ห้ามลงมือเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เล่อเล่อเผยความน่าเกรงใจในฐานะพี่คนโตออกมา

เสี่ยวเป่ายิ้มมุมปากมองด้วยสายตาอบอุ่น

พอสั่งสอนทั้งสามคนไปยกหนึ่งเสร็จเล่อเล่อก็หนีกลับเข้าเต็นท์มาส่งยิ้มให้เสี่ยวเป่าทำท่าเหมือนขอรางวัล

“เด็กดี นอนเถอะ!” เสี่ยวเป่าลูบศีรษะเธอเบา ๆ เล่อเล่อยิ้มจนตาหยีพลางเอาศีรษะถูกับฝ่ามือเสี่ยวเป่า

เธอชอบความรู้สึกในตอนนี้เหลือเกิน เสี่ยวเป่าคอยตามใจเธออย่างไร้ข้อแม้เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด แล้วยังไม่ปฏิเสธการเข้าใกล้ของเธอด้วย แถมยิ้มให้เธออบอุ่นขนาดนี้ เธอหวังเหลือเกินว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดกาล…

ถ้าเสี่ยวเป่าจะเป็นเช่นนี้เพียงเพราะอยู่บนเขา ถ้าอย่างนั้น…เธอหวังว่าขุมสมบัตินี้จะไม่มีวันถูกหาเจอ

เธอยอมใช้ชีวิตบนเขากับเสี่ยวเป่าทั้งชีวิต!

ต่อให้ไม่ได้รวบหัวรวบหางก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เธอต้องการ…มีเพียงเสี่ยวเป่าคอยอยู่เคียงข้าง เรื่องอื่นเธอก็ไม่สนใจอีกแล้ว

ผ่านไปอีกหนึ่งคืนอย่างสงบ เสี่ยวเป่าตื่นนอนแต่เช้าดังเดิมเพื่อเตรียมอาหารเช้ามื้อใหญ่ ทว่าไม่มีใครทำตามอีก ทุกคนได้แต่ทานเสบียงที่ตัวเองพกมาเงียบ ๆและไม่กล้าทำอาหารตามเสี่ยวเป่าอีกแล้ว

“วันนี้เตรียมจัดการกี่คนเหรอพี่เสี่ยวเป่า?” สือเอ้อร์เลื่อนหน้ามาถาม เธอแทบอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว

เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงเรียบ “เป็นผู้หญิงอย่าเอาแต่คิดเรื่องตี ๆฆ่า ๆสิ”

สือเอ้อร์กลอกตาทีหนึ่ง เธอรำคาญน้ำเสียงสั่งสอนแบบนี้ที่สุดเพราะเหมือนพ่อของเธอไม่มีผิด ไม่รู้จริง ๆว่าพี่เล่อเล่อถูกใจหนิงเสี่ยวเป่าตรงไหนกัน?

นอกจากหน้าตาดูเจริญหูเจริญตาอยู่บ้างหมอนี่ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย สู้เหยียนเน่าเน่าของเธอก็ไม่ได้ ดีกว่าหนิงเสี่ยวเป่าตั้งหลายร้อยเท่าตัว

ช่วงมื้อเช้ายังคงปกติดี จากบรรยากาศมาคุก็ผ่อนคลายขึ้นประมาณหนึ่ง ทุกคนเริ่มคุยเริ่มหัวเราะกันอีกครั้ง บรรยากาศดีจนรู้สึกเหมือนมาผจญภัยบนภูเขาใหญ่แห่งนี้กันจริง ๆ

ทว่ามีคนหนึ่งกลับปั้นหน้าขรึมมาตลอดและจดจ้องพวกเสี่ยวเป่าด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับงูพิษ ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่

เสี่ยวเป่ามองเธอหลายทีก็เผยยิ้มอย่างไม่ยี่หระ จากนั้นก็ล้วงดอกไม้สวยงามอีกสองดอกจากแขนเสื้อเปลี่ยนให้เล่อเล่อ

เขาจะให้น้องเล่อเล่อปักดอกไม้งามสดใหม่อยู่ตลอดเวลา สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าอะไร!

………………………….

ตอนที่ 2968 เกิดเรื่องอีกครั้ง

ขบวนมุ่งหน้าต่อไปอย่างช้า ๆจนผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน นับดูแล้วพวกเสี่ยวเป่าขึ้นเขาเป็นวันที่สี่แล้ว ตลอดทางมานี้นอกจากตายไปสามคนทุกอย่างก็ราบรื่นดี

“ถ้าดูจากตำแหน่งบนแผนที่ สมบัติน่าจะอยู่ใจกลางป่า จากความเร็วของเราในตอนนี้คาดว่าต้องเดินทางอีกประมาณสิบวัน” เสี่ยวจูประมาณเวลาได้อย่างรวดเร็วหลังดูแผนที่

“ไม่รีบ ค่อย ๆไปแล้วกัน!” เสี่ยวเป่าดูท่าทางใจเย็นอย่างมาก

เน่าเน่าเป็นคนใจร้อนเลยเอ่ยแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “ตอนนี้เราช้าเกินไปแล้ว เร่งความเร็วขึ้นจากเดิมได้อีกเท่าตัวเลย แบบนี้ใช้เวลาแค่ห้าวันก็ได้ละ”

เขาอดใจรอไม่ไหวอยากรู้ว่าสมบัตินั่นหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้ามีแค่ตัวเขาคนเดียวไม่แน่ตอนนี้อาจไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วก็ได้

“นายรีบก็ไปหาเอง ไม่ต้องมาร่วมทางกับเราหรอก!” เล่อเล่อตบศีรษะเขาแรง ๆทีหนึ่ง

เน่าเน่าเอามือลูบหลังศีรษะปอย ๆด้วยความโกรธ ถ้าเขารู้เส้นทางคงไปตั้งนานแล้วไม่คอยติดตามเชื่องช้าเหมือนหอยทากแบบนี้หรอก

ไม่นานฟ้าก็มืดลงอีกครั้ง ทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว ทว่ากลับมีเงาตะคุ่มอยู่ข้างเต็นท์ของพวกเล่อเล่อซึ่งก็คือคิมิโกะนั่นเอง เธอหยิบขวดหนึ่งออกมาจากถุงเทของพวกนั้นออกมาแล้วจุดไฟให้ควันขาวลอยโขมงเข้าไปในเต็นท์

หลังจากของสิ่งนั้นแผดเผาจนหมด คิมิโกะก็สวมผ้าปิดปากเดินเข้าไปในเต็นท์ เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อหลับสนิทรวมถึงเสวี่ยเอ๋อร์ด้วย

คิมิโกะแค่นหัวเราะทีหนึ่งก่อนจะล้วงขวดใหม่ออกมา หลังจากเปิดฝาขวดก็พบว่าข้างในเป็นตะขาบตัวใหญ่สองตัว ขาที่นับไม่ถ้วนนั่นทำเอาคนมองรู้สึกขนลุกซู่ คิมิโกะปล่อยตะขาบลงในถุงนอนของเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ เสร็จแล้วคิมิโกะก็ยิ้มอย่างได้ใจ แววตาประกายเย็นยะเยือกท่ามกลางความมืด

คนรักตายไปแล้วเธอก็หมดความสนใจว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่

ตอนนี้เธอแค่อยากฆ่าสองคนที่เป็นเป้าหมายนี้เพื่อแก้แค้นให้โคอิซูมิเท่านั้น คิมิโกะเอาแต่คิดว่าโคอิซูมิถูกพวกเล่อเล่อฆ่าตาย

คิมิโกะเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่าถ้าฆ่าพวกเสี่ยวเป่าด้วยอาวุธอย่างเปิดเผยจะต้องสร้างความไม่พอใจแก่คนที่เหลือแน่ ๆและจะต้องสงสัยในตัวเธอด้วย ฉะนั้น…เธอตัดสินใจสร้างเหตุการณ์ให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ

กลางป่ามีสัตว์มีพิษมากมาย เธอแค่ตามหาหน่อยก็เจอตะขาบมีพิษตัวใหญ่สองตัวที่ฤทธิ์ของมันแรงพอจะฆ่าผู้ใหญ่ให้ตายสักคนได้แล้ว

คิมิโกะไม่ได้อยู่ในเต็นท์นานนัก เธอมั่นใจว่าเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยามที่ตะขาบรู้สึกถึงอุณหภูมิในถุงนอนย่อมไต่ไปทั่ว ยิ่งกว่านั้นจะกัดเพื่อปล่อยพิษออกมาด้วย

หลังคิมิโกะจากไปเสี่ยวเป่าก็ลืมตาขึ้นอมยิ้มเล็กน้อย มือตบถุงนอนเบา ๆก่อนที่ตะขาบตัวยาวจะไต่ออกมาพร้อมกับตัวที่อยู่ในถุงนอนของเล่อเล่อ

เสี่ยวเป่าชี้นิ้วไปทางเต็นท์ของคิมิโกะแล้วทำสัญลักษณ์มือไม่กี่ท่า ตะขาบสองตัวไต่ไปยังเต็นท์ของคิมิโกะอย่างเชื่อฟัง

เล่อเล่อโดนฤทธิ์ของยานอนหลับจึงหลับสนิทไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆมุดออกจากถุงนอนเดินไปข้างเล่อเล่อย่อตัวลงจัดถุงนอนให้เล่อเล่อ ยัยคนนี้นอนไม่สงบถึงขนาดถีบถุงนอนออกด้วย

เสี่ยวเป่าจัดถุงนอนอย่างเบามือแล้วมองใบหน้ายามหลับใหลอย่างสงบของเล่อเล่อก็ยื่นมือลูบพวงแก้มของหญิงสาวอย่างอดไม่ได้

น้องเล่อเล่อโดนยาสลบต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่มีทางตื่น เขาลูบหลายทีหน่อยคงไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าก้มหน้ามองเล่อเล่อที่เผยอปากเล็กน้อยพลันหัวใจก็เต้นรัวจนโน้มหน้าจูบหน้าผากของเล่อเล่อทีหนึ่งอย่างหักห้ามใจไม่อยู่

ค่ำคืนอันแสนสงบผ่านไปอย่างรวดเร็ว ป่าในยามเช้าตรู่งดงามดั่งห้วงความฝัน ทุกคนทยอยกันตื่นนอนมาล้างหน้าแปรงฟันทานข้าว

“กรี๊ด…”

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวทำลายความสงบในยามเช้า ทุกคนรีบวิ่งไปยังเต็นท์ที่มีเสียงกรีดร้องดังออกมา คิมิโกะนอนร้องโหยหวนบนพื้นขณะที่สวมรองเท้าไปเพียงครึ่งเท้าเท่านั้น

………………

Related

ตอนที่ 2965 แสดงอิทธิฤทธิ์

 

“อาหารเป็นพิษได้อย่างไร? พวกเขาทานอะไรเข้าไป?” หญิงสาวคนหนึ่งร้องขึ้น ซึ่งก็คือคิมิโกะที่สูญเสียคู่หูไปนั่นเอง

 

คนอื่นตอบ “ไก่ แล้วก็สมุนไพรป่าบางส่วน เราเด็ดมาด้วยกันแถมยังเด็ดเหมือนกันอีกต่างหาก…พระเจ้า…”

 

ชายหนุ่มที่เป็นคนตอบสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วโยนไก่ย่างที่เหลือแต่โครงกระดูกในมือทิ้งเหมือนถูกผึ้งต่อยก็ไม่ปาน จากนั้นก็กุมท้องด้วยท่าทางหวาดกลัวหน้าขาวซีด คนที่มีอาการเช่นเดียวกับเขายังมีอีกหลายคนรวมถึงเจสันด้วย

 

“พระเจ้า…ฉันทานเหมือนพวกเขาเลย ปิแอร์ เราจะโดนพิษหรือเปล่า…” เจสันเบิกตาจ้องกองกระดูกตรงหน้าอย่างหวาดกลัวและนึกเสียใจภายหลัง

 

ทำไมเขาต้องทานเร็วขนาดนั้นด้วย?

 

ถ้ามีพิษจริง ๆ ทานเร็วก็เท่ากับตายเร็ว!

 

ปิแอร์สีหน้าเรียบนิ่งพร้อมน่องไก่ที่เหลืออีกข้างในมือ เขามักเก็บของดีไว้สุดท้ายเสมอเพื่อลิ้มรสชาติอย่างละเมียดละไม โดยเฉพาะตอนที่คู่หูทานหมดแล้วมองเขาน้ำลายไหลยืด นั่นจะทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นเท่าตัว

 

“วางใจเถอะ คนพูดมากอย่างนายพระเจ้าก็รำคาญเป็นเหมือนกัน!” ปิแอร์กัดเนื้อน่องไก่หนึ่งคำแล้วถอนหายใจอย่างพึงพอใจ ช่างเป็นรสชาติที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ ตกดึกค่อยไปล่าอีกสักตัวแล้วกัน แค่ครึ่งตัวยังไม่พอเติมเต็มครึ่งกระเพาะเลย

 

เจสันรออยู่นานก็ไม่รู้สึกปวดท้องเลยอดถอนหายใจไม่ได้ ครั้นเห็นคู่หูยังทานไก่ต่อซึ่งไม่ต่างจากพวกเสี่ยวเป่าที่ยังทานกันอย่างเอร็ดอร่อยจึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “มีคนอาหารเป็นพิษเพราะเหตุนี้แล้ว พวกเธอก็ระวังตัวหน่อยดีกว่า!”

 

ไม่มีใครสนใจเขาแล้วทานไก่ต่อไป

 

พอผ่านไปสักพักไม่มีใครมีอาการปวดท้องอื่น ๆอีกเลยค่อยวางใจ แอบโล่งใจที่พ้นภัยครั้งนี้ได้

 

คิมิโกะโวยวายเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ทำไมพวกเธอเด็ดสมุนไพรมาเหมือนกันแต่มีแค่พวกเขาที่อาหารเป็นพิษล่ะ?”

 

“มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ละนะ ฉันว่าป่านี้น่ากลัวไม่เบา แค่เวลาครึ่งวันก็ตายไปแล้วสามคน ผีหลอกแน่!” คนเอ่ยเป็นชายผิวดำคนหนึ่ง ดูท่าทางจะเป็นคนจากสักประเทศในแถบเอเชียใต้ คนที่นั่นนับถือพระเจ้าเหมือนกับชาวอินเดีย

 

คนอื่น ๆก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คนตายไม่ใช่เรื่องแปลกแต่การตายที่ไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุก็แปลว่ามีปัญหาล่ะ ทุกคนเริ่มตั้งสติไม่กล้าชะล่าใจอีก

 

คิมิโกะพลันชี้ไปทางพวกเสี่ยวเป่าแล้วตะโกนขึ้นว่า “พวกเขาเป็นคนไปเด็ดสมุนไพรก่อน สตรอว์เบอร์รีพวกเขาก็เป็นคนไปเก็บก่อน สองคดีนี้มีต้นเหตุมาจากพวกเขาทั้งนั้น”

 

เธอกับโคอิซูมิเป็นคู่รักที่เตรียมวางมือลาออกมาจัดงานแต่งงานหลังเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนี้ แต่โคอิซูมิกลับเสียชีวิตในต่างแดน คิมิโกะเสียใจสุดขีดเลยตัดสินใจจับตัวฆาตกรเพื่อคนรักของตัวเองให้ได้

 

สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้คิมิโกะเจาะจงไปที่เสี่ยวเป่า

 

ตอนนี้ความตายของผู้ชายสองคนนี้ยิ่งทำให้คิมิโกะมั่นใจว่าเสี่ยวเป่าคือตัวบงการ

 

เล่อเล่อโมโหพลางตวาดเสียงโต้กลับไป “เธอยังมีสติดีอยู่หรือเปล่า สามีฉันเก็บสตรอว์เบอร์รีหรือเด็ดสมุนไพรแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเธอ เขาให้พวกเธอตามไปเก็บด้วยงั้นเหรอ? เขาให้พวกเธอกินงั้นเหรอ? พวกเธอโง่ทำตัวเองแล้วเกี่ยวอะไรกับผู้ชายของฉัน!”

 

เสี่ยวเป่ายกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ‘สามี’ … ‘ผู้ชาย’ …สรรพนามสองคำนี้น่าฟังกว่าพี่เสี่ยวเป่ามากทีเดียว!

 

เสี่ยวจูกับพวกเน่าเน่าเบิกตากว้างแล้วกวาดตามองเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่ออย่างสงสัย นี่มันมีลับลมคมในกันชัด ๆ!

 

หรือว่าข้าวสารหุงเป็นข้าวสุกแล้วจริง ๆนะ?

 

คิมิโกะตะโกน “เขาไม่ได้พูดตรง ๆ แต่เขาใช้อาหารหลอกล่อพวกโคอิซูมิ!”

 

เล่อเล่อแค่นหัวเราะหลายทีพลางมองคิมิโกะอย่างเย้ยหยัน “อาหารหลอกล่อเหรอ? เธอนี่พูดออกมาได้นะ พวกเธอไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว อะไรกินได้อะไรกินไม่ได้ไม่รู้อยู่แก่ใจบ้างเลยหรือไง? หาเรื่องให้ตัวเองเพราะความตะกละก็อย่ามาโทษคนอื่นสิ!”

 

คิมิโกะยังอยากจะเถียงต่อ เล่อเล่อถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ มือเท้าสะเอวด่ากลับไป “ถ้ายังโวยวายฉีกปากของเธอขาดแน่!

 

ว่าแล้วเธอก็หันไปอุ้มต้นไม้ที่ขนาดใหญ่ประมาณน่องขาของผู้ชาย แค่ดึงเบา ๆก็ถอนขึ้นพร้อมรากพร้อมโคนเหมือนถอนต้นหอมก็ไม่ปาน

 

ทุกคนตกตะลึงกันใหญ่อ้าปากพะงาบ ๆอยู่นานก่อนจะรีบหุบปากไม่กล้าปริเสียงอีกสักนิด!

 

…………………………

 

ตอนที่ 2966 คิดร้าย

 

เล่อเล่อปัดมืออย่างพึงพอใจแล้วยัดต้นไม้กลับหลุมคืนดังเดิมแล้วบุ้ยปากให้สือเอ้อร์ทีหนึ่ง “ฝากเธอด้วยนะ!”

 

สือเอ้อร์เบะปากหยิบกาน้ำไปตักน้ำที่ธารน้ำมาเทใส่หลุมต้นไม้สามกาติดกัน จากนั้นให้เน่าเน่าเติมดินให้แน่นค่อยเทน้ำไปอีกกา สองมือแทงลงหน้าดินที่เปียกชุ่ม ดูเหมือนกำลังปลูกต้นไม้แต่ความจริงเธอกำลังสื่อสารกับน้ำ

 

น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต แม้ต้นไม้ต้นนี้ได้รับความเสียหายแต่รากยังอยู่ ฉะนั้นขอแค่น้ำสะอาดชโลมรากทุกเส้นได้อย่างทั่วถึง ต้นไม้ต้นนี้ก็จะฝังรากลงดินนี้ใหม่อีกครั้ง แล้วจะมีรากอ่อนงอกขึ้นกลายเป็นต้นไม้ใหญ่อันแข็งแกร่ง

 

“พี่เล่อเล่อ คราวหลังพี่อยากจะโชว์พลังช่วยหยุดทำร้ายต้นไม้น่าสงสารพวกนี้ทีได้ไหม? พี่ไปหาก้อนหินพวกนั้นสิ พวกมันปล่อยให้พี่ทารุณได้ตามสบายไม่ต้องทะนุถนอมเลย!” สือเอ้อร์ท้วงขึ้นอย่างไม่พอใจ

 

หลังโชว์ความเท่เสร็จก็ต้องให้เธอตามล้างตามเช็ดทุกที เสียเวลาเธอจริง ๆ!

 

เล่อเล่อถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งแล้วชี้ไปยังเน่าเน่าที่กำลังก้มหน้าแทะไก่ข้าง ๆแล้วกระซิบถาม “ไม่อยากเข้าประตูบ้านฉันแล้วเหรอ?”

 

สือเอ้อร์ชะงักไปครู่หนึ่งก็รีบเปลี่ยนสีหน้าพร้อมจุดยิ้มกว้างแสนจริงใจ “พี่เล่อเล่อ พี่อยากดึงอยากถอนอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันสนับสนุนพี่อย่างสุดหัวใจเลย!”

 

เล่อเล่อแค่นเสียงเบา ๆคร้านจะสนใจเธออีก จากนั้นก็หันไปยิ้มหวานส่งให้เสี่ยวเป่าแล้วดึงน่องไก่ทั้งสองข้างในมือของสือเอ้อร์ไปให้เสี่ยวเป่าทั้งหมด “สือเอ้อร์ทานไม่หมด พี่เสี่ยวเป่าทานนะ”

 

“ได้ เธอก็ทานด้วยสิ” เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วแบ่งให้เล่อเล่อข้างหนึ่ง ทั้งคู่มองหน้ายิ้มให้กันพร้อมแทะน่องไก่ท่ามกลางบรรยากาศที่หวานหยดย้อย

 

สือเอ้อร์มองไก่ในมือที่หายไปทั้งสองข้างก็แทบจะร้องไห้ ใครว่าเธอทานไม่หมดกัน?

 

เธออยู่ในวัยเจริญเติบโตที่กำลังเจริญอาหาร แล้วจะทานไม่หมดได้อย่างไร?

 

เธอแค่เก็บไว้ลิ้มรสช้า ๆทีหลังเท่านั้นเอง!

 

เน่าเน่าเลื่อนหน้ามาใกล้หัวเราะคิกคักเอ่ยแซว “ถ้าจะกินเนื้อกับพี่สาวฉันก็ต้องรวดเร็วหน่อย ทีหลังก็ระวังหน่อยเถอะ!”

 

สือเอ้อร์กลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง ด้วยความกลัวเล่อเล่อจะแย่งเนื้อไปจากเธออีกจึงตัดสินใจแลบลิ้นยาวเลียไก่ทั้งตัวให้เปื้อนน้ำลาย ไม่รังเกียจก็เชิญมาแย่งไปทั้งตัวเลยสิ หึ!

 

คนอื่น ๆต่างใจเย็นกันแล้วและไม่มีใครเป็นอะไรอีก แม้ทุกคนจะทานไก่แต่คนที่อาหารเป็นพิษมีแค่สองคนจากประเทศเล็ก ๆเท่านั้น คนที่เหลือแอบโล่งใจและไม่ได้รู้สึกเศร้ากับการตายของสองคนนี้กลับกันยังดีใจมากเสียกว่า

 

ตายยิ่งเยอะยิ่งดี เช่นนี้ก็ไม่มีใครแย่งของดีกับพวกเขาแล้ว ทุกคนต่างคิดเช่นนี้กันหมดและนึกอยากให้คนอื่น ๆรีบตายจากไปด้วยอุบัติเหตุเร็ว ๆ

 

ผู้ตายสองคนถูกฝังลงหลุมแล้วกลบอย่างลวก ๆเหมือนโคอิซูมิซึ่งไม่ทิ้งไว้แม้กระทั่งชื่อแซ่ ในสิบสองคนนี้ต่างใช้ชื่อปลอมกันทั้งสิ้น ไม่มีใครโง่ถึงขั้นบอกชื่อจริงตัวเองกันหรอก

 

เน่าเน่าหันไปมองบางจุดแล้วพูดเสียงเบา “ยายผู้หญิงคนนั้นคิดร้ายกับพี่ล่ะ!”

 

เล่อเล่อมองไปยังต้นทางที่เขาบอกซึ่งก็คือคิมิโกะที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อครู่ เธอจึงแค่นเสียงทีหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ “สงบเสงี่ยมหน่อยก็ให้เธอมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายวัน ถ้าคิดไม่ได้รนหาที่ตายเองก็ลงไปอยู่เป็นเพื่อนเขาในนรกเถอะ!”

 

เมื่อเช้าคนที่ชื่อโคอิซูมิตายยัยคนนี้ร้องไห้เหมือนสูญเสียพ่อแม่ก็ไม่ปาน คิดว่าหล่อนคงเป็นคนรักของโคอิซูมิแหง ไม่แน่อาจจะเป็นสามีภรรยากันด้วยซ้ำ เช่นนั้นเธอจะสนองคู่รักคู่นี้เอง!

 

เสี่ยวเป่ามองเธอแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ พลางเอ่ยเสียงเบา “เธอแค่เดินทางต่ออย่างสบายใจก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ!”

 

มีเขาอยู่แล้วจะปล่อยให้น้องเล่อเล่อลงมือได้อย่างไรกัน?

 

ภูเขาเป็นถิ่นของเขาเชียว เขาต้องปล่อยให้น้องเล่อเล่อเที่ยวให้สนุกสนานสิ!

 

………………………

Related

ตอนที่ 2963 ขี้เก๊กมันน่าต่อยจริงๆ

เสวี่ยเอ๋อร์กลับมาเร็วมากพร้อมปากที่คาบไก่ป่ามาด้วยหลายตัวโยนลงบนพื้น จากนั้นเสี่ยวเป่าก็ทำสัญลักษณ์มืออีกทีก่อนที่เสวี่ยเอ๋อร์จะวิ่งหายลับไปอีกครั้งเพราะนายผู้ชายบอกว่าไม่พอให้ไปล่ากลับมาอีกหลาย ๆตัว

“พวกเสี่ยวจูใกล้ถึงแล้ว” เสี่ยวเป่าบอกเสียงเบาแล้วเตรียมจัดการไก่ป่าที่ล่ามา

เล่อเล่อคว้าหมับแย่งมา “ฉันทำเอง พี่พักผ่อนก่อนเถอะ”

เสี่ยวเป่าไม่ได้แย่งงานเล่อเล่ออีกต่อไป การจัดการเรื่องพวกนี้เล่อเล่อถนัดมือกว่าอยู่แล้ว แต่เขาเองก็ไม่ได้พักอยู่เฉย ๆ แต่เอามันเทศป่าที่เหลือจากเมื่อเช้าไปล้างน้ำที่ธารน้ำกลางหุบเขา เหตุผลที่เลือกพักทานอาหารที่นี่ก็เพราะมีแหล่งน้ำอันสะอาดสะอ้าน

เขาจัดการปอกเปลือกมันเทศป่าชำระล้างจนสะอาดแล้วรวดเก็บใบต้นพริกไทยป่าอีกจำนวนหนึ่งรวมถึงเครื่องเทศอย่างขิงป่าต้นหอมป่า รอกลับไปอีกทีเล่อเล่อก็จัดการไก่ป่าทั้งสี่ตัวจนสะอาดเสร็จสรรพพร้อมวางอยู่บนใบไม้และกำลังจัดการไก่ป่าอีกสี่ตัวที่เสวี่ยเอ๋อร์ไปล่ามาใหม่

“มันเทศไม่เอาไปเผาแล้วเหรอ?” เจสันถามด้วยความสงสัย พอนึกถึงรสชาติหอมอร่อยของมันเทศก็กลืนน้ำลายอย่างหักห้ามใจไม่ได้

เสี่ยวเป่าตอบเสียงเบาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ทานเหมือนเดิมซ้ำ ๆจะเบื่อเอา”

เจสันรู้สึกปวดใจเหลือเกิน…กลางป่าดิบที่ไม่เห็นแม้แต่ผีสักตัวแบบนี้ การเติมเต็มท้องให้อิ่มก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว แต่เจ้าหมอนี่กลับบอกว่าเบื่อหน่ายรสชาติอาหารจำเจหรือ?

ตาขี้เก๊กนี่มันน่าต่อยจริง ๆ!

ปิแอร์หิ้วไก่ป่าตัวหนึ่งกลับมาที่ดูสภาพค่อนข้างน่าอนาถไปสักหน่อย แม้เขาจะเก่งเรื่องฆ่าคนแต่เรื่องล่าไก่สู้เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้จริง ๆ เขาใช้เวลาพักใหญ่ถึงจะจับได้สักตัว

“นายทำเลย!” ปิแอร์โยนไก่ให้คู่หู การแบ่งงานกันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

เจสันจำต้องทำตามเสี่ยวเป่าโดยเริ่มจากจัดการทำความสะอาดไก่ก่อนค่อยไปเด็ดพวกต้นสมุนไพรที่คล้ายคลึงกับของเสี่ยวเป่าจากละแวกใกล้ ๆมายัดสมุนไพรใส่ท้องไก่ อีกทั้งเสี่ยวเป่ายังยัดมันเทศหั่นเป็นชิ้นเข้าไปด้วย เขาไม่มีเลยยัดได้แค่สมุนไพรอย่างเดียว

คนอื่น ๆก็ล่าไก่ป่ากลับมาได้เช่นเดียวกับเจสัน พวกเขาผ่าท้องไก่เงียบ ๆแล้วค่อยยัดต้นหญ้ากับใบไม้ที่รูปร่างหน้าตาคล้าย ๆกันเข้าไป

ท่ามกลางนั้นมีคนหนึ่งเก็บสมุนไพรหอมกลับมาได้ก็ลองดมกลิ่นดู กลิ่นของมันเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ผู้ชายคนนี้เป็นสายลับจากประเทศเล็ก ๆอื่น เขาค่อนข้างพึงพอใจกับเครื่องเทศที่ตนเก็บมาได้จึงยัดใส่ท้องไก่ทั้งหมด

เสี่ยวเป่ามองไปทางเขาแวบหนึ่งพลางกระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆก่อนก้มหน้าจัดการไก่ป่าต่อไป

เขาขุดเอาดินมาผสมน้ำให้เป็นโคลนแล้วเด็ดใบไม้ขนาดใหญ่มาหุ้มไก่ป่าอย่างมิดชิด ใช้ใบไม้ห่อหุ้มชั้นแล้วชั้นเล่าก่อนปิดท้ายด้วยการทาโคลนบนใบไม้ชั้นนอกสุดแล้วโยนเข้ากองไฟ

คนอื่น ๆลังเลครู่หนึ่งเพราะมีคนบางส่วนรังเกียจโคลนสกปรกเกินไปเลยไม่ได้ทำตามและตัดสินใจย่างบนกองไฟโดยตรง ทว่าเจสันกับชายจากประเทศเล็ก ๆคนนั้นดันทำตามวิธีของเสี่ยวเป่า

เวลากว่าครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นไป โคลนเปียกแฉะถูกไฟเผาจนแห้งกรัง เสี่ยวเป่าเอาไก่ป่าทั้งเจ็ดตัวที่ย่างเสร็จออกมา มีอีกหนึ่งตัวถูกเขานำไปตุ๋นเป็นน้ำซุปโดยในนั้นใส่มันเทศเพิ่มเข้าไปด้วยบางส่วน

“ทานได้แล้ว!” เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่อที่กลืนน้ำลายเอือก ๆมาสักพักแวบหนึ่ง เขาเคาะดินแล้วฉีกใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองออก กลิ่นหอมฉุยกระจายทั่วอากาศเรียกให้ทุกคนอดกลืนน้ำลายไม่ได้พลางมองไก่ที่มีไอร้อนลอยโขมงอย่างตกใจ

อาหารฮวาเซี่ยสมคำล่ำลือไม่เกินจริงสักนิด ขนาดใช้โคลนยังทำเมนูไก่ที่กลิ่นหอมขนาดนี้ได้มันน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว!

เล่อเล่อฉีกน่องไก่ข้างหนึ่งป้อนใส่ปากเสี่ยวเป่า “พี่ข้างหนึ่งฉันข้างหนึ่ง”

เสี่ยวเป่าหัวเราะแล้วกำน่องไก่ค่อย ๆเริ่มทาน เขาจิ้มมันเทศสุกจากการถูกย่างในท้องไก่ออกมา รสชาติสดใหม่ของไก่กับเครื่องเทศแทรกซึมเข้าไปในมันเทศนี้ทั้งหมดแล้ว ทั้งยังละลายทันทีที่เข้าปากพร้อมความหอมแผ่ไปทั่วโพรงปาก ความจริงรสชาติอร่อยกว่าเนื้อไก่อีกด้วยซ้ำ

“มันเทศอร่อยกว่า คืนนี้ฉันจะไปขุดมันเทศไว้มาทานอีกเยอะ ๆ” เล่อเล่อทานคำโตจนคนอื่นได้แต่มองน้ำลายไหล นึกเสียใจภายหลังเหลือเกิน รู้แต่แรกว่าอร่อยขนาดนี้พวกเขาจะรังเกียจโคลนได้อย่างไรกัน

เจสันกับชายจากประเทศเล็ก ๆนั่นกลับได้ใจเสียยิ่งกว่าอะไร โชคดีที่พวกเขารู้เท่าทัน เจสันจัดการแบ่งไก่ครึ่งตัวให้ปิแอร์ ส่วนตัวเองก็ประคองอีกครึ่งตัวทานอย่างเอร็ดอร่อย

ชายจากประเทศเล็ก ๆนั่นก็แบ่งครึ่งตัวให้คู่หูเช่นกันแล้วตนก็เริ่มลงมือทานอย่างเร่งรีบ แม้แต่เครื่องเทศในท้องยังทำใจทิ้งไม่ลงเลยกินลงท้องทั้งหมด เสี่ยวเป่าเหยียดยิ้มมุมปากพลางจิ้มมันเทศอีกชิ้นใส่ปาก แดดเจิดจ้าอากาศช่างดีจริง ๆ

…………………………….

ตอนที่ 2964 มะเค็ด

“พวกเสี่ยวจูใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะมาถึงเหรอ?” เล่อเล่อทานไก่หมดไปตัวหนึ่งก็ถามด้วยความห่วงใย

ความจริงเธอห่วงไก่มากกว่า ถ้าพวกเสี่ยวจูยังไม่มาเธอจะจัดการไก่ที่เหลือทั้งหมดแล้วนะ อย่างไรเสียกระเพาะของเธอไม่ใช่น้อย ๆ ทานมากหน่อยหรือทานน้อยหน่อยไม่ได้ต่างอะไรกันเลย

เสี่ยวเป่ารู้ทันความคิดของเธอเพราะเอาแต่จดจ่ออยู่แต่กับไก่ที่เหลือ ช่างตะกละเสียจริง เขาดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่งแล้วตอบ “อีกสิบห้านาทีละมั้ง คืนนี้พี่ค่อยทำให้เธออีกแล้วกัน”

เล่อเล่อละสายตาอย่างผิดหวังก่อนจะแทะไก่ของเธอต่อ เสี่ยวเป่าเคาะไก่อีกตัวมาวางไว้ตรงหน้าเล่อเล่อ “ตัวนี้ก็เป็นของเธอ พวกเสี่ยวจูคนละตัวก็พอแล้ว”

“อื้ม…น่องไก่ให้พี่นะ” เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแล้วแบ่งน่องไก่ทั้งสองข้างให้เสี่ยวเป่าทั้งหมดอย่างใจกว้าง

เสี่ยวเป่าทานแค่น่องไก่ เวลาทานปลาก็ทานแต่เนื้ออันน้อยนิดที่อยู่ตรงส่วนแก้มปลาเท่านั้น เขากินยากเสียยิ่งกว่าเสี่ยวจูซะอีก ตอนนี้เสี่ยวจูเปลี่ยนมาทานเนื้อแล้วแต่เงื่อนไขคือต้องเป็นเนื้อที่มาจากป่าลึกกลางเขา ไม่ใช่เนื้อจากสัตว์ที่คนเลี้ยงเอง

“ฮาโหล…” เสียงใสของผู้หญิงดังขึ้น สือเอ้อร์เดินนำอยู่หน้าสุดพลางยิ้มตาหยีทักทายทุกคน

เสี่ยวจูกับเน่าเน่าตามอยู่ด้านหลังพร้อมสีหน้าเรียบเฉยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเล่อเล่อ

“เรามาผจญภัย ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ!” สือเอ้อร์เดินมาตรงหน้าเล่อเล่อพลางขยิบตาให้เธอแล้วโค้งตัวให้

เล่อเล่อตบบ่าเธอแรง ๆทีหนึ่งก่อนพูดเสียงดัง “มีวาสนาถึงได้มาเจอกันที่นี่ ไม่มีปัญหา เชิญกินไก่เถอะ!”

“ขอบคุณพี่สาว คนนี้พี่ชายฉัน คนนี้แฟนของฉันเอง” สือเอ้อร์แนะนำตัวเสี่ยวจูกับเน่าเน่า

“ใครเป็น…” เน่าเน่าถลึงตาโตแต่พูดได้ครึ่งประโยคก็ถูกเล่อเล่อขึงตาใส่จนรีบหุบปาก เขาเลยได้แต่ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมถลึงตาใส่สือเอ้อร์ที่ทำท่าเหิมเกริมได้ใจ ยัยแสบนี่จงใจแกล้งเขา ไว้ค่อยกลับไปคิดบัญชีทีหลัง

“มาทานไก่ด้วยกันสิ!” เล่อเล่อเชิญทั้งสามให้นั่งลงแล้วโยนไก่ไปให้สามตัวก็ไม่สนใจอีก

ก้างขวางคอสามคนตัวเบ้อเร่อ เห็นแล้วรำคาญชะมัดเลย

“อ๊าก…ปวดท้องจัง…”

ชายจากประเทศเล็ก ๆคนนั้นร้องออกมากะทันหันพลางกุมท้องกลิ้งบนพื้นไปมาเช่นเดียวกับคู่หูของเขา ไก่หนึ่งตัวถูกพวกเขาแทะจนสะอาดและกระดูกกองอยู่บนพื้น

ทุกคนรีบเดินไปหากลับพบว่าชายสองคนนี้เลือดกำเดาไหลเสียได้ เสียงร้องโหยหวนแผ่วลงเรื่อย ๆทำเอาทุกคนตกใจกันยกใหญ่พลางเสียวสันหลังวาบ

สือเอ้อร์เดินแทะไก่เข้าไปแต่มองเพียงแวบเดียวก็เอ่ยขึ้นว่า “อาหารเป็นพิษ แถมยังเป็นพิษร้ายแรงซะด้วย หมดทางช่วยแล้ว ขุดหลุมฝังซะเถอะ”

เพิ่งพูดจบชายคนหนึ่งก็เงียบเสียงไปพร้อมเลือดไหลออกทางตากับหูที่สภาพดูน่าสยดสยองอย่างมาก ชายอีกคนก็หมดลมหายใจตามไปในไม่ช้า เลือดไหลเปื้อนทั้งใบหน้าดวงตาปูนโปนถลึงตาจ้องฟ้าอย่างไม่พอใจ

กระทั่งตายพวกเขาก็คิดไม่ตกว่าทั้งที่เป็นของชนิดเดียวกัน ทำไมมีแต่พวกเขาที่โดนพิษกันนะ?

สือเอ้อร์ย่อตัวลงดมกลิ่นกระดูกที่พวกเขาทิ้งเอาไว้แล้วยิ้มอ่อน จากนั้นก็เดินกลับมานั่งข้าง ๆเสี่ยวเป่าขยิบตากล่าว “พี่จงใจเอาสมุนไพรหอมใส่ในไก่ เพราะในนี้มีมะเค็ด[1]ซึ่งหน้าตาคล้ายสมุนไพรหอมพวกนี้ใช่ไหมล่ะ”

มะเค็ด แค่ฟังชื่อก็ไม่ชวนให้อยากมีเรื่องด้วยแล้ว หากเผลอทานเข้าไปจะต้องตายเพราะอวัยวะภายในทำงานล้มเหลวราวกับลำไส้ฉีกขาด

เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆ “ไม่เคยได้ยินชื่อมะเค็ดมาก่อน บางทีในไก่พี่คงมีเหมือนกัน!”

สือเอ้อร์จิปากทีหนึ่ง เธอรู้อยู่แล้วว่าตาสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ไม่มีทางยอมรับแน่ วัน ๆเอาแต่แสร้งทำเป็นคนดีทั้งที่ความจริงกลับโหดเหี้ยมใจอำมหิตฆ่าคนได้หน้าตาเฉย นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งวันก็ปลิดชีพไปสามคนอย่างเงียบเชียบแล้ว คาดว่าสามคนนั่นจนตายก็ไม่รู้ว่าความจริงพวกเขาตายเพราะถูกวางแผนสินะ!

……………………………..

[1] มะเค็ดเป็นชื่อเรียกพืชที่มีพิษรุนแรง

Related

ตอนที่ 2961 ซาลาเปาจิ๋ว

พวกเสี่ยวจูทั้งสามคนเดินทางมาถึงเชิงเขาหนิงเหว่ยเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานก็สังเกตเห็นร่องรอยการเดินทางของกลุ่มเสี่ยวเป่าอย่างง่ายดาย

“คึกคักดีจริง ๆ!” สือเอ้อร์แค่นหัวเราะทีหนึ่ง

เสี่ยวจูกลับมีสีหน้าเย็นชา เขาไม่ได้สนใจกับจำนวนคนมากหรือคนน้อยแต่อย่างใด เน่าเน่ากลับทำท่าตื่นเต้นถูกำปั้นไปมา “รอฉันไปสั่งสอนพวกเขาเอง!”

“ฉันจะช่วยเอง!” สือเอ้อร์เสนอตัว

เน่าเน่าแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “ฉันยังต้องให้เธอช่วยเหรอ? แค่นิ้วเดียวก็จัดการพวกเขาได้หมดแล้ว!”

สือเอ้อร์เบะปากพึมพำเสียงเบา “ฉันไม่ต้องใช้นิ้วด้วยซ้ำ จะเสียแรงขนาดนั้นทำไม ให้พวกเขาดื่มน้ำหน่อยก็พอ!”

ขอแค่ดื่มน้ำที่ผ่านการท่องคาถาของเธอ ขอแค่เธอคิดคนผู้นั้นก็จะต้องตายจากไปอย่างสงบ ต่อให้เป็นแพทย์นิติเวชที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุดในโลกก็สืบหาสาเหตุไม่พบ

แน่นอนว่า…นอกจากแม่ของเธอ

บนโลกนี้คนที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือท่านแม่แท้ ๆของตัวเอง พ่อยังไม่น่ากลัวขนาดนั้นเลย!

นึกถึงท่านแม่ที่สุดยอดเลือดเย็นโรคจิตโหดเหี้ยมไร้ความปรานีอย่างหาที่เทียบไม่ได้ สือเอ้อร์ก็อดตัวสั่นไม่ได้ ผู้หญิงอย่างแม่ของเธอโชคดีที่แต่งงานกับพ่อของเธอ ไม่อย่างนั้นต่อให้ผู้ชายทั้งโลกรวมกันก็สกัดเอาไว้ไม่อยู่!

“เป็นเด็กผู้หญิงจะมาตี ๆฆ่า ๆได้ไง อยู่เฉย ๆไปเลย!” เน่าเน่าตำหนิ

สือเอ้อร์ฉีกยิ้มหวานแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กระซิบกระซาบ “ฉันจะอยู่เฉย ๆ งั้นนายให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำอันนั้น สัญญาว่าจะเชื่อฟัง”

เน่าเน่าได้กลิ่นหอมหวานน่าดมที่อธิบายความรู้สึกไม่ถูกจนทำเอาเขาเสียวซ่านไปทั้งตัวแล้วยังอยากจามอีกด้วย…

“เข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไม ผู้ชายผู้หญิงใกล้กันไม่ได้ไม่รู้หรือไง ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวเลย…” เน่าเน่าถอยออกไปหนึ่งก้าวใหญ่พลางทำหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก เมื่อกี้เขามองลงไปกลับเห็นว่าหน้าอกของสือเอ้อร์นูนขึ้นเล็กน้อยเสียได้

แม้จะไม่เด่นชัดมากนักแต่อย่างน้อยก็ไม่แบนราบเป็นลานจอดสนามบินแล้ว ดีกว่าซาลาเปาจิ๋วนิดหน่อยเท่านั้น!

อีกทั้งใบหน้าที่กลมเหมือนซาลาเปาก็ซูบลงมากจนพอจะเห็นเค้าโครงความงามอย่างหาที่เทียบไม่ได้เหมือนคุณแม่แท้ ๆของสือเอ้อร์ได้ลาง ๆแล้ว

เน่าเน่าเคยเจอคุณแม่ของสือเอ้อร์มาก่อน หล่อนเป็นหญิงงามเพียงหนึ่งเดียวบนโลกที่แข่งความสวยกับคุณแม่ของเขาได้ แต่บุคลิกกลับต่างไปจากคุณแม่ของเขาอย่างสิ้นเชิง คุณแม่ของเขาเปรียบดั่งดอกไม้งามที่ผู้ชายอยากทะนุถนอมเอาไว้ ส่วนคุณแม่ของสือเอ้อร์เปรียบดั่งดอกไม้ตูมที่ผู้ชายยังต้องยำเกรง

เขานึกแปลกใจจริง ๆว่าเวลาพ่อแม่สือเอ้อร์อยู่บนเตียงใครเป็นฝ่ายรุกใครเป็นฝ่ายรับกันแน่?

เขารู้สึกว่าคุณพ่อของสือเอ้อร์เอาภรรยาของเขาไม่อยู่ด้วยซ้ำ!

เน่าเน่ามองไปทางสือเอ้อร์อีกทีอย่างอดไม่ได้ บอกตามตรงยัยคนนี้ค่อนข้างสวยพอตัว แม้หุ่นยังไม่เข้าที่แต่ลูกสาวย่อมเหมือนแม่ ในเมื่อคุณแม่ของสือเอ้อร์หุ่นดีขนาดนั้นคาดว่าสือเอ้อร์ก็คงไม่แย่ไปกว่ากันเท่าไร

สือเอ้อร์รู้สึกได้ว่าเน่าเน่ากำลังแอบมองตัวเองอยู่ก็อดดีใจไม่ได้เลยยืดหน้าอกอย่างได้ใจ ปีที่แล้วประจำเดือนของเธอมาแล้ว พ่อบอกว่าขอแค่ประจำเดือนมาก็จะเหมือนซาลาเปาที่พองตัวพรึ่บทีเดียวก็โตแล้ว…

ถึงตอนนั้นพี่เน่าเน่าคงไม่ไปหาพวกสาว ๆน่ารำคาญพวกนั้นแล้วสินะ!

“รีบเดินทางเถอะ ถ้าจะหยอกเอินกันก็เอาไว้ตอนกลางคืน” เสี่ยวจูพูดเสียงเรียบพลางเดินนำหน้าอย่างเชื่องช้า

ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกดี ๆต่อกันแล้วจะทำให้วุ่นวายขนาดนี้ทำไม ไว้กลางดึกก็เปรียบฟ้าเป็นเตียง พื้นดินเป็นผ้าห่มแล้วถือว่าเขาไม่มีตัวตนก็พอ พูดไร้สาระกันทำไมเยอะแยะ เสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญจะตายชัก!

“ใครหยอกเอินกับยัยตัวกะเปี๊ยกอย่างเธอกัน ฉันมีแฟนอยู่อเมริกาแล้วนะ จิ๊…หุ่นดีมากเลยล่ะ!”

เน่าเน่าหน้าแดงโวยวายเสียงดังเพื่อปิดบังความไม่เป็นธรรมชาติของเขา

“นายมีแฟนแล้วเหรอ? ชื่ออะไร…ไว้กลับไปฉันจะฆ่าหล่อนซะ!” สือเอ้อร์กัดฟันพูด

“ประสาท ถ้าเธอกล้าทำอะไรฉันจะโกนผมเธอซะ!” เน่าเน่าด่ากลับ

……

เสี่ยวจูส่ายศีรษะอย่างละเหี่ยใจแล้วสับเท้าเดินนำอยู่ข้างหน้า เขาไม่ควรหลวมตัวอยู่กับเด็กไร้สาระสองคนนี้เลย!

……………………………….

ตอนที่ 2962 อาหารสามมื้อต้องตรงต่อเวลา

ไม่นานทั้งสามก็เดินมาถึงเนินเขาจุดที่พวกเล่อเล่อกางเต็นท์แต่เช้า เสี่ยวจูเดินไปยังกองดินที่ขุดเป็นหลุมศพของโคอิซูมิพร้อมเอ่ยเสียงเบา “พี่เสี่ยวเป่าลงมือแล้ว”

“เรามาพนันกันว่าพี่เสี่ยวเป่าใช้วิธีไหน ฉันเดาว่าใช้วิธีให้ล้มตาย” เน่าเน่าคาดเดา

สือเอ้อร์พูดตาม “ฉันเดาว่าถูกเถาวัลย์รัดคอตาย”

เสี่ยวจูไม่ได้พูดอะไรแต่เดินเอามือไขว้หลังสังเกตดูสภาพแวดล้อมรอบตัว เน่าเน่าทำหน้าตื่นเต้นค้นจอบจากกระเป๋าเป้ออกมา เขาขุดไม่กี่ทีก็เกลี่ยกองดินนั่นออกเผยให้เห็นศพที่แข็งตัวและมีหนอนชอนไชไปทั่วร่างของโคอิซูมิ

“อย่าเสียแรงไปเลย ถูกงูพิษกัดตายต่างหาก” เสี่ยวจูเดินกลับมา

เน่าเน่ากับสือเอ้อร์เห็นศพที่ออกสีเขียวช้ำผิดปกติของโคอิซูมิรวมถึงนิ้วโป้งที่หายไปก็ถอนหายใจอย่างเศร้าใจ เสี่ยวจูเดาถูกอีกแล้ว เป็นหมอนี่เดาถูกทุกครั้งเลย ไม่สนุกเอาซะเลย

“เวลานี้แล้วคาดไม่ถึงว่ายังมีงูพิษได้ พลังของพี่เสี่ยวเป่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆแล้ว” เน่าเน่าพูดอย่างอิจฉาแล้วทำการกลบดินให้เหมือนเดิม

เสี่ยวจูหัวเราะ เสี่ยวเป่าไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆแต่ไม่เคยเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงมาตั้งแต่แรกต่างหาก หวังว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะทำให้เขาเห็นความสามารถที่แท้จริงของหนิงเสี่ยวเป่านะ

ในเมื่อจะมาเป็นพี่เขยของเขา ฉะนั้นควรตามสืบภูมิหลังให้ชัดเจนหน่อยจะดีกว่า

เวลาเที่ยงวันแล้ว เสี่ยวเป่าที่เดินนำอยู่ข้างหน้าสุดหยุดเดินแล้วเตรียมทำมื้อเที่ยง

ไม่ว่าจะเวลาไหนอยู่ ณ ที่แห่งใด อาหารสามมื้อก็ต้องตรงต่อเวลา นี่เป็นหลักการชีวิตของเขา

โดยเฉพาะยามที่เขามีน้องเล่อเล่อข้างกาย เขาจะปล่อยให้น้องสาวหิวไม่ได้!

“ตอนเที่ยงอยากกินอะไร?” เสี่ยวเป่าถามเล่อเล่อที่อยู่ข้าง ๆด้วยเสียงอ่อนโยน

เล่อเล่อกะพริบตาปริบ เธอชอบเสี่ยวเป่าในฉบับเช้าจนถึงตอนนี้จังเลย หวังว่าเวลาที่เสี่ยวเป่าสติฟั่นเฟือนจะยืดยาวไปอีกหน่อยเพราะจะได้เพิ่มช่วงเวลาแห่งความสุขแก่เธออีกสักหน่อย

“ได้หมด ขอแค่พี่เป็นคนทำฉันก็ชอบกินหมดแหละ” เล่อเล่อยิ้มตาหยีกล่าว

เสี่ยวเป่ายื่นมือหยิบเอาดอกไม้ป่าเหี่ยวเฉาที่ปักอยู่ตรงผมถักเปียของเล่อเล่อออกแล้วล้วงเอาดอกไม้สีสดสองดอกจากแขนเสื้อออกมาปักใหม่เหมือนเล่นมายากล

“งั้นก็ทานเจี้ยวฮวาจี[1]แล้วกัน ง่ายหน่อย” เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วมองไปทางเสวี่ยเอ๋อร์

เสวี่ยเอ๋อร์ที่ได้รับคำสั่งก็วิ่งพุ่งพรวดออกไปทันที เจี้ยวฮวาจีงั้นหรือ…โอ้ เขาก็ชอบทานมากเหมือนกันนี่นา!

“พวกเธอไม่เดินต่อแล้วเหรอ?” เจสันเดินมาถาม ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเสี่ยวเป่าถึงหยุดเดินทาง

ยามอยู่กลางป่ากลางเขาฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ หากช่วงกลางวันไม่รีบเดินทางกลางคืนจะเดินทางได้ยากลำบาก ตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่ายซึ่งนาน ๆทีฟ้าจะสดใสแดดจ้าขนาดนี้ แล้วจะหยุดพักผ่อนได้อย่างไร!

“เป็นเวลามื้อเที่ยง พวกนายเดินทางต่อก็ได้นะ” เสี่ยวเป่าพูดไปก็ใช้แท่งหินเหล็กไฟมาจุดไฟไปพลาง บนพื้นป่าถูกปูเต็มไปด้วยใบต้นไผ่ชั้นหนาจึงสะดวกต่อการจุดไฟอย่างมาก ใช้เวลาไม่นานก็ไฟลุกโชนขึ้นมาแล้ว

เจสันมองสีหน้าเรียบเฉยของเสี่ยวเป่า แถมยังอุตส่าห์ทุ่มแรงก่อไฟพร้อมหยิบหม้อออกมาก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกิน อยากถามสักประโยคว่า ‘นี่พวกเธอมาฮันนีมูนจริง ๆงั้นเหรอ?’

“นั่นสิ ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว ปิแอร์ เราก็มาทานข้าวกันเถอะ!” เจสันตะโกนไปยังคู่หู

ไม่มีเสี่ยวเป่าคอยนำทางใครจะไปรู้กันว่าขุมสมบัตินั่นอยู่ที่ไหนเลยจำต้องติดตามเขาไป งั้นถือว่ามาพักร้อนแล้วกัน เสียก็แต่เสบียงอาหารอาจจะไม่พอเท่าไรคงทานต่ออีกไม่กี่วันก็ต้องไปหาอาหารจากป่าเอา

“ฉันไปหาของกินสักหน่อย ขนมปังแข็งเก็บไว้ทานยามคับขันเถอะ” ปิแอร์เดินไปตามทิศทางที่เสวี่ยเอ๋อร์วิ่งหายไป เขาเตรียมตามหมาป่าตัวนั้นไปแล้วดูว่ามันจับตัวอะไรมาเดี๋ยวก็ทำตามเสี่ยวเป่าก็ได้ คิดว่ารสชาติคงไม่แย่มาก

คนอื่น ๆก็มีความคิดเช่นเดียวกันจึงมุ่งหน้าไปทางป่ากันทั้งหมด เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมแววตาเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด

………………………..

[1] เจี้ยวฮวาจี เมนูไก่ยัดไส้ห่อใบบัวอบ

Related

ตอนที่ 2959 ตายสถานเดียว

ทุกคนต่างตกใจมองขึ้นไปด้านบนอย่างพร้อมเพรียง มีหญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งหน้าซีดเผือดรีบพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เธอจำเสียงคนที่ร้องโหยหวนนั้นได้เพราะเขาเป็นคู่หูของเธอนั่นเอง

เขาขึ้นไปเก็บสตรอว์เบอร์รีเมื่อสิบห้านาทีก่อน

“เกิดอะไรขึ้น? หมอนั่นพูดอะไรเหรอ?” เจสันกำลังซดน้ำซุปอย่างเอร็ดอร่อย คู่หูของเขาอย่างปิแอร์ถูกเขาลากมาปิ้งมันเทศทานด้วยกัน แถมยังแบ่งลูกชิ้นเนื้อให้คู่หูอย่างปวดใจไปลูกหนึ่ง

ชายชาวญี่ปุ่นที่ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีเผลอพูดภาษาแม่ออกมาภายใต้สถานการณ์คับขัน เจสันกับปิแอร์ฟังไม่เข้าใจ

“ฉันไปดูหน่อยแล้วกัน!” ปิแอร์รีบพุ่งตรงไปทางเนินเขาพร้อมเพื่อนร่วมทางอีกหลายคนเพราะต่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เล่อเล่อทำท่าสงสัยไม่ต่างกัน “ฉันไปดูด้วยอีกคน”

เสี่ยวเป่าฉุดตัวเธอไว้ “แค่ถูกงูกัดเท่านั้นแหละ”

เล่อเล่อเลิกคิ้ว เธอนึกถึงรอยยิ้มแปลก ๆบนหน้าเสี่ยวเป่าตอนที่หมอนั่นเดินขึ้นเนินเขาก่อนหน้านี้ก็อดถามไม่ได้ว่า “พี่รู้แต่แรกแล้วว่าบนนั้นมีงู?”

“ทานผลไม้หลังอาหารหน่อยแล้วกัน รสชาติไม่เลวเลย”

เสี่ยวเป่าไม่ได้ตอบคำถามแต่หยิบสตรอว์เบอร์รีที่ร้อยเรียงกันเป็นพวงบนกิ่งไม้ยื่นให้เล่อเล่อ

เขารู้อยู่แล้วว่าในหลุมงูนั่นมีงูพิษห้าก้าว[1]สองสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่ง แม้จะอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงแต่ถ้ามีใครกล้าป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านพวกมันอย่างไม่กลัวตาย สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ย่อมไม่มีทางปล่อยผู้บุกรุกไปอย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นเมื่อกี้ตอนที่เขาไปเก็บสตรอว์เบอร์รีก็เพิ่มพลังให้สองสามีภรรยาคู่นี้ไปด้วยอีกนิด…

เล่อเล่อยิ้มอย่างเข้าใจแล้วยกนิ้วโป้งให้เขาหยิบเอาสตรอว์เบอร์รีลูกหนึ่งใส่ปากเสี่ยวเป่าพลางกระซิบว่า “ฉันได้ยินเสี่ยวจูบอกมาว่าในภูเขาสือว่านมีต้นไม้กินคนด้วย หรือเราจะลองสักหน่อยดี?”

คนพวกนี้น่ารำคาญจะตายชัก งั้นก็จัดการฆ่าเป็นปุ๋ยต้นไม้บนภูเขาแห่งนี้ไปเสียเลย

เสี่ยวเป่าดีดหน้าผากเธอเบา ๆทีหนึ่งพร้อมเอ่ยเตือน “เธอห้ามลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นไม่มีเนื้อให้ทานนะ”

เล่อเล่อหัวเราะคิกคัก “ฉันไม่ทำอะไรแน่ ๆ พี่ลงมือเองเถอะ!”

เสี่ยวเป่าไม่ตอบแต่คีบลูกชิ้นเนื้อให้เล่อเล่ออีกหนึ่งชิ้น ส่วนตัวเองก็เริ่มทานอย่างช้า ๆ การเดินขึ้นเขาต้องใช้พลังกายมหาศาลเลยต้องทานเนื้อเยอะหน่อยถึงจะไหว

“คนที่ชื่อโคอิซูมิถูกงูพิษฉกตายไปแล้ว” ปิแอร์เดินลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เจสันวาดไม้กางเขนกลางอากาศด้วยท่าทางเกินจริง “พระเจ้าคุ้มครองเขาเถอะ อืม…ซุปนี่อร่อยมากเลย อร่อยจนอยากตาย…”

ถูกงูพิษฉกกลางเขาใหญ่แบบนี้ มีผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว–นั่นก็คือตายสถานเดียว

ปิแอร์แย่งถ้วยในมือเจสันมาแล้วซดน้ำซุปที่เหลือหมดในครั้งเดียว จากนั้นก็เช็ดปากทีหนึ่งอย่างอิ่มเอมใจ จากนั้นก็เขี่ยมันเทศดำปี๋จากกองไฟออกมาหลายลูกแล้วปอกเปลือกค่อย ๆทานทีละลูก

เจสันโมโหแทบตายแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลยได้แต่มองเสี่ยวเป่าตาแป๋วหวังว่าจะได้น้ำซุปมาทานอีกสักถ้วย

เสี่ยวเป่ามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วจัดการเทน้ำซุปที่เหลืออยู่ก้นหม้อเพียงนิดใส่ถ้วยเล่อเล่อ เจสันถอนหายใจอย่างเสียใจทีหนึ่งก่อนจะเริ่มปอกมันเทศทาน

หลายคนกำลังหามชายชาวญี่ปุ่นลงมาแต่ชายหนุ่มสลบหมดสติไปแล้ว แขนขวาของเขายังมีเลือดไหลไม่ขาดสาย เสี่ยวเป่ามองไปก็เห็นว่านิ้วโป้งหายไปแล้ว

เสี่ยวเป่ากระตุกยิ้มมุมปากแล้วหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว เพราะถึงจะตัดแขนไปทั้งข้างก็ห้ามพิษไม่ทันแล้วล่ะ

อิทธิฤทธิ์พิษของงูพิษห้าก้าวหลังได้รับพลังเพิ่มจากเขาแม้แต่ฮิปโปยังตายได้เลย!

“รีบช่วยโคอิซูมิคุงหน่อย ใครก็ได้ช่วยเขาที…” หญิงสาวที่เป็นคู่หูของโคอิซูมิตะโกนร้องอย่างกระวนกระวาย

ทุกคนต่างเงียบกริบ ถ้าอยู่ในเมืองอาจจะหาทางส่งไปช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลได้ ตอนนี้อยู่กลางป่าที่เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบ พวกเขาจะมีวิธีอะไรได้?

หนำซ้ำ…ยังเป็นคู่แข่งอีกต่างหาก…ตายหนึ่งคนก็น้อยลงไปอีกคน

ดีออก!

……………………………

ตอนที่ 2960 ขาดไปคนหนึ่ง

“ขอร้องพวกคุณล่ะ…ได้โปรดช่วยเขาทีเถอะ ฉันรู้ว่าคุณต้องมีวิธีแน่ ๆ!”

หญิงสาวคู่หูของโคอิซูมิวิ่งมาร่ำไห้อ้อนวอนตรงหน้าเสี่ยวเป่า

หญิงสาวคู่หูคนนี้หน้าตาสะสวยหุ่นดีและเป็นประเภทอกอึ๋มที่ผู้ชายชอบที่สุด เล่อเล่อจำได้ว่าตอนแนะนำตัวหล่อนชื่อว่าคิมิโกะ

“ขอโทษนะ เสียใจด้วย!” เสี่ยวเป่าพูดเสียงเรียบแล้วดึงมือที่ถูกคิมิโกะคว้าไว้ออก

นอกจากเล่อเล่อ เหมยเหมยและหานเหมย เขาไม่ชอบใจอย่างมากที่มีเพศตรงข้ามมาใกล้ชิด อยู่ให้ห่างได้เท่าไรยิ่งดี

“คุณต้องมีวิธีแน่ ๆ…การแพทย์ที่ฮวาเซี่ยเก่งมากนี่ ขอร้องละช่วยโคอิซูมิคุงด้วยเถอะ!” คิมิโกะจับมือเสี่ยวเป่าอีกครั้ง ร้องไห้น้ำตานองหน้าทำเอาคนมองรู้สึกสงสาร

เล่อเล่อหนังตากระตุกแล้วก้าวยาวเข้าไปดึงมือคิมิโกะออกพร้อมเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “การแพทย์ที่นี่เก่งก็จริง แต่เขาไม่ใช่คุณหมอสักหน่อยแล้วจะช่วยอย่างไร?”

อย่าคิดว่าเธอไม่เห็นนะว่ายัยปีศาจจิ้งจอกนมโตคนนี้จงใจทำตัวน่าสงสารเพื่อยั่วเสี่ยวเป่า เธอไม่รู้สึกได้ถึงความเสียใจจากยัยปีศาจจิ้งจอกนี่เลยสักนิด สายลับที่ผ่านการฝึกฝนโดยเฉพาะเลือดเย็นกันทั้งนั้น แล้วจะเสียใจกับคู่หูที่มีมิตรภาพจอมปลอมได้อย่างไร!

อยากยั่วเสี่ยวเป่าต่างหากสิเรื่องจริง!

คิมิโกะเอามือปิดหน้าร้องไห้เหมือนถูกรังแกอย่างไรอย่างนั้น สายตาเหลือบมองไปทางเสี่ยวเป่าเป็นระยะ ๆทำเอาเล่อเล่อโมโหจนได้แต่กัดฟันกรอด ต่อหน้าเธอยังกล้าส่งสายตาอีก…

“เพื่อนของเธอไม่หายใจแล้ว!” เล่อเล่อตะโกน

คิมิโกะสะดุ้งเฮือกรีบกลับไปอยู่ข้าง ๆโคอิซูมิ ชายดวงซวยผู้นี้แววตาล่อยลอยและหายใจโรยริน

“โคอิซูมิคุง…” คิมิโกะร่ำไห้ไม่หยุด การแสดงดีไม่หยอก ดีกว่าพวกนักแสดงหนุ่มหล่อสาวสวยหน้าละอ่อนพวกนั้นมากโข

แต่ฝีมือการแสดงดีแค่ไหนก็ยื้อชีวิตของเขาไว้ไม่ได้ ห้านาทีผ่านไปชายดวงซวยนั่นก็พรูลมหายใจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตออกมาแล้วไปรายงานตัวที่ปรโลกแล้ว

คาดว่าจนตายเขาก็ไม่มีทางรู้ว่างูที่จำศีลไปแล้วแท้ ๆ ทำไมอยู่ ๆถึงมาจู่โจมเขาได้?

ทุกคนช่วยกันขุดหลุมใหญ่เพื่อฝังศพของโคอิซูมิ ทุกคนดูใจเย็นกันมาก แค่คนตายเท่านั้นเอง สำหรับพวกเขาแล้วเรื่องทานข้าวยังสำคัญกว่าอีก

บนต้นไม้ใหญ่ไกลออกไป มีสองคนจากกลุ่มมังกรยืนทำหน้าครุ่นคิดบนกิ่งไม้ที่แผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่ม

คนหนุ่มกว่าชื่อหลงถู่ คนอายุมากกว่าชื่อหลงเฟิง สมาชิกกลุ่มมังกรล้วนสกุลหลงกันทั้งหมด ส่วนชื่อจะถูกตั้งขึ้นตามพลังวิเศษของพวกเขา

หลงถู่กระโดดเบา ๆทีเดียวก็ลงไปเหยียบบนพื้นด้วยเสียงเงียบกริบ สองมืออังสัมผัสพื้นดินพลางหลับตา ผ่านไปพักหนึ่งหลงถู่ถึงลืมตาขึ้นพร้อมทำหน้าแปลกใจ

“เกิดอะไรขึ้น?” หลงเฟิงก็กระโดดลงมาเช่นกัน

“ฉันก็รู้สึกได้ไม่ชัดเจนนัก รู้แค่ว่าเป็นฝีมือของหนิงเสี่ยวเป่า” หลงถู่ตอบ

พลังวิเศษของเขามาเป็นพัก ๆและใช่ว่าจะสัมผัสได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง ฉะนั้นจึงได้รับข้อมูลได้ไม่ครบนัก

หลงเฟิงขมวดคิ้ว ก่อนมาลูกพี่ก็เคยกำชับไว้แล้วว่าหนิงเสี่ยวเป่านั้นยากจะคาดเดาได้ กระทั่งตอนนี้กลุ่มมังกรก็ยังสืบไม่เจอว่าหนิงเสี่ยวเป่ามีพลังวิเศษเป็นอะไร แต่พอจะมั่นใจได้ว่าหนิงเสี่ยวเป่ามีพลังวิเศษแน่นอนแถมไม่ธรรมดาเสียด้วย

“ค่อย ๆตามไปแล้วกัน คนพวกนี้ตายไปก็ดี” หลงเฟิงดึงแขนหลิงถู่ให้กระโดดขึ้นต้นไม้ เมื่อครู่เสี่ยวเป่ามองมาทางนี้ สายตาของเขาทำเอาหลงเฟิงรู้สึกลนเล็กน้อย ทั้งยังมักรู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ต้องดูแล้ว พวกเขาจะตายไม่ได้เชียว” เล่อเล่อก็สังเกตเห็นพวกหลงเฟิงที่อยู่ไกลออกไปตั้งแต่แรกเช่นกันพลันหลงคิดว่าเสี่ยวเป่าคิดจะลงมือจัดการสองคนนี้เสียอีก

เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆ “แค่ดูเฉย ๆ มีคนหนึ่งพลังวิเศษแปลกมาก ไปกันเถอะ!”

“พวกเน่าเน่าจะมาถึงเมื่อไร?” เล่อเล่อสะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่สุด สำหรับเธอแล้วน้ำหนักไม่กี่สิบกิโลกรัมนั้นเบาเหมือนไม่ได้สะพายอะไรด้วยซ้ำ

“ตอนบ่ายน่าจะตามเรามาทัน เดินช้า ๆหน่อยแล้วกัน”

คนอื่น ๆก็เก็บข้าวของทยอยกันเดินทางต่อไป เพียงแต่ในทีมขาดไปคนหนึ่ง…

………………………….

[1] งูพิษห้าก้าว งูพิษชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในตระกูลงูหางกระดิ่ง อาศัยอยู่อย่างชุกชุมทางตอนใต้ของไต้หวันที่มีตำนานเล่าขานกันว่าหากถูกพิษของมันเข้า ไม่เกินห้าก้าวก็จะตาย

Related

ตอนที่ 2957 ผีเข้าสิงหรือเปล่า

เล่อเล่อโตมาพร้อมกับเสี่ยวเป่า พอเห็นรอยยิ้มเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีเงื่อนงำบางอย่างจึงโน้มหน้าไปกระซิบถาม “มีอะไรเหรอ?”

เสี่ยวเป่ามองเธอแวบหนึ่ง พอเห็นมุมปากเธอเปื้อนมันเทศไม่น้อยเลยยกมือเช็ดให้เธอด้วยท่วงท่าอ่อนโยนเบามือ ทว่าเล่อเล่อกลับทำตัวเหมือนถูกผึ้งต่อยกระเด้งตัวเหมือนติดสปริงพลางมองเสี่ยวเป่าอย่างนึกสงสัย

“พี่ไม่ใช่เสี่ยวเป่า พี่เป็นใคร?” เล่อเล่อตะคอกเสียงถาม

เมื่อกี้ยอมให้เธอป้อนแล้วตอนนี้ยังเช็ดปากให้เธออีก แถมยังอ่อนโยนขนาดนี้ สิ่งเหล่านี้เสี่ยวเป่าเคยทำมันในอดีตแต่นั่นก็ตั้งแต่ก่อนอายุสิบขวบแล้ว หลังจากครบอายุสิบขวบเสี่ยวเป่าก็รักษาระยะห่างกับเธอแล้วพร่ำบอกแต่ว่าชายหญิงควรรักษาระยะห่างไว้

โดยเฉพาะเมื่อคืนทำท่าทีรังเกียจเธอตีตัวออกห่างไกลกว่าหมื่นเมตรขนาดนั้น ทว่าเพียงคืนเดียวเสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แถมใช้สายตาอ่อนโยนขนาดนั้นมองเธออีกต่างหาก…เล่อเล่อรู้สึกมันงดงามราวกับอยู่ในห้วงฝันไม่ใช่ความจริง

อย่างไรฝันก็ยังคือฝัน คนเรายังคงต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี เล่อเล่อถลึงตาจ้องเสี่ยวเป่าที่ทำท่าเอือมอย่างหวาดระแวงพร้อมตะคอกเสียงถามอีกที “แกเป็นผีมาจากไหน? รีบออกจากตัวเสี่ยวเป่าซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

เสี่ยวเป่าที่อ่อนโยนขนาดนี้ต้องไม่ใช่ตัวจริงแน่นอน ฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว–ผีเข้าสิง

เสี่ยวจูบอกแล้วว่าผีมีอยู่จริง ความจริงปรโลกก็เหมือนโลกคู่ขนานอีกแห่งหนึ่งซึ่งบางครั้งอาจมีผีที่ไม่สงบเสงี่ยมตัวจำนวนหนึ่งออกมาจากโลกเดิมที่เคยอยู่แล้วมาป่วนอยู่ในโลกของพวกเขา

เสี่ยวเป่ารู้สึกปวดใจเล็กน้อยแต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกผิด เมื่อก่อนเขาปฏิบัติไม่ดีกับน้องเล่อเล่อมากไป ตอนนี้ทำดีด้วยเล็กน้อยเล่อเล่อถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้

ในเมื่อรู้ใจตัวเองก็จะไม่หนีไปไหนแล้ว

ทางฝั่งคุณอาเหยียนเขาจะพยายามเกลี้ยกล่อมและจะไม่ปล่อยให้น้องเล่อเล่อต่อสู้เพียงลำพังอีก!

“กลางวันแสก ๆมีผีซะที่ไหน น้ำซุปเนื้อเสร็จแล้ว เธอจะกินไหม?” เสี่ยวเป่าตักน้ำซุปกลิ่นหอมกรุ่นถ้วยหนึ่งวางตรงหน้าเล่อเล่อเพื่อยั่วยวนเธอ

ยัยคนนี้ต้องถูกอาหารเบี่ยงเบนความสนใจไปก่อนแน่นอน

“เอา…พี่เป็นเสี่ยวเป่าจริงเหรอ?” เล่อเล่อรีบแย่งน้ำซุปมาแล้วทำท่ากึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อกับคำพูดของเสี่ยวเป่า

“ไม่อยากกินก็ให้เสวี่ยเอ๋อร์ไป” เสี่ยวเป่าพูดเสียงเรียบยื่นมือหมายจะแย่งน้ำซุปมา

เล่อเล่อรีบเอามือป้องถ้วยน้ำซุปอย่างร้อนใจพร้อมถลึงตาใส่เสวี่ยเอ๋อร์ที่มองตาแป๋วทีหนึ่ง “ไม่ให้ น้ำซุปเป็นของฉัน เสวี่ยเอ๋อร์กินน้ำซุปรสเค็มไม่ได้”

เสวี่ยเอ๋อร์แลบลิ้นมองน้ำซุปเนื้อตาแป๋ว เขาไม่รังเกียจสักนิดว่ารสชาติจะจืดหรือเค็ม ขอเพียงเป็นอาหารฝีมือนายผู้ชายเขาก็ชอบทั้งนั้น!

เสี่ยวเป่าหัวเราะเสียงเบา ความอ่อนโยนในแววตาแทบฆ่าคนมองจมอยู่ในห้วงนั้นเลยทีเดียว เล่อเล่อมองจนตาค้างแล้วหยิกแก้มเขาทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เสี่ยวเป่าที่เป็นแบบนี้ ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ…

เล่อเล่อพลันนึกถึงอะไรบางอย่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปจึงตะโกนเสียงต่ำ “มื้อนี่คือมื้อแยกทางกันใช่ไหม? ฉันไม่ทานแล้ว!”

นักโทษประหารจะมีมื้อใหญ่ก่อนทำการประหารทั้งนั้น จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็ทำของอร่อย ๆมากมายเช่นนี้แถมยังดีกับเธอขนาดนี้ เพราะคิดจะแยกทางกับเธอแน่ ๆ แต่เพราะรู้สึกผิดถึงได้เอาของอร่อย ๆพวกนี้มาซื้อใจเธอสินะ

“หลังจากนี้ฉันจะไม่ปีนขึ้นเตียงของพี่อีกแล้ว…จะไม่ปีนแล้วจริง ๆ…ถ้าปีนอีกฉันคือหมา!” เล่อเล่อวางน้ำซุปลงชูนิ้วเอ่ยสาบานอย่างจริงจัง

ถ้าเสี่ยวเป่าคิดจะแอบหนีไปจริง ๆ เธอคงตามหาไม่เจออีกแน่ ๆ ฉะนั้นต้องพูดดีเพื่อหลอกให้เขาตายใจก่อน จากนี้ค่อยหาทางรวบหัวรวบหางเขาอีกที ไม่ปีนเตียงแต่ปีนขึ้นรถได้นี่นา!

ขั้นตอนไม่สำคัญ ผลลัพธ์ต่างหากที่เธอต้องการ

เสี่ยวเป่าถอนหายใจแล้วตักน้ำซุปป้อนใส่ปากเธอ “ไม่ไปไหนหรอก รีบกินน้ำซุปซะ เย็นหมดแล้ว!”

“ไม่ไปจริงเหรอ?”

“จริง เธอยังจะกินน้ำซุปอยู่ไหม ถ้าไม่กินก็ให้เสวี่ยเอ๋อร์”

“กิน…ใครว่าฉันไม่กินกัน ฉันจะเอาซือจื่อโถวด้วย…”

เล่อเล่อที่ได้คำมั่นสัญญามาก็เบาใจและเริ่มอยากอาหารเหมือนเดิม เธอซดน้ำซุปเนื้อหมดหนึ่งถ้วยแล้วเขมือบซือจื่อโถวหมดหนึ่งลูกภายในสองสามคำแล้วทานติดต่อกันสามลูกก็ทำหน้าอิ่มเอมใจพร้อมสายตาเปื้อนยิ้ม

………………………….

ตอนที่ 2958 อวดความรัก

เสี่ยวเป่าเติมน้ำซุปให้เล่อเล่ออีกถ้วยพร้อมปอกมันเทศให้อีกลูกวางไว้ในถ้วย “กินช้า ๆ มีอีกเยอะ”

เล่อเล่อยัดเนื้อเข้าไปเต็มปากจนแก้มอูมพึมพำเสียงอู้อี้ไม่กี่ประโยคที่แทบไม่มีเวลาสนใจเลยสักนิด อาหารของเสี่ยวเป่าอร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยทานมาในชีวิตเลย ฝีมือของแม่กับป้าฟางยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่เสียดายเสี่ยวเป่าเข้าครัวน้อยครั้งมาก โดยเฉพาะหลายปีมานี้เธอเจอตัวเสี่ยวเป่ายากเย็นเหลือเกิน ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงของอร่อย ๆเลย

“พี่ก็กินด้วยกันสิ” เล่อเล่อคีบซือจื่อโถวป้อนเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าลังเลอึดใจเดียวก็อ้าปากกัดครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่เหลือเล่อเล่อย่อมจับยัดเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉยอยู่แล้ว เสี่ยวเป่ากลับหน้าแดงระเรื่อชั่ววูบพร้อมเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นเป็นไม่จังหวะ

อย่างตอนนี้…คือจูบทางอ้อมที่เขาว่ากันไหมนะ?

เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่อที่ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแวบหนึ่ง ครั้นเห็นผมสยายของเธอก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย พลางล้วงเอาหวีจากถุงนอน “อย่าขยับนะ”

เล่อเล่อนั่งนิ่งไม่ขยับตัวสักนิด เสี่ยวเป่าท่วงท่าอ่อนโยนอย่างมากและทำได้อย่างคล่องมือ ตอนเด็กเนื่องจากเล่อเล่อชอบปีนต้นไม้ทำให้ผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่ประจำ และมักเป็นเสี่ยวเป่าเองที่ช่วยหวีผมถักเปียให้เธออย่างสวยงาม

“พี่จะถักเปียให้เหมือนตอนเด็ก” เล่อเล่ออดคลี่ปากยิ้มไม่ได้ เธอชอบพี่เสี่ยวเป่าหวีผมให้เธอที่สุดเลยเพราะไม่เจ็บสักนิด ไม่เหมือนแม่หวีผมให้เธอทีไรก็ดึงผมขาดไปเป็นกำเชียว

“ได้!” เสี่ยวเป่าแบ่งผมออกเป็นสองข้างอย่างคล่องแคล่ว ผมของเล่อเล่อทั้งดำเงาทั้งเยอะแล้วยังนุ่มลื่นอีกด้วย ยามสัมผัสให้ความรู้สึกราวกับกำลังลูบไล้เส้นไหมราคาแพง

เล่อเล่อซดน้ำซุปอึกใหญ่พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าแทบล้นออกมาจากแก้มอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่คืนเดียวก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เสี่ยวเป่าอ่อนโยนจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อกี้เธอแอบหยิกต้นขาไปทีหนึ่ง เจ็บมาก นี่ไม่ได้กำลังฝันแต่เป็นความจริง

วิธีของเป่ารื่อน่าใช้ได้ผลจริง ๆ แค่ครั้งเดียวก็ทำให้หนิงเสี่ยวเป่าเปลี่ยนความคิดได้ ฮิฮิ…ไว้กลับไปซื้อเครื่องสำอางราคาแพงที่สุดให้เป่ารื่อน่าสักชุดดีกว่า

ใช้เวลาไม่นานเสี่ยวเป่าก็ถักเปียเสร็จทั้งสองข้าง เขามองผมเปียที่ออกจะดูจืดชืดไปสักหน่อยแวบหนึ่งก็ส่ายหน้าก่อนจะไปเด็ดดอกไม้ป่าสีแดงสองดอกแถวนั้นมาปักบนผมเปีย พลันภาพตรงหน้าก็โดดเด่นชวนให้ดูน่าเย้ายวนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“สวยไหม?” เล่อเล่อส่องกระจกแล้วหันมาถาม

“สวย!” เสี่ยวเป่าพยักหน้า

เล่อเล่อดีใจจนยิ้มตาหยีพลางซดน้ำซุปต่ออย่างรื่นเริงใจ เธอชอบเสี่ยวเป่าในตอนนี้จัง เสี่ยวเป่าคนเดิมก็ดีแต่มักให้ความรู้สึกว่าไกลตัวเกินไปเพราะมักตีตัวออกห่างอยู่เสมอ เธอต้องพยายามอย่างหนักทุ่มแรงอย่างมากถึงจะไล่ตามทัน

แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่ากลับลอยลงมาจากฟากฟ้าแล้วเป็นฝ่ายเข้าหาเธอด้วยตัวเอง เธอถูกเสี่ยวเป่าคอยประคบประหงมรักเหมือนตอนเด็กได้อีกครั้ง…มีความสุขจัง!

“หงิง ๆ…”

เสวี่ยเอ๋อร์ทนไม่ไหวจริง ๆถึงได้ส่งเสียงร้องต่ำออกมา นายผู้ชายกับนายผู้หญิงคืนดีกันได้มันย่อมดีใจยิ่งกว่าใครแต่เรื่องไหนก็สำคัญไม่เท่าอาหาร ไม่ให้เขาทานเนื้อก่อนเขาทนได้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ให้อาหารมันอีก ทั้ง ๆที่เห็นอยู่ว่าเนื้อใกล้จะถูกนายผู้หญิงจัดการหมดเกลี้ยงอยู่รอมร่อ

“ไม่ขาดส่วนของแกหรอก”

เสี่ยวเป่ามองค้อนเสวี่ยเอ๋อร์แวบหนึ่งแล้วหยิบน้ำซุปที่ตักไว้ล่วงหน้าออกมาปอกเปลือกมันเทศผสมน้ำซุป ก่อนจะเทลงบนใบไม้สะอาดจนกองพูนขึ้นมา เสวี่ยเอ๋อร์สะบัดหางแล้วลงมือแทะคำโต

เจสันที่คอยอยู่ข้าง ๆครู่ใหญ่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอยากทานลูกชิ้นเนื้อ ไม่อยากทานอาหารหมา[1]แล้ว…

อีกอย่างเขาไร้ตัวตนได้ขนาดนี้เชียวหรือ คนตัวเบ้อเร่ออย่างเขานั่งมองตาแป๋วอยู่ตั้งนานอย่างน้อยก็ควรแบ่งลูกชิ้นให้เขาทานสักลูกสิ!

“เอาถ้วยมาเอง!” เสี่ยวเป่าเอ่ยประโยคหนึ่ง

เจสันตาวาวกลับไปเอาถ้วยมาขอแบ่งน้ำซุปเนื้อหนึ่งถ้วยรวมถึงลูกชิ้นเนื้อสองลูก ส่วนมันเทศเผาเสี่ยวเป่าบอกว่าทานได้ตามใจชอบเลย เจสันก็ย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว

คนอื่น ๆได้แต่มองเจสันด้วยความอิจฉาริษยาพลันยิ่งนึกรังเกียจอาหารกระป๋องกับขนมปังแข็งรสชาติจืดชืดมากกว่าเดิม

“อ๊าก…งู!” มีเสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาจากด้านบน

…………………………..

[1] อาหารหมา ศัพท์แสลงจีนที่ใช้เวลามีคนอวดความรักต่อหน้า

Related

ตอนที่ 2955 ชีวิตต้องการความเป็นพิธีรีตอง

เสี่ยวเป่าเอาเนื้อที่ผ่านการล้างเสร็จไปตุ๋นในหม้อ ข้างในนั้นมีขิงป่าอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อกี้ตอนเขาไปเด็ดผักป่าพบว่ามีขิงป่าอยู่กลุ่มหนึ่งรวมถึงต้นหอมป่าอีกส่วนหนึ่ง เขาเลยเด็ดมาอย่างละนิดละหน่อยใช้เป็นเครื่องปรุงรสได้

ต่อให้อยู่ท่ามกลางหุบเขาใหญ่ก็ต้องรับประกันรสชาติของอาหาร แถมยังทำให้ดูมีความเป็นพิธีรีตองด้วย

นี่เป็นหลักการที่เสี่ยวเป่าใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางหุบเขาใหญ่มานานหลายปี

เจสันมองเสี่ยวเป่ายุ่งวุ่นวายตาแป๋วพลันรู้สึกว่าคนฮวาเซี่ยช่างมหัศจรรย์เสียจริง ไม่มีอะไรที่พวกเขากินไม่ได้ ขุดเอาผักป่าจากพื้นที่ไหนมาก็ทำอาหารรสเลิศได้ทั้งนั้น

คนอื่น ๆก็เดินล้อมเข้ามาอย่างนึกสนใจและแสดงท่าทีว่าสนใจกับอาหารที่เสี่ยวเป่าทำอย่างมาก ดูเป็นพิธีรีตองขนาดนี้คิดว่ารสชาติต้องดีมากแน่ ๆเลย!

เสี่ยวเป่าเติมเครื่องปรุงเครื่องเทศใส่หม้อเป็นระยะ ๆ นี่ล้วนแต่เป็นของที่เขาตามหามาจากละแวกใกล้เคียงนี้ทั้งสิ้น ภูเขาสือว่านมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และมียาสมุนไพรมากมายนับไม่ถ้วน ในนั้นมีเครื่องเทศที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้แถมรสชาติไม่แย่เลยด้วย

สำหรับเสี่ยวเป่าแล้วภูเขาใหญ่เปรียบดั่งปล่อยเสือกลับเข้าป่า ปล่อยปลาลงน้ำ เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในป่าได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆจากโลกภายนอกเลย

เพราะเขาสามารถใช้พืชพรรณหรือสัตว์รอบทิศเพื่อทำอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ได้เสมอ ส่วนเหตุผลที่เขามักออกมาอยู่ประจำ กระทั่งช่วงนี้เขาถึงเข้าใจ–

เพราะคิดถึง…

เขากำลังคิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่ชอบตามเขาต้อย ๆอยู่ด้านหลัง

เสี่ยวเป่าหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและนึกดูถูกดูแคลนตัวเองมาก ในที่สุดก็รู้ใจตัวเองสักที แต่เขากลับรับปากกับคุณอาเหยียนไปก่อนหน้านี้แล้ว หนำซ้ำยังสาบานด้วย เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ?

เขาถอนหายใจแรง ๆทีหนึ่งฝืนใจไม่ให้ตัวเองคิดอะไรอีกพลางคิดว่าจัดการ ‘สมบัติ’ ที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้ก่อนแล้วกัน ไหนจะเจ้าพวกน่ารำคาญที่รายล้อม ๆอยู่ที่นี่แต่ละคนอีก

บางทีอนาคตเขาอาจจะลองเกลี้ยกล่อมขอคุณอาเหยียนอนุญาตให้เขากับน้องเล่อเล่อคบกันก็ได้?

เสี่ยวเป่ามองเข้าไปในเต็นท์แวบหนึ่งด้วยแววตารักใคร่โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน น้องเล่อเล่อโปรดปรานซือจื่อโถว[1] เขาทำซือจื่อโถวอีกสักหน่อยแล้วกัน

อืม…ใกล้ ๆนี้มีมันเทศป่าอยู่ เขาจะไปขุดเอามาทำเป็นมันเทศย่างอีกหน่อย วันนี้เป็นวันสำคัญมากวันหนึ่ง ฉะนั้นต้องมีอาหารรสเลิศอุดมสมบูรณ์และดูพิเศษไว้ฉลองหน่อย อีกอย่างพิธีรีตองก็เป็นสิ่งที่ต้องมี

เสี่ยวเป่าบอกกับเจสันว่า “ช่วยดูไฟให้หน่อย”

เจสันชะงักไปกึกหนึ่งก็ตอบรับอย่างไว “ไม่มีปัญหา”

เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆแล้วเดินขึ้นเนินเขาข้าง ๆพร้อมมือที่หิ้วกระสอบไปด้วย เจสันมองเขาอย่างงุนงง ไม่กลัวว่าเขาจะใส่ยาพิษในน้ำซุปหรือ?

หรือว่าเขามีหน้าตาที่ดูปลอดภัยน่าไว้ใจไม่เป็นพิษสงงั้นสิ?

เจสันลูบแก้มตัวเองอย่างนึกสงสัยแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ ชายชาวฮวาเซี่ยหน้าตาดีคนนี้แววตาใช้ได้ หรือว่าพอได้รูปอาวุธมาแล้วเขาจะลองโน้มน้าวใจปิแอร์ดูว่าให้ไว้ชีวิตสองสามีภรรยาหน้าตาสะสวยคู่นี้ไปเถอะ พวกเขาแค่ทำภารกิจสำเร็จก็พอ ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนนี่นา!

ราว ๆครึ่งชั่วโมงต่อมาเสี่ยวเป่าก็หิ้วมันเทศป่าเต็มกระสอบกลับมา มืออีกข้างยังมีสร้อยคอสีแดงฉานพวงใหญ่ที่ความจริงเป็นสร้อยคอที่ใช้สตรอว์เบอร์รีป่าร้อยเข้ากัน ทั้งลูกใหญ่ทั้งแดงเหมือนหินโมราแดงก็ไม่ปาน

เจสันอดกลืนน้ำลายเอือกหนึ่งไม่ได้ เขาชอบสตรอว์เบอร์รีที่สุดเลย ไปเด็ดมาจากไหนเยอะแยะกัน?

สักพักเขาจะลองขึ้นไปดูบนนั้นบ้าง ผู้ชายหน้าตางดงามคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนบ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้น อยากทานอะไรก็ไปเดินหาจากสวนผักสักรอบ อยากได้ก็มีหมด

เสี่ยวเป่าวางสตรอว์เบอร์รี่ป่าอย่างดี เล่อเล่อชอบทานอันนี้ เมื่อกี้เขาเห็นว่ามีหลุมงูอยู่ใกล้ ๆ รวมถึงสตอเบอร์รี่ป่าหลายต้นที่ยังไม่ถูกนกน้อยจิกกินจนหมดจึงเด็ดผลมาทั้งต้น ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงคาดว่าบนเขาคงหาสตรอว์เบอร์รี่สดเช่นนี้ได้ยากมากแล้ว

……………………………

ตอนที่ 2956 อาหารเช้าสุดวิเศษ

เสี่ยวเป่าเอามันเทศป่าโยนเข้ากองไฟแล้วแล่เนื้อกระต่ายมาสับจนละเอียด จากนั้นสับหอมป่าจนละเอียดรวมถึงเครื่องเทศอีกจำนวนหนึ่งก่อนจะเทรวมกับเนื้อบดแล้วผสมให้เข้ากัน

เขาเขี่ยเอามันเทศย่างสุกลูกหนึ่งออกจากกองไฟ หลังจากปอกเปลือกมันออกก็เผยให้เห็นเนื้อขาวอมชมพู เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างพอใจแล้วบดเนื้อของมันเทศผสมกับเนื้อบด มันเทศมีส่วนผสมหลักคือแป้ง เช่นนี้ก็จะช่วยให้เมนูซือจื่อโถวรสชาตินุ่มละมุนขึ้นอีกนิด

เจสันกับคนอื่น ๆต่างละสายตาจากการแสดงของเสี่ยวเป่าไม่ได้เลย พวกเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่กลางป่ากลางเขาแต่กำลังอยู่หลังครัวร้านอาหารระดับห้าดาวที่มีอุปกรณ์ครบครันคอยรับชมการแสดงของหัวหน้าพ่อครัวอยู่

“นี่ทำอะไรเหรอ?” เจสันกลืนน้ำลายแล้วอดถามไม่ได้

“ซือจื่อโถว”

เสี่ยวเป่าเริ่มปั้นเนื้อเป็นก้อน ๆแล้ววางเรียงบนใบไม้สะอาดทีละลูก ไม่มีหม้อสำหรับนึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเสี่ยวเป่าเลย เขาตัดไม้ไผ่มาท่อนหนึ่งแล้วกรีดออกมาเป็นเส้นบาง ๆก่อนจะนำไปย่างบนไฟสักครู่รอให้ไม้ไผ่อ่อนลงเสี่ยวเป่าก็เริ่มทำการสานไม้ไผ่อย่างคล่องแคล่วคล้ายกำลังถักเสื้อก็ไม่ปาน ทุกคนดูจนตาลายไปหมด ไม่นานตะแกรงไม้ไผ่อันหนึ่งก็สานเสร็จเรียบร้อย

เสี่ยวเป่าเอาลูกชิ้นเนื้อก้อนกลมวางบนตะแกรงแล้ววางซ้อนหม้อเหล็กที่มีไอร้อนพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย จากนั้นก็หยิบเอาใบไม้ใบใหญ่มาปิดไว้ รอน้ำซุปเคี่ยวเสร็จซือจื่อโถวก็นึ่งสุกพอดี

ใช้เวลาไม่นานรสชาติหอมกรุ่นก็กระจายไปทั่วอากาศกระตุ้นโสตประสาทและการรับกลิ่นของทุกคน พวกเขาต่างลอบกลืนน้ำลายกันโดยไม่รู้ตัวพลางมองเสบียงอาหารกระป๋องกับขนมปังแข็งในมือตัวเองด้วยสายตารังเกียจ

เทียบกับอาหารรสเลิศของเสี่ยวเป่าแล้ว อาหารของพวกเขาสู้ไม่ได้แม้กระทั่งอาหารหมูเลยด้วยซ้ำ

เล่อเล่อถูกปลูกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมของอาหาร เธอขยี้ตาเดินออกมาด้วยท่าทีสะลึมสะลือ เธอสูดกลิ่นอย่างแรงแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “เสี่ยวเป่าพี่กำลังนึ่งซือจื่อโถวใช่ไหม? แล้วก็มันเทศเผาด้วย…”

ต่อหน้าอาหารรสเลิศเล่อเล่อก็หลงลืมคำสั่งของเป่ารื่อน่าไปจนหมดสิ้น เธอรีบล้างหน้าล้างตาแปรงฟันอย่างลวก ๆแล้วย่อตัวลงข้างกองไฟข้างเสวี่ยเอ๋อร์แล้วจ้องเสี่ยวเป่าตาแป๋ว

“ยังไม่สุก รออีกหน่อย ทานมันเทศเผาไปก่อนแล้วกัน”

เสี่ยวเป่าเขี่ยเอามันเทศดำปี๋ออกมาจากกองไฟวางตรงหน้าเล่อเล่อพร้อมกำชับเสียงอ่อนโยน “รอให้เย็นค่อยทานนะ ระวังลวกมือด้วย”

“รู้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ” เล่อเล่อตอบรับไปทีหนึ่งอย่างไม่พอใจแต่กลับยื่นมือไปโดยไม่รู้ตัว พอแตะโดนมันเทศร้อนจี๋ก็ชักมือกลับเหมือนโดนไฟฟ้าสถิตพร้อมปลายนิ้วแดงเป็นดวง ๆ

เสี่ยวเป่าถอนหายใจอย่างระอา เด็กสามขวบยังเชื่อฟังกว่ายัยเด็กคนนี้เลย ขนาดโดนลวกมือทุกครั้งก็ยังไม่หลาบจำ

“ยื่นมือมา” เสี่ยวเป่าเด็ดใบไม้มาหลายใบแล้วตำจนเละ จากนั้นก็ทาบนปลายนิ้วที่โดนลวกของเล่อเล่อพร้อมเอาใบไม้ใบใหญ่มาพันไว้อย่างดี

“ไม่เจ็บแล้ว ทานมันเทศกัน”

เล่อเล่อสะบัดนิ้วทีหนึ่งแล้วคลี่ยิ้มกว้างให้เสี่ยวเป่า เธอหยิบมันเทศลูกหนึ่งขึ้นมาปอกเปลือกเผยให้เห็นเนื้อมันเทศสีขาวอมชมพูที่ยังมีไอร้อนลอยโขมงแล้วกัดคำหนึ่งอย่างอดใจไม่ไหว “หอมจัง มันเทศป่าหอมจริง ๆ อร่อยมากด้วย”

เธอซัดมันเทศลูกหนึ่งหมดในสองสามคำแล้วปอกอีกลูกมายื่นจ่อปากเสี่ยวเป่า “รีบทาน อร่อยมากเลย”

เสี่ยวเป่าไม่ได้หลบเหมือนแต่ก่อนแต่มองเล่อเล่อด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่งก็กัดคำโตพลางยิ้มเอ่ย “อร่อยมากจริง ๆ”

เล่อเล่อชะงักค้างมองเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีตกตะลึง ทำไมไม่รับไปทานเองล่ะ ตั้งแต่อายุครบสิบขวบเสี่ยวเป่าก็ไม่ให้เธอป้อนอาหารอีก นี่คงไม่ได้กำลังละเมออยู่หรอกนะ?

เสี่ยวเป่าหัวเราะเสียงเบาแล้วเขี่ยปลายจมูกเล่อเล่อทีหนึ่ง “น้ำลายไหลแล้ว”

เล่อเล่อรีบใช้มือปาด ก็แห้งนี่นา…เธอถึงกลอกตาใส่เสี่ยวเป่าแวบหนึ่งคร้านจะนึกหาเหตุผลแล้วเอามันเทศที่เสี่ยวเป่ากัดไปคำหนึ่งมาทานต่อ ซือจื่อโถวนึ่งเสร็จแล้ว เสี่ยวเป่ายกตะแกรงมาวางบนพื้นซึ่งในนั้นมีซือจื่อโถวกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ นอกจากสีจะจางไปสักหน่อยแต่กลิ่นกลับไม่แพ้ร้านอาหารร้านดังเลย

“ไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปเด็ดสตวอเบอร์รีข้างบนนั้นบ้าง” ชายหนุ่มจากประเทศญี่ปุ่นคนหนึ่งเอ่ยพึมพำลุกยืนแล้วปีนขึ้นเนินเขาที่เสี่ยวเป่าเพิ่งปีนลงไปเมื่อครู่

เสี่ยวเป่ามองไปยังหมอนั้นแวบหนึ่งพร้อมอมยิ้มน้อย ๆดูมีเลศนัยบางอย่าง

…………………

Related

ตอนที่ 2953 ผู้ชายมันไม่เจียมตัว

เสี่ยวเป่าในเวลานี้กลับมองเล่อเล่อที่อยู่ในเต็นท์อย่างนึกปวดศีรษะ เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าก่อนหน้านี้เล่อเล่อจงใจพูดเช่นนั้น แต่คิดจะมาแก้ไขเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

“พี่จะไปนอนข้างนอก” เสี่ยวเป่าหันหลังจะเดินออกไป

ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้านอนร่วมห้องเดียวกับเล่อเล่อ เขากลัวว่าตัวเองจะเผลอทำพลาดอะไรขึ้นมา และเขายิ่งกลัวว่าเล่อเล่อจะมุดเข้าถุงนอนของเขาตอนกลางดึกด้วย

“แต่เรากำลังฮันนีมูนอยู่นะ ถ้าพี่ออกไปจะทำให้คนอื่นสงสัยไม่ใช่เหรอ?” เล่อเล่อมองเขาด้วยใบหน้าอมยิ้ม

เสี่ยวเป่าชะงัก ภายในใจสับสนอย่างนัก ไม่ว่าจะออกไปหรือไม่ออกล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น เขาควรทำอย่างไรดีล่ะ?

“ขอให้คืนนี้พวกเธอมีความสุขนะ เราจะไม่มารบกวนพวกเธอแน่นอน” เจสันวิ่งมาหาแล้วขยิบตาให้แฝงนัยยะบางอย่าง

“ขอบคุณ เราจะต้องมีความสุขมากแน่” เล่อเล่อโบกมือให้เขาแล้วเค้นรอยยิ้มกว้างตอบอีกฝ่าย

เสี่ยวเป่าเองก็เค้นรอยยิ้มตอบแล้วพับความคิดที่จะออกไปนอนข้างนอกเก็บไป ไม่เป็นไร เขาสามารถเรียกงูน้อยที่น่ารักมาเฝ้าหลาย ๆตัวได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรพวกเน่าเน่าจะมาถึงสักที

ตอนบอกเน่าเน่า เสี่ยวเป่าคิดไว้แล้วว่าเน่าเน่าคงเรียกเสี่ยวจูมาด้วย อีกอย่างเจ้าเด็กเสี่ยวจูไม่มีทางทิ้งยายลี่สือเอ้อร์ไว้ข้างหลังแน่ คาดว่าสามคนนั้นคงมาถึงวันพรุ่งนี้

โทรศัพท์ของเสี่ยวเป่าแผดเสียงดังขึ้น พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาพอดี เพราะเน่าเน่าเป็นคนส่งข้อความมา ‘มาถึงเชิงเขาหนิวเหว่ยแล้ว พรุ่งนี้รวมตัวกัน’

เขาอมยิ้มพลางเอ่ยต่อเล่อเล่อว่า “พวกเน่าเน่าจะมาถึงวันพรุ่งนี้”

เล่อเล่อย้อนถาม “นอกจากเน่าเน่าจะมีใครอีก? พี่คงไม่ได้เรียกเสี่ยวจูมาด้วยหรอกนะ?”

เสี่ยวเป่าทำหน้าไร้เดียงสา “เสี่ยวจูเน่าเน่าเป็นคนเรียกมา แล้วก็สือเอ้อร์เสี่ยวจูก็เป็นคนเรียกมา”

เล่อเล่อถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งก่อนหัวเราะกล่าว “ตอนที่พี่ชวนเน่าเน่าจะเดาผลลัพธ์ตอนนี้ไม่ออกเหรอ? หนิงเสี่ยวเป่าพี่อย่ามาทำเป็นไขสือต่อหน้าฉันหน่อยเลย พี่ก็แค่ไม่อยากอยู่กับฉันสองต่อสองเท่านั้นแหละ วางใจได้ หลังจากนี้ฉันจะไม่ตามตื๊อพี่อีกแล้ว พี่อยากทำอะไรก็ทำ จากนี้ไม่เกี่ยวกับฉันอีก!”

เธอจัดการปูถุงนอนอย่างดีแล้วแค่นเสียงกล่าวอีกที “แต่บนเขาพี่ต้องให้ความร่วมมือเล่นละครกับฉัน แต่ไม่อยากเล่นก็ได้ งั้นฆ่าคนพวกนั้นทิ้งซะ”

พูดจบเล่อเล่อก็มุดเข้าถุงนอนเตรียมเข้านอนโดยไม่แม้แต่ปรายตามองเสี่ยวเป่าอีก

เสี่ยวเป่าตกใจยกใหญ่ ทำหน้าเลิ่กลั่ก ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆเล่อเล่อถึงเปลี่ยนสีหน้าท่าทีไป เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลยแหนะ!

“ใช่ว่าพี่ไม่อยากอยู่กับเธอสองต่อสองสักหน่อย…” เสี่ยวเป่าอธิบาย การได้อยู่กับน้องเล่อเล่อเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน แต่เงื่อนไขคือเล่อเล่อห้ามปีนขึ้นเตียงเขากลางดึกแค่นั้นเอง

เล่อเล่อแค่นเสียงทีหนึ่ง “ฉันจะนอนแล้ว พี่อย่ากวนฉัน!”

เธอหันหลังให้เสี่ยวเป่าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเสี่ยวเป่า ถ้าเสี่ยวเป่าเข้ามาใกล้อีกนิดจะเห็นว่าเล่อเล่อกำลังทำหน้าประหม่าอย่างมากพร้อมทั้งสองมือที่กำแน่นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อกี้เล่อเล่อเสียใจจริง ๆ เธอคอยเอาอกเอาใจอีกฝ่ายมาโดยตลอด เสี่ยวเป่าเองก็มักหลีกเลี่ยงการเอาใจของเธออยู่เสมอ เธอฝืนต่อไปก็มีแต่จะเจ็บปวดทว่าไม่นานเธอก็จะหายดีเอง เสี่ยวเป่าแค่มีข้อกังวลในใจถึงได้คอยปฏิเสธเธอเรื่อยมา

เธอต้องเปลี่ยนวิธีซึ่งใช้วิธีที่เป่ารื่อน่าเสนอมาแล้วกันโดยเย็นชากับหนิงเสี่ยวเป่าไปสักระยะ เป่ารื่อน่าพูดถูก ผู้ชายต่างเป็นเพศที่ไม่เจียมตัว จะทำดีกับพวกเขาเกินไปไม่ได้เชียว!

เล่อเล่อพยายามห้ามใจไม่ให้หันกลับไป เธอจะต้องแข็งใจไว้ อย่างน้อยก็ต้องแข็งใจให้ได้สักสามวันเพราะไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ที่เธอทำไปก็จะสูญเปล่า!

เสี่ยวเป่าถอนหายใจแล้วมุดเข้าถุงนอนอีกคนอย่างรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

เล่อเล่อตามตื๊อเขามาตลอดทำให้เขาพะวงและว้าวุ่นไปหมด พอตอนนี้เล่อเล่อไม่ตามตื๊อเขาแล้วเขากลับพะวงและว้าวุ่นใจไม่ต่างกัน เสี่ยวเป่าหยิกตัวเองทีหนึ่งอย่างหงุดหงิด มิน่าน้องเล่อเล่อถึงรำคาญเขา เขายังรำคาญตัวเองที่ย้อนแย้งในตัวเองแบบนี้เลย

………………………………….

ตอนที่ 2954 สิ่งตอบแทนจากธรรมชาติ

หนึ่งคืนผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย เสี่ยวเป่าตื่นนอนท่ามกลางเสียงนกร้อง นาฬิกาชีวิตเขาตรงต่อเวลาอย่างมากเพราะเขาตื่นในเวลาตีห้าทุกเช้าอย่างอัตโนมัติ ข้างหูมีเสียงหายใจอย่างเป็นจังหวะของเล่อเล่อ เสี่ยวเป่าหันกลับไปก็เห็นเล่อเล่อที่หันกลับมาแล้ว

เล่อเล่อใช้มือหนึ่งวางไว้ใต้แก้ม แก้มถูกทับจนแบน แก้มอูมนั่นขับให้ดูน่ารักกว่าช่วงกลางวันมากโขเรียกให้เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างอดไม่ได้ ตอนเล่อเล่อนอนยิ่งเหมือนวัยเด็กมากเข้าไปใหญ่ ใบหน้ากลมดิ๊กที่ตามติดอยู่หลังเขาไม่ห่าง มีอันตรายก็จะพุ่งมาอยู่หน้าเขาเป็นคนแรกเสมอ…

ตอนโตเล่อเล่อไม่ค่อยมีแก้มเท่าไร ทั้งตัวสูงโปร่งทั้งผอมชะรูดไม่เหมือนช่วงวัยเด็กเลยสักนิด แต่มีจุดหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปก็คือยังคงชอบตามตื๊อเขาเหมือนวัยเด็ก

เสี่ยวเป่ายิ้มค้างแบบนั้นพลางรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

เพราะเมื่อคืนเล่อเล่อประกาศแล้วว่าหลังจากนี้จะไม่ตามตื๊อเขาอีก

เสี่ยวเป่าถอนหายใจเบา ๆแล้วมุดออกจากถุงนอนอย่างระมัดระวัง เสวี่ยเอ๋อร์ที่ฟุบอยู่ระหว่างพวกเขาลืมตาขึ้นมองไปข้างนอกเต็นท์อย่างระแวง เสี่ยวเป่าลูบศีรษะเสวี่ยเอ๋อร์เบา ๆเตรียมออกไปทำกับข้าวข้างนอก

ข้างนอกมีเต็นท์กางอยู่หลายจุดทีเดียว ทุกคนต่างตื่นนอนกันหมดแล้ว พอเห็นเสี่ยวเป่าก็ทยอยเอ่ยทักทายเขา

เสี่ยวเป่าอมยิ้มน้อย ๆก่อนจะจุดไฟที่ดับมอดไปให้ติดอีกครั้ง ไม่ต้องให้เขาสั่งงานก็มีแสงขาววาบออกมา เป็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่ออกไปหาอาหารนั่นเอง

กลางป่ากลางเขามีอาหารป่าล้นหลาม เสวี่ยเอ๋อร์ใช้เวลาไม่นานก็คาบกระต่ายป่าหลายตัวกลับมาโยนไว้ตรงหน้าเสี่ยวเป่า จากนั้นก็เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง เสี่ยวเป่ายื่นมือลูบหัวมันหลายทีพร้อมเอ่ยชมว่า “เก่งจริง ๆ เดี๋ยวให้แกกินก่อนเลย”

เสวี่ยเอ๋อร์เลียมือเขาทีหนึ่งแล้วกลับเข้าเต็นท์ไปอย่างพึงพอใจ

คนอื่น ๆได้แต่มองมาทางนี้อย่างนึกอิจฉา พวกเขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเสวี่ยเอ๋อร์เป็นหมาป่าแต่ไม่คิดว่าหมาป่าตัวนี้จะถูกเสี้ยมสอนให้เชื่องกับมนุษย์ขนาดนี้ มิน่าทั้งคู่ถึงไม่พกเสบียงอาหารมาด้วย อยากกินอะไรก็ให้เสวี่ยเอ๋อร์ไปตามจับถึงได้กินเนื้ออยู่ทุกวี่วัน ไหนจะทำอาหารได้หอมขนาดนั้นอีก ส่วนพวกเขากลับมีแต่อาหารกระป๋องกับขนมปังแข็งเท่านั้น

เสี่ยวเป่าจัดการถอนขนผ่าท้องกระต่ายป่าอย่างคล่องมือ ทานแต่เนื้อย่างทุกวันจะเป็นร้อนในได้ง่าย เมื่อกี้เขาสังเกตเห็นว่าปลายคางของเล่อเล่อมีสิวขึ้นสองเม็ดแล้ว วันนี้เขาจะตุ๋นน้ำซุปสักหน่อยบวกกับเมนูผักรสชาติจืดจางที่ช่วยแก้อาการร้อนในได้

เขากวาดตามองรอบตัวซึ่งไม่นานก็เห็นว่ามีผักหลายชนิดที่สามารถทานได้ ทั้งยังสดใหม่อย่างมาก เสี่ยวเป่าเด็ดเอาส่วนปลายที่อ่อนนุ่มที่สุดมาโดยใช้เวลาไม่นานก็ได้มาเต็มกระเป๋าแล้ว

“ผักพวกนี้ทานได้เหรอ?” เจสันเดินเข้ามามองผักป่าในมือเสี่ยวเป่าอย่างสงสัย ในสายตาเขาพวกนี้ก็เหมือนหญ้า มีแต่วัวกับแกะที่กินหญ้า

“ใช่”

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับแล้วเดินหอบผักป่ากลับไปข้างกองไฟ ผักป่าสะอาดจนแทบไม่จำเป็นต้องล้างก่อนเลย เจสันเด็ดเอาผักป่าจากมือเสี่ยวเป่ามาหลายใบแล้วส่งเข้าปากเคี้ยว แต่ไม่นานก็คายออกมาด้วยใบหน้าเหมือนอมขี้

“ขมจัง นายแน่ใจหรือว่าจะทานหญ้าที่ขมขนาดนี้ได้?” เจสันเดินมาหาพลางมองผักป่าเหล่านั้นอย่างนึกสงสัย รสชาติขมยิ่งกว่ายา หรือว่าลิ้นการรับรสของคนฮวาเซี่ยต่างไปจากพวกเขาอย่างนั้นหรือ?

เสี่ยวเป่าหัวเราะแล้วเริ่มทำอาหาร เขาเอาหม้อเหล็กวางบนกองไฟแล้วล้างเนื้อที่หั่นเสร็จสรรพพร้อมกับผักป่า ผักป่าไม่สามารถทานดิบ ๆได้อยู่แล้ว มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะทานแบบนั้น มันต้องล้างผ่านน้ำก่อนถึงจะช่วยล้างความขมฝืดของผักไปได้

เจสันคอยดูเสี่ยวเป่าวุ่นวายกับสิ่งของตรงหน้าตามลำดับขั้นตอนราวกับกำลังดูรายการทำอาหารอยู่ เขาตัดสินใจนั่งอยู่ข้าง ๆ แม้ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าจะทำอะไรแต่ดูแล้วคงอร่อยน่าดู เขาจะนั่งอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวอาหารเสร็จเสี่ยวเป่าน่าจะแบ่งเขาบ้างสินะ!

ว่ากันว่าคนฮวาเซี่ยมีน้ำใจมากไม่ใช่หรือ หลายวันมานี้เอาแต่ทานอาหารกระป๋องจนพะอืดพะอมไปหมดแล้ว!

…………………

Related

ตอนที่ 2951 เซอร์ไพรส์อยู่ไหน

เน่าเน่าสงสัยว่าเซอร์ไพรส์ของเสี่ยวจูคืออะไร เขาเดาว่าอาจจะเป็นธนบัตรเพราะช่วงนี้ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินไป หลังจากเงินของเขาที่หักจากการซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับการเดินป่ากับซื้อตั๋วเครื่องบิน เงินในบัญชีก็เหลือแค่ไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น

เสี่ยวจูรายได้ดีต้องมีเงินไม่น้อยแน่ ๆ หมอนี่วัน ๆเอาแต่หมกตัวนอนอยู่ในห้องตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยไม่ได้ใช้เงิน

เหตุผลสำคัญที่เน่าเน่าชวนเสี่ยวจูมาด้วยก็เพราะเขาเหลืองบประมาณไม่มากแล้ว ถ้าไม่เรียกเสี่ยวจูมาด้วยเขาคงมีเงินไม่พอเหมารถมาด้วยซ้ำ

รอในสนามบินอยู่นาน เน่าเน่าเอาเงินไม่กี่ร้อยที่เหลือเปลี่ยนเป็นบะหมี่เนื้อไม่กี่ถ้วยเติมเต็มกระเพาะ เน่าเน่าลูบท้องพลางทำหน้าหงุดหงิด รู้งี้สู้สั่งหม้อไฟมาทานแต่แรกยังจะดีกว่า!

บะหมี่ไม่กี่ถ้วยไม่ได้ช่วยให้เขาหายหิวเลย น้ำซุปหม้อไฟคลุกข้าวอย่างน้อยก็พออยู่ท้องบ้าง เน่าเน่ามองยอดเงินที่เหลือในบัญชีอย่างเศร้าใจ แม้แต่เลขหลังทศนิยมหลักสิบยังเป็นเลขศูนย์เลย ถ้าเสี่ยวจูยังไม่รีบมาอีกเขาจะไม่มีกระทั่งข้าวเย็นทานด้วยซ้ำ

บะหมี่เนื้อเกือบย่อยหมดแล้วและในที่สุดเสี่ยวจูก็มาสักที เน่าเน่าเดินปรี่เข้าไปต้อนรับอย่างดีใจพลางโอบไหล่น้องชายเอาไว้ “เซอร์ไพรส์อยู่ไหน?”

“ใกล้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง” เสี่ยวจูยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง

เน่าเน่าไม่ได้ใส่ใจแต่หน้ายิ้มแฉ่งกล่าว “นายโอนเงินให้ฉันก่อนสิ ในบัตรฉันเหลือเงินแค่ไม่กี่หยวนแล้ว”

เสี่ยวจูกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง แม่ให้ความเท่าเทียมในการดูแลพวกเขาสองคนมาตลอดซึ่งไม่มีทางลดจำนวนเงินของหมอนี่แน่ เขาคงเอาเงินไปเลี้ยงสาวหมดอีกแล้วแหง เขาควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโอนเงินไปให้อีกฝ่ายสองหมื่น

“ถ้าใช้หมดอีกฉันจะไม่โอนให้อีกแม้แต่หยวนเดียว” เสี่ยวจูกล่าวเตือน

“เดือนหน้าแม่จะโอนเงินมาให้ฉัน สองหมื่นหยวนพอใช้สักระยะแล้ว” เน่าเน่าเอ่ยยิ้มหน้าบาน

“พี่สาวกับพี่เสี่ยวเป่าไปภูเขาสือว่านทำไม?” เสี่ยวจูถาม

“ไม่รู้ สงสัยจะไปเที่ยวมั้ง นายจะสนใจทำไมเยอะแยะ มีให้เที่ยวให้เล่นก็พอ ไปกัน เราไปเหมารถสักคัน เพราะต้องขึ้นเขาทางอำเภอผานกู่ คาดว่าจะต้องเดินสักหกถึงเจ็ดชั่วโมงเลยล่ะ”

เน่าเน่าเดินโอบเสี่ยวจูไปข้างนอก เขาต้องทานมื้อใหญ่ให้อิ่มท้องก่อนค่อยว่า

“เหยียนเน่าเน่า…” เสียงใสดังแว่วมาแต่ไกล

เน่าเน่าสีหน้าเปลี่ยนไปคิดจะหนีทันทีเหมือนได้ยินบทคาถารัดเกล้าของซุนหงอคงก็ไม่ปาน ยัยคนนี้ปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน ฉับพลันเน่าเน่าก็นึกถึงเซอร์ไพรส์ที่เสี่ยวจูเอ่ยถึงก็เอากำปั้นทุบตัวเสี่ยวจูแรง ๆทีหนึ่งด้วยความโกรธ ความรู้สึกขอบคุณกับเงินสองหมื่นเมื่อกี้สลายหายไปในพริบตา

“นายเป็นบ้าหรือไง เรียกเธอมาทำไมกัน?” เน่าเน่ากระชากแขนเสี่ยวจูวิ่งออกไปข้างนอก

“มีประโยชน์น่า อีกอย่างสือเอ้อร์สัญญาแล้วว่าจะให้จิตวิญญาณน้ำห้าลูก เดี๋ยวแบ่งให้นายสองลูกเลย” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างเนิบนาบเรียกให้เน่าเน่าหยุดฝีเท้าแล้วชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว

“อย่างมากสองอัน จะเอาไม่เอาก็แล้วแต่” เสี่ยวจูไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์พี่น้องของเขากับเน่าเน่าก็มีค่าแค่สองอัน มากเกินกว่านั้นไม่มีให้หรอก

เน่าเน่าเบะปาก ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยเถียงชนะเสี่ยวจูมาก่อนทั้งที่เขาต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่!

ลี่สือเอ้อร์วิ่งตามมา อีกฝ่ายเป็นเด็กสาวตัวสูงโปร่งแก้มกลมป่องเหมือนทารกเลยทำให้ดูเด็กไม่เสื่อมคลาย แต่พอจะดูออกว่าตอนโตต้องเป็นหญิงงามคนหนึ่งอย่างแน่นอน

“เหยียนเน่าเน่านายจะวิ่งหนีทำไม ฉันไม่ได้จะกินนายสักหน่อย นายไปเรียนที่อเมริกาทำไมไม่บอกฉัน ฉันไปเรียนด้วยกันกับนายได้นี่…” ลี่สือเอ้อร์พูดเสียงเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เดินออกจากสนามบินมาก็ไม่เคยหยุดปากเลย

เน่าเน่ากระทุ้งหลังเอวของเสี่ยวจูแรง ๆทีหนึ่งด้วยความโกรธ เสี่ยวจูลูบจมูกปอย ๆพลางกล่าว “จิตวิญญาณน้ำล่ะ?”

สือเอ้อร์ไม่พอใจมากที่ถูกขัดจึงกลอกตาใส่เสี่ยวจูแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ หยิบกล่องหยกขาวใบหนึ่งจากกระเป๋าแล้วส่งให้เสี่ยวจูอย่างนึกปวดใจ เธอฝึกทำจิตวิญญาณน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบซึ่งรวม ๆกันแล้วเพิ่งทำได้แค่สิบลูกเท่านั้นเอง

“เหยียนเน่าเน่า ฉันยอมจำนนต่อเสี่ยวจูเพราะเห็นแก่มิตรภาพระหว่างเรานะ…”

“มิตรภาพฉันจะมีหรือไม่มีก็ได้” เน่าเน่าแค่นเสียงทีหนึ่ง ระหว่างชายหญิงมีมิตรภาพบ้าบออะไรได้เล่า หากไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบข้ามคืนก็คือความรัก…

และอีกแบบหนึ่งก็คือความสัมพันธ์แบบแฟนเก่า!

…………………………………

ตอนที่ 2952 ชีพจรมังกร

“งั้นเรามาพัฒนาให้เป็นความรักกันเถอะ!” สือเอ้อร์มองด้วยสีหน้าจริงจังดวงตาเป็นประกายวิบวับ

เน่าเน่าแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ฉันไม่สนใจต้นอ่อนหรอกนะ ฉันขอบอกกฎกติกาก่อน ถ้าจะไปผจญภัยกับเราต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าไม่ทำตามก็ไม่ต้องตามเรามา”

“นายบอกก่อนว่ากฎอะไร!”

สือเอ้อร์เบะปากน้อย ๆ อีกไม่นานเธอก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงตอนนั้นเน่าเน่าต้องหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเธอแน่

“ฉันมีแค่เงื่อนไขเดียว ห้ามคุยจ้อไม่หยุดต่อหน้าฉัน ถ้าจะคุยก็ไปคุยกับเสี่ยวจูโน้น!” เหตุผลที่เน่าเน่าคอยหลีกเลี่ยงสือเอ้อร์ก็เพราะกลัวต่อความแรงเยอะของยัยเด็กคนนี้ ปากเล็ก ๆนั่นสามารถพูดจ้อได้ไม่หยุดตั้งแต่เช้ายันดึก นอกจากเวลาไปเข้าห้องน้ำก็คุยจ้อไม่มีหยุดพัก

สือเอ้อร์ตอบเสียงไม่พอใจ “ฉันไม่ตกลง ฉันชอบคุยกับนาย คุยกับเจ้าบ้าเสี่ยวจูไม่สนุก นายใจร้ายมากถ้าไม่ให้ฉันพูด ต่อให้เรายังไม่ใช่ความสัมพันธ์คู่รักในตอนนี้แต่ก็เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้ล่ะ…”

“หยุด…ระหว่างฉันกับเธอไม่มีวันเป็นคู่รักตลอดชีวิต เธอต้องยอมรับกับความจริงอันแสนโหดเหี้ยมนี้ให้ได้ ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย ทะเลเหือดแห้งก้อนหินผุพัง ต่อให้ทั้งโลกเหลือผู้หญิงแค่คนเดียวเป็นเธอ ระหว่างฉันกับเธอก็เป็นไปไม่ได้!”

เน่าเน่าพูดขัดสือเอ้อร์แล้วเอ่ยย้ำรอบที่หนึ่งร้อยแปด

เขาไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมสือเอ้อร์ถึงตั้งใจจะเอาเขามาเป็นสามีให้ได้ แม้เขาหน้าตาหล่อแถมยังมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาแต่ความห่างของช่วงวัยมีให้เห็นกันอยู่ เขาจะชอบยายเด็กตัวเปียกที่แบนราบทั้งหน้าและหลังแบบนี้ได้อย่างไร?

ไหนจะเป็นเด็กตัวเปียกที่พูดมากยิ่งกว่านกกระจอกเสียอีก!

แปดชาติแปดภพก็เป็นไปไม่ได้ เขาเหยียนเน่าเน่าไม่ได้โง่ถึงขนาดจะยอมทอดทิ้งสวนดอกไม้ต้นงามอุดมสมบูรณ์เพื่อดอกบานบุรีที่ยังเป็นแค่ต้นอ่อนเติบโตไม่เต็มที่เพียงต้นเดียวหรอก มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะทำเรื่องโง่ ๆเช่นนี้!

สือเอ้อร์ไม่คิดจะใส่ใจกับถ้อยคำทำร้ายจิตใจแบบนี้เลยสักนิด แววตาวูบไหวอย่างเจ้าเล่ห์ ของอะไรที่เข้าตาเธอไม่ว่าจะเป็นของตายหรือสิ่งมีชีวิตล้วนไม่เคยหนีพ้นเงื้อมมือของเธอสักครั้ง

“ตอนนี้นายอย่าเอาแต่สนุกปาก ถึงตอนนั้นคนที่จะเสียใจภายหลังคือนายเองนะ” สือเอ้อร์ยิ้มตาหยีตักเตือน

เน่าเน่าแค่นเสียงทีหนึ่ง สมองเขาพิการน่ะสิถึงจะเสียใจภายหลังได้

ทั้งสามทานมื้อเย็นด้วยกันแล้วเหมารถแท็กซี่คันหนึ่งให้คนขับรถพาพวกเขาไปส่งที่อำเภอผานกู่ภายในคืนวันนั้นเลย โชคดีที่พวกเขาสามคนอายุไม่มากไม่อย่างนั้นโชเฟอร์ไม่มีทางรับงานนี้แน่ ๆ

“เธอรู้ไหมว่าพี่สาวฉันไปทำอะไรที่ภูเขาสือว่าน?” เสี่ยวจูใช้ภาษาอังกฤษถาม

“ฉันเดาว่าน่าจะเรื่องสมบัติที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้…” สือเอ้อร์เล่าเรื่องหยกแขวนไป

เน่าเน่าทำหน้าตื่นเต้น เขารู้อยู่แล้วถ้าติดตามพี่เสี่ยวเป่าไปต้องสนุกท้าทายมากแน่ ๆ หนิงเฉินเซวียนเป็นถึงหนึ่งบุคคลที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดในยุคหนึ่ง สมบัติที่ทิ้งไว้ต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาแหง ๆ

“ไม่ได้มีแค่ข้อมูลอาวุธแน่ ถ้ามีแค่รูปอาวุธกลุ่มมังกรไม่จำเป็นต้องเสียเวลามากขนาดนี้ เพราะเขาคงไปตามขอรูปอาวุธจากพี่เสี่ยวเป่าโดยตรงได้เลย” เสี่ยวจูเริ่มจับผิดสังเกตได้อย่างรวดเร็ว

สือเอ้อร์พยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน อีกอย่างมีครั้งหนึ่งพ่อฉันเผลอหลุดปากบอกแต่แค่ครึ่งเดียว น่าจะเกี่ยวของกับสมบัติอันนั้น”

“คุณอาลี่พูดว่าอะไรเหรอ?” เสี่ยวจูรู้สึกสนใจอย่างมาก

“ชีพจรมังกร…สมบัตินั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีพจรมังกร” สือเอ้อร์พูดเน้นทีละคำ

เน่าเน่ากับเสี่ยวจูต่างตกใจกันเฮือกหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชีพจรมังกรไปได้

แต่ก็ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย หนิงเฉินเซวียนในยามมีชีวิตอยู่นั้นหวังแต่จะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์หนิง ไม่แน่เขาอาจจะตามหาชีพจรของมังกรเจอแล้วก็ได้!

“หมายความว่าชีพจรมังกรอยู่ในภูเขาสือว่านงั้นเหรอ?” เน่าเน่าพึมพำกับตัวเอง

“ใช่หรือไม่ใช่แค่เข้าไปดูก็รู้แล้ว คาดว่าตอนนี้ในภูเขาน่าจะกำลังคึกคักเลยแหละ ก่อนฉันมาได้สืบค้นข้อมูลคร่าว ๆว่ามีสายลับอย่างน้อยสี่ประเทศขึ้นเขาไปด้วย” สือเอ้อร์พูดติดขำ

………………

Related

ตอนที่ 2949 หุบเขาใหญ่ที่ครึกครื้น

เน่าเน่าอยู่บนเครื่องบินเรียบร้อย ตอนเสี่ยวจูได้รับข้อความก็ผ่านไปราวสามชั่วโมงแล้ว เขามึนงงอยู่นานกว่าจะค่อย ๆหายสะลึมสะลือและเข้าใจข้อความที่เน่าเน่าส่งมา

ออกสำรวจ?

ไปที่ไหน?

เสี่ยวจูเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนพิมพ์โค้ดยาวเหยียดลงไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่ก็เจอเอกสารที่เน่าเน่าออกนอกประเทศ เขาลูบคางพลางพึมพำ “น่าจะไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง หรือว่าเน่าเน่าจะกลับบ้าน?”

สมองที่แม่นยำกว่าคอมพิวเตอร์ของเสี่ยวจูกำลังค่อย ๆประมวลผลและพอจะเดาผลลัพธ์คร่าว ๆได้ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนโทรหาคุณแม่

“คุณแม่ครับ…” เสี่ยวจูทำเสียงอ่อนโยน ครั้นเหมยเหมยได้รับโทรศัพท์จากลูกชายก็ยิ้มหน้าบานอย่างสุขใจ

พอถามสารทุกข์สุขดิบได้สามนาที เสี่ยวจูก็ถามว่า “พี่สาวอยู่บ้านไหม?”

“ไม่อยู่ พี่สาวกับพี่เสี่ยวเป่าออกไปท่องสำรวจที่ภูเขาสือว่าน” เหมยเหมยบอกไปตามความเป็นจริง

“อืม ครับ บ๊ายบายครับแม่ ผมฝากเพื่อนส่งเครื่องสำอางตัวใหม่ไปให้ แม่อย่าลืมเซ็นรับด้วยนะ!” เสี่ยวจูพูดพลางยิ้มตาหยีเอาใจคุณแม่จนยิ้มหน้าบานใหญ่แล้ว

“น่ารักจริง ๆ เงินพอใช้หรือเปล่า? เดี๋ยวแม่โอนให้ห้าหมื่นหยวนนะ อย่าประหยัดนักล่ะ แม่เงินเยอะ”

ผ่านไปสามวินาทีเงินห้าหมื่นหยวนก็โอนเข้าบัญชีเรียบร้อย เสี่ยวจูจุ๊บมือถือและเริ่มเก็บสัมภาระ การได้ไปออกสำรวจกับพี่เสี่ยวเป่าชวนให้หวั่นไหวอยากตามไปมากจริง ๆ อีกอย่าง…ครั้งที่แล้วเร่งรีบไปหน่อย เขายังเที่ยวภูเขาสือว่านไม่ทั่ว ครั้งนี้จะเที่ยวให้หนำใจไปเลย

“ฉาฉา พวกเรากลับบ้านกัน แกดีใจไหม?”

เสี่ยวจูสะกิดฉาฉาที่อยู่บนข้อมือ ฉาฉาชูคอขึ้นส่งเสียงร้องฟ่อ ๆแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของมัน ต่อให้ข้างนอกจะดีขนาดไหนก็ไม่สบายเท่าในภูเขา

เขาแวะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ เสี่ยวจูจองตั๋วไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงเช่นกันเรียบร้อย ก่อนขึ้นเครื่องเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วส่งข้อความไปหาสือเอ้อร์ว่า “เน่าเน่าไปออกสำรวจ ถ้าอยากจะรู้จุดหมายปลายทางก็เอาของมาแลก”

ครู่เดียวสือเอ้อร์ก็ตอบกลับมาว่า “อยากแลกกับอะไร?”

“จิตวิญญาณน้ำห้าลูก” เสี่ยวจูตอบกลับ

พรสวรรค์ของสือเอ้อร์คือการควบคุมน้ำ จิตวิญญาณน้ำเป็นลูกบอลคริสตัลขนาดพอ ๆกับไข่นกพิราบซึ่งสร้างขึ้นโดยพรสวรรค์ของเธอ สุกใสแวววาวสวยงามยิ่งกว่าเพชรเม็ดงามเสียอีก แต่ถ้าเอาจิตวิญญาณน้ำมาเป็นเครื่องประดับ คงน่าเสียดายไม่น้อย

ถ้าเอาจิตวิญญาณน้ำวางไว้ที่ไหนสักแห่งไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายหรือภูเขา ขอแค่เป็นจุดที่มีดินก็จะสามารถดึงดูดน้ำบริสุทธิ์ละแวกใกล้เคียงไหลมารวมตัวกันเป็นบ่อน้ำขนาดเล็กในเวลาอันรวดเร็วได้

จิตวิญญาณน้ำหนึ่งลูกสามารถรวบรวมน้ำได้อย่างน้อยสองตัน ถ้าอยู่ในทะเลทรายแล้วมีจิตวิญญาณน้ำติดตัวก็คงไม่ต่างจากมีทะเลสาบเคลื่อนที่อยู่ด้วย ต่อให้ข้ามไปทะเลทรายซาฮาร่าก็ไม่ใช่ปัญหา

ของที่มีมูลค่าขนาดนี้แน่นอนว่าวิธีการทำย่อมวุ่นวายเป็นธรรมดา เท่าที่เสี่ยวจูทราบตอนนี้สือเอ้อร์มีเพียงสิบลูกเท่านั้น จู่ ๆเขาจะเอาครึ่งหนึ่งเลยเกรงว่ายัยเด็กนี่คงปวดใจน่าดู!

ปลายสายเงียบกริบ เสี่ยวจูจะขึ้นเครื่องแล้วเลยเร่งขึ้นว่า “ฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว”

“โอเค…เจอหน้าแล้วจะให้” สือเอ้อร์กัดฟันกรอด ห้าลูกก็ห้าลูก รอเธอโตอีกหน่อยคงทำได้อีกหลายอัน

“ภูเขาสือว่าน เจอกันที่สนามบินเมือง GY นะ” เสี่ยวจูถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่เขาลองหาข้อมูลเที่ยวบินของเล่อเล่อดูแล้ว ปลายทางสุดท้ายก็คือเมือง GY

เล่อเล่อและเสี่ยวเป่าเริ่มเดินขึ้นเขาแล้ว ด้านหลังมีคนตามมาไม่น้อย เสี่ยวเป่านับคร่าว ๆอย่างน้อยสิบคนได้ คนของทีมมังกรมีเพียงสองคน ส่วนคนที่เหลือเป็นกลุ่มอิทธิพลอื่นที่เขาไม่รู้จัก พวกเขาแสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวแล้วตามมาอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่

“ทิ้งร่องรอยไว้ให้เน่าเน่าหน่อยไหม?” เล่อเล่อกลัวว่าเน่าเน่าจะหาพวกเขาไม่เจอ

“ไม่ต้องหรอก เน่าเน่าหาเจอแน่นอน” เสี่ยวเป่าไม่กังวลเลยสักนิด เขาให้พ้องเพื่อนนำทางเน่าเน่าไปได้

“เฮ้…พวกนายก็มาด้วยเหมือนกันเหรอ?” ชายผมบลอนด์ดวงตาสีมรกตตามพวกเขามาได้ทันและทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น

………………………………….

ตอนที่ 2950 ฮันนีมูน

 คู่หูของชายผมบลอนด์เป็นลูกครึ่งท่าทางเย็นชา เขาพยักพเยิดไปทางพวกเล่อเล่อ มองดูแล้วน่าจะเป็นคนไม่ชอบสนทนาสักเท่าไร

“ผมชื่อเจสัน คนนี้เป็นคู่หูผมชื่อปิแอร์ พวกเราเป็นนักสำรวจมืออาชีพจากประเทศ U…” เจสันที่มีผมสีบลอนด์เป็นคนชอบพูด แม้กระทั่งกับคนแปลกหน้าก็ยังคุยจ้อได้ไม่หยุด

เล่อเล่อแอบยิ้มเยาะ นักสำรวจอาชีพบ้าอะไร เกรงว่าจะเป็นสายลับของประเทศใดสักที่มากกว่า!

เธอตัดหน้าเสี่ยวเป่าชิงตอบกลับไปว่า “พวกเราเพิ่งจะแต่งงานเลยมาฮันนีมูนกันที่นี่”

เสี่ยวเป่าดวงตาแทบถลน แต่เล่อเล่อพูดไปแล้วเขาคัดค้านคงไม่ดีเท่าไรเลยทำได้แค่ขึงตาใส่เล่อเล่ออย่างไม่พอใจเตือนเธอว่าอย่าทำเกินขอบเขต

“ยินดีกับทั้งสองคนด้วย พวกคุณเลือกสถานที่ได้เก่งจริง ๆ วิวที่นี่งดงามมากแต่ว่าอันตรายไม่น้อย หรือว่าพวกเราเดินไปด้วยกันดีไหมจะได้ช่วยดูแลซึ่งกันและกันได้” เจสันบอกจุดประสงค์ของเขาไป

อย่างไรเสียเดินไปด้วยกันอย่างเปิดเผยก็ยังดีกว่าทำตัวลับ ๆล่อ ๆตามหลังอยู่แบบนี้ เจสันคุ้นเคยกับ 36 กลยุทธ์ในสามก๊กและพิชัยสงครามซุนจื่อของฮวาเซี่ยเป็นอย่างดี ทุกภารกิจล้วนมีประโยชน์ต่อเขาไม่น้อย ครั้งนี้เขาอยากใช้กลยุทธ์ของพิชัยสงครามซุนจื่อคงบรรลุภารกิจอย่างราบรื่นเช่นกัน

“ได้สิ คนเยอะสนุกดี ไปด้วยกันนี่แหละ” เล่อเล่อตอบรับอย่างง่ายดาย

หากจะฆ่าคนเหล่านี้ให้ตายโดยไม่รู้ตัว การเดินทางไปด้วยกันยิ่งง่ายต่อการลงมือเพราะอย่างไรเสียเสี่ยวเป่าบอกแล้วว่าห้ามยุ่งกับพวกทีมมังกรก็พอ!

พอมีกลุ่มของพวกเจสันโผล่มา จากนั้นก็กลุ่มจากประเทศอื่น ๆ ทั้งตะวันออกกลาง เอเชียและฝั่งตะวันตกโดยมีสีผิวแตกต่างกันออกไปทั้งชายและหญิงทยอยโผล่มาเรื่อย ๆอีกสองสามกลุ่ม

ทั้งหมดมีด้วยกันสิบสองคน ชายแปดคน หญิงสี่คน ข้ออ้างของทุกคนคือมาท่องสำรวจ ครั้นรวมพวกเล่อเล่อไปด้วยก็กลายเป็นขบวนยาวเหยียด

มีชายสองคนปรากฏตัวบนต้นไม้อย่างเงียบ ๆ คนหนึ่งอายุราว 30 และอีกคนเป็นหนุ่มวัยราว 20 ต้น ๆ

“พวกเขาคิดจะทำอะไร?” ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าไม่เข้าใจ เอาคนปองร้ายมากมายมาอยู่ข้างกายแถมไม่เกรงกลัวว่าจะตายโดยไม่รู้ตัวอีก

ชายอายุมากกว่ายิ้มเล็กน้อย “นี่เป็นแผนการอันชาญฉลาดต่างหาก คนพวกนี้ไม่มีทางลงมือทำร้ายหนิงเสี่ยวเป่าหากยังไม่ได้ของมาอยู่ในมือแน่นอน แทนที่จะให้คนเหล่านี้สะกดรอยตามอย่างลับ ๆสู้ให้พวกเขาอยู่ข้างกายแล้วคอยสังเกตการณ์ไปเลยดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องเปิดเผยตัวไหม?”

“ไม่ต้อง ตามไปแบบนี้แหละ”

ชายอายุมากกว่ารู้สึกเสียวสันหลังวาบจนเกือบตกต้นไม้เพราะมีงูเห่ายักษ์ที่ไม่รู้เลื้อยมาหาตอนไหน มันจ้องเขาด้วยแววตาเยือกเย็นพลางแลบลิ้นสีแดงขู่ฟ่อพร้อมกระโจนเข้าหาได้ทุกเมื่อ

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มันแค่เตือนพวกเราเท่านั้น!” ชายอายุมากกว่าร้องห้ามคู่หูที่คิดจะลงมือ

บนภูเขามีแมลงพิษและสัตว์ดุร้ายนับไม่ถ้วนจึงต้องระมัดระวังอยู่เสมอ โดยเฉพาะงูลึกลับซึ่งทางที่ดีอย่าสร้างความแค้นกับพวกมันดีกว่า

อีกอย่างเขาคิดว่าการปรากฏตัวของเจ้างูตัวนี้น่าประหลาดไม่น้อย พรสวรรค์ของเขาคือลม ส่วนคู่หูของเขาสื่อสารกับผืนดินได้ แม้จะมีบ้างหายบ้างแต่ก็เก่งไม่น้อย ทว่าเมื่อครู่คู่หูของเขากลับไม่รู้เลยว่าจะมีงูโผล่มา

งูเห่าค่อย ๆเลื้อยลงจากต้นไม้และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ชายอายุมากกว่ามุ่นคิ้ว เมื่อครู่อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าก็หันมามองพวกเขาแวบหนึ่งเหมือนกำลังบอกว่าพวกเขารู้ทุกอย่าง

หรือว่าหนิงเสี่ยวเป่าจะเห็นพวกเขาแล้วงั้นเหรอ?

เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเก็บมือกลับ ครั้งนี้คนที่ทีมมังกรส่งมาน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะหนุ่มอายุน้อยกว่าคนนั้นมีพรสวรรค์แปลกไม่เบา ไว้เขาค่อยศึกษาดูทีหลังแล้วกัน

ผ่านไปหนึ่งวันเน่าเน่าก็มาถึงสนามบิน GY ทว่าเขาไม่ได้ไปนั่งรถต่อในทันทีแต่กลับรอเสี่ยวจูที่สนามบิน เสี่ยวจูส่งข้อความมาว่ามีเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้เขารออยู่ที่สนามบินก่อน

………………………

Related

ตอนที่ 2947 ทำอะไรในฝัน

พอทานเนื้อและผักทุกอย่างจนเกลี้ยงจานเล่อเล่อก็เรออิ่มแปล้อย่างอิ่มอกอิ่มใจ ความง่วงก็คืบคลานเข้ามาพร้อมหาวหวอดใหญ่

“นอนแล้วนะ…” เล่อเล่อหาวอีกครั้ง

แต่เสี่ยวเป่ากลับรู้สึกหนาวสะท้านเฮือก ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เธอนอนในรถแล้วกัน เดี๋ยวพี่นอนในถุงนอนด้านนอก”

“เดี๋ยวฉันนอนในถุงนอนเองพี่ไปนอนบนรถเถอะ ร่างกายฉันแข็งแรงกว่าพี่เยอะ” เล่อเล่อหยิบถุงนอนออกมา แล้วเตรียมเอนตัวลงนอนโดยไม่พูดอะไรอีก

เสี่ยวเป่ากลับไม่เห็นด้วย เขาเป็นผู้ชายและยังเป็นพี่ชายด้วย เขาจะปล่อยให้น้องเล่อเล่อมานอนที่พื้นแบบนี้ได้อย่างไร แต่ทว่า…

“ถ้าไม่เห็นด้วยก็นอนมันบนรถด้วยกันนี่แหละ!” เล่อเล่อจ้องตาเขม็ง เสี่ยวเป่าเลยรีบหุบปากทันทีและนอนหลับบนรถอย่างว่าง่าย

หลังจากนอนหลับฝันดีมาตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นเล่อเล่อก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมหวน เสี่ยวเป่ากำลังย่างไก่อยู่ บนพื้นมีเศษขนไก่ป่าเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด เสวี่ยเสวี่ยน้ำลายไหลย้อยมองไก่หอมกรุ่นในมือของเสี่ยวเป่าตาปริบ ๆ

“แกกับเจ้านายของแกแบ่งกันคนละครึ่งนะ” เสี่ยวเป่าหยิบมีดมาแบ่งเป็นสองท่อนแล้วเอาครึ่งหนึ่งให้เสวี่ยเสวี่ย

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเสี่ยวเป่าโรยเครื่องปรุงรสแล้วห่อด้วยใบหวูถงสะอาดวางไว้ข้างกองไฟ จากนั้นก็หยิบบะหมี่มากำหนึ่งเตรียมทำบะหมี่ซุปไก่ เล่อเล่อทานจุ ไก่ย่างแค่ครึ่งตัวคงไม่พอ เขาต้องทำบะหมี่เพิ่มถึงจะพออิ่ม

เล่อเล่อเห็นเสี่ยวเป่าที่กำลังวุ่น ๆทำอาหารอยู่ ปากก็ยกยิ้มพร้อมความรู้สึกอบอุ่นใจ

เธออยากให้ทุกเช้าหลังจากนี้ถูกปลุกด้วยฝีมือทำอาหารของพี่เสี่ยวเป่าทุกวันเลย

“ตื่นแล้วเหรอ? อาบน้ำเสร็จแล้วมากินข้าวกัน” เสี่ยวเป่ายิ้มน้อย ๆให้เธอ

เล่อเล่อตื่นนอนอย่างว่าง่าย เก็บถุงนอนแล้วไปอาบน้ำแบบลวก ๆ จากนั้นก็มานั่งข้างเสี่ยวเป่าราวกับเด็กน้อยที่เชื่อฟังเหมือนย้อนเวลากลับไปตอนเด็ก ๆ ตอนเด็กเล่อเล่อซนอย่างกับปีศาจแต่เธอจะเรียบร้อยราวกับตุ๊กตาเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเป่าเท่านั้น

“ไก่ย่างรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง? เติมเกลือหน่อยไหม?” เสี่ยวเป่าถามขึ้น

“อร่อย…พี่ก็กินด้วยกันสิ” เล่อเล่อฉีกน่องไก่แล้วยัดเข้าปากเสี่ยวเป่า ส่วนตัวเองก็กัดปีกไก่คำโต

เสี่ยวเป่ากัดคำหนึ่งแล้วเอาน่องไก่คืนให้เล่อเล่อ ยิ่งอายุมากขึ้นเขาก็ยิ่งชอบทานเนื้อน้อยลง ในหนึ่งเดือนเขาทานผักเกินครึ่งเดือนด้วยซ้ำ ส่วนเวลาอื่นก็ทานบ้างเล็กน้อย ลำพังแค่ไข่กับนมก็เพียงพอสำหรับเสริมโปรตีนแล้ว

เล่อเล่อรับเอาน่องไก่ที่เสี่ยวเป่ากัดไปคำหนึ่งมาแล้วยัดใส่ปากตัวเองต่ออย่างไม่ลังเลใจ แถมจุดที่กัดก็เป็นจุดที่เสี่ยวเป่ากัดพอดี เสี่ยวเป่าเพิ่งนึกได้กำลังจะอ้าปากเตือน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดีเลยอดหน้าแดงไม่ได้

“พี่กัดไปแล้ว เธอเอาให้เสวี่ยเสวี่ยกินเถอะ” เสี่ยวเป่าพูดออกมาในที่สุด

เล่อเล่อกลอกตามองบน “พี่เป็นโรคที่แพร่เชื้อได้เหรอ? ฉันไม่ได้รังเกียจพี่สักหน่อย พี่จะดัดจริตไปทำไม?”

ใบหน้าของเสี่ยวเป่าแดงขึ้นกว่าเดิม เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วก้มหน้าดื่มซุปต่อ เล่อเล่อเห็นหน้าแดงซ่านก็เดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วกระซิบข้างหูว่า “พวกเราสองคนเคยจูบกันแล้ว แค่กินน่องไก่ที่พี่เคยกัดจะเป็นอะไรไป”

“แค่ก ๆ…”

เสี่ยวเป่าที่กำลังดื่มซุปอยู่สำลักไอค่อกแค่กอย่างหนักเพราะตกใจคำพูดของเล่อเล่อ เล่อเล่อแค่นเสียงลำพองใจแล้วตบหลังของเสี่ยวเป่าอย่างแรงจนปอดแทบทะลุออกมา

“ทำไมพี่ต้องอายขนาดนั้นด้วย? ตอนพี่จูบฉันคืนนั้นพี่ไม่เห็นอายเลยสักนิด อีกอย่างในฝันพี่ก็ยังเรียกชื่อฉันด้วย หนิงเสี่ยวเป่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ในฝันของพี่กันแน่? กำลังนอนกับพี่ใช่ไหม?” คำพูดของเล่อเล่อทำเอาตกใจสุดขีด

“แค่ก ๆ…”

เสี่ยวเป่าที่เพิ่งจะดีขึ้นก็กลับมาสำลักเกือบตายอีกครั้งพร้อมความรู้สึกละอายใจ

เพราะ…เล่อเล่อเดาถูกไง ในห้วงฝันเขากำลังนอนกับน้องเล่อเล่ออยู่จริงแต่จะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด

………………………………….

ตอนที่ 2948 ด้านหลังมีคน

หลังจากทานอาหารมื้อเช้าแสนอร่อยพร้อมยียวนหนุ่มหล่อเสร็จ เล่อเล่อก็อารมณ์ดีสุดขีด เธอเปิดมือถือหมายจะเล่นเกมสักหน่อย โทรศัพท์มือถือของเธอมีฟังก์ชั่นระบุตำแหน่งดาวเทียมที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ดังนั้นต่อให้อยู่ในป่าหรือบนเขามือถือก็ยังมีสัญญาณอยู่ดีและแบตทนทานใช้ได้นานมากด้วย

แน่นอนว่ามือถือของเสี่ยวเป่าก็เช่นเดียวกัน ราคาสูงลิ่ว ทั้งยังเป็นของดีที่แม้จะมีเงินก็ซื้อไม่ได้

เล่อเล่อเพิ่งจะเปิดเครื่องเน่าเน่าก็โทรเข้ามาทันที “พี่…พี่เป็นคนบอกสือเอ้อร์ใช่ไหม?”

“สือเอ้อร์ไปหานายเหรอ?” เล่อเล่อถามด้วยความอยากรู้

เน่าเน่าอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เขารู้ว่าพึ่งพี่สาวไม่ได้จริง ๆ แค่เวลาสองเดือนก็เก็บเป็นความลับไม่ได้ เขากลัวลี่สือเอ้อร์ยัยบ้านั้นจริง ๆ เดิมทีนึกว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่อเมริกาได้สักพักแต่เท่าที่ดูตอนนี้เขาคงมองโลกในแง่ดีเกินไป

“หล่อนกำลังทำเรื่องเข้าเรียน…” เน่าเน่าทอดถอนใจ น่าปวดศีรษะจริง ๆ ตอนนี้เสี่ยวเป่าเจอคนในพื้นที่แล้วเลยถามทางอยู่ แต่คนในท้องที่พูดภาษากลางไม่เป็นแถมสำเนียงท้องถิ่นชัดมากและเสียงดังมากด้วย

“พี่อยู่ไหน? ทำไมถึงมีเสียงสำเนียงอวิ๋นกุ้ยได้ล่ะ” แค่เน่าเน่าได้ยินก็ฟังออกทันที

เล่อเล่ออยากจะแต่งเรื่องหลอกสักหน่อยแต่เน่าเน่าเดาออกอย่างรวดเร็ว “พี่อยู่กับพี่เสี่ยวเป่าใช่ไหม? พวกพี่ไปออกสำรวจกันที่อวิ๋นกุ้ยเหรอ? อยู่ไหน…ผมไปด้วย พี่ส่งตำแหน่งที่อยู่ให้ผมที”

เน่าเน่ารู้สึกตื่นเต้นเพราะเขากำลังว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่พอดี ออกไปผจญภัยก็ดีเหมือนกัน แถมหลบลี่สือเอ้อร์ยัยน่ารำคาญนี่ได้ด้วย

เล่อเล่อไม่อยากตอบรับเลยสักนิด ทำไมโลกสองคนของเธอกับเสี่ยวเป่าต้องมีก้างขวางคอโผล่มาด้วย!

“เปล่าสักหน่อย วางสายละนะ!” เล่อเล่อตัดสายทิ้งทันที

แต่ผ่านไปไม่นานมือถือของเสี่ยวเป่าก็แผดเสียงดังขึ้นและยังคงเป็นเน่าเน่าที่โทรมา เสี่ยวเป่าแชร์โลเคชั่นให้อย่างรวดเร็ว อันที่จริงเขาอยากให้เน่าเน่ามาเช่นกันเพราะเขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่ากลางคืนเล่อเล่อจะปีนขึ้นเตียงเขาหรือเปล่า

“พี่เสี่ยวเป่ารอหน่อยนะ ผมไปซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้แหละ”

เน่าเน่าวางสายอย่างสุขใจแล้วซื้อตั๋วเที่ยวบินฮ่องกงที่เร็วที่สุด เขาไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆกวาดซื้อของทุกอย่างแล้วอุ้มคุณชายฉิวไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอย่างเร่งรีบ

ก่อนขึ้นเครื่องเขาขบคิดสักพักแล้วส่งข้อความไปหาเสี่ยวจู

“ฉันจะไปท่องสำรวจ ถ้าสนใจก็มาหาฉัน!”

เขาไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน ถ้าเสี่ยวจูอยากจะไปอย่างไรก็หาเจอแน่นอน

เสี่ยวเป่าถามทางเรียบร้อย ภูเขาหนิวเหว่ยอยู่ไม่ไกลนักขับรถไปใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่เพราะเขาลูกนั้นชันมากคนในพื้นที่จึงไม่ขึ้นเขาจากทางนั้นเท่าไหร่ ตอนศึกสงครามถ้าทหารญี่ปุ่นมากวาดล้างหมู่บ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ถึงจะหลบขึ้นเขาหนิวเหว่ยเพื่อหลบการกวาดล้างของเหล่าทหารญี่ปุ่น

“พวกเราค่อย ๆเดินไปกันเถอะ น่าจะอีกหลายวันกว่าเน่าเน่าจะมาถึง” เสี่ยวเป่าเอ่ย

เล่อเล่อแค่นเสียงฮึเดินตามหลังไปอย่างไม่พอใจ อย่านึกว่าหาก้างขวางคอมาแล้วเธอจะยอมแพ้นะ ฮึ…เน่าเน่าเป็นน้องชายเธอ พอถึงตอนนั้นต้องกลายเป็นผู้ช่วยเธออย่างแน่นอน!

พวกเขาสองคนค่อย ๆเดินขึ้นเขาไป สำหรับชาวบ้านทางอาจจะชันแต่สำหรับพวกเขาสองคนถือว่าเป็นทางเรียบตรงเดินได้สบายมาก

ทว่าเพิ่งเดินขึ้นไหล่เขาไปได้ครึ่งทางสีหน้าของเสี่ยวเป่าก็ขรึมลงกระซิบเสียงเบาว่า “คนของทีมมังกรตามมาด้านหลัง แถมยังมีพวกกลุ่มอิทธิพลอื่นอีกบางส่วนและคนสัญจรไปมาอีกหลายคน”

เล่อเล่อแค่นเสียงเย็นชา “ไม่กลัวหรอก หากขึ้นเขาไปแล้วต้องฟังเราเท่านั้น ถ้าไม่ฟังก็ฆ่าให้ตายแล้วเอาไปป้อนหมาป่ากินซะ!”

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับแล้วเอ่ยเตือน “คนอื่นยังไงก็ได้ แต่พยายามอย่าไปปะทะกับคนของทีมมังกรซึ่ง ๆหน้า”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าพวกเขาอยู่กันเป็นหรือเปล่า” เล่อเล่อคำราม

เธอรู้กฎเกณฑ์ข้อห้ามของเสี่ยวเป่าดีเพราะเขากลัวว่าจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้พ่อของเธอ แต่ในหุบเขาป่าลึกขนาดนี้ถ้าฆ่าใครตายคงไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าคนพวกนี้อย่าได้มาหาเรื่องเป็นดีที่สุด!

……………………………

Related

ตอนที่ 2945 ที่นั่งชั้นประหยัดและเฟิร์สคลาสต่างก็ตายเหมือนกัน

ทั้งคู่ดื้อดึงกันอยู่เกือบชั่วโมงจนในที่สุดเล่อเล่อก็เอาชนะได้ ขอแค่ไม่ได้อยู่บนเขาเสี่ยวเป่าก็ไม่เคยเอาชนะเล่อเล่อได้เพราะแรงมีไม่มากพอ

“พวกเราขับรถไปเหรอ?” เล่อเล่อถามอย่างมีความสุขแล้วหยิบขนมซันเย่าออกมาห่อหนึ่งแกะทานเสียงเคี้ยวกรุบกรอบดังเป็นจังหวะอย่างเอร็ดอร่อย ในรถมีกลิ่นของซันเย่าอบอวลทั่วรถ

“ถ้าไม่ขับรถแล้วจะเอาเสวี่ยเสวี่ยไปอย่างไร?” เสี่ยวเป่าเหลือบมองเสวี่ยเสวี่ยที่กำลังแทะเนื้อแดดเดียวอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ข้างเล่อเล่อแวบหนึ่งอย่างระอา

นี่ไปพักผ่อนหรือออกสำรวจกันนะ?

เสี่ยวเป่าไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าสองในสามของพื้นที่กระเป๋าเล่อเล่อคือของกิน

“นั่งเครื่องบิน เอาเสวี่ยเสวี่ยโหลดใต้เครื่องได้” เล่อเล่อแนะนำ

ขับรถช้าไปนั่งเครื่องบินไวกว่า แต่ก็ต้องลำบากเสวี่ยเสวี่ยหลายชั่วโมงหน่อย

เสี่ยวเป่าคิดดูแล้วก็จริงเลยเห็นด้วยกับคำแนะนำของเล่อเล่อ เล่อเล่อล้วงหยิบมือถือออกมา “ฉันจะจองตั๋วตอนนี้เลย พวกเราต้องลงเครื่องที่เมือง GY เพราะอำเภอเล็ก ๆแบบนั้นคงไม่มีสนามบินแน่ๆ”

เพิ่งผ่านวันหยุดยาวชาติจีนมาตั๋วเครื่องบินเลยเหลือเยอะ เล่อเล่อจึงจองตั๋วชั้นประหยัดได้สองใบในเวลาอันรวดเร็ว

“ตอนนี้ไปสนามบินกันเถอะ เครื่องบินจะออกหลังจากนี้สองชั่วโมง”

“ทำไมไม่จองชั้นเฟิร์สคลาสล่ะ?” เสี่ยวเป่าไม่พอใจเล็กน้อย เขาไม่ชอบสภาพแวดล้อมเสียงดัง อย่างน้อยชั้นเฟิร์สคลาสก็ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นบ้าง ชั้นประหยัดที่นั่งแคบเกินไปหน่อย

เล่อเล่อกลอกตาใส่ “ชั้นเฟิร์สคลาสแพงกว่าชั้นประหยัดตั้ง 1000 หยวน สองใบก็ 2000 หยวน ทำไมฉันต้องจองตั๋วที่ราคาไม่ยุติธรรมแบบนี้ด้วย”

เงินสองพันหยวนเธอใช้ซื้อขนมซันเย่าได้ตั้งเยอะ ใช้ชีวิตไม่เป็นเลยสักนิด!

เสี่ยวเป่าทอดถอนใจ “ชั้นเฟิร์สคลาสนั่งสบายกว่าหน่อย”

“แต่ถ้าหากดูอัตราในการตายก็เท่ากัน” เล่อเล่อโต้กลับพร้อมเคี้ยวแก้มตุ้ย

ถ้านั่งชั้นเฟิร์สคลาสแล้วมีโอกาสรอดเพิ่มขึ้นสักครึ่งเท่าหรือหนึ่งเท่าของชั้นประหยัด เธอจะต้องเลือกชั้นเฟิร์สคลาสอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่ได้มีข้อมูลมายืนยันว่าผู้โดยสารที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสจะปลอดภัยมากกว่าชั้นประหยัดนี่นา

ถ้าเครื่องบินเกิดเรื่องอะไรขึ้น หากสมควรตายก็ต้องตายหมด!

ดังนั้น…ทำไมเธอต้องเปลืองเงินตรงส่วนนี้ด้วย

เสี่ยวเป่าเงียบกริบ…เขาจะพูดอะไรอีกได้?

“เธอพูดถูก ไม่มีประโยชน์จริง ๆ” เสี่ยวเป่าทำได้แค่ประนีประนอมไป

ประหยัดสองพันหยวนให้น้องเล่อเล่อไว้ซื้อขนมทานแล้วกัน!

ทั้งสองคนถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว เล่อเล่อไปซื้อกล่องโหลดสัตว์เลี้ยงใต้เครื่องแล้วใส่เนื้อแดดเดียวกองเท่าภูเขาน้อย ๆในกล่องไว้ให้เสวี่ยเสวี่ยแทะเล่นยามเบื่อ

ตอนใกล้ขึ้นเครื่อง จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็ถามขึ้นว่า “เธอบอกคุณอาเหยียนกับคุณน้าเหมยหรือยัง?

“ฉันจะบอกตอนนี้แหละ” เล่อเล่อล้วงหยิบมือถือออกมาเขียนข้อความด้วยท่าทีเรียบเฉยแล้วส่งให้เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยพร้อมกัน

ตามข้อความดังนี้

“คุณพ่อ คุณแม่ที่รัก หนูตัดสินใจไปเที่ยวพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือน อย่าคิดถึงหนูมากนักล่ะ บ๊ายบาย!”

เสี่ยวเป่าเริ่มปวดศีรษะขึ้นมา เหยียนหมิงซุ่นต้องคิดว่าเขาเป็นคนพาน้องเล่อเล่อไปแน่ เฮ้อ…เขาจะอธิบายอย่างไรดีนะ?

แต่เล่อเล่อกลับไม่กังวลเลยสักนิด เท้าเป็นของร่างกายเธอ เธออยากจะไปไหนก็เรื่องของเธอ ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็มาบงการเธอไม่ได้

ผ่านไปสามชั่วโมงเครื่องบินก็ลงจอดเมือง GY เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อไปรับเสวี่ยเสวี่ยที่โหลดใต้ท้องเครื่องมา เสี่ยวเป่าหามุมลับตาคนแล้วเอารถยนต์ออกมาจากช่องปริภูมิสามมิติของเขา

ความลับเรื่องเสี่ยวเป่ามีช่องปริภูมิสามมิติมีเพียงเล่อเล่อที่รู้ แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อหรือหานเหมยก็ไม่ทราบเรื่องนี้ ความจริงสิ่งที่เล่อเล่อรู้ยังไม่เชิงว่าทั้งหมดเพราะเธอรู้เพียงว่าเสี่ยวเป่าสามารถหยิบของออกมาจากโลกอีกมิติหนึ่งได้ เหมือนกับที่เธอสามารถหยิบของออกมาจากช่องมิติของฉิวฉิวได้นั่นเอง

ทว่ากลับมีจุดแตกต่างกันอยู่เพราะเสี่ยวเป่าเก็บของได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ช่องมิตินั้นไม่ใช่ของเขาแต่เขาใช้เก็บของได้

……………………………….

ตอนที่ 2946 รับปากมีประโยชน์ไหม

เพิ่งขึ้นรถ เหยียนหมิงซุ่นก็โทรมา เขาโทรหาเสี่ยวเป่าโดยตรง

เล่อเล่อเห็นเบอร์โทรศัพท์อันคุ้นเคยก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงใส่ ทุกคนในโลกรู้หมดว่าหนิงเสี่ยวเป่ามีมือถือ มีเพียงเธอที่โง่อะไรก็ไม่รู้สักอย่าง

เธอคว้าหมับแย่งมือถือของเสี่ยวเป่ามา “ไม่ต้องตามหาหนูแล้ว หนูจะออกไปผจญภัยกับพี่เสี่ยวเป่า อีกหนึ่งเดือนค่อยเจอกันนะคะ”

เธอวางสายทันทีโดยไม่ได้รอให้เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับ แถมยังปิดเครื่องราวกับว่าเป็นเครื่องของเธอเองอีก

เสี่ยวเป่าถอนหายใจเบา ๆคร้านจะคิดอะไรแล้ว อะไรที่แย่อยู่แล้วก็กลับแย่ลงไปอีก รอให้เจอของที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน

ในเวลานี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด เสี่ยวเป่าตัดสินใจว่าจะขับรถทั้งคืน เร่งขับในตอนกลางคืนอาจจะเป็นเรื่องต้องห้ามของคนอื่น แต่สำหรับเขาแล้วก็เหมือนตอนกลางวันและไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ

ในเวลานี้ท้องฟ้าที่เมืองหลวงก็มืดมิดแล้วเช่นกัน เหยียนหมิงซุ่นมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ยัยเด็กแสบกล้าตัดสายเขาทิ้งเลยเหรอ แถมเจ้าเด็กหนิงเสี่ยวเป่าขี้โกหกนั่นอีก ทั้ง ๆที่เคยรับปากกับเขาแล้วแต่ไม่ทันไรก็ลากลูกสาวเขาไปซะงั้น

“มีอะไรน่าโกรธกัน แค่ออกไปท่องเที่ยวสำรวจนอกสถานที่เท่านั้นเอง ลูกโตพอจะออกไปผจญโลกภายนอกแล้ว วัน ๆอยู่แต่บ้านจะมีประโยชน์อะไร!” เหมยเหมยนิ่งสงบและไม่คิดกังวลเลยสักนิด

มีเสี่ยวเป่าอยู่ ต่อให้ไปป่าอเมซอนเธอก็ไม่เป็นกังวลเลย ขอให้เด็กสองคนนี้เที่ยวให้สนุกเถอะ ไม่แน่อาจจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้นก็ได้!

เหยียนหมิงซุ่นจ้องเธออย่างไม่พอใจ เขาสงสัยเหลือเกินว่าเหมยเหมยและเล่อเล่อจะสมรู้ร่วมคิดกัน

ในด้านความปลอดภัยแน่นอนว่าเขาไม่กังวลหรอก ต่อให้ไม่มีเสี่ยวเป่าแค่เล่อเล่อคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ที่เหยียนหมิงซุ่นกังวลคือชายหญิงอยู่กันตามลำพังในป่าเขา เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เท่านั้น…

แต่เหยียนหมิงซุ่นเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วหนิงเฉินเซวียนทิ้งสมบัติอะไรไว้ เขาลังเลอยู่นานจนท้ายที่สุดก็ส่งคนตามเล่อเล่อไป หนิงเสี่ยวเป่าเคยสัญญากับเขาแล้วก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างเชื่อใจในตัวเสี่ยวเป่าทีเดียว

แต่เขากลับลืมไปว่า 18 ปีก่อน คนบางคนก็เคยสัญญาแบบนี้เช่นกันแต่ผลลัพธ์…

ในที่สุดตกดึกเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อก็มาถึงอำเภอผานกู่ซึ่งเป็นสถานที่เล็ก ๆรกร้างเปลี่ยว เสี่ยวเป่าหยิบแผนที่ขึ้นมา สถานที่แรกบนนั้นเขียนไว้ชื่อหนึ่งว่าภูเขาหนิวเหว่ย

“พรุ่งนี้ค่อยถามทาง คืนนี้นอนบนรถก่อนแล้วกัน” เล่อเล่อแนะนำพร้อมลูบท้องตัวเอง ข้าวเย็นยังไม่ได้กินเลย เธอหิวจะตายอยู่แล้ว

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับ เขาขับรถไปทางชานเมือง เล่อเล่อหยิบพวกหม้อกระทะ เนื้อวัวเนื้อแพะสดใหม่ แล้วยังมีผักและผลไม้อีก….ดูอลังการราวกับโรงแรมห้าดาว

จะลำบากอะไรก็ได้แต่ลำบากท้องไม่ได้

นี่คือหลักการเอาตัวรอดของเล่อเล่อ

“คืนนี้กินหม้อไฟ พี่ไปเอาพวกฟืนมาหน่อย!” เล่อเล่อหยิบฟืนแห้งที่อยู่ใกล้ ๆมาสุมเป็นกองไฟ

เสี่ยวเป่าไม่ได้ลุกไปไหนแต่ส่งสัญญาณมือไปทางป่า เพียงไม่นานก็มีเสียงซวบซาบเข้ามาใกล้ งูยาวหลายตัวค่อย ๆเลื้อยเข้ามาพร้อมฟืนแห้งมัดใหญ่ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาใครจะไปเชื่อว่างูจะแบกฟืนมาได้?

“ลำบากแย่เลย…เอาไข่ให้กินนะ!”

เล่อเล่อหยิบไข่ออกมาหลายฟองแล้วแบ่งให้เจ้างูพวกนี้ค่อย ๆกินกัน งูหลายตัวกลืนไข่เข้าท้องพลางผงกศีรษะไปทางเล่อเล่อด้วยความซาบซึ้งใจ พอท้องพวกมันนูนขึ้นด้วยความอิ่มถึงเลื้อยจากไป พวกมันต้องหาที่เงียบสงบค่อย ๆย่อยของในท้องของมัน อย่างน้อยมื้อนี้ก็อยู่ได้อีกครึ่งเดือน!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อทานอิ่มไปอีกมื้อ เล่อเล่อทานจุเลยทานเนื้อเกือบคนเดียวทั้งหมด เสี่ยวเป่าทานเพียงผักผลไม้และไข่ต้ม ตลอดทั้งมื้อเขาเอาแต่ต้มเนื้อให้เล่อเล่อและไม่ได้ทานเองเลยสักชิ้น

……………………………

Related

ตอนที่ 2943 ซ่อนความลับไว้มากมาย

เล่อเล่อพูดในสิ่งที่สือเอ้อร์คาดเดาออกมา “ทีมมังกรไม่ได้หาเรื่องด้วยได้ง่าย ๆ อย่างไรเสียพี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว พี่เอาหยกแขวนนี่ให้ทีมมังกรแล้วให้คนพวกนั้นไปตามเอากับทีมมังกรเองเถอะ”

เสี่ยวเป่าไม่ได้ตอบแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักเขาถึงพูดว่า “พี่ต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ รอฟ้ามืดก่อน!”

เขาไม่ยอมยกให้ทีมมังกรโดยที่ยังไม่รู้อะไรหรอก

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเขาค่อยให้คุณอาเหยียน เพราะถ้าเทียบกันแล้วเขาเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่นมากกว่า

ฟ้าใกล้มืดแล้วเสี่ยวเป่าจึงหยิบหยกแขวนออกมาส่องตรงแสงไฟแล้วพินิจอย่างละเอียดทว่ากลับไม่พบอะไร เล่อเล่อมองตามจนสายตาพร่าไปหมดเลยกระซิบบอก “ไม่อย่างนั้นทุบเจ้านี่ให้แตกเลยดีไหม ไม่แน่อาจจะเห็นแผนที่ขุมสมบัติก็ได้”

เสี่ยวเป่ากลั้นขำไม่อยู่ หยกแขวนเล็กแค่นี้ข้างในจะซ่อนอะไรไว้ได้

ถ้าทุบให้แตกคงไม่ได้เพราะน่าจะมีความลับอื่นซ่อนอยู่อีกแน่นอน

เขาหยิบไฟฉายออกมาส่องหยก ภายใต้แสงอันเจิดจ้าหยกสุกใสแวววาวราวกับคริสตัล ทั้งยังส่องภาพบนนั้นให้เห็นอย่างชัดเจน เล่อเล่ออดถอนหายใจไม่ได้ “ช่างแกะสลักคนนี้เก่งจริง ๆ แม้แต่ขนบนตัวหงส์ยังแกะอย่างประณีตชัดเจน แล้วเกล็ดบนตัวมังกรนั่นอีก เหมือนของจริงมากเลย”

เสี่ยวเป่าผุดความคิดบางอย่างได้เลยยกหยกแขวนขึ้นสูง เล่อเล่อพูดถูก หงส์และมังกรบนหยกแขวนตัวพันติดกัน อีกทั้งขนและเกล็ดบนลำตัวเหมือนจริงมาก ช่างแกะสลักฝีมือยอดเยี่ยมทีเดียว

เขาปิดไฟในห้องและม่านตรงหน้าต่างจนมืดสนิท จากนั้นก็กดเปิดไฟฉายส่องไปที่หยกพร้อมหันไปทางกำแพงสีขาวแต่ทว่ากลับไม่มีอะไร

เสี่ยวเป่าค่อย ๆหมุนหยกแขวนอย่างช้า ๆแต่ก็ยังไม่มีอะไรปรากฏบนกำแพง เขายังไม่หยุดหมุนจนตอนใกล้หมุนครบหนึ่งรอบเล่อเล่อก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “มีแล้ว…มีภาพโผล่มาแล้ว”

บนกำแพงปรากฏแผนที่แบบละเอียดรูปหนึ่งขึ้นมาและตัวอักษรขนาดเล็กมาก เสี่ยวเป่าให้เล่อเล่อถือไฟฉายและหยกแขวนไว้ ส่วนเขานำกระดาษและปากกามาวาดรูปตามอย่างระวังและไม่นานก็วาดแผนที่ออกมาเรียบร้อย

“ลองหมุนอีกครึ่งรอบดูซิ” เสี่ยวเป่าเอ่ย

เล่อเล่อทำตาม ฉับพลันแผนที่ก็หายไปแล้วปรากฏตัวอักษรมาแทนที่ เสี่ยวเป่าดูออกว่าเป็นลายมือของหนิงเฉินเซวียน ช่างแกะสลักหยกแขวนชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เขาสลักของมากมายขนาดนี้เข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไรกัน?

“เสี่ยวเป่า แผนที่คือภูเขาสือว่าน หลานต้องขึ้นเขาจากอำเภอผานกู่ที่เมือง Z หากตามแผนที่นี้ไปก็จะเจอสมบัติที่ปู่ทิ้งไว้แล้วทวงอำนาจของตระกูลหนิงของเราคืนมาให้ได้ อย่าอกตัญญูเหมือนพ่อ”

เล่อเล่อเบะปากอย่างไม่พอใจ “อย่าไปฟังคุณปู่ของพี่นะ เป็นจักรพรรดิมีอะไรดีกัน จักรพรรดิอายุสั้นกันหมด”

ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิมีสาวงามและสนมเต็มตำหนักแต่เสี่ยวเป่าเป็นของเธอคนเดียว ใครก็ห้ามแย่งเขาไปทั้งนั้น ตาเฒ่าหนิงตายแล้วยังไม่ไปอย่างสงบอีก

เสี่ยวเป่าไม่ได้ตอบ เขาพินิจดูแผนที่ที่เพิ่งลอกออกมาพร้อมอยากรู้นักว่าหนิงเฉินเซวียนจะทิ้งสมบัติอะไรไว้ ดูท่าน่าจะเป็นมากกว่าอาวุธรุ่นใหม่ เพราะถ้าเป็นอาวุธรุ่นใหม่ทีมมังกรคงมาตามเอากับเขาโต้ง ๆแล้ว แต่ทีมมังกรกลับเสียเวลาตามสืบราวกับจับตาดูอยู่ก็ไม่ปาน

“พี่ต้องไปภูเขาสือว่าน” จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็เอ่ยขึ้น

เล่อเล่อชะงักแล้วพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ฉันไปด้วย พี่อย่าได้คิดจะสลัดฉันทิ้งเลย!”

นับตั้งแต่นี้เสี่ยวเป่าไปที่ไหนเธอก็จะไปที่นั่น ว่ากันว่าผู้หญิงดี ๆกลัวผู้ชายตามวอแวไม่ใช่หรือไง แต่ถ้าคิดในทางกลับกันผู้ชายที่ดีก็คงกลัวสาวตามเกาะแกะเช่นกัน!

เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่ออย่างจนใจพลางลอบคิดในใจว่าจะทิ้งเล่อเล่อไว้ที่นี่ เขาไปแค่คนเดียวก็พอแล้ว

“โอเค สามวันหลังจากนี้ออกเดินทาง พวกเรามาเจอกันที่นี่” เสี่ยวเป่าแกล้งทำเป็นตอบรับ

“อืม ฉันกลับไปเตรียมตัวก่อน”

เล่อเล่อก็แสร้งทำทีว่าเชื่อเสี่ยวเป่าทว่าในใจกลับคิดว่าจากนี้ไปเธอจะคอยตามติดเจ้าหมอนี่ เสี่ยวเป่าต้องล่วงหน้าเดินทางก่อนแน่ เธอเคยโดนหลอกแล้วครั้งหนึ่ง ฉะนั้นเธอจะไม่ยอมโดนหลอกเป็นครั้งที่สองหรอก

………………………………….

ตอนที่ 2944 ตามติดไม่ห่าง

เล่อเล่อเดาว่าเสี่ยวเป่าน่าจะออกจากเมืองหลวงในคืนพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้มีเรียนคาบจิตวิทยา เสี่ยวเป่าต้องเข้าสอนก่อนค่อยขอลาหยุดกับอาจารย์ใหญ่และเดินทางตอนกลางคืน

หึ…ครั้งนี้อย่าคิดว่าจะสลัดเธอทิ้งได้เชียว เธอจะไม่คลาดสายตาจากเสี่ยวเป่าเลย

เล่อเล่อรีบกลับบ้านเก็บของอย่างลวก ๆ บนตัวเธอมีฟันของฉิวฉิวใช้เป็นช่องมิติเก็บของที่เหมยเหมยเคยให้ไว้ซึ่งทำให้เดินทางได้สะดวกมาก เล่อเล่อเตรียมอาหารและผลิตภัณฑ์พวกยาไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงของใช้ฉุกเฉินในป่าเพียงพอให้เธอและเสี่ยวเป่าอยู่ในหุบเขาได้เป็นปี

หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพังในหุบเขา ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวเป่าอาจจะพัฒนาไปอีกขั้นจนก้าวกระโดดเลยก็ได้!

พอเล่อเล่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็โทรหาเป่ารื่อน่า ในเมื่อไปนานขนาดนั้นคงต้องบอกเพื่อนรักไว้หน่อย ส่วนพ่อกับแม่ค่อยรายงานทีหลังแล้วกัน

ไม่เช่นนั้นเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ให้เธอไปกับเสี่ยวเป่าสองต่อสองหรอก

“เธอจะไปสำรวจพื้นที่กับเสี่ยวเป่าเหรอ? เธอสองคนคบกันแล้วเหรอ?” เป่ารื่อน่าประหลาดใจ

“ยัง เสี่ยวเป่าคิดจะสลัดฉันทิ้งแต่ฉันจะแอบตามไป” เล่อเล่อบอกตามความจริง

เป่ารื่อน่าหัวเราะเยาะ “เธอนี่มันหาเรื่องจริง ๆ ไปออกสำรวจไกลเชียว ไปเถอะ ๆ ขอให้เธออยู่ในป่าเขา มีฟ้าเป็นผ้าห่ม ดินเป็นเตียงนอน มีดวงดาวเป็นเพื่อนและรวบหัวรวบหางหนิงเสี่ยวเป่าได้สำเร็จนะ!”

เล่อเล่อกรีดร้องอย่างตื่นเต้น บางทีเธออาจะทำสำเร็จจริง ๆก็ได้!

ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นเธอต้องคิดด้านดีไว้ก่อน เพราะเธอเป็นพวกมองโลกในแง่ดีไง

หลังจากคุยเล่นกับเป่ารื่อน่าสักพักเล่อเล่อก็วางสายเตรียมจะไปโรงพยาบาลขอใบรับรองแพทย์ ทางที่ดีต้องเป็นโรคร้ายที่ลาหยุดได้ยาว ๆเช่นไวรัสตับอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เพราะเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในป่าเขานานแค่ไหน!

เป่ารื่อน่าวางสายพลางขมวดคิ้วแน่น เดิมทีเธอคิดจะบอกเพื่อนรักว่าช่วงนี้เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่ช่วงนี้เล่อเล่อก็ยุ่งมากเป่ารื่อน่าจึงไม่ได้บอกอะไร เธอคิดจะดูต่อไปอีกสักระยะบางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง

แต่ตลอดสองสามวันนี้เธอมักรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามเธอราวกับเป็นเงาติดตัวจนเธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

เป่ารื่อน่ามองรอบด้านแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเตรียมขึ้นรถเมล์กลับบ้าน

หลังจากเธอขึ้นรถเมล์หนุ่มตาน้ำข้าวรูปงามคนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจากหลังป้ายรถเมล์ด้วยแววตาตื่นเต้นแล้วพึมพำว่า “ได้เวลาลงมือแล้ว ต้องวางแผนให้ดี คุณชายจะต้องพึงพอใจมากแน่ ๆ”

วันถัดมาเล่อเล่อเตรียมทุกอย่างพร้อมรอแค่เวลาเดินทางเท่านั้น รอหลังเสี่ยวเป่าเลิกคลาสเธอก็แอบหนีออกมาแล้วให้เพื่อนช่วยยื่นใบลาให้ เอกสารอาการป่วยเธอซื้อมาจากโรงพยาบาลด้วยเงิน 500 หยวนซึ่งเปลี่ยนแค่ชื่อบนนั้น ส่วนโรคที่เขียนไว้คือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

เธอไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเธอหามาทั่วทั้งโรงพยาบาลแล้ว ถ้าไม่ทำแท้งก็ต้องเป็นมะเร็ง ไม่ก็แขนขาหัก แต่พอคิดทบทวนดูแล้วเล่อเล่อคิดว่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวดูน่าเวทนาและได้รับความเห็นใจจากอาจารย์มากกว่า

เล่อเล่อไม่รู้เลยว่าเรื่องน่าเศร้าของเธอจะกลายเป็นข่าวใหญ่จนเหยียนหมิงซุ่นโกรธจัดซึ่งจะเล่าให้ฟังในภายหลัง

แผนการของเสี่ยวเป่าเป็นไปตามที่เล่อเล่อคิด หลังจากเขายื่นใบลากับอาจารย์ใหญ่ก็แบกเป้เรียบง่ายลงภูเขาไป เขาเปิดประตูรถเพิ่งนั่งได้ไม่นานก็หันไปเจอเล่อเล่อส่งยิ้มตาหยีให้เขาอยู่ด้านหลัง

“ไม่ได้บอกว่าสามวันหลังจากนี้เหรอ? เสี่ยวเป่าพี่หลอกฉันอีกแล้วนะ!”

เล่อเล่อฉายแววพอใจผ่านแววตา รอบนี้หนิงเสี่ยวเป่าอย่าคิดจะหนีพ้นเงื้อมมือเธอไปได้เลย

เสี่ยวเป่ากุมขมับอย่างระอา เขาหลอกเล่อเล่อยากขึ้นทุกวันเลยลองพูดโน้มน้าวดู แต่ทว่า…

“อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉัน ถ้าไม่ไปด้วยกันก็ไม่ต้องไปทั้งคู่ มีแค่สองตัวเลือกนี้เท่านั้น!” เล่อเล่อยืนยันหนักแน่น

………………

Related

ตอนที่ 2941 เทปม้วนหนึ่ง

กู้เฟยหรันมองเล่อเล่ออย่างแปลกใจ “แค่โทรหาก็ติดต่อได้แล้วนี่!”

คำถามของคุณเหยียนฟังดูแปลก ๆ ตอนนี้เป็นยุคแห่งสังคมอัจฉริยะ แล้วจะมีใครติดต่อกันไม่ได้อีกเหรอ?

เว้นเสียแต่ฝ่ายตรงข้ามไม่อยากติดต่อคุจึงปิดโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่าง

เล่อเล่อกะพริบตาปริบ ๆแล้วย้อนถามว่า “คุณโทรหาหนิงเสี่ยวเป่าเหรอ? เขามีมือถือเหรอ?”

กู้เฟยหรันแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “เสี่ยวเป่ามีมือถืออยู่แล้วนะ คุณเหยียนไม่รู้เหรอ?”

ไม่ใช่น้องสาวเหรอ?

ทำไมถึงไม่รู้ว่าพี่ชายมีมือถือล่ะ?

เล่อเล่อกำหมัดแน่นพร้อมเส้นเลือดปูดโปนแล้วเค้นเสียงผ่านไรฟันว่า “เมื่อก่อนไม่รู้แต่ตอนนี้รู้แล้ว คุณช่วยบอกเบอร์โทรศัพท์ของเสี่ยวเป่าหน่อยได้ไหม?”

“ได้อยู่แล้ว เอางี้คุณเหยียนเอาไอดีวีแชทมา เดี๋ยวผมส่งให้ทางวีแชท” กู้เฟยหรันพูดพลางอมยิ้มแอบนึกดีใจเพราะกำลังกังวลกลัวไม่มีข้ออ้างขอช่องทางการติดต่ออยู่แหนะ!

เล่อเล่อโชว์คิวอาร์โค้ดให้อย่างรวดเร็ว กู้เฟยหรันบอกเบอร์โทรศัพท์ของเสี่ยวเป่าแล้วเอ่ยอย่างเสียดายว่า “เสี่ยวเป่าไม่เคยเล่นวีแชทหรือคิวคิวเลยทำได้แค่โทรหาเขา”

เขามักรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเป่าควรมีชีวิตอยู่ในยุคกลาง เขาเป็นคนวัยหนุ่มสาวในสังคมอัจฉริยะแต่กลับหัวโบราณคร่ำครึยิ่งกว่าคนวัยชราเสียอีก ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

“ขอบคุณมาก วันหลังจะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะ!”

เล่อเล่อโบกมือลากู้เฟยหรันเรียกแท็กซี่แล้วบอกคนขับรถว่าไปภูเขาฝูหนิว

กู้เฟยหรันถอนหายใจด้วยความผิดหวังและจากไปอย่างเงียบ ๆ

วันนี้มีคนมาไหว้พระที่ภูเขาฝูหนิวจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่น มีกลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยตลบอบอวลอยู่เหนือวัด เสี่ยวเป่าและและชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบยืนอยู่กลางสวนแต่ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ

ฝ่ายชายดูท่าทียำเกรงโค้งตัวเล็กน้อยเอ่ย “นายน้อย นายท่านให้ผมมาหาแล้วมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ”

“คุณปู่ผมเสียชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว” เสี่ยวเป่ามองชายหนุ่มอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อเลยสักนิด

“นายน้อยฟังสิ่งนี้ก่อนครับแล้วจะเชื่อคำพูดของผม”

ชายคนนั้นยื่นกล่องใบหนึ่งให้เสี่ยวเป่าซึ่งด้านในเป็นเทปม้วนหนึ่ง เสี่ยวเป่าตกตะลึงพร้อมแววตาแฝงความประหลาดใจเพราะบนกล่องมีอักษรเขียนอยู่ซึ่งแปลว่า…เสี่ยวเป่าเปิดเอง

“ผมเก็บเทปม้วนนี้มานานถึง 21 ปีจนถึงตอนนี้สามารถมอบให้นายน้อยกับมือได้แล้ว นายน้อยอย่าทำให้คุณปู่ท่านผิดหวังนะครับ!” ดวงตาของชายหนุ่มน้ำตาคลอเบ้าพร้อมความรู้สึกปริ่มใจ

เสี่ยวเป่าได้ฟังแล้วก็นึกแปลกใจ “คุณปู่ฉันหวังเรื่องอะไร?”

“นายน้อยฟังเทปก็จะทราบเองครับ”

เสี่ยวเป่าพาผู้ชายคนนั้นไปที่ห้องพักของเขาแล้วให้เณรน้อยช่วยนำเครื่องบันทึกเสียงมาให้ เขาแกะกล่องออกเทปม้วนนี้ยังดูใหม่อยู่ เสี่ยวเป่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะเสียบเทปลงไปในเครื่องและกดปุ่มเล่น

“เสี่ยวเป่า ฉันคือปู่นะ ตอนนี้เธอคงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อของเธอคงไม่ได้เล่าเรื่องความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษตระกูลหนิงให้ฟังอย่างแน่นอน…”

เทปหมุนไปเรื่อย ๆพร้อมเสียงของหนิงเฉินเซวียนที่ดังผ่านเครื่องมา เขาเล่าเรื่องยาวเหยียดอยู่นานจนคิ้วของหนิงเสี่ยวเป่าขมวดเป็นปมแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขารู้สึกว่าเหมือนกำลังฟังเรื่องราวแฟนตาซีอยู่

เป็นจักรพรรดิงั้นเหรอ?

สมองของหนิงเฉินเซวียนเพี้ยนไปแล้วหรือไง?

แถมอยากให้เขาเพี้ยนตามไปด้วย แน่นอน…เขาคงไม่บ้าไปด้วยหรอก คนโง่เท่านั้นที่คิดจะเป็นจักรพรรดิ ทั้งยังต้องเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลที่แข็งแกร่งอีก ใช่ว่าเขาจะใช้ชีวิตลำบากซะหน่อย

“นายน้อย…” ชายหนุ่มเรียกเขาพร้อมแววตาซ่อนความหวังไว้อยู่

เสี่ยวเป่าสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยถามว่า “คุณเป็นลูกน้องของคุณปู่ผมเหรอ?”

“ครับ นายท่านรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะเกิดเรื่องเลยส่งผมออกนอกเมืองแล้วให้ผมรอนายน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ค่อยมาหา ผมหานายน้อยตั้งนานกว่าจะเจอ…” ชายหนุ่มพูดพลางน้ำตาไหลเป็นทาง

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าที่อยู่ของนายน้อยจะประหลาดขนาดนี้ เขาเริ่มหาตั้งแต่ห้าปีที่แล้วแต่ทุกครั้งกลับไร้ผล ถ้าไม่ใช่เพราะปีนี้นายน้อยเข้าไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เขาคงต้องหาจนตายก็ทำภารกิจที่นายท่านฝากฝังไว้ไม่สำเร็จ

……………………………………….

ตอนที่ 2942 ไม่สนใจเรื่องการกลับมาเป็นจักรพรรดิ

เสี่ยวเป่าอยากจะถามต่อแต่เสียงมือถือกลับดังขึ้นซึ่งเป็นเบอร์แปลกหน้าโทรเข้ามา เสี่ยวเป่าลังเลเล็กน้อยกดรับสาย

“หนิงเสี่ยวเป่า พี่เคยบอกว่าไม่ใช้มือถือไม่ใช่เหรอ? แล้วมือถือเครื่องนี้มันยังไงกัน?” เล่อเล่อตะโกนใส่ แม้จะมีมือถือกั้นอยู่แต่ก็ดังจนหูชาได้

เสี่ยวเป่าตกใจแล้วยกมือถือออกห่างจากตัวพร้อมใจเต้นมาถึงคอหอย

น้องเล่อเล่อรู้เบอร์มือถือเขาได้อย่างไรกัน?

เบอร์มือถือของเขามีเพียงเพื่อนไม่กี่คนและคุณอาเหยียนเท่านั้นที่รู้ อีกอย่างเพื่อนเหล่านั้นเล่อเล่อก็ไม่รู้จัก คุณอาเหยียนยิ่งไม่ให้เขาเข้าใกล้เล่อเล่ออยู่แล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนให้ น่าแปลกจริง ๆ

“พี่เพิ่งใช้เลยยังไม่ทันได้บอก” เสี่ยวเป่าอธิบายอย่างรู้สึกผิด

“พี่รอฉันได้เลย อีกครึ่งชั่วโมงถึง!” เล่อเล่อวางสายคร้านจะฟังเสี่ยวเป่าอธิบาย รอเจอหน้าก่อนค่อยจัดการทีเดียว

ไม่อยากคบกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?

งั้นเธอก็จะตามติดวอแวเขาไปตลอดชีวิตแบบนี้แหละ อย่าหวังว่าจะสลัดเธอทิ้งได้เลย!

“คุณกลับไปเถอะ เก็บเงินพวกนี้ไว้แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเถอะ!”

เสี่ยวเป่าล้วงหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาแล้วส่งให้ชายคนนั้น เขามองออกว่าชีวิตของชายคนนี้ไม่ได้สุขสบายนัก แม้จะไม่เห็นด้วยกับความคิดเพี้ยน ๆของหนิงเฉินเซวียน แต่เขาก็ชื่นชมความจงรักภักดีของชายผู้นี้เพราะยังคงซื่อสัตย์กับคนที่ตายไปแล้วถึงยี่สิบปีซึ่งหาได้ยากจริง ๆ

“ขอบคุณนายน้อยครับ ผม…” ชายคนนั้นน้ำตาคลอเบ้า เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับบัตรธนาคารนั้นไป เขาขาดแคลนเงินจริง ๆและอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียที

“ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้วและอย่าบอกใครนะ” เสี่ยวเป่าส่งสัญญาณมือไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็มีนกน้อยตัวหนึ่งบินเข้ามา

“คุณลงเขาตามนกตัวนี้ไป ข้างนอกอันตรายพอสมควร ระวังตัวด้วย”

เสี่ยวเป่าไม่ค่อยกังวลเรื่องความปลอดภัยของชายคนนี้นักเพราะจุดสนใจของคนเหล่านั้นไม่มีผลต่อชายคนนี้เท่าไหร่ เขาแค่กังวลว่าจะเจอเล่อเล่อเลยให้นกน้อยไปส่งก็เท่านั้นเอง

น้องสาวพละกำลังเยอะแถมอยากรู้อยากเห็นไปหมด ดังนั้นทางที่ดีสุดคือไม่เจอจะดีกว่า

ชายคนนั้นจากไปด้วยความซาบซึ้งใจและโล่งอกที่ภารกิจเสร็จสิ้นสักที เขาสามารถใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือได้อย่างสงบสุขแล้ว!

หลังจากชายคนนั้นจากไปเสี่ยวเป่าก็หยิบหยกแขวนออกมาจากกระเป๋าตรงหน้าอกแล้วมองอย่างละเอียด

ในเทปหนิงเฉินเซวียนไม่ได้บอกว่าดูแผนที่ซ่อนสมบัติอย่างไร เขาบอกแค่ว่าให้เขาค่อย ๆศึกษาหยกแขวนชิ้นนี้ไป และต้องเป็นช่วงกลางคืนเท่านั้นถึงจะสามารถหาแผนที่ขุมสมบัติที่เขาทิ้งไว้เจอ ทั้งหาสมบัติเหล่านั้นเจอและทวงอำนาจของตระกูลหนิงกลับมาได้

เรื่องกลับมาเป็นจักรพรรดิไร้สาระพวกนี้เสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่เขาสนใจสมบัติที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้มากกว่า

“หนิงเสี่ยวเป่า…พี่หมายความว่าไง…”

ประตูถูกชนจนเปิดออก เล่อเล่อพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ

เสี่ยวเป่าตัวสั่นไม่กล้าจ้องตาเล่อเล่อจึงเบือนหน้าไปอีกทาง เรื่องนี้เขาทำไม่ถูกจริง ๆแต่เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะถ้าเล่อเล่อรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขาก็คงรู้ว่าเขาอยู่ไหนได้ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ

เขากังวลว่าเธอจะแอบปีนขึ้นเตียงเขาอีกจริง ๆ!

“นี่มันอะไรกัน? ทำไมพี่ยังใช้ของโบราณแบบนี้อยู่อีก?” เล่อเล่อเห็นเครื่องบันทึกเสียงก็นึกแปลกใจ

นี่มันยุคสมัยไหนแล้วยังใช้ของเก่าพวกนี้อีกเหรอ

เล่อเล่อกดปุ่มเล่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นเสียงของหนิงเฉินเซวียนก็ดังขึ้นจนทำเอาเธอตกใจแทบตาย พอฟังไปเรื่อย ๆท่าทีของเธอก็ดูเคร่งขรึมขึ้น

“ทำไมพี่ถึงมีเทปของคุณปู่พี่ได้ล่ะ?” เล่อเล่อถามด้วยความสงสัย

“มีคนเอามาให้ คนก็ตายไปแล้ว ของคงไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก” เสี่ยวเป่าพูดเสียงเรียบแล้วหยิบเอาเทปออกมา ดึงฟิล์มที่อยู่ในม้วนเทปออกขยำจนเละแล้วจุดไฟเผา เพียงพริบตาเดียวก็มลายหายไป

……………………

Related

ตอนที่ 2939 ลี่สือเอ้อร์

แม้ว่าเล่อเล่ออยากจะสืบเรื่องคนที่สะกดรอยตามเสี่ยวเป่ามากแต่เสี่ยวเป่าไม่ให้เธอยุ่งเลยทำได้แค่อดกลั้นไว้แต่ก็ไม่ได้เป็นกังวลนัก ถึงแม้ศิลปะการต่อสู้ของเสี่ยวเป่าจะไม่ได้เก่งกาจอะไรมากแต่เขามีพวกพ้องสัตว์มากมาย กล่าวได้ว่าใครสักคนบนโลกนี้ที่จับเขาได้คงยังไม่เกิดละมั้ง

ไม่สิ อาจจะมีอยู่สองคน

คนหนึ่งคือเสี่ยวจู ส่วนอีกคนคือลี่เมิ่งเฉิน

เล่อเล่อคิดมาตลอดว่าถ้าเสี่ยวเป่าสู้กับเสี่ยวจู ใครจะเป็นฝ่ายชนะกันนะ?

รวมถึงคุณอาลี่ที่แสนลึกลับนั่นด้วย เล่อเล่ออยากรู้เหลือเกิน เพียงแต่น่าเสียดายที่ลี่เมิ่งเฉินเชิญเสี่ยวจูไปบ้านแค่คนเดียว เธอกับเน่าเน่าไม่เคยถูกเชิญเลยสักครั้ง แม้แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่รู้ว่าบ้านของลี่เมิ่งเฉินอยู่ที่ไหนราวกับอาศัยอยู่ในช่องปริภูมิสามมิติอย่างนั้นแหละ

ทว่าลูกสาวของลี่เมิ่งเฉินมีความสัมพันธ์กับพวกเล่อเล่อดีไม่หยอก ลี่เมิ่งเฉินมีลูกสาวเพียงคนเดียวซึ่งมีชื่อเต็มว่าลี่หมิงจูมีความหมายว่าลูกสาวอันผู้เป็นที่รักของพ่อแม่และมีชื่อเล่นว่าลี่สือเอ้อร์

ไม่ใช่เพราะเก่งอยู่ในสิบสองคนแรกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะหล่อนเกิดวันที่ 12 เดือนธันวาคม เวลา 12 นาฬิกา 12 นาที 12 วินาทีต่างหาก เลข 12 ยาวเป็นพรวนขนาดนี้ ถ้าไม่ให้เรียกว่าสือเอ้อร์จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ?

ครั้นเล่อเล่อนึกถึงเด็กสาวตัวแสบคนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ไม่รู้ว่าสือเอ้อร์จะรู้หรือเปล่าว่าเน่าเน่าไปเรียนที่อเมริกาแล้ว เดาว่าคงอาละวาดที่บ้านยกใหญ่เลยมั้ง!

ลี่เมิ่งเฉินอยากได้เสี่ยวจูมาเป็นลูกเขยแต่สือเอ้อร์ชอบเล่นกับเน่าเน่ามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งยังเล่นกับเสี่ยวจูไม่ค่อยถูกคอกันเท่าไหร่ อันที่จริงเป็นเพราะตั้งแต่เสี่ยวจูเกิดมาจนถึงอายุ 15 ปี เวลาส่วนใหญ่ในหนึ่งวันจะหมดไปกับการนอน ฉะนั้นเวลาตื่นจึงเป็นช่วงระยะสั้น ๆสองหรือสามชั่วโมงเท่านั้นจึงแทบไม่ได้เล่นเป็นเพื่อนสือเอ้อร์เลย

อีกทั้งเสี่ยวจูกับสือเอ้อร์เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดกัน พอเจอหน้ากันก็กัดกันกระทบกระทั่งเย็นชาใส่กัน เล่อเล่อคิดว่าความปรารถนาของลี่เมิ่งเฉินต้องไม่ได้ดั่งใจแน่นอน บางทีสือเอ้อร์อาจจะเป็นน้องสะใภ้อีกคนของเธอแทน

แต่ไม่ใช่กับเสี่ยวจูแน่นอน ทว่าเน่าเน่ายังพอมีความเป็นไปได้บ้าง

แต่ลี่เมิ่งเฉินมองข้ามเน่าเน่าไปอย่างสิ้นเชิง คาดว่าวันข้างหน้าเจ้าเด็กสองคนนี้ต้องทุกข์ทรมานแน่นอน ครั้นพอนึกถึงอนาคตอันริบหรี่ของตนกับเสี่ยวเป่าเธอก็ถอนหายใจพลางปวดใจยิ่งกว่าเดิม

พวกผู้ใหญ่น่ารำคาญจริง ๆเพราะมักจะเอาความหวังของตัวเองมาไว้บนตัวเด็ก ทั้งยังมักบอกว่า “ฉันกินเกลือมามากกว่าแกกินข้าวเสียอีก!”

หึ…ในเมื่อกินเกลือมาเยอะทำไมถึงไม่กลายเป็นเนื้อหมักไปเลยล่ะ!

เล่อเล่อถอนหายใจอีกครั้งเตรียมไปหาทานปิ้งย่างกับเป่ารื่อน่า อารมณ์ไม่ดีก็ต้องทานของอร่อย ๆสิ

ยามทุกข์ใจต้องให้ปิ้งย่างและเบียร์เย็น ๆมาบำบัดหน่อยแล้ว

เล่อเล่อคร้านจะขี่จักรยานไปเลยเลือกไถสเก็ตบอร์ดไปแทน เพิ่งออกจากประตูมหาวิทยาลัยมาไม่นาน เล่อเล่อก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งทำตัวลับ ๆล่อ ๆอยู่หลังเธอ พอเห็นก็รู้สึกคุ้นหน้าเพราะเขาเป็นเพื่อนของชายมีรอยสักคนนั้น

เธอแค่นเสียงเย็นชาจงใจทำเป็นมองไม่เห็นแล้วค่อย ๆไถสเก็ตบอร์ดไป จากนั้นก็ล่อเขาเข้าไปในซอยเล็ก ๆซอยหนึ่ง…

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเล่อเล่อก็ออกมาจากซอยนั้นด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แผ่นหลังแบกชายที่หายใจโรยรินมองท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง

ยุคสมัยที่ผู้หญิงเก่งกาจเท่าเทียมผู้ชาย ทำไมเขาต้องได้รับภารกิจนี้คนเดียวด้วย?

เล่อเล่อเค้นเอาจุดประสงค์ที่พวกเขาตามหาเสี่ยวเป่าได้แล้วซึ่งก็คือหยกแขวนที่เสี่ยวเป่าพกติดตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับเธอมันก็แค่หยกแขวนธรรมดา ๆชิ้นหนึ่งเท่านั้นแล้วจะมีแผนที่ขุมสมบัติได้อย่างไรกัน?

อีกอย่างคุณปู่ของพี่เสี่ยวเป่าจะมีเงินได้อย่างไรในเมื่อใช้ทำฐานขีปนาวุธหมดแล้ว จากที่แม่เขาเล่ามาตอนเสียชีวิตไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียวด้วยซ้ำ เรื่องหลังจากนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็เป็นคนจัดการไป ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปเอาข่าวมาจากไหน?

เล่อเล่อตัดสินใจจะกลับไปถามเหยียนหมิงซุ่น จู่ ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นแต่เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา เพิ่งกดรับสายเสียงใสกังวานก็ดังแว่วลอยมา “พี่เล่อเล่อคะ เหยียนเน่าเน่าไปไหนเหรอ? ทำไมไม่มาเรียนนานแล้วล่ะ?”

……………………………………………..

ตอนที่ 2940 แลกเปลี่ยน

เล่อเล่ออดขำไม่ได้ เพิ่งบ่นถึงลี่สือเอ้อร์ไปยัยเด็กนี่ก็โทรมาเลย

“ข่าวสารของเธอช้าไปมั้ง เน่าเน่าไม่ได้ไปเรียนเป็นเดือนแล้วทำไมเธอถึงเพิ่งสังเกตเห็นล่ะ?” เล่อเล่อยียวน

“ฉันก็เพิ่งกลับมาจากทะเลใต้ไม่ใช่หรือไง พี่เล่อเล่อ เหยียนเน่าเน่าไปไหน?”

เล่อเล่อนึกสนใจขึ้นมา “ทะเลทางใต้เที่ยวสนุกไหม?”

“พอได้ พี่รีบบอกฉันมาเลยว่าเหยียนเล่อเล่อไปไหน พ่อของฉันก็ไม่ยอมบอก เดี๋ยวจะวางยาใส่ชาให้เขาไม่มีแรงสักสามเดือนสักหน่อย!” ลี่สือเอ้อร์กัดฟันแน่น

เล่อเล่อมุมปากกระตุกแล้วไว้อาลัยให้ลี่เมิ่งเฉินสามวินาที

ยัยสือเอ้อร์ทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ได้เพราะความสามารถพิเศษของยัยเด็กคนนี้ก็คือน้ำ หล่อนสามารถสื่อสารกับน้ำได้ การวางยาจึงเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเธอมาก

“เน่าเน่าไม่ให้ฉันบอกเธอ เธอค่อย ๆสืบหาเองไปแล้วกัน” เล่อเล่อไม่อยากขายน้องชาย ก่อนเน่าเน่าไปเขากำชับนักหนาว่าต้องเก็บงำห้ามบอกสือเอ้อร์เด็ดขาด

สือเอ้อร์ก่นด่าเน่าเน่าในใจไปยกหนึ่ง หมุนตากลอกไปมาก็ยิ้มหวานกล่าว “พี่เล่อเล่อคะ ถ้าพี่บอกว่าเหยียนเล่อเล่ออยู่ที่ไหน ฉันก็จะบอกความลับยิ่งใหญ่ของเสี่ยวเป่าให้พี่ฟัง เป็นไงล่ะ?”

เล่อเล่อใจเต้นเอ่ยถามว่า “ความลับอะไร?”

“ความลับใหญ่แน่นอน จะแลกไม่แลก?”

“แลก เธอว่ามาก่อนสิ!” เล่อเล่อไม่ลังเลใจเลยสักนิด

สือเอ้อร์เอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ “พี่น่าจะสังเกตเห็นว่าช่วงนี้หนิงเสี่ยวเป่าถูกกลุ่มมีอิทธิพลคอยไล่ตามตัวอยู่ กลุ่มที่วุ่นวายที่สุดคือทีมมังกรซึ่งก็คือฝ่ายของพ่อฉัน แต่อย่ากังวลใจไปเลยเพราะทีมมังกรไม่ทำอะไรหนิงเสี่ยวเป่าหรอก เพียงแค่อยากได้ของบางอย่างจากเขาทั้งนั้น แต่กลุ่มอิทธิพลอื่นฉันไม่รับประกันนะว่าจะทำอะไรเสี่ยวเป่าไหม”

เล่อเล่อมุ่นคิ้วแน่น แม้แต่ทีมมังกรยังเข้ามายุ่มย่ามด้วย หรือว่าในหยกชิ้นนั้นจะมีแผนที่ขุมสมบัติอยู่จริง ๆ?

“แผนที่ขุมสมบัติเหรอ?” เล่อเล่อถาม

สือเอ้อร์หัวเราะเสียงเบา “จะพูดว่าเป็นแผนที่ขุมสมบัติก็ได้ แต่สมบัติทั่วไปคงดึงดูดความสนใจพวกทีมมังกรไม่ได้อยู่แล้ว ฉันเดาว่าต้องเป็นข้อมูลอาวุธรุ่นใหม่และสุดยอดมาก ๆด้วย แถมมีประเทศมากมายอยากได้มันอีกต่างหาก หนิงเสี่ยวเป่าเดือดร้อนแล้วล่ะ”

เล่อเล่อตกใจยกใหญ่ อาวุธรุ่นใหม่งั้นเหรอ?

แบบนี้ก็สามารถอธิบายได้แล้ว แม้แต่ฐานขีปนาวุธที่แสนน่ากลัวหนิงเฉินเซวียนยังทำออกมาได้ งั้นการทำอาวุธรุ่นใหม่ขึ้นมาย่อมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว มิน่าแม้แต่ทีมมังกรยังเอากับเขาด้วย

“เน่าเน่าอยู่ที่ GSb เธอไปหาเขาเองแล้วกัน!”

เล่อเล่อไม่มีกะจิตกะใจสนทนาด้วยอีกต่อไปจึงวางสาย คิ้วอันดกดำย่นเข้าหากัน คำพูดของสือเอ้อร์ทำเอาตกใจมากไม่น้อย ตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?

ต่อให้เสี่ยวเป่าจะเก่งมากแค่ไหนแต่ก็แค่ตัวคนเดียว แล้วจะต้านประเทศที่แข็งแกร่งแบบนั้นได้อย่างไรกัน?

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย เธอคิดจะโน้มน้าวให้เสี่ยวเป่ายอมมอบหยกแขวนนี้ให้ทีมมังกรไปเสีย ถึงอย่างไรเขาได้อาวุธนั้นไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอยู่ดีสู้ให้ทางรัฐบาลไปทุกอย่างก็จบ แล้วให้ประเทศอื่นไปหาทีมมังกรเอาเอง อีกอย่างพี่เสี่ยวเป่าก็จะไม่เป็นอะไรด้วย

เล่อเล่อตัดสินใจไปหาเสี่ยวเป่าที่ภูเขาฝูหนิว วันหลังเธอต้องโน้มน้าวให้เสี่ยวเป่าใช้มือถือหน่อยแล้ว ตอนนี้มันยุคสมัยไหนกัน ถ้าไม่ใช้มือถือจะถูกยุคสมัยทิ้งเอานะ!

“คุณเหยียน สวัสดี!” เสียงนุ่มทุ้มของผู้ชายดังขึ้น เล่อเล่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอชายหนุ่มที่คุ้นหน้าลาง ๆ

ผู้ชายตัวสูงใหญ่หล่อเหลาใส่เสื้อผ้าดูมีรสนิยมขี่รถจักรยานราคาแพงกำลังมองเธอพลางอมยิ้ม

“คุณเหยียนจำผมได้ไหม? ผมกู้เฟยหรันเพื่อนของหนิงเสี่ยวเป่าที่ร้านอาหารฝรั่งเศส…” ชายหนุ่มแนะนำตัว

เล่อเล่อถึงนึกขึ้นได้ นี่คือคู่ดูตัวที่เสี่ยวเป่าเป็นคนจัดการหามาให้นี่เอง

“นายมีธุระอะไรเหรอ? ตอนนี้ฉันมีธุระด่วน…” เล่อเล่อไม่มีอารมณ์สนทนาด้วย เธอต้องรีบไปหาเสี่ยวเป่าที่ภูเขาฝูหนิว

“คุณเหยียนรีบมากเหรอ ผมยังอยากขอเลี้ยงข้าวคุณกับเสี่ยวเป่าสักหน่อย!” กู้เฟยหรันผิดหวังอยู่บ้าง เขาชอบผู้หญิงแบบเล่อเล่อมากจริง ๆเพราะร่าเริงสดใสมากทีเดียว

เล่อเล่อดวงตาลุกวาว “คุณติดต่อเสี่ยวเป่าได้ด้วยเหรอ?”

………………..

Related

ตอนที่ 2937 หยกแขวน

เหยียนหมิงซุ่นตกอยู่ในห้วงความคิด แม้ลี่เมิ่งเฉินจะไม่ได้บอกออกมาตรง ๆแต่ก็ถือว่าบอกเหตุผลเขาทางอ้อม ในตัวหนิงเสี่ยวเป่ามีบางอย่างที่พวกทีมมังกรต้องการ ส่วนกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆที่สะกดรอยตามก็คงมีจุดประสงค์เดียวกัน

เพียงแต่…บนตัวหนิงเสี่ยวเป่ามีสิ่งใดกันถึงคู่ควรให้ทีมมังกรต้องลงมือเอง?

เหยียนหมิงซุ่นส่งข้อความบอกเรื่องสาเหตุที่ทีมมังกรสะกดรอยตามให้เสี่ยวเป่ารับรู้

เสี่ยวเป่ายังคงเล่นแมวไล่จับหนูอยู่ ทว่าพอเห็นข้อความของเหยียนหมิงซุ่นก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วมองไปทางกระจกหลังพร้อมนัยน์ตาที่แผ่ไอเย็นยะเยือกออกมา

บางที…คนพวกนี้คงรู้ว่าเป็นของสิ่งใด

เขากลับรถแล้วขับรถมุ่งหน้าไปทางภูเขาฝูหนิว เขาต้องล่อคนพวกนี้ขึ้นเขาก่อนแล้วค่อยถามให้ชัดเจน

ไม่นานก็ขับมาถึงด้านล่างตีนเขา พอเสี่ยวเป่าจอดรถเสร็จก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วค่อย ๆเดินขึ้นเขาไป คนที่ตามมาด้านหลังต่างดีใจเพราะสะกดรอยตามมาตั้งนานในที่สุดก็เจอที่กบดานของเสี่ยวเป่าสักที

สองคนที่ลงมาจากรถก็เดินตามขึ้นเขาไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า พวกเขาวางแผนไว้ว่าจะควบคุมตัวเสี่ยวเป่าตอนช่วงไหล่เขาแล้วค่อยค้นตัวถามว่าของสิ่งนั้นอยู่ไหน

มีจิ้งเหลนแสนน่ารักปีนขึ้นมาเตือนเสี่ยวเป่าว่ามีคนไม่ดีตามหลังมา เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พอเดินมาได้ครึ่งหนึ่งของไหล่เขาทุกอย่างก็เงียบสงัดซึ่งมีเพียงเขาและอีกสองคนที่ตามมาด้านหลังเท่านั้น

จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็หมุนตัวอมยิ้มมองพวกเขาสองคนที่ตกใจสะดุ้งโหยง “พวกคุณตามผมมาตั้งครึ่งปีแล้วไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”

พวกเขาสองคนสีหน้าตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเป่าจะรู้ด้วย?

“เปล่านะ…พวกเราแค่มาปีนเขาเท่านั้น” พวกเขาปากแข็งไม่ยอมรับ

เสี่ยวเป่าหัวเราะเสียงเบาแล้วชูนิ้วอันเรียวงามทำท่าแปลก ๆ จากนั้นงูตัวผอมยาวก็เลื้อยโผล่มาแล้วกัดเขาที่ข้อเท้าทีละคนราวกับถูกยุงกัดก็ไม่ปาน

“งู…ถูกงูกัดแล้ว…” พวกเขาสองคนใบหน้าซีดเผือดแล้วมองข้อเท้าที่บวมเป่งขึ้นมาในชั่วขณะด้วยความผวา พิษร้ายแรงขนาดนี้เชียว พวกเขาต้องตายแน่ ๆ

“ขอร้องล่ะ…โทรหา 120 เถอะ…ขอร้องล่ะ!”

พวกเขาสองคนที่สะกดรอยตามมาขาอ่อนยวบล้มลงพื้นพร้อมร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง แม้แต่ล้วงหยิบมือถือขึ้นมายังทำไม่ได้ พวกเขาเลยได้แต่อ้อนวอนให้เสี่ยวเป่าช่วย

เสี่ยวเป่ามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วทำท่าประหลาด จากนั้นก็มีกระรอกตัวหนึ่งโผล่มาพร้อมหญ้าป่ากำหนึ่งในอุ้งมือ เสี่ยวเป่าเอาหญ้าป่านี้แบ่งออกเป็นสองกำแล้วยัดใส่ปากพวกเขาสองคน “เคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนซะ”

พวกเขาได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามพลันก็รู้สึกมีสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อีกอย่างร่างกายก็เหมือนจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเลยอดดีใจไม่ได้แล้วร้องขอหญ้าถอนพิษจากเสี่ยวเป่ามากกว่านี้หน่อย

“บนเขามีหญ้าตั้งมากมาย แต่ต้องดูว่าพวกนายจะให้ความร่วมมือกับฉันไหม” เสียงของเสี่ยวเป่าอ่อนโยนมากแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้พวกเขาตัวสะท้านเฮือก ทว่าพวกเขาก็ยังปิดปาดสนิทไม่บอกอะไรทั้งนั้น

“หญ้ากำนี้รักษาพวกนายได้แค่สิบห้านาที พอหลังจากสิบห้านาทีไปพิษก็จะกำเริบขึ้นอีก พวกนายไม่อยากพูดจริงเหรอ?”

เสี่ยวเป่าเผยรอยยิ้มใสซื่อแล้วโบกมือให้บางอย่างที่อยู่มุมไกล จากนั้นกระรอกตัวหนึ่งก็โผล่มาส่งหญ้าสีเขียวใสมรกตแบบเดียวกันให้อีกครั้ง อาจดูเหมือนเป็นหญ้าธรรมดาแต่กลับเป็นยาชั้นดีใช้ช่วยชีวิตพวกเขาเชียวล่ะ

พวกเขาสองคนมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเลใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ตอนนี้แทบรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้วยังจะห่วงเรื่องสัจจะอะไรอีก

“พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่ง เบื้องบนสั่งให้พวกเรามาเอาหยกแขวนชิ้นหนึ่งที่อยู่ตัวนายไป”

เสี่ยวเป่านัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ หยกแขวนงั้นหรือ?

บนตัวเขามีหยกแขวนอยู่เพียงชิ้นหนึ่งเท่านั้น

“หยกแขวนอะไรกัน? พวกนายจะเอาหยกแขวนไปทำอะไร?” เสี่ยวเป่าเอ่ยถาม

“บอกเพียงว่าเป็นหยกแขวนภาพมงคลมังกรหงส์ชิ้นหนึ่งที่คุณปู่นายทิ้งไว้ให้แต่ส่วนเบื้องบนจะเอาไปทำอะไรฉันก็ไม่รู้หรอก พวกเราแค่รับภารกิจให้ไปหาหยกแขวนมา ส่วนเรื่องอื่นฉันไม่รู้แล้ว” พวกเขาสองคนเอ่ยตอบ

………………………………….

ตอนที่ 2938 แผนที่ซ่อนขุมสมบัติ

เสี่ยวเป่ามุ่นคิ้วแน่น หยกแขวนที่คุณปู่ทิ้งไว้ก็คือชิ้นที่เขาเอาติดตัวไว้ตลอด หยกชิ้นนี้มีความลับอะไรกันนะ?

“เอาหญ้ามาให้ฉันที…” พวกเขาเริ่มสติเลอะเลือน พิษงูเริ่มกำเริบอีกแล้ว

เสี่ยวเป่าแบ่งหญ้าออกเป็นสองส่วนแล้วเอาป้อนพวกเขา เขายังมีบางอย่างที่อยากถามอีก

“พวกนายเป็นใคร?”

“พวกเราเข้าวงการตามพี่เสือ” พวกเขาสองคนไม่คิดจะปิดบังอีก ทั้งยังเปิดเผยสถานะของพี่เสือไปด้วย

พี่เสืออยู่ในวงการมาเฟียทางตอนใต้และมีอิทธิพลมาก ทั้งยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทางเกาะฮ่องกง ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ถึงได้จับตามองเสี่ยวเป่านัก

เสี่ยวเป่าถามอีกไม่กี่คำถามซึ่งล้วนแต่เป็นประเด็นสำคัญและคนพวกนี้ก็ตอบตามสัตย์จริงก่อนที่สีหน้าจะค่อย ๆผ่อนคลายลง จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็ถามขึ้นว่า “พี่เสือของพวกนายอยากได้ไว้เองเหรอ?”

“เหมือนว่าจะช่วยคนอื่นตามหา แถมเป็นคนฝั่งฮ่องกงด้วย”

เสี่ยวเป่ายิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม ทำไมถึงพัวพันไปถึงที่นั่นได้ล่ะ เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆแฮะ

“ยา…เอายาให้ฉัน…”

พิษในร่างกายพวกเขากำเริบขึ้นอีกครั้งพร้อมอาการกระตุกเกร็งไปทั้งตัว เสี่ยวเป่าไม่ได้ป้อนยาให้เขาแต่กลับเอาหญ้ากำหนึ่งวางไว้ตรงหน้าพวกเขาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ขอแค่กินไปทั้งหมดนี่ก็จะถอนพิษได้อย่างสมบูรณ์ แต่เหลือแค่กำเดียวจะให้ใครดีล่ะ?”

“เอาให้ฉัน…” พวกเขาสองคนเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงแล้วยื่นมือออกมาแก่งแย่งหญ้าในมือเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าเดินถอยหลังมาก้าวหนึ่งแล้วเอ่ย “ใครบอกความลับของหยกแขวนฉันได้ ฉันก็จะเอาหญ้าให้คนนั้น…นับถึงสามนะ หนึ่ง สอง…”

ยังไม่ทันนับถึงสามพวกเขาก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “เพราะแผนที่ขุมสมบัติ ในหยกแขวนมีแผนที่ขุมสมบัติ เป็นสมบัติที่หนิงเฉินเซวียนทิ้งไว้ในปีนั้น”

หนิงเสี่ยวเป่าใจเต้นตึกตัก แผนที่ขุมสมบัติงั้นหรือ?

อีกทั้งยังเป็นสมบัติที่คุณปู่ของเขาทิ้งไว้ด้วย ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลย

เขาป้อนหญ้าให้พวกเขาสองคนคนละครึ่งแล้วเอ่ยถาม “คุณปู่ฉันทิ้งสมบัติอะไรไว้?”

“พวกเราไม่รู้จริง ๆ รู้เพียงว่าคุณปู่ของนายมีสมบัติมากมาย ตอนที่เขาตายสมบัติเหล่านั้นก็หาไม่เจอแล้ว ได้ยินมาว่าถูกเขาซ่อนไว้ที่ลึกลับแห่งหนึ่ง”

เสี่ยวเป่าถามต่ออีกหน่อยแต่พวกเขาสองคนกลับตอบคำถามไม่ได้

“ขอร้องนายล่ะ…ให้ยาฉันเถอะ…ฉันไม่อยากตายนะ!” พวกเขาสองคนวิงวอนอย่างทรมานเพราะเหมือนได้กลิ่นเทพแห่งความตายมาเยือนและค่อย ๆเข้าใกล้มาทีละนิดแล้วด้วย

เสี่ยวเป่ามองพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วแบมือออกเพื่อสื่อว่าเขาไม่เหลืออะไรในมือแล้ว “ขอโทษด้วยแต่หญ้าหมดแล้ว พวกนายหลับเถอะ หลับสักหน่อยก็หายแล้ว”

“นายหลอกพวกฉัน…นายไม่ตายดีแน่…”

เวลานี้พวกเขาสองคนถึงรู้ว่าเสี่ยวเป่าไม่คิดจะช่วยพวกเขามาตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่จะหมดสติไปฉับพลันพวกเขาก็ค้นพบความจริงที่แสนน่ากลัวอย่างหนึ่งได้ เสี่ยวเป่าบงการกระรอกได้อย่างง่ายดาย บางทีงูมีพิษที่กัดเขาก็คงเป็นฝีมือของเสี่ยวเป่าเช่นกัน!

ไม่งั้นทำไมงูถึงเป็นฝ่ายบุกทำร้ายคนที่สัญจรไปมาก่อนได้ล่ะ?

“เป็นนาย…ที่เรียกงูมา”

หนึ่งในนั้นคิดได้ก่อนเลยมองไปทางเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีตกใจพร้อมใบหน้าเขียวปั๊ด ไม่นานเขาก็หยุดหายใจเพราะพิษได้ลามไปทั่วร่างกายแล้ว ต่อให้เป็นเทพสูงสุดก็ช่วยเขาไม่ได้

เสี่ยวเป่ามองสองศพที่กองอยู่บนพื้นแน่นิ่งแล้วผุดยิ้มจาง ๆออกมา จากนั้นก็เดินขึ้นเขาต่อ อีกเดี๋ยวคงมีนักท่องเที่ยวเดินลงเขามาและเห็นสองศพนี้เข้าพอดี

เขาล้วงหยิบหยกแขวนจากด้านในเสื้อออกมาแล้วนึกสงสัยว่าหยกแขวนเล็ก ๆแบบนี้จะมีแผนที่ขุมสมบัติได้เหรอ?

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เสี่ยวเป่ามุ่นคิ้วแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เขาตัดสินใจจะศึกษาหยกแขวนชิ้นนี้อย่างละเอียด ถ้ามีแผนที่ขุมสมบัติจริง ๆเขาต้องหามันเจอแน่นอน

ทว่าเสี่ยวเป่าไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เรียกว่าแผนที่ขุมสมบัติสักเท่าไหร่ เฮ่อเหลียนเช่อเคยบอกว่าเงินส่วนมากของหนิงเฉินเซวียนใช้ไปกับการสร้างฐานขีปนาวุธ แล้วจะมีเงินเหลืออีกได้อย่างไร?

ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปเอาข่าวนี้มาจากไหน!

…………………………

Related

ตอนที่ 2935 ทีมมังกร

หน้าต่างปิดสนิทจนภายในรถไม่มีอากาศถ่ายเท เสี่ยวเป่าอดไม่ได้ที่จะล้วงหยิบหยกแขวนสีเขียวอ่อนชิ้นหนึ่งออกมาแนบใบหน้าเพื่อลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย

หยกแผ่ไอเย็นออกมาเลยทำให้เสี่ยวเป่ารู้สึกสบายขึ้นมาก หยกแขวนชิ้นนี้น่าประหลาดไม่น้อย ยามฤดูหนาวให้ความอบอุ่น ส่วนฤดูร้อนให้ความเย็นราวกับเครื่องปรับอากาศที่สามารถปรับอุณหภูมิสี่ฤดูกาลได้เองอัตโนมัติ

เสี่ยวเป่าก้มศีรษะลงมองหยกแขวนซึ่งเป็นหยกธรรมดาทั่วไป ด้านบนแกะสลักภาพมงคลมังกรหงส์ไว้ เพราะนับตั้งแต่เสี่ยวเป่าพกมันติดตัว หยกแขวนก็สีเขียวอ่อนลงดูชุ่มฉ่ำราวกับสายน้ำ

ตามที่พ่อบอกหยกแขวนชิ้นนี้เป็นสิ่งที่คุณปู่เขาทิ้งเอาไว้ เสี่ยวเป่ายังพอจดจำภาพหนิงเฉินเซวียนได้บ้าง คุณปู่เป็นคนเข้มงวดมาก อีกทั้งเขาเคยอยู่กับคุณปู่ช่วงเวลาหนึ่งด้วย

ถึงแม้คุณปู่จะปฏิบัติต่อเขาไม่เลวแต่เขาก็ไม่ชอบคุณปู่อยู่ดี เขามักรู้สึกว่าบนตัวคุณปู่มีกลิ่นอายที่น่ากลัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาจิตใจไม่สงบ

แต่หยกแขวนชิ้นนี้เขากลับชอบมันมาก ฤดูหนาวให้ความอบอุ่น ส่วนฤดูร้อนให้ความเย็น เขาไม่เคยเอาห่างกายเลยแม้แต่วันเดียว

เสี่ยวเป่านำหยกแขวนเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วเอนกายพิงเบาะพลางขบคิด

กลุ่มอิทธิพลของฝ่ายลึกลับและกลุ่มอื่น ๆยอมเสียเวลาและกำลังคนขนาดนี้ ตกลงพวกเขาทำเพื่ออะไรกันนะ?

บนตัวเขามีสิ่งใดคุ้มค่าให้พวกเขาเสียเวลาด้วยนักหรือ?

ตอนที่เล่อเล่อลงจากรถเสี่ยวเป่า ชายในรถคันสีดำด้านหลังก็เผยสีหน้าตกใจ เขาจำเล่อเล่อได้เพราะเธอคือหญิงสาวที่ซัดเพื่อนของเขาจนบาดเจ็บในคืนนั้น หล่อนรู้จักกับหนิงเสี่ยวเป่างั้นหรือ อีกอย่างดูท่าทางจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาด้วย!

หลังจากสะกดรอยตามไปได้ระยะหนึ่ง ผู้ชายคนนี้ก็ค้นพบเรื่องไม่สบอารมณ์อย่างหนึ่งเพราะเขาคลาดกับเสี่ยวเป่าอีกแล้ว

ครึ่งปีมานี้เป็นเช่นนี้ตลอด ไม่ว่าจะส่งคนมาสะกดรอยตามกี่ครั้งก็คลาดทุกครั้งไป จนถึงตอนนี้พวกเขายังตามหาที่อยู่ของเสี่ยวเป่าไม่เจอเลย

เขาทุบพวงมาลัยรถอย่างเกรี้ยวโกรธ ลูกพี่ให้เวลาน้อยลงทุกวัน หากเขายังหาแผนที่ขุมทรัพย์ไม่เจอคงถูกลงโทษหนักแน่ ไม่ได้การล่ะ…เขาต้องคิดหาวิธีใหม่แล้ว

เล่อเล่อครุ่นคิดหนัก เธอมักรู้สึกว่าคนที่สะกดรอยตามเสี่ยวเป่าต้องมีเจตนาร้ายแน่เลยตัดสินใจกลับบ้านไปร้องขอความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงซุ่น ในเมืองหลวงไม่ว่าใครจะเข้าหรือจะออกก็เล็ดลอดสายตาคุณพ่อของเธอไปไม่ได้

“มีคนสะกดรอยตามเสี่ยวเป่างั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นประหลาดใจมากและไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก

“เป็นเจ้าหมอนี่ หนูให้คนไปลองสืบดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นคนมาจากทางใต้ เสี่ยวเป่าบอกว่าพวกเขาสะกดรอยตามเขามาครึ่งปีแล้วและก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรด้วย” เล่อเล่อเอาเอกสารข้อมูลคร่าว ๆของหนุ่มมีรอยสักคนนั้นมาให้เหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นเรียกลูกน้องมาแล้วให้พวกเขาไปสืบหาภูมิหลังของเจ้าหมอนี่

หลังจากนั้นสามวันเหยียนหมิงซุ่นก็ได้ข่าวที่ไม่ค่อยดีมานัก เขาไม่กล้าบอกเล่อเล่อแต่เรียกเสี่ยวเป่ามาหาโดยตรงแทน

“รู้ไหมว่าทีมมังกรกำลังสะกดรอยตามอยู่” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยถาม

“รู้ครับ” เสี่ยวเป่าพยักหน้า

“พ่อรู้เรื่องหรือยัง?”

“ยังไม่ได้บอก ผมรับมือเองได้ครับ” เสี่ยวเป่าอมยิ้มเล็กน้อยและยังคงมีท่าทีเรียบนิ่งเช่นเคย

เหยียนหมิงซุ่นขึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าดูถูกพวกทีมมังกรนะ พวกเขาไม่มีทางจับตาดูโดยไร้ต้นสายปลายเหตุหรอก พวกเขาต้องมีเหตุผลแน่นอน นายลองคิดทบทวนดูให้ดีว่าช่วงนี้ไปทำอะไรมา?”

“ไม่มีเลยครับ วัน ๆผมก็อยู่แต่บนเขา” เสี่ยวเป่าตอบอย่างซื่อตรง เขาเองก็คิดไม่ออกเช่นกัน

ฉับพลันเหยียนหมิงซุ่นก็สีหน้าเปลี่ยนไปและคิดถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่งขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างตกใจ “หรือว่าพวกทีมมังกรจะอยากได้นายไปทำงานด้วย?”

ทีมมังกรเฟ้นหาคนที่มีพลังพิเศษไปทั่วประเทศ แม้แต่เสี่ยวจูกับเน่าเน่าก็เคยถูกจับตามองมาก่อน แต่เพราะสถานะของเฮ่อเหลียนชิงและเขาเลยทำให้ไม่กล้ายุ่งด้วย บางทีเขาอาจถูกใจที่เสี่ยวเป่าสื่อสารกับพวกสัตว์ได้ก็ได้!

“แล้วทำไมถึงต้องมีกลุ่มอิทธิพลอื่นอีกล่ะ? อีกอย่างแต่ไรมาพวกทีมมังกรก็ไม่เคยแสดงสถานะให้ผมรู้มาก่อน ไม่ใช่เหตุผลนี้แน่นอน” เสี่ยวเป่าส่ายศีรษะด้วยท่าทีเด็ดขาด

………………………………………………………….

ตอนที่ 2936 หาของที่เหมือนกัน

เหยียนหมิงซุ่นคิด ๆดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่เหตุผลนั้นเช่นกัน ทีมมังกรต้องมีสาเหตุอื่นแน่นอน ถึงแม้เขาจะไม่ยินดีให้เล่อเล่อแต่งงานกับเสี่ยวเป่าแต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบเสี่ยวเป่า ในทางกลับกันเขามองเสี่ยวเป่าเป็นดั่งลูกหลาน นอกเสียจากเป็นลูกเขยเท่านั้น

“ฉันจะไปหาสืบถามดู นายเองก็ระวังตัวด้วย” เหยียนหมิงซุ่นกำชับพลางเป็นกังวลว่าเสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไป

เสี่ยวเป่าตอบรับ เหยียนหมิงซุ่นมองใบหน้าอันหล่อเหลาและมาดดูดีของเขาก็อดเตือนอีกครั้งไม่ได้ “นายกับเล่อเล่อไม่เหมาะสมกัน ห่าง ๆลูกฉันไว้ด้วย”

เสี่ยวเป่ายิ้มขมขื่น “รู้แล้วครับ”

เมื่อก่อนเขาคิดว่า…การถือเล่อเล่อเป็นน้องสาวเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ตอนนี้…เขากลับค้นพบว่ามันยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ

อีกอย่างเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน——

“คุณอาเหยียน ทำไมผมกับเล่อเล่อถึงไม่เหมาะสมกันละครับ? พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆสักหน่อย!” เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รังเกียจเขาและไม่ได้มีความแค้นใดกับพ่อของเขาและยิ่งไม่ให้ความสำคัญเรื่องฐานะครอบครัว แล้วทำไมถึงคัดค้านไม่ให้เขากับเล่อเล่อคบกันล่ะ?

“นายกับเล่อเล่อคบกันแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน สายตาแผ่ไอเย็นยะเยือกออกมา

เสี่ยวเป่าตกใจยกใหญ่แล้วส่ายศีรษะรัว ๆ “เปล่าครับ…ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมคุณอาถึงคัดค้านนัก คุณอาเกลียดผมมากเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นโล่งอกแล้วตอบกลับเสียงเข้มว่า “นายอย่าถามให้มันมากนัก แค่รู้ว่านายกับเล่อเล่อไม่เหมาะสมกันก็พอ ฉันไม่ยอมให้พวกเธอสองคนคบกันแน่นอน”

นัยน์ตาเสี่ยวเป่าฉายแววปวดใจ เมื่อครู่เขารู้สึกถึงท่าทีรังเกียจของเหยียนหมิงซุ่นแวบนั้นได้ คุณอาเหยียนเกลียดเขามากเหรอ?

ทั้ง ๆที่ความเป็นห่วงที่คุณอาเหยียนมีต่อเขามันออกมาจากใจจริง ๆนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ถึงความปวดใจของเสี่ยวเป่าพลันในใจก็ทำไม่ลง แต่พอนึกถึงภูมิหลังของเสี่ยวเป่าเขาก็ใจแข็งขึ้นมา เพื่อความสุขชั่วชีวิตของลูกสาว เขาขอทำตัวน่ารังเกียจสักครั้งเถอะ!

เสี่ยวเป่าขอตัวกลับอย่างมีมารยาทแล้วเดินออกจากห้องหนังสือของเหยียนหมิงซุ่นไป จากนั้นก็เจอกับเหมยเหมยด้านล่าง

“อย่าเก็บคำพูดของคุณอาเขามาใส่ใจนะ เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก ทำตามใจของตัวเองเถอะ อย่าทรมานตัวเองนักเลย” เหมยเหมยตบบ่าเสี่ยวเป่าแล้วมองเขาอย่างอ่อนโยน

“คุณน้า…”

เสี่ยวเป่าดวงตาแดงก่ำอยากกอดเหมยเหมยเหมือนครั้งยังเด็กเหลือเกิน แต่เขาก็อดใจไว้เพราะถ้าคุณอาเหยียนมาเห็นคงตัดมือเขาทิ้งแน่

“นี่เกี๊ยวผักจี่ไฉ่ผัดไข่ของโปรดนาย ถ้าอยากกินก็เอามาอุ่นในไมโครเวฟสักหน่อย อยู่คนเดียวต้องกินให้ครบสามมื้อล่ะ ไม่งั้นไม่ดีต่อกระเพาะนะ…”

เหมยเหมยยื่นเกี๊ยวถุงใหญ่ถุงหนึ่งที่เตรียมไว้แล้วส่งให้เสี่ยวเป่าพร้อมพร่ำบ่นไม่หยุด ในสายตาของเธอเสี่ยวเป่าก็เหมือนเด็กน้อยที่ยังต้องถูกดูแล เพียงแต่เด็กคนนี้ดื้อเกินไปไม่ยอมอยู่บ้าน

เสี่ยวเป่าหิ้วถุงเกี๊ยวออกจากบ้านตระกูลเหยียน ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ถูกเหมยเหมยทำให้จางหายไปแล้ว

เสี่ยวเป่าเพิ่งออกจากประตูใหญ่ของหมู่บ้านมาก็สังเกตเห็นคนที่สะกดรอยตามอยู่ด้านหลัง  จู่ ๆ เขาก็ไม่อยากเฝ้าดูท่าทีอีกต่อไปแล้ว บางที…เขาควรจะเป็นฝ่ายลุยก่อน

หลังจากเสี่ยวเป่าจากไปเหยียนหมิงซุ่นก็โทรหาลี่เมิ่งเฉิน หลายปีมานี้เขาติดต่อลี่เมิ่งเฉินมาตลอด จากที่เขาเดาลี่เมิ่งเฉินก็น่าจะเป็นคนในทีมมังกรด้วย บางทีเขาอาจรู้อะไรบ้าง

“หนิงเสี่ยวเป่า? หลานของหนิงเฉินเซวียนเหรอ?” ลี่เมิ่งเฉินถามขึ้น

“ใช่แล้ว ทำไมพวกทีมมังกรต้องตามสืบเรื่องเขาด้วย? ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อออกจากวงการแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจ

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะเสียงเบา “ฉันบอกนายไม่ได้เพราะนี่เป็นความลับของทีมมังกร แต่นายวางใจได้ ทีมมังกรไม่ทำร้ายหนิงเสี่ยวเป่าแน่นอน แค่อยากตามหาของที่เหมือนกันเท่านั้น”

“ของอยู่ที่เสี่ยวเป่างั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นคาดเดา

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะอีกครั้งแล้วไม่พูดอะไรอีกก่อนจะวางสายไป

………………………………

Related

ตอนที่ 2933 มีคนสะกดรอยตาม

เล่อเล่อและเป่ารื่อน่าขับรถออกไปแล้ว ตรงแผงขายปิ้งย่างมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งดูเหมือนเป็นลูกครึ่งฝรั่งตาน้ำข้าว หน้าตาคมเข้ม ดวงตาสีอำพัน แววตาเคร่งขรึมมองพวกเล่อเล่อจากไปพลางครุ่นคิดบางอย่าง

ดูท่าทางเหมือนจะเป็นกรุ๊ปเลือดหายากแฮะ!

หรือจะเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณชายกันนะ?

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาแล้วพุ่งไปหาพวกเพื่อน ๆเป่ารื่อน่าที่พากันตื่นตระหนก ไม่นานก็คุยกับพวกเขาอย่างถูกคอและพอจะรู้ข้อมูลของเป่ารื่อน่ามาบ้าง

วันต่อมาเล่อเล่อไม่ได้ไปหาเสี่ยวเป่าบนเขา เธอกำลังคิดถึงพวกผู้ชายเมื่อคืนพลันรู้สึกแปลก ๆ จิตใต้สำนึกของเธอบอกว่าคนพวกนี้ต้องมีอะไรแน่ เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่ง ๆจนนั่งก้นไม่ติดเลยออกไปสืบหาภูมิหลังของคนพวกนั้น

หลายปีมานี้เล่อเล่อรู้จักคนไม่น้อย แม้แต่พวกนักเลงก็ไม่น้อย ไม่นานเธอก็สืบหาข้อมูลมาได้

พวกเขาเพิ่งมาเมืองหลวงเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ได้ยินว่าเป็นคนทางใต้ขึ้นมาทำธุรกิจอยู่ที่นี่แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำธุรกิจอะไร

แต่คนพวกนี้ก็สงบเสงี่ยมพอสมควรเพราะแต่ไรมาไม่เคยหาเรื่องใคร ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อคืนชายมีรอยสักเต็มตัวนั่นดื่มหนักเมามายแถมโชคร้ายมาเจอเล่อเล่ออีก พวกเขาคงไม่มีทางตกเป็นเป้าสนใจของเล่อเล่อแน่นอน

เล่อเล่อจดจำคนเหล่านี้ได้หมดเลยสืบหารายละเอียดว่าพวกเขาเคยทำเรื่องไม่ดีอะไรบ้างเป็นระยะ ๆแต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าแค่เรื่องนี้จะพัวพันเรื่องมากมายตามมาภายหลังโดยไม่รู้ตัว

ผ่านไปไม่กี่วันก็เวียนมาถึงคาบจิตวิทยาอีกแล้ว เสี่ยวเป่ามาเข้าคลาสตามปกติ พอเห็นเล่อเล่อด้านล่างก็รู้สึกประหม่าแต่เล่อเล่อกลับทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากเลิกเรียนเสี่ยวเป่าก็รีบออกไป ฉับพลันเขาก็นึกเสียใจที่รับคำเชิญของทางมหาวิทยาลัยตำรวจ เพราะประเมินตนเองสูงไป เขาในตอนนี้…ไม่กล้ามองหน้าน้องเล่อเล่อเหมือนเดิมอีกแล้ว

ทุกครั้งที่เจอเล่อเล่อ ในสมองของเขาก็จะผุดเรื่องราวในคืนนั้นอย่างควบคุมไม่อยู่

พอนึกถึงสัญญาอีกหนึ่งปี เสี่ยวเป่าก็นึกปวดศีรษะขึ้นมา แล้วหนึ่งปีนี้เขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร?

เล่อเล่อเดินตามหลังเสี่ยวเป่าไปเงียบ ๆโดยไม่เรียกเขาสักนิด เธออยากให้เสี่ยวเป่าเห็นตนตลอดเวลาจนลืมเลือนไม่ได้ ฉะนั้นต้องเอาเงาของเธอตามติดหนิงเสี่ยวเป่าไปทุกที่!

เสี่ยวเป่ารู้แล้วว่าเล่อเล่อตามมาด้านหลังจึงยิ้มเจื่อนแล้วเร่งฝีเท้าซึ่งไม่นานก็มาถึงลานจอดรถ เขาสตาร์ทรถแล้วค่อย ๆขับออกไป เล่อเล่อแค่นเสียงทว่าไม่ได้ตามไปแล้วเตรียมตัวกลับหอ

แต่ตอนหมุนตัวหางตากลับเห็นเงาคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งที่ลานจอดรถ เสี่ยวเป่าออกไปไม่นานชายคนหนึ่งก็เดินเลี้ยวออกมาจากลานจอดรถแล้วขึ้นรถสีดำคันหนึ่ง

ชายคนนี้ก็คือเพื่อนของชายรอยสักเต็มตัวในคืนนั้น ทำไมเขามาโผล่อยู่ในมหาวิทยาลัยได้ล่ะ?

เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทิศทางเดียวกับเสี่ยวเป่า

เล่อเล่อนึกระแวงขึ้นมาเลยหมุนตัวมาขวางหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเล่นสเก็ตบอร์ดข้าง ๆไว้ “ขอยืมก่อนนะ!”

เด็กหนุ่มตกตะลึงแต่ยังไม่ทันรู้สึกตัวสเก็ตบอร์ดก็ถูกเล่อเล่อแย่งไปแล้ว เธอกระโดดขึ้นสเก็ตบอร์ดอย่างชำนาญแล้วไล่ตามไปด้วยความรวดเร็วซึ่งเร็วกว่าขี่จักรยานเสียอีก

ในเมืองห้ามขับรถเร็ว เล่อเล่อไถสเก็ตบอร์ดราวกับบินก็ไม่ปานจึงตามหลังรถสีดำมาได้พอดี เธอต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไร?

ถ้าคิดจะทำร้ายเสี่ยวเป่าละก็…หึ งั้นก็อย่าว่าเธอใจร้ายแล้วกัน!

พอเสี่ยวเป่าเห็นเล่อเล่อผ่านกระจกหลังก็ตกใจยกใหญ่จึงจอดรถข้างทางแล้วให้เล่อเล่อขึ้นรถมา

………………………………

ตอนที่ 2934 ฝ่ายลึกลับ

เล่อเล่อขึ้นรถแล้วก็สังเกตเห็นว่ารถคันด้านหลังก็จอดเช่นกัน หลังจากเสี่ยวเป่าออกรถ รถคันสีดำก็ยังตามอยู่ด้านหลังช้า ๆและรักษาระยะห่างโดยตลอด

“รถคันนั้นตามหลังรถพี่ตลอดเลย พี่ไม่สังเกตเห็นเหรอ?” เล่อเล่อชี้รถสีดำผ่านกระจกหลังพลางถาม

เสี่ยวเป่าเสมองด้วยท่าทีเรียบนิ่งอย่างไม่ใส่ใจ “เห็นนานแล้ว ไม่ต้องสนใจเขาหรอก!”

ต่อให้เป็นนักสะกดรอยตามที่เก่งกาจที่สุดก็หนีสายตาเหล่าเพื่อนสัตว์ของเขาไม่ได้หรอก ตอนที่รถคันนี้เพิ่งสะกดรอยตามมานกน้อยแสนน่ารักก็บินมาบอกเขาแล้ว ทว่าเขาไม่ได้ใส่ใจนัก

“พี่รู้แล้วยังนิ่งนอนใจอีกเหรอ? ทั้งที่คน ๆนี้แฝงเจตนาร้ายแท้ ๆ” เล่อเล่อร้อนใจ

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม “อย่าใจร้อนไป คนพวกนี้สะกดรอยตามพี่มาครึ่งปีแล้ว สนุกจะตายไป ไม่เป็นไรหรอก”

ความจริงเสี่ยวเป่าสังเกตเห็นว่าคนที่สะกดรอยตามเขาไม่ได้มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ตอนนี้อย่างน้อยต้องมีสองกลุ่ม กลุ่มอิทธิพลกลุ่มหนึ่งเขามั่นใจแล้วว่าน่าจะเป็นฝ่ายลึกลับของสักประเทศหนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายยังสืบหาไม่พบ แต่คงไม่ได้มาด้วยเจตนาดีแน่นอน

เรื่องพวกนี้เขาไม่ได้บอกเฮ่อเหลียนเช่อเพราะไม่อยากรบกวนชีวิตแสนสุขของคุณพ่อและคุณน้าหานเหมย เพราะวัน ๆสองคนนี้เอาแต่พลอดรักกัน ตอนเด็ก ๆเพราะกลัวเป็นตากุ้งยิงเลยมักไปหลบอยู่บนเขา นับแต่นั้นมาเลยชินกับการใช้ชีวิตที่นั่นแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายลึกลับไหนหรือกลุ่มอิทธิพลไหนเสี่ยวเป่าก็ไม่ใส่ใจทั้งนั้น เขามีศักยภาพในการปกป้องตัวเองมากพอ ฉะนั้น…ก็ทำทุกอย่างไปตามปกติ เขาจะทำทีว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้นเพื่อดูว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่

เล่อเล่อกลับใจร้อนไม่ได้นิ่งนอนใจขนาดนั้น “พี่โง่หรือไง? ถูกคนรังแกขนาดนี้แล้วยังไม่เอาคืนเหมือนคนโง่อยู่ได้ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องยุ่งแล้วฉันช่วยสืบหาให้เอง!”

“อย่าไป เธอสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก ไม่ต้องยุ่งอะไรทั้งนั้น!” เสี่ยวเป่าสีหน้าจริงจัง

พวกฝ่ายลึกลับนั่นไม่ได้หาเรื่องด้วยง่าย ๆ เขาเคยประลองด้วยหนหนึ่งสมาชิกในนั้นพลังไม่ธรรมดาเหมือนเสี่ยวจูกับเน่าเน่า แต่เขาสังเกตเห็นว่าร่างกายที่ผิดปกติของคนเหล่านี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนเสี่ยวจูกับเน่าเน่า ดูทรงคงรักษาพลังได้ไม่นานและมีพลังเป็นพัก ๆ

“ทำไมพวกเขาต้องสะกดรอยตามพี่ด้วย” เล่อเล่อไม่เข้าใจ

พ่อของเสี่ยวเป่าออกจากวงการมาใช้ชีวิตกับคุณน้าหานเหมยที่ใคร ๆต่างพากันอิจฉาตาร้อนนานแล้ว วัยรุ่นสมัยนี้แทบไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเฮ่อเหลียนเช่อคือใคร ยิ่งไม่รู้จักหนิงเฉินเซวียนไปใหญ่ เสี่ยวเป่าใช้ชีวิตสันโดษไม่ไปมาหาสู่ใคร แต่ไรมาไม่เคยเปิดเผยตัวด้วยซ้ำ แล้วจะมีคนคอยตามสืบเรื่องเขาทำไมกัน?

“ไม่รู้สิ พี่รอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน เธออย่าทำเสียแผนเชียว” เสี่ยวเป่าเอ่ยเตือน

เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคนพวกนี้ต้องสะกดรอยตามเขาด้วย!

เล่อเล่อเบะปากแค่นเสียงใส่ “ไม่สืบก็ไม่สืบ ฉันก็ไม่ได้ว่างนักหรอก จอดรถ”

เสี่ยวเป่าจอดรถริมทาง พอเห็นเล่อเล่อจะไถสเก็ตบอร์ดอีกก็อดพูดไม่ได้ว่า “พี่ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยดีกว่า ไถสเก็ตบอร์ดมันอันตรายเกินไป!”

“ไม่ต้องมายุ่ง พี่ไม่ได้จะขอฉันเป็นเมียสักหน่อย ฉันจะทำอะไรพี่ก็มาห้ามฉันไม่ได้หรอก!”

เล่อเล่อกลอกตาใส่เขาแล้วกระโดดขึ้นสเก็ตบอร์ดสไลด์ไปตามลม เสี่ยวเป่ายิ้มเจื่อนแล้วมองไปทางรถคันสีดำที่จอดอยู่แวบหนึ่งพลันริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มเย็นชาแล้วขับรถจากไป

ถ้าอีกหนึ่งเดือนคนพวกนี้ยังไม่เปิดเผยตัวตน เขาก็จะเป็นฝ่ายรุกก่อนเองแล้ว

มีคนน่ารังเกียจคอยแอบสอดส่องตลอดแบบนี้รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ

อีกอย่างเขาเป็นห่วงว่าเล่อเล่อจะทนไม่ไหวจนไปหาเรื่องคนพวกนี้เข้า อันที่จริงเรื่องนี้ต่างหากที่เขากังวลมากที่สุด

ในสมองของเสี่ยวเป่าผุดเรื่องคืนนั้นขึ้นมา จู่ ๆจมูกก็ร้อนผ่าวเขาจึงรีบดึงทิชชู่ออกมาสองสามแผ่นปิดจมูกไว้พลันก็นึกปวดศีรษะเหลือเกิน

“หื่น…เสี่ยวเป่า…หื่นกามขึ้นมาแล้ว!” นกน้อยตัวหนึ่งกระพือปีกอยู่ข้างรถแล้วเอ่ยร้องเสียงเจื้อยแจ้ว

เสี่ยวเป่าปิดกระจกด้วยความโกรธพร้อมใบหน้าที่แดงปานลูกมะเขือเทศ หัวใจเองก็เต้นแรงดังรัวกลอง

………………………………….

Related

ตอนที่ 2931 บุคคลภายนอกที่น่าสงสัย

เล่อเล่อไตร่ตรองด้วยท่าทีเคร่งขรึมอยู่สามวินาทีก็ปฏิเสธความคิดของเป่ารื่อน่าอย่างเด็ดขาด “ไม่ล่ะ ฉันอยากให้เสี่ยวเป่าวิงวอนขอนอนกับฉันตอนมีสติครบถ้วนดี หึ…ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะทำไม่ได้”

เป่ารื่อน่ากลอกตาใส่ “งั้นพี่ก็ค่อย ๆเปลืองแรงทำไปเถอะ”

มีทางลัดให้ไปดันไม่ไป รั้นจะเสียเวลาอยู่ได้ ดื้อด้านชะมัดเลย

แต่เล่อเล่อกลับมั่นใจเหลือเกิน ขอแค่ในใจของหนิงเสี่ยวเป่ามีเธออยู่ เธอมั่นใจมากว่าจะต้องสำเร็จแน่นอน วางยามันก็แค่สมใจในระยะสั้น ๆ เธออยากให้คงอยู่ไปนาน ๆด้วยความเต็มใจต่างหาก

“ปัง!”

เสียงดังสนั่นดังแว่วมาจนทำเอาทุกคนตกใจสะดุ้งโหยง ในเวลาเดียวกันเป่ารื่อน่าก็กรีดร้องเสียงหลงแล้วกระโดดหนีออกมา มือด้านซ้ายกดไหล่ข้างขวาไว้พร้อมเลือดสีแดงฉานไหลผ่านซอกนิ้วออกมาเป็นทาง

“เธอเลือดไหลแล้ว อย่าขยับ!”

เล่อเล่อออกคำสั่งเสียงกร้าวด้วยท่าทีหนักแน่น จากนั้นก็ฉีกผ้าจากชายกระโปรงมาชิ้นหนึ่งเตรียมพันแผลให้เป่ารื่อน่า กรุ๊ปเลือดของเป่ารือน่าเป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษ อีกทั้งภาวะแข็งตัวของเลือดก็ไม่ค่อยจะดีนัก ขนาดแค่แผลเล็กน้อยยังต้องใช้เวลานานกว่าจะรักษาหาย เธอเลยต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วน

“ไม่เป็นไรหรอก แค่แผลนิดหน่อยเอง” เป่ารื่อน่าไม่ใส่ใจนัก

“สภาพตัวเองเป็นอย่างไรยังไม่รู้อีกเหรอ? นั่งทำตัวเป็นเด็กดีไปเลย เดี๋ยวไปตรวจที่โรงพยาบาลดูสักหน่อย อย่าปล่อยให้ติดเชื้อเอาล่ะ” เล่อเล่อถลึงตาใส่เธอ เป่ารื่อน่าจึงไม่กล้าขยับและยอมนั่งให้เล่อเล่อพันแผลอย่างว่าง่าย

บาดแผลถูกเศษกระจกกระเด็นฝังเข้าเนื้อแต่ไม่ลึกนักซึ่งทำเอาเลือดไหลไม่น้อยทีเดียว เล่อเล่อรัดแขนแน่นถึงจะค่อย ๆห้ามเลือดไว้ได้ ผ้าชิ้นนั้นถูกย้อมจนสีแดงเถือกน่าสยดสยองไม่น้อยเลย

“สาว ๆ ฉันให้เกียรติแต่ดันไม่เอา ฉันเลี้ยงเหล้าเธอเพราะถูกใจในตัวเธอ ถ้าวันนี้ดื่มเหล้าพวกนี้ไม่หมดก็อย่าหวังจะได้กลับเลย!” เสียงดุดันของผู้ชายดังแสบแก้วหู

เล่อเล่อมุ่นคิ้ว ถนนเส้นนี้ไม่มีคนก่อเรื่องมานานแล้ว เจ้าหมอนี่มาจากไหนกันถึงกล้ามาอาละวาดถึงถิ่นของเธอ?

“ฉันไปดูสักหน่อยดีกว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน” เป่ารื่อน่าเตรียมเดินไปหา เธอเป็นคนพาหล่อนมาเลยต้องรับผิดชอบ

เด็กสาวหน้าตาสะสวยตกใจจนตัวสั่นเทาพร้อมน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม ส่วนเพื่อนนักเรียนคนอื่นหลบอยู่มุมไกลไม่กล้าขยับเข้าใกล้ ผู้ชายที่มีรอยสักเต็มแขนขึงตาใส่เด็กสาว บนโต๊ะมีเบียร์วางอยู่สิบกว่าขวด

เล่อเล่อเดินตามเป่ารื่อน่าไปแล้วเดินขึ้นมาขวางหน้าเป่ารื่อน่าไว้ ฝีเท้าอันว่องไวพุ่งไปอยู่เบื้องหน้าผู้ชายที่มีรอยสักนั่นพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา “ขวดเหล้าเมื่อกี้เป็นฝีมือนายงั้นเหรอ?”

“ฝีมือฉันเองแหละ ทำไมเหรอ?” ผู้ชายที่มีรอยสักยืดคอเถียงพร้อมดวงตาแดงก่ำซึ่งบ่งบอกว่าเขาดื่มหนักมากแล้ว

“นายทำเพื่อนฉันบาดเจ็บ!”

เล่อเล่อเอ่ยบอกเสียงนิ่งพร้อมหยิบขวดเบียร์หนึ่งขวดมาจากบนโต๊ะแล้วทุบศีรษะของผู้ชายคนนั้นไปทีหนึ่ง

“เพล้ง”

ขวดแตกพร้อมเบียร์สาดกระเซ็นจนนองพื้น ร่างชายที่มีรอยสักโอนเอนไปมา เขาปาดเบียร์สีแดงฉานบนแขนข้างหนึ่งออก จากนั้นถึงรู้สึกเจ็บตรงบริเวณศีรษะอย่างมาก ภาพเบื้องหน้ามืดลงพร้อมร่างกายที่โอนเอนไปมา

“เธอกล้าตีฉันเหรอ? ฉันจะเอาเธอให้ตายเลย!”

ผู้ชายที่มีรอยสักสาดสายตาอาฆาตใส่เล่อเล่อ คนอื่นต่างหลบอยู่มุมไกล รวมถึงเด็กสาวที่ถูกคุกคามคนนั้นด้วยซึ่งเธอหนีเร็วกว่าใครด้วยซ้ำ เป่ารื่อน่าจ้องเด็กสาวคนนี้อย่างเย็นชาพร้อมจดจำทุกการกระทำของหล่อนไว้

เดี๋ยวกลับไปบอกพ่ออ้วนสักหน่อย นังสารเลวคนนี้อย่าหวังจะได้อยู่ในวงการบันเทิงเลย!

บ้าเอ๊ย…เล่อเล่อออกหน้าแทนเธอแต่ดันคิดแต่จะหนีเอาตัวรอด เลวชะมัด!

“ตอนนี้ฉันจะเอาแกให้ตายเลย!”

เล่อเล่อเตะไปทีหนึ่งชายคนนั้นก็ยืนทรงตัวไม่อยู่เลยล้มไปนอนกองบนพื้น อีกทั้งเขาใส่แค่เสื้อกล้ามเนื้อหนังจึงโผล่พ้นเสื้อผ้าเป็นส่วนมาก บนพื้นมีเศษขวดแตกกระจัดกระจาย ทันทีที่เขาล้มลงไปเศษแก้วก็ปักเข้าที่เนื้อเขาเจ็บจนกลิ้งตัวไปมา ทีนี้เศษแก้วก็ยิ่งปักเข้าเนื้อมากกว่าเดิมชวนให้คนที่เห็นอดสงสารไม่ได้

“คุณครับ จะเกินไปแล้วมั้ง?” ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกโต๊ะเดินมาหา ดูท่าทางจะเป็นเพื่อนของผู้ชายที่มีรอยสักเต็มตัวคนนี้ด้วย

……………………………………………………..

ตอนที่ 2932 สภาพร่างกายที่ไม่ธรรมดา

เล่อเล่อกวาดตามองชายผู้นี้อย่างสงสัย ภาษาจีนพูดชัดได้มาตรฐานทั้ง ๆที่เป็นคนทางใต้ ทว่าสำเนียงการห่อลิ้นกลับดีไม่แพ้แม่เธอเลยจนแทบแยกไม่ออก ผู้ชายที่มีรอยสักก่อนหน้านี้ก็สำเนียงแบบนี้เช่นกัน

เธอยังสังเกตเห็นว่าคนของหมอนี้มีไม่น้อยเลยเพราะนั่งกันเต็มโต๊ะ ตอนที่หนุ่มมีรอยสักทุบขวดเบียร์เมื่อครู่คนพวกนี้ก็ดูเรื่องสนุก ๆอยู่ตรงนั้นด้วย พอตอนนี้เกิดเรื่องกับผู้ชายที่มีรอยสัก พวกเขาก็ส่งคนมาอีก

คนพวกนี้มาจากไหนกันนะ?

เล่อเล่อข่มความสงสัยไว้แล้วแสยะยิ้มให้เขา “พวกนายมาจากไหนกัน? ไม่รู้กฎระเบียบที่นี่หรือไง?”

ผู้ชายคนนั้นชะงักไปเพราะไม่รู้ภูมิหลังของเล่อเล่อ หรือว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นลูกสาวของเจ๊ใหญ่ที่นี่?

“ขอถามชื่อเธอหน่อยได้ไหม?” ผู้ชายเอ่ยถาม

“ชื่อของฉันไม่ใช่เรื่องที่พวกนายจะถามได้ พาคนของนายไสหัวไปซะ ถ้ายังกล้าหาเรื่องที่นี้อีกก็อย่าหาว่าฉันโหดแล้วกัน!” เล่อเล่อตวาดใส่

ผู้ชายที่มีรอยสักบนพื้นถูกพวกพ้องคนอื่นหิ้วปีกขึ้นมา เขาเคียดแค้นเล่อเล่อเข้ากระดูกดำจึงคำรามบอกชายคนนั้นว่า “พี่ควาน เอาหล่อนให้ตายไปเลย!”

เล่อเล่อชักอารมณ์ไม่ดีหมดซึ่งความอดทนจึงมองชายที่มีรอยสักอย่างเย็นชา เธอยื่นขาเตะเขาด้วยความเร็วทำเอาชายที่มีรอยสักตัวลอยกระเด็นไปไกลหลายเมตรแล้วนอนแอ้งแม้งอยู่บนถนนใหญ่ แม้แต่เสียงร้องยังเปล่งออกมาไม่ได้

“พูดดี ๆไม่ฟัง รั้นจะให้ฉันใช้เท้า สวะเอ๊ย!” เล่อเล่อเก็บเท้ากลับมาแล้วกวาดตามองพวกเขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ยังไม่ไปอีก? จะรอโดนถีบหรือไง?”

สีหน้าผู้ชายคนนั้นทั้งเขียวทั้งซีด ท่องยุทธภพมานานหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ตกลงเจ้าเด็กนี่มันเป็นใครกันนะ?

เขากัดฟันกรอดแล้วส่งสายตาไปให้พวกพ้องเอ่ยพลางฝืนยิ้ม “คุณผู้หญิงคนนี้ฝีมือไม่เลว วันหน้าค่อยว่ากันใหม่!”

พวกเขาเพิ่งมาเมืองหลวงได้ไม่นานทำอะไรระวังหน่อยจะดีกว่า หากยัยเด็กนี่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาจริง ๆพวกเขาคงรับไม่ไหวแน่ ตอนนี้รีบจัดการเรื่องนั้นให้เรียบร้อยคือสิ่งสำคัญที่สุด พอหาตัวผู้ชายที่ลูกพี่สั่งเจอจะได้ทำภารกิจให้จบ ๆไป

พวกเขาประคองชายมีรอยสักเต็มตัวที่เส้นเอ็นขาดจากไปด้วยความโกรธ เล่อเล่อล้วงหยิบเงินออกมาแล้วตวาดใส่ว่า “ไปได้แล้ว เพื่อนแบบนี้ยังต้องเลี้ยงอะไรอีก สู้ดอกไม้ปลอมยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

เพื่อนของเป่ารื่อน่าที่หลบอยู่มุมไกลได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดพลันรู้สึกระอายใจขึ้นมา

การกระทำเมื่อครู่ของพวกเขา…ดูไร้ศีลธรรมไปจริง ๆ แต่คนเราก็ต้องเอาตัวรอด ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมากระทั่งตาย มันจะคุ้มค่าได้อย่างไร!

“ไปตรวจที่โรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อเด็ดขาด” เล่อเล่อลากเป่ารื่อน่าขึ้นรถ

“อย่าเลย…แค่แผลเล็กนิดเดียว กลับไปทาแอลกอฮอล์ก็พอแล้ว”

“เธอไม่รู้ตัวเองบ้างเหรอ ถ้าเกิดติดเชื้อเป็นอะไรขึ้นมาแม้แต่เลือดในคลังเลือดก็ไม่มี งั้นรอให้ตายไปเถอะ!” เล่อเล่อสั่งสอน

เป่ารื่อน่าหัวเราะคิกคัก “จะไม่มีได้ไง มีอยู่สิบกว่าอันเพียงแต่อยู่ไกลเท่านั้นเอง อีกอย่างแผลเล็กนิดเดียวจะเป็นอะไรไปได้ไงเล่า?”

“ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าเธอเลือดกรุ๊ป AB เหมือนฉัน ต่อให้โดนแทงเป็นสิบแผลฉันก็ไม่สนใจเธอหรอก!”

เล่อเล่อไม่พอใจกับท่าทีไม่ใส่ใจของเป่ารื่อน่า ยังไม่ต้องพูดถึงกรุ๊ปเลือดหายากของยัยนี่หรอก แค่สุขภาพร่างกายก็ประหลาดคนแล้ว คนทั่วไปแผลเล็กน้อยจะค่อย ๆหายเองโดยไม่ต้องทายาด้วยซ้ำ แต่เป่ารื่อน่ากลับต้องทายา อีกอย่างทางที่ดีควรไปฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลเพราะไม่เช่นนั้นจะติดเชื้อเอาได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เป่ารื่อน่าสิบขวบเผลอถูกตะปูบนโต๊ะข่วนเข้าที่ฝ่ามือ ตอนนั้นไม่มีใครใส่ใจฉีฉีเก๋อก็แค่ทาแอลกอฮอล์ให้เธอ แต่ผ่านไปไม่กี่วันเป่ารือน่าก็ตัวร้อนหนาวสั่นสะท้าน พอส่งตัวไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลกลับเป็นเพราะติดเชื้อจนเป็นผลให้ติดเชื้อในกระแสเลือด

โชคดีที่ส่งตัวไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงทีเป่ารื่อน่าถึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทว่าหลังจากนั้นมาพวกเขาก็ไม่กล้ามองข้ามเรื่องบาดแผลของเป่ารื่อน่าอีก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลเล็กใหญ่ก็ต้องพาไปฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลทั้งสิ้น

……………………………………

Related

ตอนที่ 2929

 

เล่อเล่อกลับไปด้วยความโมโห เสวี่ยเอ๋อร์กระดิกหางให้เสี่ยวเป่าพร้อมมองเขาตาแป๋ว

 

“รีบตามไป ปกป้องเล่อเล่อให้ดี” เสี่ยวเป่าโบกมือปัดอย่างระอาใจ เสวี่ยเอ๋อร์ครางหงิง ๆรับหลายทีเพื่อถ่ายทอดความไม่พอใจของมันอย่างแรงกล้า “ทำไมเจ้านายถึงปฏิเสธนายผู้หญิงล่ะ? นายผู้หญิงกล้าหาญขนาดนั้น เป็นมนุษย์เพศเมียที่ดีจะตาย…”

 

“แกไม่รู้อะไร รีบตามเล่อเล่อไปซะ!” เสี่ยวเป่านวดขมับปวดใจเหลือเกิน

 

เสวี่ยเอ๋อร์ไม่รู้จักความรักของมนุษย์ เขาเองก็ไม่คาดหวังว่าจะคุยกับหมาป่าตัวหนึ่งให้รู้เรื่องได้เช่นกัน

 

“เจ้านายจะต้องเสียใจภายหลังแน่…” เสวี่ยเอ๋อร์มองเสี่ยวเป่าด้วยความผิดหวังสะบัดหางทีหนึ่งก็วิ่งหุนหันตามนายผู้หญิงออกไป

 

เสี่ยวเป่ายิ้มขมขื่นทีหนึ่งยื่นมือกุมหน้าอกไว้ ทำไมรู้สึกแย่จังนะ?

 

“ฟ่อ…” บรรดางูทั้งหลายเอียงหัวมองเสี่ยวเป่า นัยน์ตาเย็นยะเยือกแฝงด้วยความไม่เข้าใจ มนุษย์เพศเมียสองขาเมื่อกี้ดีมากจริง ๆ แถมยังเป็นฝ่ายขอร่วมรักก่อนแล้วทำไมเสี่ยวเป่าถึงยังปฏิเสธ?

 

หรือว่ามีปัญหาเรื่องนั้น?

 

งูตัวใหญ่ตัวหนึ่งแลบลิ้นใส่พวกของมัน พวกของมันพยักหัวรับก่อนมันจะเลื้อยออกไปเงียบ ๆแล้วหายไปในท่ามกลางความมืดมิด งูตัวที่เหลือยังขดตัวอยู่ในห้องจับจองพื้นที่อันแคบนี้จนแน่นขนัด

 

“พวกแกก็กลับไปเถอะ วันนี้ลำบากมากแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเอาของอร่อย ๆมาให้พวกแก” เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างอบอุ่น โชคดีที่มีงูเหล่านี้อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาต้องทำเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์แน่ ๆ

 

พวกงูไม่ได้กลับไปแต่ขดตัวชูคอทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าหลงคิดว่าพวกมันกำลังอ้อนเลยคร้านจะเร่งเร้าอีก สวมเสื้อให้ดีแผ่ตัวนอนออยู่บนเตียงแต่กลับนอนไม่หลับอีกต่อไป ในหัวมีแต่ร่างนุ่มนิ่มกับสัมผัสอันนุ่มนวลนั้น…

 

มีสัมผัสอุ่นตรงจมูก เสี่ยวเป่ายกมือปาดทีหนึ่ง สีแดง…คาดไม่ถึงว่าจะเลือดกำเดาจะไหลเสียได้

 

บรรดางูบนพื้นเอาหัวชนกันแล้วใช้ภาษางูของพวกมันสื่อสารกัน “เสี่ยวเป่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพจริง ๆด้วย เลือดไหลแล้วนั่น ช่างน่าสงสาร”

 

“มิน่ามนุษย์สองขาเพศเมียเมื่อกี้ขอร่วมรักเขาถึงทำได้แค่ปฏิเสธ เสี่ยวเป่าจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ”

 

“ไม่เป็นไร แค่กินยาที่เสี่ยวฮวาเก็บมาสุขภาพเสี่ยวเป่าต้องดีขึ้นแน่ ฉันเห็นมนุษย์สองขาไปเก็บยาชนิดนี้กันเยอะนะ ได้ข่าวว่ามันช่วยให้มนุษย์สองขาเพศผู้สำเร็จความใคร่ถึงเจ็ดครั้งในคืนเดียวเลย”

 

“อันที่เสี่ยวฮวาเก็บมาอายุร้อยปี จะช่วยให้เสี่ยวเป่าเสร็จคืนละหลายสิบครั้งได้แน่ ๆ!”

 

……

 

งูตัวใหญ่ที่รับหน้าที่ไปเด็ดยาเลื้อยกลับมาอย่างมีความสุขพร้อมปากที่งับสมุนไพรต้นแดงหน้าตาดูคล้ายเห็ดไว้ เสี่ยวฮวาเลื้อยขึ้นไปบนเตียงทิ้งเห็ดนั่นไว้บนหน้าเสี่ยวเป่า

 

“นี่มันอะไร?” เสี่ยวเป่ามอง ‘เห็ดสีแดง’ ตรงหน้าอย่างตกใจ นี่มันขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเขาด้วยซ้ำ รู้สึกเหมือนจะเป็นเห็ดมีพิษ ทำไมเสี่ยวฮวาถึงเก็บเห็ดมีพิษมาให้เขาล่ะ?

 

“กินแล้วจะช่วยให้ตัวผู้กระหายอยาก…”

 

งูตัวสีดำทมิฬเลื้อยเข้ามา ในนัยน์ตาเรียวรีเย็นยะเยือกนั้นแฝงด้วยความอบอุ่นพลันเสี่ยวเป่าก็เข้าใจถึงสรรพคุณของเจ้าเห็ดสีแดงในมือทันที เขาไม่คิดว่างูก็ช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้เหมือนกัน ให้ตายสิ…

 

“ไป ๆ…ออกไปให้หมด!”

 

เสี่ยวเป่าไล่พวกงูออกจากห้องไป งูตัวสีดำยังไม่ลืมเตือนเขาทิ้งท้ายเอาไว้ “กินก่อนนอนนะ!”

 

“ไปเลยไป!”

 

เสี่ยวเป่าฟาดลำตัวงูทีหนึ่งอย่างไม่พอใจแล้วปิดประตูปิดหน้าต่าง ไม่อย่างนั้นเขาไม่อาจรู้ได้ว่างูช่างสอดรู้พวกนี้จะไปเด็ดเห็ดอะไรมาให้เขากลางดึกอีก

 

เขาสุขภาพแข็งแรงดีไม่เจ็บไม่ป่วยสักนิดเดียว

 

เสี่ยวเป่าเขวี้ยงเห็ดสีแดงไปโดยไม่รู้เลยว่า ‘เห็ด’ อายุร้อยปีแบบนี้สามารถนำไปขายทอดตลาดในราคาสูงเสียดฟ้า แถมยังมีจำนวนไม่พอต่อความต้องการอีกด้วย

 

……………………………

 

ตอนที่ 2930

 

พอลงจากเขามาเล่อเล่อที่อารมณ์เสียสุดขีดก็โทรหาเป่ารื่อน่า “ออกมากินปิ้งย่าง เจอกันร้านเดิม”

 

“เธอมาเลย ฉันกำลังกินปิ้งย่างกับเพื่อนที่ร้านเดิมอยู่” มีเสียงดังอึกทึกดังแว่วมาจากฝั่งเป่ารื่อน่า

 

“ให้เจ้าของร้านเตรียมปลาไว้ให้เลยห้าตัว”

 

เล่อเล่อวางหูไปแล้วตัดสินใจจะแปรเปลี่ยนความโกรธความเศร้าเป็นความหิวพร้อมซัดมื้อใหญ่

 

เป่ารื่อน่าแค่ฟังก็รู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังอารมณ์ไม่ดีคงผิดหวังมาจากหนิงเสี่ยวเป่าอีกแหงเลย บนโลกใบนี้นอกจากหนิงเสี่ยวเป่าก็ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าทำให้เล่อเล่อขายหน้าได้แล้ว

 

“พวกเธอย้ายไปโต๊ะนั้น เดี๋ยวเพื่อนฉันจะมา เหลือที่ไว้ให้เพื่อนหน่อยแล้วกัน” เป่ารื่อน่าไล่เพื่อนรอบโต๊ะไปอย่างไม่เกรงใจ นี่เป็นเพียงมิตรภาพจอมปลอมเท่านั้น แล้วจะเทียบกับมิตรภาพแท้ของเธอกับเล่อเล่อได้อย่างไร

 

คนอื่น ๆก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรในเมื่อคนจ่ายคือพระเจ้า มื้อปิ้งย่างคืนนี้เป่ารื่อน่าเป็นคนเลี้ยงจึงต้องเชื่อฟังเธอ เพื่อนผู้ชายยิ่งไม่มีข้อแย้งใด ๆ เป่ารื่อน่าเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยคนใหม่เชียวซึ่งเป็นสาวสวยผิวขาวฐานะดีของจริง หนำซ้ำพ่อของเธอยังเป็นถึงพิธีกรชื่อดังควบตำแหน่งนักเขียนยอดนิยมอีกด้วย

 

มีสาวสวยผิวขาวฐานะดีออร่าเปล่งประกายอยู่ทั้งคนพวกเขาย่อมต้องคอยเอาอกเอาใจอยู่แล้วเผื่อวันไหนจะเข้าตาคุณหนูหล่อนบ้าง ไม่แน่ยังไม่ทันเรียนจบดีพวกเขาอาจได้รู้จักกับผู้กำกับชื่อดังจนได้มีโอกาสรับบทนำก็ได้!

 

ไม่นานเล่อเล่อก็มาถึงร้าน เธอจอดรถเสร็จก็เดินกระทืบเท้ามาหา เพิ่งนั่งลงไม่นานก็กระดกเบียร์เย็นฉ่ำหมดไปขวดหนึ่งถึงดับไฟโทสะลงได้บ้าง เป่ารื่อน่าเห็นแล้วก็นึกขำพลางกระซิบถาม “เธอทำไม่สำเร็จละสิ?”

 

สองชั่วโมงก่อนเล่อเล่อส่งข้อความบอกเธอว่าคืนนี้แผนการจับกินหนิงเสี่ยวเป่าจะต้องสำเร็จ เห็นท่าทางอารมณ์ค้างเติ่งแบบนี้รับรองว่ายังไม่ได้จับกลืนลงท้องแน่!

 

“ปลาของฉันล่ะ ให้เจ้าของร้านย่างมาอีกห้าตัวไม่ต้องใส่เครื่องปรุง” เล่อเล่อคร้านจะพูดเลยหยิบปลาขึ้นมาทาน

 

ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์เสียสุดขีด มีเพียงของกินอร่อย ๆช่วยปลอบชโลมใจเธอได้เท่านั้น เจ้าของร้านสนิทกับเล่อเล่อมากแค่ได้ยินว่าไม่ต้องใส่เครื่องปรุงก็รู้ว่าย่างให้เจ้าสุนัขสีขาวตัวงามนั่น เขาเลยย่างปลาขนาดอวบอั๋นตัวใหญ่อีกห้าตัวอย่างแข็งขันแล้วเอาไปวางตรงหน้าเสวี่ยเอ๋อร์ที่นั่งตรงที่ประจำด้วยตัวเอง

 

“คุณหนูเสวี่ยเอ๋อร์ เชิญทานได้!” เจ้าของร้านชอบเสวี่ยเอ๋อร์อย่างมาก คอยถามทุกครั้งว่าเมื่อไรเสวี่ยเอ๋อร์จะมีลูกสักทีเผื่อเขาจะยอมจ่ายราคาสูงขอซื้อมาสักตัว

 

เล่อเล่อย่อมไม่ตกลงอยู่แล้ว เสวี่ยเอ๋อร์เป็นถึงจ่าฝูงหมาป่าที่สูงศักดิ์ หมาป่าธรรมดาไม่คู่ควรสักนิด แต่ถึงจะหาคู่ที่เหมาะสมเจอเธอก็ไม่ยอมเอาลูกหมาป่าน้อยให้คนอื่นเพราะเธอจะนำไปคืนสู่ธรรมชาติ

 

ครั้นจัดการปลาทั้งห้าตัวติดต่อกันเสร็จเล่อเล่อก็อารมณ์ดีขึ้นมากโขพลางเล่าเหตุการณ์ที่ตนประสบในคืนนี้ให้เป่ารื่อน่าฟัง เอ่ยด้วยเสียงขุ่นเคืองว่า “ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้หนิงเสี่ยวเป่าเป็นคนขออ้อนวอนฉันให้ได้!”

 

“แน่นอนอยู่แล้ว หนิงเสี่ยวเป่านี่ไม่เจียมตัวเอาซะเลย หรือว่าเธอเปลี่ยนเป้าหมายดี บนโลกนี้ไม่ได้มีผู้ชายแค่หนิงเสี่ยวเป่าคนเดียวสักหน่อย” เป่ารื่อน่าแนะนำ

 

“ไม่ ฉันต้องการแค่หนิงเสี่ยวเป่า!” เล่อเล่อยืนกรานหนักแน่น ผู้ชายคนอื่น ๆเธอไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด

 

“งั้นเธอก็ค่อย ๆเปลืองเวลารอไปเถอะ ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะสมหวังหลังจากตามเฝ้ารอมายาวนานก็ได้…แต่ฉันว่าเธอวางยาจะเห็นผลเร็วกว่านะ อ้อนั่นสิ ตอนเธอลูบหนิงเสี่ยวเป่าเจ้านั่นมีปฏิกิริยาหรือเปล่า?” เป่ารื่อน่าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

เล่อเล่อส่ายหน้าด้วยท่าทางมึนงง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าหนิงเสี่ยวเป่ามีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า “แต่ตอนเขาฝันละเมอเรียกชื่อฉันด้วย แถมยังจูบฉันตอบด้วย…”

 

พอนึกถึงเหตุการณ์สุดทะลึ่งตึงตังก่อนหน้าเล่อเล่อก็อดหน้าแดงไม่ได้ นานทีจะเห็นว่าอีกฝ่ายเขินจนหน้าแดง

 

เป่ารื่อน่าตบมือทีหนึ่ง “มาถูกทางแล้ว นี่บ่งบอกว่าหนิงเสี่ยวเป่าก็ชอบเธอเหมือนกันแค่สมองคิดไม่ทันเท่านั้นเอง เราต้องกระตุ้นสักหน่อย วางยาเถอะ…หุงข้าวสวยเป็นข้าวสุกไปเลย สมองจะได้คิดได้สักที!”

 

……………………

Related

ตอนที่ 2927 ข้าวสวยเป็นข้าวสุก

เล่อเล่อไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของเสี่ยวเป่าเลือกลงจากเตียงเดินตรงดิ่งมาข้างหน้าเสี่ยวเป่าย่อตัวลงจนเสี่ยวเป่าได้แต่รีบก้มหน้างุดพูดรัว ๆ “รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย!”

“ไม่ใส่ ร้อนจะตายอยู่แล้ว ถอดแล้วเย็นดี” เล่อเล่อจงใจกล่าว

“นี่มันอยู่ในวัด เธอทำแบบนี้ไม่เคารพพระเลยนะ!” เสี่ยวเป่าร้อนใจ

“เหล้าเนื้อผ่านลำไส้ พระพุทธเจ้าสถิตอยู่ในใจ ถ้าใจฉันมีพระพุทธเจ้าสถิตอยู่ จะใส่เสื้อผ้าหรือไม่ใส่เสื้อผ้ามันเกี่ยวอะไรกัน พี่เสี่ยวเป่า ทำไมพี่ไม่กล้ามองฉันล่ะ?” เล่อเล่อกลั่นแกล้งโดยการโน้มหน้าเข้าไปใกล้ เสี่ยวเป่าตัวหดเป็นก้อนรีบหลับตาแน่นพร้อมทั้งสวดมนต์ในใจ

เล่อเล่อกลอกลูกตาอย่างรวดเร็วแล้วโน้มตัวหอมแก้มเสี่ยวเป่าทีหนึ่ง เสี่ยวเป่ากระเด้งตัวถอยกรูดไปด้านหลังเหมือนถูกผึ้งต่อยอย่างไรอย่างนั้น

“เมื่อกี้พี่จูบสะใจมากไม่ใช่เหรอ? หนีทำไมล่ะ!” เล่อเล่อแค่นเสียงทีหนึ่งแล้วไล่ตามไปไม่ยอมลดละ

คนหนึ่งหนีอีกคนตามเหมือนเล่นเกมแมวกับหนู เล่อเล่อคอยติดตามเดินเข้าไปหาช้า ๆอย่างไม่ลดละ ทั้งแอบแต๊ะอั๋งเป็นระยะ ๆด้วย สองมือของเสี่ยวเป่ากำผ้าปูที่นอนแน่น เขาวิ่งไม่ไหวแถมยังต้องคอยป้องกันตัวจากการจู่โจมของเล่อเล่ออีก

“เล่อเล่อ…เธอทำแบบนี้ไม่ได้ พี่เป็นพี่ชายของเธอนะ!” เสี่ยวเป่าหันกลับไปตะคอกใส่

“ไม่ได้เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันสักหน่อย ทำไมจะจูบไม่ได้?” เล่อเล่อพ่นลมทางจมูกทีหนึ่ง พี่ชายบ้าบออะไรกัน พี่ชายชู้รักสิยังพอเข้าท่า

เสี่ยวเป่าชะงักไป ทำไมประโยคนี้ฟังดูคุ้น ๆหูจังแฮะ เขาเองก็ไม่ทันคิดอย่างละเอียดเพราะ ‘มือมาร’ ของเล่อเล่อยื่นมาอีกรอบแล้ว เขาต้องรีบวิ่งให้เร็วกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นเขาต้องเหลือแค่ตัวเปล่าแน่

“พี่จะปิดทำไม ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็นมาก่อนสักหน่อย เมื่อกี้ยังลูบไปแล้วด้วย!” เล่อเล่อหัวเราะหยอกเย้า

เสี่ยวเป่าอายเสียจนนึกอยากมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนี เมื่อครู่ไม่เพียงแค่น้องเล่อเล่อที่ลูบตัวเขา เขาก็ลูบน้องเล่อเล่อตอบไปเช่นกัน ทั้งยังเป็น…

นึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มลื่นมือตรงสองจุดนั่นเสี่ยวเป่าก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า ตัวแดงเถือกราวกับกุ้งลวกสุกขณะที่สองมือยังกำผ้าปูแน่นไม่ปล่อย น้องเล่อเล่อยังเด็กไม่รู้ความ เขาจะทำบ้า ๆไม่ได้นะ!

“เล่อเล่อ…เป็นเด็กดีนะ เราเป็นแบบนั้นกันไม่ได้จริง ๆ!” เสี่ยวเป่าร้องขอ เขาวิ่งหนีเล่อเล่อไม่พ้นแน่นอน จะสู้ก็สู้ไม่ไหวเลยทำได้เพียงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“ทำไมจะเป็นไม่ได้? พี่ชอบฉัน ฉันชอบพี่ เราเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันแถมรักกันมากด้วย”

“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องต่างหาก!”

“แล้วทำไมพี่ทั้งจูบทั้งลูบตัวฉันล่ะ นี่เป็นสิ่งที่พี่ชายทำกับน้องสาวเหรอ?”

เสี่ยวเป่าสะอึกเกือบสะดุดล้มลงพื้น เอ่ยตอบอย่างระอาใจว่า “ฉันหลับอยู่ นึกว่ากำลังฝัน”

เล่อเล่อปรบมือหัวเราะ “ถ้าพี่เห็นฉันเป็นน้องสาวจริง ๆ ต่อให้อยู่ในฝันก็ต้องรักษาระยะห่างสิ หนิงเสี่ยวเป่า ทั้งที่พี่ชอบฉันทำไมถึงไม่ยอมรับ?”

“เปล่า…ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาว” เสี่ยวเป่าปากแข็งไม่เลิกต่อให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับแต่หัวใจกลับเต้นรัว

“พี่มานี่ รอฉันนอนกับพี่ก่อนแล้วดูสิว่าพี่ยังกล้าพูดว่าเป็นแค่พี่น้องอีกหรือเปล่า!”

เล่อเล่อหมดซึ่งความอดทน ขายาวก้าวไปฉุดตัวเสี่ยวเป่ามาแล้วคร่อมอยู่เหนือร่าง สกัดกั้นไม่ให้ดิ้นหลุดพ้นได้

“ตอนนี้เรามาทำให้ข้าวสวยกลายเป็นข้าวสุกกันเถอะ วางใจได้ ฉันรับผิดชอบแน่!” เล่อเล่อว่าแล้วก็จะดึงผ้าปูที่พันตัวเสี่ยวเป่าออก มันช่างเกะกะเสียจริง

เสี่ยวเป่าดึงผ้าปูแน่น คนเรามีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดจริง ๆ แม้เขากับเล่อเล่อจะเสียเวลายื้อกันไปไม่น้อย ทว่าจอมพลังอย่างเล่อเล่อก็ไม่สามารถดึงผ้าปูออกไปจากตัวได้

“ไม่ได้นะ…เล่อเล่อใจเย็นหน่อยสิ!” เสี่ยวเป่าพยายามโน้มน้าว

“ไม่อยากฟัง แต่ละคนก็เอาแต่บอกว่าไม่ได้ พี่แนะนำผู้ชายให้ฉัน พ่อก็แนะนำผู้ชายให้ฉัน พวกพี่เคยถามความเห็นของฉันบ้างไหม? ฉันจะบอกให้นะ…ฉันอยากนอนกับพี่คนเดียว ผู้ชายคนอื่นฉันไม่สนใจเลยสักนิด!”

เล่อเล่อตะโกนบอกความในใจของเธอให้เสี่ยวเป่ารับฟัง มือก็ไม่อยู่สุขจนในที่สุดก็กระชากดึงผ้าปูพ้นตัวไปได้

………………………..

ตอนที่ 2928 ไม่ยอมแพ้

“เรื่องครั้งก่อนพี่ผิดเองที่ไม่ได้ถามความคิดเห็นของเธอก่อน หลังจากนี้พี่จะบอกเธอก่อนแน่นอน…” เสี่ยวเป่ารีบอธิบายพร้อมพยายามหลีกหนีมือมารของเล่อเล่อไปด้วย

“พี่ไม่ได้ยินใช่ไหม? ฉันบอกแล้วว่า…ฉันแค่อยากนอนกับพี่ ผู้ชายคนอื่นฉันไม่สนใจ!”

เล่อเล่อพูดเน้นทีละคำ ทั้งยังขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างเสี่ยวเป่าเตรียมเริ่มกิจ

แต่—สำหรับคนอ่อนประสบการณ์เรื่องบนเตียงอย่างเล่อเล่อแล้วควรจะเริ่มลงมือจากจุดไหนนั้นเป็นปัญหาสำคัญอย่างมาก เธอทำเป็นแค่จูบ…แล้วหลังจากนี้ต้องทำอะไรบ้างนะ?

เสี่ยวเป่าลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง โชคดีที่เล่อเล่อไม่รู้อะไรเลย ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาคงรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!

“เล่อเล่อ เธอใจเย็นหน่อย…ลุกขึ้นก่อน ได้ไหม?” เสี่ยวเป่าเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่เอา…ฉันจะหุงข้าวสุก” เล่อเล่อฟุบตัวลงประกบริมฝีปากของเสี่ยวเป่าเหมือนในฝันเหมือนครู่

“ปล่อย…อื้อ…รีบปล่อยมือ…” เสี่ยวเป่าปิดปากแน่นเค้นเสียงลอดช่องปากแคบ ๆ แต่เล่อเล่อทำเป็นหูทวนลมกอดรัดตัวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ

เสี่ยวเป่าจำต้องยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาทำสัญญาณมือบางอย่างไปทางหน้าต่างอย่างเอือมระอา ไม่นานจากนั้นก็มีงูตัวใหญ่ยาวหลายเมตรหลายตัวเลื้อยผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ดูเย็นยะเยือกน่ากลัวแถมยังแลบลิ้นสองแฉกออกมาอีกต่างหาก

งูตัวใหญ่ฟังคำสั่งของเสี่ยวเป่าเลื้อยมาทางเล่อเล่ออย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสะบัดหางรัดแขนขาทั้งสี่ข้างของเธอไว้ ส่วนงูตัวใหญ่อีกตัวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้ามารัดเอวของเล่อเล่อพยายามออกแรงดึงไปด้านหลัง

“หนิงเสี่ยวเป่า…พี่เชื่อไหมว่าฉันฆ่าพวกมันได้จริง ๆ!” เล่อเล่อโมโหสุดขีด แรงของงูต่อให้มากแค่ไหนก็สู้แรงเธอไม่ได้อยู่แล้ว แต่เธอไม่กล้าออกแรงมากเพราะงูพวกนี้มีเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกันทั้งตัว ต่อให้ร่างกายถูกกระชากจนขาดก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

“ไม่หรอก เธอคือน้องเล่อเล่อที่แสนใจดีที่สุด”

ในที่สุดเสี่ยวเป่าก็หลุดพ้นแล้วปีนลุกขึ้นมารีบสวมเสื้อผ้าทันที ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัยสุด ๆ

“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า ฉันจะฆ่าให้พี่ดู!” เล่อเล่อยื่นมือตะครุบงูที่ขนาดตัวยาวเจ็ดนิ้ว ขอเพียงออกแรงบีบสักนิดงูตัวนี้ก็จะตายในทันที

งูตัวนี้เหมือนไม่รู้ว่าอันตรายกำลังคืบคลานมาได้แต่มองเล่อเล่อนิ่งอย่างโง่เขลา แถมยังแลบลิ้นออกมาเอาใจเธอ เล่อเล่อปล่อยมืออย่างเศร้าใจ เจ้าบ้าหนิงเสี่ยวเป่า จับจุดอ่อนเธอได้ทุกครั้งว่าไม่มีทางฆ่าสัตว์ที่มีสัมผัสพิเศษเหล่านี้

ที่แท้ไม่ใช่สัตว์ทุกประเภทที่เสี่ยวเป่าจะสามารถออกคำสั่งกับพวกมันได้ สัตว์ที่ถูกเรียกมาได้นั้นต้องมีจิตสัมผัสพิเศษอยู่ไม่มากก็น้อยและรู้ภาษา ฉะนั้นเล่อเล่อเลยไม่เคยทำร้ายพวกมัน

เสี่ยวเป่าอมยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าน้องเล่อเล่อเป็นหญิงสาวที่ใจดีที่สุด

“พาน้องเล่อเล่อลงเขาไปเถอะ!” เสี่ยวเป่าบอกงูตัวใหญ่

งูตัวใหญ่ผงกหัวอย่างเชื่อฟังออกแรงกระชากจนเล่อเล่อถูกดึงให้ก้าวตามไปหลายก้าว เล่อเล่อตะโกนเสียงดัง “เสวี่ยเอ๋อร์ รีบไล่พวกมันไป!”

ทว่า—เสี่ยวเป่าปรายตาเย็นชามองไปทางเสวี่ยเอ๋อร์แวบหนึ่ง เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังจะมาช่วยเล่อเล่อฟุบตัวลงอีกครั้งอย่างเชื่อฟัง อุ้งมือสองข้างถูกยกมาปิดหูแล้วยังกรนออกมาเสียงเบา ๆอีกด้วย

เขาหลับไปแล้ว ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!

เล่อเล่อโกรธจนอยากด่ากลับเสียเหลือเกิน ชอบตกม้าตายเวลาคับขันแบบนี้ทุกที เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ

“ฉันยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!” เล่อเล่อรู้สึกถึงความเย็นวาบตรงด้านหน้า

เสี่ยวเป่าตะโกนเรียกทีหนึ่งให้งูปล่อยเล่อเล่อ เสี่ยวเป่าโยนเสื้อของเธอไปให้ แม้จะหลับตาอยู่ตลอดแต่ใบหน้าก็ยังแดงเหมือนเดิม

เล่อเล่อสวมเสื้อผ้าเสร็จสรรพด้วยความเดือดดาลตะเบ็งเสียงใส่เสี่ยวเป่าเหมือนให้คำสาบาน “คอยดูนะ สักวันฉันจะทำให้พี่ร้องขอให้ฉันนอนกับพี่ให้ได้!”

หึ!

อย่างไรเสียหนิงเสี่ยวเป่าก็เป็นได้แค่ผู้ชายของเธอ คืนนี้แค่พลาดโอกาสไปไว้เธอค่อยคิดหาวิธีอื่นใหม่ ไม้แข็งใช้ไม่ได้ผลก็ลองใช้ไม้อ่อนดูแล้วกัน!

…………………

Related

ตอนที่ 2925 หวังว่าคู่รักบนโลกใบนี้จะสมดังปรารถนา

นกน้อยหลายตัวที่แอบคิดจะบินไปรายงานข่าวตกใจจนรีบหุบปีกไม่กระดิกตัวอีกเลย

เล่อเล่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วตะโกนเรียกเสวี่ยเอ๋อร์ให้เดินขึ้นเขาต่อ เสวี่ยเอ๋อร์หันหน้าเข้าหาภูเขาลูกใหญ่เงียบ ๆพลันก็แยกเขี้ยวออกมาเผยสีหน้าดุร้ายกับสายตาที่ดุดันยิ่งกว่า

บรรดาสัตว์เล็กในที่มืดทั้งหลายตกใจจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร พวกมันไม่ได้เจอสัตว์ดุร้ายมาตั้งกี่ปีแล้ว สัตว์ที่น่ากลัวที่สุดก็แค่งู สัตว์ดุร้ายที่มีความเป็นผู้นำติดตัวมาแต่เกิดอย่างเสวี่ยเอ๋อร์นั้นไม่ต้องรอให้มันอ้าปากพวกเขาก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว

โอ๊ย…กลับไปนอนดีกว่า!

เรื่องของคู่รัก พวกมันจะกังวลไปทำไมกัน!

ภูเขาลูกใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอย่างสิ้นเชิงโดยไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกบกับจักจั่นร้องด้วยซ้ำ เล่อเล่อตบตัวเสวี่ยเอ๋อร์เป็นการชมหลายทีก่อนที่ทั้งสองจะเดินขึ้นเขาต่อไป

ไม่นานพวกเธอก็มาถึงยอดเขา เล่อเล่อดีใจยกใหญ่เมื่อเจอวัด

พี่เสี่ยวเป่าต้องอยู่ในวัดนี้แน่ ๆ ปกติเขาชอบอาศัยตามวัดที่สุดเลยเพราะที่นั่นมีบะหมี่เจ

เล่อเล่อล้มเลิกความคิดที่จะย่างเนื้อทานแล้วพาเสวี่ยเอ๋อร์ปีนข้ามกำแพงเข้าไปภายในวัด เหล่าพระภิกษุสงฆ์เข้านอนกันหมดแล้ว แต่มีอีกหลายห้องกำลังเปิดไฟสว่างคาดว่ากำลังสวดมนต์รอบดึกอยู่ เล่อเล่อไหว้ไปหลายที “เจ้าแม่กวนอิมได้โปรดอย่ากล่าวโทษลูกเลย!”

เสวี่ยเอ๋อร์เองก็ยกขาหน้าขึ้นมาประกบกัน เล่อเล่อหัวเราะลูบตัวมันอีกหลายทีก็พูดเสียงเบาว่า “ไป…เราไปหาของกินกัน เสวี่ยเอ๋อร์นำทางเลย”

เพราะมีจมูกที่ไหวยิ่งกว่าสุนัขของเสวี่ยเอ๋อร์เลยทำให้หาครัวเจอได้อย่างง่ายดายซึ่งน่าจะมีอาหารเหลืออยู่ประมาณหนึ่ง

ภายในห้องหนึ่งที่เปิดไฟสว่างไสวมีพระสงฆ์อาวุโสหน้าตาใจดีรูปหนึ่งกำลังเคาะไม้อยู่ ตรงพื้นเบื้องหน้าเขามีพระสงฆ์วัยกลางคนอีกสองรูปกำลังเคาะไม้ขณะที่ปากก็ท่องบทสวดไปด้วย

“หลวงพ่อ!” พระสงฆ์สองรูปเบิกตาโพลงแล้วมองไปที่ลานวัดแวบหนึ่ง

พระสงฆ์อาวุโสรูปนี้ก็คือเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้นั่นเอง เขาอมยิ้มน้อย ๆ “มีวาสนาถึงได้มาพบกัน ไม่ต้องสนใจ!”

สาวน้อยที่มาก็เหมือนยมเสี่ยวเป่าที่มีความสามารถพิเศษในตัว อีกทั้งสัตว์เลี้ยงที่มาพร้อมกับเธอก็เป็นสัตว์วิเศษที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ต่อให้เขาคิดจะทำอะไรก็ไม่มีความสามารถนั้นหรอก!

รอดูเรื่องสนุก ๆดีกว่า!

…บนเขากำลังน่าเบื่อ มาได้เวลาพอดีเลย!

ตู้เย็นในครัวมีเกี๊ยวเจอยู่จำนวนไม่น้อย เล่อเล่อต้มไปกะละมังใหญ่แล้วแบ่งทานกับเสวี่ยเอ๋อร์จนในที่สุดก็เติมเต็มท้องจนอิ่ม

“ไป ไปหาพี่เสี่ยวเป่ากัน หึ…ดูสิว่าเขาจะหนีไปไหนได้!” เล่อเล่อกำมือแน่นด้วยแววตาหมายมั่น

เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเสี่ยวเป่าแล้ว คืนนี้…เธอจะรวบหัวรวบหางเจ้าหมอนี่ให้ได้แล้วหุงข้าวสวยให้เป็นข้าวสุก

เสวี่ยเอ๋อร์คำรามเสียงเบาอยู่หลายทีก็นำทางอยู่ข้างหน้าอย่างขยันขันแข็ง หลังผ่านเส้นทางอันคดเคี้ยวก็พาเล่อเล่อมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งหลังวัด ภายในห้องไม่มีแสงไฟและหน้าต่างก็ถูกห้อมล้อมด้วยเส้นโลหะจนไม่อาจเปิดออกได้

เล่อเล่อล้วงเอาลวดเส้นหนึ่งจากกระเป๋าออกมาอย่างไม่รีบร้อน พอดัดเป็นเส้นตรงก็สอดเข้าไปในช่องกุญแจ หมุนอยู่ไม่กี่ทีเธอก็เปิดประตูได้สำเร็จ เธอพยักพเยิดคางให้เสวี่ยเอ๋อร์หลายทีก่อนที่ทั้งคู่จะแอบย่องเข้าห้องเงียบ ๆ

ภายในห้องของเจ้าอาวาส ทั้งเจ้าอาวาสและพระสงฆ์สองรูปกำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างออกรส ภาพบนนั้นย่อมเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว

“จะไม่สนใจจริงเหรอ? เกรงว่าโยมเสี่ยวเป่าจะไม่ปลอดภัยเอานะ!” พระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งก็คือพระอาจารย์ไป่เว่ย จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ละสายตาและใบหน้าที่มองไม่เห็นความห่วงใยเลยสักนิด

“อมิตาพุทธ…ตอนนี้ประเทศเรามีผู้ชายผู้หญิงโสดมากเกินไป หวังว่าคู่รักทุกคนจะสมปรารถนา สาธุ” เจ้าอาวาสทำหน้าขมขื่นทว่าสายตากลับจดจ้องหน้าจอนิ่ง

ต้องตามยุคสมัยให้ทันจริง ๆด้วย เทคโนโลยีก้าวหน้าเกินไป ไม่ขาดทุนที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดนี้เลย!

……………………..

ตอนที่ 2926 ฝันเสมือนจริง

เล่อเล่อปิดประตูอย่างเบามือ แม้ภายในห้องจะไม่มีแสงไฟแต่ก็พอเห็นเสี่ยวเป่าที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงได้ลาง ๆ เล่อเล่อหัวเราะอย่างไร้เสียงพลางถูมือไปมาแล้วย่องขึ้นเตียงให้เงียบที่สุด

เสวี่ยเอ๋อร์ฟุบอยู่ตรงพื้นสะบัดหางยาวไปมา รอดูเรื่องสนุก ๆนี้อย่างสบายใจเฉิบ

เสี่ยวเป่านอนหลับสนิทขณะที่เขาฝันถึงน้องเล่อเล่ออีกครั้ง คราวนี้อยู่บนทุ่งหญ้ากว้างโดยพวกเขาขี่ม้าตัวเดียวกันอยู่

“พี่เสี่ยวเป่า ฉันจะแต่งงานกับพี่!”

“ไม่ได้…เราเป็นพี่น้องกัน แต่งงานกันไม่ได้” เสี่ยวเป่าปฏิเสธทันควันแต่น้ำเสียงกลับดูลังเลอยู่ประมาณหนึ่ง เขาในห้วงความฝันไม่ได้ใจเย็นมีสติเท่าโลกแห่งความเป็นจริง

“พี่เสี่ยวเป่าไม่ชอบฉันเหรอ?” เล่อเล่อหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา ลมหายใจรดตรงผิวหน้าเขาให้ความรู้สึกเสียวซ่าน…ทำให้สมองเขาเริ่มตื้อขึ้นเรื่อย ๆ

“ชอบ…” เสี่ยวเป่าตอบเสียงพึมพำ

“ชอบฉันแล้วทำไมไม่แต่งงานกับฉัน เราไม่ได้เกิดจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันสักหน่อยย่อมแต่งงานกันได้ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะแต่งงานกับพี่…”

จู่ ๆเล่อเล่อก็โถมตัวเข้าคร่อมอยู่เหนือตัวเขาบนหลังม้า ริมฝีปากแดงห่อยื่นออกมาแล้วประทับจูบลง เสี่ยวเป่าหนีไม่ได้อีกทั้งในห้วงความฝันเขาก็ไม่อยากหนีนัก ในฝันก่อน ๆก็เคยจูบกันมาแล้ว รสชาติอร่อยกว่าขนมหวานฝีมือพระอาจารย์ไป่เว่ยเสียอีก ช่างเป็นรสชาติที่สรรหาคำมาอธิบายไม่ถูกเลย

“อุ๊บ…เล่อเล่อ…” เสี่ยวเป่าละเมอเรียกชื่อออกมา

เล่อเล่อแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งอย่างได้ใจ ในฝันยังคิดถึงเธอแล้วยังจะปากแข็งอยู่ได้!

เธอกลอกลูกตาอย่างไวก่อนจะแสยะยิ้มร้ายกาจขึ้นคร่อมเสี่ยวเป่าแล้วทำปากจู๋โน้มลงไป

ในฝันเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อกำลังจูบอย่างดูดดื่มร้อนแรง มีเพียงในฝันที่เขากล้าทำในสิ่งที่เขาไม่กล้าทำในชีวิตจริง แต่…ทำไมวันนี้ฝันถึงได้สมจริงขนาดนี้นะ ปากของน้องเล่อเล่อเหมือนจะมีรสชาติที่หวานยิ่งกว่าเดิมอีกแหนะ!

เขาไม่มีเวลาเหลือเฟือให้ทันคิดละเอียดดีด้วยซ้ำสองมือก็โอบเล่อเล่อบนร่างตามสัญชาตญาณ จากฝ่ายที่ถูกรุกรานกลายเป็นฝ่ายชักนำจังหวะแทนพลิกตัวเล่อเล่อไว้ใต้ร่างแล้วสานจูบร้อนแรงต่อไป อุณหภูมิภายในห้องพุ่งทะลุจนเสวี่ยเอ๋อร์ต้อนยกเท้ามาปิดตาเอาไว้

ในห้องของเจ้าอาวาสมีพระสงฆ์สามรูปปากก็อุทานไม่หยุด “อมิตาพุทธ อย่างมองให้เสียมารยาท อมิตาพุทธ หวังว่าคู่รักบนโลกนี้จะสมปรารถนากันทุกคู่…”

“หลวงพ่อ จะไม่ไปเกลี้ยกล่อมหน่อยเหรอ?”

“อมิตาพุทธ เราละทางโลกตั้งนานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องรัก ๆใคร่ ๆทางโลกแล้วละ!” เจ้าอาวาสสวดชื่อพระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทว่าดวงตากลับเหล่มองไปทางหน้าจอเป็นระยะ ๆจนใบหน้าแดงเถือก

โยมหญิงคนนี้ใจกล้าอาจหาญเสียจริง!

หวังว่าโยมเสี่ยวเป่าจะรับมือไหวนะ อมิตาพุทธ!

ฝันอันงดงามดำเนินต่อไป คนหนึ่งคิดว่าอยู่ในห้วงความฝัน ส่วนอีกคนหนึ่งกลับหวังเพียงจะจับกินเสียให้หมดตัว เรื่องที่ต่างฝ่ายต่างยิมยอมพร้อมใจกันทำให้ไฟราคะลุกโชนอย่างรวดเร็วจนใกล้จะเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่แล้ว

พลันเสี่ยวเป่าก็สะดุ้งตื่นจากฝัน เขากะพริบตาปริบเอามือยัดปากกัดแรง ๆทีหนึ่ง ความเจ็บที่พุ่งแล่นขึ้นมาให้สูดปากด้วยความเจ็บ แต่ยังเทียบไม่ได้กับอาการตกใจเมื่อเห็นว่าบนเตียงมีเล่อเล่อโผล่มาอีกคน

“เธอ…เธอมาอยู่บนเตียงฉันได้ยังไง?”

เสี่ยวเป่าตกใจจนกลิ้งตกลงจากเตียงสู่พื้น ความเย็นจากพื้นเตือนสติเขาว่าตอนนี้กำลังตัวเปลือยเปล่าอยู่ เขารีบดึงผ้าปูที่นอนออกมาคลุมตัวถึงได้ตั้งสติให้กลับไปใจเย็นเหมือนเดิมได้

ถูกน้องเล่อเล่อปีนขึ้นเตียงอีกแล้ว เมื่อกี้สุ่มเสี่ยงเหลือเกิน เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้าย…ก็จะตกสู่เหวลึกแล้ว!

เสี่ยวเป่าแอบยิ้มร่าในใจ โชคดีที่เขาเบรกไว้ได้ทันท่วงทีถึงไม่ก่อให้เกิดความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่อย่างนั้นเขาจะอธิบายกับคุณอาเหยียนอย่างไร?

“เธอรีบใส่เสื้อเร็ว!” เสี่ยวเป่าหันหน้าหนีไม่กล้ามองเล่อเล่อที่อยู่ในสภาพไร้อาภรณ์เช่นกันพร้อมใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ

อีกฟากหนึ่งพระสงฆ์สามรูปหลับตาแน่นพลางท่องบทสวดไม่หยุด ทั้งนี้คอมพิวเตอร์ก็ได้ถูกปิดเครื่องไปแล้ว

………………

Related

ตอนที่ 2923 ตามมาถึงบนเขา

เสี่ยวจูถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างปวดใจ เขาหนีมาถึงอเมริกาแต่ทำไมถึงยังหนีไม่พ้นเสียงคำรามดั่งสิงโตของพี่สาวนะ?

หาผู้ชายยังต้องขอให้เขาช่วย…อนาคตถ้าเข้าหอก็ต้องขอให้เขาช่วยด้วยอีกหรือเปล่า?

“หาไม่เจอ!” เสี่ยวจูปฏิเสธเสียงแข็ง

เขาไม่อยู่ปักกิ่งด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ว่าหนิงเสี่ยวเป่าอยู่ที่ไหน

“เหยียนเสี่ยวจู ถ้านายไม่ช่วยฉัน ฉันจะปล่อยรูปเปลือยตอนนายอายุสิบขวบลงอินเทอร์เน็ต…นายเชื่อไหมล่ะ?” เล่อเล่อข่มขู่อย่างตรงไปตรงมา

โชคดีที่เธอเตรียมการไว้ล่วงหน้าเลยมีรูปโป๊เปลือยทั้งสามร้อยหกสิบองศาของน้องชายทั้งสองอยู่ในมือ ขอเพียงน้องชายไม่เชื่อฟังคำสั่ง หึ…ก็อย่าหาว่าเธอไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องแล้วกัน!

เสี่ยวจูโกรธจนแทบกระอักเลือด ทำไมเขาถึงมีพี่สาวที่โหดเหี้ยมไร้หัวใจขนาดนี้?

“ฉันหาได้แค่ตำแหน่งคร่าว ๆนะ” เสี่ยวจูทำได้แค่ยอมจำนนต่ออีกฝ่าย เขาเชื่อว่าเล่อเล่อทำได้อย่างที่ขู่ไว้จริง ๆเพราะตอนนี้พี่สาวคนนี้ไม่ยอมไว้หน้าใครเพื่อผู้ชายคนเดียวแล้ว

“แค่ตำแหน่งคร่าว ๆก็พอ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?” เล่อเล่อดีใจสุดขีด เธอรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวจูต้องมีวิธี

“อย่างน้อยก็สองชั่วโมง”

เสี่ยวจูวางสายไปอย่างไม่สบอารมณ์แล้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบากหยิบโน้ตบุ๊คสุดรักสุดหวงของเขาจากใต้เตียงที่เขาประกอบเองขึ้นมา ระบบการใช้งานของเครื่องคุณภาพชั้นหนึ่งแทบไม่มีเครื่องไหนบนโลกสู้ได้

เขาเปิดเครื่องติดตั้งระบบป้องกันตัวเองไว้ก่อน เขาใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะเข้าระบบวงจรปิดบนถนนทุกเส้นของเมืองหลวงเพื่อหากล้องวงจรปิดที่ถ่ายเก็บภาพเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าแยกย้ายกันไป

จากนั้นก็ตั้งค่าอีกระบบที่ง่ายแสนง่าย ขอเพียงเพิ่มรูปของเสี่ยวเป่าก็จะเจอกล้องวงจรปิดทุกตัวที่ตามถ่ายเสี่ยวเป่าได้ เช่นนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้อีกมากโข

ไม่นานเสี่ยวจูก็หากล้องวงจรปิดที่ตามถ่ายเสี่ยวเป่าจนพบ แถมยังหารถคันนั้นของเขาเจออีกด้วย แล้วเริ่มค้นหารถคันนั้นจนไล่ไปถึงเขตชานเมืองที่บริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดสักตัวเดียว

เสี่ยวจูออกจากระบบวงจรปิดแล้วล็อกตำแหน่งคร่าว ๆไว้ก็พบว่าเป็นเขตชานเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง จากนั้นค่อยคำนวณจากสัดส่วนระยะทางก่อนที่เสี่ยวจูจะเจอสถานที่สุดท้ายที่เสี่ยวเป่าปรากฏตัวได้อย่างง่ายดาย

อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงระยะทางห่างจากเมืองราวยี่สิบกิโลเมตร แต่ที่นั่นผู้คนบางตารอบข้างไม่มีหมู่บ้านชุมชนใด ๆและไม่มีเนินเขาด้วย

เสี่ยวจูหาต่อไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็เจอภูเขาลูกหนึ่ง บนแผนที่เรียกว่าภูเขาฝูหนิวซึ่งไม่นับว่ามีชื่อเสียงนักแต่บนเขามีวัดอยู่แห่งหนึ่งซึ่งมีคนหลั่งไหลเข้าไปสักการะกราบไหว้กันไม่น้อย

“เฮอะ…ดีแต่หนีไปหลบบนเขา!”

เสี่ยวจูยิ้มอย่างได้ใจแล้ววาดแผนที่ลวก ๆรูปหนึ่งขึ้น เขาจงใจไม่วาดภูเขาฝูหนิวออกมาแต่วาดแค่เทือกเขาที่ไร้ซึ่งผู้คนอาศัยที่อยู่ห่างจากภูเขาฝูหนิวไปสิบกิโลเมตรแล้วแสยะยิ้มร้ายกาจ

กล้าขู่เขางั้นหรือ งั้นก็ค่อย ๆหาไปแล้วกัน!

เขาถ่ายรูปแผนที่ที่วาดส่งไปให้เล่อเล่อแล้วค่อยปิดเครื่องคลุมโปงนอนต่อ

เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เขาจะนอนต่ออีกแปดชั่วโมง ต่อให้ฟ้าถล่มก็ไม่สนใจแล้ว

เล่อเล่อเดินทางไปตามเส้นทางบนแผนที่จนมาถึงเทือกเขาที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งไฟริมทางที่ทุกอย่างมืดสนิท หากเป็นผู้หญิงทั่วไปต้องตกใจกลัวแน่ ๆแต่ไม่ใช่กับเล่อเล่อ

เธอกวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบตัวก็พบว่าไม่มีหมู่บ้านมีแต่เนินเขาเล็ก ๆ เสี่ยวเป่าไม่มีทางซ่อนตัวอยู่ที่นี่แน่ น่าจะอยู่ข้างหน้าอีกหน่อย

เล่อเล่อยังคงเดินหน้าต่อไปซึ่งขณะนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ไม่มีดวงจันทร์ไม่มีดวงดาว ระหว่างนั้นยังได้ยินเสียงกบร้องตามทาง จากนั้นผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงในที่สุดเล่อเล่อก็มาถึงเชิงเขาฝูหนิว

เธอไม่มั่นใจว่าเสี่ยวเป่าอยู่บนนี้หรือเปล่า แต่ถ้าเดินหน้าต่อไปอีกก็ไม่มีภูเขาลูกอื่นแล้ว เสี่ยวเป่าคงไม่มีทางพักอยู่ในหมู่บ้านไหนแน่ ฉะนั้น…เป็นไปได้ว่าเขาจะขึ้นไปอยู่บนภูเขาลูกใหญ่สถานที่สุดโปรดของเขา

เล่อเล่อกัดฟันเทียบจอดรถยนต์แล้วหยิบไฟฉายออกมาจูงเสวี่ยเอ๋อร์ขึ้นเขาไป

เธอสอดส่องหาตลอดทาง ถ้าไม่เจอเธอก็หาต่อไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะหาไม่เจอ!

…………………………..

ตอนที่ 2924 ฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโคตร

“เสวี่ยเอ๋อร์ แกได้กลิ่นของพี่เสี่ยวเป่าหรือยัง?” เล่อเล่อก้มหน้าถาม

“หงิง ๆ…”

เสวี่ยเอ๋อร์ดมกลิ่นแล้วส่ายหัวอย่างลำบากใจ เจ้านายจะเจอตัวได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหน เขาคงช่วยนายผู้หญิงไม่ได้แล้วล่ะ!

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเล่อเล่อเลย ยามที่เสี่ยวเป่าอยู่บนเขาก็เปรียบดั่งปลาใต้น้ำ ทุกหย่อมหญ้าหรือต้นไม้ทุกต้นบนเขาหรือกระทั่งสัตว์บกสัตว์ปีกทุกชนิด…ล้วนเป็นตัวช่วยชั้นดีของเสี่ยวเป่า เสวี่ยเอ๋อร์หาไม่เจอเป็นเรื่องปกติมาก

“ไม่เป็นไร เราค่อย ๆหาไป วันนี้หาไม่เจอพรุ่งนี้ก็ค่อยหาต่อ พรุ่งนี้หาไม่เจอวันมะรืนก็หาต่อ…สักวันฉันจะรวบหัวรวบหางพี่เสี่ยวเป่าซะ!” เล่อเล่อกัดฟันพูด

“บรู๊ว ๆ…”

เสวี่ยเอ๋อร์หอนหลายครั้งเป็นการให้กำลังใจ เขายกขาทั้งสี่ข้างสนับสนุนนายผู้หญิง เขาคิดว่านายผู้หญิงกับเจ้านายเกิดมาคู่กันดั่งคู่สร้างคู่สม แต่เพราะเจ้านายสติฟั่นเฟือนถึงได้เอาแต่หนีนายผู้หญิง

ในฐานะที่เป็นเพศเมีย เมื่อมีตัวผู้ที่ถูกใจก็ต้องรีบเขมือบรวบหัวรวบหางอย่างกล้าหาญ ถ้ามัวแต่ชักช้ายืดยาดจะมีความหมายอะไร!

บนยอดเขามีวัดแห่งหนึ่งตั้งตระหง่าน วัดพื้นที่ไม่กว้างนักแต่กลับมีผู้คนคอยแวะเวียนมาสักการะตลอด เพราะเจ้าอาวาสที่นี่เป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง ท่านรอบรู้เรื่องพุทธศาสนาจนมีการไหว้วานเชื้อเชิญให้เจ้าอาวาสไปให้ความรู้ในหลายที่

มีผู้คนจากเมืองหลวงมากมายพากันมาสักการะกราบไหว้ตามชื่อเสียงที่เลื่องลือ ฉะนั้นภายในวัดย่อมไม่เคยเงียบเงา

เสี่ยวเป่ากับเจ้าอาวาสบังเอิญรู้จักกันโดยเจ้าอาวาสนั้นชื่นชมความรอบรู้ด้านพระพุทธศาสนาของเสี่ยวเป่า รวมถึงการที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้อย่างสันติจึงได้ทำความรู้จักกับเสี่ยวเป่าโดยปริยาย

“โยมเสี่ยวเป่า บะหมี่เจของท่าน” พระสงฆ์รูปหนึ่งยกชามบะหมี่กลิ่นหอมฉุยเดินเข้ามาในห้องของเสี่ยวเป่า

“ขอบคุณพระอาจารย์ไป่เว่ย” เสี่ยวเป่าสูดหายใจเข้าปอดลึกอย่างดีใจสุดขีด

เหตุผลที่เขาเลือกอาศัยที่วัดแห่งนี้เพราะนอกจากได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือในวัดมีพระอาจารย์ไป่เว่ยท่านหนึ่งที่ทำบะหมี่เจรสเลิศ หมูตุ๋นน้ำแดงเจที่ทำออกมา หรือไก่เจเป็ดเจ…อร่อยกว่าเนื้อจริง ๆเสียอีก

อย่างบะหมี่เจเรียบง่ายชามนี้ก็ส่งกลิ่นหอมที่ไม่ธรรมดาจนยั่วให้เสี่ยวเป่าน้ำลายสอท้องร้องโครกคราก

พระอาจารย์ไป่เว่ยยิ้มจริงใจแล้วโค้งให้เสี่ยวเป่าทีหนึ่งก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป

เสี่ยวเป่าใช้เวลาทานบะหมี่เจชามนี้ไม่นานก่อนจะเรอทีหนึ่งอย่างอิ่มเอมใจ เมื่อไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำเสร็จก็เตรียมเข้านอน

เฮ้อ…อีกสองวันก็ต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขาควรเผชิญหน้ากับน้องเล่อเล่ออย่างไรดีนะ?

ไม่รู้ว่าน้องเล่อเล่อหายโกรธหรือยัง?

พอท้องฟ้ามืดมิดผู้คนต่างก็เข้านอนกันหมดแล้ว…ยามค่ำคืนบนภูเขาเงียบสงัด มีเสียงกบและจักจั่นร้องประสานกันเป็นครั้งคราว เล่อเล่อเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว เหตุที่ช้าเพราะเธอคอยมองหาระหว่างทางด้วย ไม่อย่างนั้นคงปีนมาถึงยอดเขาตั้งนานแล้ว

“ฟุ่ว…หิวจังเลย เสวี่ยเอ๋อร์แกก็หิวเหมือนกันสินะ?” เล่อเล่อลูบท้องไปมาเพราะมันส่งเสียงร้องโครกครากไม่หยุดหย่อน ยังไม่ทานข้าวเย็นเลยเธอหิวจะตายอยู่แล้ว!

เสวี่ยเอ๋อร์ครางหงิง ๆรับหลายทีบ่งบอกว่ามันไม่หิวเลยสักนิด แต่ถ้าไม่มีเสียงร้องจากท้องอาจจะฟังดูน่าเชื่อถือสักหน่อย

เล่อเล่อหลุดขำพลางลูบหัวเสวี่ยเอ๋อร์เบา ๆ “ทนหน่อยนะ เราปีนไปถึงยอดเขาค่อยย่างเนื้อกินกัน”

เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น

เล่อเล่อนั่งพักสักครู่ก็เดินขึ้นเขาต่อไป ระหว่างทางเจอกิ้งก่าที่ออกมาเที่ยวเตร่ยามดึก รวมถึงนกน้อยกลุ่มหนึ่งที่โบยบินไปมาพลันก็นึกถึงเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งได้ก็ตบศีรษะตัวเองทีหนึ่งอย่างขุ่นเคือง

เกือบทำเสียเรื่องแล้ว!

“ถ้าพวกแกกล้าไปฟ้องหนิงเสี่ยวเป่า ฉันจะจุดไฟเผาภูเขาลูกนี้ให้พวกแกดับทั้งตระกูลเลย!” เล่อเล่อเอาสองมือเท้าสะเอว แม้เสียงไม่ดังมากแต่กลับสะท้อนดังไปทั่วเขาทั้งลูก

บรรดาสัตว์บนเขาที่คอยลอบสังเกตเล่อเล่อมาตลอดทางนั้นสะดุ้งโหยงด้วยความกลัว แม่เจ้า…สัตว์สองขาเพศเมียคนนี้มีความอาฆาตแรงจัง พวกมันกลัวเหลือเกิน!

ไม่ไปรายงานให้เสี่ยวเป่ารู้แล้วดีกว่า…

อย่างมากเสี่ยวเป่าก็แค่เสียความบริสุทธิ์เท่านั้นเอง แต่พวกมันต้องถูกฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโคตร น่ากลัวเกินไปแล้ว!

………………

Related

ตอนที่ 2921 ไม่แพ้แต่ก็ไม่ชนะ

“เล่อเล่อ ลูกผ่อนแรงลงหน่อย!” เหมยเหมยเป็นห่วงจับใจกลัวเล่อเล่อพลั้งมือทำเหยียนหมิงซุ่นเจ็บตัว นั่นเป็นสามีของเธอเชียวนะ เธอไม่ห่วงแล้วใครจะเป็นห่วง!

“หนูสวมที่ถ่วงน้ำหนักอยู่!” เล่อเล่อเองก็กังวลใจอยู่บ้าง แม้จะเกลียดพ่อที่ไม่ให้เกียรติตัวเองแต่อีกฝ่ายก็เป็นพ่อแท้ ๆของเธอ เธอจะเป็นเหตุให้แม่ต้องเป็นหม้ายไม่ได้!

เธอยกแขนขึ้นซึ่งแขนทั้งสองข้างสวมแม่เหล็กถ่วงน้ำหนักไว้ แม่เหล็กตัวหนึ่งหนักถึงสิบสองจุดห้ากิโลกรัม สองตัวก็หนักยี่สิบห้ากิโลกรัม บวกสี่ตัวก็เป็นน้ำหนักห้าสิบกิโลกรัม ทว่าเล่อเล่อสวมมันแล้วกลับดูสบาย ๆ

เหมยเหมยถอนหายใจโล่งอก หากมีตัวถ่วงน้ำหนักผูกอยู่พลังทำลายล้างของเล่อเล่ออาจจะอ่อนลงบ้าง

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่พอใจอย่างมาก นี่กำลังดูถูกเขาชัด ๆ เขายังไม่แก่ถึงขั้นต้องให้ลูกสาวยอมอ่อนข้อให้สักหน่อย!

“มาสู้กันอย่างเท่าเทียม ถอดแม่เหล็กถ่วงน้ำหนักออกซะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นเฉียบ

“พ่อต้องนึกถึงความสุขของแม่ด้วย หนูไม่อยากพลั้งมือจนพ่อพิการหรอกนะ!” เล่อเล่อไม่ได้ถอดออก

พลังของเธอไม่ได้มากธรรมดา ต่อให้เป็นเหยียนหมิงซุ่นอยู่ในช่วงเก่งกาจที่สุดก็รับหมัดเดียวของเธอไม่ไหว

“ไม่ถอดก็ไม่ต้องสู้กันแล้ว หลังจากนี้ฉันจะจัดคู่ดูตัวให้เรื่อย ๆ”

เล่อเล่อกัดฟันปลดแม่เหล็กถ่วงน้ำหนักออกแล้วโยนลงโซฟาอย่างไม่ใส่ใจจนทำเอาโซฟายุบลงไปเป็นสองหลุมทันที เหล่าพี่ชายทหารข้าง ๆมองจนตาค้างพลางกระซิบกระซาบกันไปมา

“ดูจากน้ำหนักนี้คาดว่าอย่างน้อยตัวหนึ่งต้องหนักสิบกิโลกรัม บวกกันก็เป็นสี่สิบกิโลกรัมหรืออาจจะมากกว่านั้น!”

“ของหนักสี่สิบกิโลกรัมอยู่บนตัวแต่ดันเหมือนคนไม่เป็นอะไร…”

ทหารทั้งสิบคนสีหน้าเปลี่ยนไปและต่างก็ถอดใจกันระนาว พวกเขามีความสามารถขีดจำกัดคงรับมือกับภรรยาสุดโหดขนาดนี้ไม่ไหวหรอก!

โชคดีที่คุณหนูใหญ่ไม่ถูกใจพวกเขา…โชคดีจริง ๆ!

“เริ่มแล้วนะ…” เล่อเล่อตะโกนทีหนึ่งแล้วพุ่งไปตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่นอย่างรวดเร็ว เสียงลมจากแรงที่ปล่อยหมัดออกไปรู้สึกได้แม้จะอยู่ไกลก็ตาม

เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าตั้งรับอย่างซึ่ง ๆหน้า ไม่อย่างนั้นกระดูกคงแหลกหมด เขาไหวตัวหลบหมัดได้ทันควัน

สองพ่อลูกสลับกันต่อยสลับกันเตะอย่างเมามัน สองร่างตะลุมใส่กันเป็นก้อนแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ได้ยินเสียงแต่ลมฟิ้ว ๆผ่านหู

เหมยเหมยร้อนใจเหมือนมดบนกระทะ ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายบาดเจ็บเธอก็ปวดใจเหมือนกัน เฮ้อ!

“หนูชนะแล้ว!” เล่อเล่อตะโกนอย่างดีใจ กำปั้นของเธออยู่ห่างจากหน้าอกของเหยียนหมิงซุ่นไม่ถึงระยะครึ่งนิ้ว ถ้าปล่อยหมัดนี้ไปรับรองว่าหัวใจต้องแหลกสลาย ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้

“ดูให้ดี!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเตือนเสียงเย็นแล้วหอบน้อย ๆ

เล่อเล่อก้มหน้ามอง มือของเหยียนหมิงซุ่นจ่ออยู่ตรงบริเวณลำคอเธอในระยะไม่ถึงครึ่งนิ้วเช่นกัน พ่อของเธอไม่ได้ช้าไปกว่าเธอเลย ถ้าเธอปล่อยหมัดเหยียนหมิงซุ่นก็ต้องรัดคอตอบ ใครก็ไม่อาจจะหนีพ้นได้

“เสมอกัน…ไม่มีใครชนะ ไม่มีใครแพ้ แยกย้ายกันได้ ป้าฟาง เตรียมจัดโต๊ะอาหาร!”

เหมยเหมยพรูหายใจโล่งอกไปเฮือกหนึ่งแล้วเดินเข้าไปแยกสองพ่อลูกออกจากกัน คุณย่าหยางก็เดินเข้ามาด่า “ผู้ใหญ่ก็ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ เด็กเล็กก็ไม่มีความเป็นเด็กเล็ก ไปทานข้าว!”

เล่อเล่อเศร้าใจสุดฤทธิ์ ไม่ชนะก็เท่ากับว่าเธอไม่มีอิสระในการเลือกความรักแล้ว

เหมยเหมยเตะเท้าใส่เธอทีหนึ่งอย่างนึกโมโห ก่นด่าเสียงเบา “เจ้าโง่ พ่อของลูกก็ไม่ได้ชนะนี่!”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย นั่นสิ พ่อก็ไม่ได้ชนะนี่นา การแข่งขันเท่ากับโมฆะ!

“สักวันหนูจะเอาชนะพ่อให้ได้!” เล่อเล่อสาบานว่าเธอจะทำให้พ่อยอมให้เธอคบกับพี่เสี่ยวเป่าเองกับปากให้ได้

แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องรีบหาทางรวบหัวรวบหางเสี่ยวเป่าคนนิสัยไม่ดีนั่นก่อน!

เหมยเหมยฟาดใส่เธอทีหนึ่งอย่างขุ่นเคือง “พ่อของลูกคือสามีของแม่ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลย!”

เธอเดินไปยิ้มหวานใส่เหยียนหมิงซุ่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้น “พี่ ไปทานข้าวกัน อย่าไปสนลูกทรพีนี่เลย!”

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ขยับตัว รอสักพักพอทุกคนเดินออกไปกันหมดเขาถึงทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแอ พร้อมถอนหายใจยาว

ขาอ่อนตั้งนานแล้วแต่ฝืนเกร็งไว้ไม่ให้ทรุดตัวลงไปตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่อย่างนั้นลูกทรพีนั่นต้องหัวเราะเยาะเขาแหง!

……………………………..

ตอนที่ 2922 รออยู่และรีบมาก

ทานข้าวเสร็จเล่อเล่อก็ออกจากบ้านไป เหยียนหมิงซุ่นก็คร้านจะสนใจเธออีก อย่างไรเสียแม้แต่เขายังตามสืบที่อยู่ของเจ้าเสี่ยวเป่าไม่ได้ เล่อเล่อก็ไม่มีทางหาเจอหรอก

อีกทั้งเมื่อครู่เขาเผลอทำเอวเคล็ดเพราะหวังจะได้สู้อย่างเท่าเทียมกัน ต่อให้อยากจะยุ่งก็ไม่มีแรงเหลือไปยุ่งแล้ว

“พี่ว่าพี่จะลำบากตัวเองทำไม ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเล่อเล่อแรงเยอะแล้วยังดึงดันจะฝืนอยู่นั่น ตอนนี้สบายตัวละสิ…”

เหมยเหมยช่วยนวดให้เขา ตรงบริเวณหลังเอวขึ้นรอยช้ำดวงใหญ่ทำเอาเธอปวดใจแทบแย่

ยานวดที่ทาลงไปร้อนผ่าว เหยียนหมิงซุ่นครางเสียงรับอย่างสบายตัวแต่กลับรู้สึกไม่สบอารมณ์แปลก ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยยอมจำนนต่อความแก่เลย แต่ตอนนี้…เขาต้องยอมจำนนต่อความแก่เสียแล้ว

“เสี่ยวเป่าไม่ดีตรงไหน? ต่อให้เลือดของเขาไม่สะอาด อย่างมากก็ไม่ต้องมีลูกก็ได้ ขอแค่พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ส่วนจะมีลูกหรือไม่มีมันไม่สำคัญสักนิด ทำไมพี่ถึงหัวรั้นขนาดนี้นะ!”

เหมยเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งมีน้ำโห ถ้าเหยียนหมิงซุ่นอนุญาตตั้งแต่แรกก็เป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว เรื่องวุ่นวายอย่างวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“เธอพูดง่ายซะจริง บอกจะไม่มีลูกก็ไม่มีงั้นสิ” เหยียนหมิงซุ่นแย้ง

“ทำไมจะไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยหานไม่มีลูกก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ” เหมยเหมยโกรธจนเพิ่มแรงหนักกว่าเดิมอีกนิดจนทำเอาเหยียนหมิงซุ่นสูดปากหลายที

“ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากมีแต่เฮ่อเหลียนเช่อมีไม่ได้ ระบบสืบพันธุ์ของเขามีปัญหาแล้วจะมีลูกได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นเปิดโปงความลับที่เก็บมาตลอดสิบกว่าปี

เฮ่อเหลียนเช่อมีชีวิตรอดจากเหตุระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์ แม้ในความโชคร้ายจะยังมีความโชคดีแต่ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์ที่ไม่อาจจะมีลูกเป็นของตัวเองได้ตลอดชีวิต

ภายหลังหมอนี่ใช้ชีวิตร่วมกับเหมยหานก็ใจคันยุบยิบอยากมีลูกของตัวเอง ตัดสินใจใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเลือด แต่ผลลัพธ์จากการตรวจร่างกายดันทำให้เฮ่อเหลียนเช่อต้องสิ้นหวัง

จากนั้นเขาก็เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดก็ไม่ได้ผลดังใจหวัง สุดท้ายเขากับเหมยหานเลยได้แต่พับความคิดที่จะมีลูกเก็บไปแล้วช่วยกันเลี้ยงดูเสี่ยวเป่าแทน

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ ไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะมีลูกไม่ได้

“เฮ่อเหลียนเช่อคิดหาวิธีที่จะมีลูกมานับไม่ถ้วนเพราะเหมยหานอยากมีลูกอย่างบ้าคลั่ง จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดความคิดนี้ เหมยเหมย เธอรับรองได้หรือว่าเล่อเล่อจะไม่อยากมีลูกไปตลอดชีวิต?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เหมยเหมยเงียบ…

เพราะเธอไม่อาจรับรองได้

มีคนบอกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีลูก ชีวิตของเธอก็นับว่าไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่

ประโยคนี้ออกจะดูไม่เข้าท่าไปสักหน่อยแต่ก็มีเหตุผลของมัน หากผู้หญิงคนหนึ่งหลงรักผู้ชายคนหนึ่งก็ย่อมต้องอยากมีลูกกับผู้ชายคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง เช่นเดียวกับเธอในอดีตหรือเหมยหานในปัจจุบัน

ถ้าเล่อเล่อใช้ชีวิตกับเสี่ยวเป่าจริง ๆ เธอต้องอยากมีลูกเหมือนกันแน่ ๆ ระบบสืบพันธุ์ไม่มีปัญหาแต่กลับมีลูกกับคนที่รักไม่ได้มันเจ็บปวดมากจริง ๆ เธอไม่รู้ว่าเล่อเล่อจะทนรับความทรมานนี้ได้หรือเปล่า

“เฮ้อ…ทำไมถึงไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบนะ?” เหมยเหมยถอนหายใจยาว

ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ให้เล่อเล่อเลือกชีวิตในอนาคตของตัวเอง

เธอกับเหยียนหมิงซุ่นต่างไม่มีสิทธิ์เลือกชีวิตให้ลูกสาวได้

เล่อเล่อพาเสวี่ยเอ๋อร์ขับรถไปตามหาเสี่ยวเป่า แต่หาทั่วทั้งเมืองทุกซอกทุกมุมที่น่าจะเป็นไปได้ก็ไม่เจอตัว ชั่วพริบตาเดียวฟ้าก็มืดลง ไฟตามถนนตรอกซอยถูกเปิดให้แสงสว่าง

“เจ้าบ้าหนิงเสี่ยวเป่า จะตามจับตัวออกมาให้ได้เลย!” เล่อเล่อกัดฟันอย่างแค้นใจ

เธอรอจนถึงวิชาเรียนครั้งต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจะตามหาหมอนี่ให้เจอภายในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แหละ

เล่อเล่อกลอกลูกตาแล้วโทรหาเสี่ยวจูที่อยู่อีกฟากของโลก เสียงเสี่ยวจูงึมงำที่ฟังก็รู้ว่ากำลังนอนอยู่

“เหยียนเสี่ยวจู นายรีบหาตัวหนิงเสี่ยวเป่ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันรออยู่และรีบมากด้วย!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเล่อเล่อปลุกให้เสี่ยวจูตื่นจากความง่วง

……………………

Related

ตอนที่ 2919 คุยกันด้วยหมัด

“แค่ก ๆ…”

เล่อเล่อตกใจจนไอค่อกแค่กติดต่อกันแล้วหันไปมองพ่อตัวเองด้วยความตกใจ

“พ่อ…สติพ่อไม่ได้ฟั่นเฟือนไปหรอกใช่ไหม?” เล่อเล่อร้องโวย แถมยังคิดจะยื่นมือไปจับหน้าผากของเหยียนหมิงซุ่นอีกต่างหาก

ทหารสิบคนที่นั่งเรียงกันเป็นแถวมุมปากกระตุกอย่างพร้อมกันทีหนึ่ง เพราะพยายามกลั้นไม่ให้หลุดขำออกมา

ความจริงพวกเขาก็คิดว่าท่านผู้บัญชาการฉลาดเป็นกรดคนนี้สติฟั่นเฟือนไปสักหน่อยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะคิดแผนแปลก ๆแบบนี้ได้อย่างไร?

ไม่ใช่สมัยก่อนสักหน่อย แล้วยังจัดการแข่งขันต่อสู้เพื่อเฟ้นหาตัวลูกเขยอยู่อีก!

แต่…ลูกสาวของผู้บัญชาการหน้าตาใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าได้เป็นที่หมายปองของคุณหนูใหญ่พวกเขาก็ยินดีที่จะถูกรับเลือกมากเช่นกัน!

พี่ชายทหารนับสิบคนคิดเปลี่ยนใจที่แต่เดิมไม่ยินยอมเท่าไรแต่สุดท้ายก็ยอมในที่สุด นั่นเป็นเพราะตำนานหนึ่งที่เล่าต่อกันมาเรื่อย ๆในค่ายทหาร…

ลูกสาวของผู้บัญชาการที่ทั้งเก่งกาจทั้งบู๊ผู้นี้ได้ข่าวว่าแรงเยอะดังวัวแถมหน้าตาอัปลักษณ์ชนิดที่ออกจากบ้านไม่ได้ ผู้บัญชาการเครียดหนักจนผมหงอกขึ้นเต็มหัวถึงคิดหาแผนแปลก ๆโดยคัดเลือกทหารทั้งค่ายมาแบบนี้

ตอนนี้พอเจอตัวเล่อเล่อพวกเขาก็นึกรังเกียจผู้ที่เผยแพร่ข่าวลืออย่างสุดหัวใจ ทั้งที่หน้าตาสวยขนาดนี้ ไหนล่ะที่ว่าหน้าตาอัปลักษณ์น่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นหันหน้ามาถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “พ่อกำลังคุยธุระสำคัญกับลูกอยู่ จริงจังหน่อย!”

เล่อเล่อหันไปเอ่ยกับเหมยเหมยที่ทำหน้าตกใจเช่นกันว่า “แม่…พ่อของหนูเข้าสู่ช่วงวัยทองแล้วใช่ไหม? ทำตัวแปลก ๆขึ้นทุกวัน ว่าง ๆแม่พาพ่อไปตรวจที่โรงพยาบาลบ้างนะ!”

คาดไม่ถึงว่าจะหิ้วผู้ชายสิบคนมาถึงบ้านแล้วให้เธอเลือกทีละคน…เล่อเล่ออยากด่าแม่ของอีกฝ่ายเหลือเกิน!

แต่ด่าไม่ได้

เพราะแม่ของพ่อเธอเป็นท่านย่าสุดรักที่เธอยังไม่เคยพบหน้ามาก่อน ด่าไปถือว่าไม่ให้เกียรติผู้ล่วงลับ

เหยียนหมิงซุ่นหน้าเขียวปั๊ด เส้นประสาทตรงหน้าผากปูดโปนนึกอยากบีบคอลูกสาวอกตัญญูนี้ให้ตาย ๆไปเสีย ปากไม่มีหูรูด อนาคตเขาจะรักษาความน่าเกรงขามต่อหน้าลูกน้องอย่างไรอีก?

“ตัวตรง!” เหยียนหมิงซุ่นตวาดทีหนึ่ง เรียกให้เล่อเล่อยืนหลังตรงยืดอกมองไปข้างหน้าอย่างอัตโนมัติ

พี่ชายทหารสิบคนก็ลุกยืนเป็นระเบียบเช่นกัน

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วก็ตะโกนอีกที “นั่งลง!”

“พรึ่บ”

เล่อเล่อกับพี่ชายทหารสิบคนนั่งลงเป็นจังหวะเดียวกันจนเกิดเป็นเสียงดังขึ้น ตอนนั่งก็หลังตรงสองมือวางหน้าขาไม่ขยับตัวสักนิดจนเป็นความเคยชินที่ติดมาตั้งแต่เด็กและร่างกายตอบสนองอัตโนมัติแล้ว

เหมยเหมยส่ายหน้าอย่างระอา เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้ใจลูกสาวสักนิด นี่มันกำลังสร้างเรื่องวุ่นวายชัด ๆ!

หัวใจของเล่อเล่ออยู่ที่เสี่ยวเป่าคนเดียว ต่อให้หาผู้ชายที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมาก็ไม่เข้าตาเล่อเล่ออยู่ดี คืนนี้เธอจะลองเกลี้ยกล่อมพ่อคนหัวรั้นอย่างเหยียนหมิงซุ่นอีกที เสี่ยวเป่าไม่ดีตรงไหน อย่างมากก็ไม่ต้องมีลูกสิ!

ขอเพียงสามีภรรยารักกัน แค่ไปรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมคนหนึ่งก็จบแล้ว ดูอย่างเฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยหานทำดีกับเสี่ยวเป่ายิ่งกว่าลูกแท้ ๆเสียอีก ครอบครัวก็สมบูรณ์มีความสุขกันดีเหมือนกัน

“เล่อเล่อ นี่เป็นทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่พ่อตั้งใจคัดสรรมา ลูกลองดูสิว่าคนไหนถูกตาต้องใจลูกบ้าง?” เหยียนหมิงซุ่นถามไปตรง ๆ

เหมยเหมยหนังตากระตุก หลุดคำว่าถูกตาต้องใจออกมาแล้วด้วย ไม่ได้เลือกซื้อผักตามตลาดสดสักหน่อย!

“พ่อไม่ให้เกียรติหนูและไม่ให้เกียรติทหารของพ่อด้วย พ่อเห็นพวกเขาเป็นอะไร? สินค้าเหรอ?” เล่อเล่อเอ่ยท้วง

ทั้งสิบคนคลี่ยิ้มสุดจริงใจให้เล่อเล่อแล้วตอบเป็นเสียงเดียวกัน “น้อมฟังคำสั่งของผู้บัญชาการครับ!”

ถ้าเข้าตาคุณหนูใหญ่สุดสวยได้ พวกเขายอมเป็นสินค้าบนชั้นวางของ!

เหยียนหมิงซุ่นมองลูกน้องอย่างชื่นชมแวบหนึ่ง ดีที่ไม่ทำให้เขาขายหน้า!

เล่อเล่อถลึงตาอย่างดุดันแวบหนึ่งก็แหวเสียงเอ่ย “พวกนายยอมแต่ฉันไม่ยอม!”

เธอหันไปโวยเสียงใส่เหยียนหมิงซุ่นอีกที “ความรักของหนูหนูตัดสินใจเองได้ พ่อไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย!”

เหยียนหมิงซุ่นปั้นหน้าขรึมตวาดเสียงกลับ “ตราบใดที่ฉันเป็นพ่อของแกก็มีสิทธิ์!”

“กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้หรอกนะ โลกนี้คุยด้วยหมัดต่างหาก ถ้าพ่อคิดจะยุ่งเรื่องของหนูก็ต้องเอาชนะหมัดหนูไปก่อน!” เล่อเล่อหมุนกำปั้นไปมา เธอโกรธจะตายอยู่แล้ว

คิดว่าเธอไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ก็เห็นเธอเป็นลูกไก่ในกำมือที่จะทำอะไรด้วยก็ได้งั้นหรือ?

………………………………

ตอนที่ 2920 ต่อสู้

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าถมึงทึงทันที นี่กล้าท้าประลองเขาอย่างนั้นหรือ?

เหมยเหมยสะดุ้งเฮือกทีหนึ่งก็ตวาดเสียงตำหนิว่า “เล่อเล่อ พูดจากับพ่อแบบนี้ได้อย่างไร?”

เล่อเล่อตอบกลับด้วยความโกรธ “หนูอยากคุยกับพ่อดี ๆแต่พ่อเคยให้เกียรติหนูไหม? ถามก็ไม่เคยคิดจะถามหนูแล้วพาผู้ชายสิบคนเข้าบ้านมาให้หนูเลือก พ่อเห็นหนูเป็นตัวอะไร? หนูไม่ใช่องค์หญิงไท่ผิง[1]สักหน่อย และไม่ได้อยากเลี้ยงเมี่ยนโส่ว[2] ด้วย!”

น่าโมโหชะมัด…

แต่ละคนช่างหลงตัวเองยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เสี่ยวเป่าก็เป็นแบบนี้ พ่อเธอเองก็เป็นแบบนี้ เห็นเธอเป็นมนุษย์ท่อนไม้หรือ?

พี่ชายทหารเงียบฉี่…ลูกสาวผู้บัญชาการเหมือนจะ…ไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไรแฮะ

“เมี่ยนโส่วคืออะไรเหรอ?” มีคนอ่อนความรู้ถาม

คนรอบรู้อธิบายสร้างเกร็ดความรู้ด้วยระดับเสียงแผ่วเบา “ผู้ชายแต่งงานมีภรรยาหลายคนเรียกว่าอนุภรรยา ผู้หญิงแต่งงานมีสามีหลายคนก็เรียกเมี่ยนโส่ว”

คนอ่อนความรู้กว่าเข้าใจถ่องแท้ก็เงียบไป…แต่พลันก็ลุกพรวดตะโกนเสียงดัง “รายงานท่านผู้บัญชาการ ครอบครัวผมมีคนสืบทอดวงศ์ตระกูลคนเดียวมาสามรุ่นแล้ว ผมมีภารกิจสำคัญที่ต้องสืบสานตระกูลต่อเลยเป็นเมี่ยนโส่วของลูกสาวท่านไม่ได้”

คนรอบรู้เก้าคนหลับตาลง ให้ตาย…เจ้าโง่นี่ถูกคัดเลือกมาได้อย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเข้าใจก็หน้าตึงยิ่งกว่าเดิม ตวาดเสียงใส่ “หุบปากไปซะ!”

คนอ่อนความรู้เบะปากน้อย ๆแล้วนั่งลงแต่โดยดี ทว่าในใจกลับเริ่มพะวงกลัวว่าจะถูกลูกสาวของผู้บัญชาการหมายตา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พ่อแม่เขาต้องร้องไห้เสียใจจนตายแน่!

เหมยเหมยทั้งโกรธทั้งขำพลางตบไหล่ของคนอ่อนความรู้นั่นเบา ๆเอ่ยปลอบว่า “อย่ากังวลไป วันนี้แค่มาทานข้าวที่บ้านด้วยกันสักมื้อ ไม่ส่งผลต่อเรื่องผู้สืบทอดตระกูลของนายหรอก!”

เหยียนหมิงซุ่นฉลาดมาทั้งชาติแต่เรื่องที่ทำวันนี้กลับโง่สิ้นดี คนไม่รู้ความคงหลงคิดว่าลูกสาวเธอหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้จริง ๆแน่นอน!

ครั้นได้ยินคำพูดของเหมยเหมยคนอ่อนความรู้ก็ยิ้มร่า แม้คนที่เหลือจะผิดหวังไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก กลับกันดันสนใจการประลองระหว่างท่านผู้บัญชาการกับคุณหนูใหญ่มากกว่า ได้ยินมาเนิ่นนานแล้วว่าลูกสาวท่านผู้บัญชาการทักษะการต่อสู้ดีเลิศ ในที่สุดวันนี้ก็จะได้เห็นกับตาแล้ว

“ฉันไม่ให้เกียรติแกยังไง ก็คัดมาสิบคนให้แกเลือกแล้วนี่ไง!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา

“หนูชอบแค่พี่เสี่ยวเป่า ไม่เอาผู้ชายคนอื่น!” เล่อเล่อตะโกน

“นอกจากหนิงเสี่ยวเป่า ผู้ชายคนอื่นจะใครก็ได้ทั้งนั้น!”

“คนป่าเถื่อนไร้เหตุผล หนูต่างหากที่เป็นคนแต่งงาน พ่อจะมาสนใจทำไมว่าหนูจะแต่งงานกับใคร!”

“ขอแค่แกเป็นลูกสาวฉันหนึ่งวัน ฉันก็จะยุ่ง แกแต่งกับใครก็ได้นอกจากหนิงเสี่ยวเป่า!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเข้ม

“มาสู้กัน…หนูจะสู้กับพ่อเอง เมื่อก่อนพ่อพูดเสมอว่าเวลามีความขัดแย้งกำปั้นคือวิธีที่ดีที่สุด ตอนนี้เรากำลังเห็นต่าง งั้นก็มาต่อสู้กันเถอะ!” เล่อเล่อมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยสายตาหนักแน่น

เธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆหรอก!

เหยียนหมิงซุ่นเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งลูกสาวจะขอท้าประลองกับเขาเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง!

ลูกสาวเติบโตแล้วเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มใจ แต่ยิ่งกว่านั้นคือความปวดใจปนระอาใจ!

“ดี…งั้นก็ให้กำปั้นตัดสิน ถ้าแกเอาชนะฉันได้ ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของแกกับหนิงเสี่ยวเป่าอีก!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็น

“ไม่ได้ ไม่เข้าท่าเลย เล่อเล่อ ลูกจะลงไม้ลงมือกับพ่อของลูกไม่ได้นะ!” เหมยเหมยชักร้อนใจ สองพ่อลูกต่อสู้กันเพราะผู้ชายคนเดียวมันเข้าท่าเสียที่ไหน!

คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนเองก็คิดว่าไม่เข้าท่าเหมือนกันแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับตัดสินใจแล้ว เล่อเล่อมั่นคงต่อหนิงเสี่ยวเป่าคนเดียว งั้นก็ต้องสู้เอาชนะจนเธอยอมจำนนทั้งกายและใจ

ความจริงเขาไม่ได้ประลองฝีมือกับลูกสาวมานานมากแล้ว เล่อเล่อมีความสามารถพิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิดจึงเอาชนะด้านพละกำลังไม่ได้ แต่เขาเอาชนะผ่านความคิดได้โดยอาศัยประสบการณ์และกระบวนท่ากำราบเอา

“หวังว่าพ่อจะพูดจริงทำจริง!” เล่อเล่อบอก

“แกเอาชนะฉันให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงนิ่ง

สองพ่อลูกเปลี่ยนใส่ชุดวอร์มออกกำลังกายแล้วยืนประจันหน้ากัน

…………………………….

[1] องค์หญิงไท่ผิง เป็นพระธิดาของจักรพรรดินีบูเช็กเทียนและจักรพรรดิถังเกาจง ที่มีเรื่องฉาวโฉ่กับผู้ชายมากหน้าหลายตา

[2] เมี่ยนโส่ว คำเรียกนายบำเรอ ที่พบว่าเริ่มมีการใช้คำนี้ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ของจีน

Related

ตอนที่ 2917 สิบผู้เข้าร่วมแข่งขันยอดฝีมือ

เล่อเล่อยืนกวาดตามองรอบทิศอยู่ตรงหน้าประตูร้านอาหารซึ่งไม่นานก็เห็นรถยนต์คันคุ้นตาจากมุมไกล เธอก้าวขายาวไปทางเสี่ยวเป่าพร้อมออร่าความอาฆาตที่แผ่จากรอบตัว!

เสี่ยวเป่าใจเต้นตึกตัก ความเร่งเรีบทำให้สมองฉลาดขึ้นพลางยื่นแขนออกทางหน้าต่างทำท่าประหลาด ๆหลายท่า ใช้เวลาไม่นานกลุ่มนกกระจอกที่ส่งเสียงร้องจิ๊บจิ๊บก็บินมาเป็นกลุ่มดำก้อนใหญ่บดบังอยู่ตรงหน้าเล่อเล่อ

“หนิงเสี่ยวเป่าพี่มาไม้นี้อีกแล้วนะ!”

เล่อเล่ออารมณ์เสียสุดขีด นกกระจอกกลุ่มนี้เป็นอาวุธป้องกันตัวของหนิงเสี่ยวเป่าแน่ ๆ เขารู้ว่าเธอทำใจฆ่าไม่ลงทำอะไรกับสัตว์เล็กสัตว์น้อยพวกนี้ไม่ได้ เป็นไปตามคาด…พอนกกระจอกแยกย้ายรถยนต์ของเสี่ยวเป่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!

“คอยดูเถอะ!” เล่อเล่อโกรธจนหักกิ่งไม้ที่โน้มลงมาอยู่เหนือศีรษะ

หนิงเสี่ยวเป่าหลบไปได้ชั่วคราวแต่หลบไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก เมืองหลวงใหญ่แค่นี้สักวันเธอก็ต้องตามสืบจนเจอตัว

เสี่ยวเป่าที่หนีเอาตัวรอดมาได้พรูลมหายใจยาว เริ่มเปิดใช้งานขับอัตโนมัติแล้วเอนหลังพิงเบาะหลับตาลง

เล่อเล่อไม่คิดเรื่องความรักจริง ๆหรือไม่ถูกใจกู้เฟยหรันกันแน่?

ต่อจากนี้เขาจะแนะนำผู้ชายยอดเยี่ยมให้อีกดีหรือเปล่านะ?

เฮ้อ…ช่างสับสนเหลือเกิน!

รถยนต์ของเสี่ยวเป่าขับออกนอกเขตเมืองไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆแล้วเทียบจอดเชิงเขาลูกใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี เขาจอดรถนิ่งสนิทแล้วเดินขึ้นเขาอย่างเชื่องช้า มีกิ้งก่าซุกซนคอยมาสะบัดหางใส่ตรงหน้าเป็นระยะ ๆหรือกระรอกไม่กี่ตัวที่โยนเมล็ดต้นสนลงมาส่งเสียงร้องให้เสี่ยวเป่า

“วันนี้ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย ฉันจะกลับไปคิดเรื่องสำคัญ”

เสี่ยวเป่าล้วงเอาเมล็ดทานตะวันกำใหญ่สาดบนพื้น กระรอกไต่ลงต้นไม้มาหยิบเมล็ดทานตะวันยัดใส่ปากจนแก้มสองข้างอูมเป็นก้อน

“ไว้เจอกัน!”

เสี่ยวเป่าโบกมือแล้วเดินขึ้นภูเขาไป เขารู้อยู่แล้วว่าเล่อเล่อจะตามหาเขาจนทั่ว ฉะนั้นเขาเลยไม่พักเขตเมืองแต่เลือกพักอยู่ในวัดบนเขา เขารู้จักกับเจ้าอาวาสของที่นี่อยู่บ้าง

เล่อเล่อหนีกลับบ้านอย่างโกรธเคือง ตอนนี้อารมณ์ไม่ดี กลับบ้านไปก่อนจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า

ไม่อย่างนั้นเธอกลัวว่าตัวเองจะข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดปุด ๆไว้ไม่ได้แล้วหักคอบรรดาผู้หญิงชั้นต่ำที่ขัดหูขัดเธอมาตลอดเวลาที่นอนหอพักเอาได้!

เหมยเหมยเห็นลูกสาวที่เปลี่ยนโฉมใหม่ก็ตาเป็นประกาย พลางเอ่ยชมว่า “แต่งตัวแบบนี้ดูดีมาก แม่บอกแล้วว่าผู้หญิงต้องรู้จักแต่งหน้าไง เครื่องสำอางพอไหม? ไม่พอแม่จะซื้ออันใหม่ให้”

“พอแล้ว!”

เล่อเล่อไม่มีกะจิตกะใจคุยกับคุณแม่จึงเทียวหาของกินกองใหญ่จากครัว หอบไว้ในอ้อมแขนเตรียมกลับห้องตัวเอง

“ลูกยังไม่ได้ทานข้าวเหรอ? แม่จะทำให้เพิ่มนะ!” เหมยเหมยมองลูกสาวอย่างห่วงใย ดูท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไรเพราะถูกรังแกมาหรือ? เหมยเหมยล้มเลิกความคิดไปอย่างรวดเร็ว ลูกสาวเธอไม่ไปรังแกลูกคนอื่นก็ดีเท่าไรแล้ว ใครจะรังแกเธอได้กัน?

“ไม่ต้องแล้ว ไม่พอหนูจะแทะเนื้อแดดเดียวเพิ่มเอง!” เล่อเล่อพูดเสียงนิ่งแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง

เหยียนหมิงซุ่นกำลังลงมาพอดีก็ไม่พอใจกับท่าทีของเล่อเล่ออย่างมากเลยตวาดเสียงใส่ “ลูกพูดจากับแม่ตัวเองแบบนี้ได้ไง?”

“โอ๊ย…ที่บ้านไม่มีกฎเยอะขนาดนั้นสักหน่อย เล่อเล่อรีบกลับไปทานข้าวในห้องไป ไม่พอก็บอกแม่นะ แม่จะทำของอร่อย ๆให้” เหมยเหมยมองค้อนใส่เหยียนหมิงซุ่น ดูไม่ออกหรือไงว่าลูกสาวกำลังอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้จักสังเกตเอาเสียเลย

เล่อเล่อรับคำในลำคอทีหนึ่งก็เดินก้มหน้าขึ้นชั้นบนไป เหยียนหมิงซุ่นตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่งแล้วเรียกเล่อเล่อไว้ “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้กลับบ้านมานะ อย่าออกไปเที่ยวข้างนอก!”

“มีเรื่องอะไร? สำคัญไหม?” เล่อเล่อถาม

เธอตัดสินใจจะไปหาที่อยู่ของหนิงเสี่ยวเป่าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้พอดี!

“สำคัญอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นลูกกลับบ้านมาก็พอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงจริงจัง

“อื้อ!” เล่อเล่อไม่กล้าขัดคำสั่งเลยจำต้องรับปากไป

รอจัดการเรื่องของพ่อเสร็จเธอค่อยไปคิดบัญชีกับหนิงเสี่ยวเป่าก็ได้

พอเล่อเล่อกลับห้องไปเหมยเหมยก็กระซิบถามว่ามีธุระอะไร เหยียนหมิงซุ่นเผยยิ้มลึกลับทีหนึ่งพลางเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์เธอก็รู้เอง!”

เขาอุตส่าห์ตั้งใจคัดเลือกสิบหนุ่มผู้ร่วมแข่งขันยอดฝีมือที่ทั้งตัวสูงนิสัยดีและมีความสามารถกันทั้งนั้น ลูกสาวต้องมองจนตาลายแน่ ๆ!

…………………………

ตอนที่ 2918 ลูกสาวเลือกได้ตามสบาย

วันหยุดสุดสัปดาห์มาถึงอย่างรวดเร็ว เล่อเล่อกลับบ้านตั้งแต่วันศุกร์ตามคำสั่ง เช้าอีกวันเล่อเล่อเตรียมลุกไปวิ่งตอนเช้าซึ่งกลายเป็นนิสัยความเคยชินที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เด็กไม่เคยขาดช่วง

“พ่อ วันนี้จะไปไหนเหรอ?” เล่อเล่อวิ่งไปก็ถามเหยียนหมิงซุ่นที่มาวิ่งออกกำลังยามเช้าอีกคนด้วยความแปลกใจ

“ไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่บ้านอย่างเดียว พอลูกวิ่งเสร็จก็แต่งตัวดูดีอย่างวันนั้นก็ไม่เลวนะ” เหยียนหมิงซุ่นพึงพอใจกับการแต่งตัวเมื่อสองวันก่อนของเล่อเล่ออย่างมาก ในที่สุดก็ดูสมเป็นผู้หญิงขึ้นมาบ้างแล้ว

เล่อเล่อเริ่มระแวงพลางมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความฉงน “พ่อคิดจะทำอะไร?”

“วันนี้มีแขกมาที่บ้าน ลูกไม่แต่งตัวให้สวยหน่อย พ่อก็ขายหน้าแย่สิ!” เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าจริงจัง

เล่อเล่อกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ ครั้นเห็นท่าทางจริงจังของเหยียนหมิงซุ่นเธอก็หลงคิดว่าจะมีแขกสำคัญมาเยือนจริง ๆเลยไม่ได้สงสัยอีก

หลังจากกลับบ้านไปก็อาบน้ำแต่งตัวโดยมีเหมยเหมยคอยแต่งให้เธอด้วยตัวเอง และยังคงเป็นกระโปรงยาวเหมือนเดิมแต่เป็นสีเขียวอ่อน เล่อเล่อผิวพรรณดีตัวสูงโปร่งซึ่งเป็นหุ่นตามมาตรฐานของนางแบบที่ความจริงก็คือไม้แขวนเสื้อเดินได้ดี ๆนั่นเอง ไม่ว่าจะสวมใส่เสื้อตัวไหนก็ดูดีไปหมด

“ลูกสาวของแม่สวยจริง ๆ แม่อิจฉาส่วนสูงที่สุดเลย แต่งตัวง่ายจะตาย!”

เหมยเหมยมองลูกสาวที่แสนงดงามอย่างปลื้มใจ ตอนเด็กเล่อเล่อตัวอ้วนกลมจนเธอยังแอบกังวลว่าโตมาจะแขนขาใหญ่เท่าช้าง ตอนนี้ดูแล้วเธอห่วงไม่เข้าเรื่องจริง ๆ ลำพังหุ่นของเล่อเล่อไปเดินแบบของวิคตอเรีย ซีเคร็ทยังได้เลย!

เล่อเล่อยื่นมือแปะศีรษะเหมยเหมยที่ตัวสูงถึงแค่ไหล่ตัวเอง “พ่อชอบคนตัวเล็กอย่างแม่นั่นแหละ”

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อดุเล่อเล่อไปทีหนึ่ง

“แม่…วันนี้มีแขกสำคัญคนไหนมาที่บ้านเหรอ? พ่อถึงได้พิธีรีตองขนาดนี้” เล่อเล่อถาม

เหมยเหมยส่ายศีรษะ “แม่จะรู้ได้อย่างไร พ่อของลูกไม่ยอมบอกทำตัวลึกลับอยู่ได้ แต่เดี๋ยวก็รู้เอง!”

เล่อเล่อสงสัยยิ่งกว่าเดิม แม้แต่แม่ยังไม่รู้ งั้นแขกคนสำคัญคนนี้เป็นผู้วิเศษมาจากไหนนะ?

เหยียนหมิงซุ่นเห็นเล่อเล่อที่ผ่านการแต่งตัวอย่างประณีตก็ยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจแล้วพยักหน้าให้ลุงเหลา ลุงเหลาเข้าใจความหมายก็วิ่งออกไปโทรศัพท์ข้างนอกก่อนจะกลับมากระซิบบอกเหยียนหมิงซุ่นว่า “อีกครึ่งชั่วโมงถึง!”

“ดี!”

เหยียนหมิงซุ่นพอใจยิ่งกว่าเดิม ก็บอกสองแม่ลูกเหมยเหมยว่า “แขกใกล้จะถึงแล้ว”

“ใครกันแน่? มีกี่ท่าน?” เหมยเหมยถาม

“ประมาณสิบคนมั้ง มาถึงพวกเธอก็รู้เอง” เหยียนหมิงซุ่นยังคงเล่นตัวพร้อมรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา

ครึ่งชั่วโมงต่อมาภายใต้การรอคอยของสองแม่ลูกเหมยเหมย พี่ชายทหารสิบคนรูปหล่อน่าเกรงขามก็ก้าวขาเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพรียงเข้าสู่อาณาเขตบ้านตระกูลเหยียน ยกมือวันทยาหัตถ์ให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วตะโกนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “สวัสดีครับ!”

“วันนี้ไม่ต้องทำตามกฎทหาร ทำตัวสบาย ๆก็พอ นั่งลงกันสิ” เหยียนหมิงซุ่นผ่อนคลายสีหน้า

“ครับ ท่านผู้บัญชาการ!”

สิบคนตอบรับเสียงดังกึกก้องดูฮึกเหิมจนหูอื้ออึงไปหมด

เหมยเหมยยกมือปิดหูทำท่างุนงง ทหารพวกนี้อย่างน้อยก็มียศเป็นร้อยเอกซึ่งหนึ่งในนั้นมียศเป็นร้อยโทอีกต่างหาก ได้รับยศเป็นร้อยโทตั้งแต่หนุ่มแบบนี้รับรองว่าอนาคตต้องดีมากแน่นอน แต่คนเหล่านี้หรือที่เป็นแขกคนสำคัญของบ้านเธอ?

หนุ่มเกินไปหรือเปล่า!

สิบคนนั่งเรียงเป็นหน้ากระดานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หลังยืดตรงไม่เสตามองเรื่อยเปื่อยเป็นระเบียบราวกับรูปปั้นก็ไม่ปาน เล่อเล่อเห็นแล้วก็ขบขันโน้มหน้ากระซิบข้างหูเหยียนหมิงซุ่นว่า “พ่อ ทำไมทหารของพ่อนิ่งเหมือนท่อนไม้เลย?”

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง “นี่มันระเบียบทหารต่างหาก ลูกคิดว่าใคร ๆก็ขี้เกียจเหมือนลูกหมดเหรอ?”

เล่อเล่อทำหน้าทะเล้นใส่ทีหนึ่ง เธอไม่ใช่ทหารสักหน่อยจะวางมาดมากมายไปทำไมกัน!

นั่งอยู่สักพักจนบรรยากาศเริ่มน่าอึดอัด เหยียนหมิงซุ่นก็กระแอมเสียงไอพลางชี้นิ้วไปทางพี่ชายทหารสิบคนแล้วกล่าว “เล่อเล่อ คนพวกนี้เป็นทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพ่อ ลูกถูกใจคนไหนก็บอกพ่อ พ่อจะช่วยจัดการให้เอง!”

…………………

Related

ตอนที่ 2915 คุณหมอผู้หล่อเหลา

พอเดินทางมาถึงร้านอาหารเสี่ยวเป่าก็เตรียมจะจอดรถ เขาอมยิ้มเอ่ยต่อเล่อเล่อว่า “เธอเข้าไปก่อนเลย ฉันขอไปจอดรถก่อน มีเซอร์ไพรส์ล่ะ!”

“อื้ม…พี่เสี่ยวเป่าเร็วหน่อยนะ!” เล่อเล่อเดินเข้าร้านอาหารแต่โดยดี แล้วก็หันกลับมาเอ่ยประโยคหนึ่ง

เสี่ยวเป่าคลี่ยิ้มอีกทีด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก พอรอเล่อเล่อเดินเข้าไปเขาก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวขับออกไปอย่างช้า ๆ

แม้การหลอกน้องเล่อเล่อเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีแต่เขาทำด้วยความหวังดีล้วน ๆ ถ้าเล่อเล่อตามหารักแท้ได้จะต้องขอบคุณเขามากแน่ ๆ

เสี่ยวเป่าปลอบใจตัวเองอยู่นานจนในที่สุดก็หายรู้สึกผิดจึงกลับบ้านอย่างสบายใจ ตลอดทางยังคิดอีกว่าถ้าเล่อเล่อถูกตาต้องใจกับคุณหมอหนุ่มคนนั้น หลังมื้ออาหารจะไปทำอะไรกันต่อนะ?

ไม่ได้การ…เขาลืมย้ำเตือนน้องเล่อเล่อแล้วว่าอย่าไปเที่ยวเปิดห้องกับผู้ชายง่าย ๆ!

คุณหมอคนนั้นเล่าเรียนทำงานที่อเมริกาจึงเคยชินกับวัฒนธรรมที่เปิดกว้างเรื่องนี้ตามสไตล์คนอเมริกา เขาจะต้องเอาเปรียบน้องเล่อเล่อแน่ ไม่ได้การล่ะ…

เขาต้องกลับไปจับตาดูเอาไว้ ถ้าคุณหมอเป็นหนุ่มสุภาพบุรุษเขาจะไม่ปรากฏตัว แต่ถ้าคุณหมอคิดจะทำอะไรที่ไม่ดีละก็…

เขาจะต้องออกตัว ไม่อนุญาตให้หมอนี่เอาเปรียบน้องเล่อเล่อได้เด็ดขาด!

คบกันได้แต่ต้องสานสัมพันธ์กันทีละก้าว รอแต่งงานแล้วถึงจะร่วมหอกันได้ นี่เป็นกฎกติกา!

เสี่ยวเป่าที่ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจรีบเลี้ยวรถกลับทางเดิม หามุมลับตาคนหลบซ่อนตัวให้เห็นทางเข้าร้านอาหารได้พอดี ขอแค่พวกเล่อเล่อออกมาเขาจะเห็นภาพนั้นได้อย่างชัดเจน

เล่อเล่อย่างเข้าร้านอาหารโดยมีผู้จัดการร้านที่รอคอยอยู่ก่อนแล้วเดินปรี่เข้ามาต้อนรับ อมยิ้มกล่าวขึ้น “คุณหนูเหยียนเชิญทางนี้!”

“ได้เลย!”

เล่อเล่อหลงคิดว่าเป็นแผนของเสี่ยวเป่าก็ดีใจยิ่งกว่าเดิม เธอเข้าใจพี่เสี่ยวเป่าผิดไป ที่แท้พี่เสี่ยวเป่าโรแมนติกขนาดนี้ แถมอุตส่าห์เสียเงินก้อนใหญ่เพื่อเหมาร้านอาหารไว้อีกต่างหาก ฮิฮิ!

ผู้จัดการพาเล่อเล่อมายังที่นั่งสุดวีไอพีด้านในสุด วงดนตรีข้าง ๆยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ คุณหมอรูปงามที่เสี่ยวเป่าตั้งใจคัดสรรมาอย่างดีมองเล่อเล่อแต่ไกลก็อดดวงตาลุกวาวไม่ได้ เขามองเล่อเล่อที่ย่างกรายเข้ามาหาเขามากขึ้นเรื่อย ๆด้วยสายตาชื่นชม

เขาอยู่อเมริกามาหลายปีจึงมีรสนิยมไปทางคนอเมริกา ไม่ชอบหญิงงามอ่อนแอลมพัดตัวแทบปลิวตามอุดมคติสาวงามของคนฮวาเซี่ยที่สืบทอดกันมา กลับยิ่งชอบหญิงสาวสดใสชอบออกกำลังกายมากกว่า อย่างเล่อเล่อนี่มันคนรักในฝันของเขาชัด ๆ

“คุณหนูเหยียน นี่คือโต๊ะที่คุณหนิงจองเอาไว้” ผู้จัดการพาเล่อเล่อมาตรงหน้าคุณหมอ

เล่อเล่อเห็นคุณหมอที่มีขนาดตัวสูงมากอย่างน้อยร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้น สีผิวค่อนไปทางสีน้ำผึ้ง ร่างกายแข็งแรงบึกบึนและแต่งตัวมีรสนิยมมากเช่นกัน เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่งแต่กลับไม่ใช่แนวที่เธอชอบ

บนโลกนี้มีผู้ชายตั้งมากแต่เธอชอบแค่หนิงเสี่ยวเป่าคนเดียว

“คุณเป็นใคร? ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เล่อเล่อมองคุณหมอด้วยสายตาแปลกใจ นี่เป็นโต๊ะที่พี่เสี่ยวเป่าจองไว้ ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้มานั่งตรงนี้อย่างไม่เจียมตัวแบบนี้ล่ะ?

คุณหมอชะงักไปอึดใจก็ยิ้มตอบว่า “ผมชื่อกู้เฟยหรัน คุณเรียกว่าแจ็กสันก็ได้ เป็นคุณหมอด้านสมอง…”

เล่อเล่อฟังจนมึนไปชั่วขณะก็พูดขัดว่า “ฉันไม่ได้ถามชื่อถามอาชีพคุณ ฉันถามแค่ว่าทำไมคูณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้? ตรงนี้มีคนจองเอาไว้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มา”

เล่อเล่อมองไปตรงประตูอย่างหงุดหงิดใจแวบหนึ่ง ทำไมถึงจอดรถนานขนาดนี้ พี่เสี่ยวเป่าชักช้าเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด

กู้เฟยหรันไม่คิดว่าเสี่ยวเป่าจะไม่อธิบายให้เล่อเล่อเข้าใจก่อนล่วงหน้า หมอนี่ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลย เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “หนิงเสี่ยวเป่าเป็นคนนัดผมมาเองบอกว่าจะแนะนำน้องสาวของเขาให้ผมรู้จัก คุณคือเหยียนเล่อเล่อน้องสาวของเสี่ยวเป่าสินะ สวัสดีครับ!”

……………………………..

ตอนที่ 2916 เอาตัวรอดยาก

“พี่เสี่ยวเป่านัดคุณมาเหรอ? แล้วยังบอกว่าจะแนะนำฉันให้คุณรู้จักด้วยเหรอ?” เล่อเล่อย้อนถามและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ

กู้เฟยหรันไม่เข้าใจท่าทีกัดฟันกรอดของเล่อเล่ออย่างมากแต่ก็พยักหน้าตอบไป ยิ้มเอ่ยตอบว่า “ใช่แล้ว ผมกับเสี่ยวเป่าเป็นเพื่อนกัน เขาบอกว่าคุณมีงานอดิเรกเหมือนกับผมน่าจะคุยกันถูกคอ คุณเหยียนเป็นอะไรไปเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเล่อเล่อค่อย ๆเลือนหายไป ไฟโทสะสุมอก หนิงเสี่ยวเป่ากล้าหลอกปั่นหัวเธองั้นหรือ?

เธอเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วตอบกลับกู้เฟยหรันว่า “เปล่าหรอก ฉันแค่คิดอะไรนอกเรื่องไปหน่อย”

กู้เฟยหรันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ต่อให้เธอโกรธแค่ไหนก็จะไม่ลงกับเขา ไว้กลับไปตามหาที่อยู่อาศัยของหนิงเสี่ยวเป่าเจอจะจับเปลือยแล้วมัดห้อยหัวย่ำยีให้รู้แล้วรู้รอดไป!

กล้าหาคู่นัดดูตัวให้เธองั้นหรือ?

ไปตายซะ!

กู้เฟยหรันอดตัวสั่นไม่ได้พลางเหลียวมองรอบตัวอย่างฉงนใจ ทำไมจู่ ๆถึงอากาศเย็นลงล่ะ เพราะเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำไปหรือ?

“คุณเหยียน คุณสั่งอาหารก่อนเถอะ อยากฟังดนตรีแบบไหนเหรอ? วงดนตรีที่นี่ฝีมือใช้ได้เลย” กู้เฟยหรันยื่นเมนูอาหารให้เล่อเล่ออย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มแสนน่าหลงใหล เขาถูกใจเล่อเล่อมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมาอยู่ในประเทศตั้งนานในที่สุดก็เจอหญิงสาวที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้สักที

แน่นอนว่าเล่อเล่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดี ๆที่กู้เฟยหรันมีต่อตัวเอง เธอไม่อยากให้ความหวังอีกฝ่ายสักนิด ดังนั้น–

เธอยื่นเมนูคืนให้กู้เฟยหรันแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ขอโทษนะ หนิงเสี่ยวเป่าไม่ได้บอกฉันให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีทางมาตามนัดได้ ตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องความรักเท่าไหร่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”

เล่อเล่อยิ้มเชิงขอโทษให้กู้เฟยหรันที่ชะงักค้างไป โค้งตัวลงน้อย ๆแล้วพูดเสียงเบา “ขอโทษนะ!”

“คุณเหยียน…” กู้เฟยหรันเรียกทีหนึ่งแต่เล่อเล่อไม่ได้หันกลับมาจนเดินออกจากร้านไป

เล่อเล่อที่หันหลังกลับไปกัดฟันกรอด “หนิงเสี่ยวเป่า พี่ตายแน่!”

กู้เฟยหรันเองก็ไม่ไล่ตามไปพลางมองแผ่นหลังของเล่อเล่ออย่างสนอกสนใจ ทำอย่างไรดี…เหมือนเขาจะหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม!

“เสี่ยวเป่า…น้องสาวของเธอน่าสนใจมาก ฉันจะพยายามตามจีบให้ได้” กู้เฟยหรันโทรหาเสี่ยวเป่าเพื่อถ่ายทอดความตั้งใจที่เขาหมายมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายให้ได้

“ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของนายละ ใช่แล้ว…น้องสาวฉันไม่ใช่พวกแฟนสาวอดีตของนาย ยังไม่แต่งงานห้ามพาไปเปิดห้องที่โรงแรมเด็ดขาด…” หนิงเสี่ยวเป่าตักเตือน

กู้เฟยหรันหัวเราะอย่างเอือมระอา คู่รักที่ตกลงปลงใจกันพออารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาเรื่องที่เกิดขึ้นก็เหมือนน้ำมาคลองก็เกิด หนิงเสี่ยวเป่านี่ช่างหัวโบราณเสียจริง เขาไม่ได้คัดค้านแค่ขานรับด้วยประโยคคลุมเครือ

ไม่เปิดห้องที่โรงแรมก็พาไปริมทะเล บนเขาหรือบนรถได้…มีสถานที่นัดเดตที่โรแมนติกมากมาย จะจำกัดแค่ที่โรงแรมไปทำไมกันล่ะ!

เมื่อก่อนเขาเคยพลอดรักกับสาวอิตาเลียนที่เปิดกว้างเรื่องเพศท่ามกลางดินแดนหิมะขั้วโลกเหนืออีกต่างหาก รู้สึกวิเศษอย่างหาที่เทียบไม่ได้เลย!

เสี่ยวเป่าก็ดีใจมากเช่นกัน เขาถามด้วยความห่วงใยว่า “น้องสาวของฉันรู้สึกยังไงกับนายบ้าง? อ้อ…นายโทรมาแบบนี้เล่อเล่อก็ได้ยินน่ะสิ?”

“น้องสาวของนายออกจากร้านไปแล้ว เหมือนเธอจะดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ แถมยังบอกว่าตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องความรัก แต่ฉันไม่ถอดใจง่าย ๆหรอกนะ…” กู้เฟยหรันยังพูดไม่จบดีเสี่ยวเป่าก็วางสายไป

เสี่ยวเป่ามองไปทางร้านอาหารอย่างตกใจก็เห็นเล่อเล่อที่เดินออกมาพอดี ขนาดอยู่ห่างในระยะไกลขนาดนี้เขายังรู้สึกได้ถึงความอาฆาตที่แผ่ออกจากตัวเล่อเล่อจึงตัวสะท้านเฮือกอย่างอดไม่ได้

เจ้ากู้เฟยหรัน พูดไร้สาระอะไรตั้งมากมาย เจ้าตัวไปแล้วยังสารภาพบ้าอะไรอีก!

มิน่าเล่อเล่อถึงไม่ถูกใจ!

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องรีบหาทางหนีจะปล่อยให้เล่อเล่อตามจับตัวเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงเอาตัวรอดยากแล้ว!

…………………

Related

ตอนที่ 2913 หันกลับมายิ้มทีคนหลงนับร้อย

เข้าเรียนครั้งที่สองเล่อเล่อหมายจะถามที่อยู่จากเสี่ยวเป่า แต่เสี่ยวเป่ากลับนัดเธอทานข้าวก่อนเรียกเอาเล่อเล่อดีใจแทบแย่หลงคิดว่าในที่สุดเสี่ยวเป่าก็คิดได้สักที

“ฉันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยแล้วกัน” เล่อเล่อไม่ค่อยพึงพอใจกับชุดวอร์มออกกำลังกายแสนเรียบง่ายของตัวเองนัก

เสี่ยวเป่ายิ้มพยักหน้า “ได้สิ เปลี่ยนเป็นกระโปรงนะ เล่อเล่อใส่กระโปรงสวยมาก”

คนอื่นต่างบอกว่าเล่อเล่อหน้าตาไม่สวยแต่เขากลับคิดว่าน้องเล่อเล่อสวยมาก แถมดูดียิ่งกว่าดาราที่เล่นหนังเสียอีก

เล่อเล่อดีใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อก่อนเป่ารื่อน่าเคยบอกไว้ว่าถ้าผู้ชายขอให้ผู้หญิงแต่งตัวก็บ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้ต้องแอบชอบผู้หญิงแน่นอน พี่เสี่ยวเป่าคิดได้จริง ๆแล้วด้วย!

“อืม…ฉันจะเปลี่ยนเป็นกระโปรงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เป่ารื่อน่าบอกว่าตอนฉันใส่สวยมาก” เล่อเล่อตัดสินใจสวมกระโปรงยาวสีขาว เป่ารื่อน่าชมว่าเวลาเธอใส่ดูเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นอายความเป็นเทพเซียนอยู่ด้วย

แม้เธอไม่โปรดปรานการสวมกระโปรง แต่เพื่อพี่เสี่ยวเป่าเธอยอมอดทน

เสี่ยวเป่ายิ้มอบอุ่นยิ่งกว่าเก่าพลางพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องรีบ ทานข้าวเย็นน่ะ หลังเลิกเรียนพี่มาจะรับเธอนะ”

“ไม่…” เล่อเล่อคิดจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณแต่ดันมีเสียงของเป่ารื่อน่าดังขึ้นข้างหูจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักแต่โดยดี “ได้ ฉันจะรอพี่ที่หน้าประตูมหาลัยนะ”

เป่ารื่อน่าบอกแล้วว่าต่อหน้าผู้ชายผู้หญิงอย่าแสดงตัวเป็นปัจเจกเกินไป ต้องเรียนรู้ที่จะออดอ้อนเรียนรู้ที่จะแสดงความอ่อนแอ เช่นนี้แล้วถึงจะทำให้ผู้ชายรู้สึกได้หน้า

อย่างเป่ารื่อน่ากับหยางซานซานก็ไม่เคยขาดผู้ชายประกบกายเลยสักครั้งต้องเป็นเพราะพวกเธออ้อนเป็น ยิ่งกว่านั้นยังแสดงท่าทางอ่อนแอเป็นทั้งที่แรงไม่น้อยเลยสักนิด ทว่าต่อหน้าผู้ชายแม้แต่กระเป๋ายังแทบสะพายไม่ไหว

ถึงเล่อเล่อนึกเหยียดการกระทำเช่นนี้ แต่ในเวลาคับขันเช่นนี้เธอก็จำต้องอดทนไว้ก่อน

รอจัดการพี่เสี่ยวเป่าได้เธอจะกลับไปเป็นตัวของตัวเองอย่างแน่นอน

ตอนเย็นเล่อเล่อเปลี่ยนชุดกระโปรงเสร็จสรรพซึ่งเป็นกระโปรงยาวสีขาวที่เป่ารื่อน่าเลือกให้เธอนั่นเอง เป็นกระโปรงตัวใหม่ล่าสุดของแบรนด์ชาแนลที่ราคาไม่ย่อมเยาอยู่แล้ว หยางซานซานนอนหอพักห้องเดียวกับเธอมองปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นกระโปรงจากแบรนด์ดังก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไร

ชุดวอร์มออกกำลังกายของเหยียนเล่อเล่อยังเป็นของแบรนด์ดังเลย บ่งบอกว่าฐานะทางบ้านของเธอไม่ขาดแคลนเงิน

“กระโปรงตัวนี้ของเธอไม่เลวเลย คืนนี้จะไปตกผู้ชายเหรอ?” หยางซานซานปรี่เข้ามาหา

“ไม่เกี่ยวกับเธอ” เล่อเล่อถลกกระโปรงขึ้นเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร

หยางซานซานหัวเราะคิกคักกล่าว “ ๆ ฉันจะแต่งหน้าสุดยั่วยวนให้เธอเอง รับรองว่าเธอต้องตกผู้ชายได้แน่ ๆ”

เล่อเล่อเริ่มหวั่นไหว เป่ารื่อน่าก็บอกให้เธอฝึกแต่งหน้าบ้างแต่เธอไม่ชอบมันเลยสักนิดจึงคร้านจะเรียนแต่งหน้า ตอนนี้ไปหาเป่ารื่อน่าคงไม่ทัน งั้นให้หยางซานซานแต่งให้ก็ดีไม่หยอก

“งั้นเธอแต่งให้ฉันแล้วกัน ฉันมีเครื่องสำอาง ไม่ต้องใช้ของเธอ” เล่อเล่อหยิบเอาเครื่องสำอางชุดใหม่ชนิดที่ยังไม่ทันแกะกล่องที่เป่ารื่อน่าให้ขึ้นมา

หยางซานซานตาวาว พูดหยอกเย้าว่า “เธอนี่ทำเสียของจริง ๆ เครื่องสำอางดีขนาดนี้กลับปล่อยให้ฝุ่นเกาะ”

ไม่ใช่แบรนด์ลังโคมก็ต้องเป็นเอสเต้ล่ะ นี่ทำเอาเธอรู้สึกเคืองตาเพราะอยากแย่งมาใช้เองให้รู้แล้วรู้รอดไป

“เธอชอบก็ให้เธอแล้วกัน” เล่อเล่อไม่ใส่ใจ เครื่องสำอางเธอเยอะจนฝุ่นเกาะจริง ๆซึ่งล้วนแต่ได้มาจากแม่ของเธอทั้งสิ้น ไหนจะเป่ารื่อน่าอีกที่ให้เครื่องสำอางทุกที เธอไม่เคยใช้เลยสักครั้งเดียว

หยางซานซานตาเป็นประกายใจเต้นตึกตักแต่ก็ส่ายหน้าไปมา เล่อเล่อกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งพลางกล่าว “เธอเลือกลิปสักแท่งแล้วกัน จะให้เธอทำงานฟรี ๆไม่ได้”

“ได้ ฉันชอบลิป” หยางซานซานเองก็ไม่เกรงใจเลือกลิปสติกลังโคมสีแดงอมส้มมาแท่งหนึ่ง กำลังเตรียมเก็บเงินไปซื้อแท่งนี้พอดีเลย!

“หน้าของเธอปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง รับรองว่าพอเธอหันกลับไปยิ้มแล้วร้อยคนต้องหลง” หยางซานซานเอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจ

ฉายาสุนัขจิ้งจอกร้อยหน้าไม่ได้มาเปล่า ๆสักหน่อย!

หนึ่งชั่วโมงถัดมาเล่อเล่อกะพริบตามองตัวเองที่สะท้อนในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตาเล็กน้อย ที่แท้เธอก็ดูเป็นผู้หญิงได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

เวลาหกโมงตรงเสี่ยวเป่าขับรถมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย รถยนต์ของเขาผ่านการปรับแต่งด้วยตัวเขามาก่อน ภายนอกดูเรียบง่ายไม่มีอะไรแต่กลับมีความเร็วไวกว่ารถทั่ว ๆไป ทั้งยังชาร์ตไฟผ่านแสงอาทิตย์ได้อีกด้วย

รออยู่นานเสี่ยวเป่าก็ไม่เห็นตัวคนคุ้นเคยเลยเตรียมไปใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรหาอีกคน ทว่ากลับเห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเดินเข้ามาหาเขาแต่ไกล รูปร่างดูคุ้นเคยเหลือเกินแต่กลับให้ความรู้สึกต่างจากเดิมจนเสี่ยวเป่าอดตะลึงไม่ได้

……………………………..

ตอนที่ 2914 เรื่องเข้าใจผิดที่คิดไปเอง

ในภาพจำของเสี่ยวเป่าเล่อเล่อเป็นน้องสาวที่น่ารักมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นน้องสาวย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวโยงถึงคำศัพท์ที่ว่าสวยงามงดงามหรือเย้ายวน…

ต่อให้น้องเล่อเล่อในวัยเด็กจะตัวอ้วนไปหน่อยแรงเยอะไปนิด แถมยังมีความป่าเถื่อนอีกเล็กน้อย…

แต่ภายในใจของเสี่ยวเป่าน้องเล่อเล่อก็ยังน่ารักที่สุดเสมอมา ไม่มีใครอื่นมีเพียงหนึ่งเดียว

แต่ตอนนี้…

เสี่ยวเป่ากลับพบว่าที่แท้แล้วเขาคิดผิดไป เล่อเล่อก็ดูเย้ายวนได้มากเช่นกัน!

ถ้าเวลาเดินก้าวเท้าสั้นลงอีกสักนิดและเดินบิดเอวอีกหน่อย…น่าจะดูเป็นผู้หญิงมากขึ้นประมาณหนึ่งเลย

“พี่เสี่ยวเป่า…” เล่อเล่อเห็นเสี่ยวเป่าที่ยืนพิงรถแต่ไกลก็วิ่งมาหาอย่างดีใจ ถึงเธอจะสวมกระโปรงยาวพลิ้วไสวแต่ไม่ได้สวมรองเท้าส้นสูงกลับสวมเพียงรองเท้าผ้าใบสีขาวที่จับคู่ใส่ได้กับทุกชุด

ถ้าให้เหยียนเล่อเล่อสวมรองเท้าส้นสูงสู้ให้เธอตัดขาทิ้งเสียดีกว่า

ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสวมเจ้านั่นมาก่อน อีกทั้งเธอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตร ถ้าสวมรองเท้าส้นสูงอีกคาดว่าคงมีส่วนสูงที่ฆ่าผู้ชายหลายคนได้ในพริบตา

เพื่อศักดิ์ศรีของผู้ชาย เล่อเล่อยอมเมตตาที่จะปฏิเสธสวมรองเท้าส้นสูง

เสี่ยวเป่าหัวเราะน้อย ๆแล้วพูดชมว่า “วันนี้สวยมาก!”

เล่อเล่อดีใจแทบแย่พร้อมดวงตาเป็นประกาย เธอลูบแก้มไปมาอย่างเคอะเขินทำตัวไม่ถูก เมื่อกี้หยางซานซานทั้งทาแป้งทั้งปาดแก้มให้เธอ แล้วยังแต่งตาให้เธออีกต่างหาก บอกว่าช่วยให้เธอดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น

เดิมทีเธอยังไม่เชื่อแต่พอได้ยินคำชมของพี่เสี่ยวเป่า เล่อเล่อตัดสินใจว่ากลับไปจะให้ลิปสติกกับเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นอีกหนึ่งแท่งเพื่อให้หล่อนสอนตัวเองแต่งหน้าสักหน่อย

“ฉันแต่งหน้าด้วย ต่างจากเวลาปกติละสิ?” เล่อเล่อมองเสี่ยวเป่าด้วยสายตาคาดหวังปนกังวล

“สวยกว่าเดิมอีก แต่เมื่อก่อนน้องเล่อเล่อก็สวยมากอยู่แล้ว” เสี่ยวเป่ายิ้มตอบ

เล่อเล่อฉีกยิ้มกว้างและความตั้งใจที่จะเรียนแต่งหน้าก็หนักแน่นกว่าเดิม ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็เรียนกับหยางซานซาน กลับบ้านไปก็เรียนกับเป่ารื่อน่า ถึงจะวุ่นวายไปหน่อยแต่เพื่อพี่เสี่ยวเป่าเธอยอมอดทนได้

“พี่เรียกฉันว่าเล่อเล่อ ห้ามเรียกฉันว่าน้องสาวอีก!” เล่อเล่อแก้คำพูดด้วยท่าทีจริงจัง

ในเมื่อพี่เสี่ยวเป่าปรับจูนสมองไม่ทันชั่วขณะงั้นเธอก็จะคอยแก้คำพูดให้เรื่อย ๆอย่างไม่เบื่อหน่าย ทะเลเหือดแห้งหินผุพัง น้ำหยดลงหินทุกวันยังกร่อนได้ ต้องมีสักวันที่พี่เสี่ยวเป่าจะกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

เสี่ยวเป่าถอนใจอย่างระอาเฮือกหนึ่งและไม่คิดจะถกเถียง คืนนี้ชายรูปหล่อที่เขาจัดเอาไว้ยอดเยี่ยมอย่างมาก เรียนปริญญาเอกที่อเมริกาทั้งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ชื่อดังแห่งหนึ่งที่อเมริกาสามปี พอกลับประเทศมาก็ได้รับตำแหน่งสำคัญทันที อนาคตไร้ขีดจำกัดจริง ๆ

นอกจากนี้ชายผู้นี้ยังชื่นชอบการออกกำลังกาย ปกติพอมีวันหยุดก็จะไปปีนเขาว่ายน้ำและยังมีใบขับขี่เครื่องบินส่วนตัวด้วย…เชื่อว่าเล่อเล่อจะต้องมีความสุขยามอยู่กับชายคนนี้แน่

“พี่เสี่ยวเป่า เราจะไปทานข้าวที่ไหนเหรอ?” เล่อเล่อทำท่าตื่นเต้น

วันนี้เป็นเดตครั้งแรกของเธอกับพี่เสี่ยวเป่าแหนะ!

วันสำคัญแบบนี้เธอต้องจดจำเอาไว้ หลังจากนี้ก็ต้องรำลึกถึงมันทุกปี

“ใกล้ถึงแล้ว เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่เพิ่งเปิดใหม่ ที่นั่นบรรยากาศไม่เลวเลย เธอต้องชอบแน่ ๆ” เสี่ยวเป่าอมยิ้มกล่าว สถานที่ทานข้าวก็เป็นเขาที่คัดสรรอย่างดีเช่นกัน

หนำซ้ำเขายังเหมาร้านอาหารร้านนั้นไว้แล้ว พร้อมหาวงดนตรีมืออาชีพมาบริการพวกเล่อเล่อโดยเฉพาะ เชื่อว่าท่ามกลางเสียงดนตรีแสนโรแมนติกและเผชิญหน้ากับชายหนุ่มรูปหล่อยอดเยี่ยม น้องเล่อเล่อจะต้องหวั่นไหวไปกับเขาแน่นอน!

เล่อเล่อตาลุกวาว ร้านอาหารฝรั่งเศส…พี่เสี่ยวเป่าทุ่มทุนจริง ๆ!

หลังจบมื้อเย็นสุดโรแมนติก เธอกับพี่เสี่ยวเป่าควรจูบดูดดื่มสไตล์ฝรั่งเศสอย่างลึกซึ้งด้วยหรือเปล่า?

เธอควรเป็นฝ่ายรุกก่อนหรือรอพี่เสี่ยวเป่าจูบก่อนดีล่ะ?

เล่อเล่อเริ่มสับสนน้อย ๆ…

………………

Related

ตอนที่ 2911 สำนึกผิด

หลังเลิกเรียนเสี่ยวเป่าที่สั่งการบ้านเสร็จก็เก็บหนังสือเตรียมกลับบ้าน มีนักศึกษาหญิงบางส่วนวางแผนคิดจะบุกไปหาแต่พอนึกถึงทักษะการต่อสู้สุดสยองของเล่อเล่อ พวกเธอจำต้องหักห้ามใจที่เต้นระส่ำไว้ไม่กล้าเข้าไปขอช่องทางติดต่อจากอาจารย์

เล่อเล่อรีบกวาดทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วเอ่ยกับหัวหน้าห้องว่า “ขอลาหยุด!”

ไม่รอคำตอบจากหัวหน้าห้องเธอก็รีบวิ่งไล่ตามเสี่ยวเป่าไปอย่างรวดเร็วดั่งสายลมพร้อมคลี่ยิ้มหวานให้เขา ต่อให้ใบหน้าเธอไม่เหลือแก้มอูมเหมือนตอนเด็กอีกต่อไป แต่เสี่ยวเป่าก็ยังเห็นน้องเล่อเล่อที่น่ารักในวัยเด็กได้เหมือนเดิม

ตัวอ้วนกลมเรียกเขาว่าพี่เสี่ยวเป่าด้วยเสียงอ้อแอ้น่ารัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะพุ่งมาข้างหน้าเพื่อปกป้องเขา ทั้งที่เธอควรเป็นคนที่ได้รับการปกป้องแท้ ๆ

เสี่ยวเป่าใจอ่อนยวบในพริบตามองค้อนใส่เธออย่างไม่พอใจแวบหนึ่งพลางเอ่ยเสียงนิ่งขรึม “โดดเรียนอีกแล้วเหรอ?”

“เปล่านี่ ฉันขอลาหยุดแล้วนะ!” เล่อเล่อยิ้มกล่าวกลอกลูกตาไปมาแล้วถาม “พี่เสี่ยวเป่า ทำไมพี่ถึงหลบหน้าฉันล่ะ?”

เสี่ยวเป่าใจเต้นตึกตักเริ่มปวดศีรษะอีกแล้ว ทำไมเขาถึงหลบหน้าล่ะ?

ใครจะรู้ไปกว่าเขาว่าเมื่อเช้าวันนั้นตอนที่เขาพบว่าเล่อเล่อหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาเขาตกใจขนาดไหน ต่อให้ฟ้าถล่มพื้นดินแยกก็ไม่ทำให้เขาลนลานได้ถึงเพียงนี้ แต่การที่เล่อเล่อปีนขึ้นเตียงนอนนั้นกลับทำให้เสี่ยวเป่าไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย

“พี่ไม่ได้หลบหน้า แค่มีธุระเลยต้องออกจากบ้าน” เสี่ยวเป่าตอบเสียงเรียบโดยไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเขากำลังหนี

เล่อเล่อแค่นเสียงทีหนึ่ง “แล้วทำไมพี่ถึงไม่ติดต่อฉันเลยตลอดหนึ่งปี? ทั้งที่กำลังหลบหน้าฉันแท้ ๆ ฉันได้ยินเสียงหัวใจของพี่เต้นแล้ว หนิงเสี่ยวเป่าทุกทีที่พี่โกหกหัวใจจะเต้นเร็ว พี่ปิดบังฉันไม่ได้หรอก!”

เสี่ยวเป่าทำหน้าไม่ถูก เปลือกนอกที่เสแสร้งอย่างสมบูรณ์ของเขามักถูกเล่อเล่อเปิดโปงอย่างไร้ความปรานีเสมอ

“เหยียนเล่อเล่อ ตอนนี้เธออายุสิบแปดแล้ว จะปีนขึ้นเตียงผู้ชายเรี่ยราดได้อย่างไร? ตลอดหนึ่งปีนี้เธอไม่เคยสำนึกผิดเลยเหรอ?” เสี่ยวเป่าไม่พอใจกับท่าทางไม่ยี่หระของเล่อเล่ออย่างมาก

เขาตระหนกตื่นกลัวมาทั้งปี แต่ยัยแสบนี่กลับไม่เป็นอะไรสักนิด อยากหยิกแก้มยัยตัวแสบนี่จัง!

เล่อเล่อมองเขาอย่างไร้เดียงสา “ฉันไม่ได้ปีนเรี่ยราดนี่นา ฉันปีนแค่เตียงของพี่นะ ผู้ชายคนอื่น ๆฉันไม่เอาด้วยหรอก!”

เสี่ยวเป่าพรูลมหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง ยังดี ๆ…แต่จิตใต้สำนึกเขาบอกว่าผิดจึงเอ่ยตักเตือน “ของฉันก็ไม่ได้!”

“ทำไมไม่ได้? เมื่อก่อนเรานอนด้วยกันตลอดเลยนะ”

“นั่นมันตอนเด็กแล้ว ตอนนี้เราโตแล้ว” เสี่ยวเป่าอธิบายอย่างใจเย็น

“โตแล้วก็ยังเหมือนเดิมได้ พ่อแม่ของฉันก็ยังนอนด้วยกันทุกคืน”

“พวกเขาคือสามีภรรยากันก็ต้องนอนด้วยกันได้อยู่แล้วสิ”

เล่อเล่อหมุนกลอกลูกตาหลุกหลิกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “งั้นเราก็มาเป็นสามีภรรยากันดีไหมพี่เสี่ยวเป่า?”

“ไม่ได้ พี่เป็นพี่ชายของเธอนะ!” เสี่ยวเป่าตกใจเฮือกใหญ่แล้วรีบปฏิเสธทันที เหงื่อบนแผ่นหลังไหลเป็นสาย

เล่อเล่อหลงผิดเข้าขั้นรุนแรงแล้ว เขาต้องไปหาผู้ชายให้เธอ

“พี่ไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆของฉันสักหน่อยทำไมจะไม่ได้ล่ะ ยังไงฉันก็ไม่สน ฉันจะแต่งงานกับพี่ ถ้าพี่กล้าแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ฉันเอาหล่อนถึงตายแน่!” เล่อเล่อข่มขู่

พี่เสี่ยวเป่าดื้อด้านเกินไป เธอพูดไร้สาระให้น้อย ๆแล้วรีบทำให้ข้าวสวยเป็นข้าวสุกในเร็ววันดีกว่า!

ทั้งคู่ต่างวางแผนอยู่ในใจแล้วเดินไปเงียบ ๆ

ตอนเย็นเสี่ยวเป่าไปที่บ้านตระกูลเหยียน ไม่ได้เจอกันหนึ่งปีเขาคิดถึงคุณน้าอย่างมาก แน่นอนว่า…รวมถึงน้องเล่อเล่อด้วย

เสี่ยวเป่าไม่กล้าให้เล่อเล่อรู้ว่าความจริงในหนึ่งปีนี้เขาก็ได้ฝันอะไรที่ไม่ดีมามากมาย ในฝันเขาได้ทำเรื่องน่าอายกับน้องเล่อเล่อจนทำเอาเสี่ยวเป่ารู้สึกขยะแขยงตัวเอง เวลาในแต่ละวันผ่านพ้นไปด้วยความรู้สึกรังเกียจและการสำนึกผิด

ใช้เวลาหนึ่งปีจิตใจของเสี่ยวเป่าถึงค่อย ๆสงบลงได้และกล้าจะกลับมายังเมืองหลวงอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ปั่นป่วนหัวใจของเขาคนนั้น

……………………………….

ตอนที่ 2912 หวังว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายได้

เหมยเหมยดีใจกับการมาเยือนของเสี่ยวเป่าอย่างมากเลยเข้าครัวทำของอร่อย ๆเต็มโต๊ะด้วยตัวเองซึ่งส่วนมากเป็นอาหารจานโปรดของเสี่ยวเป่า

“นี่คือกุ้งลวก ของโปรดของเธอ” เหมยเหมยคีบกุ้งตัวใหญ่ให้เสี่ยวเป่าหลายตัว

เสี่ยวเป่าไม่ปฏิเสธน้ำใจไม่ว่ากับใครพลางแกะเปลือกกุ้งอย่างสง่างามแล้วจิ้มน้ำจิ้มทาน คนอื่นทานกุ้งอาจจะสภาพดูแย่ไปสักหน่อยแต่เสี่ยวเป่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานเมนูหายากก็ไม่ปาน ท่วงท่าสง่างามที่เรียกให้คนมองละสายตาไม่ได้เลย

เสี่ยวเป่าในวัยเด็กหน้าตาสะอาดสะอ้าน เสี่ยวเป่าที่โตขึ้นแล้วยังคงงดงามเสียจนคนมองเผลอหยุดหายใจ ทุกอากัปกิริยาเต็มไปด้วยความสง่า สะอาดสะอ้านเสียจนคนมองทนทำร้ายเขาไม่ลง

“เสี่ยวเป่ามาเรียนที่เมืองหลวงเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย

เด็กคนนี้ไม่ค่อยเข้าพวกตั้งแต่เด็ก ไปโรงเรียนอยู่ไม่กี่วันก็ไม่ยอมไปอีกเลย สองสามีภรรยาเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ตามใจเสี่ยวเป่า ในเมื่อไม่ไปโรงเรียนก็จ้างครูส่วนตัวที่ดีที่สุดมาสอน อยากเรียนอะไรก็เรียนอันนั้นไป

เหมยเหมยเคยฟังเหมยหานพูดถึงว่าเสี่ยวเป่าเป็นคนเรียนรู้ไวและชอบเรียนวิชาจิตวิทยามากที่สุด ได้ยินว่ามีนักจิตวิทยาเก่งกาจในต่างประเทศมากมายเป็นเพื่อนกับเสี่ยวเป่าและชื่นชมเขาอย่างมาก

“ตอนนี้พี่เสี่ยวเป่าเป็นอาจารย์ของหนู เรียนอะไรกันเล่า!” เล่อเล่อกล่าว

“เก่งจัง อายุแค่นี้ก็เป็นอาจารย์ในมหาลัยได้แล้ว!” เหมยเหมยยกนิ้วโป้งชมไม่ขาดปาก

เหยียนหมิงซุ่นกลับเริ่มระแวง โผล่ไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเล่อเล่อเพราะหวังอะไรกันแน่?

“เสี่ยวเป่าเธอพักอยู่ที่ไหนเหรอ มาอยู่บ้านน้าไหม ที่บ้านมีกับข้าวร้อน ๆให้ทาน เธออยู่คนเดียวต้องไม่ทำกับข้าวแหง กับข้าวข้างนอกก็ใส่ผงชูรสเยอะไป ทานมากไปไม่ดีต่อกระเพาะนะ…” เหมยเหมยจู้จี้จุกจิก

เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างอบอุ่นแล้วปฏิเสธอ้อม ๆ “ขอบคุณครับคุณน้า น้าเหมยหานจ้างแม่บ้านให้ผมแล้ว”

เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่จริง ๆเพราะกลัวยัยตัวแสบใจกล้าเหยียนเล่อเล่อแอบปีนขึ้นเตียงเขาอีกครั้ง ถ้าให้คุณอาเหยียนเห็นเข้ารับรองว่าจะต้องดึงเส้นเอ็นเขาออกจากตัวแล้วถลกหนังเขาไปแน่ ๆ!

เล่อเล่อทำท่าผิดหวังเล็กน้อย เธออยากให้พี่เสี่ยวเป่าพักบ้านเธอยิ่งกว่าใคร แต่ไม่นานเธอก็คิดได้ว่าไม่พักที่บ้านก็ดีจะได้หลบสายตาของพ่อได้ รอเธอตามสืบที่อยู่ของพี่เสี่ยวเป่าได้…ก็จะเริ่มลงมือแล้ว!

หลังทานข้าวเสร็จเหยียนหมิงซุ่นก็เรียกเสี่ยวเป่าเข้าไปในห้องหนังสือ

“ทำไมไปโผล่ที่มหาลัยของเล่อเล่อ? เธอเคยสัญญากับฉันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเย็นยะเยือก

“ไปสอนที่นั่นเป็นแค่ความบังเอิญ มหาลัยตำรวจได้ส่งคำเชิญให้ผมตั้งแต่ปีที่แล้วก่อนที่เล่อเล่อจะเข้าเรียนอีก ผมไม่รู้ว่าเล่อเล่อจะสอบเข้ามหาลัยนี้” เสี่ยวเป่าอมยิ้มอธิบาย

แม้จะรับปากกับคุณอาเหยียนไว้ว่าจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับน้องเล่อเล่อ แต่เขาอยากทำอะไรกลับไม่ใช่สิ่งที่ใครจะควบคุมได้

แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของเขาเลยแค่นเสียงทีหนึ่ง “หวังว่านายจะจำคำสัญญาของนายได้ นายกับเล่อเล่อไม่เหมาะสมกัน”

“ก็หวังว่าคุณอาเหยียนจะหาหนุ่มหน้าตาดีจำนวนหนึ่งแนะนำให้เล่อเล่อเพื่อเบี่ยงเบนเป้าหมาย!” เสี่ยวเป่าเสนอความเห็นอย่างจริงใจ

เหยียนหมิงซุ่นมีลูกน้องที่เป็นผู้ชายดี ๆตั้งมากมาย เขาเชื่อว่าต้องมีสักคนที่ทำให้เหยียนเล่อเล่อหวั่นไหวได้แหละ

ถึงตอนนั้นเขาจะแสดงความยินดีให้อย่างจริงใจที่สุด

แต่ทำไม…เขาถึงรู้สึกปวดใจนะ?

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มคิดตามพราะคำแนะนำของเสี่ยวเป่าไม่เลวเลย พรุ่งนี้เขาจะรวมตัวลูกน้องผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน หลังการคัดเลือกอย่างละเอียดก็ให้เล่อเล่อเลือกทีละคน เขาไม่เชื่อหรอกว่าใต้บัญชาเขามีผู้ชายตั้งมากมายจะไม่มีคนที่ทำให้ลูกสาวหวั่นไหวได้สักคนเดียว?

วันรุ่งขึ้นเล่อเล่อไม่เห็นเสี่ยวเป่า วิชาจิตวิทยาอาชญากรรมมีเพียงสองคาบต่อสัปดาห์ นอกจากสองคาบนี้เสี่ยวเป่าก็จะไม่มามหาวิทยาลัย เล่อเล่อตามหาเขาหลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ที่อยู่ของเสี่ยวเป่าหรือช่องทางติดต่อของเขาเลย

เพราะเสี่ยวเป่าไม่ใช้โทรศัพท์

…………………

Related

ตอนที่ 2909 อาจารย์เสี่ยวเป่า

หนิงเสี่ยวเป่าบนเวทีมองเล่อเล่อที่พุ่งมาหาเขาอย่างตื่นเต้นด้วยความระอา

เขาหลบหน้ามาหนึ่งปีแต่สุดท้ายก็หักห้ามความต้องการในใจไม่ได้อยู่ดีเลยออกจากเขาใหญ่มาสู่เมืองหลวง

เขาไม่วางใจน้องเล่อเล่อ เป็นห่วงว่าเธอจะสร้างปัญหา

นี่เป็นเหตุผลที่เสี่ยวเป่ากล่อมใจตัวเองว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดปะปน ระหว่างเขากับเล่อเล่อมีแต่ความเป็นพี่น้องที่บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าหิมะบนภูเขา เขาเห็นเล่อเล่อเป็นเยี่ยงน้องสาวแท้ ๆ ส่วนเล่อเล่อแค่กำลังหลงทางชั่วคราวเท่านั้น

ตอนนี้ภารกิจสำคัญของเขาคือต้องช่วยปรับทิศทางให้เล่อเล่อ

แล้วจะปรับอย่างไรล่ะ?

เสี่ยวเป่านั่งคิดอยู่บนเขาคนเดียวมานาน อีกทั้งยังได้สอบถามบรรดาเพื่อนสิงสาราสัตว์เพศผู้มากมายจนในที่สุดก็ได้วิธีดี ๆอย่างหนึ่ง—เล่อเล่อรู้จักเพื่อนเพศชายน้อยเกินไป ในฐานะที่เขาเป็นพี่ชายควรแนะนำเพื่อนต่างเพศผู้ยอดเยี่ยมแก่เล่อเล่อให้มาก เช่นนี้เล่อเล่อก็จะเลิกหลงผิดแล้วไปตามหาความรักที่ถูกต้องได้

“คุณนักศึกษาครับ ตอนนี้คือเวลาเรียน ช่วยปฏิบัติตามกฎระเบียบด้วย!” เสี่ยวเป่ามองเล่อเล่อที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆด้วยสายตาดุดัน เพื่อนนักเรียนอื่น ๆที่นั่งอยู่ในห้องอ้าปากกว้างอย่างตกใจ

พวกเขาคิดว่าเหยียนเล่อเล่อผู้แข็งแกร่งมักเป็นฝ่ายถูกจีบ ไม่คิดว่าจะมีวันที่เธอลุ่มหลงเสน่ห์ของผู้ชายด้วยเหมือนกัน!

จะว่าไปอาจารย์จิตวิทยาอาชญากรรมที่มาใหม่ช่างน่าหลงใหลจริง ๆ!

พานอัน[1]ก็คงจะหน้าตาแบบนี้ละมั้ง!

เล่อเล่อหยุดเดินแล้วได้สติจากความตื่นเต้น เอ่ยด้วยความดีใจว่า “งั้นค่อยคุยกันตอนเลิกเรียน!”

เธอหมุนตัวกลับที่นั่ง พอเห็นเหล่าเพื่อนผู้หญิงมองเสี่ยวเป่าด้วยแววตาหลงใหลก็ชักสีหน้าตวาดเสียงต่ำ “ถ้ายังกล้ามองพี่เสี่ยวเป่าของฉันด้วยสายตาเจ้าชู้ ระวังฉันจะควักลูกตาพวกเธอออกมาซะ!”

เธอดูพี่เสี่ยวเป่าได้แค่คนเดียว คนอื่นไม่ว่าจะเพศชายหรือหญิงถอยไปให้หมด!

เหล่าเพื่อนผู้หญิงสะดุ้งตัวโยน มีบางคนขี้กลัวรีบก้มหน้าลง อย่าไปมีเรื่องกับเจ๊ใหญ่เลย อ่านหนังสือเรียนอย่างสงบเสงี่ยมต่อไปดีกว่า!

มีบางส่วนที่ใจกล้ากลับทำเป็นหูทวนลม มีคนหนึ่งใจกล้ายิ่งกว่าถึงขั้นเถียงกลับประโยคหนึ่งด้วยเสียงเบาหวิว “ไม่ใช่แฟนของเธอสักหน่อย คุมฟ้าคุมดินแล้วยังจะมาคุมไม่ให้ฉันชื่นชมหนุ่มหล่อด้วยเหรอ?”

เล่อเล่อที่ใกล้จะเดินถึงที่ได้ยินดังนั้นก็ย้อนกลับมามองหญิงสาวที่พูดประโยคนี้ด้วยใบหน้าเย็นชา เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงแค่บิดหัวมุมโต๊ะเรียนของหญิงสาวเบา ๆทีเดียวก็หักท่อนไม้รูปสามเหลี่ยมแสนสมบูรณ์แบบมาอยู่ในมือได้

มีทั้งมุมป้านมุมแหลมไม่มีเศษไม้ติดมาสักนิดเดียว งดงามราวกับถูกเลื่อยมาอย่างไรอย่างนั้น

เล่อเล่อวางไม้สามเหลี่ยมนั่นไว้ตรงหน้าเพื่อนผู้หญิงแล้วชี้นิ้วไปที่ลำคอของเธอ แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่งก็ทำเอาเพื่อนผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดปากซีดแล้ว

เธอเข้าใจความหมายของเล่อเล่อดี ครั้งหน้าที่จะโดนหักก็คือคอตัวเองล่ะ!

ลำคอของเธอไม่แข็งแรงเท่าโต๊ะเรียนอย่างแน่นอน

“ไม่ดูแล้ว…ไม่ดูอีกแล้ว…” เพื่อนผู้หญิงขอร้องเสียงเบา

ความรักช่างงดงามแต่ชีวิตกลับมีค่ายิ่งกว่า เธอไม่จำเป็นต้องจบชีวิตตัวเองเพื่อผู้ชายคนเดียว

เล่อเล่อกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจแล้วกวาดหางตาเรียวรีมองทั่วห้องเรียนรวมถึงเพื่อนผู้ชาย ความงามของพี่เสี่ยวเป่าเอาชนะใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง ฉะนั้นต้องชิงตักเตือนคนพวกนี้ไว้ก่อนว่าถ้าไม่ยอมฟังคำเตือนรนหาที่ตาย เช่นนั้นเธอก็จะไม่เกรงใจ!

ภายในห้องเรียนเกิดความเงียบผิดปกติ ภายใต้คำเตือนของเล่อเล่อนั้น เพื่อนทุกคนต่างจ้องหนังสือไม่มีเหลือบมองด้านข้างสักนิด ราวกับพระภิกษุสงฆ์ตอนทำสมาธิก็ไม่ปาน ไม่เคยตั้งใจเรียนหนังสือเท่าตอนนี้มาก่อนสักครั้ง

เสียงเสี่ยวเป่าก็เสนาะหูไม่แพ้กัน ไม่ช้าไม่เร็วเกินไปเหมือนสายธารน้ำที่ไหลลงจากภูเขาอย่างเชื่องช้า นักศึกษาที่เดิมทีไม่คิดจะฟังกลับถูกน้ำเสียงสุดไพเราะนี้พาเข้าสู่โลกจิตวิทยาอันบ้าบิ่นของนักโทษสุดแปลก

……………………………….

ตอนที่ 2910 จับกินซะ

เล่อเล่อกลับไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน มือซ้ายเท้าคางมือขวาหมุนดินสอไปเรื่อย ๆโดยไม่รู้ตัวพร้อมเหม่อมองเสี่ยวเป่าที่พร่ำสอนอยู่บนเวทีอย่างหลงใหล ทุกอิริยาบถทุกย่างก้าวของเขาช่างดูดีเหลือเกิน ทำเอาเธอใจเต้นตึกตักรัว ๆ

เล่อเล่อหรี่ตาลงอย่างพึงพอใจ สูญสิ้นซึ่งภาพลักษณ์เยี่ยงราชาในวันวาน ตอนนี้เหลือเพียงยายโง่ที่ตกหลุมพรางความรักเอาแต่หัวเราะไม่หยุด

ข้างกายเธอเป็นดาวประจำห้องหยางซานซานที่มาเชิญเธอไปร่วมเต้นรำเมื่อวาน ตอนเห็นเสี่ยวเป่าแรก ๆหยางซานซานก็เกือบตกหลุมเสน่ห์ไปด้วยอีกคน แต่ไม่นานเธอก็ได้สติเพราะรู้ดีว่าผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาอย่างเธอคู่ควร

หนุ่มรูปงามเยี่ยงเทพบุตรอย่างเสี่ยวเป่ามีไว้แค่มองห่าง ๆ เข้าไปเชยชมใกล้ ๆไม่ได้!

แต่หยางซานซานคิดไม่ถึงว่าเล่อเล่อที่เธอนึกว่าเป็นควีนรุกมาตลอด กลับประกาศกร้าวอย่างเปิดเผยว่าอาจารย์หนุ่มรูปงามเป็นผู้ชายของเธอ…จุจ๊ ๆ หยางซานซานจินตนาการภาพบนเตียงของเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าอย่างควบคุมไม่อยู่

ใครอยู่บนใครอยู่ล่าง?

ใครเป็นผู้กระทำใครเป็นผู้ถูกกระทำ?

คำตอบก็เห็น ๆกันอยู่แล้วสินะ!

หยางซานซานไว้อาลัยแก่เสี่ยวเป่าเงียบๆ สามวินาทีก็หันไปเห็นเล่อเล่อที่ยังทำหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่ ใช้ศอกกระทุ้งแรง ๆ ทีหนึ่ง เล่อเล่อหันมามองเธอด้วยใบหน้าเย็นชาและแววตาเยือกเย็น “มีอะไรรีบพูด!”

อย่ามากวนเวลาที่เธอเชยชมความงามของพี่เสี่ยวเป่าสิ!

หยางซานซานขยิบตาไปทางเสี่ยวเป่าที่อยู่บนเวทีพลางกระซิบถาม “เธอตกหลุมรักอาจารย์แต่แรกพบจริงเหรอ?”

เล่อเล่อถลึงตาจ้องหยางซานซานอย่างหวาดระแวง เธอรู้ว่ายัยสุนัขจิ้งจอกแก่แดดนี่สำส่อนจะตาย เหยียบเรือตั้งหลายแคมหลอกปั่นหัวผู้ชายโง่พวกนั้นกันจ้าละหวั่น หรือว่ายัยสุนัขจิ้งจอกแก่แดดตัวนี้ก็ถูกใจพี่เสี่ยวเป่าเหมือนกัน?

“ถ้าเธอกล้าคิดอะไรกับเขา ฉันตัดหางจิ้งจอกของเธอแน่!” เล่อเล่อเอ่ยเตือน

ไม่แย่งผู้ชายคนเดียวกันกับเธอยังพอจะเป็นเพื่อนสาวมิตรภาพปลอมเปลือกกันได้ แต่ถ้าไม่เจียมตัวละก็ หึ…รับรองว่าเธอไม่ไว้หน้าแน่!

“วางใจเถอะ ฉันไม่ขาดแคลนผู้ชาย ไม่แย่งกับเธอหรอก” หยางซานซานมองค้อนใส่ทีหนึ่งก็ถามด้วยความแปลกใจว่า “เธอกับอาจารย์หนิงเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วสินะ?”

เมื่อครู่สายตาที่อาจารย์หนิงมองเล่อเล่อนั้นมีความรักปนระอาอยู่ด้วยซึ่งเป็นสายตาที่น่าอิจฉาเหลือเกิน ต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเหยียนเล่อเล่ออย่างแน่แท้ เธอชอบผู้ชายแต่มีหลักการว่าจะไม่แย่งผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว

ผู้ชายบนโลกนี้มีตั้งเยอะ แล้วจำเป็นต้องไปแย่งของคนอื่นหรือไง!

“แหงสิ เขากับฉันโตมาด้วยกัน นอนบนเตียงเดียวกันตั้งแต่เด็ก” เล่อเล่อไม่คิดจะปิดบังความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวเป่าเลย

หยางซานซานมุมปากกระตุกแล้วถามอ้อม ๆว่า “นอนถึงกี่ขวบ?”

“เจ็ดขวบ” เล่อเล่อทำท่าเศร้าโศกเล็กน้อย

ทุกอย่างเป็นเพราะคุณพ่อนั่นแหละ พ่อมักบอกว่าผู้ชายผู้หญิงต่างกัน ฉะนั้นหลังอายุครบเจ็ดขวบก็ไม่อนุญาตให้เธอนอนกับพี่เสี่ยวเป่าอีก บนตัวพี่เสี่ยวเป่ามีกลิ่นหอมน่าดมอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เธอนอนหลับสนิทได้ยิ่งกว่า

เธอสารภาพจากใจว่าเธอปีนขึ้นเตียงของพี่เสี่ยวเป่านั้นไม่ได้คิดเรื่องอื่นจริง ๆ แค่อยากนอนหลับดี ๆสักตื่นเท่านั้น!

แน่นอนว่า…ตอนนี้เธอก็อาจจะมีความคิดอื่นแฝงอยู่บ้างแล้ว

เช้าวันนั้นเธอเห็นเรือนร่างของพี่เสี่ยวเป่าที่ชวนให้เธอน้ำลายยืด รวมถึงวัตถุที่ต้องตื่นมาเคารพธงชาติทุกเช้า…ในที่สุดความรู้สึกที่ถูกปิดผนึกมาตลอดสิบแปดปีก็ถูกเปิดออก

ปีนั้นเล่อเล่อฝันลามกนับครั้งไม่ถ้วน

พระเอกในฝันย่อมเป็นเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว ส่วนนางเอกนอกจากเธอจะมีใครได้อีก ในห้วงความฝันนั้นได้ทำเรื่องน่าอายอยู่บ้าง เล่อเล่อคิดว่าถ้าได้ลงมือทำจริง ๆต้องรู้สึกดียิ่งกว่าแน่!

ฉะนั้น…ในช่วงเวลาอันเร่งรีบนี้เธอต้องรีบจัดการจับหนิงเสี่ยวเป่ากินทีเดียวซะ!

“โดยปกตินักโทษที่ได้ก่อคดีต่อเนื่องส่วนมากจะป่วยอาการทางจิตในระดับที่หนักเบาแตกต่างกันไป ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในอดีตของพวกเขาอย่างมาก…” เสี่ยวเป่าค่อย ๆเล่าและรู้สึกเย็นวาบตรงสันหลังอย่างน่าประหลาด

ครั้นปลายตามองเห็นสายตามั่นอกมั่นใจของเล่อเล่อเสี่ยวเป่าก็แอบสบถในใจ

เขารับปากคุณลุงเหยียนไว้แล้วว่าจะเห็นเล่อเล่อเป็นแค่น้องสาว!

เขาต้องรีบตามหาผู้ชายยอดเยี่ยมบางส่วนเพื่อให้เล่อเล่อตามหารักแท้ให้เจอโดยเร็วดีกว่า!

……………………………

[1] พานอัน หนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มสุดหล่อเหลาตลอดกาลอันดับหนึ่งในยุคโบราณของจีน

Related

ตอนที่ 2907 แค่ปีนขึ้นเตียงครั้งเดียวเอง

เดือนกันยายนมาเยือนแล้ว เมืองหลวงทำหน้าที่ต้อนรับผู้เล่าเรียนที่เดินทางจากทั่วประเทศมากันมากมายทำให้ทุกมหาวิทยาลัยครื้นเครงกันอย่างมากซึ่งล้วนแต่เป็นนักศึกษาใหม่กับผู้ปกครองมารายงานตัว

เล่อเล่อไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยคนเดียว เหมยเหมยอยากไปด้วยแต่ถูกเล่อเล่อปฏิเสธ​ เธอสะพายกระเป๋าไปรายงานตัวอย่างเฉิดฉาย

ตอนเช้าเล่อเล่อไปรายงานตัวอย่างเริงร่าแต่ทว่าตอนบ่ายกลับมาบ้านด้วยใบหน้าเศร้าสลด เพราะเธอหารายชื่อนักศึกษาใหม่ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่เจอชื่อของหนิงเสี่ยวเป่า เจ้าเน่าเน่าสารเลวนั่นกล้าโกหกเธอ!

ปิดเทอมฤดูหนาวจะบินไปซ้อมเจ้าหมอนี่ให้ตายถึงอเมริกาเลย!

ทำให้เธอต้องดีใจเก้อไประลอกหนึ่ง!

เล่อเล่อทำหน้าเศร้าใจไม่มีความสุข หนิงเสี่ยวเป่าอยู่ไหนกันแน่ คงไม่คิดจะไม่มาเจอเธออีกจริง ๆหรอกใช่ไหม?

ก็แค่คราวก่อนเคยปีนขึ้นเตียงครั้งเดียวนี่นา ถึงกับต้องหลบหน้าเธอหนึ่งปีเลยหรือ?

ปีที่แล้วเธอไปเที่ยวหาหนิงเสี่ยวเป่าถึงเมืองเหมย เหมยซูหานได้จัดห้องพักสำหรับแขกให้เธอ แต่เธอคิดถึงความรู้สึกอบอุ่นยามต้องนอนเบียดตัวอยู่บนเตียงหลังเดียวกับหนิงเสี่ยวเป่าในวัยเด็กอย่างมากและคิดถึงกลิ่นบนตัวเสี่ยวเป่า ดังนั้น–

เจ้าเด็กเล่อเล่อสบโอกาสยามวิกาลที่ผู้คนหลับใหลแอบย่องเข้าห้องของเสี่ยวเป่า เธอปีนขึ้นเตียงนอนซบเสี่ยวเป่าจนถึงเช้าอย่างอิ่มเอมใจ นั่นทำเอาเสี่ยวเป่าตื่นมาตกใจวิญญาณแทบกระเจิง จากนั้นก็หายตัวไปไม่เคยปรากฏตัวอีกจนถึงตอนนี้

“เชอะ…หนิงเสี่ยวเป่าไอ้คนนิสัยไม่ดี!”

เล่อเล่อกัดแอปเปิลคำโต อารมณ์ไม่ดีเธอต้องทานเยอะ ๆเพื่อเป็นการซ่อมแซมจิตใจ

ไม่นานเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป นักศึกษาใหม่ได้ทำการฝึกทหารจบสิ้นและเริ่มเรียนตามปกติแล้ว เล่อเล่อนอกจากอารมณ์ไม่ดีไปสักหน่อยแต่ก็ค่อนข้างพึงพอใจกับชีวิตใหม่พอสมควร เพียงแต่ด้วยภาพลักษณ์สุดพิเศษของเธอทำให้เธอต้องกลุ้มใจรักหวานแหววเหมือนตอนช่วงมัธยมปลายอีกครั้ง

เพื่อนผู้หญิงมักชอบอยู่ด้วยกันกับเธอ บางครั้งยังอ้อนเธอจนเธอได้ยินก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ขอร้องนะ…เธอชอบเสี่ยวเป่าอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยสนใจเพศเดียวกันเลย ถ้าเธอรักคนเพศเดียวกันจริง ๆ ท่านแม่จะต้องซ้อมเธอจนตายแน่!

“เล่อเล่อ คืนนี้เราไปเต้นรำ เธอมาเป็นคู่เต้นฉันดีไหม?” เพื่อนผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินมากระชากแขนเล่อเล่อด้วยท่าทีสนิทสนมแล้วยังขยิบตาให้เธออีกด้วย

เพื่อนผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้เรียนสาขาอาชญาวิทยา สาขานั้นจะมีนักศึกษาหญิงมากกว่าสักหน่อย ส่วนคนนี้เป็นดาวประจำห้องเรียนที่หน้าตาก็ค่อนข้างสวยจริง ๆแต่เล่อเล่อไม่สนใจเพราะหน้าตาไม่สวยเท่าเป่ารื่อน่าด้วยซ้ำ!

อีกอย่างเธอไม่ได้สนใจเพศเดียวกัน เธอแค่อยากนอนกับหนิงเสี่ยวเป่าเท่านั้น!

“เต้นไม่เป็น เธอไปหาเพื่อนผู้ชาย!” เล่อเล่อปฏิเสธด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วชักแขนกลับ ผู้หญิงตัวเตี้ยแล้วยังชอบใกล้เธออีกต่างหากเลยทำให้สองก้อนข้างหน้ามักเบียดแขนเธออยู่เรื่อย เกะกะจนเธอไม่สบายตัวเอาเสียเลย

หญิงสาวออดอ้อนอย่างไม่ย่อท้อแล้วยังบิดตัวไปมา “ไปสิ…ผู้ชายน่ารังเกียจพวกนั้นฉันไม่อยากได้หรอก แค่อยากเต้นกับเล่อเล่อนะ!”

“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ บอกแล้วว่าเต้นไม่เป็น เธออย่ามาใกล้ฉันขนาดนี้ ฉันไม่ชอบเพศเดียวกัน!” เล่อเล่อสะบัดหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นที่เบียดตัวเข้าหาให้ออกไปอีกครั้งแล้วเอ่ยตำหนิอย่างไม่สบอารมณ์

ตามหาหนิงเสี่ยวเป่าไม่เจอ เธอกำลังหงุดหงิดอยู่เลย!

หญิงสาวเองก็ไม่นึกโกรธยิ้มตาหยีกล่าว “ไม่เป็นฉันสอนเธอได้นะ วางใจได้ ฉันชอบแตงกวา เธออย่ากังวลไปว่าจะโดนพรากความบริสุทธิ์เลย!”

“ชอบแตงกวาก็ไปหาผู้ชายสิ อย่ามาวุ่นวายกับฉัน!”

เล่อเล่อถลึงตาใส่ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ว่ายัยสุนัขจิ้งจอกนี่คิดอะไรอยู่ หล่อนต้องคิดจะให้เธอไปจัดการพวกที่มาตามจีบตามตอแยเหมือนแมลงวันกลุ่มนั้นแน่ ๆ เธอไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ!

“…พรุ่งนี้มีวิชาจิตวิทยาล่ะ ไม่รู้ว่าอาจารย์หน้าตาเป็นยังไง หวังว่าจะเป็นสาวสวยคนหนึ่งนะ!” มีผู้ชายหลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ข้างหน้า

เล่อเล่อผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา เหมือนว่าพรุ่งนี้เธอก็ต้องเรียนวิชาจิตวิทยาอาชญากรรมด้วย เธอเรียนสาขาพิจารณาความอาญาจึงต้องมีการศึกษาสภาพจิตใจของนักโทษด้วยอยู่แล้ว อาจารย์คนนี้ค่อนข้างลึกลับทีเดียวที่ไม่ว่าจะตามสืบข้อมูลอย่างไรก็ไม่เจอสักที

……………………………….

ตอนที่ 2908 ปล่อยผู้ชายคนนั้นซะ เขาเป็นของฉัน

ตอนมาเรียนอีกวันเล่อเล่อก็ได้ข้อความจากเน่าเน่า—‘วันนี้มีเซอร์ไพรส์ล่ะ!’

เล่อเล่อตอบกลับข้อความด้วยความโกรธ “ไอ้ตัวแสบ รอฉันก่อนเถอะ ซ้อมนายให้ตายแน่!”

ทำให้เธอเสียเวลาตลอดปิดเทอมฤดูร้อนไปเต็ม ๆเพราะคอยเวลาเปิดเทอมอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงเร่ออกไปตามหาเขาตั้งนานแล้ว ไม่แน่ตอนนี้อาจจะหุงข้าวสวยเป็นข้าวสุกไปแล้วก็ได้!

เน่าเน่าสัมผัสได้ถึงไฟโทสะของเล่อเล่อผ่านโทรศัพท์ได้ก็ตกใจจนรีบปิดเครื่องไป เอ่ยกับเสี่ยวจูที่เตรียมตัวเข้านอนว่า ‘นายมั่นใจแน่นะว่าวันนี้พี่เสี่ยวเป่าจะไปสอนน่ะ?’

เสี่ยวจูครางรับอย่างเกียจคร้านทีหนึ่ง ตาปรือใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มทีแล้ว

เน่าเน่าร้อนใจจนวิ่งไปตบศีรษะเขาทีหนึ่ง “พี่ชายของนายมาหานายตั้งไกล นายกลับจะเอาแต่นอนหรือไง? ลุกขึ้นเร็ว พาฉันไปเที่ยวคลับหน่อย!”

แล้วรวดหาสาวตะวันตกที่มีความกระตือรือร้นอบอุ่นดั่งไฟอีกหลาย ๆคนด้วย!

“ไปหาเอง” เสี่ยวจูคร้านจะสนใจ ใครจะไปรู้ว่าคลับอยู่ไหน ที่กลิ่นเหม็นอับแบบนั้นเขาไม่สนใจเลยสักนิด

เน่าเน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ไม่ใช่ว่านายยังไม่เคยไปคลับแม้แต่ครั้งเดียวหรอกนะ? ครึ่งปีนี้นายทำอะไรอยู่? เรียนก็ไม่ไป ข้างนอกก็ไม่ออกไป มหาลัยของพวกนายไม่สนใจนายหน่อยเหรอ?”

“ไม่สน…อืม…” เสี่ยวจูง่วงจะตายอยู่แล้ว พอหลับตาก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที

หลายวันก่อนเพิ่งพิสูจน์ข้อสันนิษฐานระดับสุดยอดไปอย่างหนึ่งทำเอาเขาเหนื่อยสายตัวแทบขาด เขาจะต้องนอนสักสามคืนสามวัน

เน่าเน่ามองน้องชายที่หลับใหลเยี่ยงหมูด้วยความเอือมระอาแล้วเหลือบมองความมืดนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง เขาเตรียมตัวออกไปหาความสนุกตามลำพัง ในเมื่อเขาเป็นนักรักที่ผ่านสมรภูมิทุ่งดอกไม้นับหมื่นก็ไม่มีใบไม้ติดตัวสักใบเชียว[1]

เล่อเล่อพุ่งออกจากหอพักอย่างโกรธเคืองเตรียมตัวไปทานอาหารเช้า นึกถึงเวลาที่ห่างจากอเมริกาคาดว่าเวลานี้ทางนั้นน่าจะเป็นช่วงกลางคืน ได้ยินว่าที่นู้นสังคมค่อนข้างวุ่นวายเธอเลยส่งข้อความไปฉบับหนึ่งอย่างอดไม่ได้

‘เหยียนเน่าเน่า ถ้านายกล้าจบชีวิตหนุ่มพรหมจรรย์อันมีค่าของนายก่อนวัยสิบแปด รับรองว่าฉันจะบอกพ่อกับแม่แน่!’

เน่าเน่าที่กำลังเต้นกับสาวแซ่บอย่างร้อนแรงถูกขัดจังหวะด้วยโทรศัพท์ที่สั่นยิก ๆ พอเห็นข้อความจากพี่สาวตัวเองพลันก็เหมือนน้ำเย็นมาดับไฟแห่งความกระหายเสียก่อน

ให้ตาย…เมื่อกี้เขาคิดจะพาสาวแซ่บที่เพิ่งรู้จักกันหยก ๆไปม่านรูดแหนะ!

นึกถึงกำปั้นอันสุดสยองของเล่อเล่อเน่าเน่าก็ไม่คิดจะฝ่าฝืนคำสั่งจริง ๆ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็ตั้งกฎไว้แน่ชัดแล้วว่าสามารถมีแฟนก่อนอายุสิบแปดได้ แต่ห้าม—เพศสัมพันธ์เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็ต้องถูกซ้อมโดยคนทั้งบ้าน

เฮ้อ…เขาต้องเฝ้ารอคอยอีกสามปีเลย!

เน่าเน่ามองสาวแซ่บที่กำลังส่งจูบให้เขาด้วยสายตาอาวรณ์ เมื่อหมดซึ่งอารมณ์อยากจะสนุกก็หันหลังเดินจากไป เขากลับไปนอนกับเสี่ยวจูดีกว่า!

เล่อเล่อมองโทรศัพท์อย่างได้ใจแวบหนึ่ง หึ…ไม่อยู่ข้างกายก็ยังคุมเจ้าตัวแสบนี่ได้เหมือนเดิม!

คาบที่สองของช่วงเช้าเป็นวิชาจิตวิทยาซึ่งเป็นห้องเรียนสโลป คลาสนี้มีนักศึกษาจากหลายห้องมานั่งเรียนด้วยกัน เล่อเล่อตัวสูงนั่งอยู่ด้านหลัง เธอไม่มีอารมณ์เท่าไรจึงเอาแต่ก้มหน้าไถโทรศัพท์เล่น

“อาจารย์หล่อจัง…โอ๊ย…ฉันหวั่นไหวแล้ว…”

“ฉันตกหลุมรักแล้ว…หลังเลิกเรียนจะไปขอเบอร์อาจารย์เลย”

“ฉันด้วย ไม่แน่อาจจะมีความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ที่สุดยอดสักครั้งก็ได้!”

……

เล่อเล่อได้ยินเพื่อนผู้หญิงแถวข้างหน้าบ้าผู้ชายก็แค่นหัวเราะทีหนึ่ง เธอจะดูสิว่าหล่อสักแค่ไหนเชียว หล่อสู้หนิงเสี่ยวเป่าของเธอได้หรือเปล่า?

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเห็นหน้าชายหนุ่มที่งดงามเสียจนดวงดาวยังต้องพ่ายแพ้บนเวทีท่านนั้นพอดี เล่อเล่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีตามด้วยความรู้สึกดีใจที่ถาโถมเข้ามา ก่อนจะตะคอกเสียงใส่เหล่าหญิงสาวข้างหน้าที่ยังกระซิบกระซาบบ้าผู้ชายกันอยู่ “เขาเป็นของฉัน ใครกล้าแย่งฉันจะเอามันให้ตาย!”

ทุกคนต่างตะลึงจนนิ่งงันแล้วมองเล่อเล่อที่บันดาลโทสะอย่างทำตัวไม่ถูก หล่อนเป็นบ้าอะไรน่ะ?

……………………………….

[1] เป็นคำเปรียบเปรยว่าอยู่ท่ามกลางผู้หญิงแต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนตามวอแวเขาได้สักคน

Related

ตอนที่ 2905 นักศึกษาโควตานักกีฬา

เหมยเหมยแลกเปลี่ยนสายตาอย่างนึกฉงนกับเหยียนหมิงซุ่น เสี่ยวจูสอบติดสถาบัน Mit ยังพอรับได้ในเมื่อลูกชายคนเล็กเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่เน่าเน่าสอบติดคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้อย่างง่ายดายนั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อจากใจจริง

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเองก็เป็นคณะจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเหมือนกัน ไม่ใช่สวนสาธารณะเขตตรงข้ามบ้านที่นึกอยากไปเดินเล่นก็ไปได้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าไม่มั่นใจว่าเน่าเน่ามุดออกมาจากท้องตัวเอง เหมยเหมยก็ชักสงสัยว่าเน่าเน่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซะอีก!

“เน่าเน่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เหมยเหมยมองเน่าเน่าที่กำลังทำท่าได้ใจ เจ้าหมอนี่เหลิงเสียจนหางแทบจะชี้โด่ขึ้นฟ้าอยู่แล้ว

“ก็ตามนี้แหละ ข้ากำลังจะไปเรียนมหาลัยที่อเมริกาแล้ว!” เน่าเน่าสั่นขาด้วยท่าทางเหิมเกริมสุดฤทธิ์ เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วรู้สึกเคืองตาเนือง ๆก็ฟาดศีรษะเขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงตำหนิ “ถ้าพูดคำว่าข้าอีกฉันจะส่งแกไปเรียนที่แอฟริกา รีบพูดมาว่าสอบติดได้ยังไงกันแน่!”

คุณปู่เหยียนใช้ไม่เท้าหวดใส่ตัวเหยียนหมิงซุ่นทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ “เบามือหน่อย เดี๋ยวสมองเน่าเน่าก็ถูกกระทบกระเทือนหรอก ไม่รู้จักผ่อนหนักเป็นเบาเลย”

ช่วงเวลานี้คุณปู่เดินเหมือนตัวลอยอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เสี่ยวจูไปเรียนต่อรอยยิ้มก็ไม่หายไปจากใบหน้าของเขาอีกเลย ขยันไปวิ่งและรำไทเก๊กที่สวนสาธารณะมากขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการจะฟังคำพูดอิจฉาริษยาจากปากของเหล่าเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วยกันนั่นเองเพื่อเป็นการตอบสนองความขี้อวดของเขาเอง

ตอนนี้เน่าเน่าก็สอบติดคณะ GSB แล้ว คาดว่าคุณปู่คงมีเรื่องให้โม้อีกระยะหนึ่งเลยล่ะ

“เหลนชายของฉันเก่งแบบนี้แหละ ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าเมื่อก่อนเน่าเน่าแค่ไม่เปิดเผยความสามารถที่แท้จริง ขอแค่ได้เปิดเผยเมื่อไหร่ต้องเอาชนะทุกคนได้แน่” คุณย่าหยางลูบหนังสือรายงานผลซ้ำ ๆ อ่านซ้ำไปมา ต่อให้เธอไม่เข้าใจภาษาอังกฤษบนนั้นก็ตาม

เน่าเน่าได้ใจยิ่งกว่าเดิม “คุณย่าทวดรู้ใจผมที่สุด!”

เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วก็หลุดขำด่าออกเสียง “อย่ามัวแต่หัวเราะคิกคัก รีบบอกมาว่าสอบติดได้ยังไง ทำไมลูกไม่สอบ MIT เหมือนกันล่ะ แบบนั้นอยู่มหาลัยเดียวกับเสี่ยวจูก็ดูแลกันได้นี่นา”

เน่าเน่าพลั้งปากตอบกลับไปว่า “MIT มีขอบเขตอำนาจอยู่ที่ D3 GSB มีขอบเขตอำนาจที่ D1 เสี่ยวจูบอกว่าผมเหมาะกับ GSB มากกว่า”

เหมยเหมยฟังแล้วมึนไปชั่วขณะ อะไรคือ D3D1?

เล่อเล่อเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หยิบหนังสือรายงานผลขึ้นมาอ่านแวบหนึ่ง เห็นคนที่บ้านไม่มีใครเข้าใจเลยอธิบายให้ว่า “เน่าเน่าเป็นนักศึกษาโควตานักกีฬาบาสเกตบอล GSB มีขอบเขตอำนาจสูงที่สุดของสมาคมกีฬาวิทยาลัยแห่งอเมริกา แต่ MIT อยู่แค่ในระดับ D3 ถ้าในด้านกีฬา GSB จะเก่งกว่า”

ทางอเมริกาให้ความสำคัญกับด้านกีฬาอย่างมาก บรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งหลายมักจะรับสมัครนักศึกษาผ่านโควตานักกีฬาอยู่ทุกปี แน่นอนว่าต้องเลือกคนที่มีฝีมือความสามารถยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าตาพวกเขาหรอก

เหมยเหมยหลุดเสียงถาม “โควตานักกีฬาเหรอ? เน่าเน่าลูกเล่นบาสได้ดีมากเลยเหรอ?”

เจ้าหมอนี่ชอบเล่นบาสเกตบอลก็จริงอยู่หรอก และต้องเล่นสักหนึ่งสนามทุกวันที่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรพลางคิดว่าเด็กผู้ชายเล่นบาสเกตบอลก็ดีออกเพราะมีส่วนช่วยต่อความสูง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเน่าเน่าจะเล่นบาสเกตบอลจนสอบเข้า GSB ได้

นี่คงไม่ได้ฝีมือทั่ว ๆไปหรอกสินะ!

เหยียนหมิงซุ่นกลับเข้าใจทันทีว่าพรสวรรค์ของลูกชายคนโตคือความไวและไหวพริบดี ทั้งตัวสูงและมีพลังเยอะ ถ้าเล่นบาสเกตบอลแย่สิแปลก!

“ไปเล่นกันสักรอบที่หลังบ้าน” เหยียนหมิงซุ่นเริ่มคันมือยุบยิบพานนึกถึงอดีตที่เขาก็เคยเป็นหนุ่มน้อยผู้ชื่นชอบการเล่นบาสมาก่อน

ไม่ได้เล่นมาตั้งกี่ปีแล้ว แต่ฝีมือก็ไม่ได้ถดถอยลงเลย

“พ่อ ผมเปล่าว่านะ พ่ออย่าหาเรื่องให้ตัวเองอับอายเลย ผมกลัวพ่อรับไม่ไหว!” เน่าเน่าพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก

เขาไม่ได้โม้นะ ขอแค่เขาต้องการก็ไม่มีลูกไหนที่เขาจะชู้ตไม่ลง

เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง เน่าเน่าไปเอาลูกบาสเกตบอลที่หลังบ้านแต่โดยดี พวกเหมยเหมยก็ตามไปดูเรื่องสนุก ๆด้วยอย่างสนอกสนใจ

เล่อเล่อตามอยู่หลังเน่าเน่าพร้อมกระซิบเสียงเบา “เดี๋ยวเล่นโหด ๆเลยนะ เอาให้พ่อแพ้ยับไปเลย”

เฮอะ พ่อคัดค้านเรื่องของเธอกับพี่เสี่ยวเป่านัก จะสั่งสอนโหด ๆสักที!

………………………..

ตอนที่ 2906 ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

เนื่องจากเน่าเน่าชอบเล่นบาสเกตบอลเหยียนหมิงซุ่นจึงสร้างแป้นบาสเกตบอลไว้หลังบ้านอันหนึ่ง สองพ่อลูกเดินไปอยู่ใต้แป้นประจันหน้ากันโดยลูกบาสอยู่ในมือเล่อเล่อ

“หนึ่ง สอง สาม…เริ่มได้!”

เล่อเล่อโยนลูกบาสเกตบอลขึ้นกลางอากาศ เหยียนหมิงซุ่นกับเน่าเน่าออกตัวพร้อมกันไวปานสายลม เหมยเหมยมองตามแผ่นหลังของสองพ่อลูกไม่ค่อยชัดนักแค่รู้สึกเหมือนพวกเขากำลังโบยบิน เธออดตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ “ที่รักสู้ ๆ!”

นึก ๆแล้วก็ตะโกนอีกที “ลูกชายสู้ ๆ!”

คุณย่าหยางมองเหยียดเธอแวบหนึ่ง หลายใจเสียจริง…เธอจริงใจกับเหลนชายคนเดียวเท่านั้น คุณย่าตะโกนสู้ “เน่าเน่าสู้ ๆ!”

การแข่งขันไม่ได้ดำเนินนานมากเพราะเน่าเน่าเป็นฝ่ายจบการแข่งขันนี้แต่เพียงผู้เดียว เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้แตะแม้แต่ลูกบาสเสียด้วยซ้ำเพราะถูกเน่าเน่าแย่งลูกไปแต่เพียงฝ่ายเดียวและชู้ตลูกบาสลงแป้นติดต่อกันเป็นสิบกว่าลูก

ลูกสามแต้มง่ายเสียกว่าเอาเกี๊ยวลงหม้อต้มด้วยซ้ำ ไม่ต้องใช้ตาดูแค่มือเหวี่ยงออกไปก็ชู้ตเข้าได้แล้ว

“ไม่เล่นแล้ว พ่อกับผมไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน เล่นไม่สนุกเลย” ถ้อยคำของเน่าเน่าเรียกให้เหยียนหมิงซุ่นหหน้าขึงขังกว่าเดิมและรู้สึกอับอายขายหน้าจริง ๆ

เขาคิดว่าตัวเองเล่นบาสเกตบอลได้ค่อนข้างดีมาตลอด แถมทักษะการต่อสู้ก็ไม่เลว ต่อให้เล่นไม่ดีเท่าเน่าเน่าแต่อย่างน้อยน่าจะแย่งชู้ตได้หลายลูกสิ แต่ใครเล่าจะคิดได้ว่าเขาไม่แม้แต่จะได้แตะลูกด้วยซ้ำ

การเล่นบาสเกตบอลกับเน่าเน่าทำให้เขารู้สึกได้ถึงความต่างของคำว่ากิจกรรมงานอดิเรกกับมืออาชีพ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างว่าจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นก็ยังปลาบปลื้มใจอยู่ดี ลูกชายได้ดีคนเป็นพ่ออย่างเขาจะไม่ดีใจได้หรือ!

สิ้นเดือนเน่าเน่าก็จะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว เขาไม่พกอะไรติดตัวไปเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับคุณชายฉิว

เพราะคุณชายฉิวบอกแล้วว่าเขาต้องไปหากระรอกตัวเมียต่างประเทศหลาย ๆตัวหน่อย บรรดาตัวที่อยู่บ้านกกจนเบื่อแล้ว เขาต้องไปลิ้มลองความรู้สึกแปลกใหม่ต่างบ้านต่างเมืองสักหน่อย

เหมยเหมยไปส่งเน่าเน่าอย่างรู้สึกปวดใจ ที่บ้านเงียบเหงาขึ้นมากในพริบตาเดียว ความว่างเปล่าแบบนี้ไม่คุ้นชินเลยสักนิด

“เฮ้อ…อยู่บ้านก็รำคาญ ไปแล้วก็คิดถึง” เหมยเหมยเอ่ย

คุณย่าหยางตาแดงก่ำ เมื่อครู่ที่สนามบินคุณย่าสวมกอดเน่าเน่าร้องไห้อยู่พักใหญ่จนแทบจะตามไปอยู่รอมร่อ

“ลูกชายโตแล้วย่อมไม่อยู่กับแม่ สักวันก็ต้องออกจากบ้านอยู่ดี เฮ้อ!” คุณย่าหยางถอดถอนใจไม่หยุด เธออายุปูนนี้แล้วไม่รู้จะอยู่บนโลกได้อีกกี่ปี หวังเพียงว่าจะได้เห็นพวกเน่าเน่ามีการมีงานสร้างครอบครัวเป็นของตัวเองเธอก็พอใจมากแล้ว

ครั้นนึกถึงเรื่องสร้างครอบครัวคุณย่าหยางก็ใจกระตุก ประจวบกับที่เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านเธอเลยถามเหมยเหมยว่า “ทำไมหมิงซุ่นไม่อนุญาตให้เล่อเล่อแต่งงานกับเสี่ยวเป่าล่ะ เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีจะตาย!”

ป้าฟางที่อยู่ในครัวก็ปรี่เข้ามาด้วยอีกคนพูดเป็นเชิงเดียวกับคุณย่าที่เรียกให้เหมยเหมยถอนหายใจ ตอบกลับอ้ำอึ้งว่า “เสี่ยวเป่ามีปัญหาเรื่องภูมิหลังนิดหน่อย พี่หมิงซุ่นกลัวว่าจะส่งผลต่อรุ่นลูกรุ่นหลาน”

“หมายความว่าอย่างไร? เสี่ยวเป่าก็แข็งแรงออกไม่ใช่เหรอ แล้วจะส่งผลต่อรุ่นต่อไปได้ไง?” คุณย่าหยางไม่เข้าใจ

ป้าฟางกลับคิดได้เลยทำหน้าแปลก ๆ เธอคิดว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ เรื่องที่มาที่ไปของชีวิตเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่ความลับในเมืองหลวงเพราะเขาเป็นเด็กที่เกิดจากพี่น้องท้องเดียวกัน!

เธอกระซิบข้างหูคุณย่าหยางเบา ๆจนทำเอาคุณย่าตกใจเฮือกใหญ่ “โอ้…นี่ก็ปัญหาอย่างหนึ่งเลยแหละ มิน่าหมิงซุ่นถึงไม่อนุญาต เฮ้อ เสียดายเด็กดีอย่างเสี่ยวเป่า เสียดายจริง ๆ!”

เล่อเล่ออยู่ชั้นล่างได้ยินบทสนทนาจากชั้นบนชัดเต็มสองหูก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ ภูมิหลังของชีวิตพี่เสี่ยวเป่านั้นสะอาดบริสุทธิ์ ทำไมคุณแม่ถึงบอกว่ามีปัญหาล่ะ?

เธอมีข้อสงสัยในใจเตรียมเก็บไปสืบข้อมูลทีหลัง ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือช่วงเปิดเทอม ก่อนเน่าเน่าจะไปได้บอกไว้ว่าพี่เสี่ยวเป่าก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ เธอต้องไปหาซื้อชุดสวย ๆหลายตัวเซอร์ไพรส์พี่เสี่ยวเป่าหน่อยแล้ว!

……………………

Related

ตอนที่ 2903 ความฝันอันยิ่งใหญ่ของเน่าเน่า

เสี่ยวจูพาฉิวฉิวไปยังภูเขาสือว่านโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับฉาฉาที่จากกันไปนานรัดอยู่ตรงข้อมือ

ทำเอาเหมยเหมยดีใจแทบแย่ หลายครั้งเธออยากให้เหยียนหมิงซุ่นไปพาฉาฉากลับมาแต่ฉิวฉิวมักบอกว่าฉาฉาตัวใหญ่เกินไป ไม่สามารถพากลับมาใช้ชีวิตในเมืองได้เธอถึงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป

ใครจะคิดว่าเสี่ยวจูจะสนองความต้องการของเธอ อีกทั้งฉาฉาก็ไม่ได้ตัวโตขึ้นสักนิด ยังมีขนาดตัวเหมือนเมื่อก่อนแค่สีจางลงไปบ้างเล็กน้อยเป็นสีเขียวอ่อนเลื่อมเงาก็เท่านั้น

เสี่ยวจูพาฉาฉาไปเรียนต่อด้วย เหมยเหมยคิดว่าค่อนข้างดี ฉิวฉิวบอกว่าตอนนี้ฉาฉาผ่านด่านเคราะห์สำเร็จจึงมีพลังศักยภาพแข็งแกร่งอย่างมาก มีฉาฉาคอยดูแลเสี่ยวจูอยู่ต่างถิ่นเธอก็ค่อยสบายใจหน่อย

ชั่วพริบตาเดียวเสี่ยวจูก็เดินทางไปยังอเมริกาเกือบสองเดือนแล้ว โดยเฉลี่ยจะติดต่อกลับทางบ้านผ่านวิดีโอคอลสัปดาห์ละครั้ง เหมยเหมยเห็นคอนโดของเสี่ยวจูหรูหราอย่างกับโรงแรมแถมยังเป็นห้องเดี่ยวอีก เสี่ยวจูยังบอกอีกว่าจะมีคุณป้าคอยมาทำความสะอาดกับซักผ้าให้โดยเฉพาะด้วย

เหมยเหมยรู้สึกจากใจจริงว่าอธิการบดีของสถาบัน Mit มีปัญหาทางสมองแหง หรือไม่ก็มีเงินเยอะแต่ไม่รู้จะเอาใช้ทางไหน ทำไมถึงดีกับลูกเธอขนาดนี้?

เพื่อเป็นการดับไฟโทสะของเหยียนหมิงซุ่นเหมยเหมยเลยจำต้องยกลูกชายคนเล็กมาเบี่ยงเบนจุดสนใจ คุณย่าหยางรู้ทันความคิดก็ถามไถ่ด้วยอีกคน

เน่าเน่ากลอกตาทีหนึ่ง วิดีโอคอลทุกครั้งก็อยู่กันครบทุกคน คุณแม่กับคุณย่าทวดกระตือรือร้นที่สุดไม่เคยพลาดสักครั้ง แล้วจะถามเขาทำไมอีก?

“ก็ดีนะ เสี่ยวจูยังบอกให้ผมไปเรียนที่นั่นอีกคน ผมกำลังคิดอยู่”

เน่าเน่าไม่ทำให้ผิดหวัง วางระเบิดลูกใหญ่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของเหยียนหมิงซุ่นได้สำเร็จ

“เรียนมหาวิทยาลัยหรือมัธยมปลาย?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เน่าเน่าไม่พอใจ “มหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ผมจะไปเรียนมัธยมปลายที่นู่นทำไมกันล่ะ”

ขอร้องเถอะ…เขาต่างหากที่เป็นพี่ชาย ไม่มีเหตุผลเลยถ้าน้องชายไปเรียนมหาวิทยาลัยแต่คนเป็นพี่อย่างเขาไปเรียนมัธยมปลาย เรื่องแพร่งพรายออกไปขายหน้าตายเลย!

เหมยเหมยหลุดขำออกเสียง “แม่จำได้ว่าสอบคราวก่อนเหมือนลูกจะได้ที่หนึ่งของห้องสินะ นับจากท้ายน่ะ”

เจ้าเด็กแสบนี่ผลการเรียนแย่ยิ่งกว่าสมัยเธอด้วยซ้ำ ผลการเรียนที่แย่ที่สุดเท่าที่เธอเคยได้มาอย่างน้อยก็ที่สองจากอันดับท้าย แต่เน่าเน่ากลับสอบได้ที่โหล่ติดต่อกันตลอดทั้งหกปีของชั้นประถมและสามปีของชั้นมัธยมต้นอีกต่างหาก

เหมยเหมยไม่กล้าเงยหน้าทุกครั้งที่ประชุมผู้ปกครองเลย

เพราะอับอาย

เน่าเน่ายืดอกโวยวายเสียงดัง “พวกคุณแม่อย่ามาดูถูกกันหน่อยเลย คนอย่างข้าจะทำให้พวกคุณแม่คาดไม่ถึงให้ได้!”

“พลั่ก”

เหยียนหมิงซุ่นเคาะศีรษะเขาแรง ๆทีหนึ่งพร้อมตำหนิ “มาคงมาข้าอะไร ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

เน่าเน่าเจ็บจนแยกเขี้ยวแล้วพูดแค่นเสียงใส่ “ก็ผมร้อนใจนี่นา ใครให้แม่ดูถูกผมเล่า”

“แม่ของแกแค่พูดความจริง อยากไปเรียนอเมริกาก็ต้องอาศัยความสามารถของตัวเองเหมือนน้องชายของแก สอบไม่ได้ก็เรียนต่อมัธยมปลายในประเทศดี ๆนี่แหละ” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา

“วางใจได้ ผมสอบติดแน่นอน คุณพ่อก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูเถอะ!”

เน่าเน่าแทะเนื้อซี่โครงชิ้นโตภายในสองสามคำจนแก้มพอง รอทานข้าวมื้อนี้เสร็จเขาจะเริ่มขยันแล้ว

เฮอะ…เขาจะไม่ยอมถูกคุณพ่อคุณแม่ดูแคลนแน่!

พอมีเรื่องที่เน่าเน่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเบี่ยงเบนความสนใจไป เรื่องเล่อเล่อก็ถือว่าผ่านพ้นด้วยดี เพียงแต่ยัยคนนี้กลับทำตัวเงียบไม่พูดไม่จาและดูไม่มีความสุขรีบลงมือทานข้าวแล้วก็กลับห้องไป

คุณย่าหยางพูดอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดี แกจะคัดค้านทำไม?”

คุณปู่เหยียนก็พยักหน้าเห็นด้วยอีกคน เขาชอบเจ้าเด็กเสี่ยวเป่ามากทีเดียว หน้าตาดี การเรียนดี แถมยังทำดีกับเล่อเล่อมาก ทั้ง ๆที่เป็นเด็กที่แสนดีขนาดไหนแท้ ๆเลย!

…………………………………

ตอนที่ 2904 ไม่มีปัญหาไหนที่นอนด้วยกันตื่นจะแก้ไม่ได้

สองพี่น้องเล่อเล่อกับเน่าเน่าที่ขึ้นไปชั้นบนได้เพียงครู่เดียวก็ซุ่มเบียดตัวอยู่ตรงมุมทางบันไดทำหูตั้ง

เหมยเหมยทำหน้าลำบากใจ เธอรู้เหตุผลที่เหยียนหมิงซุ่นคัดค้าน ความจริงเธอก็สับสนมากเช่นกัน เรื่องราวชีวิตของเสี่ยวเป่าเป็นปัญหาใหญ่ก็จริงแต่เธอชอบเด็กคนนี้มากจริง ๆเช่นกัน ถ้าเล่อเล่อคบกับเสี่ยวเป่าได้เธอก็วางใจ

ปัญหาคือเหยียนหมิงซุ่นยึดติดกับปัญหานี้มากเกินไป ผ่านมาสิบกว่าปีก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงขรึม “เสี่ยวเป่าดีมาก แต่เขาไม่คู่ควรกับเล่อเล่อ เรื่องคู่นี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”

คุณย่าหยางยังคิดจะพูดต่อแต่เหมยเหมยรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้เธอ คุณย่าเกิดข้อสงสัยในใจแต่ก็ไม่เอ่ยถึงอีก ไว้ค่อยถามเหมยเหมยเป็นการส่วนตัวว่าเหยียนหมิงซุ่นเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา

เล่อเล่อที่อยู่ชั้นบนปั้นหน้าตึงท่าทางไม่พอใจ

เน่าเน่ากระซิบเสียงเบา “พี่…พ่อของเราหัวรั้นจะตาย ตอนนี้พี่ทำได้แค่แบบนี้ไปก่อน”

“แบบไหน?” เล่อเล่อรีบถาม

“ทำไปก่อนค่อยอนุญาตทีหลัง พี่หาทางหลับนอนกับพี่เสี่ยวเป่าซะ รอข้าวสวยหุงเป็นข้าวสุกแล้วพ่อจะทำยังไงได้อีก!” เน่าเน่าเสนอความคิดทะเล้น แผนนี้ใช้ได้ผลแน่ ๆ

เล่อเล่อดวงตาลุกวาวขึ้นก่อนแต่ไม่นานก็หม่นลง “นอนบ้าอะไร พี่เสี่ยวเป่าบอกว่าเห็นฉันเป็นแค่น้องสาว”

เน่าเน่ามองเหยียดพี่สาวตัวเองแวบหนึ่ง กินเสียข้าวสุกมาตั้งหลายปีทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง เขาเสนอแผนการทะเล้นไปอีกหนึ่งอย่าง “พี่มองว่าพี่เสี่ยวเป่าเป็นสามีก็จบ ขอแค่พี่หาทางหลับนอนกับพี่เสี่ยวเป่าได้ ทำลายกระดาษบาง ๆที่กั้นระหว่างพวกพี่ได้ พี่เสี่ยวเป่าจะเห็นพี่เป็นแค่น้องสาวได้อย่างไรอีก!”

เล่อเล่อตาเป็นประกายวาว นั่นสิ…ไม่มีปัญหาไหนที่การนอนสักตื่นจะแก้ไม่ได้!

“ใช้ได้นี่ไอ้แสบ ตกลงตามนี่แล้วกัน รอฉันหาพี่เสี่ยวเป่าเจอฉันจะหาทางนอนกับเขาให้ได้!” เล่อเล่อชูหมัดพร้อมน้ำใส ๆตรงมุมปาก

เน่าเน่าถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจทีหนึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายอยู่ไหนแล้วจะหลับนอนด้วยได้อย่างไร

“พี่ไม่ต้องไปหาแล้ว พี่เสี่ยวเป่าอยู่มหาลัยเดียวกับพี่ เปิดเทอมก็กลับมาแล้ว” แววตาของเน่าเน่าแฝงความเจ้าเล่ห์จงใจหลุดปากบอกมาประโยคหนึ่ง สองเดือนหลังจากนี้ก็รอดูเรื่องสนุก ๆได้เลย

แต่สองเดือนหลังจากนี้เขาคงไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วสินะ เสียดายจัง…ไม่ได้ดูเรื่องสนุก ๆแล้ว

เล่อเล่อดีใจสุดขีด “พี่เสี่ยวเป่ามาเรียนที่มหาลัยตำรวจเหมือนกันเหรอ? ดีจังเลย ฉันรู้อยู่แล้วเชียวว่าพี่เสี่ยวเป่าทำใจทิ้งฉันไม่ลง…ทำไมเขายอมบอกนายแต่ไม่บอกฉันล่ะ เจ้าบ้านี่!”

เน่าเน่ากลืนประโยคที่ว่า ‘เสี่ยวจูตามสืบเอง’ ลงคอไป ให้คู่นี้เขารบราฆ่าฟันกันเองเถอะ เขาจะตั้งใจเรียนพัฒนาความรู้ขึ้นทุกวันแล้ว!

คำพูดที่เคยพูดโอ้อวดไว้จะต้องหาทางทำให้มันเป็นจริงให้ได้!

นี่เป็นหลักการที่เขายึดมั่นในชีวิต!

ก่อนเข้านอนเหมยเหมยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อเหมาะสมกันมากจริง ๆ บางทีเลือดของเสี่ยวเป่าอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้!”

“เป็นไปไม่ได้ หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ คนไหนบ้างที่เลือดไม่มีปัญหา…ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว อย่างไรเสียพี่ก็ไม่มีทางอนุญาตหรอก” เหยียนหมิงซุ่นไม่ให้โอกาสได้เจรจาสักนิด

เหมยเหมยปั้นหน้าตึงแล้วรวบผ้านวมม้วนห่มตัวคนเดียวแล้วหันศีรษะด้านหลังให้เหยียนหมิงซุ่น

วัวสิบตัวก็ฉุดไม่อยู่ ก็นอนตัวเปล่าไปคนเดียวเถอะ!

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขมขื่นแล้วไปหยิบเอาผ้านวมอีกผืนในตู้มาห่ม นึกแค้นใจเสี่ยวเป่าจนคันฟันยุบยิบ เจ้าหมอนี่ไม่รู้ว่าวางยาเสน่ห์อะไรกับคนที่บ้าน แต่ละคนถึงได้หลงเขาหัวปักหัวปำขนาดนั้น

ทำให้เขากลายเป็นศัตรูของทุกคนไปแล้ว!

วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนไม่นานก็สิ้นเดือนสิงหาคม ทางบ้านได้รับระเบิดลูกใหญ่อีกครั้ง

จดหมายข้ามประเทศฉบับด่วนถูกส่งมาที่บ้าน เป็นเอกสารรายงานผลจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งเป้าหมายก็คือเน่าเน่าได้รับเงื่อนไขอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกับเสี่ยวจูที่ฟรีค่าเทอม มีที่พักและอาหารให้ แล้วยังได้รับทุนการศึกษาเต็มจำนวนอีกด้วย

เหมยเหมยเบิกตากว้างอ่านเอกสารรายงานผลอยู่สามรอบ แถมยังให้เหยียนหมิงซุ่นตรวจสอบว่าไม่ใช่เอกสารปลอมแปลงหรือเปล่า จากนั้นก็พบว่าเป็นเอกสารจริงร้อยเปอร์เซ็นต์

…………………

Related

ตอนที่ 2901 พ่อลูกสู้กันเพราะผู้ชาย

“ทำไมจะไม่ได้? คุณพ่อก็ชอบพี่เสี่ยวเป่ามากไม่ใช่เหรอ?” เล่อเล่อท้วงอย่างไม่พอใจ

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คาดไม่ถึงเลยว่าอุปสรรคแรกที่ขัดขวางความสุขของชีวิตเธอจะเป็นคุณพ่อแท้ ๆของเธอ!

“ชอบหนิงเสี่ยวเป่ากับเอามาเป็นลูกเขยมันคนละเรื่องกัน ไม่ว่าอย่างไรลูกก็ห้ามแต่งงานกับหนิงเสี่ยวเป่า!” เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าจริงจังพลันทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมาคุในทันที

หลายปีมานี้เขาป้องกันทุกวิถีทางแต่ก็กันไม่ได้ ยัยตัวแสบเล่อเล่อก็ดันรักหนิงเสี่ยวเป่าคนเดียวไม่เปลี่ยน โชคดีที่เขาชิงตักเตือนหนิงเสี่ยวเป่าไว้ล่วงหน้าแล้วและเด็กนี่เคยรับปากเขาแล้วว่าจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับเล่อเล่อไปถึงขั้นนั้น พวกเขาจะเป็นเพียงพี่น้องกันทั้งชีวิต

เจ้าเด็กเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาด้านพฤติกรรม จะว่าไปแล้วเด็กนี่ก็ดีไปเสียทุกอย่างเหมาะจะเป็นลูกเขยเขาอย่างมาก แต่—

สายเลือดของเขาสกปรก!

เขาไม่มีวันให้เล่อเล่อแต่งงานกับเด็กที่เกิดมาพร้อมสายเลือดอันแปดเปื้อนแบบนั้นแน่นอน!

ต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แต่พอเขานึกถึงเรื่องราวน่าขยาดของตระกูลหนิงก็ยังรู้สึกขยะแขยงไม่หาย เลือดที่หมุนเวียนในตัวเสี่ยวเป่าเป็นเลือดที่สกปรกมีมลทินของตระกูลนั่น แล้วจะแต่งงานกับลูกสาวเขาได้อย่างไร?

เขายอมให้เล่อเล่อครองโสดไปทั้งชีวิตก็ไม่มีวันอนุญาตให้แต่งงานกับเสี่ยวเป่าหรอก!

เล่อเล่อเริ่มร้อนใจจึงตะคอกเสียงใส่ว่า “พ่อมีสิทธิ์อะไรมาห้ามหนู ยุคนี้ความรักเป็นเรื่องอิสระ พ่อไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจที่จะขัดขวางความรักของหนู อย่างไรเสียหนูก็จะแต่งงานกับพี่เสี่ยวเป่า”

นอกจากหนิงเสี่ยวเป่า เธอก็ไม่ถูกใจมนุษย์เพศชายคนใดเลย

“ปัง”

เหยียนหมิงซุ่นที่ถือตะเกียบอยู่ทุบโต๊ะอย่างแรงเรียกให้ทุกคนใจกระตุกวูบแล้วมองสองพ่อลูกอย่างนึกปวดหัว ต่างเป็นคนหัวรั้นเหมือนกันไม่มีใครยอมใคร ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งหัวรั้นขึ้นทุกที

“ตราบใดที่ลูกยังเป็นลูกสาวของพ่อ พ่อก็คือพ่อของลูก พ่อมีสิทธิ์มีอำนาจที่จะยุ่งเรื่องคู่ชีวิตของลูก พ่อจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามแต่งงานกับหนิงเสี่ยวเป่า ถ้าลูกยังดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง ก็อย่าหาว่าพ่อไม่ไว้หน้า!” เหยียนหมิงซุ่นมองลูกสาวด้วยสีหน้าเย็นชาและอารมณ์ขุ่นมัวอย่างมาก

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งเขากับลูกสาวจะทะเลาะกันเพราะผู้ชายคนเดียว!

เหตุการณ์ฉากนี้ดูคุ้นๆ นะ…

ราวกับเคยผ่านมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น!

เล่อเล่อตะคอกกลับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าพ่อกล้าทำร้ายพี่เสี่ยวเป่า หนูไม่มีวันจบเรื่องนี้กับพ่อแน่!”

“ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ? เห็นพ่อเป็นศัตรูเพราะคนนอกคนหนึ่งงั้นเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นโกรธแทบแย่ หน็อยแน่ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งก็กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว?

สถานการณ์เริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆจนถึงจุดสูงสุด เหมยเหมยลุกยืนพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “หุบปากกันให้หมด เวลาทานข้าวไม่สนทนาเวลานอนไม่คุย ฉะนั้นเวลากินข้าวอย่าคุยกัน ไม่มีมารยาทเลย ”

เล่อเล่อพูดเสียงน้อยใจ “คุณพ่อไม่มีเหตุผลเอง…”

“หุบปาก…ไม่ได้ยินที่แม่พูดเหรอ? ถ้าไม่อยากกินข้าวก็กลับห้องตัวเองไป!” เหมยเหมยดุเสียงเข้ม ไม่ช่างสังเกตเอาเสียเลย ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อตัวเองหน้าขึงขังขนาดไหน ยังกล้ากระตุกหนวดเสืออีก

ยามนี้เล่อเล่อถึงรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกรอบตัวเหยียนหมิงซุ่นจนตัวสะท้านเฮือกด้วยความตกใจ คุณพ่อในตอนนี้น่ากลัวจังเหมือนกำลังจะฆ่าคนเลย!

เธอก็แค่อยากแต่งงานกับพี่เสี่ยวเป่าเท่านั้นเอง ต้องโกรธกันถึงขนาดนี้เลยหรือ?

บอกตามตรงเธอไม่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน พ่อของเธอก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว!

คงไม่รู้ว่าตั้งแต่มัธยมต้นเธอได้รับจดหมายสารภาพรักจากผู้หญิงตั้งเท่าไร เข้าห้องน้ำทียังถูกหว่านเสน่ห์ทางสายตานับไม่ถ้วน เธอสามารถต้านทานแรงยั่วยวนของสาวงามและมั่นคงต่อพี่เสี่ยวเป่าได้ถึงทุกวันนี้เธอยังแอบทึ่งในตัวเองด้วยซ้ำ!

พ่อของเธอยังไม่สนับสนุนเธอสักนิด ถ้าทำให้เธอโกรธเข้าเธอจะหันไปรักเพศเดียวกันจริง ๆแล้วนะ!

……………………………

ตอนที่ 2902 เอกสารรายงานผลที่บ้าบิ่น

คุณย่าหยางเองก็ออกมากู้สถานการณ์ “ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องกินข้าว มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จแล้วกัน”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ อย่าคิดว่าเขาดูไม่ออกว่าภรรยากับคุณย่ากำลังช่วยเล่อเล่ออยู่ เรื่องอื่นเขาพอจะผ่อนปรนได้แต่มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่อนุญาตเด็ดขาด

มื้อเย็นยังคงดำเนินต่อไปแต่เพราะสองพ่อลูกทะเลาะกันเลยทำให้บรรยากาศอึมครึมมาก ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรได้แต่ทานข้าวเงียบ ๆ

เหมยเหมยรู้สึกไม่ชินจึงยิ้มเอ่ยว่า “เน่าเน่า เสี่ยวจูเรียนที่อเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง? ปรับตัวได้ไหม?”

เสี่ยวจูเอาแต่นอน นอนแล้วกินมาตั้งแต่เด็ก เด็กบ้านอื่นไปเรียนกันหมดแล้วแต่เขายังทำตัวเป็นหมูอยู่ที่บ้าน เหมยเหมยที่ให้เขารับปากว่าจะออกกำลังกายวันละสองชั่วโมงเรื่องอื่น ๆก็ปล่อยเลยตามเลยไป

กระทั่งคืนส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมาจู่ ๆเสี่ยวจูก็ประกาศว่าเขาจะไปเรียนต่อที่อเมริกา แค่นี้ก็ช่างแต่เจ้าหมูขี้เกียจนี่ดันกลับเข้าสู่สภาวะชีวิตปกติ แค่รับประกันเวลานอนสิบชั่วโมงต่อวันก็เพียงพอ ส่วนเวลาที่เหลือก็ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก

กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี เรื่องที่น่าตกใจที่สุดคือเสี่ยวจูไม่เคยไปโรงเรียนสักวันเดียวเพราะก่อนหน้าเอาแต่นอน เหมยเหมยไม่เคยจะสอนเรื่องตัวเลขอารบิกให้เขาสักตัวแต่เด็กนี่กลับมีความรู้รอบด้านทั้งดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์

เสี่ยวจูประกาศว่าเขาจะไปเรียนต่ออเมริกา เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นต่างภูมิใจกันมาก ในเมื่อเด็กมีความตั้งใจมันเป็นเรื่องดีนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นออกตัวว่าเขาช่วยติดต่อทางโรงเรียนได้แต่เสี่ยวจูกลับปฏิเสธ เขาสอบเข้า Mlt ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้เหยียนหมิงซุ่นหาทางช่วยเลย

เสี่ยวจูพูดด้วยท่าทีผ่อนคลายและมั่นใจเหมือนเขาแค่จะไปเดินเล่นสวนสาธารณะเขตตรงข้ามเท่านั้น เหมยเหมยคิดว่าลูกชายยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ–

เสี่ยวจูไม่เคยไปเรียนหนังสือ!

อีกทั้งนั่นเป็นถึงสถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์ มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกเลยทีเดียว ไม่ใช่สวนสาธารณะเขตตรงข้ามบ้านจริง ๆ แล้วจะเข้าได้ง่าย ๆเสียที่ไหนกัน!

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นยังไม่เชื่อว่าเสี่ยวจูจะสอบเข้าได้แต่ก็ไม่ได้ตัดกำลังใจเขา ปล่อยให้เขาลองเองแล้วกัน หากเจอทางตันก็คงยอมหันกลับมาเอง ถึงเมื่อนั้นค่อยให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยฝากโรงเรียนมัธยมปลายประจำแห่งหนึ่งที่อเมริกาให้ก็ได้เพื่อสนองความต้องการที่เสี่ยวจูอยากไปเรียนต่ออเมริกา

ภายหลังเสี่ยวจูได้ประกาศคำปฏิญาณอันยิ่งใหญ่เสร็จ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยวัน ๆเอาแต่ขลุกอยู่กับฉิวฉิวและเสวี่ยเอ๋อร์ อาหารสามมื้อในแต่ละวันไม่เคยขาด ตอนเที่ยงนอนพักกลางวันยาวนาน หลังมื้อเย็นก็กลับไปอ่านหนังสือฝึกทักษะการเขียนที่ห้องตัวเองอีกสักครู่

เอ่ยถึงเรื่องเขียนหนังสือเหมยเหมยก็แปลกใจเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะเขียนลายมือตัวบรรจงได้งดงามยิ่งนัก แต่ละขีดตัวอักษรราวกับตัวพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่ใช่เธอที่เห็นเสี่ยวจูเขียนเองกับตาคงนึกสงสัยจากใจจริงว่านั่นถูกพิมพ์จากคอมพิวเตอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวจูเรียนอะไรอยู่ในฝันกันแน่

ชีวิตแบบนี้ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งเดือนจนถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

ทางสถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซตส์ส่งเอกสารรายงานผลมาถึงบ้านแถมยังเป็นเอกสารด่วนให้เสี่ยวจูไปเรียนที่สถาบันทางนั้นทันทีโดยฟรีทั้งค่าเทอมและค่าเดินทางไปกลับ มีที่พักและอาหารแล้วยังมีทุนการศึกษาเต็มจำนวนให้อีกด้วย…

เท่ากับว่าเสี่ยวจูของเธอไม่เพียงแต่ได้ไปเรียนฟรีแต่ยังได้เงินเดือนเจ็ดถึงแปดหมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อปี!

เท่าที่เหมยเหมยทราบ ทุนการศึกษาของสถาบัน Mit มีจำนวนเงินที่สูงแต่ก็ยากที่จะยื่นขอได้สำเร็จ โดยเฉพาะทุนการศึกษาเต็มจำนวนที่ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับคนในประเทศ และเป็นสิ่งที่คนต่างชาติต้องการ มันยากมากจริง ๆ

เสี่ยวจูของเธอทำอะไรกับ Mit กันแน่?

ถึงให้ทาง Mit ส่งเอกสารรายงานผลอันบ้าบิ่นนี่มาถึงบ้าน!

ครั้นเผชิญหน้ากับคำถามของคนทั้งครอบครัว เสี่ยวจูก็ตอบกลับด้วยเสียงเรียบประโยคหนึ่งว่า “ไม่ได้ทำอะไร แค่เขียนวิทยานิพนธ์เรื่องหนึ่งส่งไป ”

ความจริงคือเสี่ยวจูได้ค้นวิทยานิพนธ์ที่ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเปิดสู่สาธารณชนซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมในระยะอันใกล้นี้ จากนั้นก็หาช่องโหว่หลายจุดเขียนเป็นจดหมายส่งไปให้ศาสตราจารย์ผู้นี้ด้วยสำนวนโวหารดีมีความน่าเชื่อถือสูง

จากนั้น…

เสี่ยวจูก็หอบสัมภาระอันน้อยนิดก้าวสู่เส้นทางการศึกษาต่ออย่างง่ายดาย

ทว่าก่อนหน้านี้เขายังได้ทำอีกสิ่งหนึ่งเลย

…………………

Related

ตอนที่ 2899 โกรธเกลียดแต่ไม่สู้เอาแต่เศร้าในความโชคร้าย

คนขับรถไม่กล้าขัด โชคดีที่อีกสองสถานีก็ถึงสถานีตำรวจแล้ว อย่างไรก็ทางผ่าน

“เธอไปไม่ได้ ต้องอยู่เพื่อเป็นพยาน!” เล่อเล่อคว้าตัวเด็กสาวที่ไม่ยินยอมลงจากรถไว้แล้วมองเธออย่างเย็นชา

“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่อยากไปเป็นพยาน” เด็กสาวมองเล่อเล่อพลางอ้อนวอน ถ้าเธอไปสถานีตำรวจเกรงว่าถ้าข่าวแพร่ออกไปกลายเป็นว่าเธอถูกลวนลาม วันหลังเธอจะมองหน้าคนอื่นติดเหรอ

“ไม่เกี่ยว? หรือว่าจะให้ฉันถลกกระโปรงเธอขึ้นโชว์รอยที่ตาแก่คนนี้บีบก้นเธอให้คนอื่นดูงั้นสิ?“ เล่อเล่อไม่สนใจอารมณ์อ่อนไหวของเด็กสาวสักนิด

ตาแก่บ้ากามไม่ใช่คนดี ผู้หญิงที่ปล่อยยอมรับชะตากรรมก็ไม่ต่างกันเลย

“ไม่เอา…ขอร้องนะ อย่าบังคับฉันเลย…” เด็กสาวร้องไห้จับกระโปรงไว้แน่น

แค่ทุกคนเห็นก็เข้าใจในทันที ผู้หญิงคนนี้ถูกล่วงเกินแน่นอนแต่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ

เพื่อนร่วมชั้นหลายคนของเด็กสาวคนนี้ถือว่ามีน้ำใจไม่น้อยเพราะยินดีไปสถานีตำรวจเป็นเพื่อนด้วย เด็กสาวถึงยอมตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ เล่อเล่อลากตาแก่บ้ากามที่ยังแกล้งตายอยู่ลงจากรถแล้วเดินตรงไปสถานีตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจยิ้มเมื่อเห็นเล่อเล่อพลางเอ่ยทักทายว่า “เหยียนเล่อเล่อ วันนี้จับอะไรมาอีกล่ะ?”

“ตาแก่บ้ากามลวนลามสาวบนรถบัส พยานบุคคลและพยานวัตถุมีหมด” เล่อเล่อผลักชายชราลงพื้นและดึงเด็กสาวเข้ามา

จุดที่โดนเป่ารื่อน่าเตะยังไม่หายดีก็โดนเล่อเล่อสลัดลงพื้นอีกครั้งจนเกือบตาย ใบหน้าขาวซีดพร้อมเหงื่ออาบท่วมตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจมองพลางส่ายศีรษะ “เหยียนเล่อเล่อ จับคนเลวเป็นสิ่งที่ดีแต่วันหลังเบา ๆมือหน่อย ถ้าเกิดตายขึ้นมาเธอจะต้องรับผิดชอบนะ”

“วางใจเถอะ คนเลวอายุยืนจะตาย” เล่อเล่อแค่นเสียงใส่

เธอมาสถานีตำรวจอยู่บ่อย ๆจึงคุ้นเคยขั้นตอนต่าง ๆดี ลงบันทึกประจำวันและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงตรวจร่างกายซึ่งมีร่องรอยถูกบีบก้นจริง ๆ อีกทั้งกล้องวงจรปิดบนรถเมล์ก็ถูกตรวจสอบแล้ว ต่อให้ชายชราจะร้องว่าถูกใส่ร้ายก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว

“ขอบคุณนะเหยียนเล่อเล่อ จับคนร้ายแทนพวกเราอีกแล้ว!” เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่นชมกันอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ไม่ต้องเกรงใจ วันหน้าเราก็คนกันเองแล้ว” เล่อเล่ออมยิ้มเล็กน้อย

“สอบติดแล้ว? เก่งมาก ๆเลย!” เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนดีใจแทนเล่อเล่อ

พวกเขารู้จักเล่อเล่อเมื่อหกปีก่อน ตอนนั้นเล่อเล่ออายุสิบสองปีจับขโมยได้คนหนึ่งในระหว่างทางไปโรงเรียน หล่อนซัดเจ้าหัวขโมยจนเกือบตายแล้วจับมาส่งพวกเขา หลังจากนั้น…

คนโรคจิตบ้ากาม หัวขโมย ผิดกฎจราจร ขับรถเร็วเกินกำหนด ขับฝ่าไฟแดง…คนที่ทำเรื่องไม่ดี ขอแค่โดนเด็กสาวผู้มีจิตใจผดุงธรรมผู้นี้เห็นเข้าก็จะถูกสั่งสอนอย่างหนัก หลังจากนั้นค่อยส่งมาให้พวกเขาถึงที่นี่

ตลอดหกปีมานี้เมืองหลวงสงบขึ้นมาก การจราจรก็เป็นระเบียบ ความดีความชอบนี้ต้องยกให้เล่อเล่อเลยจริง ๆ!

เล่อเล่อและเป่ารื่อน่าออกจากสถานีตำรวจ พวกเด็กสาวเองก็เดินตามมาด้านหลังเช่นกัน เด็กสาวที่ถูกลวนลาวเบ้าตาแดงก่ำพลางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เล่อเล่อเห็นเช่นนั้นก็โมโหเลยอดสั่งสอนไม่ได้ “มีอะไรให้น่าร้องไห้นักหนา ผลลัพธ์ตอนนี้เป็นเพราะความอ่อนแอของเธอเองไม่ใช่เหรอ? ตอนที่ตาแก่บ้ากามนั้นลงมือ ถ้าหากเธอกล้าต่อต้านแล้วจะเป็นแบบนี้ไหม?”

“ฉันกลัว…” หญิงสาวพูดพลางร่ำไห้

“บนรถมีคนมากมายขนาดนั้น หรือว่าตาแก่บ้ากามนี่จะกล้าลวนลามเธอต่อหน้าคนทั้งรถงั้นเหรอ? เป็นเพราะคนอ่อนแออย่างเธอเลยทำให้มีพวกบ้ากามมากขึ้นเรื่อย ๆ โมโหจะตายอยู่แล้ว!“ เล่อเล่อกล่าวด้วยความหวังดี เธอหงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว

สิ่งที่ทนดูไม่ได้ที่สุดก็คือผู้หญิงประเภทนี้ โกรธเกลียดแต่ไม่สู้เอาแต่เศร้ากับความโชคร้ายของตัวเอง

ถ้าผู้หญิงทุกคนบนโลกพึ่งพาตนเองได้ โลกคงน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย!

เป่ารื่อน่าจ้องเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ตาเขม็งแล้วลากเล่อเล่อเดินออกมา “วันหลังต่อให้หล่อนถูกขืนใจ พวกเราก็อย่าไปสนใจเลย วันหลังจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงหาพยานด้วย!”

หญิงสาวหน้าซีดลง ปิดหน้าแล้วร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม

…………………………………………..

ตอนที่ 2900 แต่งกับใครก็แต่งได้ มีเพียงเสี่ยวเป่าเท่านั้นที่ไม่ได้

เล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าแยกย้ายกันตรงป้ายรถเมล์ต่างคนต่างกลับบ้าน

ตอนมาถึงบ้านท้องฟ้าใกล้มืดแล้ว ครอบครัวเหยียนเตรียมทานมื้อเย็นกันอยู่ซึ่งกำลังรอเธอเพียงคนเดียว

เวลาผ่านไปสิบสองปีคุณย่าหยางและคุณปู่เหยียนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่หลังค่อมกว่าเดิม สายตาพร่ามัวมากขึ้นแต่กำลังวังชากลับเหลือล้น ป้าฟางและลุงเหลายังคงอยู่ที่ตระกูลเหยียน พวกเขายิ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ยังคงอยู่รับใช้ตระกูลเหยียนอย่างเอาใจใส่เช่นเดิม

“เล่อเล่อคงไม่ได้เป็นอะไรหรอกใช่ไหม เน่าเน่าไปดูหน่อยสิ” คุณย่าหยางเป็นกังวลเล็กน้อย

เน่าเน่าอายุสิบห้าปีแล้ว รูปร่างกำยำสูงใหญ่เหมือนคุณลุงจ้าวเสวียหลินแต่หล่อเหลากว่าจ้าวเสวียหลินอยู่หน่อย และสูงกว่าด้วย ขนาดเพิ่งจะอายุสิบห้าปีแต่เน่าเน่าก็เกือบจะสูงเท่าเหยียนหมิงซุ่นแล้ว

“ถ้าพี่สาวเป็นอะไรไปสิแปลก พวกโรคจิตทั้งหมดในเมืองหลวงรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่สาวเลย คุณย่าทวด…ผมหิวแล้ว กินกันก่อนเถอะ!” เน่าเน่าออดอ้อนพลางลูบท้องที่ร้องดังโครกคราก

เพิ่งเล่นบาสเกตบอลเสร็จ เขาหิวจะตายอยู่แล้ว

“รู้จักแต่จะกิน ตัวเหม็นจะตาย ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย!”

เหมยเหมยเดินออกมาจากห้องหนังสือ เธอยังสวยเหมือนเดิมแต่ดูอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นเสน่ห์ของสาววัยกลางคน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตของผู้หญิง

เหยียนหมิงซุ่นก็ออกมาจากห้องหนังสือของตนเช่นกัน เขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แทบจะไม่แตกต่างกับเมื่อสิบสองปีก่อนเลย

เน่าเน่าไม่กล้าต่อต้านเหมยเหมยเลยไปอาบน้ำอย่างเชื่อฟัง เล่อเล่อเองก็มาถึงบ้านแล้วเช่นกัน เหมยเหมยเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมกลับเย็นขนาดนี้?”

“จับตาแก่บ้ากามได้ระหว่างทางเลยเอาไปส่งตำรวจ เริ่มกินข้าวกันเถอะค่ะ หนูหิวจะตายอยู่แล้ว”

เล่อเล่อไปล้างมือแล้วนั่งลงทานข้าว ล้วนเป็นอาหารที่เธอโปรดปรานทั้งนั้นเลย

“ค่อย ๆกิน ลูกเขียนสมัครที่ไหน?” เหมยเหมยถามอย่างสนใจ

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเอ่ยอย่างรู้ทัน “นอกจากมหาวิทยาลัยตำรวจแล้ว จะไปสมัครที่ไหนได้อีก?”

เล่อเล่อหัวเราะคิกคัก “พ่อรู้จักหนูดีที่สุดเลย หนูสมัครมหาวิทยาลัยตำรวจจริง ๆ เป่ารื่อน่าสมัครวิทยาลัยภาพยนตร์และโทรทัศน์ คะแนนก็โอเคอยู่นะ คุณแม่สุดที่รักอย่าถามอีกเลย ให้หนูกินข้าวอย่างสงบ ๆเถอะ”

เหมยเหมยโมโหจนจิ้มศีรษะเธอแรง ๆทีหนึ่ง ตัวเองมีความสุขเสียจริง “ลูกและเป่ารื่อน่าสมใจแล้วนี่เนอะ คนหนึ่งวัน ๆก็เอาแต่จับคนร้าย ส่วนอีกคนวัน ๆก็เอาแต่คิดจะถ่ายหนัง”

คุณย่าหยางดีใจสุดขีด “จับคนเลว ๆไปก็ดี เล่อเล่อแรงเยอะ จับคนเลวให้หมด สังคมจะได้สงบสุข”

เหมยเหมยส่งเสียงเย้ยหยัน “คนเลวจะจับหมดได้ที่ไหนกัน คุณย่าห่วงว่าวันหลังเล่อเล่อจะมีคนมาขอไหมดีกว่าคะ ฉันก็อยากเห็นว่าผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเธอ!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียวเข้ม “ไม่แต่งก็ไม่ต้องแต่งสิ วันหลังให้เล่อเล่อรับสมัครลูกเขยเข้าบ้านไปเลย!”

เดิมทีเขาวางแผนจะให้ลูกสาวรับช่วงต่อธุรกิจ แต่พอเน่าเน่าและเสี่ยวจูเกิดจะให้เล่อเล่อทำงานหนักขนาดนั้นไม่ได้ ยิ่งจะปล่อยให้ลูกสาวกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมไม่ได้เข้าไปใหญ่

ผู้ชายไร้ประโยชน์เหล่านั้นมีสิทธิ์อะไรมาเลือกลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่น?

ต้องเป็นลูกสาวเขาเลือกผู้ชายสิ!

เหมยเหมยเตะโต๊ะอย่างแรงอย่างไม่สบอารมณ์ ชอบขัดคอเธอทุกครั้งเลย เล่อเล่อถึงไม่ได้เรื่องขึ้นเรื่อย ๆ

เล่อเล่อแทะเนื้อชิ้นโตเสร็จก็ตะโกนทั้ง ๆที่อาหารเต็มปากว่า “หนูจะแต่งงานกับพี่เสี่ยวเป่าเท่านั้น ผู้ชายคนอื่นให้ฟรีหนูก็ไม่เอา!”

เธอต้องชิงประกาศความในใจของเธอก่อนเพราะแม่เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจนรวมหัวกับน้าฉีฉีเก๋อและน้าเชี่ยนเชี่ยนแนะนำคู่นัดดูตัวให้เธอ น่ารำคาญชะมัดเลย

เหมยเหมยชะงักไปในทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินลูกสาวของเธอพูดว่าเธอจะแต่งงานกับเสี่ยวเป่า ตกลงสองคนนี้จับจองกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

คุณย่าหยางยิ้มจนหน้าบาน “เหลนสาวของฉันสายตาดีไม่เลวเลยจริง ๆ เสี่ยวเป่าก็ไม่เลว หน้าตาหล่อเหลาอนาคตดี เล่อเล่อ ย่าทวดสนับสนุน!”

“ไม่ได้ จะแต่งกับใครก็แต่งได้ มีเพียงเสี่ยวเป่าเท่านั้นที่ไม่ได้!” เหยียนหมิงซุ่นคัดค้านเสียงกร้าว

………………………

Related

ตอนที่ 2897 พี่เสี่ยวเป่าเป็นของฉัน

“สถานีต่อไป สถานีชุนเจียงเฉียว…โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งแก่เด็กสตรีมีครรภ์ คนชราและคนพิการ…” เสียงของระบบบนรถบัสเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

ชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงานของเดือนหก รถเมล์สาย 21 ยังมีผู้โดยสารแน่นขนัดเหมือนเคย คนที่เบียดเสียดหาที่นั่งได้ล้วนขึ้นจากสถานีก่อนหน้านี้ทั้งนั้น ส่วนพวกสถานีหลัง ๆหาที่นั่งไม่ได้สักนิด แค่พอมีที่ให้ยืนก็นับได้ว่าเป็นบุญแล้ว

ส่วนใหญ่บนรถเป็นนักเรียนที่เพิ่งเลิกเรียนและคนหนุ่มสาวที่กลับจากเลิกงาน อีกทั้งคนแก่ที่มารับลูกหลาน คาดว่าคงไปเรียนพิเศษแล้วรีบกลับบ้านกัน

เนื่องจากอากาศร้อนมากจึงมีเด็กสาวหลายคนสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ มีไม่กี่คนที่ดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลายซึ่งสวมชุดนักเรียน กระโปรงยาวถึงเข่าเผยให้เห็นขาขาวสะอาด มีเด็กสาวหลายคนยืนพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอยู่

ข้างกายเด็กสาวเหล่านี้มีเด็กสาวสองคนที่ดูแก่กว่าหน่อย คนหนึ่งตัวสูงโปร่งอย่างน้อย 175 เซนติเมตร ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงินและรองเท้าผ้าใบสีขาว รวบเก็บผมเป็นหางม้าเรียบร้อย หุ่นได้มาตรฐานซึ่งโดดเด่นไม่น้อยเลย

รูปร่างหน้าตาของเด็กสาวตัวสูงไม่ใช่สาวงามตามมาตรฐานดั่งในอดีต แต่กลับเป็นดวงหน้าที่คนรุ่นหลังใหม่เทิดทูนอย่างมาก คิ้วหนาและดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกโด่ง โครงหน้ากรามชัดแต่กลับดูมีเอกลักษณ์ ผิวขาวเนียนละเอียด หุ่นบอบบางแต่มาดดูแข็งแกร่งเป็นพิเศษ

แข็งแกร่งจนทำให้คนมองข้ามหน้าตาเธอไป ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอตรง ๆ

คู่หูของสาวน้อยตัวสูงคนนี้ถือเป็นสาวงามคนหนึ่งเลย ส่วนสูง 167 ซึ่งไม่นับว่าเตี้ยแต่พอยืนอยู่ตรงหน้าเธอกลับเห็นได้ชัดว่าดูตัวเล็กมาก สาวตัวเล็กคนนี้มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วหนาและตาโตเหมือนกันแต่กลับดูอ่อนโยนอ้อนแอ้น อีกทั้งมีรูปร่างที่เซ็กซี่ร้อนแรงยิ่งกว่า

ตามที่เขาว่ากันว่า ‘หน้าประถมนมมหาลัย’!

“พี่เล่อเล่อ พี่เสี่ยวเป่ากลับมาหรือยัง?” เสียงของสาวตัวเล็กหวานหยดย้อย ถึงแม้จะพูดตามปกติแต่กลับดูเหมือนกำลังทำเสียงออดอ้อน

เด็กสาวตัวสูงโปร่งคือเหยียนเล่อเล่อ ส่วนเด็กสาวตัวเล็กกว่าคือเป่ารื่อน่า พวกเธอเกิดปีเดียวกัน ตอนนี้อายุสิบแปดปีแล้ว

เป้าหมายของเหยียนเล่อเล่อในวัยเด็กคือ ‘ทำลายคนเลวให้หหมดโลก’ ดังนั้นตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเธอจึงไม่ลังเลเลยที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยตำรวจเมืองหลวง วันนี้เธอจะไปลงชื่อสมัครที่มหาวิทยาลัย เล่อเล่อได้คะแนนมากกว่าเกณฑ์คะแนนต่ำสุดหกคะแนนแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เป่ารื่อน่ากลับสมัครวิทยาลัยภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเมืองหลวงซึ่งผ่านการทดสอบแล้ว โดยเฉพาะวิชาภาษาและวัฒนธรรมยิ่งไม่มีปัญหาเพราะทำได้หมด ความฝันของเป่ารื่อน่าคือการเป็นนักแสดงภาพยนตร์เพราะอยากสัมผัสชีวิตที่แตกต่างกันสักครั้ง

เล่อเล่อมองเป่ารื่อน่าอย่างระแวงเอ่ยเตือนว่า “พี่เสี่ยวเป่าเป็นของฉัน เธอห้ามคิดอะไรกับเขา!”

เป่ารื่อน่ากลอกตามองบน เกิดมายังไม่เคยเห็นใครหวงผู้ชายเท่าเหยียนเล่อเล่อเลย นี่ยังไม่ได้แต่งงานกันแต่เฝ้าระวังยิ่งกว่าเป็นสามีแล้วซะอีก เธอยอมเป็นเลสเบี้ยนก็ไม่แย่งผู้ชายของเหยียนเล่อเล่อหรอก!

“ฉันก็แค่ถาม เธอจะจริงจังอะไรขนาดนั้น?” เป่ารื่อน่าหงุดหงิดแต่น้ำเสียงกลับสดใสน่ารักจนชวนให้คนที่ได้ยินคันยุบยิบในใจ บุคลิกเหมือนเหมยเหมยตอนวัยเด็กค่อนข้างมาก

ฉีฉีเก๋อมักจะพูดติดตลกอยู่เสมอว่าเป่ารื่อน่าและเหยียนเล่อเล่อเกิดผิดท้องเพราะไม่เหมือนแม่ของพวกเธอเลยสักนิด

เล่อเล่อแค่นเสียงใส่ “ฉันต้องเตือนไว้ก่อน เธอจะได้ไม่คลุ้มคลั่งบ้าผู้ชายขึ้นมา”

“เธอทำเก่งต่อหน้าฉันแล้วมีประโยชน์อะไร เก่งนักก็ไปสารภาพรักกับพี่เสี่ยวเป่าสิ…จนป่านนี้พี่เสี่ยวเป่ายังปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง!” คำพูดของเป่ารื่อน่าทิ่มแทงหัวใจของเล่อเล่อจนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่ชายนิสัยไม่ดีคนนั้นมักจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวและมักจะพูดเสมอว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันซึ่งไม่ได้สนิทสนมกับเธอเหมือนตอนเด็กอีกแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายหัวไปไหน โทรหาก็ไม่ติด ทำเอาเธอโมโหจะตายอยู่แล้ว!

เล่อเล่อที่กำลังอารมณ์เสียเหลือบมองด้านข้างก็สังเกตเห็นว่าผู้หญิงข้าง ๆเธอหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้าราวกับร้องไห้

เล่อเล่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติจึงเหลือบมองสาวข้างกาย ฉับพลันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที

…………………………………………..

ตอนที่ 2898 ตาแก่บ้ากาม

ที่แท้ก็มีตาแก่ผมหงอกเต็มศีรษะโผล่มานั่งอยู่หลังเด็กสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ซึ่งดูท่าทางอายุราว 60 กว่าปี เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขาสั้น  ตาแก่เอาตัวมาแนบชิดติดเด็กสาว แต่เรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้เพราะบนรถเบียดเสียดกันมากจริง ๆ แต่ทว่า…

มือของตาแก่คนนี้กลับวางไม่ถูกที่เพราะยื่นล้วงเข้าไปในกระโปรงของเด็กสาว อีกทั้งซิปกางเกงก็เปิดออก ชายเสื้อถูกดึงออกมาบังซิปด้านหน้าไว้ ทั้งยังปิดเจ้าดุ้นน้อยอัปลักษณ์ของเขาไว้ด้วย

ตาแก่นี่กำลังลวนลามเด็กผู้หญิง แถมถึงเนื้อถึงตัวแล้วด้วย!

“ไอ้สารเลว…”

เล่อเล่อที่เกลียดคนเลวสุด ๆจะทนดูดายได้อย่างไรไหวเลยรุดหน้าเข้าไปถีบตาแก่ทีหนึ่ง ตาแก่ตกใจจนขาอ่อนยวบ โชคดีที่ด้านหลังมีคนอยู่มากเลยไม่ล้มลงไปแต่ก็นับว่าตกใจมากพอดู บริเวณน่องที่ถูกเตะยิ่งเจ็บจนสั่นไปหมด

“แก…แกทำอะไร…ชอบเตะคนซี้ซั้วงั้นสิ?” ตาแก่ชิงใส่ร้ายอีกฝ่ายก่อนแล้วก่นด่าเล่อเล่ออย่างเกรี้ยวกราด

“แกมันบ้ากาม แก่จนปูนนี้แล้วยังลามกอยู่อีก ไม่อายบ้างหรือไง?” เล่อเล่อมองตาแก่อย่างเย็นชา ดูก็รู้ว่าตาแก่สมควรตายนี่ทำมาไม่น้อยแล้ว ไม่รู้ว่าทำร้ายเด็กผู้หญิงมามากมายเท่าไหร่

เด็กสาวที่ถูกลวนลามมองเล่อเล่ออย่างซึ้งใจ เมื่อครู่ตาแก่นี่ล้วงเข้ามาถึงกางเกงในของเธอแล้ว เธอทั้งกลัวทั้งอับอายเลยไม่กล้าปริเสียงสักแอะ

“ฉันเปล่าเป็นคนบ้ากามสักหน่อย แกอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นนะ!” ตาแก่ไม่ยอมรับ ทั้งยังแสร้งตีหน้าเศร้าทำทีอับอายสุดขีดจนทำเอาคนอื่น ๆต่างนึกเห็นใจเขา ทั้งยังคิดว่าแก่จนปูนนี้แล้วคงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกมั้ง!

เล่อเล่อชี้เป้ากางเกงที่ซิปเปิดอ้าซ่าแล้วยิ้มแดกดันเอ่ยว่า “ตาแก่บ้ากาม ถ้าแกไม่บ้ากามแล้วทำไมถึงปล่อยนกแก่ของแกโผล่ออกมาล่ะ?”

ครั้นทุกคนเห็นซิปที่รูดเปิดออกของตาแก่คนนี้ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที จากนั้นต่างก็พากันมองตาแก่อย่างหยามเหยียด เป็นตาแก่บ้ากามจริง ๆด้วย!

“ฉัน…ฉันไม่รู้ มันไหลลงมาเอง” ตาแก่ไม่ยอมรับท่าเดียว

เล่อเล่อโมโหแทบแย่เลยกระชากตัวเด็กสาวที่ถูกลวนลามมา “เธอว่ามาสิ เมื่อกี้เขาลวนลามอะไรเธอหรือเปล่า?”

เด็กสาวอายจนหน้าแดงและอ้ำ ๆอึ้ง ๆไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี เธอกลัวขายหน้าแต่ก็ไม่อยากโกหก

ตาแก่มองเด็กสาวด้วยสายตาเย็นยะเยือกแล้วจงใจเอ่ย “อายุฉันจะเป็นปู่ของเจ้าเด็กนี่ได้แล้ว ฉะนั้นจะบ้ากามลวนลามได้อย่างไรกัน แม่หนู เธอเป็นนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนอีจงจะโกหกไม่ได้นะ!”

เด็กสาวตกใจจนตัวสั่นเทา แววตาเย็นชาที่แสนน่ากลัวของตาแก่นี่เหมือนงูพิษก็ไม่ปาน อีกอย่างรู้ว่าเธอเป็นนักเรียนของโรงเรียนอีจงด้วย วันหน้าจะไปเอาคืนเธอไหมนะ?

“ฉัน…ฉัน…ฉันไม่รู้” ผ่านไปนานกว่าเด็กสาวจะเค้นคำพูดออกมาได้ ทำเอาเล่อเล่อโมโหจะตายอยู่แล้ว

บ้าเอ๊ย เธอไม่น่าหลวมตัวเข้าไปยุ่งด้วยเลย!

“ทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้นะ? เพราะชอบอัดอั้นความโกรธไว้อย่างเธอไงถึงทำให้พวกลามกนี่มันเหิมเกริม มีเรื่องอะไรให้เธอต้องกลัวกัน ตาแก่บ้ากามนี่จะเก่งแค่ไหนกันเชียว แค่โดนเตะทีเดียวก็เอาถึงตายได้แล้ว!”

เป่ารื่อน่าโกรธยิ่งกว่าเล่อเล่อเสียอีก เธอสบถด่าเด็กสาวไปยกหนึ่งอย่างดุดันแล้วหมุนตัวเตะตาแก่นั่นไปทีหนึ่ง แถมยังเตะจุดสำคัญของเขาด้วย ตาแก่กุมท้องน้อยร้องโอดโอยไม่หยุดพร้อมเหงื่อชุ่มตัว

ทุกคนต่างพากันตกใจยกใหญ่ ไม่ได้การล่ะ…เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิต!

สองสาวนี้โหดสูสีกันเลย ที่แท้ผู้หญิงก็เก่งไม่เบาเหมือนกันแฮะ!

“โทร 110…ฉันจะตายแล้ว ฉันจะฟ้องตำรวจ!” ตาแก่เจ็บปางตาย มือที่สั่นเทาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากะกดเบอร์ 110 เขาจะต้องจัดการเอายัยสองแสบจอมจุ้นจ้านนี้เข้าคุกให้ได้

มิฉะนั้นก็ต้องชดใช้ ถึงอย่างไรเขาก็จะถูกเตะฟรีไม่ได้!

“ฉันช่วยโทรให้ จะได้เอาคนบ้ากามอย่างแกเข้าไปสั่งสอนในคุก!” เล่อเล่อหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ 110 ทั้งยังให้คนขับรถขับไปที่สถานีตำรวจด้วย

……………………………

Related

ตอนที่ 2895 พิธีแต่งงาน(4)

เหมยเหมยกวาดตาสำรวจรอบกายถึงค้นพบว่าอยู่ที่ไหน ที่นี่คือสนามม้าที่อยู่ด้านหลังฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิง สนามหญ้าประดับประดาด้วยโคมไฟสว่างไสวรอบด้าน บรรยากาศเต็มไปความปิติยินดี ทั้งยังตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบแซมดอกยิปโซละลานตาเต็มไปหมดเหมือนภาพฝันที่สวยงามในห้วงนิทราก็ไม่ปาน

“ชอบไหม?” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบถาม

“อื้ม…” เหมยเหมยพยักหน้ารัว ๆ ชอบมาก ๆเลยล่ะ

อีกอย่างยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกฉากคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็นึกออก ฉากนี้เป็นฉากแต่งงานที่เธอจรดปากกาพรรณนาภาพในเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์นั่นเอง

ตอนที่เจ้าหญิงแต่งงาน เธอจินตนาการพรรณนาฉากแต่งงานสุดโรแมนติกและชวนฝันอย่างเต็มที่——

สนามหญ้ากว้างใหญ่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบเบ่งบาน รวมถึงดอกยิปโซและดอกฟอร์เก็ตมีนอทด้วย บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้อันหอมหวาน…

เหยียนหมิงซุ่นบันดาลภาพจินตนาการของเธอให้เป็นจริงซึ่งไม่ผิดเพี้ยนไปแม้แต่นิดเดียวแค่ภาพขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น มิน่าหลายวันมานี้เขาถึงออกเช้ากลับดึกทุกวัน

“เกลียดจริง ๆ!” เหมยเหมยมองค้อนใส่แต่ดวงตากลับมีน้ำตาเอ่อล้นอีกครั้ง

“เด็กโง่…เซอร์ไพรส์ที่ใหญ่กว่านี้ยังมาไม่ถึงเลยนะ รอก่อนสิ!” เหยียนหมิงซุ่นเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วจูงมือพาเธอเดินไปข้างหน้า เด็กโปรยดอกไม้ทั้งสี่ด้านหลังคอยช่วยยกกระโปรงให้อย่างรู้หน้าที่

“เซอร์ไพรส์อะไรอีกล่ะ?” ในใจเหมยเหมยคันยุบยิบ แค่บันดาลภาพวาดของเธอให้เป็นจริงก็ทำเอาเธอเซอร์ไพรส์มากแล้ว เหยียนหมิงซุ่นยังมีไม้เด็ดอะไรอีกนะ?

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม ยืดหลังตรงและงอแขนเพื่อสื่อว่าให้เหมยเหมยควงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “มีสมาธิหน่อย อย่าใจลอยสิ”

เหมยเหมยมองค้อนอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ทว่าจากนั้นก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยนับไม่ถ้วน สามีภรรยาเหยียนซินหย่า คุณย่าหยาง ป้าฟางลุงเหลา สามีภรรยาจ้าวอิงหนาน สยงมู่มู่ เซียวเซ่อ ฯลฯ ญาติพี่น้องและพ้องเพื่อนของเธออยู่ที่นี่กันหมดแล้ว

ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุขเพื่ออวยพรให้เธอและเหยียนหมิงซุ่นและปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น

เหมยเหมยยืดอกโดยไม่รู้ตัวตามจังหวะเพลงในงานแต่งงานแล้วเดินตรงไปทางเวทีทีละก้าว อู่เชาอยู่บนนั้นเพราะเขาเป็นพิธีกรในวันนี้

“ต่อมา ขอเชิญทุกท่านเพลิดเพลินไปกับการแสดงที่ไม่ธรรมดาของคุณเหยียนหมิงซุ่นเจ้าบ่าวในวันนี้ เป็นของขวัญที่เตรียมมาอย่างดีสำหรับเจ้าสาวคุณจ้าวเหมย เชิญทุกคนนับถอยหลังไปด้วยกันกับผมครับ 10 9 8…”

ทุกคนนับถอยหลังตามอู่เชา หัวใจเต้นตึกตักและตั้งตารอคอยกับเซอร์ไพรส์ของเหยียนหมิงซุ่นว่าจะเป็นแบบไหน

เหมยเหมยเฝ้ารอคอยยิ่งกว่าใคร หัวใจเต้นตึกตักรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามากจริง ๆ นับตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ถึงหนึ่งสักทีนะ?

“3 2 1 ทุกคนเงยหน้าขึ้น!” อู่เชาตะโกนเสียงดัง

ทุกคนต่างเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า เมฆขาวลอยละล่อง เงียบสงัดราวกับภาพวาดทิวทัศน์ก็ไม่ปาน หลังจากเสียงของอู่เชาเงียบลงก็มีเสียงดังกระหึ่มมาแต่ไกลกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“เสียงอะไร?” ทุกคนต่างเอ่ยพึมพำแล้วมองหาบนท้องฟ้าพร้อมกัน

“นั่น…เครื่องบินรบ!” มีคนส่งเสียงร้องอย่างตกใจ

ในไม่ช้า…ทุกคนก็เห็นเครื่องบินรบที่อยู่ดี ๆก็โผล่มาซึ่งไม่ได้มีแค่ลำเดียวแต่หลายลำเรียงกันเป็นระเบียบบินพุ่งมาทางนี้ ด้านหลังมีควันสีแดงหนาทึบตามหลังมาด้วย

“นี่จะทำอะไร…การแสดงเครื่องบินรบเหรอ?” มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้น

เหมยเหมยก็สงสัยเช่นกันเลยเงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่น

“มองท้องฟ้า อย่าพลาดฉากสำคัญสิ!” เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าเธออย่างเบามือเพื่อเตือนสติให้เธอมองท้องฟ้า

เวลานี้เครื่องบินรบต่อแถวเป็นขบวนและเริ่มบินเป็นวงกลม ควันหนาทึบด้านหลังค่อย ๆก่อตัวกันเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า ‘love’ และมีหัวใจอันใหญ่ล้อมอยู่ข้างนอก ควันหนาทึบค้างอยู่บนฟ้าอยู่เช่นนั้นนานเกือบสองนาทีแล้วถึงค่อย ๆจางหายไป

…………………………………………..

ตอนที่ 2896 พิธีแต่งงาน (จบ)

เหมยเหมยแสบจมูกและเบ้าตาร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ต้องซ้อมนานแค่ไหน อยู่ดี ๆเธอก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้เลยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเปล่า? นายใหญ่จะไม่พอใจไหม?”

เครื่องบินรบเป็นอาวุธประจำชาติแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับนำมาใช้ในงานแต่งงาน หากมีคนเจตนาไม่ดีนำมาเป็นประเด็น เธอกลัวจะมีปัญหาตามมา

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างระอา “วางใจเถอะ คุยกันเรียบร้อยแล้ว”

ถึงแม้ทำแบบนี้จะเป็นการใช้อำนาจในกิจประโยชน์ส่วนตน แต่เขาวางตัวอย่างระแวดระวังมานานหลายปีแล้ว ฉะนั้นกำเริบเสิบสานบ้างก็เป็นเรื่องที่ควรทำเช่นกัน ทว่านายใหญ่กลับพอใจยิ่งกว่าเดิม

เหมยเหมยถึงได้เบาใจแล้วจดจ่อชมการแสดงเครื่องบินรบต่อ เธอเคยเห็นแต่ในทีวีแต่ตอนนี้ได้ชมกับตาตัวเองของจริงซึ่งให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นตั้งใจฝึกซ้อมเป็นพิเศษเพื่อเธออีกต่างหาก

“ต้องบันทึกเก็บไว้ ในอนาคตฉันจะได้เอามาดูหวนรำลึกความหลังบ่อย ๆ” เหมยเหมยชมอย่างตั้งใจโดยไม่แม้แต่กะพริบตา ทั้งยังบอกให้เหยียนหมิงซุ่นอัดวิดีโอไว้ด้วย

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ ในเมื่อกล้องทันสมัยถูกติดตั้งไว้รอบสนามหญ้าแล้ว ต่อให้บินอยู่เหนือชั้นบรรยากาศก็ยังถูกถ่ายเก็บไว้ได้อยู่ดี ความกังวลของภรรยามีมากเกินจำเป็นเสียแล้ว

พวกเล่อเล่อชมอย่างเพลิดเพลินพร้อมแววตาใฝ่ฝัน

“ฉันเรียนขับเครื่องบินเป็นแล้ว ฉันขับดีกว่าพวกเขาแน่นอน” เล่อเล่อพึมพำเบา ๆ

เสี่ยวเป่าหัวเราะเบา ๆพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “น้องสาวเก่งที่สุดเลย!”

เล่อเล่อยิ้มอย่างมีความสุข “พี่เสี่ยวเป่าเป็นที่หนึ่ง ส่วนฉันเป็นที่สอง”

เธอไม่แก่งแย่งที่หนึ่งกับพี่เสี่ยวเป่าหรอก แต่คนอื่นอย่าหวังจะข้ามหน้าข้ามตาไปได้เลย ใครคิดจะมากดหัวเธอ เธอจะตีหนัก ๆให้ดูเลย!

เน่าเน่าที่อยู่ด้านหลังเริ่มหมดความอดทน ด้วยนิสัยกระตือรือร้นอยู่ไม่สุขของเขาซึ่งปกติยืนสามนาทีเฉย ๆยังไม่ได้ ตอนนี้อดทนยืนมานานกว่าสิบนาทีแล้ว มันยากเกินไปสำหรับเขา

ถึงแม้อยากจะขยับมากแค่ไหนแต่เน่าเน่ากลับจำคำสั่งที่พ่อกำชับไว้ได้ว่าต้องทำให้แม่เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก เขาจะต้องเป็นเด็กโปรยดอกไม้ที่ขยันขันแข็งที่สุด

เน่าเน่าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยืดหน้าอกสูงขึ้นเล็กน้อย กลั้นใจไม่ขยับตัว เหยียดหลังตรงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

เสี่ยวจูเองก็ยืนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาหาวติดต่อกันสิบห้าครั้งแล้วซึ่งค่าเฉลี่ยหนึ่งครั้งต่อหนึ่งนาที น้ำตาคลอเบ้าราวกับดวงตาของกวางตัวน้อยอย่างไรอย่างนั้น น่ารักจนชวนให้คนต่างพากันหลงใหลเหลือเกิน

“พี่ชาย…ง่วง!” ดวงตาเสี่ยวจูแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว หัวสัปหงก พอมีคนสังเกตเห็นต่างก็พากันขบขันหัวเราะร่า

เน่าเน่ากลับนึกว่าแขกพากันขำขันเยาะเย้ยงานแต่งของคุณแม่เลยอดโมโหไม่ได้ตบศีรษะเสี่ยวจูแรง ๆไปทีหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำว่า “ห้ามนอน!”

เสี่ยวจูลืมตาสะดุ้ง อาการเจ็บศีรษะทำให้หมดอารมณ์อยากนอนแต่เขากลับยังคงง่วงอยู่ ดวงตาก็เริ่มตีกันเดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิด

เน่าเน่าร้อนใจแยกขาขยับตัวไปอยู่ข้าง ๆน้องชายแล้วคว้ามืออ้วน ๆของเสี่ยวจูขึ้นมากัดลงไปอย่างแรง

“เจ็บ…” เสี่ยวจูเจ็บจนได้สติ อาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้งพลางร้องไห้แต่ไร้น้ำตามองรอยฟันสีแดงบนมือ

เขาไม่อยากนอนแล้ว…เขาอยากร้องไห้!

เล่อเล่อสังเกตเห็นท่าทีของน้องชายที่อยู่ด้านหลังเลยหันมาตำหนิเสียงเบา “ห้ามก่อเรื่อง หากยังวุ่นวายอีกฉันจะตีก้นให้เจ็บตายไปเลย!”

“พี่ชายกัดฉัน!” เสี่ยวจูยื่นมืออกไปฟ้อง

เล่อเล่อมองอย่างเย็นชาแล้วพูดเสียงเบาว่า “กลับไปค่อยกัดกลับ ตอนนี้ยืนดี ๆซะ!”

อ่อนแอจริง ๆ เลือดก็ไม่ไหล ร้องไห้ทำไมกัน!

เสี่ยวจูเบะปาก ยืนตัวตรง ศีรษะเล็ก ๆแหงนมองขึ้นฟ้า เครื่องบินรบแสดงเสร็จแล้วเตรียมเดินทางกลับ ด้านหลังมีควันหนาหลากสีตามอยู่ด้วย

เขาสูดจมูกฟุดฟิดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความคิดแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

เสี่ยวเป่าเหลือบมองเสี่ยวจูด้วยสายตาเดาได้ยาก รอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์ สมองของน้องชายคนนี้ว่องไวใช้ได้ เขาต้องเตือนน้องชายว่าวันหลังต้องระวังสำรวมไว้บ้างเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของคนเลว

เวลาการแสดงของเครื่องบินรบครึ่งชั่วโมงทำเอาทุกคนตกตะลึงมองจนตาค้าง เลือดร้อนพลุ่งพล่าน เครื่องบินรบกลับไปนานแล้วแต่พวกเขาต่างยังอารมณ์ค้างกันอยู่

“การแสดงจบลงแล้ว ขอเชิญเจ้าสาวขึ้นมาด้วยครับ!” อู่เชาตะโกนเสียงดัง จากนั้นไม่นานก็มีเสียงปังดังสนั่นหวั่นไหวตามมา ทุกคนต่างตกใจยกใหญ่ แต่ยามเห็นกลีบดอกไม้ลอยพริ้วกลางอากาศก็ถูกตรึงความสนใจไว้ในชั่วขณะ

กลีบดอกไม้ปลิวลอยละล่องทั่วผืนฟ้าจนแน่นขนัดแล้วค่อย ๆโปรยปรายลงบนตัวทุกคน อีกทั้งจมูกยังได้กลิ่นดอกไม้หอมจาง ๆด้วย

ตอนนี้ทุกคนถึงค้นพบว่าเป็นกลีบดอกไม้จริง ๆ นี่ต้องใช้ดอกไม้มากมายขนาดไหนนะ!

ชุดแต่งงานของเหมยเหมยเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เธอควงแขนเหยียนหมิงซุ่นก้าวขึ้นบนเวทีทีละก้าว ด้านหลังมีพวกเด็ก ๆคอยช่วยจับชายกระโปรงเดินตามอยู่ข้างหลังเช่นกัน

เพียงแต่เสี่ยวจูง่วงมากเกินไปเลยเดินไปพร้อมศีรษะที่สัปหงกไปด้วยจนเกือบล้มอยู่หลายครั้ง แม่ลูกมักรู้ใจกัน ครั้นเหมยเหมยหันกลับไปเห็นท่วงท่าอันน่ารักของลูกชายก็อดหัวเราะไม่ได้

“เสี่ยวจูมานี่ ให้พ่ออุ้ม” เหมยเหมยกระซิบเรียก

เจ้าตัวเล็กตื่นทันทีพร้อมส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ เขาเป็นฝ่ายยื่นมือไปทางเน่าเน่าเอง ไม่ง่ายเลยกว่าแม่จะได้แต่งงาน เขาต้องทำตัวดี ๆหน่อย

เน่าเน่ากัดโดยไม่ต้องคิด เสี่ยวจูน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวดแต่กลับตาสว่างอีกครั้งเลยหันไปยิ้มเผยฟันน้ำนมเรียงกันให้เหมยเหมย

เหมยเหมยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในใจ ตอนนี้เวลานี้เธอมีสามีที่รักเธออยู่ข้างกาย มีลูกที่น่ารักฉลาดและกตัญญู แถมยังมีพ่อแม่ญาติและเหล่าเพื่อน ๆของเธอ…

ทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่ออวยพรและอธิษฐานให้เธอ!

ชาตินี้เธอช่างโชคดีมากจริง ๆ!

“พี่หมิงซุ่น…ฉันโชคดีมากจริง ๆ ขอบคุณพี่มาก ๆนะ!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงปนสะอื้น ดวงตามีน้ำตารื้นไหลออกมา เธอนับไม่ได้แล้วว่าร้องไห้ไปกี่ครั้งราวกับกลับไปเป็นเด็กขี้แยในวันวาน

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปปาดน้ำตาให้เธอด้วยแววตาที่แฝงความอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใช่คนพูดจาอ่อนหวาน ไร้ความโรแมนติก และเพราะเรื่องงานเลยทำให้มักจะละเลยครอบครัว ภรรยาและลูก ๆไปบ้างแต่เหมยเหมยกลับไม่เคยบ่น คนที่ควรขอบคุณมากที่สุดคือเขาต่างหาก

“คนที่ควรขอบคุณควรจะเป็นพี่มากกว่า ขอบคุณนะ เหมยเหมย พี่โชคดีมากที่ได้แต่งงานกับเธอ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

เขาไม่ใช่คนพูดจาเรื่อยเปื่อย เมื่อไม่นานมานี้เขามักฝันแปลก ๆ ในห้วงฝันเขาเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนแล้ว มีตำแหน่งอำนาจแต่กลับอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเหมยเหมย ไม่มีลูก คุณปู่คุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว…

เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น!

ความโดดเดี่ยวที่อยู่ในห้วงฝันเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกถึงมันได้อย่างสุดใจราวกับได้สัมผัสมาด้วยตัวเองก็ไม่ปาน พอตื่นจากฝัน เขาก็ยิ่งรู้สึกโชคดี——

ตอนอายุสิบหกเขาไม่ได้ปฏิเสธการเข้าใกล้ของสาวน้อยคนนั้นและไม่ได้โยนเธอออกจากหัวใจ เพราะมีเธอเขาถึงมีชีวิตแสนสุขในวันนี้และไม่กลายเป็นคนโดดเดี่ยวอย่างในความฝัน!

“พี่รักเธอ เหมยเหมย…ชาติหน้า ชาติหน้า ๆ…ทุกชาติทุกภพ พี่จะไม่มีวันปล่อยมือเธอ!” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูเหมยเหมยเพื่อให้คำมั่นสัญญาแก่คนรักทุกชาติภพ

“อืม งั้นพี่ก็อย่าดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจนลืมชาติก่อนของตัวเองล่ะ แบบนี้พี่ถึงจะจดจำรูปร่างหน้าตาของฉันได้!” เหมยเหมยมองเขาด้วยรอยยิ้มและน้ำตาเอ่อล้นตรงหางตา

“ดี พวกเราจะไม่ดื่มน้ำแกงนั่นและไม่มีใครลืมใครด้วย!”

………………………

Related

ตอนที่ 2893 พิธีแต่งงาน(2)

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆโดยเหยียนหมิงซุ่นกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน เนื่องจากเขาสัญญาเอาไว้ว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำที่สุดให้แก่ภรรยาของเขา แน่นอนว่าเขาต้องทำให้ได้

เหมยเหมยเปลี่ยนจากความเกียจคร้านในยามปกติตื่นขึ้นมาวิ่งกับเหยียนหมิงซุ่นด้วยทุกเช้า กระทั่งแม้แต่เนื้อสัตว์ก็ไม่ค่อยจะแตะ หากโหยมากจริง ๆถึงจะทานเนื้อปลาและไก่แทนซึ่งเนื้อแดงจะไม่มีวันแตะต้องเด็ดขาด

ชีวิตเรียบง่ายและสมบูรณ์ ชั่วพริบตาเดียวเน่าเน่าและเสี่ยวจูก็อายุใกล้สามขวบแล้วซึ่งเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นวันเกิดของพวกเขา เหยียนหมิงซุ่นประกาศว่างานแต่งงานจะจัดขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์

ทั้งครอบครัวต่างตกตะลึงแต่คุณย่าหยางกลับมีความสุข “ต้องทำให้ถึงที่สุด ชั่วชีวิตแต่งงานเพียงครั้งเดียว ถ้าหลานไม่ทำให้ถึงที่สุดก็จะผิดต่อเหมยเหมย”

ก่อนงานแต่งงานสามวันเหมยเหมยกลับมาพักที่บ้านแม่เพราะเหยียนหมิงซุ่นต้องมาที่นี่เพื่อรับเจ้าสาว ถึงแม้จะเป็นสามีภรรยากับเหยียนหมิงซุ่นแล้วแต่ก็ยังรู้สึกประหม่า กินไม่ได้นอนไม่หลับเต็มอิ่มอยู่ดี

ครอบครัวของจ้าวเสวียหลินก็รีบกลับมาเช่นกัน เขาแต่งงานเมื่อปีก่อน อันที่จริงเจ้าสาวก็เป็นคนคุ้นเคยกันอยู่บ้าง เธอชื่ออี้ฮุ่ยซึ่งเคยร่วมรายการวาไรตี้กับเหมยเหมยเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นลี่เมิ่งเฉินก็เข้าร่วมด้วย

อี้ฮุ่ยหน้าตาสะสวยแต่เป็นคนเข้าหายากเพราะติดจะเป็นคุณหนูหนักไปหน่อย เหมยเหมยก็คาดไม่ถึงว่าอี้ฮุ่ยจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเธอ ตอนแรกเธอก็นึกกังวลว่าพวกเขาสองคนจะคบกันไม่รอดเพราะจ้าวเสวียหลินไม่ใช่คนอดทนเก่งเท่าไรนัก แล้วจะทนอารมณ์ของคุณหนูใหญ่อี้ฮุ่ยได้อย่างไร?

แต่ความจริงกลับตรงกันข้ามเพราะโรคคุณหนูของอี้ฮุ่ยหมดสิ้นไปแล้ว เธอน่ารักว่าง่ายยามอยู่ต่อหน้าจ้าวเสวียหลินราวกับกระต่ายขาวตัวน้อย ทั้งอ่อนโยนทั้งเอาใจใส่ ทั้งยังกตัญญูเอาใจเหยียนซินหย่าเป็นอย่างมาก รวมถึงปฏิบัติต่อน้องสามีอย่างเธอซึ่งถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทกันนักแต่กลับมีมารยาทอย่างที่ควรมีซึ่งหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลย

เมื่อปีที่แล้วอี้ฮุ่ยได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง ตอนนี้เจ้าตัวเล็กขวบกว่าแล้ว ร่ายกายแข็งแรงดี หน้าตาเหมือนพ่อจ้าวเสวียหลิน อี้ฮุ่ยเลี้ยงลูกด้วยตัวเองและเลี้ยงดูอย่างดี เจ้าตัวเล็กทั้งรู้ภาษาทั้งสุภาพมีมารยาท

กล่าวได้ว่าย่อมมีคนกำราบเราได้เสมอ อี้ฮุ่ยแต่งงานกับคนที่ใช่ จ้าวเสวียหลินก็แต่งงานถูกคน สามีภรรยาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เหมยเหมยเองก็พลอยสุขใจตามไปด้วย

หลังจากผ่านไปสามวันเหมยเหมยก็ตื่นแต่เช้าตรู่ รุ่งอรุณวันใหม่กำลังเฉิดฉาย เหยียนซินหย่าบอกว่าฤกษ์คือสิบโมง เธอต้องแต่งหน้าตอนแปดโมงเช้า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปแต่เธอนอนไม่หลับแล้ว

เวลาผ่านไปเรื่อย ๆในที่สุดก็แปดโมง สยงมู่มู่พาทีมแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญของเขามาด้วยพร้อมชุดแต่งงานที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งตัดให้เธอ ชุดแต่งงานดูเรียบง่ายไม่มีเพชรหรือคริสตัลประกายวิบวับตกแต่งอยู่ด้านบน

แต่ในความเป็นจริงชุดแต่งงานนี้ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบชุดแต่งงานชั้นนำระดับโลก มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกซึ่งตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด ราคาก็สูงไม่เบาเช่นกัน

เหมยเหมยสวมได้อย่างพอดีตัวมาก แถมอวดสัดส่วนของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบและปกปิดข้อบกพร่องของเธอได้ดีอีกด้วย ความงามทำเอาคนหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว

“ดูดีมากจริง ๆ…พอฝีมือขั้นอาจารย์ลงมือเองก็ไม่ธรรมดาเลย รีบใส่เครื่องประดับเร็ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็มาแล้ว แน่นอนว่าอู่เชาก็ต้องมาด้วย เขารับหน้าที่เป็นพิธีกรและมีสถานะเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง เขาแต่งงานกับฉีฉีเก๋อเมื่อปีที่แล้วซึ่งเหนือคาดทุกคนมาก ๆ

หากไม่ใช่เพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจับได้ เกรงว่าสองคนนี้คงรอจนแต่งงานแล้วค่อยบอกเพื่อน ๆล่ะมั้ง!

เครื่องประดับที่เหมยเหมยสวมเป็นชุดหยกเขียวจักรพรรดิ์ซึ่งล้ำค่าเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจนในที่สุดเหมยเหมยก็ใส่จนครบ เธอนั่งเงียบ ๆอยู่ในห้องรอเหยียนหมิงซุ่นมาหา

พอถึงสิบโมงก็มีเสียงกึกก้องดังขึ้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้ามาเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ผู้ชายของเธอขับเครื่องบินมารับเธอแล้ว!”

…………………………………………..

ตอนที่ 2894 พิธีแต่งงาน(3)

เหมยเหมยถลกชุดเจ้าสาวขึ้นเล็กน้อยแล้ววิ่งไปดูกลับเห็นเฮลิคอปเตอร์บินอยู่บนท้องฟ้า เพื่อนบ้านละแวกเดียวกับตระกูลจ้าวต่างวิ่งกรูออกมาดูด้วยความตื่นเต้นพร้อมชี้นิ้วขึ้นฟ้าตะโกนร้องเรียกกันใหญ่

แต่เพราะบ้านตระกูลจ้าวไม่มีที่ลงจอดเฮลิคอปเตอร์จึงทำได้แค่บินฉวัดเฉวียนไปมาบนท้องฟ้า เหมยเหมยมองดูอย่างขบขันและอยากเห็นนักว่าเหยียนหมิงซุ่นจะออกมารับหล่อนอย่างไร

เฮลิคอปเตอร์โยนบันไดเชือกลงมาพร้อมปรากฏตัวเหยียนหมิงซุ่นในชุดเครื่องแบบทหารปีนลงมาทางบันได เมื่ออยู่ห่างจากพื้นดินที่ความสูงประมาณหนึ่งชั้นเขากลับกระโดดลงพื้นอย่างง่ายดาย พอเงยหน้าก็เห็นเหมยเหมยในชุดเจ้าสาวพร้อมส่งยิ้มให้เขาอยู่

เหยียนหมิงซุ่นตะลึงค้างพักใหญ่ เขารู้ว่าเหมยเหมยสวยมากมาตั้งแต่เด็ก ๆแต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะสวยยามอยู่ในชุดเจ้าสาวได้มากขนาดนี้ราวกับนางฟ้าที่พร้อมจะโบยบินได้ทุกเมื่อ!

เขาหัวใจเต้นแรงรีบเร่งฝีเท้าเดินมาหา จากนั้นก็คว้ามือของเหมยเหมยมาจับไว้แน่นจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของฝ่ามือถึงโล่งใจ

“วันนี้เธอสวยมาก!” เหยียนหมิงซุ่นชมจากใจจริง

เหมยเหมยมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แต่กลับจงใจแค่นเสียงใส่ “ความหมายของพี่คือเมื่อก่อนฉันไม่สวยสินะ?”

“เปล่า เพียงแต่วันนี้สวยมากเป็นพิเศษ!”

เหมยเหมยยิ้มอย่างมีความสุขแล้วมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความรักอันลึกซึ้ง มองจากมุมของเธอเห็นแค่ด้านข้างเท่านั้นแต่ยังคงความหล่อเหล่าเหมือนเคย ทั้งยังคงเงาของเด็กหนุ่มที่แสนเย็นชาอุ้มบาสเก็ตบอลในตอนนั้นอยู่เลือนราง

เธอก็คาดไม่ถึงแค่เรียกเขาว่า ‘พี่หมิงซุ่น’ ครั้งเดียวจะได้เรียกไปทั้งชีวิต!

“ตอนนั้นทำไมพี่ถึงไม่ยอมอุ้มฉัน?” อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็คิดบัญชีย้อนหลัง

เหยียนหมิงซุ่นนิ่งไปชั่วขณะ เขาคิดอยู่นานถึงนึกออกว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเลยอดหัวเราะไม่ได้ พูดเสียงเนิบนาบว่า “ตอนนั้นไม่สนิทกัน ปกติพี่ไม่คุยกับผู้หญิงที่ไม่สนิทหรอกนะ”

“เกลียดจริง ๆ!”

เหมยเหมยเอ่ยเสียงเคือง ๆแต่กลับอดหัวเราะไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยบอกลาสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวเตรียมขึ้นเครื่องออกเดินทาง เฮลิคอปเตอร์ยังคงลอยอยู่กลางท้องฟ้า เหยียนหมิงซุ่นกระซิบเสียงเบา “กอดพี่ให้แน่นล่ะ!”

เหมยเหมยโอบรอบคอเขาอย่างเชื่อฟัง เหยียนหมิงซุ่นโอบเอวของเธอด้วยมือเดียวกระโดดเบา ๆก็คว้าบันไดมาได้ แล้วทั้งสองคนก็ปีนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป

จ้าวเสวียหลินมองจนเฮลิคอปเตอร์ลับตาไปก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “อยู่ห่างจากโรงแรมเท่าไหร่กันเชียวถึงต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าเหมยเหมยตกลงมาจะทำอย่างไร?”

“โรงแรมเปิดตอนเที่ยง ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย!” อี้ฮุ่ยกล่าว

“งั้นเขาจะรับไปเช้าขนาดนี้ทำไมกัน?” จ้าวเสวียหลินรู้สึกแปลกใจ

เหยียนซินหย่ายิ้มอธิบาย “แม่เองก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัดหรอกแต่เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าจะเซอร์ไพรส์พวกเรา แถมบอกอีกว่าอีกสักพักจะมีรถมารับพวกเราด้วย”

จ้าวเสวียหลินยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ขณะนี้สิบโมงยี่สิบแล้ว อยากดูเหมือนกันว่าเหยียนหมิงซุ่นจะทำอะไรกันแน่

เหมยเหมยนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีเพียงเธอ เหยียนหมิงซุ่นและนักบินอีกสามคน อีกทั้งเส้นทางที่เฮลิคอปเตอร์มุ่งไปก็ออกนอกตัวเมืองขึ้นเรื่อย ๆราวกับจะไปเขตชานเมือง

 “พวกเราไม่ไปโรงแรมกันเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นลูบมือเธอเบา ๆ เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ไปอีกที่ก่อน ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

เฮลิคอปเตอร์ลงจอดสนามหญ้าขนาดใหญ่ เหมยเหมยเพิ่งลงจากเฮลิคอปเตอร์ก็เห็นสามพี่น้องวิ่งเข้ามาหาเธอ เสี่ยวจูที่ปกติจะยังหลับอยู่ก็โดนเล่อเล่อลากมาด้วย แถมยังสวมสูทตัวเล็กผูกเนคไทดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวเป่าก็มาด้วย…ดีจริง ๆเลย!” เหมยเหมยเห็นเสี่ยวเป่าในชุดสูทและรองเท้าแบบเดียวกัน เด็กคนนี้อายุแปดขวบแล้วหน้าตาหล่อเหลาขึ้นทุกวัน เขาเองก็เดินเข้ามาหาเหมยเหมยเช่นกัน

 “คุณน้า (แม่)…สุขสันต์วันแต่งงาน!”

พวกเขาทั้งสี่คนโปรยดอกไม้แล้วเอ่ยคำอวยพรอย่างพร้อมเพรียงกัน เหมยเหมยย่อตัวลงหอมแก้มคนละทีพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

มีความสุขสุด ๆเลย…จนน้ำตาไหลจริง ๆ

…………………

Related

ตอนที่ 2891 ปฏิเสธการหมั้นหมายของเด็กๆ

เสี่ยวจูหัวเราะแล้วเอาแผ่นแป้งมันฝรั่งทอดกลับมา ไม่กินก็ไม่กิน เขายังตัดใจแบ่งให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!

มื้อค่ำของลี่เมิ่งเฉินเป็นขนมลาม้วน เขาดมแล้วดมอีกจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดปนเปื้อนถึงทานอย่างวางใจแล้วบอกวันเดินทางกลับ

“พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว เตรียมขนมลาม้วนให้ฉันไว้กินระหว่างทางด้วย”

มีเสี่ยวจูเด็กจอมป่วนที่รับมือยากอยู่ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ลี่เมิ่งเฉินเสียเปรียบ อีกอย่างเขาไม่แน่ใจว่าครั้งหน้าจะรู้ทันแผนการไหม หากโดนเจ้าเด็กจอมป่วนเล่นงานอีกชื่อเสียงอันเลื่องลือตลอดชีวิตเขา…คงพังทลายลงภายในวันเดียว!

เสี่ยวจูนึกเสียดายยิ่งกว่าเดิม เขายังเที่ยวเล่นไม่หนำใจเลย!

“คุณอาอย่าไปเลยนะ ผมชอบคุณอา!” เสี่ยวจูออดอ้อน ยากนักกว่าจะเจอคนประเภทเดียวกัน เขาอาลัยอาวรณ์มากจริง ๆ!

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะแฝงเจตนาร้าย “ชอบอามากขนาดนี้ก็กลับบ้านไปกับอาสิ เดี๋ยวอาจะให้อาสะใภ้คลอดเมียสักคนให้ เป็นไงล่ะ?”

แม้จะโดนเล่นงานแต่ลี่เมิ่งเฉินกลับชอบเสี่ยวจูมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลยทีเดียว อีกอย่างความสามารถก็ไม่เป็นรองเขา แบบนี้พอถูไถจับคู่กับลูกสาวเขาได้อยู่!

ตอนนี้พาเจ้าเด็กจอมป่วนกลับบ้านไปด้วยแล้วสอนการเป็นสามีที่ดีให้ตั้งแต่ยังเด็ก ลี่เมิ่งเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นพร้อมดวงตาเป็นประกายวิบวับ เขาลองศึกษาวิเคราะห์ภรรยาแล้ว เด็กในท้องจะต้องเป็นลูกสาวแน่นอน ฉะนั้นได้เวลาหาลูกเขยแล้ว!

เสี่ยวจูสัมผัสได้ถึง ‘เจตนาร้าย’ ลึก ๆของอานิสัยไม่ดีคนนี้ก็อดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้ เขาส่ายศีรษะอย่างแรง “ไม่เอา…จะอยู่กับพ่อแม่”

เหมยเหมยขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นรั้งเสี่ยวจูเข้ามากอดไว้พร้อมจ้องลี่เมิ่งเฉินอย่างระแวง “อย่าคิดทำอะไรลูกชายของฉันนะ ภรรยาของนายใกล้คลอดแล้วไม่ใช่เหรอ อยากเล่นก็ไปเล่นลูกของตัวเองโน้น!”

ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยกับเหยียนหมิงซุ่นตามตรง “ข้อเสนอของฉันเป็นไง? หมั้นหมายเด็ก ๆไว้ เอาตอนเด็ก ๆนี้แหละ”

เหมยเหมยตวาดออกมาด้วยความโมโหว่า “นายแน่ใจว่าภรรยานายจะคลอดลูกสาวแล้วเหรอ?”

“ต้องเป็นลูกสาวแน่นอน” ลี่เมิ่งเฉินมั่นใจเป็นอย่างมาก

“ไม่ได้ อนาคตลูกสาวของนายจะหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ หากเหมือนพ่อฉันไม่อยากได้ลูกสะใภ้หน้าตาน่าเกลียดหรอกนะ” ครั้นเห็นอาการเสียหน้าของลี่เมิ่งเฉิน เหมยเหมยก็เลิกคิ้วอย่างมีชัยถือว่าเป็นการแก้แค้น

พอเห็นท่าทีหลงตัวเองสุดขีดของเจ้าหมอนี่ก็หงุดหงิด เชอะ…คิดจะมาแย่งลูกชายของเธอเหรอ?

ฝันไปเถอะ!

เหยียนหมิงซุ่นกลั้นหัวเราะแล้วเอ่ยอย่างสุภาพว่า “ความรักไม่ควรถูกบังคับ รอพวกเด็ก ๆโตแล้วค่อยว่ากันเถอะ หากพวกเขาไม่มีความรู้สึกดี ๆให้กัน พวกเราบังคับไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

ลี่เมิ่งเฉินแค่นเสียงใส่แล้วมองเสี่ยวแวบหนึ่ง เขาอยากเอาเจ้าตัวป่วนนี่กลับไปศึกษาด้วยจริง ๆ แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย เขาจะดึงดันไม่ได้ สิ่งสำคัญเขาไม่ได้มีความมั่นใจว่าจะแย่งตัวไปได้สำเร็จเพราะในเมื่อที่นี่เป็นถิ่นของเหยียนหมิงซุ่น

ดูท่าคงจะต้องรอไปก่อนแล้วค่อยมาคิดหาวิธีทีหลังแล้วล่ะ!

วันต่อมาพอทานมื้อเช้าเสร็จลี่เมิ่งเฉินก็เดินทางกลับด้วยความเสียดาย เพราะไม่ว่าจะเป็นเสวี่ยเอ๋อร์หรือว่าเสี่ยวจู เขาก็เอาเลือดมาไม่ได้ทั้งคู่

จนถึงตอนเย็นเหมยเหมยถึงเพิ่งรู้ว่าลี่เมิ่งเฉินตกใจจนเผ่นกลับเพราะเสี่ยวจู

“แม้แต่ลี่เมิ่งเฉินเสี่ยวจูยังเล่นงานได้แสดงว่าในอนาคตเสี่ยวจูจะต้องเก่งกว่าลี่เมิ่งเฉินใช่ไหมนะ?” เหมยเหมยตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับลี่จิ่วได้แหละ” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมั่นใจ

เหมยเหมยดีใจสุดขีด ลูกชายมีอนาคตที่ดีคนเป็นแม่ย่อมดีใจมากอยู่แล้ว พอได้ยินชื่อลี่จิ่วเธอก็ถามอย่างแปลกใจว่า “ลี่จิ่วมีชื่อเสียงมากเลยเหรอ? ฟังจากน้ำเสียงพี่แล้วตระกูลลี่เหมือนว่าจะไม่ธรรมดา เก่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่อในอดีตอีกเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “เทียบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้แค่ระดับผิวเผินเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วยังมีตระกูลลึกลับบางส่วนอีก แต่ตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือตระกูลลี่ และลี่จิ่วก็เป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลลี่ ทั้งยังมีอีกคนลี่ปาเป็นพี่ชายแท้ ๆของเขาด้วย”

…………………………………………..

ตอนที่ 2892 พิธีแต่งงาน (1)

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายเรื่องราวของตระกูลลี่ให้เหมยเหมยฟังคร่าว ๆ ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อนเขาคงไม่รู้เรื่องราวของตระกูลลี่ด้วยซ้ำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลลี่ก็ค่อย ๆโผล่มา ถึงขั้นมีลูกชายของตระกูลลี่ผงาดขึ้นมาโลดแล่นในวงการธุรกิจซึ่งธุรกิจไปได้ดีไม่น้อย

แน่นอนว่าไม่ใช่ลี่ปาและลี่จิ่วแต่เป็นพี่ชายของพวกเขา แต่เพราะเป็นลูกนอกสมรสพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลลี่ นี่คงจะเป็นสาเหตุความเป็นมาของเหล่าคุณชายของตระกูลลี่!

ฉวยโอกาสตอนที่ผู้นำตระกูลยังคงเป็นชายชราลี่ฉกฉวยเงินทองเท่าที่ทำได้ ถ้าในอนาคตสองพี่น้องลี่ปาลี่จิ่วสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล วันเวลาของพี่น้องต่างแม่เหล่านี้เกรงว่าคงใช้ชีวิตไม่ง่ายนัก

“นั่นก็หมายความว่าลี่เมิ่งเฉินเป็นคนเล็กสุดอยู่ลำดับที่เก้า พี่ชายและเขาเป็นฝาแฝดกัน ก่อนหน้านั้นยังมีพี่น้องอีกเจ็ดคนเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ใช่”

“พ่อเขาไม่ได้เรื่องเลย ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายยังไม่ให้กำเนิดบุตรก็มีลูกกับพวกเมียน้อยตั้งเจ็ดคนแล้ว เลวจริง ๆ!”

อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็รู้สึกเห็นใจลี่เมิ่งเฉิน หากเป็นตระกูลธรรมดายังพอว่า แต่ตระกูลผู้ดีอย่างตระกูลลี่พี่น้องเจ็ดคนย่อมจ้องกันตาเป็นมันอยู่แล้ว เกรงว่าสองพี่น้องลี่เมิ่งเฉิคงใช้ชีวิตยากไม่น้อย!

พวกเขามีชีวิตรอดมาอย่างราบรื่นจนถึงตอนนี้ก็ถือว่าโชคดีสุดๆแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “วางใจเถอะ ในโลกนี้ยกเว้นสี่ยวจูของเรา คนที่สามารถจัดการลี่จิ่วได้คงยังไม่เกิด!”

ตามคำบอกเล่าของบุตรชายตระกูลลี่ ลี่จิ่วเป็นคนบ้า ลี่ปาเป็นอัมพาตเลยไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดกของตระกูล แต่เมื่อครู่ลี่จิ่วกลับบอกว่าเขาเป็นคนปล่อยข่าวลือเหล่านี้ด้วยตัวเอง

งั้นก็หมายความว่าลี่จิ่วก็ไม่ได้เป็นบ้า ลี่ปาก็ไม่ได้เป็นอัมพาต ส่วนรายละเอียดอาจมีเพียงสองพี่น้องลี่จิ่วลี่ปาเท่านั้นที่รู้แจ่มแจ้ง!

แต่คนในตระกูลลี่มีไม่น้อยทว่ากลับถูกสองพี่น้องปั่นจนหัวหมุน แล้วแบบนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของสองพี่น้องนี้ได้อย่างไร!

“แปลกมากจริง ๆ ผู้หญิงที่กำราบผู้ชายอย่างเจ้าหมอนี่ได้เป็นคนแบบไหนกันนะ หล่อนต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!” เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องแก่งแย่งชิงดีของคนในตระกูลหรอกเพราะเธออยากรู้จักผู้หญิงที่สยบลี่จิ่วได้มากกว่า

ตกลงเป็นคนเก่งกาจขนาดไหนกันนะ!

ลี่จิ่วรักษาความลับได้ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเขาแต่งงานตั้งแต่เมื่อไร เมื่อนึกถึงการแต่งงานเหมยเหมยก็โมโหขึ้นมาเลยออกแรงกระทุ้งเหยียนหมิงซุ่นเบะปากบ่นว่า “คนอื่นเขาจัดงานแต่งงานกันแล้วแต่ฉันคลอดลูกมาสามคนแล้ว แม้กระทั่งชุดแต่งงานยังไม่เคยได้ใส่เลย”

คิด ๆแล้วก็รู้สึกเสียเปรียบ ก่อนจะคลอดเล่อเล่อรอบเอวแค่ 21 นิ้ว หลังคลอดลูกเอวก็ขยายมาถึง 22 นิ้ว แต่หลังคลอดเน่าเน่ากับเสี่ยวจูส่วนอื่นฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีจะมีก็แต่ที่เอว…ที่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปมีเอวบางเหมือนในอดีตได้อีก เมื่อวานเธอเพิ่งวัดไป ก่อนมื้ออาหาร 23 นิ้ว หลังมื้ออาหารขยายไปเกือบ 24 นิ้วแล้ว

หุ่นหนาขนาดนี้ใส่ชุดแต่งงานแล้วดูดีได้สิแปลก!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดอยู่ในใจ ตอนนั้นสัญญากับภรรยาว่าจะจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดในปลายศตวรรษนี้ดิบดี แต่เวลากลับยืดเยื้อออกไปเรื่อย ๆ เขาไม่แปลกใจเลยที่เหมยเหมยจะบ่น

“เป็นความผิดของพี่เอง พี่จะต้องทำสัญญาที่ว่าให้เป็นจริงแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นสัญญาอีกครั้ง

อันที่จริงตอนเน่าเน่าและเสี่ยวจูเพิ่งครบหนึ่งขวบ เขาก็เคยคิดเรื่องงานแต่งงานเหมือนกัน ตอนนี้สองพี่น้องวิ่งปร๋อกระโดดโลดเต้นได้แล้วก็ถึงเวลาจัดงานแต่งงานแล้วล่ะ

“เมื่อไหร่? ห้ามกระชั้นชิดเกินไปนะ พี่ต้องให้เวลาฉันลดน้ำหนักอย่างน้อยครึ่งปี ฉันจะต้องลดเอวให้ได้ หากเอวไม่ลงถึง 22 นิ้วฉันจะไม่ยอมใส่ชุดแต่งงานหรอกนะ” เหมยเหมยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“เอวบางมากขนาดนี้ ไม่ต้องลดน้ำหนักแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเอวเล็กบางของเธอ สำหรับเขาแล้วยังคงบางมากซึ่งเล็กกว่าแขนของเขาด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงที่มักจะไม่ชอบสัดส่วนของตัวเองอยู่เสมอ ผอมจนจะเหลือแต่ซี่โครงอยู่แล้วยังร้องลดน้ำหนักอยู่ทุกวัน!

“พี่ตาบอดต่างหาก ทั้ง ๆที่เอวหนาขนาดนี้ ถึงอย่างไรพี่ก็ต้องให้เวลาฉันครึ่งปี!” เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่เขา

เพราะฟังคำโกหกของผู้ชายคนนี้ที่วัน ๆเอาแต่บอกว่าไม่อ้วน ๆ เธอถึงได้ปล่อยให้พุงใหญ่ขนาดนี้ สุดท้าย…ยัดจนเอวขยายไปถึง 26 นิ้วแล้ว

……………………

Related

ตอนที่ 2889 เจอแผนร้าย

เสี่ยวจูดมทุกเครื่องปรุงแล้วหยิบถ้วยน้ำจิ้มมาใบหนึ่งใส่เครื่องปรุงสองสามชนิดเข้าด้วยกัน รวมถึงผงสลอดด้วย จากนั้นก็เทจิกโฉ่และซีอิ๊วลงไปคนให้เข้ากันอีก

ป้าฟางยิ้มเอ่ย “เสี่ยวจูอยากกินน้ำจิ้มเกี๊ยวเหรอ?”

“อืม” เสี่ยวจูพยักด้วยสีหน้าจริงจัง

“เมื่อก่อนเราไม่ชอบกินไม่ใช่เหรอ?” ป้าฟางรู้สึกประหลาดใจเพราะปกติแค่ใส่เกลือเยอะเจ้าหนูน้อยยังไม่ยอมกินเลย แต่ทำไมครั้งนี้ถึงปรุงรสหลายอย่างจัง?

เสี่ยวจูแค่นเสียงแล้วยกถ้วยน้ำจิ้มออกไป แน่นอนว่าเขาไม่กินอยู่แล้ว นี่เตรียมให้คุณลุง ‘คนเลว’ กินต่างหาก

พอวางถ้วยน้ำจิ้มบนโต๊ะทานข้าวไม่นานลี่เมิ่งเฉินก็เดินลงมา เขานั่งลงบนโต๊ะอย่างเกียจคร้านแต่พอเห็นเสี่ยวจูกินเกี๊ยวอย่างเอร็ดอร่อยก็อดอยากทานไม่ได้เลยบอกป้าฟางว่า “เอาเกี๊ยวมาให้ผมด้วย”

“ขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงยังจะเอาอยู่ไหม?” ป้าฟางถามขึ้น

“จานหนึ่งเหมือนเดิมครับ”

ลี่เมิ่งเฉินมองเสี่ยวจูกินอย่างสนอกสนใจ เคี้ยวแก้มตุ่ย ปากเลอะน้ำมันแผล็บ แม้จะเป็นเกี๊ยวไส้ผักแต่มองดูแล้วคงอร่อยไม่แพ้เกี๊ยวไส้เนื้อ ผักจี่ไฉ่ ไข่และเห็ดหอม…ล้วนเป็นของโปรดปรานของเขาอยู่แล้ว

ป้าฟางถือสองจานออกมาวางไว้ตรงหน้าลี่เมิ่งเฉิน ทั้งหอมกรุ่นทั้งสดใหม่ อร่อยจริง ๆขาดแต่รสชาติจืดไปหน่อย

“เกี๊ยวอันนั้นห่อให้เสี่ยวจูน่ะ เขาไม่ชอบกินเค็ม ถ้าคุณคิดว่ามันจืดไปก็จิ้มน้ำจิ้มเอาก็ได้” ป้าฟางเลื่อนถ้วยน้ำจิ้มมาไว้ตรงหน้าเขา

ลี่เมิ่งเฉินยกถ้วยน้ำจิ้มขึ้นมาดม กลิ่นเผ็ดโชยมา…แต่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเขาจึงจิ้มน้ำจิ้มอย่างสบายใจ พอเอาเข้าปากก็จำนนให้กับความเด็ดของน้ำจิ้มจนยัดเข้าปากไม่หยุด

“น้ำจิ้มนี่ไม่เลวเลย คุณเอาเกี๊ยวมาให้ผมอีกจาน ขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงทิ้งไว้เป็นของว่าง เดี๋ยวอีกสักพักค่อยกินแล้วกัน” ลี่เมิ่งเฉินพูดไปทานไป แค่ในระหว่างที่พูดก็ทานเกี๊ยวเข้าไปสามคำแล้ว

ป้าฟางกลับไม่ยอมเพราะเกี๊ยวทำให้เสี่ยวจูแต่กลับโดนเจ้าหมอนี่ทานจนเกลี้ยง แล้วแบบนี้เสี่ยวจูจะทานอะไร?

“กินอิ่มแล้ว…พรุ่งนี้กินแผ่นแป้งมันฝรั่ง” เสี่ยวจูบอกป้าฟางหลังจากทานเกี๊ยวในจานหมด

“โอเค เกี๊ยวไม่อร่อยเหรอ?” ป้าฟางถามขึ้น

“อร่อย แต่อยากกินแผ่นแป้งมันฝรั่ง” เสี่ยวจูอ้าปากหาว พอทานอิ่มความง่วงก็คืบคลานเข้ามา แต่วันนี้เขายังนอนไม่ได้เพราะเขาต้องชื่นชมผลงานของเขาก่อน

เมื่อป้าฟางเห็นว่าเสี่ยวจูไม่ทานแล้วจึงกลับเข้าครัวไปต้มเกี๊ยวจนหมดแล้วยกมาให้ลี่เมิ่งเฉินทาน ทานให้หนำใจไปเลยแล้วกัน

ลี่เมิ่งเฉินทานไม่หยุดปากซึ่งดูท่าทางเจริญอาหารไม่น้อยเลย เพียงพริบตาเดียวก็จัดการเกี๊ยวในจานจนหมด แม้แต่น้ำจิ้มก็เกลี้ยงด้วยเช่นกัน

“เอิก…น้ำจิ้มรสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ คุณปรุงเองเหรอ?” ลี่เมิ่งเฉินเอามือลูบท้องตัวเองอย่างพึงพอใจแล้วมองไปที่ป้าฟาง

ป้าฟางชี้ไปที่เสี่ยวจูที่กำลังดูละครสนุก ๆอยู่แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวจูเป็นคนปรุง อร่อยจริง ๆเหรอ?”

เดิมทีเธอนึกว่าเสี่ยวจูแค่ทำเล่น ๆใครจะไปคิดว่าลี่เมิ่งเฉินจะชมขนาดนี้แถมทานจนเกลี้ยงด้วย ป้าฟางยกถ้วยน้ำจิ้มหมายจะแตะชิมสักหน่อยแต่เสี่ยวจูกลับร้องขึ้นว่า “ป้าฟาง…ดื่มน้ำ”

ป้าฟางรีบวางถ้วยน้ำจิ้มแล้วเทน้ำให้เสี่ยวจู การขัดจังหวะครั้งนี้ทำให้เธอลืมเรื่องน้ำจิ้มเสียสนิท

ลี่เมิ่งเฉินใจเต้นระรัวชี้ไปที่เสี่ยวจูแล้วถามขึ้นว่า “เขาเป็นคนปรุงน้ำจิ้มเหรอ?”

“คุณอา…อร่อยไหม?” เสี่ยวจูยิ้มตาหยีส่งให้เขา ในใจกำลังนับถอยหลัง สิบ เก้า แปด เจ็ด…สอง…หนึ่ง…

สีหน้าของลี่เมิ่งเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยกุมท้องตัวเองแล้ววิ่งพุ่งไปทางห้องน้ำ

บนใบหน้ารูปไข่ของเสี่ยวจูแต่งแต้มรอยยิ้มไร้เดียงสา จากนั้นก็หาวหวอดใหญ่ยกมือเรียกป้าฟาง “ง่วง…”

ป้าฟางอุ้มเขาแล้วพึมพำด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเพิ่งกินเสร็จก็ท้องเสียเลยล่ะ?”

“กินเยอะเกินไป” เสี่ยวจูพูดเสียงเบา

ป้าฟางพยักหน้าเห็นด้วย “เพราะกินเยอะไปแน่ ๆ ทำอย่างกับไม่ได้กินมาหลายชาติจนท้องรับไม่ไหวเลยสิท่า!”

……………………………………….

ตอนที่ 2890 ท้องเสียทั้งวัน

หลังจากเหมยเหมยเล่านิทานให้เน่าเน่าฟังเสร็จก็เดินออกมา ครั้นไม่เห็นลี่เมิ่งเฉินจึงถามป้าฟางว่าเกิดอะไรขึ้น

ป้าฟางบุ้ยปากไปทางห้องน้ำแล้วกระซิบว่า “กินข้าวเช้าเสร็จก็เข้าไปในนั้นละ จนถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย”

ลี่เมิ่งเฉินที่อยู่ในห้องน้ำนั่งบนชักโครกอย่างทรมาน ถ้ายังท้องเสียอยู่แบบนี้เกรงว่าแม้แต่จะนั่งคงนั่งไม่ได้ เขาหลงกลได้อย่างไรกันนะ?

ลี่เมิ่งเฉินตำหนิตัวเองมากกว่าโกรธเพราะแค่แผนของเด็กทารกตัวน้อย ๆเขายังหลงกลได้ นับว่าเขาใช้ชีวิตยี่สิบกว่าปีมานี้อย่างสูญเปล่า

แต่เขายอมรับว่าการรับรู้กลิ่นของเสี่ยวจูดีกว่าเขามากจริง ๆ เจ้าหนูใช้เพียงเครื่องปรุงรสแค่ไม่กี่อย่างก็สามารถกลบกลิ่นของผงสลอดได้แล้ว เขาประเมินว่าประสาทการรับรู้กลิ่นของตนดีกว่าสุนัข ทว่ากลิ่นเล็กน้อยเท่านี้เขายังไม่รู้เลย

เจ้าเด็กน้อยนี่น่าสนใจจริง ๆ ก่อนไปต้องเจาะเลือดเอาไปวิจัยสักหน่อยแล้ว

ลี่เมิ่งเฉินคิดวางแผนเสร็จ ทันใดนั้นก็เกิดอาการจุกเสียดท้อง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย โอดครวญด้วยความทรมานเพราะรูทวารจะพังอยู่แล้ว คอยดูเถอะเจ้าเด็กบ้า!

ถ้าแค้นนี้ไม่ได้ชำระเขาจะให้ลูกสาวแต่งงานกับไอ้เด็กบ้านี้เลย!

พระอาทิตย์ค่อย ๆลับขอบฟ้าซึ่งหมดเวลาไปอีกหนึ่งวัน เหยียนหมิงซุ่นเลิกงานกลับบ้าน ส่วนเล่อเล่อก็เลิกเรียนนานแล้ว

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จแต่ก็ยังไม่เห็นลี่เมิ่งเฉินโผล่หน้ามา เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างนึกสงสัย “เขาไปแล้วเหรอ?”

เหมยเหมยชี้ไปที่ห้องน้ำ “อยู่ในนั้นมาทั้งวันแล้ว แถมไม่ให้ฉันโทร 120 ด้วยนะ” จะตายอยู่แล้วยังห่วงศักดิ์ศรีอยู่ได้ ไม่โทรก็ไม่โทรสิ ท้องเสียคงไม่ถึงตายหรอกมั้ง?

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว “ทำไมถึงท้องเสียได้ล่ะ?”

เหมยเหมยแบมือสองข้างขึ้นสื่อว่าไม่รู้เหมือนกันด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เธอเองก็สงสัยเช่นกัน ทุกคนทานมื้อเช้าเหมือนกันแต่ทำไมถึงมีแค่ลี่เมิ่งเฉินที่ท้องเสีย?

ไม่แน่พระเจ้าอาจทนไม่ไหวถึงบันดาลให้เขาทุกข์ทรมานสักหน่อย

สองพี่น้องเล่อเล่อและเน่าเน่าต่างส่งสายตาดีใจให้กันและก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่ออย่างว่าง่ายซึ่งเงียบกริบไม่เอะอะโวยวายเหมือนเมื่อก่อน

เหยียนหมิงซุ่นเดินไปทางห้องน้ำเคาะประตูแล้วเอ่ยถามว่า “เป็นไงบ้าง?”

สักพัก…มีเสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงลอยมา “ไม่ตายหรอก…อีกห้านาทีจะออกไป”

ลี่เมิงเฉินพยายามอัดน้ำเข้าไปอย่างหนักเพื่อขับพิษออกมาและป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ อาการของเขาดีขึ้นมาก เพียงแต่ไร้เรี่ยวแรงและร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมด

หลังจากห้านาทีผ่านไปประตูก็เปิดออก ลี่เมิ่งเฉินสีหน้าซีดเซียว ร่างกายโอนเอนไปมา ไม่เจอกันวันเดียวร่างกายซูบลงไปไม่น้อย

“เรียกหมอมาดูหน่อยดีกว่า” เหยียนหมิงซุ่นตกใจเพราะไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขนาดนี้

อย่างไรเสียก็เป็นแขก เขาจะเมินเฉยต่อความเป็นความตายของแขกไม่ได้

“ไม่ต้อง ต้มโจ๊กให้กินก็พอ อย่าให้ลูก ๆของนายเข้าใกล้ห้องครัวเป็นอันขาด” ลี่เมิ่งเฉินกัดฟันกรอด

เขาคิดมาทั้งวัน ถ้ายังเป็นเด็กเขาอาจมีแรงต่อกรกับเสี่ยวจูได้ แต่เพราะถูกสิ่งสกปรกของโลกใบนี้ทำให้แปดเปื้อนมายี่สิบกว่าปีแล้ว การรับรู้กลิ่นของเขาจึงถดถอยลงไปมาก ซึ่งเดิมทีใช่ว่าจะต่อกรกับเสี่ยวจูไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นตกใจ “เสี่ยวจูเหรอ?”

“นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกล่ะ นายนี่ได้ลูกชายดีจริง ๆ!” ลี่เมิ่งเฉินถลึงตาใส่อย่างโกรธเคืองพลางนึกปวดใจ ไม่รู้ว่าวันหน้าลูกชายเขาจะมีความสามารถถึงขนาดนี้ไหม?

เพราะถ้าเป็นแบบนั้นความแค้นครั้งนี้ให้ลูกชายเขาแก้แค้นแทนก็จบ!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที แต่คิด ๆดูแล้วออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อยจึงพยายามสะกดท่าทีไว้ แต่มุมปากที่ยกยิ้มทำให้ลี่เมิ่งเฉินรำคาญใจไม่น้อยพร้อมเดินไปทานข้าวอย่างช้า ๆ

เมื่อเสี่ยวจูเห็นลี่เมิ่งเฉินอาการดีขึ้นมากก็นึกเสียดาย ทำไมหายไวขนาดนี้ล่ะ?

เดิมทีนึกว่าจะให้คุณอา ‘คนเลว’ ท้องเสียสักสามวันสามคืนสักหน่อย!

ลี่เมิ่งเฉินแอบยิ้มให้เสี่ยวจูแล้วเอ่ยอย่างไร้เสียงว่า “วันพระไม่ได้มีหนเดียว เด็กน้อย!”

เสี่ยวจูมองเขาอย่างไร้เดียงสาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจแล้วยกแผ่นแป้งมันฝรั่งทอดไปตรงหน้าเอ่ยว่า “คุณอากินไหม?”

“ไม่เอา…” ลี่เมิ่งเฉินปฏิเสธเสียงเด็ดขาด

เขาไม่ใช่คนโง่สักหน่อยจะหลงกลอีกได้อย่างไร?

…………………………

Related

ตอนที่ 2887 เยือนโลกโลกีย์ยามหลับฝัน

ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็เข้าใจ มิน่าลี่เมิ่งเฉินถึงใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะมาหาเขาได้ คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นเพราะดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่สินะ?

ลี่เมิ่งเฉิน…เยือนโลกโลกีย์ยามหลับฝัน!

เจ้าหมอนี่หลอกทุกคน!

“ภรรยาคนปัจจุบันเป็นลูกสาวตระกูลไหน?” เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าคนที่เอาลี่เมิ่งเฉินได้อยู่หมัด เป็นผู้หญิงแบบไหนกัน

แววตาของลี่เมิ่งเฉินแฝงความอ่อนโยน เอ่ยยิ้ม ๆว่า “ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่โตอะไร นายไม่รู้จักหรอก”

เมื่อเหยียนหมิงซุ่นได้ยินก็เข้าใจในทันที ผู้หญิงที่มาจากครอบครัวธรรมดาจะต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะมัดใจลี่เมิ่งเฉินได้อย่างไร?

“ผู้ใหญ่ครอบครัวนายเห็นด้วยเหรอ?”

ลี่เมิ่งเฉินแค่นเสียงกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้คุณปู่ก็ต้องพึ่งยาของฉันเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อเลยไม่กล้าที่จะคัดค้าน”

ตอนนี้ในตระกูลขึ้นอยู่กับเขาเพียงผู้เดียว ถ้าไม่ใช่เพราะยังไม่อยากรับช่วงต่อผู้นำตระกูลเร็วเกินไป เขาคงหยุดให้ยาชายชรานานแล้ว แต่เป็นแบบในตอนนี้ก็ดี เขาคอยบงการอยู่เบื้องหลัง เรื่องที่ไปทำผิดต่อคนอื่นก็ให้ชายชราออกหน้ารับแทน ส่วนเขาก็แอบมีความสุขอยู่เบื้องหลัง

ใครใช้ให้ครอบครัวนี้เคยทำร้ายเขากันล่ะ!

“นายศึกษาตัวยาวิเศษได้แล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักเพราะยาวิเศษพวกนั้นเป็นยาอายุวัฒนะอย่างแท้จริง ตัวยาเจือจางอยู่หลายสิบเท่าและส่วนประกอบในตัวยาหลายตัวก็ยากที่จะวิเคราะห์ได้ เขาพยายามอยู่หลายรอบก็ไม่สำเร็จ ลี่เมิ่งเฉินมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?

ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยอย่างได้ใจ “แน่นอน ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่ฉันทำไม่ได้”

ในความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกผิดในใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะสามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบของยาวิเศษออกมาได้ แต่กลับหาของที่แทนกันไม่ได้เลย เขาสงสัยแม้กระทั่งว่ายาของเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ใช่ของที่หาได้ในโลกใบนี้

เพราะเขาวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตที่สามารถหาได้บนโลกใบนี้แล้วแต่ไม่มีสิ่งไหนที่เหมือนเลย 100% เจอเพียงแต่วัตถุดิบยาบางตัวที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น

ดังนั้น…ลี่เมิ่งเฉินเลยลองเอาวัตถุดิบที่ใกล้เคียงกันมาใช้จนได้เป็นยาที่เขาให้ชายชราทานจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าประสิทธิภาพของยาจะสู้ยาวิเศษของเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้แต่ก็ดีกว่ายาที่พวกหมอเถื่อนใช้อยู่มากโข อย่างน้อยก็ยื้อชีวิตชายชราไว้ได้ ปางตายอย่างไรเสียก็ดีกว่าตายไปแล้ว

เพื่อตอบแทนลี่เมิ่งเฉิน เหยียนหมิงซุ่นจึงให้ยาเขาไปขวดหนึ่ง ไม่เช่นนั้นเจ้านี่คงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆแน่

เหมยเหมยจงใจพูดว่า “นายศึกษาตัวยาได้แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมยังต้องมาเอายาจากเราอีกล่ะ?”

ลี่เมิ่งเฉินมองเธอด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแล้วเหลือบมองฉิวฉิวที่นอนแผ่อยู่บนพัดลมแขวนเอ่ยว่า “ฉันไม่ถือหรอกนะถ้าจะมีของดีไว้กับตัวเยอะ และยิ่งเป็นสมบัตินอกโลกแบบนี้แล้วด้วย ยิ่งมีไว้เยอะก็ยิ่งดี”

เหมยเหมยใจเต้นระรัว เธอไม่กล้ามองตาลึกล้ำคู่นั้นของลี่เมิ่งเฉินอีกจึงรีบเบือนหน้าหนีและไม่พูดอะไรต่อ

เจ้าหมอนี่มองความสามารถพิเศษของฉิวฉิวออกหรือเปล่านะ

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงพูดว่ายาวิเศษเป็นสมบัติ ‘นอกโลก’ ล่ะ?

สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นกลับเรียบนิ่ง เขายิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า “ของก็ได้ไปแล้ว เมื่อไรนายจะกลับล่ะ?”

ลี่เมิ่งเฉินนั่งตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผย “ใช่จะมาได้บ่อย ๆ ฉันอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน ให้ภรรยาของนายช่วยจัดห้องนอนรับแขกให้หน่อย ห้องจะต้องหันไปด้านพระอาทิตย์เท่านั้น ฉันอยากตื่นขึ้นมาพร้อมแสงแรกของรุ่งอรุณ เตียงต้องมีขนาดสองเมตรเพราะเวลานอนฉันชอบกลิ้ง

อ้อ แล้วของใช้บนเตียงต้องเป็นสีขาวเหมือนกันหมด ห้ามมาปลุกฉันก่อนสิบโมงเช้า อาหารเช้าจัดไว้ตอนสิบโมงครึ่งพร้อมช่วยเตรียมขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงให้จานหนึ่งด้วย แล้วก็ไข่ดาวสุกระดับมีเดียม แรร์สองฟองพร้อมนมร้อนที่ไม่มีกลิ่นคาวหนึ่งแก้ว”

เหมยเหมยฟังจนตาลายไปหมดจึงอดไม่ได้ที่จะขัดขึ้นว่า “ไม่มีทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่นอนในห้องนอนรับแขกที่เตรียมไว้แล้วก็กลับไปบ้านตัวเองนอนซะ”

ผู้ชายแมน ๆคนหนึ่งเรื่องมากยิ่งกว่าองค์หญิงเสียอีก โรคจิต!

ลี่เมิ่งเฉินแค่นเสียงใส่อย่างเย็นชา “พอใช้งานหมดประโยชน์ก็ไล่กันใช่ไหม…วันหลังถ้าลูกของเธอมีปัญหาไม่ต้องมาหาฉันเลยนะ…”

“ฉันจะไปเตรียมให้นายตอนนี้แหละ ทำให้นายพอใจแน่นอน!” เหมยเหมยรีบฉีกยิ้มในทันทีและหมุนตัวไปเตรียมห้องนอนรับแขกให้

เพื่อลูกชาย…เธอยอมอดทน!

……………………………………….

ตอนที่ 2888 วางยา

เหมยเหมยและป้าฟางช่วยกันจัดห้องนอนรับแขก เนื่องจากในบ้านไม่มีของใช้บนเตียงที่เป็นสีขาวเลยจำเป็นต้องไปซื้อที่ห้าง

พวกเธอสองคนใช้เวลาไปครึ่งวันกว่าจะจัดห้องเรียบร้อยซึ่งทรมานพวกเธอไม่น้อยเลย เหมยเหมยปูผ้าปูที่นอนพลางสบถในใจก่นด่าลี่เมิ่งเฉินจนกระอักเลือดตายไปแล้ว

ใครใช้ให้เจ้าหมอนี่มีความสามารถกันล่ะ ในเมื่อขอความช่วยเหลือเขานี่นา ต่อให้รู้สึกคับข้องใจแค่ไหนก็ต้องอดทนต่อไป

เล่อเล่อพาเน่าเน่าลงมาเล่นข้างล่าง เธออ่านความคิดของเหมยเหมยออกอย่างทะลุปรุโปร่งพลันกลอกตาไปมาวางแผนจะบอกเสี่ยวจูว่าพรุ่งนี้วางยาให้ ‘คนเลว’ นั่นเพิ่มเป็นสองเท่าเลย

วันรุ่งขึ้นหลังจากคนในบ้านทานมื้อเช้าเสร็จ เหยียนหมิงซุ่นและเล่อเล่อก็แยกย้ายกันไปทำงานและไปเรียน เหมยเหมยคอยดูแล ‘แขก’ อยู่ที่บ้าน ส่วนป้าฟางคอยเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว

เวลาเก้าโมงเน่าเน่าวิ่งขึ้นไปปลุกเสี่ยวจูด้านบน เจ้าหนูน้อยยังงัวเงียลืมตาไม่ขึ้นเลยมุดเข้าไปในผ้าห่ม เน่าเน่าเห็นแล้วโมโหเลยยื่นมือไปตบทีหนึ่ง

“ห้ามนอนต่อ คนเลวจะตื่นแล้ว”

เสี่ยวจูตื่นในทันใด เขาค่อย ๆปีนลงจากเตียงช้า ๆ เน่าเน่าจูงมือเขาไปอาบน้ำแล้วจับแต่งตัวให้เสร็จสรรพ แต่ทว่า…เสื้อผ้าบิดเบี้ยว ผมเผ้ายุ่งเหยิง และยังมีขี้ตาติดอยู่ตรงตา…

“ยาที่พี่สาวให้มา”

เน่าเน่าล้วงหยิบผงสลอดที่ใช้กระดาษห่อทับหนาหลายชั้นออกมา เสี่ยวจูรับมาใช้จมูกสูดกลิ่นแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างนึกรังเกียจ

เหม็นชะมัด!

เน่าเน่าเองก็ดมเช่นกันแต่กลับไม่รู้สึกเหม็น กลิ่นไม่น่าดมเท่าไรแต่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขารับได้

“น้องชาย…คนเลวจะดมกลิ่นออกไหม?” เน่าเน่ารู้สึกเป็นกังวลเพราะจมูกสุนัขของคนเลวนั่นดีเป็นพิเศษ แบบนี้จะหลอกเขาได้เหรอ?

เสี่ยวจูยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วส่ายศีรษะยืนยัน

การรับรู้กลิ่นของคนเลวนั่นสู้เขาไม่ได้หรอก!

เหมยเหมยกำลังเตรียมตัวขึ้นไปชั้นบนเพื่อปลุกเสี่ยวจูลงมาทานข้าวแต่กลับเห็นสองพี่น้องเดินลงมาเอง เธอเลยดีใจจุ๊บแก้มพวกเขาไปคนละที

“น่ารักจริง ๆ!”

ไม่เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่ทำตัวพิลึกแล้วยังขี้เกียจอีก จนถึงป่านนี้ยังไม่ลงมาเลย ไม่มีจิตสำนึกความเป็นแขกเลยสักนิด

เสี่ยวจูตามเหมยเหมยเข้าห้องคราวไป ป้าฟางกำลังต้มนมเดือดปุด ๆอยู่ ในห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นนม เสี่ยวจูกลอกตาไปมาแล้วชี้ไปที่นมพร้อมถามว่า “คุณอาดื่มนมไหม?”

“ใช่แล้ว…คุณอาก็ดื่มนมเหมือนเสี่ยวจูไง” เหมยเหมยตอบพร้อมรอยยิ้ม

จะว่าไปแล้วรสนิยมการกินของสองคนนี้ก็คล้ายคลึงกันไม่น้อย ไม่ชอบกินเนื้อสัตว์และชอบกินอาหารจืด ๆ แต่ว่าลี่เมิ่งเฉินไม่ค่อยชอบกินของหวานซึ่งจุดนี้ต่างจากเสี่ยวจู เพราะเสี่ยวจูติดขนมหวานเป็นที่สุด

เสี่ยวจูมีแผนในใจ เขาขยิบตาส่งซิกให้เน่าเน่า เน่าเน่าเข้าใจในทันทีพลันร้องว่าอยากฟังนิทานแล้วลากเหมยเหมยออกไปด้านนอก ในครัวจึงเหลือเพียงป้าฟางและเสี่ยวจูสองคนเท่านั้น

“นมใกล้ต้มเสร็จแล้ว เดี๋ยวเสี่ยวจูก็ดื่มได้แล้วนะ” ป้าฟางนึกว่าเสี่ยวจูรอดื่มนม เธอคนอีกไม่กี่ทีก็ตักใส่แก้วให้เสี่ยวจูก่อน พอมองดูเวลาใกล้สิบโมงแล้วจึงตักอีกแก้วให้ลี่เมิ่งเฉินด้วย

นมร้อน ๆสองแก้วเล็กใหญ่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ป้าฟางกลับมาที่ครัวอีกรอบเพื่อเตรียมทำขนมลาม้วนไส้ถั่วแดง

บนโต๊ะอาหารจึงเหลือเสี่ยวจูเพียงลำพัง อาหารเช้าของเขาคือไข่ตุ๋น เกี๊ยวไส้ผักและนมร้อนหนึ่งแก้ว

เสี่ยวจูไม่ได้รีบร้อนที่จะทานอาหาร เขาล้วงเอาผงสลอดจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดม พอครุ่นคิดครู่หนึ่งก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งลองผสมเครื่องปรุงรสอย่างอื่นดู

ป้าฟางบ่นเขาอยู่หลายประโยคแต่เสี่ยวจูแค่ใช้ดวงตากลมโตมองเธอโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ป้าฟางจึงใจอ่อนตามใจเขาแต่ก็คอยระมัดระวังไม่ให้ผงเข้าตา

……………………………

Related

ตอนที่ 2885 อัจฉริยะมักจะโดดเดี่ยวเสมอ

เหมยเหมยหวาดกลัวจนแทบสติหลุด ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะอย่างได้ใจแต่ก็ไม่นานนักเพราะถูกเหยียนหมิงซุ่นเปิดโปงเสียก่อนจึงถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ

เหยียนหมิงซุ่นถามตรง ๆ “นายก็เข้าไปในโลกคู่ขนานได้ใช่ไหม?”

“แน่นอน ตอนฉันยังเด็กเคยไปในโลกคู่ขนานนั่น แถมได้เรียนรู้อะไรตั้งมากมาย” สีหน้าของลี่เมิ่งเฉินกำลังหวนนึกถึงอดีต

ตอนเขายังเด็กก็อยู่ในสภาพเดียวกับเสี่ยวจูเช่นกันที่นอนไม่เคยอิ่มสักวัน ทว่าเขาไม่ได้โชคดีเหมือนเสี่ยวจูที่มีพ่อแม่รักเขาและครอบครัวที่รักเขาขนาดนอนได้โดยไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาทำร้ายคุณลับหลังหรือเปล่า

ดังนั้นเขาจึงหนีออกจากบ้านตั้งแต่ยังเด็กหลบไปกบดานอยู่บนเนินเขาที่แห้งแล้งไม่มีใครอาศัยอยู่ให้ผืนฟ้าเป็นดั่งผ้าห่ม พื้นดินเป็นดั่งเตียงนอน ใช้ต้นหญ้าและน้ำเติมพลัง เอาสัตว์ร้ายและแมลงมีพิษเป็นผู้พิทักษ์ของเขา

มีชีวิตแบบนี้จนอายุได้สิบขวบ เขาโตและแข็งแกร่งมากพอที่จะไม่เกรงกลัวใครในครอบครัวทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านและเริ่มต้นชีวิตใหม่

และด้วยเหตุนี้…เมื่อเขาเห็นชีวิตของเสี่ยวจูที่อยู่อย่างสุขสบายจึงอดไม่ได้ที่จะอิจฉาขึ้นมา…

“แล้วนายเริ่มใช้ชีวิตแบบปกติเมื่อไหร่ล่ะ?” เหมยเหมยถามอย่างเป็นห่วง

หากนอนแล้วสามารถเรียนรู้ไปด้วยได้ถือเป็นสิ่งที่ดีแต่คงนอนแบบนี้ทุกวันไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปด้วย!

“ยิ่งอายุมากขึ้นเวลานอนก็จะค่อย ๆลดลง  ช่วงสิบปีแรกไม่ต้องไปสนใจเขา แค่พยายามรักษาการออกกำลังกายให้ได้วันละ 1-2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว” ลี่เมิ่งเฉินกล่าวเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมงด้วยเจตนาร้ายกาจ

เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยต่างน้อมรับคำสอนอย่างเชื่อฟัง ทั้งยังมองเจตนาร้ายของลี่เมิ่งเฉินไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

ในใจของเหมยเหมยเพิ่มเวลาออกกำลังกายของเสี่ยวจูเป็นสองชั่วโมง เธอมักจะเลือกสิ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของลูกชายมากกว่าอยู่เสมอ ฉะนั้นหากใช้คำว่า 1-2 ชั่วโมง…แน่นอนว่าต้องเป็นสองชั่วโมงโดยไม่ต้องคิดเลย

“ทำไมลูกชายคนโตของฉันก็เห็นโลกคู่ขนานได้เหมือนกันแต่กลับไม่ได้อยากนอนตลอดเวลาล่ะ?” เหมยเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัย

ลี่เมิ่งเฉินมองสองพี่น้องเน่าเน่าแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “เขาเข้าไปในโลกคู่ขนานไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้มีน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าไปในโลกคู่ขนานได้

เขาเคยศึกษายอดอัจฉริยะที่สร้างยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโดยมองข้ามคนที่ประสบความสำเร็จทั่วไป แต่มุ่งเน้นไปที่ไอน์สไตน์ นักทฤษฎีและนิโคลัส นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่สองคนนี้

เขาไม่เคยเจอสองคนนี้มาก่อนแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าต้องเป็นคนประเภทเดียวกันแน่ โดยเฉพาะนิโคลัสบิดาแห่งกระแสไฟฟ้าสลับที่ถูกดูหมิ่นดูแคลนมาโดยตลอด ได้รับฉายาว่าอัจฉริยะที่น่าหวาดกลัวของมนุษย์ต่างดาว จนถึงปัจจุบันตำรวจ FBI ของสหรัฐอเมริกายังระบุว่าต้นฉบับงานวิจัยของเขาเป็นความลับสุดยอด

นิโคลัสเคยกล่าวว่า “ฉันสามารถแยกโลกออกได้ แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด”

คนที่อยู่ในสมัยนั้นต่างนึกว่าเขาพูดเรื่องเพ้อเจ้อ แต่การระเบิดที่ตุงกุสคาในรัสเซียในปี 1908 พิสูจน์ว่านิโคลัสไม่ได้ล้อเล่น เขามีความสามารถในการทำลายล้างโลกได้จริง ๆ

ดังนั้นคนในยุคปัจจุบันควรขอบคุณนิโคลัสสำหรับความเมตตาของเขาที่มีต่อโลกใบนี้ มิเช่นนั้นประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติคงสิ้นสุดลง

เหยียนหมิงซุ่นพอจะเข้าใจในความหมายของลี่เมิ่งเฉิน คนที่สามารถเข้าไปในโลกคู่ขนานได้คงจะมีไอคิวที่น่าหวาดกลัวมากทีเดียว แม้ว่าเน่าเน่าจะฉลาดมากแต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่น่าทึ่งนัก ดังนั้นเขาจึงแค่มองเห็นแต่ไม่สามารถเข้าไปได้

แต่เขากลับคิดว่าเน่าเน่ายังจะมีความสุขมากกว่า

ในบางครั้งมองเห็นอนาคตที่ไกลออกไปอาจไม่ใช่เรื่องดี อัจฉริยะมักจะโดดเดี่ยวเสมอ

ในฐานะที่เป็นพ่อ เขาแค่หวังว่าลูกชายจะมีความสุข ส่วนจะเป็นอัจฉริยะหรือไม่นั้นไม่สำคัญ

หลังจากเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกเบาใจแล้วหันไปมองลี่เมิ่งเฉิน เจ้าหมอนี่หายหน้าหายตาไปหกปีไม่รู้ไปทำอะไรมาบ้าง!

“ช่วงหกปีมานี้นายไปอยู่ไหนมา?” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความสงสัย

ลี่เมิ่งเฉินยิ้มตาหยีเอ่ย “จีบสาว!”

……………………………………….

ตอนที่ 2886 คุณชายเก้า

“พรวด”

เหมยเหมยกลั้นไว้ไม่อยู่จึงพ่นน้ำออกมา อย่างแรกเธอให้เล่อเล่อและเน่าเน่ากลับห้องไปนอนเพราะเรื่องจีบสาว ไม่เหมาะให้เด็กฟัง

สองพี่น้องออกจากห้องหนังสือแล้วตรงไปห้องของเสี่ยวจู เสี่ยวจูกำลังหลับสบายนอนกรนส่งเสียงคร่อกฟี้

เล่อเล่อบีบจมูกเสี่ยวจูแน่นเพื่อปลุกให้เขาตื่น เสี่ยวจูมองไปที่สองพี่น้องอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เขานอนดี ๆไม่ได้หรือไง?

แต่คำพูดของเน่าเน่าทำให้เขาตื่นและโกรธจัดในทันที

“คนเลวบอกกับแม่ว่านายต้องเดินสองชั่วโมงทุกวัน…” เน่าเน่าแอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่บ้างน้องชายเกลียดการเดินเป็นที่สุด ถ้าเดินสองชั่วโมงจะต้องร้องไห้แน่ ๆ

“เลวมาก!” เสี่ยวจูกัดฟันกรอด

เล่อเล่อแค่นเสียง “จะต้องหาวิธีจัดการคนเลวนี่ อยู่ดี ๆกล้าคิดจะมาเจาะเลือดของเสวี่ยเสวี่ย”

เน่าเน่าไม่ชอบใช้สมองมากที่สุด เขาแค่ชอบลงมือเท่านั้น เขาจึงมองพี่สาวและน้องชายอย่างตั้งใจเพื่อรอฟังคำสั่ง

เล่อเล่อคิดเพียงครู่เดียวก็เอ่ยว่า “วางยาระบายแล้วให้มันอยู่ห้องน้ำไปเลย”

เสี่ยวจูพยักหน้า “ดี!”

เดิมทีเขาก็คิดจะใช้วิธีนี้จัดการคนเลวนั่น แต่ทว่า… ‘คนเลว’ นี่ก็ยากที่จะรับมือเช่นกัน ยาระบายต้องทำขึ้นเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้น ‘คนเลว’ คงไม่หลงกลง่าย ๆแน่

ลี่เมิ่งเฉินที่อยู่ในห้องหนังสืออดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านเฮือก เขาลูบแขนไปมาแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เพราะคนที่จะทำร้ายเขาได้บนโลกใบนี้เกรงว่ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ!

หลังจากเหมยเหมยไล่สองพี่น้องเล่อเล่อออกจากห้องแล้วก็มาแอบฟังต่อ “นายหาแฟนได้แล้วเหรอ?”

ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยอย่างได้ใจ “ตอนนี้เป็นคุณนายลี่ และยังตั้งท้องแล้วด้วย”

ถ้าไม่ใช่เพราะยาวิเศษกระตุ้นความสนใจเขา เขาคงไม่อยากทิ้งภรรยามาหรอก!

เหมยเหมยถามอย่างประหลาดใจ “คนที่นายรักแต่งงานกับคนอื่นแล้ว นายยังมีความสุขได้อีกเหรอ?”

เธอมั่นใจว่าชื่อที่ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยออกมาไม่ได้หมายถึงแซ่ลี่ แต่หมายความว่าผู้หญิงที่เขาชอบแต่งงานกับผู้ชายอื่นและตั้งท้องแล้วด้วย แต่ทำไมยังยิ้มออกมาได้?

หรือเพราะว่าเสียใจมากเกินไปเลยเพี้ยนไปแล้ว?

ตอนเหยียนหมิงซุ่นฟังลี่เมิงเฉินพูดว่า ‘คุณนายลี่’ กลับขมวดคิ้วแน่นพลันนึกถึงตระกูลหนึ่งขึ้นมา

นี่เป็นตระกูลที่แม้แต่เฮ่อเหลียนชิงและหนิงเฉินเซวียนยังไม่กล้าหาเรื่องด้วยซึ่งเป็นตระกูลในตำนาน

“นายคือคุณชายคนที่เท่าไร?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น

ผู้ที่มีชื่อเสียงของตระกูลลี่คือคุณชายแปดและคุณชายเก้า ว่ากันว่ามีเพียงคุณชายสองท่านนี้เท่านั้นที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูล ส่วนคุณชายที่เหลือของตระกูลล้วนเกิดจากชู้ทั้งนั้น

แต่ทว่าแม้ชายพวกนี้จะเจ้าชู้แต่กลับรับผิดชอบเรื่องลูก ๆได้ดีมาก ไม่ว่าจะเกิดเป็นหญิงหรือชาย ไม่ว่าใครจะให้กำเนิด ขอแค่คลอดออกมาแล้วก็จะพากลับบ้านทุกคน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ตระกูลลี่มีคุณชายที่เป็นลูกครึ่งอยู่หลายคนปนเปกันไป

แต่ไม่รู้ว่าลี่เมิ่งเฉินเป็นคุณชายท่านไหน เหยียนหมิงซุ่นพลันเข้าใจทุกอย่างในทันที ลี่และลี่[1]…เจ้าหมอนี่ใช้คำพ้องเสียง!

ลี่เมิ่งเฉินพึงพอใจกับปฏิกิริยาของเหยียนหมิงซุ่นมากแล้วกระแอมเบา ๆเอ่ย “เก้า”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นคุณชายเก้าเหรอ? เป็นคนบ้าที่คนกล่าวถึงกันในตำนาน?

ตามตำนานเล่าว่าคุณชายเก้าเป็นบ้า คุณชายแปดพิการ

แม้ว่าลี่เมิ่งเฉินจะดูเหมือนคนไม่ค่อยปกติแต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นบ้า เรื่องในตำนานล้วนไร้สาระทั้งนั้น

“ฉันเองที่จงใจปล่อยข่าวนั้นออกไป” รอยยิ้มของลี่เมิ่งเฉินลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงขาดห้วง “หรือว่าคุณชายแปด?”

“แน่สิ…คุณชายแปดก็ไม่ได้พิการ” รอยยิ้มของลี่เมิ่งเฉินยิ่งดูลึกลับ

ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชมที่ยืนอยู่ห่าง ๆเพื่อชื่นชมละครที่เขาทั้งเล่นเองและกำกับเอง ทั้งยังมองดูเหล่ามนุษย์ปุถุชนทุกคนที่อยู่ในนั้นด้วย…

ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเช่นนี้ เขารู้สึกว่าในสายตาของลี่เมิ่งเฉินเขาก็เป็นแค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้นเอง

……………………………………….

[1] ออกเสียงเหมือนกันแต่คนละแซ่

Related

ตอนที่ 2883 ความตั้งใจอันชั่วร้าย

เหมยเหมยร้องห้าม “กินไม่ได้นะจะติดคอเอา”

เสี่ยวจูเพิ่งมีฟันน้ำนมเพียงแปดซี่ ขนมชนิดนี้มีความเหนียวมาก ถ้าติดฟันยังไม่เท่าไรแต่ถ้าติดคอหรือหลอดลมขึ้นมาก็มีโอกาสทำให้หายใจไม่ออกซึ่งอันตรายมาก

“อร่อย…ไม่เป็น…” เสี่ยวจูไม่ยอมยื่นขนมให้เหมยเหมย เขากัดไปคำหนึ่งเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“วางใจเถอะ…ต่อให้เธอสำลักตายเขาก็ไม่เป็นอะไรหรอก คิดว่าเขาโง่เหมือนเธอหรือไง!” ลี่เมิ่งเฉินเหล่มองเหมยเหมยอย่างดูแคลน เขาไม่เคยมองคนที่มีไอคิวต่ำกว่า 150 ดี ๆเลยสักครั้ง

ทว่าผู้หญิงโง่เง่าคนนี้กลับให้กำเนิดลูกที่มีไอคิวสูงถึงสามคน ฟ้าหามีตาไม่!

เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่ด้วยความโกรธ  ตั้งแต่รู้จักลี่เมิ่งเฉินมาเจ้าหมอนี่ไม่เคยเป็นมิตรกับเธอเลยสักครั้ง เขามักแสดงสีหน้าประมาณว่า ‘มนุษย์โง่เขลา’ ใส่จนทำเอาเธออึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องขอให้หมอนี่ช่วยเธอจะเคลือบถั่วเหลืองใส่เข้าไปเอาให้เขาท้องเสียตายไปเลย

เสี่ยวจูทานก้อนขนมข้าวเหนียวไปสองชิ้นแล้วค่อยทานบะหมี่ในชามต่อ เขาทั้งเรอทั้งหาวสลับกันไปมา ดวงตาเริ่มสะลึมสะลือแต่ไม่ได้ร้องงอแงขอกลับห้องไปนอนเหมือนเมื่อก่อนทว่ากลับมองลี่เมิ่งเฉินแทนด้วยสายตาเหมือนครุ่นคิดบางอย่างอยู่

ลี่เมิ่งเฉินทานจนหมดจานแล้วทานอย่างอื่นต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นก็ยิ้มให้เสี่ยวจูเอ่ยว่า “ไปนอนเถอะ!”

เสี่ยวจูพยักหน้าอย่างเชื่อฟังอ้าแขนให้เหมยเหมย แม้เขาจะเดินได้แล้วแต่เขาก็ยังขี้เกียจเดินอยู่ดี มีคนอุ้มดีกว่าตั้งเยอะ

เหมยเหมยอ้าแขนเตรียมอุ้มแต่ลี่เมิ่งเฉินกลับพูดเสียงเข้มว่า “ปล่อยให้เขาเดินเองบ้าง ถ้าไม่เดินนาน ๆเข้า กล้ามเนื้อจะลีบหมด”

“ให้เขาเดินวันละครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

ลี่เมิ่งเฉินส่ายศีรษะ “ไม่พอ อย่างน้อยต้องหนึ่งชั่วโมง อย่าทำให้เขาเสียนิสัย”

เสี่ยวจูเบะปาก  ‘คนประเภทเดียวกัน’ ไม่น่าเล่นด้วยเลยสักนิด เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไม่หรอก…กำลังดี”

เขาคำนวณปริมาณการออกกำลังกายทุกวันซึ่งทำให้กล้ามเนื้อได้รับการออกกำลังอย่างเพียงพอ ดังนั้นกล้ามเนื้อจะลีบได้อย่างไร?

ลี่เมิ่งเฉินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขารู้ว่ามันกำลังพอดี แถมเจ้าตัวน้อยนี่ยังรู้ดียิ่งกว่าใครแต่เขาก็ไม่อยากเห็นเจ้าตัวน้อย ‘คนประเภทเดียวกัน’ นี่อยู่อย่างสบายเกินไป เขามีสิทธิ์อะไรกัน!

ตอนเขายังเด็กไม่ได้อยู่สุขสบายขนาดนี้ ดังนั้น…เขาจะไม่ยอมเห็นเจ้าตัวน้อยนี่อยู่อย่างสุขสบายเช่นกัน

ไม่ชอบเดินใช่ไหม งั้นให้เดินวันละชั่วโมงนี่แหละ เอาให้เจ้านี่เหนื่อยตายไปเลย หึหึ!

เพียงแวบเดียวเสี่ยวจูก็มองออกถึงความตั้งใจอันชั่วร้ายของลี่เมิ่งเฉิน แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือทั้งพ่อและแม่กลับเชื่ออย่างสนิทใจ…

เหมยเหมยตกใจจนรีบวางเสี่ยวจูลง “เด็กดี…เดินเองนะลูก!”

“แม่…” เสี่ยวจูออดอ้อน น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกะพริบตาปริบ ๆมองเธออย่างน่าสงสาร เหมยเหมยเบี่ยงหน้าหนีไม่มองลูกชายตัวน้อยเพราะกลัวตัวเองห้ามใจไม่ได้ เพื่อให้ขาของลูกน้อยแข็งแรงเธอจำเป็นต้องใจแข็ง

“เสี่ยวจูเดินเองนะ วันหลังต้องเดินเองแล้วนะ แม่จะไม่อุ้มเราแล้ว อ้อนไปก็ไม่มีประโยชน์…แม่ไม่ตกหลุมพรางเราหรอก” เหมยเหมยตีหน้าขรึม

ลี่เมิ่งเฉินกินขนมอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ทั้งแอบขยิบตาให้เสี่ยวจูจนเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโมโหพร้อมจดจำแค้นนี้ไว้เรียบร้อย

คอยดูเถอะ!

ถ้าแค้นนี้ไม่ได้ชำระก็คงรู้สึกผิดกับเวลาที่ต้องออกกำลังกายเพิ่ม!

เสี่ยวจูจึงทำได้แค่ค่อย ๆเดินขึ้นข้างบนอย่างเชื่องช้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงเตียง ก่อนผล็อยหลับไปเขาคิดวิธีที่จะจัดการลี่เมิ่งเฉินไว้แล้วพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

“ว่ามา!” ลี่เมิ่งเฉินถามขึ้น

“ไปห้องหนังสือแล้วค่อยคุย”

เหยียนหมิงซุ่นพาเขาไปที่ห้องหนังสือ เหมยเหมยและลูก ๆก็ตามไปเช่นกัน เหยียนหมิงซุ่นเล่าเรื่องที่เสี่ยวจูมักนอนมากเกินไปให้ฟังแล้วถามว่า “เสี่ยวจูมองเห็นอะไรเหรอ?”

เหมยเหมยถามออกมาตรง ๆว่า “ใช่ผีหรือเปล่า?”

เธอหดตัวหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นตามสัญชาตญาณ ทั้งมักจะรู้สึกว่าในห้องหนาวเหน็บเหลือเกิน

……………………………………….

ตอนที่ 2884 โลกคู่ขนาน

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะลั่นพร้อมมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างขบขัน “นายก็คิดว่าเป็นผีเหมือนกันเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขา บอกตามตรงครั้งนี้ความคิดของเขาตรงกับเหมยเหมย ถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรได้?

แต่เขาว่ากันว่าผีมักปรากฏตัวตอนกลางคืน แต่ตอนนี้ทั้งเน่าเน่าและเสี่ยวจูเห็นแม้กระทั่งตอนกลางวันซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดไปหน่อย

“ถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ? หรือว่าบนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์อยู่อีกเหรอ? แถมล่องหนได้ด้วย?” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ

เหมยเหมยพยักหน้าหงึก ๆ ใช่สิ นอกจากผีแล้ว…เธอคิดถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออกเลย

คงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวหรอกนะ!

ลี่เมิ่งเฉินหุบยิ้มแล้วจู่ ๆก็ถามขึ้นว่า “พวกเธอรู้จักโลกคู่ขนานไหม?”

เหมยเหมยชิงตอบก่อน “ฉันรู้…สิ่งที่แตะต้องไม่ได้และภาพลวงตาประหลาดในตำนาน ที่แท้ก็คือโลกคู่ขนานใช่ไหม?”

เธอเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับโลกคู่ขนานเมื่อชาติก่อนพลันรู้สึกอิจฉาโลกคู่ขนานเหลือเกิน เธอขอพรพระเจ้าทุกวันว่าช่วยให้พื้นที่ว่างน้อย ๆกับเธอสักแห่ง ถึงกระทั่งเธองมงายหยดเลือดลงบนเครื่องประดับหยกของเธอ แต่แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ขอแค่ตั้งใจจะต้องสำเร็จสักวันแน่ ๆ ดูสิชาตินี้เธอถึงได้มีฉิวฉิวและโลกคู่ขนานของตัวเอง!

ดังนั้น…เธอจึงเชื่อในคำเล่าลือที่มีมาแต่โบราณ สิ่งเหล่านั้นจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน เรื่องจะมาจากไหนได้ถ้าไม่มีมูล!

ลี่เมิ่งเฉินมองเหมยเหมยด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วย เมื่อก่อนคงดูแคลนเธอมากไปหน่อย

“ก็ประมาณนั้น โลกคู่ขนานมีอยู่จริง จริง ๆแล้วพวกเราทุกคนต่างเคยพบเจอกันแล้วทั้งนั้น แต่ส่วนมากแค่แวบเดียวคนส่วนมากเลยจำไม่ได้” ลี่เมิ่งเฉินอธิบาย

“ในความฝันเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดหนัก

“ใช่ ในความฝัน พวกนายสามารถรับรู้ถึงมันได้ บางครั้งยามเจอคนแปลกหน้าหรือสถานที่แปลกตา คำพูดบางคำหรือเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นกะทันหัน…ทั้ง ๆที่เราเพิ่งเผชิญกับสิ่งนั้นแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน…” ลี่เมิ่งเฉินค่อย ๆอธิบาย

“ใช่ ใช่ ใช่เลย…เป็นแบบนี้แหละ ฉันมักจะมีความรู้สึกนี้บ่อย ๆ” เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก

คำพูดของเมิ่งลี่เฉินตรงกับที่เธอคิดเป๊ะ เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับเธออยู่เสมอ ครั้นเห็นคนแปลกหน้าหรือสถานที่แปลก ๆแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

ที่แท้สิ่งนี้ก็คือโลกคู่ขนานหรอกหรือ!

เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้นว่า “นายจะบอกว่าสิ่งของหรือคนที่เสี่ยวจูเห็นในความฝัน แท้ที่จริงแล้วก็คือโลกคู่ขนานอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ เขากำลังเรียนรู้ เจ้าตัวน้อยนี่ไอคิวสูงมากใช่ไหม?” ลี่เมิ่งเฉินมั่นใจมาก

เหมยเหมยตอบว่า “เดือนที่แล้วเพิ่งวัดไป 200”

“ไม่แค่นั้นหรอก…200 เป็นแค่ตัวเลขไอคิวที่เขาอยากให้คนอื่นรู้ แต่ตัวเลขจริง ๆมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ ในความเป็นจริงแล้วคนที่พัฒนาแบบทดสอบไอคิวก็คือคนโง่เขลา ของแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาวัดสมองของยอดอัจฉริยะ!

ลี่เมิ่งเฉินแสดงสีหน้าเยาะเย้ย เขาไม่เคยไปทดสอบวัดระดับไอคิวนั่นเลย เมื่อก่อนเขาเคยว่างจนรู้สึกเบื่อมากเลยเอาแบบทดสอบวัดระดับไอคิวมาทำเล่น แต่ดูไปสักพักก็ไม่รู้สึกน่าสนใจเลยสักนิด

สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ขยะ คนโง่เท่านั้นถึงจะไปทดสอบมัน!

เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ใช่ผีก็ดีแล้ว ลี่เมิงเฉินเห็นท่าทีของเหมยเหมยที่โล่งอกจึงจงใจพูดว่า “จริง ๆแล้วปรโลกที่เรามักจะพูดถึงก็ถือว่าเป็นโลกคู่ขนาน…วิญญาณมีอยู่จริง อย่างในห้องหนังสือแห่งนี้มีผีวนเวียนอยู่นับไม่ถ้วน…”

เหมยเหมยที่เพิ่งโล่งใจก็กระโดดลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เธอกอดแขนเหยียนหมิงซุ่นไว้แน่นมองซ้ายทีขวาทีด้วยความตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะมีผีน่ากลัวสักตัวกระโดดโผล่ออกมา

“ไม่ต้องกลัวนะ ต่อให้มีผีจริง ๆพวกมันก็ถูกกักขังไว้อยู่ในโลกคู่ขนานเท่านั้นออกมาไม่ได้หรอก” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบใจ

………………………

Related

ตอนที่ 2881 ตายแล้วฟื้นคืนชีพ

“ถ้าทำแบบนี้ก็จะสามารถหาลี่เมิ่งเฉินเจอเหรอ?”

เหมยเหมยมองหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือพลางนึกสงสัยจริง ๆ ไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่าง แม้แต่ผียังดูไม่ออกเลย

อีกอย่างต่อให้ลี่เมิ่งเฉินเห็นหนังสือพิมพ์ เขาก็คงไม่ได้เห็นแก่อาหารใหม่ ๆจนต้องโทรมาหรอกมั้ง?

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับมั่นใจมาก “สบายใจได้…ขอเพียงแค่เขายังอยู่บนโลกใบนี้จะต้องมาหาแน่ ๆ”

ความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดนี้ของเขามีเพียงลี่เมิ่งเฉินเท่านั้นที่เข้าใจ

วัน ๆเจ้าหมอนี่คิดแต่อยากจะเป็นอมตะ ไม่เช่นนั้นจะสนใจในตัวยาวิเศษได้อย่างไรกัน ดังนั้น…ขอแค่ลี่เมิ่งเฉินเห็นประกาศก็จะโทรมาเอง

“ตัวอักษรพิมพ์ผิดแล้วหรือเปล่า? คำว่าเหมือนตัวลอยอยู่บนอากาศนี่ไม่เหมือนกับตัวอักษรตัวอื่น ดูเหมือนจะตัวหนาและตัวใหญ่กว่าด้วย” เหมยเหมยชี้ไปที่ประกาศพร้อมบอกปัญหา

“พี่จงใจต่างหาก”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเจ้าเล่ห์ยากจะคาดเดาได้ เพราะจุดสำคัญในประกาศหาคนอยู่ในประโยคนี้แหละ!

เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็งงงันแล้วคร้านจะคิดต่อ ช่วงนี้เสี่ยวจูยังเป็นปกติ นอกจากกินก็นอน ช่วงเวลาที่ตื่นมีน้อยนักแต่ก็ยังถือว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีเพราะอย่างน้อยก็พูดและเดินได้แล้ว!

ตราบใดที่ความง่วงนอนของเสี่ยวจูไม่ใช่ปัญหาทางด้านร่างกาย เธอก็ไม่กังวลเลยสักนิด

เหยียนหมิงซุ่นนึกว่าอย่างมากครึ่งเดือนลี่เมิ่งเฉินต้องมาหาแน่นอนเพราะอย่างไรเสียเขาก็ลงประกาศแม้แต่แถบชนบทที่ห่างไกลออกไป ลี่เมิ่งเฉินไม่มีทางมองไม่เห็น แต่ทุกอย่างกลับเหนือคาดเพราะหนึ่งเดือนผ่านไปแล้วแต่ไม่มีข่าวคราวของลี่เมิ่งเฉินเลย

“ฉันบอกแล้วว่าไม่มีประโยชน์ไง…” เหมยเหมยใช้สีหน้า ‘เดาได้ตั้งนานแล้ว’ มองใครบางคนอย่างดูแคลน

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคำนวณผิดพลาดต่อหน้าภรรยาและลูก ๆ

เจ้าลี่เมิ่งเฉินมันไปไหนกันแน่นะ?

ผ่านไปอีกครึ่งเดือนเหยียนหมิงซุ่นยอมแพ้เรื่องลงประกาศตามหาคนหายแล้วและเตรียมที่จะคิดหาวิธีอื่น ๆในการตามหา ลูกน้องโทรเข้ามา “พี่ใหญ่…ไอ้หมอนั่นตายจนฟื้นคืนชีพแล้ว มันบอกว่าให้พี่ใหญ่รอที่บ้าน เตรียมอาหารและเหล้าดี ๆไว้”

“มันอยู่ที่ไหน?” เหยียนหมิงซุ่นประหลาดใจจึงอยากรู้ว่าลี่เมิ่งเฉินอยู่ที่ไหน

“ไม่รู้เลยครับ ติดตามสัญญาณอะไรไม่ได้เลย” ลูกน้องก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

ลี่เมิ่งเฉินพูดสั้น ๆกระชับได้ใจความในเวลาอันรวดเร็วแต่ก็เพียงพอที่พวกเขาจะตามหาสัญญาณได้ ทว่ากลับไม่มีร่องรอยใด ๆเลยราวกับว่าโทรศัพท์สายนี้โทรมาจากนอกโลก

เหยียนหมิงซุ่นไม่แปลกใจเพราะด้วยความสามารถของลี่เมิ่งเฉิน หากเขาโดนคนติดตามตัวได้ถึงจะเป็นเรื่องผิดปกติ

มื้อเย็นเหยียนหมิงซุ่นให้ป้าฟางเตรียมอาหารที่รสชาติอ่อนเพิ่ม เขาจำได้ว่ารสนิยมการกินของเจ้านั่นแปลกประหลาดมาก ไม่ชอบปรุงและไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ สิ่งที่ชอบกินมากที่สุดคือขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงไม่เคลือบผงถั่วเหลือง ซึ่งจริง ๆแล้วก็คือก้อนแป้งข้าวเหนียวนั่นเอง

เหยียนหมิงซุ่นผุดยิ้มออกมา พอตอนนี้คิด ๆดูแล้วนิสัยการกินของลี่เมิ่งเฉินกับเสี่ยวจูก็คล้ายกันมากทีเดียว!

ที่แท้อัจฉริยะจะไม่ชอบกินเนื้อหรอกหรือ?

เขายังบอกป้าฟางให้ทำขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงแบบพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งจานด้วย แต่ละชิ้นเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกระต่ายขาวตัวน้อยซึ่งมองแล้วไม่มีความน่ากินเลยสักนิด

“ลี่เมิ่งเฉินจะมาเมื่อไร?” เหมยเหมยเงยหน้ามองนาฬิกา นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะ

“ไม่รอแล้ว พวกเรากินกันก่อนเลย เก็บขนมแป้งม้วนไส้ถั่วแดงไว้ให้เขาก็พอ” เหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนใจอย่างฉับพลัน

ถ้าต้องมานั่งหิ้วท้องหิว ๆรอหมอนั่น เขาก็โง่เต็มทีแล้ว

เสี่ยวจูนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือหาวเป็นระยะ ๆ  อาหารเย็นของเขาคือซุปบะหมี่ใส่ไข่ผักโขมและยังมีนมร้อน ๆอีกหนึ่งแก้ว ส่วนของเน่าเน่าคือกระดูกชิ้นโตเหมือนกับพี่สาวเช่นเคย พวกเขาชอบแทะกระดูกทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้แทะจะรู้สึกคันยุบยิบแปลก ๆ

“มีคนมา…”

เสี่ยวจูและเน่าเน่าพูดขึ้นพร้อมกัน สีหน้าของเล่อเล่อก็เคร่งขรึมขึ้น หูของเสวี่ยเสวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นตั้งชันมองไปทางประตูอย่างระแวดระวัง

……………………………………….

ตอนที่ 2882 กลิ่นประเภทเดียวกัน

เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองทางประตูด้วยสีหน้าสงสัย ลุงเหลาก็เช่นกัน

บ้านติดตั้งอุปกรณ์เครื่องอินฟราเรดที่มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวมาก ต่อให้เป็นแมลงวันตัวหนึ่งบินเข้ามาเขาก็รับรู้ได้ ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณเตือนเลย

“เสียแรงตั้งมากมายตามหาฉันทำไม? ถ้านายให้ของที่ฉันพอใจไม่ได้ก็อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน!” ลี่เมิ่งเฉินเดินเข้ามา เครื่องติดตั้งอินฟราเรดที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก เมื่ออยู่ต่อหน้าเขากลับง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเสียอีก

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าเป็นลี่เมิ่งเฉินก็ถูกต้องแล้ว

บ่งบอกว่าอุปกรณ์ไม่มีปัญหา ฉะนั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน

“มีเรื่องต้องให้นายช่วย กินข้าวก่อนเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างใจเย็น

ลี่เมิงเฉินลูบท้องตัวเองนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ เหลือบมองเสวี่ยเสวี่ยหัวเราะพลางกล่าว “ยีนของหมาป่าน้อยนี่ไม่เลวเลย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันขอเจาะเลือดไปหน่อย”

เสวี่ยเสวี่ยตกใจกลัวจนหูสั่นแล้วหดตัวไปอยู่ด้านข้างเล่อเล่อ หมดซึ่งท่าทีหยิ่งผยองเหมือนในอดีต

มนุษย์ที่มีสองขาผู้นี้ช่างน่ากลัว มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิด

“ห้ามยุ่งกับเสวี่ยเสวี่ย!”เล่อเล่อโมโหลุกขึ้นยืนแล้วถลึงตาใส่ลี่เมิ่งเฉิน

เน่าเน่าโยนกระดูกในมือทิ้งทันทีแล้วยืนเคียงข้างเล่อเล่อ พองแก้มป่องแล้วใช้มือเท้าสะเอว พูดเสียงไม่ชัดว่า “พี่…จัดการเขาเลย!”

ขอแค่พี่สาวออกคำสั่ง เขาจะพุ่งมุดเข้าไปในกางเกงแล้วล้วงบีบไข่ทันที

วิธีนี้เป็นวิธีที่พี่เสี่ยวเป่าสอนเขาซึ่งใช้ได้ผลทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนสารเลวที่เก่งกาจขนาดไหนก็โดนบีบจนไข่แตกหมด!

เสี่ยวจูหาวหวอดใหญ่เหลือบมองลี่เมิ่งเฉินอย่างเกียจคร้าน จากนั้นท่าทีเกียจคร้านของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง บนตัวผู้ชายคนนี้มีกลิ่นที่คุ้นเคยและดวงตาของเสี่ยวจูก็เปล่งประกายแวบหนึ่ง…

ที่แท้ก็ประเภทเดียวกันเหรอเนี่ย!

เสี่ยวจูก้มหน้าทานข้าวด้วยตัวเอง แม้ท่าทางจะเนิบนาบแต่ก็มั่นคง แต่ละคำเอาเข้าปากอย่างต่อเนื่องพร้อมทานด้วยความเอร็ดอร่อย

“ห้ามเสียมารยาท นี่คือคุณลุงลี่ เป็นแขกนะ” เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงดุ

เล่อเล่อและเน่าเน่าหยุดแผ่ ‘ไอสังหาร’ เรียกตามอย่างเชื่อฟังแต่ในแววตายังคงมีความระแวดระวังแฝงอยู่ ทว่าเล่อเล่อยังคงไม่วางใจพูดเน้นย้ำว่า “ต่อให้เขาเป็นแขกก็ห้ามมายุ่งกับเสวี่ยเสวี่ย”

หลังจากเธอนั่งลงก็ตะโกนเสริมว่า “ใครกล้ายุ่งกับเสวี่ยเสวี่ย หนูจะอัดเขาเละแน่!”

เสวี่ยเสวี่ยเป็นเพื่อนรักของเธอ อยู่ดี ๆไอ้สารเลวนี่ก็จะมาเจาะเลือดเสวี่ยเสวี่ย หึ…จะซัดจนพ่อแม่จำไม่ได้เลยคอยดู!

“เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง…” เสวี่ยเสวี่ยมองเจ้านายของมันอย่างซาบซึ้งใจ ส่งเสียงร้องเอ๋ง ๆพร้อมดวงตาที่เปียกชื้น

“พ่อไม่ให้เขายุ่งกับเสวี่ยเสวี่ยแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นรับปาก เล่อเล่อถึงค่อยรู้สึกโล่งใจแล้วยอมนั่งลงทานข้าวต่อ

ลี่เมิ่งเฉินประเมินทั้งสามคนด้วยความสนอกสนใจโดยเฉพาะเสี่ยวจู เขาได้กลิ่นคนประเภทเดียวกันจากเด็กคนนี้ เลือดในกายร้อนพลุ่งพล่าน เขาเพิกเฉยต่อการวิจัยยีนของเสวี่ยเสวี่ยแล้วพยายามฉีกยิ้มตะโกนไปทางเสี่ยวจูว่า “ฮัลโหล!”

ทั้งยังยื่นมือออกไปราวกับว่าคนตรงหน้าที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือผู้ใหญ่

เสี่ยวจูเงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้านแล้วยื่นมืออวบอ้วนออกไปประสานมือกับลี่เมิ่งเฉินเอ่ยว่า “กินข้าว!”

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะเสียงดัง “ใช่…กินข้าว ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่เอาถั่วเหลือง…”

ยังไม่ทันพูดจบป้าฟางก็นำขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงมาวางไว้ตรงหน้าเขาที่เรียงตัวสวยราวกับกำแพง ลี่เมิ่งเฉินดวงตาเป็นประกายดึงจานขนมลาม้วนไส้ถั่วแดงมาอยู่ตรงหน้า แถมยื่นให้เสี่ยวจูก่อน “กินไหม?”

เสี่ยวจูมองอย่างตั้งอกตั้งใจ รสชาติดูไม่เลว…เขาหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งดมกลิ่นก่อน จากนั้นแววตาเป็นประกายแล้วยัดใส่ปาก

…………………………

Related

ตอนที่ 2879 เห็นผี

“ลูกรัก…ทำไมลูกถึงเก่งขนาดนี้…ฮ่า ๆ ลูกชายของฉันคืออัจฉริยะ…”

จนถึงตอนนี้เหมยเหมยถึงยอมเชื่อว่าลูกชายคนเล็กของตนคืออัจฉริยะตัวจริง กล่องเซฟที่รหัสซับซ้อนขนาดนั้นยังไขรหัสได้อย่างง่ายดาย นี่สุดยอดยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการไขรหัสบางคนเสียอีก!

เธออุ้มเสี่ยวจูขึ้นมาหอมแก้มนุ่มนิ่มของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทางเน่าเน่าเองก็หนีไม่พ้น สองพี่น้องต้องเท่าเทียมกันนี่นา!

เธอยังคิดจะหอมแก้มเล่อเล่อด้วยแต่ยัยเด็กคนนี้เบี่ยงหลบด้วยท่าทีรังเกียจเสียก่อน แถมยังเอามือปิดหน้าไว้อย่างมิดชิดไม่มีช่องโหว่โผล่มาสักนิด

เหมยเหมยแค่นเสียงทีหนึ่ง ไม่ให้หอมก็ไม่หอม เธอหอมลูกชายก็ได้ เจ้าเด็กนี่แก้มนุ่มกว่าเยอะ ทั้งแน่นทั้งเด้ง แบบนี้ให้ความรู้สึกสุดยอดไปเลย

เหยียนหมิงซุ่นตกใจมากเช่นเดียวกัน กล่องเซฟใบนี้เขาเคยให้สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านการปลดล็อกรหัสมาลองไขดู แม้จะไวกว่าเสี่ยวจูสักหน่อยแต่คนเหล่านั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านการฝึกด้วยมืออาชีพมาก่อน เสี่ยวจูกลับเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ไม่รู้จักเลขอารบิกด้วยซ้ำ…

เทียบกันไม่ได้เลย

เหยียนหมิงซุ่นเขียนเลขอารบิกไม่กี่ตัวให้เสี่ยวจูดู แต่เจ้าตัวเล็กนี่มัวแต่อ้าปากหาวหวอดใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือสักนิด เหมยเหมยป้อนช็อกโกแลตให้เขาชิ้นหนึ่งเสี่ยวจูถึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย หรี่ตามองอยู่นานก็ส่ายหน้า

รูปที่คุณพ่อวาดเคยเห็นในฝันประจำ แต่เขาไม่ค่อยให้ความสนใจเพราะเขาค่อนข้างชอบลงมือทำมากกว่า

“ผมรู้…นี่คือหนึ่ง สอง สาม…” เน่าเน่าชี้ไปที่ตัวเลขแล้วอ่านออกมาทีละตัวอย่างถูกต้อง

ปกติว่าง ๆคุณปู่เหยียนก็จะสอนเจ้าเด็กนี่นับตัวเลข ท่องบทกลอน แม้เน่าเน่าไม่ได้ไอคิวสูงจนน่ากลัวเหมือนเสี่ยวจูแต่ความจริงไอคิวของเขาก็ไม่ได้ต่ำเลย ดังนั้นจึงเรียนรู้อะไรรวดเร็ว

“เก่งจัง ให้ช็อกโกแลตเป็นรางวัลนะ” เหมยเหมยป้อนช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งให้เน่าเน่าเช่นกัน เห็นทีลูกชายคนโตก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกันแฮะ!

ลูกสาวเล่อเล่อตอนนี้เรียนอยู่ประถมชั้นปีที่หนึ่ง ถึงไม่รักการเรียนเลยสักนิดแถมขี้เล่นไม่จริงจังกับการเรียนแต่คะแนนสอบไม่ได้ต่ำเกณฑ์เลยจึงบ่งบอกว่าไอคิวสูงมากแน่ ๆ ลูกทั้งสามคนของเธอไอคิวสูงทั้งหมด พระเจ้าช่วยมากจริง ๆ โชคดีที่ไม่ให้ไอคิวที่ตกต่ำอย่างเธอไปลบล้างไอคิวสูงลิ่วของเหยียนหมิงซุ่น!

การที่เสี่ยวจูไม่สนใจตัวเลขเป็นที่แปลกใจของเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก ไม่รู้จักตัวเลขแล้วเจ้าเด็กนี่ไขรหัสอย่างไร?

“เสียง…”

เสี่ยวจูพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยมองด้วยสายตารังเกียจ คุณพ่อโง่จัง เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ หมุนทุกครั้งเสียงก็ต่างกันอย่างชัดเจน แค่ฟังหน่อยก็รู้แล้วนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจว่าเสี่ยวจูอาศัยการแยกแยะจากเสียงที่สามารถจับผิดความแตกต่างอันน้อยนิดนั่นได้ บ่งบอกว่าเสี่ยวจูก็มีความไวด้านโสตประสาทการได้ยินมากเช่นกัน เขามองเจ้าเด็กน้อยท่าทางเกียจคร้านอย่างปลื้มใจ

ช่างเป็นลูกรักของพระเจ้าเสียจริง ไม่รู้ว่าเปิดช่องทางโอกาสให้เขาตั้งเท่าไร?

“ตอนลูกนอนได้เรียนอะไรเยอะมากเลยใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูที่จวนจะหลับอยู่ทุกเมื่อซักถามให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ถามให้รู้เรื่องคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่

“อืม…มีเรื่องสนุก ๆเยอะเลย แล้วก็คุณอา คุณน้า คุณปู่ คุณย่า…” เสี่ยวจูพูดเสียงงึมงำอยู่หลายประโยค ในที่สุดก็ฝืนไม่ไหวจนผล็อยหลับไปชนิดที่ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น

“เสี่ยวจูหมายความว่าอย่างไร? เขาไปเจอสิ่งไม่ดีเข้าหรือเปล่า?” เหมยเหมยตกใจเฮือกหนึ่ง

ต่างบอกกันว่าเด็กเล็กจะเห็นสิ่งสกปรก หรือว่าเสี่ยวจูจะเป็นอย่างที่ว่ากัน?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดไม่ตกเพราะฟังแล้วเหมือนจะอย่างนั้น เขามองไปยังเน่าเน่าแล้วถาม “ลูกรู้ไหมว่าคุณอาคุณน้าที่น้องชายพูดถึงหมายถึงใคร?”

เน่าเน่าส่ายหน้า “ไม่รู้จัก คนพวกนั้นแปลกมาก ไม่คุยกับผมเลย คุยแต่กับน้องชาย”

เหมยเหมยตกใจจนหน้าซีด ลูกชายคนโตก็เจอผีพวกนั้นเหมือนกันหรือ?

เธอกวาดตามองรอบตัวที่บรรยากาศเย็นวาบในฉับพลัน บางทีในห้องหนังสือนี้อาจจะมีผีนับไม่ถ้วนกำลังส่งยิ้มให้เธออยู่ก็ได้!

………………………………

ตอนที่ 2880 ประกาศหาคน

เหมยเหมยตกใจจนพุ่งไปหลบหลังเหยียนหมิงซุ่น เอ่ยด้วยเสียงสั่นเทา “คะ…คือ…ผี…หรือเปล่า…เสี่ยวจูกับเน่าเน่าเห็นผีใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัว ต่อให้มีผีก็ไม่ออกมาตอนกลางวันแสก ๆหรอก”

เหมยเหมยสบายใจขึ้นเล็กน้อย นั่นน่ะสิ กลางวันแสก ๆ ต่อให้เป็นผีที่เก่งกาจแค่ไหนก็ออกมาไม่ได้ แต่–

“กลางวันก็ออกมาเหมือนกัน…” เน่าเน่าโพล่งขึ้น

กลางวันเขาเคยเห็นตั้งหลายครั้งแล้ว เพียงแต่คนเหล่านั้นยุ่งกันทุกคนแล้วยังไม่สนใจเขาอีก เขาก็คร้านจะไปวุ่นวายด้วย

เหมยเหมยกำเสื้อเหยียนหมิงซุ่นแน่น รู้สึกเย็นวาบยิ่งกว่าเดิมโดยเฉพาะตรงต้นคอที่ขนลุกเกรียว ความหนาวยะเยือกแทรกเข้าทุกรูอณูขุมขนในร่างกายของเธอทำให้เธอรู้สึกหนาวจนตัวสั่นระริก

ขอเพียงแค่คิดถึงว่าเธอใช้ชีวิตร่วมกับผีกลุ่มหนึ่งตั้งแต่เช้ายันดึกหัวใจเธอก็บีบรัดแน่น บางทีตอนทานข้าวอาจมีผีห้อยคอกำลังแลบลิ้นใส่เธออยู่ได้ หรือตอนนอนมีผีกระโดดน้ำนั่งปล่อยให้น้ำหยดอยู่ข้างเตียง…

แล้วยังมีผีที่กระโดดตึกตาย ถูกรถชนตาย…ผีอีกหลากหลายรูปแบบต่างมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของเธอ

“คุณแม่ขี้กลัว!” เน่าเน่ามองเหยียดแวบหนึ่ง มีอะไรให้กลัวกัน

“เพี๊ยะ”

เล่อเล่อตบศีรษะเน่าเน่าแรง ๆทีหนึ่งจนเสียงดังกังวาน นี่แรงพี่สาวแท้ ๆอย่างไม่ต้องสงสัยล่ะ

“ห้ามว่าคุณแม่…ว่าอีกจะซัดนายให้ตายเลย!” เล่อเล่อสองมือเท้าสะเอว น่ายำเกรงสมกับเป็นพี่สาวคนโต

เน่าเน่าเบะปาก พี่สาวเก่งเรื่องชกต่อยเขาสู้ไม่ไหว…วันหลังจะพูดในใจแล้วกัน

“ก็เพราะคุณแม่ทั้งโง่ทั้งขี้กลัว เราถึงต้องปกป้องคุณแม่ เข้าใจหรือยัง?” เล่อเล่ออบรมสอนสั่งอย่างใจเย็น

เหมยเหมยที่ตอนแรกซาบซึ้งใจแทบแย่ ตอนนี้กลับรู้สึกหมดคำจะเอื้อนเอ่ย

ยัยตัวแสบช่วยพูดลับหลังเธอไม่ได้หรือไง?

เหยียนหมิงซุ่นที่คอยดูอยู่ก็นึกขำพลางลูบภรรยาตัวเองเป็นเชิงปลอบโยน กล่าวขึ้นว่า “เรื่องของเสี่ยวจู มีคนหนึ่งน่าจะอธิบายได้”

“ใคร?”

“ลี่เมิ่งเฉิน” เหยียนหมิงซุ่นพูดชื่อนี้ขึ้นมา

เหมยเหมยดวงตาลุกวาว ทำไมเธอถึงลืมหมอนี่ไปได้นะ “รีบหาเขามาสิ หากหาสาเหตุที่เสี่ยวจูขี้เซาไม่เจอฉันก็ไม่สบายใจ”

เรื่องสำคัญที่สุดก็ต้องพิสูจน์ว่าในบ้านมีผีอยู่จริงหรือเปล่า นี่ต่างหากเรื่องเร่งด่วนมากที่สุด

“เจ้าหมอนี่ระเหเร่ร่อนไม่อยู่กับที่ ไม่ได้ข่าวคราวของเขามาหลายปีแล้ว พี่จะส่งคนไปตามหาดู” เหยียนหมิงซุ่นย่นคิ้ว

นับตั้งแต่ลี่เมิ่งเฉินได้ยาวิเศษจากเขาก็เหมือนหายตัวไปจากโลกใบนี้ไร้ซึ่งข่าวคราว ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ความสามารถของลี่เมิ่งเฉินเหยียนหมิงซุ่นคงคิดว่าหมอนี่ตายไปแล้ว

“เขาไม่พกโทรศัพท์ติดตัวเหรอ?”  เหมยเหมยไม่เข้าใจ

“เขาไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีแม้กระทั่งเพจเจอร์ด้วยซ้ำ”

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก หมอนี่ไม่เคยใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสารอะไร ถ้าจำเป็นต้องใช้เขาพร้อมจะประกอบขึ้นมาอันหนึ่งได้ทุกเมื่อ เขาถึงขั้นสงสัยว่าหมอนี่ยังอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า?

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปลูกน้องที่ถูกส่งตัวไปก็โทรมาติด ๆซึ่งได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ไม่มีข่าวของลี่เมิ่งเฉิน

“ลูกพี่…ผมเดาว่าเขาอาจจะตายไปแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ถ้ายังไม่ตายทำไมถึงไม่มีข่าวคราวสักนิดล่ะ?

“ตัวหายนะอยู่ป่วนโลกได้อีกหมื่นปี หมอนี่ไม่ตายง่าย ๆขนาดนี้หรอก…” เหยียนหมิงซุ่นคิด ๆแล้วก็ผุดแผนการอย่างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็ให้ลูกน้องไปปฏิบัติตามที่เขาสั่ง

เขาไม่ไปหาลี่เมิ่งเฉินก็ให้หมอนี่มาหาถึงที่

วันรุ่งขึ้นมีประกาศตามหาคนฉบับหนึ่งลงข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันทั่วประเทศ มีประโยคเดียวว่า–

“ไม่เจอกันหกปี คิดถึงเหลือเกิน ออกแบบเมนูใหม่ รสชาติอร่อยเหมือนตัวลอยอยู่บนอากาศ นายเมิ่งเฉินอยากทานก็โทร 135****8888”

คนทั้งประเทศเห็นข่าวก็งงกันถ้วนหน้าเพราะเป็นประกาศตามหาคนแต่ไม่มีรูปถ่ายและไม่มีชื่อ ไม่รู้กระทั่งส่วนสูงน้ำหนักอายุหรือขนาดรูปร่างว่าผอมหรืออ้วน รู้เพียงว่าชื่อเมิ่งเฉิน แบบนี้ถ้าหาได้สิแปลก!

…………………

Related

ตอนที่ 2877 เครื่องบินรบมิก-25

ตอนที่เสี่ยวเป่าวัดไอคิวโตกว่าเสี่ยวจูไม่เท่าไร อีกทั้งไอคิวจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ฉะนั้น…ค่าไอคิวของเสี่ยวเป่าในตอนนี้ต้องสูงกว่าเมื่อหลายปีก่อนแน่ ๆ

“เก่งจังเลยนะ…ฉันแค่เก้าสิบกว่าเอง ไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ” เหมยเหมยทำท่าลำบากใจเล็กน้อย เธอไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเสี่ยวเป่าด้วยซ้ำ น่าอายเสียจริง

“วางใจได้ คนที่ไอคิวต่ำกว่าเก้าสิบถึงจะมีปัญหา อย่างของเธออยู่ในเกณฑ์ปกติ” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเธอ

เหมยเหมยถลึงตาไปแวบหนึ่ง นั่นก็เท่ากับว่าเธอแค่ดีกว่าคนโง่เพียงนิดเดียวสินะ…เฮอะ!

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกพยายามกลั้นเอาไว้ถึงไม่หลุดขำออกมา พูดปลอบว่า “ถึงไอคิวของเธอจะไม่เป็นที่พึงพอใจ แต่พรสวรรค์ด้านศิลปะของเธอกลับสูงมาก พระเจ้าปิดช่องโอกาสหนึ่งของเธอก็ต้องเปิดช่องโอกาสที่ใหญ่กว่าเดิมให้เธอสิ”

เหมยเหมยทำท่าได้ใจอีกที “แหงสิ…ฉันร้องเพลงเต้นรำเก่งมากนะ ไม่เหมือนใครบางคน ตอนนี้ก็ยังร้องไม่ถูกคีย์”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ คนที่ร้องเพลงไม่ถูกคีย์ก็คือเขานั่นเอง

เรื่องอื่นไม่ว่าจะเรียนรู้เรื่องใดก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงร้องเพลง…เขากลับร้องไม่เป็นสักที เวลาร้องเพลงมักหลงคีย์อยู่เรื่อยจนเหมยเหมยชอบเอาเรื่องนี้มาล้อเลียนเขาประจำ เช่นนี้ก็ดีจะได้ไม่เป็นการทำร้ายจิตใจ ทำลายศักดิ์ศรีของภรรยามากเกินไป

ทั้งคู่พูดคุยตอบโต้กันไปมากว่าชั่วโมง ในที่สุดประตูก็เปิดออก เสี่ยวจูเดินออกมาคนเดียว พอเห็นเหมยเหมยก็ขออุ้มทันที ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

วันนี้ทำเขาเหนื่อยแทบแย่ ผู้ใหญ่ที่โง่เขลากลุ่มหนึ่งมักถามคำถามโง่ ๆจากเขา แถมยังให้เขาทำเรื่องโง่ ๆอีกต่างหาก…

“ไอคิวของคุณชายเสี่ยวจูสูงมาก คาดการณ์อยู่ที่มากกว่าสองร้อย แต่เขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่เลยได้ผลไม่แม่นยำนักเพราะควรจะสูงกว่านี้” ลูกน้องรายงานผลด้วยท่าทีฮึกเหิม

ความจริงขณะที่กำลังทำการทดสอบเมื่อครู่เขามักรู้สึกว่าเสี่ยวจูเหมือนจะดูออกทุกอย่างจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ ค่าวัดสองร้อยนี้เป็นเพียงส่วนที่เสี่ยวจูจงใจแสดงออกมาราวกับผู้มีวรยุทธ์ขั้นสูงปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตนแล้วเผยให้เห็นเพียงส่วนเล็ก ๆเท่านั้น

แต่แค่ลำพังส่วนเล็ก ๆนี้ก็มีค่าไอคิวสูงปาไปถึง 200 แล้ว ลูกน้องแทบไม่อยากจะคาดคิดว่าไอคิวที่แท้จริงของเสี่ยวจูจะมากแค่ไหน ไหนจะเป็นแค่เด็กวัยสองขวบ ถ้าอนาคตเขาโตขึ้น…

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความหมายของลูกน้อง ไอคิวของเสี่ยวจูสูงยิ่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ที่แท้ก็เป็นเครื่องบินรบยอดอัจฉริยะ แถมยังเป็นเครื่องบินรบมิก-25[1] อีกด้วย

วุ่นวายกันอยู่ตลอดทั้งเช้าจนในที่สุดก็เสร็จสิ้นสักที เหยียนหมิงซุ่นปั่นจักรยานพาสองแม่ลูกเหมยเหมยกลับบ้าน พวกคุณย่าหยางต่างพากันเดินล้อมเข้ามา

“เป็นอย่างไรบ้าง? คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?”

“ปกติดีทุกอย่าง เสี่ยวจูแข็งแรงดีและไอคิวสูงมาก” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เล่ารายละเอียดเพราะกลัวคนแก่ทั้งสองจะตกใจเกินไป

“ฉันก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร ขี้เซาหน่อยแล้วยังไงล่ะ นอนเต็มอิ่มจะได้ตัวสูง ๆ อนาคตเสี่ยวจูจะต้องสูงกว่าคนเป็นพ่อแน่ ๆ ทานข้าวแล้ว เสียเวลาอยู่ตั้งครึ่งวัน”

คุณย่าหยางถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเรียกพวกเขาไปทานข้าว ทำเอาใจระแวงตลอดครึ่งเช้า

หลังมื้ออาหารเหมยเหมยก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ถึงเสี่ยวจูจะไอคิวสูงมากและอ่อนไหวต่อกลิ่น แต่สิ่งเหล่านี้เกี่ยวอะไรกับความขี้เซาล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นพอจะเดาสาเหตุได้แต่ยังไม่แน่ใจ เขาต้องถามเสี่ยวจูก่อนถึงจะมั่นใจได้

ตกดึก…เสี่ยวจูที่ทานอิ่มท้องก็เข้านอนคนเดียว เพราะเป็นบะหมี่เห็ดต้มไข่ของโปรดของเขารวมถึงมันบด เขาทานจนท้องกลมดิ๊กเรอติดต่อกันหลายที ดวงตาก็เริ่มปรือ

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูไปห้องหนังสือพร้อมเล่อเล่อกับเน่าเน่า เหมยเหมยเองก็ตามไปด้วยเพราะความสงสัยล้วน ๆ

“วันนี้ลูกจงใจเปลี่ยนรหัสประตูบานนั้นใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามไปตรง ๆ

………………………………

ตอนที่ 2878 เปิดกล่องเซฟ

เสี่ยวจูหาวทีหนึ่งแล้วพยักหน้า

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ เจ้าเด็กนี่เป็นคนเปลี่ยนจริง ๆ เธอถามด้วยแปลกใจ “ใครสอนลูก?”

“ไม่ต้องสอน มองปราดเดียวก็ทำเป็นแล้ว” เสี่ยวจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

เรื่องง่าย ๆแบบนั้นเขาทำเป็นตั้งแต่ในฝันแล้ว แถมในฝันซับซ้อนกว่านั้นมากโข เขาแค่ขี้เกียจจะเรียนรู้มันเท่านั้นแหละ เทียบกับการเรียน…เขาชอบนอนมากกว่า

เหยียนหมิงซุ่นเอากล่องเซฟของเขาออกมา ว่ากันว่าเป็นกล่องเซฟที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลก เขาชี้ไปที่กล่องเซฟแล้วถาม “ลูกเปิดกล่องใบนี้ได้ไหม?”

เสี่ยวจูลืมตาขึ้น เดิมทีไม่ค่อยรู้สึกสนใจเท่าไรแต่พอเห็นโครงสร้างกล่องใบนั้นชัดเต็มตาก็ถูกจุดประกายความสนใจขึ้นมา กล่องใบนี้ดูท่าทางแก้ไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!

“ดูหน่อย…”

เสี่ยวจูปีนขึ้นโต๊ะโก่งบั้นท้ายขึ้นกึ่งย่อตัวนั่งมองประเมินกล่องเซฟใบนั้น ขนาดของกล่องไม่ใหญ่มากสูงถึงแค่ช่วงเข่าของเขาเลยต้องฟุบตัวลงถึงจะมองเห็นได้ชัด

“นี่คืออะไร? ผมดูหน่อย!” เน่าเน่าก็ปีนขึ้นมาด้วยคน เขาหมุนรหัสซึ่งหมุนอยู่นานก็เปิดไม่ได้พลันก็เริ่มฉุนเฉียวขึ้นมายกขาหมายจะถีบสักที เหยียนหมิงซุ่นเห็นเข้าก็รีบอุ้มเน่าเน่าขึ้นมา

กล่องเซฟใบนี้ติดตั้งระเบิดภายในตัว หากได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงหรือหมุนรหัสผิดติดต่อกันสามครั้ง กล่องจะทำการระเบิดตัวเองโดยอัตโนมัติเพื่อทำลายข้าวของข้างในทั้งหมด

แม้เอกสารสำคัญเขาจะเก็บในช่องมิติทั้งหมดแล้ว แต่ข้างในมีเงินเต็มกล่อง ระเบิดไปก็น่าเสียดายแย่

“น้องชายรีบเปิดสิ!” เน่าเน่าตะโกนใส่เสี่ยวจู สีหน้าเวลามองคล้ายมั่นใจนักหนาว่าเสี่ยวจูจะเปิดได้อย่างไรอย่างนั้น

เหยียนหมิงซุ่นใจกระตุกพลันถาม “ลูกรู้ได้อย่างไรว่าน้องชายจะเปิดได้?”

“ก็เปิดได้ น้องชายทำอะไรเป็นอีกตั้งเยอะ” เน่าเน่าเชิดคอท่าทางภูมิใจนักหนา

น้องชายของเขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร แค่ขี้เกียจเกินไปหน่อยเท่านั้น

เหยียนหมิงซุ่นมองด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม พี่น้องฝาแฝดเข้าใจซึ่งกันและกันมากที่สุดตามคาด เขาถามอีก “ลูกรู้ไหมว่าทำไมน้องชายถึงชอบนอนขนาดนั้น?”

เน่าเน่าเอามือเกาหลังศีรษะครุ่นคิดว่าควรประกอบคำศัพท์อย่างไรดีถึงทำให้คุณพ่อเข้าใจได้ คิดอยู่นานเน่าเน่าถึงพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “น้องชายเหนื่อยแล้ว…เขามีอะไรที่ต้องเรียนเยอะมาก…เขาขี้เกียจอีกด้วย”

เหมยเหมยฟังแล้วก็ฉงนเลยพูดเสียงค่อนแคะว่า “วัน ๆน้องชายของลูกเอาแต่นอนแล้วจะเรียนอะไรได้? เรียนการนอนเหรอ?”

หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมง ลำพังแค่นอนก็กินเวลาไปตั้งยี่สิบสองชั่วโมงแล้ว สองชั่วโมงที่เหลือถ้าไม่ได้กำลังทานข้าวก็กำลังอุจจาระ…

เอาเวลาที่ไหนมาเรียนรู้กัน?

เรียนบ้าอะไร!

เน่าเน่าไม่พอใจก็พูดแย้งว่า “เรียนอยู่…เรียนตอนหลับ…”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความหมายของเน่าเน่าคงหมายถึงว่าเสี่ยวจูไม่ได้หลับเฉย ๆ เขายังเรียนรู้บางอย่างในห้วงนิทรา ดังนั้นเขาถึงได้นอนกินเวลานานขนาดนั้น

แต่เสี่ยวจูเรียนรู้จากใครในฝัน?

พระอินทร์ก็คงเป็นไปไม่ได้มั้ง!

ทางเสี่ยวจูได้ทำการศึกษากล่องเซฟคร่าว ๆแล้ว สองมืออวบหมุนรหัส ครั้งแรก…เปิดไม่สำเร็จ เสี่ยวจูกลับไม่มีท่าทีลุกลน ขมวดคิ้วขบคิดอีกสักพักก็เริ่มหมุนครั้งที่สอง

เหยียนหมิงซุ่นคอยจับจ้องมองตาไม่กะพริบพร้อมใจเต้นมาถึงคอหอย เลขที่เสี่ยวจูหมุนรหัสเมื่อสักครู่ต่างจากรหัสที่เขาตั้งไว้เพียงตัวเดียวซึ่งที่เหลือก็ถูกต้องทั้งหมด

เจ้าเด็กนี่เก่งจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาแก้รหัสได้อย่างไร

เสี่ยวจูคอยหมุนรหัสอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าจริงจังอย่างมาก หน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด บรรยากาศเงียบสงัดเสียจนได้ยินแต่เสียงหมุนเปิดรหัสของเสี่ยวจู

“ครืด ๆ…แกร๊ก…”

กล่องเปิดออกแล้ว เผยให้เห็นธนบัตรเรียงเป็นแถวอย่างมีระเบียบกับทองเส้นอีกจำนวนหนึ่ง…

เสี่ยวจูพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งใช้หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก หาวหวอดใหญ่อีกทีแล้วดวงตาก็เริ่มหรี่ลงอีกครั้ง

………………………….

[1] เป็นเครื่องบินสกัดกั้นทิ้งระเบิดและลาดตระเวนความเร็วเหนือเสียงของสหภาพโซเวียต

Related

ตอนที่ 2875 เสี่ยวจูคนใจแคบ

ผู้เชี่ยวชาญกะพริบตาฟังไม่เข้าใจเลยถามซ้ำอีกครั้ง “ช่างซ่อมกลอนประตูเหรอ?”

“ใช่…หาช่างซ่อมกลอนประตู แถมยังต้องมีฝีมือมากด้วย” ศาสตราจารย์หลินเน้นย้ำ ประตูที่ใช้รหัสผ่านของเขาเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่คนทั่วไปเปิดไม่ได้

“รหัสนี้คุณเป็นคนตั้งเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงเปิดล็อกไม่ได้ล่ะ?” ผู้อำนวยการแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งที่เมื่อกี้ศาสตราจารย์หลินยังกดรหัสต่อหน้าทุกคนอย่างง่ายดายแล้วพาคุณชายเล็กของคุณชายหมิงเข้าไป

ตอนนี้กลับบอกเขาว่าเปิดไม่ได้?

เขาเชื่อสิแปลก!

“ศาสตราจารย์หลิน…เมื่อกี้ลูกชายผมออกมา ไม่ใช่คุณเป็นคนเปิดประตูเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ไม่ใช่ผม…คุณชายเขาเปิดเอง…แล้วรหัสของผมก็ถูกเปลี่ยน” ศาสตราจารย์หลินในตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ถูกขังไว้ข้างใน ไม่อย่างนั้นคงขายหน้าต่อหน้าคนมากมายแน่

เขาเป็นถึงอาจารย์ระดับปริญญาเอก แถมยังเป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นเด็กอัจฉริยะเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก มีแต่เขาที่สร้างความลำบากใจแก่ผู้อื่น แต่วันนี้…กลับถูกเด็กตัวเล็กคนหนึ่งหยอกเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

เหยียนหมิงซุ่นมองไปยังลูกชายคนเล็กที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ในอ้อมกอดเหมยเหมยแวบหนึ่ง เสี่ยวจูเป็นคนเปลี่ยนรหัสจริงหรือ?

บางทีอาจจะไม่ได้ตั้งใจละมั้ง!

เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะถามต่อ เขารู้ว่าลูกชายคนเล็กนอกจากจะอ่อนไหวต่อกลิ่นแล้วต้องมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาด้านอื่นอีกแน่นอน แต่เขาไม่อยากให้คนรู้ไปมากกว่านี้ ไว้กลับไปถามศาสตราจารย์หลินคนนี้เพียงลำพังแล้วกัน

“รอเดี๋ยว ผมจะโทรเรียกช่างมาเอง”

เหยียนหมิงซุ่นโทรหาลูกน้องที่เชี่ยวชาญเรื่องปลดล็อกซ่อมสิ่งต่าง ๆมา ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นช่างก็มาถึง เขางมอยู่เกือบชั่วโมงจนในที่สุดก็ปลดล็อกแล้วปล่อยตัวศาสตราจารย์หลินออกมาได้

ศาสตราจารย์หลินอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่เหยียนหมิงซุ่นชิงถามขึ้นก่อน “ลูกชายผมไม่มีปัญหาทางจิตใช่ไหม?”

“ไม่มี…สภาพจิตแข็งแรงดี คุณชายหมิง…ผมแนะนำให้คุณ…”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่าง แม้ศาสตราจารย์หลินจะเป็นคนเย่อหยิ่งไปสักหน่อยแต่เขาไม่ใช่คนไม่รู้หน้าที่ คนที่จะไปได้ดีในตำแหน่งหน้าที่การงานจะมีสักกี่คนที่ไม่รู้จักสังเกตสีหน้า?

ศาสตราจารย์หลินปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวต่อผู้อำนวยการว่า “วันนี้ลำบากทุกท่านแล้ว”

“ไม่ลำบากเลย นี่เป็นงานของเราอยู่แล้ว ถ้าคุณชายหมิงมีเรื่องอะไรอีกก็โทรมาได้เลย” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยิ้มตาหยี หากคุณชายหมิงมีคำสั่งต่อให้เขาฟุบอยู่บนหน้าท้องชู้รักก็ต้องบินมาให้ได้!

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆแล้วให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสั่งแยกย้ายทุกคนกลับไป เหลือไว้เพียงศาสตราจารย์หลินคนเดียว

ศาสตราจารย์หลินเป็นคนฉลาดจึงเชิญพวกเหยียนหมิงซุ่นเข้าห้องทำงานไป คราวนี้เขาได้รับบทเรียนแล้วจึงจำรหัสฝังหัวไว้อย่างดี แล้วยืนยันให้มั่นใจอยู่หลายครั้งถึงกล้าล็อกประตู

“ช่วยเล่าเหตุการณ์เมื่อกี้ให้ละเอียดที ตั้งแต่ต้นจนจบ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

ศาสตราจารย์หลินไม่กล้าปิดบัง เล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเสี่ยวจูรวมถึงความคิดในใจเขาที่อยากรอดูเสี่ยวจูขอความช่วยเหลือ จนถึงตนที่ถูกขังไว้ในห้อง…ออกไปหมดเปลือกไม่มีปกปิดสักนิด

“ความหมายของคุณคือ เสี่ยวจูแก้รหัสของคุณได้อย่างง่ายดายแล้วก็เปลี่ยนรหัสใหม่งั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ใช่ แต่ผมไม่มั่นใจว่าเรื่องที่คุณชายเปลี่ยนรหัสนั้นเป็นเรื่องจงใจหรือเปล่า ผมแนะนำให้คุณชายหมิงพาคุณชายเล็กไปวัดไอคิวหน่อย” ศาสตราจารย์หลินเอ่ยตอบ

ความจริงเขาคิดว่าค่อยไปทางจงใจมากกว่า หรือตั้งใจจะกลั่นแกล้งเขาเพื่อเอาคืนที่เขาหยั่งเชิงอีกฝ่าย!

ใจคับแคบดี!

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความหมายของศาสตราจารย์หลินแล้ว ระดับสติปัญญาของเสี่ยวจูต้องสูงมากแน่ ๆ เพราะผู้ใหญ่ทั่วไปยังทำไม่ได้ เสี่ยวจูเพิ่งจะอายุสองขวบกลับแก้รหัสได้อย่างง่ายดาย

ทั้งยังเปลี่ยนรหัสใหม่อีกต่างหาก

……………………………..

ตอนที่ 2876 วัดไอคิว

เหยียนหมิงซุ่นคิดเช่นเดียวกับศาสตราจารย์หลิน เขาก็คิดว่าเสี่ยวจูจงใจเปลี่ยนรหัสใหม่หมายจะกลั่นแกล้งศาสตราจารย์หลิน เจ้าตัวเล็กนี่ใจคับแคบนักชนิดที่มีแค้นก็ต้องชำระ

วันนั้นเรื่องที่เน่าเน่าเอาฉี่ไปแกล้งก็ไม่เห็นเสี่ยวจูว่าอะไรเลย แต่เช้าวันนี้กลับเปิดโปงแล้วลากเขาไปเอี่ยวด้วยอีกคน ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งกะล่อน จิตใจคับแคบกว่าลูกชายคนโตมากโข

“ขอบคุณศาสตราจารย์มาก…เรื่องวันนี้…” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยคำพูดแฝงนัยยะ

“วันนี้แค่ทดสอบสภาพจิตใจให้คุณชายตามประสาเด็กทั่วไป คุณชายสภาพจิตใจแข็งแรงดีมากไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น…” ศาสตราจารย์หลินเข้าใจความหมายดี

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ชอบคนที่เชื่อฟังมากที่สุดแล้ว

เขารับตัวเจ้าหมูขี้เกียจตัวอ้วนกลมมาอุ้มไว้แล้วพาออกจากโรงพยาบาล เหมยเหมยตามมาติด ๆอยู่ด้านหลังพลางกระซิบถามเบา ๆ “พี่ว่าเสี่ยวจูตั้งใจเปลี่ยนรหัสหรือเปล่า?”

เธอรู้สึกเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อไปหน่อย เด็กตัวเล็กวัยสองขวบจะเปลี่ยนรหัสที่ซับซ้อนมากขนาดนั้นได้อย่างไร บอกไปใครจะเชื่อบ้าง?

เมื่อกี้ช่างงมปลดรหัสล็อกทั้งบิดซ้ายทั้งบิดขวาหมุนทีหนึ่งยังต้องใช้เครื่องช่วยฟังตรวจอย่างกับคุณหมอตรวจคนไข้ เธอแค่ยืนดูอย่างเดียวก็ตาลายแล้ว

เสี่ยวจูของเธอจะเก่งกาจขนาดนั้นเชียว?

“ร้อยละเก้าสิบก็จงใจแหละ” เหยียนหมิงซุ่นอดบีบจมูกของเสี่ยวจูทีหนึ่งไม่ได้ เจ้าตัวร้ายนี่!

“แต่เสี่ยวจูเกิดมาก็เอาแต่นอนตลอด ไม่เคยสัมผัสอะไรมาก่อน ทำไมเขาถึงเปลี่ยนรหัสได้ล่ะ? ไม่มีคนสอนเขานี่นา!”

เหมยเหมยคิดไม่ตก

“โลกของอัจฉริยะไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าใจ เสี่ยวจูคืออัจฉริยะ แถมยังเป็นอัจฉริยะที่เก่งมากด้วย” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างมั่นใจ

ต่อให้ไม่ไปวัดไอคิวเขาก็มั่นใจได้ว่าเสี่ยวจูต้องเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอด แต่ระดับไอคิวสูงแค่ไหนนั้นจะรู้ได้หลังจากวัด

“ฟู่…” เสี่ยวจูพลิกตัวในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่น สภาพตอนนอนดูโง่สิ้นดี

เหมยเหมยมองลูกชายคนเล็กตาค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอโง่ขนาดนี้กลับมีลูกชายเป็นอัจฉริยะหรือ?

พระเจ้ากำลังชดเชยสติปัญญาที่เธอขาดหายไปอย่างนั้นหรือ?

“รอผลตรวจดีกว่า ถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญล่ะ!” เหมยเหมยตกใจเล็กน้อย กลัวว่าผลลัพธ์จะทำให้เธอผิดหวัง อย่าเพิ่งตั้งความหวังไว้สูงเกินไปดีกว่า

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะพลางโทรหาลูกน้องให้พวกเขาจัดตารางเวลา

หน่วยงานของเขามีศูนย์ทดสอบที่ครบครันอย่างมากและทันสมัยมากที่สุดในประเทศ ณ ตอนนี้

รอพวกเขาเดินทางไปถึงลูกน้องก็จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว เหยียนหมิงซุ่นปลุกเสี่ยวจูให้ตื่นก่อนจะให้เจ้าตัวเล็กเข้าห้องไปตามเจ้าหน้าที่ เขากับเหมยเหมยรออยู่ด้านนอก

“ตอนนี้คนที่ไอคิวสูงสุดที่สุดอยู่ที่เท่าไหร่?” เหมยเหมยรอจนเบื่อหน่ายก็ถามนู่นถามนี่

“350 เป็นคนที่ชื่อวิลเลียม อัลเฟรด ควานนิงตัน” เหยียนหมิงซุ่นตอบ แต่เขาก็เอ่ยเสริมอีกว่า “ไอคิวของเขาแค่เป็นค่าจากการคาดการณ์ น่าจะเกือบ 400”

“ไม่ใช่ไอสไตน์เหรอ?” เหมยเหมยแปลกใจ เธอคิดว่าคนที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้คือไอสไตน์เสียอีก!

“เปล่า…ได้ข่าวว่าไอคิวของไอสไตน์คือ 200 ความจริงไอคิวบ่งบอกอะไรไม่ได้หรอก อย่างไอสไตน์ ฮอว์กิง นิโคลัส ไอคิวของพวกเขาไม่ได้สูงที่สุด แต่ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ของพวกเขากลับก้าวข้ามยุคสมัย” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

คนที่ไอคิวสูงประสบความสำเร็จง่ายกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ไอคิวสูงทั้งหมดจะประสบความสำเร็จที่ไม่ธรรมดากันทุกคน มีนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่มากมายล้วนแต่มีไอคิวราว ๆหนึ่งร้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อผลงานของพวกเขาเลย

“ฉันจำได้ว่าไอคิวของเสี่ยวเป่าก็สูงมากใช่ไหม เท่าไหร่นะ?” เหมยเหมยนึกถึงเสี่ยวเป่าขึ้นมา

“220 ถึง 230…แต่เลขนี้ไม่แน่นอน ฉันเดาว่าไอคิวของเสี่ยวเป่าน่าจะสูงกว่านี้อีกนิด” เหยียนหมิงซุ่นตอบคำถาม

……………………

Related

ตอนที่ 2871 ความสามารถพิเศษในการรับกลิ่น

เหยียนหมิงซุ่นให้ป้าฟางไปเอาผลไม้ที่มีระดับความสดใหม่แตกต่างกันในครัวออกมา

ป้าฟางใช้เวลาไม่นานก็กลับมาพร้อมกับจานที่จัดวางเชอร์รี่สีขาวคล้ายหยกหลายลูก ลูกท้อที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ รวมถึงแตงโมกับลิ้นจี่

เหยียนหมิงซุ่นป้อนเสี่ยวจูตามลำดับ

“เหม็น…”

“เฉยๆ!”

“ใช้ได้”

“หวาน”

เสี่ยวจูไม่ชอบลิ้นจี่มากที่สุดเลยบอกเหม็น แตงโมเฉย ๆ ลูกท้อใช้ได้ ส่วนเชอร์รี่นั้นเป็นของโปรดเลยทานทีเดียวหลายลูก เขาทานยังไม่หนำใจ แม้แต่ความขี้เซายังหายไปพร้อมมือตะกุยหาเชอร์รี่ในจานใหญ่

“ย่าทวดจะไปล้างให้ใหม่นะ เชอร์รี่นี่บ้านเราปลูกเอง เสี่ยวเหลาเพิ่งไปเด็ดมาเมื่อเช้านี่เอง ทั้งลูกใหญ่ทั้งหวาน” คุณย่าหยางล้างเชอร์รี่มาอีกจานใหญ่ให้เด็กทั้งสามทาน

เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่ผลไม้ในจานก่อนจะถาม “ลิ้นจี่ซื้อมาจากร้านซูปเปอร์มาร์เก็ตสินะ?”

“ใช่ ฉันเลือกที่สดที่สุดด้วยนะ” ป้าฟางนึกแปลกใจเหลือเกิน ลิ้นจี่เหล่านี้เธอทานไปก็รู้สึกสดใหม่ดีนี่นา ทำไมเสี่ยวจูถึงบอกว่าเหม็นล่ะ?

“แตงโมเป็นพันธุ์สุกง่าย ฉันซื้อมาเมื่อสองวันก่อน ลูกท้อเพิ่งเด็ดมาเมื่อวาน เชอร์รี่เด็ดเมื่อเช้าวันนี้” ป้าฟางชี้ไปที่ผลไม้แล้วไล่แนะนำทีละอย่าง

เหยียนหมิงซุ่นพอรู้คร่าว ๆแล้ว เวลาของผลไม้ที่ป้าฟางบอกกับระดับความรังเกียจที่เสี่ยวจูมีต่อผลไม้เหล่านี้มันตรงกันพอดี

“ปากช่างเลือกจริง ๆนะเรา…” เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก เพิ่งผ่านมาวันเดียวก็ไม่ทานแล้ว นี่จะปรนนิบัติยากเกินไปแล้วนะ!

เหยียนหมิงซุ่นกลับพบที่มาของปัญหา เวลาเสี่ยวจูจะทานอะไรก็ตามต้องดมก่อน จากนั้นค่อยกัดคำหนึ่งแล้วค่อยดมใหม่…ถ้าอร่อยก็ทานเยอะ ไม่อร่อยก็ไม่ทาน

บ่งบอกว่าเสี่ยวจูอาศัยกลิ่นในการตัดสินว่าอาหารชนิดนั้นอร่อยหรือไม่

บางที…

เหยียนหมิงซุ่นมีการคาดเดาอย่างหนึ่ง เขาก้มหน้าถามเสี่ยวจูที่ทานเชอร์รี่ไม่หยุด “เหตุที่ลูกไม่อยากเดินเพราะข้างนอกเหม็นใช่ไหม?”

“อืม…เหม็น” เสี่ยวจูพยักหน้ารับแล้วทานเชอร์รี่จนหมดจาน หาววอดทีหนึ่งอย่างพึงพอใจ เขาฝืนไม่ไหวอีกต่อไปซบเหยียนหมิงซุ่นแล้วผล็อยหลับไป

พูดไปตั้งเยอะทำเอาเขาเหนื่อยแทบตาย

เหยียนหมิงซุ่นวางเสี่ยวจูบนโซฟาที่เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้วน้อย ๆไม่ค่อยพอใจกับสภาพแวดล้อมในการนอนนัก เหยียนหมิงซุ่นเลยจำต้องอุ้มเขากลับไปยังห้องของเขาเอง พอตัวถึงเตียงเสี่ยวจูก็คลายหัวคิ้วออกอย่างพึงพอใจแล้วหลับสนิทไปทันที

“ความสามารถพิเศษของลูก ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือปัญหาของลูกกันแน่นะ!”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างระอาใจ เขาพอจะมั่นใจได้แล้วว่าความสามารถพิเศษของเสี่ยวจูคือการแยกกลิ่นและความอ่อนไหวที่มีต่อกลิ่น เจ้าตัวเล็กนี่มีจมูกที่ไวยิ่งกว่าเสวี่ยเอ๋อร์จนสามารถแยกแยะกลิ่นที่คนทั่วไปไม่ได้รับ อีกทั้งกลิ่นหอมหรือกลิ่นเหม็นทั่ว ๆไปก็จะถูกขยายความรุนแรงขึ้นหลายสิบเท่าหรือหลายร้อยเท่าเวลาเสี่ยวจูรับกลิ่น

จึงเป็นเหตุผลที่เสี่ยวจูไม่ชอบทานเนื้อหรืออาหารประเภทที่มีกลิ่นฉุนอย่างขิง กระเทียม หัวหอมเป็นต้น ถึงขั้นปฏิเสธเครื่องปรุงรสอาหารนอกจากเกลือกับน้ำตาล

อีกทั้งไม่แปลกใจต่อโลกภายนอกเพราะเขาได้กลิ่นหมดแล้ว…โลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า เสี่ยวจูสนใจสิแปลก

เหมยเหมยตามขึ้นมาติด ๆ เธอเห็นเสี่ยวจูที่เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ฉันว่าพาเสี่ยวจูไปหาหมอหน่อยดีกว่า นอนขนาดนี้มันไม่ปกติเลย”

ปกติแล้วเด็กวัยเดียวกับเสี่ยวจูวันหนึ่งนอนสักสิบสองถึงสิบสามชั่วโมงก็มากพอแล้ว เด็กที่พลังล้นเหลืออย่างเน่าเน่าอย่างมากก็สิบเอ็ดถึงสิบสองชั่วโมง แต่เสี่ยวจูกลับนอนได้มากกว่ายี่สิบชั่วโมงหรือมากกว่านั้น มันไม่ปกติอย่างแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดไม่ตกกับเรื่องนี้ ขี้เซากับกลิ่นมันไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย หรือว่าเสี่ยวจูยังมีปัญหาเรื่องอื่นอีกนะ?

“งั้นก็ไปตอนนี้เลย พี่จะโทรบอกทางโรงพยาบาลไว้ก่อน” เหยียนหมิงซุ่นอนุญาตสักที

………………………….

 ตอนที่ 2872 โลกอันเหม็นเน่า

เหยียนหมิงซุ่นติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในประเทศทั้งแผนกสมอง แผนกหัวใจ แผนกเด็กหรือนักจิตวิทยาต่าง ๆ…เพื่อทำการตรวจร่างกายให้เสี่ยวจูอย่างครบครัน

ขณะที่อุ้มเสี่ยวจูขึ้นรถเจ้าตัวเล็กก็ตื่นทันที ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับมือที่อุดจมูก ในรถกลิ่นเหม็นจัง เขารู้สึกเหม็นจะตายอยู่แล้ว

“กลับบ้าน…เหม็น…” เสี่ยวจูบิดตัวจะลงจากรถ สถานที่ที่กลิ่นเหม็นขนาดนี้เขาไม่อยากอยู่แม้แต่นาทีเดียว

“ฉันอุตส่าห์ฉีดน้ำหอมกับสเปรย์ปรับอากาศแล้วนะ ทำไมยังมีกลิ่นอีกล่ะ?” เหมยเหมยคิดไม่ตกจริง ๆ

“เสี่ยวจูมีจมูกรับกลิ่นที่พิเศษกว่าคนปกติซึ่งเขาจะได้กลิ่นที่เราไม่ได้รับ เปลี่ยนรถอีกคันแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูที่กำลังร้องไห้โวยวายจะลงจากรถ

แต่แล้ว…

“เหม็น…”

ที่บ้านมีรถทั้งหมดสามคันล้วนถูกเสี่ยวจูแสดงความรังเกียจหมด ไม่ว่าจะหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ยอมนั่งรถ

“ก็ได้ ปั่นจักรยานแล้วกัน ฉันจะใส่ผ้าปิดปากให้เสี่ยวจูด้วย”

เหมยเหมยกลับไปเอาผ้าปิดปากที่ผ่านการฆ่าเชื้ออุณหภูมิสูงในห้องมาแล้วทาน้ำผึ้งของโปรดของเสี่ยวจูอีกนิด ไม้นี้ใช้ได้ผลตามคาดเมื่อเสี่ยวจูได้กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งก็หยุดร้องไห้ทันที แถมยังยอมสวมผ้าปิดปากแต่โดยดีอีกต่างหาก

เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนปั่นส่วนเหมยเหมยอุ้มเสี่ยวจูนั่งซ้อนหลัง แบบนี้ก็ให้ความรู้สึกต่างไปอีกแบบแฮะ

“ฉันนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่พี่ปั่นจักรยานให้ฉันซ้อนจัง จะว่าไปไม่ได้นั่งจักรยานมาสิบกว่าปีแล้วเนอะ!” เหมยเหมยเอ่ย

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “ไว้มีเวลาพี่จะปั่นจักรยานพาเธอออกไปเที่ยวอีกนะ”

“จะมีเวลาเที่ยวที่ไหนล่ะ เจ้าตัวเล็กสามคนที่บ้านก็มีเรื่องให้เครียดจะแย่ ไหนจะต้องรีบปั่นต้นฉบับอีก ติดหนี้บานเบอะ เฮ้อ!” เหมยเหมยถอนหายใจหนัก

ก่อนจะคลอดเน่าเน่าเสี่ยวจูเธอยังมีอารมณ์โรแมนติกอยู่บ้าง ตอนนี้หรือ…เหลือเพียงขี้เถ้าแล้ว

“เดี๋ยวถามคุณหมอหน่อยว่าจมูกของเสี่ยวจูรักษาได้ไหม ไม่งั้นอนาคตเขาจะออกจากบ้านได้อย่างไร? แบบนี้เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เรือก็อย่าคิดจะนั่งอีกเลย” เหมยเหมยมองเจ้าตัวเล็กที่ถูกปิดจมูกมิดชิดในอ้อมแขนอย่างไม่สบายใจ

แม้แต่กลิ่นเล็กน้อยก็รับไม่ได้อย่าคิดจะไปสถานที่สาธารณะเชียว ไหนจะยานพาหนะการเดินทางอีก หรือว่าทั้งชีวิตนี้เสี่ยวจูจะนั่งได้แค่จักรยานหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นฟังแล้วก็นึกขำ นี่เป็นพรสวรรค์ที่คนอื่นไหว้พระขอพรยังไม่ได้ แน่นอนว่าต้องลำบากในการใช้ชีวิตสักหน่อยแต่น่าจะเอาชนะมันได้แหละ

“วางใจเถอะ มันต้องมีหนทางแน่นอน อย่างไรก็ต้องมีทางแก้” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบประโลม

ไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล เหยียนหมิงซุ่นจอดจักรยานอย่างดีแล้วอุ้มเสี่ยวจูขึ้นมา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่มารอรับแต่เช้าคาดไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะปั่นจักรยานมา อีกทั้งเสี่ยวจูยังสวมผ้าปิดปากมาด้วย เขาจึงมองด้วยสายตาฉงน

หรือว่าคุณชายน้อยเป็นหวัดหรือ?

แต่ถ้าแค่เป็นหวัดคงไม่ถึงกับให้เขาเรียกตัวผู้เชี่ยวชาญทั้งโรงพยาบาลมาตรวจไข้หรอกมั้ง!

“เหม็น…” เสี่ยวจูร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ

เหมยเหมยยัดช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งใส่ปากเจ้าตัวเล็กเสียงจึงหายไปทันทีแล้วฝังหน้าไว้ที่อกของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเงียบ ๆ

“นี่ลูกชายคนเล็กของผม เขาค่อนข้างอ่อนไหวต่อกลิ่น” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย ผู้อำนวยการถึงบางอ้อทันที มิน่าถึงไม่ขับรถมาแล้วสวมผ้าปิดปากมาอีกด้วย!

“เด็กเล็กอ่อนไหวต่อกลิ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกอย่างเด็กเล็กจะสัมผัสถึงด้านอื่น ๆไวกว่าผู้ใหญ่ด้วย รอโตขึ้นความอ่อนไหวพวกนี้ก็จะค่อย ๆถดถอยลง” ผู้อำนวยการยิ้มเอ่ย

คล้ายคำโบราณมักพูดเสมอว่าเด็กเล็กจะเห็นสิ่งไม่ดีบางอย่าง คำพูดนี้ไม่ใช่ความเชื่องมงายที่สืบทอดกันมาโดยสิ้นเชิง แต่เรื่องผีวิญญาณเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่แม้เขาจะเคยได้รับการศึกษาระดับสูงมาก่อนแต่เขาก็เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้มาก แน่นอนว่าเขาไม่มีวันพูดออกจากปากอย่างเปิดเผยหรอกนะ

ผู้อำนวยการพาพวกเหยียนหมิงซุ่นไปยังห้องให้คำปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญจากทุกศาสตร์แขนงในโรงพยาบาลมารวมตัวกันครบแล้ว

………………

Related

ตอนที่ 2869 เรื่องมากยิ่งกว่าฮ่องเต้

สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นหยิบมามีต้นหอม ขิง กระเทียม ขึ้นฉ่าย หัวหอม ผักชีรวมถึงเครื่องปรุงรสอย่างซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูนำหยิบใส่ตะกร้า เขาหยิบต้นหอมต้นหนึ่งมาวางตรงหน้าเสี่ยวจู เจ้าตัวเล็กตกใจแทบทานอะไรไม่ได้รีบเอามือปิดจมูกถลึงตามองต้นหอมอย่างนึกรังเกียจ

“พี่ทำอะไร? เสี่ยวจูไม่ชอบกลิ่นต้นหอม รีบเอาออกไปเลย”

เหมยเหมยฟาดมือเหยียนหมิงซุ่นแล้วถลึงตาใส่เขาเป็นเชิงดุแวบหนึ่ง

“ของพวกนี้เสี่ยวจูไม่ชอบหมดเลยเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่ยยังไม่ค่อยรู้รสนิยมการกินของเจ้าตัวเล็กนี่นัก รู้เพียงว่าลูกชายคนเล็กไม่ชอบทานเนื้อ

“ใช่ อาหารที่มีกลิ่นฉุนเขาไม่ชอบมันทั้งหมดนั่นแหละ อีกอย่างอาหารของเสี่ยวจูปรุงได้แค่เกลือกับน้ำตาล ซีอิ๊วน้ำส้มสายชูหรือเครื่องปรุงรสอย่างอื่นห้ามใส่เพราะเขาไม่ชอบ” เหมยเหมยหยิบเอาของที่เหยียนหมิงซุ่นเอาออกมากลับไปไว้ในครัวดังเดิม เสี่ยวจูสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะทานขนมแป้งต่อไป

แต่วันนี้เสี่ยวจูกลับไม่เจริญอาหารเท่าปกติ ทานขนมแผ่นแป้งไปเพียงสองชิ้นทั้งที่ปกติต้องทานสี่ชิ้นแหนะ!

“อิ่มแล้ว…ง่วง อยากนอน…”

เสี่ยวจูดื่มนมเสร็จก็แทบลืมตาไม่ขึ้น ดวงตาปรือท่าทางง่วงนอน เขายื่นแขนออกไปขออุ้มหมายจะให้เหมยเหมยพาเขากลับไปนอนที่ห้อง

ขึ้นบันไดเหนื่อยจังแฮะ!

“ทำไมทานแค่สองชิ้นล่ะ? เสี่ยวจูปกติลูกทานสี่ชิ้นตลอดไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยแอบเป็นห่วงเล็กน้อย จู่ ๆก็ลดปริมาณอาหารลงเกือบครึ่ง หรือว่าจะไม่สบายกันนะ?

“ไม่อร่อย…”

เหมยเหมยหยิบขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งขึ้นมาชิมคำหนึ่ง รสชาติกลมกล่อมไม่ต่างจากของเมื่อวานนัก เมื่อวานเสี่ยวจูยังทานไปตั้งสี่ชิ้น!

“แม่คิดว่าไม่ต่างจากของเมื่อวานเท่าไหร่นี่นา อร่อยมากเหมือนเดิม เสี่ยวจูลูกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เหมยเหมยเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม พฤติกรรมที่ชัดเจนที่สุดเวลาเด็กป่วยก็คือความอยากอาหารลดลง รู้สึกขมในปากทำให้ทานอะไรก็ไม่ได้รสชาติ

เธอแนบหน้าผากติดกับหน้าผากของเสี่ยวจูซึ่งอุณหภูมิสูงกว่าของเธอเล็กน้อย แต่นี่เป็นอุณหภูมิปกติเพราะอุณหภูมิร่างกายของเด็กมักสูงกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว บ่งบอกว่าเสี่ยวจูไม่ได้เป็นไข้ เหมยเหมยถึงค่อยวางใจหน่อย

“คุณแม่โง่…ไม่อร่อย” เสี่ยวจูเบิกตาอย่างไม่พอใจแล้วมองเหมยเหมยอย่างนึกรังเกียจ มันต่างกันชัดเจนขนาดนี้ทำไมถึงทานไม่ออก

“ฉันจะลองทานดู…เหมือนเมื่อวานนี่นา เล่อเล่อหนูลองทานดูหน่อย”

คุณย่าหยางกัดคำหนึ่งก็ได้ข้อสรุปเหมือนเหมยเหมย เธอกลัวว่าด้วยความที่ตนอายุมากทำให้ลิ้นรับรสผิดเพี้ยนไปจึงให้เล่อเล่อมาทาน

เล่อเล่อทานขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งหนึ่งชิ้นหมดภายในไม่กี่คำ จากนั้นก็เลียนิ้วด้วยความรู้สึกอยากจะทานต่อ กล่าวโดยสรุปว่า “อร่อย ใส่เนื้ออีกนิดจะอร่อยกว่านี้”

“โง่…ไม่อร่อยเลย!” เสี่ยวจูระอาใจสุดขีด

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูมาวางบนหน้าตักแล้วถามเสียงอ่อนโยน “ทำไมขนมแผ่นแป้งวันนี้ถึงไม่อร่อยล่ะ? ไม่อร่อยตรงไหน?”

“เหม็น…” เสี่ยวจูพูดเสียงอู้อี้

“เหม็นตรงไหน? ทั้งที่หอมจะตายไป” เหมยเหมยเข่าแทบทรุดจริง ๆ ขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งหอมกรุ่นขนาดนี้ยังบ่นว่าเหม็นได้ เจ้าตัวเล็กนี่ปากช่างเลือกยิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก!

“ก็มันเหม็น…ไข่เหม็น…” เสี่ยวจูไม่พอใจแล้ว ก็มันกลิ่นเหม็นนี่นา แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขารับได้เลยฝืนทานไปสองชิ้น ไม่งั้นก็ต้องทนหิวแย่เลย

เหมยเหมยกัดอีกคำอย่างไม่เชื่อก็ได้กลิ่นไข่ไก่หอมกรุ่น เจ้าตัวเล็กดมอย่างไรถึงบอกกลิ่นเหม็นกันนะ?

เหยียนหมิงซุ่นก็ทานขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งด้วยอีกชิ้นที่มีความรู้สึกเดียวกับภรรยาเขา กลิ่นหอมไม่มีกลิ่นเหม็น แต่เขาคิดว่าลูกชายคนเล็กต้องไม่พูดปดแน่ ๆซึ่งน่าจะมาจากสาเหตุอื่น

จู่ ๆป้าฟางก็ตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง “โอ๊ย…นึกขึ้นได้แล้ว เช้านี้ฉันตอกไข่ไปสามฟอง แต่มีฟองหนึ่งที่คาดว่าคงเก็บไว้นานเกินไปไม่ค่อยสดเท่าไรแต่ไม่เสียแน่นอน เพียงแต่ไข่แดงเละไปหน่อย”

…………………………..

ตอนที่ 2870 ไม่สอนลูกคือความผิดของคนเป็นพ่อ

เหมยเหมยแค่ฟังป้าฟางพูดก็รู้ทันทีว่าไข่มีสภาพอย่างไร ถ้าเก็บไข่เป็นเวลานานไข่แดงจะเละ บางครั้งเวลาตอกไข่จะติดอยู่กับเปลือกไข่ ถ้าเก็บไว้นานกว่านี้อีกสักระยะคาดว่าคงเสียได้ แต่สภาพแบบนั้นยังไม่เสียอย่างแน่นอน

อีกอย่างไข่เสียก็ไม่เป็นไร ในเมื่อมีคนตั้งมากมายที่ชื่นชอบการทานไข่เหม็นคาว!

“เสี่ยวจูรู้สึกว่าไข่เหม็นเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“อืม…”

เสี่ยวจูพยักหน้า แต่คิด ๆแล้วก็เสริมไปว่า “แต่ไม่เหม็นเท่าฉี่ของพี่ชาย”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ทำไมอยู่ดี ๆถึงเอี่ยวไปถึงฉี่ของเน่าเน่าได้ล่ะ?

อีกอย่างฉี่ของใครกลิ่นหอมกัน!

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองคุณปู่เหยียนที่กำลังถือแก้วน้ำชาเครื่องเคลือบลายครามดื่มชาอยู่ก็นึกอยากหัวเราะลั่น แต่เขาก็พยายามกลั้นเอาไว้

“พี่ชายของลูกไม่ได้ฉี่รดตัวลูกสักหน่อย ไม่เหม็น” เหมยเหมยยิ้มหยอกเย้า แม้เน่าเน่าจะขี้เล่นไปหน่อยแต่เขาไม่เคยฉี่รดที่นอนตั้งแต่เด็ก เสี่ยวจูเองก็เช่นกัน สองพี่น้องคู่นี้ค่อนข้างเลี้ยงง่ายทีเดียวแต่แค่คนเล็กสุดออกจะวุ่นวายไปสักหน่อย

เสี่ยวจูยื่นมืออวบนุ่มนิ่มออกมาชี้นิ้วไปยังคุณปู่เหยียนที่กำลังจิบน้ำชาอยู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยน่ารัก “พี่ชายฉี่ใส่แก้ว…”

เหมยเหมยมองไปยังแก้วเครื่องเคลือบลายครามในมือของคุณปู่ตามต้นทางที่เสี่ยวจูชี้ไป นั่นเป็นของขวัญจากนักเรียนที่ทำงานอยู่จิ่นเต๋อเจิ้น[1]ของคุณปู่ คุณปู่รักมันยิ่งกว่าอะไรและต้องใช้ดื่มน้ำชาทุกวี่วันไม่มีเว้น

เธอเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆเหมือนว่าลูกชายคนโตจะก่อวีรกรรมเข้าแล้ว!

คุณย่าหยางถามด้วยความแปลกใจ “พี่ชายฉี่ใส่แก้วใบไหนเหรอ?”

“ของปู่ทวด…” เสี่ยวจูเอือมระอามาก พลางนึกสงสัยในระดับสติปัญญาของพวกผู้ใหญ่ในบ้านจากใจจริง

ทั้งที่เขาชี้ชัดขนาดนี้แล้วแท้ ๆ

“พรวด”

คุณปู่เหยียนกำลังจิบน้ำชาคำโตก็พ่นออกมาทันทีพร้อมมองแก้วในมือด้วยใบหน้าขมึงทึง ชาหลงจิ่งที่เพิ่งชงใหม่ในเช้านี้พร่องลงไปกว่าครึ่งแล้ว

แต่—ที่ว่าฉี่ใส่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

“เน่าเน่า…ลูกฉี่ใส่แก้วของปู่ทวดเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยใบหน้าขึงขัง

“เอ่อ…ผม…” เน่าเน่าเงยหน้าเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นเป็นระยะ ๆหมายอยากได้สัญญาณลับบางอย่างจากพ่อตัวเอง เขาควรยอมรับหรือไม่ยอมรับดีล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นหันหน้าหนี เจ้าตัวเล็กหาทางช่วยตัวเองเถอะ!

“ลูกจะมองพ่อทำไม? แม่ถามลูกอยู่ว่าได้ฉี่ลงไปหรือเปล่า?” เหมยเหมยขึ้นเสียง

เน่าเน่าจำต้องยอมรับสารภาพไป “ฉี่แล้ว…คุณพ่อบอกไม่เป็นไร”

เฮอะ อย่าคิดจะให้เขารับผิดแต่เพียงคนเดียวเลย!

คุณปู่เหยียนถลึงตาจ้องน้ำชาในแก้วอย่างนึกรังเกียจพลันก็รู้สึกพะอืดพะอม แต่ไม่ดื่มก็รู้สึกปวดใจ…ชาหลงจิ่งชั้นดีเชียวนะ!

“ฉี่ก็ฉี่ไปสิ ฉี่เด็กช่วยบำรุงร่างกายนะ ฉี่ของเหลนชายแท้ ๆจะรังเกียจไปทำไม ฮ่าฮ่าฮ่า!” คุณย่าหยางหัวเราะจนน้ำตาเล็ด คุณปู่เหยียนถูกหัวเราะเยาะก็ยิ่งโกรธหนักเข้าไปใหญ่ ทำใจตีเน่าเน่าไม่ลงแต่ถ้าไม่ตีก็ระบายอารมณ์ไม่ได้

คุณปู่จึงหยิบเอาไม้ขนไก่ฟาดเหยียนหมิงซุ่นหลายที “ไม่สอนลูกคือความผิดของคนเป็นพ่อ!”

เหยียนหมิงซุ่นหลบได้อย่างคล่องแคล่วแล้วกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ปกติเห็นบอกว่าขี้และฉี่ของเน่าเน่าหอมไม่ใช่เหรอ? ดื่มหน่อยจะเป็นไรไป? หรือว่าปู่หลอกลวงงั้นสิ!”

“แก…มานี่!” คุณปู่ทนความอับอายไม่ไหวก็ฟาดไปอีกหลายทีถึงพอใจ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปล้างแก้วในครัวอย่างโกรธเคือง

เหยียนหมิงซุ่นมองเน่าเน่าที่แอบเอามือป้องปากหัวเราะแวบหนึ่งก็แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง ไว้ค่อยกลับมาสั่งสอนหมอนี่อีกที ตอนนี้จัดการเรื่องของลูกชายคนเล็กก่อน

เขามองไปที่เสี่ยวจูในอ้อมแขนที่กำลังตาปรือ คาดว่าอีกสักพักคงไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว เขาบีบจมูกเล็ก ๆอย่างระอาทีหนึ่ง เสี่ยวจูลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจพลางถลึงตาจ้องใส่เหยียนหมิงซุ่นเป็นเชิงตำหนิ

“พ่อจะถามลูกอีกอย่าง ถามเสร็จก็จะให้นอน”

“อืม…เร็วหน่อย!” เสี่ยวจูฝืนใจจำยอม

…………………

Related

ตอนที่ 2873 ร่างกายไม่มีปัญหา

เหยียนหมิงซุ่นได้เล่าอาการของเสี่ยวจูไปคร่าว ๆซึ่งชวนให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญสีหน้าเคร่งเครียดกันใหญ่ เคสผู้ป่วยนี้ค่อนข้างพิเศษเลยทีเดียว

“ขออนุญาตถามอะไรสักนิด ตอนคุณชายเล็กคลอดราบรื่นดีไหม?” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งถามอ้อม ๆ

“ราบรื่นดีมาก ตอนแรกเกิดหนัก 2900 กรัม ตรวจร่างกายแล้วแข็งแรงดีมาก ด้านสมองก็ไม่มีปัญหา ติดเพียงแค่ว่าขี้เซาไปหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสั้น ๆ

เหล่าผู้เชี่ยวชาญรวมหัวกันปรึกษาครู่หนึ่งก็ตัดสินใจจะทำการตรวจสุขภาพเป็นระบบให้เสี่ยวจูตั้งแต่หัวจรดเท้าและทั้งภายนอกภายใน หากมีปัญหาอะไรก็สามารถตรวจพบเจอได้

แต่–

สแกนสมองแล้ว ตรวจเลือดแล้ว ถ่ายภาพเอกซเรย์แล้ว ตรวจทั้งอุจจาระและปัสสาวะแล้ว…ผลการตรวจทั้งหมดรายงานว่าปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยตรงไหน

“ไม่มีปัญหาแล้วทำไมวัน ๆหนึ่งถึงนอนได้เกินยี่สิบชั่วโมงล่ะ?” เหมยเหมยไม่เข้าใจ

ผู้เชี่ยวชาญเงียบฉี่…พวกเขาก็คิดไม่ตกเหมือนกัน!

“ให้ศาสตราจารย์หลินคุยกับคุณชายเล็กหน่อยแล้วกัน” มีผู้เชี่ยวชาญเสนอความเห็น

ศาสตราจารย์หลินเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านสภาพจิตใจระดับสูงของโรงพยาบาล ในเมื่อเสี่ยวจูไม่มีปัญหาด้านสุขภาพงั้นก็เหลือแต่สภาพจิตใจแล้ว ศาสตราจารย์หลินพาเสี่ยวจูไปยังห้องทำงานของเขา โดยมีพวกเหยียนหมิงซุ่นรออยู่ข้างนอก

เสี่ยวจูกวาดตามองประเมินศาสตราจารย์หลินตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ดวงตากลมโตหมุนไปมาอย่างซุกซน

ศาสตราจารย์หลินอมยิ้มน้อย ๆย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับเสี่ยวจู ถามเสียงอ่อนโยน “เธอชื่ออะไรเหรอ?”

“เหยียนเสี่ยวจู…หมอช่วยลุกขึ้นที” เสี่ยวจูย่นคิ้วน้อย ๆพยายามฝืนใจไม่ให้เอามือตะครุบจมูกเพราะทำอย่างนั้นดูเสียมารยาทเกินไป

ศาสตราจารย์หลินรู้สึกได้ถึงคำตำหนิจากเสี่ยวจู แม้จะแปลกใจแต่ก็ลุกยืนแต่โดยดี “เหมือนเธอไม่ชอบฉันนะ ทำไมล่ะ?”

“ไม่แปรงฟัน” เสี่ยวจูย่นจมูกกล่าว

ไม่แปรงฟันก็ช่าง สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดกลับยังทานกุยช่ายมาอีกต่างหาห

ศาสตราจารย์หลินหน้าแดงระเรื่อ เขาจำได้แล้วว่าเช้านี้เขาทานเกี๊ยวไส้กุยช่าย จากนั้นก็ถูกผู้อำนวยการโทรเรียกตัวมาจนลืมแปรงฟันเพราะความเร่งรีบ เขาเอาหมากฝรั่งในลิ้นชักมาเคี้ยวก่อนจะย่อตัวลงอีกที แต่ก็ยังได้รับท่าทีรังเกียจจากเสี่ยวจูอยู่ดี

เขาจึงจำต้องยืนอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะก้มมองเด็กตัวกะเปียกคนหนึ่งแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนพ่อบ้านที่กำลังรายงานตารางงานคนหนึ่งล่ะ?

“เสี่ยวจูชอบนอนใช่ไหม?”

“อืม”

“แล้วยังชอบอะไรอีก?”

“นอน”

“นอกจากนอนล่ะ?”

“นอน…หมอโง่จัง”

ศาสตราจารย์หลินมุมปากกระตุก ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งชีวิตกลับเป็นครั้งแรกที่มีคนด่าเขาว่าโง่ อีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กที่เพิ่งหย่านมแม่อีกต่างหาก!

เสี่ยวจูชักหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว มัวแต่ถามคำถามไร้แก่นสารแบบนี้มันเสียเวลา

เขากระโดดลงจากที่นั่งเดินไปที่ประตู ศาสตราจารย์หลินคิดจะไปเปิดประตูให้ในทีแรกแต่คิด ๆแล้วก็ยืนนิ่งเพราะอยากดูว่าเสี่ยวจูจะเปิดประตูออกไปอย่างไร เนื่องจากในห้องทำงานมีประวัติคนไข้มากมายที่ต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นเขาถึงติดตั้งประตูที่ต้องมีรหัสผ่าน

เมื่อกี้ตอนเข้ามาก็รวดล็อกประตูแล้วด้วย นอกจากนี้ประตูของเขาไม่ว่าจะเข้าหรือออกก็ต้องใส่รหัสทั้งหมด

ฉะนั้นแล้ว…

ประตูบานนี้มีเพียงเขาที่เปิดได้

ศาสตราจารย์หลินนานทีจะขี้เล่นเหมือนเด็กขึ้นมา กล้าว่าเขาโง่ เดี๋ยวรอดูว่าเด็กตัวกะเปียกจะขอร้องเขาอย่างไร!

เสี่ยวจูบิดเปิดประตูแต่กลับเปิดไม่ออก เขาขมวดคิ้ว ลูกบิดต่างไปจากของที่บ้าน

เจ้าตัวเล็กเหลือบมองไปทางศาสตราจารย์หลินแวบหนึ่ง สัมผัสได้ถึง ‘เจตนาร้าย’ ของเขาก็หันหน้ากลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว ก็แค่ตัวล็อกอันเดียวไม่ใช่หรือ เขาขอเวลาศึกษาสักหน่อยแล้วกัน

เสี่ยวจูบิดซ้ายหลายทีแล้วบิดขวาอีกหลายที ไม่นานก็เจอความลับในนี้เลยบิดอีกหลาย ๆที ‘แกร๊ก’ …ประตูเปิดแล้ว เสี่ยวจูหันไปโบกมือหยอย ๆให้ศาสตราจารย์หลินที่ทำหน้าตกใจก่อนจะพูดขึ้นอย่างมีมารยาทว่า “ไว้พบกันใหม่!”

เจ้าตัวเล็กเดินบิดตัวออกไปพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ ฮิ!

ศาสตราจารย์หลินเหลือเชื่อจึงปิดประตูใหม่หมายจะดูว่าตัวล็อกรหัสเสียหรือเปล่า จากนั้น…ก็จบเห่

เพราะเขาออกไปไม่ได้แล้ว

…………………………..

ตอนที่ 2874 ออกไปไม่ได้แล้ว

ทุกคนต่างกำลังเฝ้ารออยู่ระเบียงทางเดิน เหมยเหมยนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้เดินวนกลับไปกลับมาเพราะกลัวศาสตราจารย์หลินออกมาบอกเธอว่าเสี่ยวจูป่วยทางจิต

“คุณแม่…” เสี่ยวจูเดินออกมากางแขนใส่เหมยเหมย

วุ่นวายอยู่นาน เหนื่อยจังเลย อยากนอน!

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวจูขึ้นก่อนจะเห็นเขาหรี่ตาลงเหลือช่องว่างเพียงนิดพร้อมหาวไม่หยุดก็รู้ได้แล้วว่าเจ้าหมูขี้เกียจตัวนี้อยากนอนอีกแล้วเลยอุ้มด้วยสองมือนั่งลง ไม่รอให้เธอต้องกล่อมเสี่ยวจูก็หลับสนิทในเวลาไม่กี่วินาที แม้แต่กลิ่นโรงพยาบาลที่ตัวเองเกลียดยังไม่สนใจเลย

“เจ้าหมูขี้เกียจจริง ๆ!” เหมยเหมยบีบจมูกน่ารักของเจ้าตัวเล็กเบา ๆ รู้สึกเหมือนแปลกทะแม่ง ๆ!

“ศาสตราจารย์หลินล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่ออกมา?” มีคนสังเกตถึงต้นตอความสงสัยแล้ว

เสี่ยวจูเข้าห้องทำงานพร้อมกับศาสตราจารย์หลินแต่คนที่ออกมามีแค่เจ้าตัวเล็กคนเดียว ผู้ใหญ่อย่างศาสตราจารย์กลับยังอยู่ในห้อง ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

“ศาสตราจารย์หลิน!”

ผู้อำนวยการตะโกนเรียกทีหนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง เพราะคนไข้ของศาสตราจารย์หลินค่อนข้างพิเศษไปสักหน่อย เวลาทำการรักษาจำเป็นต้องรักษาความเงียบสงบ ดังนั้นห้องทำงานของเขาจึงถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่ติดตั้งระบบล็อกใส่รหัสแต่ยังเก็บเสียงได้ดีขนานแท้อีกด้วย

ต่อให้ตะโกนโวยวายอยู่นอกประตูข้างในก็ไม่ได้ยิน เช่นเดียวกัน…ไม่ว่าภายในห้องจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอกก็ไม่ได้ยินเช่นกัน

ไม่นานผู้อำนวยการก็รับรู้ถึงจุดนี้เลยมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาคิดว่าศาสตราจารย์หลินกำลังวางท่าอยู่ เพราะปกติศาสตราจารย์หลินผู้นี้ไม่ใช่คนที่เป็นกันเองเข้าหาคนง่ายเท่าไรออกจะเป็นคนหยิ่งยโสไปด้วยซ้ำ

ปกติเขาถึงคร้านจะถือสาศาสตราจารย์หลินแต่วันนี้ไม่ได้ หากล่วงเกินคุณชายหมิง ตำแหน่งผู้อำนวยการของเขาคงรักษาไว้ไม่ได้แน่

“ทำไมศาสตราจารย์หลินไม่ออกมา ลูกชายผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เหยียนหมิงซุ่นใจหนักอึ้ง หลงคิดว่าศาสตราจารย์ตรวจพบเจอว่าเสี่ยวจูมีปัญหาทางจิตอย่างรุนแรงไม่กล้าบอกเขา ถึงหมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาสักที

เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วฝืนยิ้มกล่าว “ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนเราก็รับได้ทั้งนั้น ผู้อำนวยการคุณช่วยบอกศาสตราจารย์หลินทีว่าอย่าได้กังวลไปเลย”

ผู้อำนวยการยิ้มแก้เก้อพลางก่นด่าศาสตราจารย์หลินในใจ ปกติเหิมเกริมยิ่งกว่าอะไร พอเจอคนจริงเข้าหน่อยก็กลัว ไม่กล้าจะออกจากห้องด้วยซ้ำ เฮอะ!

“ศาสตราจารย์หลิน…รีบออกมา คุณชายหมิงกับคุณนายเข้าใจดี คุณไม่ต้องรู้สึกกดดันเกินไป…” ผู้อำนวยการรู้ว่าข้างในไม่ได้ยินแต่ก็ยังตะโกนอยู่หน้าประตู

ประตูยังคงปิดนิ่งสนิท…

ผู้อำนวยการสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ รอยยิ้มฝืดเคืองขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ว่าเหยียนหมิงซุ่นยังอยู่นี่เขาก็นึกอยากบุกเข้าไปแล้ว

“ปึง ๆ…”

มีเสียงจังหวะหนัก ๆแว่วออกมาคล้ายคนข้างในห้องกำลังทุบประตู เหยียนหมิงซุ่นเงี่ยหูฟังก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เขาดึงตัวผู้อำนวยการออกไปแล้วทุบประตูตอบกลับไปหลายที

“ปึง ๆ…”

เสียงข้างในดังมากกว่าเดิม เหยียนหมิงซุ่นบอกกับผู้อำนวยการว่า “คุณโทรหาศาสตราจารย์หลินสิ”

ผู้อำนวยการชะงักแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมากดโทรหาศาสตราจารย์หลิน หนำซ้ำเขายังเปิดลำโพงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องบอกต่ออีกทอด

เพิ่งโทรติดเสียงคล้ายจะร้องไห้ของศาสตราจารย์หลินก็ดังแว่วมา “ผู้อำนวยการ…เรียกช่างมาให้ที!”

ศาสตราจารย์หลินในห้องเหงื่อผุดเต็มศีรษะ เมื่อกี้เขาแค่อยากลองว่าตัวล็อกเสียหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าประตูดันล็อก แถมเขาใช้รหัสที่ตัวเองตั้งไว้กลับเปิดไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าจำรหัสผิดแต่กดรหัสไปหลายทีก็ยังเปิดไม่ได้

ศาสตราจารย์หลินพอจะมั่นใจแล้วว่ารหัสถูกเปลี่ยนไปจากเดิม แถมร้อยละเก้าสิบถูกเปลี่ยนโดยเด็กตัวกะเปียกเมื่อกี้

แต่เขากลับไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสี่ยวจูจงใจทำเช่นนี้หรือไม่ได้ตั้งใจ…

เขาไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เขาแค่ต้องการจะออกไป ถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้มันไม่เข้าท่าเลย!

………………

Related

ตอนที่ 2867 ในที่สุดก็ยอมพูดยอมเดินแล้ว

ภายใต้การเจรจาอย่างราบรื่นระหว่างเสี่ยวจูกับพี่สาวพี่ชาย วันนี้ก็ปล่อยให้เขาได้นอนหลับอย่างสบายใจอีกวัน พรุ่งนี้ก็จะเริ่มต้นชีวิตอันแสนเศร้าของเขาแล้ว

“ก็ได้ ไม่เข้าใจเธอจริง ๆ นอนมีอะไรดีนักหนา ข้างนอกมีของอร่อย ๆ ของสนุกสนานแล้วยังรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกด้วย สนุกกว่าอยู่บ้านตั้งเยอะ” เล่อเล่อคิดไม่ตกจริง ๆ

เสี่ยวจูแค่นเสียงทีหนึ่งคร้านจะอธิบาย

ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันต่อให้เขาอธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก

เฮ้อ…ฮีโร่ช่างเหงาเหลือเกิน!

วันรุ่งขึ้นหรือวันสุดท้ายตามสัญญาสามวัน เหมยเหมยตัดสินใจแน่วแน่ว่าพรุ่งนี้จะพาเสี่ยวจูไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะว่าอย่างไรก็ไม่ยอมฟังแล้ว รีบตรวจหาสาเหตุแต่เนิ่น ๆจะได้รีบเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ได้ทำใจไว้แล้ว ต่อให้เสี่ยวจูมีปัญหาด้านสติปัญญาหรือด้านอื่น ๆเธอก็จะเลี้ยงดูเสี่ยวจูอย่างดี ไม่มีวันทอดทิ้งเขาเด็ดขาด

เช้าวันนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ซื้อเต้าหู้เหม็นกลับมาเพราะเน่าเน่าบอกไม่ต้องการแล้ว เขาตั้งตารอคอยวันนี้เหลือเกิน อยากดูว่าเสี่ยวจูพูดได้เดินได้จริงไหม

หากเขาเดาไม่ผิดลูกชายคนเล็กน่าจะอ่อนไหวต่อกลิ่นมาก ดังนั้นเน่าเน่าถึงเอาปัสสาวะไปรมเสี่ยวจู พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกันจึงเข้าใจกันและกันมากที่สุดในโลกแล้ว

วันนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ต้องไปทำงาน เขาสะสางงานไปพอประมาณแล้วเลยตั้งใจอยู่บ้านเพื่อรอดูเซอร์ไพรส์จากลูกชายคนเล็ก

ป้าฟางจัดอาหารเช้าไว้บนโต๊ะโดยมีโจ๊ก เสี่ยวหลงเปา แป้งห่อไส้กุยช่าย ขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่…รสชาติจืดชืดแต่มีประโยชน์

“ขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่อันนี้ทำให้เสี่ยวจู เขาชอบทานอันนี้ที่สุด ฉันจะเอาขึ้นไปให้เขาเอง เสี่ยวจูน่าจะตื่นแล้วสินะ” ป้าฟางตักขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่แยกออกมาเตรียมยกขึ้นไปชั้นบน

เสี่ยวจูไม่ทานเนื้อและไม่ทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน อย่างประเภทผักกุยช่ายหรือขึ้นฉ่ายเจ้าตัวไม่แม้แต่จะแตะต้องสักนิด เพราะโปรดปรานอาหารรสจืดอย่างเดียว

“ไม่ต้องเอาขึ้นไปหรอก เสี่ยวจูจะลงมาทานเอง”

เล่อเล่อทานเสี่ยวหลงเปาคำละลูกพูดเสียงอู้อี้

เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ลูกฝันอยู่หรือไง? น้องชายของลูกเคยลงมาทานข้าวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ลงมาวันนี้แหละ!” เล่อเล่อกลืนซาลาเปาลงท้องแล้วเงยหน้าตะโกนขึ้นไปชั้นบน “เหยียนเสี่ยวจูยังไม่ลงมาอีกเหรอ?”

“มาแล้ว…” เสียงน่ารักดังแว่วลงมาจากชั้นบน

ทุกคนใจเต้นตึกตักพลางหันไปมองบันไดอย่างพร้อมเพรียงกลับเห็นว่าเจ้าเด็กเสี่ยวจูที่ปกติกำลังหลับอย่างสบายใจ กำลังเดินลงบันไดทีละก้าวอย่างเชื่องช้า…

เหมยเหมยหยิกตัวเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆอย่างไม่เชื่อสายตา เหยียนหมิงซุ่นเจ็บจนซี๊ดปากแล้วเอ่ยอย่างระอาใจว่า “ไม่ได้ฝันอยู่ เสี่ยวจูพูดได้เดินได้จริง ๆ”

“พระเจ้า…เสี่ยวจู ทำไมลูกไม่ให้เวลาแม่ได้เตรียมใจหน่อยเลย? บทจะเดินได้ก็เดินได้หน้าตาเฉย…ดีจริง ๆเลยนะ…” ในที่สุดเหมยเหมยก็ได้สติสักทีว่าไม่ได้ฝันไป ลูกชายคนเล็กพูดได้และเดินได้จริง ๆ

ลูกชายคนเล็กไม่ใช่เด็กมีปัญหาทางสมองและยิ่งไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อน พระเจ้าคุ้มครอง!

เหมยเหมยพุ่งเข้าไปสวมกอดลูกชายคนเล็กแล้วจุ๊บแก้มเขาแรง ๆอยู่หลายที คุณย่าหยางกับคุณปู่ก็ล้อมเข้ามาหาหอมแก้มซ้ายหลายฟอดแก้มขวาอีกหลายฟอดอย่างตื้นตันใจ

“ฉันต้องไปจุดธูปให้บรรพบุรุษแล้ว ฟ้าช่างมีตาจริง ๆ!”

คุณปู่ตื่นเต้นสุดฤทธิ์จนไม่คิดจะทานข้าวอีกแต่เดินกะเผลก ๆไปจุดธูปแทน

เน่าเน่าเบะปาก เกี่ยวอะไรกับพระเจ้ากัน ทั้งหมดล้วนเป็นความดีความชอบของเขาทั้งนั้น!

“เสี่ยวจู เรียกคุณแม่สิ” เหมยเหมยมองลูกชายคนเล็กอย่างคาดหวัง

“คุณแม่!” เสี่ยวจูเรียกแต่โดยดีทีหนึ่งทำเอาเหมยเหมยดีใจแทบแย่

ด้านหลังก็ไม่ต้องให้เหมยเหมยสอนอีก เสี่ยวจูไล่ทีละคน “คุณพ่อ คุณย่าทวด คุณปู่ทวด คุณปู่เหลา คุณย่าฟาง…”

ไม่เรียกผิดสักคนเดียว

“ฉันว่าแล้วเหลนชายฉันฉลาดปราดเปรื่อง แค่ไม่อยากอ้าปากพูดเท่านั้นละ ในใจน่ะรู้ดีกว่าใครเลย!” คุณย่าหยางได้ใจสุดขีด

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเสี่ยวจูมาแล้วถาม “ทำไมไม่ยอมพูดและไม่ยอมเดิน?”

“ง่วง!”

เสี่ยวจูย่นจมูกอ้าปากโตหาววอดใหญ่ทีหนึ่งแล้วคว้าขนมแผ่นแป้งไข่ไก่ขึ้นมาทาน รีบทานเสร็จจะได้รีบไปนอนต่อ

………………………….

ตอนที่ 2868 ไม่ทานเนื้อ

เสี่ยวจูสะลึมสะลือขณะที่สองมืออวบกำขนมแผ่นแป้งไข่ไก่ใส่ปากเคี้ยวคำโต เขาชอบขนมแผ่นแป้งมันฝรั่งใส่ไข่ที่คุณย่าฟางทำที่สุดเลย แต่กัดไปไม่กี่คำเสี่ยวจูก็ขมวดคิ้วทว่าก็ไม่หยุดทาน

“ทานช้าหน่อย ดื่มนมสักอึกสิ” เหมยเหมยเอานมมา ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินที่เสี่ยวจูยอมดื่มนม

แต่ไม่ว่าจะเป็นนมประเภทไหนต้องผ่านกระบวนการไม่ให้เหลือกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นเสี่ยวจูจะไม่แม้แต่ปรายตามองสักแวบเดียว ฉะนั้นนมในบ้านต้องผ่านการต้มพร้อมลูกซิ่งเหริน[1]เสี่ยวจูถึงยอมดื่ม

เสี่ยวจูรับนมมากระดกอึกใหญ่ก่อนจะเบะปากอย่างไม่พอใจ “ไม่หวาน”

ทุกครั้งที่เติมน้ำผึ้งคุณแม่ชอบขี้เหนียวตลอด เมื่อก่อนเขาขี้เกียจจะพูดเลยหลับตาดื่มมันไป แต่ตอนนี้ในเมื่ออ้าปากพูดแล้วก็ควรเอ่ยในสิ่งที่ต้องการไป เขาจะทรมานตัวเองไม่ได้

“เติมน้ำผึ้งไปหนึ่งช้อนแล้ว เด็กทานหวานมากไม่ได้ ไม่งั้นระวังฟันผุนะ!” เหมยเหมยไม่อนุญาต

ลูกชายคนเล็กโปรดปรานอาหารรสหวานเป็นพิเศษ แม้แต่โจ๊กผักยังต้องเติมน้ำผึ้งทุกครั้งและต้องเป็นน้ำผึ้งจากผึ้งป่าของหายากจากทางยูนนาน ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นน้ำผึ้งชั้นดีแค่ไหนก็ไม่คิดจะเชยชิมสักคำ แค่ได้กลิ่นก็อาเจียนแล้ว

ไม่รู้ว่าจมูกของเจ้าตัวเล็กนี่ทำจากจมูกหมาหรือเปล่าเพราะดูจะรับกลิ่นไวกว่าลูกหลานหมาป่าอย่างเสวี่ยเอ๋อร์เสียอีก แม้แต่เสวี่ยเอ๋อร์ยังแยกแยะความต่างระหว่างน้ำผึ้งหายากกับน้ำผึ้งชั้นดีไม่ออกเลย!

“แปรงฟัน…ไม่ผุ” เสี่ยวจูดึงดันจะเติมน้ำผึ้งพร้อมมองเหมยเหมยตาปริบ ๆสื่อว่าหากไม่เติมเขาจะไม่ทานต่อแล้ว

เหมยเหมยอดขำไม่ได้ เจ้าตัวเล็กที่ดูท่าทางซื่อบื้อเอาแต่นอนทุกวี่วัน คิดไม่ถึงว่าพออ้าปากทีจะช่างเจรจาดีเหลือเกิน รู้จักยอกย้อนเธอแถมข้ออ้างก็ดูสมเหตุสมผลดีด้วย

“งั้นก็เติมอีกช้อนแล้วกัน น่าสงสารออก!” คุณย่าหยางใจแทบหลอมละลายวิ่งไปเอากระปุกน้ำผึ้งมาอย่างมีความสุขแล้วเติมน้ำผึ้งเข้มข้นให้อีกช้อนพร้อมคนให้เสร็จสรรพ

“ขอบคุณครับย่าทวด…”

เสี่ยวจูชิมคำหนึ่งก็ตาลุกวาว คุณย่าทวดสิใจกว้าง คุณแม่ขี้เหนียว

“เด็กดี…รีบดื่มเร็ว ดื่มเยอะ ๆจะได้ตัวสูง ๆ ว่าแต่ทำไมเหลนถึงไม่ชอบทานเนื้อล่ะ ถ้าชอบแทะกระดูกเหมือนพี่ชายจะดีขนาดไหนนะ” คุณย่าหยางดีใจแต่ก็มีเรื่องที่เสียดายอยู่ดี

เหลนชายคนเล็กพูดได้เดินได้เธอก็สบายใจขึ้นมากแล้ว แต่เรื่องที่เสี่ยวจูไม่ยอมทานเนื้อทำเอาเธอคิดหนักเสียจริง ดื่มแต่น้ำนมทานแต่ไข่ไก่ก็รับประกันสารอาหารช่วงวัยเจริญเติบโตของเด็กไม่ได้นี่นา!

อีกอย่างเธอแอบสงสัยลึก ๆว่าสาเหตุที่เสี่ยวจูเพิ่งเดินได้พูดได้ตอนนี้เพราะได้รับสารอาหารไม่ครบหมู่

“เหม็น!”

เสี่ยวจูได้ยินคำว่าเนื้อก็ย่นคิ้วแน่น หน้าตาของเขาคล้ายคลึงกับเหมยเหมยอย่างมากซึ่งค่อนไปทางน่ารักรูปงาม หากไม่ใช่เพราะจมูกกับปากคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเจ้าตัวเล็กคงเป็นสาวงามคนเล็กที่ใครเห็นก็เป็นอันต้องหลงรักแน่นอน

สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือเนื้อกลิ่นเหม็นสาบพวกนั้น ดมแล้วเหม็นแต่ทานแล้วยิ่งเหม็นกว่าเดิม เขายอมแทะหญ้ายังจะดีเสียกว่า

เหมยเหมยได้ยินก็รู้สึกขัน “เนื้อหอมจะตาย จะเหม็นได้อย่างไร?”

“เหม็น ๆ…ไม่อยากกิน” เสี่ยวจูส่ายหน้าอย่างหนักแน่น รอเขาหาเนื้อที่ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบเจอก่อนค่อยพิจารณาอีกที

“ก็ได้ ๆ…ไม่กินก็ไม่กิน ลูกก็แทะหญ้าเป็นพระต่อไปเถอะ” เหมยเหมยเองก็ไม่บีบบังคับเขา แม้เจ้าตัวเล็กจะทานอาหารมังสวิรัติแต่เพราะมีเมนูอาหารจากนักโภชนาการ ไหนจะมีไข่ไก่กับน้ำนมที่ให้สารอาหารเพียงพอแล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจ้าตัวเล็กจะได้รับสารอาหารไม่ครบหมู่เลย

บางทีชาติที่แล้วเสี่ยวจูของเธออาจเป็นถึงพระสงฆ์ที่ตรัสรู้แล้วก็ได้!

ฉะนั้นถึงเกิดมาไม่ชอบทานเนื้อ!

เหยียนหมิงซุ่นมองลูกชายคนเล็กขณะที่ครุ่นคิดบางอย่าง เสี่ยวจูไม่เพียงแต่ไม่ชอบทานเนื้อแต่ควรจะบอกว่าไม่ชอบทานอาหารทุกอย่างที่มีกลิ่นฉุน เพื่อทดสอบความคิดของเขาเหยียนหมิงซุ่นเลยไปหยิบหาของกองหนึ่งมาจากในครัว

…………………

Related

ตอนที่ 2865 เต้าหู้เหม็น

“ลูกเอาแก้วของคุณปู่ทวดมาทำไม?” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความสงสัย

“ใส่ของ” เน่าเน่าตอบอย่างซื่อสัตย์

เหยียนหมิงซุ่นย่นคิ้วมองเข้าไปในแก้ว ดูเหมือนไม่ใช่น้ำเปล่านะ หรือจะเป็นน้ำชา?

แต่ทำไมกลิ่นน้ำชาถึงได้แปลกขนาดนี้ล่ะ?

“ใส่อะไร?” เหยียนหมิงซุ่นเอาแก้วมาดมใต้จมูก กลิ่นเหม็นปะทะเข้าจมูกจนเขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “ลูกใช้รองฉี่เหรอ?”

เน่าเน่าพยักหน้า ก็ฉี่นั่นแหละ

เหยียนหมิงซุ่นมองแก้วที่หนักอึ้งในมืออย่างรังเกียจ ทั้งลอบดีใจว่าเมื่อกี้โชคดีที่เขาไม่ได้ชิม ไม่อย่างนั้น…เขาคงรู้สึกพะอืดพะอมไปอีกหลายวัน

“ลูกเอามารองฉี่ทำไม?” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเอือมระอาอย่างมากและไม่เข้าใจความคิดของเจ้าตัวเล็กนี่เลย

“ปลุกน้องชาย เขาไม่ชอบฉี่”

เหยียนหมิงซุ่นพลันนึกอะไรบางอย่างได้ก็รีบถาม “น้องชายตื่นไหม?”

“อืม น้องชายพูดด้วย แล้วเขาก็เดินได้ด้วย คุณพ่อ ผมไม่ได้โกหกนะ” เน่าเน่าเบะปากอย่างน่าสงสาร

“พ่อเชื่อ แต่เดี๋ยวลูกก็ต้องขอโทษคุณแม่นะ”

“ทำไมล่ะ?” เน่าเน่าไม่เข้าใจอย่างมาก ทั้ง ๆที่เขาไม่ได้ทำผิดทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ?

“ไม่ทำไม เรื่องขอโทษคุณแม่ไม่มีเหตุผลหรอก ขอแค่คุณแม่พอใจก็พอ”

เน่าเน่าเอียงศีรษะมองพ่อตัวเองด้วยท่าทีกึ่งเข้าใจกึ่งไม่เข้าใจ บางทีอาจจะเพราะคุณแม่โง่เกินไปสินะถึงไม่เชื่อคำพูดของเขา เฮ้อ…งั้นก็ขอโทษไปแล้วกัน อย่างไรเสียเขาก็ไม่เสียหายอะไร!

“น้องชายเกลียดอะไรที่มีกลิ่นเหม็นใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เน่าเน่าพยักหน้าอย่างแรง ขอเพียงเป็นของที่มีกลิ่นฉุนน้องชายก็จะไม่ชอบทั้งนั้น

“วันหลังไม่ต้องฉี่แล้ว และห้ามเอาแก้วของคุณปู่ทวดมาเล่นอีก พรุ่งนี้พ่อจะซื้อของอร่อย ๆให้นะ” เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเป็นประกาย หาจุดอ่อนลูกชายคนเล็กได้ก็ง่ายล่ะ

เหยียนหมิงซุ่นเทฉี่ในแก้วน้ำชาเครื่องเคลือบลายครามทิ้งแล้วล้างน้ำเปล่าอีกหลายรอบ ก่อนจะแอบเอาไปเก็บที่เดิมเงียบ ๆโดยไม่คิดจะบอกคุณปู่

ฉี่เด็กเป็นของดีเชียว นี่เป็นถึงของบำรุงร่างกายชั้นยอดเลย อีกอย่างคุณปู่มักชมว่าเหลนชายดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แม้แต่ของเสียก็ยังชมว่ากลิ่นหอม คิดว่าดื่มฉี่ของเหลนชายสักหน่อยคงไม่เป็นไรนักหรอก

ทางเสี่ยวจูทานบะหมี่ไข่ใส่ผ้าโขมและแคร์รอตจนเรอออกมาหลายทีอย่างอิ่มเอมใจ หนังตาหนักอึ้งแทบลืมไม่ขึ้น ศีรษะสัปหงกอยู่หลายทีจนเหมยเหมยต้องอุ้มเขากลับไปนอนในห้อง

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นขณะที่เหยียนหมิงซุ่นออกไปวิ่งตอนเช้าก็รวดไปซื้อเต้าหู้เหม็นสดใหม่จากตลาดสดมาเป็นกล่องใหญ่เพื่อเอากลับมาให้ป้าฟางทอด

“โอ้…กลิ่นนี้เหม็นจัง ทำไมวันนี้ถึงนึกซื้ออันนี้ล่ะ?” คุณย่าหยางสูดดมกลิ่นเหม็นเข้าปอดหลายทีอย่างพึงพอใจ นานแล้วไม่ได้ทานเต้าหู้เหม็น กำลังอยากพอดี!

“อยากทานครับ เอาไปทอดให้หมดเลยแล้วทำน้ำจิ้มอีกสักหน่อย”

“ได้ ฉันจะทำสองแบบ แบบหวานกับเผ็ด” ป้าฟางยิ้มกล่าว

บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของบ้านตระกูลเหยียนก็มีเต้าหู้เหม็นทอดเหลืองกรอบจานใหญ่ กลิ่นหอมแปลก ๆลอยเตะจมูก ทุกคนรู้สึกอยากอาหารขึ้นมากันพร้อมหน้าโดยเฉพาะเน่าเน่ากับเล่อเล่อที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยแทบไม่หยุดปาก

“หยุดทานได้แล้ว เหลือไว้ให้น้องชายบ้าง” เหยียนหมิงซุ่นมองเน่าเน่าด้วยสายตามีเลศนัย

เน่าเน่าชะงักงัน ไม่นานก็เข้าใจความหมายพ่อตัวเองแล้วสายตาก็เป็นประกายวิบวับ

ความคิดของคุณพ่อใช้ได้เลย ทีนี้จะรอดูว่าน้องชายจะโวยวายแบบไหนกันนะ!

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นอยากอยู่ต่อเพื่อรอดูว่าลูกชายคนโตจะจัดการลูกชายคนเล็กอย่างไรกัน แต่ปลีกตัวจากงานมาไม่ได้จริง ๆเลยรอกลับมาดูผลลัพธ์แล้วกัน คาดว่าอย่างช้าที่สุดคงเห็นผลลัพธ์กันพรุ่งนี้เช้า

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์เล่อเล่อไม่ต้องไปโรงเรียน เธออยู่บ้านซุบซิบกับน้องชายอยู่พักหนึ่งก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ เสี่ยวจูที่หลับใหลอยู่ชั้นสองตัวสะท้านเฮือกอย่างรุนแรงแล้วเบิกตาโพลง เขารู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว!

……………………………….

ตอนที่ 2866 ในที่สุดก็ยอมจำนน

“เล่อเล่อ ลูกพาน้องชายเล่น อย่าไปกวนเสี่ยวจูนะ!”

เหมยเหมยเตรียมไปห้องทำงานก็จับตัวสองพี่น้องคู่นี้มากำชับทิ้งท้าย เมื่อวานเน่าเน่าขอโทษเธอแล้ว แม้จะมีความจริงใจเพียงเบาบางแต่เธอก็ปลาบปลื้มใจอยู่ดี แต่วันนี้จะต้องเตือนล่วงหน้าก่อน

“ไม่กวนหรอก!” สองพี่น้องส่ายหน้าพร้อมกัน ดูท่าทางจริงใจเหลือเกิน

เหมยเหมยเข้าห้องหนังสือไปอย่างวางใจ เธอติดค้างต้นฉบับกับทางสำนักพิมพ์มากมายจนกองเป็นดินพอกหางหมู ไม่รู้ต้องทำงานชดใช้ไปถึงปีไหน

พอเหมยเหมยผละตัวไป เน่าเน่าก็ขยิบตาให้เล่อเล่อวิ่งไปหาเต้าหู้เหม็นที่เหลืออยู่ในห้องครัว คุณย่าหยางเห็นเข้าเน่าเน่าก็พูดขึ้นอย่างว่านอนสอนง่าย “ผมจะเอาไปให้น้องชายกินครับ”

คุณย่าหยางฉีกยิ้มพูด “เป็นเด็กดีจังเลย ย่าทวดจะหาถ้วยไม้ใส่ให้นะ!”

เต้าหู้เหม็นที่เหลืออยู่สิบกว่าชิ้นถูกใส่ในถ้วยไม้ประจำของเน่าเน่า นอกจากนี้คุณย่าหยางยังบีบซอสมะเขือเทศไว้ข้างบนแล้วให้สองพี่น้องยกขึ้นไปทานชั้นบนด้วยกัน

เล่อเล่อยื่นมือหมายจะหยิบเอาเต้าหู้เหม็นมาทานแต่ถูกเน่าเน่าปัดมือทิ้ง ฉีกยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก “ให้น้องชายกิน”

เอาให้หมอนั่นเหม็นตายไปเลย!

ทั้งคู่มาถึงห้องของเสี่ยวจู เน่าเน่าจิ้มเต้าหู้เหม็นชิ้นหนึ่งมาไว้ใต้จมูกเสี่ยวจูแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายกาจว่า “น้องชายกินสิ อร่อยมากเลยละ!”

“ฮัดชิ่ว…” เสี่ยวจูจามติดต่อกันหลายทีแล้วเบิกตาโพลงขมวดคิ้วแน่น กลิ่นเหม็นกว่าฉี่เมื่อวานเสียอีก หรือว่าพี่ชายจอมบื้อจะขี้มาจริง ๆ?

แต่พอเห็นของทอดสีเหลืองอร่ามเสี่ยวจูก็พรูลมหายใจเฮือกหนึ่งอย่างโล่งอกเมื่อมั่นใจว่าไม่ใช่อุจจาระ แต่ยังคงอุดจมูกไว้แน่นดังเดิม

ของนี่กลิ่นเหม็นยิ่งกว่าขี้ กินได้สิแปลก!

“อร่อยนะ…” เล่อเล่อเห็นท่าทางของเสี่ยวจูก็รู้แล้วว่าทำไมเน่าเน่าถึงเอาเต้าหู้เหม็นขึ้นมา เธอกลอกตารอบหนึ่งแล้วจิ้มเต้าหู้เหม็นชิ้นหนึ่งยัดปากเสี่ยวจู

“ไม่กิน…”

เสี่ยวจูปิดปากแน่นคอยหลบมือพิฆาตของเล่อเล่ออลหม่าน แต่ลำพังร่างเล็ก ๆของเขาอยู่ต่อหน้าเล่อเล่อก็เปรียบเสมือนมดเจอช้างที่สู้ไม่ได้เลยสักนิด ไม่นานก็ถูกเล่อเล่อควบคุมตัวไว้ได้

“พี่ อย่าให้มันร้องไห้!” เน่าเน่าเห็นเสี่ยวจูคิดจะใช้แผนการเดิมก็รีบเข้าไปปิดปากเขาไว้ แล้วยังไขว้แขนเขาไว้ด้านหลังอีกด้วย

ภายใต้การคุมตัวของสองพี่น้องทำให้เสี่ยวจูใช้ความสามารถอะไรไม่ได้แม้แต่น้อยจึงคอยมองเต้าหู้เหม็นที่กลิ่นเหม็นยิ่งกว่าขี้อย่างจำใจจนหน้าเขียว

“ไม่อยากกินก็ได้ แต่ต้องลงจากเตียงมาเดินและพูดหน่อย วัน ๆอย่าเอาแต่นอนตายเหมือนหมู” เล่อเล่อออกคำสั่ง

เสี่ยวจูปิดปากแน่นไม่ปริเสียง

“หึ…ยังไม่ยอมสินะ หลังจากนี้ฉันจะจับปลาจับกุ้งที่ตายแล้วมาไว้ในห้องของเธอทุกวัน เชื่อไหมล่ะ?” เล่อเล่อทำท่าได้ใจ ของที่มีกลิ่นเหม็นหาง่ายจะตายชัก หลังเลิกเรียนเธอไปเดินตลาดสดหน่อยก็ได้มาทั้งตะกร้าแล้ว เธอจะเอาให้เจ้าหมูขี้เกียจตัวนี้เหม็นตายไปเลย

เสี่ยวจูสีหน้าเปลี่ยนฉับพลันและปวดตุบ ๆตรงขมับ ทำไมเขาถึงมีพี่สาวพี่ชายที่ไร้ความเป็นมนุษย์แบบนี้นะ?

“เธอลองคิดดี ๆแล้วกัน ถ้ายอมเชื่อฟังฉันดี ๆ ลุกมาพูดอะไรหน่อยหรือเดินทุกวันก็จะกินอร่อยหลับสบาย ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังกันละก็…หึหึ…อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”

เล่อเล่อเลื่อนเต้าหู้เหม็นเข้าไปใกล้อีกนิดจนทำเอาเสี่ยวจูรีบเบี่ยงหน้าหนีทันที แต่กลิ่นเหม็นนั้นยังลอยเตะจมูกมาเรื่อย ๆ เขาอยากตายเหลือเกิน

“น้องชายเป็นเด็กดีสิ พี่สาวบอกว่าจะพาเราขึ้นไปบินบนท้องฟ้า” เน่าเน่าแสร้งทำตัวเป็นคนดี

เสี่ยวจูตาลุกวาว บินบนท้องฟ้าเหรอ ฟังดูน่าสนใจดีแฮะ

“ได้!” เสี่ยวจูทำได้แค่ยอมจำนน

เล่อเล่อกับเน่าเน่าแปะมือกันอย่างดีใจ ภารกิจสำเร็จสักที

“งั้นก็รอดูพฤติกรรมของเธอก่อนแล้วกัน จะกินไหม? อร่อยมากจริง ๆนะ” เล่อเล่อส่งเต้าหู้เหม็นชิดปากเสี่ยวจูอย่างใจกว้าง ขอเพียงแค่เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายเธอก็จะเป็นพี่สาวที่แสนดีที่รักและปกป้องน้องชายเหมือนกัน

เสี่ยวจูเอามืออุดจมูกแน่นตอบกลับอย่างยากลำบาก “ไม่เอา…รีบเอาออกไปเลย!”

………………

Related

ตอนที่ 2863 สองพี่น้องสู้กันทางสติปัญญา

เน่าเน่ามองของเสียตัวเองก็เอามือปิดจมูกอย่างนึกรังเกียจ แต่มุมปากกลับเผยยิ้มร้ายกาจและได้ใจ

เจ้าตัวเล็กเอาสองมือประคองแก้วน้ำชาเครื่องเคลือบลายครามแล้วเดินเข้าห้องเสี่ยวจูอย่างมีความสุข ทีนี้จะดูสิว่าน้องชายยังจะหลับต่อได้อีกหรือ หึ!

เสี่ยวจูกำลังหลับพริ้มสบาย โลกในห้วงความฝันกว้างใหญ่ไพศาลไร้พรมแดน แล้วยังเต็มไปด้วยหลากหลายสีสัน หากไม่ใช่เพราะต้องตื่นมากินมาฉี่เขาคงนอนต่อได้ทั้งชีวิต ไม่อยากจะตื่นเลยสักนาทีเดียว

กลิ่นตุ ๆลอยเตะจมูกเขาทำเอาเขาเริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ไม่นานก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งสิ่งที่มองเห็นคือแก้วน้ำที่เป็นเครื่องเคลือบลายครามสวยงามและกลิ่นนั่นลอยออกมาจากแก้วนั้น

คนที่ถือแก้วก็คือพี่ชายฝาแฝดของเขานั่นเอง

เสี่ยวจูเอาสองมือมาปิดจมูกแต่กลิ่นเหม็นหึ่งก็ยังลอดเข้าจมูกไม่หาย กลิ่นฉุนที่ทำเอาเขามึนศีรษะไปหมด นี่เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดหลังจากเขาเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว

ปกติต่อให้เป็นปัสสาวะหรืออุจจาระของตัวเองเสี่ยวจูยังรังเกียจแทบไม่ไหว ฉะนั้นปกติเขาจะทานเนื้อน้อยมากและพยายามเลือกทานแต่ผักหรือมังสวิรัติ แต่ตอนนี้ปัสสาวะที่กลิ่นเหม็นหึ่งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของพี่ชายเขา เจ้าหมอนี่ก็เป็นเสียอย่างนี้ทานมากถ่ายมากมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งสิ่งที่ถ่ายออกมาก็กลิ่นเหม็นเป็นพิเศษ

เน่าเน่าหัวเราะอย่างได้ใจแล้วเลื่อนแก้วเข้าไปใกล้ขึ้นอีก เสี่ยวจูกระเถิบตัวหนีไปด้านหลังด้วยความโกรธพร้อมสองมืออุดจมูกแน่นกว่าเดิมแต่สำหรับเขากลับไม่มีผลแต่อย่างใด ตอนนี้ชักจะเริ่มปวดศีรษะแล้วสิ

“รีบเอาออกไป!” เสี่ยวจูตะคอกเสียงต่ำอย่างโกรธเคือง เสียงไม่ได้ทุ้มเข้มเหมือนเน่าเน่าแต่เป็นเสียงเล็ก ๆฟังดูน่ารักน่าเอ็นดู

เน่าเน่ายิ้มคิกคักแล้วเลื่อนเข้าไปใกล้กว่าเดิมอีกนิด “ฉี่ของฉันหอมสินะ ถ้ายังไม่ลุกฉันจะขี้ออกมาให้นายดม!”

“นายเป็นบ้าหรือไง!”

แก้วเลื่อนเข้ามาใกล้ตนขึ้นเรื่อย ๆจนเสี่ยวจูคลื่นไส้จวนจะอ้วกอยู่รอมร่อ แต่บนเตียงไม่เหลือพื้นที่ให้ถอยหนีอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีที่ให้ถอยเสี่ยวจูเลยจำต้องกระโดดลงเตียงอย่างระอาแล้ววิ่งหนีเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าทีเดียวซึ่งไม่ได้ช้าไปกว่าเน่าเน่าเลย

เจ้าเน่าเน่า รอเขาคิดหาวิธีเอาคืนหมอนี่ก่อนเถอะ!

เสี่ยวจูที่เข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าแม้จะอยู่ห่างไกลจากกลิ่นเหม็นแต่เขาไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเดิมนัก เพราะในตู้เสื้อผ้ามีแต่เสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวเหมยเหมยจึงเอาลูกเหม็นไปไว้ในนั้นหลายลูก สำหรับเขาแล้วกลิ่นนี้ไม่ได้น่าดมไปกว่าฉี่ของพี่ชายเท่าไรเลย

ความจริงเหตุผลที่เขาไม่อยากออกไปจากห้องมีสาเหตุหลักคือความขี้เกียจ อีกหนึ่งสาเหตุก็คือกลิ่นข้างนอกมันเกินจะรับไหวจริง ๆ มีกลางดึกคืนหนึ่งเขาลองหนีออกไปแต่กลิ่นแปลก ๆเป็นร้อยเป็นพันกลิ่นที่ปะทะเข้ามาทำให้เขาหนีกลับมาเร็วยิ่งกว่าบินเสียอีก นับจากนั้นมาก็ไม่คิดจะออกไปอีกเลย

หากเป็นไปได้เขายอมอยู่บ้านตลอดชีวิต

ไม่รอเน่าเน่าเปิดประตูเสี่ยวจูก็วิ่งออกมาก่อน หากไม่รีบออกมาเขาต้องตายเพราะกลิ่นนี้แหง พอเสี่ยวจูเห็นเน่าเน่าพลันก็กระตุกยิ้มมุมปากเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

เน่าเน่ารู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ ชักรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ไม่มีใครรู้นิสัยน้องชายไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่คนดีเด่อะไรและไม่ดีมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วด้วย

น้องชายคิดจะทำอะไร?

“แง…”

เสี่ยวจูอ้าปากร้องไห้คร่ำครวญทั้งตัดสินใจหยิกแขนตัวเองหลายทีเจ็บจนเขาน้ำตาไหลเล่นละครเสมือนจริง

เพื่อช่วงเวลาแห่งความฝันในอนาคต เขาทุ่มหมดหน้าตักแล้ว!

เน่าเน่ามองตกตะลึงตาค้าง หรือว่าน้องชายถูกกลิ่นฉี่ของเขารมจนสมองเพี้ยนไปแล้วเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงหยิกตัวเองล่ะ?

เสี่ยวจูตัดสินใจนอนบนพื้นร้องไห้เสียงดังสนั่นจนน่าตกใจจนได้ยินสามบ้านสี่บ้านรอบข้าง เหมยเหมยพุ่งเข้ามาเป็นคนแรกตามด้วยเหยียนหมิงซุ่น

………………………………….

ตอนที่ 2864 เน่าเน่าที่โดนเข้าใจผิด

“เกิดอะไรขึ้น…ทำไมเสี่ยวจูถึงอยู่บนพื้นล่ะ?” เหมยเหมยเข้าห้องมาก็เห็นเพียงลูกชายคนเล็กที่ใส่ผ้าอ้อมนอนบนพื้นร้องไห้อย่างน่าสงสาร

เธอถลาเข้าไปอุ้มเสี่ยวจูขึ้นมา ตอนนี้เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อนพื้นยังเย็นอยู่เลย เจ้าตัวเล็กนอนแช่นานไปต้องเป็นหวัดแน่ ๆ

“เน่าเน่า ทำไมน้องถึงมานอนบนพื้นได้ล่ะ?” เหมยเหมยถามลูกชายคนโตที่ยังคงถือแก้วไว้อยู่ ในห้องมีเพียงสองพี่น้องคู่นี้เท่านั้น เน่าเน่าต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่

“น้องลงมาเอง” เน่าเน่าพูดความจริง

เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “น้องชายยังเดินไม่เป็นด้วยซ้ำเขาจะปีนลงมาได้อย่างไร? ลูกเป็นคนพาน้องลงมาใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ผม…น้องเดินได้” เน่าเน่าร้อนใจ ทั้งที่ไม่ใช่เขาแท้ ๆ

“แง…” เสี่ยวจูร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมและจงใจสะบัดแขนที่มีรอยหยิกแดง ๆหลายจุดมาตรงหน้าเหมยเหมยแล้วมองเน่าเน่าพร้อมน้ำตาคลอเบ้า แม้ไม่พูดอะไรแต่ความหมายที่ต้องการสื่อออกมาใครมีตาก็ดูออกทั้งนั้น

“เน่าเน่า…ลูกหยิกน้องเหรอ?”

เหมยเหมยเห็นรอยแดงบนแขนนุ่มของเสี่ยวจูก็เห็นชัดเจนว่าเป็นรอยหยิกใหม่สด ๆร้อน ๆ ในห้องมีแค่เจ้าสองตัวนี้ เสี่ยวจูไม่มีทางหยิกตัวเองอยู่แล้วก็เหลือแค่เน่าเน่าละ

“เปล่า…น้องหยิกตัวเองต่างหาก!” เน่าเน่าอธิบายเสียงดัง

เหมยเหมยไม่เชื่อแต่อย่างใด ความจริงที่ชัดเจนขนาดนี้ต่อให้เป็นคนโง่ยังวิเคราะห์ได้ ลูกชายคนโตกำลังดูถูกสติปัญญาของเธอหรือ?

“เป็นเด็กห้ามพูดโกหก แม่เชื่อว่าลูกไม่ได้ตั้งใจแต่ลูกทำก็ต้องยอมรับสิ แม่จะถามอีกครั้งว่าลูกเป็นคนพาน้องลงมาใช่ไหม แล้วก็เผลอทำน้องชายเจ็บตัวด้วยใช่ไหม?” เหมยเหมยถามอีกหนอย่างใจเย็น

“ไม่ใช่ น้องทำตัวเอง” เน่าเน่ารู้สึกน้อยใจสุดขีด ทั้งที่เขาพูดความจริงทั้งหมดทำไมคุณแม่ถึงไม่ยอมเชื่อเขาล่ะ?

เน่าเน่าใช้หางตาเหลือบมองเสี่ยวจูในอ้อมแขนของเหมยเหมยที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างได้ใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ชี้นิ้วไปที่เสี่ยวจูแล้วร้องโวยวายว่า “น้องพูดได้และเดินได้ด้วย เขาโกหก ไม่ใช่เด็กดี!”

“แง…” เสี่ยวจูตัวสั่นเทาทำหน้าหวาดกลัวแต่ภายในใจกลับกำลังยิ้มเบิกบานเป็นดอกไม้

พี่ชายน่ารำคาญคงไม่เอาฉี่มาให้รมเขาอีกแล้วสินะ?

เหมยเหมยกลับคิดว่าลูกชายคนเล็กตกใจเพราะพี่ชายก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม ทำผิดแล้วไม่ยอมรับแถมยังโกหกอีกด้วย เจ้าเน่าเน่าต้องได้รับการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวดกว่าเดิมแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าของลูกชายคนเล็กอย่างชัดเจนก็มั่นใจว่าเน่าเน่าไม่ได้โกหก ลูกชายคนเล็กพูดได้เดินได้จริง ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุผลอันใดถึงทำให้เขาเอาแต่นอนทุกวันไม่ยอมตื่นมาเป็นเด็กปกติสักที

“เธอพาเสี่ยวจูไปทานอะไรหน่อยแล้วกัน ฉันจะคุยกับเน่าเน่าเอง” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเหมยเหมยที่กำลังลุกเป็นไฟ

“พี่ต้องสั่งสอนเขาดี ๆนะ ทำตัวไม่เข้าท่าขึ้นทุกวัน!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เน่าเน่าแวบหนึ่งก็อุ้มเสี่ยวจูลงไป ต้องหาอะไรให้ลูกชายคนเล็กทานสักหน่อย เจ้าตัวเล็กนี่ก็เรื่องมากเสียจริงเพราะเอาแต่ทานอาหารมังสวิรัติ พอได้กลิ่นคาวเนื้อนิดน้อยก็คลื่นไส้จนทำเอาเธอต้องจ้างนักโภชนาการทำเมนูมังสวิรัติโภชนาการให้เสี่ยวจูโดยเฉพาะและรับรองเรื่องสารอาหารอย่างครบถ้วน

เสี่ยวจูเอาตัวแนบชิดเหมยเหมยพยายามสูดดมกลิ่นหอมจากตัวคุณแม่ เมื่อรู้สึกสบายขึ้นเยอะก็หาววอด เฮ้อ…อยากนอนอีกแล้ว แต่ทานอะไรหน่อยค่อยนอนสบาย ๆแล้วกัน!

เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ชั้นบนย่อตัวลงอยู่ในระดับสายตาเท่าลูกชายคนโต กลิ่นเหม็นตุ ๆบางอย่างลอยเตะจมูกถึงทำให้เหยียนหมิงซุ่นสังเกตเห็นว่าในมือเน่าเน่ามีแก้วเครื่องเคลือบลายครามอยู่

ดูคุ้น ๆตาจังแฮะ เหมือนจะเป็นแก้วน้ำที่คุณปู่เหยียนใช้ดื่มน้ำชาประจำ ทำไมถึงมาอยู่ในมือเน่าเน่าได้ล่ะ?

………………………

Related

ตอนที่ 2861 สองขวบแล้วยังพูดไม่ได้เดินไม่เป็น

เล่อเล่ออายุห้าขวบครึ่งแต่ตัวสูงพรวดพราดขึ้นมากจนดูเหมือนเด็กวัยเจ็ดแปดขวบ แน่นอนว่ากระเพาะก็ขยายใหญ่ตามไปด้วย เธอไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมยและคุณย่าหยางมาก

“น้องเสี่ยวจูไม่ได้ป่วย ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก” เล่อเล่อร้องโวยขึ้น

“ลูกจะไปรู้อะไร จนตอนนี้เสี่ยวจูยังพูดไม่ได้เดินไม่เป็น ไม่ปกติแน่ ๆ แบบนี้ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน” เหมยเหมยอธิบาย

“น้องขี้เกียจ…” เน่าเน่าเอ่ยขึ้นกะทันหันแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ

“ใช่…เสี่ยวจูขี้เกียจเกินไป เขาป่วยเป็นโรคขี้เกียจ” เล่อเล่อเอ่ยอย่างมั่นใจ

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว จู่ ๆก็ผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขาคีบเนื้อชิ้นโตให้เล่อเล่อแล้วเอ่ยเสียงจริงจัง “เหยียนเล่อเล่อ พ่อจะมอบหมายภารกิจอย่างหนึ่งให้ลูก ถ้าลูกทำสำเร็จพ่อจะสนองความต้องการแก่ลูกอย่างหนึ่ง”

เล่อเล่อดวงตาลุกวาว “ไม่ว่าคำขออะไรก็ได้ทั้งนั้นเหรอคะ?”

“คำขอที่สมเหตุสมผล”

“ได้เลย ปล่อยเป็นหน้าที่หนูเอง!” เล่อเล่อรับปาก เธออยากเรียนขับเครื่องบินตั้งนานแล้วแต่คุณพ่อมักอ้างว่าไม่มีเวลาอยู่เรื่อย ทีนี้หนีไม่พ้นแล้วละสิ

“พ่อให้เวลาลูกสามวัน ถ้าภายในสามวันทำไม่ได้ข้อตกลงก็เป็นอันยกเลิกไป” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

เล่อเล่อลังเลครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็รับปากแล้วยื่นมือไปเกี่ยวนิ้วก้อยกับเหยียนหมิงซุ่น “บุรุษพูดคำใด”

“ย่อมพูดคำนั้น!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงหนักแน่น

เล่อเล่อหัวเราะคิกคักพลางเริ่มคิดแผนในใจว่าควรสั่งสอนเจ้าหมูขี้เกียจนั่นอย่างไรดี หางตาของเธอเหลือบเห็นน้องชายคนโตที่กำลังแทะเนื้อซี่โครงอยู่ก็คิดแผนได้ในทันที คีบเนื้อซี่โครงชิ้นโตในถ้วยตัวเองไปไว้ในถ้วยของเน่าเน่าก่อนจะเค้นรอยยิ้มใจดีออกมา

เน่าเน่ามองเธออย่างหวาดระแวง ผู้ที่ทำดีด้วยอย่างไม่มีเหตุผล หากไม่ใช่โจรก็ต้องเป็นผู้ที่มีเจตนาบางอย่างแอบแฝง พี่สาวไม่ได้มาด้วยเจตนาดีแน่นอน

“กินสิ” เล่อเล่อพูดเสียงอ่อนเสียงหวานทำเอาเน่าเน่ายิ่งไม่กล้าทานมากกว่าเดิม “พี่สาวกินเลย ผมกินอิ่มแล้ว” “ให้เธอกินก็รีบกินสิ พูดมากอะไรนักหนา!” เล่อเล่ออดทนได้อย่างมากแค่สามวินาทีก็ตะคอกเสียงใส่ เน่าเน่าสะดุ้งเฮือกทีหนึ่งแล้วก้มหน้าแทะเนื้อซี่โครงแต่โดยดี

อย่างมากอีกเดี๋ยวเขาจะปีนขึ้นไปหลบบนต้นไม้ใหญ่เอง พี่สาวปีนต้นไม้ไม่เร็วเท่าเขาหรอก

เหมยเหมยนึกแปลกใจกับความคิดของเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก ลำพังเด็กตัวกะเปียกอย่างเล่อเล่อจะมีความคิดอะไรได้ สู้ไปตรวจที่โรงพยาบาลจะปลอดภัยกว่าเพราะหากรู้สาเหตุจะได้รีบรักษาได้ทัน

“รออีกสามวัน ถ้าสามวันจากนี้ไม่ได้ผล ฉันจะไปโรงพยาบาลกับเธอเอง” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจ

ไม่ว่าจะเน่าเน่าหรือเสี่ยวจูล้วนยำเกรงต่อเล่อเล่อทั้งคู่ ลูกชายคนเล็กไม่ใช่เด็กมีปัญหาทางสมองและไม่ใช่เด็กพิการทางสมอง เขาคิดว่าสาเหตุใหญ่เพราะขี้เกียจมากกว่า ตอนนี้ให้เล่อเล่อไปกระตุ้นเส้นเอ็นความขี้เกียจของเจ้าตัวเล็กนั่นสักหน่อย

เหมยเหมยยอมแต่โดยดี สามวันก็สามวัน อย่างไรเสียก็เวลาแค่นี้เอง

หลังมื้ออาหารเล่อเล่อก็คว้าตัวเน่าเน่าที่คิดจะหนีเอาตัวรอดไว้ “ขึ้นไปข้างบนกับฉัน!”

เน่าเน่าดิ้นไม่หลุดเลยจำต้องตามไปอย่างเชื่อฟัง สองพี่น้องเข้าไปในห้องของเสี่ยวจูซึ่งเจ้าหมูขี้เกียจตัวนี้ยังคงนอนหลับอย่างสุขใจ มุมปากยกยิ้มนิด ๆไม่รู้กำลังฝันหวานอะไรอยู่กันแน่

“ขอแค่เธอทำให้น้องชายเดินได้พูดได้ พี่จะพาไปบินบนท้องฟ้าแล้วกัน” เล่อเล่อให้คำมั่นสัญญา

เน่าเน่าตาลุกวาว บินบนท้องฟ้า…น่าหวั่นไหวจริง

“บินจริงเหรอ?” ต้องถามให้แน่ใจอีกที

“แหงสิ พี่สาวของเธอเคยโกหกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่!” เล่อเล่อตบศีรษะเขาไปทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์

เน่าเน่าเจ็บจนแยกเขี้ยวใส่ขณะในหัวก็ครุ่นคิดตาม แม้พี่สาวของเขาจะดุไปสักหน่อยแต่ก็ไม่เคยหลอกเขาจริง ๆ

“ได้!” เน่าเน่ายื่นมืออวบมาแตะฝ่ามือกับเล่อเล่อเป็นการรับปาก

เล่อเล่อจากไปอย่างสบายใจ ก่อนไปก็กระซิบเสียงขู่ข้างหูเสี่ยวจูว่า “เพลา ๆหน่อย ถ้ายังไม่พูดไม่เดินอีก ระวังฉันจะฟาดก้นของเธอให้แตกเป็นสามแฉกเลย!”

เสี่ยวจูลมหายใจหยุดชะงักไปหลายวินาทีพร้อมร่างอ้วนกลมสั่นระริก แต่ดวงตายังคงปิดแน่นไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด

…………………………………….

 ตอนที่ 2862 ฉี่เด็ก

หลังจากเล่อเล่อออกจากห้องไป เสี่ยวจูก็กะพริบตาปริบ ๆพลางยื่นมืออวบออกมาบิดขี้เกียจทีหนึ่ง จากนั้นก็หลับตาใหม่หายใจเข้าออกลึก ครั้งนี้หลับได้ไวเสียจริง

เน่าเน่ากลอกลูกตาแล้วปีนขึ้นเตียงอย่างว่องไว ฟุบตัวอยู่ข้างน้องชายแล้วตบแก้มอ้วนของเสี่ยวจูเบา ๆ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลยตบอีกทีทว่าก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆอยู่ดี…

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นแอบเดินตามหลังมาซึ่งกำลังส่องอยู่ข้างนอกห้อง อยากรู้ว่าเน่าเน่าจะปลุกเสี่ยวจูได้หรือเปล่า แต่ตามดูอยู่พักหนึ่งเน่าเน่าก็เหนื่อยพอตัว เสี่ยวจูก็ยังหลับใหลเหมือนคราแรกไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักนิด

“ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้ผล พวกเขาเป็นแค่เด็กจะรู้เรื่องอะไร ยังไงก็ต้องไปโรงพยาบาลอยู่ดี” เหมยเหมยกระชากแขนเหยียนหมิงซุ่นลงไปข้างล่างด้วยสีหน้าคาดโทษ

“ตกลงกันแล้วว่าสามวัน นี่เพิ่งจะเริ่มเอง!” เหยียนหมิงซุ่นไม่รีบร้อนแต่อย่างใด

“ฉันว่าพี่ไม่เจอทางตันก็คงไม่ยอมแพ้สินะ”

เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง สามวันก็สามวัน อย่างไรเสียเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องไปโรงพยาบาล

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยมเพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าสองพี่น้องเล่อเล่อกับเน่าเน่าต้องจัดการลูกชายคนเล็กได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาแปลกใจยิ่งกว่าคือเน่าเน่าจะใช้วิธีไหนทำให้เสี่ยวจูกลับคืนสู่สภาวะปกติกันนะ?

ด้านบนเน่าเน่าปลุกอยู่นานก็ปลุกน้องชายไม่สำเร็จพลันก็เดือดดาลจึงปิดจมูกของเสี่ยวจูไว้ ดูสิว่านายยังจะหลับต่ออย่างไร

เสี่ยวจูเองก็ทนหลับต่อไม่ไหวจำต้องลืมตาขึ้นอย่างเอือมระอาแล้วมองพี่น้องฝาแฝดของตนอย่างไม่พอใจ วุ่นวายอะไรนักหนา แล้วทำไมต้องมาขัดจังหวะเขานอนด้วย!

“รีบลุก ไม่ต้องนอนแล้ว!” เน่าเน่าบิดหูของเสี่ยวจูด้วยท่าทางจริงจังคล้ายเหมยเหมยเวลาอบรมสั่งสอนเขาในวันปกติ

เสี่ยวจูแค่นเสียงหลายทีแล้วเบี่ยงหน้าหนีกระชากผ้าห่มเป็นการปิดกั้นเสียงของพี่ชายโดยอัตโนมัติ เขาต้องไปวางแผนชีวิตและวิเคราะห์โลกอันแปลกใหม่นี้ในฝันต่อ กำลังยุ่งอยู่เชียว!

“ไม่ยอมเชื่อฟังใช่ไหม…คอยดูนะ!”

พี่ชายเน่าเน่าถูกท้าทายอำนาจเข้าจนรู้สึกเสียหน้า สองมือเท้าสะเอวคิดหาวิธีอยู่นาน ในที่สุดเขาก็หาวิธีดี ๆได้จึงแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์

“หึ…ไม่ให้นายได้นอนหรอก!” เน่าเน่ากระโดดลงจากเตียงแล้วพูดพึมพำเดินออกไปข้างนอกคนเดียว คราวนี้เขาไม่ให้น้องชายได้หลับต่อแน่

เสี่ยวจูลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่ง พี่ชายที่น่ารำคาญไปแล้ว ไม่เลว…หลับต่อได้แล้ว

ส่วนคำพูดของเน่าเน่านั้นเสี่ยวจูเลือกที่จะมองข้ามมันไปโดยอัตโนมัติ เขาอยากนอน ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาก็ฉุดไม่อยู่แล้ว!

เน่าเน่าวิ่งลงไปชั้นล่างยกกาน้ำชาขึ้นกรอกปากอึก ๆลงท้องไปกว่าครึ่งกา หน้าท้องพูนโตเป็นลูกแตงโมจิ๋วแต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด กรอกน้ำต่อไปเรื่อย ๆ

“โอ๊ย…เลิกดื่มได้แล้ว ระวังท้องแตกนะ!” คุณย่าหยางที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่รีบวิ่งเหยาะ ๆมาหาหมายจะแย่งกาน้ำชาไป

เน่าเน่าเบี่ยงหลบอย่างคล่องตัวแล้วกรอกใส่ปากต่ออีกหลายอึก กระทั่งดื่มต่อไม่ไหวจริง ๆถึงวางกาน้ำชาลงแล้วใช้หลังมือปาดเช็ดปากพร้อมเรอออกมาทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปยิ้มหยีให้คุณย่าหยาง

“นี่ไปกินเกลือมาเหรอถึงกรอกน้ำเข้าปากไม่หยุดแบบนี้ รีบไปถ่ายออกหน่อยเร็ว” คุณย่าหยางทั้งโมโหทั้งอยากหัวเราะ คว้าแขนเจ้าตัวเล็กไปที่ห้องน้ำ

“ไม่ปวดฉี่” เน่าเน่าไม่ยอมไป คุณย่าหยางจึงปล่อยเลยตามเลยก่อนจะกลับไปดูโทรทัศน์ต่อไว้เดี๋ยวค่อยถามใหม่

เน่าเน่าลูกตากลอกไปมาหยิบเอาแก้วน้ำชาเครื่องเคลือบลายครามวิ่งขึ้นไปชั้นบน แล้วเลิกเสื้อผ้าขึ้นรูดซิปเผยเจ้ากระเจี๊ยวน้อยออกมา มือหนึ่งกำเจ้ากระเจี๊ยวน้อยอีกมือประคองแก้วน้ำชาไว้แล้วฉี่ออกมาเป็นสาย

ไม่นานก็ได้ฉี่เด็กสดใหม่อุ่น ๆหนึ่งแก้ว ดีที่แก้วใหญ่พอไม่อย่างนั้นคงไม่พอรองรับแน่!

……………………

Related

ตอนที่ 2859 ความสามารถพิเศษคือความเร็ว

ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงต้นฤดูร้อนแต่ต้นหวูถงก็แผ่กิ่งก้านใหม่ไม่น้อยจึงไม่ค่อยแข็งแรงนัก เน่าเน่าเกาะอยู่ด้านบนแกว่งตัวเหมือนชิงช้าสั่นคลอนไปมาทั้งด้านบนและด้านล่าง

เจ้าเด็กคนนี้เล็งเป้าหมายที่แม่นยำแล้วใช้แรงผลักร่างอันน้อย ๆไปกิ่งด้านล่างด้วยความเร็วอันว่องไว เหมยเหมยแค่รู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าพร่ามัว เน่าเน่าก็ลงมาถึงสองสามเมตรแล้วซึ่งมองไม่ชัดด้วยซ้ำว่าเขาลงมาอย่างไร

ลุงเหลาสีหน้าเคร่งขรึม ในมือมีกล้องวิดีโอหนึ่งเครื่องอัดทุกท่วงท่าที่เน่าเน่าลงมาเอาไว้ทั้งหมด

เน่าเน่าแกว่งตัวไปมาสองสามทีก็อยู่ห่างจากพื้นดินเพียงสองเมตรกว่าอย่างรวดเร็ว ด้านล่างไม่มีกิ่งไม้ใด ๆซึ่งลำต้นโล้นเกรียนหมด ลุงเหลาก็ไม่ได้ขึ้นไปช่วยแต่ยืนดูด้วยความตื่นเต้น อยากรู้นักว่าเจ้าหนูคนนี้จะลงมาอย่างไร

“พลั่ก”

ครั้นเน่าเน่าเห็นเบาะด้านล่างก็ปล่อยมือทั้งสองข้างแล้วทิ้งตัวลงไปทั้งอย่างนั้น แต่วิธีการที่เขาทิ้งตัวลงพื้นน่าสนใจมาก เขางอร่างกายเล็กน้อยแล้วเอียงข้างดิ่งลงพื้น นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลงจากที่สูงเพราะช่วยให้เลี่ยงการบาดเจ็บได้ คนที่ผ่านการฝึกฝนมาถึงจะรู้แต่เน่าเน่าเพิ่งอายุหนึ่งขวบ อีกอย่างไม่มีใครสอนเขาสักคน นั่นจึงบ่งบอกว่านี่คือความสามารถเฉพาะตัวของเขา

เหมยเหมยร้องด้วยความตกใจแล้ววิ่งไปหา เน่าเน่ากลิ้งหยัดกายลุกขึ้นได้เอง ดวงตากลมโตจ้องแม่ “แม่ครับ…หิวแล้ว!”

“หิวไปเลย!”

พอเหมยเหมยเห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่เป็นไรก็ตีหน้าขรึมคว้าตัวเขามาแล้วตีก้น “ใครให้ลูกขึ้นไปข้างบนนั้น? ถ้าตกลงมาลูกเละเป็นเนื้อสับแน่…ลูกรู้บ้างไหม…”

เน่าเน่าเบี่ยงหลบฝ่ามือของเหมยเหมยอย่างว่องไว ร่างกายบิดไปทางซ้ายทีขวาที ทุกฝ่ามือที่ฟาดลงไปโดนเพียงอากาศเท่านั้น เธอเองก็เหนื่อยจนหายใจหอบถี่ แต่เจ้าเด็กคนนี้ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง

“คุณแม่ครับ…หิวมากเลย!”

เน่าเน่ารู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง เขาหิวจะตายอยู่แล้ว ไม่เข้าใจเลยจริง ๆว่าทำไมคุณแม่ต้องโกรธด้วย เขาจะตกลงมาได้อย่างไรในเมื่อความสูงแค่นี้เอง

ความโกรธจุกอยู่ในอกของเหมยเหมย เธอเอือมระอาเหลือเกิน…

เธอนึกเสียใจแล้ว เธอน่าจะเชื่อฟังคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น จะมีลูกคนที่สองทำไมกัน?

ตอนนี้คืนของกลับไปได้ไหมนะ?

“แม่ขี้เกียจจะสนใจลูกแล้ว ลูกไปคุยกับพ่อเองเถอะ ให้พ่อสอนลูกเองแล้วกัน!” เหมยเหมยโกรธจนปวดตับไปหมด เธอกลับเข้าบ้านเพราะสู้ไม่เห็นหน้าจะดีกว่า ให้เหยียนหมิงซุ่นไปจัดการเองแล้วกัน

แต่พอเห็นลูกอีกคนหลับสนิทอยู่บนเตียง เหมยเหมยก็ยิ่งเหนื่อยใจ เมื่อกี้ก็วุ่นวายจนอลหม่านไปหมด ส่วนเสี่ยวจูก็ยังหลับไม่ตื่น นี่มันขี้เกียจกว่าหมูอีกนะ!

เธอคลอดอะไรออกมากันเนี่ย?

ตกเย็นเหยียนหมิงซุ่นก็กลับมาบ้าน พอได้ฟังเรื่องของเน่าเน่าก็นึกประหลาดใจ ต้นหวูถงต้นนั้นมีความสูงราว 15.5 เมตร ถึงเน่าเน่าจะไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดแต่อย่างน้อยก็น่าจะอยู่สัก 10 เมตรได้ ขนาดความสูง 10 เมตรผู้ใหญ่ยังยากจะปีนขึ้นไปได้ ลูกชายของเขาความสามารถไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

ลุงเหลาพาเหยียนหมิงซุ่นไปดูวิดีโอที่เขาอัดไว้ ตั้งแต่ลงจากต้นไม้จนถึงพื้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ เหยียนหมิงซุ่นให้ลุงเหลาเล่นแบบช้า แบบนี้ถึงจะมองเห็นท่วงท่าของเน่าเน่าอย่างชัดเจน

เจ้าเด็กคนนี้ใช้วิธีการลงต้นไม้ตามลิงโดยใช้ความยืดหยุ่นของกิ่งก้านต้นไม้แล้วเคลื่อนไหวด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่วิธีการนี้อันตรายไม่น้อย แม้แต่เขายังไม่กล้าลองเลย หากเผลอไม่ทันระวังอาจตกลงมาได้

“ความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของเน่าเน่าไม่ธรรมดา ผมลองทดสอบดูแล้ว ความเร็วของเขาช้ากว่าลิงไม่เท่าไหร่เอง” ลุงเหลากล่าวเสียงหนักแน่น

เหยียนหมิงซุ่นหว่างคิ้วกระตุก ดูท่าความสามารถพิเศษของเน่าเน่ามั่นใจได้แล้วว่าเป็น——ความเร็ว

ความสามารถพิเศษของลูกสาวคือพลังเหนือธรรมชาติ ถ้าลูกชายคนโตคือความเร็ว แล้วลูกชายคนเล็กคืออะไรกันล่ะ?

หรือจะเป็นความสามารถในการนอนหลับ?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกว่ามันน่าขบขันแต่ก็ยิ่งตั้งตารอคอย อยากรู้เหลือเกินว่าเสี่ยวจูจะมีความสามารถพิเศษเป็นอะไรนะ

…………………………………………………………

 ตอนที่ 2860 เสี่ยวจูจอมขี้เกียจ

“พี่สั่งสอนเน่าเน่าไปหรือยัง?”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งกลับเข้าห้องเหมยเหมยก็ถามเขาทันที เขาส่ายศีรษะ เหมยเหมยโกรธแทบปรี๊ดแตกแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตอนนี้เน่าเน่าแก่นแก้วไร้ขอบเขต พี่ยังไม่สั่งสอนเขาอีกเหรอ? วันนี้กล้าปีนต้นไม้ วันหน้าคงลอยขึ้นฟ้าแล้วล่ะ!”

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ เธอทำใจเตรียมไว้ล่วงหน้าได้เลย” เหยียนหมิงซุ่นเตือนไว้ก่อน

ด้วยความดื้อของลูกชายคนโต รวมถึงความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองที่บ้าคลั่งอย่างเขา แม้แต้โลกใบนี้ก็เอาเขาไม่อยู่หรอก

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ “หมายความว่าไง?”

“ก็ตามที่บอกนั่นแหละ คือว่า…เธอคลอดลูกชายที่ไม่ธรรมดาออกมา เน่าเน่าเหมือนเล่อเล่อซึ่งไม่ใช่เด็กธรรมดา ฉะนั้นพวกเราจะใช้วิธีการทั่วไปสั่งสอนพวกเขาไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ โพล่งถามขึ้นว่า “ความสามารถพิเศษของเน่าเน่าคืออะไร? ใจกล้างั้นเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นได้ฟังเช่นนั้นก็หลุดขำ “อันนี้ก็นับว่าใช่ แต่ความสามารถพิเศษที่เด่นชัดที่สุดของเน่าเน่าคือความเร็ว เหมยเหมยลูกของเราเป็นยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว เพราะงั้นเขาถึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงขนาดนั้นได้อย่างง่ายดาย”

“ยอดมนุษย์ตัวจิ๋ว? พี่จะบอกว่าเน่าเน่าบินได้งั้นเหรอ?” ในสมองของเหมยเหมยผุดภาพยอดมนุษย์ที่ใส่กางเกงในด้านนอกขึ้นมาแวบหนึ่ง ที่ใดมีคนชั่วร้าย ยอดมนุษย์ก็จะบินไปช่วยผดุงความยุติธรรม

หรือวันหน้าเจ้าเด็กนั่นจะเป็นแบบนั้น?

“บินไม่ได้อยู่แล้ว เน่าเน่าก็แค่มีทักษะความเร็วเท่านั้น ตอนนี้พี่ยังไม่รู้ว่าเขาจะเร็วถึงขั้นไหน บางที…เรื่องบินก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นนัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น

ถ้าความเร็วมากพอก็ต้องบินได้อยู่แล้ว ไม่แน่เน่าเน่าอาจจะทำได้จริง ๆก็ได้!

จู่ ๆก็เฝ้ารอวันที่ลูก ๆเติบใหญ่ขึ้นมา

เหมยเหมยเบิกตากว้าง ตกลงเธอคลอดอะไรออกมากันแน่!

“งั้นเสี่ยวจูล่ะ? เขามีความสามารถพิเศษอะไร?” เหมยเหมยมองไปทางลูกชายคนเล็กที่ยังนอนอยู่บนเตียง ระหว่างนั้นเขาตื่นมาครู่หนึ่ง พอทานโจ๊กบำรุงร่างกายชามโตเสร็จก็นอนต่อ เดาว่าคงนอนยาวไปถึงพรุ่งนี้เช้าเลย

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆแล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ตอนนี้ยังมองไม่ออกแต่มั่นใจได้ว่าเด็กคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกันแน่นอน”

“ขอแค่ไม่ใช่หมูจอมขี้เกียจก็พอ เป็นคนธรรมดาก็ใช่ว่าจะไม่ดีนะ” เหมยเหมยหยิกพวงแก้มยุ้ยของลูกชายตัวน้อยเบา ๆ

เจ้าตัวเล็กแค่นเสียงไม่พอใจแล้วพลิกตัวเอาพวงแก้มฝั่งที่ถูกบีบเมื่อครู่ไว้ด้านล่างสุดปิดซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนพวงแก้มอีกฝั่งถูกอุ้งมือของเขาเองกุมปิดไว้

“เจ้าหนูนี่ก็ปลิ้นปล้อนไม่เบา เป็นแบบนี้ทุกที อย่างมากก็ให้บีบแค่ครู่เดียวจากนั้นก็ไม่ให้บีบแล้ว ร้ายกาจจะตาย” เหมยเหมยทั้งนึกขันทั้งหัวเสียเลยตบก้นของเสี่ยวจูไปทีหนึ่ง

ในสมองของเหยียนหมิงซุ่นมีบางอย่างผุดขึ้นมาเหมือนคิดอะไรออก แต่ไม่นานก็แวบหายไปแล้ว

พอรู้ความสามารถของเน่าเน่าแล้วเหมยเหมยก็ไม่ได้ระแวดระวังดั่งเมื่อก่อนอีก ขอแค่ไม่ออกนอกบ้านก็ซนได้ตามใจชอบ วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งปีเน่าเน่าสูงขึ้นไม่น้อย ทุกวันถ้าไม่ซนทำนั่นทำนี่ก็ปีนต้นไม้เก็บไข่นก เล่นซนไม่เบาเลยจริง ๆ

แต่ว่า——

เสี่ยวจูก็ยังเหมือนเดิม กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เรียกพ่อแม่ไม่ได้ เสียงที่เปล่งออกมาก็ยังคงแค่ร้องอ้อแอ้เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นยังเดินไม่ได้ เท้ายืนทรงตัวบนพื้นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ส่วนสิ่งที่โปรดปรานที่สุดก็คือนอนหลับอยู่บนเตียง

เหมยเหมยกลุ้มใจแทบแย่ เธอเริ่มสงสัยในคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นเข้าแล้ว เน่าเน่ามีความสามารถพิเศษไม่เหมือนคนอื่นจริง ๆ ส่วนเสี่ยวจูอาจจะเป็นเด็กมีปัญหาแทนก็ได้!

“ไม่งั้นพาเสี่ยวจูไปตรวจดูที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะ ถ้ามีปัญหาตรงไหนจะได้รักษาได้ทันเวลา”

ขณะทานอาหารมื้อเย็นทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้า เหมยเหมยจึงเสนอความคิดเห็นออกมา

“ไปตรวจดูหน่อยก็ได้ คลอดออกมาน้ำหนักก็ไม่น้อย แถมทุกวันก็กินเยอะขนาดนั้น แล้วทำไมถึงพูดไม่ได้เดินไม่เป็นอยู่อีกนะ?” คุณย่าหยางก็กลุ้มใจมากเช่นกัน

เมื่อก่อนมีเด็กน้อยอายุสามขวบพูดไม่เป็นเดินไม่เป็นเหมือนกันแต่นั่นเพราะสารอาหารไปหล่อเลี้ยงไม่พอ ทว่าลูกหลานบ้านเธอให้ทานอาหารตามที่นักโภชนาการบอกทุกอย่าง ดังนั้นไม่มีทางขาดสารอาหารแน่นอน

…………………………..

Related

ตอนที่ 2857 เน่าเน่าที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หลายปีมานี้เหยียนหมิงซุ่นตำแหน่งสูงขึ้น อำนาจมากขึ้นจึงสร้างความขุ่นเคืองให้คนอื่นไม่น้อย บางคนเกลียดจนอยากจะฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งครอบครัว ซึ่งด้วยเหตุนี้เหยียนหมิงซุ่นถึงไม่อยากจัดงานครบเดือนและครบหนึ่งขวบใหญ่โตอะไร

ตอนนี้เน่าเน่าหายตัวไปอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ความคิดแรกของเหมยเหมยก็คือมีคนจงใจลักพาตัวลูกไปเพื่อข่มขู่เหยียนหมิงซุ่น

“เป็นไปไม่ได้หรอก ในบ้านติดตั้งเครื่องตรวจจับอินฟราเรดไว้ ถ้ามีคนบุกเข้ามาพวกเราต้องรู้สึกได้สิ” ลุงเหลาปฏิเสธ

เหยียนหมิงซุ่นติดตั้งเครื่องตรวจจับอินฟราเรดในบ้านทุกซอกทุกมุมเพื่อปกป้องเด็กและผู้ใหญ่ในบ้านให้ปลอดภัย ถ้ามีคนบุกเข้ามาเขาก็ต้องรับรู้ได้เพราะเป็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

“งั้นเน่าเน่าจะไปไหนได้? คงไม่ใช่ว่าหนีออกไปเองหรอกนะ?” เหมยเหมยโล่งอกขึ้นมาบ้าง ขอแค่ไม่ใช่คนชั่วพาตัวไปก็พอ

“เป็นไปไม่ได้หรอก เน่าเน่ายังต้องอยู่ในบ้านแน่นอน”

ลุงเหลามั่นใจมาก เจ้าหนูน้อยต้องซ่อนตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่งในบ้านนี่แหละ เพียงแค่ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ

“งั้นก็หาต่อเถอะ ขอแค่ยังอยู่ในบ้านก็จัดการง่ายหน่อย” ในที่สุดความกังวลของเหมยเหมยก็กลับมาปกติ ถ้าลุงเหลาไม่พูดเธอเองคงไม่รู้เลยว่าเหยียนหมิงซุ่นติดตั้งเครื่องป้องกันเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดนี้ไว้ด้วย!

เหมยเหมยคิดอยากให้ฉิวฉิวและเสวี่ยเอ๋อร์ช่วยตามหาแต่ไม่รู้ฉิวฉิวหนีหายไปไหน เสวี่ยเอ๋อร์ก็หยิ่งผยองเหลือเกินและไม่ฟังคำสั่งเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งบ้านมีแค่เหยียนหมิงซุ่นกับเล่อเล่อเท่านั้นที่ออกคำสั่งได้

เธอที่จนปัญญาเลยทำได้แค่หาเอง คุณย่าหยางกลับไม่ค่อยเป็นกังวลนัก “ขอแค่อยู่ในบ้านก็พอ เดาว่าคงเล่นซ่อนหากับเราอยู่ ถ้าพวกเราไม่หาเดี๋ยวเขาก็เบื่อแล้วออกมาเองแหละ”

สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจะตายไป คุณย่าหยางชินชาเสียแล้ว

เหมยเหมยครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วหาโทรโข่งมา เธอยืนอยู่กลางสวนหลังบ้านแล้วตะโกนขึ้นว่า “เหยียนเน่าเน่า ถ้าลูกยังไม่ออกมาเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์ แม่พูดคำไหนคำนั้นนะ!”

โธ่เอ๊ย รั้นต้องบีบให้เธองัดท่าไม้ตายออกมาใช่ไหม!

เจ้าเด็กคนนี้ซนยิ่งกว่าพี่สาวอีก ภาพลักษณ์หญิงกุลสตรีที่ดูดีงามสง่าอย่างเธอ…ถูกสองพี่น้องนี้ทำลายจนสิ้นแล้ว

คิด ๆดูแล้วน้องชายคนเล็กช่วยประหยัดแรงตั้งเยอะ!

แต่พอนึกถึงความขี้เกียจของเจ้าเด็กนั่นเหมยเหมยก็ทุกข์ใจอีกครั้ง ตกลงเธอคลอดอะไรออกมาถึงได้นิสัยประหลาดไม่เหมือนกันทั้งสามคนเลยนะ!

เหมยเหมยตะโกนเรียกติดต่อกันสามครั้งแต่เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา เธอนึกเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่เอาเนื้อสัตว์ที่โปรดปรานมาล่อก็ยังไม่ออกมา ไม่ใช่ว่าจะเป็นอะไรไปจริง ๆหรอกนะ?

“ติ่ง”

หยดน้ำเย็นเฉียบหยดใส่หน้า เหมยเหมยยื่นมือไปปาดแล้วมองขึ้นฟ้าอย่างฉงน อากาศแจ่มใส ไม่มีเมฆสักนิด…ทำไมจู่ ๆฝนตกได้ล่ะ?

“ติ่ง”

น้ำอีกหยดร่วงเผาะลงมาอีกแล้ว

“ฝนตกแล้วเหรอ?” เหมยเหมยแหงนหน้ามองฟ้า

“จะตกได้อย่างไรแดดแรงดีขนาดนี้” คุณย่าหยางเอ่ยขึ้น

“งั้นน้ำนี้มาจากไหนล่ะ?” เหมยเหมยแหงนหน้าขึ้นสูง ตอนนี้พวกเธอกำลังยืนอยู่ใต้ต้นหวูถง[1] ต้นไม้ต้นนี้เติบโตที่นี่นานแล้ว ซินแสบอกว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นดั่งดวงตาศักดิ์สิทธิ์เลยเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้เด็ดขาด

เพราะงั้นเหยียนหมิงซุ่นเลยสร้างบ้านโดยดูต้นหวูถงนี้เป็นหลักแล้วล้อมต้นนี้ไว้ ต้นไม้ต้นนี้สูงอย่างน้อยตึกสามชั้น กิ่งก้านเต็มไปด้วยใบไม้เขียวชอุ่ม ช่วงหน้าร้อนเป็นสถานที่ที่ร่มรื่นมากทีเดียว

“ติ่ง”

น้ำหยดลงมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หยดลงบนตัวคุณย่าหยาง “คงไม่ใช่ว่าเป็นขี้นกหรอกนะ ไม่สิ ขี้นกไม่ได้สะอาดขนาดนี้หรอก เกิดอะไรขึ้น?”

ลุงเหลาเดินมา หลังจากได้ยินที่พวกเธอคุยกันสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายกกล้องส่องทางไกลขึ้นดูแล้วสีหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา

 “เน่าเน่าอยู่ข้างบน” ลุงเหลาเอ่ย

…………………………………………………..

 ตอนที่ 2858 ต้นไม้สูงสิบเมตร

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่แทบไม่อยากจะเชื่อ ต้นไม้สูงสิบกว่าเมตร เจ้าเด็กนั่นปีนขึ้นไปได้อย่างไรกัน?

เธอแย่งกล้องส่องทางไกลมาแล้วส่องไปตามมือที่ลุงเหลาชี้ ฉับพลันหัวใจก็เต้นมาถึงคอหอยและเกือบกระเด็นออกมาอยู่แล้ว

เจ้าเด็กอ้วนกอดลำต้นนอนหลับปุ๋ย อีกทั้งยังเอาหน้าแนบฟลุบลงไป น้ำที่หยดลงมาก็น้ำลายของเขานั่นแหละ…

“ทำไมเขาถึงหนีขึ้นไปนอนบนต้นไม้ได้ล่ะ แถมยังปีนขึ้นไปตั้งสูง ถ้าเกิดตกลงมาจะทำอย่างไร…ไม่ได้การล่ะ หนูต้องโทรหาเหยียนหมิงซุ่นก่อนเรียกให้เขากลับมาสั่งสอนลูกสักหน่อย”

เหมยเหมยรีบร้อนจนสติหลุด เน่าเน่าหลับลึกขนาดนั้นถ้าเกิดพลิกตัวหรือกลิ้งคงตกลงมาแน่นอน ความสูงสิบกว่าเมตรแบบนี้ต้องมีจุดจบไม่สวยอยู่แล้ว เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ

“อย่าวู่วามไป เดี๋ยวปูเบาะหนา ๆไว้ด้านล่างก่อน ต่อให้ตกลงมาก็ไม่เป็นไรหรอก จากนั้นค่อยปีนขึ้นไปอุ้มเน่าเน่าลงมา” ลุงเหลาพูดเสียงเนิบและไม่ได้รีบร้อนอะไร

ต้นไม้สูงใหญ่ขนาดนี้แต่เน่าเน่าปีนขึ้นไปได้สบาย ๆ งั้นก็คงไม่ตกลงมาง่าย ๆหรอก

ลุงเหลาและป้าฟางหาเบาะหนามาได้อย่างรวดเร็วแล้วปูวางใต้ต้นไม้หลายชั้น เน่าเน่าที่อยู่ด้านบนนอนหลับสนิทและทำปากจ๊อบแจ๊บเป็นระยะ ๆโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองอยู่ในจุดอันตรายแค่ไหน

ลุงเหลาเตรียมเชือกและอุปกรณ์ในการปีนเรียบร้อย ต้นไม้สูงขนาดนี้ถ้าไม่มีอุปกรณ์เขาคงปีนขึ้นไปไม่ได้จริง ๆ ถ้าตอนหนุ่ม ๆยังพอลองได้บ้าง

“เจ้าเด็กนี่ปีนขึ้นไปได้อย่างไรกันนะ เดี๋ยวเอาลงมาได้จะตีให้เข็ดเลย ใครก็ห้ามมารั้งหนูไว้ทั้งนั้น!” เหมยเหมยกัดฟันกรอด ความโกรธต้องได้ระบายออกมา

คุณย่าหยางและป้าฟางส่ายศีรษะอย่างระอา ครั้งนี้เน่าเน่าทำเกินกว่าเหตุจริง ๆ ต้องจับมาสั่งสอนดี ๆเสียหน่อยแล้วเพราะไม่งั้นคงเอาไม่อยู่

ทางฝั่งลุงเหลาปีนขึ้นไปแล้ว เขาปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวังไม่กล้าปริเสียงแม้แต่นิดเดียวเพราะกลัวว่าจะปลุกเน่าเน่าที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราเอาได้ ถึงแม้เบาะข้างล่างจะหนาแต่ตกลงไปก็ต้องบาดเจ็บอยู่ดี

 “คุณปู่เหลาทำอะไรอยู่คะ?” เล่อเล่อตะโกนถามเสียงดังจนทำให้พวกกระรอกตกใจและพลอยปลุกให้เน่าเน่าตื่นไปด้วย

เหมยเหมยเหนื่อยใจกว่าเดิม เธอใช้โทรโข่งตะโกนเรียกอยู่นานแต่เจ้าเด็กนี่กลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด พอพี่สาวเรียกทีเดียวก็ตื่นแล้ว รอเดี๋ยวเอาตัวลงมาได้จะตีแรง ๆเลย ไม่งั้นคงยากจะระงับความโกรธในใจของเธอได้

เน่าเน่ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พี่สาวกลับมาแล้ว…

เจ้าหนูตกใจจนได้สติแล้วเหลือบมองดูด้านล่างก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนในบ้านต่างออกมากันหมดแต่เขาก็ยังโล่งอกเพราะคุณพ่อยังไม่กลับมา ส่วนแม่กับย่าทวดคุยด้วยง่ายหน่อย

แค่แวบเดียวเล่อเล่อก็มองเห็นเน่าเน่าที่อยู่บนยอดต้นไม้ เธอเอามือเท้าสะเอวแล้วคำรามว่า “ลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”

“อืม…ลงไปเดี๋ยวนี้แหละ!” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสและพูดคล่องแคล่วมาก ตอนเน่าเน่าหกเดือนก็เรียกแม่ได้แล้ว ตอนนี้หนึ่งขวบจึงพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ

แต่คนน้องเสี่ยวจูไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะจนถึงตอนนี้ขนาดคำว่าแม่ยังขี้เกียจเรียก นอกจากส่งเสียงร้องอ้อแอ้ก็ไม่พูดอะไรแล้ว

“อันตราย ให้คุณปู่เหลาขึ้นไปรับตัวเน่าเน่าลงมา” เหมยเหมยนึกร้อนใจ

เล่อเล่อไม่เห็นด้วย “ตกลงมาไม่ตายหรอก เหยียนเน่าเน่ารีบเลยนะ ถ้ายังไม่ลงมาจะต่อยให้ตายเลย”

“มาแล้วครับ…พี่สาว!”

เน่าเน่าไม่กล้าอืดอาดชักช้ายกมือโบกลาเหล่ากระรอกที่อยู่ข้าง ๆกอดลำต้นเตรียมลงมา ใจของเหมยเหมยเต้นมาถึงคอหอยอีกครั้ง สูงขนาดนี้…เธอเห็นยังจะเป็นลม ตกลงเจ้าเด็กนี่จะลงมาอย่างไรนะ?

ลุงเหลาตัดสินใจลงมาจากต้นไหมแล้วคอยจับตาดูเจ้าเด็กคนนี้เพราะอยากรู้ว่าเขาจะลงมาอย่างไร

เน่าเน่าเกาะก้านเล็กก้านหนึ่งไว้ห้อยตัวโอนเอนไปมาอยู่ด้านบนเหมือนลิงจนเหมยเหมยตกใจรีบปิดตา แต่พอนึกขึ้นได้ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วจับตาดูด้วยความเป็นห่วง

……………………………………………..

[1] ต้นหวูถงหรือเรียกว่าต้นร่มจีน ปัจจุบันเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ให้ร่มเงาพันธุ์หายาก

Related

ตอนที่ 2855 คนหนึ่งชอบงอแงส่วนอีกคนรักสงบ

ถึงสยงมู่มู่จะหน้าตาเหมือนผู้หญิงแต่เสียงกลับไม่เหมือนเลยสักนิด แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ชาย คนที่ไม่รู้ความจริงดวงตาแทบถลนออกมาอยู่รอมร่อ

สิ่งเหนือคาดแบบนี้ทำเอาพวกเขาเหมือนกำลังฝันอยู่ก็ไม่ปาน

อู่เชากลับยิ้มพร้อมอธิบายว่า “เจ้าบ่าวเกิดมาในครอบครัวที่มีฝีมือในศิลปะการแสดง เมื่อสามสิบปีก่อนคุณปู่ของเขาเคยมารับบทแสดงเป็นสาวงามคนหนึ่งในลอนดอน เชิญทุกท่านดูที่จอภาพเลยครับ”

จอใหญ่ฉายภาพคุณปู่สยงในตอนนั้น เขารับบทเป็นจู้อิงไถซึ่งหน้าตาคล้ายคลึงกับสยงมู่มู่ในตอนนี้อยู่ไม่น้อย ทุกคนถึงได้เข้าใจในทันที ที่แท้เขาก็เกิดมาในครอบครัวที่มีฝีมือในศิลปะการแสดงนี่เอง!

เสียงปรบมือที่แสนอบอุ่นดังกระหึ่มดั่งเสียงคลื่นซัดสาด ทางสยงมู่มู่เริ่มเตรียมตัวร้องเพลง แม้แต่คนในวงก็พามาเตรียมตัวโชว์การแสดงถึงในงานเลย

อัลบั้มใหม่ครั้งนี้มีเพลงภาษาอังกฤษอยู่หลายเพลง ภายใต้การแสดงของเขาทุกคนฟังกันอย่างเมามัน ทั้งยังลอบดีใจที่ครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเปล่าด้วย

เหมยเหมยดูไลฟ์สดอยู่บนเตียง คนที่เหยียนหมิงซุ่นส่งไปเก่งมากเพราะจับภาพได้ทุกมุมซึ่งเห็นชัดกว่าอยู่ในงานเสียอีก ครั้นเห็นคนมากมายร่วมอวยพรงานแต่งงานของสยงมู่มู่ เธอก็ทั้งอิจฉาและทั้งเศร้าใจ

เธอท้องลูกคนที่สองแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดงานแต่งงานเลย!

ตอนแรกคุยกันว่ารอเล่อเล่อโตกว่านี้หน่อยค่อยจัดงานแต่งงาน แต่ตอนนี้ท้องสองใกล้คลอดแล้ว ถ้ารอเจ้าหนูทั้งสองโตอีกก็ตั้งอีกหลายปี เกรงว่างานแต่งงานคงเลื่อนไปไม่มีกำหนด!

เหมยเหมยถอยหายใจด้วยความทุกข์ใจ

งานแต่งงานของสยงมู่มู่และเซียวเซ่อในครั้งนี้ได้รับความสนใจยิ่งกว่าที่คาดไว้เสียอีก ถึงแม้งานแต่งงานจะสิ้นสุดลงแล้วแต่กระแสกลับไม่ลดลงเลย สื่อดังทุกแห่งต่างประโคมรายงานข่าว โดยเฉพาะภาพที่สยงมู่มู่สวมชุดเจ้าสาวคนทั้งโลกต่างรับรู้กันหมด

กระทั่งบนโลกอินเทอร์เน็ตต่างบอกว่าเขาเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในศตวรรษอย่างไม่มีใครเทียมได้

เพราะอัลบั้มใหม่ของสยงมู่มู่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหนือความคาดหมายของตนจนตีตลาดต่างประเทศได้ ทั้งยังติดชาร์ตสามอันดับเพลงฮิตไม่มีตก โดยเฉพาะเพลงภาษาอังกฤษสองสามเพลงนั้นฮิตติดหูเป็นกระแสในวงกว้าง

ทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดีแต่ท้องของเหมยเหมยกลับใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทนยากมากขึ้นทุกวัน ทว่าเธอก็ยังกัดฟันทนต่อไป ถ้าไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เธอจะไม่มีทางให้ผ่าคลอดเด็ดขาด

ห่างจากวันกำหนดคลอดอีกสิบกว่าวัน ในที่สุดเหมยเหมยก็เจ็บท้องคลอด ผ่านไปสามชั่วโมงก็คลอดเจ้าอ้วนน้อยออกมาสองคน

พี่ชายน้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม ส่วนน้องชาย 2.7 กิโลกรัม

เหยียนหมิงซุ่นมองเจ้าอ้วนสองคนที่นอนเรียงกันแล้วเหลือบมองเหมยเหมยที่หมดสติไปพร้อมน้ำตา เขายากที่จะจินตนาการได้จริง ๆว่าเหมยเหมยตัวเล็กแค่นี้ทำไมถึงใส่ไปได้ตั้งสองคนนะ?

หนูน้อยทั้งสองต่างนอนหลับตาพริ้ม พยาบาลอาบน้ำให้พวกเขาแล้วจึงสะอาดหมดจด ผมดกดำ ทว่าหน้าตากลับไม่เหมือนกันสักนิด คนพี่หน้าตาเหมือนคุณตาจ้าวอิงหัว โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ถอดกันออกมาเปี๊ยบ

ส่วนคนน้องเหมือนเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นรวมร่าง รูปหน้าเหมือนเหมยเหมย แต่จมูกกลับเหมือนเหยียนหมิงซุ่น

“…ทำไมน้องชายไม่เล่นกับหนูละคะ?” เล่อเล่อสำรวจของเล่นของเธอด้วยความใคร่รู้ เธอยื่นมือไปหมายจะปลุกน้องชาย คุณย่าหยางตกใจยกใหญ่แล้วรีบดึงมือกลับมา

แรงหลานสาวเยอะขนาดนั้นจะทำน้องชายเจ็บตัวเอาได้

เหมยเหมยหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆถึงฟื้น พอลืมตาขึ้นมาก็ให้เหยียนหมิงซุ่นอุ้มลูกมาให้ดู

“คนที่ตื่นอยู่เป็นพี่คนโต ส่วนคนที่หลับอยู่เป็นคนน้อง” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะเพิ่งคลอดได้แค่วันเดียวแต่เขาจับจุดต่างของสองพี่น้องนี้ได้

คนโตชอบร้องงอแงแต่ร่าเริงมากแม้แต่ตอนนอนยังไม่สงบเลย แต่คนเล็กกลับชอบนอน นอกจากตื่นมาดูดนมแม้แต่ถ่ายหนักถ่ายเบาก็ยังหลับตา นิสัยขี้เกียจแบบนี้ไม่รู้ว่าได้มาจากใคร

……………………………………………

 ตอนที่ 2856 เน่าเน่ากับเสี่ยวจู

ถึงแม้สองพี่น้องไม่ใช่เด็กทานจุแต่ก็ทานมากกว่าเด็กทั่วไปอยู่มากโข น้ำนมของเหมยเหมยเพียงพอให้ได้แค่คนเดียวซึ่งก็คือน้องชายคนเล็กที่ทานน้อยกว่าหน่อย ส่วนคนพี่ทานเก่งกว่าเล็กน้อย น่าจะสาเหตุเพราะใช้แรงมากนั่นเอง

คนพี่แม้แต่ตอนนอนยังไม่นอนอย่างสงบเสงี่ยมเลย เดี๋ยวต่อยซ้ายทีเตะขวาทีร้องอ้อแอ้ ไม่รู้ว่าเขาทะเลาะอยู่ในฝันหรืออย่างไร ในเมื่อใช้แรงเยอะก็ต้องทานเยอะเป็นธรรมดา แค่ลืมตาก็งอแงร้องกินแล้ว

หากเหมยเหมยให้นมพี่น้องทั้งสอง ปกติจะแค่อยู่ท้องเท่านั้นซึ่งที่เหลือก็ต้องดื่มนมผงเพิ่ม โชคดีที่สองพี่น้องไม่เลือกทาน ไม่ว่าอะไรก็ทานได้อย่างเอร็ดอร่อยทุกอย่าง ผ่านไปไม่กี่วันก็ตัวอวบอ้วนขึ้นเหมือนเด็กน้อยในการ์ตูนหนูน้อยจี๋เสียงซึ่งน่าปลื้มใจเหลือเกิน

ลูก ๆโตเร็วมากจริง ๆซึ่งในแต่ละวันไม่เหมือนกันเลย ไม่นานก็อายุครบหนึ่งเดือน ชื่อเต็มของพวกเด็ก ๆคุณปู่เหยียนเป็นคนตั้งให้ คนพี่ชื่อเฮ่อเหลียนเฟิง ส่วนคนน้องชื่อเหยียนหลิงเทียน นี่เป็นคำมั่นสัญญาที่เหยียนหมิงซุ่นเคยให้เฮ่อเหลียนชิงไว้ว่าถ้าได้ลูกผู้ชายจะให้ใช้แซ่เฮ่อเหลียนเพื่อสืบทอดตระกูลเฮ่อเหลียนต่อไป

แต่ชื่อเล่นเหมยเหมยเป็นคนตั้ง คนโตชื่อเน่าเน่าเพราะงอแงจนทำเอาทรมานจริง ๆเลยเรียกว่าเน่าเน่า  คนเล็กให้ชื่อว่าเสี่ยวจู เดิมทีเหมยเหมยอยากตั้งชื่อว่าจิ้งจิ้ง เพราะชื่อสอดรับตรงข้ามกับเน่าเน่าพอดี

แต่พวกผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะชื่อจิ้งจิ้งเหมือนชื่อเด็กผู้หญิงจึงคัดค้านกันอย่างหนักแน่น เหมยเหมยเองก็คร้านจะคิดอีกเลยเรียกว่าเสี่ยวจูไปเลยโต้ง ๆ วัน ๆกินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน แบบนี้ก็เหมือนหมูตัวหนึ่งเลยไม่ใช่หรือไง

อีกอย่างชื่อทั่วไปก็เรียบง่ายดี ชื่อเสี่ยวจูดีแล้ว แถมยังติดปากเรียกง่ายด้วย

ด้วยสถานะพิเศษของเหยียนหมิงซุ่น ฉะนั้นไม่ว่าจะวันครบรอบหนึ่งเดือนหรือหนึ่งขวบของสองพี่น้องจึงไม่ได้จัดงานอะไรทั้งนั้น แค่สังสรรค์กันเองในครอบครัว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งครบหนึ่งเดือนไปไม่นานก็อายุครบหนึ่งขวบแล้ว

ตอนอายุได้สิบเดือนพี่ชายเน่าเน่าก็วิ่งเร็วราวกับบินได้ พอหนึ่งขวบก็ซนปีนป่ายนู้นนี่เลยต้องมีคนคอยจับตามองทุกนาที ไม่งั้นเจ้าหนูวิ่งหนีหายไปไม่เห็นเงา แล้วผีที่ไหนจะรู้ว่าเขาหายไปไหน

ทั้งบ้านมีเพียงเหยียนหมิงซุ่นและเล่อเล่อปรามเจ้าหนูอยู่ ลุงเหลาและป้าฟางจนปัญญาแล้วจริง ๆ ส่วนเหมยเหมย…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

วันนี้อากาศแจ่มใสเข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อนแล้ว อากาศไม่หนาวไม่ร้อน ลมโชยอ่อน ๆจนชวนให้น่าหลับจริง ๆ

พอเหมยเหมยทานมื้อเที่ยงเสร็จก็พาหนูน้อยทั้งสองไปนอนกลางวัน เสี่ยวจูไม่ต้องพานอนเลยแค่วางบนเตียงก็นอนกรนหลับตาพริ้มสบาย เจ้าหนูน้อยเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด นอกจากกินก็นอน วันหนึ่งหลับได้นานสิบกว่าชั่วโมงเชียวแหละ

แต่นี่อายุครบหนึ่งขวบแล้ว เสี่ยวจูก็ยังเดินไม่ได้ ขนาดยืนยังทรงตัวไม่ค่อยอยู่เลย พอเท้าแตะพื้นหน่อยก็ร้องอ้อแอ้แล้วก็นอนลงบนพื้น จากนั้นก็เบิกดวงตากลมโตสุกใสส่งให้จนดุด่าไม่ลงจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นตรวจกระดูกให้เสี่ยวจูแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นเหตุที่ยังยืนทรงตัวไม่ได้ เหมยเหมยคิดว่าคงเป็นเพราะ——ขี้เกียจ

ฟังดูแล้วอาจจะเหมือนโกหกแต่เหมยเหมยรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเจ้าหนูน้อยคนนี้ขี้เกียจจนน่าประหลาด

ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรเหมยเหมยก็คร้านจะสนใจแล้ว อยากเดินก็เดินไม่อยากเดินก็ช่าง เก่งนักก็นอนไปแบบนี้ตลอดชีวิตเถอะ!

ส่วนเน่าเน่าพานอนอยู่นานซึ่งกว่าจะหลับได้ไม่ง่ายเลย เหมยเหมยเองก็ง่วงเต็มที เธอหาวหวอดใหญ่แล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเน่าเน่าที่กำลังปิดตาลืมตาขึ้น เขาหยัดกายลุกนั่งพร้อมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นัยน์แววตาแฝงความใคร่รู้และตื่นเต้น

พอเหมยเหมยตื่นขึ้นมาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาก แต่ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นว่าเน่าเน่าที่นอนอยู่กับเธอหายตัวไปแล้ว บนเตียงมีเพียงเสี่ยวจูที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ น้ำลายสีใสไหลย้อยออกมาจากมุมปากจนหมอนเปียกชุ่มไปหมด

เหมยเหมยนึกว่าเจ้าหนูน้อยตกเตียงแล้วแต่ค้นหาทั่วห้องก็ไม่เจอเน่าเน่า

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป บางทีอาจจะวิ่งขึ้นไปเล่นข้างบนก็ได้” คุณย่าหยางปลอบเหมยเหมยทั้งที่ตัวเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน

แต่ว่าทั้งด้านหน้าด้านหลัง ทั้งด้านบนด้านล่าง แม้แต่ที่นอนสุนัขก็หาแล้วแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเน่าเน่า

“หรือจะถูกคนไม่ได้ลักพาตัวไปแล้ว?” เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวายใจ

…………………………

Related

ตอนที่ 2853 ฝาแฝด

เหมยเหมยก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้เช่นกัน พูดถึงสยงมู่มู่ก็หน้าตาเหมือนคุณปู่ของเขาจริง ๆ ต่อให้ตอนนี้คุณปู่สยงจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังทิ้งมาดในตอนนั้นให้เห็นอยู่ราง ๆ สมแล้วที่เป็นนักแสดงงิ้วมาเกือบทั้งชีวิต

คุณย่าสยงน่าสนใจยิ่งกว่านั้นอีกเพราะเธอแต่งเป็นผู้ชายและมักขึ้นเวทีคู่กับคุณปู่ซึ่งก็คือยอดฝีมือรุ่นเดียวกัน พวกเขาทั้งสองคนต่างถูกคนยกย่องในวงการงิ้ว

ในเมื่อพวกเขาทั้งสองไม่ได้ตื่นตกใจอะไร จ้าวจิงหนานก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก เธอพึงพอใจในตัวเซียวเซ่อมากอยู่แล้ว ตอนเด็กยังหยอกล้อกับคุณหนูใหญ่เฝิงว่าจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน นับว่าตอนนี้ก็สมหวังแล้ว

วันต่อมาสยงมู่มู่รีบกลับอเมริกาทันที ตอนนี้แรงบันดาลใจของเขาพุ่งกระฉูดเพราะในหัวมีแต่เพลงใหม่ ๆทั้งนั้น เขาต้องแก้เพลงในอัลบั้มใหม่ วันแต่งงานในอีกครึ่งปีข้างหน้าก็จะเป็นวันเปิดตัวอัลบั้มด้วย

เขาอยากให้ทุกคนบนโลกใบนี้อวยพรให้เขากับเซียวเซ่อ!

แต่เซียวเซ่อกลับยังอยู่เมืองหลวงต่อ ท่านเคานต์อาวุโสก็ยังไม่กลับอังกฤษ แต่หล่อนไม่ออกไปเที่ยวไหนเลยแค่หมกตัวอยู่ในบ้านไม่ไปไหนทั้งนั้น แม้แต่ข้าราชการรัฐก็ไม่พบ

“ฉันเดาว่าท่านเคานต์อาวุโสคงอยากเจอท่านผู้เฒ่าเซียวสักครั้ง ไม่แน่พวกเขาอาจจะกลับมาคืนดีกันก็ได้!” เหมยเหมยคาดเดา

เหยียนหมิงซุ่นเข้าไปยกบะหมี่ไก่จากในครัวมาป้อนเธอ ตั้งท้องครั้งนี้ความอยากอาหารของเหมยเหมยดีกว่าครั้งก่อน หนึ่งวันต้องทานหกเจ็ดมื้อ แถมไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆสักนิด ท้องก็ใหญ่กว่าครั้งก่อนมากโข

“เดี๋ยวฉันกินเอง พี่ว่าฉันพูดถูกไหมล่ะ?”

เหมยเหมยรู้สึกเร็วไม่ทันใจเลยแย่งถ้วยมาตักทานเอง

“หากเจอสักครั้งคงมีความเป็นไปได้แต่จะกลับมารักกันเหมือนเดิมคงยาก” เหยียนหมิงซุ่นไม่เห็นด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับท่านเคานต์อาวุโสเท่าไหร่นัก แต่ก็พอมองออกว่าหญิงชราผู้นี้เป็นคนหัวรั้นเอาการเลย

เธออาจจะมีเยื่อใยให้ท่านผู้เฒ่าเซียวอยู่ก็จริง แต่ไม่เพียงพอให้หวนกลับไปรักกันได้อีกหรอก

“ไม่สนหรอก ขอแค่เซียวเซ่อแต่งงานกับสยงมู่มู่ได้ก็พอ” เหมยเหมยเขมือบบะหมี่เคี้ยวตุ้ย ๆ เพียงแวบเดียวก็ทานหมดเกลี้ยง จากนั้นก็เรอออกมาอย่างพึงพอใจ ถึงจะรู้สึกดีแต่ก็ยังไม่หนำใจพอ

“ยังไม่อิ่มเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“อืม…ยังกินได้อีกหน่อย พี่ว่าครั้งนี้คงไม่ใช่เจ้าหนูกินจุอีกหรอกนะ?” เหมยเหมยเดา

เล่อเล่อทานจุมาก ตอนเธอตั้งท้องเล่อเล่อเธอทานเยอะมาก ตอนนี้ความอยากอาหารมากกว่าครั้งก่อนอีก หรือว่าลูกคนนี้จะทานจุยิ่งกว่าเล่อเล่อนะ?

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตึกตัก ความรู้สึกตระหนักกลัวก็ถาโถมขึ้นมา ความเป็นไปได้นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา!

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้จะเป็นเด็กกินจุพวกเราก็เลี้ยงไหว พี่ไปต้มเส้นให้เธออีกก่อน” เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจภรรยา พอหมุนตัวเดินเข้าครัวไปก็มุ่นคิ้วแน่น

สัญชาตญาณบอกเขาว่าเด็กสองคนที่จะเกิดมาไม่น่ากังวลใจยิ่งกว่าเล่อเล่ออีก!

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์ด้านไหน ฉับพลันเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกตั้งตารอคอยขึ้นมา

เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องของเหมยเหมยนูนขึ้นเหมือนภูเขาลูกเล็ก ขนาดเดินยังลำบาก กำหนดคลอดยังเหลืออีกหนึ่งเดือน แต่เพราะเธอตั้งท้องลูกแฝดเลยมีความเป็นไปได้ว่าจะออกมาก่อน

ตอนท้องได้สามเดือนเหมยเหมยมั่นใจแล้วว่าตนท้องลูกแฝด และเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงทานเยอะขนาดนั้น

เหตุที่ดูแลปกป้องลูกทั้งสองอย่างระมัดระวัง แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำยังมีคนคอยติดตามเพราะกลัวว่าเธอจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ตลอดครึ่งปีมานี้ผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ร่างกายของเธอรับไม่ไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งรู้สึกว่าหายใจยังลำบากเลย

“ไม่ไหวก็ผ่าคลอดเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงสุขภาพเหมยเหมยเลยอยากให้เธอไปผ่าคลอด

“ไม่เอา…ฉันยังทนไหว!” เหมยเหมยค้านเสียงกร้าว

เธอไม่อยากทิ้งรอยแผลไว้บนหน้าท้องหรอก อีกอย่างเพิ่งแปดเดือนเอง เธออยากให้ลูกเติบโตในท้องอีกหน่อย ต่อให้เพิ่มมาแค่หนึ่งวันก็ยังดี แบบนี้ร่างกายจะได้แข็งแรง!

……………………………………………

ตอนที่ 2854 แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง

เหยียนหมิงซุ่นทำได้เพียงให้เหมยเหมยเข้าโรงพยาบาลก่อนอย่างจนใจพร้อมทั้งตระเตรียมทีมหมอไว้เสร็จสรรพ พวกเขาพร้อมรอคำสั่งผ่าคลอดทุกเมื่อ

“ฉันอยากไปร่วมงานแต่งของเซียวเซ่อ…ก็ได้ พี่ถือว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน” เหมยเหมยพูดไปได้แค่ครึ่งเดียวก็กลืนคำพวกนั้นลงท้องไป เพราะเหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะสนใจเธอสักนิด

“พี่จะส่งคนไปไลฟ์สดในงานเลย เธออยู่ที่นี่ก็เห็นได้เหมือนกัน” เหยียนหมิงซุ่นเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว ไปร่วมงานถึงที่ไม่ได้ แต่ไลฟ์สดในงานไม่มีปัญหา

ถึงแม้เหมยเหมยจะเสียดายอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้ดูเลย ดูผ่านไลฟ์สดได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

งานแต่งงานของสยงมู่มู่คือหลังจากนี้อีกสามวัน ข่าวการแต่งงานแพร่สะพัดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว อีกทั้งวันนั้นก็เป็นวันเปิดตัวอัลบั้มใหม่ด้วย ชื่ออัลบั้มใหม่ก็คือ ‘คนที่ฉันรัก’ พวกเขาต่างเล่าลือกันว่าเป็นเพลงรักที่สยงมู่มู่แต่งให้เซียวเซ่อซึ่งสไตล์เปลี่ยนไปจากอัลบั้มที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เหล่าแฟนเพลงต่างตั้งตารอคอยเชียวล่ะ

อีกอย่างก่อนหน้านี้สยงมู่มู่ประกาศว่าเขาจะจัดงานแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร นี่จึงทำให้เหล่าแฟนเพลงต่างพากันคันยุบยิบ ตั้งตานับถอยหลังทุกวันหวังว่าจะถึงวันแต่งงานสักที

อีกทั้งสถานะพิเศษของเซียวเซ่อ การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นกระแสดังยิ่งกว่าเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายเสียอีก เหล่านักข่าวสื่อดังทั่วโลกต่างรีบไปลอนดอนเพื่อเตรียมรายงานข่าวการแต่งงานให้ทันท่วงที

พวกอู่เชาและฉีฉีเก๋อต่างก็ได้รับบัตรเชิญและไปประเทศอังกฤษแต่เนิ่น ๆแล้ว ท่านผู้เฒ่าเซียวก็ไปด้วยเช่นกัน ครึ่งปีก่อนท่านเคานต์อาวุโสเป็นฝ่ายนัดเจอเขาก่อน พวกเขาสองคนคุยกันอยู่นาน แต่ไม่มีใครรู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง

แต่หลังจากนั้นท่านเคานต์อาวุโสก็กลับประเทศอังกฤษและไม่ได้หวนคืนดีกับท่านผู้เฒ่าเซียวแต่อย่างใด แต่เธอก็ไม่ได้คัดค้านหากเซียวเซ่อจะเชิญให้เขามาร่วมงานแต่งงานด้วย เดาว่าคงสะสางเรื่องในใจกันแล้ว

ในที่สุดความแค้นเกือบครึ่งศตวรรษก็มลายหายไป ถึงแม้จะไม่ได้กลับมารักกันอีกแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

งานแต่งงานใกล้เริ่มแล้ว เซียวเซ่อเปลี่ยนไปใส่ชุดอัศวินผู้กล้าหาญ เธอรูปร่างสูงโปร่ง พอสวมชุดผู้ชายกลับไม่ดูขัดตาเลยสักนิดแต่ดูหล่อเหล่ากล้าหาญ ส่วนอีกฝั่งสยงมู่มู่กำลังแต่งหน้าอยู่ เขาสวมชุดเจ้าสาวที่ท่านเคานต์อาวุโสสั่งตัดไว้ให้ ด้านบนปักเพชรและไข่มุกเต็มไปหมด แค่ชุดแต่งงานชุดเดียวก็ราคาแพงหูฉี่แล้ว

“แต่งให้ฉันสวยเหมือนหญิงงามล่มเมืองไปเลย ฉันจะทำให้ประชาชนทั้งโลกตาถลนให้หมด” สยงมู่มู่ได้ใจสุดขีด เขาที่สวมชุดเจ้าสาวสวยจนสะกดตาคนมอง แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง ช่างแต่งหน้ายังหลงผิดเพราะเกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้สวยยิ่งกว่าผู้หญิงขนาดนี้มาก่อน

“ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว เจ้าสาวเข้าพิธีได้” พิธีกรก็คืออู่เชา

เซียวเซ่อขี่ม้าด้วยมาดน่าเกรงขามเข้ามาในงาน ฉับพลันก็มีเสียงปรบมือโห่ร้องดังขึ้น คนที่มาร่วมงานมีมหาศาล ส่วนมากเป็นราชนิกุลชั้นสูงในอังกฤษ อีกทั้งยังมีราชนิกุลของประเทศอื่นด้วย ส่วนทางฝั่งสยงมู่มู่จะเป็นญาติและเพื่อนสนิท รวมถึงเหล่าแฟนเพลง

ผู้สื่อข่าวก็ไม่น้อยหน้าต่างพากันกดรัวชัตเตอร์ไม่หยุด

ทุกคนต่างงงงวยกันหมดพานหลงคิดว่าอู่เชาพูดผิด ทั้ง ๆที่คนที่เข้างานมาคือเจ้าบ่าวแล้วจะพูดว่าเป็นเจ้าสาวได้อย่างไร เขาไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย

“ท่านผู้นี้คือคุณหนูอิงกริดแมน อดัม ซึ่งก็คือนางเอกในวันนี้” อู่เชาแนะนำตามลำดับพิธีการ เซียวเซ่อลงจากม้าอย่างงามสง่าแล้วโค้งด้วยท่วงท่ามาตรฐานให้ทุกคน

“นี่มันอะไรกัน? ทำไมเจ้าสาวถึงสวมชุดผู้ชายล่ะ? แถมขี่ม้าด้วย? แล้วเจ้าบ่าวไปไหน?”

ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกันเสียงเบา ไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านเคานต์อาวุโสนั่งเงียบนิ่งแต่นัยน์ตาแฝงความขำขันไว้อยู่

ผู้ชายคนนี้ยอมละทิ้งชีวิตและศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อหลานตน ฉะนั้นจึงคู่ควรที่เธอจะฝากฝังหลานไว้ด้วย หวังว่าเธอจะมองไม่ผิดคนนะ!

“ยินดีต้อนรับเจ้าบ่าว!” อู่เชาเอ่ยเสียงดัง

ท่ามกลางเพลงบรรเลงในงานแต่งงานสยงมู่มู่ที่สวมชุดเจ้าสาวก็เดินออกมา สวยจนไร้ใครเทียม แสงความงามเปล่งประกายจนแทบทำให้ทุกคนตาบอด

อะไรกัน…ทั้ง ๆที่เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ทำไมกลายเป็นเจ้าบ่าวไปได้ล่ะ?

อีกอย่างทำไมเจ้าบ่าวถึงสวมชุดเจ้าสาว ตระกูลอดัมกำลังเล่นสนุกอะไรอยู่กันแน่?

สยงมู่มู่เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเซียวเซ่อ ทั้งสองสบตากันแล้วอมยิ้ม สยงมู่มู่คว้าไมค์มาพร้อมตะโกนขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันมงคลของผม ผมจะร้องสักเพลง!”

………………………………….

Related

ตอนที่ 2851 หลังจากนี้อีกครึ่งปีจัดงานแต่งงาน

“นายคิดดีแล้วจริง ๆเหรอ? วันแต่งงานนายต้องใส่ชุดเจ้าสาวตลอดงานเลยนะ แถมยังต้องแต่งหน้าเป็นเจ้าสาวด้วย…” ท่านเคานต์อาวุโสยืนยันเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“คิดดีแล้ว ถึงอย่างไรท่านก็อยากให้ผมแต่งตัวเป็นผู้หญิงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ตามสบายเลย ผมหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้วเพราะงั้นเลยเป็นได้ทั้งชายทั้งหญิง ไม่ว่าจะใส่อะไรก็สวย ท่านจัดการได้ตามใจชอบเลย” สยงมู่มู่ทำสีหน้าสื่อว่าอย่างไรก็ได้ ท่านเคานต์อาวุโสโกรธจนฟันคันยุบยิบ ไม่เคยเจอใครหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย

ฉับพลันเธอก็นึกเสียใจที่เสนอเงื่อนไขนี้ออกมา

“ท่านมีสถานะเป็นถึงท่านเคานต์อาวุโสจะเสียสัจจะไม่ได้ ตอนนี้พวกเรามาปรึกษาเรื่องวันแต่งงานดีกว่า ขอแค่เรื่องทุกอย่างราบรื่นก็พอ ผมว่าอีกสองสามวันนี้ก็จัดงานแต่งงานเลยเถอะ!”

สยงมู่มู่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแล้วเสนอวันแต่งงานขึ้นพร้อมมองท่านเคานต์อาวุโสอย่างคาดหวัง

“ฉัน…แน่นอนว่าต้องรักษาสัญญาอยู่แล้ว เซียวเซ่อเป็นทายาทตระกูลฉัน เรื่องงานแต่งงานจะสะเพร่าไม่ได้เลยต้องเตรียมงานนานหน่อย…” ท่านเคานต์อาวุโสคิดอยากจะถ่วงเวลา แต่สยงมู่มู่กลับกัดไม่ปล่อยโดยไม่ให้โอกาสเธอเลย

“ต้องเตรียมงานนานเท่าไหร่? หนึ่งเดือนหรือสองเดือน? ท่านอย่าถ่วงเวลาไปอีกสามปีห้าปีเลย รอถึงตอนนั้นเซียวเซ่อคงเป็นหญิงชราภาพไปแล้ว”

ท่านเคานต์อาวุโสสูดหายใจเข้าลึกแล้วนึกอยากชื่นชมเจ้าหมอนี่จริง ๆเพราะเธออยากจะถ่วงเวลาไปอีกสักสามปีห้าปี แต่ต่อหน้าคนมากมายเธอเลยไม่กล้าถ่วงเวลาไปนานขนาดนั้น เธอจึงทำได้แค่สะกดอารมณ์โกรธไว้ “เรื่องนี้ต้องดูความคืบหน้าของงาน แต่คงปีสองปีแหละ…”

“คนของท่านจัดการไม่ได้เรื่องเลย งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันผมจะส่งคนมาจัดการแล้วให้ท่านเป็นคนคุมงานเอง วันแต่งงานคือหลังจากนี้อีกครึ่งปี เอาตามนี้แล้วกันครับ เซียวเซ่อเธอมีปัญหาอะไรไหม?” สยงมู่มู่จัดการปัญหาอย่างรวดเร็วโดยมัดมือชกเรียบร้อย

เซียวเซ่อจุดอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ เธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

สยงมู่มู่ขยิบตาให้เธอแล้วหันไปพูดกับท่านเคานต์อาวุโสที่ยังตกตะลึงอยู่ว่า “ท่านดูสิเจ้าบ่าวเจ้าสาวคุยตกลงกันเรียบร้อย ท่านไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว หลังจากนี้อีกครึ่งปีจะจัดงานแต่งงานและต้องเป็นที่น่าจับตามองมากกว่างานแต่งงานของเจ้าชายแน่นอน”

ท่านเคานต์อาวุโสจุกอยู่ในอก เจ้าเด็กนี่ไม่แม้แต่จะให้จังหวะเธอได้พูดอะไรด้วยซ้ำ เธอไม่อยากเห็นด้วยเลยสักนิด

เซียวจิ่งหมิงกระซิบข้างหูเธอเสียงเบาว่า “แม่ครับ อันที่จริงแม่ก็เห็นด้วยแล้ว งั้นก็เอาตามพวกเด็ก ๆว่าเถอะ!”

ท่านเคานต์อาวุโสเหลือบมองลูกชายแวบหนึ่งแล้วก็เห็นคุณหนูใหญ่เฝิงที่อยู่ข้างกายเขาด้วย ชั่วพริบตาเดียวเด็กน้อยทั้งสองในวันวานก็ชราลงไม่น้อย เรื่องวุ่นวายยี่สิบกว่าปีมานี้เธอรู้ดีแต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง

เธอเป็นคนทำให้ลูกชายต้องอยู่โดดเดี่ยวมาตั้งหลายสิบปี!

บางที…เธออาจจะทำผิดไปแล้วจริง ๆ!

ท่านเคานต์อาวุโสสูดหายใจเข้าลึก ความเจ็บปวดแวบพาดผ่านเข้ามาครู่เดียวแล้วเธอก็เชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แค่นเสียงเบาแต่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปทิ้งพวกเหมยเหมยไว้ด้านหลัง

ขณะเดินผ่านห้องปลูกดอกไม้ ท่านเคานต์อาวุโสก็เห็นของกระจัดกระจายเต็มพื้น จู่ ๆขมับก็เต้นตุบ ๆพลันปวดกรามไปหมด คำรามขึ้นว่า “ใครเป็นคนทำแตก?”

“ฉันค่ะ…ฉันจะชดใช้ให้…” เหมยเหมยยิ้มเจื่อนอย่างรู้สึกผิด ดูท่าทางดอกไม้พวกนี้จะเป็นของรักของหวงของท่านเคานต์อาวุโส

เซียวเซ่อเดินขึ้นมาข้างหน้ากล่าว “หนูทำเอง ก็แค่แตกไปไม่กี่ใบ เดี๋ยวให้คนสวนปลูกใหม่ก็จบ ไม่ต้องชดใช้หรอก”

ก็แค่กระถางดอกไม้ไม่กี่ใบ จะต้องมาชดใช้อะไรกัน!

สีหน้าของท่านเคานต์อาวุโสดูไม่ดีนักพลางจ้องเซียวเซ่อด้วยแววตาแฝงนัยยะบางอย่างแต่ไม่พูดอะไรก็เดินจากไป

แม่บ้านรีบอธิบายทันทีว่า “ดอกโบตั๋นกระถางนั้นคุณตาของคุณหนูเป็นคนให้ค่ะ”

พอพูดจบเธอก็รีบวิ่งเหยาะตามหลังไปประคองท่านเคานต์อาวุโสกลับไปพักผ่อน

เหมยเหมยชะงักไปพักหนึ่งเพราะดอกโบตั๋นเธอเป็นคนทำมันแตกเอง

ใครจะไปรู้ว่าดอกโบตั๋นกระถางนั้นท่านผู้เฒ่าเซียวจะเป็นคนให้ ไม่แน่อาจเป็นของแทนใจก็ได้!

ดูท่าทางท่านเคานต์อาวุโสจะยังเหลือเยื่อใยให้ท่านผู้เฒ่าเซียวอยู่แฮะ!

………………………………………………..

 ตอนที่ 2852 ยอดนักศิลปะในใต้หล้า

“ไม่เป็นไรหรอก คุณย่าของฉันเกลียดคุณปู่ของฉันจะตาย ทำแตกไปจะได้หายแค้นพอดี” เซียวเซ่อปลอบประโลมและไม่เก็บมาใส่ใจสักนิด

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ยัยนี่จิตใจหยาบกระด้างจริง ๆมิน่าถึงคบกับสยงมู่มู่มาได้เป็นสิบปี ต้องรอดื่มเหล้าจนเมาก่อนถึงจะความสัมพันธ์คืบหน้า เพราะแต่ไรมาสองคนนี้ไม่เปิดใจให้กันเลย

“ทั้ง ๆที่คุณย่าของเธอยังมีเยื่อใยให้คุณปู่ของเธอขนาดนั้น ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้คุณย่าสีหน้าแย่แค่ไหน” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเบา

เซียวเซ่อชะงักไปแล้วถามขึ้นว่า “งั้นทำไมคุณย่าถึงไม่ยอมเจอคุณปู่ล่ะ?”

เหมยเหมยยักไหล่ ใครจะไปรู้ล่ะว่าในใจหญิงชราคิดอะไรอยู่ เดาว่าศักดิ์ศรีคงค้ำคออยู่สิท่า!

เธอยิ้มตาหยีกล่าว “ยินดีด้วยนะ อีกครึ่งปีหลังจากนี้เธอก็จะเป็นพี่สะใภ้ฉันแล้ว!”

เซียวเซ่อหน้าแดงระเรื่อซึ่งนาน ๆทีจะเห็นหล่อนทำตัวเหนียมอาย ส่วนสยงมู่มู่ที่อยู่ข้าง ๆกลับฉีกยิ้มแป้นถึงรูหู “ยินดีด้วยเหมือนกัน พวกเราต่างมีเรื่องให้น่ายินดีทั้งคู่ คาดว่าอีกครึ่งปีหลานตัวน้อยของฉันก็คงออกมาแล้ว”

“งั้นฉันก็ไม่ต้องให้ซองแดงแล้วแหละ หักลบกันได้พอดี!” เหมยเหมยเอ่ยพร้อมหัวเราะคิกคัก

สยงมู่มู่กลอกตาใส่อย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “ไม่ได้ เรื่องของฉันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยนะ จะขาดซองแดงของเธอไม่ได้ แล้วต้องปึกหนาด้วย”

ทุกคนต่างหัวเราะมีความสุข เรื่องดี ๆโผล่มาได้สักที ถือว่าเป็นสายรุ้งอันงดงามหลังพายุหนักสงบลง แต่มีเพียงจ้าวอิงหนานที่กลับไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก

“ถ้าคุณปู่คุณย่ารู้เข้าคงโกรธแย่เลย ลูกอย่าเพิ่งบอกพวกเขาล่ะ คุณปู่สุขภาพไม่ดี ฉะนั้นจะรับรู้เรื่องสะเทือนใจไม่ได้” จ้าวอิงหนานกังวลเรื่องสุขภาพของพ่อสามีพอสมควร

สยงมู่มู่กลับไม่คิดเช่นนั้น “วางใจเถอะ คุณปู่คุณย่าไม่ได้หัวโบราณแบบแม่สักหน่อย พวกเข้าต้องดีใจกับผมแน่นอน”

เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาสองชราที่บ้าน คนที่รับสายก็คือคุณปู่ซึ่งกำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ พอคุณปู่ได้ยินว่าหลังจากนี้อีกครึ่งปีสยงมู่มู่จะจัดงานแต่งงาน คุณปู่ก็ดีใจจนแทบรื้อกระดานทิ้ง

อีกทั้งสยงมู่มู่ยังเล่าเรื่องเขาเตรียมจะใส่ชุดเจ้าสาวให้ฟังด้วย จ้าวอิงหนานก็ใจเต้นมาถึงคอหอยเพราะกลัวว่าคุณปู่จะอาการกำเริบ แต่ทว่า——

“หลานใส่ชุดเจ้าสาวต้องดูดีมากแน่ ๆ พอถึงตอนนั้นฉันจะไปร่วมงานแต่งงานด้วยแน่นอน ต่อให้เป็นที่อังกฤษก็ไม่เป็นไร ใช่ว่าฉันจะไม่เคยไปเสียเมื่อไหร่ หลายสิบปีก่อนปู่เคยไปมาแล้ว วงเราเคยไปแสดงที่ประเทศอังกฤษมาก่อนนะ” คุณปู่ทำทีนิ่งเฉยมากราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป

จ้าวอิงหนานกะพริบตาปริบ ๆพลันนึกว่าคุณปู่ฟังไม่เข้าใจจึงแย่งมือถือมาแล้วพูดว่า “พ่อคะ ถึงตอนนั้นมู่มู่ต้องใส่ชุดเจ้าสาว แถมจะมีรายงานข่าวไปทั่วโลก คุณพ่อไม่อายคนอื่นเหรอ!”

“อายอะไรกัน นี่มันเป็นศิลปะรู้ไหม ตอนนั้นฉันต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงไปแสดงเรื่องม่านประเพณี[1]ที่ประเทศอังกฤษ ฉันต้องแต่งเป็นจู้อิงไถ พวกฝรั่งไม่เชื่อเลยว่าฉันเป็นผู้ชาย พอล้างเครื่องสำอางออกถึงได้เชื่อ…ฮ่า ๆ ตอนนี้ถึงตาหลานชายฉันไปตบตาพวกฝรั่งบ้าง มู่มู่ หลานต้องพยายามเข้าหน่อยล่ะ อย่าทำให้ตระกูลสยงของเราต้องขายหน้านะ!” คุณปู่สยงสดใสมากทีเดียว เสียงดังผ่านลำโพงมาเลยทำให้ทุกคนฟังชัดเต็มสองหู

สยงมู่มู่ขยิบตาให้อย่างได้ใจ แล้วตะโกนตอบกลับไปว่า “คุณปู่วางใจได้ ถึงตอนนั้นถ้าคนอื่นจับได้จะให้คุณปู่ตีก้นผมเลย!”

“ดี ไม่เล่นไพ่นกกระจอกแล้ว ฉันไปบอกพวกเพื่อน ๆดีกว่า พวกหลานจัดงานที่อังกฤษก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดที่บ้านเกิด ฉันจ่ายไปตั้งมาก ถึงคราวที่จะต้องเก็บทบยอดเอาคืนกลับมาแล้ว”

คุณปู่วางโทรศัพท์ด้วยความดีใจแล้วเตรียมวางแผนงานแต่งงานหลังจากนี้อีกหกเดือน ต้องเอาให้ใหญ่โตไปเลย อย่างน้อยต้องร้อยโต๊ะหรือมากกว่านั้น

จ้าวอิงหนานสีหน้าตกตะลึง ในที่สุดเธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นพ่อปู่ของเธอเป็นนักแสดงงิ้วชื่อดังระดับโลก ครั้งสุดท้ายที่ขึ้นเวทีก็อายุ 60 ปีแล้ว แต่แต่งเป็นสาวน้อยก็ดูตัวเล็กกะทัดรัด ดวงหน้าจิ้มลิ้มร่าเริง ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็นผู้ชาย

ทำไมเธอถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทได้นะ!

……………………………………..

[1] เป็นหนึ่งตำนานรักพื้นบ้านที่น่าเศร้า หรือเรียกอีกชื่อว่าตำนานรักผีเสื้อ

Related

ตอนที่ 2849 ตายก็ฝังด้วยกัน

ในที่สุดประตูก็เปิดออกเซียวเซ่อเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไปหา เหมยเหมยตามหลังมาติด ๆ แต่คิด ๆดูแล้วก็วิ่งกลับไปปลุกจ้าวอิงหนาน อย่างไรเสียคุณอากับลูกชายก็ควรได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้ายนี่นา!

เซียวเซ่อรีบพุ่งตรงไปหาสยงมู่มู่อย่างรวดเร็วแล้วยื่นมือไปอังใต้จมูกเพื่อทดสอบดู จากนั้นความกังวลก็มลายหายไปในที่สุด เธอยืนขึ้นและเตะสยงมู่มู่อย่างแรง โง่จริง ๆ ขนาดทักษะการแสดงที่แย่ขนาดนั้นยังมองไม่ออก สมองโดนสุนัขแทะไปหมดแล้วสินะ

คุณหนูใหญ่เฝิงถลึงตามองลูกสาวอย่างไม่พอใจ สยงมู่มู่ตายไปแล้วทำไมยังต้องรังแกเขาอีก อีกอย่างทำต่อหน้าแม่ของเขาอีกต่างหาก เซ่อเซ่อใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ

“เหยียนหมิงซุ่น คนสารเลว!”

เหมยเหมยถลึงตาจ้องเหยียนหมิงซุ่นด้วยความเกรี้ยวโกรธและแค้นใจ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าสยงมู่มู่จะตายแล้วแต่ศพที่อยู่บนพื้นนั้นเป็นของจริง สยงมู่มู่ถูกเหยียนหมิงซุ่นยิงตายแล้วจริง ๆ!

“ยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่!” เซียวเซ่อเตะอีกครั้งอย่างโมโห

“อย่ามาแกล้งตาย รีบลุกขึ้นมาเลย” เซียวเซ่อตวาด

พวกเหมยเหมยมองหน้ากันไม่เข้าใจว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะไม่ตายได้อย่างไรกัน ทั้ง ๆที่เมื่อกี้ได้ยินเสียงปืนชัดเต็มสองหู

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ไม่มีแม้แต่เลือดบนพื้นด้วยซ้ำ” คุณหนูใหญ่เฝิงก็ค้นพบแล้วเช่นกัน เธอเดินไปสัมผัสร่างของสยงมู่มู่ จากนั้นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

จ้าวอิงหนานหยุดร้องไห้เดินเข้าไปกอดสยงมู่มู่ ร่างกายยังร้อนอยู่ แถมหัวใจยังเต้นอยู่ด้วยจึงอดหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ได้

“ตกลงนี่มันอะไรกัน?” เหมยเหมยถามเหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นเหยียดยิ้มที่มุมปาก หัวเราะเสียงเบาพลางเอ่ย “กลับไปจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดแล้วกัน”

เหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างดุดัน “กลับไปจะคิดบัญชีกับพี่!”

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกเธอล่วงหน้าทำเอาเธอตื่นตระหนกแทบตาย เมื่อครู่กลัวแทบตายจริง ๆ ถ้าสยงมู่มู่ตายด้วยน้ำมือของเหยียนหมิงซุ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นคงต้องจบลงเช่นกัน

สยงมู่มู่ยังไม่ฟื้น เซียวเซ่อเตะเขาอีกทีหนึ่งด้วยความโมโห สยงมู่มู่ถึงขยับตัวร้องโอดครวญ “บ้าเอ๊ย…ผีตัวไหนมันเตะฉันเนี่ย?”

หรือว่านรกจะรังเกียจเขา? เห็นว่าเขามาใหม่เลยจะแสดงอำนาจใส่เขา?

“ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีกจะเตะนายให้ตายเลย!” เซียวเซ่อพูดอย่างเย็นชา

สยงมู่มู่กะพริบตาปริบ ๆนึกสงสัยว่าเสียงผีเหมือนเสียงยัยทอมของเขาเลย ครั้นลืมตาขึ้นมาก็เห็นขายาวคู่หนึ่ง พอแหงนมองขึ้นไปก็เห็นใบหน้าที่ทำให้เขาหลงใหล แต่ว่า——

“ยัยทอมเธอยอมตายเพื่อความรักได้อย่างไรกัน? เธอโง่มากจริง ๆ ดีแค่ไหนแล้วที่มีชีวิตอยู่ ทำไมเธอถึงต้องตายตามฉันด้วย!” สยงมู่มู่ตกใจยกใหญ่ ในเวลาเดียวกันก็ซาบซึ้งใจไม่น้อย เขาคาดไม่ถึงว่าเซียวเซ่อจะรักเขาอย่างลึกซึ้งขนาดนี้

นี่ยังตายไม่นานก็ตามลงมาอยู่ด้วยกันแล้ว ถึงแม้ชีวิตของเขาจะสั้นแต่หากมีความรักที่จริงใจเช่นนี้ ถึงตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต!

“เซียวเซ่อ…ถึงเราจะไม่ได้นอนร่วมหมอน แต่หลังความตายพวกเราก็ได้ฝังด้วยกัน!” สยงมู่มู่ปาดน้ำตาหยัดกายเตรียมลุกขึ้น

ทุกคนต่างถูกเจ้าบ้านี่ทำให้งงงวยกันไปหมด ผ่านไปพักใหญ่ถึงเข้าใจว่าเจ้าหมอนี่กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ น่าจะคิดว่าตัวเองตายไปแล้วจริง ๆ!

“ฝังด้วยกันบ้านนายสิ!”

เซียวเซ่อเองก็เพิ่งเข้าใจความหมายของสยงมู่มู่จึงทั้งโมโหทั้งขบขัน เธอตบหน้าของสยงมู่มู่ฉาดใหญ่เสียงดังเพี๊ยะ สยงมู่มู่ลูบหน้าอย่างงงงันพลันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด…

แต่ความเจ็บปวดทำให้เขาได้สติอย่างรวดเร็วและรู้ตัวว่าตนไม่ใช่ผี เขากวาดตามองรอบด้าน พอเห็นพวกเหมยเหมยจึงยิ่งแน่ใจว่าตนยังไม่ตาย

“ฉันยังไม่ตาย…ฮ่า ๆ ยังไม่ตาย!”

สยงมู่มู่ที่รอดชีวิตมาได้ก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน การมีชีวิตอยู่มันดีมากจริง ๆ!

………………………………………..

 ตอนที่ 2850 ยอมใส่ง่ายๆ

“คุณย่าคิดจะทำอะไรกันแน่?” เซียวเซ่อมองท่านเคานต์อาวุโสอย่างไม่เข้าใจเจตนาของเธอเลยจริง ๆ

สร้างเรื่องวุ่นวายจนอลหม่านกันไปหมดมานานขนาดนี้ หรือว่านี่เป็นเพียงการแสดงให้พวกเขาดูเท่านั้น?

เซียวจิ่งหมิงดวงตาระยิบระยับพร้อมใบหน้าครุ่นคิด เขาพอจะเดาเจตนาของแม่ตนได้เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความยินดี ในที่สุดแม่ก็หลุดพ้นปมในหัวใจสักที

ท่านเคานต์อาวุโสไม่ได้ตอบคำถามของเซียวเซ่อแต่มองสยงมู่มู่ด้วยสีหน้าจริงจัง เจ้าหมอนี่ยังดูเพี้ยน ๆตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขที่มีชีวิตรอดมาได้ มุมปากของท่านเคานต์อาวุโสยกขึ้นเล็กน้อยแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอยิ้ม

“นายอยากแต่งงานกับเซียวเซ่อเหรอ?” ท่านเคานต์อาวุโสเอ่ยถาม

“ครับ ผมก็เคยบอกนานแล้ว” สยงมู่มู่พยักหน้าด้วยท่าทีแน่วแน่

หลังจากผ่านอุปสรรคมามากมายเขาก็ยิ่งมั่นใจหัวใจตัวเองมากขึ้น เซียวเซ่อเป็นคนที่เขารักมากที่สุด เขาไม่พอใจกับสถานะเพื่อนเพื่ออยู่เคียงข้างหล่อนอีกต่อไป เขาอยากพัฒนาไปต่อ

“ฉันเห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเธอก็ได้”

คำพูดของท่านเคานต์อาวุโสทำเอาทุกคนแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาถึงรู้สึกตัวแล้วพากันดีใจและประหลาดใจไปพร้อมกัน แต่ก็นับว่ายอมจำนนแล้ว!

“แต่ว่า ฉันมีเงื่อนไข”

จะดีใจเร็วเกินไปไม่ได้จริง ๆ เงื่อนไขที่ท่านเคานต์อาวุโสเสนอสยงมู่มู่กลับไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก “เชิญว่ามาเลยครับ”

แม้แต่ความตายเขายังไม่กลัว แล้วมีอะไรให้กลัวกัน!

“พิธีแต่งงานต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่และจัดที่ประเทศอังกฤษ อีกอย่างต้องเชิญสื่อทั่วโลกมาด้วย…” ท่านเคานต์อาวุโสเอ่ยอย่างช้า ๆ สยงมู่มู่ตกลงโดยไม่ต้องคิด “ไม่มีปัญหา!”

ถ้าทำได้เขาอยากเชิญมนุษย์ต่างดาวมาร่วมงานแต่งงานของเซียวเซ่อกับเขาด้วยซ้ำ

ท่านเคานต์อาวุโสยิ้มเจ้าเล่ห์ “อย่ารับปากเร็วนักสิ ฉันยังพูดไม่เสร็จ วันแต่งงานเซียวเซ่อห้ามใส่ชุดแต่งงาน ต้องใส่ชุดอัศวิน และนาย…”

เธอชะงักครู่หนึ่ง ดวงตาสีฟ้าขุ่นมีร่องรอยการคิดวางแผนพาดผ่าน สยงมู่มู่อดใจเต้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้จะยื่นข้อเสนอบ้า ๆอะไรอีก

“ส่วนนายก็ห้ามใส่สูทแต่ต้องใส่ชุดเจ้าสาว ฉันจะส่งคนไปวัดตัวตัดชุดให้นาย เป็นไงล่ะ?” ในที่สุดท่านเคานต์อาวุโสก็บอกจุดประสงค์ของเธอออกมาซึ่งเป็นข้อเสนอที่ไร้สาระมาก

อีกทั้งยังน่าอับอายอีกด้วย

ผู้ชายทั่วไปคงไม่เห็นด้วยแน่นอนเพราะถือว่าทำร้ายศักดิ์ศรีความเป็นชายมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นสยงมู่มู่เป็นถึงคนดัง หากข่าวเผยแพร่ออกไปคงหัวเราะกันฟันหักเลย!

จ้าวอิงหนานเป็นคนแรกที่คัดค้าน “ไม่ได้ คำขอของคุณสร้างความเสียหายให้มากเกินไป สยงมู่มู่อย่าไปรับปากนะ ยายแก่คนนี้ไม่คิดจะเห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว นี่จงใจแกล้งลูกชัด ๆ!”

ครั้งยังเด็กสยงมู่มู่เคยสวมกระโปรงและถักเปียอยู่บ่อย ๆ แต่ตอนนี้โตแล้วจะใส่เสื้อผ้าผู้หญิงได้อย่างไรกัน ตอนนี้คนนอกเอาไปโพนทะนาว่าลูกชายของเธอเป็นพวกรักเพศเดียวกันหมดแล้ว หากใส่ชุดเจ้าสาวเธอคงอับอายน่าดู พ่อปู่แม่ย่าของเธอคงกระอักเป็นเลือดแน่

“คุณย่าจงใจใช่ไหม?” เซียวเซ่อเองก็โกรธมากไม่แพ้กัน เธอไม่มีปัญหาเรื่องใส่ชุดอัศวิน เดิมทีเธอก็ไม่ชอบใส่ชุดเจ้าสาวอยู่แล้ว แต่สยงมู่มู่จะใส่ชุดเจ้าสาวสลับเพศไม่ได้ เธอยังรักหน้าตาอยู่นะ!

“ใช่ ฉันจงใจ ฉันเสนอเงื่อนไขแล้วแต่จะไม่รับปากก็ไม่เป็นไร เธอก็กลับประเทศอังกฤษไปพร้อมกับฉัน” ท่านเคานต์อาวุโสไม่ปฏิเสธ เธออยากให้สยงมู่มู่ถอยออกไปเอง

แน่นอนว่ามันเป็นบททดสอบของผู้ชายคนนี้มากกว่าว่าจะรักหลานสาวของเธอลึกซึ้งมากเพียงใด

“ผมรับปาก!” สยงมู่มู่รับปากอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

ก็แค่ใส่ชุดเจ้าสาวเอง เขารับปากแล้วจะทำไม?

คราวนี้เป็นฝ่ายท่านเคานต์อาวุโสที่ชะงักไป “นายได้ยินคำที่ฉันพูดไม่ชัดเหรอ? ในอนาคตสื่อทั่วโลกจะรายงานเรื่องที่นายสวมชุดเจ้าสาวนะ นายรับได้เหรอ?”

“แน่นอนว่ารับได้ จะว่าไปผมต้องขอบคุณคุณมากกว่าที่สร้างโอกาสให้ผมมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม ทำไมเมื่อก่อนผมนึกไม่ถึงนะ ขอบคุณมากจริง ๆ!” สยงมู่มู่หันไปตอบพร้อมยิ้มตาหยีใส่

ท่านเคานต์อาวุโสจุกอยู่ในอก เจ้าหมอนี่ไม่หลงกลเลยสักนิด!

………………………

Related

ตอนที่ 2847 ยิงเป้าประหาร

ท่านเคานต์อาวุโสดวงตาเป็นประกายแล้วหันไปพูดกับเหยียนหมิงซุ่นว่า “พาเขาออกไปพิจารณาคดีเถอะ ฉันหวังว่ายิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

“วางใจได้ครับ ท่านผู้นำสูงสุดได้ถ่ายทอดคำสั่งลงมาด้วยตัวเองว่าจะต้องทำให้คุณพึงพอใจ ทั้งยังให้คุณได้เห็นจุดจบของเจ้าหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่นคนนี้เองกับตา” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยรอยยิ้ม

เหมยเหมยใจดิ่งวูบ ทั้ง ๆที่เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าสยงมู่มู่จะไม่เป็นไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงจะถูกยิงเป้าประหารแล้วล่ะ?

เธอถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นด้วยความโกรธ หวังว่าหมอนี่จะหาคำอธิบายได้นะ เหยียนหมิงซุ่นมองด้วยสายตาปลอบโยนเธอแวบหนึ่งแล้วพาสยงมู่มู่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น

“เหมยเหมย…แล้วจะทำอย่างไรกันดี? แม้กระทั่งผู้นำก็เห็นพ้องไปด้วย มู่มู่ต้องตายแน่ ๆเลย…”

หลังออกมาจากตรงหน้าท่านเคานต์อาวุโส จ้าวอิงหนานก็มิอาจข่มความเศร้าได้อีกต่อไปจึงปิดหน้าปล่อยโฮ หากรู้ว่าผลจะเป็นเช่นนี้เธอจะไม่เร่งรัดให้ลูกชายแต่งงานอย่างแน่นอน ต่อให้ต้องโสดไปตลอดชีวิตก็ยังดีเสียกว่า!

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ” เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นรับปากไว้ต้องทำได้แน่นอน ตกลงแล้วปัญหาอยู่ตรงไหนกันนะ?

วันต่อมา

“คุณนาย นายท่านขอให้พวกคุณไปกับพวกเรา” มีชายคนหนึ่งมาที่บ้าน เหมยเหมยรู้จักเขาเพราะเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหยียนหมิงซุ่นเลยตามไปอย่างวางใจ

สถานที่ที่ไปก็น่าประหลาดไม่แพ้กันเพราะกลับไปที่บ้านท่านเคานต์อาวุโสอีกครั้ง ทว่าไม่ใช่ห้องรับแขกแต่ไปห้องปลูกดอกไม้ที่มีกระจกรอบด้าน ข้างนอกเป็นสวนดอกไม้กว้างขวาง พวกเซียวเซ่อก็อยู่ในนั้นกันหมด

เหยียนหมิงซุ่นและท่านเคานต์อาวุโสกลับอยู่ด้านนอก สยงมู่มู่ก็อยู่ด้วยเพียงแต่ตาถูกคาดด้วยผ้าสีดำ

สยงมู่มู่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าต้องกับเผชิญอะไรบ้าง

“ท่านเคานต์ ตระหนักถึงว่าท่านจะต้องกลับประเทศในเร็ววันนี้แล้ว ท่านผู้นำสูงสุดชี้แนะว่าให้จัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็วที่สุด ขั้นตอนใดละเว้นได้ก็ละเว้นเสียเพื่อให้ท่านได้เห็นจุดจบไปเลย” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่ถ่อมตนนัก

“ขอบคุณท่านผู้นำสูงสุดที่เข้าใจ ฉันรีบมากจริง ๆ คุณเหยียนพาฉันมายังที่รกร้างเช่นนี้น่าจะเพื่อยิงเป้าประหารผู้ชายที่ใจกล้าบ้าบิ่นคนนี้สินะ?” ท่านเคานต์อาวุโสกล่าว

“ใช่ครับ!”

สยงมู่มู่ที่ถูกปิดตามาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆก็ใจหล่นไปถึงตาตุ่มในชั่วขณะ หญิงชราคนนี้เหี้ยมโหดเหลือเกิน แม้กระทั่งการพิจารณาคดีก็ยังลดขั้นตอนไปอีก!

แถมยังมีคนใจดำอย่างเหยียนหมิงซุ่นด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องของภรรยาเขานะ ไม่ช่วยไม่เท่าไรแต่คาดไม่ถึงว่าจะเหยียบซ้ำอีกต่างหาก!

“พ่อหนุ่ม ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย ขอแค่นายไปจากเซี่ยวเซ่อฉันก็จะปล่อยนายไป!” ท่านเคานต์อาวุโสกล่าว

ถึงแม้สยงมู่มู่จะกลัวแทบตายแต่เขาก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด สิ่งที่เซียวเซ่อดูถูกที่สุดคือคนขี้ขลาด ต่อให้เขาต้องตายก็จะไม่ยอมเป็นคนที่เซียวเซ่อดูถูกเหยียดหยาม!

“ฝันไปเถอะ ต่อให้ผมตายกลายเป็นผีก็จะติดตามเซียวเซ่อไปทุกวัน!” สยงมู่มู่ตะโกนเสียงดัง ความเสียใจทะลักพรั่งพรูออกมา เขายังมีเพลงอีกมากมายที่ยังไม่ได้เขียน ยังไม่ได้แต่งงานกับยัยทอม ยังไม่ได้เป็นพ่อคน อีกทั้งยังไม่ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เลย…

ยังมีมีเรื่องอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ เขายังไม่อยากตายจริง ๆ!

แต่เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด!

สยงมู่มู่ที่ทั้งกลัวทั้งโมโหเลยสมองทื่อไปชั่วขณะ เขาไม่ค้นพบสิ่งผิดปกติใดในเรื่องนี้เลยพานคิดว่าเขากำลังจะตายจริง ๆเลยนึกเศร้าใจขึ้นมา

“เหยียนหมิงซุ่น รหัสผ่านธนาคารของฉันคือ740102 ส่วนพวกเงินลงทุนอื่น ๆผู้จัดการฉันรู้ทุกอย่าง เงินพวกนี้เอาไว้ให้พ่อแม่ของฉัน…” สยงมู่มู่เริ่มสั่งเสีย

อยู่ดี ๆท่านเคานต์อาวุโสก็ถามเป็นภาษาฮวาเซี่ยที่ฟังห้วน ๆขึ้นว่า “รหัสผ่านนี้ตั้งมาจากอะไร?”

สยงมู่มู่แค่นเสียงใส่ “เป็นปีเกิดของผมและเซียวเซ่อ บวกกับเดือนเกิดของพวกเรา”

ท่านเคานต์อาวุโสดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ได้เวลาแล้ว ฉันควรยิงที่หัวใจหรือศีรษะ?”

“ตำแหน่งหว่างคิ้วตรงศีรษะ นัดเดียวก็ถึงตายได้แล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นตอบพร้อมมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย หยิบปืนออกมาแล้วปลดสลัก

…………………………………………..

 ตอนที่ 2848 เสียงปืนดัง

เสียงปืนดังก้องกังวานท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงัน สยงมู่มู่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวพลันความโศกเศร้าก็พรั่งพรูทะลักล้นหัวใจ

เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบหกปีและบริสุทธิ์อยู่ด้วย จูบแรกก็ยังอยู่…แถมยังไม่ได้แต่งงานมีลูก หาเงินมาตั้งมากมายก็ยังใช้ไม่หมด…

เขาไม่ยินดีที่จะตายเลยจริง ๆ!

“ชีวิตมีค่า แต่ความรักมีค่ามากกว่า ผมไม่กลัวตายหรอก!”

อยู่ดี ๆสยงมู่มู่ก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า ดูอ้างว้างเจ็บปวดจนพลอยทำให้คนที่เห็นอดสงสารไม่ได้ มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นยกสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขายกมือขึ้นเอาปากกระบอกปืนเล็งไปที่ศีรษะของสยงมู่มู่

“ไม่นะ…มู่มู่…อย่าฆ่าลูกชายฉัน!”

จ้าวอิงหนานรีบพุ่งตัวไปตรงประตูคิดจะออกไปช่วยลูกชาย แต่ประตูถูกล็อคอย่างแน่นหนาจึงเปิดไม่ได้เลย จ้าวอิงหนานกระแทกประตูกระจกอย่างบ้าคลั่งแต่กลับไม่ขยับแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระจกกันกระสุนเสียอีก

“หนูจัดการเองค่ะ!” เหมยเหมยก็ร้อนใจมากเช่นกัน มองซ้ายทีขวาทีก็เจอกระถางดอกโบตั๋นหนึ่งกระถาง เธอไม่ทันได้สนใจว่าจะเป็นพันธุ์หายากหรือไม่ก็ใช้แรงอุ้มขึ้นมาโยนใส่กระจกอย่างแรง

“เพล้ง…”

กระถางดอกไม้แตก ดินและดอกไม้กระจัดกระจายเต็มพื้นแต่กระจกกลับไม่เป็นไรเลยสักนิด ทางฝั่งเซียวเซ่อเองก็ใช้กระถางดอกไม้ทุบใส่กระจกไปไม่น้อยเช่นกัน บนพื้นเต็มไปด้วยเศษแตกละเอียดกระจัดกระจายเต็มไปหมดแต่ก็ไร้ผล

“นายรีบเปิดประตูให้พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้ได้ยินไหม?” เหมยเหมยหันไปตะโกนใส่คนที่พาพวกเขามาด้วยอย่างโมโห

ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “คุณนาย นายท่านสั่งแค่ให้ผมพาพวกคุณมาที่นี่ ไม่ได้สั่งให้ผมปล่อยพวกคุณออกไป”

 “นาย…” เหมยเหมยจุกอยู่ในอกและยิ่งเป็นห่วงชีวิตของสยงมู่มู่ ด้านนอกปืนของเหยียนหมิงซุ่นถูกยกขึ้นเล็งแล้วพร้อมนิ้วมือที่เหนี่ยวไกปืน

“มู่มู่…”

จ้าวอิงหนานตะโกนเสียงดัง ภาพเบื้องหน้ามืดลงแล้วเป็นลมสลบไป

เหมยเหมยทั้งโมโหทั้งร้อนใจ เหยียนหมิงซุ่นกำลังทำบ้าอะไรอยู่ สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง? ทำไมถึงช่วยคนเลวกระทำความผิด? คนสารเลว…เดี๋ยวกลับไปจะหย่าเลย จากนี้คงใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว!

เซียวเซ่อกลับใจเย็นมาก เธอค้นพบสิ่งผิดปกติอย่างรวดเร็ว ต่อให้จะจัดการกับสยงมู่มู่จริงก็คงไม่มีทางมายิงที่บ้านของเธอ เหยียนหมิงซุ่นเอาความใจกล้านี้มาจากไหน?

ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเหยียนหมิงซุ่นและคุณย่าของเธอร่วมมือจัดฉากแสดงละครให้ดู แต่จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร?

หัวใจของสยงมู่มู่พุ่งมาถึงลำคอ รออยู่นานก็ยังไม่เห็นยิงสักที ความตึงเครียดและความตื่นเต้นของการเฝ้ารอคอยความตายไม่น่าภิรมย์เลยสักนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากตะโกนเสียงดังว่า “ชักช้าอะไรอยู่เล่า? ทำไมยังไม่ยิงอีก ฉันจะไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่นิด ผ่านไปอีกยี่สิบปีก็จะเป็นผู้ชายที่กล้าหาญคนหนึ่งดั่งเดิม!”

แทนที่จะต้องทรมานสู้ตายเร็วหน่อยดีกว่า เพียงแต่จนกระทั่งตายเขาก็ยังไม่ได้เจอหน้ายัยทอม ไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาตายแล้วยัยทอมจะอยู่เป็นหม้ายเพื่อเขาหรือเปล่า?

ไม่สิ ต้องรักษาความบริสุทธิ์ เขาและยัยทอมยังไม่ได้แต่งงานกันเลย ฉะนั้นจะพูดว่าเป็นหม้ายไม่ได้ แม้เขาหวังว่าเซียวเซ่อจะครองความบริสุทธิ์ของตัวเองไปตลอดชีวิตแต่เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เซียวเซ่อก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ตามหาความสุขของเธอเช่นกัน!

“เหยียนหมิงซุ่น ฝากนายบอกยัยทอมว่าเห็นแก่หน้าฉันช่วยเก็บความบริสุทธิ์สักสองสามปีนะ!” สยงมู่มู่พูดโพล่งขึ้นมา

ท่านเคานต์อาวุโสไม่ค่อยเข้าใจภาษาฮวาเซี่ยเลยขอให้เหยียนหมิงซุ่นแปลให้ พอได้ยินประโยคนี้ท่านเคานต์อาวุโสก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ในไม่ช้าก็กลับมามีท่าทีเคร่งขรึมเช่นเดิม

เธอหันไปพยักหน้าให้เหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นเหนี่ยวไกปืนแล้วเสียงปืนอันก้องกังวานก็ดั่งสนั่น

สยงมู่มู่ล้มลงบนพื้น นอนแน่นิ่งไม่ขยับ

เหมยเหมยใจหายวาบ น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว ในไม่ช้าน้ำตาก็เปรอะเปื้อนทั่วทั้งใบหน้า

ถึงแม้จะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง สยงมู่มู่ก็หนีไม่พ้นชะตากรรมตายก่อนวัยอันควร ชาตินี้สยงมู่มู่ตายเร็วกว่า สู้ชาติที่แล้วยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

หย่า ต้องหย่า!

…………………………

Related

ตอนที่ 2845 ไม่มีทางยอมเด็ดขาด

เหมยเหมยรีบมาทันทีพร้อมจ้าวอิงหนาน ทั้งยังบอกเซียวจิ่งหมิงและภรรยาของเขาด้วย เรื่องนี้จะว่าร้ายแรงไหมก็ไม่เชิง หากท่านเคานต์อาวุโสแจ้งข้อหาว่าสยงมู่มู่จะลอบสังหารแขกสำคัญระดับชาติ โอโฮ้…ทีนี้ล่ะเรื่องใหญ่แน่นอน

“เจ้าลูกบ้านั่นน้ำเข้าสมองหรือไง เหมยเหมย พี่เธอจะเป็นอะไรไหม” จ้าวอิงหนานกังวลเป็นอย่างมาก แค่ดูก็รู้ว่าท่านเคานต์อาวุโสดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด หากอาศัยเรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว ชีวิตของลูกชายเธอจะรักษาไว้ได้อยู่ไหมนะ?

“คุณอาอย่าเพิ่งใจร้อนไป พี่หมิงซุ่นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เหมยเหมยพูดปลอบใจ แต่อันที่จริงในใจกลับไม่แน่ใจนักเพราะเดาความคิดของท่านเคานต์อาวุโสไม่ออกเลย

พระเจ้าช่วยคุ้มครองด้วย ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย!

สยงมู่มู่โดนมัดแขนมัดขารวบไว้กับตัวและนอนกองอยู่บนพื้นในห้องรับแขก ท่านเคานต์อาวุโสมองเขาอย่างเย็นชา เหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ด้านล่างพร้อมถลึงตาจ้องใครบางคนอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของเขา

จนถึงตอนนี้เจ้าโง่นี่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองสร้างปัญหาใหญ่โตขนาดไหน

“ท่านเคานต์ คุณก็รู้ถึงเจตนาของเขาดี ถึงแม้พฤติกรรมของเขาจะทำให้คุณตื่นตระหนกแต่มันก็เพราะความรักที่มีต่อหลานสาวคุณ ได้โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นขอร้องแทนสยงมู่มู่

ท่านเคานต์อาวุโสแค่นเสียงเย็นชา “ฉันคิดว่าเขาขุ่นเคืองใจเลยลักลอบเข้ามาทำร้ายฉันเสียอีก พฤติกรรมแบบนี้ในประเทศของคุณต้องลงโทษอย่างไรล่ะ?”

 “นายท่าน…” แม่บ้านอดไม่ได้ที่จะเตือนสติ

ท่านเคานต์อาวุโสกลับโบกมือใส่แม่บ้านเลยไม่กล้าพูดต่ออีก เธอมองสยงมู่มู่อย่างเห็นใจ ครั้งนี้ท่านเคานต์อาวุโสโมโหแล้วจริง ๆ ท่านต้องลงโทษพ่อหนุ่มฮวาเซี่ยคนนี้หนักแน่ ๆ

เฮ้อ…เด็กน้อยที่น่าสงสาร!

สยงมู่มู่เห็นท่าทีจริงจังของเหยียนหมิงซุ่นถึงรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเลยตะโกนขึ้นว่า “ทำไมผมต้องทำร้ายคุณด้วย? คุณเป็นคุณย่าของเซียวเซ่อ ถึงแม้ผมจะไม่ชอบคุณมาก ๆแต่ถ้าคุณตกอยู่ในอันตราย ผมก็ต้องช่วยคุณอยู่ดี ผมมาที่นี่เพราะอยากคุยกับคุณเท่านั้นเอง”

ท่านเคานต์อาวุโสพูดเยาะเย้ยว่า “พูดได้น่าฟังกว่าร้องเพลงเสียอีก ใครจะไปรู้ว่านายอยากจะฆ่าฉันหรือเปล่า”

“คุณคงเป็นโรคหลงผิดว่าคนอื่นจะมาปองร้ายคุณสินะ!” สยงมู่มู่รู้สึกประหลาดใจจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาพร้อมตวาดใส่ว่า “หุบปาก!”

เขาหันไปเอ่ยกับท่านเคานต์อาวุโสว่า “ท่านเคานต์ แต่ครั้งนี้คุณมาเป็นการส่วนตัว”

“ใช่ ฉันมาเป็นการส่วนตัวจริงแต่ฉันคือท่านเคานต์อดัมแห่งอังกฤษ จุดนี้คุณคงไม่มีข้อโต้แย้งใช่ไหมล่ะ คุณว่าชายชาวฮวาเซี่ยคนนี้บุกเข้ามาในบ้านของฉันทั้งยังมีเจตนาประสงค์ร้ายกับฉันอีก แล้วควรลงโทษอย่างไรล่ะ?”

ท่านเคานต์อาวุโสพูดเนิบนาบด้วยสีหน้าท่าทางหยิ่งยโส เธอเหลือบมองสยงมู่มู่อย่างดูถูกแล้วเอ่ยต่อ “คุณเหยียนเรื่องนี้คุณจะต้องให้คำตอบที่เป็นน่าพอใจให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกราชินีให้ส่งคนไปเจรจากับรัฐบาลของคุณ”

สยงมู่มู่ใจดิ่งวูบ โธ่เว้ย…ยายแก่สมควรตายนี่ต้องการจะฆ่าเขา!

“คุณกำลังเอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตนอยู่นะ ผมจะบอกคุณให้ถ้าคุณฆ่าผม หลานสาวของคุณจะต้องเป็นหม้าย คุณทนเห็นเซียวเซ่อเป็นโสดไปตลอดชีวิตได้เหรอ?” สยงมู่มู่ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห

“ไม่ต้องรบกวนนายให้ลำบากหรอก ฉันจะหาชายผู้สูงศักดิ์ที่แข็งแกร่งกว่านายหลายร้อยเท่าให้เซียวเซ่อเอง เธอจะต้องมีความสุขมากแน่!” ท่านเคานต์อาวุโสกล่าวเสียงเรียบ

“มีความสุขบ้าบออะไรล่ะ ในใจของเซียวเซ่อมีแค่ผมคนเดียว คุณหาผู้ชายมามากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก คุณไม่เข้าใจหลานสาวของคุณดีด้วยซ้ำไป น่าตลกสิ้นดี!”

ท่านเคานต์อาวุโสมองสยงมู่มู่ที่คำรามใส่เธอด้วยดวงตาเป็นประกาย ทว่าเธอไม่ได้โกรธเลยแม้แต่นิดเดียว

“ขอแค่นายรับปากว่าจะไม่มายุ่งกับเซียวเซ่ออีกและสัญญาว่าจะไม่มาเจอเธออีกตลอดชีวิต ฉันก็จะไม่เอาผิดเรื่องที่นายบุกเข้ามาในบ้านฉัน” อยู่ดี ๆท่านเคานต์อาวุโสก็เอ่ยขึ้น

สยงมู่มู่ยืดอกเชิดหน้าขึ้น “ไม่มีทาง ผมไม่มีวันรับปากหรอก!”

“ไม่ตกลงก็รอเข้าคุกไปได้เลย และฉันจะขอให้ทางรัฐบาลลงโทษนายอย่างหนักด้วย นายใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกเสียเถอะ!” ท่านเคานต์อาวุโสพูดอย่างเกรี้ยวกราด

สยงมู่มู่ใจเต้นระส่ำแต่เขาก็ยังคงส่ายศีรษะอย่างไม่ลังเล “เข้าคุกก็เข้าคุกสิ ผมไม่มีทางยอมอยู่แล้ว!”

…………………………………………..

 ตอนที่ 2846 โทษประหารชีวิต

เหมยเหมยที่เพิ่งมาถึงก็ได้ยินประโยคนี้จากปากสยงมู่มู่ ตกใจจนหัวใจเกือบวาย ทำไมถึงต้องเข้าคุกล่ะ?

จ้าวอิงหนานหน้าซีดยิ่งกว่า เธอตบหลังของสยงมู่มู่พลางสบถด่าว่า “เข้าคุกอะไรกัน แกจะทำให้ฉันโมโหตายไปเลยใช่ไหม หุบปากไปเลยนะ!”

เซียวเซ่อก็มาถึงแล้วเช่นกัน เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเอ่ยกับท่านเคานต์อาวุโสว่า “หนูไม่มีทางเห็นด้วยแน่ คุณย่าทำแบบนี้ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ศีลธรรมไปหน่อยเหรอ?”

“ฮึ…เพื่อช่วยดึงสติหลานสาวที่กำลังหลงผิด ฉันจะยอมไร้ศีลธรรมสักครั้ง” ท่านเคานต์อาวุโสยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

สยงมู่มู่ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “คุณย่าครับ ผมจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด!”

 “หุบปาก” เซียวเซ่อหันไปถลึงตาใส่ สยงมู่มู่เลยปิดปากเงียบอย่างว่าง่ายโดยไร้เสียงโต้แย้งใด ๆ

สายตาของท่านเคานต์อาวุโสเป็นประกายดูมีเลศนัย ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“พาเขาออกไปเถอะ คุณเหยียน ฉันหวังว่าจะได้ผลสรุปในเร็ว ๆนี้ ฉันให้เวลาคุณสามวัน หากหลังจากสามวันนี้ยังไม่มีผลสรุปฉันจะต่อสายถึงท่านราชินี” ท่านเคานต์อาวุโสยื่นคำขาดโดยไม่เหลือไมตรีจิตให้เลยแม้แต่น้อย

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย “ได้ครับ ในเมื่อท่านยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ ผมจะทำให้ท่านต้องพอใจแน่นอน”

“พี่…” เหมยเหมยตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ เหยียนหมิงซุ่นโบกมือปัดป่ายสื่อว่าให้เธอหยุดพูด จากนั้นก็ให้ลูกน้องของเขานำสยงมู่มู่ที่ถูกมัดตัวอยู่ออกไป

“คุณย่า คุณย่าทำให้หนูผิดหวังมาก!” เซียวเซ่อมองท่านเคานต์อาวุโสอย่างเย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เธอต้องหาทางช่วยสยงมู่มู่ให้ได้

ท่านเคานต์อาวุโสกลับหลับตาแน่นไม่พูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียวเพื่อสื่อว่าต้องการส่งแขก

พวกเหมยเหมยจึงจำต้องจากไปอย่างขุ่นเคืองใจ จ้าวอิงหนานทั้งกังวลทั้งหวาดกลัว “มู่มู่เขาจะถูกพาตัวไปที่ไหน…เขาจะติดคุกจริง ๆเหรอ? ท่านเคานต์อาวุโสจิตใจเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว!”

“คุณอาอย่าเพิ่งร้อนใจไปค่ะ หนูจะให้พี่หมิงซุ่นคิดหาวิธี ที่นี่คือถิ่นของพวกเรา มีสิทธิ์อะไรที่จะให้ชาวต่างชาติคนหนึ่งมาทำเรื่องกำเริบเสิบสานได้!” เหมยเหมยขุ่นเคืองต่อความไม่ยุติธรรม เธอต้องให้เหยียนหมิงซุ่นปล่อยสยงมู่มู่ออกมาให้ได้

เจ้าหมอนี่ออกมาก็ไม่รู้จักรอเธอ โมโหจะตายอยู่แล้ว!

เซียวเซ่อเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันจะหาวิธีทำให้คุณย่าปล่อยเขาไป สยงมู่มู่จะไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน”

จ้าวอิงหนานถอนหายใจด้วยใบหน้าอมทุกข์ เดิมทีควรจะเป็นเรื่องมงคลแสนสุข ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้…

ตกเย็นเหยียนหมิงซุ่นถึงจะกลับถึงบ้าน เหมยเหมยขอให้เขาช่วยสยงมู่มู่ “พี่จะช่วยหญิงชราคนนั้นทำเรื่องไร้ศีลธรรมไม่ได้นะ ต้องปล่อยตัวสยงมู่มู่ไปสิ!”

“อย่าร้อนใจนักสิ สยงมู่มู่ไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างมีเลศนัยและไม่พูดอะไรทั้งนั้น

เหมยเหมยสบายใจขึ้นบ้าง ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นบอกว่าไม่เป็นอะไร งั้นจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน

สามวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นก็พาสยงมู่มู่ไปหาท่านเคานต์อาวุโสอีกครั้งพร้อมตำรวจอีกสองนาย รวมถึงผู้พิพากษาหน้าขรึมอีกหนึ่งคน เห็นเช่นนั้นสยงมู่มู่ก็นึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจและขาสั่นพั่บ ๆ

“ท่านเคานต์ นี่คือท่านผู้พิพากษาสวี ผมขอให้เขานำบทลงโทษที่สยงมู่มู่ควรได้รับมาบอกแก่ท่าน!” เหยียนหมิงซุ่นหันไปพยักหน้าให้ผู้พิพากษา ผู้พิพากษาเข้าใจในทันทีแล้วตะโกนพูดด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วว่า

 “ท่านเคานต์ บุรุษผู้นี้ได้ก่อความผิดร้ายแรงนักจำต้องโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต…หวังว่าท่านจะพึงพอใจ”

พอจ้าวอิงหนานได้ยินว่าเป็นโทษประหารหรือติดคุกตลอดชีวิต ภาพเบื้องหน้าก็มืดลงและเป็นลมสลบไป เธอและเหมยเหมยถูกเหยียนหมิงซุ่นเรียกมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของเซียวเซ่ออีกสามคน

สยงมู่มู่ขาสั่นอย่างแรงจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่และต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ล้มลงไป เขาคาดไม่ถึงว่ายายแก่คนนี้จะเอาจริง

“คุณย่า หนูรับปากว่าจะไม่เจอหน้าสยงมู่มู่อีก คุณย่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้!” เซียวเซ่อพูดเสียงขรึม

สยงมู่มู่หนังศีรษะตึงเปรี๊ยะตะโกนเสียงดังว่า “ห้ามรับปาก นี่เป็นสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน ต่อให้ตายก็ห้ามรับปาก!”

“นายไม่กลัวตายหรือไง?” ท่านเคานต์อาวุโสเอ่ยถาม

สยงมู่มู่ส่งเสียงเย้ยหยันออกมา อยากทำทีว่าไม่กลัวตายแต่เขากลัวตายจริง ๆ เขาเชิดคางขึ้นพูดด้วยท่าทีทะนงตนว่า “ไม่กลัว ต่อให้ผมต้องตายก็ยังเป็นคนที่เซียวเซ่อรักที่สุดในใจอยู่ดี!

…………………………

Related

ตอนที่ 2843 เรื่องดี ๆมักจะมีอุปสรรคก่อนถึงจะสำเร็จ

ท่านเคานต์อาวุโสตัวโอนเอนไปมา สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย แม่บ้านรีบเข้าไปประคองเธอด้วยความเป็นห่วง “นายท่าน พวกเรากลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ!”

เหตุด้วยเดินทางมาตลอดทั้งคืนไม่ได้พักบวกกับได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ ทำให้ท่านเคานต์อาวุโสประคับประคองร่างไม่ไหวอีกต่อไป เธอพิงแม่บ้านด้วยความอ่อนแรงพร้อมพยักหน้า

เซียวเซ่อและเซียวจิ่งหมิงเป็นกังวลอย่างมาก ถึงแม้พวกเขาจะไม่พอใจกับความเผด็จการของท่านเคานต์อาวุโสแต่ก็ไม่ได้หวังให้เธอสุขภาพมีปัญหา เซียวจิ่งหมิงส่งสายตาให้ลูกสาวบอกว่าหยุดทำให้ท่านเคานต์อาวุโสสะเทือนใจได้แล้ว

“ไปโรงพยาบาลเถอะ ฉันจะโทรไปจัดการให้” เหมยเหมยเสนอ

“ไม่ต้องหรอก ฉันก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอก” ท่านเคานต์อาวุโสพูดเสียงเบา การมาเยือนฮวาเซี่ยของเธอเป็นเรื่องส่วนตัวลับ ๆ แม้แต่ทางฝั่งราชินียังบอกผ่านแค่ทางโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำให้รัฐบาลฮวาเซี่ยตกใจ

“งั้นฉันจะจัดรถให้คุณเอง คุณไม่ต้องกังวลไป ไม่มีทางให้ฝั่งรัฐบาลรู้แน่นอน นี่เป็นเพียงการกระทำแบบลับ ๆเท่านั้น” เหมยเหมยยิ้มพลางพูด

ท่านเคานต์อาวุโสคิด ๆแล้วก็ตกลง ครั้งนี้เธอรีบร้อนมามากเกินไปจึงมีหลายอย่างที่จัดการยังไม่เรียบร้อย ฉะนั้นมีคนช่วยจัดการให้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขาส่งรถและบอดี้การ์ดมา รวมถึงส่งหมอส่วนตัวมาด้วย ถ้าเกิดหญิงชราคนนี้เป็นอะไรไปในฮวาเซี่ยอาจจะเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตกตะลึงไม่น้อย เขารู้ว่าเหมยเหมยและสยงมู่มู่มีถ่ายรายการวันนี้ เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถึงแม้ว่าท่านเคานต์อาวุโสจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางราชการแต่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ ฉะนั้นเขาต้องบอกนายใหญ่เสียหน่อย

“คุณกรุณารอสักครู่ รถจะมาถึงภายในอีกยี่สิบนาทีนี้ อู่เชา นายไปหาห้องรับรองให้ท่านเคานต์พักผ่อนก่อน” เหมยเหมยสะกิดบอกอู่เชา

ผู้กำกับที่ยืนตกตะลึงอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นทันทีว่า “เดี๋ยวผมจัดการให้ จัดห้องรับรองพิเศษสำหรับคุณผู้หญิงท่านนี้เร็ว”

อู่เชากลับมองความคิดของเขาออกเลยเอ่ยห้ามว่า “ไม่ต้องให้พวกผู้อำนวยการสถานีมา ตอนนี้ท่านไม่สบายอยู่จะเอาเวลาที่ไหนพูดคุยปฏิสัมพันธ์ด้วย ฉันพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองก็พอแล้ว”

ผู้กำกับถอนหายใจอย่างนึกเสียดายแต่ก็ไม่กล้าทำตามใจตัวเองโดยพลการแล้วตามไปห้องรับรองด้วย สีหน้าของท่านเคานต์อาวุโสซีดลงเรื่อย ๆ เธอเอนตัวพิงโซฟาอย่างอ่อนแรงแล้วปิดตาลง

แม่บ้านหยิบยาออกมาป้อนเธอหนึ่งเม็ด สีหน้าของท่านเคานต์อาวุโสดูดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังดูอ่อนแรงอยู่

เหยียนหมิงซุ่นพาคนมาเป็นการส่วนตัวแล้วรับตัวพวกท่านเคานต์อาวุโสไป แน่นอนว่าเซียวเซ่อก็ต้องไปด้วย สยงมู่มู่เฝ้าดูรถเคลื่อนหายไปด้วยความกระวนกระวายใจพลางกะพริบตาปริบ ๆ ฉับพลันก็นึกอยากร้องไห้ขึ้นมา

เห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะส่องแสงอยู่เบื้องหน้าแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!

พระเจ้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเขามีความสุขใช่ไหม?

“อย่าร้อนใจ ยัยทอมนั่นไม่ใช่ว่ารับปากนายแล้วเหรอ” อู่เชาพูดปลอบใจ

“แต่ตอนนี้หญิงชราต่างชาติคนนี้ไม่เห็นด้วย หากเธอยื้อเวลาต่อไปเรื่อย ๆ ต่อให้เซียวเซ่อจะรับปากแล้วก็ไม่มีประโยชน์” สยงมู่มู่กล่าวอย่างขมขื่น ใบหน้าของเซียวเซ่อถึงแม้จะดูเย็นชาแต่ในใจกลับให้ความสำคัญเรื่องครอบครัวมากที่สุด ถ้าหญิงชราเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับ เซียวเซ่อจะต้องยอมอ่อนข้อให้อย่างแน่นอน

“นายต้องเชื่อใจในตัวยัยทอมด้วย เธอไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆหรอก…”

อยู่ดี ๆสยงมู่มู่ก็หันมากลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “นายมีสิทธิ์เรียกว่ายัยทอมหรือไง? เขามีชื่อมีนามสกุล วันหลังให้เรียกว่าเซียวเซ่อ เรียกยัยทอมอะไรกัน ไม่มีคุณสมบัติความเป็นผู้ดีเอาเสียเลย!”

เห็นอยู่ชัด ๆว่าหน้าตาดีขนาดนั้น เมื่อก่อนเขาตาบอดสินะถึงได้รู้สึกว่าหล่อนเหมือนผู้ชาย!

อู่เชาโมโหแต่ก็คร้านจะสนใจเจ้าโง่นี่แล้ว เขายังโสด มีใครสงสารเขาบ้างไหม?

ท่านเคานต์อาวุโสกลับไปอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่เซียวเซ่อเคยอยู่มาก่อน มีคนงานเหลืออยู่ไม่มากซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คนไว้ทำความสะอาดเท่านั้น เหยียนหมิงซุ่นจัดพนักงานจำนวนสิบกว่าคนจากบ้านรับรองแขกของรัฐบาลมาให้ แถมยังเลือกบอดี้การ์ดและแพทย์ประจำตัวมาให้ด้วย

นี่คือสิ่งที่นายใหญ่สั่งมาว่าจะต้องดูแลท่านเคานต์อาวุโสให้เหมาะสมที่สุด

…………………………………………..

 ตอนที่ 2844 รสชาติของความรัก

ท่านเคานต์อาวุโสคาดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงก็ส่งคนมามากมายขนาดนี้แล้ว อีกทั้งพวกเขายังได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอีกด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้

เซียวจิ่งหมิงกระซิบบอกข้างหูเธอว่า “สามีของคุณจ้าวเหมยเป็นข้าราชการระดับสูงของฮวาเซี่ย อำนาจและอิทธิพลเทียมฟ้า หากแม่จะพูดจาอะไรก็ให้มีความเกรงใจกว่านี้หน่อย”

ท่านเคานต์อาวุโสยืนขึ้นหันไปทางเหมยเหมยพูดอย่างสุภาพว่า “ฉันขอโทษสำหรับท่าทีหยาบคายก่อนหน้านี้ด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับเซียวเซ่อเป็นเพื่อนสนิทกัน นับว่าคุณเองก็เป็นผู้ใหญ่ของฉันด้วย ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันขนาดนี้หรอกค่ะ” เหมยเหมยตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

ท่านเคานต์อาวุโสยิ้มบางเบาแต่รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย พลันรู้สึกซาบซึ้งในตัวเหมยเหมยมากขึ้นไปอีก ยาเม็ดนั้นดีจริง ๆ เธอเสียมารยาทต่อเหมยเหมยมากเกินไปแล้ว รอหลังจากจัดการเรื่องหลานสาวเสร็จเธอค่อยขอบคุณดี ๆอีกทีแล้วกัน

เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นขอตัวออกไปก่อนอย่างรวดเร็วเพื่อทิ้งให้ท่านเคานต์อาวุโสได้จัดการเรื่องในครอบครัวของตัวเอง

“พี่ว่าท่านเคานต์อาวุโสจะยอมรับไหม?” เหมยเหมยเป็นกังวลมาก

เหยียนหมิงซุ่นกำลังขับรถอยู่จึงไม่กล้าแบ่งสมาธิไปคิดเรื่องอื่น เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่รู้สิ…บางทีอาจจะยอมรับ บางทีอาจจะไม่ยอมรับก็ได้”

จะยอมรับหรือไม่ยอมรับแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย

เหมยเหมยโมโหจนหยิกต้นขาเขาไปสองสามที ตอบแบบขอไปทีไม่มีความจริงใจเลยสักนิด แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดมาก่อน

“ฉันคิดดีแล้ว หากท่านเคานต์อาวุโสจะพรากพวกเขาจากกันจริง ๆก็จะให้เซ่อเซ่อทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก แอบไปจดทะเบียนสมรสกับสยงมู่มู่แล้วไม่ให้ท่านเคานต์อาวุโสรับรู้ พอในอนาคตมีลูกแล้ว หญิงชราคนนี้คงทำได้แค่ยอมรับแล้วล่ะ!” เหมยเหมยพูดอย่างลำพองใจ

เมื่อก่อนเธอและเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง!

ขอแค่มีลูกน้อยอยู่ในท้อง ผู้ใหญ่ส่วนมากก็มิอาจต้านทานเด็กน้อยได้

มุมปากเหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มแล้วหางตาก็เหลือบมองท้องน้อยของเหมยเหมย ความอบอุ่นไหลทะลักออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจพร้อมกล่าวกำชับว่า “เธออย่าเอาแต่วิ่งวุ่นทุกวี่วันสิ ตอนนี้เธออยู่ในช่วงพิเศษอยู่นะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ครั้งนี้ลูกเป็นเด็กดีมาก ไม่มีอาการแพ้ท้องเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว อยากเจอเร็ว ๆจัง!” เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง แววตาฉายแววเฝ้าฝัน

เหยียนหมิงซุ่นหนังตากระตุก เขาไม่ได้เฝ้ารอคอยเลยสักนิด พวกเขาต้องเป็นปีศาจร้ายตัวน้อยทั้งคู่แน่นอน ไม่มีอะไรให้ต้องพะวงใจเลยสักนิดเดียว

วันหน้าก็เอาเจ้าตัวเล็กทั้งสองให้เล่อเล่อเลี้ยง กรรมที่ยัยเด็กตัวแสบทำเอาไว้ต้องให้เธอตามเช็ดตามล้างเอง

สามวันผ่านไปเหมยเหมยโทรหาเซียวเซ่อเพื่อสอบถามความคืบหน้า ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจนักเพราะท่านเคานต์อาวุโสไม่ยอมเลย ทางด้านสยงมู่มู่ไม่สามารถเลื่อนได้อีกต่อไปเพราะผู้จัดการส่วนตัวแจ้งเป็นครั้งสุดท้ายแล้วว่าเลื่อนได้ไม่เกินสองวันเท่านั้น หลังจากสองวันถึงแม้ว่าฟ้าจะถล่มลงมาสยงมู่มู่ก็ต้องรีบกลับไปอัดเพลงที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่สูงเสียดฟ้า

“ถ้าไม่ได้จริง ๆก็เอาตามนี้แหละ…”

เหมยเหมยบอกความคิดของเธอไป เซียวเซ่อปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิด “ฉันจะไม่ปิดบังคุณย่า รอเธออาการดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเถอะ เธอให้เจ้าบ้า…สยงมู่มู่ไปสหรัฐอเมริกาก่อนเถอะ”

“ใครจะไปรู้ว่าย่าของเธอจะดีขึ้นเมื่อไหร่ หากไม่ได้จดทะเบียนสมรส สยงมู่มู่ทำใจให้สงบลงได้สิแปลก หลายวันมานี้ตรอมใจจนกินข้าวไม่ลงนอนไม่ได้เกือบจะผอมเป็นไม้ไผ่อยู่แล้ว” เหมยเหมยกล่าวเกินจริง

เซียวเซ่อกัดริมฝีปากลอบด่าใครบางคนในใจแต่ในใจกลับหวานหยดย้อย มันเป็นรสชาติที่เธอไม่เคยลิ้มรสมาก่อน ทั้งหวานทั้งอ่อนนุ่มและยังอบอุ่นอีกด้วย

บางที…นี่คงเป็นรสชาติของความรักใช่ไหม?

ช่างชวนให้ตกหลุมง่ายดายจนไม่อยากออกมาเลยจริง ๆ

ผ่านไปอีกหนึ่งวันสยงมู่มู่นั่งไม่ติดแล้วจริง ๆ วันนี้ไม่ว่าจะตายหรือรอดเขาก็ต้องได้อะไรมาบ้าง ไม่…เขาต้องรอด เขาต้องหาทางโน้มน้าวใจหญิงชราที่ดื้อด้านคนนั้นให้ได้!

เหมยเหมยได้รับโทรศัพท์จากเหยียนหมิงซุ่น “สยงมู่มู่บุกเข้าไปในบ้านของท่านเคานต์อาวุโสเพียงลำพัง ตอนนี้ถูกจับกุมตัวแล้ว”

…………………………

Related

ตอนที่ 2841 บีบบังคับ

“เย้…พวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันตอนนี้เลย ถึงเวลานั้นค่อยให้ลูกอมมงคลพวกเธอแล้วกัน!”

สยงมู่มู่ดีใจสุดขีด นับว่าเป็นเวลาแห่งฟ้าหลังฝนจริง ๆ ตอนนี้เขามองท่านเคานต์อาวุโสก็ยังว่าน่ารักขึ้นเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงชราคนนี้ปรากฏตัว ไม่แน่ยัยทอมอาจไม่ตอบตกลงรวดเร็วขนาดนี้ก็ได้!

“เซียวเซ่อเธอต้องคิดให้ดีนะ ถ้าเธอแต่งงานกับเขา ฉันจะลิดรอนสถานะทายาทของเธอ ทรัพย์สินทั้งหมดของฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก!” แน่นอนว่าท่านเคานต์อาวุโสไม่ได้ก่นด่าเหมือนแม่ค้าปากตลาดหรอก แต่คำพูดที่เธอเอื้อนเอ่ยออกมาโหดเหี้ยมมากกว่านั้น ทุกคนต่างสูดหายใจอย่างเย็นยะเยือก

นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

“แม่!”

“โนล่า!”

พ่อลูกเซียวจิ่งหมิงตะโกนออกมาพร้อมกัน สีหน้าท่าทางดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“คุณแม่ทำเกินไปแล้ว ถ้าเซ่อเซ่อจะไล่ตามความรักก็ไม่ผิดเสียหน่อย แม่ทำลายงานแต่งงานของผมกับไห่ถังในตอนนั้นจนสิ้น ตอนนี้ยังจะทำลายความสุขของเซ่อเซ่ออีกหรือ?” นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวจิ่งหมิงคัดค้านท่านเคานต์อาวุโส ทั้งยังเอ่ยถึงเหตุผลของความล้มเหลวชีวิตการแต่งงานของเขากับคุณหนูใหญ่เฝิงด้วย

คุณหนูใหญ่เฝิงกลับเชิดคางอย่างเย่อหยิ่ง “เซ่อเซ่อไม่ต้องเป็นห่วง ตำแหน่งเคานต์มีอะไรดีกัน ถ้าจะเอาคืนก็เอาคืนไปสิ ทรัพย์สมบัติของตระกูลอดัมไม่เอาก็ได้ ทรัพย์สินมากมายที่แม่หาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีไม่น้อย จากนี้ไปจะเป็นของลูกทั้งหมด เพียงพอให้ลูกใช้ไปหลายสิบชาติแล้ว!”

เซียวจิ่งหมิงก็รีบแสดงความรักเช่นกัน “ทรัพย์สมบัติของพ่อก็เป็นของลูกเช่นกันนะ เซ่อเซ่อ”

สยงมู่มู่เองก็ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ฉันก็หาเงินได้ หาเงินได้ไม่น้อยด้วย พอให้เซียวเซ่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้ว!”

ผู้ชายเลี้ยงดูภรรยาเป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เขาดูเป็นผู้ชายประเภทเกาะผู้หญิงกินหรืออย่างไร?

เซียวเซ่อตบศีรษะสยงมู่มู่ไปทีหนึ่งพร้อมตำหนิว่า “ฉันหาเงินไม่เป็นหรือไง? เงินแค่เล็กน้อยที่นายหามานับประสาอะไรได้!”

ไม่ว่าวงการบันเทิงจะทำเงินได้มากแค่ไหนก็ไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้น ต่อให้ไม่มีทรัพย์สินของตระกูลอดัม เธอก็ยังคงใช้ชีวิตสุขสบายได้เหมือนเดิม ส่วนสถานะศักดินาอันสูงส่งเธอไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!

“คุณย่าคะ เหตุที่หลายปีมานี้หนูไม่เคยคัดค้านอะไรคุณย่าไม่ใช่เพราะหนูอาลัยอาวรณ์ต่อตำแหน่งทายาทท่านเคานต์อะไรนี่หรอก และไม่ใช่เพราะทรัพย์สินของตระกูลอดัมด้วย แต่เป็นเพราะหนูรักคุณย่าต่างหาก!”

เซียวเซ่อพูดด้วยท่าทีเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงแฝงความเจ็บปวดอยู่บ้าง เธอคาดไม่ถึงว่าคุณย่าของเธอจะใช้เงื่อนไขนี้มาบีบบังคับตน หรือคุณย่าคิดว่าเธอสนใจอยากจะได้แค่ตำแหน่งอันสูงส่งและทรัพย์สินเหมือนญาติที่น่ารังเกียจพวกนั้นงั้นเหรอ?

ท่านเคานต์อาวุโสนึกเสียใจกับคำพูดที่เอ่ยออกไป แต่ความเย่อหยิ่งที่ฝังลึกลงในกระดูกทำให้เธอไม่ยอมรับความผิดต่อหน้าหลานสาวจึงทำให้บรรยากาศคุกรุ่นขึ้นมาชั่วขณะ

“คุณหนู นายท่านเป็นห่วงคุณหนูมากจนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” หญิงวัยกลางคนผมบลอนด์ที่ดูสง่างามก้าวขึ้นมาอธิบาย เธอเป็นแม่บ้านส่วนตัวของท่านเคานต์อาวุโสซึ่งอยู่กับเธอมาสิบกว่าปีแล้วและเห็นเซียวเซ่อมาตั้งแต่เด็กจนโตด้วย

“แต่เธอก็แค่ต้องการบงการชีวิตของหนู หนูไม่ใช่ว่าว หนูอยากเป็นนกอินทรี นกอินทรีที่มีอิสระในการโบยบิน” เซียวเซ่อเอ่ยสิ่งที่เก็บงำอยู่ในใจมายี่สิบกว่าปีออกมา

เธอทนกับความเผด็จการและใช้อำนาจบงการของคุณย่ามาเกินพอแล้วจริง ๆ!

“ฉันแค่หวังว่าเธอจะไม่เสียเวลาเดินบนทางอ้อม เพราะฉันรู้ว่าตัวเลือกของเธอจะเต็มไปด้วยขวากหนาม” ท่านเคานต์อาวุโสกล่าว

“แล้วอย่างไร? ตัวหนูเป็นคนเลือกเอง ต่อให้ตายเพราะสาเหตุนี้หนูก็จะไม่นึกเสียใจเลย!“ เซียวเซ่อโต้กลับ

ผู้ใหญ่มีสิทธิ์อะไรถึงบอกว่าตรงนั้นมีหลุม? แล้วต้องมีหลุมจริง ๆด้วยล่ะ?

ต่อให้จะมีหลุมจริง ๆ บางทีผู้ใหญ่อาจจะล้มเมื่อกระโดดเข้าไป แต่เธออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดก็ได้ คนเราจะเหมือนกันหมดได้อย่างไร?

ต่อให้เธอโชคร้าย ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ เธอก็เต็มใจ!

ความทุกข์เป็นรสชาติแห่งชีวิต หากไม่มีความขมเลยจะเอาความหวานมาจากไหน?

ในแววตาของท่านเคานต์อาวุโสทอประกายความเจ็บปวดออกมา เธอคาดไม่ถึงว่าความปรารถนาดีที่เธอทำให้หลานสาว นอกจากหลานสาวจะไม่ซาบซึ้งใจแล้วยังตำหนิเธอเพราะคนนอกคนหนึ่งอีกด้วย!

หรือว่าเธอทำผิดไปแล้วจริง ๆ?

…………………………………………..

 ตอนที่ 2842 คุกเข่า

สยงมู่มู่หายใจเข้าลึกกล่าวอย่างจริงใจกับท่านเคานต์อาวุโสว่า “ท่านเคานต์ รายการนี้จะออกอากาศไปทั่วประเทศ ผมมาที่นี่เพื่อสาบานกับคนทั้งประเทศว่า ผม…สยงมู่มู่จะปฏิบัติต่อเซียวเซ่ออย่างดีตลอดไป จะไม่ทรยศเธอ ถ้าหากผมผิดสัญญาก็ขอให้ผม…”

เซียวเซ่อใจอ่อนยวบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าสยงมู่มู่ที่ดูยิ้มแย้มทำหน้าทะเล้นเสมอต่อหน้าเธอ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยจริงจังเรื่องใดมาก่อนดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากและมีความเป็นชายมากขึ้นด้วย

“ฉันไม่ต้องการคำสาบานใด ๆ ไม่จำเป็น!” เซียวเซ่อหยุดคำพูดที่จะตามมาของสยงมู่มู่เอาไว้

ท่านเคานต์อาวุโสแค่นเสียงฮึในลำคอ “คำสาบานของผู้ชายเปรียบเหมือนสายน้ำในแม่น้ำ สิ่งที่พูดในวันนี้กับวันพรุ่งนี้ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ผู้หญิงโง่เท่านั้นแหละที่จะเชื่อคำสาบาน”

สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเซียวดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย เพราะเขาเคยให้คำสัญญากับท่านเคานต์อาวุโสมาก่อน แต่ตอนนี้…เฮ้อ!

“ท่านเคานต์ คุณอย่าเอาเรื่องที่ตนเคยถูกผู้ชายหักหลังมาก่อนใช้ตัดสินผู้ชายทุกคนและขัดขวางไม่ให้เซียวเซ่อไล่ตามความสุขของชีวิตสิ คุณจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ไม่ได้นะ” สยงมู่มู่กล่าวเสียงดัง

เมื่อก่อนหญิงชราคนนี้ยังเคยหนีตามคนรักไปอยู่ด้วยกันเลย แล้วมีสิทธิ์อะไรมาร้องขอให้เซียวเซ่อทำตัวเป็นแม่ชี?

ท่านเคานต์อาวุโสสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ไอ้ผู้ชายสมควรตายคนนี้ ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นมาพูดดันพูดเสียได้ รั้นจะทิ่มแทงใจเธอให้ได้เลยสินะ เธอเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เป็นเพราะฉันเคยถูกคนฮวาเซี่ยสมควรตายหลอกเอา ดังนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้เซียวเซ่อเดินไปในทางที่ผิดจนทุกข์ใจซ้ำรอยฉันอีก!”

“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่โกหกหลอกลวงคุณเสียหน่อย ผมรักเซียวเซ่อคนเดียว!” สยงมู่มู่ตะโกนออกมา

“คำยืนยันจากผู้ชายมีค่าน้อยกว่าหัวผักกาดขาวเสียอีก เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันแล้ว เซียวเซ่อ…กลับบ้านไปกับฉัน!”

เดิมทีท่านเคานต์อาวุโสเริ่มอ่อนลงแล้วแต่เพราะความทรงจำในอดีตทำให้ความโกรธของเธอก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจปฏิเสธสยงมู่มู่อย่างเด็ดขาด

“คุณเป็นพวกเผด็จการ…คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเลยสักนิด…เก่งนักก็ไปจัดการผู้ชายคนนั้นที่ทิ้งคุณไปสิ มีสิทธิ์อะไรมาพรากผมกับเซียวเซ่อด้วย…” สยงมู่มู่กระทืบเท้าด้วยความโกรธสุดขีด อะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด…ล้วนหลุดออกมาจากปากเขาหมดแล้ว

ท่านผู้เฒ่าเซียวที่ยืนอยู่อีกฝั่งตัวสั่นโอนเอน เซียวจิ่งหมิงรีบรุดเข้ามาประคองไว้แต่ชายชราสลัดเขาออก เขาเดินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วเอ่ย “พ่อหนุ่มพูดผิดแล้ว ตอนนั้นโนล่าเป็นคนทิ้งฉันไป ไม่ใช่ฉันเป็นคนทิ้งหล่อนหรอกนะ”

สยงมู่มู่กะพริบตาปริบ ๆ ใครจะเป็นคนทิ้งใครก็ไม่เกี่ยวกับเขา เขาแค่ต้องการแต่งงานกับยัยทอมเท่านั้น

ท่านเคานต์อาวุโสก่นด่าด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด “คนที่ชอบโกหกในความรักอย่างคุณ ฉันเกลียดจนแทบอยากฆ่าทิ้งด้วยซ้ำ จะอยู่กับคุณต่อไปได้อย่างไร!”

ท่านผู้เฒ่าเซียวถอนหายใจแล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ตอนนั้นเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรปิดบังความจริงเรื่องที่แต่งงานแล้ว ผมขอโทษคุณด้วยจริง ๆ แต่ได้โปรดอย่าเอาความผิดของฉันไปลงกับพวกเด็ก ๆเลย!”

ชายชราพูดยังทันไม่จบก็คุกเข่าลงต่อหน้าท่านเคานต์อาวุโสแล้วก้มคำนับสามครั้งด้วยความจริงใจ

“พ่อครับ…” เซียวจิ่งหมิงตกใจยกใหญ่แล้วคิดจะเข้าไปประคองพ่อขึ้นมา แต่กลับถูกคุณหนูใหญ่เฝิงรั้งเอาไว้พร้อมส่ายศีรษะเบา ๆ

นี่เป็นสิ่งที่ชายชราติดค้างกับท่านเคานต์อาวุโส

“คุณปู่ รีบลุกขึ้นมา เรื่องของหนูไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณปู่เลย”

เซียวเซ่อประคองชายชราลุกขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ เธอคาดไม่ถึงว่าคุณปู่ที่หยิ่งผยองจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนคุณย่าต่อหน้าคนมากมายเพื่อเธอ

ท่านเคานต์อาวุโสเองก็ตกใจมากเช่นกัน เธอมองชายคนรักที่เคยรักสุดหัวใจในวันวานด้วยสายตาซับซ้อน เธอรู้ดีว่าชายผู้นี้หยิ่งทะนงตนมากเพียงใด พวกเขาทั้งสองต่างเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนมากถึงไม่ได้เจอกันมานานเกือบครึ่งศตวรรษ

แต่ตอนนี้…ผู้ชายคนนี้กลับคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ!

…………………………

Related

ตอนที่ 2839 ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น

 

ท่านผู้เฒ่าเซียวใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ พลันน้ำตาก็คลอเบ้า แก่แล้ว…เธอก็แก่แล้ว วันเวลาไม่ได้ปรานีเธอเลย!

 

ไม่คิดว่าก่อนตายเขาจะได้พบเธออีกครั้ง ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้

 

พอได้ยินท่านเคานต์อาวุโสพร่ำพูดแต่ว่าไม่อนุญาตให้แต่งงานกับชายชาวฮวาเซี่ย ท่านผู้เฒ่าเซียวก็อดยิ้มขมขื่นไม่ได้ เมื่อนั้นถูกเขาทำร้ายฝังใจเสียจนเวลาผ่านไปหลายปีก็ยังไม่อาจปล่อยวางได้!

 

“คือว่า…ท่านเคานต์ ท่านอย่าเหมารวมทุกคนสิ ผู้ชายชาวฮวาเซี่ยอาจมีที่ไม่ดีบ้างแต่ก็มีผู้ชายดี ๆมากมายนะคะ ท่านไม่รู้จักสยงมู่มู่ด้วยซ้ำทำไมถึงคัดค้านเขาล่ะ?”

 

เหมยเหมยก้าวออกมากู้สถานการณ์ เธอไม่คิดว่าท่านเคานต์อาวุโสจะไม่มีเหตุผลขนาดนี้ มาถึงไม่ถามไถ่อะไรสักอย่างก็เหมารวมผู้ชายชาวฮวาเซี่ยเหมือนกันหมด บอกตามตรงถ้าไม่เห็นแก่เซียวเซ่อเธอจะขอสั่งสอนยายแก่คนนี้ให้เห็นดีสักหน

 

ผู้ชายชาวฮวาเซี่ยดี ๆมีถมเถไป คนอื่นไม่ต้องพูดถึงหรอกเอาแค่เหยียนหมิงซุ่นของเธอก็คือต้นแบบของผู้ชายที่ดี ไม่มีข้อบกพร่องให้ตำหนิสักนิด

 

แต่ก็พอจะเข้าใจท่านเคานต์อาวุโสนี้เพราะเคยโดนท่านผู้เฒ่าเซียวหลอกเสียขนาดนั้น ถึงทำให้สภาพจิตใจบิดเบี้ยวไปสักนิด เฮ้อ!

 

ท่านเคานต์อาวุโสแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้จัก ขอเพียงเขาเป็นคนฮวาเซี่ยฉันก็ไม่ประทับใจอะไรทั้งนั้น เซียวเซ่อ กลับบ้านกับฉัน อย่าทำให้ฉันโมโหอีก!”

 

ผู้ชมด้านล่างเวทีส่วนมากเป็นนักศึกษาวัยรุ่นที่แม้ไม่คล่องภาษาอังกฤษแต่พอจะเดา ๆได้ บวกกับคำแปลของเด็กเรียนเก่งอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนก็พอจะเข้าใจความหมายของคำพูดท่านเคานต์อาวุโสจึงอดเดือดดาลขึ้นมาไม่ได้

 

คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเหยียดชาวฮวาเซี่ยกลางรายการของฮวาเซี่ยอย่างเปิดเผยเช่นนี้ หน็อยแน่!

 

อู่เชาลอบสบถในใจ เขาไม่อยากให้รายการตัวเองต้องสร้างความขัดแย้งระหว่างชาติ ขณะที่เตรียมจะพูดเกลี้ยกล่อมท่านเคานต์อาวุโส ท่านผู้เฒ่าเซียวที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีก็เดินขึ้นเวทีทีละก้าว ๆ

 

“โนล่า ตอนนั้นผมเป็นคนทรยศคุณเอง เป็นความผิดของผมทั้งหมด แต่คุณจะพานเอาความแค้นเคืองใจที่มีต่อผมไปลงที่คนอื่นไม่ได้ กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย อย่าให้ความขัดแย้งมันรุนแรงขึ้นได้ไหม?”

 

ท่านผู้เฒ่าเซียวก้าวขึ้นเวทีประสานสายตากับท่านเคานต์อาวุโส

 

ท่านเคานต์อาวุโสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีฟ้าไม่ผ่องใสบริสุทธิ์เหมือนตอนวัยรุ่นอีกต่อไป ดูขุ่นมัวแต่ยังคงงดงามเช่นเคย อย่างน้อยในสายตาของท่านผู้เฒ่าเซียวก็เป็นเช่นนั้น

 

แม้ชีวิตนี้จะมีผู้หญิงหลายคน แต่ในใจของท่านผู้เฒ่าเซียวท่านเคานต์อาวุโสคือคนที่เขารักมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“เซียวเหยียน…คุณยังไม่ตาย!” ท่านเคานต์อาวุโสกัดฟันกรอด ความเกลียดชังกำลังพลุ่งพล่านและสายตาที่มองมาอย่างซับซ้อน

 

เหมยเหมยถอนหายใจ ทีนี้ละเรื่องใหญ่แล้ว ท่านเคานต์อาวุโสที่มีความแค้นใหม่บวกแค้นเก่า เรื่องวันนี้ต้องไม่จบง่าย ๆแน่เลย หวังเพียงว่าเรื่องจะไม่ลามไปถึงกระทรวงการต่างประเทศล่ะ!

 

“ท่านผู้นี้คือใครเหรอ? ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับท่านเคานต์อาวุโสนะ!” มีผู้ชมกระซิบคุยกัน

 

เหล่านักข่าวปาปารัสซี่เริ่มทำงานทันที ไม่นานพวกเขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนถูกฉีดยากระตุ้น โอ้โห…ข่าวอื้อฉาวสุดน้ำเน่าในยุคก่อนยังตามถ่ายได้ ทีนี้ก็รวยล่ะ!

 

โรงงานพิมพ์พรุ่งนี้ต้องพิมพ์จนเครื่องพังแน่!

 

“คาดว่าผมยังจะมีชีวิตอยู่อีกหลายปี โนล่า ขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวังนะ!” ท่านผู้เฒ่าเซียวยิ้มเอ่ย ในรอยยิ้มคือความสง่าที่เหมือนมองเรื่องทางโลกได้อย่างทะลุปรุโปร่งและได้หลุดพ้นมายาวนานแล้ว

 

ท่านเคานต์อาวุโสกลับยังมองไม่ทะลุหรือปล่อยวาง เพราะหลายปีมานี้สิ่งเดียวที่เป็นแรงผลักดันในชีวิตเธอก็คือต้องตายหลังเซียวเหยียนให้ได้ ต่อให้ตายช้ากว่าสักนาทีก็ยังดี

 

“พระเจ้าตาบอดที่ปล่อยให้เดนมุนษย์อย่างคุณมีชีวิตอยู่ต่อไป!”

 

ท่านเคานต์อาวุโสด่าไปประโยคหนึ่งแล้วหันกลับไปมองเซียวเซ่อ แล้วตะคอกใส่อีกครั้งว่า “กลับบ้านกับฉัน!”

 

“หนูจะกลับบ้านแต่ไม่ใช่ตอนนี้ อีกอย่างหนูไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น!” เซียวเซ่อเชิดคางขึ้นเช่นกัน หน้าตาของเธอคล้ายคลึงกับท่านเคานต์อาวุโสมากจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตากับรูปคาง

 

“งั้นเธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับใครทั้งนั้น ฉันยอมให้เธอครองโสดไปจนตายก็ไม่มีวันยอมให้เธอแต่งงานกับผู้ชายชาวฮวาเซี่ย!” ท่านเคานต์อาวุโสตวาดเสียงดุดัน

 

…………………………….

 

 ตอนที่ 2840 ใช่แล้ว หนูจะแต่งงานกับเขา

 

“โนล่า คุณจะทำลายความสุขของเซ่อเซ่อเพราะความแค้นส่วนตัวไม่ได้นะ” ท่านผู้เฒ่าเซียวเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย

 

แม้การแต่งงานไม่ใช่ทางผ่านที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ แต่ถ้ามีผู้ชายที่จริงใจกับเราแล้วทำไมต้องปฏิเสธการแต่งงานล่ะ?

 

มีคนรักคอยประคับประคองใช้ชีวิตไปร่วมกัน อย่างไรเสียก็ดีกว่าโดดเดี่ยวมากกว่าสิ!

 

“แล้วไง? เซียวเซ่อคือคนในตระกูลอดัมของฉัน เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน!” ท่านเคานต์แสดงท่าทีแข็งกร้าว

 

เหมยเหมยพลันก็นึกถึงทัศนคติของเจี่ยเป่าอวี้ในเรื่องความฝันในหอแดง สาวน้อยมักเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน แต่พออายุเพิ่มขึ้นโฉมหน้าก็เริ่มเป็นที่น่าชิงชัง เขามองเพียงแวบเดียวยังคิดว่าต้องเก็บไปฝันร้าย!

 

ถึงพูดแบบนี้มันจะเกินจริงไปสักหน่อยแต่ท่านเคานต์ในตอนนี้กำลังทำให้เหมยเหมยรู้สึกว่าคำพูดของคุณชายเจี่ยก็พอสมเหตุสมผลอยู่บ้าง มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

 

“ท่านเคานต์ ต่อให้เซียวเซ่อเป็นผู้สืบทอดตระกูลอดัมแต่เธอเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง กฎหมายที่อังกฤษน่าจะไม่ได้กำหนดว่าหากคนตระกูลผู้ดีจะแต่งงานต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ก่อนมั้งคะ?” เหมยเหมยเรียกร้องความยุติธรรมแทน ไม่ชอบใจความเอาแต่ใจของหญิงชราคนนี้จากใจจริงเพราะไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

 

“เธอคือใคร? มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องตระกูลอดัม?” ท่านเคานต์ปรายตามองเหยียดเหมยเหมย เธอไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อหญิงสาวชาวฮวาเซี่ยเช่นเดียวกันหรือทั้งประเทศนี้เลยก็ว่าได้

 

เพียงเพราะนึกถึงประเทศนี้ทีไร ความรู้สึกของท่านเคานต์มีเพียงความเสียใจและแค้นใจที่ถูกหยามเกียรติ เป็นสิ่งที่เธอจะไม่มีวันลืมตราบจนชั่วกัปชั่วกัลป์

 

“เหมยเหมยคือเพื่อนสนิทของหนู คุณย่าท่านเสียมารยาทแล้ว!” เซียวเซ่อเอ่ยอย่างไม่พอใจ

 

“แต่เธอไม่ใช่เพื่อนของฉัน กับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เพื่อนฉันไม่มีความจำเป็นต้องมีมารยาทด้วย” ท่านเคานต์เอ่ยด้วยท่าทีหยิ่งผยองถือตัว

 

เหมยเหมยโกรธจนคันฟันยุบยิบ เสียใจแทบตายที่เอายาวิเศษให้ยายแก่นี่กิน กินยาของเธอแล้วยังด่าว่าเธออีก ยายแก่ไร้มารยาท!

 

“คุณแม่ ท่านเสียมารยาทแล้วจริง ๆ เหมยเหมยไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทของเซ่อเซ่อ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้มีพระคุณของท่าน เม็ดยาที่ท่านทานอยู่ทุกวันนี้ก็มาจากบ้านเหมยเหมยทั้งนั้น” เซียวจิ่งหมิงไม่รู้โผล่ออกมาจากหลุมไหน ทั้งยังมีคุณหนูใหญ่เฝิงขนาบข้างมาด้วย

 

คิดไม่ถึงว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะย้อนกลับมา ถือว่ายังมีสำนึกอยู่บ้าง!

 

ท่านเคานต์อาวุโสสีหน้าเปลี่ยนไป เธอทานเม็ดยานั่นทุกวันและมีส่วนช่วยต่อร่างกายอย่างมาก ไม่คิดว่าจะได้มาจากบ้านผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายปีศาจจิ้งจอกตรงหน้า ถ้าอย่างนั้นเธอก็เสียมารยาทมากจริง ๆ!

 

“ขอโทษด้วย ฉันเสียมารยาทเกินไป!”

 

ท่านเคานต์อาวุโสเอ่ยขอโทษอย่างไม่รีรอ ผิดต้องรู้จักแก้ไข ก่อนจะโค้งให้เหมยเหมยทีหนึ่งโดยที่เหมยเหมยรีบโค้งตัวกลับ เค้นรอยยิ้มออกมา “ไม่หรอกค่ะ ๆ ท่านคือผู้อาวุโสกว่านี่นา!”

 

“แต่ยาก็ส่วนยา งานแต่งก็ส่วนงานแต่งจะนับเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้ ฉันยืนกรานว่าจะไม่อนุญาตเรื่องงานแต่งงาน!” ท่านเคานต์อาวุโสไม่มีท่าทีอ่อนลงสักนิด ทั้งยังแสดงท่าทีต่อต้านอย่างถึงที่สุด

 

สยงมู่มู่กัดฟันร้องโวยวายขึ้นมา “ผมก็ไม่ต้องการคำอนุญาตของคุณหรอก คนที่ผมจะแต่งงานด้วยคือเซียวเซ่อไม่ใช่คุณสักหน่อย คุณจะอนุญาตหรือไม่ก็แล้วแต่ เซียวเซ่อ ไป…เราไปจดทะเบียนกันตอนนี้เลย!”

 

เขาทุ่มหมดหน้าตักแล้ว วันนี้ต่อให้ราชินีคัดค้านเขาก็จะแต่งงานกับยัยทอมให้ได้!

 

สยงมู่มู่รุดหน้าไปคว้ามือเซียวเซ่อหมายจะฉุดเธอไปจดทะเบียนที่สำนักงานเขต เขาได้ศึกษาขั้นตอนมาเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเอกสารทั้งหมดไว้เสร็จสรรพ ขอเพียงเซียวเซ่อพยักหน้าเขาก็พร้อมจะไปจดทะเบียนได้ทุกเมื่อ

 

“หน็อย…เซียวเซ่อเธอจะแต่งงานกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จริงเหรอ?” ท่านเคานต์อาวุโสถามด้วยความโกรธ

 

เซียวเซ่อลังเลอยู่หลายวินาที เดิมทียังเป็นห่วงสุขภาพของคุณย่าอยู่บ้างแต่ตอนนี้เห็นท่านเคานต์ดูแข็งแรงมีชีวิตชีวาดีจึงค่อยสบายใจ จากนั้นก็หันไปมองมือคู่นั้นที่กอบกุมมือตัวเองอีกแวบหนึ่งก็รู้สึกชื้น ๆตรงฝ่ามือเพราะเต็มไปด้วยเหงื่อ…

 

เธอใจอ่อนลงอย่างห้ามไม่อยู่แล้วพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ใช่ หนูอยากแต่งงานกับเขาค่ะคุณย่า!”

 

……………

Related

ตอนที่ 2837 ฉันตกลง

หัวใจของเซียวเซ่ออ่อนยวบลงทีละนิด เธอไม่กล้าสบตาสยงมู่มู่แต่เลือกจะมองลงไปด้านล่างเวทีแต่กลับพบท่านผู้เฒ่าเซียวกำลังยิ้มตาหยีมองเธอ พร้อมทั้งยกนิ้วโป้งให้กำลังใจเธอเหมือนตอนเด็ก

มุมปากยกยิ้มสูงราวกับดอกกล้วยไม้สีสดงดงามบนหน้าผา รอยยิ้มของเซียวเซ่อทำให้ทุกคนต้องหยุดหายใจมองเธอนิ่ง

สยงมู่มู่ก็ตาค้างไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาเพิ่งได้สติว่าเมื่อก่อนเรียกเซียวเซ่อว่ายัยทอมมันคือความผิดมหันต์ ทั้งที่มีความเป็นผู้หญิงสูงมากขนาดนั้นแล้วเหมือนผู้ชายตรงไหนกัน?

“จากนี้ไปฉันจะไม่เรียกเธอว่ายัยทอมอีกแล้ว!” สยงมู่มู่อดพูดความในใจออกมาไม่ได้จนถูกเซียวเซ่อกลอกตาใส่

เจ้าโง่เอ้ย โง่ขึ้นทุกวัน!

เธออ้าปากพะงาบหมายจะบอกว่ารอถ่ายรายการเสร็จค่อยคุยเรื่องแต่งงาน ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการถ่ายทำ เธอไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามารับรู้เรื่องราวส่วนตัวมากเกินไป นั่นเป็นผลจากการถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กทำให้เซียวเซ่อไม่ค่อยชอบวิธีการแบบนี้!

แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรก็มีเสียงดุดันหนึ่งดังขึ้น ทั้งใช้ภาษาอังกฤษว่า “ฉันไม่อนุญาต อิงกริดแมน อดัม เธอต้องจำสถานะตัวเองให้ดี ตอนนี้—รีบลงมาเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนเหลียวกลับไปมองต้นเสียงด้วยความตกใจ ผู้พูดคือคุณยายชาวต่างชาติที่บุคลิกสูงสง่า ใบหน้าดูอ่อนล้าแต่ยังคงยืดหลังตรงไม่เสียบุคลิกความเป็นผู้ดีของเธอ

เซียวเซ่อหลุดเสียงเรียกอย่างลืมตัว “คุณย่า”

เธอไม่คิดว่าคุณย่าจะมาไวขนาดนี้ ชัดเจนว่าระหว่างการเดินทางมาที่นี่คงไม่มีการพักผ่อนใด ๆ

“กลับบ้านกับฉัน อย่าทำให้ตระกูลอดัมขายหน้าอีก!” แม้เสียงของท่านเคานต์อาวุโสจะราบเรียบแต่กลับดุดันอย่างมากซึ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ข้างในของเธอว่ากำลังโกรธมากแค่ไหน

แต่ด้วยสถานะความเป็นคนชนชั้นสูง ต่อให้โกรธจนอยากฆ่าคนแต่ต่อหน้าสาธารณชนก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ รอไม่มีใครอยู่ค่อยฆ่า!

ในที่สาธารณะคนชนชั้นสูงจะต้องรักษารอยยิ้มมีมารยาทอยู่ตลอดเวลา เสียงไม่สูงไม่ต่ำมาก ทำอะไรไม่รีบเร่งไม่ชักช้าเกินไป การทานอาหารจะต้องให้อิ่มท้องเพียงครึ่งเดียวเสมอ สิ่งสำคัญที่สุดห้ามเสียมารยาทจนตกเป็นที่หัวเราะเยาะของคนนอก

ท่านเคานต์อาวุโสสั่งสอนเซียวเซ่อเช่นนี้มาตลอด

เมื่อก่อนเซียวเซ่อเชื่อฟังทุกอย่างแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกต่อต้านน้ำเสียงของคุณย่าอย่างมากซึ่งเป็นการต่อต้านที่มาจากใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ ออกมาครั้งแรก

“ไม่ หนูรับปากเพื่อนว่าจะถ่ายรายการนี้ก็ต้องรอถ่ายรายการให้เสร็จก่อน ท่านสั่งสอนหนูมาตั้งแต่เด็กว่าในฐานะตระกูลชั้นสูง การรักษาสัจจะคือมารยาทขั้นพื้นฐาน” เซียวเซ่อพูดเสียงเรียบ

ท่านเคานต์อาวุโสตกใจมองหลานสาวอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะนี้เธอถึงเพิ่งจะสังเกตว่ายัยหนูในวันวาน ตอนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังเรียนรู้ที่จะท้าทายอำนาจเธอแล้ว!

ไฟโทสะภายในใจพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง ท่านเคานต์แค้นใจจนนึกอยากพุ่งขึ้นไปกระชากตัวหลานสาวลงมาแล้วค่อยตบหน้านักร้องบ้านั่นอีกสักฉาดสองฉาดใหญ่!

ชายสกุลสยงนี่ยอดเยี่ยมแค่ไหนเธอไม่สนใจหรอก ขอแค่เขาเป็นชาวฮวาเซี่ย ท่านเคานต์อาวุโสก็จะไม่มีวันอนุญาตให้เกิดงานแต่งงานนี้ขึ้นเด็ดขาด

ยิ่งกว่านั้นด้วยอาชีพของสยงมู่มู่ยังเป็นอาชีพนักร้องที่ท่านเคานต์อาวุโสรังเกียจที่สุด เธอดูถูกดูแคลนดาราในวงการบันเทิงทุกคน คิดว่าดาราพวกนี้เป็นเพียงตัวตลกที่ต้องการสร้างความสนใจจากผู้คนเท่านั้น หลานสาวเคานต์อดัมอย่างเธอจะแต่งงานกับตัวตลกแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

ต่อให้ไฟโทสะมีมากแค่ไหนแต่ท่านเคานต์อาวุโสก็ข่มอารมณ์ไว้ได้ เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “ดีมาก ฉันจะรอเธอถ่ายรายการเสร็จ หวังว่าเธอจะไม่พูดคำโง่ ๆอะไรที่เป็นการหยามชื่อเสียงตระกูลอดัมล่ะ!”

เซียวเซ่อสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สองมือกำหมัดแน่น ตระกูลอดัมอีกแล้ว เอาแต่พร่ำพูดถึงแต่ชื่อเสียงของตระกูลอดัมที่เธอได้ยินบ่อยเสียจนหูชาไปหมด!

เธอคิดว่าในใจของคุณย่าชื่อเสียงตระกูลอดัมสำคัญกว่าชีวิตเธอด้วยซ้ำ!

“คุณย่า…ขอโทษที่ต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!”

เซียวเซ่อค่อย ๆหันกลับไปมองสยงมู่มู่ที่ทำหน้าตื่นตระหนกแล้วกล่าวว่า “ฉันตกลง!”

…………………………..

ตอนที่ 2838 เสียงคัดค้านของท่านเคานต์อาวุโส

ขณะที่สยงมู่มู่เห็นท่านเคานต์อาวุโสหัวใจที่ร้อนรุ่มดั่งถูกไฟแผดเผาก็เย็นเฉียบ ความผิดหวังอันเย็นยะเยือกทำเขาแทบทรงตัวไม่อยู่ ความรู้สึกอยากร้องไห้ตีตื้นขึ้นมา อยากร้องไห้จัง!

เห็นอยู่ว่าชัยชนะอยู่ตรงหน้าแค่เอื้อมแต่กลับถูกกระชากกลับไปก่อนปลดแอกอีกครั้ง

ไม่สิ กลับไปสู่สังคมยุคศักดินาต่างหาก

ท่านเคานต์อาวุโสจะต้องกักขังหน่วงเหนี่ยวเซียวเซ่อไม่ให้เธอออกจากบ้านแน่ เมื่อก่อนยายแก่นี่ก็เคยทำมาแล้ว ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์สิ้นดี!

แต่พอได้ยินคำว่า ‘ฉันตกลง’ ของเซียวเซ่อสยงมู่มู่ก็สูดจมูก แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?

“เจ้าอ้วน ส่งมือมาให้ฉัน!” สยงมู่มู่พึมพำคนเดียว อู่เชาที่ยังมึนอยู่ด้วยนิดหน่อยก็ยื่นแขนอวบไปโดยไม่ทันคิด

สยงมู่มู่จับแขนยัดปากแล้วกัดอย่างสุดแรงเกิด อู่เชาอ้าปากกว้างส่งเสียงร้องโหยหวนแต่เพิ่งหลุดเสียงไปก็รีบกลั้นเสียงเอาไว้ เค้นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดตอนร้องไห้ออกมาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

เขาเป็นพิธีกร เป็นพิธีกรชื่อดัง แม้ไม่ได้เรียนจบสายตรงมาแต่มีความเป็นมืออาชีพ ต่อให้แขนหักเขาก็จะเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม

จะปล่อยให้พิธีกรที่จบสายตรงคนอื่น ๆได้มีโอกาสหัวเราะเยาะเย้ยเขาไม่ได้เด็ดขาด!

“ไม่ร้องเหรอ? หรือว่ากำลังฝันอยู่?”

พอสยงมู่มู่ไม่ได้ยินเสียงร้องก็ใจแป้ว กำลังฝันอยู่จริง ๆสินะ เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าอยู่ดี ๆคงไม่มีของดีตกลงมาจากฟ้าได้หรอก

“ฝันบ้าอะไรของนาย เดี๋ยวหยิกนายให้ตายเลย!” อู่เชาชักแขนกลับแล้วนวดหลังมืออวบนุ่มนิ่มบริเวณที่มีรอยฟันสองแถวลึก ๆอย่างปวดใจแทบแย่จนทำได้แค่ตามหยิกตัวสยงมู่มู่แรง ๆสักที

“โอ๊ย…”

สยงมู่มู่ไม่จำเป็นต้องรักษาความเป็นมืออาชีพของงานพิธีกรเลยแหวเสียงร้องออกมา ไม่นานเขาก็ตะโกนด้วยความตกใจ “เซียวเซ่อเมื่อกี้เธอบอกฉันว่าตกลงใช่ไหม? เธอตกลงแล้ว…ฮ่า ๆ…”

เซียวเซ่อขมวดคิ้วอย่างรังเกียจทีหนึ่ง จู่ ๆก็นึกเสียใจขึ้นมา

เธอต้องแต่งงานกับเจ้าโง่นี่จริงหรือ?

ชีวิตในอนาคตจะวุ่นวายไม่เป็นอันสงบสุขหรือเปล่านะ?

เสียงปรบมือดังกราวขึ้นจากใต้เวทีราวกับคลื่นซัดเข้าฝั่ง แม้แต่บรรดานักข่าวก็มอบคำอวยพรให้จากใจจริง เรื่องดี ๆอย่างคนสมหวังด้านความรัก พวกเขาย่อมดีใจแทนอยู่แล้ว

“ฉันไม่อนุญาต เซียวเซ่อเธอกำลังสร้างปัญหาอยู่ งานแต่งนี้ฉันไม่อนุญาตเด็ดขาด!”

ท่านเคานต์อาวุโสไม่สนใจบุคลิกผู้ดีอีกต่อไป อารมณ์โกรธกำลังพลุ่งพล่านและเธอจะไม่มีวันอนุญาตให้หลานสาวแต่งงานกับผู้ชายชาวฮวาเซี่ยเฮงซวยเด็ดขาด

ชายชาวฮวาเซี่ยมีแต่คนหลอกลวงมักใช้คำรักหวาน ๆมาหลอกล่อให้ผู้หญิงกระโดดเข้ากองไฟอย่างสมยอมใจ เธอเคยหลงผิดมาแล้ว แล้วจะปล่อยให้หลานสาวถูกหลอกต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร!

ผู้กำกับรายการตกใจแทบแย่รีบวิ่งมาถามว่าอู่เชาเกิดอะไรขึ้น “คุณยายชาวต่างชาติคนนี้คือท่านเคานต์จริงเหรอ?”

“แน่นอน ท่านเคานต์อดัมเพื่อนสนิทของราชินี ตัวจริงแท้แน่นอน” อู่เชากลอกตาทีหนึ่ง ท่านเคานต์จะกล้ามีคนปลอมแปลงได้หรือไง

ผู้กำกับถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย ทั้งตื่นเต้นและเสียใจ จุดขายดีแบบนี้ถ้าได้ฉายออกไปคิดว่าเรตติ้งคงทะลุสถิติในประวัติศาสตร์เลย แต่เขาไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการจึงได้แต่หวังว่าเบื้องบนจะอนุญาต แต่ดูท่าทีความหวังคงริบหรี่

เซียวเซ่อหันมาสบตากับคุณย่าอย่างกล้าหาญแล้วพูดเน้นทีละคำ “คุณย่า หนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว งานแต่งงานของหนูหนูตัดสินใจเองได้”

“ฉันไม่ต่อต้านที่เธอจะมีรักที่อิสระ ยกเว้นแต่ชายชาวฮวาเซี่ย เธอจะหาแฟนจากประเทศไหนก็ได้เว้นแต่ชายชาวฮวาเซี่ย!” ท่านเคานต์เชิดคางมองอย่างเย่อหยิ่ง สายตาที่มองไปทางสยงมู่มู่แฝงด้วยความดูถูกดูแคลนอย่างไม่คิดจะปิดบัง

ต่อให้ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ชาวฮวาเซี่ยเธอก็ไม่ชอบใจอยู่ดี เป็นถึงผู้ชายแต่หน้าตากลับเย้ายวนยิ่งกว่าผู้หญิง ไม่เข้าท่าเลย!

ผู้ชายคนนี้เป็นที่พึ่งอันแข็งแกร่งแก่หลานสาวเธอไม่ได้ จะให้แต่งงานไปแล้วใช้ชีวิตลำบากหรือไง?

ท่านผู้เฒ่าเซียวเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตจนนิ่งเป็นตอไม้ เขามองตาค้างตั้งแต่ท่านเคานต์อาวุโสเอ่ยปากในทีแรก

…………………

Related

ตอนที่ 2835 สารภาพรัก

เซียวเซ่อสีหน้าเรียบนิ่งมาตลอด ไม่ทุกข์ไม่สุขดูไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่พอเธอได้ยินอู่เชาบอกว่าสยงมู่มู่ฉลาดขึ้นมาบ้างก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางเสมองไปทางสยงมู่มู่ที่กำลังหัวเราะแก้เขินแวบหนึ่งก็ย่นคิ้วหนักกว่าเดิม

ทำไมเธอมีความรู้สึกเหมือนขึ้นเรือโจรเลยนะ?

“อู่เชานายอย่าพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องให้มันมาก เลือกพูดแต่เรื่องสำคัญ ๆพอ” เซียวเซ่ออดตำหนิไม่ได้

“ก็กำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่นี่ไง เซียวเซ่อเธอกับมู่มู่ยืดเยื้อกันมาตั้งหลายปีความสัมพันธ์ไม่กระจ่างชัดเจนสักที ถึงเวลาต้องทำให้มันชัดเจนแล้วหรือเปล่า? ถือโอกาสที่วันนี้มีผู้ชมมากมายรวมถึงผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย เราก็สะสางให้มันชัดเจนไปเลยสิ!”

อู่เชาเพิ่งพูดจบจ้าวอิงหนานก็ลุกขึ้นยืนตะโกนเสียงดัง “ความคิดนี้ดี สยงมู่มู่ถ้าครั้งนี้แกยังจัดการไม่ได้ หลังจากนี้อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ไอ้คนไม่เอาถ่าน!”

ทุกคนทำหน้างุนงง นี่กำลังทำอะไรกันอยู่?

ไหนว่าจะยืนยันความบริสุทธิ์กับข่าวอื้อฉาวไม่ใช่หรือ?

แต่ตอนนี้ยิ่งออกนอกเรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ผู้ปกครองยังออกหน้าแล้ว หรือว่าเดี๋ยวจะมีการขอแต่งงานเกิดขึ้นงั้นเหรอ?

สยงมู่มู่อ้ำอึ้งไม่ปริเสียงอยู่พักใหญ่จนอู่เชาเตะใส่ทีหนึ่งด้วยความโกรธชนิดที่ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์พิธีกรของเขาอีกแล้ว อู่เชาตะคอกเสียงต่ำ “ฉันสร้างโอกาสให้นายแล้วนะ ถ้านายยังไม่กล้าอีกก็ครองโสดไปตลอดชีวิตเถอะ!”

“ฉัน…ฉันรู้สึกลนนิดหน่อย…” สยงมู่มู่หน้าผากและแผ่นหลังผุดเต็มไปด้วยเหงื่อและขาสั่นพั่บ ๆ

“ลนบ้าอะไร รีบเลย!” เหมยเหมยเองก็ชักมีน้ำโหเลยฟาดใส่ทีหนึ่งจนเกิดเสียงดังกังวาน เหล่าผู้ชมได้ยินก็ชะงักงันไป เชื่อในความสัมพันธ์ของเหมยเหมยกับสยงมู่มู่อย่างไม่มีข้อข้องใจใดอีก

มั่นใจว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ ๆอย่างไม่ต้องสงสัย ฟังจากแรงที่ฟาดไปถ้าไม่ใช่ญาติแท้ ๆคงทำใจฟาดไม่ลง!

สยงมู่มู่เรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ยัย…”

เพิ่งเกริ่นได้คำเดียวเหมยเหมยก็โกรธจนฟาดใส่อีกทีหนึ่ง “เรียกชื่อ!”

ผู้หญิงคนไหนจะชอบให้คนอื่นเรียกตัวเองว่ายัยทอมกันล่ะ สยงมู่มู่กำลังรนหาที่ตายอยู่ชัด ๆ!

“เอ่อ…เซียวเซ่อ ฉะ…ฉัน…ฉันรักเธอ!”

ประโยคสุดท้ายสยงมู่มู่พูดด้วยภาษาฝรั่งเศสเพราะเขาเขินเกินกว่าจะใช้ภาษาอังกฤษกับภาษาจีนพูดออกมาได้ การใช้ภาษาฝรั่งเศสจะช่วยให้เขาไม่รู้สึกกดดันเกินไป เหมยเหมยที่ได้ยินเข้าก็มึนไปชั่วขณะพลางมองไปทางอู่เชา อู่เชาฟังไม่รู้เรื่องเช่นกันจึงส่ายหน้าไปมา

ผู้ชมด้านล่างเวทีก็ไม่เข้าใจ นี่พูดภาษาอะไรกันเนี่ย?

ท่านผู้เฒ่าเซียวกระตุกยิ้มมุมปากแล้วกระซิบข้างหูชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่นั่งข้าง ๆ หนุ่มวัยรุ่นตาวาวลุกยืนตะโกนเสียงดัง “มู่มู่บอกว่าฉันรักเธอเป็นภาษาฝรั่งเศส เขากำลังสารภาพรัก!”

“ว้าว…โรแมนติกจัง…”

เหล่าหญิงสาวดวงตาระยิบระยับ รายการนี้จะถูกถ่ายทอดออกอากาศไปทั่วประเทศก็เท่ากับสารภาพรักต่อหน้าคนทั้งประเทศ ไม่คิดว่ามู่มู่จะโรแมนติกขนาดนี้!

เซียวเซ่อสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆแต่เธอกำลังกำหมัดแน่น บางจุดในหัวใจลึก ๆกำลังหลอมละลายแล้วยกยิ้มมุมปากนิด ๆที่หากไม่สังเกตคงไม่เห็น

“เซียวเซ่อ…ฉันรักเธอมาก!”

ทุกอย่างยากที่เริ่มต้น หากมีหนึ่งก็ต้องมีสอง คราวนี้สยงมู่มู่ใช้ภาษาเยอรมันเอ่ยอีกประโยคหนึ่ง ยังคงเป็นชายหนุ่มคนก่อนหน้าที่ตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น “นี่เป็นภาษาเยอรมันแปลว่าฉันรักเธอมาก!”

“เซียวเซ่อ…แต่งงานกับฉันนะ?” ภาษาอิตาลี

“หลังจากนี้ฉันจะไม่เรียกเธอว่ายัยทอมอีกแล้ว!” ต่อด้วยภาษาญี่ปุ่น

……

ภายใต้การช่วยเหลือของท่านผู้เฒ่าเซียวทำให้ชายหนุ่มวัยรุ่นผันตัวเป็นล่ามแปลผู้มีความสามารถรอบด้าน ทำการแปลประโยคบอกรักของสยงมู่มู่ทั้งหมดจนได้รับสายตาชื่นชมจากเหล่าหญิงสาว

ในเวลาเดียวกันยังมีหญิงชราชาวต่างชาติสีหน้าเคร่งขรึมคนหนึ่งกำลังเดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ซึ่งดูท่าทางไม่พอใจอย่างมาก

……………………………….

 ตอนที่ 2836 ฉันอยากได้เธอมาเป็นภรรยา

เซียวเซ่อตกใจกับคำสารภาพรักของสยงมู่มู่เลยไม่ทันตั้งตัวในชั่วขณะ ทั้งยังรู้สึกว้าวุ่นใจไม่รู้ควรทำอย่างไรดี

เหมยเหมยก็ตกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะชี้แจงเรื่องข่าวลือให้กระจ่าง แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นสถานที่ขอแต่งงานไปได้ล่ะ?

เธอเดินไปข้างอู่เชากระทุ้งศอกใส่เขาแรง ๆทีหนึ่งถามทางสายตา อู่เชายิ้มอย่างได้ใจกัดฟันพูดเสียงเบา “เซอร์ไพรส์ไหม? น่าตกใจไหมล่ะ?”

เหมยเหมยกระจ่างแจ้งในทันที เห็นทีสองคนนี้ปรึกษากันมาแล้วนี่เอง มีเพียงเธอกับเซียวเซ่อที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ความคิดนี้ก็ไม่เลวจริง ๆแต่กลับดูสุ่มเสี่ยงไปสักหน่อย!

“ถ้าเซ่อเซ่อไม่ตกลงจะทำอย่างไร? สยงมู่มู่ก็ต้องขายหน้าต่อหน้าคนทั้งประเทศเลยนะ?” เหมยเหมยนึกกังวลใจอย่างมาก

อู่เชามีท่าทีเรียบนิ่งยิ้มตาหยีประสานมือวางบนหน้าท้องกลมกลึง “ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นฉันค่อยให้คนตัดต่อตัดฉากนี้ออกก่อนออกอากาศ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่ายัยทอมต้องตกลงแน่ ๆ ไม่เห็นหรือไงว่าหล่อนทำหน้าเคลิ้มแล้วน่ะ!”

เขากับสยงมู่มู่ฝึกซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะสายตาที่เขาได้ออกแบบสายตาลึกซึ้งให้สยงมู่มู่เป็นพิเศษ มองด้วยมุมที่พอจะสบตากับอีกฝ่ายแล้วยังจู่โจมด้วยคำบอกรักจากภาษาต่าง ๆ…นี่ล้วนแต่ผ่านการทำการบ้านมาหมดแล้ว!

เพื่อการแสดงบนเวทีแค่นาทีเดียว เบื้องหลังต้องฝึกซ้อมอย่างหนักไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง!

สยงมู่มู่พยายามรื้อฟื้นความทรงจำหาคำบอกรักภาษาอื่นอย่างสุดความสามารถ ยังมีอะไรอีกนะ แต่ด้วยความตื่นเต้นเกินเหตุทำให้คำบอกรักด้วยภาษาที่หลากหลายนี้สับสนปั่นป่วนกันอยู่ในหัว

“เอ่อ…ฉันอยากได้เธอมาเป็นเหล่าปู้ (ฉันอยากได้เธอมาเป็นเมีย!)”

สยงมู่มู่ที่คิดอะไรไม่ออกก็เผลอหลุดภาษาท้องถิ่นบ้านเกิดตัวเองออกมาด้วยความร้อนใจ คำว่าภรรยาที่เมืองจินออกเสียงเป็นเหล่าปู้ ผู้ชมด้านล่างเวทีจะเข้าใจได้อย่างไรพลางคิดว่านี่มันภาษาประเทศไหนกัน?

ทุกคนต่างมองไปยังชายหนุ่มวัยรุ่นที่รอบรู้เรื่องภาษาประเทศต่าง ๆหวังว่าเขาจะช่วยแปลให้ได้ ชายหนุ่มหันกลับไปมองท่านผู้เฒ่าเซียว ท่านผู้เฒ่าเซียวไม่มีปัญหาด้านการแปลภาษาต่างประเทศ แต่ภาษาท้องถิ่นความหมายลึกซึ้งแต่ละที่ในฮวาเซี่ยเขาช่วยไม่ได้จริง ๆ

เหล่าผู้ชมถอนหายใจอย่างผิดหวังแต่มีผู้ชมหลายคนเป็นคนเมืองจินกลับฟังรู้เรื่องเพียงแต่ไม่ทันตั้งตัวในทีแรกจึงปล่อยให้ห้องส่งเกิดความเงียบค้างสามวินาที บรรยากาศเงียบสงัดเสียจนได้ยินเสียงหายใจของทุกคน

เซียวเซ่อก็ไม่เข้าใจภาษาท้องถิ่นบ้านสยงมู่มู่เลยกะพริบตามองปริบ ๆ เจ้าหน้าหวานนี่ไปเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มใหม่ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

อู่เชาถลึงตามองสยงมู่มู่ที่ไม่ได้ถ่านแวบหนึ่ง เขาเตรียมบทพูดมาตั้งเยอะ ภาษาอังกฤษฝรั่งเศสเยอรมันญี่ปุ่นสเปน…แทบจะครบทุกประเทศในยุโรปอยู่แล้ว หากกล่าวตามบทสุดโรแมนติกที่ท่องจำมารับรองว่าเซียวเซ่อต้องซาบซึ้งใจจนโผเข้ากอดอย่างแน่นอน แต่เจ้าคนไม่เอาไหนดันลืมบทเสียได้!

เขาเตรียมจะให้คำใบ้สักนิดแต่จ้าวอิงหนานที่นั่งอยู่ข้างล่างหมดซึ่งความอดทน สองมือป้องปากตะโกนเสียงดัง “เซ่อเซ่อ มู่มู่บอกว่าอยากได้เธอมาเป็นเมีย!”

สยงมู่มู่หันไปมองแม่ตัวเองอย่างนึกขอบคุณแวบหนึ่ง นี่เป็นแม่แท้ ๆแน่นอน แม่พระมาโปรดชัด ๆ!

พอได้ฟังคำสารภาพรักอย่างตรงไปตรงมามากมาย ต่อให้เซียวเซ่อจะใจแข็งเป็นหินก็มีวันที่ใจอ่อนสักวัน ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของเธอไม่ได้แข็งปานนั้นหรืออาจจะบอกได้ว่าทั้งคู่ต่างถูกใจกันอยู่แล้ว นี่เลยทำให้เซียวเซ่อใจเต้นตึกตักหวั่นไหวนานแล้ว

แต่เธอยังไม่กล้าตอบตกลง ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่ด้วยความกลัวต่อชีวิตสมรสตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมามันฝังเข้ากระดูก ทำให้เธอไม่อาจเอาชนะความกลัวในใจได้ในชั่วขณะ

เซียวเซ่อทำหน้าลังเลที่ทำเอาสยงมู่มู่ใจหล่นวูบ พวกเหมยเหมยตื่นเต้นยิ่งกว่าจนมือสองข้างลำตัวเผลอกำหมัดแน่น

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม เหล่าผู้ชมต่างตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตอบตกลง…ตอบตกลง…”

……………………

Related

ตอนที่ 2833 แฟนคลับที่เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น

เซียวเซ่อพาตัวเองมานั่งข้างเหมยเหมยบนโซฟาขณะที่อีกข้างของเหมยเหมยคือสยงมู่มู่ เธอนั่งคั่นตรงกลางระหว่างคู่กัดคู่นี้ส่วนอู่เชานั่งตรงข้ามพวกเขา

ผู้ชมด้านล่างเวทีเห็นใบหน้าด้านตรงของเซียวเซ่อที่ถูกแสงไฟสาดส่องให้เห็นโฉมหน้าเธอได้อย่างชัดเจน คนที่สายตาดีถึงขั้นเห็นรูขุมขนบนผิวหน้าเนียนของเธอซึ่งสร้างความตกตะลึกให้แก่ทุกคนถ้วนหน้า

แม้เซียวเซ่อจะแต่งตัวยูนิเซ็กส์แต่หน้าตาของเธอก็มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นเรื่อย ๆหลังจากโตขึ้น ถ้าเธอไว้ผมยาวแม้จะใส่ชุดผู้ชายก็ไม่มีใครเข้าใจเธอผิดว่าเป็นผู้ชายอีกแล้ว

ถึงโฉมหน้าของเธอเทียบเหมยเหมยที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนไม่ได้แต่กลับดูสวยไปอีกแบบ ดวงตากลมโตเรียบนิ่งดั่งผืนมหาสมุทรที่ลุ่มลึกยากจะคาดเดาและมองไม่เห็นก้นบึ้งของมัน ผิวขาวละเอียดจมูกโด่ง ปากเล็กกระจับและขนตาหนาเข้ม ผมเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ ไม่มีใครสงสัยในความงดงามของเธอเลย

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ต่อให้เธอเป็นผู้หญิง ไม่ใช่รุก ฉันก็ไม่คัดค้านให้เธอคบกับมู่มู่” มีแฟนคลับสาวคนหนึ่งจากที่นั่งฝั่งผู้ชมพึมพำคนเดียว

เพื่อนของเธอก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งเช่นกัน แววตาเคลิบเคลิ้มมองเซียวเซ่ออย่างหลงใหล “ฉันก็เปลี่ยนใจแล้วเหมือนกัน หลังจากนี้คุณหนูอดัมจะเป็นไอดอลอันดับหนึ่งของฉัน มู่มู่คืออันดับสองแล้ว…คุณหนูอดัมมีบุคลิกที่ควีนมาก ฉันรักเธอมากเหลือเกิน!”

“ฉันก็เหมือนกัน…ฉันฝันอยากเป็นอย่างเธอเพราะมีความน่าเกรงขามจากภายในสู่ภายนอก ทุกอิริยาบถมันช่างน่าหลงใหล…หัวใจของฉันเต้นดังตึกตัก ๆ…รอถึงช่วงพักฉันจะไปขอลายเซ็นคุณหนูอดัม”

“ฉันด้วย…ฉันจะขอถ่ายรูปคู่กับคุณหนูอดัมด้วย…”

“ฉันรู้สึกว่าคุณหนูอดัมไม่ควรแต่งงานกับผู้ชายคนเดียว เธอควรสร้างฮาเร็มแล้วรวบรวมหนุ่มหล่อจากทั่วทุกมุมโลกมาอยู่ด้วยกัน ทั้งคนผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวน้ำตาล…อย่างน้อยก็สักเจ็ดคนสิ วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์สลับเวียนไปวันละคน…”

“ไม่…อย่างน้อยต้องยี่สิบห้าคนถึงจะดี ตัดไปห้าวันที่ประจำเดือนมา เวลาที่เหลือก็พลอดรักเรียงคนเลย…”

“…เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวเราเสนอความเห็นกับคุณหนูอดัมแล้วกัน อย่าให้เธอต้องทอดทิ้งป่างดงามทั้งผืนเพื่อหญ้าเพียงต้นเดียว ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย!”

……

กลุ่มผู้ชมที่เดิมทีควรเป็นแฟนคลับตัวยงของสยงมู่มู่กลับเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นหลังได้เห็นใบหน้าตรงของเซียวเซ่อเพียงแวบเดียว พวกเขาหลงรักเซียวเซ่อที่มีบุคลิกความเป็นควีนจนหลงลืมสยงมู่มู่ไปเลย

หัวใจผู้หญิง…เปลี่ยนไวยิ่งกว่าอากาศในเดือนมิถุนายนเสียอีก!

เหมยเหมยจงใจเอ่ยกับอู่เชาว่า “ทำไมนายไม่แนะนำสถานะของฉันล่ะ มัวแต่แนะนำเซ่อเซ่ออยู่นั่น”

ทุกคนถึงค่อยเบี่ยงเบนความสนใจไปที่เหมยเหมยพลางอดอิจฉาสยงมู่มู่ในเรื่องผู้หญิงไม่ได้ คู่กรณีข่าวอื้อฉาวแต่ละคนมีแต่สวยขึ้นเรื่อย ๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงที่เหมยเหมยคุยกับอู่เชาคาดว่าคงจะสนิทสนมกันพอตัว

อู่เชาพูดกลั้วหัวเราะ “อย่าเพิ่งรีบร้อนสิกำลังจะเริ่มแล้วนี่ไง แขกรับเชิญคนสวยท่านนี้ผมก็ต้องขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อย เธอชื่อจ้าวเหมยเป็นลูกพี่ลูกน้องของมู่มู่ ลูกพี่ลูกน้องจริง ๆนะ…ทุกคนฟังให้ชัดเจนล่ะ ถึงเวลานั้นอย่าเขียนข่าวว่าเป็นน้องสาวชู้รักอะไรมั่วซั้วล่ะ…”

มีเสียงหัวเราะดังครืนจากด้านล่างเวที โดยเฉพาะนักข่าวเหล่านั้นที่ทำหน้ายิ้มแหย

“จ้าวเหมยท่านนี้ก็เป็นน้องสาวของผมเหมือนกัน ถึงไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่เราเติบโตมาด้วยกัน ผมเห็นเธอเป็นน้องสาวมาตลอด ฉะนั้นหลังจากนี้พวกคุณอย่าเขียนข่าวมั่ว ๆว่าเป็นรักสี่เศร้าอะไรนั่นอีก ทุกครั้งที่เห็นข่าวที่พวกคุณเขียนผมรู้สึกไม่ดีเลย อีกอย่างผมกลัวน้องเขยผมจะตามฆ่าผมด้วย!”

อู่เชากึ่งพูดกึ่งล้อเล่นช่วยกระตุ้นบรรยากาศให้ดูคึกคักขึ้น ผู้ชมต่างอารมณ์ลื่นไหลไปตามเขา

……………………………….

 ตอนที่ 2834 ในที่สุดก็คิดได้สักที

เหมยเหมยยิ้มเอ่ย “ฉันกับสามีของฉันรักกันดี ลูกสาวอายุสี่ขวบแล้วและกำลังมีลูกคนที่สองด้วย ภาพที่โรงพยาบาลที่นักข่าวตามถ่ายทั้งสองครั้งล้วนเป็นตอนไปตรวจครรภ์ สยงมู่มู่กับเซ่อเซ่อไปเป็นเพื่อนฉันเท่านั้นเอง เราสี่คนคือเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ”

เธอใช้คำว่ามาก ๆและเน้นเสียงหนักเพื่อสื่อถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของพวกเขา

อู่เชาพูดคล้อยตาม “ใช่แล้ว เราสี่คนสนิทสนมคุ้นเคยกันมากเหมือนครอบครัวเดียวกัน อีกอย่างนามปากกาผมเหมยเหมยยังเป็นคนแต่งให้ด้วยซ้ำ บอกได้ว่าถ้าไม่ได้กำลังใจกับแรงสนับสนุนของเหมยเหมยก็คงไม่มีผมในทุกวันนี้ เธอเป็นทั้งเพื่อนและอาจารย์ที่ดีของผมเลย”

“อย่าพูดอย่างนั้น ฉันแค่จุดประกายนิดหน่อย สิ่งสำคัญก็ยังต้องอาศัยความสามารถของตัวนายเองด้วย” เหมยเหมยแอบรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะชาติที่แล้วเธอไม่ได้ตักเตือนอู่เชา แต่เขาก็ไปได้ดีในวงการศิลปะวัฒนธรรมกับวงการบันเทิงแบบนี้เช่นกัน

แต่ชาตินี้อู่เชามีชื่อเสียงก่อนหลายปี ทั้งยังมากกว่าชาติที่แล้วมากโข

สยงมู่มู่แอบร้อนใจคนเดียวแล้วพยายามส่งสายตาไปทางอู่เชา ไหนล่ะท่าไม้ตาย?

กระทั่งตอนนี้ยังมัวแต่คุยกับเหมยเหมยจนลืมเรื่องของเขาไปแล้ว เจ้าอ้วนไม่แยกแยะเรื่องหลักเรื่องรองเลย!

อู่เชาแสร้งทำเป็นไม่เห็นแต่กลับหัวเราะในใจ เขาพูดอีกว่า “ความจริงเหมยเหมยยังมีอีกหนึ่งสถานะ พวกคุณคงจะเคยได้ยินกันมาบ้าง มีหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ดังมากในสิบปีก่อน พวกคุณยังจำได้ไหม?”

“รู้…เจ้าหญิงอัปลักษณ์!”

บรรดาผู้ชมตื่นเต้นกันในฉับพลันโดยเฉพาะหญิงสาวที่อายุยังน้อย ๆกันอยู่ จนตอนนี้พวกเธอยังอ่านการ์ตูนเล่มนี้อยู่เลย!

“ใช่แล้ว เหมยเหมยก็คือผู้สร้างเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์และเป็นโปรดิวเซอร์ละครชื่อเดียวกันด้วย ขณะเดียวกันเธอก็เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมมาก ๆคนหนึ่ง เธอเป็นหลานสาวของอาจารย์เหยียนตานชิง คุณแม่เป็นศิลปินชื่อดังเหยียนซินหย่า อีกทั้งเหมยเหมยยังก่อตั้งมูลนิธิกระโปรงแดงเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวและปกป้องสิทธิสตรีอีกต่างหาก”

อู่เชาแนะนำประวัติของเหมยเหมยจนได้เสียงปรบมือกราวจากด้านล่างเวที เหมยเหมยลุกยืนโค้งตัวให้พร้อมแอบภูมิใจอยู่ลึก ๆ

จะว่าไปชาตินี้เธอค่อนข้างประสบความสำเร็จด้านการงานและครอบครัวซึ่งรักใคร่กลมเกลียวกันดี ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วสินะ!

คนที่ตกใจยิ่งกว่ากลับเป็นเหล่านักข่าว ในที่สุดพวกเขาก็จำพื้นหลังอันแสนลึกลับของเหมยเหมยได้สักที ได้ข่าวว่าสามีเป็นข้าราชการระดับสูงที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา หลายปีก่อนเพราะจ้าวเหมยท่านนี้ทำให้สำนักพิมพ์หลายแห่งถูกปิดตัวลง ล้วนเป็นความดีความชอบของสามีเธอทั้งสิ้น

ไม่คิดว่าเพื่อนของสยงมู่มู่จะเป็นคนใหญ่โตกันทุกคนเลย!

แต่พวกเขานึกถึงเบื้องหลังสีแดง[1]ของสยงมู่มู่ก็ไม่คิดจะแปลกใจแล้ว สังคมชนชั้นสูงอยู่ไกลชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขาจนไม่อาจเอื้อมถึง!

อู่เชาให้ผู้ช่วยหยิบหมอนอิงมาหลาย ๆใบเพื่อให้เหมยเหมยใช้รองตัวเอาไว้ “ตอนนี้เธอเป็นบุคคลที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างดี ผมเลยต้องระวังหน่อย”

เขาเหลือบมองสยงมู่มู่ที่นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้แวบหนึ่งก็หัวเราะ พลางกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เข้าสู่เรื่องสำคัญเลย จุดประสงค์หลักของรายการวันนี้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์จากข่าวที่ไม่เป็นจริงเมื่อหลายวันก่อน เมื่อกี้ผมได้เกริ่นความสัมพันธ์ของเราสี่คนไปชัดเจนแล้ว ประเด็นในตอนนี้ก็มาพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเซียวเซ่อกับมู่มู่แล้วกัน!”

ผู้ชมด้านล่างเวทีตื่นตัวทำหูตั้งในทันที

ไม่มีใครสังเกตเห็นคุณตาผมหงอกท่านหนึ่งกำลังเดินเข้ามาเงียบ ๆแล้วหาที่นั่งที่หนึ่งนั่งลงไป ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบรายการ

ท่านผู้นี้ก็คืออาจารย์เซียวเหยียนนั่นเอง เขาได้ข่าวว่าหลานสาวจะออกรายการจึงอาศัยความสัมพันธ์จากคนรู้จักในช่องโทรทัศน์ของเขาแอบย่องเข้ามาเงียบ ๆโดยไม่มีใครรู้

อู่เชาบนเวทีชี้ไปที่เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่แล้วกล่าว “สองท่านนี้มีความสัมพันธ์ที่พิเศษนิดหน่อยหรือจะพูดให้น่าฟังพวกเขาเป็นเพื่อนที่เติบโตกันมาตั้งแต่เด็กรู้จักกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ถือว่าเป็นคู่ขิงก็ราขาก็แรง แต่คนในเหตุการณ์ย่อมไม่รู้ตัว ตัวพวกเขายังไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำ กระทั่งหลายวันก่อนเพื่อนของผมคนนี้ถึงฉลาดขึ้นมาบ้าง”

สยงมู่มู่เกาศีรษะหลังอย่างเคอะเขิน ก็ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!

……………………

Related

ตอนที่ 2831 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

อู่เชาเริ่มเปิดรายการก่อนซึ่งเรียกให้ผู้ชมล่างเวทีปรบมือเสียงดังสนั่น คุณย่าหยางกับพวกจ้าวอิงหนานนั่งอยู่แถวแรก จ้าวอิงหนานเดินทางมาถึงเมื่อวาน สองสามีภรรยาคุณหนูใหญ่เฝิงเพิ่งกลับไปไม่นานเธอก็มาถึงบ้านพอดี

หลังจากจ้าวอิงหนานมาถึงย่อมด่าสยงมู่มู่ไปก่อนยกใหญ่ เธอกับคุณหนูใหญ่เฝิงหลงคิดเหมือนกันว่าสยงมู่มู่ทำเซียวเซ่อท้อง แม้จะดีใจอยู่ลึก ๆแต่ภายนอกก็ต้องแสร้งทำเป็นสั่งสอนจับสยงมู่มู่มารับคำด่าไปยกหนึ่ง

ภายหลังก็เหมือนคุณหนูใหญ่เฝิงทุกประการโดยขอให้สยงมู่มู่ต้องแต่งงานกับเซียวเซ่อ ถ้อยคำเหมือนกันไม่มีผิดราวกับทั้งคู่ปรึกษากันมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ความจริงคุณหนูใหญ่เฝิงกับจ้าวอิงหนานก็ได้ปรึกษากันก่อนหน้านี้แล้วจริง ๆ เดิมทีคิดว่าให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายกดดันพร้อมกันเพื่อแก้ปัญหาชีวิตโสดของลูกชายลูกสาวตัวเอง แต่คุณหนูใหญ่เฝิงเป็นคนใจร้อนไม่รอให้จ้าวอิงหนานมาถึงก็พาเซียวจิ่งหมิงไปก่อน สุดท้ายพอได้ยินว่าคุณย่าของเซียวเซ่อจะมาก็ตกใจจนหนีไปอีกครั้ง แล้วยังจะสนใจจ้าวอิงหนานอีกเสียเมื่อไรกัน

จ้าวอิงหนานก่นด่าคุณหนูใหญ่เฝิงในโทรศัพท์ไประลอกหนึ่ง พึ่งพาไม่ได้มาตั้งแต่เด็กจนแก่ปูนนี้แล้วก็ยังเหมือนเดิม โชคดีที่เซียวเซ่อไม่เหมือนแม่ ลูกสาวเป็นคนหนักแน่นน่าเชื่อถือขนาดไหน

แต่…ประโยคนี้จ้าวอิงหนานก็ต้องขอคืนคำพูดในไม่ช้า

เรื่องยีนนี่เชื่อถือได้จริง ๆ

เหมยเหมยกับสยงมู่มู่เดินขึ้นเวทีช้า ๆตามคำแนะนำตัวของอู่เชา ตั้งแต่ท้องเล่อเล่อมาเหมยเหมยก็ไม่ได้รับสัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อมวลชนมาเป็นเวลาสี่ปีกว่าแล้ว พอห่างหายไปเป็นเวลาหลายปีจึงทำให้เธอไม่ค่อยชินกับแสงไฟเจิดจ้า แต่ไม่นานก็ปรับตัวได้จึงไม่ตื่นกลัวเวทีเท่าไร

อู่เชาเอ่ยแนะนำตัวเสียงดัง “ต่อไปขอเชิญแขกรับเชิญอีกท่านหนึ่ง แขกรับเชิญท่านนี้ผมต้องขอแนะนำตัวอย่างยิ่งใหญ่เพราะเธอคือคู่กรณีในข่าวซุบซิบของมู่มู่มาตลอดหลายปี และเป็นหนึ่งในตัวเอกข่าวรักสี่เศร้าครั้งนี้ เชื่อว่าท่านผู้ชมหลายคนคงสงสัยในตัวเธออย่างมากใช่ไหมครับ?”

เสียงปรบมือก้องกังวาน ผู้ชมต่างเหลียวมองรอบตัวหมายจะตามหาว่าเซียวเซ่ออยู่ที่ใด หลายปีมานี้เซียวเซ่อมีแต่ถูกนักข่าวถ่ายโดนแผ่นหลังหรือใบหน้ามุมข้างเลือนลาง ไม่เคยถูกถ่ายใบหน้าตรง ๆสักครั้งจึงเป็นที่ฉงนของทุกคน

“ขอเชิญคุณหนูอิงกริดแมน อดัม …” อู่เชาเรียกชื่อเต็มของเซียวเซ่อออกมาเสียงดัง

เหมยเหมยชะงักไปทีหนึ่ง จะว่าไปเธอเองก็เพิ่งรู้ชื่อภาษาอังกฤษของเซียวเซ่อ ฟังแล้วค่อนข้างอ่านยากมากทีเดียว!

บรรดาผู้ชมก็นิ่งค้างไปตามกัน พวกเขารู้ว่าคู่กรณีในข่าวอื้อฉาวนั่นเป็นชาวต่างประเทศที่มองจากใบหน้ามุมข้างแล้วเห็นองค์ประกอบบนหน้าเป็นทรง คิ้วเข้มซึ่งไม่ใช่ชาวจีนอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ชาวจีนบริสุทธิ์แต่เพศนี่เห็นท่าจะผิดแล้ว!

พิธีกรเรียกว่าคุณหนู แต่ที่เป็นคู่กรณีในข่าวอื้อฉาวนั่นเป็นเกย์ เป็นผู้ชายแถมยังเป็นฝ่ายรุกด้วย!

เซียวเซ่อเองก็ได้ยินชื่อตัวเองเลยลุกขึ้นยืน เรือนรางสูงโปร่งเป็นที่เตะตาอย่างดี ทุกคนพุ่งเป้าสายตาไปที่ตัวเธอและเห็นแผ่นหลังนั่นพอดี

เหล่าผู้ชมส่งเสียงฮือฮา แผ่นหลังนี้ใช่เลย มาที่ห้องส่งจริง ๆด้วยสิ!

เซียวเซ่อในวันนี้ยังคงแต่งตัวตามปกติ ต่อให้เหมยเหมยหว่านล้อมให้เธอแต่งตัวดูเป็นผู้หญิงสักหน่อยแต่เซียวเซ่อเป็นคนยืดมั่นในความคิดของตัวเองเลยยังคงแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีดำ บวกรองเท้าผ้าใบสีดำเช่นเคย นอกจากนี้ยังหน้าสดมาอีกต่างหาก เพราะเซียวเซ่อไม่ชอบทาอะไรบนหน้าที่สุด

“ใช่แล้ว ผมขอเสริมอีกหน่อย คุณหนูอดัมเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของท่านเคานต์อดัมแห่งสหราชอาณาจักร ฉะนั้นเธอคือว่าที่ท่านเคานต์ในอนาคต ขณะเดียวกันเธอยังเป็น CEO ของแบรนด์อาเกลียที่โด่งดังไปทั่วโลก ยิ่งกว่านั้นยังเป็นหลานสาวของนักอักษรวิจิตรที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกอย่างคุณเซียวเหยียน เป็นลูกสาวสุดรักของศิลปินระดับโลกอย่างคุณเซียวจิ่งหมิง ตัวเธอเองก็เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง ชื่อจีนของเธอคือเซียวเซ่อ ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้ดังกระหึ่มไปเลยครับ!”

อู่เชาแนะนำตัวเซียวเซ่อในครั้งเดียวจบทั้งที่ความจริงยังมีอีกยาวเหยียด แต่ด้วยเวลาที่จำกัดและเพื่อประหยัดน้ำลาย อู่เชาจึงเลือกเฉพาะจุดสำคัญกล่าวแนะนำไป

……………………………..

ตอนที่ 2832 เครื่องบินขับไล่ประจำตระกูลสูงส่ง

ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างทำสีหน้าตกใจและรู้สึกหูเริ่มทำงานบกพร่อง

ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของท่านเคานต์แห่งสหราชอาณาจักรนั่นเป็นถึงตระกูลชั้นสูงอย่างแท้จริง แถมยังถือเป็นเครื่องบินขับไล่บรรดาตระกูลสูงส่งอีกด้วย ไม่แน่อาจมีความสัมพันธ์กับราชินีด้วยอีกต่างหาก!

ตัดเรื่องสถานะของตระกูลชั้นสูงออกไป การเป็นถึง CEO ของอาเกลียก็สุดยอดมากเหมือนกัน อาเกลียเป็นถึงแบรนด์หรูที่มีชื่อไปทั่วโลกซึ่งกิจการภายใต้การดูแลมีทั้งธุรกิจเครื่องเพชร กระเป๋า นาฬิกาข้อมือ เสื้อผ้าแฟชั่น น้ำหอมเป็นต้น ไม่ว่าจะสินค้าชนิดใดก็เป็นสินค้าโปรดปรานของผู้หญิงทั้งนั้น

เป็นดั่งแบรนด์ชาแนลหรือหลุยส์ วิตตองที่ได้รับความชื่นชอบจากเพศหญิงอย่างกว้างขวาง มีผู้หญิงมากมายต้องอดข้าวประหยัดเงินเพื่อจะได้ครอบครองเครื่องเพชรหรือกระเป๋าภายใต้แบรนด์อาเกลียสักชิ้น

แต่กระนั้นแบรนด์อาเกลียเก่าแก่กว่าประมาณหนึ่งซึ่งถือเป็นแบรนด์ประจำของตระกูลชั้นสูงในยุโรปมาตลอด ไม่คิดว่าเจ้าของแบรนด์เองก็เป็นคนชนชั้นสูงด้วยเช่นกัน!

ตัดเรื่องพวกนี้ออกไป สถานะชาวจีนของคุณหนูจากชนชั้นสูงที่หน้าตาคล้ายผู้ชายท่านนี้ก็เป็นที่ตกตะลึงอย่างมาก ท่านผู้เฒ่าเซียวเหยียนเป็นใคร?

นั่นเป็นอาจารย์ระดับชาติเชียวนะ แม้ชีวิตส่วนตัวจะไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไร แต่สิ่งที่เขาทุ่มเทเพื่อวงการศิลปะวัฒนธรรมก็เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก หากชาวต่างชาติได้เอ่ยถึงศิลปินชาวจีนต้องเอ่ยถึงบุคคลสองคน

ท่านหนึ่งคือคุณเหยียนตานชิงที่ล่วงลับไปแล้ว อีกท่านคือท่านผู้เฒ่าเซียวเหยียนนั่นเอง

อีกอย่างลูกชายของท่านผู้เฒ่าเซียวเหยียนก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชื่อเสียงของเซียวจิ่งหมิงไม่ได้เป็นรองพ่อของเขาเลยสักนิด แม้จะค่อนไปทางเชิงพาณิชย์แต่เขาก็มีความสามารถอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นจะตั้งหลักอยู่ในวงการศิลปะระดับโลกอยู่หลายสิบปีก็ยังไม่ล้มได้อย่างไร?

มีผู้ชมบางส่วนเริ่มคิดได้ก็กระซิบกระซาบเสียงเบาว่า “ในปีแรก ๆท่านผู้เฒ่าเซียวที่รักสนุกได้พบรักกับหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูงชาวอังกฤษคนหนึ่งจริง ๆ ได้ยินว่ามีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นที่ฮือฮากันไปทั่ว แต่ตอนนี้คนที่รู้มีกันไม่มากแล้ว”

“ท่านผู้เฒ่าเซียวนี่สร้างหน้าสร้างตาแก่ประเทศชาติมากจริง ๆ คนไม่รักสนุกก็เสียดายชีวิตวัยรุ่น ถ้าฉันมีชีวิตอย่างท่านผู้เฒ่าเซียว ต่อให้อายุสั้นสักสิบปีก็ยอม!”

“ฝันไปเถอะ แกมีความสามารถอย่างท่านผู้เฒ่าเซียวเหรอ?”

……

ทุกคนต่างกระซิบคุยกันเซ็งแซ่และไม่นานประวัติความเป็นมาของเซียวเซ่อก็ถูกเหล่าผู้ชมที่มากความสามารถสืบค้นได้ประมาณหนึ่งแล้ว ความสงสัยต่อรักสี่เศร้าก็จางลงไปไม่น้อย

เขาเป็นถึงคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงแล้วยังเป็นเจ้าของธุรกิจข้ามชาติ วัน ๆมีเรื่องต้องยุ่งมากมายเท่าไร จะมีเวลามายุ่งเรื่องรักสี่เศร้าอีกหรือ?

เซียวเซ่อลังเลชั่วขณะจนในที่สุดก็ก้าวขึ้นเวทีไป ในเมื่อตัดสินใจออกรายการแล้วก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองเปลี่ยนใจอีก

จ้าวอิงหนานที่อยู่ใต้เวทีชักลังเลพลางกระซิบเอ่ยกับคุณย่าหยาง “ทำไมฉันรู้สึกว่ามู่มู่ไม่ค่อยคู่ควรกับเซ่อเซ่อเลย!”

ดูลูกสาวเขาสิว่าเก่งกาจขนาดไหน มียศถาบรรดาศักดิ์ยาวเหยียดที่แทบนับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ลูกชายของเธอเป็นแค่นักร้องที่มีชื่อเสียงเพียงน้อยนิด แถมยังหน้าตาแบบนั้นอีก

เฮ้อ…ถ้าเปลี่ยนเธอเป็นผู้ปกครองฝ่ายหญิงคงไม่มีทางอนุญาตเรื่องแต่งงานคู่นี้แน่ ๆ

ดีที่สองสามีภรรยาคุณหนูใหญ่เฝิงค่อนข้างคุยง่ายจึงไม่รังเกียจลูกชายเธอสักนิด นับว่าพระเจ้าคุ้มครองแล้ว

คุณย่าหยางก็เพิ่งรู้ว่าเซียวเซ่อมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาขนาดนี้ เมื่อก่อนคิดเพียงว่าเป็นลูกหลานเศรษฐีแต่ใครจะคิดว่าเขาไม่ใช่แค่เศรษฐีธรรมดา!

“เหมือนจะนิดหน่อยนะ…เธออย่ากังวลไป ตอนนี้ให้ความสำคัญกับรักอิสระ ขอแค่พวกเขาสองคนถูกใจกันและกันก็พอ ผู้ใหญ่อย่างเราอย่าสอดมือเข้าไปยุ่งเลย อวยพรให้ก็พอ!” คุณย่าหยางพูดปลอบเสียงเบา

เรื่องความรักไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจงใจหลอกลวงหรือมีปัญหาเรื่องพฤติกรรม ไม่อย่างนั้นแค่ดูอยู่ข้าง ๆก็พอ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรือมีชีวิตอย่างสุขสมใจก็คอยดูอยู่ข้าง ๆก็พอเช่นกัน

หากเจอทางตันย่อมหันกลับมาเอง แต่ถ้าชีวิตราบรื่นได้ก็ยิ่งดี นี่เป็นประสบการณ์ที่เธอสรุปได้จากตัวลูกชายและหลานชายคนเล็กของเธอ

………………

Related

ตอนที่ 2829 สู้ไม่ไหว

สยงมู่มู่ซาบซึ้งใจจนน้ำตาน้ำมูกไหลพราก ว่าที่พ่อตาแม่ยายช่างสุดยอดเหลือเกิน นี่มันสวรรค์มาโปรดชัด ๆเลย!

แต่–

เหมยเหมยที่ยืนดูเรื่องสนุก ๆอยู่ข้าง ๆมาตั้งแต่แรกในที่สุดก็หาโอกาสที่จะพูดแทรกได้สักที ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “คุณอาเซียว คุณน้าเฝิง เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วละ เซ่อเซ่อกับสยงมู่มู่ยังไม่มีอะไรกันทั้งนั้น พวกปาปารัสซี่เขียนซี้ซั้วเอง เซ่อเซ่อเพิ่งไปตรวจที่โรงพยาบาลมาหยก ๆยังบริสุทธิ์อยู่เลย!”

เซียวเซ่อเลิกคิ้วเค้นรอยยิ้มชื่นชมให้เหมยเหมยทีหนึ่ง แม้ปกติสมองไม่ค่อยทันคนเท่าไร แต่เวลาสำคัญก็ช่วยได้มากทีเดียว

สยงมู่มู่โกรธจนรีบลุกจากพื้นเดินไปยืนข้าง ๆเหมยเหมยแล้วถลึงตาใส่เธอ ด่าเสียงเบาว่า “ว่างก็ไปช่วยทำกับข้าวที่ครัวไป พูดมากจริง!”

เหมยเหมยไม่กลัวเขาหรอกเลยเถียงกลับไปว่า “ฉันอยู่บ้านฉันอยากพูดอะไรก็พูด นายมายุ่งอะไรด้วย? ไม่พอใจก็ไสหัวกลับบ้านตัวเองไป!”

สยงมู่มู่แค่นเสียงทีหนึ่งด้วยความโมโหแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำอะไรอีก ยัยทอมอยู่ไหนเขาก็จะอยู่ที่นั่น เขาต้องรีบทำคะแนนตอนอยู่ใกล้ ๆ อาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ยึดครองดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์อย่างยัยทอมให้ได้!

คุณหนูใหญ่เฝิงกับเซียวจิ่งหมิงมองหน้ากัน ผ่านไปครู่ใหญ่เพิ่งจะได้สติเลยถามเสียงตกใจว่า “เซ่อเซ่อยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ?”

น้ำเสียงดูตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน โดยเฉพาะคุณหนูใหญ่เฝิงที่เหมือนได้ยินอะไรที่มันน่าเหลือเชื่อ เธอเบิกตาโตจนลูกตาแทบหลุดออกมา แต่คราวนี้คู่กรณีกลายเป็นสยงมู่มู่

“เธออยู่กับเซ่อเซ่อมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ถึงสิบปีหรือยัง?” คุณหนูใหญ่เฝิงซักถาม

สยงมู่มู่พยักหน้ารับและรู้สึกอ่อนยวบที่หัวใจ ไม่คิดว่าเขาจะอยู่เคียงข้างยัยทอมมาตั้งสิบปีแล้ว ชีวิตคนเราจะมีเวลาสิบปีสักกี่ครั้งเชียว?

“ตั้งสิบปีแล้วเซ่อเซ่อของฉันยังบริสุทธิ์อยู่ นี่เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่?” คุณหนูใหญ่เฝิงตะโกนถามเสียงหลง พลันเธอก็นึกอะไรขึ้นได้เลยมองสยงมู่มู่อย่างนึกสงสัย หากพูดให้ถูกคือมองช่วงล่างของเขาจนสยงมู่มู่รู้สึกใจผวา แม่ยายที่แสนดีหายไปแล้ว…

“มู่มู่เธอคงไม่ได้มีปัญหาด้านสุขภาพหรอกใช่ไหม? เซียวจิ่งหมิง งานแต่งต้องยกเลิก เราจะให้เซ่อเซ่ออยู่เป็นหม้ายไม่ได้”

คุณหนูใหญ่เฝิงได้แสดงให้เห็นถึงความใจง่ายของผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ เวลาเพียงครู่เดียวเธอก็ตัดชื่อสยงมู่มู่ออกจากรายชื่อลูกเขยเสียแล้ว แม้เธอหวังอยากให้เซียวเซ่อได้ใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขอย่างแท้จริงแต่สยงมู่มู่ไม่มีความสามารถด้านนั้น เซียวเซ่อจะมีความสุขได้อย่างไรอีกล่ะ!

เซียวจิ่งหมิงทำหน้าตึงเครียดแล้วพยักหน้ากล่าว “ใช่ งั้นงานแต่งต้องเลื่อนไปก่อน รอหาคนที่ดีกว่าค่อยจัด”

สยงมู่มู่อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ในเวลาสั้น ๆครึ่งชั่วโมงเขาก็ได้ลิ้มรสชาติที่ตรงข้ามกันสุดขั้ว ทั้งที่เมื่อกี้ยังบอกว่าจะจัดงานแต่งงานทันทีด้วยซ้ำ!

“สุขภาพของผมดีมาก แข็งแรงมาก ไม่มีปัญหาด้านนั้น ผู้เชี่ยวชาญตรวจมาแล้ว ความยาวและความอึดทนอยู่เหนือผู้ชายทั่วไปแน่นอน…คุณน้ากับคุณอาลองดูผลการตรวจของผมได้!”

สยงมู่มู่หยิบเอาผลการตรวจที่พกติดตัวเสมอออกมายื่นให้เซียวจิ่งหมิง เขาเขินอายเกินกว่าจะยื่นให้คุณหนูใหญ่เฝิงได้ในเมื่อนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขานี่นา!

แต่คุณหนูใหญ่เฝิงกลับแย่งไป ล้อเล่นหรือไง กระเจี๊ยวน้อยของสยงมู่มู่ในตอนเด็กเธอดูไปไม่รู้กี่รอบ ต่อให้โตขึ้นแล้วในสายตาเธอก็ยังเป็นเด็กตัวแสบผอมกระร่องคนเดิมอยู่ดี

พอเห็นข้อสรุปในผลตรวจคุณหนูใหญ่เฝิงก็ดวงตาเป็นประกาย คุณสมบัติดีไม่หยอก แต่–

เธอกระชากตัวสยงมู่มู่มากระชากเสียงถามเบา ๆ “เธอมีปัญหาด้านจิตใจหรือเปล่า?”

“เปล่า…สภาพจิตใจผมแข็งแรงมาก” สยงมู่มู่ตกใจแทบแย่ ลอบคิดในใจว่าจะลองไปหาจิตแพทย์เพื่อขอผลการตรวจสภาพจิตใจสักใบดีไหม?

“งั้นทำไมเซ่อเซ่อของฉันยังบริสุทธิ์อยู่ล่ะ?” หนุ่มสาวที่อยู่ด้วยกันมาสิบปี ทั้งยังอยู่ในวัยเลือดกายพลุ่งพล่านอีก แล้วจะยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างไร?

สยงมู่มู่ก้มหน้าต่ำอย่างลำบากใจ อึกอักอยู่นานถึงตอบกลับเสียงแผ่วว่า “ผม…ผมสู้เซียวเซ่อไม่ได้!”

………………………………

ตอนที่ 2830 ออกรายการ

คุณหนูใหญ่เฝิงมองสยงมู่มู่ที่ร่างกายผอมบางอย่างพูดไม่ออก เนื่องด้วยขนาดตัวที่สูงทำให้ดูผอมเหมือนตะเกียบก็ไม่ปาน ไม่เข้าข่ายแข็งแรงกำยำจริง ๆ เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “อย่างน้อยเธอก็ไปฝึกมวยเทควันโดอะไรบ้างสิ แม้แต่ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้เลย!”

สยงมู่มู่แทบหลั่งน้ำตา “คุณน้า ผมฝึกแล้ว แต่อาจารย์บอกว่าผมไม่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้”

คิดว่าเขาไม่อยากหรือไง ทั้งเทควันโด คาราเต้ ชกมวยหรือมวยจีน…เขาลองมาหมดแล้วแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน ไม่มีอาจารย์คนไหนอยากสอนเขา

เพราะทักษะการทรงตัวของเขาย่ำแย่มาแต่เกิดจึงไม่เหมาะกับการฝึกศิลปะป้องตัวกันแต่อย่างใด อาจารย์ยังบอกตรง ๆเลยว่าให้เขาอย่ามัวเสียเวลากับการฝึกศิลปะป้องกันตัวเลย ชีวิตคนเราสั้นนัก ไปหาอะไรที่มันมีความหมายมากกว่านี้ทำดีกว่า!

ใครจะเหมือนคนโรคจิตอย่างยัยทอมที่มีพรสวรรค์ด้านการกีฬาดีเกินมนุษย์มนุษย์มนากันล่ะ ไม่ว่าจะเรียนอะไรแค่สอนนิดเดียวก็เข้าใจ ต่อให้มีเขาสิบคนยังสู้ยัยทอมคนเดียวไม่ได้เลย!

คุณหนูใหญ่เฝิงเองก็นึกถึงพรสวรรค์ด้านกีฬาสุดแสนจะน่ากลัวของลูกสาวตัวเองขึ้นได้ ต่อให้ผู้ชายปกติก็คงกำราบไม่อยู่ แต่ปัญหาคือนี่ตั้งกี่ปีแล้ว รอบตัวเซียวเซ่อมีสยงมู่มู่เป็นผู้ชายแค่คนเดียว พอเห็นว่าเซียวเซ่ออายุย่างเข้าเลขสามตำตา พลางคิดว่าสถานการณ์ดูเหมือนจะรุนแรงเกินกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้

ผู้หญิงที่อายุใกล้จะเลขสามยังบริสุทธิ์อยู่ ชีวิตถือว่าล้มเหลวมาก ๆ!

นึกถึงเธอที่มีแฟนหนุ่มตั้งแต่อายุสิบหกปี วัยสิบแปดปีรู้จักกับเซียวจิ่งหมิงก่อนจะสูญเสียครั้งแรกไปแล้วคลอดเซียวเซ่อในวัยยี่สิบสองปี ผู้หญิงคนหนึ่งควรผ่านเรื่องราวประสบการณ์อะไรบ้างในชีวิตเธอล้วนเคยผ่านมาหมดแล้ว

ถึงไม่นับว่าสมบูรณ์แบบมากแต่เธอก็ไม่มีเรื่องอะไรให้เสียใจภายหลัง

เธอเองก็หวังว่าลูกสาวจะไม่มีอะไรต้องเสียใจภายหลังในชีวิต ไม่จำเป็นต้องแต่งงานมีลูก แต่ความสุขการร่วมรัก—ก็ต้องได้ลิ้มลองบ้างหรือเปล่า?

เธอไม่อยากให้เซียวเซ่อกลายเป็นคุณยายหัวโบราณเหมือนคุณแม่ของเซียวจิ่งหมิงหรอกนะ ไม่สิ อย่างน้อยหญิงชราคนนั้นก็เคยมีคนรักมาก่อนจนคลอดเซียวจิ่งหมิงออกมาได้ เซ่อเซ่อของเธอตอนนี้กลายเป็นสาวแก่บริสุทธิ์แล้ว!

เซียวเซ่ออารมณ์ย่ำแย่สุดขีด เธอเกลียดการที่มีคนมายุ่มย่ามกับชีวิตของเธอมากที่สุด เดิมคิดว่าพ่อแม่คงไม่มายุ่งอะไรด้วยแต่ใครจะคิดว่าพวกเขากลับมีความกระตือรือร้นมากที่สุด ทำเอาเธอรำคาญใจยิ่งกว่าอะไร!

“พ่อแม่กลับบ้านไปเลย!” เซียวเซ่อเอ่ยเสียงเย็น

เซียวจิ่งหมิงกับคุณหนูใหญ่เฝิงแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างระอาและรู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก ตอนวัยรุ่นมัวแต่หาความสุขใส่ตัวจนเพิกเฉยต่อเซียวเซ่อที่ยังวัยเยาว์ ถึงทำให้เซียวเซ่อกลัวชีวิตการแต่งงานมากขนาดนี้ เฮ้อ!

“ข่าวในนิตยสารพวกนี้จะทำอย่างไร? ให้ฉันไปซื้อสำนักพิมพ์พวกนี้เลยมั้ย” คุณหนูใหญ่เฝิงเสนอความคิดที่อวดความรวยอย่างเต็มที่

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ๆ พรุ่งนี้ไปออกรายการของเสี่ยวเชาก็จะชี้แจงเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนเอง ไม่ต้องเสียเงินมากขนาดนี้หรอกค่ะ” เหมยเหมยยิ้มกล่าว

คุณหนูใหญ่เฝิงยังคิดจะถามต่อแต่เซียวเซ่อแค่นหัวเราะเอ่ยแทรก “คุณย่าน่าจะมาถึงพรุ่งนี้ พ่อแม่เตรียมตัวรับมือแล้วเหรอ?”

“คุณย่าของเธอจะมางั้นเหรอ? โอ๊ย…ทำไมเธอไม่รีบพูดแต่เนิ่น ๆ เซียวจิ่งหมิง ฉันจะออกไปเที่ยวต่างประเทศ บ๊ายบาย!” คุณหนูใหญ่เฝิงรีบออกไปจากบ้านเหมยเหมยอย่างเร่งด่วนเหมือนโดนผึ้งต่อยอย่างไรอย่างนั้น

เซียวจิ่งหมิงก็สีหน้าเปลี่ยนไปอีกคนแล้วสาวเท้าตามไป “เซ่อเซ่อ พ่อก็มีธุระจะออกไปเหมือนกัน ไว้เจอกันนะ!”

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีสองสามีภรรยาคู่นี้ที่มาอย่างกะทันหันก็หุนหันกลับไปอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนเป็นแค่เรื่องตลกที่เรียกให้คนอยากร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน

คนที่รู้สึกแย่ที่สุดคงไม่พ้นสยงมู่มู่ เขาเหมือนได้นั่งรถไฟเหาะเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงจนโรคหัวใจแทบกำเริบอยู่แล้ว

วันต่อมาคือวันหยุดสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองคำของรายการต่าง ๆ เหมยเหมยกับเซียวเซ่อรวมถึงสยงมู่มู่ไปออกรายการของอู่เชาพร้อมกัน คุณย่าหยางกับป้าฟางและพวกฉีฉีเก๋อก็เข้าร่วมด้วย พวกเธอเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่ต้องไปให้กำลังใจถึงที่

ในห้องส่งเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนมากเป็นแฟนคลับของสยงมู่มู่ และมีนักข่าวที่ไม่ประสงค์ดีอีกบางส่วนต่างคาดหวังกับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้มาก ๆ

………………………

Related

ตอนที่ 2827 พ่อตาแม่ยายในอนาคต

ทว่าเรื่องราวยังไม่จบสิ้นเมื่อโทรศัพท์ของเซียวเซ่อแผดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสายโทรเข้าจากเซียวจิ่งหมิงกับคุณหนูใหญ่เฝิงที่โทรตามมาติด ๆเหมือนปรึกษากันมาอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาได้ยินมาว่าเซียวเซ่ออยู่กับเหมยเหมยเลยบอกว่าจะตามมาในอีกสักครู่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“พวกเขาปรึกษากันมาหรือเปล่า? ไม่งั้นทำไมนานทีปีหนไม่เคยโทรมาแต่กลับจะมาหาพร้อมเพรียงกันขนาดนี้” เหมยเหมยยิ้มเจื่อน คนอื่นเธอไม่กังวลแต่กลัวท่านย่าของเซียวเซ่อเพียงคนเดียว

เซียวเซ่อใบหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ เอ่ยเสียงเล็ดลอดไรฟันว่า “ใครจะไปรู้ ฉันย้ายกลับไปอยู่บ้านฉันแล้วกัน!”

เหมยเหมยตั้งท้องจะไปรบกวนไม่ได้ คนอารมณ์ร้อนอย่างแม่เธอเกรงว่าจะทำบ้านเหมยเหมยพังเอา เธอจะสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนไม่ได้เด็ดขาด

“จะกลับทำไม อยู่บ้านฉันนั่นแหละ บ้านเธอใหญ่ขนาดนั้นจะทำความสะอาดทันได้อย่างไร” เหมยเหมยแสดงท่าทีแข็งขืน เธอต้องช่วยจับตาดูภรรยาให้สยงมู่มู่ห้ามปล่อยคลาดสายตาเด็ดขาดถึงจะสบายใจได้

เซียวเซ่อเถียงเหมยเหมยไม่ได้ บวกกับเธอที่ทำใจไปจากยัยหนูอ้วนเล่อเล่อไม่ได้เช่นกันจึงไม่ดึงดันขอกลับอีก

คนทั้งคันรถกลับถึงบ้านก็พบว่าเซียวจิ่งหมิงกับคุณหนูใหญ่เฝิงไปรออยู่ก่อนแล้ว ครั้งนี้ทั้งคู่เจอกันกลับไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน สีหน้าเรียบนิ่งใจเย็นซึ่งไม่ค่อยจะชินสักเท่าไร

เหมยเหมยคุ้นเคยกับผู้อาวุโสสองท่านนี้ต้องกัดกันทุกครั้งที่เจอจนไม่เป็นอันสงบสุขและพร้อมจะลงไม้ลงมืออย่างนั้นมากกว่า การยืนยิ้มนิ่ง ๆทำตัวเหมือน ‘ผู้ใหญ่’ เช่นนี้ช่างไม่เป็นที่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย

“เธอคือสยงมู่มู่เองเหรอ?” เซียวจิ่งหมิงยังคงเหมือนเดิมที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าลายตาเหมือนนกยูง วันเวลาช่างใจดีกับสามีภรรยาคู่นี้เหลือเกิน ยืนด้วยกันยังคงดูดีเหมือนคู่รักวัยหนุ่มสาวที่ใคร ๆต่างก็อิจฉา

ชายหล่อเหลาหญิงสวยเซ็กซี่ เหมาะสมกันอย่างหาที่เทียบไม่ได้!

สยงมู่มู่ประหม่าอย่างมากจนไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนลูกสะใภ้หน้าตาอัปลักษณ์กำลังจะเจอพ่อแม่สามีก็ไม่ปาน อยู่ดี ๆเขาก็นึกรังเกียจรูปแบบการแต่งกายของตนในวันนี้ขึ้นมา เป็นสไตล์พังค์ที่เขาชื่นชอบที่สุด แม้จะเท่ดีแต่ไม่เป็นทางการเลยสักนิด

หวังว่าจะไม่ทำให้พ่อตาแม่ยายไม่ประทับใจนะ

“ครับ ผมคือสยงมู่มู่เอง สวัสดีครับคุณอาคุณน้า” สยงมู่มู่เปลี่ยนท่าทางขี้เล่นทะเล้นไม่จริงจังในวันวาน โดยยืนอย่างนอบน้อมสองแขนวางข้างลำตัวเพราะไม่รู้ควรจะเอามือไปวางไว้ที่ไหนแล้ว

“พ่อแม่มาทำไม? ว่างไม่มีอะไรทำเหรอ?” เซียวเซ่อกลับตะคอกเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร

คุณหนูใหญ่เฝิงกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งแล้วแค่นเสียงกล่าว “ลูกสาวฉันท้องลูกคนอื่นแล้ว ฉันจะไม่มาได้อย่างไร?”

“ใครท้องกัน? แม่ไม่มีทักษะการคิดวิเคราะห์หน่อยเหรอ? พวกปาปารัสซี่เขียนข่าวซี้ซั้วขึ้นมาทั้งนั้น!” เซียวเซ่อโกรธจนแทบจะลุกขึ้นเต้น คุณหนูใหญ่เฝิงกลับจิบน้ำชาต่อไปด้วยท่าทางเรียบนิ่งพลางทำหน้าเฉยเมย

“ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ท้องป่อง อนาคตก็ต้องมีอยู่แล้ว เรากำลังเตรียมพร้อมล่วงหน้าต่างหาก เซียวจิ่งหมิงคุณว่าไหม?”

เซียวจิ่งหมิงยิ้มตาหยีพยักหน้า “ใช่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีการเตรียมพร้อมไว้ก่อน เซ่อเซ่อ พ่อกับแม่ของลูกปรึกษากันแล้ว คุณหนูใหญ่ของตระกูลเซียวเราจะแต่งงาน งานแต่งจะจัดขึ้นตามรูปแบบของคนทั่วไปเรียบง่ายไม่ได้ สยงมู่มู่เธอก็ต้องฟังนะ เพราะสถานะของเซ่อเซ่อไม่ธรรมดา เธอไม่เพียงแต่เป็นลูกสาวของเซียวจิ่งหมิงอย่างฉัน แต่ยังเป็นผู้สืบทอดตระกูลอดัม…”

“ใครจะแต่งงานกัน? พ่อแม่มาวุ่นวายอะไรด้วยเนี่ย? ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับไปทำลูกไป อย่ามาวุ่นวายเรื่องของหนู!” เซียวเซ่ออยากจับสองคนนี้โยนออกไปข้างนอกเสียจริงแต่เธอทำไม่ได้

คนหนึ่งคือพ่อของเธออีกคนคือแม่ของเธอ แล้วยังเป็นพ่อแม่แท้ ๆอีกด้วย

สยงมู่มู่หัวเราะแหย ๆอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เดิมคิดว่าต้องฝ่าฝันอุปสรรคอย่างหนักหน่วงโดยรับบททดสอบต่าง ๆจากพ่อแม่เซียวเซ่อ แต่ใครจะคิดว่ากลับผ่านด่านได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?

ง่ายดายเสียจนเขาชักสงสัยว่ากำลังฝันอยู่!

………………………………

ตอนที่ 2828 จัดงานแต่งด้วยกันเลย

เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่เฝิงไม่ชอบให้ใครจับคู่เธอกับเซียวจิ่งหมิง ต่อให้ความจริงเธอมักมีความสัมพันธ์กับเซียวจิ่งหมิงลับหลังประจำก็ตาม แต่ใครก็ห้ามพูดออกมาอย่างเปิดเผย

แม้แต่ลูกสาวอย่างเซียวเซ่อก็ไม่ได้เด็ดขาด ใครพูดถึงเธอก็จะโกรธคนนั้น

แต่วันนี้เธอกลับยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้ เอามือปิดยิ้มเก้อเขิน “ลูกชายคงมีไม่ได้แน่ ๆแล้วละ แต่งานแต่งก็ยังจัดได้ เซ่อเซ่อ ฉันกับพ่อของเธอปรึกษากันแล้ว เราทั้งครอบครัวจัดงานแต่งพร้อมกันเลยดีกว่า ทั้งประหยัดแรงกายประหยัดแรงใจแล้วยังประหยัดเงินอีก ความคิดนี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”

เซียวจิ่งหมิงยิ้มเบิกบานเหมือนนกยูงรำแพนพลางพยักหน้าแรงๆ “ใช่ ๆ ความคิดของแม่ของลูกดีจริง ๆ เซ่อเซ่อลูกไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น เรื่องงานแต่งงานมีคนคอยจัดการให้ทุกอย่าง ลูกแค่รอเป็นเจ้าสาวคนสวยในวันงานก็พอ!”

สยงมู่มู่ยิ้มแหยเหมือนคนโง่ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า จนถึงตอนนี้เขายังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย

ครึ่งชั่วโมงก่อนเขายังเครียดไม่หายว่าควรจัดการเซียวเซ่ออย่างไร แต่ตอนนี้ว่าที่พ่อตาแม่ยายกลับก้าวกระโดดไปถึงขั้นจัดงานแต่งงานแล้ว นี่มันน่าตกใจยิ่งกว่าเงินร่วงตกจากฟ้าอีก!

“คุณอา…ไม่สิ…คุณพ่อ คุณแม่…ผม…”

สยงมู่มู่อ้ำอึ้งพูดไม่เป็นประโยคที่ใช้เวลาอยู่นานก็พูดไม่ครบประโยคสักที แต่ศัพท์สำคัญที่สุดกลับถูกเอ่ยขานจากปากแล้ว ในเมื่อจะจัดงานแต่งงานแล้วก็ต้องเปลี่ยนสรรพนามสิ

“สมองถูกลาถีบมาหรือไง ไสหัวไปโน้นเลย!”

เซียวเซ่อได้ยินแล้วก็รู้สึกโมโห มือหิ้วคอเสื้อด้านหลังของสยงมู่มู่แล้วเหวี่ยงตัวไปอีกข้าง สยงมู่มู่ขนาดตัวไม่เล็กนักแต่ถูกเธอจับโยนไปอยู่ลานบ้านข้างนอกเสียได้ เล่อเล่อรีบวิ่งออกมาตบตามตัวสยงมู่มู่แรง ๆหลายที พลางตะคอกเสียงดัง “น้าสะใภ้…ยังอยู่!”

สยงมู่มู่ถูกยัยตัวแสบตบแรงไอรัว ๆจนปอดแทบหลุดออกอยู่รอมร่อ แต่พอได้ยินสรรพนามที่เล่อเล่อใช้เรียกแทนเซียวเซ่อก็ดีใจจนยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้ ยัยเด็กอ้วนนี่ปากหวานดีนี่นา!

คุณหนูใหญ่เฝิงดีใจยิ่งกว่าเลยล้วงเอาซองแดงขนาดใหญ่จากกระเป๋าสะพายชาแนลลิมิเต็ดยัดใส่มือเล่อเล่อ “เล่อเล่อฉลาดจัง ยายให้ซองแดงนะ!”

เซียวเซ่อปวดศีรษะอย่างรุนแรงพลางมองพ่อแม่แท้ ๆตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ เธอพยายามข่มไฟโทสะเอาไว้แล้วตวาดเสียงต่ำ “หนูเคยบอกแต่แรกแล้วว่าอย่ามายุ่งเรื่องของหนู ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ? ตอนนี้…พ่อแม่มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย พ่อแม่ชอบทำอะไรก็ทำไปแต่ขอว่าอย่ามายุ่งกับชีวิตหนูอีกเข้าใจหรือยัง?”

คุณหนูใหญ่เฝิงชะงักไป สีหน้าดูเสียใจเล็กน้อย “เซ่อเซ่อ เราคือพ่อแม่ของลูกนะ เราแค่อยากแสดงความห่วงใยลูกบ้าง!”

“ห่วงใยเหรอ? เฮอะ…ขอบคุณ หนูไม่ใช่เด็กน้อยที่ปากกัดขวดนมร้องหาแม่อีกแล้ว ตอนนี้หนูมีชีวิตเป็นของตัวเองมีรายได้เป็นของตัวเอง So…I don’t need you in my life!”

เซียวเซ่อพูดประโยคสุดท้ายจบคุณหนูใหญ่เฝิงก็หน้าซีดลงในชั่วขณะ ตัวสั่นเทาไม่หยุดพลางมองลูกสาวตนด้วยความเจ็บปวด

รอยยิ้มของเซียวจิ่งหมิงก็ค่อย ๆจางหายไป พูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เซ่อเซ่อ ลูกจะทำร้ายแม่ของลูกแบบนี้ไม่ได้”

“วางใจได้ คุณหนูใหญ่เฝิงไม่ใช่คนหัวใจเปราะบางคงไม่ปวดใจง่าย ๆหรอก หนูแค่พูดเรื่องจริงเท่านั้น ถึงพ่อแม่ไม่ใช่พ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบอะไรแต่หนูก็พึงพอใจ ตอนนี้ชินชาแล้ว

ดังนั้นได้โปรดอย่ามาเล่นละครพ่อแม่ที่แสนดีต่อหน้าฉันอย่างกะทันหันแบบนี้อีก เพราะจะทำให้ชีวิตหนูปั่นป่วนกว่าเดิม!”

เซียวเซ่อเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและพูดเร็วกว่าปกติไม่น้อย นาน ๆทีเธอจะพูดเยอะขนาดนี้ในครั้งเดียว

คุณหนูใหญ่เฝิงที่เดิมทีจะทำหน้าเศร้าก็กลับสู่สภาพเรียบเฉยเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว เธอไม่ใช่คนหัวใจเปราะบางอะไรอย่างที่ว่าจริง เธออมยิ้มมองเซียวเซ่อแล้วชี้ไปยังสยงมู่มู่ที่ยังฟุบอยู่บนพื้น “งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบมู่มู่หน่อยหรือเปล่า? เขาถูกเธอพรากความบริสุทธิ์ไปแล้วนะ!”

…………………

Related

ตอนที่ 2825 เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ขำ เบะปากกล่าว “นั่นก็เพราะเธอดูรายการเจ้าอ้วนนี่ประจำไม่พลาดสักตอนไง ไม่งั้นเด็กอายุเท่าเป่ารื่อน่าจะจำตัวจริงของเจ้าอ้วนได้ตั้งแต่แวบแรกได้เหรอ?”

ฉีฉีเก๋อแค่นเสียงทีหนึ่ง “จากนี้ไปไม่ดูแล้ว ใครดูก็คือหมา!”

หากเธอรู้แต่แรกว่าเจ้าอ้วนนี่เป็นคนจิตใจคับแคบเช่นนี้ ตีให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่โง่ที่จะเพิ่มยอดคนดูให้เจ้าอ้วนนี่เด็ดขาด!

อู่เชาสีหน้าเปลี่ยนไป ไฟโทสะที่กำลังสุมอกอยู่จางหายไปมากทีเดียว ถ้าเขารู้แต่แรกว่าผู้หญิงคนนี้คือแฟนรายการของตัวเอง เมื่อกี้เขาจะใจกว้างสักหน่อยไม่ถือสาผู้หญิงคนนี้แล้ว!

หรือว่าเขาไม่เรียกทนายแล้วดี เพราะปกติเขาก็ใจดีกับแฟนคลับของเขาอย่างมาก!

แต่ประโยคสุดท้ายของฉีฉีเก๋อก็กระตุ้นไฟโทสะของอู่เชาได้สำเร็จอีกครั้ง ความคิดที่จะหาทนายความก็เริ่มสั่นคลอนไม่แน่ไม่นอนไปชั่วขณะ

เหมยเหมยได้ยินเรื่องราวความแค้นของทั้งคู่ก็อดขำไม่ได้ เรื่องเล็กแค่นี้ยังทะเลาะถึงขั้นเรียกทนายความได้ ดูว่างกันเสียจริง!

“เพลา ๆหน่อยเถอะ อายุขนาดนี้แล้วยังคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้ ไม่กลัวเด็ก ๆหัวเราะเยาะหรือไง เรื่องแค่นี้ก็ช่างมันเถอะ ใครยังโวยวายจะเรียกทนายก็อย่ามาทานข้าวที่บ้านฉันอีก!”

เหมยเหมยปั้นหน้าตึงหาข้ออ้างให้เพื่อนทั้งสองได้กู้หน้า สองคนนี้กำลังตึงใส่กันไม่มีใครยอมเสียหน้า ฉะนั้นต้องมีใครสักคนออกมาช่วยปรับความเข้าใจผิดสักหน่อย

“เฮอะ!”

ทั้งคู่พ่นลมออกทางจมูกพร้อมกันแล้วก็หันหน้าไปคนละทางอย่างไม่มีใครยอมมองใคร

“ไม่พูดอะไรก็ถือว่าตกลงแล้ว เรื่องนี้จบกันแค่นี้ ใครก็อย่าพูดถึงอีก!” คุณย่าหยางตัดสินคำเดียวในฐานะผู้อาวุโสกว่า เป็นการปิดฉากให้กับเรื่องตลกในครั้งนี้

“จอดรถ ฉันลงไปซื้อนิตยสารฉบับหนึ่ง ดูว่าในนั้นแต่งเรื่องอะไรไปบ้าง”

ขณะที่ผ่านร้านขายหนังสือพิมพ์เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสั่งให้คนขับจอดรถ ไม่นานก็ซื้อนิตยสารซุบซิบกลับมาแปดฉบับแล้ววิ่งเหยาะขึ้นรถ

“น่าโมโหจริง ๆ เจ้าของร้านบอกว่าถ้าฉันไปช้าอีกนิดก็หมดแล้ว สองวันนี้นิตยสารซุบซิบขายดิบขายดีจนขาดตลาดทุกวัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแจกจ่ายให้คนละเล่มและตนก็เริ่มเปิดอ่านไปด้วย ข่าวของสยงมู่มู่เด่นหราอยู่หน้าแรกที่พาดหัวข่าวไว้อย่างสะดุดตาว่า – นักร้องระดับโลกมู่มู่กับรักสี่เศร้า นักเขียนชื่อดังคุณชายน่าหลันก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอีกคน…

“นี่เขียนบ้าอะไรกันเนี่ย…เขียนออกทะเลไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิกหมดแล้ว ไม่มีขีดจำกัดสักนิด” คุณย่าหยางโกรธจนหน้าบึ้งตึงมือสั่นระริก

ที่แท้รูปในนิตยสารคือรูปแอบถ่ายตอนเหมยเหมยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เหล่าปาปารัสซี่แต่งเรื่องขึ้นมาว่าเป็นรักสี่เศร้าเพื่อสร้างจุดดึงดูดความสนใจ อู่เชากับสยงมู่มู่ต่างมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเหมยเหมยทำให้ไม่ทราบว่าใครคือพ่อตัวจริงของเด็กในท้องเธอ ฉะนั้นถึงไปตรวจที่โรงพยาบาลให้รู้แน่ชัดว่าใครคือคุณพ่อกันแน่…

ส่วนเซียวเซ่อเองก็หนีไม่พ้นแน่นอนอยู่แล้ว ภายใต้ปลายปากกาของพวกปาปารัสซี่เธอยังมีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงกับสยงมู่มู่เช่นกัน!

เหมยเหมยกลับไม่สะทกสะท้านอะไร ชาตินี้เธอประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์และไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ เธอชินชาตั้งนานแล้ว

“คุณย่าอย่าโมโหเลย วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ พลิกหลังมือเป็นหน้ามือได้ ใครที่สภาพจิตใจอ่อนแอหน่อยคงถูกบีบจนตายได้เลย” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม

คุณย่าหยางตอบกลับด้วยความโกรธ “มิน่าถึงบอกว่าวงการบันเทิงซับซ้อนเหมือนอ่างอาบสี มู่มู่เธอก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนหนังสือดีจะตาย ดั้นด้นจะไปพัวพันในวงการสกปรกนั่นให้ได้ ทีนี้ดีละสิ ถูกย้อมสีเป็นหมีตัวลายแล้วยังเดือดร้อนถึงเหมยเหมยของฉันอีก”

ประโยคสุดท้ายต่างหากที่เป็นใจความสำคัญ คุณย่ากำลังไม่พอใจต่อสยงมู่มู่

สยงมู่มู่ก็รู้สึกผิดประมาณหนึ่ง เขากำลังจะพูดปลอบคุณย่าสักหน่อยโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังกะทันหัน เป็นสายจากจ้าวอิงหนาน

“ไอ้แสบแกทำเซ่อเซ่อท้องใช่ไหม? รอฉันเลยนะ อีกสองชั่วโมงไปถึงที่นั่น!”

จ้าวอิงหนานตะคอกใส่ประโยคหนึ่งอย่างรีบร้อนแล้ววางสายไป ทำเอาสยงมู่มู่ทำหน้านิ่งด้วยความงุนงง

แม่สุดที่รักของเขาเป็นอะไรไป?

ขณะเดียวกันโทรศัพท์ของเซียวเซ่อก็ดังขึ้นมา คนที่โทรมาคือผู้ช่วยของเธออัลเบิร์ต “ท่านเคานต์รู้เรื่องแล้ว ท่านจองตั๋วเครื่องบินเดินทางมาด้วยตัวเอง คุณได้โปรดทำใจไว้ด้วย!”

……………………….

ตอนที่ 2826 ท่านย่ามาเยือน

เซียวเซ่อมองโทรศัพท์ด้วยใบหน้าขมึงทึงพร้อมเสียงตู๊ด ๆมาจากปลายสาย เจ้าอัลเบิร์ตกล้าตัดสายเธอ หักโบนัสประจำปีครึ่งหนึ่งเลย!

“ทำไมเหรอ?” เหมยเหมยเห็นสีหน้าเธอแปลกไปเลยถามด้วยความห่วงใย

“คุณย่าของฉันกำลังเดินทางมา คาดว่าพรุ่งนี้คงถึง” เซียวเซ่อปวดศีรษะอย่างหนักจนข้างขมับปวดตุบ ๆ

ทุกคนต่างตกใจกันระนาว คุณย่าที่ควบคุมเซียวเซ่อเหมือนหุ่นกระบอกมาตั้งแต่เด็กกำลังจะมาหรือ?

“ท่านรู้เรื่องได้อย่างไร? ที่อังกฤษเห็นนิตยสารซุบซิบของที่นี่ได้ด้วยเหรอ?” เหมยเหมยแปลกใจ

“ใครจะไปรู้ว่าไอ้สารเลวคนไหนส่งข่าวบอกคุณย่าฉันล่ะ อย่าให้ฉันตามสืบเจอตัวเชียว!” เซียวเซ่อกัดฟันกรอดพร้อมกำหมัดแน่น ความจริงเธอพอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ คงไม่พ้นบรรดาญาติที่หมายจะช่วงชิงตำแหน่งเคานต์และมรดกของเธอน่ะสิ!

เจ้าพวกคนน่ารังเกียจเหล่านั้นติดตามเธออยู่ทุกช่วงเวลาเพื่อจะหาจุดอ่อนของเธอให้ได้แล้วไล่เธอออกจากประเทศอังกฤษ เช่นนี้มรดกของคุณย่ากับตำแหน่งเคานต์ก็เป็นของพวกเขาแล้ว!

หึ…ฝันกลางวันชัด ๆ!

“ตอนนี้จะทำอย่างไรล่ะ? คุณย่าเธอต้องโกรธมากแน่ ๆใช่ไหม? โอ๊ย…เซ่อเซ่อหรือว่าเธอจะหลบไปอยู่ที่อื่นก่อนไหม?” เหมยเหมยเป็นห่วงอย่างมาก ถึงเธอไม่เคยเจอคุณย่าแต่เคยได้ยินสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อเล่าถึง โดยสรุปไม่ใช่คนดีอะไร

“ไม่ไป…ทำไมต้องหลบด้วย อยู่ที่นี่นั่นแหละ” เซียวเซ่อพูดอย่างดื้อรั้น

เธอไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่คุณย่าโกรธจะต้องหนีออกจากบ้านตลอดใช่ไหมล่ะ?

ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมจู่ ๆเธอก็อยากเผชิญหน้ากับท่านย่าอย่างจริงจัง ช่างน่าตั้งตารอคอย…และน่าพะวงวิตกไปพร้อมกัน…

“งั้นฉันก็จะไม่หนี ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง!” สยงมู่มู่แข็งใจพูดทั้งที่แผ่นหลังชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ บอกตามตรงเขาเกรงกลัวคุณย่าจริง ๆ เป็นความกลัวที่มาจากใจอีกต่างหาก

ได้ยินมาว่าหญิงชราคนนี้เป็นถึงอดีตสาวงามผู้โด่งดัง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเอาท่านผู้เฒ่าเซียวเหยียนหลงหัวปักหัวปำ ไม่เพียงแค่ท่านผู้เฒ่าเซียวแต่เหมือนว่าเจ้าชายจากราชวงศ์สมัยนั้นยังหลงใหลคุณย่าไปด้วยอีกคน

แต่หญิงชราท่านนี้กลับปฏิเสธรักจากชายตระกูลชนชั้นสูงมากมายแล้วเอาชีวิตมาพัวพันกับนักศึกษาหนุ่มชาวจีนฐานะยากจน ตระกูลชั้นสูงในอังกฤษขณะนั้นยังไม่เปิดกว้างเรื่องนี้มากนัก การกระทำของคุณยายได้สร้างความโกลาหลที่ได้ข่าวว่าคุณย่าเกือบจะถูกลบชื่อออกจากตระกูลเลยทีเดียว

แน่นอนว่าสุดท้ายไม่ได้ถูกลบชื่อออกเพราะคุณย่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ทั้งยังมีพ่อแม่ที่รักเธอมากจึงต่อต้านเสียงจากภายนอกแล้วรักษาตำแหน่งผู้สืบทอดสถานะท่านเคานต์ของเธอไว้ได้

ภายหลังก็เหมือนบทละครน้ำเน่าที่คุณหนูจากตระกูลชั้นสูงกลับบ้านเกิดตามนักศึกษายาจก ก่อนจะพบว่านักศึกษายาจกผู้นี้มีภรรยาแล้ว คุณหนูตระกูลชั้นสูงที่มีอุปนิสัยหยิ่งผยองถือตัวโกรธเข้าก็อุ้มลูกที่เพิ่งคลอดกลับประเทศ นับจากนั้นมาก็ไม่เคยพบหน้ากับท่านผู้เฒ่าเซียวอีกเลย

แม้แต่การแย่งชิงสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกชายเซียวจิ่งหมิง คุณย่าของเซียวเซ่อก็ให้ผู้ช่วยเป็นคนออกหน้าและไม่ยอมรับสายใด ๆ

วันเวลาหลายสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว อายุขัยเปรียบเสมือนอาวุธอานุภาพรุนแรงทำให้อดีตสาวงามแห่งยุคเหลือเพียงหญิงชราใบหน้าเหี่ยวย่นผู้โดดเดี่ยว ความรักที่ไม่ราบรื่นในวัยสาวเป็นเหตุให้หญิงชราท่านนี้อารมณ์แปลกพิลึกมากขึ้นทุกวัน แทบไม่มีใครทนความเจ้าอารมณ์ของเธอได้รวมถึงหลานสาวแท้ ๆอย่างเซียวเซ่อด้วย

ไม่อย่างนั้นคุณหนูใหญ่เซียวคงไม่ลอยแพอยู่ข้างนอกถึงสามร้อยวันทั้งที่ปีหนึ่งมีเพียงสามร้อยหกสิบห้าวันหรอก

เซียวเซ่อกลอกตาใส่สยงมู่มู่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย ไสหัวไป!”

คุณย่าของเธอถือมีดไล่ฟันเจ้าหมอนี่ได้จริง ๆ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหมอนี่ก็ไสหัวไปเถอะ ไปได้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!

……………

Related

ตอนที่ 2823 เสียงดังเอะอะ

เหมยเหมยมองเพื่อนทั้งสองที่กำลังฟาดฟันกันทางสายตาอย่างนึกปวดหัว คนหนึ่งคือพี่ชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คนหนึ่งคือเพื่อนสนิทที่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เธอจะช่วยใครล่ะ?

ปัญหาคือจนตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าทะเลาะกันได้อย่างไร

“Stop!”

เซียวเซ่อตวาดเสียงดังอย่างน่าเกรงขามขึ้นมาทีหนึ่ง เรียกให้อู่เชากับฉีฉีเก๋อหุบปากไปทั้งคู่แต่ก็ยังถลึงตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร เป่ารื่อน่าที่รู้ตัวว่าสร้างปัญหาเข้าแล้วก็หลบไปอยู่หลังคุณย่าหยางตัวติดเล่อเล่อ

เวลานี้อยู่กับพี่สาวจะปลอดภัยมากกว่า

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เล่อเล่อกระซิบถาม

เป่ารื่อน่าส่ายศีรษะอย่างน่าสงสารและทำหน้าฉงน แม้เธอรู้ว่าสาเหตุที่คุณแม่ทะเลาะกับคุณอาอ้วนมาจากการที่เธอพูดผิด แต่เธอไม่รู้ว่าพูดประโยคไหนผิดไปนี่นา!

“อย่าไปสนใจเลย ผู้ใหญ่ก็แบบนี้แหละ เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ทะเลาะกันได้ มาทานเนื้อแดดเดียวกันดีกว่า!” เล่อเล่อไม่รู้สึกสนใจสักนิดเดียวพลางหยิบเนื้อแดดเดียวจากกระเป๋าออกมาแบ่งให้เป่ารื่อน่าหนึ่งชิ้น ก่อนที่เด็กทั้งสองจะเริ่มแทะเนื้อแดดเดียวอย่างเอร็ดอร่อย

เหมยเหมยผ่อนหายใจทีหนึ่งอย่างโล่งอก ในที่สุดก็เงียบสักที เธอมองไปทางฉีฉีเก๋อแล้วถามออกเสียง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“ฉันฝากเป่ารื่อน่าให้เขาดูแลครู่เดียวเองแต่เขากลับทำเป่ารื่อน่าร้องไห้ เมื่อกี้เหมยเหมยเธอก็ได้ยินว่าเป่ารื่อน่าร้องไห้เสียใจแค่ไหน ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับเป่ารื่อน่าไปบ้าง?”

ฉีฉีเก๋อพูดรัวเหมือนปืนกล หันหน้าไปหมายจะปลอบลูกสาวแต่กลับพบว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรแล้ว แพขนตายังมีน้ำตาติดอยู่แต่ใบหน้ากลับจุดยิ้มแทะเนื้อแดดเดียวอย่างพึงพอใจ

ทีนี้อู่เชาก็พูดได้สักที “ฉันจะทำอะไรได้? ฉันอุตส่าห์ใจดีแบ่งอมยิ้มให้ลูกสาวเธอกิน เธอน่ะสิ กลับนินทาฉันลับหลัง ฉันไปทำอะไรให้เธอตอนไหนมิทราบ?”

“ฉันนินทานายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน น่าขำจัง ฉันไม่สนิทกับนายด้วยซ้ำ!” ฉีฉีเก๋อกลับฉงนยิ่งกว่าเดิม เธอจำเป็นต้องนินทาคนแปลกหน้าลับหลังด้วยหรือ ไม่ได้กินอิ่มท้องแล้วว่างไม่มีอะไรทำสักหน่อย!

“เธอถามลูกสาวเธอสิ เมื่อกี้เจ้าหนูนั่นเป็นคนพูดเองกับปาก เพื่อนฉันก็ได้ยินเหมือนกัน มู่มู่ นายว่ามาสิว่าใช่ไหม?” อู่เชาหันไปตะคอกใส่สยงมู่มู่ที่กำลังรอดูเรื่องสนุก ๆทีหนึ่ง

“นายพูดสิว่าลูกสาวฉันพูดอะไรไปบ้าง?” ฉีฉีเก๋อตะคอกด้วยเสียงที่ดังกว่าจนทำเอาสยงมู่มู่หูอื้อไปทั้งสองข้าง

คุณย่าหยางก็ปวดศีรษะกับเสียงดังเอะอะจนเธอเอาแต่โบกมือพลางกล่าว “มู่มู่เธอรีบพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หยุดเสียงดังได้แล้ว เรื่องยังวุ่นวายไม่พอหรือไง!”

เธอรำคาญแทบแย่ ทั้งที่พวกปาปารัสซี่พวกนั้นพูดเหลวไหลแต่คนอื่นดันเชื่อ พวกผู้ปกครองเมื่อกี้ก็ทำท่ากึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อโดยเฉพาะยายป้าปากมากน่ารำคาญคนนั้น กลับบอกว่าเล่อเล่อคือลูกสาวนอกสมรส…

โอ๊ย เธอโมโหจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวส่งผลกระทบไม่ดี เธอจะตบหน้ายายป้าปากโป้งคนเมื่อกี้ไปหลาย ๆที สั่งสอนให้หล่อนรู้ว่าควรพูดจาอย่างไร

ตอนนี้อู่เชากับฉีฉีเก๋อก็ดันทะเลาะกันอีก คนแก่อย่างเธอจะไม่รำคาญได้หรือ!

สยงมู่มู่เอ่ยเสียงกลั้นขำ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แค่ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้กรอกหูลูกสาวอย่างไรจนทำให้ยัยหนูน้อยนี่คิดว่าเสี่ยวเชาเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณตาของเธอ ยังบอกว่าเสี่ยวเชาดูแก่…”

อู่เชายืดคอโวยวายเสียงดัง “ฉันเด็กกว่าเธอด้วยซ้ำ แล้วจะมีลูกสาวตัวโตอย่างเธอได้เหรอ? เธอลองเบิกตาดูให้ชัด ๆสิว่าบนหน้าฉันไม่มีริ้วรอยสักนิด ผิวเนียนเด้ง ดูเด็กกว่าเธอตั้งมาก!”

“พูดเหลวไหล ฉันเคยพูดแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่รู้จักนายสักหน่อย…”

ยังพูดไม่ทันจบ ฉีฉีเก๋อที่เถียงคอเป็นเอ็นก็เป็นใบ้ไปชั่วขณะเหมือนถูกคนบีบคอเอาไว้ ดวงตาลุกวาวแล้วหันไปถลึงตาใส่เป่ารื่อน่าอย่างดุดันด้วยท่าทีมีพิรุธ

ยายตัวแสบ ปากไม่มีหูรูด อะไรก็พูดออกไปหมด!

……………………………

ตอนที่ 2824 จะพูดความจริงไปทำไม

“ใจฝ่อขึ้นมาละสิ…เมื่อกี้ใครกันที่ยังโวยวายเสียงดัง? ฉันละแปลกใจนัก ฉันไม่เคยล่วงเกินอะไรเธอเลย แล้วทำไมเธอถึงได้นินทาว่าร้ายฉันลับหลังแบบนี้?”

อู่เชาเห็นท่าทางของฉีฉีเก๋อก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยพูดแบบนั้นไปแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นจะมีคำที่ว่าวาจาเด็กมักเป็นความจริง เด็กไม่มีทางโกหกแน่นอนเหรอ

ไฟโทสะของฉีฉีเก๋อถูกดับไปกว่าครึ่งแต่ก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อหน้าอู่เชา ถึงตัดสินใจหันหน้าหนีไม่สนใจหมอนี่อีก ไม่ยอมตอบคำถามสักประโยคเดียว

“อย่าคิดว่าเงียบแล้วจะจบนะ ฉันจะบอกเธอให้ว่าถ้าพูดให้เป็นเรื่องใหญ่ก็เท่ากับกำลังทำให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันหาทนายฟ้องเธอได้ เอาแบบนี้แล้วกัน เห็นแก่เหมยเหมย ขอแค่เธอยอมขอโทษอย่างจริงใจ ฉันจะยอมยกโทษให้เธอ!”

อู่เชาไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆหรอก เขาเกลียดการที่ถูกคนว่าเขาแก่ที่สุด!

เนื่องจากหุ่นของเขาค่อนไปทางอ้วนและพูดจาเชื่องช้าทำให้ดูแก่กว่าวัย ตอนอายุสิบแปดก็มีคนบอกว่าเขาอายุสามสิบซึ่งในความทรงจำของเขาราวกับเขาไม่เคยมีช่วงวัยรุ่นโลดโผนวัยสิบแปดปีมาก่อน ตอนอายุยี่สิบต้น ๆก็เริ่มต้นชีวิตคนแก่รักสุขภาพด้วยการหอบกระบอกน้ำเก็บความร้อนที่ชงน้ำเก๋ากี้ตลอดเวลา

แม้เขาจะดื่มด่ำกับการพกน้ำเก๋ากี้ไปทุกที่และรู้ว่าตนดูแก่เกินวัยจริง แต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครว่าเขาแก่!

เขาชอบได้ยินเวลาคนอื่นพูดว่า–

โอ๊ย คุณอู่ปีนี้อายุครบปียี่สิบปีหรือยัง?

หรือว่า คุณอู่ยังเรียนอยู่สินะ?

……

คำพูดคำจาแบบนี้มีศิลปะขนาดไหน รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายโกหกหน้าซื่อแต่เขาก็ดีใจทุกครั้งที่ได้ยิน

จะเหมือนคนที่ชื่อฉีฉีเก๋อนี้ได้อย่างไร แถมพาดพิงหมิ่นประมาทเขาลับหลัง สิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดกลับสอนให้เด็กอีกด้วย ถ้าทนเรื่องนี้ได้จะมีเรื่องไหนที่ทนไม่ได้อีก!

เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม “เสี่ยวเชาช่างเถอะ แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”

“งั้นหล่อนต้องขอโทษฉันจากใจจริง ไม่งั้นไม่มีวันจบ!” อู่เชายืดคอเถียง นาน ๆทีนิสัยดื้อด้านหัวแข็งจะกำเริบ

ตอนแรกฉีฉีเก๋อคิดจะขอโทษแต่พอเห็นท่าทางของอู่เชาไฟโทสะของเธอก็พุ่งพรวดขึ้นมา “ฉันทำให้นายเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างไร สิ่งที่ฉันพูดไปคือความจริงทั้งนั้น หน้าตานายดูอายุพอ ๆกับพ่อของฉันจริง ๆนี่นา ไม่สิ พ่อของฉันดูเด็กกว่านายเยอะ”

“เธอ…เธอ…ดี รอทนายฉันยื่นฟ้องเธอแล้วกัน!” อู่เชาบันดาลโทสะอย่างหนักจนไขมันบนหน้าสั่นสะเทือน ก่อนจะทิ้งท้ายไปด้วยคำพูดแกมขู่

เด็กน้อย เสือไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ก็คิดว่าเขาเป็นแมวป่วยจริง ๆงั้นสิ!

“มีแค่นายที่หาทนายได้หรือไง? ฉันก็มีทนายเหมือนกัน ไว้เจอกันที่ศาลเลย ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าอยู่โลกนี้เราจะพูดความจริงกันไม่ได้!”

ฉีฉีเก๋อไม่ยอมแพ้ ไว้เธอกลับไปจะโทรหาทนายกัว ใครกลัวกันล่ะ!

“จะรอแล้วกัน!”

อู่เชาเหลียวมองรอบตัวหมายจะหาเพื่อนร่วมฝ่ายแต่กลับพบว่าบรรดาเพื่อน ๆคนที่กำลังงีบพักเอาแรงก็งีบไป คนที่กระซิบกระซาบคุยกันก็คุยไป หรือไม่ก็กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่…ไม่มีใครห่วงใยเขาเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบถามฉีฉีเก๋อ “เรื่องนี้จะว่าไปเธอก็ผิดจริง ๆ ถึงเจ้าอ้วนนั่นจะดูแก่แต่เธอจะพูดออกมาไม่ได้นะ!”

อู่เชาได้ยินเสียงกระซิบของเธอชัดเต็มสองหูก็ได้รับความสะเทือนใจอีกครั้ง เหมือนมีหินก้อนมหึมาทับอยู่ตรงหน้าอกทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกแย่แทบทนไม่ไหว

เหมยเหมยคบเพื่อนอะไรกัน ไม่มีใครพูดจาดี ๆสักคน!

ฉีฉีเก๋อโวยเสียงเป็นการแก้ตัว “ก็มีรายการสัปดาห์หนึ่งที่เจ้าอ้วนนี่ดันใส่ชุดฉางเผาหม่ากว้า[1] เดิมทีก็ดูแก่อยู่แล้วยังใส่หม่ากว้าอีกทีนี้ก็ดูเหมือนตาแก่คนหนึ่งสิ ฉันแค่พลั้งปากพูดลอย ๆ ใครจะรู้ว่ายัยตัวแสบเป่ารื่อน่าจะจำเก็บเอามาพูดกันล่ะ”

อู่เชาสีหน้าอ่อนไหว มีรายการสัปดาห์หนึ่งที่เขาสวมชุดฉางเผาหม่ากว้าจริง ๆ ทั้งที่ผู้ช่วยต่างเอ่ยชมเขาว่าดูสง่างามดั่งคุณชายแท้ ๆ ผู้หญิงคนนี้ตาบอดหรือไงกัน!

…………………………..

[1] ชุดเสื้อคลุมยาวแบบจีนในสมัยราชวงศ์ชิง

Related

ตอนที่ 2821 คุณอาแก่จัง

พวกสยงมู่มู่ต่างก็รีบเดินทางมา พอเห็นเหมยเหมยถูกคนโจมตีสยงมู่มู่ก็ถอดผ้าปิดปากออกทันทีหมายจะแสดงสถานะของตนแต่ถูกอู่เชารั้งเอาไว้

“นายจะสร้างความวุ่นวายเพิ่มหรือไง อย่าเพิ่งพูดอะไร รอตอนถ่ายรายการค่อยพูด”

อู่เชาลากสยงมู่มู่ให้ถอยออกไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีน้ำใจแต่ตอนนี้ไม่ควรออกหน้า ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ยังไม่ทันได้กระจ่างดีก็จะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่

“เอ่อ…เธอเข้าไปพาเหมยเหมยออกมาหน่อย อย่าไปเปลืองน้ำลายกับยายบ้านั่น บอกไปว่าจะเรียกทนายพอ” อู่เชาเห็นฉีฉีเก๋อที่เดินเข้ามาก็ดึงแขนเธอไว้

ฉีฉีเก๋อจำอู่เชาได้ตั้งแต่แวบแรก อย่างแรกเพราะหุ่นที่คล้ายหมีเล่อฝอ[1]ของหมอนี่มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ อย่างที่สองฉีฉีเก๋อดูรายการของอู่เชาประจำ สัปดาห์ละตอนที่แทบไม่เคยพลาดสักตอนด้วย

อีกอย่างเมื่อก่อนเคยทานข้าวร่วมโต๊ะกันมาสองสามมื้อเลยพอจำได้อยู่บ้าง

“วางใจเถอะ ไว้ฉันจะเข้าไปพาเหมยเหมยออกมาเอง พวกนายช่วยดูลูกให้ฉันก่อน”

ฉีฉีเก๋อบอกให้พวกเขาวางใจ ทั้งยังฝากเป่ารื่อน่าไว้กับอู่เชาก่อนเธอจะรีบสาวเท้าเข้าไป

เป่ารื่อน่ายังสวมกระโปรงเจ้าหญิงสโนวไวท์เหมือนเดิม ถึงแม้ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้มากรากดีคนนี้จะไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่แต่งานที่เธอรับทำก็ดีไม่หยอก ชุดการแสดงทุกชุดถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่แพ้แบรนด์ดังอย่างดิสนีย์เลย เป่ารื่อน่าที่น่ารักอ่อนหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอสวมกระโปรงเจ้าหญิงสไตล์น่ารักก็เหมือนตัวเอลฟ์น้อยผู้น่ารักเข้าไปใหญ่ ใครเห็นต่างก็รู้สึกเอ็นดูเหมือนความรักของพ่อที่ล้นปรี่ออกมา

อู่เชากับสยงมู่มู่ในตอนนี้กำลังรู้สึกเช่นนี้ พวกเขาพาเป่ารื่อน่าออกไปข้างนอกแล้วขึ้นรถ สยงมู่มู่ถึงถอดผ้าปิดปากออกพร้อมพรูลมหายใจออกยาว

“จะกินอมยิ้มไหม?”

อู่เชาล้วงหยิบอมยิ้มหมูเปปป้า พิกแท่งหนึ่งจากกระเป๋าแล้วส่ายไปมาตรงหน้าเป่ารื่อน่า เป่ารื่อน่ากะพริบดวงตาที่ทอแสงระยิบระยับพลางพยักหน้าแรง ๆ

“ขอบคุณค่ะคุณอา”

เสียงเป่ารื่อน่าอ่อนหวานนุ่มนวลดั่งภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ อู่เชาอมยิ้มเมตตาออกมาอย่างไม่รู้ตัวทั้งยังช่วยแกะเปลือกที่ห่อหุ้มอมยิ้มให้ด้วย จากนั้นก็ได้รับรอยยิ้มหวานหยดย้อยจากเจ้าหนูน้อยอีกครั้ง

ความสุขแทบพุ่งทะลุฟ้าอยู่แล้ว!

มิน่าถึงบอกกันว่าลูกสาวเป็นดั่งเสื้อตัวอุ่นของพ่อแล้วยังเป็นคนรักในชาติที่แล้ว ถึงตอนนี้เขาไม่มีลูกสาวแต่พอเห็นลูกสาวของคนอื่น หัวใจที่ขาดแคลนความรักจากพ่อของเขาดวงนี้ก็เกิดอาการสั่นคลอนขึ้นมา

“หนูชื่ออะไรเหรอ?” อู่เชาคุยกับเป่ารื่อน่าเป็นระยะ ๆ

“เป่ารื่อน่า”

“ชื่อเพราะจัง หนูอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“สี่ขวบ คุณอาอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ?” เป่ารื่อน่าเงยหน้าย้อนถาม

“คุณอาอายุยี่สิบหกปี”

เป่ารื่อน่าเบิกตากว้าง “คุณอาแก่จัง!”

“อุ๊บ”

สยงมู่มู่ไหลสั่นไปมาหัวเราะจนตัวแทบหงายหลัง อู่เชากระทุ้งแขนใส่เขาทีหนึ่งอย่างนึกแค้นใจ มือคันยุบยิบอยากบีบแก้มของเจ้าหนูคนนี้สักที ไม่น่ารักเลย คนเป็นแม่ไม่สอนลูกสาวตัวเองพูดจาดี ๆหน่อยหรือ?

“คุณอาอายุน้อยกว่าแม่ของหนูอีก งั้นแม่ของหนูก็แก่ยิ่งกว่าน่ะสิ!” อู่เชายิ้มตาหยีเอ่ย

เขาจำได้ดี เมื่อก่อนเหมยเหมยเคยพูดถึงอายุของฉีฉีเก๋อที่เหมือนจะมากกว่าเขาปีหนึ่ง

“ไม่ใช่!” เป่ารื่อน่าแหวเสียงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “คุณแม่เพิ่งจะสิบแปดปี คุณอาแก่ที่สุด คุณแม่บอกแล้ว”

อู่เชารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที เด็กเสมือนกระดาษสีขาวบริสุทธิ์ตามคาดจริง ๆด้วย แต่ที่น่ารังเกียจที่สุดคือผู้ใหญ่ที่ละเลงสีบนกระดาษขาวต่างหาก

“แม่ของหนูพูดว่าอย่างไรนะ คุณลุงจะให้อมยิ้มอีกแท่งหนึ่ง!”

อู่เชาหยิบอมยิ้มมาหลอกล่อหนูน้อยหมวกแดงเหมือนหมาป่าตัวโตก็ไม่ปาน เป่ารื่อน่ารับอมยิ้มมาแล้วเปิดโปงแม่ของเธอไปทั้งหมด “คุณแม่บอกว่าคุณอาแก่ เป็นรุ่นเดียวกับคุณตาด้วย”

…………………………

ตอนที่ 2822 ได้ลูกสาวฟรี ๆคนหนึ่ง

ดั่งมีลูกเห็บนับหมื่นกระแทกใส่ตัวอู่เชา

“ฮ่า ๆ เจ้าอ้วนนายรุ่นเดียวกับพ่อฉันละ” สยงมู่มู่หัวเราะน้ำตาแทบไหลออกมา

อู่เชากลอกตาใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มเหมือนแม่เลี้ยงให้เป่ารื่อน่าที่ยังงุนงงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

ฉีฉีเก๋อสินะ…สักวันจะต้องสั่งสอน ‘ลูกสาว’ ที่เขาทอดทิ้งไปให้ดี สอนศิลปะด้านการพูดให้เธอหน่อย

“แม่ของหนูต่างหากที่รุ่นเดียวคุณยาย อาอายุสิบแปดตลอดไป” อู่เชาปรับทัศนคติการรับรู้ให้ยัยหนูน้อยอย่างอดไม่ได้ เขาไม่อยากได้หลานสาวฟรี ๆมาคนหนึ่งหรอกนะ

ในเมื่อยัยหนูน้อยคนนี้น่ารักดี หากมาเป็นลูกสาวให้เขาก็ไม่เลว แต่คงไม่ต้องมาเป็นหลานสาวหรอกมั้ง!

“คุณแม่ไม่ใช่คุณยาย คุณอาโง่จัง!”

เป่ารื่อน่ามองเหยียดใส่อู่เชาแวบหนึ่งแล้วแลบลิ้นสีชมพูระเรื่อออกมาเลียอมยิ้ม อมยิ้มอร่อยจังเลย แต่เสียดายที่คุณแม่ไม่ค่อยให้เธอทานอมยิ้ม

“เด็กอย่ากินอมยิ้มมาก ระวังฟันหลอนะ”

อู่เชารู้สึกอัดอั้นใจพลางแย่งอมยิ้มจากมือเป่ารื่อน่ามาทีเดียวก่อนจะยัดใส่ปากสยงมู่มู่ที่ยังระเบิดเสียงหัวเราะไม่หยุด หน็อยแน่ กินอมยิ้มของเขาแล้วยังไม่รู้จักพูดจาน่ารักเอาใจ กลับบอกว่าเขาทั้งแก่ทั้งโง่ น่าโมโหจะตายชัก!

“เจ้าอ้วนนายเป็นบ้าเหรอ!”

สยงมู่มู่ดึงอมยิ้มออกจากปากเขวี้ยงออกไปนอกหน้าต่างรถซึ่งลงถังขยะอย่างแม่นยำ เป่ารื่อน่าน้ำตาคลอเบ้า เบะปากแล้วร้องไห้งอแงเสียงดัง

“คุณแม่…หนูจะหาคุณแม่!”

เจ้าหญิงตัวน้อยที่น่ารักแค่ไหนยามร้องไห้โวยวายก็จะกลายเป็นเด็กตัวแสบในพริบตา พลังทำลายล้างมากพอจะทำลายจักรวาลได้เลย

อู่เชากับสยงมู่มู่มองเป่ารื่อน่าที่ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆอย่างทำตัวไม่ถูก ต่อให้ปลอบอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ที่แม้แต่อมยิ้มก็ไม่ได้ผล ยัยหนูร้องแต่จะหาคุณแม่ที่ใบหน้าดวงเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกซึ่งไม่น่ารักเลยสักนิด

“รีบไปตามแม่ของเธอมา ฉันปวดหูจะตายอยู่แล้ว!”

สยงมู่มู่เอามือปิดหูอย่างสิ้นหวัง ความคิดที่อยากจะมีลูกก่อนหน้านี้ดับสูญไปทันที

อู่เชาถอนหายใจเตรียมลงรถไปหาเจ้าตัว โชคดีที่พวกเหมยเหมยออกมาแล้ว ฉีฉีเก๋อได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวมาแต่ไกลก็พุ่งขึ้นรถไวปานจรวด กอดเป่ารื่อน่าไว้พลางถลึงตาจ้องอู่เชาอย่างหวาดระแวง

สยงมู่มู่หน้าตาดีเหมือนเทวดาคงไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีอะไรแน่ เจ้าอ้วนนี่เวลายิ้มดูหื่นกามพิกล ไม่แน่อาจจะเป็นคุณลุงหื่นกามก็ได้ เมื่อครู่เธอไม่ควรฝากลูกสาวไว้ให้เจ้าอ้วนนี่เลย

“นายทำอะไรลูกสาวฉัน?” ฉีฉีเก๋อตะคอกเสียงถาม

อู่เชาถูกสายตาที่ราวกับมองคนร้ายของฉีฉีเก๋อกระตุ้นอารมณ์โกรธ แค้นใหม่บวกกับแค้นเก่าทำให้แรงโทสะพุ่งพรวดขึ้นมาทีเดียว เขาโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอนินทาอะไรฉันให้ลูกสาวเธอฟัง?”

“นายเป็นบ้าอะไร? ฉันไม่รู้จักนายด้วยซ้ำแล้วจะนินทานายได้อย่างไร? นายทำอะไรลูกสาวฉันกันแน่ ไอ้สารเลว!”

ฉีฉีเก๋อมองลูกสาวในอ้อมกอดที่ร้องไห้น้ำตาเปรอะทั้งหน้าอย่างปวดใจ ถึงขั้นไปสำรวจเสื้อผ้าของเป่ารื่อน่าที่ทำเอาอู่เชาโมโหแทบแย่

นี่เห็นเขาเป็นโรคจิตอย่างนั้นหรือ?

มีผู้หญิงมากมายวิงวอนร้องขอเป็นแฟนเขา เขาจำเป็นต้องลงไม้ลงมือกับยายหนูที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งหรือ?

“ลูกสาวเธอสบายดี กินอมยิ้มฉันไปแท่งหนึ่ง ตอนนี้คือปัญหาของเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมาหาว่าฉันเป็นคนรุ่นเดียวคุณตา? ฉันไม่มีลูกสาวโตขนาดเท่าเธอหรอกนะ!” อู่เชาคำรามด้วยความโกรธเคืองที่พ่นน้ำลายเต็มหน้าฉีฉีเก๋อ

พวกเหมยเหมยที่ตามขึ้นรถทีหลังได้ยินเข้าก็ทำหน้างง

คุณตาลูกสาวอะไรกัน นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

“นายยังกล้าเอาเปรียบฉันเหรอ? เหมยเหมย ทำไมเธอถึงคบพวกคนลามกโรคจิตไร้มารยาทแบบนี้เป็นเพื่อน รีบตัดขาดกับเขาซะ!” ฉีฉีเก๋อได้ยินก็ทำหน้างง คุณตาลูกสาวอะไรกัน เธอเคยพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร!

……………………………….

[1] พระสังกัจจายน์ คำเรียกทางพุทธศาสนานิกายมหายาน

Related

ตอนที่ 2819 อวดรวย

เด็กที่หญิงสาวผู้นี้จูงอยู่ก็คือเด็กผู้หญิงที่แสดงเป็นราชินีใจร้าย สองแม่ลูกดูคล้ายกันมากทีเดียว โดยเฉพาะสายตาที่ใช้มองคนอื่นราวกับคัดลอกแล้วมาแปะวางเลย

ภายในใจของเหมยเหมยรู้สึกไม่ชอบใจนัก วันนี้เล่อเล่อทำผิดก็จริงแต่เธอก็ยังเด็กอยู่ ถือเป็นความผิดที่ทำร้ายผู้คนได้มากขนาดนั้นเชียวเหรอ?

อีกทั้งยังกระทบกระทั่งผู้ใหญ่ด้วย แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าปกติก็เป็นคนหยิ่งยโสจนเป็นนิสัยอยู่แล้ว

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะคะ เด็ก ๆเขาเล่นกันเท่านั้นเอง ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยคะ ฉันกลับคิดว่าการแสดงวันนี้ดีมากเลยนะคะ ฉันหัวเราะจนไม่คิดจะแอบหลับเลยค่ะ”

มีผู้ปกครองหลายท่านพอได้ยินเช่นนั้นต่างก็เดินกรูเข้ามาช่วยพูดโน้มน้าวซึ่งทุกคนต่างจูงมือลูกของตนเองอยู่ หนึ่งในนั้นยังมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แสดงเป็นเจ้าชายและคนที่พูดก็คือแม่ของเขานั่นเอง เธอเป็นผู้หญิงที่ดูมีความคิดอายุราว 40 กว่าได้ซึ่งดูท่าทางไม่ได้อยู่ในวัยสาวแล้ว

“ฉันก็คิดเหมือนกันว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก แถมรู้สึกว่าน่าสนใจยิ่งกว่าเจ้าหญิงสโนไวท์ที่ฉันดูในโรงละครเสียอีก สนุกมาก ๆเลย!”

“ก็แค่วันเด็กเอง เพื่อความสนุกสนานก็เท่านั้น ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็สนุกไปด้วยกัน!”…

ผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นคนใจกว้าง ผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนมีฐานะที่ประสบความสำเร็จในสังคมแล้วทั้งนั้น แน่นอนว่าการปลูกฝังระบบทางความคิดย่อมดีกว่าบุคคลทั่วไป ฉะนั้นจะถือสาเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆแบบนี้ไปทำไมกัน คนส่วนมากจึงช่วยพูดให้เข้าใจกัน

แต่ทว่าหญิงสาวผู้รากมากดีคนนี้กลับไม่สนใจ แถมเสียงยังแหลมสูงขึ้นกว่าเดิม “ทั้ง ๆที่เป็นการแสดงที่ต้องเอาจริงเอาจังแล้วจะมาทำเล่น ๆได้อย่างไร เด็กที่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์แบบนี้ไม่ควรเอาขึ้นเวทีด้วยซ้ำ!”

หญิงสาวผู้นี้ชี้ไปทางเล่อเล่อ เล็บมือทาสีแดงสดราวกับสีเลือดซึ่งอีกเพียงนิดเดียวก็จะข่วนหน้าของเล่อเล่อแล้ว เหมยเหมยโกรธจนดึงเล่อเล่อมาหาแล้วปัดมือของผู้หญิงออกไป กล่าวเสียงขรึมว่า “มีอะไรจะพูดก็พูด อย่าเอามือมาชี้หน้าลูกสาวฉันนะ!”

“โอ้ย…เธอกล้าตีฉันเหรอ มิน่าถึงได้เลี้ยงลูกสาวออกมาไร้การศึกษาแบบนี้…” หญิงสาวมองดูรอยนิ้วมือสีแดงบนหลังมืออวบอ้วนของเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตาพร้อมอารมณ์เกรี้ยวโกรธ

“ห้ามรังแกแม่หนูนะ คนเลว!”

เล่อเล่อเท้าสะเอวแล้วยืนปกป้องเหมยเหมยอยู่ด้านหน้า ในท้องแม่มีน้องชายสองคนอยู่ ฉะนั้นเธอจะต้องปกป้องแม่และน้องชายของเธอ

“เธอนั่นแหละคนเลว ใส่เสื้อผ้าของเราแล้วยังแย่งซีนเราอีก หน้าด้าน!” เด็กผู้หญิงที่แสดงเป็นราชินีไม่ยอมแสดงความอ่อนแอร้องตะโกนเสียงแหลมโต้ตอบเล่อเล่อ

ไม่ให้เธอเล่นเป็นเจ้าหญิงสโนไวท์เธอก็รู้สึกไม่พอใจมากแล้ว พอตอนนี้มาแสดงเป็นราชินียังโดนเหยียนเล่อเล่อที่ปกติเธอเกลียดขี้หน้ามากที่สุดแย่งซีนไปอีก เธอจึงรู้สึกโกรธมากกว่าใคร ในใจคิดเพียงว่าเล่อเล่อจงใจแกล้งเธอ

“เสื้อผ้าขาดรุ่ยมีดีตรงไหนกัน เอาไปเลย!”

เล่อเล่อก้มตัวแล้วก็มุดตัวออกจากชุดเห็ดแล้วโยนใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น

“เสื้อผ้าฉันไม่ใช่เสื้อผ้าขาด ๆสักหน่อย พวกเธอคงไม่มีเงินซื้อกันหรอกถึงมาใส่เสื้อผ้าของฉัน” ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำด้วยความโกรธ เรื่องที่ควรพูดหรือไม่ควรพูดต่างก็พรั่งพรูออกมาจนหมด

กลุ่มผู้ปกครองที่เดิมทีมาดูเพื่อความสนุกพอได้ยินคำพูดเหล่านี้สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ล้อกันเล่นสินะ แค่ชุดใส่แสดงพวกนี้ด้วยระดับฐานะทางการเงินของพวกเขาจะซื้อร้อยตัวหรือพันตัวก็ไม่ใช่ปัญหาใด ๆเลย

“คุณครูคะ เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าชุดใส่แสดงเป็นทางโรงเรียนรับผิดชอบ? แล้วทำไมตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเราไม่มีเงินซื้อไปได้ล่ะ?” มีผู้ปกครองถามด้วยความสงสัยพร้อมน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก

ผู้ปกครองท่านอื่นก็เช่นกันต่างให้ลูก ๆของตัวเองถอดชุดที่ใส่แสดงออกทีละคน ๆ เดิมทียังคุยกันเรื่องชุดที่ใส่แสดงพวกนี้ว่าหลังจากแสดงเสร็จจะให้เด็ก ๆใส่กลับบ้านเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าเอาแล้ว

“ถอดให้หมด ถ้าเอากลับบ้านจริง เกรงว่าจะมีคนมาพูดลับหลังว่าบ้านเราเป็นขอทาน เสื้อผ้าพวกนี้ไม่กล้าเอาหรอก รีบถอดออกเลย!”

“ก็ใช่น่ะสิ…ถ้ารู้แต่แรกว่าไม่ใช่ชุดของโรงเรียน ฉันคงไปซื้อที่ดิสนีย์แลนด์อเมริกาแล้ว แค่ชุดใส่แสดงชุดหนึ่งใครจะขาดแคลนเงินแค่นี้กัน”

“จริงด้วย วันก่อนสามีฉันยังประชุมอยู่ที่ฮ่องกงอยู่เลย ที่นั่นก็มีดิสนีย์แลนด์ เรื่องแค่นี้ให้เลขาช่วยวิ่งจัดการให้ก็จบแล้ว”

…….

……………………………………….

ตอนที่ 2820 เรื่องอื้อฉาว

คนที่มาดูการแสดงส่วนมากจะเป็นคุณแม่ซึ่งไม่ได้รังแกกันง่าย ๆ พวกเขาต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นกันออกมา แถมแต่ละคนยังพากันโอ้อวดสามีของตัวเอง ถ้าไม่ได้พักผ่อนที่อเมริกาก็เดินทางไปทำงานที่ฮ่องกง หรือไม่ก็ไปเที่ยวแถบยุโรปบ่อย ๆ…

สรุปแล้วก็คือทุกบ้านมีฐานะดีกันทั้งนั้น ไม่ขาดแคลนเงินแค่เรื่องชุด ๆเดียวหรอก

“คุณครูคะ…ฉันคิดว่าเอาเงินค่าเสื้อผ้าให้ผู้ปกครองท่านนี้ ส่วนเรื่องราคาฉันว่าคิดชุดละ 500 หยวนก็พอ ผู้ปกครองท่านอื่นมีความคิดเห็นอย่างไรไหมคะ?” มีผู้ปกครองท่านหนึ่งเด็ดกว่าหักหน้ากันเลย

ผู้ปกครองท่านอื่นจะกล้ามีความคิดเห็นอะไรได้ พวกเขาควักเงินกันออกมา “500 หยวนนี่ถูกมากเลยนะคะ เสื้อยืดของลูกสาวฉันตัวเดียวน้อยๆ ก็พันกว่าแล้วค่ะ!”

“เสื้อผ้าของเด็กสมัยนี้แพงมากเลยเนอะ แบรนด์ในประเทศฉันไม่กล้าใช้เลยค่ะ ใช้แต่แบรนด์ยุโรปทั้งนั้น พันสองพันนี่ถือว่าราคาปกติมาก ห้าร้อยหยวนซื้อแผ่นรองเท้าให้ลูกชายฉันยังไม่ได้เลย…”

มุมปากของเหมยเหมยกระตุก ในยุทธภพนี้มีคนทุกประเภทจริง ๆ

เมื่อก่อนเห็นคุณแม่เหล่านี้ต่างดูผู้ดีสง่างามกันทั้งนั้น คาดไม่ถึงว่าพอด่าขึ้นมาจะเจ็บแสบยิ่งกว่าพิษงูเห่าเสียอีก เธอแอบเหลือบมองหญิงสาวคนนั้น เหอะ ๆ…หน้าซีดเชียว คาดว่าตอนนี้คงอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลยสิท่า

เมื่อเซียวเซียงได้ยินข่าวก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาแล้วมองคุณครูที่รับผิดชอบการแสดงหน้าขรึม ยิ้มพลางเอ่ย “ขอโทษด้วยนะคะ นี่เป็นความผิดพลาดของโรงเรียนเรา ขอโทษด้วยจริง ๆค่ะ ชุดพวกนี้ไม่ต้องให้ผู้ปกครองเสียค่าใช้จ่ายนะคะ เดี๋ยวสักพักดิฉันจะให้การเงินติดต่อกับผู้ปกครองท่านนี้พร้อมเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยค่ะ”

“ไม่ต้อง…ไม่ต้องจ่ายค่ะ ครอบครัวฉันสนับสนุนทางโรงเรียนเอง” หญิงสาวผู้ร่ำรวยพูดเสียงอ้อมแอ้ม แววตาตื่นตระหนกราวกับว่าสร้างเรื่องใหญ่แล้ว

อีกทั้งตอนนี้เธอเพิ่งค้นพบว่าที่แท้กลุ่มผู้ปกครองที่ปกติแต่งตัวธรรมดาแต่ละคนกลับมีฐานะทั้งนั้น แบรนด์ที่พวกเขาพูดถึงเธอยังไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่ไม่รู้จัก

“ขอบคุณในน้ำใจของคุณแต่ว่าทางโรงเรียนนี้ไม่รับเงินสนับสนุนค่ะ ชุดที่ใส่แสดงจะคิดราคาตามตลาดและจ่ายให้คืนแน่นอน” เซียวเซียงปฏิเสธอย่างสุภาพ

หญิงสาวผู้นั้นต่อให้โง่เขลาแค่ไหนก็รู้สึกได้ว่าตัวเองทำเรื่องผิดมหันต์เข้าแล้ว ถ้าเกิดสามีรู้เข้าจะต้องด่าทอและตำหนิเธอยกใหญ่แน่นอน วันหลังก็จะยิ่งหาข้ออ้างออกไปหาเศษหาเรอด้านนอก หญิงสาวหันไปมองเหมยเหมยผู้มีใบหน้างดงาม ภายในใจก่อเกิดความเกลียดชังขึ้นมา

เป็นเพราะพวกเมียน้อยเลี้ยงลูกออกมาได้แบบนี้ทั้งนั้น!

ฉับพลันหญิงสาวผู้นี้ก็รู้สึกคุ้นหน้าเหมยเหมยเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ไม่นานก็นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วแล้วล้วงเอานิตยสารซุบซิบที่ชอบอ่านมากที่สุดออกมาจากกระเป๋า เทียบกันอย่างละเอียด…เป็นเธอจริง ๆด้วย!

“เธอมันนังเมียน้อย ไม่น่าถึงได้เลี้ยงลูกสาวที่ไร้การศึกษาออกมาแบบนี้ได้ ตัวเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร พวกคุณดูสิ เมียน้อยคนนี้ก็คือคนที่ไปยั่วยวนมู่มู่นั่นเอง…”

หญิงสาวยกนิตยสารขึ้นมาพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง สีหน้าดูกระหยิ่มยิ้มย่องมาก

ชอบที่สุดก็คือจัดการกับพวกเมียน้อย

ความสนใจของพวกผู้ปกครองต่างไปอยู่ที่นิตยสารซุบซิบดาราเล่มนั้น นิสัยของผู้หญิงก็คือรักการนินทา ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่าไรหรือมีการศึกษาระดับไหน…

บนนิตยสารเป็นรูปถ่ายพวกเหมยเหมยและสยงมู่มู่ตอนไปที่โรงพยาบาล ปาปารัสซี่ถ่ายรูปเธอชัดมาก มองแค่แวบเดียวก็เห็นได้อย่างชัดเจน สายตาที่ทุกคนมองมาทางเหมยเหมยจึงเปลี่ยนไปอัตโนมัติ

คาดไม่ถึงว่าหญิงสาววัยเยาว์ที่งดงามคนนี้ชีวิตส่วนตัวกลับเหลวแหลก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของเด็กที่แสนน่ารักคนนี้จะเป็นใคร?

ดูท่าคงไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากบนเส้นทางความถูกต้องนักหรอก?

“เธอพูดจาไร้สาระอะไรกัน นี่เป็นหลานสะใภ้ฉัน มู่มู่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหล่อน หลานสะใภ้ฉันตั้งท้องอยู่ ในฐานะที่มู่มู่เป็นพี่ชายจะพาเธอไปโรงพยาบาลไม่ได้เหรอ? พวกความคิดต่ำ ๆพอเห็นดอกไม้งดงามกว่าหน่อยก็ชอบนึกว่าเป็นถังส้วมอยู่เรื่อย!”

คุณย่าหยางรีบตามมา พอได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนนี้ก็บุกมาปกป้องเหมยเหมยสองแม่ลูกไว้ด้านหลังอย่างห้าวหาญ

………………………

Related

ตอนที่ 2817 ต้านได้สารพัดพิษ

“กรุบ ๆ…”

เล่อเล่อเหมือนหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อย เนื้อสีขาวของแอปเปิลในมือลดลงเรื่อย ๆจนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงแกนแอปเปิลเท่านั้น!

“พี่อย่ากินนะ…แอปเปิลมีพิษจะตายได้…ฮือ ๆ!” รื่อเป่าน่าตกใจมาก เธอเชื่อจริง ๆว่าแอปเปิลมีพิษ ทั้งยังหลงคิดว่าคนแคระจะช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้จริง ๆ

“สบายใจได้…พี่ต้านได้สารพัดพิษ!” เล่อเล่อตบไปที่เสื้อคลุมลายเห็ดพร้อมเรอเสียงดัง

เป่ารื่อน่าเปลี่ยนจากความเศร้ามาเป็นเสียงหัวเราะแล้วมองเล่อเล่ออย่างชื่นชม พี่สาวเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกจริง ๆ!

‘ราชินีใจร้าย’ โกรธจนตาแดงก่ำ แอปเปิลอาบพิษไม่มีแล้วเธอจะแสดงต่ออย่างไรล่ะ?

เหยียนเล่อเล่อร้ายกาจไม่เบา เธอต้องจงใจกลั่นแกล้งทำให้งานป่วนแบบนี้แน่ ๆ!

เด็กน้อยคนอื่น ๆบนเวทีต่างมองกันอย่างงุนงง สีหน้าตะลึงงัน จากนี้จะแสดงต่อไปอย่างไรล่ะ?

ส่วนผู้ปกครองด้านล่างเวทีต่างหัวเราะร่า บางคนถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหลพลางรู้สึกว่าสนุกกว่าเนื้อเรื่องต้นฉบับมาก มองดูเด็กพวกนี้สิร่าเริงขนาดไหน

ครั้นเหมยเหมยเห็นลูกสาวตัวเองที่มีสีหน้าพึงพอใจบนเวทีก็รู้สึกอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี เธอไม่รู้จักเด็กคนนี้ ใครจะเอาก็เอากลับบ้านไปเลย!

คุณครูรีบขึ้นไปบนเวทีเพื่อปลอบประโลมเด็ก ๆแล้วก็ดึงเล่อเล่อมาคุยด้วยดี ๆ แน่นอนว่าจะฟังหรือไม่นั้นก็มีแค่เล่อเล่อเท่านั้นที่รู้ดีแก่ใจ

การแสดงดำเนินต่อไป คุณครูนำแอปเปิลอีกลูกมาให้ใหม่เป่ารื่อน่าจึง ‘ตาย’ สำเร็จ คนแคระทั้งเจ็ดได้ช่วยเธอไว้ เนื่องจากเมื่อสักครู่ถูกเล่อเล่อทำให้เสียเวลา ฉากเอาหวีแลกกับแอปเปิลพิษจึงถูกตัดออกแล้วกระโดดข้ามไปฉากสุดท้ายเลย—

เจ้าหญิงสโนไวท์หลับอยู่นาน ในที่สุดเจ้าชายขี่ม้าขาวก็มาถึง เขาเตรียมจะจุมพิตเพื่อให้เจ้าหญิงผู้งดงามฟื้นคืนชีพ

เด็กชายที่แสดงเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวหน้าตาดีไม่น้อย เขาใส่สูทผูกหูกระต่ายดูสง่างามเหมือนเจ้าชายจริง ๆ ผู้ปกครองต่างมองเด็กผู้ชายตัวน้อยที่กำลังเอนตัวก้มลงจุมพิตเป่ารื่อน่าอย่างสนใจพร้อมดวงตาที่ยิ้มอย่างมีความสุข

“โอ๊ย…ฉันดูจนจิตวิญญาณความเป็นวัยรุ่นของฉันจะเด้งออกมาอยู่แล้ว อยู่ดี ๆก็อยากกลับไปมีความรักเหมือนตอนจีบกัน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทุบหน้าอกตัวเองอย่างเกินจริง ใจเต้นตึกตักเหมือนหนุ่มสาวที่กำลังมีความรัก

“แสดงว่าทำการบ้านกันไม่บ่อย ช่วงนี้อิงจวี้กังของเธอสุขภาพส่วนล่างใช้การไม่ได้หรือไง!” ฉีฉีเก๋อพูดโดยไม่ต้องคิดพูดล้อเล่นอย่างที่เคยทำปกติ

เหมยเหมยหนังตากระตุกจัดการฟาดเธอไปทีหนึ่งแล้วคำรามเสียงต่ำว่า “เธอยังกล้าพูดลามกในโรงเรียนอนุบาลอีกเหรอ เธอไม่อายแต่ฉันอายนะ!” ฉีฉีเก๋อเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้ที่นี่จึงรีบปิดปากเงียบแล้วยิ้มอย่างละอายใจ หวังว่าจะไม่มีใครได้ยินเพราะไม่เช่นนั้นเธอคงไม่กล้ามาประชุมผู้ปกครองแน่นอน

อู่เชาที่กำลังเบื่อสุด ๆได้ยินคำพูดของฉีฉีเก๋อชัดทุกถ้อยคำ คำว่า ‘การบ้าน’ ใช้ได้ดีทีเดียว เมื่อก่อนไม่เคยสังเกตเลยว่าเพื่อนของเหมยเหมยจะเก่งขนาดนี้

เขาไม่ได้สนิทกับฉีฉีเก๋อมากนักแต่เพราะเธอสนิทกับเหมยเหมยจึงเคยทานข้าวด้วยอยู่สองสามครั้ง เจอกันน้อยครั้งนักแต่ก็พอจะรู้จักฉีฉีเก๋ออยู่บ้าง

เขารู้ว่าสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างสูงโปร่งคนนี้เป็นสาวน้อยจากทุ่งหญ้า พอเรียนจบปริญญาตรีก็แต่งงานกับรุ่นพี่คนหนึ่ง แต่เนื่องด้วยชีวิตคู่ไม่มีความสุขจึงหย่ากันเมื่อหลายเดือนที่แล้ว เห็นท่าทางสดใสร่าเริงของเธอก็พออธิบายได้ว่าหลังจากหย่าแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดี ไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่น ๆที่ดูขมขื่นทุกข์ทรมาน

เมื่อนึกถึงแม่ที่เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเหมือนกัน อู่เชาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองฉีฉีเก๋ออีกครั้ง

หลังจากเว่ยชิวเยวี่ยแม่ของเขาหย่ากับพ่อของเขาแล้วมาแต่งงานกับจี้เจี้ยนโปอดีตอาเขยของเขา ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นลูกชายก็ไม่ได้คัดค้านแต่ก็ไม่ได้สนับสนุนต่อสิ่งที่แม่เลือกแต่เขาก็ไม่ได้มองว่าดี

ไม่ใช่เพราะจี้เจี้ยนโปไม่ใช่คนดีแต่เพราะมันไม่ถูกต้อง

อีกทั้งในวันแต่งงานคุณอาอู่เจิ้งหงก็ถูกรถชนตายซึ่งเรื่องนี้เป็นเหมือนก้างชิ้นโตที่ทิ่มแทงเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปอยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นลูกพี่ลูกน้องจี้เหวินฮุ่ยก็คอยมาก่อกวนอย่างไม่ลดละ ชีวิตหลังแต่งงานของเว่ยชิวเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปจึงไม่สงบสุขนักเพราะมักจะมีเรื่องให้ระแวงอยู่เสมอ ต่อให้ความรักจะลึกซึ้งขนาดไหนก็ถูกเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆเหล่านี้มาบั่นทอนให้ลดลงได้เช่นกัน

……………………………………….

ตอนที่ 2818 ชายหญิงไม่อนุญาตให้จูบกัน

อู่เชาถอนหายใจ จากนั้นก็เป็นไปตามที่เขาคาดคิดเพราะเว่ยชิวเยวี่ยและจี้เจี้ยนโปทนความทุกข์ทรมานได้ไม่เกินสามปีก็ตัดสินใจแยกทางกันด้วยดี แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังคงไปได้ดี แม้จะเป็นสามีภรรยากันไม่ได้แต่ยังเป็นเพื่อนกันได้

ทว่าตอนนี้เว่ยชิวเยวี่ยกลับมีความสุขกับชีวิตดี ต่อให้โสดแต่ก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ตัวเขาเองและพี่ชายค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นบางครั้งเว่ยชิวเยวี่ยจะเดินทางไปท่องเที่ยวเพียงลำพังใช้ชีวิตได้น่าอิจฉามากกว่าพวกเขาเสียอีก

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถไปเที่ยวแบบปุบปับได้!

เสียงหัวเราะของผู้ปกครองรอบข้างขัดจังหวะความคิดของอู่เชาเขาจึงมองไปยังเวที ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทะลักขึ้นมาเมื่อครู่ล่องลอยหายไปในอากาศแล้วแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะ

ลูกสาวของเหมยเหมยคนนี้น่ารักกว่าตอนที่แม่เธอยังเด็กเยอะเลย!

เล่อเล่อแย่งซีนอีกครั้งอย่างงดงาม เธอใช้เพียงมือเดียวคว้าคอเสื้อของ ‘เจ้าชาย’ ไว้แล้วกระชากเขาไปอีกทางราวกับเทพธิดาผู้พิทักษ์ความยุติธรรม จากนั้นก็ดันเป่ารื่อน่าไปปกป้องไว้ด้านหลัง

“ห้ามจูบ ชายหญิงห้ามจูบกัน!” เล่อเล่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกลอกตาใส่

กลางวันแสก ๆยังกล้าจูบน้องเป่ารื่อน่าอีก คิดว่าเธอตายไปแล้วหรือไงฮะ?

เด็กผู้ชายคนนี้อยากจะบ้าตาย “พวกเรากำลังแสดงกันอยู่ต่างหาก!”

“ต่อให้แสดงก็จูบไม่ได้ ฉันจะช่วยนายจูบเอง!”

เล่อเล่อก้มตัวลงกระดกก้นขึ้น ชุดเห็ดดอกใหญ่ดูตลกมากพวกผู้ปกครองจึงขำขันกันอีกครั้ง โอ๊ย…ทำไมเจ้าหนูน้อยที่แสดงเป็นเห็ดถึงน่ารักจังนะ?

ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้?

เล่อเล่อจูบประทับลงบนใบหน้าของเป่ารื่อน่าแล้วตะโกนเสียงดังว่า “จูบเสร็จแล้ว…แสดงต่อได้!”

คุณครูที่อยู่หลังเวทีกลับอยากจะร้องไห้ เธอเก่งนักก็เขียนบทเองสิ…ไม่เคยเจอเด็กคนไหนแย่งซีนเก่งขนาดนี้เลย!

พอเหมยเหมยได้ยินบทสนทนาของผู้ปกครองที่อยู่รอบข้างก็มุดตัวหลบอยู่หลังเซียวเซ่อ เธออยากจะหาร่องแล้วมุดลงไปเสียจริง ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยรู้นะว่าเล่อเล่อรักการแสดงมากขนาดนี้?

มุมปากของเซียวเซ่อกลับยกยิ้มขึ้นมองไปทางเล่อเล่อที่อยู่บนเวทีอย่างพึงพอใจ เด็กน้อยที่ทั้งน่ารักทั้งเอาแต่ใจแบบนี้ จริง ๆแล้วควรจะเป็นลูกสาวของเธอถึงจะถูก ทำไมถึงไปเกิดในท้องของเหมยเหมยจอมขี้แยนี่ได้นะ?

ถ้าสามารถให้กำเนิดเด็กน้อยที่น่ารักอย่างเล่อเล่อได้ เธอก็ยังตั้งตารอคอยชีวิตในวันข้างหน้าได้อยู่สินะ!

เซียวเซ่อครุ่นคิด อยู่ดี ๆก็คิดว่าความจริงแล้วการให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องทุกข์ทรมานขนาดนั้น

เมื่อการแสดงจบลงกลุ่มผู้ปกครองต่างปรบมือเสียงดังอย่างมีความสุข แถมมีผู้ปกครองบางคนยังเช็ดน้ำตาอยู่เลย ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ แค่การแสดงครั้งนี้ก็สามารถทำให้พวกเขาหัวเราะไปได้อีกครึ่งปีแล้ว

กลุ่มผู้ปกครองต่างไปหลังเวทีเพื่อพาลูกของตัวเองกลับบ้าน เหมยเหมยฝืนใจเดินไปหาเล่อเล่อ ต่อให้เธอไม่อยากจะไปเลยสักนิด แต่ลูกสาวก็เป็นลูกสาวแท้ ๆของเธอ ฉะนั้นจะรังเกียจไม่ได้

“คุณแม่คะ วันนี้หนูปกป้องน้องด้วยนะ!”

เมื่อเล่อเล่อเห็นเหมยเหมยก็วิ่งมาขอคำชมจากเธอ ทว่าเหมยเหมยกลับไม่ได้ชมเธอเหมือนเมื่อก่อนแต่กลับทำหน้าบึ้งตึงแล้วสั่งสอนเธอว่า “เล่อเล่อวันนี้ทำไม่ถูกมาก ๆเลยนะ ไม่มีการทำงานเป็นทีมเลยและไม่มีความเป็นมืออาชีพด้วย…ในเมื่อเราแสดงเป็นเห็ด ก็ควรจะแสดงเป็นเห็ดอยู่เงียบ ๆ ทำไมต้องไปแย่งซีนเด็กคนอื่นด้วยล่ะ?”

แต่เพราะเล่อเล่อยังอายุน้อยจึงแค่แสดงละครเวทีในโรงเรียนอนุบาล ถ้าเปลี่ยนเป็นละครเวทีทั่วไป จะมีนักแสดงคนไหนที่กล้าทำแบบนี้ แน่นอนว่าคงถูกขึ้นบัญชีดำแล้วล่ะ!

เล่อเล่อฟังแล้วก็งุนงงแต่ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง วันนี้เธอทำผิดเลยไม่ได้รับคำชม

“นั่นสิ อายุน้อยขนาดนี้ยังชอบแย่งซีน ไม่รู้ว่าคนเป็นพ่อแม่นี่สั่งสอนลูกอย่างไร ฮึ!” เสียงผู้หญิงพูดจาเสียดสีดังลอยมาจากด้านข้างเหมยเหมยจึงเงยหน้ามอง เธอเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 กว่าทาปากสีแดงเข้มเหมือนสีเลือด ใส่เครื่องประดับวิจิตรงดงาม กลิ่นอายของผู้รากมากดีลอยมาเตะหน้าเชียว

โดยเฉพาะไข่นกพิราบยักษ์ที่อยู่บนมืออาจทำให้ตาคนอื่นตาบอดเพราะแสงแยงตาได้

……………………

Related

ตอนที่ 2815 คนที่หนีเรื่องความรู้สึก

เครื่องแต่งกายของเล่อเล่อนั้นเรียบง่ายมากเพราะเป็นชุดเห็ดขนาดใหญ่ที่แค่สวมเข้าไปแล้วเผยให้เห็นเพียงใบหน้าเท่านั้น

เด็กคนอื่น ๆกำลังแต่งหน้ากันอยู่ แม้จะเป็นแค่การแสดงละครเวทีของเด็ก ๆ แต่ก็เตรียมทุกอย่างได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ช่างแต่งหน้า อุปกรณ์ประกอบฉากบนเวที แสงไฟล้วนทำได้ตามมาตรฐาน ไม่แพ้การแสดงขนาดกลางเลย

เพราะอย่างไรก็ตามพ่อแม่ของบรรดาเด็ก ๆเหล่านี้ก็ล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมจึงทำแบบขอไปทีไม่ได้อยู่แล้ว

เซียวเซียงในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในโรงเรียนจึงต้องมาร่วมงานด้วยอยู่แล้ว เธอยังกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ด้วย เมื่อกล่าวเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งตรงที่นั่งวีไอพีที่พวกเหมยเหมยนั่งอยู่พร้อมพูดคุยกับเซียวเซ่อ พี่น้องสองคนไม่ได้เจอกันนานจึงมีเรื่องให้คุยมากมาย

“เธอกับสยงมู่มู่สรุปอย่างไรกันแน่? คุณปู่ยังรู้เรื่องเลย” เซียวเซียงถามเสียงเบา

ข่าวฉาวครั้งนี้โด่งดังไปทั่ว แม้แต่คุณปู่วัยชราที่เก็บตัวอยู่บ้านยังทราบเรื่องและโทรหาเซียวเซียงตั้งหลายครั้ง ทั้งยังถามเรื่องเซียวเซ่อกับเธออีก แต่ปัญหาก็คือเซียวเซียงเองก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน!

เซียวเซ่อเหลือบมองสยงมู่มู่ที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าสับสน ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี “ก็เรื่อย ๆแหละ เดี๋ยวถึงตอนนั้นพี่ก็รู้เอง”

“เธอนี่ขี้ขลาดเรื่องความรู้สึกจริง ๆเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเครือญาติหรือความรักเธอก็เลือกแต่จะเดินหนี เซ่อเซ่อ แบบนี้เธอมีความสุขนักเหรอ?” เซียวเซียงถามตรง ๆจนทิ่มแทงถึงขั้วหัวใจของเซียวเซ่อ

สีหน้าของเซียวเซ่อเปลี่ยนไปในฉับพลันแล้วไม่กล้าสบตาลูกพี่ลูกน้องของเธออีก

เพราะว่าเซียวเซียงพูดถูกทุกอย่าง เธอเป็นคนขี้ขลาดในเรื่องความรู้สึกจริง ๆเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน ดังนั้นนิสัยของเธอจึงเป็นคนเย็นชาและโดดเดี่ยวและไม่กล้าที่จะลองคบเพื่อนใหม่ ๆ ไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่งแต่เพราะกลัวปวดใจ!

 “เซ่อเซ่อ เธอต้องกล้าที่จะเดินออกมา เธอจะเอาแต่มุดอยู่ในกระดองไม่ได้ สยงมู่มู่อยู่เคียงข้างเธอมาหลายปีขนาดนี้ บทจะไปต่างประเทศก็ไป ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวแบบนี้เหลือน้อยมากแล้วนะ เธอต้องทะนุถนอมไว้ให้ดี!” เซียวเซียงพยายามพูดโน้มน้าวอย่างใจเย็น ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่คุณปู่เซียวเยี่ยนต้องการด้วย

ตั้งแต่เซียวเซ่อกลับประเทศอังกฤษจนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว แต่สยงมู่มู่ก็ยังคอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดไม่ห่างไปไหน ความจริงใจแบบนี้…เงินมากมายก็หาซื้อไม่ได้จริง ๆ!

เซียวเซ่อเหลือบมองสยงมู่มู่อีกครั้งซึ่งประจวบกับเขาหันมามองพอดี อีกทั้งในแววตาของสยงมู่มู่ซ่อนเรื่องราวไว้มากมายลึกล้ำราวกับทะเลอีเจียนที่ยากจะหยั่งถึง เซียวเซ่อรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับเหมือนถูกผึ้งต่อย ใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอกอยู่แล้ว

เจ้าบ้านี่นับวันจะยิ่งทำเกินกว่าเหตุ มักใช้สายตาขุ่นเคืองแบบนั้นมองเธอทำไมกันนะ?

ราวกับว่าเธอไปเอาเปรียบเขาแล้วไม่ยอมรับผิดชอบอย่างนั้นแหละ!

แต่…เธอก็เหมือนว่าเอาเปรียบเขาจริง ๆ แม้ทุกอย่างจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่เธอก็เป็นคนถอดเสื้อผ้าเขา เซียวเซ่อรู้สึกผิดจึงทำให้ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าสยงมู่มู่ เธอหันไปมองเวทีแล้วแสร้งทำเป็นกำลังดูการแสดง

เซียวเซียงถอนหายใจ ช่างเป็นคู่รักคู่แค้นกันจริง ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะลงเอยกันสักทีนะ?

“คุณปู่บอกให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเมื่อไรที่บ้านก็มีห้องสำหรับเธอเสมอ” เซียวเซียงบอก

ขอบตาของเซียวเซ่อร้อนผ่าว พยักหน้าหงึก ๆ

เวลานี้เองเสียงเพลงบนเวทีก็ดังขึ้น เด็ก ๆที่แต่งตัวกันเรียบร้อยก็ออกมาทำการแสดงอย่างร่าเริง ถึงแม้จะยังเป็นเด็กแต่ก็แสดงกันอย่างตั้งใจมาก ในช่วงแรกผู้ใหญ่หลายคนอาจจะไม่ค่อยสนใจนักแต่พอยิ่งตั้งใจดูก็ยิ่งติดงอมแงม เด็กพวกนี้ยังแสดงได้ดีกว่าละครบรอดเวย์เสียอีก

ในเวลานี้เองการแสดงก็มาถึงตอนที่ราชินีใจร้ายปลอมตัวเป็นหญิงชราเอาแอปเปิลพิษไปให้สโนว์ไวท์ ตามเนื้อเรื่องพอสโนว์ไวท์กินแอปเปิลที่อาบยาพิษแล้วจะล้มลงไป จากนั้นก็จะได้รับการช่วยเหลือจากคนแคระ

เล่อเล่อที่แสดงเป็นเห็ดดอกใหญ่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆมาโดยตลอดแสดงในบทบาทของตัวเองอย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่าดวงตาของเธอกลับเป็นประกายในขณะที่จ้องไปยังแอปเปิลสีแดงลูกใหญ่

……………………………………….

ตอนที่ 2816 แย่งซีน

เด็กผู้หญิงที่แสดงเป็นราชินีใจร้ายรูปร่างสูงพอ ๆกับเล่อเล่อและยังตัวใหญ่กว่าพวกเป่ารื่อน่าอย่างเห็นได้ชัด เด็กผู้หญิงคนนี้แสดงได้ไม่เลวทีเดียว สีหน้าเหี้ยมโหดยื่นแอปเปิลอาบพิษให้เป่ารื่อน่าที่แสดงเป็นสโนไวท์พร้อมสายตาสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีมาก โดยแสดงความร้ายกาจของราชินีใจร้ายออกมาได้สมจริงมาก

“เด็กคนนี้นี่มีพรสวรรค์ในการแสดงจริง ๆ อายุเท่านี้ก็สามารถแสดงออกอารมณ์ทางสายตาได้แล้ว”

เดิมทีเหมยเหมยไม่ได้สนใจการแสดงนี้สักเท่าไหร่นักแค่คิดว่ามาดูเอาสนุก ๆเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเด็ก ๆจะทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเพราะแสดงได้ดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก

อย่างเห็ดดอกใหญ่อย่างเล่อเล่อ แม้จะไม่มีบทพูดใด ๆ เลยแต่ปกติเล่อเล่อเป็นคนอยู่ไม่สุขซึ่งแต่ไรมาทำตัวเหมือนกับลิงไม่เคยนั่งหรือยืนนิ่ง ๆได้เกินสามนาที แต่ตอนนี้กลับยืนอยู่บนเวทีเงียบ ๆมาสิบกว่านาทีแล้ว เก่งมากจริง ๆ!

สยงมู่มู่และอู่เชาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างชื่นชม เก่งกันมากจริง ๆ ตอนพวกเขาตัวเท่านี้ยังทำเป็นแค่ต่อยตีกันไม่รู้ภาษาอะไรด้วยซ้ำ!

“เด็กสมัยนี้เก่งกว่าสมัยของพวกเราเยอะ พวกเธอยังไม่รู้อะไรคุณครูที่เป่ารื่อน่าไปเรียนเปียโนด้วย มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุแค่แปดขวบ เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่อายุสองขวบจนถึงตอนนี้แต่งเพลงเองได้แล้ว ได้รางวัลใหญ่ ๆมาเยอะมาก เก่งมากจริง ๆ”

ฉีฉีเก๋อพูดไปก็ชมไป เธอรู้สึกอิจฉาเด็กผู้ชายคนนั้นมาก ถ้าเป่ารื่อน่าได้ความสามารถสักครึ่งของเขา ต่อให้เป็นแค่ความฝันเธอก็คงยิ้มในฝันอย่างมีความสุข!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับไม่เห็นด้วย “น่าอิจฉาตรงไหน ในเมื่อฟ้าให้เราเกิดมาย่อมมีข้อดีอยู่แล้ว ทุกคนย่อมมีหนทางในการพัฒนาตัวเองที่เหมาะสม ทำไมเด็กทุกคนต้องไปเรียนเปียโนด้วย เดี๋ยวฉันจะให้นันนันเรียนซอซะเลย ฮึ!”

“พรู๊ด”

เหมยเหมยกลั้นขำไม่อยู่ พอเธอจินตนาการว่าเด็กสาวแสนสวยกำลังสีซอเพลงเศร้าอย่าง ‘บ่อเอ้อร์เฉวียนสะท้อนเงาจันทร์’ ขึ้นมา เฮ้อ…คิดภาพไม่ออกเลยจริง ๆ

ซอเอ้อร์หูจริง ๆแล้วเป็นเครื่องดนตรีที่ฝึกยากชนิดหนึ่ง คนที่เล่นซอเอ้อร์หูได้เก่งมักไม่ธรรมดา เหมยเหมยมักจะรู้สึกว่าเสียงของซอเอ้อร์หูจะเปลี่ยนโทนเองราวกับว่าผู้ที่มีประสบการณ์น้อยจะไม่สามารถสีซอเอ้อร์หูเพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกออกมาได้

จะต้องเป็นคนที่เก่งมาก ๆถึงจะสามารถสีซอเอ้อร์หูได้มีเสน่ห์

อย่างไรเสียเธอก็คิดแบบนี้แหละ

“พอแล้ว…ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พวกเรานั่งดูละครกันเงียบ ๆดีกว่าเพื่อให้เกียรตินักแสดงตัวน้อย ๆด้วย” คุณย่าหยางเริ่มไม่พอใจ เล่อเล่อพยายามแสดงเต็มที่ขนาดนี้ คนเป็นแม่ยังแอบคุยกันอยู่ด้านล่างเวที ช่างไม่เหมาะสมเลยเสียจริง

เหมยเหมยแลบลิ้นปลิ้นตาแต่ก็ไม่ควรทำจริง ๆ เธอจึงนั่งตัวตรงจ้องเห็ดดอกใหญ่บนเวทีแน่นิ่ง ยิ่งดูก็ยิ่งอินกับบทบาท

เห็ดที่มีลายขนาดนี้จะต้องมีพิษแน่ ๆ คุณครูแต่งบทต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่านะ?

ราชินีใจร้ายยื่นแอปเปิลส่งให้สโนไวท์ซึ่งเป็นแอปเปิลจริง ๆ ทั้งหอมทั้งกรอบ แน่นอนว่าไม่มีพิษแน่นอน

เป่ารื่อน่ารับแอปเปิ้ลมากำลังทำท่าเหมือนจะกัดแล้วล้มลงแกล้งตาย ทันใดนั้นเล่อเล่อที่แสดงเป็นเห็ดนิ่ง ๆมาตลอดก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าแล้วมาขวางหน้าเป่ารื่อน่าและราชินีไว้ จากนั้นแอปเปิลก็มาอยู่ในมือเธอ

“กินไม่ได้นะ…แอปเปิ้ลมีพิษ!”

เล่อเล่อจ้องราชินีใจร้ายแน่นิ่ง คนเลว…

มีเธออยู่ ใครก็แกล้งน้องเป่ารื่อน่าไม่ได้ทั้งนั้น!

“เหยียนเล่อเล่อเธอแย่งซีนแล้ว สโนไวท์ต้องเป็นคนกินแอปเปิลต่างหาก” เด็กผู้หญิงที่แสดงเป็นราชินีใจร้ายตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ

“คนเลว…แอปเปิ้ลมีพิษ น้องเป่ารื่อน่ากินไม่ได้ ฉันจะกินเอง!”

เล่อเล่อลูบหัวเป่ารื่อน่าด้วยท่าทีจริงจังราวกับปลอบประโลมเธอว่าไม่ต้องกลัว หลังจากนั้นเธอก็กัดแอปเปิ้ลเข้าไปคำใหญ่ ทั้งหอมทั้งกรอบ อร่อยมากจริง ๆ!

…………………

Related

ตอนที่ 2813 งดเนื้อครึ่งปี

เล่อเล่อหดคอแล้วถามเสียงเบาว่า “มีอะไรแตกต่างกันไหมคะ?”

“ถ้าให้พ่อถามจะงดเนื้อเราหนึ่งปี แต่ถ้าเราบอกเองก็จะลงโทษสถานเบา” เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเบา อุบไว้โดยไม่ได้บอกวิธีการลงโทษไป

“พ่อ…เบาแค่ไหนเหรอ?” เล่อเล่อมองเขาอย่างมีความหวัง

“ก็ต้องดูว่าเราสารภาพออกมามากขนาดไหน ขอแค่ทำให้พ่อพอใจ อาจจะไม่ลงโทษเลยก็ได้”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย บิดข้อมืออวบอ้วนของเธอไปมาพลางครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทีซื่อสัตย์แล้วเอ่ย “พ่อ…อยากจะรู้อะไรคะ?”

ฉับพลันพ่อของเธอก็มีท่าทีแบบนี้แต่เธอไม่รู้ว่าเธอทำผิดอะไร เมื่อสักครู่เธอพยายามคิดทบทวนเงียบ ๆ ช่วงนี้เธอค่อนข้างเชื่อฟัง อย่างมากก็แค่เตะเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายที่อยู่ไม่สุขไปสองสามคน แล้วยังทำให้เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงที่ตกใจหยุดร้องไห้ด้วย…

หรือว่าพ่อจะรู้เรื่องพวกนี้?

เหยียนหมิงซุ่นจุกอยู่ในอก เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าลูกสาวของเขายังคงเป็นเด็กน้อยวัยสี่ขวบอยู่ แม้ว่าความสามารถจะไม่ธรรมดาแต่ด้านไอคิวและอีคิวยังคงต่ำมาก ฉะนั้นเขาต้องถามออกไปตรง ๆ

“ในท้องแม่ของเราเป็นเด็กผู้ชายสองคนงั้นเหรอ?”

“อืมใช่…สองตัวเล่นสนุก ๆ” เล่อเล่อถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้อ…ไม่ใช่เรื่องที่โรงเรียนก็แล้วไป

เหยียนหมิงซุ่นขยี้เปลือกตาเพราะหนังตาเริ่มกระตุก เขาถามต่อว่า “ฉิวฉิวเป็นคนบอกเราเหรอ?”

“อืม…ฉิวฉิวบอกว่าสองตัวเล่นสนุก ๆ” เล่อเล่อบอกเรื่องของฉิวฉิวอย่างไม่ลังเล ฉิวฉิวก็ไม่ได้บอกให้เธอเก็บเป็นความลับนี่นา!

ฟันกรามของเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกคันยุบยิบจึงขบฟันอย่างแรง เส้นประสาทตรงหน้าผากเต้นตุบ ๆ เขารู้อยู่แล้วว่า…เจ้ากระรอกบ้านี่ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่!

เล่อเล่อที่ใสซื่อโดนหลอกง่าย ครั้นถูกทำให้ตกใจจึงโดนเหยียนหมิงซุ่นหลอกถามออกมาหมด แม้แต่เรื่องยาลูกแฝดก็บอกออกมาด้วย เหยียนหมิงซุ่นโกรธจนควันออกหูจึงเอานมที่คุณย่าหยางเตรียมไว้ให้หลานสาวด้วยความตั้งใจดื่มจนเกลี้ยง

เล่อเล่อปวดใจจนอ้าปากค้าง นมของเธอหมดแล้ว…

ปวดใจเหลือเกิน…แต่คนที่ดื่มนมคือพ่อของเธอ แล้วเธอจะพูดอะไรได้?

และไม่กล้าพูดด้วย!

เล่อเล่อจ้องไปที่นมที่เหยียนหมิงซุ่นดื่มจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้สักหยดพลางกะพริบตาปริบ ๆอย่างน่าสงสาร ไม่เพียงเท่านั้น…เมื่อเหยียนหมิงซุ่นเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้วก็รู้ว่าตนเองได้ปรักปรำบริษัทถุงยางอนามัย ทว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของเจ้ากระรอกบ้ากับลูกสาวตัวเองทั้งนั้น

“งดเนื้อครึ่งปี กินผักไปครึ่งปีเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นประกาศบทลงโทษด้วยความโมโห เล่อเล่อผวาจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ครึ่งปีไม่กินเนื้อ เธอจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?

“พ่อ ไหนพ่อบอกว่าจะลงโทษสถานเบา พูดแล้วไม่ทำตามที่พูด” เล่อเล่อพยายามรักษาสิทธิตัวเองเต็มที่

“ถ้าอย่างนั้นก็ลดไปหนึ่งวันจากครึ่งปี”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชาเอามือไขว้หลังแล้วเดินจากไปเพราะเตรียมไปคิดบัญชีกับเจ้ากระรอกบ้านั่นต่อ

เล่อเล่อนั่งลงบนพื้นอยากจะร้องไห้ เธอนั่งนับนิ้วอ้วนสิบนิ้วอยู่นาน จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่แสนเศร้า

ครึ่งปีลดไปหนึ่งวันก็พอ ๆกับครึ่งปีนั่นแหละ เธอโดนพ่อของตัวเองหลอกเข้าให้แล้ว!

คุณย่าทวดอยู่ไหน เธอโดนรังแกแล้ว!

ฉิวฉิวที่ดูเรื่องสนุกอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นเหยียนหมิงซุ่นเดินออกไปก็รีบกระโดดออกทางหน้าต่างอย่างคล่องแคล่ว หางสะบัดไปมาอย่างมีความสุข เขาไปหลบภัยที่สวนหลังบ้านก่อน รอให้ผ่านไปสักพักแล้วค่อยกลับมาบ้านแล้วกัน

เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่กระโดดโลดเต้นไปมาบนต้นไม้หลังบ้านอย่างสบายใจด้วยความโกรธแค้น รอบข้างยังมีกระรอกเพศเมียสาวสวยหลายตัวตามติดไปด้วยซึ่งล้วนเป็นสาวที่ฉิวฉิวเอากลับมาด้วยจากด้านนอก สวนหลังบ้านจะกลายเป็นประเทศกระรอกอยู่แล้ว มีแค่ฉิวฉิวตัวเดียวที่เป็นเพศผู้ นอกนั้นเป็นเพศเมียหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นเมียใหญ่เมียเล็กต่างก็กลมเกลียวกันดีไม่เคยเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลย

เจ้ากระรอกบ้านี่ยังมีเสน่ห์เหลือล้นสินะ ไม่ได้การล่ะ เขาต้องคิดหาวิธีจัดการเจ้ากระรอกบ้านี่เข้าสักวันแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงกำจัดความโกรธนี้ไปไม่ได้แน่!

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยจงใจตื่นให้เร็วขึ้นหน่อย เธอจะต้องไปให้กำลังใจลูกสาวตัวน้อยที่โรงเรียนอนุบาล แต่เจ้าเห็ดตัวน้อยกลับห่อเหี่ยวหมดอาลัยตายอยากราวกับมะเขือเหี่ยวก็ไม่ปาน

……………………………………….

ตอนที่ 2814 งดเนื้อไม่ได้

อาหารมื้อเช้าในวันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ ทุกคนนั่งเต็มโต๊ะอยู่กันพร้อมหน้า ป้าฟางเตรียมอาหารมื้อเช้าไว้มากมายอย่างพิถีพิถัน แล้วยังทำซุปเปรี้ยวเผ็ดสำหรับเหมยเหมยเพื่อเรียกน้ำย่อยด้วย แถมมีเสี่ยวหลงเปารสเลิศ แค่มองก็เรียกน้ำย่อยได้มากแล้ว

“อร่อยมากเลย ๆค่ะ…ทำไมฉันถึงอยากกินเผ็ดอีกนะ? เหมือนกับตอนที่ตั้งท้องเล่อเล่อเลย เดี๋ยวก็อยากกินเปรี้ยว เดี๋ยวก็อยากกินเผ็ด ครั้งนี้คงไม่ได้เป็นลูกสาวเหมือนกันหรอกใช่ไหม!”

เหมยเหมยซดซุปไปหลายอึก ความอยากอาหารมีมหาศาลเชียว

“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่สำคัญก็คือร่างกายต้องแข็งแรง เราต้องกินให้ดี ๆ เมื่อผู้ใหญ่ได้รับการบำรุงอย่างเพียงพอ ลูกในท้องถึงจะเติบโตอย่างแข็งแรง” คุณย่าหยางเตรียมอาหารเช้าให้เล่อเล่อแล้วเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า

แน่นอนว่าเธอหวังอยากจะมีหลานเพิ่มอีกคนแต่จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงนั้นไม่มีใครบอกได้ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ในเมื่อมาที่บ้านของพวกเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเทวดาตัวน้อยอันเป็นที่รักของพวกเขา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเล่อเล่อจะกินมังสวิรัติเป็นเวลาครึ่งปี” เหยียนหมิงซุ่นประกาศคำตัดสินครั้งใหญ่ ใบหน้าของเล่อเล่อที่บูดบึ้งอยู่แล้วยิ่งดูแย่ลงไปอีก พอเห็นซาลาเปาไส้หมูในมือก็ชั่งใจว่าจะกัดหรือวางลงดี?

“แกเป็นบ้าอะไรอีก ดีแต่จะทรมานเล่อเล่อ เหลนตัวเล็กแค่นี้ถ้าไม่กินเนื้อจะโตได้อย่างไร? ช่วงนี้หลานเพี้ยนไปแล้วหรือไง?” คุณย่าหยางไม่เห็นด้วย ถ้าจะลงโทษให้ยืนกระต่ายขาเดียวหรือวิ่งเธอไม่มีข้อโต้แย้งอะไรทั้งนั้น แต่ไม่ควรลงโทษเด็กเรื่องอาหาร ไม่ใช่แม่เลี้ยงเป็นคนเลี้ยงสักหน่อย

เล่อเล่อมองคุณย่าหยางด้วยความซาบซึ้งใจพร้อมน้ำตาคลอเบ้า อย่างไรคุณย่าทวดก็ดีที่สุด!

“คุณย่าครับ เล่อเล่อทำผิดครั้งใหญ่ต้องได้รับโทษ คุณย่าอย่าขัดคำสั่งสอนของผมสิครับ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย

“จะสั่งสอนเด็กก็ไม่ควรงดเรื่องอาหาร ตอนแกยังเด็กฉันเคยงดอาหารแกหรือไง? แกเปลี่ยนวิธีสิจะยืนบนตอไม้หรือต่อยมวยอะไรก็ได้แต่จะงดเนื้อไม่ได้!” คุณปู่เหยียนที่ไม่ค่อยพูดอะไรก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา ไม่ให้เหลนทานเนื้อครึ่งปี นี่เป็นการเอาชีวิตเล่อเล่อชัด ๆ!

มิน่าตอนเช้าเจ้าตัวน้อยถึงได้ดูห่อเหี่ยวขนาดนั้น ช่างน่าสงสารจริง ๆ

เหมยเหมยมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เห็นด้วย “ทำไมพี่ถึงไม่คิดให้ดีก่อน เล่อเล่อทำอะไรผิดเหรอ?”

“นั่นสิ เล่อเล่อทำอะไรผิดล่ะ?” คุณย่าหยางตะโกนถาม

สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นดูลำบากใจ เรื่องท้องแฝดจะพูดออกไปไม่ได้ แถมยังต้องปิดบังเหมยเหมยอีก เขาจะทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวภาระไม่ได้ ดังนั้น…เขาจึงพูดไม่ออก

 “ก็คือทำผิด เล่อเล่อ เราบอกมาสิว่าเราทำผิดไหม?” เหยียนหมิงซุ่นตะโกนถาม

เล่อเล่อพยักหน้า “ทำผิดแล้ว พ่อคะ…เปลี่ยนเป็นยืนบนตอไม้แทนได้ไหมคะ?”

เธอยินดีที่จะยืนบนตอไม้ปีหนึ่ง ยังดีเสียกว่าต้องกินผักครึ่งปี!

“ก็ตัดสินตามนี้ละกัน ต่อจากนี้ทุกวันยืนบนตอไม้วันละหนึ่งชั่วโมง เนื้ออย่างไรก็ยังต้องกิน ในเมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษ” คุณย่าหยางตัดสินใจเรียบร้อย เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรเธอจึงทำได้เพียงเห็นด้วย

เล่อเล่อร้องดีใจแล้วกัดเนื้อคำโต ยืนบนตอไม้หนึ่งชั่วโมงสำหรับเธอถือว่าเล็กน้อยมาก ขอแค่มีเนื้อทานก็พอใจแล้ว!

“เหมยเหมย เราไม่ต้องไปดูการแสดงแล้วมั้ง อยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า” คุณย่าหยางกังวลสุขภาพของเหมยเหมย

“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้หนูแข็งแรงมาก กินอิ่มนอนหลับดีค่ะ” เหมยเหมยไม่ได้คิดว่าหนักหนาอะไร แค่ตั้งครรภ์เองไม่ต้องทะนุถนอมขนาดนั้นหรอก

“สบายใจได้ครับ พวกเราก็ไปด้วย แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้!” สยงมู่มู่รับประกัน วันนี้พวกเขาทุกคนต่างไปเป็นกำลังใจให้เล่อเล่อซึ่งถือว่าเป็นวันพักผ่อนไป

แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าพวกนักข่าวนิตยสารที่อยากรู้อยากเห็นเดินว่อนไปมาอยู่ด้านนอกเต็มไปหมด

การออกจากบ้านครั้งนี้สยงมู่มู่ปลอมตัวอย่างแนบเนียนโดยใส่ทั้งหน้ากากและแว่นดำ พวกเขาเดินทางมาถึงโรงเรียนอนุบาลด้วยมาดอันทรงพลัง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็มาถึงเรียบร้อยแล้ว ส่วนเป่ารื่อน่าก็เปลี่ยนไปใส่ประโปรงเจ้าหญิงราวกับนางฟ้าตัวน้อยเรียบร้อย

……………………

Related

ตอนที่ 2811 หาชู้

ทั้งครอบครัวต่างอยู่ในห้วงแห่งความสุขและยินดีที่กำลังจะมีเจ้าหนูน้อยกำเนิดขึ้น มีเพียงเหยียนหมิงซุ่นที่ทำสีหน้าเศร้าใจแต่ก็ใช่ว่าจะต่อต้านการมาของเด็กคนนี้ ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทำใจให้สงบเพราะมาแล้วก็ต้องยอมรับไปโดยปริยาย

แต่สิ่งที่เขาคาใจก็คือมันผิดพลาดตรงจุดไหนกันนะ?

ไม่ได้ เขาต้องฟ้องร้อง ทั้ง ๆที่บอกว่ามีโอกาสแค่ 1 ใน 10 ล้าน แต่พอเป็นเขาแม้แต่ 1% ก็ไม่มี นี่มันอะไรกัน?

ความจริงแล้วเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกความจริงกับเหมยเหมยว่าโอกาสที่ถุงยางจะรั่วผิดพลาดได้มีเพียง 1 ใน 10 ล้าน ไม่ใช่ 1 ใน 1000 อย่างที่บอกไว้ ดังนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้วางใจและกล้าที่จะ…

เมื่อถึงเวลานอนเหยียนหมิงซุ่นยังคงคิดถึงเรื่องนี้อยู่จึงเผลอตัวมุ่นคิ้วแน่น ทั้งยังปิดปากเงียบกริบ ซึ่งตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวแต่เหมยเหมยกลับสังเกตเห็นจึงพานนึกว่าเป็นเพราะเธอท้องแล้ว เขาถึงได้ไม่มีความสุข

เพราะอย่างไรเสียเหยียนหมิงซุ่นก็คัดค้านเรื่องมีลูกคนที่สองอย่างจริงจังมาโดยตลอด เดิมทีเธอยังหลงคิดว่าถ้าเธอท้องสำเร็จ เหยียนหมิงซุ่นคงดีใจไปด้วยเหมือนกับตอนที่มีเล่อเล่อ แต่ทว่า…

ตั้งแต่กินข้าวเย็นจนถึงตอนนี้คิ้วของเหยียนหมิงซุ่นผูกเป็นปมแน่นมาตลอด ดูกลุ้มใจไม่มีความสุขจึงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ดีใจเลยสักนิด

เหมยเหมยใจดิ่งวูบและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “พวกเรามีลูกอีกคน ทำไมพี่ถึงไม่มีความสุขเลยล่ะ?”

ความคิดของเหยียนหมิงซุ่นชะงักลง จากนั้นเขาก็เงยหน้าเห็นเหมยเหมยที่ทั้งโกรธและเสียใจ ตากลมโตจ้องเขาแน่นิ่ง เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเอาแต่จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนละเลยภรรยาของตนไป

“เปล่านะ…พี่จะไม่ดีใจได้ไง พี่แค่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่” เหยียนหมิงซุ่นรีบอธิบาย

“คิดอะไรอยู่เหรอ? มีอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องที่ฉันท้องอีกเหรอ…ฮะ?”

เหมยเหมยระแวงมากกว่าเดิม เรื่องใหญ่อย่างตั้งครรภ์ยังไม่สามารถทำให้เหยียนหมิงซุ่นหยุดคิดเรื่องอื่นได้ นี่เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เขาคิดครอบงำความคิดทั้งหมดของเขา ไม่น่าใช่เรื่องงานเพราะปกติเหยียนหมิงซุ่นไม่เคยคิดเรื่องงานตอนอยู่บ้าน

ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็น่าจะเรื่องส่วนตัว…เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เธอไม่กล้าคิดมาก่อนซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้หญิง เส้นประสาทของเธอขาดผึง ดวงตากลมโตเบิกกว้างมากยิ่งขึ้น

“เหยียนหมิงซุ่น…พี่แอบมีเมียน้อยใช่ไหม?” เหมยเหมยตะโกนถามด้วยความโกรธ

เขาว่ากันว่าแต่งงานกันเจ็ดปีความรักก็จะจืดจางลง ช่วงเวลาที่ผู้ชายจะนอกใจไปมีคนอื่นส่วนมากจะลดน้อยลงไปมาก จากเจ็ดปีก็จะเหลือหกปี ห้าปี สี่ปี…แม้กระทั่งสามปี เล่อเล่ออายุ 4 ขวบแล้ว ถ้านับตามนี้ก็คงถึงเวลาที่เหยียนหมิงซุ่นจะนอกใจแล้ว

มีอย่างที่ไหนกัน!

ไฟแห่งความโกรธของเหมยเหมยค่อย ๆปะทุขึ้นมา เธอทำงานหนักที่บ้าน…อืม….ถ้าพูดให้ดีหน่อยเธอก็ไม่ได้ลำบากอะไรยังอยู่สบายกว่าสาวโสดหลายคนด้วยซ้ำ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เหยียนหมิงซุ่นจะไปหาเมียน้อยได้

อารมณ์ของผู้หญิงตั้งครรภ์มักอ่อนไหวและเปลี่ยนแปลงง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แค่การขมวดคิ้วเรื่องเล็ก ๆ ของเหยียนหมิงซุ่นก็สามารถทำให้ความคิดของของเหมยเหมยหลั่งไหลพรั่งพรูคิดไปไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เหยียนหมิงซุ่นตกใจกับคำว่า ‘เมียน้อย’ ที่มาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ความคิดของเหมยเหมยไปไกลเกินไปแล้ว

“เราคิดอะไรเพ้อเจ้อ พี่แค่กำลังคิดว่า…”

เหยียนหมิงซุ่นยังพูดไม่จบก็ถูกเหมยเหมยขัดขึ้นก่อน “ฉันคิดอะไรเพ้อเจ้อ ฉันท้องแล้วนะ ทั้งคุณปู่ คุณย่า และมู่มู่ทุกคนต่างดีใจกับฉัน มีแค่พี่ที่ทำหน้าบึ้งตลอดราวกับว่ามีคนติดหนี้พี่อยู่อย่างนั้นแหละ ถ้าในใจพี่ไม่ได้มีคนอื่น แล้วจะมีอะไรได้…ฮือ ฮือ ฮือ…ถ้าพี่ไม่ไปหาข้างนอกแล้วทำไมถึงคัดค้านที่จะมีลูกคนที่สองมาตลอดล่ะ?”

เหมยเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจพร้อมน้ำตาไหลพรากไม่หยุดพลางมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างคาดโทษ

เหยียนหมิงซุ่นตบหน้าผากตัวเองอย่างระอาแล้วรั้งเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก็ลูบปลอบเธอพูดปลอบใจว่า “พี่แค่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมอัตราที่ต่ำขนาดนั้นเรายังสามารถมีลูกได้ เราอย่าเอานิสัยที่ชอบแต่งเรื่องในนิยายมาใช้ในชีวิตจริงได้ไหม?”

แต่ทว่า—

จินตนาการของเหมยเหมยเริ่มกว้างไกลมากขึ้น เธอจ้องไปที่เขาด้วยความโมโหแล้วตะโกนใส่ว่า “ความหมายของพี่ก็คือฉันมีชู้ใช่ไหม?”

……………………………………….

ตอนที่ 2812 จับประเด็นสำคัญได้แล้ว

เหมยเหมยโกรธจนเอามือทั้งสองข้างหยิกเอวของเหยียนหมิงซุ่นอย่างแรงแต่ยังรู้สึกไม่หนำใจพอจึงอ้าปากแล้วกัดเข้าที่คอของเขาอีกหลายที แต่ละทีก็ออกแรงกัดเต็มที่ซึ่งไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แค่เล่นเหมือนคนรักที่แง่งอนกันเท่านั้น

กล้าดียังไงถึงมาสงสัยในความบริสุทธิ์ของเธอ…กัดให้ตายเลย!

เหยียนหมิงซุ่นเจ็บจนสูดลมหายใจเข้าลึกแต่ก็ไม่กล้าออกแรงเพราะกลัวจะทำให้เหมยเหมยบาดเจ็บ เขาจึงทำได้เพียงอดทนรอให้หญิงสาวทุเลาความโกรธลงก่อน

“เราคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย เดี๋ยวก็บอกว่าพี่มีเมียน้อย เดี๋ยวก็บอกว่าตัวเองมีชู้…พี่ไม่เคยเห็นใครที่ชอบสวมเขาให้ตัวเองกับสามีขนาดนี้มาก่อนเลย เธอนี่มันจริง ๆ…”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างระอา สมองน้อย ๆของเธอคิดอะไรอยู่นะ!

“พี่ยังโทษฉันอยู่เลย เมื่อกี้พี่เป็นคนบอกเองว่าโอกาสต่ำมากยากที่จะท้องได้ไม่ใช่เหรอ? ความหมายของพี่ก็คือฉันแอบมีชู้ข้างนอก…ฮือ ๆ…เหยียนหมิงซุ่นคนเลว ฉันจะพาเล่อเล่อกลับบ้าน ไม่อยู่กับพี่แล้ว ฉันคลอดลูกเองคนเดียวได้…”

เหมยเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ เธอหมุนตัวหมายจะไปเก็บกระเป๋าใช้กลอุบายสุดท้ายที่ผู้หญิงชอบทำ—กลับบ้านแม่

ในเมื่อโดนรังแกเธอก็ต้องกลับบ้านไปให้พวกท่านปลอบสิ!

เหยียนหมิงซุ่นกอดเหมยเหมยไว้แน่น ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้เธอกลับบ้านไปตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพ่อตาแม่ยายจะอบรมเขาอย่างหนักหน่วงแค่ไหน แม้แต่คุณปู่คุณย่าก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่

ตอนนี้เหมยเหมยเป็นลูกรักของครอบครัวเหยียน เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นโตที่พระเจ้ามอบให้!

“โอเค ๆ ความผิดของพี่เอง พี่ไม่ควรขมวดคิ้วและไม่ควรพูดแบบนั้น จริง ๆแล้วพี่ก็แค่กลัวว่าถ้าเธอท้องแล้วจะลำบากเลยไม่อยากให้มีลูกคนที่สอง แต่ในเมื่อตอนนี้มีแล้วแน่นอนว่าพวกเราก็ต้องให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยและเลี้ยงดูเขาให้ดี”

เหยียนหมิงซุ่นหยอดคำหวานเอาใจภรรยาที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แน่นอนว่าเขาพูดจากใจจริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเด็กแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้หญิงอันเป็นที่รักไปทำแท้งอย่างแน่นอน

ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกล้ารับผิดชอบ ตอนปลดปล่อยก็ปลดปล่อยเต็มที่ ตอนที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องกล้าที่จะก้าวออกมารับผิดชอบไม่ใช่ให้ผู้หญิงมารับความทรมานและเสียใจเพียงลำพัง มีแต่คนขี้ขลาดเท่านั้นที่จะทำแบบนั้น

อารมณ์ของเหมยเหมยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ฉีกยิ้มพร้อมขนตาที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่

“เธอจะเป็นแม่ลูกสองแล้วนะยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ ขี้แยยิ่งกว่าเล่อเล่ออีก!”

เหยียนหมิงซุ่นแตะจมูกเธอเบา ๆแล้วหัวเราะจนตัวโยน แต่ในสมองกลับมีความคิดบางอย่างพาดผ่าน

ลูกสอง…ไม่สิ…น่าจะลูกสามมากกว่า!

ตอนเล่อเล่อทานมื้อเย็นยังพูดย้ำตั้งหลายรอบว่าเหมยเหมยจะคลอดน้องชายอีกสองคน ถึงแม้ลูกสาวจะเป็นแบบนั้นแต่คงไม่ได้พูดล้อเล่นแน่ ๆ

ถ้าเป็นเรื่องจริงนั่นก็หมายความว่าเล่อเล่อรู้เรื่องที่เหมยเหมยตั้งครรภ์นานแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าเขาน่าจะจับประเด็นสำคัญได้แล้วล่ะ

เหมยเหมยที่โวยวายไปรอบหนึ่งก็ผล็อยหลับอย่างรวดเร็วแถมกรนอีกต่างหาก เหยียนหมิงซุ่นช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอพลางรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่น้อย หากสิ่งที่เล่อเล่อพูดเป็นความจริง ร่างน้อย ๆของเหมยเหมยที่ต้องอุ้มท้องลูกถึงสองคนจะต้องทรมานไม่น้อยแน่ ๆและอาจมีอันตรายไปด้วย

ยัยตัวแสบ!

เล่อเล่อที่เล่นกับเสวี่ยเสวี่ยและฉิวฉิวอยู่ในห้องได้สักพักก็ไปอาบน้ำให้ตัวหอมเตรียมจะใส่เสื้อผ้า แต่กลับอดตัวสั่นสะท้านเฮือกไม่ได้ หูของเล่อเล่อชันขึ้นด้วยความสงสัยและสำรวจโดยรอบ

ทุกอย่างปกติ ไม่มีผีสักตัว

สามารถนอนได้อย่างสบายใจแล้ว!

เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จเล่อเล่อก็เดินออกมา จากนั้นก็เห็นเหยียนหมิงซุ่นนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเคร่งขรึม แววตาลึกล้ำยากเกินกว่าจะคาดเดาได้

เล่อเล่อกรีดร้องในใจแล้วรีบมองหาฉิวฉิว แต่ทว่า…คุณปู่ฉิวที่ฉลาดเป็นกรดพาเสวี่ยเสวี่ยออกไปเดินเล่นนานแล้ว

พวกมันต่อกรกับนายผู้ชายไม่ไหวหรอก!

“จะให้พ่อถามหรือว่าเราจะบอกมาเองซะดี ๆ?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงขรึมแล้วพูดเข้าประเด็นทันที

……………………………

Related

ตอนที่ 2809 ขวาร้าย ซ้ายดี

เหยียนหมิงซุ่นตาข้างซ้ายกระตุกทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำอย่างไรก็ควบคุมไม่อยู่

“ลูกพี่…ต้องมีเซอร์ไพรส์ใหญ่แน่นอน!” ลูกน้องเอ่ยแสดงความยินดีไม่หยุดปาก

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่คิดเช่นนั้น “นายเป็นถึงทหารของประชาชน อย่าลงเชื่อคำงมงายนักเลย”

“นี่ไม่ใช่คำงมงายนะ ขวาร้าย ซ้ายดี เรื่องนี้แม่นสุด ๆเลยล่ะ ผมแม่นทุกครั้งเลย ลูกพี่เชื่อเถอะกลับไปต้องมีข่าวดีรอลูกพี่อยู่แน่นอน” ลูกน้องมั่นใจมาก

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแต่ไม่เชื่อเลยสักนิด เขาจะมีข่าวดีอะไรได้ หรือว่าคืนนี้เหมยเหมยจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขาก่อน?

ข่าวดีแบบนี้เขาเองก็ชอบไม่หยอก

แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่รู้ช่วงนี้เหมยเหมยเป็นอะไรมักเข้านอนเร็วทุกวันราวกับเหนื่อยมากเสียอย่างนั้น เขาก็ทำใจกวนเธอไม่ลง เดี๋ยวอีกสองสามวันค่อยลองพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดู นอนเร็วแบบนี้ทุกวันผิดปกติแล้วล่ะ

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านก็เห็นในบ้านมีคนเพิ่มมากขึ้น ฉับพลันหนังตาก็กระตุกไม่หยุด ลูกน้องคนนั้นพูดจาเหลวไหล ขวาร้ายซ้ายดีอะไรกันคงพูดกลับกันมากกว่า

ในบ้านมีคนมาเป็นก้างขว้างคอเพิ่มขนาดนี้ นี่มันหายนะชัด ๆ

“พวกนายเองก็มีบ้านอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือไง?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา

สยงมู่มู่โต้กลับ “ไม่ได้อยู่บ้านมาตั้งนานหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด เหมยเหมยเลยให้พวกเรามาอยู่ที่นี่แทน”

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆ เขาอยากจะโยนสามตัวนี้ออกไปจริง ๆ แต่ในเมื่อเป็นแขกที่ภรรยาเชิญมาก็คงต้องไว้หน้าหน่อยถึงจะถูก

“เหมยเหมยล่ะ?”

“พ่อคะ…แม่ไปนอนอีกแล้ว แถมกรนด้วย” เล่อเล่อกลิ้งลงมาจากด้านบนพร้อมรายงานอย่างร่าเริง

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกแล้วขึ้นไปดูเหมยเหมยด้านบน นอนเร็วขนาดนี้อาการผิดปกติขึ้นเรื่อย ๆแล้ว

เพิ่งเข้าห้องนอนไปก็ได้ยินเสียงกรนเป็นจังหวะ เหยียนหมิงซุ่นกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เหมยเหมยอ้าปากหวอนอนฝันหวานหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนหมูน้อยก็ไม่ปาน เกรงว่าขนาดฟ้าร้องก็คงยังไม่ตื่นเลย

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะอย่างระอา กลางวันนอนนานขนาดนี้ เดี๋ยวกลางคืนต้องนอนไม่หลับแหง เขาบีบจมูกเหมยเหมยทีแล้วกระซิบข้างหูเธอว่า “กินเกี๊ยวแล้ว!”

ระยะนี้ยัยตัวแสบชอบทานเกี๊ยวเป็นพิเศษ ถ้าได้ยินว่าเป็นเกี๊ยวต้องตื่นแน่

“อืม…กินเกี๊ยว ฉันเอาไส้ผักกาดดองนะ…”

เหมยเหมยตื่นอย่างว่องไวแล้วมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างสะลึมสะลือ ผ่านไปสักพักถึงรู้สึกตัวว่าคนตรงหน้าคือสามีของเธอจึงเค้นรอยยิ้มสดใสทั้งใบหน้าลากเสียงยาวออดอ้อนว่า “ที่รัก…ฉันมีข่าวดีจะบอกพี่ด้วยแหละ!”

จู่ ๆหนังตาซ้ายก็กระตุกอีกครั้ง ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นักถาโถมเข้ามาเลยถามเสียงเข้มว่า “อะไรเหรอ? เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ลงเอยกันแล้ว?”

“เปล่าหรอก…เดี๋ยวตอนกินข้าวฉันค่อยประกาศ พี่ต้องดีใจมากแน่ ๆ”

เหมยเหมยอุบไว้แล้วฮัมเพลงเดินลงไปทานข้าวด้านล่าง เดี๋ยวเธอจะกินเกี๊ยวอีกชามใหญ่สักชาม จู่ ๆเธอก็ไม่อยากทานไส้ผักกาดดองแล้ว เอาไส้หมูสับผักกาดดีกว่าแล้วจิ้มน้ำจิ้มเผ็ด ๆต้องอร่อยมากแน่ ๆ

เหยียนหมิงซุ่นเดินตามหลังมาอย่างงงงวย พลันกระวนกระวายใจเพราะเขารู้สึกว่าต้องไม่ใช่ข่าวดีอะไรแน่ ขณะเดินลงบันไดก็เจอฉิวฉิวที่ไถลตัวบนที่จับบันไดพร้อมขยิบตาให้เขาทีหนึ่งซึ่งแววตาแฝงนัยยะบางอย่าง

ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้สึกแบบนี้ ทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายใจก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ต้องไม่ใช่ข่าวดีอะไรแน่ ๆ

ตอนเย็นป้าฟางเตรียมมื้อใหญ่ ทั้งยังตั้งใจทำหมูผัดพริกให้เหมยเหมยด้วยซึ่งเผ็ดไม่เบา คนทั่วไปทานแทบไม่ได้ แต่เหมยเหมยกลับทานอย่างเพลิดเพลิน

“ฉันมีข่าวดีจะประกาศค่ะ…วันนี้ฉันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมา อีกแปดเดือนพวกเราก็จะมีสมาชิกใหม่แล้วนะคะ!” เหมยเหมยสูดหายใจเข้าลึกแล้วประกาศข่าวใหญ่ด้วยความดีอกดีใจ

“พลั่ก”

ตะเกียบในมือของเหยียนหมิงซุ่นตกพื้นพร้อมหนังตาที่กระตุกหนักกว่าเดิม

เขารู้อยู่แล้ว…ว่าหายนะกำลังมาเยือนจริง ๆ!

………………………………………….

ตอนที่ 2810 น้องชายสองคน

ทุกคนในบ้านต่างตกตะลึง มีเพียงพวกสยงมู่มู่สามคนทานอาหารด้วยท่าทีเฉยเมย ฝีมือการทำอาหารของป้าฟางยังดีเหมือนเดิม อร่อยจนหยุดไม่อยู่แล้ว

แน่นอนยังมีเล่อเล่ออีกคน เธอกัดน่องแพะของโปรดเธอคำโต มือทั้งสองข้างมันแผล็บ อีกทั้งใบหน้าอวบอ้วนของเธอก็มันแผล็บเช่นกัน

เธอรู้แต่แรกแล้วว่าต้องมีน้องชาย แถมสองคนด้วย!

มีอะไรให้น่าตื่นตูมกัน พวกผู้ใหญ่ไม่เคยเจอโลกมาก่อน เรื่องเล็กแค่นี้ก็เอะอะโวยวายแล้ว!

คุณย่าหยางรู้สึกตัวเป็นคนแรกจึงดีอกดีใจ “มีจริงเหรอ? ฉันว่าแล้วว่าต้องท้องแน่ ๆ…ไม่งั้นจู่ ๆจะกินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร แถมยังกินเปรี้ยวด้วย…

โอ๊ย…นี่นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่จริง ๆ…ตาแก่รีบจุดธูปไหว้บรรพบุรุษแล้วบอกข่าวดียิ่งใหญ่นี้ไปเร็ว…”

คุณปู่เหยียนพยักหน้าหงึก ๆด้วยความดีใจ แม้แต่ไม้เท้าก็ไม่สนกระโดดโลดเต้นรีบไปจุดธูปทันที

“ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า อยากกินอะไรบอกย่ามาได้เลยนะ…”

คุณย่าหยางถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าเด็กในท้องจะหิว

เหยียนหมิงซุ่นหนังตากระตุก ใจว้าวุ่นไปหมด จะท้องได้อย่างไรกัน?

ทั้ง ๆเขาเตรียมการป้องกันดีทุกครั้งนี่นา!

“คือว่า…ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาหรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นต้องถามให้ชัดเจน บางทีอาจจะแค่ตื่นตูมตกใจไปเองก็ได้

เหมยเหมยรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ต้องพูดแบบนี้แน่นอน หึ!

“เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อครู่นี่เอง คุณหมอบอกว่าท้องได้สี่สัปดาห์แล้ว พี่…ดีใจไหม เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ?” เหมยเหมยจงใจยุแหย่เขา

หนังตาทั้งสองข้างของเขากระตุกอย่างรุนแรง ในเมื่อยืนยันผลแล้ว งั้นก็คงท้องโดยไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ

ตกลงมันผิดพลาดตรงไหนกันนะ?

หรือว่าจะเป็นโอกาสหนึ่งในพันแล้วเขาดันถูกรางวัลงั้นสิ?

คุณย่าหยางไม่พอใจท่าทีเงียบขรึมของหลานชายคนโตเลยถลึงตาใส่พร้อมตำหนิว่า “เขากล้าไม่ยินดียินร้ายแบบนี้ต้องตีให้ตายเลย!”

“คุณย่าคิดมากไปแล้ว ผมก็แค่รู้สึกเหนือคาดเท่านั้นเอง เหนือคาดมากจริง ๆ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างจนใจ

“บ่งบอกว่าสวรรค์ทนดูไม่ได้เลยส่งเทวดาตัวน้อยสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเล่อเล่อไง!” คุณย่าหยางดีใจจนควบคุมตนเองไม่อยู่

เล่อเล่อที่กัดน่องแพะอย่างเอร็ดอร่อยกลอกตาไปมาแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ไม่ใช่คนเดียว…สองคน…สองคนต่างหาก!”

คนเดียวจะไปสนุกอะไรกัน สองคนสิถึงจะเล่นสนุก!

หนังตาของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกแรงขึ้นไปอีก เขารู้ความสามารถของลูกสาวตนดีว่าสองคนที่ว่าต้องไม่ได้พูดซี้ซั้วแน่นอน

คนเดียวเขาก็รำคาญมากพอแล้ว หากมาตั้งสองคนคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขแน่!

“เล่อเล่ออยากได้น้องชายสองคนเหรอ แต่ว่าแม่ของเหลนท้องสองคนคงลำบากแย่ พวกเราเอาแค่คนเดียวก็พอแล้ว!”

คุณย่าหัวเราะร่า ถึงแม้เธอคาดหวังว่ายิ่งมากก็ยิ่งดี แต่เธอเรียนตำราแพทย์มาจึงรู้ว่าผู้หญิงมีลูกมากเกินไปจะไม่ดีต่อร่างกาย มีสองคนก็ดีแล้วล่ะ

เล่อเล่อยู่ปากพลางหันไปมองฉิวฉิวที่ฟุบตัวนั่งสมาธิบนชั้นวางของพร้อมถลึงตาใส่ ทำไมไม่บอกเธอก่อนละว่าคุณแม่ท้องน้องชายสองคนจะลำบาก?

ฉิวฉิวยื่นอุ้งมือมาเพื่อบอกว่าไม่ให้เธอกังวลใจไป ในเมื่อมียาวิเศษดูแลร่างกายแล้วมีอะไรให้ต้องกังวลอีก!

เพราะมันไม่มียาท้องแฝดสามแฝดสี่หรอกนะ ไม่งั้นคงให้นายผู้หญิงคลอดออกมาเล่นด้วยหลายคนแล้ว!

เล่อเล่อถึงได้วางใจ ฉิวฉิวบอกว่าไม่มีปัญหา งั้นก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน!

“จะเอาน้องชายสองคน คุณแม่เอาน้องชายสองคนมาเล่นด้วยกัน…”

เล่อเล่อแค่นเสียงอีกหลายทีแต่ทุกคนต่างถือว่าเป็นคำพูดเพ้อเจ้อของเด็กน้อยเลยไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร การมีลูกใช่ว่าเธอบอกจะมีเท่าไหร่ก็มีได้เท่านั้นสักหน่อย สิ่งสำคัญเลยต้องอาศัยความสามารถเมล็ดพันธุ์ของผู้ชายด้วย!

………………….

Related

ตอนที่ 2807 สัญชาตญาณหวงของกิน

อู่เชาหัวเราะคิกคักหยอกเย้าเจ้าหนูน้อยและไม่ได้คาดหวังว่าเล่อเล่อจะช่วยอะไรได้ เจ้าหนูน้อยไม่ได้เป็นพระแม่กวนอิมประทานบุตรเสียหน่อย ลูกของสยงมู่มู่…ต้องอาศัยสติปัญญาของเขาต่างหาก อย่างอื่นคงหวังอะไรด้วยไม่ได้

คุณย่าหยางร้อนใจกระวนกระวาย พอต้มเกี๊ยวเสร็จยกมาก็เค้นถามเหมยเหมยว่าตกลงเป็นข่าวดีเรื่องอะไรกัน แต่เหมยเหมยกลับไม่บอกแค่ก้มหน้าก้มตาทานเกี๊ยวไป

“เธอนี่นะ ใครเขาพูดจาครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้กัน ไม่งั้นก็ไม่ต้องพูด พูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้จงใจทำให้ฉันนอนไม่หลับใช่ไหม!”

คุณย่าหยางโกรธจนฟาดเหมยเหมยไปที ไม่รู้หรือไงว่าคนแก่ที่บ้านเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นมากขนาดไหน แต่ก็ดันชวนให้อยากรู้แล้วก็ไม่บอกเสียได้!

“มู่มู่ เสี่ยวเชา พวกเธอรู้ไหมว่าข่าวดีอะไรกัน?” หญิงชราเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พวกสยงมู่มู่แทน

“คือเรื่องนี้…ถึงแม้พวกเราจะรู้…แต่ก็บอกไม่ได้…คิก ๆ…” พวกเขาส่ายศีรษะพร้อมกัน เมื่อครู่ระหว่างทางเหมยเหมยกำชับมาแล้วว่าห้ามไม่ให้พวกเขาพูด ต่อให้ยื่นความกล้าให้พวกเขาก็ไม่กล้าพูดหรอก

คนท้องใหญ่สุดนี่นา!

คุณย่าหยางโมโหจนยกชามเกี๊ยวย้ายไปทางเล่อเล่อแทน ไม่ใช่คนดีกันทั้งนั้น อย่าหวังจะได้ทานเกี๊ยวของเธอเลย

“เล่อเล่อกินเยอะ ๆนะ ถ้าไม่พอย่าทวดค่อยตักให้อีก” คุณย่าหยางยกเกี๊ยวชามโตที่มีประมาณยี่สิบกว่าชิ้นมาซึ่งต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็กินไม่เยอะขนาดนี้

แต่สำหรับเล่อเล่อก็แค่ออเดิร์ฟรองท้องเท่านั้นแหละ!

“เล่อเล่อ ไส้อะไรเหรอ?” ครั้นสยงมู่มู่เห็นเจ้าหนูทานอย่างเอร็ดอร่อยก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ มื้อเที่ยงถูกเหมยเหมยก่อกวนจนไม่ได้ทานข้าวดี ๆเลยเกิดอาการหิวขึ้นมาอีกแล้ว

“ไส้หมู…อร่อยมาก”

เล่อเล่ออ้าปากกว้างกัดเกี๊ยวครึ่งชิ้นคำโตเผยให้เห็นไส้หมูสับผักกาดมันวาววับ ผักเป็นผัก หมูเป็นหมูที่สับอย่างละเอียด เห็นแล้วน่ากินไม่หยอก สยงมู่มู่และอู่เชาอดกลืนน้ำลายไม่ได้จนเผลออ้าปากค้าง

“หนูกินหมดไหมเนี่ย” อู่เชาเอ่ยเสียงเบา

เล่อเล่อใช้มือมาปิดชามโตไว้อย่างหวาดระแวงแต่จะปิดหรือไม่ปิดก็มีค่าเท่ากันเพราะชามใหญ่มากแต่มือเล็กนิดเดียว…ทว่ากลับแสดงให้เห็นว่าเล่อเล่อมุ่งมั่นจะปกป้องอาหาร

“กินหมด…เกี๊ยวเป็นของหนู!” เล่อเล่อตะโกนเน้นเสียงหนักแล้วเขมือบครึ่งชิ้นที่เหลือภายในคำเดียวจนหมด พวงแก้มยุ้ยขยับไปมา น่ารักจนชวนให้คนที่เห็นอยากจะหยิกสักที

เซียวเซ่ออดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มออกมา ครั้งนี้เธอค้นพบว่าที่แท้เด็กน้อยก็น่ารักแบบนี้นี่เอง มีสัญชาตญาณหวงอาหารเหมือนไทเฮา ฉีชื่อตอนพวกมันยังเล็ก ๆเลย

“ใครแย่งเกี๊ยวของเล่อเล่อ ฉันจะซัดให้ตายเลย!” เซียวเซ่อลูบศีรษะเล่อเล่ออย่างเบามือเพื่อปลอบประโลมเจ้าหนูน้อยพร้อมทั้งถลึงตาใส่พวกเขาสองคนที่น้ำลายสอทีหนึ่ง

ทั้ง ๆที่เป็นผู้ใหญ่แต่ดันแย่งของกินเด็กซะได้ ขายหน้าบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรหมดแล้ว!

“ขอบคุณนะคะน้าสะใภ้…หนูให้น้าสะใภ้กินด้วย!”

เล่อเล่อยิ้มหวานแล้วจิ้มเกี๊ยวขึ้นมาชิ้นหนึ่งป้อนเซียวเซ่อ ดวงโตกลมโตทั้งอ่อนหวานทั้งน่ารัก เซียวเซ่ออ้าปากให้อย่างคุมตัวเองไม่อยู่ ชั่ววินาทีที่เกี๊ยวเข้าปากเธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคำพูดพวกนั้นที่เหมยเหมยเคยพูดในรถก่อนหน้านี้

เด็กน้อยเวลาน่ารักขึ้นมา ช่างชวนให้ใจละลายอ่อนระทวยเหลือเกิน!

ตอนนี้เซียวเซ่ออยากจะจุ๊บดวงหน้าไข่อันอวบอ้วนแรง ๆสักที แต่เธอยังอดใจไว้ได้ ตอนนี้คนเยอะเกินไปต้องแซวเธอแน่ ๆ รอวันหลังตอนไม่มีคนก่อนเธอค่อยจุ๊บแล้วกัน!

“อร่อยจัง…ขอบคุณนะ!”

เซียวเซ่อทานเกี๊ยวไปทั้งชิ้น นับว่าเป็นรสชาติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เธอเคยทานมาเลยตัดใจกลืนไม่ลง เธอจึงค่อย ๆเคี้ยวเพื่อสัมผัสรสชาติของมันไป

คุณหนูใหญ่เซียวถูกความน่ารักใสซื่อของเล่อเล่อทำให้ซึ้งใจเลยมัวแต่จดจ่อเกี๊ยวจนไม่ได้ยินเสียงที่เล่อเล่อเอ่ยเรียกเธอ ตอนแรกสยงมู่มู่ชะงักไปแต่จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างจนปากเกือบถึงหลังหู

เจ้าอ้วนพูดไม่ผิดหรอก ความจริงยัยทอมชอบเขาจะตายไป เพียงแต่ปากแข็งไม่พูดเท่านั้นแหละ!

………………………………………………….

ตอนที่ 2808 แสดงเป็นเห็ดตัวโต

“คุณแม่…พรุ่งนี้ต้องไปดูหนูแสดงที่โรงเรียน ไม่แม่ก็พ่อต้องไปคนใดคนหนึ่ง” หลังจากทานเกี๊ยวชามโตไปได้ครึ่งหนึ่งก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ อันที่จริงเธอคิดว่าพ่อกับแม่ไม่จำเป็นต้องไปแต่ก็ควรเชื่อฟังคำพูดของคุณครู

“คุณพ่อของหนูงานยุ่ง แม่จะไปให้กำลังใจหนูเอง!”

เหมยเหมยยัดเกี๊ยวคำสุดท้ายเข้าปาก แม้แต่ซุปก็ซดจนเกลี้ยงแล้วเรอออกมาหลายทีอย่างพึงพอใจ

“หนูไม่ต้องการกำลังใจสักหน่อย…” เล่อเล่อแค่นเสียงใส่ เธอเป็นถึงยอดจอมยุทธ์เล่อเล่อที่เก่งที่สุด แสดงเป็นเห็ดดอกเดียวมีอะไรต้องให้กำลังใจกัน

สยงมู่มู่ถามว่าเป็นการแสดงอะไรอย่างสนใจ เหมยเหมยเอ่ยพลางยิ้มว่า “งานแสดงวันเด็ก พวกเล่อเล่อต้องแสดงละครเวทีเรื่องสโนว์ไวท์แต่เธอรับบทแสดงเป็นเห็ดดอกหนึ่ง”

สยงมู่มู่หัวเราะร่า “ทำไมถึงแสดงเป็นเห็ดล่ะ เล่อเล่อของเราแสดงเป็นสโนว์ไวท์ได้นี่นา!”

“ไม่เอา…สโนว์ไวท์อ่อนแอเกินไปเพราะต้องให้คนอื่นช่วยทุกครั้งเลย” เล่อเล่อยู่ปาก เธอยอมแสดงเป็นราชินีใจร้ายยังดีกว่า แต่จะไม่ยอมเล่นเป็นสโนว์ไวท์ที่อ่อนแอเหมือนไก่อย่างนั้นหรอก

เซียวเซ่อยกนิ้วโป้งให้พร้อมเอ่ยชม “ใช่แล้ว…แสดงเป็นราชินีใจร้ายยังดีกว่าเป็นสโนว์ไวท์อีก เล่อเล่อต้องเล่นเป็นราชินีใจร้ายสิ!”

เล่อเล่อมองเธออย่างชื่นชม ฉับพลันเธอก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ดีกับน้าสะใภ้คนใหม่เหลือเกิน ใช่ว่าเธอจะไม่อยากแสดงเป็นราชินีใจร้ายสักหน่อย แต่ว่า——

“คุณครูไม่เห็นด้วย”

เล่อเล่อเอ่ยอย่างไม่ชอบใจนัก คนที่รับบทเล่นเป็นราชินีใจร้ายเป็นรุ่นพี่ชั้นโตกว่าซึ่งกำหนดคนเล่นไว้นานแล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องการแสดงเลยไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปแก่งแย่งมา เธอเลยถอยมารับบทเป็นเห็ดใหญ่ดอกหนึ่งแทน

“ทำไมคุณครูถึงไม่เห็นด้วยล่ะ? คุณครูคนนี้ไม่ได้เรื่องเลย น้าจะไปคุยกับคุณครูเอง” เซียวเซ่อไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรไม่ให้เล่อเล่อแสดงเป็นราชินีใจร้าย เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจะตายไป คุณครูคนนั้นสายตาพร่ามัวหรือไง

“น้าสะใภ้…หนูจะบอกให้ว่าเพราะพวกเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวของพวกเรามีครอบครัวของพี่เขาเป็นผู้สนับสนุน เดิมทีเธออยากแสดงเป็นสโนว์ไวท์แต่สูงเกินไป คุณครูเลยให้ไปเป็นราชินีใจร้ายแทน”

เล่อเล่อเล่าเรื่องน่าตกใจของคนภายในเจื้อยแจ้วเหมือนผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน ทำเอาทุกคนต่างตะลึงค้าง

แม้แต่โรงเรียนอนุบาลเล็ก ๆแค่นี้ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังขนาดนี้เลยเหรอ?

“เล่อเล่อห้ามพูดซี้ซั้วนะ เล่นเป็นเห็ดก็ดีแล้ว เราก็เล่นเป็นเห็ดนี่แหละ!” เหมยเหมยไม่แปลกใจเลย แต่ก็แค่เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งเล่นสนุกบนเวทีเท่านั้น จะรับบทอะไรก็ช่างเพราะขอแค่ลูกสนุกก็พอ สิ่งสำคัญคือการไปร่วมกิจกรรมต่างหาก!

“เปล่าพูดซี้ซั้วนะ เรื่องเป็นแบบนี้จริง ๆ หึ!” เล่อเล่อไม่ชอบใจเลย เธอพูดความจริงทั้งนั้น มีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอพูดซี้ซั้วล่ะ!

“ฉันเชื่อเล่อเล่อ โรงเรียนนี้ไม่ได้เรื่องเลย ก็แค่เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวไม่ใช่หรือไง ฉันออกให้สองเท่าเลย!” เซียวเซ่อทนเห็นเล่อเล่อได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้ เธอเป็นคนนิสัยแบบนี้ ยามเย็นชาก็แช่แข็งคนตายได้เลย แต่หากใส่ใจใครขึ้นมาก็จะกระตือรือร้นยิ่งกว่าไฟป่าเสียอีก

“พรุ่งนี้จะต้องขึ้นแสดงแล้ว เธอจะมัวเอาใจบ้าบออะไรของเธอ เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”

เหมยเหมยยอมยัยคนนี้จริง ๆ เรื่องแค่นี้ก็โวยวายได้ จะแสดงอะไรก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ สมควรที่จะต้องมาแก่งแย่งกันหรือไง

“เล่อเล่อมานี่…”

เซียวเซ่อกลอกตาไปมา เธออุ้มเล่อเล่อขึ้นแล้วกระซิบข้างหูไม่กี่ประโยค เล่อเล่อพยักหน้ายิ้มราวกับหนูที่แอบขโมยไข่ไก่มาได้เสียอย่างนั้น สายตาดูมีลับลมคมในบางอย่าง

“เซียวเซ่อเธออย่าพาลูกสาวฉันเสียคนสิ” เหมยเหมยเอ่ยเตือน เธอรู้จักเพื่อนรักคนนี้ดีเชียวล่ะว่าไม่ใช่คนดีอะไร มีวิธีการจัดการคนไม่เคยขาดหรอก

“เธอยุ่งให้น้อยหน่อย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ทำร้ายเล่อเล่อสักหน่อย กินเกี๊ยวของเธอไปเถอะ!” เซียวเซ่อแค่นเสียงใส่แล้วซุบซิบกับเล่อเล่อต่อ

หลังจากเหมยเหมยทานอิ่ม ความง่วงก็คืบคลานเข้ามา เธอหาวหลายหวอดแล้วก็ไม่มีอารมณ์มาสนใจพวกเขาสองคนอีก ถึงแม้เซียวเซ่อจะชอบวุ่นวายแต่ก็รู้ขอบเขตคงไม่ทำเรื่องเกินกว่าเหตุหรอก

เธอไปนอนก่อนดีกว่า ตอนค่ำพอเหยียนหมิงซุ่นกลับมาค่อยเซอร์ไพรส์เขาแล้วกัน ฮ่า ๆ!

………………………..

Related

ตอนที่ 2805 ฉันมีลูกหลานเต็มบ้านส่วนเธออยู่โดดเดี่ยวไปเลย

เซียวเซ่อรับรู้ได้ถึงแววตาอันเร่าร้อนจากใครบางคนจึงหันหน้าหนีอย่างเก้ ๆกัง ๆ ทว่าหางตากลับเหล่มองเหมยเหมยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข หัวใจของเธอก็เต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่

เธอยอมรับว่าเมื่อครู่เธอหวั่นไหวตามไปด้วยจริง ๆ อีกทั้งยังหวั่นไหวมากด้วย

จู่ ๆก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากมีลูก…

และก็ไม่รู้ว่าคนที่มียีนโดดเด่นอย่างเธอจะมีลูกออกมาเป็นแบบไหน?

แน่นอนว่าเมล็ดพันธุ์ก็ต้องเป็นยีนดีด้วยเช่นกัน ยีนเด่นอันแข็งแกร่งถึงจะผลิตลูกที่ยอดเยี่ยมได้ เซียวเซ่ออดเหลือบมองสยงมู่มู่แวบหนึ่งไม่ได้ ทว่าดันประสานเข้ากับแววตาอันเร่าร้อนของเจ้าหมอนี้เข้าพอดีจนทำเอาเธอเบือนหน้าหนีด้วยความตกใจพร้อมหัวใจที่เต้นแรง

อันที่จริงยีนของไอ้หน้าหวานนี่…ถ้าพูดน่าฟังหน่อยก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

ถ้าอยากมีลูกจริง ๆ เจ้าหมอนี่ถือว่าเป็นตัวเลือกแรกเลย ในเมื่อหาคนที่คุ้นเคยกันย่อมดีกว่า!

เหมยเหมยเอ่ยโน้มน้าวต่อ “เซ่อเซ่อ…ฉันจะบอกเธอให้มีลูกเร็วดีกว่ามีช้านะ เธอดูสิฉันมีลูกเร็วเลยฟื้นตัวเร็ว ตอนนี้ฉันพาเล่อเล่อออกไปไหนก็มีแต่คนบอกว่าเหมือนพี่น้องกัน เธออย่ายื้อเวลาไปจนถึงอายุสามสิบสี่สิบค่อยมีเลย ตอนนั้นฟื้นตัวช้า อีกอย่างรูปร่างก็จะเสียง่าย นักวิทยาศาสตร์ยังบอกเลยว่าอายุอย่างพวกเราเป็นช่วงเวลาที่ควรมีลูกมากที่สุดเพราะเด็กที่คลอดออกมาจะทั้งแข็งแรงและฉลาด…”

“ใครอยากมีลูกกัน…ไม่เอาหรอก…อยู่คนเดียวนี่แหละ!”

เซียวเซ่อสีหน้าผ่อนคลายลงมากแต่พอนึกขึ้นได้ว่าบนรถมีสยงมู่มู่อยู่ เธอก็รีบปฏิเสธทันที ต่อให้เธออยากมีลูกก็จะให้เจ้าสยงมู่มู่รู้ไม่ได้ ไอ้หน้าหวานนี่ต้องล้อเธอแน่!

เหมยเหมยยักไหล่อย่างจนใจพร้อมเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “วันหลังเธอต้องนึกเสียใจแน่ รอเธออายุเจ็ดสิบแปดสิบปีคิดอยากจะมีก็มีไม่ได้แล้ว ดูสิว่าถึงตอนนั้นเธอจะทำอย่างไร!”

“ช่างมันสิ!”

เซียวเซ่อปากแข็งแต่ในใจกลับผ่อนคลายลงอีกครั้งและอดนึกถึงภาพยามตนแก่เฒ่าอายุเจ็ดสิบแปดสิบขึ้นมาไม่ได้ ข้างกายเหมยเหมยรายล้อมไปด้วยลูกหลานที่แสนน่ารักแต่เธอกลับมีแค่สัตว์เลี้ยงอย่างเหม่ยเหริน ไทเฮา ฉีชื่ออยู่เป็นเพื่อนยามแก่

สัตว์เลี้ยงของเธอก็น่ารักมากเช่นกัน แต่…มันพูดไม่ได้นี่นา!

ไม่งั้นเดี๋ยวกลับไปเลี้ยงนกแก้วสักตัว พอในใจผุดความคิดนั้นขึ้นมาเซียวเซ่อก็ปัดตกไปทันที ใช่ว่าเมื่อก่อนเธอจะไม่เคยเลี้ยงมาก่อน ทั้งนกเอี้ยงนกแก้งเธอเคยเลี้ยงมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จสักครั้ง สุดท้ายต่างก็กลายเป็นอาหารของไทเฮาหมด แม้แต่ขนก็ไม่เหลือสักเส้น

“เธอปากแข็งไม่เบา ฉันคร้านจะสนใจเธอแล้ว ต่อไปฉันมีลูกหลานเต็มบ้านส่วนเธออยู่โดดเดี่ยวไปเลย โกรธแล้ว!”

เหมยเหมยที่โกรธสะสมมานานเสียน้ำลายเธอไปตั้งมาก ต่อให้เป็นต้นไม้เล็กก็คงผลิดอกออกผลบ้างแหละ แต่เซียวเซ่อยังหัวรั้นเหมือนเดิม ไม่ยอมผ่อนปรนบ้างเลย

สยงมู่มู่เบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิดหวัง ยัยทอมนี่ใจแข็งดั่งศิลาจริง ๆ!

อู่เชามองออกว่าอันที่จริงเธอใจอ่อนลงแล้วแต่กำลังฝืนใจตัวเองอยู่ ทว่าต่อหน้าพวกเขาคุณหญิงเซียวกลับปากแข็งกลัวเสียหน้าดึงดันจะใช้เกียรติยศรับกรรมนี้ไป

“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ ทุบหม้อข้าวแล้วลุยเลย เรื่องของพวกนายสองคนต้องสำเร็จแน่” อู่เชากระซิบปลอบเพื่อนเสียงเบา

ขอแค่รับปากว่าจะมาร่วมรายการของเขา ทุกอย่างก็จัดการได้ง่ายแล้ว

ถึงเวลานั้นเขาค่อยงัดไม้เด็ดออกมาทำให้ยัยทอมนี่จำยอมตกปากรับคำ หึหึ…วิธีรับมือผู้หญิงที่ปากไม่ตรงกับใจอย่างยัยทอมนี่ต้องใช้วิธีเขานี่แหละถึงจะได้ผล

คุณย่าหยางและป้าฟางที่อยู่บ้านถูกสายจากเหมยเหมยเมื่อครู่ทำเอาสับสนไปหมดและมัวแต่เดาว่าเป็นข่าวดีอะไร

 “หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เซียวเซ่อลงเอยกับสยงมู่มู่แล้ว? เลยเตรียมจัดงานแต่งงาน?” คุณย่าหยางคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด เธอต้องเตรียมซองแดงหนัก ๆไว้แล้ว

 “เป็นไปได้ นอกจากนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เหมยเหมยดีใจขนาดนี้แล้วล่ะ ฉันไปทำของอร่อยก่อนดีกว่า” ป้าฟางเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เธอเปิดตู้เย็นค้นเอาขาแพะที่แข็งเป๊กออกมาหนึ่งขาเพื่อเตรียมย่าง

“คุณย่าคะ…หนูกลับมาแล้ว…รู้ไหมคะว่าข่าวดีอะไร? ถ้าเดาถูกมีรางวัลให้ด้วยนะ!”

เหมยเหมยกลับมาด้วยท่าทีเบิกบาน ก่อนหน้านี้อาเจียนจนเกือบตายแต่ตอนนี้กลับมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เพียงแต่หิวจะตายแล้ว

……………………………………………..

ตอนที่ 2806 คุณน้ามีน้องชายสิ

“มู่มู่กับคุณหนูเซียวจะแต่งงานกันเหรอ?”

คุณย่าหยางลากเหมยเหมยไปอีกฝั่งแล้วกดเสียงต่ำถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

เซียวเซ่อได้ยินชัดเต็มสองหูแต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ในใจกลับมีความรู้สึกประหลาดใจถาโถมเข้ามา ทำไมทุกคนรอบตัวเธอถึงต่างรู้สึกว่าเธอควรจะแต่งงานกับสยงมู่มู่นะ?

แต่เหมือนว่านอกจากเจ้าหนุ่มหน้าหวานนั่นแล้วก็ไม่มีผู้ชายคนอื่นอีกแล้วนี่นา!

 “ยังเร็วไปค่ะ เซ่อเซ่อเล่นตัวจะตายปากแข็งไม่เลิกสักที พวกเราไม่ต้องไปสนใจหล่อนหรอก มีของกินบ้างไหมคะ? หนูหิวจะตายแล้ว” เหมยเหมยลูบท้องสื่อว่าหิวมากแล้ว เซียวเซ่อจ้องเขม็งอย่างโมโห

ทั้ง ๆที่คนที่เล่นตัวมากที่สุดก็คือตัวเหมยเหมยเอง ยังมีหน้ามาบอกว่าเธอเล่นตัวอีกเหรอ?

พอคุณย่าหยางได้ยินว่าไม่ใช่งานมงคล ความดีใจชั่วขณะก็จางหายไป งานมงคลไม่มีแล้วหลานก็ไม่ได้อุ้ม มีเรื่องอะไรให้น่าดีใจอีก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหาอาหารให้หลานสะใภ้ทานให้อิ่มท้องก่อน

“รอเดี๋ยวละกัน ย่าจะต้มเกี๊ยวให้ เกี๊ยวไส้ผักดองนะ!”

“ค่ะ ต้มเยอะ ๆเลย ตอนนี้หนูหิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว” เหมยเหมยยิ้มตาหยี

คุณย่าหยางกวาดตามองเธอด้วยความสงสัย มีนัยยะแปลก ๆพิกล แต่เหยียนหมิงซุ่นพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีเมล็ดพันธุ์แล้วจะมีหลานให้อุ้มได้อย่างไร?

คงเป็นไปไม่ได้ที่เหมยเหมยไปหาจากข้างนอกด้วย…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

พอเหมยเหมยเห็นคุณย่าทำท่าอึกอักอยากถามแต่ไม่กล้าถามก็หัวเราะชอบใจจนปวดท้องไปหมด ตอนนี้เธอยังไม่บอกหรอก เดี๋ยวรอเหยียนหมิงซุ่นกลับมาเธอค่อยประกาศข่าวดี คุณย่าหยางต้องดีใจจนเต้นดิสโก้โชว์เลยล่ะ

ป้าฟางไปรับเล่อเล่อกลับมาแล้ว ครั้นเจ้าตัวน้อยเห็นในบ้านมีคนมากมาย ทั้งยังเป็นคุณอาทั้งสองที่เธอชอบอีกเลยกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอย่างดีใจ

“คุณน้าเซ่อเซ่อ คุณน้าจะแต่งงานกับคุณน้าสยงแล้วใช่ไหมคะ?” ดวงหน้าอวบอ้วนของเล่อเล่อดูจริงจังมาก เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องจริงจัง ฉะนั้นเธอต้องทำท่าทีจริงจังเพราะคุณครูเสี่ยวหวังพูดไว้

เซียวเซ่อกระตุกยิ้มที่มุมปากและไม่รู้ว่าเหมยเหมยพูดกับที่บ้านไว้อย่างไรบ้าง ตั้งแต่ผู้ใหญ่ยันเด็กถามคำถามเดียวกันเป๊ะ เมื่อกี้เธออยากจะปฏิเสธ เหมยเหมยก็ตะโกนขึ้นว่า “แล้วเล่อเล่ออยากให้คุณน้าเซ่อเซ่อแต่งงานกับคุณน้าสยงไหมล่ะ?”

“อยากสิ อยากให้คุณน้าสยงมีน้องชายให้เล่น!” เล่อเล่อพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“พรูด”

ผู้ใหญ่ต่างพากันหัวเราะลั่น เซียวเซ่อเองก็อดฉีกยิ้มที่มุมปากไม่ได้ วิสัยทัศน์ของเด็กน้อยบริสุทธิ์จริง ๆ

สยงมู่มู่อารมณ์เสียพลางจ้องเหมยเหมยที่หัวเราะร่าตาเขม็งแล้วลากเล่อเล่อมาบอกว่า “น้าเป็นผู้ชาย แล้วน้าจะมีลูกได้อย่างไร แม่เธอไม่สอนความรู้ทั่วไปด้านสรีระร่างกายเหรอ?”

“อะไรคือสรีระร่างกายเหรอคะ? อร่อยไหมคะ?” เล่อเล่อกะพริบตาปริบ ๆด้วยท่าทีจริงจัง พอได้ยินคำศัพท์ใหม่ทีไร ปฏิกิริยาแรกที่ยัยหนูนึกถึงก็คือเจ้านี่กินได้ไหม

“กินไม่ได้…รู้จักแต่เรื่องกินนะเรา ไม่รู้ว่าเธอเหมือนใครจริง ๆ จำไว้เลยนะว่าน้าของหนูมีลูกไม่ได้ หนูไปหาน้าสะใภ้นู้น!” สยงมู่มู่บุ้ยปากอย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วคุณน้าสะใภ้อยู่ไหนล่ะ?” เล่อเล่อรั้นถามให้ถึงที่สุดพลางเสาะหาว่าน้าสะใภ้อยู่ที่ไหน

สยงมู่มู่กระแอมไออย่างไม่เป็นธรรมชาติ อู่เชามากระซิบข้างหูเจ้าหนูพร้อมชี้ไปทางเซียวเซ่อว่า “นั่นไงคุณน้าสะใภ้ของหนู ขอแค่หนูทำให้คุณน้าสะใภ้มีน้องชายให้คุณน้าสยงของหนูได้ น้าจะซื้อของอร่อยให้เต็มห้องเลย”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย ของอร่อยเต็มห้องเลยนะ…คุณน้าอ้วนดีจริง ๆ!

“เกี่ยวก้อยสัญญา ร้อยปีไม่มีเปลี่ยน!” เล่อเล่อยื่นนิ้วก้อยอันอวบอ้วนออกไปเกี่ยวกับนิ้วที่อวบอ้วนของอู่เชา

เดี๋ยวไปบอกฉิวฉิวดีกว่าว่าให้มันช่วยทำให้คุณน้าสะใภ้มีน้องชายหน่อย อย่างมากเธอก็แค่แบ่งขนมครึ่งหนึ่งให้ฉิวฉิวเอง!

พอถึงตอนนี้เธอก็จะมีน้องชายมากมายมาเป็นเพื่อนเล่นกับเธอแล้ว!

…………………..

Related

ตอนที่ 2803 ท้องแล้ว

“เธอเป็นหวัดแล้วหรือเปล่า? ตอนนี้ไปโรงพยาบาลกันเถอะ?” สยงมู่มู่กลุ้มใจเหลือเกินเพราะเหมยเหมยสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งสองสามวันมานี้ยังวุ่น ๆเรื่องของเขาจนขาขวิด คาดว่าคงเหนื่อยเข้าแล้วล่ะ

“ไม่ได้เป็นหวัดหรอก เมื่อกี้ซุปปลาเหม็นคาวไปหน่อยเลยทำเอาฉันคลื่นไส้แทบแย่”

เหมยเหมยส่ายศีรษะพร้อมถอยกรูดไปด้านหลังอย่างหวาดกลัว ดูแล้วกลิ่นหอมน่าทานแต่ทำไมถึงเหม็นคาวนักนะ ต้องเป็นเพราะตอนฆ่าปลาทำความสะอาดสีดำ ๆในท้องปลาไม่สะอาดแน่ ๆ เดี๋ยวต้องบอกผู้จัดการสักหน่อยแล้ว กฎระเบียบหลังครัวจะได้เข้มงวดขึ้น!

“ซุปไม่เหม็นคาวเลยสักนิด ทั้งสดใหม่ทั้งกลิ่นหอม อร่อยจะตายไป” อู่เชาซดน้ำซุปไปอึกใหญ่อย่างไม่เข้าใจ

ทั้ง ๆที่ซุปอร่อยขนาดนี้ เหมยเหมยทานแล้วเหม็นคาวได้อย่างไรกัน?

ทั้งยังทานจนตัวเองอาเจียนออกมาอีก?

เซียวเซ่อและสยงมู่มู่ซดซุปปลาอีกครั้งแล้วก็พยักหน้าคล้อยตาม “อร่อยมากจริง ๆ ไม่มีกลิ่นคาวปลาเลย เหมยเหมยเธอมั่วแล้วหรือเปล่า?”

 “จะไม่เหม็นคาวได้ไง ทั้ง ๆที่เหม็นคาวจะตาย ไหนเอามาให้ฉันดมอีกทีซิ!”

เหมยเหมยไม่เชื่อเลยให้พวกเขาตักซุปปลามาให้ใหม่ แค่ซุปจ่อปากกลิ่นคาวเข้มข้นก็เตะจมูก เธอรีบปิดปากและจมูกแล้วโบกไม่โบกมือไม่หยุด “รีบเอาออกไปเลย ฉันจะขย้อนออกมาอีกแล้ว!”

พวกสยงมู่มู่ทั้งสามคนสบตากัน นี่ต้องเป็นผีมาเข้าสิงตอนกลางวันแสก ๆแน่ หรือว่าซุปที่พวกเขาทานนั้นจะคนละอันกัน?

“เดี๋ยวนะ…ฉันพอจะรู้ละว่าเกิดอะไรขึ้น?” อู่เชาตบศีรษะตนแล้วเผยสีหน้าดีใจ

“มีอะไรก็ว่ามา พูดอ้อมค้อมอะไรอยู่ได้!” สยงมู่มู่ฟาดใส่ทีอย่างไม่สบอารมณ์

อู่เชาลูบหลังศีรษะแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “เหมยเหมยเธอท้องแล้วหรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าเวลาผู้หญิงท้องจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ แถมยังกินอาหารที่แต่ก่อนไม่ชอบกินอีกและได้กลิ่นคาวปลาไม่ได้เลย…ซึ่งตรงกับเธอทุกข้อ ต้องเป็นเพราะมีลูกแล้วแน่ ๆ”

สยงมู่มู่ฉีกยิ้ม “ที่แท้ก็ท้องนี่เอง เรื่องนี้เป็นเรื่องดี ฉันจะมีหลานอีกแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้หรอก…ฉันจะท้องได้อย่างไร…ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย…” เหมยเหมยมองหน้าท้องเล็กอันแบนราบอย่างนึกสงสัย การป้องกันของเหยียนหมิงซุ่นรัดกุมขนาดนั้น เธอจะท้องได้อย่างไร?

แต่อู่เชาพูดก็มีเหตุผล อาการแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ตรงกับเธอทุกข้อเลย

หรือว่าเธอจะถูกรางวัลใหญ่หนึ่งในพันนั้นเข้าแล้ว

เหมยเหมยใจเต้นตึกตักเอ่ยอย่างดีใจ “ฉันจะไปตรวจอาการดูเดี๋ยวนี้แหละ”

“เดี๋ยวสิ ฉันไปดูก่อนว่าพวกปาปารัสซี่ไปหรือยัง…โชคดีไม่หยอก พวกเขาไปกันหมดแล้ว พวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

อู่เชาเปิดประตูพร้อมยิ้มตาหยี วันนี้เป็นวันดีจริง ๆ เพื่อนรักของเขามีทั้งจะได้ลงเอยกัน ทั้งจะมีลูก แต่ละคนมีบทสรุปที่ดีกันทั้งนั้น

ทั้งสามคนประคองเหมยเหมยลงจากตึก อู่เชารับหน้าที่ขับรถ ขณะที่พวกเหมยเหมยรออยู่ใต้ตึกพวกเขาต่างกำลังจมอยู่ในห้วงความดีใจที่จะได้เจ้าตัวน้อยเข้ามาในชีวิต แม้แต่เซียวเซ่อที่เป็นคนตื่นตัวที่สุดก็ไม่ทันสังเกตเห็นแสงแฟลชในมุมลับ

ปาปารัสซี่สองสามคนที่ยังไม่ไปซึ่งเดิมทีนึกว่าจะต้องกลับมือเปล่าแล้ว พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะได้ภาพเด็ด แม้แต่อู่เชายังโดนลากมาพัวพันด้วยอีกคน

พวกเขาไปโรงพยาบาลทหารเฉกเช่นเมื่อวานและยังเป็นห้องแผนกสูตินรีเวชที่แสนคุ้นเคย หมอผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชมองพวกเขาอย่างแปลกใจ “เมื่อวานตรวจไปแล้วไม่ใช่เหรอ? มีตรงไหนไม่พอใจอีกเหรอ?”

“ฉันเป็นคนตรวจค่ะ…ฉันสงสัยว่าจะท้องแล้ว!”

เหมยเหมยอธิบายสาเหตุไป หมอผู้เชี่ยวชาญสีหน้าดูจริงจังขึ้น ภรรยาหัวหน้าตั้งครรภ์นับว่าเป็นเรื่องใหญ่จะสะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากผ่านการตรวจอย่างละเอียดรอบหนึ่ง คุณหมอก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าว่า “ยินดีด้วย ๆ ตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ ได้สี่สัปดาห์แล้วด้วย”

………………………………………………..

ตอนที่ 2804 เด็กน้อยน่ารักจะตายไป

พวกเขาทั้งสี่คนออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความปลาบปลื้มใจ ขณะจะขึ้นรถเซียวเซ่อก็มีสีหน้าเย็นเฉียบแล้วพุ่งพรวดไปมุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงตัวชายหนุ่มที่แบกกล้องไว้บนแผ่นหลังมา

“ถ่ายอะไร?”

เซียวเซ่อแค่นเสียงเย็นชาแล้วคิดจะยื้อแย่งกล้องจากผู้ชายคนนั้นมา แต่ผู้ชายคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก แค่ร่างกายขยับหลบก็หลุดพ้นจากการจับกุมของเซียวเซ่อได้แล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว เซียวเซ่อคิดจะตามไปแต่อู่เชาห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว ถึงอย่างไรอีกสามวันพวกเธอก็ไปรายการฉันอยู่ดี เรื่องทั้งหมดจะกระจ่าง ดังนั้นอยากถ่ายก็ถ่ายไปเถอะ”

“พวกเขาต้องเอาไปเขียนซี้ซั้วแน่นอน” เซียวเซ่อไม่พอใจ เธอเกลียดคนที่ชอบกุเรื่องขึ้นมาแล้วเอาไปพูดซี้ซั้วเหลือเกิน

“ไม่ต้องไปยุ่งว่าเขาจะเขียนอย่างไร อย่างมากก็ดีดดิ้นอีกแค่สามวัน อีกอย่างถ้าพวกเขาเขียนเกินจริงไปก็ฟ้องร้องสำนักพิมพ์นั้นได้ พวกเราไปส่งเหมยเหมยที่บ้านก่อนดีกว่า!” อู่เชาเกลี้ยกล่อมเซียวเซ่อสำเร็จ เธอเลยเปลี่ยนความคิดและไม่ตามไปแล้ว

“ไม่งั้นพวกเธอก็อยู่บ้านฉันนี่แหละ ที่นั่นไม่ปลอดภัย บ้านฉันไม่มีปาปารัสซี่ที่ไหนกล้ามาหรอก” เหมยเหมยอารมณ์ดีเพราะท้องลูกคนที่สองสักที

ความเป็นไปได้หนึ่งในพันอันน้อยนิดเธอยังได้มาเลย นั่นหมายความว่าพระเจ้าอยู่ข้างเธอสินะ!

“แบบนี้ก็ดี อยู่กับเธอที่นี่ก็ดี ๆอยู่เฉย ๆยังมีอะไรกิน” สยงมู่มู่ดีใจพลางเอ่ยเห็นด้วย ประตูบ้านมีคนมาดักหาทุกวัน อันที่จริงน่ารำคาญจะตายไป

เดิมทีเซียวเซ่อคิดจะปฏิเสธ เธอค่อนข้างชอบใช้ชีวิตอิสระคนเดียวมากกว่า แต่ยังไม่ทันพูดออกมาเหมยเหมยก็โบกมือเป็นอันว่าตกลง “งั้นตามนี้นะ ฉันจะโทรหาคุณย่าให้เขาจัดห้องรับรองให้ เย็นนี้ทานมื้อใหญ่กัน”

สิ่งที่ทานไปเมื่อครู่อาเจียนออกมาหมดแล้ว เย็นนี้ต้องหามาชดเชยสักหน่อย

เซียวเซ่อเม้มปากแล้วกลืนคำว่า “ฉันอยู่เอง” ลงคอไป ตอนนี้เหมยเหมยอยู่ในช่วงพิเศษจึงต้องรักษาอารมณ์ไว้ให้ดี งั้นก็โอนอ่อนว่าไปตามนั้นเถอะ!

อยู่แค่ไม่กี่คืนเองทน ๆไปแล้วกัน

“คุณย่าคะ…สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อจะไปอยู่บ้านเรานะคะ คุณย่าช่วยเตรียมห้องรับรองแขกไว้หน่อย…พวกเราจะกลับบ้านตอนนี้เลย…อาหารเย็นขอเป็นมื้อใหญ่นะคะ…หนูมีข่าวดีจะประกาศ…ข่าวดีมาก ๆเลยล่ะค่ะ ข่าวดีที่ทำเอาพวกคุณย่าดีใจจนเหมือนกลับไปอายุยี่สิบเลยค่ะ…”

เหมยเหมยล่อให้อยากรู้แต่ก็ไม่บอกแล้ววางสายไปอย่างมีความสุข อีกแปดเดือนเธอก็จะมีลูกอีกคนแล้ว

หวังว่าครั้งนี้จะเป็นผู้ชายนะ หญิงหนึ่งชายหนึ่งครบพอดี!

 “มีลูกแล้วมีความสุขขนาดนั้นเลย?” เซียวเซ่อไม่เข้าใจความดีอกดีใจของเหมยเหมยเลยสักนิด คงมีแต่ผู้หญิงน้ำเข้าสมองที่คิดอยากมีลูก

ความทุกข์ยากขณะตั้งท้องและความเจ็บปวดตอนคลอดไม่ต้องพูดถึงหรอก ช่วงเวลาที่ต้องเลี้ยงดูลูกต่างหากคือเวรกรรมอย่างแท้จริง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่น่ารำคาญที่สุดบนโลกนี้แล้ว

แค่คิดถึงช่วงเวลาสิบกว่าปีข้างหน้าในอนาคต หรือกระทั่งหลายสิบปีจากนั้นต้องใช้ชีวิตกับเด็กน้อยที่น่ารำคาญยิ่งกว่าลิง ทุกครั้งเซียวเซ่อก็จะผุดความรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย…แต่ก็ถูกเธอทำลายไปอย่างรวดเร็ว

เธอกลัวว่าถึงตอนนั้นตัวเองจะอดบีบคอลูกที่คลอดมาเองไม่ได้…

ดังนั้นเพื่อความสงบสุขของโลก เธอเหมาะที่จะเป็นโสดมากกว่า

เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งแล้วลูบหน้าท้องอันแบนราบอย่างสุขใจ “ต้องมีความสุขอยู่แล้ว นี่เป็นลูกของฉันกับพี่หมิงซุ่น อีกอย่างเด็กน้อยน่ารักจะตายไป ถึงแม้บางครั้งจะน่ารำคาญไปบ้างแต่ตอนน่ารักกลับทำให้ฉันใจอ่อนยวบยิ่งกว่าขนมมาร์ชแมลโลว์อีก…จูบแค่ไหนก็ไม่พอ

อีกอย่างลูกช่วยต่อชีวิตฉัน พอชีวิตฉันมีลูก…ถึงจะไม่เหงาและโดดเดี่ยว…เซียวเซ่อ ความรู้สึกของคนเป็นแม่มันงดงามมากจริง ๆ เธอต้องลองดู…จริง ๆนะ!”

สยงมู่มู่แหงนหน้ามองด้วยท่าทีระแวดระวังแล้วมองตรงไปทางเซียวเซ่อ นัยน์ตาทอประกายความหวัง

ขอแค่ยัยทอมอยากมีลูก เขาก็พร้อมเสนอเมล็ดพันธุ์คุณภาพชั้นยอดให้เลย!

……………………………..

Related

ตอนที่ 2801 ผีอดอยากหิวโซเข้าสิง

“ฮัดชิ่ว…ในอาหารนี่ใส่จิกโฉ่ไปเท่าไหร่เนี่ย…ฮัดชิ่ว…”

อู่เชาจามติดต่อกันหลายครั้งแล้วมองอาหารบนโต๊ะพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ถึงไม่ทานข้าว กลิ่นจิกโฉ่ฟุ้งเต็มโต๊ะจนแสบกระเพาะไปหมด แล้วจะยังมีความอยากอาหารได้อย่างไร

“เหมยเหมยเธอดื่มจิกโฉ่โต้ง ๆไปเลยดีกว่า ใครเขากินแบบนี้กัน ระวังเข็ดฟันหรอก!”

อู่เชาคีบเกี๊ยวผักกาดดองมาชิ้นหนึ่งแต่เพิ่งกัดคำเล็ก ๆไปคำหนึ่ง ตาและจมูกก็ยู่เข้าหากัน เปรี้ยวจนเขานึกสงสัยสัจธรรมในชีวิต…แม่เจ้า…นี่คงใส่จิกโฉ่เข้าไปครึ่งขวดแล้วสินะ?

“เปรี้ยวที่ไหนกันอร่อยจะตายไป…เมื่อก่อนทำไมฉันไม่รู้เลยนะว่าเกี๊ยวไส้ผักกาดดองจะอร่อยขนาดนี้…อร่อยมากจริง ๆ!”

เหมยเหมยกลอกตาใส่อู่เชาอย่างนึกรังเกียจ เกี๊ยวที่อร่อยขนาดนี้ยังบอกว่าไม่อร่อยอีก ไม่รู้จักดื่มด่ำกับความอร่อยของอาหารเลย มิน่าคนภาคเหนือถึงชอบทานไส้ผักกาดดองกัน มันอร่อยมากจริง ๆ!

“เธอไม่รู้สึกว่ามันเปรี้ยวเหรอ?” สยงมู่มู่ถามอย่างสงสัย

“ไม่เปรี้ยวเลย ไม่เปรี้ยวเลยสักนิด อร่อย!”

เหมยเหมยซัดงับเข้าปากหนึ่งชิ้นเต็มคำ น้ำซุปรสเปรี้ยวแตกกระจายในปากอร่อยจนตัวแทบระเบิด เหมยเหมยกลืนลงคออย่างพึงพอใจ พวงแก้มสองข้างเคี้ยวตุ้ย ๆอย่างรวดเร็วราวกับหนูแฮมสเตอร์ ดวงตากลับจับจ้องเกี๊ยวในชามแน่นิ่งราวกับกลัวมีใครจะแย่งไป

เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่สบตากัน ตั้งแต่รู้จักเหมยเหมยมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยเห็นหล่อนมีท่าทางการทานอาหารดุเดือดขนาดนี้เลย! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“พวกเราย้ายไปกินตรงนั้นกัน ฉันถูกรมควันด้วยกลิ่นนี้จนปวดหัวหมดแล้ว” สยงมู่มู่หยิบอาหารที่ไม่ได้ใส่จิกโฉ่ขึ้นมาย้ายฐานประจำการ หาเรื่องไม่ได้แต่หลบได้ เขาก็แค่อยากทานอาหารสักมื้ออย่างสุขสงบเท่านั้น

เหมยเหมยทำจมูกฟุดฟิดเหลือบมองหมูตงพอวาววับมันแผล็บก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ทำไมตอนนี้เธออยากทานหมูมัน ๆนักนะ?

“เอาหมูตงพอมาให้ฉันสักสองสามชิ้น อืม…แล้วก็ซุปปลานั่นก็เอาให้ฉันด้วย ฉันลืมสั่งซุปมา” เหมยเหมยตะโกนบอกพลางยื่นมือหมายจะคว้าไปหยิบมา

สยงมู่มู่ชี้นิ้วไปกองจานอาหารที่อยู่เบื้องหน้าเธออย่างไม่สบอารมณ์ “เธอกินของพวกนี้ได้หมดก็สุดยอดแล้ว โลภอยากแต่จะกิน เดี๋ยวก็กินเหลือ”

เขาจะไม่รู้ว่ายัยนี่กระเพาะเล็กได้อย่างไร ที่ผ่านมาปากตะโกนบอกอันนี้ก็จะเอาอันนั้นก็จะกิน แต่พอเอาเข้าจริงอันนี้ก็กินไม่หมดอันนั้นก็ยัดไม่ลง แล้วก็กินแค่นิด ๆหน่อย ๆเท่านั้น

“ฉันกินหมดแน่ นายเอาเนื้อมาให้ฉัน…เอามาให้ฉัน!”

เหมยเหมยดวงตาฉายแววดุดันราวกับสุนัขเห็นกระดูกก็ไม่ปาน เธอพุ่งเข้ามาคว้าจานที่มีหมูตงพอไปจนทำเอาสยงมู่มู่ตกใจยกใหญ่ “เธอเป็นบ้าอะไร ระวังกับข้าวหกหมดหรอก เอาไป…ให้เธอหมดเลย…เอามือออกไปนะ!”

“ฉันขอแค่ห้าชิ้นพอ ที่เหลือให้เสี่ยวเชากิน”

เหมยเหมยหยิบตะเกียบคีบหมูมาใส่ถ้วยห้าชิ้น อู่เชาที่ใจหวิวอยู่กลางอากาศก็กลับมาสงบดั่งเดิม ขอบตาร้อนผ่าว นับว่ายังมีน้ำใจเพราะเหลือให้เขาตั้งสองสามชิ้นแหนะ!

“จืดไปหน่อย อืม…จิ้มจิกโฉ่สักหน่อยดีกว่า…”

เหมยเหมยกัดหมูไปคำหนึ่งก็มุ่นคิ้ว แล้วเอาหมูจิ้มลงไปในถ้วยที่ใส่จิกโฉ่อย่างไม่ลังเลใจ พอชิมคำหนึ่งก็เคี้ยวตุ้ย ๆอย่างพึงพอใจ หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ้วมันแต่ไม่เลี่ยนเลย ทั้งเนื้อเด้งทั้งนุ่มละมุนลิ้น แทบไม่มีใครไม่ชอบกินเลย

แต่เมื่อก่อนเหมยเหมยไม่ค่อยชอบนักเพราะเธอไม่ชอบเนื้อมัน ๆและอาหารจานนี้ทำจากหมูสามชั้น ปกติอยู่ข้างนอกน้อยครั้งมากที่เธอจะทาน มีแค่ตอนอยู่ที่บ้านถึงจะให้เหยียนหมิงซุ่นกัดตรงส่วนมันไปแล้วเธอก็จะทานส่วนที่เป็นเนื้อ

แต่วันนี้กลับรู้สึกว่าหมูตงพออร่อยเหลือเกิน โดยเฉพาะส่วนมันที่เคี่ยวจนเนื้อเด้งและละลายในปาก กัดคำหนึ่งน้ำในเนื้อก็กระจายทั่วช่องปาก ส่วนเนื้อมันก็ละลายทันทีที่เข้าปากโดยไม่ต้องเคี้ยวพร้อมทิ้งรสหวานหอมไว้ด้วย มิน่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนักกวีมากมายถึงตั้งใจเขียนบทความชื่นชมหมูตงพอ!

อร่อยมากจริง ๆ!

พวกสยงมู่มู่ทั้งสามคนชะงักไป…ผีอดอยากหิวโซต้องสิงร่างแล้วแน่ ๆ!

………………………………………..

ตอนที่ 2802 อาเจียนออกมาหมด

“เหมยเหมยได้รับความสะเทือนใจอะไรหรือเปล่า? ดูท่าทางแปลก ๆ!” สยงมู่มู่เป็นกังวลเหลือเกิน

สาวกระเพาะน้อยราวนกกระจิบแปรเปลี่ยนเป็นกระเพาะควาย เมื่อก่อนไม่ชอบทานแต่ตอนนี้ชอบทาน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว

“ไม่รู้สิ…หรือว่าทะเลาะกับเหยียนหมิงซุ่น? ได้ยินมาว่าตอนผู้หญิงโมโหจะมีความอยากอาหารมากขึ้น อีกอย่างรสปากก็จะเปลี่ยนไปมากด้วย เซียวเซ่อว่ามาสิว่าใช่ไหม?” อู่เชาคาดเดา

สยงมู่มู่แค่นเสียง “นายถามยัยทอมนี่ทำไม? เขายังไม่เข้าใจผู้หญิงเท่าฉันด้วยซ้ำ!”

เซียวเซ่อแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “แน่นอน…นายเองก็มีหนอนน้อยเพิ่มมามากกว่าผู้หญิงเท่านั้นแหละ!”

“พลั่ก”

สยงมู่มู่ทิ้งตะเกียบลงอย่างนึกโมโหแล้วลุกขึ้นพรวดปลดกางเกงเพื่อยืนยันความจริงตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ว่าในนี้ยังมีพวกเขาอีกสองคน ฉะนั้นจะให้พวกเจ้าอ้วนนั่นเห็นของดีถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ได้

“เดี๋ยวฉันจะเอาให้เธอดูเปิดโลกเลยว่าตกลงมันเป็นแค่หนอนน้อยหรืออนาคอนด้า”

สยงมู่มู่แค่นเสียงทีหนึ่งแล้วนั่งลงทานอาหารต่อ ต้องทานให้อิ่มถึงจะมีแรงรับมือกับยัยทอมนี่

“เก่งนักนายก็ไปโชว์หนอนน้อยของนายให้ประชาชนทั้งโลกรู้ที่เทียนอันเหมินสิ แค่กล้าโชว์ต่อหน้าฉันจะถือว่าเจ๋งอะไร!” เซียวเซ่อเผยสีหน้าหยามเหยียด ถอดกางเกงจนติดละสิท่า!

สยงมู่มู่คิดรั้นตกปากรับคำว่า ‘ถอดก็ถอดสิ ใครกลัวใครกันแน่’ แต่อู่เชาเตะเขาหนัก ๆไปที สมองถูกลาถีบจนโง่แล้วหรือไง ต่อให้ว่างมากขนาดไหนก็ไม่ควรโผล่ไปเทียนอันเหมินทำอะไรบ้า ๆแบบนั้นหรือเปล่า!”

“เหอะ…เธออย่ามาคิดใช้วิธีท้าทายกับฉัน ฉันไม่หลงกลหรอก ถ้าเธอกล้าแก้ผ้าวิ่งรอบเทียนอันเหมินสามรอบ ฉันก็กล้าเหมือนกันเอาไหมล่ะ?” สยงมู่มู่มองเซียวเซ่ออย่างท้าทาย

“ฉันไม่ได้เป็นคนชอบโชว์สักหน่อย นายไปดื่มด่ำประสบการณ์นั้นเองเถอะ”

เซียวเซ่อไม่รับคำท้าอยู่แล้ว เธอจะไม่มีทางลดความเป็นผู้ดีของเธอลงเพื่อเปิดโลกกว้างเหมือนเจ้าโง่นี่หรอก

เธอซดน้ำซุปปลาที่มีสีขาวนวลอึกหนึ่งอย่างสง่าแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ “รสชาติน้ำซุปไม่เลวเลย”

“ฉันก็อยากเอาด้วย!”

เหมยเหมยทานเนื้อเยอะเกินไปเลยคอแห้งจึงวิ่งมาซดน้ำซุปให้ฉ่ำคอสักหน่อย เซียวเซ่อตักซุปปลาให้เธอถ้วยเล็กถ้วยหนึ่ง น้ำซุปเข้มข้นยิ่งกว่านม พอเห็นต้นหอมสีเขียวมรกตที่ลอยอยู่เหนือน้ำซุปก็ยิ่งทำให้ใจเบิกบาน

“ดูท่าทางอร่อยไม่หยอก…อ้วก…”

เหมยเหมยเพิ่งซดไปอึกเดียวยังไม่ทันกลืนลงไปด้วยซ้ำ อาการคลื่นไส้ก็ปะทุขึ้นมา เนื้อหมูและเกี๊ยวที่ยัดไปเมื่อครู่ขย้อนออกมา เธอรีบปิดปากแล้ววิ่งไปห้องน้ำ

“เกิดอะไรขึ้น? อยู่ดี ๆทำไมถึงอาเจียนได้…”

อู่เชาตามไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่ยังเหมือนผีหิวโซอยู่เลยแต่ซดน้ำซุปไปอึกเดียวก็อาเจียนออกมาแล้ว มองอย่างไรก็รู้สึกแปลก ๆ สยงมู่มู่และเซียวเซ่อก็ตามไปด้วยอย่างกังวลใจ

เหมยเหมยฟลุบอยู่ข้างชักโครก เธออาเจียนจนหน้ามืดเวียนหัวไปหมด ไม่เพียงแต่อาหารที่ทานไปเมื่อครู่ กระทั่งอาหารของเมื่อคืนวาน…ก็ปะปนปะทุออกมาจนหมด ในท้องไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว ทั้งยังขย้อนเอาน้ำย่อยออกมาด้วย ในช่องปากขมยิ่งกว่าน้ำแกงหวงเหลียนเสียอีก

“ทำไมอาเจียนหนักขนาดนี้…ต้องไปโรงพยาบาล เดาว่าต้องเป็นกระเพาอักเสบเฉียบพลันแน่” เซียวเซ่อกล่าว

 “รีบไปเถอะ ดูสิหน้าเธอซีดหมดแล้ว อย่ามัวแต่ชักช้าจนเป็นโรคร้ายแรงเอาซะล่ะ” สยงมู่มู่อุ้มเหมยเหมยที่อาเจียนจนหมดแรงขึ้นมาแล้วประคองเธอไปนั่งบนโซฟา

“ขอน้ำให้ฉันหน่อย เอาน้ำร้อนนะ ฉันจะบ้วนปาก”

เหมยเหมไร้เรี่ยวแรง ในปากขมไปหมด

“มีแต่น้ำเย็น…แต่ฉันจะไปต้มเดี๋ยวนี้แหละ”

อู่เชาหาอยู่นานก็หาน้ำร้อนไม่เจอ น้ำแร่ที่มีต่างก็เย็นหมด เขาเลยรีบไปหยิบกาน้ำร้อนมา สักพักก็ต้มเสร็จแต่ก็ร้อนเกินไป

“ก็แค่ผสมน้ำเย็นเข้าไปหน่อยก็พอดีแล้วไง ทำไมโง่ขนาดนี้นะ…”

สยงมู่มู่ถลึงตาใส่อย่างนึกรังเกียจแล้วเทน้ำเย็นผสมเข้าไป คนให้เข้ากันอุณหภูมิก็พอดี เหมยเหมยกรอกน้ำเข้าไปแก้วหนึ่งเลยสบายตัวขึ้นมาก สีหน้าที่ซีดขาวก็ดูมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย

………………………….

Related

ตอนที่ 2799 น้ำทำให้เรือลอยได้แต่ก็ล่มเรือได้เช่นกัน

อู่เชายิ้มดีใจ “วางใจได้ ฉันบอกทีมงานรายการสักหน่อยก่อนว่าจะให้พวกเธอออกรายการก่อน เร็ว ๆนี้แน่นอน ฉันจะจัดการโทรไปบอกเดี๋ยวนี้เลย”

สยงมู่มู่ดีใจยิ่งกว่าแต่สีหน้าท่าทางกลับดูนิ่งเฉย เขาไปโทรหาผู้จัดการที่ระเบียง แน่นอนว่าต้องถูกผู้จัดการด่ามายกหนึ่ง  ผู้จัดการของเขาก็คือพี่เขยของลูกพี่ลูกน้องเขานั่นเอง

เขาก็คือสามีของสยงชิงชิง ตอนนั้นสยงชิงชิงหาสไตล์ของตัวเองเจอเพราะคำเอ่ยเตือนของเหมยเหมย จากนั้นก็ลาออกจากบริษัทที่มั่นคงมาทำเอง ถึงระหว่างนั้นจะลำบากไม่น้อยแต่สุดท้ายก็อดทนจนเอาชนะมาได้และกลายเป็นนักร้องสาวชื่อดังในสายเพลงป๊อบ

แต่สายน้ำในวงการบันเทิงลึกมาจริง ๆ เพราะสยงชิงชิงประสบกับความเจ็บปวดเรื่องความรัก สภาพร่างกายจิตใจย่ำแย่มาก แต่พอนึกย้อนกลับไปดูกลับพบว่าคนที่ดูแลปกป้องเธออย่างแท้จริง ไม่ว่าช่วงชีวิตที่โด่งดังสุดหรือจุดต่ำสุดซึ่งคนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดก็คือผู้จัดการ

ครั้นสยงชิงชิงตระหนักถึงจุดนี้ได้จึงค่อย ๆปลีกตัวออกมาจากวงการบันเทิงแล้วแต่งงานกับผู้จัดการ เธอเพิ่งตั้งครรภ์ปีนี้และกำหนดคลอดคือปีหน้าช่วงครึ่งปีหลัง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สามีของเธอตั้งบริษัทขึ้นมาเองพร้อมทั้งเป็นผู้จัดการให้สยงมู่มู่ไปด้วย การที่สยงมู่มู่อยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างราบรื่นนั่นก็เป็นเพราะคุณงามความดีของพี่เขยเขาด้วย

“เอาล่ะ ๆ…ฉันออกไปสั่งข้าว หิวจะตายแล้ว!”

เหมยเหมยลูบท้องพลางกดโทรออก ทั้ง ๆที่ตอนเช้ากินโจ๊กชามโตและเสี่ยวหลงเปาหนึ่งถาดแล้ว ทำไมถึงหิวเร็วขนาดนี้ล่ะ ช่วงนี้เจริญอาหารแปลก ๆ เมื่อก่อนตอนประจำเดือนมายังไม่เป็นถึงขนาดนี้เลย!

“เอาเกี๊ยวผักดอง ใส่จิกโฉ่มาเยอะ ๆหน่อยนะ แล้วก็มันเส้นผัดจิกโฉ่ ผักกาดขาวผัดจิกโฉ่ กระดูกหมูซอสเปรี้ยวหวาน แล้วก็ผัดจิกโฉ่ใส่…” เหมยเหมยบอกรายการอาหารยาวเหยียด อู่เชาทนฟังไม่ไหวเลยป้องปากตะโกนบอก “เธอบอกให้ร้านค้าเอาจิกโฉ่มาให้ขวดหนึ่งเลยเถอะ ใส่จิกโฉ่หมดทุกเมนูขนาดนี้ เธอจะให้พวกเรากินอะไร?”

พอได้ยินรายการอาหารพวกนั้นก็นึกเสียววาบที่ฟันขึ้นมา จะสั่งหมูตงพอ[1]หน่อยไม่ได้หรือไง?

พวกอู่เชาสั่งอาหารจานโปรดของตนเองแล้วให้ทางร้านส่งมา เหล่าปาปารัสซี่ตรวประตูด้านนอกไม่ลดลงสักคน มีคนไม่น้อยบ้างก็หยิบขนมมากินบ้างก็เปิดปากหาว ตาดำราวกับหมีแพนด้าดูท่าทางเหนื่อยล้าน่าดู

เหมยเหมยสูดหายใจเข้าลึก ถึงปาปารัสซี่พวกนี้จะน่ารังเกียจแต่ทำสายอาชีพนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ทั้งเรื่องอดนอน ทั้งทานอาหารไม่ครบสามมื้อเป็นปกติ อาจจะมีปาปารัสซี่บางพวกที่ใจดำอำมหิตแต่คนส่วนมากก็เพราะชีวิตบีบบังคับ หากไม่ใช่เพื่อเงินแล้วใครอยากจะทำอาชีพที่ชวนให้คนด่าบ้างล่ะ!

 “ฉันว่านักข่าวพวกนี้ก็ลำบากไม่น้อย เดาว่ามื้อเช้าคงยังไม่กินด้วยซ้ำ ไม่งั้นให้ทางร้านส่งอาหารให้พวกเขาด้วยดีกว่า!” เหมยเหมยเสนอ

สยงมู่มู่แค่นเสียง “ถ้าน้ำใจเธอมีมากนักก็เอาไปให้พวกเด็กตามเข้าตามดอยเถอะ ไม่ต้องเอาใช้ที่นี่ให้เสียเปล่า!”

ปาปารัสซี่พวกนี้ปิดทางเข้าประตูบ้าน ถ้ายังต้อนรับขับสู้พวกเขาอย่างดีอีก งั้นคนพวกนี้ก็ยิ่งไม่ไปไหนสิ!

แต่อู่เชากับเห็นด้วย “เหมยเหมยวิธีนี้ไม่เลวเลย จริง ๆพวกปาปารัสซี่ถ้าใช้ถูกวิธีก็เป็นหมากเด็ดได้ เพราะถ้าน้ำทำให้เรือลอยได้ก็ล่มเรือได้เช่นกัน!”

สุดท้ายเหมยเหมยก็โทรไปหาทางร้านอาหารอีกครั้งแล้วให้ส่งกล่องข้าวหลายสิบกล่องมาด้วย ส่วนเงินให้สยงมู่มู่เป็นคนออก เธอจะค้างเงินไม่ได้ แม้แต่เงินค่าข้าวหลายวันก่อนของเซียวเซ่อก็รวมอยู่ในนั้นและไม่ลดราคาด้วย

ทางร้านทำอาหารอย่างรวดเร็วผ่านไปชั่วโมงกว่าก็มาส่งแล้ว ทั้งยังเป็นรถหลายคันส่งเสียงอึกทึกครึกโครมและมีผู้จัดการเป็นคนนำขบวนมาส่งเองด้วย เหล่าปาปารัสซี่ที่ทั้งหิวทั้งง่วงพอได้กลิ่นอาหารก็น้ำลายสอพร้อมดวงตาเป็นประกาย

อู่เชาเปิดประตูประกาศพร้อมยิ้มตาหยีว่า “ทุกคนคงลำบากแย่ ตอนนี้มู่มู่ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แต่หลังจากนี้อีกสามวันเขาจะไปออกรายการของผมกับพวกเพื่อน ๆ ดังนั้นทุกอย่างจะอธิบายจนกระจ่างครับ!”

เหล่าปาปารัสซี่โห่ร้องระเบ็งเซ็งแซ่ดันเบียดเสียดกันเข้ามา แต่เพราะอู่เชาที่ตัวใหญ่ดั่งภูผาขวางหน้าประตูไว้ ใครก็ดันเข้าไปไม่ได้!

 “อาหารพวกนี้มู่มู่ได้จัดเตรียมไว้ให้พวกคุณ ทานเสร็จแล้วก็กลับไปเถอะ สามวันหลังจากนี้ไปเจอกันที่รายการ!”

อู่เชาอุบไว้แล้วหยิบอาหารให้พวกเขา จากนั้นก็ปิดประตูลง

………………………………………

ตอนที่ 2800 เปรี้ยวจนเข็ดฟัน

เหมยเหมยที่หิวจนเกือบเป็นลมแย่งอาหารมาแล้วจัดวางเรียงลงบนโต๊ะ อาหารที่พวกสยงมู่มู่สั่งมาเธอไม่แม้แต่จะเหลือบมองเพราะเอาแต่กัดกระดูกหมูผัดซอสเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย เสียดายที่เปรี้ยวไม่พอเลยเทจิกโฉ่ใส่เข้าไปอีก ตัวเองปรุงรสจนเปรี้ยวจัดแล้วก็แทะกินอย่างสะใจ

ปาปารัสซี่ด้านนอกสีหน้าตกตะลึง ผู้จัดการร้านอาหารเผยรอยยิ้มใจดีให้พวกเขาแล้วให้พนักงานแจกจ่ายอาหารให้

“เพื่อน ๆทุกท่าน อาหารเหล่านี้มู่มู่ตั้งใจสั่งให้ทุกคนโดยเฉพาะ เนื้อสองอย่างผักสองอย่างพร้อมน้ำซุป มู่มู่บอกว่าทุกคนเหน็ดเหนื่อยนอนดึกตื่นแต่เช้ามานานซึ่งไม่ง่ายเลย ทานอาหารอุ่นท้องหน่อยแล้วกัน…”

ผู้จัดการร้านวาทศิลป์ดีมาก ทั้งยังมีใบหน้าอมยิ้มดั่งพระสังขจายเลยทำเอาเหล่าปาปารัสซี่ซึ้งใจแทบแย่ พลันรู้สึกแสบจมูกและท้องร้องหิวจนไส้กิ่ว

ทำอาชีพนี้มานานหลายปี นับเป็นครั้งแรกที่เห็นดารามอบอาหารให้พวกเขา ดาราเหล่านั้นในอดีตมีใครบ้างที่ไม่ตีหน้าขึงขังเอ่ยคำเย็นชาใส่ หากไม่ก่นด่าพวกเขาก็นับว่าเป็นดั่งพระพุทธเจ้ามากแล้ว

คนเราก็มีชีวิตจิตใจ เหล่าปาปารัสซี่ที่เจอสบถด่ามาหลายปีก็ถูกอาหารจานด่วนมื้อหนึ่งทำให้ซึ้งใจแล้ว เดิมทียังคิดจะเขียนข่าวใส่สีตีไข่ไปอีกหน่อย  แต่พอเจอแบบนี้ ‘จิตใจอันดีงาม’ ของพวกเขาก็โผล่มาประณามแล้ว

“ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม…ทำสิ่งที่มนุษย์เราควรทำแล้วเหรอ?”

เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์เราไม่ควรทำจริง ๆ เหล่าปาปารัสซี่สบตากันแต่ไม่รู้ควรทำเช่นไร

ไม่สนแล้วทานก่อนแล้วค่อยว่ากัน หิวแล้วจริง ๆ เพราะมีหลายคนแม้แต่มื้อเย็นเมื่อวานก็ยังไม่ได้ทานด้วยซ้ำ!

“โอ๊ย…อาหารร้านสือเว่ยเซียนเหรอเนี่ย?” มีคนเปิดกล่องอาหารออกดูก็เห็นสัญลักษณ์อยู่บนนั้น ที่แท้ก็เป็นร้านสือเว่ยเซียนที่ขึ้นชื่อในเมืองหลวงนี่เอง ทุกคนจึงอดตกใจไม่ได้

ถึงแม้ร้านอาหารนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ดูดีมีระดับมาก คนที่ไปทานอาหารร้านนั้นมีแต่คนมีฐานะ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีปัญญาหรอก แน่นอน…ปาปารัสซี่อย่างพวกเขาไม่มีปัญญาหาทานอยู่แล้ว

อีกอย่างแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าร้านอาหารนี้มีอาหารจานด่วนด้วย!

“เพราะมู่มู่เป็นลูกค้าวีไอพีของทางร้านเรา เพราะงั้นทางร้านเราถึงได้รับทำอาหารจานด่วนให้ หวังว่าทุกคนจะรับประทานอย่างมีความสุขนะครับ” ผู้จัดการร้านกุมมือตรงหน้าท้องแล้วเอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีสุภาพ

ต่อให้ทางเดินตึกจะเบียดเสียดไปด้วยผู้คน เขาก็ต้องแสดงท่าทีสุภาพสง่าสมกับเป็นผู้จัดการร้านอาหารสือเว่ยเซียน เพื่อให้พวกสายตาตื้นเขินพวกนี้ได้รู้จักเต็มตา!

ผู้จัดการที่สง่างามสุภาพพาเหล่าพนักงานจากไปอย่างรวดเร็วและทิ้งเหล่าปาปารัสซี่ให้ตกตะลึงอยู่เช่นนั้น

“เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินอาหารมีระดับขนาดนี้…หอมชะมัดเลย…อร่อยด้วย…ร้านอาหารใหญ่โตทำอร่อยจริง ๆ…”

“อร่อยจนลิ้นแทบหลุดแล้ว…ถ้าเป็นแบบนี้ฉันซัดได้อีกสามกล่องเลย”

“สามกล่อง? รู้ไหมแบบนี้กล่องหนึ่งราคาเท่าไหร่? อย่างน้อยก็เงินเดือนครึ่งเดือนแล้ว…”

……

จากนั้นบรรยากาศก็เงียบกริบ หลงเหลือเพียงเสียงเคี้ยวอาหารและไม่เหลือแม้แต่ข้าวเม็ดเดียว

เงินเดือนครึ่งเดือน…กินไม่หมดคงไม่สบายใจแย่!

อู่เชามองเหล่าปาปารัสซี่กระดกข้าวเข้าปากจากรูเล็กตรงประตูก็ยิ้มอย่างพอใจ ได้ทานอาหารที่ให้แล้วคงเพลา ๆลงบ้าง เดาว่าพอพวกนี้ทานเสร็จคงแยกย้ายแล้วล่ะ!

“กินข้าว ๆ…หิวจะตายแล้ว เอ๊ะ ทำไมเธอไม่กินล่ะ?”

อู่เชามองพวกเขาสองคนที่บ่นว่าหิวอย่างแปลกใจ ทั้งสองเอามือกอดอกแน่นแล้วมองเหมยเหมยทานเฉย ๆ

สยงมู่มู่บุ้ยปากสื่อว่าให้เขาดูเอง

อู่เชามองไปทางเหมยเหมยแต่กลับเห็นเธอสวาปามเหมือนผีอดอยากหิวโซซึ่งไม่ได้ทานอาหารอย่างสง่างามมีมารยาทเฉกเช่นเคย แม้กระทั่งช่วยประหยัดตะเกียบใช้สองมือคว้ากระดูกหมูผัดซอสเปรี้ยวหวานขึ้นมาชิ้นหนึ่งกัดจนปากมันแผล็บ กัดคำหนึ่งก็ซดซุปเกี๊ยวน้ำอึกหนึ่งอย่างเอร็ดอร่อย

ซุปเกี๊ยวน้ำกับกระดูกหมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน น่าอร่อยจริง ๆ!

“กินด้วยกันสิ…อาหารตั้งเยอะแยะ อย่าเหลือทิ้งให้เสียเปล่า!”

พออู่เชานั่งลง แค่เข้าใกล้โต๊ะอาหารก็ได้กลิ่นเปรี้ยวของจิกโฉ่เข้มข้นส่งกลิ่นหึ่งลอยมาจนทำเอาแสบตาจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ทั้งยังคันจมูกไปหมดอีกด้วย

…………………………………………………

[1] หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ้ว

Related

ตอนที่ 2797 ไปไม่ได้แล้ว

เซียวเซ่อถูกฝูงชนมหาศาลด้านนอกทำเอาตกใจยกใหญ่ พอได้ยินว่าด้านล่างมีอีกกลุ่มหนึ่งเลยกัดฟันอย่างโมโห แล้วแบบนี้เธอจะไปสนามบินได้อย่างไร?

“ฉันบินตอนสิบโมง ถ้าไม่ออกไปตอนนี้คงไปไม่ทันแน่”

เซียวเซ่อยกนาฬิกาข้อมือมาดูแวบหนึ่งด้วยท่าทีเร่งรีบ ตอนนี้ปาไปเก้าโมงยี่สิบแล้ว ไปสนามบินต้องใช้เวลายี่สิบนาที  เหลือเวลาเช็คอินยี่สิบนาที เธอจัดแจงเวลาไว้อย่างดิบดีแต่ว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?

เหมยเหมยแอบหัวเราะชอบใจ เธอความคิดเหมือนอู่เชาทุกประการเพราะรู้สึกว่าเซียวเซ่อสะบัดก้นหนีปัญหา แบบนี้ไม่ได้เรื่องเลย นับว่าปาปารัสซี่ที่น่ารังเกียจพวกนั้นได้ทำเรื่องดี ๆให้แล้ว

บันดาลให้พายุฝนฟ้าโหมกระหน่ำกว่านี้หน่อยเถอะ!

 “คงทำได้แค่เปลี่ยนเที่ยวบินแล้วล่ะ นอกเสียจากเธอจะมีปีกงอกออกมาแล้วบินไป” เหมยเหมยยักไหล่

เซียวเซ่อจ้องเธอแวบหนึ่งอย่างหัวเสียแล้วส่องรูเล็กตรงประตูออกไปข้างนอก ปาปารัสซี่กลับเพิ่มขึ้นอีก ด้านล่างเบียดเสียดกันแน่นขนัด บางคนหยิบขนมแห้งออกมากัดซึ่งดูทรงแล้วคงเตรียมอยู่อีกนานเลย

“บ้าเอ้ย…ทำไมปาปารัสซี่พวกนี้ถึงรู้จักที่นี่ได้?” เซียวเซ่อก่นด่าเสียงต่ำ เวลาเพียงคืนเดียวพวกปาปารัสซี่ก็หาที่นี่เจอแล้ว พวกนี้เก่งกว่าตำรวจ FBI เสียอีก!

เหมยเหมยรีบออกตัวก่อนเลย “ไม่เกี่ยวกับฉันนะ ฉันก็ถูกขังเหมือนเธอนั่นแหละ!”

เซียวเซ่อกัดฟันอย่างโกรธแค้น “ต้องเป็นคนในคอนโดนี่แหละที่ปากโป้ง ถ้าฉันสืบเจอจะเอาให้ตายเลย!”

ครั้นอู่เชาที่อยู่ตรงระเบียงได้ยินคำสบถด่าของเซียวเซ่อก็ตกใจจนไขมันบนร่างกายสั่นสะท้านแล้วเอ่ยเสียงเบา “เพื่อช่วยนายฉันกลับต้องมาเสี่ยงตายถึงชีวิต ไม่ใช่ว่านายกับยัยทอมลงเอยกันแล้วจะกลับกลอกขายฉันซะล่ะ!”

“ฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง?” สยงมู่มู่โกรธจัด เขาเป็นคนพอได้ผลประโยชน์แล้วลืมเพื่อนแบบนั้นเสียที่ไหนกัน!

เหมยเหมยตะโกนไปทางระเบียง “พวกนายสองคนมัวทำอะไรอยู่ ออกมาปรึกษากันสิว่าจะทำอย่างไรต่อ? ฉันยังต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านอีกนะ!”

เธอหิวจะตายแล้ว และก็อยากทานเกี๊ยวไส้ผักดองอีกแล้วด้วย

อู่เชาและสยงมู่มู่เดินเคียงไหล่กันมาด้วยสีหน้าท่าทางสนิทสนมกันเหลือเกิน

“แล้วจะทำอย่างไรต่อได้ ทำได้แค่มุดตัวอยู่ในบ้านนี้ไปก่อน ทำกับข้าวก่อนแล้วกัน ฉันยังไม่ได้กินมื้อเช้าก็วิ่งแจ้นมาละ” อู่เชาลูกท้องกลม ๆแล้วกวาดตามองไปรอบทิศ จากนั้นก็เห็นอาหารเช้าที่เหมยเหมยเอามาด้วย เขาคว้าซาลามาสองสามลูกแล้วกัด

“ฉันเองก็หิวแล้ว ไม่งั้นให้ร้านอาหารมาส่งแล้วกัน!”

สยงมู่มู่ไปโทรศัพท์ พวกเขาออกไปไม่ได้แต่ถ้าร้านอาหารส่งมาให้คงไม่มีปัญหา อย่างมากเขาก็แค่ยังไม่กลับไปอัดเพลงใหม่ที่อเมริกา ในเมื่อเรื่องใหญ่ตรงหน้าสำคัญกว่า เรื่องอื่นไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องปล่อยวางไปก่อน!

ทางฝั่งเซียวเซ่อเองก็โทรหาผู้ช่วยให้เขาเลื่อนตั๋วออกไปก่อน ทั้งยังให้เขาคิดหาวิธีปิดบังข่าวทางฝั่งนี้ด้วย ห้ามให้คุณย่ารู้เด็ดขาด

“ฉันอยู่ได้นานสุดแค่วันเดียวเท่านั้น สยงมู่มู่นายรีบคิดหาวิธีจัดการปาปารัสซี่พวกนี้เลย” เซียวเซ่อเอ่ยเสียงเย็นชา

“ฉันเองก็คิวแน่นเหมือนกัน ทางฝั่งอเมริกามีเรื่องอีกเป็นกองรอให้ฉันจัดการอยู่ ฉันจะมีวิธีจัดการอะไรได้ คงต้องรับมือไปแต่ละวันนั่นแหละ!” สยงมู่มู่ยกมือขึ้นอย่างจนใจแต่ในใจกลับดีใจสุดขีด

อันที่จริงแค่เขายกหูโทรหาผู้จัดการให้จัดการปาปารัสซี่พวกนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เขาก็ดันไม่ทำ จะเป็นหรือจะตายก็อยู่ที่ครั้งนี้แหละ!

“นายอยู่วงการบันเทิงภาษาอะไรของนาย แม้แต่เรื่องแค่นี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย!”

เซียวเซ่อโกรธสุดขีดเพราะเธอไม่ใช่คนในวงการเลยไม่รู้วิธีรับมือ ถ้าเป็นศึกการค้าเธอคงจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับปาปารัสซี่ซึ่งทำเอาเธอจนปัญญาจริง ๆ ในขณะนี้อัลเบิร์ตผู้ช่วยเองก็คิดหาหนทางดี ๆยังไม่ได้ ทั้งยังไม่เข้าใจกฎของวงการนี้อีกต่างหาก

สยงมู่มู่งุดหน้าไม่ปริเสียงแสร้งทำเป็นขี้ขลาด

อู่เชายิ้มออกมาพลางทำตัวเป็นคนดี “อันที่จริงปาปารัสซี่ก็ทำเพื่อไล่หาความจริง ยิ่งพวกเธอหลบซ่อนก็จะยิ่งถูกจับตามองมากเท่านั้น สู้ไปออกรายการของฉันสักครั้งดีกว่าแล้วบอกเล่าเรื่องราวให้กระจ่าง จากนั้นต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วแน่นอน ”

………………………………………

ตอนที่ 2798 ต่อต้าน

เหมยเหมยพยักหน้าอย่างแรง “เสี่ยวเชาพูดถูก รายการของเขาเรตติ้งสูงมาก แค่เล่าเหตุการณ์ไปก็ไม่เป็นไรแล้ว”

เซียวเซ่อมุ่นคิ้วพลางเอ่ยถาม “จะอธิบายอย่างไร?”

“แค่บอกสถานะไปก็จบ ฉันก็แค่บอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสยงมู่มู่ ไม่ใช่แฟนสาวตั้งท้องที่ถูกซุกไว้อะไรนั่น…ยืนกระต่ายขาเดียวไปเลย เซ่อเซ่อเธอก็แค่พูดว่าเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เหตุที่ไปโรงพยาบาลเพราะไปตรวจร่างกายเป็นเพื่อนฉัน”

เหมยเหมยคิดหาข้อแก้ต่างที่ดีขึ้นมาได้ เธอเป็นหญิงสาวที่แต่งงานมีลูกแล้ว ฉะนั้นหากจะไปตรวจร่างกายที่แผนกสูตินรีเวชก็เป็นเรื่องปกติ อีกทั้งการเรียกเพื่อนสนิทไปเป็นเพื่อนก็เป็นเรื่องปกติมากด้วย!

“พูดแบบนี้ก็พอ พวกเราก็แค่พูดเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาไม่จำเป็นต้องปิดบังไว้หรอก แค่นี้พวกปาปารัสซี่ก็ไม่มีอะไรไปเขียนข่าวแล้ว!” อู่เชาเอ่ยพลางจุดยิ้ม แววตาเป็นประกายลุกวาว

เซียวเซ่อสีหน้าผ่อนคลายลง ฟังดูแล้วก็สมเหตุสมผลจริง ๆ แต่ว่า——

“คุณย่าสั่งห้ามไม่ให้ฉันออกทีวี!”

เซียวเซ่อเอ่ยปฏิเสธ คุณย่าตั้งกฎเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามออกรายการโทรทัศน์ใด ๆก็ตามในประเทศ คุณย่าบอกว่าจะทำให้สถานะอันสูงส่งดูแย่และทำให้คนภายในพากันขบขัน

เหมยเหมยพองแก้มด้วยความโมโห “คุณย่าเธอนี่หัวโบราณจริง ๆ ครั้งที่แล้วฉันเห็นเหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงในยุโรปออกรายการบันเทิงกันทั้งนั้น!”

แม้แต่เหล่าราชวงศ์ที่เข้มงวดเรื่องขนบธรรมเนียมยังก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา เหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงที่หลบอยู่ในราชวังต่างออกมา ซึ่งบางคนก็เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยซ้ำ!

คุณย่าของเซียวเซ่อสร้างเงื่อนไขเข้มงวดขนาดนี้ ช่างหัวโบราณเสียจริง ๆ!

“ตอนนี้เธอบรรลุนิติภาวะแล้วย่อมต้องมีอิสระในการสร้างบุคลิกและการกระทำของตัวเอง แน่นอนว่าข้อเรียกร้องที่สมเหตุสมผลของผู้อาวุโสก็ต้องยึดถือปฏิบัติแต่สำหรับข้อเรียกร้องที่เผด็จการไร้เหตุผล พวกเราก็แค่ทำหูทวนลมไปเถอะ…หึหึ…”

อู่เชาเอ่ยคำล้างสมองพร้อมยิ้มตาหยี คำพูดของพิธีกรชื่อดังย่อมต้องเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว เซียวเซ่อถูกคำพูดของเขาทำให้ผ่อนคลายลงไม่น้อย หลายปีมานี้อายุของคุณย่ามากขึ้นซึ่งนิสัยก็แปลกมากขึ้นทุกทีด้วย ทั้งยังมักเอ่ยข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลมากพอสมควร

เธอฝืนใจให้ตัวเองยอมรับมันแต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่มีความสุขเลย ดังนั้นเธอถึงชอบออกท่องผจญภัย ไปทั้งป่าอเมซอน ขั้วโลกใต้ ขั้วโลกเหนือ…กระทั่งขุดหาสมบัติสุสานเก่าแก่…

ดูผิวเผินเธอเหมือนเหยี่ยวตัวหนึ่งที่สยายปีกบินท่องนภาอย่างอิสระ แต่ในความเป็นจริงกลับเหมือนนกขมิ้นน้อยที่ถูกขังในกรงขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีใครมองเห็น

ไม่ว่าเธอจะบินสูงแค่ไหน ขอแค่คุณย่าไม่พอใจก็จะกระตุกเชือกลากเธอกลับบ้านไปเป็นหลานสาวราชนิกุลสูงส่งว่านอนสอนง่ายดั่งเดิม!

เพราะเคารพรักคุณย่า เซียวเซ่อเลยเลือกที่จะเชื่อฟังมาตลอด

แต่ตอนนี้…หลังจากถูกเพื่อนเอ่ยคำปลุกปั่น…ฉับพลันเธอก็อยากลองขัดคำสั่งดูสักหน

อันที่จริงน่าจะกล่าวว่าเธอเอาแต่ทำตัวโง่เง่ามาโดยตลอดมากกว่า…

“คุณย่าของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีเลยทำให้โกรธไม่ได้” เซียวเซ่อสีหน้าสลดลง เหตุที่เธอเชื่อฟังคำสั่งไม่ใช่แค่เพราะเคารพรักเท่านั้น แต่เธอไม่อยากเสียคุณย่าไปด้วย

“คุณย่าได้ทานยาเม็ดที่พี่หมิงซุ่นของฉันทำให้ไหม?” เหมยเหมยเอ่ยถาม

เซียวเซ่อเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ ฉะนั้นยาวิเศษนั้นเธอต้องให้อยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ด้านนอกเธอมักจะบอกว่าเป็นยาที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้หมอแผนจีนฝีมือดีปรุงขึ้นให้

“กินมาตลอด” เซียวเซ่อพยักหน้า

“งั้นเธอก็วางใจได้เลย ต่อให้ตอนนี้เธอจะแก้ผ้าวิ่งรอบพระราชวังที่อังกฤษสามรอบ คุณย่าของเธอก็ไม่มีทางโกรธเธอจนตายแน่นอน ยาของพี่หมิงซุ่นเป็นยาอายุวัฒนาที่มีส่วนผสมโสมร้อยปีเชียวนะ!”

เหมยเหมยทุบอกรับประกัน อันที่จริงเธอสงสัยด้วยซ้ำว่าคุณย่าของเซียวเซ่อจงใจแกล้งป่วยเพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากเซ่อเซ่อและเพื่อบงการชีวิตเซ่อเซ่อ คนแก่ส่วนใหญ่ชอบใช้วิธีนี้บีบบังคับลูกหลาน!

พอเซียวเซ่อเห็นเหมยเหมยรับปากอย่างแม่นมั่นก็วางใจลงมาก ในที่สุดก็พรูลมหายใจ “เวลาของฉันมีไม่มาก ออกรายการยิ่งเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี!”

……………………………

Related

ตอนที่ 2795 ถูกล้อมไว้หมดแล้ว

อู่เชาลอบเหลือบมองเซียวเซ่อที่สายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ในใจพลอยเต้นตูมตามไปด้วย ทำไมยัยทอมนี่ฟังตั้งนานแต่ไม่แสดงท่าทีอะไรเลย เล่นละครอยู่ฝ่ายเดียวมันไม่สนุกนะ!

“การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุก็ไม่ยากเลย ขอแค่ความมือจากเซียวเซ่อเท่านั้น”

“นายบอกมาก่อนสิว่าทำอย่างไร เซ่อเซ่อต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน” เหมยเหมยเชื่อมั่นในตัวเพื่อนมาก เซียวเซ่อเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่แค่ดูเย็นชาเท่านั้น ไม่มีทางนิ่งดูดายโดยไม่ช่วยอะไรอยู่แล้ว

เซียวเซ่อกอดอกแล้วเอ่ยอย่างเท่ ๆว่า “งั้นก็ต้องดูว่าให้ความร่วมมือแบบไหน”

เหมยเหมยโง่จนมองเจตนาร้ายของเจ้าอ้วยนี่ไม่ออก เธอไม่ได้เลอะเลือนสักหน่อย ถ้าเป็นความร่วมมือที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร ถ้ามองในแง่มิตรภาพที่รู้จักกันมาหลายปีให้ความร่วมมือสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก

แต่ถ้ารุกล้ำขีดจำกัดของเธอ งั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่เห็นแก่เขาแล้วกัน!

สยงมู่มู่เป็นกังวล เขาหัวใจเต้นตึกตัก สรุปแล้วความคิดของเจ้าอ้วนใช้ได้ผลไหมนะ?

อู่เชาหัวเราะเสียงแห้ง “ง่ายมาก…คิก ๆ…ตอนนี้แฟนคลับโกรธเรื่องที่สยงมู่มู่เป็นไบเซ็คชวลที่สุด ฉะนั้นเราต้องทำให้แฟนคลับเข้าใจว่าเซียวเซ่อเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้สงบลงก่อน”

เซียวเซ่อครุ่นคิด คำร้องขอนี้ก็ไม่ได้ถือว่ายุ่งยากอะไร “ได้ ฉันจะให้อัลเบิร์ตแถลงข่าวไปแล้วแสดงสถานะของฉัน”

อู่เชากล่าวพร้อมยิ้มตาหยี “จะแถลงข่าวก็ได้อยู่แล้ว แต่ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น ไม่งั้นเซียวเซ่อเธอก็ไปร่วมรายการของฉันกับสยงมู่มู่และเหมยเหมยด้วยสิ จากนั้นก็อธิบายเรื่องนี้ในรายการเลย แบบนี้ทั้งดีต่อเธอ ดีต่อสยงมู่มู่และดีต่อทุกคนด้วย!”

เซียวเซ่อปฏิเสธเสียงกร้าว “ไม่ว่าง ฉันต้องบินกลับอังกฤษตอนสิบโมง ตอนนี้ต้องออกไปแล้ว”

เธอจะเอาเวลาที่ไหนไปร่วมรายการ อีกอย่างคุณย่าไม่ชอบให้เธอโผล่หน้าบนจอทีวีเป็นที่สุด เธอไม่อยากหาเรื่องให้คุณย่าต้องโกรธหรอกนะ

สยงมู่มู่ตกใจยกใหญ่ “เธอจองตั๋วแล้วเหรอ? ทำไมเธอไม่บอกฉันสักคำ?”

“ไม่จำเป็นหรอก ส่วนเรื่องแถลงข่าวจะทำหลังจากกลับถึงอังกฤษ”

เซียวเซ่อแบกกระเป๋าขึ้นหลังแล้วก้าวเท้ามุ่งไปทางประตู สยงมู่มู่ไล่ตามไปตามสัญชาตญาณแล้วบ่นเสียงน้อยใจว่า “ทำไมจะไม่จำเป็นล่ะ…ฉันกลับมาเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอเหรอ พอตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเธอกลับลุกขึ้นปัดฝุ่นหนีไปแล้วทิ้งหายนะใหญ่โตแบบนี้ไว้ให้ฉันเก็บกวาด…ทำไมเธอเห็นแก่ตัวขนาดนี้…เธอยังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม…”

เซียวเซ่อชะงักฝีเท้าแล้วความรู้สึกผิดก็ประเดประดังเข้ามา

แต่เธอก็สะกดมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว เธอจะหวั่นไหวไม่ได้…จะหวั่นไหวไม่ได้เด็ดขาด คุณย่าเคยบอกว่าจะมีแฟนกี่คนก็ได้แต่ห้ามหวั่นไหวกับผู้ชายเด็ดขาด

ถ้าไม่หวั่นไหวก็จะไม่ต้องเจ็บปวด แล้วยังใช้ชีวิตอย่างสง่างามไปชั่วชีวิตได้

เธอไม่อยากมีแฟนและไม่อยากหวั่นไหวกับผู้ชาย ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็มีความสุขดีแล้ว ฉะนั้น…เธอต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม!

เซียวเซ่อยกเท้าขึ้นด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยวหันไปเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฉันจะบอกให้อัลเบิร์ตแถลงข่าวแน่นอน ที่เหลือนายก็จัดการเอง ถ้าจัดการไม่ได้ก็กลับไปเลี้ยงไก่ที่บ้านเถอะ!”

แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วจะยังอยู่ในวงการบันเทิงทำไมอีก!

อู่เชาตะคอกใส่ “เซียวเซ่อเธออย่าคิดว่าวงการบันเทิงมันง่ายดายนักนะ น้ำในวงการนี้ลึกจะตายแถมน่ากลัวยิ่งกว่ากิจการร้านค้าของพวกเธออีก…”

 “ไปหลอกเด็กสามขวบเถอะ…”

เซียวเซ่อไม่เชื่อเลยสักนิด คนพวกนี้งัดอะไรออกมาแสดงกัน เธอไม่ใช่เหมยเหมยนะที่จะหลอกง่ายดายขนาดนั้น!

“เซียวเซ่ออย่าไปเลย…”

เหมยเหมยยังอยากรั้งไว้อยู่แต่เซียวเซ่อกลับดึงประตูเปิดออก ในใจของสยงมู่มู่เย็นวาบ สีหน้าเจ็บปวด แต่ทว่า——

หน้าประตูกลับมีฝูงชนมหาศาลอยู่ แสงแฟลชกะพริบวิบวับ ปากทางเข้าตึกเบียดเสียดไปด้วยกลุ่มปาปารัสซี่ซึ่งอย่างน้อยหลายสิบคน

“ออกมาแล้ว…เห็นสยงมู่มู่แล้ว…” มีคนตะโกนดังขึ้น เสียงกดชัตเตอร์ดังไม่หยุด

เซียวเซ่อชะงักไปสามสิบวินาทีก่อนจะปิดประตู

เธอเก็บคำพูดเมื่อครู่กลับไป สายน้ำในวงการบันเทิงลึกมากจริง ๆ…เจ้าบ้าพวกนี้แม่นเสียงยิ่งกว่าจมูกหมาอีก!

………………………………….

ตอนที่ 2796 งัดไม้โหดออกมา

 “ด้านล่างก็มี…ออกไปไม่ได้แล้ว!” อู่เชาตะโกนบอกตรงระเบียง แววตาทอประกายความตื่นเต้นและดีใจ

พลันเขาก็รู้สึกว่าไม่ได้เกลียดพวกปาปารัสซี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทั้งยังเจ๋งมากด้วย!

สยงมู่มู่วิ่งเยาะไปก็มองเห็นเหล่าปาปารัสซี่ที่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนด้านล่าง เขาก็อดเหยียดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น เย้!

“เพื่อนเอ๋ย พอจะช่วยได้แล้วสินะ ถ้าครั้งนี้นายยังคว้าโอกาสไว้ไม่ได้ วันหลังออกไปไหนก็อย่าบอกว่าเป็นเพื่อนฉันล่ะ ฉันขายขี้หน้า!” อู่เชากดเสียงต่ำพร้อมเอ่ยแผนเด็ดออกไป

“วางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันจะทุ่มสุดตัว ต้องรวบหัวรวบหางให้ได้” สยงมู่มู่กำหมัดทั้งสองข้างแน่นพร้อมเอ่ยคำปณิธานออกมา

 “ทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์หรอก ม้าพยศอย่างยัยทอมนี่ต้องงัดไม้โหดออกมา นายไปขั้นผลิดอกออกผลเลย เอาเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของนายให้ยัยทอมที่สัดส่วนเหมือนไม้กระดานราบก่อนค่อยเก็บเกี่ยวผล…”

อู่เชาร่ายแผนชั่วข้างหูเพื่อนรัก สยงมู่มู่กลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “ต้องอ้วน ๆเหมือนนายถึงจะดีสินะ…พูดแบบนี้ได้ไง!”

ยัยทอมไม่มีหน้าอกจริง ๆแล้วก็ไม่มีก้นด้วย…และยิ่งไม่ใช่สาวงามโบราณ ด้านหน้าแบบราบด้านหลังเรียบสนิท…แต่เขาชอบแบบนี้ มีแต่เขาเท่านั้นที่พูดว่าไม้กระกานได้แต่คนอื่นห้ามพูด แม้แต่เจ้าอ้วนบ้านี่ก็ไม่ได้

ใครพูดเขาก็จะเอาถึงตายเลย!

“ได้ ๆ…ยัยทอมของนายอิ่มเอิบ ต้องมาดูแล้วล่ะว่าเมล็ดพันธุ์ของนายจะมีคุณภาพเป็นไงบ้าง!” อู่เชายิ้มตาหยี

สยงมู่มู่กลอกตามองบนแล้วล้วงหยิบรายงานผลการตรวจทางการแพทย์อันล้ำค่าแผนนั้นออกมา  “ดูซะ…ขนาดความยาวและความอึดแกร่งกว่าคนทั่วไป นายกับฉันเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กมาไม่มีใครฉี่ไกลเกินหน้าฉันได้เลย!”

อู่เชาโมโหหมุนตัวเตรียมเดินหนี โธ่เว้ย เขาเกลียดที่สุดก็เรื่องวัดขนาดนี่แหละ…คนเราไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวแบบนี้มาเปรียบเทียบกันนี่นา!

“ดูนายเข้าสิใจคับแคบ ถึงแม้นายจะแย่กว่าฉันหน่อยแต่คนเราต้องรู้จักพอเพียง สำหรับคนธรรมดาก็นับว่าไม่เลวแล้ว นายรู้จักพอบ้างเถอะ!” สยงมู่มู่รั้งเขาไว้ แล้วเพื่อนรักทั้งสองก็กลับมาคืนดีกันดั่งเดิมอย่างรวดเร็ว

“ฉันกังวลว่าแผนนี้ของนายจะได้ผลลัพธ์อย่างที่คิดไหม ยัยทอมไม่ใช่แค่พยศธรรมดา ถ้าหล่อนบล็อกฉันไปเลยจะทำอย่างไร ฉันไม่อยากโสดไปตลอดชีวิตหรอกนะ!”

สยงมู่มู่หวาดกลัวจับใจ อู่เชาจ้องเขาด้วยสายหยามเหยียดแวบหนึ่ง แล้วงอนิ้วกระดิกให้เขาก้มหัวลงหน่อย “นายคิดว่าหล่อนเป็นทอมแล้วจะเป็นเหมือนผู้ชายจริง ๆหรือไง ในกระดูกฝังลึกความเป็นผู้หญิงอยู่ แต่ในเมื่อเป็นผู้หญิงก็ต้องมีจุดอ่อนแอด้านหนึ่งบ้างแหละ นายรู้ไหมว่าทำไมหลายปีมานี้ยัยทอมทำตัวกับนายเหมือนคนใกล้ก็ไม่ใช่คนไกลก็ไม่เชิง กัดยังไงก็กัดไม่ปล่อย?”

“ไม่รู้!” สยงมู่มู่ส่ายศีรษะอย่างกลัดกลุ้ม

“เพราะหล่อนกลัวไง…ยัยทอมใช้ชีวิตในครอบครัวแบบนั้น ตัวหล่อนเองเลยต่อต้านการแต่งงาน อีกทั้งคุณย่าที่ล้มเหลวในความรักจนทำให้มีสภาวะผิดปกติทางจิตนั่นเป่าหูเรื่องทฤษฎีบ้า ๆทุกวัน ถ้าจนถึงตอนนี้ยัยทอมยังชอบผู้ชายอย่างนายได้นั่นก็แสดงว่าอันที่จริงในใจของหล่อนก็มีมุมของผู้หญิงเหมือนกัน

แต่หล่อนไม่ชอบผู้ชายบึกบึนทั้งแท่งแบบนั้นเท่าไหร่เหมือนชวาร์เซเน็กเกอร์แบบนั้นจะหมดโอกาสอย่างสิ้นเชิง ยัยทอมจะมีใจคิดระแวง แต่อย่างนายกำลังดีเพราะถึงจะรูปลักษณ์เหมือนผู้หญิงแต่ในกระดูกกลับฝังความเป็นชายแท้ไว้…”

เดิมทีสยงมู่มู่ถลึงตาใส่อย่างเกรี้ยวโกรธ แต่พอได้ยินว่าชายแท้ก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง นับว่าเจ้าอ้วนบ้านี่แววตาใช้ได้เลย!

“ฉะนั้นพวกนายสองคนก็ถือว่าเป็นคู่ที่ฟ้าลิขิตมา นายแค่ทำตัวแมนกว่านี้หน่อยแล้วคว้ายัยทอมมาให้ได้ ต่อไปสามปีข้างหน้าคงอุ้มลูกสอง ห้าปีอุ้มลูกสามแน่นอน!” อู่เชามั่นใจมาก

คนที่หวาดกลัวความรักอย่างยัยทอมต้องโดนไม้โหด มัวแต่ยุดยื้อไปวัน ๆเหมือนอะไรก็ไม่รู้!

……………..

Related

ตอนที่ 2793 อย่าคิดสั้นเด็ดขาด

เหมยเหมยอ่านข่าวจบอารมณ์ก็คุกรุ่น “เหลวไหล กุข่าวซี้ซั้วขึ้นมาทั้งนั้น…ทำไมคนพวกนี้ถึงเขียนอะไรเพ้อเจ้ออย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ล่ะ…”

อู่เชายิ้มเยาะ “พวกเขาต้องรับผิดชอบอะไรกัน ขอแค่ข้อมูลดังเป็นพลุแตก ดึงความสนใจของของมหาชนได้…พวกเขาก็พร้อมจะเค้นสมองเขียนอะไรซี้ซั้วได้ทั้งนั้นแหละ โดยแทบไม่ต้องสนใจหรอกว่าสิ่งที่เขียนออกมาจะเป็นจริงหรือไม่หรือทำร้ายคนที่ถูกพาดพิงอะไรบ้างหรือเปล่า!”

ช่วงก่อนหน้านี้มีดาราหนุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไม่กี่ปีรมควันตัวเองฆ่าตัวตายในบ้าน ตอนที่เจอตัวอาการก็ไม่ไหวแล้ว

ดาราหนุ่มคนนี้อายุยังไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ มีศักยภาพในการทำงานสูงและแสดงละครไปไม่น้อยเลย ปกติดูท่าทางจะเป็นคนสดใสร่าเริงอยู่บ้าง แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นร้ายแรงคนหนึ่ง แล้วเหตุที่อาการร้ายแรงขึ้นก็เพราะถูกพวกปาปารัสซี่บีบนั่นเอง

ตอนนี้เขาลาลับไปแล้ว พ่อแม่ที่ผมหงอกเต็มหัวกลับเป็นฝ่ายส่งคนผมดำแทน แต่เหล่าปาปารัสซี่ไม่มีซึ่งความละอายใจเลยสักนิด แถมยังเอาคนตายไปละเลงเขียนข่าวขุดคุ้ยเรื่องของดาราหนุ่มช่วงก่อนหน้านี้ กระทั่งยังบอกว่าผู้ตายถูกพวกคนรวยรุมโทรมจนตาย…

อู่เชาไม่ได้สนิทสนมกับดาราคนนี้นัก แต่พอเขาได้เห็นพาดหัวข่าวปั้นน้ำเป็นตัวพวกนั้นก็นึกโมโหจนเขียนบทความขึ้นมาบทหนึ่งเพื่อประณามปาปารัสซี่ใจอำมหิตพวกนั้นให้เลิกกัดผู้ตายและคนในครอบครัวได้แล้ว

คนล่วงลับไปแล้วควรได้รับความเคารพ ไม่ว่าจะด้วยความไม่พอใจหรือความแค้นใด ๆ ในเมื่อตายแล้วก็ปล่อยวางไปเถอะ แต่ยังเอาผู้ตายมาเขียนข่าวซึ่งไร้จรรยาบรรณที่สุด แถมไม่กลัวเกรงกรรมตามสนองเลย

เรื่องดาราหนุ่มคนนี้ที่อู่เชาเล่าให้ฟังเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนเอง ดาราหนุ่มก็ปักรากฐานที่เมืองหลวงเช่นกัน ตอนนั้นข่าวดังมาก เหมยเหมยเองก็รู้เพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็แฟนคลับของดาราหนุ่มคนนี้ ทั้งยังตั้งใจไปกราบหลุมศพดาราหนุ่มคนนี้อีกด้วย

“วงการบันเทิง หากไม่มีสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งคงอยู่ยากจริง ๆ!”

เหมยเหมยหดหู่ใจแล้วเหลือบมองสยงมู่มู่ที่มีสีหน้าขรึมแวบหนึ่ง จู่ ๆก็ใจเต้นขึ้นมาพลางนึกถึงเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว

ก่อนที่เธอจะกระโดดตึกหนึ่งเดือน สยงมู่มู่กรีดข้อมือฆ่าตัวตายในห้องพักของเขา พอนับดูแล้วก็คืออีกห้าปีข้างหน้า เพราะตลอดหลายปีมานี้ใช้ชีวิตสุขสำราญดีเธอจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

เหมยเหมยตกใจจนเหงื่ออาบท่วมตัว หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อนจะเกิดขึ้นในชาตินี้อีก?

“สยงมู่มู่นายอย่าคิดไม่ได้อย่างดาราหนุ่มนั่นล่ะ คนพวกนี้พูดอะไรซี้ซั้วก็ถือว่าพวกเขาผายลมไปแล้วกัน ถ้านายคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะคนใจดำอำมหิตพวกนั้น นายจะไม่รู้สึกผิดกับคุณอาทั้งสองบ้างเหรอ?”

ภายใต้สถานการณ์คับขันแบบนั้นเหมยเหมยเลยพร่ำบ่นยกใหญ่

สยงมู่มู่ฟังอยู่นานถึงเข้าใจว่าเหมยเหมยกำลังบ่นอะไรเลยลุกพรวดอย่างโมโหแล้วคำรามใส่ “เธอต่างหากที่คิดสั้นจะฆ่าตัวตาย ฉันใช้ชีวิตมีความสุขดี อย่างน้อยก็ต้องมีชีวิตไปถึงร้อยปีนู้น!”

เขายังไม่ได้จัดการกับยัยทอมนี่เลย จะฆ่าตัวตายบ้าอะไรกัน!

อีกอย่างการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่คนอ่อนแอขี้ขลาดเท่านั้นถึงจะทำ เขาเป็นถึงชายแท้อกสามศอกจะทำเรื่องโง่ ๆแบบนั้นได้อย่างไร ยัยบ้าจ้าวเหมยถูกลาถีบสมองมาหรือไง ไม่หวังให้เขาได้ดีเลยสักนิด!

ครั้นเหมยเหมยถูกน้ำลายพ่นใส่เต็มหน้าเลยคว้าแขนเสื้อมาเช็ดหน้าอย่างนึกรังเกียจ เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันก็แค่เตือนสตินายเท่านั้น นายจะฮึกเหิมอะไรนักหนา…แล้วตอนนี้เอายังไง ชื่อเสียงฉันโดนนายทำลายป่นปี้หมด ไม่ได้การล่ะ…ฉันต้องให้พี่หมิงซุ่นคิดหาวิธีจัดการปิดนิตยสารบริษัทนี้ซะ!”

บังอาจทำลายชื่อเสียงของเธอ จะประเคนหายนะให้แกเอง!

อู่เชากลอกตาไปมา “ไปฉี่ก่อน มู่มู่นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย!”

“นายจะไปฉี่ยังต้องให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วยเหรอ บ้าไปแล้ว!” สยงมู่มู่กลอกตาใส่อย่างหัวเสียแต่กลับเห็นอู่เชาขยิบตาให้เขาไม่หยุด จากนั้นก็คิดได้เลยเดินตามไปพร้อมเสียงบ่นกระปอดกระแปด

อู่เชาปิดประตูแน่นแล้วเอ่ยเสียงลึกลับว่า “นายยังจัดการยัยทอมนั่นไม่ได้ใช่ไหม? จะให้พี่ช่วยคิดหาวิธีให้น้องชายไหมล่ะ?”

……………………………………

ตอนที่ 2794 แก้ปัญหาที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ

เซียวเซ่อกลับไม่สนใจเลยสักนิด เธอหยิบกระเป๋าเดินทางมาจัดซึ่งมีเพียงกระเป๋าเดินทางใบเดียวและเรียบง่ายมาก

“เซ่อเซ่อเธอจะจัดกระเป๋าเดินทางทำไม?” เหมยเหมยเห็นก็ประหลาดใจ

“กลับอังกฤษ” เอ่ยรวบรัดกระชับเช่นเคย

เหมยเหมยกลืนน้ำลาย “กลับ…กลับอังกฤษเหรอ? เธอไม่รอสยงมู่มู่แล้วเหรอ”

“จะรอเขาทำไม…มีทองคำรอให้เก็บหรือไง?” เซียวเซ่อกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ เธอก็คือเธอ เจ้าหมอนั่นก็ส่วนเจ้าหมอนั่น คนสัญจรทั้งสองที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทำไมต้องมาผูกมัดติดกันอยู่เรื่อย!

เหมยเหมยตวาดใส่อย่างหงุดหงิด “ตอนนี้สยงมู่มู่เจอเรื่องเดือดร้อนใหญ่โตขนาดนี้ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ต่อให้พวกเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันในเชิงนั้นแต่ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปีนะ เธอจะไปโดยไม่สนใจไม่ทวงคืนความยุติธรรมเลยเหรอ!”

เซียวเซ่อชะงักไปแล้วลูบจมูกปอย ๆ เธอไปแบบนี้ก็เหมือนว่าจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่แฮะ

“งั้นเดี๋ยวฉันจะให้อัลเบิร์ต (ผู้ช่วย) แถลงข่าวอธิบายสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว” เซียวเซ่อคิออย่างง่ายดาย

เรื่องหลอกลวงธรรมดาแบบนี้แค่แถลงข่าวก็จบ ไม่มีอะไรหนักหนาสักหน่อย

“โอ๊ย…ห้ามออกแถลงข่าวเด็ดขาด วงการบันเทิงบ้า ๆแบบนี้ยิ่งเป็นความจริงยิ่งไม่มีใครเชื่อ ถ้าเธอออกแถลงข่าวคนอื่นก็จะแค่คิดว่าเธออยากปกปิดเรื่องไม่ดีไว้ อีกอย่างเธอมีสถานะเป็นถึงศักดินาชั้นสูงของทางยุโรป พวกปาปารัสซี่คงอาศัยชื่อเสียงของเธอมาเขียนละเลงข่าวเละแน่!”

อู่เชาออกมาจากห้องน้ำแล้ว ครั้นได้ยินคำพูดของเซียวเซ่อก็กระทืบเท้าปลุกปั่น สยงมู่มู่ที่อยู่ด้านหลังงุดหน้าลง ไม่รู้ว่าเขากำลังหัวเราะ ร้องไห้ หรือกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด

เหมยเหมยเป็นกังวล “ปาปารัสซี่พวกนั้นจะเขียนข่าวว่าอย่างไรได้บ้าง?”

อู่เชาเอ่ยด้วยท่าทีจริงจังว่า “เมื่อก่อนมู่มู่มีข่าวฉาวไม่น้อย ไอ้สารเลวพวกนั้นบอกว่าเขาถูกพวกมหาเศรษฐีรับมาเลี้ยงดู แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานเลยทำได้แค่เขียวข่าวซี้ซั้วไร้หลักฐานแบบนี้ไงล่ะ”

เขาเงียบไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนี้ดันเก็บภาพตอนเขาอยู่โรงพยาบาลกับเซียวเซ่อได้พอดี ถ้าเซียวเซ่อออกแถลงข่าวอีก พวกปาปารัสซี่ต้องสืบหาถึงสถานะของเซียวเซ่อแน่ ราชนิกุลของยุโรป…โอ๊ย คงมีข่าวให้ละเลงเขียนแล้วล่ะ!”

อู่เชาเอ่ยคำโกหกอย่างน่าเชื่อถือออกมาเป็นพรวนยาวโดยเลือกสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดมาพูด สยงมู่มู่ที่อยู่ด้านหลังเขาโกรธจนปวดตับ ถ้าวิธีการของเจ้าอ้วนนี่ใช้ไม่ได้ผล เขาจะบีบคอเจ้าอ้วนนี่ให้ตายเลย

พูดบ้าบออะไรกัน แม้แต่เรื่องลามกแบบนี้ยังเอ่ยออกมาได้ น่าขยะแขยงเป็นที่สุด!

ถึงแม้อู่เชาจะพูดโกหกยาวเหยียดแต่เหมยเหมยยิ่งหลงเชื่อและยิ่งเป็นกังวล สยงมู่มู่ในชาติที่แล้วเองก็มีข่าวลือแบบนี้เหมือนกัน ไม่แน่เขาอาจจะรับความเจ็บปวดจากข่าวเล่าลือไม่ได้ถึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย

“เหลวไหล ไม่ว่าอะไรก็กล้าเขียน เดี๋ยวฉันจะให้พี่หมิงซุ่นโทรไปหาแล้วไล่สำนักพิมพ์ใจอำมหิตพวกนี้ปิดไปให้หมดเลย!” เหมยเหมยกล่าวด้วยความโกรธ

อู่เชาเดินมาหยุดอยู่หลังเหมยเหมยแล้วแอบชกเธอเข้าให้พร้อมถลึงตาใส่เธอ

เหมยเหมยลูบศีรษะปอย ๆ แล้วมาชกเธอทำไม?

อู่เชาถลึงตาใส่อีกครั้งแล้วตะคอกใส่ว่า “เธอให้เหยียนหมิงซุ่นไล่ปิดกิจการไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก สำนักพิมพ์พวกนี้ผุดขึ้นเร็วยิ่งกว่าหน่อไม้หลังฝนตก วันนี้ปิดไปพรุ่งนี้ก็ต้องมีมาลงทะเบียนเปิดใหม่อีกอยู่ดี อย่างเธอคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แก้ไม่ได้หรอก พวกเรามาคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่า”

เหมยเหมยเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง เมื่อครู่เจ้าอ้วนกับสยงมู่มู่ไปเข้าห้องน้ำด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆ พวกเขาต้องไปคิดหาหนทางกันมาแน่นอน ถึงจะไม่เข้าใจว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ แต่ต้องทำไปเพราะหวังดีกับสยงมู่มู่แน่นอน เธอแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้ว

“แล้วจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างไรล่ะ?” เหมยเหมยเอ่ยถาม

………………………

Related

ตอนที่ 2791 รักสามเศร้า

 

ตอนนี้อู่เชาไม่เพียงแต่เป็นนักเขียนและนักประพันธ์บทกลอนชื่อดัง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพิธีกรที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย เขาเป็นผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ชื่อดังระดับแนวหน้า ส่วนตัวเขาเองก็ร่วมรายการบันเทิงอื่น ๆเช่นกัน ซึ่งถือว่าไปได้ดีในวงการบันเทิงเลยทีเดียว

 

แน่นอนว่าต้องยุ่งจนหัวหมุนอยู่แล้ว เขาใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินมากกว่าบนพื้นดินเสียอีก เหมยเหมยมักหาตัวเขาไม่เจอเพราะถ้าไม่อัดรายการอยู่ก็ต้องอยู่บนเครื่องบิน

 

ในช่วงขาขึ้นของอู่เชา เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาว่าอย่าลืมอาชีพหลักของตัวเองซึ่งก็คือนักเขียน ไม่ว่าจะในแง่งานแต่งเพลงหรือพิธีกรต่างเป็นอาชีพรอง หรือพูดได้ว่าเป็นตัวเสริมของอาชีพนักเขียนเท่านั้น

 

เพราะคุณเขียนหนังสือจนโด่งดังประจวบกับมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ดังนั้นถึงได้งานแต่งเพลงและพิธีกรสองอาชีพนี้มา แต่ถ้าหากทำอาชีพหลักพังเพราะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่แต่กับอาชีพรองจนมองข้ามอาชีพหลักไป เขาต้องได้ไม่คุ้มเสียแน่

 

เหมยเหมยกังวลว่าอู่เชาจะลุ่มหลงในแสงสีเสียงของวงการบันเทิง ในเมื่อการเขียนหนังสือทั้งเปลืองสมองทั้งเสียเวลา ทั้งค่าตอบแทนยังเทียบกับค่าเหนื่อยไม่กี่สิบนาทีของดาราไม่ได้ หากมองในระยะสั้นแล้วอาชีพดาราทำเงินได้เร็วกว่าจริง ๆ แต่คนเรายังต้องใช้ชีวิตไปอีกนาน ฉะนั้นจะมองแค่ผลประโยชน์นิดเดียวตรงหน้าไม่ได้

 

พูดถึงช่วงเวลานั้นอู่เชาก็หลงระเริงไปบ้างแล้วจริง ๆ ควรบอกว่าในถังย้อมสีอย่างวงการบันเทิงน้อยคนนักที่จะไม่ออกนอกลู่นอกทางประคองสติไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอู่เชายังเป็นเด็กหนุ่มที่เป็นเช่นนั้นด้วย

 

แต่ตัวอู่เชามีสติสัมปชัญญะที่ดีบวกกับคำเตือนของเหมยเหมย เขาจึงได้สติอย่างรวดเร็วแล้วรีบถอยห่างออกมา จากนั้นก็ปัดรายการบันเทิงมากมายนั้นทิ้งไป ไม่ว่าจะจ้างเงินมากเพียงใดเขาก็ไม่ไปทั้งสิ้น เขาเก็บไว้เพียงรายการของตนและอาจมีไปร่วมเป็นแขกในรายการดี ๆบ้างเท่านั้น

 

เวลาที่เหลืออู่เชาเลยจดจ่ออยู่กับงานเขียน เพราะระหว่างนั้นมีกิจกรรมอื่นจึงไม่มีงานเขียนออกมาเกือบหนึ่งปี พอได้จับปากกาอีกครั้งจึงทำให้รู้สึกห่างหายไปนาน เวลานี้อู่เชาถึงนึกหวาดกลัวขึ้นมาและยิ่งขอบคุณเหมยเหมยขึ้นไปอีก

 

ชีวิตเราได้เพื่อนที่เข้าใจในตัวเราสักคนอย่างแท้จริงก็นับว่าโชคดีมากแล้ว!

 

สิ่งที่ทำให้อู่เชายิ่งตกตะลึงก็คือถึงแม้เขาจะหยุดรับงานกิจกรรมต่าง ๆไปแล้วแต่เพราะเขาเริ่มผลิตผลงานหนังสือออกมาอีก ทว่าชื่อเสียงไม่ได้ลดลงแต่กลับมากขึ้น แม้กระทั่งค่าตัวออกงานยังเพิ่มขึ้นเลย หากมองผิวเผินเหมือนเขาจะสูญเสียรายได้ไปมากแต่ความเป็นจริงเขากลับได้มากกว่าเดิม

 

เหมยเหมยนึกไม่ถึงว่าจะได้รับสายจากอู่เชาเลยดีใจมาก “เสี่ยวเชานายกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่? วันไหนว่างนัดกินข้าวกันเถอะ!”

 

ทว่าอู่เชากลับตัดบทเธอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “กินบ้ากินบออะไรล่ะ ถามหน่อยสิว่ามู่มู่กลับมาแล้วใช่ไหม?”

 

“ใช่แล้ว…เขากลับมาถึงเมื่อวาน ไม่สิ ทำไมนายถึงรู้ล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกทะแม่ง ๆ เรื่องที่สยงมู่มู่กลับมาเป็นความลับ มีเพียงเธอกับเซียวเซ่อเท่านั้นที่รู้ แล้วอู่เชาไปรู้มาจากไหน

 

“ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวนะที่รู้ ประชาชนทั้งโลกต่างก็รู้กันหมด สยงมู่มู่อยู่กับเธอที่นั่นใช่ไหม? ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว รีบบอกให้เขาคิดหาวิธีเลย!”

 

อู่เชาไม่ได้บอกรายละเอียดในโทรศัพท์ชัดเจนนัก เขาวางสายไปอย่างรีบร้อนแล้วบอกแค่ว่าจะมาหา เหมยเหมยเลยทำได้แค่โทรกลับไปแล้วบอกที่อยู่ของสยงมู่มู่และเซียวเซ่อเพื่อนัดรวมตัวกันที่นั่น

 

“ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เหมยเหมยเกิดวิตกกังวลขึ้นมา ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ!

 

“ถึงแล้วค่อยว่ากัน มันวุ่นวายอยู่สักหน่อย!”

 

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเหมยเหมยก็ขนของกินเป็นกองไปหาเซียวเซ่อ สองคนนี้ยังไม่ตื่น ส่วนอู่เชาเองก็ใกล้มาถึงแล้ว

 

“นักร้องสุดฮอตมู่มู่แอบกลับประเทศ สงสัยว่าจะแอบซุกแฟนสาวไว้ด้วย แถมยังท้องโตด้วย…แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือไอ้พวกคนเลวพวกนั้นบอกว่ามู่มู่เป็นไบเซ็คชวลแล้วตกอยู่ในวังวนรักสามเศร้า ทั้งยังมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานด้วย…”

 

อู่เชาหยิบนิตยสารซุบซิบดาราออกมาแล้วชี้ไปยังพาดหัวข่าวด้วยความโกรธเพื่อให้พวกเหมยเหมยดู

 

………………………………………………….

 

ตอนที่ 2792 ปาปารัสซี่ชั้นต่ำ

 

ฝีมือการถ่ายภาพของปาปารัสซี่ไม่เลวเลยเพราะถ่ายภาพคนในเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ในภาพปรากฏสยงมู่มู่เดินเคียงไหล่กับเหมยเหมยจากไป และมีเซียวเซ่อเดินจากไปเพียงลำพัง อีกทั้งปาปารัสซี่ยังจงใจถ่ายชื่อห้อง——

 

ณ โรงพยาบาลแผนกสูตินรีเวชแห่งหนึ่ง

 

จากนั้นปาปารัสซี่พวกนี้ก็ประดิษฐ์คำพาดหัวข่าวเองซี้ซั้ว เหมยเหมยกลายเป็นแฟนลับ ๆของสยงมู่มู่ อีกทั้งยังท้องลูกของสยงมู่มู่แล้วไปตรวจครรภ์ที่แผนกสูติ ส่วนเซียวเซ่อกลับเป็นคู่ขาในข่าวฉาวโฉ่ของสยงมู่มู่

 

เพราะก่อนหน้านี้พวกปาปารัสซี่แอบถ่ายภาพที่สยงมู่มู่อยู่กับเซียวเซ่อได้โดยบังเอิญ เนื่องด้วยบอดี้การ์ดของเซียวเซ่อมีมาก ดังนั้นเลยทำได้แค่แอบถ่ายจากมุมไกล ภาพถ่ายจึงเลือนราง อีกอย่างเซียวเซ่อเองก็ชอบแต่งตัวก่ำกึ่งชายหญิงแบบนี้มานานและยังหน้าตาชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงอีกต่างหาก เหล่าปาปารัสซี่จึงทึกทักว่าเซียวเซ่อเป็นผู้ชาย เข้าใจว่าเซียวเซ่อเป็นคู่ขาของสยงมู่มู่

 

ในวงการบันเทิงเพศเดียวกันถึงจะถือว่าเป็นรักแท้ ดังนั้นต่อให้สยงมู่มู่จะถูกเล่าลือว่ามีปัญหาเรื่องเพศ แต่ไม่ว่าแฟนคลับหรือปาปารัสซี่ต่างก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกตรงไหน ในทางกลับกันกลับรู้สึกว่าสยงมู่มู่ชอบผู้ชายถึงจะเป็นเรื่องปกติ

 

คนที่มีสไตล์และเอกลักษณ์อย่างสยงมู่มู่ลองคิดดูสิว่าผู้หญิงคนไหนจะคู่ควรบ้าง?

 

กระทั่งเหล่าแฟนคลับที่กระตือรือร้นลองจับคู่เขากับเหล่าดาราสาวชั้นแนวหน้าระดับโลกให้สยงมู่มู่แล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีใครคู่ควรกับมู่มู่ของพวกเขาเลย ถ้าไม่แก่ไปก็ดูยั่วยวนไป หรือไม่ก็ไม่เหมาะสมกัน…

 

นับไปนับมาก็ยังรู้สึกว่า ‘ผู้ชาย’ อย่างเซียวเซ่อยืนเคียงคู่กับสยงมู่มู่ค่อยดูเจริญหูเจริญตาหน่อย!

 

ดังนั้น…เหล่าแฟนคลับจึงยอมรับความจริงที่ว่าสยงมู่มู่ชอบ ‘ผู้ชาย’ เช่นนี้ไปโดยปริยาย อีกทั้งยังคิดว่าไม่ผิดหลักธรรมชาติเลยสักนิด!

 

แต่ตอนนี้กลับมีแฟนสาวลับ ๆโผล่มา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

 

อีกทั้งแฟนลับ ๆคนนี้ยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย…การกระทำอันโหดร้ายเช่นนี้ทำให้เหล่าแฟนคลับโกรธมาก พวกเขาไร้หนทางจะยอมรับเรื่องที่สยงมู่มู่ทำสาวอรชรอ้อนแอ้นท้องได้ พวกเขายอมให้มู่มู่อยู่ใต้อาณัติผู้ชายเสียกว่า!

 

ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าแฟนคลับที่ถลำเชื่อข่าวจนหัวปักหัวปำพลันรู้สึกว่าสยงมู่มู่เหยียบเรือสองแคม ทั้งยังเป็นไบเซ็คชวลที่ไม่ซื่อสัตย์กับความรัก พวกเขาจึงรุมด่าประณาม คนที่ด่าได้เจ็บแสบที่สุดก็พวกเขานี่แหละ

 

เมื่อก่อนเหมยเหมยไม่ได้รู้สึกว่าสยงมู่มู่โด่งดังเท่าไหร่นัก แต่พอตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นเธอถึงสังเกตเห็นว่าที่แท้พี่ชายของเธอโด่งดังเป็นพลุแตกโดยไม่รู้ตัว แค่ข่าวฉาวที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องหนึ่งยังเหมือนทิ้งระเบิดจนโลกแทบแตกได้เลย

 

ได้ยินมาว่าเบราว์เซอร์ของเว็บข่าวซุบซิบดาราล่มไปถึงสองครั้งแล้วเพราะจำนวนการเข้าที่มากเกินไป จนกระทั่งค้างและตายไปพร้อมเกียรติยศ

 

“นายบอกมาสิว่าทำไมออกไปข้างนอกถึงไม่ปกปิดอะไรสักหน่อย? ออกไปโต้ง ๆแบบนี้ แถมยังไปแผนกสูตินรีเวชสถานที่คลุมเครือแบบนี้ด้วย นายว่างมากนักหรือไง?” อู่เชาไม่สบอารมณ์นัก เมื่อก่อนเขาเองก็เสียเปรียบให้พวกปาปารัสซี่ตั้งมากเลยรู้ว่าคนพวกนั้นทำอะไรไม่มีขีดจำกัด เพื่อให้ตกเป็นจุดสนใจของประชาชนจึงพร้อมกุเรื่องสร้างข่าวฉาวให้แพร่สะพัดอยู่แล้ว

 

มีทั้งภาพและตัวอักษรอย่างสยงมู่มู่ในตอนนี้ก็เท่ากับว่ามีหลักฐานมัดตัวแล้ว อีกทั้งกระแสนิยมของสยงมู่มู่เองก็ฮอตปรอทแตก เหล่าปาปารัสซี่พวกนั้นจับตัวสยงมู่มู่ไม่ได้อยู่พอดีไม่ใช่เหรอ ต่อไปคงเล่นถึงตายแน่!

 

“นายดูเอาเถอะ พรุ่งนี้พวกปาปารัสซี่ต้องงัดของมาโชว์อีกเยอะแน่ ทั้งยังบอกว่าสยงมู่มู่ถูกครอบครัวคนรวยเลี้ยงดูมาถึงเดินไปสู่เส้นทางระดับประเทศได้ ไม่แน่อาจจะบอกว่าชีวิตส่วนตัวลำบาก หรือแม้กระทั่งกุว่าเป็นโรคที่เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้!”

 

อู่เชาเอ่ยอย่างหงุดหงิด เขาใช้ส้นเท้าคิดยังคิดได้เลยว่าพวกปาปารัสซี่พวกนั้นจะเขียนข่าวออกมาอย่างไร ใครใช้ให้สยงมู่มู่ไปปรากฏตัวในโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ที่ใส่สีตีไข่ได้ง่ายที่สุดกันล่ะ!

 

ทั้งยังเป็นแผนกสูตินรีเวชและแผนกผู้ชายที่ทำให้คนเอาไปซุบซิบกันสนุกปาก…ชิ นี่ขนาดเวลาสั้น ๆเขายังนึกบทเขียนข่าวได้ตั้งเยอะแหนะ!

 

…………………………

Related

ตอนที่ 2789 ไม่มีทางตั้งท้อง

“เอิ๊ก…อร่อยจัง คืนนี้ค่อยทานอีก…เอิ๊ก…”

เหมยเหมยทานอย่างอิ่มหนำสำราญใจจนเรอด้วยความอิ่มติดต่อกันหลายที ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าเกี๊ยวไส้ผักกาดดองรสชาติอร่อยขนาดนี้เลยนะ!

“ได้เลย คืนนี้ค่อยทานอีก เกี๊ยวมีเยอะมาก ไม่พอค่อยห่อเพิ่ม” ป้าฟางยิ้มอย่างปลื้มใจ เช่นเดียวกับคุณย่าหยางที่เผยรอยยิ้มใจดีราวกับแม่พระ

เล่อเล่อขมวดคิ้วก็หมดคำจะพูดกับรสสัมผัสแสนประหลาดของแม่แท้ ๆตัวเอง เกี๊ยวรสชาติย่ำแย่อย่างนั้นยังบอกว่าอร่อยไปได้ เธอทานน้ำซุปเนื้อวัวเงียบ ๆดีกว่า!

“เหมยเหมย…เรื่องของพี่ชายเธอเป็นอย่างไรบ้าง?” คุณย่าหยางถามถึงสยงมู่มู่

“อย่าพูดถึงเลย เจ้าคนสติเลอะเลือนสองคนนั่น คืนนั้นดื่มกันจนไม่ได้สติเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซ่อเซ่อยังบริสุทธิ์อยู่!” เหมยเหมยตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก

คุณย่าหยางกับป้าฟางหลุดขำออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะจบเช่นนี้

“แล้ว…เหมยเหมยประจำเดือนเธอไม่มานานแค่ไหนแล้วล่ะ?” คุณย่าหยางปกปิดความตื่นเต้นแสร้งว่าถามไปอย่างนั้น

“น่าจะใกล้แล้วล่ะ ช่วงนี้หนูรู้สึกปวดเอวเมื่อยหลังไปหมด น่าจะใกล้มาแล้วแหง ๆ” เหมยเหมยเข้าใจโดยถ่องแท้ เธอก็ว่าทำไมถึงปวดเมื่อยเนื้อตัวขนาดนี้ ดันลืมเรื่องประจำเดือนไปเสียได้

คุณย่าหยางแอบผิดหวังเล็กน้อย หรือว่าเธอเดาผิดอย่างนั้นหรือ?

เป็นไปไม่ได้…ประจำเดือนมาไม่มีทางเปลี่ยนรสชาติอาหารที่ถูกปากได้ เหมยเหมยเป็นแบบนี้ต้องตั้งท้องแล้วแน่ ๆ

“เหมยเหมย…เธอจะซื้อเครื่องตรวจครรภ์มาลองหน่อยไหม?” คุณย่าหยางแนะนำ

“เครื่องตรวจครรภ์เหรอ? ไม่ต้องหรอก…ไม่มีทางท้องได้หรอก คุณย่าคิดมากไปแล้ว!” เหมยเหมยตกใจก่อนเป็นอย่างแรกแต่ก็รีบปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ?

ไม่ว่าอย่างไรคนนิสัยไม่ดีอย่างเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ยอมมีลูกคนที่สองสักที เธอพยายามตั้งหลายหนก็ไม่เคยทำให้เหยียนหมิงซุ่นหลงกลสักทีจนท้อไปหมดแล้ว…จึงตัดสินใจไม่สนเรื่องนี้อีก ไม่มีก็ไม่มี มีเล่อเล่อคนเดียวก็ได้!

“อาจจะไม่แน่ก็ได้!” คุณย่าหยางไม่ยอมถอดใจ เธอรู้สึกได้อย่างแรงกล้าว่าเหมยเหมยต้องท้องแล้วอย่างแน่นอน

“เป็นไปไม่ได้…มีโอกาสแค่หนึ่งในพันเท่านั้น…”

เหมยเหมยเบะปากไปโดยปริยาย โอกาสที่จะหลุดรอดจากถุงยางมีเพียงหนึ่งในพันซึ่งเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนบอกเอง แล้วเธอจะท้องได้อย่างไร?

นอกจากไปท้องกับคนข้างบ้านแล้วล่ะ!

คุณย่าหยางเห็นเหมยเหมยทำหน้าแน่วแน่ก็หวั่นไหวอย่างอดไม่ได้ หรือว่าเธอคิดมากไปเองจริง ๆ?

เฮ้อ!

เมื่อไรเธอถึงจะได้อุ้มเหลนชายนะ?

เหมยเหมยทานอิ่มท้องความง่วงก็เล่นงานอีกครั้ง เธอหาวไปหลายครั้งแล้วกลับไปนอนที่ห้องอย่างง่วงซึม “คุณย่า คืนนี้หนูไม่ทานข้าวแล้วนะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว”

จิตใจที่สั่นคลอนของคุณย่าหยางกลับมาหนักแน่นอีกครั้ง นี่มันอาการคนท้องชัด ๆนี่นา ไม่ได้การล่ะ เดี๋ยวเหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็ให้เขาไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาเสียหน่อย ต้องตรวจก่อนเธอถึงจะสบายใจ

“คุณย่าคะ ฉันเดาว่าต้องใช่แน่ ๆเหมือนกัน กินเปรี้ยวลูกชายกินเผ็ดลูกสาว ร้อยละเก้าสิบต้องท้องเด็กผู้ชายแน่เลย” ป้าฟางก็เอ่ยอย่างมั่นใจเช่นกัน

“ผู้ชายผู้หญิงก็ได้หมด แต่ทางที่ดีก็ขอเป็นผู้ชาย เล่อเล่อร้องแต่จะเอาน้องชายอย่างเดียวแหนะ!” คุณย่าหยางลูบศีรษะเล่อเล่อที่กำลังทานซุปเนื้อวัวอย่างรื่นรมย์ใจ ถ้ามีน้องชายแล้ว อนาคตถ้าเล่อเล่อแต่งงานบ้านสามีก็ไม่กล้ารังแกเธอแล้วละ!

คุณย่าหยางกลับลืมเรื่องพลังการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของเด็กน้อยเล่อเล่อไปเสียสนิท มักเห็นว่าเหลนสาวตนเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยผู้อ่อนแออยู่ประจำ

เล่อเล่อหูกระดิก น้องชายหรือ?

“คุณแม่จะมีน้องชายแล้ว…” เล่อเล่อตะโกนร้องอย่างดีใจ ฉิวฉิวบอกแล้วว่าไม่นานเธอก็จะมีน้องชายให้มาเล่นเป็นเพื่อนด้วยสองคน ในที่สุดก็มาสักที

คุณย่าหยางยิ้มแก้มแทบปริ คำพูดของเด็กน้อยศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเลย คราวนี้เหมยเหมยต้องคลอดลูกชายแน่ ๆ

ช่วงหัวค่ำพอเหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านได้ฟังคำคาดเดาของคุณย่าหยางก็ปฏิเสธเสียงหนักแน่น “เป็นไปไม่ได้หรอก คุณย่าคิดมากไปแล้ว!”

เขาทำการบ้านอย่างดีทุกครั้งแล้วจะพลาดได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้!

…………………………

ตอนที่ 2790 ลูกสาวที่หักหน้า

คุณย่าหยางที่กำลังดีอกดีใจถูกเหยียนหมิงซุ่นพูดตัดความหวังเหมือนถูกน้ำราดหัว พานฉุกนึกถึงท่าทีมั่นใจของเหมยเหมยก่อนหน้านี้บวกกับเสียงปฏิเสธอย่างไม่ลังเลใจของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้ คุณย่าจะไม่เข้าใจอีกหรือ

สองสามีภรรยาคู่นี้ต้องกำลังคุมกำเนิดอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่สิ…น่าจะเป็นเหยียนหมิงซุ่นฝ่ายเดียว!

เธอรู้ดีว่าเหมยเหมยต้องการลูกคนที่สองมากแค่ไหน คงเป็นหลานชายคนโตคนเดียวที่เป็นคนบงการทุกอย่าง

“คนอื่นมีไม่ได้เพราะนโยบายรัฐบาล ต่อให้ขายข้าวของที่บ้านก็อยากมี แกก็นะมีได้แต่ไม่ยอมมี แก…แกนี่น่าโมโหจริง ๆ!” คุณย่าหยางชี้หน้าเหยียนหมิงซุ่นก่นด่า

ตอนนี้เล่อเล่อโตแล้ว สองสามีภรรยายังอายุน้อยและแข็งแรง ที่บ้านก็ไม่ขาดแคลนเงิน มีเพียบพร้อมทุกอย่างแล้วทำไมไม่ยอมมีล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นทานน้ำซุปเนื้อวัวไปคำหนึ่งแล้วพูดเสียงเรียบ “ผมอยากดีกับเล่อเล่อคนเดียว ไม่อยากมีลูกอีกคนแย่งความรักของเล่อเล่อ”

เหตุผลนี้เขาคิดอยู่นานกว่าจะคิดได้ จากความรักที่คุณย่ามีต่อเล่อเล่อน่าจะพอเข้าใจได้สินะ!

เล่อเล่อที่กำลังตั้งใจทานน้ำซุปมองตาปริบ ๆ ชักจะทานซุปต่อไม่ไหวแล้ว อยากอ้วก…

พ่อของเธอฝืนใจพูดคำนี้ก็ไม่กลัวโดนฟ้าผ่าเลย…

“คุณพ่อ…หนูอยากมีน้องชาย น่าสนุก!” เล่อเล่อตะโกนเสียงดังลั่น คุณย่าหยางที่ถูกเหยียนหมิงซุ่นพูดดักทางจนต่อประโยคไม่ถูกพลันก็หายใจโล่งอกไปทีหนึ่ง ลูบศีรษะเล่อเล่ออย่างรักใคร่เอ็นดู

เหลนสาวรู้งานเอาใจใส่มากกว่าอีก

“แกดูสิเล่อเล่อยังอยากได้น้องชาย ในเมื่อแกรักเล่อเล่อขนาดนี้ก็ต้องมีน้องชายให้เธอเพื่อเติมเต็มความหวังให้ลูก” คุณย่าหยางโต้กลับไป

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกแล้วมองลูกสาวที่ไม่รู้สึกรู้สาด้วยสายตาดุดัน ยัยตัวแสบจ้องแต่จะหักหน้าเขาอยู่เรื่อย!

“เล่อเล่อทานเสร็จหรือยัง…ไปยืนฝึกสมาธิครึ่งชั่วโมง!”

เหยียนหมิงซุ่นทานน้ำซุปต่อด้วยท่วงท่าสง่างาม ยังไม่พ้นนาทีก็เริ่มใช้อำนาจแก้แค้นเรื่องส่วนตัวแล้ว

เล่อเล่อเพิ่งทานซุปหมดถ้วยเตรียมจะไปเติมถ้วยที่สอง พอได้ยินคำสั่งของพ่อตัวเองใบหน้าอ้วนกลมก็ยู่เข้าหากัน เบะปากเล็กมองไปทางคุณย่าหยางอย่างน่าสงสาร

“ให้เวลาลูกสามสิบวินาที ถ้าเกินหนึ่งนาทีก็เพิ่มอีกห้านาที!” เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่งจนเล่อเล่อสะดุ้งตัวโยน รีบวางถ้วยกระโดดลงจากเก้าอี้ไปยืนฝึกสมาธิด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ยังไม่ลืมหันไปเอ่ยทิ้งท้ายว่า “คุณย่าทวด เดี๋ยวหนูจะกลับมาทานซุปอีกนะ!”

“ได้เลย ทวดจะเก็บไว้ให้!”

ถึงคุณย่าหยางจะปวดใจแทนเหลนสาวแต่จะท้าทายอำนาจของผู้ปกครองใหญ่อย่างเหยียนหมิงซุ่นต่อหน้าเด็กได้อย่างไร ทำได้เพียงมองเล่อเล่อไปยืนฝึกสมาธิต่อหน้าต่อตาทั้งที่ในใจกำลังอัดอั้นเหลือเกิน หางตาเหลือบเห็นเหยียนหมิงซุ่นยังนั่งทานซุปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็บันดาลโทสะ ยื่นแขนไปแย่งถ้วยอีกฝ่ายมา

“…น้ำซุปที่ฉันตุ๋นไม่ได้มีไว้ให้คนใจดำกิน ไปดื่มน้ำเปล่าซะไป!”

ทำเอาเธอโมโหจะแย่ ไม่ยอมมีเหลนชายให้เธอแล้วยังทารุณเล่อเล่อเหลนรักของเธอ แบบนี้ยังมีหน้ามาทานน้ำซุปเนื้อวัวของเธออีกหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นมองคุณย่าที่ไร้เหตุผลอย่างระอา อายุยิ่งมากก็ยิ่งเจ้าอารมณ์แล้ว เฮ้อ…เขาไปหาภรรยาดีกว่า คนแก่นิสัยเด็กรับมือไม่ไหวหรอก!

ฉิวฉิวที่กำลังหลับบนตู้เย็นอ้าปากหาววอดอย่างสบายใจ ได้ยินคำพูดของคุณย่าหยางชัดเต็มสองหูพลันเจ้ากระรอกก็เผยยิ้มร้ายกาจ ไม่นานที่บ้านก็จะคึกคักแล้ว!

ไม่รู้ว่าเป็นตัวผู้สองคนหรือตัวเมียสองคน?

หรือบางทีอาจจะตัวเมียหนึ่งตัวผู้อีกหนึ่ง?

ฉิวฉิวสะบัดหางฟูหยิบช็อกโกแลตแท่งหนึ่งมาแทะ ดวงตาเท่าเม็ดถั่วดำหมุนกลอก ความจริงเขาชอบผู้ชายสองคนมากกว่าเพราะทนมือ ทว่าเสียดายที่เขารีบเกินจนลืมเอายาเซียนที่รับประกันว่าจะช่วยให้มีลูกชายมาเสียได้!

เหมยเหมยหลับยาวจนฟ้าสว่างซึ่งไม่ได้ทานมื้อเย็นด้วยซ้ำ พอตื่นมาอีกทีเหยียนหมิงซุ่นก็ไปทำงานแล้ว เธอหิวจนไส้กิ่วก็รีบแปรงฟันล้างหน้า เธอไม่ทันหวีผมด้วยซ้ำก็กุลีกุจอไปหาของกินในครัวแต่โทรศัพท์กลับแผดเสียงขึ้นก่อน

“เหมยเหมย…สยงมู่มู่กลับประเทศมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ปลายสายคือเจ้าอ้วนน้อยอู่เชาที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน

…………………

Related

ตอนที่ 2787 กอบกู้ชื่อเสียง

เหมยเหมยจำต้องหาหมอผู้เชี่ยวชาญด้านเพศชายที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลให้สยงมู่มู่ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นสามีของผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชที่เธอมาหานั่นเอง สองสามีภรรยาคู่นี้คนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษเวชอีกคนคือผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ช่างเป็นคู่สร้างคู่สมเสียจริง

“แผนกเพศชายอยู่ชั้นสาม จากบันไดเลี้ยวซ้ายห้องที่สามบอกว่าหาศาสตราจารย์อู๋นะ ช่างเถอะ ฉันจะพาพวกคุณไปเอง!”

คุณหมอกระตือรือร้นอย่างมาก กลัวว่าไอดอลจะหาไม่เจอเลยอาสาพาพวกเขาไปเอง

สยงมู่มู่กำลังรู้สึกสับสนในใจจนลืมสวมกระทั่งหมวก เหมยเหมยเองก็ไม่ทันนึกถึงจุดนี้จึงเปิดเผยหน้าตาทั้งอย่างนั้น และไม่ทันสังเกตเห็นแสงกะพริบวิบวิบจากมุมมืดแห่งหนึ่ง

แสงไฟเหล่านี้ตามติดพวกเขาตลอดถึงห้องแผนกเพศชายแต่ก็ไม่มีใครรู้สึกตัว

ผลการตรวจเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก สมรรถภาพทางเพศของสยงมู่มู่ไม่มีปัญหาสักนิด เยี่ยมมาก!

“คุณหมอ คุณต้องเขียนบนใบวินิจฉัยโรคนะ เขียนด้วยตัวบรรจงหน่อย อย่าเขียนตัวตวัดฉบับคุณหมอล่ะ” สยงมู่มู่ร้องขออย่างจริงจัง เขาต้องเอาใบวินิจฉัยโรคนี้ไปฟาดหน้ายัยทอมนั่นให้ได้เพื่อให้เธอดูชัดเต็มตา

ดูให้ชัดว่าเขามีปัญหาหรือเปล่า!

หมอแผนกสูตินรีเวชเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดประมาณหนึ่ง “โอ้ย…ต้องขอโทษด้วยจริง ๆที่ไม่ทันตรวจละเอียดก็ตัดสินไปอย่างนั้น ขอโทษด้วยนะ เหล่าอู๋เขียนตัวหนังสือสวย ๆล่ะ แล้วก็เขียนชมไปด้วยว่าเจ็ดครั้งในคืนเดียวก็ไม่มีปัญหา”

เหมยเหมยมุมปากกระตุกเล็กน้อย คุณหมอน่ารักจริง ๆเลยนะ

สยงมู่มู่หน้าแดงลามไปถึงหู แต่เขาก็ดีใจมากว่าในที่สุดก็กอบกู้ชื่อเสียงได้แล้ว

คุณหมอถลึงตาใส่ภรรยาทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ เอ่ยเสียงตำหนิว่า “นี่มันใบรายงานผลทางแพทย์นะ จะเขียนแบบนั้นได้อย่างไร เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะเขียนว่าอึดกว่าคนทั่วไปแล้วกันได้ไหม?”

ภรรยาทำผิดพลาดคนเป็นสามีอย่างเขาย่อมต้องตามล้างตามเช็ดแต่โดยดี อีกอย่างเขาไม่ได้ยกยอเกินจริง ยังหนุ่มยังแน่นนี่นา ร่างกายไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ต่อให้จัดเจ็ดยกในคืนเดียวก็สบาย

“เขียนแบบนี้เลย ขอบคุณคุณหมอมาก!” สยงมู่มู่รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขียนกระชับสั้น ๆได้ใจความและเข้าใจง่าย สมบูรณ์แบบ

คุณหมอตวัดขีดเขียนทีละเส้น ๆซึ่งมีหลายครั้งนึกอยากตวัดไปอย่างอดใจไม่ไหวแต่ก็หักห้ามใจไว้ได้ พลางเขียนการรายงานผลด้วยตัวหนังสือที่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยทำงานสายนี้มาอย่างยากลำบาก

“เสร็จแล้ว…รีบเอากลับไปปลอบภรรยาสิ!” หมอยื่นผลตรวจให้สยงมู่มู่แล้วยิ้มตาหยีมองเขา

“ขอบคุณ ขอบคุณมาก…ผมถ่ายรูปคู่กับคุณหน่อยแล้วกัน!”

สยงมู่มู่กล่าวขอบคุณแล้วถ่ายรูปคู่กับสองสามีภรรยาคู่นี้ ก่อนจะขอตัวกลับไปอย่างร้อนใจ เขาต้องรีบไปหายัยทอม ไม่อย่างนั้นเธอต้องชิ่งหนีไปก่อนอีกแน่ ๆ

ทางเซียวเซ่อจองตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพ เที่ยวบินวันนี้หมดแล้ว มีอีกทีก็เวลาสิบโมงเช้าพรุ่งนี้ซึ่งต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงอีกต่างหาก

เซียวเซ่อที่กลับไปถึงที่พักกระดกโค้กไปสามกระป๋องรวดถึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง หนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำเอาเธออัดอั้นตันใจแทบตาย

“ยัยทอม…ดูให้ชัดซะ ฉันอึดทนกว่าผู้ชายทั่วไป คืนละเจ็ดครั้งก็ยังไหวเห็นหรือยัง!”

สยงมู่มู่เดินทางกลับมาด้วยความรีบเร่งที่สุดแล้ว พอเห็นเซียวเซ่อยังอยู่ก็เผลอถอนใจโล่งอกอย่างอดไม่ได้ อวดผลตรวจต่อหน้าเซียวเซ่ออย่างได้ใจ ถ้ามีหางคงกระดิกส่ายรัว ๆแล้ว

เซียวเซ่อเหลือบมองแวบเดียว ตัวหนังสือบนนั้นเรียงเป็นประโยคเรียบร้อยยิ่งกว่าถ่ายเอกสาร เธออยากทำเป็นอ่านไม่ออกยังยากจึงเผลอโล่งใจไปทีหนึ่ง แต่ใบหน้ายังเย็นชาเหมือนเดิม กระดกน้ำโค้กไปหนึ่งกระป๋องก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “นายจะอึดกว่าวัวก็ไม่เกี่ยวกับฉัน รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!”

พอเห็นหน้าเจ้าหมอนี่ก็มักนึกถึงความรู้สึกอึดอัดในค่ำคืนนั้น น่าหงุดหงิดชะมัดเลย

“ไม่ไป นี่ไม่ใช่บ้านเธอสักหน่อย ฉันก็จะค้างที่นี่เหมือนกัน” สยงมู่มู่โต้กลับอย่างหน้าด้าน ๆ อย่างไรเสียก็ทำลายผ้ากั้นบาง ๆนั้นไปแล้ว แล้วเขาจะมัวแต่เก็บความรู้สึกไปทำไมอีก

เหมยเหมยวิ่งไปวิ่งมาอยู่ทั้งวันเหนื่อยสายตัวแทบขาด เดิมทีคิดว่าจะได้หลานชายตัวน้อยน่ารักคนหนึ่งแต่สุดท้ายกลับดีใจเก้อ ยอมใจคู่กัดคู่นี้จริง ๆ สุดท้ายได้ทำอะไรลงไปหรือเปล่ายังไม่รู้ตัวเลย

…………………………

ตอนที่ 2788 เกี๊ยวไส้ผักกาดดอง

เพราะรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งแผ่นหลังจรดเอว เหมยเหมยเลยเอาแต่ทุบไม่หยุด หลายวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ทั้งที่ทานซุปบำรุงอยู่ทุกวี่วันและเข้านอนเป็นเวลา แต่ร่างกายมักเหนื่อยล้าได้ง่าย

“ฉันจะกลับแล้ว พวกเธอหิวก็โทรสั่งร้านอาหารนะ ไม่มีธุระอะไรก็อย่ามากวนฉัน!”

เหมยเหมยคร้านจะสนใจคู่กัดคู่นี้อีก ตอนนี้เธอแค่อยากกลับไปนอนพร้อมขาที่เหมือนถูกสูบพลังไปไม่เหลือเรี่ยวแรงสักนิด

เซียวเซ่อดูออกถึงความอ่อนล้าของเหมยเหมยเลยค่อนข้างรู้สึกผิดจึงเสนอตัวจะส่งเธอกลับบ้านแต่ถูกเหมยเหมยปฏิเสธไป “ไม่ต้องหรอก เธอขับรถในประเทศไม่เป็นสักหน่อย ฉันกลับเองได้ พวกเธอก็เพลา ๆหน่อย อย่าทะเลาะกันอีกเลย ไม่ใช่เด็ก ๆกันแล้วนะ มีอะไรให้ทะเลาะกันนักหนา”

“ใครอยากทะเลาะกับหล่อนกัน ฉันจะโทรสั่งข้าวแล้ว หิวจะตายชัก” สยงมู่มู่ลูบพุงเดินกดโทรศัพท์โดยมีเซียวเซ่อเดินตามหลังไปเงียบ ๆเพราะเธอก็หิวแล้วเช่นกัน

เหมยเหมยเบะปาก ปากกัดกันไม่เลิกแต่ความจริงสองคนนี้รู้ใจกันอย่างดี เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดกันอย่างแท้จริง อย่างไรเสียก็ต้องลงเอยกันในไม่ช้าก็เร็ว!

เธอขับรถกลับบ้านพร้อมหนังตาหนักอึ้งแทบลืมไม่ขึ้น ทักทายคุณย่าหยางเสร็จก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องนอน หัวแตะหมอนก็หลับเป็นตายทันทีจนตื่นอีกทีก็บ่ายแก่ ๆแล้วเพราะความหิวโหย

หิวจนแทบจะเขมือบวัวได้ทั้งตัว เหมยเหมยลูบพุงแล้ววิ่งไปหาของกินในห้องครัว ทั้งป้าฟางและคุณย่าหยางต่างอยู่กันทั้งคู่

“คุณป้า มีของกินไหม หนูหิวจะแย่”

“มีซุปวัวที่เพิ่งตุ๋นเสร็จแล้วก็เกี๊ยวไส้ผักกาดดองกับผักกาดขาว คุณหนูจะทานแบบไหน?”

“เอาหมดเลย ขอตักซุปเนื้อวัวทานก่อนสักถ้วย ป้าต้มเกี๊ยวไส้ผักกาดดองให้ฉันด้วย ขอเยอะ ๆเลยนะ!” เหมยเหมยได้ยินคำว่าเกี๊ยวไส้ผักกาดดองก็น้ำลายสอพร้อมตาเป็นประกายวาว

ป้าฟางกับคุณย่าหยางแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความฉงน ท่าทางของเหมยเหมยในตอนนี้แปลกมาก ขี้เซา ชอบกินของเปรี้ยวแล้วยังหิวง่าย…ทั้งคู่นึกถึงบางอย่างพร้อมกันก็อดตื่นเต้นไม่ได้

เหมยเหมยประคองถ้วยน้ำซุปเนื้อวัวที่ตุ๋นจนเนื้อเละซดอย่างเอร็ดอร่อย เธอหันไปมองเตาเป็นระยะ ๆ ทำไมเกี๊ยวไส้ผักกาดดองยังไม่เสร็จสักทีนะ เธอหิวแทบแย่แล้ว

“ป้า เกี๊ยวได้หรือยังคะ?” อดเร่งไม่ได้

“ใกล้แล้ว…ต้มอีกหน่อย ต้องต้มสุกเต็มที่ถึงจะทานได้” ป้าฟางต้มเกี๊ยวไปอย่างไม่รีบร้อนพลางตักเนื้อวัวให้เหมยเหมยอีกหลายชิ้น เธอตุ๋นไปตั้งหม้อใหญ่ รับรองว่าพอทานแน่ ๆ

เหมยเหมยทานอย่างเอร็ดอร่อยจนไม่เหลือสภาพคนกระเพาะเล็กเท่านกกระจอกอย่างที่เคยเป็นมา ทานเนื้อวัวติดต่อกันหลายชิ้นพร้อมซดน้ำซุปหมดถ้วยอย่างสะอาดสะอ้าน ทางป้าฟางก็ต้มเกี๊ยวเสร็จแล้วซึ่งต้มไปสิบห้าลูกเต็มถ้วยใหญ่เลย!

“อร่อยจัง…แต่เปรี้ยวไม่พอ ป้าเติมจิกโฉ่ให้ฉันหน่อยสิ”

เหมยเหมยทานไปหนึ่งลูกแล้วเคี้ยวไม่กี่ทีก็บ่นว่ารสชาติเปรี้ยวไม่พอ คุณย่าหยางเลยยกขวดซอสจิกโฉ่มาให้แล้วเทให้เธอไปไม่น้อยเหมยเหมยถึงพอใจ ก่อนจะอ้าปากทานคำโต

คุณย่าหยางกับป้าฟางดีใจอย่างปิดไม่มิด ยิ้มตาหยีมองเหมยเหมยที่เคี้ยวจนแก้มตุ้ย รอเธอทานเสร็จแล้วค่อยถาม

“หนูกลับมาแล้ว…หนูจะกินเกี๊ยวเหมือนกัน…”

ลุงเหลารับเล่อเล่อกลับมา หลังเลิกเรียนทุกวันเจ้าหนูก็ต้องไปหาของกินในครัวเป็นกิจวัตร นี่เป็นเหตุผลที่ครัวในบ้านต้องตุ๋นน้ำซุปประเภท น้ำซุปเนื้อวัว ซุปเนื้อแกะ ซุปกระดูกหมูทุกวัน…ไม่เคยซ้ำซากจำเจจนบำรุงเล่อเล่อตัวอ้วนกลมขาวเนียน

เหมยเหมยคีบเกี๊ยวลูกหนึ่งให้ลูกสาว เล่อเล่อกัดไปคำเดียวก็รู้สึกเปรี้ยวจนแก้มอูมยู่เข้าหากัน ดวงตาคิ้วจมูกขดเป็นก้อนแล้วคายเกี๊ยวออกมา “เปรี้ยวจัง…แม่กำลังทานจิกโฉ่อยู่เหรอ?”

“ไม่เปรี้ยวนี่…อร่อยจะตาย”

เหมยเหมยคีบเกี๊ยวอีกครึ่งลูกที่เล่อเล่อทานเหลือมาทานเองแล้วยังซดน้ำเกี๊ยวที่รสชาติเปรี้ยวจัดอีกอึกหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างอิ่มเอมใจ!

……………………

Related

ตอนที่ 2785 ชายแท้

เหมยเหมยอ้าปากหวอเป็นวงกลมและสบถในใจรัว ๆ…มิน่าคุณหมอถึงมองด้วยสายตาแปลก ๆ คิดไม่ถึงว่าสยงมู่มู่จะมีข้อบกพร่องด้านนี้ด้วย เวรกรรมจริง ๆ

เธอมองเซียวเซ่อด้วยความเห็นใจปนสงสาร หลายปีมานี้พัวพันอยู่กับสยงมู่มู่ที่แม้ไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมา แต่ทุกคนก็เห็นพวกเขาสองคนเป็นคู่รักกันโดยปริยาย หลงคิดว่าพวกเขาคงคบหากันสักวันในไม่ช้าก็เร็ว แต่ตอนนี้…เสื่อมสรรถภาพทางเพศแล้วคงปล่อยให้เซ่อเซ่อรันทดไม่ได้สิ!

แต่งงานให้สยงมู่มู่ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากช่วยตัวเองเลย!

สยงมู่มู่ที่แนบหูฟังอยู่ตรงประตูจนยื่นคอยาวได้สิบเซนติเมตร พอได้ยินคำพูดของคุณหมอชัดเจนทุกคำโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย

หลั่งไวกับสมรรถภาพทางเพศเสื่อมหรือ?

บ้าเอ้ย…หมอเถื่อน…หมอเถื่อนที่หลอกเอาเงินประชาชน ชายแท้ร่างกายแข็งแรงอย่างเขาจะมีอาการอย่างที่ว่าได้อย่างไร?

สยงมู่มู่รับได้ที่คนอื่นบอกว่าเขาหน้าตางดงามปานดอกไม้ ถ้าเกินกว่านั้นจะด่าว่ากะเทยก็ทนไหวในเมื่อบางทีมีความจำเป็นในเรื่องศิลปะ การแต่งกายของเขาออกจะเย้ายวนไปบ้างก็จริงแต่ความจริงเขากลับรู้ดีว่าเขาเป็นชายแท้อกสามศอก ไม่ใกล้เคียงคำว่ากะเทยเลยสักนิด!

ตอนนี้หมอเถื่อนคนนี้กำลังโจมตีเรื่องรูปลักษณ์และร่างกายของเขา จะให้เขาทนได้อย่างไรไหว?

“ผมร่างกายแข็งแรงถึกทนยิ่งกว่าวัว แล้วจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างที่คุณว่าได้อย่างไร ถ้ายังพูดเหลวไหลระวังผมจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท…”

สยงมู่มู่ผลักประตูเข้าไปโวยวายทันทีด้วยความโกรธจนลืมสิ้นว่าเขาเป็นบุคคลสาธารณะที่ชื่อเสียงโด่งดัง สิ่งที่แย่ที่สุดคือเขาไม่แม้แต่จะพกแว่นกันแดดกับผ้าปิดปากติดตัวมาด้วยซ้ำเพราะกำลังจมอยู่ในความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นพ่อคน  ใบหน้างดงามปานดอกไม้นั่นจึงถูกเผยต่อหน้าต่อตาสาธารณชนอย่างโจ่งแจ้ง

แผนกสูตินรีเวชที่พวกเขามาเยือนมีแต่คู่สามีภรรยาวัยหนุ่มสาวกันเต็มทางเดิน ส่วนบรรดาแฟนคลับของสยงมู่มู่ส่วนมากก็อยู่ในวัยนี้เป็นหลัก ดังนั้น…สยงมู่มู่ตะโกนทีจึงดึงดูดสายตาคนมองนับไม่ถ้วน

มีหลายคนแปรเปลี่ยนอารมณ์จากความตกใจเป็นตื่นเต้นเพราะจำสยงมู่มู่ได้ แต่หมอนี่กลับไม่รู้สึกตัวสักนิดยังคงถลึงตาจับจ้องคุณหมอด้วยความโกรธเคือง เขาจะต้องต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายของเขา!

“มู่มู่…มู่มู่นี่นา…” มีคนกรีดร้องเสียงเบาและสามีภรรยาวัยหนุ่มสาวหลายคู่ต่างก็เดินล้อมเข้ามาหมายจะให้แน่ใจว่าพวกเขาจำผิดหรือไม่

เพียงแต่หลังจากสยงมู่มู่ตะคอกไปทีหนึ่งก็ถูกเหมยเหมยกระชากเข้าไปพร้อมปิดประตูจนทุกคนได้แต่ดีใจเก้อ

“นายจะตะโกนทำไม กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่านายป่วยน่ะ!” เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันสายตาไปทางคุณหมอด้วยสายตาตักเตือน

คุณหมอเผยยิ้มอย่างรู้ดี “วางใจได้ คุณหมอที่นี่รักษาจรรยาบรรณอาชีพ เก็บความลับส่วนตัวของคนไข้อย่างแน่นอน ฉันเป็นหมออาวุโสที่ทำงานนี้มาสามสิบปีแล้ว”

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

เหมยเหมยก็ไม่กลัวว่าคุณหมอคนนี้จะทำความลับหลุดหรอก มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่แหนะ นอกเสียจากว่าคุณหมอคนนี้ไม่อยากทำงานในโรงพยาบาลเขตทหารต่อไปแล้ว

เซียวเซ่อเข้าใจความหมายคุณหมอ นอกจากเธอจะไม่ได้ท้องแล้วยังบริสุทธิ์อีกด้วย…ข่าวนี้น่าตกใจเกินกว่าจะรับไหวที่ทำเอาเซียวเซ่อนิ่งไปพักใหญ่

หรือว่าคืนนั้นเธอไม่ได้ฝืนใจเจ้าหมอนี่จริง ๆ?

แต่ทำไมพวกเขาตัวเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ล่ะ?

หรือบางทีจะเป็นอย่างที่คุณหมอว่าจริง ๆ เจ้าบ้านั่นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ทำไปกับไม่ทำก็ได้ผลเท่ากัน พอคิดถึงจุดนี้เซียวเซ่อก็เหลือบมองสยงมู่มู่แวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ สายตาซับซ้อนซึ่งมีความเห็นใจเสียมากกว่า

ครั้นสยงมู่มู่ได้รับสายตาความเห็นใจจากเซียวเซ่อก็เหมือนถูกจุดชนวนระเบิด ไฟโทสะพุ่งพรวดขึ้นมาในฉับพลัน

“ฉันไม่มีปัญหาอะไรสักนิด ขนาดความยาวทุกอย่างโอเคหมด…” สยงมู่มู่คำรามด้วยความโกรธ เขาต้องกอบกู้ชื่อเสียงตัวเอง

คนกลุ่มหนึ่งที่ยืนออกันอยู่ข้างนอกประตู ได้ยินเสียงคำรามของไอดอลต่างก็สะดุ้งเฮือกกันถ้วนหน้าแล้วมองหน้ากันและกัน

โอ้…เจ้านั่นของมู่มู่มีปัญหาหรือ?

แต่ทำไมไม่ไปหาหมอแผนกผู้ชายแต่กลับมาหาหมอแผนกสูตินรีเวชล่ะ?

……………………………

ตอนที่ 2786 จบแล้ว

บรรดาผู้สอดรู้สอดเห็นที่แสนจะกระตือรือร้นจินตนาการบทละครฉากใหญ่ที่ไอดอลชื่อดังความสัมพันธ์แตกหักกับแฟนสาวปริศนาที่ซุกไว้อย่างรวดเร็ว พวกเขากำลังคาดเดากันว่าใครกันแน่ที่เป็น ‘แฟนสาว’ ตัวจริงของสยงมู่มู่

“มีผู้หญิงอยู่แค่คนเดียวยังต้องเดาอีกเหรอ?” มีคนโพล่งขึ้นแล้วมองไปยังสามคนนั้นซ้ายทีขวาที มองอย่างไรก็มีผู้หญิงอยู่แค่คนเดียว ใครเป็นแฟนสาวก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

“ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยดีนะ เหมาะสมกับมู่มู่ของเราดีเหมือนกัน ถ้าเป็นเธอฉันยินดีที่จะอวยพรด้วย!”

“พวกเธอขออวยพรให้ร่างกายของมู่มู่เถอะ ไม่เห็นหรือไงว่ามู่มู่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศน่ะ แฟนหนุ่มมีปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็คงทำใจรับไม่ได้หรอกมั้ง!”

“ตอนนี้การแพทย์ทันสมัย ปัญหาเล็กน้อยแค่นี้น่าจะรักษาได้ ฉันสนใจเรื่องที่ว่าทำไมพวกเขาถึงมาหาหมอแผนกสูตินรีเวชมากกว่า หรือว่าแฟนสาวท้องเหรอ?”

สิ้นคำก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นท่ามกลางฝูงชนทันทีราวกับมีใครโยนระเบิดลงใต้น้ำ คนล้อมวงเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมากมาด้วยความสงสัยแต่ก็มีคนต่ำช้าบางส่วนที่หมายจะยุยงปลุกปั่น

ชายแปลกหน้าคนหนึ่งดวงตาวาววับ เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนก็ตัดสินใจควักโทรศัพท์ออกมา “ฉันจะรายงานข่าว นักร้องดังมู่มู่อยู่แผนกสูตินรีเวชที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อมาตรวจร่างกายเป็นเพื่อนแฟนสาว ตัวเขาก็มีปัญหาทางเพศที่น่าลำบากใจอยู่เหมือนกัน…พวกคุณรีบโอนเงินให้ฉันสามหมื่นแล้วจะบอกที่อยู่ของโรงพยาบาลให้”

สยงมู่มู่เป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบทำตัวโดดเด่นมาแต่ไหนแต่ไรทำให้ปาปารัสซี่ตามถ่ายความเคลื่อนไหวของเขาได้ยาก ถึงขั้นประกาศเงินรางวัลถึงหลักหมื่นหยวน ขอเพียงสามารถบอกข่าวคราวของสยงมู่มู่ได้ก็จะได้เงินรางวัลหนึ่งหมื่นหรือหลายหมื่นเชียว

ข่าวครั้งนี้ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ เงินสามหมื่นถือว่าเขาใจดีมากแล้ว

สยงมู่มู่ที่อยู่ในห้องไม่รู้สึกตัวใด ๆทั้งสิ้นว่าข้างนอกพายุกำลังจะคืบคลานเข้ามา เขายังพยายามกอบกู้ศักดิ์ศรีของตนโดยการยืนจ้องหน้ากับเซียวเซ่ออย่างคุกรุ่น

“ไม่แน่คืนนั้นเราอาจจะไม่ได้ทำอะไรก็ได้” สยงมู่มู่คิดว่านี่คือความเป็นไปได้ที่มากที่สุด ทั้งคู่ต่างเป็นคนอ่อนหัดไร้ประสบการณ์บนเตียงแล้วยังจะดื่มเมามายไม่ได้สติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่างหากถึงจะเป็นจุดจบที่ถูกต้อง!

เซียวเซ่อสองมือกอดอก หลังจากได้ยินเสียงวินิจฉัยของคุณหมอ…ความกังวลและสับสนก่อนหน้านี้ก็หายไปในพริบตา กลับมาเป็นคุณหนูใหญ่เซียวที่เย็นชาเรียบนิ่งเช่นเดิม

“ไม่เกิดอะไรขึ้นก็ยิ่งดี หลีกไป!”

เซียวเซ่อเชิดปลายคางเรียวงามขึ้น ท่าทางเย่อหยิ่งดั่งราชินี ครั้งนี้เธอทิ้งกองงานแอบหนีกลับมา ถ้าคุณย่ารู้เข้าว่าผู้ชายส่งผลกระทบถึงงานของเธอคงโดนด่าเละแน่ ๆ

สิ่งที่คุณย่าเกลียดมากที่สุดคือผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจนเสียงานเพราะเรื่องผู้ชาย

สิ่งที่ท่านพูดประจำคือผู้ชายเป็นเพียงเครื่องปรุงของชีวิต รสชาติมีอยู่หลากหลายและสร้างผลลัพธ์แตกต่างกันไป เติมมากไปจะกลายเป็นอาหารพิษ หากปรุงในปริมาณที่เหมาะสมจะกลายเป็นอาหารรสเลิศ…

แต่สิ่งที่ประทังชีวิตได้ไม่ใช่เครื่องปรุง แต่เป็นขนมปัง

ฉะนั้นผู้หญิงต้องมีหลักประกันเป็นขนมปังชิ้นหนาถึงจะไปตามหาเครื่องปรุงได้ นี่เป็นคำสอนจากคุณย่ามาตั้งแต่เด็กจนเธอจำฝังใจ

ห้ามให้ผู้ชายปั่นป่วนชีวิตเธอจนกลายเป็นอาหารพิษเด็ดขาด!

สยงมู่มู่มองเซียวเซ่อที่เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวด้วยความโกรธและรู้สึกเย็นวูบวาบในใจ เห็นอยู่ว่าใกล้จะได้จดทะเบียนแล้วตอนนี้กลับพังหมดทุกอย่าง

เซียวเซ่อเปิดประตูก็ตกใจที่อยู่ ๆหน้าประตูก็มีผู้คนเพิ่มมากขึ้น ช่วงนี้คนใกล้คลอดมีมากขนาดนี้เชียว?

เธอก็ไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด โทรหาผู้ช่วยให้จองตั๋วเครื่องบินกลับอังกฤษที่เร็วที่สุดแล้วเดินจากไปอย่างสง่างาม

เหมยเหมยมองสยงมู่มู่ที่ถูกทอดทิ้งด้วยความเห็นใจ พลางเอ่ยปลอบโยนเสียงแผ่ว “หรือว่า…กลับไปกินข้าวที่บ้านกันเถอะ!”

“ไม่กิน…ฉันจะตรวจสุขภาพ!” สยงมู่มู่เอ่ยคำราม

……………………..

Related

ตอนที่ 2783 ไปตรวจที่โรงพยาบาล

เซียวเซ่อกำกระดาษตรวจครรภ์เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่นึกกลัวเลยสักนิด ใช้เวลาพักใหญ่รอจนดอกไม้แทบเหี่ยวเธอถึงโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ ถามด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “อันนี้ใช้อย่างไร?”

เหมยเหมยแหงนมองฟ้าอย่างสิ้นหวัง เด็กเรียนเก่งกลับใช้เครื่องตรวจครรภ์ไม่เป็น…ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เป็นของปลอมหรือเปล่า?

“เอาแก้วน้ำรองฉี่ไว้แล้วเอาหัวกระดาษที่ตรวจครรภ์จุ่มลงไป…” เหมยเหมยตะโกน

เซียวเซ่อปิดประตูอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองปัสสาวะของตัวเองด้วยสายตารังเกียจแล้วจุ่มกระดาษลงในแก้ว…ผ่านไปอีกห้านาทีประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง “อันนี้ดูอย่างไร?”

เหมยเหมยหนังตากระตุกรัว ตักเตือนตัวเองว่านี่เป็นเพื่อนสนิทของจริงไม่ใช่เพื่อนสนิทจอมปลอม…ทนไว้!

“ฉันดูให้”

เธอก็คร้านจะอธิบายอีกเลยแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำ สยงมู่มู่เบียดแทรกตัวเข้าตามมาด้วยอีกคน ศีรษะทั้งสามคนมองไปยังกระดาษตรวจครรภ์ในแก้วน้ำ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กระดาษยังเป็นกระดาษใบเดิมและสีเดิม

“นี่ท้องหรือไม่ท้องกันแน่?” สยงมู่มู่มองอยู่นานก็ไม่เข้าใจ

ความผิดหวังแวบผ่านในใจเหมยเหมย นี่ไม่ได้ท้องหรือ?

“เส้นนี้สีไม่เปลี่ยน ปกติก็คือไม่ได้ท้อง…แต่ก็อาจจะเพราะเวลาสั้นไปเครื่องตรวจจับไม่ได้” เหมยเหมยไม่กล้ายืนยันหนักแน่นในเมื่อกระดาษตรวจครรภ์ก็ไม่อาจรับรองผลได้เต็มร้อยนี่นา!

สยงมู่มู่เอ่ยขึ้นโดยไม่ต้องคิด “ต้องเป็นเพราะเวลาสั้นไปแน่ ๆ หรืออาจจะเพราะกระดาษตรวจครรภ์ที่เธอซื้อมาหมดอายุไปแล้ว”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจนักและคร้านเกินกว่าจะตอบโต้ พอจะเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าหมอนี่อยากได้รับการยอมรับ น่าสงสารออก คนสูงส่งอย่างเธอจะไม่ถือสาคนต่ำทรามแล้วกัน

เซียวเซ่อกลับรู้สึกสับสน เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นคือเรื่องจริงเพราะเธอไม่ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งยิ่งกว่าภูเขาไท่ซานอีกแล้ว แต่พอเห็นท่าทางลนลานของสยงมู่มู่ก็ผ่อนคลายไม่ลง ดันรู้สึกแปลก ๆแทน…น่าหงุดหงิดชะมัด!

“ฉันแนะนำให้ไปที่โรงพยาบาลดีกว่า แบบนี้ถึงจะตรวจว่าตั้งท้องจริงหรือเปล่า” เหมยเหมยยื่นข้อเสนอซึ่งสยงมู่มู่ยกสองแขนเป็นเชิงเห็นด้วย “ไปโรงพยาบาลแล้วกัน กระดาษตรวจครรภ์นี่ไม่ได้ผล”

เซียวเซ่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลง

เรื่องนี้รีบสะสางไปเสียก็ดี เดิมทีเธอก็เตรียมใจว่าอีกไม่กี่วันค่อยไปตรวจที่โรงพยาบาลให้รู้ผลแน่ชัดไปเลยอยู่แล้ว

เหมยเหมยขับรถไปที่โรงพยาบาลเขตทหาร เธอพามาตรวจครรภ์ที่นี่เหมือนเมื่อคราวตั้งท้องเล่อเล่อ อุปกรณ์การแพทย์และฝีมือแพทย์ที่นี่เป็นที่น่าไว้วางใจอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีแต่คนคุ้นเคยกันจึงพูดคุยอะไรกันได้สะดวก

“ถ้ามีจริง ๆ เซ่อเซ่อเธอคิดจะทำอย่างไรต่อ?” เหมยเหมยกระซิบถามเซียวเซ่อที่นั่งเงียบไม่ปริเสียง สยงมู่มู่ที่นั่งเบาะหลังหูสั่นพรึ่บ ๆตั้งตรงเชียว

“ตรวจก่อนค่อยว่า”

เซียวเซ่อหลับตาลง ในหัวกำลังยุ่งเหยิงก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ เรื่องนี้มันฉุกละหุกเกินไปจนเธอตั้งรับไม่ทัน เธอไม่ทันได้เตรียมใจเลยสักนิดเดียว

สยงมู่มู่เบะปากอย่างผิดหวังแล้วแอบอธิษฐานในใจขอให้ท้องเถอะ แบบนี้ยัยทอมก็ไม่มีเหตุผลหลบหน้าเขาอีกแล้ว!

จะว่าไปเขาก็ถึงวัยที่ต้องแต่งงานมีลูกแล้วนี่นา!

ไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล เหมยเหมยไปหาคุณหมอที่คุ้นเคยซึ่งเคยตรวจครรภ์ให้เธอเมื่อก่อน หลังเธอคลอดลูกก็จะมาทำการตรวจสุขภาพกับคุณหมอท่านนี้ทุก ๆครึ่งปีซึ่งค่อนข้างสนิทสนมกันพอตัว

เหมยเหมยบอกจุดประสงค์ที่มาซึ่งคุณหมอมองไปทางเซียวเซ่อแล้วมองไปที่สยงมู่มู่แวบหนึ่ง พลันหัวใจก็เต้นรัวสายตาฉายแววตื่นเต้นแวบหนึ่ง กระซิบเสียงถาม “คุณนายเหยียน ผู้ชายหน้าตาสะสวยคนนี้คือมู่มู่ที่เป็นนักร้องใช่ไหม?”

มู่มู่คือชื่อในวงการของสยงมู่มู่ เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่ามาโรงพยาบาลทั้งทีก็เจอแฟนคลับของเขาได้ทั้งยังเป็นหญิงวัยกลางคนเสียด้วย ชิ…ดูจากท่าทางหลงใหลของคุณหมอเดาว่าต้องเป็นแฟนคลับตัวยงของสยงมู่มู่แน่ ๆ!

“ใช่ เขานั่นแหละ แต่เขาแอบกลับประเทศมาเงียบ ๆ คุณหมออย่าเอ็ดเสียงไปนะ!”

“วางใจได้…ขอแค่ให้ฉันได้ถ่ายรูปคู่ด้วยก็พอ รับรองว่าจะไม่บอกใคร!” คุณหมอค่อนข้างคุยง่าย เหมยเหมยรับปากไปอย่างไม่รอช้าก่อนจะให้คุณหมอช่วยตรวจให้เซียวเซ่อ

คุณหมอสวมถุงมืออย่างพึงพอใจแล้วพาเซียวเซ่อเข้าไปในห้อง เวลาผ่านไปสิบกว่านาทีคุณหมอก็เดินออกมาด้วยสีหน้าแปลก ๆพลางมองสยงมู่มู่ด้วยสายตามีเลศนัยแวบหนึ่ง

………………………….

ตอนที่ 2784 สมรรถภาพทางเพศบกพร่อง

คุณหมอไม่เพียงแต่มองสยงมู่มู่หลายทีแต่ยังส่ายศีรษะอย่างนึกเสียดายเล็กน้อย ความชื่นชอบในสายตาจืดจางลงมากทีเดียวก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนไปอย่างฉับไวเรียกให้สยงมู่มู่ที่เป็นคนขี้อ่อนไหวขนลุกในใจ เกิดความรู้สึกแปลก ๆอย่างหนึ่ง

“คุณหมอ…ตรวจเสร็จแล้วเหรอ? กลั้นฉี่ไม่พอหรือเปล่า? ฉันจะไปซื้อน้ำให้เดี๋ยวนี้” เหมยเหมยก็รู้สึกได้ว่าสายตาของคุณหมอช่างแปลกนัก หลงคิดว่าเซียวเซ่อไม่มีฉี่ให้ตรวจเลยทำการตรวจเอ็กซเรย์ไม่ได้

“ไม่ต้องลำบากหรอก คุณนายเหยียนรบกวนช่วยมาทางนี้ที คุณผู้ชายท่านนั้น…รบกวนช่วยออกไปที!”

คุณหมอกวักมือเรียกเหมยเหมยพร้อมไล่สยงมู่มู่ออกไปจากห้อง เหมยเหมยใจหล่นวูบ ดูเหมือนสถานการณ์ค่อนข้างหนักหน่วงกว่าที่คิดไว้นะ!

“คุณหมอ…เพื่อนของฉันร่างกายไม่ค่อยโอเคเหรอคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความพะวงใจ หลงคิดว่าตรวจครรภ์ไม่พบเด็กกลับเจอเนื้องอกในร่างกายของเซียวเซ่อแทนเสียอีก เหตุการณ์อย่างละครน้ำเน่าแบบนี้ก็ถูกฉายในโทรทัศน์ให้ดูกันประจำนี่นา!

คุณหมอส่ายหน้าอย่างนึกขำ “คุณคิดมากไปแล้ว เพื่อนของคุณร่างกายแข็งแรงดี แต่แฟนเพื่อนคุณสุขภาพเป็นที่น่ากังวลนะ…เฮ้อ!”

เธอถอนใจยาวเหยียดอย่างนึกเสียดาย ภาพลักษณ์ของไอดอล…พังทลายลงในใจของเธอไปทั้งอย่างนี้ สิ่งสำคัญของผู้ชายคือสมรรถภาพทางเพศ ดวงหน้างดงามย่อมเป็นที่เชยชมทางสายตา แต่หากสมรรถภาพทางเพศบกพร่อง ต่อให้มีโฉมหน้างดงามก็ช่วยแก้กระหายความอยากไม่ได้!

เสียดายความหล่อเหลาของมู่มู่เหลือเกิน!

คุณหมอมีประสบการณ์โชกโชน แม้เหมยเหมยไม่ได้ระบุชัดเจนว่าแฟนหนุ่มของเซียวเซ่อคือคนไหน แต่จะปิดบังสายตาดั่งเหยี่ยวของเธอได้หรือ เดิมทีเธอยังนึกดีใจแทนไอดอลอยู่เลยเพราะทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี!

เหมยเหมยฟังแล้วก็มึน เช่นเดียวกับสยงมู่มู่ที่เอาหูแนบประตูก็มึนไม่ต่างกัน ร่างกายเขาแข็งแรงดีไม่เจ็บไม่ป่วยอะไร คุณหมอคนนี้หมายความว่าไงกันแน่!

“คุณหมอ…หมายความว่าอย่างไรเหรอคะ เมื่อกี้คุณหมอตรวจร่างกายให้เพื่อนของฉัน ไม่ใช่แฟนหนุ่มของเธอ คุณหมอพูดผิดหรือเปล่า?”

“ตรวจร่างกายเพื่อนคุณก็จริงแต่เพราะเพื่อนคุณมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับแฟนหนุ่มถึงอยากมาตรวจว่าตั้งท้องหรือเปล่า หมอพูดถูกไหม?” คุณหมอเอ่ยอย่างมีนัยยะ

เหมยเหมยพยักหน้ารับ “ใช่…แบบนี้เลย เพื่อนของฉันตั้งท้องหรือเปล่า?”

สิ่งนี้ต่างหากที่เธออยากรู้ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าคุณหมอเป็นอะไรไปถึงยืดยาดอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมเข้าประเด็นสักที

เซียวเซ่อที่อยู่ในห้องสวมกางเกงเสร็จก็เดินออกมาพิงขอบประตูฟัง เมื่อกี้คุณหมอทั้งส่ายศีรษะทั้งถอนหายใจ ทำเอาเธอขนลุกเกรียวในใจ เธอคงไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไรหรอกนะ?

คุณหมอทำหน้าแปลก ๆและคำพูดที่ออกจากปากน่าตกใจยิ่งกว่า “แม่หนูคนนั้นยังบริสุทธิ์อยู่ ท้องอะไรกันล่ะ!”

อะไรนะ?

เหมยเหมยเบิกตากว้างมองคุณหมออย่างไม่เชื่อสายตา ท้องหรือไม่ท้องเธอไม่ตกใจ ในเมื่อความสามารถกับการยิงเข้าเป้าในครั้งเดียวใช่ว่าจะมีกันทุกคน แต่เซียวเซ่อยังบริสุทธิ์…นี่ต่างหากที่น่าสะพรึงกว่า

“คะ…คุณหมอ คุณมั่นใจใช่ไหมว่าเพื่อนฉันยังบริสุทธิ์อยู่?” เหมยเหมยกลืนน้ำลายถาม

คุณหมอทำหน้าเหมือนกำลังสื่อว่า ‘นี่เธอกล้าสงสัยในความเป็นมืออาชีพของฉันเหรอ’ ก่อนจะปั้นหน้าตึงแล้วเอ่ยด้วยเสียงดังกว่าเดิม “แน่นอนอยู่แล้ว ถึงเยื่อพรหมจรรย์ของเพื่อนคุณจะฉีกขาดไปนิดหน่อยแต่นั่นเป็นแผลเก่า มีความเป็นไปได้มากว่าเกิดจาการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ฉันไม่เห็นแผลใหม่บนเยื่อพรหมจรรย์ ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้เดียวว่า…ผู้ชายที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ ถ้าไม่ใช่พวกคนที่หลั่งไวก็สมรรถภาพทางเพศเสื่อม”

พูดถึงตรงนี้คุณหมอก็ทำหน้าเสียดายยิ่งกว่าเดิม มู่มู่ที่แสนจะสมบูรณ์แบบขนาดนั้น…สมรรถภาพทางเพศกลับบกพร่องเสียได้!

เฮ้อ…สวรรค์ริษยาคนงามแท้ ๆเลย!

………………

Related

ตอนที่ 2781 แอบลักฟัง

เหมยเหมยที่กำลังแอบฟังอย่างเพลิดเพลินอยู่หน้าประตูตกใจจนอ้าปากหวอเป็นรูปวงกลม โอ้โห…หนังสด!

เธอควรอ้าประตูกว้างขึ้นอีกนิดหรือเปล่า?

เหมยเหมยที่กำลังตื่นเต้นแง้มเปิดประตูอีกนิดจนช่องประตูกว้างขนาดสองนิ้ว พอจะเห็นสองคนที่กำลังตบตีกันอยู่บนโซฟา จนถึงขั้นเห็นต้นขาเปลือยของใครบางคน…

เหมยเหมยเผลอเลียปากอย่างอดใจไม่อยู่ ดูไม่ออกเลยจริง ๆว่าเพิ่งผ่านไปไม่เท่าไรสยงมู่มู่ก็ถอดกางเกงเสร็จแล้ว ดูช่ำช่องดีเหมือนกันนี่นา!

“เจ้าบ้า ออกไปนะ…ถ้ายังไม่ไสหัวไปก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!” เซียวเซ่อตะคอกด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือวันนี้ยัยนี่ดูไม่ค่อยสู้คนเท่าไรนัก จนถึงตอนนี้ยังปล่อยให้ใครบางคนคร่อมอยู่บนตัวผลักออกไม่สำเร็จสักที

จุ๊ ๆ…หรือว่าเซียวเซ่อก็กำลังเล่นตัวอยู่งั้นสิ?

“ไม่ไป…ใครให้เธอไม่ยอมรับกันล่ะ…” สยงมู่มู่พูดเสียงอู้อี้

เซียวเซ่อใช้มือกันบริเวณท้องน้อยไว้ไม่กล้าใช้แรงมากถึงถูกสยงมู่มู่คุมตัวไว้ได้ แต่เขาก็ไม่ได้เปรียบเท่าไรนักเพราะทั้งคู่หล่นจากโซฟาลงพื้นแล้วกลิ้งไปที่ข้างประตูพร้อมกัน…ซึ่งอยู่ห่างจากเหมยเหมยเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น…

เหมยเหมยเผลอสูดหายใจทีหนึ่งแล้วกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ลอบด่าสยงมู่มู่ในใจว่าอ่อนหัดเหลือเกิน เวลาผ่านไปนานโขแล้วยังสยบไม่ได้อีก…แย่มาก!

เหมยเหมยที่เฝ้าดูด้วยความตื่นเต้นเผลอลืมไปว่าตนกำลังเป็นผู้แอบลักฟังอยู่ ลมหายใจหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆพร้อมกับร่างกายที่เลื่อนไปข้างหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ประตูถูกเธอแง้มเปิดจากกว้างสองนิ้วเป็นสามนิ้ว ดวงตาแพรวพราวคู่นั้นแทบจะสลักติดช่องประตูอยู่แล้ว

“ใคร…”

เซียวเซ่อหันขวับกลับมาจ้องประตูด้วยสายตาดุดัน หลงคิดว่าโจรบุกเลยเตะสยงมู่มู่ให้พ้นไปจากตัว จากนั้นก็แวบมาที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยยังไม่ทันตั้งตัวดีก็ถูกเซียวเซ่อกระชากคอเสื้อจากด้านหลังไว้เสียก่อน

“ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”

เซียวเซ่อเห็นโฉมหน้าของเหมยเหมยชัดแล้วถึงชักกำปั้นที่ถูกปล่อยออกไปกลับมา แต่ยังดึงคอเสื้อเหมือนเดิมแล้วหิ้วตัวลอยกลางอากาศพลางรอคำอธิบายจากเธอ

“เอ่อ…ฉัน…ฉันกลับมาเอาถ้วย…ใช่ กลับมาเอาถ้วย…ฮ่า ๆ…” เหมยเหมยนึกหาข้ออ้างอย่างหนึ่งได้ในที่สุดก็ยิ้มมองเซียวเซ่อแก้เก้อ ในใจเต้นระส่ำเหมือนรัวกลอง

“จ้าวเหมยทำไมเธอถึงลามกขนาดนี้…คิดไม่ถึงเลยว่าจะแอบฟัง…หยามสถานะนักเขียนของเธอชัด ๆ…” สยงมู่มู่มองปราดเดียวก็รู้ทันจุดประสงค์ของเหมยเหมย พานนึกถึง ‘ฉากบนเตียง’ ของเขากับยัยทอมเมื่อครู่ที่ถูกยัยตัวแสบคนนี้เห็นหมดแล้วก็กระเด้งตัวลุกมาตะคอกใส่อย่างนึกโกรธ

เหมยเหมยไม่กลัวเขาจึงถลึงตากลับไปอย่างนึกรังเกียจ “นายสวมกางเกงก่อนค่อยมาพูด ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเซ่อเซ่อ นายนึกว่าฉันอยากเห็นนายตัวเปลือยแบบนี้หรือไง ถ้าดูของนายสู้ให้ฉันไปดูไก่ต้มยังจะดีกว่า!”

“เธอ…เธอคอยดูเถอะ!” สยงมู่มู่ปั้นหน้าขึงขังแต่ก็ทำอะไรเหมยเหมยไม่ได้ ใครให้ยัยแสบนี่มีบอสผู้แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังล่ะ!

เขาสู้ไม่ไหวหรอก!

“โอ๊ย…เซ่อเซ่อเธอรีบปล่อยมือเร็ว เจ็บคอไปหมดแล้ว!”

เหมยเหมยแกว่งเท้าไม่หยุดพลางมองยายเซียวด้วยสายตาคาดโทษ ก็แค่ด่าไปว่าไก่ต้มเองถึงขั้นต้องแค้นส่วนตัวขนาดนี้เลยหรือ?

เซียวเซ่อส่งสายตารังเกียจให้เธอด้วยเช่นกัน ก่อนจะปล่อยมือให้เหมยเหมยล้มกระแทกพื้นอย่างจัง สยงมู่มู่มองเหมยเหมยที่แยกเขี้ยวอยู่บนพื้นด้วยสายตาสมน้ำหน้า ขณะที่ในใจกำลังเบิกบาน

ยัยทอมปากแข็งแต่ใจอ่อน ปากด่ากราดแต่ก็ปกป้องเขาอยู่เหมือนกัน!

“เอาจานแล้วก็ไสหัวออกไปได้แล้ว!” เซียวเซ่อเก็บจานบนโต๊ะเตี้ยวางซ้อนกันในไม่กี่ทีแล้วพูดสั่งเสียงเย็นชา

เหมยเหมยยิ้มตาหยีกวาดตามองประเมินเซียวเซ่อโดยเพ่งเล็งไปที่บริเวณท้องน้อยเธอเป็นพิเศษ มองจนเซียวเซ่อรู้สึกขนลุกซู่ทำตัวไม่ถูก

“เซ่อเซ่อ…เธอกำลังไม่มั่นใจว่าในท้องมีลูกน้อยอยู่หรือเปล่าใช่ไหม?”

…………………………….

ตอนที่ 2782 กลั้นฉี่

เซียวเซ่อสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่กล้าสบตาเหมยเหมยเลยตัดสินใจเบี่ยงหน้าหนี ดูไม่ต่างจากท่าทางเย็นชาเฉกเช่นปกติ แต่เหมยเหมยกลับดูออกว่ายัยคนนี้กำลังยืนตัวเกร็งและสองมือเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

บ่งบอกว่ายัยคุณหนูเซียวกำลังรู้สึกกังวลและบ่งบอกว่าเมื่อครู่เธอถามจี้ใจพอดี

เหมยเหมยยักคิ้วใส่สยงมู่มู่อย่างได้ใจ คนไร้ประโยชน์ ฝืนใจผู้หญิงไม่ใช่ความสามารถอะไร แต่การพูดประโยคเดียวทำอีกฝ่ายลนได้อย่างเธอต่างหากที่มีความสามารถอย่างแท้จริง!

“ความจริงฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้ได้นะ ไม่ว่าพวกเธอใครจะเป็นคนเริ่มก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา…”

เหมยเหมยมองข้ามสายตากรุ่นโกรธของสยงมู่มู่แล้วเบี่ยงประเด็นกล่าวว่า “แต่…ถ้ามีลูกก็ไม่เหมือนกันแล้ว พวกเธอต้องรับผิดชอบ จะเพิกเฉยไม่ได้และจะเป็นฆาตกรไม่ได้ และยิ่งปล่อยให้ลูกเติบโตในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไม่ได้…ฉันพูดถูกไหม?”

เซียวเซ่อสีหน้าอ่อนลงน้อย ๆ คำพูดของเพื่อนจี้หัวใจเธอเข้าอย่างแท้จริง ตอนนี้เธอกำลังคิดมากกับเรื่องนี้อยู่พอดี

ถ้าไม่กังวลว่าท้องเธอไม่จำเป็นต้องหนีด้วยซ้ำ นอนด้วยก็นอนด้วยสิ…แล้วอย่างไรล่ะ?

แต่ถ้ามีลูกจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธอต้องรับผิดชอบต่อเด็ก เธอจะไม่ทำตัวไร้ความรับผิดชอบเหมือนพ่อแม่เธอเด็ดขาด!

แต่เธอไม่อยากมีข้อผูกมัดเป็นโซ่ตรวนของชีวิตด้วยการแต่งงานจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นเธอสงสัยว่าตัวเองมีความสามารถที่จะรับภาระเรื่องลูกได้หรือไม่…สองเรื่องนี้กลายเป็นต้นตอแห่งความสับสนของเธอ

เหมยเหมยมองสีหน้าของเธอปราดเดียวก็รู้ว่าตนเดาถูกเลยถอนหายใจโล่งอกไปทีอย่างอดไม่ได้ เจอสาเหตุก็ง่ายล่ะ

“ฉะนั้น…ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอท้องหรือเปล่า ใช่ไหม?” เหมยเหมยเริ่มหลอกล่อจนเซียวเซ่อเผลอใจแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

เหมยเหมยแอบปรบมือให้ตัวเองในใจ ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนช่างพูดช่างเจรจาเก่งขนาดนี้ สมแล้วที่คนเรามีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ไม่แน่อนาคตเธออาจจะปลดล็อกศักยภาพที่มากยิ่งกว่านี้ก็ได้!

ตอนนี้ต้องจัดการคู่กัดสองคนนี้ก่อน

เหมยเหมยกระแอมเสียงไอแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก…มีกระดาษตรวจครรภ์เยอะแยะไป ฉันจะไปซื้อตอนนี้เลย เซ่อเซ่อเธอต้องกลั้นฉี่ไว้นะ ถ้าไม่มีก็ดื่มน้ำเยอะ ๆ รอฉันกลับมาล่ะ!”

เธอรีบวิ่งหุนหันออกไป หน้าปากซอยนี้มีร้านยาอยู่พอดี ใช้เวลาไม่นานก็ซื้อกลับมาได้แล้ว

สยงมู่มู่ลูกตาหมุนไปมาพลางเหลือบเห็นมีน้ำดื่มลังหนึ่งอยู่ตรงมุมกำแพงซึ่งนาน ทีจะเห็นว่าไม่ถูกเก็บเข้าตู้เย็น เขาฉุกคิดถึงสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว เซียวเซ่อเปลี่ยนนิสัยความเคยชินกับรูปแบบการใช้ชีวิตเดิม ๆเพราะคำนึงถึงลูกน้อยในท้องอย่างแน่นอน ไม่สิ…คำนึงถึงโซ่คล้องใจของพวกเขา

บ่งบอกว่ายัยทอมไม่เคยคิดจะเอาเด็กคนนี้ออก ยิ่งบ่งบอกว่ายัยทอมมีเขาอยู่ในใจ!

สยงมู่มู่วาดฝันถึงชีวิตอันแสนสุขในอีกห้าสิบปีข้างหน้าจากน้ำดื่มหนึ่งลังนี้ได้อย่างรวดเร็วจึงฉีกยิ้มแป้น เขาวิ่งไปหยิบน้ำดื่มอย่างมีความสุขก่อนจะยื่นให้เซียวเซ่อด้วยท่าทีขยันขันแข็ง

เดิมทีเซียวเซ่อตัดสินใจดื่มน้ำเพื่อกลั้นฉี่อยู่แล้วเลยรับเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่ารอยยิ้มของสยงมู่มู่ช่างขัดหูขัดตานักจึงถลึงตาใส่แล้วเดินหลบไปอีกทาง เห็นเจ้าหมอนี่ทีไรก็รำคาญทุกที

สยงมู่มู่รู้ทันความคิดของเซียวเซ่อก็ไม่ลุกลี้ลุกลน เรียบนิ่งใจเย็นอย่างไม่คิดสนใจท่าทีของเธอ ใช้สายตาดั่งคุณแม่ผู้เมตตา…ดั่งสายลมอุ่นในฤดูใบไม้ผลิมองไปที่ท้องน้อยของเซียวเซ่อเป็นระยะ ๆ มองจนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวและคันฝ่ามือยุบยิบ

อยากจับเจ้าหนุ่มหน้าหวานนี่โยนลงจากตึกชั้นสิบแปดเหลือเกิน!

“ฉันกลับมาแล้ว…เซ่อเซ่อฉี่หรือยัง…รีบไปห้องน้ำเร็ว!”

เหมยเหมยวิ่งกลับมาไวปานสายลมแล้วยื่นกระดาษตรวจครรภ์ให้เซียวเซ่อไป สยงมู่มู่ยื่นศีรษะมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่กลับถูกฟาดกลับมาสองทีด้วยความรำคาญใจแทน

……………

Related

ตอนที่ 2779 หาเวลาว่างไปสำนักงานเขต

เหมยเหมยที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์พลันก็ย้อนกลับมาพร้อมตบหน้าผากตัวเองแรง ๆทีหนึ่ง โมโหสองคนนั่นจนสติเลอะเลือนไปเลย เธอมีกุญแจห้องนี่นาแค่แง้มเปิดประตูเป็นช่องเล็ก ๆก็โอเคแล้วนี่!

เหมยเหมยแอบเปิดประตูเงียบ ๆแล้วก็ลอบดีใจที่เซียวเซ่อไม่ได้ล็อกจากข้างใน ซึ่งช่วยให้เธอสะดวกขึ้นมาก

เธอไม่กล้าเปิดกว้างมากแค่แง้มเป็นช่องเล็ก ๆแต่ก็ได้ยินเสียงพูดอันได้ใจของของสยงมู่มู่พอดีจนลูกตาแทบถลนออกมารอมร่อ เซียวเซ่อเป็นฝ่ายขืนใจสยงมู่มู่จริงด้วยสิ!

ชิ…ก็ไม่แปลกหรอก กับหนุ่มหน้าตาดีอย่างสยงมู่มู่น้อยคนนักที่จะรักษาความตั้งใจแรกไว้ได้ บวกกับดื่มเหล้ามากเกินไป…จะเกิดอะไรขึ้นนั่นถือเป็นเรื่องปกติมาก

“พูดเหลวไหล…นายต่างหากที่ถอดเสื้อของฉัน…” เซียวเซ่อเผลอหลุดปากพูดออกมาด้วยความร้อนใจ แต่พูดไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกตัวเลยรีบแก้คำ “วันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเธอจะหนีทำไม เซียวเซ่อเธอกำลังมีพิรุธ อย่ามาทำเป็นไขสือต่อหน้าฉัน!” สยงมู่มู่พูดจี้ใจดำ

เซียวเซ่อเถียงไม่ออกในทันทีพลางหางตาก็เหลือบเห็นบางอย่างที่กำลังกระดกขึ้นสี่สิบห้าองศาก็หน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ ทิ้งตัวนั่งลงทานข้าวต่อ ทานข้าวให้อิ่มท้องถึงจะมีแรง คอยดูเถอะว่าเธอจะจัดการหมอนี่อย่างไร

“นายสวมกางเกงซะ นายไม่อายแต่ฉันยังกลัวเป็นตากุ้งยิงอยู่นะ!” เซียวเซ่อพูดเสียงเย็นชา

“ไม่ใส่…เธอต้องขอโทษ ไม่งั้นฉันจะไม่ใส่”

“เชอะ…ใส่หรือไม่ใส่ก็แล้วแต่เลย”

เซียวเซ่อที่ไม่มีวันยอมจำนนอ้าปากทานข้าวต่อไป สยงมู่มู่หมุนกลอกลูกตาไปมาแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่บนโซฟามาผูกเอว ภายในห้องอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ จะปล่อยให้น้องชายของเขาหนาวไม่ได้เชียว

“ยัยทอมเธอก็อย่ามาแสร้งทำเป็นเก็บอารมณ์ต่อหน้าฉันเลย เธอกล้าบอกหรือว่าเธอไม่ได้จงใจให้ฉันมาหาน่ะ?” สยงมู่มู่พูดเย้ย

“ใครจะไปรู้ว่าเหมยเหมยจะโง่ขนาดนี้…อีกอย่างต่อให้นายมาหาถึงที่แล้วยังไง ฉัน…กับนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย!” เซียวเซ่อพูดเสียงสูง เหมยเหมยได้ยินก็น้ำตาแทบไหล

ครั้งนี้ไม่ใช่เธอที่หลุดปากเผยความลับจริง ๆนะ!

เธอถูกใส่ความแล้วจริง ๆ หันไปทางไหนก็ผิดหมด นี่เวรกรรมอะไรของเธอนะ!

สยงมู่มู่แค่นหัวเราะเสียงดัง “เซียวเซ่อเธอยังปากแข็งอยู่อีก เหมยเหมยไม่ได้เพิ่งจะโง่แค่วันสองวันนี้ เธอก็ไม่ได้เพิ่งจะรู้จักกับหล่อนแค่วันสองวัน ถ้าเธอตั้งใจจะไม่ให้ฉันหาเธอจนเจอ โลกนี้ตั้งกว้างเธอหนีไปซ่อนที่ไหนสักที่ฉันก็หาเธอไม่เจอแล้ว”

เขาเว้นช่วงเล็กน้อยโดยที่สายตายังจับจ้องเซียวเซ่อแน่นิ่ง พอเห็นตะเกียบที่คีบผักของเธอค้างกลางอากาศก็ลอบดีใจ…เขาเดาถูกแล้ว โอ้เย้!

เหมยเหมยที่อยู่นอกประตูโมโหจนปวดตับ พวกเธอสิโง่ เคยมีอะไรกันหรือเปล่ายังไม่รู้ ยังมีหน้ามาบอกว่าเธอโง่อีกหรือ?

สยงมู่มู่เอ่ยต่อ “ต่อให้เธอคิดจะกลับประเทศแต่ฮวาเซี่ยใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเธอถึงให้เหมยเหมยช่วยหาที่อยู่ให้เธอล่ะ? หรือเธอไม่รู้ว่าเหมยเหมยเก็บความลับไม่ได้? ฉะนั้น…เซียวเซ่อเธอกำลังแกล้งทำเป็นหนี จงใจล่อให้ฉันมาหาเธอ!”

“พูดเหลวไหลอะไรของนาย อย่าคิดเข้าข้างตัวเองมากนักสิ ไสหัวไปซะ!”

เซียวเซ่อตวาดเสียงเย็นชาใส่แต่ฟังแล้วกลับรู้สึกกำลังมีพิรุธบางอย่าง

ถึงเหมยเหมยจะโกรธที่สยงมู่มู่ด่าเธอว่าโง่แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไอ้สารเลวนี่พูดมีเหตุผลดี โลกนี้ตั้งกว้างทำไมเซียวเซ่อถึงมาหาเธอล่ะ เธอกับสยงมู่มู่เป็นญาติกันนะ!

“ฉันไม่ไสหัวไปไหนหรอก…ตอนนี้ในท้องของเธอมีลูกของฉันแล้ว ในเมื่อเธอไม่รับผิดชอบงั้นฉันจะยอมทนรับผิดชอบไปแล้วกัน ฉันจะให้ลูกของฉันเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไม่ได้…แล้วก็เราหาเวลาว่างไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ!”

สยงมู่มู่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจแต่มือกำลังกำหมัดแน่น เหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือพลางรอคำตอบจากเซียวเซ่อด้วยความประหม่า

…………………………

ตอนที่ 2780 ครั้งแรก

ครั้นเซียวเซ่อได้ยินคำว่าครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ก็ตัวสะท้านน้อย ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้จะเพียงชั่ววูบแต่กลับถูกสยงมู่มู่จับสังเกตได้

“เธอก็คิดเหมือนกับฉันสินะ เซียวเซ่อเธอเคยสัมผัสความเจ็บปวดที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์มาแล้ว หรือว่าเธออยากให้ลูกของเรามีวัยเด็กที่ไร้ซึ่งความสุขเหมือนเธอเหรอ?”

ทุกคำทุกประโยคของสยงมู่มู่กระแทกหัวใจเซียวเซ่อทั้งสิ้น และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เธอเกิดอารมณ์ย้อนแย้งในตัวเองพานสูญเสียความเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดอย่างที่เคยมี

“จดบ้าอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น…ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่มีลูก นายไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

แม้เซียวเซ่อจะมีท่าทีอ่อนลงแต่ไม่นานเธอก็กลับมาหนักแน่นเช่นเดิม ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจเลยว่าท้องจริงหรือเปล่าจึงไม่มีวันหาข้อผูกมัดให้ตัวเองอย่างง่ายดายแน่นอน เธอยังมีชีวิตอีกยาวไกลก็ใช้ชีวิตให้ดี ไม่จำเป็นต้องรีบฆ่าตัวตายนี่นา

“ยัยทอมขี้ขลาด ทั้ง ๆที่หลับนอนกับฉันแล้วยังไม่ยอมรับอีก!” สยงมู่มู่โมโหจะตายอยู่แล้ว ยืนกรานความคิดว่าเซียวเซ่อกำลังหนีความจริง

เขาไม่ได้โง่สักหน่อย เรื่องแบบนั้นผู้ชายไม่รู้สึกอะไรแต่ผู้หญิงต้องรู้สึกแน่ ๆ น้องชายของเขาไม่ใช่หนอนบุ้งจริง ๆสักหน่อย จะไม่รู้สึกสักนิดได้อย่างไรกัน?

แล้วอีกอย่างถ้าไม่เคยมีอะไรกับเซียวเซ่อ ด้วยนิสัยของเธอจะหนีได้อย่างไร?

เซียวเซ่อเม้มปากแน่นไม่ปริเสียงสักนิด ภายนอกดูสงบเยือกเย็นแต่ความจริงภายในใจเธอเหมือนคลื่นทะเลซัดโครม เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีจริง ๆ ตั้งท้อง…เรื่องแบบนี้สำหรับเธอมันน่ากลัวยิ่งกว่าวันสิ้นโลกเสียอีก!

แค่นึกถึงว่าท้องจะโตขึ้นวันแล้ววันเล่า จะมีเด็กน้อยน่ารำคาญตามติดก้นต้อย ๆ…แล้วยังเรียกเธอว่าคุณแม่…

เซียวเซ่อตัวสะท้านเฮือก ภาพนั่นงดงามเกินไปจนเธอไม่กล้าจินตนาการต่อแล้ว!

แต่จะให้เธอเป็นฆาตกรที่ฆ่าลูกคนนี้เองกับมือ เธอก็ทำไม่ได้เช่นกัน

สับสนจังแฮะ!

สยงมู่มู่เห็นเซียวเซ่อเงียบไปพักใหญ่เลยคิดว่าเธอคงไม่ยอมรับก็โมโหอย่างบอกไม่ถูก ส่วนมากคือความรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เขาเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ หลับนอนกับเขาแล้วเสียเปรียบขนาดนั้นเชียวหรือ?

“ยัยทอมเธออย่าคิดจะปฏิเสธนะ อย่างไรเสียฉันก็ถูกเธอพรากบริสุทธิ์ไปแล้ว เธอต้องรับผิดชอบ!” สยงมู่มู่แหวเสียงใส่จนเพี้ยนด้วยความโกรธปนเศร้า ปั้นหน้าขึงขังถลึงตาจ้องเซียวเซ่อ

เซียวเซ่อที่อารมณ์ไม่คงที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอเองกำลังกลุ้มใจอยู่แต่ดันมีไอ้คนน่ารำคาญพูดเสียงเจื้อยแจ้วข้างหูไม่หยุด ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ทานข้าวสักมื้อแต่ไม่อาจนั่งทานเงียบ ๆได้

“นอนแล้วยังไง…นายไม่ได้เสียหายสักหน่อย นายคิดจะเอาอะไรอีก?”

เซียวเซ่อโกรธจนลุกไปยืนบนโซฟาก้มหน้าถลึงตาจ้องสยงมู่มู่จึงขับให้เธอดูมีความน่าเกรงขามเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว สยงมู่มู่ถูกตะคอกใส่จนตัวลีบเหมือนคนแคระที่ยืนหัวหดคอหาย ไร้ซึ่งความเฉิดฉายอย่างเมื่อสักครู่

เวลาผ่านไปพักใหญ่…

สยงมู่มู่เงยหน้าพูดเสียงอ้ำอึ้ง “นะ…นี่เป็นครั้งแรกของฉัน…”

“หึ…อยากได้ค่าเปิดซิงสินะ? เท่าไหร่…เสนอราคามาได้เลย!”

เซียวเซ่อล้วงปากกากับสมุดเช็คจากกระเป๋ากางเกงออกมา ดูภายนอกเหมือนจะใจเย็นแต่ภายในใจไฟโทสะพร้อมจะปะทุเสมอ ถ้าไอ้หนุ่มหน้าหวานนี่กล้าเอ่ยปากขอเงิน เธอก็จะฆ่าแล้วเอาไปดองเสียให้เข็ด!

สยงมู่มู่เองก็โกรธจนกระโดดขึ้นไปเหยียบบนโซฟาอีกคน ยืนประจันหน้าเซียวเซ่อแล้วตะคอกใส่ด้วยแรงโทสะ “เธอเห็นฉันเป็นคนแบบไหน…ฉันต้องการค่าเปิดซิงอันน้อยนิดนั่นของเธอเหรอ? คนสกุลเซียว เรื่องวันนี้เธอต้องให้คำอธิบายฉันให้ได้ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

เซียวเซ่อแค่นเสียงใส่อย่างไม่ใส่ใจ หลอมรวมทุกความดูถูกเหยียดหยามไว้ในเสียง ‘เฮอะ’ คำเดียว

ปกติยังพอช่างมันได้เพราะสยงมู่มู่ก็ชินชาแล้ว แต่ตอนนี้กลับต่างไปจากเดิม ขณะที่เขากำลังจะแสดงความเป็นชายเซียวเซ่อกลับส่งเสียงแค่นหัวเราะ ‘เฮอะ’ …นี่มันหยามศักดิ์ศรีของผู้ชายอยู่ชัด ๆ!

ถ้าทนสิ่งนี้ได้แล้วยังมีอะไรที่ทนไม่ได้อีก!

“เธอเป็นคนบีบบังคับให้ฉันทำเองนะ…”

“นายทำอะไร…ออกไป!”

“เธอไม่ยอมรับสินะ…งั้นฉันก็จะนอนอีกสักครั้ง ดูสิว่าเธอจะยอมรับหรือเปล่า…”

………………

Related

ตอนที่ 2777 โซ่คล้องใจจากมิตรภาพ

“ใครจะคุยเรื่องอนาคตกับนาย ไสหัวไปเลย อย่ามาหาฉันอีก คราวหน้าฉันฆ่านายแน่!”

เซียวเซ่อใช้เท้าเตะอย่างแรง เธอใช้กำลังภายในที่ดูเหมือนจะแรงแต่ความจริงไม่เกิดอาการบาดเจ็บใด ๆ สยงมู่มู่กลิ้งขลุก ๆไปอยู่ข้างเท้าเหมยเหมยพร้อมอาการมึนหัวไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติดี

พอเงยหน้าเห็นขาคู่หนึ่ง เขาเลยหลงคิดว่าเป็นเซียวเซ่อก็กางแขนกอดหมับเข้าไว้ ทั้งตะเบ็งเสียงดัง “ไม่คุยไม่ได้นะ คุณย่าหยางบอกแล้วว่าบางทีในท้องของเธออาจจะมีลูกน้อยแล้วก็ได้ เซียวเซ่อเธอคงไม่อยากเป็นฆาตกรใช่ไหม?”

เหมยเหมยเตะเขาไปทีหนึ่งด้วยความโมโห “ตาบอดหรือไง!”

เจ้างั่งเอ้ย มิน่าถึงไม่เข้าตาเซียวเซ่อ!

สยงมู่มู่ถึงตั้งสติได้ว่าตัวเองกอดขาผิดคนก็ผลักเหมยเหมยไปทีหนึ่งอย่างนึกขุ่นเคืองใจ “ไสหัวไปอยู่ข้าง ๆไป เธอจะมาทำไมเนี่ย มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย!”

เหมยเหมยได้ยินก็โกรธจนด่าทอกลับไปว่า “บ้านหลังนี้เป็นของฉัน ฉันมาไม่ได้เหรอ? สยงมู่มู่นายไม่มีเหตุผลเลย นายบอกฉันมานะว่าใครเป็นคนบอกที่อยู่ตรงนี้ให้นายกันแน่!”

เธอต้องถามให้แน่ชัด จะปล่อยให้เซียวเซ่อเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนผิดคำพูดไม่ได้

“ลำพังคนที่มีเซลล์สมองน้อยนิดอย่างเธอยังต้องมีใครบอกอีกหรือไง ฉันแค่นับนิ้ววิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯของเธอในช่วงนี้ก็รู้ว่าต้องอยู่ที่นี่”

สยงมู่มู่ย่อมหักหลังป้าฟางไม่ได้จึงตอบปัด ๆไปอย่างเรื่อยเปื่อยจนทำเอาเหมยเหมยนิ่งอึ้งไป หรือว่าสยงมู่มู่คิดเอาจริงหรือ?

เจ้าหมอนี่ฉลาดจริง ๆ ไม่แน่อาจจะคิดเองก็ได้!

“เซ่อเซ่อเธอได้ยินแล้วใช่ไหม ฉันเปล่าบอกนะ ฉันไม่มีวันหักหลังเพื่อนแน่นอน…” เหมยเหมยหันไปพูดหน้ายิ้ม ๆกับเซียวเซ่อเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของเธอ

สยงมู่มู่กลับทำหน้าแปลกพิกล พอครุ่นคิดก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ก็มองประเมินเซียวเซ่อตั้งแต่หัวจรดเท้า เซียวเซ่อที่ถูกมองจึงเดือดดาลพานตะคอกเสียงใส่เขา “ถ้ายังมองอีกจะควักลูกตานายออกมาซะ!”

เธอหันไปรับกับข้าวจากมือเหมยเหมยมา เมื่อเช้าดื่มน้ำโค้กไปกระป๋องเดียวก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย เดิมทีคิดจะออกไปหาอะไรทานสักหน่อย ตอนนี้มีอาหารแล้วก็ยิ่งดี

“หิวแล้วสินะ ทานซุปก่อน นี่ฉันสั่งให้พ่อครัวทำให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ เป็นแม่ไก่ที่เลี้ยงมาหนึ่งปีใช้ไฟกลางตุ๋นอยู่สามชั่วโมงแล้วยังใส่เก๋ากี้ชั้นดีจากหนิงเซี่ยอีกด้วย น้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำก็ตักออกไปแล้ว ดูสิ…หอมไหม?”

เหมยเหมยเอาซุปออกมาซึ่งเป็นซุปไก่ที่ตุ๋นเคี่ยวจนเหลือเพียงซุปถ้วยเดียว สารอาหารทั้งหมดอยู่ในน้ำซุปแล้ว บนผิวน้ำซุปทองอร่ามมีเก๋ากี้สีแดงสดลอยอยู่ทำเอารู้สึกหิวทันทีที่เห็น เซียวเซ่อกลืนน้ำลายแล้วซดน้ำซุปอุ่นร้อนหมดในทีเดียว

“อร่อยสินะ?” เหมยเหมยถาม

เซียวเซ่อพยักหน้า “ใช้ได้ หลังจากนี้ก็เอาน้ำซุปตามนี้”

“วางใจได้ ฉันสั่งไว้แล้ว จากนี้จะมีคนเอาข้าวมาส่งให้ทั้งสามมื้อ ถ้าเธอไม่อยากทานแล้วก็โทรไปยกเลิก หรือจะสั่งอย่างอื่นก็ได้”

เหมยเหมยส่งเบอร์ผู้จัดการร้านอาหารไปให้โดยที่เซียวเซ่อรับไว้อย่างไม่เกรงใจ พอจัดจานทั้งหมดเสร็จก็เห็นว่ามีผัดเห็ดเข็มทองใส่เนื้อ ซี่โครงทอดกระเทียม ผัดผักกาดขาวใส่กระเทียมสับ ซุปปลาข้นที่ล้วนแต่เป็นอาหารโปรดของเซียวเซ่อทั้งสิ้น แถมยังทำในปริมาณที่ไม่น้อยอีกเช่นกัน

“ฝีมือพ่อครัวใช้ได้”

เซียวเซ่อหิวจนท้องกิ่วไปหมดแล้ว พอตักข้าวใส่ถ้วยก็เริ่มลงมือทานคำโต เหมยเหมยได้แต่มองพร้อมยิ้มตาหยี รู้อยู่แล้วเชียวว่ายัยคนนี้ต้องปล่อยให้ตัวเองหิวตายแน่ ๆ

สยงมู่มู่ตะเกียกตะกายลุกจากพื้นแล้วใช้สายตาราวกับความรักของแม่มองเซียวเซ่อ จุดยิ้มมุมปากอย่างอิ่มเอมใจ เอ่ยเสียงพึมพำเบา ๆว่า “กินเก่งขนาดนี้ ต้องมีแล้วแน่ ๆ”

ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าเซียวเซ่อต้องท้องแล้วอย่างแน่นอน เป็นโซ่คล้องใจจากมิตรภาพ…ไม่สิ…จากผลึกความรักของเขากับยัยทอมต่างหาก!

………………………..

ตอนที่ 2778 พิสูจน์ร่างกาย

เซียวเซ่อได้ยินเสียงพึมพำของสยงมู่มู่ชัดเต็มสองหูหนังตาก็กระตุกรัว ๆ ท่าทางมีพิรุธแปลก ๆ เธอก็คิดว่าช่วงนี้ตนหิวเร็วไปหน่อย…หรือว่าจะมีจริง ๆ?

แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…เจ้าหมอนี่มีความสามารถมากขนาดนี้เชียวหรือ?

เซียวเซ่อลูบท้องน้อยอย่างเผลอไผลแล้วรู้สึกบางอย่างในหัวใจอ่อนยวบ เธอไม่ยอมเป็นฆาตกรแน่ แต่…เธอก็ยังไม่อยากมีข้อผูกมัดในชีวิต

ฉะนั้น…ไอ้หน้าหวานสยงมู่มู่ ไสหัวไปได้ไกลแค่ไหนก็ไปซะเถอะ!

“หุบปาก ถ้ายังไม่หยุดพูดฉันจะเตะไข่นกกระจอกของนายให้เละไปเลย!” เซียวเซ่อขู่เสียงเย็น

สยงมู่มู่ทั้งโกรธทั้งอาย หน็อยแน่ เกินทนแล้ว ด่าก็ส่วนด่าแต่การโจมตีรูปร่างหน้าตาคนอื่นมันไม่น่าชื่นชมเลย!

“ต่อให้ฉันมีไข่นกกระจอกก็ดีกว่าลานสนามบินของเธอ หน้าหลังแบนราบเหมือนกัน ความต่างระหว่างเธอกับผู้ชายก็ขาดแค่ไข่สองใบละนะ!”

สยงมู่มู่เถียงไปอย่างไม่คิดจะยอมแพ้

อุณหภูมิภายในห้องลดฮวบลงจนเหมยเหมยปรายตามองใครบางคนที่เหมือนกำลังฆ่าตัวตาย แอบขยับไปด้านหลังโดยไม่คิดจะเห็นใจเจ้างั่งนี่สักนิด!

เซียวเซ่อสายตาเย็นยะเยือกพลางคีบเห็ดเข็มทองเส้นหนึ่งในจานมาส่ายตรงหน้าสยงมู่มู่ ใช้สายตามองเหยียด “เห็นนี่มั้ย นี่แหละน้องชายของนาย ระหว่างให้ฉันมีอะไรกับนายกับช่วยตัวเองมันต่างกันตรงไหน?”

เหมยเหมยหดคอแล้วถอยหลังอีกหลายก้าว ไข่นกกระจอก ลานสนามบิน เห็ดเข็มทอง…ยกออกมาหมดแล้ว เห็นทีใกล้จะเกิดสงครามจักรวาลขึ้นแล้ว!

แต่เซ่อเซ่อก็พูดเกินจริงไปหน่อย เธอเคยดูรูปถ่ายตอนเด็กตัวเปลือยของสยงมู่มู่มาก่อน ตอนอายุหนึ่งขวบก็ใหญ่กว่าเห็ดเข็มทองมากโขแล้ว ไม่ถึงขนาดว่าเวลาผ่านไปสิบกว่าปีก็ไม่มีการเติบโตแม้แต่นิดหรอกมั้ง!

อย่างน้อยก็เทียบกับเห็ดออรินจิสิ!

สยงมู่มู่หน้าถมึงทึง ยัยทอมกำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายของเขา ถ้าเขายังทนไหวก็เสียชาติเกิดผู้ชายเปล่า!

“เธอ…ไสหัวออกไป!”

จู่ ๆสยงมู่มู่ก็หันมาตะคอกสั่งเหมยเหมย เขากับยัยทอมต้องสะสางเรื่องภายในครอบครัว คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวออกใปให้พ้น

เหมยเหมยชะงัก กำลังจะยอกย้อนว่านี่เป็นถิ่นของเธอก็มีมือคู่หนึ่งดึงคอเสื้อด้านหลังของเธอแล้วหิ้วเธอไปที่นอกประตู

“ไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมาบ่อย ๆ ฉันจะโทรไปที่ร้านอาหารเอง”

เซียวเซ่อพูดจบก็ปิดประตูทันทีโดยที่เหมยเหมยไม่ทันพูดอะไรสักอย่าง ได้แต่เบิกตาโตจ้องบานประตูนิ่ง โอ้โห

นี่เธอถูกเจ้าบ้าสองคนนั้นไล่ออกมางั้นหรือ?

พอได้หลับนอนกันสักตื่นก็ต่างไปจากเดิมตามคาด เมื่อก่อนเซียวเซ่อจะเข้าข้างเธอทุกครั้ง ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว สองคนนี้กลับร่วมมือกันจัดการเธอ ให้ตายสิน่าโมโหชะมัด ข้ามสะพานแล้วก็รื้อสะพานทิ้ง…เธอไม่สนแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย!

เหมยเหมยโกรธจนหมุนตัวหมายจะกลับไปแต่เธอก็ยังไม่พอใจอยู่ดีจึงหันกลับมาใหม่ เอาตัวแนบบานประตูเหมือนจิ้งจก อยากฟังว่าสองคนในห้องคุยอะไรกันไปบ้าง

แต่บานประตูหนาเกินไปแล้วกำแพงในห้องยังเก็บเสียงได้ระดับเยี่ยมยอด เธอแนบหูฟังอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงสักแอะ จำต้องเดินคอตกกลับไปอย่างผิดหวัง

ภายในห้องนั้น…เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ยืนประจันหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจับจ้องกันอยู่…

จู่ ๆสยงมู่มู่ก็ปลดเข็มขัดอย่างรวดเร็วว่องไว เซียวเซ่อสะดุ้งอ้าปากด่าว่า “นายคิดจะทำอะไร?”

“เบิกตาของเธอดูให้ดี ว่าฉันมีขนาดเท่าไข่นกกระจอกกับเห็ดเข็มทองจริงหรือเปล่า…”

“นายเป็นบ้าหรือไง…ใส่กางเกงซะ นายมีไข่แบบไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน…สยงมู่มู่ถ้านายยังถอดต่อระวังฉันเตะไข่ของนายเละนะ!”

เซียวเซ่อหันหน้าหนีอัตโนมัติ เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าเจ้าหมอนี่จะหน้าด้านไร้ยางอายถึงขนาดนี้!

สยงมู่มู่ยิ้มอย่างได้ใจแต่มือยังไม่ยอมหยุด ไม่นานก็ยืนตัวเปลือยเปล่าสมใจ

“เซียวเซ่อเธอจะเสแสร้งไปทำไม อย่าคิดว่าคืนวันนั้นฉันเมาไม่ได้สติจริง ๆเชียว ทั้ง ๆที่เธอเองต่างหากที่เป็นคนถอดเสื้อฉัน…เธอดูให้ชัดเต็มตาล่ะ…”

……………

Related

ตอนที่ 2775 ฝันกลางวัน

สยงมู่มู่ใจหล่นไปถึงตาตุ่มอีกทีแล้วเกาหัวอย่างหงุดหงิด ตะคอกเสียงใส่เหมยเหมย “เธอรีบบอกที่อยู่ฉันเลย อย่าบอกว่าเธอไม่รู้ ฉันรู้ว่าเธอต้องรู้แน่ ๆ”

เขาถูกเหมยเหมยพาเบี่ยงออกนอกประเด็นไปแล้วจริง ๆ จำเป็นต้องพูดคุยเรื่องครั้งแรกของเขากับพวกผู้หญิงด้วยหรือ?

ถามยัยทอมโต้ง ๆไปเลยไม่ดีกว่าหรือไง!

“ไม่รู้…แน่จริงนายก็ไปหาเอง อย่างไรซะฉันก็ไม่รู้”

เหมยเหมยตอบปฏิเสธไป เรื่องที่เธอรับปากเพื่อนไปจะไม่ยอมทรยศเด็ดขาด ต่อให้ในใจลึก ๆของเธอหวังว่าสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อจะครองรักกันจริง ๆก็ตาม แต่…คนเราต้องมีสัจจะนี่นา!

“จ้าวเหมย…เธอจะบอกหรือไม่บอก?” สยงมู่มู่อยากบีบคอเธอให้ตาย ๆไปเสียแต่เขาไม่กล้า เหยียนหมิงซุ่นต้องหาทางจัดการเขาแหงเลย

“ไม่บอก ฉันสัญญากับเซ่อเซ่อไว้แล้ว ฉันไม่มีวันหักหลังหรอก!”

เหมยเหมยคร้านจะสนใจเขาอีกเลยเลือกกลับไปแต่งนิยายต่อที่ห้องหนังสือและไม่คิดจะสนใจเจ้าสยงมู่มู่อีก ส่วนทางเซียวเซ่อไว้เธอจะโทรไปสั่งผู้จัดการร้านอาหารให้จัดส่งอาหารทั้งสามมื้อไปตามเวลาซึ่งต้องแยกทำให้โดยเฉพาะ ทั้งต้องอร่อยและอุดมไปด้วยสารอาหาร

ถ้าเซียวเซ่อมีจริง ๆ ในท้องนั่นเป็นถึงหลานสาวตัวน้อยของเธอเชียวนะ!

สยงมู่มู่หน้าขมึงทึงกัดฟันเสียงดันกรอด ๆ ดูท่าทางน่าสงสารจับใจจนคุณย่าหยางกับป้าฟางทนไม่ไหว คิดว่าเหมยเหมยทำเกินไปหน่อย

“อย่าโกรธไป…เธอแอบสะกดรอยตามเหมยเหมยก็รู้แล้วว่าดวงใจเธออยู่ไหน!” คุณย่าหยางออกความเห็น

“แต่ผมมีเวลาไม่มาก อยู่ที่นี่ได้แค่สามวัน สามวันหลังจากนี้ผมต้องรีบกลับอเมริกาเพราะมีธุระสำคัญ”

สยงมู่มู่ดวงตาเป็นประกายวาววับแต่ก็หม่นลงในชั่วพริบตา ผู้หญิงที่อายุเฉลี่ยแล้วมากกว่าห้าสิบปีเห็นแล้วก็ใจเต้นรัว อย่าให้ต้องพูดเลยว่าปวดใจมากแค่ไหน

ดูท่าทางน่าสงสารนี่สิ!

“ฉันจะช่วยวิเคราะห์ให้นะ เธอบอกว่าดวงใจของเธอถูกเหมยเหมยซ่อนเอาไว้สินะ?” ป้าฟางสมองแล่นเหมือนเชอร์ล็อค โฮล์มส์ เด็กหน้าตาแบบนี้แค่ขมวดคิ้วเธอก็ปวดใจแล้ว!

“เหมยเหมยต้องเป็นคนพาตัวไปซ่อนแน่ ๆ และอยู่ในที่ที่ผมไม่รู้” สยงมู่มู่กัดฟันพูด

ป้าฟางเริ่มขบคิดแล้วพูดเสียงพึมพำเอง “โรงแรมไม่มีทางไปอยู่แล้ว เหมยเหมยต้องซ่อนไว้ในคอนโด ซึ่งคอนโดของเธอส่วนมากถูกปล่อยเช่าไปหมดแล้ว ห้องที่ยังว่างแล้วเข้าไปอยู่ได้เลยก็มีอยู่แค่หลังเดียวเท่านั้น แต่หลังนั้นน่าจะไม่ไปอยู่เพราะเพิ่งเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น ผู้หญิงไม่น่าจะกล้า…”

สยงมู่มู่เอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิด “ผู้หญิงคนนั้นแม้แต่สุสานยังนอนได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ที่คนเคยตาย”

คุณย่าหยางปรบมือทีหนึ่ง “งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ยายฟางเธอบอกที่อยู่ห้องนั้นให้มู่มู่หน่อยสิ ให้เขารีบไปตามหาเมียซะ”

ป้าฟางเขียนที่อยู่ใส่กระดาษแล้วพูดยิ้มตาหยีว่า “ถ้าที่นี่ไม่มีไว้ฉันจะพาเธอไปหาที่อื่นอีก จะช่วยหาเมียของเธอจนเจอให้ได้ ไม่ต้องรีบนะ!”

“ขอบคุณครับป้า ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

สยงมู่มู่สวมกอดป้าฟางอย่างดีใจแล้วหอมแก้มเธอไปฟอดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปหอมแก้มคุณย่าหยางอีกฟอดแล้ววิ่งออกไปอย่างมีความสุข

ยัยทอม รอฉันก่อนเถอะ!

ป้าฟางกับคุณย่าหยางนิ่งค้างไปพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ นวดคลึงแก้มอย่างเคอะเขิน โอ๊ย…น่าอายจริง ๆ!

“ถ้าฉันยังอายุแค่สิบแปดก็ดีสิ ไม่ว่าอย่างไรจะต้องหาทางนอนกับลูกพี่ลูกน้องของเหมยเหมยให้ได้!” ป้าฟางถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย สมัยสาว ๆก็คิดว่าสามีเธอหน้าตาดีไม่หยอกอยู่หรอกนะ แต่มาดูเอาตอนนี้เทียบไม่ได้แม้กระทั่งปลายเล็บเท้าของสยงมู่มู่ ห่างชั้นกันเหลือเกิน!

คุณย่าหยางกลอกตาใส่ทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่ามัวแต่ฝันกลางวันเลย!”

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอก็อยากทิ้งตาแก่แล้วไปสนุกกับหนุ่มน้อยสักคนเหมือนกันนั่นแหละ!

…………………………….

ตอนที่ 2776 ความสัมพันธ์ครอบครัวจอมปลอม

เหมยเหมยนั่งอยู่ในห้องหนังสือนั่งไม่ติดแม้แต่ชั่วโมงเดียวเพราะในหัวยุ่งเหยิง ตัดสินใจวางดินสอแล้วไปหาเซียวเซ่อสักหน่อย พร้อมบอกเธอว่าสยงมู่มู่กลับมาแล้ว

ค่อยถามต่อเพื่อดูว่าเซียวเซ่อยังจำเรื่องราวได้ไหม โดยทั่วไปถ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริงฝ่ายหญิงจะต้องรู้สึกได้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไรแม้แต่นิดเดียว

“คุณย่า คุณป้า หนูออกไปแล้วนะ ฝากรับเล่อเล่อหน่อยนะคะ”

เหมยเหมยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถออกจากบ้านไป

เธอไปที่ร้านอาหารก่อนเพื่อรับน้ำซุปไก่ที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้โดยเฉพาะ เพิ่งตุ๋นเสร็จสด ๆร้อน ๆ ทางผู้จัดการกำลังจะสั่งคนให้นำไปส่งพอดีพร้อมกับข้าวบางส่วน บอกได้เลยว่าจัดเตรียมไว้อย่างอุดมสมบูรณ์

“หลังจากนี้ก็เตรียมอาหารสำหรับคนท้อง วันละสามมื้อห้ามขาด” เหมยเหมยสั่งทิ้งท้ายเสร็จก็หิ้วกับข้าวออกจากร้านไป

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองกว่าปกติเซียวเซ่อจะไม่ทานข้าวตรงเวลา รอหิวค่อยทานไม่งั้นตีให้ตายก็ไม่มีวันทาน หนำซ้ำยังขี้เกียจจนได้โล่ ถ้าไม่มีอาหารสำเร็จรูปยัยเซียวยอมหิวตายดีกว่าต้องเข้าครัวทำอาหารเอง

ไม่นานก็ไปถึงจุดหมายปลายทาง เหมยเหมยล้วงกุญแจมาเปิดประตู เพิ่งแง้มเปิดได้นิดเดียวก็ได้ยินเสียงตะคอกแว่วดังออกมา ทำเอาสะดุ้งจนรีบพุ่งเข้าไปก็เห็นว่าสยงมู่มู่ถูกเซียวเซ่อใช้เท้าย่ำอยู่บนพื้น…

น่าแปลกจริง ๆสยงมู่มู่ตามมาถึงนี่ได้อย่างไร?

“คนสกุลเซียว…ตอนแรกฉันตั้งใจจะมาคุยกับเธอดี ๆ นี่เธอแสดงท่าทีอะไรกัน เธอเอาเปรียบฉันแล้วไม่คิดจะยอมรับสินะ?” สยงมู่มู่ตะคอกใส่ด้วยความโกรธ

จากสถานการณ์ตอนนี้เขาเหลือแค่ปากที่ยังขยับได้ ร่างกายถูกเซียวเซ่อใช้เท้าย่ำไว้อย่างแรงจนกระดิกตัวไม่ได้สักนิด

พอได้ยินคำพูดหน้าไม่อายแบบนี้เหมยเหมยยังอยากกระทืบใส่สักที ผู้หญิงเสียตัวให้นายฟรี ๆกลับจะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรับผิดชอบหรือ?

หน้าด้านเกินไปแล้ว!

เซียวเซ่อหน้าแดงระเรื่อน้อย ๆแวบเดียวก็หายไปและไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ เธอยื่นเท้าเตะก้นสยงมู่มู่ทีหนึ่งแล้วพูดเสียงเย็น “อย่างฉันน่ะเหรอที่จะเอาเปรียบนาย? ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย ต่อให้หาใครสักคนที่เป็นเพศผู้กลางถนนก็ดีกว่าหนุ่มหน้าหวานอย่างนายร้อยเท่า”

อย่างไรเสียตอนเธอจากมาเจ้าหมอนี่ก็ยังไม่ตื่น เธอแค่ไม่ยอมรับมันก็พอ จะให้รับผิดชอบบ้าอะไร!

สยงมู่มู่ฟังแล้วก็โกรธจนแทบกระอักเลือด ได้แต่เถียงกลับคอเป็นเอ็น “เธออย่ามาขี้โกง คืนวันนั้นเธอขืนใจฉัน เธอต้องรับผิดชอบ!”

เหมยเหมยกะพริบตามองปริบ ๆ ทำไมเรื่องมันกลับตาลปัตรอย่างนี้ล่ะ?

ไม่ควรเป็นฝ่ายหญิงร่ำไห้เรียกร้องให้ฝ่ายชายรับผิดชอบหรือ?

สถานการณ์ตอนนี้…นี่มัน…เหมยเหมยส่ายหน้า ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นแค่คนรอกินเผือกอยู่เงียบ ๆก็พอจะได้รอดูเรื่องสนุก ๆด้วยเลย

เซียวเซ่อเตะไปอีกหลายทีแล้วหันไปหาเหมยเหมย สายตาเผยรัศมีความอาฆาตแค้นออกมาทำเอาเหมยเหมยตัวสะท้านอย่างอดไม่ได้ ไม่รอให้เซียวเซ่อถามก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น จริง ๆนะ…ไม่ได้พูดสักคำ เซ่อเซ่อเธอต้องเชื่อฉันนะ”

สยงมู่มู่ที่ถูกย่ำราวกับมดตัวหนึ่งหมดซึ่งภาพลักษณ์ต่อหน้าลูกพี่ลูกน้อง ทั้งไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดจากเซียวเซ่อทำให้ไฟโทสะในใจเขากำลังลุกโชน อดไม่ได้ที่จะหาคนมาร่วมชะตากรรมเดียวกันเลยแค่นเสียงทีหนึ่ง จงใจพูดขึ้นว่า “ถ้าเธอไม่ได้บอกแล้วฉันจะหาเจอได้ยังไง ฉันไม่ใช่เชอร์ล็อค โฮล์มส์สักหน่อย!”

“เจ้าบ้าสยงมู่มู่ ฉันบอกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นายอย่าคิดจะยุยงฉันกับเซ่อเซ่อ ถ้านายยังทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้อีกก็อย่ามาโทษว่าฉันทำลายความสัมพันธ์ครอบครัวเพื่อความถูกต้องนะ!”

เหมยเหมยร้อนใจจนทนอยู่นิ่งไม่ได้ ขอสาบานต่อท้องฟ้าว่าครั้งนี้เธอไม่ได้บอกอะไรอีกฝ่ายไปจริง ๆ แต่ปัญหาคือ…แม้แต่ตัวเธอยังไม่เชื่อเสียด้วยซ้ำ เจ้าบ้าสยงมู่มู่รู้ที่นี่ได้อย่างไรกัน?

“จะทำลายไม่ทำลายก็ช่าง คิดว่าฉันอยากรักษาความสัมพันธ์ครอบครัวจอมปลอมนั่นกับเธอนักเหรอ…ไสหัวไปอยู่ข้าง ๆไป อย่ามารบกวนฉันคุยเรื่องอนาคตกับยัยทอมนี่!”

สยงมู่มู่ถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างรังเกียจทีหนึ่งแล้วแหงนหน้ามองเซียวเซ่อ

มองจากมุมของเขาเห็นเพียงเรียวขาคู่ยาวแล้วก็ใบหน้าเย็นชาของเซียวเซ่อ…เฮ้อ ทำไมเขาถึงมาตกอยู่ในเงื้อมมือยัยทอมคนนี้ได้กันนะ!

………………

Related

ตอนที่ 2773 ไม่แน่อาจจะมีน้องแล้วก็ได้

สยงมู่มู่รีบใส่เสื้อผ้าอย่างลุกลี้ลุกลน เหยียนหมิงซุ่นส่วนสูงพอ ๆกับเขาแต่เหยียนหมิงซุ่นร่างกายกำยำ โครงกระดูกใหญ่แน่น เสื้อผ้าที่เขาใส่พอดีตัวแต่กลับหลวมโคร่งเมื่ออยู่บนตัวสยงมู่มู่เหมือนใส่ถุงกระสอบอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันจะตีให้ตายเลย…เอาเปรียบเซ่อเซ่อแล้วยังไม่ยอมรับผิดชอบ ฉันจะโทรหาคุณอากับอาเขยตอนนี้ พวกเขาต้องบินมาจัดการนายแน่ ๆ!”

เหมยเหมยคว้าไม้ขนไก่ขึ้นหวดใส่สยงมู่มู่ยกหนึ่ง ทำเธอโมโหแทบตาย เซียวเซ่อเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ จะปล่อยให้เพื่อนของเธอถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้

สยงมู่มู่วิ่งหลบรัว ๆแต่ก็โดนหวดใส่อยู่หลายทีจนแสบร้อนไปหมด เขาไม่กล้าเอาคืนอีกต่างหากจึงทำได้แค่รอสบโอกาสแย่งไม้ขนไก่มาแล้วตะคอกเสียงดังอย่างอารมณ์เสียว่า

“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่รับผิดชอบ…ไม่รับผิดชอบแล้วฉันจะอัดเพลงสามวันสามคืนไม่ยอมหลับยอมนอนเหรอ…ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาฉันแทบจะพลิกโลกหาอยู่แล้วใช่ว่าเธอจะไม่รู้ ยัยทอมนั่นหลบเก่งยิ่งกว่ากิ้งก่า แล้วฉันจะไปหาตัวจากที่ไหน?”

สยงมู่มู่ยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจ ก็แค่ดื่มบรั่นดีไปแก้วเดียวไม่ใช่หรือ ทำไมเหมือนโลกจะถล่มอย่างนั้นล่ะ?

ค่ำคืนนั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่นั้นเขาจำไม่ได้จริง ๆ จำได้เพียงลาง ๆว่าเขากับยายทอมตระกองกอดกัน พอเขาตื่นมาอีกทีก็ตัวเปลือยเปล่าไม่สวมกระทั่งกางเกงชั้นใน สภาพบนเตียงยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา…

เหมือนฉากพระนางในหนังที่เพิ่งเสร็จกิจไม่มีผิด สยงมู่มู่ยังลอบดีใจอยู่เนือง ๆหลงคิดว่าในที่สุดก็เห็นแสงสว่างหลังยืนหยัดอดทนมาอย่างยาวนาน แต่แล้ว…เซียวเซ่อกลับหายหัวไปไม่เห็นแม้แต่เงา

คุณย่าหยางกับป้าฟางที่กำลังหยอกไก่จูงสุนัขเดินเล่นอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้ามา หลงคิดว่าสองคนลูกพี่ลูกน้องจะทะเลาะกันจริง ๆถึงได้หวังจะมาเกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างใจเย็น

“หนูแค่อยากสั่งสอนเขาที่เอาเปรียบผู้หญิงตอนเมา คุณย่าว่าเขาสมควรโดนตีไหมล่ะ?” เหมยเหมยฟ้อง

คุณย่าสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน เกิดเรื่องใหญ่แล้วสิ เธอพยักหน้ารับแรง ๆ “สมควรโดน พี่ชายเหมยเหมยทำแบบนี้ไม่ถูกนะ เธอทำแล้วจะไม่ยอมรับไม่ได้ ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดสิ”

“ผมไม่ได้บอกว่าไม่รับผิดชอบนี่นา แต่ตอนนี้ยังหาเจ้าตัวไม่เจอด้วยซ้ำแล้วผมจะรับผิดชอบอย่างไร?” สยงมู่มู่ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว เขาไม่เคยบอกว่าจะไม่รับผิดชอบแต่อย่างใด แต่ยัยตัวแสบจ้าวเหมยยังไม่ฟังให้จบก็ลงไม้ลงมือก่อน เสียคนเพราะเหยียนหมิงซุ่นหมดแล้ว

คุณย่าหยางถอนใจโล่งอกไปที คิดจะรับผิดชอบก็ดี เธอหรี่ตามองสองคนลูกพี่ลูกน้องที่เริ่มถลึงตาจ้องมองกันและกันก็นึกสนใจในเรื่องราวความรักของสยงมู่มู่อย่างมาก พลางถามคำถามติดต่อกันไปอีกหลายคำถาม

“เจ้าตัวน่าจะเขินอายแหละ เธอต้องรีบตามหาให้เจอนะ ไม่แน่ยัยหนูอาจจะมีลูกน้อยในท้องแล้วก็ได้!” คุณย่าหยางยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น อายุมากแล้วจึงชอบเห็นเรื่องราวที่จบลงอย่างสวยงามที่สุดเลยละ

สยงมู่มู่สำลักไอจนปอดแทบอักเสบด้วยความตกใจ ลูกน้อยหรือ?

เขามีความสามารถมากขนาดนั้นเชียว?

นัดเดียวก็โดนเลยหรือ?

แต่ว่า–

สยงมู่มู่เริ่มลังเลขึ้นมา ทำท่าอิด ๆออด ๆไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี เหมยเหมยแค่นหัวเราะกล่าว “คุณย่า…วันนั้นเขาดื่มมากไปหน่อยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปไหใ!”

“เธอก็รู้ว่าฉันน่ะดื่มแก้วเดียวก็จอด หลังดื่มไปก็จำไม่ได้แล้วจริง ๆ ตอนนี้ฉันก็เลยอยากถามยัยทอมถึงเรื่องคืนวันนั้นให้ชัดเจนไปเลยนี่ไง!”

“มีอะไรน่าถามกัน เผลอมีอะไรกันตอนเมาแล้วชายหญิงนอนบนเตียงเดียวกันสองต่อสอง ถ้าพวกนายไม่ทำอะไรฉันยอมดื่มน้ำฉี่ให้นายดู คุณย่าฉันพูดไม่ผิด ไม่แน่เซ่อเซ่ออาจจะมีลูกน้อยในท้องแล้วก็ได้”

เหมยเหมยพานนึกถึงพฤติกรรมที่แปลกไปหลายอย่างของเซียวเซ่อเมื่อช่วงเช้า น้ำโค้กเย็นไม่ดื่มแล้วแต่เปลี่ยนมาทานน้ำซุปบำรุงร่างกายเองทุกวัน…แย่แล้ว…เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!

……………………….

ตอนที่ 2774 ดอกไม้ที่ร่วงโรยมิใช่สิ่งที่ชั่วร้าย

เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนกะทันหันพลางตะคอกถามสยงมู่มู่ “นายนอนกับเซ่อเซ่อวันไหน?”

สยงมู่มู่สะดุ้งกับสีหน้าดุดันของเธอแล้วตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ “ต้นเดือนที่แล้ว ฉันฉลองอัลบั้มเพลงขายดีเลยเผลอดื่มมากไปหน่อย”

เหมยเหมยมองเขาตาเขียวปั้ดแล้วเริ่มคำนวณเวลา วันที่เซียวเซ่อประจำเดือนมาเธอพอจะรู้อยู่บ้าง เพียงแต่เซียวเซ่อชอบมาคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่พอคำนวณคร่าว ๆแล้วเป็นไปได้ว่าต้นเดือนจะเป็นช่วงไข่ตก

“ตอนนั้นเซ่อเซ่ออยู่ในช่วงตกไข่ เป็นไปได้ว่าเซ่อเซ่อจะโดนเข้าแล้ว” เหมยเหมยประกาศข่าวที่สร้างความตื่นเต้นแก่ทุกคน

สยงมู่มู่ทำหน้างุนงง…เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนสูญเสียครั้งแรกไปแล้วหรือยัง นี่จะเป็นพ่อคนแล้วหรือ?

ความตกตะลึงมีมากกว่าความดีใจนะเนี่ย!

คุณย่าหยางกลับมีความสุขอย่างมากจนยิ้มไม่หุบปาก “เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เหมยเหมยเธอต้องรีบโทรบอกคุณอาด้วยนะ พวกเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ”

“อย่าเพิ่ง…อย่าเพิ่งโทร รอให้แน่ใจก่อนค่อยโทร!”

สยงมู่มู่ตกใจจนเหงื่อตก จากนิสัยกระต่ายตื่นตูมของพ่อแม่เขา หากรู้เข้าเกรงว่าหลังจากนี้ชีวิตเขาไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไปแล้ว

“จะรอแน่ใจอะไรอีก ถึงไม่ท้อง ไว้วันหน้าค่อยพยายามต่อไปสิ!” คุณย่าหยางไม่ใส่ใจ อายุน้อยสุขภาพดี เรื่องมีลูกต้องสำเร็จอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบ

เหมยเหมยเห็นสยงมู่มู่ไม่เหมือนกำลังแสดงละครแต่ไม่มั่นใจจริง ๆกับเรื่องวันนั้น เธอก็ชักไม่แน่ใจไปด้วยคน แต่เห็นพฤติกรรมแปลก ๆของเซียวเซ่อ ไม่เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่นา!

แต่เซียวเซ่อคอแข็ง ต่อให้ดื่มพันแก้วก็ไม่เมา บางทีคืนนั้นเธออาจจะมีสติอยู่ก็ได้!

ทว่าสยงมู่มู่ดันบอกว่า “ยัยทอมดื่มวิสกี้ไปตั้งหลายขวด เมายิ่งกว่าฉันอีก!”

เหมยเหมยส่ายหน้าไม่หยุด ทั้งคู่ดื่มจนเมามายไม่ได้สติ นี่มันกลายเป็นคดีปริศนาไปแล้วจริง ๆ

คุณย่าหยางยิ้มอย่างมีเลศนัยปนทะเล้นเล็กน้อย เลื่อนหน้าเข้าหาสยงมู่มู่แล้วกระซิบถาม “เธอเห็นลั่วหง[1]ไหม?”

อะไรนะ?

สยงมู่มู่กะพริบตาปริบ ลั่วหงอะไร?

“ดอกไม้ร่วงโรยมิใช่สิ่งชั่วร้าย ยอมสลายเป็นดินทรายเพื่อปกป้องดอกไม้เช่นเคย” สยงมู่มู่เผลอท่องบทกลอนที่โปรดปรานที่สุดในสมัยประถมออกมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อนั้นเขายังแต่งเพลงให้กลอนบทนี้อีกต่างหากแหนะ!

แต่อยู่ดี ๆคุณย่าถามลั่วหงเขาทำไมกัน?

ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ต่อบทต่อกลอนหรอกนะ!

เหมยเหมยมุมปากกระตุกอย่างแรงแล้วฟาดใส่ “เจ้าโง่ คุณย่ากำลังถามนายว่าบนเตียงมีเลือดไหม…”

ต้องเป็นครั้งแรกของเซียวเซ่อแน่นอนอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ครั้งแรกของผู้หญิงส่วนมากต้องมีเลือดออก ถ้าสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน บนผ้าปูที่นอนน่าจะเปื้อนเลือดอยู่บ้าง

สยงมู่มู่ถึงเข้าใจว่าลั่วหงหมายความว่าอย่างไรจึงเขินจนหน้าแดงเถือก ทำเอาคนอายุมากอย่างคุณย่าหยางกับป้าฟางใจเต้นระส่ำ ให้ตายสิ…หน้าตาช่างหล่อเหลาเสียจริง!

ผู้หญิงที่หลับนอนกับพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ช่างมีบุญวาสนาเหลือเกิน!

สยงมู่มู่ย้อนคิด ไม่นานก็ส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่มี…ไม่มีแน่นอน”

สถานที่เกิดเหตุคือบ้านของเขา ห้องนอนของเขาตกแต่งด้วยสีขาวเป็นหลัก ผ้าปูที่นอนกับผ้านวมล้วนเป็นสีขาวทั้งหมด เปื้อนเลือดหรือไม่นั้นสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แวบแรกจึงมั่นใจได้เต็มร้อยว่าไม่มีเลือดแน่นอน

ถ้าอย่างนั้นบ่งบอกว่าเขากับยัยทอมไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันใช่ไหม?

สยงมู่มู่รู้สึกผิดหวังชั่ววูบแต่ก็พรูลมหายใจออกอย่างโล่งใจ ความรู้สึกสับสนย้อนแย้งนี้แม้แต่ตัวเขายังไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำไป เขาหวังให้มันเกิดขึ้นหรือไม่เคยเกิดขึ้นกันแน่…

ป้าฟางเอ่ยขึ้นมาเนือย ๆ “ลั่วหงมันไม่แน่หรอก มีผู้หญิงตั้งมากมายที่ครั้งแรกเลือดไม่ออก โดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยฝึกวิชาหมัดมวยอย่างแม่หนูเซียว ร้อยละแปดถึงเก้าสิบเลือดไม่ออกแน่นอน”

นักกีฬาหญิงส่วนมากเยื่อพรหมจรรย์จะฉีกขาดระหว่างการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง—ฉะนั้นการที่ไม่มีเลือดออกเป็นเรื่องปกติมาก เหมือนเธอที่เมื่อนั้นก็ไม่มีเลือดออกเช่นกันเพราะเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดตั้งแต่ระหว่างการฝึกไปแล้ว

……………………………

[1] ลั่วหง อาการเลือดออกครั้งแรกที่ร่วมรักกัน

Related

ตอนที่ 2771 เผลอไปนอนด้วยโดยไม่ทันระวัง

ที่พักของเซียวเซ่ออยู่ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไรจึงใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหมยเหมยไปถึงสนามบินในไม่ช้า แต่ตามหาตัวอยู่นานก็ไม่เจอสักที

มีคนตบบ่าจากด้านหลังทีหนึ่งเรียกให้เหมยเหมยหันขวับกลับไป จากนั้นก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมิดชิดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำทีลับ ๆล่อ ๆเหมือนไม่ใช่คนดีอะไร

“ฉันเอง…รีบขึ้นรถเร็ว…” ชายลึกลับคนนั้นก็คือสยงมู่มู่นั่นเอง เขากำลังทำตัวหลบ ๆซ่อน ๆอยู่

หลังจากขึ้นรถสยงมู่มู่ถึงพรูลมหายใจออกเฮือกหนึ่งพร้อมถอดแว่นกันแดดและผ้าปิดปากเผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามเสมอต้นเสมอปลายของเขา แต่เจ้าหมอนี่แต่งตัวแนวพังค์ถึงทำให้ไม่ดูอ้อนแอ้นออกแนวผู้หญิงเท่าแต่ก่อน แต่ออกแนวก่ำกึ่งมากกว่า

สยงมู่มู่ในตอนนี้มุ่งหน้าสู่ระดับนานาชาติแล้ว สองปีออกอัลบั้มเพลงหนึ่งจนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อีกทั้งเขายังมีแผนจะจัดงานคอนเสิร์ตถึงได้งานยุ่งจนหัวหมุน ชื่อเสียงดังเป็นพลุแตก ต่อให้เป็นระดับโลกก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่หยอก บอกได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของเด็กรุ่นใหม่ในวงการเพลงจีนต้นฉบับเลย

“นายทำบ้าอะไรเนี่ย? จำเป็นต้องปกปิดมิดชิดขนาดนี้เลยเหรอ? คิดว่ามีคนรู้จักนายเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ!” เหมยเหมยจงใจพูดประชด

ชาติที่แล้วเธอรำคาญประเภทคนดังที่สุด จงใจสวมแว่นกันแดดผ้าปิดปากและหมวกจนปกปิดตัวเองอย่างมิดชิดตั้งแต่ตัวจรดเท้าเหมือนสยงมู่มู่ในตอนนี้ พวกดาราเหล่านี้หน้าใหญ่เสียยิ่งกว่าประธานาธิบดีอีก มีบอดี้การ์ดนับสิบคอยคุ้มกันแล้วยังแต่งตัวประหลาด ๆอีก แบบนี้คงยากถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาผู้อื่น

ความจริงคนพวกนี้กำลังทำในสิ่งที่ได้ผลตรงกันข้าม กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขาคือดารามากกว่า

ดีที่สยงมู่มู่มาคนเดียวไม่พาสต๊าฟส่วนตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นเหมยเหมยจะด่าเขาเสียให้เข็ด!

“ครั้งนี้ฉันแอบหนีกลับมาเลยไม่อยากให้ปาปารัสซี่ถ่ายได้ ไม่งั้นพวกเขาต้องเขียนข่าวมั่วอีกแน่” สยงมู่มู่สีหน้าอ่อนล้าแล้วปรับที่นั่งไปด้านหลังเพื่อให้นอนหลับสบายกว่าเดิม

เหมยเหมยสังเกตเห็นเส้นเลือดฝอยในลูกตาของเขาเลยอดถามไม่ได้ว่า “นายไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว?”

“สามวันสามคืน เพิ่งอัดเพลงเสร็จก็ขึ้นเครื่องมาเลย หลับบนเครื่องไปแป๊บหนึ่ง” สยงมู่มู่นวดขมับ ความจริงอยู่บนเครื่องเขาก็ไม่ได้หลับดีนัก ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทีแล้วแต่สภาพจิตใจยังกระปรี้กระเปร่าอยู่ พลิกตัวกลับไปกลับมาก็นอนไม่หลับสักทีจนสุดท้ายก็ได้แค่งีบไปครู่เดียวเท่านั้น

เหมยเหมยด่ากลับอย่างนึกโมโห “นายอยากตายหรือไง…ทำแบบนี้สักวันสภาพร่างกายนายต้องรับไม่ไหวแน่…”

สยงมู่มู่สภาพร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้จักรักษาสุขภาพตัวเองอีกมันน่าโมโหเสียจริง เหมยเหมยเทียบจอดข้างทางแล้วหยิบเม็ดยาออกจากกระเป๋าให้สยงมู่มู่ทาน

“อะไรเนี่ย?” สยงมู่มู่มองเม็ดยาก้อนดำ ๆเหมือนก้อนขี้หนูบนฝ่ามือก็ไม่ค่อยอยากกลืนลงท้องเท่าไร เพราะเขาชอบดูความสวยงามภายนอกเป็นหลัก

“ยาพิษ กินไปตายได้เลย!” เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก

สยงมู่มู่กลอกตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วยกมือเอา ‘ขี้หนู’ เข้าปากไป ไม่มีรสชาติอะไร ไม่มีรสเค็มจืดหวานหรือเปรี้ยว แต่พอทานไปกลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่างกายเหมือนกำลังแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

เดิมทีเขาอยากถามเรื่องคู่กัดอย่างเซียวเซ่อแต่กลับรู้สึกหนังตาหนักอึ้งจนผล็อยหลับไปในไม่ช้า เหมยเหมยขับรถกลับบ้านแล้วให้ลุงเหลาแบกสยงมู่มู่ที่หลับเป็นตายไปไว้ที่ห้องนอนรับรองแขก

ครั้งนี้หลับยาวถึงเช้าอีกวัน สยงมู่มู่ตื่นเพราะเสียงนกร้องข้างนอกหน้าต่าง เขาดูนาฬิกาข้อมือก็ตกใจแทบแย่ ทำไมถึงหลับไปนานขนาดนี้?

“ตื่นแล้วเหรอ…มาทานข้าวสิ!”

เหมยเหมยยกอาหารเช้าเดินออกจากห้องครัวมา สยงมู่มู่หิวจนท้องร้องโครกครากมาแต่เช้าเลยเริ่มลงมือเขมือบอย่างมูมมาม รอเขาอิ่มท้องเหมยเหมยถึงถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับเซ่อเซ่อ?”

สยงมู่มู่เรอทีหนึ่งแล้วเช็ดปากอยู่นานกว่าจะเอ่ยด้วยเสียงอ้ำอึ้งว่า “เอ่อ…ฉันเผลอ…เผลอมีอะไรกับหล่อนไปแล้ว!”

…………………………………..

ตอนที่ 2772 ช่วยคนนอกไม่ช่วยคนใน

เหมยเหมยกำลังทานซุปไก่ที่ทำด้วยความรักของคุณย่าหยางอยู่ ไก่เป็นไก่เลี้ยงในบ้านตัวเองแล้วถูกต้มด้วยไฟกำลังพอดี คุณย่ายังตักน้ำมันออกให้เป็นอย่างดี รสชาติหอมกรุ่นแต่ไม่รู้สึกเลี่ยน เล่อเล่อกัดเนื้อทานโดยไม่ให้เหลือแม้แต่นิด

“พรวด”

ครั้นได้ยินคำพูดของสยงมู่มู่ ซุปไก่ก็ถูกพ่นใส่เจ้าหมอนี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งหมด

“ให้ตาย…เธอทำอะไรเนี่ย…น่าขยะแขยงชะมัดเลย…ฉันต้องไปอาบน้ำก่อน!” เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของสยงมู่มู่ถูกน้ำซุปกระเด็นใส่จนเขาตัดสินใจวิ่งไปอาบน้ำด้วยความรู้สึกขยะแขยง

“แค่ก ๆ…”

เหมยเหมยสำลักจนน้ำตาไหล สยงมู่มู่มีอะไรกับเซียวเซ่ออย่างนั้นหรือ?

นี่มันน่าสะพรึงยิ่งกว่าวันสิ้นโลกเสียอีก ความอยากรู้อยากเห็นของเหมยเหมยกำลังพลุ่งพล่านจึงซดน้ำซุปไก่ให้หมดในครั้งเดียว ก่อนจะวิ่งไปหน้าประตูห้องน้ำ

“นายหลับนอนกับเซ่อเซ่อจริงเหรอ? เป็นการหลับนอนที่ไม่ธรรมดา? หรือว่าเป็นการนอนห่มผ้าเฉย ๆ?” เหมยเหมยวิ่งไปตะเบ็งเสียงถามอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ขณะที่ข้างในห้องมีเสียงน้ำไหลซ่าซ่า

“มีเสื้อผ้าให้ฉันเปลี่ยนไหม? ฉันไม่ได้เอากลับมาด้วย” สยงมู่มู่ที่อาบน้ำอยู่เพิ่งค้นพบว่าตนกลับประเทศมาเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่อยู่บนตัว

เหมยเหมยแค่นเสียงใส่อย่างรังเกียจ “รอก่อนนะ ฉันไปหาเสื้อผ้าของพี่หมิงซุ่นฉันมาให้ นายดูนายสิแต่ละวันดูเอ๋อเลอะเลือนไปหมด นายต้องหาภรรยาสักคนกลับมาจัดการแทนนายแล้ว”

แต่เธอก็นึกขึ้นได้ถึงปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงที่สุดแสนจะสำคัญอย่างหนึ่ง แม่หนูเซียวต้มน้ำให้เดือดยังทำไม่ได้เพราะเธอไม่เคยดื่มน้ำร้อนมาแต่ไหนแต่ไร ฤดูหนาวยังดื่มแต่น้ำเย็นที่ถือว่าเป็นการประหยัดไฟไปในตัว

อีกอย่าง…ให้ยัยเซียวทำงานบ้าน….

เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกอย่างอดไม่ได้ ไม่ตั้งความหวังกับอนาคตของสองคนนี้อีกแล้ว

เธอหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ของเหยียนหมิงซุ่นมาแต่ไม่ได้ยื่นส่งให้กลับวางอยู่หน้าประตูแล้วตะโกนเสียงข่มขู่ “ฉันถามนายอยู่นะ รีบตอบสิ”

สยงมู่มู่สะบัดผมยาวอย่างเย่อหยิ่งทีหนึ่ง “เกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ!”

เหมยเหมยแสยะยิ้มทีหนึ่ง “ได้เลย…งั้นนายก็ตัวเปลือยอยู่ในห้องน้ำต่อไปนั่นแหละ อย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่นา!”

อ่อนหัดนัก อยู่บ้านเธอแต่ยังกล้าทำตัวเหิมเกริม ฉันเอานายให้ตายได้ทุกเมื่อเลย!

สยงมู่มู่ถึงเพิ่งจะนึกถึงความจริงที่แสนโหดร้ายได้ว่าตนอยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำต้องยอมก้มหัวให้แต่โดยดี จ้าวเหมยในตอนนี้…ไม่ใช่จ้าวเหมยที่ใสซื่อหลอกง่ายคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“ก็ตามนั้นละ…เราสองคนดื่มเยอะไปหน่อย ส่วนที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” สยงมู่มู่พูดคลุมเครือ พูดอยู่ตั้งนานก็ไม่กระจ่างแจ้งสักอย่าง

เหมยเหมยถามกลับอย่างหงุดหงิด “แม้แต่ตัวเองหลับนอนกับหล่อนไปหรือเปล่ายังไม่รู้ สมองหมูของนายนี่นะ เรื่องแบบนี้มันควรจะมีความรู้สึกบางอย่างไม่ใช่เหรอ?”

น้องชายตัวเองเคยถูกใช้งานหรือไม่ยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือ?

“สยงมู่มู่นายไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบใช่ไหม? ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ ถ้านายคิดจะปัดความรับผิดชอบฉันยอมช่วยคนอื่นแต่ไม่ยอมช่วยคนในครอบครัวอย่างนายแน่ จะซ้อมผู้ชายสันดานเลวอย่างนายให้ตายไปเลย!” เหมยเหมยคิ้วตั้งปั้นหน้าตึง นึกอยากพุ่งเข้าไปซ้อมไอ้สารเลวนี่สักยกหนึ่งให้รู้แล้วรู้รอดไป

“ฉันดื่มเยอะไปจริง ๆ มีแต่ผีที่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันอยากถามเซียวเซ่อแต่หล่อนไม่รอให้ฉันตื่นก็หนีไปก่อน ฉันตามหาก็ไม่เจอตัวสักที เธอไม่คิดว่าฉันถูกเข้าใจผิดบ้างเหรอ?” สยงมู่มู่รู้สึกว่าเขาถูกใส่ความว่าร้ายยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ[1]เสียอีก เดิมคิดว่าจะมีข้ออ้างดี ๆเพื่อแสดงความรับผิดชอบยัยทอมนั่น แต่ตอนนี้…เขาจะหาเจ้าตัวมาแสดงความรับผิดชอบจากที่ไหน!

“นายหลับนอนกับเจ้าตัวแล้วยังแสร้งทำตัวไร้ความผิดอยู่อีกหรือไง? ตอนนี้ยังโทษเซ่อเซ่อหนีไปก่อนอีก…สยงมู่มู่ ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่านายมีสันดานของผู้ชายโฉดชั่วอยู่ด้วยนะ? ไอ้คนขี้ขลาด สารเลว หื่นกาม…นายใส่เสื้อผ้าแล้วออกมา!”

เหมยเหมยโยนเสื้อผ้าเข้าไป รอไอ้สารเลวนี่อออกมาจะซ้อมให้ตายเลย!

หลับนอนพรากบริสุทธิ์ของฝ่ายหญิงไปแล้วยังพร่ำบอกว่าตนถูกเข้าใจผิด ไอ้คนนิสัยไม่ดี มิน่าเซ่อเซ่อถึงทำตัวหลบ ๆซ่อน ๆด้วยความเสียใจ!

วันนี้เธอจะผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์เอง!

…………………………..

[1] โต้วเอ๋อ ชื่อตัวละครจากบทละครเรื่อง ‘ความพยาบาทของโต้วเอ๋อ ‘ เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่ชีวิตถูกปรักปรำจนถูกประหารชีวิต

Related

ตอนที่ 2769 เซียวเซ่อกลับประเทศ

“เซียวเซ่อ…เธอออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เหมยเหมยตะโกนเสียงดังลั่น เซียวเซ่อมักจะใส่รองเท้าไนกี้ที่สั่งทำเท่านั้นมาตลอดหลายปีแล้ว เธอมีนักออกแบบของตัวเองและออกแบบเพื่อเธอคนเดียว รุ่นรองเท้าผ้าใบที่วางอยู่บนชั้นวางรองเท้าเป็นสินค้าพิเศษของแบรนด์นี้ที่คุณหนูใหญ่เซียวมีเพียงคนเดียวเท่านั้น

ทั่วโลกมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่ใส่ได้ ถ้าคนอื่นใส่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์

รองเท้าคู่นี้ของคุณหนูใหญ่เซียวปรากฏอยู่บนชั้นวางรองเท้าซึ่งบ่งบอกว่าเวลานี้เซียวเซ่ออยู่ในบ้านหลังนี้

“เรียกอะไรนักหนา…บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมารบกวนฉัน!” มีเสียงเหนื่อยหน่ายดังแว่วมาจากทางระเบียง เหมยเหมยวิ่งไปหาอย่างดีใจ แต่กลับเห็นว่าคุณหนูใหญ่เซียวนั่งสบายเอนกายอยู่บนเก้าอี้พร้อมถือกระป๋องโค้กเย็น ๆในมือ ดูท่าทางยังเหมือนเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

“เธอกลับมาแล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ? เธอยังนับฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม?” เหมยเหมยตำหนิ

“ไม่นับเธอเป็นเพื่อนจะมาอยู่ที่นี่เหรอ? แล้วจะบอกเธอทำไม หนวกหูจริง ๆ!”

เซียวเซ่อมองเธออย่างรังเกียจพลางดื่มโค้กหมดกระป๋องแล้วโยนลงถังขยะข้างหลังอย่างแม่นยำ เธอลุกขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าจะหยิบโค้กอีกกระป๋อง แต่กลับชะงักไปด้วยสีหน้าท่าทางแปลก ๆเล็กน้อย

เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจเพราะเซียวเซ่อชอบทานน้ำแข็งมาตั้งแต่เด็ก ขนาดฤดูหนาวก็ยังซัดไอศกรีมติดต่อกันหลายถัง ตอนนี้ต้นฤดูร้อนเซียวเซ่อจะต้องกินน้ำแข็งอย่างบ้าคลั่งและดื่มโค้กเย็นแทนน้ำเปล่าแน่นอน แต่ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าเธอจะอดใจไม่ยอมดื่ม?

ช่างน่าแปลกจริง ๆ!

“ประจำเดือนเธอมาแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถาม

เซียวเซ่อหลบสายตาพลางส่ายศีรษะ “ไม่ได้มา ของฉันมาไม่เคยตรงหรอก”

“ห้ามเธอกินน้ำแข็งเยอะขนาดนั้นนะ วันหลังกินน้ำแข็งให้น้อยลงหน่อย ผู้หญิงอย่างเราไม่เหมาะที่จะดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆหรอก เธออย่าคิดว่าอายุยังน้อยแล้วจะทำอะไรซี้ซั้วได้นะ ไม่งั้นวันหลังเธอจะต้องทุกข์ใจแน่!” เหมยเหมยพูดโน้มน้าวอย่างปากเปียกปากแฉะ

เซียวเซ่อมุ่นคิ้วแต่ไม่ได้โต้กลับเหมือนก่อน เธอปิดปากเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เหมยเหมยพร่ำบ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค้นพบความผิดปกติจากเพื่อนของตน ผิดปกติมากด้วย

หากเป็นแต่ก่อนคุณหนูใหญ่เซียวจะต้องเถียงกลับคอเป็นเอ็นแน่นอน แต่ตอนนี้…เซียวเซ่อกลับสามารถยืนข่มอารมณ์ฟังเธอบ่นได้ ซึ่งแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

นับตั้งแต่เซียวเซ่อกลับมากะทันหัน ทั้งยังไม่โผล่กลับบ้าน แถมยังมีสายแปลก ๆจากสยงมู่มู่โทรมาหาอีก…เหมยเหมยรู้สึกว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ๆ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสยงมู่มู่ด้วย

“เซ่อเซ่อ…เธอกับสยงมู่มู่ทะเลาะกันเหรอ?” เหมยเหมยถามไถ่อย่างระวัง

เซียวเซ่อขมวดคิ้วแน่นแต่กลับไม่ใช่อาการไม่ชอบใจอะไร อย่างไรเสียสีหน้าของเธอกลับดูแปลกมากกว่าเหมือนจะเขินอาย เหมือนจะไม่พอใจ เหมือนจะโมโห เหมือนจะแค้นใจ เหมือนจะยังงง ๆอยู่…ทำเอาเหมยเหมยสับสนไปหมด สมองของเธอนั้นไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้จริง ๆ

“ใครจะไปทะเลาะกับเขากัน เธออย่าบอกเขานะเรื่องที่ฉันกลับมาน่ะ!” เซียวเซ่อเอ่ยเตือน

เหมยเหมยเกิดใจฝ่อขึ้นมา สยงมู่มู่รู้แล้วและเธอก็ไม่ได้เป็นคนบอกด้วย แต่คำพูดนี้เซียวเซ่อจะเชื่อไหม?

“รู้แล้วน่า ฉันไม่บอกหรอก แต่ว่าสยงมู่มู่ฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น เขาต้องเดาเรื่องที่เธอกลับประเทศออกแล้วแน่” เหมยเหมยชิงพูดไว้ก่อน

“รู้ก็รู้ไปสิ เธอแค่อย่าเอาที่อยู่ไปบอกเขาก็พอ เอาล่ะ…เธอกลับไปได้แล้ว ไม่มีธุระอะไรก็มาให้น้อย ๆหน่อย!”

เซียวเซ่อโบกมือไปมาเอ่ยไล่แขก

ในท้องของเหมยเหมยเหมือนมีมดหมื่นตัววิ่งพล่านอยู่ข้างในก็ไม่ปาน คันยุบยิบทรมานแทบตาย แต่ในเมื่อคุณหนูใหญ่เซียวไม่เปิดปากพูด แล้วเธอจะมีปัญญาทำอะไรได้?

“เซ่อเซ่อ…ตกลงเธอกับสยงมู่มู่พัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้วกันแน่?” เหมยเหมยเอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้

เซียวเซ่อหว่างคิ้วกระตุก มือที่วางอยู่บนที่เท้าแขนกำแน่น กระทั่งเหมยเหมยสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความโกรธแผ่ออกมาจากผู้หญิงคนนี้…แย่ล่ะ…นี่มันเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกันแน่นะ?

…………………………………………..

ตอนที่ 2770 เซียวเซ่อที่แปลกไป

เหมยเหมยรออยู่ครู่ใหญ่แต่เซียวเซ่อก็ไม่พูดอะไร เธอรู้สึกคันในใจยุบยิบเพราะอยากรู้จริง ๆว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่กันแน่

“คือว่า…เซ่อเซ่อ หรือว่าสยงมู่มู่ทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?”

ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเลยโพล่งถามออกไป เหมยเหมยสังเกตความเปลี่ยนแปลงท่าทีอาการของเซียวเซ่ออย่างระมัดระวัง อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมองด้วยซ้ำเพราะในขณะที่เซียวเซ่อแผ่อารมณ์คุกรุ่นออกมาจากร่างกายก็ทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงหลายองศาเลยทีเดียว

เหมยเหมยถูมือหยัดกายลุกขึ้นและหยิบเสื้อคลุมออกจากไม้แขวน ใส่ชุดเพิ่มความอบอุ่นหน่อยดีกว่า ดูท่าครั้งนี้สยงมู่มู่จะต้องทำผิดถึงขั้นหัวขาดแน่ ๆ!

จุ๊ ๆ…ความกล้าสูงเสียดฟ้าแล้ว!

แต่เธอก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดี ในเมื่อสยงมู่มู่ทำความผิดมหันต์ขนาดนี้ ด้วยนิสัยของเซียวเซ่อแล้วจะต้องเอาสยงมู่มู่ปางตายก่อนค่อยออกไปเที่ยวนี่นา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสยงมู่มู่ยังใช้ชีวิตกระโดดโลดเต้นอยู่เลย แถมเซียวเซ่อยังหลบหน้าหลบตาสยงมู่มู่อีก…ผิดปกติมาก!

สิ่งผิดปกติย่อมมีเงื่อนงำ…จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน!

“แกร๊ก ๆ…”

เสียงดังลอยมาจากเซียวเซ่อที่ออกแรงกำหมัดแน่นอยู่ เสียงที่เปล่งออกมาทำเอาเหมยเหมยส่ายศีรษะ ความเกลียดชังฝังแน่นลึกเชียว สยงมู่มู่เจ้าบ้านั่นรอความตายได้เลย!

หรือเธอจะบอกสยงมู่มู่สักหน่อยดีว่าไปไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดี ช่วงนี้ไม่ต้องกลับประเทศหรอก ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกชายแท้ ๆของคุณอาของเธอ ฉะนั้นจะปล่อยให้ทายาทของคุณอาจบสิ้นแค่นี้ไม่ได้!

“เธอกลับไปเถอะ…ไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมารบกวนฉัน ใช่แล้ว เธอมีร้านอาหารที่เป็นของเธออยู่ใช่ไหม?” เซียวเซ่อหลับตาลงดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่กลับถามถึงร้านอาหาร

“มีที่หนึ่ง พ่อครัวฝีมือดีมาก ถ้าเธอไปกินข้าวแค่ลงบิลไว้ก็พอ” เหมยเหมยยิ่งรู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม

“ไม่ไป เธอให้ทางร้านตุ๋นซุปไก่มาให้ฉันทุกวันวันละถ้วย เงินลงบัญชีไว้ ชำระเดือนต่อเดือน”

คำพูดของเซียวเซ่อทำให้เหมยเหมยยิ่งประหลาดใจ คุณหนูใหญ่เซียวผู้ที่แต่ไหนแต่ไรมาปฏิเสธการทานซุปร้อนทุกชนิด…ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายร้องขอซุปร้อน ๆก่อนเหรอ?

เซียวเซ่อในวันนี้…ไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำล้วนผิดปกติเหลือเกิน รู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนยังไงอย่างนั้น

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆพลางถามอย่างระมัดระวังว่า “เซ่อเซ่อ…เธอคือเซ่อเซ่อใช่ไหม? ไทเฮา เหม่ยเหริ่น กั๋วหวังสัตว์เลี้ยงของเธอยังอยู่ดีใช่ไหม?”

เซียวเซ่อถลึงตาใส่เธออย่างอารมณ์เสีย “สบายดีจะตายไป ฉันไม่ได้ผีเข้าสักหน่อย อย่าลืมใส่เม็ดเก๋ากี้ลงในซุปไก่ด้วย เธอไสหัวไปได้แล้ว!”

พอพูดจบคุณหนูใหญ่เซียวก็ไล่แขกทันที เหมยเหมยเบะปากและไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าจะยั่วโมโหคุณหนูใหญ่คนนี้เข้าแหนะ

“ฉันไปแล้วนะ อีกสองสามวันจะมาหาเธอใหม่!”

“ไม่ต้องมาแล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว!” เซียวเซ่อปฏิเสธอย่างไม่รักษาน้ำใจเลยสักนิด ตอนนี้จิตใจของเธออยู่ในสภาวะสับสนสุด ๆ เธอไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น โดยเฉพาะคนรู้จักเช่นเหมยเหมย หนวกหูดีจริง ๆ

“งั้นฉันไปแล้วนะ…บ๊ายบาย!”

เหมยเหมยกังวลเหลือเกิน ท่าทางของเซียวเซ่อดูผิดปกติมากเหมือนเจอเรื่องลำบากใจอะไรสักอย่าง เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีความสามารถอะไร แต่สามีของเธอมีความสามารถ ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยได้นี่นา!

เธอใจเต้นนึกขึ้นได้จึงผลักประตูกลับเข้าไปอีกครั้ง ตะโกนไปทางระเบียง “เซ่อเซ่อ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมานะ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว พี่หมิงซุ่นของฉันเก่งมากนะ เขาจะต้องช่วยเธอแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน!”

เซียวเซ่อกุมหน้าผากอย่างเอือมระอา เพื่อนคนนี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ!

“ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ…เธอไปได้แล้ว โอเค?”

“อืม…”

เหมยเหมยจึงทำได้แค่ปิดประตูลงและจากไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่หลังจากขึ้นรถยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับเซียวเซ่อกันแน่ ไม่ได้การล่ะ…เธอต้องรู้ให้ได้

เธอกำลังเตรียมจะโทรไปถามสยงมู่มู่ แต่เจ้าหมอนี่ดันโทรมาหาเธอก่อนพอดี “ฉันอยู่สนามบินแล้ว เธอมารับฉันด้วย!”

……………………………

Related

ตอนที่ 2767 ไม่สนใจเรื่องแต่งงาน

ครั้นปัญหาที่น่าหนักใจของเหยียนหมิงต๋ามีข่าวดีแล้ว ทั้งครอบครัวต่างจึงเริ่มปฏิบัติการ คุณย่าหยางก็เลยแบ่งหน้าที่ให้สองสามีภรรยาเหมยเหมยไปทำ

เหมยเหมยรับผิดชอบเรื่องติดต่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสืบถามความคิดเห็นของอิงซานหง แน่นอนว่าทางด้านเหยียนหมิงซุ่นต้องรับหน้าที่สอนอยู่แล้ว ใช้ความสามารถของเขาในการจีบเหมยเหมยในปีนั้นมาสอนน้องชายทั้งหมด ส่วนจะเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเหยียนหมิงต๋าเองแล้ว

“ถ้าแกเรียนรู้ความสามารถของพี่ชายแกได้สักครึ่งหนึ่ง ฉันยังต้องกังวลอะไรอีก!” คุณย่าหยางหันไปถลึงตาใส่หลานชายคนเล็กจอมซื่อบื้อด้วยท่าทีเข้มงวดหวังว่าเขาจะได้ดี ไม่รู้จริง ๆว่าเหมือนใคร!

พ่อแม่ต่างก็ไม่ใช่คนที่ต้องมาคอยเป็นกังวลเรื่องนี้ โดยเฉพาะเจ้าบ้าเหยียนโฮ่วเต๋อนั่นแม้ถูกส่งไปทำงานยังเขตภูเขาพื้นที่ห่างไกลก็ยังมีมาไม่ขาด ซ้ายกอดคนขวากอดคน ใช้ชีวิตสุขสำราญจะตายไป!

เหยียนหมิงต๋าลูบท้ายทอยพลันนึกปวดใจเล็กน้อย เขาเกี้ยวพานว่าที่ภรรยาได้เร็วกว่าพี่ชายคนโตอีก แต่สายตาไม่ค่อยดีดันได้งูสาวอสรพิษมาแทน…เฮ้อ!

ผู้หญิงอย่างอิงซานหงเหมาะกับเขามากกว่า อย่างน้อยก็สบายใจ!

เหมยเหมยนัดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกมาในวันรุ่งขึ้นแล้วเอ่ยถึงความจริงใจของเหยียนหมิงต๋า “น้องสามีฉันเคยถูกหักอกมาก่อน ใช้เวลาหลายปีกว่าจะหายเลยนะ เขาเป็นคนจริงจังและจริงใจ หากชอบใครสักคนก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที พวกเธอไม่ต้องกังวล หากเหยียนหมิงต๋าเขากล้าที่จะทำไม่ดีกับน้องสามีเธอ ฉันเป็นคนแรกที่จะไม่ยกโทษให้เขาเอง!”

“พวกเราวางใจแล้วมีประโยชน์อะไร เมื่อวานกลับไปคุยกับอิงจวี้กัง แถมยังโทรหาพ่อแม่สามีด้วยนะ พวกเขาต่างพอใจน้องสามีเธอมาก แต่ปัญหาก็คือ…น้องสามีของฉันไม่เห็นด้วย…ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจนปัญญาแล้วจริง ๆ เมื่อคืนเธอและอิงจวี้กังพูดกันจนน้ำลายแห้งเหือดหมดแต่อิงซานหงจิตใจแข็งแกร่งดั่งหอยแมลงภู่พันปียังไงอย่างนั้น พูดอะไรไปก็ไม่สนท่าเดียว เอาแต่บอกว่าไม่อยากคบกับใคร…แล้วก็ไม่อยากแต่งงานด้วย

“น้องสามีเธอเคยโดนหักอกมาก่อนหรือเปล่า?” เหมยเหมยสงสัย

ไม่อย่างนั้นช่วงอายุอย่างอิงซานหงในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวจะเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์แห่งรัก แล้วจะไม่มีความรู้สึกเพ้อฝันเรื่องความรักเลยได้อย่างไรกัน?

ไม่ปกติเลยสักนิด!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบน “เคยโดนหักอกบ้าอะไรล่ะ เธอก็แค่หัวรั้นเท่านั้น เธอบอกว่าแผนการชีวิตของเธอในห้าปีนี้ไม่มีแฟนหรือเรื่องแต่งงานอะไรทั้งนั้น และเธอไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแผนด้วย”

เหมยเหมยแปลกใจมาก “แผนการห้าปีของเธอคืออะไร?”

“เรียน เรียน แล้วก็เรียน แล้วก็เตรียมสอบชิงทุนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา…หนอนหนังสือจริง ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจนปัญญาอย่างแท้จริงแล้ว

น้องสามีคนนี้ชอบเรียนหนังสือมากกว่าพี่ชาย คาดว่าเรียนจบปริญญาโทแล้วจะต้องเรียนปริญญาเอกต่ออีกแน่นอน หลังจากจบปริญญาเอกแล้วคงเรียนนักวิจัยหลังปริญญาเอกต่ออีก เส้นทางชีวิตมีแต่การศึกษา…ไม่จำเป็นต้องแต่งงานแล้วจริง ๆ

ในหนังสือมีสามีหล่อ ๆหรือไงกัน!

เหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบตากันไปมา พวกเธอสองคนต่างก็ไม่ใช่เด็กเรียนดีอะไร ช่างไม่เข้าใจวงจรความคิดของพวกเด็กเรียนเก่งเลยจริง ๆ วัน ๆเอาแต่อ่านหนังสือมีความสุขตรงไหน?

ชีวิตมีเรื่องราวงดงามตั้งมากมาย ความรัก การเดินทาง อาหาร เลี้ยงลูก สร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน…การอ่านหนังสือและความสุขการใช้ชีวิตไม่ได้เป็นคนละเรื่องกันสักหน่อย ทำไมต้องเอาแต่ทุ่มเทไปกับแค่เรื่อง ๆเดียวด้วย?

“ปกติน้องสามีของเธอชอบอยู่ลำพังคนเดียวใช่ไหม?” เหมยเหมยถาม

แต่ทว่า——

“เธอเดาผิดแล้ว น้องสามีของฉันมีเพื่อนตั้งเยอะแยะ เข้ากับคนได้ไม่เลวด้วย และหล่อนก็ไม่ได้เป็นหนอนหนังสือจริง ๆซะทีเดียว เพราะเธอก็เข้าทำงานของสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัย ทั้งยังเข้าร่วมสมาคมสุนทรพจน์ เมื่อก่อนถือเป็นคนดังของโรงเรียนด้วยนะ!”

คำตอบของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำเอาเหมยเหมยประหลาดใจมาก เดิมทีคิดว่าอิงซานหงเป็นหนอนหนังสือที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วเธอคิดมากไป อิงซานหงไม่สนใจเรื่องการแต่งงานจริง ๆต่างหาก

“ช่างเถอะ…แล้วแต่พวกเขาแล้วกัน ไม่สนใจแล้ว จะทำอะไรก็เอาเลย!”

เหมยเหมยหมดความสนใจแล้ว เรื่องที่ฝืนทำไปอย่างไรก็ไม่มีทางลงเอยได้ด้วยดีหรอก เรื่องความรู้สึกมันฝืนกันไม่ได้ บางทีพรหมลิขิตของเหยียนหมิงต๋าอาจจะยังมาไม่ถึงมั้ง!

…………………………………………..

ตอนที่ 2768 แสดงเป็นเห็ดตัวใหญ่

พอคุณย่าหยางได้ฟังคำตอบของเหมยเหมยก็ผิดหวังมาก แต่เธอเป็นหญิงชราที่มีความคิดเปิดกว้างและรู้ว่าเรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ ในเมื่อหญิงสาวไม่ได้มีใจคิดเช่นนั้น งั้นก็ไม่ฝืนแล้วกัน!

แต่เหยียนหมิงต๋ากลับดื้อรั้นและบอกพวกเธอว่าอย่าสอดมือเข้ามายุ่ง

“ผมจะจัดการเอง พวกคุณย่าไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก มีข่าวดีเมื่อไรผมจะบอกเอง” เหยียนหมิงต๋ากลับมั่นใจมาก เขารู้สึกว่าอิงซานหงก็มีความรู้สึกดี ๆให้เขาเช่นกัน ตอนนี้น่าจะกำลังทดสอบเขาอยู่ เขาต้องพยายามให้มากกว่านี้

“ขอให้นายสำเร็จในเร็ววัน!” เหมยเหมยอวยพรจากใจจริงของเธอ

ฝั่งเล่อเล่อกะพริบตาปริบ ๆแล้วถามด้วยความสงสัย “คุณอา กำลังหาอาสะใภ้ให้หนูเหรอ?”

เหยียนหมิงต๋ายิ้มอย่างเขินอาย “ตอนนี้ต้องเรียกว่าคุณอาเฉย ๆก่อน วันหลังถึงจะเรียกว่าคุณอาสะใภ้ได้”

เหมยเหมยเบะปาก หน้าไม่อายจริง ๆ ผู้หญิงยังไม่ทันตกลงเลยด้วยซ้ำ

เล่อเล่อกะพริบตาปริบ ๆอีกครั้ง พูดอย่างดีใจว่า “งั้นคุณอาพาเขามาดูการแสดงของหนูได้ไหมคะ?”

ครั้นเหมยเหมยเห็นท่าทีลำบากใจของเหยียนหมิงต๋าจึงช่วยพูดกู้หน้าให้ “อีกไม่นานคุณอาก็จะไปทำงานที่อื่นแล้วจะไปดูการแสดงของลูกได้อย่างไร แม่กับปู่ทวดย่าทวด และคุณยายฟางจะไปให้กำลังใจลูกเองนะ!”

ใกล้ถึงวันเด็กแล้ว ทางโรงเรียนเลยจัดแสดงนิทรรศการด้านศิลปะขึ้นโดยแสดงละครเวทีเรื่องสโนว์ไวท์ เล่อเล่อโชคดีได้เข้าร่วมแสดงด้วย แต่ว่าเธอเล่นเป็นเห็ดอ้วนหัวหนึ่งและไม่มีบทพูดตลอดการแสดง แค่ยืนอยู่บนเวทีเฉย ๆเท่านั้น

เป่ารื่อน่ากลับได้รับบทเป็นตัวเอก เธอเล่นเป็นสโนว์ไวท์ สาวน้อยทั้งอ่อนโยนและน่ารัก เหมาะสมที่จะเล่นเป็นสโนว์ไวท์มากทีเดียว

ถึงแม้จะไร้คำพูดกับบทบาทที่ลูกสาวได้รับแต่ก็ยังต้องไปให้กำลังใจ จุดสำคัญคือต้องไปร่วมงาน ขอแค่เล่อเล่อมีความสุขก็พอแล้ว

เหยียนหมิงต๋ากลับดวงตาเป็นประกาย อิงซานหงชอบเด็กมาก ถ้าพาเธอไปดูหลานสาวแสดงคงดีไม่น้อย วันไหนไปมหาวิทยาลัยชวนเธอหน่อยดีกว่า ส่วนคำพูดที่อิงซานหงสั่งห้ามไม่ให้เขาไปมหาวิทยาลัย เหยียนหมิงต๋าลืมเสียสนิทแล้ว

“เล่อเล่อ…ทำไมถึงเล่นเป็นเห็ดล่ะ?”

ตอนทานมื้อเย็นเหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เธอถามคุณครูแล้วหล่อนบอกว่าเล่อเล่อเป็นคนเลือกที่จะเล่นบทเห็ดเอง ไม่เข้าใจวงจรความคิดของลูกสาวเธอเลยจริง ๆ

“ไม่ต้องพูด สบาย”

เล่อเล่อคว้าเนื้อแกะมาทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วเจียดเวลามาตอบว่าเธอแค่เห็นว่าเล่นเป็นเห็ดก็สบายดี ไม่อย่างนั้นเธอไม่แสดงหรอก!

“งั้นทำไมลูกต้องขึ้นแสดงด้วยล่ะ ไม่แสดงเลยจะไม่สบายกว่าเหรอ?” เหมยเหมยยิ่งรู้สึกสับสน

 “เล่นเป็นเพื่อนน้องเป่ารื่อน่าเพราะจะปล่อยให้คนนิสัยไม่ดีมารังแกเป่ารื่อน่าไม่ได้” เล่อเล่อมีเหตุผล น้องสาวก็เหมือนก้อนแป้งหมี่ ไม่มีเธอปกป้องจะต้องถูกคนรังแกแน่นอน

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ในโรงเรียนมีแต่เด็กน้อยจะมีคนไม่ดีได้อย่างไร?

เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงงานแสดงวันเด็กแล้ว เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจนักและไม่กระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมเหมือนพ่อแม่คนอื่น ลูกสาวของเธอเป็นแค่เห็ดใหญ่หัวหนึ่งเท่านั้น อย่างมากก็แค่ใส่หัวเห็ดยืนอยู่เฉย ๆ มีอะไรน่าสนใจกัน!

เหมยเหมยให้ความสนใจเรื่องของเซียวเซ่อมาตลอด เธอบอกว่าเธอจะกลับมาเดือนนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสายโทรเข้ามา ไม่รู้ว่าตกลงผู้หญิงคนนี้จะกลับมาไหม เธอครุ่นคิดดูแล้วก็ตัดสินใจไปดูที่บ้าน

ประตูปิดแน่นเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด เหมยเหมยยกพรมขึ้นแต่ทว่ากุญแจด้านล่างหายไป หัวใจของเหมยเหมยเต้นตึกตัก เธอไม่แน่ใจว่าเซียวเซ่อกลับมาแล้วหรือโดนคนอื่นขโมยไปกันแน่

เธอหยิบกุญแจสำรองออกมาแล้วเปิดประตู ในบ้านเงียบสงัดไม่เห็นแม้แต่ผีสักตัว เหมยเหมยถอนหายใจอย่างผิดหวัง ดูเหมือนว่าจะมีคนอื่นเอากุญแจไป แต่ว่าในบ้านก็ไม่มีอะไรหายไป คนที่เอากุญแจไปถือว่ายังรู้จักบาปบุญคุณโทษอยู่สินะ

เหมยเหมยที่กำลังจะเตรียมตัวออกบ้านหางตาเหลือบไปเห็นชั้นวางรองเท้า บนนั้นมีรองเท้าผ้าใบไนกี้สีดำคู่หนึ่งวางอยู่ซึ่งเป็นรุ่นรองเท้าที่เธอคุ้นเคยดี อีกอย่างเป็นรุ่นที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ครอบครอง!

……………………

Related

ตอนที่ 2765 น้องสามี

 “ฉันไม่ได้รู้สึกว่าเธอขี้เหร่เลยนะ…ฉันคิดว่าเธอชวนให้คนรู้สึกสบายใจต่างหาก เธอตีความหมายที่ฉันสื่อผิดแล้ว…” เหยียนหมิงต๋าอธิบายอย่างร้อนใจ แต่ยิ่งร้อนใจมากเท่าไรกลับยิ่งพูดตะกุกตะกักมากขึ้นเท่านั้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่าเสียงเบาว่า “…ตาโง่นี่เป็นลูกเต้าเหล่าใครเนี่ย แล้วหน้าตาชวนให้รู้สึกสบายใจไม่ใช่หมายถึงว่าขี้เหร่หรอกเหรอ? เขาตั้งใจกระทบกระทั่งน้องสามีฉันมากกว่า…ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องแสดงตัวแล้ว น้องสามีของฉันหน้าตาดูไม่ดีตรงไหน ธรรมชาติไร้การเติมแต่งล้วน ๆ ดีกว่าสาวงามที่สวยด้วยมีดหมอพวกนั้นตั้งหลายร้อยเท่า!”

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อจ้องเธอด้วยสายตาเหน็บแนมพร้อมกัน ตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงได้รู้ตัวจึงส่งยิ้มแก้เขิน “ฉัน…ฉันก็แค่เปิดหางตา ตัดเปลือกตา สักคิ้วนิดหน่อย สักหางตา…จัดฟัน…แค่นั้นแหละ นิดเดียวเอง…คิก ๆ…โครงหน้าเดิมอยู่”

ทั้งสองคนแค่นเสียงเย็นชาใส่โดยไม่คิดจะพูดอะไรกับเธออีก เมื่อก่อนถ้าพวกเธอสองคนไม่ห้ามไว้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคงไปดูดไขมันด้วยแน่ ๆ

เวลานั้นคุณหนูใหญ่เหริ่นคลั่งการลดน้ำหนักมาก รั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ ต่อมาเหมยเหมยพยายามคิดหาวิธีทำให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้เรียนรู้ขั้นตอนการดูดไขมันทั้งหมดด้วยตาของเธอเอง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจจนเกือบฉี่แตก…จากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องดูดไขมันอีกเลย

แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่หยุด เพียงแต่ไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต แค่ตัดแต่งเล็ก ๆน้อย ๆเท่านั้น รูปลักษณ์หน้าตาดูดีมากขึ้นแต่เงินก็ใช้ไปไม่น้อย ทั้งยังต้องไปทำซ้ำทุกปี ไม่อย่างนั้นก็จะกลับสู่สภาพเดิม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโดนเหมยเหมยรั้งไว้ “ฟังต่อก่อนว่าพวกเขาคุยอะไรกัน”

เสียงของอิงซานหงดังขึ้นอีกครั้ง “นายไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว เอาเป็นว่าฉันไม่สนใจนาย วันหลังไม่ต้องมาหาฉันอีก ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”

“ฉันนี่แหละตำรวจ ฉันไม่ทำเรื่องไม่ดีหรอก ฉันคิดว่าเราเหมาะสมกันมากจริง ๆนะ…ฉันขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อเหยียนหมิงต๋า ปีนี้อายุ 27 ปี อาชีพเป็นตำรวจ บ้านเกิดของฉันคือเมืองจิน แต่ว่าญาติของฉันทั้งหมดอยู่ในเมืองหลวง…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำเสียงสงสัย “ชื่อนี้คุ้นหูมากเลย เฮ้ย…เหมยเหมย ชื่อของผู้ชายคนนี้คล้ายกับชื่อสามีเธอเลย!”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก “เขาเป็นน้องของสามีฉัน น้องแท้ ๆด้วย”

ดวงตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ที่แท้ก็เป็นคนกันเองเหรอเนี่ย!

 “ทำไมน้องสามีเธอถึงดูไม่เหมือนพี่ชายเขาเลยสักนิด ดูโง่ชะมัด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำสีหน้ารังเกียจ ผู้ชายโง่ ๆแบบนี้มิน่าน้องสามีของเธอถึงรังเกียจ แม้กระทั่งพูดจายังพูดไม่เป็น แต่ว่าผู้ชายแบบนี้จิตใจคงดีไม่เลว อีกทั้งไม่เจ้าชู้ด้วย คุ้มค่าที่จะฝากฝังไว้ได้

“คนละแม่ เลยมักทำตามที่แม่ว่า!” เหมยเหมยพูดสรุปเหตุผลของความแตกต่างระหว่างพี่น้องสองคนของตระกูลเหยียนอย่างกระชับได้ใจความ

ทางฝั่งอิงซานหงเตรียมจะจากไปแล้ว เพราะตอนบ่ายเธอต้องไปหาเอกสารในห้องสมุด ตอนนี้ไปกินข้าวแล้วพักกลางวันสักหนึ่งชั่วโมง เวลาของเธอถูกบีบจนเหลือเพียงนิดเดียว ฉะนั้นทุกนาทีทุกวินาทีจะเสียเปล่าไม่ได้

“อย่าเพิ่งออกไปเลย เดี๋ยวฉันจะกลับไปถามน้องสามีของฉันดูก่อนว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับน้องสามีเธอกันแน่ อันที่จริงถึงแม้ว่าน้องสามีของฉันจะโง่ไปหน่อยแต่เป็นคนจริงใจ ฝากฝังดูแลได้แน่นอน เธอจะเกลี้ยกล่อมน้องสามีเธอหน่อยไหม?”

เหมยเหมยอยากช่วยเหยียนหมิงต๋าสักหน คุณย่าหยางเป็นห่วงหลานชายคนเล็กมาก แนะนำสาวที่ทั้งหน้าตาดีทั้งฉลาดมีความสามารถให้ตั้งหลายคนแต่เหยียนหมิงต๋ากลับไม่ชอบเลยสักคน ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะถูกใจใครสักคน แถมยังรู้จักหัวนอนปลายเท้ากันด้วย เธอย่อมช่วยให้ลงเอยกันอยู่แล้ว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาไปมาแล้วพยักหน้าอย่างร่าเริง “ได้…รอเดี๋ยวฉันจะเรียกน้องสามีกลับบ้านแล้วให้อิงจวี้กังเป็นคนถาม”

หากตัดภูมิหลังตระกูลเหยียนออกไป มีพี่สะใภ้ที่ไม่วุ่นวายอย่างเหมยเหมย การแต่งงานครั้งนี้ก็น่าเอามาลองคิดดูเหมือนกัน ถึงอย่างไรหน้าตาของน้องสามีเธอ…ก็ไม่สวยจริง ๆนี่นา!

สังคมตอนนี้มักมองแต่เรื่องหน้าตาเป็นหลัก ทั้งยังได้เจอะเจอผู้ชายที่สายตาพิลึกแปลก ๆอย่างเหยียนหมิงต๋าเช่นนี้ นับว่าหาได้ยากมากจริง ๆ!

…………………………………………..

ตอนที่ 2766 ให้พี่ใหญ่ช่วยสอนนาย

“ตกลงนายกับผู้หญิงแซ่อิงคนนั้นยังไงกันแน่? สารภาพกับฉันมาตามตรงให้ชัดเจนเลยนะ!”

เหมยเหมยกลับบ้านไปก็เล่าเรื่องนี้ให้คุณย่าหยางฟัง คุณย่าพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเลยตัดสินใจโทรหาเหยียนหมิงต๋าสั่งให้กลับบ้านเพื่อทำการไต่สวนคดีในครอบครัวกับผู้อาวุโสทั้งสาม เหยียนหมิงซุ่นก็กลับบ้านมาก่อนล่วงหน้าเพื่อไต่สวนเหมือนกัน

เหยียนหมิงต๋ามีสีหน้างงงวย เขายังไม่ทันบอกอะไรเลย ทำไมคนในบ้านรู้กันหมดแล้วล่ะ?

“อย่าคิดปิดบังเด็ดขาด เมื่อตอนบ่ายแกตามไปวอแวหล่อนถึงมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ? พี่สะใภ้แกเห็นหมดแล้ว!“ เพียงครู่เดียวหญิงชราก็ขายเหมยเหมยเสียแล้ว เหมยเหมยเบือนหน้าอย่างเอือมระอาแล้วหันไปย่นจมูกใส่เหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งสายตาปลอบโยนไปให้เธอ เขายื่นวอลนัทลูกเล็ก ๆที่เขาเพิ่งปอกเปลือกให้เหมยเหมย เล่อเล่อที่อยู่ด้านข้างก็นึกอยากทานบ้างจนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พ่อคะ หนูก็อยากกิน”

“ปอกเอาเอง!” เหมยเหมยส่งเสียงฮึ เรื่องไม้นางฟ้ายังเคลียร์ไม่จบเลยนะ!

เล่อเล่อเบะปาก เมื่อเห็นพ่อไม่แม้แต่จะมองเธอซึ่งดูทรงคงหวังพึ่งไม่ได้ เธอเลยหยิบวอลนัทมาอย่างยอมรับในชะตากรรมแล้วค่อย ๆบีบด้วยนิ้วน้อย ๆสองนิ้ว แกร๊ก… เนื้อวอลนัทแตกกระจายเต็มมือผสมปนกับเปลือกด้วย ใบหน้าเล็ก ๆของเล่อเล่อจึงยู่เข้าหากันเป็นก้อนกลม

นี่จะกินอย่างไรเนี่ย?

“ควบคุมแรงให้ดี ค่อย ๆฝึกฝนไป!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบแล้วหยิบวอลนัทมาหนึ่งกำมือส่งให้ลูกสาว

เหยียนหมิงต๋าเล่าเรื่องระหว่างเขากับอิงซานหงรู้จักกันได้อย่างไรอย่างจำนน เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติภารกิจในบ้านเกิดของอิงจวี้กังจนเกือบจะถูกศัตรูพบตัวเข้าแล้ว อิงซานหงที่ไปตัดฟืนบนภูเขาได้ช่วยเขาไว้ ทั้งยังช่วยนำทางเขาไปยังกองกำลังและยังหาสมุนไพรช่วยห้ามเลือดให้เขาด้วย…

ในเวลานั้นเหยียนหมิงต๋ารู้สึกประทับใจหญิงสาวที่ทั้งไม่ตื่นตระหนก กล้าหาญและนิ่งสงบอย่างมาก เขาเคยได้รับแผลใจแสนสาหัสมาจากอู่เยวี่ย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าเชื่อใจคนสวยอีกเลย

เขาพลันรู้สึกว่ามีประโยคหนึ่งกล่าวถูกต้อง ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยจะยิ่งหลอกลวงคุณ…เขาก็คือผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นไม่ใช่เหรอ!

ดังนั้นสาวงามที่คุณย่าหยางแนะนำให้เขารู้จักจึงไม่อยู่ในสายตาของเหยียนหมิงต๋าเลยสักนิด เขาจะไม่ทำผิดซ้ำซากอีก หลังจากได้พบกับอิงซานหงเหยียนหมิงต๋าก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบและตัดสินใจตามจีบอิงซานหง

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสามีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ทั้งยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ด้วย แม้หน้าตาจะดูธรรมดาไปหน่อยแต่เป็นสาวน้อยบริสุทธิ์สดใส เหยียนหมิงต๋าหากนายคิดเล่น ๆนายก็ไปหาคนอื่นเถอะ อย่ามาทำร้ายน้องสามีของเพื่อนฉันเลย!” เหมยเหมยเอ่ยเตือน

“เปล่านะ…ฉันอยากจะศึกษาดูใจกับเธอจริง ๆแต่เธอไม่ยอมคบฉันสักที” เหยียนหมิงต๋ารู้สึกน้อยใจเล็กน้อย เขาอยากแต่งงานแล้วจริง ๆ ทำไมไม่เชื่อเขาล่ะ?

คุณย่าหยางกลับพอใจในตัวอิงซานหงมาก หน้าตาธรรมดาแล้วทำไม หาภรรยาแต่งงานก็ต้องหาคนฉลาดมีคุณธรรม ผู้หญิงคนนี้สอบเข้าเรียนระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ได้ทั้ง ๆที่อยู่ชนบทแสดงว่าเป็นคนมีความสามารถ ดีกว่าพวกผู้หญิงสะดีดสะดิ้งชอบยั่วยวนพวกนั้นตั้งมากโข

อีกทั้งสาวน้อยคนนี้ได้ช่วยชีวิตหลานชายคนเล็กของเธอไว้ นี่ไม่ใช่โชตชะตาเมื่อชาติปางก่อนหรอกเหรอ!

“ไม่เลวเลย…ครั้งนี้สายตาของหมิงต๋าถือว่าไม่เลวเลยจริง ๆ เหมยเหมยบอกครอบครัวตระกูลอิงสักหน่อยว่าพวกเราจะไปเยี่ยมถึงบ้านสักวันแล้วรวดจัดการคุยเรื่องแต่งงานไปเลย!” หญิงชราเป็นคนใจร้อนจึงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะจัดการเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของหลานชายเสียเดี๋ยวนี้เลย

เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “คุณย่าคะ…ตอนนี้เหยียนหมิงต๋าเป็นฝ่ายรักเขาข้างเดียว ฝ่ายหญิงยังไม่ตกปากรับคำเลย!”

คุณย่าหยางถอนหายใจอย่างผิดหวังพลางมองเหยียนหมิงต๋าอย่างดูถูก “ไม่ได้เรื่อง…ให้พี่ใหญ่ของนายเป็นคนสอน เขามีความสามารถทางด้านนี้!”

อายุสิบห้าก็หาภรรยาดี ๆได้ด้วยตัวเองแล้วโดยไม่ต้องให้เธอมากังวลใจสักนิด หลานชายบ้านไหนจะมามีความสามารถเท่าหลานชายคนโตของเธอบ้าง?

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก…เรื่องนี้จะสอนอย่างไรล่ะ?

มีแต่เรื่องที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ทั้งนั้น!

…………………………

Related

ตอนที่ 2763 มีผู้ชาย

เหมยเหมยได้ยินคำว่าไม้นางฟ้าก็ปวดหัวจี๊ดแล้วส่งเสียงฮึอย่างโกรธเคือง เธอปิดปากเงียบไม่พูดอะไร โชคดีที่วันนี้เล่อเล่อไปโรงเรียน ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าต่างมีหู ประตูมีช่องอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยอกเย้าเพื่อน ๆเพลินจนรถขับเข้าตัวเมืองตอนไหนไม่รู้ตัว พวกเธอนั่งอยู่ในรถของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน คนขับรถก็คนของบริษัทเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจจะส่งเพื่อนกลับบ้านก่อน

“ไม่ต้องหรอก พวกเราลงรถตรงนี้แหละ เรียกรถไปต่อก็ได้แล้ว เธอไปเยี่ยมน้องสามีเธอเถอะ”

เหมยเหมยไม่อยากรบกวนเท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน รถแท็กซี่ว่างยังมีอีกมากจึงเดินทางสะดวก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับไม่เห็นด้วย “ฉันจะเอาเงินไปให้หล่อนแค่ครู่เดียว พอโอนเงินไปในบัตรให้เธอเธอก็ไม่ใช้ ฉันก็เลยจะให้เงินสดเธอสักหน่อย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนประเภทที่ถ้าดีกับใครขึ้นมาก็ดูแลเอาใจใส่จนเข้ากระดูก แต่ถ้าเกลียดใครสักคนขึ้นมาก็เกลียดจนเข้ากระดูกได้เช่นกัน เธอแบ่งความรักความเกลียดชังอย่างชัดเจน เพราะน้องสามีคอยช่วยเหลือเธอ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงทำดีต่อหล่อนทุกอย่างโดยไม่นึกเสียดาย

“พวกเธอไปด้วยกันกับฉันเถอะ…ถึงอย่างไรพวกเธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงซี่โครงแกะ”

“ก็ได้ งั้นพวกเราไปซื้อของหน่อยแล้วกัน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นผู้อาวุโสกว่าคงไปมือเปล่าไม่ได้” เหมยเหมยรู้สึกว่ามารยาทไม่ควรขาด ทว่ากลับได้สายตามองบนจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่งมาให้

“ผู้อาวุโสอะไรกันล่ะ ฉันกับน้องสามีรุ่นเดียวกัน เธอคิดจะเอาเปรียบฉันใช่ไหม!”

เหมยเหมยลูบจมูกปอย ๆหัวเราะแก้เขิน เธอก็แค่คิดว่าพี่สะใภ้ก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสด้วยไม่ใช่หรือไง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรวดเร็วมาก เธอไปซื้อผลไม้ตามฤดูกาลถุงใหญ่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แถมยังกอดแตงโมลูกโตมาหนึ่งลูก พวกเขาสามคนบวกกับหนึ่งเด็กน้อยมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันจึงมีนักศึกษาเดินตามท้องถนนด้วยท่าทีรีบร้อน ทั้งยังเปิดเพลงป๊อปในวิทยุกระจายเสียง ความคุ้นเคยก็พุ่งทะลักขึ้นมา

“ตั้งแต่เรียนจบก็เกือบห้าปีแล้วเนอะ…เวลาผ่านไปเร็วมากจริง ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางทอดถอนใจ

“พวกเราต่างเป็นแม่คนกันหมดแล้ว แค่พริบตาเดียวก็แก่ลงเลยแฮะ เฮ้อ!” ฉีฉีเก๋อเองก็เศร้าใจแต่กลับโดนคุณหนูใหญ่เหริ่นดูแคลนใส่ “เธอแก่เองก็อย่าลากฉันไปร่วมด้วยสิ ฉันยังเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดตลอดกาลนะ”

“ได้…เธอเป็นยายแก่ปีศาจไปแล้วกัน!”

พวกเธอสามคนลับฝีปากกันพูดคุยหยอกเย้าสนุกสนานจนมาถึงหน้าหอพักของนักศึกษาปริญญาโท เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคยมาหลายรอบแล้วจึงคุ้นเคยเส้นทางดี พวกเขาทั้งสามคนเพิ่งจะเตรียมตัวขึ้นตึก ฉีฉีเก๋อสายตาดีจึงชี้นิ้วไปยังที่ไกล ๆแล้วเอ่ยว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสามีเธอไม่ใช่เหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองตามไป “เธอนั่นแหละ…จะต้องไปห้องสมุดอีกแล้วแน่นอน หนอนหนังสือจริง ๆ ฉันจะเข้าไปทักทายหน่อยแล้วกัน…”

เหมยเหมยดึงเธอเอาไว้ “อย่าไป หาที่ซ่อนก่อน!”

น้องสาวอิงไม่ได้อยู่คนเดียว ด้านหลังยังมีผู้ชายตามมาอีกคนหนึ่ง ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าอีกคนตามหลัง คนหนึ่งไล่ตาม อีกคนคอยหลบ ดูแล้วเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา!

“เชี่ยนเชี่ยน…น้องสามีของเธอมีผู้ชายแล้วเหรอ?” ฉีฉีเก๋อก็เห็นเหมือนกันจึงร้องถามเสียงหลง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ตาบอดจึงมองเห็นเช่นกัน แต่เพราะระยะห่างค่อนข้างไกล หน้าตาของผู้ชายคนนั้นจึงเลือนรางไม่ค่อยชัดนัก หากมองจากไกล ๆน่าจะสูงราวร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นไป รูปร่างสูงใหญ่กำยำ

“รูปร่างใช้ได้…ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง…เอ๊ะ ทำไมพวกเขาถึงเดินไปทางนั้นล่ะ? ไม่ได้การล่ะ…ฉันต้องไปแอบดูซะแล้ว!”

น้องสาวอิงพูดกับผู้ชายสองสามประโยคก็หมุนตัวเดินไปอีกทาง ผู้ชายก็ตามหลังไปติด ๆ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตามไปโดยไม่ต้องคิด เมื่อก่อนเธอมาเที่ยวในมหาวิทยาลัยครุศาสตร์อยู่บ่อย ๆ แม้แต่หลับตาเดินยังได้เลย

“พวกเราไปทางนี้ เงียบ ๆนะ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาเป็นประกาย สีหน้าท่าทางตื่นเต้น ทำตัวเหมือนเป็นสายสืบก็ไม่ปาน…

…………………………………………..

ตอนที่ 2764 หน้าตาทำให้คนรู้สึกสบายใจ

ทั้งสามคนอ้อมวนไปอีกทางและไปถึงสระบัวก่อนพวกเขาสองคน จากนั้นพวกเขาสามคนก็เจอตำแหน่งที่เหมาะแก่การดักฟัง ครั้นเพิ่งซ่อนตัวเสร็จน้องสาวอิงกับผู้ชายคนนั้นก็เดินมา

“เอาล่ะ…พวกเรามาคุยกันให้รู้เรื่องตรงนี้แหละ!” นี่เป็นเสียงของน้องสาวอิง เสียงของหญิงสาวไม่รีบร้อน ไม่สูงและต่ำ พูดได้ชัดเจนมากและเสนาะหูเหลือเกิน

“คือ…อิงซานหง…” ผู้ชายพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย เหมยเหมยมุมปากกระตุก พ่อแม่ตระกูลอิงช่างประหยัดแรงดีจริง ๆถึงตั้งชื่อนี้ขึ้นมา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอธิบายเสียงเบาว่า “ตอนน้องสามีของฉันเกิดเป็นช่วงเวลาที่กุหลาบแดงพันปีบนภูเขาเบ่งบานสวยงามที่สุด พ่อสามีฉันเห็นว่าเป็นผู้หญิงเลยตั้งชื่อว่าอิงซานหง แต่ว่าพวกเราต่างก็เรียกเธอว่าน้องหง”

“…ฉันรู้สึกว่าพวกเราสองคนเหมาะสมกันจริง ๆ พวกเราลองคบกันดูดีไหม?” ชายคนนั้นพูดคล่องแคล่วขึ้นเรื่อย ๆ เขาปล่อยระเบิดลูกใหญ่จนทำเอาพวกเขาสามคนหลังแปลงดอกกุหลาบพากันตกตะลึง

“เฮ้ย…มีอะไรกันจริง ๆด้วย…ผู้ชายคนนี้ทำอะไร? ขนาดเท่าไหร่…ฉันต้องไปสืบหาดูซะแล้ว…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพึมพำ ที่แท้พี่สะใภ้ก็เป็นกังวลทุกจุดเหมือนแม่จริง ๆ

เหมยเหมยกลับทำหน้าสับสน เสียงของผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้คุ้นหูนักนะ?

คุ้นจนไม่สามารถจะคุ้นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว แต่ที่เธอนิ่งไปก็เพราะเธอคิดไม่ออกว่าเจ้าหมอนี่คือใคร ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!

“ฉันกลับรู้สึกว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน ถึงแม้ว่าฉันจะช่วยชีวิตคุณไว้ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ และฉันก็ไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่คิดอยากมีแฟน ขอความกรุณาวันหลังอย่ามายุ่งกับชีวิตฉันถึงมหาวิทยาลัยอีก!”

อิงซานหงปฏิเสธคำร้องขอความรักจากผู้ชายตรง ๆไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด เธอรู้จักตัวเองดีเพราะภูมิหลังของครอบครัวชายผู้นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ซินเดอเรลล่าตัวจริงอย่างเธอจะสามารถปีนป่ายขึ้นไปได้

ซินเดอเรลล่าในเทพนิยายเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังรูปโฉมงดงาม แล้วเธอล่ะ…นอกจากสมองที่ไม่กลวงแล้วก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง คุณชายจากตระกูลผู้ดีจะมาเห็นเธออยู่ในสายตาได้อย่างไรกัน?

คาดว่าน่าจะเป็นเกมที่พวกคุณชายเหล่านั้นเล่นกัน…หรือแค่อยากชิมความสดใหม่ก็เท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้

 “ฉัน…ฉันรู้สึกจริง ๆว่าเราเหมาะสมกันมาก…ดูสิ เธอมีหน้าตาที่ชวนให้คนเห็นสบายใจขนาดนี้ อีกทั้งยังมีมุมมองความคิดเป็นของตัวเอง ฉันตามหาผู้หญิงแบบเธอมาตลอด จริง ๆนะ……พวกเราเหมาะสมกันแน่นอน…”

น้ำเสียงของผู้ชายจริงใจมากจนฟังออก แต่ก็ชวนให้หงุดหงิดเช่นกัน

แน่นอนว่าสำหรับอิงซานหงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอรู้ดีว่าตัวเองหน้าตาไม่น่ามองแต่เธอกลับไม่ชอบฟังคนอื่นพูดว่าเธอหน้าตาไม่น่ามอง แม้แต่ลับหลังก็ไม่ได้ ถ้าเธอได้ยินคงก่นด่าชุดใหญ่แน่

คาดไม่ถึงว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะพูดต่อหน้าเธอว่าเธอมีหน้าตาที่ชวนให้คนเห็นสบายใจ?

นี่ก็สื่อว่าเธอหน้าตาน่าเกลียดไม่ใช่เหรอ!

มีอย่างที่ไหนกัน!

“ฉันหน้าตาไม่ดีแล้วทำไม? ฉันไปกินข้าวบ้านนายหรือใส่เสื้อผ้าบ้านนายหรือยังไง…ฉันขี้เหร่ก็ไม่ได้ให้นายมาชอบฉันสักหน่อย อีกอย่างนายหล่อมากนักหรือไง? ตัวใหญ่เทอะทะหน้าตาก็ดูโง่…นายมีสิทธิ์อะไรถึงมาบอกว่าฉันขี้เหร่…”

ฝีปากของอิงซานหงยังคงดีไม่แผ่ว ได้ยินมาว่าผ่านการสอบวัดระดับภาษาขั้นสูงได้นานแล้ว เธอด่ารวดเดียวโดยไม่มีหยุดพักหายใจเลยสักนิด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาลุกวาวมากขึ้นทุกที น้องสามีคนนี้ถูกใจเธอจริง ๆ ดูฝีปากนี่สิคล่องแคล่วเสียเหลือเกิน!

แต่เหมยเหมยกลับตกตะลึง เพราะว่า…ในที่สุดเธอก็ฟังเสียงของผู้ชายคนนี้ออกแล้ว เขาเป็นน้องชายแท้ ๆของเหยียนหมิงซุ่น เป็นน้องชายสามีเธอ——เหยียนหมิงต๋าจอมซื่อบื้อ

ทำไมเหยียนหมิงต๋าถึงมาอยู่กับน้องสามีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ล่ะ?

ไม่สิ ควรจะเป็นเหยียนหมิงต๋ามาวอแวน้องสาวอิงต่างหาก แถมไม่เข้าตาเจ้าหล่อนอีกด้วย!

……………………

Related

ตอนที่ 2761 หนึ่งชีวิตที่สั้นและน่าเศร้า

“เธอดูสิ…นันนันเหมือนจะอ้วนขึ้นหน่อยแล้วใช่ไหม? แถมสูงขึ้นด้วย น่าจะกินได้เยอะแล้วล่ะ ดังนั้นเธอก็ไปอย่างสบายใจเถอะ ถึงแม้ว่าครอบครัวเราจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยมากมายอะไร แต่จะต้องเลี้ยงดูนันนันดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยแน่นอน…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจาสลับสับสนไปหมดราวกับปืนกล เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เยวี่ยเซียงกลับเข้าใจถึงความหมายที่เธอสื่อจึงยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น แววตาไร้ซึ่งความเสียใจแต่อย่างใด

เมื่อครู่ตอนเธอลูบไล้ใบหน้าเล็ก ๆของลูกสาว เจ้าตัวน้อยอวบอ้วนพวงแก้มยุ้ยแดงระเรื่อราวกับลูกแอปเปิ้ล ซึ่งดูดีกว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่กับเธอมาก

ในวันข้างหน้าลูกสาวของเธอจะเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย จะไม่ใช่เด็กน่าสงสารที่ถูกคนเหยียดหยามดูถูกอีกต่อไป…วันหน้านันนันจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างที่เธอประสบพบเจอ…

ใส่ชุดเจ้าหญิง ใส่รองเท้าหนังสีแดง สะพายกระเป๋านักเรียนมิกกี้เมาส์…กินเนื้อได้ทุกวัน…ช่างดีเหลือเกิน…

“ขอบ…คุณ…เธอ…นัน…”

เยวี่ยเซียงพยายามออกแรงพูดออกมาสองสามคำอย่างยากลำบากซึ่งฟังไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายที่เธออยากสื่อพลันก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

“แม่…แม่…”

เหมือนนันนันจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง อยู่ดี ๆก็ร้องไห้เสียงดังลั่นพลางเรียกแม่ไม่หยุด เยวี่ยเซียงยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ มือลดลงอย่างอ่อนแรงและค่อย ๆหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มอยู่บนริมฝีปาก

เธอไม่มีเรื่องที่ต้องเสียใจแล้ว!

“คนไข้เสียชีวิตแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย!” นางพยาบาลคลุมร่างเยวี่ยเซียงด้วยผ้าขาว ในที่สุดผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ก็จบชีวิตอันแสนสั้นและน่าเศร้าของเธอลง

พี่หนิวปาดน้ำตาถอนหายใจแล้วเอ่ย “ไปแล้วก็ดี ชาติหน้าตอนจะลงมาเกิดใหม่ก็อย่าไปผิดที่ล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกอดนันนันที่ร้องไห้ไม่หยุดไว้แน่น พูดเสียงสะอื้นว่า “เธอไปอย่างสบายใจเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพานันนันไปเข้าทะเบียนบ้าน จากนี้ไปเธอจะเป็นลูกสาวของฉัน!”

ถึงแม้ว่าการจากไปของเยวี่ยเซียงนั้นจะน่าเศร้า แต่เพราะเตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆแล้วเลยยังพอทำใจได้บ้าง เยวี่ยเซียงไม่มีครอบครัวอยู่ในเมืองหลวง เรื่องงานศพเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับพวกเหมยเหมยจึงจัดการเป็นธุระให้ทั้งหมด

ในวันที่เจ็ดหลังจากที่เยวี่ยเซียงจากไป พวกเหมยเหมยก็ไปไหว้เยวี่ยเซียงที่หลุมฝังศพด้วยกัน นันนันก็ไปด้วย เด็กน้อยดูซึม ๆไม่พูดไม่จา สีหน้าท่าทางดูเศร้าสร้อยจับใจ

“เจ้าหนูฉลาดมาก ในใจเจ้าหนูน้อยรู้ดียิ่งกว่าใคร หลายวันมานี้ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองใบหน้าซูบผอมของเด็กสาวอย่างทุกข์ใจ

“ในแง่ของเหตุผลคงเป็นเพราะระหว่างแม่กับลูกมีกระแสจิตส่งถึงกัน ผ่านไปสักพักคงดีขึ้น ช่วงนี้เธอก็อยู่กับนันนันให้มากหน่อย” เหมยเหมยกล่าว

“ฉันรู้ ตอนนี้ฉันไปทำงานก็พาเธอไปด้วย ยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ห่างมือ อิงจวี้กังอิจฉาจะตายอยู่แล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง แต่ยิ่งกว่านั้นคือความอิ่มเอมใจของความเป็นแม่มากกว่า เหนื่อยแต่มีความสุข

“ถือเป็นการฝึกมือแล้วกัน ในอนาคตมีลูกจะได้คล่อง ๆ” เหมยเหมยแซว

พวกเขามอบดอกเบญจมาศสีขาวให้เยวี่ยเซียง โค้งคำนับอีกครั้ง และออกจากสุสานไป

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน สายลมพัดแผ่วเบาทำให้ไม่หนาวไม่ร้อนชวนให้ง่วงนอนด้วยซ้ำ ทั้งสามขับรถกลับเข้าเมือง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้กลับบ้านเห็นบอกว่าเขาจะไปหาน้องสาวของสามีที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์ในเมืองหลวง

ถึงแม้น้องสาวของอิงจวี้กังหน้าตาจะธรรมดาแต่กลับเรียนเก่งมาก ควรจะกล่าวว่าทั้งสองพี่น้องต่างก็เป็นพวกเด็กเรียนเก่ง พ่อแม่ครอบครัวตระกูลอิงถึงแม้จะใสซื่อไม่ค่อยพูดจา แต่ลูก ๆที่เลี้ยงออกกลับยอดเยี่ยมมากทีเดียว

“น้องสามีเธอเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยครุศาสตร์แล้วเหรอ?” เหมยเหมยยิ้มถาม

“ใช่แล้ว…พูดถึงเรื่องนี้น้องสามีของฉันน่าทึ่งมากจริง ๆ สอบเรียนโทในเมืองหลวงได้โดยไม่บอกสักคำ มีความสามารถสุด ๆเลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลำพองใจเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาเธอชอบเด็กเรียนเก่งอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นน้องสามีของเธอยังเป็นคนรู้จักวางตัว แต่ไรมาไม่เคยพูดจาซี้ซั้ว ตรงกันข้ามกลับช่วยเธอพูดอีกต่างหาก อย่างเช่นชิงเหมยที่ถูกไล่กลับบ้านเกิดไปแล้วคนนั้น แถมยังเรื่องมีลูกอีก โชคดีที่มีน้องสามีคอยช่วย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2762 เต็มไปด้วยเรื่องลามก

เหมยเหมยเองก็รู้สึกดีกับน้องสาวของอิงจวี้กังมากเช่นกัน ถึงแม้หน้าตาจะดูธรรมดาแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ขอแค่แต่งหน้าแต่งตัวหน่อยก็สวยแล้ว เพียงแต่น้องสาวของอิงจวี้กังเป็นคนเรียบง่าย สวมแต่เสื้อผ้าที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคัดทิ้ง แถมไม่ชอบทาแป้งแต่งหน้าเลยดูแล้วไม่ค่อยเตะตาเท่าไร

“น้องสามีเธออายุเท่าไหร่แล้ว? มีแฟนหรือยัง?” เหมยเหมยถามขึ้นมา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแบมือออกอย่างจนใจ “ไม่มี…ฉันยังบอกอยู่เลยว่าฉันจะแนะนำใครสักคนให้เธอรู้จัก แต่เธอไม่เอาบอกแต่ว่าไม่คิดจะแต่งงาน ฉันไม่รู้จริง ๆว่าเธอคิดอะไรอยู่”

เหมยเหมยตกตะลึงเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าน้องสาวของอิงจวี้กังที่หน้าตาพื้น ๆธรรมดาจะเป็นพวกอยากเป็นสาวโสดไม่แต่งงาน?

ฉีฉีเก๋อก็เอ่ยถามเสริมอีกคน “น้องสามีของเธอไม่คิดอยากแต่งงาน?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายศีรษะ “แน่นอนว่าไม่ใช่ เธอไม่ได้ใจใหญ่ขนาดนั้น เมื่อก่อนฉันยังคิดว่าเธอไม่อยากแต่งงาน แต่เธอพูดกับฉันตามตรงว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาก็ไม่สวย จูบก็ไม่หอม ผู้ชายดี ๆไม่เห็นเธอในสายตาหรอก คนที่ชอบเธอเธอก็ไม่ชอบ และเธอก็ไม่อยากกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมด้วยการฝืนใจหาผู้ชายมาแต่งงานด้วย ดังนั้นเป็นโสดสบายใจกว่า!”

เหมยเหมยเลิกคิ้วพานยิ่งประทับใจในตัวน้องสาวของอิงจวี้กังมากขึ้นไปอีก

ผู้หญิงที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแบบนี้ เห็นได้น้อยมากจริง ๆ

“วางใจเถอะ น้องสามีของเธอเป็นคนคมในฝัก ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเจอผู้ชายที่ดีกับหล่อนอย่างจริงใจแน่นอน” เหมยเหมยมั่นใจเป็นอย่างมาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยยิ้ม ๆว่า “ขอให้คำพูดเธอเป็นจริงแล้วกัน ฉันรู้สึกว่าสาเหตุเป็นเพราะหล่อนเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตเกินไป หากฟังฉันแล้วแต่งตัวให้ดูดีใส่เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้สักหน่อย หล่อนต้องเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นแน่ ๆ ทุกวันเอาแต่ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด นึกไม่ออกจริง ๆว่าในหัวของเธอคิดอะไรอยู่!”

ฉีฉีเก๋อมองอย่างดูถูก “นกกระจอกจะรู้ถึงปณิธานของพญาหงส์ได้อย่างไร ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจการใช้ชีวิตของเธอแบบนี้เหมือนกัน ฉันคิดว่าน้องสามีเธอใช้ชีวิตแบบนี้ก็เป็นอิสระดี ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ทำแบบนี้ก็ดีต่อตัวหล่อนเองไม่น้อยเลย”

หากเธอเป็นผู้ชายจะต้องเลือกผู้หญิงฉลาดจากภายในแบบนี้แหละ ต่อให้ผิวดีแค่ไหนแล้วมีประโยชน์อะไร สุดท้ายก็เหี่ยวได้เหมือนกัน ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเท่านั้นถึงจะเป็นของตัวเองไปตลอดชีวิตและไม่สลายไปตามกาลเวลา มันก็เหมือนกับเหล้าเพราะยิ่งบ่มก็ยิ่งหอม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับแค่นเสียงใส่ “ฉันเป็นแบบนี้แล้วทำไมเหรอ ก็เหมือนเป็นผู้ใช้ชีวิตอยู่บนความสุขสูงสุดไม่ใช่หรือไง ชีวิตคนเราสั้นเกินไป เราทำเพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างสง่าผ่าเผยไม่ใช่เหรอ ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่ม ควรเล่นก็เล่น ทำไมต้องกล้ำกลืนฝืนทนทำตัวเป็นแม่ชีด้วยล่ะ!”

เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยังไม่จำนนแถมพูดต่ออีกว่า “เรื่องอื่นฉันไม่พูดถึงหรอก เอาแค่ความต้องการทางร่างกายของเราถึงอย่างไรก็ต้องมีกันบ้างเป็นปกติ น้องสามีฉันอายุยี่สิบสามแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตกดึกเธอจะไม่เหงาเปล่าเปลี่ยว คงจะอาศัยแค่พี่ชายทั้งห้ามาแก้ขัดไปตลอดไม่ได้หรอกมั้ง!”

“อะไรคือพี่ชายทั้งห้า?” เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อต่างก็ทำหน้างงงัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนอย่างอารมณ์เสีย “จนลูกโตป่านนี้แล้วยังมาทำตัวไร้เดียงสากับฉันอีก ผู้ชายใช้น้องสาวทั้งห้าก็คือนิ้วทั้งห้าสำเร็จความใคร่ ผู้หญิงก็ต้องเป็นพี่ชายทั้งห้าไม่ใช่หรือไง? ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่เคยใช้!”

พวกเหมยเหมยหน้าแดงกันยกใหญ่โมโหจนหยิกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทีหนึ่ง ผู้หญิงลามกคนนี้คำพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาหมด!

“ตัวเองสกปรก อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำตัวสกปรกตามเธอไปด้วยสิ เธอจะพูดจาอะไรก็ระวังหน่อย นันนันก็อยู่นะ!” เหมยเหมยพูดอย่างไม่พอใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังไม่สนใจ ”นันนันเป็นแค่เด็กน้อยฟังเข้าใจสิแปลก เหมยเหมยเธอไม่ใช้แต่ก็มีความเป็นไปได้ ถึงอย่างไรเธอกับผู้ชายของเธอก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ อันที่จริงไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่ฉีฉีเก๋อเธออย่ามาทำทีเสแสร้งต่อหน้าฉันหน่อยเลย ไม้นางฟ้า[1]ที่ซื้อมาอยู่ไหนล่ะ?…ฮึ…มีความอยากมากกว่าฉันอีก เธอบอกฉันมาสิว่าไม่เคยทำเองมาก่อน? ขนาดผีก็ไม่เชื่อ!”

…………………………………………..

[1] ดิลโด้เซ็กทอย

Related

ตอนที่ 2759 เร่งแต่งงาน

ครั้นเหมยเหมยได้ยินชื่อเซียวเซ่อก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…พวกเขาสองคนอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ หนูจะไปรู้ได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์ของสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อเป็นอย่างไรบ้าง คุณอาลองถามสยงมู่มู่ก็รู้แล้วค่ะ”

จ้าวอิงหนานรู้สึกผิดหวังมากจึงพูดอย่างหัวเสีย “ฉันถามแล้วเขาจะบอกเหรอ? บอกฉันทุกวันว่าอย่ายุ่ง ๆ ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเหมือนกันแต่เขาช่วยทำตัวให้มันมีอนาคตหน่อยไม่ได้เหรอ? แวบเดียวก็จะอายุ 30 แล้ว แม้แต่เงาของภรรยาก็ไม่มีโผล่มาเลย!”

“คุณอาคะ…สยงมู่มู่อายุเท่าหนู ปีนี้เพิ่งจะ 25 ปีครึ่งเองค่ะ ยังห่างจากเลข 30 อีกไกล!” เหมยเหมยเตือนด้วยเสียงหนักแน่น

ไม่ต้องปัดเศษอะไรทั้งนั้น อายุ 25 ปีครึ่งก็คืออายุ 25 ปีนั่นแหละ บวกอีกครึ่งปีก็เพิ่งจะอายุ 26 ปีซึ่งยังห่างจาก 30 อีกมาโข สิ่งที่น่ารำคาญก็คือพวกผู้ใหญ่ชอบบวกให้อายุเพิ่มขึ้น เงินเดือนก็ชอบบอกต่ำกว่าปกติ…จริง ๆเลย!

จ้าวอิงหนานก็ยังหาเรื่องพูดได้อีก “ดูสิ…เธออายุน้อยกว่ามู่มู่ครึ่งปีแต่เล่อเล่อกลับเล่นไพ่นกกระจอกได้แล้วเนี่ย แต่พี่ชายของเธอแม้แต่ภรรยาอยู่ที่ไหนก็ยังหาตัวไม่เจอเลย เธอคิดดูจะไม่ให้ฉันร้อนใจได้อย่างไร?”

เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างได้ใจ ลูกสาวของเธอไม่ได้มีความสามารถแค่เล่นไพ่นกกระจอกได้เท่านั้นนะ!

อีกอย่างการเอาคนมาเปรียบกันมันน่าโมโหจะตาย หากเอามาเปรียบกับครอบครัวที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างเธอ แบบนี้จะไม่เป็นการหาเรื่องทำให้ตัวเองปวดใจหรือ!

 คำพูดพวกนี้จะพูดต่อหน้าคุณอาไม่ได้ เพราะเป็นคุณอาแท้ ๆ อย่าทำให้เธอโกรธจะดีกว่า

“คุณอาคะ…เมื่อก่อนคุณอาไม่ได้บอกว่าอยากจะใช้ชีวิตสองคนกับอาเขยเหรอคะ? แล้วทำไมจู่ ๆถึงเร่งให้สยงมู่มู่แต่งงานล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ คนที่เอาแต่พร่ำบอกว่าอยากใช้ชีวิตโลกเราสองก็คือคุณอาสุดที่รักของเธอนี่แหละ

“เห้อ…จริง ๆฉันกับอาเขยของเธอก็ไม่ได้เร่งอะไรหรอก แต่คุณปู่กับคุณย่าของสยงมู่มู่สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว คาดว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี พวกเขาก็แค่อยากเห็นมู่มู่มีคู่ครอง ยิ่งมีลูกด้วยพวกเขาก็จะยิ่งดีใจ ต่อให้ตายก็คงตายตาหลับแล้ว…”

จ้าวอิงหนานถอนหายใจ จู่ ๆบรรยากาศก็แย่ลง เหมยเหมยนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เธอเคยเจอผู้เฒ่าสยงทั้งสองอยู่หลายครั้ง พวกเขาเป็นผู้เฒ่าที่มีจิตใจเมตตาซึ่งอายุมากกว่าคุณย่าหยางสองสามปีแต่สุขภาพกลับแย่กว่าคุณย่าหยางมาก

“ถ้าอย่างนั้น สยงมู่มู่รู้เรื่องนี้ไหมคะ? คุณอาต้องบอกเขานะคะ ให้เขาใส่ใจหน่อย!”

“พวกเขาไม่ให้ฉันบอกเพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่องานของมู่มู่…” จ้าวอิงหนานลังเลเล็กน้อย

“แต่คุณอาก็ต้องบอกค่ะ ถ้าเกิดว่าท่านทั้งสองไม่อยู่แล้วสยงมู่มู่ต้องปวดใจมากแน่ ๆ คุณอาต้องให้เขาเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆนะคะ” เหมยเหมยพูดโน้มน้าว

จ้าวอิงหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลง “โอเค ฉันจะโทรหาสยงมู่มู่เดี๋ยวนี้แหละ แล้วก็จะถามเรื่องแฟนเขาต่อด้วยเลย ถ้ามีแล้วจริง ๆก็ให้พามาให้ฉันกับพ่อเขาดูตัวสักหน่อย!”

เหมยเหมยมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียง ‘ตุ๊ด ๆ’ มาจากปลายสายก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ คุณอาของเธอวู่วามใจร้อนเหมือนตอนสาว ๆไม่ผิดเลย

แต่ตอนนี้เรื่องราวกับแปลกขึ้นเรื่อย ๆ สยงมู่มู่มีแฟนแล้วเหรอ?

หรือว่าคนที่เขาพูดกับอาเขยก็คือเซียวเซ่อ?

ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ รอให้เซียวเซ่อกลับมาก่อนค่อยถามแล้วกัน ดูสิว่าเธอและสยงมู่มู่พัฒนากันไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนนี้ต้องไปวางกุญแจให้คุณหญิงเซียวก่อน!

เธอเอากุญแจยัดไว้ใต้พรมแล้วแสร้งทำเป็นเดินไปเดินมาหน่อยค่อยออกไปจากที่นั่น บ้านหลังนี้เคยมีคดีฆาตกรรม เพื่อนบ้านก่อนหน้านั้นเลยย้ายออกไปหมดแล้ว ชั้นนี้จึงไม่มีคนอยู่ กุญแจจึงปลอดภัยมาก

เพิ่งขึ้นรถมาโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนโทรมาน้ำเสียงดูร้อนรนมาก “รีบมาโรงพยาบาล เยวี่ยเซียงแย่แล้ว!”

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ ยังไม่ถึงสามเดือนดีเลยทำไมอยู่ดี ๆถึงไม่ไหวแล้วล่ะ?

ครั้งที่แล้วผู้เชี่ยวชาญยังบอกเองว่าจะอยู่ต่อได้อีกหนึ่งปีนี่นา!

……………………………………….

ตอนที่ 2760 อาการไม่ค่อยดีนานแล้ว

เหมยเหมยรีบไปโรงพยาบาล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่อุ้มนันนันไว้มาถึงโรงพยาบาลแล้ว พี่ฮวาก็ตามมาด้วยเช่นกัน เธอก้มหน้าก้มตา พอเห็นเหมยเหมยก็ยิ่งหดคองอตัวด้วยท่าทีเกรงกลัว

เธอสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่พี่ฮวาใส่อยู่เปลี่ยนใหม่หมดแล้ว ไม่ใช่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแต่ก็ดูออกว่าฝีมือและเนื้อผ้าไม่น่าจะใช่ของถูก ๆ ทั้งตัวอย่างน้อยก็น่าจะหลายร้อยและแน่นอนว่าต้องเป็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่จัดการ

เหมยเหมยพรูลมหายใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องใจอ่อนและเก็บผู้หญิงชอบโกหกคนนี้ไว้ จริง ๆเลย…

ช่างเถอะ วันหลังถ้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลำบากก็จะได้รับบทเรียนบ้าง ต่อให้คนอื่นพูดมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์

“เยวี่ยเซียงเป็นอะไรไป? สองสามวันก่อนยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยรีบถามด้วยความร้อนใจ

พวกเธอต่างอยู่นอกห้องผ่าตัด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าอยู่ดี ๆเยวี่ยเซียงก็ไอเป็นเลือดแล้วสลบแน่นิ่งไป ซึ่งทางโรงพยาบาลโทรมาหาเธอถึงเพิ่งรู้เรื่องนี้และไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ไหม

นันนันราวกับรับรู้ได้ว่าแม่แท้ ๆของเขากำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มหวานอยู่บนใบหน้าน้อย ๆเหมือนเมื่อก่อน เธอหดตัวอยู่ในอ้อมอกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน มือน้อย ๆโอบคอของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้แน่น และไม่ยอมให้คนอื่นอุ้ม

“คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?”

“ไม่รู้เหมือนกัน…เข้าไปสองชั่วโมงแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครออกมาเลย ฉันร้อนใจจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเต็มไปด้วยความกังวล

ฉีฉีเก๋อ เฝิงอวี้และพี่หนิวต่างรีบมา ไฟสีแดงที่สว่างไสวอยู่หน้าห้องผ่าตัดรั้งหัวใจของทุกคนไว้ ฉีฉีเก๋อพึมพำกับตัวเองอยู่ตลอด “ทำไมถึงอาการแย่ได้นะ…เมื่อวานฉันเห็นเธอยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย…”

พี่หนิวถอนหายใจ “พวกเธอต่างโดนเยวี่ยเซียงหลอกแล้วล่ะ จริง ๆแล้วเธออาการไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เจ็บทรมานจนนอนไม่หลับ ตอนก่อนเจอพวกเธอก็ให้คนมาแต่งหน้าให้พยายามปกปิดไม่ให้พวกเธอดูออก…เฮ้อ!”

เยวี่ยเซียงช่างมีชีวิตที่ขมขื่นจริง ๆ…ไม่เคยเห็นใครทุกข์ทรมานได้เท่าเธอแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน อย่างมากเยวี่ยเซียงก็จะแค่ร้องเสียงโอดโอยเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนคนป่วยคนอื่นที่ร้องโวยโวยเสียงดัง เธอบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นรำคาญ…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนด่าขึ้นว่า “ยัยโง่ ทำไมเธอถึงไม่บอกพวกเรานะจะได้เปลี่ยนยาที่ดีกว่านี้ให้เธอ…โง่จริง ๆเลย…”

“วันนั้นเธอเห็นใบค่ายาแล้วบอกว่าชีวิตของเธอไม่คู่ควรกับเงินมากมายขนาดนี้ แถมยังบอกอีกว่าเชี่ยนเชี่ยนยังต้องเลี้ยงนันนัน ไม่ควรจะเอาเงินมาฟุ่มเฟือยกับเธอ…เธอก็อย่ารู้สึกแย่ไปเลย เยวี่ยเซียงได้มาพบพวกเธอนับว่าเป็นโชคดีของเยวี่ยเซียงแล้ว ต่อให้ต้องจากไป…ก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม!” พี่หนิวปลอบพวกเธอ

“ฉันขาดเงินพวกนั้นซะที่ไหน…ทำไมถึงโง่ขนาดนี้นะ ช่างน่าโมโหจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธพร้อมปาดน้ำตา

เหมยเหมยเองก็เศร้าใจ เธอไม่คิดเลยว่าเยวี่ยเซียงจะรับรู้สัญญาณแห่งความตายอยู่แล้ว เฮ้อ…

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก คุณหมอเดินออกมาแล้วส่ายศีรษะให้กับพวกเธอ “เหลืออีกไม่กี่นาที คุยกับผู้ป่วยเถอะ!”

ทุกคนต่างใจหายแล้วเดินเข้าไปด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง เยวี่ยเซียงที่มีใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด พยายามฝืนยิ้มส่งให้พวกเธอ แต่สายตากลับจับจ้องนันนันที่อยู่ในอ้อมอกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เธอพยายามที่จะขยับริมฝีปากแต่กลับไร้เสียงใด ๆออกมา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับรู้ได้เลยอุ้มนันนันไปตรงด้านหน้าเธอ “วางใจเถอะ…ฉันจะเลี้ยงดูนันนันเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง ต่อให้อนาคตฉันจะมีลูกอีกมากมายแต่นันนันก็จะเป็นลูกสาวคนโตสุดที่รักของฉัน ฉันยังตั้งชื่อให้ด้วยนะว่าอิงเหวินเหวิน เธอคิดว่าชื่อนี้เป็นไงบ้าง?”

“ดีค่ะ…ขอบคุณมากนะ…”

เยวี่ยเซียงพยักหน้ารับอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมเผยยิ้มอย่างยินดี มือผอมแห้งขยับแต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้นได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจับมือเธอขึ้นมาแล้วเอามือของเธอนาบบนดวงหน้าน้อย ๆของนันนัน

………………

Related

ตอนที่ 2757 โดนขู่จากสองฝั่ง

“ไม่รู้…ฉันไม่ได้ติดต่อกับเซ่อเซ่อมาจะครึ่งปีละ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเธอกลับมาหรือยัง”

ลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนรัก…เหมยเหมยเลือกเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว

“เธอเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอ? จะไม่ติดต่อกันเป็นครึ่งปีได้อย่างไร? พวกเธอคงไม่ได้เป็นเพื่อนรักกันปลอม ๆหรอกนะ?” เมื่อสยงมู่มู่ไม่ได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการอารมณ์ก็ยิ่งไม่ดีจึงพูดจาไม่มีความเกรงใจ

เหมยเหมยยิ้มเยาะแล้วพูดประชดว่า “อย่างพวกเราเรียกว่าความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ดั่งน้ำใสต่างหาก ถึงแม้ปกติจะไม่ได้ติดต่อกันแต่พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นย่อมต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว สยงมู่มู่นายไม่มีปัญญาจับตาดูเซ่อเซ่อให้ดีก็ไม่ต้องมาใส่อารมณ์แถวนี้เลย ฉันไม่ทนมารองรับอารมณ์นายหรอกนะ!”

เธอก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน แม้สองคนนี้จะชอบทะเลาะกันแต่ยิ่งทะเลาะกันกลับยิ่งดี ทุกคนต่างก็มองออกว่าสองคนนี้รักผูกพันกันมากแค่ไหน…มีแค่พวกเขาเท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก ดีแต่กราดด่ากระทบกระทั่งกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

แต่หลายปีมานี้ไม่ว่าข้างกายของสยงมู่มู่หรือเซียวเซ่อกลับไม่เคยปรากฏเพศตรงข้ามเลย พวกเขามีแค่กันและกัน เพียงแต่ยังไม่รู้ใจตัวเองก็เท่านั้น!

“จ้าวเหมย พูดความจริงกับฉันมาเลยนะ ไม่สิ…เธอต้องสาบาน ช่วงนี้เซี่ยวเซ่อไม่ได้โทรหาเธอจริง ๆเหรอ?” น้อยครั้งนักที่น้ำเสียงของสยงมู่มู่จะดูจริงจังขนาดนี้ เหมยเหมยใจเต้นและเริ่มมีเหงื่อซึมออกตามหน้าผาก

จะให้เธอสาบานอย่างไร?

ไม่ควรเอาชีวิตน้อย ๆไปเกี่ยวข้องด้วยสิ!

“เออ…ฉันสาบาน…ช่วงนี้ฉันไม่ได้โทรหาเซ่อเซ่อเลยจริง ๆ!” เหมยเหมยสมองฉุกคิดได้เลยเล่นคำสักหน่อย

เธอก็ไม่ได้โทรหาจริง ๆแต่เซียวเซ่อเป็นคนโทรมา ดังนั้น…เธอพูดความจริง

แต่ทว่า—

จะสามารถปกปิดสยงมู่มู่คนอัจฉริยะได้เหรอ?

แน่นอนว่าไม่ได้!

สยงมู่มู่แค่นเสียงเย็นชา “จ้าวเหมย เธอสอบได้แค่ 60 คะแนนยังกล้ามาเล่นเกมเด็ก ๆแบบนี้กับฉันอีกเหรอ?  บอกความจริงมาซะดี ๆ เซียวเซ่อคุยอะไรกับเธอบ้าง?”

“ไม่รู้…ถึงอย่างไรฉันก็รับปากกับเซียวเซ่อแล้วว่าจะไม่บอกใคร นายอย่าคิดว่าจะมาสืบถามอะไรจากฉันได้เลย ชิ…จีบมาตั้งนานก็ยังไม่ติด ฉันอับอายแทนนายจริง ๆ ขายหน้าครอบครัวสยงของนายชะมัดเลย!”

เหมยเหมยเล่นลูกไม้นี้แล้วรีบวางสายทันที ทั้งยังรีบบล็อกเบอร์ของสยงมู่มู่ด้วย…หึหึ…เพียงเท่านี้ก็หาตัวเธอไม่ได้แล้ว!

“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง…”

โทรศัพท์ที่ห้องรับแขกแผดเสียงดังขึ้นราวกับเร่งเอาชีวิต “จ้าวเหมยเธอเก่งมาก กล้าบล็อกฉันงั้นเหรอ ตอนนี้ฉันจะถามเธอ เธอไม่ต้องตอบแค่ฟังก็พอ!”

เหมยเหมยเบะปาก เธอลืมโทรศัพท์ที่บ้านเสียสนิท เธอถือสายแล้วฟังสยงมู่มู่บ่น

”เซียวเซ่อโทรหาเธอเมื่อสิบสี่วันก่อนใช่ไหม?”

“…” เหมยเหมยนิ่งเงียบแต่สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างไม่รู้ตัว สยงมู่มู่เปลี่ยนไปเป็นหมอดูตั้งแต่เมื่อไรนะ?

เมื่อสยงมู่มู่ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าลึก ในใจพอจะเดาได้เลยอดยิ้มเจื่อนออกมาไม่ได้ เป็นวันนั้นจริง ๆด้วย เขาถามต่อ “เซียวเซ่อให้เธอช่วยหาบ้านให้ใช่ไหม?”

“…” สูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เธอไม่ได้ตั้งใจแต่นี่เป็นสัญชาตญาณของร่างกาย ซึ่งนี่ทำเอาลูกพี่ลูกน้องของเธอตกตะลึงไม่น้อยเพราะเดาอีกก็ถูกอีก!

“โอเค…ฉันรู้แล้ว เธอไม่ต้องบอกเซียวเซ่อนะว่าฉันโทรมาหา แต่ถ้าบอกความจริงไปฉันก็จะบอกเซียวเซ่อว่าเธอเป็นคนบอกทุกอย่างกับฉันเอง!” สยงมู่มู่ขู่อย่างเปิดเผยแล้วก็วางสายไป เขาต้องรีบจัดการธุระให้เสร็จโดยเร็วแล้วรีบกลับประเทศ

เหมยเหมยจ้องหูโทรศัพท์ที่ร้องเสียงดัง ‘ตุ๊ด ๆ’ อย่างเกลียดชังแล้วกัดฟันกรอด

เธอไปหาเรื่องใครไว้เนี่ย สุดท้ายก็โดนดีทั้งสองฝ่าย!

แต่เกิดอะไรขึ้นระหว่างสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อกันแน่?

อยู่ดี ๆเซียวเซ่อที่ไม่เคยกลัวอะไรกลับทำตัวหลบ ๆซ่อน ๆ จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เดี๋ยวต้องไปสืบละ!

……………………………………….

ตอนที่ 2758 โทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่อง

เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์จากสยงมู่มู่ เสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้งและเป็นเซียวเซ่อที่โทรมา

“เจ้าหมอนั่นโทรหาเธอหรือเปล่า?”

“ไม่…ไม่นะ ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขามาครึ่งปีแล้ว เขาไม่ได้อยู่กับเธอหรอกเหรอ?” เหมยเหมยตกใจจนเหงื่อซึมหลัง…บ้าเอ๊ย เซียวเซ่อมีตาทิพย์เหรอเนี่ย?

“ไม่มีจริง ๆเหรอ?” เซียวเซ่อสงสัย

“ไม่มีจริง ๆ…เซ่อเซ่อเมื่อไรจะกลับมา? ฉันเตรียมบ้านให้เธอเสร็จแล้วนะ ถ้ากลับมาเดี๋ยวฉันไปรับเธอเอง!” เหมยเหมยรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

ผู้หญิงคนนี้เกลี้ยกล่อมง่ายซะที่ไหน เพื่อให้ชีวิตน้อย ๆรอดปลอดภัยคุยเรื่องอื่นน่าจะเหมาะกว่า

“ไม่ต้องมารับฉันหรอก ฉันยังไม่ได้กำหนดวันเลย เธอเอาที่อยู่มาให้ฉันก็พอเดี๋ยวฉันไปเอง” เซียวเซ่อทำตัวเท่เหมือนเคย

“แต่กุญแจอยู่ที่ฉันนี่นา…”

“เธอเอากุญแจไว้ใต้พรมตรงหน้าประตู ตามนี้แหละ…เท่านี้ก่อน เดี๋ยวกลับไปแล้วค่อยคุยกัน แล้วจำไว้นะว่าเรื่องของฉันห้ามบอกใครเป็นอันขาด!”

เหมยเหมยมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้อง ‘ตุ๊ด ๆ’ อย่างมึนงง เธอส่ายศีรษะไปมาไม่หยุด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

เพิ่งวางมือถือลงและซดซุปไก่ในชามหมดโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นอีกครั้งราวกับจะเร่งเอาชีวิต เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น วันนี้เกิดอะไรขึ้น ปกติโทรศัพท์ที่บ้านนาน ๆทีจะดังแต่วันนี้กลับดังไม่หยุด…

ยิ่งเห็นเบอร์ที่โทรมาเหมยเหมยก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ นี่เป็นเบอร์จากเมืองจิน หรือว่าจะเป็นเสี่ยวเป่า?

ไม่สิ โทรศัพท์บ้านของเสี่ยวเป่าไม่ใช่เบอร์นี้ บางทีอาจจะเป็นญาติของเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ทางนั้นก็ได้ ทว่ารอบนี้เธอเดาผิดแล้ว รอบนี้คนที่โทรมาคือญาติของเธอ—จ้าวอิงหนาน

“คุณอา…ทำไมถึงโทรหาหนูได้ล่ะคะ?” เหมยเหมยตกใจจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง เพราะคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ

ตั้งแต่สยงมู่มู่ไปต่างประเทศ จ้าวอิงหนานและสามีของเธอก็เหมือนกลับมาหวานแหววใหม่อีกครั้ง จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกเพราะพวกเขาทั้งสองต่างอยู่ในห้วงแห่งความรักมากันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย

กิจการร้านขายเครื่องดนตรีของจ้าวอิงหนานไปได้ดีแถมมีหลายสาขาด้วย ตัวเธอเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เพราะมีผู้จัดการร้านคอยดูแล เมื่อใดที่สยงฉู่ฉู่มีวันหยุด พวกเขาสองคนก็จะออกเดินทางไปท่องเที่ยว อีกไม่กี่ปีสยงฉู่ฉู่ก็จะเกษียณแล้ว วันหลังสองคนนี้คงออกเที่ยวไม่หยุดหย่อนแน่!

ดังนั้น…จู่ ๆจ้าวอิงหนานที่มีความสุขอยู่ในห้วงแห่งรักโทรมาหาจึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเสียอีก!

“เหมยเหมย…ฉันถามอะไรเธอหน่อย มู่มู่เขาหาแฟนได้แล้วใช่ไหม? เธอพอจะรู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” คำพูดของจ้าวอิงหนานยิ่งชวนให้ประหลาดใจจนทำเอาเหมยเหมยตกใจยกใหญ่

“คุณอา…ไปฟังมาจากใครคะว่าสยงมู่มู่มีแฟนแล้ว? ทำไมหนูไม่รู้เรื่องนี้เลยคะ?”

ความโกรธปะทุขึ้นมา เหมยเหมยกัดฟันกรอด ถ้าสยงมู่มู่กล้าที่จะเจ้าชู้เกี้ยวหญิงอื่นในขณะที่ก็ยียวนเซียวเซ่อด้วย เธอจะจัดการโดยไม่สนว่าเป็นญาติตัวเองเลย!

“เธอไม่รู้เหรอ? หรือว่าฉันคิดมากไปเอง? ไม่สิ…เจ้าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ ถ้าไม่มีอะไรเขาคงไม่โทรมาพูดจาแปลก ๆแบบนั้น…” จ้าวอิงหนานพึมพำกับตัวเอง

เหมยเหมยใจกระตุกวูบ สยงมู่มู่โทรหาที่บ้านด้วยอย่างนั้นเหรอ?

“เขาพูดอะไรแปลก ๆเหรอคะ?”

“ครึ่งเดือนก่อนสยงมู่มู่โทรมาหาอาเขยของเธอแล้วถามอะไรแปลก ๆ อาเขยของเธอก็ไม่ยอมบอกฉัน แถมบอกว่าเป็นความลับระหว่างเขาสองคน แค่บอกว่าบางทีมู่มู่อาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ ฉันถึงได้โทรมาถามเธอนี่แหละ”

จ้าวอิงหนานก็สับสนไปหมดแล้วเหมือนกัน สยงฉู่ฉู่บ้านั่นไม่ยอมบอกว่าคุยอะไรกัน คืนนี้ก็ให้นอนโซฟาต่อไปนั่นแหละ!

“จริงสิ…ฉันจำได้ว่ามู่มู่กับเซ่อเซ่อมักจะอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ตกลงพวกเขาสองคนไปถึงไหนกันแล้ว? มีความคืบหน้าในทางที่ดีบ้างไหม?” จ้าวอิงหนานนึกถึงเซียวเซ่อขึ้นมา

แม้ว่าเซ่อเซ่อจะดูเย็นชาไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรู้จักกาลเทศะดีทีเดียว อีกอย่างขอแค่ลูกชายชอบก็โอเคแล้ว เพราะอย่างไรเสียพวกเขาสองคนก็คงไม่ได้ไปอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้หรอก

เธอยังกลัวว่าลูกชายและลูกสะใภ้จะมาเป็นก้างขว้างคอส่งผลต่อการใช้ชีวิตโลกสองเราของเธอด้วยซ้ำ!

………………………

Related

ตอนที่ 2755 จัดรถไฟความเร็วสูงเลย

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ ไม่มีความสามารถอะไรกัน?

แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ฉับพลันใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับกุ้งสุก ส่ายศีรษะอย่างแรง “เปล่านะ…ฉันพอใจกับความสามารถของพี่มาก ๆ…จริง ๆนะ…ฉันสาบานเลย!”

เธอกล้าสาบานต่อหน้าพระเจ้าเลยว่าบางเรื่องเธออาจจะไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้าง แต่เรื่องบนเตียงเธอไม่เคยไม่พอใจเลย ในทางกลับกันมันยอดเยี่ยมมาก แต่ถ้าสามารถยับยั้งชั่งใจบ้างเธอจะยิ่งพอใจมากกว่านี้

มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกเล็กน้อยแล้วจงใจพูดว่า “ในเมื่อพอใจแล้วทำไมยังต้องไปซื้อไม้นางฟ้าอีก? เป็นเพราะพี่ให้เธอได้ไม่พอเหรอ?”

เหมยเหมยปิดประตูด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ฉันไม่ได้ซื้อนะ…ฉีฉีเก๋อเป็นคนซื้อ เชี่ยนเชี่ยนเอามาล้อเล่น ฉันก็แค่ฟังเฉย ๆ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น…จริง ๆนะ ฉันมีของจริงอยู่แล้ว ทำไมจะต้องไปซื้อของเล่นเย็นชืดแบบนั้นด้วยล่ะ…”

เธอพูดความจริง ไม้นางฟ้ามีไว้สำหรับสาวโสดหรือว่าคนที่สามีมีขนาดไม่พอ ไม่ก็สำหรับสาวแต่งงานแล้วแต่สามีไม่มีความสามารถด้านนั้น แต่คนที่มีสามีแรงเยอะแถมลีลาเด็ดอย่างเธอจะไปลองใช้ไม้นางฟ้าอะไรนั่นทำไมอีก!

เธอยังอยากให้เหยียนหมิงซุ่นพักสักเดือนหนึ่งด้วยซ้ำเพื่อให้เธอได้พักผ่อนเต็มที่หน่อย!

แววตาของเหยียนหมิงซุ่นมีความประหลาดใจพาดผ่าน ดูท่าแล้วเขายังไม่เข้าใจในตัวภรรยาของเขาเองในทุกด้าน!

เมื่อก่อนเขามองว่าเหมยเหมยเป็นคนขี้กลัว ขี้อายและไร้เดียงสา แต่พอตอนนี้…อาจจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

ไม่น่าเมื่อก่อนเฮ่อเหลียนชิงถึงเคยบอกว่าเหมยเหมยเป็นคนที่ภายนอกแตกต่างจากภายใน แล้วยังบอกว่าเขียนหนังสือแต่ละเล่มก็แปลกพิกลทุกนั้น แถมแต่ละเล่มก็มีแต่เรื่องอย่างว่าอยู่ด้วย พ่อบุญธรรมของเขาช่างเฉียบแหลมเสียจริง พูดถูกต้องทุกอย่าง!

เหมยเหมยถูกสายตาที่ยากจะคาดเดาของเหยียนหมิงซุ่นจับจ้องเลยอดขนลุกไม่ได้ ทันใดนั้นเธอก็ตื่นตัวและพูดด้วยความระแวดระวังว่า “สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงนะ…พี่…ต้องเชื่อฉันนะ ฉันยังบอกพวกเขาด้วยว่าพรสวรรค์ของพี่ไม่เหมือนใครเลย!”

มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกอีกครั้ง ผู้หญิงสามคนรวมตัวกันคุยเรื่องขนาดน้องชายของเขา เขาควรจะรู้สึกภาคภูมิใจไหมนะ?

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายที่คุยกันเรื่องสัดส่วนของผู้หญิงแต่ผู้หญิงเองก็เหมือนกัน คุยกันออกรสยิ่งกว่าอีก!

“แต่เธอก็ไม่ควรพูดให้เล่อเล่อได้ยินนะ!” เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยังโชคดีที่ลูกสาวอายุยังน้อยจึงฟังไม่เข้าใจ ถ้าโตมากกว่านี้เขาจะมองหน้าลูกสาวอย่างไร?

“ฉันผิดไปแล้ว…” เหมยเหมยรับผิดโดยแต่ดี

เธอผิดที่ไม่ควรพูดเรื่องลามกแบบนี้ในระยะ 500 เมตรที่มีลูกสาวอยู่…

วันหลังถ้าจะคุยเรื่องนี้ต้องออกห่างจากยัยตัวแสบก่อน!

เหยียนหมิงซุ่นพรูลมหายใจ รู้ผิดก็ดี แต่ทว่า—

“ที่รักคะ…เล่อเล่อก็ผิดนะเพราะแอบฟังคนอื่นคุยกัน พี่ต้องลงโทษเธอเหมือนกัน!” เหมยเหมยฟ้อง ยัยตัวแสบเอ๊ย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการยัยตัวแสบไม่ได้

หว่างคิ้วของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกแล้วมองสาวน้อยที่ทำสีหน้าเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็ถาโถมเข้ามา…เขากำลังเลี้ยงลูกสาวสองคนอยู่หรือไง!

ยังดีว่า…เด็กสาวคนโตยังทำให้เขาผ่อนคลายได้หน่อย!

“พรุ่งนี้ค่อยลงโทษ นอนได้แล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นคร้านจะคุยเรื่องไม้นางฟ้าต่ออีก ไม่จบไม่สิ้นสักที ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็ว เขาต้องรีบเติมเต็มความต้องการของภรรยาที่ดูจะมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่ต้องมาเลยนะ…สี่รอบแล้ว…ฉันจะนอนแล้ว…”

“สบายใจได้ พี่ยังไม่เหนื่อย เธอไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรทั้งนั้น…”

“ฉันไม่ได้ใช้…”

“ถ้าโกหก ลงโทษเพิ่มสองเท่า…”

“เหยียนเล่อเล่อ…ฉันจะงดเนื้อแดดเดียวเธอหนึ่งเดือนเลย…”

เหมยเหมยมองใครบางคนที่คึกเกินมนุษย์อย่างโมโหและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน เธอไม่ได้รับความยุติธรรมยิ่งกว่าโต้วเอ๋อร์ซะอีก!

ผู้ชายของเธออึดยิ่งกว่าหุ่นยนต์ เธอคงโง่น่าดูหากคิดจะใช้ไม้นางฟ้านั่น…เหยียนเล่อเล่อ…เราเห็นดีกันแน่!

……………………………………….

ตอนที่ 2756 สงครามแม่ลูก

เหตุเพราะไม้นางฟ้าเหยียนหมิงซุ่นเลยออกแรงทรมานเธอถึงสามวัน เขาดูสดชื่นเต็มเปี่ยมด้วยพลังแต่เหมยเหมยกลับเหมือนผ่านศึกมาอย่างหนัก รู้สึกเมื่อยล้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ใครเห็นแค่ดูก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

เหมยเหมยซดซุปไก่ที่คุณย่าหยางต้มอย่างพิถีพิถันแล้วแอบก่นด่าใครบางคนว่าไร้มนุษยธรรมในใจ ไหนเคยบอกว่าไม่มีใครเหนื่อยตายเพราะเรื่องนี้หรอก แต่เธอกลับสงสัยว่าไม่ช้าก็เร็วเธอคงเป็นคนแรกที่จะตายก่อน

“คุณย่าทวดคะ…หนูอยากกินเนื้อแดดเดียว!”

เล่อเล่อตื่นจากนอนกลางวันด้วยท่าทางงัวเงีย เธอขยี้ตาตั้งแต่ชั้นบนลงมายันชั้นล่าง ส่วนเป่ารื่อน่าก็ยังดูสะลึมสะลือ สองพี่น้องรักกันเลยรั้นจะนอนเตียงเดียวกันให้ได้

“เดี๋ยวย่าทวดไปหยิบให้นะ!”

คุณย่าหยางหันหลังไปเปิดตู้ซึ่งของกินอยู่ในนั้นทั้งหมด เหมยเหมยสะดุ้งพลันตะโกนออกไปว่า “ไม่อนุญาตให้กิน!”

ฮึ…คิดจะกินเนื้อแดดเดียวเหรอ?

ฝันไปเถอะ!

“ทำไมถึงไม่ให้หนูกิน? หนูจะกินเนื้อแดดเดียว!” เล่อเล่อไม่พอใจ ใครที่ไม่ให้เธอกินเนื้อแดดเดียวถือเป็นคนไม่ดีหมด แม่ก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกัน

“ใครให้เราแอบฟังแม่พูด ไม่อนุญาตให้กิน เนื้อแดดเดียวแม่เป็นคนทำเพราะงั้นไม่ให้กิน!” เหมยเหมยตะโกนเสียงดังกว่าลูกสาวของเธออีก ต่างคนต่างเท้าสะเอวมองหน้ากัน

เป่ารื่อน่ามองคุณน้าและพี่สาวอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เล่อเล่อผลักเธอออกไป “เราไปนั่งตรงนั้น ไม่ใช่เรื่องของเรา!”

“ค่ะ…” เป่ารื่อน่าเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กอย่างเชื่อฟัง มือน้อย ๆเกยคางไว้ ดวงตากลมโตจ้องไม่กะพริบ ดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“หนูไม่ได้แอบฟัง ยืนอยู่หน้าประตูก็ได้ยินแล้ว ใครให้แม่พูดเสียงดังขนาดนั้นล่ะ!” เล่อเล่อเอ่ยอย่างมีเหตุผล

แม่พูดเสียงดังขนาดนั้นแล้วจะมาโทษว่าหูของเธอดีเกินไปงั้นเหรอ?

มิน่าคุณปู่ชิงถึงมักพูดว่าผู้หญิงและเด็กเล็กดูแลยากที่สุดแล้ว แม่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ทำให้พ่อลำบากแท้ ๆเลย!

เหมยเหมยหน้าแดง ดูเหมือนว่าวันนั้นพวกเธอสามคนจะพูดเสียงดังกันจริง ๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ ๆยัยเด็กตัวแสบนี่จะโผล่ขึ้นมาชั้นบนโดยไม่มีใครรู้!

“พอแล้ว ๆ…เธอพูดไม่คิดเองยังจะไปโทษเล่อเล่ออีกเหรอ? ยิ่งโตยิ่งไม่มีเหตุผลแล้วเนี่ย เล่อเล่อยังมีเหตุผลเสียมากกว่า วันหลังอยู่ข้างนอกพูดอะไรก็ระวังหน่อย เพราะอย่างไรเสียก็เป็นนักเขียนชื่อดัง ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าจะทำอย่างไร ถ้าคนไม่รู้จะนึกว่าเราวาดภาพอีโรติกแทนนะ!”

คุณย่าหยางไม่พอใจ ทั้ง ๆที่เหมยเหมยเป็นคนผิดแต่ยังมาใส่ร้ายหลานสาวของเธออีก วอนหาเรื่องจริง ๆ!

“คุณย่าคะ…หนูหมายถึงว่าพฤติกรรมที่เล่อเล่อแอบฟังมันไม่ถูกต้อง คุณย่าอย่าเปลี่ยนเรื่องสิคะ!” เหมยเหมยทนไม่ไหว

“สิ่งที่ฉันกำลังพูดถึงคือพฤติกรรมการพูดที่ไม่เหมาะสมของเธอต่างหาก เธอนั่นแหละที่เปลี่ยนเรื่อง ไปคิดทบทวนตัวเองให้ดี เล่อเล่อ เป่ารื่อน่า เดี๋ยวย่าทวดไปทอดไก่ให้กินนะ!”

ถึงแม้จะไม่พอใจกับวิธีการลงโทษไม่ให้ทานเนื้อแดดเดียวของเหมยเหมยแต่ก็ไม่ควรหักหน้าคนเป็นแม่ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เด็กขาดความเคารพ คุณย่าหยางจึงเลี่ยงเรื่องเนื้อแดดเดียวแล้วพาเด็กน้อยทั้งสองคนไปทำของอร่อยในห้องครัว

เหมยเหมยเบะปาก เหมาทุกอย่างเป็นความผิดของเธอหมด เธออยากวาดภาพอีโรติกจริง ๆนั่นแหละ แต่จะมีสำนักพิมพ์ไหนกล้าตีพิมพ์ไหมล่ะ?

มีสายโทรเข้ามาซึ่งเป็นเบอร์ต่างประเทศจากสหรัฐอเมริกา  เหมยเหมยนึกว่าเป็นเซียวเซ่อ แต่พอรับสายแล้วกลับเป็นสยงมู่มู่

“เซียวเซ่อกลับไปหรือยัง?” แค่ประโยคแรกสยงมู่มู่ก็ถามถึงเซียวเซ่อก่อนเลย น้ำเสียงนิ่งมาก

เหมยเหมยพลันนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เซียวเซ่อเองก็โทรมาดูลึกลับมากเหมือนกัน แถมยังกำชับเธอว่าให้เก็บเรื่องเธอเป็นความลับ ตอนนี้สยงมู่มู่ดันมาแบบนี้อีก…

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเธอ? ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”

“เปล่า…เธออย่าพูดมากนักเลย รีบบอกฉันมาเร็วว่าเซียวเซ่อกลับประเทศหรือยัง?” ดูท่าแล้วสยงมู่มู่จะอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย

…………………………

Related

ตอนที่ 2753 น่าอายชะมัด

เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้ามึนงง ไม้นางฟ้าคืออะไร นี่มันของบ้าอะไรกันเนี่ย?

แต่ละวันเขายุ่งอยู่แต่กับงานจึงไม่เข้าใจคำศัพท์ใหม่ ๆพวกนี้เท่าไหร่ แต่ฟังดูแล้วเหมือนเป็นสิ่งที่พวกผู้หญิงใช้กัน แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่เหมยเหมยพูด หรือว่าจะเป็นอมยิ้มจริง ๆ?

“พี่ซื้อไม้นางฟ้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน? เธอซื้อมาแล้วเก็บไว้เองหรือเปล่า?” เหยียนหมิงซุ่นแค่เอ่ยยียวนแต่กลับพบว่าภรรยาของตัวเองหน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ

คุณย่าหยางชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเข้าใจ แม้เธอจะเป็นหญิงชราอายุมากแต่เป็นคนทันสมัย เพราะเธอเล่นอินเตอร์เน็ตทุกวันจึงรู้จักคำศัพท์ใหม่ ๆที่พวกวัยรุ่นใช้กันไม่น้อย

ไม้นางฟ้าเป็นของเล่นใหม่ของญี่ปุ่นไม่ใช่หรือไง ของน่าอายแบบนั้น ทำไมหลานสะใภ้ถึงเอามาพูดต่อหน้าเด็ก ๆได้นะ?

“เหมยเหมย…เธอนี่จริง ๆเลย…เฮ้อ…” คุณย่าหยางไม่พอใจอย่างมาก แต่เธอก็ไม่กล้าพูดต่อหน้าเจ้าหนุ่มนี่ เธอกระดากปากจริง ๆ!

“หนูไม่ได้พูดกับเล่อเล่อแต่คุยกับพวกเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในห้องต่างหาก ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กพวกนี้จะมาได้ยิน…ไม่สิ เล่อเล่อทำไมต้องแอบฟังแม่คุยกับพวกเพื่อน ๆด้วยล่ะ?”

เหมยเหมยนึกโมโหพลางจ้องไปที่ลูกสาวด้วยความโกรธ ใบหน้าของเธอถูกเจ้าเด็กน้อยตัวแสบนี่ฉีกจนเละไปหมดแล้ว!

“หนูไม่ได้แอบฟังนะ หนูกับเป่ารื่อน่าจะมาหาพวกแม่ ๆแล้วบังเอิญได้ยินเข้าต่างหาก…” เล่อเล่อเอ่ยอย่างมีเหตุผล

เธอไม่แอบฟังเหมือนโจรผู้ร้ายแบบนั้นหรอก แต่เธอจะฟังต่อหน้าไปเลย ฮึ!

เหมยเหมยนึกเสียใจ กำแพงมีหูประตูมีช่อง วันหลังต่อให้ฆ่าเธอจนตายก็จะไม่พูดเรื่องลามกแบบนี้อีกแล้ว!

จนถึงตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่เข้าใจว่าไม้นางฟ้าคืออะไร และคนที่ยังฟังไม่เข้าใจยังมีคุณปู่เหยียน ลุงเหลาและป้าฟางด้วย พวกเขาต่างสบตากัน

“ไม้นางฟ้าตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ เป็นของกินหรือของเล่น?” คุณปู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา ถ้าเป็นของกิน ไม่ว่าจะแพงขนาดไหนก็ต้องซื้อมาให้หลานสาวของเขาสิ ต้องขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอ?

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ ไป ๆเลย!” คุณย่าหยางดุด้วยความโมโหพร้อมใบหน้าที่แดงระเรื่อ

ส่วนเล่อเล่อยังไม่จบ สำหรับอาหารเลิศรสแล้วเล่อเล่อไม่เคยยอมแพ้ง่าย ๆ วันนี้เธอจะต้องกินอมยิ้มแสนอร่อยให้ได้!

“น้องก็ได้ยินเหมือนกัน!” เล่อเล่อชี้ไปที่เป่ารื่อน่าแล้วตะโกนเสียงดัง

เป่ารื่อน่าพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ค่ะ ได้ยินว่าอมยิ้ม”

เธอก็อยากกินอมยิ้มแสนอร่อยเช่นกัน!

เหมยเหมยร้อนใจจนเหงื่อไหลอาบตัว เธอไม่เคยรู้สึกทำตัวไม่ถูกแบบนี้มาก่อนเลย นี่ยังโชคดีว่าในยามคับขันนี้เธอยังคิดหาวิธีได้ เธอแกล้งทำเป็นล้วงไปในกระเป๋า แต่จริง ๆแล้วเธอเอาอมยิ้มสองอันออกมาจากช่องมิติซึ่งเป็นอมยิ้มที่ใหญ่มาก

นี่เป็นเสบียงที่เก็บไว้ให้ฉิวฉิว เอามาใช้ก่อนชั่วคราวละกัน

“ฮ่า ๆ เมื่อกี้แม่จงใจดุเรา อมยิ้มอยู่กับแม่นี่แหละ อยากกินไหมเอ่ย?” เหมยเหมยชูมือสองข้างที่มีอมยิ้มในมือขึ้นด้วยท่าทีเกินจริงและรอยยิ้มที่ออกจะกระอักกระอ่วนใจเสียหน่อย

เล่อเล่อกลับไม่ยอมแล้วมองไปที่อมยิ้มในมือเธอด้วยความรังเกียจ อย่าคิดว่าเธออายุน้อยแล้วจะโดนหลอกง่าย ๆนะ แม่พูดอยู่ว่า 20 เซนติเมตร แต่อันที่เอาออกมายังไม่ถึง 10 เซนติเมตรด้วยซ้ำ ฮึ…คิดจะหลอกใครกัน?

“ตอนนี้แม่มีแค่นี้ พวกหนูจะเอาไหม ถ้าไม่เอาก็ช่างเถอะ!”

เหมยเหมยแกล้งทำทีเอาอมยิ้มเก็บใส่กระเป๋า เล่อเล่อถึงยื่นมือออกมาหยิบแต่สีหน้ากลับบึ้งตึงดูไม่เต็มใจเลยสักนิด

อยู่ดี ๆขนาดก็เล็กลง เธอดีใจสิแปลก!

นับว่าเกลี้ยกล่อมเจ้าเด็กสองคนนี้ได้สำเร็จสักที เหมยเหมยถอนหายใจแล้วเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นสายตาของเหยียนหมิงซุ่นที่แฝงนัยยะบางอย่าง เธอจึงอดตัวสะท้านเฮือกไม่ได้

ยังต้องเอาใจอีกคนด้วยแหนะ!

……………………………………….

ตอนที่ 2754 แผนทำร้ายตัวเองดีหรือแผนสาวงามดี

“เออ…คือ…ฉันไปทำงานก่อนนะ วันนี้ต้องโต้รุ่งด้วย!”

เหมยเหมยปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากและไม่กล้ามองเหยียนหมิงซุ่น เธอหดคอแล้วเดินไปทางห้องหนังสือ คืนนี้เธอจะนอนที่ห้องหนังสือนี่แหละ รอให้เรื่องไม้นางฟ้าสงบลงก่อนค่อยกลับไปนอนที่ห้อง

ยัยตัวแสบเล่อเล่อกล้าที่จะแอบฟัง วันหลังต้องงดเนื้อสัตว์ไม่ให้กินสักหนึ่งอาทิตย์

“กลางคืนไม่ควรนอนเกินห้าทุ่ม ถ้าห้าทุ่มยังไม่กลับมานอนพี่จะไปจับเธอที่ห้องหนังสือ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบนิ่งแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนตีกลองระรัวชวนให้เหมยเหมยหวาดผวา

“ฉันเร่งงานต้นฉบับอยู่…สำนักพิมพ์ตามมาหลายรอบแล้ว ก็แค่ช่วงสองสามวันนี้แหละ…วันหลังฉันจะนอนตามเวลานะ!” เหมยเหมยขอร้องด้วยเสียงเบาหวิว เธอคงโง่น่าดูถ้าจะรนหาที่ตายให้ตัวเอง หลบวันเดียวก็ยังดี

คุณย่าหยางเบะปาก ไม่ช่วยพูดเหมือนคราวก่อน ๆ ไม่ช่วยเลยสักนิด

ครั้งนี้หลานสะใภ้ทำเกินไปจริง ๆ แบบนี้ต้องให้หลานชายอบรมสั่งสอนสักหน่อย พูดอะไรไม่คิด คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดต่อหน้าเด็ก ๆ ทำเกินไปจริง ๆ!

“ใช่ ต้องนอนให้เร็วหน่อย นอนเร็วตื่นเช้าสุขภาพจะได้แข็งแรง เหมยเหมยอย่าคิดว่าอายุยังน้อยแล้วจะไม่ใส่ใจนะ ไม่อย่างนั้นพอแก่ตัวไปแล้วจะลำบาก หมิงซุ่นหลานคอยดูแลด้วยล่ะ อย่าให้ทำอะไรซี้ซั้ว!”

นอกจากคุณย่าหยางจะไม่ช่วยแล้วแต่ยังส่งเสริมอีกต่างหาก หึ…พาหลานคนโตเสียคนหมด!

เหมยเหมยใบหน้ายู่เข้าหากันแล้วมองคุณย่าอย่างเศร้าสร้อย อย่าแทงข้างหลังกันแบบนี้สิ…ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?

“เล่อเล่อ…เป่ารื่อน่า ไปดูทีวีในห้องย่าทวดกัน!” คุณย่าหยางจูงมือเด็กน้อยทั้งสองคนละข้างแล้วพาไปดูการ์ตูน

ป้าฟางและลุงเหลาสบตากัน คนหนึ่งประคองคุณปู่เหยียน ส่วนอีกคนก็จัดเก็บโต๊ะ ไม่ถึงสองนาทีก็ต่างพากันแยกย้ายออกไป ในห้องอาหารจึงเหลือเพียงเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นที่ต่างมองหน้ากันไปมา

“ห้าทุ่ม…”

เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือของตน จากนั้นก็เอ่ยเตือนอีกรอบด้วยเสียงอันเย็นยะเยือก เหมยเหมยตัวสั่น ใบหน้าขมขื่น สงสัยคืนนี้คงไม่รอดแน่ ๆ!

เธอควรจะใช้แผนหญิงงามหรือแผนทำร้ายตัวเองดีนะ?

ไม่อย่างนั้นไปเปิดดูตำราแผน 36 สักหน่อยดีกว่า เพราะสองแผนนี้ใช้บ่อยเกินไปเกรงว่าจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว!

เหมยเหมยกลับไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นที่พอหันหลังไปก็ยกยิ้มที่มุมปาก แววตาฉายแววขบขัน ในใจมีความสุขเหลือเกิน ในที่สุดก็มีข้ออ้างขอได้หลายรอบแล้วสินะ!

เมื่อสักครู่ขณะที่ยุ่งอยู่เขาก็แอบอู้งานโดยการส่งข้อความหาลูกน้องที่มีฉายาว่าโทรโข่งเพื่อถามความหมายของไม้นางฟ้า ซึ่งลูกน้องคนนั้นของเขาก็ส่งเครื่องหมายตกใจมายาวเป็นพวน หลังจากนั้นก็อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด ตอนหลังเขายังใจกล้าส่งเบอร์โทรของหมอจีนวัยชราที่เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหลั่งเร็วมาด้วย…ได้ผลดีมาก ให้เขาลองไปหาดู

เหยียนหมิงซุ่นโกรธจนส่งข้อความกลับไปเพียงสามคำ—แอฟริกา

คืนนี้เจ้านั่นคงนอนไม่หลับแน่

หึ…บังอาจกล้ามาบอกว่าน้องชายของเขาใช้การได้ไม่ดี รนหาที่ตายซะแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้ส่งตัวไปแอฟริกาอย่างไร้เหตุผลจริง ๆหรอกแต่แค่ขู่ให้ตกใจกลัวบ้างเท่านั้น ดูสิว่าวันหลังเจ้าหมอนี่ยังจะกล้าพูดมั่วซั่วอีกไหม!

แต่สิ่งที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นตกใจก็คือ เหมยเหมยพูดกับเพื่อน ๆเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?

ซึ่งแตกต่างจากภาพที่เขามองเหมยเหมยว่าเป็นคนขี้กลัวและขี้อายโดยสิ้นเชิง หรือว่าภรรยาของเขา…จะโตขึ้น…โดยไม่รู้ตัวแล้ว?

หรือจะเปลี่ยนจากรถแทรกเตอร์ไปเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงดี!

เหมยเหมยนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องหนังสือ แม้แต่หญ้ายังวาดไม่ได้เลย เธอกำลังคิดว่าจะอธิบายกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างไรดี ภาพหญิงสาวเรียบร้อยอ่อนโยนของเธอ…โดนลูกสาวทำลายลงหมดแล้ว!

ในที่สุดก็ล่วงเลยมาจนถึงเวลา 10.59 น. เหมยเหมยฝืนใจกัดฟันกลับห้องนอน เธอค่อย ๆเปิดประตูออกช้า ๆ จากนั้นก็เห็นเหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่บนโซฟามองมาที่เธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“เธอไม่พอใจกับความสามารถที่พี่มีอยู่งั้นเหรอ?”

…………………………

Related

ตอนที่ 2751 สิ่งที่หนูเรียนไม่ทำให้ท้องหิว

ฉีฉีเก๋อพอได้ฟังก็รู้สึกขบขัน เธอเหลือบมองสองพี่น้องที่กำลังจดจ่ออยู่กับการกินเนื้อแดดเดียวอยู่ก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วถามขึ้นว่า “เล่อเล่อก็ไม่ได้เรียนเหรอ?”

“ไม่ได้เรียนเหมือนกัน กู่เจิงที่ฉันซื้อให้ก็ถูกเธอทำพังหมด กระดาษเขียนพู่กันก็เอาไปเช็ดก้น พู่กันโดนเผาทิ้งหมด…ถ้าให้เรียนอีกสงสัยหลังคาบ้านคงโดนรื้อออกมาก่อน แล้วยังจะเรียนอะไรอีกล่ะ!” สีหน้าเหมยเหมยแสดงความเหนื่อยหน่าย

มีอยู่ช่วงหนึ่งเธอก็อยากฝึกให้ลูกสาวของเธอเป็นสาวงามเรียบร้อยคนหนึ่ง แต่ความเป็นจริงกลับไม่ปรานีเธอเลยสักนิด ในที่สุดเธอก็ตื่นจากฝันและปลงอย่างแท้จริง!

งั้นก็ให้ลูกสาวของเธอโบยบินอย่างอิสระเถอะ อยากจะทำอะไรก็ทำ เพราะอย่างไรเสียก็ยังมีลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเป็นทหารตั้งมากมาย ไม่ต้องกังวลว่าลูกสาวจะแต่งไม่ออกหรอก!

ฉีฉีเก๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ รู้สึกโล่งอกขึ้นมาไม่น้อยเพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนอยู่เป็นเพื่อนเธอ!

“หนูยิงหนังสติ๊กเป็น ยืนบนควบม้าได้ ชกต่อยเป็น…เป็นตั้งหลายอย่างนะ!” เล่อเล่อโต้กลับด้วยเสียงอันดัง แม่ชอบไม่พูดความจริง เธอเรียนมาไม่น้อยเลยนะ!

เป่ารื่อน่าดวงตาเป็นประกายแล้วตะโกนขึ้นว่า “หนูก็จะเรียนด้วย!”

สิ่งที่พี่เล่อเล่อเรียนต้องสนุกแน่ ๆ เธออยากเรียนด้วย!

“พี่จะสอนเธอเอง พวกเราเริ่มจากเรียนยิงหนังสติ๊กก่อน” เมื่อได้ยินว่าเป่ารื่อน่าอยากเรียน เล่อเล่อก็มีความกระตือรือร้นทำตัวเป็นคุณครูขึ้นมาทันที

“อย่าไปตามน้องสิเล่อเล่อ สิ่งที่เราทำเป็นไม่ใช่ความสามารถพิเศษอะไรเลย อย่าพาน้องเสียคนสิ” เหมยเหมยบ่น

“ต้องเป็นความสามารถพิเศษสิคะ พ่อบอกว่าใช่ พ่อยังบอกอีกว่าสิ่งที่หนูเรียนมีประโยชน์มากกว่าพวกเปียโนเยอะเลย วันหลังถ้าหิวก็ไม่อดตาย” เล่อเล่อไม่พอใจแล้ว สิ่งที่เธอเรียนจะไม่ใช่ความสามารถพิเศษได้อย่างไร

ความสามารถพิเศษของเธอ ถ้าเกิดหิวก็ยังใช้หาของกินได้แต่เปียโนทำไม่ได้ พ่อบอกมาว่าประโยชน์ของเปียโนมีแค่อย่างเดียวคือเลื่อยออกไปทำเป็นฟืน

“อย่าไปฟังพ่อพูดซี้ซั้ว เขาไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ ประโยชน์ของเปียโนมีเยอะแยะจะตาย ถ้าเราเรียนรู้ได้และทำได้ดี แน่นอนว่าวันหลังถึงหิวก็ไม่อดตาย!” เหมยเหมยถือโอกาสหลอกล่อไปด้วย เพียงแต่ว่าเล่อเล่อเองก็ไม่ได้ตกหลุมพรางง่าย ๆ

“สิ่งที่หนูเรียนตอนนี้ก็ไม่ทำให้หิวตายเหมือนกัน!”

เหมยเหมยยักไหล่อย่างเอือมระอา ยิ่งโตขึ้นยิ่งเกลี้ยกล่อมยาก

ไม่สิ…ควรจะพูดว่าลูกสาวบ้านนี้ ตั้งแต่เกิดมาก็เกลี้ยกล่อมยากเย็นอยู่แล้ว ทำตัวเป็นอันธพาลตั้งแต่เด็กไม่รู้นิสัยเหมือนใคร?

อย่างไรเสียก็ไม่เหมือนเธอแล้วกัน!

ฉีฉีเก๋อกลับดวงตาเป็นประกาย ฉับพลันก็นึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ…ทำไมฉันมัวแต่เชื่ออะไรเดิม ๆนะ มวยปล้ำ ขี่ม้าก็ล้วนเป็นความสามารถพิเศษทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ฉันสอนเองได้ ไม่ต้องไปหาคุณครูมาสอนด้วย!”

“ขี่ม้าไปที่ฟาร์มม้าทางชานเมืองฝั่งตะวันตกสิ ทำบัตรสมาชิกสักใบ แถมยังช่วยเธอเลี้ยงม้าได้ด้วย” เหมยเหมยแนะนำ

สถานที่ของเฮ่อเหลียนชิงเป็นฐานประจำการของทหารที่สำคัญ เธอจึงไม่สะดวกที่จะรับบุคคลภายนอกเข้าไปด้วย ไม่เช่นนั้นก็คงพาเป่ารื่อน่าไปฝึกม้าที่หลังสวนฟาร์มแล้ว ส่วนเล่อเล่อก็ไปขี่ม้าที่นั่นบ่อย ๆ

“ฉันรู้จักที่นั่น พรุ่งนี้ฉันจะไปทำบัตรสมาชิกให้เป่ารื่อน่า แล้วให้พ่อฉันส่งม้าตัวน้อยมาให้จะได้อยู่เป็นคู่หูกับเป่ารื่อน่าตั้งแต่เด็ก ๆด้วย” ฉีฉีเก๋อรู้สึกสบายใจขึ้นมาก นับว่าได้แก้ปัญหาใหญ่ของเธอแล้ว

เนื่องจากเป่ารื่อน่าโวยวายอยากจะเรียนยิงหนังสติ๊กตลอดและไม่ยอมออกห่างจากเล่อเล่อเลย ฉีฉีเก๋อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องยอมให้เป่ารื่อน่าไปอยู่กับเหมยเหมยก่อนสักสองสามวัน ประจวบกับเธอจะได้กลับทุ่งหญ้าไปเลือกม้ามาให้เป่ารื่อน่าเองด้วย

คุณย่าหยางและป้าฟางต่างชอบเป่ารื่อน่าที่แสนน่ารักอยู่แล้วเลยอยากให้เด็กน้อยมาเล่นที่บ้านทุกวัน มื้อเย็นคุณป้าฟางทำอาหารอร่อยเต็มโต๊ะซึ่งล้วนเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยด้วย

“อร่อยจังเลย…คุณยายฟางทำอาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ปากน้อย ๆของเป่ารื่อน่าเคี้ยวตุ้ย ๆไม่หยุดพร้อมชมไม่ขาดปาก

“อร่อยก็กินเยอะ ๆนะ มา…น่องไก่คนละชิ้น” คุณย่าหยางยิ้มแล้วหยิบน่องไก่ชิ้นใหญ่ให้เด็กน้อยทั้งสองซึ่งแบ่งคนละอันพอดี

“ขอบคุณค่ะคุณย่า…”

เป่ารื่อน่าขอบคุณอย่างมีมารยาทแล้วถึงค่อยกัดน่องไก่คำโต ทันใดนั้นพลันนึกอะไรขึ้นได้จึงกระซิบข้างหูของเล่อเล่อว่า “หลังจากกินข้าวแล้ว พวกเรากินอมยิ้มกันต่อไหม?”

……………………………………….

ตอนที่ 2752 หนูอยากกินอมยิ้ม

เล่อเล่อชะงักไป เธอเข้าใจความหมายของน้องสาว ในขณะที่กำลังกัดน่องไก่ไปก็กระซิบเสียงเบาว่า “เดี๋ยวพี่ถามพ่อให้ พ่อต้องมีของอร่อยแน่ ๆ”

วันนี้คุณแม่กับคุณป้ากระซิบกระซาบกันคงคิดจะซ่อนของกินเก็บไว้กินเองแน่ ๆ ฮึ…อย่าคิดที่จะปิดบังเธอเลย!

เป่ารื่อน่าพยักหน้าด้วยความพอใจ วันนี้เธอมีความสุขจังเลยเพราะมีของอร่อยมากมายขนาดนี้ แล้วยังกินอมยิ้มได้ด้วย ดีจัง!

 เหมยเหมยมองเด็กน้อยสองคนกระซิบกระซาบดูมีลับลมคมในกันจึงกลั้นขำไม่อยู่ อายุน้อยแค่นี้ก็มีความลับกันเสียแล้ว!

“เป่ารื่อน่ากินน่องไก่ชิ้นนี้หมดก็พอแล้วนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะปวดท้องเอาได้!” เหมยเหมยพูดพร้อมรอยยิ้ม

เด็กคนนี้ปกติกินไม่เยอะ ถ้าอยู่ดี ๆกินเยอะเกินไปคงย่อยไม่ทัน กระเพาะของเด็กยังไม่แข็งแรงพอซึ่งอาจเกิดปัญหาได้ง่าย

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวให้กินยาช่วยย่อยก็ได้แล้วให้เล่อเล่อพาไปวิ่งเล่นที่สวนหลังบ้านสัก 2-3 รอบก็สบายแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นคิดต่างออกไป ไม่ต้องทะนุถนอมเด็ก ๆดีขนาดนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายต้องโลดโผนบ้างจะได้แข็งแรง

เหมยเหมยถลึงตาใส่ “พี่คิดว่าเด็กคนอื่น ๆจะแข็งแรงเหมือนลูกสาวพี่หรือไงคะ สุขภาพของเป่ารื่อน่าไม่ค่อยดี แค่หวัดเล็กน้อยยังใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาย ดังนั้นจึงต้องคอยดูแลเอาใจใส่ให้ดีค่ะ”

ตอนที่ฉีฉีเก๋อมีเป่ารื่อน่าเป็นช่วงเวลาที่เธอยากลำบากมากที่สุด ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานจากยายแก่ปีศาจนั่นอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโภชนาการที่รับไม่เพียงพอหรอกแถมยังต้องทำงานบ้านด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสุขภาพของฉีฉีเก๋อดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วล่ะก็เป่ารื่อน่าจะรอดหรือเปล่ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!

และด้วยเหตุนี้ร่างกายของเป่ารื่อน่าจึงอ่อนแอแต่ตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อย ช่วงวัยเด็กวิ่งออกเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ฉีฉีเก๋อก็เหนื่อยมาไม่น้อยเลย

คุณย่าหยางช่วยพูด “ต้องเอาใจใส่หน่อยนะ คนอื่นมาฝากลูกไว้ที่บ้านเรา เราก็อย่าทำให้ลูกเขาป่วยเลย”

ถ้าอาหารเหลือก็ไม่เป็นไรเพราะเอาไปให้ไก่กินได้ สนามหลังบ้านใหญ่ขนาดนั้นเธอและป้าฟางจึงเลี้ยงไก่ไว้สิบกว่าตัว พอออกไข่มาก็พอกินในบ้านแล้ว แถมบางครั้งยังแบ่งไปให้เหยียนซินหย่าด้วย

“กินอิ่มแล้วค่ะ…”

เป่ารื่อน่ากินได้ไม่มากนัก เธอกินน่องไก่ไปหนึ่งชิ้นก็อิ่มแล้ว แต่สำหรับเล่อเล่อกินไก่ไปกว่าครึ่งตัวแล้วยังต่อด้วยกุ้งมากกว่าครึ่งจาน แล้วยังมีข้าวอีกสามถ้วย…อืม ถือว่าพออยู่ท้องบ้างแล้ว

เธอยังต้องเหลือท้องไว้กินของอร่อยอีก

“พ่อคะ…พ่อให้อมยิ้มหนูหน่อย!” เล่อเล่อมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทีจริงจัง

เหยียนหมิงซุ่นกลับงุนงง “ไปขอแม่เราสิ พ่อมีอมยิ้มที่ไหนกัน!”

ปกติเขาไม่ถูกกับของหวานแล้วจะมีอมยิ้มซ่อนไว้ได้อย่างไรกัน เล่อเล่อไปฟังจากไหนมา?

“พ่อมี…ก็ต้องมีสิ แล้วยังยาวมากด้วย!” เล่อเล่ออ้าแขนกว้างให้เห็นว่ามันยาวมากจริง ๆ อย่างไรเสียอมยิ้มของคุณพ่อก็ยาวมากที่สุด แม่เคยบอกเธอนี่นา

เล่อเล่อทึกทักเองว่าไม้นางฟ้า[1]ที่พวกเหมยเหมยพูดถึงคืออมยิ้ม แล้วยังทึกทักเองอีกว่าความยาวที่พวกเธอสามคนถกเถียงกันคือความยาวของอมยิ้ม ตอนนี้เธอน้ำลายไหลย้อยออกมาแล้ว

อมยิ้มยาวขนาดนั้นเธอจะต้องกินให้หนำใจไปเลย!

เหยียนหมิงซุ่นมองพลางขบขันแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาให้ดู “ดูสิ…ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอมยิ้มด้วย!”

เล่อเล่อปีนป่ายหาบนตัวเหยียนหมิงซุ่นอยู่นานก็ไม่เจออมยิ้มจริง ๆ แม้แต่ลูกอมยี่ห้อเทือกเขาแอลป์ยังไม่มีเลย เล่อเล่อรู้สึกไม่พอใจจึงมองไปที่เหมยเหมยอย่างคาดโทษ “แม่โกหก…แม่บอกว่าพ่อมีอมยิ้ม แม่พูดโกหก…”

เหมยเหมยงุนงงยิ่งกว่าเหยียนหมิงซุ่น “แม่เคยบอกหนูเมื่อไรกัน? เหยียนเล่อเล่ออย่ามาใส่ร้ายคนอื่นนะ!”

“เคยพูด แม่พูดว่าไม้นางฟ้า นั่นต้องเป็นอมยิ้มที่นางฟ้าเป็นคนทำแน่ ๆ” เล่อเล่อบ่นเสียงดัง

เหมยเหมย…อยากมุดลงดินจริง ๆ…

……………………………………….

[1] ดิลโด้

Related

ตอนที่ 2747 โกหกแล้วโกหกอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงเพิ่งสังเกตเห็นสร้อยคอทองคำบนคอพี่ฮวาจึงแหวเสียงถาม “เธอซื้อสร้อยคอทองคำมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่สิ…เธอเอาเงินมาจากไหน? ไหนเธอบอกว่าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวไง?”

พี่ฮวาทำหน้าลนยิ่งกว่าเดิมแล้วตอบเสียงตะกุกตะกัก “ฉะ…ฉัน…ฉันมีแต่แรกอยู่แล้ว…ไม่ได้เพิ่งซื้อมา…”

“มีแต่แรกอยู่แล้วงั้นเหรอ? แล้วทำไมก่อนหน้านี้เธอบอกว่าหย่าแล้วไม่ได้อะไรติดตัวมา? แม้แต่เงินค่าเช่าห้องชั้นใต้ดินยังเป็นพี่หนิวช่วยเธอจ่ายเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซักถามที่ยิ่งถามก็ยิ่งสงสัย

เหมยเหมยขมวดคิ้ว การโกหกครั้งเดียวก็ต้องคิดคำโกหกอีกนับไม่ถ้วนตามมา ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพูดความจริงเลยสักประโยคเดียว

“อันนี้สามีคนเก่าของฉันซื้อให้…ฉัน…ฉันทำใจขายไม่ลง…”

“ไม่สิ…ไหนเธอบอกว่าเงินที่บ้านถูกสามีเก่าเธอขโมยไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? แม้แต่แม่กุญแจอายุยืนของลูกชายเธอยังไม่เหลือ ทำไมยังมีสร้อยคอทองคำเหลืออีกล่ะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสงสัยหนักกว่าเก่า แม่กุญแจอายุยืนของเด็กมักทำจากเงิน แล้วจะมีราคาเทียบเท่าทองคำได้อย่างไร สามีคนเก่าของพี่ฮวาคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก!

“ฉัน…ฉันซ่อนมันเอาไว้ เขาไม่…ไม่รู้…”

พี่ฮวาน้ำท่วมปากและเสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ ศีรษะค่อย ๆงุดต่ำลงจนเล่อเล่อที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆพลันก็ตะโกนเสียงดัง “เธอกำลังโกหก!”

คุณพ่อเคยสอนเธอว่าคนโกหกจะมีพฤติกรรมเล็ก ๆน้อย ๆบางอย่างที่เผลอทำโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นบีบนิ้วมือ หันข้าง ก้มหน้า…แล้วก็ไม่กล้าสบตาผู้อื่น คุณน้าคนนี้ตรงตามที่พูดมาทุกอย่างและเธอกำลังโกหกอย่างแน่นอน

“ไม่ใช่นะ…ฉันไม่ได้โกหก…ฉันพูดความจริงทั้งนั้น…”

พี่ฮวาตัวกระตุกเหมือนถูกหนามตำแล้วถลึงตาใส่เล่อเล่อทีหนึ่ง ยัยหนูอ้วนคนนี้ชอบสอดมือยุ่งเรื่องคนอื่นเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด น่าชังเสียเหลือเกิน

“น้ากำลังโกหก…คุณแม่ เธอกำลังโกหก!”

เล่อเล่อไม่พอใจ สิ่งที่คุณพ่อสอนไว้ไม่มีทางผิดพลาด ผู้หญิงคนนี้แคลงใจในตัวเธอก็เท่ากับกำลังแคลงใจในตัวคุณพ่อ ไม่ชอบใจเลย!

“เล่อเล่อพูดถูก เธอกำลังโกหก เล่อเล่อเยี่ยมที่สุดเลย ลูกพาน้องเป่ารื่อน่าไปดูทีวีทางนั้นเถอะ!”

เหมยเหมยหลอกให้เด็กปลีกตัวออกไปแล้วมองพี่ฮวาที่ยังคร่ำครวญว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดด้วยสายตาดุดัน “เสื้อผ้าพวกนั้นเธอขายไปทั้งหมดเท่าไหร่? อย่าคิดจะโกหกอีก ไม่งั้นฉันจะให้เชี่ยนเชี่ยนไล่เธอออกเดี๋ยวนี้!”

พี่ฮวาได้ยินก็แข้งขาอ่อนเพลียหน้าซีดเผือด ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะหางานสบาย ๆแบบนี้ทำ เจ้านายใจดีคุยง่ายแล้วยังจ่ายเงินเดือนสูง ออกไปจากที่นี่แล้วเธอจะไปหาเจ้านายแบบนี้ได้จากไหนอีก!

“บอกมา…ไม่บอกก็ออกไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสริมเหมยเหมยโดยการตวาดใส่เรียกให้พี่ฮวาตัวสะท้านเฮือก ก่อนจะยอมรับสารภาพทุกอย่างแต่โดยดีไม่กล้าจะปิดบังอะไรอีก

เสื้อผ้าถูกเธอขายไปทั้งหมดอย่างที่ว่า ขายให้ร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งที่มีเสื้อสามตัวกับรองเท้าสองคู่และกระเป๋าหนึ่งใบ ราคาเดิมหนึ่งหมื่นสองพันหยวนแต่เธอหั่นครึ่งราคาได้มาหกพันหยวน จากนั้นก็เสียเงินหนึ่งพันแปดร้อยเพื่อซื้อสร้อยคอทองคำหนึ่งเส้น ที่เหลือก็เก็บเข้าบัญชีเงินฝาก

“คุณนาย…เงินคืนให้หมดเลย แต่อย่าไล่ฉันไปเลย…ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”

พี่ฮวาเดินไปเอาสมุดบัญชีในห้องออกมา แม้จะปวดใจแต่เพื่ออนาคตก็ชิงส่งมอบให้เจ้านายก่อนจะดีกว่า เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนที่ดูเหมือนจะดุแต่ความจริงรับมือง่าย ถึงเวลาเธอค่อยแกล้งทำตัวให้ดูน่าสงสาร รับรองว่าต้องได้ผลประโยชน์อีกไม่น้อยแน่!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนเอามือปัดสมุดบัญชีทิ้ง ลำพังแค่เงินหนึ่งหมื่นหยวนคิดว่าจะอยู่ในสายตาเธอหรือ?

สิ่งที่เธอโกรธคือพี่ฮวาโกหกแล้วโกหกอีก ปั่นหัวเธอเล่นเหมือนเป็นตัวตลก

“ไป…เธอรีบเก็บของแล้วออกไปเดี๋ยวนี้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชี้นิ้วไปทางประตูพร้อมตะคอกเสียง

พี่ฮวาตกใจจนขาอ่อนแรงคุกเข่าดังตุบแล้วกราบแทบเท้า “คุณนาย ขอร้องละ ฉันจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ฉันนึกว่าคุณนายให้เสื้อผ้าพวกนั้นมาก็เท่ากับเป็นของของฉัน ถึงได้อยากเปลี่ยนเป็นเงินมาเก็บเอาไว้ ฉันแค่กลัวความจนมากเกินไป คุณนาย…คุณนายเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เข้าใจความรู้สึกที่ต้องทนหิวสามวันสามคืนแต่ฉันรู้…มันเกินกว่าที่คนจะรับไว้จริง ๆ…”

……………………………

ตอนที่ 2748 ใจอ่อนอีกแล้ว

พี่ฮวาร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ทั้งยังพูดประโยคหนึ่งก็โขกศีรษะกับพื้นทีหนึ่ง ใช้เวลาไม่นานบริเวณหน้าผากก็ปูดโปนแต่ยังไม่ยอมหยุด เธอทำต่อไปเรื่อย ๆจนนันนันที่อยู่ในอ้อมแขนของฉีฉีเก๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง กะทั่งเปลี่ยนเป็นเบะปากแล้วร้องไห้ขึ้นมาฉับพลัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลาเข้าไปโอ๋ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับพี่ฮวาที่สภาพน่าสงสารดี ทั้งสงสารทั้งน่าโกรธเคือง

แต่พอพี่ฮวาทำตัวให้ดูน่าสงสารอีกระลอกเธอก็ไม่ได้เดือดดาลเท่าก่อนหน้านี้แล้ว บางทีพี่ฮวาอาจจะยากจนเกินไปจริง ๆถึงคิดได้ว่าจะขายเสื้อผ้าทิ้ง

“เธอลุกขึ้นมาก่อน ไม่น่าดูเลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะคอกใส่

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อแลกเปลี่ยนสายตากันวูบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกันอย่างเอือมระอา

ฟังจากน้ำเสียงของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ว่าใจอ่อนอีกแล้ว พวกเธอก็ไม่อยากทำตัวเป็นคนใจร้ายอีก ปล่อยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อย ๆเห็นธาตุแท้ของพี่ฮวาเองแล้วกัน อย่างไรเสียยัยคนนี้ก็มีเงินถมเถไป เสียไปอีกแสนกว่าหยวนก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร!

พี่ฮวากระแทกศีรษะลงพื้นแรงกว่าเดิมจนเกิดเสียงตุบ ๆดังลั่น “คุณนาย…ท่านเป็นกวนอิมผู้มีจิตเมตตา ฉันได้เจอท่านถือว่าเป็นบุญวาสนาที่สั่งสามาสิบชาติ ฉันสัญญาว่าหลังจากนี้จะซื่อสัตย์กับคุณนาย ดูแลคุณหนูให้ดี…”

เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนใจ คนเราตัดสินจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ พี่ฮวาดูเป็นคนใสซื่อแต่ฝีปากเป็นคนช่างเจรจานัก บ่งบอกว่าพี่ฮวาไม่ใช่คนซื่อแต่อย่างใดแถมยังเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างมาก

ไม่ผิดไปจากที่เหมยเหมยคาดการณ์เอาไว้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใจอ่อนกับพี่ฮวาอีกครั้ง เธอกลัวเพื่อนจะว่าตัวเองเลยได้แต่มองไปทางเหมยเหมยอย่างรู้สึกผิด

“เรื่องครอบครัวเธอก็จัดการเองเถอะ ฉันจะพาเล่อเล่อไปทานเนื้อย่าง” เหมยเหมยจูงมือเล่อเล่อเดินไปทางประตูโดยไม่คิดจะสนใจอะไรอีก

พอได้ยินดังนั้นฉีฉีเก๋อก็เดินตามเหมยเหมยไปอุ้มเป่ารื่อน่าขึ้นมาเช่นกัน “ฉันพาเป่ารื่อน่าไปเรียนเปียโนล่ะ!”

ทั้งสองรีบขอตัวออกมาจากบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน พอก้าวพ้นประตูมาก็พรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หันไปมองหน้ากันและกันแล้วหัวเราะอย่างระอา

“ไม่ไหวเลยจริง ๆ พี่หนิวไปหาคนแปลกพิลึกแบบนี้มาจากไหนกันนะ?” ฉีฉีเก๋อเริ่มบ่นพี่หนิว นี่แนะนำแต่คนแบบไหนมากันนะ

“บางทีพี่หนิวก็คงไม่รู้อะไรมากมั้ง แค่คิดว่าหล่อนน่าสงสารเลยช่วย ประเด็นสำคัญก็ขึ้นอยู่กับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอง อนาคตหล่อนต้องโดนดีไม่ช้าก็เร็ว” เหมยเหมยส่ายหน้ากล่าว

“ไม่เป็นไรหรอก หล่อนเงินเยอะไม่ใช่เหรอ เงินไม่กี่หมื่นไม่ใช่ปัญหา ไม่ต้องสนใจหล่อนแล้ว ฉันจะหาครูสอนเปียโนให้เป่ารื่อน่า เธอแนะนำบ้างสิ” ฉีฉีเก๋อถาม

เดิมทีเธอไม่มีความคิดนี้แต่เด็กโรงเรียนอนุบาลแต่ละคนต่างมีความสามารถพิเศษล้นเหลือ เล่นเปียโน เขียนพู่กันจีน เล่นไวโอลิน เต้นรำจีนโบราณ บัลเล่ต์…เด็กทุกคนต้องมีความสามารถพิเศษอย่างน้อยสองอย่างขึ้นไป เป่ารื่อน่าเริ่มเรียนรู้การร่างภาพจากเธอมาตั้งแต่เด็กก็เท่ากับว่ามีอย่างหนึ่งแล้ว สมัครเรียนเปียโนอีกอย่างก็ครบแล้ว

“เป่ารื่อน่าอยากเรียนเองเหรอ? ไม่อยากเรียนเธออย่าฝืนใจลูกเชียว!” เหมยเหมยเกลี้ยกล่อม

“ไม่อยาก…หนูไม่อยากเรียนเปียโน หนูจะเล่นกับพี่เล่อเล่อ”

เป่ารื่อน่าบิดตัวไปมาเป็นการปฏิเสธ เธอไม่อยากเรียนอะไรทั้งนั้น เธอแค่อยากเล่นกับพี่เล่อเล่ออย่างเดียว!

เล่อเล่อเชิดคางที่มีเหนียงสามชั้นขึ้นอย่างได้ใจแล้วลูบศีรษะเป่ารื่อน่าไปมา “เธอมาอยู่บ้านพี่สิ พี่จะพาเธอไปเล่นทุกวันเลย!”

เปียโนมีอะไรน่าเรียนกัน เสียงดังจะตายชัก เธออยากทุบให้มันพังไปให้รู้แล้วรู้รอด!

เป่ารื่อน่าพยักหน้าอย่างดีใจ “อื้ม…คุณแม่…หนูจะไปอยู่บ้านพี่สาว!”

ฉีฉีเก๋อตำหนิเสียงต่ำ “ถ้าไม่เชื่อฟังแม่จะไม่รักหนูแล้วนะ ต้องเรียนเปียโน ไม่อย่างนั้นหนูจะสู้คนอื่นไม่ได้ แล้วจะล้าหลังเพื่อนมากรู้ไหม?”

คิดว่าเธออยากบังคับฝืนใจลุกสาวหรือ แต่เด็กย้อนเวลากลับมาเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ถ้าเกิดพลาดไปแล้วไม่ทัดเทียมกับคนอื่นจริง ๆล่ะ?

อย่างไรเสียเรียนไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย เรียนให้มากย่อมมีผลดีเสมอ!

……………

Related

ตอนที่ 2745 ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว

เหมยเหมยโมโหจนแทบหงายหลัง คนผิดชิงฟ้องก่อนงั้นหรือ?

เธอชี้ไปที่รองเท้าบนเท้าพี่ฮวาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอชอบปวดหัว? รองเท้าคู่นี้ราคาแค่แปดหยวน เงินแปดหยวนแม้แต่รองเท้าผ้าสักคู่ยังหาซื้อไม่ได้ รองเท้าที่ทำจากพลาสติกใครจะรู้บ้างว่าเอามาจากไหน ไม่แน่อาจเป็นพลาสติกที่โรงพยาบาลเอาไปทิ้ง ไม่รู้ด้วยว่ามีเชื้อโรคติดอยู่มากแค่ไหน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นึกถึงหลอดถ่ายของเหลวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดตามถังขยะในโรงพยาบาลก็ตัวสะท้านเฮือกอย่างอดไม่ได้พานก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

“แล้วก็กลิ่นพวกนี้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างน้อยเธอก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไม่มีความรู้รอบตัวสักนิดเลยเหรอ ไม่รู้หรือไงว่ากลิ่นจากพลาสติกไร้คุณภาพจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว? โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กขนาดนันนันที่ภูมิคุ้มกันต่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธออยากให้นันนันป่วยหรือไง!”

เหมยเหมยโมโหพี่ฮวาจนพูดอะไรไม่ทันคิด ทุกอย่างเป็นเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนคุยง่ายเกินไปถึงทำให้พี่ฮวาทำอะไรตามอำเภอใจ เธอไม่ด่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วจะให้ด่าใคร!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำว่ามะเร็งในเม็ดเลือดขาวก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ยิ่งตกใจจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง

“จริงเหรอ…พวกเธออย่าหลอกฉันนะ…”

“เธอมีเพื่อนเรียนหมอหรือเปล่า ลองโทรไปถามเองสิ ฉันโกหกเธอแล้วจะได้เงินฟรีหรือไง!” เหมยเหมยถลึงตาใส่

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินตัวสั่นไปโทรหาเพื่อนที่เรียนแพทย์ จากนั้นไม่นานก็เดินกลับมาในสภาพวิญญาณหลุดออกจากร่างด้วยสีหน้าย่ำแย่ “ฉันจะพานันนันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”

“เธอจะรีบอะไร…แค่ไม่กี่วันยังไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้รีบจัดการของมีสารพิษพวกนี้สำคัญกว่า!”

เหมยเหมยกระชากแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ ทำตัวตื่นตูมไปได้ เสื้อผ้ารองเท้าของพี่ฮวาเพิ่งซื้อกลับมาได้สามสี่วันแล้วจะส่งผลอะไรได้ ทำเอาตัวเองตกใจเกินเหตุ

“พี่ฮวารีบทิ้งของพวกนี้ไปเลยนะ…อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน เร็ว ๆเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไรเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องถึงสุขภาพของเด็ก เธอย่อมผ่อนปรนไม่ได้ พี่ฮวาสะดุ้งเฮือกกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อก่อนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มให้เธอตลอดและเจรจาง่าย พอตอนนี้ฟังคำยุยงของเพื่อนกลับชักสีหน้าใส่แล้ว…ทำไมชีวิตเธอถึงได้ลำบากขนาดนี้นะ!

ไม่เคยหาเรื่องใคร ทำไมทุกคนถึงได้หาเรื่องเธออยู่เรื่อยล่ะ?

พี่ฮวากล้าแข็งข้อต่อเหมยเหมยแต่กลับไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้ที่เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอ เธอเลยจำต้องตอบรับด้วยเสียงอ่อนแล้วถอดรองเท้าหนังอย่างปวดใจ จากนั้นก็ไปเอากระเป๋าหนังในห้องที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ซึ่งมีกลิ่นฉุนเหมือนรองเท้าตามคาด ยังดีที่เก็บไว้ในห้อง ถ้าวางไว้บนชั้นเหมือนรองเท้าเกรงว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องปวดศีรษะยิ่งกว่าเดิมแน่

“คุณนาย…ของพวกนี้ตั้งยี่สิบหยวนแหนะ หรือว่าฉันเอาไปเก็บไว้ในห้อง ไม่ทิ้งแล้วได้ไหม?” พี่ฮวาขอร้อง

“ทิ้งไปให้หมด…แล้วก็รองเท้าคู่นี้ด้วย เธอคิดว่าครอบครัวฉันเป็นครอบครัวตกอับเหรอถึงได้เก็บขยะกลับมา…เธอจะทิ้งเองหรือจะให้ฉันเป็นคนทิ้งให้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอามือปิดจมูกแล้วหยิบรองเท้าหนังคุณภาพต่ำอีกคู่บนชั้นขึ้นมาด้วยความโกรธ จากนั้นค่อยแย่งกระเป๋ากับรองเท้าในมือพี่ฮวามาแล้ววิ่งออกไปนอกบ้านอย่างขุ่นเคืองแล้วโยนใส่ถังขยะทั้งหมดทีเดียวซึ่งช่วงบ่ายจะมีพนักงานทำความสะอาดมาเก็บขยะตามแต่ละบ้านในชุมชน

พี่ฮวาหน้าซีดเผือดและรู้สึกปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด รองเท้าสองคู่กับกระเป๋าหนึ่งใบเสียเงินเธอไปตั้งยี่สิบห้าหยวนแหนะ คุณนายไม่ทำงานบ้านไม่รู้ว่าข้าวยากหมากแพง แล้วยังรู้จักกับกลุ่มเพื่อนนิสัยไม่ดีที่ไม่เห็นความสำคัญของการใช้เงิน ไม่คู่ควรจะเป็นนายคนเลย!

ทางเหมยเหมยกลับค้นพบสิ่งใหม่ เมื่อครู่พี่ฮวาฉุดกระชากลากถูกับเธออยู่พักหนึ่งทำให้สร้อยคอเส้นนั้นโผล่ออกมา จี้สร้อยคอไม่เล็กทีเดียว พอคำนวณเงินคร่าว ๆแล้วสร้อยทองคำเส้นนี้ไม่ใช่แค่ราคาพันเดียวแต่อย่างน้อยต้องมากกว่าพันห้าขึ้นล่ะ!

……………………….

ตอนที่ 2746 มีแต่คำลวง

เหมยเหมยก็ไม่มั่นใจว่าสร้อยคอทองคำนั่นเป็นของพี่ฮวาแต่เดิมอยู่แล้วหรือบางทีอาจได้มาจากสามีคนเก่า พอเธอหย่าไปก็ทำใจขายทิ้งไม่ได้…ซึ่งความเป็นไปได้นี้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว

แต่เธอก็คิดว่าสร้อยคอทองคำเส้นนี้มันน่าสงสัยมาก เมื่อก่อนเธอเคยมาบ้านหลังนี้หลายครั้งก็ไม่เห็นพี่ฮวาใส่สร้อยคอเลย น่าจะเพิ่งซื้อไม่นานมานี้ แต่คำถามคือพี่ฮวาเพิ่งได้เงินเดือนเดือนเดียว รวม ๆกันแล้วแค่หนึ่งพันหยวนไม่พอซื้อสร้อยเส้นนี้แน่ ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังโมโหพี่ฮวาไม่หายเลยพูดด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังเท่าไร พี่ฮวาร่ำไห้น้ำตานองหน้าที่ทำให้คนมองรู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม เล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าก็หยุดเล่นแล้ววิ่งมาดูเรื่องสนุก ๆด้วยอีกคน ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณน้าเชี่ยนเชี่ยนจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย

“ร้อง ๆ…ร้องอยู่นั่นแหละ เธอทำผิดแล้วฉันว่าไม่ได้หรือไง? ตอนนี้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเก่าซะ เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ รีบไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเสื้อผ้าราคาถูกบนตัวพี่ฮวาก็ปวดศีรษะตุบ ๆ ภายใต้ค่าสายตาสี่จุดห้าของเธอทำให้เห็นแต่จุดบกพร่องของเสื้อตัวนี้ ต่อให้เอามาใช้เป็นผ้าขี้ริ้วเธอยังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ!

“คุณนาย…ฉันใส่แบบนี้สบายตัวดี…ถ้ารังเกียจที่เสื้อตัวนี้ไม่สวยไว้ฉันจะซื้อตัวที่ราคาแพงกว่านี้อีกนิด…ไม่ทิ้งได้หรือเปล่า เสียเงินซื้อกลับมาทั้งนั้นเลย…”

พี่ฮวาทำหน้าลนลานชั่ววูบแต่ไม่ยอมขยับฝีเท้า พร่ำพูดอยู่ตั้งนานและร้องไห้อยู่พักใหญ่ก็ไม่ยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม “มีเสื้ออยู่แล้วจะไปซื้อทำไมอีก? บ้านฉันไม่ขาดแคลนเงินแค่นั้นหรอก นี่คือเสื้อทำงานที่ฉันซื้อให้เธอ เธอไปเปลี่ยนตอนนี้เลย ฉันจะนับถึงสาม…หนึ่ง…สอง…สาม…เธอไม่ไปใช่ไหม ได้ ฉันไปหยิบเอง!”

พี่ฮวาหดตัวเหมือนกุ้งโดนน้ำร้อนลวก ร้องไห้น้ำตานองแต่ไม่ยอมก้าวขาสักที คิดจะยื้อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างถึงที่สุดแล้ว

เหมยเหมยเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้ารัว ๆ คนรับใช้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายแบบนี้ต่อให้ดีแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันรับเข้าทำงานเด็ดขาด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีทุกอย่างเสียแค่ชอบใจดีผิดที่ผิดทางเป็นประจำ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธแทบแย่เพราะยิ่งกว่านั้นคือรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าเพื่อน เธอปั้นหน้าถมึงทึงก้าวยาวไปยังห้องของพี่ฮวา พี่ฮวาสะดุ้งตกใจพลางกระชากแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ไม่ยอมให้เธอเข้าห้อง

“คุณนาย…ฉันจะเปลี่ยนพรุ่งนี้ วันนี้ไม่เปลี่ยนแล้วได้ไหม…”

“เปลี่ยนวันนี้เลย เธอปล่อยมือฉันนะ…ได้ยินไหม…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนปวดตับแต่ขืนมือออกจากการกอบกุมของพี่ฮวาไม่ได้ เมื่อก่อนต่อให้เธอมีไขมันทั้งตัวก็ไม่ได้จะมีแรงมากมาย ตอนนี้ตัวผอมบางลงก็ยิ่งบอบบางเข้าไปกันใหญ่ เหมยเหมยยังแรงเยอะกว่าเธอประมาณหนึ่งด้วยซ้ำแล้วจะสู้พี่ฮวาที่พละกำลังเต็มเปี่ยมได้อย่างไรไหว

เหมยเหมยเกิดความสงสัยหนักกว่าเดิม ดูท่าทางพี่ฮวากำลังกลัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าห้องของเธออยู่ หรือว่า…

เธอเดินไปสกัดจุดของพี่ฮวาแรง ๆทีหนึ่งจนพี่ฮวามือไม้อ่อนแรงแล้วผละมือออก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพุ่งเข้าห้องไป แต่พอเธอค้นทั่วห้องไปรอบหนึ่งก็ไม่เจอเสื้อผ้ารองเท้ากับกระเป๋าที่เธอซื้อให้…

“เสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ล่ะหายไปไหนแล้ว?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้โง่ พอปะติดปะต่อกันหน่อยก็รู้ว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง สีหน้าจึงเย็นชาลง

พี่ฮวาเอ่ยพร้อมน้ำตา “ฉัน…ฉันฝากไว้ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง…ไม่สิ เพื่อนฉันเห็นว่าเสื้อของฉันสวยดีเลยยืมไปใส่สักวันสองวัน คุณนาย…พรุ่งนี้ฉันจะไปเอามาคืน อย่าโกรธเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งขณะที่เหมยเหมยกลับไม่เชื่อเลยสักนิด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพี่ฮวากำลังโกหกทั้งเพ พูดไปสิบประโยคคงไม่เป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว

“ตกลงเพื่อนยืมไปหรือเอาไปขายแล้ว?” เหมยเหมยจงใจหลอกถามเธอ

พี่ฮวาตัวสะท้านส่ายศีรษะแรง ๆ “ปะ…เปล่า แค่ยืมไปเฉย ๆ พรุ่งนี้ฉันจะไปขอคืน”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางชี้ไปที่สร้อยคอทองคำบนคอของเธอแล้วถามประชด “แล้วสร้อยคอทองคำเส้นนี้ของเธอได้มาจากไหนล่ะ?”

…………………

Related

ตอนที่ 2743 ว่าทีไรก็ร้องไห้ทุกที

“พี่ร้องไห้ทำไม? ฉันก็ไม่ได้ด่าพี่สักหน่อย ฉันแค่บอกให้รู้ว่าห้ามปล่อยเด็กอยู่ลำพังเพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย” เหมยเหมยพยายามอดทนพูด

พี่ฮวาปล่อยให้น้ำตาไหลรินดังเดิมโดยไม่คิดจะหยุดพร้อมพูดเสียงเบาหวิว “แค่ครู่เดียวเอง ก่อนหน้านี้ฉันก็คอยเฝ้าอยู่ตลอด เมื่อกี้แค่ออกมาเก็บผัก แค่แป๊บเดียวเท่านั้น…”

ความจริงในใจเธอไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก เด็กในเมืองเลี้ยงแบบลูกคุณหนูกันทั้งนั้น เด็กบ้านนอกชนบทอย่างพวกเธอขอแค่หัดคลานตามพื้นเป็นก็ปล่อยให้เล่นอยู่ในลานบ้านคนเดียวแล้ว!

เด็กน้อยบางคนยังเก็บขี้ไก่ตามพื้นใส่ปากเลย กินของสกปรกเข้าไปก็ไม่เห็นเจ็บเห็นป่วย มีเด็กคนไหนร่างกายไม่แข็งแรงบ้าง กลับกันเด็กในเมืองที่ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูดั่งไข่ในหิน ไม่สบายนิดหน่อยก็ไปหาหมอให้เปลืองเงิน!

พี่ฮวายิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ เพราะสาเหตุหลัก ๆความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับสามีมาจากความขัดแย้งในการเลี้ยงลูก แน่นอนว่าเป็นความขัดแย้งของเธอกับพ่อแม่สามี

เธอคิดว่าลูกชายไม่จำเป็นต้องเลี้ยงฟูมฟักมากนัก ขอแค่กินอิ่มท้องมีเสื้อผ้าสวมใส่กันหนาวได้ก็พอ แต่พ่อแม่สามีเธอกลับตั้งมาตรฐานไว้สูง พอป่วยนิดป่วยหน่อยก็พาส่งโรงพยาบาลจนเสียเงินไปอย่างสูญเปล่าไม่รู้ตั้งเท่าไร เรื่องนี้เธอเคยทะเลาะกับพ่อแม่สามีนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็จบที่สามีมาทะเลาะกับเธอแทน!

พอนึกถึงลูกชายที่ไม่สนิทสนมกับตนทีไรพี่ฮวาก็ยิ่งน้อยใจ น้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตกจนทำเอาเหมยเหมยปวดศีรษะยิ่งกว่าเดิม

เธอก็ยังไม่ทันว่าอะไรนี่นา ร้องไห้เหมือนเขื่อนแตกแบบนี้ทำเอาพูดไม่ออกเลยจริง ๆ!

“หยุดร้องไห้สักทีได้ไหม? จะพูดก็พูดมา ร้องไห้ทำไม?” เหมยเหมยเอ่ยอย่างหมดแรงแต่รู้สึกคันยุบยิบตรงฝ่ามือ หากเป็นพี่เลี้ยงบ้านเธอคงรีบจ่ายค่าจ้างแล้วไล่ออกอย่างไม่ต้องเสียแรงพูดให้เหนื่อยเปล่าเลย

เธอจ้างคนรับใช้มา ไม่ได้จ้างคนขี้แงมาสักหน่อย!

ครั้นพี่ฮวาเห็นเหมยเหมยปั้นหน้าตึงก็ใจกระตุกวูบ รีบกลั้นน้ำตาไว้อย่างรวดเร็ว

“เราแค่จะบอกว่างานหลักของพี่คือเฝ้าเด็ก พอจัดการเด็กเรียบร้อยแล้วจะหาเรื่องอื่นทำก็ย่อมได้ พี่เข้าใจความหมายที่บอกไหม?” เหมยเหมยถาม

“เข้าใจแล้ว คุณนายก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน” พี่ฮวาพยักหน้า

เหมยเหมยหมดคำจะพูด…ในเมื่อเคยพูดแล้วทำไมเมื่อกี้ถึงเลือกที่จะทิ้งเด็กไว้ตามลำพังล่ะ?

เธอได้กลิ่นตุ ๆอ่อน ๆเตะจมูก เหมยเหมยสูดจมูกดมแต่กลิ่นกลับแรงกว่าเดิม เธอจึงไล่สายตาไปตามต้นทางของกลิ่นก่อนจะพบว่ามาจากรองเท้าหนังสีดำของพี่ฮวา กลิ่นนี้มาจากรองเท้าหนังคู่นี้นั่นเอง

พอได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นกลิ่นจากวัสดุหนังเทียมไร้คุณภาพ ก่อนหน้านี้พี่ฮวาสวมรองเท้าแตะ พอเปลี่ยนไปสวมรองเท้าหนังเหมยเหมยก็ได้กลิ่นทันทีและเข้าใจอย่างดีว่าทำไมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงอารมณ์เสีย!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจมูกไวยิ่งกว่าสุนัขแถมยังช่างเลือกอีกต่างหาก ฉะนั้นกลิ่นที่เธอยังทนไม่ได้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ต้องทรมานยิ่งกว่านี้

“พี่ฮวา ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าที่คุณนายพี่ซื้อให้ล่ะ?” เหมยเหมยถาม

“เสื้อผ้าพวกนั้นราคาแพงเกินไป ฉันไม่คู่ควรที่จะใส่มัน” พี่ฮวาก้มหน้าต่ำกว่าเดิมซึ่งขับให้ดูตัวเล็กลงยิ่งกว่าเก่า

แสงแดดหลังเที่ยงวันสาดเข้ามาจนเหมยเหมยต้องหรี่ตาลง เหมือนเธอจะเห็นแสงสีทองวูบหนึ่งคล้ายจะเป็นแสงสะท้อนมาจากตรงลำคอของพี่ฮวา เหมยเหมยเพ่งสายตามองก็พบว่าพี่ฮวาสวมสร้อยทองอยู่เส้นหนึ่ง เธอไม่เห็นจี้สร้อยคอแต่ในเมื่อเป็นสร้อยทองอย่างน้อยก็ต้องราคาพันขึ้นสินะ

เหมยเหมยแปลกใจอย่างมาก ไหนว่าฐานะยากจนถึงขั้นต้องอาศัยอยู่ห้องเช่าชั้นใต้ดินไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงยังมีเงินซื้อสร้อยทองล่ะ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะจ่ายค่าจ้างไปแค่หนึ่งเดือนเอง หรือว่าเธอเอามันไปซื้อสร้อยทองแล้วเหรอ?

………………………..

ตอนที่ 2744 รองเท้าหนังไร้คุณภาพ

เหมยเหมยข่มความสงสัยที่ผุดขึ้นในใจไว้พลางพูดเกลี้ยกล่อมต่อ “ในเมื่อเสื้อผ้าพวกนั้นก็ซื้อกลับมาแล้วปล่อยไว้ให้ปลวกขึ้นก็น่าเสียดาย พี่ก็ใส่มันเถอะ คราวหลังคุณนายของพี่คงไม่ซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ให้อีกแล้ว พี่ไม่ต้องเกรงใจนักหรอก”

“มะ…ไม่ใส่แล้ว…ฉันแต่งตัวแบบนี้สบายตัวดี ทำงานสะดวกไม่ต้องเปลี่ยน…”

พี่ฮวาก้มหน้างุดต่ำลงเรื่อย ๆ จะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมใส่ท่าเดียว เหมยเหมยก็พูดคำแรง ๆใส่ไม่ได้ หมดหนทางแล้วจริง ๆ

ฉีฉีเก๋อได้ยินเสียงดังมาจากสวนหลังบ้าน ด้วยความเป็นคนใจร้อนจึงรีบอุ้มนันนันวิ่งมาหา ประจวบกับได้ยินประโยคพูดของพี่ฮวาพอดีเลยอดพูดไม่ได้ว่า “งั้นก็อย่าซื้อของที่คุณภาพแย่เกินไป เชี่ยนเชี่ยนอ่อนไหวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ รองเท้ากระเป๋าที่พี่ซื้อมาเป็นหนังเทียมไร้คุณภาพทั้งนั้น กลิ่นมันฉุน เชี่ยนเชี่ยนเหม็นกลิ่นรองเท้ากับกระเป๋าของพี่จนมึนหัวไปหมด แถมหล่อนยังเกรงใจจะบอกพี่อีกต่างหาก”

พี่ฮวาเงยหน้าขวับแล้วก้มมองรองเท้าหนังบนเท้าอีกที เผลอส่ายหน้าอัตโนมัติ “เป็นไปไม่ได้…รองเท้าของฉันคุณภาพไม่แย่เลย เสียเงินซื้อตั้งแปดหยวนแหนะ!”

รองเท้าคู่นี้เธอถูกใจมาก ทั้งทนทานและสวยงามทันสมัยถึงได้ยอมกัดฟันซื้อมันกลับมา เงินตั้งแปดหยวนเชียว เธอปวดใจแทบตาย!

เหมยเหมยมุมปากกระตุกอีกครั้ง รองเท้าหนังราคาแปดหยวนหรือ?

ต่อให้เป็นรองเท้าหนังเมื่อสิบปีก่อนก็ไม่ได้ขายกันราคานี้นะ!

ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุจากหนังอะไร มิน่าถึงได้กลิ่นฉุนขนาดนั้น ไม่รู้ว่ามีพิษหรือเปล่า!

ฉีฉีเก๋อเป็นคนปากไวพูดตรงจึงโวยวายขึ้นว่า “โอ๊ย…พี่ซื้อรองเท้าหนังราคาถูกขนาดนี้กลับมาได้ยังไง นี่ไม่ใช่หนังแต่เป็นพลาสติกที่มีสารพิษ อย่าให้เด็กได้กลิ่นเป็นอันขาดไม่งั้นจะป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวได้ รีบทิ้งมันไปซะ!”

เหมยเหมยตกใจแทบแย่ เธอเองก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นในหนังสือบอกว่าพลาสติกคุณภาพต่ำจะมีกลิ่นฉุนเหมือนสีทาบ้าน เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว นันนันเพิ่งตัวแค่นี้เอง ไหนจะเล่อเล่อของเธอกับเป่ารื่อน่าก็มาเล่นที่นี่บ่อย ๆอีก…

ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจจนเหมยเหมยคร้านจะทำท่าเกรงใจกับผู้หญิงคนนี้อีก ฉุดแขนพี่ฮวาเดินออกไปข้างนอก “ฉันจะพาพี่ไปซื้อรองเท้าหนังดี ๆเดี๋ยวนี้เลย รองเท้าคู่นี้ทิ้งมันไปซะ แล้วก็กระเป๋าคุณภาพต่ำพวกนั้นด้วย ทิ้งไปให้หมด ทิ้งให้ไกลได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี!”

“ฉันไม่ทิ้ง…ของพวกนี้ฉันเสียเงินซื้อมันมา ไม่มีสารพิษนะ ฉันใส่รองเท้าแบบนี้มาตลอด ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แล้วจะป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวได้อย่างไร พวกคุณดูสิว่าฉันยังสุขภาพแข็งแรงดี…”

พี่ฮวาพยายามยืดเส้นยืดสายให้ดู เธอมีแรงค่อนข้างมาก เหมยเหมยจึงฉุดแขนเธอไม่ไหวจนเหงื่อท่วมตัว สิ่งที่ทำให้เธอขุ่นเคืองมากที่สุดคือพี่ฮวาพยายามจับชิงช้าใต้ต้นองุ่นไว้แน่นด้วยท่าทีแน่วแน่ว่าจะไม่ไปเด็ดขาด

ชิงช้าใต้ต้นองุ่นนั่นเป็นสถานที่โปรดปรานที่สุดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเหมยเหมยไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวจะทำชิงช้าพัง ทั้งคู่จึงค้างกันอยู่ท่านั้น

“เธอไปเรียกเชี่ยนเชี่ยนลงมา พวกเราไม่มีสิทธิ์พูด เชี่ยนเชี่ยนเป็นเจ้านาย ทีนี้คงมีสิทธิ์พูดแล้วสินะ!” เหมยเหมยชักโมโหเลยหันไปตะโกนใส่ฉีฉีเก๋อ

ฉีฉีเก๋อวิ่งเหยาะไปหาอีกคนตามคำสั่ง ใช้เวลาไม่นานเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ลงมา พี่ฮวาเห็นเธอเข้าก็…น้ำตาไหลพราก…ราวกับสูญเสียพ่อสูญเสียแม่ไปอย่างไรอย่างนั้น

โชคดีที่เหมยเหมยสนิทกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่อย่างนั้นเธอคงอธิบายไม่ถูก!

“คุณนาย…รองเท้าของฉันไม่มีสารพิษ…คุณนายบอกกับพวกเขาสิว่าไม่ให้ฉันทิ้งรองเท้า นี่ใช้เงินซื้อมาทั้งนั้น หาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ…”

พี่ฮวาร้องไห้โอดครวญแต่ในใจนึกเกลียดชังเหมยเหมยเหลือเกิน

เธอไม่ได้รับเงินเดือนจากบ้านเธอสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมายุ่งว่าเธอจะใส่รองเท้าแบบไหน?

อีกอย่างผู้หญิงที่สกุลจ้าวคนนี้ชั่วร้ายเหมือนอดีตแม่สามีของเธอไม่มีผิด คำพูดคำจาก็ไม่ต่างกัน เธอใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปีไม่เคยได้ยินว่าผู้ใหญ่ใส่รองเท้าแล้วจะเป็นต้นเหตุให้เด็กป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว แต่ก่อนเด็กบ้านนอกออกไปเที่ยวเตร่นอกบ้านทุกวัน มีงูพิษยุงพิษบนเขามากมายก็ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนป่วยเป็นอะไรสักคน!

คนในเมืองชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เรื่อย ไม่ใช่เจ้าหญิงจากราชวงศ์สักหน่อย แล้วจะทำตัวสูงส่งขนาดนี้ทำไมกัน?

……………

Related

ตอนที่ 2741 ชอบให้ใช้ไม้อ่อน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปั้นหน้าตึงอีกครั้งพลางถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “ก็เพราะเธอไง เห็นเสื้อผ้าที่พี่ฮวาใส่หรือยัง ตั้งแต่ตัวจรดปลายเท้ารวมกันยังไม่ถึงร้อยหยวนเลย ฉันเห็นทุกวันจนปวดตาไปหมดแล้ว”

ตั้งแต่รู้ความเธอก็เห็นแต่เสื้อผ้าที่เพื่อนรอบตัว แม้กระทั่งตัวเองสวมใส่…มีชุดไหนที่ไม่ใช่ชุดดี ๆบ้าง?

เสื้อผ้ายี่ห้อดังราคาแพงที่ต้องทุ่มเงินซื้อไปกว่าครึ่งเพราะชื่อยี่ห้อแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเสื้อผ้ารองเท้าและกระเป๋ามียี่ห้อเหล่านั้น…เป็นงานประณีตอย่างแท้จริงและมีจุดตำหนิน้อย ไม่เหมือนสินค้าข้างทางที่เป็นงานฝีมือหยาบ ไม่พูดถึงรอยเย็บแล้วกันแต่เธอถึงขั้นเห็นด้ายบนเสื้อที่หลุดออกมา แถมยังเจอไม่น้อยด้วย

ไหนจะรองเท้ากับกระเป๋าที่ทำจากวัสดุอย่างดีก็ช่าง แต่หนังเทียมที่กลิ่นเหม็นหึ่งทำเอาเธอที่ได้กลิ่นต้องปวดศีรษะตามไปด้วย

พี่ฮวาดันซื้อสินค้าที่ทำจากหนังเทียมทั้งหมด เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่เลยยิ่งขับให้มีกลิ่นแรงมากกว่าเดิม คุณหนูใหญ่เหริ่นไม่เพียงแค่สายตาดีแต่จมูกยังรับกลิ่นดียิ่งกว่าสุนัข เห็นเส้นด้ายหลุดลุ่ยลอยพลิ้วตามสายลม กลิ่นหนังเทียมที่ส่งกลิ่นเหม็นหึ่งอยู่เกือบยี่สิบชั่วโมง…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเต็มทีแล้ว!

“ในเมื่อเธอทนไม่ได้ก็ให้พี่ฮวาทิ้งกระเป๋าคุณภาพแย่พวกนั้นไปสิ เธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ จำเป็นต้องทรมานตัวเองเหรอ?” เหมยเหมยทำท่าไม่ยี่หระ

เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็เอามาเครียดได้ หาเรื่องลำบากให้ตัวเองจริง ๆ

ฉีฉีเก๋อเอ่ยเสริม “ไม่งั้นเธอก็เอาเงินค่าเสื้อผ้ากระเป๋าพวกนั้นให้พี่ฮวาไป ไม่ไหวจริง ๆเธอก็ให้พี่ฮวาใส่เสื้อผ้าตัวเดิมที่เธอซื้อให้เถอะ ถึงจะแพงไปหน่อยแต่เธอก็ไม่ขาดแคลนเงินแค่นี้นี่นา ไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองหรอก”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าบึ้ง “คิดว่าฉันไม่ได้บอกไปหรือไง ฉันพูดไปหลายรอบแล้วแต่ให้ตายยังไงพี่ฮวาก็ไม่ยอมใส่ บอกว่าคนรับใช้อย่างเธอมีสิทธิ์ใส่เสื้อผ้าดี ๆแบบนี้ได้อย่างไรกัน โอ๊ย…ฉันก็ไม่กล้าพูดแรงเกินไป กลัวเธอแล้วจริง ๆ!”

“เธอจะกลัวหล่อนทำไม? เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสมองเธอยังดีอยู่ไหม? ความโอหังแต่ก่อนของเธอหายไปไหนหมด?” ฉีฉีเก๋อรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก

เจ้านายกลับกลัวคนรับใช้?

จะว่าอย่างไรก็ไม่เข้าท่าเลย!

“ฉันก็ไม่ได้กลัวหล่อนจริง ๆหรอก พวกเธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนชอบใช้ไม้อ่อน แค่ฉันพูดแรงหน่อยพี่ฮวาก็ร้องไห้แล้ว ฉันกลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ปวดศีรษะเหลือเกินแต่ทำอะไรพี่ฮวาไม่ได้จริ งๆ พูดแรงไปก็ไม่ได้แต่พอไม่พูดเธอก็รู้สึกแย่เอง

เหมยเหมยขมวดคิ้ว ทำไมถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ?

“แบบนี้ไม่ได้การล่ะ เธอจะอยู่ในกำมือคนรับใช้แบบนี้ไม่ได้ ไร้กฎระเบียบกันพอดี เธออยู่บนนี้นะ ฉันจะเป็นคนไปพูดกับพี่ฮวาเอง วัน ๆเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ดูไม่เข้าท่าเลย ไม่ไหวจริง ๆก็เปลี่ยนคนใหม่!”

เหมยเหมยว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน เธอไม่ชอบพี่ฮวาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะเอาแต่ปั้นหน้าบูดอยู่ทุกวัน ทำเอาคนที่เห็นพลอยหงุดหงิดตามไปด้วย

“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้วดีกว่า นอกจากจุดนี้พี่ฮวาก็ค่อนข้างดีเลย พ่อแม่สามีฉันชมเธอใหญ่เลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเปลี่ยนพี่เลี้ยงเท่าไรนัก ไม่ใช่เพราะตัวเธอแต่ประเด็นคือพ่อแม่ของอิงจวี้กัง

ด้วยสาเหตุที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากรักษาหุ่นเลยเลื่อนแผนเรื่องมีลูกออกไปอีกสองปี ปิดบังพ่อแม่สามีเรื่องที่สุขภาพหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว ถึงพ่อแม่ตระกูลอิงเองก็โวยวายอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็ยอมตกลงรับเลี้ยงเด็กแทน แถมยังดีกับนันนันไม่หยอก

ฉะนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงรู้สึกผิดต่อพ่อแม่สามีมาตลอด เมื่อพี่ฮวาเพิ่งมาทำงานที่บ้านพ่อแม่ตระกูลอิงได้ฟังเรื่องราวที่พี่ฮวาประสบพบเจอมาก็แสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะแอบกำชับกับอิงจวี้กังว่าให้ทำดีกับหญิงสาวผู้น่าสงสารคนนี้ให้มาก

ฉะนั้น…เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงได้ยอมอดทนเพื่อไม่ทำให้พ่อแม่สามีต้องไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นหากอีกสองเดือนข้างหน้าพ่อแม่สามีกลับมาจากบ้านเกิดเห็นพี่ฮวาหายไปจะเกิดความเข้าใจผิดกันอีก

………………………………………………

ตอนที่ 2742 ไม่มีความรับผิดชอบ

เหมยเหมยได้ยินคำนี้ก็รู้สึกโมโหอย่างไม่มีสาเหตุ “ช่างเถอะงั้นเหรอ? เราหาพี่เลี้ยงมาทำไม? ก็เพื่อแบ่งเบาภาระให้ตัวเองสบายกายสบายใจมากขึ้นไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้หล่อนกลับกำลังส่งผลกระทบต่ออารมณ์เธออย่างรุนแรงแล้วคิดจะช่างมันอีกเหรอ?”

ไม่เคยเห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นแม่พระขนาดนี้มาก่อน

เมื่อก่อนชอบด่าว่าฉีฉีเก๋อแม่พระ ตอนนี้ดูแล้วเธอต่างหากที่สติเลอะเลือนที่สุด

“ขอแค่พี่ฮวาทิ้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าพวกนั้นไปฉันก็จะอารมณ์ดีขึ้นทันที เธอคุยกับหล่อนดี ๆนะ อย่าบอกว่าจะไล่เธอออก ไม่งั้นฉันคงหาคำอธิบายให้พ่อแม่สามีฉันไม่ได้”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกเหตุผลของเธอออกมาพร้อมรับสายตาเหยียดหยามสองคู่

สมน้ำหน้า!

เมื่อก่อนมีลูกไม่ได้เพราะเจอปัญหา ตอนนี้สุขภาพดีขึ้นแล้วกลับไม่อยากมีลูก หากพวกเธอเป็นพ่อแม่ตระกูลอิงแล้วรู้ความจริงเข้าจะต้องโมโหจนตายแน่ ๆ!

“เข้าใจแล้ว ฉันจะคุยกับหล่อนดี ๆ ไม่เข้าใจเธอจริง ๆหาเรื่องให้ตัวเองแท้ ๆ!”

ในเมื่อเรื่องเอี่ยวไปถึงพ่อแม่สามีเหมยเหมยก็ไม่อาจไล่พี่ฮวาออกโดยพลการได้ เธอไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริงสักหน่อยและไม่มีอำนาจมากขนาดนั้นด้วย

ฉีฉีเก๋อกับเหมยเหมยลงไปชั้นล่างพร้อมกันปล่อยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ข้างบนคนเดียว ชั้นล่างเล่อเล่อกับเป่ารื่อน่ากำลังเล่นเกมเทพพิทักษ์หยี่หลองสินต่อสู้กับเทพธิดาทั้งเจ็ดอย่างสนุกสนาน นันนันกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนพื้นดูทั้งคู่เล่นกันอย่างจดจ่อ ทั้งคอยปรบมือหัวเราะเสริมเป็นครั้งคราวจนทำเอายายหนูทั้งสองเล่นกันฮึกเหิมกว่าเดิม

เหมยเหมยเห็นแล้วก็รู้สึกตลกดี เทพพิทักษ์หยี่หลองสินเคยต่อสู้กับเทพธิดาทั้งเจ็ดตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ยายหนูทั้งสองไม่รู้ไปฟังนิทานเรื่องนี้มาจากไหนถึงได้แต่งเรื่องไปเรื่อยแบบนี้

พี่ฮวาไม่ได้นั่งเฝ้าเด็ก ๆและไม่อยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย เหมยเหมยใจกระตุกรีบสาวเท้าลงไปชั้นล่าง “เล่อเล่อ คุณป้าล่ะ?”

เล่อเล่อกำลังชูไม้ถูพื้นสนุกได้ที่พอดี พอได้ยินคำถามก็ชี้นิ้วไปสวนหลังบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่งก่อนจะหันกลับมาต่อสู้กับเป่ารื่อน่าต่อ โบกไม้ถูพื้นไปมาจนข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น

เหมยเหมยหนังตากระตุก ยังดีที่ไม่ได้อยู่บ้านเธอ ปล่อยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนจัดการเองแล้วกัน

“เป่ารื่อน่า เล่อเล่อ พวกหนูระวังหน่อยนะ อย่าทำให้น้องเจ็บตัวละ!”

ฉีฉีเก๋อเห็นแล้วก็รู้สึกผวาตามไปด้วย เล่อเล่อกำไม้ถูพื้นด้ามใหญ่ขนาดนั้น ส่วนเป่ารื่อน่ากำไม้ขนไก่ด้ามหนึ่ง เกิดเด็กน้อยทั้งสองไม่ทันระวังตัวแล้วปัดไปโดนตัวนันนันก็แย่เลย

“ทำไมพี่ฮวาไม่อยู่เฝ้าเด็ก?” ฉีฉีเก๋อไม่พอใจอย่างมาก

โชคดีที่พวกเธอลงมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

เหมยเหมยก็ไม่พอใจเช่นกัน เดิมทีคิดว่านอกจากพี่ฮวาจะชอบร้องไห้แล้วคงไม่มีปัญหาเรื่องอื่นอีก แต่ตอนนี้เท่าที่ดูแล้วเธอมีความรับผิดชอบไม่มากพอ ทำไมถึงปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสามเล่นกันเองได้ล่ะ!

ห้องนั่งเล่นมีเครื่องใช้ไฟฟ้า มีปลั๊กไฟ มีโต๊ะมีตู้เก็บของแล้วยังมีตู้ปลาขนาดใหญ่…ล้วนเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่ก่ออันตรายแก่เด็กได้ ไม่มีผู้ใหญ่คอยจับตาดูแล้วใครจะวางใจลง?

ไม่รู้ว่าพี่ฮวากำลังทำอะไรอยู่กันแน่!

เหมยเหมยไปสวนหลังบ้านแล้วปล่อยให้ฉีฉีเก๋อเฝ้าเด็กอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สวนหลังบ้านพื้นที่ไม่กว้างนัก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปลูกต้นองุ่นไว้ต้นหนึ่งรวมถึงดอกกุหลาบอีกจำนวนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมีผักกาดขาวเพิ่มมาอีกหย่อมหนึ่งรวมถึงต้นหอมอีกหลายแถว

พี่ฮวากำลังเก็บผักกาดขาว ในตะกร้าผักกาดขาวสดใหม่นอนเรียงกันกว่าครึ่งตะกร้า ดูฉ่ำน้ำกว่าที่วางขายตามท้องตลาดสดมากโข

ครั้นเห็นเหมยเหมยเดินเข้ามาพี่ฮวาก็ลุกพรวด คลี่ยิ้มเจื่อนแล้วก้มหน้าน้อย ๆเผยสีหน้าอมทุกข์อีกครั้ง

“พี่ฮวา…พี่น่าจะอยู่เฝ้าเด็กในห้องนั่งเล่นนะ พี่ปล่อยให้เด็กอยู่ห้องนั่งเล่นคนเดียวมันอันตรายมากรู้ไหม?” เหมยเหมยอดตำหนิไม่ได้ พยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่คนรับใช้บ้านตัวเอง

แต่ใครจะคิดว่า–

พี่ฮวาน้ำตาร่วงเผาะแล้วพูดเสียงติดสะอื้นว่า “ฉันแค่ผละออกมาครู่เดียวเอง คิดจะเก็บผักมาทำมื้อเที่ยง ตอนเช้าคุณนายบอกว่าอยากทานผักกาดขาว…”

ตอบไม่ตรงคำถาม เหมยเหมยมองพี่ฮวาที่กำลังร่ำไห้เสียใจอย่างจนใจ ในที่สุดก็เข้าใจความรู้สึกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้ว

…………………

Related

ตอนที่ 2739 มีพรสวรรค์

“แหม…ดูสิ ๆ…ฉันพูดแทงใจละสิ? เหมยเหมยเธอดูสิ ในใจลึก ๆของหล่อนต้องคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแน่ ๆ แต่ปากแข็งไม่ยอมรับสักที เหอะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดไม่ยอมปล่อยเอาแต่หัวเราะล้อเลียนอยู่ร่ำไป ฉีฉีเก๋อโกรธจนเอาแต่จักจี้ใต้รักแร้ของเธอ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนเส้นตื้นจึงหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน พร่ำร้องขอชีวิตแต่ด้วยนิสัยใจคอทำให้ถ้อยคำที่พูดออกมาก็ยังชวนให้น่าตีเหมือนเดิม

“ฉันหวังดีกับเธอจริง ๆนะ ผู้ชายพวกนั้นแม้แต่ฉันยังใจสั่นเลย ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีอิงจวี้กังอยู่แล้วไม่แน่อาจจะลองเปลี่ยนรสชาติดูก็ได้ ฉีฉีเก๋อเธอไม่ลองคิดดูจริงเหรอ? เราไม่ต้องไปสนใจเรื่องแต่งงานหรือไม่แต่งงาน คบกันไปก่อนค่อยว่ากัน อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ยังโสดอยู่ ผู้ชายจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาจากใจจริง แต่งงานแล้วก็ต้องอยู่ในกรอบในกฎจะทำเรื่องผิดศีลธรรมคุณธรรมไม่ได้อีก เธอไม่ใช่คนแบบนั้น

แต่ครองโสดต่างกันไป เปลี่ยนผู้ชายบ่อยเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้ายังได้ ใครก็ไม่มีสิทธิ์ตำหนิ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดเสียใจภายหลังไม่ได้ ทำไมเธอถึงรีบผูกมัดตัวเองด้วยการแต่งงานเร็วขนาดนี้นะ?

“ถ้าตอนนี้ฉันยังโสดจะต้องชิมผู้ชายโหด ๆใต้หล้านี้ให้หมด ใครที่ไม่ยาวมากกว่าสิบแปดเซนฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมองสักนิดหรอกนะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้อยคำที่ออกจากปากเรียกให้เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อหน้าแดงกันทั้งคู่

“ขึ้นไปชั้นบนไป อย่ามาทำให้ลูกสาวฉันเสียคน!”

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อกระชากแขนคนหน้าด้านบางคนขึ้นไปชั้นบน หน้าไม่อายจริง ๆ คำลามกแบบนี้พูดออกมาได้ ต่อให้เด็ก ๆไม่เข้าใจแต่มีพี่ฮวาอยู่ด้วย ถ้าเรื่องแพร่งพรายออกไปคนอื่นต้องคิดว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงฝักใฝ่ในเรื่องนั้นแหง!

“ไม่เป็นไร ๆ…เล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าไม่เข้าใจ ไม่แน่พวกเธออาจจะคิดว่าฉันกำลังพูดถึงไส้กรอกอยู่ก็ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็อดขำไม่ได้จึงกุมท้องหัวเราะไม่หยุด

ฉีฉีเก๋อกลอกตาหลุกหลิกแล้วกระซิบถาม “อิงจวี้กังของเธอรวม ๆแล้วยังสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ อันนั้นของเขายาวเกินสิบแปดด้วยเหรอ?”

ความยาวของเจ้านั่นถึงจะวัดฟันธงอย่างแม่นยำไม่ได้แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสูงอยู่บ้าง ส่วนสูงของอิงจวี้กังก็มีให้เห็นแต่เป็นที่น่าสงสัยจริง ๆว่าความยาวของเขาเติมเต็มความพึงพอใจของคุณหนูใหญ่เหริ่นได้หรือเปล่า?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะอึกไปทีหนึ่งแล้วเถียงคอเป็นเอ็นว่า “ต้องถึงอยู่แล้ว…ถ้าไม่ถึงสิบแปดฉันเลิกไปนานแล้ว!”

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ ผีสิถึงจะเชื่อ

ลำพังคนส่วนสูงอย่างอิงจวี้กังยาวได้สิบหกเซนติเมตรก็พระเจ้าคุ้มครองแล้ว

เห็นสีหน้ายิ้ม ๆของเพื่อน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงสูญเสียความมั่นใจ เบะปากกล่าวว่า “ฉันวัดความยาวดูแล้ว สิบหกจุดแปด ปัด ๆเศษไปก็ยาวสิบแปดแล้ว”

โดนเพื่อนสองคนกลอกตาใส่ ของแบบนี้ปัดได้ที่ไหนกันเล่า ปากแข็งอยู่ได้!

ความจริงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังไม่พูดความจริง เธอดึงมันแล้วดึงมันอีก ขยับแล้วขยับอีกก็วัดได้สิบหกจุดแปดเซนติเมตร ถ้าให้แม่นยำกว่านี้อีกสักนิดเกรงว่าคงไม่ถึงขนาดนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นจุดเดียวที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่พอใจในตัวอิงจวี้กัง

ดีที่อิงจวี้กังลีลาเด็ดไม่เลวถึงได้ชดเชยส่วนนี้ไปได้ คุณหนูใหญ่เหริ่นยังค่อนข้างพอใจแต่บางทีพอฉุกนึกถึงมันเธอก็ยังเสียดายอยู่ดี ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยได้ลองของใหญ่เลย…ขาดทุนชะมัด!

“ผู้ชายของเธอเป็นไง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสตาถามเหมยเหมย

เหมยเหมยแค่นเสียงใส่แล้วพูดด้วยเสียงเย่อหยิ่งว่า “ไม่เคยวัด…แต่คาดการณ์แล้วเกินยี่สิบเซนแน่ ๆ…”

“อย่าโม้เลย…ทำไมเธอไม่บอกไปเลยล่ะว่ายาวเหมือนลาน่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อทำท่าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เหมยเหมยโต้กลับอย่างไม่พอใจ “มีอะไรให้น่าโกหกกัน พี่หมิงซุ่นของฉันมีพรสวรรค์ คนทั่วไปจะสู้ได้ไง เหอะ!”

“เด็กน้อย…โม้ไปเถอะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่อย่างดูถูกแต่ใจลึก ๆกำลังอิจฉา รู้สึกแย่จริง

เด็กน้อยสองคนที่ขึ้นมาหาคุณแม่ฟุบตัวแอบฟังหน้าประตูอยู่พักใหญ่ ดวงตาสองคู่กะพริบปริบ ๆอย่างไม่เข้าใจ

“พี่เล่อเล่อ พวกคุณแม่กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?” เป่ารื่อน่าถามด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยและทำหน้างุนงง

“น่าจะของอร่อย ๆละมั้ง ไปกันเถอะ ไปให้คุณน้าทำของอร่อย ๆให้เราทานกัน”

เล่อเล่อก็ฉงนใจไม่แพ้กันแต่รู้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับคุณพ่อแน่ ๆ ไว้กลับไปถามคุณพ่อที่บ้านก็รู้ละ

…………………………..

ตอนที่ 2740 การหลงใหลในเรื่องดีงามเป็นธรรมชาติของมนุษย์

เพื่อนสนิททั้งสามคุยกันเสียงดังอยู่ในห้องพร้อมสายตาประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้น อย่าคิดว่ามีแต่ผู้ชายที่จะคุยเรื่องลามกกันลับหลัง ผู้หญิง…โดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว หึหึ…แต่ละคนช่ำชองเรื่องนี้นักเชียว

“เหมยเหมยเธอช่วยพูดให้ความยุติธรรมสักประโยคสิ ฉันหวังดีต่อฉีฉีเก๋อหรือเปล่า เรามีสามียังไงพลังหยินหยางในตัวก็ต้องสมดุลอยู่แล้ว คนอย่างฉีฉีเก๋อ…นานวันเข้าก็ต้องอ้างว้างเดียวดายสิ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคว้าตัวเหมยเหมยให้เธอช่วยคืนความยุติธรรมแก่เธอ

เหมยเหมยฟังแล้วนึกอยากขำ ขณะที่ฉีฉีเก๋อยังโวยวายไม่หยุด “ระวังไตของเธอจะมีปัญหานะ…ฉันอยู่คนเดียวสบายดี ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชาย อีกอย่าง…ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าขนาดนี้ฉันจะมีผู้ชายทำไม? ใช้แท่งนางฟ้า[1]ก็พอ…”

ฉีฉีเก๋อปากไวเลยเผลอพูดหลุดปากไปจนรีบเอาปิดปากด้วยความตกใจ แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหูไวได้ยินชัดเต็มสองหู จึงซักไซ้ถามว่า “แท่งนางฟ้าอะไร? เธอใช้เหรอ? เอามาจากไหน…”

คำถามยาวเป็นพรวนเค้นถามจนฉีฉีเก๋อหน้าแดงหูแดงพลางส่ายหน้ารัว ๆ “เปล่า…ฉันแค่พูดไปงั้นแหละ จะไปใช้อันนั้นได้ไงกัน…”

“ฮิ ๆ…นี่เธอยังคิดจะโกหกฉันอีกเหรอ? ไม่เคยใช้แล้วเธอรู้จักแท่งนางฟ้าได้อย่างไร? สารภาพมาซะดี ๆ เอากลับมาจากประเทศญี่ปุ่นตอนเธอไปเที่ยวมาเมื่อสองเดือนก่อนใช่ไหม? เธอซื้อแบบแข็งพิเศษมาใช่ไหม? ใช้ดีไหม? รู้สึกสะใจไหม…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเหมือนคุณลุงหื่นกามคนหนึ่งแล้วโยนคำถามออกมารัว ๆจนฉีฉีเก๋อตั้งรับไม่ทัน เขินอายจนนึกอยากกัดลิ้นให้ตาย ๆไปเสีย

เหมยเหมยถึงเข้าใจว่าสองคนนี้กำลังคุยอะไรกันอยู่…จึงเขินจนตัวแทบม้วน ไร้ยางอายเสียจริง โชคดีทีพวกเธอขึ้นมาชั้นบนแต่แรก

แต่–

เด็กสองคนที่กำลังจะลงไปชั้นล่างได้ยินคำว่า ‘แท่งนางฟ้า’ เป่ารื่อน่าก็หูสั่นพรึ่บ ๆ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ

เธอชอบนางฟ้าที่สุดเลย!

“พี่เล่อเล่อ…เราไปแต่งตัวเป็นนางฟ้ากันเถอะ”

“ไม่เอา ฉันจะเล่นเป็นเทพหยี่หลองสิน เธอเป็นนางฟ้าแล้วกัน” เล่อเล่อไม่สนใจในตัวนางฟ้าเพราะเธอชอบเทพพิทักษ์หยี่หลองสินผู้หล่อเหลาไม่ธรรมดามากกว่า แต่กลับบ้านไปก็ต้องถามคุณพ่อว่าแท่งนางฟ้าคืออะไร?

เป็นอมยิ้มที่ทานได้ใช่หรือเปล่านะ?

ฉีฉีเก๋อรับมือกับการซักถามของคุณหนูใหญ่เหริ่นไม่ไหวจริง ๆเลยยอมสารภาพไปตามตรง “ฉันแค่อยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงซื้อกลับมายังไม่เคยใช้เลย ถ้าเธออยากได้ฉันให้เธอ!”

เธอซื้อมาด้วยความสงสัยล้วน ๆ เพิ่งเคยเห็น ‘ของใช้บนเตียง’ วางขายตามห้างสรรพสินค้าเป็นครั้งแรกแถมยังจัดวางไว้ในจุดที่เตะตาที่สุด เธอเห็นแล้วเขินแทบแย่แต่พนักงานสาวกลับให้คำแนะนำสินค้าด้วยสีหน้าราบเรียบจึงเป็นการเปลี่ยนมุมมองทัศนคติของเธอไปเลย

เมื่อก่อนเคยได้ยินมาว่าประเทศญี่ปุ่นเปิดกว้างเรื่องนี้มาก หลังจากไปเที่ยวกลับมารอบหนึ่งฉีฉีเก๋อถึงรู้ซึ้งจากใจจริง

เปิดกว้างจริง ๆ เปิดกว้างมาก ๆเลยละ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “เธอเก็บไว้ใช้เองเถอะ ฉันมีตัวจริงอยู่แล้วจะใช้อันนี้ทำไม? อ้อนั่นสิ…ฉันได้ยินมาว่าประเทศญี่ปุ่นกำลังคิดค้นหุ่นยนต์แล้วนะ แบบที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและจงรักภักดีต่อเธอคนเดียว ถ้าคิดค้นออกมาแล้วเธอก็ซื้อกลับมาสักตัว ชาร์ตแบตทีหนึ่งก็พอให้เธอใช้งานหนำใจแล้วล่ะ!”

“ถุย…วัน ๆเธอก็เอาแต่คิดเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อย ตอนนี้ฉันเห็นความสำคัญของเรื่องการงานกับเป่ารื่อน่าเป็นหลัก ใครจะว่างไปคิดเรื่องแบบนั้นกัน คร้านจะคุยกับเธอแล้ว!” ฉีฉีเก๋อยังหน้าด้านไม่เท่าใครบางคนจึงต้องยอมศิโรราบไปแต่โดยดี

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก “เสแสร้ง…เสแสร้งไปสิ…การหลงใหลในเรื่องดีงามเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ขงจื๊อยังว่าไว้แบบนี้ เรื่องแบบนี้สำคัญเทียบเท่ากับการกินข้าว เป็นสิ่งสำคัญที่ชีวิตจะขาดไม่ได้เหมือนกัน มีอะไรให้น่าอายกัน”

เหมยเหมยเห็นยัยคนนี้ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าท่าเลยรีบเบี่ยงประเด็น ถามอีกทีว่า “ก่อนหน้านี้เธอเป็นอะไร? ดูหน้าไม่สบอารมณ์ ใครมาหาเรื่องเธองั้นเหรอ?”

………………………..

[1] แท่งนางฟ้าหรือรู้จักกันในชื่อดิลโด้ ของเล่นผู้ใหญ่

Related

ตอนที่ 2737 ใจคนเปลี่ยนง่าย

พี่ฮวาทำงานค่อนข้างเต็มที่พอสมควรแทบไม่ให้เหมยเหมยลงมือทำอะไรเลย เธอปัดกวาดเช็ดถูกสะอาดสะอ้านหมดจด เหมยเหมยจ่ายค่าจ้างให้ก็ไม่ยอมรับไว้ได้แต่คลี่ยิ้มบาง ๆซึ่งภายหลังเหมยเหมยเลือกจะเอาให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทน

ไม่กี่วันผ่านไปพวกเธอทั้งสามนัดรวมตัวกันที่ร้านกาแฟตามเดิม เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยเหมยก็ทำหน้าไม่ดีใส่แล้วอดบ่นใส่ฉีฉีเก๋อไม่ได้ว่า “พี่ฮวาตอนนี้วัน ๆใส่แต่เสื้อเก่า ๆไม่ยอมใส่เสื้อที่ฉันซื้อให้อีกเลย เพราะเธอนั่นแหละที่มายุ่มย่ามเกินไป ก็แค่เสื้อราคาไม่กี่พันเองนี่นา มีอะไรน่าหวงกัน”

เหมยเหมยเลิกคิ้วเถียงกลับไป “ก็แค่เสื้อราคาไม่กี่พันงั้นเหรอ? โอ้โห…เธอช่างใจกว้างดีจริง ๆ ไม่ลองคิดดูว่าทั้งเดือนพี่ฮวาเงินเดือนเท่าไรเอง? ใจกว้างขนาดนี้ทำไมไม่จ่ายค่าจ้างให้เธอเดือนละหมื่นไปเลยล่ะ?”

“แบบนั้นไม่ได้หรอก ฉันจะทำลายกลไกตลาดไม่ได้ แม่บ้านก็ได้ค่าจ้างตามนี้ทั้งนั้นแต่เสื้อผ้าไม่เหมือนกัน เสื้อผ้าเป็นชุดทำงานที่ฉันซื้อให้พี่ฮวา ตามหลักแล้วฉันยังเป็นเจ้าของเสื้อพวกนี้ ฉะนั้นถึงฉันจะซื้อเสื้อราคาเป็นหมื่นคนอื่นก็ว่าอะไรไม่ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเจื้อยแจ้วแต่เหมยเหมยกลับเลือกต่อปากต่อคำกับเธอให้ถึงที่สุด พูดประชดว่า “เสื้อผ้าใครเป็นคนใส่ก็เป็นของคนนั้น พอเสื้อราคาเป็นหมื่นมาอยู่บนตัวก็เหลือราคาไม่ถึงพันแล้ว หรือว่าพอพี่ฮวาไม่ทำงานต่อแล้วเธอจะเก็บชุดทำงานพวกนั้นไว้ให้แม่บ้านคนต่อไปอีกหรือไง?”

“ฉันไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น จะเอาคืนทำไมกัน น่าอายจะตายชัก ก็ให้พี่ฮวาไปเลยสิ!”

ฉีฉีเก๋อฟังอยู่นานกว่าจะเข้าใจ คงเพราะคุณหนูใหญ่เหริ่นเสียเงินค่าชุดทำงานให้แม่บ้านหลายพันหยวนสินะ พระเจ้า…บางครั้งเธอยังซื้อเสื้อไม่กี่ร้อยใส่เลย!

“เธอดีกับแม่บ้านเกินไปหรือเปล่า เชี่ยนเชี่ยนเธอทำแบบนี้ไม่ดีนะ พ่อฉันบอกแล้วว่าพนักงานก็คือพนักงาน เจ้านายก็คือเจ้านาย ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าห้ามไม่ให้เธอดีกับแม่บ้านแต่ต้องมีขอบเขต ใจคนเรามันเปลี่ยนกันได้” ถ้อยคำที่ฉีฉีเก๋อพูดออกมาเรียกให้เหมยเหมยชื่นชมจากใจ

เธอกำลังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่นี่ไง ใจคนเรามันเปลี่ยนกันง่าย ถ้าไม่รักษาระยะห่างกันตั้งแต่แรก ๆ เกรงว่าวันหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะเสียเปรียบได้!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับไม่ใส่ใจอะไร “ฉันจะทำอะไรก็ไม่มีวันเสียเปรียบหรอก ก็แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัวเอง อนาคตฉันไม่ซื้อชุดดี ๆแบบนี้ก็ได้ ฉันทนพวกเธอไม่ไหวจริง ๆ!”

ครั้นเห็นเพื่อนยอมฟังคำเตือนเหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อก็พรูลมหายใจโล่งอกไปเช่นกัน พวกเธอใจคับแคบเกินไปหน่อยก็จริงแต่หวังว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะยอมเป็นคนใจแคบดีกว่าโดนหลอก

เหมยเหมยถามเรื่องเฝิงอวี้กับฉีฉีเก๋อซึ่งฉีฉีเก๋อได้แต่ส่ายหน้า “เฮ้อ…เฝิงอวี้มีพ่อแม่แบบนั้นก็น่าสงสารจริง ๆ แม่ของเธอมาหาเรื่องอยู่หลายที เฝิงอวี้ไม่สนใจ หลายวันมานี้ไม่เห็นมาแล้วนะ!”

“ก็ต้องแบบนี้แหละ มีครอบครัวแบบนี้ก็ปล่อยไปเถอะ ตอนนี้เฝิงอวี้มีบ้านมีเงิน ชีวิตมีแต่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เอาให้น้องชายน้องสาวไร้ประโยชน์ของเธอโมโหตายไปเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า

เหมยเหมยถอนหายใจ “คงไม่ตัดขาดกันง่าย ๆหรอก ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน อย่างมากแค่ติดต่อกันน้อยลงเท่านั้นเอง”

ทั้งสามคนคุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันกลับ เหมยเหมยบอกเรื่องจ้างแม่บ้านกับเหยียนหมิงซุ่นซึ่งเหยียนหมิงซุ่นไม่อนุญาตบอกว่าการฝึกฝนคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ให้ลุงเหลากับป้าฟางทำต่อดีอยู่แล้ว

“วางใจเถอะ ลูกของลุงเหลากับป้าฟางเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงแล้ว อนาคตฉันจะจัดหางานให้พวกเขาในเมืองหลวง ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเกิดอีกแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นพูดให้เหมยเหมยสบายใจขึ้น เขาไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใครที่ภักดีต่อเขาอยู่แล้ว

เหมยเหมยก็ค่อยเบาใจลงหน่อย เธอเองก็ไม่ค่อยชินถ้าต้องเปลี่ยนคนใหม่ อย่างไรเสียใช้คนสนิทคนเดิมจะดีกว่า เวลาล่วงเลยมาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้ง เธอพาเล่อเล่อไปเล่นบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะได้หาโอกาสเล่นกับนันนันด้วย

พี่ฮวาออกมาเปิดประตูด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่เสื้อแบรนด์ดัง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าราคาถูกที่ซื้อมาตามท้องตลาด

………………………..

ตอนที่ 2738 ผู้ชายคือต้นกำเนิดของความทุกข์

ฉีฉีเก๋อก็พาเป่ารื่อน่ามาด้วย เล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าพานันนันเล่นเกมตัวต่อไม้ด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้พี่ฮวาคอยดูเด็ก ๆไว้ ส่วนพวกเธอสามคนปลีกตัวไปนั่งคุยกันอยู่อีกข้าง

“เธอเป็นอะไร? ทะเลาะกับอิงจวี้กังเหรอ?” เหมยเหมยสังเกตเห็นสีหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ค่อยดีนัก ดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีเท่าไร

“เป็นไปไม่ได้หรอก อิงจวี้กังความรู้สึกช้าอืดอาดจะตายไป เธอใจร้อนกว่าหลายเท่า ถ้าพวกเขาทะเลาะกันได้พระอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันตกแล้ว” ฉีฉีเก๋อพูด ๆไปก็หัวเราะอยู่คนเดียว

เหมยเหมยก็อดขำไม่ได้ แม้ฉีฉีเก๋อพูดเกินจริงไปบ้างแต่กลับพูดไม่ผิด อิงจวี้กังกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคนหนึ่งเหมือนมุมป้านหนึ่งร้อยยี่สิบองศา ส่วนอีกคนเหมือนมุมแหลมหกสิบองศาที่รวมกันเป็นร้อยแปดสิบองศาพอดี ราบเรียบแบบนี้…อยากทะเลาะยังทะเลาะกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็อดหัวเราะไม่ได้พลางมองค้อนใส่ฉีฉีเก๋อทีหนึ่ง “สามีฉันไม่โกรธฉันหรอก วัน ๆเขาเอาแต่หาวิธีเอาใจฉัน”

ฉีฉีเก๋อยู่หน้าแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร “พอได้แล้ว…เธออย่ามาอวดความรักต่อหน้าคนโสดอย่างฉัน ถ้ายังอวดอีกฉันไม่มาบ้านเธออีกแล้วนะ”

พออวดความรักทีก็ไม่จบไม่สิ้น ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เธอยังโสดอยู่นะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง “ฉันแนะนำหนุ่ม ๆให้เธอไปตั้งเยอะทำไมเธอไม่เห็นตกลงปลงใจสักคนล่ะ? หลัง ๆยิ่งไม่ปรายตามอง เปลืองน้ำลายฉันจริง ๆ!”

ฉีฉีเก๋อยักไหล่ “ฉันคิดว่าโสดก็ดีออก ไม่ง่ายเลยกว่าจะกระโดดหนีออกจากกองไฟได้ เปลี่ยนจากทาสมาเป็นราชินี ฉันคงโง่น่าดูถ้ากระโดดเข้ากองไฟอีกรอบ หลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องลำบากคิดเรื่องนี้เผื่อฉันแล้ว อย่างไรเสียฉันก็ไม่มีทางไปดูตัวแน่ ๆ!”

พ่อแม่เธอยังไม่ใจร้อนขนาดนี้เลยบอกว่าแล้วแต่เธอ อยากแต่งงานก็แต่ง อยากโสดก็อยู่เป็นโสดไป อย่างไรเสียพวกเขาก็มีเงินเลี้ยงเธอกับเป่ารื่อน่าไหว แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับกลุ้มใจอยู่ทุกวี่วัน เธอเพิ่งหย่าได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็หาทางแนะนำผู้ชายให้เธอแล้ว

“เหมยเหมยไม่รู้สินะว่าเชี่ยนเชี่ยนทำตัวเหมือนแม่ฉันเลย รวม ๆแล้วแนะนำผู้ชายให้ฉันได้โหลหนึ่งแล้วมั้ง แถมยังบอกว่าเป็นห่วงฉันมีพลังหยินหยางในตัวไม่สมดุลแล้วจะเป็นโรคซึมเศร้า ให้ตายเถอะ…”

ฉีฉีเก๋อทั้งเอือมระอาทั้งอยากหัวเราะ ถ้าว่าตามที่คุณหนูใหญ่เหริ่นบอกงั้นพระสงฆ์หรือแม่ชีตามวัดก็เป็นโรคซึมเศร้ากันหมดสิ?

อีกอย่างเมื่อก่อนเธอเคยอ่านเจอในหนังสือมาว่ามีคุณยายอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีคนหนึ่ง มีคนถามเคล็ดลับอายุยืนของเธอ คุณยายท่านนี้ได้ทิ้งประโยคในตำนานเอาไว้ว่า ‘อยู่ให้ห่างไกลจากผู้ชาย ผู้ชายคือต้นกำเนิดแห่งความทุกข์ของผู้หญิง!’

คุณยายท่านนี้สูญเสียสามีไปตั้งแต่วัยสาวซึ่งภายหลังก็ไม่มีการแต่งงานใหม่แต่เลือกครองโสดมาตลอด เธอบอกว่าใช้ชีวิตคนเดียวมีความสุขดี สาเหตุเพราะไม่มีผู้ชายเธอถึงมีอายุยืนยาว

ฉีฉีเก๋อคิดว่าน่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ยกตัวอย่างเธอที่เมื่อก่อนตอนอยู่กับฉางชิงซานเอาแต่ร้องไห้น้ำตานองทุกวัน หน้าบูดหน้าบึ้ง ขนาดตัวเองมองดูตัวเองยังรู้สึกหดหู่ใจเลย

แต่ตอนนี้เธออยู่ห่างจากฉางชิงซาน โอ้โห…อย่าให้ต้องพูดเลยว่ามีความสุขมากแค่ไหน!

เธอถึงขั้นสังเกตเห็นว่าผมหงอกที่เคยงอกขึ้นมาแต่ก่อนกลับไปเป็นสีดำเหมือนเดิม ย้อนวัยแล้วเห็นไหม?

ฉะนั้น…สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ชาย…เธอจะไม่แตะต้องมันอีก!

เธอจะอายุยืนยาวร้อยปี!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาทีหนึ่งแล้วเผยยิ้มมีเลศนัย “ฉันก็หวังดีกับเธอไง ตอนนี้เธอยังสาวมีแรงเยอะต้องมีความต้องการสูงแน่ กลางคืนเธอจะทำอย่างไร? จะสำเร็จความใคร่คนเดียวอยู่ทุกวันก็ไม่ได้หรือเปล่า? คนที่ฉันตั้งใจเลือกให้เธอมีแต่ร่องใต้จมูกยาว สันจมูกโด่ง ร่างกายกำยำแข็งแรงทั้งนั้น…รับรองว่าเรื่องนั้นต้องทำให้เธอพอใจได้แน่นอน!”

ประโยคสุดท้ายเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกดเสียงให้ต่ำลง ฉีฉีเก๋อได้ยินพลันก็หน้าแดงระเรื่อในฉับพลัน จากนั้นก็จับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทุบด้วยความเขินอาย

คนหน้าไม่อาย ลูกอยู่ตรงนี้แต่พูดอะไรเหลวไหลออกมาก็ไม่รู้ เธอไม่ใช่—สาวที่ความต้องการสูงสักหน่อย วัน ๆเอาแต่คิดเรื่องแบบนั้นอยู่ได้!

………………

Related

ตอนที่ 2735 เซียวเซ่อที่ทำตัวมีพิรุธ

“คุณแม่ดื่มสิ…”

เล่อเล่อยื่นแก้วน้ำชาให้เหมยเหมยด้วยรอยยิ้มตาหยี ดวงหน้ากลมแหงนมอง น่ารักน่าเอ็นดูเสียคนอยากหยิกสักที เหมยเหมยรับแก้วน้ำมาจิบน้อย ๆ ด้วยรสชาติหอมกรุ่นติดหวานแถมยังเข้มข้นเหมยเหมยเลยยกดื่มหมดแก้วรวดในทีเดียว

“หนูออกไปเล่นแล้วนะ…”

เล่อเล่อตาลุกวาว ภารกิจของเธอสำเร็จแล้ว ไม่นานก็จะมีน้องชายที่เล่นไม่พังแล้ว…

“อย่าไปเล่นบนเขาละ!” เหมยเหมยตะโกนเตือน ไปเล่นบนเขาจนกลับมาในสภาพเปื้อนโคลนทั้งตัวเหมือนเด็กชาวป่าทุกที

เล่อเล่อครางเสียงตอบรับไปทีแต่พอหมุนตัวกลับไปก็พุ่งตัวขึ้นเขาไปกับบรรดามิตรสหาย ตีนเขามีแต่กระต่ายน้อยไก่ป่าที่ขี้ขลาดตาขาวกันทั้งนั้น ไม่น่าสนุกเท่าหมาป่ากับลิงบนเขาเลย

เหมยเหมยให้เหยียนหมิงซุ่นรินน้ำชาเพิ่มอีกแก้ว แต่เธอดื่มแล้วกลับไม่มีรสชาติอย่างแก้วแรกและมักรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เธอเองก็ไม่ได้คิดมากอะไรหลงคิดว่าตื่นเช้ามาเลยกระหายน้ำเป็นธรรมดาถึงได้รู้สึกว่าน้ำชาแก้วแรกรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ

ค้างบนเขาอยู่สี่วัน เล่อเล่อสนุกจนไม่อยากกลับบ้าน แต่วันหยุดของเหยียนหมิงซุ่นจบลงแล้ว เฮ่อเหลียนชิงโทรตามวันละสิบสายเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าเขายังไม่ลงเขาไปอีกคาดว่าเฮ่อเหลียนชิงคงมาตามถึงบนเขาแล้วล่ะ

เพิ่งลงเขาไปเหมยเหมยก็ได้รับสายจากเซียวเซ่อ “กลับมาเดือนหน้า!”

“ว้าว ดีจังเลย ฉันจะไปบอกที่บ้านเตรียมทำความสะอาดให้ดี” เหมยเหมยดีใจแทบแย่ เพื่อนสนิทของเธอคือก็เซียวเซ่อแต่เสียดายที่หลายปีมานี้ส่วนมากเซียวเซ่อใช้เวลาอยู่ต่างประเทศจึงไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับเธอนัก

“ฉันไม่กลับไปอยู่บ้าน เธอเช่าบ้านสักหลังในเมืองหลวงให้ฉันหน่อย อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด จำไว้ อย่าให้ใครรู้นะ!” เซียวเซ่อสลัดคราบคนพูดน้อยในอดีตไปพลางพูดเน้นย้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เหมยเหมยได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า “เธอไม่ได้มีแค่บ้านหลังเดียวสักหน่อย บ้านหลังใหญ่อยู่เบื่อก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านหลังเล็กสิ ทำไมต้องไปเช่าบ้านด้วย? แล้วไหนจะไม่ให้ใครรู้อีกต่างหาก”

“เธออย่าถามเลยน่า แค่เช่าบ้านก็พอ ถ้าเธอกล้าทำข่าวฉันรั่วไหลฉันจะตัดขาดกับเธอ!” เซียวเซ่อถึงขั้นพูดข่มขู่ทำเอาเหมยเหมยตกใจยกใหญ่

ต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่!

แถมยังเป็นเรื่องใหญ่อีกด้วย!

ไม่อย่างนั้นเซียวเซ่อคงไม่ทำตัวหลบ ๆซ่อน ๆแบบนี้หรอก ปกติแม่สาวคนนี้เป็นถึงสาวใจกล้าบุกป่าอะเมซอนคนเดียว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นเซียวเซ่อเกรงกลัวอะไรเลย แล้วครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ได้ ๆ…ฉันไม่บอกใครแน่นอน เธอก็อย่าไปเช่าบ้านข้างนอกเลย ฉันมีบ้านว่างอยู่หลังหนึ่งพอดี เดี๋ยวให้คนทำความสะอาดไว้ให้ เธอก็หิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย”

“บ้านของเธอเหรอ? มีใครรู้ไหม?” เซียวเซ่อถามด้วยความลังเล

“ไม่มีคนรู้ เป็นบ้านที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่ช่วงนี้ บ้านนี้ปีที่แล้วมีคนเคยตายอยู่ในนั้น เธอไม่กลัวใช่ไหม?” เหมยเหมยพูดหยอกเย้า

บ้านที่เธอพูดถึงก็คือบ้านหลังที่ซื้อต่อฉีฉีเก๋อนั่นเอง พ่อแม่และน้องสาวของฉางชิงซานเสียชีวิตคาบ้านหลังนั้น เธอสั่งให้คนตกแต่งใหม่กะว่าอีกสักระยะก็จะปล่อยเช่า อย่างมากก็เก็บค่าเช่าถูกลงหน่อยแต่ต้องมีคนอยากเช่าแน่ ๆ

ราคาที่ดินหนึ่งตารางนิ้วแพงยิ่งกว่าทองคำอย่างเมืองหลวง บ้านที่มีคนเคยเสียชีวิตไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย

พอเซียวเซ่อได้ยินว่าไม่มีใครรู้ก็พรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เธอไม่สนใจหรอกว่าเคยมีคนตายหรือเปล่า แม้แต่สุสานยังเคยไปอยู่มาแล้วนับประสาอะไรกับบ้านที่เคยมีคนตาย

“ได้…เธอทำความสะอาดบ้านให้ดี ต้นเดือนหน้าฉันจะกลับไป!”

เซียวเซ่อสั่งทิ้งท้ายไว้แล้วกดตัดสายไปทันที เหมยเหมยได้ยินเสียงตู้ดตู้ดตู้ดดังมาจากปลายสายก็เผลอหลุดหัวเราะออกมา นิสัยใจร้อนเหมือนเดิม ไม่อยู่คุยกับเธออีกสักหน่อยล่ะ!

“เซียวเซ่อจะกลับมาเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังขับรถอยู่ถามขึ้น

“ใช่ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วไม่ให้ฉันปล่อยข่าวว่าเธอกลับมาอีกต่างหาก อ้อ พี่ก็ห้ามบอกใครนะ ฉันไม่ใช่คนผิดคำพูด น่าแปลกจริง ๆ รู้สึกเหมือนเซ่อเซ่อกำลังหลบหน้าใครอยู่เลย?”

เหมยเหมยพูดพึมพำอยู่คนเดียว เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำออกมา เขาไม่สนใจความลับระหว่างผู้หญิงหรอก

……………………………….

ตอนที่ 2736 เปลี่ยนเสื้อผ้า

เพิ่งกลับถึงบ้านเหมยเหมยก็เตรียมตัวไปจัดเก็บบ้านหลังนั้นด้วยตัวเอง ป้าฟางอยากตามไปด้วยแต่เหมยเหมยไม่ยอม

หลายปีมานี้ป้าฟางก็อายุเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา บาดแผลที่ได้มาจากการทำภารกิจในช่วงวัยสาว พออายุมากขึ้นก็อาการกำเริบ โดยเฉพาะช่วงเอวกับขาที่พอถึงวันฝนครึ้มก็ปวดจนทนไม่ไหว ปกติก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากเท่าไร ดังนั้นเหมยเหมยไม่ค่อยให้ป้าฟางทำงานอะไร มีงานอะไรก็เลือกลงมือทำเองทุกอย่าง

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวจ้างพนักงานชั่วคราวก็พอ ป้าฟางอยู่บ้านไปเถอะ”

เหมยเหมยเอ่ยปฏิเสธแล้วหยิบเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดบางส่วนก่อนจะขับรถออกจากบ้านไป เดี๋ยวเธอต้องบอกเหยียนหมิงซุ่นหน่อยว่าให้จ้างแม่บ้านอายุน้อยมาสักคน ลุงเหลากับป้าฟางมีรอยแผลตามตัวไม่น้อย สุขภาพไม่ดีเท่าไร แถมยังต้องดูแลเธอกับเล่อเล่อจนไม่มีเวลาดูแลลูกตัวเอง ตอนนี้ถึงเวลาให้พวกเขากลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดแล้ว

เพียงแต่เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าพนักงานชั่วคราวในวันนี้ค่อนข้างหายุ่งยากพอสมควร เธอหาพนักงานทำความสะอาดอยู่หลายบริษัทแต่พวกเขาส่งพนักงานชั่วคราวออกไปทำงานหมดแล้ว ต้องรออีกวันถึงจะมีคิวว่าง

เหมยเหมยก็คร้านจะหาต่อ อย่างไรเสียก็มีไม่กี่ห้องเธอทำหนึ่งวันก็เสร็จ ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้น ปลายสายคือเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ถามเธอว่าทำอะไรอยู่ พอได้ยินว่าเธอจะไปทำความสะอาดบ้านแล้วยังหาจ้างพนักงานชั่วคราวไม่ได้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงเสนอตัวอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันให้พี่ฮวาไปช่วยเธอเอง เธอมารับหล่อนที่บ้านฉันสิ!”

“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เหมยเหมยก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะบ้านหลังนั้นของฉางชิงซานมีพื้นที่เกือบสองร้อยตารางวา มีคนช่วยสักคนจะได้เสร็จไวขึ้น

ไม่นานเธอก็เดินทางมาถึงบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน พี่ฮวาเตรียมตัวเสร็จแต่เนิ่น ๆแล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เหมยเหมยอดมองพี่ฮวาที่เปลี่ยนชุดใหม่แวบหนึ่งไม่ได้เพราะยังคงเป็นเสื้อแบรนด์ดังตามเคย เจ้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่ก็ใจกว้างเหลือเกิน ไม่รู้ว่าซื้อเสื้อผ้าให้แม่บ้านไปเท่าไรกันแน่

ครั้นเห็นพี่ฮวาไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมยเหมยเลยอดเตือนไม่ได้ว่า “พี่เปลี่ยนชุดหน่อยดีไหม? ถ้าทำขาดคงไม่ดีเท่าไหร่”

เธอยังเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาออกมาทำงานเลย เงินของใครก็ไม่ได้ลอยมาตามสายลมหรือเปล่า ถ้าประหยัดได้ก็พยายามประหยัดจะดีกว่า พี่ฮวามองชุดตัวเองแวบหนึ่งแล้วมองเหมยเหมยด้วยสายตางุนงงอีกแวบหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเปลี่ยนชุด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนขึ้น “เปลี่ยนชุดอะไรกัน ไม่ได้จะไปขุดเหมืองสักหน่อย แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “ไม่ว่ายังไงก็เสื้อราคาก็หลายพัน ถ้าเกิดทำเสียก็แย่สิ เงินเธอหล่นลงมาจากฟ้าหรือไง!”

พี่ฮวาตกใจยกใหญ่พลางก้มมองเสื้อผ้าบนตัวเธอที่ดูธรรมดาพวกนี้ คิดไม่ถึงว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะมีราคาหลายพัน

“นี่…หลายพันจริงเหรอ?” พี่ฮวาชี้เสื้อบนตัวแล้วถามอย่างไม่เชื่อหู

“ไม่แพง…ฮ่า ๆ…ก็ไม่กี่พัน ทำงานที่บ้านฉันจะแต่งตัวโทรมเกินไปไม่ได้” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำท่าไม่ใส่ใจ นักธุรกิจเห็นความสำเร็จเรื่องภาพลักษณ์มากที่สุด ฉะนั้นไม่ว่าจะบ้าน รถ เครื่องประดับหรือเสื้อผ้า…สิ่งของนอกกายทั้งหมดต้องให้ดูดีอย่าเสียหน้าเด็ดขาด

พอพี่ฮวาได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่าเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของเธอคงราคาไม่ถูกเหมือนกันแน่ ๆ โอ้พระเจ้า…รวม ๆกันแล้วก็เหยียบหลักหมื่นเลยสิ เธอทำงานทั้งปีได้เงินเดือนประมาณนี้เอง!

เจ้านายดีกับเธอมากจริง ๆ แต่ความจริงเธออยากบอกเจ้านายเหลือเกินว่าช่วยเปลี่ยนเสื้อเป็นเงินให้เธอแทนได้ไหม คนอย่างเธอไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อราคาแพงเลย แค่พอใช้บังลมให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ก็พอ

“ฉันจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย!”

พอพี่ฮวารู้ราคาของเสื้อผ้าแล้วไหนเลยจะกล้าใส่อีก เธอตกใจจนรีบหนีกลับเข้าห้องแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวเก่าของเธอที่ดูค่อนข้างอนาถพอตัวจริง ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง เตรียมจะให้พี่ฮวาเปลี่ยนกลับมาใหม่ แต่งตัวเหมือนขอทานออกจากบ้านไปคนอื่นต้องคิดว่าตระกูลเหริ่นล้มละลายแน่ ๆ!

“พอแล้ว แบบนี้ก็ดีออก ไปกันได้แล้ว!”

เหมยเหมยจงใจต่อกรกับเธอพลางกระชากแขนพี่ฮวาออกจากบ้านไป เธอไม่ได้ให้พี่ฮวาทำงานฟรี ๆแต่จ่ายเงินให้เธอวันละหนึ่งร้อย เป็นเงินสามเท่าของค่าจ้างรายวันซึ่งไม่ถือว่าน้อยแล้ว

…………………

Related

ตอนที่ 2733 ฝันว่าท้อง

หลายวันมานี้เหมยเหมยไม่ได้ถามไถ่ถึงเรื่องเฝิงอวี้อีกเพราะนาน ๆทีเหยียนหมิงซุ่นจะมีวันหยุดจึงพาเธอกับลูกสาวไปเที่ยวพักร้อนบนเขา ฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์รวมถึงเจ้าม้าสีขาวที่เพิ่งได้มาใหม่ก็ถูกพามาด้วย

พอมาถึงบนเขาเล่อเล่อก็เหมือนม้าป่าที่ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ เธอเล่นคนเดียวอย่างมีความสุข ออกไปตอนเช้ายันหัวค่ำถึงยอมกลับมาโดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่คอยเฝ้าด้วยซ้ำ เหยียนหมิงซุ่นไม่เป็นห่วงสักนิด บนเขามีแต่สัตว์ดุร้ายที่น่ารักกว่าคนมากโข

อีกอย่างเล่อเล่อออกไปเล่นข้างนอกก็เข้าทางเหยียนหมิงซุ่นพอดี เขาจะได้ใช้เวลาส่วนตัวกับภรรยาโดยไม่ต้องมีก้างขวางคอมาขัดจังหวะ

เหมยเหมยถูกสูบพลังไปจนไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกมาด่า เห็นเศษซากถุงยางอนามัยในถุงขยะก็อยากอุทานคำหยาบออกมาเหลือเกิน…

ทำไปก็เสียเปล่า เธอไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด!

แล้วจะทำบ้าอยู่ทำไมอีก!

“ไม่เอาแล้ว…ฉันจะเอาลูกคนที่สอง ถ้าพี่ไม่ตกลงฉันก็จะเข้าฌาน!”

เหมยเหมยปัดมือใครบางคนที่เนียนเข้ามาใกล้อีกครั้งแล้วขืนตัวไม่ให้แตะต้อง เมื่อคืนเธอฝันอีกแล้ว ในฝันมีเด็กน้อยร่างขาวตัวอวบอ้วนสองคนร้องงอแงไม่มีหยุด เธอกำลังจะอ้าขาดูว่าเพศอะไรแต่ก็ถูกใครบางคนที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาสะกิดเรียกเสียก่อน จากนั้นก็เริ่มทำการออกกำลังกายยามเช้าอีกระลอกที่ทำเอาเธอโมโหแทบตาย

อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะเห็นชัดแล้วว่าผู้ชายหรือว่าผู้หญิง!

“ฉันฝันเห็นเด็กน้อยสองคนด้วย อีกแค่นิดเดียวก็จะเห็นชัดแล้วแต่โดนพี่มาปลุกซะก่อน พี่มันน่ารำคาญจริง ๆ….น่ารำคาญชะมัดเลย!”

เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ช่วงนี้เห็นนันนันเจ้าหนูน้อยน่ารักอยู่ทุกวันเลยกระตุ้นความเป็นแม่ของเธออีกครั้ง เธออยากมีลูกตัวน้อยร่างขาวอวบอ้วนอีกคนจัง ถ้าเป็นลูกชายจะดีที่สุดหรือจะลูกสาวอีกสักคนก็ไม่แย่ แต่ถ้าได้แฝดชายหญิงก็ยิ่งดีเลย!

ครั้นนึกถึงความฝันที่ถูกขัดจังหวะเหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกาย ในฝันมีเด็กสองคน เขาบอกต่อกันมาว่ามีความเชื่อเรื่องฝันถึงลูกไม่ใช่หรือ?

ฝันนี้ของเธอคือฝันทำนายลูกหรือเปล่า?

“ฉันอาจจะมีลูกแฝดก็ได้…ถ้าได้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็ดีเลย…” เหมยเหมยจมดิ่งอยู่ในห้วงความฝันอันงดงาม เพ้อฝันด้วยความหลงใหล

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกอย่างระอา ฟ้าเพิ่งสร่างแต่ยังไม่ตื่นจากฝันอีก!

น้ำเชื้อของเขาถูกเก็บเรียบทุกหยด แล้วจะมีลูกแฝดมาจากไหน?

“ได้ เรามาทำลูกกันตอนนี้เลย ขอแค่เธอท้องได้จะแฝดสามคนก็ไม่ใช่ปัญหา!”

เหยียนหมิงซุ่นว่าแล้วก็จะทำตามที่เธอพูดแล้วรวดหยิบถุงยางอนามัยมาอีกหนึ่งซอง เหมยเหมยโมโหจนตับแทบระเบิดนึกอยากกัดใครบางคนให้ตายๆ ไปเสีย “แล้วพี่จะใส่อันนี้อีกทำไม? ห้ามใส่…ฉันจะมีลูก…เหยียนหมิงซุ่นเจ้าบ้า…ไอ้คนนิสัยไม่ดี…”

“ไม่ได้ห้ามเธอมีลูกสักหน่อย…ขอแค่เธอท้องได้เราก็เก็บไว้ แบบนี้ก็ได้แล้วสินะ!” เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเขาค่อนข้างคุยง่ายเลย

“พี่ใส่ถุงยางแล้วฉันจะท้องได้ไง ฉันผลิตลูกเองไม่ได้สักหน่อย!” เหมยเหมยอยากกัดเจ้าบ้านี่ให้ตายเหลือเกิน สิ่งที่พูดมามันเกินความเป็นมนุษย์ไปแล้วจริงๆ

“ก็ไม่แน่หรอกนะ ถุงยางก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีผลวิจัยออกมาว่ามีโอกาสพลาดท้องได้ถึงหนึ่งในพันครั้ง ฉะนั้นเราต้องทำบ่อย ๆก็มีโอกาสสำเร็จแล้ว!”

“พูดบ้าอะไร…อื้ออื้อ…”

เหมยเหมยมองใครบางคนที่ขึ้นคร่อมตัวเองไว้ด้วยสายตาโกรธแค้น โอกาสเป็นไปได้หนึ่งในพันซึ่งต่อให้เธอเหนื่อยตายก็ไม่มีทางท้องหรอก เจ้าบ้านี่จงใจไม่อยากให้เธอมีลูกแล้วยังทำเป็นพูดจาดีอีก น่าโมโหชะมัดเลย!

พอเช้าตรู่เล่อเล่อก็แต่งตัวเองแล้วขี่หลังเสวี่ยฮวาโดยมีคุณชายฉิวอยู่บนศีรษะ ส่วนเสวี่ยเอ๋อร์ตามไปติด ๆเพื่อออกไปหาอาหารเองเพียงลำพัง

“ฉิวฉิว…คุณพ่อคุณแม่ขี้เกียจจัง วัน ๆให้ฉันไปหาอาหารอยู่คนเดียว!” เล่อเล่อพร่ำบ่นยาวเหยียด เธอไม่เพียงแต่ต้องรับผิดชอบอาหารการกินของตัวเอง แต่ยังต้องหาอาหารกลับไปให้คนขี้เกียจสองคนนั้นอีกต่างหาก

“พวกเขากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กให้เธอต่างหากล่ะ อย่าโวยวายสิ!” ฉิวฉิวเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย

เขาได้เจาะถุงยางอนามัยที่มีรูหลายสิบอัน น่าจะสำเร็จแหละ!

…………………………….

ตอนที่ 2734 น้องชายน้องสาวที่เล่นไม่พัง

อยู่บนเขาเหนื่อยมาหลายวันจนเหมยเหมยเดาว่าเธอคงผอมลงไปอีกหลายกิโล ในเมื่อถูกจอมหื่นนั่นพาออกกำลังกายทุกวัน ถ้าไม่ผอมสิแปลก!

ประเด็นคือหลังเสียเหงื่อไปก็ไม่ได้ผลอะไรตอบแทน นี่ต่างหากคือเรื่องที่เธอขุ่นเคืองใจที่สุด มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไรก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมดจึงตัดสินใจมองข้ามเขาไปเสีย

“ที่รัก…เล่อเล่อเอาน้ำแร่จากบนเขามา ฉันต้มแล้วชงชาให้เธอดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นประคองกาน้ำจากภูเขาที่เพิ่งต้มเดือดหมาด ๆมาประจบประแจง เหมยเหมยหันหน้าหนีคร้านจะสนใจเขา

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะน้อย ๆแล้วเริ่มชงชาอย่างอารมณ์ดี ใบชาวันนี้เป็นชาหลงจิ่งที่เก็บก่อนฝนตกซึ่งเพิ่งได้มาใหม่ปีนี้ ทั้งหอมทั้งละมุนลิ้น น้ำก็เป็นน้ำจากภูเขาชั้นดีใสสะอาดยิ่งกว่าน้ำจากลำธารที่เคยใช้มาเสียอีก

น้ำใสจากบนภูเขาที่เพิ่งต้มเดือดเทใส่กาน้ำชาที่มีใบชาไป๋เฟิงบิดพลิ้วเริงระบำบนผิวน้ำราวกับกลีบดอกที่บานสะพรั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขับให้น้ำใสในทีแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน ๆ เมื่อรินใส่แก้วชาหยกขาวก็งดงามดั่งภาพวาดสีพู่กัน กลิ่นชาเข้มข้นหอมกรุ่น

เหมยเหมยที่หันหน้าหนีอดสูดจมูกดมไม่ได้ ชาหลงจิ่งที่เก็บก่อนฝนตกหอมจัง แล้วน้ำนี่ก็ดีมากด้วย น้ำดี ๆคู่กับชาดี ๆต้องอร่อยอย่างแน่นอน แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งตอบปัดไปว่าไม่ดื่ม…

จะตบหน้าตัวเองไม่ได้ ไม่ดื่มเด็ดขาด!

“คุณแม่…น้ำอร่อยไหมคะ?”

เล่อเล่อกลิ้งเข้ามาหาเหมือนลูกบอลกลม ๆ น้ำพวกนี้เธอเป็นคนหามาเองจากป่าลึกที่มีฝูงลิงคอยคุมอยู่ เธอเอาของอร่อย ๆติดสินบนจ่าฝูงถึงตักน้ำมาได้หนึ่งหม้อ ฉิวฉิวบอกว่าขอเพียงมีน้ำดี ๆเหล่านี้คุณแม่ก็จะมีน้องชายมาเป็นเพื่อนเล่นกับเธอแล้ว!

เธออยากมีน้องชายมาเล่นเป็นเพื่อนแถมยังเป็นประเภทที่เล่นไม่พังด้วย เป่ารื่อน่านุ่มนิ่มเกินไปจนเธอไม่กล้าใช้แรง!

เหมยเหมยรีบฉีกยิ้มให้ทันทีแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับรอยเปรอะเปื้อนบนใบหน้าของเล่อเล่อ “แม่ยังไม่ได้ดื่มเลย ร้อนไปหน่อย รอเย็นอีกสักนิดค่อยดื่ม น้ำที่ลูกสาวแม่เอามาต้องอร่อยอยู่แล้ว”

เล่อเล่อยื่นพุงกลม ๆออกมา “หวานมากเลยละ หนูดื่มไปตั้งเยอะ”

เธอกับเสวี่ยเอ๋อร์แล้วก็เสวี่ยฮวากรอกน้ำลงท้องไปตั้งมากจนกรอกไม่ไหวแล้วจริง ๆ น้ำนี้เหมือนมีพลังบางอย่าง มิน่าเจ้าลิงพวกนั้นถึงคุมเข้มขนาดนั้น แม้แต่หมาป่ายังไม่กล้าไปแหยมด้วยเลย

เหมยเหมยได้ยินก็เริ่มลนพลางตำหนิว่า “ลูกดื่มน้ำโดยไม่ต้มได้อย่างไร? น้ำพวกนี้สกปรกจะตาย มีพยาธิกับเชื้อโรคตั้งเยอะ ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร…”

เธอถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างดุดันทีหนึ่ง ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้าหมอนี่คนเดียวที่ปล่อยให้เล่อเล่อวิ่งพ่านออกไปข้างนอกเพียงลำพังทุกวัน ถ้าเกิดลูกสาวท้องร่วงเธอไม่ปล่อยเจ้าหมอนี่ไว้แน่!

“วางใจเถอะ…น้ำพวกนี้เป็นแหล่งต้นน้ำสะอาดยิ่งกว่าน้ำต้มเดือดซะอีก ไม่เป็นอะไรหรอก” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

“แล้วพี่จะต้มเดือดทำไม? ไม่ดื่มไปทั้งแบบนั้นเลยล่ะ?” เหมยเหมยเถียงกลับไปอย่างไม่ต้องคิด

เหยียนหมิงซุ่นแบมืออย่างเอือมระอา เวลาผู้หญิงไร้เหตุผลขึ้นมานี่รับมือยากยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูเสียอีก เขาพูดอย่างเอาอกเอาใจ “ก็เพราะจะชงชาให้เธอนี่ไง ไม่ต้มเดือดแล้วจะชงชาอย่างไรล่ะ?”

เหมยเหมยแค่นเสียงเบาและรู้ตัวดีว่าเผลอทำตัวงี่เง่าไปบ้าง แต่เห็นเหยียนหมิงซุ่นก็โมโหถึงอดเถียงไม่ได้

เล่อเล่อกลอกตามองไปที่กาน้ำชาบนโต๊ะ ในมือมียาอยู่หลายเม็ดที่ฉิวฉิวเป็นคนให้เธอมาแล้วบอกว่าแค่ให้คุณแม่ทานมันเธอก็จะมีน้องชายกับน้องสาวที่เล่นไม่มีวันพังอีกสองคนแล้ว!

“คุณแม่…ดื่มน้ำ…” เล่อเล่อร้องขึ้นมา

เหมยเหมยคิดจะให้เหยียนหมิงซุ่นรินน้ำเปล่าให้ดื่มแต่เล่อเล่อคว้าแก้วน้ำชาบนโต๊ะมาดื่มเสียเองชนิดที่เหมยเหมยไม่ทันห้ามเสียด้วยซ้ำ ดีที่เล่อเล่อดื่มไปแค่อึกเดียวก็ไม่ดื่มมันอีก พวงแก้มยู่เข้าหากันแล้วคายใบชาออกมาหลายใบ

ไม่อร่อยเลยสักนิด ทั้งที่น้ำรสชาติหวานแต่ทำไมคุณแม่ต้องใส่ใบชาด้วย?

ผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากจริง ๆ เล่อเล่อเช็ดมุมปากทีหนึ่ง สบโอกาสตอนที่เหยียนหมิงซุ่นจดจ่ออยู่ที่ตัวคุณแม่เอายาใส่ในแก้วน้ำ พอเม็ดยาเจอน้ำก็ละลายทันทีโดยไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ดูไม่ออกเลยว่าในน้ำชามีสารปนเปื้อนอะไรบ้าง

………………

Related

ตอนที่ 2731 ต้องรักษาระยะห่าง

เหมยเหมยคิดไม่ตกจริงๆ ต่อให้ฐานะยากจนข้นแค้นมากแค่ไหนอย่างน้อยก็ต้องมีเสื้อผ้าสวมใส่สิ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังอยู่ในเมืองหลวงอีกต่างหาก ยังมีใครเป็นผีชีเปลือยไม่ใส่เสื้อผ้ากัน?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยท่าทีเกินจริงว่า “ฉันจะบอกเธอให้ว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่จริง ๆ ฉันเห็นเสื้อผ้าที่หล่อนเอามาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังมีคนที่ใส่เสื้อผ้าปักเย็บเข้ากันทีละชิ้นแบบนี้อยู่อีก จุ๊ ๆ…ครอบครัวฉันมีหน้ามีตาใส่เสื้อเป็นปักเย็บแบบนั้นไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”

“เธอเลยซื้อเสื้อแบรนด์ให้เขางั้นเหรอ? ฉันว่าปกติเธอก็ใช้ชีวิตเก่งนี่ ทำไมตอนนี้ถึงได้ใจกว้างเกินเหตุแบบนี้ล่ะ? เธอซื้อเสื้อมีคุณภาพหน่อยก็ได้นี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเสื้อมียี่ห้อให้เลย”

เหมยเหมยยอมใจคุณหนูใหญ่ท่านนี้จริง ๆ เธอไม่ได้ขัดอะไรหรอกแต่เธอมักคิดเสมอว่าระหว่างเจ้าบ้านกับแม่บ้านต้องรักษาระยะห่างไว้หน่อยจะดีกว่า!

แม่บ้านอะไรสนิทสนมกับเจ้าบ้านอย่างกับคนในครอบครัวเดียวกัน…เธอไม่ค่อยเชื่อใจจริง ๆ ตอนนี้เรียกแม่บ้านความจริงก็จ้างมาเพื่อทำงานบ้านนั่นแหละ คุณจ่ายเงินให้อีกฝ่ายทำงาน ขณะที่เจ้าบ้านเองก็ไม่ควรค้างจ่ายเขาด้วย แน่นอนว่าให้เงินโบนัสตามความเหมาะสมได้ซึ่งขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเจ้าบ้าน นอกจากนี้ก็อย่าเอารัดเอาเปรียบแม่บ้านแต่ก็ต้องรักษาระยะห่างอย่างที่ควรมีด้วย!

คิดว่าใช้ชีวิตอยู่ในวรรณกรรมความฝันในหอแดงที่มีการแบ่งระดับคนรับใช้ออกเป็นหลายระดับงั้นหรือ!

สาวรับใช้คนโตอย่างฉิงเหวินสี[1]แต่งตัวในชุดราคาแพงกว่าหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป แถมยังมีสาวรับใช้ประจำตัวคอยปรนนิบัติอีกต่างหาก แต่นั่นมันสังคมยุคชนชั้นวรรณะ อีกอย่างฉิงเหวินสีก็ไม่นับว่าเป็นสาวรับใช้ เขาเป็นถึงอี๋เหนียง[2]ที่คุณชายเตรียมไว้ต่างหาก ถือว่าเป็นเจ้าของบ้านครึ่งหนึ่งในอนาคตแล้ว!

เสื้อผ้าที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซื้อให้พี่ฮวาไม่ใช่ราคาถูก ๆ ทั้งชุดรวม ๆกันประมาณสามถึงสี่พันหยวน นี่มากกว่าเงินเดือนของพี่ฮวาอีกหรือเปล่า?

“ก็ไม่แพงมากนี่นา ฉันเลือกตัวที่ถูกที่สุดแล้ว เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋ารวม ๆไม่ถึงห้าพัน เธอก็รู้ว่าเสื้อตัวเดียวของฉันไม่ใช่แค่ห้าพันนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำท่าไม่ใส่ใจ

ตั้งแต่พ่อของเธอประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ มีเสื้อผ้าตัวไหนของเธอที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งพันหยวนบ้าง?

“แล้วเธอจ่ายเงินเดือนให้พี่ฮวาเท่าไร?” เหมยเหมยถามด้วยความโกรธ

“อยู่ฟรีกินฟรีเดือนละหนึ่งพัน ปีใหม่ก็จะให้ซองแดงอีก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอก

“ฉันเดาว่าซองแดงที่เธอจะให้ก็ไม่ใช่น้อย ๆสินะ?” เหมยเหมยเอ่ยอย่างไม่พอใจเท่าไร

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะร่วน “ฉันกะจะให้เยอะหน่อย คราวก่อนพี่ฮวาบอกอยากกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด แต่งงานสิบกว่าปีมาเธอไม่เคยได้กลับบ้านเกิดเลยสักครั้งเดียว ต้องเอาเงินกลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่”

เหมยเหมยขมวดคิ้วอีกทีแล้วพูดประชดว่า “เธอพาพ่อแม่เขามาดูแลด้วยกันเลยสิ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟังออกถึงน้ำเสียงประชดประชันของเธอเลยพูดยิ้ม ๆว่า “ไม่หรอกน่า ฉันแค่สงสารพี่ฮวานี่นา วางใจเถอะ ฉันรู้ขอบเขตดี!”

“เอาเถอะ…เงินของเธออยากใช้ยังไงก็ใช้ไป แต่ฉันขอเตือนเธอไว้คำหนึ่งช่วยเหลือในยามลำบากคือบุญคุณ พอหยุดให้ความช่วยเหลือไปเขาจะแค้นเธอได้ บนโลกนี้มีคนลำบากอยู่มากมาย เราช่วยเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด พยายามเท่าที่ทำได้ก็พอ!”

เหมยเหมยไม่ได้เตือนอะไรมากไปกว่านั้น ประเด็นคือเธอก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากเท่าไรนัก ขอเพียงพี่ฮวาตั้งใจทำงานไม่มีปัญหาด้านพฤติกรรม จ่ายมากหน่อยไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไร กลัวก็แต่จะเป็นการเลี้ยงเสียข้าวสุกมากกว่า!

“รู้แล้วละน่า…ฉันยังต้องให้เธอมาสอนเรื่องพวกนี้อีกเหรอ…เธอรีบไปจ่ายเงินเถอะ ฉันจะไปเล่นกับลูกสาวฉันแล้ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร เงินแค่ไม่กี่พันเท่านั้นเอง เธอเลี้ยงข้าวใครสักคนก็ราคาประมาณนี้ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรมากจริง ๆ!

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแล้วเดินไปหยิกแก้มนันนันทีหนึ่ง เธอมองพี่ฮวาอีกแวบหนึ่ง พี่ฮวารีบฉีกยิ้มให้แล้วบิดมือไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งอุ้มนันนันขึ้นมาโทรศัพท์ในกระเป๋าก็แผดเสียงดังขึ้น เธอรีบส่งนันนันไปให้พี่ฮวาแล้วกดรับสาย จากนั้นสีหน้าก็ดูแย่ลงในทันที

…………………………………….

ตอนที่ 2732 เรือนหอและสินสอด

เดิมทีเหมยเหมยจะกลับไปแล้วแต่เห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าย่ำแย่เลยถามด้วยความแปลกใจว่า “ใครโทรมาเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉีฉีเก๋อ…เธอรู้ไหมว่าตอนนี้หล่อนอยู่กับใคร?” เหริ่นเชียนเชี่ยนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“ฉันจะรู้ได้อย่างไรคงไม่ใช่เฝิงอวี้หรอกนะ?” เหมยเหมยเองก็ไม่ได้เดาซี้ซั้ว ฉีฉีเก๋อกับเฝิงอวี้บ้านอยู่ไกลกันไม่มาก ฉะนั้นพวกเธอสองคนจึงมักจะไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ

“ใช่ ฉีฉีเก๋อเพิ่งออกมาจากบ้านเฝิงอวี้ โอ๊ย…ฉันโกรธจะตายอยู่แล้ว ทำไมบนโลกนี้ถึงมีพ่อแม่แบบนั้นได้นะ? เกินไปจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหแทบแย่แล้วก็ฉุดแขนเหมยเหมยให้กลับไปนั่งที่เดิม เธอมีบางสิ่งที่จะต้องพูดออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องอัดอั้นใจจนตายแน่นอน

“อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย รีบ ๆพูดมา!”

เหมยเหมยก็พอจะเดาได้ว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเฝิงอวี้ มิน่าหลายวันก่อนเหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเรื่องของเฝิงอวี้ยังต้องวุ่นวายอีก เขาเดาไม่ผิดเลยจริง ๆ

“ตอนนี้เฝิงอวี้มีบ้านอยู่สองหลังใช่ไหมล่ะ หลังหนึ่งสองแม่ลูกอยู่แล้วปล่อยเช่าอีกหลัง ทั้งยังมีเงินเก็บในบัญชีอีกไม่น้อย ฉีฉีเก๋อเลยเกลี้ยกล่อมให้เฝิงอวื้ซื้อบ้านอีกหลัง จากนั้นให้เธอขายหุ้นออกไปเปลี่ยนมาซื้อบ้านแทน!”

เหมยเหมยฟังแล้วได้แต่ขำ สุดท้ายฉีฉีเก๋อก็เชื่อฟังเธออยู่ดี เธอบอกเพื่อนอยู่ทุกวันว่าเก็บเงินมากแค่ไหนก็ไม่สู้เอาไปซื้อบ้าน สองคนนี้ก็ฟังเข้าหูอยู่เหมือนกัน

แน่นอนว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น ราคาบ้านในเมืองหลวงพุ่งสูงเร็วอย่างกับจรวด ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่งเริ่มต้น เงินสองแสนซื้อบ้านหลังงามได้แต่อีกสิบปีข้างหน้าเงินสองแสนไม่พอซื้อกระทั่งห้องน้ำด้วยซ้ำ

หุ้นหรือกองทุนรวมตราสารหนี้อะไรพวกนั้น…สู้ซื้อบ้านไม่ได้สักอย่าง มีเงินไม่ซื้อบ้านแล้วจะมีไว้ทำอะไร!

“แล้วเฝิงอวี้ซื้อหรือยัง? เงินที่หล่อนมีน่าจะพอซื้อบ้านหลังดี ๆได้เลยนี่นา” เหมยเหมยถาม

“เฝิงอวี้หวั่นไหวแล้ว เพิ่งขายหุ้นได้เตรียมไปดูบ้านกับฉีฉีเก๋อแม่ของหล่อนก็มา โอ๊ย…ว่าแล้วฉันก็โมโห เธอรู้ไหมว่าแม่ของหล่อนพูดอะไร?”

“เธออย่ามัวแต่พูดไร้สาระได้ไหม รีบเข้าประเด็นได้แล้ว!” เหมยเหมยชักรำคาญ เธอจะรู้ได้อย่างไร เธอไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย

“เฝิงอวี้มีน้องชายคนหนึ่งที่อายุไม่น้อยไม่ใช่เหรอ แม่ของหล่อนให้เฝิงอวี้ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้น้องชายแล้วให้เงินอีกหนึ่งแสน บอกว่าหาคู่หมั้นหมายที่ดีให้น้องชายได้แล้ว แต่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอว่าต้องมีเรือนหอหนึ่งหลังกับเงินสินสอดหนึ่งแสน…”

เหมยเหมยเลิกคิ้ว น้องชายแต่งงานกลับให้พี่สาวออกเงินค่าเรือนหอกับสินสอด ไม่มีที่ไหนมีกฎแบบนี้หรือเปล่า!

“เฝิงอวี้ไม่ได้รับปากไปใช่ไหม?”

“ไม่อยู่แล้ว เฝิงอวี้ไม่ได้น้ำเข้าสมองสักหน่อย ปรากฏว่าแม่ของเธอก็ตามเธอและฉีฉีเก๋อไปตลอดทาง ทั้งคุกเข่าทั้งกราบกรานจนจราจรติดขัดไปทั้งสาย ฉีฉีเก๋อบอกว่าโชคดีที่มีตำรวจจราจร ไม่งั้นคงติดกันจนถึงดึก ๆนู้นเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห แค่เธอไม่ได้อยู่ด้วยเท่านั้นแหละ ถ้าเป็นเธอจะต้องด่ายายแก่นั่นจนมุดกลับเข้ารูไปเลย!

รวมถึงน้องชายของเฝิงอวี้ด้วยอีกคน ไม่มีความสามารถก็อยู่โสดไปตลอดชีวิตสิ แต่งงานหาเมียทั้งทียังต้องให้พี่สาวเป็นคนซื้อบ้านจ่ายค่าสินสอดให้ เป็นคนไม่เอาถ่านชนิดที่สุนัขตัวเมียยังไม่เข้าตาด้วยซ้ำ!

“เรื่องนี้เธออย่าไปยุ่งด้วยเลย ให้เฝิงอวี้จัดการเอง เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นเราจะไปยุ่งด้วยไม่ได้ เธอโทรบอกฉีฉีเก๋อว่าให้หล่อนอย่าไปยุ่งด้วยอีกคน” เหมยเหมยพูดเตือน

เขาเป็นแม่ลูกแท้ ๆกัน เรื่องภายในครอบครัวแบบนี้ไม่สะดวกที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งด้วย ถ้าจบไม่สวยก็อาจล่วงเกินทั้งสองฝ่ายได้ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องสาหัสอะไร ถ้าไม่อันตรายถึงชีวิตก็ให้เฝิงอวี้ค่อย ๆจัดการเองเถอะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างเชื่อฟังพอสมควรเลยโทรหาฉีฉีเก๋อทันที เหมยเหมยถึงกลับไปอย่างสบายใจ ก่อนกลับเธอเหลือบมองพี่ฮวาแวบหนึ่ง พอเห็นสีหน้าขมขื่นอมทุกข์เธอเลยอดมุ่นคิ้วน้อย ๆไม่ได้

ไว้วันหลังจะลองไปสืบเรื่องของพี่ฮวาอีกที วัน ๆเอาแต่ทำหน้าอมทุกข์เลยรู้สึกแปลก ๆอย่างบอกไม่ถูก!

……………………..

[1] สาวใช้คนหนึ่งในวรรณกรรมเรื่องความฝันในหอแดง

[2] อี๋เหนียง ตำแหน่งและคำเรียกอนุภรรยาในสมัยก่อน

Related

ตอนที่ 2729 ผู้ชายเลวมีเยอะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดเอ่ยอย่างยินดีว่า “ต้องรับเลี้ยงอยู่แล้ว…ทั้งพ่อแม่ฉัน ทั้งพ่อแม่สามีฉันต่างก็ชอบนันนันมาก เหมยเหมยฉันบอกเธอเลยว่าเจ้าหนูคนนี้เลี้ยงง่ายมาก ไม่งอแงเลยสักนิด วันข้างหน้าเติบโตขึ้นไปต้องเป็นลูกสาวที่ดูแลเอาใจใส่ฉันดีมากแน่ ๆ”

เหมยเหมยเองก็วางใจ ดูท่าทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะชอบนันนันมากจริง ๆ แบบนี้ก็ดี จะได้ช่วยเธอประหยัดแรงหาคนมารับเลี้ยง ครอบครัวที่เหมาะสมรับเลี้ยงเองก็ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ!

“เฮ้อ…ในใจของฉันรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ฉันมักรู้สึกว่าเหมือนไปแย่งลูกสาวของเยวี่ยเซียงมา รู้สึกติดค้างบางอย่างกับหล่อน…” อยู่ดี ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รำพันออกมา

มิน่าเมื่อครู่จะพูดอย่างไรเยวี่ยเซียงก็ไม่ให้นันนันเรียกตนว่าแม่ ตอนนั้นในใจของเยวี่ยเซียงคงทุกข์ทรมานมากแน่ ๆ!

“อย่าคิดแบบนั้นเลย ถ้าไม่ได้เจอพวกเราเยวี่ยเซียงคงจากโลกนี้ไปนานแล้ว อีกอย่างขอแค่เธอทำดีกับนันนัน เยวี่ยเซียงต้องซาบซึ้งใจเธอมากแน่นอน ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเธอก็คือหวังให้นันนันมีชีวิตที่ดี” เหมยเหมยกล่าว

 “วางใจเถอะ ฉันต้องเลี้ยงดูนันนันอย่างดีอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสียฉันก็มีเงินตั้งมากมาย…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยพลางหัวเราะ

เหมยเหมยจงใจพูดแดกดัน “ได้สิ…งั้นเศรษฐีอย่างเธอก็จ่ายค่ายาของเซียงเยวี่ยด้วยแล้วกัน!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ค่ารักษาพยาบาลของเยวี่ยเซียงฉันออกเอง พวกเธออย่ามาแย่งฉันล่ะ ใครแย่งฉันเจอดีแน่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับปากอย่างไม่ลังเลสักนิด

เดิมทีเธอเองก็คิดไว้ว่าจะเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เยวี่ยเซียงอยู่แล้ว เธอไม่ได้มีเจตนาอื่นใดหรอก เธอรู้สึกว่าในเมื่อหล่อนยกลูกสาวให้เธอแล้ว ฉะนั้นออกเงินนิดหน่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ!

เหมยเหมยกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่แล้วจงใจเอ่ยว่า “งั้นตรงนี้มีบิลอยู่ใบหนึ่ง เธอก็ช่วยจ่ายให้ฉันหน่อยแล้วกัน!”

“วางใจได้…ฉันรับผิดชอบทั้งหมดเอง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยื่นมือคว้าบิลรับมาดู เธออดชำเลืองมองแวบหนึ่งด้วยความเคยชินไม่ได้ แล้วโยนบิลใส่เหมยเหมยอย่างนึกโมโห “ไปให้พ้นเลย…เครื่องประดับของเธอเอามาให้ฉันจ่ายเหรอ เอาไปให้ผู้ชายเธอจ่ายนู้น”

ที่แท้บิลใบนั้นเป็นของร้านเครื่องประดับที่เหมยเหมยชอบไปส่งมาให้นั่นเอง เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำเลยจะจ่ายรวบยอดทุก ๆครึ่งปี บิลนี้เป็นค่าใช้จ่ายเครื่องประดับในครึ่งปีนี้ของเธอ จำนวนไม่ใช่น้อย ๆด้วย เมื่อครู่เธอจงใจหยิบมาแกล้งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เหมยเหมยหัวเราะพลางเก็บบิลเข้ากระเป๋า จากนั้นก็เหลือบมองพี่ฮวาที่กำลังอุ้มนันนันดูดอกไม้อยู่ไม่ไกลพร้อมเอ่ยถาม “พี่ฮวานิสัยใจคอไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

เธอไม่วางใจจ้างพี่เลี้ยงเลยจริง ๆ อย่างลุงเหลาป้าฟางล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมาแล้วเลยวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พี่เลี้ยงที่หาจากด้านนอกพวกนั้น คนรู้จักแนะนำยังดีอยู่บ้างแต่พี่เลี้ยงตามท้องถนนทั่วไปจะพูดอย่างไรเธอก็ไม่กล้าจ้างมา กลัวว่าถ้าจ้างมาจะกลายเป็นนักต้มตุ๋นเอาเสียมากกว่า

ข่าวพี่เลี้ยงใจร้ายทารุณเด็กและคนแก่เมื่อชาติที่แล้วมีเกลื่อนกลาดให้เห็นทุกวัน ถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นคงไม่เห็นจิตใจคน

“ไม่เลวเลยล่ะ ขยันมาก ทำกับข้าวฝีมือก็ใช้ได้ หล่อนเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่เมื่อก่อนพี่หนิวเคยช่วยไว้ ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากทีเดียว พอพี่หนิวได้ยินว่าฉันกำลังหาพี่เลี้ยงก็แนะนำพี่ฮวาให้เลย” ดูท่าทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะพอใจในตัวพี่ฮวาพอควร เธอพูดถึงพร้อมรอยยิ้มที่แต่งแต้มเต็มใบหน้า

“งั้นก็ดี คนที่พี่หนิวแนะนำให้น่าจะพอได้ ว่าแต่พี่ฮวาก็โดนสามีนอกใจเหมือนกันเหรอ?”

“ใช่…ผู้ชายทั้งดื่ม กิน เที่ยว ผู้หญิง พนันมีครบ แถมยังตบตีภรรยาทุกวัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีอะไร พี่หนิวช่วยหล่อนหย่า แต่ผู้ชายคนนั้นจนมากไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย แถมยังติดหนี้มากมาย พี่ฮวาเลยไม่ได้อะไรสักอย่าง บ้านก็ไม่มี ตัวเองต้องมาหาเช่าห้องใต้ดินข้างนอกอีกต่างหาก”

พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกถึงก็โมโหขึ้นมา ทำไมผู้ชายเลว ๆในโลกใบนี้มีเยอะเหลือเกินนะ!

หากเปรียบเทียบกันแล้วอิงจวี้กังของเธอยังหาเงินได้ เรื่องบนเตียงก็ไม่น้อยหน้าใคร แถมยังไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย นับว่าเป็นผู้ชายที่ดีมากจริง ๆ เธอต้องคอยจับตาดูไว้ให้ดี อย่าให้ผู้หญิงหน้าไหนมายั่วยวนเขาเด็ดขาด!

…………………………………………………

ตอนที่ 2730 รู้สึกไม่ชอบพี่เลี้ยงคนใหม่อยู่บ้าง

เหมยเหมยส่ายศีรษะ ผู้ชายเลว ๆแบบนี้มีอยู่เกลื่อนกลาดเต็มไปหมดจริง ๆ ทั้งยังยิ่งแย่ลงทุกวันอีกต่างหาก!

ดังนั้น…ไม่ว่าเวลาใดผู้หญิงก็ต้องพึ่งพาตัวเอง หากเจอผู้ชายดี ๆก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข ถ้าเจอผู้ชายเลว ๆก็รีบเตะออกไป ใช้ชีวิตลำพังอย่างสง่างามจะเป็นไรไป!

“พี่ฮวาไม่มีลูกเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“มีลูกชายคนหนึ่ง ขึ้นมอต้นแล้ว แต่เธอเอาชนะผู้ชายไม่ได้ ตอนนี้ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงลูกชายให้ เดือนหนึ่งเธอจะไปเยี่ยมลูกสักครั้งหนึ่ง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก

พี่ฮวาเป็นคนต่างเมือง แต่สามีเก่าเธอเป็นคนในพื้นที่ ถึงศาลจะบอกว่าตัดสินอย่างยุติธรรมแต่ความจริงก็ช่วยคนในพื้นที่ ผู้ชายอย่างสามีเก่าพี่ฮวาถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่คงไม่มีทางได้สิทธิ์เลี้ยงลูกไปหรอก!

เหมยเหมยถอนหายใจ สังคมชายเป็นใหญ่ ไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ความจริงก็มักจะเป็นด้อยเรื่องนี้เลยต้องทำตัวให้เข้มแข็ง ขอแค่หวังว่าอย่าแพ้ร่ำไปก็พอ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยต่อ “ฉันยังคิดอยู่ว่ามูลนิธิเราจะช่วยพี่ฮวาขึ้นศาลใหม่อีกดีไหม ทวงสิทธิ์ดูแลลูกชายมาให้เธอ ฉันมักเห็นพี่ฮวาแอบหนีไปยืนร้องไห้ที่ระเบียงอยู่ทุกคืน เห็นแล้วก็สงสาร!”

เหมยเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำงานบ้านเจ้านายแต่แอบร้องไห้ทุกวัน แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย!

เธอหันกลับไปมองทางพี่ฮวาอีกครั้ง นันนันกำลังหัดเดิน พี่ฮวาจูงมือเล็ก ๆของเธอค่อย ๆพาเดินไป เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลง พี่ฮวากระวีกระวาดรีบอุ้มขึ้นมา ดูท่าทางเอาใจใส่ดีไม่น้อยเลย

ดู ๆไปสักระยะหนึ่งก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน!

“คดีของทนายกัวยาวไปถึงต้นฤดูร้อนแล้ว ฉันกำลังจะบอกว่าหาทนายมาเพิ่มอีกสักคนเถอะ ทางฝั่งพี่ฮวาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ลูกของเขาก็ขึ้นมอต้นแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ต้องอายุ 13 ปีแล้วสิ ถ้าเด็กที่โตแล้วคิดถึงแม่จริง ๆละก็นั่งรถโดยสารมาหาแม่ก็ได้นี่นา” เหมยเหมยผลักภาระไปให้ลูกแทน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่ามีเหตุผลเหมือนกัน ตอนเธออายุ 13 ปียังคลุกตัวอยู่แต่ในร้านเกมด้วยซ้ำ!

“ก็ใช่…ลูกชายเขาไม่เคยมาหาแม่เลยสักครั้งเลยเหรอ? ไม่ใช่ไม่รู้ว่าแม่ทำงานที่ไหนหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกทะแม่ง ๆ

“เป็นไปไม่ได้หรอก ลูกชายเขาไม่รู้ งั้นพี่ฮวาบอกไม่เป็นหรือไง เดาว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นมากกว่า!”

เหมยเหมยไม่อยากคุยเรื่องพี่ฮวาต่อแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมพอเมื่อครู่เธอได้ฟังเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าผู้หญิงคนนี้ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ ในใจเธอก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก

คนที่อยากร้องไห้จริง ๆ ทำไมต้องอาศัยร้องจังหวะตอนที่คนเห็นอยู่บ่อย ๆด้วยล่ะ?

อย่างตอนเด็ก ๆเธอเองก็ขี้แงเลยมักหลบมุมร้องไห้ดี ๆ  หรือไม่ก็ร้องปล่อยโฮต่อหน้าไปเลย แต่เธอจะไม่แอบร้องหรือแอบแบบให้คนอื่นเห็น เธอมักรู้สึกว่าเป็นการแสดงมากกว่า!

อาจจะเพราะเธอคิดมากไปละมั้ง หวังว่าเธอจะคิดมากไปเองนะ!

เหมยเหมยลุกขึ้นเตรียมไปจ่ายเงินให้ร้านเครื่องประดับ ในนั้นมีบางจุดที่คิดยอดเงินไม่ถูก เธอต้องถามต่อหน้าผู้จัดการให้ชัดเจน ถึงแม้เธอจะไม่ได้ใส่ใจเงินเล็กน้อยพวกนั้น แต่เธอจะมาเป็นแพะรับบาปเรื่องนี้ไม่ได้

เธออดเหลือบมองไปทางพี่ฮวาไม่ได้ เวลานี้เธอถึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอมักจะมองพี่ฮวาบ่อย ๆ เพราะเสื้อผ้าและรองเท้าที่เธอใส่…ล้วนแต่เป็นของแบรนด์ดัง เพราะกลิ่นอายของเธอเป็นสาวบ้านนอก ต่อให้เธอจะใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังก็ถูกกลิ่นอายความเป็นบ้านนอกกลบอยู่ดี

“เสื้อผ้าที่หล่อนใส่เธอเป็นคนซื้อให้เหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ใช่…ตอกแรกฉันจะรื้อชุดเก่าของฉันมาให้ใส่แต่ฉันผอมเกินไปเลยดูคับไปหน่อย ฉันเลยทำได้แค่ซื้อชุดใหม่ให้” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างได้ใจ ทั้งยังเผลออวดทรวดทรงตัวเองไปอีกด้วย

เหมยเหมยจ้องเขม็งอย่างหงุดหงิดพร้อมเอ่ยเสียงต่ำว่า “หล่อนไม่มีเสื้อผ้าใส่เองหรือไง?”

……………………………….

Related

ตอนที่ 2727 เรียกแม่

“แต่ว่าเธอดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ? สีหน้าก็ดูดีขึ้น แล้วทำไมเซลล์มะเร็งยังกระจายไปทั่วอีกละคะ?” เหมยเหมยไม่อยากจะเชื่อเลย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอธิบาย “นี่เป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองเท่านั้น ถ้าจะพูดให้ถูกคืออาการดีขึ้นก่อนที่ร่างกายจะทรุดลงอีกต่างหาก แต่มีจุดหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือเยวี่ยเซียงจะอยู่ได้นานกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้ ถ้าเธอยังรักษาสภาพจิตใจสู้รักษาตัวต่อไปแบบนี้ บางทีเธออาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกครึ่งปีกระทั่งหนึ่งปีเลยนะ…”

“จะมากกว่าหนึ่งปีได้ไหมคะ?” เหมยเหมยเอ่ยถามอย่างมีความหวัง

“เป็นไปไม่ได้หรอก…มากสุดหนึ่งปี!” ผู้เชี่ยวชาญเอ่ยเสียงหนักแน่น หนึ่งปีถือว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

เหมยเหมยถอนหายใจ ฉิวฉิวเคยบอกนานแล้วว่ายาวิเศษแค่ช่วยยืดอายุให้นานขึ้นแต่ไม่อาจทำให้ฟื้นจากความตายได้ คนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดยมบาลอย่างเยวี่ยเซียงคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ!

เธอบอกลาผู้เชี่ยวชาญแล้วไปห้องพักผู้ป่วยของเยวี่ยเซียง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพานันนันมาเยี่ยมเธอพร้อมด้วยผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสามสิบกว่าปี สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ดูหน้าตาใสซื่อ เพียงแต่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย

“นี่เป็นพี่เลี้ยงของนันนันที่ฉันหามา พี่หนิวแนะนำมาอีกที เหมยเหมยเรียกเขาว่าพี่ฮวาก็พอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแนะนำ

พี่ฮวาส่งยิ้มให้เหมยเหมยด้วยท่าทีอาย ๆไม่เป็นธรรมชาติ ดูท่าทางสุขุมนิ่งมาก เหมยเหมยพยักหน้าให้เล็กน้อย ในเมื่อเป็นคนที่พี่หนิวแนะนำมาก็น่าจะไว้ใจได้

“ขอบคุณพวกคุณด้วยนะ นันนันอยู่กับพวกคุณอ้วนขึ้นเป็นกองเลย แข็งแรงกว่าตอนอยู่กับฉันอีก ฉันขอคุกเข่าขอบคุณแทนนันนันด้วย!”

พอเยวี่ยเซียงเห็นลูกสาวทั้งขาวทั้งอ้วน น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา เธอรู้อยู่แล้วว่าเธอเลือกคนไม่ผิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหมาะที่จะเป็นแม่บุญธรรมของนันนันที่สุดแล้ว ลูกสาวอยู่กับเขายังดีกว่าอยู่กับแม่แท้ ๆที่ไร้ประโยชน์อย่างเธอเป็นร้อยเท่า แบบนี้เธอก็จากไปได้อย่างสบายใจแล้ว

ระยะนี้เธอมักไร้เรี่ยวแรงอยู่บ่อย ๆ แม้แต่หายใจยังลำบาก เธอรู้ว่าขีดจำกัดของเธอใกล้มาถึงแล้ว!

แต่เธอไม่กลัวเลยสักนิด ครั้นเห็นลูกสาวได้ไปอยู่กับครอบครัวดี ๆด้วยตาตัวเอง ต่อให้เธอตายไปก็ไม่เสียใจเลย!

“เฮ้…เธอรีบลุกขึ้นมานะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบปรี่เข้าไปประคองเยวี่ยเซียง จากนั้นก็เห็นสีหน้าเธอดูขาวซีดขึ้นมากเลยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ฉันว่าสีหน้าเธอดูไม่ดีเลย”

“เปล่าเลย…ฉันสบายดี กินได้นอนได้ จะไม่สบายได้อย่างไรกัน?” เยวี่ยเซียงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งยังจงใจหยิกหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ขาวซีดเลยมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนนิสัยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเลยไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ

แต่เหมยเหมยกลับรู้แก่ใจดี เธอรู้ว่าชีวิตของเยวี่ยเซียงเข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลังแล้ว ทุกนาทีทุกวินาที…รอนับวันตายอยู่!

“ถ้านันนันเรียกแม่ได้ก็ดีสิ” เหมยเหมยเห็นเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงก็ผุดคิดขึ้นได้ นันนันเก้าเดือนแล้ว ตามหลักน่าจะเรียกคนได้แล้วแต่เด็กคนนี้ยิ้มหัวเราะเป็นอย่างเดียว

เยวี่ยเซียงมองลูกสาวอย่างรู้สึกผิดเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “นันนันจะเป็นใบ้ไหม?”

“เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าหนูหัวเราะออกมาเสียงเพราะไม่เบาเลย แม่ฉันบอกว่าตอนเล็ก ๆบำรุงไม่เพียงพอเลยเปิดปากพูดช้าไปบ้าง ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก อีกไม่กี่เดือนก็พูดได้แล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว

เยวี่ยเซียงพรูลมหายใจมองลูกสาวตนด้วยท่าทีปลื้มอกปลื้มใจ ขอแค่ไม่เป็นใบ้ แบบนี้ถึงจะไม่ถูกใครรังเกียจ!

“แม่…แม่…”

สิ่งที่ทำให้ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือจู่ ๆนันนันที่นอนอยู่บนเตียงก็เปิดปากพูด ถึงแม้เสียงจะเบามากแต่กลับชัดเจน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเรียกแม่ ทุกคนต่างนิ่งชะงักไป พี่ฮวาเดินมาพลางเอ่ยยิ้ม ๆว่า “นันนันเรียกแม่แล้ว!”

“โฮ้…ทำไมหนูฉลาดขนาดนี้นะ? รู้ด้วยว่าต้องเรียกแม่ เรียกแม่อีกเร็วสิ นี่คือแม่ของหนูนะ…เรียกแม่สิ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มอย่างดีใจแล้วชี้ไปที่เยวี่ยเซียงให้เจ้าหนูเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง แต่ว่า——

“อย่าเรียกฉันว่าแม่เลย…ฉันไม่คู่ควรหรอก คุณหนูเหริ่น ถ้าคุณไม่รังเกียจละก็ให้เขาเรียกคุณว่าแม่เถอะ!”

เยวี่ยเซียงกลับกล่าวปฏิเสธ ทั้งยังให้ลูกสาวเรียกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่าแม่อีกด้วย

………………………………………..

ตอนที่ 2728 อย่าเรียกฉันว่าแม่

“มะ…แม่…แม่…” ไม่รู้ว่าเจ้าหนูน้อยดีใจเรื่องอะไรเอาแต่เรียกชื่อแม่พร้อมหัวเราะคิกคักไม่หยุด

“เอ๊ะ…เธอเป็นอะไรไป นันนันเป็นลูกของเธอ เรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้ว คำว่าแม่จะเรียกเรื่อยเปื่อยได้อย่างไรกัน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มไม่ชอบใจขึ้นมาแล้ว ถึงแม้เธอจะชอบเจ้าหนูน้อยมาก ถ้าเยวี่ยเซียงไม่ไหวจริง ๆเธอย่อมรับเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เยวี่ยเซียงดีขึ้นเรื่อย ๆ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกว่าเยวี่ยเซียงฟื้นตัวอาการดีขึ้นเลยหยุดความคิดที่จะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ก่อน

ดังนั้น…คำว่าแม่จะเรียกซี้ซั้วไม่ได้

เจ้าหนูน้อยยังไม่รู้ความอะไร ถ้าวันหลังแก้ไม่ได้จะทำอย่างไรล่ะ!

เยวี่ยเซียงยิ้มขมขื่นเอ่ย “ฉันไม่คู่ควรจะเป็นแม่ของนันนันหรอก คุณหนูเหริ่น โปรดรับเลี้ยงนันนันด้วยเถอะ วันหลังคุณก็คือแม่ของนันนัน ส่วนฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น”

ถึงคุณหนูเหริ่นจะเป็นคนปากคอเราะรายแต่ก็เป็นคนมีจิตใจดี สิ่งสำคัญเลยก็คือเพียบพร้อมทุกอย่าง ถ้าลูกสาวเธออยู่กับคุณหนูเหริ่นต้องมีชีวิตที่ดีแน่ คนที่ไร้ประโยชน์ไร้อนาคตอย่างเธอไม่คู่ควรจะเป็นแม่ของลูกด้วยซ้ำ

อีกอย่างเวลาของเธอเหลือไม่มากแล้ว ต่อให้อยากได้ยินลูกสาวเรียกว่าแม่แต่เธอก็ต้องอดกลั้นไว้ เธอจะทำลายความสุขชั่วชีวิตของลูกไม่ได้!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใจร้อนขึ้นมา “เธอก็อาการดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ? รอเธอหายแล้วฉันค่อยหางานเบา ๆให้ทำก็ได้ เธอหาเงินเลี้ยงลูกเองแล้วทำไมจะใช้ชีวิตไม่มีความสุขล่ะ? ลูกอยู่กับแม่แท้ ๆของตัวเองถึงจะดี เธออย่ามองแค่ว่าฉันดีกับลูกของคุณสิ วันหน้าฉันยังต้องมีลูกเป็นของตัวเองอีกนะ ขนาดตัวฉันเองยังรับประกันไม่ได้เลยว่าจะดีกับนันนันไปตลอดชีวิต!”

พอร้อนใจขึ้นมา แม้แต่คำพูดทิ่มแทงใจก็เอ่ยออกมาได้

เยวี่ยเซียงกลับยิ้มอย่างไม่ยี่หระอะไร คนเลวมักบอกว่าตนเองเป็นคนดีอยู่ตลอด มีเพียงคนจิตใจดีเท่านั้นที่จะถ่อมตน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีทางปฏิบัติแย่กับนันนันแน่นอน

“ขอแค่คุณให้นันนันกินข้าวอิ่มท้อง ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆก็พอ อย่างอื่นเทียบกับลูกแท้ ๆที่คุณคลอดออกมาไม่ได้อยู่แล้ว รอนันนันโตขึ้นเขายังช่วยดูแลน้องชายน้องสาวได้อีกนะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดโต้กลับไม่ได้ไปชั่วขณะแล้วมองไปทางเหมยเหมยอย่างจนใจ “เธอคุยกับหล่อนต่อเลย ฉันพูดไม่ออกแล้ว ทำเอาร้อนใจจะตายแล้วจริง ๆ เธอว่าจะมีแม่ที่ไหนเป็นแบบนี้บ้าง!”

เหมยเหมยรู้แก่ใจดีว่าเยวี่ยเซียงกำลังเอ่ยคำสั่งเสียอยู่ ต่างบอกกันว่าคนใกล้ตายมักจะรู้แก่ใจดี เยวี่ยเซียงน่าจะรู้สึกได้แล้วล่ะ!

“เธอรักษาตัวให้ดี ๆ เรื่องนันนันวางใจได้ ต่อให้เธอจะไม่อยู่แล้วจริง ๆ พวกเราก็ต้องปฏิบัติต่อนันนันดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าถ้าเธอรักษาตัวหายแล้วมาเลี้ยงนันนันเองจะดีที่สุด ใครก็สู้แม่แท้ ๆไม่ได้หรอก!” เหมยเหมยเอ่ยโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน

พอเยวี่ยเซียงได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยแล้วถึงได้วางใจแล้วมองลูกสาวด้วยความรัก พยักหน้าเอ่ย “ฉันจะพยายามรักษาตัวให้หาย ถ้าได้…ฉันก็อยากเลี้ยงนันนันเองจนกว่าจะเติบใหญ่เหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็สู้ ๆล่ะ ไม่แน่อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้!” เหมยเหมยยิ้มให้กำลังใจ

ในใจของเยวี่ยเซียงผุดความหวังขึ้นมาเล็กน้อย นั่นสิ…บางทีอาจจะมีปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริง ๆก็ได้!

เธอจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้ไม่ได้!

สุขภาพของเยวี่ยเซียงทรุดลงมาก ได้สติเพียงแค่ครู่เดียวก็ล้มลงหมดสติไปอีก เหมยเหมยให้พี่ฮวาพานันนันไปเที่ยวเล่นในสวนดอกไม้ก่อน

“เยวี่ยเซียงอยู่ได้นานสุดแค่หนึ่งปีหรือครึ่งปีเท่านั้น ตัวหล่อนเองคงรู้สึกได้แล้วล่ะ” เหมยเหมยถอนหายใจ

“อะไรนะ…ผู้เชี่ยวชาญบอกเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจยกใหญ่ เบิกตากว้าง ทั้ง ๆที่ใกล้ดีขึ้นแล้วแท้ ๆ

“ใช่แล้ว…ฉะนั้นเธอต้องคิดให้ดีว่าเธอจะรับเลี้ยงนันนันจริงไหม? ถ้าเธอไม่รับเลี้ยงฉันก็จะไปหาครอบครัวอื่นที่เหมาะสม” เหมยเหมยถาม

……………………………..

Related

ตอนที่ 2725 น้องสาวที่ไม่อยากได้

เหยียนหมิงซุ่นชะงักไป เขาคิดไม่ถึงว่าคุณปู่จะถามถึงเหยียนโฮ่วเต๋อ ถ้าคุณปู่ไม่ถามถึงเขาคงลืมพ่อแท้ ๆของตัวเองไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?

แต่มีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

เพราะเขากำชับคนทางนั้นไว้แล้วว่าถ้าเหยียนโฮ่วเต๋อเป็นอะไรไปต้องโทรบอกเขา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้รับสายเลยนั่นก็แสดงว่าเหยียนโฮ่วเต๋อใช้ชีวิตมีความสุขดี

คุณย่าเองก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน อย่ามองแค่ว่าเธอหัวเราะคิกคักมีความสุขเหมือนคนไม่เป็นอะไรอยู่ทุกวัน แต่เธอก็มักนึกถึงลูกชายที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นอยู่บ่อย ๆ ในเมื่อเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เธอให้กำเนิดออกมา แล้วเธอจะไม่คิดถึงลูกชายได้เช่นไรกัน?

แต่เธอไม่อยากหาเรื่องให้เหยียนหมิงซุ่นไม่สบายใจ เพราะงั้นเธอเลยอดทนไว้ไม่ถามถึงมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าตาแก่นี่จะถามขึ้นมา เธออดมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างนึกกังวลใจไม่ได้เพราะเกรงว่าเขาจะโกรธเอา

เหยียนหมิงซุ่นไม่โกรธอยู่แล้ว เขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลสักหน่อย สำหรับเขาแล้วความเป็นความตายของหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกของเขาเลยสักนิด แต่สำหรับคุณปู่คุณย่าแล้วเหยียนโฮ่วเต๋อคือลูกชายแท้ ๆ แล้วจะตัดขาดกันจริง ๆได้เช่นไร?

“ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ตายหรอกครับ!” เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับกระชับได้ใจความ

สองชรามองหน้ากัน นี่มันคำตอบอะไรกันเนี่ย?

แน่นอนว่าพวกเขาเองก็รู้ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อยังไม่ตายเพราะอายุแค่ห้าสิบกว่าเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีกำลังวังชาดีทีเดียว แล้วจะตายได้อย่างไร?

พวกเขาอยากรู้ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างต่างหาก สำนึกผิดบ้างหรือยัง?

“เออคือ…พ่อของหลานปรับปรุงตัวบ้างหรือยัง?” คุณย่าหยางถาม

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูก เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าปรับปรุงตัวแล้วหรือยัง แต่เดาว่ายากในเมื่อสันดานมันดัดยาก เหยียนโฮ่วเต๋อแก่จนปูนนี้แล้วจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้อย่างไร?

นอกจากจะเกิดใหม่แล้วล่ะ!

“ผมจะโทรถามเดี๋ยวนี้แหละครับ” เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากทำให้สองชราผิดหวังจึงวางตะเกียบลงแล้วไปโทรศัพท์ ถึงแม้เขาจะไม่เคยเอ่ยปากถามถึงเรื่องของเหยียนโฮ่วเต๋อ แต่สถานการณ์ที่นั่นมีคนคอยจับตาดูอยู่ตลอด

“ลูกพี่…ทำไมจู่ ๆถามถึงเขาล่ะ?” ลูกน้องแปลกใจเหลือเกินเพราะหลายปีมานี้ไม่เคยถามถึงเลย

“ให้บอกก็บอกมาเถอะน่า จะถามอะไรมากมาย? เขาอยู่ที่นั่นประพฤติตัวเป็นไงบ้าง?”

ลูกน้องชะงักไปแต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ลูกพี่ เขาใช้ชีวิตสุขสำราญดี พ่อของลูกพี่แต่งงานใหม่แล้ว ผู้หญิงเป็นแม่ม่ายหน้าตาสะสวยคนหนึ่งของหมู่บ้าน แถมลูกพี่ยังได้น้องสาวหน้าตาสวยมาฟรี ๆคนหนึ่งด้วยนะ สวยราวกับดอกไม้ที่งดงามดอกหนึ่งเลยจริง ๆ ปีนี้อายุเพิ่ง 18 ปีเอง…”

“พูดภาษาคนดี ๆเป็นไหม? ถ้าพูดไม่เป็นจะได้ส่งไปเรียนรู้ที่แอฟริกา!” เหยียนหมิงซุ่นตำหนิเสียงเย็นชา

น้องสาวของเขาจะให้หมาแมวที่ไหนมาเป็นก็ได้งั้นหรือ?

ลูกน้องสำนึกได้ในทันทีเลยเปลี่ยนคำพูด “ครับ…แม่ม่ายคนนั้นมีลูกสาวติดมาด้วยคนหนึ่ง แถมตอนนี้ยังเรียกเขาว่าพ่อด้วย ทั้งยังเปลี่ยนมาใช้สกุลเหยียนอีกต่างหาก อีกอย่างพ่อของลูกพี่ยัง…”

“พูดมา อย่ามาชะงักกลางคัน…”

“คือว่าพ่อของลูกพี่เจ้าชู้ไม่เบาเลย นอกจากแม่ม่ายสาวสวยแล้ว เขายังมีชู้รักข้างนอกอีกนับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วด้วย…ไม่ซ้ำหน้าสักวันเดียว…” ลูกน้องอิจฉาแทบแย่ ทำเอาเขาตาร้อนแทบตาย

พอนึกถึงว่าชายหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆอย่างเขายังสู้หนุ่มวัยกลางคนแบบนี้ไม่ได้ จนถึงตอนนี้เขายังต้องพึ่งพานิ้วทั้งห้าอยู่เลย!

เหยียนหมิงซุ่นจงใจเปิดลำโพง คำพูดของลูกน้องดังลอยไปถึงสองชราชัดเต็มสองหู คุณปู่เหยียนโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว ทั้งยังสบถด่าไม่หยุด “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน…สันดานแก้ไม่หาย…”

คุณย่าหยางเองก็โมโหมากเช่นกัน ในเมื่อเลี้ยงลูกชายสารเลวขนาดนี้ออกมา เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!

“ให้เจ้าบ้านั่นอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิตนั่นแหละ…ไม่ต้องกลับมาแล้ว!” คุณปู่คำรามออกมาด้วยความโกรธ

ลูกชายแบบนี้จะกลับมาทำไมอีก น่าขายหน้าจะตายไป!

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย เขาเดาได้แต่แรกแล้ว ด้วยนิสัยของเหยียนโฮ่วเต๋อจะทนอยู่โดดเดี่ยวลำพังได้เช่นไร?

…………………………………………..

ตอนที่ 2726 คลอดออกมาหลายคนหน่อย

“จับตาดูที่นั่นต่อไป ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงชีวิตก็ไม่ต้องรายงาน!” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ

“รับทราบ ลูกพี่วางใจได้เลย พ่อของลูกพี่สุขภาพแข็งแรงดีจะตาย แม่ม่ายคนนั้นดูแลเป็นอย่างดีเชียวล่ะ แข็งแรงกว่าตอนเพิ่งมาถึงอยู่มากโขเชียว!” ลูกน้องเอ่ยพลางหัวเราะร่วน

ถึงแม้จะเป็นภูเขาแดนไกลแต่อันที่จริงเป็นแหล่งน้ำภูเขาอันงดงาม อากาศก็ดี อาหารที่กินก็ปลอดภัยไร้สารพิษ ร่างกายแย่สิถึงน่าแปลก!

เหยียนหมิงซุ่นกดวางสายแล้วส่งยิ้มไปให้สองชราที่กำลังโมโหอยู่ “ใช้ชีวิตมีความสุขดี ปู่กับย่ายังมีหลานสาวเพิ่มอีกคนด้วยแหนะ!”

“เหลวไหล…ฉันไม่ยอมรับหลานสาวที่ไร้หัวนอนปลายเท้าแบบนั้นหรอก!” คุณปู่โกรธจนหน้าเขียว เขาไม่ได้ไม่พอใจสาวแม่ม่ายและลูกติดนั่นหรอก แต่เขาเกลียดลูกชายต่างหาก

ถ้าอยู่ที่นั่นปรับปรุงตัวดี ๆ เมื่อครู่เขาคงอ้อนวอนหลานชายคนโตให้พาตัวลูกชายกลับมาอยู่เมืองหลวงได้บ้าง แต่ตอนนี้…เขาจะยังมีหน้าที่ไหนไปขอร้องได้อีกล่ะ?

คุณย่าหยางก่นด่าออกมาด้วยความเกลียดชัง “ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตไปเองตายไปเองอยู่ที่นั่นแหละ ใครก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาทั้งนั้น!”

แต่งงานกับแม่ม่ายยังพอว่า แต่ในเมื่อข้างกายมีภรรยาแล้วยังออกไปหาชู้นอกบ้านอีก แถมยังเป็นพวกผู้หญิงที่มีสามีแล้วอีกต่างหาก เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่ทำเอาเธอโมโหแทบกระอักตายแล้วจริง ๆ!

เหมยเหมยปิดปากเงียบมาตลอด ถึงเหยียนโฮ่วเต๋อจะชั่วช้าแค่ไหนแต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่ เธอปิดปากเงียบแบบนี้จะดีกว่า แต่เหยียนโฮ่วเต๋อก็ช่างเลวจริง ๆ มีอายุผ่านมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วยังเป็นชู้กับผู้หญิงมากมายขนาดนี้อีกเหรอ?

ไม่กลัวไตพังหรือไง!

ตกดึกก่อนนอนเหมยเหมยจงใจเอ่ยหยอกเย้าว่า “พ่อของพี่มักมากในกามจริง ๆ พี่ว่าพี่จะสืบพันธุกรรมเรื่องแบบนี้มาจากพ่อพี่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยแววตาดุดัน จู่ ๆก็พุ่งเข้ามากดเธอไว้ใต้ร่างแล้วกระตุกมุมปากล่างอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ตอนนี้พี่ก็กำลังมักมากในกามอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

“เกลียดจริง ๆ…ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ…”

“ไม่จำเป็นหรอก…พี่ชอบรสชาติดั้งเดิม…

เวลาเพียงแวบเดียวเหมยหมยก็ถูกถอดเสื้อผ้าจนเกลี้ยง เหมยเหมยจับจ้องเหยียนหมิงซุ่นที่ใส่ถุงยางอนามัยตามลำดับขั้นตอนอย่างผิดหวัง จากนั้นก็หยิกเข้าที่เอวของเขาแรง ๆทีหนึ่ง เป็นแบบนี้ทุกทีสิ เธอคงต้องรอไปอีกนานกว่าจะมีลูกคนที่สองแน่นอน!

ฉิวฉิวที่หมอบอยู่บนคานบ้านดูเรื่องสนุก ๆอยู่ก็เห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเหมยเหมยอย่างชัดเจน นายผู้หญิงไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ นานขนาดนี้แล้วเจ้าตัวเล็กยังไม่มาอีก

เฮ้อ…ดูท่าทางคงต้องให้คุณชายฉิวอย่างมันออกโรงแล้ว!

เจ้าหนูเสี่ยวเป่าไม่อยู่ที่นี่แล้ว ถึงจะแค่เด็กคนหนึ่งแต่น่าเบื่อขึ้นไม่น้อยเลย เขาต้องทำให้นายผู้หญิงมีเพิ่มอีกสักคน ไม่สิ…หลายคนไปเลยสิถึงจะถูก!

ยิ่งมีเจ้าหนูน้อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสนุก!

ฉิวฉิวสะบัดหางไปมา ดวงตาทอแสงประกาย จากนั้นก็คายยาออกมาเม็ดหนึ่ง มันคือยาที่เขาขโมยมาจากเทพเซียนที่ดูแลเรื่องการมีลูกคนใดสักคนนี่แหละ เหมือนจะเป็นยาลูกแฝด ไม่งั้นเอาให้นายผู้หญิงกินเลยดีกว่า!

แบบนี้มันก็มีเจ้าเด็กสามคนเล่นด้วยแล้ว!

ฉิวฉิวก้มหน้าเหลือบมองพวกเขาทั้งสองที่กำลังบรรเลงเพลงรักกันอยู่ แววตาเปล่งประกายดูมีเงื่อนงำบางอย่างแฝงอยู่

พักผ่อนอยู่บ้านมาหลายวัน อันที่จริงพอตกดึกไม่เคยได้พักเลยสักวันเพราะเหยียนหมิงซุ่นจะต้องสะกิดเธอทุกคืน เหนื่อยกว่าออกไปทำงานนอกบ้านเสียอีก วันนี้เหมยเหมยก็นอนจนตะวันส่องก้นอีกเช่นเคย พอทานมื้อกลางวันเสร็จถึงออกบ้าน เธออยากไปดูอาการของเยวี่ยเซียงสักหน่อย

เธอแอบป้อนยาวิเศษให้เยวี่ยเซียงเพราะหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ความจริงปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้วเพราะผลการรักษาของเยวี่ยเซียงดีมากทีเดียว ฟื้นตัวได้ดีกว่าคนไข้คนอื่นอยู่มากโข เหมยเหมยนึกว่าเยวี่ยเซียงอาจจะอยู่ได้หลายปีขึ้นมาบ้าง แต่ทว่า——

“เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะเซลล์มะเร็งกระจายไปทั่วจนรักษาไม่ได้แล้ว ตอนนี้อาการของเยวี่ยเซียงดีมากก็จริง  แต่ก็เป็นแค่ความรู้สึกที่คิดไปเองเท่านั้น บางทีเพราะความใจสู้ของเธอมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ฉันตรวจดูอาการให้แล้วเซลล์มะเร็งยังคงกระจายอยู่ทั่วเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น…เยวี่ยเซียงไม่มีทางหายแน่นอน”

ผู้เชี่ยวชาญบอกข่าวร้ายเหมยเหมย ฉับพลันเหมยเหมยก็ใจดิ่งวูบ

…………………

Related

ตอนที่ 2723 ความคิดเปิดกว้าง

เหมยเหมยถอนหายใจ ความกังวลของเฝิงอวี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล คนในตระกูลหยางปฏิบัติไม่ดีต่อเฝิงอวี้ก็จริง แต่พวกเขาดีต่อหลานไม่น้อย เสี่ยวจวินอายุเพิ่งเก้าขวบจะไปเข้าใจอะไร ไม่แน่อาจจะเกลียดเฝิงอวี้เข้าจริง ๆก็ได้

“เฮ้อ…งั้นก็คงทำได้แค่ปล่อยไปแล้วล่ะ หวังว่าวันข้างหน้าเสี่ยวจวินโตขึ้นจะเข้าใจถึงความลำบากของเธอแล้วกัน!” เหมยเหมยกล่าว

เธอเห็นมามากเหลือเกินผู้ชายไร้คุณธรรมที่พอแต่งงานไปก็หลงลืมแม่ของตัวเอง ผู้หญิงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ด้วยความยากลำบาก แถมยังหาเงินแต่งงานให้อีก  แต่ลูกชายกลับไม่เคยซึ้งใจหรือบางทีอาจนึกรังเกียจที่แม่ตัวเองไม่ได้ให้เยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ!

เฝิงอวี้ยิ้มกล่าว “ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เสี่ยวจวินเป็นลูกชายของฉัน การเลี้ยงดูเขาเป็นหน้าที่ของฉัน ขอแค่วันหน้าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขฉันก็วางใจแล้ว ตัวฉันเองก็มีเงินหลังเกษียณตัวไปไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวจวินมาเลี้ยงฉันยามแก่หรอก ถ้าไม่ได้จริง ๆฉันก็ไปอยู่บ้านพักคนชรา หากมีเพื่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่เป็นเพื่อนต้องมีความเป็นอิสระมากกว่าเลี้ยงหลานอยู่บ้านอยู่แล้วล่ะ!”

เธอคิดได้มากทีเดียว หากลูกโตขึ้นเธอก็ต้องปล่อยวาง เธอจะฉุดรั้งเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้ ลูกที่เป็นแบบนั้นจะหมดอนาคตมากกว่า

อีกอย่างวันข้างหน้าเธอเองก็ไม่อยากอยู่บ้านร่วมชายคาเดียวกับลูกชายและลูกสะใภ้เหมือนกัน ถ้ำหนึ่งคงมีเสือสองตัวไม่ได้ บ้านหลังหนึ่งมีแค่คุณนายหญิงของบ้านได้เพียงคนเดียว เธอไม่อยากทำให้ลูกชายที่เป็นคนกลางต้องลำบากใจ สู้เธอรู้ตัวเองเป็นฝ่ายถอยออกมาจากชีวิตของลูกชายเองจะดีกว่า!

เธอเองก็ลำบากตรากตรำมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เธอคงไม่เอาเรี่ยวแรงเสียไปกับเรื่องของลูกชายทั้งหมดหรอก!

เหมยเหมยอดที่จะมองเฝิงอวี้ใหม่ไม่ได้จึงเอ่ยชื่นชม “เธอนี่มองโลกเปิดกว้างจริง ๆ ลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอช่างโชคดีจริง ๆ!”

เฝิงอวี้เอ่ยยิ้ม ๆ “ฉันก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้น ฉันเองก็เคยเป็นลูกสะใภ้ของคนอื่นมาก่อน รู้รสชาติการอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่พวกนั้นดี เพราะงั้นขอแค่พวกเขาสองคนใช้ชีวิตเองกันได้ ลำพังฉันคนเดียวจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ อีกอย่างฉันคิดมานานแล้วว่าหลังเกษียณฉันจะซื้อกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวชมแม่น้ำภูเขาในประเทศเราสักหน่อย จะได้ถือว่าเกิดมาบนโลกนี้โดยไม่เสียเปล่าไงล่ะ!”

เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้ “ถ้ามีสภาพจิตใจดีแบบนี้ ไม่แน่เธออาจจะหาคู่ชีวิตอยู่ด้วยกันยามแก่สักคนได้ก็ได้นะ!”

เฝิงอวี้ยิ้มอย่างปวดใจ เอ่ยพลางส่ายศีรษะว่า “ไม่หาแล้วล่ะ…อยู่คนเดียวก็ดีออก”

เหมยเหมยก็ไม่ได้เอ่ยโน้มน้าวอะไร เรื่องแบบนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา ถ้ามันมาแล้วต่อให้ปิดกั้นแค่ไหนก็คงปิดกั้นไว้ไม่อยู่ อย่ามองแค่ว่าตอนนี้เฝิงอวี้ปากแข็ง ถ้าเจอคนดี ๆเข้ามาจริง ๆ เธอต้องอดหวั่นไหวไม่ได้แน่นอน

เธอไม่ได้เป็นนักบวชสักหน่อย แล้วจะตัดเรื่องความรักความรู้สึกไปได้อย่างไรกัน?

ถึงแม้คนตระกูลหยางจะไม่ได้เป็นคนดีอะไรแต่จัดการธุระได้รวดเร็วดีไม่หยอก ผ่านไปไม่กี่วันก็จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เฝิงอวี้จึงย้ายจากมูลนิธิกลับไปที่บ้าน

หลังจากจัดการเรื่องของเฝิงอวี้เสร็จ เหมยเหมยก็สบายขึ้นมากเป็นกอง ครั้นนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้เอาใจใครบางคนมานานแล้ว เธอเลยเข้าครัวทำอาหารตั้งโต๊ะด้วยตัวเอง ทุกอย่างล้วนเป็นของโปรดของเหยียนหมิงทั้งนั้น พอตกเย็นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ขณะทานข้าวเย็นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ชนะคดีแล้วเหรอ?”

“แน่นอนสิ ผู้ชายสารเลวไปตัวเปล่า ส่วนลูกอยู่กับเฝิงอวี้” เหมยเหมยได้ใจไม่น้อย นี่เป็นคดีแรกของมูลนิธิที่เธอเป็นคนจัดการทุกอย่างเองสำเร็จ และได้บันทึกลงในแฟ้มประวัติของมูลนิธิด้วย

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบาง ๆแล้วจงใจขัดขึ้นว่า “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเฝิงอวี้ต้องวุ่นวายอีกแน่”

“ถ้าคนตระกูลหยางกล้าทำอะไรอีก ฉันก็จะพุ่งไปหาสำนักพิมพ์แล้วทำให้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้เลย!” เหมยเหมยนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นหมายถึงคนตระกูลหยาง

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “คนตระกูลหยางรักหน้าตาศักดิ์ศรี พวกเขาจะอาละวาดได้อย่างไรกัน เธอไม่ต้องสนใจอะไรหรอก เฝิงอวี้เขาจัดการเองได้”

สำหรับตระกูลหยางลำพังแค่ห้องชุดสองห้องกับเงินแค่นั้นเป็นเรื่องน้อยนิดมาก อีกอย่างถึงแม้ทรัพย์สินเหล่านี้จะให้เฝิงอวี้ไป แต่ความจริงก็เป็นของหลานชายเสี่ยวจวินนั่นแหละ คนในตระกูลหยางรู้แก่ใจดี พวกเขาไม่มีทางทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรอก

ทางฝั่งคุณปู่เหยียนเงียบกริบมาตลอดแต่กลับมีสีหน้าชั่งใจ อ้ำ ๆอึ้ง ๆไม่กล้าพูดออกมาสักที

……………………………………………..

ตอนที่ 2724 พรสวรรค์ที่แสนประหลาด

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คิดหาสาเหตุได้ นอกจากตระกูลหยาง ก็เหลือแค่คนในตระกูลเฝิงแล้วล่ะ แต่ในเมื่อหย่ากันไปแล้ว คนตระกูลเฝิงจะโวยวายอะไรได้อีก

คงไม่ใช่ว่าจะให้เฝิงอวี้กลับไปคืนดีหรอกใช่ไหม?

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วไม่พูดอะไร ถึงแม้เขาจะไม่ได้คลุกคลีกับคดีนี้แต่เหมยเหมยเล่าไม่หยุดปาก บวกกับคุณย่าหยางกับป้าฟางมักชอบถามถึงบ่อย ๆ เขาเลยพลอยต้องฟังเรื่องนี้ไปด้วยจนเกือบเก็บรายละเอียดเรื่องเฝิงอวี้ได้ครบแล้ว

เฝิงอวี้ได้ทรัพย์สินตั้งมากมาย พวกคนตระกูลเฝิงนั่งอยู่เฉย ๆสิแปลก!

แต่เรื่องนี้ต้องให้เฝิงอวี้เป็นคนจัดการเอง คงไม่ใช่ว่าจะเอาทุกเรื่องมารบกวนภรรยาเขาหมดหรอกมั้ง!

“ผ่านไปอีกไม่กี่วันเธอก็รู้เอง กินกุ้งหน่อยนะ” เหยียนหมิงซุ่นจงใจทิ้งปมปริศนาไว้แล้วแกะกุ้งยัดใส่ปากเหมยเหมย แล้วฉวยโอกาสเขี่ยจมูกเธอไปทีหนึ่ง

เล่อเล่อที่อยู่ด้านข้างยู่จมูกแล้วคว้ากุ้งตัวใหญ่มากัดตัวหนึ่ง คุณแม่ไม่ได้เรื่องเลยกินกุ้งยังต้องให้คุณพ่อแกะให้อีก ต้องกินพร้อมเปลือกสิถึงจะอร่อยกว่า!

ครั้นเหมยเหมยเห็นลูกสาวตัวเองกินเช่นนั้น เปลือกตาก็กระตุกแล้วเตรียมแกะกุ้งให้ลูกกิน แต่ดันถูกเหยียนหมิงซุ่นขวางไว้ก่อน “กินพร้อมเปลือกดีจะตายไป ได้เสริมแคลเซียมด้วย!”

คุณย่าหยางจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หยิบกุ้งที่แกะเปลือกเสร็จแล้วไปใส่ในถ้วยของเล่อเล่อ กินพร้อมเปลือกไปแบบนั้นเกิดฟันหักจะทำอย่างไร!

 “ไม่เคยเห็นพ่อแบบแกเลยจริง ๆ ทำไมไม่เสริมแคลเซียมให้ภรรยาด้วยล่ะ? แบ่งลำดับความสำคัญไม่เป็นเลย เล่อเล่ออายุเพิ่งเท่าไหร่เอง ควรแกะเปลือกให้ใครต้องให้ฉันสอนด้วยเหรอ!”

คุณย่าหยางอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนไปยกหนึ่ง บ้านคนอื่นให้ความรักทะนุถนอมคนเล็กสุดของบ้าน แต่บ้านเธอดันกลับกัน เด็กไม่สนแต่กลับสนใจแต่ผู้ใหญ่ คนไม่รู้ยังนึกว่าเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงซะอีก!

เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งตัวหนึ่งต่ออีก เหมยเหมยฝืนใจกินกุ้งไปทั้งเปลือก ลูกตาของคุณย่าจ้องจนแทบถลนออกมาอยู่แล้ว ช่างกดดันเหลือเกิน

“ผมแกะกุ้งให้แค่ภรรยาเท่านั้น เล่อเล่อไม่ใช่ภรรยาผมสักหน่อย วันหลังก็ให้สามีแกะให้สิ!”

คุณย่านิ่งตะลึงค้างพูดจาไม่ออก นี่มันหลักการบ้าบออะไรกัน?

“แต่เขาเป็นลูกของแก…รู้บ้างไหม ลูกสาวน่ะ ลูกสาวที่แค่สี่ขวบเอง!” คุณย่าคำรามด้วยความโกรธพร้อมทั้งจ้องเหมยเหมยตาเขม็ง เวลานี้คุณย่ารู้สึกว่าเหมยเหมยเป็นดั่งสาวงามต้นเหตุของหายนะอย่างที่ในนิยายกล่าวไว้ เป็นเสมือนตัวหายนะที่ยั่วยวนไม่ให้ฮ่องเต้ทำงานนั่นเอง

เหมยเหมยหดคอพร้อมทั้งรู้สึกว่าคำตอบของเหยียนหมิงซุ่นชวนให้โดนด่าจริง ๆ ถ้าเธอเป็นคุณย่าก็คงโกรธเหมือนกัน เหมยเหมยตัดสินใจทำตัวเป็นแม่ผู้ใจดีเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกอึดอัด

เธอเอากุ้งที่เหยียนหมิงซุ่นแกะให้ส่งไปให้ลูกสาว แต่ทว่า——

เล่อเล่อโบกไม้โบกมืออย่างนึกรำคาญใจ เธอคว้ากุ้งมาอีกตัวแล้วทานด้วยท่าทีเอร็ดอร่อย “ไม่ต้องค่ะ…แม่กินเองเถอะ กินเปลือกด้วยอร่อยกว่าตั้งเยอะ!”

ถ้าแกะเปลือกออกแล้วมันนุ่มเกินไปกินไม่เพลินเลยสักนิด กุ้งที่คุณทวดให้เมื่อครู่เธอไม่กล้าปฏิเสธเพราะเกรงใจมากกว่า แต่ส่วนของแม่เธอไม่เอาหรอก

เหมยเหมยเอากุ้งกลับมาคืนด้วยความโมโหแล้วยัดเข้าปากตัวเอง ทำดีแต่ไม่ได้ดี เธอยังน่าเคารพอยู่ไหมนะ?

เหยียนหมิงซุ่นกลั้นหัวเราะไว้ ลูกสาวของเขาเดินเส้นทางที่ไม่เหมือนคนอื่น เขารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้มีรสปากผิดแปลกไปจากคนทั่วไป

คุณย่าเองก็นั่งลงด้วยความหงุดหงิดแล้วคีบกุ้งทานเองตัวหนึ่ง เธออยากลองนักว่ากินเปลือกด้วยจะรสชาติเป็นอย่างไร แต่เธอกัดไปแค่คำเดียวก็คายออกมา แข็งจนแทบติดคอ เธอหันไปมองเล่อเล่อแต่กลับเห็นเจ้าหนูกัดสองคำก็หมดแล้ว เคี้ยวไม่กี่ทีก็กลืนลงคอซึ่งดูเอร็ดอร่อยไม่น้อย สำราญใจดีเหลือเกิน นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่แปลกประหลาดจริง ๆ

คุณปู่เหยียนชั่งใจอยู่นาน จนในที่สุดก็ดึงความกล้าแล้วถามออกไปว่า “หมิงซุ่น ตอนนี้พ่อหลานเป็นไงบ้าง?”

ช่วงนี้เขาได้ยินภรรยาบ่นเรื่องผู้ชายสารเลวบ่อย ๆ คุณปู่จึงอดนึกถึงลูกชายทรพีที่ไม่เจอมานานหลายปีไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าลูกชายใช้ชีวิตอยู่หุบเขาแดนไกลเป็นอย่างไรบ้าง ถึงลูกชายจะเลวทรามชั่วช้าจริง ๆแต่ก็เป็นลูกชายแท้ ๆของเขานี่นา คุณปู่จึงอดคิดถึงไม่ได้

…………………………

Related

ตอนที่ 2721 เป็นผู้หญิงต้องโหด

“ไม่ต้องพูดต่อแล้ว ฉันไม่มีทางถอนฟ้องแน่นอน ทรัพย์สมบัติพวกนั้นฉันควรได้มันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกคุณต้องบริจาคให้ฉันสักหน่อย ส่วนเรื่องงานของน้องชายฉันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!” เฝิงอวี้ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นแล้วเอ่ยปฏิเสธน้องชายของหยางอันคังอย่างเย็นชา

เธอทนทุกข์ทรมานมายี่สิบปี ความคับแค้นใจที่ล้นปรี่…จะเอาคำพูดไกล่เกลี่ยอันบางเบามากลบเกลื่อนให้ผ่านไปงั้นเหรอ?

เธอไม่เพียงแค่ฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น แต่จะแฉความปลิ้นปล้อนของหยางอันคังให้คนทั้งโลกได้รู้กันว่าศาสตราจารย์หยางอันคังที่สุภาพดูภูมิฐานคนนี้ อันที่จริงเป็นโรคจิตที่น่ากลัวคนหนึ่ง!

เหมยเหมยที่เป็นกังวลมาตลอด พอได้ยินคำตอบของเฝิงอวี้ก็พรูลมหายใจยาวโล่งอก

เป็นตัวอย่างที่ดี…ผู้หญิงต้องแบบนี้แหละ!

เฝิงอวี้ลุกขึ้นมายืดหยัดได้แล้ว!

“อาอวี้สมองแกเลอะเลือนไปแล้วหรือไง แกไม่สนใจน้องชายแกเลยเหรอ…เก็บคำพูดเมื่อกี้กลับไปเลยนะ!” คุณแม่ของเฝิงอวี้ร้อนใจ เนื้อเป็ดอันโอชะที่คาบไว้ได้กระเด็นลอยหายไปแล้ว ไม่ร้อนใจสิแปลก!

“เขาเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่ลูกของหนูสักหน่อย ทำไมหนูต้องสนใจเขาด้วย? ชีวิตต่อจากนี้ของหนูจะสนใจแค่เสี่ยวจวิน คนอื่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนูอีกแล้ว!” เฝิงอวี้เอ่ยคำพูดโหดร้ายที่สุดในตลอดสามสิบห้าปีที่ผ่านมาหนึ่งประโยค

ครั้นเห็นสีหน้าดูไม่ได้ของพ่อและเหล่าน้อง ๆ เฝิงอวี้พลันรู้สึกแค่ว่ามีความสุขเหลือเกิน สบายเหมือนได้กินเปปิโน เมล่อนเลย

ไม่ต้องเอ่ยถึงคุณพ่อหรอก แม้แต่น้องชายน้องสาวที่แสนดีจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยถามเธอเลยว่าใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม…ถึงอันที่จริงเธอไม่ต้องการก็เถอะ แต่ถามสักหน่อยมันจะตายหรือไง?

พฤติกรรมของน้องชายน้องสาวแท้ ๆตัวเองยังเทียบไม่ได้กับคนแปลกหน้าอย่างพวกเหมยเหมยเลย เฝิงอวี้รู้สึกแย่กับคนในครอบครัวจับใจ!

คุณแม่ของเฝิงอวี้ร้องไห้โวยวายยกใหญ่ ศาลทนฟังไม่ไหวเลยให้ตำรวจในชั้นศาลพาตัวออกไปอยู่เป็นเพื่อนแม่สามีเฝิงอวี้ด้านนอก

ในเมื่อเฝิงอวี้ไม่ยอมไกล่เกลี่ยศาลจึงตัดสิน ภายใต้คำโน้มน้าวของน้องชายหยางอันคังทุกคนในครอบครัวเลยจำยอมให้เป็นไปตามเงื่อนไขทรัพย์สินที่เฝิงอวี้ต้องการ แต่สิทธิ์ในการปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวจะพูดอย่างไรหยางอันคังก็ไม่ยอมง่าย ๆ พ่อแม่ของเขาก็มีท่าทีเช่นนั้นเหมือนกัน

“เงื่อนไขเรื่องเงินทองของเราเหนือกว่าตระกูลเฝิงอย่างชัดเจน อีกอย่างพวกเราต่างก็เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย หากเด็กอยู่กับเราจะดีต่ออนาคตมากกว่า…” พ่อสามีของเฝิงอวี้เอ่ยออกมา

ผู้พิพากษาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นความจริง สภาพแวดล้อมในการเติบโตของเด็กสำคัญมากจริง ๆ

ทนายกัวเอ่ยเสียงดัง “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องเงินทองดีกว่า แค่เอาเรื่องโรคทางจิตของจำเลยมาพูด ท่านผู้พิพากษาคิดว่าคนมีปัญหาทางจิตแบบเขาสมควรเป็นผู้ปกครองเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยหรือคะ? ถ้าเด็กต้องใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ คงมีความเป็นไปได้มากว่าจะเลียนแบบพฤติกรรมทารุณเอาได้!”

“ลูกความของผมไม่ใช่คนโรคจิต เดิมทีมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด อีกอย่างเสือไม่กินลูกตัวเอง ลูกความของผมจะทำร้ายลูกชายแท้ ๆของตัวเองได้อย่างไร!” ทนายฝ่ายจำเลยของหยางอันคังโต้กลับ

ทนายกัวแสยะยิ้ม “แม้แต่ภรรยาที่ร่วมหมอนนอนเตียงเดียวกันมานับยี่สิบปียังทำได้เลย แล้วทำไมจะลงมือกับลูกแท้ ๆของตัวเองไม่ได้? หรือว่าต้องให้เกิดเรื่องขึ้นก่อนถึงค่อยมาช่วยหรือไง?”

……

ทนายทั้งสองโต้กันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร จากนั้นเสียงก็เงียบลงในฉับพลัน

ถึงอย่างไรเสียเรื่องอาการป่วยทางจิตของหยางอันคังก็เป็นแค่คำพูดลอย ๆและไม่มีใบรับรองผลการตรวจจากแพทย์มาสนับสนุน ศาลจึงไม่อาจกล่าวหาว่าหยางอันคังมีอาการทางจิตได้

เฝิงอวี้เป็นกังวลมาก เมื่อเทียบระหว่างทรัพย์สินกับลูกแล้ว เธอสนใจเรื่องลูกชายมากกว่า

ถ้าลูกอยู่ในการดูแลของเธอไม่ได้ แม้แต่แรงจูงใจอยากให้เธอมีชีวิตต่อยังไม่มีเลย

มีตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามากระซิบคุยกับผู้พิพากษาเสียงเบา ผู้พิพากษาแสดงสีหน้าประหลาดใจและพยักหน้าน้อย ๆ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภายในศาลก็ตกอยู่ในความสงบ

………………………………………………

ตอนที่ 2722 อาการป่วยกำเริบ

เสียงประตูดังแอ๊ดเปิดออก เด็กผู้ชายร่างบางคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เฝิงอวี้และคนตระกูลหยางต่างตกใจยกใหญ่

“เสี่ยวจวิน แม่บอกให้ลูกตั้งใจเรียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมลูกถึงโดดเรียนมาล่ะ?” เฝิงอวี้กล่าวตำหนิ

“ผมไม่ได้โดดเรียนนะครับ ผมขอลากับคุณครูแล้ว”

เสี่ยวจวินพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง รูปร่างเขาไม่ได้สูงมากนักซึ่งถอดแบบมาจากแม่ทุกอย่าง ดูท่าทางเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงและขี้กลัว พอเดินเข้ามาในศาลที่บรรยากาศเงียบกริบ เผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้ เสี่ยวจวินเลยอดงอตัวห่อไหล่ไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ดึงความกล้ายืดตัวตรงอีกครั้ง

“คุณลุงผู้พิพากษาครับ ผมมีอะไรอยากจะพูดหน่อยครับ”

“หนูอยากพูดอะไรล่ะ?” ผู้พิพากษาปรับน้ำเสียงอ่อนโยนลง

เสี่ยวจวินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อ้าปากอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เปล่งเสียงออกมาสักที เขาตื่นเต้นเหลือเกิน

ผู้พิพากษาอมยิ้มแล้วสั่งให้คนยกน้ำมาแก้วหนึ่งเอาให้เขาดื่ม เสี่ยวจวินเลียริมฝีปากและในที่สุดก็เอ่ยออกมา “ผม…ผมอยากบอกว่า ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับแม่ครับ โปรดคุณลุงอย่าพลัดพรากผมไปจากแม่เลยครับ!”

น้ำตาของเฝิงอวี้เอ่อล้นออกมา เอื้อนเอ่ยคำพูดใดไม่ออก

พอได้ยินคำพูดนี้ของลูกชาย พลันเธอก็รู้สึกว่าต่อให้ทนทุกข์ทรมานมายี่สิบปี…มันก็คุ้มค่าแล้ว!

“เสี่ยวจวิน…ลูกยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ไหม คุณปู่คุณย่าก็ดีต่อลูกเหมือนกัน ทำไมลูกถึงไม่ต้องการพวกเราแล้วล่ะ?” แม่สามีของเฝิงอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเช่นนั้นพลันโมโหจนอยากบุกเข้ามา แต่ก็ถูกตำรวจลากตัวออกไปอีก

เสี่ยวจวินงุดหน้าด้วยความละอายใจ ภายในใจรู้สึกแย่เหลือเกิน ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากให้พ่อแม่หย่ากันเลย อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนดีจะตายไป

“แต่พ่อชอบตบตีแม่ ทำไม่ดีต่อแม่ คุณปู่คุณย่ายังมีน้องเชี่ยนเชี่ยนอยู่ แต่แม่มีแค่ผมคนเดียว…ผมห่างจากแม่ไม่ได้หรอกครับ…” เสี่ยวจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

น้องเชี่ยนเชี่ยนเป็นลูกสาวของคุณอา อันที่จริงเขาไม่ชอบน้องสาวคนนี้เลยสักนิด นิสัยไม่ดีแถมยังไม่ให้ความเคารพคุณแม่ของเขาด้วย แต่คุณปู่คุณย่ากลับโปรดปรานเธอมาก กระทั่งยามที่น้องสาวคนนี้ตวาดใส่คุณแม่ คุณปู่คุณย่ายังหัวเราะชอบใจ ทำให้ภายในใจเสี่ยวจวินรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก

“แกมันลูกอกตัญญู…เสียงแรงที่ดีกลับแก…แกมันอกตัญญูเหมือนแม่แกไม่มีผิด!” ฉับพลันหยางอันคังก็คำรามขึ้นมาด้วยสีหน้าดุดัน ดวงตาแดงก่ำ

“คุณพ่อครับ…”

เสี่ยวจวินตกใจขวัญเสียเซถอยหลังหลายก้าว เฝิงอวี้กระโจนออกจากที่นั่งฝ่ายโจทก์อย่างไม่ต้องคิดแล้วเข้ามากอดเสี่ยวจวินไว้แน่น เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกลัวนะ…แม่อยู่นี่…”

ท่าทางของหยางอันคังในตอนนี้ดูผิดปกติมาก แต่คนในตระกูลหยางกลับรู้แก่ใจดีว่าหยางอันคังมีอาการป่วยทางจิตเล็กน้อยทว่าไม่ได้ร้ายแรงเท่าไรนัก ขอแค่ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงก็จะเหมือนคนปกติทั่วไปและไม่มีใครสังเกตเห็น

แต่พวกเขานึกไม่ถึงว่าหยางอันคังจะมาอาการกำเริบในศาล…

คนตระกูลหยางจะกล้าโวยวายต่อได้อย่างไร กลัวก็แต่หยางอันคังจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาจริง ๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องอับอายขายหน้าน่าดู พวกเขาจึงปล่อยหลานไปและยอมทุกข้อเสนอของเฝิงอวี้ทั้งหมด จากนั้นพวกเขาก็รีบพาตัวหยางอันคังออกจากศาลไปอย่างรวดเร็ว

คดีจบลงอย่างสวยงาม เฝิงอวี้กอดลูกชายพร้อมปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระแล้ว

เหมยเหมยคำนวณทรัพย์สินให้เฝิงอวี้คร่าว ๆ ถึงแม้หยางอันคังจะเป็นศาสตราจารย์แต่ก็มีการลงทุนไม่น้อย นอกจากบ้านที่เขาอยู่แล้ว เขายังมีบ้านอีกหลังปล่อยเช่าด้วย แถมยังมีเงินเก็บหลายแสน รวมถึงหุ้นเกือบห้าแสน เขามีทรัพย์สินอยู่ไม่น้อยเลย

รวมถึงค่าชดเชยที่เขาต้องจ่ายให้เฝิงอวี้อีกหนึ่งล้าน ต่อให้เฝิงอวี้ต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่ก็คงไม่กดดันมากเท่าไหร่แล้ว

“รอถ่ายโอนชื่อบ้านเสร็จ เงินเข้าบัญชีแล้ว ฉันจะติดต่อทางสำนักพิมพ์ให้เขียนข่าวเปิดโปงความปลิ้นปล้อนของคนตระกูลหยาง คนแบบนี้จะเป็นศาสตราจารย์ได้อย่างไร พลอยจะทำให้เด็กรุ่นหลังเข้าใจผิดเสียเปล่า เธอคิดว่าไง?” เหมยเหมยไม่ปล่อยตระกูลหยางไปง่าย ๆอยู่แล้ว แต่เธอก็ต้องถามความเห็นของเฝิงอวี้ก่อน เพราะในเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของหล่อนด้วย

เฝิงอวี้มีสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดว่า “มันจะแรงไปไหม? ในเมื่อพวกเขาเป็นพ่อ ปู่กับย่าของเสี่ยวจวิน ฉันกลัววันข้างหน้าเสี่ยวจวินจะเกลียดฉันเอาได้!”

………………………..

Related

ตอนที่ 2717 ยังมีสายใยสัมพันธ์อยู่บ้าง

เฝิงอวี้หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เผยรอยยิ้มอันขมขื่น

เธอที่ถูกทรมานมาสิบสองปีสุดท้ายก็สู้งานและตำแหน่งของน้องชายไม่ได้ ในใจคุณแม่น้องชายน้องสาวล้วนสำคัญกว่าเธอ เธอสมควรถูกบ้านสามีดูถูก สมควรถูกสามีทารุณสินะ!

“คุณพูดอะไร? จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังห่วงงานนั่นอยู่อีกเหรอ…คุณ…คุณนี่มันน่าโมโหจริง ๆ!”

คุณพ่อเฝิงอวี้เอ่ยคำที่ยังเหลือความเป็นคนออกมาอยู่บ้าง นับว่ายังมีความเป็นพ่ออยู่สักนิด

“ลูกชายทำงานลำบากเกินไป ไหนจะต้องสลับเวรตั้งสามกะอีก นี่เพิ่งอายุสามสิบต้น ๆก็มีผมหงอกแล้ว ฉันปวดใจนี่นา!” คุณแม่เฝิงอวี้พูดเสียงอ้ำอึ้ง เธอมองลูกสาวอีกทีแล้วพูดเสียงเบา

“อาอวี้ แกว่าแบบนี้ได้ไหม เราถอนฟ้องก่อน แกอดทนอีกหนึ่งเดือนรอน้องชายของแกได้งานแล้วเราค่อยหย่า ถึงตอนนั้นแม่จะสนับสนุนแกแน่ ๆ!”

คุณแม่เฝิงอวี้คิดว่าแผนการตัวเองเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ก่อเรื่องขนาดนี้เจ้าสารเลวนั่นคงไม่กล้าลงมือทำร้ายลูกสาวอีกแน่ ๆ ถ้าไม่ไหวจริง ๆเธอกับสามีจะไปเยี่ยมลูกสาวที่บ้านบ่อย ๆ

มีพวกเขาสองคนอยู่คนชั่วนั่นคงจะยับยั้งใจได้บ้าง เวลาหนึ่งเดือนไม่นานก็ผ่านไป เช่นนี้ลูกชายก็มีงานลูกสาวก็ได้หย่า ดีจะตาย!

ส่วนลูกสาวคนเล็ก…เฮ้อ…ทำได้แค่ค่อยคิดหาทางใหม่ในวันหน้าแล้วกัน!

เหมยเหมยตกใจกับทัศนคติของยายแก่นี่มากจริง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าลูกเขยคือปีศาจตัวร้าย คิดไม่ถึงว่าจะให้ลูกสาวกลับไปอยู่ข้างปีศาจร้ายตัวนั่นอีก?

นี่คงอยากให้เฝิงอวี้รีบ ๆตายไปสินะ!

“คุณอย่ามาพูดจาเหลวไหล อาอวี้ อย่าไปฟังแม่ของลูก พ่อสนับสนุนให้ลูกหย่า ลูกไม่ต้องสนใจน้องชายน้องสาวลูกแล้ว พ่อผิดต่อลูกเอง!”

คุณพ่อเฝิงอวี้คำรามเสียงดุภรรยาแล้วมองลูกสาวคนโตอย่างรู้สึกผิด

“พ่อ…หนู…”

เฝิงอวี้น้ำตาไหลพรากในพริบตาแล้วเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮ เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อก็ถอนหายใจอย่างปลื้มใจเช่นกัน ก็ยังดีละนะ…

โชคดีที่คนเป็นพ่อยังเหลือเยื่อใยสายสัมพันธ์พ่อลูกกับเฝิงอวี้อยู่บ้าง

“ไป…กลับบ้านกับฉัน!”

คุณพ่อเฝิงอวี้ฉุดแขนภรรยาลงจากรถ เขาไม่กล้าสู้หน้าลูกสาวอีกแล้ว มิน่าเพื่อนของลูกสาวคนโตเมื่อครู่ถึงได้ใช้สายตาแปลก ๆมองเขา แล้วยังพูดคำที่ทำร้ายจิตใจขนาดนั้นออกมาอีก

“คุณอย่าวู่วามสิ…แล้วงานลูกชายเล่าจะทำยังไง เขาไม่มีงานดี ๆก็จะหาคู่ชีวิตดี ๆไม่ได้นะ คุณอยากอุ้มหลานอยู่อีกไหม?”

คุณแม่เฝิงอวี้โวยวาย เธอเครียดแทบตายอยู่แล้ว ลูกชายจวนจะสามสิบสองแต่ยังไม่มีคู่ครอง จะไม่ให้เธอร้อนใจได้อย่างไรไหว?

“ไม่อุ้มก็ไม่อุ้ม!”

……

เสียงห่างออกไปเรื่อย ๆจนเงียบลงในที่สุด

“อย่าร้องไห้ไปเลย อีกครึ่งเดือนก็จะขึ้นศาลแล้ว เธอต้องตั้งสตินะ!” เหมยเหมยให้กำลังใจเฝิงอวี้

“อื้ม…คราวนี้ฉันจะไม่ยอมถอยอีกแน่!” เฝิงอวี้หนักแน่นมากกว่าเดิม

ครึ่งเดือนนี้เฝิงอวี้ทำงานเลี้ยงลูกชายใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเดิม เธอมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่หยางอันคังไปหาเธอที่โรงเรียนหลายครั้งแต่เฝิงอวี้กลับเลี่ยงที่จะพบ คนที่ไปหาเธออีกคนยังมีแม่ของเธอซึ่งเฝิงอวี้ไม่ยอมพบเช่นกัน

การกระทำของคุณแม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างถึงที่สุด!

ไม่นานเวลาครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไปจนถึงวันขึ้นศาล เฝิงอวี้ขอลางานและไม่ให้ลูกชายมา เพียงบอกไปว่าให้เขาเรียนหนังสือต่อไป อย่าสนใจเรื่องผู้ใหญ่ พวกเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไปกันหมดรวมถึงเยวี่ยเซียงที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาก็ตามไปด้วย

หลังผ่านการเข้ารักษาระยะหนึ่งเยวี่ยเซียงก็แข็งแรงขึ้นไม่น้อย แถมยังมีน้ำมีนวลขึ้นประมาณหนึ่ง ทุกคนจึงมีความเชื่อมั่นในตัวเธอขึ้นอีกครั้ง บางทีปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นก็เป็นได้!

เฝิงอวี้ตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัว เธอกลายเป็นคนสวยและมีความมั่นใจในตัวเอง คนตระกูลหยางแทบจำไม่ได้ในครั้งแรก แต่พอเห็นเฝิงอวี้นั่งประจำตำแหน่งฝ่ายโจทก์ สีหน้าพวกเขาก็ดูแย่ลงในทีเดียว

ออกไปจากบ้านตระกูลหยางกลับมีชีวิตอิ่มเอมใจยิ่งกว่าเดิมเสียได้ หน็อยแน่!

………………………………

ตอนที่ 2718 ชัยชนะอยู่ในกำมือ

เฝิงอวี้ไม่ได้มองคนตระกูลหยางเลย เธอแค่ยิ้มนิ่ง ๆดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่มีเพียงเธอที่รู้ว่าในใจเธอตอนนี้เหมือนมีพายุระดับสิบสองกำลังพัดโหมและพร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อ

“นิ่งไว้ ต้องรักษามาดไว้ตลอด ทำตามที่ฉันสอนคุณไว้ รับรองว่าคุณจะเป็นอิสระตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”

ทนายกัวสังเก็ตเห็นเฝิงอวี้ลอบกำหมัดก็กระซิบพูดข้างหูเธอเบา ๆ คดีนี้เธอมีชัยชนะอยู่ในกำมือ มีหลักฐานมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอยังทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เฝิงอวี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องอยู่เมืองหลวงอีกแล้ว!

“อืม…ฉันจะไม่โวยวาย!” เฝิงอวี้พยักหน้ารับ

ช่วงนี้ทนายกัวสอนอะไรให้เธอมากมาย สอนเธอว่าควรสร้างความประทับใจจากผู้พิพากษาในชั้นศาลได้อย่างไร ควรหลั่งน้ำตาให้ดูน่าสงสารอย่างเหมาะสมอย่างไรถึงไม่ทำให้ผู้พิพากษารังเกียจ แล้วควรอธิบายสิ่งที่ตัวเองได้ประสบพบเจออย่างรวบรัดอย่างไรเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากผู้พิพากษาได้…

สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากข้อสรุปในประสบการณ์ทั้งหมดของทนายกัว ถึงฟังดูน่าขำไปสักนิดแต่กลับใช้ได้ผลอย่างมาก

เพราะถึงผู้พิพากษาต้องเที่ยงธรรม แต่มันเป็นไปได้หรือ?

ผู้พิพากษาเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นมนุษย์ก็ต้องมีมุมมองการตัดสินใจและกิเลสส่วนตัว ต่อให้ผู้พิพากษาเที่ยงธรรมได้สักเพียงใด แต่เขา(เธอ)ก็ยังถูกความคิดอันเป็นปัจเจกส่งผลต่อการตัดสินในชั้นศาล บางทีผลกระทบนี้อาจจะเล็กน้อยไม่พอให้เอ่ยถึงแต่ก็ถือว่ามี

ฉะนั้น…ผลกระทบเล็กน้อยนี้สำคัญมาก อย่าดูถูกโดยเด็ดขาด

ทนายกัวต้องการจะสอนให้เฝิงอวี้เรียกร้องความเห็นใจเพียงน้อยนิดนี้จากผู้พิพากษา

ผู้พิพากษาเป็นชายวัยกลางคนดูเคร่งขรึมคนหนึ่ง สีผิวดำดูเหมือนเปาบุ้นจิ้นก็ไม่ปาน ทนายกัวมีความสัมพันธ์กับพนักงานในชั้นศาลดีไม่หยอก แต่เธอกลับไม่ค่อยสนิทคุ้นเคยกับผู้พิพากษาท่านนี้ เธอรู้แค่ว่าเป็นคนค่อนข้างเข้าหายากฉะนั้นเธอถึงได้เน้นย้ำเฝิงอวี้ไว้ อย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้

การพิพากษาเริ่มต้นขึ้น ผู้พิพากษาดำเนินการตามกระบวนการในชั้นศาลโดยให้ทนายทั้งสองฝ่ายเริ่มว่าความ ทนายกัวพูดไล่ต้อนพร้อมเปิดเผยหลักฐานกองใหญ่ หนึ่งในนั้นมีผลตรวจอาการบาดเจ็บของเฝิงอวี้ รูปถ่ายสุดสยองนั่นแม้แต่ผู้พิพากษายังสีหน้าเปลี่ยนไปจนอดปรายตามองฝิงอวี้ที่ขอบตาแดงก่ำแต่ยังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่แวบหนึ่งได้

“ท่านผู้พิพากษา จำเลยทารุณโจทย์มาเป็นระยะเวลาหลายปี ส่งผลให้สภาพร่างกายและจิตใจของเธอได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง ทั้งยังถูกฟ้องว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่ มีความสัมพันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์กับนักศึกษาหญิงมากมาย ซึ่งมีรูปภาพและคลิปเสียงเป็นหลักฐาน…”

ทนายกัวแสดงหลักฐานที่เหมยเหมยกับพี่หนิวตามสืบมาทีละอย่าง แม้ไม่มีหลักฐานตามจับชู้ได้คาหนังตาเขาแต่มีรูปถ่ายที่โรงละครเวที รวมถึงหลักฐานจากเพื่อนร่วมงานกับนักศึกษาของหยางอันคัง…ข้อหานอกใจคงหนีไม่พ้นแล้ว

“ท่านผู้พิพากษา หยางอันคังยังควบคุมบัตรเงินเดือนรวมถึงอิสระในชีวิตของโจทก์เป็นเวลานาน ดังนั้น…นอกจากจะยกเลิกความสัมพันธ์ชีวิตคู่ จำเลยต้องชดใช้ให้โจทก์เป็นจำนวนเงินสองแสนถ้วน นอกจากนี้สินสมรสของจำเลยรวมถึงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูหยางเสี่ยวจวินต้องตกเป็นของโจทก์ทั้งหมด”

ทนายกัวพูดยาวเหยียด นอกจากจะให้หยางอันคังไปตัวเปล่าแล้วยังยื่นเงื่อนไขให้ชดใช้เงินสองแสนอีกต่างหาก สิบสองปีที่ผ่านมานี้เงินเดือนของเฝิงอวี้รวม ๆกันแล้วก็ประมาณนี้ล่ะ

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแผลมากมายที่เธอได้รับ เงินสองแสนไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไรด้วยซ้ำ!

“เพ้อฝัน…นี่มันเกินความเป็นจริงไปแล้วชัด ๆ ผู้พิพากษา พวกเขากำลังพูดเหลวไหล หลักฐานพวกนี้ปลอมแปลงขึ้นมาทั้งนั้น ลูกชายดิฉันไม่ได้ทารุณเฝิงอวี้และไม่ได้นอกใจด้วย…”

แม่สามีเฝิงอวี้ที่นั่งดูอยู่ทนฟังไม่ไหวจึงหวีดร้องออกมาดั่งหญิงปากร้ายไร้มารยาท ไร้ซึ่งภาพลักษณ์ ‘ศาสตราจารย์’ ไม่รู้จริง ๆว่าเธอได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ได้อย่างไร

………………

Related

ตอนที่ 2715 เชื่อฟังก็ต้องคอยอดทน

เฝิงอวี้เบิกตากว้างอย่างตกใจ หัวใจเหมือนถูกแทงแรง ๆอีกครั้ง ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…

“นี่คือเหตุผลที่พ่อแม่ไม่ยอมให้หนูหย่าเหรอ? ก็เพื่ออนาคตของลูกชายลูกสาวเหรอ? พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของแม่ แล้วหนูไม่ใช่เหรอ? หรือว่าหนูเป็นลูกที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง?”

เฝิงอวี้ตะโกนใส่อย่างเสียใจ เธอเป็นพี่คนโตในบ้านต้องคอยยอมให้น้องชายน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก ทำงานหนักสุดแต่ไม่เคยได้กินของดี ๆได้เล่นของดี ๆสักครั้ง

ทั้งที่คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเธอสามารถเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แต่พ่อแม่กลับให้เธอสอบมหาวิทยาลัยครุศาสตร์เพราะเรียนฟรีรวมถึงให้ทุนการศึกษาสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย

การเสียสละครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เธอได้อะไรมา?

เฝิงอวี้ระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าคลั่ง เธอรู้สึกว่าบนโลกใบนี้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง ไม่มีใครเป็นห่วงเธออย่างแท้จริง แม้แต่พ่อแม่น้องชายน้องสาวของเธอก็แค่อยากหลอกใช้เธอเท่านั้น!

“แกพูดบ้าอะไร แกดูแลน้องชายน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก แถมไม่เคยทำให้ฉันกับพ่อแกต้องเป็นห่วง ทำไมตอนนี้ถึงดื้อขนาดนี้? เพราะพวกเขาทำแกเสียคนใช่ไหม?”

คุณแม่เฝิงอวี้มองลูกสาวที่เหมือนคนบ้าด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยแต่มากกว่านั้นคือรู้สึกผิด สำหรับลูกสาวคนโต…เธอติดค้างก็จริงแต่ลูกคนโตบ้านไหนไม่ผ่านชีวิตแบบนี้มากันบ้าง?

ลูกชายเป็นเสาหลักของบ้าน เธอจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร?

ลูกสาวคนเล็กเป็นลูกคนเล็กประจำบ้านเปรียบดั่งคนสำคัญที่สุด ลูกสาวคนโตอายุมากและรู้ความเธอจึงละเลยไปเสียหน่อย แต่ถามจากใจก็ไม่เคยไม่ให้กินไม่ให้ดื่มนี่ ตอนนี้กลับมาบ่นเสียได้?

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ เธอเหมือนเห็นเงาของตนในชาติที่แล้วบนตัวเฝิงอวี้

เพราะเธอไม่รู้จักบ่นไม่รู้จักเหนื่อยและเรียกใช้งานง่าย ฉะนั้นเธอถึงสมควรเสียสละ เหนื่อยตายเป็นเรื่องของเธอ ไม่ตายก็ต้องคอยถูกครอบครัวนี้ดูดเลือดเนื้อต่อไปจนตัวแห้ง!

แต่ชาติที่แล้วเหอปี้อวิ๋นกับอู่เจิ้งซือไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆของเธอ ชาตินี้เหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหัวรักเธอปานไข่ในหิน ไม่ให้เธอโดนรังแกแม้แต่น้อย ดังนั้น…เธอจึงมีความมั่นใจต่อสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ‘พ่อแม่’ อีกครั้ง!

แต่ตอนนี้–

พ่อแม่ของเฝิงอวี้กลับทำลายความมั่นใจของเธอไปเล็กน้อย

บนโลกนี้คนที่ทำตัวไม่สมกับเป็นพ่อแม่ช่างมากมายเหลือเกิน!

หากไม่พบเจอแบบนี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว!

ครั้นได้ฟังเสียงตำหนิของแม่รวมถึงสายตาไม่เห็นด้วยของพ่อ เฝิงอวี้เจ็บหัวใจจนด้านชาไปหมด ความโกรธแค้นทวีคูณ เธอยอมอดทนมาตลอดหลายปีแต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมแล้ว!

“ทำไมหนูต้องเสียสละ? น้องชายน้องสาวพวกเขาไม่มีความสามารถสมควรทำงานหนักทำงานเหนื่อย หนูไม่ได้มีหน้าที่ต้องช่วยเปลี่ยนงานให้พวกเขา เมื่อก่อนหนูไม่ปริเสียงไม่เท่ากับว่าหนูต้องทนเงียบไปตลอดชีวิต พ่อกับแม่กลับไปเถอะ หนูจะไม่ถอนฟ้อง!” เฝิงอวี้ตะโกนเสียงดังกร้าว

พ่อแม่เฝิงอวี้สะดุ้งตกใจแต่หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยความโกรธ

“แกมันไม่ใช่คน? แม้แต่น้องชายน้องสาวก็จะไม่สนใจ…ฉัน…ฉันจะฟาดให้ตาย…”

แม่เฝิงอวี้ยกมือจะตบหน้าเฝิงอวี้ ฉีฉีเก๋อใช้แขนบังเอาไว้แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ไอ้คนไร้ประโยชน์สองคนนั่นเป็นลูกแท้ ๆของพวกคุณ ไม่ใช่ลูกของเฝิงอวี้สักหน่อย ทำไมเธอต้องดูแลลูกชายลูกสาวแทนพวกคุณด้วย?”

“นั่นเป็นน้องชายน้องสาวแท้ ๆของเธอ…”

“ดูคำพูดคำจาสิ ฉันชักสงสัยแล้วว่าเฝิงอวี้ใช่ลูกสาวแท้ ๆของคุณหรือเปล่า ดูยังไงพวกคุณก็ไม่เหมือนพ่อแม่แท้ ๆ เลย!”

เหมยเหมยพูดประชด

ความจริงเฝิงอวี้หน้าตาคล้ายแม่มากซึ่งชัดเจนว่าเป็นลูกแท้ ๆแน่นอน เหมยเหมยแค่ประชดประชันเท่านั้นเพราะทนสามีภรรยาที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ไม่ไหวจริง ๆ!

ไม่เห็นลูกสาวคนโตเป็นคนเลยหรือไง!

……………………………

ตอนที่ 2716 ผิดหวัง

“นี่มันเรื่องภายในครอบครัวฉัน พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย? อาอวี้ของเราเสียคนเพราะพวกเธอ เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้เลย!” คุณแม่เฝิงอวี้ทั้งอายทั้งโกรธพลางหันมาตะคอกใส่เหมยเหมย

“แหม…พูดผิดไปแล้วละ ตอนนี้เฝิงอวี้เป็นบุคคลร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิเรา ฉันมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของเธอ อันที่จริงเมื่อก่อนที่เฝิงอวี้ไม่โวยวายเพราะเธอโง่ ตอนนี้เธอได้สติแล้ว!”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะแล้วเปิดเผยสถานะของเธอ สองสามีภรรยาคู่นี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าพ่อแม่สามีที่เหมือนกลัวลูกสาวไม่ตาย เรียกให้ลูกสาวกระโดดเข้ากองไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ได้!

“มูลนิธิอะไร? ขอความช่วยเหลืออะไร? บ้านเราไม่ต้องการความช่วยเหลือ อาอวี้ลูกทำอะไร? ยังขายหน้าไม่พอเหรอ!”

ในที่สุดคุณพ่อเฝิงอวี้ก็เอ่ยปาก แต่ถ้อยคำที่เอ่ยมากลับแทงหัวใจยิ่งกว่าคุณแม่เฝิงอวี้ จนถึงตอนนี้เขายังเห็นแก่หน้าตา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เฝิงอวี้บอกแล้วว่าหยางอันคังทารุณเธอ แต่สองสามีภรรยาคู่นี้กลับไม่เอ่ยถึงสักนิดเพราะไม่เห็นความสำคัญของมัน

“ช่วยชีวิตลูกสาวของคุณไง…เฝิงอวี้ ให้พวกเขาดูแผลบนตัวเธอสิ ให้พวกเขาได้เห็นธาตุแท้ลูกเขยคนดีของพวกเขาเลย!” เหมยเหมยตะโกนใส่เฝิงอวี้

เฝิงอวี้ยังทำท่าลังเลนิด ๆแต่เหมยเหมยกลับร้อนใจแทนเลยรุดหน้าไปกระชากเสื้อผ้าของเธอออก อย่างไรเสียภายในรถก็มีแต่พ่อแม่และเธอกับฉีฉีเก๋อ ต้องให้สามีภรรยาเห็นแก่ตัวคู่นี้รู้ว่าลูกสาวของพวกเขาถูกทารุณอะไรไว้บ้าง!

“ฉันถอดเอง!”

เฝิงอวี้กัดฟันแน่น เธอก็อยากรู้เช่นกันว่าพ่อแม่จะมีปฏิกิริยาเช่นไร

เพิกเฉยหรือสงสาร…หรือว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น!

เฝิงอวี้ถอดเสื้อกันหนาวตัวใหญ่และเสื้อไหมพรมออกเหลือเพียงเสื้อกล้าม เหมยเหมยช่วยเลิกเสื้อขึ้นให้เธอเผยให้เห็นบาดแผลด้านหลัง แผ่นหลังที่ขาวเนียนในทีแรกเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ แถมแผลบางส่วนยังทิ้งรอยแผลเป็นสีน้ำตาลเอาไว้เป็นจุด ๆด้วย

“เห็นหรือยัง? นี่คือสิ่งที่ลูกเขยคนดีของพวกคุณทำไว้ สิบสองปีแล้ว…เขาทารุณเฝิงอวี้แบบนี้มาสิบสองปี…เฝิงอวี้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกปี พวกคุณไม่สังเกตเห็นสักนิดเหรอ?”

หรือว่าพวกคุณเห็นแต่แกล้งทำเป็นตาบอดหูหนวกกันแน่?”

เหมยเหมยยังเลิกเสื้อด้านหน้าขึ้นซึ่งเป็นเช่นเดียวกับแผ่นหลัง ต่อมาต้นขาแล้วก็เรียวน่อง…นอกจากส่วนของลำคอกับใบหน้าและแขน แทบไม่มีพื้นที่ว่างเหลือสักกระเบียดนิ้ว

พ่อแม่เฝิงอวี้ทำหน้าอึ้งอยู่นานกว่าจะตั้งสติได้ พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย

ลูกเขยเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเชียว เขาทำสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ได้อย่างไร?

แต่ความจริงเปิดเผยอยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาปฏิเสธที่จะไม่เชื่อไม่ได้

“แก…ทำไมแกไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้? แกไม่บอกเราจะรู้ได้ยังไง…” คุณแม่เฝิงอวี้หลั่งน้ำตา ดูท่าทางมีความเป็นแม่อยู่บ้าง

เหมยเหมยแค่นหัวเราะในใจ เฝิงอวี้ซึมไปตั้งหลายปีแล้วไหนสุขภาพที่แย่ลงเรื่อย ๆ ขอเพียงคุณแม่เฝิงอวี้ใส่ใจลูกสาวสักนิด แล้วจะไม่พบความจริงได้อย่างไร?

คำพูดพวกนี้เป็นเพียงข้ออ้างในความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น!

“บอกคุณไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? คุณกล้าออกหน้าต่อกรกับตระกูลหยางแทนเฝิงอวี้เหรอ? แบบนั้นลูกชายลูกสาวสุดรักของคุณก็ยิ่งไม่มีงานทำน่ะสิ!” เหมยเหมยอดประชดไม่ได้

พ่อแม่เฝิงอวี้ก้มหน้าต่ำอย่างละอายใจชนิดที่แทบมุดลงดินแล้ว

“เราไม่รู้จริง ๆ…อาอวี้ก็เป็นลูกในไส้ของฉันเหมือนกัน ฉันจะไม่สนใจความเป็นความตายของเธอได้ยังไง…” คุณแม่เฝิงน้ำตาไหลพูดแก้ตัว เฝิงอวี้ก็น้ำตาอาบแก้มแล้วสวมเสื้อเงียบ ๆ

คุณพ่อเฝิงอวี้หน้าถมึงทึง อยู่ดี ๆก็เปิดประตูรถพูดเสียงโกรธเคือง “ฉันจะไปคิดบัญชีกับพวกเขา!”

ลูกสาวโดนคนอื่นรังแกขนาดนี้ เขาทนไม่ได้อยู่แล้ว

คุณแม่เฝิงอวี้กลับสีหน้าเปลี่ยนไปฉุดแขนสามีไว้ แล้วเอ่ยคำพูดที่ทำให้เฝิงอวี้ผิดหวังอย่างถึงที่สุดออกมา “อย่าไปนะ…งานลูกชายยังขึ้นอยู่กับพวกเขาอยู่!”

……………

Related

ตอนที่ 2713 เศษขี้วัว

“ลูกเขยพูดไม่ผิดแน่ สองสามีภรรยาทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ ฉันว่าแม่ลูกเขยพูดถูก อาอวี้เสียคนเพราะเพื่อน เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย!”

คุณแม่เฝิงอวี้เกลียดเหมยเหมยยิ่งกว่าแม่สามีของเฝิงอวี้เสียอีก ตำแหน่งงานใหม่ของลูกชายใกล้จะได้มาอยู่ในมือแล้ว ทั้งยังเป็นถึงตำแหน่งราชการซึ่งถือว่าเป็นงานที่มั่นคงมากด้วย ดีกว่างานในโรงงานแต่ก่อนมากโข ซึ่งก็ได้มาจากบ้านลูกเขยนั่นเอง

ตอนนี้ลูกสาวทะเลาะกับบ้านลูกเขยขนาดนี้ งานลูกชายก็จบเห่ละสิ!

คุณแม่เฝิงอวี้เป็นห่วงจับใจจึงยิ่งโทษเฝิงอวี้ ควรคิดถึงน้องชายตอนทำงานหามรุ่งหามค่ำที่โรงงานให้มาก ๆ แถมทั้งเหนื่อยทั้งเงินไม่พอใช้ แบบนี้ไม่ควรทะเลาะกับบ้านสามีเลย

มีชีวิตคู่ไหนบ้างที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มา หากยอมอดทนไปจนแก่ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง แล้วมาทะเลาะอะไรกันในเวลาสำคัญแบบนี้นะ?

คุณพ่อเฝิงอวี้ถูกภรรยาขัดจึงอ้าปากพะงาบ ๆหลายที สุดท้ายก็ไม่ได้ถามอีกแล้วเงียบไป

งานลูกชายยังขึ้นอยู่กับบ้านลูกเขย ตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะทะเลาะกัน รอลูกชายได้รับการจัดสรรงานดีแล้วเขาค่อยถามลูกสาวให้ดีอีกทีดีกว่า ถ้าโดนรังแกจริง ๆถึงตอนนั้นค่อยหย่าก็ไม่สาย

“คุณอย่าเพิ่งโกรธไป ฉันจะสั่งสอนอาอวี้ให้อย่างดี หรือว่าพวกคุณกลับไปก่อน? ฉันจะพาอาอวี้กลับไปตักเตือนที่บ้าน ที่นี่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาคงไม่ดีนัก”

คุณแม่เฝิงอวี้พูดเอาอกเอาใจ เธอยืนกรานคัดค้านไม่ให้หย่า ขายหน้าไม่พอลูกชายยังต้องเสียงานไปด้วย ไหนจะลูกสาวคนเล็กที่ตำแหน่งงานก็ไม่ดี เธอยังหวังพึ่งบ้านลูกเขยช่วยหางานใหม่ให้ลูกสาวคนเล็กอีกแหนะ!

“คุณต้องตักเตือนให้เฝิงอวี้สำเหนียกตัวเองบ้าง จะพูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือลูกชายฉันหย่าไปก็ยังมีผู้หญิงอีกมากมายอยากแต่งงานด้วย แต่ลูกสาวคุณคงยาก อายุมากใกล้เหมือนเศษเต้าหู้ขนาดนี้แล้ว หน้าตาก็เฉย ๆ เกรงว่าคงมีแต่ตาแก่อายุเจ็ดแปดสิบที่ยอมแต่งด้วยล่ะสิ!”

แม่สามีเฝิงอวี้เชิดคางไม่แม้แต่จะมองคุณแม่เฝิงอวี้สักแวบเดียว แต่ถ้อยคำที่พ่นออกมากลับเหม็นยิ่งกว่าอุจจาระ

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอเอ่ยคำว่าเศษเต้าหู้แต่อดีตคงพูดไม่น้อย เฝิงอวี้สีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งปฏิกิริยา พอจะเห็นได้ว่าปกติคงได้ยินมาไม่น้อย

เหมยเหมยกลับทนไม่ได้ ทำไมผู้หญิงต้องมากลั่นแกล้งผู้หญิงด้วยกัน แต่ในชีวิตจริงคนที่กลั่นแกล้งผู้หญิงก็มักเป็นผู้หญิงด้วยกันจริง ๆ!

“เฝิงอวี้เพิ่งจะอายุสามสิบห้าปีพอดี ทำไมพอไปอยู่กับป้ากลับกลายเป็นสาวอายุแก่เศษเต้าหู้ได้ล่ะ? หึ…สามสิบห้าปีเป็นเศษเต้าหู้แล้วคนวัยหกเจ็ดสิบอย่างป้าคืออะไร? เศษขี้วัวเหรอ?” เหมยเหมยเหยียดยิ้มตอกกลับ

บรรดาครูบาอาจารย์กับนักเรียนที่ยืนล้อมหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน มีนักเรียนหลายคนตะโกนโวย “ยายแก่เศษขี้วัว…ครูเฝิงคือดอกไม้ที่งอกขึ้นกลางขี้วัวต่างหาก!”

เฝิงอวี้มองไปตามต้นเสียงพบว่าเป็นนักเรียนของตัวเอง พวกนักเรียนพากันมาเกือบครึ่งห้องแล้วเบียดกันอยู่หน้าสุด

“ครูเฝิง พวกเราสนับสนุนครูนะ!” นักเรียนตะโกนเสียงดังแล้วมองครอบครัวฝ่ายชายด้วยสายตาขึงขังอย่างพร้อมเพรียง

แม้แต่ครูเฝิงแสนสวยและอ่อนโยนแบบนี้ยังทารุณลงได้ ขอสาปแช่งครอบครัวนี้ให้ดื่มน้ำสำลักทุกวัน ตดเหม็นจนตายไปเลย!

“ขอบคุณ…ขอบคุณพวกเธอมาก…”

เฝิงอวี้น้ำตาคลอเบ้า หัวใจที่เจ็บหนักรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่างน้อยก็มีเหล่านักเรียนที่น่ารักของเธอ!

ฉะนั้น…เธอจะต้องเข้มแข็ง!

ไม่อย่างนั้นเธอจะสอนเรื่องทัศนคติที่ถูกต้องแก่เหล่านักเรียนได้อย่างไร?

“หน็อย…ฉันจะไปหาผู้อำนวยการของพวกเธอ ครูแบบไหนก็สอนนักเรียนได้แบบนั้นแหละ ฉันจะให้ผู้อำนวยการไล่พวกเธอออก!” แม่สามีเฝิงอวี้เดือดดาลชี้ไปที่เฝิงอวี้แล้วด่ากราด

“นักเรียนของฉันเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโลก แน่จริงก็มาลงที่ฉัน!” เป็นครั้งแรกที่เฝิงอวี้กล้าเถียงแม่สามีแล้วทำท่าเหมือนแม่ไก่ที่กำลังปกป้องลูกไก่ก็ไม่ปาน

………………………….

ตอนที่ 2714 เป็นคนอย่าเห็นแก่ตัว

“เราไม่กลัวยายแก่เศษขี้วัวอย่างป้าหรอก ไปหาผู้อำนวยการสิ…ไปให้ผู้อำนวยการไล่เราออกทั้งห้องเลย ถ้าไม่ไปป้าจะเป็นหมาเอานะ!”

นักเรียนหน้าตาวัยละอ่อนซึ่งคำพูดมีความเป็นเด็กสูงมาก แต่กลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ

เหมยเหมยปากกระตุก พยายามกลั้นไว้ไม่ให้หลุดขำออกมา เธอจะหลุดขรึมไม่ได้ต้องทำหน้าเคร่งเข้าไว้

“กลับห้องไป…ไม่เข้าท่าเลย…กลับไปทำการบ้านไป!” ครูฝ่ายปกครองออกมาขับไล่นักเรียนด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ครูเฝิงอย่ากลัว เราจะสนับสนุนครูตลอดไป…ครูจะต้องกล้าที่จะต่อสู้กับอิทธิพลชั่วร้าย!”

เหล่านักเรียนแตกฮือแยกย้ายกันกลับไป แต่ไม่ลืมที่จะย้ำเตือนครูตัวเองจนคนฟังร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก

“ครูเฝิง อยู่หน้าโรงเรียนแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไหร่ ไปแก้ปัญหาที่ห้องทำงานผมเถอะ!” ครูฝ่ายปกครองเอ่ย

“ครูเวิน ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเองที่สร้างความเดือดร้อนให้โรงเรียน” เฝิงอวี้ทำหน้ารู้สึกผิดอย่างมาก

ครูฝ่ายปกครองเองก็เห็นใจเฝิงอวี้มาก แต่เรื่องภายในครอบครัวเช่นนี้เขาไม่สะดวกที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งด้วย เขามองไปยังครอบครัวชายโฉดแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เห็นโรงเรียนเราเป็นตลาดสดเหรอ? คราวหน้าถ้ายังมาก่อกวนที่โรงเรียนเราอีกจะให้รปภ.ไล่ออกไปให้หมด อย่าหาว่าผมไม่เตือนล่ะ!”

“คุณครู…เราแค่มาเรียกลูกสะใภ้กลับบ้านแต่เธอไม่ยอมกลับ อ้อ…ใช่แล้ว ฉันรู้จักคุณนายผู้อำนวยการฉางของพวกคุณ คุณนายผู้อำนวยการฉางเป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน” คุณแม่สามีเฝิงอวี้เอาเรื่องความสัมพันธ์มาข่ม

ครูฝ่ายปกครองรำคาญคนประเภทนี้ที่สุด เรื่องดี ๆไม่รู้จักทำแต่ชอบทำอะไรผิดคุณธรรมอยู่เรื่อย

“เรื่องภายในครอบครัวก็กลับไปแก้ปัญหากันที่บ้านอย่ามาก่อกวนที่โรงเรียน ผู้อำนวยการฉางไม่ได้ดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนเราแล้ว ขออภัยด้วยที่ผมไม่รู้จักภรรยาของเขา!” ครูฝ่ายปกครองโต้กลับด้วยเสียงดังฟังชัด

แม่สามีเฝิงอวี้หน้าแดงเป็นริ้ว ๆพลางก่นด่าครูฝ่ายปกครองคนนี้ในใจ เดี๋ยวกลับไปจะหาคนสนิทในสำนักศึกษาธิการจัดการครูฝ่ายปกครองคนนี้ให้ได้เลย

พ่อสามีเฝิงอวี้ที่เงียบมาตลอดมองเฝิงอวี้แวบหนึ่งแล้วเอ่ย “เฝิงอวี้ ฉันหวังว่าเธอจะคิดดี ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อเสี่ยวจวิน แต่เพื่อพ่อแม่น้องสาวน้องชายเธอด้วย เป็นคนจะเห็นแก่ตัวมากไม่ได้!”

พ่อแม่เฝิงอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปและใจหล่นวูบ

“เรากลับไปก่อน ให้บ้านพวกเขาคุยกันเอง”

พ่อสามีเฝิงอวี้เรียกภรรยากับลูกชายกลับบ้านแล้วมองพ่อแม่เฝิงอวี้ด้วยสายตาเหมือนแฝงนัยยะบางอย่าง ทำเอาพวกเขาสองคนเสียวสันหลัววาบและยิ่งหนักแน่นว่าจะต้องให้ลูกสาวถอนคำฟ้องให้ได้

“อาอวี้กลับบ้านกับแม่!”

คุณแม่เฝิงอวี้ไปกระชากแขนลูกสาวอีก เฝิงอวี้ทำหน้านิ่งพูดเสียงเย็น “พ่อแม่อย่ามาหว่านล้อมหนูเลย หนูไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด หนูจะต้องหย่าให้ได้!”

“แก…ทำไมแกเห็นแก่ตัวขนาดนี้…” คุณแม่เฝิงอวี้ยื่นแขนหมายจะตบหน้าลูกสาวแต่ถูกเหมยเหมยขวางเอาไว้ มองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ไปคุยกันบนรถฉัน อย่ามาทำตัวอับอายขายหน้าตรงนี้!”

“จะไปบนรถเธอทำไม ฉันไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ อาอวี้กลับบ้านกับแม่!”

คุณแม่เฝิงอวี้ถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างเคียดแค้น ทุกอย่างเป็นเพราะนังปีศาจจิ้งจอกตัวนี้พาลูกสาวเสียคน ทำให้ลูกชายเธอเกือบจะเสียงานอยู่รอมร่อแล้ว!

“เธอเป็นเพื่อนของหนู แม่ช่วยพูดจาเกรงใจกันบ้าง หนูไม่กลับบ้านกับแม่เด็ดขาด จะคุยก็ไปคุยกันบนรถเพื่อนหนู!” เฝิงอวี้เดาได้ว่าพ่อแม่จะพูดอะไรและเธอไม่อยากฟัง

แต่พวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ ๆที่เลี้ยงดูเธอมา เธอปฏิเสธไม่ได้!

พ่อแม่เฝิงอวี้เลยจำต้องขึ้นรถไปอย่างจนใจ เพิ่งขึ้นรถคุณแม่เฝิงอวี้ก็พูดด้วยเสียงโกรธแค้น “เดือนหน้าน้องชายของแกจะได้ไปทำงานสำนักการเงินแล้ว พอแกสร้างเรื่องแบบนี้น้องชายแกก็เสียงาน แล้วน้องสาวของแกก็ต้องเปลี่ยนงานอีก แกจะสร้างเรื่องขึ้นมาทำไม?

สามีภรรยาคู่ไหนที่ไม่มีปากเสียงกันมาทั้งชีวิตบ้าง? แกทนหน่อยจะเป็นไรไป?”

………………

Related

ตอนที่ 2711 ไม่ใช่คนดีทั้งบ้าน

คำด่าทอเจาะจงตัวขนาดนี้ ไหนจะสายตาที่ชัดเจนขนาดนี้อีก ถ้าเหมยเหมยยังดูไม่ออกก็โง่เต็มทีแล้ว เธอปรายตามองสองสามีภรรยาที่ดีแต่ภายนอก มิน่าถึงได้มีลูกชายสารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่เอง

ทั้งที่เป็นคนมีการศึกษาแต่ถ้อยคำที่พ่นสบถออกมาและการกระทำกลับต่ำช้ายิ่งกว่าคนบ้านนอกเสียอีก!

“ผู้หญิงบ้านนอกแล้วยังไง? ป้าดูถูกคนชนบทเหรอ คนชนบทแล้วทำไม? ถ้าไม่ได้คนชนบทป้าจะเอาข้าวที่ไหนมากิน เอาเสื้อผ้าที่ไหนมาใส่? กินอาหารที่คนชนบทอุตส่าห์ปลูกอย่างยากลำบากแล้วยังด่าคนชนบทอีก นี่เป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเชียวนะ

มหาวิทยาลัยไหนตาบอดจังถึงปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานทั้งบ้านแบบนี้ไปสอนคนอื่นได้? นักศึกษาที่ร่ำเรียนมาเหน็ดเหนื่อยกว่าสิบปีถ้าเกิดโชคร้ายไปเป็นนักศึกษาของพวกป้าเข้าคงโชคร้ายแปดชั่วโคตรเลยล่ะ!”

เหมยเหมยก้าวไปข้างหน้าแล้วด่าแม่สามีของเฝิงอวี้อย่างเจ็บแสบจนอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง

“เธอ…เธอ…คนพวกเดียวกันก็มักอยู่กับคนพวกเดียวกันจริง ๆ เฝิงอวี้ไม่มีมารยาท เพื่อนที่คบก็เป็นคนหยาบคายไร้มารยาทเหมือนกัน อันคัง หย่าเลย…ต้องหย่าเท่านั้น ลูกสะใภ้แบบนี้บ้านเรารับมือไม่ไหวหรอก!”

แม่สามีเฝิงอวี้โกรธจนตัวสั่นระริก เธอไม่ชอบลูกสะใภ้คนโตอยู่แล้ว อยากให้เฝิงอวี้รีบไสหัวออกจากบ้านไปเสียพ้น ๆ!

ครั้งนี้หากไม่ใช่ว่าอันคังไม่ยอมหย่า เธอคงไม่วิ่งแจ้นมาทนคนหยาบคาบพวกนี้หยามเกียรติตัวเองหรอก…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหย่า ต้องหย่าเท่านั้น!

ลูกชายเธอมีพื้นเพครอบครัวที่มีความสามารถแล้วยังอยู่ในวัยยังหนุ่มยังแน่น จะหาผู้หญิงใหม่ไม่ได้เหรอ? หย่าไปแล้วก็ยังหาสาวโสดหน้าตาสะสวยได้อยู่ดี!

แต่เศษเต้าหู้อย่างเฝิงอวี้…หึ…คิดจะแต่งงานใหม่คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!

“ยายแก่ โปรดทำความเข้าใจให้ดีนะ ตอนนี้เฝิงอวี้เป็นฝ่ายขอเฉดหัวลูกชายที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานคนนี้ของป้าทิ้ง เสียแรงที่ลูกชายป้าเป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่คบชู้แต่ยังทารุณเฝิงอวี้มาตั้งนาน ควบคุมอิสระในชีวิตของเธอ

ยายแก่…อย่างน้อยป้าก็เรียนหนังสือมาตั้งหลายปีก็คงรู้กฎหมายบ้างสินะ ลูกชายของป้าทำผิดกฎหมาย พวกป้ารอลูกชายเหลือแค่ตัวเปล่าเถอะ!”

เหมยเหมยตะเบ็งเสียงด่าจนดึงดูดความสนใจของเหล่านักเรียนและคุณครูมากมายมุงล้อมเป็นวงหลายชั้นพลางชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์พวกเขา

“นี่คุณครูเฝิงไม่ใช่เหรอ? คนใส่แว่นคนนั้นคือสามีเธอสินะ ได้ข่าวว่าเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย สองสามีภรรยารักกันมากนี่นา!”

“รักบ้าอะไร เมื่อกี้คุณครูเฝิงบอกแล้วว่าจะขอหย่า อีกอย่างสาวสวยคนนั้นก็บอกแล้วว่าสามีคุณครูเฝิงทารุณคุณครูเฝิงมาตั้งนาน แล้วยังควบคุมอิสระในชีวิตของคุณครูอีกด้วย!”

“พระเจ้า…ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้? มิน่าคุณครูเฝิงถึงได้สีหน้าแย่ ๆอยู่บ่อย ๆ ดูเศร้าซึมแปลก ๆ…ดูไม่ออกเลยจริง ๆ…ว่าสามีของเธอจะโรคจิตขนาดนี้!”

“ไม่งั้นจะว่ากันว่ารู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจได้อย่างไร ผู้หญิงแต่งงานก็เหมือนเสี่ยงดวง ถ้าดวงดีก็จะมีความสุขตลอดชีวิต ดวงไม่ดีก็ยอมรับชะตากรรมเถอะ!”

……

“พูดจาเหลวไหล ทั้งที่เฝิงอวี้ไปหาชู้เองแล้วถูกลูกชายฉันจับได้ เธอถึงได้อายปนโกรธจ้างคนมาทำร้ายลูกชายฉัน ตอนนี้ลูกชายฉันมีแต่แผลเต็มตัวไปหมด…พวกเธอใส่ร้าย!”

แม่สามีเฝิงอวี้ทำหน้าลุกลี้ลุกลนตะโกนโวยวายอย่างไม่คิดจะสนใจภาพลักษณ์อีก

เรื่องที่ลูกชายเธอทารุณลูกสะใภ้เธอพอรู้มาบ้างเพราะลูกชายเคยทารุณหมาแมวที่เคยเลี้ยงไว้ตอนเด็กมาก่อน เมื่อนั้นเธอกับสามีเจอเข้าก็แอบนำหมาแมวที่ตายไปมาทำอาหารกินและไม่เคยแพร่งพรายออกไปข้างนอกเลย

เดิมทีคิดว่าลูกชายโตขึ้นคงเปลี่ยนแปลงได้แต่ใครจะคิดว่าขนาดถึงขั้นทารุณภรรยาไปด้วย ดีที่เฝิงอวี้เป็นคนอ่อนแอแถมครอบครัวตัวเองไม่มีความสามารถอะไร เธอกับสามีถึงได้โล่งใจไป

ใครจะคิดว่าในที่สุดเรื่องนี้ก็หลุดออกมาจนได้!

…………………………

ตอนที่ 2712 ศาสตาจารย์ก็อาจเรียกได้ว่าสิงสาราสัตว์ [1]

“พวกป้าต่างหากใส่ความ เฝิงอวี้โดนลูกชายป้าทารุณจนเกือบตาย ไม่มีเงินติดตัวสักหยวนแล้วเธอจะไปหาผู้ชายจากไหนได้? พวกป้าคงไม่มีแม้แต่หลักฐานสินะ? แต่เรื่องที่ลูกชายพวกป้ามีชู้เรามีทั้งหลักฐานและพยานเชียวล่ะ!”

เหมยเหมยโกรธกับความไม่ละอายใจของครอบครัวนี้แทบตาย ไม่ใช่ศาสตราจารย์ทุกคนจะเป็นผู้ดีจริง ๆ ยังมีหลายคนที่ควรถูกเรียกว่าเป็นสิงสาราสัตว์!

อย่างเช่นคนตระกูลหยางตรงหน้า

รวมถึงสองลูกตระกูลอู่ในอดีต

ความรู้กับหลักคุณธรรมไม่ใช่สิ่งที่สัมพันธ์กันเลยจริง ๆ!

“คนนั้นเป็นนักศึกษา แค่ไปดูละครกับนักศึกษาก็เท่ากับคนชู้แล้วเหรอ? หรือว่าหลังจากผู้ชายแต่งงานก็ห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามอีกงั้นสิ? นี่ความคิดล้าสมัยอะไรของเธอ?” แม่สามีเฝิงอวี้พูดเย้ยหยัน

“อย่ามาเปลี่ยนประเด็น ผู้ชายที่แต่งงานแล้วมีปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามได้อยู่แล้วแต่ก็ต้องมีขอบเขตหรือเปล่า ลูกชายของป้าไม่เคยพาภรรยาไปดูละครเวทีแต่กลับพานักศึกษาสาวสวย ๆไปดูละครเวทีกันสองต่อสองบ่อย ๆ จะอธิบายยังไงก็คงไม่เข้าท่าหรอกมั้ง!” เหมยเหมยยอกย้อน

“นั่นเพราะเฝิงอวี้มีการศึกษาที่ขีดจำกัดเลยไม่เข้าใจแก่นแท้ของละครเวที คุยกับลูกชายฉันไม่รู้เรื่อง!” แม่สามีเฝิงอวี้พูดหน้าตาเฉยพร้อมทำหน้าหยามเหยียด

ละครเวทีเป็นวัฒนธรรมที่สูงส่งสง่ามาก ปุถุชนทั่วไปจะเข้าใจหรือ?

เหมยเหมยชี้ไปทางเฝิงอวี้แล้วหัวเราะด้วยท่าทีเกินจริง “เฝิงอวี้เป็นถึงคุณครูในโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดัง อย่างน้อยก็เป็นนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ ป้าบอกว่าเธอดูละครเวทีไม่รู้เรื่องเหรอ? ละครเวทีพวกนั้นใช้ภาษามนุษย์ต่างดาวในการแสดงหรือไง? หรือว่าศาสตราจารย์อย่างป้าคิดว่าครูในโรงเรียนนี้ทุกคนมีการศึกษาต่ำงั้นสิ?”

ทีนี้คนอื่น ๆที่กำลังมุงดูเรื่องสนุก ๆกลับไม่พอใจขึ้นมาพลางชี้นิ้วตำหนิกันระนาวว่า “ตลกจริง ๆ มีคุณครูโรงเรียนเราคนไหนบ้างที่ไม่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมา? มาบอกว่าเด็กเรียนจบตรงสายมาไม่มีการศึกษา เอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ย!”

“เขาเป็นถึงศาสตราจารย์แหนะ ดูถูกครูมัธยมอย่างเรามันเรื่องปกติ!”

“ศาสตราจารย์เจ๋งมากเหรอ ถ้าศาสตราจารย์แล้วเป็นแบบนี้กันหมด ฉันว่ามหาวิทยาลัยที่จ้างพวกเขาก็คงเป็นมหาวิทยาลัยป่าเถื่อนเหมือนกันแหละ!”

……

เหมยเหมยตามสืบประวัติของพ่อแม่สามีเฝิงอวี้มาก่อนล่วงหน้าแล้วพบว่าทั้งครอบครัวเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลีอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง แน่นอนว่าไม่ใช่มหาวิทยาลัยป่าเถื่อนอะไร อย่างน้อยก็เรียกคะแนนสอบเข้าตั้ง 285 แหนะ!

เพียงแต่ครอบครัวนี้มันสวะจริง ๆ!

พ่อแม่สามีเฝิงอวี้ทนความอับอายไม่ไหวโกรธจนหน้าดำหน้าแดงหมุนตัวหมายจะกลับบ้าน สามีเฝิงอวี้อย่างหยางอันคังดันไม่อยากกลับ มองพ่อแม่ด้วยสายตาเว้าวอนหวังว่าพวกเขาจะช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง

ความจริงเขาไม่อยากหย่าไม่ใช่เพราะรักเฝิงอวี้

เหตุผลมีสองข้อ อย่างแรกการจะหาผู้หญิงที่ควบคุมได้ง่ายอย่างเฝิงอวี้มันยากเกินไป แต่เขาก็ต้องหาผู้หญิงสักคนอยู่ดีซึ่งเฝิงอวี้เหมาะสมที่สุด

อย่างที่สองเขาทนความอับอายไม่ไหว เฝิงอวี้เองก็ไม่รู้ว่าไปหาเพื่อนที่เก่งขนาดนี้มาจากไหน ถ้าเกิดเปิดเผยหลักฐานที่เขาทารุณและมีชู้ให้ศาลเขาก็เสียหน้าหมดสิ แล้วอนาคตจะอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อไปอย่างไร!

“พ่อแม่ครับ…ตอนนี้อาอวี้แค่หลงผิดไป พ่อแม่ช่วยผมหว่านล้อมที เสี่ยวจวินเพิ่งจะอายุเก้าขวบ ให้เธอช่วยคิดเผื่อลูกบ้าง อย่าให้ลูกต้องโดนคนอื่นหัวเราะเยาะเลย!”

หยางอันคังหันไปขอร้องพ่อแม่เฝิงอวี้ด้วยท่าทีจริงจัง อีกทั้งคำพูดที่พูดออกมาก็จี้โดนใจของพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาก็กลัวขายหน้าเหมือนกัน!

“แกทารุณอาอวี้เหรอ?” คุณพ่อของเฝิงอวี้อดสงสัยไม่ได้

ในเมื่อเป็นลูกสาวแท้ ๆ ถ้าลูกเขยทารุณลูกสาวจริง ๆ เช่นนั้นเขาต้องคิดให้ดีแล้ว

“เปล่าเลยครับ…แค่อารมณ์ไม่ดีแล้วลงไม้ลงมือบ้างในบางที อาอวี้ก็ตบตีผมเหมือนกัน วันหลังผมจะยอมเธอ ผมสัญญา!” หยางอันคังพูดอธิบายสั้น ๆ

คุณพ่อของเฝิงอวี้ดูท่าไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เมื่อครู่เพื่อนของลูกสาวพูดเป็นตุเป็นตะไม่เหมือนแค่ลงไม้ลงมือธรรมดา เขายังอยากถามอีกแต่คุณแม่ของเฝิงอวี้กลับขัดเขาเสียก่อน

……………………………

[1] คำว่าศาสตราจารย์ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำว่า สิงสาราสัตว์ในภาษาจีน

Related

ตอนที่ 2709 หน้าตาเกียรติยศใหญ่กว่าฟ้า

“หนูแทบจะโดนเขาตีตายอยู่แล้ว…แม่รู้ไหมว่าเขาทำอะไรกับหนูบ้าง? แม่…แม่กับพ่อเอาแต่เชื่อคำพูดของคนนอกอย่างเขาอยู่เรื่อย ไม่ยอมเชื่อหนูเลยสักครั้ง หนูผิดหวังในตัวพ่อแม่จริง ๆ…”

เฝิงอวี้รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆที่เธอเป็นลูกสาวแท้ ๆแต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกันพ่อแม่มักจะเข้าข้างสามีเสมอ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยถามใครถูกหรือผิด ถึงอย่างไรเธอก็ผิดเสมอ

เพราะว่าเธอยังดีไม่พอ ใจกว้างไม่พอ เอาใจใส่ไม่พอ…

เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็มุ่นคิ้วแน่น ไม่แปลกใจเลยที่เฝิงอวี้ไม่อยากบอกทางบ้าน พ่อแม่ที่เอาแต่ยกยอลูกเขยดีหมดแต่ลูกสาวไม่มีดีสักอย่างคงไม่มีทางสนับสนุนอยู่เคียงข้างลูกสาวแน่นอน ไม่แน่บางทีอาจช่วยลูกเขยข่มเหงลูกสาวด้วยซ้ำ!

“แม่คะ…หนูตัดสินใจหย่าแน่นอน ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมหนูอีก!”

เฝิงอวี้วางสายพร้อมน้ำตานองหน้า

“อย่าเศร้าไปเลย เธอต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยตัวเองไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ดังนั้นเธอต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้!”

เหมยเหมยดึงทิชชู่ขึ้นมาสองสามแผ่นแล้วยื่นส่งให้ เฝิงอวี้เช็ดน้ำตาพยักหน้าแรง ๆ “ฉันจะเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้ ครั้งนี้ต่อให้ต้องเหลือแต่ตัวไม่ได้อะไรเลยฉันก็จะหย่ากับเขา!”

“ทำไมต้องเหลือตัวเปล่าล่ะ? สามีของเธอเป็นฝ่ายผิด มีหลักฐานการใช้ความรุนแรงและนอกใจ เขาต่างหากที่ควรไปตัวเปล่า เธอเขียนทรัพย์สินร่วมกันมาเลย ถึงเวลานั้นก็ให้ทนายสู้แทนเธอ ทนายที่ฉันจ้างมาครั้งนี้เป็นทนายชื่อดังมือทองเก่งเรื่องคดีหย่ามากเลยนะ เขาต้องช่วยให้เธอได้รับผลประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน”

เหมยเหมยไม่เห็นด้วยกับความคิดของเฝิงอวี้ ในเมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบมากขนาดนี้จะไม่เอาเงินสักแดงเดียวได้อย่างไรกัน?

จะปล่อยให้สัตว์นรกนั่นได้เปรียบไม่ได้!

พูดถึงสามีของเฝิงอวี้เลวยิ่งกว่าฉางชิงซานเสียอีก เลวพอ ๆกับสามีของเยวี่ยเซียงเลย!

ครั้งนี้เธอจ้างทนายกัวมาอีกเช่นเคย ทนายกัวเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของมูลนิธิ เธอว่าความคดีหย่าร้างมาตั้งมากมายคงชำนาญคดีประเภทนี้ไม่น้อยแน่นอน ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว

หลังจากได้รับผลตรวจจากทางโรงพยาบาล เหมยเหมยก็ถ่ายรูปบาดแผลของเฝิงอวี้และเอาหลักฐานทั้งหมดที่มีมอบให้กับทนายกัว ศาลยอมรับคำอุทธรณ์ของเฝิงอวี้แล้วและกำหนดวันขึ้นศาลเป็นวันที่สิบเดือนหน้า ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบกว่าวัน

หลังจากได้ออกห่างจากผู้ชายสารเลวเฝิงอวี้ก็สภาพจิตใจดีขึ้นมาก สีหน้าก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังอวบอิ่มขึ้นด้วย เธอขอให้โรงเรียนออกบัตรเงินเดือนให้ใหม่เลยได้เงินเดือนมาอยู่ในมือเลยพอประทังชีวิตเธอกับลูกได้บ้าง

ในช่วงเวลาระหว่างนั้นสามีของเฝิงอวี้ไปหาเธอที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง แต่เฝิงอวี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะเจอ เพื่อรักษาหน้าของความเป็นศาสตราจารย์ผู้ชายคนนี้จึงไม่กล้าลงมือทำอะไรในที่สาธารณะ เขาจึงทำได้แค่มองดูเฝิงอวี้จากไป

แต่ครั้งนี้เฝิงอวี้กลับหลบหน้าไม่ได้อีกแล้วเพราะผู้ชายสารเลวคนนี้พาพ่อแม่เธอและพ่อแม่ของสามีมาขวางอยู่หน้าประตูโรงเรียน ในสภาวะคับขันเช่นนี้เฝิงอวี้เลยยืมโทรศัพท์มือถือของเพื่อนร่วมงานโทรหาเหมยเหมย

“เธออย่าเพิ่งออกไปนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

เหมยเหมยพาฉีฉีเก๋อไปโรงเรียนของเฝิงอวี้ด้วยกัน จากนั้นก็เห็นผู้ชายคนนั้นและพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจริง ๆ สองคนในนั้นแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน บุคลิกดูดีไม่เลวซึ่งน่าจะเป็นพ่อแม่ของฝ่ายชาย เฝิงอวี้เคยบอกว่าพ่อแม่ของสามีต่างก็เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเช่นกัน

ครั้นเฝิงอวี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องประชาสัมพันธ์เห็นเหมยเหมยถึงกล้าเดินออกมาก่อนจะโดนพ่อแม่ของเธอขวางเอาไว้ จากนั้นก็จับเธอแล้วพูดไม่หยุด เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็เข้ามาเช่นกัน พวกเธอก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่เฝิงอวี้

“แกรีบไปยื่นเรื่องถอนฟ้องให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ดี ๆกันอยู่จะหย่าทำไมกัน แกจะให้ฉันกับพ่อของแก น้องสาวกับน้องชายของแกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ไปถอนฟ้องเดี๋ยวนี้!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้ลากเฝิงอวี้ไปพร้อมพูดไม่หยุด ดูท่าทางเหมือนอยากให้เธอถอนฟ้องศาล ฉีฉีเก๋อโมโหจนก้าวไปข้างหน้าและดึงเฝิงอวี้กลับมาแล้วถลึงตาจ้องคุณแม่ของเฝิงอวี้ด้วยความโกรธ

ไม่เคยเห็นแม่แบบนี้มาก่อนเลย ลูกสาวสำคัญหรือหน้าตาสำคัญกว่ากันนะ?

พ่อแม่แบบนี้เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วของพ่อกับแม่ของเธอเลย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2710 ตอนนี้คนที่ต้องการหย่ากับเขาคือฉัน

“หนูจะไม่ถอนฟ้องเด็ดขาด พ่อแม่ห่วงแต่หน้าตา เคยคิดบ้างไหมว่าหนูมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร…ต่อให้หนูตายไปพ่อแม่ก็ยังคิดว่าหน้าตาสำคัญกว่าอยู่ดีใช่ไหมล่ะ!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้แรงเยอะ ฉีฉีเก๋อไม่กล้าใช้แรงมากเพราะกลัวว่าเฝิงอวี้จะพลอยเจ็บไปด้วย แต่คุณแม่ของเฝิงอวี้กลับไม่มีความกังวลนั้นเลย เธอออกแรงหนักมาก กระทั่งเรียกสามีมาช่วยด้วยซ้ำ ตอนนี้เฝิงอวี้เลยขยับตัวไม่ได้เหมือนตุ๊กตาไม้

ครั้นเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและเย็นชาไร้ซึ่งความสงสารของผู้เป็นแม่…หัวใจของเฝิงอวี้ก็เหมือนถูกแทงอย่างแรง ในที่สุดก็ระเบิดออกมา

คุณแม่ของเฝิงอวี้ตกใจยกใหญ่แล้วมองลูกสาวที่กำลังโวยวายอย่างไม่เชื่อสายตา ”อาอวี้ ทำไมแกถึงไร้ซึ่งคุณสมบัติผู้ดีแบบนี้? เหมือนแม่ค้าปากตลาดแถวบ้านนอกยังไงอย่างนั้น พ่อแม่สั่งสอนแกมาอย่างไร? มารยาทของแกหายไปไหนแล้ว?”

พ่อแม่ของชายสารเลวที่ยืนดูอยู่ด้านข้างเงียบ ๆมาโดยตลอด นัยน์ตาฉายแววเย้ยหยันและดูถูก คุณแม่สามีของเฝิงอวี้หัวเราะเย้ยหยันเอ่ย “ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เชื่อแล้วว่าลูกชายของฉันโดนเฝิงอวี้ตบตีจริง ๆ ตอนลูกชายของฉันจะแต่งงานกับเฝิงอวี้ ฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอก ครอบครัวอย่างพวกคุณจะสั่งสอนลูกสาวออกมาได้ดีแค่ไหนกันเชียว? ตอนนี้โดนฉันพูดแทงใจดำเข้าแล้วล่ะสิ แม้แต่สามียังกล้าทุบตีแล้วจะต่างจากแม่ค้าปากตลาดบ้านนอกตรงไหน? แถมยังกล้าตะโกนโวยวายกลางถนนจนขายขี้หน้าตระกูลหยางของพวกเรากันหมด คุณคะ…ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เสี่ยวจวิน ฉันคงไม่เห็นด้วยกับการที่เฝิงอวี้จะมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหยางของเราต่อไปอย่างแน่นอน ฮึ!”

แม่สามีของเฝิงอวี้สวมเสื้อคลุมขนแพะดูดีราคาแพง แต่งหน้าสะสวย ถือกระเป๋า LV มาดผู้ดีมาก แต่สิ่งที่พูดออกมา กลับเหม็นยิ่งกว่าส้วม!

“คุณสงบอารมณ์ลงก่อน…ฉันต้องสั่งสอนอาอวี้อย่างดีแน่นอน น่าละอายใจจริง ๆ ไม่เห็นแก่หน้าพระก็เห็นแก่หน้าหลานบ้าง เสี่ยวจวินต้องมีแม่แท้ ๆคอยดูแลถึงจะดีกว่าใช่ไหมล่ะ!”

คุณแม่ของเฝิงอวี้พูดกับผู้ชายสารเลวนั่นว่า “…ความรักความผูกพันของสามีภรรยาอันลึกซึ้ง เธอกับอาอวี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันมาสิบสองปีแล้ว บทจะหย่าก็หย่ากันเลยเหรอ ฉันจะให้อาอวี้ไปถอนฟ้องที่ศาลเดี๋ยวนี้แหละ!”

ครั้นเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อเห็นพ่อแม่ของเฝิงอวี้เอ่ยพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานกับครอบครัวของฝ่ายชายก็อดตะลึงค้างไม่ได้จนทำเอาพวกเธอต้องมองใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ลูกสาวแท้ ๆถูกเขาทารุณ ไม่เพียงแต่จะไม่ออกหน้าปกป้องลูกสาวแล้ว แต่ยังจะสั่งสอนลูกสาวอีก?

นี่เป็นพ่อแม่ประสาอะไรกัน?

“เธอเป็นลูกแท้ ๆที่พ่อแม่ให้กำเนิดมาจริง ๆใช่ไหม?” ฉีฉีเก๋ออดถามเฝิงอวี้ไม่ได้

เฝิงอวี้ยิ้มเศร้าสร้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดมาจากพวกเขาจริง ๆหรือเปล่า?”

พวกเขาสามคนครอบครัวชายสารเลวนั่นมองพ่อแม่ของเฝิงอวี้ที่อ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีอย่างลำพองใจมาก สีหน้ายิ่งหยิ่งผยองมากกว่าเดิม

พูดถึงแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่ศักดิ์ต่ำกว่าก็มีประโยชน์เหมือนกัน ความรู้สึกอยู่เหนือกว่าแบบนี้ทางครอบครัวลูกสะใภ้ที่ศักดิ์ต่ำกว่าคงมิอาจสัมผัสได้ ถึงอย่างไรตระกูลหยางของพวกเขาก็ไม่ใช่ตระกูลใหญ่มีอิทธิพลอะไรมาก อย่างมากก็เป็นแค่ชนชั้นกลางเท่านั้น!

“พ่อแม่ขอร้องพวกเขาทำไม? ตอนนี้หนูต้องการจะหย่ากับผู้ชายคนนี้ เป็นหนูเองที่ไม่ต้องการเขาแล้ว พ่อแม่ได้ยินไหม? ฉันเฝิงอวี้ไม่ต้องการหยางอันคังแล้ว!”

เฝิงอวี้รู้สึกได้ถึงการดูถูกที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่เธอได้รับมาตลอดสิบสองปี และจะไม่ทนแบบนี้ไปอีกตลอดชีวิต

ตอนนี้เธอสรุปได้แล้วว่าตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาเธอเฝิงอวี้ก็คือคนรับใช้ของตระกูลหยางที่ทำงานให้ฟรี ๆ รวมถึงเครื่องจักรผลิตบุตรและกระโถนระบายอารมณ์ของตระกูลหยาง!

อดทนมาสิบสองปี ในที่สุดเฝิงอวี้ก็ตื่นจากฝันร้ายสักที!

เธอจะต้องเข้มแข็งยืดหยัดได้ด้วยตัวเอง จะให้คนตระกูลหยางดูถูกไม่ได้!

สีหน้าของคนตระกูลหยางเปลี่ยนยกใหญ่ คุณแม่สามีของเฝิงอวี้ตวาดใส่ว่า “เฝิงอวี้อย่ามาดื้อดึง เธอคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปีอยู่หรือไง? แก่จนอายุเกือบสี่สิบแล้ว หากไปจากลูกชายฉันจะแต่งงานกับครอบครัวดี ๆที่ไหนได้อีก…ฉันแนะนำให้เธอตั้งสติ อย่าฟังคำพูดให้ร้ายจากเพื่อนบ้านนอกบางคนที่มีเจตนาแอบแฝงจะดีกว่า…”

แม่สามีของเฝิงอวี้พูดพลางเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง เธอรู้ว่าต้องเป็นฝีมือของผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนจิ้งจอกแพศยานี่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นอยู่ดี ๆลูกสะใภ้ที่หัวอ่อนเหมือนแกะจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้อย่างไร?

…………………………

Related

ตอนที่ 2707 เก็บไว้ฉลองปีใหม่เหรอ

เหมยเหมยให้ป้าฟางส่งสามีของเฝิงอวี้กลับบ้าน จากนั้นก็ให้เฝิงอวี้เก็บกระเป๋าพาเสี่ยวจวินลูกชายที่เธอตัดใจทิ้งไม่ลงย้ายออกมาเลย

“เฝิงอวี้…คุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่!” ผู้ชายร้องตะโกนอยู่ด้านหลัง แผ่นหลังของเขาปวดแสบปวดร้อนไปหมดแล้ว

เฝิงอวี้ชะงักไปแต่สุดท้ายก็กลับมามีท่าทีมุ่งมั่น ครั้งนี้…เธอจะลังเลไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!

“แม่…ทำไมพวกเราต้องย้ายออกไปด้วยล่ะครับ? ไม่ต้องการพ่อแล้วเหรอ?”

เสี่ยวจวินลูกชายวัยเก้าขวบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในความทรงจำเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน!

“อืม…แม่จะแยกกันอยู่กับพ่อ ลูกอยากอยู่กับใครระหว่างแม่หรือพ่อ?” เฝิงอวี้ถามอย่างอ่อนโยน

“อยู่กับแม่ครับ…”

เสี่ยวจวินตอบโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเลยทำให้หัวใจของเฝิงอวี้ผ่อนคลายลงในทันที เธอยิ้มอย่างปลื้มใจแล้วกอดลูกชายแน่น

แค่ประโยคนี้ความทุกข์ทรมานสิบสองปีของเธอก็ไม่สูญเปล่าแล้ว!

เหมยเหมยจัดแจงให้เฝิงอวี้ไปพักอยู่ในห้องทำงานของมูลนิธิ ในอนาคตเธอวางแผนจะทำห้องชุดไว้เพื่อใช้รองรับผู้หญิงที่ไม่มีที่ไปอย่างเฝิงอวี้ ในเมื่อวางแผนที่จะช่วยเหลือคนแล้ว แน่นอนว่าจะต้องทำให้ครอบคลุมทุกด้านด้วย

“ที่นี่ไม่สะดวกเท่าไร เธออยู่อย่างลำบากไปก่อนสักพัก อีกสองสามวันฉันจะจัดให้เธอไปอยู่ห้องอื่นนะ!” เหมยเหมยรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง

ห้องทำงานมีแค่เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ มันเรียบง่ายเกินไปหน่อย

เฝิงอวี้กลับพอใจมากแล้ว เธอนึกว่าตัวเองต้องไปนอนข้างถนนเสียอีก หลายปีที่ผ่านมาผู้ชายไม่เพียงแต่ทำร้ายทารุณเธอแต่ยังควบคุมบัตรเงินเดือนของเธออีกด้วย เงินที่เธอใช้ทุกครั้งจะต้องได้รับการอนุมัติจากเขาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่มีเงินติดตัวเลย หากพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ!

“สมองของเธอน้ำเข้าหรือไง” กระเป๋าเงินเป็นหลักประกันคุ้มครองที่ใหญ่ที่สุดของผู้หญิง แต่เธอก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้? เธอนี่จริง ๆเลย…เฮ้อ…น่าโมโหจริง ๆ!“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีปฏิกิริยามากที่สุด แล้วมองเฝิงอวี้อย่างหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น

“เขาเอาเสี่ยวจวินมาข่มขู่ฉัน ฉันเลยไม่กล้าขัดขืน…” เฝิงอวี้งุดหน้าอย่างอับอาย ตอนนี้พอคิดขึ้นได้ก็พลันรู้สึกว่าเธอไม่ได้เรื่องเลย ในเมื่อแม้แต่ตัวเองยังดูถูกตัวเองขนาดนี้!

“วัวหายล้อมคอกก็ยังไม่สาย เปลี่ยนแปลงตอนนี้ก็ยังทัน พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ฉันมีเงินติดตัวอยู่บ้างเธอเอาไปไว้ใช้ก่อนเถอะ!”

เหมยเหมยหยิบเงินหลายร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้กับเฝิงอวี้

เฝิงอวี้รู้สึกไม่ดีนักพร้อมรับเงินมาด้วยความกระดากใจ  เหมยเหมยยัดเงินให้เธอ “ไม่ได้ให้แต่ให้ยืมต่างหาก รอหย่าได้ทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของเธอมาแล้วค่อยเอามาคืนฉัน!”

“อืม…ขอบคุณพวกเธอนะ…ขอบคุณพวกเธอมากจริง ๆ…” เฝิงอวี้ซาบซึ้งใจมากแล้วโค้งคำนับไม่หยุด

“ขอแค่อนาคตเธอสามารถพึ่งพาตนเองได้ก็เป็นการขอบคุณพวกฉันที่ดีที่สุดแล้ว!” เหมยเหมยอ่ยแฝงความหมายลึกซึ้ง

เธอหวังว่าผู้หญิงทุกคนในโลกจะสามารถใช้ชีวิตเป็นของตัวเองได้ ผู้ชายไม่ใช่ผู้บงการชีวิตของผู้หญิงอีกต่อไปแต่เป็นผู้หญิงเท่านั้นที่จะเติมเต็มชีวิตตัวเองได้

ถ้าการแต่งงานทำให้ผู้หญิงมีความสุขก็ใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายต่อไป แต่ถ้าแต่งงานแล้วชีวิตต้องขมขื่นและเหน็ดเหนื่อย ทั้งเจอคำตำหนินับไม่ถ้วน…

ถ้าอย่างนั้น…ผู้ชายแบบนี้จะมีไว้ทำไม?

เก็บไว้ฉลองปีใหม่เหรอ?

สิ่งที่เหมยเหมยหวังก็คือเมื่อผู้หญิงต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายต่ำช้าเลวทรามแบบนี้ต้องดึงความมั่นใจและกล้าที่จะทิ้งเขาไปแล้วกลับมาเป็นราชินีสาวโสดอีกครั้ง!

วันต่อมาหลังจากเฝิงอวี้สอนเสร็จ เหมยเหมยก็พาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

เฝิงอวี้ถอดเสื้อผ้าออกเผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นแต่ไม่ใช่บาดแผลที่สาหัสอะไร ทั้งยังถูกซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าซึ่งต่อให้เป็นฤดูร้อนก็มองไม่เห็น ทว่ารอยแผลที่เรียงรายเต็มไปหมดนั้นกลับชวนให้คนที่เห็นต่างตกตะลึงไม่น้อย!

………………………………………….

ตอนที่ 2708 แม่ที่ดี

“นี่มันเป็นการทารุณกรรมแล้ว…ใครกันที่ชั่วช้าได้ขนาดนี้?”

คุณหมอยังตกใจยกใหญ่เพราะในเมื่อก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอเห็นใจเฝิงอวี้จับใจ อายุขนาดนี้แล้วยังถูกทำร้ายทารุณอย่างรุนแรงอีก

“ฝีมือของสามีเธอค่ะ คุณหมอ คุณหมอเขียนอาการบาดเจ็บทั้งหมดเอาไว้เลยนะคะ พวกเราต้องนำไปต่อสู้ในคดีหย่าในชั้นศาล” เหมยเหมยกล่าว

“วางใจเถอะ ฉันต้องเขียนลงไปทุกอย่างแน่นอน ผู้ชายแบบนี้ต้องรีบหย่าโดยเร็ว คนแบบนี้มีอาการทางจิตแน่ ๆ…” คุณหมอโมโหมาก หลังจากตรวจร่างกายของเฝิงอวี้อย่างละเอียดแล้วก็เขียนสรุปรายงานผลการตรวจลงไป

“โอ๊ย…แม้แต่ส่วนล่างก็มีบาดแผล ไม่ได้การล่ะ…คุณมีอาการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ด้วย เธอต้องไปตรวจที่แผนกนรีเวชอย่างละเอียดอีกที!”

พอคุณหมอตรวจดูส่วนล่างของเฝิงอวี้ก็ตกใจจนหน้าถอดสี สีหน้าดูจริงจังมาก

เหมยเหมยพาเฝิงอวี้ไปแผนกนรีเวช เธออาการหนักมากจริง ๆ เจ้าบ้านั่นทรมานส่วนล่างของเฝิงอวี้นับครั้งไม่ถ้วนด้วยก้นบุหรี่และตัวหนีบ พอสะสมนานวันเข้าบาดแผลเหล่านี้ก็อักเสบจนติดเชื้อ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดโรคทางระบบสืบพันธุ์หลายอย่าง

“สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายต้องรักษาให้ดี คุณต้องพยายามดูแลสภาวะจิตใจให้มีความสุขอยู่เสมอ และทางที่ดีภายในหนึ่งปีนี้ห้ามมีเพศสัมพันธ์เลย ในอนาคตก็พยายามทำให้น้อยที่สุดเพราะมันไม่ดีต่อร่างกายของคุณ!” คุณหมอกำชับ

เฝิงอวี้หัวเราะเยาะตัวเอง “จะไม่มีทางหาผู้ชายอีกต่อไป ตลอดชีวิตนี้แค่เจอคนนี้ก็มากพอแล้ว!”

“เธอควรดูแลร่างกายของเธอให้ดีก่อน ถ้าเจอคนดีจริง ๆก็อย่ารั้นปฏิเสธท่าเดียวเลย เธออายุยังน้อยนะ!” เหมยเหมยไม่เห็นด้วย

ถึงอย่างไรผู้ชายเลว ๆก็มีเป็นส่วนน้อย ผู้ชายดี ๆยังมีอีกเยอะเหมือนกับสามีของเธอ อิงจวี้กัง และพ่อของเธอ…พวกเขาล้วนเป็นคนดีทั้งนั้น!

เฝิงอวี้ไม่ได้ปฏิเสธแต่ในใจกลับตัดสินใจแล้วว่าชีวิตในวันข้างหน้าจะเลี้ยงลูกอย่างสงบสุข พอลูกชายโตขึ้นเธอก็จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงลำพัง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายน่ากลัวเกินไป แถมยังปลิ้นปล้อนเก่งด้วย เธอกลัวว่าจะเจอผู้ชายเลว ๆอีก!

เหมยเหมยไปส่งเฝิงอวี้กลับตึกทำงานมูลนิธิ ก่อนไปเธอเอ่ยว่า “ฉันหาทนายไว้แล้ว ตอนนี้กำลังเตรียมฟ้องร้องอยู่ ถ้าทุกอย่างราบรื่นดีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าก็ขึ้นศาลได้เลย”

“อืม…ฉันจะให้ความร่วมมือกับทนายเต็มที่เลย!” เฝิงอวี้พยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง ในที่สุดเธอก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมของผู้ชายแล้ว!

“ติ๊ด ๆ…”

เพจเจอร์ในกระเป๋าของเฝิงอวี้ดังขึ้น ถึงแม้เธอจะไม่มีเงินเลยแต่ผู้ชายก็ใจกว้างซื้อของแบบนี้ให้อยู่บ้าง เพราะผู้ชายคนนี้รักหน้าตาจึงไม่อนุญาตให้ภรรยาทำตัวเหมือนคนขายผักในตลาด

“แม่ของฉันส่งข้อความมาหา…” เฝิงอวี้สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ไร้ซึ่งความดีใจเมื่อได้รับการติดต่อจากทางบ้าน

“ในห้องทำงานมีโทรศัพท์อยู่ เรื่องหย่าเธอควรบอกครอบครัวสักหน่อย”

เหมยเหมยให้เฝิงอวี้ใช้โทรศัพท์ในห้องทำงาน อันที่จริงเธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ตั้งแต่เฝิงอวี้ย้ายออกมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยบอกให้แม่รู้เลย ทั้ง ๆที่เธอเป็นคนในท้องที่ บ้านครอบครัวน่าจะอยู่ไม่ไกลนัก ในเมื่อต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมขนาดนี้กลับไม่ร้องไห้หาพ่อแม่ มันช่างน่าแปลกจริง ๆ!

เฝิงอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอกัดฟันแล้วกดโทรหาที่บ้าน “แม่คะ หนูเอง อาอวี้…”

เธอยังพูดไม่จบแต่กลับถูกอีกฝ่ายขัดขึ้นเสียก่อน เหมยเหมยได้ยินราง ๆเหมือนว่าแม่ของเฝิงอวี้กำลังดุด่าเธออยู่ เฝิงอวี้น้ำตาคลอเบ้าและไม่พูดอะไรสักคำ

“แม่…เขาตบตีหนู แถมมีเมียน้อยด้วย…” เฝิงอวี้อดบอกไม่ได้

“เรื่องนี้ลูกเขยอธิบายให้ฉันฟังแล้ว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเลยตบตีแกไปไม่กี่ทีเท่านั้น ลูกเขยงานยุ่ง แรงกดดันมาก อารมณ์ไม่ดีแกก็ต้องเข้าใจและอยู่เคียงข้างเขาสิ อย่าหย่าเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เลย อีกอย่างเรื่องเมียน้อยลูกเขยยังบอกอีกว่าเป็นแค่นักศึกษาเท่านั้น แกเองก็ไม่คิดบ้างว่าลูกเขยเป็นศาสตราจารย์ เขาจะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร? แกอย่าขี้ระแวงซี้ซั้วสิ…”

แม่ของเฝิงอวี้พยายามเกลี้ยกล่อมเธออย่างยากลำบาก ทุกคำพูดเหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเฝิงอวี้อย่างหนัก

…………………………

Related

ตอนที่ 2705 คืนกลับไปให้หมด

เฝิงอวี้แปรเปลี่ยนจากสีหน้ากังวลเป็นดีใจทันที เวลานี้เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินสื่อรายงานมาก่อนว่าสามีของจ้าวเหมยลึกลับมาก เล่าลือกันว่าเป็นข้าราชการระดับสูง ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริงแฮะ!

ในที่สุดนางฟ้าก็ลงมาดูแลเธอแล้ว!

เฝิงอวี้ร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอคว้าเข็มเงินขึ้นมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นแล้วแทงสามีไม่ยั้งพร้อมก่นด่าอย่างเคียดแค้น “แกกล้าแม้กระทั่งเอาลูกชายมาขู่ แกมันไม่ใช่คน…สู้หมูหมากาไก่ไม่ได้ด้วยซ้ำ…”

ทุกเข็มที่ทิ่มแทงลงไปเต็มไปด้วยความเคียดแค้นของเฝิงอวี้มานานกว่าสิบปี เข็มทิ่มลึกลงถึงกระดูก สามีของเฝิงอวี้เจ็บจนตัวงอ เจ็บจนสงสัยว่าเขาจะมีชีวิตรอดไปได้ไหม!

“เจ็บใช่ไหม? ฉันถูกแกกระทำมานานถึงสิบสองปีจนบนร่างกายฉันไม่มีที่ว่างแล้ว แกยังเอาที่หนีบมาหนีบตามจุดฝังเข็มตำราแพทย์แผนจีนและมักจะเลือกจุดที่เจ็บที่สุด…แกมันร้ายกาจยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก…”

เฝิงอวี้ร้องไห้พร้อมรำพันประสบการณ์ที่น่าเวทนาของเธอในช่วงสิบสองปีที่ผ่านมา คนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนไม่รู้จริง ๆว่าเธอทนมาได้อย่างไร!

“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว วันนี้พวกเราเอาคืนกลับไป ระบายความแค้นออกมาให้หมด!”

เหมยเหมยหยิบตัวหนีบเหล็กออกจากกระเป๋า วันนี้เธอเตรียมพร้อมมาครบหมดทุกอย่าง

เธอยัดตัวหนีบเหล็กใส่มือเฝิงอวี้ “เขาหนีบเธออย่างไรเธอก็หนีบกลับไปอย่างนั้น วางใจได้…พวกเราจะอยู่เคียงข้างเธอเอง!”

นัยน์ตาเฝิงอวี้เป็นประกายแล้วกัดริมฝีปากแน่น ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเธอมาก่อน แม้แต่พ่อแม่ของเธอทุกครั้งมักจะบอกให้เธอทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนและให้ความสำคัญกับสามีเป็นอันดับแรกเสมอ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ให้อดทนไว้

ถึงอย่างไรผู้หญิงฮวาเซี่ยก็เป็นแบบนี้มานับพันปีแล้วไม่ใช่เหรอ?

แม่ยังบอกอีกว่าเธอเป็นแค่อาจารย์มัธยม เขาเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย บอกใครก็ดูมีหน้ามีตากว่าเป็นเท่าทวีคูณ เธอควรดูแลสามีอยู่หลังบ้านเพื่อให้สามีทำงานอย่างสบายใจ…

ทุกครั้งที่กลับบ้านพ่อแม่จะยกเจ้าหมอนี่ให้ดูสูงส่งและลดค่าของเธอให้ต่ำลง บางทีพ่อแม่หลายคนในประเทศก็เป็นแบบนี้มักจะดูหมิ่นลูกสาวต่อหน้าลูกเขย แต่เฝิงอวี้ไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมพ่อแม่ถึงได้พูดแบบนั้น?

แม้แต่พ่อแม่ยังบอกว่าลูกสาวของตัวเองไม่ดี ลูกเขยจะยังเคารพภรรยาอยู่อีกเหรอ?

อย่างทุกครั้งที่เจ้าหมอนี่ทารุณเธอก็มักจะบอกว่า “แม้แต่พ่อแม่ของเธอก็ยังบอกว่าเธอไม่คู่ควรกับฉัน ฉันให้เธอทำอะไรเธอก็ต้องทำอย่างนั้น!”

หัวใจที่ตายด้านของเฝิงอวี้ค่อย ๆฟื้นคืนมาอีกครั้งด้วยกำลังใจจากพวกเหมยเหมย เธอให้ป้าฟางช่วยกระชากเสื้อของผู้ชายออกเหลือเพียงเสื้อกันหนาวบาง ๆ

ผู้ชายตัวสั่นด้วยความหนาว แว่นตาแตกไปแล้วจึงเห็นแต่ภาพพร่าเบลอและมองไม่เห็นสิ่งที่เฝิงอวี้ถืออยู่ แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่ของดีอย่างแน่นอน เขามองภรรยาที่กลายเป็นคนแปลกหน้าด้วยความหวาดกลัว

“เฝิงอวี้…คุณอย่านะ…คุณทำแบบนี้จะติดคุกนะ!”

“คุณทำแบบนี้กับฉันมาตั้งสิบสองปี คุณยังไม่ติดคุกเลย ฉันจะกลัวอะไร!”

เฝิงอวี้ใช้ตัวหนีบหนีบเข้าที่หัวนมของผู้ชายสุดแรง ผู้ชายเจ็บจนเหงื่อออกท่วมหัว เขารู้แล้วว่ามันคืออะไร นี่คือตัวหนีบเหล็กที่เขาเอาไว้สั่งสอนภรรยาบ่อย ๆ

แต่หัวนมของเขาใหญ่กว่าจึงแน่นกว่ามาก…หนีบจนแทบจะขาดแล้ว!

“ยังขาดอีกอย่าง ถือไว้ โชคดีที่วันนี้เตรียมทุกอย่างมาครบ”

พอเหมยเหมยเห็นจุดที่เฝิงอวี้ลงมือ เธอก็เข้าใจทันทีว่าเฝิงอวี้ถูกทารุณที่บ้านอย่างไร คนชั่วช้า…เลวกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

“อย่าใจอ่อน สิ่งที่เขาทำกับเธอต้องเอาคืนเขาไปให้หมด วันนี้เธอจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!” เหมยเหมยยัดตัวหนีบอีกอันให้เฝิงอวี้แล้วให้กำลังใจเธอพร้อมดึงความกล้าออกมามากขึ้น อย่าเบามือเด็ดขาด

“อืม…ขอบคุณมากนะ!”

เฝิงอวี้ขอบคุณอย่างซึ้งใจ ทุกเรื่องมักเริ่มต้นด้วยความยากแต่ย่อมต้องมีก้าวแรกเสมอ ตอนนี้เธอไม่ได้กลัวผู้ชายคนนี้เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

…………………………………………..

ตอนที่ 2706 ใช้ความรุนแรงในครอบครัวให้อภัยไม่ได้

“อ๊าก…หยุดเดี๋ยวนี้…คุณทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาจะติดคุกนะ ถ้าหยุดตอนนี้ผมก็จะยอมปล่อยคุณไป!”

สามีของเฝิงอวี้ถูกหนีบอยู่สองจุดซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวมาก รสชาติที่ถูกตัวหนีบสองตัวหนีบไว้ทำให้ผู้ชายคนนี้เจ็บปวดเจียนตาย อีกทั้งเฝิงอวี้ยังคงแทงเขาต่อจึงส่งเสียงร้องโหยหวนไม่หยุด!

“ตอนนั้นฉันเคยวิงวอนขอให้ปล่อยฉันไป…แล้วทำไมคุณถึงไม่ปล่อยฉันล่ะ คนแซ่หยางอย่างคุณ…ก็มีวันนี้ด้วยเหมือนกันสินะ…”

ครั้นตอนนี้ได้เห็นผู้ชายที่เคยโอ้อวดกำลังขอความเมตตาเหมือนตัวหนอนที่น่าสงสาร เฝิงอวี้ก็รู้สึกมีความสุขเหลือเกินความอัดอั้นที่สะสมอยู่ในใจมานานสลายหายไปในทันทีพลันก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองจนมือคันยุบยิบอยากจะแทงสักทีสองที แต่พื้นที่ภายในรถแคบเกินไปจึงไม่เพียงพอให้เธออวดฝีไม้ลายมือ เธอเลยได้แต่นั่งชมละครสนุก ๆอยู่ด้านหลัง

“เธอเคยบอกว่าเขาเคยใช้ก้นบุหรี่จี้เธอด้วยไม่ใช่เหรอ จี้กลับคืนไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมได้ เธอหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของพ่อตัวเองจุดไฟแล้วส่งให้เฝิงอวี้ จากนั้นก็หันไปเย้ยใส่ผู้ชายที่อยู่บนพื้น “นี่คือบุหรี่ชั้นดีเลยนะ ต้องเอามาใช้จี้สัตว์เดรัจฉานอย่างแกทำเอาของดีแปดเปื้อนหมด!”

เขาถลึงตาจ้องเธอด้วยความโกรธ ความอาฆาตแค้นในแววตาของเขาแม้แต่คนโง่ยังรู้สึกได้ เฝิงอวี้หยิบบุหรี่แล้วถลกเสื้อขึ้นก็ปรากฏแผ่นหลังอันขาวผ่อง เธอกดก้นบุหรี่ที่กำลังลุกไหม้ลงไป

กลิ่นเนื้อมนุษย์ย่างแปลก ๆกระจายไปทั่วรถ ฉีฉีเก๋อเปิดหน้าต่างบานหนึ่งเพื่อระบายอากาศ กลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นเผาศพพอสมควร!

“ดูดสักสองสามทีก่อนแล้วค่อยจี้ บุหรี่นี้ราคาแพงมาก อย่าทำให้เสียของ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเตือน

เฝิงอวี้เอาใส่ปากใช้แรงดูดสองสามครั้ง เธอสำลักจนไอออกมาแต่ก้นบุหรี่แดงขึ้นอีกครั้งแล้วเธอก็กดมันลงไป สามีของเฝิงอวี้เจ็บปวดเกินกว่าจะมีแรงร้องออกมาแล้ว เขาตกอยู่ในอาการกึ่งไม่ได้สติและกระตุกเป็นพัก ๆ

หลังจากจี้บุหรี่สองมวนติดต่อกันบนแผ่นหลังอันขาวผ่องนวลเนียนของผู้ชายเสร็จก็ปรากฏรอยแผลแน่นขนัดเรียงรายเป็นระเบียบเต็มไปหมด เฝิงอวี้ยังจงใจเรียงเป็นระเบียบเพื่อสื่อถึงว่าเป็นผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำด้วย

“เขาคงไม่ตายหรอกใช่ไหม?”

เฝิงอวี้เห็นผู้ชายไม่ขยับจึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาภายหลัง เธอกลัวว่าจะทำให้พวกเหมยเหมยต้องลำบาก

“วางใจเถอะ นี่เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนัง ไม่ตายหรอก!” เหมยเหมยปลอบโยนเธอ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่ “เธอถูกเขาทำร้ายมามากกว่าสิบปีก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เขาเพิ่งโดนนานแค่ไหนกันเชียว ไม่เป็นไรหรอกน่า!”

แม่เหริ่นโมโหจนฟาดลูกสาวไปทีหนึ่งพร้อมตักเตือนเธอทางสายตา พูดจาดี ๆไม่เป็นเลยจริง ๆ ทำไมชอบพูดแทงใจดำอยู่เรื่อย คนอื่นได้ยินจะชอบใจได้อย่างไร?

ครั้งนี้พวกเขาตั้งใจมาช่วยเหลือเธอจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ได้คาดหวังให้คนอื่นมาซาบซึ้งในบุญคุณแต่ก็หวังว่าจะไม่โดนด่าตำหนิเช่นกัน!

พูดจาดี ๆไม่เป็นแล้วหรือไง?

เหมยเหมยก็ถลึงตาใส่เช่นกันแล้วหันไปยิ้มให้เฝิงอวี้ “ยัยนั่นปากไม่ดีแต่จิตใจดีมากเลยนะ เธอก็อย่าเอาไปใส่ใจเลย!”

“สิ่งที่เธอพูดคือความจริง…ฉันซาบซึ้งใจพวกเธอแทบไม่ทันด้วยซ้ำ!” เฝิงอวี้ส่ายศีรษะ ถึงแม้คำพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่น่าฟังอยู่บ้างแต่มันคือความจริง ความจริงมักเลวร้ายเสมอแต่มันคือเรื่องจริงที่สุด!

“พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้ตัวว่าทำผิดเลยรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย เธอเป็นคนอารมณ์โมโหง่าย คนที่พูดจาอะไรไม่ใช้สมองก็คือเธอนี่แหละ!

“แน่นอนว่าหย่า ก่อนอื่นพาเฝิงอวี้ไปตรวจดูอาการบาดเจ็บก่อน จากนั้นบันทึกบาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเธอเก็บไว้พร้อมถ่ายรูปด้วยเพื่อเอาไปใช้ในชั้นศาล!” เหมยเหมยได้เตรียมการไว้นานแล้ว

ผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวไม่สามารถให้อภัยได้ เพราะเมื่อได้เริ่มแล้วก็จะไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อความรุนแรงในครอบครัวได้เกิดขึ้นครั้งแรก ผู้หญิงไม่ควรเลือกที่จะยอมทนแต่ควรเตะผู้ชายสารเลวแบบนี้ทิ้งแล้วเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย!

เฝิงอวี้เลือกที่จะอดทนไม่ยอมพูด แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหากไม่ได้เจอพวกเธอเกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงถูกทารุณจนตายก็ยังไม่มีใครรู้ความจริงเลย!

……………………

Related

ตอนที่ 2703 ไม่ได้ลงมือ แค่ใช้เท้าเตะ

“อ๊าก…ช่วยด้วย!”

สามีของเฝิงอวี้กระเด็นลอยไปกลางอากาศ เหมยเหมยรีบดึงคนรอบตัวถอยหลบผู้ชายสารเลวคนนี้

เขามองดูพื้นหินอ่อนอย่างสิ้นหวัง ทั้งยังได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมข้างหู กำปั้นเมื่อครู่ฝีมือใครกันนะ?

“พลั่ก”

สามีของเฝิงอวี้ทะยานลงพร้อมหน้าจุ่มพื้น แว่นแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ เขานอนร้องโอดครวญบนพื้นหยัดกายขึ้นไม่ได้อยู่นาน

เหมยเหมยแค่มองก็รู้ว่าเป็นฝีมือของลูกสาวตนเลยวิ่งเข้าไปดูอาการของเขาด้วยความตื่นตะหนก เธอลองเอาเท้าสะกิดดู โชคดี…กระดูกไม่หัก

“ฉันจะแจ้งตำรวจ…ฉันไม่รู้จักพวกแกด้วยซ้ำ พวกแกเจตนาทำร้ายคนอื่น!”

สามีของเฝิงอวี้เหงื่อออกท่วมตัวอย่างเจ็บปวด เขาพยายามหยัดกายขึ้นมาแล้วถลึงตามองด้วยความโกรธ

เหมยเหมยยักไหล่ “คุณไม่รู้จักพวกฉันก็ไม่เป็นไร พวกเรารู้จักคุณก็พอ…แถมยังรู้ด้วยว่าคุณเป็นผู้ชายสารเลว พวกเราก็แค่ช่วยจัดการแทนสวรรค์ก็เท่านั้นเอง!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น…”

ตำรวจสองนายเดินเข้ามา เมียน้อยที่ทุกคนลืมไปแล้วเป็นคนโทรเรียกมานั่นเอง สามีของเฝิงอวี้ดีใจเป็นอย่างมากแล้วชี้ไปทางพวกเหมยเหมยเอ่ย “คุณตำรวจครับ…พวกเขาเจตนาทำร้ายคน แถมยังทำผมล้มด้วย กระดูกส่วนขาหักแล้วแน่ๆ เพียงพอที่จะเอาผิดได้แล้ว!”

“พวกเราไม่ได้ทำร้ายเขาสักหน่อย ใครเห็นบ้างคะ? พวกคุณเห็นเหรอ?” เหมยเหมยปฏิเสธและถามฝูงชนรอบข้าง

ทุกคนต่างส่ายศีรษะอย่างพร้อมเพรียง “ไม่เห็นนะ เห็นอยู่ชัด ๆว่าผู้ชายคนนี้ล้มลงไปเองแถมยังมีเมียน้อยอีก เขาไม่ใช่คนดีอะไรหรอก!”

สามีของเฝิงอวี้ร้องไห้ไม่ออก คนพวกนี้โกหกหน้าตายชัด ๆ เขาแค้นใจจะตายอยู่แล้ว!

“ผมไม่ได้มีเมียน้อย…ไม่มีจริง ๆนะ…พวกคุณเชื่อผมนะ…” สามีของเฝิงอวี้พยายามที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง เขาเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางสังคม ฉะนั้นจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาดว่ามีเมียน้อย ไม่อย่างนั้นในอนาคตเขาจะยังเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก?

ตำรวจเห็นมาเยอะจึงพอดูออกว่าผู้ชายคนนี้กำลังโกหก เรื่องที่น่ารำคาญใจที่สุดคือความขัดแย้งเรื่องเมียน้อย พวกเขาไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย พระเจ้ารู้ว่าเรื่องเมียน้อยมีอยู่เกลื่อนเต็มไปหมด!

“เรื่องในครอบครัวอย่าเอามาทะเลาะกันนอกบ้านเพราะจะส่งผลต่อส่วนรวม มีเรื่องอะไรก็กลับไปเคลียร์กันที่บ้านเถอะ” ตำรวจไม่แม้แต่จะเหลือบมองสามีของเฝิงอวี้ กำชับบอกลวก ๆแล้วก็หมุนตัวจากไป

ไม่คนแก่ก็ผู้หญิงหรือมีแม้กระทั่งเด็กน้อย ต่อให้อาละวาดใหญ่โตแค่ไหนก็คงไม่ถึงขั้นชีวิตหรอก!

“ผมไม่รู้จักพวกเขา ผมและพวกเขาไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน…คุณตำรวจ ผมต้องการแจ้งข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา!” สามีของเฝิงอวี้ตะโกนบอก

ตำรวจชะงักฝีเท้า เหมยเหมยรีบตะโกนขึ้นมาว่า “พี่เขยทำไมจู่ ๆก็ไม่รู้จักกันแล้วล่ะ? เมื่อเดือนที่แล้วพี่ยังไปทานอาหารเย็นที่บ้านฉันอยู่เลย พี่ใจร้ายจัง!”

คุณย่าหยางก็ตะโกนว่า “คุณตำรวจ…เขาเป็นสามีของหลานฉัน ไม่ได้ล้อเล่นจริง ๆนะ หลานสาวของฉันหน้าตาสวยขนาดนี้ยังไปหาเมียน้อยนอกบ้านอีก…”

……

ตำรวจหันกลับไปมองสามีของเฝิงอวี้อย่างเบื่อหน่าย ไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆด้วย แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ยังไม่ดูแลรักษาให้ดีอีก เสียทรัพยากรไปเปล่า ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขายังเป็นโสดอยู่แบบนี้!

พอเห็นตำรวจเดินห่างออกไปไกลเรื่อย ๆ สามีของเฝิงอวี้ก็หมดหวัง…

ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาเลยนะ?

ทั้ง ๆที่เขาเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้าย!

“คุณตำรวจพูดถูก กลับไปจัดการเรื่องของครอบครัวที่บ้าน อย่ามาขายขี้หน้านอกบ้าน ไปกัน…”

เหมยเหมยหันไปขยิบตาให้ป้าฟาง ป้าฟางดึงสามีของเฝิงอวี้ขึ้นมาทันทีแล้วลากเขาไปที่รถ คุณย่าหยางเดินตามหลังไปโดยไม่ลืมที่จะเตะเขาไปอีกสองที

“คุณย่า…คุณย่ารับปากหนูว่าไงคะ?” เหมยเหมยรั้งคุณย่าที่ยังคงตื่นเต้นไว้อย่างเอือมระอา

“ย่าไม่ได้ลงมือเลยนะ…ย่าใช้เท้าเตะตลอดเลยไม่เห็นเหรอ!” คุณย่าทำหน้าไร้เดียงสา

มุมปากของเหมยเหมยกระตุก เธอโดนคุณย่าหลอกเข้าเสียแล้ว?

…………………………………………..

ตอนที่ 2704 ผู้ชายสารเลวต่างก็ไร้ศีลธรรม

ทุกคนต่างขึ้นรถของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน วันนี้เธอขับรถสิบสองที่นั่งมา ที่นั่งกว้างขวางเลยพาทุกคนเข้ามานั่งดูเรื่องสนุก ๆได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขับรถไปยังสถานที่เงียบสงัด วันหนาว ๆแบบนี้ทั้งยังใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วด้วย ท้องถนนจึงไม่เห็นแม้แต่เงาคน ท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ได้อย่างเลือนราง ลมเหนือพัดโชยมา ท้องฟ้าค่อย ๆมืดลง

ท้องฟ้าอันมืดมิด ลมกรรโชกเป็นค่ำคืนที่เหมาะแก่การฆ่าคนจริง ๆ!

“ดี…แบบนี้ก็จัดการได้หน่อย เฝิงอวี้มานี่ เข็มอันนี้ให้เธอ!”

เหมยเหมยหยิบเข็มเงินออกจากถุง แสงเงินวาววับจากเข็มทำให้สามีของเฝิงอวี้ที่กำลังฟุบอยู่อดตัวสั่นไม่ได้ ดูท่าไม่ดีแล้ว ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่รอดทำให้เขาดิ้นรนเพื่อหยัดกายขึ้นเตรียมกระโดดลงจากรถ แต่กลับโดนป้าฟางเตะล้มลงอีกครั้ง

“นอนลงดี ๆ หากยังกล้าขยับซี้ซั้วฉันจะเตะไข่นายให้แตกเลย!” ป้าฟางแผ่กลิ่นอายความน่าเกรงเหมือนครั้งอยู่ในกองทัพปีนั้นปกคลุมจนทั่ว เฝิงอวี้ที่เห็นเช่นนั้นก็ปรากฏดวงดาวขึ้นในดวงตา

ถ้าเธอเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของป้าฟางคงไม่โดนรังแกมาเป็นสิบปีหรอก!

เธอมองเข็มเงินในมือ ความโกรธเกลียดตลอดสิบปีของเฝิงอวี้…พุ่งพรวดขึ้นมาทันใด ดวงตาแดงก่ำมองชายที่นอนอยู่ใต้เท้าของเธอพลางกัดฟันแน่น

“คนแซ่หยางอย่างคุณ…ก็มีวันนี้เหมือนกัน…ฉันพอใจแล้วล่ะ…”

เฝิงอวี้หลั่งน้ำตาในที่สุดก็มีคนอยู่ข้างเธอ เธอสามารถต่อต้านได้อย่างกล้าหาญแล้ว!

“โอ๊ย…เฝิงอวี้คุณบ้าไปแล้ว…คุณเบื่อจะใช้ชีวิตแล้วหรืออย่างไร…นึกถึงเสี่ยวจวินไว้สิ คุณไม่อยากได้เสี่ยวจวินแล้วหรือ?”

สามีของเฝิงอวี้ถูกเฝิงอวี้ที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นแทงเข้าหลายครั้งติดต่อกัน เขาเจ็บจนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพลางมองเฝิงอวี้อย่างอาฆาต ครั้นพูดถึงลูกชายของพวกเขาในดวงตาก็อ่อนลง

เฝิงอวี้ตัวสั่นเล็กน้อย มือชะงักลง สีหน้าดูลังเล

เหตุที่เธอยอมทนทรมานมานานนับสิบปีก็เพราะลูกชาย น้องชายของเจ้าหมอนี่เป็นทนายความและคนในครอบครัวก็มีเส้นสายมากไม่เบา ครอบครัวของเธอเป็นเพียงคนธรรมดาจึงสู้สามีไม่ได้ เธอตัดใจทิ้งลูกชายไม่ลง!

ถ้าหากลูกชายไม่มีเธอคอยปกป้องอยู่เคียงข้างต้องโดนเจ้าหมอนี่ทารุณอย่างแน่นอน เพื่อลูกชาย…ต่อให้เธอต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหนก็คุ้มค่า!

สามีของเฝิงอวี้มองภรรยาอย่างลำพองใจ เขารู้ว่าลูกชายเป็นจุดอ่อนของภรรยา พูดถึงผู้หญิงก็ควบคุมง่ายเสียจริง ขอแค่มีลูกก็บงการชีวิตได้แล้ว หนีเงื้อมมือเขาไม่พ้นหรอก!

“หากไม่เห็นแก่ที่คุณสามารถดูแลเสี่ยวจวินได้ ผมคงหย่ากับผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์อย่างคุณนานแล้ว ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าคุณจะเอาคนเหล่านี้มาตบตีผมอีก? ฮึ…ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากเห็นหน้าเสี่ยวจวินอีกแล้วใช่ไหม!”

“คุณยังเป็นคนอยู่หรือไม่? เสี่ยวจวินเป็นลูกแท้ ๆของคุณนะ!” เฝิงอวี้กรีดร้องเสียงเศร้าแต่กลับไม่กล้าแทงอีก เธอกลับไปเป็นคนขี้ขลาดเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ตอนนี้เหมยเหมยถึงได้มองออกว่าผู้ชายกำลังใช้ลูกมาข่มขู่ภรรยา!

ช่างไม่ใช่คนดีอะไรเลยจริง ๆ!

ผู้ชายสารเลวต่างก็ไร้ศีลธรรมกันหมด ก่อนหน้านี้ก็ฉางชิงซาน ตอนนี้ก็สามีของเฝิงอวี้…พวกเขาต่างก็เอาเด็กมาข่มขู่ โดยไม่ได้คิดเลยแม้แต่นิดว่าเด็กก็เป็นคน เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก!

แต่ความจริงก็คือการข่มขู่แบบนี้มักจะได้ผลเสมอ

เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักยอมประนีประนอมเพื่อลูกเสมอ ความรักที่พวกเธอมีต่อลูกนั้นลึกซึ้งมากและลึกพอที่จะยอมทนทุกข์เพียงลำพัง เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกทนทุกข์ทรมาน!

“อย่าไปกลัวเขา ฉันสัญญาว่าขอแค่เธอกล้าที่จะหย่าลูกต้องเป็นของเธอแน่นอน สัตว์เดรัจฉานตัวนี้แย่งไปไม่ได้หรอก!” เหมยเหมยปลอบโยนและดึงความมั่นใจให้เฝิงอวี้

ถ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่มีแม้กระทั่งความสามารถนี้ เธอก็จะให้เหยียนหมิงซุ่นคุกเข่าลงบนทุเรียนทันที!

“ปากดีไม่เบา…เฝิงอวี้เธอก็รู้จักพวกพ้องฉันดี เธอว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?” สามีของเฝิงอวี้ไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมยอย่างสิ้นเชิง

เฝิงอวี้ยังคงลังเลอยู่เพราะเธอไม่กล้าเอาลูกชายมาเดิมพัน พี่หนิวสะกิดหลังกระซิบเสียงเบาว่า “อย่าโง่ต่ออีกเลย ผู้ชายของเหมยเหมยเป็นถึงข้าราชการชั้นสูง เขาต้องแย่งลูกกลับมาให้เธอได้แน่นอน!”

………………………………

Related

ตอนที่ 2701 ลงมืออย่างเปิดเผย

เฝิงอวี้ตกใจจนหน้าถอดสีแล้วมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

พี่หนิวสายตาหลักแหลม แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้มีชู้ แต่เฝิงอวี้กลับปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไร ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่อะไรเช่นนี้!

“อย่าเพิ่งใจร้อนบุ่มบ่ามไป รอฉันถ่ายรูปก่อน!”

พี่หนิวหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าเป้ที่เธอสะพายไปด้วยแล้วเก็บภาพอย่างชำนาญ ทั้งหมดนี้จะเป็นหลักฐานในอนาคตซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในศาล เธอมีประสบการณ์มาก่อน

“ช่างเลวจริง ๆ มีชู้แล้วยังทุบตีภรรยาอีก เรียนหนังสือมาสูงเสียเปล่า!” แม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนสบถด่าออกมา ช่วงนี้เธอได้ยินเรื่องผู้ชายสารเลวมามากมาย ฉับพลันเธอก็คิดขึ้นได้

เธอค้นพบว่าพ่อเหริ่นดีกว่าผู้ชายสารเลวพวกนี้มากจริง ๆ เทียบกับคนเหนือกว่าอาจสู้ไม่ได้แต่เทียบกับคนที่ด้อยกว่าก็ยังดีกว่าเยอะ โดยเฉพาะหลังจากที่พ่อเหริ่นปรับปรุงตัวก็ได้ผู้ชายที่ดีมาคนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าความลำบากที่เธอได้รับมาก่อนหน้านี้…คุ้มค่าแล้ว!

“ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อดี?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถาม

“แน่นอนว่าต้องฟาดไปเลย…ฉันว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องแอบลอบทำร้ายหรอก ลงมือโต้ง ๆเปิดเผยไปเลย กล้ามีชู้ก็ต้องโดนดี ตำรวจก็ไม่กล้าขวางหรอก!” พี่หนิวคันไม้คันมือมานานแล้ว

“ใช่…ฉวยโอกาสตอนที่คนยังเยอะอยู่เปิดเผยธาตุแท้ของเจ้าหมอนี่ให้ทุกคนได้รู้ว่าเป็นอย่างไร วันหลังเฝิงอวี้ก็จะได้ไม่ต้องแสร้งทำเป็นพลอดรักต่อหน้าคนอื่นอีก น่าสะอิดสะเอียนจะตาย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้ารัว ๆ

เหมยเหมยรู้สึกว่ามีบางจุดที่ทะแม่ง ๆอยู่ แต่พวกเหล่าทัพ…ไหนเลยจะยังทนไหว ไม่ถามหาแม้แต่อาวุธจากเหมยเหมยก็พุ่งตัวเข้าไปหาเลย

คนที่อยู่หน้าสุดคือคุณย่าหยางที่เคยรับปากว่าจะไม่ลงมือทำอะไรเด็ดขาด กำลังวังชาของคุณย่าไม่ต้องพูดถึงว่าดีมากแค่ไหน เดินนำหน้าแล้วพุ่งเข้าไปประชันหน้าสามีของเฝิงอวี้ก่อนจะเตะเข้าทีหนึ่ง

“กล้ามีชู้นอกบ้าน วันนี้ฉันจะสั่งสอนให้หลาบจำเลย…”

การเต้นดิสโก้สำหรับวัยชราที่คุณย่าหยางเต้นมาหลายปีนี้ไม่ได้สูญเปล่าเลยจริง ๆ มือไม้คล่องแคล่วปานลิง เตะซ้ำหลายทีกระฉับกระเฉงกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก

พ่อแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน คนหนึ่งพุ่งใส่อีกทางส่วนอีกคนซัดอีกทาง สามีของเฝิงอวี้ถูกตบตีจนมึนงงแต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“พวกแกเป็นใคร…ฉันจะแจ้งความ…”

“แกยังกล้าแจ้งความอีกเหรอ? ถุย…ทุกคนมาดูกันเร็ว…คน ๆนี้เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยแต่มาดูละครเวทีกับเมียน้อยลับหลังภรรยาและลูก…พวกคุณว่าสมควรโดนไหมล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาพร้อมตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้นก็ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนแห่มามุงชมเรื่องสนุก ๆ ในนั้นมีผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหลายคนเลยยิ่งคล้อยตามไปด้วยตะโกนเสียงดังว่า “สมควรโดน…มีชู้ต้องสั่งสอนให้หนัก…แม้แต่เมียน้อยหน้าไม่อายก็ปล่อยไปไม่ได้เช่นกัน…”

หญิงสาวที่สามีเฝิงอวี้พามาด้วยตกใจจนใบหน้างามไร้เลือดฝาด เธอป้องศีรษะไว้แล้วตะโกนว่า “ฉันไม่ใช่เมียน้อย ฉันแค่มาดูละครเวทีกับศาสตราจารย์หยางเฉย ๆ เราไม่ได้ทำอะไรกันเลย…”

“ถุย…ไม่พาภรรยามาแต่กลับพานักศึกษาอย่างเธอที่ทั้งสาวและสวยกว่ามาดูละครเวที ผีสิถึงจะเชื่อว่าพวกเธอบริสุทธิ์ เธอกล้าพูดไหมล่ะว่าเธอไม่รู้ว่าศาสตราจารย์หยางของเธอมีครอบครัวแล้ว?” เหมยเหมยไล่บี้ต่อ

หญิงสาวสีหน้าลังเลแล้วก้มศีรษะลงอย่างหวาดผวา ทุกคนเข้าใจได้อย่างรวดเร็วจึงดูถูกเธอมากขึ้นไปอีก

“รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้ว เธอยังไปดูละครเวทีกับเขาโดยลำพังอีก เธอกล้าพูดไหมว่าเธอบริสุทธิ์ใจ? เด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลย!” เหมยเหมยเย้ยหยัน

“ตีชายหญิงไร้ยางอายสองคนนี้ให้ตายไปเลย…” มีเสียงตะโกนขึ้นท่ามกลางฝูงชน ดูท่าทางตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเฝิงอวี้ที่เป็นผู้เกี่ยวข้องเสียอีก

เหมยเหมยขยิบตาให้เฝิงอวี้ที่หลบอยู่ด้านหลัง ถึงเวลานางเอกออกโรงแล้ว!

พอเฝิงอวี้ได้รับสัญญาณความโมโหก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมา เธอพุ่งตัวไปตรงหน้าสามีที่ยังมึนงงกับสถานการณ์อยู่แล้วตบหน้าฉาดใหญ่

…………………………………………..

ตอนที่ 2702 อาศัยว่าตนอายุมากเพื่อเที่ยวรังแกคนอื่น

“ฉันเลี้ยงลูกชายให้คุณ เลี้ยงดูพ่อแม่คุณอย่างดี แถมยังดูแลอาหารการกินคุณไม่เคยขาด…นี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติต่อฉันงั้นเหรอ? คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”

ประโยคสุดท้ายเฝิงอวี้พูดพลางกัดฟันแน่น น้ำเสียงปนเศร้า คนรอบข้างรู้สึกได้ถึงความเศร้าและปวดใจของเธอ ทุกคนมองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ

ภรรยาตัวจริงดูดีมีระดับมากกว่าเมียน้อยแค่อายุมากกว่าเท่านั้น ผู้ชายก็แบบนี้ ต่อให้ดอกไม้ในบ้านจะสวยแค่ไหนก็หอมรัญจวนใจเท่าดอกไม้ป่าไม่ได้ ต่อให้คุณจะแต่งงานกับสาวงามปานนางฟ้า แต่ถ้าผู้ชายจะนอกใจก็นอกใจอยู่ดีและยากที่จะป้องกันได้ด้วย!

ตอนนี้สามีของเฝิงอวี้ถึงเข้าใจเหตุผลที่คนพวกนี้ไม่เกรงกลัวอะไรเพราะเฝิงอวี้เป็นคนหามา ดี…นังแพศยานี่ใจกล้าไม่เบานี่ ดูท่าเมื่อคืนคงลงมือเบาไปสินะ!

“เข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว เฝิงอวี้…เรื่องในครอบครัวกลับไปค่อยคุยกัน อย่าสร้างความวุ่นวายข้างนอกเลยดีไหม?”

สายตาของผู้ชายนั้นดูน่ากลัวมาก เฝิงอวี้ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายคนนี้ทำร้ายเธอจนเจ็บฝังใจทำเอาเธอเก็บไปฝันร้ายทุกวัน เมื่อครู่เธอได้ใช้ความกล้าหาญของเธอทั้งหมดเพื่อตบเขาแล้ว!

“คุณมีชู้ก็มีเหตุผลด้วยงั้นสิ? คุณกลัวว่าทะเลาะนอกบ้านจะเสียหน้าเหรอ? งั้นคุณก็อย่ามีชู้สิ…มีเมียน้อยยังจะคิดให้ภรรยาช่วยปิดบังอีก? เฮอะ…คุณนี่กล้าไม่เบาเลยนะ!”

เหมยเหมยลากเฝิงอวี้ไปอยู่ด้านหลังแล้วมองผู้ชายอย่างท้าทาย เธอไม่กลัวคนสารเลวพรรค์นี้หรอก!

“พูดจาไร้สาระให้น้อยหน่อย…แล้วจัดการเลย!” คุณย่าหยางสะกดอารมณ์ไม่อยู่แล้วเลยเตะเข้าไปอีกที

ครั้นสามีของเฝิงอวี้เห็นรองเท้าหัวโตสีสันสดใสที่หญิงชราสวมใส่ก็ตัวสั่นสะท้านไม่หยุด แรงของยายแก่หนังเหนียวนี่มีไม่น้อยเลย เมื่อครู่โดนไปสองทียังเจ็บอยู่เลย!

“หยุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าผมไม่เกรงใจนะ!”

สามีของเฝิงอวี้เบี่ยงหลบฝ่าเท้าของคุณย่าหยางจนแว่นขอบทองเกือบหล่น เขารีบจับแว่นตาของเขาไว้แล้วหลบไปหลบมาด้วยท่าทีตะลีตะลาน

“โอ๊ย…แกจะตีฉันเหรอ…ฉันอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วนะ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แข็งแกร่งกว่ากากเต้าหู้นิดเดียว ไม่กี่วันที่ผ่านมาฉันแน่นหน้าอกด้วย กำลังกังวลว่าจะไม่มีเงินไปโรงพยาบาล…แกจะตีฉันเหรอ…งั้นมาสิ…”

คุณย่าหยางไม่ถอยแต่เป็นฝ่ายบุกเข้าหาอย่างตรงไปตรงมา กำปั้นที่สามีของเฝิงอวี้ยกขึ้นค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เอาลงแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างแค้นใจ

ไม่รู้ว่านังแพศยาเฝิงอวี้ไปหายายแก่นี่มาจากไหน เล่นงานเขาเสียหนักเลย

กลับไปจะต้องสั่งสอนนังแพศนานี่ให้รู้สำนึกบ้างแล้ว!

เหมยเหมยมองความคิดของเขาออกเลยแอบแสยะยิ้มในใจ คนลงมือมากขนาดนี้เจ้าหมอนี่ยังมีแรงกลับไปจัดการภรรยาที่บ้านอีกเหรอ?

คงต้องจัดการจนหมดแรงทำอะไรเองไม่ได้ไปเลย!

“ไอ้สารเลวนี่ลองลงมือกับยายแก่ ๆดูสิ…พวกเราทุกคนกำลังรอดูอยู่…หากแตะต้องโดนแม้แต่ปลายนิ้วจะส่งเขาเข้าคุกเลย!” ฝูงชนที่รอดูเรื่องสนุกไม่กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ทั้งยังต่างสนับสนุนและยืนอยู่เคียงข้างฝั่งคุณย่าหยางอีกต่างหาก

สามีของเฝิงอวี้ไหนเลยจะยังกล้าลงมือ เขาทำได้แค่ป้องศีรษะไว้แล้วปล่อยให้พวกผู้หญิงทุบตี ผู้ชายทั้งสองอย่างพ่ออิงและพ่อเหริ่นกลายเป็นวีรบุรุษที่ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือเลยทำได้แค่ยืนดูละครสนุก ๆอยู่ด้านข้าง

“ช่วยด้วย…จะโดนตีตายแล้ว…ตำรวจอยู่ไหน?”

เหมยเหมยดึงเข็มสีเงินออกมาแล้วแทงเข้าไปสองสามที สามีของเฝิงอวี้เจ็บจนเหงื่อไหลอาบตัวร้องตะโกนเสียงดังลั่นแต่กลับไม่มีใครสนใจเขา

เล่อเล่อร้อนใจเป็นอย่างมาก ตีคนเลวจะไม่มีเธอได้อย่างไร?

แม่และคุณย่าทวดแย่งงานของเธอไปหมด…เกลียดจริง ๆ!

ในที่สุดเล่อเล่อก็สบจังหวะมุดตัวเบียดเสียดเข้าไปกลางวง เธอตัวเล็กแต่ความสูงพอดีกับสามีของเฝิงอวี้ที่กำลังนั่งยอง ๆอยู่ ผู้ชายคนนี้กำลังป้องศีรษะไว้แน่นและไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมา

เล่อเล่อชูกำปั้นเล็ก ๆขึ้น พองแก้มแล้วหวดหมัดออกไป

……………………

Related

ตอนที่ 2699 หัวอกเดียวกัน

พี่หนิวแนะนำเหมยเหมยและฉีฉีเก๋อให้รู้จัก ทั้งยังจงใจพูดถึงตัวตนของเหมยเหมยด้วย “เธอเป็นคนมีการศึกษาคงต้องเคยได้ยินเรื่องเจ้าหญิงขี้เหร่แน่ ๆ เธอคนนี้แหละที่เป็นนักเขียนเรื่องเจ้าหญิงขี้เหร่ เป็นคนมีจิตใจดีมาก หลังจากได้ฟังเรื่องของเธอ เขาก็อยากจะช่วยเหลือเธอ!”

เฝิงอวี้ยิ้มอย่างดีใจพูดตะกุกตะกัก “คุณคือคุณจ้าวเหมยเหรอคะ? โอ้ย…ฉันชอบหนังสือของคุณมากเลยค่ะ ฉันซื้อหนังสือของคุณทุกเล่มเลย…”

เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านักเขียนที่เธอชื่นชอบจะสวยขนาดนี้ แถมยังอายุน้อยมากด้วย ทั้งยังมาหาเธอถึงที่เองอีก…รู้สึกดีใจมากจริง ๆ เฝิงอวี้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้ยิ้มแบบนี้มาหลายวันมากแล้วจริง ๆ!

เหมยเหมยก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฝิงอวี้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอยิ่งต้องช่วยเหลือเข้าไปใหญ่ เธอยิ้มพลางเอ่ย “คุณอายุมากกว่าฉันเรียกชื่อฉันก็พอค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณอะไรหรอก ฉันรับไม่ไหวหรอกค่ะ”

เฝิงอวี้ยิ้มอย่างเขินอาย ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีเลือดฝาดทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาหน่อย เพราะเดิมทีเธออายุก็ไม่ได้มากเพิ่งจะ 35 ปีเอง แต่เนื่องด้วยชีวิตคู่ที่เลวร้ายเลยทำให้เธอดูไม่สดใสเหมือนคนในวัยเดียวกัน

พี่หนิวพูดถึงเยวี่ยเซียงอีกครั้ง เฝิงอวี้รู้จักเยวี่ยเซียง พอได้ยินเรื่องราวของเธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “หลังเลิกงานฉันจะไปเยี่ยมเธอเพราะอย่างไรเสียก็หัวอกเดียวกัน บางทีการตายก็ถือเป็นการปลดปล่อยสำหรับคนอย่างพวกเราเหมือนกัน เพียงแต่สงสารเจ้าหนูนันนัน”

“เหลวไหล…มีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตายเพราะถ้าตายก็หมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง คิดถึงเสี่ยวจวินของเธอสิเพิ่งจะอายุ 9 ขวบเอง เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตเลยนะ ถ้าไม่มีเธออยู่ไอ้สารเลวนั่นจะเลี้ยงเสี่ยวจวินได้ดีเหรอ? พอถึงตอนนั้นหาแม่เลี้ยงมา…เสี่ยวจวินจะยังอยู่ได้เหรอ?” พี่หนิวพยายามพูดโน้มน้าวอย่างอดทน

เฝิงอวี้ตัวสั่นอย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ทุกวัน เพราะตัดใจทิ้งลูกไม่ลงเธอถึงได้พยายามที่จะอดทนแล้วอดทนเล่า ทนจนทนไม่ได้แต่ก็ยังต้องทน

ขอแค่อดทนจนลูกโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะได้ปลดปล่อยแล้ว!

แต่เธอก็ไม่รู้จริง ๆว่าเธอจะทนถึงตอนนั้นได้ไหมเพราะร่างกายก็ทรุดลงเรื่อย ๆ สภาพจิตใจก็ย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้สอนหนังสือผิดพลาดบ่อยจนผู้อำนวยการเรียกเธอไปคุยแล้ว

“พี่ ฉันทิ้งลูกไม่ได้ฉันถึงได้ทน ไม่กล้าพูดกับใครเลย ขนาดพ่อแม่ฉันยังนึกว่าเขาเป็นคนดีอยู่เลย พอเจอหน้ากันก็เอาแต่ชมว่าเขาดีกว่าลูกชายแท้ ๆตัวเองด้วยซ้ำ!”

เฝิงอวี้เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮ นี่เป็นจุดที่เธอรู้สึกแย่มากที่สุด

ครั้นถูกทำร้ายแต่เธอกลับระบายกับใครไม่ได้เลย ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ แม้แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังต้องแสร้งทำเป็นยิ้ม ถ้าไม่ใช่เพราะตอนหลังเธอได้รู้จักพี่หนิวล่ะก็เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะอดกลั้นได้ถึงตอนนี้ไหม!

พี่หนิวลูบแผ่นหลังของเฝิงอวี้ปลอบใจแล้วค่อย ๆเล่าแผนของเหมยเหมยให้ฟัง เฝิงอวี้จึงค่อย ๆหยุดร้องไห้แล้วเบิกตากว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าแบบนี้จะทำให้พวกคุณลำบากไปด้วยหรือเปล่า?” เฝิงอวี้รู้สึกตื่นเต้นพร้อมใจที่เต้นตึกตัก พระเจ้ารู้ดีว่าเธออยากโต้กลับสามีเธอมากขนาดไหน…ในฝันยังคิดเลย แต่เธอสู้สามีไม่ไหว

แต่ตอนนี้มีคนช่วยจัดการแทนเธอ แล้วเธอจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไรกัน?

แต่เธอก็ยังกังวลว่าจะพลอยทำให้คนอื่นลำบากไปด้วยโดยเฉพาะเหมยเหมยที่เป็นคนของประชาชน เกรงว่าถ้าใครรู้เข้าจะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเอาได้ เธอจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ไม่ได้

“วางใจเถอะ…พวกเราต่างใส่หน้ากากกันทุกคนแล้วค่อยแอบลงมือกัน ต่อให้เจ้าหมอนั่นแจ้งตำรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้แจ้งตำรวจจริงก็ไม่ต้องกังวล ฉันเอาอยู่แน่นอน!

เหมยเหมยยักคิ้วให้ สามีของเธอเก่งจะตายเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา ถ้าไม่ใช้สามีแล้วปล่อยให้หมดอายุก็หมดประโยชน์สิ!

เฝิงอวี้สงบสติลงและไม่ได้ไตร่ตรองนาน เธอพยักหน้าอย่างแรง “ตอนบ่ายเขาจะไปชมการแสดงละครเวที เขาจะอยู่ในชมรมละครเวทีตั้งแต่บ่ายสองครึ่งถึงห้าโมงเย็น พวกเราแค่ไปดักเจอเขาตรงนั้นก็ได้!”

เมื่อคืนเจ้าหมอนั่นทุบตีเธออีกแล้ว แม้แต่หายใจเธอยังเจ็บเลย สองคาบเรียนวันนี้เธอพยายามฝืนใจสอนกว่าจะหมดคาบ ฉะนั้นเธอจะต้องเอาคืนให้ได้!

……………………………………….

ตอนที่ 2700 ปฏิบัติการกลุ่ม

เดิมทีพี่หนิวคิดจะไปหาผู้หญิงที่ประสบเรื่องราวเดียวกันมาเพิ่มอีกสักสองสามคน แต่เหมยเหมยคิดว่าครั้งแรกอย่าเพิ่งทำอะไรใหญ่โตเลยดีกว่า ดังนั้นจึงมีแค่เธอ พี่หนิว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ฉีฉีเก๋อ และเฝิงอวี้รวมกันห้าคนก็พอแล้ว!

ห้าต่อหนึ่ง ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ชายพละกำลังมากก็เพียงพอแล้ว!

แต่ว่า—

คุณย่าหยางที่อยู่บ้านว่าง ๆพอได้ยินว่าวันนี้เหมยเหมยจะลงมือ อีกทั้งเป้าหมายยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เลวทรามต่ำช้าคนหนึ่งจึงทำให้เธอเลือดขึ้นหน้าเลยเป็นฝ่ายขอไปร่วมด้วย

“ฉันจะไปด้วย!”

“ไม่ได้ค่ะ คุณย่าอยู่บ้านเฉย ๆเถอะค่ะ!”

เหมยเหมยปฏิเสธเสียงแข็ง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คุณย่าอายุ 70 กว่าปีแล้ว ถ้าเกิดแข้งขาล้มขึ้นมาเธอจะไปบอกเหยียนหมิงซุ่นอย่างไร?

คุณย่าหยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้าฉันไปด้วยมีข้อดีเยอะเลยนะ ฉันจะไม่ลงมือแต่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ถ้าถึงตอนนั้นไอ้สารเลวนั่นจะแจ้งตำรวจขึ้นมาจริง ๆ พวกเธอก็บอกว่าฉันเป็นคนลงมือทำผลักภาระมาให้ฉันแทน ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว ตำรวจยังจะมาจับฉันอีกเหรอ?”

การอ้างว่าเป็นคนแก่ที่ทุกคนต้องเคารพไม่ใช่แค่ลมปาก!

อายุขนาดนี้แล้วไม่กลัวหรอกโจร แต่กลัวโดนหลอกมากกว่า!

เหมยเหมยหวั่นไหวตาม ความคิดของคุณย่าไม่เลวเลยทีเดียวเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเลย!

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคค่ะ…พวกเราตกลงกันตามนี้นะ คุณย่ายืนดูห่าง ๆห้ามลงมือ ไม่อย่างนั้นรอบหน้าหนูจะไม่พาคุณย่าไปแล้วนะ!” เหมยเหมยกำชับ

“รับประกันว่าจะไม่ลงมือ…คำพูดของฉันเชื่อถือได้!” หญิงชรารู้สึกตื่นเต้นมาก เธอจงใจเปลี่ยนใส่รองเท้าหนังหัวโตสีสันสดใสคู่หนึ่งก่อนออกจากบ้านซึ่งเป็นรองเท้าที่เหมยเหมยซื้อให้ก่อนหน้านั้น

คุณป้าฟางที่อยู่ข้าง ๆห้ามใจไม่ไหวจึงขอไปด้วย “ป้าไปเป็นบอดี้การ์ดให้ มีป้าอยู่ คุณย่าจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!”

จัดการผู้ชายสารเลว…แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว เธอจะได้ยืดเส้นยืดสายด้วยพอดี!

คนเยอะก็ไม่น่าต้องกังวลอะไร เหมยเหมยจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย “ไปเถอะ ไปเถอะ…!”

“แม่คะ…หนูก็จะไปด้วย!”

ลุงเหลาเพิ่งพาพวกเล่อเล่อกลับมาบ้าน ยังจับใจความเรื่องไม่ได้เล่อเล่อก็ขอมาร่วมวงด้วยแล้ว เธอกอดขาของเหมยเหมยไว้แล้วร้องเสียงโหยหวนเพราะถ้าได้ออกไปกับแม่จะต้องมีเรื่องสนุกแน่ แล้วยังมีของกินอร่อย ๆด้วย

“ไปให้หมดนี่เลย…วันนี้ครอบครัวเรามาร่วมฉลองวันสตรีสากลโลกล่วงหน้ากัน อาเหลา…อาหารมื้อเย็นเตรียมไว้ให้ดีล่ะ ถ้าเตรียมไม่ทันก็ให้ตาเฒ่าช่วยเป็นลูกมือ!”

คุณย่าหยางยิ้มตาหยีพร้อมพูดบอกลุงเหลาที่ยืนตะลึงแน่นิ่ง ผู้หญิงทุกคนออกบ้านด้วยพลังอันเปี่ยมล้นทิ้งให้คุณปู่เหยียนและลุงเหลามองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก

“คุณปู่ พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด?”

“ฮึ…ออกไปหาเรื่องต่อยตีคนอื่น…เห็นแก่ตัว…ออกไปเที่ยวก็ไม่พาพวกเราไปด้วย…”

คุณปู่เหยียนเดินไปเล่นกับเจ้านกน้อยที่สวนหลังบ้านด้วยไม้เท้าอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้สารเลวนั่นก็เลวพอ ๆกันกับลูกชายเขานี่แหละ เขาก็อยากจะใช้ไม้เท้าหวดใส่สักตั้ง แต่หญิงชรากับหลานสาวตาหามีแววไม่ ไม่เอ่ยชวนเขาไปด้วยสักนิด…ช่างน่าโมโหจริง ๆ!

ตอนแรกเหมยเหมยยังรู้สึกเอือมระอาอยู่บ้างเพราะมีทั้งคนชราและเด็กเหมือนออกไปเที่ยว แต่ครั้นเห็นคนทั้งสี่ที่เดินตามอยู่หลังเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วเธอก็ใจชื้นขึ้นมาก

ที่แท้พ่อปู่แม่ย่า รวมถึงพ่อและแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน…ต่างก็มากันหมด!

แถมสวมหน้ากากมาเองด้วย ทุกคนล้วนสวมหน้ากากสีขาวราวกับผีชีวะอย่างไรอย่างนั้น

“ใครดูแลนันนันล่ะ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“พี่สะใภ้ของฉันอยู่ที่บ้าน พวกเราออกเดินทางกันเถอะ วันนี้ต้องถลกหนังไอ้สารเลวนั่นออกมาให้ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบจะอดใจไม่ไหวพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย คุณแม่เหริ่นที่อยู่ด้านหลังก็เช่นเดียวกัน  มีอาวุธครบมือ ตัวสนับกันกระแทกก็ใส่ไว้เรียบร้อย!

เหมยเหมยกระตุกยิ้มมุมปาก…อยู่ดี ๆก็รู้สึกสงสารสามีของเฝิงอวี้ขึ้นมาเชียว!

การต่อสู้ในครั้งนี้…เกรงว่าจะต้องฝันร้ายไปอย่างน้อยครึ่งปีเลยล่ะ!

“ไปกันเถอะ…ไปดักที่ชมรมละครกัน!” เหมยเหมยส่งสัญญาณ พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น กลิ่นอายไม่เป็นรองเด็กวัยรุ่นอันธพาลสมัยก่อนเลย

หลังจากการแสดงละครเวทีสิ้นสุดลงสามีของเฝิงอวี้ก็เดินออกมา สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือรองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ใส่แว่นขอบทองมาดเก่งกาจคนนี้ ข้าง ๆดันมีหญิงสาวไร้เดียงสาอยู่ด้วย

ทั้งสองแสดงท่าทีสนิทสนม สามีของเฝิงอวี้วางมือบนไหล่ของหญิงสาวและก้มศีรษะลงเพื่อพูดคุยกับเธอ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาแน่นอน

…………………

Related

ตอนที่ 2697 หากลุ่มนักเลง

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็ไปปรึกษาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อ เธอเสนอความคิดของตัวเองไป ฉีฉีเก๋อตบมือเห็นด้วย “เห็นด้วย ฉันเข้าร่วมด้วยแน่นอน!”

แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับลังเล สักพักถึงถามขึ้นมาว่า “ใครเป็นออกเงิน?”

ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้คงใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ แถมมูลนิธิก็เป็นองค์กรการกุศลอีก องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรคงไม่มีรายได้แม้แต่แดงเดียว ดังนั้น…เรื่องทุนจึงเป็นเรื่องใหญ่

“ฉันออกเอง…ฉันออกเองทั้งหมด!” เหมยเหมยเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ เธอมีอย่างอื่นไม่เยอะแต่มีเงินเยอะ!

และถึงเวลาคืนให้สังคมแล้ว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบน “เธอนึกว่าใช้แค่หมื่นสองหมื่นเหรอไง? มูลนิธิเปรียบดั่งหลุมลึก ต่อให้เธอมีเงินมากมายขนาดไหนก็ถมไม่หมดหรอกนะ!”

“ไม่เป็นไรเลย ฉันจ่ายไหว!” เหมยเหมยมีเงินจริง ๆ เธอไม่ได้คิดมากเรื่องนี้เลย เงินที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด ต่อให้เป็นหลุมลึกขนาดไหนก็ถมให้เต็มได้

ฉีฉีเก๋อเอ่ย “ฉันก็ออกเงินได้เหมือนกัน!”

“พอเลย เงินนิดเดียวของเธอเก็บเอาไว้ใช้ตอนแก่เถอะ มีฉันกับเหมยเหมยอยู่ไม่ต้องให้เธอออกหรอก เธอมีเงินมากกว่าเราสองคนหรือไง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างหัวเสีย พอปริปากพูดหน่อยก็ไม่น่าฟังเหมือนเคย

ฉีฉีเก๋อชินชากับวิธีการพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนานแล้วจึงยิ้มตอบตกลง “ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ออกเองหมดเลย เดี๋ยวฉันทำงานให้แล้วกัน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจ ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา เธอจ้องฉีฉีเก๋อแน่นิ่งไม่กะพริบตาแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว!

เมื่อทั้งสามคนตกลงกันลงตัวแล้วเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงติดต่อไปหาพี่หนิว เดิมทีนึกว่าต้องพูดหว่านล้อมเหนื่อยหน่อยแต่พี่หนิวกลับตอบตกลงอย่างมีความสุข แถมไม่เอาเงินเดือนด้วย เธอแค่บอกว่าอยากช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้หญิงที่ทุกข์ทรมานเหล่านั้นอย่างแท้จริง

ดังนั้น…จุดเริ่มต้นของมูลนิธิกระโปรงสีชาดต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจึงจัดตั้งขึ้นด้วยประการนี้ แน่นอนว่ายังต้องผ่านกระบวนการประทับตราอีกหลายขั้นตอน โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นมีคนรู้จักข้างใน แค่โทรหาก็ช่วยเหมยเหมยจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น เพียงไม่ถึงครึ่งวันก็ประทับตราทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

จากนั้นมูลนิธิกระโปรงสีชาดร่วมช่วยเหลือและต่อต้านการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจึงจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ!

เหตุผลที่ตั้งชื่อว่ากระโปรงสีชาดเพราะเหมยเหมยหวังว่าผู้หญิงทุกคนจะสวมใส่กระโปรงแดงแล้วเต้นรำอย่างเริงร่าท่ามกลางสายลมเหมือนดอกกุหลาบสีแดง!

ไม่ใช่พอแต่งงานแล้วก็เหี่ยวแห้ง!

“พอดีเลยฉันมีบ้านหลังหนึ่งว่างอยู่เอามาทำเป็นออฟฟิศได้ ส่วนพนักงานฉันคิดว่าหาอาสาสมัครน่าจะดีกว่า ถ้าจะให้ดีเลยควรจะมีความรู้ทางด้านหมอ ทนายความ หรือด้านจิตวิทยาด้วย แน่นอนว่าต้องจ้าง ‘กลุ่มนักเลง’ มาด้วย” เหมยเหมยเสนอความเห็น

“นักเลงอะไร? พวกเราเป็นมูลนิธิที่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำสิ่งที่ผิดกฎหมายไม่ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนย้ำเตือน

เหมยเหมยยิ้มอย่างเย็นชา “ผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ชอบทุบตีผู้หญิงหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาลิ้มรสความรู้สึกที่ถูกผู้หญิงทุบตีบ้างไง ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เอาถึงตายสักหน่อย แอบทำก็พอ อย่างมากตำรวจก็แค่ถามนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

พวกตำรวจยุ่งกันจะตาย จะเอาเวลาที่ไหนมายุ่งเรื่องไร้สาระแบบนี้!

ฉีฉีเก๋อกลับเห็นดีงามด้วยแล้วออกตัวว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันสมัครเป็นนักเลงเอง จะซัดพวกสารเลวนั่นจนแม้แต่พ่อแม่พวกมันก็ดูไม่ออกว่าเป็นใครเลย!”

“เธอคนเดียวไม่พอต้องไปหาเพิ่มอีก ทางที่ดีควรเป็นผู้หญิงที่เคยเจอเรื่องความรุนแรงในครอบครัวจะได้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่หน่อย”

เหมยเหมยยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งมา เธอเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้เมื่อคืน การที่จะต่อกรกับผู้ชายเลว ๆพวกนี้ลำพังแค่อบรมสั่งสอนด้วยคำพูดไม่มีประโยชน์หรอก คำพูดดีดีเป็นหมื่น ๆคำก็สู้ไม้หน้าสามหวดสักตั้งไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องลงมือจัดการซัดให้หมอบไปเลย แบบนี้ถึงจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง

พี่หนิวเห็นด้วยกับความคิดของเหมยเหมยอย่างมาก “เดี๋ยวนักเลงพี่ไปหาเอง แค่สิบกว่าคนไม่ใช่ปัญหาเลย พวกเขาล้วนเคยทุกข์ทรมานเพราะผู้ชายมาแล้วทั้งนั้น!”

เหมยเหมยตบแปะมือกับเธอแล้วเอ่ยพร้อมกลิ่นอายนักสู้ “ภารกิจแรกของมูลนิธิกระโปรงสีชาดของพวกเราก็คืออาจารย์มหาวิทยาลัยสารเลวนั่น พี่ อย่าให้เพื่อนพี่อ่อนข้อเด็ดขาดเลยนะ แล้วก็อย่าต่อยหน้าล่ะ!”

……………………………………….

ตอนที่ 2698 เข็มเงินของหรงโมโม

“ทำไมถึงไม่ให้ต่อยที่หน้าล่ะ? ต่อยหน้ารู้สึกสะใจกว่าอีกนะ?” ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเธอจะเตะหน้าอาจารย์มหาวิทยาลัยที่วางมาดขรึมนั่นจนบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรหายไปเลย!

“เธอบื้อหรือไง…การทำร้ายร่างกายผิดกฎหมาย เราต้องแอบทำจะทิ้งหลักฐานไว้ไม่ได้ เจ้าหมอนี่ฉลาดจะตาย เวลาทำร้ายภรรยายังเป็นแผลใต้ร่มผ้าจนคนภายนอกมองไม่ออกเลยสักนิด แบบนี้เรียกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีดตัวขึ้นมาแล้วตบศีรษะของฉีฉีเก๋อไปทีหนึ่ง โตมามีแต่สมองเปล่าจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อลูบศีรษะตัวเองแล้วทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ กำหมัดแล้วร้องขึ้นว่า “ได้…เตะเข้าที่ท้องไง ให้ฉันจัดการเอง!”

ช่วงนี้เธอเพิ่งลงทะเบียนเรียนมวยไป หากผสมผสานกับมวยปล้ำที่เธอเรียนมาก่อนหน้านั้น แม้แต่โค้ชผู้ฝึกสอนก็สู้เธอไม่ได้แน่

“เธอไม่ต้องไปเลย เธอมือหนักเกินไปเดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่โตเอาได้ พวกเราต้องใช้เล่ห์กลหน่อย จะจัดการคนทั้งทีก็ทำให้ดูดีมีอารยธรรม อย่ากระทำแบบป่าเถื่อนเลย” เหมยเหมยยิ้มเจ้าเล่ห์

เธอคิดไว้นานแล้วว่าเธอจะจัดการผู้ชายสารเลวพวกนั้นอย่างไร!

ให้พวกมันรู้จักเข็มเงินของหรงโมโมหน่อยแล้วกัน!

ทำร้ายคนโดยไม่ทิ้งรอยแผลไว้แต่ทำให้คุณเจ็บปวดถึงทรวงใน ถึงจะไปหาตำรวจก็ไม่มีประโยชน์ ช่างเป็นเครื่องมือที่จัดการผู้ชายเลว ๆได้ดีไม่หยอกเลย!

“ใช้สิ่งนี้…แต่ละเล่มยาวสามนิ้ว แทงคนแล้วไม่ตาย ถือไว้คนละเล่มนะ เอาไว้จัดการเจ้าหมาป่าที่ทารุณคุณครูให้ตายไปเลย!”

เหมยเหมยล้วงหยิบเข็มเงินวาววับออกมาจากกระเป๋า ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นจ้างทำมาให้เธอไว้สำหรับป้องกันตัวโดยเฉพาะ แต่ว่าเธอใช้ไม่ค่อยถนัดมือเลยใช้นับครั้งได้ แต่ตอนนี้คงต้องลำบากมันหน่อยแล้ว!

“โดนแทงแล้วเจ็บไม่เบาเลยนะเนี่ย ไม่เลวเลย…ไม่ปางตายถึงชีวิตด้วย เหมยเหมยนี่รอบคอบจริง ๆ…จริงสิ…พวกนี้เป็นเข็มเงินเหรอ?” บทสนทนาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องวัสดุที่เอามาทำเข็มแล้ว

เหมยเหมยชะงักแล้วก็พยักหน้า “ไม่ใช่เงินแท้หรอก มีโลหะอื่น ๆผสมด้วย ถ้าเงินแท้จะอ่อนเกินไป”

“ถ้าอ่อนไปก็ใช้เหล็กสิ ใช้โลหะผสมอะไรกัน พวกสารเลวนั่นไร้ราคาจะตาย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจ โลหะผสมที่เหยียนหมิงซุ่นใช้ต้องไม่ใช่วัสดุราคาถูกแน่ เข็มเงินอันหนึ่งคงจะแพงกว่าทองแหง

เหมยเหมยกลั้นขำไม่อยู่ คำนวณเก่งจริง ๆ เหมือนเป็นลูกคิดมาตั้งแต่เกิด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งจึงถามพี่หนิวขึ้นว่า “ภรรยาของเจ้าหมอนั่นคงหมดรักแล้วใช่ไหมคะ? ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวเราไปสั่งสอนผู้ชายแทนเขา เธอจะเปลี่ยนใจมาหักหลังเราได้!”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องลูก เฝิงอวี้คงพลั้งมือฆ่าผู้ชายของเธอไปแล้ว มีหลายครั้งที่หยิบมีดขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ลงมือสักที!” พี่หนิวทุบอกรับประกัน

เหมยเหมยครุ่นคิดแล้วพูด “เอาอย่างนี้ไหม งั้นให้เฝิงอวี้มาจัดการสั่งสอนไอ้สารเลวพร้อมกับพวกเราด้วยเลย เพราะอย่างไรพวกเราก็สวมหน้ากาก ไอ้สารเลวนั่นไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร!”

อีกอย่างแบบนี้ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของเฝิงอวี้ด้วย ตามที่พี่หนิวบอกเฝิงอวี้มีอาการซึมเศร้าหลังจากเผชิญความรุนแรงมาเป็นระยะเวลานาน ร่างกายย่ำแย่ โรคมะเร็งเต้านมทวีอาการหนักขึ้นมากซึ่งปีที่แล้วเพิ่งผ่าตัดไป คุณหมอก็พยายามให้เธอรักษาสภาพจิตใจไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นจะอันตรายมาก

ส่วนใหญ่มะเร็งเต้านมเกิดจากภาวะซึมเศร้าของผู้หญิง สถานการณ์ของเฝิงอวี้จึงอันตรายมาก เธอต้องเอาความเครียดในใจระบายออกมาถึงจะดีขึ้น

พี่หนิวมาหาเฝิงอวี้ เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็ตามมาด้วย ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่บ้านเลี้ยงนันนันเพราะเจ้าตัวน้อยติดเธอมาก ทำเอาคุณหนูเหริ่นทั้งภูมิใจและเสียใจและตระหนักถึงความยากลำบากในการเป็นแม่ล่วงหน้า แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสุขของความเป็นแม่ซึ่งทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน!

เฝิงอวี้เป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ตอนที่พวกเหมยเหมยไปถึงเฝิงอวี้เพิ่งจะเลิกสอน ในมือหอบการบ้านปึกหนึ่ง สีหน้าดูย่ำแย่มาก ผอมแห้งจนน่าตกใจ แต่ดูแข็งแรงกว่าเยวี่ยเซียงหน่อย

“กระโปรงสีชาด? จะช่วยฉันสั่งสอนสามีงั้นเหรอ?” เฝิงอวี้มองเหมยเหมยด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงหน้าตาสวยคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่พี่หนิวพาเธอมาด้วยคงไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน

………………………………

Related

ตอนที่ 2695 ทำไมถึงไม่ออกกฎหมายคัดค้านความรุนแรงในครอบครัว

เหมยเหมยให้ทางโรงพยาบาลจัดห้องพักเดี่ยวให้เยวี่ยเซียง ส่วนนันนันฝากไว้ที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้ช่วยเลี้ยงดูไปก่อน จะว่าไปแล้วเด็กคนนี้มีวาสนากับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาก ในบรรดาเธอสามคนนันนันชอบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากที่สุด ขอแค่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็จะหัวเราะคิกคักไม่หยุด มีความสุขเป็นพิเศษ

ในที่สุดช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายก็สิ้นสุดลง เธอกลับบ้านไปทานอาหารมื้อค่ำได้ตรงเวลาสักที

มื้อเย็นคุณย่าหยางเอ่ยถามเรื่องเยวี่ยเซียงขึ้นมา คุณย่าได้ฟังเรื่องของเยวี่ยเซียงแค่รอบเดียวแต่กลับจำได้ขึ้นใจ

“เฮ้อ…พยายามเต็มที่แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้วล่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าเยวี่ยเซียงจะอดทนได้นานแค่ไหน!” เหมยเหมยลอบถอนหายใจไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด

ช่วงหลายวันมานี้สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยดีนัก เรื่องของเยวี่ยเซียงไม่ใช่เหตุผลหลักแต่เพราะเธอกับพี่หนิวคุยกันเยอะมาก จากนั้นก็ค้นพบว่าสังคมที่เธอนึกฝันว่างดงามมีอารยธรรม แท้จริงแล้วยังมีความรุนแรงซ่อนอยู่ในหลายครอบครัว

นอกจากนี้คำพูดของพี่หนิวยังทำให้สิ่งที่เธอเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวกลับตาลปัตรไปหมด

เมื่อก่อนเธอนึกว่าความรุนแรงในครอบครัวมีพื้นฐานมาจากการที่ผู้ชายไร้การศึกษา นิสัยต่ำทรามถึงได้ลงมือทุบตีผู้หญิง แต่ในความเป็นจริงแล้วผิด ความรุนแรงทางครอบครัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาหรือคุณธรรมที่สูงหรือต่ำเลยสักนิดเดียว

พี่หนิวบอกว่าเธอเคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคุณครูสอนชั้นมัธยมปลาย หน้าตาสะสวยและเฉลียวฉลาด ส่วนผู้ชายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งสามีและภรรยาต่างเป็นผู้มีการศึกษา ซึ่งตามหลักแล้วไม่ควรมีความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้าน

แต่ในความเป็นจริงผู้ชายที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่เคยหยุดใช้ความรุนแรงกับภรรยาของเขาในช่วงระยะเวลาแต่งงานตลอดสิบปีเลย

แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนี้ฉลาดยิ่งกว่าสามีของเยวี่ยเซียง รอยแผลที่สร้างขึ้นล้วนแต่เป็นแผลที่ปกปิดอยู่ใต้ร่มผ้าทั้งนั้น คนข้างนอกไม่มีทางเห็น อีกทั้งตัวภรรยาเองก็เลือกที่จะอดทนเพื่อลูกและศักดิ์ศรีของตัวเอง แม้กระทั่งให้ความร่วมมือกับสามีแสร้งทำเป็นคู่รักหวานแหววให้เกียรติซึ่งกันและกันต่อหน้าคนอื่นอีกต่างหาก

แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ลูกชายของสามีภรรยาคู่นี้ อีกทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกนั้นต่างยังคิดว่าเขาทั้งคู่เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาเหมืองหงส์คู่ฟ้าด้วยซ้ำ!

ดังนั้น…ความรุนแรงในครอบครัวจึงไม่เกี่ยวกับการศึกษาและตำแหน่งทางสังคม…เลยสักนิดเดียว!

อีกทั้งผู้หญิงที่เจอความรุนแรงในครอบครัวเหล่านี้ส่วนมากจะยอมเก็บงำและอดทน!

ส่วนคนที่ลุกขึ้นสู้อย่างเยวี่ยเซียง นับว่าหาได้ยากเหลือเกิน!

คุณย่าหยางและป้าฟางต่างลอบถอนหายใจให้กับเรื่องราวที่เยวี่ยเซียงต้องประสบพบเจอ เมื่อเห็นว่าเหมยเหมยรู้สึกแย่ คุณย่าหยางจึงปลอบเธอว่า “เธอพยายามดีที่สุดแล้ว แม้ว่าเยวี่ยเซียงจะน่าสงสาร แต่ก็อย่าทำให้เขามาส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเราเลย สุขภาพจิตดีเป็นปัจจัยสำคัญของสุขภาพที่ดีเลยนะ”

“อืม…หนูทราบค่ะ แค่ช่วงหลายวันมานี้สัมผัสเรื่องราวในแง่นี้มากเกินไปเลยรู้สึกแย่ก็เท่านั้น เดี๋ยวผ่านไปสักพักก็ดีขึ้นค่ะ” เหมยเหมยยิ้ม

เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งหลายตัวให้เธอพร้อมเอ่ย “แม้ว่าสามีของเยวี่ยเซียงจะไม่ตายแต่อาการก็หนักพอสมควร ไม่น่าจะใช้แรงทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนได้แล้วล่ะ”

“สมน้ำหน้า…ตายไปได้ยิ่งดี!” เหมยเหมยก่นด่าด้วยความเกลียดชัง

เรี่ยวแรงของเยวี่ยเซียงมีน้อยไป ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอละก็จะต้องฟันให้คนสารเลวนี่ตายคามือเลย เพราะต่อให้ตายไปก็เป็นแค่การป้องกันตัวที่เกินเหตุผลไปหน่อยเท่านั้น!

ครั้นเห็นว่าคนในครอบครัวต่างดูเป็นห่วงเธอ เธอจึงรีบอธิบายถึงสาเหตุว่า “ฉันก็แค่โมโหกฎหมายของประเทศเราที่ไม่ตั้งข้อกฎหมายคดีใช้ความรุนแรงในครอบครัวเลยทำให้พวกผู้ชายคิดจะทำอะไรก็ทำไม่เกรงกลัวสักนิด…โกรธเป็นบ้า!”

ขณะที่พูดเหมยเหมยก็ถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่น ผู้ชายก็โรคจิตเหมือนกันทั้งนั้น!

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆ หายนะที่ไม่คาดคิดมาเยือนอีกแล้ว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นฝีมือของสามีเยวี่ยเซียงก่อขึ้นมาทั้งนั้น เดี๋ยวจะส่งคนไปแอบสั่งสอนสักหน่อย อย่างไรเสียก็แค่คนเลวคนหนึ่งตายไปก็ช่างปะไร แถมช่วยลดภาระให้โลกได้ด้วย!

“พี่ไม่ได้เป็นคนออกกฎหมายสักหน่อย!” เหยียนหมิงซุ่นแก้ต่างให้ตัวเอง จริง ๆแล้วเขาก็ไม่ชอบพวกผู้เชี่ยวชาญอะไรพวกนั้นหรอก แต่ละคนดีแต่ทำหน้าขึงขัง ทั้งยังออกกฎหมายที่มีช่องโหว่เต็มไปหมด!

……………………………………….

ตอนที่ 2696 กฎหมายมีที่ไหนที่คิดจะแก้ก็แก้ได้

เหมยเหมยเองก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มโวยวายอย่างไร้เหตุผลจึงค่อย ๆผ่อนปรับอารมณ์แล้วยิ้มอ้อนเหยียนหมิงซุ่น “ฉันรู้ว่าพี่ไม่ใช่คนออกกฎหมาย ฉันก็แค่รู้สึกรำคาญใจ พอเห็นผู้หญิงหลายคนเผชิญเรื่องความรุนแรงในครอบครัวแต่กฎหมายกลับลงโทษไม่ได้ ฉันก็เลยโมโห…”

เธอรู้สึกอยากเป็นเหมือนในเรื่องจอมโจรดอกเหมยพิทักษ์ธรรม ที่ไหนมีความรุนแรงในครอบครัวเธอก็จะปรากฏตัวที่นั่นเพื่อผดุงความยุติธรรมแทนพระเจ้า กำจัดพวกปีศาจมารร้ายไปให้หมด!

แต่ปัญหาก็คือเธอไม่ใช่ชายในเรื่องจอมโจรดอกเหมยพิทักษ์ธรรมและไม่มีความสามารถนั้นด้วย!

คุณย่าหยางเองก็นึกโมโหเช่นกันเลยก่นด่าว่า “ต้องสั่งสอนพวกสัตว์นรกนั่นบ้าง เกลียดที่สุดพวกผู้ชายที่ทุบตีทำร้ายผู้หญิง คนเลวพวกนี้ต้องจับเข้าคุกเอาไปสั่งสอนสักหน่อย ถ้าปรับปรุงตัวไม่ได้ก็ไม่ต้องปล่อยออกมาทำร้ายคนอื่น!”

“ใช่ค่ะ…ต้องจับเข้าคุกให้หมด พี่…รู้จักพวกคนในหน่วยงานชั้นศาลไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นพี่ลองไปคุยกับพวกเขาดูว่าถ้าออกกฎหมายคุ้มครองความรุนแรงในครอบครัวขึ้นมาดีไหม?” เหมยเหมยดวงตาเป็นประกายผุดความคิดขึ้นมา

คุณย่าหยางเองก็เอ่ยเห็นพ้องด้วย “นั่นสิ หมิงซุ่น หลานช่วยพูดหน่อย จัดการไอ้พวกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นไปเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าไม่ถูก “ทำไมคุณย่าถึงไปคล้อยตามเหมยเหมยได้ล่ะครับ? มีกฎหมายที่ไหนคิดจะแก้ก็แก้ได้เลย? กระบวนการภายในยุ่งยากวุ่นวาย แล้วยังต้องให้นายใหญ่เซ็นเห็นชอบอีก ง่ายที่ไหนกัน!”

เหมยเหมยรู้สึกท้อแท้ ทำหน้าบูดบึ้งอย่างเศร้าใจ

คุณย่าหยางเบะปาก “ประเทศเราทำอะไรก็ยุ่งยากกฎเกณฑ์เยอะไปหมด จัดการเรื่องแค่วันเดียวแต่ต้องยื่นเรื่องขออนุมัติเป็นเดือน ไม่มีประสิทธิภาพเลยสักนิด!”

เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก ใช่เลย…แม้แต่เรื่องเล็กน้อยยังต้องวิ่งประทับตราให้วุ่น จุดที่ต้องประทับตราก็คนละที่ ซึ่งกว่าจะประทับตราครบขาคงวิ่งจนล้าหมดแล้ว

“เอ๊ะ…ฉันนึกออกแล้ว เราทำตามต่างประเทศก็ได้นี่นา ไม่ต้องหวังพึ่งตำรวจแต่จัดตั้งมูลนิธิการกุศลขึ้นเองเลย ตั้งมูลนิธิต่อต้านเรื่องความรุนแรงในครอบครัว โดยให้ผู้หญิงที่เจอความรุนแรงในครอบครัวโทรหาพวกเราเพื่อขอความช่วยเหลือ แค่นี้ก็น่าจะช่วยเหลือพวกเขาได้บ้างแล้ว!” คุณย่าหยางตบขาตัวเองอย่างแรง รู้สึกตื่นเต้นเมื่อผุดความคิดดี ๆออก

คุณย่ามักชอบอ่านข่าวและหนังสือพิมพ์ต่างประเทศเป็นประจำ ช่วงสองสามเดือนก่อนเหมยเหมยยังออกเงินให้เธอและพวกเพื่อน ๆไปเที่ยวอเมริกามาอยู่เลย ถือว่าได้เปิดโลกทัศน์ไปไม่น้อย เพียงครู่เดียวก็คิดวิธีแก้ปัญหาได้

ดวงตาของเหมยเหมยลุกวาว วิธีของคุณย่าหยางถือว่าไม่เลวเลย ในต่างประเทศมีมูลนิธิการกุศลแบบนี้อยู่ไม่น้อย แต่ในประเทศเรากลับไม่มีเลยสักที่เดียว แต่เธอเป็นคนริเริ่มเป็นคนแรกได้นี่นา! ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงแต่เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่น่าสงสารอย่างเยวี่ยเซียงเหล่านั้นด้วยใจจริง!

อย่างไรก็ตามเธอมีเวลาและมีเงินด้วย ฉะนั้นเหมาะที่จะเป็นคนริเริ่มทำเรื่องพวกนี้จริง ๆ!

“คุณย่าฉลาดกว่าขงเบ้งอีก ความคิดเยี่ยมไปเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปปรึกษาพวกเชี่ยนเชี่ยนดู” เหมยเหมยยกนิ้วให้คุณย่าพร้อมชื่นชมด้วยใจจริง

คุณย่าหยางได้ใจสุด ๆ อย่างไรเสียขิงแก่ก็ร้อนแรงกว่า!

เธอผ่านอะไรในชีวิตมามากกว่าหลานหรือลูกสะใภ้ตั้งมาก จะคิดอะไรดี ๆไม่ออกได้อย่างไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นกระแอมเสียง จริง ๆแล้วเขาไม่อยากจะให้ภรรยาของเขาไปจัดตั้งมูลนิธิเพื่อต่อต้านเรื่องความรุนแรงในครอบครัวอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของเหมยเหมยเป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าเรื่องพวกนี้เสียแรงเหนื่อยเปล่า หากคิดจะทำให้ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น!

หรือกระทั่งอาจจะต้องเจอเรื่องทุกข์ทรมานใจไม่น้อยซึ่งเขาจะไม่ยอมให้เหมยเหมยไปเจอเรื่องพวกนี้แน่ ดังนั้น—

“เธอมีประสบการณ์ทางด้านนี้ยังไม่พอ ออกเงินออกได้แต่จะเป็นผู้รับผิดชอบไม่ได้ เธอต้องหาคนที่มีประสบการณ์มาเป็นผู้รับผิดชอบ เธอออกเงินส่วนเขาก็ออกแรง” เหยียนหมิงซุ่นคิดหาวิธีประนีประนอมขึ้นมาได้

เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเพราะเยอะกว่านี้เขาก็ให้ได้ แต่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลยกให้คนอื่นไปทำแทนจะดีกว่า!

“ฉันคิดออกนานแล้วว่าจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องเป็นพี่หนิวเท่านั้น พี่หนิวทำได้แน่นอน!”

เหมยเหมยคิดถึงพี่หนิวตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเธอแล้ว!

………………………

Related

ตอนที่ 2693 ผู้หญิงที่เกิดมาจากความขมขื่น

เหมยเหมยยังไม่ยอมแพ้ เธอคิดจะพาเยวี่ยเซียงไปรักษาที่อเมริกาจึงถามผู้เชี่ยวชาญว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญลอบถอนหายใจ “อย่าทรมานต่ออีกเลยครับ แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ของอเมริกาจะแกร่งกว่าของฮวาเซี่ยหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เทพเจ้าที่จะชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนได้ เอางี้…เห็นกล้วยลูกนี้ไหมครับ?”

เหมยเหมยชะงักไปแล้วเห็นผู้เชี่ยวชาญดึงกล้วยลูกหนึ่งที่สุกแล้วออกมาปอกเปลือกกัดคำโตจนเหลือแค่ครึ่งลูก ฝั่งที่กัดมีจุดดำ ๆขึ้นอยู่หนาแน่นเต็มไปหมด ซึ่งมันก็คือเมล็ดของกล้วยนั่นเอง

เธอไม่เข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญโชว์การกินกล้วยให้เธอดูเพื่ออะไร?

ท่ากินก็ดูไม่สง่างามเอาเสียเลย ดูแข็งกระด้างที่สุด!

“มองเห็นเม็ดดำ ๆพวกนี้ไหมครับ?” ผู้เชี่ยวชาญกินกล้วยไปก็ชี้จุดดำบนเนื้อกล้วยอีกฝั่งที่ถูกกัดไป

เหมยเหมยพยักหน้า เธอเห็นแน่นอนอยู่แล้ว สายตาเธอทั้งสองข้างยังปกติดีอยู่ เธอทนไม่ไหวจึงถามขึ้นว่า “ศาสตราจารย์คะ ฉันอยากถามว่าถ้าไปอเมริกาจะช่วยเยวี่ยเซียงได้ไหมคะ?”

ผู้เชี่ยวชาญโบกมือไปมาบอกเป็นนัยให้เธออย่าเพิ่งรีบร้อนแล้วชี้กล้วยฝั่งที่ถูกกัดพร้อมเอ่ยว่า “ตอนนี้ที่ผมพูดก็เรื่องนี้แหละ ร่างกายของคนป่วยก็เหมือนกับกล้วยลูกนี้ เซลล์มะเร็งก็เหมือนกับเมล็ดดำ ๆพวกนี้ คุณก็มองเห็นแล้ว เมล็ดสีดำแพร่กระจายไปยังตัวกล้วยทั้งลูก หากคิดจะกำจัดเซลล์มะเร็งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะมันกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด…”

เหมยเหมยเข้าใจในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต้องการสื่อพลันก็ใจชาวาบ เยวี่ยเซียงเพิ่งจะจุดประกายความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับถูกตัดสินให้ต้องตาย แล้วแยยนี้เยวี่ยเซียงจะรับได้อย่างไรไหว?

“ไม่มีหนทางเลยจริง ๆเหรอคะ? ไม่ต้องกำจัดเซลล์มะเร็งทิ้งก็ได้แต่ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้หน่อยก็ยังดี เงินไม่ใช่ปัญหาจริง ๆ ศาสตรจารย์คะ…คุณไม่รู้หรอกว่าผู้ป่วยคนนี้ลำเค็ญขนาดไหน…ลำบากมากจริง ๆ!”

เหมยเหมยพูดพลางกลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบาก เธอรู้เรื่องราวชีวิตของเยวี่ยเซียงมากจากพี่หนิว หลังจากที่ฟังแล้วความคิดที่มีเพียงหนึ่งเดียวในตอนนั้นก็คือชีวิตของเธอในอดีตแม้จะยากลำบากไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับเยวี่ยเซียง…กลับเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ!

เยวี่ยเซียงไม่ใช่คนในพื้นที่ บ้านเกิดอยู่ไม่ไกลจากเมืองจินแต่เป็นหมู่บ้านหุบเขาที่ยากจนข้นแค้นมากแห่งหนึ่ง สามีของเธอก็เป็นคนในหมู่บ้านนั้น แต่ฐานะทางบ้านดีกว่าหน่อย เพราะว่าครอบครัวของสามีเปิดแผงขายของอยู่ในเมืองหลวง แม้จะมีรายได้ไม่มากนักแต่ถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้านเดียวกันก็นับว่าดีกว่ามากแล้ว

อีกอย่างเขายังซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงด้วย ถ้าจะว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนในเมืองหลวง ในหมู่บ้านจึงนับว่าเป็นคนร่ำรวย เยวี่ยเซียงเกิดมาเป็นคนสวยและขยัน แต่น่าเสียดายที่เธอมีพ่อที่เห็นลูกชายดีกว่าลูกสาว เธอซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในบ้านและมีน้องสาวอีกสี่คน เพื่อให้กำเนิดลูกชาย หลังคาที่บ้านถูกทางการรื้อออกไปจนหมด ไม่เหลือหมูเป็ดไก่วัวเลยสักตัว ในแต่ละมื้อได้แต่กินผักกาดดองเค็มกับโจ๊ก ไม่มีไขมันเลยสักนิด แม้แต่อาหารแบบนี้ครอบครัวของเธอก็ยังต้องอดมื้อกินมื้อ ยากจนข้นแค้นเหลือเกิน

ตอนเยวี่ยเซียงอายุ 18 ปี หน้าตาสะสวยโดดเด่นมาก เมื่อสามีเธอเห็นจึงตกหลุมรักแต่แม่สามีของเธอกลับไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ขัดลูกชายไม่ได้จึงต้องมาสู่ขอ

พ่อของเยวี่ยเซียงก็กล้าเอ่ยปากขอสินสอดห้าพันหยวน เมื่อหกปีก่อนเงินจำนวนห้าพันหยวนถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ตอนนั้นสามีของเยวี่ยเซียงลุ่มหลงในตัวเยวี่ยเซียงมากจึงยอมที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ ดังนั้น…เยวี่ยเซียงจึงถูกขายด้วยวิธีนี้

จากนั้นเป็นต้นมาชีวิตอันมืดมนของเยวี่ยเซียงก็ได้เริ่มต้นขึ้น

เมื่อนับดูแล้วช่วงหกปีมานี้เธอได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขอยู่ทั้งหมดสองเดือน

แต่หลังจากสองเดือนผ่านไปอารมณ์ลุ่มหลงก็หมดลงแล้วนึกถึงเงินห้าพันก้อนนั้นขึ้นมา อีกทั้งแม่สามีที่มักจะยุแหย่ให้เกิดความบาดหมางกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้จึงกลายเป็นว่าไม่ชอบเยวี่ยเซียงจึงทั้งทุบตีและก่นด่าอยู่ตลอด…

ตลอดหกปีมานี้เยวี่ยเซียงตั้งท้องทั้งหมดสี่ครั้ง แต่สามครั้งแรกถูกผู้ชายทุบตีจนแท้งไปทุกรอบ

จนครั้งสุดท้ายแม่สามีที่กังวลว่าจะไม่ได้อุ้มหลานจึงห้ามลูกชายไว้ การตั้งครรภ์ครั้งนี้ถึงได้รอดมาได้

แต่เพราะได้ลูกสาว ทั้งแม่สามีและสามีจึงยิ่งรังเกียจเธอมากกว่าเดิม เธอไม่ได้อยู่เดือนด้วยซ้ำก็ให้เยวี่ยเซียงทำงานหนักทุกวัน แล้วยังไม่ให้เธอกินข้าวอิ่มท้องอีกต่างหาก ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่ามะเร็งกระเพาะของเธอเป็นฝีมือของสัตว์นรกสองตัวนี้แหละ

……………………………………….

ตอนที่ 2694 พยายามสุดความสามารถ ตามแต่พระเจ้าจะประธาน

สรุปแล้วเรื่องร้าย ๆที่เยวี่ยเซียงต้องเผชิญมามากมายกล่าวได้ว่า…ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีวันที่ได้กินอิ่มนอนหลับ ทั้งชีวิตต้องอยู่ในความมืดมิดมาตลอด

ตอนเป็นเด็กก็ถูกพ่อแม่เอาเปรียบ พอแต่งงานก็ถูกสามีและแม่สามีทารุณ…

เหมยเหมยเล่าเรื่องชีวิตของเยวี่ยเซียงให้ผู้เชี่ยวชาญฟังคร่าว ๆ ผู้เชี่ยวชาญก็ถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าไม่หยุด “โรคของเธอมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตที่ผ่านมาของเธออย่างมาก เมื่อต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้เป็นเวลานาน เซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์จะโผล่มา จนท้ายที่สุดก็เอาชนะเซลล์ปกติได้แล้วกลายเป็นมะเร็ง…”

ดังนั้นคนที่สภาพจิตใจดีสุขภาพก็ย่อมดีตามไปด้วย ส่วนคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมีเรื่องกลุ้มใจทุกวันก็จะถูกโรคมากมายมารุมเร้าจนร่างกายย่ำแย่ตามไปด้วย!

ผู้เชี่ยวชาญครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันคุณไม่ต้องไปอเมริกาหรอก เพราะไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียทั้งเงินและเวลา อีกอย่างผู้ป่วยก็ทนความทรมานไม่ไหวแล้วด้วย เดี๋ยวผมจะยื่นเรื่องนำเข้ายาที่รักษามะเร็งเข้ามาลองมาใช้กับผู้ป่วยดูซึ่งน่าจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ผมรับประกันไม่ได้นะครับว่าจะยื้อไปได้อีกนานแค่ไหน เรื่องนี้คงต้องดูความใจสู้ของเธอแล้ว!”

“ขอบคุณนะคะศาสตราจารย์…ขอบคุณคุณมากจริง ๆค่ะ!”

เหมยเหมยรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอรู้ว่ายาที่นำเข้านอกจากจะราคาแพงสูงลิ่วแล้วยังมีปริมาณน้อยอีกต่างหาก  โดยทั่วไปมักจะใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับสิทธิพิเศษ การที่ผู้เชี่ยวชาญฉีกกฎให้เยวี่ยเซียงใช้เป็นกรณีพิเศษถือว่าเป็นการช่วยครั้งใหญ่จริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างรอฟังอาการอยู่ พอเห็นเหมยเหมยเดินออกมาก็รีบมาล้อมเหมยเหมยไว้เพื่อจะถามถึงอาการ

เหมยเหมยส่ายศีรษะและพูดในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบอก “พยายามสุดความสามารถแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้วล่ะ จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความใจสู้ของเยวี่ยเซียงด้วย”

 “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ฉันจะพาไปรักษาที่อเมริกา เดี๋ยวฉันจะให้อิงจวี้กังติดต่อเพื่อนที่อเมริกาดู” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนร้อนใจ เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์โทรหาอิงจวี้กังแต่เหมยเหมยรั้งไว้ก่อน

“ฉันถามไปก่อนหน้านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอก ร่างกายของเยวี่ยเซียงทนไม่ไหวแล้ว ทางอเมริกาเองก็หมดหนทางรักษาเช่นกัน เขาบอกว่าพวกเราอย่าทรมานเยวี่ยเซียงอีกเลย”

“ถ้างั้นจะทำอย่างไรล่ะ…นันนันยังเด็กขนาดนี้ แล้วเยวี่ยเซียงก็น่าสงสารมาก…พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาเสียเลย คนเลวมีชีวิตที่ดี แต่คนดีกลับอายุสั้น…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอสงสารสองแม่ลูกเยวี่ยเซียงจริง ๆ เมื่อก่อนเธอยังคิดว่าพ่อของเธอเป็นคนเลว แต่เมื่อเทียบกับพ่อแท้ ๆที่โหดร้ายแบบนั้น พ่อของเธอยังมีจิตใจเมตตามากกว่าเทวดาหลายร้อยเท่า!

อย่างน้อยแม้พ่อของเธอจะอยากได้ลูกชายมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยบอกว่าจะทิ้งเธอ ในแต่ละเดือนถ้าเธอต้องการเงินเท่าไรก็ให้เท่านั้น ไม่เคยน้อยลงเลยสักครั้งเดียว!

“เอาน่า…ร้องไห้ไปก็ไร้ประโยชน์ อย่าไปร้องไห้ต่อหน้าเยวี่ยเซียงเชียวล่ะ ยิ้มเข้าไว้…อย่าให้เยวี่ยเซียงจับผิดได้ เดี๋ยวพวกเรามาเตี๊ยมกันก่อนจะได้ไม่หลุด!”

ทั้งสามคนปรึกษากันอย่างรวดเร็ว พวกเธอวางแผนปิดบังแม้กระทั่งสี่ชราและจะบอกเพียงว่าผู้เชี่ยวชาญมียาพิเศษที่ช่วยเยวี่ยเซียงได้ เพื่อให้เยวี่ยเซียงมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป บางที…ปาฏิหาร์ยอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้?

เยวี่ยเซียงเปลี่ยนชุดผู้ป่วยเรียบร้อยกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงกับนันนัน ดูแล้วสภาพจิตใจไม่เลวเลย เพียงแต่สีหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาด

“วางใจเถอะ…คนที่ฉันหามาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์มะเร็งที่เก่งที่สุดในประเทศ โรคของเธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะต้องหายดีอย่างแน่นอน” เหมยเหมยพูดอย่างสบาย ๆราวกับว่ากำลังพูดถึงการรักษาโรคหวัดอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากพี่หนิวและพวกแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินต่างก็ลอบถอนใจด้วยความโล่งอกและสวดมนต์ต่อว่า “อมิตาพุทธ…พระเจ้าโปรดคุ้มครองด้วย!”

ดวงตาของเยวี่ยเซียงหม่นลงเล็กน้อยแต่กลับยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเอ่ยขอบคุณเหมยเหมยพร้อมเอ่ยอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันจะให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างดีแน่นอน แค่มีชีวิตเพิ่มได้อีกหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว!”

คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันวิ่งวุ่นเพื่อรักษาอาการของเธอ แถมยังใช้เงินตั้งมากมาย ฉะนั้นเธอมีเหตุผลอะไรถึงต้องยอมแพ้?

เธอจะต้องลองสู้กับยมโลกบาลดูสักตั้ง ต่อให้มีชีวิตอยู่ต่อเพิ่มอีกหนึ่งวันก็ถือว่าชนะแล้ว!

……………………

Related

ตอนที่ 2691 การป้องกันตัวที่เหมาะสม

เยวี่ยเซียงไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะรอดพ้นจากการจำคุก เธอแทงเจ้าคนสารเลวนั่นไปตั้งหลายครั้ง ต่อให้ไม่ตายแต่ก็นับว่าเจ็บหนักพอตัว แล้วทำไมถึงไม่โดนตัดสินจำคุกล่ะ?

พี่หนิวเองก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมยเหมยช่างน่าเหลือเชื่อเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เยวี่ยเซียงแทงไปตั้งหลายทีนะคงหนีโทษอาญาไม่พ้นหรอก แต่ก็น่าจะต่อสู้ให้ลดโทษเหลือไม่กี่ปีได้”

เหมยเหมยยิ้มแล้วพูดว่า “สบายใจได้ ขอแค่มีทนายความที่ดีก็ไม่ต้องจำคุกแม้แต่วันเดียว!”

ทำไมทนายความดี ๆถึงค่าตัวแพง?

แน่นอนว่าค่าตัวแพงย่อมมีที่มาของมัน!

เพราะทนายความที่ดีก็จะเหมือนสุนัขนักล่าชั้นยอดที่จะสามารถหาช่องโหว่ในการเอาชีวิตรอดอย่างเหมาะสม ท่ามกลางกฎหมายที่ยุ่งวุ่นวายเหมือนใยแมงมุม ทำให้ผู้พิพากษารู้ว่าคุณมีความผิดแต่ก็จับตัวคุณไม่ได้…เนื่องจากตามกฎหมายแล้วนั้นคุณไม่มีความผิดนั่นเอง!

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อ เหมยเหมยเลยเล่าเรื่องที่โด่งดังแพร่หลายเมื่อชาติก่อนให้ฟัง

“มีโจรคนหนึ่งเข้าไปในบ้านที่มีเจ้าของบ้านผู้หญิงอาศัยอยู่เพียงลำพัง ต่อมาเจ้าของบ้านผู้ชายกลับมาแล้วจับโจรเอาไว้ พวกเธอคิดว่าโจรคนนี้จะโดนตัดสินโทษอะไร?”

“แน่นอนเลยว่าเข้าไปปล้นในบ้านแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องจำคุกห้าปี!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงเคียดแค้น

เหมยเหมยหัวเราะแล้วส่ายหน้า “นั่นก็ไม่แน่ ถ้ามีทนายความที่ดี ทนายความคนนี้จะต้องทำให้ผู้พิพากษาประกาศว่าโจรไร้ความผิดและปล่อยตัวเขาในชั้นศาลได้”

“ทนายความจะปกป้องได้ไง…การปล้นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะ!” คนส่วนใหญ่ยังฟังไม่เข้าใจคิดว่าเหมยเหมยกำลังพูดเรื่องตลก เข้าไปปล้นชิงทรัพย์ถึงในบ้านขนาดนั้นแล้วจะไร้ความผิดได้อย่างไร?

“ทนายความที่ดีจะสอนให้โจรพูดว่าโจรไปบ้านของเขาไม่ใช่เพื่อปล้นทรัพย์แต่เพื่อข่มขืนเพราะลุ่มหลงในความงามของเจ้าของบ้านผู้หญิง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเลยคิดจะข่มขืนเจ้าของบ้านผู้หญิง…แต่ด้วยผู้หญิงแข็งแรงมากเลยทำไม่สำเร็จ อย่างมากก็จะถูกตัดสินจำคุกปีหรือสองปี เข้ารับการอบรมนิดหน่อยก็เรียบร้อย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟังแล้วรู้สึกว่ามันก็ผิดอยู่ดีเลยตะโกนว่า “แบบนั้นก็ยังต้องเข้าคุกอยู่ดี!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “เธอฟังฉันให้จบก่อนสิถ้าไม่อยากติดคุก มันมีอะไรที่สุดยอดกว่านั้นอีก ทนายความก็จะสอนโจรให้พูดว่าเขาไปที่บ้านหลังนั้นไม่ใช่เพื่อปล้นทรัพย์ และไม่ได้ไปขืนใจผู้หญิงแต่เพื่อข่มขืนผู้ชายต่างหาก…”

ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าลึกแล้วถลึงตาแทบถลนออกมา

พ่อแม่ครอบครัวอิงเป็นคนขี้อายเลยยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ คิดว่าเพื่อนของลูกสะใภ้พูดค่อนข้างที่จะ…ไปหน่อย ทั้ง ๆที่ดูแล้วก็เป็นคนมีการศึกษาดีนี่นา!

เหมยเหมยพูดต่ออีกว่า “นั่นเพราะโทษข่มขืนผู้หญิงในกฎหมายประเทศเราจะมีผลต่อเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าการขืนใจผู้ชายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ดังนั้นต่อให้โจรจะข่มขืนเจ้าของบ้านผู้ชายจริง ผู้พิพากษาก็ทำได้แค่ประกาศว่าเขาไร้ความผิด!”

“พรวด…ฮ่า”

ทุกคนหลุดขำออกมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล แม้กระทั่งเยวี่ยเซียงที่หน้ากำลังกลัดกลุ้มใจอยู่ยังเผยให้เห็นรอยยิ้ม

ช่องโหว่นี้ก็ช่างเจ้าเล่ห์ดีจริง ๆแต่ผู้พิพากษาก็ทำอะไรกับคนทำผิดกฎหมายไม่ได้ มิน่าเขาถึงพูดกันว่าฝีปากของทนายความยังเยี่ยมยอดยิ่งกว่าแม่สื่อเสียอีก ผู้ชายพูดเป็นผู้หญิงได้ ตายพูดเป็นฟื้นคืนชีพยังได้!

แต่ทว่าเรื่องของเยวี่ยเซียงไม่ใช่การเข้าไปปล้นในบ้านสักหน่อย…จะหาช่องโหว่ได้อย่างไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงไม่เข้าใจ คนอื่น ๆก็เช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจในเรื่องกฎหมายเลยจริง ๆ

เหมยเหมยยิ้ม “เรื่องของเยวี่ยเซียงง่ายกว่าเยอะเพราะสามีของเธอเป็นฝ่ายลงมือก่อน ทั้งยังเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเยวี่ยเซียงอีกต่างหาก ดังนั้นเยวี่ยเซียงถึงใช้มีดต่อสู้ซึ่งในแง่กฎหมายถือเป็นการป้องกันตัวที่เหมาะสมได้ แน่นอนว่าการป้องกันตัวของเธออาจจะเกินไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะทนายความช่วยแก้ปัญหานั้นได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบไปที่ต้นขาอย่างแรงแล้วยกนิ้วให้เหมยเหมย “เธอนี่มันสุดยอดจริง ๆ ในช่วงเวลาสำคัญสมองเธอนี่ไหลลื่นดีจริง ๆนะ!”

เหมยเหมยมองบนใส่อย่างไม่สบอารมณ์ สมองของเธอดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอแค่ขี้เกียจใช้สมองก็เท่านั้นเอง!

……………………………………….

ตอนที่ 2692 ไร้หนทางรักษา

เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขาหาคนสนิทในโรงพักและหาทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีอาญามาสักคน เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกแปลกใจเลยเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” ช่วงนี้เรื่องของภรรยาเยอะมากขึ้นทุกวัน สติปัญญาก็ว่องไวขึ้นเรื่อย ๆเสียจนเขาเริ่มตามไม่ทันแล้ว

เหมยเหมยจึงเล่าเรื่องคร่าว ๆของแม่ลูกเยวี่ยเซียงให้เขาฟังแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “พี่คิดดูสิไอ้สารเลวนี่ควรโดนแล่หั่นเป็นพัน ๆชิ้นไหมล่ะ?”

“หั่นเป็นพันชิ้นยังไม่พอต้องเอาลงไปทอดในน้ำมันถึงจะบรรเทาความเกลียดชังได้!” เหยียนหมิงซุ่นพูดคล้อยตามเหมยเหมย

แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้สมควรโดนจริง ๆ มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เปลืองอาหารเปลืองอากาศเปล่า ๆ แถมทำให้พวกผู้ชายอับอายไปด้วย!

เหมยเหมยพึงพอใจกับคำตอบของเหยียนหมิงซุ่นมาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฉันอยากจะช่วยผดุงความยุติธรรมให้สองแม่ลูกเยวี่ยเซียง พี่ต้องช่วยฉันนะ!”

“เดี๋ยวพี่จะให้คนไปหาทนายความคดีอาญาที่ดีที่สุดมาเลย ส่วนทางด้านสถานีตำรวจเดี๋ยวพี่จัดการบอกไว้ให้แน่นอน!”  เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เพราะภรรยาทูนหัวของเขาออกคำสั่งแต่สิ่งที่สำคัญก็คือเขาคิดว่าสองแม่ลูกเยวี่ยเซียงน่าสงสารมากจริง ๆ ถ้าช่วยได้ก็ช่วยหน่อยเถอะ!

เหมยเหมยวางสายแล้วทำท่าโอเคให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมขยิบตาแล้วพูดว่า “สำเร็จ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดกับเยวี่ยเซียงอย่างดีใจว่า “สบายใจได้เลยนะ ถ้าสามีของเหมยเหมยออกโรงช่วย เธอไม่ต้องเข้าคุกแล้วล่ะ ค่อย ๆรักษาตัวไป ลูกสาวของเธอยังต้องการเธอนะ!”

“เยวี่ยเซียงนับว่าเธอมีบุญนะ…ไม่ต้องคิดสั้นแล้ว ลุกขึ้นมาสู้เถอะ นันนันยังเล็กขนาดนี้เธอจะใจร้ายทิ้งได้ลงคอเหรอ?” พี่หนิวเอ่ยโน้มน้าว เธอค่อนข้างสนิทกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยรู้ว่าสามีของเหมยเหมยเป็นข้าราชการระดับสูง

ในปัจจุบันถ้ามีคนรู้จักในศาลก็ง่ายแล้ว นับว่าเยวี่ยเซียงเองก็เจอแต่เรื่องร้าย ๆมามากได้เจอคนดีมาช่วยสักที

เยวี่ยเซียงไม่นึกว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรขนาดนี้ เดิมทีเธอคิดว่าตายแล้วแน่ ๆ แต่ตอนนี้มีความหวังขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นเธอจะตายได้อย่างไร?

ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะอยู่เคียงข้างไปจนลูกสาวเติบโต อย่างน้อยก็ต้องเลี้ยงจนกว่าจะอายุ 18 ปี!

ไม่อย่างนั้นเธอจะวางใจได้อย่างไร?

“ขอบคุณมากค่ะ…ขอบคุณมาก…ต่อให้ฉันไปเป็นวัวเป็นม้าก็คงตอบแทนบุญคุณของคุณไม่หมด…”

เยวี่ยเซียงโค้งคำนับให้กับพวกเหมยเหมยไม่หยุด บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าเห็นว่าเธอและลูกสาวน่าสงสาร ดังนั้นถึงได้ส่งคนดีมาช่วยเธอ!

“ไม่ต้องให้เธอเป็นวัวเป็นม้ามาตอบแทนหรอก ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปเลี้ยงจนลูกสาวเติบใหญ่ก็พอแล้ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดสั่งสอนเธอไปไม่กี่ประโยค เธอเป็นคนนิสัยแบบนี้ ทั้ง ๆที่จิตใจดีแต่พอพูดออกมากลับไม่น่าฟังสักเท่าไร

เหมยเหมยช่วยอธิบายเพิ่มว่า “หล่อนพูดจาอาจจะไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่แต่เป็นคนจิตใจดีนะ เธออย่าไปถือสาล่ะ”

เยวี่ยเซียงยิ้มพลางส่ายศีรษะ เธอจะไปโทษคนที่ช่วยเหลือและมีบุญคุณกับเธอได้อย่างไร?

ไม่นานทางสถานีตำรวจก็โทรศัพท์มาหา เหมยเหมยบอกที่อยู่ของบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจก็มาถึงแล้วพาตัวเยวี่ยเซียงไป แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่วางใจจึงให้อิงจวี้กังตามไปด้วย

ยังโชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นช่วยบอกกล่าวพวกตำรวจไปแล้ว พวกเขาจึงสุภาพต่อเยวี่ยเซียงมาก เพียงแค่ถามเรื่องคดีที่เกิดขึ้น ครู่เดียวก็พาเยวี่ยเซียงไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลต่อแต่ผลตรวจกลับชวนให้ปวดใจเหลือเกิน

“สายเกินไปแล้วครับ เนื้อร้ายได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว ต่อให้เป็นเทพยดาก็คงช่วยเธอไม่ได้แล้วล่ะ”

หมอที่วินิจฉัยโรคให้เยวี่ยเซียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกที่ดีที่สุดในเมืองหลวงซึ่งเหมยเหมยหามาเพื่อเธอโดยเฉพาะ แต่ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์จะน่าเศร้าขนาดนี้

“ไม่มีหนทางเลยเหรอคะ? ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงินเลย ต่อให้รักษาไม่ได้ ขอแค่ยื้อเวลาเธอไปอีกสักหน่อยก็ได้ค่ะ” เหมยเหมยถามขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญส่ายศีรษะ “นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินแล้วครับ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันไม่มีวิธีเลยจริง ๆ รีบทำตามสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการเถอะครับ เวลาของเธอเหลือน้อยแล้ว”

“อีกนานแค่ไหนคะ?”

“ไม่เกิน 3 เดือนครับ อาจจะหนึ่งเดือนหรือครึ่งเดือนก็ได้…”

…………………………

Related

ตอนที่ 2689 ไล่ต้อนถึงทางตัน

“โรคมะเร็งเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเธอไม่เคยบอกฉันเลย ตรวจผิดหรือเปล่า…”

พี่หนิวพ่นคำถามออกมายาวเหยียดแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เยวี่ยเซียงเพิ่งจะอายุยี่สิบปี ทำไมอายุแค่นี้ถึงป่วยเป็นมะเร็งได้ล่ะ?

ต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ โรงพยาบาลมักเกิดการตรวจผิดพลาดอยู่ประจำไม่ใช่หรือ!

“ไม่ผิดหรอก ฉันไปตรวจมาสองโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาต่างบอกว่าฉันเป็นมะเร็งกระเพาะระยะสุดท้าย ทั้งยังบอกว่าไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้ว…” เยวี่ยเซียงมองลูกสาวในอ้อมอกอย่างอาลัยอาวรณ์ นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอทำใจทิ้งไม่ลง แต่ช่วงเวลาที่เธอสามารถอยู่เคียงข้างลูกสาวได้นั้นกลับเข้าสู่การนับถอยหลังแล้ว

“งั้นก็ตรวจดี ๆอีกที บางทีสองโรงพยาบาลนั่นอาจจะตรวจผิดก็ได้…อีกอย่างต่อให้เป็นเรื่องจริงก็ไม่ต้องกลัว ตอนนี้การแพทย์ทันสมัย มะเร็งใช่ว่าจะรักษาไม่หายสักหน่อย…”

พี่หนิวเห็นใจเยวี่ยเซียงอย่างมาก หวังอยากจะช่วยหญิงสาวผู้น่าสงสารนี้

เยวี่ยเซียงส่ายหน้า “ขอบคุณค่ะพี่หนิว…ตอนนี้ฉันคือฆาตกร ไปตรวจอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว”

หากตรวจพบว่าไม่ใช่โรคมะเร็งแล้วจะทำอะไรได้ สุดท้ายก็หยุดยั้งความตายของเธอไม่ได้อยู่ดี!

“สัตว์เดรัจฉานประเภทนั้นตายไปซะได้ก็ดี เธอวางใจได้ ฉันจะหาทนายความฝีมือเก่งให้เธอคนหนึ่ง ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหรอก เธอเองก็อย่ายอมแพ้ง่าย ๆเพื่อลูกสาว คนอื่นดีแค่ไหนก็ดีเท่าแม่แท้ ๆไม่ได้หรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดให้กำลังใจ

เยวี่ยเซียงมองเธอแล้วพูดเสียงอุบอิบ “แต่ฉันไม่มีเงิน…ฉันไม่มีเงินรักษาและไม่มีเงินจ้างทนายด้วย…”

เธอสังเกตถึงความผิดปกติของร่างกายตั้งนานแล้วแต่ไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียวเลยปล่อยให้มันยืดเยื้อมาตลอด กลับเป็นพี่หนิวหยิบยืมเงินให้เธอจำนวนหนึ่งเพราะเธอทนเจ็บไม่ไหวจริง ๆถึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล สุดท้ายผลออกมาว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย

ตอนเธอเห็นสีหน้าคุณหมอก็รู้แล้วว่าหมดหนทางรักษาได้

และในขณะนั้นเองที่เธอผุดความคิดในการฆ่าสามีขึ้นมา!

นันนันของเธอ…ต่อให้ต้องเป็นเด็กกำพร้าก็ดีกว่ามีพ่อปานสัตว์เดรัจฉานแบบนี้มากโข!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนบอก “ฉันมีเงิน…วางใจเถอะ…ในเมื่อเราเจอกันก็นับว่าเป็นวาสนา ฉันจะจ้างทนายให้เธอเอง ตอนนี้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อน!”

เหมยเหมยมองค้อนใส่เธอแวบหนึ่ง “ฉันโทรหาสถานีตำรวจก่อน อย่างไรเสียก็ชีวิตคนทั้งชีวิต พยายามขอมอบตัวเพื่อลดหย่อนโทษให้มากที่สุดเถอะ พอจัดการเรื่องที่สถานีตำรวจเสร็จค่อยไปโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก”

เยวี่ยเซียงเอ่ยเสียงแผ่ว “ตอนฉันลงมือก็เตรียมใจจะชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว แต่ลำบากนันนันของฉัน…”

พี่หนิวที่อยากพูดมาตลอดแต่กลับหาโอกาสแทรกไม่ได้สักทีมีสีหน้ากระวนกระวายใจ แต่ในที่สุดก็สบโอกาสจึงตะเบ็งเสียงกล่าวไป “ฉันขอพูดก่อน ไอ้สารเลวนั่นยังไม่ตาย พ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตหรอก!”

พี่หนิวพูดจบก็พรูลมหายใจยาว โอ้ยแม่…ในที่สุดเธอก็ได้พูดสักที อัดอั้นใจแทบตาย!

เหมยเหมยยิ้มร่า ไม่ตายก็ง่ายละ เยวี่ยเซี่ยงตกอยู่ในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงมาเป็นเวลานาน หากเธอฆ่าคนสามารถอ้างว่าทำเพื่อปกป้องตัวเองได้ ต่อให้หนักไปหน่อยก็แค่ปกป้องเกินเหตุเท่านั้น

“ฉันถามเธอก่อนว่า…เธอลงมือก่อนหรือสามีเธอลงมือก่อน?” เหมยเหมยถามอย่างจริงจัง

เยวี่ยเซียงชะงักกึกหนึ่งก่อนจะตอบ “เขาจะอุ้มนันนันออกไป ฉันไปแย่งนันนันกลับมาเขาก็ทำร้ายฉัน…ฉันถึงเอามีดฟันเขา…”

พี่หนิวเดินไปเปิดผมแห้งกร้านของเยวี่ยเซียงขึ้นเลยเห็นได้ชัดเจนว่ามีผมจุกหนึ่งที่สั้นเป็นพิเศษเพราะเพิ่งขึ้นใหม่

“ไอ้สารเลวนั่นทุบเอาตาย ดูรอยแผลนี่สิเย็บไปสามสิบกว่าเข็มจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด…แล้วก็แผลเป็นตามตัวที่นับแทบไม่ถ้วน เอาบุหรี่จี้เตะต่อยเป็นเรื่องปกติ กระดูกซี่โครงก็หักไปหลายทีแล้ว…ฉันว่ามะเร็งกระเพาะของเธอก็ต้องมาจากฝีมือไอ้สัตว์เดรัจฉานนี้แน่ ๆ…”

………………………….

ตอนที่ 2690 แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้ผู้ชายในห้องหันหลังก่อนที่เธอจะเลิกเสื้อผ้าของเยวี่ยเซียงขึ้นมา เรือนร่างที่เดิมทีควรอ่อนเยาว์อวบอิ่มตามวัยกลับผอมซูบกระร่อง รอยแผลเป็นเต็มตัวมีทั้งแผลใหม่และแผลเก่าแทบไม่มีช่องว่างเลย…

ฟังพี่หนิวเล่ายังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเห็นเองกับตา…ทุกคนก็รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที ทำไมถึงมีสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ได้นะ?

“ตอนเขาทุบตีเธอทำไมเธอไม่แจ้งตำรวจ? นี่มันเข้าข่ายการทำผิดทางอาญาแล้ว…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหอย่างมาก สงสารกับความโชคร้ายแต่ก็โมโหกับความไม่สู้คน

เยวี่ยเซียงยิ้มขมขื่นทีหนึ่งพลางส่ายศีรษะกล่าว “ไม่มีประโยชน์หรอก ตำรวจไม่สนใจเรื่องสามีภรรยาทะเลาะกัน เมื่อก่อนฉันก็เคยแจ้งความ แต่อย่างมากตำรวจก็แค่อบรมเขาสักหน่อย หลังจากนั้นเขาก็ตบตีแรงกว่าเดิม ตบตีเอาเกือบตาย…

ภายหลังฉันแจ้งไปอีกสองครั้งแต่ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง เขากลับตบตีรุนแรงยิ่งกว่าครั้งเก่า ๆ…ฉันเลยไม่กล้าแจ้งตำรวจอีกเลย…”

เยวี่ยเซียงนึกถึงความเจ็บปวดในอดีต เธอที่ชินชากับมันก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้วปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง

“ตำรวจพวกนี้มัวทำอะไรอยู่ แต่ละปีเราจ่ายภาษีไปตั้งมากไว้เลี้ยงตำรวจที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่แบบนี้เหรอ? น่าโมโหจริง ๆ…เธอร่ายรายชื่อตำรวจพวกนั้นมาให้หมด ฉันจะจ้างสำนักข่าวแฉพวกมัน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธยิ่งกว่าเดิม คนถูกทำร้ายขนาดนี้แล้วยังจะอบรมทำบ้าอะไรอีก?

สัตว์เดรัจฉานประเภทนั้นสมควรถูกจับขังคุกสักแปดถึงสิบปี ให้เขาสำนึกความผิดอยู่ในเรือนจำ อย่างพ่อของเธอ…ก็คือตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จไม่ใช่หรือ?

หนำซ้ำเยวี่ยเซียงยังถูกใช้ความรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตำรวจพวกนี้ตาบอดกันหรือไงกัน?

มองไม่เห็นหรือว่าการอบรมไม่ได้เกิดผลต่อสัตว์เดรัจฉานนั้นสักนิด?

มีแต่จะทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้เหิมเกริมมากขึ้น!

เหตุผลเดียวกับโทษผ่อนเบาของนักโทษข่มขืนผู้หญิง เพราะรู้ว่าจะไม่ได้รับโทษรุนแรงพวกเขาถึงได้เหิมเกริมไร้ซึ่งความกลัวขนาดนี้ คดีข่มขืนและค้ามนุษย์จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆทุกปี

หากรัฐบาลตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะสะสาง การค้าหญิงสาวคนหนึ่งก็สมควรถูกยิงเป้าประหารชีวิต นักโทษข่มขืนผู้หญิงด้วยเช่นกัน ไม่ยิงเป้าประหารชีวิตแต่ตัดอวัยวะเพศทิ้งเสีย…ดูสิว่าคนพวกนี้ยังจะกล้าทำผิดอีกไหม!

แต่การค้าและข่มขืนหญิงสาวอย่างน้อยยังมีการตัดสินโทษที่พอจะสร้างความเกรงกลัวได้บ้าง แต่การใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวกลับไม่เข้าข่ายคดีอาญา อย่างมากก็เป็นเพียงคดีแพ่ง ในสายตาของตำรวจบางทีอาจไม่เข้าข่ายคดีความเสียด้วยซ้ำ แถมบอกแค่ว่าเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัว

ในเมืองมีครอบครัวที่มีความขัดแย้งกันตั้งมากมายยิ่งกว่าขนวัว สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลไม่เคยออกกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวเลย พวกผู้ชายที่บัญญัติกฎหมายพวกนั้น…รู้แต่จะปกป้องสิทธิและอำนาจของผู้ชาย ไม่เคยคิดถึงผู้หญิงเลย!

หึ…ชายหญิงเท่าเทียม…เป็นเพียงคำขวัญตลอดกาล!

พี่หนิวห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังอารมณ์พลุกพล่านไว้ ถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วกล่าว “รายงานตำรวจไปแล้วมีประโยชน์อะไร ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้คนสองคนเสียเมื่อไหร่ ตำรวจก็เหมือนกันหมด วิธีจัดการปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของพวกเขาก็คือขอแค่ไม่ตายก็จะยังเป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวตลอดไป อบรมสั่งสอนยกหนึ่งก็พอ!”

เหมยเหมยย่นคิ้วแน่น กฎหมายซ่อนเร้นแบบนี้มันแย่จริง ๆ…รอคนตายก่อนค่อยจัดการแล้วจะมีประโยชน์บ้าอะไร!

แม้เศรษฐกิจของฮวาเซี่ยก้าวหน้าขึ้นมากแต่ด้านกฎหมายกลับมีช่องโหว่มากขึ้นเรื่อย ๆเพราะก้าวตามการพัฒนาของเศรษฐกิจไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กที่แทบไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ เธอหวังจากใจจริงว่ารัฐบาลจะบัญญัติกฎหมายด้านการคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กอย่างครอบคลุมได้เหมือนประเทศแถบยุโรปอเมริกา ไม่สร้างความผิดหวังแก่ผู้หญิงอีก!

“โทรหาสถานีตำรวจก่อนแล้วกัน ฉันจะจ้างทนายให้เยวี่ยเซียง น่าจะหลีกเลี่ยงโทษจำคุกได้” เหมยเหมยคว้าโทรศัพท์ออกมาเตรียมจัดการพร้อมกันทั้งสองเรื่อง ทั้งเรื่องคดีความและการรักษาไปพร้อมกัน

ไม่อย่างนั้นสภาพร่างกายของเยวี่ยเซียงคงรับไม่ไหวแน่!

………………

Related

ตอนที่ 2687 ขาดสารอาหาร

หญิงสาวได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวก็ลืมตาขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ นึกอยากดูอาการของลูกสาวแต่ร่างกายของเธอกลับทิ้งตัวลงน้ำไปตามแรงโน้มถ่วงแล้ว เธอจึงควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้

“นันนันอย่าร้อง…”

หญิงสาวนึกอยากปลอบลูกสาวตามสัญชาตญาณแต่เธอกลับไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆเหลืออีกแล้ว ร่างกายใกล้สัมผัสโดนผิวน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความจริงเป็นแค่เรื่องเพียงเสี้ยววินาทีที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว และได้แต่ยืนมองหญิงสาวกระโดดลงน้ำต่อหน้าต่อตาอ้าปากตาค้าง เหมยเหมยอยู่ใกล้หญิงสาวมากที่สุดและมีปฏิภาณไหวพริบเร็วที่สุดรีบสะบัดแส้ออกไปพันรอบตัวหญิงสาวไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้หญิงสาวพ้นจากผิวน้ำ

คนอื่น ๆช่วยกันดึงจนในที่สุดก็ช่วยหญิงสาวขึ้นมาบนบกได้ ทุกคนต่างตกใจจนเหงื่อชุ่มตัว พอลมหนาวพัดโกรกใส่ก็สั่นสะท้านด้วยความหนาว

“รีบขึ้นรถเถอะ ข้างนอกลมแรงเกินไป เด็กจะเป็นหวัดง่าย” คุณแม่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสนอ ทุกคนช่วยกันหามหญิงสาวที่ตัวสั่นเทาขึ้นรถ ในรถมีฮีทเตอร์ครู่เดียวก็ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว

ทันทีที่หญิงสาวขึ้นรถมาก็กอดลูกไว้แน่น ทำให้คนมองรู้สึกปวดใจกันเป็นแถบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับทนมองไม่ได้ก็เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เธอก็ดูไม่เหมือนเป็นแม่ใจดำนี่นา แต่ทำไมถึงทำเรื่องใจดำขนาดนี้ล่ะ? ถ้าเกิดเราเป็นคนร้ายจะทำยังไง ชีวิตของเด็กคนนี้ก็พังหมดสิ”

“ฉันรู้ว่าพวกคุณมารับเลี้ยงเด็ก อีกอย่างพวกคุณมีปัญญาขับรถ ฐานะที่บ้านคงดี นันนันอยู่กับพวกคุณถึงจะมีชีวิตที่ดีได้…” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา

“เหอะ…คำนี้ฉันไม่ค่อยชอบฟังเท่าไหร่ อะไรคือมีเงินก็จะมีชีวิตที่ดีได้ เด็กอยู่กับพ่อแม่แท้ ๆไม่ดีกว่าเหรอ? ไม่รู้ว่าในหัวเธอคิดอย่างไรกันแน่!”

เหมยเหมยกระทุ้งศอกใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังคิดบทสั่งสอนหญิงสาวยาวเหยียดให้เธอพูดน้อย ๆหน่อย หญิงสาวคนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าสุขภาพย่ำแย่ ไม่แน่อาจจะมีเรื่องลำบากใจจริง ๆก็ได้ อย่ารีบร้อนใส่ความคนอื่นเลย!

“พ่อของเด็กล่ะ?” เหมยเหมยถาม

หญิงสาวตัวสะท้าน สายตาทอแววแค้นใจกัดฟันพูด “เขาตายไปแล้ว…เขาไม่ใช่คน…”

เหมยเหมยสบสายตากับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทีหนึ่ง ดูท่าทางจะมีอะไรจริง ๆด้วย!

“ตายอย่างไร?”

หญิงสาวปิดปากแน่นสนิทไม่ปริเสียงใด ๆอีก เด็กในอ้อมแขนเธอกลับร้องไห้งอแงขึ้นมาอีกระลอก หญิงสาวได้แต่ปลอบประโลมไม่หยุดทว่ากลับไร้ผล เด็กยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด

“คงจะหิวแล้วสิ เธอป้อนนมให้เด็กหน่อยสิ!” เหมยเหมยบอก

หญิงสาวยิ้มขมขื่นพลางส่ายศีรษะ “ฉันไม่มีน้ำนม เด็กทานข้าวบดตั้งแต่เด็ก ทนหิวไปสักพักก็ไม่ร้องแล้ว!”

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น ตอนนี้มียี่ห้อน้ำผงมากเสียยิ่งกว่าขนวัว ราคาก็ไม่นับว่าแพงมาก ทำไมถึงไม่มีเงินแม้กระทั่งซื้อนมผงล่ะ?

ทั้งยังปล่อยให้เด็กหิวได้อย่างไร เด็กตัวเล็กขนาดนี้อิ่มมื้อหนึ่งหิวมื้อหนึ่ง มิน่าอายุแปดเดือนถึงตัวเล็กกว่าเด็กวัยหกเดือนอีกแหนะ!

“เธอเป็นแม่ประสาอะไรกันแน่? ลูกหิวก็ต้องกิน จะปล่อยให้หิวได้อย่างไร? ข้าวบดมีสารอาหารที่ไหนกัน ทำไมพวกเธอไม่ซื้อนมผงหน่อยล่ะ จริง ๆเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหแทบตาย นี่มันยุคสมัยไหนแล้วกลับยังป้อนลูกทานข้าวบดอีก?

ไม่มีเงินซื้อกระทั่งนมผงแล้วจะมีลูกไปทำไม?

“ข้างหน้ามีซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉันไปซื้อนมผงสักหน่อย ฉีฉีเก๋อเธอจอดรถที”

กลับเข้ามาในเขตตัวเมืองแล้ว ข้างทางมีซุปเปอร์มาร์เก็ตร้านหนึ่งอยู่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลงจากรถไปสิบนาทีก็กลับมาพร้อมกับกระป๋องนมผงในมือรวมถึงขวดนมที่เพิ่งชงเสร็จสด ๆร้อน ๆ

“เจ้าของร้านใจดี ได้ยินว่าเด็กหิวเลยชงนมให้ฉันขวดหนึ่ง ใช้น้ำอุ่นชงด้วย ดื่มตอนนี้ได้เลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยัดจุกนมใส่ปากเด็กในอ้อมแขน เจ้าหนูประคองขวดนมตามสัญชาตญาณโดยไม่ต้องให้ใครสอนแล้วดูดนมดังอึก ๆ ไม่เคยได้ทานอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อน เจ้าหนูกอดขวดนมไว้แน่น แถมรีบดูดนมเกินไปจนดวงหน้าเล็กแดงก่ำ

…………………………

ตอนที่ 2688 ฆาตกร

หญิงสาวมองแล้วก็รู้สึกปวดใจพลางยกมือเช็ดตา เอ่ยเสียงพึมพำว่า “นันนันไม่เคยดื่มนมมาก่อนเลย ขอบคุณนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโต้กลับอย่างไม่พอใจ “พ่อแม่อย่างพวกเธอไม่มีสิทธิ์มีลูก คลอดแล้วกลับไม่มีปัญญาเลี้ยงดู แล้วจะมีทำไม?”

หญิงสาวก้มหน้างุดอย่างละอายใจ เธอไม่มีสิทธิ์นั้นจริง ๆ ลูกสาวถึงได้ลำบากเมื่ออยู่กับเธอ!

“ตอนนี้ไปไหน? ไปโรงพยาบาลหรือบ้านฉัน?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถาม

“ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ!” เหมยเหมยมองไปทางหญิงสาวที่ผอมซูบเหลือเพียงโครงกระดูกแวบหนึ่ง แม้เธอไม่รู้วิชาแพทย์แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้ป่วยแถมยังป่วยหนักน่าดู เธอจึงตัดสินใจเป็นคนดีให้ถึงที่สุดโดยพาหญิงสาวคนนี้ไปตรวจสุขภาพหน่อยแล้วกัน!

ขณะนี้เด็กน้อยดื่มนมหมดไปค่อนขวดใหญ่ก็สะอึกทีหนึ่งอย่างพึงพอใจ ไร้เสียงร้องไห้ใด ๆอีก ดวงตากลมโตดำขลับกลอกมองสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยความแปลกใจอย่างน่ารักน่าชัง

“ดูสิเด็กคนนี้น่ารักแค่ไหน ทำไมเธอถึงใจเหี้ยมทิ้งลงนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังติดอยู่กับเรื่องที่หญิงสาวทิ้งลูกเลยเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไร

หญิงสาวยิ้มขมขื่น พูดตอบอย่างไม่คิดจะปิดบังพวกเธออีก “ฉันคือฆาตกร…มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เลี้ยงนันนันอีกไม่ได้แล้ว…”

พวกเหมยเหมยสามคนลูกตาแทบถลนออกมา ฆาตกรงั้นหรือ?

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

เหมยเหมยสมองไว นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเลยถามไปว่า “เธอฆ่าสามีเธอเหรอ?”

หญิงสาวพยักหน้าศีรษะ “ใช่…ฉันทนไม่ไหวแล้ว…ลำพังแค่เขาทุบตีฉันทุกวันก็ช่างแต่เขายังคิดจะขายนันนันของฉันทิ้ง…ตอนเช้าเขาคิดจะอุ้มนันนันออกไปอีก ฉันทนไม่ไหวเลย…”

ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ไม่มีใครปริเสียงเพราะไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

“หรือไม่พวกคุณส่งฉันไปที่สถานีตำรวจเถอะ อย่างไรซะฉันก็ต้องตายอยู่ดี…” หญิงสาวหัวเราะเย้ยตัวเอง สุขภาพอันทรุดโทรมของตนจะทนอยู่ได้อีกกี่วันเชียว?

ฉีฉีเก๋อผ่อนความเร็วรถให้ช้าลงเพราะไม่รู้จะขับต่อไปทางใด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับใช้สายตาประเมินหญิงสาวตลอดเวลา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเคยพบคนนี้ที่ไหนมาก่อนแต่กลับนึกไม่ออกในชั่วขณะ

“ฉันจำได้แล้ว…เธอรู้จักพี่หนิวใช่ไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโพล่งถามกะทันหัน

หญิงสาวชะงักแล้วพยักหน้า “พี่หนิวเป็นคนดี ช่วยฉันไว้มาก…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบเข่าดังฉาด นี่แหละ เธอเคยเห็นรูปถ่ายของหญิงสาวคนนี้จากพี่หนิวมาก่อนคล้ายว่าสามีของหญิงสาวไม่เพียงแค่คบชู้แต่ยังใช้ความรุนแรงกับภรรยาตัวเองอีกต่างหาก ลงมือลงไม้ทำร้ายภรรยาจนนอนโรงพยาบาลไปหลายที

“ฉันจะโทรหาพี่หนิว…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกดโทรหาพี่หนิว พอเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้พี่หนิวก็ดีใจเสียงดังลั่น

“พระเจ้า…เมื่อกี้ตำรวจเพิ่งมาหาฉันถามข่าวคราวของเยวี่ยเซียงแหนะ ทำไมหล่อนถึงไปอยู่กับเธอได้ล่ะ?”

“เธอคิดจะฆ่าตัวตายแต่เราช่วยไว้ได้ หรือว่าพี่หนิวมาที่นี่หน่อยเถอะ!”

พี่หนิวเป็นคนมีน้ำใจคนหนึ่ง เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบเดินทางมาทันที ทุกคนเลือกไปบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่โรงพยาบาล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหาเสื้อตัวหนาให้หญิงสาวสวมใส่ ลำพังแค่เสื้อกันหนาวขาดวิ่นบนตัวหญิงสาวคงบังลมฤดูใบไม้ผลิไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งอย่าเอ่ยถึงลมฤดูหนาวเลย!

“โอ้ย…เยวี่ยเซียงทำไมเธอถึงเลอะเลือนขนาดนี้ จะฆ่าไอ้คนชั่วนั่นทำไม? ฆ่าคนต้องรับผิดชอบนะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปด้วยอีกคนนันนันจะทำอย่างไร…เธอคิดเผื่อนันนันบ้างไม่ได้เหรอ?”

พี่หนิวมองเยวี่ยเซียงอย่างปวดใจ ทุ่มชีวิตเพื่อสารเลวนั่นมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!

พอเยวี่ยเซียงเห็นคนคุ้นเคยน้ำตาเลยกลั้นไว้ไม่อยู่จึงปล่อยให้มันไหลพรากแล้วพูดเสียงติดสะอื้นเบา ๆว่า “พี่…ฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ถ้าฉันตายไปเขาต้องขายนันนันทิ้งแน่ ๆ ฉันจะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปไม่ได้…”

ทุกคนตกใจกันอีกรอบพลันก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเยวี่ยเซียงถึงฆ่าสามีแล้วทอดทิ้งลูกสาว

นี่มันอับจนหนทางแล้วจริง ๆ!

…………………

Related

ตอนที่ 2685 จำใจ

อิงจวี้กังกับพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างก็วิ่งตามมาพลางถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“เหมยเหมยบอกว่าแม่ของเด็กอาจจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเลยให้เรามาตามหาที่สวนสาธารณะ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอุ้มเด็กจึงไม่กล้าวิ่งเร็วเกินไปเลยอยู่รั้งท้ายสุด

“ฆ่าตัวตาย? พวกเธอรู้จักแม่ของเด็กคนนี้เหรอ?” คุณแม่อิงรู้สึกฉงนใจ

“จะรู้จักได้ยังไง เหมยเหมยคาดคะเนเอาต่างหาก…โอ๊ย…อิงจวี้กังนายช่วยอุ้มแทนฉันหน่อย ฉันเมื่อยแขนไปหมดแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนใส่อิงจวี้กัง

อิงจวี้กังถลาเข้าไปรับเด็กมาอุ้มแต่แขนเกร็งไม่รู้ควรวางไว้ตรงไหนดี ท่วงท่าดูพิลึกแปลก ๆจนคุณแม่ทนมองต่อไม่ไหวเลยรับเด็กไปอุ้มเสียเอง ครั้นเห็นใบหน้ายามนอนหลับของเด็กก็ยิ้มร่า

“เด็กคนนี้เลี้ยงง่ายจริง ๆ เสียงดังขนาดนี้ยังไม่ตื่นเลย ดูสิว่าหลับสนิทแค่ไหน!”

“นั่นสิ…ไว้พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกที ถ้าไม่มีโรคอะไรเราก็รับเลี้ยงคนนี้แหละ บุญวาสนาไม่ได้หากันง่าย ๆ!” คุณแม่เหริ่นยิ่งมองเด็กคนนี้ก็ยิ่งชอบใจ แม้ตัวเล็กไปหน่อยแต่ถ้าดูแลให้ดีต้องตัวอ้วนและขาวขึ้นแน่ ๆ!

พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้สึกดีและชอบใจต่อเด็กที่เก็บมาจากริมทางคนนี้อย่างมาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบพูดกับอิงจวี้กังว่า “พวกเรารับเลี้ยงลูกแทนพวกเขาอยู่นะ…จะไม่ถามความคิดเห็นเราสองคนบ้างเลย!”

อิงจวี้กังเอ่ยปลอบใจ “พวกท่านพอใจก็พอ อีกอย่างเธอก็ชอบเด็กคนนั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ…เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือไง?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงใส่ทีหนึ่งโดยไม่พูดอะไรอีก เธอก็ชอบเจ้าหนูคนนั้นอยู่หรอก ตัวเล็ก ๆอุ้มอยู่ในอ้อมแขนยังใจแทบละลายเลย แต่ปัญหาคือเด็กคนนี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนนี่นา!

ถ้าเกิดเธอเลี้ยงจนเกิดความผูกพันขึ้นมา พ่อแม่เด็กมาตามขอคืนถึงบ้านเธอก็ขาดทุนแย่สิ!

ไม่ได้การล่ะ คุณหนูใหญ่เหริ่นอย่างเธอไม่เคยทำการค้าขายที่ขาดทุน ต่อให้ต้องรับเลี้ยงจริง ๆก็ต้องสืบประวัติของเด็กให้แน่ชัด ไม่อย่างนั้นยอมไม่รับมาเลี้ยงยังจะดีกว่า!

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อวิ่งนำอยู่ข้างหน้าสุด วันนี้ลมค่อนข้างแรงเลยไม่เห็นใครในสวนสาธารณะแม้แต่คนเดียว บรรยากาศเงียบเหงาจึงขับให้สวนสาธารณะขนาดใหญ่ดูอ้างว้างเป็นพิเศษ พวกเธอสองคนไม่คุ้นเส้นทางเลยวิ่งวนอยู่หนึ่งรอบก็ไม่เจอทะเลสาบสักที แถมไม่มีคนให้ถามทางสักคนเดียว

“หรือว่าสวนสาธารณะที่นี่ไม่มีทะเลสาบ…ใช่แล้ว…เหมยเหมยเธอรู้ได้ไงว่าแม่ของเด็กเฝ้าดูอยู่ตลอด?” ฉีฉีเก๋อหยุดวิ่งประคองเหมยเหมยที่วิ่งจนเหนื่อยหอบก่อนจะเอ่ยถามคำถามในใจไป

เหมยเหมยทั้งรู้สึกแสบและเจ็บคอไปหมด พักอยู่ครู่หนึ่งถึงสบายขึ้นก็อธิบายไปว่า “เธอก็เป็นแม่คนแล้ว เธอลองจินตนาการว่าเป็นตัวเองดู ถ้าเธอเจอเรื่องลำบากไม่สามารถเลี้ยงลูกต่อไปได้ อย่างน้อยก็ต้องช่วยหาบ้านที่จะรับเลี้ยงลูกสาวให้ได้ก่อนใช่ไหมล่ะ? อีกอย่างคงไม่ทิ้งลูกไว้เรี่ยราดแล้วหนีไปหรอก…”

ฉีฉีเก๋อตบกบาลตัวเองทีหนึ่งแล้วก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ “นั่นสิ…ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ต่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไม่นานจริง ๆก็ต้องหาบ้านที่พึ่งพาได้ให้เป่ารื่อน่าก่อน ไม่งั้นจะตายยังไงก็ไม่สบายใจ…โอ้ย…เหมยเหมยเธอนี่ฉลาดจริง ๆ!”

เหมยเหมยกวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบตัว สวนสาธารณะแห่งนี้ช่างกว้างขวางนัก มองไกลออกไปไม่เห็นปลายทางด้วยซ้ำ

“เรารีบไปหากันเถอะ หวังว่ายังทัน ไม่รู้ว่าแม่ของเด็กเจอเรื่องลำบากอะไรกันแน่” เหมยเหมยรู้สึกหนักอึ้งที่หัวใจ ต้องพบเจออุปสรรคแบบไหนกันนะ…ถึงทำให้คุณแม่คนหนึ่งทอดทิ้งลูกตัวเองได้?

อีกอย่างดูจากกองเลือดใต้ต้นไม้เมื่อครู่ก็ทำให้เหมยเหมยรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าเดิม ถ้าไม่รีบตามหาให้พบเธอจะโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องของเขาไปตามหาแทน!

ในเมื่อเจอแล้วก็ยื่นมือช่วยเหลือสักครั้งแล้วกัน!

ถือว่าเป็นการสะสมบุญให้แก่เล่อเล่อ!

“ตรงนั้นเหมือนจะมีทะเลสาบ…ฉันไปดูก่อน…” ฉีฉีเก๋อตัวสูงมองได้ไกล ไม่นานเลยมองเห็นจึงชิงวิ่งนำหน้าไปก่อน

…………………………..

ตอนที่ 2686 คิดสั้น

พวกอิงจวี้กับเหมยเหมยแทบจะเดินทางมาถึงริมทะเลสาบในเวลาเดียวกัน ฉีฉีเก๋อเหมือนกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ทั้งยังโบกมือไปมาไม่หยุด ดูท่าทางร้อนรนใจอย่างมาก

ริมทะเลสาบมีหญิงสาวผอมซูบคนหนึ่งนั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่ แต่งตัวด้วยชุดตัวบาง ริมทะเลสาบลมแรงมาก มากเสียจนนึกกังวลกลัวลมจะพัดเอาหญิงสาวผู้นี้ไปด้วย

“เธอ…มีเรื่องลำบากใจอะไรเธอก็พูดออกมา อย่าคิดสั้นสิ…” ฉีฉีเก๋อพยายามเกลี้ยกล่อมแต่กลับไร้ปฏิกิริยาจากหญิงสาวเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่เธอพูดด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่จะขยับตัวสักนิดเอาแต่เหม่อมองผิวน้ำทะเลสาบแน่นิ่ง

ผิวน้ำทะเลสาบมีน้ำแข็งลอยอยู่ไม่น้อย แค่มองเฉย ๆยังรู้สึกหนาวเข้ากระดูก เลือกกระโดดลงทะเลสาบในวันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ต่อให้ไม่จมน้ำตายก็ต้องหนาวตายอยู่ดี

เหมยเหมยเองก็ไม่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ใช่คุณแม่ของเด็กหรือไม่ แต่เธอคิดว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คงใช่แน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่บังเอิญถึงขนาดที่พวกเขาตามมาแล้วเจอฆ่าตัวตายพอดี

“เมื่อกี้เธอทิ้งเด็กคนนี้ไว้ริมถนนใช่ไหม? เธอดูสิ…นี่ใช่ลูกสาวเธอหรือเปล่า?”

เหมยเหมยถามไปตรง ๆจนเรียกให้หญิงสาวร่างสะท้านเฮือกแต่ยังไม่หันกลับมา ใบหน้าของเธอน้ำตาไหลอาบแก้มก่อนจะค่อย ๆลุกขึ้นยืนหันมาโค้งให้พวกเหมยเหมยทีหนึ่งพลางเอ่ยเสียงแหบพร่า “พวกเธอคือคนใจบุญ…ขอร้องละช่วยรับนันนันของฉันไปเลี้ยงด้วยเถอะ…เธอเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยโวยวาย ทานไม่เยอะ…ไม่เสียเงินเท่าไหร่หรอก ขอร้องละ…ไว้ชาติหน้าต่อให้เกิดเป็นวัวเป็นม้าก็จะตอบแทนพวกเธอนะ…”

หญิงสาวโค้งไม่หยุดพร้อมร้องไห้เสียงสะอื้นแทบพูดไม่เป็นประโยค ตัวโงนเงนไปมาคล้ายทรงตัวไม่อยู่

ทุกคนเห็นโฉมหน้าของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน คาดว่าอายุไม่มากไม่มีทางถึงสามสิบปีแน่นอน แต่ผู้หญิงคนนี้ตัวผอมเกินไปจริง ๆ แก้มตอบเนื้อตัวเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก หน้าขาวซีดจนน่าตกใจ ปากแห้งแตก มุมปากยังมีรอยเลือดแห้งกรังอยู่เลย

เหมยเหมยนึกถึงกองเลือดใต้ต้นไม้นั่นก็ใจหล่นวูบ หลุดปากถามไปว่า “เลือดใต้ต้นไม้นั่นเป็นของเธอเหรอ?”

หญิงสาวยิ้มขมขื่นก่อนพยักหน้ารับ “ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว…พวกคุณคือคนใจบุญ ฉันกราบล่ะ…ขอบคุณพวกคุณมาก…”

เธอคุกเข่าตรงพื้นแล้วก้มลงคำนับสามทีถึงลุกยืนเดินโซซัดโซเซไปยืนริมทะเลสาบ พอเห็นสีหน้าอาลัยตายอยากของเธอ ดูท่าอยากจะตายจริง ๆ!

“ลูกสาวของเธอไม่เลี้ยงเองกลับให้คนอื่นเลี้ยง ทำไมเธอถึงใจเหี้ยมขนาดนี้? มีเรื่องลำบากใจอะไรก็บอก เราช่วยเธอคิดหาหนทางให้ ไม่แน่อาจจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ก็ได้!”

คุณแม่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนพูดหว่านล้อม พอเห็นผู้หญิงคนนี้เธอก็หวนนึกถึงตัวเองในอดีตเพราะบางทีเธอก็เคยคิดจะจบชีวิตตัวเองเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะทำใจทิ้งลูกสาวไม่ได้เธอคงตายไปนานแล้ว!

“ใครก็ช่วยฉันไม่ได้…ขอบคุณพวกคุณที่อุตส่าห์มาตามหาฉัน พวกคุณคือคนใจบุญ นันนันอยู่กับพวกคุณต้องดีกว่าอยู่กับฉันแน่ ๆ…ขอบคุณมาก…แล้วฉันจะกลับมาตอบแทนบุญคุณในชาติหน้า…”

หญิงสาวพูดเสียงเบาลงเรื่อย ๆและเดินใกล้น้ำมากขึ้นเรื่อย ๆจนรองเท้าของเธอเปียกชุ่มไปหมด แค่เห็นยังรู้สึกหนาวแต่หญิงสาวคนนี้เหมือนไม่มีความรู้สึกและยังคงเลือกจะเดินลงน้ำต่อไป

“ต้องรีบฉุดเธอขึ้นมา ไม่งั้นตายแน่…” คนแก่แต่ละคนดูจะร้อนใจยิ่งกว่าใคร คุณพ่ออิงพุ่งตัวไปหมายจะกระชากแขนอีกฝ่ายแต่ถูกอิงจวี้กังห้ามไว้แล้วตัวเองเป็นคนพุ่งไปเอง โดยคิดจะช่วยชีวิตหญิงสาวคนนี้ไว้

“อย่ามาเลย…ลาก่อน…”

หญิงสาวทิ้งตัวไปด้านหลังพลางหลับตาลง ครั้นเห็นว่าใกล้จะจมน้ำแล้วทุกคนก็กรีดร้องอย่างอดไม่ได้ มองหญิงสาวด้วยท่าทางตกใจจนนิ่งค้างไป

คล้ายรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของคุณแม่หรือบางทีเป็นกระแสจิตระหว่างแม่ลูก เด็กน้อยที่หลับสนิทในทีแรกจู่ ๆก็อ้าปากร้องไห้เสียงดัง มือน้อยกำแน่นโบกไปมาไม่หยุด ร้องไห้ไม่หยุดอย่างน่าสงสาร

………………

Related

ตอนที่ 2683 เด็กที่ถูกทอดทิ้ง

“เป็นอะไรไป?” เหมยเหมยเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เดิมทีกำลังหลับตางีบเอาแรงก็เบิกตาโพลงมองออกไปนอกหน้าต่าง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกน “ฉีฉีเก๋อเธอจอดรถข้างทางหน่อย ตรงโค้งนั้น ใช่…ตรงนั้นแหละ!”

เธอโบกมือบอกจุดที่จะให้ฉีฉีเก๋อจอดรถแล้วรีบพรวดพราดลงจากรถวิ่งไปยังแปลงดอกไม้ข้างหน้าโดยไม่รู้ว่าไปทำอะไร

“เชี่ยนเชี่ยนปวดฉี่เหรอ?” ฉีฉีเก๋อมองด้วยความฉงน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนในตอนนี้ทำท่าเหมือนคนปวดเบาเข้าห้องน้ำแถมยังวิ่งไปยังแปลงดอกไม้อีกด้วย…

เหมยเหมยมุมปากกระตุก จินตนาการช่างลึกล้ำนัก กลางวันแสก ๆแบบนี้ ต่อให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉี่รดเบาะรถก็ไม่มีทางไปฉี่ตรงแปลงดอกไม้แน่นอน เธอคาดว่าตรงแปลงดอกไม้น่าจะมีอะไรสักอย่าง มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเงินตกตรงนั้นเสียมากกว่าอีก!

อิงจวี้กังที่ขับนำทางอยู่ข้างหน้าก็จอดรถเดินลงมาเช่นกัน “เชี่ยนเชี่ยนเป็นอะไรเหรอ?”

เหมยเหมยส่ายหน้า อิงจวี้กังเดินไปตรงแปลงดอกไม้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนร้องขึ้นมาว่า “พวกเธอรีบมา…เร็วเข้า…”

เสียงดูร้อนรนมากคล้ายมีบางอย่างเกิดขึ้น อิงจวี้กังสะบัดแขนวิ่งพุ่งไปราวกับจรวดน้อย

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อก็เร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน เพราะอยู่ห่างจากแปลงดอกไม้ไม่ไกลเท่าไรเลยมาถึงในไม่ช้า เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่บนขอบแปลงชี้นิ้วไปที่พื้นหญ้า ทุกคนมองไปตามต้นทางที่เธอชี้กลับพบเห็นตะกร้าไม้สานใบใหญ่ อีกทั้งยังมีผ้าห่มผืนเล็กสีชมพูยื่นออกมา ทุกคนใจเต้นตุบ ๆ พอจะคาดได้แล้วว่าในตะกร้าคืออะไร!

“ในนี้มีเด็กคนหนึ่ง…กำลังหลับสบายเลย…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำตัวไม่ถูก เธอไม่กล้าอุ้มเด็กเพราะกลัวทำเด็กเจ็บ

ฉีฉีเก๋อย่อตัวลงพลางลูบหน้าผากของเด็กไปมา อุณหภูมิร่างกายปกติดีแถมเด็กยังดูสะอาดสะอ้านด้วย นอกจากตัวเล็กไปหน่อยก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร

“เด็กคนนี้น่าจะอายุหกเดือนแล้ว ดูสิว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง?” เหมยเหมยย่อตัวลงอีกคนพลางยื่นมือไปเปิดผ้าอ้อมเด็กดู

อิงจวี้กังกลับพูดขึ้นว่า “ต้องเป็นเด็กผู้หญิงแหง เด็กที่ถูกทิ้งส่วนมากเป็นเด็กผู้หญิงหมด”

เขาเอ่ยเช่นนี้แต่ก็ย่อตัวลงตามอีกคน ซึ่งความจริงก็เป็นไปอย่างที่เขาว่าไว้ไม่ผิด เด็กทารกเป็นเพศหญิงจริง ๆ เหมยเหมยปิดผ้าอ้อมไว้เหมือนเดิมแล้วกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ไร้มนุษยธรรมที่สุด คลอดเด็กผู้หญิงก็ไม่ยอมเลี้ยงดู อนาคตลูกชายของคนพวกนี้จะไปแต่งงานหาเมียจากที่ไหน…สารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก!”

“แล้วเด็กนี่จะทำยังไงต่อดี…โทรแจ้งตำรวจดีไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชักไม่มั่นใจแล้ว

พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายที่ต่างนั่งรออยู่บนรถหมดความอดทนเลยเดินตามมาดูด้วย ครั้นเห็นเด็กน่ารักนอนอยู่ในตะกร้าก็ตกใจ พอรู้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนเห็นจากบนรถก็ยิ่งรู้สึกทึ่งกว่าเดิม

“รับเลี้ยงเด็กคนนี้ไปเลยดีไหม เรามีกันตั้งมากไม่เห็นเด็กคนนี้แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับเห็น นี่มันวาสนาสองแม่ลูกชัด ๆ!” คุณแม่อิงเป็นคนเอ่ยขึ้น

คุณแม่เหริ่นปรบมือเห็นด้วยแต่เธอคิดได้รอบคอบกว่าหน่อย “หรือว่าเราพาเด็กไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน ถ้าป่วยเป็นโรคอะไรเราจะเลี้ยงไม่ได้นะ เอากลับมาเลี้ยงต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่”

“ในนี้มีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง…”

เหมยเหมยพบจดหมายหนึ่งฉบับในผ้าห่มของเด็กน้อยรวมถึงเสื้อผ้าซักสะอาดไม่กี่ตัว ตัวหนังสือบนจดหมายไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แถมยังมีตัวหนังสือที่เขียนผิดอยู่หลายตัวซึ่งบ่งบอกว่าคนที่เขียนจดหมายต้องเป็นคนที่ไม่ค่อยมีการศึกษาแน่ ๆ

‘คนใจบุญ ฉันมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นานแล้ว ได้โปรดคนใจบุญช่วยรับเลี้ยงลูกสาวฉันด้วย เด็กอายุแปดเดือนแล้ว เธอไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ตัวเล็กเพราะกินไม่อิ่มท้อง…ขอร้องช่วยรับเลี้ยงลูกสาวของฉันไว้เถอะ ชาติหน้าฉันยอมเป็นวัวเป็นม้าเพื่อตอบแทนบุญคุณย่อมได้…’

เหมยเหมยอ่านจดหมายจบ ทุกคนต่างทำหน้าตึงเครียดอย่างมาก ดูท่าจะเกิดเรื่องกับแม่ของเด็กคนนี้แล้ว

“พาเด็กไปสถานีตำรวจก่อนแล้วกัน ตรวจสอบดูก่อนว่าพ่อแม่ของเธอคือใคร!” อิงจวี้กังหิ้วตะกร้าขึ้นมา พวกเขาก็พากันขึ้นรถยนต์ไป เมื่อรถยนต์ขับออกไปไกลหญิงสาวตัวผอมซูบคนหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ข้างแปลงดอกไม้พร้อมกับจุดยิ้มอย่างขมขื่นใจ

“นันนัน…แม่ขอโทษ…คนกลุ่มนี้มีปัญญาขับรถ ฉะนั้นฐานะที่บ้านต้องดีแน่ ๆ แม่จะอวยพรให้ลูกอยู่บนฟ้านะ…”

หญิงสาวคุกเข่ากราบอยู่หลายทีแล้วเดินตัวเซไปจากตรงนั้น

………………………..

ตอนที่ 2684 เกรงว่าจะฆ่าตัวตาย

เด็กน้อยหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกทอดทิ้งแล้ว ปากเล็กอมชมพูเคี้ยวแจ่บ ๆ หลายทีคล้ายจะฝันดี เผยยิ้มอ่อนหวานออกมาเป็นพัก ๆ

“เด็กน่ารักจะตาย พ่อแม่ของเธอทำใจทิ้งได้ลงคอได้อย่างไรกันนะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ต้องลำเอียงเห็นความสำคัญผู้ชายผู้หญิงไม่เท่ากันแน่ ๆ ให้ตายเถอะ สิบคนที่ทิ้งลูกสาวมักมีเก้าคนที่ลำเอียงไปหาเด็กผู้ชายเสียส่วนมาก!

“ฉันว่าแม่ของเด็กก็น่าจะลำบากใจบ้างแหละ เท่าที่อ่านจากข้อความในจดหมายเธอคงมีความจำเป็นถึงต้องทิ้งลูกสาว ไม่รู้ว่าแม่ของเด็กอยู่ที่ไหนถึงทิ้งลูกไว้ข้างถนนแบบนี้ โชคดีที่เชี่ยนเชี่ยนเป็นคนเห็น ถ้าเจอพวกแก๊งลักเด็กหรือหมาจรจัดอะไรทำนองนั้น เด็กต้องแย่แน่!”

ฉีฉีเก๋อขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจมากเช่นกัน ต่อให้จะทิ้งลูกจริง ๆก็ควรหาที่ปลอดภัยกว่านี้หน่อยไหม?

ทำไมถึงทิ้งตรงริมถนนแบบนี้ล่ะ!

มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวเหมยเหมยแล้ววาบหายไปอย่างไว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า “ลำบากใจบ้าบออะไรกัน ต้องเป็นเพราะอยากได้ลูกชายถึงได้ทิ้งลูกสาวไป พ่อแม่สารเลวแบบนี้ฉันเจอมานักต่อนักแล้ว ในใจพวกเขาลูกสาวมีค่าไม่เท่าหมาตัวหนึ่งด้วยซ้ำ…”

“น่าจะไม่ใช่อย่างนั้น เธอดูสิถึงเสื้อผ้าของเด็กคนนี้จะเก่ามากแต่กลับถูกซักสะอาดหมดจด แล้วยังสวมเสื้อไว้แน่นหนาผ้าห่มก็ม้วนไว้อย่างดี บ่งบอกว่าแม่ของเด็กคนนี้เป็นคนละเอียดและรักลูกสาวแน่ ๆ อีกอย่างในจดหมายก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเธอมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว ตอนนี้ฉันกลับเริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่คนนี้หรือเปล่า?”

ฉีฉีเก๋อขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมทำหน้ากังวลใจ

“จอดรถ…ไม่สิ…เลี้ยวกลับไป…รีบเลี้ยวกลับไป!” ในที่สุดเหมยเหมยก็คิดออกสักทีว่าเมื่อกี้มีอะไรแวบเข้ามาในหัวจึงตะโกนเสียงดังจนฉีฉีเก๋อตกใจรีบเหยียบเบรก

“เป็นอะไรไป…มีเด็กอีกคนเหรอ?” ฉีฉีเก๋อหันกลับมาตะคอกใส่

“เปล่า…เธอรีบเลี้ยวรถ เราไปตามหาแม่ของเด็กคนนี้กัน!” เหมยเหมยรีบโบกมือให้ฉีฉีเก๋อ

“ไปหาจากไหน?”

“เธอเลี้ยวกลับไปก่อน ไว้ฉันจะค่อย ๆเล่าให้ฟังระหว่างทาง เร็วหน่อย…ไปช้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ!” เหมยเหมยนึกอยากไปขับรถแทนเสียเอง

ทักษะการขับรถของฉีฉีเก๋อไม่เลว เมื่อเห็นว่าบนถนนไม่มีรถเท่าไรเลยตีวงกว้างเลี้ยวรถกลับทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบกระชับกอดเด็กไว้ด้วยความตกใจจนหน้าซีด พอได้สติก็ตวาดเสียงใส่ “ฉันอุ้มเด็กอยู่นะ…ทำไมเธอไม่บินไปเลยล่ะ…”

“ก็เหมยเหมยเร่งไง เธอกอดไว้แน่นหน่อย ฉันจะเร่งความเร็วแล้วนะ!”

ฉีฉีเก๋อเหยียบคันเร่งจนมิดขับกลับทิศทางเดิม อิงจวี้กังที่อยู่ด้านหน้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถคันด้านหลังเลยโทรมาถาม พอได้ยินว่าจะไปตามหาแม่ของเด็กจึงขับตามมาด้วยอีกคัน

ไม่นานก็มาถึงแปลงดอกไม้ เหมยเหมยลงจากรถไปหาอยู่นาน ก่อนจะเจอกองเลือดหลังต้นไม้ที่ทำเอาใจเต้นรัวในฉับพลัน

“เลือดนี่มันอะไรกัน? หรือว่า…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอุ้มเด็กเดินตามมา พอเห็นเลือดก็ตกใจเฮือกใหญ่

เหมยเหมยชักสังหรณ์ใจไม่ดี “ฉันเดาว่าแม่ของเด็กคนนี้ยังอยู่ ก่อนที่เราจะอุ้มเด็กไปเธอเฝ้าดูอยู่ตรงนี้ตลอด พอเราอุ้มเด็กไปเธอถึงจากไป ไม่สิ…เธอต้องไปฆ่าตัวตายแน่ ๆ…รีบไปตามหาละแวกนี้กันเถอะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตามความคิดของเหมยเหมยไม่ทันเลยเอาแต่ไล่ถามไม่หยุด เหมยเหมยไม่มีกะจิตกะใจจะอธิบายต่อเลยให้ฉีฉีเก๋อไปตามหาแถวสวนสาธารณะ ส่วนมากเวลาผู้หญิงจะฆ่าตัวตายมักเลือกกระโดดลงน้ำ

“ฉันจำได้แล้ว ใกล้ ๆนี้มีสวนสาธารณะที่หนึ่งน่าจะมีทะเลสาบอยู่”

ฉีฉีเก๋อก็เป็นห่วงแม่ของเด็กมากเช่นกันเลยขับรถแทบบินขึ้นท้องฟ้าอยู่แล้ว ไม่นานก็มาถึงสวนสาธารณะ

…………………

Related

ตอนที่ 2681 DIY สำเร็จ

“ต่อให้เรียนรู้ด้านที่ตัวเองถนัด แต่ DIY ก็สู้บริษัทเครื่องสำอางที่เป็นมืออาชีพไม่ได้หรอก ที่รัก เครื่องสำอางของเธอเป็นของมีระดับที่สั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ รับรองว่าธรรมชาติปลอดสารพิษแล้วยังใช้ดีด้วย…”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเตือนภรรยาตัวเอง พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้ว่าคงลืมที่มาของเครื่องสำอางตัวเองไปแล้ว!

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆแล้วได้สติกลับมาทันที แหงสิ…เครื่องสำอางของเธอดีกว่าของหยาบกระด้างพวกนั้นของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตั้งหลายร้อยเท่า ตอนกลางวันมัวแต่คิดว่าห้ามน้อยหน้าเลยลืมไปชั่วขณะ

“แต่ฉันบอกเชี่ยนเชี่ยนไว้แล้วว่านอกจากพี่จะคลอดลูกเองไม่ได้…อย่างอื่นก็ทำได้หมด!” เหมยเหมยก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เรื่องนี้เธอไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไรเลย แต่ตอนนั้นเกิดหัวร้อนขึ้นมาชั่ววูบนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกเหมยเหมยอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ทำไมเธอไม่บอกไปว่าพี่คลอดลูกเองได้ด้วยล่ะ!”

ไม่เคยเห็นยัยตัวแสบนี่ทำตัวฉลาดสักที มีแต่ทำตัวโง่ทุกวี่วัน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อีกคน แค่รองพื้นธรรมดาไม่คู่ควรเอามาเกทับกันด้วยซ้ำ ความคิดตื้นเขิน ของแบบนี้มีอะไรยากกัน เขาก็แค่ไม่มีเวลาเท่านั้น ถ้ามีเวลาให้ทำ DIY ต้องทำดีกว่าสามีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างแน่นอน!

เหมยเหมยยู่จมูกแล้วตอบเสียงอู้อี้ “พี่คลอดลูกไม่ได้นี่นา…จะให้ฉันพูดโกหกหน้าตาเฉยก็ไม่ได้!”

“เธอก็กำลังโกหกหน้าตายอยู่ไม่ใช่เหรอ? เรื่องที่พี่ทำไม่ได้มีถมเถไป ต่อให้เป็นเทพเซียนยังมีการแบ่งงาน สามีเธอไม่ได้เก่งเท่าเทพเซียนหรอกนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นอดบีบจมูกเหมยเหมยอีกทีอย่างห้ามใจไม่ได้ ทำตัวน่ากลุ้มใจยิ่งกว่าเล่อเล่อด้วยซ้ำ รออีกไม่กี่ปีคาดว่าเขาคงไม่ต้องคอยห่วงเล่อเล่อแล้วเอาสมาธิมาจดจ่อกับการเลี้ยงลูกสาวคนโตคนนี้อย่างเต็มที่แทน

“ฉันไม่สน…ฉันโม้ไปแล้ว พี่ต้องช่วยกู้สถานการณ์ให้ฉัน ไม่งั้นฉันต้องขายหน้าแน่ ๆ…พี่…ที่รัก…สุดที่รัก…”

เหมยเหมยเขย่าแขนเหยียนหมิงซุ่นไปมาอย่างออดอ้อนไม่หยุดพร้อมเอ่ยสรรพนามสุดน่าขนลุกออกมาหมด ใช้ทั้งมารยาและกลยุทธ์สาวงามพร้อมกัน…เธอไม่เชื่อหรอกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่หวั่นไหว!

เหยียนหมิงซุ่นถูกยั่วจนลำคอแห้งผาก สายตาหม่นลงและใช้แรงที่มือกดลงไปมากกว่าเดิม กดเสียงพูด “ก็ต้องดูความประพฤติของเธอล่ะ…ความสามารถของพี่มีเท่ากับความประพฤติของเธอ…”

“พี่…พี่ดีจัง…”

เหมยเหมยฉีกยิ้มทันที เธอรู้อยู่แล้วว่าอ้อนต้องใช้ได้ผลแน่ ๆ ผู้ชายมักยอมจำนนต่อวิธีนี้!

“อย่างไรเสียก็ไม่ทำให้เธอต้องขายหน้าต่อหน้าเพื่อนเธอหรอก…ชู่ว…ไม่พูดแล้ว ตั้งใจหน่อย…ไม่งั้นพี่ไม่รับปากว่าจะทำ DIY สำเร็จหรือเปล่าหรอกนะ…” เหยียนหมิงซุ่นข่มขู่อย่างตรงไปตรงมา เหมยเหมยตกใจจนไม่กล้ากระดิกตัวปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ

พายุฝนกระหน่ำก็ซัดระลอกใหญ่…

ข้างนอกอากาศยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวแต่ภายในห้องกลับสดใสดั่งแสงในฤดูใบไม้ผลิ

หลายวันนี้เหมยเหมยยอมอดทนเพื่อเอาใจท่านผู้บัญชาการเหยียนชนิดที่ไม่ลางานแม้แต่คืนเดียวหรืออู้งานสักนิด ตามใจเหยียนหมิงซุ่นอยู่หลายวันจนเขาสดชื่นแจ่มใสทุกวัน

ได้กอดภรรยาอย่างมีความสุขแน่นอนว่างานก็ต้องทำ หลายวันนี้เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆแต่กำลังคิดว่าควร DIY อะไรดีที่ทั้งไม่ใช้เวลามากแล้วยังช่วยให้ภรรยาได้หน้าต่อหน้าเพื่อน ๆด้วย

ในที่สุด…เหยียนหมิงซุ่นก็คิดออกแล้ว เวลาหนึ่งชั่วโมงในการอ่านหนังสือช่วงดึกถูกเขานำมาใช้กับการทำ DIY เขาเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ในเมื่อเตรียมจะลงมือทำแล้วย่อมต้องทำให้ดีที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นทำค่อนข้างไวซึ่งไม่นานของชิ้นแรกก็สำเร็จ เขารีบเอาไปถวายให้เหมยเหมยทันที ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าของขวัญ DIY สำหรับภรรยาที่ทำด้วยตัวเองรู้สึกไม่เลวแฮะ โดยเฉพาะยามเห็นภรรยาเผยยิ้มมีความสุขตอนรับของขวัญ ความรู้สึกภาคภูมิใจนั่นหาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ!

สามีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้หน้าตาจะไม่โดดเด่นแต่มีวิธีเอาใจผู้หญิงไม่ธรรมดาเลย!

“ชอบไหม?” เหยียนหมิงซุ่นมองภรรยาที่ดีใจมองจนตาค้างด้วยสายตารักใคร่พร้อมยกยิ้มมุมปาก

…………………….

ตอนที่ 2682 สามีก็ต้องอวดกันบ้าง

เหมยเหมยมองต่างหูสองข้างบนฝ่ามืออย่างตกตะลึง เป็นต่างหูเครื่องเงินที่มีสายห้อยระย้าลงไป ตรงกลางมีจี้ทับทิมสีแดงเฉิดฉายประกาย แม้เป็นต่างหูเรียบง่ายแต่กลับดูดีไม่หยอกเลย

“หลังจากนี้ต่างหูของเธอไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง จะทำให้ไม่ซ้ำลายกันเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นใส่ต่างหูให้เหมยเหมยเองกับมือ พลันก็ดูน่าหลงใหลทำเอาเขารู้สึกภูมิใจในตัวเองถึงขีดสุด คิดไม่ถึงว่าเขามีพรสวรรค์นักออกแบบเพชรพลอยเหมือนกันนะเนี่ย!

งาน DIY ประเภทนี้ช่างง่ายเหลือเกิน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ทำได้หนึ่งคู่ ทับทิมไพลินหยกเทอร์ควอยซ์หยกเจไดต์หินโมราทัวมารีนและไข่มุก…เพชรพลอยหลากหลายชนิดพอให้เขาแสดงฝีมือแล้ว!

“สวยจัง…พี่คือสามีที่เก่งที่สุดเลย ใครก็สู้พี่ไม่ได้!”

เหมยเหมยพึงพอใจต่อต่างหูคู่นี้อย่างมาก บลัชออนรองพื้นธรรมดาเกินไป สิ่งที่พี่หมิงซุ่นของเธอทำดูดีมีระดับกว่ามาก เธอจะใส่ไปวันพรุ่งนี้ให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาตาร้อนตายไปเลย!

เหยียนหมิงซุ่ยกยิ้มสูงกว่าเดิมและรู้สึกกระตือรือร้นกับการทำ DIY มากขึ้น ในเมื่อภรรยาดีใจขนาดนี้งั้นเขาจะฝืนใจทำอีกหลาย ๆคู่แล้วกัน ในเมื่อไม่ได้เสียเวลามากนี่นา!

“ครั้งหน้าฉันจะใช้ไพลินทำให้เธอ สายระย้าอยากได้สั้นหรือยาวกว่านี้?”

“พี่…ฉันอยากได้ไพลินสีคอร์นฟลาวเวอร์เป็นจี้ ฉันจะเอาไพลินให้พี่ ฉันมีเม็ดเล็ก ๆหลายเม็ดเอามาทำเป็นจี้ได้พอดี…” เหมยเหมยกระตือรือร้นอย่างมาก เธอสะสมเพชรพลอยมากมายมีอยู่แทบทุกสี

เหยียนหมิงซุ่นเลือกเม็ดเล็ก ๆจำนวนหนึ่งซึ่งดูดีมีระดับไม่ต่างกัน ลำบากมาหนึ่งอาทิตย์ สวัสดิการต้องไม่น้อยแน่ ๆ!

อีกอย่างวันนี้ยังเป็นเทศกาลหยวนเซียวด้วย สวัสดิการเพิ่มสองเท่า คืนนี้ออกกำลังกายได้หลายยกแล้ว!

……

เหมยเหมยเพิ่งตื่นตอนมื้อเที่ยง ถ้าไม่ได้นัดไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอนึกอยากทานสามมื้อบนเตียงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดีที่เหยียนหมิงซุ่นช่วยนวดให้เธออยู่ครู่หนึ่งถึงไม่ได้ปวดเอวเท่าเดิมแล้ว

เพื่อให้ต่างหู DIY ของเหยียนหมิงซุ่นเตะตาเธอจงใจเลือกเสื้อโค้ทขนแกะสีเดียวกับต่างหูมาโดยเฉพาะ แต่งหน้าอย่างประณีตแล้วใส่ต่างหูจากความรักคู่นี้ประดับไว้อย่างสวยงามแต่ต้องรอฉีฉีเก๋อก่อน

ฉีฉีเก๋อพาเป่ารื่อน่ามาส่งเพื่อให้เด็กสองคนเล่นด้วยกันแล้วพวกเธอค่อยไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกันเพราะไม่พาเด็กไปด้วยจะสบายตัวมากกว่า

“ต่างหูเธอสวยจัง ซื้อจากไหนเหรอ?”

เพิ่งเจอกันไม่นานฉีฉีเก๋อก็ถูกต่างหูดึงดูดความสนใจไปก่อนเลยอดถามไม่ได้

เหมยเหมยขยิบตาให้อย่างได้ใจ “ไว้เดี๋ยวค่อยบอกเธอ!”

รออีกประเดี๋ยวเจอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอจะต้องอวดให้หนำใจ ทำให้ยัยนี่อิจฉาตาร้อนตายไปเลย!

พอมาถึงบ้านเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เพียงแวบแรกคุณหนูใหญ่ผู้นี้ก็ถูกต่างหูดึงความสนใจไปตามคาดก่อนจะรีบถามยี่ห้อ เหมยเหมยยิ้มอย่างพึงพอใจ ส่ายศีรษะปล่อยให้ต่างหูสั่นไปมาขับให้เธอดูงดงามน่าหลงใหลกว่าเดิม และยิ่งทำให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉามากกว่าเดิม

“เธอมีเงินก็ซื้อไม่ได้ นี่พี่หมิงซุ่นฉันทำ DIY ขึ้นมาเอง จะไปหาซื้อจากไหนได้ล่ะ!” อย่าให้ต้องพูดเลยว่าเหมยเหมยได้ใจแค่ไหน ได้เอาคืนสมใจแล้ว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหนังตาเต้นตุบ ๆ รู้จนได้ว่าทำไมจ้าวเหมยถึงเสนอตัวไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับเธอ เธอหลงคิดว่าเพราะมิตรภาพอันลึกซึ้ง ที่แท้เธอคิดเข้าข้างไปเองทั้งนั้น!

“พี่หมิงซุ่นบอกอีกด้วยว่าจากนี้ไปต่างหูของฉันเขาเหมาทำเองหมดแล้ว ไม่ต้องไปซื้อจากข้างนอก หนึ่งปีสามร้อยหกสิบห้าวันจะทำให้ไม่ซ้ำสักคู่เลย!” เหมยเหมยเห็นความอิจฉาในแววตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าการได้ทานไอศกรีมในเดือนมิถุนายนเสียอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปากไม่ปริเสียงใด ๆแต่กลับตัดสินใจให้อิงจวี้กังศึกษาการทำ DIY เพชรพลอย เธอจะใส่ต่างหูยี่ห้อสามีด้วยเหมือนกัน!

“ฉันว่าพวกเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งย้อนเวลากลับไปในอดีตสินะ เป่ารื่อน่ากับเล่อเล่อยังไม่ทำตัวเป็นเด็กน้อยเท่าพวกเธอเลย เป็นสามีของพวกเธอต้องเหนื่อยแย่แน่ ๆ!” ฉีฉีเก๋อทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว

เหมยเหมยลูบจมูกปอย ๆแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ สามีไม่มีวันหมดอายุนี่นา ที่ควรโอ้อวดก็ต้องอวดกันบ้าง!

พวกเขามุ่งหน้าสู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกันซึ่งจุดหมายปลายทางคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตื่นเต้นอย่างมากมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นระยะ ๆมัวแต่พร่ำบ่นว่ารถเคลื่อนตัวช้าเกินไป

“จอดรถ…”

ขณะที่ใกล้จะถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพลันเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตะโกนขึ้นมาทำเอาฉีฉีเก๋อรีบเบรกทันทีโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

……………

Related

ตอนที่ 2679 สามีฉันทำเป็นทุกกอย่าง

“หลังจากนี้ฉันก็จะใช้แค่รองพื้นของสามีฉันล่ะ อิงจวี้กังบอกว่าเขาจะพัฒนามันให้ดีกว่านี้ ทำให้สีมันดูธรรมชาติขึ้น เนื้อสัมผัสละเอียดกว่านี้อีกหน่อย แล้วผสมกลิ่นได้อีกหลาย ๆชนิด ฉันอยากใช้กลิ่นไหนก็ใช้กลิ่นนั้น ธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หลังจากนี้ไปฉันก็ไม่ต้องกลัวสิวขึ้นอีกแล้ว…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบไล้หน้าเบา ๆอย่างอิ่มเอมใจ เผยท่าทางหญิงสาวที่แสนจะมีความใจ

ช่วงก่อนหน้านี้อิงจวี้กังวุ่นอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆเขาทุกคืนโดยไม่รู้ว่ามัวทำอะไรอยู่ แต่สองวันก่อนที่เธอได้รับของขวัญชิ้นนี้จากอิงจวี้กังอย่าให้ต้องอธิบายเลยว่าซาบซึ้งใจเพียงใด คืนนั้นก็จัดกับอิงจวี้กังไปสามยก

เหมยเหมยปิดปากแน่นไม่ปริเสียง ช่วงนี้เห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วรู้สึกรำคาญอยู่บ้างเพราะเอะอะก็พูดคำหวานหยดย้อยเรื่องสามีต่อหน้าเธอกับฉีฉีเก๋อครั้งแล้วครั้งเล่าไม่จบไม่สิ้น น่าอึดอัดเสียจริง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับยังจมอยู่ในห้วงแห่งความสุขปานน้ำผึ้งรสหวาน เอ่ยพึมพึมกับตัวเองว่า “อิงจวี้กังฉันบอกแล้วว่ารอทำรองพื้นได้เชี่ยวชาญแล้วก็จะเริ่มทำลิปสติกกับบลัชออนจากวัตถุดิบธรรมชาติไร้สารพิษทั้งหมด แบรนด์ดังพวกนี้ถึงจะโฆษณาว่าไม่มีพิษภัยต่อผิวแต่ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือเปล่า อันที่สามีฉันทำน่าไว้ใจมากกว่า!”

เหมยเหมยคร้านจะฟังต่อ ความรู้สึกอิจฉาในใจแทบล้นออกมารอมร่อเลยอดตำหนิเหยียนหมิงซุ่นอีกระลอกไม่ได้

สามีคนอื่นทำของขวัญ DIY แสนโรแมนติกให้ภรรยา เหยียนหมิงซุ่นนอกจากจะเคยทำหนังสติ๊กกับปืนให้ลูกสาวแล้วก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอสักอย่างแม้แต่ยางรัดผม…ของขวัญที่ให้เธอมีแต่ของราคาแพงแต่ไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำเองกับมือเลย!

เดิมทีเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้าไม่มีตัวอย่างให้เปรียบเทียบก็จะไม่รู้สึกเจ็บใจ…

สามีคนอื่นไม่เคยทำให้ผิดหวัง!

เหมยเหมยกัดฟันตัดสินใจว่ากลับบ้านไปจะให้เหยียนหมิงซุ่นทำของขวัญ DIY ออกมาให้เธอสักชิ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม เธอไม่อยากตกเป็นรองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหรอก!

“เหมยเหมย…จะให้อิงจวี้กังของฉันทำรองพื้นให้เธอสักตลับไหม? ให้เขาทำกลิ่นกุหลาบ กลิ่นที่เธอชอบไง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดว่ามีของดีก็ต้องแบ่งปันเพื่อนสนิท แต่เธอกลับลืมความใจแคบของผู้หญิงไปได้…

“ไม่ต้อง…พี่หมิงซุ่นฉันก็ทำได้!”

เหมยเหมยเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง หล่อนมีสามีคนเดียวหรือไง เธอก็มีเหมือนกัน!

คืนนี้จะให้เหยียนหมิงซุ่นไปศึกษาวิธีทำรองพื้นเลย เฮอะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกะพริบตาปริบ ๆ ไม่นานก็รู้ทันความคิดเหมยเหมยเลยอดขำไม่ได้พลางพูดหยอกเย้าว่า “ได้…รอท่านผู้บัญชาการเหยียนของเธอคิดสูตร DIY ได้สำเร็จก็มาดูกันว่าของใครใช้ดีกว่ากัน!”

กลับไปจะให้สามีเร่งมือหน่อย จะพ่ายแพ้ต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้!

ฉีฉีเก๋อที่นั่งข้าง ๆเห็นสายตาเชือดเฉือนของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนก็หัวเราะอยู่ยกใหญ่ แค่รองพื้นไม่ใช่หรือไงมีอะไรน่าแข่งกัน คนที่ไม่มีสามีอย่างเธอสบายใจที่สุดเพราะจะได้ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นด้วยอีกคน!

“เชี่ยนเชี่ยนเธอให้อิงจวี้กังทำรองพื้นกลิ่นลาเวนเดอร์ให้ฉันสักอันสิ ถ้าบลัชออนทำเสร็จก็ให้ฉันสักกล่องนะ!” ฉีฉีเก๋อเอ่ยคำขอไปอย่างไม่เกรงใจ

“วางใจเถอะ ไว้กลับบ้านไปฉันจะบอกเขาทันที เหมยเหมยเธอไม่เอาจริงเหรอ? รองพื้นไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้นนะ สามีฉันศึกษาอยู่ครึ่งปีกว่าจะทำได้” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยหยอกเย้าพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก

เหมยเหมยแค่นเสียงทีหนึ่ง “พี่หมิงซุ่นฉันเป็นคนฉลาด นอกจากคลอดลูกเองไม่เป็น อย่างอื่นไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขยิบตาให้ฉีฉีเก๋อทีหนึ่งแล้วทั้งคู่ก็มองหน้าหัวเราะกัน

เหมยเหมยในท่าทางแบบนี้เหมือนเด็กอนุบาลก็ไม่ปาน เด็กคนอื่นกำลังโอ้อวดคุณพ่อตัวเอง เธอก็โอ้อวดคุณพ่อตัวเองคืนอย่างไม่ยอมแพ้ “ของพวกนี้พ่อฉันทำได้หมด…ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้!”

ฮ่า ๆ…ทีนี้ล่ะเหยียนหมิงซุ่นงานเข้าแล้ว!

…………………………….

ตอนที่ 2680 กลยุทธ์สาวงาม

ช่วงกลางวันเหยียนหมิงซุ่นไปเดินตรวจตามฐานฝึกซ้อม ขณะที่เฮ่อเหลียนชิงหนีไปพักร้อนทางใต้อย่างสบายอกสบายใจ งานที่เมืองหลวงก็โยนไว้ให้เขาทำคนเดียว แม้จะไม่ถึงขั้นงานยุ่งจนหัวหมุนแต่ก็ไม่เคยมีเวลาว่าง มักมีงานที่ต้องให้เขาไปสะสางอยู่เรื่อย

“ฮัดชิ่ว…”

เหยียนหมิงซุ่นกำลังคุยกับลูกน้องจู่ ๆก็จามติดต่อกันรัว ๆอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณชายหมิงเป็นหวัดเหรอครับ?” ลูกน้องถามด้วยความห่วงใย

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ ร่างกายของเขาถูกฝึกมาจนแข็งแกร่งยิ่งกว่าช้างแล้วจะเป็นหวัดได้อย่างไร?

เพียงแต่การจามรอบนี้มันน่าแปลกเกินไป หรือว่ามีใครกำลังบ่นถึงเขาอย่างนั้นหรือ?

ตกดึกเหยียนหมิงซุ่นสะสางงานเสร็จตามปกติก็อ่านหนังสือต่ออีกครู่หนึ่ง จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังคงรักษากิจวัตรประจำวันอย่างการอ่านหนังสือหนึ่งชั่วโมงไม่ขาด ประเภทหนังสือที่เขาอ่านหลากหลายชนิด มีทั้งดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บทกลอนบทกวีโบราณ นิตยสารเกี่ยวกับกิจการทหารหรืออาวุธ ตำนานเรื่องเล่าของบุคคลสำคัญต่าง ๆ…ถึงขั้นนิยายกำลังภายใจก็จะอ่านบ้างเป็นครั้งคราวถือเป็นการผ่อนคลาย

กลับถึงห้องนอนเหยียนหมิงซุ่นหลงคิดว่าเหมยเหมยหลับไปแล้ว แต่–

เหมยเหมยสวมชุดนอนสายเดี่ยวผ้าซาตินสีดำตัวโปรดของเขาอีกครั้งแล้วยังจงใจปล่อยให้สายเดี่ยวข้างหนึ่งตกจากไหล่เผยให้เห็นลาดไหล่เนียนขาวทำเอาเหยียนหมิงซุ่นอดกลืนน้ำลายไม่ได้

ยัยตัวแสบคิดจะยั่วเขาเพื่อลูกคนที่สองอีกแล้วใช่ไหม?

อย่างไรเสียเขาก็ยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยน พุ่งเข้าไปเขมือบกินโดยใส่ถุงยางเหมือนเดิม ยืนกรานว่าจะไม่มีลูกคนที่สองเด็ดขาด!

“อยู่คนเดียวนอนไม่หลับเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นย้ายตัวมาข้าง ๆเหมยเหมยที่แสร้งทำเป็นอ่านหนังสือ ขบติ่งหูเล็กของเธอเบา ๆทำให้เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกร่างกายอ่อนยวบ

“เปล่า รู้สึกไม่สบายใจ…เลยนอนไม่หลับต่างหาก!” เหมยเหมยมองอีกคนอย่างคาดโทษแล้วเริ่มปรับอารมณ์ อย่างไรเสียวันนี้ไม่ว่าฉากยั่วอารมณ์หรือเล่นละครเสียน้ำตา เธอก็จะต้องทำให้เหยียนหมิงซุ่นยอมไปทำรองพื้นด้วยตัวเองให้ได้

พูดอวดไปแล้ว เธอจะเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนไม่ได้!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีพลางยื่นมือแตะหน้าผาก “ไม่สบายตรงไหน? เป็นหวัดเหรอ?”

“โอ๊ย…ไม่ใช่ร่างกายแต่ไม่สบายที่ใจต่างหาก…” เหมยเหมยบิดตัวออดอ้อนลากเสียงยาว เหยียนหมิงซุ่นสัมผัสหน้าผากเธอพบว่าอุณหภูมิปกติก็โล่งอกไปทีหนึ่ง มีอารมณ์ยียวนแล้ว

“ใครทำให้เธอโมโห? บอกมาพี่จะจัดการสั่งสอนให้เธอเอง!”

เหยียนหมิงซุ่นคว้าเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมกอดแล้วเริ่มปฏิบัติการ ยัยแสบแต่งตัวได้น่าเย้ายวนขนาดนี้ ถ้าเขายังนั่งนิ่งอยู่ต่อได้ก็เสียชาติเกิดแล้ว

เหมยเหมยถูกเขาลูบไล้จนตัวอ่อน สมองก็เริ่มพร่ามัว แต่ยังจำจุดประสงค์ของคืนนี้ได้อย่างดีจึงผลักมือปลาหมึกของอีกคนออก พูดเสียงค่อนแคะออดอ้อนว่า “สามีเขาทำของขวัญ DIY ให้ภรรยาเป็นรองพื้นจากธรรมชาติไร้สารพิษ บอกว่าเป็นห่วงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลัวผิวเสีย ใส่ใจขนาดไหนล่ะ…พี่ไม่เคยคิดจะทำของขวัญให้ฉันเลยหรือไง…”

เหยียนหมิงซุ่นชะงัก รู้สึกฟังไม่ค่อยเข้าใจเลยเอ่ยถามด้วยท่าทีนอบน้อม “DIY เป็นของแบรนด์ไหน? ประเทศอะไร พี่จะให้คนไปหาดูให้”

ขอแค่เป็นสิ่งที่มีอยู่บนโลกใบนี้เขาต้องหาซื้อได้แน่!

“ไม่ใช่ของแบรนด์ เป็นตัวย่อภาษาอังกฤษแปลว่าของทำมือ…อิงจวี้กังทำรองพื้นสูตรชาววังให้เชี่ยนเชี่ยนแล้วยังบอกว่าจะศึกษาบลัชออนสูตรชาววังอีกด้วย…พี่ดูอิงจวี้กังสิว่าใส่ใจขนาดไหน…พี่ไม่เคยทำแม้แต่ยางรัดผมให้ฉันด้วยซ้ำ…”

เหมยเหมยยิ่งพูดยิ่งยู่ปากยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่ได้กำลังทำตัวงี่เง่า ผู้หญิงไม่งี่เง่า…แล้วจะมีโอกาสให้ผู้ชายได้โชว์ความสามารถเหรอ?

เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจเลยหลุดขำอย่างอดไม่ได้ มิน่ากลางวันถึงได้จามติดต่อกันหลายที ยัยตัวแสบบ่นถึงเขาตามคาดจริง ๆด้วย!

แล้วไม่ใช่เรื่องดีอีกต่างหาก!

ผู้ชายอกสามศอกไปศึกษาวิธีการทำรองพื้น สามีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคงกินอิ่มท้องแล้วว่างไม่มีอะไรทำสินะ แถมยังหาเรื่องเดือดร้อนมาถึงเขาอีกต่างหาก อีกอย่างเครื่องสำอางที่เหมยเหมยใช้ล้วนเป็นของสั่งทำจากบริษัทเครื่องสำอางโดยเฉพาะที่มีราคาสูง มีอันไหนที่ไม่ใช่สินค้าธรรมชาติปลอดสารพิษบ้าง?

เรื่องที่ใช้เงินแล้วทำได้ เหยียนหมิงซุ่นไม่เคยเสียเวลาไปทำเองหรอก!

แต่ภรรยาก็ต้องเอาใจอยู่ดี!

…………………

Related

ตอนที่ 2675 ร่างกายอันทรุดโทรม

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์ของเหมยเหมยได้ผลอย่างมาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นคุณหมอทหารที่มีกลิ่นอายความเป็นเทพเซียนออกจากตัวก็รู้สึกวางใจในฉับพลัน เธอมีลางสังหรณ์ว่าคุณหมอคนนี้รักษาได้ผลแน่นอน!

“หมอที่เราเคยหามาเป็นหมอมือดีอะไรกัน ต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ ๆ ดูที่เหมยเหมยหาสิอย่างกับฮว่าถัว[1]กลับชาติมาเกิดใหม่ คนละระดับกับคนต้มตุ๋นพวกนั้นอย่างสิ้นเชิงเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแอบบ่นกับอิงจวี้กังเสียงเบา เงินที่ไหลออกไปอย่างกับน้ำยังพอรับได้ แต่สิ่งที่เธอต้องเจอเหล่านั้นต่างหากที่น่าเจ็บใจ!

รู้งี้เธอน่าจะบอกเหมยเหมยตั้งแต่ที่ตรวจเจออาการป่วย ไม่แน่ตอนนี้ลูกของเธออาจจะโตแล้วก็ได้!

เหมยเหมยกระแอมไอกลบเกลื่อนหลายที อย่าปล่อยความแตกถึงจะดี ไม่อย่างนั้นเธอกู้สถานการณ์ไม่ได้!

ฝีมือการแพทย์ของหมอทหารไม่เลวเลยจริง ๆ สบโอกาสขอตรวจชีพจรที่ใช้เวลาไม่นานก็รู้อาการป่วยของเธอ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เพื่อนคนนี้ของคุณนาย…ชีพจรในร่างกายพัวพันยุ่งเหยิง มีลูกได้สิแปลก!

ไม่มีลูกก็ช่างแต่สิ่งที่อันตรายที่สุดไม่พ้นความเสี่ยงอื่น ๆที่มาพร้อมกับระบบต่อมไร้ท่อที่ผิดปกติ…ไม่แน่อาจจะได้โรคร้ายแรงในช่วงอายุไม่ถึงสี่สิบก็เป็นได้!

“หยุดทานยาที่ทานตอนนี้ไปให้หมด ยาก็เป็นยาพิษได้ อย่างน้อยก็หยุดทานไปหนึ่งปี ใช้ยาบำรุงไม่สู้อาหารบำรุง ปกติต้องระวังเรื่องอาหารการกิน อย่าทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เข้านอนก่อนสี่ทุ่ม ตื่นหกโมงเช้ามาเดินครึ่งชั่วโมง ตอนเที่ยงพักหนึ่งชั่วโมง…”

หมอทหารมีความสามารถอยู่บ้างเลยเสนอคำชี้แนะต่างไปจากหมออื่น ๆอย่างสิ้นเชิง ร่างกายของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบเสียไปกับยาอยู่รอมร่อ ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะทรุดโทรมที่จำเป็นต้องหยุดทานยา ไม่อย่างนั้นยิ่งทานก็ยิ่งอาการแย่ลง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังแล้วก็รู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่คุณหมอพูดมาล้วนเป็นความเคยชินของเธอเอง

เธอชอบอาหารฤทธิ์เย็น เมื่อถึงฤดูร้อนต้องมีของเย็น ฤดูหนาวยังแทะไอศกรีมฮาเก้นดาสได้อย่างเอร็ดอร่อย กลางคืนจะไม่รู้สึกง่วงถ้ายังไม่ถึงเที่ยงคืน ตอนเช้าก็ต้องรอถึงสิบโมงกว่าจะยอมลุกจากเตียง…

หมอทหารที่เหมือนมีกำลังภายในก็ไม่ได้จ่ายยาอะไรให้ก่อนจะขอตัวกลับไปเสียก่อน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลืนน้ำลายแล้วถามอย่างแปลกใจ “ไม่ต้องจ่ายยาอะไรหน่อยเหรอ…”

“คุณหมอคนนี้ไม่เคยจ่ายยาอะไร ปกติจะมีเม็ดยาที่ปรุงขึ้นเอง สามวันหลังจากนี้ฉันจะให้คนเอาไปส่งให้เธอ เธอทานแล้วต้องดีขึ้นแน่!” เหมยเหมยอธิบายด้วยรอยยิ้ม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉีกยิ้มกว้าง “ฉันก็คิดว่าต้องดีขึ้น คุณหมอที่เหมยเหมยหามาแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนเก่ง อ้อ…เขาเปิดคลินิกที่ไหนล่ะ? ไว้ฉันจะพาพ่อแม่ฉันไปตรวจสุขภาพกับเขาด้วย!”

เหมยเหมยอดกระแอมเสียงเบาไม่ได้พานรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม…

“ก็บอกแล้วว่าเขาไม่มีคลินิก ครั้งนี้ยอมมาเพราะเห็นแก่พี่หมิงซุ่นของฉัน พ่อแม่เธอสุขภาพยังแข็งแรงดีจะหาหมอทำไม แค่ไปตรวจสุขภาพประจำปีก็พอ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลุกขึ้นทำความเคารพทันที เป็นคนเก่งมากฝีมืออย่างแท้จริงตามคาด!

“เหมยเหมย…ขอบคุณเธอด้วยนะ…เธอช่างเป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเพื่อนอย่างรู้สึกขอบคุณ ยามลำบากถึงจะเจอมิตรแท้!

“ก็ต้องขอบคุณ…ท่านผู้บัญชาการเหยียนด้วย…ลำบากแล้ว!”

อิงจวี้กังก็ขอบคุณมากเช่นกัน เขากังวลว่าภรรยาจะลืมเหยียนหมิงซุ่นเลยรีบเอ่ยขอบคุณต่อเหยียนหมิงซุ่น ชั่งใจกับสรรพนามอยู่นานสุดท้ายก็เค้นออกมาเป็นคำว่าท่านผู้บัญชาการเหยียน

“ไม่เป็นไร พวกเธอเป็นเพื่อนของเหมยเหมยก็ควรจะช่วยเหลือกัน”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกมุมปากเค้นรอยยิ้มออกมาน้อย ๆแล้วหายไปอย่างรวดเร็วซึ่งแทบจะมองไม่เห็น

อิงจวี้กังยิ่งรู้สึกขอบคุณมากกว่าเดิม ปกติได้ยินเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าว่าสามีเหมยเหมยเข้าหายาก พูดน้อยเย็นชาทำเอาเขาไม่กล้าเหยียดหลังตรงตั้งแต่ก้าวเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ดูท่าทางท่านผู้บัญชาการเหยียนก็เป็นกันเองดีนี่นา!

เมื่อกี้ยังยิ้มให้เขาทีหนึ่งแหนะ!

เชี่ยนเชี่ยนของเขาดีทุกอย่าง แค่ชอบตื่นตูมไปหน่อย!

…………………………….

ตอนที่ 2676 ไม่อยากมีลูกอีกแล้ว

แค่พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งปี

เธอกลับมาใส่กระโปรงตัวสวยได้อีกแล้ว แผนมีลูกคนที่สองของเหมยเหมยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เหยียนหมิงซุ่นเจ้าเล่ห์เกิน ได้กินเธอทุกครั้งแต่ไม่ยอมปลูกเมล็ดพันธุ์ให้เธอ

ทำเอาเธอโกรธแทบตาย!

ทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีพัฒนาการที่น่ายินดียิ่งนัก เพิ่งทานยาวิเศษไปไม่ถึงสามเดือน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนที่สุดคือรอบเดือนที่มาตรงเวลาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน อีกทั้งปัญหาความอ้วนที่รังควานเธอมาหลายปีก็ถูกแก้ได้แล้ว

ภายในเวลาสามเดือนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ผอมลงอย่างน้อยสิบกิโลกรัม คางที่กลมกลึงก็เรียวแหลม ถึงแม้ยังดูมีน้ำมีนวลแต่ก็สร้างความตกใจแก่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากทีเดียว เธอยิ่งมั่นใจเรื่องลูกมากขึ้น

ครึ่งปีผ่านไปเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผอมลงถึงสิบห้ากิโลกรัมกลายเป็นสาวงามหุ่นอวบ เสื้อผ้าเก่า ๆกลายเป็นถุงกระสอบไปทั้งหมด คุณหนูใหญ่เหริ่นดีใจพลางบริจาคให้เด็กยากไร้ไปจนเกลี้ยงก่อนจะไปซื้อตัวใหม่

แน่นอนว่าไม่ใช่ผลของยาวิเศษทั้งหมด คราวนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจแน่วแน่พลางทำตามคำชี้แนะของหมอทหารอย่างเคร่งครัด กลางคืนหลับไม่เกินหลังสี่ทุ่มและตื่นเช้าหกโมงทุกวัน จากนั้นก็จ้างแม่ครัวมาดูแลเรื่องอาหารการกินฉบับคนรักสุขภาพในราคาสูงลิ่ว

ส่วนเครื่องดื่มฤทธิ์เย็นก็ไม่แตะต้องอีกแม้แต่หยดเดียว ดื่มแต่น้ำเก๋ากี้หรือน้ำพุทราแดง ทุกครั้งที่ออกจากบ้านต้องพกกระติกน้ำรักษาความร้อนด้วยเสมอ ในกระติกน้ำร้อนมีน้ำเก๋ากี้ซึ่งเหมือนใช้ชีวิตผู้สูงวัยที่รักสุขภาพก่อนเวลา

“กระโปรงใหม่ที่ฉันซื้อเมื่อวาน พวกเธอว่าสวยไหม?”

การนัดพบกันของเพื่อนสามคนครั้งใหม่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสวมกระโปรงลายดอกไม้สีสดแล้วหมุนอยู่กับที่รอบหนึ่งให้ชายกระโปรงบิดพลิ้วไสว

“สวย สวยมาก เพิ่งเข้าฤดูร้อนเธอซื้อกระโปรงไปตั้งกี่ตัวแล้ว?”

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อคร้านจะเงยหน้ามองพลางเอ่ยชมไปที ฉีฉีเก๋ออดถามไม่ได้

ตอนนี้เพิ่งเดือนมิถุนายนอากาศเมืองหลวงยังไม่ร้อนมาก อุณหภูมิเช้าเย็นต่างกันค่อนข้างมาก การใส่กระโปรงออกจะเร็วเกินไปหน่อยแต่คุณหนูใหญ่เหริ่นกลับซื้อไปไม่ต่ำกว่าสิบตัวแล้ว

นัดพบทุกครั้งก็จะอวดกระโปรงตัวใหม่ของเธอแถมยังเป็นกระโปรงลายดอกไม้ ในมุมมองของเธอกระโปรงพวกนี้ไม่ได้มีความต่างอะไรมากเลย ในตู้เสื้อผ้ามีเก็บตัวเดียวก็เกินพอแล้วแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับมีความสุขกับมันเหลือเกิน

“สิบกว่าตัวมั้ง ฉันไม่ได้นับ ตอนนี้ร้อนจะตาย เปลี่ยนวันละตัวฉันยังใส่ไม่พอเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหมุนอีกหลายรอบอย่างสุขใจก่อนจะนั่งดื่มน้ำเก๋ากี้จากกระติกน้ำร้อนของเธอ ตั้งแต่ผอมลงงานอดิเรกของเธอก็กลายเป็นการซื้อเสื้อผ้า เมื่อก่อนตอนยังอ้วนเห็นเสื้อผ้าสวย ๆทำได้แค่มองตาละห้อย โดยเฉพาะตอนเจอกระโปรงลายดอกสุดรักของเธอ

หญิงสาวร่างเพรียวสวมกระโปรงลายดอกไม้ขับให้ดูสวยงามน่าเย้ายวน แต่พอสวมกระโปรงลายดอกไม้กลับเหมือนเห็ดต้นใหญ่ ออกไปมีแต่จะสร้างความอับอายขายหน้า

สามปีก่อนซื้อกระโปรงลายดอกมาตัวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ซึ่งจวบจนทุกวันนี้ยังเก็บอยู่ใต้ตู้เสื้อผ้าไม่เคยสวมใส่เลยสักครั้งเดียว ครั้นทนไม่ไหวเลยเอามาใส่พอให้หายอยากอยู่ในบ้านเป็นครั้งคราว แต่พอส่องกระจกก็จะรู้สึกหมดกำลังใจ รู้สึกเหมือนกระจกบ้านตัวเองกลายเป็นกระจกรูปบิดเบี้ยวไปหมด

ทำไมถึงใส่ออกมาแล้วน่าเกลียดขนาดนี้นะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบิดชายกระโปรงไปมาอย่างปลื้มใจ มองเรียวขาของตัวเองแล้วกระดกน้ำเก๋ากี้อีกอึกใหญ่อย่างอร่อย…ดื่มนานวันเข้าความจริงน้ำเก๋ากี้ก็อร่อยนี่นา!

“ฉันว่าร่างกายเธอก็น่าจะปรับสมดุลได้พอประมาณแล้ว ช่วงนี้ให้อิงจวี้กังพยายามเข้าไว้ เธอลองนับช่วงตกไข่ดู ไม่แน่เรื่องดี ๆอาจจะใกล้มาถึงแล้วก็ได้!” เหมยเหมยเตือน

เดิมทีเหมยเหมยคาดเวลาไว้หนึ่งปีแต่ไม่คิดว่าพัฒนาการของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะน่าตกใจขนาดนี้ เห็นทีไม่ต้องใช้เวลาถึงปีก็คงมีข่าวดีเกิดขึ้นแล้ว

แต่–

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับลังเล ผ่านไปพักใหญ่ถึงตอบเสียงอ้ำอึ้ง “ความจริง…ตอนนี้ฉัน….ไม่อยากมีลูกแล้ว…”

…………………………

[1] แพทย์ชื่อดังในสมัยราชวงศ์ฮั่น

Related

ตอนที่ 2673 หมอสูตินรีเวชฝีมือขั้นเทพ

อิงจวี้กังเป็นห่วงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะทุกข์ทรมานอีกเลยถามตำแหน่งของโรงน้ำชาก่อนจะขับรถมาด้วยความรีบเร่งไม่ทันเปลี่ยนรองเท้าฟองน้ำเสียด้วยซ้ำ เสื้อผ้าก็เป็นชุดลำลองสำหรับอยู่บ้านอยู่เลย

“พ่อแม่ฉันอนุญาตให้รับเลี้ยงเด็กแล้ว เธอจะลำบากตัวเองทำไมอีกล่ะ?” อิงจวี้กังพยายามเกลี้ยกล่อม

หลายปีมานี้ยาที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานไปทั้งหมด ลำพังแค่เศษยาสมุนไพรก็กองเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆได้แล้ว แค่นี้ก็ช่างปะไรแต่สิ่งที่เขาปวดใจมากที่สุดคือการฝังเข็ม เขาแทบนับจำนวนครั้งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคยโดนฝังเข็มไม่ได้แล้วว่าโดนไปเท่าไร…อีกอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังกลัวเข็มมากด้วย ปกติแค่ตรวจเลือดยังตื่นกลัวอยู่ตั้งนาน ไม่รู้ว่าอดทนผ่านการฝังเข็มมาได้อย่างไร!

ภรรยาแต่งเข้าบ้านไว้เพื่อรักใคร่ ไม่ใช่เป็นหุ่นยนต์สำหรับคลอดลูกไว้สืบทอดตระกูลสักหน่อย!

อีกอย่างเขาไม่ได้เห็นความสำคัญเรื่องสืบทอดตระกูลนั่นมากเท่าไร เรื่องมีลูกก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตา หากมีก็เลี้ยงดูให้ดี ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ ในชีวิตนี้แค่ได้จับมือกับหญิงผู้เป็นที่รักจนแก่เฒ่าไปด้วยกันเขาก็พอใจมากแล้ว!

อีกอย่างรับเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ดียิ่งกว่าหรือ!

ทั้งช่วยลดภาระแก่รัฐบาลแล้วยังสนองความต้องการที่พ่อแม่เขาอยากอุ้มหลานได้ด้วย ไหนจะช่วยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ต้องทนลำบากเรื่องทานยาฝังเข็มอีก…ยิงธนูนัดเดียวได้นกตั้งสามตัว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉุกนึกถึงยาที่รสชาติขมนั่นรวมถึงเข็มที่ทำเอาตกใจแทบตายขึ้นได้…ก็ตัวสะท้านเฮือกหลายทีอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ยืนกรานพูดว่า “ไม่กลัว…ฉันทนมาตั้งหลายปี แค่ปีเดียวจะเท่าไหร่เชียว!”

หมอฝีมือขั้นเทพที่เหมยเหมยรู้จักต้องไม่ใช่คนทั่วไปและต่างไปจากหมอที่เธอเคยหามาทั้งหมดแน่ ๆ เธอยอมลองอีกสักตั้ง ไม่แน่อาจจะสำเร็จก็ได้!

มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเธออยากมีลูกน่ารักอย่างเล่อเล่อกับเป่ารื่อน่าสักคน!

ต่อให้ลำบากอีกเท่าไรก็ไม่กลัว!

เห็นภรรยาตัดสินใจแน่วแน่อิงจวี้กังก็ถอนหายใจอย่างระอา พลางเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ถึงคราวโดนฝังเข็มอีกฉันไม่ให้เธอกัดแขนฉันแล้วนะ!”

“ฉันกัดของตัวเองก็ได้…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่ทีหนึ่ง

หึ ปากแข็งเอาตอนนี้ หากถึงเวลาจริงอิงจวี้กังก็ต้องยื่นแขนมาให้อยู่ดี ผู้ชายคนนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือเธอแล้ว!

เหมยเหมยไม่ชินกับการพลอดรักหวานแหววของสองคนนี้เลยกระแอมไอหนัก ๆ “ใครบอกจะฝังเข็มกัน หมอฝีมือขั้นเทพของฉันคนนี้แค่ทานยาก็พอ เอาเถอะ พวกเธอกลับไปฉลองปีใหม่ก่อน วันที่แปดค่อยมาตรวจชีพจรที่บ้านฉัน!”

“ฉันมีเวลา พรุ่งนี้เลยก็ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกคร่ำครวญว่าวันที่แปดนานเกินไป นึกอยากไปตรวจชีพจรเสียเดี๋ยวนี้เลย!

เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วพูดประชด “เธอคิดว่าหมอฝีมือขั้นเทพนั่งอยู่บ้านว่างงานไปวัน ๆเหรอ เขาเดินทางไปทั่วโลกยังตามหาตัวไม่เจอ ฉันต้องไปหาเขาก่อน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาลุกวาว นี่ฟังแล้วเหมือนคนที่มีวรยุทธสูงในนิยายกำลังภายในเลย…เมื่อไรที่เหมยเหมยออกตัวต้องไม่ธรรมดาตามคาดจริง ๆด้วย ครั้งนี้ไม่แน่เธออาจจะมีหวังก็ได้!

“ได้…วันที่แปดฉันจะไปบ้านเธอนะ…เธอให้ป้าฟางทำกัวเปาโร่วเยอะ ๆล่ะ ฉันไม่ได้ทานกับข้าวฝีมือป้าตั้งนานแล้ว!” ความเครียดหายไปจากใบหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทันทีแล้วกลับมาร่าเริงสดใสเฉกเช่นปกติอีกครั้ง

เหมยเหมยตอบรับอย่างลวก ๆพลางแอบคิดในใจว่าจะไปตามหาคุณลุงกู้จากที่ไหน หลังจากเขาตามหาศิษย์พี่ของคุณแม่เจอ สองตระกูลโจวกู้ก็มีผู้สืบทอดกันทั้งสองตระกูล เขาเลยใช้ชีวิตอิสระจนปีหนึ่งก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาหัว ระยะเวลาสั้น ๆจะให้เธอไปตามหาจากไหนกันนะ?

แม้เธอตัดสินใจจะให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานยาวิเศษแต่จะไม่ทำการรักษาให้แล้วเอายาวิเศษให้กินเลยก็ไม่ได้ สองสามีภรรยาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้หลอกง่ายขนาดนี้!

อีกอย่างให้คุณลุงกู้ตรวจชีพจรให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ดี ดูว่าสาเหตุอาการป่วยของเธอคืออะไร

เพียงแต่คุณลุงกู้ไปผจญภัยอยู่ที่ไหนกันแน่?

“ให้คุณลุงกู้มารักษาอาการป่วยของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหรอ? เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีชีวิตชีวากระโดดโลดเต้นได้ขนาดนี้จะป่วยเป็นอะไรได้?”

ตกดึกเหมยเหมยถามหาคุณลุงกู้จากเหยียนหมิงซุ่นแล้วบอกสาเหตุที่ต้องการตามหาคุณลุงกู้ไปเลยสร้างความตกใจให้แก่เหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก

………………………..

ตอนที่ 2674 วิถีเทพเซียน

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากนักแต่พอจะรู้อยู่บ้าง อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวชาวเหนือที่มีนิสัยโผงผางตรงไปตรงมาชอบพูดเสียงดังแต่เป็นคนมีน้ำใจ แค่จุดนี้เหยียนหมิงซุ่นถึงไม่ห้ามเหมยเหมยคบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนในความทรงจำเขาทานได้ดื่มได้โวยวายได้เป็นปกติ แถมยังร่างกายอ้วนท้วมสมบูรณ์ดี คนที่แข็งแรงขนาดนี้มีอะไรต้องหาหมอด้วยหรือ?

“เชี่ยนเชี่ยนมีลูกไม่ได้ ฉันอยากใช้ยาวิเศษปรับสภาพร่างกายให้เธอ แต่ต้องหาหมอมาช่วยตรวจชีพจรให้เธอก่อน!” เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง สดใสร่าเริงแล้วต้องแข็งแรงไม่ป่วยหรือไง?

เหยียนหมิงซุ่นตกใจและเห็นใจเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขึ้นมาเล็กน้อย ในฮวาเซี่ยการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกไม่ได้นับว่าเป็นความผิดมหันต์แล้วต้องได้รับแรงกดดันอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่สดใสขนาดนี้จะมีเรื่องน่าเศร้าด้วยเช่นกัน!

“คุณลุงกู้ไปเผ่าเหมียวเจียงหนีเข้าป่าลึกไปแล้ว ตอนนี้คงติดต่อเขาไม่ได้ อย่างน้อยต้องหนึ่งเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

คุณลุงกู้เป็นคนนิสัยประหลาดแถมไม่รู้จักกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด้วย เขากำลังเที่ยวสนุกที่เหมียวเจียงอย่างมีความสุข คงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาเมืองหลวงเพื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโดยเฉพาะ

“แล้วจะทำยังไงล่ะ…ฉันรับปากเชี่ยนเชี่ยนไปแล้ว…ฉันไม่สน พี่ต้องช่วยฉันคิด!” เหมยเหมยเริ่มอ้อนพลางเขย่าแขนเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นดีดจมูกเธอทีหนึ่ง แม้จะรู้สึกเอือมระอาแต่กลับดื่มด่ำกับการอ้อนของเหมยเหมยอย่างมาก เลยชี้ที่แขนจงใจพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้อ่านเอกสารเยอะไปหน่อย เมื่อย…”

เหมยเหมยเข้าใจทันทีแล้วพูดอย่างเอาใจว่า “ฉันจะช่วยบีบให้นะ…”

“สบายไหม…ให้แรงกว่านี้ไหม…” เหมยเหมยพยายามเอาใจสุดฤทธิ์

เหยียนหมิงซุ่นแค่ล้อเล่นเฉย ๆ เขาจะทำใจให้อีกฝ่ายเหนื่อยได้อย่างไร ให้เหมยเหมยบีบอยู่ครู่เดียวก็สั่งหยุดแล้วเสนอความคิดของเขาไป เหมยเหมยชะงักไปพักใหญ่ “ได้เหรอ? ถ้าความแตกขึ้นมาจะทำยังไง?”

“เป็นไปไม่ได้ คนที่ฉันหาก็เป็นแพทย์แผนจีนเหมือนกัน ไม่ได้หลอกสักหน่อย ขอแค่ยาวิเศษใช้ได้ผลก็พอ” เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะไปตามหาคุณลุงกู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้น

ในเมืองหลวงมีหมอชื่อดังตั้งมากมาย ฉะนั้นหาใครสักคนมารักษาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พอ อย่างไรเสียทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับยาวิเศษของเหมยเหมย!

ไม่นานเหมยเหมยก็คิดได้ ถ้ายาวิเศษของเธอยังใช้ไม่ได้ผล ต่อให้คุณลุงกู้มาก็เปล่าประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องไปตามหาคุณลุงตามป่าตามเขาหรอก!

พริบตาเดียวก็มาถึงวันที่แปด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มโทรมาตั้งแต่เช้าแปดโมงถามว่าหมอฝีมือขั้นเทพมาถึงหรือยัง เหมยเหมยโดนกวนจนอยากด่าอยู่หลายทีแต่พอนึกถึงความขมขื่นในใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อดกลั้นเอาไว้

“เก้าโมงครึ่งค่อยมา มาเช้าสักนาทีเดียวก็อย่าคิดจะเข้าบ้าน!”

เหมยเหมยกัดฟันพูดจนจบแล้ววางสายกลับไปนอนต่อก็นอนไม่หลับเลยตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วหยิบยาวิเศษที่ตระเตรียมไว้แต่แรกมาติดตัวไว้

หมอฝีมือขั้นเทพที่เหยียนหมิงซุ่นหามาไม่ใช่หมอทั่วไปแต่เป็นหมอทหารในกองทัพคนหนึ่ง อายุไม่มากราว ๆสี่ห้าสิบปีแต่ฝีมือดีไม่หยอก แค่อายุน้อยไปสักหน่อย นอกจากนี้หน้าตายังดูดีพอสมควร

เหมยเหมยมองอย่างไรก็รู้สึกแปลกใจ ชายสุภาพในชุดสูทแสนดูดีคนนี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนหมอสูตินรีเวชฝีมือขั้นเทพเลยนี่นา!

ไม่มีบุคลิกตามวิถีเทพเซียนอย่างคุณลุงกู้เลยสักนิด!

เหยียนหมิงซุ่นฟังคำบ่นของเหมยเหมยก็ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก คุณหมอไม่ใช่ดารานักแสดงสักหน่อยจะให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากมายไปทำไมกัน?

แต่ท่านภรรยาสั่งก็จำต้องให้ป้าฟางแต่งหน้าให้หมอทหารคนนี้สักหน่อย เปลี่ยนชุดสูทเป็นเสื้อหม่ากว้า[1]แล้วติดหนวดยาวพลิ้วไหว ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ พอทำแล้วบุคลิกเปลี่ยนไปทันตาเห็น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงในเวลาเก้าโมงครึ่งเป๊ะ พอเข้าบ้านมาก็เห็น ‘หมอฝีมือขั้นเทพ’ ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

สวมเสื้อหม่ากว้ายาวหนวดยาวสยายมีกลิ่นอายเพทเซียนแผ่ออกจากตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนเก่งที่อาศัยอยู่กลางป่ากลางเขา!

………………………

[1] เสื้อคลุมแขนยาวที่เดิมทีสวมตอนขี่ม้า

Related

ตอนที่ 2671 จ้างแม่อุ้มบุญ

เหมยเหมยแอบยกนิ้วโป้งให้อิงจวี้กัง นี่ต่างหากวิธีการของผู้ชายที่ดี!

แต่–

“แล้วทำไมพ่อแม่สามีเธอรู้เรื่องที่เธอมีลูกไม่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยแอบสงสัย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มค้างแล้วพูดด้วยเสียงเคียดแค้นใจ “นั่นก็เพราะป้าจอมยุ่งเรื่องชาวบ้านคนหนึ่งในชุมชนเราไง ลูกสะใภ้ของป้าคนนี้มีปัญหาด้านสุขภาพเหมือนฉัน ปกติก็ต้องเจอกันอยู่บ้าง เวลาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลก็เจอกันหลายครั้ง ป้าคนนั้นเลยรู้เรื่องที่ฉันมีลูกไม่ได้”

“ปีที่แล้วแม่สามีฉันมาอยู่กับเราด้วยหนึ่งเดือน ยัยป้านี่เลยบอกแม่สามีฉัน พอแม่สามีฉันได้ยินเช่นนั้นก็มาซักไซ้ฉันด้วยความโมโห ฉันเลยยอมรับไป…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งเล่าเสียงก็ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ ศีรษะก็แทบฝังตรงระหว่างขาแล้ว

ความจริงป้าจอมยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนั้นก็ไม่ได้เอ่ยออกไปโต้ง ๆแค่เอ่ยถึงแบบคลุมเครือ หากเธอไม่ยอมรับแล้วบอกว่าเป็นปัญหาของอิงจวี้กังน่าจะหลอกผู้หญิงจอมซื่ออย่างแม่สามีเธอได้

แต่เธอไม่อยากโกหกอีกต่อไปแล้ว!

เธอไม่อยากให้อิงจวี้กังเป็นแพะรับบาปอีกทั้งที่สุขภาพตัวเองดีมาก แล้วทำไมต้องบอกว่าตัวเองเป็นโรคมีบุตรยากด้วย อีกอย่างการโกหกพ่อแม่สามีที่ใสซื่อขนาดนี้เธอก็รู้สึกกระดากใจอยู่ดี มักรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนอกจนหนักอึ้ง!

ฉะนั้นเลยอดไม่ได้สารภาพหมดเปลือกไปเสียทีเดียว!

ใครจะคิดว่า…เหมือนไปตำใส่รังต่อ!

พ่อแม่สามีที่ปกติสงบเสงี่ยมมาตลอดกลับมีปฏิกิริยาที่รุนแรงกับเรื่องลูกมากจนถึงขั้นคิดจะบีบบังคับให้อิงจวี้กังหย่ากับเธอ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียใจเหลือเกิน ถ้ารู้แต่แรกว่าพ่อแม่สามีเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้เธอจะขอโทษไปทำไม…ปล่อยให้ลูกชายพวกเขาเป็นโรคมีบุตรยากไปตลอดชีวิตเลยดีกว่า…

ไม่ สุดท้ายจะต้องพัฒนาเป็นโรคอสุจิตายไปเลย!

“เธอโง่หรือเปล่า? คนเขาถามเธอก็ยอมรับไปตรง ๆ ปกติก็ไม่เห็นเธอซื่อสัตย์ขนาดนี้นี่…อิงจวี้กังยังบอกแล้วว่าเขามีภาวะมีบุตรยาก เธออย่าไปยอมรับมันก็พอ…ฉันว่าสมองเธอมีปัญหาจริง ๆ…”

เหมยเหมยนึกโกรธจนคันปากยุบยิบ คุณแม่ของอิงจวี้กังแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนซื่อที่ไม่เจ้าแผนการอะไร คนประเภทนี้หลอกง่ายที่สุดแล้ว ปกติเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปากดีชนิดที่กลับผิดเป็นถูกได้ พอถึงช่วงเวลาคับขันดันตกม้าตายเสียอย่างนั้น!

“ถึงอย่างไรซะก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว…อยากทำอะไรก็ทำเถอะ อย่างมากก็แค่หย่ากลับไปอยู่กลุ่มชาวโสดผู้สูงส่งอย่างมีความสุขเหมือนเดิม!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสร้งทำทีไม่ยี่หระใด ๆ

“หย่าอะไร หย่าไปแล้วเธอจะไปหาผู้ชายรักเดียวใจเดียวแบบนี้ได้ที่ไหนอีก?” เหมยเหมยคว้ากระเป๋าทุ่มใส่แล้วก็ฟาดไปหลายทีจนเจ็บมือไปหมด!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาแดง “ฉันก็ไม่อยากหย่านี่แต่ฉันมีลูกไม่ได้ อิงจวี้กังเป็นคนกลางก็ทำตัวลำบาก กลับบ้านเกิดไปก็มีแต่คนจ้องจะดูถูก ฉันอย่าอยู่เสียเวลาเขาอีกเลยจะดีกว่า!”

คิดว่าเธออยากหย่าร้างนักหรือไง…ไม่ง่ายเลยกว่าจะอบรมผู้ชายแสนดีแห่งยุคอย่างอิงจวี้กังได้ เธอไม่อยากเสียเปรียบให้กับผู้หญิงคนอื่นเลยสักนิด!

แต่มีลูกไม่ได้…เธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ?

ตลอดหลายปีนี้เธอกลัวช่วงวันปีใหม่ที่สุด พอถึงวันปีใหม่ก็ต้องออกตระเวนสวัสดีปีใหม่บรรดาญาติมิตร ประโยคแรกจากบ้านแม่สามีก็เร่งให้รีบมีลูก ให้พวกเขารีบเตรียมตัวมีลูกได้แล้ว แถมเร่งเร้าตั้งแต่วันแรกของปีใหม่ยันวันที่สิบห้าของปีใหม่โดยไม่หยุดปากอีกด้วย

ทำเอาตอนนี้เธอแค่ได้ยินว่ามีลูกก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจไปโดยปริยาย นึกอยากหนีไปทานข้าวที่เงียบ ๆไม่มีคนรู้จักเธอสักมื้อ!

เธอทนมามากพอแล้ว!

เปิดเผยความจริงไปก็ดี อนาคตถ้ามีใครเอ่ยถึงเรื่องมีลูกอีกเธอจะโต้กลับไปด้วยประโยคเดียวว่า “ฉันมีลูกไม่ได้ ใครอยากมีก็ไปคลอดเอง!”

“อิงจวี้กังไม่ยอมหย่าแน่ ๆ เธออย่าคิดเลย…ถ้าไม่ได้จริง ๆก็อุ้มบุญ ตระกูลอิงก็แค่อยากมีคนไว้สืบตระกูลไม่ใช่เหรอ!” ฉีฉีเก๋อเสนอความคิดดี ๆขึ้นได้

………………………………

ตอนที่ 2672 อย่าเพิ่งรีบร้อนจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายศีรษะ “ฉันเสนอไปแต่แรกแล้ว สามีฉันไม่ยอม เขาบอกว่าแค่คิดว่าลูกตัวเองต้องเติบโตในท้องคนอื่นมันรู้สึกแปลก ๆ แล้วยังใช้มดลูกผู้หญิงคนอื่นด้วย เขายอมไปรับเด็กกำพร้าคนหนึ่งมาเลี้ยงยังจะดีกว่า”

ความจริงเธอไม่ถือสาหรอกเพราะตั้งแต่ปีแรกที่ตรวจเจออาการนี้เธอก็เสนอให้หาแม่อุ้มบุญ อาศัยมดลูกคนอื่นในการมีลูกแทน แต่อิงจวี้กังคัดค้านอย่างหนัก ทั้งคู่ยังทำสงครามเย็นเพราะเรื่องนี้ไปตั้งหลายวันแหนะ!

แม้สุดท้ายอิงจวี้กังจะอ่อนลงแต่เขาไม่ยอมอนุญาตง่าย ๆ เธอจึงไม่เอ่ยถึงมันอีก!

จะว่าไปความจริงเธอก็รู้สึกแปลก ๆในใจเช่นกัน!

ฉีฉีเก๋อมองเพื่อนด้วยความอิจฉาแล้วพูดชมว่า “เชี่ยนเชี่ยนเธอนี่เลือกผู้ชายเก่งจริง ๆ ใครจะไปรู้ว่าอิงจวี้กังที่หน้าตาเฉย ๆจะมีความเป็นลูกผู้ชายขนาดนี้!”

ครั้งแรกที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคบหากับอิงจวี้กับเธอยังแอบเสียดายแทนเพื่อน ในเมื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เหนือกว่าอิงจวี้กังที่มาจากหมู่บ้านชาวเขาเล็ก ๆหน้าตาแสนจะธรรมดาไม่มีความโดดเด่นคนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ…

ส่วนฉางชิงซานแม้จะมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆเช่นกันแต่ฉางชิงซานตัวสูงโปร่งหน้าตาดีมีคนรู้จักมาก ไม่ว่าจะในตอนอยู่มหาวิทยาลัยหรือเข้าสังคมก็มีชีวิตที่ดีไม่แพ้กัน

สองคนนี้คนหนึ่งเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย อีกคนกลับไร้ชื่อเสียงไม่มีแสงออร่าใด ๆเลย

แต่มาดูเอาตอนนี้เธอแววตาสู้เพื่อนไม่ได้จริง ๆ อิงจวี้กังต่างหากที่เป็นหยกบริสุทธิ์ชิ้นนั้น!

ตอนนี้บริษัทของเขากำลังไปได้ดีขยายกิจการใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆซึ่งถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดาเพื่อนผู้ชายในห้องแล้ว พอย้อนกลับไปมองฉางชิงซาน…ดันกลายเป็นนักโทษที่ชีวิตกำลังตกต่ำ

ชีวิตช่างไม่แน่นอนเอาเสียเลย!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ใจขึ้นมาในทันที “แหงอยู่แล้ว เลือกผู้ชายก็เหมือนซื้อของ ฉันไม่เคยขาดทุนมาก่อนนะ…”

เหมยเหมยเอ่ยแทรกเธอที่กำลังโม้ด้วยเสียงเย็นชา “ยาลดความอ้วนหล่นลงมาจากฟ้าสินะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยู่หน้าทันที ห่อไหล่ไม่กล้าปริเสียงอีกแม้แต่นิดเดียว!

ชีวิตนี้เคยขาดทุนแค่ครั้งเดียว เกรงว่าจะกลายเป็นความละอายติดตัวไปทั้งชีวิตแล้วล่ะ…

โทรศัพท์ของเหมยเหมยแผดเสียงดังขึ้นซึ่งอิงจวี้กังเป็นคนโทรมาฟังดูกำลังร้อนใจอย่างมาก “เชี่ยนเชี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง? เธอบอกหล่อนว่าอย่าคิดอะไรเหลวไหลนะ ฉันไม่มีวันหย่าแน่นอน เรื่องลูกฉันจัดการเสร็จแล้ว ไว้ผ่านปีใหม่ก็ไปรับเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้เลย!”

“พ่อแม่นายอนุญาตแล้วเหรอ?” เหมยเหมยฉงนใจอย่างมาก

แค่เวลาสั้น ๆอิงจวี้กังสามารถหว่านล้อมพ่อแม่ตระกูลอิงที่มีความคิดหัวโบราณอย่างนั้นได้หรือ?

“อนุญาตแล้ว ไว้ผ่านเทศกาลหยวนเซียวพวกท่านจะไปกับเราด้วย…” อิงจวี้กังพูดเสียงแน่วแน่แต่กลับแฝงด้วยความระอาหน่อย ๆ

หลังจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปกับพวกเหมยเหมย เขาก็ระเบิดอารมณ์ใส่ที่บ้านไประลอกหนึ่ง ทั้งยังบอกให้ฮุ่ยเซียงไปนอนโรงแรมแทนแล้วสั่งสอนพ่อแม่ไปยกหนึ่งโดยทิ้งคำข่มขู่เอาไว้–

ถ้าบีบบังคับให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกไปจากบ้าน เขาก็จะไปบวชเป็นพระ!

อิงจวี้กังเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจตั้งแต่เด็กเลยทำเอาพ่อแม่ตระกูลอิงตกใจแทบแย่ ถ้าไม่หย่าแม้ว่าจะไม่มีหลานแท้ ๆ แต่อย่างน้อยลูกชายยังเป็นของพวกเขา ถ้าหย่าไปนอกจากจะไม่มีหลานยังเสียลูกชายไปอีกคน แล้วพวกเขามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรอีกล่ะ?

พ่อแม่ตระกูลอิงที่ไร้หนทางเลยจำต้องตกลงไม่พูดถึงเรื่องหลานอีก แถมยังบอกว่าหลังปีใหม่จะพาฮุ่ยเซียงกลับบ้านเกิดแล้วจะไม่เอ่ยถึงเรื่องเก่า ๆพวกนี้อีก!

โทรศัพท์ถูกกดปุ่มลำโพงทำให้เสียงอิงจวี้กังดังออกมาข้างนอกอย่างชัดเจน

เหมยเหมยขยิบตาใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังทำหูตั้งพร้อมเอ่ยกับอิงจวี้กังว่า “พวกนายอย่าเพิ่งรีบจะไปรับเลี้ยงเด็ก ฉันรู้จักหมอสูตินรีเวชฝีมือขั้นเทพคนหนึ่ง เขาน่าจะช่วยปรับสภาพร่างกายของเชี่ยนเชี่ยนให้ดีขึ้นได้ พวกนายรออีกหนึ่งปี ถ้าหนึ่งปีแล้วยังไม่มีผลค่อยไปรับเลี้ยงเด็กก็ยังไม่สาย!”

อิงจวี้กังกลับไม่ตั้งความหวังอะไรมาก หลายปีมานี้คุณหมอที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปหามีคนไหนบ้างไม่โอ้อวดตัวเองว่าเป็นหมอสูตินรีเวชฝีมือขั้นเทพ?

แต่ผลลัพธ์…กลับยากที่จะเอื้อนเอ่ย!

แล้วยังทำให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทรมานไปตั้งมาก!

แต่นี่ก็เป็นความหวังดีของเหมยเหมยที่อิงจวี้กังไม่อาจปฏิเสธไปตรง ๆได้ เขากำลังลังเลว่าควรใช้คำพูดไหนถึงดูอ้อมค้อมบ้างแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับโวยเสียงขึ้นมาว่า “ฉันยอม!”

………………

Related

ตอนที่ 2669 ผู้ป่วยโรคจูนิเบียวระยะสุดท้าย

“เธอกินยาลดความอ้วนยี่ห้ออะไร?” เหมยเหมยแทบกระอักความโกรธตายอยู่แล้ว

ตอนขึ้นมัธยมปลายอย่างมากก็ 15-16 ปี ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่เลย ยัยโง่นี่ไปกินยาลดความอ้วนอะไรกัน?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนครุ่นคิดส่ายหน้ากล่าว “จำไม่ได้แล้ว เพื่อนในชั้นเรียนฉันแนะนำมาบอกว่าผลลัพธ์ไม่เลวเลยแนะนำให้ฉันกิน แถมหิ้วมาจากฮ่องกงขวดหนึ่งไม่กี่ร้อยเอง เห็นบอกว่าแค่กินวันละสามเม็ดตอนท้องว่าง แถมเดือนหนึ่งยังลดได้ตั้ง 5 กิโลกว่าเลยนะ!”

ในตอนนั้นถูกเพื่อนหลอกจนใจหวั่นไหวตามไปด้วย ไม่ต้องทนหิวก็ผอมลงได้ขนาดนั้น งั้นยาลดความอ้วนนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอหรอกหรือไง!

ตอนนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง พอยิ่งเห็นหุ่นของเพื่อนทั้งเซ็กซี่ทั้งหุ่นดีขนาดนั้นเลยไหว้วานให้เพื่อนช่วยซื้อให้ชุดหนึ่งซึ่งชุดหนึ่งกินได้สามเดือน

เดือนแรกที่กินได้ผลดีมาก กินเนื้อกินปลาไปทุกวัน ตกดึกยังมีมื้อดึกอีก แถมยังจัดเบียร์ไปอีกหลายขวด… แต่ก้อนเนื้อบนร่างกายเธอกลับลดเอา ๆ เดือนหนึ่งน้ำหนักลดลงไป 7.5 กิโล!

นั่นเลยทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจจนแทบบ้า ตอนนั้นเธอตัวสูงเท่าตอนนี้ซึ่งก็คือ 163 ซม. แต่ว่ากลับมีน้ำหนักไม่ถึง 45 กิโล เกรงว่าช่วงชีวิตนี้ของเธอน่าจะเป็นช่วงที่หุ่นดีที่สุดแล้วมั้ง

ครั้นเห็นสาวงามที่ผอมทรวดทรงดีในกระจก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อยากจะส่องกระตลอด 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่เธอเองยังไม่ชอบเอวที่ออกจะหนาไปเสียหน่อยของตัวเอง อีกทั้งตอนสวมชุดกระโปรงก็ยังดูไม่สวยพอ…

ดังนั้น…

คุณหนูเหริ่นถึงได้ทำการตัดสินใจที่โง่ที่สุด เดือนที่สองเธอจึงเพิ่มโดสยาเข้าไปเองโดยพลการ โดยเริ่มกินวันละสี่เม็ดเพราะอยากตัวบางเหมือนกระดาษเป็นคนสวยเร็ว ๆ!

แต่ผลลัพธ์ของเดือนที่สองกลับทำให้เธออยากอ้วก…ไม่เพียงแต่ไม่ผอมแต่ยังหนักขึ้นด้วย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าร่างกายคงจะเริ่มดื้อยา เลยเพิ่มไปเป็นห้าเม็ด…หกเม็ด…

“มีครั้งหนึ่งฉันกินไปสิบเม็ดต่อวัน…. แต่ยิ่งนานวันฉันก็ไม่ผอมลงสักที แต่กลายเป็นว่ายิ่งอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ อ้วนกว่าตอนก่อนลดน้ำหนัก 5 กิโลนั่นอีก ผิวก็แย่ สิวผุดขึ้นเต็มไปหมด แถมผมก็ร่วง ประจำเดือนก็ไม่มา…”

พอพูดถึงเรื่องในอดีตที่ไม่อยากจะนึกถึงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็นึกเสียใจขึ้นมา ตอนนั้นเธอดื้อเกินไป คนที่ช่วยซื้อยาให้ยังเคยเตือนเธอว่าไม่ให้เธอเพิ่มโดสยาเองแต่เธอไม่ฟังแล้วยังรนหาที่เองอีก

“เธอ…ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้? แหม ยังมีหน้าไปด่าฉีฉีเก๋อว่าโง่ ฉันว่าเธอโง่กว่าตั้งร้อยเท่า…เอาสุขภาพของตัวเองมาล้อเล่น ถ้าไม่ทำมันจะตายหรือไงกันนะ!”

เหมยเหมยหวังดีกับเพื่อนจากใจจริง เดิมทีเธอคิดว่าคงไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเท่าฉีฉีเก๋อ คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้ยัยนี่จะเป็นผู้ป่วยโรคจูนิเบียวระยะสุดท้ายมาก่อน!

เห็นยาลดความอ้วนเป็นของหวาน รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ก็น่าอัศจรรย์มากแล้ว!

“ประจำเดือนไม่มา ทำไมไม่ไปตรวจที่โรงพยาบาล?” เหมยเหมยถามอย่างหัวเสีย

ถ้าตอนนั้นไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ไม่แน่ว่าอาจจะไม่หนักขนาดนี้ ตรวจเจอโรคเร็วก็น่าจะหายได้นี่นา!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอึกอักไม่ยอมตอบ เธอรู้ว่าเพื่อนจะต้องว่าตนเองโง่เพราะอย่างไรเสียเธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองในตอนนั้นโง่เง่ามากจริง ๆแต่เธอไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง

ภาพลักษณ์ของเธอคือคุณหนูเหริ่นที่ฉลาดเฉลียว ทำงานเก่ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำธุรกิจขาดทุน ถ้าเรื่องโง่ ๆที่เธอเคยทำแพร่งพรายออกไป แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

“ฉันรู้ว่าพวกเธอต้องล้อฉันแน่…เลยไม่พูดดีกว่า…อย่างไรเสียก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ไม่มีลูกก็ไม่มีลูกสิ จะได้ช่วยประหยัดแรงไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายด้วย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดกระท่อนกระแท่น ไม่ยอมพูดเรื่องในอดีตอีก

เหมยเหมยโกรธจนฟาดใส่ทีหนึ่ง “จะพูดไหม? ถ้าไม่พูดฉันจะโทรหาโม่ซิวหย่วนบอกเขาหยุดรับงานโฆษณาทุกชิ้นของบริษัทเธอเดี๋ยวนี้เลย!”

……………………………………….

ตอนที่ 2670 ภาวะมีบุตรยาก

คำพูดของเหมยเหมยเป็นดั่งมีดที่ทิ่มแทงใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเจ้าตัวได้ยินเช่นนั้นก็ถลึงตามองอย่างหัวเสีย แล้วโวยวาย “เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัวสิ…เธออย่าเหมารวมนะ!”

“ฉันจะเหมารวม ให้เวลาสามนาที ถ้ายังไม่พูดจะโทรแล้วนะ!”

เหมยเหมยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าขู่อีกฝ่ายอย่างเปิดเผย สิ่งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรักที่สุดก็คือเงิน ถ้าใช้ไม้นี้อีกฝ่ายต้องยอมแน่นอน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจ้องอยู่หนึ่งนาทีเต็มจนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “เหตุที่ไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพราะตอนนั้นฉันดีใจมากกว่า ประจำเดือนไม่มาสิดีเรื่องยุ่งยากจะได้ลดลง กระทั่งผมด้านหลังร่วงจนเกือบหัวล้านแล้วฉันถึงรู้สึกว่าทะแม่ง ๆเลยหยุดกินยา… พอหยุดไปสักพักประจำเดือนก็มา ผมก็งอกขึ้นมาใหม่ ฉันคิดว่าไม่มีอะไรเลยไม่ได้ไปโรงพยาบาล!”

ตอนนั้นเรื่องที่ยุ่งยากน่ารำคาญที่สุดก็คือประจำเดือน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน พอไม่ระวังก็เลอะเปื้อนหมด โดยเฉพาะเธอที่ประจำเดือนมามาก เวลาเรียนก็ต้องคอยระมัดระวังเพราะกลัวว่าถ้าเลอะกางเกงจะอายคนอื่นเขา!

ตอนที่ประจำเดือนไม่มาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจมาก ถ้าผมกับผิวไม่มีปัญหา ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่หยุดยาก็ได้!

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อโกรธจนทำหน้าไม่ถูกแต่ก็สงสารเพื่อนอยู่บ้าง ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงที่คุณพ่อเหริ่นทำตัวเหลวไหลที่สุด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงเริ่มเกเรตั้งแต่ตอนนั้น

ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ทะเลาะวิวาท ไปเที่ยวเป็นต้น…หล่อนทำแทบทุกอย่าง หนำซ้ำยังไม่กลับบ้านกลับช่อง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เหลวแหลกไปมากกว่านี้คงต้องขอบคุณดวงวิญญาณบรรพบุรุษของตระกูลแล้ว!

เด็กวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงเกเรทำเรื่องโง่ ๆแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในสภาพปกติ แต่ร่องรอยที่ทิ้งไว้กลับสร้างบาดแผลที่ไม่มีวันหายไปแทน!

“แล้วทำไมเธอไม่บอกพวกเรา?” เหมยเหมยคาใจกับความลับของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เก็บงำไว้เหลือเกิน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยู่ปากแล้วเอ่ยด้วยท่าทีหงุดหงิด “พูดไปพวกเธอก็ด่าฉันโง่ แล้วอีกอย่างพวกเธอไม่ใช่หมอ บอกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”

“ก็ช่วยออกความคิดเห็นได้นี่นา…ถ้าต่อไปเธอยังเป็นแบบนี้อีก อย่าโกรธแล้วกันถ้าฉันจะบล็อกเธอ!” เหมยเหมยตบโต๊ะอย่างโมโห ถึงเธอจะไม่ใช่หมอแต่เธอมียาวิเศษนี่!

วิธีของแพทย์แผนตะวันตกบอกว่าระบบต่อมไร้ท่อมีปัญหา แต่สำหรับแพทย์แผนจีนแล้วก็แค่ร่างกายเกิดปัญหาเท่านั้น ขอแค่บำรุงดูแลให้ดีก็จบแล้ว

ต้องบอกว่าในโลกนี้ยาใดบำรุงร่างกายได้ดีที่สุด?

นอกจากยาวิเศษของเธอแล้วเกรงว่าลำดับที่สองคงจะไม่มีแล้วล่ะ!

ฉีฉีเก๋อถามอย่างห่วงใย “เธอลองไปหาหมอจีนหรือยัง?”

แล้วใบหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ขมขื่นขึ้นมาทันทีแล้วพยักหน้าอย่างแรง “จะไม่ไปได้อย่างไร ในเมืองหลวงมีหมอจีนกี่คนฉันก็ไปหาทุกคนแหละ ทั้งกินยาขม ๆเป็นกอง แล้วโดนฝังเข็มมาจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยแต่ก็ไร้ประโยชน์!”

“แล้วอิงจวี้กังรู้ปัญหาสุขภาพของเธอไหม?” เหมยเหมยถาม

“รู้สิ…ก็เขาเป็นคนไปส่งฉันตรวจ เขายังบอกด้วยว่าถึงจะรักษาหายก็ไม่เอาลูกแล้ว เราสองคนมีความสุขด้วยกันก็พอ ต่อไปถ้ารู้สึกเหงาค่อยไปรับเลี้ยงเด็กเอาก็ได้ไม่ต่างอะไรกับคลอดเองหรอก!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มน้อย ๆ ร่องรอยความสุขฉายชัดบนใบหน้า อิงจวี้กังเห็นเธอทุกข์ทรมานเพราะเรื่องลูกถึงได้สงสารเลยไม่ยอมให้เธอไปรักษาอีก แถมยังบอกว่าโลกมันหนักเกินไปแล้ว พวกเขาต้องช่วยโลกลดจำนวนประชากรบ้าง งั้นไม่มีลูกแล้วกัน!

ส่วนคนที่ต้นคิดเรื่องบอกว่าพวกเขาเป็นชาวดิ๊งส์ก็คืออิงจวี้กัง เขายังโกหกพ่อแม่บอกว่าตนมีภาวะมีบุตรยากและมีลูกไม่ได้อีกต่างหาก

พ่อแม่อิงที่อยากอุ้มหลานก็โดนปะเหลาะจนทำใจยอมรับได้ถึงได้ทำดีกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสารพัด ถึงขนาดรู้สึกผิดด้วยซ้ำไปเพราะรู้สึกว่าลูกชายตนทำให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องลำบากไปด้วย

…………………………………

Related

ตอนที่ 2667 ไม่มีทายาทก็ปล่อยให้สายเลือดมันจบไปเถอะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใบหน้าซีดเผือด คำพูดของฮุ่ยเซียงจี้ใจดำหล่อนอย่างแรงและเป็นเหมือนตะกอนที่เกาะอยู่ในใจมาหลายปี เธอรู้สึกใจฝ่อขึ้นมาทำให้โต้ฮุ่ยเซียงกลับไปไม่ทัน

ในดวงตาฮุ่ยเซียงฉายแววลิงโลด ผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้ถือว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่สมบูรณ์ด้วยซ้ำไป แล้วจะคู่ควรกับพี่กังของเธอได้อย่างไร!

อิงจวี้กังมองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีอย่างปวดใจพาลเกลียดฮุ่ยเซียงมากกว่าเดิม แค่นเสียงพูด “คนนอกอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของฉัน? คลอดลูกไม่ได้แล้วจะทำไม ฉันชอบเชี่ยนเชี่ยน ต่อให้คลอดลูกไม่ได้ฉันก็ชอบเธอ!”

“คลอดลูกไม่ได้แล้วก็จะปล่อยให้แซ่อิงจบลงที่รุ่นพี่งั้นเหรอ!” ฮุ่ยเซียงพูดเสียงตื่นตระหนก

อิงจวี้กังยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “คนแซ่อิงอาจจะมีไม่ถึงหลักล้าน แต่อย่างน้อย ๆก็น่าจะมีหลักแสนแหละ แล้วจะสิ้นคนสืบสกุลได้อย่างไร? เธอนี่โง่เขลาเบาปัญญาจริง ๆ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสูดจมูกอย่างรุนแรง น้ำตาคลอเบ้า ทำไมหมอนี่ถึงได้พูดจาซึ้งแบบนี้นะ ทำเอาหล่อนอยากร้องไห้อีกรอบเลย!

แต่กลับเป็นพ่อแม่ของอิงจวี้กังที่นั่งไม่ติดกล่าวกับลูกชายอย่างไม่พอใจว่า “ถึงคนพวกนั้นจะแซ่อิงแต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเราสักหน่อย สายเลือดของเราสืบทอดกันมาหลายช่วงอายุคนจะให้มาจบที่ลูกไม่ได้มั้ง!”

“จบก็จบสิ ใครจะไปรู้อนาคต พ่อแม่อย่าพูดจาเหลวไหลนักเลยค่ะ!” น้องสาวอิงจวี้กังคัดค้านพร้อมสั่งสอนพ่อแม่ไปยกหนึ่ง

พ่อและแม่ของอิงจวี้กังปิดปากสนิทอีกครั้งแล้วมองลูกชายด้วยแววตาพัดพ้อ แต่อิงจวี้กังไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขา คราวนี้่ก่อเรื่องใหญ่โตเขาต้องเย็นชากับพวกเขาสักระยะหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้นเกรงว่าพ่อแม่ที่แสนเลอะเลือนของเขาคงจะโดนหลอกอีก!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองน้องสามีด้วยแววตาซึ้งใจ ตอนนี้เธอยิ่งประทับใจในตัวน้องสาวยิ่งกว่าเดิม จะเข้ากันได้ดีเกินไปแล้วมั้ง!

อิงจวี้กังหันมองพ่อแม่แล้วพูดเสียงกร้าว “เด็กกำพร้าไม่มีครอบครัวตั้งเยอะ ถ้าพ่อกับแม่อยากอุ้มหลานนัก เดี๋ยวผมจะไปรับเด็กมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสักแปดคนสิบคนเอาให้พ่อกับแม่เล่นจนหนำใจเลย!”

พวกเขาถลึงตามองลูกชายด้วยแววตาคาดโทษ เด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะถือเป็นคนในครอบครัวได้อย่างไรกัน?

พวกเขาก็แค่อยากได้หลานสายเลือดเดียวกัน เด็กที่รับมาเลี้ยงไม่ใช่สายเลือดเดียวกันสักหน่อย และต่อให้รับมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเลี้ยง ถ้าว่างเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานคนอื่นไม่สู้ให้ลูกชายแต่งงานกับฮุ่ยเซียงและมีหลานให้ยังจะดีเสียกว่า!

ครั้นบรรยากาศค่อย ๆผ่อนคลายลง จู่ ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ชี้หน้าฮุ่ยเซียงแล้วเอ่ย “ให้หล่อนกลับบ้านนอกไปเดี๋ยวนี้ ที่บ้านฉันไม่ต้อนรับคนชอบแย่งผู้ชายของคนอื่น รีบไล่หล่อนไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปเอง!”

ฮุ่ยเซียงหน้าไร้สีเลือดมองพ่อแม่ฝ่ายชายด้วยแววตาเว้าวอน เธอไม่อยากกลับบ้านนอกหรอก กว่าจะได้มาเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เธอไม่อยากกลับไปคนเดียวแต่ถ้าอิงจวี้กังกลับไปด้วยกันเธอถึงจะยอม

อิงจวี้กังโพล่งออกมาโดยไม่คิด “เจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือเธอ เชี่ยนเชี่ยน ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวบ่ายนี้เลย!”

เขาเองก็ไม่อยากจะให้หญิงสาวที่อยากจะปีนขึ้นเตียงเขาอยู่ตลอดอยู่บ้านเขานานนักหรอก รีบไปให้พ้นหูพ้นตายิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินให้เลย!

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพ่อแม่ของอิงจวี้กังก็ไม่เห็นด้วย แต่คราวนี้อิงจวี้กังกลับไม่ยอมโอนอ่อนเหมือนที่ผ่านมา โทรหาเลขาฯแล้วบอกให้ซื้อตั๋วเครื่องบินของวันพรุ่งนี้ทันทีเพราะตั๋ววันนี้หมดแล้ว

แล้วเรื่องนี้ก็จบลงเช่นนี้ ฮุ่ยเซียงทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ลนลานทำอะไรไม่ถูกและนั่งร้องห่มร้องไห้

เหมยเหมยไม่อยากคุยในบ้านอิงจวี้กังเลยจงใจโน้มน้าวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วพาเพื่อนไปร้านน้ำชาเปิดห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

“เรื่องเธอมีลูกไม่ได้นี่มันอะไรกัน? นี่เธอเห็นพวกเราเป็นเพื่อนหรือเปล่า เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่พูด?” เหมยเหมยสั่งสอนเสียงเครียด ชาวดิ๊งส์บ้าอะไรกัน!

เธอรู้อยู่แล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่!

……………………………………………………

ตอนที่ 2668 โรคที่เกิดจากการกินยาลดความอ้วน

หน้าฉีฉีเก๋อกล่าวคาดโทษเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างไม่ปิดบัง “ฉันมีอะไรก็บอกเธอกับเหมยเหมยไม่เคยปิดบังอะไรเลย แต่ดูเธอสิเรื่องใหญ่อย่างเรื่องมีลูกกลับปิดปากเงียบ นี่เธอเห็นพวกเราเป็นคนนอกหรือไง?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใช้มือปิดหน้าไม่กล้าสบตาเพื่อน ละอายใจอย่างยิ่ง…

“เธออย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบบอกมาเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น!” เหมยเหมยดูท่าทางกลัวจนหัวหดของเพื่อนก็หัวเสียเลยตวัดตบศีรษะเธอไปทีหนึ่ง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเจ็บจนกัดฟันกรอดแหงนหน้ามองอีกฝ่าอย่างน้อยใจว่า “เบาหน่อยสิ…ตบแล้วโง่จะทำยังไง!”

“ตบแล้วโง่ก็ช่างปะไร!” เหมยเหมยโพล่งออกมาอย่างหัวเสียแล้วเร่งเร้า “รีบพูดมาเลย…สุขภาพเธอไม่ดีตรงไหน ไปหาหมอแล้วหรือยัง?”

หน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอดสี ถอนหายใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้า “หมอดัง ๆในเมืองหลวงมีกี่คนก็ไปหามาหมดแล้ว เมื่อปีที่แล้วยังไปอเมริกาด้วย เอาเป็นว่าพวกเขาบอกว่ายากกันหมด!”

“งั้นเป็นโรคอะไร?”

“ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดนักหรอกแต่บอกว่าระบบต่อมไร้ท่อของฉันมีปัญหา ที่ฉันไม่ผอมเพราะต่อมไร้ท่อมีปัญหานี่แหละ หลายปีมานี้กินยาไปก็มาก แถมฉีดยาไปนับไม่ถ้วน… ตอนนี้ฉันเห็นอะไรแหลม ๆก็อยากเข้าห้องน้ำหมดเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางร้องไห้ไป เธอรู้สึกเสียใจมากเลยหาที่ระบายออกมา ดึงกระดาษทิชชู่ติดต่อกันหลายแผ่นแล้วเอามือกุมหน้าร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานใจ

เธอไม่รู้ว่าตนเองชอบเด็กมากขนาดไหน ก่อนแต่งงานเธอคิดเอาไว้แล้วว่าอย่างน้อยต้องมีลูกสักสองคน จะให้ดีควรชายคนหญิงคน ถ้าไม่ได้ก็จะคลอดอีก อย่างมากก็แค่ไปคลอดที่เมืองนอก ยังไงเธอก็ไม่ถือเรื่องที่มีลูกเยอะ และก็ไม่กลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงด้วย!

พ่อแม่ของเธอชอบเด็กมากกว่าเธอเสียอีก วัน ๆเอาแต่จ้องท้องคะยั้นคะยอให้มีลูกสักที แต่ไหนเลยจะรู้ว่าเธอต้องมาป่วยเป็นโรคนี้!

ทั้ง ๆที่เธอกินได้ดื่มได้นอนได้แถมยังอาละวาดได้ด้วย นอกจากอ้วนและร่างกายบอบบางไปสักหน่อย…อย่าให้พูดเลยว่าเธอบึกบึนขนาดไหน แล้วทำไมถึงคลอดลูกไม่ได้ล่ะ?

ตอนที่ตรวจเจอโรคนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยจนเกือบจะทะเลาะกับหมอ เธอยังไม่ถอดใจแล้ววิ่งโร่ไปตรวจอีกโรงพยาบาลหนึ่ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม….โรคต่อมไร้ท่อผิดปกติ

จนสุดท้ายเธอก็ไปโรงพยาบาลเอกชนที่เปิดโดยคนฮ่องกงซึ่งถือว่ามีอุปกรณ์เครื่องมือครบครันที่สุดในเมืองหลวง ว่ากันว่าเก่งพอ ๆกับโรงพยาบาลที่ฮ่องกง แล้วเธอก็ตรวจร่างกายทุกอย่างที่นั่น ผลตรวจสุขภาพที่ได้จากโรงพยาบาลเอกชนนั้นละเอียดมากทีเดียว อีกอย่างยังเจอสาเหตุที่ทำให้ต่อมไร้ท่อของเธอมีปัญหาด้วย

ให้ตายยังไงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็คาดไม่ถึงว่าที่เธอมีลูกไม่ได้นั่นเป็นเพราะตอนเด็ก ๆกินยาลดความอ้วนอยู่ช่วงหนึ่ง!

“เพราะกินยาดลความอ้วนเหรอ? เธอกินยาลดความอ้วนตอนไหน? ไม่ใช่ว่าเลิกลดวามอ้วนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยตกใจอย่างยิ่ง

มีช่วงหนึ่งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลดน้ำหนักอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่ได้กินยา สิ่งที่ทำก็คือกินแต่ผักทุกวัน แต่ก็ทำ ๆเลิก ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร ทำได้ไม่กี่วันก็กินเนื้อเหมือนเดิม!

แล้วตั้งแต่ตกร่องปล่องชิ้นกับอิงจวี้กังแม่คนนี้ก็ไม่เคยพูดเรื่องลดน้ำหนักอีกเลย วัน ๆกินดื่มอยู่ตลอด…จนตัวกลมขึ้นเรื่อย ๆ แต่จนถึงระดับหนึ่งก็ไม่อ้วนขึ้นอีกแต่ก็เคยไม่ผอมลงเช่นกัน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก้มหน้าอย่างกะดากแล้วพูดเสียงแผ่ว “กินตอนเรียนมัธยมปลาย กินไปเทอมหนึ่ง ตอนแรกก็ผอมลงไป 5-6 กิโล แต่หลังจากนั้นประจำเดือนก็ไม่มา ผมก็เริ่มร่วง ฉันก็เลยไม่กล้ากินอีกแล้วหยุดกินไป!”

ตอนนั้นเธอยังเด็กไม่รู้ประสามักรู้สึกว่าตนเองอ้วนเกินไป แต่ตอนนั้นมันก็แค่เบบี้แฟตเท่านั้นซึ่งยังผอมกว่าเธอตอนนี้มาก แต่พอเห็นเพื่อนนักเรียนผู้หญิงที่หุ่นดี ๆกันยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาแค่ไหน ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเลยกินยาลดความอ้วนไป…

………………………

Related

ตอนที่ 2665 ก็แค่ผายปอดเท่านั้น

“ขอร้องล่ะ ช่วยออกไปไกล ๆฉันทีเถอะ…ฉันถูกเธอทำร้ายยังน่าสงสารไม่พออีกเหรอ?”

อิงจวี้กังสะกดความเจ็บปวดไว้แล้วยกมือไหว้อ้อนวอนฮุ่ยเซียง ถ้าให้ผู้หญิงไม่รู้ความคนนี้มายุ่มย่ามอีก ภรรยาของเขาคงหนีไปจริง ๆแน่!

คราวนี้พ่อแม่เขาทำเรื่องเหลวไหลอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าจะพาฮุ่ยเซียงมาฉลองตรุษจีนด้วย คงเห็นเขามีความสุขเกินไปกระมัง!

ฮุ่ยเซียงกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวด ดวงตาพร่าเบลอมองอิงจวี้กังด้วยแววตาเจ็บปวดแล้วเอ่ยเสียงเบา “พี่กัง พวกเราหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมพี่ทำกับฉันแบบนี้?”

“ขอเถอะ… นี่มันก็แค่เรื่องล้อเล่นของผู้ใหญ่เท่านั้นเอง ฉันยังไม่เคยยอมรับเลยด้วยซ้ำ ฮุ่ยเซียงเธอเองก็เรียนหนังสือมา อย่ายึดติดเรื่องอะไรแบบนี้เลยได้ไหม?”

อิงจวี้กังแทบจะอ้อนวอนเทวดาอยู่แล้ว พ่อของฮุ่ยเซียงเป็นเพื่อนของพ่อเขาที่สนิทสนมกันมาก เขาโตกว่าฮุ่ยเซียงสี่ปี ตอนฮุ่ยเซียงเกิดเนื้อตัวขาวผุดผ่องน่ารักน่าเอ็นดู คนปากเปราะอย่างพ่อเขาดันไปพูดทีเล่นทีจริงว่าอยากจะขอหมั้นหมายเป็นทองแผ่นเดียวกันจากอีกฝ่ายในวันครบเดือนของฮุ่ยเซียง

ตอนนั้นพ่อแม่ของฮุ่ยเซียงเองก็ตกปากรับคำแบบเล่น ๆตามน้ำไป ทุกคนไม่ได้จริงจังอะไรเหมือนว่าการหมั้นหมายในวัยเด็กนั้นไม่ได้เกิดขึ้น!

หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยเมืองหลวง พ่อของฮุ่ยเซียงก็พูดถึงเรื่องในอดีตบอกว่าอยากให้เขากับฮุ่ยเซียงหมั้นหมายกันก่อน รอให้เรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน

ตอนนั้นอายุฮุ่ยเซียงเพิ่งจะ 15 ปี ส่วนเขาอายุ 19 ปี พ่อแม่ของเขาก็ลังเลใจไม่น้อย ถึงแม้ฮุ่ยเซียงจะเป็นคนบ้านนอกแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยในหมู่บ้าน ถึงเธอจะเพิ่งอายุ 15 ปีแต่หัวกระไดไม่เคยแห้งพลอยทำให้พ่อแม่ตระกูลอิงของเขาหวั่นไหวไปด้วย

แต่อิงจวี้กังกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เขาไม่ได้ชอบฮุ่ยเซียงเลยแม้แต่น้อย

ฮุ่ยเซียงนั่นเรียนจบแค่ชั้นประถม ความรู้ต่าง ๆก็ตื้นเขิน เขาจะมีเรื่องคุยกับผู้หญิงแบบนี้ได้เท่าไหร่เชียวซึ่งแทบจะใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ เขาจะทำร้ายตัวเองไม่ได้และไม่อยากทำร้ายผู้หญิงด้วย

เดิมทีอิงจวี้กังคิดว่าเรื่องนี้คงจะจบลงแล้ว ไหนจะคิดเลยว่าหลายปีมานี้ฮุ่ยเซียงคนนี้จะยังตามติดไม่ห่าง ถึงขั้นวิ่งโร่มาถึงเมืองหลวง…อิงจวี้กังอยากจะด่าจริง ๆ!

ทำไมถึงได้ทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้!

“แต่ฉันกับพี่เราได้เสียกันแล้ว…พี่ยังจุ๊บฉันอีกด้วย…” ฮุ่ยเซียงนึกน้อยใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นใจเธอก็ผูกติดอยู่กับอิงจวี้กัง นอกจากเขาเธอก็จะไม่ยอมแต่งกับใครทั้งนั้นยอมเป็นสาวทึนทึกดีกว่า

แต่ใครจะรู้ว่าอิงจวี้กังกลับไปแต่งงานกับลูกคุณหนูในเมืองหลวง ตอนรู้ข่าวฮุ่ยเซียงร้องไห้ทั้งคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ทรมานใจ ครั้งนี้ได้ข่าวดีที่ทำให้เธอตื่นเต้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฮุ่ยเซียงจึงอาศัยข้ออ้างว่าจะมาหางานที่เมืองหลวงอ้อนวอนขอให้พ่อแม่ตระกูลอิงพาเธอมา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นฮุ่ยเซียงพูดเรื่องมีอะไรกันออกมาโต้ง ๆก็ทำเอาปอดเธอใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว พร้อมทั้งก่นด่าฮุ่ยเซียง “เขากับเธอเคยไปนอนด้วยกันตอนไหน? ก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงาน?”

ถ้าก่อนแต่งงานเธอจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ถ้าหลังจากแต่งงาน…เธอจะต้องอาละวาดเรื่องเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แล้วหย่าโดยไม่ให้เขามีอะไรติดตัวไปสักอย่างเดียว!

ทั้งบริษัทอยู่ในกำมือเธอ อยากจะหย่ากับผู้ชายคนนี้แล้วกลับไปเป็นราชินีเหมือนเดิมเร็ว ๆจริง!

อิงจวี้กังใกล้จะกระอักเลือดตายเต็มที หัวเราะอย่างระอาแล้วอธิบาย “ก็มีครั้งหนึ่งเธอตกน้ำ ฉันช่วยเธอขึ้นมา แล้วก็แค่ผายปอดให้เฉย ๆ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ฮุ่ยเซียงกลับตะคอกกลับ “พี่เห็นฉันหมดแล้ว พี่จูบฉันตั้งนาน…ตอนนั้นฉันก็ตกเป็นของพี่ไง!”

ท่าทีของพ่อแม่อิงจวี้กังก็ดูแปลก ๆไปและยิ่งสับสนกว่าเดิมด้วย

ชาวบ้านในหมู่บ้านค่อนข้างหัวโบราณถึงขั้นไม่อนุญาตให้เด็กผู้หญิงที่ไม่แต่งงานตัดผมสั้นและใส่เสื้อแขนสั้น คิดว่าแบบนั้นคือการทำผิดประเพณี หากว่าพวกเขารู้เร็วกว่านี้ว่าลูกชายเขากับฮุ่ยเซียงเคยใกล้ชิดกันจะต้องคัดค้านเรื่องที่ลูกชายจะแต่งกับลูกสะใภ้ในเมืองแน่

ถึงลูกสะใภ้ในเมืองจะมีเงินแถมกตัญญูกับพวกเขามากก็เถอะ แต่เรื่องที่หนักหนาเลยก็คือไม่สามารถคลอดลูกได้ คนตระกูลอิงมีลูกชายคนเดียว ฉะนั้นจะให้มาจบที่พวกเขาไม่ได้!

……………………………………………..

ตอนที่ 2666 ไม่ได้มีบัลลังก์ต้องสืบทอดเสียหน่อย

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจพร้อมกัน กะอีแค่ผายปอดเท่านั้นเอง…เรื่องแบบนี้นับประสาอะไรได้!

เหริ่นเชี่ยนรู้ตัวว่าเข้าใจอิงจวี้กังผิดเลยรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีเพราะพ่อแม่ฝั่งสามีรังเกียจเธอ อยากจะให้ลูกชายหย่ากับเธอแล้วไปแต่งงานกับฮุ่ยเซียง

เพราะเธอได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่สามี เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงได้โกรธจนนึกอยากจะหย่า แต่ตอนนี้เธอไม่อยากหย่าแล้ว!

ทำไมต้องยกผู้ชายของเธอให้คนสารเลวแบบนั้นด้วย!

สามีภรรยาคบหากันมานานจึงรู้ใจกัน แค่อิงจวี้กังเห็นหน้าตาออดอ้อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ว่าภรรยาตนเองคลายความโกรธลงแล้วก็พลันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก พรูลมหายใจยาวแล้วเช็ดเหงื่อเย็น ๆบนใบหน้า

“ฮุ่ยเซียง อิงจวี้กังตั้งใจจะช่วยเธอแต่เธอกลับเนรคุณ หนำซ้ำยังใช้เรื่องนี้มาทำลายครอบครัวของอิงจวี้กังด้วย เธอออกจะขาดศีลธรรมเกินไปหน่อยมั้ง?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น

ฮุ่ยเซียงตกใจเพราะท่าทีของเหมยเหมยจึงใช้แรงกัดเล็บ ขบริมฝีปากแล้วเอ่ย “ฉันไม่ได้เนรคุณ พี่กังเป็นคู่หมั้นของฉัน เธอนั่นแหละแย่งผู้ชายของฉันไป!”

ฮุ่ยเซียงพูดพลางชี้ไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมจ้องด้วยแววตากล่าวโทษ ผู้หญิงในเมืองคนนี้สวยสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เพรียบพร้อมเท่าเธอ แค่มีเงินไม่เท่าไหร่ก็แย่งพี่กังไปแล้ว น่ารังเกียจจริง ๆ!

คนอารมณ์ร้อนอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกด่าต่อหน้าแบบนี้ก็หัวเสียทันที ตะคอกใส่ฮุ่ยเซียง “ผู้ชายของฉันก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ เธอยังจะมาอาลัยอาวรณ์อะไรอีก? ไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย ต้องได้ผัวชาวบ้านถึงจะพอใจหรือไง!”

ฮุ่ยเซียงไหนเลยจะเถียงคุณหนูเหริ่นที่ฝีปากคล่องฉลาดเฉลียวได้ทัน พูดไม่กี่ประโยคก็แพ้หมดรูป ทั้งโกรธทั้งอาย

พ่อแม่ของฝ่ายชายก็ชักจะทนดูไม่ไหว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิท อีกทั้งยังเห็นพวกเขาสองคนตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่มีต่อฮุ่ยเซียงย่อมลึกซึ้งกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“เชี่ยนเชี่ยนมีอะไรค่อยพูดค่อยจากันสิ…” คุณแม่อิงโน้มน้าว แต่กลับถูกลูกสาวคนเล็กที่ไม่พูดไม่จากระทุ้งท้อง แล้วถลึงตาใส่ คุณแม่อิงเลยจำต้องกลืนคำพูดทีเหลือลงคอไปและไม่กล้าพูดอะไรอีก

แต่ไหนแต่ไรมาตนกลัวลูกสาวเสียยิ่งกว่าสามี สามีตนเองก็เช่นกัน ไม่เคยคัดค้านลูกสาวเลยสักครั้ง

น้องสาวอิงจวี้กังลอบเตือนแม่ตนแล้วถึงได้ส่งยิ้มให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพลางกล่าว “พี่สะใภ้อย่าฟังแม่เลยค่ะ พี่ควรจะพูดอะไรก็พูดเถอะ อย่าปล่อยให้คนนอกมาทำลายความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้!”

เหมยเหมยมองน้องสาวอิงจวี้กังผู้ซึ่งมีใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นอย่างตกใจ คางสั้น จมูกแบน ริมฝีปากหนา แถมตัวดำและไม่สูงนัก จุดโดดเด่นเพียงจุดเดียวก็คือดวงตา ถึงแม้จะไม่โตแต่ก็กลมสวยเป็นประกาย ดูมีชีวิตชีวามากทีเดียว

แต่เพราะคำพูดของน้องสาวคนเล็กกลับน่าฟังอย่างมาก ทำให้เห็นว่าน้องสะใภ้ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคนนี้ฉลาดนัก แถมยังรู้จักแยกแยะฉลาดกว่าพ่อแม่ตนเองหลายร้อยเท่านัก!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตกใจมากเช่นกัน ตอนตนรู้จักกับอิงจวี้กัง ตอนนั้นน้องสาวยังอยู่มอปลายอยู่เลย ทั้งยังดำกว่าตอนนี้และไม่ชอบพูดชอบจาเสียด้วยซ้ำ ตนเคยอยู่บ้านสามีช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซึ่งเคยคุยกับน้องสาวสามีไม่ถึงสิบประโยคด้วยซ้ำ

คิดไม่ถึงว่าพอโตขึ้นจะพูดจาเป็นกับเขาด้วย!

น้องสาวอวี้จิงกังเองก็สัมผัสได้ถึงความตกใจของเหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยระบายยิ้ม แต่เธอเองก็ไม่ได้โง่ คนหนึ่งเป็นพี่สะใภ้ที่เปิดบริษัทในเมืองหลวง ส่วนอีกคนเป็นสาวบ้านนอกที่ทำเป็นแต่ร้องห่มร้องไห้… คนโง่เองยังรู้ว่าควรจะเข้าข้างใครเลย!

ต่อให้พี่สะใภ้มีลูกไม่ได้แล้วจะทำไม?

บ้านหล่อนก็ไม่ได้มีบัลลังก์มังกรให้สืบทอด  มีหรือจะไม่มีลูกสำคัญขนาดไหนเชียว ขอแค่พี่ชายกับพี่สะใภ้มีความสุขก็พอแล้ว จะสนใจอะไรเยอะแยะ พ่อแม่ของเธอวอนหาเรื่องจริง ๆ!

พอฮุ่ยเซียงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนของคนตระกูลอิงดวงตาก็ยิ่งแดงก่ำ รวบรวมความกล้าเอ่ย “เธอคลอดลูกให้พี่กังไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วจะมาอยู่เกะกะทำไม เธอกำลังทำร้ายพี่กังอยู่นะ! ”

…………………………………….

Related

ตอนที่ 2663 เหตุเพราะเรื่องลูก

เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่าพอเหรินเชี่ยนเชี่ยนเปิดปากก็จะพูดเรื่องหย่าเลย เธอและอิงจวี้กังต่างก็รักใคร่กันดีมาตลอด เมื่อสองวันก่อนยังแสดงความรักต่อหน้าพวกเธออยู่เลย!

เจ้าตัวบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งจนปวดเนื้อเมื่อยตัวไปหมด อิงจวี้กังเองก็สงสารถึงกับไปเรียนวิธีการนวดมาจากหมอนวดโดยเฉพาะ พอกลับไปถึงบ้านก็นวดให้ภรรยา ส่วนความสบายนั้น… คาดว่าสองคนนี้นวดไปนวดมาคงไปนวดกันต่อบนเตียงแน่นอน!

ตอนนั้นเรื่องนี้ทำเหมยเหมยริษยาจะแย่ ตกดึกเธอถึงกับขอให้เหยียนหมิงซุ่นนวดให้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปวดเอวเลยสักนิด!

และแน่นอนว่า… จุดจบของการนวดนี้ก็ไปจบที่บนเตียงเช่นกัน!

นี่แปลว่าเหรินเชี่ยนเชี่ยนกับอิงจวี้กังรักกันดี นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันก็จะหย่ากันเสียแล้ว พวกเธอจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? อยู่กันมาดี ๆหย่าเหย่ออะไรกัน? คิดว่าเป็นเรื่องเล่น ๆหรือไง!” เหมยเหมยเปิดประเด็น แล้วคว้าเหรินเชี่ยนเชี่ยนที่จะพุ่งออกไปด้านนอกรั้งไว้จนปวดแขน ยังดีที่ฉีฉีเก๋อรับไม้ต่อทัน!

“ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว… ฉันมันไม่คู่ควรกับคนตระกูลอิง ฉันยอมแพ้ส่งไม่ต่อให้คนที่คู่ควรดีกว่า ให้แม่ไก่ที่ออกไข่ได้มารับตำแหน่งต่อเถอะ!” เหรินเชี่ยนเชี่ยนโผเข้ากอดฉีฉีเก๋อด่าไปร้องไห้ไป อารมณ์น้อยใจมาเต็ม

เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อจ้องหน้ากัน ดูท่าทางแล้วจะเพราะเรื่องลูกนี่เอง!

“เชี่ยนเชี่ยน… ” อิงจวี้กังวิ่งออกจากห้องด้วยความร้อนใจ พอเห็นเหมยเหมยขวางภรรยาของตนเองเอาไว้ถึงได้โล่งอกก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆพลางเอ่ยกับเหรินเชี่ยนเชี่ยน “เธอฟังฉันอธิบายก่อน…ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยนะ…”

“พวกนายอยู่บ้านเดียวกันก็ต้องคิดเหมือนกันสิ ก่อนนี้ฉันโง่ถึงได้หลงเชื่อนายไงล่ะ…” เหรินเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงสะอื้น ฉีฉีเก๋อมองเสื้อโค้ทขนแกะตัวใหม่บนร่างตนเองอย่างระอา

ตัวตั้งพันกว่า…แต่พังเพราะฝีมือแม่นี่ ตอนแรกตั้งใจจะใส่กลับทุ่งหญ้าสักหน่อย!

อิงจวี้กังยิ้มด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายยิ่งกว่าเดิม เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “เชี่ยนเชี่ยนถ้าเธอโง่ละก็ โลกนี้ไม่มีคนฉลาดแล้วล่ะ!”

“คิก”

ฉีฉีเก๋อหลุดหัวเราะออกมา มุมปากเหมยเหมยกระตุกเพราะพยายามฝืนไว้ถึงพอจะกลั้นหัวเราะไว้ได้

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรด้วยซ้ำ!

ความดีที่อิงจวี้กังปฏิบัติต่อเหรินเชี่ยนเชี่ยนพวกเธอเห็นกันหมด ต่อให้มีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา สองสามีภรรยามีปากเสียงกันเป็นเรื่องธรรมดา เธอเองกับเหยียนหมิงซุ่นยังทะเลาะกันจนมีคนหนีออกจากบ้านด้วยซ้ำไป!

“พวกเธอใจร้ายกันหมด… ฉันร้องไห้จนเหนื่อยไปหมดแล้ว พวกเธอยังยิ้มได้อีก….”

เหรินเชี่ยนเชี่ยนกลับไม่รู้สึกว่าตลกเลยสักนิดแต่เสียงร้องไห้กลับดังกว่าเดิม แถมยังโกรธจนเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเต็มหน้าบนชุดใหม่ของฉีฉีเก๋อสุดแรง ฉีฉีเก๋อเองก็ฝืนสะกดอารมณ์ไว้ไม่กล้ายั่วโมโหอีกฝ่ายอีก!

“เอาเถอะ ๆ… ร้องไห้โยเยอยู่ข้างนอกไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือไง เข้าไปคุยกันในห้องเถอะ!”

เพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็แง้มประตูออกมาดู คงจะเพราะทำเพื่อนบ้านตกใจถึงได้หลบอยู่หลังประตูแล้วแอบฟัง เหมยเหมยลากเหรินเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่ได้มีท่าทีเต็มใจนักเข้าบ้านไป ในห้องมีคนแปลกหน้าอยู่อีกหลายคน น่าจะเป็นพ่อแม่และน้องสาวของอิงจวี้กัง!

แต่กลับมีผู้หญิงอายุน้อยอยู่อีกสองคนอายุประมาณ 20 ปี คนหนึ่งผิวดำหน้าตาทั่วไป แต่อีกคนกลับขาวผ่อง รูปร่างสมส่วน เพียงแต่สวมใส่เสื้อผ้าที่ออกจะไม่ค่อยมีรสนิยมนัก แต่ถ้าจับแต่งตัวดี ๆก็ถือว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลย

ไม่รู้ว่าน้องสาวของอิงจวี้กังคือคนไหน?

“นี่คือพ่อและน้องสาวของฉัน ส่วนคนนี้คือ…” อิงจวี้กังชี้ผู้หญิงผิวขาวใบหน้าหมดจดด้วยท่าทีแปลก ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “นี่คือญาติห่าง ๆของเรา”

เหรินเชี่ยนเชี่ยนได้ยินก็โกรธจนหูสั่นแล้วตวาดใส่ “อิงจวี้กังนายพูดกับฉันให้ชัดเจนเลยนะว่าเป็นญาติห่าง ๆหรือชู้รักนายกันแน่?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2664 คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปัญหาของเหรินเชี่ยนเชี่ยน

หนังตาเหมยเหมยกระตุก ชู้รักของอิงจวี้กังเหรอ?

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเสียอีก!

อิงจวี้กังตกใจหนักกว่าพวกเขา สีหน้าขาวซีด “เชี่ยนเชี่ยนอย่าพูดจาเหลวไหล ฉันกับฮุ่ยเซียงเป็นญาติกัน บริสุทธิ์ใจกันทั้งคู่ด้วย…”

ผู้หญิงผิวขาวที่ชื่อฮุ่ยเซียงเงยหน้ามองอิงจวี้กังด้วยแววตาเจือความเจ็บปวด กัดริมฝีปากแล้วเอ่ย “พี่กัง… ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่ชัด ๆ แต่พี่แอบถอนหมั้นลับหลังฉัน แล้วฉันกับพี่ได้เสียกันแล้ว… ฉันเป็นของพี่ตั้งนานแล้วนะ!”

พอพูดถึงตรงนี้ฮุ่ยเซียงก็ก้มหน้าลงด้วยท่าทีขัดเขิน มือขาวนวลเนียนบิดไปมา ความเก้อเขินของสาวแรกแย้มแผ่กระจายออกมาอย่างเปี่ยมล้นซึ่งชวนให้ผู้ชายหลงใหลไม่น้อยเลย

หน้าเหรินเชี่ยนเชี่ยนเจ็บปวดเหมือนบอกว่า ‘ฉันว่าแล้ว’ กัดฟันเอ่ย “นายยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? มีอะไรกันแล้ว…  แปลว่าพวกเธอสองเคยนอนด้วยกันแล้วไม่ใช่หรือไง?”

“ไม่นะ… สวรรค์มีตา… ถ้าฉันโกหกขอให้ฟ้าผ่าตาย!”

อิงจวี้กังที่เป็นคนเชื่องช้าเอ่ยคำสาบานออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนใจขนาดไหน!

“พี่กัง…” ฮุ่ยเซียงมองอิงจวี้กังด้วยใบหน้าเปรอะคราวน้ำตา มือกุมอกด้วยท่าทีงดงาม

เหรินเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนอยากจะตบอิงจวี้กังสักที “ยังพูดว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ? ถึงขนาดเรียกกันว่าพี่กังแล้ว…เห็นฉันเป็นคนโง่ใช่ไหม…อิงจวี้กังผู้ชายเฮงซวย… ถ้านายไม่พอใจที่ฉันคลอดลูกไม่ได้ ทำไมไม่บอกเร็ว ๆ อย่ามาแอบมีเมียน้อยลับหลังฉันนะ…”

“ปกติฉันเองก็รังเกียจผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้ที่สุด หย่ากันเถอะ… ต่อให้ฉันคลอดลูกไม่ได้ก็มีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน!”

เหมยเหมยใจเต้นระรัว คิดไม่ถึงว่าเหรินเชี่ยนเชี่ยนจะมีลูกไม่ได้?

เธอกับฉีฉีเก๋อเข้าใจทันที!

ดูท่าทางอิงจวี้กังก็น่าสงสัยมากทีเดียว หรือว่าผู้ชายที่ท่าทางซื่อสัตย์ว่าง่ายคนนี้ลับหลังก็แอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยเหมือนกัน?

ส่วนฉีฉีเก๋อกลับไม่สามารถสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ได้ ผลักเหรินเชี่ยนเชี่ยนออกแล้วก้าวไปตรงหน้ากระชากคอเสื้ออิงจวี้กัง ตัวของเธอกับเขาไม่ต่างกันมากนัก แต่วันนี้เธอใส่แผ่นเสริมส้นถึงได้สูงขึ้นหลายเซนติเมตรเลยคว้าตัวอิงจวี้กังได้อย่างง่ายดายจนตัวเขาลอยขึ้นจากพื้น

“เชี่ยนเชี่ยนดีกับนายขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่านายจะกล้ามีชู้ แถมยังกล้าพามาฉลองตรุษจีนที่บ้านอีก…อิงจวี้กังนายยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ฉันจะตีนายให้ตายเลยไอ้สารเลว! ”

ฉีฉีเก๋อยังพูดไม่ทันจบก็ประเคนหมัดหนึ่งแสกหน้าอิงจวี้กัง แล้วหมีแพนด้าก็ถือกำเนิดขึ้น…

อิงจวี้กังอ้าปากจะอธิบายแล้วหมัดอีกอันก็ประเคนเข้ามาต่อ ในที่สุดก็มีครบทั้งสองด้าน!

เหรินเชี่ยนเชี่ยนใจเต้นระรัวพลันรู้สึกสงสารเขาอยู่บ้าง เดิมอยากบอกเพื่อนให้หยุดแต่สมองกลับบอกให้เธอเงียบไว้เพราะทิฐิที่มีมากเกิน เฮอะ…กล้าพาชู้มาเหยียบถึงบ้าน สมน้ำหน้าแล้วที่โดนฉีฉีเก๋อต่อย!

“มีอะไรก็ค่อย ๆคุยกัน… อย่าลงไม้ลงมือกันเลย…”

พ่อแม่ของอิงจวี้กังดูแล้วก็น่าจะเป็นคนสุขุมเงียบ ๆแบบอิงจวี้กัง พวกเขายืนดูอยู่นานถึงได้สติแล้วรีบพุ่งเข้ามาห้ามฉีฉีเก๋อไว้ แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็เข้าไปรั้งแขนเธอ ส่วนที่ดึงอิงจวี้กังก็ดึงไว้ กระทั่งฉีฉีเก๋อทำอะไรไม่ได้เลยหัวเสียจนสะบัดเขาล้มก้นจ้ำบ๊ะกับพื้น!

“โอ้ย…”

สีหน้าอิงจวี้กังเจ็บจนเผยสีหน้าเหยเกพร้อมร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เหรินเชี่ยนเชี่ยนสงสารเขาไม่น้อย ฉีฉีเก๋อออกแรงมากไปหน่อย แต่อย่าทำให้ช่วงเอวของเขาเสียหายล่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะโยงใยมาหาความสุขของเธอไปด้วย!

“พี่กัง… พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ฮุ่ยเซียงก้าวเข้ามาหมาจะประคองอวี้จิงกัง

อวี้จิงกังหน้าเปลี่ยนสีแล้วพยายามสะกดความเจ็บปวดตรงข้อกระดูกไว้แล้วกลิ้งหลุน ๆถึงสามรอบเพื่อให้รอดจากอุ้งมือของฮุ่ยเซียง!

……………………….

Related

ตอนที่ 2661 ลูกคนที่สองล้มเหลว

วันต่อมากว่าเหมยเหมยจะตื่นก็ตะวันโด่งเข้าไปแล้ว  ปวดเอวปวดหลังเคล็ดขัดยอกไปหมด เธออยากจะนอนซุกตัวอยู่บนเตียงสามวันสามคืน แต่ก็โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์พอดี เด็ก ๆเลยไม่ต้องไปโรงเรียน

สรรพคุณของเทียนหอมราคาสูงกล่องนั้นเยี่ยมยอดจริง ๆ เดี๋ยวเธอต้องรีวิวให้ห้าดาวหน่อยแล้ว…เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นกลายร่างเป็นหมาป่าคืนเดียวจัดไปเจ็ดครั้ง ถ้าเธอไม่แกล้งตายเกรงว่าคงมีครั้งที่แปดเกิดขึ้นแน่นอน!

เจ็ดครั้งไม่น่ากลัว แต่น่ากลัวที่ทุกครั้งนั้นล้วนแต่ไร้ประโยชน์…เพราะเหยียนหมิงซุ่นใช้ถุงยางที่เขาแอบเก็บเอาไว้ ทำให้ความพยายามของเธอกลายเป็นเพียงอากาศ!

“คุณแม่…กินข้าวกัน!” เล่อเล่อวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาเรียกคนเป็นแม่ไปกินข้าวเที่ยง

เพื่อรักษาภาพพจน์ที่ดีของตนเองในสายตาลูกสาวตัวน้อย ต่อให้เหนื่อยขนาดไหนเหมยเหมยก็ทำได้แค่พาตนเองลงจากเตียงแล้วแอบตัดสินใจว่าเดี๋ยวพอทานข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนกลางวันต่อ

คุณย่าหยางกลับแอบดีใจ ตัวเธอเองมีประสบการณ์สูง พอรู้ว่าเหมยเหมยแค่อยากจะนอนแช่บนเตียงนั่นแปลว่าเมื่อคืนต้องออกแรงไปเยอะแน่ ยิ่งออกแรงเยอะ หลานที่รอคอยถึงจะมาให้อุ้มไว ๆนี่นา!

เหยียหมิงซุ่นหรี่ตามองคุณย่าหยางที่ยิ้มหวานด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงชราเจ้าเล่ห์คิดเรื่องอะไรอีก เขารู้สึกว่าต้องรีบทำลายจินตนาการที่เลยเถิดไปไกลจากความจริงของคุณย่าโดยเร็วจะดีกว่า

“เรื่องลูกคนที่สองเป็นไปไม่ได้หรอก คุณย่าสนใจแต่เรื่องหมิงต๋าก็พอ!”

สีหน้าเริงร่าของคุณย่าหยางจางหายไปในทันที ในใจเย็นวาบ ถลึงตามองเหยียนหมิงซุ่น ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ จนอดตำหนิไม่ได้ “ไม่อยากมีลูกคนที่สองแล้วลงแรงขนาดนั้นไปทำไม ทรมานกันชัด ๆ…จริง ๆเลย”

คุณย่าที่กำลังหงุดหงิดหมุนตัวเดินไปที่ห้องครัว ตอนนี้สก๊อตไบรท์น่าดูกว่าเหยียนหมิงซุ่นหมื่นเท่า!

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกคร้านจะอธิบายความเข้าใจผิดของคุณย่า แค่ไม่อยากมีลูกคนที่สองก็จะทำอะไรกับภรรยาของตนไม่ได้แล้วหรือ?

แต่สวัสดิการเมื่อคืนถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถึงแม้เหมยเหมยจะมีจุดประสงค์แอบแฝงแต่เขาก็ไม่รังเกียจที่จะมีเป็นครั้งที่สอง อย่างไรเสียเขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว เขาเตรียมของใช้ส่วนตัวเอาไว้ทุกมุมของห้องนอน จะไม่ยอมให้เหมยเหมยฉวยโอกาสได้อีก!

เหมยเหมยก็ไม่ย่อท้อ เธอพยายามหาถุงยางที่เหยียนหมิงซุ่นซ่อนไว้มาจัดการทำให้มันรั่วทุกอัน แต่ทุกครั้งเขาก็จะเอาถุงยางอนามัยอีกกล่องที่เตรียมเอาไว้ออกมา แถวหลอดไฟ ใต้ฟูกที่นอน ห้องนอน…อยู่ทุกที่ ไม่รู้ว่าเขาเอาของเข้ามาซ่อนตั้งแต่ตอนไหน

หลังจากยุ่ง ๆมาเกือบสัปดาห์ ระยะไข่ตกของเธอก็ผ่านไปแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จสักที แต่ตัวเองเหนื่อยเจียนตาย เธอไม่ได้หยุดเลยตลอดทั้งสัปดาห์

แต่ที่มากกว่านั้นคือความละเหี่ยใจ!

เดือนนี้ล้มเหลวมาตลอดทั้งเดือน เดือนหน้าค่อยพยายามใหม่แล้วกัน!

เธอจะต้องรื้อทุกซอกทุกมุมของห้องนอนอีกรอบ เธอไม่เชื่อหรอกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะยังเอายัดเข้าไปได้อีก!

แต่เหมยเหมยที่กำลังหัวเสียกลับลืมไปเสียสนิทว่าตนเองเคยให้ฟันซี่หนึ่งที่คุณชายฉิวให้มาเป็นของขวัญเขาไป ถึงช่องมิติด้านในจะไม่ใหญ่นักแต่ก็พอจะจุของได้มากอยู่ ต่อให้มีกิจกรรมทั้งคืนก็มากพอให้เธอใช้ไปจนอายุร้อยปี!

“เฮ่อเหลียนเช่อโทรมาบอกว่าเดือนหน้าจะมารับเสี่ยวเป่า”

สวัสดิการที่ควรได้เมื่อคืนกลับไม่เป็นดั่งหวังเลยทำให้เหยียนหมิงซุ่นผิดหวังเล็กน้อย เขาคุ้นเคยกับอาหารมื้อใหญ่แต่จู่ ๆกลับต้องกลับมากินโจ๊กจืด ๆทำให้ไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก!

เหมยเหมยยิ่งอารมณ์ไม่ดีขึ้นไปอีกเพราะเธอชินกับการมีเสี่ยวเป่าอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่มีเขาละก็อย่าว่าแต่เธอเลย กระทั่งเล่อเล่อก็คงเสียใจ!

“ให้พวกเฮ่อเหลียนเช่อมาอยู่ที่เมืองหลวงไม่ได้เหรอ?” เหมยเหมยโอดครวญ

“เป็นไปไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อต้องใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองอื่น นายท่านอาจจะพอปิดตาข้างหนึ่งได้แต่อยู่เมืองหลวงไม่ได้เด็ดขาด เธออย่ากังวลไปเลยเฮ่อเหลียนเช่อคงอยู่เมืองจิน ถ้าเธอคิดถึงเสี่ยวเป่าก็นั่งเครื่องบินไปหาแค่หนึ่งชั่วโมงนิด ๆเอง”

เหยียนหมิงซุ่นปลอบพลางลูบหลังเหมยเหมย พอแตะต้องผิวขาวนวลเนียนราวหิมะก็อดเกิดอารมณ์ขึ้นมาไม่ได้ เขาขึ้นคร่อมและกำลังจะ…

“พลั่ก”

เหมยเหมยไม่คล้อยตามเพราะระยะไข่ตกผ่านไปแล้ว เธอไม่อยากปรนนิบัติอีกต่อไปแล้ว!

“ประจำเดือนมา…จะนอน!” เหมยเหมยโกหกหน้าซื่อแล้วนอนคลุมโปง

เหยียนหมิงซุ่นมองรอยนิ้วบนมือก็หัวเราะอย่างระอา เมื่อครึ่งเดือนก่อนประจำเดือนเพิ่งมาไม่ใช่หรือ จะโกหกทั้งทีก็ไม่ใช้สมองเลย!

……………………………………………..

ตอนที่ 2662 โวยวายจะหย่า

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างกำลังหัวหมุนเตรียมตัวฉลองตรุษจีน[1] จากนี้เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น แต่ความกระตือรือร้นในการซื้อของในช่วงตรุษจีน[2]ของคุณย่าหยางกลับไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย มักจะไปตลาดเพื่อไปซื้อของทุกวัน โชคดีที่บ้านใหญ่โตมากพอ มิฉะนั้นคงไม่มีที่วางของแน่

เฮ่อเหลียนเช่อและหานเหมยเองก็มาแล้ว พวกเขาต้องการรับเสี่ยวเป่าไปร่วมฉลองตรุษจีนเป็นเพื่อนแม่ของเหมยซูหานที่เมืองจิน

“ฉันขอคุณแม่เหมยเป็นแม่บุญธรรม จากนี้ฉันดูแลแม่ต่อไปได้แล้ว!” ยามหานเหมยระบายยิ้มดูมีท่าทีสงบนิ่งและมีความคิดความอ่านมากขึ้นไม่เหมือนคนที่เพิ่งอายุ 15 ปีเลยสักนิด!

เหมยเหมยเองก็ดีใจแทนเจ้าตัวเช่นกัน ถึงแม้เสี่ยวเป่าจะไปแล้วทำเอาเธออาลัยอาวรณ์ก็ตามเถอะ

หานเหมยและเฮ่อเหลียนเช่อก็เตร็ดเตร่อยู่ในเมืองหลวงอีกหนึ่งวัน พอวันต่อมาก็พาเสี่ยวเป่ากลับเมืองจิน เล่อเล่อเองก็งอแงเพราะเรื่องนี้อยู่ครึ่งค่อนวันจนเกือบจะตามเสี่ยวเป่าไปด้วยแล้ว!

โชคดีที่เด็กลืมง่าย พอผ่านไปไม่นานก็หลงลืมไปแล้ว อีกอย่างตอนนี้สามารถใช้สื่อโซเชียลติดต่อกันได้ เล่อเล่อเลยวีดีโอคอลคุยกับเสี่ยวเป่าได้อย่างมีความสุข

ใกล้ถึงวันปีใหม่เข้าไปทุกที ที่บ้านมีคุณย่าหยางคอยจัดการดูแลทำให้เหมยเหมยมีเวลาว่างเหลือเฟือ ฉีฉีเก๋อเองก็จะพาเป่ารื่อน่ากลับไปฉลองตรุษจีนที่ทุ่งหญ้า ขับรถไปในวันที่ 30 ก็ยังทันเลยทำให้พวกเขาว่างเหมือนกัน

แต่กลับกลายเป็นว่าเหรินเชี่ยนเชี่ยนยุ่งจนหัวหมุน เพราะว่าพ่อแม่และน้องสาวของอิงจวี้กังต่างมาฉลองกันที่เมืองหลวง ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนก็เริ่มวุ่น ๆกันแล้ว

“หลังปีใหม่พ่อแม่สามีเธอจะกลับบ้านเกิดอีกไหม?” เหมยเหมยถามอย่างห่วงใย

“กลับสิ หลังวันหยวนเซียว[3] บ้านเกิดยังมีที่ให้ดูแลอยู่นะ!” เหรินเชี่ยนเชี่ยนตอบด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาสีดำขลับนั้นดูอ่อนล้าเล็กน้อย

ช่วงสิ้นปีถือเป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดของบริษัท เหรินเชี่ยนเชี่ยนเองก็ยุ่งจนหัวหมุนไม่เหนื่อยก็แปลกแล้ว!

“อย่างนั้นก็ดี ทางที่ดีอย่าอยู่ร่วมชายคากับพ่อแม่สามีเลย อึดอัด”

เหมยเหมยผ่อนลมหายใจ

ใช่ว่าแม่สามีทุกคนจะใจกว้างเสมอไปแต่ต่อให้ใจกว้างขนาดไหน พออยู่ด้วยกันขึ้นมาก็ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่ดี ขนาดกับแม่แท้ ๆยังมีปากเสียงกันเลย นับประสาอะไรกับแม่สามีที่เป็นเหมือนคนแปลกหน้าล่ะ?

กับแม่แท้ ๆยังพอทะเลาะกันอย่างเปิดเผยได้ พอเถียงกันเสร็จก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับแม่สามีจะทำแบบนั้นได้เหรอ?

หลังจากทะเลาะกันเสร็จไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็จริง แต่เห็นทีคงต้องบอกลาสามีแทน!

ใกล้ถึงวันสิ้นปีเข้าไปทุกที เหลือแค่วันเดียวเท่านั้น ทางฉีฉีเก๋อเองก็เตรียมตัวจะกลับทุ่งหญ้าแล้ว รอเปิดเทอมถึงจะกลับมา เหมยเหมยอยากจะเจอเพื่อนสนิทจึงโทรหาเหรินเชี่ยนเชี่ยนเรียกให้เจ้าตัวออกมากินข้าวด้วยกัน

ตอนนี้บริษัทปิดแล้ว เหรินเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว

คงจะ…มีเวลาว่างแหละ

โทรศัพท์ดังอยู่นานแต่กลับไม่มีใครรับสาย เหมยเหมยโทรหาเพื่อนซ้ำอีกครั้ง คราวนี้รับสายแต่น้ำเสียงของเหรินเชี่ยนเชี่ยนกลับแปลกไปเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ เหมยเหมยใจเต้นระรัวก่อนจะเอ่ยปากถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร แค่เป็นหวัดนิดหน่อย เพิ่งกินยาไป” เหรินเชี่ยนเชี่ยนสูดลมหายใจเข้าเอ่ยเสียงอู้อี้ ฟังอย่างไรก็ไม่เหมือนคนเป็นหวัดสักนิด

เหมยเหมยจึงสงสัยขึ้นมา พอรู้ว่าเหรินเชี่ยนเชี่ยนอยู่บ้านก็วางสายแล้วพูดกับฉีฉีเก๋อว่า “ฉันจะไปบ้านเชี่ยนเชี่ยน เธอดูแปลก ๆ”

“งั้นฉันไปด้วย ฝากเป่ารื่อน่าไว้ที่บ้านเธอแล้วกัน!”

ฉีฉีเก๋อเองก็เริ่มร้อนใจจึงบอกลูกสาวให้เล่นกับเล่อเล่อก่อนจะขับรถไปที่บ้านเหรินเชี่ยนเชี่ยน เหรินเชี่ยนเชี่ยนเองก็มีบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเหมยเหมยเช่นกัน เพียงแต่ยังตกแต่งภายในไม่เสร็จเลยอยู่บ้านเดิมไปก่อน

เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อมาถึงอย่างรวดเร็ว ตอนตั้งท่าจะกดกริ่งประตูนั้น จู่ ๆประตูก็เปิดออก แล้วเหรินเชี่ยนเชี่ยนก็โผล่พรวดออกมาประจันหน้ากับพวกหล่อนพอดี เหมยเหมยเห็นทุกอย่างเต็มตา บนใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำตาเห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา

“เป็นอะไรไป? จะตรุษจีนอยู่แล้ว มีปัญหาอะไรกัน” เหมยเหมยจงใจเอ่ย

เหรินเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังเศร้าอย่างหนัก พอเห็นเพื่อนสนิทน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “อยู่ด้วยกันต่อไม่ได้แล้ว จะหย่า… วันนี้ที่เขตยังทำงานอยู่ไหม?”

……………………………………………………

[1] ตรุษจีน คือ วัน 1 ค่ำเดือนอ้าย คนจีนจะถือเป็นปีใหม่

[2] (年货) เหนียนฮั่ว หรือของที่ต้องใช้ในวันปีใหม่ตามธรรมเนียมของจีน เช่นกระดาษแดง (春联 : ชุนเหลียน) ,อั่งเปา (压岁钱 : ยาซุ่ยเฉียน) ,ขนมเข่ง (甜粿 : เถียนกั่ว) เป็นต้น

[3] เทศกาลหยวนเซียว หรือ เทศกาลโคมไฟ ถือเป็นหนึ่งในประเพณีสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีนโดยจะจัดในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 1 ตามปฏิทินจีน

Related

ตอนที่ 2659 ลูกคนที่สอง

ร้านกาแฟเพิ่งเปิดใหม่รสชาติธรรมดามากแต่เค้กร้านนี้รสชาติดีไม่หยอก เหมยเหมยมาทุกครั้งก็จะสั่งเค้กก้อนใหญ่พร้อมกาแฟมานั่งวาดรูปเพื่อฆ่าเวลาตลอดทั้งบ่ายไปกับเรื่องนี้ที่มีความสุขแบบนี้

ฉีฉีเก๋อตกหลุมรักเค้กที่นี่ไปอีกคนเพราะคำแนะนำจากเหมยเหมย จึงมานั่งเล่นที่ร้านเป็นระยะ ๆ

“ฉันต้องทานเค้กอีกชิ้น อร่อยมาก”

ฉีฉีเก๋อเขมือบเค้กชาเขียวหมดหนึ่งชิ้นไวดั่งสายลมก่อนจะสั่งไปอีกชิ้นแล้วเริ่มอ้าปากทานคำโต ชิ้นของเหมยเหมยยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งซึ่งเธอค่อย ๆทานไป

“เธอทานน้อยหน่อย ระวังอ้วน!” เหมยเหมยเตือน

พวกเธอเป็นผู้หญิงที่ผ่านการคลอดลูกมาแล้ว หากไม่ระวังตัวก็จะเกิดไขมันสะสมเลยไม่กล้าทานตามใจปากอย่างวัยสาว ๆอีก

ฉีฉีเก๋อกลืนเค้กคำโตลงท้องไปอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่กลัว ฉันวิ่งทุกวันแถมไปออกกำลังกายที่ยิมด้วย ทานเยอะหน่อยไม่เป็นไรหรอก!”

ฉีฉีเก๋อที่กลับมาโสดดูมีชีวิตชีวากว่าหญิงแก่หน้าหมองคนเก่าอยู่มากโข บุคลิกเจ้าตัวก็ดูมั่นใจและสวยขึ้นเรื่อย ๆเปลี่ยนไปจากเดิมมาก

“ใช่แล้ว เหมยเหมยเมื่อไหร่เธอจะมีลูกที่สองล่ะ? เล่อเล่อใกล้จะสี่ขวบแล้วนะ ถ้าเธอยังอยากมีคนที่สองก็รีบ ๆเข้าล่ะ” ฉีฉีเก๋อถาม

เหมยเหมยใจกระตุก ลูกคนสองหรือ…เริ่มคิดได้แล้วจริง ๆด้วยสินะ!

“สามีฉันไม่อยากมี เขาบอกว่ามีเล่อเล่อก็พอแล้ว!” เหมยเหมยมุ่นคิ้ว

เหยียนหมิงซุ่นพูดมาตลอดว่าไม่ต้องมีแล้ว เฮ่อเหลียนชิงเองก็เร่งเร้าอยู่ทุกปีแต่เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นหูทวนลม ควรทำอะไรก็ทำไปแต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมมีลูกอีก เฮ่อเหลียนชิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ได้แต่โมโหสะบัดตูดไปพักร้อนทางตอนใต้ ถือคติว่าไม่เห็นเลยจะดีกว่า

“มีได้ทำไมถึงไม่มีล่ะ ไม่ว่าจะคลอดออกมาเป็นเพศไหนก็ถือว่าให้เป็นเพื่อนเล่อเล่อก็ยังดี หรือว่าเธอจะลองทำก่อนค่อยบอกทีหลังล่ะ? ท้องแล้วเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ให้ทำแท้งหรอกมั้ง!” ฉีฉีเก๋อเสนอความเห็น เหมยเหมยตาเป็นประกายทันทีเพราะเธอเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน

จะว่าไปตอนเล่อเล่อก็ท้องแบบนี้เหมือนกันนี่นา!

วิธีเก่าก็ไม่เลวแค่ได้ผลก็พอ!

ทั้งคู่ทานเค้กจนหมดก้อนดื่มกาแฟหมดแก้วก็เช็ดปากก่อนจะไปรับลูกที่โรงเรียนด้วยกัน เป่ารื่อน่าอยู่กับเล่อเล่อมาหลายวันซึ่งก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจน ใจกล้าขึ้นไม่น้อยไม่ได้ขี้กลัวเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป ฉีฉีเก๋อปลื้มใจอย่างมาก

เมื่อแยกทางกับสองแม่ลูกฉีฉีเก๋อ เหมยเหมยก็จูงมือเด็ก ๆคนละข้างกลับบ้าน

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ มีน้องชายหรือน้องสาวอีกคนดีไหม?” เหมยเหมยอดถามความเห็นของเด็ก ๆไม่ได้

“ดีครับ…ผมเป็นพี่ใหญ่นะ!” เสี่ยวเป่ายิ้มอ่อนโยน ไม่ว่าจะน้องชายหรือน้องสาวเขาก็เป็นพี่ชายอยู่ดี เยี่ยมไปเลย!

“มีน้องสาวแล้วเอาน้องชายสิ!” เล่อเล่อตะโกนบอก เธอมีน้องสาวอย่างเป่ารื่อน่าแล้ว ไม่อยากได้น้องสาวแล้วแต่มีน้องชายได้

เหมยเหมยหยิกแก้มอูมของลูกสาวด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ย “งั้นลูกก็อธิษฐานสิ อธิษฐานให้แม่ของลูกท้องสำเร็จ จะได้มีน้องชายให้ลูกอีกคนไง!”

เธอลูบหน้าท้องไปมาแล้วคำนวณรอบเดือนของตัวเองในใจ เหมือนใกล้จะถึงช่วงไข่ตกแล้ว…คืนนี้ลองยั่วสักหน่อยดีไหมนะ?

อย่างแรกต้องทำการบางอย่างกับถุงยางทั้งหมดในบ้านก่อน…

เมื่อถึงเวลามื้อเย็นคุณย่าหยางก็เริ่มพูดเร่งให้มีลูกอีกคนอย่างทุกวันอีกครั้ง ตั้งแต่รู้ว่าเหมยเหมยเป็นชนกลุ่มน้อยคุณย่าก็เร่งเร้าหลานชายคนโตอยู่บ่อย ๆ

“มีเล่อเล่อก็พอแล้ว ถ้าคุณย่ามีแรงเหลือก็ไปคิดเรื่องหมิงต๋าดีกว่า จนตอนนี้หมิงต๋ายังโสดอยู่เลย!”

เหยียนหมิงซุ่นโยนปัญหาไปให้น้องชายอย่างไม่ลังเลใจด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

เล่อเล่อคนเดียวก็เทียบเท่าลูกชายสิบกว่าคน ไม่มีความจำเป็นต้องมีอีกคนเลย!

คุณย่าหยางรู้สึกอัดอั้นใจนัก หลานชายคนเล็กวัน ๆเอาแต่วิ่งทำงานวุ่นจนไม่เห็นเงา แม้แต่โทรศัพท์ยังโทรไม่ติด เธอเองก็ต้องเจอเจ้าตัวถึงจะแนะนำคู่ดูตัวได้นี่นา ส่วนทางหลานชายคนโตก็ไม่ยอมมีเหลนอีกคนให้เธอ แต่ละคนทำเอาเธอโมโหแทบตาย!

“ฉันไม่สนใจพวกเธอแล้ว อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!” คุณย่าหยางนั่งโมโหคนเดียว เหยียนหมิงซุ่นกลับทานข้าวต่อด้วยท่าทีเฉยเมย คุณย่าอายุมากแล้วควรจะให้เลือดในร่างกายสูบฉีดบ้าง ดีจะตายไป

เหมยเหมยกลอกลูกตาแล้วตักน้ำซุปให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างขยันขันแข็ง พร้อมอมยิ้มให้น้อย ๆ…

…………………..

ตอนที่ 2660 เอาชนะด้วยสติปัญญาและความกล้า

หลังมื้อเย็นเหยียนหมิงซุ่นก็ไปสะสางงานที่ห้องหนังสือตามปกติ ส่วนเหมยเหมยก็อยู่ช่วยเก็บกวาดห้องครัว พอกล่อมทูนหัวทั้งสองนอนหลับเสร็จสรรพแล้วถึงกลับไปแช่น้ำมันกุหลาบหอมฉุย ให้ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าอาบไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่แสนเย้ายวน…

จะว่าไปเหมยเหมยไม่ได้แต่งตัวดี ๆมาสักพักใหญ่แล้ว ชุดที่สวมใส่ออกบ้านทุกวันยังคร้านจะคิดหยิบจับอะไรได้ก็ใส่มันตามนั้น ยังดีที่หน้าตาดีหุ่นดีใส่อะไรก็ยังดูสวย

เดิมทีเหมยเหมยค่อนข้างมีความสุขกับสภาวะเช่นนี้ที่แม้จะไม่พิถีพิถันนักแต่สบายใจดี พอวันนี้พูดถึงเรื่องลูกคนที่สองเหมยเหมยถึงค้นพบว่า…ที่แท้เธอเข้าสู่ชีวิตวัยทองหลังเกษียณก่อนล่วงหน้าแล้ว!

ตอนนี้วงจรชีวิตเธอหลังมื้อเช้าทุกวันก็ไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วกลับมางีบอีกสักหน่อย พอทานมื้อเที่ยงเสร็จก็หาร้านกาแฟหรือสวนสาธารณะเพื่อวาดรูป บางทีก็อาจนัดพูดคุยกับเพื่อน ๆ พอถึงเวลาก็ไปรับลูกที่โรงเรียนหลังเลิกเรียน…

จากนั้นก็ทานมื้อเย็น…อาบน้ำเข้านอน…แน่นอนว่าเรื่องบนเตียงของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็ยังเข้ากันได้ดี เพราะเหยียนหมิงซุ่นไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายและเหนื่อยกับเรื่องนี้มาโดยตลอด

แต่ชีวิตจำเจที่วนเวียนไปมาอยู่สองที่แบบนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนชีวิตหลังเกษียณของคนสูงวัย เหมยเหมยชักเริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว…เธออายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่มีความกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้นะ?

ไม่ได้การ เธอต้องสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเองบ้าง!

มีลูกคนที่สองแล้วกัน!

เริ่มต้นสงครามที่ต้องเอาชนะด้วยสติปัญญาและความกล้าต่อไป!

เหมยเหมยให้กำลังใจตัวเองแล้วค้นตู้หาชุดนอนลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ที่ถูกพับอยู่ล่างสุดออกมา เธอมีประสบการณ์มาแล้ว ทุกครั้งที่สวมชุดนอนแบบนี้เหยียนหมิงซุ่นต้องกลายร่างเป็นสัตว์ป่าทุกที…

ไม่มีพลาดแน่!

จากนั้นค่อยแต่งหน้าเสริมความเย้ายวนให้ตัวเองอีกหน่อย เหมยเหมยขยิบตาให้ตนที่ดูยั่วยวนในกระจก…แล้วก็หยิบเอาอาวุธสุดท้ายขึ้นมา–เทียนหอมปลุกอารมณ์

เธอสั่งซื้อมาจากทางเน็ตซึ่งได้ยินมาว่าช่วยกระตุ้นฮอร์โมนชายหญิงได้อย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ชายยังหนุ่มยังแน่นต้องได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์

จุดเทียนปลุกอารมณ์เสร็จเหมยเหมยก็สูดจมูกดมฟุดฟิด กลิ่นหอมใช้ได้ เธอวางเทียนหอมไว้ตรงมุมห้องแล้วยิ้มอย่างได้ใจ

ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่รอเหยียนหมิงซุ่นกลับมา!

เหมยเหมยซุกเข้าที่นอนแล้วรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ…กระทั่งเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยดังขึ้นจากข้างนอกเหมยเหมยก็เริ่มใจเต้นรัว เป็นสามีภรรยากันมานานนมแต่เธอกลับตื่นเต้นและตั้งตาคอยราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้มเสียได้…ตื่นเต้นจัง!

เหยียนหมิงซุ่นเปิดประตูเข้ามาด้วยเสียงเบาหวิว ปกติเวลานี้เหมยเหมยเข้านอนแล้วเลยกลัวว่าจะเสียงดังจนทำให้เหมยเหมยตื่น เขาอาบน้ำเสร็จถึงกลับเข้ามาแต่เพิ่งเปิดประตูก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ

ไหนจะบรรยากาศในห้องที่ดูผิดแปลกไปจากเดิม

ภรรยาที่ปกติเข้านอนแล้ว…ตอนนี้กลับนอนคว่ำตัวอยู่บนเตียงสวมกระโปรงชุดนอนตัวบางที่เขาชอบที่สุด เผยให้เห็นทรวดทรงแสนเย้ายวนใจแล้วยิ้มให้เขาอย่างน่าหลงใหล ดวงหน้าเล็กแดงระเรื่อ

เหมยเหมยในตอนนี้ถูกเทียนหอมปลุกอารมณ์กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเลยรู้สึกลำคอแห้งผาก ใบหน้าหยาดเยิ้ม…หวังเพียงเหยียนหมิงซุ่นรีบ ๆกระโจนใส่เธอสักที…

เหยียนหมิงซุ่นกลืนน้ำลายอึกใหญ่รู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะพุ่ง…เพราะไม่ได้รับสวัสดิการดี ๆแบบนี้มาตั้งนานแล้ว!

หรือว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานหรือ?

ไม่สิ วันครบรอบแต่งงานผ่านไปตั้งนานแล้ว หนำซ้ำเหมยเหมยก็ไม่ได้มอบสวัสดิการดี ๆเช่นนี้แก่เขาด้วย

“พี่…ร้อนเหลือเกิน…” เหมยเหมยเรียกขานด้วยเสียงออดอ้อนที่ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นรู้สึกลำคอแห้งผากมากกว่าเดิม แต่หนังศีรษะชาวาบหนักเข้าไปอีก

จากประสบการณ์บอกเขาไว้ทุกครั้งว่าถ้าเหมยเหมยเป็นฝ่ายมอบสวัสดิการให้เอง…ปกติจะไม่มีเรื่องดี ๆนักหรอก!

แต่ไม่ว่าอย่างไร…สิ่งที่ควรกินก็ต้องกินต่อไป จะปล่อยไปเฉย ๆโดยไม่ทำอะไรสักอย่างไม่ได้!

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มมุมปากพลางกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็ว…

ถึงช่วงเวลาสำคัญที่เหมยเหมยหยิบเอาถุงยางผ่านกระบวนการพิเศษที่เธอใช้เวลาทั้งบ่ายในการทำออกมาจากลิ้นชักอย่างรู้หน้าที่ มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างคาดหวัง…แต่แล้ว…เหยียนหมิงซุ่นกลับล้วงถุงยางมาจากลิ้นชักหัวเตียงอีกฟาก…

เหมยเหมยใจหายวาบ ทำไมลิ้นชักนั่นถึงมีอีกล่ะ?

วันนี้ทุกอย่างเสียเปล่าเลย!

………………

Related

ตอนที่ 2657 เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ดูแปลกไป

“เปล่า…เรื่องของฉันพวกเธอก็รู้กันดีอยู่ นอกจากเรื่องบนเตียง…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดล้อเล่นหน้าระรื่น

ฉีฉีเก๋อเขินจนหน้าแดงแต่เหมยเหมยกลับสงสัยมากกว่าเดิม เธอพลอยรู้สึกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องมีเรื่องปิดบังพวกเธออย่างแน่นอน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูท่าทางไม่อยากสนทนาเรื่องลูกต่อเลยเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูสีหน้าไม่ดีนัก ไม่ได้พูดจ้อเท่าเมื่อก่อนและพูดน้อยลงมาก ไม่นานก็อ้างว่ามีธุระที่บริษัทก่อนจะขอตัวกลับก่อน

เครื่องประดับทองคำเหล่านั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอากลับไปทั้งหมด แต่ท่าทีของเธอกลับดูแปลกไป

“เชี่ยนเชี่ยนมีเรื่องให้คิดมากหรือเปล่า? ฉันดูท่าทางเธอไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่” คนซื่ออย่างฉีฉีเก๋อยังดูออก

เหมยเหมยยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนสงสัย “ฉันก็คิดว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีเรื่องปิดบังเรา หรือว่าเธอกับอิงจวี้กังทะเลาะกัน ฉันจะลองโทรไปถามดู”

ก่อนหน้านี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังดูมีความสุขอยู่เลยแต่พอพูดถึงเรื่องลูกก็ดูซึมลงไปทันที ไม่แน่อาจจะทะเลาะกับอิงจวี้กังเลยจงใจบอกว่าไม่อยากมีลูกแน่ ๆ!

ไม่นานอิงจวี้กังก็กดรับสายซึ่งเหมยเหมยก็เอ่ยถามไปตามตรง “เชี่ยนเชี่ยนบอกว่าพวกเธอจะเป็นชาวดิ๊งส์ทั้งคู่คือเรื่องจริงเหรอ?”

“ใช่…เลี้ยงลูกต้องทุ่มเทมากเกินไป ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้เลยทั้งคู่ เป็นชาวดิ๊งส์คงจะเหมาะกว่า!” อิงจวี้กังชะงักแล้วก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นคำตอบเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่มีผิด

แต่เหมยเหมยยังรู้สึกแปลกอยู่ดี รู้สึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เคยเตี๊ยมคำตอบกันมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“นายกับเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้มีอะไรกันใช่ไหม? ทะเลาะกันหรือเปล่า?”

“เปล่า…จะเป็นงั้นไปได้ยังไง เรารักกันดีแต่เราไม่อยากมีลูกกันจริง ๆ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้เชี่ยนเชี่ยนเหนื่อยเกินไป อยู่กันสองคนก็ดีออก!” อิงจวี้กังหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งช่วยลบล้างความสงสัยของเหมยเหมยไปได้บ้าง บางทีเธออาจจะคิดมากไปก็ได้!

“แล้วพ่อแม่นายจะทำยังไง? พวกท่านอนุญาตเหรอ?” เหมยเหมยถามอีก

อิงจวี้กังเงียบไปอึดใจหนึ่งก็ตอบกลับมา “ฉันจะเกลี้ยกล่อมพวกท่านเอง”

เหมยเหมยกดวางสายด้วยความสงสัยที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม พ่อแม่อิงจวี้กังไม่มีทางอนุญาตให้เป็นชาวดิ๊งส์แน่ ถ้าคิดจะเกลี้ยกล่อมพวกเขาคงไม่ง่ายไปกว่าการเลี้ยงลูกเท่าไรเลย

อิงจวี้กังกลับเลือกเป็นชาวดิ๊งส์ นี่มันน่าสงสัยจริง ๆ!

ปกติก็ไม่เห็นว่าคู่นี้จะเกาะตามกระแสขนาดนี้นี่นา!

“เธออย่ากังวลไปเลย ไว้วันไหนฉันจะลองโน้มน้าวเชี่ยนเชี่ยนอีกที จะเป็นชาวดิ๊งส์ไม่ได้เด็ดขาด แบบนี้สู้ไม่แต่งงานยังจะดีกว่า!” ฉีฉีเก๋อคัดค้านการเป็นชาวดิ๊งส์อย่างหนักแน่น หมายมั่นว่าจะเกลี้ยกล่อมเพื่อนให้สำเร็จ

แต่…เธอประเมินความรั้นของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่ำเกินไป!

เพราะให้ตายก็ไม่ยอมมีลูก!

“พวกเธอไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมฉันอีกแล้ว…อย่างไรเสียฉันก็ไม่มีวันคลอดลูกเด็ดขาด ถ้าไม่ได้จริง ๆก็ค่อยรับเด็กกำพร้าสักแปดหรือสิบคนกลับมาเลี้ยง ยังดีกว่าคลอดเองหนึ่งคนร้อยเท่า!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มโมโหเลยโพล่งออกไปตรง ๆว่าจะไม่มีลูก

“ในเมื่อเธอยอมรับเด็กมาเลี้ยงได้ทำไมถึงไม่มีเองล่ะ?” เหมยเหมยคิดว่านังเพื่อนคนนี้พูดจาย้อนแย้งแปลก ๆ ลูกคนอื่นยังรับมาเลี้ยงได้แล้วคลอดเองคนหนึ่งไว้เลี้ยงไม่ดีกว่าหรือ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะงักไปสักพักถึงรู้ตัวว่าตัวเองพลั้งปากพูดผิดไปเลยถูกเพื่อนจับพิรุธได้ เธอฝืนยิ้มแล้วพูดแก้ตัว “ฉันกลัวเจ็บนี่นา…คลอดลูกเจ็บจะตาย แถมมีไขมันเพิ่มขึ้นมาอีก ฉันอ้วนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถ้าอ้วนกว่านี้อีกฉันคงไม่ไหวแน่!”

“เชี่ยนเชี่ยนเธอพูดความจริงกับเรามา เราเป็นเพื่อนสนิทเธอนะ ถ้าเธอมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเลย ไม่แน่เราอาจจะช่วยอะไรได้ เธออย่าเก็บไว้คนเดียวสิ!”

เหมยเหมยพอจะมั่นใจได้แล้วว่ายายคนนี้มีเรื่องปิดบังพวกเธออยู่ ยิ้มฝืนใจขนาดนั้นแม้แต่คนโง่ยังดูออกเลย

………………………..

ตอนที่ 2658 อาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉีกยิ้มอย่างเกินจริง “ฉันจะเป็นอะไรไปได้ยังไง ไขมันหลายสิบโลกองอยู่ตรงนี้ มีชีวิตอิ่มเอมดี…กินได้ดื่มได้นอนหลับสบาย ไม่ขาดเงินใช้อีกต่างหาก…ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว โอ้ย…ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานที่บริษัทอีกแหนะ…ฉันต้องกลับไปแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ!”

เธอรีบเก็บกล่องเครื่องประดับอย่างลุกลี้ลุกลนและไม่คิดจะยัดใส่กระเป๋าแต่เลือกที่จะหอบไปทั้งอย่างนี้ แล้วรีบจากไปอย่างรีบร้อน

“ฉีฉีเก๋อ ช่วยขอบคุณพ่อเธอแทนฉันด้วยนะ ไว้ฉันจะไปขอบคุณด้วยตัวเองพรุ่งนี้ล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยุดฝีเท้าอีกครั้งเมื่อเดินถึงประตู เธอหันกลับมาตะโกนบอกฉีฉีเก๋อแล้วรีบพุ่งตัวออกไป แต่ประตูร้านกาแฟเป็นกระจกใสยัยคนนี้ก็ไม่ทันดูตาม้าตาเรือให้ดีเลยเดินชนเข้าอย่างจัง

“โอ๊ย…ดีนะที่จมูกฉันไม่ได้ศัลยกรรมมา…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชนจนหน้าบี้ เจ็บจนน้ำตาไหลพราก นวดคลึงจมูกแล้วเดินออกไปพร้อมคำด่าทอ

เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อมองหน้ากันและกันแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ แต่ภายในใจยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ดูท่าทีของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เดาได้ว่าต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอน!

“เธอว่า…เพราะอันนั้นของเชี่ยนเชี่ยนหรืออิงจวี้กังมีปัญหาหรือเปล่า?” ฉีฉีเก๋อถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอโน้มตัวไปกระซิบถามข้างหูเหมยเหมยเสียงเบา

เหมยเหมยสะดุ้งแต่คิด ๆแล้วก็มีความเป็นไปได้ สามีภรรยาที่พร่ำพูดว่าจะเป็นชาวดิ๊งส์มากมายความจริงเพราะมีเหตุผลอื่นถึงจำต้องเลือกเป็นชาวดิ๊งส์ บางทีสองสามีภรรยาคู่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้มั้ง?

“ถ้ามีปัญหาจริง ๆต้องเป็นเพราะอิงจวี้กังแน่นอน เชี่ยนเชี่ยนแข็งแรงอย่างกับวัว มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีลูกง่าย!” เหมยเหมยโยนความผิดไปให้อิงจวี้กังโดยไม่ต้องคิด

ฉีฉีเก๋อก็หยักหน้าอย่างหนักแน่น “แหงอยู่แล้ว เชี่ยนเชี่ยนอาจจะเห็นแก่อิงจวี้กังถึงได้บอกกับใคร ๆว่าไม่อยากมีลูกแน่ อีกอย่าง…”

ฉีฉีเก๋อไม่ได้พูดต่อแต่เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเธอ

สังคมชายเป็นใหญ่อย่างประเทศจีน แม้จะรณรงค์เรื่องสิทธิเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายกับหญิง แต่ท้ายที่สุดผู้หญิงก็ยังตกเป็นรอง โดยเฉพาะในเรื่องชีวิตการแต่งงานที่ผู้หญิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า ไม่ว่าจะในฐานะภรรยาหรือแม่ของลูก ผู้ที่ต้องเสียสละมักเป็นผู้หญิงเสมอ

สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนที่สุดก็คือเรื่องมีลูก ผู้ชายป่วยมีลูกไม่ได้ ชีวิตคู่โดยทั่วไปก็ไม่มีปัญหาอะไร มีวิธีแก้ไขมากมายให้เลือกว่าจะเป็นชาวดิ๊งส์หรือรับเด็กมาเลี้ยงก็ได้ ผู้หญิงเองก็ช่างประนีประนอม

แต่–

ถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายมีปัญหา…ต้องเป็นเรื่องใหญ่ พ่อแม่ฝ่ายชายที่เป็นคนหัวสมัยใหม่ก็มีอยู่บ้างแต่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย โอกาสยังน้อยกว่าถูกหวยเสียอีก พ่อแม่สามีที่สามารถรอลูกสะใภ้รักษาอาการป่วยสักสามถึงห้าปีก็ถือว่าเป็นคนหัวสมัยใหม่มากพอแล้ว

รักษาหายยังพอคุยกันได้ ถ้ารักษาไม่หาย…ก็เหลือหนทางเดียว ไม่หย่าก็ต้องยอมให้สามีมีเมียน้อย เหตุผลง่ายมาก….ใครให้เธอไม่มีปัญญาท้องกันล่ะ!

เหตุผลนี้ไปคุยกับใครก็ดูสมเหตุสมผลสุดแล้ว!

ฉะนั้น…ในประเทศจีนถ้าผู้หญิงมีลูกไม่ได้ ต่อให้ผู้ชายจะรักคุณมากเพียงใดก็ต้านทานแรงกดดันของบรรดาพ่อแม่สามีรวมถึงญาติมิตรไม่ได้หรอก

ผลสุดท้ายส่วนมากก็จบลงด้วยการหย่าร้าง!

กระทั่งตอนนี้อิงจวี้กังกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยังเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันดี พ่อแม่ตระกูลอิงก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ฉะนั้นถ้ามีปัญหาจริง ๆ น่าจะเป็นฝ่ายอิงจวี้กังมากกว่า!

ในเมื่อเกี่ยวพันถึงเรื่องส่วนตัวเหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อก็ไม่สะดวกที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งอีก แต่ก็เสียดายแทนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน คนที่ชื่นชอบเด็กมากขนาดนั้นกลับไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้…

“การแพทย์ตอนนี้ทันสมัยจะตาย เชี่ยนเชี่ยนยังสาวอยู่ ต้องมีทางช่วยแน่ ๆ ถ้าไม่ได้จริง ๆก็ลองไปทำเด็กในหลอดแก้วที่ต่างประเทศสิ!” เหมยเหมยทำท่ามั่นอกมั่นใจมาก

ขอเพียงมีเงินเรื่องสเปิร์มไม่ใช่ปัญหา ของไอสไตน์ยังหามาได้เลย!

……………

Related

ตอนที่ 2655 ไม่น่าเห็นใจ

เหมยเหมยเล่าเรื่องเจินหวานหว่านให้ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟัง ทุกคนอดตกใจไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเจินหวานหว่านจะตกอับถึงขั้นไปเป็นหญิงโสเภณี

ทั้งยังเป็นประเภทชั้นต่ำที่สุดด้วย!

“นี่แหละที่เรียกว่าทำตัวเอง อายุยังน้อยไม่คิดจะทำงานหาเงินดี ๆมัวแต่อยากรวยทางลัด บนโลกนี้มีของฟรีซะที่ไหน!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เห็นใจเลยสักนิด

ผู้หญิงที่น่าแค้นใจที่สุดก็คือผู้หญิงประเภทที่ไม่รู้จักอายแบบนี้ อาศัยความสาวความสวยยั่วยวนชายที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แถมยังทำตัวเหิมเกริมยิ่งกว่าเมียหลวง เหอะ…ผู้หญิงคนไหนไม่เคยผ่านวัยสาวกันมาบ้าง?

ทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่อ่อนเยาว์และแก่ตัวในสักวัน วันหนึ่งสิ่งชั่วร้ายที่เคยทำไว้กับคนอื่นจะกลับมาเป็นกรรมตามสนอง เจินหวานหว่านก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด ตอนนี้มีชีวิตแย่ยิ่งกว่าหมาตัวเมียเสียอีก!

“จะว่าไปแล้วเจินหวานหว่านยังไม่ทันอยู่เดือนเลยสินะ? เร็วขนาดนี้…เธอไม่กลัวตายเหรอ?” ฉีฉีเก๋อทำหน้าพูดไม่ออก ในฐานะผู้หญิงด้วยกันเธอเกลียดเจินหวานหว่านที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ลงจริง ๆแถมยังรู้สึกสงสารอีกต่างหาก

แต่เธอไม่กล้าพูดออกมา กลัวเพื่อนจะด่าเธอว่าใจดีเรี่ยราด!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่ทีหนึ่ง “เธอจะไปสนทำไมว่าหล่อนอยู่ได้ไหม? คนแพศยาแบบนี้ต่อให้น่าสงสารแค่ไหนก็ไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด เธออย่าเห็นว่าตอนนี้หล่อนน่าสงสารสิ คนแบบนี้แวบเดียวก็กลับมาเป็นนังงูพิษได้อีกอยู่ดี!”

“ฉีฉีเก๋อเธอขี้ใจอ่อนเกินไป อนาคตต้องแก้ตรงนี้ ไม่งั้นเธอต้องโดนเอาเปรียบอีกแน่ ๆ” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อมอีกคน

ตอนแรกที่เป็นเพื่อนกับฉีฉีเก๋อก็เพราะความตรงไปตรงมาและความใจดีของหญิงสาวคนนี้ แต่ตอนนี้จุดเด่นสองอย่างนี้กลับกลายเป็นจุดบอดของฉีฉีเก๋อ ไม่ทันระวังตัวหน่อยก็จะตกเป็นฝ่ายถูกทำร้ายแทน!

ไม่ใช่ว่าสังคมนี้ไม่ต้องการความใจดี แต่ตอนเธอจะใจดีกับใครต้องเลือกเป้าหมายด้วย…มีคนบางส่วนไม่มีค่าพอให้เธอใจดีด้วยหรอกนะ!

“อื้ม…ฉันจะปรับปรุงตัว พวกเธอช่วยคุมฉันด้วยนะ!” ฉีฉีเก๋อก็สังเกตถึงข้อเสียของตัวเองเช่นกันเลยตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัว หลังจากนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วแต่เป็นคุณแม่ที่เลี้ยงดูลูกสาวอีกคน เธอต้องปกป้องลูกสาวและเป็นที่พึ่งที่อบอุ่นที่สุดแก่ลูก!

“เอ้อ เธอให้เป่ารื่อน่าไปเรียนอนุบาลด้วยกันกับเล่อเล่อเลยสิ ฉันว่าเป่ารื่อน่าขี้กลัวไปหน่อย ต้องฝึกความกล้าหาญไว้ให้เล่อเล่อสอน ไม่กี่วันก็จะใจกล้ามากขึ้นแล้ว” เหมยเหมยยื่นข้อเสนอ

ต่อจากนี้สังคมมีแต่จะตั้งเงื่อนไขต่อผู้หญิงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้หญิงไม่เพียงแต่จะพึ่งพาตัวเองได้แต่ยังต้องร่าเริงใจกว้าง เข้มแข็งกว่าผู้ชายและอึดกว่าผู้ชายด้วย…

หญิงสาวขี้อายขี้ขลาดต้องเสียเปรียบแน่ ๆ เป่ารื่อน่าต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเอง

“ได้สิ…แค่เป่ารื่อน่าของฉันใจกล้าได้ครึ่งหนึ่งของเล่อเล่อก็พอ อีกสองวันฉันจะพาเป่ารื่อน่าไปสมัครเรียนเลย”

ฉีฉีเก๋อตกลงอย่างปลาบปลื้มใจ

ถ้าเป่ารื่อน่าไปเรียนเธอก็จดจ่อกับการวาดรูปได้ ไม่แน่เธออาจจะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็ได้นะ!

ชีวิตในอนาคตช่างงดงามเหลือเกิน รู้สึกเต็มไปด้วยความหวังในทุกวัน!

“เชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นเครื่องประดับที่พ่อฉันให้เธอ เธอดูสิว่าชอบไหม?”

ฉีฉีเก๋อล้วงหยิบกล่องผ้าทอที่เหมือนกล่องขนมออกมาจากกระเป๋า ดูดีมีระดับทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะงักไปจนเผลอยื่นมือไปรับตามสัญชาตญาณ เธอเปิดฝากล่องดูแล้วพบว่าข้างในเป็นกล่องไม้ชั้นดีดูเหมือนจะเป็นไม้ประดู่ด้วย

“ข้างในคืออะไรเหรอ? รู้สึกล้ำค่ามากเลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มไปก็เปิดกล่องฝาไม้ไป แสงสีทองวาบออกมาจนทั้งสามต้องยกแขนมาบังตา

แสบตาเกินไปแล้ว…

เห็นเครื่องประดับทองอร่ามข้างในกล่อง เหมยเหมยปากอดกระตุกไม่ได้ ลุงปาเกินช่างเป็นคนที่เถรตรงดีจริง ๆ!

ข้างในมีแต่เครื่องประดับจากทองคำ…หมูทองคำ แม่กุญแจอายุยืน กำไลทองคำขนาดใหญ่ สร้อยคอทองคำเส้นหนา…

เครื่องประดับสำหรับใส่ทั้งแขนทั้งขา…แม้แต่เครื่องประดับสำหรับเด็กน้อยก็มีครบหมด

……………………..

ตอนที่ 2656 ชาวดิ๊งส์

“ทำไมมากมายขนาดนี้ล่ะ? เสียเงินไปเท่าไหร่เนี่ย…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองตาค้าง กล่องใหญ่ขนาดนี้ไม่เสียเงินสักแสนสองแสนคงซื้อไม่ได้ ของขวัญนี่ราคาแพงเกินไปแล้ว

“ฉันรับไว้ไม่ได้แพงเกินไป ฉีฉีเก๋อเธอเอากลับไปคืนให้พ่อเธอ ฉันช่วยเธอเพราะมิตรภาพของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญหรอกนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยื่นกล่องไปตรงหน้าฉีฉีเก๋อยืนกรานว่าจะไม่รับไว้

“มิตรภาพระหว่างฉันกับเธอแน่นอนว่าไม่ต้องให้อะไรแต่นี่พ่อฉันเป็นคนให้ แม้แต่ส่วนของลูกเธอท่านยังเตรียมไว้ให้เลย ถ้าจะคืนเธอไปคืนเอง ฉันไม่รับคืนให้หรอก” ฉีฉีเก๋อดันกล่องกลับไป ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเกร็ง ๆของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแต่ไม่นานก็กลับมาปกติเหมือนเดิม

“ฉันกับอิงจวี้กังถือว่าเป็นชาวดิ๊งส์[1] จะมีลูกอะไรกันล่ะ ของพวกนี้ไม่ได้ใช้หรอก เอากลับไปเถอะ!”

“ไม่เอา…”

ทั้งคู่ผลักกันไปยื้อกันมา กล่องถูกดันไปดันมาอยู่บนโต๊ะจนเหมยเหมยเริ่มรำคาญเลยหยุดกล่องเอาไว้แล้วดันไปตรงหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“น้ำใจจากลุงปาเกิน ฉันรับไว้แทนเธอแล้วกัน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจำใจต้องรับไว้ด้วยความระอา แต่เธอกลับคัดเอาเครื่องประดับของเด็กออกมาหมายจะแบ่งให้เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อ “พวกนี้ฉันไม่ได้ใช้จริง ๆ แบ่งให้เป่ารื่อน่ากับเล่อเล่อเถอะ!”

“พูดเหลวไหล…คู่สามีภรรยาที่พร่ำพูดแต่ว่าจะเป็นชาวดิ๊งส์ร้อยละแปดเก้าสิบก็เสียใจภายหลังกันทั้งนั้น พวกเธออย่าคิดแต่จะตามกระแสนะ เล่น ๆไม่กี่ปีก็พอ ต้องมีลูกก่อนอายุสามสิบให้ได้ ไม่งั้นอายุยิ่งมากก็ยิ่งลำบาก!” เหมยเหมยเอ่ยสั่งสอนอย่างขุ่นเคือง

คู่สามีภรรยาที่ร่ำร้องแต่จะเป็นชาวดิ๊งส์ส่วนหนึ่งเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพเลยมีลูกไม่ได้จำต้องเป็นชาวดิ๊งส์ไปเสีย อีกส่วนที่เหลืออย่างน้อยสักครึ่งหนึ่งมักเสียใจภายหลังเมื่อถึงวัยกลางคน จากนั้นก็เป็นคุณแม่สูงวัยที่ทรมานตัวเองแทบแย่!

ในประเทศที่มีความหัวโบราณอย่างฮวาเซี่ย ต่อให้คุณคิดจะเป็นชาวดิ๊งส์จริง ๆแต่พ่อแม่ของคุณ บรรดาลุงป้าน้าอาทั้งหลาย…ล้วนแต่จะกล่าวตำหนิคุณ วิพากษ์วิจารณ์คุณซึ่งคนทั่วไปทนความกดดันนี้ไม่ไหว คนที่สามารถอดทนไปถึงสุดท้ายได้มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นลูกสาวคนเดียวและบ้านอิงจวี้กังก็มีลูกชายคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ฝ่ายใดไม่มีทางยอมรับชาวดิ๊งส์ได้แน่นอน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็แค่ตอนนี้ยังสาว รออีกสองปีพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเร่งเร้าให้พวกเขารีบ ๆมีลูกสักทีเหมือนจ้องจะเอาชีวิต!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับมีท่าทีหนักแน่นอย่างมาก “เราเป็นชาวดิ๊งส์จริง ๆ วัน ๆมัวแต่ทำงาน ขนาดตัวเองยังดูแลไม่ไหว จะเอาเวลาไหนไปเลี้ยงลูก ฉันกับอิงจวี้กังไม่มีความมั่นใจว่าจะเลี้ยงดูลูกได้ดี งั้นก็อย่าทำลายอนาคตประเทศชาติเลยดีกว่า!”

“ถ้าใคร ๆก็มีความคิดเหมือนพวกเธอแล้วสังคมนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร? ไม่เข้าใจจริง ๆว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ เรื่องชาวดิ๊งส์พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายของพวกเธอรู้หรือเปล่า?” เหมยเหมยถาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาหลุกหลิกแล้วพูดเสียงอ้ำอึ้ง “ตอนนี้ยังเร็วไป รออีกสองปีค่อยบอกพวกเขา”

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว พฤติกรรมของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูแปลกไป เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยินเธอบอกว่าจะเป็นชาวดิ๊งส์นี่นา อีกอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชอบเด็กเอามาก ๆ เล่อเล่อของเธอกับเป่ารื่อน่าต่างชอบเล่นกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทั้งคู่!

ทั้งที่ชอบเด็กขนาดนั้น แล้วทำไมอยู่ดี ๆตอนนี้ถึงบอกว่าจะเป็นชาวดิ๊งส์ล่ะ น่าแปลกใจจริง ๆ!

“พ่อแม่เธออนุญาตเหรอ?” ฉีฉีเก๋อเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างมาก มีลูกที่บ้านถึงจะดูมีชีวิตชีวา ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็จะมั่นคงกว่าเดิม อย่างฉางชิงซานเป็นแค่เป็นกรณียกเว้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก้มหน้าพูดกลบเกลื่อน “เรื่องลูกเป็นเรื่องของฉันกับอิงจวี้กัง พวกเขาไม่อนุญาตแล้วจะทำอะไรได้ จะบังคับให้เรามีก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ!”

“เชี่ยนเชี่ยนเธอมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า?” เหมยเหมยสงสัยหนักกว่าเดิม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เธอรู้จักไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวแบบนี้หรอกนะ ต่อให้คุณพ่อเหริ่นสร้างความผิดหวังไว้มากแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยังให้อภัยคุณพ่อของเธอ ตอนนี้ก็กตัญญูพอสมควร หญิงสาวที่แสนดีขนาดนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเอ่ยถ้อยคำเอาแต่ใจแบบนี้ออกมาได้นี่นา!

…………………

Related

ตอนที่ 2653 คุณป้าอย่ามาอีกเลย

เหมยเหมยสอนหลักการใช้ชีวิตแก่ลูกสาวมากมายจนน้ำลายแห้งหมดปาก คิดว่าต่อให้ลูกสาวฟังครึ่งไม่ฟังครึ่งอย่างน้อยก็คงจำได้บ้างแหละ!

แต่แล้ว…

“คุณแม่…หิวแล้ว ทานข้าวกัน!”

เล่อเล่ออ้าปากหาววอดทีหนึ่ง ดวงตาหยาดเยิ้ม ในที่สุดคุณแม่ก็เทศนาจบสักที ถ้าปล่อยให้คุณแม่เทศนาต่อไปเธอต้องหลับแหงเลย

เหมยเหมย “…”

ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมาทันที นี่ไม่เห็นเธอในสายตาเลยใช่ไหม!

“เหยียนเล่อเล่อ เมื่อกี้แม่พูดอะไรไปบ้าง ลูกท่องออกมาให้หมดเลยนะ!” เหมยเหมยสองมือเท้าสะเอวตะคอกเสียงดุดัน

หากเสือไม่ทำตัวโหดหน่อยคงเห็นเธอเป็นแม่พระผู้ใจดีแล้วจริง ๆงั้นสิ?

ร่างอวบของเล่อเล่อสะท้านเฮือกรู้สึกหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เบิกตาคู่กลมโตมองเหมยเหมย

ทำไมคุณแม่โกรธอีกแล้วล่ะ?

หรือว่าคุณป้า[1]มาอีกแล้ว?

ทุกครั้งที่คุณแม่โมโหคุณพ่อก็จะบอกว่าคุณป้ามาทุกที คุณป้าที่ไม่เคยเจอหน้ากันคนนี้ต้องดุมากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณแม่ถึงโมโหทุกครั้งล่ะ?

“เหยียนเล่อเล่อ อย่ามาแกล้งเป็นใบ้…แม่จะนับถึงสาม ถ้าท่องไม่ได้ทั้งสัปดาห์นี้ก็ทานแต่ผักไปเลย!”

เหมยเหมยเห็นเล่อเล่อเอาแต่กะพริบตาปริบ ๆไม่พูดสักประโยค ไฟโทสะก็ยิ่งลุกโชน

เล่อเล่อทำหน้าบูดบึ้งทันที กินหญ้าทั้งสัปดาห์แล้วชีวิตจะยังมีความหมายอะไรอีก?

“คุณแม่บอกว่า…เจ้าม้าน้อยราคาแพงมาก…อืมอืม…แพงมาก…ใช้เงินเยอะ…”

เล่อเล่อพูดเสียงงึมงำแต่เธอฟังอยู่ตั้งนานก็จำได้แค่ว่าแพง ไม่ได้จับประเด็นสำคัญที่เหมยเหมยพร่ำสอนเลย อ้ำ ๆ อึ้ง ๆอยู่นานแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

“ประเด็นที่แม่สื่ออยู่ที่เรื่องเงินเหรอ? น่าโมโหนัก…ทานเจ…ทานเจไปเลยทั้งเดือน!” เหมยเหมยเดือดจนแทบจะระเบิดเลยเพิ่มระดับการลงโทษ

“ไม่ทานหญ้า…ฮือฮือ…” เล่อเล่อยู่หน้า กินหญ้าหนึ่งเดือนเธอคงอยู่ต่อไม่ได้แน่

ทำไมคุณป้าคนนั้นต้องมาด้วย มาทีไรต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอทุกที!

เหยียนหมิงซุ่นเร่งฝีเท้ารีบเข้ามาในบ้าน หลังกลับจากเลิกงานมาก็เห็นเสี่ยวเป่าตั้งแต่หน้าประตู เจ้าตัวเล็กดูร้อนรนเอาแต่ฉุดแขนเขาให้รีบเดินมาบอกว่าถ้าไปช้าน้องสาวต้องแย่แน่ ๆ

ทำเอาเขาตกใจแทบแย่ รอเข้ามาถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นทีภรรยาคงองค์ลงแล้ว!

“เกิดอะไรขึ้น เล่อเล่อทำอะไรผิดอีก?” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มถามพลางประคองเหมยเหมยที่โมโหไม่น้อยเดินไปนั่งตรงโซฟากลับเห็นลูกสาวตัวเองน้ำตาคลอเบ้า ครั้นเห็นเขาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วสูดจมูกฟุดฟิดหลายที

“คุณพ่อ…ไม่ทานหญ้า…อย่าให้คุณป้ามาอีกเลย!”

เล่อเล่อเห็นเหยียนหมิงซุ่นเหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต เธอมองพ่อตัวเองตาแป๋วได้แต่หวังว่าคุณพ่อคนเก่งจะช่วยขับไล่คุณป้าตัวร้ายนั่นไปได้

เหยียนหมิงซุ่นงุนงงพลางกวาดมองรอบ ๆ มีแขกมาที่บ้านหรือ?

“คุณป้ามาจากไหน…” เหมยเหมยก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ยายตัวแสบพูดเหลวไหลอีกแล้ว เธอถลึงตาใส่ทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้จนเล่อเล่อรีบหลบไปอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นเพราะที่นั่นปลอดภัยกว่า

เหยียนหมิงซุ่นถามต้นสายปลายเหตุแล้วก็อดขำไม่ได้ เหมยเหมยนับวันก็ยิ่งทำตัวเป็นเด็ก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทะเลาะกับลูกสาวได้!

“ก็แค่ม้าตัวเดียวไม่ใช่เหรอ? รับไว้ก็รับไว้สิ มีอะไรน่าโมโหกัน!” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าว

เหมยเหมยถลึงตาใส่แล้วตอบกลับอย่างไม่พอใจนัก “พี่คิดว่าเป็นม้าทั่วไปเหรอ? นั่นเป็นม้าพันลี้ที่ประเมินราคาไม่ได้เชียว ลูกสาวพี่ปากบอกรับก็รับไว้เลย จะตามใจแบบนี้ไม่ได้!”

เหยียนหมิงซุ่นกลับทำท่าไม่ใส่ใจเท่าไร “ลูกสาวของฉันจะรับของขวัญอะไรไม่ได้บ้าง อย่าว่าแต่ม้าพันลี้เลย เธออย่าไปคิดอะไรมาก สามีของเธอปกป้องสองแม่ลูกพวกเธอได้…”

“พี่ก็ตามใจไปเถอะ…ประเด็นของฉันอยู่ที่เรื่องนี้หรือไง พี่น่ารำคาญเหมือนลูกสาวพี่เลย จับจุดสำคัญไม่ได้ทั้งคู่!”

เหมยเหมยคร้านจะอยู่กับสองพ่อลูกตัวแสบคู่นี้จึงลุกเดินไปช่วยคุณย่าหยางทำกับข้าวในห้องครัว

เล่อเล่อถอนหายใจแล้วเลื่อนหน้ามาตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่นกระซิบถามเบา ๆ “คุณพ่อ คุณป้าไปแล้วใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่น ‘…คุณป้าอยู่ไหนกันแน่น่ะ?’

………………………..

 ตอนที่ 2654 ชำระบุญคุณความแค้น

เรื่องม้าน้อยถือว่าจบลงแต่เพียงเท่านี้ภายใต้ฝีมือของเหยียนหมิงซุ่น ลุงเหลาทำบ้านหลังงามให้ม้าตัวน้อย และเสี่ยวเป่าที่ตั้งชื่อแสนจะเห่ยให้ม้าตัวน้อย–

เสวี่ยฮวา!

เพราะเสวี่ยเอ๋อร์คือพี่ใหญ่ พี่รองย่อมต้องชื่อเสวี่ยฮวา!

เหมยเหมยไม่เข้าใจตรรกะของเด็กว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องชื่อเสวี่ยเอ๋อร์ แล้วพี่รองถึงชื่อเสวี่ยฮวา เธอนึกถึงเบียร์เสวี่ยฮวามากกว่าเสียอีก!

“วันหลังเรียกมันว่าฮวาฮวาแล้วกัน…พี่เก่งจังเลย!” เล่อเล่อดันปรบมือเอ่ยชมเชย ชื่นชอบชื่อของเพื่อนตัวใหม่อย่างมาก

เหมยเหมยปากกระตุก เธอฟุบลงพื้นสำรวจท้องของเจ้าเสวี่ยฮวาตัวน้อย ครั้นเห็นเช่นนั้นปากก็กระตุกแรงกว่าเดิม

ทั้งที่เป็นตัวผู้ดันชื่อฮวาฮวา เจ้าม้าน้อยที่น่าสงสารเอ๋ย!

ก่อนนอนเหยียนหมิงซุ่นถามถึงเรื่องฉีฉีเก๋อ เขารู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมยเหมยมัวแต่วุ่นเรื่องเพื่อน แต่เขาไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งด้วยเลยไม่เคยปริปากถามถึง

“จุดจบสมบูรณ์แบบมาก ชายโฉดหญิงชั่วได้รับผลกรรมกันทั้งคู่ ฉีฉีเก๋อใช้ชีวิตกับเป่ารื่อน่าอย่างมีความสุข…เป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยล่ะ!”

เหมยเหมยดีใจอย่างมากและรู้สึกภูมิใจมากด้วย

เพราะเรื่องนี้มีจุดจบสมบูรณ์ขนาดนี้ได้ก็มีส่วนช่วยจากเธอไม่น้อย

“เธอสร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อยเลย ไม่งั้นจุดจบไม่มีทางสมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้ ที่รัก เธอคือตัวการสำคัญเลยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดชมไม่ขาดปาก

เหมยเหมยมองค้อนใส่ทีหนึ่งแต่กลับยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้ ความจริงเธอก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!

“ฉันยังคิดจะให้ฉางชิงซานคู่กับเจินหวานหว่านต่อไปอีกแหนะ!” เหมยเหมยแค่นหัวเราะ ชายโฉดกับหญิงชั่วเกิดมาเพื่อคู่กันไม่ใช่หรือ?

คู่ดี ๆแบบนี้พรากจากกันคงน่าเสียดายแย่!

เหยียนหมิงซุ่นชะงักไปเพราะชื่อเจินหวานหว่านคุ้นหูอยู่บ้าง…แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขามาก แค่ภรรยามีความสุขก็พอ!

“เรื่องคนอื่นเธอก็อย่ายุ่มย่ามมากนักเลย เป็นห่วงสามีของเธอให้มากกว่านี้เถอะ…”

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่น่าเย้ายวนภายใต้แสงไฟสลัว ๆแล้วกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ แขนยาวรวบตัวหญิงงามเข้ามาในอ้อมกอด

เวลาค่ำคืนมีค่าเทียบเท่าทองพันชั่ง…จะปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไม่ได้!

เหมยเหมยตามสืบเสาะเรื่องราวของเจินหวานหว่านจากพี่หนิว เธอเคยไปตามหาที่โรงพยาบาลแต่ทางโรงพยาบาลบอกว่าเจินหวานหว่านออกจากโรงพยาบาลไปตั้งนานแล้วเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา

“มีชีวิตไม่ดีมากนัก สุขภาพพังแล้วยังหางานทำไม่ได้อีกเลยไปเช่าห้องใต้ดินขนาดสิบตารางเมตร ได้ข่าวว่าค่าเช่ายังไม่มีเงินจ่ายเลย…” พี่หนิวกลับรู้ดีทุกอย่าง

เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกสะใจเหลือเกิน มีชีวิตไม่ดีน่ะถูกแล้ว!

เธอเริ่มลังเลใจอีกครั้ง เจินหวานหว่านเป็นแบบนี้ก็ย่ำแย่มากพอแล้ว มีความจำเป็นต้องจับคู่กับฉางชิงซานอีกหรือ?

เหมยเหมยตัดสินใจไปดูสถานการณ์ของเจินหวานหว่านก่อนค่อยว่ากันอีกที ถ้าแย่จริง ๆก็ปล่อยเธอไปตามยถากรรมเถอะ!

เธอเดินทางไปยังจุดปลายทางตามที่อยู่ที่พี่หนิวให้มา ที่นี่เป็นหมู่บ้านกลางเมืองที่สกปรกวุ่นวายมากแห่งหนึ่ง มีผู้คนต่างถิ่นมากมายและสิ่งก่อสร้างที่ไม่เป็นระเบียบเลยทำให้ดูยุ่งเหยิง กฎระเบียบกลับยุ่งเหยิงยิ่งกว่าสิ่งก่อสร้างด้วยซ้ำ ได้ข่าวว่าละแวกนี้หลังเวลาสามทุ่มผู้หญิงจะออกจากบ้านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นการถูกปล้นจี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เสียความบริสุทธิ์ต่างหากที่แย่ยิ่งกว่า!

ที่พักอาศัยของเจินหวานหว่านอยู่ในที่ลับตาอย่างมากซึ่งอยู่ด้านในสุดของหมู่บ้าน ทั้งยังเป็นห้องชั้นใต้ดินทั้งอับทั้งชื้นไม่เจอแสงแดดตลอดทั้งปี!

ข้างนอกห้องเจินหวานหว่านมีผู้ชายหลายคนยืนออกัน ส่วนมากมีแต่ตาแก่วัยห้าหกสิบที่ผมหงอกขึ้นไม่น้อย อีกทั้งดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นคนฐานะยากจน

“เจ้าหวังกินยามาสินะ…เข้าไปเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ให้ตาย คราวนี้ได้เปรียบล่ะ…”

“แหงสิ ผู้หญิงคนนี้นอกจากไม่มีน้ำหล่อลื่นแต่หน้าตากับหุ่นดีกว่าผู้หญิงคนก่อน ๆตั้งเยอะ แถมราคาเท่ากันอีก ไม่เลวเลย…”

“นั่นน่ะสิ ไม่มีน้ำจะกลัวอะไร ทาเยอะ ๆก็พอ…ไว้วันหลังฉันก็กินยามาบ้างดีกว่า…ฮิฮิ…”

……

เหมยเหมยฟังอยู่ครู่เดียวก็หันหลังเดินจากไป เพราะไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว…

เจินหวานหว่านได้รับผลกรรมแล้ว บุญคุณความแค้นของเธอ…ก็จบลงแต่เพียงนี้แล้วกัน!

………………………

[1] คนจีนนิยมใช้เรียกแทน “ประจำเดือน”

Related

ตอนที่ 2651 ม้าตัวเล็ก

ทั้งครอบครัวฉีฉีเก๋อรู้สึกขอบคุณเล่อเล่ออย่างสุดซึ้ง ลุงปาเกินมอบม้าตัวเล็กสีขาวดุจหิมะที่ไม่มีขนสีอื่นปะปนแม้แต่เส้นเดียวตัวหนึ่งมาให้โดยเฉพาะ มองไกล ๆเหมือนก้อนเมฆงามสง่าสวยกว่าตัวอื่น

เหมยเหมยไม่ยอมรับไว้ ม้าตัวน้อยจากฟาร์มที่แสนล้ำค่านี้ใช่ว่าจะมีทุกปี หากจะบอกว่ายากจะประเมินราคาได้ก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด ลำพังแค่เด็กตัวกะเปียกอย่างเล่อเล่อเล่นขี่ม้าตัวเล็กทั่วไปก็พอ ไม่เห็นต้องเลือกตัวที่ล้ำค่าขนาดนี้เลย

“นี่ไม่เกี่ยวกับเธอ ให้เล่อเล่อต่างหาก เธออย่าพูดมากสิ!”

ลุงปาเกินยืนกรานว่าจะให้ ไม่เพียงแค่ตอบแทนบุญคุณเล่อเล่อแต่ยิ่งกว่านั้นเพื่อขอบคุณเหมยเหมยที่คอยให้ความช่วยเหลือลูกสาวมาตลอดหลายปี

รวมถึงเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแน่นอนว่าลุงปาเกินก็ไม่มีทางละเลย หนุ่มมองโกลอย่างพวกเขารู้จักตอบแทนบุญคุณที่สุด!

บุญคุณเท่าหยดน้ำตอบแทนดุจสายธารเป็นกฎที่บรรพบุรุษสืบทอดมาเนิ่นนาน!

เขาจะทำให้เสียชื่อชาวมองโกลไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะตกเป็นขี้ปากของคนอื่นเอาได้!

เหมยเหมยระอาจำต้องคอยส่งสายตาให้ลูกสาว หวังว่ายายตัวเล็กจะเข้าใจความหมายของเธอเพื่อปฏิเสธการรับม้าตัวน้อยไว้

และไม่ใช่เพราะม้าตัวเล็กนี้ราคาสูงเกินไปถึงไม่กล้ารับไว้แต่อีกเหตุผลเพราะคำนึงถึงฉีฉีเก๋อ ม้าตัวน้อยเป็นสมบัติของฟาร์มม้า ตอนนี้ฟาร์มม้าเป็นสมบัติร่วมกันของพี่ชายฉีฉีเก๋อทั้งสามคน ดังนั้นม้าตัวน้อยนี้ก็เป็นของพี่ชายฉีฉีเก๋อทั้งสามคนด้วย

ความรักที่พี่ชายทั้งสามมีต่อฉีฉีเก๋อนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย พี่สะใภ้ทั้งสามเองก็รักใคร่ทะนุถนอมไม่ต่าง แต่ในเมื่อมีคำว่าต่างสายเลือดกั้นอยู่ ลุงปาเกินบทจะยกม้าตัวน้อยแสนล้ำค่านี้ให้ก็ยกให้เลยแล้วยังให้เพราะฉีฉีเก๋ออีก เธอกลัวก็แต่พี่สะใภ้ทั้งสามคนจะไม่สบายใจเอา

ความจริงจะเกิดความไม่สบายใจนั้นเป็นเรื่องเข้าใจได้ ในเมื่อคนเราย่อมมีความเห็นแก่ตัวลึก ๆ อีกทั้งทุกคนก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง พี่สะใภ้ทั้งสามของฉีฉีเก๋อทำหน้าที่ตัวเองได้ดีมากพอแล้ว เหมยเหมยไม่อยากให้ฉีฉีเก๋อกับพี่สะใภ้ทั้งสามเกิดความบาดหมางกันเพราะม้าตัวน้อยนี้

ความคิดของเหมยเหมยนั้นช่างดีเหลือเกิน แต่น่าเอือมระอานักที่ยายตัวเล็กไม่เข้าใจสัญญาณลับของเธอ…

เล่อเล่อเห็นแวบแรกก็ตกหลุมรักม้าตัวน้อยทันที แล้วยังจะสนใจสายตาของแม่ตัวเองเสียที่ไหนกัน ทั้งโผเข้ากอดม้าตัวน้อยทั้งจุ๊บทั้งลูบมันใหญ่เลย

“ม้าน้อย…หนูชอบจัง…สีของมันเหมือนเสวี่ยเอ๋อร์เลย เป็นเพื่อนที่ดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ได้…”

เล่อเล่อตะโกนร้องอย่างดีใจ เหมยเหมยรู้สึกจุกอยู่ในอก รอยยิ้มเค้นออกมายากขึ้นเรื่อย ๆ

ยัยตัวแสบคิดว่าม้าตัวน้อยนี้คือหมาแมวทั่วไปที่คิดจะรับไว้ง่าย ๆหรือไงกัน!

เธอส่งสายตาไปตั้งนานจนตาแทบจะตะคริวกินแล้ว ยัยตัวแสบกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองสักแวบเดียว!

ลุงปาเกินเองก็หัวเราะอย่างมีความสุข เพราะของขวัญที่เขามอบให้สร้างความพึงพอใจแก่เจ้าตัวเล็กได้ เช่นนี้ของขวัญของเขาถึงจะมีค่านี่นา!

เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก!

คนเดียวที่ไม่ชอบใจมีแต่เหมยเหมย!

เหมยเหมยกระชากฉีฉีเก๋อมาตรงมุมแล้วกระซิบกระซาบ “เธอให้พ่อของเธอเอาม้ากลับไป มิตรภาพระหว่างฉันกับเธอไม่ต้องเอาของมาตอบแทนหรอก ม้าล้ำค่าขนาดนี้ต้องราคาแพงแน่ ๆ ถ้าเป็นของเธอฉันคงรับไว้โดยไม่ต้องเกรงใจ แต่ม้าเป็นของพี่ชายพี่สะใภ้เธอนะ!”

ฉีฉีเก๋อกะพริบตาปริบ ๆ เธอที่ผ่านเรื่องราวมามากมายไม่ใช่หญิงสาวใสซื่อไร้เดียงสาคนเดิมอีกต่อไป ไม่นานเธอก็เข้าใจข้อกังวลของเหมยเหมยพลันก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

“วางใจเถอะ ม้าตัวนี้พวกพี่สะใภ้ฉันเป็นคนเสนอที่จะให้เอง!”

ครั้นเห็นเหมยเหมยยังไม่เชื่อฉีฉีเก๋อเลยพูดต่อ “ฉันคืนหุ้นของฟาร์มม้าส่วนของฉันกลับไปแล้ว พวกพี่สะใภ้รู้สึกเกรงใจ…”

เหมยเหมยเข้าใจในทันที มิน่าละ…

หุ้นส่วนที่ลุงปาเกินให้ฉีฉีเก๋อไม่น้อยเชียว ตั้งร้อยละสิบห้าแหนะ!

ลำพังแค่กำไรแต่ละปีก็มีเกือบล้านหยวน ไหนฟาร์มม้าจะถูกขยายกิจการใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ เงินมีแต่จะมากไม่มีวันน้อยลงอีกต่างหาก!

………………………………

ตอนที่ 2652 อบรมสั่งสอนบุตรสาว

ทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่ขนาดนี้ ฉีฉีเก๋อบทจะคืนก็คืนไปง่าย ๆ ช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเหมยเหมยอย่างมาก

“เธอไม่เสียใจภายหลังเหรอ? นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆเลยนะ!”

ฉีฉีเก๋อยิ้มพลันส่ายหน้า “ไม่เสียใจเลย ถ้าเทียบกับเงินแล้วฉันเห็นความสำคัญของครอบครัวมากกว่า แล้วก็มิตรภาพระหว่างเพื่อน อีกอย่างพ่อฉันทิ้งเงินไว้ให้ฉันไม่น้อย เพียงพอให้ฉันกับเป่ารื่อน่าใช้แล้วล่ะ!”

ตอนนี้เธอมีบ้านภายใต้ชื่อตัวเองอยู่หกหลังแถมยังมีเงินในบัญชีไม่น้อย บวกกับตัวเธอก็สามารถทำงานหาเงินได้ ชีวิตจึงไม่เดือดร้อนอะไรสักนิด หุ้นส่วนฟาร์มม้านั่นสำหรับเธอแล้วเป็นเพียงการเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[1]เท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์อะไรเลย

อีกทั้งฉีฉีเก๋อเองก็รู้ดีว่าถึงแม้ปากพี่สะใภ้ทั้งสามจะไม่ว่าอะไรแต่ภายในใจนั้นค่อนข้างไม่พอใจกับหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์นี้พอสมควร ในเมื่อเธอเป็นลูกที่แต่งงานออกไปแล้ว ชาวมองโกลเองก็ไม่มีกฎว่าต้องแบ่งมรดกให้ลูกสาวที่แต่งงานไปด้วยเช่นกัน!

เธอสร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้านตั้งมากมาย พี่สะใภ้รักทะนุถนอมเธอ คุณพ่อคุณแม่ก็อายุมากขึ้นทุกวัน เธอไม่อาจสร้างความเดือดร้อนให้ที่บ้านได้อีกแล้ว หุ้นพวกนี้ก็ช่างปะไร!

หากช่วยให้ครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกัน เงินพวกนี้เสียไปก็ไม่สูญเปล่า!

เหมยเหมยยิ่งไม่เห็นความสำคัญเรื่องเงินทอง อย่าว่าแต่หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์เลย ต่อให้ครึ่งหนึ่งเธอก็ไม่รู้สึกอะไร ขอแค่ฉีฉีเก๋อมีความสุขก็พอ

“โอเค งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ!”

ฉีฉีเก๋อยิ้มอย่างดีใจ นึกถึงเรื่องที่พ่อฝากถามเธอก็อดเครียดไม่ได้

“พ่อฉันบอกว่าอยากให้ของขวัญเชี่ยนเชี่ยน แต่เชี่ยนเชี่ยนก็ไม่มีลูกเลยให้ม้าไม่ได้ เธอว่าจะให้อะไรดี?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแต่งงานมาได้หลายปีแล้วแต่กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีลูกของตัวเองสักที ทุกครั้งที่ถามถึงเธอมักอ้างว่าทำงานหาเงินสำคัญกว่า อิงจวี้กังเองก็เชื่อฟังภรรยาไปเสียทุกเรื่องเลยยิ่งไม่ร้อนใจอะไร

เหมยเหมยครุ่นคิดแล้วยิ้มตอบ “ยายคนนี้ชอบเงินที่สุดแล้ว หรือว่าพวกเธอให้เงินหล่อนสิ!”

ฉีฉีเก๋อกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง “จริงจังหน่อยสิ ไม่งั้นฉันก็ให้ม้าสักตัวดีกว่า บ้านฉันมีม้าเยอะ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว!”

“ล้มเลิกความคิดเถอะ สองสามีภรรยาคู่นั้นไม่ชอบออกกำลังกายทั้งคู่ เธออย่าทำลายม้าดี ๆที่พ่อเธอเลี้ยงมาเลย เรื่องนี้ไม่ต้องรีบหรอก เพื่อนสนิทไม่ถือสาเรื่องนี้!”

เหมยเหมยทำท่าไม่ใส่ใจ เพื่อนสนิทที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญด้วยซ้ำ ฉีฉีเก๋อคิดมากไปแล้ว!

“เธอนึกว่าฉันอยากให้หรือไง พ่อฉันต่างหากที่อยากให้ ฉันเกลี้ยกล่อมแล้วก็ไม่ได้ผล เธอรีบช่วยฉันคิดทีสิ!”

“งั้นก็ให้เพชรพลอยหล่อนสิ นอกจากเงินแล้วสิ่งที่เชี่ยนเชี่ยนชอบที่สุดก็คือเพชรพลอยไงละ!” เหมยเหมยหัวเราะพร้อมเอ่ยออกมา

ฉีฉีเก๋อเองก็อดหัวเราะไม่ได้ “งั้นก็ได้ ฉันจะไปบอกพ่อฉันตามนี้แหละ!”

เล่อเล่อพาม้าตัวน้อยกลับบ้านโดยเลือกที่จูงเชือกเองตลอดทางไม่ยอมให้เหมยเหมยช่วย

แม้ม้าตัวน้อยนั้นถูกฉีฉีเก๋อแลกมาด้วยหุ้น แต่เหมยเหมยก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เธอต้องสั่งสอนยัยตัวแสบเรื่องมารยาทเสียหน่อยแล้ว

พอกลับถึงบ้านเล่อเล่อให้ลุงเหลาช่วยทำบ้านหลังงามให้ม้าตัวน้อยอาศัยอยู่ร่วมกับเสวี่ยเอ๋อร์ ยัยตัวแสบจัดการทุกอย่างเองโดยไม่ให้เหมยเหมยช่วยอะไรสักอย่าง

รอจนกระทั่งเล่อเล่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหมยเหมยถึงเตรียมสั่งสอนเรียกตัวยัยอ้วนมา

“วันนี้แม่ส่งสายตาให้ลูกทำไมลูกไม่มอง?” เหมยเหมยทำหน้าจริงจัง

เล่อเล่อเอียงศีรษะ ดวงตาคู่โตดูสับสนอย่างมาก คุณแม่ส่งสายตาให้เธอหรือ?

เธอขอความช่วยเหลือจากพี่เสี่ยวเป่าข้าง ๆ เสี่ยวเป่าพยักหน้าน้อย ๆ ล่อเล่อถึงถามกลับไปว่า “ทำไมคุณแม่ถึงส่งสายตามาล่ะคะ?”

เหมยเหมยสะอึกแล้วอธิบายอย่างใจเย็น “เพราะม้าตัวน้อยที่คุณปู่ปาเกินให้มาวันนี้ล้ำค่าเกินไป แม่หวังว่าลูกจะไม่รับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้!”

“ทำไมถึงรับไว้ไม่ได้ล่ะ?”

“เพราะล้ำค่าเกินไป…”

“อะไรคือล้ำค่าเหรอ?”

“ก็คือของที่ต้องใช้เงินเยอะมาก ๆถึงจะซื้อได้…”

“คุณปู่ให้หนูมา ไม่ต้องให้หนูซื้อ!”

“แต่คุณปู่ก็ต้องเสียเงินเหมือนกัน…”

……

ความอดทนของเหมยเหมยใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว เธอรู้สึกเหมือนไก่กำลังคุยกับเป็ด[2]ที่เล่อเล่อไม่เข้าใจอะไรสักที ดวงตาคู่โตก็ดูงุนงงสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำไมรับของขวัญไว้ไม่ได้ล่ะ?

ผู้หญิงนี่วุ่นวายจัง!

……………………….

[1] เป็นสำนวนจีนที่มีความหมายว่า การประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามมากขึ้นไปอีก เปรียบกับการกระทำที่เกินความจำเป็น

[2] สุภาษิตจีนที่สื่อความหมายว่าพูดคุยกันคนละภาษา สื่อสารกันไม่เข้าใจ

Related

ตอนที่ 2649 ตามตื๊อ

ฉีฉีเก๋อกระชับกอดเป่ารื่อน่าแน่นกว่าเดิมแล้วจับเอนตัวไปด้านหลังให้อยู่ห่างจากฉางชิงซานเล็กน้อย ตวาดเสียงกลับไป “เป่ารื่อน่ามีฉันก็พอแล้ว ฉางชิงซาน ตั้งแต่เป่ารื่อน่าเกิดจนถึงตอนนี้นายไม่เคยทำหน้าที่คนเป็นพ่อเลยสักนิด หลังจากนี้ชีวิตของเป่ารื่อน่าก็ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเช่นกัน!”

พี่รองของฉีฉีเก๋อบังน้องสาวกับหลานสาวไว้ด้านหลังแล้วตวาดด่า “ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร เป่ารื่อน่ามีคุณลุงสามคนอย่างเราคอยดูแลต้องมีความสุขและแข็งแรงมากอยู่แล้ว ขอแค่แกไม่มาป่วนชีวิตของพวกเธอก็พอ ไสหัวไปอยู่ให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!”

นี่พี่รองของฉีฉีเก๋อยังเห็นแก่ฉางชิงซานเพิ่งสูญเสียคนในครอบครัวไปสามคน ไม่อย่างนั้นเขาต้องประเคนหมัดและเท้าไปแล้ว

“ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว ผมจะปรับปรุงตัว…พี่รองขอร้องละ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ…”

ฉางชิงซานคุกเข่าลงแล้วก้มศีรษะกราบ ไม่นานบริเวณหน้าผากก็ขึ้นรอยช้ำ

เป่ารื่อน่าตกใจจนขอบตาแดงก่ำ ในความทรงจำของเธอคุณพ่อไม่ใช่แบบนี้ แม้จะเย็นชาแต่ไม่น่ากลัว

แต่คุณพ่อในตอนนี้กลับสร้างความหวาดกลัวแก่เธอ!

“คุณแม่…กลับบ้าน…หนูจะกลับบ้าน…” เป่ารื่อน่าบิดตัวไปมาพร้อมร้องงอแง

“โอ๋ ๆ…กลับบ้านกัน เราจะกลับบ้านกันตอนนี้เลย ไม่ต้องกลัวนะ ๆ…”

ฉีฉีเก๋ออุ้มเป่ารื่อน่าลุกขึ้นยืนเพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

“ฉางชิงซาน เป่ารื่อน่านายก็ได้เจอแล้ว หลังจากนี้ฉันไม่ตัดสิทธิ์การเยี่ยมเยียนเป่ารื่อน่าของนาย ถ้านายคิดถึงเป่ารื่อน่าก็โทรหาฉัน ฉันไม่ขัดขวางสองพ่อลูกเจอกันแน่นอน!”

พี่รองฉีฉีเก๋อถลึงตาใส่น้องสาวอย่างไม่พอใจ พ่อสารเลวแบบนี้มีอะไรให้เจอกัน!

น้องสาวของเขาใจอ่อนเกินไปถึงได้โดนเอาเปรียบตลอด แถมไม่หลาบจำอีกต่างหาก

“เป่ารื่อน่า นี่พ่อไง…พ่อซื้อตุ๊กตาบาร์บี้มาให้ลูกด้วย ลูกดูสิ…เจ้าหญิงสโนไวท์ที่ลูกชอบที่สุดไง!”

ฉางชิงซานหยิบกล่องตุ๊กตาบาร์บี้ชุดหนึ่งจากกระเป๋าด้านหลังออกมาวางตรงหน้าเป่ารื่อน่า แต่เพราะการกระทำที่บุ่มบ่ามไปเลยเรียกให้เป่ารื่อน่าไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกชอบแต่ยังสะดุ้งเฮือกใหญ่ร้องไห้หนักกว่าเดิม สองมือเล็กปัดป่ายไปมาไม่หยุด ปากเรียกร้องแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว

หัวใจของฉางชิงซานราวกับถูกแช่เป็นน้ำแข็งเย็นเข้ากระดูก ความอาฆาตในแววตามากขึ้นเรื่อย ๆจนดวงตาแดงก่ำ

ฉีฉีเก๋อกับพี่รองของเธอมัวแต่สนใจเป่ารื่อน่าจึงไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของฉางชิงซาน

เสี่ยวเป่าที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นพลันสีหน้าเปลี่ยนไป จมูกสูดฟุดฟิดแล้วเงยหน้าบอกเหมยเหมย “คุณน้า ผู้ชายคนนั้นกำลังจะทำเรื่องไม่ดี!”

เขาได้กลิ่นอายตุ ๆบางอย่างจากตัวฉางชิงซาน แต่เขาบอกไม่ถูกว่าคืออะไร อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ของดี

เหมยเหมยตกใจใหญ่ “แน่ใจเหรอ?”

“อื้ม!”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าแรง ๆ ท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม

ทางฉางชิงซานยังตามตื๊อเป่ารื่อน่ากับฉีฉีเก๋อไม่ห่าง เอาแต่ร่ำร้องเว้าวอนแต่ดวงตาของเขากลับแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ…

“ฉางชิงซานนายไม่ต้องพูดอีกแล้ว เรามาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวและเลือดเย็นของนาย ฉันไม่มีวันยกโทษให้นายตลอดชีวิต ถอยไป!”

ฉีฉีเก๋อตวาดเสียงเข้มอย่างไม่คิดจะปกปิดความรังเกียจของเธอ ฉางชิงซานในตอนนี้ตามเกาะติดเหมือนปลิงจนน่าขยะแขยง

“แกยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า? รีบถอยไป ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

ความอดทนของพี่รองฉีฉีเก๋อมาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาชูกำปั้นข่มขู่

ฉางชิงซานตาสีแดงเข้มสอดมือเข้ากระเป๋าแล้วเผยยิ้มบิดเบี้ยว “ในเมื่อพวกเธอไม่เมตตา ก็อย่าว่าฉันไม่มีคุณธรรมแล้วกัน…”

เล่อเล่อที่นั่งทานเค้กอย่างใจจดจ่อมาโดยตลอดลุกพรวด แล้วกลิ้งพุ่งไปหาฉางชิงซานเหมือนลูกบอลเล็ก ๆ

………………………….

ตอนที่ 2650 ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จดันพลาดทำร้ายตัวเองแทน

“เจ้าคนชั่ว…”

เล่อเล่อวิ่งเข้าไปพร้อมตะโกนอย่างรวดเร็วเหมือนพายุลูกเล็ก ๆ ไม่นานก็พุ่งไปอยู่ข้างหน้าฉางชิงซาน

ฉางชิงซานล้วงเอาขวดพลาสติกสีดำขวดหนึ่งจากกระเป๋าที่เพิ่งเปิดฝาขวดออกแต่ก็ถูกเล่อเล่อพุ่งชนใส่ร่างเต็มเปา

หลายเดือนที่ผ่านมาเล่อเล่อตัวโตขึ้นไม่น้อยซึ่งแน่นอนว่าแรงก็เยอะกว่าเดิมไม่น้อยเช่นกัน แม้ฉางชิงซานจะตัวใหญ่แต่ก็รับแรงกระแทกนี้ไม่ไหวทำให้เจ้าตัวล้มไปข้างหน้า

ฉางชิงซานไม่อาจทรงตัวได้ไหวจึงล้มตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วง แต่มือเขายังกำขวดพลาสติกสีดำไว้แน่นทำให้ของเหลวข้างในหกออกมาตามแรงสะเทือน

“อ๊าก…หน้าของฉัน…เจ็บ…เจ็บจัง…”

ฉางชิงซานร้องโหยหวนขึ้นในทันทีด้วยเสียงสุดสยอง ทำเอาทุกคนตกใจกันใหญ่

“ใช้ไม่ได้เลย ก็แค่ล้มไม่ใช่หรือไงถึงกับต้องตะโกนขนาดนั้นเลยเหรอ? คิดจะหาเรื่องกันหรือไง ฉันไม่ตกหลุมพรางของแกหรอกนะ!”

พี่รองฉีฉีเก๋อมองเหยียดฉางชิงซานที่อยู่บนพื้น เพราะเอาหน้าจุ่มพื้นดังนั้นทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของฉางชิงซาน!

“เจ็บ…ฉันมองไม่เห็นแล้ว…รีบพาฉันไปโรงพยาบาลที…”

ฉางชิงซานร้องคร่ำครวญไม่หยุดเจ็บจนกลิ้งเกลือกบนพื้นไปมาอย่างแรง ขวดพลาสติกสีดำร่วงตกพื้นทำให้ของเหลวข้างในสาดกระเซ็นออกมา ไม่นานก็ทำพื้นจากวัสดุไม้ภายในร้านกาแฟละลายพลางส่งกลิ่นฉุนลอยเตะจมูก

“แย่ละ นี่คือน้ำกรด…”

เหมยเหมยรู้ก่อนใคร ของเหลวในขวดพลาสติกสีดำนั่นคือน้ำกรดอย่างชัดเจน

ทุกคนตกใจยกใหญ่พลางถอยกรูดไปด้านหลัง เหมยเหมยรุดหน้ากระชากตัวเล่อเล่อพร้อมเสี่ยวเป่าไปไว้ด้านหลัง ฉางชิงซานนอนกลิ้งไปมาบนพื้นคนเดียวไม่มีใครสนใจ

เห็นได้ชัดว่าฉางชิงซานคิดจะสาดน้ำกรดใส่ฉีฉีเก๋อ ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จดันพลาดทำร้ายตัวเองแทน รับกรรมเองไปเต็ม ๆ!

สมน้ำหน้า!

ฉีฉีเก๋อกอดเป่ารื่อน่าไว้แน่นอย่างรู้สึกกลัวไม่หาย ถ้าเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะเล่อเล่อพุ่งเข้าชนฉางชิงซานจนล้มลงไป คนที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้คงเป็นเธอกับเป่ารื่อน่าแล้ว

เธอเสียโฉมยังไม่เป็นไรแต่เป่ารื่อน่ายังไม่ทันเริ่มต้นใช้ชีวิตเลย ถ้าเสียโฉมไปจริง ๆ ชีวิตของเป่ารื่อน่าก็จบลงแล้ว!

“ฉางชิงซานนายมันไม่ใช่คน นายมันใจเหี้ยมเหลือเกิน…เป่ารื่อน่าคือลูกสาวแท้ ๆของนายนะ นายทำได้ลงคอได้อย่างไรกัน?”

ฉีฉีเก๋อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธอ้าปากด่าทอไม่ยั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวน้ำกรดในมือฉางชิงซาน ฉีฉีเก๋อนึกอยากซ้อมไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ให้ตาย ๆไปเสีย!

เจ้าของร้านกาแฟก็ตกใจไม่แพ้กันจึงรีบโทรแจ้งความทันที ไม่นานตำรวจก็มาถึงก่อนพาตัวฉางชิงซานไป

พวกเขาก็ตามไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจเช่นกัน เพราะขณะที่เกิดเรื่องมีลูกค้าในร้านกาแฟพอดีจึงมีพยานบุคคลหลายคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

พวกฉีฉีเก๋อกับเหมยเหมยอธิบายความสัมพันธ์กับฉางชิงซานอย่างรวบรัดแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป

อาการของฉางชิงซานสาหัสมาก ใบหน้าครึ่งขวาจนถึงลำคอเกิดแผลเพราะฤทธิ์กรด ดวงตาข้างขวามีความเป็นไปได้ที่จะบอด

เดิมทียังเป็นคนที่หน้าตาดีแต่ต่อจากนี้กลายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์แล้ว หนำซ้ำยังเป็นคนพิการอีกด้วย

แต่ฉางชิงซานไม่น่าเห็นใจเลยสักนิดเดียว จุดจบในวันนี้เกิดขึ้นเพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น แล้วจะไปโทษใครได้

“ฉันจะโทรหาทนายกัวเดี๋ยวนี้ ให้เธอเจรจากับทางศาลตัดสิทธิ์ผู้ปกครองของฉางชิงซาน สัตว์เดรัจฉานแบบนี้อย่าคิดจะเจอเป่ารื่อน่าอีกเลยตลอดชีวิต!”

กระทั่งตอนนี้ฉีฉีเก๋อยังกลัวไม่หายและแค้นฉางชิงซานมากกว่าเดิม นึกอยากให้ไอ้สารเลวนี่ทุกข์ทรมานถูกตัดลิ้นลงกระทะทองแดงในนรกขุมที่สิบแปดทั้งวันทั้งคืน

การเจรจากับทางศาลผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพราะฉางชิงซานใช้น้ำกรดจู่โจมสองแม่ลูกฉีฉีเก๋อ ทางสถานีตำรวจก็มีบันทึกคดีไว้จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาใด ๆอีก ฉางชิงซานจึงถูกตัดสิทธิ์ผู้ปกครองไปแล้ว

นอกจากนี้เขายังต้องได้รับโทษจำคุกที่แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆหนึ่งปีแต่ก็พอจะเห็นอนาคตของชีวิตเขาแล้ว

……………

Related

ตอนที่ 2647 ยากจนข้นแค้น

ฉีฉีเก๋อเปลี่ยนใจหลังโดนเหมยเหมยด่าไปยกหนึ่ง

“ขายได้สิบล้านจริงเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำท่าไม่ค่อยเชื่อ

บ้านที่ฉางชิงซานซื้อเสียเงินค่าตกแต่งไม่ถึงหนึ่งล้านแถมชุมชนนั่นยังอยู่วงแหวนรอบสี่ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไกลไปสักหน่อยถึงได้ขายราคาถูก แล้วจะราคาสิบล้านได้อย่างไร?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังไม่รู้ว่ารออีกไม่กี่ปีอย่าว่าแต่วงแหวนรอบสี่เลย ขอแค่เป็นบ้านตั้งอยู่ภายในวงแหวนห้าก็ราคาสูงเสียดฟ้า ชุมชนที่ไกลกว่านี้ก็แทบจะอยู่ติดเหอเป่ยแล้ว!

“ไม่เชื่อสินะ…งั้นตอนนี้ฉันซื้อบ้านหลังนั้นด้วยเงินสองล้าน ถ้าฉันขายได้สิบล้าน ฉีฉีเก๋อเธออย่าเสียใจทีหลังเชียว!” เหมยเหมยเอ่ยอย่างไม่พอใจน้อย ๆ

ฉีฉีเก๋อพรูลมหายใจโล่งอกเหมือนได้รับการปลดปล่อย “ไม่ต้องสองล้านหรอก ฉันขายให้เธอล้านเดียว ต่อให้วันหน้าเธอขายได้ยี่สิบล้านฉันก็ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน แค่นึกถึงบ้านหลังนั้นฉันก็กลัวไปหมด ต่อให้ราคาดีแค่ไหนฉันก็ไม่เอา!”

เดิมทีเหมยเหมยแค่พูดเล่น ๆแต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉีฉีเก๋อจะคิดจริง เงินหนึ่งล้านใช้เวลาไม่ถึงสองปีเธอก็หามาคืนได้แล้ว

“เธอต้องคิดให้ดีนะ ฉันไม่ได้โกหกเธอจริง ๆ บ้านหลังนั้นอนาคตอย่างน้อยก็ขายได้สิบล้าน มีแต่จะมากไม่มีทางน้อยกว่านี้แน่!”

“คิดดีแล้ว ไม่ว่าราคาดีแค่ไหนฉันก็ไม่เอา หรือว่าฉันให้เธอฟรี ๆเลยดีกว่า ไม่รับเงินสักหยวนเดียว!” ฉีฉีเก๋อคิดว่าถ้าให้ฉางชิงซานสู้มอบให้เพื่อนสนิทยังจะดีกว่า!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พยักหน้าแรง ๆ ไม่ต่างกัน “ใช่…ยังไงซะก็ห้ามคืนให้ฉางชิงซาน เหมยเหมยเธอไม่กลัวก็รับไว้สิ!”

เหมยเหมยทั้งนึกขำทั้งโกรธ “ถ้าเธอไม่เอาจริง ๆงั้นฉันซื้อต่อนะ ตกลงไว้แล้วว่าสองล้านก็คือสองล้าน อย่ามาเถียงฉันเลย พวกเธอรู้ว่าฉันไม่ขาดแคลนเงินแค่นี้หรอกน่า”

เงินสองล้านเธอใช้เวลาไม่กี่ปีก็หาคืนมาได้แล้ว เป็นการค้าขายที่มีแต่จะได้กำไร!

แต่ฉีฉีเก๋อกลับไม่ยอมรับเงินสองล้านนั้นไว้ สุดท้ายยอมรับไว้เพียงล้านเดียวซึ่งเหมยเหมยก็คร้านจะเถียงกับเธอต่อ ไว้ค่อยชดเชยให้เธอวันหน้าแล้วกัน ไม่จำเป็นต้องรีบเอาตอนนี้ก็ได้

อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เรื่องชั่วร้ายที่คนตระกูลฉางสร้างเอาไว้ก็ค่อย ๆจางหายไป ตอนนี้ฉีฉีเก๋อเป็นศิลปินอยู่พิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่า รูปวาดของเธอมีชีวิตชีวาบวกกับคำแนะนำอย่างดีจากเหยียนซินหย่าเลยทำให้ไม่นานก็โดดเด่นท่ามกลางศิลปินวัยหนุ่มสาวที่นับว่าพอมีชื่อเสียงเล็กน้อย

ชีวิตดำเนินไปอย่างราบเรียบและมีความสุข…

“ฉางชิงซานโทรมาขอเจอเป่ารื่อน่า ฉันไม่รู้ว่าควรตอบตกลงไปหรือเปล่า”

วันหนึ่งขณะที่เพื่อนนัดเจอกันในร้านกาแฟ ฉีฉีเก๋อก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าชั่งใจ

“เจออะไร ตอนแรกเขาไม่เคยเห็นเป่ารื่อน่าเป็นลูกสาวแท้ ๆอยู่ก่อนแล้ว อย่าไปเจอ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคัดค้านสุดแรง

ฉางชิงซานในตอนนี้บอกได้เลยว่ายากจนข้นแค้น แผนถ่ายทำหนังใหม่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เดิมทีฉางชิงซานคิดจะหาผู้ลงทุนใหม่ แต่นักเขียนบทที่เขาเล็งเอาไว้บอกว่าไม่อยากให้เขาถ่ายทำแล้วเพราะเขาเจอผู้ซื้อที่ดีกว่า

จากนั้นคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเขาก็ถูกแฉออกมาว่าสามคนสมาชิกครอบครัวเข่นฆ่ากันเองจนทำเอาคนฟังขนลุกพลางลือกันว่าเป็นเพราะโรคประสาทที่ถูกสืบทอดทางพันธุกรรมของครอบครัวฉางชิงซาน แถมยังเป็นการฆ่าที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ด้วยเหตุนี้เพื่อน ๆรอบตัวต่างก็ตีตัวออกห่างจากฉางชิงซาน

ใครจะอยากคบเพื่อนที่ป่วยเป็นโรคประสาทพร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อกันล่ะ ใช่ว่าอยากรนหาที่ตายสักหน่อย!

ฉางชิงซานที่ไม่หลงเหลืออะไรก็สูญเสียที่พึ่งอันน้อยนิดสุดท้าย—สายสัมพันธ์ของคนรู้จัก!

เขาไม่เหลือที่ยืนในเมืองหลวงอีกต่อไปกลายเป็นสุนัขจรจัดไร้ที่ซุกหัวนอน เทียบไม่ได้กับช่วงที่เขาเพิ่งเรียนจบหมาด ๆด้วยซ้ำ!

“ให้เขาเจอหน่อยแล้วกัน ในเมื่อเป็นพ่อแท้ ๆของเป่ารื่อน่า แต่เธอต้องมีคนไปด้วย เผื่อหมอนั่นคิดจะทำอะไรอีก!” เหมยเหมยพูดเตือน

ฉีฉีเก๋อพยักหน้าศีรษะ “ฉันก็คิดไว้อย่างนั้นเหมือนกัน ถึงตอนนั้นพี่รองจะไปเป็นเพื่อนฉัน”

“งั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว!”

เหมยเหมยวางใจทันที พี่รองของฉีฉีเก๋อมีรูปร่างบึกบึนแข็งแรง ต่อให้มีฉางชิงซานสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา ไม่มีทางเป็นอะไรไปได้หรอก!

…………………………..

ตอนที่ 2648 ความโหดร้ายบนโลกใบนี้

ฉางชิงซานเป็นคนกำหนดจุดนัดพบซึ่งก็คือร้านกาแฟแห่งหนึ่งละแวกบ้านเก่าที่ฉางชิงซานเคยอาศัย ฉีฉีเก๋อพาเป่ารื่อน่ากับพี่รองของเธอไปด้วย

เหมยเหมยยังไม่ค่อยวางใจ อย่างไรเสียเธอก็ว่างเลยพาเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อไปด้วย แต่ไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับฉีฉีเก๋อแต่เลือกที่จะนั่งโต๊ะอีกฟากที่ห่างออกไปหลายโต๊ะ

ฉีฉีเก๋อตั้งใจมาถึงก่อนเวลานัด คนในร้านไม่มากเท่าไรที่ผ่านไปสักพักฉางชิงซานก็มาถึง

ในเวลาสั้น ๆเพียงไม่กี่วันฉางชิงซานเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หนวดยาวเฟิ้มผมเผ้ายุ่งเหยิงจนดูมีอายุมากกว่าเดิมสิบกว่าปี

เห็นเป่ารื่อน่าในอ้อมแขนของฉีฉีเก๋อฉางชิงซานก็เค้นรอยยิ้มออกมา ยื่นมือออกไปหมายจะอุ้มแต่เป่ารื่อน่าตกใจจนร้องไห้และพยายามซุกอกฉีฉีเก๋อเพราะลืมฉางชิงซานไปตั้งนานแล้ว

“เป่ารื่อน่า นี่พ่อไง พ่อของลูก…”

ฉางชิงซานรู้สึกปวดใจ แม้แต่ลูกสาวยังจำเขาไม่ได้ เขาในตอนนี้ยังไม่เทียบเท่าสุนัขข้างถนนเลย

เป่ารื่อน่าส่ายศีรษะอย่างแรง เธอไม่มีความทรงจำใดเกี่ยวกับคุณพ่อและไม่ได้เฝ้าคอยที่จะได้เจอเลย ภายในใจของเธอคุณพ่อยังไม่ดีเท่าคุณลุง คุณลุงพาเธอออกไปทานของอร่อย ๆทุกวัน แถมยังพาเธอไปเที่ยวสวนสนุก แต่คุณพ่อไม่เคยเลยสักครั้ง

“ไม่เอาคุณพ่อ…จะเอาคุณแม่…จะเอาคุณลุง…” เป่ารื่อน่าพยายามหลบมือฉางชิงซาน แม้เสียงจะเบาแต่ฉางชิงซานกลับได้ยินชัดเต็มสองหูเลยสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน

“เป่ารื่อน่า….ใครสอนลูกพูดแบบนี้?” ฉางชิงซานถามเสียงเข้ม ร่างน้อย ๆของเป่ารื่อน่าสั่นเทา ตกใจจนไม่กล้าหันไปมองยิ่งกว่าเดิม

ฉีฉีเก๋อกอดลูกสาวไว้แน่นแล้วปั้นหน้าเย็นชาตวาดถาม “นายจะดุเป่ารื่อน่าทำไม? เด็กยังต้องให้สอนเหรอ? ใครดีกับเธอใครไม่ดีกับเธอ เป่ารื่อน่ารู้ดีอยู่แก่ใจ นายลองถามตัวเองนะว่านายเคยรับผิดชอบอะไรเป่ารื่อน่าบ้าง?”

ฉางชิงซานสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อยแต่ไฟโทสะในใจกลับลุกโชนกว่าเดิม เขาไม่แสดงออกทางสีหน้าสักนิดและเลือกจะชักมือขวากลับไปสอดเข้ากระเป๋าเสื้อโค้ทพร้อมกำหมัดไว้แน่น

“ฉีฉีเก๋อ เมื่อก่อนฉันผิดไปแล้ว เธอให้โอกาสฉันสักครั้งนะ…ฉันจะแก้ตัว…จะพาเป่ารื่อน่าออกไปเที่ยวทุกวัน ทำงานบ้าน…เธอเชื่อฉันนะ ฉันจะปรับปรุงตัวแน่ ๆ…”

ฉางชิงซานอ้อนวอนขอร้อง หลายวันมานี้เขาได้ลิ้มรสความโหดร้ายของโลกใบนี้มาทุกรูปแบบ กลุ่มเพื่อนในรายชื่อผู้ติดต่อไม่ยอมรับสายเขาสักคน หนังเรื่องใหม่ยิ่งเงียบกริบไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ช่วงนี้เขาพักที่โรงแรมไม่มีรายได้เข้า ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมกับเครื่องประดับจำนวนหนึ่งเขาคงไม่มีแม้แต่เงินกินข้าวด้วยซ้ำ

แต่นี่ไม่ใช่แผนระยะยาว เสื้อผ้ามือสองกับเครื่องประดับกระเป๋าขายได้ไม่เท่าไร ฉางชิงซานครุ่นคิดอยู่หลายวัน คิดว่าการกลับไปคืนดีกับฉีฉีเก๋อเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ถ้าฉีฉีเก๋อไม่ตอบตกลง…ก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายแล้วกัน!

อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในเหวลึกไม่อาจผงาดกลับมาได้แล้ว งั้นลากอีกคนมาอยู่เป็นเพื่อนก็ถือว่าได้กำไรแล้วล่ะ

ฉีฉีเก๋อมองฉางชิงซานที่เหมือนกำลังส่ายหางทำตัวน่าสงสารอยู่ตรงหน้าเธออย่างเย้ยหยัน มาเสียใจภายหลังเอาป่านนี้จะมีประโยชน์อะไร?

เธอไม่สนใจแล้ว ตอนนี้เธอกับลูกสาวใช้ชีวิตอยู่กันอย่างสุขสบายดี มีความสุขมากกว่าชีวิตที่เหมือนเป็นหญิงแก่หน้าหม่นแต่ก่อนมากโข ตอนนี้เธอคงน้ำเข้าสมองหากตกหลุมพรางอีกครั้ง!

“ฉางชิงซาน นายหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า คิดจริง ๆหรือว่าไปจากนายแล้วใครก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้น่ะ? ฉันมีเงินมีบ้านมีงานทำ มีความสุขสำราญดี ทำไมฉันต้องกลับไปคืนดีกับนายด้วย?” ฉีฉีเก๋อพูดประชด

“เพื่อเป่ารื่อน่าจะได้เติบโตอย่างแข็งแรง เธอต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ ฉีฉีเก๋อเธอต้องคิดเผื่อเป่ารื่อน่า…”

ฉางชิงซานรู้สึกแค้นจับใจ เงินและบ้านเหล่านั้นทั้งหมดเป็นของเขานะ!

…………

Related

ตอนที่ 2645 สามชีวิต

คุณยายข้างบ้านเดินตามเข้ามาด้วยความสงสัยกรีดร้องแล้วรีบปิดตาหลานชายตัวน้อยเป็นอันดับแรก แม้ตัวเองจะตกใจจนหน้าซีดแต่ก็ฝืนทนพาอุ้มหลานชายกลับบ้านจนได้ พอถึงบ้านแข้งขาก็อ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่

“โอ๊ย…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…น่ากลัวจัง…นี่เกิดเรื่องอะไรกันแน่…”

คุณยายนึกอยากร้องไห้ ทำไมบ้านเธอโชคร้ายต้องมาเป็นเพื่อนบ้านกับครอบครัวนี้ด้วยนะ บ้านหลังดี ๆกลายเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมเสียได้ บ้านของเธอยังมีเด็กเล็กอยู่นะ!

พวกเหมยเหมยเองก็เบียดตัวเข้าไปซึ่งต่างตกใจยกใหญ่เมื่อเห็นสามคนบนพื้นเช่นกัน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขี้กลัวที่สุดรีบเอามือปิดหน้ากรีดร้อง ฉีฉีเก๋อรั้งเธอมากอดไว้

ตาแก่ฉางกับยายแก่ปีศาจรวมถึงสาวน้อยคนหนึ่งนอนนิ่งจมกองเลือด เลือดบนพื้นแห้งกรังหมดแล้วจนกลายเป็นสีแดงเข้ม พื้นทั่วทั้งห้องนั่งเล่นก็เต็มไปด้วยรอยเลือดน่าสยดสยอง

ตาแก่ฉางมีมีดผลไม้ปักอยู่ตรงท้องโดยใช้สองมือกำด้ามมีดไว้แน่น ยายแก่ปีศาจกับน้องสาวถูกมีดแทงตามตัวหลายจุด น้องสาวล้มนอนอยู่ตรงประตูซึ่งคาดว่าจะหนีออกไปขอความช่วยเหลือแต่ไม่ทัน

ยายแก่ปีศาจล้มตัวนอนอยู่ใต้โซฟาที่ไม่ห่างจากตาแก่ฉางนัก ใบหน้าขาวซีดเบิกตาโพลงสิ้นลมหายใจไปนานแล้ว ใบหน้ายังคงความหวาดกลัวปนตกใจไว้

ชัดเจนมากว่าตาแก่ฉางฆ่าภรรยากับลูกสาวก่อนฆ่าตัวตายตาม!

ไม่นานตำรวจก็เดินทางมาถึง ฝ่ายชันสูตรตรวจสอบครบทั้งสามคนก็ส่ายศีรษะ “เวลาที่เสียชีวิตอย่างน้อยก็เมื่อสามวันก่อน!”

สามวันก่อนซึ่งเป็นวันที่ฉีฉีเก๋อกำลังสู้คดีกับฉางชิงซานพอดี ตาแก่ฉางกับยายแก่ปีศาจไม่มีใครไปแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้ขึ้น…ถึงจะน่าตกใจแต่ก็อยู่ภายในขอบเขตที่คาดคิดเอาไว้ได้

ตาแก่ฉางให้ความสำคัญทางสายเลือดที่สุด ตอนนี้ลูกชายกับลูกสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากไม่ใช่ลูกของเขาทั้งคู่ เขาดูแลลูกคนอื่นอย่างยากลำบากโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องแบบนี้ต่อให้เกิดขึ้นกับผู้ชายคนไหนก็ไม่มีใครรับได้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นตาแก่ฉางผู้มีนิสัยอ่อนแอขี้ขลาดด้วย!

เขาคลุ้มคลั่งถึงขั้นแทงลูกในท้องเจินหวานหว่านได้ก็กล้าฆ่าคนเช่นกัน…ความจริงมีสัญญาณเตือนแต่แรกแล้วเพียงแต่ฉางชิงซานไม่ใส่ใจเท่านั้นเอง กลับกล้าให้ตาแก่ฉางอยู่บ้านต่อไป!

ต้นสายปลายเหตุของคดีชัดเจนมากว่าตาแก่ฉางฆ่าสองคนแล้วฆ่าตัวตายตาม สั้น ๆง่าย ๆ ไม่มีจุดน่าสงสัยตรงไหน ทางสถานีตำรวจโทรแจ้งฉางชิงซานให้เขารีบกลับมาจัดการเรื่องคนในครอบครัว

พวกเหมยเหมยสามคนก็ออกไปจากตรงนี้แล้วเช่นกัน พวกเขาต่างรู้สึกหนักอึ้งเพราะพวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดผลแบบนี้

“เราทำเกินไปหรือเปล่า?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัวสั่นน้อย ๆด้วยใบหน้าซีดเซียว

ยายคนนี้ถึงจะปากคอเราะร้ายแต่ดันขี้ขลาดไม่น้อย แม้แต่ละครเหลียวไจ[1]ยังไม่กล้าดูคนเดียว ดันมาเห็นภาพเหตุฆาตกรรมสุดสยองแบบนี้เกรงว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องฝันร้ายไปทั้งเดือนแน่!

ฉีฉีเก๋อก็ทำหน้าไม่สู้ดีเท่าไร เธอไม่กลัวแต่เธอรู้สึกแย่จับใจ…เธอไม่เคยคิดจะให้คนตระกูลฉางตาย ต่อให้ฉางชิงซานเลวขนาดนี้เธอก็ไม่เคยคิดจะให้ฉางชิงซานตาย!

แต่ตอนนี้…

สามชีวิตตายจากไปแล้ว!

หนำซ้ำยังเป็นอดีตพ่อแม่กับน้องสาวสามี ฉีฉีเก๋อได้รับความสะเทือนใจอย่างรุนแรงและเธอก็เห็นด้วยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ถ้าพวกเธอไม่เปิดโปงเรื่องราวชีวิตของฉางชิงซานบางทีอาจจะไม่เกิดเหตุนองเลือดนี้ขึ้นก็ได้

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี แม้พวกเธอไม่ได้เป็นคนฆ่าแต่การตายกลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเธอไม่มากก็น้อย ต่อให้ตาแก่ฉางกับยายแก่ปีศาจไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่น้องสาวดันตายอย่างไม่ยุติธรรม เฮ้อ!

“อย่าไปคิดมากเลย กลับไปต้มใบส้มโอชำระล้างความซวยออกจากตัวเถอะ ต้นเหตุทั้งหมดอยู่ที่ฉางชิงซานกับแม่ของเขา จะโทษก็โทษพวกเขาเถอะ!”

เหมยเหมยกัดฟันกล่าว ทำใจอยู่นานถึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง!

……………………..

[1] เหลียวไจจื้ออี้ หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่าโปเยโปโลเย เป็นนิยายที่แต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิงจากเรื่องเล่าของจีน ภายหลังถูกนำมาสร้างเป็นละครภาพยนตร์

ตอนที่ 2646 ที่น่ากลัวที่สุดคือผียาจก

ฉางชิงซานรีบเดินทางกลับมาในสภาพมอมแมม เขาวนเวียนอยู่ในมณฑลเล็ก ๆนั่นสามวันซึ่งตามหาไม่เจอแม้แต่ประตูหน้าบ้านท่านประธานต้วนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่ยอมแพ้หมายจะตามหาต่อไปแต่กลับได้รับสายจากสถานีตำรวจ เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดอออกจากร่าง

เขาออกไปข้างนอกแค่สามวันทำไมที่บ้านถึงเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นได้?

เขามองศพร่างเย็นเฉียบสามศพในตู้แช่ ฉางชิงซานหน้าเศร้าหมองและนิ่งงันไป

ก่อนออกจากบ้านยังมีชีวิตอยู่ดิบดี ตอนนี้กลับ…ฉางชิงซานเอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวดปนระอาใจ รู้สึกเจ็บตรงหัวใจเพราะแม้เขาจะมีจุดที่ไม่พอใจต่อคนในครอบครัวบ้าง ไหนจะตาแก่ฉางก็ไม่ใช่พ่อแท้ ๆของเขาอีกต่างหาก…ทว่าเรียกคุณพ่อมาตั้งหลายปี น้องสาวก็เป็นน้องสาวที่เฝ้ามองมาตั้งแต่เด็ก…

จะไม่มีความผูกพันได้อย่างไร?

จู่ ๆก็หายไปทั้งบ้าน…เหลือเพียงเขาคนเดียว…หนังเรื่องใหม่ก็จบเห่แล้ว

ฉางชิงซานที่รู้สึกเศร้าโศกพานร้องไห้อย่างเสียใจยิ่งกว่าเดิม คิดไม่ตกว่าเรื่องมาจุดนี้ได้อย่างไร?

ทั้งที่เขาจินตนาการไว้อย่างสวยงามขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์กลับน่าเศร้าถึงเพียงนี้!

ภรรยาลูกสาวไม่มีแล้ว บ้านและเงินในบัญชีไม่มีแล้ว พ่อแม่น้องสาวไม่มีแล้ว หน้าที่การงานก็ไม่มีแล้ว…เขาในตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่างเดียว เหลือเพียงตัวคนเดียวที่เหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต

สามปีมานี้เหมือนเป็นเพียงความฝันอันงดงามของเขา จากนั้นก็ตื่นจากฝัน…กลับมาจุดเดิมอีกครั้ง เขาฉางชิงซานยังคงเป็นหนุ่มยาจกที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ไม่ ตอนนั้นเขายังมีฉีฉีเก๋อ มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ยอมลำบากไปพร้อมกับเขา แต่ตอนนี้…เขาแยกทางกับฉีฉีเก๋อไปแล้ว!

กระทั่งเวลานี้…ฉางชิงซานถึงเพิ่งนึกเสียใจภายหลังอย่างแท้จริง สิ่งดี ๆที่ฉีฉีเก๋อมีต่อเขาค่อย ๆฉายในหัวทีละนิด ทั้งที่สามปีนี้แม้แต่หน้าตาของฉีฉีเก๋อยังพร่ามัวไปจากความทรงจำของเขาเลย แต่รายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆเหล่านี้เขายังจำได้ดี ชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือนกำลังเปิดหนังให้ดูก็ไม่ปาน

“อ๊าก…ฉันทำบ้าอะไรลงไป?”

ฉางชิงซานร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดพลางเอาศีรษะชนกำแพงไม่หยุดหย่อน

บ้านอีกสองหลังถูกโอนมาอยู่ภายใต้ชื่อของฉีฉีเก๋อแล้ว มีเพียงบ้านหลังใหญ่ที่สุดยืดเยื้อเวลาอยู่สักพักถึงทำเอกสารเสร็จสิ้นเพราะคดีฆาตกรรม แต่ฉีฉีเก๋อคิดอยู่นานสุดท้ายเธอตัดสินใจไม่รับมันไว้

“ฉันแค่คิดว่าบ้านหลังนั้นเคยมีคนตายข้างใน แล้วยังเป็นคนตระกูลฉางอีกยังสยองไม่หายเลย ถึงฉันจะได้บ้านหลังนั้นมาก็ไม่สบายใจอยู่ดี คืนให้ฉางชิงซานไปเถอะ!” ฉีฉีเก๋อปรึกษากับพวกเหมยเหมย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าดูไม่ดีนัก หลายวันมานี้ต่อให้มีอิงจวี้กังอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกวันแต่เธอก็ไม่อาจนอนหลับเต็มอิ่มได้เลยสักคืน แค่หลับตาก็เห็นสามคนที่นอนจมในกองเลือดกำลังโบกมือที่อาบเลือดให้เธอ…

“ให้ไปเถอะ ๆ! บ้านหลังนั้นถึงขายได้สิบล้านฉันก็ไม่กล้าซื้อไว้หรอก เงินพวกนั้นได้มาก็ไม่สบายใจเปล่า ๆ ฉีฉีเก๋อเธอรีบคืนให้ฉางชิงซานไปเลย เราไม่ต้องเอาแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขอบตาดำปลายคางเรียวขึ้นจากเดิมเล็กน้อย แววตามีแต่ความหวาดกลัวแถมยังตัวสั่นไม่หาย

เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำ “ขนาดนี้เชียวเหรอ? แค่ตายไปสามคนเอง บ้านหลังนั้นขนาดร้อยห้าสิบตารางเมตรวาเชียว อีกไม่กี่ปีต้องราคาเกินสิบล้านแน่ พวกเธอทำใจได้เหรอ?”

ความจริงเธอยังพูดน้อยไป ราคาบ้านในเมืองหลวงอนาคตจะพุ่งสูงเร็วยิ่งกว่าจรวด บ้านที่ฉางชิงซานซื้อมีทำเลที่ตั้งดีไม่หยอก วันหน้ามีเงินยังหาซื้อได้ยากเลย วันหลังต่อให้ฉีฉีเก๋อไม่คิดจะทำงานต่อแล้ว ลำพังแค่บ้านสามหลังนี้ก็อยู่สบายไปทั้งชาติแล้ว!

“แต่มีคนตายนะ มีผีด้วย…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงสั่นเครือ

“มีผีบ้าบออะไร…ไม่ได้ให้พวกเธอไปอยู่เองสักหน่อย ทำความสะอาดตกแต่งใหม่ อีกไม่กี่ปีรอราคาบ้านสูงขึ้นก็ขายไป เงินนี้ก็ได้มาฟรี ๆ ทำไมพวกเธอไม่คิดเรื่องเงินบ้างล่ะ?”

เหมยเหมยโกรธจนเขกศีรษะทั้งคู่ไปคนละที ยามฐานะยากจนอย่าว่าแต่ตายไปสามคนเลย ต่อให้สามสิบคนก็ไม่น่ากลัว!

ผีที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือผียาจกต่างหาก!

………

Related

ตอนที่ 2643 ถอนการลงทุน

ไม่นานฉางชิงซานที่กดรับสายสีหน้าก็เปลี่ยนไปจากเดิม เจ้าตัวชะงักนิ่งถามซ้ำ ๆอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ประธานต้วน…ท่านว่ายังไงนะ? สองวันก่อนเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนนั้นฉันไม่รู้เรื่องบ้านนายนี่นา…นายว่านายมีชู้รักสักคนก็ช่างแต่ทำไมถึงไปทำเขาท้องได้ล่ะ แล้วยังคิดจะหย่ากับภรรยาอีกต่างหาก นายกำลังหาเรื่องให้ตัวเองชัด ๆ ไม่เข้าใจคำว่าธงแดงไม่ล้มธงสีพลิ้วไหว[1]หรือไง…”

ประธานต้วนบ่นไม่กี่ประโยคก็คร้านจะต่อปากต่อคำด้วย “พอเถอะ แค่นี้แล้วกัน ไว้มีโอกาสหน้าค่อยลงทุนหนังของนายอีก ครั้งนี้ช่างมันแล้วกัน!”

“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…”

เสียงวางสายดังแว่วมาจากปลายสายที่ทำให้ฉางชิงซานรับรู้ได้ว่า ผู้มีพระคุณของเขา…ทอดทิ้งเขาอย่างแท้จริงแล้ว!

ทั้งที่ตกลงกันไว้ว่าอีกสองวันจะเซ็นสัญญา แต่อยู่ดี ๆทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ?

ฉางชิงซานหวนนึกถึงเหตุผลที่ประธานบ่นใส่เขาก็มีน้ำโห คนสกุลต้วนนี่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า มีสิทธิ์อะไรมาว่าเขากัน?

นี่ต้องเป็นข้ออ้างแหง ต้องมีเหตุผลอื่นแน่ ๆ เขาต้องไปหาประธานต้วน เรื่องนี้จะจบลงแบบนี้ไม่ได้!

เขาจะกลับมาผงาดได้หรือไม่นั้น…ขึ้นอยู่กับหนังเรื่องนี้แล้ว!

เขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร!

ฉางชิงซานไม่สนใจคดีความอีกแล้วซึ่งตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามคำพิพากษา รอเขาประสบความสำเร็จเป็นผู้กำกับชื่อดังค่อยยื่นคำร้องขอสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรสาวกลับคืนมา แล้วบีบให้ฉีฉีเก๋อคืนบ้านและเงินในบัญชีมาทั้งหมดก็ได้!

เหอะ…เงินที่เขาอุตส่าห์หามาอย่างยากลำบาก ทำไมต้องให้คนนอกเอาเปรียบด้วย!

ขณะที่ฉางชิงซานเดินผ่านพวกเหมยเหมยสีหน้าก็ดูสับสนอย่างมากและแววตาแฝงด้วยความแค้นใจ พี่รองของฉีฉีเก๋อโชว์กำปั้นใส่เขา ฉางชิงซานสะดุ้งก่อนจะรีบเผ่นหนี

ครอบครัวนี้มันป่าเถื่อนกันทั้งครอบครัว เขาเป็นสุภาพบุรุษใช้ปากไม่ใช้กำลัง ไม่ถือสาคนป่าเถื่อนหรอก!

“พวกเธอว่าฉางชิงซานรีบร้อนไปทำอะไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสงสัยอย่างมาก

เหมยเหมยแค่นหัวเราะแล้วพูดเสียงเบา “สิ่งที่ทำให้เขาทิ้งทางนี้ได้นอกจากหนังใหม่แล้วจะมีอะไรได้อีกล่ะ ฉันเดาว่าผู้ลงทุนหนังใหม่ของเขาตามหาเขาแหละ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตามสืบรายชื่อผู้ลงทุนของฉางชิงซานได้อย่างง่ายดาย คนสกุลต้วนที่เป็นเจ้าของเหมืองซานซี เขาเป็นคนประเภทเงินเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลยมาลงทุนธุรกิจบันเทิงในเมืองหลวง ก่อนจะได้รู้จักกับฉางชิงซานโดยบังเอิญ

หนังหลายเรื่องก่อนหน้านี้ของฉางชิงซานล้วนได้เงินลงทุนจากประธานต้วนผู้นี้ ประธานต้วนได้ผลประโยชน์จึงตกลงให้การลงทุนหนังเรื่องใหม่ครั้งนี้อย่างไม่ลังเล แถมยังเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดอีกด้วย

เหมยเหมยเพียงหาคนไปตักเตือนประธานต้วน ประธานต้วนเป็นคนลื่นยิ่งกว่าปลาไหล มองปราดเดียวก็รู้ว่าเหมยเหมยไม่ใช่คนธรรมดาไหนจะมีตำแหน่งใหญ่โตอีกต่างหาก ต่อให้เขากล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าต่อกรกับนักการเมืองหรอก!

ประธานต้วนรู้ว่าฉางชิงซานไปล่วงเกินใครมา ต่อให้ฉางชิงซานจะสร้างผลตอบแทนแก่เขาได้อย่างมหาศาล ประธานต้วนก็จำต้องตัดใจเพราะชีวิตตนสำคัญกว่า!

ขณะเดียวกันเขาก็แอบดีใจที่วันนั้นเขาลืมตราประทับพอดี ไม่อย่างนั้นวันนั้นเขาดื่มหนักมากไม่แน่อาจจะถูกฉางชิงซานหว่านล้อมจนยอมเซ็นสัญญาอย่างแน่นอน!

ฉีฉีเก๋อชนะคดีก็ได้บ้านสามหลังเงินแปดแสนรวมถึงเป่ารื่อน่ามาครอบครอง

“ขอบคุณ…ขอบคุณพวกเธอมากนะ!”

ฉีฉีเก๋อสวมกอดเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแน่นแล้วหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ

ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือและกำลังใจจากเพื่อนสนิท เธอจะชนะคดีความได้สบาย ๆแบบนี้ได้อย่างไร และคงไม่มีทางอดทนมาถึงตอนนี้ได้แน่!

“ขอบคุณ…”

ลุงปาเกินกับทั้งครอบครัวเองก็แสดงความขอบคุณเหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตามฉบับคนมองโกลด้วยท่าทีจริงจัง

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลาไปประคองคนทั้งครอบครัวไว้ เพื่อนลำบากย่อมต้องให้การช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไมล่ะ!

………………………….

 ตอนที่ 2644 ไม่ออกจากบ้าน

เนื่องจากตามหาตัวฉางชิงซานไม่พบ ทางศาลที่รออยู่หลายวันก็ไม่เจอตัวฉางชิงซานสักทีจึงกระทำการพาคนไปบุกถึงบ้านเพื่อให้คนตระกูลฉางย้ายออกไป

พวกเหมยเหมยก็ไปด้วย หลังวันขึ้นศาลผ่านไปสามวัน สิ่งที่น่าสงสัยคือฉางชิงซานเหมือนหายไปจากโลกก็ไม่ปาน ไม่มีใครเห็นเขาปรากฏตัวเลย

“คงไม่ใช่ว่าคิดไม่ตกแล้วฆ่าตัวตายหรอกนะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดกระแนะกระแหน

“จะเป็นไปได้ยังไง ฉางชิงซานอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเดาว่าเขาไปตามหาเจ้าของเหมืองนั่นที่ซานซีแล้ว” เหมยเหมยคาดเดา

ภายหลังประธานต้วนรับรู้สถานะของเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งกลัว กลัวเหยียนหมิงซุ่นส่งคนมาเชิญเขาไปจิบน้ำชาจึงเผ่นแน่บกลับบ้านเกิดภายในชั่วข้ามคืน เขาคิดว่าอยู่บ้านเกิดสบายใจที่สุดแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นยังมีญาติมิตรสหายคอยช่วยเหลือบ้าง!

ฉางชิงซานตามไปถึงซานซีจริง ๆ เพียงแต่เขาไม่รู้รายละเอียดที่อยู่บ้านประธานต้วนเลยตามหาค่อนข้างลำบาก วนอยู่ในมณฑลเล็ก ๆแห่งนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอตัว!

เจ้าหน้าที่ศาลไปบ้านอีกสองหลังของฉางชิงซานก่อนซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก พบว่าบ้านถูกปล่อยเช่าออกไปทั้งหมด ฉีฉีเก๋อก็ไม่ได้ให้พวกเขาย้ายออกไปเพียงแต่บอกไปว่าหลังจากนี้ให้โอนเงินค่าเช่าเข้าบัญชีของเธอ แน่นอนว่าผู้เช่าไม่ติดอะไรอยู่แล้ว

สุดท้ายก็ไปบ้านที่เจินหวานหว่านอาศัยอยู่ ตอนนี้ทั้งครอบครัวยายแก่ปีศาจก็พักอยู่ที่นั่น

“หลายวันนี้เหมือนยายแก่ปีศาจไม่เคยออกจากบ้านเลยใช่ไหม รวมถึงตาแก่ฉางนั่นด้วย ฉันได้ยินพี่หนิวบอกว่าพวกเขาไม่เคยไปโรงพยาบาลเลยสักครั้ง ทิ้งเมียน้อยนั่นอยู่โรงพยาบาลเพียงลำพังร้องไห้จนตาเกือบบอดแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว

“สมน้ำหน้า…ในเมื่อเลือกจะเป็นเมียน้อย ตายไปก็สมควร!” เหมยเหมยด่าด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความรังเกียจอย่างยากจะปกปิด

“ใช่…เป็นเมียน้อยก็ต้องได้รับกรรมแบบนี้ ช่วงนี้พระเจ้าทำตัวดีไม่หยอกนี่นา สู้ต่อไปนะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแหงนหน้าพูดหยอกเย้าท้องฟ้าที่เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน

เจ้าหน้าที่ศาลที่เดินนำมาหยุดอยู่หน้าบ้านฉางชิงซาน กดกริ่งหน้าบ้านอยู่นานแต่ไม่มีใครมาเปิดประตู มียายแก่คนหนึ่งจากห้องฝั่งตรงข้ามเดินออกมาพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งดูท่าทางเตรียมจะไปเดินเล่นในชุนชม

พอเห็นคนมากมายยืนแออัดอยู่ตรงบันไดแล้วยังมีเจ้าหน้าที่ในชุดเครื่องแบบอีกเลยทำเอาคุณยายตกใจเฮือกใหญ่ จูงมือหลานชายตัวน้อยไม่กล้าเดินได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“ไม่เกี่ยวกับท่าน เชิญคุณยายเดินทางนี้เลย!” เจ้าหน้าที่ศาลอธิบายด้วยรอยยิ้ม คุณยายถึงได้ถอนหายใจโล่งอกไปที

เจ้าหน้าที่ศาลกดกริ่งไปอีกหลายทีก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู คุณยายเอ่ยขึ้น “บ้านนี้ไม่มีใครออกมาหลายวันแล้ว หลายวันก่อนเสียงดังมาก เสียงตุบตับ ๆทำเอาหลานชายฉันตกใจจนร้องไห้เลยทีเดียว…ฉันเดินไปเคาะประตูท้วงพวกเขาก็ไม่เปิดประตู…โอ๊ย…ไม่เคยให้บ้านไหนไร้มารยาทขนาดนี้มาก่อน…”

คุณยายว่าแล้วก็โมโห เดินไปบ่นกับเจ้าหน้าที่ศาลยกใหญ่

“หลายวันนี้ไม่ออกจากบ้านเลยเหรอ?” เจ้าหน้าที่ศาลถาม

“แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาออกมาเลย เมื่อก่อนยายแก่บ้านนี้ยังออกไปเต้นที่สวนสาธารณะทุกเช้า หลายวันนี้ไม่เห็นออกไปเลย ไม่เห็นไปซื้อผักด้วย จะว่าไปแล้วก็น่าแปลก ทำไมไม่ออกจากบ้านตั้งหลายวัน…”

เดิมทีคุณยายไม่คิดอะไรมากแต่ยิ่งพูดก็ยิ่งสงสัยจนทำหน้าหวาดกลัว แล้วกระซิบถามเสียงเบา “เอ่อ…คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ…”

เหมยเหมยใจหล่นวูบ เธอก็สังหรณ์ใจเช่นกัน ไม่ออกจากบ้านถึงสามวันแล้วไม่มีเสียงเคลื่อนไหวสักนิด เกรงว่าจะเกิดเรื่องแล้วจริง ๆ!

เจ้าหน้าที่ศาลทำการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน พลางเรียกช่างมาเปิดประตูและไม่นานประตูบ้านก็เปิดออก

ประตูเพิ่งเปิดออกกลิ่นคาวรุนแรงก็ปะทะเข้าจมูก พอทุกคนเห็นภาพสุดสยองภายในบ้านต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป

………………………

[1] เป็นสำนวนจีนสื่อว่าธงแดงคือภรรยา ส่วนธงสีคือชู้รัก หรือสามีที่รักใคร่กับภรรยาดีแต่แอบลักกินขโมยกินลับหลัง

Related

ตอนที่ 2641 พลิกผัน

ห้านาทีก่อนเริ่มพิพากษาฉางชิงซานเดินไปตรงหน้าฉีฉีเก๋อที่กำลังพูดคุยกับครอบครัวและเพื่อน ๆแล้วเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ฉีฉีเก๋อ หัวใจของฉันไม่เคยเปลี่ยนไปจริง ๆ ขอแค่ตอนนี้เธอถอนฟ้อง ความสัมพันธ์ของเราก็ยังเหมือนเดิมดีไหม?”

ฉีฉีเก๋อทำหน้านิ่งเอ่ยเสียงเย็น “ฉางชิงซานนายนี่มันหน้าด้านจริง ๆเลยนะ นอนกับผู้หญิงคนอื่นจนทำเขาท้องยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ? นายคิดว่าฉันโง่เหรอ?”

“นั่นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด…เข้าใจผิดจริง ๆ…”

ฉางชิงซานยังไม่ทันพูดจบดีกำปั้นขนาดใหญ่เท่าภาชนะเครื่องปั้นดินเผาก็กระแทกใส่หน้าเขาจนล้มลงกับพื้นคางเบี้ยวเลยทีเดียว

“เข้าใจผิดบ้าบออะไร…เห็นน้องสาวฉันเป็นคนน่ารังแกสินะ? มีฉันอยู่วันนี้ยังไงก็ต้องหย่า!”

พี่รองที่นิสัยขี้โมโหของฉีฉีเก๋อเตะเข้าฉางชิงซานอีกที หมัดนี้และการเตะรอบนี้เป็นสิ่งที่พี่รองอยากทำมานานแล้วซึ่งอดกลั้นมาจนถึงวันนี้ เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาคืนแทนน้องสาวให้ได้!

“พี่รอง…”

ฉีฉีเก๋อดึงตัวพี่รองเอาไว้ ต่อให้เธออยากซ้อมฉางชิงซานมากไม่แพ้กันแต่ตอนนี้ยังอยู่ในศาล จะแหกกฎไม่ได้

คนตระกูลฉางไม่มีใครมาสักคนเดียว ยายแก่ปีศาจกับน้องสาวอยากมาอยู่หรอกแต่ฉางชิงซานไม่ให้มาเพราะเขากลัวขายหน้า ฉะนั้นฉางชิงซานจึงนอนแน่นิ่งบนพื้นตั้งนานแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยพยุงเลยสักคน สุดท้ายทนายความที่เขาจ้างก็เข้ามาช่วยพยุงเขาลุกขึ้นแทน

ผู้พิพากษาเคาะโต๊ะหลายทีแล้วเอ่ยเสียงนิ่งว่า ‘เงียบ’ เพื่อเตรียมเริ่มการพิพากษา

ตามกระบวนการทั่วไปผู้พิพากษาจะถามฝ่ายฟ้องร้องและฝ่ายถูกฟ้องร้องว่าต้องการหย่าหรือไม่ซึ่งฉีฉีเก๋อพูดเสียงแน่วแน่ว่า “หย่า!”

“ผมไม่หย่า ผมกับภรรยารักกันมาก ผมไม่อยากให้ลูกสาวเติบโตมาในครอบครัวที่ร้าวฉาน ผมหวังว่าลูกสาวของผมจะเติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์รักใคร่ปรองดองกัน…ฉะนั้นผมยืนกรานว่าจะไม่หย่าครับท่านผู้พิพากษา”

ฉางชิงซานพร่ำพูดยาวเหยียดพร้อมทำหน้าจริงใจ แต่ถ้อยคำที่ออกจากปากกลับทำเอาพวกเหมยเหมยรู้สึกขยะแขยงแทบตาย!

ทำไมถึงได้หน้าไม่อายขนาดนี้?

ฉีฉีเก๋อโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอ้าปากหมายจะด่ากลับไป ทนายกัวแตะมือเธอทีเพื่อเป็นเชิงให้เธอใจเย็น การทะเลาะวิวาทกันในชั้นศาลไม่ช่วยก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด แต่กลับทำให้ผู้พิพากษาเกิดความไม่ประทับใจในตัวคุณซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

“ท่านผู้พิพากษา ทางดิฉันมีหลักฐานของฉางชิงซานผู้ถูกฟ้องร้องว่านอกใจและมีเจตนาถ่ายโอนทรัพย์สินด้วย โปรดท่านรับไว้พิจารณา!”

ทนายกัวส่งเอกสารหนาเป็นปึกใหญ่ไปซึ่งเรียกให้ฉางชิงซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจเริ่มเต้นรัว

ฉีฉีเก๋อรู้ได้อย่างไรว่าเขาถ่ายโอนทรัพย์สิน?

แล้วหลักฐานการนอกใจมาจากไหนกัน?

เขาระวังตัวอย่างดีมาตลอดนี่นา!

ทนายของฉางชิงซานเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะก่อนหน้านี้ฉางชิงซานพูดกับเขาเสียดิบดีว่าไม่มีช่องโหวให้อีกฝ่ายจับได้แน่นอน แล้วเอกสารที่อยู่ในมือผู้พิพากษาตอนนี้ล่ะคืออะไร?

คงไม่ใช่บทละครมั้ง!

ผู้พิพากษาอ่านเอกสารอย่างละเอียดพร้อมสายตาเริ่มหม่นลง เขามองมาที่ฉางชิงซานแวบหนึ่งแล้วถามไม่กี่คำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับบ้านสามหลังของเขา

ฉางชิงซานยังคิดจะแก้ตัวว่าบ้านไม่ใช่ของเขาแต่ใครจะโง่ พ่อแม่และน้องสาวของฉางชิงซานมีรายได้ต่อเดือนเพียงนิดเดียว ต่อให้ไม่ใช้ทั้งชีวิตก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อบ้านได้สามหลังรวมถึงมีเงินเก็บในบัญชีกว่าแปดแสนหยวน

“ข้อกล่าวหาว่าจำเลยเจตนาถ่ายโอนทรัพย์สินเป็นไปตามที่กล่าวหา…” ผู้พิพากษาประกาศ

ฉางชิงซานใจหล่นวูบถึงก้นเหวลึก เรื่องราวเริ่มอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว แย่แล้ว!

เขายังไม่ยอมแพ้อยู่ดี ต่อให้ทรัพย์สินเหล่านี้ถือว่าเป็นสินสมรสแต่อย่างน้อยก็มีส่วนของเขาครึ่งหนึ่งหรือเปล่า อีกอย่างถ้าช่วงชิงตัวเป่ารื่อน่ามาได้ก็จะได้รับการแบ่งทรัพย์สินเพิ่มอีกหน่อย!

ให้ตายเถอะ เสียเปรียบให้นังแพศยาฉีฉีเก๋อแล้ว!

คิดไม่ถึงว่าจะใช้กลยุทธ์ลอบตีเฉินชาง[1]กับเขา!

[1] กลยุทธ์ลอบตีเฉิงชาง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกลศึกสามก๊กที่สร้างความสับสนแก่ศัตรูตรงหน้า แล้วทำการโจมตีที่คาดไม่ถึงจากด้านหลัง

………………….

ตอนที่ 2642 ไปตัวเปล่า

ผู้พิพากษาถามคำถามเกี่ยวกับเจินหวานหว่านกับฉางชิงซานอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งฉางชิงซานปฏิเสธทั้งหมดโดยบอกว่าเจินหวานหว่านเป็นเพียงเพื่อน เด็กในท้องก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาแค่เห็นเจินหวานหว่านน่าสงสารถึงได้ให้ความช่วยเหลือ

“ลูกในท้องเจินหวานหว่านมีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ที่หาได้ยาก ทั้งเมืองหลวงมีไม่ถึงสิบคนซึ่งสัดส่วนชายหญิงคนละครึ่ง ตัดสัดส่วนเด็กและคนแก่ไปอีกครึ่งหนึ่ง อย่างมากชายบรรลุนิติภาวะก็มีแค่สองคน เจินหวานหว่านต้องโชคดีขนาดไหนถึงได้นอนกับผู้ชายที่มีหมู่เลือดเดียวกับคุณฉางชิงซานเนี่ย?”

ทนายกัวที่ฝีปากร้ายออกโรงเอ่ยเหน็บแนมฉางชิงซานจนหน้าแดงก่ำ หาคำโต้เถียงไม่ได้

“บางทีอาจจะโชคดีขนาดนั้นก็ได้ ถึงมีความเป็นไปได้ต่ำแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา” ทนายของฉางชิงซานยังคงพูดแย้งให้คนฝั่งตัวเองตามหน้าที่ แต่เหตุผลกลับดูไร้ความน่าเชื่อถือเพราะแม้แต่ตัวเขายังไม่เชื่อเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่านผู้พิพากษาที่ฉลาดปราดเปรื่องเลย

ทนายกัวกลอกตาทีหนึ่งแค่นเสียงกล่าว “คุณคิดว่าท่านผู้พิพากษาจะเชื่อคำอธิบายที่ไร้สาระแบบนี้เหรอ?”

เธอกับทนายของฉางชิงซานนับว่าเป็นคู่ปรับกันและคอยหลีกเลี่ยงกันมาตลอด เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที ดังนั้นเหตุที่ทนายความของฉางชิงซานรับคดีนี้ประเด็นหลักคืออยากปะทะกับทนายกัว

ทนายของฉางชิงซานมุมปากกระตุกหลายที เขาก็คิดว่าท่านผู้พิพากษาไม่เชื่อคำแก้ตัวนี้เช่นกันแต่สิ่งที่ควรพูดเขายังต้องพูด นี่เป็นจรรยาบรรณอาชีพของทนายความ

แต่–

ต่อให้ทนายของฉางชิงซานพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างไร คำไหนที่แย้งได้ล้วนแย้งไปหมดแล้ว นับว่าเป็นการแก้ต่างที่สมบูรณ์แบบมาก แต่จำเลยดันไม่เอาไหนเพราะเต็มไปด้วยมลทินตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังถูกฝ่ายฉีฉีเก๋อจับจุดอ่อนได้ทั้งหมด

“ท่านผู้พิพากษา เงื่อนไขของลูกความดิฉันคือสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรสาว ทรัพย์สินที่จำเลยเจตนาโยกย้ายก็ต้องเป็นของเธอ ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆที่ยังไม่ถูกค้นเจอลูกความดิฉันก็ไม่ถือสาแล้ว” ทนายกัวยื่นข้อเสนอออกมายาวเหยียด เรียกให้ฉางชิงซานหน้าเปลี่ยนสีโมโหควันแทบออกหู

คิดจะเอาไปทั้งหมดงั้นหรือ?

ฉีฉีเก๋อโลภมากเกินไปแล้ว!

เขายังมีทรัพย์สินอื่น ๆอีกที่ไหนกัน เงินที่หามาตลอดหลายปีเอาไปซื้อบ้านหมดแล้ว ที่เหลือก็เก็บเข้าบัญชีแม่ของเขา นอกจากพวกนี้เขาก็หมดเนื้อหมดตัวแล้วจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อคิดจะให้เขาไปตัวเปล่า!

คนแพศยานี่ช่างใจดำนัก!

ไม่ว่าฉางชิงซานจะแก้ต่างให้ตัวเองว่าไม่มีทรัพย์สินอื่น ๆอย่างไรแต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขาแล้ว เพราะเขาพูดโป้ปดไว้มากเกินไปจนไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ผู้พิพากษาเองก็ไม่เชื่อว่าเขามีทรัพย์สินเพียงเท่านี้ ต้องเก็บทรัพย์สินไว้ที่อื่นอีกแน่นอน

สุดท้าย…ผู้พิพากษาตัดสินให้ฉีฉีเก๋อหย่าสำเร็จและอนุญาตตามเงื่อนไขทั้งหมดที่เธอเรียกร้อง หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า—ฉางชิงซานเหลือเพียงตัวเปล่าแล้ว!

“ไม่ยอม…ผมไม่ยอม เงินพวกนั้นผมอุตส่าห์ลำบากทำงานมา ทำไมถึงไม่เหลือให้ผมแม้แต่หยวนเดียว…อย่างน้อยก็ต้องคนละครึ่งสิ…ผมขอยื่นคำร้อง…”

ฉางชิงซานมึนไปทันทีที่ได้ยินคำตัดสินสุดท้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้

ผู้พิพากษาต้องถูกจ้าวเหมยซื้อตัวไปแล้วแน่ ๆ สามีของจ้าวเหมยมีความสามารถมากขนาดนั้น ต้องทำได้อย่างแน่นอน!

“พวกคุณตกลงกันไว้แล้ว ผมไม่ยอมหรอก…”

ฉางชิงซานถลึงตาจ้องเหมยเหมยอย่างเคียดแค้น ทุกคนต่างเป็นเพื่อนกันทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย!

เหมยเหมยมองเขาอย่างท้าทายแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ?

หึ…ทีเด็ดกว่านี้อยู่ต่อจากนี้ต่างหาก!

ไสหัวไปตัวเปล่าไม่ใช่แค่พูดเล่น ๆหรอกนะ!

โทรศัพท์ในกระเป๋าฉางชิงซานแผดเสียงดังจนคนที่สติหลุดเริ่มกลับมาได้สติใหม่อีกครั้ง ฉางชิงซานบังคับให้ตัวเองใจเย็น พอเห็นชื่อบุคคลที่โทรมาบนหน้าจอโทรศัพท์เขาถึงสดใสขึ้นบ้าง

ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง ขอแค่ยังมีหนังให้ถ่ายเขาก็สามารถมีทรัพย์สินเงินทองที่มากกว่านี้ได้!

……………

Related

ตอนที่ 2639 ไม่มีมดลูกแล้ว

ฉางชิงซานวิ่งไล่ตามจนหายใจเหนื่อยหอบ หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเจินหวานหว่านรักษาตัวอยู่ที่นี่ เหงื่อเย็น ๆก็ไหลเต็มหลัง

ตาแก่ฉางถูกคนควบคุมตัวเอาไว้ได้แล้ว เหล่าหมอและพยาบาลต่างแห่มากันหมด เจินหวานหว่านซึ่งอยู่ในอาการโคม่าถูกส่งตัวไปที่ห้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิต ผ้าห่มบนเตียงของโรงพยาบาลถูกย้อมเป็นสีแดงสดจนทำเอาคนที่เห็นต่างตกตะลึงอย่างมาก

ฉางชิงซานใจดิ่งวูบ ดูท่าทาง…ลูกชายเขาคงรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้แล้ว!

ถึงแม้คิดไว้ว่าจะปล่อยลูกชายคนนี้ไปแต่พอเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ฉางชิงซานจึงปวดใจไม่น้อย…ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขานะ!

ฉางชิงซานล้มลงเอามือปิดหน้าอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ในหัวมีเรื่องวุ่นวายตีกันเต็มไปหมด…

เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆว่าทำไมสถานการณ์ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

ทั้ง ๆที่เขาวาดฝันจินตนาการในอนาคตไว้อย่างสวยงาม!

พอหย่าขาดกับฉีฉีเก๋อก็จะแต่งงานกับเจินหวานหว่านแล้วเลี้ยงลูกชายตัวน้อยไปด้วยกัน เขากำลังเตรียมตัวถ่ายภาพยนตร์เรื่องต่อไปแล้ว แถมบทก็ดีมากด้วย เขาเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยทำให้เขาได้รับรางวัลใหญ่อย่างแน่นอน

นักลงทุนและนักแสดงได้ทำการเจรจากันไว้แล้ว รอแค่เซ็นสัญญาเขาก็จะสามารถเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ได้ทันที…ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น…

แต่ตอนนี้…ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้!

ฉางชิงซานปลุกใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ครอบครัวไม่ราบรื่นก็ไม่เป็นไร เขายังมีอาชีพ สำหรับผู้ชายสิ่งพักพิงที่ใหญ่ที่สุดก็คืออาชีพ!

ขอแค่เขาถ่ายหนังเรื่องใหม่ได้ดีจนได้รับรางวัลใหญ่ เช่นนี้ค่าตัวของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน สาวงาม ความมั่งคั่ง ตำแหน่ง…จะตามมาแน่นอน เขายังจะต้องไปกังวลอะไรอีก!

ทางห้องผ่าตัดต่างยุ่งกันไปหมด อาการของเจินหวานหว่านน่าเป็นห่วงมาก ตอนนี้การรักษาครรภ์ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปเพราะตัวอ่อนในครรภ์รักษาเอาไว้ไม่ได้แน่นอน สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือชีวิตของเจินหวานหว่านตกอยู่ในสภาวะวิกฤติมาก ๆ เลือดออกมากเกินไปจนอาจจะทำให้เกิดอาการช็อก หากช่วยไว้ไม่ทันเจินหวานหว่านมีแนวโน้มที่จะตายได้!

……

ประตูห้องผ่าตัดเปิดเข้าออกอยู่หลายครั้ง ฉางชิงซานเห็นแต่พยาบาลเดินเข้าออกไปมา เขาไม่กล้าเดินเข้าไปถามจึงทำได้แค่นั่งรอบนเก้าอี้ และเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเฝ้ารออะไรอยู่

ในที่สุด…หมอก็เดินออกมา

“คุณแม่พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการของเธอแย่มากคงต้องบำรุงดูแลร่างกายให้ดี แล้วก็…” หมอชะงักไป เขาลังเลว่าจะพูดดีไหม

ฉางชิงซานถามอย่างร้อนใจว่า “ลูกในท้องเป็นอะไรไปใช่ไหมครับ?”

หมอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ความประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้ลดลงเป็นอย่างมาก ถึงเวลานี้ยังเป็นห่วงแต่ลูกอยู่อีก ไม่แม้แต่จะถามถึงคนเป็นแม่สักคำ เห็นแก่ตัวมากจริง ๆ!

“ทารกในครรภ์รักษาเอาไว้ไม่ได้ คุณก็เห็นสถานการณ์ตอนนั้นแล้ว พวกเราเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า ฉะนั้นคงช่วยคนฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ไม่ได้ เราช่วยชีวิตแม่ไว้ได้ก็โชคดีแค่ไหนแล้ว แต่อาการของผู้ป่วยแย่มากเพราะได้รับความเสียหายหนักเกินไป เพื่อรักษาชีวิตเธอไว้สุดท้ายเลยต้องเอามดลูกของผู้ป่วยออก”

หมออธิบายถึงสถานการณ์ของเจินหวานหว่าน น้ำเสียงค่อนข้างเสียใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น สถานการณ์ตอนนั้นวิกฤตมาก การเอามดลูกออกเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เสียมดลูกดีกว่าเสียชีวิตนะ!

ฉางชิงซานกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง ไม่มีมดลูกแล้ว?

ไม่มีมดลูกจะยังเป็นผู้หญิงอยู่เหรอ?

หมอพูดต่ออีกว่า “ผู้ป่วยต้องได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีและจิตใจของเธอก็เปราะบางมาก สมาชิกในครอบครัวของพวกคุณจะต้องดูแลเธอเป็นอย่างดี อย่าทำให้เธอกระทบกระเทือนจิตใจ…”

หมอคิดว่าฉางชิงซานเป็นสามีของเจินหวานหว่านจึงได้กำชับข้อควรระวังมากมาย แต่ฉางชิงซานไม่ได้ฟังเข้าหูเลยสักประโยคเดียว อีกอย่างเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็แผดเสียงดังขึ้นด้วย

“หมอ…ผมมีธุระต้องไปก่อน ทางนี้ผมจะให้นางพยาบาลมาดูแลต่อนะครับ ขอบคุณครับ ลำบากคุณแล้ว!”

ฉางชิงซานขัดจังหวะหมอ หลังจากพูดตามมารยาทไปไม่กี่คำเสร็จเขาก็รีบจากไป คนที่โทรมาคือนายทุนของหนังเรื่องใหม่ซึ่งเป็นแขกคำสำคัญของเขา แน่นอนว่าเขาต้องรีบไป

ผู้หญิงไหนเลยจะมีความสำคัญกว่าอาชีพ!

ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ไม่สมบูรณ์อีกต่างหาก!

…………………………………………..

 ตอนที่ 2640 ใจที่ทะเยอทะยานของฉางชิงซาน

พวกเหมยเหมยก็มาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วแต่ไม่ให้ฉางชิงซานเห็น ตาแก่ฉางถูกส่งตัวไปโรงพักแล้วซึ่งทางโรงพยาบาลเป็นฝ่ายแจ้งตำรวจไป

เจินหวานหว่านถูกช่วยชีวิตนานพอสมควร พวกเหมยเหมยรอไม่ไหวเลยกลับไปก่อน วันต่อมาพี่หนิวก็นำข่าวล่าสุดมาบอก

“ไม่มีมดลูกแล้ว? ถึงแม้จะน่าเวทนาอยู่บ้างแต่ฉันก็ยังอยากหัวเราะอยู่ดี!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

นี่คือผลกรรมของการเป็นเมียน้อย เป็นคนดี ๆไม่ได้ ดันอยากคว้าเอาสามีคนอื่นมาเป็นของตัวเอง สมน้ำหน้า!

พอฉีฉีเก๋อได้ยินว่าฉางชิงซานไม่สนใจเจินหวานหว่านแล้วหนีไปอย่างไม่ใยดีก็อดส่ายศีรษะไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ชั่วช้าจริง ๆ สิ่งที่เขารักมากที่สุดคือตัวเอง!

“ฉันได้ยินมาว่าฉางชิงซานกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างหนังเรื่องใหม่ และช่วงก่อนหน้านี้เขายังคุยโวบนโต๊ะเหล้าอีกด้วย ว่าจะอาศัยหนังเรื่องนี้รับรางวัลใหญ่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยขึ้น

ฉีฉีเก๋อพูดอย่างโกรธแค้น “คนที่ลงทุนกับฉางชิงซานตาบอดจริง ๆ!”

เหมยเหมยนึกขึ้นได้จึงเอ่ย “เชี่ยนเชี่ยนไปสืบถามมาหน่อยว่าใครเป็นคนลงทุนให้ฉางชิงซาน เรื่องบทละครด้วยถามมาให้ชัดเจน ดูก่อนว่าฉางชิงซานได้มีการซื้อไหม ถ้าไม่พวกเรามาหยุดความคิดเหลวไหลกัน!”

บังเอิญว่าจ้าวเสวี่ยเอ๋อร์เพิ่งบ่นกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ว่าไม่มีบทละครดี ๆเลย ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของฉางชิงซานจะไม่ค่อยดี แต่เรื่องภาพยนตร์เขามีสายตาหลักแหลมพอควร ในเมื่อเจ้าหมอนี่มั่นใจในบทนี้มากแสดงว่าบทละครนั้นต้องยอดเยี่ยมแน่นอน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบอก “วางใจได้ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง!”

วันต่อมาตาแก่ฉางถูกฉางชิงซานประกันตัวออกมา ไม่ใช่ว่าเขากตัญญูหรอกแต่เพื่อชื่อเสียงต่างหาก!

หากคนในวงการรู้ว่าพ่อของผู้กำกับใหญ่ฉางเข้าโรงพักจริง ๆ เขาจะยังเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก?

สภาวะจิตใจของตาแก่ฉางไม่ค่อยดีนัก แต่ฉางชิงซานก็ไม่มีอารมณ์จะสนใจเขาเช่นกันเพราะเขาได้เจรจากับนักลงทุนและจะเซ็นสัญญาในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว หลังจากนั้นจะเริ่มคัดตัวนักแสดง ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีหลังปีใหม่ก็สามารถเปิดกล้องได้เลย!

เขาวุ่นจนหัวหมุนทุกวัน ไหนเลยจะมีเวลาไปจัดการเรื่องไร้สาระในบ้านอีก!

ฉางชิงซานคิดอยู่นานจึงตัดสินใจจะส่งพ่อแม่กลับบ้านเกิด พวกเขาจะทำอะไรในบ้านเกิดของพวกเขาก็ช่าง ขอแค่ไม่สร้างเรื่องอับอายขายหน้าในเมืองหลวงส่งผลกระทบต่อเขาก็พอ

แต่ไม่ว่าจะเป็นตาแก่ฉางหรือยายแก่ปีศาจต่างก็ไม่ยินยอมจะกลับบ้านเกิดทั้งนั้น ฉางชิงซานจะไล่ไปก็ไม่ได้อีก ส่วนหนังก็ขาดเขาไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างศาลก็ส่งหมายเรียกมาแล้วด้วย ฉางชิงซานคนเดียวต้องจัดการเรื่องใหญ่สามเรื่องเลยตัดเรื่องพ่อแม่ทิ้งไป

ฉางชิงซานไปหาฉีฉีเก๋ออยู่หลายครั้งแต่ฉีฉีเก๋อไม่ยอมพบเขาเลย ฉางชิงซานถูกยั่วโมโหพลางรู้สึกว่าฉีฉีเก๋อไม่รู้ว่าอะไรคือของดีไม่ดี รอวันหน้าเขาได้รับรางวัลใหญ่ประสบความสำเร็จแล้ว ถึงเวลานั้นฉีฉีเก๋อจะต้องเสียใจในภายหลังแน่นอน!

ในที่สุดก็ถึงวันขึ้นศาลซึ่งเป็นเวลาเก้าโมงเช้า เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อก็ไป ลุงปาเกินกับภรรยารวมไปถึงพี่ชายของฉีฉีเก๋อก็มาด้วยเช่นกัน

ฉางชิงซานดูท่าทางลำพองใจเหลือเกิน

หลายวันมานี้เขาได้ปรึกษาทนายชื่อดังอยู่หลายคน ทุกคนต่างก็บอกว่าตราบใดที่เขาไม่ปล่อยให้ผู้หญิงจับช่องโหว่ของเขาได้ การหย่าร้างก็ไม่มีผลกระทบกับเขา ด้วยคดีหย่าร้างทั่วไปครั้งแรกที่ขึ้นศาลจะทำการไกล่เกลี่ยก่อน โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย ผู้พิพากษาจะไม่มีวันพิจารณาตัดสินเด็ดขาด!

ฉางชิงซานคิดมาดีแล้ว เขายังไม่อยากหย่ากับฉีฉีเก๋อ ฉะนั้นเดี๋ยวเขาแค่บอกไปว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการหย่าร้างก็จบแล้ว

ง่ายกว่าปอกกล้วยซะอีก!

ฉางชิงซานรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา รอเรื่องทางนี้จบลงเขาก็จะสามารถอุทิศตนให้กับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ได้แล้ว!

พอวาดฝันถึงฉากเขาเดินบนพรมแดง ควงดาราสาวสวยแล้วรับรางวัลจากรุ่นพี่…ฉางชิงซานก็กลั้นเสียงหัวเราะชอบใจเอาไว้ไม่อยู่!

………………………

Related

ตอนที่ 2637 พวกมารหัวขน

ถึงฉางชิงซานจะเจออุปสรรคอย่างฉีฉีเก๋อแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขากลับบ้านไปหาเป่ารื่อน่าแต่ไม่มีใครอยู่สักคน ฉีฉีเก๋อสองแม่ลูกย้ายไปอยู่บ้านที่ลุงปาเกินซื้อให้นานแล้วซึ่งฉางชิงซานไม่รู้ที่อยู่

พอไปเสียเที่ยวฉางชิงซานถึงได้นึกตื่นกลัว เขารู้สึกว่าทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาแล้ว

ทนายกัวโทรศัพท์มาบอกฉีฉีเก๋อว่าฉางชิงซานมาหาเธอเป็นการส่วนตัวอยู่หลายครั้ง เขาบอกว่าต้องการไกล่เกลี่ยก่อน อย่าเพิ่งให้ฉีฉีเก๋อรีบดำเนินคดีแต่ทนายกัวไม่สนใจเขา

“ครั้งนี้หลักฐานแน่นหนา ฉันแน่ใจเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะช่วยคุณต่อสู้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของคุณมาได้แน่นอน ดังนั้นคุณจะต้องฟ้อง ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด!” ทนายกัวมั่นใจเป็นอย่างมาก

“วางใจเถอะ ฉันจะต้องทำให้คนสารเลวแบบนี้อยู่ในเมืองหลวงต่อไปอีกไม่ได้!” ฉีฉีเก๋อพูดพลางกัดฟันกรอด

หากไม่เหยียบฉางชิงซานให้จมดินคงรู้สึกผิดต่อความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังรู้สึกผิดต่อความเป็นห่วงของพ่อแม่พี่สะใภ้ที่อยู่ข้างหลังเธอมาเสมอ ทั้งยังรู้สึกผิดต่อลูกสาวที่ได้รับความไม่เป็นธรรมยิ่งกว่า!

สองวันผ่านไปตาแก่ฉางก็กลับมาจากบ้านเกิด ฉางชิงซานไปรับที่สนามบิน ตาแก่ฉางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดูท่าทีสงบนิ่งมาก ฉางชิงซานแอบดีใจเพราะหลงคิดว่าตาแก่ฉางคงกังวลว่าจะไม่มีใครดูแลยามแก่ และนี่คือการประนีประนอม

“พ่อ…ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็จะเป็นพ่อของผมตลอดไป ผมจะให้ความเคารพนับถือพ่อเหมือนก่อนไม่มีเปลี่ยน และทำให้พ่อใช่ชีวิตบั้นปลายชีวิตอย่างมีความสุข!”

ฉางชิงซานเอ่ยอย่างจริงใจพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

ตาแก่ฉางมองเขาอย่างสับสนอยู่นาน ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด

ลูกชายคนนี้เป็นคนที่ทำให้เขาภาคภูมิใจ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นน้องชายของเขาไปได้ คราวนี้เขากลับบ้านเกิดและได้พิสูจน์แล้วว่าเลือดของฉางชิงซานและลุงเล็กเหมือนกัน!

นังสารเลวสมควรตายนั่นสวมเขาเขามานานเชียว!

ความคับข้องใจของเขาจะพูดให้คนตระกูลเดียวกันฟังไม่ได้ ถ้าบอกไปคงกลับบ้านเกิดไม่ได้ แล้วต่อไปจะมีหน้าไหนกลับบ้านเกิดอีกล่ะ?

แต่เขาไม่พอใจเลยสักนิด แค้นใจชะมัด!

ตาแก่ฉางหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดไม่มองฉางชิงซานอีกต่อไป เก็บความรังเกียจเอาไว้ในใจ เขากลัวว่าตัวเองจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปบีบคอเด็กมารหัวขนนี่ให้ตาย ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา เขาต้องรอดูก่อนว่าลูกสาวของเขากรุ๊ปเลือดอะไร?

ตาแก่ฉางยังมีความหวังอันริบหรี่ บางทีลูกสาวของเขาอาจจะเป็นลูกของเขาก็ได้?

อย่างน้อยเขาคงสบายใจขึ้นมาบ้าง!

เรื่องนี้ทำให้พ่อลูกในอดีตต่างมีเรื่องในใจให้คิด จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก บรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมา แต่ตาแก่ฉางก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน “ไปโรงพยาบาลเพื่อดูผลกันเถอะ!”

รอดูผล เขาถึงจะรู้ว่าต่อไปควรจะทำอย่างไร!

ฉางชิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาเตรียมการเอาไว้แล้ว ผลจะต้องเขียนว่าน้องสาวเป็นลูกสาวแท้ ๆของตาแก่ฉางแน่นอน แบบนี้ตาแก่ฉางน่าจะผ่อนความโกรธลงบ้าง!

แต่ทว่า——

พวกเขาไปถึงโรงพยาบาลแล้ว พวกเหมยเหมยไม่ได้ไปแต่พวกลูกน้องของพี่หนิวกลับแฝงตัวสะกดรอยตามอยู่ด้วยทุกที่เลยสามารถรายงานข่าวจากระยะไกลได้ตลอดเวลา

ยังคงเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น เจินหวานหว่านยังรักษาครรภ์ของเธออยู่ที่นี่ อาการยังไม่ทรงตัวดีเท่าไหร่นัก ฉางชิงซานมาฟังผลพร้อมตาแก่ฉาง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มและมีท่าทีสุขุม

“พ่อ…พ่อดูสิ!” ฉางชิงซานเอาผลตรวจส่งไปตรงหน้าตาแก่ฉาง เพราะเขารู้ผลอยู่แล้วเลยไม่จำเป็นต้องต้องดู

ตาแก่ฉางมองผลลัพธ์ที่อยู่ด้านล่างด้วยมือสั่นเล็กน้อย ดวงตาแทบถลนออกมา ดูตะลึงกับภาพตรงหน้า

“ผลตรวจดีเอ็นเอบอกว่าทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด…”

ผลตรวจถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน ตาแก่ฉางดูถึงสามครั้ง ไม่ผิดแน่ ลูกสาวไม่ใช่ลูกแท้ ๆของเขา ไม่แม้แต่จะมีความเกี่ยวข้องกับพ่อของเขาด้วย ทุกคนต่างเป็นเด็กมารหัวขนกันทั้งนั้น!

“อ๊าก…”

ตาแก่ฉางทนต่อความสะเทือนใจที่ได้รับต่อไปไม่ไหวอีกแล้วจึงตะโกนขึ้นฟ้า ทำเอาคนในโรงพยาบาลต่างหวาดกลัวกันไปหมด อยู่ดี ๆเขาก็หมุนตัววิ่งไปทางแผนกผู้ป่วยในด้วยความเร็ว สักพักเขาก็หายไปไม่เห็นเงา

…………………………………………..

 ตอนที่ 2638 ตีให้ตายเด็กมารหัวขน

ฉางชิงซานตกใจกับพฤติกรรมบ้าคลั่งของตาแก่ฉางยกใหญ่จึงรีบวิ่งไล่ตามไป ตะโกนว่า “พ่อ…พ่อจะไปทำอะไร?”

ตาแก่ฉางได้รับรู้เรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน เขาวิ่งไปข้างหน้าสุดกำลัง แม้กระทั่งฉางชิงซานก็ไล่ตามไม่ทัน

ฉางชิงซานวิ่งกระหืดกระหอบไล่ตามอยู่ข้างหลัง โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลสูตินรีเวช ผู้ที่มาโรงพยาบาลนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรีมีครรภ์ ตาแก่ฉางจึงอาละวาดเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานะตนแต่ฉางชิงซานกลับไม่กล้า

เขาต้องกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของเขาอยู่แล้วจึงวิ่งอย่างระมัดระวัง บางครั้งต้องหยุดและหลีกทางให้คนอื่น เพียงแค่ครู่เดียวฉางชิงซานก็ไล่ตามหลังตาแก่ฉางไกลพอสมควร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตาแก่ฉางวิ่งไปไหนแล้ว

ฉางชิงซานมองไปรอบ ๆอย่างกังวลใจ ในโรงพยาบาลผู้คนพลุกพล่าน แต่ตาแก่ฉางกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ในใจฉางชิงซานรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี พลันเขาก็รู้สึกใจดิ่งวูบราวกับกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

ถึงแม้ว่าพวกเหมยเหมยจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เพราะมีสายรายงานข่าวจากลูกน้องพี่หนิวส่งมาเรื่อย ๆจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเธอต่างก็สงสัยว่าตาแก่ฉางจะทำอะไร

“ไม่ใช่ว่าคิดสั้นจะกระโดดตึกตายหรอกใช่ไหม?” ฉีฉีเก๋อกังวลอยู่บ้าง

เธอยังไม่อยากพรากชีวิตใคร ขอแค่ครอบครัวนี้อยู่ห่างจากชีวิตของเธอก็พอ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเย้ยหยันว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก คนเห็นแก่ตัวแบบนี้มักจะกลัวตายมากที่สุด ต่อให้คนทั่วโลกตายกันหมดเขาก็จะไม่วิ่งไปหาความตายแน่นอน แต่ตาเฒ่าคนนี้แปลกจริง ๆ เขาไม่วิ่งไปข้างนอกแต่กลับวิ่งไปที่แผนกผู้ป่วยในทำไมกันนะ?”

ฉางชิงซานไม่ค่อยรู้แปลนโครงสร้างโรงพยาบาลนัก แต่พวกพี่หนิวกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี แค่เห็นก็รู้เลยว่าเขาวิ่งไปทางแผนกผู้ป่วยใน

เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เธอตบโต๊ะอย่างแรง “เขาไปหาเจินหวานหว่าน เจินหวานหว่านอยู่ในแผนกผู้ป่วยในไม่ใช่เหรอ?”

ฉีฉีเก๋อและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างมองหน้ากันไม่พูดอะไร ในไม่ช้าสีหน้าก็เปลี่ยนไป

“เฮ้ย…ไม่ใช่ว่าตาแก่ฉางจะบ้าไปแล้วจริง ๆหรอกนะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เธอไม่เคยคิดที่จะฆ่าใครเลย แต่ตอนนี้ดูทรงแล้ว…กลัวว่าจะได้เห็นเลือด!

“พวกเราก็ไปโรงพยาบาลกันเถอะ…เร็วเข้า!”

เหมยเหมยรีบคว้ากระเป๋าพุ่งออกจากประตูไป เธอก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าเด็กคนนั้นเหมือนกัน เธอไม่ใช่พระแม่มารีอะไรหรอก แต่ใครสร้างกรรมไว้ก็ต้องชดใช้เอง เธอไม่ได้มีความแค้นกับเด็กคนนี้สักหน่อย!

อีกอย่างหากฉางชิงซานมีลูกคนนี้ถึงจะยอมอยู่กับเจินหวานหว่านไปตลอดชีวิต!

ให้ชายโฉดหญิงชั่วได้ใช้ ‘ชีวิตดี ๆ’ ที่แสนลำบากไปด้วยกันชั่วชีวิตเถอะ!

ตาแก่ฉางวิ่งหาหน้าตั้ง เขาไม่ได้มาผิดที่ เขาหาห้องพักของเจินหวานหว่านจนเจอ โรงพยาบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับทารกในครรภ์ที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษของเจินหวานหว่าน ทั้งหมดจึงเป็นการรักษาแบบวีไอพี

เจินหวานหว่านอยู่ในห้องพักคนเดียว นางพยาบาลอยู่ในห้องน้ำ ตาแก่ฉางวิ่งเข้ามาเร็วปานสายฟ้า เจินหวานหว่านตกใจร้องอุทานออกมาว่า “พ่อ…โอ้ย…พ่อจะทำอะไร…ใครก็ได้ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…”

เจินหวานหว่านร้องเสียงแหลมจนนางพยาบาลที่อยู่ในห้องน้ำตกใจ หล่อนยังทำธุระไม่เสร็จก็รีบวิ่งออกมากลับเห็นตาแก่ฉางทุบท้องของเจินหวานหว่านอย่างบ้าคลั่ง เจินหวานหว่านใช้มือปกป้องท้องของเธอเอาไว้พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ

“นี่เกิดอะไรขึ้น…คุณรีบหยุดเลยนะ…นี่เป็นหลานชายของคุณนะ…”

นางพยาบาลพุ่งเข้าไปคว้าแขนตาแก่ฉางเอาไว้ด้วยความตกใจ แต่เธอตัวเล็กแรงก็มีไม่มาก พอโดนตาแก่ฉางผลักแค่นิดเดียวก็เกือบเซล้มลงพื้น ด้วยคำพูดของนางพยาบาลก็ยิ่งทำให้ตาแก่ฉางสะเทือนใจมากขึ้นไปอีก ตาแดงก่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยว…ดูน่ากลัวมาก

“ไม่ใช่หลานของฉัน…เจ้าเด็กมารหัวขน…ฉันจะฆ่าเจ้าเด็กมารหัวขนนี่ทิ้งซะ!”

ตาแก่ฉางพูดพลางกัดฟันแน่นออกแรงที่มือหนักขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั่งแรงจะขอความช่วยเหลือเจินหวานหว่านยังไม่มี เธอนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงซึ่งเตียงนอนสีขาวราวกับหิมะถูกย้อมเป็นสีแดงสดไปแล้ว

………………………

Related

ตอนที่ 2635 ผู้ชายสวะขอให้ยกโทษให้

ฉีฉีเก๋ออยู่กับฉางชิงซานมาหลายปีต้องรู้อยู่แล้วว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขากลัวอะไรมากที่สุด?

เขากลัวเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนร่วมงานแน่นอน!

ดังนั้นฉางชิงซานจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางป้องกันไม่ให้ความลับของชีวิตรั่วไหลและต้องมาหาเธอที่นี่แน่นอน!

“เธออย่าใจอ่อนอีกล่ะ พอเจ้าหมอนี่พูดจาดี ๆโน้มน้าวเธอหน่อยก็สับสนไม่รู้ทิศทางแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเตือนไว้ก่อน

“วางใจเถอะ ฉันรู้เห็นถึงสันดานของผู้ชายคนนี้ชัดเจนขนาดนั้นจะยังกลับไปดีกับเขาได้อย่างไร?” ฉีฉีเก๋อยิ้มเย้ยหยัน

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเพื่อนตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงต่างพากันโล่งอก

ทางพี่หนิวก็มีข่าวใหม่โผล่มาอีก “ฉางชิงซานไปโรงพยาบาลแล้ว ดูท่าทางเขาเหมือนพยายามจะติดสินบนให้หมอเปลี่ยนผลตรวจ!”

“อย่าร้อนใจไป ฉางชิงซานจ่ายเท่าไหร่พวกเราจะจ่ายเงินเพิ่มเป็นสองเท่า รอดูว่าใครจะมีเงินมากกว่ากัน!” เหมยเหมยเอ่ยดูถูก

เงินอันน้อยนิดแค่นั้น พวกเธอสามคนบดขยี้ได้ทั้งนั้นแหละ!

ฉีฉีเก๋อเอ่ย “เรื่องนี้ฉันจัดการเอง พ่อของฉันเพิ่งจะโอนเงินมาให้ก้อนหนึ่งบอกให้ฉันเอาไปสู้คดี!”

การหย่าครั้งนี้ทั้งครอบครัวต่างก็สนับสนุนเธอ แถมยังบอกอีกว่าเฝ้ารอวันนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง ทุกคนต่างก็เอาเงินมาสนับสนุนเธอ นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมฉีฉีเก๋อถึงสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้างหลังเธอก็ยังมีครอบครัวและเพื่อนที่สนิทที่สุดคอยหนุนหลังให้กำลังใจเธออยู่เสมอ!

ฉางชิงซานไปโรงพยาบาลเพื่อติดสินบนหมอจริง ๆแต่เขากลับไม่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของตนฉีฉีเก๋อรู้หมดทุกอย่าง และติดสินบนหมอคนนั้นไว้ก่อนแล้ว

ฉีฉีเก๋อยังกำชับหมอไว้ว่าไม่ต้องปฏิเสธฉางชิงซาน รอหลังจากเรื่องราวต่าง ๆคลี่คลายค่อยนำเงินที่ฉางชิงซานติดสินบนไป แบบนี้ทั้งหาเงินได้ทั้งไม่กระทบต่องานด้วย จะมีอะไรสุขใจไปมากกว่านี้อีก!

แน่นอนว่าคุณหมอตอบตกลงด้วยความเต็มใจ คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดี ๆแบบนี้!

ฉางชิงซานหลงคิดว่าเรื่องทางโรงพยาบาลจัดการเรียบร้อยแล้วพลันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เขาเลยมาหาฉีฉีเก๋อ เตรียมจะมาเจรจากันดี ๆสักหน่อย เขาอยากขอฉีฉีเก๋อว่าอย่าให้เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้แพร่งพรายออกไป

เขามั่นใจมากและรู้สึกว่าสาเหตุที่ฉีฉีเก๋อคลุ้มคลั่งก็เพราะความรักผูกพันที่แน่นแฟ้นจนความแค้นฝังลึกในใจ…

ฉีฉีเก๋อยิ่งคลุ้มคลั่งก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าฉีฉีเก๋อรักเขาอย่างสุดซึ้ง ขอแค่เขาเกลี้ยกล่อมดี ๆ ฉีฉีเก๋อจะต้องเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน อย่างมากเขาก็แค่ไม่หย่าก่อนชั่วคราว วันหน้าลูกชายยังมีอีกได้แต่ชื่อเสียงเป็นเรื่องที่รีรอไม่ได้เด็ดขาด!

“ต้องการให้พวกฉันไปด้วยไหม?” เหมยเหมยไม่ค่อยวางใจ

ฉีฉีเก๋อส่ายศีรษะปฏิเสธ “วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางให้เจ้าบ้านั่นมาหลอกฉันอีกแน่นอน พวกเธอเชื่อใจฉันนะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงอย่างเย็นชา “พวกเราเชื่อเธอแล้วมีประโยชน์อะไร ถึงอย่างไรฉันก็จะพูดไว้ก่อนแล้วกันว่าหากเธอกลับไปคืนดีกับฉางชิงซาน มิตรภาพของพวกเราก็จบลงตรงนี้ ต่อจากนี้ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของเธออีก!”

เหมยเหมยก็พูดเสริมว่า “ฉันก็ด้วย!”

ฉีฉีเก๋อยื่นมือออกไปโอบกอดเพื่อนทั้งสองเอาไว้พร้อมพูดเอาใจว่า “ฉันต้องเลือกเพื่อนแล้วเตะผู้ชายสวะนั่นออกไปจากชีวิตอยู่แล้วสิ!”

หลังจากผ่านความทุกข์ยากเหล่านี้มาเธอก็เห็นแล้วว่าใครที่ดีต่อเธอจริง ๆ เธอจะทิ้งเพื่อนแท้ที่จริงใจแล้วไปเลือกผู้ชายสวะได้อย่างไรกัน?

ฉีฉีเก๋อให้ฉางชิงซานไปเจอกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆแถวนั้น เหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งไม่วางใจเลยตามมาอย่างเงียบ ๆ วางแผนว่าหากฉีฉีเก๋อเลอะเลือนเมื่อไหร่ก็จะรีบเข้าไปลากกลับมาทันที

ครั้นฉางชิงซานเห็นฉีฉีเก๋อที่เปลี่ยนตัวเองใหม่ดวงตาก็เปล่งประกายออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าหลังจากไปจากเขาแล้วฉีฉีเก๋อจะดูสวยขึ้นขนาดนี้!

ใบหน้าต้องเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมเผ้ากระเซิงถึงจะเรียกว่าปกติไม่ใช่เหรอ?

“มาหาฉันมีธุระอะไร?” ฉีฉีเก๋อถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ฉางชิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉีฉีเก๋อเมื่อก่อนฉันเคยทำตัวเสเพลทำเรื่องผิดพลาดไป เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม? พวกเราสามคนพ่อแม่ลูกจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ฉันจะพาเธอกับเป่ารื่อน่าไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ…”

………………………………………….

 ตอนที่ 2636 อย่าคิดเองเออเอง

พวกเหมยเหมยเบียดเสียดกันหลังที่นั่งฉีฉีเก๋อจึงได้ยินสิ่งที่ฉางชิงซานพูดอย่างชัดเจน พวกเธอกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

“สารเลว…คิดว่าฉีฉีเก๋อกับเป่ารื่อน่าเป็นตัวอะไร…นึกจะเรียกมาก็มา นึกจะไล่ไปก็ไล่…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสาปแช่งเสียงต่ำ

“อย่าร้อนใจไป ดูว่าฉีฉีเก๋อจะพูดว่าอะไรก่อนดีกว่า” เหมยเหมยเอ่ยห้าม

ฉีฉีเก๋อหัวเราะเย้ยตัดบทฉางชิงซานที่คิดเข้าข้างตัวเอง “นายต้องการลูกชายไม่ใช่เหรอ? ฉันเป็นคนไร้ประโยชน์มีให้ไม่ได้ นายต้องคิดดี ๆนะ!”

ฉางชิงซานไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นยะเยือกในดวงตาของฉีฉีเก๋อ เขายังหลงคิดว่าฉีฉีเก๋อหวั่นไหวไปกับคำพูดของตัวเองแล้วเลยอดไม่ได้ที่จะมีความสุข

เขารู้ว่าฉีฉีเก๋อยังมีความรู้สึกดี ๆกับเขาอยู่ ฉะนั้นต้องอาลัยอาวรณ์ไม่ยอมหย่าแน่นอน!

“เรื่องนั้นแม่ฉันพูดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย อันที่จริงฉันคิดว่าลูกชายหรือลูกสาวก็เหมือนกัน ขอแค่เลี้ยงให้ดี ในอนาคตก็สามารถเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ วันหลังพวกเราก็ให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่เป่ารื่อน่า ให้เธอไปเรียนฮาร์วาร์ด เคมบริดจ์ที่ต่างประเทศ…”

ฉางชิงซานพูดเรื่อยเปื่อยเจื้อยแจ้วจนน้ำลายแตกฟอง วาดฝันภาพอันสวยงามนับไม่ถ้วน

“ลูกชายนายล่ะ? ไม่เอาแล้วเหรอ?” ฉีฉีเก๋อตัดบทเขาอีกครั้ง

ฉางชิงซานนิ่งชะงักไป ตอนนี้เองถึงได้นึกถึงลูกชายในท้องของเจินหวานหว่านขึ้นมาได้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาวรณ์เล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจได้ ลูกผู้ชายคิดจะทำการใหญ่ต้องใจเด็ดเดี่ยว

ตอนนี้เอาใจฉีฉีเก๋อให้มีความสุขคือเรื่องสำคัญที่สุด ลูกชายค่อยว่ากันทีหลัง!

แถมเขาอายุยังน้อยและแข็งแรง ฉะนั้นจะมีลูกชายเมื่อไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ไม่มีเจินหวานหว่าน ก็ยังมีหลี่หวานหว่านหวังหวานหว่าน จางหวานหว่านอีกถมเถไป!

เขาเป็นถึงผู้กำกับเลยนะ!

“ไม่เอาแล้ว…ฉีฉีเก๋อ ตอนนั้นฉันดื่มจนเมาเลยเลอะเลือนทำผิดไป แค่ครั้งนี้…โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้งนะ…วันหน้าฉันจะปรับปรุงตัวแน่นอน…”

ฉางชิงซานละทิ้งเจินหวานหว่านโดยไม่ลังเลเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะคิดว่าผู้หญิงคนนี้ยังตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ ใจดำอำมหิตมากจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อรู้สึกหมดหวังกับฉางชิงซานมากขึ้น เธอคาดไม่ถึงว่าชายคนนี้นอกจากจะเจ้าเล่ห์ยังใจดำอำมหิตมากขนาดนี้ด้วย!

โชคดีที่ที่เธอได้เห็นธาตุแท้ของฉางชิงซานแล้ว เธอจะไม่ยอมโดนหลอกอีกต่อไป!

ฉางชิงซานเห็นฉีฉีเก๋อเงียบไม่พูดไม่จาเลยหลงคิดว่าเธอกำลังลังเลจึงใช้วาทะศิลป์พูดต่ออีกว่า “ฉันเป็นพ่อแท้ ๆของเป่ารื่อน่า ใครจะปฏิบัติกับเป่ารื่อน่าอย่างจริงใจได้เหมือนฉัน? ฉันคิดว่าเป่ารื่อน่าจะต้องหวังให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์…ฉีฉีเก๋อ พวกเราจะทำให้ลูกของเราผิดหวังไม่ได้นะ!”

เหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างทนฟังต่อไปไม่ไหว มันน่าสะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนอาหารเย็นออกมาอยู่แล้ว

ทำไมฉางชิงซานถึงมีหน้ามาพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ได้ กระทั่งวันเกิดของเป่ารื่อน่ายังจำไม่ได้ คาดไม่ถึงยังมีหน้ากล้าพูดว่าเขาเป็นคนที่รักเป่ารื่อน่าที่สุด!

ถุย…

ไร้ยางอาย!

ฉีฉีเก๋อเองก็ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เธอลุกขึ้นอย่างโมโหแล้วเอากาแฟที่ยังไม่ได้ดื่มสาดใส่ฉางชิงซาน

“ฉางชิงซาน นายคิดว่าตัวเองเป็นแท่งทองคำหรือไง? ใครเห็นใครก็รักงั้นสิ? ฮ่า ๆ…ฉันเคยโดนครอบครัวนายทำร้ายมาหลายครั้งขนาดนั้น สมองของฉันคงโดนลาเตะจนเลอะเลือนแล้วล่ะถึงกระโดดลงไปในกองไฟนั้นอีก!”

ฉีฉีเก๋อตวาดด่าเสียงดัง บนใบหน้าตามตัวของฉางชิงซานเต็มไปด้วยกาแฟ สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก

เมื่อครู่ที่เขาเปลืองน้ำลายพูดไปตั้งมากมายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่เหรอ?

“เมื่อกี้เธอกำลังเล่นลูกไม้กับฉันอยู่ใช่ไหม?” ฉางชิงซานสีหน้าดุดันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย

“ฉันไม่เคยรับปากอะไรนายมาตั้งแต่ต้นแล้ว มีแต่นายที่คิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว จะโทษก็ต้องโทษที่นายโง่เกินไป ฉางชิงซานนายรอหมายศาลได้เลย พวกเราเจอกันที่ศาล วันหลังถ้ามีธุระกรุณาไปคุยกับทนายความของฉันแล้วกัน ฉันไม่มีเวลามาคุยเล่นกับนาย!”

ฉีฉีเก๋อหยิบกระเป๋าขึ้นมาล้วงเอาเงินออกมาห้าสิบหยวนวางไว้ใต้แก้ว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แก้วของนายจ่ายเองแล้วกัน!”

พูดจบก็เดินเชิดหน้าออกไปทิ้งฉางชิงซานที่เลอะกาแฟไปทั้งตัวนั่งอับอายอยู่ตรงนั้น

………………………

Related

ตอนที่ 2633 ยุ่งเหยิงมั่วซั่วกันไปหมด

ไม่เพียงแต่ใบหน้าอันงดงามครุ่นคิดจนปวดศีรษะ แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อก็พลอยสับสันมึนงงตามไปด้วย

“ค่อย ๆช้า ๆ พวกเราค่อยๆคิด”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยิบกระดาษและปากกาออกมาแล้วเขียนคนสำคัญของคนในตระกูลฉางลงไป ปากก็พึมพำพูดอยู่คนเดียว “ฉางชิงซานไม่ใช่ลูกของตาแก่ฉางแต่เป็นพี่น้องกันต่างหาก แต่กรุ๊ปเลือดของตาแก่ฉางดันแตกต่างจากฉางชิงซานอีก งั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือตาแก่ฉางไม่ใช่สายเลือดของพ่อเขา หรือว่าแม่ของตาแก่ฉางก็คบชู้กับพ่อปู่ด้วย?”

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น เธอกลั้นหัวเราะไม่ไหวจริง ๆ หรือว่าตระกูลฉางมีประเพณีคบชู้กับพ่อปู่กันเหรอ?

“เหมือนว่าพ่อของตาแก่ฉางจะจากไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เรื่องนี้คงหมดหนทางพิสูจน์ได้แล้วจริง ๆน่ะสิ!“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียดายมาก

พี่หนิวรอจนพวกเขาสงบลงถึงเอ่ยว่า “ตอนนั้นฉันเองก็รู้สึกแปลก ๆ แต่ผลการตรวจเลือดของฉางชิงซานและตาแก่ฉางพบว่ามีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติกัน อีกทั้งยังใกล้ชิดกันมากด้วย น่าจะเป็นพี่น้องกันไม่ผิดแน่”

“แต่ถ้าหากเป็นพี่น้องกัน งั้นทำไมกรุ๊ปเลือดของพวกเขาถึงแตกต่างกัน? ฉางชิงซานเป็นกลุ่มเลือดหายาก แต่ตาแก่ฉางกลับเป็นกลุ่มเลือดธรรมดาล่ะ!“ ฉีฉีเก๋อยังคงไม่เข้าใจ

พี่หนิวหัวเราะร่วน “เพื่อนฉันบอกว่าตาแก่ฉางน่าจะไม่ได้สืบทอดสายเลือดมาจากพ่อแต่มาจากแม่แทน ดังนั้นถึงมีกรุ๊ปเลือดธรรมดา แต่ฉางชิงซานสืบทอดสายเลือดมาจากปู่ของเขาโดยตรง และปู่ของเขาก็เป็นกรุ๊ปเลือดหายากเช่นกัน…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดติดตลกว่า “พี่พูดผิดแล้ว ฉางชิงซานและตาแก่ฉางมีพ่อคนเดียวกัน เรียกปู่ไม่ได้แล้วนะ!”

“ใช่ ๆ…ฉันนี่เลอะเทอะไปหมดแล้ว!” พี่หนิวตบหน้าผากพลันตลกตามไปด้วย

ตระกูลนี้วุ่นวายยิ่งกว่ารอยปากกาที่ขีดขวนยุ่งเหยิงเสียอีก!

“เพียงแต่น่าเสียดายที่พ่อปู่ลาจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงให้ลองตรวจดีเอ็นเอดูสักหน่อย แล้วความจริงก็จะปรากฏแล้ว!” ฉีฉีเก๋อค่อนข้างเสียดาย สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือการเหยียบฉางชิงซานให้จมดินและไม่สามารถหยัดกายลุกขึ้นได้อีกตลอดไป!

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำพลันนึกขึ้นได้  “ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางเสมอไป ถ้าฉางชิงซานเป็นลูกชู้ที่ยายแก่ปีศาจได้จากการคบชู้กับพ่อปู่จริง งั้นพ่อปู่คนนั้นก็ต้องมีกรุ๊ปเลือดหายากแน่นอน และกรุ๊ปเลือดหายากนี้คนในตระกูลก็คงต่างต้องมีเหมือนกัน ฉะนั้น…ขอแค่หาพี่น้องของเขาเจอแล้วตรวจสอบดูก็รู้แล้ว”

ดวงตาของฉีฉีเก๋อเป็นประกาย “ฉันนึกออกแล้ว ฉางชิงซานมีปู่เล็กคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นน้องชายของพ่อปู่คนนั้น!”

“งั้นพวกเราไปหาคุณปู่เล็กเพื่อตรวจเลือดกันเถอะ เราต้องสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด จัดการทำให้คนตระกูลฉางไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่าออกมาด้วยความเกลียดชัง

เธอขยะแขยงตระกูลนี้จะตายอยู่แล้ว ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเท่าตระกูลฉางนี่มาก่อนเลย พวกเขาเป็นตัวอะไรกันเนี่ย!

พี่หนิวพูดขึ้นว่า “พวกเธอไม่จำเป็นต้องไปหาใครหรอก ตาแก่ฉางกลับไปหาเองแล้ว เขาร้อนใจกว่าใครเลยแหละ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบมือแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ “ว้าว…นี่เรียกว่ากรรมตามสนองทันตาเห็นไม่ใช่หรือไง วัน ๆเอาแต่พูดเรื่องสายเลือด สุดท้ายลูกชายก็กลายเป็นน้องชาย…ฮ่า ๆ ฉันตลกจะตายอยู่แล้ว…ใช่แล้ว ฉางชิงซานมีน้องสาวคนอีกหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เธอจะเป็นน้องสาวของตาแก่ฉางด้วยหรือเปล่านะ?”

มุมปากของเหมยเหมยกระตุกอีกครั้ง ความปากร้ายของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่มัน…

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ด้วยลีลายั่วยวนของยายแก่ปีศาจ ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะสวมเขาตาแก่ฉางต่ออีกก็ได้!

พี่หนิวเอ่ย “สิ่งที่พวกเธอคิด ตาแก่ฉางเองก็คิดได้หมดแล้วเช่นกัน เขาไปหาลูกสาวเพื่อเก็บเลือดก่อนส่งไปตรวจดีเอ็นเอดูแล้ว แถมยังซื้อตั๋วเครื่องบินรีบบินกลับบ้านเกิดเพื่อตรวจเลือดอาคนเล็กด้วย คาดว่าในอีกสองวันก็คงได้ข้อสรุป”

“ฉันรอดูเรื่องสนุก ๆไม่ไหวแล้ว…หวังว่ายายแก่ปีศาจจะไม่ทำให้เราผิดหวังนะ!” ฉีฉีเก๋อแสยะยิ้มชั่วร้าย

…………………………………………..

 ตอนที่ 2634 ไม่ได้สวมเขาแค่คนเดียว

ตอนนี้ตระกูลฉางเละกลายเป็นโจ๊กไปแล้ว นอกจากตาแก่ฉาง น้องสาวของฉางชิงซานก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้แต่ยายแก่ปีศาจก็อยู่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่เธอไม่ได้มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทว่ากลับขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของโซฟา ดูแล้วทั้งแก่ทั้งน่าเกลียดเหมือนเปลือกส้มย่นที่ถูกตากแดดยังไงอย่างนั้น

เจินหวานหว่านยังคงรักษาตัวและลูกในท้องของเธออยู่ที่โรงพยาบาล เดิมทีควรจะมีใครสักคนคอยดูแลเธอแต่คนในตระกูลฉางไม่มีใครมีกะจิตกะใจทำเช่นนั้น ฉางชิงซานจึงจ้างพยาบาลมาดูแล เขาต้องแก้ปัญหาของตัวเขาเองก่อน

เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ที่แย่คือฉีฉีเก๋อดันรู้เรื่องนี้เข้า!

ตอนนี้นังสารเลวฉีฉีเก๋อเป็นเหมือนสุนัขบ้า เธอจะต้องเอาเรื่องนี้มาสร้างเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน หากฉีฉีเก๋อเปิดโปงออกไปเพื่อน ๆก็จะรู้ว่าฉางชิงซานเป็นลูกที่แม่ของเขาได้มาจากการคบชู้กับคนในตระกูล…

เขาเป็นผู้กำกับหนุ่มที่มีชื่อเสียงและมีอนาคตอันสดใส…หากมีข่าวเชิงลบดังกล่าว ในอนาคตจะยังคงอยู่ในวงการภาพยนตร์ได้อย่างไร?

ฉางชิงซานกลุ้มใจแทบตายจนคิ้วแทบจะขมวดรวมเป็นเส้นตรงอยู่แล้ว เขาจ้องยายแก่ปีศาจอย่างเคียดแค้น ต้องโทษแม่ของเขา…ทำไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้?

คบชู้กับพ่อปู่ก็ช่างมันเถอะ แต่ทำไมยังกล้าคลอดลูกออกมาอีก?

ใจกล้าไม่เบาจริง ๆ!

ยายแก่ปีศาจรู้สึกได้ถึงความเคียดแค้นของลูกชาย ร่างกายแอบสั่นสะท้านเฮือกอยู่หลายที เธอไม่กล้าแก้ต่างให้ตัวเอง ไหนเลยจะรู้ว่าความลับนี้จะถูกฉีฉีเก๋อค้นพบเข้าจริง ๆ!

ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีล่ะ!

“น้องเป็นลูกของแม่กับพ่อใช่ไหม?” ฉางชิงซานถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้องสาวที่อยู่ข้าง ๆก็ตัวสั่นเช่นกัน เธอก้มศีรษะมองปลายเท้าแล้วแอบภาวนาในใจขอให้เธอกับฉางชิงซานมีพ่อคนเดียวกัน

แบบนี้เธอก็จะเป็นพี่น้องแท้ ๆของฉางชิงซานและยังคงเป็นน้องสาวที่แสนดีของพี่ชายอยู่ พี่ชายจะต้องดูแลน้องสาวอย่างเธอแน่นอน!

ยายแก่ปีศาจตัวสั่นไม่หยุดแล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ต้องเป็นของพ่อสิ…จะไม่ใช่พ่อของลูกได้อย่างไร…”

“แม่บอกความจริงกับผมมา พ่อ…” ฉางชิงซานชะงักไป เขาเรียกพ่อมาเกือบสามสิบปี อยู่ดี ๆก็กลายเป็นพี่ชายใหญ่ซะงั้น ฉางชิงซานไม่ชินเลยสักนิด เขายังคงคุ้นเคยกับการเรียกว่าพ่ออยู่ แต่หลังจากเรียกไปแล้วตัวเขาเองกลับรู้สึกไม่เหมาะสม

“พ่อเอาเลือดน้องสาวไปตรวจแล้ว ผลเป็นอย่างไรอีกสองวันก็คงรู้ผลแล้ว แม่บอกความจริงกับผมมาไม่แน่บางทีผมอาจจะคิดหาวิธีได้!”

ฉางชิงซานตวาดเสียงแข็ง เขาต้องหาวิธีทำให้อารมณ์ของตาแก่ฉางผ่อนคลายลงบ้าง

ตาแก่ฉางเป็นคนอ่อนแอขี้ขลาด อันที่จริงคนแบบนี้น่ากลัวมากเพราะหากได้รับสิ่งกระทบกระเทือนต่อจิตใจ บางทีอาจจะเสียสติจนทำเรื่องบ้า ๆเลยก็ได้!

ตอนนี้เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ตาแก่ฉางสะเทือนใจ!

ดังนั้นน้องสาวจะต้องเป็นลูกสาวแท้ ๆของตาแก่ฉางเท่านั้น!

ไม่ใช่ก็ต้องใช่!

บนโลกนี้ไม่มีเรื่องไหนที่จัดการด้วยเงินไม่ได้!

ยายแก่ปีศาจถูกท่าทีดุดันของฉางชิงซานทำให้ตกใจ เธอไม่เคยเห็นลูกชายโกรธตนขนาดนี้ ต่อให้เป็นตอนที่พบเธออยู่บนเตียงกับชู้ ฉางชิงซานก็ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน!

เธอไม่กล้าปิดบังอีกต่อไปเลยสารภาพตามสัตย์จริงว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นพ่อของลูกหรือเปล่า ตอนนั้นพ่อลูกจะกลับมาเป็นครั้งคราว ฉันก็เลยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย…หลังจากนั้นก็มีน้องสาวของลูก…”

เสียงของยายแก่ปีศาจเบาลงเรื่อย ๆพร้อมกับศีรษะที่ก้มต่ำลงเรื่อย ๆและจนสุดท้ายก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอีก

ยายแก่ปีศาจไร้ยางอายคนนี้นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักอายเป็นกับเขาด้วย…ไม่ง่ายเลยจริง ๆ!

“เพล้ง”

ฉางชิงซานโกรธจนคว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะชาขว้างลงพื้นจนเศษแก้วแตกกระจายเต็มไปหมด ยายแก่ปีศาจและน้องสาวต่างตกใจสะดุ้งเฮือกและไม่กล้าหายใจเสียงดัง

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” ฉางชิงซานโกรธจนหน้าเขียวพร้อมใบหน้าอันบูดบึ้ง

“ลูกไม่รู้จักหรอก…เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาถูกย้ายไปที่อื่นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเหมือนกัน!” ยายแก่ปีศาจพูดเสียงเบา ส่วนน้องสาวของฉางชิงซานโมโหจนแทบกระอักเลือดตายแล้ว

…………………………

Related

ตอนที่ 2631 เสียเวลาเลี้ยงลูกชายแทนคนอื่น

เวลานี้ตาแก่ฉางถึงเข้าใจ เขาจ้องภรรยาและลูกชายด้วยสายตาเหลือเชื่อ “ที่พูดคือเรื่องจริงเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่ออย่าไปฟังเธอพูดเรื่องไร้สาระเลย เธอก็แค่เกลียดผมถึงพูดจาซี้ซั้วเรื่อยเปื่อย แม่จะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไรกัน!” ฉางชิงซานตอบปฏิเสธไม่ยอมรับ

คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ขอแค่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับท่าเดียวคงพอกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้ผ่านพ้นไปได้แน่

ครั้นตาแก่ฉางเห็นลูกชายให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นมาก เขาคิดว่าสิ่งที่ลูกชายพูดนั้นสมเหตุสมผล ฉีฉีเก๋อแค้นฝังใจอยู่เลยพูดจาเรื่อยเปื่อย

ความวิตกกังวลของยายแก่ปีศาจก็ผ่อนคลายลงในทันที

ยังดีที่มีลูกชายช่วยปิดบังความผิดให้!

ฉีฉีเก๋อไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยครอบครัวนี้ไปง่าย ๆ เธอพูดเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่ได้พูดจาซี้ซั้วนะ อีกอย่างฉันเองก็มีหลักฐานยืนยัน คุณฉางคะ ฉันขอแนะนำให้คุณฉางลองตรวจดีเอ็นเอกับลูกชายเลยดีกว่า ด้วยนิสัยผู้หญิงสำส่อนใจง่ายอย่างภรรยาคุณพ่อแล้ว โอกาสที่คุณพ่อจะโดนสวมเขาคงมีมานานมากทีเดียว!”

พอเห็นคนตระกูลฉางทั้งสามคนหน้าถอดสี ฉีฉีเก๋อก็พลันมีความสุขขึ้นมาก ทั้งยังซ้ำเติมไปอีกว่า “ฉันขอเตือนอีกอย่างหนึ่งว่าเป่ารื่อน่ากับเจ้าเด็กมารหัวขนนั่นต่างก็มีกรุ๊ปเลือดหายาก ดังนั้นฉางชิงซานก็ต้องมีกรุ๊ปเลือดหายากด้วยแน่นอน แต่ว่า…คุณฉางกลับมีกรุ๊ปเลือด A ที่พบได้ทั่วไปและตัวภรรยาที่แสนดีกลับมีกรุ๊ปเลือด B ดังนั้น…คุณว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ตาแก่ฉางใบหน้าซีดเผือดในชั่วขณะ ต่อให้เขาจะไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลยแต่ก็ยังเข้าใจความหมายของฉีฉีเก๋อ

ก็หมายถึงว่าฉางชิงซานไม่ใช่ลูกชายของเขาไม่ใช่หรือไง?

นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

ทว่าฉีฉีเก๋อพูดจาหนักแน่นไม่เหมือนคนพูดจาพล่อย ๆเลยสักนิด ตาแก่ฉางจึงเริ่มลังเลแล้วมองไปทางยายแก่ปีศาจอีกครั้งแต่กลับเห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของเธอ ท่าทีเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย

หรือว่า…

ฉีฉีเก๋อยิ้มเยาะอย่างลำพองใจก่อนลากเหมยเหมยออกมาจากโรงพยาบาล แค่นั่งรอดูละครสนุก ๆก็พอ

“ไม่เลวเลย…จากนี้ไปต้องแบบนี้นะ!” เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้

ฉีฉีเก๋อพยักหน้ารัว ๆ “อืม จากนี้ไปฉันจะไม่อ่อนแออีก ทุกอย่างเป็นของฉัน…จะไม่ให้น้อยแม้แต่แดงเดียวเลย!”

พี่หนิวที่ตามมาด้านหลังก็เอ่ยเสริม “ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องเข็มแข็ง เราจะต้องมีชีวิตให้ดีกว่าผู้ชายสารเลวและเมียน้อยเป็นสิบเท่า ทำให้พวกเขานึกเสียใจภายหลังไปเลย!”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพี่นะคะ!” ฉีฉีเก๋อรู้สึกขอบคุณจากใจจริง

พี่หนิวโบกมือปัดป่ายอย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณอะไรกัน ฉันขอพูดความจริงกับพวกเธอเลยนะ ตอนนั้นฉันโดนอดีตสามีและเมียน้อยทำร้ายจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ฉันกินยานอนหลับเกินขนาดไปหลายครั้งแต่ชะตาก็ยังไม่ถึงฆาต ต่อมาบังเอิญได้ช่วยเพื่อนสั่งสอนนังเมียน้อยเลยทำให้ฉันได้สติขึ้นมา โรคซึมเศร้าก็หายไปได้โดยไม่ต้องพึ่งยาอีก…ดังนั้น ช่วยพวกเธอก็เหมือนกำลังช่วยตัวเอง ไม่งั้นฉันก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนเมื่อก่อน!”

เหมยเหมยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเพราะเหตุผลนี้ถึงทำให้พี่หนิวกระตือรือร้นอยากตบตีเมียน้อยขนาดนั้น!

แต่ไม่ว่าอย่างไรความกระตือรือร้นของพี่หนิวก็ช่างน่าประทับใจจริง ๆ

“ไม่รู้ว่าตาแก่ฉางจะเชื่อไหม?” ฉีฉีเก๋อไม่ค่อยแน่ใจ

“วางใจเถอะ เธอพูดปิดโปงตรงไปตรงมาขนาดนี้แล้ว ตาแก่ฉางที่เป็นคนให้ความสำคัญกับสายเลือดขนาดนั้นจะไม่ไปตรวจดูได้อย่างไรกัน? ฉันเดาว่าครอบครัวฉางคงอลหม่านกันน่าดู!“ เหมยเหมยมั่นใจมาก

พี่หนิวเองก็เอ่ยว่า “วางใจเถอะ ฉันส่งเพื่อนคอยจับตามองครอบครัวนี้ไว้แล้ว ถ้ามีข่าวคราวอะไรฉันจะโทรหาพวกเธอนะ”

วันต่อมาพี่หนิวก็โทรมาหา เรื่องแรกเธอเล่าว่าลูกในท้องเจินหวานหว่านถูกช่วยชีวิตไว้ได้แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย ทางโรงพยาบาลพยายามอย่างมากที่จะรักษาเด็กในท้องไว้ แต่คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะปลอดภัย

“ตาแก่ฉางลากฉางชิงซานไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ผลคงต้องรออีกสองวันถึงจะออก พวกเธอก็รอฟังข่าวดีจากฉันแล้วกัน!” พี่หนิวมั่นใจมาก

…………………………………………..

 ตอนที่ 2632 สมคบชู้ระหว่างพ่อปู่กับลูกสะใภ้

ฉีฉีเก๋อค่อนข้างเสียใจที่ล้มขนาดนั้นแต่เด็กนั่นกลับไม่ตาย!

เหมยเหมยปลอบใจเธอ ”ไม่ต้องกังวลไปหรอก พี่หนิวบอกว่ายังอยู่ในขีดอันตรายไม่ใช่เหรอ? บางทีสุดท้ายอาจจะรักษาไว้ไม่ได้ก็ได้นะ แต่ต่อให้รักษาไว้ได้จริง ๆก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา ถึงอย่างไรทรัพย์สมบัติของฉางชิงซานก็ต้องตกเป็นของเธอกับเป่ารื่อน่า ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งเธอไปทั้งนั้น!”

“อืม…ฉันรู้ แค่เสียใจนิดหน่อย แต่อีกสองวันคงได้ดูเรื่องสนุก ๆแล้ว ช่างน่าตั้งตารอคอยเสียจริง” ฉีฉีเก๋อแสดงท่าทีตื่นเต้น

อยากเห็นฉากครอบครัวตระกูลฉางวุ่นวายอลหม่านจริง ๆ

โดยเฉพาะตาแก่ฉางที่ชอบพูดเน้นเรื่องสายเลือดอยู่บ่อย ๆ ถ้ารู้ว่าตัวเองช่วยคนอื่นเลี้ยงลูกมาหลายสิบปีคงปวดใจมากน่าดู!

“ใช่แล้ว ทนายกัวติดต่อเธอมาหรือยัง? เธอพูดถึงข่าวจากทางฝั่งศาลบ้างไหม?” เหมยเหมยถามอย่างห่วงใย

ทนายกัวเป็นทนายเลื่องชื่อพวกคดีหย่าร้างที่ซังเฟยแนะนำมา เธอเป็นทนายความหญิงที่กระตือรือร้นมาก อีกทั้งยังมีความชำนาญในวิชาชีพมากเช่นกัน และเธอยังช่วยผู้หญิงหลายคนต่อสู้ทวงสิทธิ์ที่พวกเธอควรได้กลับคืนมา

“บอกแล้ว ทนายกัวบอกว่าจะขึ้นศาลในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า เดิมทีเหมือนฟ้องหย่าแต่การพิจารณาคดีครั้งแรกมักจะเป็นการไกล่เกลี่ย แต่ทนายกัวบอกว่าสถานการณ์ของฉันพิเศษกว่านั้น ฉะนั้นเธอจะต่อสู้เพื่อให้ผู้พิพากษาออกคำตัดสินโดยตรงและให้ฉางชิงซานไปตัวเปล่าเสียเลย”

ดวงตาของฉีฉีเก๋อเป็นประกาย เหตุที่เธอคิดได้เร็วสาเหตุก็มาจากทนายกัวด้วยเช่นกัน

เพราะว่าทนายกัวเป็นคนมีไฟในการทำงาน ฉลาดเด็ดเดี่ยวซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบจนทำเอาเธอตกตะลึงไปเลย และหลังจากที่ทนายกัวได้รู้ประวัติศึกษาของเธอแล้วก็นึกเสียดาย ทั้งยังบอกอีกว่าในมือมีไพ่เด็ดอยู่แต่กลับทำให้ตัวเองล้มไม่เป็นท่า

แต่ว่าเริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย เธอคิดได้ตอนนี้ก็ยังทัน!

ผ่านไปสองวันเหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างก็เจียดเวลามารอดูเรื่องสนุก ๆของครอบครัวตระกูลฉาง

พอถึงช่วงบ่ายพี่หนิวถึงแวบมาเล่าเรื่องวุ่นวายของตระกูลฉางด้วยสีหน้ารื่นเริง

“ผลดีเอ็นเอออกมาแล้ว พวกเธอคงเดาไม่ออกแหง”

“ผลเป็นอย่างไรเหรอ? หรือว่าฉางชิงซานเป็นลูกของตาแก่ฉางจริง ๆ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกผิดหวังมาก นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอต้องการนะ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉางชิงซานไม่ใช่ลูกของพ่อเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขามีความเกี่ยวข้องกับพ่อของเขาแถมยังใกล้ชิดกันมากด้วย พวกเธอรู้ไหมว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน?”

พวกเหมยเหมยสบตากันแน่นิ่ง เดิมทีพวกเธอคิดว่าฉางชิงซานเกิดจากชายพเนจรที่ยายแก่ปีศาจฉกมา คาดไม่ถึงว่าพวกเธอจะประเมินกันต่ำไป!

“หรือว่าจะเป็นพ่อปู่?” ดวงตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นประกาย

เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อดวงตาแทบถลนออกมาอยู่แล้ว คบชู้กับพ่อปู่?

นี่มันจะน่าทึ่งเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?

“ไม่หรอก ถ้าหากเป็นการแอบคบชู้กับพ่อปู่ กรุ๊ปเลือดของฉางชิงซานก็น่าจะเหมือนพ่อของเขาสิ!” ฉีฉีเก๋อนึกถึงจุดสำคัญขึ้นได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหงุดหงิดขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่การคบชู้ระหว่างพ่อปู่กับลูกสะใภ้ก็ไม่สนุกสิ ไม่น่าตื่นเต้นเลยสักนิด!

พี่หนิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเธอเดาถูกแล้ว นี่เป็นการคบชู้ระหว่างพ่อปู่กับลูกสะใภ้จริง ๆ ยายแก่ปีศาจสารภาพเองเลยว่ามีช่วงหนึ่งที่ตาแก่ฉางถูกส่งไปทำงานที่ต่างเมืองแล้วไม่ได้กลับบ้านหลายเดือน เธอทนความโดดเดี่ยวไม่ไหวเลยไปร่วมหลับนอนกับพ่อของสามีแล้วให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งออกมา”

“เฮ้ย…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลนี้จะอยู่ร่วมกันได้ ต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่าออกมา

ฉีฉีเก๋อยังคงไม่เข้าใจ “งั้นทำไมกรุ๊ปเลือดของฉางชิงซานถึงแตกต่างจากพ่อของเขาล่ะ? หรือว่าตาแก่ฉางก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆของพ่อเขาเองด้วยงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยเองก็ปวดศีรษะ เรื่องนี้เหมือนขุดมันออกจากดินก็ไม่ปาน ดึงออกมาหัวหนึ่งก็มีอีกหัวหนึ่งพ่วงตามมาด้วย…หรือว่าลูกสะใภ้ตระกูลฉางจะมีนิสัยลักกินขโมยกิน?

แน่นอนว่าฉีฉีเก๋อไม่นับรวมอยู่ในนั้นด้วย!

……………………………

Related

ตอนที่ 2629 จัดการผู้ชายสารเลว

ตาแก่ฉางใจเต้นระส่ำ เขาฟังความหมายที่เหมยเหมยสื่อออกแต่เขากลับรู้สึกว่าเหมยเหมยจงใจทำให้เขาอับอาย ตอนที่ชิงซานเกิดใครเห็นก็บอกว่าเป็นลูกของเขา ทั้งตาทั้งจมูกก็ถอดเขามาทุกอย่างราวกับแกะกันออกมา

“ฉันต้องส่องกระจกอะไรกัน เธอต่างหากพูดอะไรให้ระวังหน่อย คนวัยหนุ่มสาวชอบพูดจาเหลวไหล ระวังจะโดนหมายศาลนะ” ตาแก่ฉางตำหนิเสียงเย็นชา เขาคิดว่าเหมยเหมยต้องโกรธแทนเพื่อนแน่ถึงได้พูดจาเหลวไหลแบบนี้

สีหน้าของยายแก่ปีศาจดูซับซ้อน นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่จ้าวเหมยพูดแบบนี้ หรือว่านังเด็กนี่รู้อะไรมางั้นเหรอ?

แต่นี่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ชิงซานหน้าตาเหมือนพ่อเขาขนาดนั้น ไม่มีใครสงสัยเลยสักนิด!

จ้าวเหมยนังเด็กนี่ไม่มีทางรู้เด็ดขาด!

ยายแก่ปีศาจที่ปลอบตัวเองอยู่นานและใจหล่นไปที่ตาตุ่มก็กลับมามีสติอีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “ตาแก่ พวกเขานั่นแหละที่ทำให้หวานหว่านต้องหกล้ม ถ้าหลานของฉันเป็นอะไรไปฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่!”

ตาแก่ฉางโกรธจัดนึกว่าฉีฉีเก๋อจงใจผลักเจินหวานหว่านเลยมองไปที่เธออย่างผิดหวัง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกลียดชังว่า “ฉีฉีเก๋อเธอทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้!”

ฉีฉีเก๋อโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคนตระกูลฉางจะไร้ยางอายทำเรื่องผิดศีลธรรมกันหมดขนาดนี้ อีกอย่างหลานของพวกคุณไม่ใช่ฝีมือฉันสักหน่อยแต่เป็นฝีมือยายแก่นี่ต่างหาก ตอนนั้นคนเห็นเยอะแยะ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามทีละคนได้เลย!”

ฉีฉีเก๋อที่หลุดพ้นคิดได้แล้วก็โต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ตาแก่ฉางมองตาขวางพร้อมหายใจติดขัด ชี้ไปที่ฉีฉีเก๋ออยู่นานแต่ไม่พูดอะไรออกมาสักที

ฉางชิงซานที่รีบร้อนมาหา พอเห็นตาแก่ฉางมีท่าทีแบบนั้นเลยรีบเข้าไปพยุงพ่อไว้แล้วตำหนิฉีฉีเก๋อด้วยเสียงอันดังว่า “เธอทำอะไรพ่อฉัน? ฉีฉีเก๋อ เธอจิตใจโหดร้ายจริง ๆ ฉันตาบอดไปเองแหละ!”

พอยายแก่ปีศาจเห็นลูกชายก็นึกแผนเด็ดขึ้นได้เลยดึงชิงซานไว้แล้วร้องคร่ำครวญว่า “ชิงซานลูก…พวกเขาทำร้ายหวานหว่านจนล้ม ไม่รู้ว่าตอนนี้หลานจะเป็นอะไรไหม…”

ชิงซานโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแล้วมองไปทางฉีฉีเก๋อด้วยสายตาเย็นชาที่เหน็บหนาวยิ่งกว่าน้ำค้างเดือนสิบสองเสียอีก

“ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”

ฉีฉีเก๋อกลับหัวเราะโดยไม่คิดโกรธเลยสักนิด “ชิงซาน…นายพูดให้ชัดเจนหน่อย เด็กมารหัวขนนั่น…เกิดมาจากเรื่องผิดศีลธรรม เดิมทีเขาไม่ควรเกิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ!

เธอเองก็คร้านจะแก้ต่างให้ตัวเองแล้วเหมือนกัน ต่อให้เธอทำแล้วจะทำไม?

เธอคือเมียหลวง เมียน้อยกับลูกของมันก็คือศัตรูของเธอ ต่อให้เธอทำร้ายจนตายก็ถือว่าช่วยทวงความถูกต้องแทนสวรรค์นี่นา!

“นังสารเลว…ฉันจะตีแกให้ตาย!”

ชิงซานสบถคำหยาบออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดง ยกมือขึ้นคิดจะตบฉีฉีเก๋อ เหมยเหมยคิดจะเข้าไปช่วยแต่ฉีฉีเก๋อกลับหลบทัน ฉางชิงซานที่ง้างมือเลยเป็นฝ่ายล้มลงไปแทน

ฉีฉีเก๋อมองฉางชิงซานที่หน้าคว่ำอยู่บนพื้นในมุมสูงด้วยแววตาที่ไร้เยื่อใยและมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น

“ฉางชิงซาน…แม้แต่ท่าป้องกันตัวพื้นฐานกันลื่นล้มยังลืม แถมกลายเป็นไอ้ขี้เมาอีกต่างหาก นายไม่ใช่ฉางชิงซานที่กระตือรือร้นในวัยหนุ่มที่ดูดีราวกับชายในฝันเหมือนอดีตอีกแล้ว ฉัน…ทั้งรังเกียจและจะหย่ากับนานแน่นอน…นายรอใบสั่งศาลได้เลย!”

“ฉีฉีเก๋อเธอบ้าไปแล้ว…เธอถึงขนาดกล้าฟ้องศาล…ฉันก็จะไม่ให้เงินเธอแม้แต่แดงเดียว” ฉางชิงซานตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ถ้าฉีฉีเก๋อร้องห่มร้องไห้วิงวอนเขา เขาถึงจะพอใจ เพราะเขาต่างหากที่เป็นใหญ่กว่า ฉีฉีเก๋อก็เปรียบเสมือนเป็นแค่เมืองขึ้นของเขา แต่ตอนนี้…ผู้หญิงที่ต้องใช้จมูกเขาหายใจกลับกล้าขอหย่า?

มีอย่างที่ไหนกัน!

ฉีฉีเก๋อที่เดินไปแล้วไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมา จากนั้นก็เตะใส่ทีหนึ่งจนทำเอาฉางชิงซานที่หยัดกายลุกขึ้นมาได้แล้วล้มลงไปอีก

“ฉันก็จะบอกนายว่าฉันเองก็จะไม่ปล่อยหลุดไปแม้แต่แดงเดียวเช่นกัน แกรอไปตัวเปล่าได้เลย!”

………………………………………….

 ตอนที่ 2630 ย้อนพูดเรื่องในวันวาน

พอเหมยเหมยเห็นฉีฉีเก๋อที่มีท่าทีแปลก ๆก็อดไม่ได้คิดจะยื่นมือไปลูบปลอบว่าทำดีแล้ว จัดการผู้ชายเลว ๆต้องแบบนี้แหละ ทำไมถูกผู้ชายเลว ๆทำร้ายแล้วต้องทรมานตัวเองด้วย?

คนที่ควรได้รับการประณามก็คือหญิงร้ายชายเลวนั่นต่างหาก!

ฉีฉีเก๋อซัดเตะไปสองทีด้วยแรงที่ไม่เบาเลย เพราะสองปีมานี้ฉางชิงซานขาดการออกกำลังกาย ถ้าไม่อยู่บนโต๊ะเหล้าก็อยู่บนเตียงนอน ร่างกายจึงไม่เหมือนตอนนั้นนานแล้ว อีกอย่างตอนนี่เริ่มอ้วนด้วย แม้แต่คลานลุกขึ้นมายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตาแก่ฉางรีบเข้าไปประคองลูกชายขึ้นมา ครั้นเห็นชิงซานเจ็บจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวก็ชี้นิ้วด่าฉีฉีเก๋อ “แม้แต่ผู้ชายก็ยังกล้าทำ พ่อแม่เธอเลี้ยงเธอมายังไงเนี่ย?”

“พ่อแม่ฉันสอนไว้ว่าถ้าใครกล้ามารังแกตัวเองก็ให้เตะกลับไปสิบเท่า เมื่อก่อนเพราะฉันโง่เขลาเลยยอมทนให้พวกแกรังแก แต่ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว จากนี้ไปใครก็อย่าแม้แต่จะคิดรังแกฉันกับเป่ารื่อน่าเด็ดขาด!”

ฉีฉีเก๋อกำหมัดขึ้นพร้อมจ้องฉางชิงซานตาถมึงทึงเป็นเชิงขู่

“มีอย่างที่ไหนกัน…ทำตัวแย่…”

ตาแก่ฉางด่าไม่ออก เขาแค่พูดอยู่สองประโยคซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

เดิมทีเขายังรู้สึกผิดกับฉีฉีเก๋ออยู่บ้าง แต่ตอนนี้…เขาหวังว่าลูกชายจะรีบหย่ากับฉีฉีเก๋อเร็ว ๆ เขารับผู้หญิงดิบเถื่อนแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ไม่ไหวหรอก น่าขายหน้าจะตายไป!

ยายแก่ปีศาจจดจ่ออยู่แต่กับห้องผ่าตัดอยู่ตลอด พอประตูห้องผ่าตัดเปิดออกเธอก็รีบพุ่งเข้าไปถามสถานการณ์ทันที “หลานฉันเป็นไงบ้าง?”

คุณหมอเหลือบมองยายแก่ปีศาจแวบหนึ่ง สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็พวกคนแก่ที่อ้าปากก็ถามถึงแต่เด็ก จะถามถึงแม่บ้างไม่ได้หรือไง?

“อาการลูกในท้องไม่ค่อยดีนัก ผมเองก็พยายามรักษาลูกในท้องไว้อยู่ แต่พวกคุณเองก็ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วยว่าอาจจะรักษาไว้ไม่ได้” คุณหมอเองก็เสียใจเหมือนกัน กว่าจะมีแม่ตั้งท้องลูกที่มีกรุ๊ปเลือดหายาก อย่าให้พูดเลยว่าแผนกพวกเขาตื่นเต้นกันแค่ไหน แต่ใครจะคิดว่าจะแท้ง?

คนพวกนี้ไม่ระวังเอาเสียเลย!

“คุณหมอ…ขอร้องล่ะ ต้องรักษาหลานฉันไว้ให้ได้นะ!” ยายแก่ปีศาจร้อนรนจนเหงื่อออกท่วมศีรษะ สีหน้าทุกข์ใจมาก

 “ถ้ารักษาไว้ได้ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ลูกในท้องเป็นเด็กเลือดกรุ๊ปโอบอมเบย์ นับว่ามีค่าต่อการวิจัยทางการแพทย์มาก พวกเราเองก็ไม่อยากให้เด็กเป็นอะไรไปเหมือนกัน เพราะงั้นพวกเราต้องพยายามอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว!”

คุณหมออธิบายอย่างใจเย็น เขาไม่มีเวลามาคุยเจื้อยแจ้วกับยายแก้ปีศาจเลยรีบจากไป เขาต้องไปหาหัวหน้าฝีมือดีของแผนกคลอดมา มิฉะนั้นเด็กกรุ๊ปเลือดหายากพิเศษคนนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แน่!

ครอบครัวฉางชิงซานเฝ้ารอด้วยความกังวลใจเลยไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับฉีฉีเก๋อ

ฉีฉีเก๋อนึกบางอย่างขึ้นได้เลยเดินมาถามว่า “ฉางชิงซาน ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นายกับเป่ารื่อน่าต่างก็เป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกัน แต่ทำไมพ่อแม่นายถึงมีกรุ๊ปเลือดธรรมดาล่ะ ตกลงกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ได้มาจากไหนกันแน่?”

ฉางชิงซานใจหล่นวูบ “เธอหมายความว่าไง?”

“ก็หมายความตามที่บอกไปนั่นแหละ” ฉีฉีเก๋อหัวเราะเหน็บแนม เธอมองไปทางตาแก่ฉางที่มีสีหน้างุนงง แล้วเอ่ยว่า “คุณพ่อคงยังไม่รู้สินะคะว่าช่วงที่ฉันจะคลอดเป่ารื่อน่า ภรรยาของคุณพ่อก็ไม่ได้อยู่ว่าง ๆเลยนะ หล่อนวิ่งเต้นไปหาตาแก่ร่ำรวยคนหนึ่งด้วย อย่าให้พูดเลยว่าใช้ชีวิตมีความสุขมากแค่ไหน เรื่องนี้ฉางชิงซานเคยบอกหรือยังล่ะ?

ฉางชิงซานหน้าถอดสี นังฉีฉีเก๋อสมควรตายนี่กล้าพูดเรื่องในอดีตขึ้นมาเลยเหรอ!

“ฉีฉีเก๋อ เธออย่ามาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าพ่อฉัน!”

“ฉันจะพูดจาเหลวไหลได้ไงกัน? ตอนนั้นนายยังไปไล่ตามจับด้วยตัวเองเลย แต่ก็ใช่เนอะ คนมีชื่อเสียงมักลืมง่าย ตอนนี้นายเป็นคนดังแล้วนี่นา งั้นก็คงลืมเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆแบบนี้ไปอยู่แล้ว ไม่เป็นไร ฉันจำได้ชัดเจนเชียวว่าตาแก่บ้านรวยนั่นพักอยู่ที่ไหน ชื่ออะไรฉันจำได้หมด หรือว่าจะให้ฉันพาไปเที่ยวสักรอบไหมล่ะ?

ทุกคำพูดของฉีฉีเก๋อทำเอายายแก่ปีศาจหน้าซีดเผือด เรื่องนี้เธอปิดบังตาเแก่นี่ไว้ตลอด แต่ตอนนี้กลับถูกนังสารเลวนี่เปิดโปงเข้าแล้ว

ตาแก่ต้องไม่ปล่อยเธอไปแน่!

…………………………………….

Related

ตอนที่ 2627 กระชากความหน้าด้านออกมา

เจินหวานหว่านไม่ได้โง่ ในทางกลับกันเธอมีความฉลาดอยู่บ้าง พอได้ยินคำพูดของฉีฉีเก๋อ เธอก็พอเดาสถานะของผู้หญิงคนนี้ได้เลยหันไปมองที่ยายแก่ปีศาจ

ยายแก่ปีศาจค่อย ๆเงยหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าที่ดูแย่มาก ถ้าเธอรู้ว่าจะมาเจอฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล วันนี้เธอคงไม่มีทางมาเอาผลแน่นอน

ชิงซานบอกเธอแล้วว่าตอนนี้เขาเป็นคนมีหน้ามีตา เวลาอยู่ข้างนอกให้ระวังด้วยและจะขี้โวยวายเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ดันมาเจอกับนังฉีฉีเก๋ออีกจะทำอย่างไรดีล่ะ!

เจินหวานหว่านใจร่วงถึงตาตุ่ม จิตใต้สำนึกบอกว่าให้เธอกลับไป ตอนนี้เธอเป็นคนท้อง ถ้าเกิดฉีฉีเก๋อเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาทำร้ายลูกในท้องของเธอ แล้วเธอจะเหลือไพ่ใบไหนมาต่อรองให้ชิงซานแต่งงานกับตนเล่า?

พี่หนิวจงใจปิดทางไว้โดยไม่หลุดพิรุธใด ๆออกมา เจินหวานหว่านหนีไปไม่ได้เลยรีบส่งซิกบอกเป็นนัย ๆไปให้เธอ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณพี่คะ ไหนคุณพี่บอกว่าคนนี้เป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นเมียน้อยไปได้ล่ะ” พี่หนิวถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างพร้อมสีหน้ามึนงง

ฉีฉีเก๋อถามเสียงเย็นชา “ฉันต่างหากที่เป็นลูกสะใภ้ตัวจริงของยายแก่นี่ เพียงแต่เพราะฉันคลอดลูกสาวออกมา สองแม่ลูกนี่ก็เลยแอบเลี้ยงเมียน้อย แถมยังคิดจะแย่งลูกสาวฉันไปอีกแล้วให้ฉันไปตัวเปล่าด้วย”

กลุ่มคนที่ดูเรื่องสนุก ๆอยู่ก็ถกเถียงกันพร้อมส่งสายตาดูถูกไปให้เจินหวานหว่านและยายแก่ปีศาจ ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีความคิดโบราณแบบนี้อยู่อีกเหรอ?

“ไม่ใช่นะ…ฉันไม่ใช่เมียน้อยสักหน่อย…เธอพูดเหลวไหล…” เจินหวานหว่านรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเองและอยากไปจากที่นี่ แต่คนที่ดูเรื่องสนุก ๆแห่มุงเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆจนแน่นขนัด เธอจึงไร้หนทางจะฝ่าฝูงชนออกไปได้

ยายแก่ปีศาจเป็นห่วงหลานจึงประกบหลังเจินหวานหว่านไม่ห่างแล้วก่นด่าฉีฉีเก๋อไปว่า “ใครใช้ให้แกไม่มีลูกชายล่ะ ลูกชายฉันเลี้ยงแกมาตั้งหลายปีก็นับว่าเมตตามากแล้ว!”

“อ้าว…คุณพี่พูดแบบนี้มันไม่เข้าหูฉันเลยนะ เป็นผู้หญิงแล้วมันทำไมเหรอ ผู้หญิงไม่ใช่คนหรือไง? พี่เองก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างที่บ้านพี่มีกองเงินหรือกองทองเหรอถึงรั้นอยากจะมีลูกชายสืบทอดนักฮะ?”

พี่หนิวพูดเหน็บแนม ผู้ชายในอดีตของเธอก็ใช้ข้ออ้างนี้ไปหาชู้เหมือนกัน เกลียดที่สุดก็ประเภทสังคมชายเป็นใหญ่เนี่ยแหละ!

เมื่อก่อนฮ่องเต้ยังให้มีลูกสาวเลย!

แล้วมีสิทธิ์อะไรให้มีลูกชายกัน?

“นั่นสิ… ที่บ้านมีตำแหน่งฮ่องเต้ให้สืบทอดหรือไง แถมยังบังคับให้ลูกสะใภ้คลอดลูกชายอีกต่างหาก? ช่างน่าตลกจริง ๆ ตอนนี้สังคมยุคใหม่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่อีก!”

“นั่นสิ ถ้าลูกสาวฉันแต่งงานกับคนตระกูลแบบนี้ ฉันคงบอกให้ลูกสาวฉันรีบหย่าทันที อยากจะแต่งกับใครก็ค่อยแต่งแล้วกัน!

……

คนที่ห้อมล้อมอยู่เรียกร้องความยุติธรรมให้ฉีฉีเก๋อแล้วส่งสายตาดูถูกไปให้ยายแก่ปีศาจ!

ยายแก่ปีศาจมองพี่หนิวด้วยสายตาเหลือเชื่อ “คุ๊น้อง ทำไมเธอถึง…”

อยู่ฝั่งเดียวกับเธอไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงช่วยฉีฉีเก๋อพูดล่ะ?

“ก็ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์ความเป็นมานี่ คุณพี่พูดเต็มปากเต็มคำว่านังจิ้งจิกนี่เป็นลูกสะใภ้ ใครจะไปรู้ว่าเป็นเมียน้อย ในชีวิตนี้ฉันเกลียดที่สุดก็เมียน้อยใครเขาก็รู้กันหมด แล้วฉันจะช่วยเมียน้อยได้อย่างไร?”

พี่หนิวนึกโกรธเคืองขึ้นมาเลยวิ่งไปยืนอยู่ข้างฉีฉีเก๋อเพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง

ในกลุ่มมีคนรู้จักพี่หนิวอยู่บ้าง พอเธอหยัดกายอธิบายสถานะของตัวเอง ทุกคนจึงเชิดชูนับถือ

เวลานี้ยายแก่ปีศาจถึงใจแป้วขึ้นมา เดิมทีนึกว่าพี่หนิวจะเป็นดั่งพี่น้องที่ระบายความทุกข์แก่กันได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้กลับถูกแทงข้างหลัง แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อดีล่ะ?

“เรื่องในบ้านฉันเกี่ยวอะไรกับพวกแกด้วย ถอยไป…หลบไปนะ!”

ยายแก่ปีศาจใช้แผนโวยวายดึงเจินหวานหว่านเตรียมหนีออกไป คนอย่างเธอไม่ยอมเสียเปรียบหรอก วันหลังค่อยมาคิดบัญชีกับฉีฉีเก๋อแล้วกัน!

“ฝากไปบอกชิงซานด้วยว่าฉันฟ้องศาลแล้ว เรื่องไร้ศีลธรรมที่เขาทำต้องได้ชดใช้กรรมแน่” ฉีฉีเก๋อเอ่ยเสียงเย็นชา

ยายแก่ปีศาจชะงักไป คิดไม่ถึงว่าฉีฉีเก๋อจะเป็นฝ่ายฟ้องศาลก่อน เหมยเหมยเองก็พูดเป็นนัยว่า “แล้วก็เรื่องไร้ศีลธรรมที่แกทำก็ต้องได้ชดใช้กรรมแน่นอน!”

ยายแก่ปีศาจใจเต้นระส่ำ นังเด็กจ้าวเหมยนี่หมายความว่าไง?

เพราะมีเรื่องในใจเธอเลยมองเห็นทางเบื้องหน้าไม่ชัดไปชั่วขณะ เจินหวานหว่านที่ถูกเธอลากไปด้วยก็ล้มลงไปพร้อมกัน

……………………………………………….

ตอนที่ 2628 ฉีฉีเก๋อที่สำนึกได้ในที่สุด

“โอ๊ย…ท้องของฉัน”

เจินหวานหว่านล้มลงบนพื้นไม้หินอ่อน อีกอย่างยังล้มก้นจ้ำบ๊ะอย่างแรง มือสองข้างของเธอกุมท้องพร้อมโอดร้องครวญคราง

ทุกคนต่างตื่นตกใจ มีบางส่วนที่กลัวเรื่องราวเลยเถิดใหญ่โตเลยค่อย ๆหายตัวไป แต่ก็มีคนบางส่วนใจอ่อนรีบวิ่งแจ้นไปตามหมอมา ยายแก่ปีศาจเองก็ล้มลงไปแรงไม่เบา มือเท้าขยับไม่ได้ ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังหยัดกายขึ้นมาไม่ได้

เธอเป็นห่วงหลานในท้องของเจินหวานหว่านเลยรีบลุกขึ้น แต่ยิ่งลนมือไม้ก็ยิ่งพันกันเลยกลิ้งไปหลายตลบ จนกระทั่งยังลุกขึ้นไม่ได้

“ใครก็ได้มาประคองฉันทีได้ไหม? หลานของฉัน…รีบไปตามหมอมาสิ…” ยายแก่ปีศาจคลานพร้อมตะโกนบอก

จิตใต้สำนึกสั่งให้ฉีฉีเก๋อยื่นมือไปช่วยประคอง แต่เธอก็หดมือกลับมาอย่างรวดเร็ว

ยายแก่ปีศาจเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอจนไม่เหลือชิ้นดี ถ้าเธอยื่นมือไปช่วยประคอง ถ้าอย่างนั้นแม้แต่ตัวเองก็ยังดูถูกตัวเองเลย!

เหมยเหมยพอใจในท่าทีของฉีฉีเก๋อมาก ถือว่าลุกขึ้นมาได้แล้วล่ะ ถ้าฉีฉีเก๋อยังยอมคนเหมือนเมื่อก่อนอีก เธอคงพิจารณามิตรภาพของพวกเธอใหม่!

“จ้าวเหมย…ช่วยฉันที…ฉันเจ็บ…”

เจินหวานหว่านกุมท้องพร้อมร้องขอความช่วยเหลือจากเหมยเหมย ลูกคือไพ่ต่อรองชิ้นใหญ่ของเธอ ฉะนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ!

“ตอนที่เธอเป็นเมียน้อยคนอื่นน่าจะคิดว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้สิ!”

เหมยเหมยไม่ได้เอื้อมมือไปช่วยเจินหวานหว่าน ไม่ต้องพูดถึงว่าชาติก่อนนังแพศยานี่เคยร่วมมือกับอู่เยวี่ยทำร้ายเธอหรอก แค่สถานะเมียน้อยของเจินหวานหว่านเธอคงไม่มีทางยื่นมือเข้าไปช่วยแน่นอน!

แต่ไม่นานหมอก็รีบมาเอาตัวเจินหวานหว่านเข้าไปรักษาในห้องฉุกเฉิน คนที่ดูเรื่องสนุก ๆก็ค่อย ๆแยกย้ายไป

“ฉันจะอยู่รอดูผลก่อน ดูสิว่าเด็กมารหัวขนในท้องนังนั่นจะรอดไหม!” ฉีฉีเก๋อเอ่ยสีหน้าเย็นชา

ถึงเด็กในท้องจะบริสุทธิ์แต่ใครใช้ให้เขามีแม่ที่ทำตัวแบบนี้ล่ะ การเกิดมาของเขาต้องส่งผลต่อเป่ารื่อน่าของเธอแน่นอน ในฐานะแม่เธอต้องใจอำมหิตหน่อย!

หลังจากผ่านการทรยศและความเจ็บปวดมามากมาย ในที่สุดฉีฉีเก๋อก็ตระหนักได้แล้วและกลับไปเป็นฉีฉีเก๋อที่สดใสแข็งแกร่งในวันนั้นอีกครั้ง!

เหมยเหมยยิ้มชื่นชมเธอ “ฉันอยู่รอเป็นเพื่อนนะ!”

ฉีฉีเก๋อกุมมือเหมยเหมยด้วยความซาบซึ้งใจ โชคดีที่เธอยังมีเพื่อนที่ดีอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับเหมยเหมย ไม่เช่นนั้นคงยืนหยัดสู้ช่วงเวลายากลำบากที่สุดแบบนี้ไปไม่ได้

พอยายแก่ปีศาจเจอเรื่องแบบนี้ก็สติหลุด เธอทำได้เพียงโทรหาฉางชิงซาน  ฉางชิงซานยังรีบมาไม่ได้เลยให้ตาแก่ฉางมาก่อน

“เกิดอะไรขึ้น…มาตรวจอาการไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเกิดเรื่องกับหลานได้ล่ะ” ตาแก่ฉางรีบวิ่งแจ้นมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ พอมาถึงก็ถามยายแก่ปีศาจทันที แต่ครั้นเห็นฉีฉีเก๋อที่อยู่ข้าง ๆก็ชะงักไป

ตาแก่ฉางยิ้มเจื่อนแล้วเดินเข้าไปทักทาย “ฉีฉีเก๋อก็มาโรงพยาบาลด้วยเหรอ เป่ารื่อน่าล่ะ? ฉันไม่ได้เจอหลานมานานแล้ว”

เดิมทีฉีฉีเก๋อยังซาบซึ้งในบุญคุณเขาบ้างเพราะตอนที่เธอถูกยายแก่ปีศาจทรมาน ตาแก่ฉางจะแอบให้ความช่วยเหลือเธอ และยังช่วยพูดแทนเธอด้วย แต่ตอนนี้…

เธอกลับขยะแขยงเหมือนได้กินแมลงวันเข้าไปด้วยซ้ำ!

ที่แท้เธอก็คิดมากเกินไป!

คนตระกูลฉาง…ไม่มีใครดีสักคน ต่างเลวเหมือนยายแก่ปีศาจกันหมด

“เป่ารื่อน่าสบายดีค่ะ พวกคุณใกล้จะมีหลานกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังคิดถึงหลานสาวที่ไม่สำคัญอยู่อีกล่ะ!” ฉีฉีเก๋ออดไม่ได้ที่จะเหน็บแนม

ตาแก่ฉางสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยและไม่พอใจต่อท่าทีของฉีฉีเก๋อ เมื่อก่อนก็ดีนี่นา ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

มิน่าชิงซานถึงไปหากินข้างนอก ผู้หญิงที่ไม่ดีพร้อมคงเอาผู้ชายไม่อยู่หรอก!

“ไม่ว่าอย่างไรเป่ารื่อน่าก็เป็นสายเลือดของตระกูลฉาง ฉันต้องให้ความสำคัญอยู่แล้วสิ” ตาแก่ฉางเอ่ยเน้นย้ำ

เหมยเหมยแค่นเสียง “เรื่องนั้นก็ไม่แน่นอนหรอกค่ะ คุณเองก็อย่าถือทุกอย่างเป็นของตัวเองซะหมด กลับไปส่องกระจกให้ดีเถอะ แล้วลองนับดูสิว่าบนหัวยังเหลือผมดำอยู่กี่เส้น!”

………………………….

Related

ตอนที่ 2625 ปะทะกันซึ่งๆ หน้า

พอยายแก่ปีศาจได้ยินเช่นนั้นก็ใจร้อนขึ้นมา หลานของเธอจะเป็นเด็กกำพร้าไม่ได้นะ

“เหอะ…นังแพศยานั่นจงใจอยากได้เงิน ตอนบ่ายแม่ค่อยไปสักรอบแล้วเอาตัวเป่ารื่อน่ามา ขอแค่ยัยเด็กนั่นอยู่ในมือพวกเรา ฉีฉีเก๋อต้องเชื่อฟังเราอย่างว่าง่ายแน่นอน”

ยายแก่ปีศาจมั่นใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เชื่อหรอกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับเหมยเหมยจะเฝ้าฉีฉีเก๋อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ครั้งนี้ต้องเอาตัวหลานสาวมาให้ได้

ถึงอย่างไรเสียเลี้ยงหลานสาวก็ไม่ได้เปลืองเงินมากเท่าไรนัก เป่ารื่อน่าเป็นเด็กหน้าตาดี รอเลี้ยงจนโตค่อยหาผู้ชายรวย ๆมาแต่งงานด้วย แถมยังได้เงินก้อนใหญ่อีกต่างหากแหนะ!

ไม่ขาดทุนหรอก!

คุณพ่อของฉางชิงซานมุ่นคิ้ว อันที่จริงเขาพอใจในตัวฉีฉีเก๋อมากเพราะเป็นคนเถรตรงนิสัยดี ไม่มีจิตใจปองร้ายใคร เขาดูแล้วดีกว่าเจินหวานหว่านในตอนนี้ตั้งมาก แต่ใครใช้ให้ฉีฉีเก๋อไม่มีหลานชายกันล่ะ!

ต่อให้เขาจะพอใจในตัวลูกสะใภ้มากแค่ไหนก็คงทำผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลฉางไม่ได้หรอก!

“คุณเลิกเรียกว่านังแพศยาได้แล้ว ฉีฉีเก๋อมีหลานสาวให้ตระกูลฉางของเรา แถมยังทนลำบากลำบนมาตั้งมาก ต่อให้จะหย่าร้างกันจริง ๆก็อย่าอาละวาดจนเกินงามเลย เงินที่ควรให้ก็ให้ไปเถอะ แต่ต้องเอาเป่ารื่อน่ากลับมาให้ได้ สายเลือดของตระกูลฉางจะปล่อยทิ้งไปไม่ได้เด็ดขาด!”

ตาแก่ฉางก็ยังเป็นคนไร้ความคิดเป็นของตนเองเหมือนเคย น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมาก

แต่ไรมาเขาไม่เคยถือสากับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่โตละก็ตาแก่ฉางจะแสดงท่าทีมุ่งมั่นมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว!

ฉางชิงซานพยักหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม “ครับ ผมไม่เอาเปรียบฉีฉีเก๋ออยู่แล้ว ห้องชุดนั้นที่เธออยู่ก็จะยกให้เธอ รวมถึงเงินเก็บสองสามหมื่นหยวนก็เป็นของเธอด้วย วันหน้าต่อให้ลำบากผมก็จะไม่นิ่งดูดายแน่นอน”

อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะกฎหมายระบุว่าสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียว ความจริงเขาไม่อยากหย่ากับฉีฉีเก๋อเลย มีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ดีกว่าเหรอ?

ด้วยศักยภาพของเขาในตอนนี้ หากจะเลี้ยงภรรยาทั้งสองคนก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด!

กฎหมายไม่คำนึงถึงสภาพสังคมเลย เฉกเช่นคนที่มีฐานะอย่างเขาก็ปฏิบัติอย่างแตกต่างได้นี่นา!

ตาแก่ฉางพยักหน้าอย่างพอใจ “แบบนี้สิถึงจะถูก พวกเราเป็นถึงคนบ้านเกิดเดียวกับท่านขงจื้อ ทำอะไรจะสร้างความอับอายให้ท่านขงจื้อไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจะให้คนอื่นมาติฉินว่าร้ายเราไม่ได้ด้วย!”

พ่อลูกสองคนเข้าขากันอย่างดี เจินหวานหว่านทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยหนีออกไปดูทีวี ในใจรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าฉางชิงซานเป็นคนมีความสามารถตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น เธอคงไม่ยอมทรมานตัวเองมาแต่งงานกับคนธรรมดาบ้านนอกแบบนี้หรอก!

แล้วยังมีหน้ามาพูดเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนบ้านเกิดเดียวกับขงจื้อ?

ถุย…ขงจื้อไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมหย่าร้างกับภรรยาแล้วมาแต่งงานกับอีกคนหรอก!

แต่คนเราต้องดิ้นรนเพื่อตัวเอง เธอต้องช่วงชิงผลประโยชน์เพื่อลูกในท้องและตัวเองมาให้ได้ ส่วนอดีตภรรยาอย่างฉีฉีเก๋ออะไรนั่นก็คงต้องยอมรับความซวยของตัวเองไป คนอย่างเจินหวานหว่านไม่มีวันอ่อนข้อให้เด็ดขาด!

ผ่านไปอีกหนึ่งวันเจินหวานหว่านก็ไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับเธอมาก

พี่หนิวไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเจินหวานหว่านและยายแก่ปีศาจ บริษัทเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดปัญหา เหมยเหมยเลยไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉีฉีเก๋อแทน

ซึ่งเป็นเวลาที่มาเจอกับเมียน้อยซึ่ง ๆหน้ากันพอดี!

“เจินหวานหว่าน…เธอแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ? ทำไมฉันไม่เคยได้รับการ์ดเชิญจากเธอเลยล่ะ!” เหมยเหมยพูดแดกดันต่อหน้าเจินหวานหว่าน

“จ้าวเหมย…”

เจินหวานหว่านตกใจยกใหญ่ ผ่านมาสิบกว่าปีก็ได้มาเจอกันอีกครั้ง!

เดิมทีเธอนึกว่าตลอดชีวิตนี้คงไม่ได้เจอจ้าวเหมยอีก!

นับตั้งแต่จ้าวเหมยไปเรียนมัธยมปลายที่อีจงแต่เธอทำได้แค่เรียนโรงเรียนแย่ ๆ ภายหลังเลยเจอจ้าวเหมยน้อยครั้งมาก ทว่าเธอกลับหาไถ่ถามข่าวคราวของจ้าวเหมยเหมยมาตลอด แต่ทุกข่าวคราวทำเอาเธอจนปัญญาจะเปรียบเทียบได้เลย

จ้าวเหมยเป็นนักเขียนมีชื่อระดับประเทศ พ่อแม่ของจ้าวเหมยเป็นถึงข้าราชการระดับสูงและศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แถมจ้าวเหมยยังแต่งงานกับสามีที่เป็นข้าราชการระดับสูงอีกต่างหาก…

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นชีวิตในฝันของเธอแต่เธอกลับคว้ามันมาไม่ได้…ภายหลังเจินหวานหว่านเลยเลิกที่จะสืบหาข่าวคราวพวกนั้น แค่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่โรงพยาบาลเช่นนี้

………………………………………….

ตอนที่ 2626 เมียหลวง vs เมียน้อย

ยายแก่ปีศาจเห็นเหมยเหมยก็นึกปวดศีรษะขึ้นมาเพราะลูกชายเคยเตือนเขาไว้ว่านังหนูคนนี้มีอิทธิพลไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามหาเรื่องนังหนูนี่เด็ดขาดเลยทำได้แค่อดกลั้นไว้

นี่จึงยิ่งทำให้ยายแก่ปีศาจที่ชอบหาเรื่องอึดอัดใจแทบตาย ใช้ชีวิตมาจนอายุป่านนี้แล้วเธอเคยเสียเปรียบให้แค่เหมยเหมยคนเดียวเท่านั้น!

“เอ๊ะ…เจินหวานหว่านเธอใกล้ห้าเดือนแล้วสินะ สามีเธอเป็นใครเหรอ? วันไหนว่าง ๆนัดออกมาทานข้าวด้วยกันสิ ในเมื่อก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาก่อน!” เหมยเหมยยิ้มใสซื่อ

เจินหวานหว่านกลับยิ้มเจื่อน “สามีฉันยุ่งมากเลย หนึ่งปีฉันกับเขาเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเอง วันหลังว่าง ๆค่อยนัดกันเนอะ!”

เธอไม่รู้จักฉีฉีเก๋อเลยนึกว่าเป็นเพื่อนของเหมยเหมย

ฉีฉีเก๋อจ้องเธอตาเขม็งด้วยความโกรธ นังแพศยาน่าไม่อาย เธอยังไม่ทันหย่าเลยก็เรียกว่าสามีแล้วเหรอ!

“หนึ่งปีสามีแทบไม่กลับบ้าน แล้วท้องเธอมันป่องขึ้นมาได้อย่างไรเหรอ? ผู้ชายข้างบ้านหรือไง? ฉีฉีเก๋ออดไม่ได้ที่จะแดกดัน เธอไร้หนทางที่จะทำตัวแน่นิ่งสงบต่อหน้าเมียน้อยที่ทำลายครอบครัวของเธอได้จริง ๆ เธอไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้นหรอกนะ

เพียงแต่คำว่าผู้ชายข้างบ้านไม่ใช่คำที่นิยมใช้พูดกันนัก เหมยเหมยพูดบ่อย ๆ ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยเข้าใจ นี่เป็นคำพูดที่พวกเธอไม่กี่คนมักใช้พูดขำขันกันแต่คนอื่นไม่รู้

เจินหวานหว่านชะงักไป ถึงเธอจะฟังคำพูดนั้นไม่เข้าใจแต่เธอรู้สึกได้ถึงเจตนาของฉีฉีเก๋อ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังสื่อว่าเธอลักผู้ชายคนอื่นกินด้วย!

ไฟโทสะก็ปะทุขึ้น เจินหวานหว่านสีหน้าเย็นชาลงพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “เธอพูดจาให้เกียรติกันหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับสามีรักกันดี ถ้าเธอยังพูดใส่ร้ายไปเรื่อยแบบนี้อีก งั้นก็ระวังฉันหาทนายมาจัดการเธอแล้วกัน!”

แต่ยายแก่ปีศาจกลับรู้แก่ใจดีเลยดึงชายเสื้อเจินหวานหว่านอยู่หลายที แต่เจินหวานหว่านกำลังโกรธอยู่เลยไม่ทันได้ใส่ใจ

ฉีฉีเก๋อเอ่ยเสียงเรียบโต้กลับไปว่า “เป็นสามีหรือแฟนกันแน่? หรือว่าสังคมสมัยนี้อนุญาตให้พวกเมียน้อยจดทะเบียนแต่งงานได้แล้วเหรอ?”

เจินหวานหว่านสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ใจหายวาบและในสายตาคนอื่นนึกว่าอาจเพราะตกใจเลยไม่กล้าพูด โรงพยาบาลที่พวกเธอไปเป็นโรงพยาบาลเอกชนสูตินรีเวช ดังนั้นคนที่มาส่วนใหญ่จึงเป็นหญิงตั้งครรภ์ พอได้ยินว่าเจินหวานหว่านเป็นเมียน้อยก็มองเธอด้วยสายตาดูถูก

“ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยนะ…เธอพูดจาเหลวไหล ฉันแต่งงานกับสามีแล้วต่างหาก…” เจินหวานหว่านได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็วเลยรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ทั้งยังลากยายแก้ปีศาจมาด้วยพร้อมเอ่ย “เขาเป็นแม่ย่าของฉัน แม่คะ บอกพวกเขาหน่อยสิว่าฉันไม่ใช่เมียน้อย”

ยายแก่ปีศาจคิดจะเปิดปากพูด แต่พอเห็นสีหน้าเย็นชาของฉีฉีเก๋อก็นึกใจฝ่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ต่อให้เป็นคนเลวไร้เหตุผลแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ไม่กล้าโกหกต่อหน้าเมียหลวงหรอกมั้ง!

“คือว่า…ไม่ใช่เมียน้อย…แต่ยังไม่ได้แต่งงาน…รออีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว” ยายแก่ปีศาจพูดอึก ๆอัก ๆ ไม่ได้พูดเต็มปากเต็มคำ

คนที่ดูละครสนุก ๆได้ยินเช่นนั้นก็มีคนหลงเชื่ออยู่บ้าง วัยรุ่นสมัยนี้ส่วนมากท้องก่อนแต่ง บางคนแม้แต่ลูกคลอดออกมาแล้วยังไม่ได้แต่งงานเลยก็มี!

ความโมโหภายในใจของฉีฉีเก๋อถึงขีดสุดแล้ว ขนาดเผชิญหน้ากับเมียหลวงอย่างเขาอยู่ ยายแก่ปีศาจยังกล้าพูดโกหกคำโตออกมาได้โดยไม่เกรงกลัวฟ้าดินบ้างเลย!

“ยังไม่จดทะเบียนสมรสเลยจะแต่งได้อย่างไร? พวกแกคิดว่าฉันตายไปแล้วสินะ?” ฉีฉีเก๋อสบถด่าด้วยความโกรธ เวลานี้คนที่ห้อมล้อมอยู่ก็เห็นถึงสิ่งผิดปกติจึงตื่นเต้นขึ้นมา

ชอบดูเรื่องสนุก ๆอย่างเมียหลวงสู้เมียน้อยนักแหละ ถึงเวลานั้นพวกเขาช่วยกระทืบซ้ำแน่!

เมียน้อยน่าขยะแขยงกว่าหนูตามท่อน้ำบนท้องถนนอีก เหยียบให้ตายไปเลย!

……………………..

Related

ตอนที่ 2623 ผู้ชายข้างบ้าน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็สับสนไปบ้างเหมือนกัน เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก “เหมือนจะกรุ๊ปเลือดโอบอมอะไรสักอย่างนี่แหละ ตอนนั้นฉันเป็นคนไปลงทะเบียนที่คลังเลือดกับฉีฉีเก๋อเอง คุณหมอที่นั่นบอกว่ากรุ๊ปเลือดของเป่ารื่อน่ามีน้อยกว่าเลือดของหมีแพนด้าเสียอีก”

ฉีฉีเก๋อพยักหน้ารัว ๆ “ใช่ คือกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ มีน้อยมาก ๆ”

เหมยเหมยมีความทรงจำในเรื่องนี้ค่อนข้างลึกซึ้งเพราะเรื่องกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์เล่อเล่อถึงถูกพวกนักฆ่าของหัตถ์พระเจ้าเข้าใจผิดนึกว่าเป็นเป่ารื่อน่าเลยลักพาตัวไป นับว่าโชคดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแค่นึกหวาดกลัวตื่นตูมไปก่อนเอง และสุดท้ายเล่อเล่อก็กลับมาอย่างปลอดภัย

“พี่หนิวบอกว่าลูกในท้องของเจินหวานหว่านมีกรุ๊ปเลือดที่หาเจอได้น้อยมาก คุณหมอกำลังตรวจดูเพื่อความแน่ใจแต่ปัญหาก็คือกรุ๊ปเลือดของพ่อแม่ฉางชิงซานก็เป็นกรุ๊ปเลือด ABO ปกตินะ” เหมยเหมยกล่าว

“หมายความว่าไง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดความฉงนขึ้นมา

ฉีฉีเก๋อเองก็ฟังไม่เข้าใจเช่นกัน “กรุ๊ปเลือดลูกในท้องมีน้อยก็เป็นการยืนยันว่าเป็นลูกของฉางชิงซานไม่ใช่เหรอ? เขาน่าจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเป่ารื่อน่าสินะ?”

“ใช่แล้ว…กรุ๊ปเลือดของเป่ารื่อน่าหาได้น้อยมาก ตอนนั้นที่ฉีฉีเก๋อไม่ไปตรวจกรุ๊ปเลือดเพราะต้องการประหยัดเงิน ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงขั้นคลอดลูกออกมาถึงจะรู้กรุ๊ปเลือดของลูกตัวเองหรอก”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงเรื่องในอดีตก็นึกโมโหขึ้นมา ตอนที่ฉีฉีเก๋อตั้งท้องไม่ได้ทานอะไรดี ๆเสื้อผ้าดี ๆก็ไม่ได้ใส่ แม้แต่ชุดคลุมท้องยังไม่มีปัญญาซื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่าใช้จ่ายตรวจครรภ์บางส่วนที่ไม่ได้ทำเช่นกัน

ไอ้สารเลวฉางชิงซานนี่ใจดำจริง ๆ หาเงินได้นิดหน่อยก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนแล้ว!

เหมยเหมยเขกกะโหลกพวกเธอสองคนแล้วเอ่ยอย่างหัวเสียว่า “พวกเธอโง่หรือไง กรุ๊ปเลือดลูกในท้องของเด็กคนนั้นเหมือนกับเป่ารื่อน่า ฉะนั้นหมายความว่าเป็นกรุ๊ปเลือดที่ถ่ายทอดมาจากฉางชิงซาน ซึ่งก็หมายความว่ากรุ๊ปเลือดของฉางชิงซานก็ต้องเป็นกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ด้วยแน่นอน แต่ปัญหาก็คือ…กรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ของฉางชิงซานมาจากไหน?”

กรุ๊ปเลือดของลูกหากไม่ได้มาจากคุณพ่อก็ต้องได้มาจากแม่ นี่เป็นความรู้ทั่วไปทางการแพทย์เลย

พ่อแม่ของฉางชิงซานล้วนมีกรุ๊ปเลือดธรรมดาแต่ฉางชิงซานมีกรุ๊ปเลือดหายาก…นี่ต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่

“พระเจ้า…หรือว่าจะเป็นผู้ชายข้างบ้านจริง ๆ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาเป็นประกายราวกับกินยากระตุ้นความตื่นเต้นเข้าไป แล้วเธอก็มีท่าทีสดใสขึ้นมาในชั่วขณะ

ฉีฉีเก๋อกลับตกใจจนอ้าปากค้าง ทำอย่างไรเธอก็ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆว่ายายแก่ปีศาจหน้าตาอัปลักษณ์แบบนั้น ไม่น่าเชื่อว่าตอนเป็นสาวจะกล้าทำเรื่องใจกล้าใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?

เหมยเหมยแสยะยิ้ม “เรื่องนี้แปลกตรงไหนกัน เดิมทียายแก่ปีศาจก็เป็นคนสำส่อนอยู่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่ฉีฉีเก๋อตั้งท้องเธอก็แอบไปหาชู้นอกบ้านไม่ใช่หรือไง?”

“ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย น่าขยะแขยงจริง ๆ…ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าฉางชิงซานไปหาชู้เหมือนใคร แม่เป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้น ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสดงสีหน้าดูถูก

ฉีฉีเก๋อทุบอกแล้วเอ่ยเสียงดีใจในฉับพลัน “โชคดีที่ฉันเห็นธาตุแท้คนตระกูลนี้เร็ว ฉันจะเอาเป่ารื่อน่าออกมาจากพวกเขาให้ไกล จะไม่ให้พวกเขามามีผลต่อการเติบโตของเป่ารื่อน่าเด็ดขาด!”

“แน่นอนสิ ครั้งนี้ต้องจัดการทำให้ฉางชิงซานทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต แล้วต้องชิงสิทธิ์ในการปกครองบุตรของเขามาด้วย อย่าให้เป่ารื่อน่ารู้ว่าเขามีพ่อแบบนี้ วันหลังถ้าเป่ารื่อน่าถามก็บอกไปว่าพ่อตายแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยู่ปาก

เธอเกลียดที่สุดก็เหล่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นที่บอกอย่างเต็มปากเต็มคำว่าต่อให้เลิกกันไปแล้วก็ห้ามทำลายภาพลักษณ์ความเป็นพ่อหรือแม่ต่อหน้าลูก ต้องทำให้ลูกมีแต่ความทรงจำที่งดงาม…

ถุย…!

คนเลวอย่างฉางชิงซานต้องสร้างภาพลักษณ์ฮีโร่ดั่งต้นไม้ที่เติบใหญ่ทอประกายแสงด้วยหรือไง?

บอกว่าตายไปแล้วเลยดีกว่าจะได้จบ ๆไป!

พวกเธอทั้งสามคนต่างไม่เข้าใจเรื่องกรุ๊ปเลือดเลยมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล พี่หนิวกำลังรอพวกเธออยู่ที่นั่น

……………………………………………..

ตอนที่ 2624 มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้ว

“ผลทั้งหมดอยู่ในนี้ เพียงแต่กรุ๊ปเลือดของลูกในท้องยุ่งยากนิดหน่อย เห็นบอกว่าต้องเอาไปตรวจต่ออีก คงต้องรออีกหลายวันกว่าผลจะออก”

พี่หนิวส่งรายงานผลตรวจไปให้เหมยเหมยด้วยสีหน้าสับสน เธอจัดการเรื่องพวกเมียน้อยมาก็มาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ ทำไปทำมาดันขุดเรื่องอื่นมาด้วย!

“คุณพ่อของฉางชิงซานมีเลือดกรุ๊ป A ยายแก่ปีศาจกรุ๊ปเลือด B งั้นคนรุ่นต่อมาของพวกเขาก็อาจจะมีทั้งกรุ๊ปเลือด A, B, AB และ o สี่กรุ๊ปเลือดนี้ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฉางชิงซานไม่ได้มีกรุ๊ปเลือดธรรมดา”

 เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ถ้าเอาเลือดของฉางชิงซานมาตรวจได้ก็ดีสิ

พี่หนิวพยักหน้าพลางเอ่ย “ใช่ เพื่อนที่เป็นหมอของฉันก็บอกแบบนี้เหมือนกัน แต่เพื่อนที่เป็นหมอของฉันคนนั้นก็บอกว่าอาจจะเป็นยีนด้อยอะไรนั่นก็ได้ อาจเป็นไปได้ว่าในเลือดของเมียน้อยนั่นมียีนด้อยของกรุ๊ปเลือดหายากอยู่ด้วยเลยทำให้เปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ ต้องรออีกสามวันถึงจะรู้ผล”

“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจินหวานหว่านหรอก กรุ๊ปเลือดหายากต้องได้มาจากฉางชิงซานแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นยีนด้อยด้วย” เหมยเหมยมั่นใจมาก

ถ้าเป็นยีนด้อยจริง ถ้าอย่างนั้นเป่ารื่อน่าก็คงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีกรุ๊ปเลือดหายาก แต่ตอนนี้กลับชัดเจนทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ยีนด้อยแต่เป็นยีนเด่นต่างหาก

พี่หนิวฟังไม่เข้าใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยกระซิบบอกกรุ๊ปเลือดของเป่ายรื่อน่าไป พี่หนิวชะงักอยู่นาน จากนั้นก็ตบต้นขาอย่างแรงพร้อมสบถด่า “แม่ลูกคู่นี้แอบไปมีชู้งั้นสิ…”

“ตอนนี้ยังมั่นใจอะไรไม่ได้ รอกรุ๊ปเลือดของลูกในท้องออกมาก่อนค่อยว่ากัน ถ้าใช่ก็เป็นอย่างที่เราเดากันไว้…เหอะ เดี๋ยวคงมีเรื่องสนุก ๆให้ดูกันแน่!”

เหมยเหมยทำสีหน้าประมาณว่ารอดูเรื่องสนุก คุณพ่อของฉางชิงซานพูดเต็มปากเต็มคำว่าเป่ารื่อน่าเป็นหลานของตระกูลฉาง ถ้าแม้แต่ลูกก็ไม่ใช่ของเขา…ดูสิจะว่าจะทำอย่างไรต่อ?

ถูกสวมเขามาเกือบสามสิบปี คิดว่าตาแก่ฉางคงสุขสำราญใจน่าดู!

หลังจากนั้นสามวันผลก็ออก เจินหวานหว่านมีกรุ๊ปเลือดธรรมดาแต่ลูกในท้องกลับมีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์เหมือนเป่ารื่อน่า ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญมากจึงให้เจินหวานหว่านเป็นเคสพิเศษโดยจัดทำเอกสารขึ้นให้โดยเฉพาะ

ยายแก่ปีศาจไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลยสักนิดแต่กระนั้นกลับได้ใจ เธอรู้สึกว่าสมแล้วที่เจินหวานหว่านเป็นลูกสะใภ้ที่เธอหมายปอง มีบุญบารมีดีจริง ๆ คนอื่นตรวจครรภ์ต้องจ่ายเงินเองแต่เจินหวานหว่านกลับไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียว ทางโรงพยาบาลบอกแล้วว่าทุกอย่างฟรี!

คนพวกนี้ลืมเรื่องที่เป่ารื่อน่ามีกรุ๊ปเลือดหายากเสียสนิท ทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับลูกในท้องของเจินหวานหว่านอย่างเดียว

หลังจากที่ฉางชิงซานได้ยินเช่นนั้นก็นึกสงสัยอยู่บ้าง ฉับพลันเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนฉีฉีเก๋อก็เคยบอกว่ากรุ๊ปเลือดของลูกสาวก็พิเศษเหมือนกัน ตอนนี้ลูกที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกก็มีกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ด้วย หรือว่ากรุ๊ปเลือดของเขาก็พิเศษเหมือนกันเหรอ?

พูดถึงจนถึงตอนนี้ฉางชิงซานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกรุ๊ปเลือดอะไรเพราะแต่ไรมาไม่เคยคุ้นชินกับการตรวจเลือด เขาไม่เคยป่วยไม่เคยบาดเจ็บอะไร แล้วใครจะไปตรวจเลือดกันล่ะ?

“พ่อก็คงไม่ได้มีกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกันหรอกมั้ง หรือว่าคนในครอบครัวเราเป็นคนมีกรุ๊ปเลือดพิเศษกันหมดงั้นเหรอ?” ฉางชิงซานพึมพำกับตัวเอง

สบกับยายแก่ปีศาจที่กำลังยกถ้วยซุปไก่ออกมาได้ยินคำพูดของฉางชิงซานก็ใจเต้นระส่ำจนเกือบทำถ้วยซุปคว่ำ เวลานี้เธอถึงจะเพิ่งนึกได้ว่ากรุ๊ปเลือดเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของเธอด้วยเลยอดหวาดกลัวไม่ได้

แต่เธอก็สงบสติอารมณ์ลงมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตาแก่คงมีกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกัน เขากับคน ๆนั้นก็มีสายเลือดเดียวกัน ฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปัญหา

“พ่อของแกจะมีเลือดกรุ๊ปไหนได้ ต้องเป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกับหลานอยู่แล้วสิ!”

ยายแก่ปีศาจกลอกตามองบนใส่ลูกชายแล้วส่งถ้วยซุปไก่ไปให้เจินหวานหว่าน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หวานหว่านรีบดื่มซุปไก่เร็วเข้า อย่าปล่อยให้หลานแม่ต้องหิวเลย”

เจินหวานหว่านเหลือบมองซุปไก่ที่มีน้ำมันลอยอยู่ก็พยายามอดกลั้นต่ออาการสะอิดสะเอียนไว้ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจฉางชิงซาน แม้แต่มองเธอก็ไม่อยากมองยายแก่นี่สักนิด ทั้งอัปลักษณ์ทั้งสกปรก แค่เห็นก็อยากอาเจียนออกมาแล้ว

อาหารที่ทำออกมาก็เหมือนกันนั่นแหละ!

“ขอบคุณค่ะแม่ ซุปไก่นี้แม่ทานเถอะค่ะ หมู่นี้แม่ดูแลฉันจนผอมโซแล้ว คุณหมอบอกว่าช่วงนี้จะทานดีมากไม่ได้ ไม่เช่นนั้นลูกในท้องจะตัวใหญ่เกินไปจนอาจจะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ เรื่องทางชิงซานเองก็ยังจัดการไม่เรียบร้อย ฉันไม่อยากให้หลานของคุณแม่ต้องเกิดมาเป็นเด็กกำพร้านะคะ…”

เจินหวานหว่านพูดสื่อนัยยะบางอย่างออกไป พอเห็นว่าคนตระกูลฉางหวั่นไหวกับคำพูดของตนก็ได้ใจเหลือเกิน

…………………………

Related

ตอนที่ 2621 รวบรวมหลักฐาน

เหมยเหมยให้ฉีฉีเก๋อโทรศัพท์ไปหาที่บ้านเพื่อห้ามไม่ให้พี่สะใภ้ใหญ่รีบมา ตอนนี้สถานการณ์ที่สนามม้ายุ่งวุ่นวาย เดิมทีพี่สะใภ้ฉีฉีเก๋อก็ยุ่งจนหัวหมุนแล้วจะไปเอาเวลามาจากไหน

“ไปอยู่กับฉัน ดูสิจะมีใครกล้ามาแผลงฤทธิ์ใส่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปัดป่ายมือด้วยท่วงท่าอันกล้าหาญราวกับวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใหญ่ของประเทศ

“ถ้าไม่ได้จริง ๆ ฉันจะให้ลุงเหลาส่งคนไปอยู่กับเธอที่นั่น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่ต้องกลัวแล้ว” เหมยเหมยกล่าว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธเสียงเด็ดขาด “ไม่ต้องหรอก ลูกน้องของลุงเหลาล้วนเป็นคนที่รับผิดชอบภารกิจสำคัญของประเทศทั้งนั้น อย่าให้พวกเขามายุ่งกับเรื่องเล็ก ๆไร้สาระแบบนี้เลย วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าบ้านของฉันปลอดภัยแน่นอน ถึงตอนนั้นฉันค่อยบอกยามหน้าประตูว่าอย่าปล่อยคนของตระกูลฉางเข้ามาได้”

ฉีฉีเก๋อเองก็แสดงท่าทีว่าไม่ต้องให้ลุงเหลาส่งคนไปหรอก ลำพังแค่รบกวนเพื่อนเธอก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว ถ้าลำบากลุงเหลาส่งคนมาอีกเธอคงละอายใจแย่!

เหมยเหมยคิด ๆดูแล้วก็ใช่ ที่พักของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในย่านคนชนชั้นสูง ทางเข้าออกเข้มงวด คนแปลกหน้าเข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว ยายแก่ปีศาจแฝงตัวเข้าไปไม่ได้แน่นอน!

รอจนฉีฉีเก๋อโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว เธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ช่วยกันเก็บกระเป๋า แต่เพราะมีเพียงไม่กี่ชุดเวียนซักใส่เอาจึงไม่มีอะไรให้เก็บมากมายนัก เหมยเหมยส่งพวกเขาสองคนแม่ลูกไปที่บ้านของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วถึงจะกลับบ้าน

เดิมทีเธอคิดวางแผนจะให้ลุงเหลาช่วยหาทนายให้ แต่ซังเฟยโทรหาเธอพอดีเลยหลุดพูดไปว่าเธออยากจะหาทนายมาจัดการคดีหย่าร้างสักคน ซังเฟยเอ่ยว่า “ฉันมีตัวเลือกที่ดีอยู่คนหนึ่ง เขาถนัดคดีแบบนี้มาก อีกทั้งยังพยายามคว้าผลประโยชน์ที่พอจะเป็นไปได้ให้แก่ผู้หญิงมากที่สุดด้วย เธอลองไปหาเขาดูสิ”

พอเหมยเหมยได้ยินว่าสอดคล้องกับความปรารถนาของตนพอดี นี่ตรงกับสถานการณ์ของฉีฉีเก๋อเลยนี่นา!

เธอให้ซังเฟยทิ้งช่องทางการติดต่อของทนายมือทองคนนั้นไว้ให้ ซังเฟยเอ่ยว่าเธอจะบอกอีกฝ่ายไว้ให้ด้วย เพราะหลังเธอได้ฟังเรื่องที่ฉีฉีเก๋อพบเจอมาจากเหมยเหมยไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา

“วางใจเถอะ ผู้ชายเลว ๆแบบนี้ เพื่อนฉันต้องจัดการเอาให้เขาหมดตัวแน่นอน ขอแค่หลักฐานเรื่องเมียน้อยกับเรื่องถ่ายโอนทรัพย์สินมีครบก็พอ!”

“เอกสารการถ่ายโอนทรัพย์สินหาได้แล้ว ส่วนหลักฐานเรื่องเมียน้อยก็ใกล้แล้วล่ะ ครั้งนี้ต้องจัดการไอ้สารเลวนั่นให้จนตรอกจนทำอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิตเลย!” เหมยเหมยกัดฟันพูด

ถึงแม้พ่อของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะน่ารังเกียจ สันดานเป็นผู้ชายสารเลว แต่กลับเลวสู้ฉางชิงซานไม่ได้ด้วยซ้ำ

อย่างน้อยคุณพ่อเหริ่นก็ไม่ได้ถ่ายโอนทรัพย์สินและไม่ได้ปฏิบัติตัวไม่ดีกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน  ต่อให้เป็นภรรยาก็อ่อนโยนเอาใจใส่อย่างดี ไม่งั้นคุณแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะให้อภัยและยอมกลับมาใช้ชีวิตด้วยเหรอ!

ความเลวของฉางชิงซานไม่มีขีดจำกัดด้วยซ้ำ น่าสะอิดสะเอียนที่สุด!

เพิ่งผ่านไปแค่สองวันทางฝั่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ได้ข่าวคราวมาแล้ว เธอบอกว่าคนที่จัดการเรื่องเมียน้อยได้หลักฐานมาแล้ว

เหมยเหมยรีบไปหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทันที ฉีฉีเก๋อกับเป่ารื่อน่าก็อยู่ด้วย แถมยังมีผู้หญิงอายุราวสี่สิบกว่ารูปร่างอ้วนท้วมอยู่ด้วยเช่นกัน จากใบหน้าดูท่าจะเป็นหญิงแกร่งฉลาด ซึ่งเธอก็คือผู้หญิงที่เปลี่ยนจากผู้เคราะห์ร้ายมาเป็นนักสู้นั่นเอง

“ฉันจัดการอัดเสียงยายแก่ปีศาจไว้แล้ว แล้วก็รูปบางส่วนและเสียงผู้อาศัยคนอื่น ๆในละแวกนั้นด้วย พวกคุณลองฟังดู”

พี่สาวคนนี้เป็นมืออาชีพมาก เธอล้วงหยิบเทปอัดเสียงออกมาสองสามตลับ รวมถึงรูปถ่ายอีกปึกหนึ่ง รูปถ่ายล้วนมีแต่ภาพที่ฉางชิงซานกับหวานหว่านเดินเล่นด้วยกัน พวกเขาสองคนดูสนิทสนมกันมาก ดูท่าทางเหมือนแฟนกันเลย

เสียงรายละเอียดคร่าว ๆของเพื่อนบ้านคนอื่นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสียงอัดของยายแก่ปีศาจ พี่สาวมีทักษะในการพูดมากเพราะเธอค่อย ๆทำให้ยายแก่ปีศาจหลุดปากบอกออกมาเอง ช่วงต้น ๆไม่มีสาระอะไรเท่าไหร่แต่สองสามประโยคหลังต่างหากที่สำคัญ

“เหอะ ลูกสะใภ้คนนั้นของฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ ทำตัวไม่ได้เรื่อง ฉันทนมีนังนี่อยู่ด้วยไม่ไหวหรอก ต้องทำให้นังนี่ออกไปเพื่อหลานของฉันให้ได้!”

“คุณป้ามีหลานแล้วเหรอคะ?”

“ใช่แล้ว หลานฉันสี่เดือนแล้ว หวานหว่านไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าท้องแล้ว…”

………………………………….

ตอนที่ 2622 กรุ๊ปเลือดมีปัญหา

หลังจากที่ทุกคนได้ฟังเรื่องราวในเครื่องบันทึกเสียง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เอ่ยออกมาอย่างดีใจว่า “มีเทปเสียงนี้แล้ว ฉันจะดูสิว่าถึงเวลานั้นฉางชิงซานมีอะไรจะพูดอีก”

เหมยเหมยคิด ๆดูแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่ได้…มีแค่เทปอัดเสียงนี้ไม่ได้ พวกเราต้องคิดหาวิธีตรวจกรุ๊ปเลือดของลูกในท้องเจินหวานหว่านด้วยเพื่อเป็นการยืนยันว่าลูกในท้องเป็นของฉางชิงซาน นี่ถึงจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ต่อให้ฉางชิงซานมีเป็นร้อยเป็นหมื่นปากก็เถียงไม่ได้!”

พี่สาวพยักหน้าพร้อมเอ่ย “งั้นฉันจะไปคิดหาวิธีมา ลองดูว่าจะเอามันมาได้ไหม”

“ขอบคุณค่ะ พี่ช่วยพวกเราไม่น้อยเลย!” เหมยเหมยเอ่ยขอบคุณ

พี่สาวโบกไม้โบกมือ “ขอบคุณอะไรกันใช่ว่าฉันจะไม่เก็บเงินสักหน่อย ในเมื่อทั้งได้เงินทั้งได้จัดการนังเมียน้อยด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้ ฉันจะไม่ทำได้อย่างไรล่ะ!”

ครึ่งชีวิตของเธอถูกผู้ชายชั่วช้ากับชู้รักทำร้ายจนพังทำเอาเธออยากตายอยู่หลายครั้ง ทว่านับตั้งแต่ช่วยบรรดาเพื่อน ๆจัดการพวกผู้ชายชั่วช้ากับชู้รักพวกนี้แล้ว เธอถึงค้นพบสัจธรรมความจริงของชีวิต ใช้ชีวิตเหมือนเกิดใหม่ ทุกวันล้วนมีพลังที่เปี่ยมล้นพร้อมยืนหยัดลุกขึ้นสู้

“พี่สาวช่วยคนมาไม่น้อย เธอไม่ใช่แค่จัดการกับพวกเมียน้อยเท่านั้นนะ แถมยังจัดการผู้ชายเลว ๆด้วย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“ผู้ชายเลว ๆบนโลกใบนี้มีมากเกินไป ฉันจะบอกพวกเธอให้ ผู้ชายของสาวน้อยคนนี้ยังไม่นับว่าเลวที่สุดหรอกนะ!” พี่สาวถอนหายใจ เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว แต่พอรับคดีมามากขึ้นเท่าไหร่ เธอถึงเพิ่งค้นพบว่าคนที่ย่ำแย่กว่าเธอมีอีกมากมาย

เหมยเหมยไม่อยากเชื่อเลยว่าฉางชิงซานยังไม่นับว่าเป็นผู้ชายที่เลวที่สุด งั้นคนที่เลวที่สุดจะเลวถึงขั้นไหนกันนะ?

“อย่างน้อยฉางชิงซานก็ไม่ได้ตบตีใช่ไหมล่ะ? อีกอย่างก็ไม่ได้ปล่อยให้ภรรยากับลูกต้องอดตาย ช่วงก่อนหน้านี้ฉันช่วยเคสผู้หญิงคนหนึ่ง เฮ้อ…คนนั้นย่ำแย่มาก ดวงตาถูกผู้ชายของเธอตบตีจนบวมเป่ง ส่วนด้านล่างถูกกุญแจล่ามเอาไว้บอกว่ากันไม่ให้ผู้หญิงแอบหลบหนีไป…เฮ้อ ไม่พูดแล้วดีกว่า เอาเป็นว่าผู้หญิงคนนี้ถูกผู้ชายทำลายชีวิตทั้งที่อายุแค่ยี่สิบห้าปีเอง!”

พี่สาวพูดพลางถอนหายใจ ตอนที่เธอเห็นหญิงสาวบาดแผลเต็มตัวคนนั้น เธอยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย นี่แต่งงานกับสัตว์เดรัจฉานหรือไง?

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เรื่องน่าเวทนาเช่นนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงจริง ๆเหรอ?

“จริง ๆ…เรื่องทำนองนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวด้วยนะแต่มีอยู่เยอะแยะไปหมด เดิมทีฉันก็ไม่ได้มีปณิธานมุ่งมั่นจะทำต่อไปขนาดนั้นหรอก แต่พอฉันเห็นผู้หญิงที่น่าสงสารเหล่านั้นแล้ว ฉันก็อดใจไม่ไหวจริง ๆเลยกัดฟันสู้ต่อไป ช่วยได้คนหนึ่งก็ยังดี!” พี่สาวเอ่ย

พี่สาวคนนี้คุยอยู่ด้วยไม่นานก็จากไปด้วยท่าทีรีบร้อนเห็นบอกว่าจะไปคิดหาวิธีหากรุ๊ปเลือดลูกในท้องของเจินหวานหว่านมา ช่างเป็นพี่สาวที่มีความกระตือรือร้นดีจริง ๆ ตอนเธอไปแล้วเหมยเหมยถึงได้รู้ชื่อของเธอ

เป็นชื่อที่ธรรมดาเรียบง่ายมาก แซ่หนิว เธอชื่อว่าหนิวเซียงฉิน

อารมณ์อ่อนไหวของฉีฉีเก๋อมีมากที่สุด “พี่หนิวพูดไม่ผิดหรอก ฉางชิงซานยังไม่นับว่าเป็นคนเลวที่สุดจริง ๆ”

“แต่ก็ใช่ว่าจะยกโทษให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นห้ามอ่อนข้อให้เด็ดขาด ถึงตอนนี้เธออย่าใจอ่อนแล้วกัน มิฉะนั้นฉันจะตัดเพื่อนกับเธอซะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเตือน

“วางใจเถอะ ฉันไม่ใจอ่อนแน่นอน!” ฉีฉีเก๋อมีท่าทีมุ่งมั่น

การทำงานของพี่หนิวรวดเร็วไม่เบา เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็มีผลลัพธ์ออกมาแล้ว เพียงแต่ผลลัพธ์นี้กลับซับซ้อนอยู่บ้าง

“ฉันเข้าใกล้ฉางชิงซานไม่ได้แต่พ่อแม่เขาแวะมาหาฉันพอดี ฉันเลยเอาเส้นผมของพ่อแม่ฉางชิงซานมาได้ จากนั้นสองวันนี้นังนั่นไปตรวจกรุ๊ปเลือดลูกในท้องพอดี ฉันเลยไหว้วานหมอที่โรงพยาบาลไว้เลยได้ผลกรุ๊ปเลือดลูกในท้องมา ปัญหาคือกรุ๊ปเลือดมันไม่ใช่เนี่ยสิ!”

พี่สาวรีบโทรมาหาในทันที แต่ผลลัพธ์กลับเหนือคาดจนทำเอาเธอตกตะลึงไปเลย!

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน พอมั่นใจว่าพี่สาวไม่ได้จัดการผิดคนก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม!

“ฉันจำได้ว่าเป่ารื่อน่าก็มีกรุ๊ปเลือดหายากเหมือนกันใช่ไหม” เหมยเหมยกล่าว

……………………….

Related

ตอนที่ 2619 คนที่น่าสงสารที่สุดคือลูก

ฉีฉีเก๋อปิดปากเงียบไม่ปริปากพูดอะไรเลยมาตั้งแต่ต้นแค่กอดเป่ารื่อน่าไว้แน่น สาวน้อยที่น่าสงสารทำหน้าตื่นตระหนก ดวงตากลมโตมองคุณแม่อย่างสับสนเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เกิดเรื่องแบบนี้คนที่น่าสงสารที่สุดมักเป็นลูกเสมอ!

เหมยเหมยถอนใจเฮือกหนึ่งเดินไปกอดเป่ารื่อน่า มือเล็กของเจ้าหนูกำเสื้อฉีฉีเก๋อไว้แน่นแล้วส่ายศีรษะรัว ๆไม่ยอมให้เหมยเหมยอุ้ม ดวงตากลมโตน้ำตาคลอเบ้าใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“คุณแม่…”

เป่ารื่อน่าเอ่ยเรียกเสียงเบาสองมือคล้องกอดลำคอฉีฉีเก๋อ ศีรษะเล็กแนบหน้าฉีฉีเก๋อไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ

“แม่อยู่นี่ แม่ไม่ไปไหนทั้งนั้น แม่จะอยู่กับเป่ารื่อน่า…ไม่ต้องกลัวนะ แม่ไม่ไปจากเป่ารื่อน่าแน่นอน!”

ฉีฉีเก๋อกระชับกอดลูกสาวแล้วหอมแก้มเล็กเธอหลายฟอด สองแม่ลูกน้ำตาไหลพรากทำเอาคนมองรู้สึกแย่จับใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปาดน้ำตาทีหนึ่งพลางลอบก่นด่าฉางชิงซานในใจ ไอ้สารเลวใจดำอำมหิต เป่ารื่อน่าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาเชียวยังใจร้ายได้ลงคอ มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานจริง ๆ!

เหมยเหมยก็อยากร้องไห้อีกคน เธอหยิบอมยิ้มจากกระเป๋าแท่งหนึ่งมาแกะเปลือกออกยื่นให้เป่ารื่อน่าพลางพูดปลอบเสียงอ่อนโยน “ใครก็พรากเป่ารื่อไปจากแม่ไม่ได้ มีแม่บุญธรรมกับน้าเหมยอยู่ต้องไล่คนร้ายไปได้แน่ ๆ อย่ากลัวนะ!”

“อื้ม…ขอบคุณค่ะน้าเหมย!”

เป่ารื่อน่าพยักหน้า อมยิ้มช่วยปลอบประโลมจิตใจของเธอให้สงบลงได้บ้าง เพียงแต่ยังไม่ยอมอยู่ห่างจากฉีฉีเก๋ออยู่ดี เธอรั้นจะซุกอกฉีฉีเก๋อแล้วเอาหน้าแนบหน้าเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าหนูน้อยก็จะร้องไห้ไม่หยุด

“เวรกรรมจริง ๆ…ฉันว่าช่วงนี้ฉีฉีเก๋อไปอยู่บ้านฉันก่อนเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ กลัวว่าคนหน้าไม่อายคู่นั้นจะก่อเรื่องอะไรอีก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแอบเป็นห่วงเล็กน้อย

ในเมื่องานที่บริษัทเธอค่อนข้างเยอะไม่สามารถอยู่เฝ้าฉีฉีเก๋อได้ทุกเมื่อ อย่างวันนี้ที่ยายแก่ปีศาจมาแย่งเด็กเธอก็ไม่อาจตามมาได้อย่างทันท่วงที โชคดีเหมยเหมยไปก่อน ไม่อย่างนั้นฉีฉีเก๋อตัวคนเดียวต่อกรยายแก่ปีศาจไม่ไหวแหง

อีกอย่างเป่ารื่อน่าจะได้รับเรื่องสะเทือนใจอีกไม่ได้แล้ว เด็กเล็กขนาดนี้ต้องทิ้งบาดแผลไว้ในใจแน่ ๆ

“นั่นสิ แม่ของเธอมาอยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เห็นล่ะ?” เหมยเหมยถาม

หลายวันก่อนแม่ของฉีฉีเก๋อก็เดินทางมาอยู่กับฉีฉีเก๋อ แต่วันนี้ยายแก่ปีศาจมาแย่งเด็กกลับไม่เห็นแม่ของฉีฉีเก๋อ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว

“แม่ฉันสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ฉันเลยให้ท่านกลับบ้านก่อน พี่สะใภ้ใหญ่ของฉันบอกว่าจะมาวันพรุ่งนี้” ฉีฉีเก๋อรู้สึกผิดอย่างมาก

แม่ของเธอป่วยเพราะความโกรธล้วน ๆ เพราะเธอไม่สู้คนทำให้คนที่บ้านต้องวุ่นวาย ชีวิตก็ไม่ค่อยสงบสุขเท่าไร

“ดูเหมือนยายแก่ปีศาจจงใจเลือกเวลาที่แม่เธอไม่อยู่ ไอ้แก่หน้าไม่อาย ทำไมพระเจ้าถึงไม่ตามเก็บพวกคนชอบทำลายชีวิตคนอื่นแบบนี้ไปนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าอย่างโมโห

ฉีฉีเก๋อเอ่ยขอบคุณ “วันนี้ขอบคุณพวกเธอมากนะ ไม่งั้น…”

เธอไม่ได้พูดต่อ เสียงเริ่มสะอื้นตาเริ่มแดงก่ำ เป่ารื่อน่าตกใจรีบดึงไม้อมยิ้มออกมายัดใส่ปากฉีฉีเก๋อ “แม่กินอมยิ้ม…”

“แม่ไม่กิน เป่ารื่อน่ากินเลย!” ฉีฉีเก๋อกลั้นน้ำตาไว้แล้วเค้นรอยยิ้มออกมา เป่ารื่อน่าถึงค่อยวางใจแล้วทานอมยิ้มอย่างเอร็ดอร่อย

“ต้องหย่าให้ได้ ถ้ายังใช้ชีวิตกับคนแบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีต่อการเติบโตของเป่ารื่อน่าแน่ อีกอย่างเธอส่องกระจกดูตัวเองสิ เพิ่งเรียนจบมาได้แค่สามปีก็กลายเป็นคุณป้าตามท้องตลาดไปแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเสื้อผ้าสีหม่นบนตัวฉีฉีเก๋อก็นึกโมโหทุกที

เมียน้อยหน้าด้านนั่นแต่งตัวสดใสกว่าฉีฉีเก๋อมากโขซึ่งใช้แต่เงินฉางชิงซานทั้งนั้น แต่ความจริงควรเป็นเงินของฉีฉีเก๋อต่างหาก!

……………………..

ตอนที่ 2620 ไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด

ฉีฉีเก๋อก้มมองเสื้อตัวนอกสีเทาหม่นของตัวเองแวบหนึ่ง นี่เป็นเสื้อที่เธอเสียเงินหนึ่งร้อยยี่สิบหยวนซื้อมาจากตลาดขายเสื้อผ้า ไม่นับว่าถูกมากแต่ก็ไม่ใช่เสื้อผ้ายี่ห้อดีอะไร นี่เป็นแค่เสื้อผ้าที่คนทั่วไปสวมใส่กันเท่านั้น

เพราะเธอคิดว่าฐานะบ้านยากจนมีเงินแค่ห้าพันหยวนทุกเดือน หักค่าน้ำค่าไฟค่าเดินทางรวมถึงค่าขนมค่าเสื้อผ้าของเป่ารื่อน่า เธอไม่เคยประหยัดเงินที่ต้องใช้กับลูกและนั่นเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุดของบ้าน

หักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปก็เหลือเงินจากห้าพันไม่เท่าไร เธอจะทำใจยอมเสียเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแพงให้ตัวเองอย่างไรไหว แค่สวมใส่ได้ปกติก็พอ ส่วนเครื่องประดับเครื่องสำอางต่าง ๆเธอไม่ชอบมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงช่วยประหยัดไปมากทีเดียว

แต่พอเห็นความสดใสของเจินหวานหว่านพลันฉีฉีเก๋อก็รู้สึกว่า…เธอเหมือนตัวตลก!

เป็นตัวตลกอย่างแท้จริง!

“ตอนนี้ฉันแค่อยากรีบ ๆหย่า ไม่อยากใช้ชีวิตกับเขาแม้แต่วันเดียว” ฉีฉีเก๋อพูดด้วยเสียงเคียดแค้น

“ต้องค่อยเป็นค่อยไปจะรีบร้อนไม่ได้ รอฉันกับเหมยเหมยรวบรวมหลักฐานครบค่อยฟ้องศาล ไปทีละก้าว อย่างไรเสียก็จะให้ครอบครัวหน้าไม่อายนั่นเอาเปรียบไม่ได้” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดปลอบ

ฉีฉีเก๋อลังเลครู่หนึ่งก็รวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา “ความจริง…ฉันแค่อยากรีบ ๆหย่าไป บ้านกับเงินพวกนั้นก็ปล่อยมันไปเถอะ พ่อฉันเก็บเงินไว้ให้ฉันไม่น้อย อีกอย่างท่านก็ซื้อบ้านไว้ให้ฉันสองชุด หลังหย่าไปฉันค่อยหางานทำ แบบนี้คงพอเลี้ยงเป่ารื่อน่าได้แหละ”

เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทองมานานแล้ว เงินเหล่านั้นของฉางชิงซานอาจเป็นเงินก้อนมหาศาลสำหรับคนอื่น แต่ในสายตาของเธอกลับเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไรและไม่ได้กระตุ้นความต้องการของเธอเลย

‘เพี้ยะ’

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟาดหลังเธอทีหนึ่งแล้วตะคอกด่า “เธอใจกว้างสินะ? นั่นบ้านสามหลังกับเงินแปดแสนเชียว พอให้เธอกับเป่ารื่อน่าใช้ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติแล้ว อีกอย่างของพวกนี้เดิมทีก็เป็นของเธออยู่แล้ว ทำไมเธอไม่แย่ง? เธอคิดว่าเธอไม่แย่งแล้วฉางชิงซานจะสำนึกบุญคุณเธอเหรอ? ถุย ยัยโง่…ลับหลังคนอื่นเขาต้องหัวเราะเยาะว่าเธอโง่เหมือนหมูแล้วคิดจะฆ่าเธอไปย่างกินแหง ๆ!”

“ฉัน…ฉันแค่ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ ฉันแค่อยากรีบไปจากคนชั่วน่าขยะแขยงนั่นเร็ว ๆ!” ฉีฉีเก๋อกอดศีรษะคอยหลบฝ่ามือเหล็กของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“เธอไม่เอาเงินพวกนี้มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่า เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? แม่พระเหรอ? คนเขามีแต่จะคิดว่าเธอเป็นหมู!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าจนตาลุกเป็นไฟพลางมองอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจ

เหมยเหมยห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่จวนจะระเบิดไว้แล้วผ่อนน้ำเสียงพูดช้า ๆ “ฉีฉีเก๋อเธอต้องคิดแบบนี้ ถ้าเธอไม่แย่งสมบัติพวกนี้ไว้ รอเธอหย่าไปสมบัติพวกนั้นก็จะตกเป็นของเมียน้อยกับลูกชายของหล่อน เธอต้องคิดให้ดี เมียน้อยกับลูกชายของหล่อนอาศัยในบ้านของเธอ ใช้เงินของเธอ นอนกับผู้ชายที่เคยเป็นของเธอ…”

“ผู้ชายไม่เท่าไหร่ยกให้นังจิ้งจอกนอนกกตามสบายเถอะ แต่บ้านกับเงินจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยแทรก

ฉีฉีเก๋อเริ่มคิดตาม เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่พอฟังเหมยเหมยพูดเอาตอนนี้ใจเธอก็เจ็บจี๊ด อารมณ์บางอย่างพุ่งพรวดขึ้นมา

เหมยเหมยพูดถูก ทำไมเงินของเธอถึงต้องเอาไปให้เมียน้อยล่ะ?

ของพวกนั้นเป็นของเป่ารื่อน่า ใครก็อย่าคิดจะแย่งกับลูกสาวเธอทั้งนั้น!

“ได้…ฉันจะไม่เหลือให้พวกเขาสักแดงเดียว!” ฉีฉีเก๋อกัดฟันแน่นดวงตาเป็นประกายเหมือนย้อนกลับไปเป็นสาวน้อยไฟแรงกล้าในอดีตอีกครั้ง

“ใช่…ห้ามใจอ่อนกับพวกชายโฉดและเมียน้อยเด็ดขาด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว

“ให้สองคนนี้ไสหัวไปตัวเปล่าเลย!”

เหมยเหมยยื่นมือแปะมือกับเพื่อนอีกสองด้วยอารมณ์ฮึกเหิม!

……………

Related

ตอนที่ 2617 หน้าตาอันน่ารังเกียจ

ฝั่งเหมยเหมยที่ได้ยินแล้วก็โมโหจนควันออกหู หย่าไปแล้วห้ามไม่ให้แต่งงานใหม่ ไอ้สารเลวฉางชิงซานคิดจะห้ามไม่ให้คนอื่นมีความสุขนี่นา

ถุย!

หน้าไม่อายสักนิด

เธอก็ดูออกว่าฉีฉีเก๋อกำลังใจอ่อน ยิ่งกว่านั้นคือเข้าใจความรู้สึกของฉีฉีเก๋อในตอนนี้มาก

ฉีฉีเก๋อโดนชายโฉดทำร้ายไม่เหลือสภาพจึงแค่อยากใช้ชีวิตกับลูกสาวให้ดีเท่านั้น เธอมั่นใจได้ว่าฉีฉีเก๋อจะตอบตกลงเงื่อนไขนี้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบแน่

“ฉางชิงซานนายหมายความว่าอย่างไร? นายรับปากได้หรือว่าหลังหย่าไปจะไม่แต่งงานใหม่? ถ้านายรับปากได้ฉีฉีเก๋อก็รับปากได้!” เหมยเหมยชิงตัดหน้าฉีฉีเก๋อ

ฉางชิงซานฟังแล้วก็นึกขำ เขาเป็นผู้ชายนะ จะรับปากได้อย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!” ฉางชิงซานตอบกลับอย่างไม่ลังเล

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “ตัวนายเองยังรับปากไม่ได้เลย แล้วมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องฉีฉีเก๋อล่ะ?”

“มันไม่เหมือนกัน!”

“ไม่เหมือนกันตรงไหน เพราะนายเป็นผู้ชาย เขาเป็นผู้หญิงเหรอ? นายคิดว่าตอนนี้ยังเป็นสังคมชายเป็นใหญ่อยู่อีกเหรอ? ตอนนี้กฎหมายยังให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของผู้ชายผู้หญิง นายมีสิทธิ์อะไรมาเสนอเงื่อนไขที่ไม่มีความเท่าเทียมแบบนี้กับฉีฉีเก๋อ?” เหมยเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งเดือดดาล

อดีตที่เธอเคยเห็นเรื่องแปลก ๆของเหล่าชายโฉดทำในหนังละครหรือนิยายก็คิดว่ามันออกจะเกินจริงไปหน่อย สังคมปัจจุบันจะมีคนชั่วสุดโต่งแบบนั้นได้หรือ!

แต่ตอนนี้เธอกลับพบกว่าชีวิตมันยิ่งกว่าในนิยายเสียอีก!

อย่างเช่นฉางชิงซานที่อยู่ตรงหน้านี่ไง!

ตัวเองไปหาความสุขสำราญใจหาผู้หญิงคนแล้วคนเล่า ทางนี้กลับขอร้องให้ภรรยาที่หย่าร้างกันไปครองโสดตลอดชีวิตเพื่อเขา ถุย!

เอาหน้าจากไหนมาเสนอเงื่อนไขที่น่าขยะแขยงแบบนี้?

ฉางชิงซานสีหน้าดูย่ำแย่เล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหมยเหมยเลยแก้ต่างให้ตัวเอง “ฉันแค่เสนอเงื่อนไข ตอบตกลงหรือเปล่าขึ้นอยู่กับฉีฉีเก๋อ”

“ถุย…นายเสนอเงื่อนไขบ้าบออะไรออกมา? ฉางชิงซาน เสียแรงที่นายเป็นคนที่เคยได้รับการศึกษาระดับสูงมาก่อน นายอย่าทำตัวหน้าไม่อายแบบนี้ได้ไหม?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพุ่งเข้ามาจากข้างนอกเพราะเธอมัวแต่ทำธุระเพิ่งจะเสร็จเอาตอนนี้ เพิ่งมาถึงก็ได้ยินถ้อยคำร้ายกาจของฉางชิงซานก็โกรธจนพุ่งเข้ามาด่าทอทันที

ฉางชิงซานขมวดคิ้วแน่น ในบรรดาเพื่อน ๆของฉีฉีเก๋อเขารำคาญเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่สุด ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้วยังฝีปากร้ายอีกต่างหาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนด่าฉีฉีเก๋อ “เธอเบิกตาดูให้ชัด…นี่คือผู้ชายที่เธอเคยเอาชีวิตเข้าแลก นี่เธอยังคิดจะรับปากเงื่อนบ้า ๆไร้เหตุผลของเขาแบบนี้อีกเหรอ? ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ฉีฉีเก๋อถ้าเธอกล้าตกลง นับจากนี้ไปฉันไม่มีเพื่อนขี้ขลาดตาขาวอย่างเธออีก!”

เหมยเหมยก็พูดเสียงเย็นเช่นกัน “ฉันก็เหมือนกัน!”

ไม่ใช่ว่าเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใจเหี้ยม แต่ตอนนี้จำเป็นต้องบีบบังคับฉีฉีเก๋อสักหน่อย

และโชคดีที่วันนี้เธออยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นปล่อยให้ฉีฉีเก๋ออยู่คนเดียวต้องรับปากเงื่อนไขไร้เหตุผลของฉางชิงซานไปอย่างแน่นอน!

จิตใจที่ลังเลของฉีฉีเก๋อเริ่มหนักแน่นขึ้นภายใต้การข่มขู่ของพวกเหมยเหมย

“นายไปเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยมือจากเป่ารื่อน่าแน่นอน มีเรื่องอะไรก็คุยกับทนายฉันโดยตรงละกัน!”

ฉีฉีเก๋อเอ่ยปากไล่ แม้ฉางชิงซานจะโกรธแต่เขาไม่กล้าแข็งข้อกับเหมยเหมยเลยจำต้องชิ่งกลับไปก่อน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟาดฉีฉีเก๋อทีหนึ่งแล้วพูดสั่งสอน “น้ำเข้าสมองเธอสินะ? จะตอบรับคำขอแบบนี้ได้อย่างไร? หรือว่าชีวิตนี้ของเธอไม่คิดจะหาผู้ชายคนอื่นอีกแล้ว?”

“ฉันไม่คิดจะหาใหม่จริง ๆ ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!” ฉีฉีเก๋อยิ้มขมขื่น

“คิดไม่คิดก็อีกเรื่องหนึ่ง หาหรือไม่หาก็อีกเรื่อง นายจะถูกไอ้สารเลวฉางชิงซานจูงจมูกไปทุกเรื่องไม่ได้ ต่อให้อนาคตเธอไม่คิดจะหาจริง ๆก็รับปากไม่ได้เด็ดขาด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าไปยกหนึ่ง

เหมยเหมยเอ่ยกู้สถานการณ์ “ฉางชิงซานเสนอให้หย่ากันแล้ว ทางเราก็ต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อย ไม่งั้นจะเป็นฝ่ายถูกกระทำได้นะ!”

…………………………

ตอนที่ 2618 ต้องหย่า

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลวนั่นลื่นยิ่งกว่าปลาไหล ฉันตามสืบอยู่ครึ่งเดือนก็ไม่เจอจุดอ่อนของเขาเลย แต่ฉันส่งคนไปตีซี้ยายแก่ปีศาจนั่นแล้วซึ่งค่อนข้างสนิทกันพอตัว ฉันคาดว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะมีข่าวคราวอะไรบ้าง ทางเหมยเหมยล่ะเป็นยังไงบ้าง?”

“ฉันสืบมาแล้ว บ้านที่ชุนชนเทียนหยวนจดอยู่ภายใต้ชื่อของแม่ฉางชิงซาน อีกอย่างฉันยังสืบได้ว่าสามปีนี้ฉางชิงซานซื้อบ้านไปสามหลัง หลังที่ดีที่สุดซื้อเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เป็นชุนชนบ้านวิลล่าหมิงจูที่เพิ่งสร้างใหม่ เขาซื้อบ้านมาหลังหนึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ใช้ชื่อพ่อของเขาซื้อ แล้วก็มีบ้านที่อยู่ในชุนชนธรรมดาอีกหลังขนาดร้อยยี่สิบตารางเมตร คนจดทะเบียนคือน้องสาวของเขา”

เหมยเหมยเล่าข้อมูลที่เธอตามสืบได้ในไม่กี่วันที่ผ่านมาให้ฟังซึ่งชัดเจนว่าฉางชิงซานเริ่มถ่ายโอนทรัพย์สินตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว สารเลวจริง ๆ!

สามปีก่อนเป็นช่วงที่ฉีฉีเก๋อลำบากที่สุด ฉางชิงซานปากพร่ำบอกว่าหาเงินไม่ได้เท่าไร ยายแก่ปีศาจเลยอาศัยข้ออ้างนี้ทรมานฉีฉีเก๋อตนทำให้เธอตกเลือดตอนคลอดลูก

เมื่อนั้นเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างคิดว่าฉางชิงซานไม่มีเงินจริง ๆแต่ใครจะคิดว่าไอ้สารเลวนี่กลับซื้อบ้านหลังหนึ่งได้ตั้งแต่ปีแรก ทั้งที่ตอนนั้นฉีฉีเก๋อยังอยู่บ้านเช่าอยู่เลย!

แต่เขากลับซื้อบ้านที่ถูกจดทะเบียนภายใต้ชื่อของน้องสาวเขา ส่วนตัวเองยังใช้ชีวิตลำบากกับภรรยาอยู่ในห้องเช่านี้!

สารเลว…ชายโฉดที่สารเลวอย่างแท้จริง!

“ฉันตามค้นบัญชีของยายแก่ปีศาจด้วยเหมือนกัน พวกเธอลองเดาดูสิว่ายายแก่ปีศาจนี่มีเงินเท่าไหร่?” เหมยเหมยเล่นตัว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอบกลับอย่างสนอกสนใจ “ห้าแสน?”

เหมยเหมยส่ายศีรษะ “มากกว่านั้น!”

“หกแสน?”

“มากอีก!”

“โอ้โฮ…หรือว่าจะล้านหนึ่ง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“ไม่ถึงหนึ่งล้านแต่ก็เกือบแล้ว แปดแสน บัญชีส่วนตัวของฉางชิงซานกลับเงินน้อยจนน่าสงสาร ไม่ถึงหมื่นหยวนด้วยซ้ำ” เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว

ยายแก่ปีศาจที่เป็นแค่แม่บ้านคนหนึ่งจะเอาเงินมาจากไหนตั้งแปดแสน?

“ไอ้ชั่วฉางชิงซาน ให้ตายเถอะ เลวยิ่งกว่าพ่อของฉันซะอีก เขาไม่คิดจะแบ่งเงินไว้ให้ฉีฉีเก๋อแม้แต่หยวนเดียวเลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่า

ฉีฉีเก๋อเม้มปากแน่นสีหน้าเรียบเฉยรวมถึงหัวใจที่ด้านชาไปแล้วเพราะถูกแทงหลายครั้ง เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป!

“ไม่ว่าจะบ้านหรือเงินเราต้องเอามาให้หมด จะให้นังจิ้งจอกนั่นเอาเปรียบไม่ได้!” ฉีฉีเก๋อกัดฟันแน่น

เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วย “แน่นอนอยู่แล้ว ห้ามเหลือเงินให้พวกเขาแม้แต่หยวนเดียว แต่ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือหาหลักฐานการนอกใจของฉางชิงซาน ส่วนทรัพย์สินที่เขาจงใจแอบซ่อนทางฉันพอจะรวบรวบไว้หมดแล้ว แค่ฝั่งเชี่ยนเชี่ยนเธอมีความคืบหน้าอะไร เราก็ฟ้องศาลได้เลย จากนั้นก็ให้ฉางชิงซานไปตัวเปล่า”

“วางใจเถอะ อย่างมากก็สามวัน หลังสามวันต้องมีความคืบหน้าแน่ ครั้งนี้จะเล่นเอาฉางชิงซานตั้งตัวไม่ทันเลย ให้มันไปกอดนังจิ้งจอกกับยายแก่ปีศาจร้องไห้กันสามคนเถอะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำท่ามั่นใจนักหนา คนที่เธอจ้างวานไปเป็นถึงมืออาชีพด้านการตามจับมือที่สามผู้เลื่องชื่อในเมืองหลวงเชียว เพราะพี่สาวคนนี้เดิมทีก็ตกเป็นเหยื่อของมือที่สามทำให้พี่สาวคนนี้เกลียดชังมือที่สามเข้ากระดูกดำ เธอมักช่วยตามสืบข่าวมือที่สามให้เพื่อนอยู่ประจำ นานวันเข้าคนที่ไม่รู้จักเธอก็จะขอความช่วยเหลือจากเธอจนค่อย ๆพัฒนาเป็นอาชีพด้านการตามจับมือที่สาม

“งั้นก็ดี ฉันไปหาทนายความ!” เหมยเหมยเองก็ทำท่ามั่นใจเต็มร้อย

คราวนี้เธอจะให้ฉางชิงซานใส่แต่กางเกงในเผ่นหนีออกไปจากเมืองหลวงเลย!

แล้วก็เมียน้อยเจินหวานหว่านนั่น คนดีไม่เป็นดันจะเป็นมือที่สาม งั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจแล้วกัน!

…………………

Related

ตอนที่ 2615 ตื่นจากฝันร้าย

เดิมทีฉางชิงซานยังนึกเสียใจภายหลังอยู่บ้างแต่พอเขาฉุกคิดถึงถ้อยคำที่ยายแก่ปีศาจพูดไว้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ จากความลังเลก็เริ่มแน่วแน่

ลูกสาวกับเงินจะเสียไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

“ฉีฉีเก๋อ ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ เป่ารื่อน่าเป็นลูกสาวของฉัน เธอเป็นคนตระกูลฉาง แน่นอนว่าต้องอยู่กับฉัน อีกอย่างเธอไม่มีงานไม่มีรายได้ เธอจะเอาอะไรมาเลี้ยงดูลูกสาว?”

ฉางชิงซานพยายามข่มความไม่สบอารมณ์ไว้แล้วพูดโน้มน้าวฉีฉีเก๋อ

“เป่ารื่อน่าก็เป็นลูกของฉันเหมือนกัน กฎหมายไมได้กำหนดไว้ว่าเป่ารื่อน่าเป็นคนตระกูลฉางนะ ผู้ปกครองที่ดูแลเธอคือฉันกับนาย สถานะของเราเท่าเทียมกันตามกฎหมาย” ฉีฉีเก๋อตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา

เหมยเหมยที่เฝ้ามองอยู่ข้าง ๆมาตั้งแต่ต้นคิดจะออกหน้าให้ความช่วยเหลือในทีแรก แต่พอเห็นฉีฉีเก๋อเริ่มกลับมาได้สติและระบบความคิดชัดเจนขึ้นจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร ปล่อยให้ฉีฉีเก๋อจัดการคนเดียว

รอต้องการความช่วยเหลือก่อนเธอค่อยให้ความช่วยเหลือแล้วกัน

ฉางชิงซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย กำลังจะอ้าปากพูดแต่ฉีฉีเก๋อชิงพูดตัดหน้าเขาอย่างรวดเร็ว “ส่วนฉันจะเลี้ยงเป่ารื่อน่าได้ไหม นายไม่ต้องกังวล ฉางชิงซานนายอย่าลืมละว่าฉันกับนายเรียนจบมหาลัยเมืองหลวงเหมือนกัน

ขอแค่ฉันยอมออกไปหางานทำ ฉันเลี้ยงลูกสาวได้แน่!”

ฉางชิงซานสีหน้าดูย่ำแย่อย่างมาก จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่แท้ฉีฉีเก๋อกับเขาต่างเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงทั้งคู่

เห็นฉีฉีเก๋อเลี้ยงลูกทำกับข้าวอยู่บ้านทุกวัน แต่งตัวเหมือนคุณป้าตามท้องตลาดเขาเลยลืมเรื่องนี้ไป

“เธอคิดว่าตอนนี้หางานง่ายมากเหรอ? ต่อให้เธอเรียนจบมหาลัยเมืองหลวงแล้วยังไง? นักศึกษาจบใหม่ยังหางานไม่ได้เลย ยิ่งกว่านั้นเธอที่เรียนจบไม่มีงานทำมาหลายปีอีกล่ะ!” ฉางชิงซานพูดอย่างไร้ความปรานี

แน่นอนว่านี่ก็เป็นความจริงเช่นกัน ในเมืองหลวงคนเก่ง ๆมีมากมาย นักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเยอะเท่าขนโค นักศึกษาจบใหม่ยังหางานได้ยาก สถานการณ์อย่างฉีฉีเก๋อเองก็หางานได้ยากเช่นกัน

แต่–

เหมยเหมยแทรกขึ้นมา “เรื่องเล็กอย่างหางานไม่ต้องกังวล ฉันมีบริษัทตั้งเยอะ ขอแค่ฉีฉีเก๋ออยากทำ ฉันให้ตำแหน่งผู้จัดการหรือผู้ดูแลอะไรสักอย่างให้เธอก็ได้แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา!”

ฉางชิงซานอัดอั้นใจพลางขมวดคิ้วแน่น แต่เขาไม่กล้าเถียงเหมยเหมยเลยพูดอย่างใจเย็น “ฉีฉีเก๋อเธอไม่มีประสบการณ์การทำงานจะรับหน้าที่ผู้จัดการกับผู้ดูแลไหวได้อย่างไร?”

เหมยเหมยยักไหล่พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่เห็นเป็นไรนี่ ยังไงก็บริษัทตัวเอง ฉันอยากให้ใครเป็นผู้จัดการก็ให้คนนั้นเป็น ใครกล้าคัดค้านล่ะ?”

ฉางชิงซานจุกอยู่ในอก เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังต่อกรกับเขาอยู่ อยากบีบคอเหมยเหมยที่ทำท่าเหมือนฉันรวยฉันเอาแต่ใจแบบนี้ให้ตาย ๆไปเสียเหลือเกิน!

แต่เขาไม่กล้า!

ฉีฉีเก๋อมองเหมยเหมยเป็นเชิงขอบคุณ หัวใจที่ถูกแทงจนเลือดอาบรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาก ไม่ว่าเมื่อไรเพื่อนก็มักยืนอยู่ด้านหลังเธออย่างมั่นคงเสมอ!

“ฉางชิงซาน นายคงไม่ได้ลืมหรอกนะว่าพ่อแม่ฉันทำงานอะไร? นายคิดว่าบ้านฉันยากจนข้นแค้นเหมือนบ้านนายเหรอ?

ต่อให้ฉันไม่ทำงาน ลำพังแค่เงินที่พ่อให้ฉันกับเป่ารื่อน่า ฉันก็มีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน!”

ฉีฉีเก๋อเอ่ยเสียงประชดอย่างเย็นชาไม่เหลือไออุ่นอีกต่อไป

ฉางชิงซานหน้าถมึงทึงพูดเสียงแค้นใจ “หน็อย ในที่สุดเธอก็พูดความในใจออกมาสักที ที่แท้เธอก็รังเกียจที่บ้านเราจนมาตลอด!”

แม่ของเขาพูดไม่ผิด ฉีฉีเก๋อรังเกียจครอบครัวพวกเขามาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อยากใช้ชีวิตคู่กับเขาอย่างสงบสุข

ฉีฉีเก๋อเจ็บแปลบที่หัวใจ เจ็บเหมือนถูกแทงเป็นระยะ ๆ เธอตาบอดจริง ๆที่คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อผู้ชายแบบนี้?

แล้วยังสูญเสียเวลาอันมีค่ามาหลายปีเพื่อผู้ชายแบบนี้ด้วย!

ยิ่งกว่านั้นยังทำร้ายจิตใจพ่อแม่พี่ชายพี่สะใภ้เพื่อผู้ชายแบบนี้อีก!

ชีวิตหม่นหมองมาตลอดหลายปีเป็นดั่งฝันร้าย ในที่สุดวันนี้ก็ตื่นสักที!

…………………….

 ตอนที่ 2616 เงื่อนไขอันน่าขยะแขยง

ไม่เพียงแค่ฉีฉีเก๋อที่ฟังแล้วเสียใจ แม้แต่เหมยเหมยยังทนฟังต่อไม่ได้ ชายโฉดนี่มันสันดานเหมือนกันหมดเลยสินะ?

เวลารักกันดีพูดจาหวานหยดย้อยเอาใจผู้หญิงให้ยอมตายเพื่อเขาได้ แต่พอแตกคอกันถ้อยคำที่พ่นออกมาคมยิ่งกว่าใบมีดเสียอีก!

“ฉางชิงซานนายพูดอะไรต้องมีจิตสำนึกด้วยนะ ตอนนั้นฉีฉีเก๋อทำยังไงถึงรั้นจะแต่งงานกับนาย? ถ้าเธอรังเกียจบ้านนายจนจริง ทำไมเธอยังแต่งงานกับนายให้ลำบากด้วยล่ะ?” เหมยเหมยพูดเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉีฉีเก๋อ

เมื่อนั้นฉีฉีเก๋อขู่จะฆ่าตัวตายถึงทำให้ลุงปาเกินต้องอนุญาตให้เธอแต่งงาน อีกอย่างฉางชิงซานก็เพิ่งได้ดิบได้ดีช่วงสองปีมานี้ เมื่อก่อนใช้ชีวิตอย่างไรกันมาบ้างล่ะ?

ยามชีวิตลำบากฉางชิงซานไม่มีทางพูดจาแบบนี้แน่ แต่พอมีเงินหน่อยก็ลืมกันไปแล้ว!

ให้ตาย พอผู้ชายมีเงินก็เลวขึ้นมาทันที!

ฉางชิงซานทำหน้าไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย ถ้อยคำเมื่อกี้พอเขาพูดจบก็เสียใจภายหลัง

ถ้าฉีฉีเก๋อเป็นคนรังเกียจความจนชื่นชอบความรวย เมื่อนั้นคงไม่มีวันยอมแต่งงานกับยาจกอย่างเขาหรอก!

แต่เขาก็ถูกบีบบังคับนี่นา ใครให้เมื่อกี้ฉีฉีเก๋อใช้น้ำเสียงแบบนั้นคุยกับเขาล่ะ ช่วยพูดจาดี ๆเหมือนหวานหว่านไม่ได้หรือไง?

แม้จะรับรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแต่ฉางชิงซานไม่คิดจะขอโทษ เขาไม่มีทางก้มหัวให้ผู้หญิงเด็ดขาด!

ฉีฉีเก๋อโบกมือปัดให้เหมยเหมยไม่ต้องพูดอีกแล้ว เธอเองก็เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ไม่อยากทะเลาะกับชายโฉดสารเลวอย่างฉางชิงซานอีก

“ฉางชิงซานนายไปเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยเป่ารื่อน่าไปแน่ อย่างมากก็แค่ยื้อไปแบบนี้แหละ ยังไงซะคนที่รีบร้อนจะหย่าก็ไม่ใช่ฉัน!”

ฉางชิงซานใจกระตุกแล้วมองฉีฉีเก๋ออย่างสงสัยแวบหนึ่ง คำพูดนี้ฟังดูเหมือนมีนัยยะบางอย่าง หรือว่าฉีฉีเก๋อรู้อะไรมา?

แต่เขาก็ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ไปอย่างรวดเร็ว วัน ๆฉีฉีเก๋อก็อยู่แต่ในบ้านไม่มีสังคมอะไร ไม่มีทางรู้เรื่องของเขากับหวานหว่านได้หรอก

อีกอย่างเขาทำอะไรระมัดระวังตัวมาตลอด ต่อให้เขาพาหวานหว่านไปออกงานสังคมก็แนะนำว่าเป็นเลขาส่วนตัว ไม่ให้คนอื่นจับจุดอ่อนได้ คำพูดเหล่านี้ฉีฉีเก๋อคงพูดออกมาเพราะความโกรธสินะ!

ฉางชิงซานสบายใจขึ้นเล็กน้อยและนึกขุ่นเคืองกับการไม่ยอมอ่อนข้อของฉีฉีเก๋อ แต่พอนึกถึงความคิดที่แม่ของเขาเสนอก็อดคิดตามไม่ได้

“ถ้าเธออยากได้เป่ารื่อน่าจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เธอต้องรับปากเงื่อนไขฉันอย่างหนึ่ง!” ฉางชิงซานบอก

เหมยเหมยขมวดคิ้วและเผลอคิดทันทีว่าเงื่อนไขฉางชิงซานไม่ใช่เงื่อนไขดี ๆอะไรอย่างแน่นอน ซึ่งฉีฉีเก๋อก็ถามไปแล้ว “เงื่อนไขอะไร?”

ฉางชิงซานลังเลครู่หนึ่งก่อนกล่าว “รับปากว่าหลังหย่าไปจะใช้ชีวิตกับเป่ารื่อน่า ไม่แต่งงานกับผู้ชายคนอื่นอีก…ถ้าเธอรับปากว่าทำได้ ฉันไม่แย่งเป่ารื่อน่ากับเธอแน่นอน!”

ฉีฉีเก๋อชะงักไปครู่ใหญ่ถึงเข้าใจความหมายของเขา ในใจก็รู้สึกสับสน

ความจริงเธอไม่เคยคิดจะแต่งงานรอบสองอีก การผิดหวังจากความรักเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เธอหมดทั้งแรงกายแรงใจ ตอนนี้เธอคิดเพียงอย่างเดียวก็คือเลี้ยงดูเป่ารื่อน่าให้ดี ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานใหม่มาก่อน

ฉีฉีเก๋อที่อ่อนล้าทั้งกายทั้งใจ ไม่มีเรี่ยวแรงจทะเลาะกับฉางชิงซานอีก จู่ ๆเธอก็เกิดความคิดชั่ววูบว่าตอบตกลงไปเถอะ…

เช่นนี้เธอก็จะได้อยู่ห่างจากตระกูลฉาง ใช้ชีวิตกับลูกสาวอย่างสงบสุขสักที

ฉางชิงซานเห็นสีหน้าอ่อนใจของฉีฉีเก๋อก็รู้สึกได้ใจนิด ๆ เขารู้อยู่แล้วว่าฉีฉีเก๋อต้องรับปาก นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากฉีฉีเก๋อแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นจริง ๆ เขาต้องรู้สึกแย่แน่ ๆ ถึงหย่ากันไปแต่ก็เคยเป็นผู้หญิงของเขามาก่อน แล้วไปหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นก็เท่ากับกำลังสวมเขาให้เขาไม่ใช่หรือ?

มีผู้ชายคนไหนทนได้บ้างล่ะ?

……………

Related

ตอนที่ 2613 แบไต๋

เหมยเหมยคร้านจะสนใจยายแก่ปีศาจเลยอุ้มเป่ารื่อน่าฉุดแขนฉีฉีเก๋อให้ขึ้นไปชั้นบน

“ฉันพาเป่ารื่อน่าลงไปเดินเล่น เพิ่งถึงชั้นล่างยายแก่ปีศาจก็มาแย่งไป ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรด้วย…”

ฉีฉีเก๋อยังกลัวไม่หาย โชคดีที่ยายแก่ปีศาจมือไม้ไม่คล่องแคล่ว ถ้าเปลี่ยนเป็นฉางชิงซานวันนี้เธอต้องปกป้องลูกไว้ไม่ได้แน่

“ไม่เป็นไรแล้ว หลังจากนี้อย่าพาลูกออกจากบ้านคนเดียว ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็จ้างพี่เลี้ยงร่างบึกบึนมาคนหนึ่ง” เหมยเหมยบอก

ดูท่าทางสองแม่ลูกฉางชิงซานคงรอต่อไม่ไหวแล้ว แม้แต่วิธีต่ำช้าอย่างการมาแย่งเด็กยังเอาออกมาใช้ แล้วยังมีเรื่องไหนที่พวกเขาไม่กล้าทำอีก!

“เป่ารื่อน่าเป็นคนตระกูลฉางของเรา คืนมานะ เธอมันแค่คนนอก มีสิทธิ์อะไรพาคนตระกูลฉางของเราไป…”

มีเสียงของยายแก่ปีศาจแว่วมาจากด้านหลัง ที่แท้ยายแก่ปีศาจตามมานี่เอง

ฉีฉีเก๋อขวางอยู่หน้าเป่ารื่อน่าแล้วพูดด้วยเสียงโกรธเคือง “เป่ารื่อน่าเป็นลูกของฉัน ใครก็ไม่มีสิทธิ์พาเธอไป เธอมันไม่คู่ควร ให้ฉางชิงซานมาคุยกับฉันเอง!”

“ชิงซานของฉันงานยุ่งจะตาย เรื่องเล็กแบบนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจหรอก เธอสำเหนียกหน่อยส่งตัวเด็กมาให้ฉัน ฉันจะให้ชิงซานให้เงินเธอเยอะหน่อยเห็นแก่ที่เธอเชื่อฟังคำสั่ง ไม่อย่างนั้น…หึ…”

เหมยเหมยใจกระตุกวูบ กำลังเครียดนอนไม่หลับอยู่พอดี แต่ยายแก่ปีศาจดันหลุดพูดออกมาเองซะได้

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ฉางชิงซานคิดจะหย่าเหรอ?” เหมยเหมยจงใจถาม

“คนตระกูลฉางเราไม่เลี้ยงคนไม่เอาไหน ขนาดไข่ยังฟักออกมาไม่ได้ ชิงซานเลี้ยงเธอมาสามปีก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว เจียมตัวหน่อยแล้วไสหัวออกไปเองซะ ทิ้งเด็กไว้ให้ฉัน…”

ยายแก่ปีศาจเอ่ยอย่างได้ใจพลางใช้ดวงตาเรียวรีจ้องเป่ารื่อน่าอย่างดุดัน หวานหว่านพูดไม่ผิด นังแพศยาฉีฉีเก๋อเห็นความสำคัญของลูกที่สุด ถ้าเอาลูกมาขู่ฉีฉีเก๋อต้องยอมหย่าแต่โดยดีแน่ ๆ

เธอไม่อยากให้หลานชายเป็นเด็กกำพร้าหรอกนะ รีบหย่ากับนังแพศยาแล้วให้ลูกชายไปแต่งงานกับหวานหว่านดีกว่า เช่นนี้เธอก็จะได้อุ้มหลานชายสักที!

ฉีฉีเก๋อเพิ่งจะคิดตอบรับให้จบ ๆไป แต่อยู่ดี ๆก็นึกถึงคำเตือนของเหมยเหมยเลยแค่นเสียงกล่าว “คิดจะหย่าเหรอ? อย่าแม้แต่จะฝัน!”

“นังแพศยาหน้าไม่อาย ไข่ยังฟักออกมาไม่ได้ จองที่แล้วไม่ขี้[1] รู้แต่สร้างความเดือดร้อนให้ลูกชายฉัน…” ยายแก่ปีศาจตะโกนด่าปาว ๆด้วยถ้อยคำหยาบคาย

เหมยเหมยโทรสายตรงหาฉางชิงซานพร้อมคำด่าหยาบคาบของยายแก่ปีศาจแว่วไปถึงปลายสายของฉางชิงซาน

“ฉางชิงซาน ถ้านายคิดจะหย่าก็มาคุยเอง อย่าส่งตัวแม่ที่ทำตัวน่าอับอายขายหน้าแบบนี้มา หล่อนไม่ขายขี้หน้า แต่ฉีฉีเก๋อยังอยากรักษาหน้าไว้อยู่นะ!” เหมยเหมยประชด

ฉางชิงซานพูดกับยายแก่ปีศาจไม่กี่ประโยค ยายแก่ปีศาจก็เดินจากไปแต่โดยดี

“อย่ากังวลไป พวกเขาแย่งเด็กไปไม่ได้หรอก!” เหมยเหมยยังปลอบฉีฉีเก๋อที่ตัวสั่นไม่หาย

“ฉันไม่กลัว….ใครกล้าแย่งลูกฉันฉันก็จะสู้จนถึงที่สุด…ทำไมเขาถึงหน้าไม่อายได้ขนาดนี้…เมื่อก่อนฉันตาบอดจริง ๆ…”

ฉีฉีเก๋อทั้งกลัวทั้งโกรธ ยิ่งกว่านั้นคือเสียใจภายหลัง!

เหมยเหมยถอนหายใจ ผู้ชายกลัวอยู่ผิดสายงาน ผู้หญิงกลัวการแต่งผิดคน…โชคดีที่ฉีฉีเก๋อยังมีทางเลือกอื่น!

ฉางชิงซานรีบเดินทางมาหาภายในวันนั้นโดยมีทั้งเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ด้วยทั้งคู่ เขาเอ่ยปากขอโทษก่อนบอกว่าเขาไม่รู้ความอะไรด้วย ส่วนจะจริงหรือโกหกนั้นก็ไม่อาจรู้ได้

“ฉีฉีเก๋อ เรามาถึงจุดนี้ได้ล้วนเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็เสียใจมากจริง ๆ…” ฉางชิงซานพูดเสียงนิ่ง เขาไม่กล้ามองฉีฉีเก๋อเลยได้แต่หลุบตาต่ำ

“พูดมาตรง ๆ อย่ามาอ้อมค้อมกับฉัน!” ฉีฉีเก๋อเอ่ยเสียงเย็น

ฉางชิงซานลังเลเพียงครู่ก็ถอนหายใจ “เราหย่ากันเถอะ ฉันขอแค่เป่ารื่อน่า บ้านกับรถแล้วก็เงินในบัญชีให้เธอหมดเลย!”

[1] เป็นคำสแลงจีนที่สื่อถึงคนที่จับจองสิทธิ์หรือพื้นที่ใดแต่ไม่ทำอะไร ทำให้คนอื่นเสียโอกาสไปด้วย

……………………..

 ตอนที่ 2614 แบไต๋

ฉีฉีเก๋อสีหน้าเปลี่ยนไปพลางตวาดเสียงสูงกลับ “เป็นไปไม่ได้ เป่ารื่อน่าเป็นของฉัน ฉันเสี่ยงชีวิตแทบตายกว่าจะคลอดเธอได้ สามปีมานี้ก็มีแต่ฉันที่เลี้ยงดูเธออยู่คนเดียว นายกับแม่ของนายไม่ช่วยออกแรงสักนิด ฉางชิงซาน นายมีสิทธิ์อะไรมาแย่งเป่ารื่อน่ากับฉันเหรอ?”

ฉางชิงซานหน้านิ่งดูถูกฉีฉีเก๋อที่ทำท่าเหมือนหญิงปากร้ายแบบนี้อย่างมาก หวานหว่านอ่อนโยนช่างเอาใจใส่ ทุกครั้งที่พาไปออกงานบรรดาเพื่อน ๆต่างก็อิจฉากันทั้งนั้น

แต่ฉีฉีเก๋อกลับพาไปออกงานสังคมด้วยไม่ได้ พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะแต่งตัวเหมือนป้าแก่ ๆ ซื้อกับข้าวตามท้องตลาด พาออกไปมีแต่ทำเขาขายหน้า

เหมือนตอนนี้ที่เริ่มตำหนิเขากับแม่อีกแล้ว ผู้ชายทำงานนอกบ้านผู้หญิงทำงานในบ้าน เขาทำงานอย่างเหนื่อยยากทุกวันมีเวลาเลี้ยงดูลูกเสียที่ไหน ฉีฉีเก๋อทั้งไม่ทำงานและไม่ต้องหาเงิน หรือว่าจะให้เลี้ยงลูกหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?

“ฉีฉีเก๋อ เธอต้องมีเหตุผลหน่อย ฉันไม่ไปทำงานหาเงินแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงเธอกับลูก? แล้วก็แม่ของฉัน ท่านแก่แล้วสุขภาพไม่ดี ทำไมเธอชอบคิดเล็กคิดน้อยกับท่านนักล่ะ?

ทำไมจิตใจเธอคับแคบลงเรื่อย ๆแบบนี้? ใจดำใจร้าย ต่างอะไรกับผู้หญิงไร้การศึกษาในชนบท?”

ฉางชิงซานพูดออกมาเรื่อย ๆด้วยเสียงราบเรียบ แต่ถ้อยคำวาจากลับเหมือนมีดทิ่มแทงใจฉีฉีเก๋อครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดสดไหลริน

“ฉันก็ออกไปทำงานได้เหมือนกัน แต่นายเลี้ยงลูกได้ไหมล่ะ? แล้วก็แม่ของนาย นอกจากจะทำตัวเหมือนไม้ปั่นขี้คอยป่วนไปทั่วแล้วทำอะไรได้อีกบ้าง?” ฉีฉีเก๋อตะคอกใส่

ฉางชิงซานปั้นหน้าตึงตวาดเสียงดุดัน “คนนั้นคือแม่ของฉันนะ ช่วยให้เกียรติด้วย มารยาทของเธอล่ะ?”

“มารยาทเหรอ? ฮ่า ๆ…ฉางชิงซาน มารยาทของฉันถูกคนตระกูลฉางของพวกนายกลืนกินไปหมดแล้ว…”

ฉีฉีเก๋อหัวเราะเสียงดังที่ทำเอาคนฟังรู้สึกสลดใจ เธอหยุดหัวเราะมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ผู้ชายที่เธอเคยรักสุดหัวใจถึงขั้นยอมตายได้

ตอนนี้กลับเหมือนคนแปลกหน้า!

นับจากนี้ก็เป็นเพียงคนข้างทาง ไม่สิ เป็นศัตรู!

“ฉางชิงซาน ฉันจะบอกให้นะ เป่ารื่อน่าเทียบเท่ากับชีวิตของฉัน ถ้านายกล้าแย่งเป่ารื่อน่ากับฉันก็เท่ากับพรากชีวิตฉันไปด้วย ฉันจะฆ่านายอย่างแน่นอน!”

ฉีฉีเก๋อพูดเน้นทีละคำ แม้เสียงไม่ดังมากแต่กลับแฝงด้วยความอาฆาตจนฉางชิงซานตัวสะท้านเฮือก

ตอนนี้เขาชักเริ่มเสียใจที่บีบคั้นฉีฉีเก๋อถึงขนาดนี้ ความจริงเขายังไงก็ได้เพราะเขารู้ว่าฉีฉีเก๋อไม่มีทางเลี้ยงดูลูกสาวได้แย่แน่นอน

อีกอย่างเดิมทีเขาก็ตัดสินใจจะทิ้งเงินไว้ให้ฉีฉีเก๋อกับลูกสาวมากหน่อยในเมื่อเป็นผู้หญิงที่เขาเคยรัก แถมยังเป็นลูกสาวแท้ ๆของเขาด้วย

แต่พ่อแม่ของเขากลับไม่เห็นด้วยบอกว่าเป่ารื่อน่าเป็นหลานสาวตระกูลฉาง จะปล่อยให้ไปอยู่กับคนนอกได้อย่างไร ต้องพาตัวกลับมาให้ได้

ส่วนเรื่องเงินประเด็นหลักคือแม่ของเขาไม่เห็นด้วย บอกว่าเงินที่บ้านเป็นเงินที่เขาอุตส่าห์ทำงานมาอย่างยากลำบาก ทำไมต้องให้คนนอกได้เปรียบกัน?

เงินเหล่านี้ควรเหลือไว้ให้ลูกชายของเขา ถ้าเกิดฉีฉีเก๋อหอบเงินพวกนี้ไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ถ้าอย่างนั้นเขาก็เสียเปรียบแย่สิ?

พอยายแก่ปีศาจพูดเช่นนี้ฉางชิงซานก็ยิ่งไม่สบายใจ พอนึกถึงว่าฉีฉีเก๋อจะพาลูกสาวของเขากับเงินของเขาไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น อนาคตเป่ารื่อน่าจะเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพ่อ แล้วผู้ชายคนนั้นยังใช้เงินที่เขาทำงานหามาอีก…

ครั้นคิดถึงเรื่องพวกนี้ฉางชิงซานก็รู้สึกแย่เหลือเกิน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ

ไม่ว่าจะเงินหรือลูกสาวเขาต้องเอากลับมาทั้งหมด อย่างมากอนาคตฉีฉีเก๋อก็แค่ต้องย่ำแย่หน่อย พอถึงตอนนั้นเขาค่อยให้เงินชดเชยจำนวนหนึ่ง ขอเพียงเธอเจียมตัวใช้ชีวิตคนเดียว เขาไม่ถือสาอะไรหากต้องเลี้ยงดูเพิ่มอีกหนึ่งคนหรอก

………………

Related

ตอนที่ 2611 คนรู้จักอีกแล้ว

เมียน้อยที่กำลังเดินมาทางนี้อายุน้อยจริง ๆและสวยมากด้วยแต่ก็เป็นเพียงภาพภายนอก เหมยเหมยรู้ดียิ่งกว่าใครว่าผู้หญิงคนนี้อดีตหน้าตาเป็นอย่างไร!

เมียน้อยที่ทำลายครอบครัวของฉีฉีเก๋อคนนี้คืออดีตเพื่อนสมัยประถมของเหมยเหมย เจินหวานหว่าน

ชาติที่แล้วเธอทุกข์ทรมานเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยเลย เจินหวานหว่านกับอู่เยวี่ยร่วมมือกันทำร้ายเธออย่างร้ายกาจชาตินี้เธอกับเจินหวานหว่านไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเท่าไรนัก

โรงเรียนมัธยมที่เจินหวานหว่านเรียนเป็นโรงเรียนธรรมดาที่บรรยากาศย่ำแย่ ผลการเรียนของเธอไม่ดีนัก ได้ข่าวว่าเรียนถึงแค่มอห้าก็ลาออกไปทำงานทางใต้แล้ว หลังจากนั้นก็หายเงียบไร้ข่าวคราว คิดไม่ถึงว่าจะมาเป็นเมียน้อยในเมืองหลวง

“ทำไมเหรอ? คนรู้จักของเธอเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยเหมยทำหน้าแปลก ๆก็นึกหาสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว

“ใช่ หล่อนชื่อเจินหวานหว่าน เป็นเพื่อนสมัยประถมของฉัน ไม่ใช่คนดีอะไรจริง ๆนั่นแหละ นิสัยชั่วร้ายตั้งแต่เด็กจนโต ใจดำอำมหิตยันกระดูกดำ”

เหมยเหมยแค่นยิ้มมองเจินหวานหว่านที่ยังท้องไม่นูนเท่าไร ความลำบากที่เธอประสบพบเจอเมื่อชาติที่แล้วเจินหวานหว่านมีส่วนไม่น้อยเลย ครั้งนี้เธอจะต้องตอบแทนนังแพศยานี่อย่างดี

ฉางชิงซานกับเจินหวานหว่านเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เหมยเหมยลากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมายืนหลบหลังต้นไม้ ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงตรงหน้าพวกเขา

“เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับหญิงแก่หน้าเหลืองของคุณสักที? ถ้ายื้อต่อไปอีกลูกชายเราต้องเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าแน่…คุณทำใจได้เหรอ?”

เจินหวานหว่านมือหนึ่งประคองเอวอีกมือลูบหน้าท้องที่ยังไม่นูนชัดเท่าไร พูดจาออดอ้อนเสียงหวาน

ฉางชิงซานฟังแล้วเสียวซ่านไปทั้งใจ “วางใจได้ ต้องจัดการเรื่องเสร็จก่อนลูกชายเกิดแน่นอน ฉันจะปล่อยให้ลูกชายเป็นเด็กกำพร้าได้อย่างไรกัน!”

“ที่แท้ในใจคุณคนที่สำคัญที่สุดคือลูกชายหรือเนี่ย แล้วฉันเป็นอะไรล่ะ?”

เจินหวานหว่านแสร้งทำเป็นไม่พอใจแล้วเอ่ยเสียงคาดโทษปนโกรธทำเอาฉางชิงซานลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น อ้าปากพูดคำอ่อนหวานเอาใจ คู่ชายโฉดหญิงชั่วนี้พูดหยอกเย้ากันไปมาจนไม่นานก็เดินห่างออกไปไกล

“ถุย…นางแพศยา!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกมาจากหลังต้นไม้อย่างเคืองโกรธ นึกอยากพุ่งไปบีบคอนังแพศยานี่ให้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

“ไปกันเถอะ ฉันจะหาทางได้โฉนดบ้านหลังนี้ของพวกเขามา ดูว่าสิทธิ์ครอบครองเป็นของใคร!”

เหมยเหมยกระชากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับไป ในเมื่อรู้การตัดสินใจของฉางชิงซานแล้วก็เตรียมรับมือสู้กันเถอะ!

ชายโฉดไม่สมควรจะได้เงินทรัพย์สินแม้แต่หยวนเดียว!

“หรือไม่เราก็แยกย้ายกันทำงานเถอะ เธอไปตามหาโฉนดบ้านกับบันทึกเงินในบัญชี ฉันจะหาสืบถามสถานการณ์อยู่ในชุนชมนี้ ยายแก่ปีศาจขี้อวดนัก ไม่แน่อาจตามสืบอะไรได้บ้าง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอก

“ได้ ตกลงตามนี้!”

เหมยเหมยตกลงแต่โดยดี

ระหว่างทางกลับบ้านเหมยเหมยก็ตามสืบเรื่องเจินหวานหว่านด้วย เธอแปลกใจเหลือเกินว่าสองคนนี้ไปเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร!

“ดูเหมือนนังจิ้งจอกเป็นดาราตัวประกอบของกองถ่ายฉางชิงซาน เป็นตัวประกอบมาหลายปีก็ไม่รู้ว่าไปตกลงปลงใจกับฉางชิงซานได้ยังไง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าเหยียด ผู้หญิงคนนี้หน้าตาร้ายกาจ ฉางชิงซานคงจะตาบอดถึงเลือกทอดทิ้งฉีฉีเก๋อแล้วไปหานังจิ้งจอกคนนี้แทน!

เหมยเหมยถึงเข้าใจว่าที่แท้ก็เป็นเด็กเคลมนี่เอง!

บางทีฉางชิงซานอาจจะคิดจะเล่น ๆด้วยในทีแรกแต่ไม่คิดว่าจะเล่นจนได้ลูกชายมาคนหนึ่ง ก็ต้องดีใจแย่สิ

ตระกูลฉางมักลำเอียงไปทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้วโดยเฉพาะยายแก่ปีศาจที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองหลานสาวสักแวบเดียว ตั้งแต่วันที่เป่ารื่อน่าเกิดจนถึงปัจจุบันรวมแล้วอุ้มไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำ

ในที่สุดตอนนี้ก็ได้หลานชายแล้ว มิน่ายายแก่ปีศาจถึงอุตส่าห์เดินทางมาตุ๋นซุปไก่ให้เมียน้อยได้ทุกวัน

ท้องของเจินหวานหว่านดูท่าทางอายุครรภ์ราวสี่เดือนซึ่งห่างจากวันคลอดอีกห้าเดือน นั่นก็เท่ากับว่าฉางชิงซานจะรอได้อีกอย่างมากแค่ห้าเดือน

แต่เหมยเหมยประเมินไว้สูงเกินไป แม้ฉางชิงซานจะมีความอดทนแต่ยายแก่ปีศาจไม่มี…

………………………

 ตอนที่ 2612 แย่งเด็ก

นับตั้งแต่วันที่ฉางชิงซานให้เงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตได้ไม่ถึงครึ่งเดือนเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างวุ่นอยู่กับการรวบรวมหลักฐาน แต่เพราะฉางชิงซานเจ้าเล่ห์อย่างมากทำอะไรปกปิดมิดชิดจนตามสืบได้ยากพลันสถานการณ์ก็เจอทางตันไปต่อไม่ได้ชั่วขณะ

แต่ยายแก่ปีศาจทำลายสถานการณ์แย่นี้ไป

วันหนึ่งเหมยเหมยได้รับสายจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “รีบไปกัน…ยายแก่ปีศาจตบตีกับฉีฉีเก๋อแล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้น?” เหมยเหมยใจเต้นตุ้ม ๆต่อม ๆ

“เธอไปก็รู้แล้ว ยายแก่ปีศาจอยากแย่งเป่ารื่อน่าไป ฉีฉีเก๋อเลยมีเรื่องกับมัน…ทางนี้ฉันกำลังเจอรถติดอยู่ เธอไปก่อน!”

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ทำไมยายแก่ปีศาจถึงมาแย่งเป่ารื่อน่าเองล่ะ?

รวมถึงคราวก่อนฉางชิงซานก็บอกจะพาเป่ารื่อน่าไป เพียงแต่ตอนนั้นเป่ารื่อน่าถูกเธอพาไปก่อนถึงได้ล้มเลิกความคิด ทว่าตอนนี้ยายแก่ปีศาจกลับ…

เหมยเหมยใจหล่นวูบรีบเดินทางไปทันที สถานที่ที่ฉีฉีเก๋อกับยายแก่ปีศาจมีเรื่องกันอยู่ใต้ตึกที่พักอาศัยของเธอ ดูท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่โตด้วยเพราะมีคนล้อมมองกันไม่น้อย

เสียงร้องไห้ของเป่ารื่อน่าดังแว่วมาเรียกให้เหมยเหมยขมวดคิ้ว เธอแหวกผู้คนออกแล้วเบียดตัวเข้าไปกลับเห็นฉีฉีเก๋อใช้มือหนึ่งจับแขนยายแก่ปีศาจไว้อย่างแรง อีกมือคอยกันเป่ารื่อน่าไว้ด้านหลัง เด็กที่น่าสงสารตกใจจนร้องไห้ปล่อยโฮเสียงดัง

เหมยเหมยวิ่งไปหาอุ้มเป่ารื่อน่าขึ้นมา ฉีฉีเก๋อเห็นเธอก็พรูลมหายใจยาว สองมือออกแรงผลักอีกทีให้ยายแก่ปีศาจล้มลงพื้น

“โอ๊ย…ลูกสะใภ้ตีแม่สามีแล้ว…อยู่ต่อไม่ได้แล้ว…โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว…”

ยายแก่ปีศาจทุบอกรัวตะโกนโวยวาย ไม่นานก็ดึงดูดคนมาดูเรื่องสนุก ๆมากขึ้นจนห้อมล้อมพวกเขาไว้แทบไม่มีช่องว่าง

มีบางส่วนได้ยินว่าฉีฉีเก๋อเป็นลูกสะใภ้ของยายแก่ปีศาจพลันก็เริ่มตำหนิฉีฉีเก๋อ ไม่ว่าอย่างไรยายแก่ปีศาจก็เป็นผู้อาวุโสกว่า การลงไม้ลงมือกับผู้อาวุโสก็คือความผิดทั้งหมด

“อย่ามาแย่งเป่ารื่อน่าของฉันไป ใครกล้าแย่งฉันจะสู้ให้ตายกันไปข้างเลย!” ฉีฉีเก๋อโกรธจนพูดออกมาไม่เป็นประโยค แล้วพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆพร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้ม

“ทุกคนลองฟังดู ลูกสะใภ้คนนี้เอาแต่ใจมาก ไม่ให้ย่ามาหาหลานสาว มันมีเหตุผลซะที่ไหนล่ะ…”

ยายแก่ปีศาจพร่ำร้องโวยวายน้ำหูน้ำตาไหลพรากขับให้ดูน่าสงสารยิ่งขึ้น ส่วนฉีฉีเก๋อทั้งตัวสูงทั้งอ่อนเยาว์กว่าแล้วยังมีท่าทีดุดัน คนที่มามุงดูก็เริ่มเห็นใจยายแก่ปีศาจได้อย่างง่ายดาย พาลคิดว่าลูกสะใภ้อย่างฉีฉีเก๋อเอาแต่ใจ ไม่ให้ย่าเจอหลานสาวมีเหตุผลซะที่ไหนกัน

มีชาวบ้านผู้กระตือรือร้นหลายคนเกลี้ยกล่อมฉีฉีเก๋อที่สื่อความหมายว่าให้ฉีฉีเก๋อรู้มารยาท ทำตัวดี ๆกับแม่สามี

พอมีคุณป้าหลายคนเห็นใจยายแก่ปีศาจก็เลือกตำหนิฉีฉีเก๋อโดยตรง ถ้อยคำวาจาไม่น่าฟังนัก เหมยเหมยทนฟังต่อไม่ไหวก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาชี้ไปที่ยายแก่ปีศาจแล้วเอ่ย “เธอเป็นพวกแก๊งลักเด็ก ไม่ใช่คุณย่าของเด็ก พวกคุณใครพาเด็กมาด้วยก็ระวังไว้ละ!”

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาที่มองไปทางยายแก่ปีศาจก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน พวกเขาต่างมีลูกมีหลานกันทั้งนั้น!

“ฉันไม่ใช่แก๊งลักเด็ก ฉันเป็นคุณย่าของเด็กจริง ๆ…” ยายแก่ปีศาจร้องโวย

เหมยเหมยถามเป่ารื่อน่าที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว “หนูน้อย คนนี้คือคนร้ายใช่ไหม?”

“อืม…คนร้าย…”

เป่ารื่อน่าพยักหน้าแรง ๆ คนร้าย โผล่มาทีไรก็ต้องทำคุณแม่ร้องไห้ทุกที…เธอเกลียดคุณย่าชั่วร้ายคนนี้ที่สุด!

พอเห็นเป่ารื่อน่าพยักหน้าแล้วจะมีใครสงสัยอีก พวกคุณป้าที่ด่าฉีฉีเก๋อสาดเสียเทก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นไปรุมเตะรุมต่อย…

“พวกแก๊งลักเด็กสมควรตาย…ตีให้ตายไปเลย!”

“แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ปากแหลมหน้าตอบแบบนี้”

……

บรรดาผู้คนเริ่มทยอยกันแยกย้ายกลับไป ยายแก่ปีศาจนอนนิ่งบนพื้นสภาพอนาถแล้วจ้องพวกเธอด้วยสายเคียดแค้น

……………

Related

ตอนที่ 2609 ความรังเกียจที่มีต่อหญิงแก่หน้าเหลือง [1]

ฉางชิงซานไม่พอใจ “ทำไมแม่ฉันจะคิดถึงหลานสาวไม่ได้ ฉีฉีเก๋อเธอต้องมีเหตุผล อย่าทำตัวงี่เง่าสิ!”

เมื่อนั้นเขาตาบอดเสียจริง ทำไมถึงคิดว่าฉีฉีเก๋อที่ไร้เหตุผลน่ารักได้นะ?

อ่อนโยนรู้ความสวยงามเท่าหวานหว่านเสียที่ไหน!

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ฉางชิงซาน ตอนนั้นแม่ของนายทำอะไรฉันกับเป่ารื่อน่าไว้ เธอเกือบทำลูกสาวฉันตาย แล้วยังมีหน้ามาเจอเป่ารื่อน่าอีกเหรอ? อย่าแม้แต่จะคิด ไสหัวไป…รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

ฉีฉีเก๋อตวาดเสียงดัง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนผีบ้าก็ไม่ปาน ผลักไสไล่ส่งฉางชิงซานหมายจะไล่เขาออกจากบ้านไป

“ตอนนั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วเป่ารื่อน่าก็ยังสบายดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงใจคับแคบขนาดนี้ ทำไมยังยึดติดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้กันนะ!”

ฉางชิงซานบันดาลโทสะ ต่อให้ตอนนั้นแม่ของเขาทำผิดไปแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ เป่ารื่อน่าก็ยังสุขภาพแข็งแรง ฉีฉีเก๋อมักพูดถึงเรื่องนี้เสนอไม่มีท่าทีเคารพผู้อาวุโสเอาเสียเลย

แม่ของเขาพูดถูก ฉีฉีเก๋อก็คือผู้หญิงงี่เง่าไร้เหตุผล!

“อุบัติเหตุเหรอ? ฉางชิงซานนายยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? แม่ของนายเจตนาฆ่าต่างหาก แล้วจะเป็นอุบัติเหตุได้ยังไง? ทั้งชีวิตนี้เธออย่าคิดจะเข้าใกล้เป่ารื่อน่าแม้แต่นิดเดียว นายไปเลย…ไสหัวไปซะ!”

ฉีฉีเก๋อใช้แรงกายทั้งหมดที่มีแต่ก็ผลักฉางชิงซานไม่ไหว เธอกลับโดนผลักคืนจนแทบล้มลงพื้น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลาเข้าไปประคองเธอ

“ฉางชิงซานนายยังกล้าลงไม้ลงมืออีกเหรอ? เก่งนี่ แม้แต่ผู้หญิงก็กล้าตบตีแล้ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดใส่ด้วยความโกรธ ชายโฉดก็นิสัยเดียวกันหมด แต่ที่ชั่วช้าที่สุดก็คือผู้ชายประเภทที่ลงมือทำร้ายผู้หญิง ต่อให้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวก็ไม่อาจให้อภัยได้!

“ฉันแค่ผลักทีเดียว เธออย่ามาพูดจาเหลวไหล!” ฉางชิงซานเองก็คาดไม่ถึง เขาไม่ได้อยากทำร้ายใคร แค่รำคาญเลยผลักคืนตามใต้จิตสำนึกของเขา

เหมยเหมยห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมลุยเข้าใส่แล้วโบกมือปัดให้ฉางชิงซานออกไป เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะแตกคอกัน

“ฉันจะให้เป่ารื่อน่าอยู่บ้านฉันสักช่วงหนึ่ง ถ้าแม่ของนายคิดถึงหลานสาวก็ไปหาที่บ้านฉันแล้วกัน!” เหมยเหมยยิ้มกล่าว ฉางชิงซานไม่มีความกล้าไปแย่งคนจากบ้านเธอแน่นอน

ฉางชิงซานทำท่าทีลำบากใจแล้วฝืนยิ้มตอบ “ไม่ต้องหรอก ไว้วันไหนที่เป่ารื่อน่ากลับมาฉันค่อยมารับแล้วกัน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดถามประชดไม่ได้ “แม่ของนายมาแล้วพักไหนล่ะ? ทำไมไม่เห็นเธอโผล่มาเลย?”

“ฉันเช่าบ้านหลังหนึ่งให้แม่ฉัน เพิ่งมาได้ไม่กี่วัน” ฉางชิงซานอธิบายสั้น ๆ สายตาหลุกหลิกซึ่งชัดเจนว่ากำลังโกหก

“ที่แท้ก็เช่านี่เอง…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากเสียงยาวไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตาเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อย ๆ เธอจงใจขวางหน้าฉีฉีเก๋อไว้ ยายโง่คนนี้โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว ฉางชิงซานเห็นแล้วต้องสงสัยแหง

ฉางชิงซานไม่ได้ตัวเป่ารื่อน่าก็ทำท่าผิดหวังอย่างมาก แต่ก็ช่วยไม่ได้

“คืนนี้ฉันยังมีธุระ ขอตัวไปก่อน นี่คือเงินค่าใช้จ่ายสำหรับเดือนนี้”

ฉางชิงซานไม่คิดจะค้างคืนที่บ้านเพราะตอนนี้เป็นช่วงที่หวานหว่านกำลังแพ้ท้อง ทานอะไรหน่อยก็อาเจียนออกมา มีเพียงเขาต้องคอยป้อนถึงจะทานได้ไม่กี่คำ ทั้งต้องอยู่เป็นเพื่อนด้วยทุกวันจนแทบผละไปไหนไม่ได้เลย

“ค่าใช้จ่ายทั้งเดือนเหรอ? ฉันขอดูหน่อยว่าเท่าไหร่? แค่ห้าพัน? ฉางชิงซานทั้งเดือนของนายได้เงินแค่นี้เหรอ? ไม่สมกับตำแหน่งผู้กำกับชื่อดังของนายเลยนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดแดกดัน

ฉางชิงซานยิ้มแก้เก้อ “ฉันไม่ใช่ผู้กำกับโด่งดังอะไรหรอก แค่คนอื่นเรียกไว้หน้าเท่านั้น ทุกเดือนก็ได้แค่เงินเดือนหน่อยนิด เทียบไม่ได้กับเจ้าของบริษัทอย่างพวกเธอสักนิด!”

“ไม่หรอกมั้ง…ฉันเห็นว่านาฬิกาข้อมือของนาย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถูกเหมยเหมยขัดไว้อีกครั้ง เธอหยิกเอวหนาของแม่สาวคนนี้แรง ๆทีหนึ่งทำให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องรีบหุบปากไปแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเผื่อเธอเห็นชายโฉดแล้วจะหักห้ามใจอดด่าอีกไม่ได้

ฉางชิงซานอยู่ต่อก็ไร้ความหมายเลยขอตัวไปก่อน เหมยเหมยถามฉีฉีเก๋อที่ยังทำหน้าโกรธไม่หาย “นังจิ้งจอกนั่นพักอยู่ไหน?”

[1] หญิงแก่หน้าเหลือง คำด่าผู้หญิงที่แต่งงานเป็นเวลานานแล้วไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยให้หน้าหมองคล้ำทรุดโทรม

……………………………

ตอนที่ 2610 แอบมีอีหนู

เหมยเหมยค่อนข้างสงสัยว่าเมียน้อยนั่นหน้าตางดงามปานนางฟ้าขนาดไหนถึงทำให้ฉางชิงซานลุ่มหลงขนาดนั้น!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชิงพูดขึ้นก่อน “ตึกสิบโซนสองชุนชมเทียนหยวน อยู่ชั้นไหนฉันลืมไปแล้ว”

“เธออย่าไปดูเลย นังจิ้งจอกนั่นหน้าตาไม่สวยสักนิด ฉีฉีเก๋อแต่งตัวแล้วสวยกว่าหล่อนแน่นอน หล่อนก็แค่รู้จักแต่งตัวให้ดูเย้ายวน ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงแบบนี้กันหมดไม่ใช่เหรอ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้ารังเกียจ เธอไม่เพียงแค่รังเกียจมือที่สามแต่มากกว่านั้นคือผู้ชาย!

คุมเจ้าก้อนเนื้อในกางเกงไว้ไม่ได้!

ฉีฉีเก๋อยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ย “ผู้หญิงคนนั้นสาวกว่าฉัน สวยกว่าฉัน…”

เชี่ยนเชี่ยนเป็นเพื่อนของเธอถึงได้พูดเข้าข้างเธอ แต่เธอเคยเห็นหน้าเมียน้อยคนนั้นแล้วพบว่าหน้าตาสะสวยและสาวมากจริง ๆ ผู้ชายเบื่อของเก่ารักของใหม่เป็นเรื่องปกติ แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าฉางชิงซานจะเป็นผู้ชายแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

เธอตาบอดเอง…

ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของพ่อแม่พี่ชายพี่สะใภ้แล้วก็เพื่อนสนิท รั้นจะกระโดดเข้ากองไฟแล้วยังใช้ความตายขู่บังคับ พอมานึกย้อนดูช่างโง่เสียจริง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ “วัน ๆเธอใส่แต่เสื้อสีหมองแบบนี้ ไม่รู้จักแต่งตัวหน่อยเลย…”

ฉีฉีเก๋อยิ้มเยาะตัวเอง “ผู้ชายเปลี่ยนใจ ต่อให้แต่งตัวสวยเหมือนนางฟ้าก็ไม่มีประโยชน์”

เหมยเหมยมองไปทางเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้เธอหยุดพูดได้แล้วและไม่มีการพูดโน้มน้าวฉีฉีเก๋ออีก เรื่องความรักต่อให้คนนอกพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีผล ต้องปล่อยให้คิดได้เอง

พอออกจากบ้านฉีฉีเก๋อมาเหมยเหมยก็โทรหาลุงปาเกิน จากนั้นก็เล่าเรื่องฉีฉีเก๋อไปลุงปาเกินก็ถอนหายใจยาว “ขอบใจพวกเธอมาก!”

แม้สายตาการหาผู้ชายของลูกสาวจะไม่ได้เรื่องแต่เพื่อนที่เธอคบกลับดีเหลือเกิน นับว่าเป็นความโชคดีท่ามกลางความโชคร้ายแล้วกัน!

ลุงปาเกินบอกว่าอีกสองวันคุณแม่ของฉีฉีเก๋อจะมาเมืองหลวง เนื่องจากธุระยุ่งเหยิงที่ฟาร์มม้าทำให้เขาปลีกตัวมาไม่ได้ รอเสร็จธุระค่อยตามมาทีหลัง

ความจริงลุงปาเกินดีใจด้วยซ้ำเพราะในที่สุดลูกสาวจะได้หลุดพ้นสักที เงินที่เขาเก็บไว้ให้ลูกสาวเพียงพอสำหรับลูกสาวกับหลานสาวใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปทั้งชาติแล้ว ขอเพียงไม่มีภัยอุบัติเหตุ งั้นก็แทบไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตของฉีฉีเก๋อกับเป่ารื่อน่าเลย

“เธอพาฉันไปดูนังจิ้งจอกนั่นก่อน!”

เหมยเหมยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนำทาง ต้องสังเกตการณ์ศัตรูหัวใจก่อนถึงจะคิดแผนรับมือได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพาเหมยเหมยมายังชุมชนเทียนหยวนซึ่งเป็นเขตชุนชมสร้างใหม่ ใกล้ภูเขาใกล้แม่น้ำได้ยินมาว่าเป็นแหล่งรวมชีพจรของมังกรตามหลักฮวงจุ้ย

ข่าวลือถูกแพร่ไปน่าพิศวงมากแค่ไหนราคาบ้านเขตชุนชมนี้ก็น่าพิศวงมากเท่านั้น คนที่มีกำลังพอจะซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างน้อยต้องมีฐานะทางสังคมระดับชนชั้นกลางขึ้นไป

ฉางชิงซานพร่ำร้องว่าจนอยู่ทุกวัน ชัดเจนเลยว่ากำลังเสแสร้ง!

“เรารออยู่ตรงนี้ เวลานี้ของทุกวันฉางชิงซานจะลงมาเดินเล่นเป็นเพื่อนนังจิ้งจอกนั่น อย่างมากอีกแค่สิบนาทีก็จะได้เห็นแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมั่นอกมั่นใจนักหนา

เรื่องที่ฉางชิงซานแอบซุกอีหนูเธอเป็นคนตามสืบได้เอง ช่วงก่อนหน้านี้วิ่งโร่มาสังเกตการณ์ที่นี่ทุกวันจึงรู้ดีทุกอย่าง

“มาแล้ว…เห็นหรือยัง ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงคนท้องสีเขียวอ่อนนั่น ข้าง ๆคือฉางชิงซาน ดูท่าทางกระตือรือร้นของเขาสิ เห็นทีไรฉันก็อยากซ้อมมันให้ตายเหลือเกิน!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันกรอดชี้นิ้วไปทางนั้น

เหมยเหมยมองตามทิศทางที่นิ้วของเธอชี้ไปก็พบว่าฉางชิงซานกับเมียน้อยนั่นกำลังเดินมาทางนี้พอดี รอเห็นหน้าค่าตาของเมียน้อยชัดเจนดีแล้วเหมยเหมยก็รู้สึกคุ้นหน้าก่อนเป็นอย่างแรก แต่ไม่นานก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ

ทำไมถึงเป็นเธอได้?

เหมยเหมยคิดว่าตัวเองดูผิดไปเลยจ้องอยู่นานเพื่อให้มั่นใจ ยังเป็นคนนั้นเหมือนเดิม คนที่เธอแทบจะหลงลืมไปแล้ว

……………

Related

ตอนที่ 2607 ต้องให้เขาไปตัวเปล่า

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่เข้าใจในทีแรกแต่เธอเป็นคนหัวไวเลยใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจจึงพยักหน้าแรง ๆ “ใช่ ๆ ตอนนี้ห้ามหย่าเด็ดขาด จะให้ไอ้สารเลวนั่นได้เปรียบไม่ได้!”

ฉีฉีเก๋อยังทำหน้ามึนงง หันมองคนนี้ทีคนนั้นทีอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

“แต่ฉันใช้ชีวิตกับฉางชิงซานต่อไปไม่ไหวจริง ๆ!”

แค่เธอนึกถึงว่าฉางชิงซานเคยหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อนแล้วยังทำคนนั้นท้องด้วย ถ้อยคำหวานหยดย้อยที่เคยพูดให้เธอฟังในอดีตรวมถึงสายตาลึกซึ้ง…ตอนนี้ได้ให้นังจิ้งจอกนั่นไปหมดแล้ว…เธอก็รู้สึกขยะแขยงปนโกรธ

“ใครให้เธออยู่กับฉางชิงซานกัน ขอแค่เธออย่าเพิ่งรีบร้อนจะหย่า รวบรวมหลักฐานที่ฉางชิงซานนอกใจให้ครบก่อนแล้วตามสืบเรื่องที่ฉางชิงซานถ่ายโอนทรัพย์สิน เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง ฉันจะสั่งให้คนไปจัดการเอง ให้ตาย ฉันจะให้ไอ้สารเลวนี่กลับไปเหมือนเมื่อก่อนภายในชั่วข้ามคืนเอาให้อยู่เมืองหลวงต่อไม่ได้เลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำหมัดขบฟันแน่น

เจ้าฉางชิงซานโฉดชั่วยิ่งกว่าพ่อของเธอเสียอีก แม้พ่อของเธอมักปักธงหลากหลายสีสันอยู่นอกบ้านเสมอแต่ธงแดงที่บ้านกลับไม่เคยล้ม[1]มาก่อน อีกอย่างเรื่องเงินทองข้าวของต่าง ๆก็มีให้เธอกับแม่ไม่เคยขาด ไม่เหมือนฉางชิงซานที่แอบซ่อนเงินลับ ๆ…

ให้ตาย…ไอ้สารเลวนี่!

เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นสันดานชายโฉดของไอ้สารเลวนี่มาก่อนนะ!

“ไม่หย่าแต่ก็ไม่อยู่ด้วยกัน ฉันต้องทำยังไง?” ฉีฉีเก๋อยิ่งฟังก็ยิ่งงง

“หมูยังฉลาดกว่าเธออีก…สองแม่ลูกนั่นเจ้าแผนการยิ่งกว่าอะไร แต่เธอกลับซื่อตรงขนาดนี้ สมแล้วที่ถูกหลอก!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนเคาะศีรษะเธอแรง ๆหลายที

ฉีฉีเก๋อลูบศีรษะอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอโง่เกินไปจริง ๆแหละ!

เมื่อก่อนคุณพ่อคุณแม่ก็เคยเตือนเธอมาแล้วว่าให้กลับไปหาคู่ชีวิตที่บ้านเกิด เพราะชาวทุ่งหญ้าไม่เจ้าแผนการ คนนิสัยซื่อตรงอย่างเธอเอาชนะคนเจ้าแผนการไม่ได้หรอก แต่งงานไปต้องเสียเปรียบแน่!

ตอนนี้ก็เป็นไปตามที่พ่อพูดจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อนึกอยากร้องไห้ขึ้นมาพลันน้ำตาก็ทะลักออกมาอีกครั้ง เธอไม่น่าขัดคำสั่งของคุณพ่อเลย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดไว้ไม่มีผิด ผลลัพธ์ของเธอในตอนนี้ล้วนมาจากตัวเธอเองทั้งนั้น สมน้ำหน้า!

เหมยเหมยปรามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังอารมณ์ร้อนไว้แล้วเอ่ย “เรื่องนี้อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ฉีฉีเก๋อ ฉันจะสอนเธอเองว่าควรทำอย่างไร เธอฟังฉันนะ”

ฉีฉีเก๋อพยักหน้าแรง ๆ “อืม ฉันจะฟังพวกเธอ”

“ตอนนี้ฉางชิงซานน่าจะร้อนใจยิ่งกว่าเธอเพราะชู้รักของเขาใกล้จะคลอดแล้ว ชู้รักคนนั้นไม่ยอมเป็นเมียน้อยตลอดไปหรอก หล่อนต้องใช้ลูกในท้องข่มขู่ให้ฉางชิงซานหย่า ฉันเดาว่าอีกไม่นานฉางชิงซานก็จะมาสารภาพกับเธอตรง ๆ ถึงตอนนั้นเธอจำไว้ไม่ว่าฉางชิงซานจะเสนอเงื่อนไขอะไรเธอห้ามรับปากว่าจะหย่าเด็ดขาด แข็งข้อกับเขาต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ!”

เหมยเหมยพูดช้า ๆ เธอต้องให้ฉีฉีเก๋อยื้อเวลาไว้ เช่นนี้เธอถึงจะตามเก็บหลักฐานที่ฉางชิงซานคบชู้กับถ่ายโอนทรัพย์สินได้

“แล้วฉันต้องแข็งข้อไปถึงเมื่อไหร่? ฉันไม่อยากอยู่กับฉางชิงซานอีกแม้แต่วันเดียว!” ฉีฉีเก๋อขมวดคิ้ว

“อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่ ผู้ชายคนนี้เธอเป็นคนเลือกเอง แล้วยังฆ่าตัวตายขู่ด้วย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนประชด

ฉีฉีเก๋อก้มหน้าอย่างละอายใจ เวลานั้นเธอเสียสติไปแล้วจริง ๆ

“เรื่องอดีตก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ตอนนี้เรื่องสำคัญคือตามหาทรัพย์สินที่ฉางชิงซานแอบซ่อนไว้ออกมาให้ได้” เหมยเหมยพูดกู้สถานการณ์

ฉีฉีเก๋อลังเลเพียงครู่ก็เอ่ยเสียงเบา “ความจริงฉันเลี้ยงเป่ารื่อน่าได้ พ่อฉันให้เงินฉันไว้ แล้วก็บ้านด้วย”

[1] เป็นคำเปรียบเปรยว่าต่อให้มีชู้รักนอกบ้านมากแค่ไหนแต่ภายในบ้านยังคงความสัมพันธ์กับภรรยาหลวงไว้อย่างดี

………………………

ตอนที่ 2608 ชายโฉดอ้วนลงพุง

ฉีฉีเก๋อไม่เคยขาดแคลนเงินใช้ตั้งแต่เด็กจึงไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากนัก บวกกับลุงปาเกินเปิดบัญชีแยกอีกหนึ่งบัญชีให้ฉีฉีเก๋อแล้วคอยโอนเงินเข้าบัญชีนั้นอยู่เรื่อยมา เพียงแต่ฉีฉีเก๋อไม่เคยไปถอนมาใช้เลย ฉะนั้นเงินคงมีไม่น้อยแน่นอน

ดังนั้นเธอไม่ขาดแคลนเงินจริง ๆ ต่อให้หย่าไปเธอคนเดียวก็เลี้ยงเป่ารื่อน่าได้ไม่มีปัญหา!

ตอนนี้ฉีฉีเก๋อแค่อยากรีบไปจากผู้ชายน่าขยะแขยงคนนั้นให้เร็วที่สุด อยากพาลูกสาวใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ฉะนั้นเรื่องเงินอะไรนั่นเธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนทุบศีรษะฉีฉีเก๋อไปทีหนึ่ง ชี้หน้าเธอพักใหญ่แต่ไม่รู้จะด่าอะไรดี อัดอั้นอยู่นานถึงพูดออกมาว่า “เธอไม่ต้องสนใจ ยังไงซะถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากเราเธอห้ามหย่ากับฉางชิงซานเด็ดขาด ตกลงตามนี้!”

“ใช่ ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตของฉันกับเชี่ยนเชี่ยน ไม่ว่าฉางชิงซานกับแม่ของเขาจะพูดอะไรกับเธอ เธอบอกแค่ว่าไม่อยากหย่า เรื่องอื่นไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น และอย่าให้พวกเขาพาตัวเป่ารื่อน่าไปเด็ดขาด” เหมยเหมยย้ำเตือน

คนตระกูลฉางทำอะไรไม่มีขอบเขต ไม่แน่อาจชิงตัวเป่ารื่อน่าไว้เพื่อข่มขู่ฉีฉีเก๋อ ดังนั้นจำเป็นต้องปกป้องไว้ก่อน!

ฉีฉีเก๋อพยักศีรษะ แม้เธอคิดว่าไม่มีความจำเป็นแต่เธอรู้ว่าเพื่อนต้องหวังดีต่อเธออยู่แล้ว เชื่อฟังพวกเหมยเหมยไว้ไม่มีพลาดแน่!

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเตรียมขอตัวไปตามสืบเรื่องฉางชิงซานแต่ดันมีคนมาเคาะประตูเสียก่อน เหมยเหมยอยู่ใกล้ประตูที่สุดเลยเดินไปเปิดประตู แต่กลับเป็นฉางชิงซานโผล่มาเพียงลำพังโดยไม่มียายแก่ปีศาจ

ฉางชิงซานตกใจเล็กน้อยแล้วทักทายเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันนานเลย!”

“นั่นน่ะสิ…ผู้กำกับฉางอย่างนายงานยุ่งยิ่งกว่าประธานาธิบดีอเมริกาซะอีก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหยียดยิ้มมองเขา เหมยเหมยกระตุกชายเสื้อเธอหน่อย ๆให้เธออย่าพูดอะไรมาก

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาแตกหัก ยังคงต้องเสแสร้งกลบเกลื่อนไปก่อน รอได้หลักฐานมาค่อยด่าชายโฉดคนนี้ก็ยังไม่สาย

ฉางชิงซานประสบความสำเร็จจึงมีสภาพต่างจากเมื่อสามปีก่อนอย่างสิ้นเชิง อ้วนลงพุงเล็กน้อย หลังยืดตรงและมีกลิ่นอายปุเลี่ยนหน่อย ๆเข้าสู่ช่วงวัยลุงล่วงหน้าแล้ว

แต่เขากลับรู้สึกดีต่อตัวเองอย่างมาก

เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวฉางชิงซานมีแต่แบรนด์ดัง เสื้อผ้าเป็นของอามานี่ นาฬิกาข้อมือเป็นของลองจินส์ แม้แต่เข็มกลัดติดหน้าอกยังเป็นของคาร์เทียร์ กระทั่งกลิ่นน้ำหอมเล็ก ๆน้อย ๆที่ดูก็รู้ว่าเป็นชายวัยกลางคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีและมีรสนิยมคนหนึ่ง

“เหอะ ๆ…เชี่ยนเชี่ยนยังพูดจาตรงไปตรงมาเหมือนเดิมเลยนะ”

ฉางชิงซานขมวดคิ้วน้อย ๆ พูดรับประโยคหนึ่งก็เดินเข้าห้องมา พอเห็นฉีฉีเก๋อนั่งท่าหดหู่อยู่ตรงโซฟาก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

ฉีฉีเก๋อในวันนี้ใส่เสื้ออ๋าว[1]แบบสั้นสีเทาอ่อน หมัดผมหางม้าลวก ๆไร้การแต่งแต้มใบหน้า ตาปูดโปนทำให้ดูสีหน้าย่ำแย่ ยังมีจุดด่างดำบนใบหน้าที่ชัดเจนขับให้ดูแล้วไม่น่าเชยชมสักเท่าไรจริง ๆ

“เป่ารื่อน่าล่ะ?” ฉางชิงซานไม่เห็นลูกสาวเลยถามเสียงนิ่ง

ฉีฉีเก๋อเห็นเขาก็มองด้วยสายตาประกายแววแค้น ฉางชิงซานรู้สึกได้ชัดเจนเลยสีหน้าเปลี่ยนไปน้อย ๆพลางทำท่าครุ่นคิด

เหมยเหมยถลาเข้าไปพูดว่า “เป่ารื่อน่าเล่นอยู่บ้านฉัน ไว้ฉันจะพาเธอมาส่งนะ”

ฉีฉีเก๋อเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “นายจะหาเป่ารื่อน่าทำไม?”

“แม่ฉันมา ท่านคิดถึงหลานสาวเลยให้ฉันมารับเป่ารื่อน่าไปอยู่ด้วยไม่กี่วัน” ฉางชิงซานตอบอย่างไม่เร่งรีบแล้วหันไปยิ้มให้เหมยเหมย “ไม่ลำบากให้เธอมาส่งหรอก เดี๋ยวฉันไปรับเอง”

ฉีฉีเก๋อใจเต้นรัวตอบกลับเสียงสูง “แม่ของนายจะคิดถึงเป่ารื่อน่าได้ไง? นายอย่าคิดจะพาลูกสาวฉันไปเด็ดขาด เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่เจอใครทั้งนั้นด้วย!”

ลูกสาวมีความสำคัญเท่าชีวิต เธอยอมเสียทุกอย่างแต่ขอเพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้น ใครกล้าแย่งลูกสาวกับเธอ เธอจะสู้กับคนนั้นให้ตายกันไปข้างเลย!

…………………………

[1] เสื้ออ๋าว เป็นเสื้อตัวนอกสำหรับฤดูหนาว มีลักษณะแขนเสื้อกว้างแล้วสอบเข้าตรงข้อมือ มีทั้งแบบสั้นและแบบยาว

Related

ตอนที่ 2605 ร้องไห้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร

ฉีฉีเก๋อกอดลูกสาวเป่ารื่อน่านั่งอยู่บนโซฟาไม่ปริเสียงพูดสักคำ เป่ารื่อน่าวัยเดียวกับเล่อเล่อแต่อายุน้อยกว่าสองเดือน  เธอเป็นเด็กน้อยน่ารักเพราะได้จุดเด่นของฉีฉีเก๋อและฉางชิงซานมาทั้งหมดจึงสวยน่ารักและเป็นเด็กดีมากคนหนึ่งซึ่งใครเห็นใครก็ชอบ

แม้เป่ารื่อน่าจะอายุยังน้อยแต่กลับประสาทสัมผัสไวมาก คล้ายเธอจะรู้ว่าคุณพ่อกับคุณย่าไม่ชอบตนเวลาพูดจาหรือทำอะไรก็คอยระวังตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาฉางชิงซานอยู่บ้านเธอยิ่งไม่พูดอะไรเลย ต่อให้บังเอิญพูดประโยคหนึ่งก็จะเงยหน้าคอยสังเกตสีหน้าฉางชิงซาน เป็นเด็กดีเสียจนน่าปวดใจ

เป่ารื่อน่าเบิกตาโตมองเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมพวกเธอถึงตึงเครียดกันขนาดนี้ ยายหนูน้อยรู้สึกได้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แล้วก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

“เป่ารื่อน่าไปดูทีวีตรงนู้นเถอะ แม่มีเรื่องจะคุยกับแม่บุญธรรมแล้วก็คุณน้า”

ฉีฉีเก๋อวางลูกสาวลงแล้วไล่ให้เธอไปดูโทรทัศน์คนเดียว

“อื้ม แม่ไม่เป็นไรนะ…เป่าเพี้ยง ๆ!”

เป่ารื่อน่าเป็นเด็กรู้ความมาก เธอไม่รีบร้อนไปเล่นแต่ใช้มือเล็กนวดแก้มฉีฉีเก๋อไปมาแล้วยังดูดลมเข้าปากเป่าใส่หลายที ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำในฉับพลันแล้วน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา เธอจึงรีบเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าลูกสาว

“คุณแม่…”

เป่ารื่อน่าตกใจเฮือกใหญ่หลงคิดว่าเพราะเธอถึงทำให้คุณแม่เสียใจจึงได้แต่หันไปมองพวกเหมยเหมยอย่างทำตัวไม่ถูกแล้วกัดนิ้วด้วยความประหม่า ใบหน้าเล็กยู่เข้าหากันเช่นเดียวกับตาที่เริ่มแดงก่ำ

เหมยเหมยถอนหายใจทีหนึ่ง เดินไปอุ้มเจ้าหนูตัวน้อยขึ้นมา ทั้งนุ่มทั้งเบาที่ดูแล้วเหมือนอายุน้อยกว่าเล่อเล่อหลายเดือนทีเดียว

“เป่ารื่อน่าเด็กดี แม่ไม่เป็นอะไร หนูจะไปเล่นกับพวกพี่ ๆที่บ้านคุณน้าไหม?”

“ไป…”

เป่ารื่อน่าดวงตาเป็นประกาย เธอไม่ได้เจอพี่เล่อเล่อตั้งนานแล้ว!

“เด็กดี!”

เหมยเหมยหอมแก้มเป่ารื่อน่าฟอดใหญ่แล้วโทรบอกลุงเหลามารับเจ้าหนูน้อยไปที่บ้านเธอ เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่ากำลังเล่นอยู่ที่บ้านพอดี หากมีเพื่อนมาเพิ่มอีกคนพวกเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ

ไม่นานลุงเหลาก็มาถึง เมื่อก่อนเป่ารื่อน่าไปบ้านเหมยเหมยประจำจึงรู้จักมักจี่กับลุงเหลาเป็นอย่างดี ฉะนั้นเลยไม่มีท่าทีหวาดกลัวอะไรพลางเดินตามลุงเหลาไปต้อย ๆ ก่อนไปเธอยังหอมแก้มฉีฉีเก๋อหลายทีอย่างเอาใจใส่

หลังจากเป่ารื่อน่าไปแล้วฉีฉีเก๋อก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วปล่อยให้มันไหลรินออกมา

ไม่ใช่ปล่อยโฮเสียงดังฟูมฟายแต่เป็นการร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนจนทำเอาคนฟังรู้สึกจุกอกและโกรธเหลือเกิน!

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น มองฉีฉีเก๋อที่ยิ่งร้องก็ยิ่งเสียใจอย่างหงุดหงิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ทำสีหน้าเดียวกัน โมโหกับนิสัยยอมคนแต่เห็นใจกับความโชคร้ายที่ได้พบเจอ!

ไม่ว่าอย่างไรพวกเธอก็คิดไม่ถึงว่าหลังแต่งงานฉีฉีเก๋อจะมีนิสัยอ่อนแอขนาดนี้ สาวน้อยที่อดีตร่าเริงตรงไปตรงมาขนาดนั้น แต่ตอนนี้…หมดคำจะพูดจริง ๆ!

มิน่าถึงบอกว่าการแต่งงานเปรียบดั่งการเกิดใหม่ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของผู้หญิง ถ้าเลือกถูกคนผู้หญิงจะสวยวันสวยคืนและดูอ่อนเยาว์มากขึ้นเรื่อย ๆ หากเลือกผิดคน…จะเป็นอย่างฉีฉีเก๋อ ทั้งที่เป็นสาวน้อยร่าเริงแจ่มใสตอนนี้ดันกลายเป็นคนอ่อนแอขี้เกรงใจไปเสียได้…

“มีอะไรน่าร้องไห้กัน เธอเป็นคนดึงดันจะแต่งงานให้ได้เอง ชีวิตจะข่มหรือหวานเธอก็ต้องกล้ำกลืนมันลงไป ร้องไห้แล้วมีประโยชน์อะไร กำเงินไว้ในมือให้ได้ต่างหากถึงถูกต้อง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหงุดหงิดสุดฤทธิ์

ฉีฉีเก๋อดึงกระดาษทิชชูจากบนโต๊ะเตี้ยมาไม่กี่แผ่นแล้วซับน้ำตาจนแห้ง ลูกตาปูดบวมเหมือนลูกวอลนัตซึ่งดูท่าทางผ่านการร้องไห้มาทั้งคืนแล้ว มิน่าเป่ารื่อน่าถึงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร

“ตอนนี้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเราก็ต้องหาทางคว้าผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและห้ามเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว ฉางชิงซานเป็นฝ่ายผิด ขอแค่รวบรวมหลักฐานให้ครบ การจะให้เขาไปตัวเปล่าไม่ใช่ปัญหาเลย!” เหมยเหมยเอ่ยปลอบใจเสียงเรียบ

…………………………..

 ตอนที่ 2606 ตอนนี้ยังหย่าไม่ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยเสียงดัง “ใช่ ต้องให้ไอ้สารเลวนี่ไปตัวเปล่า เงิน บ้าน รถและเป่ารื่อน่าเธอห้ามปล่อยไปแม้แต่อย่างเดียว อ้อ เมื่อก่อนฉันเคยบอกให้เธอถือเงินไว้ เธอทำตามหรือเปล่า?”

ภายใต้การปลอบโยนของเพื่อนสนิททำให้ฉีฉีเก๋อสงบลงอย่างมาก เธอพยักหน้าแต่ก็ทำท่าลังเล “เงินที่ชิงซานให้ฉันมาฉันเก็บไว้หมด แล้วก็โฉนดบ้าน แต่…ทุกเดือนฉางชิงซานให้ฉันแค่ห้าพันหยวน หักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกับเงินไปโรงเรียนของเป่ารื่อน่าก็เหลือไม่เท่าไรแล้ว”

“ห้าพันหยวน? โอ้โฮ…ไอ้สารเลวนี่เดือนหนึ่งให้เธอแค่ห้าพันหยวนเหรอ? เขาถ่ายหนังแค่ส่วนแบ่งก็ได้เหยียบล้านแล้ว เงินพวกนี้ให้เธอหรือยัง?” แค่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังก็รู้ว่าแย่แล้วแต่ก็อยากถามให้รู้เรื่องเพราะหวังว่าเธอจะคิดผิดไปเอง

ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างงงงัน “ถ่ายหนังได้เงินเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ? ฉางชิงซานบอกว่าเขาได้แค่เงินเดือนปกติ เงินที่ได้จากการถ่ายทำเป็นของโปรดิวเซอร์ทั้งหมด”

“เธอ…เธอ…จะทำให้ฉันโมโหตายให้ได้หรือไง หมูยังฉลาดกว่าเธออีก เธอไม่รู้แล้วไม่หัดถามฉันกับเหมยเหมยล่ะ? ตอนนี้ผู้กำกับคนไหนยังจะรับแค่เงินเดือนบ้าง? ได้ส่วนแบ่งจากยอดขายทั้งนั้น หนังไม่กี่เรื่องของฉางชิงซานขายดีไม่น้อย รวม ๆแล้วต้องได้เงินสามสี่ล้านหยวน นี่แค่ขั้นต่ำนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหราวกับเงินของเธอถูกคนอื่นแย่งไปอย่างไรอย่างนั้น ตาแทบลุกเป็นไฟแล้วถลึงตามองฉีฉีเก๋ออย่างเจ็บใจ

“ฉันถามแล้ว แต่เขาบอกแต่ว่าไม่มี อีกอย่าง…ฉันคิดว่าครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกกันชัดเจนขนาดนั้น…” ฉีฉีเก๋อยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา เพราะไฟโทสะในตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทบจะทะลุร่างเธอไปอยู่แล้ว

“ครอบครัวเดียวกัน? เธอเห็นฉางชิงซานเป็นครอบครัวเดียวกันแต่เขากลับเห็นเธอเป็นคนนอก เธอดู…ดูสิ…นังจิ้งจอกนั่นอาศัยอยู่ในราชวังสองร้อยตารางเมตร แต่เธอที่เป็นเมียหลวงกลับอยู่วังเย็นไม่ถึงร้อยตารางเมตร…

เมียน้อยอย่างเขาใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมดิออร์ชาแนล…เธอใส่อะไร? เสื้อผ้าโรงงานตามท้องตลาดร้อยหยวน…เสื้อผ้าทั้งชุดรวมชุดชั้นในของเธอยังเทียบราคาเสื้อซับในตัวเดียวของเขาไม่ได้เลย…เธอนี่ใช้ชีวิตสู้เมียน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ…น่าโมโหเป็นบ้า…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเหยียดฉีฉีเก๋อตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหจึงวิ่งไปกรอกน้ำเข้าปากสองแก้วใหญ่ถึงรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

ฉีฉีเก๋อตาแดงอีกรอบ เธอไม่อยากได้ยินชื่อนังจิ้งจอกนั่นสักนิด เพราะมันเหมือนมีดที่ปักลงกลางหัวใจเธอให้เลือดสดไหลริน

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น ฉีฉีเก๋อไม่ได้มีเงินในมือเท่าไร เห็นทีฉางชิงซานคงวางแผนสำรองไว้ตั้งแต่แรกแล้วจึงแอบเก็บเงินไว้คนเดียวแถมยังเก็บไว้ไม่น้อยด้วย ไม่อย่างนั้นจะยอมซื้อบ้านหลังโตขนาดนั้นได้อย่างไร ชุมชนนั้นราคาบ้านไม่ใช่ถูก ๆ ถ้าไม่มีขั้นต่ำล้านหนึ่งไม่มีทางซื้อไหวหรอก

ตอนนี้เกรงว่าฉางชิงซานอยากให้ฉีฉีเก๋อเป็นฝ่ายขอหย่าอยู่ด้วยซ้ำ!

ฉีฉีเก๋อสูดจมูกตอบเสียงสะอื้น “ฉันจะขอหย่าเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยู่กับฉางชิงซานต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันเลี้ยงเป่ารื่อน่าเอง!”

“เหลวไหล ชายโฉดเหมือนห้องส้วมสาธารณะแบบนี้ถ้าเธอยังอยู่กับเขาต่อได้ ฉันก็ไม่มีเพื่อนอย่างเธอหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า

“ฉันจะโทรหาทนายให้เขาร่างข้อตกลงเรื่องการหย่า!” ฉีฉีเก๋อในตอนนี้กลับมีความเด็ดเดี่ยวและฉลาดเหมือนสมัยเรียนเล็กน้อย

เหมยเหมยห้าม “อย่าเพิ่งรีบร้อนจะหย่า ยังหย่าตอนนี้ไม่ได้!”

“ทำไมล่ะ?” ฉีฉีเก๋อทำหน้างง ก่อนหน้านี้โน้มน้าวให้เธอหย่ามาตลอดไม่ใช่หรือ?

ทว่าตอนนี้ดันบอกอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะหย่า มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

………………

Related

ตอนที่ 2603 คบชู้

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ คิดไม่ถึงว่าฉีฉีเก๋อจะหย่า

“สามปีนี้เธอกับฉางชิงซานรักกันดีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างยายแก่ปีศาจก็ไม่อยู่ ทำไมถึงหย่าล่ะ?” เหมยเหมยคิดไม่ตก

สามปีก่อนฉีฉีเก๋อให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง เนื่องจากความโง่เขลากับความเห็นแก่ตัวของยายแก่ปีศาจเลยทำให้ฉีฉีเก๋อต้องแลกด้วยชีวิตที่เกือบเอาไม่รอดกว่าจะให้กำเนิดลูกสาวอย่างเป่ารื่อน่ามาได้ แต่หลังจากนั้นเธอก็ยากจะตั้งครรภ์ได้อีก

เป่ารื่อน่าอายุสามขวบแล้ว ชื่อถูกตั้งโดยลุงปาเกินเพราะลุงปาเกินหวังว่าจะให้ทะเบียนบ้านของเป่ารื่อน่าขึ้นตรงกับบ้านเกิด เช่นนี้อนาคตเขาจะได้แบ่งมรดกบางส่วนให้สองแม่ลูกฉีฉีเก๋อได้อย่างสมเหตุสมผล

ไม่มีรักไหนยิ่งใหญ่เท่าพ่อกับแม่แล้ว ลุงปาเกินทุ่มเพื่อฉีฉีเก๋อมากจริง ๆ!

ฉางชิงซานไม่มีความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้ซึ่งยายแก่ปีศาจก็เช่นกัน อย่างไรเสียก็เป็นเพียงลูกสาวคนหนึ่งจะไปอยู่ไหนก็ไม่เป็นไร แต่พ่อของฉางชิงซานกลับคัดค้าน เขาคิดว่าหลานสาวตระกูลฉางทำไมต้องย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่บ้านแม่ด้วย คนนอกเห็นแล้วต้องหัวเราะเยาะแน่!

แต่เรื่องในตระกูลฉางมักเป็นไปตามยายแก่ปีศาจตัดสิน ฉางชิงซานกับพ่อของเขาไม่มีทางคัดค้านการตัดสินใจของยายแก่ปีศาจได้ ฉะนั้นทะเบียนบ้านของเจ้าเป่ารื่อน่าจึงอยู่ที่บ้านของลุงปาเกินแต่ก็เพราะความดูถูกที่คนตระกูลฉางมีให้แก่เป่ารื่อน่าบ่อยครั้งเลยทำให้ลุงปาเกินตั้งชื่อสาวน้อยตามฉบับสาวมองโกลด้วยความโกรธ แล้วยังเปลี่ยนชนเผ่าเป็นเผ่ามองโกลด้วย

หลังจากฉางชิงซานรับรู้ก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่เรื่องเป็นไปตามนั้นแล้วจึงปล่อยเลยตามเลยไป

สามปีมานี้ฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซานแม้จะมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็นับว่ารักกันดี ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้นเรื่อย ๆเพราะฉางชิงซานเปลี่ยนสายงานไปทำด้านผู้กำกับแทน ภาพยนตร์เรื่องแรกนับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ภายหลังยิ่งโชคดีได้เลื่อนขั้นขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังถ่ายภาพยนตร์ติดต่อกันสองเรื่องจนกลายเป็นผู้กำกับหนุ่มที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง

มีลูกสาวแล้วแถมครอบครัวยังรักใคร่กลมเกลียวกันดี เหมยเหมยไม่เข้าใจเลยว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะหย่ากันด้วยสาเหตุอะไร?

“ยายแก่ปีศาจมาเหรอ?” เหมยเหมยนึกได้เพียงสาเหตุนี้เท่านั้น

“นี่เป็นแค่หนึ่งในนั้น ยายแก่ปีศาจมาก็จริง แต่ครั้งนี้ตัวการสำคัญอยู่ที่ฉางชิงซาน ไอ้สารเลวนี่มีชู้รักนอกบ้าน อีกอย่างนังจิ้งจอกนั่นท้องโตแล้วด้วย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยเสียงเคียดแค้น

“ฉางชิงซานคบชู้เหรอ? จริงหรือหลอกเนี่ย? เรื่องนี้แน่ใจนะ?” เหมยเหมยถามรัว ๆหลายประโยค

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่เชื่อ แม้ฉางชิงซานจะเป็นคนนิสัยตลบตะแลงแต่เขาก็รักฉีฉีเก๋อมากพอสมควร นี่เพิ่งแต่งงานได้กี่ปีเอง?

ยังไม่ถึงช่วงอาถรรพ์เจ็ดปีเลย ทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้นได้ล่ะ?

“แน่นอนว่าเรื่องจริง ฉีฉีเก๋อเคยไปหาถึงที่แล้วด้วย ฉางชิงซานซื้อบ้านสองร้อยตารางเมตรให้นังจิ้งจอกนั่น ทั้งยังตกแต่งหรูหราโอ่อ่าอย่างกับราชวังยุโรป อีกอย่างนังจิ้งจอกก็เข้าไปอยู่ที่นั่นและท้องได้สามเดือนแล้วด้วย

ฉันเคยไปสืบหาถามคนละแวกนั้นดูแล้ว ฉางชิงซานไปพักที่นั่นบ่อย ๆและยังไปเดินเล่นเป็นเพื่อนนังจิ้งจอกนั่นตลอดด้วย พวกเขาดูท่าทางรักกันมาก ชาวบ้านในชุมชนหลงคิดว่าฉางชิงซานกับนังจิ้งจอกนั่นเป็นสามีภรรยากันอีกต่างหาก!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยแรงโทสะ เธอไปหานังจิ้งจอกที่บ้านเป็นเพื่อนฉีฉีเก๋อแล้วก็เห็นฉางชิงซานประคองนังจิ้งจอกเดินเล่นอยู่สวนดอกไม้เองกับตา ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเสียเหลือเกิน

ครั้งฉีฉีเก๋อตั้งท้องยังไม่เคยได้รับการดูแลแบบนี้มาก่อนเลย ฉางชิงซานหายหัวไปตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่เห็นแม้แต่เงา ถึงขั้นต้องคอยอดทนให้ยายแก่ปีศาจทารุณ

“เหมยเหมยเธอไม่รู้ ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้น เธอรู้ไหมว่าใครกำลังดูแลนังจิ้งจอกนั่นอยู่?”

“ใคร? คงไม่ใช่ยายแก่ปีศาจหรอกนะ?” เหมยเหมยคิดได้แค่ความเป็นไปได้นี้ แต่เธอคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันน่าเหลือเชื่อเกินไป

แต่ทว่า–

“ใช่ ยายแก่ปีศาจนี่แหละ โอ๊ย…ฉันโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว ตอนนั้นยายแก่ปีศาจแม้แต่เนื้อยังไม่อยากให้ฉีฉีเก๋อทาน แต่ตอนนี้ตุ๋นซุปไก่ให้นังจิ้งจอกทุกวัน…” ไฟโทสะของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปะทุขึ้นที่แม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ก็ยังสัมผัสได้

…………………………

 ตอนที่ 2604 ให้ชายโฉดไปตัวเปล่า

เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอคาดเดาจะเป็นจริงพลันก็บันดาลโทสะด่าอย่างแค้นใจ “ฉีฉีเก๋อยอมทนแบบนี้เหรอ?”

“ก็นั่นน่ะสิ ยัยโง่นี่กลับบอกว่านอกจากเป่ารื่อน่าจะไม่เอาอะไรทั้งนั้น…โอ๊ย ฉันโมโหจะแย่ เหมยเหมยเธอต้องรีบกลับมานะ เราจะปล่อยฉางชิงซานไปง่าย ๆไม่ได้ ฉันจะต้องให้มันหย่าแล้วไปตัวเปล่าเท่านั้น!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า

“เธอรอฉันก่อน ฉันจะถึงบ้านวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอ เธอให้ฉีฉีเก๋ออยู่เฉย ๆไปก่อน อย่าเซ็นสัญญาข้อตกลงอะไรทั้งนั้น ไว้ฉันกลับไปค่อยว่ากันอีกที”

เหมยเหมยทั้งเห็นใจต่อความโชคร้ายของฉีฉีเก๋อแต่ก็โมโหกับความยอมคนของเธอเสียจริง โดนคนขี้รดหัวขนาดนั้นแล้วกลับยังคงนิสัยยอมคนแบบนี้อยู่อีก!

แถมยังลั่นวาจาที่ช่วยเสริมความได้ใจให้ศัตรูแต่กลับเป็นคนโง่ที่สร้างเรื่องทุกข์ยากให้ตัวเอง!

เป่ารื่อน่าต้องเอาอยู่แล้ว แต่ทรัพย์สินก็ห้ามน้อยแม้แต่หยวนเดียว มีสิทธิ์อะไรปล่อยให้ชายโฉดหญิงชั่วได้เปรียบกัน!

จะไม่เหลือเงินให้ฉางชิงซานแม้แต่หยวนเดียวเด็ดขาด!

เหมยเหมยวางสายไปด้วยความโมโหแล้วหันมาบอกเหยียนหมิงซุ่นว่า “ผู้ชายไม่มีดีเลยสักตัว!”

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆ ไม่ปริเสียงสักนิดอย่างรู้หน้าที่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะโอ๋กลับมาได้ก็ปล่อยให้เหมยเหมยด่าไปเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย!

นี่เป็นกฎข้อแรกในการกำราบภรรยาของท่านพ่อตาจ้าวอิงหัวของเขา

หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นมัวแต่อ่านกฎกำราบภรรยาที่จ้าวอิงหัวเขียนให้เขาโดยเฉพาะ พลันรู้สึกซาบซึ้งจนต้องอ่านทุกวันวันละรอบ ผลก็ค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงชอบฟังคำพูดหวาน ๆตามคาด

“อย่าร้อนใจไป ไม่ถึงพรุ่งนี้ คืนนี้ก็ถึงบ้านแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบ

เหมยเหมยพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ถ้าถึงคืนนี้พรุ่งนี้เธอก็จะไปหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

ในที่สุดตกดึกราว ๆห้าทุ่มครึ่งพวกเหมยเหมยก็มาถึงเมืองหลวง นอร์แมนกับเอ็ดดี้ปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น พวกเขาอยู่เที่ยวที่เมืองหลวงหลายวันและไล่ทานของอร่อย ๆทั่วทั้งเมืองหลวง กระทั่งยื้อเวลาจนไม่อาจยื้อไปมากกว่านี้ได้พวกเขาถึงกลับบริษัททำเรื่องเกษียณ ทั้งเตรียมพร้อมไว้ว่าหากทำเอกสารเสร็จทุกอย่างค่อยมาฮวาเซี่ยอีก

ประเทศนี้มีของอาหารอร่อย ๆมากมายแล้วยังมีวิชาการต่อสู้แสนลึกลับขนาดนี้…สิ่งเหล่านี้ดึงดูดพวกเขาอย่างมาก บ้านเกิดของพวกเขาไม่สามารถดึงดูดอะไรพวกเขาได้อีก

พอคุณย่าหยางกับคุณปู่เห็นหน้าเหลนสาวที่เฝ้ารอคอยอยู่ทุกวันอย่าให้พูดเลยว่าดีใจมากแค่ไหน ด่าเหยียนหมิงซุ่นไปยกหนึ่งต่อหน้าเหมยเหมยเพื่อเป็นเชิงยืนกรานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยขอโทษคนแก่ทั้งสองโทษฐานออกจากบ้านไปนานพาลทำให้คนแก่ทั้งสองต้องเป็นห่วง

เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็กลับบ้านไปหาเหยียนซินหย่า แต่เหยียนซินหย่าไม่อยู่บ้านเพราะกำลังวาดรูปอยู่ที่ห้องวาดรูปในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ครั้นเจอเหมยเหมยก็ดีใจสุดขีดแต่ก็ยังด่าเหมยเหมยไประลอกหนึ่งอยู่ดี

“คราวหลังจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้อีกนะ มีแค่หมิงซุ่นที่ตามใจลูกขนาดนี้ ลองเป็นผู้ชายคนอื่นสิ ใช้ชีวิตคู่ต่อไปไม่ได้แน่” เหยียนซินหย่าเอ่ยเตือน เหมยเหมยฟังจนง่วงแต่ก็ไม่กล้าแย้งใด ๆ

สิ่งที่ทำให้เธออัดอั้นตันใจยิ่งกว่าคือเหยียนซินหย่าสีหน้าดูดีเปล่งปลั่งมีราศีและมีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยม มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนอายุเลยครึ่งร้อยเลยสักนิด คนที่แข็งแรงขนาดนี้จะสุขภาพย่ำแย่ได้อย่างไร?

เจ้าเหยียนหมิงซุ่นโกหกเธออีกแล้ว!

ไว้กลับไปคิดบัญชีกับหมอนี่อีกที เหมยเหมยออกมาจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเหยียนซินหย่าแล้วโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน พวกเธอนัดมาเจอกันที่บ้านฉีฉีเก๋อเพื่อปรึกษาเรื่องหย่า

บ้านที่ฉีฉีเก๋ออาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นบ้านที่ฉางชิงซานซื้อหลังจากถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรกเสร็จ มีขนาดไม่ใหญ่มากแค่ร้อยกว่าตารางเมตรแต่เพียงพอสำหรับสามสมาชิกในครอบครัวแล้ว

แต่ก็เทียบไม่ได้กับราชวังใหญ่โตสองร้อยกว่าตารางเมตรของยายชู้รักนั่นแน่ ๆ

“ต้องหย่า ต้องให้ฉางชิงซานไปแค่ตัวเปล่า แล้วเป่ารื่อน่าก็ต้องเป็นของเธอ ในเมื่อฉางชิงซานคิดจะหย่าก็อย่าหวังว่าจะได้ทรัพย์สินไปแม้แต่หยวนเดียว” เหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

……………

Related

ตอนที่ 2601 ผู้หญิงหลอกง่าย

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มร่าในใจ เหมยเหมยใจอ่อนลงแล้ว ขอเพียงเขาโอ๋อีกไม่กี่ประโยคภรรยาก็จะยอมกลับบ้านสักที เขาก็ไม่ต้องนอนเฝ้าห้องอันว่างเปล่าอีกต่อไปแล้ว

“งั้นเธอกลับไปพร้อมกับพี่เลย ถ้าเธอไม่กลับงั้นเราก็ไม่ต้องมีใครลุกแล้ว…”

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มงอแง นี่เป็นวิธีที่เขาเรียนรู้มาจากเหล่าลูกน้องที่อายุค่อนข้างมาก

ผู้หญิงที่ดีกลัวชายตามตื๊อ ขอเพียงหน้าด้านมากพอและวอแวไม่เลิก ใต้หล้านี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่โอ๋ไม่สำเร็จหรอก เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นดูถูกวิธีเหล่านี้ เป็นถึงชายอกสามศอก ต่อหน้าผู้หญิงจะยอมก้มศีรษะให้ได้อย่างไร!

แต่ตอนนี้–

ขอเพียงภรรยายอมกลับบ้านต่อให้เขาคุกเข่าใส่กระดานซักผ้าก็ไม่มีปัญหา

อย่างไรเสียที่บ้านก็ไม่มีคนนอกอยู่ ไม่กลัวขายหน้าสักนิด!

ในที่สุดยามนี้เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจวิถีการเป็นสามีของท่านพ่อตาจ้าวอิงหัวแล้ว เหยียนซินหย่าสั่งให้เขาคุกเข่าก็รีบคุกเข่าทันทีอย่างไม่อิดออด ถึงขั้นยอมคุกเข่านวดขานวดตัวให้ภรรยาอีกต่างหาก…

เมื่อก่อนเขาดูถูกจ้าวอิงหัวไว้มากเท่าไร ตอนนี้ก็ยิ่งนับถือมากเท่านั้น

มิน่าเหยียนซินหย่าถึงได้รักมั่นคงขนาดนั้น เป็นเพราะความดีความชอบจากความหน้าด้านของจ้างอิงหัวนี่เอง

เหยียนหมิงซุ่นพูดจาด้วยถ้อยคำดี ๆเอาใจ…จนเหมยเหมยยิ้มร่าเหมือนดอกไม้ที่ค่อย ๆผลิบาน…

“ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วเหรอ? ก่อนหน้านี้มัวแต่ไปทำอะไรอยู่?” พอตอนนี้เหมยเหมยเอ่ยถึงก็นึกโมโหขึ้นมาเลยยกเท้าเตะใส่ไปที

เหยียนหมิงซุ่นไม่หลบแล้วปล่อยให้เท้าน้อย ๆของเหมยเหมยเตะตามใจชอบ อย่างไรเสียก็ไม่เจ็บแต่เหมือนโดนจักจี้มากกว่า ถ้าช่วยให้ภรรยาหายโกรธได้ต่อให้เตะร้อยทีก็ไม่มีปัญหา

“สำนึกผิดแล้ว สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว!”

“หึ ใครจะรู้ว่าพี่พูดจริงหรือโกหกกันแน่!”

“แน่นอนว่าจริง ถ้าพี่โกหกก็ขอให้ฟ้าผ่าตายไม่ได้…”

เหมยเหมยตกใจรีบเอามือปิดปากเหยียนหมิงซุ่นไว้แล้วก่นด่าด้วยท่าทีขึงขัง “พี่จะสาบานแบบนี้ทำไม? น้ำเข้าสมองหรือไง!”

เธอกับเหมยซูหานตายแล้วยังเกิดใหม่ได้ นี่เป็นสิ่งบ่งบอกว่าบนโลกใบนี้มีเทพเจ้าภูตผีอยู่จริง ถ้าเกิดวันไหนคำสาบานเป็นจริงขึ้นมาล่ะ!

เหมยเหมยที่ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัวก็อดถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างดุดันไม่ได้ ตวาดใส่ “วันหลังอย่าสาบานซี้ซั้วอีก!”

เหยียนหมิงซุ่นยกมือทาบบนหลังมือน้อย ๆตรงปากของเขาแล้วจุ๊บหลายทีพร้อมยิ้มเอ่ย “เหมยเหมยกำลังเป็นห่วงพี่เหรอ?”

“ใครห่วงพี่กัน…อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย เหอะ!” เหมยเหมยอยากชักมือกลับแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับกุมไว้แน่น ดึงออกอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สำเร็จ

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกแรงเพียงนิดเดียว เหมยเหมยก็ถลาเข้าอ้อมกอดแล้วถูกกอดไว้จนแน่น

“ที่รัก…เธอไม่กลับไปพร้อมกับพี่ก็ได้ งั้นเราก็ทำต่อที่นี่…จนกว่าเธอจะกลับไป!”

เหยียนหมิงซุ่นกระซิบยียวนข้างหู ไอร้อนพ่นใส่หูจนเหมยเหมยตัวอ่อนยวบหมดเรี่ยวแรงขัดขืน…

“ไม่เอา…พี่ปล่อยฉันนะ…ฉันจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์…” เหมยเหมยครางอย่างอ่อนแรง แรงขัดขืนอ่อนลงเรื่อย ๆ

“ถ้าไม่กลับบ้าน…ก็อยู่บนเตียง…เลือกทางใดทางหนึ่ง ความจริงฉันชอบตัวเลือกที่สองมากกว่า…”

เหยียนหมิงซุ่นมองหญิงงามในอ้อมกอดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จงใจหลอกให้เธอตกใจ ความจริงเขาขอวันหยุดมาเพียงห้าวันซึ่งผ่านไปสี่วันแล้ว เขายังมีเวลาอีกหนึ่งวันจะต้องรีบเดินทางกลับภายในวันพรุ่งนี้

แต่เหมยเหมยไม่รู้ เธอหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเลือกตัวเลือกที่สองจริง ๆ ตอนนี้เธอเอวกับขาแทบหักอยู่รอมร่อ ถ้าทำต่อไปต้องตายแหง!

“กลับก็ได้…เหยียนหมิงซุ่นพี่ปล่อยฉันนะ…ฉันบอกว่าจะกลับแล้วไง…”

“ขออีกสักสามรอบ ไว้กลับพรุ่งนี้เช้า…” เหยียนหมิงซุ่นรักษาเวลาทุกวินาทีแล้วตั้งใจทำกิจธุระต่อ

“สารเลว!”

……

ฉิวฉิวบนหลังคาสะบัดหางอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้หญิงก็หลอกง่ายแบบนี้ละนะ…

ไหนตกลงกันว่าจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่ใช่เหรอ?

โดนนายผู้ชายปั่นหัวจนแผนล่มอีกแล้ว!

…………………………………

ตอนที่ 2602 กลับบ้านแล้ว

กกตัวอยู่ในห้องกันทั้งคืน เช้าวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นก็เตรียมตัวกลับประเทศ เขาโทรบอกลูกน้องให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง

คนที่เตรียมกลับประเทศพร้อมกันยังมีเฮ่อเหลียนเช่อด้วย แม้เขาไม่อยากกลับไปแต่หานเหมยดึงดันจะกลับไปทำหน้าที่ลูกกตัญญู เขาก็ย่อมตามใจอยู่แล้ว

“กลับไปด้วยกันเหรอ? ดีเลย…ฉันไม่ได้กลับเมืองจินนานแล้ว ไม่งั้นครั้งนี้ก็กลับไปด้วยกันเลย!” เหมยเหมยได้ยินคำว่าเมืองจินก็ใจเต้น นับเวลาดูแล้วเธอไม่ได้กลับไปเกือบหกปีแล้ว

หานเหมยย่อมดีใจอยู่แล้วแต่ผู้ชายสองคนกลับไม่พอใจแทน

เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เธอไปทำอะไร? กลับบ้านกับสามีของเธอซะดี ๆ ผู้หญิงที่เอาแต่เตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านทุกวัน ไม่เข้าท่าเลย!”

“เกี่ยวอะไรกับนาย!” เหมยเหมยโต้กลับไป

เฮ่อเหลียนเช่อทำสีหน้าบูดบึ้งแต่เขาก็เรียนรู้อะไรบางอย่างได้แล้ว มีเหยียนหมิงซุ่นกับหานเหมยอยู่เขาเถียงยัยจ้าวเหมยไม่ได้แน่ ๆ ไว้อนาคตค่อยหาโอกาสสั่งสอนนังตัวดีคนนี้แล้วกัน!

“งั้นเธอก็ไปสิ!”

เฮ่อเหลียนเช่อกลับคำกะทันหัน เมื่อครู่เขาเพิ่งฉุกคิดได้ว่าถ้าจ้าวเหมยกลับไปเมืองจินด้วยกันกับพวกเขาโดยไม่มีเหยียนหมิงซุ่นคอยคุ้มกัน เขาค่อยหาโอกาสตอนที่หานเหมยไม่รู้ตัวทรมานยัยจ้าวเหมยก่อนจะจับไปขายที่ตะวันออกกลางเสีย!

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งแล้วหันมาเอ่ยเสียงอ่อนโยน “แม่ยายสุขภาพแย่มาก คิดถึงเธอมาก”

เหมยเหมยเริ่มกังวลขึ้นมาอย่างฉับพลัน เหยียนซินหย่าสุขภาพย่ำแย่หรือ?

“แม่ฉันเป็นอะไรไป?”

“ก็ตั้งแต่รู้ว่าเธอพาเล่อเล่อหนีออกจากบ้านแม่ยายเลยความดันขึ้น ช่วงนี้ทานยาตลอด คุณหมอบอกว่าเธอเป็นไข้ใจก็ต้องใช้ยารักษาไข้ใจ ขอแค่เธอกับเล่อเล่อกลับบ้านก็พอ”

เหยียนหมิงซุ่นพูดกึ่งจริงกึ่งโกหก อย่างไรเสียก่อนเขามาก็เคยปรึกษากับเหยียนซินหย่าไว้แล้วและเตี๊ยมไว้เสร็จสรรพเลยไม่กลัวมีปัญหาอะไร

เหมยเหมยรู้สึกผิดแทบแย่ เธอมัวแต่เที่ยวอย่างมีความสุขแต่ไม่ลองนึกถึงว่าเหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหัวจะเป็นห่วงหรือไม่ เธออกตัญญูเสียจริง!

“งั้นกลับตอนนี้เลยเถอะ รอแม่ฉันสุขภาพหายดีแล้วค่อยไปเที่ยวเมืองจินละกัน!”

เหมยเหมยร้อนใจจะกลับไปหาเหยียนซินหย่าเลยบอกลาหานเหมยอย่างลวก ๆก่อนจะเร่งเร้าให้เหยียนหมิงซุ่นเตรียมเดินทางกลับ ซึ่งก็เข้าแผนเหยียนหมิงซุ่นพอดีเลยส่งสายตาให้ลูกน้องทีหนึ่ง ลูกน้องเข้าใจความหมายเลยรีบเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางกลับประเทศทันที

เสี่ยวเป่าถูกเหมยเหมยพากลับไปด้วยเพราะเล่อเล่ออาลัยอาวรณ์เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเลือกฝั่งเหมยเหมยอย่างไม่ลังเล และปล่อยให้เฮ่อเหลียนเล่อกับหานเหมยดื่มด่ำกับโลกส่วนตัวไป

“ตอนนี้แม่ฉันเป็นยังไงบ้าง? ท่านทานยาวิเศษอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงสุขภาพแย่ลงได้ล่ะ?” เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ ร่างกายเหยียนซินหย่าผ่านการดูแลโดยยาวิเศษมาก่อน ต่อให้อาการไข้หวัดยังเกิดขึ้นได้น้อยครั้งมาก แล้วจะไม่สบายได้อย่างไร?

“คุณหมอบอกว่าเพราะวิตกกังวลเกินเหตุ ไม่ได้เกี่ยวกับสุขภาพดีหรือแย่หรอกนะ” เหยียนหมิงซุ่นยังพูดด้วยท่าทีจริงจัง

เหมยเหมยดันเชื่อเสียสนิทนึกอยากรีบกลับประเทศให้เหยียนซินหย่าเจอเธอเร็ว ๆจะได้หายไว ๆ

นอร์แมนกับเอ็ดดี้ก็ตามไปฮวาเซี่ยด้วย เฮ่อเหลียนเช่อชำระเงินค่าจ้างแก่พวกเขาแล้ว แต่พวกเขายังรักษาจรรยาบรรณตนเองโดยการตัดสินใจพาเหมยเหมยกับเด็ก ๆไปส่งที่ฮวาเซี่ยก่อนถึงค่อยรายงานกับทางสำนักงานใหญ่ว่าภารกิจสำเร็จ หลังจากนี้ไปพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้สักที

“แล้วก็…เพื่อนที่ชื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนของเธอเคยโทรหาเธอสิบกว่าสายก่อนฉันจะมา บอกว่าถ้ากลับไปให้เธอโทรหาเธอด้วย” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

เหมยเหมยตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง ออกจากบ้านมาสามเดือนกว่าเธอไม่เคยติดต่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเลยสักครั้ง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบร้อนขนาดนี้น่าจะมีเรื่องสำคัญสิท่า

เธอส่งข้อความหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วลงท้ายชื่อตนไว้ด้วย เพราะนี่เป็นเบอร์แปลกเลยกลัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เชื่อ

ไม่นานเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตอบกลับมา ‘ฉีฉีเก๋อจะหย่ากับฉางชิงซาน[1] เราต้องช่วยชิงสมบัติให้ฉีฉีเก๋อมากหน่อย’

…………………………….

[1] ฉางชิงซานก็คือฉางชิงซง แต่ผู้แต่งเปลี่ยนเป็นชื่อว่าฉางชิงซาน

Related

ตอนที่ 2599 คนบ้าและออกไปเลยนะ

ลูกน้องสองคนและพวกนอร์แมนหลบดูเรื่องสนุก ๆอยู่ห่าง ๆพร้อมแก้วกาแฟในมือด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ผู้ชายคนนี้ก็คือลูกพี่ของพวกนายเหรอ? ก็หน้าตาธรรมดานี่นา!” เอ็ดดี้เบะปาก บอกตามตรงเขาชอบแบบเฮ่อเหลียนเช่อมากกว่า

แต่ผู้ชายคนนี้กลับชอบผู้หญิง…เฮ้อ!

“นายตาบอดหรือไง? ลูกพี่ของพวกเราหล่อกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นร้อยเท่า!” ลูกน้องไม่เห็นด้วยพร้อมมองเอ็ดดี้ด้วยสายตาดูถูก

เอ็ดดี้เบะปากอีกครั้ง เขาไม่ได้ตาบอด แต่ผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ต่อให้หล่อมากกว่านี้แค่ไหนก็ไม่ใช่สเปกเขา!

“ลูกพี่ของพวกนายจะพาตัวคุณนายกลับไปได้ไหม? ดูทรงแล้วคุณนายก็เป็นแมวป่าตัวน้อยเหมือนกันนะ!” นอร์แมนกังวลเล็กน้อย หากเหยียนหมิงซุ่นเกลี้ยกล่อมภรรยาไม่ได้ก็จะส่งผลต่อเวลาเกษียณของเขา!

“วางใจได้ ลูกพี่ของเราสบายมาก!” ลูกน้องมั่นใจมาก

ยังไม่ทันขาดคำเหยียนหมิงซุ่นก็เริ่มเป็นฝ่ายรุกประกบจูบอันเร่าร้อนที่เอาแต่ใจใส่ก่อน เหมยเหมยยังไม่ทันตั้งตัวเลยถูกเหยียนหมิงซุ่นดึงมาไว้ในอ้อมกอดราวกับเหล็กที่คล้องกันไว้ ริมฝีปากถูกประกบปิดแน่นจนไม่เหลือพื้นที่ใด ๆ…

“ไอ้บ้า…ปล่อยฉันนะ…อืม…”

เหมยเหมยพูดไม่ออก สมองพร่าเบลอไปหมด แล้วยอมรับการปล้นชิงที่บ้าคลั่งของเหยียนหมิงซุ่นแบบไม่ทันตั้งตัว…ร่างกายค่อย ๆอ่อนระทวย จากที่ต่อต้านก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นยินยอม…

ลูกน้องเชิดคางมองนอร์แมนอย่างได้ใจ “เห็นหรือยัง…”

นอร์แมนยกนิ้วโป้งให้ ลูกพี่เขากล่อมเมียให้ว่าง่ายได้จริง ๆด้วย!

ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่จัดการเลย…

“ไม่ใช่ว่าลูกพี่ของพวกนายจะจัดฉากรักตรงนี้หรอกนะ…แบบนั้นคงเป็นบุญตาของเราแน่!” นอร์แมนมองอย่างเพลิดเพลินโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักครั้ง

“ฝันไปสิ!” ลูกน้องสบถด่าไปที

“พลั่ก”

อยู่ดี ๆทรายกำมือหนึ่งก็พุ่งมาหาจับตัวเป็นก้อนกลมเหมือนหินก้อนหนึ่ง แต่พอลอยมาอยู่ตรงหน้ากลับกระจายกลบหน้าพวกเขาสี่คนจนมิด ทั้งตา จมูก ปากล้วนมีแต่ทรายเต็มไปหมด

“แค่ก ๆ…”

ทั้งสี่คนขยี้ตาไม่หยุดและพยายามเอาทรายออกจากปาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะปัดเอาทรายที่อยู่บนหน้าออกหมด พอเริ่มลืมตาขึ้นได้ ฉากจูบอันเร่าร้อนของพวกเขาสองคนที่อยู่ไกลออกไป…ก็ไร้เงาคนแล้ว

“ลูกพี่ของพวกนายไปไหนแล้ววะ?” นอร์แมนรู้สึกเสียดายมาก เขายังอยากดูหนังสดอยู่นะ!

ลูกน้องถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ เพราะเจ้าสองตัวนี้พูดจาซี้ซั้วเลยทำให้ลูกพี่พลอยสั่งสอนพวกเขาไปด้วย

“บ้าเอ๊ย…ลมที่นี่จะแรงเกินไปแล้ว!” เอ็ดดี้สบถด่าด้วยความโมโห เขายังนึกว่าทรายพัดมาตามลม

ลูกน้องคนหนึ่งยิ้มเยาะแล้วพูดเย้ยว่า “ไต้ฝุ่นระดับ12 ยังพัดทรายลูกใหญ่แบบนี้มาไม่ได้เลยมั้ง? นั่นมันลูกพี่เราโยนมาต่างหาก!”

“เป็นไปไม่ได้…แรงคนทั่วไปทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้!”

นอร์แมนและเอ็ดดี้ไม่เชื่อเด็ดขาด ทรายเป็นของร่วน พอโยนออกก็จะฟุ้งกระจายเป็นเม็ดและไม่มีทางที่จะโยนมาได้ไกลขนาดนี้ พวกเขายืนห่างจากเหยียนหมิงซุ่นอย่างน้อยก็พันเมตรได้…

มนุษย์จะโยนได้ไกลขนาดนี้ได้อย่างไร?

แล้วยังทำให้เม็ดทรายกระจุกตัวเป็นก้อนได้ด้วยเหรอ?

“ลูกพี่เราทำได้ไง พวกกบในกะลา!” ลูกน้องทั้งสองคนมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาดูแคลน เนื่องด้วยพละกำลังที่แท้จริงของเหยียนหมิงซุ่นเลยทำให้พวกเขาจงรักภักดีและยอมเชื่อฟังทุกอย่างมาตลอด

นอร์แมนและเอ็ดดี้ต่างตกตะลึง…ถ้าเป็นเรื่องจริง กังฟูของคนฮวาเซี่ยก็โคตรสุดยอดไปเลย!

พวกเขาเรียนติดตัวไว้หน่อยดีไหมนะ?

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นลงโทษสี่คนที่ลักดูนั้นเสร็จก็อุ้มเหมยเหมยขึ้นด้วยไฟรักอันร้อนรุ่ม แล้วหาห้องสักห้องเพื่อดับไฟปรารถนา…

“คนบ้า…ออกไปเลยนะ…อืม…”

“ไม่ไป…ร่างกายของเธอมันซื่อสัตย์กว่าปากของเธอ…เหมยเหมย…พี่คิดถึงเธอนะ!” …

จากนั้นฤดูใบไม้ผลิก็เบ่งบานเต็มห้อง…

ฉิวฉิวที่กำลังนอนอยู่บนคานห้องก็สะบัดหางใส่อย่างดูแคลน มันแอบฟังข้างห้องมาสามวันแล้ว ประโยคที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ

“คนบ้า…ออกไปเลยนะ…”

เพศเมียต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดเลยหรือไง ปากบอกว่าเกลียดแต่ร่างกายกลับไม่!

ฉิวฉิวล้วงหยิบช็อกโกแลตมาหนึ่งแท่งแล้วนั่งชมอยู่ข้าง ๆ เหอะ ๆ…นายผู้ชายแรงเยอะขนาดนี้…สงสัยจะอดยากมากสินะ!

……………………………………….

 ตอนที่ 2600 กระบองเหล็กจะถูกลับจนกลายเป็นเข็มไหมนะ

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามวันนี้ไม่ว่าจะเป็นหานเหมยหรือเหมยเหมยล้วนไม่ได้ลุกออกจากเตียงเลย ทว่าเหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อกลับออกมาอยู่หลายรอบ ห้องของพวกเขาอยู่ตรงข้ามกัน แค่เปิดประตูก็เจอกันแล้ว

ตลอดสามวันนี้พวกเขาออกกำลังกายกันไม่มีหยุดหย่อน แน่นอนว่าจะบำเพ็ญเป็นเซียนไม่ได้เพราะยังคงต้องทานข้าวอยู่ ผู้ชายทั้งสองจะออกมาหาของกิน จำนวนครั้งที่เจอกันก็นับว่าถี่พอควร แต่ทุกคนก็แค่ก้มหน้าก้มตาหาของกินของตนไปโดยไม่มีเวลาว่างทักทายกันสักประโยคอย่างเข้าใจกันดี

ส่วนเจ้าตัวน้อยสองคนเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อถูกลูกน้องทั้งสองคนของเหยียนหมิงซุ่น รวมถึงนอร์แมนและเอ็ดดี้ หนุ่มอกสามศอกทั้งสี่กลายเป็นพ่อนมไปเสียแล้ว ประหม่าเสียยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ก่อการร้ายติดอาวุธที่โหดเหี้ยมเสียอีก ตั้งแต่เช้าจรดเย็นสติแทบกระเจิงและไม่กล้าหละหลวมเลยแม้แต่นาทีเดียว

กลัวว่าถ้าเจ้าหนูทั้งสองหายตัวไปเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ อีกอย่างเงินที่เฮ่อเหลียนเช่อรับปากว่าจะให้ยังไม่ถึงมือเลยนะ!

“นี่มันสามวันแล้วนะ…พวกเขาไม่กลัวว่ากระบองเหล็กจะถูกลับจนกลายเป็นเข็มบ้างเหรอ?” นอร์แมนเพิ่งเอาใจพาเล่อเล่อไปเล่นโคลนแล้วหันไปมองห้องพักอย่างนึกปวดศีรษะ วัน ๆเอาแต่คลุกตัวอยู่บนที่นอน เกรงว่าแม้แต่มนุษย์เหล็กก็ทนไม่ไหวมั้ง!

คำว่ากระบองเหล็กถูกลับจนกลายเป็นเข็มเป็นคำฮวาเซี่ยที่เขาเพิ่งได้เรียนรู้ไป ส่วนความหมายที่แฝงอยู่ในนั้นลูกน้องทั้งสองคนได้อธิบายให้พวกเขาฟังแล้ว

พวกเขารู้สึกว่าประโยคนี้ใช้ในเวลานี้และสถานที่แบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้วจริง ๆ

“คงไม่ใช่ว่าจะต่ออีกสามวันหรอกนะ? ต่อให้ไม่กลายเป็นเข็ม ผู้หญิงก็ทนไม่ไหวหรอก” เอ็ดดี้เคยประสบมาอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้เขาจะใช้ประตูหลังที่แห้งเกรอะกรัง แต่ความรู้สึกน่าจะไม่ต่างจากผู้หญิงที่มีน้ำหรอก

ใช้งานหนักตลอดสามวันสามคืน…จุ๊ ๆ…คงพังแล้วมั้ง!

“นายคิดว่าเป็นประตูหลังที่แห้งเกรอะกรังของตัวเองหรือไง? มีเพียงวัวที่เหนื่อยตาย แต่ไม่มีที่นาไหนเหนื่อยตายได้หรอกนะ!”

ลูกน้องส่งสายตาดูแคลนเอ็ดดี้ทีหนึ่ง เขาคิดไม่ตกจริง ๆว่าหนุ่มอกสามศอกดี ๆคนหนึ่งดันชอบถูกสอดใส่แทนซะได้…ช่างเปลืองทรัพยากรดี ๆที่ได้มาตอนเกิดจริง ๆ!

สมองคงเป็นแอ่งทะเล[1]ไปแล้วมั้ง!

ทั้งสี่คนบ่นกันไปมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าไปรบกวนชายทั้งสองที่สารอะดรีนาลีนกำลังพรั่งพรูนั่นหรอก พวกเขากล้าเพียงทำตัวเป็นพ่อนมอย่างว่าง่ายและรอคอยเทพใหญ่ผู้น่าเกรงขามทั้งสองในห้องนั้น…รีบเสร็จกิจสักที!

แต่ยังไม่ถึงสามวันต่อมา เพียงผ่านไปวันเดียวเท่านั้นชายทั้งสองที่กำลังวังชาล้นหลามก็ถูกผู้หญิงของตนถีบตกเตียงไป

“พอแล้ว…ไสหัวไป”

ถ้าทำต่อไปอีกคงถึงชีวิตแน่ อีกอย่างพวกเธอนอนอยู่บนเตียงมาตั้งหลายวันเอวแทบหักอยู่แล้ว ฉะนั้นจะทำให้ผู้ชายเสียนิสัยตลอดไม่ได้!

ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นยังไม่หนำใจพอแต่ก็กินมาสี่วันแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่ได้หิวกระหายขนาดนั้นแล้ว วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล เขาพาภรรยากับลูกกลับบ้านก่อนดีกว่า

“ไม่กลับ…ฉันรับปากเล่อเล่อว่าจะพาไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ต่อ ฉันจะเป็นแม่ที่ไม่รักษาสัจจะไม่ได้…”

เหมยเหมยไม่มีทางตอบตกลงกลับบ้านแน่นอน เธอเพิ่งได้ลิ้มรสความสนุกของการเป็นโสด ทำไมต้องกลับไปตกนรกเร็วขนาดนั้นด้วยล่ะ?

“วันหลังพี่ค่อยพาเธอกับเล่อเล่อไปสวิตเซอร์แลนด์ ตอนนี้กลับบ้านไปกับพี่ก่อน เธอไม่อยู่บ้าน บ้านเหมือนไม่ใช่บ้านเลย…”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเอาใจเสียงอ่อนเสียงหวานและเป็นฝ่ายรับผิดก่อน “เรื่องครั้งก่อนเป็นความผิดของพี่เอง พี่ไม่น่าให้เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าไปเป็นเหยื่อเลย…พี่รับประกันว่าวันหลังจะไม่ทำผิดแบบนี้อีกแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงต่ำนอบน้อมด้วยท่าทีจริงใจไร้ซึ่งมาดเย็นชาเงียบขรึมในยามปกติอย่างสิ้นเชิง…เหมยเหมยเห็นเช่นนั้นก็ใจอ่อนพลางลังเลตัดสินใจไม่ได้!

“ถ้าวันหลังพี่ยังทำผิดอีก…เธอก็เอามีดเล่มนี้มาแทงพี่เลย…โอเคไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นงัดไม้โหดล้วงหยิบมีดสั้นวิบวับแผ่ไอเย็นยะเยือกออกมาด้ามหนึ่ง นี่เป็นของขวัญที่เหมยเหมยมอบให้เขาในวันเกิดปีนั้น เพียงมีดสั้นออกจากปลอกไอเย็นยะเยือกก็ลอยมาแตะหน้าทันที

เหมยเหมยถลึงตาใส่ “ถ้าฉันฆ่าพี่ ฉันก็กลายเป็นหม้ายอีกงั้นสิ? สมองพี่มีปัญหาใช่ไหม ยังไม่เอามีดเก็บเข้าไปอีก!”

………………………………………………….

[1] สื่อว่าโง่มาก ๆหรือสมองมีปัญหา

Related

ตอนที่ 2597 สัตว์ร้ายยังสู้ไม่ได้

สมองของเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขาเห็นวิธีการพูดของลูกน้องสองคนนั้นก็รู้เลยทันทีว่าต้องมีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่ อีกทั้งเกิดหลังจากได้รับโทรศัพท์ด้วย นี่จึงเป็นไปได้มากว่าคนที่โทรมาคือเหยียนหมิงซุ่น

หานเหมยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ลูกน้องสองคนนั้นเชื่อฟังคำสั่งของเหยียนหมิงซุ่นมาก ครั้งนี้เหมยเหมยเที่ยวตะวันออกกลางมานานหลายวันแล้ว อีกอย่างวันเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานซึ่งต่อให้โกรธมากแค่ไหนก็คงหายโกรธได้แล้ว แถมเหมยเหมยก็เป็นคนใจอ่อนด้วย

“แต่ว่าเหมยเหมยบอกฉันว่า เหยียนหมิงซุ่นรับปากแล้วว่าจะไม่มาหาเธอ” หานเหมยพูดขึ้น

เฮ่อเหลียนเช่อทำเสียงเยาะเย้ย “เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่มาหาตลอดไป หมอนั่นอดทนมาตั้งนานจนทนไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้จะต้องมาลากเหมยเหมยกลับไปด้วยตัวเองแน่นอน!”

“เหยียนหมิงซุ่นมาได้เหรอ? ไม่ใช่ว่าสถานะเขาไม่ธรรมดาหรอกเหรอ?” หานเหมยยังคงสงสัย

ตะวันออกกลางเป็นพื้นที่อันตราย ด้วยสถานะอย่างเหยียนหมิงซุ่น ถ้าเกิดศัตรูฝ่ายตรงข้ามที่มีอำนาจรู้เข้าละก็คงเหมือนหาเรื่องใส่ตัวเอง!

“ปลอมตัวหน่อยก็ได้แล้ว เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โง่ขนาดนั้น พวกเราไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอก เรื่องของเราเองยังจัดการแก้ปัญหาไม่ได้เลย…พวกเราจะอันนั้นก่อนไหม…”

เสียงของเฮ่อเหลียนเช่อเบาลงในตอนท้ายแล้วกระซิบข้างหูของหานเหมย สูดกลิ่นหอมอ่อน ๆของสาวพรหมจรรย์ เฮ่อเหลียนเช่ออดไม่ได้ที่จะใจเต้นตึกตัก เขาสูดกลิ่นเข้าไปอีกหลายทีเพราะยิ่งดมก็ยิ่งรู้สึกเร้าใจ…

ความหิวโหยสามปีที่ผ่านมา…ความปรารถนาปะทุขึ้นมาแล้ว!

หานเหมยรู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนจากตัวเขาจึงหน้าแดงซ่านอย่างขัดเขิน ร่างกายค่อย ๆอ่อนระทวย…พูดอือด้วยเสียงแผ่วเบา

ทางตะวันออกกลางมีเด็กสาวอายุ 14-15 ปีแต่งงานตั้งมากมายเพราะเดิมทีการปลูกฝังเลี้ยงดูของเด็กผู้หญิงที่นี่บรรลุนิติภาวะไวอยู่แล้ว อายุ 14-15 ปีที่นี่จะเท่า ๆกับเด็กจีนที่อายุ 17-18 ปี

อีกอย่างอายุภายในใจของเธอไม่ใช่แค่ 15 ปี ในเมื่อเธอก็อายุมากแล้ว…ทำไมจะต้องทรมานทั้งตัวเองและเฮ่อเหลียนเช่อด้วยล่ะ?

“ป่ะ…คืนนี้ฤดูใบไม้ผลิช่างงดงาม เหมาะกับการเข้าเรือนหอ…”

เฮ่อเหลียนเช่อเร่งเร้า เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าฟ้ายังสว่างโร่อยู่ก็คว้าตัวหานเหมยไปเพื่อคลายความคิดถึง!

พอเหมยเหมยปรึกษาแผนการเดินทางครั้งต่อไปกับลูกน้องเสร็จและเตรียมตัวจะออกมาบอกหานเหมยสักหน่อย แต่ใครจะคาดคิดว่าเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อก็หาตัวไม่เจอ

“พ่อกับพี่สาวไปนอนแล้วครับ” เสี่ยวเป่าพูดออกมาตรง ๆ เจ้าหนูตัวน้อยบอกเขาเอง เพียงแต่เขารู้สึกแปลกใจว่าฟ้ายังสว่างอยู่เลยทำไมพ่อกับพี่สาวถึงได้ง่วงแล้วล่ะ?

หรือเป็นเพราะว่ากินเนื้อน้อยไป?

เหมยเหมยเข้าใจขึ้นมาทันทีแล้วแอบสาปแช่งอยู่ในใจ

สามารถลงมือกับเด็กผู้หญิงที่อายุ 15 ปีได้จริงๆ สัตว์ร้ายยังสู้ไม่ได้เลย!

แต่ถ้าคนหนึ่งเต็มใจที่จะรุกแล้วอีกคนก็เต็มใจที่จะรับ เธอก็ไม่สนใจหรอก ไม่ใช่ลูกสาวของเธอสักหน่อย!

“เสี่ยวเป่า เดี๋ยวอีกสองวันน้ากับเล่อเล่อจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์แล้วนะ เราจะไปกับน้าไหม?” เหมยเหมยพยายามหลอกล่อเพราะอยากพาเสี่ยวเป่าไปด้วย

เธอทำแบบนี้ก็เพื่อเฮ่อเหลียนเช่อ ในเมื่อได้เจอกันอีกครั้งความรู้สึกจะยิ่งลึกซึ้งมากกว่าเดิม ดังนั้นช่วงสองสามวันนี้เฮ่อเหลียนเช่อและหานเหมยจะต้องตัวติดกันทุกวันแน่นอน ดังนั้นสู้เธอเอาก้างขวางคอไปด้วยดีกว่า แล้วปล่อยให้สองคนนี้ได้ใช้ชีวิตโลกเราสองอย่างมีความสุข

เสี่ยวเป่าลังเลอยู่นาน เขาเองก็อาลัยอาวรณ์น้องสาวกับคุณน้าเหมือนกันแต่ก็ทิ้งพ่อกับพี่สาวไม่ลง ทำไมบนโลกนี้ถึงมีแต่เรื่องลงตัวดี ๆไม่ได้นะ?

“พี่…” เล่อเล่อเรียกเสียงเบา ดวงตากลมโตจับจ้องเสี่ยวเป่า สมองของเขาจึงชะงักไปชั่วขณะแล้วตัดสินใจได้ในทันทีว่า “ผมจะไปกับน้องครับ!”

เขาต้องปกป้องคุณน้าและน้องสาว ส่วนพี่สาวมีคุณพ่อคอยปกป้องอยู่ ไม่ต้องถึงมือเขาหรอก!

เหมยเหมยจุ๊บใบหน้ารูปไข่ของหนุ่มน้อยอย่างดีใจแล้วเตรียมจัดกระเป๋าสำหรับการเดินทางในวันมะรืนอย่างมีความสุข โดยที่เธอกลับไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเร่งมาหาเธออยู่

……………………………………….

ตอนที่ 2598 ตามมาแล้ว

หลังจากอยู่ในเมืองได้สามวันอาการบาดเจ็บของนอร์แมนและเอ็ดดี้ก็ฟื้นตัวดีขึ้นมาก ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งอยู่แล้ว จริง ๆแล้วบาดเจ็บแค่นี้ไม่เป็นไรด้วยซ้ำ ต่อให้ไม่ได้พักฟื้นก็ไม่มีปัญหาแต่ว่าได้ช่วยคนก็มีความสุขนะ!

แน่นอนว่าพวกเขาต้องการจบภารกิจนี้โดยเร็วที่สุด!

หลังจากได้รับค่าจ้างมหาศาลจากเฮ่อเหลียนเช่อ ตอนนี้พวกเขาคิดแค่อยากจะเกษียณกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือแสดงละครกับลูกน้องทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถ

“ลูกพี่ของพวกนายทำไมยังไม่มาอีก? ถ้ายังไม่มาอีกพวกเราแสดงต่อไปไม่ไหวแล้วนะ!” นอร์แมนรู้สึกระแวงเล็กน้อย เพราะจริง ๆตอนนี้เขาสามารถฆ่าวัวได้ทั้งตัวแล้ว

“ใกล้ละ…พวกนายช่วยยื้ออีกสักหน่อย คุณนายของเราหลอกง่าย” ลูกน้องเพิ่งได้ข่าวมาว่าระหว่างทางเหยียนหมิงซุ่นเจออุปสรรคบางอย่างเลยทำให้ล่าช้า ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณสามชั่วโมงถึงจะมาถึงที่นี่

เหมยเหมยจัดกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆตอนเช้านอร์แมนดันท้องเสียขึ้นมา เธอจึงต้องรออีกสัก 2-3 ชั่วโมง เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนคอยปกป้องเธอและลูกสาว!

ช่วงสองสามวันนี้เฮ่อเหลียนเช่อและหานเหมยแทบไม่ได้ออกจากห้องเลยตัวติดกันจนเธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน เธอเกลียดคนที่ชอบแสดงความรักต่อหน้ามากที่สุด! ใช่ว่าเธอไม่มีสามีสักหน่อย!

แต่ตอนนี้กลับเหมือนไม่มีสามีเสียอย่างนั้น…เหมยเหมยทุบหน้าอก สูดหายใจเข้าลึกและพยายามที่จะกำจัดใครบางคนที่ปรากฏตัวอยู่ในความคิดของเธอบ่อย ๆออกไป เธอพยายามฝืนไม่ให้คิดถึงเจ้าหมอนี่ เธอยังเที่ยวไม่หนำใจเลย!

ดังนั้นตอนนี้เธอยังโกรธอยู่แน่นอน!

ไม่อย่างนั้นเธอจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ต้องหนีออกจากบ้านต่อ?

เหลือเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เหมยเหมยตัดสินใจจะไปบอกลาพวกเฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย เธอไม่ได้ไปหาที่ห้องเพราะกลัวว่าจะเห็นภาพบาดตา เพียงแต่ส่งข้อความหาหานเหมยบอกว่าเธอเตรียมตัวออกเดินทางแล้ว

“เหมยเหมยจะไปแล้วนะ…เหยียนหมิงซุ่นยังไม่มาเลย นายนี่พูดจาเพ้อเจ้อจริงๆ!”

หานเหมยเตะใครบางคนที่นอนทับเธออยู่ออกลุกขึ้นเตรียมใส่เสื้อผ้า เธอต้องไปส่งเหมยเหมยแต่คนที่โดนถีบตกเตียงรีบรั้งเธอเอาไว้ กดไม่ให้เธอไหวตัวไปไหนได้

“มากสุดก็ครึ่งชั่วโมง เหยียนหมิงซุ่นต้องมาปรากฏตัวแน่ ๆ พนันกันไหมล่ะ?”

“พนันอะไร?”

“ถ้าฉันพูดถูก พวกเราก็อยู่ที่นี่ต่ออีกสักอาทิตย์หนึ่ง!”

เฮ่อเหลียนเช่อยังหิวกระหายอยู่เลย แถมการได้ออกกำลังกายกับสาวอันเป็นที่รักช่างเป็นเรื่องที่มีความสุขและงดงามที่สุดในโลกแล้วจริง ๆ แม้ว่าเมื่อก่อนก็มีความสุขแต่ก็มักจะรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป!

เขาปรารถนาจะอยู่กับหานเหมยในห้องตลอดทุกวันโดยไม่ออกไปไหนและไม่ทำอะไรทั้งนั้น นอกเสียจากปั๊ปปั๊ป…

“ถอยไปเลย…”

หานเหมยเตะใส่อีกรอบ เฮ่อเหลียนเช่อกลิ้งตกเตียงอีกครั้ง กระดูกส่วนเอวของเขากระแทกเข้ากับมุมเตียงเจ็บจนกัดฟันแน่นแต่กลับแสร้งทำเป็นยิ้มร่าราวกับคนบ้า

“ตาบื้อ”

หานเหมยถลึงตาใส่ เธอสวมเสื้อผ้าเสร็จเตรียมออกไปส่งเหมยเหมยแต่เพิ่งเดินออกพ้นประตูไม่ทันไรกลับเห็นแผ่นหลังของคนคุ้นเคยกำลังรั้งเหมยเหมยไว้อยู่ ดูท่าเหมือนเหมยเหมยอยากจะไปแต่ผู้ชายคนนี้ไม่ให้เธอไป…

“คนเลว…”

หานเหมยนึกว่าเหมยเหมยเจอคนลวนลามกำลังจะพุ่งเข้าเตะแต่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อห้ามไว้ก่อน “นั่นมันเหยียนหมิงซุ่น…เธอจะไปเป็นก้างขว้างคอทำไม พนันครั้งนี้เธอแพ้แล้ว อยู่ต่ออีกอาทิตย์หนึ่ง…”

“ใครรับปากว่าจะพนันด้วยฮะ!”

“เธอก็ไม่ได้คัดค้านนี่ ไม่พูดก็คือการยอมรับไปโดยปริยาย…”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่สนว่าหานเหมยจะคัดค้านเช่นไรแต่กลับดึงเธอกลับไปที่เตียงอีกครั้ง…ถึงเวลาออกกำลังกายแล้ว!

คนที่อยู่ด้านนอกคือเหยียนหมิงซุ่นจริง ๆ เขาใส่ชุดคลุมยาวพร้อมหนวดเห็นแล้วเหมือนคนในท้องถิ่น โชคดีที่มาทันเวลาก่อนเหมยเหมยออกเดินทาง

“พี่ไปเลยนะ พี่กลืนน้ำลายตัวเองชัด ๆ พี่เคยรับปากว่าจะไม่มาหาแล้วนะ เหยียนหมิงซุ่นพี่มันคนเลว…”

เหมยเหมยทั้งทุบทั้งเตะ ซัดเขารัวด้วยหมัดน้อย ๆ…เวลาคนนอกมองมานี่คือการงอนง้อกันชัด ๆ

“ตอนนี้พี่คืออาบังดังนั้นจึงไม่เท่ากับผิดสัญญา!” เหยียนหมิงซุ่นไม่ขยับ จากกันมาสามเดือนกว่าเขาไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวต่อไปแล้ว

ถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้านให้ได้!

…………………………

Related

ตอนที่ 2595 ไม่เคยมีความดีอยู่แล้ว

เลือดร้อนพลุ่งพล่านของเฮ่อเหลียนเช่อกลับถูกน้ำเย็นของเหมยเหมยสาดใส่เข้าอย่างแรง เศร้าใจจริง ๆ เขาลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย

อายุสิบสี่ปีครึ่ง ถ้านับแล้วหากแต่งงานได้ตอนอายุสิบแปด เขายังต้องรออีกตั้งสามปีครึ่ง ปีหนึ่งมี 365 วัน ถ้าสามปีจะมีกี่วันนะ?

เฮ่อเหลียนเช่อนับนิ้วอยู่นานแต่สุดท้ายก็หาผลลัพธ์ไม่ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ยังอีกนานมาก ๆ ซึ่งสำหรับเขาที่ผ่านไปแต่ละวันเหมือนผ่านไปเป็นปีก็คงเท่ากับหลายปีเลยล่ะ…

“เฮ้อ…”

เฮ่อเหลียนเช่อตบหน้าผากอย่างนึกกลุ้มใจ เขารออย่างยากลำบากมาตั้ง 3 ปี นี่ต้องรอต่ออีก 3 ปีหรือนี่?

เมื่อไรถึงจะได้กินเนื้ออร่อย ๆสักทีนะ?

ถ้ากลับฮวาเซี่ยต้องรออายุ 20 ถึงจะแต่งงานได้ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่ 3 ปี แต่เป็น 5 ปีครึ่งต่างหาก…

ฉับพลันในใจของเฮ่อเหลียนเช่อก็เย็นวาบขึ้นมา ไข่จะแข็งตายอยู่แล้ว เขาทึ้งเส้นผมตัวเองอย่างแรงแล้วถลึงตามองเหมยเหมย ผู้หญิงบ้าพวกนี้น่ารำคาญชะมัด ไม่พูดแล้วจะเป็นใบ้หรือไง?

ดวงตาของเหมยเหมยเบิกกว้างกว่าแล้วพูดอย่างเคือง ๆว่า “นายถลึงตาใส่ฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก อายุของหานเหมยมันโชว์หราขนาดนี้ นายห้ามทำเรื่องผิดศีลธรรมเด็ดขาดเลยนะ  ไม่อย่างนั้นนายไม่เหมาะที่จะเป็นคนด้วยซ้ำ!”

“ถ้าฉันจะทำอะไรต้องให้เธอมาสั่งสอนด้วยหรือไง?  กล้าทำให้ฉันโกรธฉันจะฆ่าเธอให้ตายเลยคอยดูสิ!” เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตามองเหมยเหมยอย่างหัวเสีย

“โอ้ย…ฉันกลัวจริง ๆเลย ฉันจะบอกนายเลยนะว่าถ้ากล้าหาเรื่องฉัน ฉันก็จะพาหานเหมยและเสี่ยวเป่าไปด้วย ให้นายอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตเลย!”

เมื่อมีเสี่ยวเป่ากับหานเหมยอยู่ด้วย เหมยเหมยไม่รู้สึกกลัวเฮ่อเหลียนเช่อเลยสักนิด ด่าแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาหาทำหน้านิ่งมองไปที่เฮ่อเหลียนเช่อด้วยท่าทีจริงจัง เขาไม่พูดอะไรสักคำแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับอ่านสายตาของเขาออกว่าสื่อถึงอะไรจึงหุบปากอย่างว่าง่าย ฟ้องอย่างน้อยใจหน่อย ๆว่า “ผู้หญิงบ้านี่ยังดุกว่าพ่ออีก ลูกอย่าคอยแต่เข้าข้างคนนอกสิ!”

“คุณน้าไม่ใช่คนนอก พ่องี่เง่าอีกแล้วนะ!”

เสี่ยวเป่าส่ายศีรษะ สมองของพ่อเขาเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ โชคดีที่มีเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นพ่อเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง!

“พ่อจะพาพี่สาวไปแต่งงานที่อเมริกาก็ได้นะ ที่นั่นอายุ 16 ก็แต่งงานได้แล้ว!” เสี่ยวเป่าเสนอขึ้น เขาอ่านกฎหมายของประเทศใหญ่ ๆรอบโลกมาจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ความรู้ด้านกฎหมายที่สำคัญเขาล้วนจำได้ขึ้นใจ

ดวงตาของเฮ่อเหลียนเช่อเป็นประกายขึ้นมา ใช่สิ…เมืองอลาสก้าในอเมริกาขอแค่อายุ 16 ปีก็แต่งงานได้แล้ว เพียงเท่านี้เวลาก็จะลดลงไปครึ่งหนึ่งเลย!

ปีครึ่งก็ลดลงไม่น้อยนะ!

“ลูกชาย…รีบช่วยพ่อคิดหน่อยสิ ยังมีวิธีไหนที่ทำให้พี่สาวเราโตไวกว่านี้ไหม?”

เฮ่อเหลียนเช่อมองเสี่ยวเป่าอย่างมีความหวัง ความสุขของชีวิตคู่ของเขาก็ขึ้นอยู่กับลูกชายเขาแล้วล่ะ!

คนที่คาดหวังรอคอยอยู่เช่นกันก็คือหานเหมย จริง ๆตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อได้แล้ว แต่ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะดูไม่รักนวลสงวนตัวอยู่สักหน่อย ภายในใจของหานเหมยสับสนพอสมควรเพราะไม่รู้ว่าจะแต่งหรือไม่แต่งดี!

หากแต่งงานแล้วก็สามารถอยู่กับอาเช่อได้แต่อายุของร่างกายเธอก็บ่งบอกอย่างชัดเจน ถ้ามีอะไร…เร็วเกินไปละก็คงไม่ดีต่อร่างกายแน่ ตอนนี้เขาใช้ร่างกายคนอื่นอยู่ ฉะนั้นควรคิดให้รอบคอบหน่อยดีกว่า ไม่เช่นนั้นคงรู้สึกผิดกับเจ้าของร่างน่าดู

แต่ทว่าถ้าไม่แต่งงาน ในใจเธอก็รู้สึกทรมานไม่น้อย…

เหมยเหมยที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดเสียงเรียบว่า “เฮ่อเหลียนเช่อ นายมีเป็ดว่ายน้ำอยู่ในสมองเหรอ? อยากจะให้โตไวหน่อยง่ายจะตายไป ทำเอกสารให้อายุมากหน่อยก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ นายจะอยากให้มีอายุ 30 ปีก็ไม่ใช่ปัญหา…แต่นายแน่ใจนะว่าอยากจะแก้? นายกล้าลงมือกับเด็กอายุ 14 ปีได้ลงคอเหรอ ความดีของนายไม่นึกปวดใจบ้างหรือไง?”

เฮ่อเหลียนเช่อดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่ง จริงด้วย ทำไมเขานึกไม่ถึงนะว่าสามารถเปลี่ยนอายุให้มากขึ้นได้ ในที่สุดจ้าวเหมยบ้านี่ก็พูดภาษาคนแล้ว!

ส่วนเรื่องความดีนั้น…

เขาเฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่แล้ว!

……………………………………….

ตอนที่ 2596 หนีเงื้อมมือของใครบางคนไม่รอด

เฮ่อเหลียนเช่อกลัวว่าถ้ามัวแต่ช้าจะไม่ทันการณ์จึงตัดสินใจกลับฮวาเซี่ยโดยเร็วแล้วจัดการทำเอกสารปลอมตัวให้กับหานเหมย หานเหมยมีหน้าตาไม่เหมือนชาวฮวาเซี่ยจึงทำได้เพียงทำเอกสารชาวหุยให้กับเธอ

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้น

“เดี๋ยวฉันจะโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ เขียนอายุเป็น 20 ปี แล้วใช้ชื่อจีนว่าหานเหมย พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว สามีชื่อว่าเฮ่อเหลียนเช่อ มีลูกชายชื่อเสี่ยวเป่า…”

ยิ่งเฮ่อเหลียนเช่อพูดก็ยิ่งดูสวยงาม รอยยิ้มบนใบหน้าแทบล้นทะลักออกมาอยู่แล้ว หานเหมยก็ยิ้มจนหน้าบาน เรื่องน่าเศร้าในชาติที่แล้ว ในที่สุดครั้งนี้ก็เป็นจริงสักที

เสี่ยวเป่าก็ดีใจเช่นกัน เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเห็นพ่อของเขาดื่มเหล้าเพื่อขจัดความทุกข์อีก ช่วงสามปีมานี้เขามักจะเห็นเฮ่อเหลียนเช่อมองพระจันทร์แล้วนั่งดื่มเหล้าในตอนดึก ๆอยู่หลายครั้ง

แต่เล่อเล่อกลับไม่เข้าใจ เธอเงยหน้ารูปไข่ขึ้นถามว่า “พี่…แต่พี่สาวจะเป็นแม่ไม่ได้นะ…”

พี่สาวก็คือพี่สาว แม่ก็คือแม่ พ่อของพี่โง่จริง ๆเลย แค่นี้ก็แยกแยะไม่ออก

หานเหมยหน้าแดงระเรื่อแล้วรีบงุดหน้าลงด้วยความเขิน เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะร่า “เป็นพี่สาวก่อนแล้วค่อยเป็นแม่ก็ได้ วันหลังเราก็ต้องเรียกแม่นะ!”

เล่อเล่อกะพริบตาปริบ ๆเอ่ยคัดค้านว่า “หนูมีแม่แล้ว…”

เหมยเหมยอุ้มลูกสาวตัวอ้วนขึ้นมาแล้วจุ๊บลงแก้มของเธอทีหนึ่ง “น่ารักจริง ๆ ลูกกับพี่ชายไปเที่ยวกันเถอะนะ!”

“ในสมองของนายมีฮิปโปโปเตมัสว่ายอยู่หรือไง หานเหมยอายุ 20 ปี แล้วลูกชายอายุ 3 ปี คลอดลูกตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี นายกลัวว่าทางหน่วยงานราชการจะไม่รู้ว่านายพรากผู้เยาว์งั้นเหรอ?”

เหมยเหมยมองเฮ่อเหลียนเช่อที่สมองเลอะเลือนอย่างเย้ยหยัน เมื่อก่อนทำไมถึงดูไม่ออกว่าสติปัญญาของเจ้าหมอนี่มีปัญหานะ คุณครูพละสอนวิชาเลขให้หรือไง!

เฮ่อเหลียนเช่อตบหน้าผากตัวเองอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก “ถ้าอย่างนั้นก็เพิ่มให้อายุมากขึ้นอีกสามปีละกัน!”

ถึงอย่างไรเสียก็เพิ่มอายุมาตั้งมากแล้วเพิ่มมาอีกสามปีคงไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ไม่กระทบต่อความสุขในชีวิตเขาก็พอ ส่วนหานเหมยต้องไม่มีข้อคัดค้านอะไรอยู่แล้ว อย่าว่าแต่สิบปีเลย ต่อให้เป็นยี่สิบปี เธอก็ไม่มีปัญหาอะไร

เหมยเหมยยักไหล่แล้วถามหานเหมยว่า “เธอไม่คิดจะลองใช้ชีวิตโสดสักปีสองปีเหรอ? ชีวิตโสดดีมากเลยนะ จะไปไหนก็ได้ตามใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ เป็นอิสระมาก ไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ วันหลังเธอออย่ามาเสียใจทีหลังละกัน!”

หัวใจของเฮ่อเหลียนเช่อเต้นตึกตักพร้อมแอบก่นด่าเหมยเหมยอยู่ในใจ ยัยบ้าสมควรตายนี่ วันหลังจะปล่อยให้หานเหมยไปกับยัยบ้านี่ไม่ได้!

หานเหมยส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ “ไม่เลย ความฝันของฉันคือได้เป็นภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างถูกต้องตามกฎหมาย!”

เฮ่อเหลียนเช่อดีอกดีใจแล้วกลอกตาใส่เหมยเหมยอย่างได้ใจทีหนึ่ง โชคดีที่ความรู้สึกของหานเหมยหนักแน่นยิ่งกว่าทองคำจึงไม่ถูกมนตร์ร้ายของใครบางคนสะกดเข้า!

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพวกเธอเถอะ ฉันยังต้องพาเล่อเล่อไปเล่นสกีที่สวิสเซอร์แลนด์ พวกเราก็แยกทางกันตรงนี้นะ บ๊ายบาย!” เหมยเหมยจะยังไม่กลับประเทศตอนนี้ เธอยังเที่ยวสนุกไม่พอเลย!

คราวนี้เธอจะเที่ยวสนุกจนลืมวันลืมคืนแล้วค่อยกลับบ้านเพื่อทำให้ใครบางคนร้อนใจเล่น!

แต่ว่านอร์แมนและเอ็ดดี้ต่างได้รับบาดเจ็บจะให้พวกเขาออกเดินทางทันทีก็คงไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เหมยเหมยสับสน เธอจะให้สองคนนี้กินยาวิเศษดีไหมนะแล้วค่อยหาที่ปลอดภัยให้พวกเขาพักฟื้นร่างกาย

ลูกน้องคนหนึ่งได้รับข้อความ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดินมาหาเหมยเหมยแล้วเอ่ยแนะนำว่า “อาการบาดเจ็บของพวกนอร์แมนหนักมากเลยครับ หรือว่าจะไปเมืองใกล้ ๆพักฟื้นก่อนสักสองสามวันแล้วค่อยออกเดินทางไหมครับ!”

เหมยเหมยครุ่นคิดสักพักแล้วจึงตอบตกลง  เมืองที่ใกล้ที่สุดต้องใช้เวลาขับรถ 5 ชั่วโมง ที่นั่นค่อนข้างสงบ ไม่นานพวกเหมยเหมยก็มาถึงเมืองนี้เรียบร้อย เฮ่อเหลียนเช่อและหานเหมยก็ตามมาเช่นกันเพราะว่าหานเหมยยังเป็นห่วงเหมยเหมยจึงอยากจะตามมาด้วยตัวเอง

“เธอไม่ต้องกังวลหรอก จ้าวเหมยหนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เธอดูนะ ไม่เกินสามวันเหยียนหมิงซุ่นต้องมาจับตัวไปแน่นอน!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดด้วยความมั่นใจ

……………………

Related

ตอนที่ 2593 ต่างได้รับสิ่งที่ต้องการ

เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจอย่างมากที่อาราฟัตเลี่ยงจะตอบคำถามเขา แต่เมื่อเอ่ยถึงหานเหมยเขาก็ยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “เมียของฉันแกจะมายุ่งอะไรด้วย? ไม่ใช่ลูกสาวแกสักหน่อย แกไม่ต้องมาเปลี่ยนประเด็นเลย ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้? แกจงใจจะรอเอาผลประโยชน์อย่างเดียวเลยสิท่า?”

กล้าดียังไงมาหลอกใช้คุณชายเช่อที่เก่งกาจอย่างเขา คงใช้ชีวิตบนโลกนี้เบื่อแล้วสินะ!

“ก็ใช่สิ…แกเป็นคนเสนอเอง ถ้าฉันไม่ใช้ประโยชน์สักหน่อยก็น่าเสียดายแย่!” อาราฟัตตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว มุมปากยังมีรอยยิ้มบาง ๆปรากฏอยู่ด้วย

ก่อนเฮ่อเหลียนเช่อจะโมโห อาราฟัตก็ชิงพูดขึ้นว่า “แกก็ไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อยแถมยังได้สิ่งที่แกต้องการด้วย ฉันก็ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ วินวินทั้งคู่ ยังจะไม่พอใจอะไรอีก?”

สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อขรึมลง หลอกใช้เขาแล้วยังกล้าพูดอย่างหน้าไม่อายอีกเหรอ?

ร่างกายของเขาเคลื่อนไปอยู่ด้านหลังของอาราฟัตราวกับวิญญาณอย่างรวดเร็ว ล็อคคอแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีใครกล้าทิ้งฉันไว้แบบนี้แล้วยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้!”

อาราฟัตคาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเช่อบทจะไม่พอใจก็ไม่พอใจขึ้นมาเลย อีกอย่างทักษะการเคลื่อนไหวของเขาก็ว่องไวมาก รอเขามีสติโต้ตอบก็ถูกเฮ่อเหลียนเช่อสะกัดจุดที่สำคัญไว้แล้ว

“แกคิดจะทำอะไร…ที่นี่มีแต่คนของฉัน…” อาราฟัตตะโกนร้อง

“วางใจเถอะ ถ้าฉันคิดจะหนี ต่อให้คนของแกมากกว่านี้สิบเท่าฉันก็หนีได้สบาย ๆ แกคิดว่าคนของแกแค่นี้จะจับฉันได้เหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจเลยสักนิดพร้อมออกแรงมือให้รัดคอแน่นขึ้น อาราฟัตหายใจไม่ออก ดวงตาเริ่มพร่ามัว ใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เขารู้แล้วว่าหนุ่มชาวตะวันออกคนนี้ลงมือฆ่าถึงตายได้เลย

“ถ้าแกฆ่าฉัน แกจะไม่มีวันได้รู้เลยว่าหานเหมยอยู่ที่ไหน?” อาราฟัตตะโกนบอก

ใจของเฮ่อเหลียนเช่อเต้นแรงแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “แกทำอะไรหานเหมย?”

“ฉันจะไปทำร้ายหานเหมยได้ยังไง ฉันเห็นเธอมาตั้งแต่เล็ก ถ้าไม่ใช่ฉันป่านนี้หานเหมยคงโดนนาสซาร์จับตัวไปแล้ว” อาราฟัตพูดตามสัตย์จริง

เฮ่อเหลียนเช่อมองเขาด้วยความสงสัย อาราฟัตฝืนยิ้ม “พูดจริง ๆนะ ความตายของซารต์เกี่ยวข้องกับฉันนิดหน่อย แต่หานเหมยเป็นลูกของผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุด ฉันจึงไม่ทำร้ายเธอแน่นอน!”

“เธออยู่ที่ไหน?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงขรึม

ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดุร้ายอย่างที่รูปลักษณ์ภายนอกบ่งบอกแต่เขาเป็นคนเจ้าแผนการ ฉลาดแกมโกง เขาไม่เชื่อคำพูดที่อาราฟัตพูดเลยสักนิด

อะไรคือผู้หญิงที่ฉันรัก?

ถ้าเป็นผู้หญิงที่รักจริง คืนนั้นจะปล่อยให้นาสซาร์ฆ่าผู้หญิงคนนี้ง่าย ๆได้อย่างไร?

“หานเหมยถูกนาสซาร์จับตัวไปแล้ว น่าจะอยู่ในบ้านหลังนั้น!” อาราฟัตกล่าว

จริง ๆแล้วหานเหมยก็เป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการที่อาราฟัตวางเอาไว้ เพราะเขากำลังกังวลว่าจะล่อให้นาสซาร์ออกมาได้อย่างไร แต่จากนั้นหานเหมยก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี อาราฟัตจึงนึกแผนการขึ้นได้แล้วส่งหานเหมยไปเป็นตัวล่อ เพียงเท่านี้นาสซาร์ก็อาจจะตื่นเต้นมากจนไม่ทันระแวดระวังตัวเท่าเมื่อก่อน…

แล้วความจริงก็พิสูจน์ได้ว่าการตัดสินของเขานั้นถูกต้อง

เฮ่อเหลียนเช่อผลักเขาออกแล้วพุ่งไปทางบ้านหลังนั้นตามที่เขาบอก

ทางด้านเหมยเหมยก็มารวมตัวกับเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ เธอตีก้นของเด็กทั้งสองคนละสามครั้งด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบาเลย

“ครั้งหน้าถ้ายังกล้าหนีออกจากบ้านอีกจะตีให้ก้นลายเลย!” เหมยเหมยเอ่ยด้วยความโมโห

ไม่มีกฏระเบียบเอาซะเลย!

“แม่ ตีคนเลว!” เล่อเล่อรู้สึกน้อยใจมาก เธอสู้กับคนเลวแล้วทำไมถึงโดนตีก้นล่ะ แม่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

“ต่อสู้กับคนเลวเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่เราแอบหนีออกมาไม่บอกแม่สักคำ รู้หรือเปล่าว่าแม่กังวลใจมากแค่ไหน…”

เหมยเหมยสั่งสอนไปชุดใหญ่ สองมือของเล่อเล่อกุมก้นของตัวเองไว้แล้วเบะปากอย่างไม่พอใจ

แม่ชอบกังวลเกินเหตุ เธอกับพี่ชายเก่งขนาดนี้แล้วยังมีเสวี่ยเสวี่ยกับฉิวฉิวอีก จะโดนรังแกได้อย่างไรกัน?

……………………………………….

ตอนที่ 2594 ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปที่ไหนก็แต่งงานไม่ได้

เหมยเหมยบ่นอยู่พักใหญ่จนคอเริ่มแห้งถึงได้หยุดบ่น จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าเล่อเล่อหน้าบูดบึ้งเบะปากจนจะสามารถแขวนซีอิ๊วได้อยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกลับเหมือนเมื่อก่อน

นับว่ามีพัฒนาการไปในทางที่ดี เหมยเหมยรู้สึกพึงพอใจมากเพราะอย่างน้อยก็โตขึ้นมาหน่อยซึ่งไม่ได้ไร้เหตุผลเหมือนตอนเด็ก ๆแล้ว

แต่ทว่า—

เสี่ยวเป่ากลับพยายามส่งซิกทางสายตาให้เล่อเล่อตลอด เป็นสัญลักษณ์ที่พวกเขาเข้าใจกันแค่สองคน

“อย่าเถียงคุณน้านะ ไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้นอนแน่”

“อืม แม่พูดมากจังเลย!”

“ตามประสบการณ์ของพี่ ปกติคุณน้าจะบ่นราวครึ่งชั่วโมงก็หยุดพักดื่มน้ำแล้ว พอดื่มน้ำเสร็จก็เข้านอนต่อ”

เล่อเล่อพยักหน้าหงึก ๆ แม่เป็นคนแบบนี้เลย พี่นี่เก่งจริง ๆแม้แต่เรื่องนี้ยังรู้!

และด้วยความพึงพอใจนั้นเธอจึงไม่ได้บ่นต่อ พอเทน้ำไปได้ครึ่งแก้วก็วิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของนอร์แมนและเอ็ดดี้ แม้ว่าแผลจะหนักอยู่แต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต หลังจากที่ได้ยาห้ามเลือดของเหมยเหมยแล้ว เลือดก็หยุดไหลอย่างรวดเร็วแล้วก็เริ่มรู้สึกตัว

สำหรับพวกเขาที่เป็นทหารรับจ้างมาหลายปีอาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่ได้ถือว่าร้ายแรงอะไร พวกเขากลับมีความสุขมากกว่า รอยยิ้มบนใบหน้าแทบล้นทะลักออกมาแล้ว

เพราะพวกเขาจะได้เงินบำนาญก้อนโตในไม่ช้านี้!

เฮ่อเหลียนเช่อหาหานเหมยเจอแล้ว สองคนนั้นอยู่ในบ้านครู่ใหญ่ถึงจะโผล่ออกมา ไม่รู้มัวแต่ทำอะไรอยู่ในนั้น

“นายกะจะฆ่านาสซาร์ตอนไหน?” เฮ่อเหลียนเช่อถามอาราฟัต

“การสืบสวนจะมีขึ้นในเดือนหน้า และนาสซาร์จะต้องรับคำตัดสินจากประชาชน” อาราฟัตกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มอย่างเย็นชา พูดแล้วเหมือนฟังดูดีแต่คนที่อยากให้พ่อของหานเหมยตายมากที่สุดก็คือเจ้าหนุ่มนี่แหละ นาสซาร์ก็แค่พลาดท่าออกตัวฆ่าคนก่อนเพราะอดทนไม่ไหวถึงต้องมาเป็นคนรับผิดแทนอาราฟัตนี่ไง

ทว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาแค่อยากจะพาเมียกลับบ้าน

หานเหมยพุ่งไปหาอาราฟัตแล้วโค้งคำนับให้หนึ่งที “ลาก่อนค่ะ คุณลุงอาราฟัต!”

เมื่อครู่เธอถามเฮ่อเหลียนเช่อมากมายหลายเรื่องจึงทราบถึงแผนการของเขาและอาราฟัตซึ่งไม่นานก็รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกอาราฟัตหลอกใช้เข้าแล้ว อีกอย่างพอเธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว เป็นไปได้มาก ๆว่าการตายของครอบครัวเจ้าของร่างนี้เมื่อปีที่แล้วอาจจะเกี่ยวข้องกับอาราฟัตก็เป็นได้

ความลับของคน ๆนี้เก็บลึกขนาดไหนกันนะ!

ภายนอกแสร้งทำเป็นคุณลุงที่มีจิตใจเมตตาแต่เบื้องหลังกลับฆ่าคนอย่างอำมหิต น่ากลัวกว่านาสซาร์เสียอีก!

ตอนนี้หานเหมยคิดแค่อยากไปจากที่นี่โดยเร็วแล้วกลับฮวาเซี่ยที่แสนสงบสุขใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

เฮ่อเหลียนเช่อมองไปที่อาราฟัตที่กำลังยิ้มแย้มด้วยสายตาที่แฝงนัยยะบางอย่าง เขาไม่ได้โง่ ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่าโดนเจ้าจิ้งจอกนี่หลอกใช้ โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาไม่แย่แต่ทำไมเขาถึงได้กลืนความรู้สึกแย่นี้ได้ยากจังนะ รอพาหานเหมยกลับไปได้ก่อนเถอะ เขาจะต้องให้บทเรียนลงโทษที่สาสมกับอาราฟัตอย่างแน่นอน

“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันต่อ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“แน่นอนว่าต้องออกจากที่นี่ก่อน ที่บ้า ๆแบบนี้ไม่ใช่ที่ที่คนควรอยู่ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการทำเอกสารปลอมสถานะในอเมริกาให้หานเหมยก่อน งั้นไปอเมริกาก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อแล้วกัน” เฮ่อเหลียนเช่อมีแผนในใจแล้ว

“ฉันไม่อยากได้เอกสารปลอมตัวที่อเมริกา ฉันอยากกลับฮวาเซี่ย” หานเหมยยืนยันหนักแน่น

เธออยากจะกลับไปดูแลแม่ ไม่รู้ว่าตอนนี้สุขภาพของแม่จะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะต้องทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้ดีที่สุด

“ใช่ กลับฮวาเซี่ยดีกว่า อเมริกาไม่ใช่ที่ที่น่าอยู่สักหน่อย!” เหมยเหมยเห็นด้วย

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูก “ถ้าอย่างนั้นกลับฮวาเซี่ยก็ได้ เชื่อเธอแล้วกัน”

หานเหมยยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก สองสายตาประสานกัน เกิดเป็นประกายไฟ เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกปวดฟันขึ้นมาจึงจงใจพูดแหย่ว่า “ไม่ว่าพวกเธอจะไปที่ไหน อย่างไรเสียหานเหมยก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แถมยังต้องเข้าเรียนอีก เรื่องแต่งงานไม่ต้องไปคิดถึงมันเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้าเต็มหน้า เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน

……………………

Related

ตอนที่ 2591 ถูกเทแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อสู้หนึ่งต่อสิบ พอมีเขาอยู่ด้วย เพียงไม่นานก็จัดการผู้คนจำนวนมากที่อยู่ข้างกายนาสซาร์ได้สำเร็จ นาสซาร์ค่อย ๆปรากฏกายออกมา จากสีหน้าเย็นชาก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ในมือถือปืนอยู่ แม้แต่ช่วงเวลาที่ถอยหลังสลายตัวก็ยังสบถด่าไปด้วย

“จะหนีหรือ? ฉันมาถึงนี่แล้ว ชีวิตแกก็ทิ้งไว้ที่นี่ซะเถอะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ปืน AK ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนยิงกราดอย่างบ้าคลั่ง พวกผู้ก่อการร้ายต่างล้มลงเกลื่อนพื้น แต่ทว่าด้านหลังกลับมีกองเสริมโผล่เข้ามาอีกและพยายามปกป้องนาสซาร์ไว้ตรงกลาง

มีคนมากมายยินดีจะเป็นโล่ห์กำบังให้กับนาสซาร์ นี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการล้างสมองของนาสซาร์เยี่ยมยอดเลยทีเดียว เกลี้ยกล่อมคนที่มีชีวิตอยู่มากมายคอยกันกระสุนและระเบิดให้เขาโดยไม่กลัวเจ็บกลัวตายแม้แต่น้อย

“พี่…น้องฆ่าคนเลวตายไปอีกคนแล้ว”

เฮ่อเหลียนเช่อซ่อนเล่อเล่อไว้ในจุดลับตาที่สุด ขอเพียงแค่เด็กทั้งสองคนไม่ขยับตัว คนร้ายจะไม่มีทางเจอพวกเขาอย่างแน่นอน เมื่อเป็นแบบนี้เฮ่อเหลียนเช่อจะได้จัดการคนชั่วได้อย่างสบายใจ

“เล่อเล่อเก่งที่สุดเลย…พักหน่อยเถอะ!” เสี่ยวเป่าเอ่ยชมไม่หยุด

“ไม่…ฆ่าคนเลว!”

เล่อเล่อกำลังเพลิดเพลินกับการจัดการคนเลว เธอแสยะยิ้มและไม่ยอมคืนปืนให้ หลังจากกลับบ้านไปเธอจะให้พ่อทำปืนแบบนี้ให้สักกระบอก เธอจะได้ไม่ต้องแบ่งใช้กับพี่ชาย

นกตัวน้อยตัวหนึ่งบินมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเป่าพร้อมส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ สีหน้าของเสี่ยวเป่าแสดงออกถึงความดีใจแล้วพูดขึ้นว่า “คุณน้ามาแล้ว!”

“ช่วยแม่จัดการคนเลว!”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย เธอไม่ได้เจอแม่มาตั้งหลายวันในใจรู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก แต่ว่าอยู่กับพี่ชายและคุณอาก็สนุกมากเหมือนกัน ถ้าแม่มาร่วมมือกับคุณลุงได้ก็เยี่ยมไปเลย เพราะเธอก็จะได้ไม่ต้องคิดถึงแม่แล้วก็ไม่เบื่อด้วย

การต่อสู้ดุเดือดมาก ลูกน้องของนาสซาร์น้อยลงเรื่อย ๆพร้อมบนพื้นก็เต็มไปด้วยซากศพเกลื่อนกลาด เฮ่อเหลียนเช่อฆ่าคนไม่ยั้ง ถือปืน AK ไปในเขตที่ดูเหมือนไม่มีใครแต่พอยิงกราดใส่เป็นชุดก็มีคนผู้ล้มตายไม่น้อย

แต่ทว่านาสซาร์เป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้คงฆ่าไม่ได้ง่าย ๆอยู่แล้ว หลังจากผ่านอาการตื่นกลัวมาสักพักนาสซาร์ก็เริ่มสงบสติลงได้และเริ่มที่จะออกคำสั่งให้ลูกน้องโจมตีกลับ ทันใดนั้นก็เริ่มโต้กันไปมาไม่หยุด

อีกอย่างเหมือนนาสซาร์จะรู้ว่าแท้จริงแล้วฝั่งเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้มีคนมากมายอย่างที่เขาคิด พวกนั้นมีเพียงแค่ไม่กี่คน เขาจึงยิ่งรู้สึกฮึกเหิมนำลูกน้องโต้กลับ

อย่างไรเสียคนน้อยกว่าก็ย่อมต่อกรกับคนมากกว่าได้ยาก ลูกน้องของนาสซาร์มีการโยกย้ายคนมาเพิ่มจึงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ฝั่งของเฮ่อเหลียนเช่อกลับมีอยู่กันไม่กี่คน ต่อให้ฝีมือของเฮ่อเหลียนเช่อจะเก่งกาจแค่ไหนแต่คงสู้กับอาวุธที่โต้กลับมามากมายขนาดนี้ไม่ไหวแน่นอน

“บ้าเอ๊ย…ทำไมคนของอาราฟัตยังไม่มาวะ…” เฮ่อเหลียนเช่อก่นด่า

เขากับอาราฟัตตกลงกันไว้ว่าเขาจะโจมตีนาสซาร์ก่อน พอล่อเจ้าหมอนี่ออกมาได้แล้วหลังจากนั้นคนของอาราฟัตก็จะมาล้อมเอาไว้แล้วจัดการพวกนี้ให้ตายเกลี้ยง

แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปตั้งนานก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกอาราฟัต ถ้ายังไม่มาอีกเฮ่อเหลียนเช่อคงต้องยอมแพ้แล้วหนีไปก่อน แต่ภายหลังถ้าจะให้ล่อนาสซาร์ออกมาอีกก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว

“บ้าเอ๊ย อยู่ดี ๆก็กล้ามาทิ้งกันง่าย ๆ รอกลับไปก่อนเถอะจะจัดการฆ่าทิ้งซะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อนึกว่าตนเองถูกหลอกแล้วจึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงพลางมองคู่ต่อสู้ที่เขยิบเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แล้วหันไปมองพวกนอร์แมนสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ สองคนนี้นับว่าใช้ได้เลย ขนาดบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ยังพยายามจะสู้ต่อ

“ถอย!”

เฮีอเหลียนเช่อโบกมือแล้วหันไปตะโกนบอกพวกนอร์แมนว่าเตรียมถอย วันหลังค่อยคิดหาวิธีฆ่านาสซาร์ใหม่!

เสี่ยวเป่าตะโกนร้อง “ยังมีคุณน้าอีกคน…”

เฮ่อเหลียนเช่อตบหน้าผากตัวเอง เขาลืมพวกจ้าวเหมยไปเสียสนิท เขาไม่อยากกลับไปช่วยเลยแต่ถ้าเขาทำแบบนี้เสี่ยวเป่าคงไม่ปล่อยไปง่าย ๆแน่

เขามุ่นคิ้วแล้วเตรียมหันกลับไปช่วยพวกเหมยเหมยอีกสามคน แต่แล้วก็เกิดเสียงดังเหมือนประทัดขึ้นในทันใด คนของอาราฟัตปรากฏตัวแล้ว แถมยังมีรถหุ้มเกราะมาอีกหลายคันด้วย

……………………………………….

ตอนที่ 2592 หัวเราะที่หลังสุด

อาราฟัตก็อยู่ในทีมเช่นกัน เขามองนาสซาร์ที่ดูสีหน้าย่ำแย่อย่างเย็นชา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

รอมาตั้งนาน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

คนหัวเราะหลังสุดถึงจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง นาสซาร์ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

“ที่แท้ก็เป็นแกเองหรอกเหรอ!” เพียงแค่เห็นอาราฟัตนาสซาร์ก็รู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว เขารู้ตัวเลยว่าอำนาจของเขาจะหมดลงในวันนี้

อาราฟัตยิ้มอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าต้องเป็นฉันอยู่แล้ว ตอนที่แกฆ่าซารต์ตายไป แกก็ควรจะรู้ไว้ว่าแกก็ต้องมีจุดจบอย่างวันนี้เช่นกัน เห็นแก่ความรู้สึกดี ๆที่ยังหลงเหลืออยู่ฉันจะให้ซากศพแกเป็นรางวัล!”

“แกก็อยากฆ่าซารต์ไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาไม่ตาย พวกเราก็เป็นแค่ลูกน้องตัวเล็ก ๆ อาราฟัต แกก็แค่เสแสร้งเก่งกว่าฉันเท่านั้นเอง…ฉันไม่รู้เลยว่าแกจะแอบซ่อนอาวุธใหม่ ๆไว้เยอะขนาดนี้…แกนี่ซ่อนเก่งจริง ๆ!”

นาสซาร์ไม่พอใจอย่างมากตรงที่เขาประเมินอาราฟัตที่ดูไม่สนใจชิงดีชิงเด่นคนนี้ต่ำเกินไป

อาราฟัตยอมที่จะอยู่ในหมู่บ้านยากจนข้นแค้นโดยไม่เถียงอะไร ไม่ชิงดีชิงเด่นอะไรทั้งนั้น ดังนั้นในบรรดาลูกน้องของซารต์เขาจึงไม่ค่อยเป็นที่โปรดปราณเท่าไร แต่ใครจะคิดว่าคนนอกสายตาคนนี้กลับมีอำนาจมากที่สุด

“ฉันต้องซ่อนไว้ให้ลึกหน่อยอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแกจะแบกรับคำครหาที่ฆ่าซารต์นี่ได้อย่างไรล่ะ? การที่ฉันฆ่าแกก็เพื่อแก้แค้นให้กับซารต์ และแน่นอนว่าใคร ๆก็จะต้องขอบคุณฉัน”

อาราฟัตยิ้มน้อย ๆขณะพูดราวกับมองคนโง่ เขามองนาสซาร์ที่มีสีหน้าซีดเผือดอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า

ทุกคนต่างคิดว่านาสซาร์ฉลาดเป็นกรด ทะเยอทะยาน เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่…แต่เขาเป็นเพียงแค่คนโง่เง่า ไม่เคยเจอใครที่โง่ได้เท่านาสซาร์อีกแล้ว!

ถ้าเขาคิดจะฆ่าซารต์ สิบปีก่อนหน้านี้เขาก็ฆ่าได้ แต่ถ้าเขาฆ่าเขาก็จะกลายเป็นนาสซาร์คนที่สอง แบกรับคำด่า อีกทั้งอำนาจที่มีจะอยู่ภายใต้ความระแวงซึ่งเขาคงรับไม่ไว้

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทน หนึ่งปี สองปี สามปี…ต่อให้ไม่ยินดีขนาดไหนก็ต้องทน

จนในที่สุดเขาก็รอนาสซาร์โผล่มา!

นาสซาร์เหมือนคิดอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนฉับพลันแล้วตะคอกด้วยความโกรธว่า “ปีที่แล้วคนที่บอกฉันว่าซารต์จัดงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านก็คือแก แกจงใจใช่ไหม?”

“ใช่สิ…ถ้าฉันไม่พูดแบบนั้น จะมีใครวิ่งแจ้นไปฆ่าเขาถึงที่นั่นล่ะ!” อาราฟัตพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อย

นาสซาร์โกรธจนแทบกระอักเลือด ถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเขาเป็นผู้แพ้อย่างสิ้นเชิง ความสำเร็จที่เขานึกว่าได้มาที่แท้ก็ล้วนเป็นแผนการชั่วร้ายของอาราฟัตตาบ้านี่ทั้งนั้น

“แกมันเจ้าเล่ห์จริง ๆ ฉันขอยอมแพ้!”

นาสซาร์ที่คิดได้ก็นึกโกรธก่อนที่จะกลับมาสงบลงในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ชนะทำอะไรก็ถูก ผู้แพ้อย่างไรก็ไร้ข้อแก้ตัว แพ้แล้วก็ต้องตาย ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว!

อาราฟัตโบกมือให้ลูกน้องพานาสซาร์และลูกน้องของเขาไป แน่นอนว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ฆ่านาสซาร์หรอก เขาจะพิพากษานาสซาร์ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ประกาศให้ผู้คนรับรู้ถึงความชั่วร้ายของนาสซาร์และฆ่านาสซาร์ต่อหน้าทุกคนเพื่อนเซ่นให้แก่วิญญาณของซารต์ที่อยู่บนฟ้า

หลังจากนั้นเขาก็จะขึ้นรับตำแหน่งไปโดยปริยายกลายเป็นซารต์คนที่สองของประเทศนี้!

เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้าไปหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ทำไมพวกแกถึงมาช้าขนาดนี้ ช้ากว่าที่นัดกันไว้ตั้ง สิบห้านาทีเต็ม ๆ แกกล้าเล่นลูกไม้กับฉันเหรอ!”

อาราฟัตมองไปที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ฉันก็มาแล้วไม่ใช่หรือไง ตอนนี้แกเอาตัวหานเหมยไปได้แล้ว หวังว่าแกจะดูแลเธอดี ๆ!”

เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อหานเหมยเพราะแม่ของเธอเป็นบุคคลที่เขารักมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงคิดจะฆ่าซารต์

ความแค้นที่แย่งคนรักไปคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!

ด้วยเหตุนี้หานเหมยถึงได้รอดชีวิตในคืนนั้น!

………………………

Related

ตอนที่ 2589 ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม

ตามด้วยมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากริมทางที่แต่ละคนดูท่าทางตื่นกลัววิ่งอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ปากก็กรีดร้องไปด้วย…

“เกิดอะไรขึ้น?”

คนที่คุมตัวพวกเหมยเหมยออกมาสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไปแล้วคว้าตัวคนหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาถามด้วยภาษาท้องถิ่นไม่กี่ประโยค พลันก็ตะโกนร้องหลายทีแล้วหันมามองพวกเหมยเหมยด้วยสายตาอาฆาต

เพียงแต่…

ลูกน้องคนหนึ่งตาไวมือไวรีบชิงปืนมาก่อนที่คนพวกนี้จะลงมือ ลูกน้องอีกคนก็ไม่ช้าไปกว่ากัน ภายในเวลาชั่วพริบตาก็กำราบลูกน้องสามคนที่คุมตัวพวกเขาออกมาพร้อมริบอาวุธมาทั้งหมด

จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง ผู้ก่อการร้ายสามคนล้มลงพื้นพร้อมกลางหน้าผากที่เป็นรูทะลุและดวงตาเบิกกว้าง เกรงว่าจนตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะตายได้กะทันหันเช่นนี้

“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น? เหมือนมีระเบิด” เหมยเหมยบอก

“ฟังดูเหมือนจะมีเหตุระเบิด ผมไปดูสักหน่อย นายอยู่เฝ้าคุณนายตรงนี้แหละ” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นแล้ววิ่งไปยังต้นเสียง

ลูกน้องที่ถูกฝากฝังพาเหมยเหมยไปยังสถานที่โล่งกว้าง

มีผู้คนวิ่งออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานเสียงระเบิดก็สงบลงเหลือเพียงกลุ่มควัน กลางอากาศมีกลิ่นดินปืนเข้มข้น คนที่หนีออกมาไม่ได้วิ่งไปไกลนักแต่ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลเป็นกลุ่มก้อนใหญ่

ลูกน้องที่ไปสืบดูสถานการณ์กลับมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไม่มีคนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ และไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหายด้วย ผมว่าคนที่วางระเบิดไม่ได้มีเป้าหมายฆ่าใคร แค่อยากสร้างเหตุการณ์ตื่นตระหนกเท่านั้น”

“ถ้างั้นก็น่าแปลก ใครจะยอมทุ่มเทสร้างสถานการณ์น่ากลัวขนาดนี้กันล่ะ?” เหมยเหมยเองก็สงสัยเช่นกัน

ภายในหมู่บ้านเฮ่อเหลียนเช่อสวมชุดยาวคลุมเท้าเหมือนคนในพื้นที่ เอ็ดดี้กับนอร์แมนกลับปลอมตัวเป็นหญิงใช้ผ้าบดบังใบหน้าไว้ นอกจากขนาดตัวที่ออกจะสูงเกินไปสักหน่อยก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

“นาสซาร์ออกมาตรวจดูสถานการณ์หรือยัง?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเย็น

“ยัง แต่มีคนไปรายงานเขาแล้ว” เอ็ดดี้ตอบ

“งั้นก็รอไป…” เฮ่อเหลียนเช่อดึงผ้าคลุมหน้าลงแล้วล้วงปืนออกมาจากแขนเสื้อเล็งไปยังจุดที่พักของนาสซาร์ก่อนจะหลุดขำออกมา ก้มหน้าบอกเสี่ยวเป่า “ลูกชาย วันนี้พ่อจะสอนลูกท่าหนึ่ง…”

ยังไม่ทันพูดจบดีเสี่ยวเป่าก็ชิงตัดบทด้วยเสียงเรียบเสียก่อน “ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม ผมรู้ตั้งนานแล้ว”

สามสิบหกกลยุทธ์ในตำราพิชัยสงครามเขาท่องจนคล่องปร๋อแล้ว คุณพ่อคิดว่าเขาอายุแค่สามขวบหรือไง?

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆ ลูกชายฉลาดเกินไปทำให้เขาไม่เหลือความภาคภูมิใจเลย!

เล่อเล่อดวงตาลุกวาว ครั้นเห็นเฮ่อเหลียนเช่อล้วงปืนออกมาก็ตะโกนใส่เสี่ยวเป่า “พี่ชาย…ขอปืนหน่อย จะตีคนร้าย!”

เสี่ยวเป่าแค่ล้วงปืนพกสั้นจากกระเป๋าเสื้อออกมาใส่กระสุนยื่นให้เล่อเล่อ เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างพึงพอใจ เด็กอ้วนคนนี้ทำไมถึงถูกใจเขานักนะ!

“นาสซาร์ออกมาแล้ว พาคนมาด้วยไม่น้อย…เอ๊ะ ทำไมพวกเขาก็มาด้วยล่ะ?” เอ็ดดี้ใช้กล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์เรื่อย ๆก็เห็นพวกเหมยเหมย

“ใครมา?”

เฮ่อเหลียนเช่อแย่งกล้องส่องทางไกลมาก็เห็นพวกเหมยเหมยสามคนเลยอดด่าไม่ได้ “ยัยจ้าวเหมยมายุ่งอะไรด้วย!”

เขากับเสี่ยวเป่าไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าฉิวฉิวที่ฟุบอยู่บนหัวของเสวี่ยเอ๋อร์มาตลอดหายตัวไปแล้ว พวกมันแวบไปหาเหมยเหมย เหมยเหมยเห็นฉิวฉิวก็ดีอกดีใจ เพิ่งจะถามข่าวคราวของเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อฉิวฉิวก็ส่งเสียงร้องให้เธอหลายที

ครั้นเหมยเหมยมองไปตามทางที่ฉิวฉิวชี้ก็เห็นนาสซาร์ออกมาพอดี พร้อมกับลูกน้องอาวุธปืนครบมือกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่จุดเกิดเหตุระเบิด พวกเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นพวกเหมยเหมยรวมถึงลูกน้องสามคนที่เสียชีวิตไป

นาสซาร์คิดว่าพวกเหมยเหมยต้องตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่

เหมยเหมยกระซิบบอกลูกน้องสองคน “เราอ้อมไปจู่โจมนาสซาร์กัน”

……………………….

ตอนที่ 2590 เข้าล้อมนาสซาร์

ลูกน้องสองคนสะดุ้งเฮือกพาลคิดว่าเหมยเหมยบ้าไปแล้วจึงได้แต่เกลี้ยกล่อม “นาสซาร์ยังไม่เจอตัวพวกเรา เราหลบอยู่ตรงนี้ก็พอ ผมคาดการณ์ว่าเหตุระเบิดเมื่อกี้น่าจะมาจากฝีมือของศัตรูนาสซาร์ เรานั่งดูเสือกัดกันก็พอแล้ว”

“ไม่ใช่ศัตรู เป็นพวกเฮ่อเหลียนเช่อกับเสี่ยวเป่า เราต้องไปช่วยพวกเขา” เหมยเหมยอธิบาย

เมื่อกี้ฉิวฉิวมาบอกเธอแล้ว พอได้ฟังเธอก็ตัดสินใจช่วยทันที เช่นนี้แผนการของเฮ่อเหลียนเช่อถึงจะมีโอกาสชนะสูง

“ที่แท้ก็คุณชายเช่อนี่เอง คุณนายอย่าเพิ่งร้อนใจไป ไว้เรามาวางแผนกันดี ๆว่าจะแอบจู่โจมอย่างไรกันดีกว่า”

เพียงแต่ลูกน้องสองคนมีความรอบคอบอย่างมากเพราะเป้าหมายของพวกเขาคือคุ้มครองความปลอดภัยของเหมยเหมย เล่อเล่อหายไปแล้ว พวกเขาจะทำคุณนายหายไปอีกคนไม่ได้

เหมยเหมยไม่พอใจกับความอ่อนแอไม่เด็ดขาดของพวกเขาอย่างมาก ภายในใจเธอไม่มีสิ่งใดสำคัญยิ่งกว่าเล่อเล่อแล้ว

“ฉันไปก่อนล่ะ พวกนายปรึกษากันเสร็จค่อยตามมาแล้วกัน!”

เหมยเหมยกัดฟันแล้วแวบตัวหลบไปอยู่หลังนาสซาร์ ยิงปืนรัวหลายนัดจนล้มไปหลายคน แต่นาสซาร์ที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางกลับไม่เป็นไร

ลูกน้องสองคนจนปัญญาเลยตามมาแต่โดยดี พวกเขาประกบเหมยเหมยไว้ตรงกลางแล้วสบโอกาสตอนที่คนของนาสซาร์ยังไม่ทันตั้งตัวยิงดับไปอีกหลายคน

แต่ก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น ไม่นานนาสซาร์ก็ได้สติพลันทำหน้าขึงขังสบถด่าหลายประโยค จากนั้นก็รีบเปลี่ยนทิศทางกราดยิงมาทางพวกเหมยเหมย

เฮ่อเหลียนเช่อเตรียมพร้อมสำหรับต่อสู้ตั้งนานแล้ว เอ็ดดี้กับนอร์แมนอยู่อีกฟาก สิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้คือกลยุทธ์ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม เฮ่อเหลียนเช่อจุดระเบิดอยู่ทางนี้ล่อนาสซาร์ออกมา เอ็ดดี้กับนอร์แมนก็แอบซุ่มอยู่ทางนั้น

รอเวลาที่คนของนาสซาร์ตกอยู่ในช่วงชุลมุน คนของอาราฟัตที่ซุ่มอยู่ก่อนหน้านี้จะรีบทำการจู่โจมทันที แล้วยิงนาสซาร์ให้จบชีวิตทีเดียว

นอร์แมนกับเอ็ดดี้เห็นนาสซาร์เดินออกมาผ่านกล้องส่องทางไกลจึงเตรียมการซุ่มโจมตี แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีเสียงปืนดังขึ้นจากอีกทาง ดูท่าทางจะเป็นพันธมิตร ทั้งคู่อดมองหน้ากันไม่ได้

“หมอนั่นวิ่งไปทางนั้นทำไม? ไหนว่าเราโจมตีก่อนไม่ใช่เหรอ?” นอร์แมนไม่เข้าใจ

เอ็ดดี้ยักไหล่ “บางทีเขาอาจจะมีกำลังเหลือละมั้ง ขอแค่เงินเรายังอยู่ครบก็พอ มีเงินก้อนนี้ฉันคิดว่าจะกลับไปซื้อฟาร์มที่บ้านเกิดสักที่ ใช้ชีวิตที่ต้องการไม่ออกมาเตร็ดเตร่แบบนี้อีกแล้ว”

นอร์แมนดวงตาลุกวาว เขาก็อยากวางมือจากงานนี้เช่นกัน!

แต่ทั้งคู่เฝ้ารออยู่สักพักก็เริ่มผิดสังเกต เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ฝีมือของเฮ่อเหลียนเช่อแต่เป็นคนอื่น

“หรือจะเป็นคนของอาราฟัต?” เอ็ดดี้ถาม

“เป็นไปไม่ได้ อาราฟัตเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกไม่มีทางออกหน้าช่วยเราก่อนแน่นอน เขาแค่รอให้เราสลายกำลังของนาสซาร์ได้ก่อนแล้วค่อยรอบุกปิดตอนท้าย!” นอร์แมนแย้งและรีบทำการโจมตีไปตาม ๆกัน

ทีนี้กลายเป็นว่ามีศัตรูจากทั้งสามทิศโผล่เข้ามา ในสายตาของนาสซาร์กลับคิดว่าเขากับลูกน้องถูกล้อมไว้แล้วจึงอดโกรธตัวเองไม่ได้ที่เผลอชะล่าใจหลงดีใจเกินไปนึกว่าตามจับตัวหานเหมยมาได้แล้ว แต่กลับทำให้ตัวเองตกสู่อันตราย

“สลายตัว!”

นาสซาร์ไม่อยากต่อสู้ เขาให้ลูกน้องบังอยู่รอบตัวคอยคุ้มกันให้เขาหนีกลับไป ขอแค่กลับไปถึงฐานทัพใหญ่แต่งงานกับหานเหมย ผนวกกลุ่มอิทธิพลเก่า ๆของพ่อหานเหมยเข้ามาก็ไม่มีใครต่อกรกับเขาได้แล้ว

แต่เฮ่อเหลียนเช่อจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร พอเห็นเหตุการณ์ชุลมุนผ่านกล้องส่องทางไกล แม้เฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ค่อยเข้าใจว่ามีกลุ่มอิทธิพลที่สามโผล่มาได้อย่างไรแต่เขาก็คร้านจะสนใจแล้ว หลังจากเห็นนาสซาร์คิดจะหนีเขาก็พาเด็กสองคนพุ่งออกไปปิดล้อมอีกทางหนึ่งไว้

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมีศัตรูแฝงตัวเข้ามาเยอะขนาดนี้? พวกแกทำอะไรกันอยู่!”

นาสซาร์ก็ชักจะลนขึ้นมาเพราะกลุ่มควันแน่นหนาทำให้เขาได้ยินแค่เสียงปืนกลรัว ๆ รวมถึงเสียงระเบิดดังกระหึ่ม สร้างภาพลวงตาว่ามีศัตรูจำนวนมากจนนาสซาร์กับลูกน้องของเขาเริ่มกลัวและทำตัวไม่ถูก

………………

Related

ตอนที่ 2587 ต่างมีความเห็นแก่ตัว

คนเหล่านี้ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษแต่พูดภาษาท้องถิ่น พวกเหมยเหมยไม่เข้าใจสักประโยคเดียว ขณะที่คิดจะถามเป็นภาษาอังกฤษหานเหมยก็เริ่มตอบโต้ยาวเหยียดเป็นภาษาท้องถิ่นลื่นไหลเสียด้วย

พอได้ยินหานเหมยพูดภาษาท้องถิ่นได้คล่องแคล่วขนาดนั้นจึงทำให้คนบนรถสีหน้าผ่อนคลายลงมาก ท่าทางของพวกเขาไม่ได้ตั้งแง่เท่าก่อนหน้านี้แต่ก็ยังไม่วางปืนในมือลง

“ไปกัน เราไปเจออาราฟัต” หานเหมยกล่าว

“พวกเสี่ยวเป่าก็อยู่เหมือนกันใช่ไหม?” เหมยเหมยถาม

“พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน รอเจออาราฟัตก็คงรู้แล้วแหละ” หานเหมยเห็นลูกน้องสองคนทำหน้าระแวงเลยอธิบาย “อาราฟัตไม่ทำร้ายเราหรอก วางใจเถอะ!”

เมื่อครู่เธอได้แนะนำตัวให้คนพวกนี้ไปอย่างชัดเจนแล้ว แม้อาราฟัตไม่ใช่คนดีแต่เทียบกับนาสซาร์กลับมีความภักดีต่อคุณพ่อเธอมากกว่า และยังผูกพันกับเธออยู่บ้าง

“ไปกัน!”

เหมยเหมยเชื่อหานเหมยเลยพุ่งตัวไปขึ้นรถ ลูกน้องสองคนลังเลเพียงอึดใจเดียวก็ขึ้นรถตามไป

ไม่นานพวกเขาก็ได้เจออาราฟัต เขามีรูปร่างสมส่วน พุงใหญ่ หนวดยาว ดูท่าทางแล้วอายุคงราวสี่สิบกว่าปี ยิ้มตาหยีตลอดเวลาดูท่าทางใจดีไม่น้อย

แต่คนที่สามารถเทียบเคียงกับนาสซาร์ได้คงไม่มีทางเป็นคนใจดีเมตตาแน่นอน ความใจดีเป็นเพียงภาพลักษณ์เขาเท่านั้น หานเหมยรู้ดีว่าอาราฟัตผู้นี้เป็นถึงลูกน้องคนโปรดของคุณพ่อของร่างนี้ ไหนจะยังมีประสบการณ์มากกว่านาสซาร์เล็กน้อยอีก

“คนที่พวกเธอตามหากลับไปแล้ว พวกเธอรอที่นี่ได้นะ” อาราฟัตบอก

“พวกเขาไปไหนเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความร้อนใจ

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่ชายตะวันออกคนนั้นบอกว่าสามวันให้หลังเขาจะกลับมาที่นี่ใหม่”

อาราฟัตมองไปที่หานเหมยแล้วสนทนาด้วยภาษาท้องถิ่น ทั้งคู่คุยกันไปสักพักหานเหมยที่เดิมทียังมีสีหน้าเรียบนิ่ง แต่หลังจากคุยไปคุยมาจู่ ๆน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้ม

“ฉันดีใจนะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วยังตามหาจุดพักพิงในชีวิตเจอ ผู้ชายคนนั้นฉันคิดว่าไม่เลวเลย เธอไปอยู่ประเทศฮวาเซี่ยกับเขาได้ เธอต้องชอบสถานที่ดุจสวรรค์แห่งนั้นแน่นอน”

ถือว่าอาราฟัตก็เห็นหานเหมยมาตั้งแต่เด็กแถมยังมีท่าทีต่อเธอดีไม่หยอก ซื้อของขวัญให้เธอเป็นประจำ หานเหมยสูดจมูกพยักหน้าเบา ๆ

เหตุผลที่ร้องไห้ล้วนเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของร่างนี้ หานเหมยควบคุมไม่ได้

“ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดี คุณลุงอาราฟัตก็ต้องมีความสุขนะคะ” หานเหมยเรียกด้วยสรรพนามที่เคยเรียกตอนเด็กและทำให้เธอหวนนึกถึงเศษเสี้ยวความทรงจำเดิม ๆที่ถูกหลงลืมไป

เหตุผลที่เจ้าของร่างนี้ได้พบทีมแพทย์ด้วยความโชคดีนั้นไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรอก แต่เป็นเพราะความช่วยเหลือลับ ๆ จากชายมีหนวดตรงหน้า อาราฟัตส่งคนคุ้มครองเธอไปทีมแพทย์เอง

อาราฟัตลูบศีรษะหานเหมยเบา ๆด้วยความรู้สึกหลากหลายที่พลั่งพรูอยู่ในใจ เขาเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่ลึก ๆถึงไม่ได้เข้าไปช่วยพ่อของหานเหมยขณะที่รู้ว่านาสซาร์คิดก่อกบฏ

หากพ่อของหานเหมยไม่หายไปเขาก็คงไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก

แต่กับลูกพี่คนเก่าอาราฟัตยังมีความรู้สึกผิดต่อเขาอยู่เสมอ ความรู้สึกผิดนี้เขาชดใช้ให้หานเหมย แค่เด็กสาวอ่อนแอคนหนึ่งไม่ว่าจะนาสซาร์หรืออาราฟัตก็ไม่สนใจเธอสักนิด

แต่อาราฟัตเองก็มีความโลภส่วนตัว เขาไม่อยากให้นาสซาร์แต่งงานกับหานเหมย ถ้าหานเหมยแต่งงานกับนาสซาร์จริง ๆ เช่นนั้นกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆภายใต้อำนาจของคุณพ่อหานเหมยก็จะผนวกเข้ากับนาสซาร์อย่างสิ้นเชิงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเขาอย่างมาก

ดังนั้น…หานเหมยแต่งงานกับชายชาวฮวาเซี่ยผู้นั้นคือทางเลือกที่ดีที่สุด

………………………..

ตอนที่ 2588 เบี่ยงเบนความสนใจ

พวกเหมยเหมยไม่ได้ค้างบ้านอาราฟัตแต่เลือกไปยังที่พักของนาสซาร์ที่อยู่ห่างจากที่นี่ไกลพอตัว ต้องขับรถนานกว่าสองชั่วโมง

นอกจากนี้มีความเสี่ยงที่จะเจอลูกน้องของนาสซาร์ตามรายทาง อิทธิพลของอาราฟัตครอบคลุมไม่ถึง

“ไม่ต้องห่วง ขอแค่บอกสถานะฉันไป คนของนาสซาร์จะไม่มีทางทำร้ายเรา” หานเหมยบอก

“ไม่ได้หรอก นาสซาร์กำลังตามหาเธอจนทั่ว นี่เธอคิดจะเอาตัวไปส่งถึงที่เหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยท้วง

“ก็มีพวกเธออยู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดไว้แล้วว่าจะไปหลอกล่อนาสซาร์ก่อน แบบนี้จะได้ให้อาเช่อลงมือง่ายหน่อย!” หานเหมยบอก

“นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ลองดูก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย นาสซาร์ยังต้องการปรองดองกับอดีตลูกน้องของพ่อเธออยู่ เขาไม่ทำอะไรเธอแน่นอน อย่างมากก็แค่กักบริเวณ!” ลูกน้องคนหนึ่งดันเห็นด้วยเสียได้

“ตกลงตามนี้แล้วกัน!”

หานเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เธอต้องช่วยอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นฝั่งนาสซาร์ที่มีระบบความปลอดภัยเข้มงวดขนาดนั้น เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆหรอก

สองชั่วโมงหลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินทางมาถึงอาณาเขตของนาสซาร์ ไม่นานก็มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธสิบกว่าคนมาสอบสวน หานเหมยแนะนำตัวเองไป คนพวกนี้ก็ทำหน้าดีใจยกใหญ่แล้วพาพวกเขาไปหานาสซาร์

นาสซาร์เองก็เป็นชายมีหนวดยาวเฟิ้ม เพียงแต่เขาดูหนุ่มกว่าอาราฟัตเล็กน้อย ใบหน้าเย็นยะเยือกโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ดูแล้วเหมือนงูพิษเลือดเย็นก็ไม่ปาน แค่มองก็ขนลุกเกลียวไปทั้งตัวแล้ว

“ยอมกลับมาได้สักทีนะ หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้เตรียมแต่งงานเลย!” นาสซาร์พูดเสียงเรียบ

หานเหมยเอ่ยด้วยความตกใจ “ฉันยังอายุไม่ครบสิบห้าปี คุณจะฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้นะ”

“กฎก็คือคำสั่งของฉัน ฉันบอกให้แต่งเมื่อไหร่ก็แต่งเมื่อนั้น อย่าคิดจะท้าท้ายฉัน ความอดทนฉันมีขีดจำกัด” นาสซาร์พูดเสียงเย็นแล้วออกคำสั่งกับลูกน้อง “พาพวกเขาออกไป!”

“ไม่ได้นะ พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน แค่พาฉันมาส่งเท่านั้น ถ้าคุณทำร้ายพวกเขาฉันจะฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้แหละ คุณรอแต่งงานกับศพไปเถอะ!”

หานเหมยถอยหลังหลายก้าว มีดสั้นคมเงาเล่มหนึ่งจี้อยู่ตรงลำคอ เส้นเลือดตรงหลังมือปูดขึ้นปรากฏให้เห็นได้ชัดผ่านผิวหนังและเริ่มมีเลือดไหลออกมา

นาสซาร์สีหน้าเย็นยะเยือกกว่าเดิม “ฉันไม่ชอบถูกขมขู่ที่สุด เธออย่าทำให้ฉันต้องโมโห”

“นาสซาร์ คุณฆ่าคนในครอบครัวฉันไปจนหมด คุณแต่งงานกับฉันก็หวังได้กลุ่มอิทธิพลของพ่อฉันเท่านั้น ฉะนั้น ตอนนี้ฉันยังมีค่าไว้ใช้งาน ฉันก็กล้าที่จะเจรจากับคุณเหมือนกัน!”

หานเหมยมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันและกดมือหนักขึ้นจึงทำให้เลือดไหลตามซอกนิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นแล้วน่าตกใจไม่น้อย

นาสซาร์กัดฟันแน่นมองด้วยสายตาที่ดุดันยิ่งกว่าเก่าแต่เขาก็ยอมตกลง “ฉันปล่อยพวกเขาไปได้ แต่พวกเขาต้องไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นถ้าคนของฉันจับกุมตัวพวกเขาได้อีกฉันคงไม่ใจอ่อนอีกแล้ว”

พวกเหมยเหมยถูกคุมตัวออกมาแต่หานเหมยกลับถูกกักตัวเอาไว้ เพิ่งก้าวออกจากประตูใหญ่ลูกน้องคนหนึ่งก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้เหมยเหมยเพื่อเตือนเธอระวังตัวหน่อย

นาสซาร์เป็นคนไร้ความปรานีและมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต แม้ปากจะตอบตกลงแต่ใครจะรู้ได้ว่าลับหลังเขาจะแอบผิดสัญญาหรือเปล่า!

เหมยเหมยรู้ดีอยู่แก่ใจจึงเตรียมแส้ไว้ในมือคอยระมัดระวังตัวอยู่แล้ว

พวกเขาเดาไว้ไม่ผิดนาสซาร์ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป เขาแอบสั่งลูกน้องให้พาพวกเหมยเหมยไปกำจัดทิ้งข้างนอกแล้วโยนศพให้เป็นอาหารพวกหมาในบนทะเลทราย

เพียงแต่คนลิขิตหรือจะสู้ฟ้าลิขิต

พวกเขาเท้าเพิ่งเหยียบถนน อยู่ดี ๆก็เกิดเสียงดังกระหึ่มจากไม่ไกลซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

……………………

Related

ตอนที่ 2585 ภรรยาอร่อยที่สุด

เสี่ยวเป่าชี้ไปยังอูฐที่กำลังส่งเสียงร้องออกมาทางจมูกอยู่ไม่ไกลพร้อมส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “ขี่มันมา”

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นอูฐขี้เกียจที่เขาใช้เงินสองพันดอลลาร์สหรัฐฯซื้อมาก็อดขำไม่ได้ อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วหอมแก้มที่เปื้อนดินฟอดใหญ่ “ลูกชายฉันเก่งจริง ขี่อูฐเป็นด้วย”

“คุณอา หนูก็ขี่เป็น” เล่อเล่อไม่ค่อยพอใจเท่าไร ทั้งที่เธอก็ขี่เป็นทำไมไม่ชมเธอ?

เฮ่อเหลียนเช่อใช้แขนอีกข้างอุ้มเล่อเล่อที่ตัวเปื้อนด้วยอีกคนขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ใช่ ลูกสะใภ้ฉันก็เก่งเหมือนกัน เธอกับพี่ชายเกิดมาคู่กันแท้ ๆ คู่สร้างคู่สม”

ลูกสะใภ้ที่เข้าตาเขายอดเยี่ยมแบบนี้แหละ เก่งกว่าจ้าวเหมยตั้งหลายร้อยเท่า!

เล่อเล่อกะพริบตาแล้วพูดเสียงเจื้อยแจ้ว “คุณอาคะ หนูชื่อเล่อเล่อ เหยียนเล่อเล่อ ไม่ได้ชื่อลูกสะใภ้…”

เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะเสียงร่า ยัยเด็กอ้วนนี่น่ารักดี เขาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “อนาคตเธอก็คือลูกสะใภ้ของฉัน ภรรยาของพี่เสี่ยวเป่า เข้าใจหรือยัง?”

เล่อเล่อทำหน้างงพลางส่ายศีรษะ “ภรรยาคืออะไร? กินได้ไหม? อร่อยไหมคะ?”

เสี่ยวเป่าหูแดงระเรื่อถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนเช่ออย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดแก้ต่างไปว่า “คุณพ่อ เล่อเล่อเป็นน้องสาวไม่ใช่ภรรยา พ่ออย่าเข้าใจผิดไปใหญ่สิ คราวก่อนผมเคยบอกแล้ว พ่อชอบจำผิดอยู่เรื่อย”

พ่อของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งความจำแย่ลงเรื่อยๆ ทั้งที่อายุก็ไม่มากแท้ๆ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกันแน่!

“ตอนนี้เป็นน้องสาว อนาคตก็เป็นภรรยา”

เฮ่อเหลียนเช่อตอบเสียงขันแล้ววางเด็กสองคนลงบนพื้น เล่อเล่อกลับยังยึดติดกับคำถามที่ว่าภรรยากินได้หรือไม่ เลยถามเสี่ยวเป่าเสียงเบาว่า “พี่ชาย ภรรยาอร่อยไหม?”

เฮ่อเหลียนเช่อหูกระดิกแล้วเผลอหลุดตอบอย่างลืมตัวว่า “ภรรยาคือสิ่งที่อร่อยที่สุดในโลกเลย ขาดอะไรก็ได้แต่ขาดภรรยาไม่ได้!”

“หนูจะกิน!” เล่อเล่อชูมืออวบอ้วนขึ้นตะโกนดังลั่น

เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ๆ แต่สุดท้ายก็ด้วยความที่อายุยังน้อยเลยไม่เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อกำลังพูดจาลามกอนาจารอยู่

ทว่าภายในใจกลับรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนเช่อช่างโง่เสียจริง ภรรยาจะทานได้อย่างไร?

ทั้งที่เนื้อคนทานไม่ได้ ภรรยาเป็นคนนะ?

เอ็ดดี้กับนอร์แมนเดินเข้ามาขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวต่อเฮ่อเหลียนเช่อว่า “เราพาพวกเขาไปไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราต้องชดใช้เงินเสียหายมหาศาลเลย”

“วางใจเถอะ ลูกชายกับลูกสะใภ้ของฉันไม่ใช่เด็กธรรมดา ไม่เกี่ยวกับพวกนาย ต่อให้ต้องชดใช้เดี๋ยวฉันออกเอง!”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจ มีเขาอยู่จะปกป้องเด็กสองคนไม่ได้เลยหรือ?

“ก็ได้ เมื่อกี้เราสืบที่อยู่ของอาราฟัตมาได้แล้ว จะไปหาเขาตอนนี้เลยไหม?” เอ็ดดี้ถาม

“ไปตอนนี้เลย รีบทำธุระเสร็จจะได้รีบกลับบ้าน”

เฮ่อเหลียนเช่อตอบเสียงเด็ดขาด เขาอยากรับหานเหมยกลับไปเสียตอนนี้แล้วใช้ชีวิตส่วนตัวกันอย่างมีความสุข ทำลายหินขวางทางทั้งหมดจนสิ้น

เหมยเหมยย่ำบนผืนทรายทีละก้าว ๆ ทั้งตัวถูกแดดเผาจนผิวลอก เนื่องจากปริมาณน้ำที่เอามามีจำกัดเธอเลยไม่กล้าดื่มมาก ยิ่งไม่กล้าเอาน้ำออกจากช่องมิติเลยต้องอดทนไว้

โชคดีระหว่างทางเจอรถยนต์คันหนึ่งเหมือนจะเป็นทีมถ่ายภาพชาวอเมริกัน คนเหล่านี้มีน้ำใจมาก พวกเขาพาติดรถไปด้วยระยะหนึ่ง

แต่เส้นทางของพวกเหมยเหมยกลับไปคนละทางกับพวกเฮ่อเหลียนเช่อ เพราะจากการวิเคราะห์ของพวกเหมยเหมยเฮ่อเหลียนเช่อจะไปฆ่านาสซาร์ แต่คิดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะย้อนกลับเลือกไปบ้านของอาราฟัตแทน!

“นาสซาร์มีภรรยาสามคน แต่เขาก็มีชู้รักมากมาย ช่วงนี้กำลังดื่มด่ำความสุขกับชู้รักคนใหม่ในบ้านพักที่ซื้อให้ชู้รักโดยเฉพาะ” ลูกน้องบอก

“บางทีเฮ่อเหลียนเช่ออาจจะไปหานาสซาร์โดยตรง ไม่รู้ว่าพวกเสี่ยวเป่าเจอเฮ่อเหลียนเช่อหรือเปล่า” เหมยเหมยกังวลใจเหลือเกิน

………………………..

ตอนที่ 2586 คลาดกัน

พวกเหมยเหมยหาถามมาตลอดทางว่าเห็นเด็กสองคนบ้างหรือเปล่า แล้วยังมีสุนัขกับกระรอกด้วย แต่ไม่มีใครเห็นเลยเธอถึงได้กังวลใจขนาดนี้

“อย่าร้อนใจไป พวกเสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กธรรมดา น่าจะไม่เป็นไร” หานเหมยพูดปลอบใจ ต่อให้ตัวเธอเองก็ใจร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผาเช่นกัน

“ฉันก็คิดอย่างนั้น ตอนนี้เราไปหานาสซาร์ก่อนหรือถามจากคนละแวกนี้ก่อนดี?” เหมยเหมยหันไปถามลูกน้องสองคน แต่พบว่าหนึ่งในนั้นวิ่งไปที่ตลาดแล้ว

“เขาไปถามความคืบหน้าครู่หนึ่ง เรารอเขาอยู่ตรงนี้ก่อน” ลูกน้องอีกคนบอก

ไม่นานคนที่ไปถามก็กลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ต้องกังวล พวกเสี่ยวเป่ารวมตัวกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว”

เหมยเหมยถามด้วยความดีใจ “มีคนเห็นเหรอ?”

“ใช่ เมื่อกี้ผมถามเจ้าของร้านเล็ก ๆร้านหนึ่ง เขาบอกว่ามีเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงชาวตะวันออกอยู่กับผู้ชายชาวตะวันออกและชาวตะวันตกสองคน ยังมีสุนัขสีขาวกับกระรอกสีขาวด้วย”

“งั้นก็ไม่ผิดหรอก เฮ้อ ทีนี้ฉันก็วางใจสักที” เหมยเหมยโล่งอกไปทีเหมือนยกหินออกจากอก

หานเหมยก็ดีใจไม่แพ้กันเลยถาม “งั้นตอนนี้พวกเขาไปทางไหนแล้ว?”

“ไปทางนี้” ลูกน้องที่ถามทางทำหน้าฉงน ทิศทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปไม่ใช่ที่พักอาศัยของนาสซาร์กับชู้รักนี่นา ไม่รู้ว่าพวกเขาไปทางนั้นทำไมกัน

หานเหมยขมวดคิ้วพูดพึมพำกับตัวเอง “น่าแปลก นาสซาร์ไม่ได้อยู่ทางนั้นนี่นา?”

“ไม่สนแล้ว เราก็รีบตามไปกันเถอะ ไม่แน่อาจจะเจอกันก็ได้!” เหมยเหมยคร้านจะคิดมาก อย่างไรเสียจุดประสงค์ของเธอคือตามหาเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ

พวกเขาซื้อรถมือสองคันเก่าจากหมู่บ้านแล้วเติมน้ำมันเต็มถังก่อนจะมุ่งหน้าสู่ทิศทางที่ถามมาเมื่อครู่ เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยทะเลทรายตลอดทางจึงทำให้การเดินทางค่อนข้างล่าช้า

“ฉันจำได้แล้ว เมื่อก่อนพ่อของฉันมีลูกน้องคนหนึ่งพักอยู่เส้นทางนี้ เหมือนจะชื่ออาราฟัต เขากับนาสซาร์มีอิทธิพลพอ ๆกันและเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด”

จู่ ๆหานเหมยก็นึกถึงความทรงจำบางส่วนของร่างนี้ได้และเดาจุดประสงค์ที่เฮ่อเหลียนเช่อไปทางนั้นออก

ลูกน้องก็คิดได้เช่นกันจึงพูดยิ้ม ๆว่า “ดูท่าทางคุณชายเช่อคิดจะหนุนอาราฟัตขึ้นแทน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว!”

เหมยเหมยกะพริบตาหันมองไปนอกหน้าต่างเพราะหวังว่าจะเจอพวกเสี่ยวเป่าท่ามกลางทะเลทรายสีเหลือง แต่แล้ว—ไม่เห็นแม้แต่เงา มีเพียงเม็ดทรายสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา

“เราต้องเร่งหน่อยแล้ว พวกคุณชายเช่อไปถึงก่อนเราหนึ่งวัน ไม่แน่อาจจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉะนั้นต้องรีบหน่อย”

ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ฉันรู้ว่าบ้านอาราฟัตอยู่ไหน ตอนเด็กฉันเคยไป”

หานเหมยนำทางก่อนที่รถจะเลี้ยวซ้ายหักขวามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างขวางจนดูเหมือนเป็นเมืองขนาดเล็ก มีร้านขายของ ร้านเหล้า โรงแรม เพียงแต่ผู้คนบนท้องถนนค่อนข้างน้อย มีเพียงเด็กไม่กี่คนกำลังเล่นอยู่นอกบ้านอย่างสนุกสนาน

หานเหมยชี้ออกไปไกล “บ้านหลังใหญ่ที่สุดนั่นแหละบ้านของอาราฟัต ที่นี่คือถิ่นของเขา คนที่อาศัยอยู่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เป็นลูกน้องหรือเครือญาติของอาราฟัตทั้งนั้น”

“ตอนนี้เราต้องทำอย่างไรต่อ ไปหาอาราฟัตโดยตรงเลยเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ไม่จำเป็น ไม่ถึงห้านาทีคนของอาราฟัตก็จะมาหาเราแล้ว”

ลูกน้องมั่นใจนักหนา ขณะที่พวกเขาย่างกรายเข้ามาใกล้หมู่บ้านก็อยู่ในขอบเขตที่อาราฟัตจับตามองแล้ว ฉะนั้นอีกไม่นานก็จะมีคนมาหาพวกเขาถึงที่

เป็นไปตามคาด–

ไม่ถึงห้านาทีรถยนต์คันหนึ่งก็ขับตรงมา บนรถเป็นคนในพื้นที่แบกปืนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงตะโกนเรียกพวกเขาไว้

……………

Related

ตอนที่ 2583 หายไปหมดเลย

แม้แผนการของเฮ่อเหลียนเช่อจะดูดีมากและเจสันกับนอร์แมนเองก็เป็นผู้ช่วยที่ดี แต่กลับมีปัญหาที่พบได้อย่างหนึ่ง–

ทั้งสองมีภารกิจติดตัวอยู่และเซ็นสัญญาไปแล้วด้วย ถ้าเหมยเหมยกับเด็ก ๆเป็นอะไรไปพวกเขาต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล

“วางใจได้…ขอแค่ยังอยู่กับทีมแพทย์ อีกอย่างมีสองคนนั่นคอยปกป้องอยู่ ไม่มีทางเป็นอะไรไปแน่นอน!”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะป่าเถื่อนเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นเข้ามาป่วนที่นี่หรอก ฉะนั้นค่ายต่างหากที่ปลอดภัยที่สุด

พวกเขาสองคนถูกโน้มน้าวใจจนในที่สุดก็ตอบรับเฮ่อเหลียนเช่อในการเริ่มทำตามแผน

ฟ้าค่อย ๆมืดลง เหล่าหมอพยาบาลที่ทำงานวุ่น ๆมาทั้งวันต่างหลับสนิท แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ได้ไปหาหานเหมยเพื่อดับกระหาย สิบสี่ปีครึ่งนะ…เขายังก้าวข้ามกำแพงในใจไม่ได้จริง ๆ!

ภายนอกเฮ่อเหลียนเช่อดูเหมือนไม่สนใจความจริงเขากลับใส่ใจคำพูดของเหมยเหมยอย่างมาก ปีนี้เขาอายุสามสิบหกปีแต่หานเหมยกลับอายุไม่ถึงสิบห้าปี อายุของเขามากพอจะเป็นพ่อของหานเหมยแล้วจริง ๆ แล้วจะไม่ให้รู้สึกแย่ได้อย่างไรกันล่ะ!

แต่ถึงจะรู้สึกแย่อย่างไรเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่มีทางตัดใจจากหานเหมย ฉะนั้น…เขาต้องเตะหินขวางทางไปก่อน!

คืนหนึ่งผ่านไปก่อนจะเข้าสู่เช้าวันใหม่ ดวงอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลทรายเร็วกว่าปกติ เวลาหกเจ็ดโมงเช้าฮวาเซี่ยยังไม่สว่างด้วยซ้ำแต่ทะเลทรายกลับสว่างโร่แล้ว แสงอาทิตย์ปกคลุมไปทั่วซึ่งทั้งร้อนระอุทั้งแห้งแล้ง

โรคนอนตื่นสายของเหมยเหมยกลับถูกรักษาไปโดยปริยาย ต่อให้อยากนอนก็นอนต่อไม่ไหวเลยตื่นเองแต่เช้า ที่แห่งนี้กลางคืนหนาวจัดจนตัวแทบแข็งตาย ส่วนกลางวันก็ร้อนแทบตายเช่นกัน

หานเหมยไปทำอาหารเช้าตามกิจวัตร แต่เวลาทานมื้อเช้ากลับพบว่าคนหายไปสามคน

“เฮ่อเหลียนเช่อกับชาวต่างชาติสองคนนั่นล่ะ? พวกเขาไปไหน?” หานเหมยเริ่มร้อนใจ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ

เหมยเหมยก็นึกแปลกใจเช่นกัน “ไม่รู้…ยังนอนอยู่หรือเปล่า?”

“เปล่า…ในเต็นท์พวกเขาไม่มีคนอยู่ อีกอย่างถุงนอนก็วางเป็นระเบียบ เมื่อคืนน่าจะไม่กลับมานอน!” หัวหน้าทีมผู้ใจดีเข้าไปสำรวจรอบหนึ่งซึ่งไม่นานก็ออกมา

หลายคนเผยสีหน้าแปลก ๆแล้วหันมองไปทางป่าเล็กอย่างพร้อมเพรียงกันพลางส่ายหน้าเงียบ ๆ…คงไม่ใช่เพราะเมื่อคืนสนุกกันเกินตัวเลยเหนื่อยจนคลานกลับเต็นท์ไม่ไหวหรอกนะ?

เอ็ดดี้คิดจะสร้างความประทับใจต่อหน้าคนสวยจึงไม่คิดจะทานข้าวต่อแต่วิ่งเหยาะ ๆเข้าไปสำรวจในป่าเล็ก แต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรจึงเดินคอตกกลับมาอย่างผิดหวัง

ลูกน้องหนึ่งในนั้นเดินมากระซิบข้างหูเหมยเหมยประโยคหนึ่งจนทำเอาเหมยเหมยเบิกตากว้าง เจ้าหมอนี่อาจหาญนักนะ บอกจะยิงหัวนาสซาร์ก็ไปจริงด้วย!

เธอกระซิบกระซาบบอกหานเหมยเสียงเบา “ผู้ชายของเธอพาชาวตะวันตกสองคนนั้นไปยิงหัวนาสซาร์แล้ว เขาบอกไม่ได้ทำผิดกฎที่เธอตั้งไว้ ไม่ได้ไปเองแต่พาลูกมือไปด้วยสองคน!”

หานเหมยทั้งโกรธทั้งนึกขัน ยิ่งกว่านั้นคือความห่วงใยจนดวงตาเริ่มแดงก่ำ เธอดันถ้วยออกหมายจะลุกไปตามหา

“เธอวางใจได้ เฮ่อเหลียนเช่อไม่ตายง่าย ๆหรอก ตอนนี้เขามีความสามารถมากเชียวล่ะ เธอรอฟังข่าวดีอยู่ตรงนี้เถอะ!”

เหมยเหมยฉุดแขนเธอไว้ ลำพังคนแขนขาเรียวเล็กอย่างหานเหมย นอกจากจะไปเพิ่มความวุ่นวายแล้วจะมีประโยชน์อะไรอีก?

“คุณน้า…คุณพ่อไปไหนเหรอ?” เสี่ยวเป่าชักอารมณ์เสีย คุณพ่อไปไม่บอกเขาสักคำ น่าเบื่อจริง ๆ!

“ไปตีคนร้ายแล้ว ไม่กี่วันก็กลับ เป็นเด็กดีทานข้าวเถอะ!” เหมยเหมยกระซิบบอก

เด็กสองคนดวงตาเป็นประกายทันทีแล้วก้มหน้าลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาสบตากันซึ่งมีเพียงเด็กสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ ทั้งยังแตะมือกันอย่างรู้ใจอีกต่างหาก

ฉากนี้เหมยเหมยไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่คุยกับหานเหมยอยู่

หลังมื้อเช้าเด็กสองคนนั้นก็วิ่งไปเล่นในป่าเล็กข้าง ๆเหมือนปกติ มีเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวคอยตามอยู่จึงเป็นที่ไว้วางใจของเหมยเหมย ทว่า–

“เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อหายไปแล้ว!” ลูกน้องสองคนเป็นคนสังเกตเห็นก่อนเลยรีบมาแจ้งเหมยเหมยทันทีอย่างรู้สึกผิด

แม้แต่เด็กสองคนพวกเขาก็คลาดสายตาได้ ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ!

…………………

ตอนที่ 2584 เด็กซนที่ใจกล้าอาจหาญ

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ ปฏิกิริยาแรกนึกว่ามีคนลักพาตัวพวกเด็ก ๆไปแต่ไม่นานเธอก็ตัดความเป็นไปได้นี้ออก ยังไม่พูดถึงความสามารถของเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ หากมีเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวอยู่แค่คิดจะลักพาตัวเด็กสองคนนี้ไปโดยไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่สไปเดอร์แมนยังทำไม่ได้เลย

“เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวอยู่ไหม?” เหมยเหมยถาม

“หายไปเหมือนกัน!”

เหมยเหมยหายข้องใจทันที มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเจ้าเด็กจอมซนสองคนนี้หายไปเอง เพียงแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหน!

“อย่าเพิ่งร้อนใจ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ฉันไปตามหาทางนั้นดู”

เหมยเหมยปลอบลูกน้องสองคนที่กำลังโทษตัวเองก่อนจะเดินไปที่ป่าเล็ก เสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กซน ต่อให้แอบหนีไปเองก็ต้องทิ้งจดหมายอธิบายไว้

ตามคาดเมื่อพบลายมือบิดเบี้ยวของเสี่ยวเป่าบนลำต้นหลิวต้นหนึ่ง ‘คุณน้า ผมพาน้องสาวไปหาคุณพ่อ ตีคนร้าย!’

เหมยเหมยโกรธจนเตะต้นหลิวติดกันหลายที ใจกล้าอาจหาญนัก ทะเลทรายกว้างใหญ่ขนาดนี้และอันตรายทุกหย่อมหญ้า หากโดนดูดเมื่อไรก็ตายสถานเดียว!

“เรารีบไปตามหากัน กลับมาจะฟาดให้ตายเลย เอาใหญ่แล้วจริง ๆ…”

เหมยเหมยกลับไปเอาสัมภาระในเต็นท์ หานเหมยต้องการไปด้วยคน “ที่นี่ฉันคุ้นเคยกว่าพวกเธอ ฉันช่วยนำทางได้”

เธอหนีเอาตัวรอดกลางทะเลทรายมาเดือนกว่า อีกทั้งด้วยความทรงจำเก่า ๆของร่างนี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้คุ้นเคยกับทะเลทรายผืนนี้อยู่บ้าง

“ได้ ไปด้วยกันนี่แหละ!”

เหมยเหมยตอบรับทันที หานเหมยในตอนนี้ใจร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผาแทบนั่งไม่ติดอยู่แล้ว งั้นสู้ไปตามหาด้วยกันดีกว่า

พวกเขาสี่คนเก็บกระเป๋าอย่างลวก ๆ พกน้ำกับเสบียงอาหารจำนวนหนึ่งก็ออกเดินทางทันที หานเหมยไม่ใช่คนของทีมแพทย์อยู่แล้ว แค่อาศัยอยู่ด้วยเท่านั้นจึงสามารถไปได้ทุกเมื่อ

รถกระบะซอมซ่อคันนั้นถูกพวกเฮ่อเหลียนเช่อขับไปด้วย เขาทิ้งเพียงอูฐจอมขี้เกียจตัวนั้นไว้แต่ตอนนี้ก็หายไปแล้วเช่นกัน ต้องถูกเด็กสองคนนั้นขี่ไปแล้วแน่ ๆ

“เดินแล้วกัน!” เหมยเหมยกล่าวด้วยความเอือมระอา

รถยนต์ของทีมแพทย์ยังต้องใช้ประโยชน์อีกมากจึงไม่อาจให้พวกเขายืมได้ อยากซื้ออูฐแต่ก็หาซื้อไม่ได้เลยจำต้องอาศัยลำแข้งทั้งสองข้าง พวกเขาทั้งสี่คนจึงแบกกระเป๋าออกเดินทาง

ท่ามกลางผืนทรายสีเหลืองมีอูฐตัวหนึ่งกำลังเดินมุ่งไปข้างหน้าช้า ๆอย่างไม่รีบร้อน บนแผ่นหลังมีเด็กสองคนซึ่งก็คือเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อนั่นเอง

เสวี่ยเอ๋อร์คอยเดินตามอย่างไม่รีบร้อนโดยมีฉิวฉิวนอนฟุบตัวอยู่ด้านหลัง แลบลิ้นสีชมพูอ่อนออกมา อากาศร้อนจนตัวแทบไหม้แล้ว

“พี่ชาย…ร้อน!” เล่อเล่อร้อนจนทนนั่งต่อไม่ไหวอยู่รอมร่อ อีกอย่างเธอปวดก้นเหลือเกิน นั่งอูฐไม่สบายเลยสักนิด

“ทนอีกหน่อย ใกล้จะเจอพ่อแล้ว ดื่มน้ำสักนิดนะ” เสี่ยวเป่าก็ร้อนจนแทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน แต่เขาเป็นพี่ชายจะบ่นไม่ได้ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาว

ตลอดทางเขาถามทางจากกิ้งก่าและงูมากมาย คุณพ่ออยู่หมู่บ้านข้างหน้านี่เอง ใกล้จะถึงแล้ว

พวกเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ในหมู่บ้านข้างหน้าจริง ๆ รถยนต์ของพวกเขาน้ำมันหมดเลยหยุดเติมน้ำมันในหมู่บ้านนี้ก่อนพร้อมสืบหาเบาะแสของนาสซาร์ไปด้วย

“นาสซาร์มีลูกน้องคนหนึ่งชื่ออาราฟัต เขามีความทะเยอทะยานแอบเพ่งเล็งตำแหน่งของนาสซาร์อยู่เช่นกัน” เจสันบอกข่าวที่เขาเพิ่งสืบมาได้สด ๆร้อน ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อลูบปลายคาง มีความทะเยอทะยานก็ดี เขาจะเป็นเทพตัวจริงของอาราฟัตที่จะช่วยให้ความปรารถนาของเจ้าหมอนี่เป็นจริงเอง!

“พระเจ้า…เด็กสองคนนี้หาทางมาได้อย่างไร?” นอร์แมนตะโกนร้องลั่นด้วยความตกใจแล้วมองไปข้างหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เฮ่อเหลียนเช่อหันไปก่อนจะพบเจ้าก้อนดินกลิ้งมากอดขาของเขาไว้คนละข้าง

“คุณพ่อ / คุณอา ตีคนร้ายด้วยกัน!”

เฮ่อเหลียนเช่อยกขึ้นมาอุ้มข้างละคนแล้วตวาดใส่ “พวกเธอมาได้อย่างไร?”

แค่เด็กสองคนยัยจ้าวเหมยยังคลาดสายตาได้ เขาจะขายไปตะวันออกกลางให้ได้เลยคอยดู!

………………

Related

ตอนที่ 2581 วัวแก่กินหญ้าอ่อน

เหมยเหมยมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ยิ้มโง่ ๆก็อดเบะปากใส่ไม่ได้ เธอไม่ชอบเวลาเจ้าหมอนี่ได้ใจเลย แถมยังคิดจะขายเธอในตะวันออกกลางด้วยหรือ?

ไอ้บ้าเอ้ย!

“นายว่ามาสิว่านายยิ้มอะไรของนาย? น้ำเข้าสมองเหรอ?” เหมยเหมยพูดประชด

เฮ่อเหลียนเช่อหุบยิ้มพลางมองเธออย่างเย็นชา “เธอจะมายุ่งเรื่องของฉันทำไม? ต่อให้เป็นเหยียนหมิงซุ่นฉันก็ไม่สนใจหรอก!”

เหมยเหมยตะโกนเรียกเฮ่อเหลียนเช่อที่คิดจะตามหานเหมยไปแล้วเอ่ยอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝงว่า “นายก็แค่เห็นว่าหานเหมยอายุน้อยหน้าตาสวยแล้วยังกลายเป็นผู้หญิงถึงได้ดีใจไม่ใช่เหรอ คิดว่าคนดูไม่ออกหรือไง!”

เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มแก้มปริ แต่ไม่นานก็หุบยิ้มแล้วถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง

ถึงยัยจ้าวเหมยจะน่ารำคาญแต่สิ่งที่พูดก็พอจะถูกใจอยู่บ้าง เขากำลังดีใจเพราะเรื่องนี้อยู่จริง ๆ เมื่อก่อนด้วยสถานะความเป็นชายของเหมยซูหานซึ่งต่อให้เขารักเหมยซูหานเพียงใดก็ทำได้แค่แอบรักกันลับ ๆ ไม่สามารถพาคนรักไปเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณชนได้ ยิ่งไม่สามารถให้สถานะที่เปิดเผยแก่คนรักได้…

แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว หานเหมยเป็นผู้หญิง เขาสามารถแต่งงานกับหานเหมยได้อย่างเปิดเผยโดยที่ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวาง

อีกอย่างหานเหมยก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธที่จะออกไปข้างนอกกับเขาเพราะระแวงสายตาคนรอบข้างด้วย หลังจากนี้เขาจะพาหานเหมยกับเสี่ยวเป่าเที่ยวรอบโลก ใช้ชีวิตอย่างสุขใจดั่งคู่รักเทพเซียนที่มีความสุขกัน

เหมยเหมยเอ่ยแดกดันเสียงเรียบว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าหานเหมยในร่างนี้อายุเท่าไหร่?”

เฮ่อเหลียนเช่อชะงัก “สิบแปดมั้ง?”

ตัวสูงขนาดนั้นแถมหน้าอกยังอวบอั๋นด้วย น่าจะบรรลุนิติภาวะแล้วล่ะ!

เฮ่อเหลียนเช่อวาดฝันไว้อย่างสวยงาม เตรียมรอให้ทุกคนเข้านอนก็จะไปจู๋จี๋กับหานเหมยสักหน่อย เอาให้หายความคิดถึงตลอดสามปีที่ผ่านมาเลย

“สิบสี่ครึ่งคืออายุของหานเหมยของนาย ปีนี้นายอายุเท่าไหร่? สามสิบห้าหรือสามสิบหกนะ…จุ๊ ๆ…อายุเป็นพ่อของหานเหมยได้เลยด้วยซ้ำ วัวแก่กินหญ้าอ่อนนี่นา…”

เหมยเหมยส่ายหน้าด้วยท่าทีเกินจริงแล้วมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ตะลึงตาค้างด้วยสายตาดูถูก ในใจกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

แฟนสาวอายุสิบสี่ปีครึ่ง ดูสิว่านายจะทำอย่างไร?

ไม่ลงมือก็ทนหิวกระหายไป…ถ้าลงมือก็สารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้ว!

“สิบสี่ปีครึ่ง? เธอไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่เชื่อ หานเหมยของเขามีทุกอย่างที่ควรมีแล้วจะอายุแค่นี้ได้อย่างไร?

“คนทั้งทีมแพทย์รู้กันหมด ฉันจำเป็นต้องโกหกนายด้วยเหรอ?” เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดแทงใจดำเป็นการตอกย้ำ “แล้วก็นะ…หานเหมยของนายมีคู่หมั้นแล้ว อีกอย่างคู่หมั้นคนนี้ดูท่าจะโหดไม่เบา เกรงว่านายเองก็คงต่อกรด้วยไม่ไหว!”

“ไอ้สารเลวคนไหน?”

เฮ่อเหลียนเช่อบันดาลโทสะทันที กล้าแย่งภรรยากับเขาหรือ?

จะเอาให้ตายเลย!

“นาสซาร์ หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายทรงอิทธิพลที่สุดในแถบนี้”

“ฉันจะไปยิงหัวมัน!”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดจบก็หันหลังขวับด้วยความดุดัน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายแล้วอย่างไร ตอนนั้นเขายังเป็นถึงคุณชายเช่อผู้โด่งดังเชียว คนทั้งประเทศเกรงกลัวเขายิ่งกว่าเสือร้าย ลำพังประเทศเล็ก ๆเท่าลูกระเบิดมีประชากรมากเท่าประเทศฮวาเซี่ยอย่างนั้นหรือ?

หึ!

กลัวเสียที่ไหน!

“กลับมานะ!” ไม่รู้ว่าหานเหมยโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน เธอตีหน้าขรึมเรียกเฮ่อเหลียนเช่อที่คิดจะไปยิงหัวนาสซาร์จริง ๆไว้

เหมยเหมยแลบลิ้นแอบรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

หานเหมยถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งแล้วหันไปมองเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดแล้วตวาดใส่ “สองมือเปล่ายากจะสู้กับศัตรูมากได้ ต่อให้นายเก่งแค่ไหนแต่ลูกน้องของนาสซาร์มีตั้งเยอะ แล้วยังมีอาวุธทันสมัยมากมาย นายบุ่มบ่ามไปแบบนี้เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?”

“แค่นิ้วเดียวของฉันก็…” เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจ

“นายคิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าหรือไง? จะยังไงก็เถอะ ถ้านายกล้าไปหานาสซาร์คนเดียว ฉัน…ฉันจะไม่สนใจนายอีกตลอดชีวิต!” หานเหมยพูดเสียงดุ

เฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้ากระดิกตัวตามคาด ไม่ง่ายเลยกว่าจะตามหาเจอ ฉะนั้นจะให้เธอหายตัวไปอีกไม่ได้

แต่เจ้าสารเลวนาสซาร์นี่ก็ต้องกำจัดทิ้ง ต้องหาวิธีรับมือดี ๆหน่อยแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อหันไปมองเจสันที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาเศร้าปนแค้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

………………………

ตอนที่ 2582 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

หานเหมยแค่ห้ามไม่ให้เขาไปคนเดียว ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะพาลูกน้องไปด้วยหลาย ๆคน แบบนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของหานเหมยแล้วนี่นา!

เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างได้ใจ บนโลกใบนี้มีใครฉลาดยิ่งกว่าเขาอีกหรือ?

เหมยเหมยรู้ทันความคิดเขาเลยกระซิบถาม “นายคิดจะไปหานาสซาร์จริงเหรอ?”

“แน่นอน กล้าแย่งคนของฉัน ฉันไม่ไปหาแล้วจะยังถือว่าเป็นผู้ชายอีกเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อสายตาเย็นชาขึ้นมาทันที คนที่ชื่อนาสซาร์นั่นรอไปเจอยมบาลแล้วกัน!

“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายล่ะ นาสซาร์นั่นเป็นผู้ก่อการร้ายเชียวนะ เรื่องพวกนั้น…ฝีมือเขาทั้งนั้น” เหมยเหมยเล่าเหตุการณ์สุดสยองที่หานเหมยเล่าให้เธอฟังไป เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าขรึมลงและเก็บสีหน้าดูถูกดูแคลนไว้

ดูท่าทางฝีมือไม่เบานี่ แต่เขาก็ไม่กลัวอยู่ดี!

คนที่เขาจะฆ่ามีเพียงคนที่ชื่อนาสซาร์ไม่ใช่กลุ่มองค์กรเบื้องหลังของเขา ฆ่าทิ้งชีวิตเดียวมันง่ายยิ่งกว่าอะไร เขาต้องค่อย ๆวางแผนไปโดยเริ่มจากการหาลูกน้องไว้หลาย ๆคนก่อน

เฮ่อเหลียนเช่อเดินไปหาพวกเจสัน เจสันที่กำลังเศร้าเสียใจพลันก็ฉีกยิ้มกว้างหลงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนใจ แต่–

“ฉันรู้ว่าพวกนายเป็นทหารรับจ้าง ตอนนี้มีงานใหญ่งานหนึ่งสนใจรับไหม?”

เจสันชะงักไป นอร์แมนตาลุกวาวทันทีรีบเอ่ยถาม “คุณบอกมาก่อนว่าเป็นงานอะไร”

“ลอบฆ่านาสซาร์!”

“ไม่ทำ ตอนนี้เรายังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจอยู่ จะผิดสัญญานายจ้างไม่ได้” นอร์แมนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ล้อเล่นหรือไง นาสซาร์เป็นถึงผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่ป่าเถื่อนโหดร้ายและบ้าคลั่ง พวกเขาไม่ได้น้ำเข้าสมองสักหน่อย ทำไมต้องไปหาเรื่องเจ้าบ้านั่นด้วย?

เจสันเองก็ใจเย็นลง สายตาไร้ซึ่งความหลงใหลต่อเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว เหลือเพียงความเจ้าแผนการและเล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น

“ทำไมคุณถึงอยากลอบฆ่านาสซาร์? คนคนนี้ไม่ได้ต่อกรด้วยง่าย ๆ ฉันแนะนำว่าคุณอย่าไปหาเรื่องเขาเลย!” เจสันเตือนสติด้วยความหวังดี

“ห้าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามไปตรง ๆ

เจสันกับนอร์แมนชะงักอีกครั้ง หากได้เงินห้าล้านดอลลาร์สหรัฐฯมาพวกเขาก็เกษียณได้เลย!

“หกล้าน ถ้าพวกนายไม่ยอมฉันจะไปหาคนอื่น!”

เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่งพูดจบประโยคเจสันกับนอร์แมนก็พยักหน้าพร้อมกัน “ทำ!”

คนยอมตายเพื่อเงิน และเพื่อเงินหกล้านนี้พวกเขายอมทุ่มเทสุดชีวิต!

ขอแค่สำเร็จหลังจากนี้พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและไม่ต้องลำบากตรากตรำเพื่อเงินอีก หากล้มเหลวอย่างมากก็แค่ตาย อย่างไรเสียพวกเขาก้าวเข้ามาบนเส้นทางทหารรับจ้างแล้วก็ไม่เคยคิดจะได้มีจุดจบชีวิตที่ดีนักหรอก!

เฮ่อเหลียนเช่อยกยิ้มมุมปาก บนโลกนี้ไม่มีใครไม่หวั่นไหวกับเงิน เหตุผลที่ไม่หวั่นไหวนั่นเพราะยังฟาดด้วยเงินที่ไม่มากพอแค่นั้นเอง!

“หาผู้ช่วยอีกไหม? สองคนนั้นวิชาการต่อสู้ไม่เลวเลยนะ!” นอร์แมนเสนอความเห็น แม้สี่คนจะได้รับส่วนแบ่งน้อยลงครึ่งหนึ่งแต่เงินที่หามาได้ก็ต้องมีชีวิตกลับไปใช้ หาคนช่วยเพิ่มสองคนก็เพิ่มสัดส่วนความปลอดภัย นับว่าคุ้มค่าอยู่ดี

“ไม่ต้องหรอก แค่เราสามคนก็พอ!”

เฮ่อเหลียนเช่อปฏิเสธคำขาด ลูกน้องสองคนนั้นเป็นคนของเหยียนหมิงซุ่นและเป็นทหารจากกองทัพ สถานะของพวกเขาไม่เหมาะรับภารกิจแบบนี้ หากศัตรูรู้สถานะเข้าจะง่ายต่อการเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศ

ดังนั้น…ทหารรับจ้างอย่างพวกเจสันจะเหมาะสมมากกว่า!

อีกอย่างด้วยวิธีการของเขาแค่สามคนก็เพียงพอแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อกระดิกนิ้วเรียกให้สองคนนั้นไปยังป่าเล็ก กลุ่มคนที่แอบชะเง้อมองจากมุมไกลถอนหายใจส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อ คนเดียวไม่พอกลับเรียกเพิ่มอีกคนด้วย?

ทนดูต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ!

แผนการของเฮ่อเหลียนเช่อง่ายมากก็คือฆ่านาสซาร์แล้วผลักดันให้ลูกน้องผู้มีความทะเยอทะยานคนหนึ่งของนาสซาร์เป็นหัวหน้าแทน เช่นนี้ทั้งแก้ปัญหาส่วนตัวของหานเหมยได้และไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายด้วย

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

…………………

Related

ตอนที่ 2579 จิตใจคับแคบ

เฮ่อเหลียนเช่อรีบตามหาตัวหานเหมยด้วยความรีบร้อน หาอยู่หลายเต็นท์จนสุดท้ายก็หาเจ้าตัวพบ

หานเหมยหันหลังให้ประตู หัวไหล่สั่นกระเพื่อมพร้อมเสียงร้องไห้สะอื้นแผ่วเบา เธอไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาแล้ว แผ่นหลังอันบอบบางนั้นดูอ่อนแอไร้ที่พักพิง

เฮ่อเหลียนเช่อเดินฝีก้าวช้าลงและมองด้วยสายตาตกตะลึง ทำไมอยู่ดี ๆเขาถึงกลายเป็นคนโง่ไปได้ล่ะ?

หญิงสาวที่ชื่อหานเหมยคนนี้มีนิสัยเฉพาะตัวคล้ายคลึงเหมยซูหานมากต่างแค่เพศเท่านั้นแต่เขาดันมองข้ามจุดนี้ไป

อีกทั้งผู้หญิงคนนี้จับจ้องเขาหลายครั้งแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เหมยซูหานแล้วจะจับจ้องเขาหลายครั้งขนาดนี้ทำไม?

เฮ่อเหลียนเช่อตบหน้าผากตัวเองอยู่หลายครั้ง ฉับพลันก็ฉีกยิ้มออกมา เสี่ยวหานหานของเขาตอนนี้เป็นสาวน้อยที่งดงาม…ฮ่า ๆ…

พระเจ้ายังคงเมตตากับเขามาก!

เมื่อเฮ่อเหลียนเช่อคิดได้เช่นนั้นก็เริงร่าขึ้นมาในทันที ส่งเสียงเรียกขึ้นมาโดยพลัน “ดอกเหมยน้อย!”

นี่คือชื่อเล่นระหว่างเขากับเหมยซูหาน มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่เรียกชื่อนี้

หานเหมยที่กำลังงอนอยู่พอได้ยินเสียงและชื่อเรียกที่คุ้นเคยก็ควบคุมร่างกายไม่อยู่ ตัวสั่นเล็กน้อย เธอไม่กล้าหันกลับไปมอง

เฮ่อเหลียนเช่อดีใจสุดขีด เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าสาวน้อยแสนสวยคนนี้ก็คือเหมยซูหานของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้หรอก

“ในเมื่อเธอจำฉันได้แล้ว ทำไมถึงไม่มาบอกความจริงกับฉันล่ะ?” สมองของเฮ่อเหลียนเช่อไม่เข้าใจความคิดของหานเหมยในตอนนี้เลยสักนิด

เขาแค่แปลกใจว่าทำไมจำเขาได้แล้วถึงกลับทำเป็นไม่รู้จักกัน

“ใครรู้จักนาย? นายอย่าคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว ฉันไม่รู้จักนายสักหน่อย!” หานเหมยพูดอย่างโกรธเคือง

ด้านซ้ายก็มีผู้หญิง ด้านขวาก็มีผู้ชาย กอดซ้ายทีขวาที ยังมีหน้ามารื้อฟื้นความจำกับเธออีกเหรอ?

เฮ่อเหลียนเช่อชะงักไป ปฏิกิริยาแรกของเขาคือเสียงของเสี่ยวหานหานไพเราะจัง ต่อให้ด่าก็ยังไพเราะเหมือนร้องเพลง พอได้ยินแล้วรู้สึกหูคันยุบยิบไปหมด

“เสียงของเธอไพเราะมากจริง ๆ หน้าตาก็น่ามอง…ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน…สามปีนี้ฉันเฝ้าคิดถึงเธอทุกวันเลย…”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินไปเผชิญหน้ากับหานเหมยแล้วโน้มตัวก้มลงมองเธอเพื่อสื่อความรักความคิดถึงของเขา

หานเหมยแสดงสีหน้าอ่อนไหวผ่านใบหน้า ดวงตาแดงก่ำ ตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอก็คิดถึงเขาทุกวัน…พลันใจของเธอก็อ่อนยวบลงในทันทีไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป เขาอยากจะยอมรับคนรักของเขาเหลือเกิน แต่ว่า——

แต่พอนึกถึงคุณริโกะและเจสันที่อยู่ข้างนอก หานเหมยก็ทำสีหน้าบึ้งตึงขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเรียวสวยเย็นชาเอ่ยเหน็บแนมว่า “นายกำลังพูดจาไร้สาระอะไรกัน? คนที่นายคิดถึงไม่ใช่ว่าอยู่ข้างนอกหรอกเหรอ? คนหนึ่งก็คุณริโกะ อีกคนก็เจสัน ความรู้สึกของนายมีมากจริง ๆนะ!”

ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะซื่อบื้อแค่ไหนแต่เวลานี้ก็พอได้กลิ่นความหึงหวงบ้างแล้ว จากนั้นก็ถึงบางอ้อในทันที

ที่แท้เสี่ยวหานหานของเขาก็หึงอยู่นั่นเอง!

ก็ว่าทำไมทำตัวเย็นชาจัง แถมยังเอาแต่ถลึงตาจ้องเขาอีกต่างหาก!

“ด้วยความสัตย์จริงฉันไม่รู้จักสองคนนั้น ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยนะ!” เฮ่อเหลียนเช่อรีบอธิบายอย่างชัดเจน ไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมหานเหมยถึงได้หึงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ทั้ง ๆที่พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย!

“ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วทำไมนายถึงได้ช่วยคุณริโกะนั่นล่ะ? ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วทำไมนายถึงได้เข้าไปในป่าเล็กกับเจสันนั่นได้ล่ะ? แถมยังลูบ ๆคลำ ๆกับผู้ชายมากมายขนาดนั้นด้วย? นายคิดว่าฉันโง่หรือไง?”

หานเหมยน้ำตาไหลพรากพร้อมก่นด่า

เธออยู่ที่นี่โดดเดี่ยวด้วยความหวาดกลัว คนไร้หัวใจคนนี้กลับทำตัวล่อผึ้งล่อผีเสื้อยั่วยวนคนอื่นไปทั่วใช้ชีวิตมีความสุขจะตายไป!

เฮ่อเหลียนเช่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็นึกสับสน พูดประโยคความในใจออกมาประโยคหนึ่งว่า

“ทำไมเธอถึงได้จิตใจคับแคบขึ้นขนาดนี้ล่ะ? เมื่อก่อนเธอไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่นา”

……

บรรยากาศรอบกายชะงักไปสามวินาที

“ไปให้พ้น ไสหัวไปเลยนะ!”

…………………………………………..

ตอนที่ 2580 จำกันได้แล้ว

เหมยเหมยและคนกลุ่มหนึ่งซ่อนตัวรอชมเรื่องสนุก ๆอยู่ด้านนอก มีบางคนอยากขยับใกล้เข้าไปอีกหน่อย แต่พวกเขาทั้งหมดกลับถูกเหมยเหมยดึงออกมา

เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ผีเข้าผีออก แถมยังฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา หากทำให้เขาโกรธขึ้นมาแพทย์พวกนี้จะซวยเสียเปล่า ๆ

เพียงแต่อยู่ห่างเกินไปหน่อย เสียงข้างในเบาจนฟังไม่ชัด ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงดังฟังชัดว่า——

“ไสหัวไปเลยนะ!”

ไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็โผล่ออกมาด้วยท่าทีหงอย ๆแต่ใบหน้ากลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดูท่าทางบื้อทึ่มอยู่บ้าง

ทุกคนหนีไม่ทันเลยแสร้งทำเป็นชมเดือนชมดาว พูดคุย เดินเล่น วุ่นเรื่องงานแต่กลับไม่เนียนเอาเสียเลย

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นเคย พอเห็นเหมยเหมยก็ส่งยิ้มใจดีอย่างเหนือคาดให้ มือปัดป่ายไปมาไม่หยุด ฮัมเพลงเสียงเบาอย่างอารมณ์ดี

เหมยเหมยแค่นเสียงทีหนึ่งแล้วเอ่ย “จำกันได้แล้วเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ จ้าวเหมยรู้นานแล้วแต่ยังจงใจปิดบังเขา แถมยังโน้มน้าวเสี่ยวเป่าให้ปิดบังไปด้วย ความผิดนี้ไม่สามารถให้อภัยได้

“เธอคงใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วสินะ ทั้ง ๆที่รู้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมบอก!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อจางหายไปแล้วมองเหมยเหมยด้วยสายตาน่ากลัว ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายทำเอาคนรอบตัวที่เฝ้าดูเรื่องสนุกอยู่ตัวแข็งทื่อหนีไปทันที จากนั้นก็ไปหลบรอดูเรื่องสนุก ๆจากที่ไกล ๆต่อ

“ฉันรู้แล้วจะทำไม ก็ฉันไม่อยากบอกนาย นายบอกว่านายกับหานเหมยมีกระแสจิตส่งถึงกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมผ่านไปตั้งนานถึงหากันเจอล่ะ โง่หรือไง?”

เหมยเหมยเหน็บแนมอย่างไม่ไว้หน้าจนทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อพูดไม่ออก ถ้อยคำเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาพูดไว้จริง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าเกิดใหม่อีกครั้งจะเปลี่ยนเพศไปด้วย เขาเลยเอาแต่เล็งไปที่ผู้ชายอย่างเดียว!

“จ้าวเหมย เธออย่าคิดว่ามีเหยียนหมิงซุ่นคอยหนุนหลังอยู่แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอนะ ถ้าหาเรื่องให้ฉันโกรธ ไม่งั้นฉันจะขายเธอในตะวันออกกลางนี่แหละ!”

เฮ่อเหลียนเช่อที่อับอายจนโกรธจัดมองเหมยเหมยอย่างเย็นชา จากนั้นก็เริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆแต่เหมยเหมยกลับยิ่งไม่กลัวเขาเข้าไปใหญ่

“โอ๊ย ฉันกลัวจังเลย…”

จู่ ๆเหมยเหมยก็แสร้งพูดเกินจริงตะโกนเสียงดังลั่น “เฮ่อเหลียนเช่อจะตีคนแล้ว…”

เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันได้ทำอะไร หานเหมยก็กระโจนออกมาจากเต็นท์ ในเวลาเดียวกันก็มีก้อนกลมเล็ก ๆสองลูกกลิ้งเข้ามาหาด้วย

“เฮ่อเหลียนเช่อนายรังแกเหมยเหมยอีกแล้วเหรอ นายเก่งมากใช่ไหม? ไปให้พ้น ฉันเห็นนายแล้วรำคาญ!”

เหมยเหมยซ่อนตัวอยู่หลังหานเหมยแสร้งทำเป็นกลัว แต่กลับยกนิ้วกลางส่งให้เฮ่อเหลียนเช่ออยู่ด้านหลังหานเหมย…

“เธอรนหาที่ตายเหรอ…”

เฮ่อเหลียนเช่อไหนเลยจะทนต่อการยั่วยุนี้ได้ เขาก้าวไปข้างหน้าคิดจะบีบคอเหมยเหมยให้ตายคามือ หานเหมยก็ยิ่งโกรธจนร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด

แม้กระทั่งคำพูดของเธอก็ไม่ฟังกันแล้ว ที่แท้ก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!

“พ่อกำลังจะทำอะไร? ห้ามตีคุณน้านะ!”

เสียงแหลมเล็กของเสี่ยวเป่าดังขึ้นแล้วออกแรงอันน้อยนิดลากขาข้างหนึ่งของเฮ่อเหลียนเช่อเอาไว้ เล่อเล่อก็กอดขาอีกข้างไว้เช่นกัน

เฮ่อเหลียนเช่อที่โดนเสี่ยวเป่าขัดขวางไว้จึงไม่กล้าออกแรงเยอะเลยทำได้แค่ยืนขวางไว้เช่นนั้น แต่เขากลับลืมแรงมหาศาลของเล่อเล่อไป ยังไม่ทันทำอะไรก็ล้มตึงลงพื้น…ปากเต็มไปด้วยทราย

“พรู๊ด”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจแล้วรีบวิ่งเข้าไปหอมแก้มเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อคนละฟอด ไม่เสียแรงเปล่าจริง ๆ

“ถุย ๆ!”

เฮ่อเหลียนเช่อลุกขึ้นด้วยความอับอาย ทั้งหน้าทั้งตัวเต็มไปด้วยทราย เขาไม่ปัดทรายออกแต่รีบอธิบายให้หายเหมยฟังว่า “ฉันไม่ได้แตะต้องจ้าวเหมยแม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ สวรรค์เป็นพยาน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็เป็นพยานได้!”

เหมยเหมยแค่นเสียงฮึ “นายยังจะขายฉันไปตะวันออกกลางอยู่เลย!”

หานเหมยถลึงตาใส่อย่างโมโห เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พ่อก็แค่หยอกให้ตกใจเล่นเฉย ๆ หากพ่อคิดจะขายหญิงอัปลักษณ์อย่างเธอจริง ๆ เธอจะได้มายืนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงนี้เหรอ?”

“นายเป็นพ่อของใครกันฮะ?”

หานเหมยเตะเขาทีหนึ่งแล้วหันตัวเดินหนีไป แต่บนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มออกมา

…………………………

ตอนที่ 2577 กลิ่นหอมดอกเหมยมาจากความหนาวเย็นอันขมขื่น

เฮ่อเหลียนเช่อมองหานเหมยด้วยดวงตาเป็นประกาย ท่วงท่าในการทานอาหารของสาวน้อยคนนี้เหมือนเหมยซูหานทุกกระเบียดนิ้วเลย

อีกทั้งนิสัยการกินก็คล้ายกันมาก เหมยซูหานไม่ชอบทานถั่วต้มซึ่งต่อให้ถั่วจะนิ่มแค่ไหนก็ไม่ชอบแต่กลับชอบทานผลิตภัณฑ์จากถั่ว อีกอย่างเหมยซูหานเกลียดหัวหอม รวมไปถึงอาหารที่มีหัวหอมทั้งหมด

เช้านี้มีโจ๊กข้าวโอ๊ต ถั่วเหลืองต้ม รวมไปถึงเนื้อย่างหอมหัวใหญ่ ซึ่งเป็นอาหารที่คนในพื้นที่ชื่นชอบ

อาหารรสชาติดีมากจริง ๆ เขาทานไปตั้งเยอะแต่หานเหมยกลับทานแค่โจ๊กข้าวโอ๊ต เนื้อย่างก็ไม่ทาน ถั่วเหลืองต้มไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้วยซ้ำ

ทั้ง ๆที่เธอเป็นคนในท้องถิ่น อาหารเหล่านี้ต้องเคยทานมาตั้งแต่เด็ก แล้วทำไมถึงไม่ชอบล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อผุดความคิดบางอย่างขึ้นมาหันไปยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “ทำไมเธอถึงทานแต่โจ๊กล่ะ? เนื้อย่างก็อร่อยนะ!”

เขาพูดไปก็จิ้มเนื้อย่างชิ้นหนึ่งยื่นกะจะวางลงในถ้วยของหานเหมย

“นายทำอะไรน่ะ ฉันไม่ชอบกินเนื้อย่าง!”

ครั้นหานเหมยได้กลิ่นหัวหอมใหญ่ก็เวียนหัวจึงรีบปิดจมูกดันถ้วยไปอีกทาง จากนั้นก็มองค้อนใส่เขา

เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่?

เมื่อคืนยั่วยวนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น พอวันนี้ก็มายั่วยวนสาวน้อยต่อ คิดว่าตัวเองเป็นพ่อหนุ่มยอดนักรักหรืออย่างไรกัน?

เมื่อก่อนเธอตาบอดไปจริง ๆ ถึงมองไม่ออกว่าเจ้าหมอนี่เจ้าชู้ขนาดไหน!

ครั้นเฮ่อเหลียนเช่อเห็นท่าทีรังเกียจของหานเหมย ความสงสัยก็ยิ่งทวีคูณขึ้น นอกจากรูปลักษณ์และเพศที่ไม่เหมือนกัน แต่ท่าทีที่แสดงออกมาเหมือนกับเหมยซูหานไม่มีผิด

หรือว่า…

“เธอไม่ชอบกินเนื้อหรือว่าหัวหอมใหญ่กันแน่?”

“นายจะมายุ่งทำไมว่าฉันชอบกินอะไร นายนี่ตลกจริง ๆ!” หานเหมยโมโหจนพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างไม่สบอารมณ์ เธอหยิบโจ๊กกลับเข้าเต็นท์ไปคร้านจะเห็นขี้หน้าเจ้าหมอนี่แล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆ แล้วเดินตามหลังมาพร้อมกับพูดว่า “งั้นเธอกินถั่วต้มหน่อยเถอะ ถ้าไม่กินอะไรเลยสารอาหารจะไม่พอเอานะ”

“ไม่เอา!”

แค่หานเหมยได้ยินคำว่าถั่วต้มก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือถั่วต้มที่ถูกต้มจนเละแบบนี้ หากทำเป็นเต้าหู้คงอร่อยกว่ามาก

“งั้นเธออยากกินเนื้องูไหม? อีกเดี๋ยวฉันจะไปจับงูมาสักสองสามตัวให้เธอกิน!” เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มพลางพูดต่อ

หานเหมยชะงักไป ปากน้ำลายสอ เธอไม่ได้ทานซุปงูมานานแล้ว คนที่นี่ไม่ทานงูและไม่มีใครไปจับงูด้วย เธอเองก็ไม่กล้าจับจึงทำได้แค่มองงูตาปริบ ๆแต่ทานไม่ได้

แต่พอนึกถึงเรื่องแย่ ๆที่เฮ่อเหลียนเช่อทำในหลายวันมานี้หานเหมยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีกครั้ง เธอหันกลับไปตะคอกใส่ว่า “ไม่เอา นายอย่าตามฉันมานะ เห็นหน้านายแล้วรำคาญ!”

เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มแฝงความหมายบางอย่างลึกซึ้ง อย่าคิดว่าเมื่อครู่เขามองไม่ออกถึงความปรารถนาของหานเหมยที่มีต่อเนื้องูนะ

เนื้อที่เหมยซูหานชอบทานมากที่สุดก็คือเนื้องูไม่ใช่หรือไง!

คนท้องถิ่นไม่ชอบทานงูกัน ทั้ง ๆที่สาวน้อยคนนี้ใส่ชุดท้องถิ่นแต่กลับไม่ได้มีนิสัยการกินแบบคนในท้องถิ่นเลย น่าสนใจจริง ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมาแต่ในไม่ช้าก็รู้สึกเหนือคาด เหมยซูหานกลายเป็นผู้หญิงไปได้อย่างไรกัน?

เป็นไปไม่ได้แน่นอน เขาคิดมากเกินไป บางทีอาจจะแค่บังเอิญ

“คุณเฮ่อเหลียนเช่อ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ริโกะซาบซึ้งใจเหลือเกิน!”

คุณริโกะที่อาการดีขึ้นพอสมควรแล้ว ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พอได้เห็นเฮ่อเหลียนเช่อก็นึกชอบขึ้นมา เธอจึงโค้งตัวเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ

เฮ่อเหลียนเช่อไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขาผลักเธอออกแล้วกลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าครุ่นคิด

นอกจากนี้ยังมีอีกสองคนที่จิตใจฟุ้งซ่านตามไปด้วย คนหนึ่งคือเอ็ดดี้ อีกคนหนึ่งคือเจสัน

ทั้งสองเกิดอาการพะวักพะวงขึ้นมา คนหนึ่งกังวลว่าคนในใจจะถูกแย่งไป ส่วนอีกคนกังวลเช่นกันว่าคนในใจจะถูกแย่งไป…

เฮ่อเหลียนเช่อมองเจสันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทางการกินเหมือนเหมยซูหานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จู่ ๆก็ถามขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “รู้ไหมว่าประโยคถัดไปของกลิ่นหอมดอกเหมยมาจากความหนาวเย็นอันขมขื่นคืออะไร?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2578 บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย

เดิมทีเจสันยังรู้สึกเศร้าใจอยู่บ้างที่อยู่ดี ๆเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น แต่พอเห็นเฮ่อเหลียนเช่อหันมาพูดกับตน เขาก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ไบเซ็กชวลก็คือไบเซ็กชวล ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาคนที่ถูกตาต้องใจสักคนเจอ เขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงชายชาวตะวันออกคนนี้ให้รักเพียงตนคนเดียว

“อะไรนะ? นายถามฉันว่าอะไรนะ?”

เจสันฟังไม่เข้าใจเพราะเฮ่อเหลียนเช่อพูดเป็นภาษาฮวาเซี่ย

เฮ่อเหลียนเช่อนึกผิดหวังแต่เขาก็ไม่ย่อท้อ บางทีอาจจะเพราะผ่านความตายมาเลยลืมภาษาแม่ไปแล้ว เขาจึงพูดอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ

“ดอกเหมยคือดอกอะไรเหรอ? เป็นน้ำหอมชนิดหนึ่งเหรอ?” เจสันได้ยินเช่นนั้นก็งุนงงพร้อมมองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างไม่เข้าใจ

อะไรคือดอกเหมย อะไรคือมีกลิ่นหอม?

หรือว่าผู้ชายชาวตะวันออกคนนี้ชอบน้ำหอมที่เรียกว่าดอกเหมย?

อีกเดี๋ยวเขาไปถามคุณจ้าวดีกว่า บางทีน้ำหอมอันนี้อาจจะมีแค่ในฮวาเซี่ย ในเมื่อผู้ชายชาวตะวันออกคนนี้ชอบ งั้นเขาใช้ได้ไม่เห็นเป็นไร คิด ๆแล้วกลิ่นนี้คงมีเอกลักษณ์มากแน่ ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อผิดหวังยิ่งกว่าเดิม เขาส่ายศีรษะ เจสันคนนี้น่าจะไม่ใช่เหมยซูหาน

ต่อให้ผ่านความตายมาก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้วขนาดนี้มั้ง?

กลิ่นหอมดอกเหมยมาจากความเหน็บหนาวอันขมขื่น คมดาบถูกลับให้คมขึ้น…บทกวีสองท่อนนี้เป็นบทกวีโปรดของเหมยซูหาน เขายังบอกอีกด้วยว่าชื่อของเขามาจากบทกวีนี้

แต่ตอนนี้เจสันกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับบทกวีนี้เลย…เฮ่อเหลียนเช่อจึงเลิกทดสอบเจสันในที่สุดแล้วก้มหน้าทานมื้อเช้าต่อไป

เจสันไม่รู้ว่าตัวเองตอบผิดตรงไหน ทำไมถึงไม่สนใจเขาอีกแล้วล่ะ?

เอ็ดดี้ถลึงตาจ้องเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความโกรธ ผู้ชายตะวันออกสมควรตายนี่ไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักเอาเสียเลย เดี๋ยวก็ยั่วยวนผู้ชายเดี๋ยวก็ไปหยอกเย้าผู้หญิง ช่างทำตัวเหมือนผีเสื้อที่คอยแทะโลมคนอื่นไปทั่ว สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือไปหยอกเย้าหานเหมยสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา เกลียดชะมัดเลย!

“นาย…นายทำแบบนี้ไม่ถูกนะ!”

เอ็ดดี้ทนไม่ไหว สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นตำหนิเฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่อชักสีหน้าใส่ บนโลกใบนี้คนที่กล้าชี้หน้าเขาต่างก็ลงไปรายงานตัวในยมโลกกันหมดแล้ว

“เอามือออกไป!”

เฮ่อเหลียนเช่อปัดเบา ๆแต่เอ็ดดี้ดึงมือของเขากลับด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนมือหักด้วยซ้ำ

“นายไม่ได้รักเดียวใจเดียว ทั้ง ๆที่เมื่อคืนนายตกลงปลงใจกับเขาแล้ว งั้นไปหยอกเย้าหานเหมยอีกทำไม?” เอ็ดดี้ตำหนิอย่างโมโห

เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินเช่นนั้นก็นึกแปลกใจ อะไรคือตกลงปลงใจ อะไรคือหานเหมย?

ไม่สิ…

“นายพูดอีกรอบสิ หานเหมยคืออะไร?” เฮ่อเหลียนเช่อตะคอกถามเสียงดัง

หานเหมยไม่ได้ตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ตัวเอง คนในทีมแพทย์เลยต่างเรียกเธอว่าหานเหมย ฟังแล้วดูกระด้างอยู่หน่อย

“ก็หานเหมยไง นายแกล้งโง่หรือไง? เมื่อกี้นายยังจงใจแกล้งเธอด้วยซ้ำ!“ เอ็ดดี้ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ขายหน้าผู้ชายทั้งโลกจริง ๆ

“นายบอกว่าสาวน้อยคนเมื่อกี้ชื่อหานเหมยเหรอ? เธอไม่ใช่คนในท้องถิ่นเหรอ? คนท้องถิ่นมีชื่อแบบนี้ด้วยเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ ชื่อของชาวตะวันออกกลางออกเสียงยากมาก แต่ต่อให้ชื่ออะไรก็คงไม่มีทางชื่อหานเหมยแน่นอนมั้ง?

ฟังดูเหมือนชื่อของชาวฮวาเซี่ยเลย!

“หานเหมยเป็นชื่อที่เธอตั้งเอง พวกเราเรียกจนชินแล้ว เธอบอกว่าชอบบทกวีของฮวาเซี่ยบทหนึ่งมาก ชื่ออะไรแล้วนะ?”

หัวหน้าทีมอธิบายอย่างใจดี เขากับหานเหมยก็รู้จักกัน แต่จะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าบทกวีนั้นอ่านว่าอะไร

เหมยเหมยกำหมัดแน่น หัวใจเต้นแรง…นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญแล้ว…เธอตื่นเต้นมากจริง ๆ!

หัวหน้าทีมคิดอยู่นานก็จำชื่อบทกวีไม่ได้สักที เฮ่อเหลียนเช่อทนไม่ไหวเลยพุ่งเข้าไปในเต็นท์เพราะอยากถามเจ้าตัวให้รู้เรื่อง

คาดไม่ถึงว่าเด็กสาวท้องถิ่นจะรู้จักบทกวีจีนโบราณด้วย ฟังอย่างไรก็ผิดปกติ!

หรือว่าเขาคิดผิดเดินผิดตั้งแต่ต้น?

บางที…ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชายเสมอไปก็ได้!

…………………………

ตอนที่ 2575 เล่นเกินขอบเขต

“กึก ๆ…เพล้ง…”

ในที่สุดหานเหมยก็ไม่สามารถระงับความโกรธได้จึงบีบถ้วยพลาสติกในมือแตก ร่างกายแผ่ความเย็นชาออกมาจนเพียงพอที่จะทำให้อากาศในทะเลทรายเย็นลงสักสิบองศาได้

“เป็นอะไรเหรอ? หานเหมยสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” มีชายผมบลอนด์รูปงามคนหนึ่งถามด้วยความห่วงใย เขาชื่อเอ็ดดี้เป็นชาวอเมริกัน เขาเป็นแพทย์ที่ให้บริการที่นี่และแอบชอบในตัวหานเหมยอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าหานเหมยไม่ได้สนใจเขาสักเท่าไหร่

“ไม่มีอะไร ฉันไม่กินแล้ว”

หานเหมยก้มตัวลงไปเก็บเศษถ้วยที่แตก จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปที่เต็นท์ เธอเดินเร็วมากพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่

ไอ้เฮ่อเหลียนเช่อสมควรตาย เธอเพิ่งจากไปได้แค่สามปีก็ไปยั่วยวนคนอื่นแล้ว แถมยังทำต่อหน้าเธอกับเสี่ยวเป่าอีก…ไร้ยางอาย!

แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังเทียบไม่ได้เลย!

เธอไม่อยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับผู้ชายน่ารังเกียจแบบนี้แล้ว!

เหมยเหมยแลบลิ้นปลิ้นตา แต่เธอเล่นเกินขอบเขตไปแล้วหรือเปล่า?

อีกเดี๋ยวเธอไปคุยกับหานเหมยสักหน่อยว่าบอกความจริงกับเฮ่อเหลียนเช่อดีไหม?

ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหานเหมยคือความจริง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงช่วยคุณริโกะและสัมผัสมือกับผู้ชายมากมายขนาดนั้น จนกระทั่งเข้าไปใน ‘ป่าน้อย’ กับเจสันอีก…

ทุกเรื่องที่ทำมีแต่จะก่อเรื่องให้ไปกันใหญ่!

มิน่าล่ะหานเหมยถึงได้โมโหจนแทบกระอักเลือดตายอยู่แล้ว!

เหมยเหมยให้เด็กทั้งสองคนทานอาหารกันเองไป ส่วนเธอลุกไปหาหานเหมยแต่กลับเห็นเธอซ่อนตัวอยู่ในเต็นท์และเช็ดน้ำตา จุ๊ ๆ…เห็นแล้วรู้สึกสงสารเลยแฮะ!

“ให้ฉันไปบอกเฮ่อเหลียนเช่อเถอะ ปิดซ่อนอยู่แบบนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย!”

“ไม่ต้อง…ต่อให้เธอบอกเขาฉันก็ไม่ยอมรับหรอก ฉันขอเตือนเธอไว้เลยว่าห้ามบอกเขาเด็ดขาด ฉันอยากจะเห็นว่าเขาจะยั่วยวนอีกสักกี่คนกันแน่?” หานเหมยพูดพลางกัดฟันแน่น

เหมยเหมยยักไหล่ ไม่บอกก็ไม่บอก เธอชอบดูละครสนุก ๆอยู่แล้ว

“งั้นฉันจะไปดูว่าพวกเขาเข้าไปทำอะไรกันในนั้น…ช่วยเธอสืบสักหน่อย” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีน่าเกรงขามแล้วเดินจากไปอย่างกระตือรือร้น

ในใจของหานเหมยคันยุบยิบเพราะเธอเองก็อยากไปดูเหมือนกันแต่ก็กลัวเสียใจ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไป กระซิบข้างหูของเสี่ยวเป่าอยู่สองสามประโยค ดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกาย จากนั้นก็ลากเล่อเล่อไปสืบเรื่องของศัตรู

“พี่ชาย ไปจับกิ้งก่าเหรอ?” เล่อเล่อตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เนื้อของกิ้งก่าอร่อยมาก เธออยากไปจับมาสักตัวให้พี่สาวต้มให้กิน

“พรุ่งนี้ค่อยไปจับ ตอนนี้ไปเล่นกันเถอะ”

เด็กน้อยทั้งสองจูงมือกันไป เหมยเหมยซ่อนตัวอยู่หลังต้นอินทผลัม ต้นอินทผลัมเป็นไม้ผลไม้ประจำท้องถิ่นและมีอยู่หลายต้น นอกจากนี้ยังมีป่าหลิวเล็ก ๆอีกด้วย เฮ่อเหลียนเช่อและเจสันลากกันไปในป่าหลิวแห่งนี้นี่แหละ

“ชู่…”

เหมยเหมยหันไปส่งเสียงบอกให้เสียงเบา ๆ

ความรู้สึกตื่นตัวของเฮ่อเหลียนเช่อสูงมาก หากเขาเจอเข้าก็หมดสนุกสิ

“คุณน้าครับ…คุณพ่อกับคุณอากำลังทำอะไรกันเหรอ?” เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ ทำไมคุณพ่อกับคุณอาคนนั้นถึงต้องตัวติดกันขนาดนั้นด้วย?

“เด็กน้อยอย่าดูเรื่องพวกนี้เลย รีบกลับไปเถอะ!” เหมยเหมยโบกไม้โบกมือ หากเฮ่อเหลียนเช่อทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสม พวกเด็ก ๆจะเป็นตากุ้งยิงเอาเสียเปล่า

“พี่สาวให้ผมมาดูว่าพ่อทำอะไร”

“พี่สาวของลูกหน้ามืดตามัวหมดแล้ว เรื่องแบบนี้มีอะไรน่าดูกัน รีบกลับไปเถอะ” เหมยเหมยให้เด็กทั้งสองคนรีบกลับไป เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อจึงทำได้แค่กลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก

เฮ่อเหลียนเช่อมองเจสันที่อารมณ์ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ สรุปแล้วเจ้าหมอนี่คือเสี่ยวหานหานหรือเปล่านะ?

ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งไม่เหมือนเลยล่ะ

แต่ถ้าไม่ใช่เหมยซูหาน งั้นทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้ทำตัวกระตือรือร้นกับผู้ชายอย่างเขานักล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อที่นานวันก็ยิ่งโง่ขึ้นเรื่อย ๆลืมไปแล้วว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่เหมือนเขาอีกมากมาย…

“ที่รัก…นายยังรออะไรอยู่อีกล่ะ…รีบเข้ามาสิ…” เขารออยู่นานก็ไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อจะกระโจนเข้ามาหาสักทีก็อดไม่ได้ที่จะเร่ง เขาจึงทำได้แค่เข้าไปนัวเนียต่อ…

“นายคิดจะทำอะไร?”

เฮ่อเหลียนเช่อตัวสั่นสะดุ้งโหยง เขารู้สึกรังเกียจจับใจจึงผลักร่างเจสันที่เริ่มเปลื้องผ้าแล้วออก จากนั้นก็วิ่งหนีออกจากป่าไป

…………………………………………..

ตอนที่ 2576 ปัญหาที่เกิดจากผู้หญิงขี้หึง

เฮ่อเหลียนเช่อคาดไม่ถึงว่าเจสันจะลวนลามเขาจริง ๆ ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากไม่ใช่เหมยซูหาน งั้นเขาก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ไปฟรี ๆไม่ใช่เหรอ?

เหมยเหมยคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อจะหนีออกมา เธอช้าเกินไปที่จะหลบจึงประจันหน้ากันเต็ม ๆ

“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าขรึมลง แค่มองก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาที่ไม่ดี

“มาชมวิวทิวทัศน์ วิวทิวทัศน์ที่นี่สวยจะตายไป ดวงจันทร์กลมมน นายมาจุ้นจ้านอะไรด้วย?”

เหมยเหมยปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว ป่านี้ไม่ใช่ของเฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย มีอะไรให้ต้องกลัวเหรอ?

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงอย่างเย็นชา ถ้าเขาเชื่อคำพูดไร้สาระของผู้หญิงคนนี้ก็โง่เต็มทีแล้ว!

เดิมทียังคิดจะสั่งสอนเหมยเหมยสักชุด แต่ว่า——

“ที่รัก ทำไมนายต้องวิ่งหนีด้วย?” เจสันโผเข้ามา ไล่ตามมาติด ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อวิ่งหนีด้วยความตกใจจึงไม่ทันได้สั่งสอนเหมยเหมย

เหมยเหมยยักไหล่ อดดูละครสนุก ๆเลย กลับที่พักดีกว่า

เธอกับหานเหมยอยู่เต็นท์เดียวกัน ตอนเธอกลับไปยัยนี่กำลังนั่งปาดน้ำตาอยู่ พอเห็นเธอกลับมาก็เอาแต่มองเธอ เหมือนอยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม

“พอแล้ว อย่าทำท่าอาลัยตายอยากแบบนี้ ไม่ได้ทำอะไรกัน แค่ลูบไล้กันเท่านั้นเอง!” เหมยเหมยพูดตามความจริง

หานเหมยมุ่นคิ้วแน่น แล้วถามเสียงสูงว่า “ลูบตรงไหน?”

“มืดขนาดนั้นฉันจะมองเห็นได้อย่างไรกันล่ะ เอาน่า…เธอไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อที่เป็นคนลูบผู้ชายคนนั้น แต่เป็นผู้ชายคนนั้นลูบเฮ่อเหลียนเช่อของเธอต่างหาก ทำเอาผู้ชายของเธอตกใจจนวิ่งเผ่นแน่บออกป่าไปเลย” เหมยเหมยอธิบายอย่างเอือมระอา

เห็นแก่น้ำตาของยัยนี่หรอกนะถึงไม่แกล้งเธอแล้ว มิฉะนั้นจะเป็นการทำให้คู่รักแยกจากกันเอาได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงไม่สบายใจแย่

หานเหมยถอนหายใจและเกลียดเจสันเข้ากระดูกดำ

นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สมควรตาย พอเห็นผู้ชายหน่อยก็เข้าไปยั่วยวน พรุ่งนี้จะใส่ยาระบายลงในซุปแล้วให้เจ้าหมอนั่นท้องเสียตายคาส้วมไปเลย!

หานเหมยเพิ่งจะวางใจก็โดนคำพูดประโยคหนึ่งของเหมยเหมยปลุกอารมณ์โมโหขึ้นอีกรอบ

“ดูเหมือนเฮ่อเหลียนเช่อจะพักอยู่ในเต็นท์เดียวกับเจสันนะ!”

หานเหมยเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง ถ้านังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นึกฉวยโอกาสปีนขึ้นเตียงของเฮ่อเหลียนเช่อตอนกลางดึกล่ะ…

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่คนจิตใจหนักแน่นเสียด้วย…

พอหานเหมยยิ่งคิดสีหน้าของเธอก็ซีดลงเรื่อย ๆ ตาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง ช่างเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวเปราะบางมากจริง ๆ

“เธอจะร้อนใจอะไร? หากไม่วางใจจริง ๆ งั้นให้ฉันไปคุยกับผู้รับผิดชอบที่นี่ย้ายเธอไปอยู่เต็นท์เดียวกับเฮ่อเหลียนเช่อไหม?” เหมยเหมยเห็นแล้วก็ปวดศีรษะ

พอเข้าร่างใหม่นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก อะไรนิดหน่อยก็ร้องไห้เหมือนเธอเมื่อก่อนเลย เห็นแล้วน่ารำคาญจริง ๆ

ครั้นเหมยเหมยนึกถึงตัวเองในอดีตก็พลันรู้สึกนึกรังเกียจขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นชอบสาวขี้แยแบบนั้นได้อย่างไร?

“ไม่เอา ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองแบบนั้นคนอื่นจะเอาไปนินทากันได้” หานเหมยส่ายศีรษะ ถึงแม้ในใจของเธอจะอยากมากก็ตามเถอะ

“ใครจะสนว่าพวกเธอทำอะไรกัน? ถ้าเธอต้องการฉันสละที่ให้เลย!” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ

หานเหมยเขินจนหน้าแดงแล้วก็ส่ายหน้า “ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคุยกับเขา!”

“ดัดจริต นอนดีกว่า!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่ดึงถุงนอนขึ้นมาแล้วหลับไปทั้ง ๆที่เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด ถึงแม้ว่าตอนนี้หานเหมยจะเป็นผู้หญิง แต่พอนึกถึงว่าชาติที่แล้วเธอเคยเป็นผู้ชายมาก่อนก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง

หานเหมยพลิกตัวไปมาบนเตียงทั้งคืนแล้วก็ลุกไปทำโจ๊กเป็นมื้อเช้าให้ทุกคนด้วยขอบตาที่ดำเป็นหมีแพนด้า เมื่อถึงคิวของเจสันเธอกัดฟันยื่นโจ๊กให้เจสันหนึ่งถ้วยพร้อมกับส่วนผสมในนั้น

เจสันไม่นึกสงสัยเลยสักนิดแล้วกินโจ๊กจนเกลี้ยง ระหว่างนั้นเขาก็มองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเสน่หา เดิมทีคิดจะไปหาเฮ่อเหลียนเช่อหลังมื้อเช้าเพื่อพยายามเข้าไปตีสนิทสักหน่อย แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเพราะโจ๊กที่เพิ่งทานไปไม่ถึงสิบนาทีท้องไส้เกิดปั่นป่วนขึ้นมา จากนั้นเขาก็กุมท้องวิ่งไปทางห้องน้ำ

เฮ่อเหลียนเช่อก็มองเจสันอยู่เช่นกัน เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะยังสงสัยว่าผู้ชายคนนี้คือเหมยซูหานหรือเปล่าทันใดนั้นแผ่นหลังของเขาก็เย็นวาบจนทำเอาเขาตัวสั่นสะท้านจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง แต่กลับเห็นหานเหมยกำลังตักโจ๊กทานอยู่ด้วยท่วงท่าสง่างาม เฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจแล้วหันกลับมาทานมื้อเช้าต่อ แต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปกะทันหันแล้วมองไปที่หานเหมยด้วยความประหลาดใจ

……………………

ตอนที่ 2573 งานอดิเรกพิเศษ

เฮ่อเหลียนเช่อทำเช่นนั้นต่อไป ผู้ชายในค่ายฐานทัพ…ถูกจับมือหมดไม่มีพลาด เวลาจับก็นานขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะชายรูปงามหน่อยก็จะยิ่งนาน

เขาคิดง่าย ๆว่าแต่ไหนแต่ไรมาเหมยซูหานรักสวยรักงามอยู่แล้ว ต่อให้จะเกิดใหม่ก็ไม่น่าจะเลือกเกิดเป็นลุงอ้วนหรอก เขาคงเลือกหนุ่มหน้าตาดี ๆหน่อย…

ดังนั้นเขาจึงเน้นการทดสอบนี้กับพวกหนุ่มหล่อ จับมือทุกคนจนพวกเขารู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ชายลึกลับที่มาใหม่ผู้นี้เวลายิ้มดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคืองานอดิเรกของเขา…ทำไมถึงได้จับมือพวกเขาได้น่าขยะแขยงขนาดนี้?

แถมยังบีบฝ่ามือตั้งหลายรอบ…พวกเขากลัวจนตัวเกร็งหมดแล้ว!

มีหลายคนกล้าที่จะโกรธแต่ไม่กล้าที่จะพูดเลยอดทนอยู่เงียบ ๆ ในใจกลับรู้สึกไม่พอใจมาก แค่จับมือก็พอยอมให้ได้ แต่ถ้าไอ้โรคจิตน่ารังเกียจนี่คิดจะทำอะไรมากกว่านี้ พวกเขาสาบานว่าจะเอาให้ตายเลย!

แต่ว่า——

ในขณะที่มีคนไม่ชอบ แน่นอนว่าก็ต้องมีคนชอบอยู่บ้าง

เรื่องราวทุกอย่างมีสองด้านเสมอ!

เฮ่อเหลียนเช่อจับมือจนใกล้จะครบทั้งโต๊ะแล้วแต่ยังไม่เจอคนที่ทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองได้เลย หัวใจเย็นวาบลงเรื่อย ๆ จะไม่มีได้อย่างไรกัน?

หรือว่าเหมยซูหานจะไม่อยู่ที่นี่?

เฮ่อเหลียนเช่อมัวแต่ครุ่นคิดเลยไม่ได้สังเกตว่ามีคนสองคนจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่แหลมคม

คนหนึ่งสายตาเต็มไปด้วยความรัก อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

ส่วนคนหนึ่งสายตาเต็มไปด้วยความโมโห ปากเรียวบางซ่อนความเย็นชาเอาไว้

คนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรักก็คือหนึ่งในบอดี้การ์ดชาวต่างชาติที่เซียวเซ่อจ้างมา หน้าตาหล่อเหลามาก ผมสีบลอนด์ทอง หุ่นก็ยั่วยวนใจสุด ๆ เขามองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเสน่หา หัวใจก็เต้นแรงตึกตัก

หิวกระหายมาหลายปี ในที่สุดก็ได้เจอคนที่จะเข้ามาในชีวิตของเขาแล้ว!

แมนมาก!

ส่วนสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหก็คือหานเหมย เธอเฝ้าสังเกตดูเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ตลอด พอเห็นเขาจับมือผู้ชายทุกคนไม่เสร็จไม่สิ้นสักที หานเหมยที่สะสมความโมโหเอาไว้ก็แทบปะทุออกมา ไอ้สารเลวนี่โรคเก่ากำเริบออกลายอีกแล้ว คาดไม่ถึงว่าผู้ชายผู้หญิงก็เอาหมด?

แม้กระทั่งลุงอ้วนก็ไม่เว้น!

น่ารังเกียจจริง ๆ!

หานเหมยกัดฟันกรอดเสียงดัง เส้นเลือดสีเขียวบนหลังมือปูดโปน ถ้วยแทบจะโดนเธอบีบแตกอยู่แล้ว เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆเธอก็รีบถามด้วยความห่วงใยว่า “พี่สาวไม่สบายเหรอ?”

“ไม่มีอะไร เสี่ยวเป่ากินข้าวเถอะ พี่ไม่เป็นอะไร”

หานเหมยสูดหายใจเข้าลึกแล้วคีบอาหารให้เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ ส่วนตัวเองกลับไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด สายตายังคงจับจ้องไปที่ใครบางคนอย่างไม่วางตา

เฮ่อเหลียนเช่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นตรงแผ่นหลัง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง พอเผชิญหน้ากับหานเหมยก็ตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว

สาวน้อยคนนี้ถือว่าค่อนข้างสวยทีเดียว แต่ว่าทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงได้มองเขาแบบนี้ล่ะ?

หรือว่าเห็นเขาหน้าตาหล่อเหลาก็เลยตกหลุมรักเขางั้นเหรอ?

เฮ่อเหลียนเช่ออดไม่ได้ที่จะลำพองใจแต่ก็หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็วแล้วไม่หันไปมองหานเหมยอีก ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว เหมยซูหานเกลียดความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างเขากับผู้หญิงมากที่สุด เขาต้องประพฤติตัวดี ๆ ไม่ให้โอกาสสาวน้อยคนนี้มายุ่มย่ามได้!

หานเหมยจุกอก โมโหจนปวดฟัน

ไอ้สารเลวสมควรตายนี่ ขนาดประจันหน้ากันแบบนี้ยังจำกันไม่ได้ แสดงว่าไอ้สารเลวนี่ไม่มีเธออยู่ในใจเลยงั้นเหรอ?

คำพูดหวาน ๆเหล่านั้นมันคือสิ่งหลอกลวงทั้งเพ พอเธอตายก็ไปยั่วยวนผู้ชายคนอื่น แถมยังสนใจผู้หญิงอีกต่างหาก ไม่ได้เรื่อง!

เหมยเหมยเห็นเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ในสายตาทั้งหมดก็พยายามกลั้นหัวเราะไว้ เธอคร้านจะพูดชี้นำใครบางคนให้เสียเวลา ไม่อย่างนั้นเธอจะมีละครสนุก ๆให้ดูเหรอ?

พูดถึงเหมยซูหานที่เกิดใหม่เป็นสาวน้อย เธอไม่เพียงแต่จิตใจคับแคบลงเท่านั้น แม้กระทั่งไอคิวก็เหมือนจะไม่ทำงานแล้วด้วย น่าสนุกจริง ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อหลือบมองชายหนุ่มหล่อเหลาที่มีดวงตาสีฟ้าผมบลอนด์แวบหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ค่อยคาดหวังมากนัก แต่ก็ยังอยากลองดูก่อน บางทีอาจจะใช่ก็ได้!

ไม่รอให้ยื่นมืออกไปก่อน ชายหนุ่มสุดหล่อผมบลอนด์ก็ยื่นมือออกมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น เขาจับมือเฮ่อเหลียนเช่อเอาไว้แน่น จากนั้นก็เอ่ยด้วยความเสน่หาว่า “ฉันชื่อเจสัน…อายุ 28 ปี โสด…”

………………………………………….

ตอนที่ 2574 รักแรกพบที่เล่าลือกันมา

เจสันพูดพลางขยิบตาให้เฮ่อเหลียนเช่อพร้อมเลียริมฝีปากล่างอีกต่างหาก ลูกน้องสองคนที่อยู่ด้านข้างเกิดอาการสะดุ้งโหยง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามนอร์แมนคู่หูของเจสันว่า

“เพื่อนของนายเป็นพวกชอบประตูหลังหรอ?”

“ใช่…ในร่างที่แข็งแรงของเจสันมีหัวใจสีชมพูของสาวน้อยซ่อนอยู่” นอร์แมนพูดด้วยรอยยิ้ม

ลูกน้องทั้งสองคนตัวสั่นสะท้านพร้อมลูบแขน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเจสันที่กำลังส่งสายตาเสน่หาให้เฮ่อเหลียนเช่อ จากนั้นก็ลูบแผ่นอกของตัวเองเบา ๆอย่างมีความสุข โชคดีจริง ๆ…ที่หนุ่มต่างชาติอ้อนแอ้นคนนี้ไม่ได้สนใจพวกเขา!

“วางใจเถอะ…สายตาของเจสันค่อนข้างสูง” นอร์แมนพูด

สีหน้าของลูกน้องทั้งสองต่างสับสน…ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถือว่ามีสัดส่วนที่เร้าใจเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?

คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา?

ตาบอดแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อกลับแอบยิ้มกริ่มในใจ เป็นไปได้ไหมว่าชาวต่างชาติผมบลอนด์คนนี้จะคือเหมยซูหานของเขา?

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้เป็นฝ่ายรุกก่อนขนาดนี้?

“สวัสดีครับ…ผมคือเฮ่อเหลียนเช่อ”

เฮ่อเหลียนเช่อที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้ายื่นมือทั้งสองข้างออกไปจับอีกฝ่ายแน่น มือไม่นุ่มเลยแถมยังหยาบกร้านอีกต่างหาก นี่แสดงให้เห็นว่าเขามักจะใช้ปืนอยู่บ่อย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือทำไมเขาไม่มีปฏิกิริยารู้สึกอะไรเลยล่ะ?

ฝ่ามือรู้สึกคันยุบยิบเล็กน้อย เฮ่อเหลียนเช่อสะดุ้งโหยง เจสันส่งสายตาเร่าร้อนมาให้พร้อมมือที่อยู่ไม่สุขเพราะเกาฝ่ามือของเขาเบา ๆไปด้วย…

เฮ่อเหลียนเช่ออดไม่ได้ที่จะตัวสั่นพลันนึกสงสัยในการคาดเดาของตัวเองอยู่บ้าง เหมยซูหานคงไม่เปิดเผยอย่างกระตือรือร้นโจ่งแจ้งเหมือนสาวที่เพิ่งมีความรักขนาดนี้หรอก ต่อให้อยู่ในบ้านก็ไม่เป็นฝ่ายรุกยั่วยวนเขาก่อนแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานที่คนพลุกพล่านแบบนี้เลย

หรือว่าชาวต่างชาติคนนี้ไม่ใช่เหมยซูหานของเขา?

แต่ทำไมถึงได้เป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขาก่อนขนาดนี้ล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกสับสนจริง ๆจึงลืมดึงมือกลับชั่วขณะ เจสันจับไว้แน่นและ…ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆทั้งที่เห็นกับตาว่าใกล้ขยับเข้ามาตัวติดกับเขาแล้ว

ทุกคนมองด้วยสายตาตกตะลึง หรือว่านี่คือรักแรกพบที่เขาเล่าลือกันมา?

อีกทั้งยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย?

พวกเขายิ้มเหมือนเข้าใจและไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด พวกเขาเป็นแพทย์ที่เปิดกว้างและเห็นโลกมามากจึงไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านรักร่วมเพศ ขอแค่ไม่กระทบชีวิตคนอื่นก็พอแล้ว!

อีกทั้งสองคนนี้พอมองแล้วก็เหมาะสมกันดีเหมือนกัน!

เจสันยิ่งชอบใจมากกว่าเดิม เขาหลงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ชอบตัวเองเหมือนกัน ดีจริง ๆ…ทั้งสองคนใจตรงกัน อีกเดี๋ยวค่อยหาสถานที่ทำความเข้าใจกันมากขึ้นกว่านี้ดีไหมนะ?

“พวกเรา…ไปตรงมุมนั้นหาที่คุยกันเงียบ ๆดีไหม?”

เจสันกระซิบเสียงเบาพร้อมร่างกายขยับเข้าไปแนบชิดติดเฮ่อเหลียนเช่อ ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่ามีคนนอกอยู่ด้วยเขาคงลูบไล้ท่อนบนไปนานแล้ว กล้ามเนื้อแน่นขนาดนั้นคงเซ็กซี่มากอย่างแน่นอน!

จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้สติขึ้นมาพลันรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มในร่างกายของเจสัน อีกทั้งยังตัวติดเขาอย่างกับปลาหมึก จิตใต้สำนึกบอกว่าให้ผลักเจ้าหมอนี่คนนี้ออกไป

เฮ้ย…มีคนมองอยู่ตั้งมากมายขนาดนี้ มันดูเขินแปลก ๆแฮะ!

อีกทั้งตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าแท้ที่จริงแล้วเจสันคือเหมยซูหานหรือเปล่า?

ทว่านิสัยไม่ค่อยเหมือนเท่าไร หรือว่าเหมยซูหานตายครั้งหนึ่งจะนิสัยเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

“อยากไปมุมนั้นหน่อยไหม…ฉันมีคำพูดอยากจะพูดกับนายด้วยนะ!” เจสันอิงแอบเข้ามาใกล้

ประจวบกับที่เฮ่อเหลียนเช่ออยากตรวจสอบว่าเป็นเหมยซูหานหรือเปล่า แบบนี้ก็เข้าทางพอดี “ไปกันเถอะ!”

เจสันดีใจสุดขีดแล้วหันกลับไปขยิบตาให้คู่หู จากนั้นก็เดินตัวบิดตามเฮ่อเหลียนเช่อเข้าป่ามืดไป

ทุกคนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง เฮ้ย…เร็วไปหน่อยมั้ง?

ไม่ต้องใช้เวลาศึกษาดูใจอะไรกันหน่อยเหรอ?

……………………………

ตอนที่ 2571 ยั่วยุสำเร็จ

เฮ่อเหลียนเช่อมั่นใจและดีใจมาก ขอบเขตหดลงเหลือเพียงเท่านี้ ถ้าเขายังหาไม่เจออีกก็ซื้อเต้าหู้สักชิ้นแล้ววิ่งชนให้ตายไปเถอะ

เหมยเหมยเตือนอีกหนึ่งประโยค “ฉันเชิญซินแสมาดูแล้ว เหมยซูหานอยู่แถวนี้แหละ แต่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังหาไม่เจอว่าอยู่ไหน บางทีนายกับเขาอาจจะมีกระแสจิตส่งถึงกัน อาจจะหาเจอก็ได้!”

“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มีเพียงฉันเท่านั้นที่หาเจอ!”

เฮ่อเหลียนเช่อเหลือบมองอย่างหยามเหยียดแวบหนึ่ง เขาไม่นึกสงสัยเลยว่าทำไมเหมยเหมยถึงหาไม่เจอเพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่หาเหมยซูหานเจอได้ คนอื่นไม่มีทางหรอก!

หานเหมยที่ซุกตัวอยู่ในมุมลับตาคน ครั้นเจอคนที่เธอเฝ้าคิดถึงหามาตลอดก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขายังเหมือนเดิมเลย แต่สีผิวคล้ำลงและผิวก็หยาบกร้านขึ้น เหมือนว่าจะผอมลงไปเยอะด้วย

คงไม่ได้กินข้าวดี ๆแน่นอน ไม่หิวก็ไม่กิน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทานอาหารสามมื้อตรงเวลาเลยสักหน

หานเหมยไม่พอใจต่อการล้อเล่นของเหมยเหมยและเสี่ยวเป่าที่ทำกับเฮ่อเหลียนเช่อมาก อาเช่ออุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเธอแสดงว่าเขาต้องยังมีเธออยู่ในใจและรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมื่อวานเหมยเหมยก็แค่พูดจาไร้สาระเท่านั้น!

เธอควรเชื่อใจอาเช่อ!

หานเหมยโทษตัวเองที่ระแวงต่อความจริงใจของเฮ่อเหลียนเช่อ เธอเตรียมพร้อมที่จะออกไปยอมรับความจริงกับเฮ่อเหลียนเช่อและไม่แยกจากกันอีก แต่ทว่า——

“อ้อ…ระหว่างทางฉันช่วยชีวิตผู้หญิงมาคนหนึ่งด้วย เธอบอกว่าเป็นพยาบาลจากทีมแพทย์ของพวกคุณ พวกคุณจะไปดูหน่อยไหม?”

เฮ่อเหลียนเช่อนึกถึงคุณริโกะที่เขาทิ้งไว้หลังกระบะรถขึ้นได้จึงบอกพวกคุณหมอสักหน่อย

เหมยเหมยชะงัก พยาบาลในทีมแพทย์?

หรือว่าจะเป็นคุณริโกะที่น่ารังเกียจคนนั้น?

หานเหมยก็ชะงักเช่นกัน ความหึงหวงออกอาการอีกครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยกระตือรือร้นขนาดนี้มาก่อน ต่อให้ไซซีจะตายต่อหน้าต่อตาเขาก็ไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ แต่คราวนี้เขากลับช่วยผู้หญิงคนหนึ่งไว้เหรอ?

หรือว่าเขาชอบผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกพบ?

หรือว่าอาจจะรู้สึกดีบางอย่างด้วย?

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงแก้นิสัยในอดีตได้ล่ะ?

หานเหมยกัดฟันแน่น อยู่ดี ๆก็รู้สึกว่าที่เหมยเหมยไม่ได้บอกตัวตนของเธอไปเพราะอยากให้เธอลองสังเกตดูว่าเฮ่อเหลียนเช่อยังมีเธออยู่ในใจหรือเปล่า?

ถ้าหากในใจของเฮ่อเหลียนเช่อมีเธออยู่จริง ๆ ต่อให้เหมยเหมยและเสี่ยวเป่าไม่พูดเขาก็ต้องสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอ มิเช่นนั้น…เธอก็อยากจะสงสัยในความจริงใจของเฮ่อเหลียนเช่อเสียแล้ว!

“ช่วยฉันด้วย…ฉันอยู่นี่…”

คุณริโกะเงยหน้าขึ้นมา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สภาพย่ำแย่มาก ทุกคนแค่มองก็รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างจึงต่างพากันเงียบกริบ…

“เป็นคุณริโกะจริงด้วย…เธอยังไม่ตาย!”

มีคนตะโกนขึ้นด้วยความตกใจซึ่งก็คือคุณโอโนะ ทันทีที่ผู้ดูแลทราบว่าคุณริโกะถูกผู้ก่อการร้ายลักพาตัวไปก็รีบติดต่อศูนย์ประจำการใหญ่ทันที ทางนั้นก็รีบเจรจากับนาสซาร์แต่ผู้ก่อการร้ายพวกนั้นดื้อรั้นเอาเรื่อง พวกเขาไม่สนใจอะไรสักอย่าง ศูนย์ประจำการใหญ่เลยหมดหนทางที่จะช่วยได้

ทุกคนต่างคิดว่าคุณริโกะคงตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆเพียงชั่วข้ามคืนก็กลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ช่างมีบุญจริง ๆ!

“กลับมาได้ก็ดี!”

มีคนอุ้มคุณริโกะลงมาซึ่งดูแล้วน่าจะโดนทรมานมาไม่น้อย เธอรอดมาได้ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว คุณริโกะนอนอยู่บนเปลหาม ขณะที่ผ่านเหมยเหมยฉับพลันเธอก็ลืมตาขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่เหมยเหมยแวบหนึ่ง

คุณริโกะถูกส่งตัวไปรักษาบาดแผล เหมยเหมยโมโหจนตวาดใส่เฮ่อเหลียนเช่อว่า “สมองนายมีปัญหาหรือไง? เอาผู้หญิงคนนี้กลับมาทำไม? หรือว่าตอนนี้นายชอบแม่นี่เข้าแล้วงั้นเหรอ?”

“พูดบ้าอะไรกัน ฉันไปชอบแม่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเธอไม่ได้มาจากทีมแพทย์ฉันก็ขี้เกียจจะช่วยเหมือนกันแหละ!” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดกลับพร้อมกับทำหน้าเหมือนถูกใส่ความ

จ้าวเหมยผู้หญิงคนนี้ดีแต่พูดซี้ซั้ว เขาช่วยคนยังผิดอีกเหรอ?

…………………………………………..

ตอนที่ 2572 จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด

“นายอย่ามาแก้ตัว มีใครไม่รู้บ้างว่าแต่ไหนแต่ไรมาคุณชายเช่อเป็นคนแบบไหน? เห็นคนใกล้ตายก็ไม่ช่วย หากนายไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ถ้าอย่างนั้นนายเป็นคนจิตใจดีงั้นสิ?”

ยังคิดจะโกหกเธออีก…เชอะ…เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้ล่ะ?

อีกอย่างช่วยใครไม่ช่วยดันช่วยผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้กลับมา!

หานเหมยที่อยู่ในมุมมืดพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง มันไม่ใช่หรือไง…เฮ่อเหลียนเช่อต้องมีใจให้ผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ!

น่าขยะแขยง!

เธอเพิ่งจากมาสามปี คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนรสนิยมแล้ว!

ไปไกล ๆเลยไป๊!

หานเหมยเศร้าใจและนึกโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงกระทืบเท้าตึงตังกลับไปที่เต็นท์คร้านจะดูใครบางคนที่น่ารำคาญต่อแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างนึกรังเกียจแล้วอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา “พวกเราไปล้างหน้ากัน มีพ่ออยู่ ดูสิว่าใครจะกล้ามารังแกลูก!”

ลูกชายของเขารูปร่างหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ ทำไมต้องปิดบังหน้าตาหล่อเหลาเอาไว้ด้วย?

เขาเฮ่อเหลียนเช่อมีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องลูกชายของตัวเองได้!

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารัว ๆ เขาไม่ชอบขนที่อยู่บนใบหน้าของเขาเลย เขามักจะรู้สึกว่าสกปรกอยู่เสมอและไม่น่ามองเลยสักนิด ตอนนี้พ่อมาแล้ว ฉะนั้นเขาสามารถเล่นได้อย่างมีความสุขแล้ว!

“คุณอา…หนูก็อยากล้างหน้า!”

ขาสั้น ๆของเล่อเล่อเดินตามไปด้วยและพยายามเดินตามหลังให้ทัน ขาของพ่อและพี่ชายยาวมาก เธอตามไม่ทันแล้ว

“ได้ ล้างกันให้หมดเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อก็อุ้มเล่อเล่อขึ้นมาไว้อีกข้างอย่างสบาย ๆ

เหมยเหมยเบะปากแล้วหยิบยาผงโยนไปให้ “ใช้อันนี้ล้าง!”

ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะน่ารังเกียจแต่ฝีมือเก่งกาจมากจริง ๆ อีกเดี๋ยวเธอก็จะไปล้างออกบ้าง ส่องกระจกเห็นใบหน้าอัปลักษณ์นี้ทุกวันก็ทรมานใจไม่น้อย!

ลูกน้องทั้งสองคนถึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มิน่าลูกพี่ถึงวางใจปล่อยให้คุณนายมาที่นี่เพราะมีคุณชายเช่ออยู่ด้วย ตอนนี้พวกเขาก็สบายใจแล้ว!

ช่วงทานอาหารกลางวันเหมยเหมยและพวกเสี่ยวเป่าต่างก็เผยใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาจนทำเอาคนหมู่มากตกตะลึงกันหมด ตาค้างไม่ขยับ สาวงามคนนี้มาจากไหนกัน?

ครั้นเห็นเด็กสองคนที่น่ารักอย่างเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ พวกเขาถึงนึกออกว่าสาวงามผู้นี้ก็คือผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์คนนั้น!

ที่แท้หน้าตาสะสวยขนาดนี้เลย!

หานเหมยนำอาหารวางตั้งโต๊ะ ทุกคนต่างนั่งลงทานข้าว เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีอารมณ์จะทาน เขามัวแต่กวาดตาสำรวจผู้คนบนโต๊ะไม่หยุด ทั้งหมดมีประมาณยี่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คน ฉะนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากหน่อยละ

ผู้ชายนับสิบคน หากสืบถามทีละคนเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอยู่มากโข!

สัญชาตญาณของเฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกว่าต่อให้เหมยซูหานจะกลับชาติมาเกิดก็คงเป็นผู้ชายแน่นอน เขามองข้ามผู้หญิงไปเลย ดังนั้น…สายตาของเขาจึงไม่ได้มองหานเหมยที่คอยจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา

เหมยซูหานจะต้องอยู่บนโต๊ะอาหารนี้ด้วยแน่ เมื่อครู่จ้าวเหมยพูดว่าเขาชอบผู้หญิงไปแล้ว ฉะนั้นเขาต้องรักษาระยะห่างกับพวกผู้หญิงเอาไว้ เขาจะทำให้เหมยซูหานเข้าใจผิดไม่ได้!

แต่ในเมื่อเหมยซูหานเห็นเขากับเสี่ยวเป่ามาแล้ว ทำไมถึงไม่มาแสดงตัวล่ะ?

เป็นไปได้ไหมที่เหมยซูหานจะเสียความทรงจำหลังจากผ่านความตายมาแล้ว?

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดจึงมุ่นคิ้วแน่น ถ้าความทรงจำหายไปก็คงยากหน่อย อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เหมยซูหานหน้าตาเป็นอย่างไร!

แต่นี่ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับคุณชายเช่อเพราะในไม่ช้าเขาก็คิดหาวิธีได้ ต่อให้เหมยซูหานจะเสียความทรงจำไปแต่กระแสจิตของคนรักกันน่าจะยังอยู่ ขอแค่เขาได้สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายก็คงรู้แล้วว่าใช่เหมยซูหานหรือเปล่า!

วิธีนี้ไม่เลวเลยทีเดียว อีกเดี๋ยวทำแบบนี้แหละ!

เฮ่อเหลียนเช่อผุดความคิดบางอย่างขึ้น เขาเอาน้ำแกงมาดื่มแทนเหล้าเพื่อเคารพทีละคน “พบกันครั้งแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!”

ดื่มหนึ่งอึกจับมือหนึ่งที…ตามธรรมเนียมปฏิบัติ!

เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มและจับมือกับหัวหน้าทีม เขาเหลือบมองรูปร่างอ้วนเตี้ยของหัวหน้าทีมด้วยความรังเกียจ ทั้งแอบอธิษฐานขออย่าให้เป็นเหมยซูหานเลย…

โชคดีที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจแล้วจับต่อไป หัวหน้าทีมจับมือด้วยความรู้สึกอึดอัด…

แค่จับมือเองต้องใช้แรงขนาดนั้นเลยเหรอ?

………………………

ตอนที่ 2569 นานๆ ทีจะมีจิตเมตตา

ทุกคนต่างพากันตกใจแล้ววิ่งกรูออกมาข้างนอกก็เห็นทรายลอยฟุ้งเต็มอากาศมาแต่ไกล จากนั้นก็เห็นรถปิ๊กอัพขับมุ่งหน้ามาทางนี้

รถปิ๊กอัพเป็นรถที่ผู้ก่อการร้ายของที่นี่ชอบใช้มากที่สุดเพราะมีความคงทน ทั้งยังใช้ทำสงครามได้ ถือว่าราคาถูกเมื่อเทียบกับเธอภาพ

“ผู้ก่อการร้ายมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? ที่นี่เป็นอาณาเขตของทหารทางการ” ผู้ดูแลของที่นี่ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็รีบให้คนออกไปโทรศัพท์หาทีมที่อยู่ในละแวกเดียวกัน

“พ่อ…เป็นพ่อ…”

เสี่ยวเป่าที่วิ่งออกมาดูด้วย พอใช้จมูกลองสูดกลิ่นก็รู้สึกดีใจจนกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าไปหารถคันนั้นทันที เล่อเล่อก็วิ่งตามไปด้วยเหมือนลูกบอลกลิ้ง

“อันตราย…รีบกลับมา!”

ลูกน้องทั้งสองคนตกใจจนหน้าเสียแล้วพุ่งเข้าไปหมายจะอุ้มเล่อเล่อกลับมา เหมยเหมยห้ามไว้ “ไม่เป็นไร…เป็นเฮ่อเหลียนเช่อ!”

เสี่ยวเป่าไม่มีทางจำพ่อตัวเองผิดแน่นอน นึกไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะตามมาเหมือนกัน!

เธอเหลือบไปมองหานเหมยแต่กลับเห็นเธอบิดมือไปมาด้วยความตื่นเต้น จังหวะหายใจหอบถี่ เห็นได้ชัดว่ายิ่งใกล้จะได้เจอก็ยิ่งกลัว

“ผู้ชายของเธอมาแล้ว…เธอไม่ดีใจเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยแซว

“ฉัน…ฉัน…เธออย่าเพิ่งบอกเขานะ!” หานเหมยจ้องเธอแวบหนึ่งแล้วรีบกลับเข้าไปในเต๊นท์ ไม่รู้ว่าจะอายอะไร

เหมยเหมยยักไหล่เบา ๆ เมื่อก่อนเป็นผู้ชายก็ชอบทำตัวอ่อนแอ ตอนนี้พอเป็นผู้หญิงดูอ่อนแอมากกว่าเดิมอีก ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วสมองส่วนไหนของเธอมีปัญหาถึงได้ชอบผู้ชายแบบนี้ลงไปได้?

คงเป็นเพราะผ่านโลกมาน้อยแน่ ๆ!

ผู้ดูแลที่นี่ถามขึ้นด้วยความสงสัย “คุณจ้าว คนที่มาคือเพื่อนของคุณใช่ไหม?”

“ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนแต่ไม่ใช่พวกผู้ก่อการร้ายแน่นอน วางใจได้ค่ะ” เหมยเหมยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

รถเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เฮ่อเหลียนเช่อเห็นลูกชายที่กลิ้งเป็นลิงสภาพมอมแมมบนพื้นทรายน้ำตาก็ไหลออกมา เกือบจะสามเดือนแล้ว…ในที่สุดก็ได้อยู่กับลูกชายสักที!

“พ่อครับ…”

เสี่ยวเป่าส่งเสียงเรียกอย่างดีใจแล้วเงยหน้าขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่งจะส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็ตกตะลึงไปพักหนึ่งลูกตาแทบจะถลนออกมา

แม่เจ้า….เจ้าตัวตลกคนนี้เป็นลูกชายของเขาเหรอ?

เขาเข้าใจในทันทีว่าเสี่ยวเป่าถูกจับแต่งหน้าแต่งตาแน่นอน น่าจะเป็นฝีมือของจ้าวเหมย จากนั้นพอเห็นเล่อเล่อที่วิ่งตามมาข้างหลังก็นึกขัน มีความน่าเกลียดไม่ต่างกันเลย!

“ขึ้นมา…”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้หยุดรถ แต่เปิดประตูรถก้มตัวลงคว้าเด็กทั้งสองคนขึ้นมาโยนใส่เบาะหลังรถ

เสี่ยวเป่ายังไม่ทันนั่งดี ๆก็ใช้จมูกดมไปมา ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ: “บนรถมีผู้หญิง?”

“ลูกชาย จมูกของลูกดีขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว เป็นผู้หญิง พ่อช่วยกลับมาเอง ได้ยินว่าเป็นคนของทีมแพทย์ พ่อก็เลยเอากลับมาด้วย ทำตัวเป็นคนดีสักหน่อย…ฮ่า ๆ!”

เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างได้ใจ ผู้หญิงคนนี้อยู่บนรถของผู้ก่อการร้ายกลุ่มนั้น สภาพปางตาย เมื่อคืนเขาจัดการกับผู้ก่อการร้ายที่มาขวางทางเขา เดิมทีอยากจะโยนผู้หญิงคนนี้ไว้ที่กลางทะเลทรายให้จบเรื่อง

แต่ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอเป็นพยาบาลของทีมแพทย์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายจับตัวไป พอเฮ่อเหลียนเช่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดได้ว่าไม่แน่เหมยซูหานอาจจะอยู่ในทีมแพทย์ก็ได้ อีกอย่างอาจจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ เหมยซูหานเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา หากเห็นว่าเขาไม่ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยากคงไม่พอใจแน่ ๆ

ก็เลย…

เฮ่อเหลียนเช่อที่นาน ๆจะมีจิตเมตตาก็เลยพาผู้หญิงคนนี้กลับมาด้วย

ผู้หญิงคนนี้ก็คือคุณริโกะที่เป็นแม่พระนั่นเอง สมรรถภาพร่างกายของเธอถือว่าไม่เลว เรื่องนี้ต้องขอบคุณชีวิตอันเร่าร้อนของตัวเองในสมัยมัธยมกับมหาวิทยาลัย…

ถูกหลายคนทรมานขนาดนั้นแต่ยังรอดชีวิตมาได้ คาดว่ารักษาตัวอีกไม่กี่วันก็น่าจะกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม

…………………………………….

ตอนที่ 2570 ปั่นหัวเฮ่อเหลียนเช่อ

รถขับเข้ามาถึงด้วยความรวดเร็ว เฮ่อเหลียนเช่อจอดรถแล้วกระโดดลงจากรถโบกมือให้กับคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนต้อนรับเขา “ฮัลโหล…เกรงใจเกินไปแล้ว!”

เขานึกว่าคนพวกนี้มาต้อนรับเขา เพราะอย่างไรแต่ก่อนเขาก็เป็นคุณชายเช่อที่มีชื่อเสียงไม่น้อย!

“นายหลงตัวเองเกินไปนะ พวกเขาคิดว่านายเป็นผู้ก่อการร้าย นายมาที่นี่ทำไม?” เหมยเหมยเดินขึ้นไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ

คนบริเวณนั้นเห็นว่าเหมยเหมยรู้จักผู้มาเยือน อีกทั้งยังเป็นชาวตะวันออกจึงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็กลับไปทำงานต่อ

เฮ่อเหลียนเช่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ฉันมาหาลูกชาย จ้าวเหมย เธอกล้าพาตัวลูกชายฉันไป เธอระวังตัวไว้ก็แล้วกัน!”

จะต้องพายัยนี่ไปขายให้ได้เลย!

เขามองการแต่งตัวของเหมยเหมยด้วยสายตารังเกียจจึงพูดแขวะว่า “สภาพเธอตอนนี้น่าเกลียดขนาดนี้ คิดว่าเหยียนหมิงซุ่นเห็นคงตกใจจนหดหมดแล้วล่ะ”

“สามีของฉันแข็งแรงกว่านายไม่รู้กี่เท่า อย่างนายได้แค่เข้าข้างหลังเท่านั้นแหละ…หึ!”

เหมยเหมยโต้กลับในทันที มีเสี่ยวเป่าอยู่ เธอไม่กลัวเจ้าหมอนี่หรอก

ลูกน้องสองคนที่ทำเป็นมองวิวอยู่ไม่ไกลรีบก้มหน้าลงกลั้นหัวเราะไว้พร้อมไหล่ที่ขยับไปมา ทว่าในใจกลับหัวเราะไม่หยุด ฝีปากแบบคุณนายคงไม่มีใครเทียมได้แล้ว…คาดว่าอยู่บ้านคุณชายหมิงคงกลัวภรรยาน่าดู!

“เธออยากตายใช่ไหม…”

สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อเย็นชาลงในทันทียื่นมือหมายจะบีบคอเหมยเหมย เสี่ยวเป่ามาห้ามไว้ ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “พ่อครับ…พ่อจะกำลังทำอะไร?”

“ไม่มีอะไรลูก…ตบยุง ที่นี่ยุงเยอะจริง ๆเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อทำเป็นตบมือกลางอากาศแล้วรีบชักมือกลับ จากนั้นก็มองค้อนเหมยเหมยแวบหนึ่ง รอให้เสี่ยวเป่าหลับก่อนค่อยกลับมาจัดการแม่นี่!

เหมยเหมยเชิดคางใส่อย่างได้ใจ จากนั้นก็ดึงตัวเสี่ยวเป่ามากระซิบข้างหูว่า “คุณอาบอกว่าจะเล่นซ่อนแอบกับคุณพ่อ หนูห้ามหลุดออกไปเด็ดขาดนะ!”

“อือ…” เสี่ยวเป่าพยักหน้าหงึก ๆ เขาชอบเล่นซ่อนแอบที่สุดอยู่แล้ว

แต่ว่าพ่อโง่ขนาดนั้น ต้องหาคุณอาไม่เจอแน่ ๆ…เฮ้อ!

เฮ่อเหลียนเช่อวิ่งเข้ามาแสร้งถามเสี่ยวเป่าด้วยเสียงอันดังว่า “ลูกรัก คุณอาอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ…คุณอาอยู่ที่นี่เหรอ?” เสี่ยวเป่าถามกลับด้วยท่าทีปกติ

เหมยเหมยลอบหัวเราะในใจแล้วพูดเสียงดังว่า “เหมยซูหานตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เฮ่อเหลียนเช่อ นายน้ำเข้าสมองหรือไง?”

“ฉันไม่ได้ถามเธอ ไสหัวไปเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อจ้องตาเขม็งพลันเริ่มรู้สึกสับสน เหยียนหมิงซุ่นถึงจะเป็นคนน่ารังเกียจแต่ไม่เคยพูดโกหก เขาบอกว่ามีข่าวคราวของเหมยซูหาน ฉะนั้นก็ต้องมีแน่นอน

หลายวันนี้เขาลองวิเคราะห์ดูแล้ว จ้าวเหมยไม่มีทางมาในที่แบบนี้อย่างไร้เหตุผลแน่นอน ความเป็นไปได้เดียวก็คือเหมยซูหานอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่ากลับบอกว่าไม่มี…นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“เสี่ยวเป่าหนูลองดูดี ๆ มีใครที่มองข้ามไปหรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ยอมแพ้

“อะแฮ่ม…” เหมยเหมยกระแอมเสียงเบาเพื่อเตือนเสี่ยวเป่าว่าไม่ให้บอกหมด ต้องให้เจ้าหมอนี่คิดเองบ้าง

เสี่ยวเป่าเข้าใจในทันที แล้วเอ่ยอย่างเชื่อฟังว่า “งั้นผมจะลองดมดูครับ”

เขาแสร้งหลับตาลงเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม…ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเป่าก็ลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พ่อครับ…ผมได้กลิ่นของคุณอาแล้ว เขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้”

“นั่นไง…พ่อว่าแล้วว่าอาของลูกต้องอยู่ที่นี่ ลูกรัก อยู่ที่ไหนล่ะ? ลูกลองดมดูอีกทีสิ!” เฮ่อเหลียนเช่อดีใจเป็นอย่างมากแล้วเร่งให้เสี่ยวเป่ารีบตามหา

เสี่ยวเป่าส่ายศีรษะ “ไม่ได้กลิ่นแล้วครับ…พ่อครับ ขอโทษนะครับ”

ถึงแม้เฮ่อเหลียนเช่อจะผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็พูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร ที่นี่มีคนอยู่ไม่กี่คน พ่อค่อย ๆหาทีละคนต้องหาเจอแน่นอน!”

……………………

ตอนที่ 2567 ยุแยงตะแคงรั่ว

เหล่าทีมแพทย์ทำงานยุ่งทุกวัน ทันทีที่หมอกับพยาบาลลืมตาขึ้นมาก็ต้องเข้าสู่โหมดผ่าตัดทันที พวกเขาจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยราวกับหุ่นยนต์

หลังจากหมดวันทุกคนก็ต่างเหนื่อยล้า แต่เมื่อได้เห็นชีวิตที่ฟื้นจากความตายก็ทำให้พวกเขารู้สึกสำเร็จพึงพอใจ ซึ่งไม่ว่าโรงพยาบาลไหนก็ไม่สามารถทำได้

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ว่าทำไมถึงมีหลายคนที่ยอมเสี่ยงอันตรายมาเป็นหมอในสนามรบแบบนี้

คนเรามีแค่ชีวิตเดียวก็มักอยากจะทำเรื่องที่มีความหมาย ต่อให้จะเป็นแค่ความสุขในช่วงเวลาสั้น ๆไม่นานก็ตาม——

“ถึงอาจจะเป็นแค่ความงดงามเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆแต่ก็คุ้มค่าแล้ว”

หานเหมยกับเหมยเหมยนั่งอยู่บนพื้นทรายมองดวงดาวบนท้องฟ้ากลางทะเลทราย ท้องฟ้าเงียบสงบ ดูเป็นความสวยงามแบบหนึ่งที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้า เหมยเหมยถือดินสอวาดลงบนกระดาษ หานเหมยมองดูสักพักก็ค่อย ๆถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยประโยคข้างต้นขึ้น

หลังจากวาดเสร็จเรียบร้อย เหมยเหมยก็เก็บกระดาษกับดินสอเข้าไป กลอกตามองบนใส่เธอแล้วงึมงำว่า “ดัดจริต!”

การดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อยังดีกว่าตายซะอีก คนที่หัวเราะจนถึงตอนสุดท้ายถึงจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง

“เธอรู้ไหมว่าประโยคนี้ต้องการที่จะสื่อว่าอะไร?” อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็ถามขึ้น

หานเหมยนิ่งไปสักพักแล้วตอบกลับว่า “แม้แต่เด็กยังรู้ เป็นการบอกให้คนเราเวลาทำอะไรต้องทำถึงที่สุด อย่าล้มเลิกง่าย ๆ!”

“ไม่ใช่!” เหมยเหมยพูดปฏิเสธในทันที “ประโยคนี้จริง ๆแล้วต้องการจะบอกพวกเราว่าการที่ทุกคนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีอายุยืนยาว ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็เท่ากับสูญเปล่า!”

หานเหมยชะงักไปเล็กน้อย…ทำไมแต่ก่อนเธอไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคำอธิบายแบบนี้อยู่?

เหมยเหมยพูดขึ้นอีกว่า “ยกตัวอย่างเธอก็แล้วกัน ตอนที่เธอยังไม่ตายก็ถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ สามารถหาเงินมากจนเก็บไว้ใช้ได้หลายชาติก็ไม่หมด แต่เธอได้ใช้มันไหม? ไม่ไง…ตายไปตั้งแต่อายุยังน้อย เงินที่หามาได้ก็ให้คนอื่นใช้ไปหมด เธอว่ามันยุติธรรมไหมล่ะ?”

หานเหมยหุบยิ้ม ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “ยุติธรรมสิ…เงินเก็บไว้ให้เธอกับอาเช่อ แล้วก็เสี่ยวเป่า ฉันก็รู้สึกว่าดีอยู่นะ”

เหมยเหมยสูดลมหายใจเข้า เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เธอก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้เงินของคนตายคนหนึ่งเหมือนกัน!

“นอกจากฉันกับเสี่ยวเป่าก็แล้วกัน ยกตัวอย่างเช่นเฮ่อเหลียนเช่อ เขาก็ถือว่าเป็นสามีของเธอ… พอเธอตายไปเขาก็ไปมีรักอื่น ไปหาผู้ชายหรือว่าผู้หญิงคนอื่น…

เธอลองคิดดูสิ ผู้ชายหรือว่าผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักคนหนึ่งใช้เงินที่เธอหามาด้วยความยากลำบาก แล้วยังมานอนกับผู้ชายของเธออีก…หากว่าฉันเป็นเธอ ถึงตายไปก็จะกลายเป็นผีไปตามหลอกหลอนพวกเขา!”

คนตายไปแต่เงินยังใช้ไม่หมด นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าเศร้าที่สุด…สิ่งที่จะทำให้เธอตายตาไม่หลับก็คือคนตายไป คนอื่นมาช่วยใช้เงินของเธอแทนต่างหาก

ตอนแรกหานเหมยยังพอยิ้มอยู่บ้าง เธอรู้สึกว่าเหมยเหมยคิดมากเกินไป เงินแค่เล็กน้อยเองจะไปสนใจทำไมว่าใครเป็นคนใช้กัน?

แต่พอเธอฟังจนจบสีหน้าก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา เธอเริ่มรู้สึกแย่และปวดใจมากกว่า

“อาเช่อไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีทางไปอยู่กับคนอื่นแน่นอน!”

“เรื่องนั้นก็ไม่แน่ อีกอย่างเขาก็ยังหนุ่มยังแน่น ไม่ให้เขาไปหาคนอื่นก็คงจะใจร้ายไปหน่อยมั้ง!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย็นชา พอเห็นสีหน้าของหานเหมยที่เปลี่ยนไปก็รู้สึกสะใจ

หึ ชาติที่แล้วนอกใจเธอ ความแค้นนี้เธอไม่สามารถแก้แค้นได้ แต่ถ้าทำให้รู้สึกทรมานใจยังพอทำได้อยู่ เธอต้องทำให้ยัยนี่ร้อนอกร้อนใจทุกวัน!

“ไปนอนดีกว่า…เฮ้อ ไม่รู้ว่าตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อจะหาคู่เจอหรือยัง? โสดมาตั้งสามปีแล้ว คิดว่าคงเหงาน่าดู!”

เหมยเหมยปัดทรายที่ติดอยู่บนกางเกงพร้อมบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะกลับห้องพักไปนอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดแทงใจอีกครั้ง!

………………………………………..

ตอนที่ 2568 เสียงปรบมือให้กับความรัก

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนอนท่ามกลางทะเลทราย เหมยเหมยหลับสบายตลอดทั้งคืน เพียงแต่ว่าไม่ได้อาบน้ำเลยทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เธอจะต้องคิดหาวิธีออกจากที่นี่เร็ว ๆ พอไปถึงในเมืองจะได้อาบน้ำอย่างสบายใจสักที

แต่หานเหมยกลับนอนไม่หลับเพราะนึกถึงคำพูดของเหมยเหมยตลอดทั้งคืน พอหลับก็ฝันร้าย ในฝันเฮ่อเหลียนเช่อพานังจิ้งจอกมาหาเธอแล้วบอกว่าเป็นคนรักของเขา แถมยังบอกอีกว่าต่อไปจะไม่คิดถึงเธออีกแล้ว!

ในฝันเธอร้อนใจมากอยากจะเรียกเฮ่อเหลียนเช่อมาถามให้รู้เรื่อง แต่หมอนั่นกลับจากไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นแล้วไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเลยสักนิด!

หานเหมยที่ใต้ตาดำคล้ำทั้งสองข้างไปทำอาหารเช้าอย่างไร้เรี่ยวแรง เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขัน ช่างเป็นคนหลอกง่ายเสียจริง ๆ!

แน่นอนว่าหานเหมยไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จเธอก็เริ่มคิดได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เรียกเสี่ยวเป่าเพื่อมาถาม

“เสี่ยวเป่า สามปีมานี้พ่อของหนูได้อยู่กับเธออาหรือว่าเธอน้าคนไหนบ้างหรือเปล่า?”

“อะไรคืออยู่ด้วยกันเหรอ?” เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ กะพริบตาปริบ ๆพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง

“ก็คืออาศัยอยู่ด้วยกันไง”

“ไม่มีครับ พ่ออยู่กับผม” เสี่ยวเป่าพูดยืนยันหนักแน่น

หานเหมยรู้สึกโล่งใจ ทว่าไม่รู้ว่าเหมยเหมยโผล่มาจากไหน เธอจงใจพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเป่าจะไปรู้อะไร เฮ่อเหลียนเช่อไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนก็คงไม่มีทางทำเรื่องที่เด็กไม่ควรเห็นต่อหน้าเสี่ยวเป่าหรอกมั้ง? แน่นอนว่าต้องแอบไปทำข้างนอก เธอถามเสี่ยวเป่าก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

“เธอน้า อะไรคือเรื่องที่เด็กไม่ควรเห็นเหรอครับ?” เสี่ยวเป่าเริ่มสงสัยในความฉลาดของตัวเอง ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอน้าพูดเลยนะ

“ก็เสียงปรบมือให้กับความรักไง หนูยังเป็นเด็กอย่าถามเยอะเลย ต่อไปโตขึ้นก็จะรู้เอง ไปเล่นกับน้องเถอะ!”

เหมยเหมยอธิบายแบบส่ง ๆ เสี่ยวเป่ายิ่งฟังก็ยิ่งงง จากนั้นก็ไปเล่นกิ้งก่ากับเล่อเล่อด้วยความงงงัน

“เธอไม่ต้องพูดทุกเรื่องต่อหน้าเด็กก็ได้ อะไรคือเสียงปรบมือให้กับความรัก? เธอนี่เอาใหญ่แล้วจริง ๆ!” หานเหมยฟังความหมายของประโยคที่ต้องการจะสื่อออกเลยหน้าแดงซ่าน เธอรู้สึกว่าเหมยเหมยเปลี่ยนไปมาก แม้แต่คำพูดพวกนี้ยังกล้าพูด ไปเรียนรู้จากใครมานะ?

“ฉันพูดอะไรงั้นเหรอ ก็แค่ปรบมือไม่ใช่เหรอ? เธอคิดไปถึงไหน คนที่ไปกันใหญ่น่าจะเป็นเธอเองมากกว่า!”

เหมยเหมยกลอกตามองบนแล้วโบกมือพร้อมเดินจากไป เหมยซูหานเกิดมาเป็นแบบนี้แกล้งง่ายดี ไม่เลวเลยจริง ๆ!

หานเหมยโมโหจนแน่นหน้าอก เธอพยายามหายใจเข้าลึก ๆถึงจะทำให้ตัวเองสงบลงมาได้ ผู้ชายที่ดีไม่ควรทะเลาะกับผู้หญิง เธอไม่ควรไปถือสาคนอย่างจ้าวเหมย!

“พี่คะ…กลางคืนกินเนื้อ…ดีไหมคะ?” เล่อเล่อจับกิ้งก่ายักษ์ขนาดราวหนึ่งเมตรด้วยมือเปล่าราวกับจับไก่แล้วลากมาตรงหน้าเธอ

หานเหมยก้มหน้าลงมองสิ่งที่ดีดดิ้นไปมาก็ฝืนยิ้ม ตอนนี้เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน กิ้งก่าที่ดิ้นรนพยายามจะหนีเอาชีวิตรอดบนพื้นถูกเล่อเล่อจับหางเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเธอไปได้

“เล่อเล่ออย่าเล่นอันนี้เลย มันกัดคนได้นะ!”

หานเหมยรู้สึกตกใจ หนูน้อยคนนี้ใจกล้ามากจริง ๆ กิ้งก่าตัวใหญ่ขนาดนี้ยังกล้าจับ กิ้งก่าแบบนี้กินงูพิษเป็นอาหารเชียวนะ!

“กัดไม่โดนหรอก พี่สาวไม่ต้องกลัวค่ะ!”

เล่อเล่อนึกว่าหานเหมยกลัวก็เลยจับหางของกิ้งก่ายกขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศ กิ้งก่าที่น่าสงสารถึงกับตาเหลือกแล้วหมดสติไป

“กินเนื้อเนื้อ…”

เล่อเล่อยัดกิ้งก่าที่สภาพเหมือนตายแล้วใส่มือของหานเหมยแล้วจ้องเธอตาปริบ ๆ หานเหมยใจอ่อนในทันที กิ้งก่าแบบนี้สามารถนำมากินได้จริง ๆ แต่รสชาติเป็นอย่างไรเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หวังว่าเด็ก ๆจะชอบนะ

แต่เธอก็ค้นพบความสามารถพิเศษของเล่อเล่อ มิน่าเหมยเหมยถึงเลี้ยงลูกสาวแบบปล่อย แล้วยังกล้าพามาเที่ยวที่นี่ เธอใจกล้ามากจริง ๆ!

ช่วงสาย ๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยช่วยเหล่าทีมแพทย์ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บกับฟุจิตะ เขาพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่ อีกไม่กี่วันจะต้องกลับเข้าเมืองไปพร้อมกับรถขนเสบียง

“ตรงนั้นมีรถมา…ซวยแล้ว…เป็นผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ!” มีคนตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ

………………………..

ตอนที่ 2565 หนีออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เหมยเหมยไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ “ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกมั้ง? หรือว่านาสซาร์จะคลั่งไคล้ร่างนี้มากงั้นเหรอ?”

หานเหมยตัวสั่นสะท้านเฮือก กลอกตาใส่พร้อมสีหน้าหลากหลายอารมณ์

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นาสซาร์มีภรรยาตั้งสามคนแล้ว เขาไม่ได้ชอบร่างนี้เลยด้วยซ้ำแต่เขาแค่อยากครอบครอง อีกอย่างเพราะวิธีที่เข้าขึ้นครองตำแหน่งไม่ใช่วิธีที่โปร่งใส ตอนนี้ลูกน้องพ่อของร่างนี้มีปัญหากับเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องแต่งงานกับร่างนี้เพื่อทำให้ลูกน้องพวกนั้นสงบลง”

หานเหมยมีใบหน้าอมทุกข์ วันที่เธอเพิ่งกลับมาเกิดวันแรกเป็นคืนที่นาสซาร์เปิดสงครามพอดี เนื่องจากเจ้าของร่างนี้เป็นลูกสาวคนเล็กสุดจึงได้รับความเอาอกเอาใจจากพ่อเป็นพิเศษ เธอเป็นคนเอาแต่ใจไม่น้อย คืนนั้นเธอทะเลาะกับพ่อของตนเลยหลบอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปที่ห้องโถงใหญ่

นาสซาร์ฆ่าคนในครอบครัวทุกคนของร่างนี้ทิ้งซึ่งเกือบร้อยคนจนศพเกลื่อนทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ เลือดไหลดุจสายน้ำ เจ้าของร่างนี้ได้ยินเสียงจึงออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก ครั้นเห็นภาพที่นาสซาร์ฆ่าพ่อของตนพอดีผู้หญิงคนนั้นจึงสลบไป เขาก็เลยได้เข้าร่างนี้

พอฟื้นขึ้นมาแม้แต่เวลาให้ปรับตัวก็ยังไม่มีด้วยซ้ำและเริ่มหนีหัวซุกหัวซุน

ยังดีที่โชคช่วย เธอได้พบกับทีมแพทย์ เนื่องจากเธอมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลอยู่บ้างและทำอาหารอร่อยก็เลยได้มาอยู่ด้วย

นาสซาร์ให้คนมาตามเธอหลายครั้ง แน่นอนว่าเธอไม่มีทางกลับไปอยู่แล้ว กลับไปถึงแม้จะไม่ตายแต่คงใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุขแน่นอน จุดจบของพี่สาวพวกนั้นก็คือเธอในอนาคต

แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความอดทนของนาสซาร์จะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน!

เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาจริง ๆ เธอจะเป็นภาระให้พวกทีมแพทย์ไม่ได้…เฮ้อ !

เมื่อหานเหมยนึกถึงอนาคตของตัวเองก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ทำไมถึงได้มาอยู่ในร่างเด็กผู้หญิงที่มีแต่เรื่องวุ่นวายคนนี้กันนะ?

“ถึงแม้นาสซาร์จะน่ากลัวแค่ไหนแต่ก็มีอิทธิพลแค่ที่ทะเลทรายแห่งนี้หรือเปล่า? หากออกจากตะวันออกกลางไปประเทศอื่น เปลี่ยนสถานะปลอมไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นจะมีอะไรให้ต้องกลัวกัน?” เหมยเหมยไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

เธอไม่เชื่อหลอกว่านาสซาร์จะมีหัวกับแขนงอกเพิ่มขึ้นมาได้

“เธอไม่รู้อะไร ผู้ชายคนนั้นเป็นคนบ้าระห่ำมากจริง ๆ สร้างเรื่องหวาดผวาไปทั่วโลก อีกอย่างมีหลายคดีที่เธอน่าจะเคยพอได้ยินมาบ้าง ก็มีคดีพวก……”

หานเหมยขยับเข้าไปข้างหูของเหมยเหมยแล้วกระซิบชื่อออกมาเสียงเบา เหมยเหมยตกใจจนตะลึงตาค้าง คดีที่น่ากลัวพวกนั้นแน่นอนว่าเธอต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว ทุกคนบนโลกนี้ต่างรู้ดี นึกไม่ถึงว่านาสซาร์จะเป็นคนทำ!

เป็นคนบ้าที่สติหลุดไปแล้วจริง ๆ ไม่น่าหานเหมยถึงได้กลัวขนาดนี้!

“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ? มาอยู่กับทีมแพทย์ไม่ใช่แผนที่จะใช้ได้ตลอดไป ผู้หญิงที่นี่อายุ 16 ก็ต้องแต่งงานแล้ว อย่างมากเธอก็น่าจะมีเวลาอีกแค่สองปีเท่านั้น!”

“ครึ่งปี ร่างนี้อายุ 14 คนที่นี่อายุ 15 ก็ต้องแต่งงานแล้ว” หานเหมยถอนหายใจออกมา พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลยทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับ

แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี!

เหมยเหมยตกใจ นับว่าโชคดีที่เธอมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นหานเหมยก็คงจะต้องกลายเป็นภรรยาของมันไปแล้ว!

“ฉันคิดว่าเธอหนีไปกับฉันก่อนแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน ที่นี่เป็นที่ของนาสซาร์ อยู่ต่อไปก็ยิ่งจะมีแต่อันตราย ออกไปก่อนแล้วค่อยคิดหาหนทาง ถึงแม้นาสซาร์จะเป็นคนที่มีอิทธิพลมากขนาดไหนแต่ก็คงไม่ถึงกับมีสายตาสอดส่องอยู่ทั่วทุกที่บนโลกนี้หรอกมั้ง?”

หานเหมยคิด ๆดูแล้วก็ใช่ ออกไปก่อนอาจจะมีทางรอดก็ได้ แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี——

“ฉันกลัวจะเป็นภาระให้เธอกับพวกเด็ก ๆ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาละก็”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ทำให้เขาจับได้แน่นอน เอาล่ะ เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งแล้วยกให้ฉันเป็นคนจัดการเอง อีกไม่กี่วันทีมแพทย์จะกลับเข้าเมืองเพื่อเอาเสบียง พวกเราก็หนีไปกัน จากนั้นก็ไปสหรัฐฯให้เซียวเซ่อช่วยสร้างสถานะตัวปลอมขึ้นมาก่อนแล้วค่อยกลับฮวาเซี่ย ฉันไม่เชื่อหรอกว่านาสซาร์จะกล้ามาสร้างความวุ่นวายในฮวาเซี่ย!”

เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างมาก ฮวาเซี่ยเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกแล้ว คนของนาสซาร์เข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ!

……………………………………..

ตอนที่ 2566 ใจสื่อถึงกันหายไปไหนแล้ว

หลังจากได้รับการปลอบใจจากเหมยเหมย จิตใจของหานเหมยก็รู้สึกสงบลงไม่น้อย เธอพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณนะ…เหมยเหมย!”

นึกไม่ถึงเลยว่าคนแรกที่หาเธอเจอจะเป็นเหมยเหมย ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อ

หานเหมยจุกอยู่ในอกและหงุดหงิดใจเล็กน้อย

ถึงแม้เธอจะบอกตัวเองว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อย เฮ่อเหลียนเช่อก็แค่ไม่ได้เจอคนจากทีมแพทย์ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากตามหาเธอสักหน่อย แต่คนรักกันก็ควรจะมีใจที่สื่อถึงกันได้ไม่ใช่เหรอ?

ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกันก็ควรจะสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของเธอไม่ใช่เหรอ?

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้พยายามตามหาแน่ ๆ!

หานเหมยไม่รู้ตัวเลยว่านอกจากร่างกายจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงแล้ว แม้แต่จิตใจก็ยังคับแคบลงด้วย

“คุณอา…เอ้ย…พี่สาว…ผมกับพ่อตามหาพี่มาตั้งนาน ไปมาแล้วก็หลายที่…” เสี่ยวเป่าคลานเข้ามาอยู่บนตัวเธอแล้วพูดเสียงเบาขึ้นด้วยความรัก

“พวกเธอไปไหนกันมาบ้าง?”

“ป่าอะเมซอน ทะเลทราย ทวีปออสเตรเลีย…แล้วก็ทุ่งหญ้า…พวกเราตามหาในป่าอยู่นาน แล้วก็ได้เจอเผ่ามนุษย์กินคนด้วย…”

เสี่ยวเป่าชูมือนั่งนับนิ้ว หานเหมยขมวดคิ้ว เฮ่อเหลียนเช่อทำไมถึงพาเสี่ยวเป่าไปสถานที่อันตรายขนาดนั้นนะ?

อีกอย่างเสี่ยวเป่าเพิ่งจะอายุเท่าไร ไม่รู้จักเชิญครูให้มาสอนหนังสือบ้าง?

ต่อไปตามคนอื่นเขาไม่ทันจะทำอย่างไร?

เธอรู้อยู่แล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อเลี้ยงเด็กไม่เป็น นิสัยหยาบโลน เดี๋ยวกลับไปจะด่าให้เข็ด!

ห่างจากที่ตั้งฐานทัพไปประมาณ 50 กิโลเมตร เฮ่อเหลียนเช่อขี่อยู่บนหลังอูฐที่ค่อย ๆเดินอย่างช้า ๆ ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยชุดคลุมยาวแต่ก็ยังร้อนอยู่ดี บ้าเอ้ย…พอคนที่นี่ได้ยินว่าจะไปเขตทำสงครามก็ไม่มีใครยอมพาไปเลย แม้แต่รถก็ยังหาเช่าไม่ได้ เขาหมดหนทางก็เลยต้องซื้ออูฐมาตัวหนึ่ง

เขาออกเดินทางมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้วแต่ก็ยังหาไม่เจอว่าพวกทีมแพทย์อยู่ที่ไหน ที่นี่ไม่มีแม้แต่แผนที่ด้วยซ้ำ!

เฮ่อเหลียนเช่อก่นด่ามาตลอดทาง เขาหยิบเข็มทิศออกมาเพื่อดูทิศทางแล้วเปลี่ยนเส้นทาง ตอนนี้เขารู้สึกคิดถึงเสี่ยวเป่าจับใจ ถ้ามีเสี่ยวเป่าอยู่เขาไม่เคยต้องกังวลเรื่องเส้นทางเลยด้วยซ้ำ ใช้ดียิ่งกว่าเรดาร์เสียอีก!

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอ้บ้าเหยียนหมิงซุ่นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เหมยซูหานกลับมาแล้วจริง ๆเหรอ?

หรือว่าจะอยู่ที่ทะเลทรายแห่งนี้?

หรือว่าเหมยซูหานจะกลายเป็นผู้ชายตะวันออกกลางที่มีหนวดเคราเต็มไปหมด?

เฮ่อเหลียนเช่ออดที่จะตัวสั่นไม่ได้ เขารังเกียจผู้ชายตะวันออกกลางที่สุด หน้าตาไม่น่ามองไม่เท่าไหร่ บนตัวยังมีกลิ่นประหลาดอีกต่างหาก…แต่หากเป็นเหมยซูหานจริงเขาก็จะพยายามฝืนใจแล้วกัน!

อย่างมากก็แค่พากลับไปแปลงโฉมโกนหนวดเคราทิ้ง ไม่ให้กินเนื้อวัวเนื้อแพะ อาบน้ำนมกลิ่นกุหลาบอะไรพวกนี้ทุกวัน… เหมยซูหานที่ทั้งหอมทั้งตัวนิ่มของเขาก็คงจะกลับมาได้ในเร็ววันแล้ว!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็ดีใจจนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาถีบท้องอูฐแล้วเอ่ย “ไปให้มันเร็ว ๆหน่อย อาหารของฉันให้แกกินหมดเลย!”

คนที่นี่ต่างก็เป็นพ่อค้าหน้าเลือด อูฐตัวหนึ่งเก็บเขาตั้ง 2000 ดอลลาร์ แล้วยังทั้งขี้เกียจทั้งกินเก่งอีก รอให้เจอพวกจ้าวเหมยก่อนจะจับอูฐขี้เกียจตัวนี้มาฆ่ากินให้ดูเลย!

เสียงร้องตะโกนกับเสียงมอเตอร์รถดังแว่วมาแต่ไกล เฮ่อเหลียนเช่อหรี่ตามอง ถึงแม้เขาจะมาตะวันออกกลางนับครั้งได้แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้าง คนที่กล้าขับรถในเขตสงครามก็มีแต่พวกผู้ก่อการร้ายเท่านั้นแหละ

ดูท่าเขาคงจะต้องวอร์มร่างกายแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อนั่งอยู่บนอูฐไม่ขยับและไม่คิดหนีเพราะไม่มีที่ให้หนี รอบข้างเป็นทะเลทรายไร้ที่กำบัง แม้แต่กระต่ายยังไม่สามารถอำพรางตัวเองได้เลย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

รถปิ๊กอัพเก่าคันหนึ่งขับเข้ามา บนรถมีคนอยู่สิบกว่าคน ถึงแม้จะใส่ชุดเหมือนชาวบ้านทั่วไปแต่พวกเขาต่างก็ถือปืน AK อยู่ในมือซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

……………………….

ตอนที่ 2563 เหมยเหมยเรียนรู้ทำตัวนิสัยไม่ดีแล้ว

“แน่นอนต้องเรียกว่าอาอยู่แล้วสิ”

หานเหมยตอบแบบไม่ต้องคิด ที่ผ่านมาเรียกว่าอามาโดยตลอด อยู่ดี ๆจะให้เปลี่ยนได้อย่างไร!

เหมยเหมยยิ้มแห้งพร้อมมองเธอแล้วเอ่ยเหน็บแนมว่า “เธอยังมีคุณสมบัติของอาในอดีตอีกเหรอ?”

สีหน้าของหานเหมยเปลี่ยนไปในทันที เธออายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ทั้ง ๆที่ร่างนี้ของเธอตัวสูงกว่าเหมยเหมย แต่พออยู่ต่อหน้าเหมยเหมยเธอกลับรู้สึกไม่สามารถยืดตัวตรงได้ ตอนนี้ยังถูกยียวนต่อหน้าต่อตาอีก…

เหมยเหมยทำตัวนิสัยไม่ดีแล้ว!

“ทำไมหน้าบางขนาดนั้น? ฉันได้ยินมาว่าเธอชอบเข้าห้องน้ำผิด? แบบนี้คงไม่ไหว… ถ้าเจอคนหื่นกามคิดไม่ดีกับเธอขึ้นมา เธอไม่มีสิทธิ์ร้องไห้ด้วยซ้ำ เพราะว่าเธอเป็นคนส่งตัวไปให้เขาเอง…”

เหมยเหมยพูดยียวนต่อ ครั้นเห็นสีหน้าของหานเหมยที่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงก็รู้สึกแอบสะใจ แต่ก่อนไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าแกล้ง ตอนนี้จะต้องฉวยโอกาสหน่อยแล้ว

เธอจะไม่ทำร้ายร่างกายหรอก…แต่จะทำร้ายจิตใจ!

ใบหน้าเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวซีด หายใจแรงขึ้นกว่าเดิม หานเหมยพยายามสงบสติอารมณ์เดินต่อไปข้างหน้าและไม่อยากจะสนใจเหมยเหมย อีกอย่างเหมยเหมยอุตส่าห์เสี่ยงอันตรายมาหาเธอ เรื่องนี้เธอยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่ งั้นก็ปล่อยให้เหมยเหมยพูดไปเถอะ

“จริง ๆแล้วฉันก็รู้สึกเบื่อเลยอยากจะลองมาเที่ยวตะวันออกกลางดู แล้วก็อยากถามว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? อย่างเช่นเวลาต้องนั่งฉี่รู้สึกชินไหม? หน้าอกมีก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นมาเวลาเดินจะสะดุดล้มหรือเปล่า?”

เหมยเหมยเหลือบมองไปที่หน้าอกของเธอ ถึงแม้จะมีชุดคลุมบังอยู่แต่ก็มีส่วนนูนกระเพื่อมไปมาไม่หยุด ดูท่าแล้วจะมีไม่น้อย เฮ่อเหลียนเช่อได้ของดีไปเต็ม ๆ!

ครั้นก้มหน้ามองซาลาเปาของตัวเอง เหมยเหมยก็ทำปากจู๋ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เธอยื่นมือออกมาจับ ทั้งนิ่มทั้งเด้ง ของจริงแน่นอนไม่ได้ยัดอะไรเข้าไปด้วย อย่างน้อยก็น่าจะ 36 c…

พระเจ้า!

ร่างนี้ดูเหมือนเพิ่งจะอายุ 14-15 ต่อไปจะต้องใหญ่อีกแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะถึง 38D… เหมยเหมยตาร้อนผ่าว มองไปที่หานเหมยด้วยความอิจฉา

ใบหน้ารูปไข่ก็สะสวย หุ่นก็เซ็กซี่ขนาดนี้ ยัดเงินให้กับพระเจ้ามาใช่ไหม?

หานเหมยตกใจที่จู่ ๆเหมยเหมยก็เอามือมาจับ จากนั้นเธอก็โมโหคำรามเสียงต่ำว่า “เธอไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน? ทำอะไรตามอำเภอใจราวกับเป็นพวกอันธพาล…”

มีใครทำอย่างนี้ที่ไหนกัน!

“สิ่งที่คุณมีฉันก็มีเหมือนกัน เป็นสิ่งที่ทุกคนมีกันหมด เธอจะลำบากใจไปทำไม!”

เหมยเหมยกลอกตามองบนทำเอาหานเหมยถึงกับเงียบไป เธอตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของเพศตัวเองตอนนี้อีกครั้งและรู้สึกไม่ชินเลยจริง ๆ!

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่ดี!

“เธอจะใส่เสื้อในแบบนี้ไม่ได้เพราะไม่มีโครงเหล็กดันไว้ ต่อไปหน้าอกจะยานหย่อนคล้อย น่าเสียดาย ของฉันเธอก็ใส่ไม่ได้ เอาเถอะ…ใส่แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน พอกลับไปแล้วค่อยไปซื้อใหม่!”

เมื่อครู่ตอนเหมยเหมยลองจับดูก็รู้ว่าเสื้อในที่หานเหมยใส่แปลก ๆ น่าจะเป็นเสื้อในที่ทำจากผ้า หน้าอกใหญ่ขนาดนี้จะต้องมีโครงเหล็กมารองรับไว้  แต่ร่างนี้ยังอ่อนเยาว์จริง ๆ ทั้งใหญ่ทั้งทรงสวย น่าอิจฉาจริง ๆ!

หานเหมยดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย เธอไม่คุ้นชินกับการพูดเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงแบบนี้ อีกอย่างเธอไม่ชอบใส่เสื้อในที่มีโครงเพราะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร หากไม่ใช่ว่ากลัวโป๊เธอไม่อยากจะใส่เลยด้วยซ้ำ!

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ มาสวัสดีคุณน้ากันเร็ว!”

เด็กทั้งสองกำลังนั่งเล่นกับกิ้งก่ากันอยู่ในบ้าน พอได้ยินเสียงเรียกของเหมยเหมยก็หันมาพร้อมกัน เสี่ยวเป่ามองหานเหมยด้วยความตกใจ กลิ่นบนตัวของพี่สาวคนนี้เหมือนของคุณอาเลย แต่ว่าทำไมถึงเป็นผู้หญิงได้ล่ะ?

…………………………………………

ตอนที่ 2564 คู่หมั้นที่มีแค้นต้องชำระ

เหมยเหมยมองเสี่ยวเป่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยขนด้วยความตกตะลึง การแต่งหน้าแบบนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าเหมยเหมยเสียอีก แต่เธอก็รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตารื้น เอ่ยเสียงเบาว่า “เสี่ยวเป่า…”

สวรรค์รู้ดีว่าสามปีมานี้เธอคิดถึงเฮ่อเหลียนเช่อกับเสี่ยวเป่ามากขนาดไหน!

หากไม่ใช่เพราะความคิดถึงห่วงหานี้เธอคงวิญญาณแตกดับไปแล้ว!

ครั้นได้ยินเสียง เสี่ยวเป่าก็มั่นใจทันทีว่าพี่สาวสุดสวยคนนี้เป็นคุณอาสุดที่รักของเขาอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้เสียงจะเปลี่ยนไปแต่จังหวะกับสำเนียงไม่มีทางเปลี่ยนไปอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลาเรียกชื่อเขา นี่เป็นเสียงของคุณอาจริง ๆ

“คุณอา!”

เสี่ยวเป่าโผเข้าอ้อมกอดของหานเหมยด้วยความตื้นตันใจ รัดคอของเธอจนแน่นและหอมเธอไปหลายฟอด ทั้งสองคนกอดกันพร้อมเสียงหัวเราะและร้องไห้ เหมยเหมยที่อยู่ข้าง ๆก็อดน้ำตาไหลไม่ได้

เล่อเล่อเดินมาหาด้วยความสงสัย เธอแหงนหน้าขึ้นมองแต่มองเช่นไรก็ไม่เข้าใจเลยถามเสียงดังว่า “พี่คะ นี่คือพี่สาว…ไม่ใช่คุณอานี่นา!”

พี่ชายสายตาแย่จริง ๆ แม้แต่คุณอากับพี่สาวก็ยังแยกไม่ออก นี่เป็นพี่สาวคนสวยชัด ๆ!

เหมยเหมยหลุดยิ้มออกมา ลูกสาวของเธอฉลาดจริง ๆมองครู่เดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง!

“เล่อเล่อ พี่สาวคนนี้เป็นคุณอาของพี่ชาย แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นพี่สาวแล้ว ต่อไปพวกหนูก็เรียกเขาว่าพี่สาวนะ” เหมยเหมยนึกหาวิธีแกล้งคนขึ้นมาได้

“เรียกคุณน้าเถอะ จะเรียกพี่สาวไม่ได้นะ!” หานเหมยมุ่นคิ้ว เรียกพี่สาวก็เท่ากับว่าเธอถูกลดลำดับขั้นสิ

“พี่เป็นพี่สาว…พี่ยังไม่ได้แก่เท่าแม่เลย!” เล่อเล่อจ้องตาโตพร้อมเถียงกลับแต่เหมือนเป็นการเอามีดปักลงกลางอกของเหมยเหมยเต็ม ๆ เธอตกใจจนต้องรีบหยิบกระจกขึ้นมา ทะเลทรายอากาศแห้ง เธอไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยทำให้หน้าแห้งไปเยอะจริง ๆ

หานเหมยพยายามกลั้นหัวเราะไว้แล้วหยิกแก้มเล่อเล่อเบา ๆ เด็กน้อยคนนี้ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกของเหยียนหมิงซุ่น เขาหน้าตาเหมือนพ่อตัวเองอย่างกับแกะ แต่น่ารักกว่าเหยียนหมิงซุ่นมาก!

“เล่อเล่อ ต่อไปจะว่าแม่แก่ไม่ได้นะ ไม่ว่าตอนไหนหนูก็ต้องบอกว่าแม่ยังสาวยังสวยอยู่เข้าใจไหม?” หานเหมยกระซิบเสียงเบา

“แม่สวย…แต่แก่กว่าพี่สาว” เล่อเล่อก็ยังไม่เข้าใจ เธอไม่ได้บอกว่าแม่หน้าตาขี้เหร่แต่แม่แก่กว่าพี่สาวจริง ๆนี่นา!

โดนเข้าไปอีกหนึ่งดอก เหมยเหมยมองลูกสาวที่มีตาหามีแววไม่ของตัวเอง จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเพื่อมาส์กหน้า!

พอตกดึกทางฐานทัพก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขา จริง ๆแล้วแค่ทำอาหารเพิ่มขึ้นมาไม่กี่อย่างเท่านั้น แม่ครัวก็คือหานเหมย ตอนนี้งานหลักของเธอก็คือทำอาหาร

“อร่อยจริง ๆ…นี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาในฐานทัพแล้ว!” หัวหน้าทีมกินเนื้อตุ๋นน้ำแดงที่เหมยซูหานทำจากกระป๋องก็ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบไหลออกมา

“อร่อยใช่ไหมล่ะ ตั้งแต่มีหานเหมยพวกเราก็อ้วนขึ้นเยอะเลย…ฮ่า ๆ!” บรรดาคุณหมอในฐานทัพต่างหัวเราะขึ้นเสียงดัง

เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกสนใจอาหารเรียบง่ายเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอกินไปไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้วพูดเสียงเบากับหานเหมยว่า “หากสร้างสถานะตัวตนปลอม ๆให้เธอแล้วแปลงโฉมสักหน่อยจะหนีออกไปได้ไหม?”

หานเหมยฝืนยิ้มแล้วส่ายศีรษะ “การที่จะหนีออกไปไม่ใช่เรื่องยาก แล้วฉันจะปกปิดชื่อของตัวเองไปตลอดชีวิตก็คงไม่ได้ นาสซาร์เป็นคนที่แค้นฝังใจมีแค้นต้องชำระ เขาจะต้องสั่งตามฆ่าฉันจนกว่าจะตายแน่”

พ่อแม่พี่น้องของร่างนี้ถูกไอ้บ้านั่นฆ่าทิ้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวหลายคนที่เป็นพี่น้องต่างแม่ก็ถูกไอ้บ้านั่นยกให้กับลูกน้องของมันจนหมด

แต่ที่เธอสามารถหนีออกมาได้เป็นเพราะโชคช่วยล้วน ๆ วันที่นาสซาร์ก่อการปฏิวัติเป็นวันที่พ่อจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ร่างนี้ทะเลาะกับพ่อจึงไม่ได้ไปร่วมงานด้วยเลยหนีรอดมาได้

……………….

ตอนที่ 2561 ความอายยามพบเจอ

ผมของเด็กสาวยาวถึงเอวราวกับน้ำตก ผมสีดำขลับเป็นเงาประกายถักเป็นเปียหลวม ๆ เธอก้มตัวลงด้วยท่าทีเกียจคร้าน เด็กสาวนั่งยองอยู่ที่พื้นจึงไม่รู้ว่าสูงเท่าไร อีกทั้งยังถูกคลุมด้วยชุดคลุมยาวอีก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผอมเพรียวของเด็กสาวคนนี้

ถึงแม้จะเป็นชุดคลุมยาว แต่ก็ไม่สามารถอำพรางเอวบาง ๆของเธอได้เลย

ในห้องผู้ป่วยมีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนส่งเสียงร้องโอดครวญอยู่ไม่น้อย มีพยาบาลหลายคนที่กำลังดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ทว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น

เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือหานเหมย

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนออกมาว่า “เหมยซูหาน!”

เด็กสาวสะดุ้งจนเกือบล้มลงพื้นแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จัดการกับบาดแผลด้วยความชำนาญราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของเหมยเหมย

แต่อาการสะดุ้งแวบหนึ่งเมื่อครู่เป็นสิ่งที่บ่งบอกทุกอย่างแล้วว่า

หานเหมยคนนี้ก็คือเหมยซูหานที่กลับชาติมาเกิดใหม่!

เหมยเหมยเดินเข้าไปใกล้หานเหมย นั่งยองลงตรงหน้าเธอแล้วประจันหน้ากัน

หานเหมยเงยหน้ามองเธอด้วยความฉงน ผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดคนนี้รู้จักชื่อเหมยซูหานได้อย่างไร?

แต่พอมองไปยังไฝตรงหว่างคิ้วเม็ดนั้น หานเหมยก็เข้าใจขึ้นมาในทันทีจึงพยายามสะกดความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่ให้กรีดร้องออกมา จากนั้นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป

ผ่านไปครู่ใหญ่เธอถึงสงบสติลงได้จึงใช้ภาษาอังกฤษถามขึ้นว่า “คุณเป็นหมอที่เพิ่งมาใหม่ใช่ไหม?”

เหมยเหมยมองไปที่ผ้าพันแผลที่พันอยู่นานแต่ก็ยังพันไม่เสร็จสักทีพลันฉีกยิ้มออกมา “เหมยซูหาน เธอไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าฉันหรอก ฉันรู้ว่าเป็นเธอ เธอเองก็จำฉันได้…เสแสร้งต่อไปจะมีประโยชน์อะไร?”

“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่รู้จักเหมยซูหาน แล้วก็ไม่รู้จักคุณด้วย หากคุณไม่มีธุระอะไรก็เชิญออกไป อย่ามาขัดขวางการทำงานของฉัน”

เหมยซูหานก้มหน้าพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ เธอจะทำความแตกไม่ได้เด็ดขาด

เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเหมยเหมยจะมาหาถึงที่นี่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอมาได้อย่างไร วุ่นวายจริง ๆ!

แต่เธอก็ยังรู้สึกดีใจที่ได้เจอเหมยเหมย รู้สึกเหนือคาดมากจริง ๆ เมื่อก่อนเธอพยายามภาวนาให้ได้กลับไปเจอเพื่อน ๆ ตอนนี้เหมยเหมยมาหาถึงที่นี่แล้วทว่าเธอกลับรู้สึกลังเลใจ

ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงแล้ว!

อย่างนี้เธอจะเผชิญหน้ากับเพื่อน ๆในวันวานได้อย่างไร?

สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทำอย่างไรก็ก้าวข้ามผ่านมันไปไม่ได้!

เพราะฉะนั้นตอนแรกหานเหมยจึงเลือกทำเป็นไม่รู้จักแต่เธอก็กังวลมากเช่นกัน เธอกลัวว่าเหมยเหมยจะเชื่อจริง ๆว่าเธอไม่ใช่เหมยซูหานแล้วจากไปและไม่กลับมาที่นี่อีก!

“ได้…ดูท่าแล้วเธอคงไม่อยากกลับมารู้จักฉันอีก ฉันคิดว่าเธอก็คงไม่อยากจะเจอเสี่ยวเป่าแล้วเหมือนกันใช่ไหมล่ะ…ได้ ฉันจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปเดี๋ยวนี้แหละ…”

เหมยเหมยมองความคิดของเธอออกจึงแอบหัวเราะในใจ แค่มีจุดเพิ่มขึ้นมาสองจุดกับแท่งหายไปหนึ่งแท่งเท่านั้นเอง มีอะไรให้ต้องอายกัน?

อีกอย่างเจ้าหมอนี่ควรจะขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำที่ให้สัดส่วนที่ดูดีขนาดนี้มา ต่อไปมีลูกให้เฮ่อเหลียนเช่อได้อีกต่างหาก นับว่าเป็นเรื่องดีขนาดไหนกัน!

พอหานเหมยได้ยินชื่อเสี่ยวเป่าที่คิดถึงมาตลอดก็เสแสร้งต่อไปไม่ไหวจึงโมโหจนต้องลุกขึ้นมากล่าวตำหนิว่า “เธอพาเสี่ยวเป่ามาที่นี่ด้วยได้อย่างไร? รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน? นี่คือตะวันออกกลาง…ไม่ใช่ซานตง แล้วก็ไม่ใช่กว่างตงด้วย…เธอนี่ทำอะไรผลีผลามจริง ๆ…”

เหมยเหมยเอามือกอดอกพร้อมทำท่าเหมือนจะหัวเราะมองเธอที่บ่นพึมพำ

เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ?

จู่ ๆเสียงก็เงียบชะงักไป หานเหมยเบือนหน้าหนีแล้วนั่งลงพันแผลต่อ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ

เหมยเหมยจะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่านะ?

เสี่ยวเป่าจะไม่ยอมรับเธอเป็นอาแล้วหรือเปล่านะ?

“ก็แค่เปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิงมีอะไรให้น่าอายกัน เธอชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ ร่างกายในตอนนี้น่าจะดีกว่าเมื่อก่อน เธอควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ?”

เหมยเหมยใช้ภาษาถิ่นเมืองจินพูดเหน็บแนม ตอนแรกหานเหมยขมวดคิ้วแน่น แต่จากนั้นไม่นานใบหน้าก็หลุดยิ้มแสดงความดีใจออกมา

…………………………………………..

ตอนที่ 2562 เรียกอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่ะ

หานเหมยที่กังวลและสับสนมาเป็นปี ๆ เพราะประโยคนี้ของเหมยเหมยเลยทำให้คิดได้ขึ้นมาในทันที

แต่ก่อนเธอมักจะรู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่สามารถมีลูกให้กับเฮ่อเหลียนเช่อได้ ตอนนี้เธอสามารถมีลูกได้แล้ว ควรจะดีใจสิถึงจะถูก!

แต่พอนึกถึงสิ่งที่ร่างกายนี้กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หานเหมยก็กลับมาคิดมากอีกครั้ง อยากจะกลับไปคบกับอาเช่อ คิดว่าคงจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!

“เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?”

หานเหมยก็ไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไปแล้วใช้ภาษาถิ่นถามเหมยเหมย

“ฉันเห็นรูปเธอจากยูทากาฮาชิแล้วรู้สึกแปลก ๆพิกล ตอนหลังยูทากาฮาชิได้รับบาดเจ็บแล้วกลับประเทศไป เขาเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟัง พอฉันได้ยินว่าเธอทำบะหมี่ผักกาดดองได้แล้วก็เรียกชื่อตัวเองว่าหานเหมยก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นเธอ!” เหมยเหมยยิ้มไปพูดไป ปานสีม่วงแดงบนใบหน้าขยับไปมาราวกับตัวหนอน

หานเหมยอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ใครเป็นคนแต่งหน้าให้เธอ จะแต่งให้ดูปกติหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ปานน่าเกลียดขนาดนี้ เห็นแล้วทำเอาเธออยากอาเจียนอาหารที่กินไปเมื่อสองวันก่อนออกมาให้ได้เลย!

“ฉันทำเอง น่าเกลียดจนอยากอาเจียนเลยใช่ไหมล่ะ? แบบนี้ถูกแล้ว…จะว่าไปแล้วเธอกล้าเอาใบหน้าที่สวยขนาดนี้ออกมาเดินเฉิดฉายเลยเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ

ร่างใหม่ของเจ้าหมอนี่สวยมากจริง ๆ มีความเป็นต่างชาติผสมเข้าไปด้วย ผิวพรรณไม่ได้ดำเหมือนอย่างคนท้องถิ่นที่นี่กลับผิวขาวราวกับน้ำนม ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่เห็นแล้วยังใจสั่นเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นเลย

หานเหมยฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับฉันหรอก เธอน่าจะเคยได้ยินยูทากาฮาชิพูดมาบ้างแล้ว ร่างของฉันร่างนี้มีคู่หมั้นที่ไม่ธรรมดาอยู่ เขาชื่อว่านาสซาร์ ทั้งตะวันออกกลางทุกคนต่างก็รู้ว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขา ใครจะกล้ามายุ่งกับฉันล่ะ!”

คู่หมั้นคนนี้ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับเธอ แต่ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอเหมือนกัน!

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น นาสซาร์ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจังแฮะ แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ในทันที จากนั้นคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นกว่าเดิม

“คู่หมั้นของเธอคือเขางั้นเหรอ?” เหมยเหมยประหลาดใจเป็นอย่างมาก โลกช่างกลมจริง ๆ

“เธอรู้จักเขาเหรอ?”

“ไม่รู้จัก แต่ครั้งนี้ตอนที่พวกเรามาได้เจอลูกน้องของนาสซาร์ลอบทำร้ายเพราะจะมาแย่งยาของพวกเรา แต่โชคดีที่หนีมาได้ เพียงแต่ว่ามีพยาบาลคนหนึ่งถูกพวกเขาจับตัวไป”

เหมยเหมยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าว ๆให้ฟัง หานเหมยได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นระส่ำพลางก่นด่าเหมยเหมยอยู่ในใจ ยังดีที่เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร!

“เธอผลีผลามเกินไป เหยียนหมิงซุ่นไม่มาดูเธอบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เธอออกมาได้?” หานเหมยพร่ำบ่น

“เรื่องนี้เขาไม่เกี่ยว ฉันพาเด็ก ๆออกมาได้สองเดือนแล้ว เขาอยากจะเข้ามายุ่งก็ยุ่งไม่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสามารถดูแลเด็ก ๆได้อย่างแน่นอน อีกอย่างเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อเป็นเด็กไม่ธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงเลย!

หานเหมยยังรับข้อมูลไม่ทัน จากนั้นเขาก็มองดูเธอในความทรงจำที่เคยเป็นคนขี้กลัวและเชื่อฟังว่าง่ายด้วยความประหลาดใจ ปกติเธอเชื่อฟังคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับหนีออกจากบ้าน?

เหลือเชื่อจริง ๆ!

แล้วก็เล่อเล่อคือใคร?

“ลูกสาวฉันไง ตอนที่เธอตายฉันกำลังท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันได้ลูกสาวชื่อว่าเหยียนเล่อเล่อ เป็นเด็กอวบอ้วน สนิทกับเสี่ยวเป่ามาก” เหมยเหมยยิ้มแล้วพูดขึ้น

หานเหมยเกือบจะพูดไม่ออก นอกจากจะใจกล้ามากขึ้นแล้วยังพูดจาอ้อมค้อมน้อยลงด้วย

บอกว่าตอนที่เธอจากไปไม่ได้เหรอ?

พูดคำว่าตายไม่เป็นมงคลเลยจริง ๆ!

สิ่งที่ทำให้เธอโมโหมากกว่าเดิมก็คือนอกจากจะพาเสี่ยวเป่ามาแล้ว ยังพาลูกสาวอายุสามขวบมาด้วย

“เธอทำเกินไปแล้ว…เล่อเล่อเพิ่งจะสามขวบใช่ไหม…ที่นี่มีศพอยู่เกลื่อนไปหมด เลือดไหลเหมือนแม่น้ำ เด็กเห็นแล้วจะไม่จำฝังใจเหรอ? ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งชีวิตเลยนะ เหมยเหมยเธอทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”

เหมยเหมยเบะปาก ลูกสาวของเธอกล้าระเบิดหัวคนอื่นแล้วจะกลัวเลือดกับศพได้อย่างไร?

“ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกสาวของฉันใจกล้ากว่าเธอเยอะ เธออาจจะจำฝังใจแต่เล่อเล่อไม่ฝังใจแน่นอน ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปหาเด็กทั้งสองคนนั่น ใช่แล้ว…พวกเขาต้องเรียกเธอว่าอา(ผู้ชาย)หรือน้าสาวดีล่ะ?”

……………………..

ตอนที่ 2559 ห้ามช่วย

ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่ายังขาดคุณแม่พระคนนี้ไป พลันหันไปมองหัวหน้าทีมอย่างพร้อมเพรียงว่าเขาคิดเห็นอย่างไร

หัวหน้าทีมด่าเจ้าคนที่เตือนสติในใจไปยกหนึ่ง ให้ตาย—ไม่พูดแล้วจะตายหรือไง?

เขาสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าคุณริโกะยังไม่กลับมาแต่เขาแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ยายผู้หญิงสมควรตายคนนั้นทำให้พวกเขาเกือบตายยกคันรถ ชีวิตของฟูจิตะคุงก็อยู่ในขีดอันตราย…ในหัวเขาคงมีแต่ขี้น่ะสิถึงไปช่วยน่ะ!

ให้เธอพึ่งพาตัวเองแล้วกัน!

แต่เขาเป็นถึงหัวหน้าทีมเชียว ต้องรักษาภาพพจน์ผู้ใจบุญมีความใจกว้างยุติธรรมต่อหน้าคนนอกเข้าไว้…ฉะนั้น–

“อ้าว…คุณริโกะไปไหนแล้ว? ทำไมไม่ตามกลุ่มอีกแล้ว…จริง ๆเลยนะ…” หัวหน้าทีมทำหน้าระอาแล้วชะเง้อคอไปนอกหน้าต่างก่อนตะโกน “คุณริโกะรีบขึ้นรถ ถ้าคุณเคลื่อนไหวโดยพลการไม่ฟังคำสั่งอีก…ผมจะรายงานศูนย์ประจำการใหญ่ให้ไล่คุณออกแน่!”

“หัวหน้า…คุณริโกะถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว!” คนที่เตือนเมื่อครู่เอ่ยเสริมอีกประโยคด้วยเสียงอ่อนแรง คนอื่น ๆหันไปมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจทำท่าเหมือนกำลังมองคนโง่คนหนึ่งอยู่

ไม่เห็นหรือไงว่าหัวหน้าทีมผู้ใจดีเหมือนคุณป้าคนนี้กำลังเล่นละครอยู่?

หัวหน้าทีมที่หนีเอาตัวรอดแต่ยังไม่ลืมแม้กระทั่งฟูจิตะคุงกับยา แล้วจะลืมคุณริโกะที่ชอบแสดงตัวตนมากขนาดนั้นได้อย่างไร?

โง่เสียจริง!

หัวหน้าทีมสูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วเค้นรอยยิ้มใจดีออกมามองคนโง่ผู้นั้นด้วยสายตาแฝงนัยยะแวบหนึ่ง เขาวางแผนว่าไปถึงค่ายะโทรหาศูนย์ประจำการใหญ่ให้เรียกตัวเจ้าโง่นี่กลับไปซะ!

“งั้นโอโนะคุงอยากกลับไปช่วยคุณริโกะไหมล่ะ?”

เจ้าโง่โอโนะตัวสั่นระริกส่ายศีรษะรัว ๆ “ผมไม่กล้า…”

หัวหน้าทีมผ่อนลมหายใจหลงคิดว่าในที่สุดเจ้าโง่นี่ก็สำนึกผิดแล้ว แต่…เขาคิดง่ายเกินไป

เจ้าโง่ชี้ไปที่สี่คนบนรถกันกระสุนแล้วพูดเสียงเบา “พวกเขากำราบศัตรูได้ สั่งให้พวกมันคืนคุณริโกะกลับมาก็ได้นี่นา”

เหมยเหมยเลิกคิ้วมองเขาแวบหนึ่ง พูดไม่ผิดหรอก ขอเพียงสี่คนนั้นออกคำสั่งศัตรู ผู้ก่อการร้ายคงไม่มีทางไม่รับปาก แต่–

เธอไม่ตกลง!

คุณริโกะคนนี้คือคนที่คิดจะทำร้ายเธอเมื่อครู่ เธอไม่ใช่แม่พระสักหน่อยแล้วทำไมต้องปล่อยคนที่เคยคิดร้ายต่อตัวเองไปล่ะ?

“ห้ามจอดรถ!”

เหมยเหมยตะโกนไปที่หน้ารถทำเอาทุกคนสะดุ้งเฮือก รีบนั่งตัวตรงไม่กล้ากระดิกตัว

เจ้าโง่โอโนะมองเธอด้วยความโกรธแล้วกล่าวตำหนิ “คุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้อย่างไร? ทั้งที่ให้พวกเขาช่วยคุณริโกะก็ได้!”

เขายื่นศีรษะออกไปนอกหน้าต่างพลางตะโกนใส่รถกันกระสุน “ยังมีคุณริโกะที่ยังไม่กลับมา ให้พวกเขาปล่อยตัวมา…”

ลูกน้องกับชาวตะวันตกบนรถกันกระสุนมองเหยียดเขาแวบหนึ่งแต่ก็ไม่คิดจะสนใจเขาอีก เหยียบคันเร่งให้ไวกว่าเดิม

เจ้าขี้เหร่นั่นกล้าทำร้ายคุณนาย…แล้วยังทำให้พวกเขาเกือบทำภารกิจไม่สำเร็จ ต่อให้ไม่ถูกจับตัวไปพวกเขาก็ต้องหาทางจัดการยัยนั่นอยู่แล้ว!

“พวกคุณเลือดเย็นขนาดนี้ได้อย่างไร…เราคือทีมเดียวกันนะ…จะเพิกเฉยไม่ยอมช่วยไม่ได้…” เจ้าโง่โอโนะตะโกนด้วยร้อนรนแต่ไม่มีใครสนใจเขา

“หยุดตะโกนได้แล้ว พวกเขาฟังแค่คำสั่งของฉัน คุณตะโกนให้เสียงแหบก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”

เหมยเหมยเตือนเสียงเย็นชา เธอไม่ได้โง่จริง ๆสักหน่อย จู่ ๆก็โผล่มาอย่างไร้เหตุผลรวมถึงเมื่อกี้ทั้งสี่คนยังคอยปกป้องเธอกับลูก ๆอยู่ลับ ๆ ไหนจะวิชาต่อสู้ขั้นสูงอีก…ทั้งหมดต่างเปิดเผยสถานะของพวกเขาชัดเจนแล้ว

คนพวกนี้ต้องถูกเหยียนหมิงซุ่นสั่งมาปกป้องเธอกับลูกแน่นอน!

หึ…อย่างไรเสียเธอจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ก็ถือว่าครั้งนี้เขาได้ชดใช้ความผิดไปแล้วเล็กน้อย หลังจากนี้ก็ค่อยดูพฤติกรรมของเขาอีกทีแล้วกัน!

………………………

ตอนที่ 2560 สร้างความน่าเกรงขาม

เหมยเหมยกวาดตามองภายในรถรอบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงสูงว่า “คุณอย่าลืมละว่าคุณริโกะที่คุณคิดจะช่วยนั่นแหละที่ไร้จิตวิญญาณการทำงานเป็นทีม ทำอะไรโดยพลการไม่ฟังคำสั่งทำให้เราทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย แถมยังทำให้ฟูจิตะคุงต้องบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะเธอตอนนี้เราคงไปถึงค่ายแล้ว”

“อีกอย่าง…ถ้าไม่ใช่คนของฉัน คุณคิดว่าคุณยังมีชีวิตรอดอยู่อีกไหม? ฉะนั้น…จะช่วยหรือไม่ช่วยฉันเป็นคนตัดสินใจ คุณริโกะที่เคยคิดทำร้ายฉัน…ฉันไม่มีวันช่วยเด็ดขาด ถ้าคุณอยากช่วยก็ลงจากรถไป ฉันไม่ห้ามแน่นอน!”

ถ้อยคำนี้เธอพูดให้เจ้าโง่โอโนะฟังและพูดให้คนทั้งคันรถฟังด้วย

ในสถานที่วุ่นวายแห่งนี้ผู้แข็งแกร่งกว่าเป็นใหญ่ เธอต้องให้คนพวกนี้ยำเกรงต่อตัวเอง เช่นนี้หลังจากนี้ถึงจะมีปัญหาน้อยลง!

คนอื่น ๆปิดปากแน่นสนิทไม่ปริเสียง แม้จะไม่พอใจกับท่าทีเหิมเกริมของเหมยเหมยอยู่บ้างแต่ก็ไม่กล้าขัดขืน

เขามีบอดี้การ์ดมากฝีมือตั้งสี่คนคอยปกป้อง พวกเขาจะกล้าขัดขืนเสียที่ไหน?

นอกจากนี้เธอเองก็พูดไม่ผิดว่าคนของเธอช่วยทุกคนไว้จริง ๆ ส่วนคุณริโกะนั่นก็ทำตัวเองทั้งนั้น คงโทษคนอื่นว่าไม่ยอมช่วยเธอไม่ได้!

เจ้าโง่โอโนะก้มหน้าลงอีกคนแล้วมองไปนอกหน้าต่างอย่างนึกเสียดาย เขามีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกต่อคุณริโกะแต่ยังไม่ถึงขั้นยอมสละชีวิตให้

ดังนั้น…เขาไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อช่วยเธอแน่!

เหมยเหมยมองเขาด้วยความเหยียดหยามแวบหนึ่ง ตัวเองไม่มีความกล้าแต่จะให้คนอื่นเสี่ยงอันตราย แล้วยังใช้หลักศีลธรรมมาอ้าง น่ารังเกียจเสียจริง!

“กลับมาได้แล้ว!”

เธอตะโกนไปนอกหน้าต่างอีกที ทุกคนมองตามด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็เห็นหมาป่าสีขาวเมื่อครู่ที่วิ่งเร็วดั่งสายลมวิ่งตามรถได้ทันในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะกระโดดเข้ามาจากหน้าต่างแล้วฟุบอยู่ข้างเท้าเด็กสองคน

“เด็กดี…วันนี้ประพฤติตัวได้ดีนะ!”

เหมยเหมยเอาเนื้อแดดเดียวจากกระเป๋ามาป้อนให้เสวี่ยเอ๋อร์ซึ่งแน่นอนว่าไม่ลืมเจ้าฉิวตัวอ้วนด้วย แม้เจ้าหมอนี่ขี้เกียจจนเธอโมโหแต่ยามคับขันก็ออกเรี่ยวออกแรงอยู่บ้าง

ทุกคนมองเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวอย่างตกตะลึงถึงเพิ่งนึกได้ว่าสัตว์สองตัวนี้อยู่บนรถตลอด แต่พวกเขากลับคิดว่าเป็นเพียงสุนัขกับกระรอกธรรมดาเท่านั้น…

น่าขันที่พวกเขามีตาหามีแววไม่!

“นี่…คือหมาป่างั้นเหรอ?” หัวหน้าทีมถามด้วยความตกใจ

เมื่อครู่ตอนที่เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวลงมือช่วยก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สัตว์ธรรมดาทั่วไป…เขายิ่งสงสัยสถานะของเหมยเหมยมากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว!

ไปไหนมีบอดี้การ์ดที่มีวิชาการต่อสู้ขั้นสูงตามประกบแล้วยังมีสัตว์เทวะคอยปกป้อง…มิน่าถึงกล้าพาลูกตะลอนไปทั่วโลก!

“ใช่…เสวี่ยเอ๋อร์คือเจ้าหญิงหมาป่าแสนสวย วางใจได้ เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ทำร้ายใครง่าย ๆหรอก มันเชื่อฟังยิ่งกว่าใครหลายคนด้วยซ้ำ!” เหมยเหมยเอ่ยกระแนะกระแหน

เล่อเล่อกอดคอเสวี่ยเอ๋อร์แน่นแล้วจุ๊บหน้ามันหลายที เสวี่ยเอ๋อร์เองก็แอบลิ้นออกมาเลียมือเล่อเล่ออย่างสนิทสนมรักใคร่

รถกันกระสุนขับมาสักระยะก็จอด จากนั้นลูกน้องทั้งสี่คนก็ขึ้นรถคันเดียวกับพวกเหมยเหมยแล้วทิ้งรถกันกระสุนไว้กลางทะเลทราย

“รีบขับต่อไป คนของนาสซาร์จะตามมาในไม่ช้า!” ลูกน้องคนหนึ่งบอกกับคนขับรถ

“ขอบคุณพวกคุณที่ช่วยทุกคนเอาไว้!” หัวหน้าทีมโค้งตัวให้ทีหนึ่ง

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย!” ลูกน้องตอบกลับไปประโยคหนึ่ง ทำเอาหัวหน้าทีมรู้สึกเจ็บใจนัก ฟังจากน้ำเสียงเหมือนเขากับเพื่อนร่วมทีมแค่แวะมาซื้อผักเท่านั้น!

หนึ่งชั่วโมงให้หลังในที่สุดพวกเขาก็มาถึงค่ายสักที สัญลักษณ์สภากาชาดกลางอากาศโดดเด่นสะดุดตา ทุกคนต่างถอนหายใจโล่งอก ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยเสียที

ฟูจิตะคุงถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินโดยมีผู้รับผิดชอบค่ายคอยจัดการที่พักแก่พวกเขา นอกจากนี้ก็ได้ถามไถ่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง ทุกคนต่างทำหน้าหนักอึ้งในเมื่อสมาชิกหายไปตั้งคนหนึ่ง!

เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก พอเธอจัดการเรื่องตัวเองเสร็จก็ไปหาคนชื่อเหมยหานทันที ระหว่างทางถามคนอื่นอยู่ไม่น้อยจนไม่นานก็เจอตัวเธอ เด็กสาวกำลังทำแผลให้คนไข้คนหนึ่งโดยยืนหลังให้เธออยู่

…………………

ตอนที่ 2557 งูพิษ

เสี่ยวเป่าให้เล่อเล่อพักผ่อนส่วนเขาหามุมเหมาะเจาะลั่นไกยิงรัว ๆต่อหลายนัด แม้ไม่ได้แม่นเท่าเล่อเล่อแต่ก็ยิงโดนทหารทุกนัด ถือว่าเก่งมากแล้ว!

“ผมจะคุ้มกันให้…พวกพี่ไปเอารถกันกระสุนเถอะ!”

เสี่ยวเป่าตะโกนใส่สี่คนที่ยืนนิ่งอึ้งไปด้วยสีหน้าเย็นชาและแผ่ความน่าเกรงขามออกมาจากตัว ทำเอาคนลืมอายุของเขาไปแล้ว “อ้อ…ได้เลย…”

สี่คนเคลื่อนตัวไปใกล้รถกันกระสุนช้า ๆ เหมยเหมยก็ได้สติกลับมาอีกคน เธอเก็บปืนงาช้างในมือแล้วเหวี่ยงแส้ออกมา แส้ของเธอสั่งทำมาพิเศษสามารถยืดได้หดได้

แส้เกี่ยวเอาปืน AK บนพื้นซึ่งเป็นอาวุธที่กลุ่มก่อการร้ายแถบนี้ใช้มากที่สุด อดีตเหยียนหมิงซุ่นเคยสอนเหมยเหมยใช้มาก่อน

เธอหอบปืนแล้วหาที่หลบ เธอเอาเจ้าเด็กน้อยสองคนไม่อยู่แล้ว ต้องรีบคุ้มกันสี่คนนั้นไม่อย่างนั้นคงรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้

เสียงปืนดังกระหน่ำ เหมยเหมยไม่เล็งเป้าเลยสักนิดแต่เลือกที่จะยิงกราดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากศัตรู

แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ไม่ได้ต่อกรด้วยง่าย ๆ พวกเขาก็เลือกจุดซ่อนตัวอย่างดีและเริ่มตอบโต้คืน อีกฝ่ายมีปืนมากกว่าแถมคนฝั่งพวกเธอมีคนที่สามารถต่อสู้ได้น้อยนับนิ้วได้ ไม่นานก็ตกเป็นรองอีกฝ่าย

เสี่ยวเป่ายิงจนกระสุนหมดอีกแล้ว เขาล้วงเอาลูกกระสุนมาอีกกำที่ไม่รู้ว่าซ่อนไว้ตรงไหนกันแน่

เขาใส่กระสุนใหม่แล้วยื่นให้เล่อเล่อ จากนั้นมือของเขาก็ทำสัญลักษณ์แปลก ๆหลายที…

“อ๊าก…มีงู…”

ทหารนายหนึ่งตะโกนเสียงดังรวมถึงทหารอีกหลายนายตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังมองงูพิษที่เลื้อยอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีหวาดกลัว นี่เป็นงูแมวเซาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในทะเลทราย อิทธิฤทธิ์ของพิษไม่มีใครเทียบเทียมได้ หากถูกกัดเข้าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่งูพวกนี้เป็นสัตว์รักความสันโดษและไม่มีทางโง่จะจู่โจมกลุ่มคนก่อน ทว่าตอนนี้จู่ ๆกลับมีงูแมวเซาสิบกว่าตัวโผล่มา ช่างน่าประหลาดนัก!

หลังงูสิบกว่าตัวทำการจู่โจมทหารเสร็จก็เลื้อยหายวับไปอย่างเป็นระเบียบ พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยมุดเข้าหลุมทรายแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เหล่าทหารที่ถูกกัดก็เริ่มออกอาการ สายตาพร่ามัวแล้วค่อย ๆล้มลงพื้น หากเวลานี้ถูกฉีดเซรุ่มอาจช่วยชีวิตได้ทันแต่กระนั้นก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นทหารเหล่านี้จึงเสียชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย!

“มีงูได้อย่างไร…เจอผีงั้นเหรอ!” ชายมีหนวดเอ่ยปากด่าและเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ

หัวหน้าทีมบนรถน้ำตาไหลพรากด้วยความปลื้มปิติแล้วพึมพำว่า “ในที่สุดพระเจ้าก็มาช่วยลูก ๆของท่านแล้ว…แต่ทำไมท่านไม่ส่งงูมาหลาย ๆตัวล่ะ?”

เช่นนี้ก็กวาดล้างศัตรูได้หมดทีเดียวเลยไม่ใช่หรืออย่างไร!

เสี่ยวเป่าที่อยู่ใต้รถผ่อนลมหายใจยาวพร้อมเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เล่อเล่อรีบเอายาวิเศษยัดใส่ปากเขาจึงทำให้เสี่ยวเป่ากลับมามีแรงขึ้นบ้างแต่ก็ยังอ่อนล้าอยู่ดี

เหมยเหมยมองไปที่ใต้รถแวบหนึ่ง เห็นสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของเสี่ยวเป่าก็รู้สึกปวดใจนัก เธอรู้ว่างูฝูงเมื่อกี้ต้องถูกเรียกมาโดยเสี่ยวเป่าและต้องใช้แรงไปไม่น้อย คาดว่าคงไม่มีแรงเหลือแล้ว

เธอต้องหาทางอื่นถึงจะได้!

ขณะนี้เหมยเหมยถึงนึกขึ้นได้ว่าคุณชายฉิวที่เคยให้คำสาบานว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของพวกเขา…ในเวลาคับขันเช่นนี้ไม่รู้ไสหัวไปอยู่ไหนกันแน่!

เจ้าฉิวจอมขี้เกียจหลอกเธออีกแล้ว!

ด้วยความโกรธเหมยเหมยจึงตะคอกเสียงดังว่า “ไปตายที่ไหนแล้ว…ไม่อย่างนั้นอย่าคิดจะได้กินช็อกโกแลตอีก!”

ฉิวฉิวที่แอบซ่อนอยู่ในที่มืดใช้หางใหญ่รัดเสวี่ยเอ๋อร์ที่หมดความอดทนตั้งนานแล้วไว้พร้อมหูกระดิก ทีนี้ถึงกระซิบข้างหูเสวี่ยเอ๋อร์แล้วคลายหางออก

……………………

ตอนที่ 2558 ควบคุมได้สำเร็จ

เสวี่ยเอ๋อร์พุ่งตัวออกมาราวกับจรวด ไวจนเหลือเพียงแสงสีขาวให้เห็น…

มีแสงสีขาวอีกทีวาบผ่านหน้าไปด้วยความเร็วสูงกว่า ซึ่งก็คือคุณชายฉิวที่ถูกเหมยเหมยด่ายับนั่นเอง

“อ๊าก…ตาของฉัน…”

“ใครกัดข้างล่างของฉัน…”

แสงขาววาบผ่านมาก่อนที่เสียงร้องโหยหวนจะดังขึ้น ทหารสิบกว่านายบางส่วนปิดตาบ้าง บางส่วนจับส่วนล่างบ้าง เลือดสีสดไหลแทรกผ่านซอกนิ้วหยดลงบนผืนทรายเหลืองอันร้อนระอุ

ตัวที่ฉกดวงตาคือฉิวฉิว ตัวที่ตะปบส่วนล่างคือเสวี่ยเอ๋อร์…

สถานการณ์ตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายอีกหน เหล่าทหารตกใจจนสูญเสียความมั่นใจจากกลุ่มงูพิษที่โผล่มากะทันหัน รวมถึงการจู่โจมจากสัตว์ไม่รู้ชนิด ทางตะวันออกกลางต่างเชื่อสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างมาก พวกเขาหลงคิดว่าตัวเองล่วงเกินเทพเข้าหรือเปล่าถึงทำให้เหล่าเทพส่งสัตว์พวกนี้มาลงโทษพวกเขา!

“มีหมาป่าสีขาวได้อย่างไร…มาจากไหนกัน?”

มีทหารเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่ขนาดตัวแข็งแรงสง่างามดั่งเทพที่ไม่อาจล่วงเกินได้จึงทำเอาเหล่าทหารตกใจยกใหญ่ กลางทะเลทรายมีหมาป่าสีขาวได้อย่างไร อีกอย่างหมาป่าเป็นสัตว์อยู่กันเป็นฝูง น้อยครั้งนักที่จะเห็นแยกตัวออกมาตัวเดียวแบบนี้!

ฉวยโอกาสตอนที่คนเหล่านี้ตื่นตกใจ ลูกน้องสี่คนรีบย่องไปที่รถกันกระสุน พอจัดการทหารบนรถไม่กี่นายเสร็จก็สำเร็จแล้ว

พอรถกันกระสุนเคลื่อนไหวกะทันหันแล้วขับมาทางพวกเหมยเหมย ชายมีหนวดมองไม่ค่อยชัดเพราะผงปูนขาวเลยคิดว่าลูกน้องไม่ยอมฟังคำบัญชีจึงด่ากราดด้วยความโกรธ

ไม่นานเขาก็สังเกตถึงความผิดปกติจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป กราดยิงหลายทีก่อนจะพาทหารไล่ตามมา

“อย่าเข้ามา…ไม่งั้นจะระเบิดให้ตายหมดเลย!”

ปลายกระบอกปืนบนรถกันกระสุนถูกเปลี่ยนทิศทางหันมาทางกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อยู่ในสภาพอนาถ พวกเขาตกใจจนรีบหยุดไม่กล้ากระดิกตัวสักนิด

“ทิ้งอาวุธซะ ชูแขนขึ้นเหนือหัวแล้วไปนั่งตรงนั้น!” คนบังคับปืนครกคือชาวตะวันตกสองคนที่ขณะนี้กำลังเหิมเกริมได้ใจ ถือว่าได้เอาคืนสักที

กลุ่มผู้ก่อการร้ายทำตามแต่โดยดี พวกเขาโยนอาวุธในมือไว้ข้าง ๆแล้วไปนั่งเรียงเป็นแถวอีกฝั่ง เช่นเดียวกับที่พวกเหมยเหมยทำก่อนหน้านี้ กรรมตามสนองเร็วเหลือเกิน!

“เราเป็นลูกน้องของนาสซาร์ พวกแกจะเอารถไปไม่ได้!” ชายมีหนวดเปิดเผยสถานะ ลูกน้องกับชาวตะวันตกต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน

เขาย่อมรู้ถึงชื่อเสียงอิทธิพลของนาสซาร์ดีอยู่แล้ว แม้จะเพิ่งครองตำแหน่งเมื่อปีที่แล้วแต่กลับเป็นที่เลื่องลือมาตั้งนานแล้ว เขาเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่หัวรุนแรง ได้ข่าวว่าเมื่อปีที่แล้วเขาไม่พอใจกับการต้องตกอยู่ใต้อำนาจจึงฆ่าพี่ชายที่เลี้ยงดูเขามาตลอดก่อนจะขึ้นครองตำแหน่งแทน

เจ้าหมอนี่เลือดเย็นโหดเหี้ยมบ้าบิ่นไม่ควรมีเรื่องด้วยจริง ๆ แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องด้วยแล้ว…

“เราเป็นทีมแพทย์เอารถคันนี้มาก็ไม่มีประโยชน์ จะคืนให้พวกคุณแต่ต้องรอก่อน!” ไม่นานลูกน้องก็ตัดสินใจได้ก่อนจะโบกมือให้คนขับทางฝั่งเหมยเหมยขับรถไปก่อน

เหมยเหมยพาเด็กสองคนขึ้นรถก่อนที่ทุกคนจะพรูลมหายใจออกมา ความรู้สึกดีใจหลังพ้นอันตรายทำให้พวกเขาต้องหลั่งน้ำตาออกมา ฟูจิตะคุงกลับอยู่ในภาวะสลบตลอด ใบหน้าขาวซีดท่าทางไม่สู้ดีนัก

“ต้องรีบทำการผ่าตัดด่วน!” หัวหน้าทีมปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เขาก่อนแต่ก็ยังอันตรายนัก เขาทำหน้าตึงเครียดอย่างมาก

“ฉันให้ฟูจิตะคุงทนได้อีกหนึ่งชั่วโมง แต่ได้แค่ชั่วโมงเดียว”

เหมยเหมยล้วงเอายาวิเศษจากกระเป๋าตรงอกมายัดใส่ปากฟูจิตะคุง ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เขาคอยดูแลมาตลอดทาง อีกอย่างผู้ชายที่มีหลักคุณธรรมเช่นนี้ก็คู่ควรได้รับการช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงสัญชาติหรือเผ่าพันธุ์ใด ๆทั้งสิ้น

คนบนรถมีแต่คุณหมอมืออาชีพ พอเห็นฟูจิตะคุงทานยาแล้วอาการดีขึ้นมากก็มองไปทางเหมยเหมยด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ รู้สึกเหมือนผู้มีวรยุทธ์ขั้นสูงตามนิยายกำลังภายในของฮวาเซี่ยก็ไม่ปาน!

“คุณริโกะยังไม่กลับมา…” มีคนเตือนเสียงอ่อน

…………………

ตอนที่ 2555 ตอบโต้

“ฟูจิตะคุง…”

เหมยเหมยเผลอตะโกนเรียกชื่อเพราะความร้อนใจ แม้โฉมหน้าเธอจะถูกแต่งแต้มอย่างน่าเกลียดแต่เสียงยังหวานใส ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ เสียงหวานหยดนี้ดั่งสายน้ำเย็นที่เรียกให้ทุกคนใจสั่น

ชายมีหนวดมองเหมยเหมยด้วยความตกใจ ยัยขี้เหร่นี่เสียงน่าฟังไม่เบาซึ่งต่างจากหน้าตาเธออย่างสิ้นเชิง สายตาของเขาเลื่อนลงเห็นแขนที่ยื่นมากระชากฟูจิตะแล้วไม่ทันชักกลับไปก็เริ่มสงสัย

แขนขาวเนียนสวยแบบนี้ เสียงหวานใสแบบนี้จะเป็นยัยขี้เหร่ได้อย่างไร?

คุณริโกะที่สิ้นหวังไปแล้วในทีแรกอยู่ ๆก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาใช้ภาษาอังกฤษตะโกนบอก “ยังมีผู้หญิงอีกคน เธอสวยกว่าฉัน ปานบนหน้าของปลอมทั้งนั้น พวกคุณไปจับเธอเถอะ!”

เหมยเหมยลอบด่าในใจ ฟูจิตะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงเห็นแก่ตัวแบบนี้มันช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย!

ชายมีหนวดยิ้มอย่างได้ใจ เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นคนสวย ไม่ผิดจริง ๆด้วย

“พาเธอไปด้วย!”

ชายมีหนวดชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วตะโกนบอกทหารโดยใช้ภาษาท้องถิ่น เหมยเหมยฟังไม่รู้เรื่องแต่เธอเห็นสีหน้าของชายคนนี้ก็รู้ว่าแย่แล้ว เผลอชักแขนกลับมาตามสัญชาตญาณก่อนที่ผงปูนขาวจะปรากฏในมือเธอ

หากไม่ไหวจริง ๆก็ต้องปะทะกันโดยตรงแล้ว!

ลูกน้องสองคนกับชาวตะวันตกสบตากัน ตัวเริ่มเกร็งและเตรียมจู่โจมคืนทุกเมื่อ

ทหารสองนายเดินมาหาเหมยเหมยคิดจะลากเธอไปด้วย เล่อเล่อเบิกตาโตอย่างระแวง คนร้ายจะรังแกคุณแม่…

“ตีให้ตายเลย!”

เล่อเล่อจู่โจมกลับกะทันหันชนเข้าที่ขาของทหารทั้งสองนายเหมือนลูกบอลกลม เธอมีแรงไม่เบาและน้ำหนักที่มากพอสมควร ยิ่งกว่านั้นยังมีความเร็วพอประมาณ ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัวทำให้ทหารทั้งสองนายล้มหงายหลังพร้อมกันจนปืนตกไปอยู่กับพื้น

“รนหาที่ตายชัด ๆ!”

ทหารบันดาลโทสะคิดจะก้มเก็บปืนยิงเด็กสมควรตายคนนี้ทิ้ง แต่แสงสีขาววาบเข้ามาพลันก็เกิดกลุ่มควันกลางอากาศ สวรรค์ก็เป็นใจเปลี่ยนทิศทางลมให้พัดไปทางกลุ่มผู้ก่อการร้าย

“อ๊าก…มองไม่เห็นแล้ว…เกิดอะไรขึ้น…”

คนกลุ่มหนึ่งโดนผงปูนขาวปลิวเข้าตาจนมองไม่เห็นอะไรในทันทีจึงตกอยู่ในสภาวะความกลัว พวกเขายื่นมือไปเช็ดตา สถานการณ์เกิดความโกลาหลขึ้นชั่วขณะ

“กลับขึ้นรถ!”

ลูกน้องตะโกนขึ้นก็พุ่งมาเก็บปืน AK ของทหารที่ทำตกพื้นไวปานสายฟ้า พอดีเลยคนละกระบอกพอให้พวกเขาต่อกรอีกฝ่ายได้แล้ว

เหมยเหมยสาดผงปูนขาวอีกกำใหญ่กระจายไปในอากาศเหมือนสายฝน กลุ่มผู้ก่อการร้ายลนยิ่งกว่าเดิมแม้แต่ชายมีหนวดก็โดนลูกหลงไปด้วย แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงผู้นำ ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ลงได้

“ยิง…”

เขาออกคำสั่งพร้อมยิง เพราะมองไม่เห็นเลยทำให้เสียกระสุนไปเปล่า ๆจำนวนมาก คนอื่นก็ไม่ต่างกันล้วนแต่อาศัยความรู้สึกในการยิงทั้งนั้น เสียงปืนดั่งรัวเหมือนเสียงประทัด ทั้งยังมีกระสุนสวนมาทำให้ทีมแพทย์หลายคนบาดเจ็บเป็นระยะ ๆ แต่โชคดีที่ไม่ใช่แผลสาหัส

“เสี่ยวเป่าพาน้องขึ้นรถ!”

เหมยเหมยหลบอยู่ท้ายรถหลับตาเขวี้ยงระเบิดมือไปข้างหน้าอีกลูกแล้วคุ้มกันพวกเสี่ยวเป่าขึ้นรถ ไม่รู้ว่าระเบิดมือถูกโยนไปตกที่ใดแต่เสียงปืนกลับหยุดลง คนอื่น ๆก็ถือโอกาสนี้ขึ้นรถโดยหัวหน้าทีมตะโกนเสียงดัง “เอายาขึ้นไป แล้วก็ฟูจิตะคุง พวกคุณมารับหน่อย!”

ที่แท้หัวหน้าทีมใจดีเหมือนคุณป้าคนนี้ไปแอบลากฟูจิตะที่บาดเจ็บมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มืออีกข้างก็ไม่ลืมขนยากลับมาด้วย ช่างเป็นหัวหน้าทีมที่รู้หน้าที่ดีจริง ๆ

……………………..

ตอนที่ 2556 ซูเปอร์ฮีโร่เล่อเล่อ

เหมยเหมยถลาเข้าไปช่วยเขาแบกฟูจิตะคุงขึ้นรถแล้วเก็บยาบนพื้นมาด้วย และมีคนอื่น ๆที่ลงรถช่วยหยิบเช่นกัน หัวหน้าทีมมองเหมยเหมยอย่างนึกขอบคุณ เดิมทีคิดว่าพาตัวถ่วงมาด้วยแต่กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเป็นถึงผู้มีวิชาการต่อสู้ขั้นสูงซ่อนอยู่ด้วย!

สิ่งสำคัญที่สุดคือมีน้ำใจและคุณธรรม ไม่เหมือนคุณริโกะโง่เขลาคนนั้น อะไรก็ไม่รู้!

“รีบขับรถ ขับเร็วหน่อยชั่วโมงหนึ่งคงถึง ทางนั้นมีกองทัพประจำการอยู่ กลุ่มผู้ก่อการร้ายน่าจะไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว!”

ยาถูกขนย้ายขึ้นรถอีกครั้ง หัวหน้าทีมผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่งพลางเร่งเร้าให้คนขับรีบขับรถ กลับเห็นพวกเหมยเหมยสี่คนยังไม่ทันขึ้นรถจึงรีบหันไปตะโกนเรียกพวกเขา

“รีบขึ้นรถ!”

“คุณขึ้นไปก่อน บอกให้พวกเขาอย่าเพิ่งขับรถ ผมจะไปแย่งรถกันกระสุนคันนั้น!” ลูกน้องตะโกนบอกเหมยเหมย

แต่ขณะนี้กลุ่มผู้ก่อการร้ายไหวตัวทันแล้ว แม้ตายังบวมแต่เริ่มกลับมามองเห็นบ้างเล็กน้อย ชายมีหนวดโกรธเกรี้ยวสั่งให้เหล่าทหารไปดักทางไว้

“ฉันยังมีระเบิดมืออีกสองลูก ให้พวกนายหมดเลย!”

เหมยเหมยเอาระเบิดมืออีกสองลูกจากแขนเสื้อยื่นให้ ที่จริงในช่องมิติเธอยังมีอีกมากแต่แขนเสื้อพอซ่อนไว้ได้แค่สี่ลูก หากมากกว่านั้นคงต้องเป็นที่สงสัยได้!

ลูกน้องมองเหมยเหมยด้วยความฉงนแวบหนึ่ง แม้แต่พวกเขายังไม่มีเวลาไปหาอาวุธแล้วคุณนายได้ระเบิดมือมาตั้งแต่เมื่อไร?

หรือว่าคุณชายหมิงมีแผนสำรองอื่น?

ความเป็นไปได้ทางเดียวที่คิดได้คือมีเพื่อนร่วมทางแอบช่วยอยู่ลับ ๆ ลูกน้องสองคนจึงมีกำลังใจขึ้นมาและรู้สึกมั่นใจขึ้นไม่น้อย ช่วยคุ้มกันพาเหมยเหมยขึ้นรถ ทว่า–

“พวกลูกลงมาได้อย่างไร? รีบขึ้นรถ!”

เหมยเหมยมองเด็กสองคนที่กระโดดลงจากรถก็ปวดศีรษะ สิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้เป็นถึงผู้ก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมเชียว ไม่ได้เล่นพ่อแม่ลูก ทำไมเด็กสองคนนี้ถึงไม่กลัวเลยสักนิดล่ะ?

“จะตีคนร้าย!”

เล่อเล่อชูกำปั้นเล็กแล้วมุดไปใต้รถ ไม่รู้ว่ามีปืนกระบอกเล็กมาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไร ดวงตาประกายวาววับไม่มีความกลัวมีเพียงแต่ความตื่นเต้นเท่านั้น

“ปัง!”

เสียงดังสนั่นของปืนดังขึ้นข้างหูก่อนที่ทหารฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่งจะล้มลงกับพื้น หน้าผากเป็นรูดวงตาเบิกกว้าง กระทั่งตายยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงศีรษะเขา

เหมยเหมยกับเหล่าลูกน้องตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา

เหมยเหมย ‘…ต้องเป็นเจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่นสอนลูกสาวเธอเล่นปืนแน่ ๆถึงได้ทำปืนกระบอกเล็กให้ด้วย ไว้กลับไปค่อยคิดบัญชีกับหมอนี่!’

ลูกน้อง ‘…สมแล้วที่เป็นลูกสาวของคุณชายหมิง ลูกสาวบ้านอื่นเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ตั้งแต่เด็ก แต่คุณหนูของพวกเขากลับเล่นปืนจริง ๆ แถมยังแม่นมากด้วย!’

เสี่ยวเป่าชูนิ้วโป้งให้เล่อเล่อ “เล่อเล่อเก่งมาก ยิงคนนั้น!”

เขาชี้ไปยังทหารนายหนึ่งบนรถกันกระสุน เล่อเล่อหรี่ตาลงหันปลายกระบอกปืนไปที่ทหารคนนั้นแล้วลั่นไกนัดที่สอง

ผลลัพธ์ไม่ต่างกับที่ยิงโดนศีรษะคนแรก ตรงกลางหน้าผากไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

เล่อเล่อลั่นไกรัว ๆอีกหลายนัดซึ่งกระสุนไม่เสียเปล่าแม้แต่ลูกเดียว แต่สุดท้ายเธอก็ยังอายุน้อยอยู่ดีมือจึงชาเพราะแรงสะเทือน หนำซ้ำกระสุนก็หมดไปแล้วด้วย!

“พี่จะนวดมือให้นะ…เล่อเล่อเก่งที่สุดเลย!”

เสี่ยวเป่าเก็บปืนมาและไม่รู้ว่าล้วงเอาลูกกระสุนมาจากไหน ลูกกระสุนของเขาสั่งทำมาโดยเฉพาะ เขาเติมกระสุนอย่างคล่องมือซึ่งดูก็รู้ว่าเป็นนักยิงปืนมือฉกาจ

ลูกน้องกับชาวตะวันตกสะเทือนใจอีกครั้ง…ยุคนี้เด็กเล่นปืนคล่องยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก!

………………

ตอนที่ 2553 ผู้ก่อการร้าย

ลูกกระสุนยิงผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างรถไม่หยุดจนกระจกแตกร้าวเป็นรูโบ๋ มีบางคนได้รับบาดเจ็บเพราะเศษกระจกแต่กลับไม่กล้าขยับตัว ได้แต่กัดฟันหมอบตัวลงไม่กล้าแม้แต่เงยหน้า

“เสี่ยวเป่า พาน้องสาวหมอบไว้ คุณน้าจะตีคนร้าย!”

เหมยเหมยหยิบเอาปืนที่ทำจากงาช้างออกมาจากกระเป๋า ปืนกระบอกนี้ทากาฮาชิคุงมอบให้เธอเองและเป็นอาวุธป้องกันตัวที่เคย์โกะสั่งทำให้น้องชายโดยเฉพาะ ทั้งยังสามารถผ่านด่านตรวจค้นที่สนามบินได้ด้วย

เธอหยิบระเบิดมือหนึ่งลูกออกมาจากกระเป๋า ระเบิดมือนี้เธอเอาออกมาจากช่องมิติ ออกมานอกบ้านทั้งทีย่อมต้องพกของมามากหน่อยอยู่แล้ว!

ฟูจิตะคุงเบิกตาโตมองของในมือเธออย่างไม่เชื่อสายตา นี่ผ่านด่านตรวจมาได้อย่างไรกัน?

เหมยเหมยขยิบตาให้เขาทีหนึ่ง ลูกน้องคนข้าง ๆตาวาวพลางบอกเธอว่า “เอาระเบิดมือมาให้ผม!”

มีของเล่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว โยนระเบิดใส่ให้หมด—แจ่มเลย!

“ได้ นายเล็งแม่นหน่อยนะ!”

เหมยเหมยส่งให้เขาอย่างไม่ลังเล เธอดูออกว่าเจ้าหมอนี่มีวิชาการต่อสู้ ยิงปืนแม่นและน่าจะไม่ทำให้ระเบิดต้องสูญเปล่าแน่นอน!

‘เบิ้ม’

ระเบิดมือถูกโยนออกไป เพียงครู่เดียวก็มีเสียงดังกระหึ่มตามมาจนตัวรถสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงปืนกลับหยุดลง ทุกคนฉีกยิ้มร่าอย่างอดไม่ได้ หรือว่าศัตรูโดนระเบิดจนตายเกลี้ยงแล้ว?

กลุ่มควันหายไปจนเริ่มมองเห็นภาพด้านหลังชัดขึ้น บนพื้นมีศพอยู่บางส่วนแต่คนไม่ลดลงกลับเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก แล้วยังมีรถกันกระสุนคันหนึ่งมีปืนครกอยู่ด้านหลัง ปากกระบอกปืนสีดำด้านกำลังเล็งมาทางรถของพวกเขา

หากถูกยิงมาหนึ่งลูกพวกเขาต้องกระจุยเป็นขี้เถ้าแน่เลย!

“ให้ตาย…” ลูกน้องเย็นเฉียบไปทั้งฝ่ามือ ทีนี้จะหนีอย่างไรดีล่ะ?

รถยนต์ถูกบังคับให้จอดลง ช่วยไม่ได้ ขับต่อไปก็ตายสถานเดียว จอดรถเจรจากับคนพวกนี้ไม่แน่อาจรอดก็ได้

“ผมจะไปเจรจากับพวกเขา เราเป็นคนจากสภากาชาด พวกเขาจะแบบนี้กับเราไม่ได้!”

ฟูจิตะคุงเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง เขาเป็นแพทย์ภาคสนามมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายลงไม้ลงมือกับทีมแพทย์แบบนี้มาก่อน มีความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ถ้าอธิบายให้รู้เรื่องน่าจะไม่เป็นไรมั้ง?

“ลงมา…”

ศัตรูหลายคนถือปืน AK สั่งให้พวกเขาลงจากรถแล้วเอามือกอดศีรษะไว้ย่อตัวนั่งลงที่พื้น ไอร้อนปะทะเข้าที่หน้าจนแทบสุก

“มีเด็กด้วย? ช่างประหลาดดีจริง ๆ!” พอเห็นเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อหลายคนดูตกใจไม่น้อย ไม่มีใครสังเกตว่าช่วงชุลมุนเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวแวบตัวออกไปไวปานสายฟ้า ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาหลบอยู่ที่ใด

เสี่ยวเป่ามองไปยังจุดหนึ่งด้วยสายตาเรียบเฉย กำมือเล่อเล่อแน่นแล้วเขียนกลางฝ่ามือเธอว่า “อย่ากลัว!”

เล่อเล่อเบะปาก เธอไม่กลัวหรอก!

เดี๋ยวจะตีพวกคนร้ายให้ตายหมดเลย!

“ขี้เหร่ชะมัด…เห็นคนขี้เหร่แบบนี้คงกินมื้อเย็นไม่ลงแล้ว!” พวกเขาเห็นเหมยเหมยที่หน้าตาน่าเกลียดก็ขมวดคิ้วทำท่ารังเกียจ ไม่เคยเห็นผู้หญิงน่าเกลียดขนาดนี้มาก่อน

เหมยเหมยลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ของที่เซียวเซ่อให้มาใช้ได้ผลดีจริง!

“คุณ เราเป็นทีมแพทย์จากสภากาชาด นี่เป็นใบอนุญาตของเรา!”

หัวหน้าทีมหยิบเอาใบอนุญาตออกมายื่นให้คนกลุ่มนี้

“ฉันสงสัยว่าพวกเขาปลอมตัวมา สภากาชาดจะมีระเบิดมือได้อย่างไร? แล้วยังมีอาวุธด้วย? ไหนจะมีเด็กติดมาอีก…”

ชายคนหนึ่งที่นวดยาวเฟิ้มศีรษะโพกด้วยผ้าเดินเข้ามาโยนใบอนุญาตทิ้งลงพื้นไม่ปรายตามองแม้แต่แวบเดียว แล้วยังใส่ร้ายว่าพวกเขาว่าเป็นไส้ศึกที่ถูกส่งตัวมาจากฝ่ายคู่อริอีกต่างหาก

“เรามาจากสภากาชาดจริง ๆ ผมทำงานอยู่ทางนี้มาหลายปี ผมคือฟูจิตะ ฮายาโอะ…”

ฟูจิตะคุงก็เอาใบประกอบวิชาชีพของเขาออกมา เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์การทำงานนานที่สุดในทีมแถมยังทำงานอยู่แถบตะวันออกกลางมานานที่สุด ชาวบ้านในพื้นที่มากมายรวมถึงกลุ่มผู้ก่อการร้ายต่างรู้จักเขาดี

……………………….

ตอนที่ 2554 ทำตัวเอง

“ไม่เคยได้ยิน…ไสหัวไป…”

แต่ชายมีหนวดกลับผลักเขาจนล้มแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้ทหารข้าง ๆ เหล่าทหารแบกปืนก้าวขึ้นรถไปเอายารักษากับเสบียงของทีมแพทย์ลงมา แถมยังเจอตัวคุณริโกะที่นอนสลบไม่ได้สติบนรถ

“มีผู้หญิง…หุ่นดีไม่หยอก…พาไปด้วยกันเลย!”

เหล่าทหารเห็นหุ่นอวบอั๋นของคุณริโกะก็พอใจอย่างมากพลางลากเธอลงจากรถ เหวี่ยงไปตรงหน้าชายมีหนวดด้วยขนาดแรงที่ไม่อ่อนโยนนัก ไม่นานคุณริโกะก็ฟื้นได้สติ

เธอลืมตาขึ้นด้วยสติพร่ามัว เดิมทีคิดจะถามว่าสารเลวคนไหนฟาดเธอจนหมดสติไป แต่พอเห็นกระบอกปืนสีดำสนิทตรงหน้ารวมถึงชายตัวเหม็นหึ่งกลุ่มหนึ่งแถมใช้สายตาหื่นกามจ้องเธอเลยทำเอาแม่พระคนนี้ตกใจจนกรีดร้องเสียงดัง

“กรี๊ด…เกิดอะไรขึ้น…”

“หุบปาก…”

ทหารเหล่านี้ไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้นเลยตบหน้าคุณริโกะฉาดใหญ่ ทำเอาเธอตกใจจนรีบหุบปากพลางมองตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

“ของอยู่นี่หมดแล้วเหรอ?” ชายมีหนวดมองยาและอาหารที่กองอยู่บนพื้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นยารักษาโรค อีกทั้งส่วนมากยังเป็นยาปฏิชีวนะ เป็นตัวยาชั้นดีสำหรับใช้ช่วยชีวิตในสมรภูมิ

“พวกคุณคิดจะทำอะไร? ของพวกนี้ต้องขนไปที่ค่าย พวกคุณเอาไปไม่ได้…” ฟูจิตะคุงรู้ทันแผนการของคนพวกนี้ก็เข้าใจได้ว่าทำไมกลุ่มผู้ก่อการร้ายพวกนี้ถึงได้ทำการปล้นชิงของทีมแพทย์โดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ!

กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้คงขาดแคลนยารักษาโรคแน่ ๆ ทั้งยังมีทหารจำนวนมากบาดเจ็บ พวกเขาถึงได้เลือกทำแบบนี้เพราะไร้ทางเลือกแล้ว

แต่ยาพวกนี้จะถูกแย่งไปไม่ได้เพราะที่ค่ายเองก็ไม่มียาปฏิชีวนะเท่าไรแล้ว ลำพังแค่นี้ยังไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่มียาปฏิชีวนะต่อให้พวกเขาจะมีฝีมือการแพทย์ขั้นสูงเพียงใดก็ช่วยใครไว้ไม่ได้!

“ไสหัวไป…เห็นแก่ยาพวกนี้ ฉันจะปล่อยพวกแกไป…ส่วนผู้หญิงคนนี้ถือว่าเป็นของชดใช้ที่พวกแกทำพี่น้องฉันเจ็บตัวแล้วกัน!”

ชายมีหนวดเอาปืนกระแทกศีรษะฟูจิตะคุงแล้วให้ทหารพาตัวคุณริโกะไป ช่วงนี้อยู่ในช่วงภาวะสงครามทำให้ลูกน้องไม่ได้ปลดปล่อยมานานแล้ว ผู้หญิงคนนี้มาได้เวลาพอดี!

“ไม่นะ…อย่าพาฉันไป…หัวหน้า…ฟูจิตะคุง…ช่วยฉันด้วย…”

คุณริโกะไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าหากตนถูกพาไปแล้วจะโดนย่ำยีอย่างไรบ้าง เธอไม่อยาก…เธอยังต้องไปหาทากาฮาชิคุงอยู่นะ!

“เธอเป็นสมาชิกของสภากาชาด พวกคุณทำแบบนี้มันผิดกฎระหว่างประเทศ…” ฟูจิตะคุงพูดค้านเสียงกร้าว

แม้เขาไม่ชอบคุณริโกะและภัยครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงคนนี้ แต่เขาไม่สามารถทนมองเพื่อนร่วมงานถูกย่ำยีหยามเหยียดได้ นี่ไม่สอดคล้องกับการทำงานเป็นทีมเลยสักนิด!

หัวหน้าทีมแอบดึงชายเสื้อฟูจิตะคุงให้เขาอย่าทำให้พวกโจรต้องโมโหอีก ไม่อย่างนั้นคนทั้งคันรถต้องจบเห่แน่!

ส่วนคุณริโกะที่น่ารำคาญคนนั้นก็ปล่อยไปเถอะ!

กรรมที่ตัวเองสร้างไว้ก็ให้เธอชดใช้เอง พวกเขาสูญเสียยาไปทั้งคันรถแล้ว จะสูญเสียชีวิตไปอีกไม่ได้นะ!

แต่หัวหน้ากลับประเมินความรั้นของฟูจิตะคุงต่ำไป เรื่องที่เขาตัดสินใจแน่วแน่ก็ต้องลงมือทำให้ได้ เขาคิดว่าจะทอดทิ้งเพื่อนไม่ได้จึงจะสู้ให้ถึงที่สุด!

กลุ่มผู้ก่อการร้ายพวกนี้กลับไม่สนใจเสียงค้านของฟูจิตะคุงสักนิดแล้วลากคุณริโกะต่อไป เห็นท่าทางเหมือนต้องการจะปลดปล่อยอารมณ์เสียเดี๋ยวนั้นเลย!

“ไม่นะ…ช่วยฉันที…” คุณริโกะกรีดร้องเสียงโหยหวน

“พวกคุณปล่อยคุณริโกะนะ…”

ฟูจิตะคุงก็เริ่มร้อนใจพุ่งเข้าไปคิดจะห้ามคนพวกนี้ เหมยเหมยแอบตกใจลุกขึ้นหมายจะฉุดฟูจิตะคุงกลับมา คุณแม่พระคนนั้นทำตัวเองทั้งนั้น ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองเพราะเธอเลย!

แต่เธอช้าไปก้าวหนึ่ง ฟูจิตะคุงพุ่งไปข้างหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายแล้วกระชากตัวพวกเขาไว้แล้ว

“รนหาที่ตาย…”

ชายมีหนวดสบถด่าอย่างไม่สบอารมณ์สะบัดมือแล้วลั่นไกทีหนึ่ง ฟูจิตะคุงกุมอกล้มตัวลงพื้นพร้อมเลือดสีสดที่ไหลออกมา

……………………

ตอนที่ 2551 เพื่อนร่วมทีมไม่ได้เรื่องที่หลงตัวเอง

“คุณริโกะ ช่วยมีสติหน่อย ที่นี่คือเขตสงคราม ตอนอบรมครูฝึกว่าอย่างไรคุณลืมไปแล้วเหรอ?” สมาชิกคนใหม่อีกคนมองเธออย่างไม่พอใจ

การได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมแพทย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่ต้องการความเป็นมืออาชีพเท่านั้นแต่ยิ่งกว่านั้นคือต้องการคนที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่ง มีความยืดหยุ่นไม่เกรงกลัวต่ออันตรายที่เผชิญอยู่ ฉะนั้นหลังจากพวกเขาทำการสมัครแล้วยังต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด มีเพียงผ่านการสอบถึงจะเข้าร่วมได้

พวกเขาเข้ามาทำงานอย่างซื่อตรง มีเพียงคุณริโกะคนนี้เท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีการใด ทั้งที่ไม่มีความสามารถที่โดดเด่นแล้วยังไม่มีจิตวิญญาณในการทำงานเป็นทีมเลยสักนิด มักชอบชิงดีชิงเด่นซึ่งหมดคำพูดกับคนแบบเธอจริง ๆ

“จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมทีมแพทย์เพื่ออะไร? ก็เพื่อช่วยเหลือผู้คนน่าสงสารที่ต้องการความช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เด็กที่น่าสงสารคนนั้นกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเรา ถ้าแผลของเขายังไม่ได้รับการรักษาโดยด่วนอาจจะติดเชื้อจนเสียชีวิตได้เลยนะ…

หรือว่าพวกคุณจะคอยมองสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆตายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้น่ะเหรอ? ทั้งที่เราหยุดยั้งมันได้แท้ ๆ!”

คุณริโกะคนนี้เป็นคนวาจาดีไม่หยอก หลายคนที่ถูกเธอว่าต่างก็รู้สึกอับอายก้มหน้าลงขณะที่ภายในใจกำลังสับสนอย่างรุนแรง

ควรช่วยเด็กผู้ชายคนนี้หรือไม่นะ?

“คุณริโกะ ช่วยเก็บหัวใจที่เมตตาของคุณแล้วทำตามคำสั่ง!” หัวหน้าทีมตำหนิเสียงเข้ม

“เด็กคนนั้นจะตายจริง ๆนะคะหัวหน้า ในฐานะที่เราเป็นหมอควรมีหัวใจที่เมตตากรุณาไม่ใช่เหรอ?” คุณริโกะตอบเสียงดังพร้อมรังสีความเป็นแม่พระแผ่ออกมาจากตัว

“ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องมีมากที่สุดคือจิตวิญญาณการทำงานเป็นทีม อย่าทำให้ทุกคนต้องตายเพราะความโง่เง่าของคุณ!” หัวหน้าทีมขึ้นเสียง ทำให้ใบหน้าใจดีในตอนแรกขึงขังในชั่วขณะ

“แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง เขาจะทำร้ายเราได้อย่างไร? คุณคิดมากเกินไปแล้ว!” คุณริโกะยักไหล่ด้วยท่าทีเกินจริงแต่หางตากลับเหล่ไปทางฟูจิตะคุงตลอด

ฟูจิตะคุงสีหน้าจริงจังมาก เขาต้องรู้สึกแย่กับหัวหน้าทีมที่ไร้น้ำใจคนนี้มากเลยใช่ไหมล่ะ?

และต้องนำการกระทำดั่งนางฟ้าในวันนี้ของเธอไปบอกต่อยูทากาฮาชิแน่ ๆเลยสินะ?

“หุบปาก ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ แม้แต่เด็กยังรู้เรื่องมากกว่าคุณอีก!”

หัวหน้าทีมโกรธจนแทบระเบิด ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมคุณริโกะถึงถูกเลือกได้ คนที่ไม่ทำตามคำบัญชาและไม่เห็นกฎกติกาไว้ในสายตาแบบนี้ หากไปถึงสนามรบต้องเป็นตัวถ่วงของทุกคนแหง!

คุณริโกะเองก็โมโหแทบแย่ เธอโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยโดนด่าแบบนี้มาก่อนเลย!

อีกอย่างยังบอกว่าเธอเทียบไม่ได้กับลูกของยัยผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น?

คุณริโกะนั่งลงอย่างไม่พอใจแล้วถลึงตาใส่เหมยเหมยอีกแวบหนึ่ง!

ฟูจิตะคุงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาไม่กลัวอันตรายในสมรภูมิแต่กลับกลัวเพื่อนร่วมทีมไร้สมองแล้วยังหลงตัวเองแบบนี้ที่สุดเพราะอาจจะเผลอโดนหางเลขไปด้วยเมื่อไรก็ไม่รู้ ตอนแรกเขายังกังวลว่าเหมยเหมยกับเด็กจะสร้างความเดือดร้อนให้กับทีมแพทย์ แต่เท่าที่ดูตอนนี้คนที่น่ากังวลมากที่สุดน่าจะเป็นคุณริโกะคนนี้ต่างหาก!

เกณฑ์การคัดเลือกทีมแพทย์หละหลวมลงทุกวันไว้ เขากลับไปต้องรายงานปัญหานี้ไปที่ศูนย์ประจำการใหญ่สักหน่อยแล้ว!

คุณริโกะที่นั่งลงยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ เธอเห็นเด็กผู้ชายที่วิ่งตามรถมาผ่านหน้าต่างก็ยิ่งคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีจากพระเจ้า เธอจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!

“จอดรถ…ฉันจะช่วยเด็กคนนั้น!”

ฉับพลันคุณริโกะที่ถูกความรักข้างเดียวครอบงำสติก็กระทำในสิ่งที่ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน เธอโถมตัวเข้าหาคนขับแล้วยื่นขาไปเหยียบเบรกจนทั้งคู่ล้มกอดกันตัวกลม!

………………………..

ตอนที่ 2552 ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

“คุณบ้าไปแล้ว…รีบห้ามเธอเร็ว!”

หัวหน้าทีมสะดุ้งโหยงและโถมตัวไปอีกคนด้วยความโกรธ หมายจะห้ามคุณริโกะขณะที่ลูกน้องสองคนกับบอดี้การ์ดสีหน้าเปลี่ยนพร้อมกัน พวกเขาผ่านอะไรมามากนักและเคยปฏิบัติภารกิจที่นี่มาก่อน รู้ดีกว่าใครว่าชาวบ้านที่แห่งนี้น่ากลัวแค่ไหน

การกระทำของผู้หญิงคนนี้คือการฆ่าตัวตาย…ไม่สิ สังหารหมู่เลยต่างหาก!

เธอกำลังเอาชีวิตคนทั้งคันรถเป็นตัวเดิมพัน!

หลังจากสี่คนนี้ขึ้นรถมาก็นั่งเงียบมาตลอดทางจนแทบไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ อีกทั้งนั่งตรงท้ายรถห่างจากตำแหน่งคนขับพอสมควร ตรงกลางยังมีผู้คนและสัมภาระจำนวนหนึ่งกั้นไว้อยู่ด้วย

“ยัยบ้านี่!”

ลูกน้องคนหนึ่งโกรธจนสบถด่าออกมา แต่เพราะนั่งห่างเกินไปต่อให้เขาไวแค่ไหนก็ไม่ทันเลยคว้าของบางอย่างเขวี้ยงไปหาคุณริโกะโดยไม่ทันดูให้ดีว่าคืออะไร

แต่ขณะนี้รถเทียบจอดอย่างห้ามไม่ได้ ของในรถกระแทกโดนศีรษะของคนขับรถเพราะแรงสั่นสะเทือน โชคดีที่หัวโนเป็นลูกเล็ก ๆไม่ถึงขั้นตายแต่แค่หมดสติไป

“ให้ตายเถอะ!”

ฟูจิตะคุงก็ยืนขึ้นด้วยอีกคนแล้วพุ่งไปที่ฝั่งคนขับคว้าคอเสื้อคุณริโกะที่กำลังได้ใจไปข้าง ๆก้าวขานั่งควบตำแหน่งคนขับลากคนขับรถที่หมดสติออกมา สตาร์ทรถเตรียมไปจากที่นี่

แต่–

ไม่รู้ว่าคนกลุ่มหนึ่งผุดออกมาจากไหนซึ่งดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านธรรมดาราวสี่สิบห้าสิบคนห้อมล้อมรถไว้มิดชิด มีคนส่วนหนึ่งยังคิดจะเปิดหน้าต่างรถ ดูแล้วน่ากลัวเหลือเกิน

“ให้ตาย…รถขยับไม่ได้!” ฟูจิตะคุงตะโกนเสียงดัง

“ขับชนไปเลย!”

ลูกน้องคนหนึ่งเดินไปหาแล้วพูดเสียงเย็นชา

“ผมทำไม่ได้…” ฟูจิตะคุงส่ายหน้าอย่างจนใจ เขาสามารถทำเป็นมองข้ามชาวบ้านที่เจ็บตัวได้แต่กลับทำร้ายชาวบ้านไม่ได้

“ฉันจัดการเอง!”

ลูกน้องสีหน้าเย็นชาและเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ ชาวบ้านพวกนี้ไม่มีทางจู่โจมรถของทางสภากาชาดอย่างไร้เหตุผลนอกจากจะถูกข่มขู่บังคับมาหรือตัวพวกเขาจะมีการติดต่อกับผู้ก่อการร้ายอยู่แล้ว

กล่าวโดยสรุปต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นหากผู้ก่อการร้ายมาถึงก็แย่ละ พวกเขาไม่มีความมั่นใจพอจะคุ้มครองคุณนายกับเด็ก ๆไว้ได้แน่!

ลูกน้องกระชากฟูจิตะคุงออกมาแล้วนั่งแทนที่ด้วยท่าทีเด็ดขาด เขาเหยียบคันเร่งจนสุดทำให้ชาวบ้านหลายคนที่บังอยู่หน้ารถตัวปลิวเพราะถูกชนตัวกระเด็น คนอื่น ๆบนรถตกใจกันใหญ่พลางมองลูกน้องที่ขับรถอยู่ด้วยความตกใจ

“คุณคือฆาตกร คุณฆ่าพวกเขา!” คุณริโกะชี้นิ้วตำหนิด้วยความคุกรุ่น

“หุบปาก ยัยโง่!”

ชาวตะวันตกคนหนึ่งเดินเข้ามาทุบหลังเธอแรง ๆทีหนึ่งแล้วสลบไปทันที จากนั้นโลกก็กลับมาสงบอีกครั้ง

“ให้ตาย…เตรียมต่อสู้!” ลูกน้องที่ขับรถอยู่สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันพลางตะโกนใส่เพื่อนร่วมทีมกับชาวตะวันตก ตัวเขาเองก็คว้าปืนออกมาเปิดหน้าต่างยิงชาวบ้านคนหนึ่งจนล้มลงไป ทว่าชาวบ้านที่ล้มลงไปมีปืนอยู่ในมือเสียได้

“พวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา เป็นผู้ก่อการร้าย หมอบลง!”

ลูกน้องอีกคนตะโกนเป็นภาษาอังกฤษแล้วพุ่งไปข้าง ๆสามแม่ลูกเหมยเหมย ภารกิจของเขาคือคุ้มครองพวกคุณนาย ส่วนความเป็นความตายของคนอื่น ๆก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว!

ขณะนี้ชาวบ้านดังกล่าวนอกตัวรถได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงพร้อมอาวุธครบมือ พวกเขาไม่แสร้งทำตัวน่าสงสารอีกต่อไปและกำลังยิงปืนใส่รถด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม

“ทำไมคนพวกนี้ถึงทำผิดข้อตกลงระหว่างประเทศได้ล่ะ? พวกเขาไม่กลัวต้องโทษจากองค์กรระหว่างประเทศเหรอ?” มีคนตะโกนถาม

“พวกเขาบ้าไปแล้ว…”

ฟูจิตะคุงก็ก้มตัวมาข้าง ๆพวกเหมยเหมยพลางกระซิบบอก “ถ้าถูกจับเป็นตัวประกันห้ามพูดอะไรทั้งนั้น อยู่กับผม!”

“ได้…”

เหมยเหมยขอบคุณสำหรับความหวังดีของเขามากแต่เธอไม่อยากโดนจับเป็นตัวประกันสักนิด ฉะนั้น–

ลุยเลยดีกว่า!

……………………

ตอนที่ 2549 ถูกสกัดไว้แล้ว

 “เตรียมตัวขึ้นรถได้แล้ว ใครอยากเข้าห้องน้ำก็รีบไปเข้า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวต้องอั้นสามชั่วโมงเลยนะ!” หัวหน้าตะโกนบอกเสียงดัง

เหล่าสมาชิกต่างพากันไปเข้าห้องน้ำกันแล้ว ทุกคนเกิดอาการเครียดขึ้นมา โดยเฉพาะสมาชิกใหม่ทั้งตื่นเต้นและเครียดในเวลาเดียวกัน

เหมยเหมยตรวจดูกระเป๋าเป้ของตนเอง สองพี่น้องเคย์โกะตระเตรียมของใช้แทนเธอได้รอบคอบมาก อีกอย่างยูทากาฮาชิมีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งล้วนมีแต่ของที่เหมาะไว้ใช้ในทะเลทรายทั้งนั้น

นอกจากนี้ยังมีอาวุธด้วย เคย์โกะเป็นคนใส่มาบอกว่าให้เหมยเหมยเอาไว้ใช้ป้องกันตัว เธอเอาทั้งหมดนั้นใส่เข้าไปในช่องมิติแล้ว

รถทีมแพทย์เป็นรถคันใหญ่ที่มีตรากากบาทสีแดงสัญลักษณ์สภากาชาดติดไว้ด้วย ดูเก่าทรุดโทรมมาก แต่รถคันนี้มีสิ่งคุ้มกันอยู่ หากพวกคนร้ายมีอาวุธเห็นสัญลักษณ์นี้ก็จะปล่อยไป

รถสั่นกระแทกไปตามเส้นทางบนทะเลทราย โยกเยกไปมาจนทุกคนปวดศีรษะตาลาย นับว่ายังดีที่เด็กทั้งสองคนไม่มีอาการเวียนศีรษะแต่กลับปีนหน้าต่างมองดูทิวทัศน์ด้วยท่าทีตื่นเต้น ถึงแม้จะเป็นทะเลทรายสีเหลืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตาแต่ทั้งสองคนกลับดูอย่างเพลิดเพลิน ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย

“แม่คะ…มีเนื้อด้วย…”

เล่อเล่อชี้สัตว์ตัวเล็ก ๆที่วิ่งไปมาบนทะเลทราย ใบหน้ารูปไข่อวบอ้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“สัตว์ที่มีชีวิตอยู่กินไม่ได้ กินเนื้อตากแห้งสักหน่อยแล้วกัน”

เหมยเหมยล้วงหยิบเนื้อตากแห้งออกมาแบ่งให้เด็กทั้งสองคน เธอมีอาการปวดศีรษะ รถคนนี้ไม่เพียงแต่สั่นโยกเยกเท่านั้นแต่ยังมีกลิ่นแรงอีกต่างหาก เธอรับไม่ไหวจริง ๆ!

“อดทนอีกหน่อย อีกชั่วโมงครึ่งก็ถึงฐานประจำการแล้ว ด้านหน้าเป็นหมู่บ้าน ทุกคนจำไว้นะว่าอย่าเปิดหน้าต่างและห้ามตอบอะไรเด็ดขาด…”

หัวหน้าทีมเริ่มพร่ำบอกซ้ำไปซ้ำมาเหมือนยายแก่อีกครั้ง คุณริโกะถามด้วยความอยากรู้ว่า “ทำไมเปิดหน้าต่างไม่ได้ล่ะ? ก็แค่ประชาชนคนธรรมดาเอง”

“ที่นี่เป็นเขตสงครามรุนแรง ไม่มีใครรู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นประชาชนคนธรรมดาจริงไหม ดังนั้นพวกเราอย่าตอบอะไรเขาดีกว่า” หัวหน้าทีมอธิบายอย่างใจเย็นแต่หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

คุณริโกะเบะปาก ถึงแม้เธอจะไม่พูดอะไรอีกแต่ท่าทางดูไม่ค่อยพอใจมาก เธอเหลือบไปเห็นฟุจิตะคุงที่อยู่ข้างกายเหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกาย พอนึกขึ้นได้ว่าฟุจิตะคุงดูแลเหมยเหมยดีเป็นพิเศษ เอาใจใส่อย่างดี เธอก็รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

ฟุจิตะคุงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของยูทากาฮาชิได้ยินมาว่าเหมือนเป็นพี่น้องกันจริง ๆเลยก็ว่าได้ ถ้าระหว่างทางเธอสามารถผูกสัมพันธ์กับฟุจิตะคุงได้ ไม่แน่หลังจากถึงฐานประจำการแล้ว ฟุจิตะคุงอาจจะชื่นชมเธอสักสองสามประโยคก็ได้!

ผู้หญิงที่พาลูกมาด้วยคนนี้ด้วยน่าขยะแขยงจริง ๆ มีลูกแล้วยังไม่รู้จักสงบเสงี่ยมยั่วผู้ชายไปทั่วอีก!

คุณริโกะคนนี้ก็ช่างน่าขัน เธอไม่รู้เลยว่ายูทากาฮาชิได้รับบาดเจ็บจึงกลับประเทศไปแล้ว แถมไม่ได้อยู่ที่ฐานประจำการด้วย!

รถค่อย ๆขับช้าลงเพราะระหว่างทางมีคนในพื้นที่ที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นมาปิดกั้นไว้ คนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดหน้าและเด็กน้อยซึ่งมีบางคนได้รับบาดเจ็บด้วย ดูท่าทางน่าสงสารมาก

“คุณแม่คะ…พวกเขาหิวกันเหรอ?” เล่อเล่อเอ่ยถามเสียงเบา

ในใจของเหมยเหมยเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน เหตุนี้สงครามจึงเป็นสิ่งที่น่าชิงชังเพราะคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุดมักจะเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก

เฉกเช่นกลุ่มคนที่ขวางทางอยู่ด้านนอก ถึงแม้จะไม่รู้สถานะของพวกเขาแน่ชัดแต่เห็นแล้วน่าสงสารมากเหลือเกิน

 “พวกเขาคงหิวแล้วแต่ห้ามเปิดหน้าต่างเด็ดขาดเลยนะ ได้ยินไหม?” เหมยเหมยเอ่ยกำชับอีกครั้ง

“อืม ไม่มองแล้ว!”

เล่อเล่อและเสี่ยวเป่านั่งลงไม่มองกลุ่มคนที่น่าสงสารด้านนอกหน้าต่างเหล่านั้นอีกต่อไป สีหน้าบนใบหน้าเล็กรูปไข่สับสนมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนั้นถึงเป็นแบบนี้กันนะ?

มีเด็กผู้ชายแขนขาดคนหนึ่งพุ่งเข้ามา บาดแผลบนแขนยังสดใหม่อยู่เลย บนแผลมีหนองแล้วด้วยซึ่งเห็นแล้วน่าสะอิดสะเอียนมาก เหมยเหมยก้มหน้าลงเพราะเธอทนดูต่อไปไม่ได้จริง ๆ

“พระเจ้า…เด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน…ถ้ายังไม่จัดการทำแผลเขาจะตายได้นะ…” คุณริโกะร้องเสียงหลง

………………………………………

 ตอนที่ 2550 เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยคนน่าสงสารทุกคน

ทุกคนบนรถต่างเงียบกริบ คนเราก็มีจิตใจเหมือนกัน พอเห็นพวกเด็ก ๆและผู้หญิงเหล่านี้พวกเขาก็รู้สึกแย่จับใจ สมาชิกคนเก่ายังพอสงบสติอารมณ์ได้บ้าง ในเมื่อเคยมาจึงชินชากับเรื่องนี้ไปแล้ว

แต่สมาชิกใหม่กลับรับไม่ได้ สภาพจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เพราะสัญชาตญาณความเป็นหมอพยาบาลทำให้พวกเขาอยากลงรถไปจัดการทำแผลให้คนน่าสงสารเหล่านั้น ทั้งให้อาหารและน้ำสะอาดแก่พวกเขาด้วย

ทว่าพวกเขาล้วนจดจำคำพูดของครูฝึกตอนอบรมได้ขึ้นใจว่าห้ามยุ่งกับคนในเขตสงครามเด็ดขาด!

พวกเขาเอามือปิดหน้า หลับตาไม่เห็นมันซะเลย ไม่ต้องมองความทุกข์ทรมานเหล่านี้อีก!

เวลานี้เหมยเหมยเข้าใจเรื่องที่ยูทากาฮาชิกับฟุจิตะคุงพูดถึงขุมนรกในโลกมนุษย์แล้วว่าคืออะไร ไม่ได้มีเพียงแต่ความเหี้ยมโหดของผู้ก่อการร้ายเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเหตุสะเทือนใจยามเผชิญความเป็นความตาย…คนธรรมดาที่มีเลือดเนื้อคนหนึ่งย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว!

เป็นความรู้สึกที่อยากจะหยุดยั้ง…แต่กลับเสียใจที่ไร้ความสามารถจะทำได้…รวมถึงตำหนิตัวเอง!

“ขอร้องพวกคุณล่ะ…อาหาร…น้ำ”

คนที่ขวางรถอยู่พูดภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ พวกเขาอยากขออาหารและน้ำ

อันที่จริงในรถของพวกเขามีเสบียงอาหารและยาจำนวนหนึ่ง แต่ของพวกนี้ต้องส่งไปเพิ่มให้ฐานทัพ มิเช่นนั้นเหล่าแพทย์พยาบาลที่อยู่ในฐานทัพคงเอาชีวิตรอดในทะเลทรายไม่ได้ ทั้งยังมีเหล่าผู้รับบาดเจ็บอีกซึ่งอาจจะตายเพราะขาดยาก็ได้

รถไม่ได้หยุดจอดแต่ขับมุ่งไปข้างหน้าอย่างช้า ๆเหมือนหอยทาก

มีบางคนล้มเลิกที่จะขวางทางรถแล้ว อาจจะเพราะหิวจนไร้เรี่ยวแรงละมั้ง เด็กที่เหลือบางส่วนเดินตามมาอย่างไม่ยอมแพ้ ในนั้นมีเด็กผู้ชายที่แขนขาดคนนั้นด้วย ใบหน้าที่ซูบตอบเต็มไปด้วยความดื้อรั้น

“…ฟุจิตะคุง เอาตัวเด็กที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้นไปรักษาที่ค่ายได้ไหม? ถ้าแผลของเขายังไม่ได้รับการรักษาละก็อาจจะตายได้นะ!” เหมยเหมยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยแอบกระซิบถามฟุจิตะคุงที่อยู่ข้าง ๆ

“รถจะจอดระหว่างทางไม่ได้เด็ดขาด คุณจ้าว สิ่งที่พวกเราทำได้มีขีดจำกัด บนโลกใบนี้มีคนน่าสงสารมากมาย พวกเราทำได้แค่ช่วยคนบางกลุ่มตามแรงกำลังของเราเท่านั้น แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขว่าต้องปกป้องตัวเราเองให้ดีด้วย” ฟุจิตะคุงสีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งความหดหู่ ดูท่าทางใจแข็งดั่งเหล็กผา

เหมยเหมยถอนหายใจด้วยความเข้าใจ เธอคิดทุกอย่างง่ายดายเกินไป ฟุจิตะคุงกับคนในทีมไม่ให้จอดรถก็คงมีเหตุผลของเขา บางทีอาจจะอันตรายมากก็ได้!

เพียงแต่เด็กคนนั้นน่าสงสารมากจริง ๆ!

ฟุจิตะคุงเองก็ถอนหายใจแล้วเอ่ย “คุณจ้าว หลังจากนี้คุณจะค้นพบว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่น่าสงสารที่สุดหรอกครับ!”

อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไม่ใช่เหรอ?

แล้วคนจำนวนไม่น้อยที่ตายในสมรภูมิรบนั่นล่ะ!

เดิมทีเขาเองก็มีใจที่เลือดร้อนพลุ่งพล่านเหมือนกัน แต่ก็ถูกสงครามที่น่ารังเกียจนี่ขัดเกลาจนเขาเลือดเย็นใจดำเหมือนปีศาจไปแล้ว!

“อาจจะใช่ ยูทากาฮาชิเองก็เคยบอกฉันแบบนี้เหมือนกัน เขาบอกว่าที่นี่เป็นดั่งขุมนรกในโลกมนุษย์เลยให้ฉันเตรียมใจไว้ ดูท่าทางฉันจะคิดง่ายดายเกินไป” เหมยเหมยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง

คุณริโกะที่คอยจับจ้องเหมยเหมยแอบเงียหูฟังมาตลอด เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน พอได้ยินชื่อของยูทากาฮาชิพลันก็ไม่รู้ว่าไฟโทสะจากที่ไหนปะทุขึ้นมาในทันที

ผู้หญิงคนนี้กับยูทากาฮาชิเป็นอะไรกัน?

ดูทรงแล้วเหมือนจะมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันพอดู…ไม่นะ…ยูทากาฮาชิเป็นของเธอ!

คุณริโกะประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว ฉับพลันก็นึกถึงวิธีการดี ๆขึ้นมาได้  เธอได้ยินข้อมูลส่วนตัวของยูทากาฮาชิมานานแล้ว เธอรู้ว่าเขาเป็นคนมีจิตใจเมตตา ต่อให้เห็นลูกสุนัขลูกแมวได้รับบาดเจ็บก็จะเอากลับไปรักษาที่บ้าน แล้วถ้า…

ยูทากาฮาชิเห็นเธอช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนี้ เขาต้องเห็นว่าเธอเป็นคนน่ารักจิตใจดีแน่นอนใช่ไหมล่ะ?

บางทีอาจจะตกหลุมรักเธอก็ได้?

คุณริโกะคิดถึงเรื่องสวยงามจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเหมือนคนบ้าออกมา สมองเลอะเลือนขาดสติ ฉับพลันก็หยัดกายขึ้นตะโกนเสียงดังว่า “พวกเราควรจะจอดรถช่วยเด็กที่น่าสงสารคนนี้!”

……………………..

ตอนที่ 2547 รีบไปตะวันออกกลางด้วยความอลหม่าน

เคย์โกะนิ่งชะงักไปเกือบหนึ่งนาทีเต็ม ๆ จากนั้นก็กรีดร้องเสียงดังสนั่น…

อิจิโร่กับยูทากาฮาชิเอามือปิดหูพร้อมกัน คุณแม่(พี่สาว)จะแปลงร่างอีกแล้ว!

“ฉันเป็นคนพาเจ้าตัวไปส่งเองกับมือ…แม้แต่ลายเซ็นยังไม่ได้ขอเลย ไหนจะถ่ายรูปคู่อีก…หลายวันมานี้ทำไมฉันไม่คิดจะถ่ายรูปไว้บ้างเลยนะ…อ๊าก…ฉันจะไปตะวันออกกลาง…”

เคย์โกะเดินวนในห้องรับแขกไม่หยุดดูคลุ้มคลั่งเหมือนคนอาการกำเริบ แถมยังทึ้งผมที่ถูกหวีเป็นระเบียบจนยุ่งเหยิงไปหมด ผมเผ้ายุ่งกระเซอะกระเซิง…ราวกับคนบ้า!

“เรื่องไปตะวันออกกลางเป็นไปไม่ได้หรอก พี่รอจ้าวเหมยกลับมาแล้วไปหาเธอที่ฮวาเซี่ยก็ได้นี่!” ยูทากาฮาชิเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงระอา

“ใช่…ฉันจะไปฮวาเซี่ย ไอดอลของฉันยังเชิญฉันไปเป็นแขกที่บ้านด้วยนี่นา!”

เคย์โกะสงบสติอารมณ์ลงได้ จากนั้นก็หวีผมที่ยุ่งเหยิงจนเป็นระเบียบ ยัยบ้าคนเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา

พอตกเย็นโยโกยามะ คาวากุจิกลับมาบ้านได้ฟังภรรยาและน้องชายภรรยาบอกเรื่องสถานะของจ้าวเหมยก็ตกใจมาก แต่ไม่นานก็นึกถึงสถานะสำคัญอีกอันหนึ่งของเหมยเหมยขึ้นได้

เพราะภรรยาเป็นแฟนหนังสือเจ้าหญิงอัปลักษณ์ เขาจึงจงใจสืบหาประวัตินักเขียน เขารู้เพียงว่าคุณแม่ของจ้าวเหมยเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก คุณพ่อเป็นข้าราชการระดับสูงแห่งรัฐ สิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่านั้นคือเรื่องสามีของเธอ ผู้คนต่างเล่าลือว่าเป็นผู้มีอำนาจในมือ ทั้งยังเป็นบุคคลที่น่ากลัวด้วย

มิน่าเบื้องหลังจ้าวเหมยถึงมีคนแอบอารักขาตามติดเป็นเงาเลย!

“พวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของจ้าวเหมยหรอก สามีของเธอส่งคนตามประกบแล้ว…” โยโกยามะ คาวากุจิเล่าสถานการณ์ที่เขาพอจะสืบหาได้ให้ฟัง สองพี่น้องเคย์โกะต่างส่งเสียงร้องอุทานขึ้นมาแต่ก็วางใจไม่น้อย

บิลเล่าสถานการณ์ที่สืบถามมาให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง “ภรรยาของคุณไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น คุณวางใจได้!”

เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเช่นนั้นก็นึกขัน เจ้าหมอนี่คิดอะไรอยู่เนี่ย ต่อให้เหมยเหมยไปหาผู้ชายเขาก็ไม่กังวลเลยสักนิด

บิลเล่าสถานการณ์คร่าว ๆของหานเหมยให้ฟัง ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็จับประเด็นสำคัญได้ อีกอย่างเขาเองก็นึกถึงเหมยซูหานเช่นกัน หานเหมย…เหมยซูหาน…แบบนี้เหมือนเป็นการป่าวประกาศให้โลกรู้ด้วยซ้ำ!

คิดไม่ถึงว่าคนตายแล้วจะฟื้นคืนชีพได้จริง ๆ!

มิน่าเหมยเหมยถึงมุ่งมั่นจะไปที่นั่นให้ได้ เหยียนหมิงซุ่นปวดใจแปล๊บ ๆ แต่เขาก็เผยรอยยิ้มในเวลาอันรวดเร็ว เหมยซูหานกลายเป็นผู้หญิงแล้วมีเรื่องอะไรให้เขาต้องกังวลใจกัน คนที่ต้องกังวลคือเฮ่อเหลียนเช่อต่างหาก!

ไม่สิ…เฮ่อเหลียนเช่อต้องดีใจอยู่แล้ว เพราะในที่สุดก็ไม่ต้องใช้ประตูหลังแล้ว!

อีกอย่างยังมีลูกของตัวเองได้ด้วย!

ทำไมสวรรค์ถึงใจดีกับไอ้สารเลวเฮ่อเหลียนเช่อนักนะ?

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าจะบอกให้เฮ่อเหลียนเช่อไปคุ้มกันเหมยเหมยและพวกเด็ก ๆที่ตะวันออกกลาง แต่ตอนนี้กลับลังเลไม่อยากเอาเปรียบเจ้านั่น

แต่ขบคิดอยู่นานสุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นก็ส่งข้อความหาเฮ่อเหลียนเช่อ เอาความแค้นส่วนตนทิ้งไป ความปลอดภัยของภรรยากับลูกต่างหากถึงจะสำคัญที่สุด เขาต้องเอาเปรียบเจ้าหมอนั่นหน่อยแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อตะลอนไปมาทั่วยุโรป เขาตามหาลูกชายมาเกือบเดือนแล้วแต่ก็หาไม่เจอ เขารู้สึกว่าตนจะหลงกลแผนของเหยียนหมิงซุ่นเข้าแล้ว!

บ้า——เอ๊ย กลับไปจะขายจ้าวเหมยให้ตะวันออกกลางซะเลย!

ร้อนใจจะตายอยู่แล้วไอ้สารเลว!

มือถือโชว์เตือนว่ามีข้อความเข้า ทันทีที่เฮ่อเหลียนเช่อเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนส่งมาเขาก็ไม่อยากอ่านเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็เปิดอ่านอยู่ดี

“ไปคุ้มกันภรรยาและลูกของฉันที่ตะวันออกกลาง ถ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ฉันก็จะไม่บอกที่อยู่ของเหมยซูหาน!”

เฮ่อเหลียนเช่อตกตะลึงจนดวงตาแทบถลนออกมาแล้วรีบโทรกลับไป แค่เปิดปากก็ถามว่าเหมยซูหานอยู่ที่ไหน

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “แกไปเป็นบอดี้การ์ดก่อน ขอแค่ภรรยาและลูกสาวของฉันปลอดภัย ฉันต้องทำให้พวกแกอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้อยู่แล้ว แถมยังมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ด้วยนะ!”

“แกนะแก…รอฉันก่อนเถอะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อวางโทรศัพท์ด้วยความโมโห จากนั้นก็เรียกรถไปสนามบิน ถ้าเหยียนหมิงซุ่นกล้าหลอกเขา ลูกสะใภ้เขาก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน ขายไปด้วยกันเลย!

………………………………………………

 ตอนที่ 2548 อย่ามายุ่มย่ามมากนัก

พวกเหมยเหมยขึ้นเครื่องบินแล้ว เธอจงใจแต่งหน้าตัวเองให้ดูหน้าตาน่าเกลียด ใบหน้าด้านขวาติดแผ่นยากอเอี้ยะที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษตั้งแต่หัวคิ้วลากยาวมาถึงคางพร้อมทาสีแดงม่วงดูเหมือนคนมีปาน แถมยังมีตุ่มเนื้อเล็ก ๆด้วย

ส่วนใบหน้าอีกด้านเธอก็ไม่ได้ปล่อยว่าง เธอใช้สีที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษจุดให้เป็นกระสีดำแน่นขนัด จากใบหน้าที่สะสวยก็กลายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์ขึ้นมาในทันที…แค่เห็นก็อยากอาเจียนออกมาแล้ว!

ฟุจิตะคุงกลับพึงพอใจกับการแต่งหน้าของเหมยเหมยมาก รูปลักษณ์ดูน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้ชายที่หิวกระหายมาสามปีก็ยังไร้ความสนใจ!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อเองก็ถูกเหมยเหมยจับแต่งตัวอย่างประณีต พวกโรคจิตมีอยู่เกลื่อนเต็มไปหมด ทั้งยังมีบางส่วนที่เจาะจงพวกเด็กน้อยหน้าตาน่ารักเฉกเช่นเดียวกับเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อที่หน้าตางดงาม พวกเขายิ่งเป็นเด็กประเภทที่พวกโรคจิตโปรดปราณนักแล

ใบหน้าของเสี่ยวเป่าถูกแปะด้วย ‘แผ่นยากอเอี้ยะสีดำ’ ซึ่งทำให้ดำไปครึ่งค่อนหน้า ทั้งยังมีขนงอกออกมาเหมือนลูกลิงก็ไม่ปาน แต่เล่อเล่อกลับถูกทาใบหน้าจนดำเหมือนถ่าน จากเดิมทีนางฟ้าตัวอวบอ้วนที่ผิวขาวเนียนนุ่ม ครู่เดียวก็กลายเป็นเจ้าหนูน้อยผิวดำไปแล้ว!

‘แผ่นยากอเอี้ยะสีดำ’ และ ‘สีที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ’ เหล่านี้เซียวเซ่อเป็นคนให้เหมยเหมยเอง ต่อให้โดนน้ำก็ไม่หลุดเพราะต้องใช้ผงยาเฉพาะเท่านั้นถึงจะล้างออก สิ่งเหล่านี้เป็นของใช้จำเป็นสำหรับเซียวเซ่อนักผจญภัยรอบโลกซึ่งค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากทีเดียว

เครื่องบินขับวนไปวนมาอยู่หลายทีจนทำเอาทุกคนมึนเวียนศีรษะไปกันหมด ในที่สุดวันที่สองก็มาถึงจุดหมายปลายทางแต่มาถึงในตัวเมืองก่อน ศูนย์ประจำการทีมแพทย์ของสภากาชาดสากลอยู่ห่างจากตัวเมืองหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร ทั้งยังต้องฝ่าเขตสงครามที่วุ่นวายไปอีกด้วย

“เส้นทางนี้อันตรายมาก เพื่อน ๆคนเก่าแก่คงไม่ต้องให้ผมพูดแล้ว สำหรับเพื่อนที่เข้ามาใหม่จำไว้ให้ดีว่าระหว่างทางไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นคุณไม่ต้องปริปากพูดใด ๆทั้งสิ้น และยิ่งกว่านั้นห้ามบุ่มบ่ามเป็นอันขาด มิฉะนั้นคุณจะไม่ได้ทำร้ายเพียงตัวคุณเองแต่จะลำบากคนอื่นไปด้วย…”

หัวหน้าทีมแพทย์กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคุณแม่แก่ ๆที่เป็นห่วงลูก ดวงตายิ่งจับจ้องไปทางพวกเหมยเหมยที่ใช้เงินข่มขู่เพื่อเข้ามาเป็นสมาชิก คำพูดพวกนี้เขาพูดให้พวกเขาฟังนั่นแหละ

ส่วนสมาชิกคนอื่นที่มาเข้าร่วมอย่างถูกต้องได้รับการอบรมมาก่อนหน้านี้แล้ว คนพวกนั้นรู้แล้วว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขามากำชับอีกหรอก!

“ทำไมถึงมีเด็กกับสัตว์เลี้ยงด้วยล่ะ? หรือว่าพวกเราไปพักร้อนกันหรือไง?” จู่ ๆก็มีเสียงสาววัยรุ่นคนหนึ่งตะโกนขึ้น

ผู้หญิงคนนี้อายุน่าจะไม่ถึงสามสิบปี หน้าตาก็ไม่เลว แต่เพราะไม่ได้แต่งหน้าจึงไม่ได้ดูสวยเท่าไหร่ นับตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินมาก็จับจ้องพวกเหมยเหมยมาตลอด ท่าทีที่แสดงออกมาดูไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“คุณริโกะ นี่คือคำสั่งการของศูนย์ประจำการใหญ่ ถ้าคุณไม่พอใจค่อยชี้แจงไปยังศูนย์ประจำการใหญ่หลังจากกลับมาได้” หัวหน้าทีมเอ่ยอย่างเกรงใจ และยังคงรักษารอยยิ้มที่ดูเมตตาเหมือนคุณป้าไว้ตลอด

ถึงขนาดบริจาคเงินหนึ่งล้านดอลล่าได้ ไม่ต้องพูดถึงเด็กกับสัตว์เลี้ยงหรอก ต่อให้พาคุณยายแก่ ๆอายุแปดสิบไปด้วยก็ไม่มีปัญหา!

ถึงอย่างไรต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากถึงที่นั่นแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภากาชาดสักหน่อย!

คุณริโกะปิดตาลงด้วยความโมโหแล้วจ้องเหมยเหมยตาเขม็ง เธอเป็นพยาบาลสาวคนหนึ่งและเป็นสมาชิกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วย ทีมครั้งนี้มีเพียงเธอที่เป็นผู้หญิงคนเดียว อีกอย่างจุดประสงค์ที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในทีมแพทย์ก็ไม่ค่อยบริสุทธิ์ใจเท่าไหร่

เธอมาเพื่อยูทากาฮาชิ เธอหวังใกล้ชิดกับเขาเพื่อคว้าเขามาอยู่ในมือให้ได้!

ดังนั้นตอนที่รู้ว่าในทีมแพทย์มีเธอที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว อย่าให้พูดเลยว่าคุณริโกะดีใจมากแค่ไหน ในเมื่อของหายากก็ต้องทะนุถนอมหน่อยสิ บางทีตอนยูทากาฮาชิรู้สึกโดดเดี่ยวหิวกระกายอาจจะมาจุดไฟรักกับเธอก็ได้!

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนใกล้จะขึ้นเครื่องยังเพิ่มพวกเหมยเหมยมาด้วย ถึงแม้เหมยเหมยจะจงใจแต่งหน้าให้ดูน่าเกลียดแต่ก็เป็นเพศหญิง คุณริโกะมองหน้าตาที่แท้จริงของเหมยเหมยออก

คุณริโกะที่มีรูปลักษณ์หน้าตาไม่ค่อยโดดเด่นก็ตั้งแง่หาเรื่องเป็นศัตรูกับเหมยเหมยในเวลาเพียงครู่เดียว ทั้งยังคอยหาเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆเป็นระยะ ๆด้วย

เหมยเหมยถูกจ้องเขม็งเช่นนั้นก็งงงัน แต่เธอเป็นคนมีนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบใครอยู่แล้วจึงจ้องกลับในทันที

มาเทียบกันเลยว่าใครตาโตกว่า ใครกลัวใครกันแน่?

……………………….

ตอนที่ 2545 ที่บ้านมีเหมืองสินะ

ยูทากาฮาชิกลืนน้ำลาย แม้เขาจะเป็นคุณชายประจำตระกูลทากาฮาชิ แต่เนื่องจากไม่ใช่ผู้สืบทอดจึงมีมรดกภายใต้ชื่อตัวเองไม่มากนัก เขามีเพียงเงินส่วนแบ่งจากกำไรเล็ก ๆน้อย ๆที่ได้จากบริษัทเท่านั้น แต่สำหรับคนทั่วไปเงินก้อนนี้ก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลแล้ว

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ไม่อาจทำได้อย่างเหมยเหมย ปากบอกจะบริจาคห้าล้านดอลลาร์ก็ควักเอาเช็คขึ้นมาเขียนเลย!

บ้านคุณผู้หญิงจ้าวเหมยคนนี้ทำเหมืองสินะ?

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้รวยขนาดนี้ล่ะ?

เหมยเหมยเห็นว่าจู่ ๆบรรยากาศก็เงียบไป สองคนนี้ไม่พูดอะไรเลยคิดว่าให้เงินน้อยไปจึงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่พอใช่ไหม? งั้นสิบล้านแล้วกัน?”

“เอื้อก”

สองพี่น้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกพลันก็อยากบีบคอเหมยเหมยที่อยู่ตรงหน้าให้ตายไปเสีย เกลียดนักคนที่เอะอะก็ชอบอวดรวย!

สิบล้านดอลลาร์เชียว!

ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินญี่ปุ่นต้องเพิ่มศูนย์กี่ตัวนะ?

ตระกูลผู้หญิงคนนี้ต้องทำเหมืองแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย!

“คุณฟุ่มเฟือยขนาดนี้ สามีของคุณก็ตามใจแบบนี้เหรอ?” เคย์โกะอดถามไม่ได้

เหมยเหมยตอบตามตรง “ความจริงปกติฉันประหยัดมากนะไม่ค่อยใช้เงินเท่าไหร่!”

เคย์โกะชักมือกลับพยายามฝืนใจไม่ให้ยื่นออกมาเพราะกลัวจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ตายจริง ๆ ใช้เงินสิบล้านดอลลาร์ทีเดียวไม่แม้แต่จะกะพริบตา แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองประหยัดมากอีกเหรอ?

ปกติเธอซื้อกระเป๋าราคาหนึ่งพันดอลลาร์ยังชั่งใจอยู่ตั้งนาน เพราะไม่ว่าจะเป็นตระกูลโยโกยามะหรือตระกูลทากาฮาชิล้วนยึดถือในหลักการใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่อนุญาตให้ลูกหลานซื้อของฟุ่มเฟือย ยิ่งไม่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินเกินตัว!

“ไม่ต้องบริจาคเยอะขนาดนั้นหรอก ล้านเดียวพอแล้ว คุณประหยัดหน่อยเถอะ ผู้ชายหาเงินไม่ใช่ง่าย ๆ ผู้หญิงอย่างเราจะฟุ่มเฟือยเกินตัวไม่ได้นะ!” เคย์โกะอุตส่าห์พูดโน้มน้าว อย่างไรเสียเธอก็เป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นย่อมสลักหลักคุณธรรมของสตรีที่ดีฝังเข้ากระดูกอยู่แล้ว

ยูทากาฮาชิก็พูดคล้อยตาม “ใช่ ล้านเดียวก็พอแล้ว ช่วงนี้ทีมแพทย์กำลังติดขัดเรื่องเงิน แค่ได้เงินหนึ่งล้านของคุณมาก็พอจะช่วยชีวิตคนได้มากแล้ว”

“ได้ งั้นก็หนึ่งล้านแล้วกัน!”

เหมยเหมยเขียนวงกลมเจ็ดตัวแล้วฉีกออกยื่นให้ยูทากาฮาชิให้เขาช่วยบริจาคแทน

ยูทากาฮาชิร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่ก็เชื่อคนง่ายจังเลย ถ้าเกิดว่าเขาเป็นพวกต้มตุ๋นล่ะ?

เงินหนึ่งล้านดอลลาร์ก็หายเข้าไปในกลีบเมฆสิ?

เคย์โกะถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า เดิมทีเธอคิดว่าเหมยเหมยจะเป็นคนที่ฉลาดรอบคอบแต่พอได้สัมผัสในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ เธอถึงเพิ่งรู้ว่าคน ๆนี้อยู่ห่างจากคำว่าฉลาดรอบคอบเท่ากับมีภูเขาไฟฟูจิกั้นอยู่ซะอีก!

แต่เรื่องความโชคดีกลับเป็นเรื่องจริง!

ก็นับว่าคนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่ละนะ!

ฟูจิตะคุงพยายามคัดค้านไม่ให้เหมยเหมยพาเด็กไปอย่างสุดความสามารถ ต่อให้เธอบริจาคเงินหนึ่งล้านก็ไม่ได้ แต่ทีมแพทย์ของเขากลับตกลงกันทุกคน ช่วยไม่ได้เพราะขาดแคลนเงินจริง ๆ มีเงินก้อนนี้พอจะซื้อยากับเสบียงอาหารได้อีกมากมายเลยและสามารถเอาไปช่วยชีวิตคนได้อีกตั้งเยอะด้วย!

“…ไว้ไปเจอกันที่ฮวาเซี่ยแล้วกัน บ๊ายบาย!”

เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็พาเด็ก ๆไปสนามบินพร้อมบอกลาครอบครัวเคย์โกะ

ทางเหยียนหมิงซุ่นได้รับสายจากลูกน้องก็ตกใจยกใหญ่จนเสียงเปลี่ยน “จะไปตะวันออกกลาง? น้ำเข้าสมองเธอหรือไง? คิดจะพาเด็ก ๆไปด้วยอีก เหลวไหลจริง ๆ!”

“ลูกพี่ จะห้ามคุณนายดีไหม?” ลูกน้องทำหน้าขมขื่น เดิมทีคิดว่าแค่ออกมาพักร้อน แต่ตอนนี้กลับพบว่าพวกเขานั้นคิดง่ายเกินไปแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นคิดแล้วคิดอีกพร้อมทั้งวิเคราะห์ความเป็นไปได้มากมาย เหมยเหมยไม่มีทางวิ่งแจ้นไปทางนั้นอย่างไร้เหตุผลแน่นอน เธอคงมีเหตุผลบางอย่างแหละน่า!

“รู้ไหมว่าทำไมคุณนายอยากไปที่นั่น?”

“เมื่อวานผมสะกดรอยตามน้องชายของคุณนายโยโกยามะ ได้ยินเขาคุยกับเพื่อนเหมือนว่าจะไปตามหาใครสักคนที่นั่นละมั้ง? คุณนายยังบริจาคเงินให้ทีมแพทย์อีกหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อให้ทีมแพทย์อนุญาตให้พาเด็ก ๆไปด้วยอีกต่างหาก”

เหยียนหมิงซุ่นนวดขมับ ไปตามหาใครสักคนที่นั่นเหรอ?

น่าแปลกจัง!

แต่เขาเองก็รู้ว่าเหมยเหมยไม่มีทางล้อเล่นกับชีวิตของเด็ก ๆ เธอต้องผ่านการปรึกษากับฉิวฉิวมาแล้ว เรื่องความปลอดภัยคงไม่ใช่ปัญหา!

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี!

………………………..

 ตอนที่ 2546 เป็นเจ้าหญิงจริงๆ

เหยียนหมิงซุ่นพิจารณาอยู่นานก็ตัดสินใจให้เหมยเหมยไปตะวันออกกลาง

“ลูกพี่บ้าไปแล้วหรือไง? ที่นั้นคือตะวันออกกลางนะ แถมตอนนี้กำลังมีสงครามรุนแรงอีกด้วย น่ากลัวยิ่งกว่าคฤหาสน์จอบส์เป็นพันเท่า ลูกพี่วางใจให้คุณนายพาลูกไปได้เหรอ?”

ลูกน้องตกใจยกใหญ่ เขาไม่กล้าเชื่อหูของพวกเขาเลย อีกทั้งยังแอบสงสัยในใจลึก ๆ…

ลูกพี่แอบมีแผนร้ายอะไรหรือเปล่า?

มิเช่นนั้นจะส่งตัวภรรยาและลูกสาวเข้าปากเสือเองกับมือได้เช่นไร?

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกแกตายไปแล้วหรือไง? คิดหาวิธีแฝงตัวเข้าไปในทีมแพทย์สิ!”

“ลูกพี่ งั้นลูกพี่ต้องบริจาคเงินหนึ่งล้าน ทีมแพทย์ดูแค่เงินไม่ได้ดูคนสักหน่อย! ”

“บริจาคบ้าอะไร ไปคิดหาวิธีการเอาเอง เรื่องเล็กแค่นี้ทำไม่ได้ฉันจะส่งแกไปแอฟริกาซะ!” เหยียนหมิงซุ่นวางสายด้วยความโมโห ในใจเจ็บปวดอยู่บ้าง

ภรรยาของเขาช่างใจกว้างจริง ๆ เงินหนึ่งล้านคิดจะบริจาคก็บริจาคกันง่าย ๆเลย!

เงินจำนวนนี้สู้เอามาเพิ่มสวัสดิการให้ลูกน้องยังดีกว่า เขาไม่ได้รักทุกคนบนโลกนี้ขนาดนั้น!

ลูกน้องวางสายแล้วมองหน้ากันอย่างระอา พูดเสียงพร้อมเพรียงกันว่า “ทำไงดี?”

“งั้นก็ช่วยไม่ได้!”

ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน แลกเปลี่ยนสายตากันแล้วเดินพุ่งไปหาผู้รับผิดชอบทีมแพทย์ ทั้งสองเข้าไปโอบไหล่คนละด้านดูแล้วเหมือนเพื่อนรักกันแล้วพาตัวผู้รับผิดชอบทีมแพทย์เข้าห้องน้ำไป…

ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติสองคนที่ตามไปด้วยก็ปรากฏรอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้า

พวกเขาไม่อยากไปตะวันออกกลางเลยสักนิด แต่ในเมื่อรับเงินค่าจ้างมาแล้วคงไม่ทำงานไม่ได้!

ผ่านไปสักพักใหญ่พวกเขาก็ออกมา ใบหน้าผู้รับผิดชอบทีมแพทย์แฝงไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา!

“ผมเพิ่งได้รับคำสั่งมาว่าต้องเพิ่มบุคลากรอีกสี่คน พวกเขาจะไปที่นั่นกับเรา ทุกคนโปรดให้การต้อนรับเขาด้วย!” ผู้รับผิดชอบทีมแพทย์แนะนำทั้งสี่คน ต่อให้คิดเป็นร้อยรอบก็ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ไม่เคยเจอใครอยากแย่งไปสนามรบมาก่อนเลย

ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยเจอใครจ่ายเงินเพื่อขอไปด้วยซ้ำ

โลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ มีเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วย!

เหมยเหมยกลับไม่ได้นึกเอะใจถึงสถานะของพวกเขาเลยสักนิด เขานึกว่าเป็นคนเบื้องบนส่งลงมาจริง ๆ แต่เสี่ยวเป่าเหลือบมองอยู่หลายครั้ง แถมยังเผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยออกมาด้วย

การเดินทางครั้งนี้คงจะคึกคักน่าดู!

น่าเสียดายที่คุณพ่อไม่ตามมาด้วย!

หลังจากทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นวางสายไปยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่ง ๆ เหมยเหมยรู้จักเพื่อนคนไหนในตะวันออกกลางงั้นเหรอ?

เพื่อนของเธอผ่านการคัดกรองจากเขามาแล้วทั้งนั้น ทำไมเขาไม่รู้เลยว่าที่ตะวันออกกลางจะมีเพื่อนคนอื่นที่เล็ดลอดสายตาเขาไปได้ด้วย?

เหยียนหมิงซุ่นโทรหาบิลเพราะคนเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้มีแค่เขาแล้ว บางทีบิลอาจจะพอรู้อะไรบ้างก็ได้

บิลกับยูทากาฮาชิก็รู้จักกัน ในขณะเดียวกันก็รู้จักหานเหมยด้วยเพราะพวกเขาเคยอยู่ที่เดียวกันมาก่อน ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่กันด้วยซ้ำ บิลแสดงท่าทีกระตือรือร้นมากและรีบโทรหายูทากาฮาชิในทันที

“ทากาฮาชิคุง คุณผู้หญิงจ้าวเหมยและฟุจิตะคุงไปตะวันออกกลางเหรอ?” บิลเอ่ยถามตามตรง

ยูทากาฮาชิมีสีหน้าตกใจ “คุณรู้ข่าวเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? คุณกำลังอยู่ในช่วงพักร้อนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“สามีของจ้าวเหมยโทรหาผมเพราะอยากรู้ว่าเธอไปทำอะไรที่นั่น สามีของเธอรู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไร”

“เธอได้ยินเรื่องหานเหมยจากผมเลยรู้สึกสนใจขึ้นมา เธอบอกว่าอยากไปเจอหานเหมยที่นั้นสักครั้ง…” ยูทากาฮาชิเอ่ยด้วยความจนใจ บิลที่ได้ยินเช่นนั้นก็พร่ำบ่นว่าแย่แล้ว

เดินทางไปสนามรบที่ไกลแสนไกลเพื่อไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งงั้นเหรอ?

ถ้าเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็ยังพอเข้าใจได้!

“สามีของจ้าวเหมยเป็นเจ้าของเหมืองแร่เหรอ?” ยูทากาฮาชิอดถามไม่ได้

บิลหัวเราะร่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้าของเหมืองแร่จะนับอะไรได้ สามีของเขาเป็นข้าราชการระดับสูงผู้มีอิทธิพลในฮวาเซี่ย อีกอย่างตัวเธอเองก็เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงมาก เจ้าหญิงอัปลักษณ์รู้จักไหมล่ะ? นั่นแหละผลงานของจ้าวเหมยคนนี้เลย…”

จนกระทั้งสายตัดไป ผ่านไปอยู่นาน…ยูทากาฮาชิก็ยังคงตกตะลึงอยู่ จากนั้นก็โพล่งถามเคย์โกะที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ว่า “พี่ พี่รู้ไหมว่าจ้าวเหมยเป็นใคร?”

“จ้าวเหมยเหรอ…หรือว่าเธอเป็นเจ้าหญิงของประเทศลึกลับที่ใดสักแห่งงั้นเหรอ?” เคย์โกะหยอกล้อ

“เธอเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ ผลงานนักเขียนเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่พี่ชอบที่สุดก็คือจ้าวเหมยนี่แหละ!”

“อะไร…นะ…”

……………………………

ตอนที่ 2543 พาเด็กๆ ไปด้วย

เวลาผ่านไปแล้วสี่วันโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดเพื่อนของยูทากาฮาชิก็มาถึง เขาอายุมากกว่ายูทากาฮาชิไม่กี่ปี ดูเป็นผู้ชายเรียบง่าย ครั้นเจอยูทากาฮาชิ พวกเขาก็กอดกันแน่นดูสนิทสนมกันไม่น้อย

“มือเป็นอย่างไรบ้าง? กลับมาเป็นปกติได้ไหม?” ฟุจิตะคุงถามด้วยความเป็นห่วง

ยูทากาฮาชิฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “อาการบาดเจ็บกระทบเส้นเอ็น ถึงแม้จะทำกายภาพบำบัดก็ไม่สามารถกลับมาหายดีได้เหมือนเดิม ผมไม่สามารถจับมีดผ่าตัดได้อีกแล้ว!”

“อย่าเพิ่งหมดหวัง นายจะยอมแพ้ไม่ได้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย ถึงแม้มือข้างขวาจะกลับมาหายเหมือนเดิมไม่ได้ แต่นายยังมีมือข้างซ้ายนะ ตอนนั้นครูก็ไม่ได้บอกให้เราต้องใช้มือขวาจับมีดผ่าตัดอย่างเดียวสักหน่อย!”

ยูทากาฮาชิดวงตาเป็นประกายและกลับมาสดใสอีกครั้ง

ใช่ เขายังมีมือข้างซ้ายอยู่ ถึงแม้มือซ้ายจะแรงดีสู้มือขวาไม่ได้ แต่เขาสามารถฝึกฝนมันได้ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?

“ขอบคุณครับพี่ ผมจะพยายามครับ!”

ยูทากาฮาชิโค้งตัวลงขอบคุณ อารมณ์ดูแตกต่างจากเมื่อครู่ราวกับเด็กที่หลงทางแล้วมองเห็นแสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น

“สู้ ๆ ฉันจะรอนายกลับมา!” ฟุจิตะคุงชกบ่าของยูทากาฮาชิ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ มิตรภาพที่ดีเช่นนี้ ทำให้คนอื่นต้องรู้สึกอิจฉา

ยูทากาฮาชิแนะนำเหมยเหมยพร้อมทั้งบอกความตั้งใจของเธอว่าอยากจะไปตะวันออกกลาง ฟุจิตะคุงมุ่นคิ้วกล่าวเตือนเหมยเหมยว่าให้คิดทบทวนดี ๆ อย่าเห็นชีวิตเป็นของเล่น

“ขอบคุณค่ะ ฉันคิดดีแล้ว ฉันมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ฉันเป็นพยาบาลให้กับทางทีมแพทย์ได้ ฉันจะไม่เป็นภาระให้พวกคุณแน่นอนค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง!”

เหมยเหมยโค้งตัวให้ฟุจิตะคุง หล่อนยังมีความสามารถในการดูแลตัวเอง เธอจะไม่ไปเป็นภาระทีมแพทย์แน่นอน

“ได้ครับ ผมพาคุณไปด้วยได้ แต่ตลอดทางคุณจะต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่มีใครช่วยคุณได้นะ” ฟุจิตะคุงทำสีหน้าจริงจัง เขาพูดเชิงในแง่ที่ไม่ดีไว้ก่อน!

พอไปถึงที่นั่น ทุกคนต้องดูแลตัวเอง อย่าหวังว่าจะมีใครมาดูแลเลย!

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร!”

“ไฟล์ทบินพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง คุณไม่ต้องเอาของไปเยอะ ผมแนะนำว่าคุณควรแต่งหน้าแต่งตาให้น่าเกลียดหน่อย อยู่ที่นั่นยิ่งสวยก็ยิ่งเป็นภัย!” ฟุจิตะคุงพูดแฝงนัยยะบางอย่าง

“ได้ค่ะ!”

เหมยเหมยโล่งใจและรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอยังมีเวลาอีกหนึ่งวันเพียงพอที่จะจัดการกับเด็กสองคนนี้

“ไม่เอา…ไม่อยากกลับบ้าน…แม่ใจร้าย…”

เล่อเล่อกลับดื้อขึ้นมากอดขาเหมยเหมยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมไปสถานทูต เหมยเหมยถึงกับปวดศีรษะเพราะจะตีก็ไม่ได้จะว่าก็ไม่ได้เหมือนบรรพบุรุษตัวน้อยของเธอจริง ๆ!

“พี่กลับบ้านไปเป็นเพื่อนด้วยดีไหม?”

“ไม่ดี…หนูจะเอาคุณแม่…!” เสี่ยวเป่าพูดก็ไม่ได้ผล เล่อเล่อก็ยังคงไม่ยินยอม

เสี่ยวเป่าก็ไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน จะไปหาคุณอาโดยที่ไม่มีเขาได้อย่างไร?

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าคุณน้ากำลังคิดไปเองแต่เขาก็ยังอยากตามไปด้วยอยู่ดี คนนั้นเป็นคุณอาหรือเปล่าเขาแค่ลองดมดูก็รู้แล้ว

เขาต้องตามไปด้วยให้ได้เพราะกังวลว่าเหมยเหมยจะพาคุณอาตัวปลอมกลับมา!

ฉิวฉิวที่ปิดปากเงียบมาตลอดก็ปีนขึ้นไปบนไหล่ของเหมยเหมยแล้วส่งเสียงร้องออกมาว่า “พาเด็ก ๆไปด้วยเถอะ มีฉันอยู่ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น!”

“ขี้โม้ ครั้งนี้ออกมาคนขี้เกียจอย่างแกแม้แต่อุ้งมือยังไม่ยอมขยับเลยด้วยซ้ำ คาดหวังกับแกสู้พึ่งพาตัวเองยังจะดีกว่าอีก!”

เหมยเหมยโมโหจนพ่นน้ำลายกระเด็นใส่คุณชายฉิวไปทั้งตัว ตอนอยู่คฤหาสน์จอบส์เสวี่ยเอ๋อร์ยังพอให้ความช่วยเหลือบ้าง แต่คุณชายฉิวผู้เกียจคร้านแทบจะไม่ทำอะไรเลย แถมยังมีหน้ามาโม้อีก?

ฉิวฉิวสะบัดหางไปมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นี่ไม่ใช่สถานการณ์ถึงขั้นคอขาดบาดตายไม่ใช่เหรอ? แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ เธอก็เห็นว่ามีครั้งไหนบ้างที่ฉันไม่ลงมือช่วย? ใจร้ายจริง ๆ!”

……

เหมยเหมยที่ถูกฉิวฉิวล้างสมองก็พาเด็ก ๆกลับมา จากนั้นก็ป่าวประกาศข่าวใหญ่ว่า “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพาเด็ก ๆไปด้วย!”

……………………………………..

 ตอนที่ 2544 สองบุคลิก

“ในสมองของคุณมีแต่น้ำทะเลเหรอ? คุณนึกว่าไปพักร้อนเหรอ? กลับพาเด็กมาด้วย…คุณนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ…”

แม้เคย์โกะจะโกรธมากแต่ก็ระงับไฟโทสะไว้ ใช้เหตุผลคุยด้วยอย่างมีสติแต่กลับใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้อ่อนโยนขนาดนั้น ขาดแค่ชี้นิ้วด่าเหมยเหมยว่าคุณเป็นคนบ้าแล้ว!

“ฉันคิดมาดีแล้ว ให้เด็ก ๆได้เรียนรู้ถึงความชั่วร้ายของสงครามตั้งแต่เล็ก อนาคตเติบโตไปจะได้พยายามห้ามไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีก!” เหมยเหมยพูดเหลวไหลไปยาวเหยียด

“เรียนรู้บ้าอะไรของคุณ! Shit…คุณนี่มันบ้าชัด ๆ…ไม่สิ คุณไม่คู่ควรเป็นแม่คน…คุณอยากรนหาที่ตายเองฉันไม่ห้าม แต่คุณอย่าพาเด็กไปด้วย ฉันไม่มีทางอนุญาตแน่นอน…”

เคย์โกะตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพ่นออกมาเป็นภาษาอังกฤษซึ่งบุคลิกต่างไปจากความอ่อนโยนเรียบร้อยในวันวานอย่างสิ้นเชิง ราวกับสาวเปรี้ยวตามท้องถนนจนเหมยเหมยมองตาค้างไปเลยทีเดียว

โอ้โห…ผู้หญิงคนนี้ก็โดนผีสิงร่างเหมือนกันหรือ?

“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ยังเป็นเคย์โกะอยู่หรือเปล่า?” เหมยเหมยถามด้วยความระมัดระวัง

“ฉันยังสบายดี ตอนนี้เป็นคุณเองต่างหากล่ะ สรุปว่าฉันไม่มีทางอนุญาตให้คุณพาเด็กไปด้วยแน่ ๆ!”

เคย์โกะปัดมือที่กำลังโบกไปมาตรงหน้าลงแล้วกลับไปพูดภาษาจีนเหมือนเดิมพร้อมกลับไปเป็นคุณนายโยโกยามะผู้อ่อนโยนสูงสง่าเรียบร้อยคนเดิม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้มันช่างน่าทึ่งเสียจริง!

ยูทากาฮาชิเห็นแล้วก็นึกขำ คิดถึงพี่สาวที่ซิ่งรถในวันวานเสียจริง!

หลังจากแต่งเข้าตระกูลโยโกยามะก็เปลี่ยนเป็นสตรีหญิงผู้อ่อนแอไร้จิตวิญญาณ เขาเห็นแล้วก็ช่างเจ็บใจเหลือเกิน!

“พี่สาวของคุณคงไม่ได้เป็นโรคดิสโซสิเอทีฟหรือเป็นพวกคนสองบุคลิกหรอกใช่ไหม?” เหมยเหมยถามยูทากาฮาชิด้วยความฉงน

เธอไม่เคยเจอผู้หญิงที่เปลี่ยนท่าทีง่ายดายเท่าเคย์โกะมาก่อนเลยจริง ๆ ภาพนี้มันประหลาดเกินไป!

“คนก่อนหน้านี้ต่างหากที่เป็นบุคลิกจริงของพี่สาวผม บุคลิกตอนนี้เป็นแค่หน้ากากที่สมบูรณ์แบบของเธอเท่านั้น ถ้าเวลาผ่านไปนานวันเข้าคุณก็จะชินเอง!”

ยูทากาฮาชิพูดยิ้ม ๆแฝงด้วยความระอาเล็กน้อย

ตระกูลโยโกยามะเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ ฉะนั้นกฎระเบียบก็มีมากที่สุดแล้วยังมีแต่ขนบธรรมเนียมเก่าแก่ ลำบากพี่สาวเสียจริง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขยเข้าใจพี่สาวเลยย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ชีวิตของพี่สาวคงแย่กว่านี้อีก!

“อย่านอกเรื่อง เรื่องนี้ฉันยืนกรานว่าขอคัดค้าน!” เคย์โกะพูดเน้นย้ำอีกประโยค

“คุณวางใจเถอะ ฉันจะทำร้ายเด็กได้อย่างไร ในเมื่อพาพวกเขาไปก็ต้องปกป้องพวกเขาได้ดีพอ คุณอย่าลืมสิ ฉันไม่ใช่คนทั่ว ๆไปเชียวนะ!”

เหมยเหมยขยิบตาให้เธอแล้วเผยรอยยิ้มปริศนายากจะคาดเดาได้ออกมา

เคย์โกะแปลกใจ เธอนึกถึงเหล่าบอดี้การ์ดในที่ลับตามที่สามีพูดถึงก็คิดว่าสาเหตุที่เหมยเหมยมั่นอกมั่นใจนักหนาอาจเป็นเพราะมีบอดี้การ์ดคอยดูแลปกป้องอยู่ เช่นนี้ก็พอจะวางใจได้!

แต่ก็ยังอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กมัวทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ภรรยาแสนสวยกับลูก ๆเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ใจใหญ่เกินไปหรือเปล่า!

ยูทากาฮาชิพูดดับฝันหวาน “ทีมแพทย์ไม่มีทางตกลงให้คุณพาเด็กไปด้วยหรอก มันวุ่นวายเกินไป!”

พาเด็กสองคนไปด้วยมันเข้าท่าตรงไหนกัน?

“ฉันบริจาคเงินให้ทีมแพทย์ของพวกคุณได้ ห้าล้านดอลลาร์พอไหม? บริจาคตอนนี้เลย!”

เหมยเหมยควักเอาเช็คออกมาทันที นี่เป็นบัญชีส่วนตัวยูบีเอสของเธอโดยเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนเปิดบัญชีนี้ให้ ข้างในมีเงินเท่าไรเธอไม่ทราบแต่เงินห้าล้านดอลลาร์น่าจะพอมีอยู่

ยูทากาฮาชิกับเคย์โกะแลกเปลี่ยนสายตาด้วยความฉงน พวกเขาดูออกว่าเช็คของเหมยเหมยมาจากธนาคารยูบีเอสตั้งแต่แวบแรกแล้ว ลูกค้าที่สามารถครอบครองเช็คเปล่าได้ต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสิทธิ์ใช้สมุดเช็ค

จ้าวเหมยคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?

รู้สึกลึกลับดีจัง!

………………

ตอนที่ 2541 จะต้องไปที่ตะวันออกกลาง

เหมยเหมยมองดูโปสการ์ดทำมือที่สวยงามพวกนี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าหานเหมยก็คือเหมยซูหานแน่นอน!

เพราะเหมยซูหานก็ชอบเอากิ่งไม้มาทำเป็นโปสการ์ด แล้วก็เป็นภาพประมาณนี้ด้วย

แต่เธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเพราะต้องเจอตัวจริงถึงจะรู้ ขอแค่ได้เจอหานเหมยตัวจริงเธอต้องชี้ขาดได้อย่างแน่นอน

แต่ว่าตอนนี้ตะวันออกกลางวุ่นวายขนาดนั้น ทันทีที่พลาดนิดเดียวก็อาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เธอจำเป็นจะต้องไปเสี่ยงขนาดนั้นเลยเหรอ?

อีกอย่างยังมีเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่ออีก เธอจะพาเด็ก ๆไปที่เสี่ยงอันตรายตลอดไม่ได้หรอกมั้ง?

แต่ถ้าหากเป็นเหมยซูหานจริง ๆ เขาเป็นคนรักสันโดษ คนที่นั่นต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ถึงแม้สภากาชาดจะสามารถคุ้มครองเขาได้สักพักแต่คงไม่สามารถคุ้มครองได้ตลอดชีวิต หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาเหมยซูหานคงจบเห่แน่

พอนึกถึงวิธีที่คนศาสนาอิสลามลงโทษผู้หญิงที่ทำผิดในข่าวก่อนหน้านี้ เหมยเหมยก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่เหมยซูหาน แต่ผู้หญิงที่ต้องตายไปอย่างนั้นก็น่าสงสารมากจริง ๆ!

หากว่าเป็นเหมยซูหานจริง ๆก็ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่!

เหมยเหมยคิด ๆดูแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจถามยูทากาฮาชิไปว่า “บอกฉันได้ไหมว่าตอนนี้หานเหมยอยู่ที่ไหน? ฉันอยากจะไปเจอเขา!”

เคย์โกะตกใจ “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ที่นั่นเป็นเขตสงคราม ผู้หญิงตัวคนเดียวไปที่นั่นจะไม่เป็นการไปรนหาที่ตายหรอกเหรอ?”

ยูทากาฮาชิก็กล่าวโน้มน้าวว่า “ผมเตือนว่าคุณอย่าไปดีกว่า ขนาดผมคนเดียวยังไม่กล้าไปเลย ผมไปพร้อมกับสภากาชาดเพราะพอจะรับประกันความปลอดภัยได้บ้าง ที่นั่นเหมือนนรกบนดินชัด ๆ คุณรับไม่ได้หรอก!”

“แต่ฉันอยากเจอหานเหมย คุณยูทากาฮาชิคะ ขอถามหน่อยค่ะว่าพอมีวิธีไหนที่ทำให้เหมยหานมาที่นี่ได้บ้างไหมคะ? ฉันออกเงินเอง ไม่ว่าเท่าไรก็ไม่เกี่ยง” เหมยเหมยเริ่มลังเลใจ แม้แต่ยูทากาฮาชิยังบอกว่าเป็นนรกบนดิน หรือว่าเธอไม่ควรจะไปนะ!

ยูทากาฮาชิส่ายศีรษะเบา ๆ “นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน หานเหมยเป็นคนที่นั่น ฉะนั้นจึงพาตัวออกมาไม่ได้ แม้แต่ทีมแพทย์ของเราก็ทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้ก่อการร้ายติดอาวุธตรงนั้นตามฆ่า”

“หรือว่าให้ฉันสร้างตัวตนปลอมให้กับหานเหมย ใช้ตัวปลอมปกปิดตัวตนที่แท้จริงแบบนี้ได้ไหม?” เหมยเหมยคิดหาหนทาง

แต่ยูทากาฮาชิก็ยังคงส่ายศีรษะฝืนยิ้มออกมา “พวกเราคิดมาทุกวิถีทางแล้ว สถานะของหานเหมยค่อนข้างพิเศษ พ่อของเธอเป็นหัวหน้าทัพกองหนุนแต่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว หัวหน้าที่ขึ้นแทนในตอนนี้เป็นคู่หมั้นของหานเหมย แต่หานเหมยไม่ชอบคู่หมั้นของตัวเอง เธอก็เลยหนีออกมาแล้วมาขอความช่วยเหลือจากสภากาชาด!”

“เห็นแก่หน้าพ่อของเธอ คู่หมั้นของเธอเลยไม่ได้บีบบังคับอะไร แต่ถ้าหานเหมยหนีออกมาจากที่นั่นคงถูกคู่หมั้นตามฆ่าแน่นอน!”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น นึกไม่ถึงว่าชีวิตของหานเหมยจะมีความซับซ้อนขนาดนี้ ลำบากแล้วสิ!

“ในอนาคตหานเหมยก็ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นงั้นเหรอ? ถอนหมั้นได้ไหม?”

“เหมยหานมีแค่สองทางเลือก ถ้าไม่แต่งงานกับคู่หมั้นก็ต้องตาย เธอไม่มีทางเลือกอื่น เรื่องถอนหมั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ที่นั่นไม่อนุญาตให้ผู้หญิงถอนหมั้น อีกอย่างหานเหมยก็ไม่มีญาติผู้ใหญ่เหลือเลยสักคน เธอเหลือตัวคนเดียว ใครจะเป็นคนช่วยถอนหมั้นแทนเธอล่ะ?”

ยูทากาฮาชิถอนหายใจ เขารู้สึกสงสารหานเหมยจับใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ

“ฉันต้องไปที่นั่น บางทีฉันอาจจะมีวิธีช่วยหานเหมยออกมาได้”

เหมยเหมยกลับมาแน่วแน่อีกครั้ง จิตวิญญาณรักความเสี่ยงที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกทำให้เลือดในตัวไหลพลุ่งพล่าน นรกบนดินก็นรกบนดินเถอะ!

เธอกล้าฆ่าโรคจิตที่น่ากลัวยิ่งกว่าซาตานมาแล้ว แล้วยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก!

แต่ว่าจะพาเด็ก ๆไปด้วยไม่ได้แน่นอน

เธอจะต้องหาวิธีส่งเด็กกลับบ้าน แต่ว่าต้องหลังจากที่เธอขึ้นเครื่องบินไปแล้วเพราะเธอไม่อยากเจอหน้าเหยียนหมิงซุ่น!

…………………………………………

 ตอนที่ 2542 ไม่มีทางที่คุณอาจะเป็นผู้หญิง

เคย์โกะนึกไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะบ้าระห่ำขนาดนี้จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “คุณไม่คิดถึงตัวเองก็ควรคิดถึงเด็ก ๆบ้างสิ? คุณจะพาเด็ก ๆไปเสี่ยงอันตรายงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ ฉันจะไปเองคนเดียว ส่วนเด็ก ๆฉันจะส่งไปที่สถานทูต จากนั้นจะมีคนส่งพวกเขากลับบ้าน”

เหมยเหมยวางแผนไว้หมดแล้ว พอไปถึงสถานทูตค่อยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขามารับเด็ก ๆ จากนั้นเธอก็จะนั่งเครื่องไปตะวันออกกลางแบบให้ไม่ทันตั้งตัว เหยียนหมิงซุ่นอย่าคิดว่าจะได้เจอเธอเลย!

“ไม่อยากกลับบ้าน…แม่…หนูอยากไปด้วย!”

เล่อเล่อกระดิกหูน้อย ๆของเธอ แม่จะหนีไปเที่ยวคนเดียวงั้นเหรอ?

ทำอย่างนั้นได้ไง?

เธอไม่มีทางกลับบ้านอย่างแน่นอน ตามแม่ไปยังมีเนื้อให้กิน เธอยืนยันไม่กลับไปแน่นอน!

“ไม่ดื้อนะ ที่ที่แม่ไปกำลังมีสงครามอยู่ ไม่มีเนื้อให้กิน หนูกับพี่ชายกลับบ้านไปก่อน รอแม่กลับมาค่อยพาพวกหนูไปเที่ยวดีไหม?” เหมยเหมยพยายามพูดโน้มน้าวลูกสาว

แต่เล่อเล่อไม่ได้ว่าง่ายขนาดนั้น เธอส่ายศีรษะไม่หยุดพร้อมจับชายเสื้อของเหมยเหมยไว้แน่นเพราะกลัวว่าแม่จะแอบหนีไปจนทำเอาคนที่เห็นไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าคุณจ้าวอยากจะไปหาหานเหมยจริง ๆก็รออีกสักสามสี่วัน เพราะว่าอีกสามสี่วันเพื่อนของผมจะมาหาผมที่นี่แล้วถึงจะไปตะวันออกกลาง เขาก็เป็นแพทย์สนามเหมือนกัน คุณจะได้ไปที่นั่นพร้อมกับเพื่อนของผม แบบนี้จะได้ปลอดภัยกว่า”

ยูทากาฮาชิเห็นเหมยเหมยตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงช่วยคิดหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุดให้เธอ เขากับเพื่อนต่างก็อยู่ในทีมแพทย์ของสภากาชาด ตำแหน่งค่อนข้างสูงอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อการร้ายฝ่ายไหนปกติจะไม่ลงมือกับหมอเป็นอันขาด!

“ได้…ขอบคุณคุณมาก!”

เหมยเหมยรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

เพื่อนของยูทากาฮาชิก็เป็นคนญี่ปุ่นแต่ว่าอาศัยอยู่ที่เกียวโต เขาชื่อฟุจิตะเป็นรุ่นพี่ของยูทากาฮาชิ ถือว่าเป็นผู้เบิกทางให้แก่เขา เพราะเขาเลยทำให้ยูทากาฮาชิไปเป็นแพทย์สนาม

คุณฟุจิตะคนนี้จะมาที่นี่อีกประมาณสี่วันข้างหน้า สี่วันนี้เหมยเหมยจึงไปเที่ยวในเมืองโอซากะ ครั้งที่แล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่าค่อนข้างน่าเสียดาย

“คุณน้า…ทำไมคุณน้าต้องไปที่นั่นด้วย?”

สามแม่ลูกกำลังเดินกันอยู่ จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็ถามขึ้นพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้

“เพราะว่าน้ารู้สึกสงสัยในตัวผู้หญิงที่ชื่อหานเหมยคนนั้น น้ารู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นคนที่น้ารู้จักก็เลยอยากลองไปเจอกับตาตัวเอง” เหมยเหมยไม่ได้ปิดบังแล้วพูดความจริงออกมา

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วสวย ๆของตน คุณน้ารู้จักหานเหมยด้วยเหรอ?

แต่ว่าคุณน้าไม่เคยไปตะวันออกกลางเลยนะ!

เขาเคยไปมาก่อนแต่ไม่ใช่ตรงเขตสงคราม ทว่ากลับเป็นประเทศที่ค่อนข้างสงบ พ่อเคยพาเขาไปเที่ยว

อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าก็นึกอะไรออกแล้วนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เขาถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณน้าครับ หานเหมยเป็นเพื่อนของน้าที่เสียชีวิตไปแล้วงั้นเหรอ?”

“ใช่…เสี่ยวเป่าฉลาดจริง ๆ น้าสงสัยว่าเขาน่าจะโดนวิญญาณสิงร่างเลยอยากไปเห็นกับตาตัวเอง น้าจะไปช่วยเขาออกมา!” เหมยเหมยหยิกแก้มเสี่ยวเป่าเบา ๆ เธอทำท่าทางประมาณว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆราวกับเป็นแม่หมอ ทำเอาเสี่ยวเป่าทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

แต่เขาไอคิวสูงจึงเดาความคิดของเหมยเหมยได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีแล้วถามขึ้นว่า “คุณน้า หรือว่าคุณน้าคิดว่าหานเหมยคือคุณอา?”

คนที่คุณน้ารู้จักเขาก็แทบจะรู้จักหมด คนที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่กี่ปีนี้ก็มีแค่คุณอาเท่านั้น!

หรือว่าคุณน้าจะคิดว่าคุณอาไปเข้าร่างพี่สาวคนนั้นงั้นเหรอ?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

คุณอาคงไม่ได้โง่เหมือนคุณน้าขนาดนั้นหรอก!

เหมยเหมยหยิกแก้มเสี่ยวเป่าอีกครั้งพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว น้าคิดว่าเขาก็คือคุณอาของเรานั่นแหละ!”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคุณอา คุณอาไม่มีทางไปเป็นพี่สาวหรอก!” เสี่ยวเป่ามั่นใจเป็นอย่างมาก คุณอาเป็นผู้ชาย แล้วจะกลายเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?

เหมยเหมยเลิกคิ้วแล้วยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ เธอพึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องนี้ก็ไม่แน่ คุณอาของเธออาจจะอยากเป็นผู้หญิงมาก ๆก็ได้!”

………………………….

ตอนที่ 2539 บะหมี่ผักกาดดอง

บ้านของเคย์โกะอยู่ที่โอซาก้า เป็นบ้านที่งดงามมาก มีสวนดอกไม้ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน การตกแต่งบริเวณรอบ ๆเป็นสไตล์ยุโรปที่ให้ความรู้สึกสบาย ๆแตกต่างจากครอบครัวท้องถิ่นแบบดั้งเดิม

“ฉันและสามีต่างเรียนที่อเมริกาค่ะ เราพบรักกันที่อเมริกาด้วยเช่นกัน ดังนั้นสไตล์การใช้ชีวิตของพวกเราจึงสบาย ๆ ผู้ใหญ่ในบ้านจึงไม่ค่อยชื่นชอบมากนัก พวกเราจึงย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเลย” เคย์โกะอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

“พอย้ายออกมาก็เป็นอิสระมากขึ้น ตอนอยู่กับผู้ใหญ่จะเคร่งครัดมาก เพราะอย่างไรก็ตามครอบครัวหนึ่งก็มีนายหญิงได้แค่คนเดียว!”

เหมยเหมยเข้าใจดี แม้ว่าคุณย่าหยางจะเป็นคนใจกว้างแต่บางครั้งก็ให้ความรู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ไม่สบายเหมือนกับเมื่อก่อน แต่คุณย่าก็แก่ตัวมากแล้ว ถ้าให้แยกกันอยู่ก็คงไม่สบายใจ

“สามีของฉันเขาไปทำงานแล้วค่ะ ส่วนน้องชายของฉันน่าจะเดินเล่นอยู่แถวนี้ เดี๋ยวฉันไปถามคุณป้าก่อนนะคะ!”

เคย์โกะไม่เห็นน้องตัวเองจึงวิ่งไปถามคนใช้ที่สวนหลังบ้าน เขาไปเดินเล่นตามคาดจริง ๆด้วย

“พี่อิจิโร่ล่ะคะ? เขาไม่อยู่บ้านเหรอคะ?” เล่อเล่อหาตั้งนานแต่ไม่เจอจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เสี่ยวเป่าอดไม่ได้ที่จะเบะปากพลาง

ทำไมคุณป้าถึงกลับมาที่นี่อีกแล้วนะ?

ไปเที่ยวยุโรปดีกว่าตั้งเยอะ เฮ้อ!

“พี่อิจิโร่ไปเรียนหนังสือแล้ว ตอนเย็นก็ได้เจอกันแล้วนะ!”

เคย์โกะบีบแก้มของเล่อเล่ออย่างเบามือแต่ก็ยังรู้สึกไม่พอจึงบีบต่ออีกหลายครั้ง ทั้งแก้มป่องทั้งนิ่ม เพลินดีจริง ๆ!

หรือว่าเธอจะมีลูกสาวน่ารักเหมือนเล่อเล่อเพิ่มอีกสักคนดีนะ?

หลังจากนั้นผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มีคนกลับมา เหมยเหมยได้ยินเสียงดังมาจากห้องโถง เคย์โกะรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “น้องชายฉันกลับมาแล้วค่ะ”

พอสิ้นเสียงก็มีคนเดินเข้ามา เขาเป็นชายหนุ่มที่สง่างามมาก แขนข้างขวามีผ้าคล้องอยู่ ช่วงบริเวณคิ้วมีความคล้ายคลึงกับเคย์โกะมาก พอเห็นเหมยเหมยเขาก็ตกตะลึงค้างไปพักหนึ่งแต่ไม่ช้าเขาก็ก้มโค้งคำนับอย่างสุภาพ

“นี่ก็คือจ้าวเหมย คนที่ช่วยอิจิโร่ไว้และลูกของเธอ เหมยเหมยนี่น้องชายของฉันค่ะ ยูทากาฮาชิ” เคย์โกะแนะนำ

“สวัสดีครับ ขอบคุณคุณมากจริง ๆนะครับ!”

ยูทากาฮาชิโค้งก้มต่ำ เหมยเหมยรีบตอบด้วยความสุภาพ “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกค่ะ”

เคย์โกะบอกถึงเหตุผลที่เหมยเหมยมาที่นี่ “จริง ๆฉันก็สนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นมากเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องดูแลที่บ้าน เธอยังอยากจะไปหาตัวจริงที่นั่นเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะน่าทึ่งอย่างที่พูดไว้จริงไหม!”

“น่าทึ่งจริง ๆครับ อีกอย่างหานเหมยทำกับข้าวเก่งมาก แค่ซังเฟยพูดถึงอาหารฮวาเซี่ยไม่กี่อย่างเธอก็สามารถทำมันออกมาได้แล้ว แถมรสชาติก็เยี่ยมมากเลยครับ เพราะมีเธอที่นั่นถึงทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นมาก”

ยูทากาฮาชิยิ้มน้อย ๆแต่รอยยิ้มกลับมีความเศร้าหมอง

เขาไม่สามารถที่จะยืนเคียงไหล่ร่วมต่อสู้ไปกับผองเพื่อนได้แล้ว!

เหมยเหมยเริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้มากขึ้นกว่าเดิม หานเหมยคนนี้ไม่ใช่คนเดิมแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าวิญญาณในร่างของเธอเป็นแบบไหนกันแน่?

จะเป็นแบบที่เธอคิดหรือเปล่านะ?

“เธอทำอาหารอะไรเป็นบ้างคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความสงสัย

“ก็อาหารทั่ว ๆไป อย่างเช่นหมูเส้นผัดพริก ผัดมะเขือ แล้วก็หมูตุ๋นน้ำแดงประมาณนี้แหละครับ ผมชอบกินผัดมะเขือมากที่สุด แล้วก็บะหมี่ที่เธอต้มอร่อยมาก แต่ว่าต้องใช้เครื่องปรุงพิเศษมากชนิดหนึ่ง เครื่องปรุงนี้มีชื่อที่ไพเราะมาก ชื่อว่าผักกาดหิ่น”

ยูทากาฮาชิพูดไปก็น้ำลายไหลไป เขารู้สึกว่าหานเหมยช่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่เพียงแต่อาหารที่อร่อย ชื่ออาหารก็ยังไพเราะมากด้วย

“ที่ตะวันออกกลางก็มีผักกาดหิ่นด้วยเหรอคะ?” เหมยเหมยสงสัยมาก

“แน่นอนว่าไม่มีครับ ซังเฟยเป็นคนเอามาให้ หานเหมยใช้มันต้มบะหมี่เรียกว่าบะหมี่ผักกาดดอง รสชาติอร่อยมากทีเดียว!” ยูทากาฮาชิอดไม่ไหวจนเลียริมฝีปากล่าง

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก บะหมี่ผักกาดดองงั้นหรือ?

……………………………………….

ตอนที่ 2540 ใช่เหมยซูหานหรือเปล่า

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก บะหมี่ผักกาดดองเป็นชื่อเรียกของคนทางใต้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ซังเฟยจะเป็นคนสอนหานเหมย ซังเฟยเป็นคนทางเหนือแท้ ๆ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้แม้แต่ไข่ดาวก็ยังทอดไม่เป็นเลย

ดังนั้น…จึงเป็นไปไม่ได้ที่ซังเฟยจะเป็นคนสอนหานเหมยทำอาหาร

แต่ซังเฟยเป็นคนชอบกินจริง ๆเพราะเธอไปมาหลายที่ อาหารเลิศรสก็กินมาไม่น้อย พอพูดถึงก็สามารถเล่าได้เป็นฉาก ๆแต่ถ้าให้ทำก็คงเละไม่เป็นท่า

แต่สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยตกใจก็คือในความทรงจำของเธอมีคน ๆหนึ่งก็ชอบบะหมี่ผักกาดดองเช่นกันและทานเป็นอาหารเช้าเสมอด้วย

“พ่อชอบกินบะหมี่ผักกาดดองมากเลยครับ แต่ตอนนี้คุณอาไม่อยู่แล้วเลยไม่มีคนทำให้พ่อทาน!” เสี่ยวเป่าพูดเสียงเศร้า

ทำไมหามานานขนาดนี้ก็ยังหาคุณอาไม่เจอสักทีนะ?

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คล้ายกับคุณอาของเขามากแต่กลิ่นนั้นเป็นพลังหยิน เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้หญิง แต่คุณอาเป็นผู้ชาย ดังนั้นจะต้องไม่ใช่คุณอาอย่างแน่นอน!

เฮ้อ…ไม่รู้ว่าคุณอาไปเที่ยวที่ไหนแล้ว?

เหมยเหมยลูบศีรษะเสี่ยวเป่าเบา ๆ ใจเต้นระส่ำมากขึ้นกว่าเดิม คนที่เธอเดาก็คือเหมยซูหานเช่นกัน

เพราะว่าเหมยซูหานชอบบะหมี่ผักกาดดองมากที่สุด ทุกวันตอนเช้าจะต้องทานสิ่งนี้เป็นมื้อเช้าไม่เคยเบื่อเลย อีกอย่างฝีมือการทำบะหมี่ของเหมยซูหานก็ดีมาก แต่ก็ทำได้ดีแค่บะหมี่ผักกาดดองอย่างเดียว บะหมี่ที่ทำออกมามีรสชาติเฉพาะตัว ซึ่งแม้กระทั่งเธอก็ชอบทานมากเช่นกัน

“คุณทากาฮาชิคะ…เด็กผู้หญิงที่ชื่อหานเหมยนี่มีงานอดิเรกอะไรเป็นพิเศษไหมคะ? อย่างเช่น เธอชอบกินอะไร หรือว่าชอบทำอะไร?” เหมยเหมยถามขึ้น

เคย์โกะมองเธอด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกได้ถึงความรีบร้อนของเหมยเหมยราวกับว่าสนใจในตัวเด็กผู้หญิงตะวันออกกลางคนนี้มาก

จู่ ๆ ยูทากาฮาชิก็หัวเราะออกมา “จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อว่าหานเหมยน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ เธอเหมือนไม่มีสัญชาตญาณของความเป็นผู้หญิงมักจะเข้าห้องน้ำผิดอยู่บ่อย ๆ และเธอก็มักจะมีปัญหาในการจัดการปัญหาเฉพาะของสาว ๆบ่อยครั้งนักจนต้องให้ซังเฟยช่วยสอนเธอว่าใช้พวกสุขภัณฑ์อย่างไร เธอถึงค่อย ๆใช้เป็น ไม่รู้จริง ๆว่าที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างไร?”

เคย์โกะก็หัวเราออกมาเช่นกัน “บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอไม่มีโอกาสได้รู้วิธีที่จะใช้ของพวกนี้ละมั้ง?”

“ไม่ใช่แค่สาเหตุนี้นะ ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่หานเหมยมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ อีกอย่างเธอไม่ชอบกินอาหารพื้นเมืองแต่ชอบกินอาหารฮวาเซี่ยมากกว่าผมเสียอีก โดยเฉพาะบะหมี่ผักกาดดองนั่น ทุกครั้งที่ต้มเสร็จมักจะเป็นเราสองคนที่แย่งกันกิน ต่อมาผักกาดหิ่นที่ซังเฟยเอามาใช้หมดแล้ว หานเหมยเลยหิวโหยแทบตาย!”

ยูทากาฮาชิพูดไปก็ยิ้มไป พอมองออกว่าเขาชอบหานเหมยมากทีเดียว แต่ทว่าไม่ใช่ความสัมพันธ์รักแบบชายหญิงแต่เป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น

“พวกคุณดูสิ นี่เป็นของขวัญที่หานเหมยให้กับผม โปสการ์ดที่เธอทำขึ้นเอง นี่เป็นพืชที่มีแค่ในพื้นที่นั้น สวยมากเลยใช่ไหมล่ะครับ?”

ยูทากาฮาชิพูดไปก็ติดลมจึงวิ่งไปที่ห้องของเขาแล้วหยิบโปสการ์ดอีกหลายใบมาให้พวกเหมยเหมยดู โปสการ์ดทำเองจากมือและวัสดุทั่วไปแต่กลับเป็นสิ่งที่ทำด้วยใจ

หลังจากใบไม้ที่สวยงามสองสามใบแห้งแล้วก็เอากาวติดแปะลงบนกระดาษอย่างประณีตเพื่อสร้างลวดลายที่ไม่เหมือนใคร แถมตกแต่งด้วยใบหญ้าบาง ๆฝังไว้ตรงกลางช่วยเพิ่มสุนทรียภาพทางศิลปะให้โปสการ์ด

“สวยงามมากจริง ๆ…ยูเธอให้พี่สักใบได้ไหม?”

เคย์โกะรู้สึกชอบมากจนละสายตาไม่ได้เลยจึงขอน้องชายสักใบ แต่ทว่ายูทากาฮาชิกลับแย่งกลับมา “ไม่ได้หรอก นี่เป็นของขวัญที่หานเหมยให้กับผม ผมจะต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ว่าวันหลังผมขอให้หานเหมยทำให้พี่ใหม่ได้นะ!”

“โอเค รอคอยโปสการ์ดของฉันจังเลย เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างมีฝีมือจริง ๆ ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอจัง!” เคย์โกะถอนหายใจด้วยความเสียดาย

แต่เหมยเหมยกลับจมอยู่ในความคิด ความคิดกำลังต่อสู้กันอยู่ในหัวอย่างสับสน เธอจะไปตะวันออกกลางสักรอบดีไหมนะ?

…………………………….

ตอนที่ 2537 ผีเข้าสิงร่าง

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ หญิงสาวชาวต่างชาติที่ไม่เพียงแต่มีลักษณะเหมือนชาวตะวันออกแต่ยังพูดภาษาฮวาเซี่ยได้อย่างคล่องแคล่วด้วย ไม่สิ แค่เดือนเดียวก็สามารถพูดภาษาฮวาเซี่ยได้อย่างคล่องแคล่ว

ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนความจริงเลยสักนิด!

“เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะทางภาษาเหรอคะ?” มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น

“ฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ แต่น้องชายฉันบอกว่านอกจากเด็กผู้หญิงคนนี้ภาษาฮวาเซี่ยและภาษาอังกฤษที่เรียนได้ไวแล้ว ภาษาอื่น ๆก็เหมือนคนทั่วไป น้องชายของฉันตั้งใจสอนภาษาญี่ปุ่นให้เธอโดยเฉพาะ คุณหมอชาติอื่น ๆก็สอนภาษาฝรั่งเศส เยอรมันให้เธอ แต่ถึงแม้ว่าการเรียนรู้ของเธอไม่ถือว่าช้าแต่ก็ถืออยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงให้ความรู้สึกว่าเธอพูดภาษาฮวาเซี่ยและภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่เกิดมากกว่า”

เคย์โกะรู้สึกสงสัยในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถไปหาตัวจริงที่ตะวันออกกลางได้ ไม่เช่นนั้นต้องไปคุยกับเธอเองอย่างแน่นอน

“น้องชายฉันยังบอกอีกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้แม้จะอายุแค่ 14 แต่เรียนรู้ได้ไวมากเหมือนกับผู้ใหญ่ เธอยังดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างกล้าหาญโดยไม่ลังเลที่จะต่อสู้กับประเทศ…”

น้ำเสียงของเคย์โกะเต็มไปด้วยความชื่นชม ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอคงไม่กล้าต่อกรกับประเทศขนาดนั้นอย่างแน่นอน!

“ถ้าอย่างนั้นเธอยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้เหรอ?” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะกังวล

ทางตะวันออกกลางนับถือศาสนาอิสลามและสถานภาพของผู้หญิงก็ต่ำต้อยมาก เด็กผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะดึงผ้าคลุมหน้าออกเพื่อต่อต้านศาสนา เกรงก็แต่จะโดนคนในพื้นที่แก้แค้นเอาได้น่ะสิ?

“คงจะอยู่ไม่ได้แน่นอนค่ะ แต่เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นพยาบาลที่สภากาชาดสากล และด้วยการสนับสนุนจากสภากาชาดสากลก็คงจะทำให้เธอปลอดภัยไปได้สักพักหนึ่งค่ะ!”

“แต่นั่นก็ไม่ใช่ในระยะยาวนะคะ” เหมยเหมยรู้สึกกังวลกับอนาคตของเด็กผู้หญิงคนนี้มากเพราะเรียกได้ว่าเธอเป็นคนทรยศต่อคนในพื้นที่นั้น ซึ่งการปฏิบัติต่อคนทรยศที่นั่นก็ช่างโหดเหี้ยม โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อผู้หญิง วิธีการลงโทษทำเอาคนโกรธได้เลย!

ไม่รู้ทำไมเหมยเหมยรู้สึกอยากช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ทั้งประหลาดและกล้าหาญคนนี้มากนัก และก็อยากเจอเธอมากด้วย

แต่เมื่อคิดถึงความวุ่นวายในตะวันออกกลางเธอก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เธอพาเด็กน้อยสองคนไปเที่ยวในที่ที่ปลอดภัยดีกว่า!

“เหมยเหมยคุณรู้ไหม? สิ่งที่ทำให้ฉันสงสัยที่สุดคือจู่ ๆเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ตั้งชื่อภาษาฮวาเซี่ยที่ไพเราะมากให้กับตัวเองซึ่งบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทกวีโบราณจนทำให้ทุกคนต้องมองเขาใหม่จริง ๆ” เคย์โกะพูดต่อ

“เธอรู้จักบทกวีโบราณด้วยเหรอเนี่ย? ชื่ออะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยเลิกคิ้ว

“เธอเรียกตัวเองว่าหานเหมย เธอบอกว่าชอบกลอนท่อนหนึ่งของฮวาเซี่ยมาก กลิ่นหอมของดอกเหมยมาจากความเหน็บหนาวอันขื่นขมและดาบที่คมกริบมาจากการลับของคมดาบ คุณคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เก่งมากไหมคะ? ตั้งแต่เด็กฉันก็ชอบวัฒนธรรมของประเทศฮวาเซี่ยค่ะ แต่ทุกครั้งที่ต้องจำบทกวีโบราณ ฉันก็จะรู้สึกปวดหัวจึงมักจะลืมอยู่บ่อย ๆ แล้วยังมักจะสับสนอยู่เสมอด้วย ทว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กลับจำได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ช่างอัจฉริยะจริง ๆ…”

เคย์โกะพูดไม่หยุด รู้สึกปลาบปลื้มกับเด็กผู้หญิงตะวันออกกลางที่ชื่อหานเหมยคนนี้อย่างเหลือล้น

แต่สีหน้าของเหมยเหมยกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ใจเต้นตึกตักระรัว

หานเหมย?

แล้วยังรู้อีกว่ากลิ่นหอมของดอกเหมยมาจากความเหน็บหนาวอันขื่นขมและดาบที่คมกริบมาจากการลับคมดาบด้วยเหรอ?

ต่อให้เป็นไอน์สไตน์ก็คงไม่ได้เก่งขนาดนี้หรอกมั้ง?

หรือว่าเด็กคนนี้จะถูกผีสิงเข้าร่าง?

แล้วยังเป็นผีฮวาเซี่ยที่อยู่มาห้าร้อยปีสิงร่างด้วย?

ไม่สิ ผีแก่ที่อายุห้าร้อยปีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แน่ ๆ น่าจะเป็นผียุคใหม่มากกว่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นผีผู้ชายหรือผีผู้หญิง?

“เหมยเหมย สิ่งที่น่าสนใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือเธอมักจะไม่มีสัญชาตญาณของความเป็นผู้หญิง เธอมักจะเข้าห้องน้ำชายบ่อย ๆเพราะเข้าใจผิดอยู่หลายครั้ง…ช่างน่าขบขันจริง ๆ…”

เคย์โกะหัวเราะตัวโยน เหมยเหมยก็หัวเราะตาม แต่ไม่นานรอยยิ้มก็จางหายไปอย่างช้า ๆ ชะงักค้างอยู่แบบนั้น…

จู่ ๆเธอก็ผุดความคิดน่าเหลือเชื่อขึ้นมาอย่างหนึ่ง!

……………………………………….

ตอนที่ 2538 แผนร้ายของเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยตกใจกับความคิดของตัวเองและแอบก่นด่าตัวเองว่าไร้สาระ จะเป็นไปได้อย่างไร?

แต่ในหัวของเธอกลับตีกันเองราวกับมีเสียงหนึ่งคอยบอกว่าเรื่องเป็นอย่างนี้แหละ สิ่งที่เธอคิดถูกต้องแล้ว…

ไม่ได้การล่ะ เธอต้องไปเจอน้องชายของเคย์โกะเพื่อทำความเข้าใจเรื่องของหานเหมยมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเธอคงเที่ยวต่ออย่างเพลิดเพลินต่อไปไม่ได้แล้ว!

“คุณเคย์โกะตอนนี้น้องชายคุณอยู่ที่ไหนคะ? ฉันมีเรื่องอยากจะถามเขา”

“เขากำลังพักฟื้นอยู่ในประเทศค่ะ ถ้าคุณมาก็ดีเลยค่ะ เครื่องบินเที่ยวไหนคะ? ฉันจะไปรับคุณเอง!” เคย์โกะรู้สึกดีใจมาก ตอนอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งที่แล้วเธอรีบร้อนมากเกินไปเลยไม่ได้ทำการต้อนรับอย่างดีเท่าไร ครั้งนี้จะต้อนรับเป็นพิเศษเลย

เหมยเหมยเริ่มลังเล…เธอเพิ่งฆ่าคนที่ญี่ปุ่นไปนะ!

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตำรวจที่นั่นยังสืบหาคนร้ายอยู่หรือเปล่า?

“คือว่า…ฉันไม่ค่อยสะดวกไปหาคุณที่นั่นค่ะ ถ้าอย่างนั้นรอตอนน้องชายของคุณมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วค่อยไปเจอเขาแล้วกันดีไหมคะ?” เหมยเหมยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เธอเกรงว่าถ้าไปประเทศญี่ปุ่นอีกจะไม่เป็นการสะดวกสำหรับเธอ

เคย์โกะยังคงนิ่งแต่ก็สามารถเดาได้ถึงความกังวลและความหวาดกลัวของเหมยเหมยได้อย่างรวดเร็ว

“คุณมาได้อย่างสบายใจเลยค่ะ ฉันรับรองเลยว่าจะไม่มีใครกล้าเสียมารยาทกับคุณและและลูก ๆของคุณแน่นอน พวกเราครอบครัวโยโกยามะและทากาฮาชิยังคงมีอิทธิพลในประเทศนี้ค่ะจึงไม่มีใครกล้าเสียมารยาทกับแขกของพวกเราแน่นอน!”

เคย์โกะพูดด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง เหมยเหมยต้องฆ่าไอ้วิปริตนั่นก็เพื่อลูกของเธอ เธอจะต้องคุ้มครองเหมยเหมยรอบด้าน ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นคนเนรคุณมิใช่เหรอ?

อีกอย่างหากไอ้วิปริตนั่นไม่ตาย เธอก็ย่อมคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอ้คนโรคจิตที่กล้าทำร้ายลูกชายของเธออยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ได้อยู่ดี ทำให้เขาได้รับความทรมานจนตายไปในที่สุด!

“โอเคค่ะ ฉันจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินตอนนี้เลยแล้วก่อนขึ้นเครื่องฉันจะโทรหาคุณค่ะ!”

เหมยเหมยอยากได้รับการยืนยันในสิ่งที่เธอคาดเดาจริง ๆจึงเลือกที่จะเชื่อเคย์โกะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆอย่างมากเธอก็แค่เปิดเผยตัวตนแล้วให้เหยียนหมิงซุ่นมาแก้ปัญหาให้!

ถ้าไม่ใช้สามี หมดอายุก็ไร้ประโยชน์พอดีสิ!

ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องเช่นกัน  “ไปประเทศญี่ปุ่นอีกแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าเพิ่งไปเที่ยวมาหรอกเหรอ?”

“ดูเหมือนว่าจะได้รับคำเชิญจากคุณนายโยโกยามะครับ คุณผู้หญิงกำลังเตรียมขึ้นเครื่องแล้ว จะห้ามเธอไหมครับ?” ลูกน้องขอคำแนะนำ

เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดสักพักแล้วตอบว่า “ไม่ต้องหรอก ให้เธอไปเที่ยวเถอะ!”

ก่อนหน้านั้นเขาจงใจส่งคนไปสืบแล้ว คดีที่ไอ้โรคจิตถูกฆ่าถูกอิทธิพลของครอบครัวโยโกยามะปิดข่าวไว้แล้ว ซึ่งรายงานข่าวออกไปว่าตัวเบรกเกอร์มีอายุเก่ามากจนเกิดเป็นประกายไฟแล้วไฟคอกเขาตาย

ไม่มีใครมานั่งสนใจเหตุผลการตายของฆาตกรที่โหดเหี้ยมแบบนั้นหรอก ปีศาจชั่วแบบนี้ต่อให้ถูกไฟเผาเป็นแสนครั้งก็ยังไม่พอ!

ดังนั้นหากเหมยเหมยจะไปที่นั่นก็น่าจะไม่เป็นไร!

ต่อให้มีคนกล้าเสียมารยาทขึ้นมาจริง ๆ  ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนกินมังสวิรัติสักหน่อย พอดีกับโอกาสที่เขาจะได้ออกโรงด้วย!

สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเป็นประกายพลันคิดอยากให้ที่นั่นมีปัญหาเล็กน้อยเกิดขึ้นจริง ๆ เขาจะต้องรีบเป็นอัศวินไปช่วยสาวงามอย่างแน่นอน แสดงความสามารถให้เหมยเหมยเห็น ไม่แน่ว่าเหมยเหมยอาจจะยอมพาลูกกลับบ้านก็ได้!

ช่วงนี้เขาต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอด ช่างไม่ใช่ช่วงเวลาที่มนุษย์คนหนึ่งจะใช้ชีวิตได้เลย!

ใช้เวลาบินมากว่าสิบชั่วโมง ในที่สุดเหมยเหมยก็มาถึงโอซาก้า เคย์โกะถึงที่สนามบินนานแล้ว หลังจากสวมกอดกับเหมยเหมยก็พาเธอกลับบ้าน

“ตอนนี้น้องชายของฉันอาศัยอยู่ที่บ้านฉันค่ะ หัวใจของแม่ฉันไม่ค่อยแข็งแรงจึงให้ท่านรู้เรื่องนี้ไม่ได้ รอจนแผลหายดีก่อนแล้วค่อยปล่อยเขากลับบ้าน คุณก็ไม่ต้องไปพักที่โรงแรมหรอกค่ะ พักที่บ้านฉันนี่แหละ วางใจได้ค่ะ บ้านของฉันไม่มีผู้อาวุโส คุณจะไม่รู้สึกอึดอัดแน่นอน…”

เหมยเหมยฟังเคย์โกะพูดมาตลอดทางเลยอดยิ้มออกมาไม่ได้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนช่างพูดขนาดนี้ พูดตลอดทางไม่หยุดเลยจริง ๆ!

……………………………….

ตอนที่ 2535 เด็กผู้หญิงที่ลึกลับ

วิธีการพันผ้าของผ้าคลุมหน้านี้พิเศษมาก ๆเพราะเป็นวิธีที่กองทัพใช้ ถ้าพูดให้ถูกคือเป็นวิธีที่กองทัพในฮวาเซี่ยใช้กัน

เธอไม่รู้หรอกว่าเทคนิคการพันผ้าพันแผลของกองทหารประเทศอื่นใช้วิธีการใด แต่เหยียนหมิงซุ่นได้สอนความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเกี่ยวกับกองทหารฮวาเซี่ยกับเธอ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิธีการพันแผลฉุกเฉินซึ่งว่ากันว่าสามารถหยุดเลือดได้อย่างรวดเร็วและวิวัฒนาการมาจากสมัยโบราณ

ดังนั้นแล้ว…เด็กผู้หญิงตะวันออกกลางคนนี้รู้วิธีการพันแผลแบบนี้ได้อย่างไร?

สำหรับคนทั่วไปแล้ว การผูกเหมือนโบว์ธรรมดาน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ

เหมยเหมยชี้ไปที่เด็กผู้หญิงแล้วพูดกับเคย์โกะว่า “ถึงตอนนั้นคุณต้องถามน้องชายของคุณนะคะ ฉันสงสัยในตัวเธอจริง ๆ!”

เคย์โกะอุทาน “เป็นเธออีกแล้วนี่? ดูเหมือนกำลังวิ่งหนี…สงครามที่ชั่วร้าย…ไม่ใช่สิ…”

“ทำไมเหรอคะ? ตรงไหนที่ไม่ใช่คะ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“เด็กผู้หญิงคนนี้เอาผ้าคลุมหน้ามาพันแผลได้อย่างไรกัน? สำหรับผู้หญิงที่นั่นผ้าคลุมหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณดูผู้หญิงคนอื่นสิ แม้กำลังจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอดแต่ก็ไม่มีทางที่จะดึงผ้าคลุมหน้าออก มีแค่เธอเท่านั้น…”

เคย์โกะชี้ไปที่ผู้หญิงคนอื่นที่กำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกอยู่ในขณะที่พูด เหมยเหมยก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงเหล่านี้จะหวาดกลัวมากและกำลังตื่นตกใจแต่ผ้าคลุมหน้ากลับยังอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม มีเพียงเด็กผู้หญิงสวยคนนี้ที่ไม่เพียงแค่ดึงเอาผ้าคลุมหน้าออก แล้วยังเอามาพันแผลด้วย…

ช่างน่าแปลกจริง ๆ!

“ฉันหวังที่จะให้น้องชายของฉันรีบกลับมาจริง ๆ อยากรู้เรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนนี้จังเลย!”

เคย์โกะและเหมยเหมยมองหน้าพลางส่งยิ้มให้กัน พวกเธอรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น

เมื่อดูพวกภาพถ่ายเสร็จ โยโกยามะ คาวากุจิก็ขึ้นมาเรียกพวกเธอไปทานข้าว พวกเด็ก ๆสามคนได้ลงไปลิ้มรสเนื้อย่างชั้นเลิศนานแล้ว เล่อเล่อกินจนหน้าเธอมันแผล็บไปหมด หน้าจมอยู่ในจานข้าวไม่เงยขึ้นมาเลย

“อร่อยไหม?” อิจิโร่ยื่นจานให้เล่อเล่ออย่างกระตือรือร้น ตัวเองไม่ทันได้กินสักคำ

“อร่อยค่ะ พี่อิจิโร่ก็กินด้วยสิ”

เล่อเล่อพยักหน้าแรง ๆ เอาส้อมเสียบเนื้อชิ้นใหญ่ในจานขึ้นมาแล้วยื่นไปที่ปากของอิจิโร่ อิจิโร่กินเนื้อเข้าไปอย่างมีความสุข แววตาของเสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆหม่นขึ้นเล็กน้อย จิ้มเนื้อที่อยู่ในจานอย่างแรงแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ

ต้องให้คุณป้ารีบออกจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นน้องสาวคงถูกอิจิโร่น่ารำคาญนี่แย่งไปแน่ ๆ

เคย์โกะมองดูเด็ก ๆด้วยความโล่งอก ช่วงครึ่งเดือนมานี้ลูกชายไม่ค่อยจะยิ้มเท่าไร แต่วันนี้กลับยิ้มอย่างมีความสุข…ช่างดีจริง ๆ!

หลังจากทานอาหารกลางวันเต็มโต๊ะที่บ้านเคย์โกะเรียบร้อย เหมยเหมยก็กล่าวลาพร้อมกับบอกแผนการเดินทางของเธอ

“ช่วงปลายปีฉันน่าจะกลับฮวาเซี่ย วันหลังถ้าพวกคุณไปเที่ยวที่ฮวาเซี่ยก็ให้ฉันได้ทำหน้าที่เจ้าของบ้านอย่างเต็มที่นะคะ”

เหมยเหมยประทับใจในตัวเคย์โกะไม่น้อย นอกจากมารยาทที่มากไปหน่อย นิสัยใจคอก็เข้ากับเธอได้ดี และก็เหมือนกับเธอตรงที่รู้สึกเกลียดชังสงครามอย่างมาก

“ได้เลยค่ะ ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนหน่อยนะคะ!”

โยโกยามะ คาวากุจิให้คนขับรถส่งพวกเธอสามคนกลับโรงแรม อิจิโร่รู้สึกเสียใจที่เล่อเล่อต้องจากไป มีแค่เสี่ยวเป่าที่พยายามฝืนยิ้ม ในที่สุดก็สามารถออกห่างจากเจ้าน่ารำคาญนี้ได้สักที!

“ฉันสงสัยว่าซูซานชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อปลอม แล้วเธอก็ไม่น่าจะเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีนแน่ ๆ แต่น่าจะเป็นชาวฮวาเซี่ยแท้ ๆ” เคย์โกะพูดกับสามีของเธอ [1]

เธอเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรู้จักอเมริกาดี เมื่อสักครู่ที่พูดคุยกับเหมยเหมย เธอพูดถึงประเพณีพื้นเมืองของอเมริกา แต่เหมยเหมยกลับไม่สามารถโต้ตอบเรื่องนั้นต่อได้เลยจึงเห็นได้ชัดว่าไม่เคยอาศัยอยู่ที่อเมริกา

“ตัวตนของผู้หญิงแซ่จ้าวคนนี้น่าจะไม่ธรรมดา เธอยังจำบ้านที่ถูกไฟไหม้ได้ไหม? ฉันไปสืบมาแล้ว ไม่ใช่คุณจ้าวที่เป็นคนเผา แต่มีคนเก็บกวาดแทนเธอหลังจากนั้น ฉันเดาว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดที่คอยปกป้องเธออยู่ลับ ๆ” ยิ่งโยโกยามะ คาวากุจิตรวจสอบลึกลงไปเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกสงสัย ทว่าพวกเขาต่างคิดว่าเหมยเหมยน่าจะมีฐานะที่ไม่ธรรมดาถึงได้ใช้สถานะปลอมเช่นนี้

โทรศัพท์ของเคย์โกะดังขึ้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนหลังจากรับโทรศัพท์ แล้วพูดกับสามีว่า “ยูเกิดเรื่องแล้ว พวกเราต้องรีบกลับแล้วล่ะ!”

สีหน้าของโยโกยามะ คาวากุจิก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ยูทากาฮาชิเป็นน้องเขยของเขา หากเกิดเรื่องอะไรที่สนามรบย่อมไม่ใช่เรื่องตลกแน่!

……………………………………….

ตอนที่ 2536 อัจฉริยะทางภาษา

เหมยเหมยพาพวกเด็ก ๆไปกินเนื้อย่างที่ตุรกี รสชาติเนื้อย่างที่นั่นไม่เหมือนที่อื่นจริง ๆ ที่อื่นจะเป็นไม้ ๆหรือย่างอยู่บนกระทะจานร้อน แต่ที่นี่กลับเป็นเหมือนเสาที่ใหญ่มาก ๆ เสาจะหมุนไปช้า ๆแผ่กลิ่นหอมกระจายฟุ้งออกมา กลิ่นหอมของเนื้อย่างอบอวลไปทั่วทั้งถนน

“อร่อย…เนื้ออร่อยมาก…”

เล่อเล่อถือเนื้อย่างเต็มมือกินจนปากมันแผล็บไปหมด เธอเริ่มมีเหนียงที่คางเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น หลังจากมาถึงตุรกี เจ้าเด็กน้อยนี่วัน ๆก็ร้องเรียกแต่จะกินเนื้อย่างจนแทบอยากจะนอนบนเนื้อย่างอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเหมยเหมยจะอยากตั้งกฎเกณฑ์เหมือนเคย์โกะบ้าง แต่ทุกครั้งที่เห็นสายตาไร้เดียงสาของเจ้าตัวน้อยก็ใจอ่อนทุกที…

ผลของการใจอ่อนก็คือ…

เล่อเล่ออ้วนขึ้น มือของเล่อเล่อมีแต่เนื้อแน่น ๆ น่ารักจนอยากกัดเหลือเกิน

“ดื่มน้ำผลไม้นี่นะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้เรากินเนื้อแล้ว!”

น้ำผลไม้ที่เหมยเหมยคั้นออกมาสด ๆถูกยื่นให้เล่อเล่อ เจ้าตัวน้อยไม่ชอบทานผักแต่กลับชอบน้ำผลไม้ไม่หยอก ฉะนั้นทุกวันจึงคิดหาวิธีทำให้เธอดื่มน้ำผลไม้เข้าไปเพื่อเสริมวิตามินซี!

แต่เหมยเหมยกังวลมากเกินไป เล่อเล่อมักจะกินยาวิเศษที่เธอเตรียมให้ไว้เป็นประจำ ต่อให้กินเนื้อย่างทุกวัน ร่างกายก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

“ดื่มแล้วค่ะ…แม่!”

เล่อเล่อดื่มน้ำผลไม้เข้าไปรวดเดียว น้ำผลไม้ถูกบรรจุลงในเหยือกอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวน้อย เหมยเหมยไม่ได้ให้ร้านใช้แก้วพลาสติกและหลอด เพราะก่อนหน้านี้มักจะเห็นในข่าวว่าของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งหรือพวกหลอดจะทำร้ายสัตว์ทะเลเกือบตายได้ แค่นี้ก็รู้สึกทรมานใจแล้ว

เธอไม่สามารถโน้มน้าวความคิดของคนอื่นได้แต่เธอสามารถสอนลูกตั้งแต่เด็ก ๆให้พวกเขารักในการดูแลสิ่งแวดล้อมได้นี่นา

“ดีมาก…จะเอาอีกแก้วไหม?” เหมยเหมยถามขึ้น

“น้ำแตงโม…” เล่อเล่อตะโกนบอกเสียงเริงร่าพร้อมมือที่มันเยิ้ม

“แล้วเสี่ยวเป่าล่ะ?”

“น้ำแตงโมเหมือนกันครับ” เสี่ยวเป่ายิ้มหวาน ในใจก็รู้สึกชื่นมื่น

เหตุเพราะอิจิโร่ที่น่ารำคาญต้องบายบายแล้วนะ

เหมยเหมยถือเหยือกสองอันวิ่งไปร้านข้าง ๆเพื่อคั้นน้ำผลไม้ ตัวเธอเองดื่มน้ำมะพร้าวเพราะสามารถแก้กระหายและเสริมกำลังได้

ตะลอนเที่ยวในตุรกีได้สิบกว่าวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนุกก็ไปจนครบหมดแล้ว ควรจะไปที่ไหนต่อดีล่ะ?

ไม่งั้นไปยุโรปดีกว่า แม้ว่าตุรกีอยู่ในทวีปเอเชียแต่ก็ห่างจากยุโรปนิดเดียว พวกเขาสามารถแวะเที่ยวต่อได้เลย เที่ยวฝั่งยุโรปอย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งปีได้!

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกโทรมา เหมยเหมยขมวดคิ้วแล้วกดรับสาย

“ฉันคือเคย์โกะนะคะ…คุณอยู่ที่ไหนคะ?” คนที่โทรมาคือเคย์โกะนี่เอง เหมยเหมยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเพิ่งแยกกันหรอกเหรอ?

“ฉันกินเนื้อย่างอยู่ที่ตุรกีค่ะ มีธุระอะไรเหรอคะ?”

“คือแบบนี้นะคะ ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าอยากจะรู้เรื่องราวของเด็กผู้หญิงตะวันออกกลางคนนั้นใช่ไหมคะ? น้องชายของฉันกลับมาแล้วฉันจึงถามเขา เรื่องของเธอน่าสนใจจริง ๆค่ะ ตอนนี้คุณสะดวกที่จะฟังไหมคะ?”

“น้องชายของคุณกลับมาแล้วเหรอคะ? คุณบอกว่าเขาเพิ่งไปไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ

เคย์โกะทอดถอนใจ น้ำเสียงปนเศร้าอยู่บ้าง “เขาได้รับบาดเจ็บจากกระสุนค่ะ ครั้งที่แล้วที่พวกเราเพิ่งแยกย้ายกัน ฉันก็ได้รับข่าวว่าเขาบาดเจ็บทางโทรศัพท์”

“พระเจ้า…น้องชายคุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? บาดเจ็บหนักไหมคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

“โชคดีในความโชคร้ายค่ะ รักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่ว่าจากนี้ไปเขาจะไม่สามารถผ่าตัดได้อีก แขนขวาของเขาถูกกระสุนฝังลึกเข้าไปถึงเส้นประสาท จริง ๆแล้ว…” เคย์โกะชะงักไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “จริง ๆฉันดีใจมากเลยค่ะเพราะน้องชายของฉันจะได้อยู่บ้านอย่างสงบสักที ฉันก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป”

เหมยเหมยก็ลอบถอนใจเช่นกัน เหมยเหมยเข้าใจความรู้สึกของเคย์โกะทุกอย่าง เรื่องที่คุณทากาฮาชิทำ แม้จะยิ่งใหญ่และน่าชื่นชม แต่ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวเขากลับต้องแบกภาระที่หนักอึ้งยิ่งกว่า หากเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น คนในครอบครัวย่อมรับไม่ไหวแน่นอน!

“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“น่าสนใจจริง ๆค่ะ น้องชายของฉันบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะทางภาษา แค่ระยะเวลาเดือนเดียวก็สามารถพูดภาษาฮวาเซี่ยได้อย่างคล่องแคล่ว คล่องแคล่วยิ่งกว่าน้องชายของฉันที่เรียนมาหลายปีเสียอีก” เคย์โกะพูดพลางยิ้ม

……………………………………….

[1] ฮวาเซี่ย ก็คือประเทศจีน

ตอนที่ 2533 สาวต่างชนชาติที่สง่างามคนหนึ่ง

“ได้สิ จะไม่สะดวกหรือเปล่าคะ?”

“ไม่เลยค่ะ ฉันจะพาผู้มีพระคุณไปนะคะ รูปอยู่ชั้นบน น้องชายฉันเขามีห้องเฉพาะใช้วางรูปของเขาช่วงหลายปีมานี้”

เคย์โกะพาเหมยเหมยมาที่ชั้นสอง น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมากไม่เร่งรีบ ฟังแล้วรู้สึกสบายตัวมาก

“คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าผู้มีพระคุณแล้วค่ะ เรียกชื่อฉันเถอะนะคะ ฉันชื่อว่าจ้าวเหมย นี่ลูกสาวฉันเล่อเล่อ และนี่เป็นเพื่อนของลูกค่ะชื่อเสี่ยวเป่า” เหมยเหมยบอกชื่อจริงไป

“ฉันนึกว่าเขาก็เป็นลูกของคุณด้วยเหมือนกันซะอีก ตอนนั้นที่โรงแรมยังรู้สึกอิจฉาคุณเลยค่ะว่ามีลูกที่ทั้งสวยทั้งหล่อขนาดนี้!” เคย์โกะรู้จักพูดจา เปลี่ยนคำพูดได้อย่างรวดเร็วจนทำให้บรรยากาศสบายขึ้นมาก

เพื่อนตัวน้อยสามคนคุยกันอยู่ด้านหลังอย่างมีความสุข จริง ๆแล้วแค่สองคน…เพราะว่าเสี่ยวเป่าเงียบตลอดทาง เงียหูฟังแต่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“น้องเล่อเล่อ เธอชอบกินเนื้อใช่ไหม? คุณป้าแม่ครัวที่นี่ทำเนื้อย่างได้อร่อยมาก เดี๋ยวสักพักให้เขาทำให้เรากินนะ ดีไหม?” อิจิโร่สนิทกับเล่อเล่อมาก เพราะเขาไม่มีวันที่จะลืม รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั่น ยามที่เขาอยู่ในความมืดมิด

“ดีเลยค่ะ…ขอบคุณพี่อิจิโร่!” เล่อเล่อตอบรับพร้อมกับปรบมือ

เสี่ยวเป่าเบะปาก ยิ่งเห็นเจ้าหมอนี่ก็ยิ่งไม่ชอบขี้หน้า แล้วยังรู้ดีเอาเนื้อสัตว์มาติดสินบนน้องสาวอีก น่ารำคาญจริง ๆ!

ไม่นานก็มาถึงห้องรูปถ่าย ห้องมีขนาดใหญ่มากเหมือนเป็นที่แสดงนิทรรศการขนาดย่อม ไม่เพียงแต่แขวนห้อยเต็มกำแพง แถมยังวางเรียงตรงหน้าต่างอีก ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นนิทรรศการภาพยนตร์เลย

“เยอะมากเลยค่ะ…น้องชายของคุณต้องชอบถ่ายรูปมากแน่ ๆ” เหมยเหมยร้องอุทาน

“ใช่แล้วค่ะ…เขามักจะตีพิมพ์ผลงานใน National Geographic นอกจากเป็นหมอแล้ว งานอดิเรกที่สองของเขาคือการถ่ายภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นเขาถ่ายเอง และบางส่วนก็ถ่ายโดยเพื่อนของเขาค่ะ”

เธอมองออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเคย์โกะกับน้องชายนั้นดีมาก เธอค่อย ๆพาเหมยเหมยดูทีละภาพ อีกทั้งเธอสามารถอธิบายความเป็นมาของแต่ละภาพได้ทุกรูป และยังบอกได้อีกว่าถ่ายไว้ตอนไหน

รูปภาพส่วนมากเป็นภาพทิวทัศน์ซึ่งกล้องจับภาพได้อย่างงดงามมาก เห็นได้ชัดเลยว่าทักษะการถ่ายภาพของน้องชายเคย์โกะไม่ธรรมดา แต่บางรูปก็ให้ความรู้สึกหดหู่ใจเช่นกันซึ่งเป็นภาพที่ประชาชนร้องไห้ระงมอย่างสิ้นหวังตอนเกิดระเบิด…

“สงครามช่างโหดร้ายจริง ๆ…” เคย์โกะทอดถอนใจ เธอเป็นผู้ต่อต้านสงครามอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้เธอถึงพยายามที่จะใกล้ชิดกับคนฮวาเซี่ยเพื่อชดใช้สงครามในปีนั้น

เหมยเหมยก็ทอดถอนใจเช่นกัน เธอค่อย ๆเดินดูแต่อยู่ดี ๆก็ร้องเสียงหลงเพราะเห็นคนคุ้ยเคย

ภาพนี้เป็นรูปถ่ายหมู่ อาทิตย์อัสดงทำให้เงาสิบกว่าชีวิตทอดยาวออกไป ทั้งทหาร แพทย์ พยาบาล และนักข่าว…ในจำนวนนั้นกลับมีซังเฟยและมาร์คอยู่ด้วย โดยเฉพาะซังเฟยผิวสีเหลืองของเธอโดดเด่นมากท่ามกลางคนมากมาย

“ฉันรู้จักคนสองคนนี้ค่ะ เป็นเพื่อนฉันเอง บังเอิญจริง ๆ!” เหมยเหมยยิ้มแล้วชี้ไปที่สองคนนั้น โลกช่างแคบเหลือเกิน คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเลยกลับมีคนรู้จักคนคนเดียวกัน

เคย์โกะก็รู้สึกประหลาดใจ เธอชี้ไปที่ซังเฟยแล้วพูดว่า “เธอเป็นคนที่น้องชายฉันจีบอยู่แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ น่าเสียดายจริง ๆ!”

เหมยเหมยเลิกคิ้ว นี่เป็นเรื่องน่าบังเอิญยิ่งกว่า เธอยกนิ้วมือแล้วชื่นชมว่า “สายตาของน้องชายคุณนี่ไม่เลวจริงๆ!”

เคย์โกะหัวเราะ “ฉันก็คิดว่าไม่เลวจริง ๆแหละ หวังว่าปีหน้าจะได้ฟังข่าวดีค่ะ!”

เหมยเหมยมองไปที่มุมซ้ายสุดของภาพ เธอเป็นสาวงามอายุน้อย ผิวค่อนข้างไปทางคล้ำ มีกรอบใบหน้าที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนฮวาเซี่ยแต่เธอกลับมีความสง่างามจากภายในเหมือนชาวฮวาเซี่ยซึ่งให้ความรู้สึกสบายตาแก่ผู้ที่พบเห็น แต่ลักษณะท่วงท่าแบบนี้กลับไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเธออย่างเห็นได้ชัด

เป็นความรู้สึกขัด ๆกันอย่างบอกไม่ถูก!

……………………………………….

ตอนที่ 2534 ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า

“เด็กผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับน้องชายคุณเหรอคะ? ดุอายุยังไม่เยอะ” เหมยเหมยชี้ไปที่เด็กผู้หญิงแล้วถามขึ้น

เคย์โกะมองเข้าไปใกล้แล้วส่ายศีรษะ “ไม่น่าจะใช่นะคะ น้องชายของฉันไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนนี้ให้ฉันฟังเลย รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายที่ประเทศหนึ่งในตะวันออกกลางค่ะ น่าจะถ่ายไว้ปีที่แล้ว คนในรูปฉันก็ไม่ได้รู้จักทั้งหมดค่ะ”

“อ้อ ฉันแค่เห็นว่าเธอหน้าตาสะสวยค่ะ แล้วยังดูเด็กอยู่เลย ดูท่าแล้วคงจะยังไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำล่ะมั้ง?” เหมยเหมยเหลือบมองเด็กผู้หญิงอีกครั้ง อายดูน้อยจริง ๆ น่าจะไม่เกิน 18 ปีแต่ท่วงท่ากลับมีความมุ่งมั่น มีวุฒิภาวะที่ไม่เข้ากับใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเธอเลย

“ไม่น่าจะสิบแปดนะ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่นั่น เด็กผู้หญิงที่นั่นเป็นผู้ใหญ่กันเร็ว ฉันว่าอย่างมากก็ต้องมีสัก 13-14 ปีแล้วล่ะ ไม่เกิน 15 ปีแน่นอน!” เคย์โกะมั่นใจมาก เธอเห็นว่าเหมยเหมยสนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองตามไปด้วย แล้วสีหน้าก็เริ่มแปลกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ทำไมยิ่งดูเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วยิ่งให้ความรู้สึกว่าเหมือนคนฮวาเซี่ยนักนะ? ถ้าไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์และสีผิวของเธอ ฉันก็คงคิดว่าเธอเป็นคนฮวาเซี่ยเหมือนคุณซะอีก!”

เคย์โกะก็เริ่มพบความผิดปกติ ทุกชนชาติต่างมีลักษณะเด่นของตัวเอง โดยเฉพาะประเทศเก่าแก่ทางตะวันออกที่ไกลออกไป ท่วงท่ายิ่งแตกต่างจากคนส่วนมาก มองเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว

“คุณก็คิดแบบนั้นเหรอ? คุณลองดูท่ากุมมือของเธอสิ มือของเธอวางอยู่ตรงหน้าท้องส่วนล่างอย่างเป็นธรรมชาติ และร่างกายของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย ท่าทางนี้เป็นแบบชาวตะวันออกจริง ๆ เด็กผู้หญิงที่นั่นไม่น่าจะสำรวมกิริยาแบบนี้หรอกใช่ไหมคะ?”

ความอยากรู้อยากเห็นของเหมยเหมยถูกขุดขึ้นมา บนตัวของเด็กผู้หญิงตะวันออกกลางคนหนึ่งแต่กลับมีท่วงท่าที่สง่างามดึงดูดคนเหมือนชาวตะวันออก ช่างน่าเหลื่อเชื่อจริง ๆ

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ผู้หญิงที่นั่นมีฐานะต่ำต้อยมาก…ปกติแล้วจะไม่ออกไปไหน แล้วก็ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าให้คนอื่นเห็นได้ โอ้ว…เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่มีผ้าคลุมหน้าล่ะ? หรือว่าเธอไม่ใช่คนพื้นเมืองที่นั่นเหรอ?”

เคย์โกะพบจุดผิดปกติอีกหนึ่งจุด เด็กผู้หญิงบนภาพถ่ายยิ้มน้อย ๆ เธอใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเข้ากับรูปร่างของเธอ แต่เธอกลับไม่ได้คลุมผ้าที่หน้าเหมือนเด็กผู้หญิงพื้นเมืองทั่วไปแล้วฉีกยิ้มแบบเรียบ ๆ

“ใช่…ฉันได้ยินมาว่าหากผู้หญิงที่นั่นไม่ปิดผ้าคลุมหน้าจะถูกลงโทษไม่ใช่เหรอ? เธอไม่น่าจะเป็นคนพื้นเมืองที่นั่นละมั้ง? เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริง ๆ ถ้าน้องชายของคุณอยู่ที่นี่คงดี ฉันอยากได้ยินเรื่องราวของเธอจริง ๆ!”

เหมยเหมยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องมีเบื้องหลังเรื่องราวอะไรแน่นอน และจะต้องเป็นเรื่องราวที่วิเศษด้วย แต่น่าเสียดายคนที่รู้เรื่องนี้กลับไม่อยู่บ้าน

เคย์โกะก็รู้สึกเสียดายเช่นกัน เธอก็รู้สึกสนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วเหมือนกัน เมื่อก่อนมักจะมาพักผ่อนที่นี่บ่อย ๆแต่กลับไม่เคยสังเกตจุดประหลาดบนภาพถ่ายนี้เลย!

“ตอนนี้น้องชายของฉันน่าจะยังอยู่ตะวันออกกลาง รอเขากลับมาฉันจะต้องสืบเรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้แน่ค่ะ ถึงตอนนั้นฉันค่อยเล่าให้คุณฟังอีกที!

“ได้เลยค่ะ…ถึงตอนนั้นคุณโทรหาฉันได้เลยนะคะ!”

เหมยเหมยตกลงอย่างง่ายดายแล้วดูภาพอื่น ๆต่อ แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือเธอเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เธออยู่ท่ามกลางคนกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนเธอจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แม้ว่าจะเป็นการมองผ่านภาพแต่กลับสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังของกลุ่มคนเหล่านี้

หญิงสาวคนนี้สวมชุดยาวตามแบบฉบับคนในท้องถิ่นแต่เธอยังไม่สวมผ้าคลุม ไม่…เธอสวมผ้าคลุม แต่เธอดึงผ้าคลุมออกเพื่อมาพันแผล แขนขวาของเธอได้รับบาดเจ็บ ผ้าคลุมสีดำผูกรัดแน่นอยู่ตรงบาดแผล

หญิงสาววิ่งตามคนกลุ่มหนึ่งออกไปด้วยท่าทีตื่นตระหนกและมองมาที่กล้อง ดวงตาของเธอเป็นประกาย และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจ…

ความสนใจของเหมยเหมยเคลื่อนไปที่แขนขวาของหญิงสาว เมื่อเห็นผ้าคลุมที่ถูกรัดแน่น เธอก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา

……………………………

ตอนที่ 2531 มาถึงที่

เฮ่อเหลียนเช่อเจอเบาะแสของพวกเหมยเหมยที่สนามบินจึงรีบซื้อตั๋วเครื่องบินไปยุโรปอย่างมีความสุขพร้อมทั้งกุลีกุจอรีบไปหาด้วยท่าทีร่าเริง

ยัยบ้าจ้าวเหมยกล้าพาลูกชายเขาไป…สงสัยคราวนี้ต้องขายเธอไปที่ตะวันออกกลางซะแล้ว!

แล้วเขาก็จะพาลูกชายและลูกสะใภ้ตระเวนเที่ยวให้ทั่ว มันน่าโกรธเจ้าเหยียนหมิงซุ่นนัก!

ณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เหมยเหมยสวมชุดกระโปรงพื้นเมืองสีสันสดใสพร้อมสวมหมวกใบใหญ่นั่งกินทุเรียนอยู่ที่ร้านขายผลไม้ริมถนน ส่วนเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อมองเธออย่างระอาพร้อมเอามือขึ้นมาปิดจมูกพร้อมกัน

ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ (น้า) ชอบกินขี้นะ?

ไม่เหม็นเหรอ?

“หวานมาก…พวกเราไม่กินจริง ๆเหรอ?”

เหมยเหมยกินผลไม้กลิ่นฉุนเข้าไปเต็มปากเต็มคำ พอพึงพอใจก็ทอดถอนใจออกมา ได้กินทุเรียนทุกวัน…ช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษอะไรแบบนี้!

“ไม่เอา…จะกินเนื้อสัตว์!”

เล่อเล่อปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอไม่กินขี้!

เสี่ยวเป่าก็ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ ถ้าไม่ได้หิวโหยจนใกล้ตาย เขาจะไม่มีทางกินอาหารอย่างทุเรียนแน่นอน เหม็นจนเขานึกทบทวนสัจธรรมแห่งชีวิตเลยทีเดียว

“พวกเรานี่ไม่รู้จักการลิ้มรสของอร่อยเลย ของอร่อยขนาดนี้ยังไม่กิน รอฉันกินอันนี้เสร็จแล้วจะพาพวกเธอไปกินเนื้อย่างนะ!”

เหมยเหมยซื้อมะพร้าวสองลูกให้พวกเด็ก ๆยกดื่มเอา ส่วนเธอก็หันกลับมากินทุเรียนต่อ เธอไม่ได้ซื้อลูกใหญ่มาก ขนาดลูกพอดีเธอกิน ถึงขนาดประหยัดมื้อเที่ยงไปเลย

เมื่อเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนหนำใจแล้ว ไปไหนต่อดีนะ?

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ พวกเราอยากไปเที่ยวไหนกัน?”

“กินเนื้อสัตว์…” เล่อเล่อไม่สนใจเลยว่าจะไปไหน เธอแค่คิดอยากจะกินเนื้อที่อร่อย ขอเพียงแค่ที่นั่นมีเนื้อมากพอให้กินก็เยี่ยมยอดแล้ว

เสี่ยวเป่ากลอกตาไปมาพลางครุ่นคิดแล้วเสนอขึ้นว่า “ไปตุรกีกันเถอะครับ เนื้อย่างที่นั่นอร่อยมาก ๆ”

แค่เล่อเล่อได้ยินว่ามีเนื้อย่างเลิศรส ดวงตาก็เป็นประกายแล้วพูดเสียงดังว่า “แม่…ไปหูกระต่าย…”

“อุ๊บ”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เจ้าตัวน้อยกินเก่งจริง ๆ ได้ยินอะไรก็เห็นเป็นของกินไปหมด เธอบีบจมูกเนื้อแน่น ๆของลูกสาวเธอแล้วพูดว่า “ตุรกี ไม่ใช่หูกระต่าย เจ้าเด็กโง่เอ้ย!”

“กระต่ายน้อยอร่อย…แม่ กินกระต่ายกันนะ!” เล่อเล่อพยักหน้าเต็มแรง น้ำลายไหลย้อยออกมา นานแล้วที่ไม่ได้กินกระต่ายตุ๋นน้ำแดง!

“รู้จักแต่กินนะเรา!”

เหมยเหมยบีบจมูกเธออีกครั้งแล้วกินทุเรียนชิ้นสุดท้ายจนหมด ดื่มน้ำมะพร้าวของลูกสาวไปอึกหนึ่ง ปัดมือแล้วคำรามขึ้นฟ้าว่า “โอเค…พรุ่งนี้พวกเราไปกินเนื้อกระต่ายกัน!”

วันนี้เที่ยวให้สนุกเต็มที่วันสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง พาสปอร์ตสัญชาติอเมริกันนี่ดีจริง ๆมีวีซ่าฟรีตั้งหลายประเทศ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก

ทั้งสามหัวเราะอย่างมีความสุข จากนั้นก็ค่อย ๆหาร้านเนื้อย่าง อยู่ดี ๆก็มีคนสองคนเดินมาทางพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ไม่พูดอะไรทั้งนั้นแล้วก็โค้งตัวเก้าสิบองศา “ผมขอโทษในความไม่สุภาพของผมด้วย ผู้มีพระคุณโปรดยกโทษให้ผมด้วยครับ!”

เหมยเหมยตกใจ นี่มันอะไรกัน?

ทว่าภาษาที่ฝ่ายตรงข้ามใช้คือภาษาฮวาเซี่ย เพียงแต่ฟังดูแหม่ง ๆไม่ค่อยเหมือนสำเนียงคนฮวาเซี่ยแต่ก็คงไม่ได้มาด้วยเจตนาร้าย ฝ่ายตรงข้ามพอเดินมาก็โค้งคำนับเลยจนถึงตอนนี้เหมยเหมยจึงยังเห็นหน้าพวกเขาไม่ชัด

“พวกคุณเป็นใครคะ จำคนผิดหรือเปล่า?” เหมยเหมยย้อนถามกลับไป

“ไม่ครับ พวกเราเป็นพ่อแม่ของอิจิโร่ขอบคุณที่คุณช่วยอิจิโร่ของพวกเราไว้ หลังจากนี้ครอบครัวโยโกยามะจะเป็นมิตรกับคุณไปตลอดครับ” โยโกยามะ คาวากุจิกล่าวด้วยความจริงใจ ถ้าไม่ผิดคาดเขาจะกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป จึงมีอำนาจในการเป็นตัวแทนทั้งตระกูลไปโดยปริยาย

เหมยเหมยเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงลูบจมูกแล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้มองฉันว่าเป็นคนลักพาตัวก็ดีแล้วค่ะ!”

เธอคิดดีแล้วในภายหลัง ตอนนั้นสถานการณ์มันฉุกเฉินมาก หากเคย์โกะเข้าใจผิดก็นับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ในใจของเธอยังรู้สึกแย่ไม่น้อย!

เคย์โกะรู้สึกละอายใจมากจึงโค้งคำนับก้มตัวลงต่ำอีกครั้ง “ได้โปรดให้อภัยในความไม่สุภาพของฉันด้วยค่ะ!”

“โอ้ย…ไม่ต้องคำนับแล้วนะคะ พวกเราชาวฮวาเซี่ยมีประโยคหนึ่งที่ว่าหากเจอเรื่องอยุติธรรมย่อมชักดาบเพื่อผดุงธรรม ในเมื่อฉันเจอเรื่องแบบนี้เข้าแน่นอนว่าจะไม่สนใจได้อย่างไร!”

เหมยเหมยประคองสามีและภรรยาให้ลุกขึ้นยืนและพูดคุยกับพวกเขาสองสามคำแต่ก็ยังพยายามระวังตัวไว้อยู่ สองคนนี้ดูท่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แล้วอยู่ดี ๆยังรู้อีกว่าเธออยู่ที่ไหน?

พวกเขาคงไม่ได้มีแผนไม่ดีอะไรในใจใช่ไหม?

……………………………………….

ตอนที่ 2532 คุณหมอภาคสนาม

สิ่งที่น่าขันก็คือจนถึงตอนนี้เหมยเหมยก็ยังไม่เข้าใจว่าครอบครัวโยโกยามะคนใคร แค่รู้สึกว่ากิริยามารยาทของสองคนนี้มากเกินไปจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

“อิจิโร่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณที่ยังนึกถึงกันค่ะ ร่างกายของอิจิโร่ฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องได้รับคำปรึกษาทางด้านจิตใจ ครั้งนี้เขาก็มากับพวกเราค่ะ อิจิโร่บอกว่าอยากจะขอบคุณต่อหน้าคุณค่ะ!” เคย์โกะพูดพลางอมยิ้ม

“อิจิโร่อยู่ไหนเหรอคะ?” เหมยเหมยมองไปรอบ ๆแต่ก็ไม่เห็นหนุ่มน้อยคนนั้น เธอชอบเด็กคนนี้ไม่น้อยเพราะรู้สึกว่ารู้กาลเทศะดีเหมือนเสี่ยวเป่าเลย

“อยู่ที่บ้านค่ะ พวกเราคิดจะเชิญผู้มีพระคุณไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อจะได้ไหมคะ?”

“พวกคุณไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นเหรอคะ? ทำไมถึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจและรู้สึกระแวงเล็กน้อย

“บ้านที่นี่เป็นของน้องชายฉันค่ะ เขาชอบอาศัยอยู่ที่นี่ พวกเราก็อาศัยอยู่ที่บ้านเขาค่ะ”

เคย์โกะมองออกว่าเหมยเหมยกำลังระแวงจึงรีบอธิบายว่า “คุณอย่าคิดมากนะคะ พวกเราแค่อยากจะขอบคุณเท่านั้น ครอบครัวของแม่ฉันคือครอบครัวทากาฮาชิ ส่วนของสามีคือครอบครัวโยโกยามะ ฉันมีชื่อว่าเคย์โกะ ทากาฮาชิ ส่วนท่านนี้คือสามีฉันค่ะชื่อคาวากุจิ โยโกยามะ เป็น CEO ของบริษัทโซลค่ะ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้ใช่ไหมคะ?”

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่รู้จักครอบครัวโยโกยามะแต่เธอรู้จักบริษัทโซล เคยเป็นบริษัทรายใหญ่ทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ครองตลาดฮวาเซี่ยมาสิบกว่าปี!

ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กที่เธอบังเอิญไปช่วยจะภูมิหลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้!

เสี่ยวเป่าดึงชายเสื้อของเหมยเหมยเพื่อให้เธอก้มลงมา จากนั้นก็กระซิบว่า “คุณน้าครับ…พวกเขาเป็นครอบครัวโยโกยามะจริงครับ ไม่ใช่คนร้าย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเคยถ่ายรูปภาพของสองคนนี้มาให้เขาดูแล้วจึงไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน!

เหมยเหมยขจัดความสงสัยทิ้งไปแล้วตามสองสามีภรรยาโยโกยามะไปยังที่พักชั่วคราวของพวกเขาซึ่งเป็นอาคารที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ติดริมทะเล แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีฐานะ

อิจิโร่มองเห็นพวกเขาแต่ไกลก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง เขาวิ่งมาตรงหน้าเหมยเหมยแล้วโค้งคำนับก้มลงต่ำมาก เฉกเช่นเดียวกับพ่อและแม่ของเขา

“คุณน้าครับ ขอบคุณที่ช่วยอิจิโร่ไว้ ผมจะจดจำบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ไว้ตลอดไปและจะต้องตอบแทนคุณน้าแน่นอนครับ!” อิจิโร่แสดงออกอย่างจริงใจและจริงจังมากราวกับผู้ใหญ่

“ฉันก็แค่บังเอิญช่วยเธอไว้น่ะ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก แต่ถ้าเธอคิดจะตอบแทนจริง ๆ วันหลังเมื่อมีความสามารถแล้วก็จงช่วยคนอื่น ๆที่เขาต้องการความช่วยเหลือต่อเถอะนะ!”

เหมยเหมยประคองเด็กน้อยให้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยท่าทีกึ่งยียวนกึ่งจริงจังแต่อิจิโร่กลับจดจำทุกถ้อยคำด้วยใจ

ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ใช่สไตล์การตกแต่งที่หรูหราแต่เป็นการตกแต่งที่ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“งานของน้องชายฉันไม่ค่อยอยู่กับที่ มาที่นี่ก็เพื่อพักผ่อน ปกติก็จะทำงานตลอด” เคย์โกะอธิบาย

เหมยเหมยก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะอย่างไรก็เป็นการเจอกันครั้งแรก จะถามลึกไปก็ไม่ดี แต่เธอก็สงสัยในอาชีพของคุณทากาฮาชิไม่น้อย ไม่อยู่กับที่งั้นเหรอ?

หรือว่าจะเป็นนักบิน?

บินไปบินมาทุกวัน อยู่ไม่เป็นที่แน่นอน!

“คุณน้าครับ คุณลุงเป็นหมอที่เก่งมากเลยครับ เขาเคยไปมาตั้งหลายประเทศครับ!” อิจิโร่พูดอย่างภาคภูมิใจ

เหมยเหมยยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น อาชีพหมอไม่อยู่กับที่ด้วยเหรอ?

เคย์โกะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “น้องชายฉันเป็นหมอภาคสนามค่ะ ในหนึ่งปีจะมีครึ่งปีที่ต้องลงพื้นที่ค่ะ”

เหมยเหมยรู้สึกชื่นชมขึ้นมาในทันใด คุณหมอภาคสนามอันตรายพอ ๆกับนักข่าวภาคสนามเลยนะ

คุณทากาฮาชิผู้ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เป็นคนรวยดี ๆไม่ชอบแต่กลับไปเป็นหมอภาคสนามที่จะต้องเสี่ยงชีวิตตลอดเวลา เธอรู้สึกชื่นชมในจุดนี้อย่างมาก!

“คุณมีน้องชายที่ดีมากเลยค่ะ!” เหมยเหมยยกนิ้วให้

แต่เคย์โกะกลับหัวเราะออกมาอย่างระอา เหมยเหมยเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี

“คุณน้าครับ มีรูปคุณน้าผมตั้งหลายรูป คุณน้าอยากดูไหมครับ?” อิจิโร่แสดงท่าทีตื่นเต้นราวกับการแบ่งของเล่นให้เพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น

……………………………..

ตอนที่ 2529 เผาไหม้จนเกรียม

“คุณรีบไปแจ้งตำรวจอย่าให้พวกเขาจับผู้มีพระคุณ ไม่สิ…ก็ต้องตามหาอยู่ดี เราต้องขอบคุณต่อหน้าเธอ…”

เคย์โกะเริ่มพูดผิด ๆถูก ๆ อิจิโร่ฉลาดมากไม่นานก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลยโวยวายขึ้นว่า “คุณน้าไม่อยากให้ตำรวจไปรบกวนเธอ อย่าให้ตำรวจไปตามหาเธอ คุณน้าจะโกรธได้!”

“อิจิโร่อย่าโกรธ คุณพ่อจะโทรบอกทางสถานีตำรวจว่าไม่ให้ไปรบกวนคุณน้านะ!”

เคย์โกะเอ่ยปลอบลูกชายเสียงอ่อนโยนเพราะกลัวจะทำให้ลูกชายสะเทือนใจอีกครั้งจึงยอมตามใจเขาทุกเรื่อง

คาวากุจิโทรบอกทางตำรวจให้ล้มเลิกการตามหาเหมยเหมย พลางพูดกลบเกลื่อนว่าเพราะเด็กขี้เล่นถึงได้เดินพลัดหลงเอง ตอนนี้เจอตัวแล้ว

เรื่องของอิจิโร่จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเหล่านักข่าวที่น่ารำคาญนั่นต้องใส่สีตีไข่แล้วจะเป็นการทำร้ายลูกของเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน!

เหมือนเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ถ้าเรื่องพี่สาวของเขาไม่ถูกพวกนักข่าวกระจายข่าวออกไปพวกโจรลักพาตัวก็ไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาแจ้งตำรวจจนสุดท้ายฆ่าพี่สาวของเขาทิ้งด้วยความโกรธ

เรื่องนี้กลายเป็นบาดแผลลึกของตระกูลพวกเขา ถึงขั้นทำให้คุณแม่ของเขาป่วยโทรมติดเตียงอยู่สิบกว่าปีแล้วจากไปก่อนเวลาอันควร!

เคย์โกะเปิดโทรทัศน์ด้วยความระมัดระวัง เธอคิดจะเปลี่ยนไปช่องการ์ตูนช่องโปรดของลูกแต่อิจิโร่ดันตะโกนขึ้นว่า “ที่นี่!”

“อะไรเหรอ?”

เคย์โกะรีบเปลี่ยนกลับไปช่องที่ดึงดูดความสนใจอิจิโร่ซึ่งเป็นช่องรายงานข่าวประจำวัน บนหน้าจอปรากฏให้เห็นภาพบ้านหลังสีดำที่เหลือเพียงซากปรักหักพังรวมถึงกลุ่มควันโขมง

มีตำรวจมากมายมารวมตัวกันอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล นับว่าโชคดีที่ต้นไม้ต้นนั้นไม่โดนเผา แต่ดูท่าทางตำรวจพวกนี้เหมือนกำลังขุดบางอย่างใต้ต้นนั้น

“ที่นี่…เขาตีผม…”

จู่ ๆอิจิโร่ก็ตัวสั่นดวงตาฉายแววหวาดกลัวจนเคย์โกะถลาเข้ามากอดลูกเอาไว้ พร้อมเอ่ยปลอบเขาด้วยเสียงอ่อนโยน

นักข่าวในโทรทัศน์ยังคอยรายงานที่เกิดเหตุว่าภายในบ้านมีศพชายคนหนึ่งที่ถูกไฟครอกจนไหม้เกรียมจึงยังไม่สามารถรู้ตัวตนได้ แต่ชัดเจนว่าเป็นการวางเพลิงซึ่งที่เกิดเหตุยังมีปากกาอัดเสียงอีกด้ามทิ้งไว้ด้วย รายละเอียดทางตำรวจไม่ยอมเปิดเผยแต่ตำรวจต่างไปขุดต้นไม้ต้นนั้นหมดแล้ว

“ใต้ต้นไม้มีอะไรกันแน่? ท่านผู้ชมก็รอคำตอบไปพร้อมกับผมเลยครับ!”

นักข่าวหันกล้องไปยังใต้ต้นแอปเปิ้ลที่ถูกขุดลึกเกือบหนึ่งเมตร กลิ่นเหม็นเน่าในอากาศรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของตำรวจก็จริงจังขึ้นเรื่อย ๆ ตำรวจอาวุโสไม่มีทางรู้สึกแปลกใจกับกลิ่นเหม็นเน่าเช่นนี้อยู่แล้ว!

สองสามีภรรยาเคย์โกะเองก็รอคำตอบอย่างใจจดจ่อ อิจิโร่ผล็อยหลับไปแล้วด้วยเสียงเพลงกล่อมเด็กของคุณแม่ แต่กลับจับมือของเคย์โกะแน่นไม่ยอมปล่อย

“พระเจ้า…”

ในที่สุดก็ขุดพบบางสิ่ง เคย์โกะกับนักข่าวในโทรทัศน์เผลอสูดปากพร้อมกัน จากนั้นก็ไล่ตาดูศพในสภาพเน่าเฟะบนพื้นด้วยความตกตะลึงซึ่งดูไม่ออกแล้วว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ชัดเจนว่าเป็นผู้ใหญ่ เสื้อผ้าและร่างกายเน่าหมดแล้ว มิน่าถึงฝังลึกขนาดนี้ก็ยังกลบกลิ่นเน่าของศพไม่ได้!

ตำรวจกลับไม่หยุดแต่ขุดต่อไปจนขุดพบศพแล้วศพเล่าก่อนจะนำมาวางเรียงบนพื้น ศพอื่น ๆเหลือเพียงโครงกระดูกสีขาว ขนาดทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่มีมากถึงสิบหกศพ!

ทุกคนล้วนตกตะลึงกับภาพที่เห็นโดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆชายคนโรคจิต ยิ่งกว่านั้นคือรู้สึกหวาดผวา นี่พวกเขาอาศัยอยู่ใกล้ฆาตกรมานานขนาดนี้แล้วรอดมาถึงทุกวันนี้ได้มันช่างเป็นปาฏิหาริย์เสียจริง!

สิ่งที่โชคดีที่สุดกลับเป็นสองสามีภรรยาเคย์โกะที่พวกเขามั่นใจแล้วว่าศพไหม้เกรียมในข่าวก็คือคนที่ลักพาตัวลูกชายไป แต่ตอนนี้ลูกชายได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้แต่ฆาตกรนั่นกลับตายแล้วยังถูกเผาจนศพไหม้เกรียมอีกต่างหาก

ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คาวากุจิวานคนรู้จักช่วยสืบเสาะหาข้อมูลจากวงในมา หลังจากรับรู้เนื้อหาในปากกาอัดเสียงก็ยิ่งรู้สึกเสียใจทีหลัง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณต่อเหมยเหมยมากกว่าเดิม!

……………………………

ตอนที่ 2530 เทียชิวเปียว [1]

“ต้องตามหาผู้มีพระคุณให้ได้ ฉันจะขอโทษเธอต่อหน้า ฉันเสียมารยาทเกินไปแล้ว!”

เคย์โกะที่ได้ฟังสามีเล่าเรื่องราวทุกอย่างก็เหงื่อผุดไปทั้งตัวและรู้สึกอับอายมากกว่าเดิม นี่เธอทำอะไรลงไป?

เหมือนหญิงที่ไร้การอบรมสั่งสอนคนหนึ่ง!

ไม่สิ ยิ่งกว่าหญิงไร้การอบรมสั่งสอนเสียด้วยซ้ำ!

“ผมไปตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวตอนเช็คอินโรงแรม เธอชื่อซูซานเป็นชาวฮวาเซี่ยสัญชาติอเมริกัน หนึ่งชั่วโมงก่อนนั่งเครื่องบินไปยังประเทศตะวันออกเฉียงใต้ ผมจะส่งคนไปตามหาเธอที่นั่น!” หน่วยข่าวกรองของตระกูลโยโกยามะไม่ใช่เล่น ๆอยู่แล้ว ไม่นานก็ตามสืบข้อมูลส่วนตัวปลอม ๆของเหมยเหมยมาจนครบรวมถึงข้อมูลการเดินทางของเธอด้วย

“คุณต้องบอกทางสถานีตำรวจด้วยว่าให้คดีนี้จบไปอย่างนี้เถอะ ไม่ต้องตามสืบต่อแล้ว แล้วก็นักข่าวพวกนั้นให้พวกเขาช่วยหุบปากด้วย!”

สติและความใจเย็นของเคย์โกะฟื้นคืนกลับมาอย่างเคยแล้ว เธอยังคงเป็นลูกสะใภ้คนเก่งประจำตระกูลโยโกยามะคนเดิม

“ได้…ผมจะถ่ายทอดคำสั่งลงไป คราวนี้ถึงอิจิโร่ของเราจะเจอเรื่องไม่ดีมาแต่เขาก็ยังโชคดี นับว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่ปกติเราสนิทกับชาวฮวาเซี่ย พระเจ้าถึงให้ชาวฮวาเซี่ยมาช่วยลูกชายของเราไว้!”

โยโกยามะ คาวากุจิกล่าวอย่างปลื้มใจแล้วสบตาภรรยาด้วยรอยยิ้ม

ที่แท้เหตุผลที่สามีภรรยาคู่นี้ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเองเพราะวิธีการจัดการเรื่องราวของพวกเขาตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสท่านหนึ่งในตระกูล ผู้อาวุโสท่านนั้นเอนเอียงไปทางฝ่ายขวาและปกติก็ค่อนข้างสนิทกับพวกฝักใฝ่ฝ่ายขวานั่นเอง

ส่วนสองสามีภรรยาโยโกยามะ คาวากุจินั้นดันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พวกเขาชื่นชมวัฒนธรรมฮวาเซี่ยอย่างมาก ไม่เพียงแค่เริ่มศึกษาวัฒนธรรมฮวาเซี่ยด้วยตัวเองแต่ยังให้ลูกชายเรียนรู้ตั้งแต่เด็กอีกด้วย ทั้งเพิ่มสวัสดิการเงินเดือนแก่พนักงานชาวฮวาเซี่ยในบริษัทจนสร้างความไม่พอใจแก่ผู้อาวุโสท่านนี้ หนำซ้ำยังเกิดความขัดแย้งกับพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง

ลำดับอาวุโสในประเทศญี่ปุ่นเข้มงวดอย่างมาก แม้สองสามีภรรยาโยโกยามะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสแต่พวกเขาก็ต่อต้านไม่ได้ ด้วยความระอาจำต้องย้ายออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อแสดงถึงการขัดขืนในแบบฉบับพวกเขาเงียบ ๆ ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องลูกชายถูกลักพาตัวไปล่ะ!

โชคดีที่เจอเหมยเหมย นับว่าเป็นความโชคดีท่ามกลางความโชคร้ายแล้ว!

“รออิจิโร่รักษาตัวจนหาย ฉันอยากไปขอบคุณผู้มีพระคุณด้วยตัวเอง คุณให้คนคอยติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเธอไว้ อย่าให้คลาดสายตาละ!” เคย์โกะสั่งสามี หากไม่ใช่เพราะไม่วางใจลูกชายเธอจะรีบบินไปหาพวกเหมยเหมยที่ประเทศแถบตะวันออกเฉียงใต้ทันที

“ผมไปกับคุณด้วย วางใจเถอะ อิจิโร่ของเราไม่เป็นอะไรแน่ เขาเป็นเด็กที่เข้มแข็งคนหนึ่ง ต้องผ่านไปได้แน่ ๆ!”

สองสามีภรรยาสวมกอดกันพลางมองลูกชายที่หลับใหลอยู่บนเตียงด้วยความรักและเมตตา ถึงจะรู้สึกแย่แต่มากกว่านั้นคือความโล่งอก

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีชีวิตอยู่แล้ว!

เหมยเหมยพาเด็กสองคนเที่ยวแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสนุกสนาน วันเวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนอย่างไม่รู้ตัว สามแม่ลูกถูกแดดเผาไหม้จนผิวดำแล้วยังอ้วนขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยเฉพาะเหมยเหมยที่กินทุเรียนทุกวัน หลากหลายพันธุ์และต่อให้กินทุกวันก็ไม่มีเบื่อ

ทุเรียนลูกใหญ่วันละลูกจนแก้มเริ่มป่อง แต่กลับไม่กระทบต่อความงามของเหมยเหมยเพราะดูมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าเดิม!

ลูกน้องจะคอยรายงานเรื่องต่าง ๆนา ๆของสามแม่ลูกให้เหยียนหมิงซุ่นฟังทุกวัน นอกจากกิน ๆนอน ๆก็เอาแต่เที่ยวเล่นจนทำเอาเหยียนหมิงซุ่นฟังแล้วรู้สึกแย่จับใจ

ไปจากเขาแล้วมีความสุขขนาดนั้นเชียว?

“คุณนายมีแก้มแล้ว…คาดว่าน่าจะหนักขึ้นสามถึงห้าจิน[2]ได้…” ลูกน้องรายงานอย่างตรงไปตรงมา

เหยียนหมิงซุ่น ‘…ไปจากเขาแล้วกลับเผลอใจปล่อยให้ตัวเองอ้วนได้…นี่ต้องรังเกียจเขามากขนาดไหนกันนะ?’

“ลูกพี่ คุณชายเช่อใกล้จะมาที่นี่แล้ว!” ลูกน้องรีบรายงานต่อ

“หาทางหลอกล่อเขาไปยุโรปซะ!”

เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งโดยไม่ต้องคิด เฮ่อเหลียนเช่อมีสิทธิ์อะไรได้เจอลูกชาย?

เขาไม่ได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว เฮ่อเหลียนเช่อก็อย่าคิดจะได้เจอลูกชายเลย!

………………………

[1] เทียชิวเปียว ประเพณีที่ชาวจีนจะซื้ออาหารมีไขมันสูงเพื่อบำรุงร่างกายไว้รับมือกับความหนาวเมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง

[2] หน่วยวัดน้ำหนักของจีน หนึ่งจินเท่ากับครึ่งกิโลกรัม

ตอนที่ 2527 ปล่อยไก่

สามีของเคย์โกะก็ร้อนรนใจไม่ต่างกันแต่พอสบายใจขึ้นบ้าง ขอแค่ติดต่อโจรลักพาตัวได้ก็พอ ไม่ว่าอีกฝ่ายยื่นข้อเสนออะไรเขาจะหาทุกวิถีทางสนองเจ้าโจรลักพาตัวให้ได้

ขอเพียงลูกชายเขาสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็พอ!

“คุณแม่…คนร้ายถูกคุณน้าตีจนตายไปแล้ว!” อิจิโร่พูดเสียงเบา

เคย์โกะฟังไม่เข้าใจก็หลงคิดว่าลูกชายตกใจจนสติหลุดไปแล้ว ทันใดนั้นเหมยเหมยเลยเอาหูโทรศัพท์มาบอก “คุณเคย์โกะ ลูกชายของคุณอยู่กับฉัน แต่เขาไม่ยอมไปโรงพยาบาล คุณช่วยมารับลูกชายของคุณให้เร็วที่สุด อย่าทำให้ตำรวจระแวงนะคะ!”

เคย์โกะผู้น่าสงสารที่เสียใจแทบแย่กระทั่งตอนนี้ยังคิดว่าเหมยเหมยเป็นโจรลักพาตัว แถมยังคิดว่าเธอกำลังใช้อาการบาดเจ็บของลูกชายมาข่มขู่เธอจึงทำเอาเธอตกใจจนรีบเอ่ยตอบ “เธอวางใจได้ เราจะไม่แจ้งตำรวจอย่างแน่นอน ขอเพียงเธอไม่ทำร้ายลูกชายฉัน ฉันจะตอบรับเงื่อนไขของเธอทุกอย่างเท่าที่ฉันทำได้…ขอร้องละอย่าทำร้ายลูกชายฉัน!”

โยโกยามะ คาวากุจิก็เลื่อนหน้าเข้ามาเอ่ยอย่างร้อนรนใจอีกคน “ผมคือโยโกยามะ คาวากุจิ พวกคุณยื่นข้อเสนอมาได้เต็มที่ ผมจะพยายามตอบรับให้ถึงที่สุด ขอแค่พวกคุณอย่าทำร้ายลูกชายผมก็พอ!”

เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก สองสามีภรรยาคู่นี้คงไม่ได้ตกใจจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรอกนะ!

“ฉันไม่ใช่โจรลักพาตัวและไม่ได้ต้องการเงิน รีบมาที่ตึกกาแล็กซี่ภายในครึ่งชั่วโมง รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว!” เหมยเหมยตอบกลับไปอย่างไม่พอใจพร้อมกดวางสาย

“ไม่นานพ่อแม่เธอก็จะมาแล้ว เดี๋ยวน้าปล่อยเธอไว้ตรงนั้นก่อนดีไหม?”

เหมยเหมยชี้ไปตรงซอยเล็ก ๆข้างตึกใหญ่ เธอไม่คิดจะพบสองสามีภรรยาคู่นี้ เธอจะเลียนแบบจอมยุทธในนิยายกำลังภายใจที่ทำความดีไม่ทิ้งชื่อเอาไว้…มาเงียบ ๆแล้วก็จากไปเงียบ ๆ!

ไม่เอาชื่อเสียงผลประโยชน์ใด ๆไปด้วย!

เหมยเหมยยิ้มอย่างสุขใจคนเดียว ความรู้สึกที่ได้ทำความดีมันช่างดีจริง ๆ!

เธอแอบยืดเวลากลับบ้านต่อไปครึ่งปี…ไว้เบื่อเมื่อไรค่อยกลับบ้านแล้วกัน!

“คุณน้า…คุณน้าไม่กลับบ้านด้วยกันกับผมเหรอ? ผมอยากจะขอบคุณคุณน้า!” อิจิโร่ชักจะร้อนใจ เขารู้สึกขอบคุณคุณน้าคนสวยมากและชอบน้องสาวคนน่ารักมาก เขาไม่อยากแยกจากกันเลย

“ไม่ไปแล้วละ เราต้องไปแล้ว อนาคตไว้พบกันใหม่ถ้ามีวาสนานะ!”

เหมยเหมยปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวเป่าเห็นสีหน้าผิดหวังของอิจิโร่ก็อดยิ้มได้ใจไม่ได้ หึ…คิดจะแย่งน้องสาวกับเขาเหรอ ไม่มีทางหรอก!

“เอาละ…เธออดทนอีกหน่อย เดี๋ยวพ่อแม่ก็มาถึงแล้ว ลาก่อนนะ!”

เหมยเหมยวางอิจิโร่ไว้บนพื้นแล้วช่วยห่มผ้าให้เขาอย่างระมัดระวัง พอเห็นรอยบาดแผลเหวอะหวะตามตัวเด็กเธอก็เสียใจภายหลังที่เมื่อครู่จบชีวิตชายคนนั้นง่ายเกินไป น่าจะทรมานอีกหลาย ๆวันให้มันอยากตายแต่ตายไม่ได้ดีกว่า!

“อย่ากลัว…นี่เป็นแค่ฝันร้าย ตื่นมาก็จะผ่านไปแล้ว…” เหมยเหมยปลอบเสียงอ่อนโยน

อิจิโร่ตัวเกร็งเล็กน้อย เมื่อเขาหวนนึกถึงประสบการณ์ดั่งตกขุมนรกมาเมื่อก่อนหน้านี้ เกรงว่าเขาคงลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต…

“ผมชื่อโยโกยามะ อิจิโร่” อิจิโร่เอ่ยชื่อตัวเองอีกครั้ง

“จำได้แล้ว ไว้พบกันใหม่นะ!”

เหมยเหมยลูบศีรษะอิจิโร่เบา ๆแล้วจูงมือเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าจากไป เล่อเล่อหันมายิ้มสดใสให้อิจิโร่ที่นอนอยู่บนพื้นพลางโบกมืออวบกล่าว “ลาก่อนนะ…พี่อิจิโร่!”

พอเห็นสองสามีภรรยาเคย์โกะอุ้มอิจิโร่ไปแล้วเหมยเหมยถึงวางใจ ภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว!

แต่ก่อนหน้านั้นต้องโทรหาอีกสายหนึ่งก่อน!

เคย์โกะอุ้มลูกชายหลังจากผ่านการสูญเสียร้องไห้อย่างดีใจสุดฤทธิ์ แต่ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นรอยบาดแผลสุดอนาถตามตัวลูกจนเกือบเป็นลมหมดสติอีกครั้ง…ลูกของเธอผ่านเรื่องราวอะไรมากันแน่?

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เคย์โกะพยายามกลั้นใจรับสาย เมื่อได้ยินเสียงเหมยเหมยก็ตะโกนด้วยแรงโทสะ “ทำไมเธอต้องทำร้ายลูกของฉันด้วย? เธอยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่!”

……………………..

ตอนที่ 2528 ความจริงปรากฏ

เคย์โกะเข้าใจผิดว่าเหมยเหมยเป็นคนที่ทำร้ายอิจิโร่จึงกราดด่าด้วยความโกรธ

เหมยเหมยไม่คิดว่าทำดีแล้วจะไม่ได้ดีจึงย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว ดูท่าทางเคย์โกะคนนี้จะได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีแต่กลับไม่รู้จักแยกแยะ!

“ฉันแค่จะโทรบอกคุณว่าอิจิโร่โดนคนร้ายทารุณมา ทางที่ดีคุณให้จิตแพทย์ช่วยดูอาการให้เขาด้วย แล้วก็…คุณช่วยเข้าใจไว้ด้วยว่าคนที่ทำร้ายลูกชายคุณไม่ใช่ฉัน วันหลังเรื่องไหนถ้ายังไม่รู้ดีก็อย่าตำหนิคนอื่นไปเรื่อย!”

เหมยเหมยโกรธจนตัดสายไป ทำคุณบูชาโทษจริง ๆ!

ไม่สนใจแล้ว!

“เราไปเอาของที่โรงแรมก่อนค่อยไปเสี่ยงโชคที่สนามบิน ซื้อตั๋วที่ไหนได้ค่อยไปที่นั่นแล้วกันดีไหม?” ไม่นานเหมยเหมยก็ลืมเรื่องขุ่นหมองและเริ่มนึกเรื่องสนุกขึ้นมา

“คุณแม่…หิวแล้ว…” เล่อเล่อมุ่นคิ้วแน่นพลางเตือนแม่ตัวเองอย่างเอือมระอา

สามชั่วโมงก่อนบอกจะพาเธอไปทานเนื้อแต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เศษเนื้อ เธอหิวแทบแย่แล้ว!

“โอ๊ย…แม่ลืมเรื่องนี้ไปเลย ไป ไปทานเนื้อกัน!”

เหมยเหมยรู้สึกผิดจับใจ ยุ่งจนหัวหมุนไปหมด

เล่อเล่อเขย่งปลายเท้ากระซิบชิดหูเสี่ยวเป่า “คุณแม่โง่จังเลย…”

เสี่ยวเป่าเห็นด้วยอย่างมากและตอบกลับเสียงเบาเช่นกันว่า “…ฉะนั้นเราถึงต้องฉลาดหน่อย ไม่งั้นคุณน้าอาจถูกคนร้ายขายทิ้งได้!”

“อื้ม!” เล่อเล่อพยักหน้าแรง ๆ มีเธอคอยจับตาดูคุณแม่อยู่ไม่มีทางถูกขายแน่

ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งในกรุงเกียวโต

เคย์โกะกับสามีคอยดูคุณหมอตรวจร่างกายให้ลูกชายด้วยความร้อนใจ พวกเขาเห็นรอยแผลบนตัวอิจิโร่ก็ทั้งปวดใจทั้งโกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นคือเป็นห่วงสุขภาพของอิจิโร่ ไม่รู้ว่าอิจิโร่ประสบพบเจอเรื่องอะไรมาบ้าง?

“อิจิโร่เป็นอย่างไรบ้าง?”

ในที่สุดคุณหมอก็ตรวจเสร็จ เคย์โกะรีบเอ่ยปากถามอย่างทนไม่ไหวพร้อมใจที่จุกอยู่ตรงลิ้นปรี่ กลัวจะได้ยินคำตอบที่เธอกลัวที่สุด

“คุณชายเล็กถูกคนเอาตะปูตอกและเทียนหยดใส่ แล้วก็พวกลวดค้อนต่าง ๆจนส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างหนักซึ่งล้วนเป็นแค่แผลนอกกายทั้งนั้น ไม่นานก็จะกลับมาฟื้นฟูหายได้ แต่คุณชายเล็กต้องได้รับการฟื้นฟูเรื่องสภาพจิตใจด้วย นี่เป็นหนทางที่ยาวไกล ต้องการความอดทนและความร่วมมือของคุณพ่อคุณแม่ด้วย” คุณหมอกล่าว

“ได้เลย จะให้ความร่วมมือแน่ ๆ!” สองสามีภรรยาพยักหน้ารัวและนึกโทษตัวเอง

“ฉันผิดเอง…ทำไมฉันต้องไปซื้อเสื้อผ้าด้วย ถ้าฉันไม่ซื้อเสื้ออิจิโร่ก็คงไม่…” เคย์โกะเอามือปิดหน้าร้องไห้

“ผมก็ผิดด้วย ผมน่าจะไปด้วยกันกับพวกคุณ!” คาวากุจิรู้สึกผิดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพราะงานที่ไม่มีวันหมด ถ้าเขายอมทิ้งงานส่วนหนึ่งไปพักร้อนกับภรรยาและลูกชายทุกอย่างก็ไม่มีทางเกิดขึ้น!

“ต้องตามจับโจรลักพาตัวคนนั้นให้ได้ เธอเหิมเกริมนัก…ทำร้ายอิจิโร่แล้วยังโทรมาขู่อีก…ทำไมถึงไร้ความเป็นคนขนาดนี้!” เคย์โกะกัดฟันกรอด กระทั่งตอนนี้เธอยังหลงคิดว่าเหมยเหมยคือโจรลักพาตัว

“แน่นอน ผมได้บอกทางตำรวจแล้ว พวกเขากำลังตามหาผู้หญิงคนนั้นอย่างเต็มที่!” คาวากุจิก็โกรธไม่น้อยไปกว่ากัน

อิจิโร่ที่สลบไปหลังได้พบคุณพ่อคุณแม่ก็ค่อย ๆฟื้นขึ้นช่วงหัวค่ำ หลังจากเห็นคุณพ่อคุณแม่ที่คอยอยู่เคียงข้างก็ยิ้มอย่างดีใจ ในที่สุดฝันร้ายก็ผ่านไปสักที

“คุณพ่อ คุณแม่ คุณน้าคนสวยช่วยผมเอาไว้ คุณพ่อคุณแม่ขอบคุณแทนผมที!” อิจิโร่พูดด้วยเสียงอ่อนแรง

บุญคุณเพียงหยดน้ำก็ต้องตอบแทนดั่งสายธาร ยิ่งกว่านั้นคือบุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ในเมื่อตอนนี้เขายังเด็กก็ให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยตอบแทนแทนเขาเถอะ!

เคย์โกะกับสามีมองหน้ากัน คุณน้าคนสวย?

เหมือนจะมีตรงไหนแปลกพิกลแหะ?

“อิจิโร่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เคย์โกะถาม

……

อิจิโร่เล่าเหตุการณ์ไปคร่าว ๆ “ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว แต่คุณน้าคนสวยช่วยผมเอาไว้แล้วก็ถามถึงเบอร์โทรของคุณแม่ บอกว่าจะให้คุณแม่มารับผม!”

เคย์โกะถึงเข้าใจว่าตัวเองได้ปล่อยไก่ตัวใหญ่เข้าเสียแล้ว ความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามา

นี่เธอกลับพลั้งปากว่ากล่าวผู้มีพระคุณอย่างไม่น่าให้อภัย สมควรตายจริง ๆ!

………………

ตอนที่ 2525 ตามล้างตามเช็ด

“ขอบคุณครับคุณน้า!”

อิจิโร่จำเหมยเหมยได้ซึ่งก็คือคุณน้าคนสวยที่พักอยู่ห้องตรงข้ามเขากับคุณแม่นั่นเอง น้องชายกับน้องสาวของคุณน้าก็สวยน่ารักมากเช่นกัน รวมถึงสุนัขกับกระรอกที่สร้างความหวั่นไหวให้แก่เขาด้วย

เดิมคิดว่าจะไม่ได้พบคุณพ่อคุณแม่อีกแล้วแต่ตอนนี้กลับได้เห็นแสงตะวันใหม่อีกครั้ง อิจิโร่สูดอากาศเข้าปอดเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ไม่เคยรู้สึกอากาศสดชื่นเท่านี้มาก่อนเลย!

“เธอพูดภาษาฮวาเซี่ยได้เหรอ? เก่งจังเลย…” เหมยเหมยตกใจอย่างมาก แม้ภาษาฮวาเซี่ยของเด็กคนนี้จะแข็งทื่อไปหน่อยแต่ฟังดูก็รู้ว่าผ่านการเรียนการสอนอย่างจริงจังมาก่อน

อิจิโร่ก็ยิ้มตอบแต่กลับโดนแผลเลยอดขมวดคิ้วไม่ได้

“เธอไม่ต้องพูดแล้ว น้าจะส่งเธอไปทำแผลที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นจะอักเสบได้” เหมยเหมยปรามไม่ให้เขาพูดอีก เด็กคนนี้ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เจ็บตัวขนาดนี้ยังรักษามารยาทที่ดีไว้ได้ ไม่เลวเลยจริง ๆ!

“คุณน้า…อย่าไปโรงพยาบาล รบกวนคุณน้าช่วยติดต่อแม่ผมได้ไหม?” อิจิโร่สีหน้าเปลี่ยนไปพยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วร้องขอ

“แต่เธอบาดเจ็บสาหัสมาก…”

“ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บ คุณน้า ผมคือโยโกยามะอิจิโร่ รบกวนคุณน้าช่วยติดต่อแม่ให้ผมที ขอร้องละครับ!”

เหมยเหมยจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโยโกยามะอิจิโร่หรือนิโระ รู้แค่ว่าเด็กคนนี้หัวรั้นเกินไป บาดแผลมากขนาดนี้จะไม่เจ็บได้อย่างไรกันล่ะ เธอคิดจะเกลี้ยกล่อมอีกหน่อยแต่เสี่ยวเป่ากลับทำสีหน้าแปลก ๆแล้วพูดขึ้นกะทันหัน “คุณน้า…พาเขาไปหาแม่เถอะ”

เสี่ยวเป่ามองด้วยสายตาจริงจัง คิดไม่ถึงว่าการที่คุณน้าลงมือช่วยเด็กคนหนึ่งจะเป็นถึงทายาทผู้สืบตระกูลโยโกยามะได้!

ตระกูลโยโกยามะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ถือตัวอย่างสามตระกูลอื่นแต่อำนาจด้านการเงินและสถานะกลับใหญ่สุดในสี่ตระกูล แม้แต่นายกรัฐมนตรียังไม่กล้าดูถูกตระกูลนี้เลย

ถือว่าเฮ่อเหลียนเช่อทุ่มเทกับลูกชายมากพอสมควร ต่อให้ตัวเขานึกปวดศีรษะกับเรื่องเส้นสายสัมพันธ์อันแสนซับซ้อนมาก แต่ก็ยังวิเคราะห์เหล่าตระกูลทรงอิทธิพลของแต่ละประเทศทั่วโลกให้เสี่ยวเป่าฟัง ซึ่งตระกูลโยโกยามะก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทว่าตระกูลนี้ลึกลับถ่อมตัวเกินไปไม่มีแม้แต่รูปถ่ายหลุดออกมาแม้แต่รูปเดียว รู้เพียงว่าตระกูลนี้มีสมาชิกในตระกูลน้อยลูกหลานไม่มาก ได้ข่าวว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนตระกูลโยโกยามะได้ให้กำเนิดทายาทรุ่นที่สามที่คาดว่าคงเป็นอิจิโร่ในอ้อมแขนคุณน้านั่นเอง

คุณน้านี่ช่างโชคดีเหลือเกิน!

แต่เสี่ยวเป่าก็นึกแปลกใจมากเช่นกันจึงอดถามไม่ได้ “ถ้านายคือโยโกยามะอิจิโร่ ทำไมออกมาถึงไม่มีบอดี้การ์ดคอยติดตามเลยล่ะ?”

นี่ไม่เข้ากับสถานะหนึ่งในสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่เลยนี่นา ขนาดเขากับคุณน้าออกมายังมีบอดี้การ์ดคอยตามอยู่ตั้งสี่คน!

อิจิโร่ยิ้มอย่างเขินอาย “พวกเราย้ายออกมาแล้ว!”

เสี่ยวเป่าเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน รอยยิ้มลึกลับยากจะคาดเดาได้ เขาส่งสายตาเหมือนรู้กันให้กับอิจิโร่ราวกับสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยสองตัวไม่มีผิด

เล่อเล่อลูบศีรษะ พี่ชายสองคนยิ้มได้แปลกจัง!

ขณะเดียวกันคนที่มึนไปด้วยยังมีเหมยเหมยอีกคน กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจว่าชื่อโยโกยามะอิจิโร่สื่อถึงอะไร ในเมื่อเสี่ยวเป่าบอกว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็เชื่อฟังเสี่ยวเป่าแล้วกัน!

“บอกเบอร์ของแม่เธอกับน้ามาสิ น้าจะโทรหาแม่เธอเดี๋ยวนี้เลย” เหมยเหมยเร่งอิจิโร่ เธอต้องรีบทำเวลา ถ้าศพของเจ้าโรคจิตนั่นถูกพบเข้าก็ไปจากที่นี่ยากแล้ว

แต่เจ้าโรคจิตนั่นอาศัยอยู่ที่ลับตาคนขนาดนั้น ปกติน่าจะไม่มีการไปมาหาสู่กับคนอื่น ๆหรอก ฉะนั้นคงไม่ถูกพบไวขนาดนั้นหรอกมั้ง!

หลังจากพวกเหมยเหมยจากไปชาวตะวันตกสองคนก็ปีนหน้าต่างเข้าไปพลางยักไหล่ใส่ชายหนุ่มที่สิ้นใจอยู่บนพื้น ลูกน้องสองคนของเหยียนหมิงซุ่นก็รีบเดินทางมาเช่นกัน พอเห็นชายหนุ่มเสียชีวิตก็อดยิ้มขมขื่นไม่ได้

คุณนายเสพติดการฆ่าคนไปแล้วหรือเนี่ย!

ลูกน้องจำต้องโทรรายงานให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้ เหยียนหมิงซุ่นที่เพิ่งทะเลาะกับนักการทูตฝั่งอเมริกามาหมาด ๆได้ยินดังนั้นก็ด่ากลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ตายแล้วก็ตายไปสิ เคลียร์สถานที่เกิดเหตุให้ดี แค่นี้ยังต้องให้ฉันสอนพวกนายหรือไง?”

……………………….

ตอนที่ 2526 เข้าใจผิด

“พวกนายจะทำอย่างไรกับเจ้าหมอนี่ดี? อากาศร้อนขนาดนี้ไม่นานคงเน่า” ชาวตะวันตกคนหนึ่งชี้ไปที่ศพของชายหนุ่มแล้วกล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจ

“เผาทีเดียวเลย!”

การเผาคือวิธีทำลายศพที่รวดเร็วและสะอาดที่สุด เผาให้หมดจดจนตามสืบอะไรไม่ได้

“โอเค…ฉันไปหาน้ำมัน!”

ชาวตะวันตกปรบมือเห็นด้วย นับว่าโชคดีไม่หยอกที่บ้านของชายคนนี้มีน้ำมันแก๊สอยู่ขวดหนึ่งพอดี พวกเขาเอาปากกาอัดเสียงออกมาแล้วราดน้ำมันตามบริเวณบ้าน

ทุกอย่างเตรียมพร้อมรอเพียงก้นบุหรี่มวนเดียว!

“ฉันขอสูบก่อน ใกล้จะได้แล้ว…เพื่อน ผู้หญิงคนสวยคนนั้นคือคุณนายของพวกนายเหรอ? สุดยอดไปเลยนะ ฆ่าคนเด็ดขาดกว่าพวกเราอีก!” ชาวตะวันตกสูบบุหรี่ไปก็ตีสนิทกับลูกน้องไป

“อย่ายุ่งให้มาก…”

ลูกน้องปรายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งอย่างไม่มีอารมณ์จะตีสนิทกับพวกเขา เขาสูดจมูกทีก็ได้กลิ่นชวนอ้วกท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและน้ำมัน พอเห็นแมลงวันบินว่อนกลางอากาศพวกเขาก็เข้าใจทันทีจึงหันมองไปยังต้นแอปเปิ้ลตรงมุมลานบ้านอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งบริเวณนี้มีเพียงใต้ต้นไม้นั่นที่มีความเป็นไปได้ว่าจะซ่อนศพไว้มากที่สุดแล้ว!

“ไม่รู้ว่าใต้ต้นไม้นั่นซ่อนศพไว้มากเท่าไหร่…เจ้าหมอนี่ตายไม่น่าสงสารเลยสักนิด ถ้าเป็นฉันก็คงอดใจไม่ให้ฆ่าเขาไม่ไหว…ฆ่าคนได้ไม่มีขอบเขตเลยแม้แต่นิด!” ชาวตะวันตกมองเหยียดชายบนพื้น

ต่อให้เขาเคยรับจ้างฆ่าคนมาเช่นกัน แต่กับโรคจิตที่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์แบบนี้ก็มีแต่อยากจะยกนิ้วกลางใส่เท่านั้นแหละ!

พระเจ้าไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่!

“โอเค…ไปหาซาตานซะเถอะ!”

ชาวตะวันตกสูดหายใจเฮือกใหญ่พลางดีดก้นบุหรี่ที่มีประกายไฟใส่กองน้ำมันจนไฟลุกท่วม ไม่นานก็ล้อมรอบตัวบ้านจนเกิดควันไปทั่วอาณาบริเวณ

“ซาโยนาระ…”

พวกเขาทั้งสี่คนวางปากกาอัดเสียงไว้หน้าประตู หนึ่งในสี่คนกลอกลูกตาทีหนึ่งก่อนจะเอาก้อนหินมาเขียนตัวอักษรบนประตู เป็นภาษาญี่ปุ่นที่เป็นระเบียบสวยงามว่า ‘ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ผดุงธรรมแทนสวรรค์’

ทั้งสี่คนสบตายิ้มให้กันแล้วแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านหลังนี้ แต่มีคนเห็นควันหนาเลยรีบวิ่งมา

เหมยเหมยไม่รู้เลยว่ามีคนตามล้างตามเช็ดให้เธอแล้ว ภายในชุมชนยากไร้ไม่เห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะเลย เธอมีโทรศัพท์ส่วนตัวสามารถใช้โทรบอกได้แต่เธอไม่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นวางแผนทำร้ายเธอ ดังนั้นเธอจะเปิดเผยเบอร์โทรของตัวเองไม่ได้เชียว

เสี่ยวเป่าหันกลับมามองฉับพลัน จากนั้นก็เห็นกลุ่มควันหนาลาง ๆเลยอมยิ้มน้อย ๆ

ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินออกจากชุมชนยากไร้ได้ จนในที่สุดเหมยเหมยก็เจอตู้โทรศัพท์สาธารณะเลยกดเบอร์โทรออก คนรับสายเป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง เหมยเหมยชะงักไปทีก่อนจะถามเสียงเบา “คือคุณทากาฮาชิเคย์โกะหรือเปล่า?”

“รอสักครู่ ผมคือสามีของเธอ ผมจะให้เธอรับสาย” เสียงของผู้ชายถึงจะแหบแห้งมากแต่ก็ยังมีมารยาทซึ่งพอจะรู้ได้ว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี

“ฮัลโหล ฉันคือทากาฮาชิ เคย์โกะ ไม่ทราบว่าคุณคือ…”

เสียงของคุณแม่แหบยิ่งกว่า เธอไม่เหลือความสดใสและอ่อนหวานในช่วงเช้าอีกต่อไป พอจะเห็นได้ว่าในเวลาสั้น ๆ เพียงครึ่งวันเธอจะเสียใจมากแค่ไหน!

เหมยเหมยยกหูโทรศัพท์ไว้ข้างหูอิจิโร่ อิจิโร่เรียกเสียงเบา “คุณแม่…”

เคย์โกะชะงักงันตามด้วยความดีใจที่ถาโถมเข้ามา แต่เธอไมได้เผลอกรีดร้องพลางกวาดตามองรอบตัวแล้วขยิบตาให้สามีแวบหนึ่ง ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ในที่ลับตาคนเคย์โกะถึงถามเสียงเบา “อิจิโร่…มีคนร้ายลักพาตัวลูกไปใช่ไหม? ไม่ต้องกลัว แม่จะตอบรับทุกเงื่อนไขของพวกเขา จะช่วยลูกออกมาให้ได้…”

ที่แท้เคย์โกะก็คิดว่าเหมยเหมยเป็นคนลักพาตัว ใช่ว่าอดีตจะไม่เคยเกิดเหตุลักพาตัวในตระกูลมาก่อน เมื่อนั้นตระกูลเลือกแจ้งตำรวจเป็นอันดับแรกแต่สุดท้ายกลับไม่สามารถช่วยตัวประกันออกมาได้ เพราะคนลักพาตัวเลือกฆ่าภายใต้อารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบ

เด็กที่น่าสงสารคนนั้นคือพี่สาวของสามีเคย์โกะ และนับตั้งแต่นั่นมาตระกูลโยโกยามะทำอะไรก็ถ่อมตัวเป็นความลับยิ่งกว่าเดิม

…………………

ตอนที่ 2523 ไม่คู่ควรมีชีวิตต่อไป

ที่แท้ช่วงวัยเยาว์ของชายคนนี้มีชีวิตที่ไม่ดีเท่าไรนัก เขาเกิดมาในชุมชนคนยากไร้ที่ไม่มีเงินแม้กระทั่งซื้อข้าวกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทานเคเอฟซีเลย อาหารตะวันตกแบบนี้เพิ่งขยายสาขาเข้ามาไม่กี่ปีจึงขายในราคาสูง คนที่มีเงินซื้อล้วนแต่เป็นเด็กจากครอบครัวร่ำรวย

ชายหนุ่มอิจฉาเด็กที่มีเงินซื้อเคเอฟซีกินอย่างมาก หลังจากเลิกเรียนทุกวันเขาต้องไปเดินผ่านหน้าร้านเคเอฟซี ต่อให้ไม่ได้กิน แค่ได้กลิ่นหอมโชยมาก็นับว่าเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งแล้ว

เมื่อเขาอายุสิบสามปีมีเพื่อนฐานะร่ำรวยในห้องคนหนึ่งฉลองวันเกิดเลยเชิญเพื่อน ๆในห้องไปเลี้ยงฉลองที่ร้านเคเอฟซี บรรดาเพื่อนดีใจกันมากและพากันไปร้านเคเอฟซีช่วงหลังเลิกเรียนกันหมด ชายหนุ่มก็ไปด้วยอย่างมีความสุขแต่–

เพื่อนทุกคนได้รับการแบ่งอาหารแสนอร่อยยกเว้นเขา พอเขาไปถามกลับถูกเพื่อนฐานะร่ำรวยคนนั้นเหยียดหยาม ด่าเขาว่าเป็นคนยากไร้ที่ทั้งตัวเหม็นทั้งสกปรกจึงไม่คู่ควรกินอาหารชั้นสูง

เพื่อนคนอื่น ๆก็พากันหยามเหยียดดูถูกเขาเช่นเดียวกับเพื่อนฐานะร่ำรวยคนนั้น ชายหนุ่มทั้งโกรธทั้งแค้น นับตั้งแต่นั้นมาเขาเริ่มอยู่อย่างสันโดษ ยิ่งกว่านั้นผลการเรียนยังลดฮวบลงจนภายหลังจึงตัดสินใจลาออก จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นอันธพาลที่ใคร ๆดูถูกปะปนอยู่ในสังคม

“ฉะนั้นแกถึงได้ลงมือกับเด็กที่ชอบกินเคเอฟซีงั้นเหรอ? แกนี่มันสัตว์เดรัจฉานจริง ๆ เด็กพวกนั้นไม่เคยด่าเคยเหยียดหยามแก มีกรรมก็ต้องชดใช้ มีหนี้ก็ย่อมต้องมีเจ้าหนี้ แกก็ไปคิดบัญชีกับคนที่หยามแกสิ!” เหมยเหมยก่นด่า

ชายหนุ่มเผยยิ้มประหลาด “เหอะ ๆ…เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ไปคิดบัญชีกับพวกเขา?”

เหมยเหมยใจหล่นวูบและเสียวสันหลังวาบ หรือว่า…

“โอโนะ…คาสุโกะ…แล้วก็ลูกของคาเมดะกับเรย์โกะ ต่างร้องขอชีวิตอยู่ใต้ร่างของฉัน…ฮ่า ๆ…” ชายหนุ่มทำหน้าเคลิบเคลิ้มและเริ่มตกอยู่ในห้วงความทรงจำ เพียงแต่ถ้อยคำที่เขาพูดกลับฟังไม่ได้ความเท่าไร

เหมยเหมยซักถามอีกพักหนึ่งถึงเข้าใจว่าโอโนะคือเพื่อนฐานะร่ำรวยที่เคยเหยียดหยามเขา หลังงานเลี้ยงฉลองวันเกิดไม่นานก็ถูกชายคนนี้ผลักตกตึกไปเสียชีวิตคาที่!

ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านขึ้นมาถึงแผ่นหลัง ตอนนั้นผู้ชายคนนี้เพิ่งอายุสิบสามปีเองแต่กลับเป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยมมากเหลือเกิน!

ส่วนคาสุโกะกลับเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ค่อนข้างสนิทกับโอโนะ เป็นรักแรกของชายหนุ่มแต่คาสุโกะกลับสนิทสนมกับโอโนะ ภายใต้อารมณ์โกรธทำให้ลงมือฆ่าคาสุโกะภายหลังฆ่าโอโนะไม่นาน

ส่วนคาเมดะกับเรย์โกะก็เป็นเพื่อนของชายหนุ่มเช่นกัน อีกทั้งตอนนั้นก็เคยหยามเหยียดเขากลางร้านเคเอฟซี พวกเขาไม่เป็นไรแต่กลับเกิดเรื่องกับลูกพวกเขาแทนซึ่งก็คือเด็กสองคนในสามคดีฆาตกรรมร้านเคเอฟซีนั่นเอง พวกเด็ก ๆถูกผู้ชายคนนี้ฆาตกรรมอย่างทารุณ!

“แค่หยามแกครั้งเดียว แกกลับฆ่าคนไปตั้งมากขนาดนี้ แกนี่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!”

เหมยเหมยแค้นใจจนตอกตะปูใส่ร่างชายหนุ่มอีกหลายอันทั้งคำรามถาม “พ่อแม่อิจิโร่ไม่เกี่ยวอะไรกับแกสักหน่อยทำไมแกถึงทำร้ายเขา?”

“ฉันชอบเห็นเด็กร้องขอชีวิตต่อหน้าฉัน…มันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข…หึ ๆ…สะใจดี!”

ชายหนุ่มเจ็บจนตัวชาสติเริ่มพร่ามัว แล้วสารภาพขั้นตอนการก่อเหตุของเขาไปอย่างซื่อตรง

ส่วนสิ่งที่ฝังอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลล้วนแต่เป็นศพหญิงสาวกับเด็กที่เขาฆ่ามาตลอดหลายปีนี้ จำนวนที่แม้แต่ตัวเขายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างไรเสียขอเพียงเขาอารมณ์ไม่ดีก็จะดื่มเหล้า พอดื่มเหล้าก็อยากฆ่าคน…

ส่วนหญิงสาวกับเด็กที่พลัดหลงอยู่ลำพังโดดเดี่ยวเหล่านั้นก็เป็นเป้าหมายอันดีที่เขาจะลงมือได้!

“ไปตายซะ!”

เหมยเหมยไม่อยากถามต่อไปแล้ว เศษเดนแบบนี้สมควรตกนรก สิ่งที่ถามไปเมื่อกี้เธอได้ใช้ปากกาอัดเสียงบันทึกไว้แล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้อัดเสียงตัวเองไว้มีแค่ถ้อยคำของชายคนนี้

“อย่านะ…”

ชายหนุ่มเห็นมีดสั้นตรงคอก็ร้องอย่างหวาดผวา แต่เหมยเหมยกลับกรีดลงไปอย่างไม่ลังเลใจจนเลือดพุ่งกระฉูด ไม่นานชายหนุ่มก็สิ้นใจ

………………………

ตอนที่ 2524 นางฟ้าตัวอ้วน

ในขณะที่เหมยเหมยชูมีดขึ้นเสี่ยวเป่าก็ยื่นมือมาปิดตาเล่อเล่อไว้ แม้จะโดนน้องสาวเอาเล็บขูดหลายทีแต่เสี่ยวเป่ากัดฟันแน่นไม่ยอมเอามือออก

จะให้เลือดสกปรกของคนชั่วช้าแปดเปื้อนสายตาของน้องสาวไม่ได้!

“พี่ชาย…ฉันจะดู…ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะกัดแล้วนะ!” เล่อเล่อโมโหจนตะคอกเสียงดังใส่แต่ก็ไม่กล้าแกะนิ้วของเสี่ยวเป่าแรงเกินไปเพราะกลัวจะทำพี่ชายนิ้วหัก

“ดูไม่ได้…อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว!” เสี่ยวเป่าหนักแน่นไม่ยอมใจอ่อน

ภาพที่ไม่ดีต่อเด็กจะให้น้องสาวเห็นไม่ได้เด็ดขาด!

เขาจงใจหลงลืมเรื่องที่เล่อเล่อเพิ่งยิงศีรษะของพวกค้ามนุษย์ไม่นานมานี้ไป ภายในใจของเสี่ยวเป่าน้องสาวคือนางฟ้าตัวน้อยแสนน่ารักบริสุทธิ์…

อืม…น่าจะเป็นนางฟ้าตัวอ้วน แต่ก็เป็นนางฟ้าที่น่ารักที่สุด!

“กัดซะเลย…”

เล่อเล่อโกรธจนอ้าปากกัดมือเสี่ยวเป่าแต่ก็ยังปรานีไม่ได้กัดแรงมากซึ่งทิ้งไว้เพียงรอยฟันไม่กี่ซี่ สำหรับเสี่ยวเป่าแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเล่นจักจี้ เขาจุดยิ้มมุมปากพลางมองยัยตัวอ้วนโวยวายด้วยสายตารักใคร่

น้องสาวเป็นนางฟ้าที่ใจดีที่สุดในโลก!

เหมยเหมยกรีดเส้นเลือดใหญ่ตรงคอของชายหนุ่มซึ่งไม่นานเลือดก็ไหลออกหมดตัว ชายหนุ่มเบิกตากว้างหมดลมหายใจ ดวงตามีความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว…เกรงว่ากระทั่งตายเขาก็คิดไม่ตกว่าทำไมเหมยเหมยพูดว่าจะทำก็ทำเลยล่ะ?

ไม่ควรส่งมอบตัวให้ทางตำรวจเป็นอันดับแรกหรือ?

“โอเค…เราไปจากที่นี่กัน เด็ก ๆขอโทษนะ เราไปเล่นสกีที่ฮอกไกโดไม่ได้แล้วละ ต้องรีบไปจากที่นี่ ไว้ฉันจะพาพวกเธอไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่นั่นสนุกกว่านี้อีก!”

เหมยเหมยตักน้ำจากถังล้างคราบเลือดบนมือจนสะอาด สำรวจเสื้อผ้าบนตัวอีกที เมื่อครู่ตอนกรีดลำคอเธอหลบทันไม่ให้เลือดกระเด็นใส่ตัว สมบูรณ์แบบไปเลย!

“คุณแม่…คนร้ายตายแล้วเหรอ?” เสี่ยวเป่าปล่อยมือในที่สุด เล่อเล่อเห็นสภาพชายหนุ่มตายตาไม่หลับแต่ไม่ได้รู้สึกกลัวสักนิดกลับตื่นเต้นมากกว่า

ชาวตะวันตกสองคนนอกหน้าต่างได้แต่แอบทึ่งในใจ การอบรมสั่งสอนของครอบครัวนี้…ให้ตายเถอะ…ที่หนึ่งของโลกเลย!

“ใช่…ตายแล้ว จากนี้คงเป็นได้แค่หมูทุกชาติทุกภพไป ไปกันเถอะ เรารีบไปจากที่นี่กัน!”

เหมยเหมยอุ้มอิจิโร่บนพื้นขึ้นมา นับว่าโชคดีมากเพราะพื้นฐานเด็กคนนี้มีสุขภาพที่แข็งแรงไม่หยอก หลังจากเหงื่อออกเต็มตัวอุณหภูมิก็ลดลงมากทีเดียว ไม่ได้น่ากลัวเท่าก่อนหน้านี้แล้ว

“คุณน้า…จะไปดูใต้ต้นแอปเปิ้ลหน่อยไหมครับ?” เสี่ยวเป่าสนใจของใต้ต้นแอปเปิ้ลมากทีเดียว

เหมยเหมยกลับไม่รู้สึกสนใจ เธอไม่สนใจโครงกระดูก เห็นแล้วต้องอารมณ์ไม่ดีแน่

“ไม่สนแล้ว ให้ตำรวจจัดการเถอะ น้าทิ้งปากกาอัดเสียงไว้ให้พวกเขาแล้ว!”

“โอเค!”

เสี่ยวเป่านึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยแต่ก็เดินตามหลังเหมยเหมยไปอย่างเชื่อฟัง มองเด็กในอ้อมแขนของเหมยเหมยด้วยความแปลกใจและรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก เขาก็อยากให้คุณน้าอุ้มแบบนี้เหมือนกัน!

“คุณแม่…พี่ชายไม่สบายเหรอ?” เล่อเล่อกะพริบตาโตพลางกวาดตามองอิจิโร่ด้วยความสงสัย

“ใช่แล้ว พี่ชายป่วยหนักมาก แม่จะพาพี่ชายไปโรงพยาบาล…โอ๊ย…เด็กคนนี้หนักพอสมควรเลย อุ้มไม่ไหวแล้ว!”

เดินได้เพียงระยะหนึ่งเหมยเหมยก็เมื่อยแขนไปหมด เธอคิด ๆแล้วก็เอาผ้าห่มห่อตัวอิจิโร่ไว้ จากนั้นก็ฉีกผ้าออกเป็นหลายเส้นผูกเข้าไว้กับตัว แบบนี้สบายขึ้นเยอะเลย

“อืม…คุณแม่…” อิจิโร่บนหลังเริ่มได้สติ พอได้กลิ่นหอมที่เหมือนคุณแม่เลยเผลอเรียกโดยไม่รู้ตัว

“ฟื้นแล้วเหรอ…ไม่ต้องกลัว คนร้ายไม่ตีเธอแล้ว!” เหมยเหมยหันไปส่งยิ้มให้เขา

เล่อเล่อก็เงยหน้าตะโกนเสียงดังเช่นกัน “พี่ชายไม่ต้องกลัว…คนร้ายโดนตีจนตายไปแล้ว…”

อิจิโร่มองลงไปก็เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเล่อเล่อดั่งแสงแรกยามเช้าที่มอบความอบอุ่นให้แก่เขาและทำลายความรู้สึกเจ็บปวดและหวาดกลัวไป เขาอดฉีกยิ้มให้เล่อเล่อไม่ได้

เสี่ยวเป่าเบะปาก ทำไมน้องสาวถึงเรียกหมอนั่นว่าพี่ชายเหมือนกันล่ะ?

พี่ชายคือเขาไม่ใช่หรือ?

ใครก็เป็นพี่ชายได้ นี่มันไม่แสดงให้เห็นถึงความพิเศษเพียงหนึ่งเดียวของเขาเลยนี่นา!

……………………

ตอนที่ 2521 ใต้ต้นแอปเปิ้ลฝังอะไรไว้

ชั้นล่างเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อกำลังตะลุมบอนกับชายหนุ่มคนนั้นอยู่ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่แขนขาหักทั้งสี่ข้างยังมีแรงขัดขืนด้วย แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้เพราะลำพังแค่เล่อเล่อคนเดียวก็ทับเขาจนตายได้แล้ว!

“ทับให้ตายเลย…พี่ชายหลีกไป!”

เล่อเล่อตะโกนขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาไวปานพายุ เสี่ยวเป่ารีบถอยห่างสามเมตรพลางมองอย่างสมน้ำหน้า

“ตุ๊บ”

เล่อเล่อกระโดดขึ้นสูงเกือบหนึ่งเมตรแล้วกระโดดทับตัวชายหนุ่มนั้นอย่างแรง เกิดเสียงกระดูกหักดังลั่นไม่หยุดเป็นการเพิ่มบาดแผลให้แก่เขาเท่าทวีคูณ กระดูกหักอีกหลายจุดทำเอาเขารู้สึกเจ็บเจียนตาย

เหมยเหมยเห็นเด็กสองคนอยู่เหนือกว่าเลยอุ้มอิจิโร่เดินลงมาช้า ๆอย่างไม่รีบร้อน

อิจิโร่ที่ทานยาไปค่อย ๆหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอและหมดสติไปแล้ว เจ้าตัวน้อยเริ่มเป็นไข้ตัวร้อนจี๋ แบบนี้ต้องรีบพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดแล้ว

“คุณแม่…คนร้ายตายแล้ว…” เล่อเล่อนั่งควบอยู่บนตัวชายหนุ่มที่สภาพปางตายพลางโห่ร้องอย่างได้ใจ

ออกมาเที่ยวกับคุณแม่สนุกจัง สนุกกว่าคุณพ่อเยอะเลย อยู่กับคุณพ่อทำได้แค่ตีหนู อยู่กับคุณแม่กลับได้ตีคนชั่ว!

“เล่อเล่อเก่งที่สุดเลย! เสี่ยวเป่าก็เก่งมากเหมือนกัน!”

เหมยเหมยยกนิ้วโป้ง ความคิดที่คัดค้านให้เล่อเล่อฝึกวิชาต่อสู้ในทีแรกก็เปลี่ยนไปทันทีหลังออกเดินทางคราวนี้

เพราะเธอพบว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้งดงามดั่งที่เธอจินตนาการเอาไว้ คนโรคจิตอย่างจอบส์หรือผู้ชายคนนี้ต้องมีอีกมากมายแน่ ๆ เธอกับเหยียนหมิงซุ่นไม่สามารถปกป้องเล่อเล่อได้ทุกเวลา ถ้าอย่างนั้นเล่อเล่อควรฝึกวิชาต่อสู้สักหน่อยไว้ป้องกันตัวถึงจะดีที่สุด

ส่วนความสง่างามสูงส่งอะไรนั่น…ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติแล้วกัน!

ของพวกนี้ช่วยรักษาชีวิตไว้ไม่ได้!

พอชายหนุ่มเห็นว่าเหมยเหมยตามหาอิจิโร่พบแล้วก็อดผิดหวังขึ้นมาไม่ได้ รู้ว่าตนตกเป็นรอง คราวนี้หนีไม่พ้นแล้ว!

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก อย่างมากเขาก็แค่โดนตัดสินข้อหาทารุณกรรมเด็กคงจำคุกสามถึงห้าปีก็ออกมาได้แล้วซึ่งก็เหมือนเดิม!

ส่วนเด็กที่เสียชีวิตไปทุกคนเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ตำรวจตามสืบไม่พบจึงไม่สามารถตัดสินโทษเขาได้!

ชายหนุ่มวางใจจึงตัดสินใจหลับตาลงรอตำรวจมาหาถึงที่ ประจวบกับตอนนี้เขาหมดเนื้อหมดตัวแล้วไม่มีเงินซื้ออาหารทานแล้ว ไปอยู่ในคุกไม่กี่ปีก็ดีไม่หยอก

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งพลางเอ่ยต่อชายหนุ่มว่า “แกคิดว่าฉันจะแจ้งตำรวจใช่ไหมล่ะ?”

ชายหนุ่มใจเต้นรัว ไม่เข้าใจความหมายของเหมยเหมย เธอไม่แจ้งตำรวจแล้วคิดจะทำอะไร?

หรือว่าผู้หญิงชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ?

“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ประเทศบ้าบอของพวกแกไม่มีแม้กระทั่งโทษประหารชีวิต แล้วจะส่งแกเข้าไปเสพสุขเหรอ? วันนี้แกตกอยู่เงื้อมมือฉันนับว่าแกโชคไม่ดีแล้วล่ะ!”

เหมยเหมยวางอิจิโร่ลงบนพื้นพลางเอาผ้าห่มพันตัวเขา หยิบแส้ออกมาเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มทีละก้าว ๆ

“เธอคิดจะทำอะไร…นี่มันเกียวโต…ไม่ใช่ประเทศฮวาเซี่ยของพวกเธอ เธออย่าทำบ้า ๆนะ!” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติก็ชักลนลานขึ้นมา

“ถ้าแกอยู่ฮวาเซี่ยตอนนี้แกตายนานแล้ว หึ…แกฆ่าเด็กไปตั้งมากมายยังมีหน้ามาร้องขอชีวิตอีกเหรอ? วันนี้ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสชาติการถูกทรมานดูบ้าง!”

เหมยเหมยมองด้วยสายตาประกายวาวด้วยความตื่นเต้น การเดินทางมาเมืองเกียวโตนับว่าโชคดีไม่หยอก พอมาถึงก็เจอโรคจิตเลย คราวก่อนตอนจอบส์เธอยังไม่สะใจพอเลย!

“ไม่นะ…ฉันไม่ได้ฆ่าคน…เธออย่ามาพูดเหลวไหล!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพลางมองเหมยเหมยด้วยความหวาดกลัว

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นคนประเภทเดียวกับเขา!

ให้ตายเถอะ เขาไปหาเรื่องโรคจิตได้อย่างไรกัน?

“ฉันพูดเหลวไหลเหรอ? ใต้ต้นแอปเปิ้ลข้างนอกฝังอะไรไว้?” เหมยเหมยฟาดแส้ใส่ ลานบ้านมีแมลงวันมากมายแถมยังมีกลิ่นเหม็นเน่าอีก คิดว่าเธอโง่หรือ?

……………………….

ตอนที่ 2522 บีบบังคับให้รับสารภาพ

ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน ผู้หญิงคนนี้รู้ได้อย่างไร?

“แกไม่ได้ฆ่าแค่เด็กสามคนนั้นแต่ยังฆ่าคนอื่น ๆแล้วฝังศพไว้ใต้ต้นแอปเปิ้ลตรงลานบ้าน!” เหมยเหมยพูดเน้นทีละคำพร้อมความรู้สึกขยะแขยงก่อตัวขึ้นในใจ

ผู้ชายคนนี้ก็ช่างโรคจิตเหลือเกิน ฆ่าคนแล้วก็ฝังไว้ตรงลานบ้านเลย เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวต่อให้อยู่ใต้พื้นดินก็กลบกลิ่นเหม็นเน่าไม่ได้หรอก แถมยังดึงดูดแมลงวันนับไม่ถ้วนอีกต่างหาก

นั่นก็เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากบ้านหลังอื่นถึงไม่ตกเป็นที่สงสัย ไม่อย่างนั้นตำรวจต้องมาถึงบ้านแล้ว

แต่ก็เพราะเหตุนี้ผู้ชายคนนี้ถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้สินะ!

“เปล่า…” ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ยอมรับแต่สายตาเริ่มหลุกหลิกหลบสายตาไม่หยุดหย่อน

“แกจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่ตำรวจสักหน่อย ไม่ได้สนใจว่าแกจะฆ่าไปกี่คน ฉันแค่อยากถามแกว่าทำไมต้องลงมือกับเด็กด้วย?” เหมยเหมยตะคอกถาม

เธอคิดไม่ตกจริง ๆว่าเจ้าโรคจิตพวกนี้ เหตุที่มีชีวิตย่ำแย่ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองไม่ขยันมากพอก็เพราะมีคนคอยทำร้าย…

ถ้าเป็นเพราะเหตุผลแรกแล้วมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจกับสังคมนี้ ถ้าเป็นเหตุผลหลังแน่จริงก็ไปคิดบัญชีกับคนที่ทำร้ายคุณสิ ทำไมต้องมาระบายอารมณ์ที่เด็กบริสุทธิ์ด้วย?

คนประเภทนี้ความจริงก็คือพวกขี้ขลาด พวกขี้ขลาดที่สมควรตกนรกสิบแปดขุม!

ชายหนุ่มปิดปากแน่นไม่ตอบคำถามเหมยเหมย เขาแค่อยากให้ตำรวจรีบมาที่บ้าน ทางนี้เกิดเสียงดังอึกทึกขนาดนี้เพื่อนข้างบ้านน่าจะได้ยินสินะ?

บางทีอาจจะแจ้งตำรวจก็ได้!

แต่ชายหนุ่มไม่พิจารณาดูเลยว่าเขาอาศัยอยู่ที่ลับตาคนขนาดนี้ ปกติใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ แล้วใครจะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขากัน!

ไม่อย่างนั้นเขาฆ่าเด็กติดต่อกันคนแล้วคนเล่าจะไม่มีคนสังเกตเห็นได้หรือ?

“ไม่อยากบอกสินะ…ดีเลย ฉันเพิ่งจัดการโรคจิตชั่วช้าเหมือนแกคนหนึ่งไปหมาด ๆ กำลังคันไม้คันมือพอดี!”

เหมยเหมยก็ไม่คิดจะยื้อเวลาต่อ เธอจะปล่อยอิจิโร่รอนานไม่ได้ เธอหยิบเอาตะปูกับค้อนจากกล่องอุปกรณ์เครื่องมือรวมถึงเทปกาวออกมา ชายหนุ่มเบิกตากว้างไม่เข้าใจว่าเธอคิดจะทำอะไร

“แกทำแบบนี้กับเด็กสินะ? ลองลิ้มรสเองเป็นไง!”

เหมยเหมยเอาเทปกาวปิดปากชายหนุ่มแล้วหยิบตะปูยาวหนึ่งนิ้วมาไว้บนขาชายหนุ่มก่อนจะเอาค้อนทุบแรง ๆ จนตะปูตอกเข้าเนื้อเหลือเพียงส่วนหัวโผล่ออกมาเล็กน้อย

“อื้อ…โอ๊ย ๆ…”

ชายหนุ่มบิดตัวไปมาไม่หยุด รู้สึกเจ็บเจียนตาย…มองเหมยเหมยอย่างหวาดกลัว

หญิงชาวฮวาเซี่ยคนนี้ช่างโหดเหี้ยมนัก ฝีมืออยู่เหนือกว่าเขาด้วยซ้ำไป เขาเจอคนเหี้ยมกว่าแล้ว!

“สบายใช่ไหมล่ะ? คนเรามักจะทำอะไรไม่เกินสามครั้ง งั้นฉันจะตอกให้แกอีกสองอันแล้วกัน!”

เสียงแกร๊ง ๆดังสองทีพร้อมกับตะปูที่ตอกเข้าเนื้อไปอีกสองอัน ชาวตะวันตกสองคนนอกหน้าต่างก็สะดุ้งอย่างอดไม่ได้ เอามือถูแขนไปมาไม่หยุด ให้ตาย…ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้โหดยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก!

“จะให้เอาสักหกครั้งตามเลขนำโชคหรือเปล่า?” เหมยเหมยพึมพำพร้อมหยิบตะปูมาเพิ่มอีกสามอัน พลางวาดมือบนขาอีกข้างของชายหนุ่มไม่หยุด

ชายหนุ่มส่ายศีรษะแรง ๆ เส้นเลือดตรงหน้าผากปูดโปนส่งเสียงครางขัดขืน เพียงแต่ปากถูกปิดไว้ด้วยเทปกาวจึงทำให้ส่งเสียงออกมาไม่ได้

“อยากบอกแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น

ชายหนุ่มพยักหน้าแรง ๆ เหมยเหมยฉีกเทปกาวออกทีเดียว “บอกมา…ทำไมถึงฆ่าเด็ก? แล้วยังทิ้งศพไว้หน้าร้านเคเอฟซีอีกด้วย!”

“เพราะฉันเกลียดเคเอฟซี และเกลียดพวกคนมีเงินที่ซื้อเคเอฟซีกินได้…”

ชายหนุ่มหอบหายใจพลางเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง แม้จุดเริ่มต้นของเรื่องราวจะน่าเห็นใจอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่ชายคนนี้จะฆ่าคนได้เลย

……………………..

ตอนที่ 2519 ฉันคือบรรพบุรุษของแก

ชายหนุ่มทั้งคันทั้งเจ็บกลิ้งตัวไปมาบนพื้นไม่หยุดพร้อมคำรามเสียงดังดั่งสัตว์ดุร้ายก็ไม่ปาน

เหมยเหมยฟาดแส้ใส่เขาติดต่อกันอีกหลายทีจนไม่นานจากนั้นก็เลือดชุ่มตัวทำเอาชาวตะวันตกสองคนนอกหน้าต่างตกตะลึงพลางกุมมือเงียบ ๆ

“ท่านมาร์ควิสน้ำเข้าสมองหรือไง เพื่อนของเธอห้าวหาญขนาดนี้ต้องการให้เราปกป้องเสียที่ไหนกัน?”

“นายจะสนใจทำไม…แค่มีเงินเข้าบัญชีก็พอ!”

……

“เด็กผู้ชายคนนั้นถูกแกเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน?” เหมยเหมยฟาดแส้ทีหนึ่งแล้วตะคอกเสียงถาม

“ไม่มีเด็กผู้ชาย เธอมาตามหาผิดที่แล้ว!” ชายหนุ่มไม่ยอมสารภาพ เด็กผู้ชายถูกเขาซ่อนไว้ในห้องใต้หลังคาคงไม่มีทางตามหาพบแน่นอน

“พวกเธอเป็นแค่ชาวฮวาเซี่ยกลับกล้าทำตัวเหิมเกริมที่นี่ ใจกล้านัก ระวังจะเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศ!” ชายหนุ่มข่มขู่ด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยถึงประเทศฮวาเซี่ยก็ทำหน้าดูถูกหยามเหยียดอย่างมาก

เหมยเหมยบันดาลโทสะยิ่งกว่าเดิม ไม่คิดว่าเจ้าโรคจิตนี่จะเป็นพวกชาตินิยมขนาดนี้ แบบนี้ฟาดให้ตายไปเลย!

“ฮวาเซี่ยเป็นถึงบรรพบุรุษของพวกแกเชียวนะ แกก็คือหลานของพวกเรา ถุย…เศษสวะอย่างแก ต่อให้ฉันฆ่าแกซะก็ไม่มีข้อพิพาทอะไรทั้งนั้น แกคิดว่าแกเป็นใคร?”

เหมยเหมยอ้าปากด่ากราดทั้งฟาดแส้ติดต่ออีกหลายที ชายหนุ่มถูกเธอฟาดจนหมดแรงจะตอบโต้พร้อมบาดแผลที่เพิ่มขึ้นตามตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งพอผสมกับกลิ่นแปลก ๆที่มีอยู่ในตอนแรกก็ยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียนกว่าเดิม

ชายหนุ่มมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก เขาไม่ได้ด่ากลับอีกเพียงแต่ค่อย ๆคลานไปอีกห้องอย่างช้า ๆ ห้องนั้นมีถังน้ำอันหนึ่งอยู่ซึ่งข้างในมีน้ำสะอาดที่เขาเพิ่งตักกลับมา ขอเพียงเอาน้ำชะล้างผงยาตามร่างกายทิ้งไปเขาก็จะหายคัน

เจ้าหมอนี่ก็ฉลาดดี วิธีแก้อาการคันที่ได้ผลไวที่สุดก็คือการใช้น้ำชะล้างทิ้ง แค่โดนน้ำนิดหน่อยผงยาก็หมดฤทธิ์ทันที

เหมยเหมยกลับไม่ทันสังเกตถึงจุดประสงค์ของมัน เธอแค่อยากรีบหาอิจิโร่ให้เจอโดยเร็วที่สุดและไม่รู้ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ลงมือกับเด็กแล้วหรือยัง!

“มัดตัวเขาไว้!”

เหมยเหมยหาเชือกในบ้านเจอซึ่งมีปริมาณไม่น้อยเลย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเชือกไนลอนคงทน แถมยังมีลวดและเทปกาวอีก รวมถึงของประเภทค้อนหัวเหล็กพวกนั้นด้วย…

ในบ้านคนปกติจะแอบซ่อนของประหลาด ๆพวกนี้เสียที่ไหนกัน ชัดเจนเลยว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้มีไว้ทำเรื่องดี ๆแน่นอน!

“แกมันฆาตกรคดีเคเอฟซีนั่นเอง เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”

เหมยเหมยหยิบเอาค้อนทุบขาชายหนุ่มแรง ๆจนเกิดเสียงกร๊อบ…ชายหนุ่มร้องเสียงโหยหวน เม็ดเหงื่อเท่าถั่วไหลพรากแต่ภายในใจเขานั้นรู้สึกตกใจยิ่งกว่า

ผู้หญิงชาวฮวาเซี่ยคนนี้รู้ได้อย่างไร?

หรือว่าเธอเป็นตำรวจ?

“เธอพูดเหลวไหล…คดีฆาตกรรมเคเอฟซีอะไร…ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ!” ชายหนุ่มปฏิเสธแล้วตะคอกใส่ “ถึงเธอจะเป็นตำรวจแต่จะบุกรุกบ้านคนอื่นโดยพลการไม่ได้ แล้วยังจู่โจมฉันอีก ฉันจะฟ้องเธอ!”

“ฉันไม่ใช่ตำรวจอะไรหรอกนะ แต่ฉันกลับทำให้แกตายทั้งเป็นได้!”

เหมยเหมยแค่นยิ้มทีหนึ่งพร้อมทั้งเหวี่ยงค้อนลงอีกที เกิดเสียงดังกร๊อบขึ้นอีกครั้ง…

ชายหนุ่มหน้ามืดแทบหมดสติ แต่ความเจ็บปวดทำให้เขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลานึกอยากสลบไปเสียก็ทำไม่ได้!

“มือทั้งสองข้างก็ไม่ต้องเก็บไว้หรอกทำลายทิ้งไปเถอะ!”

เหมยเหมยทุบอีกสองทีจนแขนของชายหนุ่มหักไปทั้งสองข้าง เธอทิ้งตัวลงอย่างหมดแรงพร้อมเหงื่อที่ไหลพรากราวกับน้ำฝน

“พอแล้ว…ไม่ต้องมัดแล้ว ฉันจะขึ้นไปหาคนข้างบน เสี่ยวเป่าเธอกับน้องสาวรออยู่ข้างล่าง!”

เหมยเหมยปัดมือด้วยท่าทีผ่อนคลายเตรียมขึ้นไปหาเด็กชั้นบน เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อจ้องชายหนุ่มตาไม่กะพริบ ไม่ชะล่าใจแม้แต่วินาทีเดียว!

ภายนอกชายหนุ่มหมดแรงจะขัดขืนเหมือนคนใกล้ตายก็ไม่ปาน แต่เขาไม่ได้ถอดใจต้องหาทางเอาคืนให้ได้ ต้องฆ่าผู้หญิงชาวฮวาเซี่ยใช้เรือนร่างอันงดงามของเธอหล่อเลี้ยงต้นแอปเปิ้ลของเขา!

แบบนี้ปีหน้าเขาก็จะได้ลิ้มรสหอมหวานของลูกแอปเปิ้ลแล้ว!

ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ร้องโหยหวนพลางฝืนต่อความเจ็บปวดคลานไปหาถังน้ำที่อยู่ไม่ไกลแล้ว…

………………………

ตอนที่ 2520 ตามหาเด็กจนพบแล้ว

เหมยเหมยไปตามหาที่ชั้นสองก่อน ชั้นสองเป็นส่วนของห้องนอนของชายคนนั้นที่ไม่มีแม้แต่เตียงสักหลัง เขาแค่ปูฟูกซึ่งส่งกลิ่นเหม็นอับไปทั่ว บนพื้นมีรอยสกปรกมากมาย ไม่มีความรักสะอาดตามฉบับชาวญี่ปุ่นเลยสักนิด

พื้นที่ของบ้านไม่ใหญ่นักจึงมีห้องไม่มากเท่าไร ชั้นสองมีห้องเพียงสองสามห้อง เหมยเหมยใช้เวลาไม่นานก็ค้นจนครบทุกห้อง ภายในห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไร ว่างเปล่าและไม่เห็นอิจิโร่เลย

บ้านหลังนี้มีทั้งหมดสองชั้น ถ้าชั้นหนึ่งชั้นสองไม่มี งั้นอิจิโร่ถูกซ่อนไว้ที่ไหน?

หรือว่าเธอเดาผิดงั้นเหรอ?

เป็นไปไม่ได้!

เหมยเหมยเชื่อสุนัขตัวนั้น ในเมื่อมันบอกว่าชายคนนี้อุ้มเด็กผู้ชายที่เสียชีวิตเดินอยู่ข้างนอกกลางดึกดื่นก็มั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องจริง คนปกติที่ไหนจะอุ้มเด็กที่เสียชีวิตเดินเตร่ไปทั่วตอนดึก ๆกัน?

ต่อให้ชายคนนี้ไม่ใช่ฆาตกรสามคดีเคเอฟซีนั่นก็ต้องมีคดีฆาตกรรมอื่นติดตัวแน่!

เหมยเหมยเดินสำรวจอยู่บริเวณชั้นสองพลางครุ่นคิดช่องโหว่ที่เธอมองข้ามไป แต่ตามหาครบทุกห้องค้นแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้าก็ไม่เจอตัวเด็กเลย

เธอเดินไปดูที่ระเบียงอีกทีก็ไม่พบอะไร แต่กลับเจอหน้าต่างบานหนึ่งตรงห้องนั่นซึ่งพอเข้าไปใกล้ระเบียงก็เห็นว่าหน้าต่างไม่ใหญ่มากเพียงพอให้คนคนหนึ่งปีนเข้าไปได้

เหมยเหมยเขย่งเท้ามองขึ้นไป หน้าต่างนั่นคาดว่าคงถูกปิดไว้มิดชิดไม่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา หรือว่าบนนั้นมีห้องใต้หลังคาอีกห้องงั้นหรือ?

ดีที่บ้านหลังนี้เพดานต่ำมากโดยเฉพาะชั้นสองที่เหมือนถูกแอบสร้างขึ้นอย่างผิดกฎหมายซึ่งความสูงไม่ถึงสามเมตรด้วยซ้ำ ระยะที่ต่ำเป็นพิเศษทำให้เหมยเหมยเอาเก้าอี้มาตัวหนึ่ง แค่ยืนบนนั้นก็สามารถเอื้อมถึงหน้าต่างบานนั้นได้แล้ว

เธอยื่นศีรษะเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องใต้หลังคาตามคาด เพียงแต่ภายในห้องมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรและไม่ได้ยินเสียงอะไรจึงทำเอาเธอรู้สึกเสียววาบไปทั้งใจ

เหมยเหมยรู้สึกเสียวสันหลังวาบ บ้านหลังนี้ดูมืดสลัวไปทุกที่เหมือนบ้านผีสิงจริง ๆ ขนาดคนดีเข้ามาอาศัยยังจะป่วยได้เลยนะ!

เธอเปิดไฟฉายที่ให้ความสว่างไปทั่วทั้งห้องใต้หลังตา ภาพตรงหน้าสร้างความโกรธแก่เธออย่างมาก อิจิโร่อยู่ที่นี่ตามคาดจริง ๆแต่กลับนอนอยู่บนพื้นในสภาพเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยรอยแผล…

มีรอยมีด รอยไหม้จากก้นบุหรี่รวมถึงรอยทิ่มจากของแหลมคม…ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีจุดไหนที่ไม่มีรอยแผลเลย เลือดแข็งตัวเป็นก้อนและเด็กที่นอนแน่นิ่งไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยังมีชีวิตอยู่

เหมยเหมยรีบคลานเข้าไปเอานิ้วอังจมูกของเด็กก่อน ยังมีลมหายใจโรยรินอยู่ โชคดี…ยังไม่ตาย!

เธอป้อนยาวิเศษใส่ปากของเด็กเม็ดหนึ่ง แม้เด็กคนนี้จะหายใจโรยรินพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ แต่ในเมื่อช่วยแล้วก็เอาให้ถึงที่สุดแล้วกัน!

“แม่…”

อิจิโร่ครางออกเสียงแล้วลืมตาขึ้นช้า ๆ พอเห็นเหมยเหมยที่ส่งยิ้มให้เขาก็ตกอยู่ในภวังค์ราวกับเห็นนางฟ้าชั่วขณะ หลงคิดว่าตัวเองตายไปแล้วและอยู่บนสวรรค์

“คุณคือนางฟ้าเหรอ?” อิจิโร่ถามเสียงอ่อน ดวงตาปรือเพราะเลือดเปรอะแข็งตัวเลยมองไม่เห็นหน้าตาของเหมยเหมยชัดนัก แต่มั่นใจได้ว่าเป็นคุณน้าที่สวยมาก ๆคนหนึ่ง

“ไม่ใช่ ฉันคือคุณน้าที่พักอยู่ห้องตรงข้ามเธอไง เธอยังมีชีวิตอยู่ อย่ากลัว ฉันจะพาไปหาคุณแม่นะ!”

เหมยเหมยสำรวจร่างกายเด็กคร่าว ๆ เธอยิ่งสำรวจก็ยิ่งโกรธ ผู้ชายคนนี้ต่อให้ลงกระทะทองแดงร้อนฉ่าก็ไม่พอให้หายโกรธด้วยซ้ำ…

บนร่างผิวเนียนนุ่มของอิชิโระไม่มีจุดว่างเปล่าก็ช่างแต่เบื้องล่างของเขายังมีรอยแผลมากมาย ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับเด็กไปบ้าง!

ไอ้คนสารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!

“เจ็บ…แม่ครับ…ผมเจ็บ…” อิจิโร่สลบไปอีกครั้ง มีแต่เสียงรำพึงรำพันถึงคุณแม่แต่มือเล็กกลับจับเสื้อเหมยเหมยแน่นโดยไม่รู้ตัว บางทีเขาอาจจะรู้ว่าเหมยเหมยมาเพื่อช่วยตัวเองสินะ!

เหมยเหมยทายาให้เด็กผู้ชายเล็กน้อยแล้วเอาเชือกผูกกับตัวไว้ จากนั้นเธอก็อุ้มเด็กลงไปชั้นล่าง เพิ่งถึงชั้นสองเธอก็ได้ยินเสียงร้องของเล่อเล่อเลยพุ่งลงไปอย่างรีบร้อน!

……………………….

ตอนที่ 2517 ไม่ใช่แค่สามชีวิต

เหมยเหมยพอจะมั่นใจได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนร้ายที่พาตัวอิจิโร่ไปแน่นอน ทั้งยังเป็นฆาตกรสามคดีนั่นอีกด้วย สารเลว…เธอไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆเด็ดขาด!

“มีคนเห็น? ใครเห็น? บ้านฉันมีแค่ฉันคนเดียว!” ชายหนุ่มเริ่มเดาสถานะของเหมยเหมยไม่ถูกหลงคิดว่าเธอเป็นตำรวจ ในเมื่อตอนเช้าเพิ่งมีชายสองคนมาขวางตักเตือนเขา

อารมณ์หื่นกามที่พุ่งพล่านในทีแรกมอดลงในทันที ชายหนุ่มไม่อยากก่อเรื่อง แค่อยากไล่เหมยเหมยไป

เขายังกวาดตามองนอกบ้านอีกหลายทีคิดจะหาผู้ชายสองคนที่เคยตักเตือนเขา แต่นอกบ้านโล่งว่างเปล่าไม่พบใครสักคน มีเพียงเด็กสองคนอย่างเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อบวกกับสุนัขตัวหนึ่งแล้วก็กระรอกตัวหนึ่งเท่านั้น

ชายหนุ่มอดโล่งใจไม่ได้ ไม่ตามมาก็พอ แค่ผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กเขาต้องรับมือได้แน่ ๆ ความคิดหื่นกามของเขาเริ่มผุดขึ้นใหม่อีกครั้ง

“มีคนเห็นตั้งเยอะ คุณกล้าให้ฉันเข้าไปค้นข้างในไหมล่ะ?” เหมยเหมยจงใจกล่าว

“ได้อยู่แล้ว เธอเข้ามาสิ!” เป็นไปตามความต้องการของชายหนุ่มพอดี เขาเปิดประตูให้พร้อมสายตาเย็นยะเยือก

ก้าวเข้าประตูบ้านเขาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเขาว่า!

ผู้หญิงคนนี้เป็นชาวต่างชาติแถมยังเป็นชาวฮวาเซี่ยอีก ต่อให้ตายคาบ้านเขาก็ไม่เป็นไร ตำรวจในพื้นที่คงไม่มาสนใจความเป็นความตายของชาวฮวาเซี่ยคนหนึ่งหรอก!

อีกอย่างยังมีเด็กสองคนมาหาถึงที่ รวยเละ!

เหมยเหมยไม่อยากให้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อตามมา เธอไม่รู้ว่าข้างในบ้านจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดของชายคนนี้หรือไม่เลยกลัวจะทำให้เด็กเจ็บตัว แต่เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อพุ่งเข้ามาทันทีพลางกุมมือเหมยเหมยแน่น

“เข้ามาให้หมดสิ!”

ชายหนุ่มลอบยิ้มร่าในใจ เขากำลังต้องการเช่นนั้นพอดี เหมยเหมยจูงมือเด็กสองคนก้าวข้ามขอบประตูก็มองเห็นความสกปรกเละเทะตรงลานบ้านจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

ลานบ้านเต็มไปด้วยของมากมายไม่เป็นระเบียบเหมือนกองขยะก็ไม่ปาน ซึ่งด้านในส่งกลิ่นเหม็นหึ่งพร้อมแมลงวันที่บินว่อนกลางอากาศ เสียงหึ่ง ๆนั้นทำเอาเธอชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ

“เหม็นจัง… ”เล่อเล่อเอามือปิดจมูก ทำเอาเธอเหม็นจะแย่อยู่แล้ว

เสี่ยวเป่ากลับมีสีหน้าตึงเครียด เขามองไปยังต้นไม้ตรงมุมลานบ้านซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าจริงจังที่ผิดไปจากวัยของเขา เขากดฝ่ามือเหมยเหมยแรง ๆทีหนึ่ง

“คุณน้า…ระวังตัวหน่อย!”

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ฆาตกรสามชีวิต เขาเป็นฆาตกรบ้าคลั่งคนหนึ่งเชียวล่ะ!

“อืม เธอกับน้องสาวก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าไปเหยียบสิ่งสกปรกล่ะ” เหมยเหมยก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในลานบ้านได้เช่นกัน โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นเน่ากลางอากาศที่ทำเอาคนอยากอาเจียน

หากไม่ใช่เพราะมาตามหาอิจิโร่ เธอไม่อยากอยู่เลยแม้แต่นาทีเดียว

นอกบ้านลูกน้องสองคนกำลังชั่งใจว่าต้องตามเข้าไปหรือไม่

“ผู้ชายคนนี้คิดไม่ซื่อกับคุณนายตั้งแต่เช้าแล้ว ให้คุณนายเข้าไปต้องไม่ประสงค์ดีแน่ จะบุกเข้าไปหรือเปล่า?” คนหนึ่งถามขึ้น

“แต่คุณชายหมิงบอกแล้วว่าถ้าไม่ใช่ยามคับขันจริง ๆเราจะเปิดเผยตัวไม่ได้ ถ้าทำให้คุณนายโกรธเข้าคุณชายหมิงไม่ปล่อยเราไว้แน่!”

“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนายและคุณหนู เราจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตรอดเลยนะ!”

ทั้งคู่ลำบากใจจะแย่ จะเข้าไปก็ไม่ได้จะไม่เข้าก็ไม่ได้อีก…น่าหนักใจจริง ๆ!

พอหางตาเหลือบเห็นชาวตะวันตกสองคนที่หลบอยู่หลังต้นไม้อยู่ไม่ไกล พวกเขาก็ดวงตาลุกวาวพลางกวักมือให้ชาวตะวันตกสองคนนั่นมาหา ชาวตะวันตกสองคนนั้นลังเลอยู่ครู่เดียวก็เดินมา ทั้งสี่คนกระซิบกระซาบกันอยู่สักพัก…

ชาวตะวันตกสองคนพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่บ้านหลังนั้นก่อนจะเลือกปีนกำแพงข้ามประตูไป ขณะนี้พวกเหมยเหมยได้เข้าไปในตัวบ้านแล้ว ชาวตะวันตกสองคนได้กลิ่นเหม็นที่ลอยมาจากลานบ้านก็สีหน้าเปลี่ยนไป

ให้ตาย…กลิ่นนี้พวกเขาคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าอะไร!

เดิมทีคิดว่าเป็นคนอ่อนหัดคนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นปลาตัวใหญ่!

โชคดีที่พวกเขาตามเข้ามาแล้ว!

…………………….

ตอนที่ 2518 สองแม่ลูกสามัคคีกันย่อมเกิดพลังอันยิ่งใหญ่

ชายหนุ่มพาเหมยเหมยเข้าบ้าน ภายในบ้านมีการตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีโต๊ะเก่าตัวหนึ่งรวมถึงเก้าอี้อีกไม่กี่ตัว แถมยังมีโทรทัศน์จอขาวดำเครื่องหนึ่งกับตู้เย็นเก่า ๆอีกเครื่อง

ภายในบ้านสะอาดกว่าลานบ้านมากโขแต่ก็มีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนใจบางอย่างโชยมาเหมือนกลิ่นเหม็นอับของผ้านวมที่ไม่ได้ตากแดดมานานสิบกว่าปีคละเคล้าไปด้วยกลิ่นน่ารังเกียจอื่น ๆ ทำเอาคนได้กลิ่นแทบหายใจไม่ออก

เล่อเล่อทนไม่ไหวยิ่งกว่าเดิมพลางเอามือปิดจมูกแล้วพูดเสียงเบาว่า “เหม็นจัง…”

“หุบปาก!”

อยู่ดี ๆชายหนุ่มก็หันมาตะคอกใส่เล่อเล่ออย่างดุดันทีหนึ่งซึ่งเป็นภาษาฮวาเซี่ยแปร่ง ๆ ยัยเด็กผู้หญิงน่ารำคาญนี่เดี๋ยวจะฆ่าเธอก่อนเลย!

เล่อเล่อสะดุ้งกับเสียงตะคอกกะทันหันนี้จนชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็เริ่มมีน้ำโห บังอาจตะคอกใส่เธอเหรอ?

“คนชั่ว…” เล่อเล่อตะโกนแล้วเหวี่ยงหมัดอวบอ้วนใส่

“รนหาที่ตาย!”

ชายหนุ่มทำหน้าบิดเบี้ยวพลางลงมือกับเล่อเล่อ ในเมื่อเข้ามาในถิ่นของเขาแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

ชุมชนยากไร้นี้แม้แต่ตำรวจในพื้นที่ยังไม่เข้ามายุ่ง เขาอยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีคนสนใจหรอก!

“แกสิรนหาที่ตาย ฟาดให้ตายเลย!”

เหมยเหมยฟาดแส้ใส่หน้าชายหนุ่มจนเกิดแผลลึกเลือดซึมออกมา ชายหนุ่มเจ็บจนสูดปากพลันไฟโทสะก็พุ่งปะทุขึ้นมา เขาหันมามองเหมยเหมยอย่างเย็นชาแล้วสบถด่าเสียงเบาทีหนึ่ง

“มอบตัวเด็กมา!”

เหมยเหมยฟาดอีกทีแต่คราวนี้ชายหนุ่มหลบทัน ดูท่าทางของเขาแล้วเห็นทีจะมีทักษะการต่อสู้ติดตัวอยู่บ้าง แถมรูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อแน่น ดูทรงคงรับมือไม่ง่ายขนาดนั้น

“ตีคนชั่ว…”

เล่อเล่อกลับตื่นเต้นมากกว่า เธอตะโกนเสียงดังแล้วพุ่งไปหาชายคนนั้น ชายหนุ่มไม่ได้เห็นเจ้าเด็กตัวน้อยอยู่ในสายตาจึงจดจ่อกับการต่อกรเหมยเหมย เขาดูออกว่าเหมยเหมยไม่ได้มีแรงมากนักแต่มีความว่องไว แถมแส้ในมือนั่นแสบไม่เบา พอฟาดโดนตัวทีก็เจ็บมากจึงไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด

“ตุบ!”

เล่อเล่อที่ชายหนุ่มไม่เห็นในสายตาพุ่งมาอยู่ข้างตัวเขาในไม่ช้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นเท้าเตะเธอก็ชิงรวบรวมพลังผลักด้วยแรงทั้งหมดที่มีใส่จนชายหนุ่มตัวกระแทกตู้เย็นอย่างไม่ทันตั้งตัว

ตู้เย็นสั่นโยกเยกหลายทีเกือบล้มใส่พื้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะทรงตัวให้นิ่งได้แต่ชายหนุ่มกลับโชคไม่ดีขนาดนั้นเพราะเขาล้มลงพื้นอย่างแรง นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อออกมา

เจ้าเด็กนี่ทำไมถึงแรงเยอะขนาดนี้?

“ตีคุณแม่…จะทับให้ตาย!”

เล่อเล่อยิ้มอย่างได้ใจแล้วพุ่งไปข้างตัวชายหนุ่มด้วยความไวปานสายฟ้า จากนั้นเธอก็พลิกมานั่งคร่อมบนตัวเขาตรงจุดอ่อนนั้นพอดี…

“อ๊าก…”

ชายหนุ่มสูดปากทีหนึ่ง ความรู้สึกแย่แผ่ซ่านไปทั้งตัวอย่างเจ็บปวด

เจ้าเด็กนี่เกือบทำเอาน้องชายของเขาหักคาที่แล้ว!

“ไสหัวออกไป!”

ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดใส่ศีรษะเล่อเล่อแต่เหมยเหมยฟาดแส้เกี่ยวแขนสองข้างของชายหนุ่มไว้ เธอออกแรงกระชากจนชายหนุ่มล้มลงพื้นอีกครั้ง

เสี่ยวเป่าก็มาร่วมวงด้วย มือกำมีดสั้นเล่มหนึ่งไว้ สบโอกาสที่ชายหนุ่มไม่ทันระวังปักลงกลางหลังเขาอย่างแรงจนเลือดกระเด็นไปรอบ ๆ!

“อ๊าก…ฉันจะฆ่าพวกแกซะ!”

ชายหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่าสามแม่ลูกที่ดูท่าทางไร้พิษสงกลับมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ถึงขนาดทำให้เขาเจ็บตัวได้เลย!

“ฉันจะฆ่าแกก่อน!”

เหมยเหมยกัดฟันหยิบเอาผงยาจากกระเป๋าออกมาสาดใส่ตัวชายหนุ่มโดยไม่สนใจอะไรอีก เธอดูออกแล้วว่าการออกเดินทางครั้งนี้หากไม่ถึงช่วงคับขันเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวจะไม่ให้ความช่วยเหลือ

ฉะนั้นต้องพึ่งพาตัวเธอและเด็ก ๆเอง!

“ฮัดชิ่ว…”

ชายหนุ่มจามแรง ๆทีหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็สังเกตถึงความผิดปกติ บนตัวเหมือนมีมดไต่ไปทั่วร่างกายเกิดอาการคันยุบยิบจนเขาฉงนใจ เพียงครู่เดียวก็มีรอยเลือดตามจุดที่เกาสิบกว่าที่จึงไม่ว่างต่อกรกับพวกเหมยเหมยอีก

ชาวตะวันตกสองคนด้านนอกนั่งชมอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจดูเรื่องสนุก ๆตรงลานบ้านต่อไป…

……………

ตอนที่ 2515 กลับเป็นผู้ต้องสงสัย

เสี่ยวเป่าหลงคิดว่าคนที่สุนัขตัวดุหมายถึงคือเด็กในชุมชนยากไร้นี้เพราะชุมชนยากไร้แห่งนี้มีเด็กมากมาย บางทีคนที่สุนัขตัวดุเห็นอาจเป็นหนึ่งในนั้น ในเมื่อมันเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งจะแยกหน้าตาคนออกได้อย่างไร!

เหมยเหมยใจกระตุกวูบพลางบอกเสี่ยวเป่าว่า “เธอลองถามมันดูว่าพี่ชายคนนั้นมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว?”

เสี่ยวเป่าสีหน้าเปลี่ยนไปเลยถามตามคำสั่งของเหมยเหมย สุนัขตัวดุเอียงหัวคิดอยู่พักใหญ่แล้วเลียมือเสี่ยวเป่า สีหน้าเสี่ยวเป่าดูย่ำแย่อย่างมาก

“ตายแล้ว มันบอกว่าไม่มีลมหายใจแล้ว!”

เหมยเหมยใจเต้นรัวในฉับพลันแล้วถามอีก “เธอถามมันต่ออีกว่าเจอตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน?”

“กลางคืน ทุกคนนอนกันหมดแล้ว”

เหมยเหมยแกะไส้กรอกให้สุนัขตัวดุอีกชิ้นจนมันฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วส่ายหางให้เหมยเหมยไม่หยุด รู้แต่แรกว่าคนพวกนี้มีของอร่อย ๆให้ตั้งมาก เมื่อกี้เขาไม่มีทางเห่าใส่แน่นอน!

“ให้มันนำทางได้ไหม?” เหมยเหมยชักร้อนใจ

เด็กหนุ่มที่เจอเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ตายไปแถมยังเป็นเวลาช่วงกลางดึกอันเงียบสงบ เป็นไปได้ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกพบศพหน้าร้านเคเอฟซีแห่งนั้น

ถ้าเช่นนั้นก็มั่นใจได้ว่าผู้ต้องสงสัยสามคดีนั่นก็พักอาศัยอยู่ในย่านชุมชนยากไร้แห่งนี้ ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นชายชุดดำที่พาตัวอิจิโร่ไป

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้อิจิโร่ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย เธอต้องรีบตามหาเด็กคนนั้นให้พบโดยเร็วที่สุด!

“มันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน แต่มันจำกลิ่นบนตัวผู้ชายคนนั้นได้ ช่วยเราหาได้ แต่มันต้องการไส้กรอกเยอะๆ!”

เสี่ยวเป่าเอ่ยอย่างระอา สุนัขตัวดุส่ายหางไปมาอย่างร่าเริงและมองด้วยดวงตาเป็นประกาย

ไส้กรอกเชียว…ไส้กรอกที่มันชอบกินที่สุด!

เพื่อได้ไส้กรอกแสนอร่อยมันจะช่วยตามหาผู้ชายคนนั้นให้พวกเขาอย่างสุดความสามารถ ต่อให้ความจริงแล้วจะเริ่มจำกลิ่นนั้นไม่ได้แล้วก็ตาม!

“ไม่มีปัญหา ขอแค่ตามหาผู้ชายคนนั้นจนเจออยากได้ไส้กรอกมากแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา!”

เหมยเหมยตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจแถมยังฉีกไส้กรอกป้อนให้สุนัขตัวดุอีกหลายชิ้น

สุนัขตัวดุนำทางอยู่ข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น พวกเหมยเหมยเดินตามมันไป ไม่นานสุนัขตัวดุก็หาเจอ จากนั้นก็พาพวกเธอไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของบ้านน่าจะเป็นพวกขี้เมาที่ดื่มเหล้าอยู่ในบ้านกลางวันแสก ๆ แถมยังก่นด่าสารพัดราวกับกำลังระบายเรื่องที่ไม่พอใจในชีวิต

“ไม่ใช่…” เสี่ยวเป่าระอายิ่งกว่าเดิม

เขาตบหัวสุนัขตัวดุทีหนึ่งพลางถาม “แกยังจำกลิ่นบนตัวผู้ชายคนนั้นได้อยู่ไหม?”

“กลิ่นของพวกเขาคล้ายกันมาก…” สุนัขตัวดุเริ่มรู้สึกเคอะเขิน ในเมื่อกินไส้กรอกไปตั้งมากแต่กลับทำหน้าที่ได้ไม่ดี อับอายขายหน้าจริง ๆ

เสี่ยวเป่าบอกเรื่องนี้ให้เหมยเหมยรับรู้ เธอจึงเดาออกอย่างรวดเร็วว่าฆาตกรนั่นคงเป็นพวกขี้เมาเช่นกัน ดังนั้นบนตัวถึงได้มีกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง

เบาะแสนี้ชักขอบเขตกว้างเข้าไปทุกที คนส่วนมากในชุมชนยากไร้ล้วนแต่เป็นคนที่ผิดหวังเรื่องชีวิต พอผิดหวังอะไรมาก็อาศัยเหล้าคลายเครียด หากตามหาเช่นนี้ต่อไปแล้วจะเจอปลายทางเมื่อไร?

สิ่งสำคัญที่สุดคือฆาตกรนั่นจะลงมือกับอิจิโร่ก่อนหรือเปล่า?

บนหน้าหนังสือพิมพ์บอกไว้ว่าเด็กหนุ่มที่ถูกทำร้ายเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นถูกพบศพหน้าร้านเคเอฟซีในเช้าอีกวันหลังหายตัวไป ด้วยเช่นนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าฆาตกรอาจจะเริ่มลงมือตั้งแต่ตอนนี้แล้วค่อยทิ้งศพไว้หน้าร้านเคเอฟซี

เหมยเหมยปวดใจเหลือเกิน เวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบตามหาฆาตกรนั่นให้เร็วที่สุด!

ตอนนี้ไม่มีทางอื่น ทำได้เพียงอาศัยสุนัขตัวนี้ไล่หาไปตามทาง อย่างมากก็แค่ทนโดนด่าอีกไม่กี่ทีเท่านั้นแหละ!

สุนัขตัวดุพาพวกเธอตามหามาสามหลัง แม้เจ้าของบ้านผู้ชายต่างเป็นพวกขี้เมาเหมือนกันแต่ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด ยามนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เหมยเหมยก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา

“ไม่รีบ…บางทีบ้านหลังต่อไปอาจจะใช่ก็ได้!”

เหมยเหมยป้อนไส้กรอกให้สุนัขตัวดุอีกชิ้นเป็นการให้กำลังใจมันและให้กำลังใจตัวเองเช่นกัน ต่อให้เขตชุมชนยากไร้แห่งนี้จะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดพวกขี้เมาก็ต้องมีจำกัดบ้างแหละ เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะตามหาไม่พบ!

จนมาเจอบ้านอีกหลังหนึ่ง ลักษณะบ้านไม่เหมือนบ้านหลังอื่นที่เชื่อมติดกันแต่เป็นบ้านหลังเดี่ยวโดด ๆ ตัวบ้านเก่าคร่ำครึดูแล้วเหมือนไม่มีคนอาศัยอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่สุนัขตัวดุกลับบอกว่าข้างในนี้มีขี้เมาอยู่

…………………..

ตอนที่ 2516 พบแล้ว

ตัวบ้านอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่น ๆ ไม่น้อยซึ่งเป็นบ้านสองชั้นตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ขนาดพื้นที่ไม่กว้างมากแถมยังเป็นบ้านอิฐธรรมดาโบกปูนทับชั้นหนึ่ง แต่เนื่องด้วยอายุมากแล้วทำให้ตะไคร่ขึ้นเต็มและมีวัชพืชอีกจำนวนหนึ่งงอกเงยออกมาจากช่องว่างระหว่างอิฐ

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสลัว พอเห็นบ้านสภาพนี้แล้วรู้สึกเหมือนเป็นบ้านผีสิงอย่างไรอย่างนั้น

“ข้างในนี้มีคนอาศัยอยู่จริงเหรอ? มีตะไคร่กับวัชพืชเยอะขนาดนี้ต้องมีแมลงเยอะแน่ ๆ บางทีอาจมีงูด้วยก็ได้ ในนี้จะมีคนอยู่ได้อย่างไร?” เหมยเหมยพึมพำเอง

แค่เธอเห็นบ้านหลังนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวแล้วเลยเผลอคิดว่าคงไม่มีคนอาศัยอยู่

เสี่ยวเป่าพูดอย่างมั่นใจ “มีคนอยู่!”

เพื่อนเหล่าสัตว์ของเขาไม่มีทางโกหกอยู่แล้ว สุนัขตัวดุนี้บอกว่าข้างในมีคนอยู่ก็ต้องมีคนอยู่ อีกอย่างเป็นพวกขี้เมาด้วย!

สุนัขตัวดุส่ายหางให้เสี่ยวเป่าแรง ๆ เขาไม่ใช่มนุษย์แสนเจ้าเล่ห์สักหน่อยแล้วจะโกหกได้อย่างไร?

เหมยเหมยให้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่ออยู่ให้ห่างจากตัวบ้านเล็กน้อย เธอเดินไปเคาะประตูเพราะกริ่งหน้าบ้านเต็มไปด้วยสนิม เห็นทีคงใช้งานไม่ได้แล้ว อีกอย่างประตูหน้าบ้านก็มีสภาพชำรุด เธอนึกสงสัยว่าหากใช้แรงเยอะกว่านี้อีกนิดคงผลักประตูเข้าไปได้แน่ ๆ

ไม่เหมือนสภาพที่มีคนอยู่จริง ๆ!

“ใคร?” มีเสียงผู้ชายดังแว่วออกมาจากข้างใน

เหมยเหมยใจกระตุกวูบ มีคนอยู่จริงด้วย!

“ฉันแค่เดินผ่านมา อยากถามทางหน่อย!” เหมยเหมยตะโกนเสียงดังด้วยเสียงอ่อนหวาน

ชายในบ้านกำลังเดินลงมาจากห้องใต้หลังตา เมื่อกี้เสียแรงเขาไปอยู่บ้างเลยเตรียมดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มพลังสักหน่อย พอเขาได้เหมยเหมยบอกว่าถามทางจึงคิดจะอ้าปากด่ากลับโดยอัตโนมัติเพื่อให้เหมยเหมยไสหัวกลับไป!

แต่ไม่นานเขาก็เปลี่ยนคำพูด “รอเดี๋ยว!”

ชายหนุ่มลุกยืนเดินไปตรงประตู ฟังจากเสียงนี้คงเป็นคนต่างถิ่นแถมมั่นใจว่าต้องเป็นหญิงสาวงดงามอายุยังน้อยแน่นอน ไหนจะเดินผ่านมาทางนี้อีก…

ของขวัญที่พระเจ้าส่งมาถึงที่ ถ้าเขาปฏิเสธที่จะรับไว้ก็หักหาญน้ำใจพระเจ้าแย่สิ!

ชายหนุ่มแสยะยิ้มพลางเดินไปที่ประตูทีละก้าว ๆ…

“แอ๊ด!”

ประตูถูกเปิดออกแล้ว ชายหนุ่มเห็นเหมยเหมยผู้งดงามก็อดตาลุกวาวไม่ได้ ดวงตาฉายแววหื่นกาม ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง!

ชายหนุ่มมองไปด้านหลังเหมยเหมยแวบหนึ่งก็เห็นเด็กสองคนนั้นตามคาดพลันรู้สึกอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม

พระเจ้าช่างเป็นใจต่อเขาเสียจริง ช่วงเช้าเพิ่งถูกเตือนมาตอนนี้กลับมาหาถึงที่ งั้นเขาไม่เกรงใจแล้วกัน!

“โฮ่ง ๆ”

จู่ ๆสุนัขตัวดุก็เห่าเสียงดังติดต่อกัน เขานั่นเอง…หมอนี่นี่เอง!

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่นห้ามปรามไม่ให้สุนัขตัวดุเห่าหอน พลางเดินไปข้างเหมยเหมยแล้วกดฝ่ามือเธอเบ าๆ เหมยเหมยใจเต้นแรงอีกครั้งก่อนจะรู้สึกตัวเกร็งโดยไม่รู้ตัว

“แม่จะถามทาง เธอกับน้องสาวไปยืนรอทางนั้นไป!”

เหมยเหมยให้เสี่ยวเป่าถอยออกไปไกลหน่อยพลางกวาดตามองประเมินชายคนนี้ ใบหน้าดุดันและสีหน้าไม่รับแขกอย่างมาก แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีเด่อะไร

เธอกวาดตามองลงไปก็ใจหล่นวูบ หัวใจแทบเด้งออกมาจากอกและเกือบหลุดร้องเสียงหลงออกมาเพราะชายคนนี้สวมเสื้อกล้ามสีเทาอ่อนที่มีจุดดำตรงอกหลายจุด ดูเหมือนเป็นน้ำผลไม้ที่เผลอทำกระเด็นใส่แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า–

จะเป็นรอยเลือดที่กระเด็นติดเสื้อมา!

ทั้งยังสดใหม่อีกต่างหาก!

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก เธอพยายามให้ตัวเองใจเย็นลง อย่าลนเด็ดขาด บางทีเด็กอาจจะแค่บาดเจ็บ ต้องนิ่งไว้!

“มีเรื่องอะไร?” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม

“ขอถามหน่อยว่าคุณเห็นเด็กผู้ชายอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งไหม? น่าจะสูงประมาณนี้ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีฟ้า” เหมยเหมยอธิบายลักษณะและการแต่งกายของอิจิโร่อย่างละเอียด พร้อมทั้งคอยสังเกตสีหน้าของชายหนุ่มไปด้วย

ชายหนุ่มม่านตาขยายและหดตัวอย่างเร็วพลางมองเหมยเหมยด้วยความระแวง “ไม่เห็น…เธอถามทางไม่ใช่เหรอ?”

“จะไม่เห็นได้อย่างไร มีคนบอกว่าคุณพาเด็กคนหนึ่งกลับบ้านมานี่นา!” เหมยเหมยจงใจหลอกถามเขา

…………………..

ตอนที่ 2513 ชุมชนผู้ยากไร้

เหมยเหมยเครียดขึ้นมาในทันทีแล้วรีบถาม “ลักพาตัวพี่ชายคนนั้นไปหรือพี่ชายคนนั้นยินยอมจะไปกับเขาเอง?”

“ไม่เกิดความขัดแย้งกัน น่าจะยินยอมไปเอง อีกอย่างคุยกันด้วยสักพัก” เสี่ยวเป่าตอบ

เหมยเหมยชักจะไม่เข้าใจว่าเด็กที่ชื่ออิจิโร่นั่นดูไม่ใช่เด็กที่หลอกง่ายขนาดนั้นนี่นา ทำไมถึงไปกับคนแปลกหน้าง่ายดายนักล่ะ?

หรือว่ารู้จักกับชายชุดดำคนนั้น?

แต่ไม่นานเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้ไป หากชายชุดดำเป็นคนรู้จักเขาต้องโทรบอกคุณแม่ก่อนอยู่แล้ว ไม่มีทางพาเด็กไปอย่างไร้เหตุผลโดยไม่แม้แต่จะบอกกล่าวสักคำแน่ ๆ!

ฉะนั้นชายชุดดำคนนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างแน่!

“เสี่ยวเป่า พอจะรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นพูดอะไรกับพี่ชาย?” เหมยเหมยถามด้วยความหวัง

“ไม่ได้…ผมยังไม่เก่งขนาดนั้น…” เสี่ยวเป่ายู่หน้าอย่างผิดหวังหน่อย ๆ

เขาใช้ไม่ได้เลย ช่วยอะไรคุณน้าไม่ได้เลย

เหมยเหมยลอบด่าตัวเองว่าโง่ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นเอ่ยชม “เสี่ยวเป่าเก่งที่สุดเลย เก่งกว่าคุณพ่อของเธออีก รอเธอโตกว่านี้จะยิ่งเก่งมากกว่านี้อีก!”

เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มในฉับพลัน ดวงตาเป็นประกายและถามด้วยเสียงปนสงสัย “จริงเหรอ?”

“จริงอยู่แล้ว อนาคตเสี่ยวเป่าต้องเก่งกว่าอุลตร้าแมนแน่ ๆ!” เหมยเหมยเอ่ยชมจากใจจริง อุลตร้าแมนอะไรนั่นสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ด้วยหรือ?

เสี่ยวเป่ายิ้มกว้างอย่างรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยแต่กลับดีใจมาก อุลตร้าแมนเป็นการ์ตูนที่ช่วงนี้เขาชอบดูเป็นพิเศษและเป็นไอดอลใหม่ของเขา คุณน้าพูดแบบนี้เขารู้สึกตกใจมากเชียวละ!

แต่ก็ดีใจมากอยู่ดี!

“คุณแม่…หนูล่ะ?” เล่อเล่อไม่พอใจที่ถูกเพิกเฉยเลยตะโกนเสียงดัง

“เล่อเล่อก็เก่งมากเหมือนกัน เก่งเหมือนพี่ชายเลย!” เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้เช่นกันเล่อเล่อถึงค่อยพอใจ แล้วอ้าปากทานพิซซ่าคำโตต่อไป

รอเด็กสองคนทานพิซซ่าจนหมดก็นั่งพักอีกสักพักค่อยพาเด็กสองคนมุ่งหน้าต่อไป เตรียมไปตามหาอิจิโร่

โชคดีที่ถนนเส้นนี้มีนกมากเป็นพิเศษเลยคอยโยนคุกกี้ไปถามทางไปได้ ไม่นานพวกเขาก็เดินออกจากซอยนี้มาถึงซอยเล็ก ๆแห่งหนึ่งที่เป็นซอยที่ทั้งลึกและแคบ มีเส้นทางเชื่อมกันทั่วทุกสารทิศราวกับใยแมงมุม

สิ่งที่น่าปวดศีรษะคือถนนเส้นนี้ไม่มีนกน้อย แม้แต่คนให้ถามทางยังไม่มีเลย

“มี…ผมจะลองหาดู!” เสี่ยวเป่าไม่รีบร้อนใด ๆ ไม่นานเขาก็ตามหาแมวจรจัดตัวหนึ่งพบ หลังจากป้อนพิซซ่าให้แมวจรจัดหนึ่งชิ้นก็ได้ข้อมูลใหม่มาว่า

“เดินไปทางนี้แล้ว!”

เสี่ยวเป่าเดินนำทางอยู่ด้านหน้าสุดพาพวกเขาเดินทะลุผ่านไปซอยใหม่ ก่อนจะเดินไปคอยถามทางไปเช่นนี้จนไม่รู้เดินไปไกลเท่าไรแล้ว พวกเหมยเหมยเดินออกจากซอกซอยที่เชื่อมกันราวกับใยแมงมุมนี้มายังเขตชุมชนคนยากไร้แห่งหนึ่ง

ดูจากสภาพบ้านเรือนเหมือนจะเป็นชุมชนคนยากไร้จนเกิดเป็นภาพคู่ขนานเมื่อเปรียบกับทางเดินเท้าที่แสนหรูหรา หากไม่ได้เห็นเองกับตาใครจะรู้ได้ว่าเมืองหลวงแสนหรูหราแห่งนี้จะมีเขตผู้อยู่อาศัยที่ยากจนข้นแค้นแบบนี้ด้วย!

เด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นกันอยู่ริมทางต่างหันมามองพวกเหมยเหมยด้วยสายตาแปลกใจ คล้ายกำลังฉงนว่าทำไมถึงมีนักท่องเที่ยวมาทางนี้ได้

ขณะนี้น่าจะเป็นเวลาบ่ายสองโมง แดดไม่เจิดจ้าเท่าช่วงเช้าแต่เริ่มมืดครึ้มและเริ่มมีความกดอากาศต่ำ ดูท่าทางใกล้จะฝนตกแล้ว

“คุณน้า…ผมจะลองไปถามดู”

เสี่ยวเป่าหยิบเอาขนมจากกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปหาเด็กกลุ่มนั้น เขาสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานได้จึงไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร

เหล่าเด็ก ๆชอบขนมของเสี่ยวเป่ามากเลยตอบทุกคำถาม แต่พวกเขาก็รู้ไม่มากและไม่เห็นอิจิโร่กับชายชุดดำ เสี่ยวเป่าจำต้องเดินกลับมาด้วยความผิดหวัง

“ไม่เห็น แต่ชุมชนคนยากไร้นี้ใหญ่มาก คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ก็ไม่เหมือนกันเลยค่อนข้างตามหาลำบาก” เสี่ยวเป่าวิเคราะห์อย่างมีสติ

เหมยเหมยเริ่มเครียด เธอมั่นใจได้ว่าอิจิโร่กับชายชุดดำต้องอยู่ในชุมชนคนยากไร้แห่งนี้ แต่ถ้าเธอบอกกับทางตำรวจไปแบบนี้ตำรวจต้องไม่เชื่อแน่ ๆ

จะให้เธอบอกกับทางตำรวจว่านกน้อยกับแมวจรจัดเป็นคนบอกเธอก็ไม่ได้มั้ง?

ตำรวจต้องคิดว่าเธอเป็นคนบ้าแหง!

……………………….

ตอนที่ 2514 มีเบาะแสแล้ว

ในห้องใต้หลังคามืดมนแห่งหนึ่งในชุมชนยากไร้นี้ อิจิโร่กำลังนั่งหดตัวอยู่ตรงมุมกำแพงอย่างหวาดกลัว ร้องไห้จนเสียงแหบไปหมดแล้วแต่สิ่งที่แลกมานอกจากการเตะต่อยก็คือเสียงด่าทอจนเขาไม่กล้าร้องไห้อีก ได้แต่หดตัวอันบอบบางพร้อมร่างกายที่สั่นเทา

‘คุณพ่อ…คุณแม่…พ่อแม่อยู่ที่ไหน?’

อิจิโร่ร้องคร่ำครวญในใจและนึกเสียใจภายหลังว่าทำไมเขาถึงเชื่อสิ่งที่ชายคนนี้พูดให้ตามไปทานเคเอฟซีกับเขานะ…

ใต้ตึกชายชุดดำถอดเสื้อฮู้ดสีดำออกเหลือแค่เสื้อกล้ามตัวเดียวเผยให้เห็นหมัดกล้ามแน่น บนแขนเต็มไปด้วยลายสัก ชายคนนี้อายุราวสามสิบปีมีรูปร่างสูงใหญ่หน้าเหลี่ยมและสุขุม แต่ระหว่างคิ้วชิดติดกันทำให้ดูเป็นคนหน้าขรึม

แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร!

ชายหนุ่มเอาเบียร์จากตู้เย็นออกมาหนึ่งกระป๋องแล้วดื่มรวดเดียวไปครึ่งกระป๋องแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน อิจิโร่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็ตัวสั่นหนักกว่าเดิม มองชายหนุ่มที่เข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆด้วยความหวาดผวา

……

เหมยเหมยตัดสินใจแล้วว่าเตรียมจะค้นทีละบ้าน ๆ อีกอย่างเธอคิดว่าชุมชนคนยากไร้กว้างใหญ่ขนาดนี้ต้องมีสัตว์เล็ก ๆประเภทแมวจรจัดหรือสุนัขจรจัดแน่ บางทีอาจจะได้เบาะแสก็ได้!

“เราไปตามหาพี่ชายกันเถอะ เล่อเล่อ ให้แม่แบกขึ้นหลังไหม?” เหมยเหมยกลัวลูกสาวจะเหนื่อย

เล่อเล่อส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด “ไม่เหนื่อย จะเดินเอง!”

เธอตัวหนักขนาดนี้เดี๋ยวก็ทับแม่หรอก!

เหมยเหมยเอานิ้วเกลี่ยจมูกลูกสาวเบา ๆทีหนึ่งแล้วจูงมือเด็กสองคนตามหาต่อไป ตอนนี้เธอก็ไม่มั่นใจว่าชายชุดดำคนนั้นคือผู้ต้องสงสัยสามคดีนั่นหรือเปล่า แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือชายชุดดำคนนี้ไม่ใช่คนดี เขาพาอิจิโร่ไปต้องมีเจตนาร้ายแน่นอน!

บางทีอาจจะเป็นพวกค้ามนุษย์ก็ได้!

ฉะนั้นในเมื่อเธอมาเจอเรื่องนี้ก็ต้องยุ่งให้ถึงที่สุด!

เมื่อระหว่างทางเจอใครโดนรังแกก็ต้องให้ความช่วยเหลือสิ!

โดยเฉพาะคนร้ายที่ทำร้ายเด็ก หากเจอคนหนึ่งก็จะฆ่าทิ้งคนหนึ่ง ไม่ปรานีเด็ดขาด!

ลูกน้องสองคนคอยตามมาตลอดทางก็พอจะเดาได้ว่าเหมยเหมยกำลังตามหาเด็กคนนั้น พวกเขามองชุมชนคนยากไร้ที่ยุ่งเหยิงนี้แวบหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางโทรหาเหยียนหมิงซุ่นเพื่อรายงานเรื่องนี้

“คุณนายอยากทำอะไรก็ปล่อยเธอทำไป ขอแค่เธอพอใจก็พอ หน้าที่ของพวกนายก็คือปกป้องคุณนายกับเด็กให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ!” เหยียนหมิงซุ่นสั่งเสียงนิ่ง

“ครับ!”

ลูกน้องสองคนตัดสายพลางมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มขมขื่น

พวกเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแต่คุณนายชอบยุ่งนี่นา!

บอดี้การ์ดชาวตะวันตกสองคนก็ตามมาเช่นกัน เพราะกลัวตกเป็นเป้าสายตาเลยซื้อหมวกมาโดยเฉพาะ แต่ก็ถูกลูกน้องสองคนสังเกตเห็น ทุกคนต่างรู้ใจกันดีเลยมองประเมินแวบเดียวก็แยกย้ายกันไป

เหมยเหมยใช้วิธีที่โง่ที่สุดด้วยการตามหาไปกว่ายี่สิบกว่าครัวเรือน มีบางครอบครัวค่อนข้างให้การต้อนรับอย่างดี หลังจากรู้ว่าเธอกำลังหาตามหาเด็กเลยไม่โกรธแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังช่วยเธอสืบหาถามอีกต่างหาก แต่มีบางครอบครัวไม่ได้พอใจนักก่อนจะไล่เธอกับเด็กออกไป

สามแม่ลูกเดินคอตกอยู่ริมทาง ครอบครัวเมื่อกี้น่าโมโหจริง ๆถึงขนาดปล่อยสุนัขออกมากัดพวกเขา แต่พอสุนัขตัวนั้นเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ก็หดคอถอยกลับไปไม่กล้าปริเสียงสักนิด!

“คุณน้า…รอผมหาทางก่อน!”

เสี่ยวเป่าถอนหายใจ จะทำแบบนี้ต่อไปก็ใช่เรื่อง ชุมชนคนยากไร้มีตั้งหลายครัวเรือน ถ้าให้ไล่หาทีละบ้านไม่รู้ต้องหาไปจนถึงปีไหนชาติไหน!

เหมยเหมยมองพวกเด็ก ๆอย่างรู้สึกผิด เธอโง่เกินไปจึงคิดหาวิธีดี ๆอะไรไม่ได้ เฮ้อ!

เสี่ยวเป่านั่งพักครู่หนึ่ง ไม่นานสุนัขตัวดุที่คิดจะกัดพวกเขาเมื่อครู่กลับวิ่งออกมาส่ายหางให้เสี่ยวเป่า ดูแล้วก็แอบน่ารักอยู่บ้าง!

เหมยเหมยหยิบไส้กรอกอันหนึ่งจากกระเป๋ามาแกะซองป้อนให้สุนัขตัวดุตัวนี้กิน ผลประโยชน์ก็ยังต้องให้อยู่ดี!

“มันบอกว่าเห็นพี่ชายคนหนึ่งแต่เป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน” เสี่ยวเป่ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

……………

ตอนที่ 2511 เคเอฟซี

“วิ่งหนีไปที่อื่นแล้วหรือเปล่า?” มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“งั้นก็แย่เลย ถนนตรอกซอกซอยที่นี่เยอะเกินไป หาไม่ทั่วแน่ ต้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจแล้ว โทรแจ้งความหรือยัง?” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมล้วงโทรศัพท์ออกมา

“โทรแล้ว บอกว่าจะส่งตำรวจมาดู” มีคนตอบ

“แล้วทำไมยังไม่มาอีก…ประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจต่ำจริง!” มีคนบ่น

เหมยเหมยเดินเข้ามาถามด้วยเสียงอ่อนโยน “เกิดอะไรกับเด็กงั้นเหรอ?”

คุณแม่ที่ร้อนรนใจพอเห็นเหมยเหมยก็ชะงักกึกหนึ่งแล้วก็โค้งตัวให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงปนสะอื้นว่า “ใช่…อิจิโร่หายไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฉันผิดเอง…”

“เกิดอะไรขึ้น…หลีกทางหน่อย!”

ตำรวจสองนายเดินเข้ามาจึงทำให้ทุกคนเริ่มมีกำลังใจมากขึ้นก่อนจะหลีกทางให้ตำรวจ

แม้คุณแม่จะร้อนรนใจมากแต่ก็ได้อธิบายเหตุการณ์ให้ทางตำรวจฟังอย่างชัดเจน

ที่แท้เธอกำลังพาลูกซื้อของและคอยเฝ้าระวังดูลูกอยู่เสมอ แต่ตอนอยู่ในร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งบังเอิญถูกตาต้องใจเสื้อผ้าชุดหนึ่งเข้าเลยอดลองสักหน่อยไม่ได้

“ทำไมฉันต้องไปลองเสื้อผ้าด้วย ถ้าไม่ลองเสื้อผ้าอิจิโร่ก็คงไม่เป็นไร…ฉันผิดเอง…” คุณแม่กล่าวโทษตัวเองแล้วเอามือทุบอกตัวเองไม่หยุด

“ตอนคุณลองเสื้อผ้า ลูกอยู่ในร้านใช่ไหม?” ตำรวจถาม

“ใช่ค่ะ ฉันยังวานให้พนักงานร้านช่วยเฝ้าลูกให้ด้วย แต่ใครจะรู้ว่าพอฉันลองเสื้อเสร็จออกมาลูกก็หายไปแล้ว”

“พนักงานร้านว่าอย่างไร?”

“พนักงานบอกว่าพวกเขาเฝ้าดูลูกให้อยู่ตลอด แต่จู่ ๆก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเข้าร้านมาเลยไม่ว่างเฝ้าดูให้ พวกเขามัวแต่ต้อนรับลูกค้า…” คุณแม่หลั่งน้ำตา

เธอไม่โทษพนักงานร้าน ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ เด็กอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเธอ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของคนอื่น!

“เด็กหายตัวไปนานกี่ชั่วโมงแล้ว?” ตำรวจถามไปก็จดบันทึกไปพลาง

“ตั้งแต่ฉันเห็นว่าลูกหายตัวไปก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฉันลองเสื้อผ้าไม่เกินห้านาที ฉะนั้นน่าจะประมาณชั่วโมงหนึ่งค่ะ” แม้คุณแม่จะกระวนกระวายใจมากแต่ความคิดของเธอยังคงเป็นระบบระเบียบดี

“คุณตำรวจ พวกเราช่วยตามหาในซอยนี้กันหมดแล้ว ไปค้นมาแล้วทุกร้านแต่ก็ไม่เจอเด็กเลย รบกวนพวกคุณช่วยหาตามถนนซอกซอยอื่นดูที!” เหล่าผู้ชายหลายคนที่ช่วยตามหาเด็กพูดเสียงดัง

“ต้องช่วยตามหาอยู่แล้ว คุณผู้หญิงอย่าเพิ่งใจร้อนไป บางทีเด็กอาจจะเล่นซนเลยวิ่งไปเล่นที่อื่นก็ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ”

ตำรวจปลอบคุณแม่พร้อมโทรหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินสำรวจอยู่ซอยอื่นแล้วอธิบายลักษณะรูปลักษณ์ภายนอกพร้อมอายุของเด็กให้เพื่อนร่วมงานฟังเพื่อให้พวกเขาช่วยตามหาเด็ก

ตำรวจอีกคนถามขึ้นต่อ “คุณลองย้อนนึกดูอีกทีว่าเด็กมีที่ที่อยากไปมากหรือเปล่า? หรือบางทีเขาอยากทานอะไรอยากเล่นอะไร? เป็นไปได้ว่าเด็กอาจจะไปเอง”

“มี…อิจิโร่ชอบทานเคเอฟซีมาก เมื่อวานกับวันนี้ขอร้องให้ฉันพาไปทานเคเอฟซีแต่ฉันปฏิเสธไป” คุณแม่กล่าว

ตำรวจทั้งสองนายสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วสบตากันพลางเกิดสังหรณ์ใจแปลก ๆ

คุณแม่ไหวพริบดีจึงรีบถาม “คุณตำรวจ มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอคะ?”

“เปล่า…คุณอย่าเพิ่งใจร้อนไป ผมจะให้เพื่อนร่วมงานไปตามหาในร้านเคเอฟซีละแวกนี้ดู” ตำรวจโทรแจ้งอีกทีทั้งแอบภาวนาให้เด็กอยู่ในร้านทีเถอะ

แต่ผลลัพธ์เป็นที่น่าผิดหวังเพราะเพื่อนร่วมงานของตำรวจก็โทรกลับมาอย่างไว กล่าวว่าไม่พบอิจิโร่ในร้านเคเอฟซีละแวกนี้เลย ส่วนถนนซอยอื่นก็ไม่พบเด็กคนนี้เช่นกัน

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น เคเอฟซี?

ไม่นานเธอก็นึกถึงสามคดีที่ถูกเขียนบนหนังสือพิมพ์ หวังว่าเธอจะคิดมากเกินไปเอง

“ขอถามหน่อยนะคะว่าลูกของคุณอยากทานเคเอฟซีมากเลยใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถามแทรก

……………………….

ตอนที่ 2512 ชายชุดดำ

คุณแม่ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมยเหมยถึงถามเช่นนี้แต่เธอก็ตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว อิจิโร่ชอบทานเคเอฟซีมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะเคเอฟซีไม่ดีต่อร่างกาย ฉันถึงตั้งกฎว่าทานได้แค่เดือนละครั้ง เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่อิจิโร่มาก…”

เธอรู้สึกผิดมากเลยได้แต่พึมพำ “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรก ฉันต้องพาอิจิโร่ไปทานเคเอฟซีแน่”

“คุณตำรวจ เคยไปตามหาที่ร้านเคเอฟซีอื่น ๆดูหรือยัง? อิจิโร่อาจจะไปที่นั่นก็ได้?” คุณแม่ถามด้วยความหวัง

“เป็นไปไม่ได้หรอก ร้านเคเอฟซีที่อยู่ใกล้ถนนเส้นนี้มีแค่ร้านเดียว เคเอฟซีร้านอื่น ๆอยู่ไกลมาก เด็กน่าจะเดินไปไกลขนาดนั้นไม่ไหว” ตำรวจปฏิเสธความเป็นไปได้นี้

ตำรวจที่นี่มีความรับผิดชอบดีมาก พวกเขาพาคุณแม่ไปยังสถานีตำรวจทั้งยังสั่งให้ตำรวจออกค้นหาทั่วเมือง นักท่องเที่ยวที่มามุงก็แยกย้ายกันกลับไปก่อนที่ถนนเส้นนี้จะกลับสู่ความสงบอีกครั้งราวกับไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นมาก่อน

เหมยเหมยยืนเหม่อลอยอยู่ริมทาง เธอกำลังคิดเรื่องการหายตัวไปของอิจิโร่

เธอมักรู้สึกว่าคดีนี้ไม่ง่ายดายขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เด็กเดินหลงทางธรรมดา หรืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสามคดีในหนังสือพิมพ์หรือเปล่า?

เมื่อคืนเธอไปซื้อหนังสือพิมพ์ในระยะสองสามวันนี้มาโดยเฉพาะเพื่อติดตามคดีนี้ จากนั้นเธอก็พบว่าจุดหนึ่งที่เหมือนกันของเด็กสามคนที่ถูกทำร้ายนั่นก็คือเด็กทั้งสามคนต่างชอบทานเคเอฟซีเป็นอย่างมาก

ตอนนี้อิจิโร่ก็เช่นกัน

แถมยังหายตัวไปอย่างกะทันหันด้วย…

ทำให้พวกเขานึกถึงสามคดีนั่นอย่างอดไม่ได้ มันมีจุดบังเอิญมากเกินไปจริง ๆ!

“คุณแม่…หิวแล้ว!” เล่อเล่อรออยู่นานเหมยเหมยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยอดเร่งเร้าไม่ได้

หากไม่ไปทานพิซซ่าอีกเธอจะหิวจนท้องลีบแบนหมดแล้วนะ

“อ้อ…จะไปเดี๋ยวนี้เลย!” เหมยเหมยได้สติจึงพาเด็กสองคนเดินทางไปยังร้านพิซซ่า ภายในร้านมีลูกค้าค่อนข้างมากทีเดียวจนไม่มีที่ว่างเหลือ เธอจึงห่ออาหารจำนวนหนึ่งไปทานนอกร้าน

มีเก้าอี้หินสะอาดตาตามรายทางสามารถนั่งทานได้ซึ่งก็ให้ความรู้สึกต่างไปอีกแบบ

แต่เหมยเหมยไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด เธอยังนึกถึงการหายตัวไปของอิจิโร่เหมือนเดิมรวมถึงคุณแม่คนเมื่อกี้ที่กำลังเสียใจและกระวนกระวายใจ ถ้าเด็กเป็นอะไรไปจริง ๆ คุณแม่ก็ไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้แน่ ๆเลยสินะ?

ไม่ได้การ เธอต้องไปช่วยตามหา หวังว่าสิ่งที่เธอคิดจะผิดพลาดไป เด็กแค่เดินหลงทางเองจริง ๆ!

“เสี่ยวเป่า…เราไปช่วยคุณน้าคนเมื่อกี้ตามหาพี่ชายกันดีไหม?” เหมยเหมยทานพิซซ่าในมือหมดภายในไม่กี่คำแล้วเอ่ยยิ้ม ๆเอาใจเสี่ยวเป่า

คิดจะตามหาเด็กคนนั้นให้พบต้องให้เสี่ยวเป่าออกโรงด้วยน่ะสิ!

เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างไม่รีรอ แต่ก็เสนอขอแลกเปลี่ยนเล็ก ๆน้อย ๆเช่นกัน “ถ้าตามหาพี่ชายเจอแล้วไปทานเคเอฟซีกันได้ไหมครับ?”

น้องสาวชอบทานเคเอฟซีมากขนาดนั้น เขาต้องทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีโดยคว้าโอกาสนั้นมาให้ได้!

“ได้สิ!”

เหมยเหมยแปะมือกับเสี่ยวเป่าโดยไม่คิดอะไร แค่เคเอฟซีมื้อเดียวเท่านั้นเอง เรื่องเล็กน้อยน่า!

“ไปกัน!”

เหมยเหมยหยิบพิซซ่ากับเครื่องดื่มขึ้นมาแล้วจูงมือเด็กสองคนไปยังที่เกิดเหตุที่แรก เมื่อกี้คุณแม่คนนั้นบอกแล้วว่าเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์ฝรั่งเศสร้านหนึ่งก็น่าจะอยู่ละแวกนี้ อีกอย่างมีเด็กเดินพลัดหลงแล้วคงตามหาได้ไม่ยาก

ไม่นานเธอก็ตามหาร้านเสื้อผ้าร้านนั้นจนเจอ จากนั้นเธอก็เห็นว่ามีตำรวจสองนายกำลังสอบถามบางอย่างอยู่ในร้าน เหมยเหมยไม่ได้เดินเข้าร้านแต่เลือกจะนั่งทานพิซซ่าบนเก้าอี้หินอ่อนหน้าร้านแทนทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปจะได้ไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

บนถนนเส้นนี้มีนกจำนวนมากและไม่กลัวคนสักนิด ร้องจิ๊บจิ๊บอย่างร่าเริง เหมยเหมยหยิบเอาขนมคุกกี้ชิ้นหนึ่งจากกระเป๋าหักเป็นสองชิ้นแล้วโยนลงพื้นก่อนจะมีนกหลายตัวบินมาจิกคุกกี้กิน

ภาพนี้ช่างน่ารักและงดงามดั่งภาพวาด ทำเอานักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมายิ้มอย่างปลื้มใจ

ไม่นานเสี่ยวเป่าก็บอกเหมยเหมยว่า “เป็นผู้ชายใส่ชุดดำคนหนึ่งพาพี่ชายคนนั้นไป!”

………………

ตอนที่ 2509 ตั๊กแตนตำข้าวมัวแต่จับจั๊กจั่นแต่กลับมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง

เหมยเหมยเตรียมตัวจะไปซื้อของกับสองแม่ลูกคู่นี้ เธอเคยได้ยินมานานแล้วว่าเวชสำอางในประเทศญี่ปุ่นดีมากเพราะทั้งถูกและดี อีกครู่จะซื้อเยอะ ๆหน่อย หลังจากกลับประเทศไปคอยมอบเป็นของฝากให้เพื่อน ๆ

ดูท่าทางคุณแม่คนนี้น่าจะคุ้นเคยเกียวโตเป็นอย่างดี กินข้าวเสร็จก็ตามเธอไปชอปปิงคงซื้อไม่ผิดแน่นอน!

แม่ลูกทั้งสองคนทานอาหารช้ามาก อีกอย่างมารยาทบนโต๊ะอาหารก็ดีมากเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเครื่องประดับและเสื้อผ้าของแม่จะดูสีเรียบไม่ฉูดฉาดแต่ก็เป็นแบรนด์เนมทั้งตัวซึ่งราคาสูงลิ่ว อีกทั้งโรงแรมที่เหมยเหมยเลือกก็เป็นโรงแรมห้าดาว ระดับบนสุดราคาสูงถึงสองเท่า มนุษย์เงินเดือนทั่วไปคงไม่เลือกโรงแรมแบบนี้แน่นอน

ซึ่งพอจะมองออกว่าสถานะทางการเงินของสองแม่ลูกคู่นี้จะต้องดีมากอย่างแน่นอน

เพื่อรอสองแม่ลูกคู่นี้เหมยเหมยจึงชะลอความเร็วในการรับประทานอาหารลงเช่นกัน ไม่ง่ายเลยแต่สุดท้ายก็ทานเสร็จสักที สองแม่ลูกจึงเดินทางออกจากโรงแรมไป พวกเขาไม่ได้เรียกแท็กซี่แต่ค่อย ๆเดินไป ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาวางแผนที่จะเดินไปมากกว่า

เนื่องจากตอนนี้เป็นฤดูดอกซากุระบานจึงมีนักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่ไปมาตามท้องถนนอย่างหนาแน่น อีกทั้งโทนสีผิวก็แตกต่างกันไป พวกเขาต่างเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเลยทีเดียว

เหมยเหมยจับมือเด็กทั้งสองคนไว้แน่นแล้วเดินตามสองแม่ลูกสู่ถนนสายหนึ่งที่แสนคึกคักซึ่งดูท่าทางจะเป็นถนนคนเดินในย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นราวกับกระแสน้ำที่ไหลทะลักเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็คลาดกับสองแม่ลูกคู่นี้

หาอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่เจอเหมยเหมยจึงตัดสินใจไม่หาแล้ว บนถนนสายนี้มีร้านค้าตั้งอยู่มากมายซึ่งมีสินค้านานาชนิด เธอค่อย ๆเดินหาซื้อเองแล้วกัน!

หลังจากซื้อไอศกรีมให้เด็กทั้งสองคนแล้ว เหมยเหมยก็แวะซื้อของตามร้านค้าต่าง ๆไปเรื่อย ๆ ไม่นานในมือก็เต็มไปด้วยถุงหลายใบพลันเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมา

ของวิเศษที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี นอกจากการเอาคืนอย่างเหี้ยมโหดแล้วก็การชอปปิงนี่แหละ!

แต่เหมยเหมยกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีชายชุดดำคอยตามประกบพวกเขาอยู่ หมวกเสื้อฮู้ดคลุมศีรษะดึงลงมาต่ำมากจนไม่เห็นใบหน้าของเขาเลย แต่ดูจากสัดส่วนและส่วนสูงของร่างกายน่าจะเป็นผู้ชายที่แข็งแรงกำยำพอสมควร

ผู้ชายคนนั้นเดินสะกดรอยตามเหมยเหมยทุกฝีก้าว เนื่องจากผู้คนสัญจรไปมาเยอะมากเหมยเหมยจึงไม่ทันสังเกตเห็น เธอยังคงชอปปิงต่อไปอย่างมีความสุข เธอไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของลูก ๆเลย ในเมื่อมีเสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวอยู่ เท่านี้ก็มีประโยชน์มากกว่าบอดี้การ์ดของประธานาธิบดีแล้ว

ในแววตาของชายชุดดำมีแสงวาบพาดผ่านพลันจ้องเสี่ยวเป่าแน่นิ่ง ช่างเป็นเด็กที่งดงามจริง ๆ…

ผู้ชายคนนั้นค่อย ๆขยับเข้าใกล้พวกเด็ก ๆแต่เขากลับไม่รู้ว่าตั๊กแตนตำข้าวมัวแต่จับจั๊กจั่นแต่กลับมีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง[1]… ขณะที่เขาอยู่ห่างจากเสี่ยวเป่าสี่หรือห้าเมตรก็มีชายสองคนในวัยสามสิบกว่าโผล่ออกมาทันทีแล้วเข้าไปขวางหน้าเขาไว้พร้อมแผ่รังสีอาฆาตออกมาจ้องเขาอย่างเย็นชา

“สงบเสงี่ยมซะบ้าง!”

ผู้ชายสองคนนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น คุณชายหมิงสั่งเอาไว้ว่าแค่ปกป้องภรรยาและเด็ก ๆก็พอ อย่าลงมือถ้าไม่จำเป็น

ผู้ชายคนนั้นตระหนักได้ในทันทีว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้วจึงล้มเลิกแผนเดิมในทันที จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

ไม่เป็นไร…เพราะเขายังมีเป้าหมายที่สอง วันนี้ไม่ชวดมือเปล่าแน่นอน

ลูกน้องสองคนนั้นไม่ได้ตามไป หลังจากชายชุดดำจากไปพวกเขาก็พุ่งตัวเข้าไปในฝูงชนอีกครั้งแล้วหายไปอย่างเงียบ ๆ

เสี่ยวเป่าที่ทานไอศกรีมอยู่ จู่ ๆก็เหลือบหันมามองทางนี้พร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย

เหมยเหมยกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เธอกำลังเลือกผ้าพันคออยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันตรายได้ผ่านตัวเธอไปอย่างเงียบ ๆ

มุมหนึ่งไม่ไกลนักมีชายร่างสูงผิวขาวสองคนอาบแดดอย่างมีความสุข สีหน้าท่าทางดูเกียจคร้านและเหนื่อยหน่าย

“นายว่าคนที่ว่าจ้างพวกเราสมองมีปัญหาหรือเปล่า?”

“ใครจะไปรู้…อย่างไรเสียขอแค่พวกเรามีเงินเข้าก็พอ ทริปนี้ก็ถือว่าพักผ่อนไป!”

“ก็ใช่เนอะ…ได้เงินก็เยอะ แถมได้เที่ยวพักโรงแรมห้าดาวอีกต่างหาก…..สิ่งดี ๆแบบนี้ฉันขอภาวนาให้เจอทุกวันไปเลย…ฮ่า ๆ!”

……

…………………………………………

ตอนที่ 2510 เด็กหายไปแล้ว

เวลาชอปปิงมักจะผ่านไปเร็วเสมอซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ปาไปช่วงมื้อเที่ยงแล้ว ในมือของเหมยเหมยมีถุงเพิ่มขึ้นมากจนมือทั้งสองข้างแทบแบกไม่ไหว เธอไม่สามารถเก็บมันในช่องมิติภายใต้สายตาของทุกคนได้ เธอจึงทำได้แค่โทรหาทางโรงแรมเพื่อให้ทางโรงแรมส่งคนมาเอาของกลับไปก่อน

เธอยังต้องชอปปิงต่ออีกนะ!

ให้เหยียนหมิงซุ่นทำงานหาเงินอยู่บ้าน เธอก็รูดบัตรอย่างมีความสุขไปสิ!

“แม่…หนูหิวแล้ว!” เล่อเล่อกุมท้องอย่างเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบชอปปิงเลยแม้แต่น้อย ถนนทั้งสายไม่เห็นมีเนื้ออร่อย ๆเลย มีอะไรให้ชอปปิงกัน!

“พวกเราไปทานพิซซ่ากัน…”

เมื่อครู่ตอนที่เธอเดินผ่านเธอเห็นพิชซ่าร้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไม่ถึงห้าสิบเมตร ตอนเที่ยงทานอะไรง่าย ๆไปก่อน ตอนเย็นค่อยทานมื้อใหญ่แล้วกัน

เด็ก ๆกลับมีความสุขมาก ดีอกดีใจกันยกใหญ่เชียว

ตอนเดินมาถึงร้านพิชซ่าก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายราวกับว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าและกำมือเด็กทั้งสองคนแน่นโดยไม่รู้ตัว

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ อย่าเดินซี้ซั้วนะ!”

เสียงร้องครวญครางของผู้หญิงเบื้องหน้าดังขึ้นเรื่อย ๆและรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจอย่างมาก เธอรู้สึกคุ้นเสียงนี้อยู่บ้าง

“คุณน้า…เป็นคุณน้าคนนั้นครับ!” อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าก็เอ่ยขึ้น

“คนไหนเหรอ?” เหมยเหมยยังฟังไม่เข้าใจ

“คุณน้าที่อยู่ห้องตรงข้ามเราไง เขามีลูกชายด้วย!” เสี่ยวเป่าอธิบาย

เวลานี้เหมยเหมยถึงเข้าใจ ที่แท้ก็คือแม่ผู้อ่อนโยนและเข้มงวดคนนั้นนั่นเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้คุณแม่คนนี้สติหลุดในที่สาธารณะเช่นนี้

“อิจิโร่…ลูกอยู่ไหน…อย่าทำให้แม่ตกใจสิ…”

ครั้นเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆถึงพอจะได้ยินเสียงแหบพร่าปนเสียงร้องสะอื้นของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาบ้าง แต่เนื่องจากคนบริเวณนั้นส่งเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจจึงจับใจความไม่ค่อยได้ แต่คลับคล้ายว่ากำลังเรียกหาลูกชายของเธออยู่

เหมยเหมยหัวใจบีบแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเด็กน้อยที่รู้ความคนนั้น?

เธอบีบมือเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อแน่นโดยไม่รู้ตัวและพยายามฝ่าเข้าไปกลางฝูงชน เธออยากจะเข้าไปดูให้ชัด ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะเป็นคนญี่ปุ่นแต่ก็ใช่ว่าคนญี่ปุ่นทุกคนจะเป็นคนเลวเสมอไป เธอยังคงมีความประทับใจที่ดีต่อสองแม่ลูกคู่นี้

“รีบโทรแจ้งตำรวจสิ เรื่องแบบนี้ต้องรีบไปหาตำรวจ!” มีคนใช้ภาษาอังกฤษตะโกนขึ้นมา

“เปล่าประโยชน์ เด็กหายไปไม่ถึงชั่วโมง ตำรวจไม่สนใจหรอก” มีอีกคนกล่าวขึ้น

ทุกคนต่างถกเถียงกันไปต่าง ๆนา ๆ แต่ต่างก็กระตือรือร้นช่วยกันคิดหาวิธี

เหมยเหมยมั่นใจแล้ว น่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่ออิจิโร่หายตัวไป มิน่าล่ะแม่ถึงได้ร้อนใจขนาดนี้!

พอเล่อเล่อเห็นแม่ใช้แรงเบียดเสียดเข้าไป เธอจึงกลอกตาไปมาแล้วใช้มืออวบอ้วนทั้งสองข้างออกแรงดันขาของผู้ใหญ่เบื้องหน้าออก จากนั้นก็หันไปตะโกนใส่เหมยเหมยว่า “แม่…รีบเข้าไป!”

เหมยเหมยหันไปยกนิ้วให้เธอ จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ค่อย ๆแทรกตัวเข้าไปเช่นนี้ คนที่ถูกดันขาก็พลันนึกแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก…ทำไมถึงควบคุมขาไม่ได้นะ?

ในที่สุดก็เบียดเสียดผู้คนมาอยู่เบื้องหน้าคุณแม่ที่ตอนนี้สติฟุ้งซ่านได้สำเร็จ เธอดูสภาพแย่มากจริง ๆ เท้าเปลือยเปล่า ผมที่มวยเอาไว้อย่างเรียบร้อยหลุดลุ่ยกระเจิง เครื่องสำอางบางเบาบนใบหน้าถูกชะล้างด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาไร้ซึ่งความสง่างามเฉกเช่นในตอนเช้า

“อิจิโร่…แม่จะพาลูกไปกินเคเอฟซี…ลูกอย่าทำให้แม่ตกใจสิ…รีบออกมาเร็ว ๆ…” คุณแม่คนนั้นยืนร้องไห้อยู่กลางถนนด้วยท่าทีตื่นตระหนก มีหญิงอาวุโสที่เป็นคนท้องถิ่นหลายคนเข้ามาปลอบใจเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่เจอ…พวกเราไปถามทุกร้านบนถนนสายนี้แล้ว พวกเขาต่างบอกว่าไม่เจอเด็กที่อยู่คนเดียวตามลำพังเลย…”

มีผู้ชายหลายคนวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาซึ่งล้วนแต่เป็นคนในท้องถิ่น พวกเขาน่าจะไปช่วยแม่หาลูก แต่ผลที่ได้กลับทำให้ผิดหวัง

……………………………………………

[1] เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่าจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าจนไม่รู้ว่าอันตรายกำลังจะตามมา

ตอนที่ 2507 เป็นพวกวิปริตอีกแล้วเหรอ

วัยรุ่นหนุ่มสาวสองสามคนอีกโต๊ะพูดสำเนียงภาคเหนือด้วยท่าทีกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาแล้วถือโอกาสนั่งลงเบียดเสียดโต๊ะเดียวกับเหม่ยเหม่ย

“ร้านเคเอฟซีเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” วัยรุ่นหนุ่มสาวฮ่องกงเอ่ยถาม สีหน้าท่าทางดูตื่นเต้นมากรู้สึกเหมือนได้ผจญภัย

“พวกเธอไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เหรอ? มีเขียนรายงานในหนังสือพิมพ์ด้วยนะ!”

วัยรุ่นจากทางเหนือหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกางบนโต๊ะให้พวกเหมยเหมยดู

“ใครจะซื้อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมาอ่านกัน ภาษาอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออกสักตัว” มีคนพูดพลางกลั้วหัวเราะ

“งั้นฉันจะแปลให้พวกเธอฟังเอง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาร้านเคเอฟซีได้เกิดดคีฆาตกรรมสามครั้ง และผู้ตายทั้งหมดเป็นเด็กผู้ชายอายุราว ๆเจ็ดหรือแปดขวบทั้งนั้น…” พอคำพูดของวัยรุ่นจากทางเหนือเอ่ยออกมาก็ทำเอาทุกคนตกใจกันยกใหญ่พร้อมดูรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ที่เขากำลังชี้ไปด้วย

เมื่อครู่ไม่ทันได้สนใจมอง ที่แท้ก็มีร่างเด็กนอนฟุบอยู่ถูกเบลออยู่ในภาพ เบื้องหลังคือร้านเคเอฟซี

“เด็กคนนั้นตายไหม?” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ สีหน้าท่าทางดูหวาดกลัวมาก

“ใช่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน คนทำความสะอาดพบศพตรงทางเข้าร้านเคเอฟซี ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าพลัดหลงกับพ่อแม่ได้อย่างไร วันต่อมาก็ถูกพบศพเข้าแล้ว…”

“พระเจ้าช่วย จับฆาตกรได้ไหม?”

“แน่นอนว่ายังจับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนเหล่านั้นจะไม่กล้าไปทานอาหารที่เคเอฟซีกันเหรอ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่อของฆาตกร!”

“ต้องเป็นพวกวิปริตอย่างแน่นอน ทำไมถึงต้องลงมือกับเด็กไร้เดียงสาด้วยนะ ช่างไร้มนุษยธรรมจริง ๆ…ตำรวจที่นี่มัวแต่ทำอะไรอยู่…”

วัยรุ่นหนุ่มสาวหลายคนรู้สึกขุ่นเคืองใจ เหมยเหมยขมวดคิ้ว เธอคาดไม่ถึงว่าเหตุผลจะเป็นเช่นนี้

จากฉากร้านอาหารในภาพดูเหมือนว่าจะเป็นร้านเคเอฟซีที่เธอพาเด็ก ๆไปมาด้วย มิน่าล่ะคนถึงน้อย แถมยังมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้นด้วย

คนท้องถิ่นคงตื่นตกใจแย่ ใครจะกล้าพาลูก ๆไปกินกันล่ะ!

“เมื่อครู่คุณบอกว่าเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้วสามครั้ง งั้นหมายความว่ามีเด็กสามคนถูกฆ่าตายใช่ไหม? เหมยเหมยถามขึ้น

“ใช่ ล้วนเป็นร้านเคเอฟซีสามแห่งต่างที่กัน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเด็กผู้ชายอายุหกถึงแปดปี คนแรกเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนอีกสองคนเป็นคนในท้องถิ่น ระยะเวลาก่อนหลังห่างกันครึ่งปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไขคดีไม่ได้เลย”

“ตอนเย็นพวกเราก็ไม่ต้องไปกินกันแล้ว รีบกลับกันเถอะ ที่นี่น่ากลัวมาก!”

หญิงสาวขี้กลัวหมดซึ่งความสนใจในการท่องเที่ยวทันที เธอไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปคิดแค่อยากกลับบ้านเท่านั้น

“เธอจะกลัวอะไร ฆาตกรสนใจแต่เด็ก เธออายุมากแล้วไม่เป็นไรหรอก” มีคนพูดล้อเล่น แต่เขากลับถูกเพื่อนของเขาถลึงตาใส่ อยู่ดี ๆก็เกิดสำนึกได้ว่าตัวเองพูดผิดไปจึงส่งยิ้มเชิงขอโทษให้เหมยเหมย

“พวกเธอรีบกลับประเทศเถอะ!” วัยรุ่นหนุ่มสาวเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย เสี่ยวเป่างดงามมากขนาดนี้ บางทีอาจจะโดนพวกโรคจิตหมายตาก็ได้!

เหมยเหมยอมยิ้มแต่เธอไม่ได้คิดจะกลับ ก็แค่คนโรคจิตไม่ใช่เหรอ? เมื่อครู่เธอเพิ่งทารุณเจ้าคนโรคจิตวิปริตไปเอง!

หลังจากทานโอเด้งเสร็จเหมยเหมยก็ขอแยกตัวจากพวกเขา เดินเตร่อยู่พักหนึ่งก็กลับโรงแรม เธอวางแผนจะไปเที่ยวโอซาก้าอีกวันหนึ่งแล้วค่อยไปฮอกไกโด

ห้องที่เธอจองไว้อยู่ชั้นบนสุด ตอนขึ้นลิฟต์เหมยเหมยก็เจอสองแม่ลูกที่เคยเจอในดิสนีย์แลนด์อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพักโรงแรมนี้เช่นกัน เธอนึกว่าเป็นคนในท้องถิ่นเสียอีก!

เด็กชายหันมาโค้งตัวให้เหมยเหมยอย่างสุภาพชวนให้คนเอ็นดูมากเหลือเกิน สิ่งที่บังเอิญยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาอาศัยอยู่ชั้นเดียวกันด้วย นับว่าเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ

“แม่ ยกเว้นสักครั้งได้ไหม? ไปกินเคเอฟซีกันเถอะนะครับ?”

เด็กชายตัวน้อยคะนึงหาเคเอฟซีอยู่เสมอและระลึกถึงมันอยู่ตลอด!

…………………………………………..

ตอนที่ 2508 ตั้งกฎระเบียบ

ลิฟต์ค่อย ๆขึ้นไป ชั้นสูงสุดของโรงแรมอยู่ที่ชั้นยี่สิบแปด ในลิฟต์มีเพียงแค่สองครอบครัวเท่านั้น เหมยเหมยมองแม่ลูกคู่นี้ด้วยความสนใจ เธออยากรู้จริง ๆว่าแม่คนนี้จะตอบรับข้อยกเว้นนี้หรือไม่

แต่ว่า——

“ไม่ได้จ้ะ…อิจิโร่ ลูกสัญญากับแม่แล้วว่าจะทานเคเอฟซีเดือนละครั้งเท่านั้น หรือว่าลูกอยากเป็นผู้ชายที่เชื่อถือไม่ได้งั้นเหรอ?” เสียงของแม่ยังคงอ่อนโยนเช่นเคยแต่กลับเข้มงวดขึ้นเล็กน้อย

เด็กผู้ชายเกาศีรษะด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปโค้งคำนับแม่ ”ขอโทษครับ แม่ ผมผิดไปแล้ว!”

“งั้นลูกรู้ว่าควรทำอย่างไรใช่ไหม?” เสียงของแม่ยังคงเข้มงวดเหมือนเดิม

“กลับห้องไปคัดตัวอักษรสิบรอบ” เด็กชายกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม

“ติ้ง”

ลิฟต์มาถึงชั้นบนสุด ประตูลิฟต์เปิดออก แม่หันมาโค้งตัวเบา ๆให้เหมยเหมยแล้วพาลูกออกไป เหมยเหมยก็ตามออกมาด้วย ห้องของเธอกับสองแม่ลูกคู่บังเอิญอยู่ตรงข้ามกัน ช่างมีวาสนาต่อกันจริง ๆ

เหมยเหมยทอดถอนใจ เธอรู้สึกชื่นชมแม่ที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มงวดคนนี้มากจริง ๆ ในทางตรงกันข้ามเธอก็เป็นแม่เช่นกันแต่กลับรู้สึกว่าเลี้ยงลูกตามใจมากเกินไปแล้ว

ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยตั้งกฎระเบียบให้เด็ก ๆสักเท่าไรเลย!

อืม ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข ในอนาคตจะต้องตั้งกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดสักหน่อยแล้ว!

เธอจะไม่ใจอ่อนเพราะดวงตาใสซื่อของเจ้าตัวน้อยคู่นั้นเด็ดขาด!

“แม่…พรุ่งนี้กินน่องไก่กันดีไหมคะ?” เล่อเล่อเงยหน้าขึ้นถาม ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความโหยหา ทางฝั่งเสี่ยวเป่าเองก็มีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน ต่อให้จะเป็นมนุษย์เหล็กก็ย่อมใจอ่อนอยู่ดี

แน่นอนว่าหัวใจของเหมยเหมยย่อมอ่อนยวบพังทลายลงอยู่แล้ว…หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเห็นแก่ว่าออกมาเที่ยว แล้วละกฎระเบียบต่าง ๆเอาไว้ก่อน แต่ตอนนี้…

“ตอนบ่ายแม่พูดว่าอย่างไรคะ?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงขรึม

“หนึ่งครั้งต่อเดือน!” เล่อเล่อเบะปากพูดเสียงเบา มืออ้วน ๆบิดไปมาไม่หยุด เธอไม่ชอบใจเลยสักนิด

หนึ่งเดือนกินได้แค่หนึ่งครั้ง แม้กระทั่งรสชาติของน่องไก่เธอคงลืมไปแล้วมั้ง!

แม่ขี้เหนียวจริง ๆ!

“จำได้ก็ดี ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนหรือยัง?” เหมยเหมยถามอีกครั้ง

“ไม่รู้ค่ะ…” เล่อเล่อส่ายศีรษะพร้อมหันไปมองเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่ากระซิบบอกเธอว่า “ยังอีกนาน อีกนานมาก…”

“หิวแล้ว…แม่!” เล่อเล่อกุมท้องด้วยท่าทีน่าสงสาร ถ้านานขนาดนั้นเธอจะต้องหิวตายแน่

“ถ้าหิวก็ทานข้าว ในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เคเอฟซีสักหน่อย อยากกินหัวไชเท้าหรือปลา? แม่จะโทรไปสั่งอาหารเย็นให้!” เหมยเหมยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เด็กทั้งสองคนทำหน้าหงิกทันที…ส่ายศีรษะรัว “ไม่หิวแล้ว!”

สองอย่างนี้พวกเขาไม่อยากทานอะไรเลย พวกเขาอยากทานเนื้อ!

มุมปากของเหมยเหมยยกขึ้นเล็กน้อย เธอจึงรีบหันหนี ในที่สุดก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ นักแสดงตัวเล็กทั้งสองเพิ่งกินโอเด้งมาเยอะขนาดนั้นยังหลอกเธอว่าหิวอีก ฮึ!

“ไม่หิวก็ไปดูทีวีกันก่อน เย็น ๆมืด ๆค่อยทานมื้อเย็นกัน” เหมยเหมยเปิดโทรทัศน์แล้วตั้งใจเลือกการ์ตูนให้ดู เด็กทั้งสองชอบดูมาก แม้แต่เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็ชอบดูมากเช่นกัน

เหมยเหมยไปแช่น้ำร้อนพลันรู้สึกสบายไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะฉลาดมากแต่เธอก็ยังเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่ดี ทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำอะไรมากมายแต่กลับรู้สึกปวดหลังเมื่อยเอวไปหมด หลังจากแช่น้ำร้อนแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาก

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยพาเด็กทั้งสองคนไปทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าด้านล่าง อาหารเช้าของโรงแรมฟรีและหลากหลาย มีผลไม้ให้เลือกมากมาย เธอเจอแม่ลูกคู่นั้นอีกครั้งที่ห้องอาหารเช้า เหมยเหมยส่งยิ้มทักทายพวกเขา สองแม่ลูกต่างก็โค้งตัวกลับซึ่งถือว่าถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี

“อิจิโร่ วันนี้พวกเราเที่ยวกันอีกวันก็จะกลับบ้านแล้วนะ!” โต๊ะอาหารของแม่ลูกคู่นี้อยู่ติดกับพวกเหมยเหมย

“จะได้เจอพ่อแล้ว แม่ วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับ?” เด็กชายตื่นเต้นมาก

“วันนี้ไปซื้อของกัน แม่อยากซื้อของฝาก!”

……

เหมยเหมยนึกขึ้นได้ ทำไมเธอลืมเรื่องซื้อของฝากไปได้ล่ะ? อีกเดี๋ยวไปซื้อของกับสองแม่ลูกคู่นี้ก็แล้วกัน!

………………………………

ตอนที่ 2505 ตายก็ไม่ยอมรับ

ณ เมืองหลวงของฮวาเซี่ย

ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งจนหัวหมุน ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะเป็นความลับ อีกทั้งยังสร้างสถานะตัวปลอมอีก แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้หลอกได้ง่าย ๆ พวกเขาสืบหาข้อมูลพบอย่างรวดเร็ว สถานการณ์บีบคั้นสุด ๆ

โชคดีที่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาเพียงแค่สงสัยเท่านั้นแต่หาหลักฐานไม่ได้ พวกเขาทำแค่เพียงกดดันทางสถานทูต ทางสถานทูตรู้อยู่แก่ใจแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อยื้อเวลาทางสหรัฐอเมริกา

ยื้อไปเรื่อย ๆจนในที่สุดเรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็หายไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นมาดุด่าชุดใหญ่ ด่าว่าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วกระทำการโดยพลการ

“ไม่แม้แต่จะโทรมาหาฉันแล้วไปก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตถึงสหรัฐอเมริกา นายว่ามาสิว่าจะทำอย่างไรต่อ?” นายใหญ่โมโหเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันในใจก็เกิดความระแวงขึ้นมา

สงสัยว่าเหยียนหมิงซุ่นปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา!

ก่อนกลับประเทศเฮ่อเหลียนชิงเตือนเหยียนหมิงซุ่นให้เขาระวังนายใหญ่ไว้แล้วเช่นกัน

เฮ่อเหลียนชิงอยู่กับนายใหญ่มาหลายปีจึงรู้ว่าเขามีนิสัยขี้ระแวงมาก เรื่องจะเป็นมาอย่างไรก็คิดมากไปกว่าคนอื่นหนึ่งขั้นแล้ว เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นการปฏิบัติการโดยพลการ ฉะนั้นนายใหญ่จะต้องระแวงอย่างแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับเฮ่อเหลียนชิงพร้อมคิดหาแผนรับมือเอาไว้แล้ว จงใจกล่าวว่า “ทั้งภรรยาและลูกสาวของผมต่างเกิดเรื่องขึ้น ผมร้อนใจแทบแย่ ทางฝั่งพ่อเลี้ยงก็ไม่มีการแจ้งมาเลย!”

“แค่โทรมาบอกกันก็ทำไม่ได้เหรอ? แค่บอกฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนตอนนี้!” น้ำเสียงของนายใหญ่อ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังโมโหอยู่ดี

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ครั้งนี้เหยียนหมิงซุ่นกระทำการโดยพลการฝ่าฝืนกฎใหญ่มหันต์

“ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง โปรดนายใหญ่ลงโทษด้วย ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ!”

เหยียนหมิงซุ่นยอมรับผิดแต่โดยดี ท่าทางเคารพนับถือของเขาทำให้นายใหญ่โล่งใจขึ้นมาก

“นายจะแก้ไขอย่างไร?”

“ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน!”

“นายคิดว่าคนอื่นเขาโง่หรือไง?” นายใหญ่ส่งเสียงเยาะเย้ยใส่

“ไม่ว่าจะโง่หรือไม่ ถ้าจะกล่าวหาพวกเราก็ต้องมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานมายืนยันก็จะไม่ยอมรับ หลักการนี้ใช้กันทุกที่!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เขาก็เตรียมการรอบคอบป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆแล้ว!

นายใหญ่เห็นเขาวางแผนไว้แล้วจึงวางใจเพราะเขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนที่คุยโม้โอ้อวดแบบขอไปที

“วันหลังหากนายยังกล้ากระทำการบุ่มบ่ามโดยพลการแบบนี้อีกก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!” สิ่งที่ควรเตือนก็ยังคงต้องเตือนอยู่ดี

“ทราบแล้วครับ งั้นผมจะบอกนายท่านก่อนเลยว่าผมวางแผนจะทำลายตระกูลคาร์ลโดยไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งระเบิดอีกลูก นายใหญ่ตกใจยกใหญ่

“นายคิดจะทำอะไรอีก? ยังก่อเรื่องไม่พอหรือไง?”

“ตระกูลคาร์ลเป็นพวกคนบาปทำความชั่วไร้ศีลธรรมไว้มากมาย ผมช่วยจัดการแทนสวรรค์เบื้องบนเอง!” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีจริงจัง นายใหญ่แค่นเสียง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าเจ้าหมอนี่ใช้เรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว

“แล้วถือโอกาสฮุบกิจการตระกูลคาร์ลมาด้วยเลย กำไรทั้งหมดจะถูกส่งไปเก็บยังคลังทรัพย์สินของประเทศ!”

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวประโยคที่สำคัญที่สุดออกมา นี่คือสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงสอนมา เฮ่อเหลียนชิงบอกว่านายใหญ่รักเงินมากที่สุด แค่บอกผลประโยชน์เขาก็จะไม่มีการคัดค้านอย่างแน่นอน

ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะสีหน้าของนายใหญ่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ระยะนี้คลังทรัพย์สินของประเทศขาดแคลน มีเงินเข้าก็ถือว่าดีเช่นกัน เขาจะได้เอาไปช่วยเหลือชนบทยากจนได้หลายพื้นที่

พอเหยียนหมิงซุ่นเดินออกจากห้องทำงานของนายใหญ่ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง จากนั้นก็รู้ว่าเหมยเหมยพาลูกไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น

“ปกป้องพวกเขาให้ดี มีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้เลย!”

ทางด้านเหมยเหมยก็พาเด็ก ๆไปทานโอเด้งร้านชื่อดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกย่างก้าวของเธออยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเหยียนหมิงซุ่น

“หาเจอแล้ว ร้านนี้แหละ ว่ากันว่าเก่าแก่นับร้อยปีเลยนะ!”

เหมยเหมยพาลูกไปหาที่นั่งแบ่งโต๊ะกับคนอื่นอย่างมีความสุข อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยวเช่นกันซึ่งดูท่าทางยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันอยู่เลย

…………………………………………..

ตอนที่ 2506 เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง

พอเหมยเหมยได้ยินพวกเขาพูดคุยกันก็รู้เลยว่าพวกเขาเป็นชาวฮ่องกงหรือคนกวางตุ้ง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ไปผูกมิตรกับใคร คนฮวาเซี่ยมาเที่ยวที่นี่เยอะมากจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบเพื่อนประเทศเดียวกัน

“แม่ ไม่กินหัวไชเท้า จะกินเนื้อ!”

เล่อเล่อเขี่ยหัวไชเท้าที่เหมยเหมยเลือกมาให้เธออย่างรังเกียจ เธอเกลียดการทานหัวไชเท้ามากที่สุด แต่แม่ของเธอกลับมักจะให้เธอทานหัวไชเท้าอยู่เรื่อย

“ลูกต้องกินหัวไชเท้าสองชิ้นถึงจะกินเนื้อได้หนึ่งชิ้น!” เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าที่เล่อเล่อเขี่ยออกกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบทานผักเหมือนใคร แต่ละวันทั้งต้องเกลี้ยกล่อมและกดดันถึงจะทำให้เธอทานผักได้บ้าง

เสี่ยวเป่าทานหัวไชเท้าคำโตแล้วหันไปส่งยิ้มให้เล่อเล่อ “หัวไชเท้าอร่อย พี่ยังอยากกินอีกคำเลย!”

แต่ถ้าพูดตามสัตย์จริง หัวไชเท้ารสชาติแย่มาก ๆ!

เสี่ยวเป่าพยายามอดกลั้นต่อความอยากอาเจียนเอาไว้แล้วกลืนหัวไชเท้าลงไปเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้กินหัวไชเท้า เขายอมทุกอย่าง!

เล่อเล่อคีบหัวไชเท้าขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขมวดคิ้วและกัดคำเล็ก ๆ จากนั้นก็เบะปากพูดว่า “ไม่อร่อยเลย…”

พี่ชายโกหกอีกแล้ว หัวไชเท้าไหนเลยจะอร่อยเท่าเนื้อ!

เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าให้เสวี่ยเอ๋อร์หนึ่งชิ้น ร้านโอเด้งนี้ดีมากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ แต่ห้ามไม่ให้รบกวนผู้อื่น

“ลูกดูสิ เสวี่ยเอ๋อร์ยังกินได้เลย ทำไมลูกถึงกินไม่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยเอาหัวไชเท้าที่เล่อเล่อคายออกมายัดเข้าไปในปากของเธออีกครั้งและจ้องไปที่เสวี่ยเอ๋อร์

เสวี่ยเอ๋อร์กินหัวไชเท้าอย่างเชื่อฟังพร้อมมองเจ้านายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ มันหวังว่าเธอจะกินหัวไชเท้าเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องทนทุกข์ทรมานกินหัวไชเท้าต่อไปเช่นนี้

มันไม่ชอบกินหัวไชเท้าเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อร่อยเลย!

เล่อเล่อเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ช่วงนี้แม่ดุมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ!

เพื่อไม่ให้คู่หูต้องทนทุกข์เล่อเล่อเลยต้องฝืนทานหัวไชเท้าไปสามชิ้นถึงทำให้เหมยเหมยพอใจ จากนั้นก็ส่งชามลูกชิ้นให้เธอด้วยท่าทีใจดี

เล่อเล่อหน้าบานเป็นกระด้งในทันที เธอคีบลูกชิ้นป้อนเสวี่ยเอ๋อร์แล้วก็ป้อนฉิวฉิว หลังจากนั้นถึงกินเอง

“ช่างเป็นหมาที่น่ารักมากจริง ๆ โอ๊ย แถมยังมีกระรอกน้อยอีกด้วย!”

พอลูกค้าวัยรุ่นที่ร่วมโต๊ะเดียวกันเห็นเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็แปลกใจมาก ตอนแรกยังรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเหมยเหมยและเด็ก ๆพูดภาษาจีนกลางเลยรู้ว่าเป็นเพื่อนชาติเดียวกันจึงเริ่มเปิดบทสนทนากับเหมยเหมย

“พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของคุณเหรอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากจริง ๆ สัตว์เลี้ยงก็น่ารักมากเช่นกัน คุณช่างโชคดีจริง ๆ!”

พวกวัยรุ่นเหล่านี้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งนัดกันมาเที่ยวที่นี่ในวันหยุด พวกเขาชอบเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อมาก แถมยังมีเสวี่ยเอ๋อร์ผู้เย่อหยิ่งและฉิวฉิวที่ดูไร้เดียงสา พวกเขาถ่ายรูปกันเยอะเลย

เหมยเหมยพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข อันที่จริงอายุต่างกันไม่มาก เพราะหลายคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเอง!

“เธอแต่งงานเร็วมากเลย ไม่น่าล่ะถึงได้ดูอายุน้อยขนาดนี้!” พวกผู้หญิงอิจฉาเป็นอย่างมาก พวกผู้ชายยิ่งผิดหวังไปกันใหญ่

เดิมทียังคิดว่าจะได้นัดบอดสุดแสนโรแมนติก แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว!

เหมยเหมยยิ้ม เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก นอกเสียจากว่าช่วงนี้จะมีใครบางคนน่ารำคาญไปสักหน่อย!

“เย็นนี้ไปกินเคเอฟซีกันไหม? พวกเราเลี้ยงเด็ก ๆเอง!” มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งเสนอขึ้นมา

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแต่ก็ปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมจับจ้องเหมยเหมยอย่างมีความหวัง

“ขอบคุณนะ พวกเราเพิ่งกินไปเมื่อตอนบ่ายเอง!” เหมยเหมยยิ้มพลางปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปทานเคเอฟซีหรอก คนเยอะแน่นอน ไปกินหม้อไฟกันดีกว่า!” มีคนคัดค้าน

“ไม่นะ พวกเราไปกินกันเมื่อตอนเที่ยงที่ว่างเยอะมาก คนไม่เยอะเลย” เหมยเหมยรีบค้านทันที

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อ วัยรุ่นสองสามคนอีกโต๊ะใช้ภาษาจีนกลางพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณยังกล้าไปกินเคเอฟซีอีกเหรอ ที่นั้นเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง!”

…………………………

ตอนที่ 2503 สถานีแรกเกียวโต

เหยียนหมิงซุ่นสลัดเฮ่อเหลียนเช่อทิ้งแล้วจากไป เขาต้องกลับประเทศให้เร็วที่สุดแล้วค่อยส่งคนไปปกป้องเหมยเหมยหลังจากกลับไป

เฮ่อเหลียนเช่อมองหาเหยียนหมิงซุ่นที่สนามบินเป็นเวลานานก็หาไม่เจอ เขาโกรธจนชูนิ้วกลางขึ้นฟ้า โธ่เว้ย หลอกเขาอีกแล้ว!

ตั้งใจจะไม่บอกเขาใช่ไหม!

อย่างไรเสียเขาก็ต้องหาเจอให้ได้!

เฮ่อเหลียนเช่อขบคิดพลางพึมพำสบถด่า เมื่อครู่เซียวเซ่อกระซิบข้างหูเหยียนหมิงซุ่นเขาจึงไม่ได้ยินสักคำ ต่อมาเหยียนหมิงซุ่นยังสลัดเขาทิ้งอีก ตอนนี้ไอ้สารเลวสองคนนี้หนีไปไม่เห็นเงาแล้ว แม้แต่คนให้ถามยังหาไม่เจอเลย!

ต่างก็ไม่ใช่คนดีกันทั้งนั้น!

จุดหมายแรกของเหมยเหมยก็คือเกียวโต อันที่จริงเธอค่อนข้างขี้ขลาด เธอรู้สึกว่าอยู่โซนเอเชียสบายใจกว่า และตอนนี้ก็ยังเป็นฤดูดอกซากุระบานด้วย อาหารทะเลก็อุดมสมบูรณ์ ไปเที่ยวที่นั่นก็ดีไม่หยอก

ทิวทัศน์สวยมากจริง ๆ พวกเด็ก ๆต่างก็เที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แถมเหมยเหมยยังพาพวกเขาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ด้วยหนึ่งวัน เครื่องเล่นโปรดของเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อก็คือรถไฟเหาะและชิงช้าสวรรค์

“แม่คะ…อยากเล่นอีก…” เล่อเล่อดึงมือเหมยเหมยไม่ยอมปล่อย เธอยังเล่นไม่หนำใจเลย!

เสี่ยวเป่าก็แสดงท่าทีแบบนั้นด้วยเช่นกัน เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยพาเขามาเที่ยวดิสนีย์แลนด์เลย เพราะเฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าพวกนี้เป็นของเล่นขยะที่เด็กปัญญาอ่อนเล่นเท่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งควรบุกป่าฝ่าดงตั้งแต่เด็กแล้วเล่นกับงูเหลือม เสือดาวและหมาป่า!

แต่เสี่ยวเป่ากลับรู้สึกว่าของเล่นขยะพวกนี้…อันที่จริงสนุกมากเลย!

“วันหลังพวกเราค่อยมาเล่นกันอีกดีไหม พวกเธอดูสิว่าเด็กคนอื่นยังไม่ได้เล่นเลยนะ!” เหมยเหมยโน้มน้าวอย่างอดทน เหตุผลหลักคือเธอไม่ต้องการเข้าแถวอีกต่อไปแล้ว

วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ เธอเข้าแถวนานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงตาเธอ อยากนั่งอีกก็ต้องเข้าแถวใหม่ น่ารำคาญจะตายไป!

โชคดีที่เด็กทั้งสองคนมีเหตุผล โดยเฉพาะเสี่ยวเป่า แถมเขายังช่วยเหมยเหมยเกลี้ยกล่อมน้องสาวอีกต่างหาก เล่อเล่อเบะปากไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้งอแงโวยวายอะไร

“งั้นกินเนื้อกันเถอะ…ไม่กินปลา…”

เล่อเล่อเสนอความต้องการใหม่ ในเมื่อเล่นสนุกไม่ได้งั้นก็ต้องเติมท้องให้อิ่ม แม่มักจะพาไปกินแต่ปลา เธอไม่ชอบกินเลยแม้แต่น้อย เธอชอบกินเนื้อต่างหาก!

เหมยเหมยหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เรามาโตเกียวเพื่อทานอาหารทะเลไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบกินซาซิมิแต่อาหารทะเลที่ปรุงเสร็จแล้วก็รสชาติไม่เลวเลย เธอกินมาหลายวันแล้วก็ยังไม่เบื่อสักนิด ไหนเลยจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะรังเกียจเสียได้!

ด้านข้างมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวัยหกหรือเจ็ดขวบกับแม่ของเขาเดินผ่านมาซึ่งน่าจะเพิ่งลงจากรถไฟเหาะ เด็กผู้ชายคนนั้นดูท่าทางตื่นเต้นมาก มืออวบอ้วนยังคงโบกไปมาไม่หยุดพร้อมคุยกับแม่ คุณแม่ที่ยังสาวอมยิ้มฟังอยู่เงียบ ๆ แม่และลูกชายดูรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นพิเศษ

“แม่…พวกเราไปกินเคเอฟซีกันดีไหมครับ?” เด็กผู้ชายร้องขอด้วยท่าทีออดอ้อน

“วันนี้ไม่ได้จ้ะ…เคเอฟซีกินได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น เดือนนี้อิจิโร่กินไปแล้วนะ!” เสียงของแม่อ่อนโยนมากและสั่งสอนลูกได้ดีมากด้วย

เด็กน้อยเองก็รู้ความมากเช่นกัน ถึงแม้จะผิดหวังแต่ก็ไม่ทำตัวไร้เหตุผล เพียงแต่สีหน้าท่าทางดูซึมไปเท่านั้นเอง เขาคงชอบกินเคเอฟซีมากอย่างแน่นอน

เสียงแม่ลูกห่างออกไปเรื่อย ๆ เหมยเหมยเข้าใจภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้าง อีกอย่างบทสนทนาระหว่างแม่ลูกง่ายมาก เธอพอจะฟังออกจึงอดยิ้มไม่ได้

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขัดแย้งกันมาก ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ ในใจของเหมยเหมยจึงมีความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าประเทศนี้มีอะไรให้เรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะด้านการศึกษา ดูจากแม่ลูกเมื่อครู่ก็สามารถมองออกแล้วว่าไม่เหมือนแม่บางคนในฮวาเซี่ยที่ตามใจให้ท้ายเด็กตลอด

เสี่ยวเป่าก็ฟังภาษาญี่ปุ่นออกเช่นกัน ครั้นเห็นเล่อเล่อหน้าตาบูดบึ้งจึงพูดเสียงดังว่า “คุณน้าครับ พวกเราไปกินเคเอฟซีกันดีไหมครับ?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2504 ร้านเคเอฟซีสุดประหลาด

พอเล่อเล่อได้ยินว่าเคเอฟซีก็ร่าเริงขึ้นในทันที หันไปพูดกับเหมยเหมยเสียงดังว่า “แม่คะ…กินน่องไก่!”

เธอชอบกินไก่ทอดที่สุดแล้ว!

เหมยเหมยไม่ได้ลังเลนานแล้วตอบตกลงอย่างเต็มใจ เด็กทั้งสองคนจึงส่งเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุข

“กินได้แต่แค่เดือนละครั้งเท่านั้นนะ!” เหมยเหมยรู้สึกว่าเธอควรตั้งกฎเกณฑ์ให้เด็ก ๆด้วย ควรเรียนรู้วิธีการของแม่คนเมื่อครู่จะดีกว่า

เล่อเล่อทำหน้าบูดบึ้ง หนึ่งเดือนนานจะตายไป…

“แม่…ถ้าหิวก็กินดีไหมคะ?”

“ถ้าหิวก็ทานข้าวไม่ทานเคเอฟซีนะคะ!” เหมยเหมยบีบจมูกน้อย ๆของลูกสาวเบา ๆ เจ้าตัวเล็กยังจะต่อรองกับเธออีกนะ!

พอเล่อเล่อเห็นถึงความหนักแน่นของเหมยเหมยก็รู้ว่าแม่ตัวเองคงไม่เปลี่ยนใจแน่จึงถอนหายใจอย่างเศร้าใจแล้วพยักหน้ารับ แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะร้องขอว่า “กินเนื้อ ไม่กินปลานะ…”

เหมยเหมยอดหัวเราะไม่ได้ นี่เกลียดปลามากขนาดนั้นเชียว!

“เล่อเล่อทำไมถึงไม่ชอบกินปลาล่ะลูก? กินปลาจะทำให้หน้าตาสวยนะ!” เหมยเหมยถาม

เล่อเล่อยกแขนทำท่าเบ่งกล้ามแสดงความแข็งแรงพร้อมพูดเสียงดังว่า “กินเนื้อจะมีแรงเยอะ…”

เธออยากจะเป็นจอมพลัง ไม่ได้อยากเป็นสาวงามเสียหน่อย!

เสี่ยวเป่าลูบศีรษะ พลังความแข็งแกร่งของน้องสาวมีมากจริง ๆ หรือว่าจะเป็นเพราะเขากินปลามากเกินไป?

หรือว่าวันหลังเขาจะกินเนื้อให้มากขึ้นหน่อยดี?

เป็นถึงพี่ชายแต่ไม่แข็งแรงเท่าน้องสาว น่าขายหน้ามากจริง ๆ!

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว เด็กคนนี้ไปฟังมาจากไหน อะไรคือการกินเนื้อแล้วจะมีพละกำลังแข็งแรง คงเป็นเหยียนหมิงซุ่นสอนลูกผิด ๆอีกสิท่า

“อย่าไปฟังพ่อพูดจาไร้สาระ กินปลาถึงจะทำให้ร่างกายแข็งแรง วันหลังก็กินปลาให้มากหน่อย เสี่ยวเป่าก็เหมือนกัน” เหมยเหมยสั่งสอนไปหนึ่งชุดอย่างไม่สบอารมณ์

เล่อเล่อเงียบไม่พูดอะไร แม่พูดเธอก็ฟังไป ถึงอย่างไรควรจะกินอะไรก็ต้องเป็นไปตามที่เธอว่าอยู่ดี!

แถว ๆดิสนีย์แลนด์มีเคเอฟซี เหมยเหมยไม่ได้ขึ้นแท็กซี่แต่จูงเด็กทั้งสองคนค่อย ๆเดินไปพร้อมเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพระหว่างทาง ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว

เหมยเหมยให้เด็กทั้งสองคนไปหาที่นั่ง เธอไปสั่งอาหาร เพียงแต่เธอรู้สึกแปลกใจเหลือเกินเพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ตามหลักควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้าเยอะที่สุดสิ

ในอดีตร้านเคเอฟซีของฮวาเซี่ยจะแออัดไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะวันหยุดคนจะต่อแถวยาวไปจนถึงประตูด้านนอกเลย

แต่เคเอฟซีที่นี่คนร้างมาก ลูกค้าในร้านมีแค่สองสามคนและยังมีที่นั่งว่างอีกมากมาย หรือว่าคนที่นี่จะไม่ชอบอาหารฟาสต์ฟู้ดของชาวต่างชาติงั้นเหรอ?

เหมยเหมยไม่ได้คิดอะไรมาก เธอซื้อชุดใหญ่มาหนึ่งชุดกองสูงพะเนินราวกับภูเขา เด็กทั้งสองกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่เสี่ยวเป่าที่เป็นเด็กสำรวมเรียบร้อยในอดีตก็เปลี่ยนไป เขาคว้าน่องไก่มาไว้ในมือแล้วแทะจนปากมันเยิ้ม น่ารักเหลือเกิน

เด็กทั้งสองคนน่ารักจนดึงดูดลูกค้าไม่น้อย พวกเขาต่างแวะเวียนกันขอเข้ามาถ่ายรูปกับพวกเสี่ยวเป่า เหมยเหมยก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่ในใจกลับสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม

พอได้ยินสำเนียงของลูกค้าเหล่านี้แล้วต่างก็เป็นชาวต่างชาติทั้งนั้นซึ่งมีชาวฮวาเซี่ยมากที่สุด ไม่เห็นคนท้องถิ่นเลยสักคน ช่างแปลกมากจริง ๆ

หรือว่าคนที่นี่อนุรักษ์อาหารท้องถิ่น ไม่ให้คนท้องถิ่นทานอาหารฟาสต์ฟู้ดของชาวต่างชาติงั้นเหรอ?

เหมยเหมยคิดว่าความคิดของตัวเองไร้สาระเกินไป ทั้งสองภพชาติเธอไม่เคยได้ยินประเทศไหนมีนโยบายเช่นนี้มาก่อนเลย!

บางทีวันนี้อาจจะบังเอิญไม่เจอคนในท้องถิ่นมากินเคเอฟซีล่ะมั้ง!

“แม่…กินอิ่มแล้ว!”

เด็กทั้งสองคนกินอาหารบนจานจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ ในจานมีกระดูกกองกันเป็นเนิน

“งั้นพวกเราก็ไปเที่ยวเล่นกันต่อเถอะ อีกเดี๋ยวไปกินโอเด้งกัน!”

เหมยเหมยเช็ดมือและปากของเด็กทั้งสองคนจนสะอาดแล้วพาพวกเขาออกจากร้านเคเอฟซีเพื่อเตรียมจะไปเดินเที่ยวกันต่อ จากนั้นก็ไปลองโอเด้งร้านชื่อดังสักหน่อย

“แม่…พรุ่งนี้มากินอีกได้ไหมคะ?”

เพิ่งจะเดินออกจากประตูเคเอฟซีเล่อเล่อก็คิดถึงมื้อต่อไปเสียแล้ว

“ไม่ได้ค่ะ เมื่อกี้แม่พูดว่าอย่างไรนะ?” เหมยเหมยปฏิเสธเสียงเด็ดขาด

ใบหน้าเล็ก ๆที่ผิดหวังของเล่อเล่อและเสี่ยวเป่าก็ไม่ได้ทำให้เหมยเหมยใจอ่อน เธอจูงมือของเด็กทั้งสองคนออกไป พวกเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีชายชุดดำอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอและคอยจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

…………………………

ตอนที่ 2501 เดินทางไปทุกที่อย่างผ่าเผย

พวกเหยียนหมิงต๋าแอบกลับประเทศอย่างลับ ๆในคืนนั้น เหยียนหมิงซุ่นเองก็อยู่ได้ไม่เกินครึ่งวันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นสถานะตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยและทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศได้

ดังนั้นหลังจากที่เขาจัดการธุระเสร็จ พอตอนเช้าก็รีบไปที่บ้านของเซียวเซ่อ แต่เซียวเซ่อและเหมยเหมยไม่อยู่ที่นั่นกลับทิ้งไว้แค่เพียงจดหมายฉบับเดียว และมีเพียงประโยคเดียวในจดหมายสั้น ๆว่า

“ฉันพาเด็ก ๆออกไปเที่ยวแล้ว พี่อยู่บ้านสำนึกผิดไปแล้วกัน อย่าให้คนมาตามหาล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะหย่ากับพี่!”

นี่เป็นลายมือของเหมยเหมย ลายมือดูมีชีวิตชีวาและพลังที่เปี่ยมล้น ตัวอักษรบรรจงตัวเล็ก ๆเธอตวัดเขียนได้อย่างสง่างามสดใส แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับสดใสไม่ออก ข้างนอกอันตรายและน่ากลัวมากขนาดนั้น เหมยเหมยก็ยังบาดเจ็บอยู่ แล้วยังมีลูก ๆอยู่ด้วยอีก เขาจะวางใจได้อย่างไร?

“เฮ้ย…ภรรยาของนายอยากจะหย่ากับนายแล้วพาลูกชายของฉันไปด้วยทำไม จ้าวเหมยเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” เฮ่อเหลียนเช่อโมโหเดือดดาล เขายังต้องพาลูกไปตามหาเหมยซูหานต่ออีกนะ!

ไม่มีเสี่ยวเป่านำทางเขาก็เหมือนแมลงวันที่หัวขาด แล้วจะไปตามหาเหมยซูหานได้จากที่ไหนกันล่ะ?

“ฉันอารมณ์ไม่ดี อย่ามากวนน่า!”

เหยียนหมิงซุ่นไร้ซึ่งความอดทนที่จะพูดจาไร้สาระกับเขา เขามีเวลาแค่เพียงครึ่งวัน ฉะนั้นจะต้องหาเหมยเหมยให้เจอก่อนเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ไม่อย่างนั้นเขาต้องกลับประเทศแล้ว

“ฉันอารมณ์เสียยิ่งกว่าอีก เหยียนหมิงซุ่นฉันขอเตือนนายเลยนะ ถ้าภรรยาของนายไม่พาเสี่ยวเป่ากลับมา อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”

“นายจะลองดีงั้นเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นพบรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์อยู่ในบ้านของเซียวเซ่อ เขาไม่สนใจการขัดขวางใด ๆของเหล่าคนรับใช้เลยสักนิด จากนั้นก็สตาร์ทรถทันที เฮ่อเหลียนเช่อรีบกระโดดซ้อนท้ายแล้วจากไปพร้อมกันทิ้งให้คนรับใช้ที่ต่างพากันตกใจไว้ด้านหลัง

“โจร…รีบแจ้งคุณหนูเร็วเข้า!” คนรับใช้รีบโทรหาเซียวเซ่อด้วยท่าทีตื่นตระหนก รถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์เป็นสมบัติล้ำค่าของนายท่านนะ!

เซียวเซ่อส่งเหมยเหมยไปสนามบิน เธอทำหนังสือเดินทางไปสหรัฐอเมริกาให้กับเด็กสองคนนี้ภายในชั่วข้ามคืนเพราะฟรีวีซ่าหลายประเทศจึงเดินทางเที่ยวรอบโลกได้โดยไม่มีปัญหา

“เธอไปอังกฤษเพื่อพักฟื้นที่บ้านฉันก่อนดีกว่าไหม!” เซียวเซ่อเป็นกังวลเล็กน้อย ถึงแม้ว่ากระสุนที่แขนของเหมยเหมยจะไม่ลึกถึงกระดูกแต่แผลก็ไม่เล็กเลย มือซ้ายใช้การไม่ได้ประมาณครึ่งเดือนจึงออกไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกนัก

“ไม่ต้องหรอก ถ้าไปบ้านเธอเหยียนหมิงซุ่นจะต้องตามหาฉันเจอแน่นอน ฉันต้องไปในที่ที่เขาหาไม่เจอ!” เหมยเหมยพูดพลางกัดฟันแน่น เธอมียาห้ามเลือดสำหรับบาดแผลที่แขนของเธออยู่ อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอน

ดังนั้นเลยถือโอกาสนี้ออกไปเที่ยวเสียเลย เธอยังไม่เคยออกไปเที่ยวต่างประเทศเลยนะ!

“ได้ รอฉันจัดการธุระทางนี้เสร็จแล้วจะตามไปนะ!”

เซียวเซ่อสนับสนุนเพื่อนให้ผิดนัดเหยียนหมิงซุ่น ผู้ชายต้องสั่งสอนให้เข็ด อย่าไปใจอ่อนให้เด็ดขาด!

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเซียวเซ่อพูดสองสามคำแล้วก็วางสายไป จากนั้นก็หันมาพูดกับเหมยเหมยว่า “เหยียนหมิงซุ่นชิงมอเตอร์ไซค์ที่บ้านฉันกำลังตามมาแล้ว เธอรีบไปขึ้นเครื่องบินเถอะ!”

“อืม ไปก่อนนะเซ่อเซ่อ!”

เหมยเหมยกอดอำลาเซียวเซ่อ เธอไม่ได้รู้สึกเศร้าใจเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะเธอกำลังจะออกเดินทางไปเที่ยวในสถานที่ที่ไม่รู้จัก…เธอตั้งตารอคอยอยู่เลยนะ!

“แม่ จะไปเที่ยวที่ไหน?” เล่อเล่อถามอย่างแปลกใจ ดวงตากลมโตกลิ้งกลอกไปมาพร้อมแสดงท่าทีตื่นเต้นยิ่งกว่าเหมยเหมยเสียอีก

“ไปกินของอร่อย ไปดูอะไรที่สวยงาม…ระหว่างทางเจอคนไม่ดีเราก็เข้าไปช่วยเหลือ ตีคนไม่ดีพวกนั้นซะ!” เหมยเหมยหัวเราะแล้วพูดพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย

หลังจากที่ครั้งนี้จัดการเอาคืนจอบส์อย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นแต่เธอกลับไม่เคยฝันร้ายเลยสักคืน ตรงกันข้ามยังหลับสนิทเป็นตายเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้เธอยังค้นพบทักษะที่ซ่อนอยู่ในตัวของเธออีกต่างหาก…อืม ในอนาคตค่อยพัฒนากันต่อไป!

“ดีสิ…กินเนื้อ ตีคนไม่ดี…” เล่อเล่อตบมือโห่ร้องอย่างดีใจเพราะเป็นสิ่งที่เธอชอบทำทั้งนั้น

“แม่…ไม่พาพ่อไปด้วยหรอ?”

ในที่สุดเล่อเล่อก็นึกถึงเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมาได้

“ไม่พาไป…มีแค่แม่กับพี่ชายเท่านั้น…” เหมยเหมยแสดงสีหน้าดุดัน พอได้ยินชื่อของคน ๆนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

เธออยากจะไปเที่ยวอย่างสง่าผ่าเผย แล้วลืมไปซะว่าเธอคือคุณนายเหยียน!

ให้เหยียนหมิงซุ่นกลับไปเองเถอะ!

…………………………………………..

ตอนที่ 2502 ช้าไปครึ่งก้าว

เล่อเล่อรู้สึกถึงความไม่พอใจของเหมยเหมยจึงรีบหุบปากทันทีแล้วแอบไว้อาลัยให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นเวลาสามวินาที…

เธอพยายามเต็มที่สุด ๆแล้ว พ่อจะโทษเธอไม่ได้นะ!

เสี่ยวเป่าที่ปิดปากเงียบมาตลอดในใจตีกันอุตลุด เขาควรจะบอกพ่อไหมนะ?

เขาอยากไปเที่ยวกับคุณน้าและน้องสาวมากจริง ๆแต่ก็ไม่อยากแยกจากพ่อ แต่เขาก็รู้ว่าคุณน้าในตอนนี้ไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาพาพ่อไปด้วยแน่ ๆ เฮ้อ อย่าทำให้คุณน้าอารมณ์เสียเลยจะดีกว่า!

เสี่ยวเป่าชักมือกลับด้วยความแน่วแน่ หนูตัวเล็กตัวหนึ่งจึงจากไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากเซียวเซ่อเห็นเครื่องบินของเหมยเหมยบินอยู่บนท้องฟ้าผ่านหน้าต่างแล้วจึงยิ้มอย่างพอใจปรบมือเตรียมกลับบ้าน เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ ครั้นพอเจอเธอแล้วก็พรูลมหายใจ

“เหมยเหมยล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นตวาดถามเสียงดัง

“นู้น…บินตามไปสิ!” เซียวเซ่อชี้มือขึ้นไปบนฟ้า

“เซียวเซ่อ…เธอรนหาที่ตายเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อโมโหขึ้นมาทันที ลูกชายของเขาถูกลักพาตัวไปแบบนี้เลย

“เฮ่อเหลียนเช่อ…ที่นี่คืออเมริกา นายจะทำอะไรฉันได้?” เซียวเซ่อไม่กลัวเฮ่อเหลีนนเช่อ ตอนนี้เธอเป็นถึงมาร์ควิสผู้สง่างามยิ่งใหญ่ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นในอเมริกาก็จะทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศได้

เธอเชื่อว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนั้นหรอก!

“ก็แค่มาร์ควิสตัวเล็ก ๆคนหนึ่ง…นึกว่าฉันไม่กล้าจริง ๆหรือไง!”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่หลงกลพลันเอื้อมมือไปบีบคอของเซียวเซ่อ ต่อให้เซียวเซ่อจะตายในสนามบิน เขาก็ยังสามารถออกจากอเมริกาได้หลายร้อยวิธี ฉะนั้นจะกลัวทำไม!

“หยุด!”

เหยียนหมิงซุ่นห้ามเฮ่อเหลียนเช่อไว้แล้วลากเขาไปอีกด้านหนึ่งพร้อมตวาดเสียงดัง “นายไม่อยากตามหาลูกชายแต่ฉันยังอยากตามหาภรรยากับลูกสาวของฉัน ไปเลยไป๊!”

ตอนนี้มีแค่เซียวเซ่อเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเหมยเหมยไปไหน เช่นนั้นห้ามล่วงเกินโดยเด็ดขาด!

“เหมยเหมยไปไหน? ถ้าเธอหวังดีกับเหมยเหมยจากใจจริงก็ควรบอกฉันมา เหมยเหมยตัวคนเดียวดูแลพวกเด็ก ๆตะลอนไปมาอยู่ข้างนอกจะอันตรายมากแค่ไหน!” เหยียนหมิงซุ่นเป็นกังวล

โลกภายนอกน่ากลัวมากเกินไปเพราะมีพวกวิปริตนับไม่ถ้วนอย่างเช่นจอบส์ เหมยเหมยสาวสวยเพียงลำพังไร้อาวุธ และยังมีพวกเด็ก ๆอีก ถือว่าเป็นเป้าหมายที่พวกโรคจิตชอบมากนักแหละ…เขาจะวางใจได้อย่างไร!

“ฉันจะจัดการส่งคนไปปกป้องพวกเขาเอง ไม่ต้องให้นายมาเป็นกังวลหรอก!” เซียวเซ่อแสดงสีหน้าท่าทางเย็นชา ประเด็นนี้เธอคิดเอาไว้นานแล้ว

เธอใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างบอดี้การ์ดสองคนคอยแอบปกป้องเหมยเหมยและพวกเด็ก ๆอย่างลับ ๆ ขอแค่ไม่ไปเขตก่อจลาจลก็น่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นหรอก

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซียวเซ่อกระทำการสิ่งใดยังคงเชื่อใจได้เสมอ แต่เขาก็ยังกังวลอยู่ดี!

“นายอย่าดูแคลนเหมยเหมยมากเกินไป เธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่นายคิดหรอกนะ คราวนี้เรื่องจอบส์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเหมยเหมยมีความกล้าหาญและฝีมือไม่น้อย ฉะนั้นเดินทางไปที่ไหนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คุณชายเหยียนวางใจกลับไปทำงานรับการเลื่อนขั้นอย่างมีความสุขเถอะ!”

เซียวเซ่อยักคิ้วกวนประสาทแถมไม่ลืมที่จะเหน็บแนมเหยียนหมิงซุ่นไปที เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่เลว แต่ตอนนี้กลับเริ่มขัดตามากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเจื่อน คราวนี้เขาจนปัญญาที่จะอธิบายได้จริง ๆเพราะความลับของฉิวฉิวไม่สามารถบอกคนอื่นได้ มิน่าแม้แต่คุณปู่คุณย่าก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจเลย!

“ได้…ฉันรับรองว่าจะไม่ไปรบกวนเหมยเหมย แต่เธอต้องบอกจุดหมายปลายทางของเหมยเหมยกับฉันมา ฉันจะได้จัดการส่งคนไปแอบอารักขา!” เหยียนหมิงซุ่นยอมถอยหนึ่งก้าว

เซียวเซ่อกำลังคิดจะปฏิเสธแต่เหยียนหมิงซุ่นชิงพูดข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “พ่อแม่ของเธออยู่ในที่ของฉัน…”

เพื่อภรรยาและลูกสาว เขาจึงทำได้แค่ทำตัวเลวทรามแล้วล่ะ!

“ไอ้สารเลว!”

เซียวเซ่อถลึงตาจ้องเขาอย่างโมโห เดี๋ยวต้องพูดเกลี้ยกล่อมให้เหมยเหมยพิจารณาไอ้สารเลวนี่ใหม่เสียแล้ว ในอนาคตเธอค่อยแนะนำคนที่ดีกว่านี้ให้

เซียวเซ่อที่ถูกบังคับอย่างจนใจจึงทำได้แค่พูดแผนการเดินทางของเหมยเหมยออกมา “ฉันหวังว่านายจะทำตามที่พูดนะ!”

“วางใจเถอะ พูดว่าทำได้ก็ต้องทำได้แน่นอน!”

ตอนนี้เหมยเหมยยังโกรธอยู่ปล่อยให้เธอออกไปพักผ่อนก่อนก็ไม่เลว รอสักพักหายโมโหแล้วเขาค่อยไปรับกลับมาด้วยตัวเองแล้วกัน!

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่รู้ว่าเหมยเหมยที่ได้ออกไปลิ้มรสชาติของชีวิตแล้ว…ไม่ได้ง้อง่ายเช่นนั้นอีกต่อไป!

……………………………

ตอนที่ 2499 จัดการส่วนตัว

เสี่ยวเป่าลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ก็ตามเหมยเหมยไป ไม่มีใครกล้ารังแกคุณพ่อหรอก คุณน้าอ่อนแอเกินไป เขาต้องปกป้องคุณน้าและน้องสาว

“เสี่ยวเป่า…ลูกกลับมาเลยนะ!” เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย

ลูกชายเขากล้าทอดทิ้งเขาเหรอ?

“พ่อครับ…พ่ออยู่บ้านทบทวนพฤติกรรมตัวเองไปก่อนนะ…ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณน้า!” เสี่ยวเป่าหันมาร้องบอก

เล่อเล่อรู้สึกว่าสนุกดี ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าการทบทวนพฤติกรรมของตัวเองคืออะไร แต่เธอก็หันไปตะโกนบอกพ่อว่า “พ่อคะ…พ่อก็ไปทบทวนพฤติกรรมตัวเองด้วยนะ…”

เธอต้องตามคุณแม่ไปอยู่แล้ว…

เพราะแม่ทำเนื้ออร่อย ๆเป็น!

“ไม่ได้การล่ะ…เหยียนหมิงซุ่นแกก็ไม่สนใจภรรยาแกเลยเนอะ…ไม่ได้เรื่อง…มีอย่างที่ไหนกัน ถึงขนาดปีนเกลียวโอหังกับผู้ชาย…ถ้าเป็นฉันนะจะฟาดแส้ใส่เลย ดูสิจะกล้าโวยวายอยู่ไหม!”

เฮ่อเหลียนเช่อตวาดใส่เหยียนหมิงซุ่น ลูกชายเต็มใจตามจ้าวเหมยไปเอง งั้นเขาจะทำอะไรได้?

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาแวบหนึ่งแล้วคำรามเสียงเย็นชาว่า “เพราะงั้นแกถึงหาภรรยาไม่ได้ไง!”

สมน้ำหน้าที่เป็นโสดตลอดชีวิต!

เขาเหลือบมองจอบส์ที่ใกล้หมดลมหายใจเต็มทีแวบหนึ่ง สายตาแผ่รังสีเยือกเย็นแล้วออกคำสั่ง “ทำตามคำสั่งของคุณผู้หญิง จัดการทำเขาเป็นเนื้อหมักตากแห้งซะ!”

“พี่ใหญ่…พี่ก็บ้าไปอีกคนด้วยเหรอ?” เหยียนหมิงต๋าตะคอกใส่

“เรื่องนี้ไม่ต้องรายงานถึงหูตำรวจสากลหรอก ฉันจัดการเอง!”

เหยียนหมิงซุ่นมีวิธีต่อกรกับพวกตระกูลคาร์ลตั้งแต่แรกแล้ว พวกตำรวจสากลทำงานชักช้า ขั้นตอนก็ยุ่งยาก เขาจัดการลงมือเองยังสะใจกว่าอีก

วันหน้าตระกูลคาร์ล…จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว!

“พี่ใหญ่…พี่ทำแบบนี้มันผิดกฎข้อตกลงระหว่างประเทศนะ!” เหยียนหมิงต๋าเอ่ยโน้มน้าว เขารู้สึกว่าพี่ใหญ่บ้าเหมือนพี่สะใภ้ไปแล้ว!

“แกน้ำเข้าสมองไปแล้วหรือไง คนพวกนี้เลวระยำใครก็ฆ่าได้ทั้งนั้นแหละ ไปทางโน้นเลย อย่ามาขวางฉันทำงาน!”

จ้าวเสวี่ยหลินรู้สึกขัดใจต่อเหยียนหมิงต๋าที่ไร้ไหวพริบเหลือเกิน คนเราทำอะไรต้องยืดหยุ่นตามสถานการณ์ไม่ใช่หรือไง ตระกูลคาร์ลเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าป่าวประกาศออกไปต้องไม่โดนลงโทษอะไรอยู่แล้ว ยุคสมัยนี้ไม่ว่าที่ไหนก็ใช้เงินจัดการทั้งนั้นแหละ

จัดการโต้ง ๆไปเลยสะใจกว่าเยอะ!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ระอากับน้องชายจอมซื่อบื้อของเขาเช่นกัน แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไร เพียงแต่ความคิดของเหยียนหมิงต๋าคงเป็นผู้นำไม่ได้เพราะขาดความยืดหยุ่นและเด็ดขาด!

“ไปกันเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพาลูกน้องออกมาจากคฤหาสน์ ฉับพลันก็ค้นพบว่าเฮ่อเหลียนเช่อหายตัวไปแล้ว แต่ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับถุงใหญ่ที่แบกอยู่บนหลังแล้วฉีกยิ้ม

“ไอ้สารเลวนี่รวยไม่เบาเลย ข้างในมีแต่สมบัติทั้งนั้น!”

เขาเปิดถุงออก ด้านในมีธนบัตรเป็นปึก ๆและอัญมณีที่เปล่งประกายวิบวับ ทุกอย่างล้วนเป็นของราคาแพงทั้งนั้น

“เงินพวกนี้เอาให้พวกนายแบ่งกันแล้วกัน!”

เหยียนหมิงซุ่นคว้าถุงมาแล้วหยิบเงินออกมาส่งให้จ้าวเสวี่ยหลิน การออกมาปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นความลับ ต่อให้ไม่มีเงินพวกนี้จากเฮ่อเหลียนเช่อ หากกลับประเทศไปเขาก็ต้องเอาเงินของตัวเองมาให้อยู่ดี แต่ดูท่าตอนนี้คงประหยัดแล้ว

“โอเค!”

จ้าวเสวี่ยหลินฉีกยิ้ม ในถุงมีเงินราว ๆหกแสนดอลล่าร์  จัดสรรแบ่งพวกพ้องก็จะตกคนละประมาณห้าหกหมื่นซึ่งนับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย คนที่ได้ส่วนแบ่งแล้วก็ยิ้มหน้าบานกันทุกคนเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้มากขนาดนี้!

สมบัติที่เหลือเหยียนหมิงซุ่นก็ส่งคืนให้เฮ่อเหลียนเช่อไป เขาไม่เอาอะไรสักอย่าง

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงแล้วเอาถุงมาแบกไว้ที่ตัว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ขาดเงิน แต่การเลี้ยงลูกก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน แถมยังต้องมีเงินสู่ขอแต่งงานอีก ตอนนี้ต้องเริ่มเตรียมตัวได้แล้ว!

“จัดการเผาที่นี่ซะ แล้วกลับประเทศคืนนี้เลย!”

เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งเสียงเย็นชา ไม่นานคฤหาสน์ใหญ่โตก็มีเพลิงไฟลุกโชนขึ้นมา ควันดำลอยขึ้นท้องฟ้ายามค่ำคืน เด็กและผู้หญิงที่ถูกช่วยออกมาต่างร้องไห้ด้วยความดีใจ

“เฮ้…ภรรยาของแกเอาลูกชายฉันไปไหนแล้ว?” เฮ่อเหลียนเช่อหาตั้งนานก็ไม่เจอตัวเหมยเหมยกับพวกเสี่ยวเป่าจึงร้อนใจขึ้นมาในฉับพลัน

……………………………………

ตอนที่ 2500 หนีไปอีกแล้ว

เหมยเหมยและพวกเด็ก ๆที่เดิมทีควรรออยู่ด้านนอกในเวลานี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่หน้าประตูคฤหาสน์กลับทิ้งรอยล้อรถเอาไว้

เหยียนหมิงซุ่นเองก็พะวงเช่นกัน เขาเป็นห่วงว่าเหมยเหมยกับพวกเด็ก ๆออกมาแล้วจะเจอคนชั่วอีก แต่เขารู้สึกว่าคงเป็นไปไม่ได้ โจวเจี๋ยรุ่ยซุ่มดูอยู่บนเนินเขา อีกอย่างคฤหาสน์รอบด้านก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ถ้าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น โจวเจี๋ยรุ่ยต้องรายงานเขาอยู่แล้ว

แต่กระทั่งจนถึงตอนนี้โจวเจี๋ยรุ่ยก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆนั่นแสดงว่าน่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่พวกเหมยเหมยไปไหนกันแล้วนะ?

วิทยุสื่อสารบนปกคอเสื้อของเหยียนหมิงซุ่นดังขึ้นซึ่งก็คือโจวเจี๋ยรุ่ยนั่นเอง “ลูกพี่ ภรรยากับลูกสาวของลูกพี่ถูกใครก็ไม่รู้ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงพาตัวไป ผมอยากเข้าไปขัดขวางไว้แต่ไม่ทัน”

ระยะทางจากเนินเขาไปยังประตูใหญ่ไกลพอสมควร ขาทั้งสองข้างของโจวเจี๋ยรุ่ยจะวิ่งเร็วเท่ารถสี่ล้อได้อย่างไรกัน เขาจึงเข้าไปขัดขวางไว้ไม่ทันนั่นเอง

สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาสังเกตเห็นว่าเหมยเหมยสมัครใจไปกับคน ๆนั้นด้วย ดูท่าทางจะสนิทสนมกันไม่น้อย ในเมื่อเป็นพวกเดียวกันโจวเจี๋ยรุ่ยก็ไม่กล้าเหนี่ยวไกปืนหรอก เขาจึงทำได้แค่มองภรรยาและลูกสาวของลูกพี่หนีไปกับคนอื่น!

จนถึงตอนนี้เขายังดูไม่ออกเลยว่าสรุปคน ๆนั้นเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงกันแน่?

ถ้าเป็นผู้ชายจริง ๆละก็…จุ๊ ๆ…

โจวเจี๋ยรุ่ยส่งสายตาเห็นใจไปให้เหยียนหมิงซุ่น บนศีรษะมีประกายแสงสีเขียวขึ้นมารำไร[1]

แน่นอน อยากใช้ชีวิตอย่างราบรื่นก็ต้องรู้จักปิดตาข้างหนึ่งยอมรับบ้าง ไม่มีอะไรที่รับไม่ได้หรอก!

พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินว่าดูรูปลักษณ์เหมือนชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง เขาก็รู้ในทันทีว่าเป็นเซียวเซ่อจึงนึกโล่งอก เขาเลยวางแผนว่าจะจัดการตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปง้อเหมยเหมย ครั้งนี้เรื่องราวเลยเถิดใหญ่โตไปจริง ๆ ไม่แปลกหรอกที่เหมยเหมยจะโกรธ!

“ตกลงภรรยาของแกไปกับใครกันแน่? ทำไมแกถึงไม่ร้อนใจเลยล่ะ?” เฮ่อเหลียนเช่อถามอย่างไม่สบอารมณ์

“เซียวเซ่อ เธออยู่ลอสแองเจลิส”

เหยียนหมิงซุ่นไม่เหลือบมองเขาเลยสักนิด เวลานี้เหล่าลูกน้องของเขาราดน้ำมันทั่วทั้งคฤหาสน์แล้ว เขาล้วงหยิบไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงจุดไฟที่บุหรี่แล้วดีดใส่เบา ๆ…ในชั่วพริบตาไฟก็ลุกลามไปทั่ว ไม่นานคฤหาสน์ทั้งหลังก็จมอยู่ท่ามกลางกองไฟ…

“แยกย้าย!”

เหยียนหมิงซุ่นพาลูกน้องและคนที่ช่วยออกมาไปจากคฤหาสน์ ด้านหลังมีเพลิงไฟลุกโหมราวกับคบเพลิงมหึมาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

“ส่งพวกเขาไปที่สถานทูต ส่วนพวกนายออกไปจากสหรัฐฯภายในคืนนี้เลย!”

จำนวนคนที่ช่วยออกมาในครั้งนี้มีประมาณ 30 กว่าคนซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเด็กวัยรุ่นหญิงบางส่วน โดยรวมเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับชาวเอเชียและมีบางส่วนที่เป็นคนผิวดำ

“พี่ใหญ่พี่ไม่กลับไปพร้อมพวกเราเหรอ?” เหยียนหมิงต๋ารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว

“ฉันต้องไปตามหาเหมยเหมยกับเล่อเล่อก่อน จะกลับไปคนเดียวได้ไง?” เหยียนหมิงซุ่นจ้องเขาตาเขม็งแวบหนึ่ง ปวดศีรษะตุบ ๆ ถ้าไม่พาเหมยเหมยกับเล่อเล่อกลับไปด้วย สองชราที่บ้านจะปล่อยเขาไปเหรอ?

“ฉันเองก็ต้องไปตามหาลูกชายฉันเหมือนกัน วันหลังก็ปรามภรรยาตัวเองบ้าง ตัวเองจะหนีก็อย่าลากลูกชายฉันไปด้วยสิ” เฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบใจนัก

“แกตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าลูกชายแกสมัครใจไปกับเหมยเหมยของฉันเอง? แกดูแลลูกชายแกให้ดีก่อนเถอะ ไม่มีธุระอะไรก็อย่าตามภรรยากับลูกสาวฉันให้มากนักเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นสบถด่าอย่างไม่สบอารมณ์ เขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดีเลย!

เฮ่อเหลียนเช่อจุกอยู่ในอก ไฟโทสะยังไม่หายไปก็พลันเหลือบไปเห็นโจวเจี๋ยรุ่ยที่พยายามทำตัวไร้ตัวตนอยู่ ฉับพลันเขาก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา ยังไม่ได้สะสางบัญชีกับไอ้สารเลวนี่เลย!

โจวเจี๋ยรุ่ยลอบร้องโอดโอยในใจ บอกแล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อใจคับแคบยิ่งกว่าปลายเข็มเสียอีก ก็แค่แสดงท่าทีไม่ดีด้วยนิดหน่อยไม่ใช่หรือไง แค่นี้ก็ต้องแค้นฝังใจด้วยเหรอ?

“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน!” เหยียนหมิงซุ่นสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารของเฮ่อเหลียนเช่อ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโจวเจี๋ยรุ่ยไปล่วงเกินเขาอย่างไร แต่ก็ต้องปกป้องคนของตัวเองอยู่ดี

“เหอะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อมองโจวเจี๋ยรุ่ยด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง รอเจ้าหมอนี่อยู่ลำพังก่อนค่อยว่ากัน เขาไม่ปล่อยไปแน่!

วันต่อมาข่าวที่คฤหาสน์จอบส์ไฟไหม้ลุกโชนราวกับมีปีกงอกออกมาก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งยุโรป แม้แต่ประธานาธิบดียังตกใจรีบแก้สถานการณ์กดดันนี้ แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับกลุ้มใจเพราะเขาค้นพบว่า——

ภรรยาและลูกสาวของเขาหนีไปอีกแล้ว!

………………………………………….

[1] เป็นการเปรียบว่าจะถูกสวมเขาเพราะอีกฝ่ายมีชู้

ตอนที่ 2497 เนื้อหมักตากแห้ง

“อยากตายมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก…ดื่มซุปนี้เข้าไปก่อน อีกเดี๋ยวฉันจะคว้านเอาเครื่องในออกมา กระเพาะลำไส้โยนทิ้งแล้วก็เอาพริกไทยเสฉวนยัดเข้าไปจนเต็ม เครื่องเทศสิบสามชนิดของฮวาเซี่ยเคยได้ยินไหมล่ะ เป็นของดีที่เอามาทำเนื้อหมักตากแห้งเลยนะ…”

เหมยเหมยเอาน้ำซุปร้อน ๆกรอกใส่ปากจอบส์ลวกปากจนเขาอดกรีดร้องโอดครวญขึ้นมาไม่ได้ หลอดอาหารถูกลวกเป็นแผลพุพองจึงเปล่งเสียงพูดออกมาไม่ได้แล้ว

สิ่งที่ทำให้เขายิ่งหวาดกลัวมากกว่าก็คือคำพูดเหล่านั้นที่เหมยเหมยกล่าว เนื้อหมักตากแห้งนั่นมันอะไรกัน?

หรือว่าเป็นตุ๊กตาขึ้นชื่อของฮวาเซี่ยงั้นเหรอ?

ไม่เอานะ…เขาชอบตุ๊กตาก็จริงแต่ไม่ได้ชอบถูกทำเป็นตุ๊กตาสักหน่อย!

เหมยเหมยตักซุปขึ้นมาอีกช้อนแล้วกรอกใส่ปากต่อไปไม่หยุด “รู้หรือยังว่าอะไรคือเนื้อหมักตากแห้ง? มันคืออาหารขึ้นชื่อของฮวาเซี่ย แกชอบทำตุ๊กตานักไม่ใช่หรือไง งั้นฉันจะทำให้แกเป็นเนื้อหมักตากแห้ง เดี๋ยวพอกรอกเครื่องเทศสิบสามชนิดเข้าไปเสร็จก็หมักเกลืออีกสักสองสามวัน จากนั้นก็เอาไปตากลมตรงคานบ้าน…”

“อ๊าก…ไม่เอานะ…”

จอบส์ที่ถูกซุปร้อน ๆกรอกปากหลายอึกเลยทำให้เสียงแหบพร่าเจ็บปวดทรมาน แต่กลับไม่เท่าความหวาดกลัวในใจของเขา

เขาไม่อยากถูกทำเป็นเนื้อหมักตากแห้งสักหน่อย!

เขาอยากตายอย่างมีเกียรติต่างหากเล่า!

“ถ้าเอาแกทำเป็นเนื้อหมักตากแห้งแล้วมีประโยชน์อย่างไรรู้ไหม? แน่นอนต้องเอาไว้กินอยู่แล้ว…อีกอย่างทั้งตระกูลคาร์ลของแกก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถึงตอนนั้นจับทุกคนมาให้หมดแล้วเอาเนื้อหมักตากแห้งของแกต้มเป็นซุปแจกจ่ายให้เหล่าพี่น้องพวกนั้นของแกกิน…เหมือนอย่างที่ฉันป้องแกในตอนนี้ไงล่ะ!”

ซุปในหม้อมีไม่เยอะแล้ว เหมยเหมยเลยยกหม้อกรอกซุปทั้งหมดใส่ปากจอบส์แต่ยังเหลือชิ้นเนื้ออีกนิดหน่อย เธอคร้านจะทำต่อเลยโยนทิ้งไป

เฮ่อเหลียนเช่อเลิกคิ้วด้วยความสนใจ ความคิดของจ้าวเหมยไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงล่ะ!

คิดไม่ถึงจริง ๆว่าจ้าวเหมยผู้หญิงคนนี้จะมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เบา น่าสนใจกว่าเหยียนหมิงซุ่นหน้าตายนี่เยอะเลย

“เอาตามนี้แหละ แต่ว่าคนในตระกูลคาร์ลมีไม่น้อย ลำพังแค่เขาคนเดียวไม่พอแบ่งหรอก” เฮ่อเหลียนเช่อเดินมาร่วมสนุกด้วย

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขา “ถ้าคนเดียวไม่พอแล้วทำเพิ่มอีกคนไม่เป็นหรือไง โง่ชะมัด ไม่ได้กินข้าวทางปากหรือไง?”

โธ่เว้ย ไอ้สารเลวนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร อย่าคิดว่าเธอไม่รู้นะว่าความคิดที่ให้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้า ๆแบบนี้เป็นของไอ้สารเลวนี่!

เฮ่อเหลียนเช่อยักคิ้ว แววตาแผ่รังสีดุร้ายออกมา บ้า--เอ๊ย วอนหาที่ตายนักใช่ไหม!

แต่ทว่า——

เสี่ยวเป่าดึงทึ้งเส้นผมของเขาอย่างแรง “ห้ามตีคุณน้าเด็ดขาด!”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็โผล่มาขวางหน้าเหมยเหมยแล้วจ้องเขาอย่างเยือกเย็น “บัญชีของฉันกับแกยังไม่ได้สะสางกันเลย กลับไปแกเตรียมตัวรอไว้ได้เลย!”

ถ้าไม่ใช่เพราะกลลวงของเจ้าหมอนี่ เขาจะทำความผิดใหญ่มหันต์เช่นนี้ได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้นเหมยเหมยก็ไม่ต้องมาทะเลาะกับเขา ถึงแม้ตัวเขาเองจะต้องรับผิดชอบมากพอสมควร แต่ตอนนี้เขาต้องหาแพะรับบาปไปก่อน โอ๋ภรรยาให้อารมณ์ดีก่อนถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!

หนังศีรษะของเฮ่อเหลียนเช่อถูกเสี่ยวเป่ากระชากเจ็บไปหมด เขาสูดหายใจเข้าไม่หยุดแต่ก็ตัดใจตีลูกชายไม่ลงเลยทำได้แค่ล้มเลิกที่จะสั่งสอนเหมยเหมยแล้วจ้องเธอด้วยความแค้นใจ

“สมองเธอโดนลาถีบมาแล้วมั้ง นี่ยังต้มซุปให้ไอ้สารเลวนี่กินอีก?” เฮ่อเหลียนเช่อสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ในเวลาครู่เดียวเขามองไม่ออกจริง ๆว่าเนื้อในหม้อซุปนั้นคือเนื้ออะไร

“อยากกินไหมล่ะ? ฉันจะได้เหลือไว้ให้สักหน่อย ไม่ต้องเกรงใจหรอก!”

เหมยเหมยยื่นหม้อซุปไปตรงหน้าเขา รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างจึงชั่งใจยังไม่รับหม้อมา

“ไม่มีพิษหรอกน่า นายวางใจได้ ไม่ต้องกลัว!”

“ใครบอกว่าฉันกลัวกัน…แม้แต่เนื้อคนฉันก็กล้ากิน!” เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่แล้วมือข้างหนึ่งก็ยื่นไปรับหม้อมา

 “พ่อ…นี่มันเนื้อของคนเลว เหม็นจะตาย…” เสี่ยวเป่าเตือนด้วยความหวังดี

เฮ่อเหลียนเช่อมือชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจ้องเนื้อสีขาวในหม้อซุปด้วยท่าทีรังเกียจ ในใจก็เกิดปั่นป่วนขึ้นมา…บ้าเอ้ย…เขาไม่เคยกินเนื้อคนมาก่อนนะ!

จ้าวเหมยผู้หญิงคนนี้โรคจิตกว่าเขาเสียอีก!

………………………………

ตอนที่ 2498 ทบทวนพฤติกรรมของตัวเองไปเถอะ

“ทำไมถึงไม่กล้ากินล่ะ? นายมักบอกว่าตัวเองเคยกินเนื้อคนมาก่อนอยู่บ่อย ๆไม่ใช่เหรอ? หรือกลัวว่าจะจืดเกินไปหรือไง? ไม่เป็นไร…ฉันมีวาซาบิ…”

เหมยเหมยมองเขาด้วยสายตาแดกดัน จากนั้นก็ยื่นวาซาบิที่ใช้แล้วครึ่งหนึ่งไปให้ วันนี้ต้องจัดการเจ้าหมอนี่ให้ตายกันไปเลย!

พอเหยียนหมิงต๋าเห็นเหมยเหมยเป็นเช่นนี้พลันรู้สึกไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ในความทรงจำของเขาแม้แต่บุ้งยังไม่กล้าแตะ แต่ตอนนี้กลับกล้าเฉือนเนื้อคนเป็น ๆออกมาต้มซุปได้อย่างไรกัน?

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ได้รับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไปหรือเปล่า?” เหยียนหมิงต๋าเอ่ยถามเสียงเบา

เหยียนหมิงซุ่นค้นพบความผิดปกติของเหมยเหมยตั้งแต่แรกแล้วแต่เขากลับปวดใจมากกว่า เขาไม่รู้ว่าในหนึ่งชั่วโมงนี้เหมยเหมยผ่านมาได้อย่างไร?

คงตกใจมากสินะ?

ไอ้สารเลวเอ๊ย!

เหยียนหมิงซุ่นโกรธจนสะบัดฝ่ามือฟาดจอบส์แรง ๆโดยใช้กระบวนท่าหักแขนซัดไปทีหนึ่ง ความรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าคลอดลูกเสียอีก  ทำเอาจอบส์เกือบตายดิ้นพล่านทุรนทุรายไปมาด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน!

ชาวตะวันออกพวกนี้…โรคจิตกันทั้งนั้นเลย!

เขาไม่ควรและยิ่งไม่ควรไปหาเรื่องพวกเขาเลย!

“เขาคือเหยื่อของฉัน!”

เหมยเหมยจ้องเหยียนหมิงซุ่นตาเขม็ง ตอนแรกหายไปไหนมาล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นชักมือกลับอย่างว่าง่าย เหมยเหมยในตอนนี้เหมือนภูเขาไฟระเบิดที่ปะทุลาวาออกมา เขาอย่าหาเรื่องเลยจะดีกว่า ให้เหมยเหมยระบายอารมณ์ไปก่อนแล้วกัน!

“ไม่กล้ากินวันหลังก็อย่าขี้โม้…”

เหมยเหมยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นก็เอาหม้อซุปเก็บกลับไป เนื้อที่เหลือทั้งหมดก็จับยัดใส่ปากจอบส์ ด้วยความกลัวว่าเขาจะคายออกมาเลยหยิบเทปกาวมาปิดปากเขาไว้ นอกจากจะกลืนมันลงไปก็ไม่มีทางอื่นแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นเอามือมาปิดตาลูกสาวของตนไว้ เพราะเหตุการณ์รุนแรงเกินไป เด็กไม่ควรเห็น!

“พลั่ก”

เล่อเล่อฟาดมืดเขาด้วยความไม่พอใจไปทีหนึ่ง “หนูจะดูแม่ตีคนไม่ดี”

ทั้งพ่อทั้งพี่ชายน่ารำคาญเหมือนกันเลย มักจะไม่ให้เธอดูเรื่องสนุก ๆอยู่เรื่อย!

ครั้นเหยียนหมิงซุ่นไม่เห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของลูกสาวเลยสักนิด…แต่กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น…

ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเหลือเกิน!

แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับพอใจเป็นอย่างมาก ลูกสะใภ้ในมุมมองของเขาแตกต่างจากคนอื่น ไม่เลวเลย ทั้งกล้าหาญทั้งวิสัยทัศน์กว้างไกล ถึงแม้จะหน้าตาแย่ไปหน่อยแต่เขาไม่ได้ดูที่ภายนอก เขาดูแค่ที่จิตใจ…

ใช้ใจกำราบคน!

เมื่อก่อนเขาดูถูกจ้าวเหมยไป แต่ดูท่าตอนนี้จ้าวเหมยต่างหากที่มีความวิปริตฝังลึกมากที่สุด!

มิน่าถึงคลอดลูกสาวที่เก่งดีเยี่ยมอย่างเล่อเล่อออกมาได้!

“เหมยเหมย…พักก่อนเถอะ…ไอ้สารเลวนี่ส่งให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง พี่ต้องจัดการทำให้มันนึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้เลย!” จ้าวเสวี่ยหลินปวดใจนัก และพลอยรู้สึกไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นยิ่งกว่าเดิม

น้องสาวดี ๆของเขาที่เดิมทีเคยใจดีและอ่อนโยนขนาดนั้น ตอนนี้กลับถูกรังแกจนกลายเป็นอย่างไรไปแล้วล่ะ?

ทั้งหมดเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่น!

“ไม่ต้องหรอก ฉันทำให้เขารู้สึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้แล้ว พี่ นี่เป็นคำให้การของจอบส์ บอสที่อยู่เบื้องหลังของหัตถ์พระเจ้าก็คือตระกูลคาร์ล”

เหมยเหมยหยิบเครื่องอัดเสียงขึ้นมา เธอไม่ได้ให้เหยียนหมิงซุ่นแต่ยื่นให้จ้าวเสวี่ยหลินแทน บาดแผลตรงไหล่ข้างซ้ายของเธอเจ็บแปล๊บขึ้นมา พอจิตใจปล่อยวางความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาทันที

เธอซู้ดปากร้องด้วยความเจ็บปวดและจงใจเพิกเฉยต่อสายตาที่เป็นห่วงของเหยียนหมิงซุ่น ครั้งนี้ต้องจัดการสั่งสอนให้เจ้าหมอนี่หลาบจำ ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าจะทำผิดได้อีก!

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ ตามมานี่!”

เหมยเหมยเรียกเด็กทั้งสองคน เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อรีบพุ่งเข้าไปหาแล้วยืนประกบข้างเหมยเหมยคนละด้าน

“พวกเราไปกัน ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก!”

เหมยเหมยจูงมือเด็กทั้งสองคนแล้วเดินออกไปด้านนอก เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวด้านตามมาด้านหลัง

เฮ่อเหลียนเช่อใจร้อนรุ่มขึ้นมา “เธอจะพาลูกชายฉันไปไหน? จ้าวเหมยเธออย่าได้คืบจะเอาศอกได้ไหม เสี่ยวเป่าเป็นลูกของฉันนะ ไม่ใช่ลูกของเธอสักหน่อย!”

“นายรู้ด้วยเหรอว่าเป็นลูกของตัวเอง ฉันไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆที่ไหนจะใจจืดใจดำอย่างพวกนายมาก่อนเลย คนหนึ่งทำร้ายลูกชาย คนหนึ่งทำร้ายลูกสาว…พวกนายไม่เหมาะจะเป็นพ่อคนหรอก ทบทวนพฤติกรรมของตัวเองไปทั้งสองคนนั่นแหละ!”

เหมยเหมยหมุนตัวหันมาด่าทอด้วยความโกรธ จากนั้นก็ลากเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อไป

……………………………..

ตอนที่ 2495 เนื้อเหม็น

 “อยากตายงั้นเหรอ?  ฉันยังเล่นสนุกไม่หนำใจเลย…แกชอบทรมานเด็กกับผู้หญิงนักไม่ใช่หรือไง? พอตอนนี้มาถึงคราวของตัวเองรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ? เจ็บไหม? สิ้นหวังไหม? อยากตายสมใจแล้วงั้นเหรอ?…”

เหมยเหมยมองเขาอย่างเย็นชา ความเยือกเย็นที่ปล่อยมาจากดวงตาทำให้จอบส์หนาวสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

เขานึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริง ๆ!

ทำไมถึงต้องไปหาเรื่องผู้หญิงโรคจิตคนนี้ด้วยนะ?

เขาเข้าใจแล้ว ผู้หญิงโรคจิตคนนี้ไม่มีทางปล่อยเขาไปเฉกเช่นเดียวกับที่เมื่อก่อนเขาก็ไม่ปล่อยเด็กพวกนั้นไปเหมือนกัน เขาเข้าใจความคิดพิสดารเช่นนี้ที่สุดแล้วล่ะ!

แต่เขาไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นเป้าหมายถูกทารุณของคนโรคจิตหรอกนะ!

เขาแค่อยากทรมานคนอื่นเท่านั้น!

จอบส์ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ครั้งนี้จบเกมแล้วจริง ๆ…ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ชนะจบเห่หรอก…เพราะชีวิตของเขาเองก็จบเห่เหมือนกัน!

เหมยเหมยไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ เหยียนหมิงซุ่นชักช้าไม่มาสักทีเลยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมและไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นด้วย ทุกอย่างเลยแปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดแล้วเอามาระบายที่จอบส์แทน

เธอต้องเปลี่ยนวิธีทรมานคนโรคจิตเพื่อระบายความอัดอั้น!

“หรือว่าเนื้อสด ๆไม่ถูกปากเหรอ? งั้นฉันต้มสุกให้แล้วกัน แกอยากกินแบบตุ๋นน้ำแดงหรือผัดเผ็ดดีล่ะ หรือเอาแบบต้มซุปดี?”

เหมยเหมยค้นเอาเตาแก๊สพกพากับหม้อออกมาจากตู้ ของใช้ที่เจ้าคนโรคจิตนี่เตรียมไว้ครบครันดี แต่ยิ่งเป็นแบบนี้เธอก็ยิ่งโมโห แค่คิดว่าจอบส์เคยใช้ของพวกนี้ทรมานเด็กน้อยที่แสนบริสุทธิ์พวกนั้นเธอก็ยิ่งโกรธสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆจนอดไม่ได้ที่จะจัดการเจ้าคนโรคจิตนี่ให้เละเป็นซอสเนื้อไปเลย!

“พี่ชาย…แม่จะต้มเนื้อเหรอ?” เล่อเล่อเห็นเตากับหม้อผ่านกระจกเลยอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย

สองสามวันมานี้ถึงแม้จะไม่ได้หิวแต่ก็ได้กินแค่ขนมกับเนื้อตากแห้งติดต่อกันหลายวันจนเบื่อแล้ว เธออยากทานกระดูกต้มซุปของคุณย่าทวดมากเลย!

แล้วก็เนื้อตุ๋นน้ำแดง น่องไก่ กระดูกหมู…หิวสุด ๆเลย…

เสี่ยวเป่าเองก็พลอยกลืนน้ำลายไปด้วย เขาเองก็อยากกินเนื้อเหมือนกัน…แต่เนื้อที่คุณน้าเอามาทำกินไม่ได้!

“ต้มเนื้อแหละ….แต่กินไม่ได้!” เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงเบา

“ทำไมถึง…กินเนื้อไม่ได้ล่ะ?” เล่อเล่อไม่เข้าใจ ในโลกนี้มีเนื้อที่กินไม่ได้ด้วยเหรอ?

“เพราะเป็นเนื้อของคนเลว…เหม็นมาก เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่กินเหมือนกัน!” เสี่ยวเป่าคิดหาเหตุผลอยู่นานกว่าจะคิดออก เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างรีบพยักหน้าเพื่อสื่อว่าเจ้านายพูดถูกแล้ว

เมื่อครู่ตอนที่มันกัดเจ้าคนชั่วนั่น เนื้อเหม็นจะตายอยู่แล้ว!

เล่อเล่อถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เนื้อเหม็น ๆไม่อร่อยหรอก กลับบ้านไปกินเนื้อที่คุณย่าทวดกับคุณยายฟางทำดีกว่า!

เหมยเหมยจุดไฟตั้งหม้อเติมน้ำแล้วเอาเนื้อที่เฉือนออกมาก่อนหน้านี้ใส่เข้าไปในหม้อทั้งหมด สักพักก็มีกลิ่นหอมของเนื้อลอยคละคลุ้งในอากาศ จอบส์เบิกตาด้วยท่าทีหวาดกลัวพลางกัดฟันแน่น

ตีให้ตายเขาก็ไม่มีทางดื่มซุปเนื้อนั้นเด็ดขาด!

แต่เรื่องนี้คงเป็นไปตามเขาว่าไม่ได้!

เหมยเหมยหาช้อนมาคันหนึ่งแล้วตักซุปเต็มช้อนเตรียมป้อนจอบส์ ฉับพลันเสวี่ยเอ๋อร์ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา แล้วมองไปทางบันไดทางเข้าด้วยท่าทีตื่นตัว

ตรงทางบันได

“รีบสอนมนต์ลับฉันมาอย่างว่าง่ายดีกว่า มิฉะนั้นฉันจะเอาลูกของแกต้มเป็นเนื้อเปื่อยเลย…”

จอบส์แสยะยิ้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโลภ ไร้ท่าทีที่แสนน่าสงสารเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

“เสี่ยวเป่า รีบพาน้องไปหลบ!”

เหมยเหมยนึกว่าเป็นพวกของจอบส์ ใจจึงหล่นไปที่ตาตุ่ม เธอใช้มีดผ่าตัดจ่อไปที่คอหอยของจอบส์ พูดเสียงเย็นชาว่า “งั้นฉันขอกรีดคอแกก่อนแล้วกัน ดูสิว่ากระสุนแกจะเร็วกว่าหรือมีดของฉันเร็วกว่า!”

“เสี่ยวเป่า…พ่อมาแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ!”

เสียงตะโกนของเฮ่อเหลียนเช่อดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เหมยเหมยพรูลมหายใจ แล้วมองจอบส์ที่มีสีหน้าสิ้นหวังอย่างได้ใจ

……………………………………………

ตอนที่ 2496 ความผิดปกติของเหมยเหมย

พอจอบส์ได้ยินเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อก็รู้ว่าหมดหวังแล้ว ในใจสั่นสะท้านเฮือกแล้วหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

ลูกน้องพวกนั้นของเขาไปตายที่ไหนกันหมดนะ?

ทำไมยังไม่มาช่วยเขาอีก?

เฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นบุกเข้ามาพร้อมกัน เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อที่หลบอยู่ข้างหลังตู้ก็ดีอกดีใจพุ่งตัวเข้าไปหา ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหนแต่พวกเขาก็เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ความแกร่งกล้าก่อนหน้านี้ถูกเค้นออกมาทั้งนั้น พอเห็นหน้าพ่อก็ระบายความอัดอั้นออกมาจนหมด!

“พ่อ…คนเลวตีแม่ เล่อเล่อตีคนเลวแล้ว!”

เล่อเล่อกลิ้งตัวมาที่ปลายเท้าของเหยียนหมิงซุ่นราวกับลูกบอล กอดต้นขาเขาเล่าความดีความชอบพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก

“พ่อคะ…มือเป็นแผลแล้ว…”

เล่อเล่อชี้แผลบนมือให้เหยียนหมิงซุ่นดู ไม่รู้ว่าเป็นแผลตั้งแต่เมื่อไหร่ แผลไม่ใหญ่นักและเลือดแข็งตัวแล้ว  แต่เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วกลับโมโหมาก อีกทั้งพอเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายเหมยเหมยถูกย้อมเป็นสีเลือด เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม

กล้าทำร้ายภรรยากับลูกสาวเขาเหรอ!

จะทำเป็นเนื้อตากแห้งโยนให้หมากินเลยคอยดู!

เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาสำรวจ ครั้นเห็นแค่แผลถลอกส่วนตรงอื่นปกติดีเขาก็ร่าเริงขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็จุ๊บแก้มลูกชายเขาหลายทีพร้อมหัวเราะร่า

ลูกของเขามีความสามารถแถมยังมีบุญมากด้วย เจออันตรายเมื่อใดก็เอาตัวรอดมาได้เสมอ!

“ใครต้มเนื้ออยู่เหรอ? หอมไม่เบาเลย…”

เฮ่อเหลียนเช่อสูดกลิ่นเข้าไป หลายวันที่ผ่านมาอยู่ในคฤหาสน์ได้ทานแต่อาหารฝรั่ง รสชาติแย่จะตาย ตอนนี้เขาแค่อยากซดซุปกระดูกหมูร้อน ๆ แล้วตามด้วยหมูตุ๋นน้ำแดงจานหนึ่ง หรือกระดูกหมูตุ๋นน้ำแดงก็ได้

 “พ่อครับ…คุณน้ากำลังต้มเนื้ออยู่!” เสี่ยวเป่ากระซิบข้างหูเขาเสียงเบา

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นเหมยเหมยยืนอยู่ข้างโต๊ะพร้อมหม้อซุปที่กำลังเดือดปุด ๆแล้ว กลิ่นเนื้อลอยมาจากหม้อนั้น แต่เขากลับนึกแปลกใจขึ้นมา

จ้าวเหมยได้รับกระทบกระเทือนทางใจอะไรหรือเปล่า?

ยังมีกะจิตกะใจทำซุปอีกเหรอ?

แต่จ้าวเหมยสามารถจัดการจอบส์ได้ก็ถือว่าเก่งไม่เบาเลย!

“เหยียนหมิงซุ่น สงสัยภรรยาแกคงสมองมีปัญหารีบเอาตัวกลับไปเช็กสมองที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะ!” เฮ่อเหลียนเช่อจงใจเอ่ยยียวน

“แกต่างหากที่สมองมีปัญหา!”

เหยียนหมิงซุ่นจ้องเขาตาเขม็งแวบหนึ่ง เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เมื่อก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมยเหมยต้องด่าทอตำหนิเขาแล้ว แต่ตอนนี้ผ่านมาสักพักใหญ่แล้วเหมยเหมยกลับไม่ชายตามองเขาเลยสักนิด…

ผิดปกติจังแฮะ!

น่าจะกำลังโกรธเขาอยู่สินะ?

“เหมยเหมย…” เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปหา พอเห็นบาดแผลบนไหล่ข้างซ้ายของเธอก็สติแทบหลุดในทันที จากนั้นก็สำรวจอีกรอบ หลังจากเห็นแผลเพียงจุดเดียวถึงค่อยวางใจ

“พี่ทำแผลให้นะ”

เหยียนหมิงซุ่นฉีกเสื้อตัวในออกมาชิ้นหนึ่งจากนั้นก็เทยาแก้อักเสบทำแผลให้อย่างคล่องมือ เหมยเหมยทำหน้านิ่งตลอดไม่สนใจเขาเลยสักนิด แต่ร่างกายไม่ได้เกร็งแข็งทื่ออีกต่อไปและสงบสติอารมณ์ได้แล้ว

“เหมยเหมย…พี่ไม่ดีเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอกับเล่อเล่อได้” เหยียนหมิงซุ่นไม่เคยเห็นเหมยเหมยเป็นแบบนี้มาก่อน ในใจหวาดกลัวเหลือเกิน เรื่องราวมันเลยเถิดจนอยู่เหนือการควบคุมของเขา เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี

“ไม่จำเป็นต้องให้พี่ออกแรงหรอก ลูกของฉันฉันปกป้องเองได้ พี่ไปจัดการธุระของพี่เถอะ!”

เหมยเหมยเอ่ยแดกดันเขา จากนั้นก็ดับไฟให้มอดแล้วใช้ช้อนใหญ่ตักขึ้นมาอีกครั้งแล้วยื่นจ่อปากจอบส์

ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะมาแล้ว…แต่เธอยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม…

เธออยากเอาคืนอย่างเหี้ยมโหด!

“ไม่เอา…ฆ่าฉันเถอะ…ขอร้องล่ะ…ช่วยฆ่าฉันให้สมใจฉันทีเถอะ!

พอเจอเหยียนหมิงซุ่นเขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมลูกน้องเขาถึงเงียบหายไปกันหมด คนนี้เป็นบุคคลอันตรายอันดับที่สองของประเทศตะวันออก ที่แท้ก็เป็นสามีของหญิงงามตะวันออกคนนี้นี่เอง ส่วนผู้ชายอีกคนก็คืออดีตผู้ก่อการร้ายคุณชายเช่อผู้เลื่องชื่อ อีกอย่างอยู่ในอันดับหนึ่งเสียด้วย

เพราะเฮ่อเหลียนเช่อโรคจิตกว่าเหยียนหมิงซุ่น…

แถมยังฆ่าคนมากกว่าด้วย!

ทำไมเขาถึงหาเรื่องกลุ่มบุคคลอันตรายเหล่านี้ได้นะ?

พระเจ้าหายไปไหนแล้ว?

………………………..

ตอนที่ 2493 สังหารหมู่

เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่นอกคฤหาสน์ใจดิ่งวูบ เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกสังหรณ์ใจว่าอันตรายจะมาเยือน ทว่ากลับเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“โธ่โว้ย…ทำไมเวลาถึงผ่านไปช้าแบบนี้นะ!”

จ้าวเสวี่ยหลินยืนอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เขาเดินวนไปวนมาบนเนินเขาไม่หยุด เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าถ้าช่วยเหมยเหมยกับหลานสาวออกมาได้ เขาต้องโน้มน้าวเหมยเหมยให้พิจารณาเจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่นใหม่แล้ว

ดูท่าตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นจะไม่ใช่คู่ครองที่ดีนัก!

เขาไม่เอาเรื่องความเป็นความตายของลูกสาวกับภรรยามาใส่ใจเลยสักนิด!

ตอนแรกเขาไม่น่าให้เหมยเหมยแต่งงานกับเจ้าหมอนี่เลย!

เช่นเดียวกับโจวเจี๋ยรุ่ยที่สติหลุดกระเจิงไปแล้ว หลังจากรู้ว่าเจ้าโง่นั่นคือเฮ่อเหลียนเช่อผู้น่าเกรงขามอันเลื่องชื่อ ท่าทีของเขาก็ยังคงตกตะลึงไม่เปลี่ยนพร้อมใจที่เต้นมาถึงคอหอย

ถ้าไม่ใช่ว่าขัดขืนคำบัญชาการไม่ได้ ป่านนี้โจวเจี๋ยรุ่ยคงหนีหายตัวไปแล้ว!

จู่ ๆท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ก็มีพลุจุดขึ้นมา ถึงแม้จะหายไปอย่างรวดเร็วแต่กลับทำให้เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ เขายกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้ห่างจากเวลาเที่ยงคืนอีกตั้งเกือบหนึ่งชั่วโมง

แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับส่งสัญญานมาแล้ว นั่นแสดงว่าในคฤหาสน์ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน!

“โจวเจี๋ยลุ่ยตัดสายอินฟราเรดกล้องวงจรปิด เตรียมปฏิบัติการ!”

เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งเสียงหนักแน่น ทุกคนต่างรีบเตรียมอาวุธอย่างรวดเร็วเพื่อรอรับคำสั่ง โจวเจี๋ยรุ่ยที่หวาดกลัวตัวสั่นเทิ้มกดเอ็นเทอร์อย่างรวดเร็ว แล้วหันไปพยักหน้าให้เหยียนหมิงซุ่น

“ลงมือได้!”

เหยียนหมิงซุ่นโบกมือให้สัญญาณ จ้าวเสวี่ยหลินกับเหยียนหมิงต๋าพุ่งไปด้านหน้านานแล้ว คนอื่น ๆตามติดมาด้านหลังและมาถึงด้านหลังคฤหาสน์ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะสายอินฟราเรดกล้องวงจรปิดถูกโจวเจี๋ยรุ่ยตัดขาดแล้ว พวกเขาจึงบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ตามไปสมทบกับเฮ่อเหลียนเช่อ

“จอบส์ชิงพาตัวพวกเสี่ยวเป๋าไปก่อนแล้ว บ้าเอ๊ย ฉันจะจับไอ้สารเลวนั่นมาทำเนื้อตากแห้งให้หมากิน!”

เฮ่อเหลียนเช่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปเขาต้องถล่มที่นี่จนเละแน่ จากนั้นค่อยไปจัดการพวกคนในตระกูลคาร์ลไม่ให้เหลือสักคน

 “จัดการเศษเดนพวกนี้ซะ แล้วจับเป็นมาด้วย!

เหยียนหมิงซุ่นร้อนใจมาก แต่เขารู้ว่ายิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งควรสงบสติอารมณ์ เขาเชื่อมั่นในตัวฉิวฉิวและเชื่อมั่นในตัวเล่อเล่อ…พวกเขาคงไม่นั่งรอความตายแน่นอน

ต้องพอจะถ่วงเวลาได้อีกหน่อยแน่!

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็พอจะรู้เหตุผลที่แฝงอยู่ พอได้รับความช่วยเหลือจากพวกเหยียนหมิงซุ่น อีกทั้งเป็นการบุกจู่โจมในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ พวกบอดี้การ์ดของคฤหาสน์จึงยังคงหลับฝันหวานเลยถูกรวบตัวมาจนหมด ส่วนพวกเฝ้าเวรที่เหลือก็เกือบถูกรวบตัวมาหมดแล้วเช่นกัน

พวกบอร์ดี้การ์ดที่ถูกจับเป็นมีประมาณสี่สิบห้าสิบคน อาวุธครบมือ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเหยียนหมิงซุ่นชิงลงมือก่อนคงจะหลีกเลี่ยงการปะทะอันดุเดือดไม่ได้ ทางฝั่งเขาเองก็คงมีคนตายเช่นกัน

“ฆ่าทิ้งให้หมด!”

เฮ่อเหลียนเช่อหมดซึ่งความอดทนคว้าปืน AK47 ยิงกราดใส่คนพวกนี้ ไม่นานก็ยิงพวกนี้จนตัวพรุน เลือดนองเต็มพื้น!

เหยียนหมิงต๋าตวาดใส่ด้วยความโมโหว่า “ฆ่าหมดแบบนี้แล้วจะไปหาเบาะแสจากไหน?”

“ฉันฉลาดกว่านายแล้วกัน คนพวกนี้ไม่รู้สถานการณ์ในคฤหาสน์เลยด้วยซ้ำ ถามไปก็ไร้ประโยชน์เปล่า ๆ แล้วจะเก็บคนพวกนี้ไว้ทำไม!”

เฮ่อเหลียนเช่อทิ้งปืนที่ใช้กระสุนหมดแล้วลงแล้วพ่นน้ำลายใส่เหยียนหมิงต๋าเต็มหน้า

“บ้าเอ๊ย มีคุณชายเช่อคอยจัดการอยู่ ยังต้องให้คนโง่อย่างเหยียนหมิงต๋ามาถามด้วยเหรอ?

เหยียนหมิงต๋าอยากตะคอกกลับแต่กลับถูกเหยียนหมองซุ่นเตะเข้าทีหนึ่ง “บุกเข้าไปจับคนในบ้าน!”

“ฉันไปด้วย!”

จ้าวเสวี่ยหลินตามเข้าไปในบ้านด้วย ด้านนอกจึงเหลือเพียงเฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงต๋า

รวมถึงโจวเจี๋ยรุ่ยที่อยู่บนเนินเขา เขามองเห็นการสังหารหมู่ของเฮ่อเหลียนเช่อเมื่อครู่ผ่านกล้องส่องทางไกลชัดเต็มสองตา…

ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ…แม่เจ้า…ตอนนี้เขายังหนีเอาตัวรอดทันไหมนะ?

เฮ่อเหลียนเช่อเช็ดเลือดบนหน้าแล้ววิ่งตามไป เห็นคนก็ยิงใส่ทำเหมือนฆ่านกตัวเล็ก ๆโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆทั้งสิ้น

“คนพวกนี้ไม่รู้หรอก ต้องไปหาป้าคนดำ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ความลับของจอบส์!”

……………………………………………..

ตอนที่ 2494 ทรมานคนช่างมีความสุขจริงๆ

หลายวันมานี้เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้อยู่ว่าง ๆ เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆในคฤหาสน์ตั้งแต่แรกแล้ว เขารู้ว่าใครเป็นคนที่จอบส์เชื่อใจมากที่สุดซึ่งก็คือป้าคนดำ ตอนที่จอบส์ไม่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าคนดำจะเป็นคนดูแลคฤหาสน์ ทุกอย่างต้องทำตามหล่อนว่าเท่านั้น

“พี่…ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาหรอกมั้ง ไม่งั้นคงรับผิดชอบให้พวกรัฐบาลที่นี่ไม่ไหวแน่!” เหยียนหมิงต๋าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

ในเมื่อกำลังอยู่ในถิ่นอเมริกานะ!

เวลาชั่วพริบตาเดียวฆ่าคนนับร้อย รัฐบาลอเมริกาจะยอมหรือ?

ไม่แน่แม้แต่หน่วยรบป้องกันประเทศและหน่วยงานทหารคงตกใจ พี่ชายเขาโผล่มาอย่างลึกลับ ถึงตอนนั้นจะรอดได้อย่างไร?

ถ้าไม่ระวังตัวมีความเป็นไปได้มากว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศได้

“ต้องรับผิดชอบบ้าบออะไรอีก…กล้าลักพาตัวลูกชายฉันไป แม้แต่ผู้นำประเทศฉันยังกล้าฆ่าทิ้งเลย! เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่ บนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดชวนให้คนต่างรู้สึกสะอิดสะเอียน

เหยียนหมิงต๋าโมโหแทบแย่พลันสบถด่า “แกแค่สะบัดก้นก็ไป พอถึงเวลานั้นพี่ชายฉันก็ต้องมาตามเช็ดตามล้างให้!”

เฮ่อเหลียนเช่อเป็นแค่คนที่ลาออกบวชแล้วคนหนึ่งจะมาเทียบกับสถานะของพี่ใหญ่ได้เหรอ?

“ชิ…”

เฮ่อเหลียนเช่อชูนิ้วก้อยใส่เหยียนหมิงต๋าด้วยสีหน้าดูแคลน ปืนในมือเหนียวไกปืนไม่หยุด เห็นใครก็ยิงทิ้ง ในเวลาไม่ถึงห้านาที ในบ้านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและมีศพกองอยู่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น

ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีสถานะทางการเมือง ฆ่าให้หนำใจไปเลย ทำให้เหยียนหมิงซุ่นหนักใจตายไปเลย!

ฮ่า ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อฆ่าด้วยอารมณ์ฮึกเหิมเหี้ยมโหด มือข้างหนึ่งถือปืน AK47 ไว้ ส่วนใหญ่คนในคฤหาสน์ตายเพราะปืนในมือของเขา

ตั้งแต่บุกเข้าคฤหาสน์จนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาแค่สิบห้านาทีเท่านั้น…การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงแล้ว มีเพียงป้าคนดำคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต

“ว่ามา…จอบส์พาตัวพวกนั้นไปไว้ที่ไหน?”

เฮ่อเหลียนเช่อเลือดอาบทั้งร่างกายพร้อมแผ่กลิ่นอายนรกออกมา แถมยังมีศพกองหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ความอดทนในใจของป้าคนดำถูกถล่มย่อยยับ ชาวตะวันออกพวกนี้โรคจิตกว่าเจ้านายอีก!

ป้าคนดำสารภาพเรื่องในห้องใต้ดินตามจริง “ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงคุณผู้ชายพาตัวไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง…”

“ถ้าไม่รู้ก็ไปตายซะ!”

พอเฮ่อเหลียนเช่อได้ยินว่าเอาตัวไปได้หนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตกใจวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขาเลยยิงศีรษะของป้าคนดำแล้ววิ่งพุ่งไปทางห้องใต้ดิน

หนึ่งชั่วโมงเหรอ…หวังว่าจอบส์จะจัดการเหมยเหมยก่อน แบบนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้เขาก็น่าจะไม่เป็นไร!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็วิ่งไปโดยเร็ว…เขาใจร้อนยิ่งกว่า ภรรยากับลูกสาวกำลังอยู่ด้านในนั้นนะ!

“หมิงต๋าพาเพื่อน ๆทำความสะอาดข้างนอกให้เรียบร้อย!” เหยียนหมิงซุ่นหันกลับมาบอก

“ทำความสะอาดอย่างไรล่ะ?” เหยียนหมิงต๋าพูดอย่างไม่สบอารมณ์

บ้าเอ๊ย ตอนฆ่าคนเล่นซะสนุกสนาน แต่ตอนนี้คนที่ต้องมาตามเช็ดตามล้างกลับเป็นเขา!

“นายโง่หรือไง…สาดน้ำมันแล้วเผาไปเลย…” จ้าวเสวี่ยหลินถลึงตาใส่อย่างดูถูก

ไอ้สารเลวพวกนี้ต่างก็ช่วยจอบส์ทำความเลวกันทั้งนั้น ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว หรือจะต้องตั้งศพให้พวกเขาด้วยงั้นเหรอ?

เผาให้มอดไหม้ไปเลย!

ณ ห้องใต้ดิน

จอบส์ถูกเหมยเหมยทรมานจนใกล้ขาดใจเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะยาวิเศษพยุงลมหายใจเขาไว้ เขาคงไปเจอยมบาลนานแล้ว!

“เนื้อติดกระดูกไม่ถูกปากแกหรือไง?…ไม่เป็นไรพวกเราค่อย ๆเป็นค่อย ๆไป ตอนนี้ป้อนเนื้อตรงสะโพกก่อนแล้วกัน เลือกอันที่นิ่มที่สุดให้เลย!”

ดวงตาของเหมยเหมยแดงเป็นสีเลือด ในขณะที่เขาทรมานจอบส์อย่างเลือดเย็นนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ดีมากเหลือเกิน…

ที่แท้…การเอาคืนถึงจะเป็นวิธีที่ระบายความแค้นใจได้ดีที่สุด!

เธอตัดกางเกงของจอบส์อย่างคล่องมือ จากนั้นก็เฉือนเนื้อส่วนต้นขามาชิ้นหนึ่งยัดเข้าไปในปากของจอบส์

“ไม่เอา…ฆ่าฉันให้ตายไปเลยเถอะ…ขอร้องสนองความสุขให้ฉันทีเถอะ…”

จอบส์ดิ้นพล่านอย่างไร้เรี่ยวแรง เนื้อสด ๆถูกเขาคายออกมาจนหมดแต่เผ็ดจนน้ำตาไหล เหมยเหมยจึงกรอกเลือดสด ๆของเขาใส่ปากไปอีกอึกใหญ่ สะอิดสะเอียดจนเขาอยากสำรอกออกมาเต็มทน

…………………………………

ตอนที่ 2491 ดื่มเครื่องดื่มหน่อยสิ

เหมยเหมยพรูลมหายใจ เธอยกแก้วน้ำให้จอบส์ดูแล้วพูดพลางหัวเราะว่า “อะ…นี่เลือดของแก…แกจะลองลิ้มรสดูหน่อยไหมล่ะ?”

จอบส์แทบดวงตาถลนออกมาด้วยความหวาดกลัวแล้วมองเลือดในแก้วที่ค่อย ๆเพิ่มขึ้นทีละนิด อีกทั้งสติของเขาที่ค่อย ๆเลือนหายไป…ความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาในใจของเขา…

“ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะ…”

จอบส์ดิ้นพล่านไม่หยุดแต่มือเท้าถูกเข็ดขัดมัดไว้ราวกับแพะน้อยที่กำลังรอรับโทษซึ่งเปล่าประโยชน์

เหมยเหมยมองด้วยสายตาเยือกเย็น ใจแข็งไม่อ่อนข้อให้

เจ้าคนโรคจิตนี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโต๊ะตัวนี้เคยมัดเด็กน้อยมามากมายเท่าไร…มีใครสงสารเด็กพวกนี้บ้างไหม?

อีกอย่างเจ้าคนโรคจิตนี่คิดจะทำร้ายเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อด้วย…ต่อให้กรีดเลือดกรีดเนื้อนับพันนับหมื่นครั้งจนตายก็ไม่เพียงพอกับความโกรธแค้นของเธอเลย!

การเอาเลือดออกจากตัวก็แค่ออเดิร์ฟเท่านั้นแหละ!

“ไม่อยากตายงั้นเหรอ? งั้นแกก็ตอบคำถามฉันมาตามสัตย์จริง…ถ้าฉันพอใจ บางทีอาจจะพิจารณาปล่อยแกไปก็ได้!”

จอบส์พยักหน้าอย่างแรง เขาไม่อยากตายเลยสักนิด เขายังดื่มด่ำกับชีวิตไม่พอเลย!

“กลุ่มหัตถ์พระเจ้าใครเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา?” เหมยเหมยล้วงหยิบเครื่องอัดเสียงออกมาจากช่องมิติ

จอบส์มีท่าทีลังเลใจ นี่เป็นความลับยิ่งใหญ่ของตระกูลเขาจึงบอกไม่ได้ มิเช่นนั้นทั้งตระกูลคงจบเห่กันพอดี

“ไม่บอกใช่ไหม?”

เหมยเหมยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น เธอสวมถุงมือแล้วหยิบมีดผ่าตัดบนโต๊ะขึ้นมากรีดลงบนแผงอกของจอบส์เฉือนเนื้อชิ้นเล็กออกมา จากนั้นเลือดก็ไหลซึมหยดออกมา หลังจากเลือดหมดก็ซีดขาวลงในทันที…

“ลองชิมเนื้อของแกดูสิว่าอร่อยไหม…อยากเพิ่มน้ำจิ้มหน่อยไหมล่ะ?”

เหมยเหมยหยิบวาซาบิแล้วบีบลงบนเนื้อชิ้นนั้นไม่น้อย จากนั้นเธอก็ยัดเข้าปากจอบส์ที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“ไม่นะ…”

จอบส์ทุกข์ทรมานเหลือเกินเพราะเขากินเผ็ดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเนื้อของตัวเองอีกด้วย เขามองเหมยเหมยที่หน้าตาสะสวยตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวพลันเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

หญิงงามตะวันออกผู้นี้โรคจิตกว่าเขาเสียอีก!

ครั้งนี้เขาเสียเปรียบแล้ว ต่อให้นึกเสียใจก็ไม่ทันแล้ว…

“เผ็ดมาก…น้ำ…ขอน้ำให้ฉันหน่อย…”

จอบส์คายเนื้อตัวเองออกมาแต่วาซาบิยังเหลืออยู่ในปาก เขาเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหล ร่างกายปวดแสบปวดร้อนจึงบิดตัวไปมาไม่หยุดทำให้เลือดไหลเร็วขึ้น เลือดที่อยู่ในแก้วก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

“เผ็ดเหรอ…ดื่มเครื่องดื่มสักหน่อยสิ…”

เหมยเหมยหยิบหลอดฉีดยาออกมาอันหนึ่งเล็งไปที่ปากของเขาแล้วพ่นเลือดเข้าไป กลิ่นคาวหวานเลือดคละคลุ้งเต็มปาก จอบส์สะบัดหน้าไปมาไม่หยุด…เขาชอบการดื่มเลือด แต่เขาไม่ได้อยากดื่มเลือดของตนเองเลยสักนิด!

“แกบอกว่าเลือดสด ๆเป็นเครื่องดื่มรสเยี่ยมถูกปากแกที่สุดบนโลกใบนี้ไม่ใช่เหรอ มาสิ…ดื่มเข้าไปมาก ๆหน่อยแล้วกัน…ไม่งั้นอีกเดี๋ยวมันจะไม่สดเอานะ!” เหมยเหมยยิ้มหวานหยดย้อย ทั้ง ๆที่รอยยิ้มไม่มีพิษมีภัยอะไรแต่กลับทำให้จอบส์รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่เอา…ฉันจะบอกแกแล้ว…หัตถ์พระเจ้าก่อตั้งโดยตระกูลคาร์ลของพวกเราเอง”

จอบส์อดสารภาพออกไปไม่ได้ เขาไม่อยากดื่มเลือดของตัวเองเลยสักนิด…แล้วก็ไม่อยากกินเนื้อตัวเองด้วย…

“กลุ่มนักฆ่าก็ก่อตั้งโดยตระกูลคาร์ลของพวกแกเหมือนกันเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ใช่…”

ความอดทนถึงขีดสุดแล้ว จอบส์จะไม่ยอมตายเพื่อปกป้องความลับอีกต่อไปด้วยอารมณ์ดิ่งวูบ

“นอกจากฆ่าคน ลักพาตัว ขายอวัยวะมนุษย์แล้ว…ตระกูลคาร์ลของพวกแกยังทำเรื่องไร้ศีลธรรมอะไรอีก?”

“ขายสิ่งเสพติดกับอาวุธ…อันไหนได้เงินก็ทำหมดแหละ!”

เมื่อห้าสิบปีก่อนตระกูลคาร์ลเกือบล้มละลายในวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้นำตระกูลในช่วงเวลานั้นตัดสินใจเสี่ยงก่อตั้งองค์กรนักฆ่าขึ้นมา แล้วยังทำสถานบันเทิงอาบ อบ นวดขึ้นมาด้วยถึงทำให้ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ จนกระทั่งกิจการไปได้ดีขึ้นเรื่อย ๆและกลายเป็นบริษัทใหญ่ที่สำคัญในยุโรปชั่วพริบตา

ดังนั้น…ทั้ง ๆที่รู้ว่าทำเรื่องแบบนี้ต้องถูกจับได้ในไม่ช้าก็เร็ว แต่พวกเขาก็ยังคงตัดใจล้มเลิกไม่ได้สักที!

ทำกิจการปกติทั่วไปจะได้เงินเร็วเท่าธุรกิจพวกนี้เหรอ!

……………………………………………

ตอนที่ 2492 กุมชีวิตแกไว้อยู่

เหมยเหมยถามพวกข้อมูลเกี่ยวกับหัตถ์พระเจ้าต่อ จอบส์สารภาพตามความจริงทั้งหมด เธอเก็บเครื่องอัดเสียงกลับไปแล้วมองจอบส์ด้วยสายตาเย็นชา

“ฉันก็บอกแกไปหมดแล้วไง…แกปล่อยฉันไปเถอะนะ?” จอบส์วิงวอนอย่างขมขื่น

“เด็กพวกนี้หาเรื่องแกเหรอ? ลูกฉันไปหาเรื่องแกหรือไง? พวกผู้หญิงที่ถูกแกลักพาตัวเอาไปขายในที่สกปรกแบบนั้นหาเรื่องแกหรือไง…แกมีสิทธิ์อะไรจะให้ฉันปล่อยตัวแกไป!”

เหมยเหมยตวาดถามเสียงดังลั่น ทุกครั้งที่ถามก็จะเฉือนเนื้อบนร่างกายเขาออกมาหนึ่งชิ้น จอบส์ถูกทรมานอย่างน่าเวทนา แต่เพราะไม่ได้สาหัสถึงชีวิตเลยยังไม่ขาดใจตาย

ทุกอย่างฉายชัดผ่านกระจก เสี่ยวเป่ายื่นมือไปปิดตาเล่อเล่อ เด็กผู้หญิงไม่ควรเห็นฉากสยองเลือดสาดเช่นนี้ น้องสาวต้องฝันร้ายแน่ ๆ!

แต่ทว่า——

เล่อเล่อที่กำลังดูอย่างออกรสออกชาติปัดมือของเสี่ยวเป่าออกอย่างไม่พอใจ แถมยังจ้องเขาตาเขม็งแล้วแย่งกระจกมาชมการแสดงของแม่ตนเองต่อไป

แม่ในตอนนี้ดูน่าเกรงขามสุด ๆไปเลย!

เสี่ยวเป่ามองรอยแดงบนมือด้วยใจที่หนักอึ้ง น้องสาว…เธอกับน้องสาวในจินตนาการของเขา…ช่างแตกต่างกันมากจริง ๆ!

แต่เขา…ยังคงจะปกป้องดูแลน้องสาวอยู่ดี!

เหมยเหมยดึงสายยางออก ในแก้วมีเลือดอยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าทำเช่นนี้ต่อไปเจ้าคนโรคจิตนี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ เธอยังทรมานไม่หนำใจเลยนะ!

“อย่ามาทำเป็นแกล้งตาย!”

เหมยเหมยกรีดเนื้อจอบส์ที่ใกล้จะหมดสติอย่างเหี้ยมโหด จอบส์ตัวสั่นสะท้านเฮือก ตาปรือ เขาเสียเลือดไปมากพอสมควร ความเจ็บปวดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความด้านชาไปแล้ว

เขาได้กลิ่นเทพแห่งความตายลอยมาแล้ว!

ครั้งนี้…เขาเกรงว่าคงรอดยากแล้วจริง ๆ!

เหมยเหมยแทงเข้าไปอีกครั้งแต่เลือดออกมาไม่มากนัก จอบส์ยังไม่ได้สติเท่าไร เธอนึกอะไรบางอย่างออกในฉับพลัน เหมยเหมยหยิบยาห้ามเลือดกับยาวิเศษออกมาแล้วยัดเข้าไปทั้งหมด

เลือดหยุดในเวลาอันรวดเร็ว…ยาวิเศษทำให้จอบส์ได้สติขึ้นมาบ้าง นัยน์ตาของเขาฉายแววความโลภขึ้นมาอย่างอดไม่ได้  ของล้ำค่าทางตะวันออกมีมากจริง ๆ…

ถ้ารู้แต่แรกว่าหญิงงามตะวันออกจะมีมนต์ลับมากมายขนาดนี้ เขาคงไม่ประมาทเช่นนี้หรอก!

เวลานี้ความมืดค่อย ๆคืบคลานเข้ามา เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ

พวกเหยียนหมิงซุ่นยังคงอยู่บนเนินเขาหลังคฤหาสน์ จ้าวเสวี่ยหลินนั่งไม่ติด มีหลายครั้งที่เขาอยากบุกเข้าไปก่อนแต่กลับถูกเหยียนหมิงต๋าห้ามไว้

“ทำไมถึงบุกเข้าไปไม่ได้? หากชักช้าหนึ่งวินาทีเหมยเหมยกับเล่อเล่อก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ เหยียนหมิงซุ่นตกลงนายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”  จ้าวเสวีายหลินคำรามด้วยความโมโห

เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีเคร่งขรึม ในปากมีฟองน้ำลายเต็มไปหมด เขาใจร้อนยิ่งกว่าใครแต่เขาจะบุ่มบ่ามไม่ได้

เขานัดเฮ่อเหลียนเช่อไว้ตอนเที่ยงคืน เฮ่อเหลียนเช่อจะคิดหาวิธีส่งสัญญาณออกมา เขาเชื่อมั่นว่าเฮ่อเหลียนเช่อคงไม่เอาชีวิตของลูกชายมาล้อเล่นแน่นอน ดังนั้น…เขาต้องทำตามเวลาที่นัดไว้

หากเป็นไปตามที่บิลว่าตอนนี้พวกเหมยเหมยคงอยู่ในขั้นล้างลำไส้ จอบส์คงไม่ลงมือเร็วขนาดนั้นหรอก!

แต่ทำไมเขามักรู้สึกไม่สบายใจอยู่เรื่อยราวกับพายุใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว…

เฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ในคฤหาสน์ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ สองสามวันมานี้เขาสืบเรื่องทุกอย่างในคฤหาสน์จนกระจ่าง วางแผนไว้ว่าคืนนี้จะจัดการทำลายจุดที่มีอาวุธกำลังมากทิ้งก่อน แบบนี้เหยียนหมิงซุ่นก็จะเข้ามาได้อย่างราบรื่นแล้ว

แต่ว่า——

เฮ่อเหลียนเช่อคาดไม่ถึงว่าจอบส์จะชิงลงมือก่อนเวลา เขาได้รับสัญญาณเตือนจากหนูที่ถูกเสี่ยวเป่าพาไปห้องใต้ดินด้วยมารายงาน เขาไม่มีเวลาเขียนจดหมายเพราะเวลากระชั้นชิดมากเกินไป เพียงแค่เอากิ่งไม้หักหนึ่งก้านให้หนูเอามาให้เฮ่อเหลียนเช่อเท่านั้น

“ไอ้สารเลว…กล้าลงมือก่อนเวลางั้นเหรอ…โธ่เว้ย!”

เฮ่อเหลียนชิงมองแวบเดียวก็เข้าใจในทันที ใจก็ร้อนรุ่มดั่งไฟ ลูกชายเขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้นะ เขาต้องชิงลงมือก่อนเมือนกัน

…………………………..

ตอนที่ 2489 ให้แกลองลิ้มรสชาติการเป็นตุ๊กตาบ้าง

เสียงปืนไม่ได้ดังขึ้นตามคาดแต่กลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนของจอบส์แทน เหมยเหมยรีบหันกลับไปมองพบว่าจอบส์กำลังดีดดิ้นเหมือนเป็นโรคลมชักด้วยความดีใจ อีกฝ่ายตัวกระตุกไม่หยุด สองมือเกาไปตามร่างกายทำให้ปืนร่วงตกพื้นไป

“ยาออกฤทธิ์แล้ว!”

เหมยเหมยยิ้มร่าในใจและนึกขอบคุณที่ฟ้ามีตา เมื่อครู่ยาที่เธอสาดไปคือยาผงคันเลยทำให้เจ้าโรคจิตนี่โดนดีเข้าแล้ว!

โอกาสหายากจะพลาดไม่ได้ เหมยเหมยเกี่ยวเอาปืนบนพื้นมาก่อนแล้วเล็งไปที่จอบส์หลายที แม้เจ้าหมอนี่จะหลบทันหลายนัดแต่ก็โดนยิงในที่สุด เพียงแต่ไม่ใช่จุดสำคัญ

“กรรซ์…”

แสงสีขาววาบผ่านตาซึ่งก็คือเสวี่ยเอ๋อร์ที่หายหน้าไปนานนั่นเอง มันมองเจ้านายตัวเล็กทั้งสองอย่างห่วงใยแล้วดมกลิ่นตามตัวพวกเขา หลังจากไม่ได้กลิ่นคาวเลือดถึงค่อยวางใจ

เสวี่ยเอ๋อร์ถลึงตาใส่ฉิวฉิวที่ตามติด ๆอยู่ด้านหลังอย่างอดไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเจ้ากระรอกนี่รั้งไว้มันคงมาช่วยเจ้านายตัวเล็กได้ตั้งนานแล้ว!

ฉิวฉิวสะบัดหางไปมาอย่างสุขใจ คุณชายฉิวอย่างเขารู้ขอบเขตหรอกน่า หากถึงช่วงคับขันจริง ๆย่อมออกหน้าช่วยอยู่แล้ว!

เจ้าหมาป่าเผือกตัวน้อยนี่ภักดีจริง ติดแค่โง่ไปหน่อย!

เสวี่ยเอ๋อร์แยกเขี้ยวโถมเข้าใส่จอบส์แล้วเล็งกัดที่คอของเขา เหมยเหมยตะโกน “เสวี่ยเอ๋อร์อย่ากัดมันจนตาย!”

เธอยังมีคำถามจะถามเจ้าโรคจิตนี่ อีกอย่าง…

เธอจะต้องเอาคืนด้วย!

มีฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์อยู่เหมยเหมยก็เห็นจุดจบแล้ว!

ฟันคมของเสวี่ยเอ๋อร์เพิ่งสัมผัสผิวของจอบส์ แต่พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยมันจึงเงยหน้าขึ้นแยกเขี้ยวใส่จอบส์ที่ตื่นตระหนกอย่างเย็นชาก่อนจะกัดลงไปทีเดียว

“อ๊าก…”

จอบส์ร้องลั่น จุดที่เสวี่ยเอ๋อร์กัดคือไหล่ของจอบส์ แรงกัดของฟันหมาป่าไม่เบาเลยทีเดียว ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่แทะกระดูกเล่นตั้งแต่เล็ก ฟันคมของมันทะลุกระดูกสะบักไหล่ข้างซ้ายของจอบส์ทันที

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งเพราะกระดูกสะบักไหล่ขวาก็ถูกกัดจนเละเช่นกัน ทั้งเนื้อทั้งตัวของจอบส์อาบไปด้วยเลือด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสชาติการมาเยือนของความตาย

อีกอย่างเขาพบว่า–

เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ใช่สุนัข…แต่เป็นหมาป่าตัวหนึ่ง!

สุนัขไม่มีแรงกัดมหาศาลขนาดนี้!

“พวกเธอเป็นใครกันแน่?” ถึงเวลานี้จอบส์ถึงเพิ่งเข้าใจสถานะพิเศษของพวกเหมยเหมย

คนธรรมดาจะเลี้ยงหมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยงได้อย่างไร?

“อย่าคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงพวกขี้โรคตะวันออก ประเทศนั้นมีคนพลังเหนือธรรมชาติมากมาย…” คำพูดของพระสงฆ์วนเวียนอยู่ข้างหูจอบส์ตลอด

นี่เป็นถ้อยคำที่พระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นเคยเตือนเขาเอาไว้ว่าอย่าไปแหยมกับชาวตะวันออก โดยเฉพาะฮวาเซี่ยแห่งอารยธรรมเก่าแก่ที่แสนลึกลับ

จอบส์นึกเสียใจภายหลัง…

เขาไม่อยากตายเลยสักนิด เขายังไม่ทันได้สืบทอดกิจการตระกูลเลย!

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านมาจากสองขาอีกครั้ง จอบส์รู้สึกหน้ามืดเป็นพัก ๆ เสวี่ยเอ๋อร์กัดข้อเท้าเขาจนขาดทำให้ยืนทรงตัวไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงนั่งเฉย ๆ

“ไม่…ปล่อยฉันไป…ฉันมีเงินเยอะมาก…ขอแค่เธอปล่อยฉันไปเงินพวกนี้ก็เป็นของเธอทั้งหมด…”

จอบส์มองเหมยเหมยที่เดินเข้ามาทีละก้าวด้วยความหวาดกลัวแล้วส่งเสียงอ้อนวอนไม่หยุด

เหมยเหมยมองเขาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะฟาดแส้ใส่ “เงินมากแค่ไหนก็ซื้อชีวิตของเด็กพวกนี้กลับมาไม่ได้หรอก สัตว์เดรัจฉานอย่างแกไม่สมควรจะอยู่บนโลกใบนี้…”

ภายในตู้เต็มไปด้วยตุ๊กตาวางเรียงรายซึ่งล้วนแต่เป็นเด็กน้อยแสนน่ารัก ในบรรดาตุ๊กตาเหล่านั้นมีเด็กผิวเหลืองชาวเอเชียมากที่สุด ทั้งหมดน่าจะมีราวยี่สิบกว่าคนได้ เด็กแต่ละคนน่ารักบริสุทธิ์ดุจนางฟ้าตัวน้อย…

แต่กลับถูกสัตว์เดรัจฉานนี่หลอมเป็นตุ๊กตาทั้งเป็น

พอจะคาดการณ์ได้ว่าก่อนตายเด็กที่น่าสงสารเหล่านี้ต้องเผชิญกับความหวาดกลัวและสิ้นหวังมากแค่ไหน…

เหมยเหมยฟาดแส้ใส่อีกครั้ง เธอเกลียดคนชั่วช้าที่ชอบทำร้ายเด็กบริสุทธิ์มากที่สุด จอบส์คนนี้ต่อให้ลงกระทะทองแดงทอดอีกกี่ตลบก็ไม่อาจลบล้างบาปกรรมของเขาได้!

“แกชอบทำตุ๊กตามากใช่ไหม…ได้เลย…ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสชาติของการถูกทำเป็นตุ๊กตาบ้าง!”

………………………

ตอนที่ 2490 หนามยอกเอาหนามบ่ง

เหมยเหมยคิดวิธีดี ๆในการลงโทษจอบส์ได้แล้ว วิธีหนามยอกให้เอาหนามบ่งคือวิธีการเอาคืนคนชั่วช้าที่ดีที่สุด

เพื่อให้เจ้าโรคจิตนี้ลิ้มลองรสชาติของการถูกหลอมเป็นตุ๊กตาภายในห้องทดลองของตัวเอง ใช้เครื่องมืออุปกรณ์และประเภทยาของเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อให้เขารู้…

รู้ว่าอะไรคือความสิ้นหวัง!

“ไม่นะ…ฉันให้เงินเธอ ฉันเป็นผู้สืบทอดตระกูลคาร์ล ขอแค่เธอปล่อยฉันไป ฉันจะให้เงินเธอที่ไม่มีวันใช้หมดไปสิบชาติ…ให้เธอมีหน้ามีตายิ่งกว่าราชินีแห่งอังกฤษ…เธอลองคิดให้ดี เพชรพลอยที่นับไม่ถ้วนแล้วก็เงินที่ไม่มีวันใช้หมด…เป็นของเธอหมดเลย…”

จอบส์พยายามร้องขอชีวิต ผู้หญิงล้วนรักเพชรพลอยและเงิน โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าตาสะสวย เขาต้องหาทางรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน

เหมยเหมยไม่ทันสังเกตเห็นว่าขณะที่จอบส์ตะโกนไปก็ค่อย ๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ระยะห่างร่นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆจนจอบส์ยิ้มร่าในใจ…

ขอเพียงเขากดกริ่งประตูนั้นได้ก็จะเกิดเสียงไซเรนดังขึ้นทั่วคฤหาสน์ ลูกน้องก็จะมาช่วยเขา…อีกนิดเดียว…

“จิ๊ก ๆ”

อยู่ๆ ฉิวฉิวกระโจนก็เข้ามาเอากรงเล็บตะกุยหน้าจอบส์แรง ๆทีหนึ่ง

“อ๊าก…”

จอบส์ร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวด ฉิวฉิวลงมือไม่เบาไปกว่าเสวี่ยเอ๋อร์เลย เนื้อตรงแก้มเขาถลอกจนเห็นเนื้อสีอมชมพู เลือดไหลอาบลงมาย้อมพรมเป็นสีเลือดสด

“ไอ้สารเลวนี่คิดไม่ซื่อ…ได้ ตอนนี้เจ้าสามารถเล่นสนุกได้เต็มที่!” ฉิวฉิวอธิบาย

เหมยเหมยโกรธจนฟาดแส้ใส่อีกที ยิ่งหมายมั่นว่าจะต้องทรมานเจ้าโรคจิตนี่ให้ดี

โรคจิตที่ไร้คุณธรรมความเป็นมนุษย์เช่นนี้ไม่ควรให้เขาตายจากไปอย่างสมใจ เสียดายที่เธอไม่รู้วิธีลงทัณฑ์ทรมานแบบพันมีดหมื่นแล่ ไม่อย่างนั้นจะต้องทำให้ไอ้สารเลวนี่โดนกรีดเนื้อสักสามพันหกร้อยครั้ง…

ถ้าเซียวเซ่ออยู่ก็ดี เธอเคยศึกษาเรื่องนี้มาก่อน!

เหมยเหมยสูดหายใจอย่างนึกเสียดาย ไม่เป็นไร ไม่แล่เนื้อเธอก็ใช้วิธีอื่นได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่!

“เสี่ยวเป่าช่วยน้ายกเขาไปไว้บนโต๊ะที!”

เหมยเหมยแขนซ้ายบาดเจ็บออกแรงไม่ได้จึงใช้แส้พันรอบตัวจอบส์ไว้แล้วลากเขาขึ้นไปบนโต๊ะด้วยกันกับเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ อุปกรณ์บนโต๊ะเหล่านั้นยังอยู่ครบไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว

“เสี่ยวเป่า พาน้องไปเล่นด้านข้าง”

ฉากต่อไปอาจจะสยองไปสักหน่อยไม่เหมาะกับเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต เหมยเหมยไม่คิดจะให้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่ออยู่ชมหรอกนะ

แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าตามติดเฮ่อเหลียนเช่อมาตั้งแต่เด็กแล้วจะไม่เคยเห็นภาพสยดสยองได้อย่างไรกัน ส่วนท่านเล่อเล่อเมื่อหลายวันก่อนก็เพิ่งระเบิดศีรษะของพ่อค้ามนุษย์ไปเองนะ!

“ไม่…”

เสียงค้านของเล่อเล่อถูกเสี่ยวเป่าเอามืออุดปากไว้ เธอถลึงตาใส่เสี่ยวเป่าอย่างไม่พอใจ

เสี่ยวเป่าขยิบตาให้เธอพลางดึงเธอไปอยู่อีกข้าง แล้วยังหันมาพูดเสียงดังว่า “คุณน้า เราไม่ได้แอบดูนะ!”

เหมยเหมยพึงพอใจอย่างมาก “เด็กดี…ยืนแบบนั้นแหละ ห้ามหันมาละ!”

“อื้ม…ไม่หันแน่นอนครับ คุณน้าสบายใจได้ ผมจะจับตาดูน้องให้ดีเลย!” เสี่ยวเป่าทำหน้าเชื่อฟังแล้วกระซิบข้างหูเล่อเล่อ “กระจก!”

เล่อเล่อดวงตาลุกวาวแล้วโบกมือให้ฉิวฉิว ดวงตาดำขลับเท่าเม็ดถั่วดำของฉิวฉิวกะพริบปริบ ๆก่อนจะล้วงเอากระจกใสบานหนึ่งออกมาแล้วส่องให้เห็นสถานการณ์ด้านหลังอย่างชัดเจน

ฉิวฉิวกางกรงเล็บอยู่เงียบ ๆ…

เหมยเหมยกลับปลดเสื้อของจอบส์ออกโดยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย จากนั้นก็เผยให้เห็นเรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผล เพื่อไม่ให้สายตาแปดเปื้อนเธอจึงไม่ได้ปลดกางเกงออก อย่างไรเสียเธอแค่ลงโทษเจ้าโรคจิตนี่เท่านั้นไม่ได้คิดจะทำตุ๊กตาจริง ๆ…

“ฉันไม่ล้างไส้ล้างกระเพาะให้แกแต่ถ่ายเลือดเลยแล้วกัน…”

เหมยเหมยแสยะยิ้มเย็นชาหยิบเอาสายยางที่จอบส์เตรียมไว้ก่อนหน้าขึ้นมาวาง หัวสายยางฟากหนึ่งหย่อนไว้ในแก้วใบใหญ่ สองนิ้วคีบหัวเข็มแล้วค่อย ๆแทงเข้าลำคอของเขา

เข็มแรกพลาดเพราะเล็งไม่ถูกที่ เข็มที่สองยังคงเอียงอย่างเคย…เสี่ยวเป่าเฝ้าดูจนชักร้อนใจ คุณน้าช่างโง่เสียจริง หากเป็นเขาคงเห็นเลือดตั้งแต่เข็มแรกแล้ว!

จนกระทั่งเข็มที่หก…ในที่สุดก็จับจุดเจอ…เลือดก็ไหลลงแก้วตามสายยาง

……………………

ตอนที่ 2487 หนูที่ช่วยชีวิต

จอบส์ไม่ได้มีเวลาให้เลือกมากนัก เขาฝืนทนโดนแส้ฟาดไปทีหนึ่งเจ็บจนเหงื่อแตกพลั่ก

แส้ของเหมยเหมยถูกสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษโดยเหยียนหมิงซุ่น ดูเหมือนจะนุ่มนวลแต่กลับทำจากวัสดุโลหะผสมรุ่นใหม่ล่าสุด ยืดหยุ่น หากฟาดโดนเนื้อตัวต้องเจ็บเจียนตายแน่นอน

หนำซ้ำครั้งนี้เหมยเหมยยังใช้แรงทั้งหมดที่มีจึงทำเอาจอบส์กระอักเลือด เพิ่งทรงตัวได้ก็มีเสียงประหลาดแว่วมาจากด้านหลัง เขาหันขวับกลับไปก็ตกใจจนเหงื่อตก

ลูกแก้วเหล็กที่เขาหลบทันฝังเข้าไปในตู้ข้างกำแพง ตู้นั่นทำจากไม้ยางเชียวนะ หากเปลี่ยนเป็นหัวของเขา…

จอบส์เหงื่อผุดขึ้นเต็มหลัง นึกโชคดีที่ตัวเองเลือกแส้เพราะอย่างน้อยก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

“รนหาที่ตายเอง…งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน…”

จอบส์ยิ้มแสยะ เขาไม่สนเรื่องรักษาองค์ประกอบของร่างกายเหมยเหมยให้ครบครันอีกต่อไปแล้ว รักษาตัวสำคัญที่สุด ฆ่าหญิงงามชาวตะวันออกกับเจ้าอ้วนนี้ก็ยังมีเทวดาน้อยคนนั้นอยู่ ชัยชนะยังคงเป็นของเขา

“ใครจะตายก็ยังไม่แน่…ให้ฉันฟาดก่อนเถอะ!”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วฟาดแส้ใส่อย่างแรง ถอดชุดเต้นระบำที่เกะกะออกอย่างรวดเร็วซึ่งข้างในเป็นเสื้อผ้าสีอ่อนทำให้คล่องตัวขึ้นเยอะเลย

จอบส์เช็ดเลือดบนหน้าออกแล้วแวบตัวหลบไปอยู่ที่ตู้ด้านหลังอย่างไร้ความกังวล ในมือกลับมีปืนเพิ่มขึ้นมากระบอกหนึ่ง เหมยเหมยเผลอสบถในใจแล้วรีบโถมตัวเข้าหาเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่า

เล่อเล่อยิงลูกแก้วเหล็กติดต่อกันสามลูก จอบส์หลบได้หมดทุกเม็ด พอจะถ่วงเวลาบ้างเล็กน้อยแต่เขาก็ยกปืนขึ้นมาอย่างไว สายตาประกายวาวด้วยความกระหายเลือด

เสี่ยวเป่าสีหน้าเย็นชาแล้ววาดสองมือเป็นท่าแปลก ๆยืนนิ่งไม่กระดิกตัว

เหมยเหมยร้อนใจวิ่งด้วยความเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่เธอยังไม่ทันวิ่งไปอยู่หน้าเด็กทั้งสองคนก็มีเสียงของจอบส์ดังแว่วมาจากด้านหลัง

“ให้ตาย…ออกไป…ออกไปให้หมด…”

จอบส์ตัวกระตุกเหมือนชักปัดป่ายมือทั้งบนทั้งล่าง ปืนในมือร่วงตกพื้นไปแล้วเพราะของสีดำที่ปีนตามลำตัวเขาเต็มไปหมดวิ่งพรวดพราดแถมยังส่งเสียงร้องจิ๊กจิ๊กไม่หยุด

ที่แท้ก็เป็นกลุ่มหนูที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนรายล้อมจอบส์ไว้จนมิดทำเอาคนมองรู้สึกขนลุกซู่แต่เหมยเหมยกลับมีแต่ความปลาบปลื้มใจ เป็นครั้งแรกที่คิดว่าเจ้าหนูเป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดในโลก

เธอฟาดแส้เกี่ยวเอาปืนมา เดิมคิดจะยิงจอบส์สักนัดหนึ่งแต่ก็กลัวทำร้ายหนู เธอจะลืมบุญคุณไม่ได้

“คุณน้า เอาปืนมาให้ผม!”

เสียงของเสี่ยวเป่าเบาหวิว เขาเรียกหนูมามากมายขนาดนี้ทำให้เขาเหมือนถูกสูบแรงไปมากทีเดียว ดีที่มียาวิเศษของเล่อเล่ออยู่ทำให้พอจะทนไหว

“รับไว้!”

เสี่ยวเป่ารับปืนมาแล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ ยกปืนเล็งเป้าไปที่จอบส์ก่อนที่หนูบนตัวเขาจะกระจายตัวหนีไปไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียวในชั่วพริบตาเหมือนเล่นมายากล

“ปัง”

เสียงปืนดังลั่น

จอบส์ถูกหนูกลุ่มใหญ่เล่นงานจนหัวเสียทำให้มือไม้ไม่คล่องตัวเท่าก่อนหน้านี้แต่ก็พอจะหลบกระสุนที่พุ่งมาที่หัวใจได้อย่างเฉียดฉิวแต่แขนซ้ายกลับโดนยิงเสียอย่างนั้น

แต่ยิงไม่โดนกระดูก กระสุนยิงโดนถาก ๆกระเด็นใส่กำแพงแล้วร่วงตกพื้น

จอบส์เนื้อตัวเกรอะไปด้วยเลือด นอกจากแผลจากกระสุนยังมีแผลรอยกัดจากหนูมากมาย เขาใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปีไม่เคยอนาถเท่าวันนี้มาก่อน และไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักเท่าวันนี้!

“รนหาที่ตาย!”

จอบส์บันดาลโทสะทำให้สัญชาตญาณดุร้ายในตัวถูกปลุกขึ้นมา เขาวิ่งไปมุมกำแพงหนึ่งอย่างไวก่อนจะมีปืนอีกกระบอกเพิ่มมาในมือ ไม่รู้ว่าเขาแอบซ่อนอาวุธไว้ในห้องชั้นใต้ดินนี้เท่าไร

“เล่อเล่อ ยิงมัน!”

เสี่ยวเป่าลั่นไกปืนติดต่อกันอีกหลายนัด เช่นเดียวกับเล่อเล่อที่ยิงลูกแก้วเหล็กติดต่อกันหลายลูก ขณะเดียวกันเหมยเหมยก็ฟาดแส้ลงไปด้วย

สามแม่ลูกร่วมแรงร่วมใจกันจนจอบส์มือเป็นระวิง ส่วนเจ้าพวกหนูที่กระจายตัวไปก็กลับมารวมตัวกันใหม่ วิ่งเข้าหาจอบส์อีกครั้งทำให้สถานการณ์ชุลมุน!

…………………………..

ตอนที่ 2488 ประสบเคราะห์ยากจะหนีพ้นจริงหรือ

แม้พวกเหมยเหมยจะได้เปรียบกว่าแต่จอบส์ก็ไม่ใช่คนอ่อนหัด เขาหยัดกายขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว จอบส์มีแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะได้รับบาดเจ็บทว่าไม่ส่งผลกระทบใด ๆ แต่กลับเป็นพวกเหมยเหมย…

หมดแรงไปทีละนิด ๆ!

โดยเฉพาะเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อที่เด็กที่สุดหมดแรงไปตั้งนานแล้ว เหมยเหมยยังดีในเมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็ยังพอทนได้ต่ออีกหน่อย!

เธอกัดฟัน ต้องรีบจัดการเจ้าโรคจิตนี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็หนีไม่รอดทั้งเธอและพวกเด็ก ๆ!

เหมยเหมยใจร้อนรุ่มดั่งไฟเผาพลางถามเสี่ยวเป่า “ฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์ยังไม่มาเหรอ?”

“ยัง!”

เสี่ยวเป่าสีหน้าจริงจังเพราะพลังของเขาเริ่มร่อยหรอลงไม่สามารถควบคุมสัตว์ได้อีก หากฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์ยังไม่มาคุณน้ากับน้องสาวจะต้องถูกคนร้ายทำร้ายแน่!

เหมยเหมยร้อนใจยิ่งกว่า เธอไม่อยากตาย และยิ่งไม่อยากให้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อเป็นอะไรไป

เจ้าโรคจิตนี่รู้ความลับช่องมิติของเธอ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทรมานเธออย่างไร!

ต้องรีบหาทางกำจัดเจ้าโรคจิตนี้เสีย!

เหมยเหมยเรียกกำลังใจพลางล้วงของอีกกองใหญ่จากช่องมิติออกมา ลูกดอกปาเป้า มีดสั้น…รวมถึงผงยาที่เธอคิดค้นมันขึ้นมาในยามว่าง

จอบส์ตาเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม แลบลิ้นเลียเลือดสดของตัวเองมองเหมยเหมยด้วยสายตากระหาย

เขามั่นใจได้แล้วว่าหญิงงามชาวตะวันออกคนนี้ต้องรู้คาถาลับ เขาจะต้องควบคุมหญิงงามคนนี้ให้กลายเป็นหุ่นเชิดของเขาแล้วบงการเธอให้จงได้!

“ไอ้สารเลว…ไปตายซะ!”

เหมยเหมยแกะยาผงชนิดหนึ่งออกแล้วสาดใส่จอบส์ ในภาวะสถานการณ์รีบร้อนจึงไม่ทันดูให้ละเอียดดี แต่หากไม่ใช่ยาคันก็คงเป็นยาชา เพราะเธอทำยาผงเป็นแค่สองชนิดนี้เท่านั้น

จอบส์รีบกลั้นหายใจไว้แล้วหลบยาผงได้ไปกว่าครึ่ง มีบางส่วนที่หลบไม่ทันจึงสาดใส่เข้าลำตัว ตอนแรกไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จอบส์จึงไม่สนใจมันอีกพลางยกปืนเล็งขาของเหมยเหมย

เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อลงมือพร้อมกัน ลูกแก้วเหล็กหลายลูกกับกระสุนหนึ่งลูกพุ่งไปหากระสุนที่ถูกยิงออกมาในเวลาเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาต่างหมดเรี่ยวแรงทำให้มีแรงไม่มากพอ ถึงจะชนลูกกระสุนแต่ไม่อาจสกัดกั้นแรงของกระสุนได้ ยังคงมุ่งมาทางเหมยเหมยเช่นเดิม

เหมยเหมยไม่ได้ว่องไวเท่าเด็กสองคนนี้จึงหลบไม่ทัน เธอเพียงแค่เบี่ยงตัวตามสัญชาตญาณทำให้กระสุนโดนแขนซ้ายเธอ เพราะเมื่อครู่ถูกสกัดจึงทำให้ลูกกระสุนเปลี่ยนทิศทาง

ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซ่านเรียกให้เหมยเหมยเผลอสูดปาก ไม่มีเวลาดูรอยแผลแล้ว เธอใช้แขนขวารีบฟาดแส้หมายจะเกี่ยวเอาปืนของจอบส์มาแต่จอบส์กลับไหวตัวทัน

“คนเลว…กล้าตีแม่ฉันเหรอ!”

เล่อเล่อสั่งสมแรงยิงลูกแก้วเหล็กออกไปราวกับลูกเสือดาวที่กำลังเกรี้ยวกราด เสี่ยวเป่าก็ยิงปืนใส่จอบส์ไปอีกหนึ่งนัด

จอบส์แค่นเสียงทีหนึ่งก็หลบลูกกระสุนได้อย่างง่ายดาย ยกปืนขึ้นอีกครั้งแล้วเล็งเป้าไปที่เล่อเล่อ ยัยเด็กตัวอ้วนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรฆ่าไปเสียแล้วกัน

แต่เสียดายเลือดสดแสนอร่อย…

จอบส์แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างนึกเสียดายแล้วเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล เหมยเหมยกัดฟันพุ่งตัวเข้าหาเล่อเล่อเหมือนคนบ้า เธอคิดจะใช้ร่างกายปกป้องลูกสาวแต่เสี่ยวเป่าไหวตัวเร็วกว่าจึงมายืนบังอยู่หน้าเล่อเล่อด้วยท่าทีหนักแน่น

“ไสหัวไป….ให้ตายเถอะ!”

จอบส์ชะงักทีหนึ่ง เขาทำใจฆ่าเสี่ยวเป่าไม่ลงจริง ๆ อนาคตคงตามหาเด็กชาวตะวันออกที่งดงามยิ่งกว่าเสี่ยวเป่าไม่ได้อีกแล้ว เขาไม่อนุญาตให้บนร่างกายของเด็กเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้มีรอยแผลแม้แต่น้อย!

เพียงแต่ความลังเลชั่วขณะนี้ทำให้เล่อเล่อถูกเหมยเหมยกับเสี่ยวเป่าคุ้มกันอยู่ในร่างพร้อมกัน เหมยเหมยเองก็ยัดเสียวเป่าไว้ใต้ร่าง เด็กสองคนนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เธอต้องสละชีวิตตัวเองก็ตาม

เหมยเหมยหลับตาลง ความรู้สึกเจ็บปวดถาโถมเข้ามาในใจ ครั้งนี้เธอกลัวว่ายากจะหนีรอดไปได้แล้วจริง ๆ!

……………………

ตอนที่ 2485 ห้องชั้นใต้ดินที่เต็มไปด้วยตุ๊กตา

“ออกไปซะ!”

จอบส์สั่งเสียงเรียบ ป้าคนดำที่พาพวกเหมยเหมยมาก้มด้วยความนอบน้อมแล้วออกไป

ภายในโถงใหญ่เหลือเพียงจอบส์กับพวกเหมยเหมย รวมถึงเหล่าตุ๊กตาสยองข้างในตู้ที่ความเยือกเย็นแทรกซึมผ่านอากาศรอบด้านจนทำเอาคนตัวสะท้านเฮือกอย่างอดไม่ได้

“ตุ๊กตาพวกนี้สวยไหม?” จอบส์ถามเสียงเบา

เหมยเหมยแสร้งนั่งอยู่บนพื้นพรมด้วยท่าทีอ่อนแรง เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อนั้นยิ่งกว่ากลับเลือกนอนลงไปเลย ฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์ถูกป้าคนดำทิ้งไปในกองขยะเพราะแกล้งตายอย่างสำเร็จ คาดว่าอีกสักพักคงตามมาหาถึงที่นี่ได้

“ไม่สวย น่าเกลียดจะตาย!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเบาไม่กล้าเอ่ยเสียงดังนัก

จอบส์สีหน้าเปลี่ยนแต่ไม่นานก็ยิ้มออกมา “น่าเกลียดจริง ๆ…แต่ไม่นานฉันก็จะทำตุ๊กตาที่สวยที่สุดในโลกออกมาแล้ว…”

เขาเดินไปตรงหน้าพวกเหมยเหมยอย่างเชื่องช้า มองสลับเหมยเหมยกับเสี่ยวเป่าอย่างชั่งใจแล้วหันไปมองเล่อเล่อพลางพูดพึมพำว่า “ทำอันไหนก่อนดีล่ะ…อันไหนก็สวยไปหมด…หรือว่าเอาคนขี้เหร่มาลองมือก่อน…”

เหมยเหมยได้ยินชัดเจนพลันก็บันดาลโทสะ กล้าบอกว่าลูกสาวเธอขี้เหร่งั้นเหรอ?

เธอพยายามระงับอารมณ์โกรธไว้เพื่อรอดูว่าเจ้าคนโรคจิตนี่คิดจะทำอะไร ไม่นานจอบส์ก็เหมือนตัดสินใจได้ เขาไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว พลางอุ้มเสี่ยวเป่าที่ยัง ‘สลบ’ อยู่วางบนโต๊ะขนาดใหญ่

เขาหยิบอุปกรณ์เครื่องมือจากข้างในตู้ออกมาเรียง…มีดผ่าตัด คีมหนีบ ที่หนีบ ปากคีบ…แล้วยังขวดที่ใส่น้ำยาต่าง ๆและอีกมากมายวางเรียงเต็มโต๊ะ

จอบส์สวมเสื้อกาวน์สีขาวพร้อมหน้ากากอนามัยกับถุงมือ เห็นทีคงเตรียมลงมือแล้ว

“คุณคิดจะทำอะไรกับเด็ก?”

เหมยเหมยวิ่งทุลักทุเลเข้าไปหมายจะห้ามเขา

จอบส์ผลักเหมยเหมยออกอย่างง่ายดาย “อย่าร้อนใจไป ใกล้จะถึงตาเธอแล้ว…ฉันจะเอาเลือดของเทวดาตัวน้อยนี่ออกก่อน…ไม่นานก็เสร็จ”

เขาหยิบเอาสายยางกับเข็มออกมาพลางพูดพึมพำ “เลือดของเด็กน้อยกับหญิงพรหมจรรย์เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติดีที่สุด…เสียดายที่ทิ้งค้างคืนก็จะไม่อร่อยแล้ว…”

เหมยเหมยรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา เจ้าโรคจิตนี่ยังดื่มเลือดมนุษย์ด้วย…ไอ้สัตว์เดรัจฉานสมควรตาย!

จอบส์หยิบแก้วใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอาหัวสายยางไว้ในแก้ว ส่วนอีกด้านใส่เข็มก่อนที่เขาจะปักเข็มเข้าที่ลำคอของเสี่ยวเป่า…

“หยุดนะ!”

สถานการณ์คับขันเช่นนี้เหมยเหมยเสแสร้งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เธอลุกพรวดหยิบเอาแส้ออกมาฟาดใส่จอบส์อย่างแรงจนเข็มในมือเขาลอยเคว้งไปกลางอากาศแล้วร่วงตกสู่พื้น

“ทำไมเธอยังมีแรงอีก?” จอบส์มองเหมยเหมยด้วยความตกใจ

ทั้งที่หิวมาสามวันทำไมยังมีแรงขัดขืนได้อีก?

หรือว่าชาวตะวันออกมีวิชามนต์ลับจริง ๆ?

“ต่อให้ฉันไม่กินข้าวสามสิบวันก็มีแรงเหมือนเดิม ฉันจะฟาดคนโรคจิตอย่างแกให้ตาย!”

เหมยเหมยฟาดแส้ใส่อีกครั้ง กล้าบอกว่าลูกสาวเธอขี้เหร่งั้นเหรอ…แล้วคิดจะดื่มเลือดของเสี่ยวเป่าอีกต่างหาก…เธอจะฟาดไอ้คนโรคจิตนี่ให้ตายเลย!

ครั้งนี้จอบส์ป้องกันตัวจึงหลบได้อย่างคล่องตัว เขาไม่ได้เห็นเหมยเหมยอยู่ในสายตา ก็แค่ผู้หญิงตัวผอมบางคนหนึ่งเท่านั้น เขากำราบได้แน่ ๆ แต่ว่า–

เสี่ยวเป่าที่ตอนแรกนอนแน่นิ่งอยู่พลันก็ลุกขึ้นมาแล้วพลิกตัวยื่นเท้าเตะเข้ากลางเป้าซึ่งเป็นจุดสำคัญของจอบส์…นี่เป็นวิธีเอาตัวรอดที่เฮ่อเหลียนเช่อสอนลูกชายไว้ เสี่ยวเป่าฝึกจนคล่องมาตั้งแต่เด็ก

จอบส์ถูกเตะเข้าอย่างจังจึงงอตัวอย่างเจ็บปวด แส้ของเหมยเหมยฟาดลงมาอีกที ปลายแส้กวาดโดนตาเขาพอดีจนบวมขึ้นมาในพริบตา เหลือเพียงดวงตาข้างเดียวที่ยังมองเห็นได้

“ให้ตายเถอะ…”

จอบส์สบถทีหนึ่งแล้วคิดจะไปกดกริ่งบนกำแพง แต่กลับมีร่างอ้วนหนึ่งกลิ้งเข้ามาซึ่งก็คือเล่อเล่อที่สะสมแรงไว้เต็มที่แล้วชนร่างจอบส์เข้าอย่างจังจนเขาล้มลงกับพื้น เล่อเล่อพลิกตัวมาคร่อมเขาไว้จากนั้นก็หลุนกำปั้นทั้งซ้ายทั้งขวาใส่หน้าเขาจนหน้าบวมบิดเบี้ยวชนิดที่พ่อแม่ยังจำหน้าไม่ได้

……………………….

ตอนที่ 2486 เรื่องช่องมิติความแตก

“กล้าตีแม่ฉันเหรอ…จะตีให้ตายเลย…”

เล่อเล่อต่อยไปด่าไป คุณพ่อบอกแล้วว่าคุณแม่เป็นดั่งคนสุดรักสุดหวงของที่บ้าน ห้ามให้คนร้ายรังแก คนชั่วร้ายคนนี้กลับกล้ารังแกคุณแม่ต่อหน้าเธอ…

ต่อยให้ตายไปเลย!

“ให้ตายเถอะ…”

จอบส์หลบไม่ทันจึงถูกเล่อเล่อหลุนหมัดใส่สิบกว่าหมัดติดต่อกัน ศีรษะแทบระเบิดและระบบความคิดถูกตัดขาดไปชั่วขณะ

ทว่าไม่นานเขาก็มีสติขึ้นมา…ยัยเด็กอ้วนคนนี้เรียกหญิงงามชาวตะวันออกนี่ว่าคุณแม่หรือ?

เขาหลงใหลวัฒนธรรมตะวันออกอย่างมาก ภาษาฮวาเซี่ยเบื้องต้นง่าย ๆจึงไม่ใช่ปัญหาย่อมเข้าใจสิ่งที่เล่อเล่อพูดอยู่แล้ว ไม่นานก็เข้าใจเลยมองไปทางเหมยเหมยด้วยสายตาดุดัน

“เธอจงใจแฝงตัวเข้ามางั้นเหรอ?”

“ใช่…แกกล้าทำร้ายลูกฉัน ฉันจะฆ่าแก!”

เหมยเหมยฟาดแส้ใส่จอบส์จึงรีบหันหน้าหนีไม่ให้โดนดวงตา แส้ฟาดโดนแก้มของเขาจนเป็นแผลเหวอะหวะเลือดชุ่ม ขณะเดียวกันก็ปลุกสัญชาตญาณดุร้ายของเขาขึ้นมา

จอบส์ย่อมไม่ใช่คุณชายเจ้าชู้ผู้อ่อนแอไร้กำลัง เขาได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กซึ่งอาจารย์ที่ฝึกเขาล้วนแต่เป็นนักฆ่าป้ายทองที่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้าในอดีต

เขาสามารถรับมือกับสุนัขดุร้ายได้เพียงลำพังตั้งแต่สามขวบ หกขวบถูกปล่อยเอาชีวิตรอดกลางเกาะร้างสามวันสามคืน สิบขวบใช้มีดสั้นกรีดร่างคนรับใช้ที่ล่วงเกินเขา…

ฉะนั้น…

จอบส์พลิกตัวกลับมา ถึงแม้เล่อเล่อจะแรงเยอะแต่สุดท้ายก็ไม่รอดเพราะอายุน้อยกว่าซึ่งเทียบไม่ได้กับจอบส์ที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะจึงถูกเขาพลิกมาคร่อมไว้บนพื้นแทน

เหมยเหมยรีบเอาแส้ม้วนตัวเล่อเล่อมาแล้วตะโกนใส่เสี่ยวเป่า “รีบพาน้องสาวไปหลบอีกข้างเร็ว!”

“หนูจะตีคนร้าย…หนูจะปกป้องคุณแม่!”

เล่อเล่อบิดตัวไปมาอย่างรุนแรงไม่ยอมถูกเสี่ยวเป่าพาไปยังจุดปลอดภัย คุณแม่อ่อนแอขนาดนั้น หากไม่ได้เธอคอยช่วยจะสู้คนร้ายได้อย่างไร?

เสี่ยวเป่าสู้แรงเล่อเล่อไม่ได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เหนื่อยหอบจึงจำต้องคอยลอบจู่โจมจอบส์อยู่ข้าง ๆเป็นเพื่อนเล่อเล่อ

พวกเขาสองคนคนหนึ่งแรงเยอะอีกคนเจ้าแผนการจึงพอจะช่วยกันได้ไม่น้อย เหมยเหมยพยายามฝืนใจแต่เรี่ยวแรงกลับลดลงเรื่อย ๆ

“เล่อเล่อ รับไว้!”

เหมยเหมยล้วงเอาหนังสติ๊กกับลูกแก้วหนึ่งถุงจากช่องมิติออกมาโยนให้ลูกสาว จอบส์ตาเป็นประกาย หลากหลายความคิดกำลังพรั่งพรูในใจ

ผู้หญิงคนนี้เอาของมากมายขนาดนี้มาจากไหน?

ทั้งที่เธอสวมชุดบางขนาดนั้น ไม่มีทางซ่อนของอะไรได้แน่!

หนึ่งบุปผาหนึ่งโลกหล้า หนึ่งกลีบใบหนึ่งต้นโพธิ์ หนึ่งความคิดหนึ่งความสงบ ดอกบัวผลิบานในหัวใจ!

ประโยคนี้ผุดขึ้นในหัวของจอบส์กะทันหัน เป็นถ้อยคำที่พระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นรูปหนึ่งเคยบอกกับเขาไว้ในอดีต เขาจำความหมายที่พระสงฆ์รูปนี้อธิบายได้ไม่แม่นยำนักแต่กลับจำประโยคนี้ได้อย่างแม่นยำ

เนื่องจากเขาเคยฟังเรื่องเล่าภูตผีปีศาจพิศวงของฮวาเซี่ยมาไม่น้อย รู้ว่าตำนานตะวันออกมีคาถาลับรูปแบบหนึ่งเรียกว่าฟ้าดินในแขนเสื้อ บอกว่าสามารถเก็บโลกทั้งใบไว้ใต้แขนเสื้อได้ซึ่งเรียกความสนใจจากเขาได้มากทีเดียว

จู่ ๆเห็นเหมยเหมยล้วงหยิบของกองหนึ่งออกมาจอบส์ก็นึกถึงคาถาลับนี้ และเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาหิวมาหลายวันแต่ยังมีแรงมากขนาดนี้!

“เธอใช้คาถาลับเป็น…สอนฉัน…แล้วฉันจะปล่อยพวกเธอไป!” สายตาของจอบส์ทอประกายความโลภกระหาย

หากเขาเรียนรู้คาถาลับฟ้าดินนี้ได้เขาก็จะเป็นใหญ่ในโลกใบนี้!

“คาถาลับบ้าบออะไร…ฉันฆ่าแกก่อนแล้วกัน!”

ในเมื่อเหมยเหมยเปิดเผยเรื่องช่องมิติต่อหน้าจอบส์ก็ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขารอดแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเขาเสีย!

“เล่อเล่อ…ดีดดวงตาของมัน!”

เหมยเหมยตะโกนบอก เล่อเล่อฉีกยิ้มกว้าง ในที่สุดคุณแม่ก็ไม่ห้ามเธอเล่นหนังสติ๊กแล้ว

“คุณแม่อย่ากลัว…หนูจะยิงใส่หัวมันให้ระเบิดเลย!”

เล่อเล่อหยิบเอาลูกแก้วเหล็กออกมาเรียกกำลังใจเต็มเปี่ยมแล้วเริ่มเล็งหนังสติ๊กไปที่ดวงตาของจอบส์ แสงสีเงินพุ่งออกไปเรียกให้จอบส์รีบหลบหนีด้วยความรวดเร็วแต่แส้ของเหมยเหมยก็ฟาดมาอีกแล้ว

หลบแส้ได้แต่หลบลูกแก้วเหล็กไม่ได้แน่ ๆ!

…………………………

ตอนที่ 2483 สองแม่ลูกกลับมาเจอกัน

เธอฝืนใจไม่ให้ขยับตัวหนีแล้วจงใจถามเสียงดังว่า “คุณชื่อจอบส์เหรอ? ลูกน้องคุณบอกว่าคุณรวยมาก คือเรื่องจริงหรือเปล่า?”

ความหลงใหลในสายตาของจอบส์หายวับไปทันที ปรายตามองชายร่ายใหญ่ที่พาเหมยเหมยมาด้วยความเย็นชาจนพวกเขาเสียวสันหลังวาบและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“เอาออกไปตัดลิ้นป้อนให้หมาซะ!”

จอบส์สั่งเสียงเรียบราวกับเป็นเรื่องทั่วไปเหมือนเด็ดดอกไม้ก็ไม่ปาน พวกชายร่างใหญ่ถูกคนลากออกไปในสภาพวิญญาณออกจากร่าง

เหมยเหมยพอจะมั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ก็คือจอบส์ หน้าตาเหมือนในรูปไม่มีผิดเพียงแต่ตัวจริงดูเย็นชาร้ายกาจกว่ามาก ร่างกายแผ่กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ฉันรวยก็จริงแต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สาวสวยคนหนึ่งควรถาม” จอบส์เอ่ยต่อป้าคนดำว่า “พาเธอออกไปล้างไส้ล้างกระเพาะ แล้วขังรวมกับเด็กสองคนนั้น”

เหมยเหมยใจเริ่มเต้นรัว เด็กสองคนที่จอบส์หมายถึงคงเป็นเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อสินะ?

เห็นทีตอนนี้เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อคงยังไม่เป็นไร ดีจังเลย!

“คุณคิดจะทำอะไร…คุณทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ…เพื่อนฉันจะให้ตำรวจมาตามจับคุณ…”

ขณะที่เหมยเหมยถูกพาตัวออกไปก็ร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวหลายทีแล้วขัดขืนอยู่หลายครั้ง นี่ต่างหากคือปฏิกิริยาปกติของคนที่ถูกลักพาตัวมา ดังนั้นจะให้จอบส์สงสัยไม่ได้

จอบส์ไม่เกิดข้อสงสัยใด ๆตามคาดแต่ยิ้มอย่างได้ใจ ชัยชนะปีนี้เป็นของเขาแน่!

เหมยเหมยถูกจับเข้าไปอยู่ในห้องของพวกเสี่ยวเป่าซึ่งเล่อเล่อกำลังหลับอยู่แต่เสี่ยวเป่าตื่นแล้วและฟุบอยู่ตรงขอบระเบียงหน้าต่างคุยกับนกกระจอกตัวหนึ่ง นกกระจอกตัวนั้นบอกเขาว่าเฮ่อเหลียนเช่อก็อยู่ในคฤหาสน์นี้เช่นกัน ข่าวดีนี้เรียกให้เสี่ยวเป่าดีใจอย่างมากและรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากเช่นกัน

มีคุณพ่ออยู่น้องสาวต้องไม่เป็นอะไรแน่

มีเสียงแว่วดังมาจากตรงประตู เสี่ยวเป่ารีบหันกลับไปมองก็เห็นเหมยเหมยถูกเหวี่ยงเข้ามาพลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทำไมคุณน้าถูกจับมาขังที่นี่ด้วยล่ะ?

เสี่ยวเป่าเฉลียวฉลาดไม่นานก็คิดได้จึงรีบวิ่งทุลักทุเลเข้าไปประคองเหมยเหมยขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า “มีคนมองอยู่”

เหมยเหมยก็ไหวตัวทัน ภายในห้องนี้เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด เธอจงใจพูดเสียงดัง “ขอบใจนะหนู ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“ผมกับน้องสาวถูกคนร้ายลักพาตัวมา พี่สาวก็เหมือนกันเหรอ?” เสี่ยวเป่ามองเหมยเหมยด้วยความเห็นใจราวกับเพิ่งรู้จักคนแปลกหน้า

ทุกอย่างอยู่ในสายตาของจอบส์อย่างชัดเจน เหมยเหมยกับเสี่ยวเป่าแสดงได้ดีไม่หยอกจึงหลอกเขาได้สำเร็จ

เหมยเหมยมองเล่อเล่อที่ผอมลงไปไม่น้อยก็รู้สึกปวดใจจะแย่ เมื่อก่อนได้แต่หวังให้ลูกสาวทานน้อย ๆอย่าอ้วนเกินไป แต่พอผอมลงจริง ๆเธอกลับปวดใจเหลือเกิน นึกอยากจับจอบส์มาสับให้เป็นชิ้น ๆ

เล่อเล่อยังคงนอนหลับอ้าปากแจ๊บ ๆเป็นระยะ ๆอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เหมยเหมยฝืนใจไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปกอดลูกสาวแต่เลือกเดินไปยังมุมปลอดภัยตามเสี่ยวเป่า

ทั้งคู่คอยกระซิบแลกเปลี่ยนสถานการณ์ด้วยเสียงอันแผ่วเบา ครั้นเหมยเหมยรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ในคฤหาสน์นี้ด้วยก็รู้สึกเบาใจไม่น้อย ตอนนี้ต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ จะนั่งอยู่เฉย ๆไม่ได้เด็ดขาด

ภายหลังพอเล่อเล่อตื่นแล้วได้เจอคุณแม่ก็ดีใจยกใหญ่ น้ำตาไหลพรากแล้วซุกอกร้องไห้สะอื้น จอบส์เองก็ไม่ได้สงสัยอะไร การที่เด็กกลัวแล้วให้ผู้ใหญ่ปลอบใจเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

แม้เหมยเหมยก็กลัวไม่ต่างกันแต่คนเป็นแม่ต้องเข้มแข็ง มีเด็กสองคนกำลังต้องการเธอ เธอจะต้องเข้มแข็ง

เดิมทีเธอคิดว่าอาหารของตัวเองจะเหมือนพวกเสี่ยวเป่าที่ได้แต่ทานสลัดผัก แต่เธอรอมาหนึ่งวันกลับมีแค่น้ำเปล่า เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อก็ไม่พ้นเช่นเดียวกัน

จอบส์ถึงขั้นข้ามก้าวแรกไปเลือกดำเนินก้าวที่สองเลย เห็นทีคงอดใจรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ!

เหมยเหมยนึกถึงสิ่งที่บิลเคยพูดไว้ว่าดื่มน้ำเปล่าสามวันแล้วค่อยอดอาหารสองวัน เช่นนี้ก็บ่งบอกว่าเธอยังมีเวลาอีกสี่ถึงห้าวันในการหาทางหลบหนีไปจากที่นี่

……………………….

 ตอนที่ 2484 กลับเลื่อนให้เร็วขึ้น

“เสี่ยวเป่า ติดต่อพ่อของเธอได้ไหม? ถามเขาว่ามีวิธีหนีไปจากที่นี่หรือเปล่า?” เหมยเหมยคิดว่าหากเธอกับเฮ่อเหลียนเช่อร่วมมือกันคงมีโอกาสความสำเร็จมากกว่า

“ผมจะลองถามดู”

ขณะนี้เวลาดึกมากแล้ว เสี่ยวเป่าเรียกหนูน้อยตัวหนึ่งมาโดยให้รีบไปติดต่อเฮ่อเหลียนเช่อ ไม่นานก็ได้รับการตอบกลับแต่เสี่ยวเป่าต้องถอนหายใจอย่างผิดหวัง

“คุณพ่อบอกว่าเขายังหาวิธีไม่ได้ ให้เรารออีกหน่อย”

เหมยเหมยก็ถอนหายใจด้วยเช่นกัน เห็นทีคฤหาสน์แห่งนี้มีระบบป้องกันภัยที่แน่นหนาจริง ๆ แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อยังหาทางได้ยาก เกรงว่าการจะหนีเอาตัวรอดก็คงยากไม่เบา!

แต่ก็ต้องหาวิธีอยู่ดี!

เหมยเหมยหันไปมองฉิวฉิว เจ้าหมอนี่แกล้งตายตั้งแต่เธอเข้ามาไม่แม้แต่จะสนใจเธอ หึ ไว้กลับไปค่อยคิดบัญชีกับมัน ตอนนี้ต้องขอร้องให้มันช่วยเด็กสองคนนี้ออกไปก่อน

เธอรู้ว่าฉิวฉิวต้องมีวิธีแน่

แต่–

“ข้าก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ไอ้โรคจิตนั่นชั่วช้านัก ข้ากลัว!” ฉิวฉิวปฏิเสธทันควัน

เขาย่อมมีวิธีอยู่แล้วแต่ในเมื่อนี่เป็นการฝึกฝนก็ต้องอดทนต่อไป ไม่ถึงยามคับขันคุณชายฉิวอย่างเขาไม่มีวันช่วยหรอก

เหมยเหมยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เมื่อก่อนโอ้อวดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินแต่ตอนนี้กลับกลัวแม้กระทั่งมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เจ้าหมอนี่พึ่งพาไม่ได้เลย เห็นทีต้องพึ่งตัวเองแล้ว

ดีที่ยังมีกระเป๋ามิติอยู่ เธอต้องลงมือตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว บางทีอาจจะหนีออกไปได้!

ข้างนอกคฤหาสน์เหยียนหมิงซุ่นมารวมตัวกับโจวเจี๋ยรุ่ยแล้วและเขาก็ได้รับสายจากเซียวเซ่อแล้วเช่นกัน ไม่คิดว่าเหมยเหมยจะลงมือไวขนาดนี้จนหาทางแฝงตัวเข้าไปได้แล้วจริง ๆ

ขณะนี้ทั้งภรรยาและลูกสาวเขาต่างอยู่ข้างในกันหมด ต่อให้ต้องขุดพลิกคฤหาสน์นี้เขาก็ต้องช่วยชีวิตพวกเขาข้างในออกมาให้ได้

สามวันผ่านไปพวกเหมยเหมยไม่มีแม้กระทั่งน้ำเปล่ามาส่ง อีกสองวันจอบส์ก็คงเริ่มลงมือแล้ว

แต่เหมยเหมยยังคิดหาทางหนีไม่ได้ เธอใจร้อนดั่งไฟสุมอกและก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจแทบไม่เหลือสภาพ จนตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่รู้มัวแต่ทำอะไรอยู่กันแน่!

สิ่งที่เหมยเหมยไม่รู้คือเหยียนหมิงซุ่นได้พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งเตรียมบุกเข้ามาแล้ว ตำรวจทางนี้ไม่สนใจอะไรเลย ต่อให้สถานทูตออกหน้าก็ไม่มีประโยชน์ เขาแค่ตอบกลับมาว่า ‘ไม่มีสิทธิ์บุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล’

เหยียนหมิงซุ่นโมโหท่าทีหยิ่งผยองของพวกตำรวจแทบแย่พลางคิดว่าหลังจากช่วยเหมยเหมยกับลูกสาวออกมาได้เขาค่อยคิดบัญชีกับตำรวจพวกนั้น ในเมื่อรัฐบาลไม่สนงั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน!

“เริ่มลงมือเวลาเที่ยงคืน!”

เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งกับลูกน้องราว ๆสิบกว่าคนซึ่งล้วนแต่เป็นคนฝีมือเก่งกาจโดยผ่านการคัดสรรจากเขามาโดยเฉพาะ หนึ่งในนั้นมีเหยียนหมิงต๋ากับจ้าวเสวียหลินหรือพี่ชายภรรยาของเขานั่นเอง

ความจริงตลอดหลายปีมานี้จ้าวเสวียหลินคอยทำงานเป็นลูกมือเขามาตลอด เรื่องของเล่อเล่อกับเหมยเหมยไม่มีทางปิดบังเขาได้อยู่แล้ว เกิดเรื่องกับหลานสาวและน้องสาวจ้าวเสวียหลินไม่ร้อนใจสิแปลก หนนี้ต้องมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว

“แม้แต่ภรรยากับลูกสาวยังปกป้องไม่ได้ ฉันว่าหลายปีนี้นายคงกินแต่หญ้าสินะ!”

จ้าวเสวียหลินก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นไม่หยุด ตั้งแต่มาถึงก็ปั้นหน้าตึงใส่ตลอด เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดในใจจึงปล่อยให้เขาประชดประชันไม่ปริปากบ่นสักนิด

เหมยเหมยไม่รู้เหตุการณ์ภายนอกแม้แต่น้อย เธอหลงคิดว่าเหลือเวลาอีกสองวันแต่ใครจะรู้ว่าภายในคืนนั้นจอบส์ก็เปลี่ยนสถานที่ให้พวกเธอ เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันจนเสี่ยวเป่ายังไม่ทันแจ้งเฮ่อเหลียนเช่อด้วยซ้ำ

พวกเขาถูกคุมตัวพาเดินบันไดวนอยู่นานชั้นแล้วชั้นเล่าเหมือนกำลังเดินเข้าถ้ำภูเขาแต่อากาศไม่อับชื้นเพียงแต่เย็นยะเยือก ทั้งยังมีกลิ่นแปลก ๆและพอยิ่งเดินลงไปกลิ่นก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อย ๆ

คล้ายกลิ่นฟอร์มาลีนในโรงพยาบาลแต่ก็ปนด้วยกลิ่นหอมแปลก ๆเหมือนเป็นกลิ่นของเครื่องหอมหลายชนิดรวมกัน น่าประหลาดเหลือเกิน

ในที่สุดก็ถึงสักที…ที่นี่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่พื้นถูกปูด้วยพรมหนา กำแพงมีตู้หลายหลังวางชิดไว้ซึ่งข้างในคือตุ๊กตาน่ารักเหล่านั้นนั่นเอง จอบส์มองพวกเขาด้วยใบหน้าอมยิ้ม

…………………

ตอนที่ 2481 ทำการแสดงกลางถนน

เฮ่อเหลียนเช่อแฝงตัวเข้าไปในเขตที่พักคนรับใช้ แม้จะมืดสนิทไร้แสงไฟแต่แผนที่คฤหาสน์กลับสลักอยู่ในหัวเขาอย่างแม่นยำจนหลับตาก็ยังหาได้ ไม่นานเขาก็ตามหาคนรับใช้ชาวผิวเหลืองไม่กี่คนเหล่านั้นได้ก่อนจะหาคนที่มีรูปร่างคล้าย ๆเขา ทุบศีรษะให้สลบแล้วยัดไว้ใต้เตียง

เขาเปลี่ยนไปสวมชุดของคนรับใช้ชาวผิวเหลืองซึ่งพอแต่งตัวดี ๆกลับดูคล้ายอยู่มาก เฮ่อเหลียนเช่อไม่กังวลเลยว่าจะถูกใครจับได้เพราะคนรับใช้ชาวผิวเหลืองเหล่านี้เป็นคนดูแลสวนดอกไม้ อีกอย่างเมื่อกี้เขาพบว่าพวกเขาถูกตัดลิ้นไปหมดแล้ว เขาแค่แสร้งเป็นคนใบ้ก็พอ

นอกจากนี้เวลาชาวตะวันตกเห็นชาวผิวเหลืองก็เหมือนชาวจีนเห็นชาวตะวันตก ในสายตาชาวจีนชาวตะวันตกก็หน้าตาคล้าย ๆกันหมด ชาวตะวันตกก็คิดเช่นนั้น

โจวเจี๋ยรุ่ยรออยู่ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อออกมาสักที หนำซ้ำคฤหาสน์ยังเงียบสนิทไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาก็รู้ทันทีว่าเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไร!

“สงสัยอยากตาย…สมแล้วที่เป็นพวกโง่เง่า ทำอะไรเกินตัวไม่ฟังคำบัญชาการ…”

โจวเจี๋ยรุ่ยก่นด่าไปยกหนึ่งและรีบโทรหาเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่รีรอเพราะต้องรีบรายงานสถานการณ์ทางนี้ให้คุณชายหมิงทราบ ไม่รู้ว่าในคฤหาสน์ขังใครไว้บ้าง ฟังจากน้ำเสียงของคุณชายหมิงแล้วดูท่าจะสำคัญน่าดู อย่าให้เจ้าหมอนี่ทำพังจะดีกว่า

เหยียนหมิงซุ่นกำลังอยู่บนเครื่องบินสู่ลอสแอนเจลิสจึงอยู่ในสภาวะปิดเครื่อง โจวเจี๋ยรุ่ยติดต่อไม่ได้จำต้องโทรหาเหยียนหมิงต๋าแล้วบอกเรื่องนี้ให้ทราบ

เหยียนหมิงต๋าสบถ “นายอย่าไปสนใจมัน เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทำอะไรบ้า ๆหรอก ข้างในนั่นขังลูกชายสุดที่รักเขาไว้ เขาไม่กล้าทำอะไรวู่วามแน่นอน”

โจวเจี๋ยรุ่ยรู้สึกคันหูยุบยิบพร้อมศีรษะที่เต้นตุบ ๆเลยย้อนถาม “นายว่าเจ้างั่งนั่นคือใครนะ?”

“เจ้าบ้าเฮ่อเหลียนเช่อไง!”

เหยียนหมิงต๋ากำชับอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ชายฉันกำลังรีบไป นายรอพี่ฉันอยู่ที่เดิม”

สมองของโจวเจี๋ยรุ่ยเองก็ชักตามไม่ทัน “คุณชายหมิงมาทำอะไร?”

“หลานสาวฉันก็ถูกขังอยู่ในคฤหาสน์ นายว่าพี่ชายฉันมาทำอะไรล่ะ?”

เหยียนหมิงต๋าตวาดเสียงใส่แล้ววางสายไป ทางนี้เขายังต้องรีบตามหาพี่สะใภ้อีกนะ ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่หายไปไหน ตามหาอยู่นานก็ไม่เจอตัวสักที!

โจวเจี๋ยรุ่ยยืนอยู่บนเนินเขาอย่างเดียวดาย ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะย่อยข่าวสารที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่ว่าเจ้างั่งนั่นคือเฮ่อเหลียนเช่อ ข้างในนั้นขังลูกสาวของคุณชายหมิงกับลูกชายของคุณชายเช่อไว้…

แล้วเมื่อกี้เขาก็ด่าคุณชายเช่อไปแล้วด้วย!

เขาควรรีบหนีหรือเปล่า…

เหมยเหมยยังอยู่กับเซียวเซ่อ เธอคิดหาวิธีหลอกล่อจอบส์อยู่ กระทั่งตกดึกก็หาวิธีได้สักที

“เซ่อเซ่อ พรุ่งนี้เธอพาฉันไปที่ที่คึกคักหรูหราที่สุดของเมืองลอสแอนเจลิสหน่อย ฉันจะไปเต้นที่นั่น!”

เหมยเหมยเสนอความคิดเธอขึ้นมา จอบส์คงมีเส้นสายอยู่ตามลอสแอนเจลิสไม่น้อย พรุ่งนี้เธอจะไปแสดงการเต้นรำแบบชาวฮวาเซี่ยโบราณ ไม่เชื่อหรอกว่าจะหลอกล่อจอบส์ไม่ได้!

เธอคิดได้แค่วิธีแสนโง่เขลานี้แล้วล่ะ!

อีกวันเหมยเหมยก็สวมชุดเต้นรำแล้วยังสวมปลอกแขนยาวสุ่ยซิ่ว[1] แต่งหน้าสีดอกเหมย เธอจะแสดงการเต้นระบำห่านขาว

เซียวเซ่อไปส่งเธอที่ใจกลางเมืองที่มีรถยนต์สัญจรไปมาเป็นแหล่งรวมตัวของชาวหลากสีผิว บรรยากาศครึกครื้นอย่างมาก

เหมยเหมยหาเวทีที่สามารถเต้นระบำได้ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงออกมาเปิดเพลงแล้วเริ่มบิดตัวตามท่วงท่าการเต้นระบำอันสง่าของเธอดึงดูดให้คนกลุ่มใหญ่มาชมในไม่ช้า ทุกคนต่างรับชมกันอย่างเพลิดเพลิน

“สวยจัง…เหมือนนางฟ้าเลย…นี่คือการเต้นรำของชาวตะวันออกเหรอ?”

“น่าจะเป็นการเต้นรำของชาวฮวาเซี่ย เมื่อก่อนฉันเคยดูที่ฮวาเซี่ยมาก่อน แต่เต้นไม่สวยเท่าผู้หญิงคนนี้นะ…”

……

ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบาหวิวแล้วโยนเหรียญให้เหมยเหมย พวกเขาหลงคิดว่าเหมยเหมยเป็นศิลปินกลางถนน

แต่มีชายคนหนึ่งพอเห็นเหมยเหมยก็ปลื้มใจอย่างมากก่อนจะรีบโทรหาพรรคพวกเตรียมทำความดีความชอบสักหน ให้นายตบรางวัลให้พวกเขาอย่างงาม!

………………………….

ตอนที่ 2482 ผลงานศิลปะของพระเจ้า

เซียวเซ่อคอยควบคุมเครื่องเสียงอยู่ ผู้คนต่างกรูเข้ามาล้อมดูกันมากขึ้นเรื่อย ๆจนเธอไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าใครคือคนร้าย อีกอย่างเธอคิดว่าวิธีของเหมยเหมยใช้ไม่ได้ผล

เพราะเซียวเซ่อไม่เชื่อว่ารูปภาพจากการประกอบกันในคอมพิวเตอร์จะหน้าตาเหมือนเหมยเหมยอย่างที่เธอเล่า มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยหรือ!

เหมยเหมยสังเกตถึงความผิดปกติเพราะเธอรู้สึกได้ถึงสายตาปองร้ายจากหลายคน แต่เธอไม่มั่นใจว่าใช่คนของจอบส์หรือไม่ เธอต้องลองดูสักตั้ง!

หลังเต้นระบำจบไปหนึ่งเพลงเหมยเหมยก็โค้งตัวให้บรรดาผู้ชมแล้วบอกเซียวเซ่อว่าจะไปซื้อน้ำเย็นที่ตึกใหญ่ เซียวเซ่อไม่ได้คิดมาก เธอคิดว่ามีคนตั้งมากมายแถมยังกลางวันแสก ๆอยู่เลย แค่ซื้อเครื่องดื่มสักแก้วจะเกิดอะไรขึ้นได้งั้นหรือ?

เหมยเหมยวิ่งเหยาะ ๆเข้าตึกใหญ่ไปก่อนที่ผู้ชายหลายคนจะรีบวิ่งตามมา เธอจงใจเดินไปทางที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น ขณะที่มุมตึกเหมือนกำลังตกแต่งซ่อมแซมอยู่ ตรงนั้นมีอุปกรณ์วางเต็มไปหมดจึงไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้

เธอแสร้งหาผิดที่เตรียมหันหลังกลับไปก็ถูกชายร่างใหญ่หลายคนดักทางไว้แล้วแสยะยิ้มส่งมาให้เธอ ขณะที่ห่างไกลออกไปมีหลายคนเห็นสถานการณ์นี้แต่กลับเดินหนีออกไป ดูท่าจะไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้แล้ว

“พวกนายคิดจะทำอะไร? เพื่อนฉันอยู่ข้างนอก” เหมยเหมยจงใจพูดขึ้น

“เจ้านายฉันชอบสาวสวยชาวตะวันออกอย่างเธอที่สุด กลับไปเสวยสุขกับเราดีกว่า เจ้านายเรามีเงิน!”

ชายร่างใหญ่พวกนี้ไม่ใช่ลูกน้องคนโปรดของจอบส์ รู้เพียงว่าจอบส์กำลังตามหาหญิงงามชาวตะวันออกแต่พวกเขาไม่รู้เรื่องภายใน หลงคิดว่าจอบส์เปลี่ยนรสนิยมหมดความสนใจในตัวหญิงสาวผมทองตาสีฟ้าบั้นท้ายสะบึ้ม เปลี่ยนมาชอบหญิงงามร่างเล็กหน้าตาน่ารักชาวตะวันออกเสียแล้ว!

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ เธอคิดว่าครั้งนี้เดิมพันถูกทางแล้ว เจ้านายจากปากของผู้ชายพวกนี้น่าจะหมายถึงจอบส์คนโรคจิตนั่นแน่ แต่เธอยังอยากยืนยันให้มั่นใจอีกที

“เจ้านายพวกนายชื่ออะไร? มีเงินจริงเหรอ?” เธอกะพริบตาปริบ ๆทำท่าเหมือนผู้หญิงที่ลุ่มหลงเรื่องเงินทอง

“เจ้านายของเราเป็นถึงคุณชายจอบส์ผู้โด่งดัง…” ชายผู้หนึ่งหลุดปากออกมาก่อนจะถูกอีกคนห้ามเอาไว้ “รีบลงมือ อย่ามัวแต่พูดจาเหลวไหล!”

เหมยเหมยถึงค่อยวางใจ เป็นจอบส์จริง ๆด้วย วิธีการของเธอสำฤทธิ์ผลแล้ว!

เธอสูดหายใจเฮือกใหญ่แสร้งทำเป็นถอยหลังเพราะความกลัว ไขว้มือไปด้านหลังทั้งที่ความจริงกำลังล้วงโทรศัพท์จากมิติเล็ก ๆเพื่อส่งข้อความหาเซียวเซ่อ

เธอได้ตั้งค่าให้เซียวเซ่อเป็นผู้ติดต่อฉุกเฉินไว้ล่วงหน้าแล้ว รีบพิมพ์ตัวอักษรสองตัวว่า ‘OK’ อย่างรวดเร็วแล้วกดปุ่มส่ง ให้เซียวเซ่อรู้ว่าแผนการของเธอสำเร็จแล้ว

เซียวเซ่อที่เฝ้าอยู่ข้างนอกพอเห็นข้อความบนโทรศัพท์อ่านรอบเดียวก็เข้าใจความหมายในทันที เธอรีบพุ่งตัวเข้าไปในตึกใหญ่ หามุมก่อสร้างที่ว่านั่นรอบหนึ่งก่อนจะเห็นริบบิ้นผูกผมสีเขียวอ่อนหนึ่งเส้นตกอยู่บนพื้น ซึ่งนั่นก็เป็นริบบิ้นที่เหมยเหมยใช้ผูกผมนั่นเอง

แต่เหมยเหมยกลับหายไปแล้ว

มีคนเดินเข้ามาบอกเธอว่า “เพื่อนของเธอถูกผู้ชายหลายคนพาตัวไปแล้ว เธอรีบแจ้งตำรวจเถอะ!”

เซียวเซ่อรีบกล่าวขอบคุณอย่างลวก ๆแล้วโทรหาเหยียนหมิงซุ่น เรื่องนี้ทวีความรุนแรงขึ้นแล้ว เธอต้องรีบแจ้งเหยียนหมิงซุ่นให้เขาไปช่วยภรรยากับลูกสาวด้วยตัวเอง!

เหมยเหมยถูกพาขึ้นรถ เพราะเธอให้ความร่วมมือดียังโชคดีที่ไม่ได้ถูกตีจนหมดสติไป ชายร่างใหญ่พวกนั้นก็ไม่ทำให้เธอลำบากใจเพียงแค่เอาเชือกผูกมือเธอไว้เท่านั้น

รถยนต์ขับออกจากใจกลางเมืองมุ่งสู่หนทางที่คนน้อยลงเรื่อย ๆ ระหว่างทางเห็นได้ว่ามีฟาร์มสัตว์มากมายแต่ไม่เห็นเงาคนแม้แต่คนเดียว ขับอยู่สองชั่วโมงกว่าก่อนจะมาถึงคฤหาสน์

พวกชายร่างใหญ่นำตัวเหมยเหมยไปส่งให้จอบส์โดยตรง ขณะนี้บนตัวเธอยังสวมชุดเต้นระบำเหมือนเดิมและแต่งหน้าแบบดอกเหมยที่ยังไม่ทันล้างด้วยซ้ำ จอบส์จ้องตาเป็นมัน ตัวจริงน่าหลงใหลยิ่งกว่ารูปภาพเสียอีก

“ผลงานศิลปะของพระเจ้า…งามเหลือเกิน…”

จอบส์พึมพำแล้วยื่นมือสัมผัสแก้มเหมยเหมย ปลายนิ้วเย็นเฉียบดั่งงูอสรพิษทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง

……………………

[1] ชายผ้าสีขาวเย็บต่อจากแขนเสื้อที่มียาวกว่าแขนเสื้อทั่วไปและมีหลายขนาด

ตอนที่ 2479 สายการแสดง

เล่อเล่อที่หิวจนอยู่ในสภาพปางตายสะดุ้งเฮือกหลงคิดว่าฉิวฉิวหิวตายแล้วจริง ๆ น้ำตาไหลพรากในทันที รีบคลานไปหาฉิวฉิวพร้อมร้องไห้โฮ

“ฮือ…ฉิวฉิวอย่าตาย…”

เล่อเล่อกับฉิวฉิวผูกพันกันไม่น้อยไปกว่าเสวี่ยเอ๋อร์ เธอคลานไปถึงข้างตัวฉิวฉิวที่แกล้งตายก็อุ้มมันมาไว้ในอ้อมแขน ร้องไห้น้ำตานองหน้าจนขนของมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

ฉิวฉิวแอบซาบซึ้งไม่น้อย ยัยเด็กอ้วนยังมีหัวใจไม่เหมือนเจ้าหมอนั่นทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งเหลี่ยมจัด!

“เล่อเล่ออย่าร้อง…ฉิวฉิวไม่ตายหรอก!”

เสี่ยวเป่าโอบเล่อเล่อแล้วพาไปยังจุดปลอดภัยก่อนจะยัดเนื้อตากแห้งใส่ปากเล่อเล่อ พร้อมขยับรูปปากว่า “รีบทาน…อย่าพูด!”

เล่อเล่อเบิกตาโตด้วยความตกใจ ถึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอหิวมากจริง ๆจึงฉีกเนื้อมาชิ้นใหญ่ก่อนจะเคี้ยวอย่างมูมมาม

แต่ทานไปได้ครึ่งหนึ่งก็เหมือนเธอนึกอะไรขึ้นได้จึงหยุดเคี้ยวก่อนจะเอาเนื้อที่เหลือใส่ปากเสี่ยวเป่า แล้วคายเนื้อในปากออกมาคิดจะแบ่งครึ่งหนึ่งให้ฉิวฉิวที่อยู่ในอ้อมแขน

ฉิวฉิวรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน…น้ำตาปริ่มแล้วเชียว…

เพียงแต่เขารังเกียจน้ำลายของยัยเด็กอ้วนคนนี้จริง ๆนะ!

เสี่ยวเป่าก็ซาบซึ้งไม่น้อยแต่เขาไม่ได้ปฏิเสธเนื้อตากแห้งแค่เคี้ยวลวก ๆไม่กี่คำก็กลืนลงท้องไป หยิกตัวฉิวฉิวทีหนึ่งให้เขาเอาของกินออกมาเพิ่มอีกนิด

เจ้าหมอนี่เห็นแก่ตัวเสียจริง เก็บของกินไว้คนเดียวตั้งสามวันแล้วมองเขากับน้องสาวและเสวี่ยเอ๋อร์ทนหิวอยู่เฉย ๆ!

ฉิวฉิวจำต้องหยิบเอาเนื้อตากแห้งกับช็อกโกแลตออกมาอีกหลายแท่งแล้วพูดเร่งเร้า “เร็วหน่อย ไม่งั้นต้องถูกจับได้แน่!”

เสวี่ยเอ๋อร์ก็คลานตามมาเพราะมันก็หิวมากเหมือนกัน แต่เวลามีจำกัดทำให้พวกเขาทานไปได้ไม่เท่าไรแค่พอให้หายหิวได้เท่านั้น ไม่นานก็รีบกลับไปที่เดิม ในอ้อมแขนของเล่อเล่อยังอุ้มฉิวฉิวที่แกล้งตายไว้อยู่

จอบส์ไปยังห้องคอมพิวเตอร์ พอดีกลับที่พวกเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อทานอะไรไปบ้างแล้ว ส่วนลูกน้องที่รับหน้าที่คอยเฝ้าจับตาดูก็แอบงีบไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เด็กสองคนจะก่อเรื่องใหญ่ได้มากแค่ไหนเชียว!

“นายท่าน…พวกมันแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ส่วนกระรอกกับหมาตัวนั้นก็ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว เด็กสองคนนั้นกำลังเศร้าอยู่แหนะ!” ลูกน้องยิ้มเอ่ย

เล่อเล่อบนหน้าจอกำลังอุ้มฉิวฉิวโดยซบอกของเสี่ยวเป่าอย่างอ่อนแรง ดูท่าทางกำลังเศร้าเสียใจแต่ความจริงกลับแอบเคี้ยวเนื้อตากแห้งที่ยังเคี้ยวไม่หมด ส่วนเสี่ยวเป่าสีหน้าสลดขณะที่เสวี่ยเอ๋อร์กำลังฟุบอยู่ข้าง ๆในสภาพปางตาย ทักษะการแสดงระดับเยี่ยมยอดจริง ๆ

จอบส์อารมณ์ดีขึ้นมามาก เขาชอบดูสีหน้าสิ้นหวังของมนุษย์ที่สุดเลย มันวิเศษจะตายไป!

เขาสั่งป้าคนดำข้าง ๆ “ผักสลัดของวันพรุ่งนี้ลดปริมาณลงต่อไป!”

ดูสิว่าเจ้าเด็กโง่สองคนจะยังแบ่งอาหารให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองอยู่หรือเปล่า โง่ได้น่ารักจริง ๆเลย!

ตกดึกภายในคฤหาสน์เข้าสู่ความเงียบสงัดแต่เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อกลับไม่นอน พวกเขากำลังรับสารอาหารเข้าร่างกายไม่หยุดยั้ง คนที่เฝ้าดูพวกเขาตอนกลางคืนต้องเผลอหลุดให้ความสนใจบ้างแหละ พวกเขาสามารถทานได้มากอีกหน่อย

ดีที่ฉิวฉิวมีอาหารเยอะมากพอเช่นขนมเค้ก เนื้อตากแห้ง ช็อกโกแลตลูกอมเป็นต้น มีทุกอย่างครบครันทานอย่างไรก็ทานไม่หมด พวกเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าทานอิ่มในที่สุดจนกลับมามีเรี่ยวแรงดังเดิม

“ห้ามลุกเดินเด็ดขาด ต้องแกล้งทำเป็นไม่มีแรง…” เสี่ยวเป่าพูดกำชับเสียงเบา เล่อเล่อได้แต่พยักหน้าแรง ๆ ยัยตัวเล็กเฉลียวฉลาดแค่ฟังรอบเดียวก็รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร

เธอพิงกำแพงแล้วไม่นานก็สัปหงกไป หนังตาหย่อนแทบลืมตาไม่ขึ้น แสดงได้สมจริงเหลือเกิน

เสวี่ยเอ๋อร์ฝีมือการแสดงดียิ่งกว่า มันฟุบอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยนพร้อมหลับตานิ่ง มองไกล ๆเหมือนตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น เสี่ยวเป่าถึงค่อยวางใจแต่มากกว่านั้นคือความมั่นใจ

เพียงแต่เขากลับนึกสงสัยว่าทำไมคุณพ่อยังไม่มาหาสักที?

ตั้งสามวันแล้ว…ครั้งนี้คุณพ่อชักช้าจริง ๆ ไว้ออกไปจากที่นี่จะต้องหัวเราะเยาะเขาให้สาสมหน่อยแล้ว!

………………………

ตอนที่ 2480 เจ้าโง่นี่มาจากไหน

ในขณะนี้เฮ่อเหลียนเช่อกำลังนั่งจ้องตากับโจวเจี๋ยรุ่ยอยู่ โจวเจี๋ยรุ่ยกำลังพักร้อนอยู่ซานฟรานซิสโก พอได้รับสายจากเหยียนหมิงซุ่นก็รีบเดินทางมาทันที เพียงแต่เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดภายในคฤหาสน์ของจอบส์ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ทำให้ไม่สามารถจัดการได้อย่างทันท่วงที

“นายเก่งจริงหรือเปล่า? ตั้งสองวันแล้วแม้แต่ประตูคอกหมายังเปิดไม่ได้เลย!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดกระแนะกระแหนพลางมองโจวเจี๋ยรุ่ยที่กำลังนั่งยองอยู่กับพื้นวุ่นกับของที่กองเต็มด้วยสายตาหยามเหยียด

ตอนนี้พวกเขาอยู่ภูเขาหลังคฤหาสน์ สองวันนี้ติดแหง็กอยู่ตรงนี้ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็เริ่มหมดความอดทน เมื่อก่อนเขาเคยฝึกซ้อมให้เสี่ยวเป่ามาก่อนแต่ก็ลอบปกป้องอยู่ในที่ลับไม่เคยอยู่เหนือการควบคุมเลย คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้มาสามวันแล้วทำให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่สบายใจอย่างมาก

ความกังวลที่คาดเดาอะไรไม่ได้แบบนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความกลัวเป็นครั้งแรก!

เขาต้องหาทางเข้าไปให้ได้!

“ไม่ได้การล่ะ ฉันจะไปหาจรวดมายิงที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดด้วยเสียงแค้นใจ

“แล้วคนข้างในก็จะกระจุยเป็นเศษซาก!” โจวเจี๋ยลุ่ยพูดเสียงเรียบแต่สองมือกลับเคาะแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊ครัว ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อโกรธจนอยากยื่นขาเตะใส่ทีแต่จู่ ๆโจวเจี๋ยรุ่ยก็โยนของพวงหนึ่งมาพลางออกคำสั่ง “เอาของพวกนี้โยนไปทางคฤหาสน์ทุก ๆสามเมตร ทิ้งแค่ส่วนด้านหลังก็พอ”

“นี่คืออะไร?” เฮ่อเหลียนเช่อชักขากลับแล้วมองของที่อยู่บนพื้นอย่างไม่เข้าใจ รูปร่างเป็นเม็ด ๆขนาดใหญ่เทียบเท่าเม็ดกระดุมเสื้อแถมยังติดปีกมีแสงสีแดงสุดประหลาดกะพริบเป็นระยะ ๆอีกต่างหาก

“เครื่องรบกวนสัญญาณ บอกนายไปนายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี รีบไปทำงานซะเถอะ!”

โจวเจี๋ยรุ่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์จนเฮ่อเหลียนเช่อนึกอัดอั้นใจ ให้ตายสิ ตอนนี้แม้แต่เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมยังกล้าออกคำสั่งใส่คุณชายเช่ออย่างเขาแล้ว?

“นายรู้ไหมว่าเมื่อก่อนคนที่กล้าพูดแบบนี้กับฉันมีจุดจบอย่างไร?” เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาจ้องโจวเจี๋ยรุ่ยอย่างเยือกเย็น

“เกี่ยวอะไรกับฉัน นายยังอยากช่วยคนอยู่หรือเปล่า!” โจวเจี๋ยรุ่ยไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม เขาละแปลกใจเสียจริง เหยียนหมิงซุ่นไปหาลูกน้องคนใหม่มาจากไหนกันทำไมถึงได้โง่เง่าขนาดนี้…ให้ตาย…ก็แค่มีประสบการณ์ผู้หญิงมากกว่าเขาแค่ไม่กี่ปีไม่ใช่หรือไง?

แม้แต่รังสีอินฟราเรดยังจัดการไม่ได้แล้วจะอวดเก่งทำบ้าอะไร!

โจวเจี๋ยรุ่ยก็แค่ไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเช่อ ไม่อย่างนั้นต่อให้เขามีความกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อขนาดนี้แน่นอน!

เฮ่อเหลียนเช่อระงับความโกรธไว้แล้วไปทำงานแต่โดยดี ไว้ชีวิตเจ้าหมอนี่ก่อน รอช่วยลูกชายลูกสะใภ้ออกมาได้เขาค่อยสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ว่าควรทำตัวอย่างไร!

เขาโยนไว้ส่วนหลังของคฤหาสน์และไม่นานก็กลับมา โจวเจี๋ยรุ่ยยังวุ่นกับโน้ตบุ๊คไม่ห่าง

“เมื่อไหร่จะเข้าไปได้?”

“ใกล้แล้ว เครื่องรบกวนสัญญาณของฉันรบกวนได้แค่ครึ่งชั่วโมง นายต้องเร็วหน่อย!” โจวเจี๋ยรุ่ยพิมพ์รหัสยาวเหยียดลงไปแล้วกดปุ่มเอ็นเทอร์แล้วทำสัญลักษณ์มือ OK ให้เฮ่อเหลียนเช่อ

“จำไว้…ครึ่งชั่วโมง!”

โจวเจี๋ยรุ่ยยังไม่ทันพูดจบเฮ่อเหลียนเช่อก็แฝงตัวไปในความมืดราวกับเหยี่ยวที่หลอมรวมไปกับความมืดมน ไม่นานก็มีความเคลื่อนไหวบนหน้าจอพบว่าเฮ่อเหลียนเช่อแฝงตัวเข้าไปในคฤหาสน์ได้แล้ว

“โอ้โห…เจ้านี่ก็เร็วดีนี่นา…คุณชายหมิงไปหาคนเก่งแบบนี้มาจากไหนเนี่ย?”

โจวเจี๋ยรุ่ยผิวปากทีหนึ่งด้วยความทึ่งที่มีต่อเฮ่อเหลียนเช่อ นี่มันขาติดปีกชัด ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อไม่รู้เลยว่าพวกเสี่ยวเป่าถูกขังไว้ที่ใด แต่เขามีวิธีการของเขาเอง ครั้งนี้เขาเข้ามาได้ก็ไม่คิดจะออกไปอีก เขาย่อมมีวิธีที่จะแฝงตัวอยู่ข้างในนี้ต่อไปได้

สามวันนี้เขาไม่ได้อยู่เฉย ๆแต่ศึกษาแผนที่ภายในคฤหาสน์ได้พอสมควรแล้ว บ้านหลังข้างหน้าคงเป็นเขตที่พักอาศัยที่มีคนรับใช้จำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นชาวผิวดำ แต่เขากลับพบว่ามีชาวผิวเหลืองหลายคนซึ่งนี่ก็คือโอกาสของเขา!

……………………

ตอนที่ 2477 หญิงงามตะวันออก

เซียวเซ่อตกใจ โอ้ ครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆแฮะ

อดีตไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตเพียงใดเหมยเหมยก็ไม่มีทางพูดว่าจะแยกกันอยู่ รักเหยียนหมิงซุ่นหมดทั้งใจ แต่ครั้งนี้…จุ๊ ๆ…

“ใช่…ก็ต้องแบบนั้นแหละ มีฉันอยู่เหยียนหมิงซุ่นอย่าคิดจะตามหาสองแม่ลูกพวกเธอได้ง่าย ๆเลย เที่ยวเล่นสนุกให้เต็มที่!”

เซียวเซ่อกระตือรือร้นยิ่งกว่าเหมยเหมยเพราะรู้สึกเหยียนหมิงซุ่นขัดหูขัดตามานานแล้ว ครั้งนี้จะต้องเอาคืนแทนเหมยเหมยให้ได้!

แต่–

“เรื่องนี้เธออย่าสอดมือเข้าไปยุ่งเลย ฉันจะส่งคนไปสืบ” เซียวเซ่อไม่คิดจะให้เพื่อนไปเสี่ยงอันตราย อย่างน้อยเธอก็มีคนรู้จักอยู่บ้างที่น่าจะพอมีประโยชน์

เหมยเหมยส่ายหน้า “เธออย่ายุ่งดีกว่า จอบส์ไม่ใช่คุณชายเจ้าชู้ธรรมดา เขาเป็นหัวหน้าองค์กรก่อการร้ายหนึ่งเชียวนะ เธอเคยได้ยินชื่อหัตถ์พระเจ้าไหม? มีความเป็นไปได้ว่าจอบส์จะเป็นบอสใหญ่ของหัตถ์พระเจ้า เธอต่อกรกับเขาไม่ไหวหรอก!”

ถึงเซียวเซ่อจะเก่งแต่จอบส์เป็นเหมือนปีศาจ เธอจะให้เพื่อนมาเสี่ยงด้วยไม่ได้!

“หัตถ์พระเจ้า? นี่มันองค์กรอะไรอีก…” เซียวเซ่อเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

“ถึงอย่างไรเสียก็เป็นองค์กรก่อการร้ายที่มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งละนะ เป็นผู้ทำเรื่องชั่วช้าอย่างขายอวัยวะมนุษย์โดยเฉพาะ ฉันมีวิธีแฝงตัวเข้าไป ถ้าเธอไม่มีอะไรก็ช่วยติดต่อเฮ่อเหยียนเช่อกับเหยียนหมิงต๋าให้ฉันที พวกเขาก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”

เวลานี้เซียวเซ่อถึงเข้าใจว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงยอมให้เด็กสองคนเสี่ยงอันตราย ที่แท้ก็มีพระโพธิสัตว์เฮ่อเหลียนเช่อคอยคอยเฝ้าติดตามอยู่นี่เอง!

“เธอร้อนใจเกินไปแล้ว ถึงเจ้าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่คนดีแต่เป็นคนเก่ง มีเขาคอยเฝ้าสอดส่องอยู่ ต่อให้มันจะเป็นหัตถ์พระเจ้าหรืออะไรก็ไม่สำคัญแล้ว!” เซียวเซ่อพูดเกลี้ยกล่อม

“ฉันก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะเก่งแค่ไหนก็มีแค่สองมือ ถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นมา…เฮ้อ ฉันไม่กล้าคิดแล้ว อย่างไรเสียเธอแค่ช่วยฉันติดต่อพวกเขาก็พอ ที่เหลือฉันมีวิธีของฉันเอง”

“เธอจะมีวิธีอะไร? จอบส์ไม่รู้จักเธอสักหน่อย!” เซียวเซ่อพูดทำลายความมั่นใจ

เหมยเหมยลุกยืนหมุนรอบตัวเองทีหนึ่งจนชายกระโปรงสีม่วงอ่อนลอยพริ้วราวกับเมฆ งดงามดั่งภาพวาด

ณ คฤหาสน์ของจอบส์

ลูกน้องของเขายื่นรูปถ่ายให้เจ้านายแล้วถามด้วยท่าทีเอาใจ “นายท่าน ท่านคิดว่าหญิงงามชาวตะวันออกคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

จอบส์พิงโซฟาอย่างเกียจคร้านแล้วทานองุ่นเขียวด้วยท่าทีเชื่องช้าซึ่งเป็นองุ่นเขียวที่ถูกเก็บเกี่ยวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน อีกทั้งต้องมีน้ำค้างติดมาด้วย ไม่อย่างนั้นจอบส์จะลงโทษลูกน้องที่รับผิดชอบเด็ดองุ่นด้วยวิธีที่แสนจะพิสดาร

“ฉันไม่เชื่อมั่นในสายตาของแกแล้ว…แต่ก็เอามาดูหน่อยแล้วกัน…”

จอบส์ไม่ได้สนใจนัก ลูกน้องคนนี้ถูกเขามอบหมายให้ไปตามหาหญิงงามชาวตะวันออกที่ถ่ายรูปมานับไม่ถ้วนให้เขาเลือกจนตาลาย แต่ไม่มีคนเข้าตาสักคน เท่าที่เขาดูหญิงงามจากปากของลูกน้อง…หน้าตาขี้เหร่ทั้งหมด!

หากเหมือนนางอู๋เหยียน[1]ในตำนานจากแดนตะวันออกก็ส่งผลต่อความเจริญอาหารของเขา!

อีกอย่างเขามีตุ๊กตาตะวันออกที่งดงามแล้ว ปีนี้ชัยชนะจะต้องเป็นของเขา สาวงามตะวันออกไม่มีก็ช่างปะไร

“นายท่าน ครั้งนี้ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่!” ลูกน้องพูดประจบพลางยกรูปถ่ายขึ้นสูง

จอบส์หันกลับมามองอย่างเกียจคร้าน แต่มองเพียงแวบเดียวตัวก็แข็งทื่อดวงตาเบิกกว้าง องุ่นเขียวในมือร่วงตกลงพื้นพรมกลิ้งไปอยู่ใต้โซฟา

“เอามาใกล้กว่านี้หน่อย…”

จอบส์ตะคอกใส่จนลูกน้องแอบยิ้มร่าในใจก่อนจะรีบเอารูปขยับเข้าไปใกล้ ๆ

“ถ่ายมาจากไหน?” จอบส์มองอยู่ครู่ใหญ่จนใจกลับมาสงบได้ดั่งเดิม แต่ดวงตาสีฟ้ากลับเป็นประกายราวกับเพชรพลอยสีฟ้า เจ้าตัวกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้น

“สนามบินลอสแอนเจลิส”

ลูกน้องลอบยิ้มในใจ แม้จอบส์จะเข้มงวดต่อลูกน้องมากแต่รางวัลก็ดีใช่ย่อยเหมือนกัน เขาทำภารกิจใหญ่นี้ได้สำเร็จ เจ้านายจะต้องตบรางวัลให้เขาอย่างงามแน่นอน

………………………

ตอนที่ 2478 ใกล้หิวตายแล้ว

จอบส์วางรูปหลายใบเรียงบนโต๊ะ เทคนิคการถ่ายรูปดีไม่หยอกซึ่งจับทุกเสน่ห์ของของเหมยเหมยไว้ได้ครบ ทุกสายตาทุกรอยยิ้มหรือทุกครั้งที่หันกลับมามองหรือก้มหน้า…ต่างก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความงามฉบับสาวสมัยก่อนที่เด่นชัดจากตัวเธอผ่านรูปถ่าย

“แบบนี้แหละ…เหมือนผู้หญิงในฝันฉันเลย…งดงามมาก นี่ฝีมือพระเจ้าสร้างมาชัด ๆ!”

จอบส์พึมพำคนเดียวมองด้วยสายตาหลงใหล

หญิงสาวในรูปงามยิ่งกว่าหญิงสาวชาวตะวันออกในฝันเขาเสียอีก มีเสน่ห์ยิ่งกว่า…แรงบันดาลในการสร้างสรรค์ผลงานของเขาถูกจุดประกายขึ้นแล้ว…ทุกอณูขนในร่างกายกำลังเรียกร้อง…

“สืบประวัติของผู้หญิงคนนี้หรือยัง? ผู้หญิงข้าง ๆเธอคือใคร? ทำไมฉันรู้สึกคุ้น ๆหน้า” จอบส์ครุ่นคิด

“ผู้หญิงคนนี้ชื่อซูซานเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน คนนี้คือเพื่อนของเธอชื่อเซียวเซ่อมาจากตระกูลผู้ดีของอังกฤษ มีตำแหน่งมาร์ควิส” ลูกน้องแนะนำคร่าว ๆ

จอบส์นึกได้ทันที ที่แท้ก็ตระกูลลูกครึ่งนั่นนี่เอง แต่ผู้หญิงที่ชื่อเซียวเซ่อไม่ใช่คนจะหาเรื่องได้ง่าย ๆ ต้องระวังไว้หน่อย!

“หาทางจับตัวคนที่ชื่อซูซานมาให้ได้ อย่าให้เซียวเซ่อจับได้ล่ะ!”

“ครับ!”

ลูกน้องรับคำสั่งก่อนจะจากไป จอบส์ถูมืออย่างตื่นเต้น นิ้วมือของเขาผิวขาวเรียวยาวเหมือนมือของนักเปียโน

“เด็กสองคนนั้นถูกล้างไส้ล้างกระเพาะไปกี่วันแล้ว?” จอบส์นึกถึงเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อจึงถามป้าคนดำ

“ทานผักสลัดไปสามวันแล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มดื่มน้ำเปล่า!” ป้าคนดำตอบ

“ทานผักสลัดต่อไปแล้วกัน ให้พวกมันมีชีวิตต่ออีกหน่อย!” จอบส์เผยยิ้มร้ายกาจ รอจับตัวหญิงงามชาวตะวันออกนั่นได้ค่อยทำตุ๊กตาพร้อมกัน ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบ

เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อถูกขังมาสามวันแล้ว สามวันนี้พวกเขาถูกขังไว้อยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิดแห่งนี้ นอกจากผักสลัดก็น้ำเปล่าแถมปริมาณยังน้อยลงทุกวัน ทั้งคู่หิวจนตาเริ่มลายแทบลุกขึ้นนั่งไม่ไหวอยู่รอมร่อ

“พี่ชาย…หิวจังเลย…”

เล่อเล่อเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรง ใบหน้ากลมกลึงในตอนแรกซูบผอมลงมากจนตาเริ่มโบ๋ชัดขึ้นแต่ยังมีพลังใช้ได้ นั่นก็เพราะมีเม็ดยาวิเศษในไหน้ำเต้าหยกนี้ สามวันมานี้ต่อชีวิตด้วยเม็ดยานี้ทั้งสิ้น!

เสี่ยวเป่าก็หิวไม่แพ้กัน เขาทานน้อยยิ่งกว่าเพราะมีเพียงผักสลัดน้อยนิด แถมเขายังต้องแบ่งให้น้องสาวส่วนหนึ่งจนเหลือผักให้ตัวเองทานเพียงไม่กี่ใบ เรี่ยวแรงไว้พูดยังแทบไม่เหลือ

ต้องรีบคิดหาทางแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีแม้แต่แรงจะหนีจนต้องรอความตายอย่างเดียว!

เสี่ยวเป่ามองไปทางเสวี่ยเอ๋อร์ที่หิวจนฟุบอยู่ตรงพื้น มีเพียงฉิวฉิวที่เป็นปกติดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมีเรี่ยวแรงจนเขาจุดประกายความคิดได้เลยใช้ทั้งขาทั้งแขนคลานไปหาฉิวฉิว

ฉิวฉิวหดตัวอยู่ตรงมุม เห็นเสี่ยวเป่าคลานมาหาตนเลยลอบหัวเราะ เจ้าตัวเล็กนึกถึงคุณชายฉิวอย่างเขาสักที!

เสี่ยวเป่าอุ้มฉิวฉิวมาไว้ในอ้อมแขนแล้วกระซิบถามเขาเสียงเบา “เธอมีวิธีหลบสายตาพวกนั้นใช่ไหม?”

สามวันมานี้ฉิวฉิวต้องทานอะไรไปแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะยังอยู่เป็นปกติสุขได้ขนาด

เสี่ยวเป่าได้รับลมปราณจากฉิวฉิวมาเฮือกหนึ่งในตอนเด็กเลยไม่มีปัญหาเรื่องสื่อสารกับฉิวฉิว เพียงแต่ไม่ได้คล่องเท่าเหมยเหมยกับเล่อเล่อ

ฉิวฉิวขยิบตาให้ทีหนึ่งแล้วปีนไปอยู่ข้างลำตัวเสี่ยวเป่าเอาหลังแนบติดผนังห้องไว้ หยิบเนื้อตากแห้งชิ้นหนึ่งออกมาพลางใช้กรงเล็บชี้พร้อมกล่าว “ทานได้แค่ตรงนี้ แล้วจะทานเกินสองนาทีไม่ได้”

ต่อให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้มากเพียงใดคุณชายฉิวอย่างเขาก็หามุมอับได้อยู่ดี อีกฝ่ายต้องไม่เห็นมุมกำแพงแคบ ๆนี้อย่างแน่นอน แต่กลับอยู่นานมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากอีกฝ่ายหาตัวไม่เจอก็ต้องเกิดข้อสงสัยขึ้นมา

เสี่ยวเป่ายิ้มร่า เขาไม่ได้ทานเนื้อตากแห้งแต่กลับคลานไปหาเล่อเล่อแล้วแสร้งร้องไห้กล่าว “ฉิวฉิวใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว!”

ฉิวฉิวชะงัก เจ้าหมอนี่กล้าวางแผนใส่เขาเหรอ!

ด้วยความระอาเขาจำเป็นต้องนอนหงายบนพื้นแล้วออกแรงชักหลาย ๆทีจนเผยให้เห็นหนังท้องสีอมชมพูของมัน….

………………………..

[1] สาวอู๋เหยียน มาจากเรื่องราวของแม่นางจงอู๋เหยียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่สาวอัปลักษณ์ของตำนานจีน ใช้เปรียบเปรยหญิงสาวที่หน้าตาขี้เหร่แต่มีความสามารถ

ตอนที่ 2475 หนีออกจากบ้าน

 

เพราะเหมยเหมยโกรธเลยล็อกประตูห้องทำให้เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นต้องนอนที่ห้องหนังสือ คุณย่าหยางกับป้าฟางเตรียมอาหารเช้าเสร็จแต่เหมยเหมยกลับไม่ลงมาทานข้าวสักที

 

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากหลงคิดว่าเหมยเหมยยังไม่หายโกรธจึงไปสะสางงานในห้องหนังสือต่อ ทั้งเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางไปยังประเทศอเมริกา

 

คุณย่าหยางกับป้าฟางก็ไม่ได้คิดมากเพราะปกติเหมยเหมยตื่นสายตลอด โดยเฉพาะเวลาเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้าน พวกเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อคืนสองสามีภรรยาคู่นี้แยกห้องนอนกัน!

 

จนถึงมื้อเที่ยงเหมยเหมยก็ยังไม่ลงมาสักทีเหยียนหมิงซุ่นจึงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขารีบพุ่งไปยังชั้นสองก็พบว่าในห้องนอนว่างเปล่า มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ

 

‘ฉันไปหาเล่อเล่อ ถ้าสองแม่ลูกต้องตายก็ขอตายด้วยกัน เหยียนหมิงซุ่นพี่อยู่คนเดียวไปเถอะ!’

 

ในจดหมายมีข้อความเพียงเท่านี้แถมกระดาษยังถูกจิ้มจนทะลุเลยเดาได้ว่าตอนเขียนจดหมายเหมยเหมยรู้สึกร้อนใจมากแค่ไหน เหยียนหมิงซุ่นพอจะนึกภาพได้เลยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก แต่รู้สึกกังวลมากกว่า

 

ทีนี้ล่ะสวยเลย เกิดเรื่องกับทั้งภรรยาและลูกสาวแล้ว!

 

ถ้าเทียบกับเล่อเล่อ เขาห่วงเหมยเหมยยิ่งกว่า…ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกภรรยาตัวเองแต่เพราะทักษะการต่อสู้เทียบลูกสาวไม่ได้จริง ๆ!

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าบอกความจริงให้คนแก่ที่บ้านทราบ บอกเพียงว่าเหมยเหมยงอนเขาแล้วหนีกลับบ้านแม่ไปแล้ว

 

“สมน้ำหน้า…ดูเรื่องไร้คุณธรรมที่หลานทำลงไปสิ…รีบไปรับเล่อเล่อกลับมาแล้วง้อเหมยเหมยซะ…” คุณย่าหยางไม่รู้เรื่องตุ๊กตา ไม่อย่างนั้นคงยกเอาจานเขวี้ยงใส่เหยียนหมิงซุ่นไปตั้งนานแล้ว!

 

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารัว ๆแล้วโทรหาลูกน้องให้พวกเขาดักทางเหมยเหมยไว้เพื่อตามจับยัยผู้หญิงขี้งอนคนนี้กลับมา

 

ทว่า…เหมยเหมยทำทุกอย่างว่องไวโดยเดินทางไปฮ่องกงตั้งแต่เช้ามืด ตอนนี้เกรงว่าคงอยู่บนเครื่องบินเดินทางสู่ประเทศอเมริกาแล้ว อีกทั้งยังใช้สถานะที่ปลอมแปลงขึ้นมาอีกต่างหาก

 

“ให้ตาย ใครทำเอกสารปลอมแปลงให้เธอกันนะ?” เหยียนหมิงซุ่นสบถด่า

 

“ลูกพี่ คุณหนูใหญ่เฝิงช่วยทำให้คุณนาย ตอนนี้สถานะของคุณนายคือชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ชื่อซูซาน เธออยู่บนเครื่องบินแล้ว อีกเจ็ดชั่วโมงก็จะถึงลอสแอนเจลิส” ลูกน้องรายงานความเคลื่อนไหวของเหมยเหมย

 

เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันเอ่ยเสียงนิ่ง “รีบทำเอกสารปลอมให้ฉันอันหนึ่ง แล้วหาเส้นทางที่บินเร็วที่สุด!”

 

“เอกสารปลอมทำเสร็จแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงลูกพี่ก็ขึ้นเครื่องได้เลย เปลี่ยนเครื่องที่โตเกียวหนึ่งชั่วโมง น่าจะเดินทางถึงลอสแอนเจลิสช้ากว่าคุณนายสิบสองชั่วโมง”

 

“ไม่มีที่เร็วกว่านี้แล้วเหรอ?”

 

“ไม่มีครับ นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว”

 

“งั้นก็ไปโตเกียว!”

 

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจแน่วแน่เพราะเขารอเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จะต้องรีบเดินทางไปยังลอสแอนเจลิส สถานะที่ลูกน้องปลอมแปลงให้เขาคือชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นชื่ออิชิโระ ทากาฮาชิที่เป็นคุณชายเจ้าชู้คนหนึ่ง หน้าตาคล้ายเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้าง เขาเพียงแค่ปลอมตัวเล็ก ๆน้อย ๆก็พอ

 

เจ็ดชั่วโมงหลังจากนั้นเหมยเหมยก็ก้าวลงจากเครื่องบินเดินออกมาจากฝูงชน รอบตัวมีแต่คนแปลกหน้าและภาษาที่ไม่คุ้นเคย แม้แต่อากาศยังแปลกใหม่เหลือเกิน เหมยเหมยที่ไม่เคยเดินทางคนเดียวเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

 

แต่พอนึกถึงเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าที่ตกอยู่ในอันตรายเหมยเหมยก็เหยียดหลังตรงมุ่งเดินหน้าต่อไปอย่างหนักแน่น

 

เธอจะเป็นคุณแม่ที่ไร้ความสามารถไม่ได้ จะต้องช่วยเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าออกมาให้ได้

 

บิลบอกว่าหน้าตาของเธอตรงตามมาตรฐานหญิงงามชาวตะวันออกของจอบส์ไม่ใช่หรือ?

 

ถ้าอย่างนั้นเธอจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ จอบส์จะต้องหลงกลแน่ เช่นนี้เธอก็สามารถแฝงตัวเข้าไปได้แล้ว เรื่องหลังจากนั้นค่อยไว้กันอีกที ตอนนี้ตามหาเด็ก ๆก่อนเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!

 

“ซูซาน…”

 

เสียงคุ้นเคยดังแว่วมาแต่ไกล เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

 

เซียวเซ่อยกป้ายขึ้นโบกมือให้เธอไม่หยุด!

 

……………………..

 

ตอนที่ 2476 ลุยเดี่ยว

 

“เซ่อเซ่อ…เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะมาที่นี่?”

 

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่แต่ไม่นานก็นึกขึ้นได้ สถานะปลอมและตั๋วเครื่องบินของเธอได้คุณหนูใหญ่เฝิงเป็นคนจัดการทั้งหมด เซียวเซ่อก็ต้องรู้มาจากแม่ของเธอนั่นแหละ

 

“แล้วเธอว่าฉันรู้ได้อย่างไรล่ะ? ปีกกล้าขาแข็งนักนะ…คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลุยเดี่ยวแล้ว!”

 

เซียวเซ่อกอดอกมองเพื่อนด้วยท่าทียียวน

 

เฝิงไห่ถังเป็นห่วงว่าเหมยเหมยจะเสียเปรียบเพราะไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่ประเทศอเมริกาเพียงลำพังจึงโทรหาเซียวเซ่อวานให้เพื่อนที่อยู่อเมริกาของเธอช่วยดูแลเหมยเหมยหน่อย และบังเอิญว่าเซียวเซ่ออยู่ประเทศอเมริกาพอดี

 

เหมยเหมยเบะปากพร้อมดวงตาแดงก่ำ “เซ่อเซ่อ…ฉันเป็นห่วงเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่า โรคจิตนั่นน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจซะอีก!”

 

“กลับไปที่พักฉันค่อยว่ากัน ทำไมเธอถึงแต่งตัวเหมือนผีแบบนี้ล่ะ!”

 

เซียวเซ่อรับกระเป๋าสัมภาระของเหมยเหมยมา พอเห็นการแต่งกายของเธอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ดูแล้วรู้สึกแปลกพิกลแฮะ!

 

เหมยเหมยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวสบาย ๆแทน แล้วเกล้าผมปักปิ่นด้วยหยกอันหนึ่ง รูปแบบการแต่งหน้ายิ่งเหมือนหญิงสมัยก่อนบวกกับเหมยเหมยใส่ชุดชาวฮั่นสไตล์ใหม่สีม่วงอ่อน นอกจากนี้เธอยังจงใจเดินตัวอ่อนช้อยให้ความรู้สึกงามเหมือนหญิงสมัยก่อนราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดก็ไม่ปาน

 

“ไว้กลับไปค่อยเล่าให้เธอฟังแบบละเอียด สยงมู่มู่ล่ะ ทำไมเขาไม่อยู่ด้วยกันกับเธอ?”

 

รถยนต์ของเซียวเซ่อจอดอยู่นอกสนามบินซึ่งเธอขับรถมาเอง สยงมู่มู่ที่มักตามติดเซียวเซ่ออยู่ตลอดเวลายามนี้กลับหายหัวไป มันน่าแปลกใจจริง ๆ

 

“ทำไมฉันต้องอยู่ด้วยกันกับเขาตลอดด้วย ตายไปก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย!”

 

เซียวเซ่อแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่งแล้วเก็บกระเป๋าสัมภาระไว้ช่องเก็บของหลังรถ ก่อนจะสตาร์ทรถยนต์พุ่งทะยานออกมา เหมยเหมยหลุดขำเสียงเบาไม่กล้าถามอะไรอีก

 

เห็นทีคู่ขิงก็ราขาก็แรงนี้ทะเลาะกันอีกแล้ว สามวันต้องทะเลาะกันเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆทีหนึ่ง หนึ่งสัปดาห์ต้องทะเลาะกันเรื่องใหญ่หนหนึ่ง อย่างมากหนึ่งเดือนก็ต้องทะเลาะกันจนหนีออกจากบ้าน บทละครแบบนี้ฉายวนอยู่หลายปีจนเธอไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว

 

ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าขณะที่เหมยเหมยออกจากสนามบินก็มีชายคนหนึ่งคอยตามพวกเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แสร้งถ่ายภาพทิวทัศน์ในสนามบินโดยถ่ายพวกเธอสองคนเข้าไปด้วย

 

เซียวเซ่อมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ในลอสแอนเจลิสซึ่งเป็นบ้านสวนฟาร์มเล็ก ๆแต่อยู่ห่างจากบ้านสวนฟาร์มของจอบส์ไกลพอสมควร ภายในสวนฟาร์มก็มีคนรับใช้คอยจัดสรรดูแลอยู่

 

“พูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

 

เซียวเซ่อให้คนรับใช้ชงชาเข้ามาแล้วพาเหมยเหมยไปสวนดอกไม้หลังบ้าน

 

เหมยเหมยเล่าเรื่องชั่วช้าที่เหยียนหมิงซุ่นทำออกไปจนหมดเปลือกโดยเอ่ยเสียงปนสะอื้นว่า “จอบส์นั่นคือคนโรคจิต เขาจับเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าไปขัง แล้วยังจะเอาเสี่ยวเป่าไปทำเป็นตุ๊กตา แล้วก็เล่อเล่อ…ต้องหนีไม่พ้นแน่…”

 

เซียวเซ่อมุ่นคิ้วแน่น เรื่องราวดูสาหัสกว่าที่เธอคิดไว้มาก เจ้าเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนรอบคอบโดยเสมอมา ทำไมคราวนี้ถึงสติเลอะเลือนไปได้ล่ะ?

 

กลับใช้เด็กอายุสามขวบกับหกขวบไปเป็นเหยื่อล่อ?

 

“เล่อเล่อเป็นลูกของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นใช่ไหม?” เซียวเซ่อคิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องถามให้รู้เรื่อง

 

เหมยเหมยชะงักค้างไปครู่ใหญ่ถึงเข้าใจความหมายของเธอเลยด่ากลับไป “เธอหมายความว่าอย่างไร เธอหมายถึงฉันมีความสัมพันธ์กับชายชู้คนอื่นงั้นเหรอ?”

 

เซียวเซ่อลูบจมูกปอย ๆแล้วพูดเสียงอ้อมแอ้ม “ก็แค่ถามดูเอง ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย”

 

ถ้าเป็นเช่นนี้ก็น่าแปลก เหยียนหมิงซุ่นยังโหดกับลูกสาวได้ขนาดนี้…ชิ…สมแล้วที่ไต่เต้ามาได้อยู่สูงขนาดนี้!

 

เหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างดุดัน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ถามแบบนี้เธอคงฟาดแส้ใส่ตั้งนานแล้ว!

 

“งั้นเธอคิดจะช่วยอย่างไร?” เซียวเซ่อถามต่อ

 

ไม่ใช่ว่าเธอดูถูกเพื่อนคนนี้ เพียงแต่เหมยเหมยอ่อนแอแทบต้านลมไม่ไหว ลอสแอนเจลิสก็ไม่มีคนรู้จักเลยสักคนเดียว แม้แต่ประตูบ้านจอบส์อยู่ทิศทางไหนก็ไม่รู้ แล้วจะช่วยอย่างไร?

 

ครั้งนี้เหมยเหมยบุ่มบ่ามมาเกินไปแล้ว!

 

“เหยียนหมิงซุ่นล่ะ? ทำไมเขาไม่มา? หรือว่าเขาไม่สนใจลูกสาวแล้ว?”

 

เหมยเหมยที่มีไฟสุมอยู่ในอกจึงพูดเสียงเคียดแค้นว่า “ครั้งนี้ช่วยเล่อเล่ออกมาได้กลับไปฉันจะแยกอยู่กับเขา ให้คนใจดำอย่างเขาอยู่คนเดียวไปเลย!”

 

……………

ตอนที่ 2473 คุณเหมือนหญิงงามคนนี้มาก

 

เหมยเหมยใช้ภาษาอังกฤษถามบิล “ตุ๊กตาพวกนี้ถูกทำขึ้นโดยคนที่ชื่อจอบส์ใช่ไหม?”

 

“ใช่…จอบส์กับเพื่อน ๆของเขาทำด้วยกัน พวกเขามีกลุ่มลับกลุ่มหนึ่งที่จะนัดรวมตัวกันปีละครั้ง แล้วหยิบเอาตุ๊กตาตัวใหม่ที่พวกเขาทำขึ้นมาแข่งความสวยความงามกัน”

 

เสียงของบิลสุขุมราวกับเสียงของเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ไม่ได้ใช้มานานหลายปีซึ่งบ่งบอกถึงอายุขัย…

 

“คนก่อตั้งกลุ่มลับนี้ก็คือจอบส์ สมาชิกส่วนมากก็เป็นเหล่าคุณชายคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยของยุโรปที่เกิดมาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินใช้ วัน ๆคิดแค่ว่าจะฆ่าเวลาที่แสนน่าเบื่อนี้เช่นไร…

 

ประมาณสิบห้าปีก่อนจอบส์ทำตุ๊กตาตัวแรกได้สำเร็จแล้วโชว์ให้กลุ่มเพื่อน ๆดู ตั้งแต่นั้นมาคนพวกนี้ก็เหมือนคนบ้าคลุ้มคลั่งตามหาเด็กหน้าตาน่ารักทั่วโลกเพื่อจะได้มีหน้ามีตาในงานที่จัดขึ้นปีละครั้งแล้วชิงอันดับหนึ่งเพื่อคว้าของรางวัลมาเชยชม”

 

เหยียนหมิงซุ่นถาม “ของรางวัลคืออะไร?”

 

“ผมไม่รู้ แต่ผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับธุรกิจการค้าของตระกูล ตระกูลพวกนี้ภายนอกดูเป็นมิตรแต่ลับหลังก็เป็นคู่แข่งกัน หลายปีก่อนมักปรากฏเงินรางวัลแปลก ๆขึ้นมา ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการเดิมพันนี้” บิลเอ่ย

 

“ตุ๊กตาพวกนี้ทำอย่างไรเหรอ?” เสียงของเหมยเหมยออกจะแหบพร่าเล็กน้อย หัวใจของเธอตกไปที่ตาตุ่ม เส้นประสาทตึงเครียด

 

เล่อเล่อของเธอ…แล้วก็เสี่ยวเป่า…อยู่ในเงื้อมมือของเจ้าคนโรคจิตจอบส์นั่น

 

จะถูกทำเป็นตุ๊กตาเหมือนกันหรือเปล่านะ?

 

บิลมองเธอแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจกล่าว “คุณผู้หญิง คุณไม่มีทางอยากรู้แน่ มันโหดเหี้ยมมาก!”

 

“ไม่…ฉันอยากรู้” เหมยเหมยเอ่ยเสียงหนักแน่น

 

“ได้ข่าวว่าวิธีการทำตุ๊กตาของพวกมันเรียนรู้มาจากประเทศไทยซึ่งจะล้างไส้ล้างกระเพาะให้เด็กพวกนี้ก่อน ทานผักสามถึงสี่วันแล้วก็ดื่มแต่น้ำเปล่าสามวัน สองวันสุดท้ายจะฉีดสารอาหารเข้าร่างกาย…จากนั้นค่อยเริ่มทำ…”

 

บิลค่อย ๆเล่า บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดจนน่ากลัว ทุกคนต่างรู้สึกใจหายและเส้นประสาทที่ตึงเครียดพร้อมจะขาดสะบั้นลงได้ทุกเมื่อ…

 

“จอบส์ไม่เหมือนเพื่อนของเขา เขาชอบเด็กตะวันออกเป็นพิเศษ แต่หลายปีมานี้หมอนี่ก็เริ่มหลงใหลกับการทำตุ๊กตาหญิงสาว ซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยชาวตะวันออก ตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก…”

 

บิลเล่าถึงตรงนี้พลันก็มองไปทางเหมยเหมยแวบหนึ่งด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่าง

 

เขาอดพูดไม่ได้ว่า “คุณผู้หญิง…หน้าตาของคุณเข้ากับมาตรฐานผู้หญิงชาวตะวันออกของจอบส์มาก คุณดูสิ…”

 

เขาว่าแล้วก็เปิดโฟลเดอร์ขึ้นมาอันหนึ่ง จากนั้นก็กดเปิดรูปภาพใบหนึ่งขึ้นมา ในรูปเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามชาวตะวันออกแถมยังเป็นหญิงงามเกล้าผมสไตล์โบราณ หน้าตาดูคล้ายคลึงเหมยเหมยอยู่บ้าง

 

“นี่เป็นรูปภาพที่จอบส์ใช้คอมประกอบขึ้นมา ได้ข่าวว่าเป็นหญิงชาวตะวันออกที่เขาพึงพอใจมากที่สุด แต่ตอนนี้เขายังหาหญิงงามเหมือนในรูปไม่เจอ…”

 

หญิงสาวในรูปมีไฝสีแดงกลางหน้าผาก ใบหน้าเรียว คิ้วโก่งโค้ง จมูกนิดปากกระจับ…ท่วงท่าอ่อนช้อยงามเย้ายวนใจและดูคล้ายคลึงกับเหมยเหมยอยู่หกถึงเจ็ดส่วน

 

โดยเฉพาะความโศกเศร้าที่ฉายอยู่บนใบหน้าจาง ๆนั้นราวกับลอกเลียนแบบขึ้นมาเลย

 

“น่าแปลก…จอบส์ไม่เคยเจอเหมยเหมยมาก่อนทำไมถึงได้วาดเหมือนขนาดนี้?” เฝิงไห่ถังเอ่ยพึมพำ

 

ซังเฟยสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ฉันคิดว่าน่าจะเพราะคุณนายเหยียนมีลักษณะของหญิงสาวชาวตะวันออกอย่างสมบูรณ์ จอบส์เขาน่าจะศึกษาประเทศอยู่ลึกซึ้งมากพอสมควร ฉะนั้นเขาถึงได้วาดรูปตามคำอธิบายลักษณะหญิงงามในบทกลอน ใช้คอมประกอบเป็นรูปหญิงงามนี้แล้วบังเอิญว่ามีจุดคล้ายคุณนายเหยียน”

 

……………………….

 

ตอนที่ 2474 ไม่มีวันยกโทษให้พี่

 

คำอธิบายของซังเฟยดูมีเหตุผลมากเพราะรูปภาพนี้เหมือนเหมยเหมยมากทีเดียว แต่พอดูอย่างละเอียดก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไรนัก

 

รูปภาพนี้มาจากการประกอบกันทำให้หน้าตาดูแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวาซึ่งเทียบไม่ได้กับเหมยเหมย แต่จอบส์นี่ก็มาตรฐานสูงเกินไปหน่อยแล้ว ในชีวิตจริงจะมีคนงามมากมายเสียที่ไหนกัน!

 

เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมากกว่า หากเล่อเล่อเป็นอะไรไปเขาไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่

 

“คุณรู้จักจอบส์ด้วยเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

 

“ไม่ ๆ…ผมไม่รู้จักโรคจิตนั่นหรอก รูปพวกนี้ก็ไม่ใช่ผมที่เป็นคนถ่าย แต่เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมต่างหาก มีครั้งหนึ่งเขาแอบแฝงตัวเข้าไปในงานนัดรวมตัวของพวกจอบส์เพื่อเสี่ยงชีวิตถ่ายรูปพวกนี้มา ขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถบอกชื่อของเขาได้”

 

บิลส่ายหน้ารัว เพื่อนคนนั้นของเขาก็ถ่ายรูปพวกนี้มาได้โดยบังเอิญแถมยังเขียนจดหมายรายงานส่งไปให้ทางตำรวจแต่ไม่มีใครสนใจ กลับเป็นเพื่อนเขาที่ถูกไล่ฆ่าทำให้ต้องไปเป็นนักข่าวภาคสนามอย่างปฏิเสธไม่ได้

 

สนามรบที่เสี่ยงตายกลับกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด เขากับเพื่อนคนนี้รู้จักกันตอนทำข่าวภาคสนาม อีกฝ่ายกลัวตัวเองจะตายอยู่ตลอดเวลาเลยเอารูปพวกนี้ให้เขาหวังว่าจะเหลือหลักฐานความผิดของจอบส์ไว้บ้าง

 

แค่หวังว่าสักวันหนึ่งจะทำให้พวกคนชั่วช้ากลุ่มนี้ได้รับโทษอย่างสาสม!

 

“แต่ผมรู้สถานที่และช่วงเวลาที่พวกจอบส์นัดรวมตัวกันในปีนี้ ปกติพวกเขาจะนัดกันช่วงวันฮาโลวีนของทุกปีแต่จะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ปีนี้นัดกันที่ฟาร์มแห่งหนึ่งของจอบส์ในลอสแอนเจลิส”

 

“นอกจากนี้เพื่อนผมได้ข่าวว่าจอบส์ยังทำตุ๊กตาไม่เสร็จ เพราะเขายังหาเด็กกับผู้หญิงที่เหมาะสมไม่ได้ แต่เขาก็มั่นใจกับชัยชนะในปีนี้มาก ฉะนั้น…ช่วงเวลานี้จอบส์จะตามหาเด็กกับหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง”

 

บิลเล่าเรื่องบางอย่างที่เขารู้ออกมา

 

ขณะนี้เองโทรศัพท์เขาก็แผดเสียงดังขึ้น

 

“ขอโทษนะ ผมขอดูข้อความก่อน”

 

บิลอ่านข้อความฉบับนี้จบอย่างรวดเร็วแล้วรีบลบทิ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “เพื่อนผมส่งข้อความมาใหม่ล่าสุดบอกว่าบิลประกาศว่าพระเจ้าได้มอบตุ๊กตาตะวันออกที่งดงามที่สุดให้แก่เขา เขาจะต้องได้ชัยชนะแน่นอน!”

 

เหมยเหมยใจเต้นรัวขึ้นมาในทันที…

 

ตุ๊กตาตะวันออกที่งามที่สุด!

 

เธอมีลางสังหรณ์ว่าตุ๊กตาที่ว่านี้ต้องเป็นเสี่ยวเป่าแน่นอน!

 

แล้วก็เล่อเล่อของเธอที่อยู่กับเสี่ยวเป่าคงจะกลายเป็นตัวทดลองของจอบส์ไปด้วยเช่นกัน…

 

ไม่ได้นะ!

 

เหมยเหมยกัดปากแน่นไม่ให้ตัวเองหลุดร้องเสียงหลงออกมา แผ่นหลังเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและตัวสั่นเทาไม่หยุด…เธอจะไปช่วยลูกสาว…แล้วก็เสี่ยวเป่า…จะถูกคนโรคจิตทำร้ายไม่ได้!

 

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกหนักอึ้งอย่างมาก เขาได้เตรียมตัวสั่งงานทางนี้เพื่อไปช่วยลูกสาวที่ประเทศอเมริกาเองแล้ว

 

เหยียนหมิงซุ่นที่มีเรื่องกังวลใจจึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูแปลกไปของเหมยเหมย พวกเขากำลังคิดเรื่องของตัวเองอยู่

 

พวกบิลกับซังเฟยขอตัวกลับก่อน ภายในบ้านจึงตกอยู่ในความเงียบสงัด

 

“เหมยเหมย พี่จะรีบเดินทางไปอเมริกา” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

 

“แล้วแต่พี่เลย…”

 

เหมยเหมยปรายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งแล้วลุกเดินกลับเข้าห้องไป ครั้งนี้เธอจะไม่ยกโทษให้ง่าย ๆเลย!

 

กลับใช้เล่อเล่อเป็นเหยื่อล่อ…สารเลวนัก!

 

หากเล่อเล่อเป็นอะไรไป…เธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็คงจบลงแต่เพียงเท่านี้…ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ด้วยกันต่อไปอีก!

 

เธอไม่มีวันใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายที่ไม่ห่วงลูกแบบนี้แน่นอน!

 

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกร้อนใจอ้าปากหมายจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้ควรพูดอะไร เรื่องนี้เขาทำผิดไปจริง ๆ แม้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าเล่อเล่อไม่เป็นไรเพราะมีฉิวฉิวอยู่ด้วย

 

ฉิวฉิวสามารถช่วยเขากับเฮ่อเหลียนเช่อจากการระเบิดในฐานขีปนาวุธได้ ลำพังแค่จอบส์คนเดียวไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ต้องคุ้มครองเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าได้แน่นอน

 

แต่วิธีการของเขาผิดไปแล้วจริง ๆ เขาไม่ควรใช้ประโยชน์จากเด็กน้อยสองคน…อีกอย่างหนึ่งในนั้นยังเป็นลูกสาวแท้ ๆของเขาเองอีกต่างหาก!

 

ให้ตาย…ทำไมตอนนั้นเขาถึงหลงผิดเชื่อคำโน้มน้าวของเฮ่อเหลียนเช่อไปได้กันนะ?

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรอีกแค่คิดว่าหลังช่วยเล่อเล่อออกมาได้แล้วค่อยอธิบายเหมยเหมยอีกที แต่ทว่า–

 

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็หายตัวไปแล้ว

 

……………

ตอนที่ 2471 เด็ก

เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้ป้าฟางทำอาหารตะวันตกเพราะเพื่อนของซังเฟยเป็นชาวอเมริกัน เขาต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี

ซังเฟยเอ่ยห้าม “ไม่ต้องเตรียมอาหารตะวันตกหรอก บิลชอบอาหารฮวาเซี่ยมากที่สุด แค่ทำเมนูบ้าน ๆก็พอแล้ว”

ป้าฟางกับคุณย่าหยางไปเตรียมมื้อเย็นในครัว เหยียนหมิงซุ่นให้ลุงเหลาไปรับบิลที่สนามบินด้วยตัวเอง

เหมยเหมยสงสัยสถานะของบิลอย่างมากเลยอดถามไม่ได้ว่า “เพื่อนของคุณเขาทำงานอะไรเหรอคะ?”

“บิลเป็นนักข่าวเหมือนฉันนี่แหละแต่บิลเป็นรุ่นพี่ฉัน เขาเป็นนักข่าวที่สุดยอดมาก เคยได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วยนะ” ซังเฟยดูท่าทางเคารพยกย่องบิลมากทีเดียว ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

เฝิงไห่ถังยิ้มเอ่ย “เฟยเอ๋อร์เธอไม่ใช่นักข่าวธรรมดาหรอกนะแต่เป็นนักข่าวภาคสนาม ในเวลาหนึ่งปีน่าจะใช้เวลากว่าครึ่งปีอยู่ตามจุดอันตรายต่าง ๆทั่วโลก ฉะนั้นตอนนั้นเธอถึงไม่สามารถดูแลลูกได้”

เหมยเหมยลุกขึ้นทำความเคารพทันที

มิน่าซังเฟยถึงมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ นักข่าวภาคสนามไม่ใช่ใคร ๆก็เป็นได้โดยเฉพาะผู้หญิง ลำพังแค่มีความกล้าไปเป็นนักข่าวภาคสนามก็น่ายกย่องมากพอแล้ว!

“แล้วหลังจากนี้ไปคุณเตรียมจะทำงานอะไรต่อ?”

หากซังเฟยคิดจะดูแลลูกด้วยตัวเองคงไม่สามารถทำงานนักข่าวภาคสนามต่อได้อีกแล้ว

“ฉันติดต่อช่องนกยูงทางฮ่องกงไว้แล้ว จัดการเรื่องทางนี้เสร็จก็จะไปทำงานที่นั่น ยังคงทำงานเป็นนักข่าวเหมือนเดิมแต่เป็นนักข่าวโทรทัศน์ ไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่าเมื่อก่อน” ซังเฟยเผยรอยยิ้มที่ดูขมขื่นหน่อย ๆ

เพื่อลูกชายเธอจำเป็นต้องเสียสละเลิกทำอาชีพที่รักที่สุด แม้จะไม่มีอะไรให้ไม่พอใจแต่ก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง!

เฝิงไห่ถังกวาดตามองรอบ ๆแล้วถามด้วยความแปลกใจ “เล่อเล่อล่ะ…ทำไมไม่เจอหลานเลย?”

เหมยเหมยเจ็บแปลบที่หัวใจเลยฝืนยิ้มตอบ “เล่อเล่อออกไปเที่ยวข้างนอกกับคุณอาค่ะ อีกหลายวันเลยกว่าจะกลับมา”

เฝิงไห่ถังกับซังเฟยต่างเป็นคนที่รู้จักขอบเขต พวกเขาดูก็รู้ว่ามีเงื่อนงำบางอย่างแต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมบอก พวกเธอในฐานะแขกก็คงไม่เหมาะที่จะถามต่อเช่นกัน

บิลเพื่อนของซังเฟยมาถึงในเวลาอันรวดเร็ว เพียงสี่ชั่วโมงก็มาถึงแล้ว ฟังจากเขาเล่าว่าทุกอย่างราบรื่นดี พอมาถึงสนามบินก็เจอจุดคืนตั๋วพอดีเลยไม่ได้เสียเวลารอแม้แต่นาทีเดียว

บิลอายุสี่สิบกว่าปีสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบาย ๆเหมือนซังเฟย แต่กลับเป็นคุณลุงที่หน้าตาหล่อเหลาไม่ได้มีหนวดยาวเฟิ้มอย่างที่เหมยเหมยคิดเอาไว้ สะอาดสะอ้านและหุ่นดีระดับยอดเยี่ยม

เหมยเหมยมองปราดเดียวก็รู้ว่าทำไมบิลถึงได้รีบร้อนมานัก ต้องมีสาเหตุมาจากซังเฟยแน่ ๆ เจ้าหมอนี่ตั้งแต่มาถึงก็ไม่เคยละสายจากซังเฟยเลย คนโง่ยังดูออกถึงอารมณ์ที่สื่อออกทางสายตาซึ่งมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกตัวใด ๆ

บิลพูดภาษาฮวาเซี่ยได้นิดหน่อยในระดับเบื้องต้นอย่างการทักทายแต่การสื่อสารทั่วไปยังต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทว่าดันใช้ตะเกียบได้ดี หากไม่ได้มีหน้าตาอย่างคนผิวขาวก็คงรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนชาวตะวันตกเลยสักนิด

“เฟยเอ๋อร์บอกว่าคุณเป็นข้าราชการใหญ่โตของฮวาเซี่ยที่เก่งกาจมาก บางทีคุณอาจจะช่วยกลุ่มคนน่าสงสารเหล่านั้นได้…”

หลังมื้อเย็นบิลก็เอาโน้ตบุ๊ตจากกระเป๋าออกมาแล้วเอ่ยต่อเหยียนหมิงซุ่น

“คุณหมายถึงหัตถ์พระเจ้าเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างตรงไปตรงมา

บิลชะงักไปทีสายตาดูตกใจชั่ววูบ เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดต่อ “อันนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ผมพอจะรู้เรื่องอื่นอยู่บ้าง บางทีอาจจะมีประโยชน์ต่อคุณ”

โน้ตบุ๊คเปิดการใช้งานขึ้น บิลป้อนรหัสใส่เข้าไป กดอยู่หลายทีแล้วเปิดเอกสารที่ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดขึ้นมา พอคลิกสองที…ก็ปรากฏรูปถ่ายมากมายขึ้น

เหมยเหมยชะเง้อคอเข้าไปดูก็พบว่าในนั้นเป็นรูปตุ๊กตาใบหน้างดงามมีทั้งชายและหญิงที่อายุคละ ๆกันไป แต่น่ารักงดงามกันทุกคนแถมดูเหมือนมีชีวิตราวกับคนจริง ๆก็ไม่ปาน

………………………

ตอนที่ 2472 ตุ๊กตา

รูปภาพเหล่านี้น่าจะถูกแอบถ่ายมาซึ่งมีหลายภาพถ่ายในมุมที่ไม่ดีนักแต่ก็เห็นได้อย่างชัดมาก เหมยเหมยลองนับดูพบว่ามีทั้งหมดสิบห้ารูป โดยแบ่งออกเป็นรูปตุ๊กตาสิบสี่รูป รูปสุดท้ายเป็นรูปตุ๊กตาถ่ายหมู่สิบกว่าตัว

เหมยเหมยนับอีกทีก็พบว่ารูปสุดท้ายมีตุ๊กตาทั้งหมดยี่สิบตัว ตุ๊กตาเหล่านี้ล้วนถูกวางอยู่บนชั้นราวกับสินค้าที่จัดแสดง หนำซ้ำยังถูกกั้นไว้ด้วยกระจกอีกชั้นโดยแบ่งเป็นช่อง ๆวางเรียงไว้อย่างระมัดระวัง

เธอยังสังเกตเห็นว่าตุ๊กตาเหล่านี้มีสีผิวต่างกันโดยหลายตัวมีผิวสีเหลืองดวงตาสีดำผมสีดำ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต่างคือความสวยงาม ทั้งยังสวมชุดที่งดงามมากเช่นเดียวกันถูกจัดท่านอน นั่ง ยืน เต้นรำ…หรือทานข้าว…

ท่วงท่าแตกต่างกันออกไป…หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน แต่มีจุดหนึ่งที่คล้ายกันคือ–

ดูมีชีวิตชีวา!

ตุ๊กตาพวกนี้ทำได้สมจริงเกินไป สมจริงเสียจนเหมยเหมยรู้สึกเสียวสันหลังวาบ…ความเย็นยะเยือนที่แผ่มาจากเท้าเรียกให้ตัวสะท้านเฮือก!

“ตุ๊กตาสวยจัง…เหมือนของจริงเลย!” เฝิงไห่ถังเอ่ยพึมพำด้วยสายตาที่ดูหลงใหล

เธอเป็นคนคลั่งตุ๊กตา สิ่งที่รักที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตก็คือตุ๊กตาในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เธอถึงขั้นทำห้องไว้สำหรับตุ๊กตาที่เธอสะสมมาตลอดหลายสิบปีโดยเฉพาะ เซียวจิ่งหมิงจะสั่งทำตุ๊กตาสุดพิเศษไว้เป็นของขวัญวันเกิดเธอทุกปี ทั้งคู่จึงยังมีสายสัมพันธ์หลงเหลืออยู่…

ครั้นเห็นตุ๊กตาแสนน่ารักคล้ายคนแบบนี้เฝิงไห่ถังก็หักห้ามความรู้สึกชื่นชอบไว้ไม่ได้เลย ถามบิลว่า “นี่สั่งทำจากบริษัทไหนเหรอ? ฉันอยากซื้อ!”

“ไม่ใช่สินค้าแต่สั่งทำเอง” สายตาของบิลดูแปลก ๆไปแถมยังดูแปลกพิกล “คุณผู้หญิง…ผมแนะนำคุณเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ต่อไปเถอะ พวกนี้น่ะ…ไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดาหรอกนะ!”

ประโยคสุดท้ายเสียงเบาหวิวจนเหมยเหมยมองเขาแวบหนึ่งพร้อมใจที่เต้นระส่ำ รู้สึกเหมือนคำพูดของบิลมีนัยยะบางอย่าง

“หรือว่าตุ๊กตาพวกนี้ราคาแพงมาก? ไม่เป็นไร ฉันน่าจะรับไหว!” เฝิงไห่ถังเป็นคนนิสัยดื้อรั้น เธอเชื่อว่าไม่มีสิ่งไหนบนโลกใบนี้ที่เธอซื้อไม่ได้

มีเพียงแค่ราคาไม่สูงมากพอเท่านั้น!

เหยียนหมิงซุ่นพ่นลมหายใจออกมาเนือย ๆแล้วพูดเสียงเย็นเฉียบว่า “ตุ๊กตาพวกนี้คือคนจริง ๆสินะ!”

เหมยเหมยกับเฝิงไห่ถังสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ รู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดผ่านแผ่นหลังอย่างบอกไม่ถูก หากไม่ใช่เพราะในห้องมีพวกเหยียนหมิงซุ่นอยู่พวกเธอต้องหลุดเสียงกรี๊ดออกมาแหง

ซังเฟยยังคงสีหน้าปกติ สมกับเป็นนักข่าวภาคสนามที่ประสบการณ์โชกโชน แต่เธอก็ตกใจเช่นกันเลยหลุดเสียงถาม “คนจริง ๆเหรอ? บิล เขาพูดจริงเหรอ? ตุ๊กตาพวกนี้คือเด็กจริง ๆเหรอ?”

บิลพยักหน้า “ใช่…พวกนี้คือเด็กจริง ๆ พวกเขาเรียกว่าตุ๊กตาหนังคน”

“พระเจ้า…พวกเขาคือใคร? ตำรวจไม่สนใจบ้างเหรอ?” ซังเฟยถามด้วยความโกรธ

บิลหัวเราะเย้ย “ตำรวจสนใจแต่คนจนเท่านั้นแหละ จะไปสนใจเศรษฐีพวกนี้ทำไมกัน!”

เหมยเหมยมองไปที่หน้าจออีกทีซึ่งบิลได้ขยายรูปหนึ่งใหญ่ขึ้น ในนั้นเป็นเด็กผู้ชายอายุห้าหกขวบดวงตากลมโตผมหยักศกโดยธรรมชาติ ผิวขาวสว่างน่ารักเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ แต่ตอนนี้กลับถูกทำเป็นตุ๊กตาจริง ๆเก็บไว้ในตู้กระจกให้คนเชยชมเหมือนของตาย

เธอเอามือปิดปากพยายามกลืนความรู้สึกสะอิดสะเอียนใจลงไป

“เด็กพวกนี้ถูกทำเป็นตุ๊กตาทั้งยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าหลังจากตายแล้วค่อย…” เฝิงไห่ถังสีหน้าดูย่ำแย่มาก เธอสะสมตุ๊กตามาทั้งชีวิตแต่วินาทีนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตุ๊กตาช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน

“ตอนมีชีวิตอยู่ เด็กต้องมีสติอยู่ตลอดเวลากระทั่งทำตุ๊กตาสำเร็จพวกเขาถึงจะจบชีวิตเด็กพวกนี้ได้” บิลพูดความจริงที่แสนโหดร้ายออกมา

“ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน…นี่มันกลุ่มปีศาจชัด ๆ…เด็กที่น่าสงสาร…” เหมยเหมยเอ่ยพึมพำรู้สึกเหมือนมีเข็มปักลงกลางอก พลันเธอก็ฉุกคิดเรื่องสำคัญขึ้นได้สีหน้าเลยเปลี่ยนไปในทันที

………………

ตอนที่ 2469 เป็นไปได้ว่าเป็นหุ่นเชิด

บรรยากาศของครอบครัวเหยียนตลอดช่วงบ่ายเต็มไปด้วยความเย็นชาและเศร้าหมอง ไม่มีใครสนใจเหยียนหมิงซุ่นสักคน เหมยเหมยขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งบ่าย จากนั้นก็เป็นฝ่ายถามเหยียนหมิงซุ่นเรื่องจอบส์

“พี่สงสัยว่าคนนี้จะเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหัตถ์พระเจ้างั้นเหรอ?”

เหมยเหมยมองไปที่นิตยสารหลายเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา หน้าปกล้วนเป็นรูปของจอบส์ทั้งนั้น เพลย์บอยคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแฟชั่นและมักจะถูกรับเชิญให้ไปถ่ายปกนิตยสารชั้นนำอยู่บ่อย ๆ เขาได้รับความนิยมยิ่งกว่านายแบบนางแบบเสียอีก

“ใช่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าจอบส์จะเป็นแค่หุ่นเชิด ครอบครัวของเขาต่างหากที่เป็นบอสใหญ่!” เมื่ออยู่ต่อหน้าเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังความสงสัยของเขาไว้เลย

องค์กรหัตถ์พระเจ้าเก็บตัวมิดชิดมากและกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกเพราะต้องใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมาก สิ่งสำคัญก็คือเมื่อก่อนชื่อหัตถ์พระเจ้าเป็นที่รู้จักทั่วโลกในนามองค์กรนักฆ่า

ตามที่เขาสืบหามาพบว่าองค์กรนักฆ่าก่อตั้งขึ้นมาอย่างน้อยสองทศวรรษแล้ว ซึ่งเมื่อยี่สิบปีที่แล้วจอบส์เพิ่งอายุครบหนึ่งขวบเท่านั้นจึงไม่น่าจะมีความสามารถขนาดนั้นได้

เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด เธอแค่อยากรู้ว่า

“เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อถูกจอบส์จับตัวไปใช่ไหม?”

“อยู่ในคฤหาสน์ของจอบส์”

เหมยเหมยจ้องเขาอย่างเยือกเย็น เหยียนหมิงซุ่นยิ้มออกมาอย่างจนใจ อยากจะพูดอะไรสักหน่อยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี บรรยากาศจึงน่าอึดอัดขึ้นมาทันที

เสียงกริ่งดังขึ้นขัดบรรยากาศที่น่าอึดอัดของพวกเขาลง ป้าฟางพาผู้หญิงสองคนเข้ามา คนหนึ่งเป็นคนรู้จักซึ่งก็คือคุณหนูใหญ่เฝิงแม่ของเซียวเซ่อแต่กลับไม่รู้จักอีกคน

เวลาทำอะไรเฝิงไห่ถังไม่ได้เลยเพราะริ้วรอยแห่งวัยแทบจะไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ มีเพียงริ้วรอยเล็ก ๆที่หางตาของเธอซึ่งก็แค่ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น

ผู้หญิงที่เฝิงไห่ถังพามาด้วยอายุราวสามสิบกว่า ผมสั้นเรียบร้อย ตาโตคิ้วเข้ม ร่างสูงโปร่ง บนใบหน้าไม่มีการแต่งแต้มใด ๆ ผิวดูหยาบกร้านเล็กน้อย เธอแต่งตัวเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ

แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีบุคลิกพิเศษบางอย่าง สง่างามและดูเป็นอิสระ…ซึ่งเปล่งประกายออกมาจากตัวชวนให้คนที่เห็นรู้สึกดีไปด้วย

เป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากคนทั่วไป!

ต่อให้ถูกคลุมด้วยถุงกระสอบยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ยังสะดุดตาอยู่ดี เพราะความสง่างามพิเศษบนตัวเธอ

“…คนนี้คือซังเฟย เธอเป็นแม่ของเทาเทา” เฝิงไห่ถังแนะนำ

เหมยเหมยยืนนิ่งชะงักไปไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโตใด ๆไปชั่วขณะ เทาเทาคือใคร?

ซังเฟยโค้งคำนับเธอขอบคุณอย่างสุดซึ้งพร้อมพูดด้วยความตื้นตันใจว่า “ลูกสาวคุณเป็นคนช่วยชีวิตลูกชายฉันไว้ เดิมทีควรมาขอบคุณให้เร็วกว่านี้ แต่เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นจนถึงตอนนี้ถึงเพิ่งแวะมาหาได้ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาท!”

เฝิงไห่ถังอธิบายต่อ “ช่วงนี้ซังเฟยอยู่เป็นเพื่อนเทาเทาที่โรงพยาบาลตลอด แถมยังเตรียมฟ้องร้องสามีเก่าของเธอด้วยเลยวุ่นไปหมด อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน พอดีเมื่อวานฉันคุยเล่นกับเขาถึงเพิ่งรู้ว่าเล่อเล่อทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ไว้ด้วย!”

เหมยเหมยถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือเป็นแม่แท้ ๆของเจ้าอ้วนน้อยเพื่อนของเล่อเล่อ เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยพูดถึงว่าแม่ของเจ้าอ้วนน้อยเก่งมาก พอได้เห็นแบบนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากจริง ๆด้วย

แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เล่อเล่ออยู่ที่ไหนไม่รู้ด้วยซ้ำ เหมยเหมยก็นึกปวดใจขึ้นมาแล้วพยายามฝืนยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เล่อเล่อก็แค่บังเอิญเท่านั้นเอง ตอนนี้เทาเทาเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้จะพูดอะไรกับพวกผู้หญิงจึงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่ในใจกลับมีเรื่องให้คิดมากมายจึงอ่านไม่เข้าหัวเลยสักตัวเดียว

“ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ จากนี้ก็คงต้องค่อย ๆบำรุงกันไป” ซังเฟยพูดพร้อมรอยยิ้มและแอบกังวลอยู่ในใจ

หมอบอกเธอแล้วว่าถ้าหากเทาเทามาช้ากว่านี้ไตคงใช้การไม่ได้แล้วจริง ๆ และอาจจะกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรังได้…เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าถ้าลูกเธอเป็นโรคไตวายเรื้อรังขึ้นมาจะเป็นอย่างไรต่อไป…

……………………………………….

ตอนที่ 2470 นี่คือคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ วันหลังเอาใจใส่เทาเทาให้มากขึ้นหน่อย อย่าให้เขาทานของซี้ซั้วพวกนั้นอีก…” เหมยเหมยอดพูดออกไปไม่ได้

อันที่จริงเธอรู้สึกไม่พอใจซังเฟยเล็กน้อย ความรักฉันสามีภรรยาหากเข้ากันไม่ได้แล้วหย่ากันเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรก็ต้องดูแลลูกให้ดีด้วย ถ้าเป็นเธอละก็ไม่ว่าลูกจะพูดอย่างไรเธอก็คงไม่วางใจให้ผู้หญิงคนอื่นมาดูแลเด็ดขาด!

แม่เลี้ยงจะดูแลได้ดีกว่าแม่แท้ ๆได้อย่างไรกัน?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่เลี้ยงบางคนที่แฝงเจตนาร้ายเลยเหมือนกับแม่เลี้ยงของเทาเทา ลอบทำร้ายเงียบ ๆ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!

ซังเฟยก็โทษตัวเองเช่นกัน “ฉันฟ้องร้องพ่อของเทาเทาแล้ว กำลังเตรียมตัวสู้คดีรับเทาเทามาเลี้ยงเอง เมื่อก่อนเป็นความผิดของฉันทั้งหมด วันหลังฉันจะดูแลเขาไม่ห่างและจะไม่มีวันจากเขาไปไหนอีก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ…” เหมยเหมยรู้สึกดีใจกับเจ้าอ้วนตัวน้อยด้วยจริง ๆ

ผู้หญิงสามคนคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ซังเฟยเป็นคนพูดเก่งและรอบรู้ ดูท่าแล้วน่าจะเคยไปหลายประเทศเลยเล่าเรื่องประเพณีวัฒนธรรมตามสถานที่ต่าง ๆได้หมด แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ชอบยืนด้วยลำแข้งของตัวเองและมีความรู้ที่ไม่ธรรมดาเลย

สายตาของซังเฟยเหลือบไปเห็นนิตยสารบนโต๊ะน้ำชาพลันก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย การแสดงออกที่เปลี่ยนไปไม่สามารถเล็ดลอดผ่านสายตาของเหมยเหมยไปได้จึงอดถามขึ้นไม่ได้ว่า “คุณรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอคะ?”

“เคยได้ยินค่ะ…เขาชื่อจอบส์เป็นเพลย์บอยโด่งดังในยุโรป มีความสัมพันธ์กิ๊กกั๊กกับดาราสาวหลายคนทีเดียว…” ซังเฟยชะงักไปชั่วขณะแล้วพูดเน้นย้ำว่า “เขาไม่ใช่คนดี…มีนิสัยประหลาด ๆอยู่หลายอย่าง ถ้าคุณเจอเขาจะต้องรักษาระยะห่างไว้นะคะ”

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก ดูท่าซังเฟยจะรู้อะไรเกี่ยวกับจอบส์ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดตรง ๆแต่ก็เห็นได้ชัดว่าพยายามเตือนเธอให้ระวังจอบส์ไว้

เฝิงไห่ถังก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วย พอเห็นภาพหนุ่มหล่อบนนิตยสารก็พูดอย่างประชดประชันว่า “สังคมที่เรียกว่าสังคมชั้นสูงเหล่านี้แท้จริงแล้วคือสิ่งสกปรกโสมม มีแค่บางคนที่เป็นคนดีเท่านั้น…ซังเฟยเธอก็เคยโดนผู้ชายคนนี้ทำร้ายเหมือนกันใช่ไหม?”

ซังเฟยส่ายศีรษะ “ฉันไม่เคยเจอเขา แต่ฉันเคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนฉันบอกว่าบุคคลคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ ถ้าฉันเจอเขาต้องอยู่ห่างเอาไว้!”

“น่ากลัวกว่าปีศาจ?” จะเทียบได้กับคุณชายเช่อเหรอ? เพื่อนของเธอพูดเว่อร์ไปหรือเปล่า?” เฝิงไห่ถังไม่เชื่อ เธออยู่มาครึ่งค่อนชีวิต ผู้ชายที่เคยเจอแล้วน่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเฮ่อเหลียนเช่อเพียงผู้เดียว

แต่ทว่าเมื่อคุณชายเช่อเจอรักแท้ก็เปลี่ยนเป็นคนดีขึ้นมา ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ลาออกบวชเพื่อรักแท้ คาดไม่ถึงจริง ๆ!

ที่แท้เฮ่อเหลียนเช่อก็ป่าวประกาศว่าตนเสียใจเรื่องความรัก มองเห็นสัจธรรมของชีวิตจึงขอลาออกบวชนี่เอง คนในเมืองต่างคิดว่าเป็นเช่นนั้น

ซังเฟยก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อมาเช่นกัน แต่เธอโต้กลับไปว่า “ไม่เลย…คุณชายเช่อยังจิตใจดีกว่าเขา เพื่อนฉันไม่โกหกฉันแน่นอน เพลย์บอยคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจจริง ๆ”

เหยียนหมิงซุ่นถามแทรกขึ้นมาว่า “สามารถติดต่อเพื่อนของคุณได้ไหม? ผมมีเรื่องจะถามเขา”

ซังเฟยพยักหน้าเป็นเชิงตอบกลับอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ฉันจะลองดู ยังไม่รับปากนะคะ”

เธอล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋า ถือว่าโชคยังเข้าข้างเพราะเพื่อนของเธอรับสายพอดี ซังเฟยพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ดูท่าแล้วเพื่อนของเธอจะเป็นชาวต่างชาติ

ซังเฟยยื่นมือถือส่งให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วกระซิบว่า “ฉันแนะนำเพื่อนฉันว่าคุณเป็นคนมีอิทธิพลมากในฮวาเซี่ย  เพื่อนฉันมีอะไรจะพูดกับคุณหน่อย ต้องให้ฉันช่วยแปลไหมคะ?”

“ไม่ต้องครับ ขอบคุณครับ”

เหยียนหมิงซุ่นถนัดภาษาต่างประเทศหลายภาษา แน่นอนว่าภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาพูดสองสามประโยคกับอีกฝ่าย สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลง หัวใจของเหมยเหมยเต้นขึ้นมาถึงคอหอย เหงื่อออกชุ่มเต็มฝ่ามือ

“เพื่อนของคุณกำลังพักผ่อนอยู่ที่ญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังรีบไปสนามบิน คิดว่าตอนเย็นน่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นบอกข่าวที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง

ซังเฟยก็ตกใจเช่นกัน ทำไมบทจะมาก็มาเลยล่ะ

…………………………

ตอนที่ 2467 พี่น้องรักกันมาก

“พี่น้องรักกันมาก…”

จอบส์หัวเราะอย่างเย้ยหยันพลางลูบคางด้วยความสนใจ ด้านข้างมีจานองุ่นสีเขียวใสราวกับคริสตัลวางอยู่ จอบส์เด็ดลูกหนึ่งเข้าปากแต่ก็คายทิ้งออกมาในทันทีพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“เก็บก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือเปล่า?” ป้าคนดำมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแอบบ่นในใจ ปากของเจ้านายลิ้มรสชาติได้ดีจริง ๆ ช้าไปแค่สิบห้านาทีเองยังลิ้มรสความต่างออกมาได้อีก…

“คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชายเก่งมากเลยค่ะเพราะสายไปสิบห้านาที เมื่อคืนทอมคนงานเก็บองุ่นดื่มหนักไปหน่อยเลยตื่นไม่ทัน…” ป้าคนดำยิ้มประจบสอพลอ ทอมคือหนุ่มที่เธอไปอ่อยมาได้ไม่นานมานี้แถมตอนนี้ยังข้าวใหม่ปลามันกันอยู่ ถึงอย่างไรก็ต้องปกป้องเขาหน่อยสิ!

จอบส์มองเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มองจนเธอนึกกลัวและไม่สบายใจไปด้วย

“ชอบดื่มขนาดนั้นเชียว? พระเจ้าย่อมไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ…โรงเหล้าของฉันมีวิสกี้เหลือเยอะเลย งั้นให้เขาช่วยดื่มให้หมดแล้วกัน…” จอบส์พูดออกมาด้วยท่าทีเรียบนิ่งพร้อมรอยยิ้มจาง ๆที่มุมปาก

แต่ใจของป้าคนดำกลับตกไปที่ตาตุ่ม รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆมลายหายไป

เธอย่อมรู้ดีว่าการที่จอบส์บอกให้ดื่มเหล้าย่อมไม่ใช่การดื่มเหล้าธรรมดา วิสกี้ในโรงเหล้ามีเป็นร้อยขวด ทอมจะดื่มเหล้าพวกนี้หมดได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าคงดื่มจนตาย!

ป้าคนดำอยากจะอ้อนวอนเพื่อคนรักแต่เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้ามรกตที่เยือกเย็นไร้อารมณ์ของจอบส์ เธอก็ใจเต้นระส่ำเหงื่อเย็นไหลอาบตัว

“ค่ะ!…ฉันจะไปบอกเดี๋ยวนี้เลย”

ป้าคนดำกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อมกลืนคำอ้อนวอนลงไป พอเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิในห้องเหมือนจะสูงขึ้นจึงอดไม่ได้ที่จะลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ลอบดีใจที่เธอตอบโต้ได้ไว ไม่เช่นนั้นเธออาจจะโดนทอมทำให้ซวยไปด้วย!

จอบส์มองป้าคนดำอย่างเย้ยหยันแล้วเหลือบมององุ่นอย่างนึกรังเกียจพร้อมพูดเสียงเรียบว่า “เอาไปให้ตุ๊กตาตะวันออกสองคนนั้นกินซะ”

ถือซะว่าเป็นการให้รางวัลความรักอันลึกซึ้งของสองพี่น้องตุ๊กตาชาวตะวันออกคู่นี้แล้วกัน!

น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสเป็นพยานรู้เห็นว่าพอโตขึ้นไปแล้วสองพี่น้องนี้จะยังผูกพันลึกซึ้งขนาดนี้ไหม!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อทานผักสลัดสองจานและถั่วเหลืองต้มจนหมดราวกับคนพยายามฝืนทานยา พวกเขายังแบ่งส่วนหนึ่งให้เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวด้วย คนในคฤหาสน์ขี้เหนียวจริง ๆไม่คิดเตรียมอาหารให้เสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวเลย จงใจอยากให้พวกมันหิวจนตายสิท่า!

“องุ่นจานนี้ให้พวกเธอเป็นรางวัล…”

จานองุ่นจานหนึ่งถูกส่งเข้ามาแล้วประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่ใช่เนื้อ…”

แววตาของเล่อเล่อบ่งบอกถึงความหิวโหยสุด ๆ ตั้งแต่เธอมีฟันซี่แรกงอกขึ้นมาเธอก็กินเนื้อมาตลอด คุณย่าหยางจะเปลี่ยนเมนูหลากหลายทำให้เธอทานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแป้งทอดไส้เนื้อ โจ๊กเนื้อฝอย เนื้อตุ๋นน้ำแดง ซี่โครงใหญ่…

เธอกลืนน้ำลายลงคอ เล่อเล่อไม่สนใจองุ่นเลยสักนิด ไม่มีเนื้อลงท้อง กินผลไม้คือความทรมานชัด ๆ ยอมไม่กินเสียยังดีกว่า!

เสี่ยวเป่าแบ่งองุ่นออกเป็นสี่ส่วนแล้วเกลี้ยกล่อมให้เล่อเล่อกินส่วนของเธอ ส่วนที่เหลือของเขา เสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวแบ่งกันกิน

เฮ่อเหลียนเช่อหาที่ซ่อนตัวได้ในป่าเตรียมบุกเข้าไปหาลูกชายในคฤหาสน์ แต่เพียงแค่เข้าใกล้บริเวณคฤหาสน์ก็เกือบถูกจับได้แล้วจึงตกใจรีบวิ่งกลับเข้าไปในป่าอีกรอบ

ที่แท้บริเวณรอบ ๆคฤหาสน์ทั้งสี่ด้านก็มีกล้องวงจรปิดอินฟาเรดติดตั้งไว้อยู่ ขอแค่มีสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้คฤหาสน์ก็จะถูกจับได้ในทันที

เฮ่อเหลียนเช่อไม่เชื่อเลยลองจับกระต่ายป่าแล้วโยนเข้าไป กระสุนปืนมากมายบินว่อนออกมาอัดเจ้ากระตายจนกลายเป็นผุยผงในชั่วอึดใจเดียว

บ้าเอ๊ย!

เฮ่อเหลียนเช่อชูนิ้วกลางไปทางคฤหาสน์ สิ่งนี้เกินตัวเขาไปแล้ว เขาไม่ถนัดเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้เลย แล้วจะให้เขาแฝงตัวเข้าไปในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไรกัน!

ช่วยไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อต้องขอความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงต๋าคนที่เขาไม่เคยมองเห็นอยู่ในสายตาเลย เพื่อให้เขาส่งผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาให้

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ได้รับข่าวคราวนี้เช่นกัน ในใจคิดหนักแล้วสั่งว่า “ติดต่อโจวเจี๋ยรุ่ย เขาอยู่อเมริกาพอดี แถมอยู่ไม่ไกลจากเฮ่อเหลียนเช่อด้วย!”

เหมยเหมยยกซุปเห็ดหูหนูขาวหนึ่งชามเดินเข้ามา ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นเป็นร้อนในในปากจึงมีแผลพุพองอยู่เล็กน้อย เธอจึงตั้งใจตุ๋นซุปเห็ดหูหนูขาวมาให้ ในขณะที่กำลังจะผลักประตูเข้าไปเธอก็ได้ยินชื่อของเฮ่อเหลียนเช่อพลันในใจก็หนักอึ้ง

……………………………………….

ตอนที่ 2468 พ่อแท้ๆ ที่ทำร้ายลูกสาวตัวเอง

เฮ่อเหลียนเช่อไปทำอะไรที่อเมริกา?

เหมยเหมยคิดออกในเวลาอันรวดเร็ว ในใจนึกไปถึงเด็กสองคนนั้นในทันที เฮ่อเหลียนเช่อรักเสี่ยวเป่าดั่งแก้วตาดวงใจ แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมห่างจากเสี่ยวเป่าเด็ดขาด หากเขาอยู่อเมริกา เสี่ยวเป่าก็ต้องอยู่ที่อเมริกาด้วยแน่นอน

ยิ่งเป็นไปได้ว่าเล่อเล่อของเธอจะอยู่ที่อเมริกาด้วยเหมือนกัน!

เหมยเหมยอยากจะฟังต่อแต่เหยียนหมิงซุ่นวางสายไปแล้ว หลังจากนั้นก็แง้มประตูไว้ เขาเองก็กังวลใจเช่นกัน

เพราะเมื่อกี้กำลังเป็นห่วงลูกสาวจึงไม่ได้สังเกตว่าที่ประตูมีคนยืนอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเหมยเหมยได้ยินอะไรไปมากน้อยแค่ไหนบ้าง

“ดื่มซุปเห็ดหูหนูขาวนะ พี่มีอะไรในใจใช่ไหม? ไม่เคยเห็นพี่เป็นร้อนในมาก่อนเลย ตอนนี้ทั้งปากเป็นแผลพุพองเต็มไปหมด…” เหมยเหมยจงใจโยนก้อนหินถามทางดู

แม้ภายนอกของเหยียนหมิงซุ่นจะดูเหมือนปกติทุกวันแต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าเขาเก็บเรื่องใหญ่ไว้ในใจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นร้อนในแบบนี้ได้เหรอ?

“ไม่มีอะไรหรอก ตอนเย็นกินหลายรอบหน่อยเดี๋ยวก็บรรเทาได้แล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดยียวนแล้วทานซุปเห็ดหูหนูขาวจนหมด เขาไม่ได้รับรสชาติใดเลย ในใจยังคงกังวลเรื่องลูกสาวอยู่ หากไม่ใช่เพราะสถานะของเขาไม่สามารถออกประเทศได้อย่างอิสระ ป่านนี้เขาก็คงไปอเมริกาเพื่อปกป้องลูกสาวด้วยตัวเขาเองแล้ว

ความกังวลแบบนี้ช่างทรมานเหลือเกิน!

เหมยเหมยจ้องหน้าเขา ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจล้อเล่นกับเขาแล้วจึงถามด้วยท่าทางเคร่งเครียดว่า “เมื่อไรเล่อเล่อจะกลับมากันแน่? นี่ฉันไม่ได้คุยกับเล่อเล่อมาครึ่งเดือนแล้วนะ…”

“ใกล้แล้ว…ตอนนี้เล่อเล่อโทรมาไม่ได้แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน…เหมยเหมยเชื่อพี่นะ พี่เป็นพ่อแท้ ๆของลูกนะ!” เหยียนหมิงซุ่นรับปาก

“พี่จะให้ฉันเชื่อพี่ได้อย่างไร นี่ผ่านมาครึ่งค่อนเดือนยังไม่มีสายของลูกโทรเข้ามาเลย เหยียนหมิงซุ่น…พี่พูดความจริงมา…ตอนนี้เล่อเล่อตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม?” เหมยเหมยทำสีหน้าเคร่งเครียด

“เปล่า…เฮ่อเหลียนเช่อกับหมิงต๋าช่วยกันปกป้องอยู่ ไม่มีอันตรายหรอก” เหยียนหมิงซุ่นต้องเปิดเผยข้อมูลบางส่วนออกมาบ้าง

สีหน้าของเหมยเหมยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “พวกเล่อเล่ออยู่ที่อเมริกาอย่างนั้นเหรอ? เธอไปทำอะไรที่อเมริกา? เหยียนหมิงซุ่น พี่ยังกล้าโกหกฉันอีกเหรอ…ฉันจะบอกพี่ไว้เลยนะ ถ้าเล่อเล่อเป็นอะไรไป ฉันกับพี่…ได้เห็นดีกันแน่…”

เธอรู้สึกโมโหมาก แม้ว่าเล่อเล่อจะมีความสามารถแต่เธอก็เป็นเพียงเด็กอายุสามขวบ ลูกสัตว์ยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากพ่อแม่ แต่เล่อเล่อของเธอกลับถูกพ่อแท้ ๆใจร้ายส่งตัวข้ามน้ำข้ามทะเลไปอเมริกาอย่างนั้นเหรอ?

เสียงร้องของเหมยเหมยดังจนคุณย่าหยางและคุณปู่เหยียนต้องมาดู พวกเขาฟังสิ่งที่เหมยเหมยเล่าพร้อมเสียงสะอื้นก็กระชากแขนของเหยียนหมิงซุ่นข้างหนึ่งแล้วตำหนิเขา

“แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า…ฮึ? เล่อเล่อยังเล็กขนาดนี้แต่กลับส่งไปไกลขนาดนั้น…หลานชอบว่าน้องชายพึ่งไม่ได้แต่ย่าว่าแกพึ่งไม่ได้มากกว่าหมิงต๋าเสียอีก…รีบพาเล่อเล่อกลับมาเดี๋ยวนี้นะ…ถ้าเล่อเล่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น…ฉันคงอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ ๆ…”

คุณย่าหยางร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพราก ครึ่งเดือนกว่าที่ไม่มีเล่อเล่ออยู่บ้านเธอเหมือนถูกขโมยหัวใจไปด้วย เธอไม่มีแรงใจทำอะไรเลยสักนิด พอตอนนี้ได้ยินว่าเล่อเล่อถูกหลานชายคนโตที่ทำอะไรพึ่งพาได้มาโดยตลอดส่งตัวไปถึงเมืองฝรั่ง…

หญิงชราก็ใจสลาย…จับแขนเหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมปล่อย คุณปู่เหยียนพูดไม่ค่อยเก่งแต่เขาก็โกรธมากเช่นกัน พยายามเหวี่ยงไม้เท้าหลายรอบแต่ก็ทำไม่สำเร็จ

เหยียนหมิงซุ่นปวดศีรษะหนักกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรก…ที่เขาเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง…

ถ้าสามารถย้อนกลับไปได้เขาจะไม่ยอมให้เล่อเล่อไปเสี่ยงตายแบบนั้นเด็ดขาด!

หัตถ์พระเจ้าบ้านี่…ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลูกสาวเขาเลย!

ในเมื่อปิดบังต่อไปไม่ได้เขาจึงต้องสารภาพทุกเรื่องออกมา เหมยเหมยพยายามระงับความโกรธเอาไว้แล้วมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นด้วยสายตาเย็นชาแต่กลับไม่พูดอะไร

“ดูหลานสิ…สิ่งที่ตัวเองทำมันเรียกว่าอะไร…” คุณย่าหยางมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความโกรธแล้วคว้าชามเปล่าที่เคยใส่ซุปเห็ดหูหนูขาวขึ้นมา

ดื่มทำไม…สมควรแล้วที่ปากจะเป็นร้อนใน!

แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆยังทำได้ลงคอ!

……………………….

ตอนที่ 2465 ทำตุ๊กตา

ตกเย็นวันนั้นเสี่ยวเป่าก็ได้เจอกับเจ้าของคฤหาสน์ซึ่งก็คือคุณชายเพลย์บอยที่มีชื่อว่าจอบส์

จอบส์ดูอายุราว ๆสามสิบถึงสี่สิบปี ผมสีทองทั้งหัว ดวงตาเป็นสีฟ้ามรกต เขาเป็นผู้ชายผิวขาวที่หน้าตาหล่อเหลาและมีสง่าราศีมาก ทุกกิริยาท่วงท่าดูมีความเป็นผู้ดีมากทีเดียว

แต่เสี่ยวเป่าได้กลิ่นความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่งในตัวเขา…แม้จะถูกระงับไว้แต่กลับปิดบังเขาไม่ได้หรอก

ผู้ชายคนนี้เลวฝังกระดูกดำ…พระเจ้าก็ช่วยเขาไม่ได้!

คุณป้าคนดำพาเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อมาอยู่ด้านหน้าจอบส์แล้วขอคำแนะนำว่า “คุณผู้ชายคะ เด็กสองคนนี้จะส่งไปที่ไหนดีคะ?”

จอบส์เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีเกียจคร้าน แต่พอเขาเห็นเสี่ยวเป่าดวงตาสีฟ้าก็ลุกวาวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ราวกับอัญมณีสีฟ้าสุกใส มีความงดงามแฝงความชั่วร้าย เล่อเล่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้เสี่ยวเป่าอีกหน่อย

กลิ่นอายบนตัวของคน ๆนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดราวกับว่าหายใจไม่ออก

เสี่ยวเป่าตบมือเล่อเล่ออย่างเบามือแล้วหันไปส่งยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ในฤดูหนาวอันอบอุ่นที่ส่องแสงทะลุผ่านม่านหมอก ความรู้สึกไม่สบายใจของเล่อเล่อหายไปในพริบตา

“เด็กตะวันออกงดงามจริง ๆ ผลงานของพระเจ้า ไร้ที่ติ…ช่างงดงามจริง ๆ!”

จอบส์ยืนอยู่ด้านหน้าเสี่ยวเป่ากวาดตาประเมินเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ดวงตาฉายแววหลงใหลพร้อมเอ่ยชมไม่หยุดปาก

ในใจของเสี่ยวเป่ารู้สึกสะอิดสะเอียดแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้นแล้วมองเขาอย่างไร้เดียงสา ถามเสียงดังว่า “คุณลุง…คุณลุงจะพาผมไปดูโดนัลด์ดั๊กเหรอ?”

คุณป้าคนดำหัวเราะออกมาแล้วกระซิบกระซาบบางอย่างกับจอบส์ เล่าขั้นตอนที่เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อถูกหลอกมาให้ฟังคร่าว ๆ

“เด็กชาวฮวาเซี่ยช่างน่าสงสารจริง ๆ แม้แต่ดิสนีย์แลนด์ก็ไม่มีเลยถูกหลอกง่ายดายขนาดนี้…ฮึ ๆ!” คุณป้าคนดำแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม

จอบส์โบกไม้โบกมืออย่างรำคาญ คุณป้าคนดำรีบหุบปากทันทีด้วยความตกใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“โดนัลด์ดั๊ก ไม่มีอะไรน่าดูหรอก พวกเราไปเป็นตุ๊กตากันนะ…เป็นตุ๊กตาสวย ๆ…ฉันกำลังขาดตุ๊กตาตะวันออกอยู่พอดี เธอก็คือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ฉัน…ช่างดีเหลือเกิน!”

จอบส์พูดพึมพำกับตัวเองพลางยื่นมือเรียวยาวลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่า นิ้วที่เย็นยะเยือกและลื่นชวนให้คนรู้สึกขนลุกซู่

เสี่ยวเป่าพยายามอดกลั้นต่อความรังเกียจก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ผมไม่ชอบตุ๊กตา ผมอยากเห็นโดนัลด์ดั๊กและมิกกี้เมาส์”

จอบส์ไม่ได้สนใจเขาหันไปบอกคุณป้าคนดำว่า “เก็บเด็กสองคนนี้ไว้ก่อน ส่วนที่เหลือเธอไปจัดการแบ่งเองแล้วกัน”

“ค่ะ…คุณผู้ชาย!”

คุณป้าคนดำมองไปที่เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อด้วยความเห็นใจแวบหนึ่ง หากตกอยู่ในมือเจ้านายก็เหมือนตายทั้งเป็น หากถูกส่งตัวไปที่อื่นยังดีเสียกว่า!

“เด็กสาวนี่อ้วนไปจากนี้ให้เธอลดน้ำหนักเพราะฉันจะใช้เธอฝึกมือ ส่วนเด็กผู้ชายนี่ก็ล้างลำไส้ซะ” จอบส์ชี้ไปที่เล่อเล่อ สายตาฉายแววรังเกียจเพราะไม่เคยเจอเด็กผู้หญิงที่ไหนอ้วนขนาดนี้มาก่อน ร่างกายของเธอต้องเต็มไปด้วยไขมันแน่ ๆซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ความงามของตุ๊กตาเขาหมด

เล่อเล่อมองไปที่จอบส์ด้วยความตกตะลึง ทั้งโกรธทั้งโมโห เธออ้วนตรงไหน?

คุณย่าทวดเคยบอกว่าเธอเป็นเจ้าตัวกลมที่น่ารักน่าเอ็นดูไม่ได้อ้วนสักหน่อย คนเลว…รอพี่ชายออกคำสั่งก่อนเถอะเธอจะต้องอัดคนเลวนี่ให้ตายไปข้างเลย!

แต่สิ่งที่ทำให้เล่อเล่อยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ก็คืออาหารเริ่มลดลงเหลือครึ่งหนึ่งตั้งแต่มื้อเย็นซึ่งล้วนมีแต่ผักมองไม่เห็นเนื้อเลยสักชิ้น เสี่ยวเป่าก็เช่นกัน ไม่มีเนื้อเลยเป็นสลัดผักทั้งสิ้น แล้วยังมีถั่วเหลืองต้มด้วย

“พี่…กินไม่ลง…น้องอยากกินเนื้อ…”

เล่อเล่อกินไปคำหนึ่งแล้วก็คายออกมา เธอไม่ใช่กระต่ายสักหน่อยทำไมต้องกินผักสดด้วย?

เสี่ยวเป่าก็กลืนไม่ลงเช่นกัน เขาไม่ได้ปฏิเสธการกินผักแต่เขาอยากได้ผักที่ต้มสุก เขาไม่อยากกินผัดสดเลยสักนิด สิ่งที่เสี่ยวเป่ากังวลมากกว่าก็คือชายที่น่ารังเกียจคนนั้นพูดว่าล้างลำไส้หมายความว่าไง?

แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับการเป็นตุ๊กตาด้วย?

……………………………………….

ตอนที่ 2466 ถูกส่องจากทุกทิศทาง

พวกเสี่ยวเป่าถูกขังไว้ในห้อง ๆหนึ่งบนชั้นสอง ห้องมีขนาดใหญ่และสะอาดมากแต่กลับมืดสลัวน่าหวาดกลัวไม่น้อย

“พี่…น้องอยากกินเนื้อสัตว์…”

ถึงอย่างไรเล่อเล่อก็ยังเป็นเด็กไม่ได้คิดเยอะเหมือนเสี่ยวเป่า ไม่ว่าเรื่องถูกทำเป็นตุ๊กตาหรือล้างท้องลำไส้อะไรพวกนั้นเธอไม่สนใจเลยสักนิด ตอนนี้เธอแค่อยากกินเนื้อสัตว์

ไม่มีเนื้อกินเธอคงไม่มีความสุข!

“พี่คิดหาทางก่อนนะ…”

เสี่ยวเป่าเอาจานวางไว้บนโต๊ะแล้วยืนขึ้นกวาดตามองประเมินรอบด้าน ประตูและหน้าต่างในห้องปิดแน่นมิดชิด อีกอย่างเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของพ่อเขาไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าพ่อได้ตามมาด้วยหรือเปล่า

เมื่อไม่มีเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ข้างกาย เสี่ยวเป่าก็เริ่มวิตกและหวาดกลัวขึ้นมา

หากมีแค่เขาคนเดียวคงไม่รู้สึกกลัวมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่เขากลัวคือจะปกป้องน้องสาวไม่ได้ ถ้าน้องสาวเป็นอะไรขึ้นมาคุณน้าคงเสียใจแย่

เสี่ยวเป่ากำหมัดแน่นปลุกกำลังใจตัวเองขึ้นมาเงียบ ๆ เขาเป็นชายอกสามศอก แม้ว่าพ่อจะไม่ได้ตามเขามาก็ต้องคิดหาวิธีปกป้องน้องสาวให้ได้ เขาจะไม่ให้คนเลวทำอะไรน้องสาวเขาได้เด็ดขาด

แม้จะยังไม่เข้าใจว่าถูกทำเป็นตุ๊กตาคืออะไรแต่เสี่ยวเป่าก็รู้สึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าสนุกแน่ และคงไม่ใช่การเป็นตุ๊กตาทั่ว ๆไปอย่างที่เขาเข้าใจ เพราะว่าบนตัวของชายหนุ่มมีกลิ่นอายเจตนาร้ายเข้มข้น น่าสยดสยองไม่น้อย

เล่อเล่อบ่นอยู่สักพัก อยู่ดี ๆก็ตบหน้าผากตัวเองแล้วอุ้มฉิวฉิวที่กำลังนอนแผ่อยู่บนหัวของเสวี่ยเอ๋อร์ขึ้นมา เธอลืมฉิวฉิวไปได้อย่างไรกัน ฉิวฉิวน่าจะยังมีเนื้อตากแห้งเก็บเอาไว้อยู่

เสี่ยวเป่ายังคงตรวจสอบห้องพักต่อไปแต่ยังไม่เจออะไร แต่เขากลับมักรู้สึกว่าห้องนี้มีกลิ่นอายความชั่วร้ายอยู่ทุกอณูขนราวกับว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องพวกเขาอยู่

ทั้ง ๆที่ห้องนี้โล่งว่าง มีเพียงเขา เล่อเล่อ เสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวเท่านั้น…

เล่อเล่ออุ้มฉิวฉิวขึ้นมาเตรียมล้วงหาของกินอร่อย ๆจากฉิวฉิว สีหน้าของเสี่ยวเป่าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วตะโกนว่า “เล่อเล่ออย่าขยับ!”

เสี่ยวเป่ารู้สึกได้ถึงคลื่นพายุรุนแรงโหมซัดเข้ามาในใจแต่พยายามทำตัวเป็นปกติไว้ เขาเดินไปทางเล่อเล่อด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตานั่นเพราะ…

เขาพบว่า…ภายในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้นับไม่ถ้วน การกระทำของเขาและเล่อเล่อทุกย่างก้าวถูก “ดวงตา” เห็นอย่างชัดเจน ทั้งยังไม่มีมุมอับด้วย

“พี่ชาย…”

เล่อเล่อที่อุ้มฉิวฉิวอยู่มองไปทางเขาอย่างสงสัยพลันไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงดูตื่นตระหนกเช่นนี้ แถมไม่ให้เธอกินเนื้ออีก

เสี่ยวเป่าส่งยิ้มให้เธอแล้ววางฉิวฉิวลงบนพื้นพูดพลางกลั้วหัวเราะว่า “พี่หาเนื้อมาไม่ได้ เล่อเล่อกัดแขนพี่เถอะนะ…”

เขาเอาแขนยัดเข้าไปในปากของเล่อเล่อแล้วแกล้งทำเป็นเจ็บมาก จากนั้นก็ฟุบลงบนตัวเล่อเล่อพร้อมกระซิบที่ข้างหูเธอว่า “มีคนเลวมากมายมองพวกเราอยู่ในที่ลับ ฉะนั้นจะเปิดเผยฉิวฉิวไม่ได้ แล้วห้ามพูดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ…”

เล่อเล่อตกใจแล้วกัดลงไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวเป่าร้องด้วยความเจ็บปวด…พอน้องสาวกัดจริง ๆก็เจ็บใช่เล่นเลยแฮะ

“พี่ชาย…น้องขอโทษ…ไม่ได้ตั้งใจนะ…เจ็บไหม?”

เล่อเล่อรีบปล่อย พอเห็นบนแขนเสี่ยวเป่าเป็นรอยแดงตรงกลางมีรอยฟันเด่นชัดแดงเถือกท่าทางเจ็บน่าดู ดวงตาเล่อเล่อพลันแดงก่ำพลางโทษตัวเองไม่หยุด

ทำไมเธอถึงควบคุมแรงของตัวเองไม่ได้นะ?

“ไม่เจ็บเลย…ไม่เจ็บเลยสักนิด พี่ไม่ดีเอง…หาเนื้อให้เรากินไม่ได้ รีบกินนี่เถอะ ไม่กินจะไม่มีแรงเอานะ…”

เสี่ยวเป่าดึงมือกลับแกล้งทำเป็นไม่เจ็บแล้วหยิบจานอาหารที่เล่อเล่อโยนทิ้งลงพื้นขึ้นมาให้เธอกินต่อ ไม่รู้ว่าชายชั่วร้ายนั่นคิดจะทำอะไรอีก ฉะนั้นต้องเก็บแรงไว้ก่อน

“อืม…น้องจะกิน…”

เล่อเล่อกินผักเข้าไปคำโต ดวงหน้าเล็กยู่หน้าพยายามกลืนมันลงไป แล้วยังหันหน้าไปส่งยิ้มให้เสี่ยวเป่าด้วย

อีกห้องหนึ่งในคฤหาสน์ จอบส์นั่งอย่างเกียจคร้าน ด้านหน้าคือหน้าจอคอมพิวเตอร์มากมายวางเรียงรายกันอยู่ การกระทำทุกอย่างของเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อฉายชัดบนหน้าจอทุกองศาอย่างชัดเจน

…………………….

ตอนที่ 2463 ในที่สุดก็มาถึงแล้ว

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เรือบรรทุกสินค้าแล่นไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แต่ก็ยังไม่เห็นฝั่งสักที ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่าคอยปลอบโยนอยู่เรื่อย ๆ ก้นแหลม ๆของเล่อเล่อคงจะนั่งไม่ติดแล้ว

“พี่ชาย น้องอยากอาบน้ำ…คันจังเลย…”

เล่อเล่อรู้สึกทรมานจนบิดตัวไปมา หลังจากขึ้นเรือก็ไม่เคยได้อาบน้ำอีกเลย ปกติเธออยู่บ้านจะอาบน้ำวันละครั้ง แม่บอกว่าเด็กที่ไม่รักการอาบน้ำเป็นเด็กไม่ดี เธอจึงไม่อยากเป็นเด็กไม่ดี

สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ได้อาบน้ำมันทรมานมากจริง ๆนะ!

ราวกับว่ามีแมลงหลายตัวปีนป่ายไปมาอยู่บนตัว เธอคันจะตายอยู่แล้ว

“พี่เกาให้นะ…เกาแล้วจะได้ไม่คัน” เสี่ยวเป่าทนได้เพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาเข้าไปสำรวจป่ากับพ่อ ไม่อาบน้ำเดือนหนึ่งเป็นเรื่องปกติ ทน ๆไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว

“พี่…ยังคันอยู่เลย…เกาแรง ๆหน่อยสิ…แรงพี่น้อยจังเลย…” เล่อเล่อไม่พอใจกับความนุ่มนวลของเสี่ยวเป่า ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน

เสี่ยวเป่าเลยต้องออกแรงเพิ่มจึงเสียแรงไปไม่น้อย แต่ในที่สุดก็ปรนนิบัติจนบรรพบุรุษตัวน้อยสบายตัวได้ ทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อที่คอยสอดส่องอยู่ในที่ลับมีความสุขมาก

ลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่นนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ ตรงกับรสนิยมเขามาก แข็งแรงกว่าจ้าวเหมยที่อ้อนแอ้นหลายร้อยเท่า

ไม่นานเสี่ยวเป่าก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพ่อเขาแล้วก็หาตำแหน่งที่เขาอยู่เจอได้อย่างแม่นยำ พ่อลูกขยิบตาให้กัน แล้วส่งซิกที่พวกเขารู้กันแค่สองคนเท่านั้น—-สู้ ๆ!

แต่ทว่า

ความหมายของเฮ่อเหลียนเช่อคือ ‘สู้ ๆ ลูกชายเอาใจลูกสะใภ้ให้ได้นะ’

แต่ความหมายของเสี่ยวเป่าคือ ‘สู้ ๆ กำจัดคนเลวไปให้หมดเลย!’

ถึงแม้สองพ่อลูกจะไม่ได้อยู่ในโหมดเดียวกันแต่ก็มีความสุขไม่น้อย

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้อยู่ตรงนั้นนาน เขากลับไปยังที่ซ่อนตัวของตัวเอง แม้พื้นที่จะมีขนาดเล็กไปหน่อย สกปรกไปหน่อยแต่อาหารกลับมีไม่น้อย เขาอยู่อย่างสุขสบายเลยทีเดียว

เรือแล่นต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงเวลานั้นจะมีการหาน้ำและซื้อเสบียงเพิ่มตามท่าเรืออยู่เรื่อย ๆ แต่เสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าเรือมุ่งไปยังทิศทางไหนเพราะกัปตันเรือจำกัดอิสระของพวกเขาซึ่งจะอนุญาตแค่ให้พวกเขาเดินบนดาดฟ้าได้ตอนกลางคืนเท่านั้น ส่วนตอนกลางวันจะออกไปข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด

“พี่…น้องเบื่อ…” เล่อเล่อรู้สึกอึดอัด เธอเป็นคนนิสัยอยู่ไม่สุข ก้นของเธอเหมือนกับลิงไม่มีผิด เพียงแค่ห้านาทีก็นั่งอยู่นิ่ง ๆไม่ได้แล้ว

ราวกับตอนนี้ที่ขังเธอไว้ทั้งวัน มันทรมานยิ่งกว่าไม่ให้เธอทานเนื้อซะอีก หากไม่ใช่เพราะว่าในใจมีความมุ่งมั่นที่จะกำจัดคนเลว แล้วมีเสี่ยวเป่าอยู่เป็นเพื่อน เล่อเล่อคงทนไม่ได้ระเบิดอารมณ์และออกไปนานแล้ว

“ใกล้ถึงฝั่งแล้ว…เล่อเล่อนอนสักพักเถอะ พี่จะอุ้มเรานอนเอง” เสี่ยวเป่าปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนแล้วเรียกให้เล่อเล่อนอนบนตัก จากนั้นก็ลูบหลังเธอทำเหมือนตอนที่คุณน้ากล่อมเขานอนตอนเด็ก ๆ

เล่อเล่อหลับอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเป่าเองก็ทนไม่ไหวกอดเล่อเล่อแล้วหลับไปพร้อมกัน สองพี่น้องกอดกันแน่น มองดูแล้วรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

“ตื่น ๆ…ถึงสวรรค์ของพวกแกแล้ว…”

ฟ้ายังคงมืดสนิท ไม่มีใครอยู่บนท่าเรือสักคนกลับมีเพียงรถจอดอยู่คันหนึ่ง กัปตันเรือรีบพาพวกเขาลงจากเรือ เสี่ยวเป่าปรือตาด้วยท่าทีงัวเงีย แต่เพียงชั่วครู่ก็มีสติขึ้นมาแล้วเรียกเล่อเล่อให้ตื่นกระซิบว่า “เตรียมจัดการคนเลว!”

เล่อเล่อตื่นขึ้นในทันที ความงัวเงียหายไปจนสิ้น ประเมินสถานการณ์รอบด้านอย่างสดใสพร้อมกำหมัดแน่น

พวกเสี่ยวเป่าโดนพาขึ้นรถอีกครั้ง เงาดำพุ่งไปทางหลังรถอย่างเงียบ ๆซึ่งก็คือเฮ่อเหลียนเช่อนั่นเอง เขามุดเข้าไปอยู่ใต้พวงมาลัยรถอย่างว่องไว

รถพาพวกเขาไปที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง ในเวลานี้ท้องฟ้าสว่างไสวแล้ว เสี่ยวเป่าลงจากรถแสร้งทำเป็นใคร่รู้มองไปรอบด้านพร้อมประเมินบริเวณรอบคฤหาสน์อย่างชัดเจน

เสี่ยวเป่ามั่นใจอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาถูกพามาที่สหรัฐอเมริกาแล้ว แต่ไม่แน่ชัดว่าอยู่รัฐไหน เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่น หรือว่าบอสใหญ่จะอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้เหรอ?

……………………………………….

ตอนที่ 2464 คฤหาสน์

คฤหาสน์หรูหราใหญ่โต มีทั้งป่าและฟาร์มเลี้ยงสัตว์เหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆแห่งหนึ่ง เพียงแต่ในรัศมีหลายร้อยไมล์ออกไปไม่เห็นใครเลยสักคน มีเพียงสัตว์เลี้ยงจำพวก วัว ม้าและแกะ

แต่ทว่าภูมิศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้มีประโยชน์ต่อการซ่อนตัวของเฮ่อเหลียนเช่อ ใครก็หาเขาไม่เจอ

พวกเสี่ยวเป่าถูกพาไปชำระล้างทำความสะอาดร่างกายแล้วเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าสวยงามกลับมามีรูปลักษณ์ที่งดงามเหมือนเดิมอีกครั้ง

“ไม่เลวเลยจริง ๆ…โดยเฉพาะเจ้าเด็กผิวเหลืองสองคนนี้ ขอแค่เลี้ยงดูให้ดี ๆ คนรวยพวกนั้นชอบแนวนี้แหละ…”  คุณป้าร่างท้วมผิวดำจับจ้องเสี่ยวเป่าและเล่อเล่ออย่างหิวกระหาย แถมยังบีบไปที่เนื้อหนังบนร่างกายของพวกเขาซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังเลือกซื้อของอย่างไรอย่างนั้น

เล่อเล่อพยายามไม่ขัดขืนความปรารถนาของคุณป้าคนดำ เธออยากทำอะไรก็ให้ทำไป

“เด็กสองคนนี้ขังแยกไว้ต่างหาก ฉันต้องโทรหาเจ้านายหน่อยแล้ว ดูสิว่าเขาจะมีแผนอย่างไรต่อไปบ้าง!”

ดูทรงแล้วคุณป้าคนดำนี่จะเป็นคนดูแลคฤหาสน์แต่ต้องไม่ใช่บอสใหญ่แน่ เสี่ยวเป่าคิดว่าเจ้านายคนที่คุณป้ากำลังจะโทรหาถึงจะเป็นบอสใหญ่!

เหยียนหมิงซุ่นก็ได้รับข้อมูลในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน เหยียนหมิงต๋าตรวจสอบเจอเจ้าของคฤหาสน์นั่นแล้ว เขาไม่ใช่คนอเมริกันแต่เป็นตระกูลชาวยุโรปที่มีชื่อเสียง ทว่าเจ้าของคนปัจจุบันเป็นคุณชายเพลย์บอยที่ทำตัวไร้อนาคตของตระกูลนี้

คุณชายเพลย์บอยที่ชื่อจอบส์คนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในยุโรปเพราะเขาเป็นคนของตระกูลที่ไม่ธรรมดา ใช้ชีวิตหรูหรา ใช้เงินฟุ่มเฟือย อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลา สิ่งสำคัญที่สุดคือจอบส์มีพ่อเป็นอภิมหาเศรษฐี

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขยันทำมาหากินแต่พ่อของเขาก็รักเขามากจึงให้เงินเขาใช้ตลอด ไม่เช่นนั้นจอบส์จะมีเงินมากมายที่ไหนไปตกสาวหรือเลี้ยงพวกดาราได้ล่ะ!

แต่ดูจากตอนนี้จอบส์คงไม่ใช่บุคคลธรรมดา คุณชายเพลย์บอยอาจจะเป็นบทบาทที่เขาสร้างเอาไว้ปกป้องตัวเองก็เท่านั้น!

“ตระกูลนี้เพิ่งให้กำเนิดลูกสาวที่มีกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามขึ้นมา

“ใช่ ตระกูลนี้แหละ ถ้านับตามลำดับเครือญาติแล้วเด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของจอบส์ ซึ่งก็คือลูกสาวของคุณอาเขานั่นแหละ” เหยียนหมิงต๋าตอบ

ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็เข้าใจแล้ว “ฉันมั่นใจประมาณ 80% ว่าจอบส์ก็คือบอสใหญ่ของหัตถ์พระเจ้า นายลองไปตรวจสอบดูกิจกรรมที่จอบส์ทำช่วงสองสามปีนี้มา มันน่าจะหาเบาะแสอะไรได้บ้าง”

จริง ๆแล้วเขายังมีการคาดเดาอีกอย่างหนึ่งที่ซ่อนอยู่แต่เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะตระกูลของจอบส์เป็นตระกูลที่มีมาสองร้อยกว่าปีและมีสถานะสูงส่งในยุโรปด้วย เริ่มต้นจากบริษัทขนมเล็ก ๆจนเติบโตมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ประกอบธุรกิจสุจริตมาโดยตลอด

กลุ่มธุรกิจใหญ่แบบนี้คงไม่คิดทำอะไรบ้า ๆเช่นนั้นหรอกเพราะจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลเอาเปล่า ๆ!

แต่ทว่าทุกสิ่งมักเกิดเรื่องเหนือคาดได้เสมอ เหยียนหมิงซุ่นจึงให้ลูกน้องไปหาข้อมูลของตระกูลจอบส์ ไม่แน่ว่าอาจจะเจออะไรบ้างก็ได้

เสี่ยวเป่าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ยังไม่ถึงสามวันเขาก็สนิทกับสัตว์เลี้ยงต่าง ๆในคฤหาสน์เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังได้ข่าวที่เป็นประโยชน์มาหลายเรื่องทีเดียว

ประการแรกเขามั่นใจแล้วว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นถิ่นของบอสใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะหากดูผิวเผินแล้วคฤหาสน์อาจจะอาศัยอยู่กันไม่กี่คน แต่ในความเป็นจริงมีคนซ่อนตัวอยู่ในที่ลับไม่น้อยเลยและยังมีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากด้วย

ประการที่สองในคฤหาสน์มีห้องอยู่หลายห้อง ในห้องอื่น ๆมีเด็กและผู้หญิงที่ถูกกักขังอยู่ด้านใน บางคนมาถึงก่อนพวกเขา บางคนมาหลังพวกเขา

ประการที่สามเวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว เนื่องจากผู้หญิงและเด็กที่ถูกส่งตัวมาก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ที่นี่นานสุดก็แค่ครึ่งเดือน หลังจากนั้นจะถูกส่งต่อไปที่อื่น

เข้าต้องรีบทำเวลาแล้ว

เสี่ยวเป่าสูดลมหายใจเข้าลึกมองเล่อเล่อที่กำลังเล่นอยู่กับเสวี่ยเสวี่ยและตัดสินใจแน่วแน่

เขาจะต้องพาน้องสาวกลับบ้านอย่างปลอดภัย เขาจะทำให้คุณน้าเสียใจไม่ได้!

……………………………………….

ตอนที่ 2461 เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น

เสี่ยวเป่านั่งยองลง ไม่นานก็มีหนูตัวน้อยวิ่งออกมา ดวงตาสีดำที่เหมือนเมล็ดถั่วมองไปรอบ ๆ ช่างน่ารักเสียจริง

“เอาสิ่งนี้ให้กับผู้ชายด้านนอกที่มีกลิ่นตัวเหมือนฉันนะ!”

เสี่ยวเป่ามัดกระดาษแผ่นเล็ก ๆไว้กับข้อเท้าของเจ้าหนูตัวน้อย เล่อเล่อช่วยเขาดูต้นทาง แต่ต่อให้มีคนเห็นก็คงนึกว่าสองคนพี่น้องกำลังเล่นหยอกเย้ากันอยู่

หนูตัวน้อยร้องเสียงจี๊ด ๆแล้วรีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่มันก็เจอเฮ่อเหลียนเช่อบริเวณใกล้ ๆตัวบ้าน

เฮ่อเหลียนเช่อแกะกระดาษที่มัดอยู่ตรงข้อเท้าเจ้าหนูออก กวาดตาอ่านเพียงแวบเดียวก็ฉีกกระดาษทิ้งจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวว่อนไปตามสายลม เขาหยิบเนื้อตากแห้งออกจากกระเป๋า ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆชิ้นหนึ่งส่งให้เจ้าหนูแล้วเขาก็กินส่วนที่เหลือเองจนหมด

ต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้วและไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาก็แทบจะทนไม่ไหวอยากจะเข้าไปจัดการพวกสารเลวนั่นให้ตายไปซะ!

ท้องฟ้ามืดมิด เมืองที่เคยคึกคักพลันเงียบสงบลงแต่ในบ้านกลับยังครึกครื้น พวกเสี่ยวเป่าถูกปลุกให้ตื่นแล้วพาขึ้นรถไป

เสี่ยวเป่ายังคงลังเล ไม่รู้ว่าควรช่วยผู้หญิงห้าคนนี้ไหม หากถูกส่งตัวไปจริง ๆเกรงว่าคงจะช่วยออกมาไม่ได้แล้ว แต่ว่าห้าคนนี้เป็นพวกเนรคุณ ถ้าเขาเข้าไปช่วยจะเหมือนเรื่องชาวนากับงูเห่าไหมนะ?

เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงหกขวบรู้สึกทำตัวไม่ถูก ขบคิดจนปวดศีรษะ เขาจะช่วยดีไหมนะ…

ถ้าช่วยก็เหมือนชาวนากับงูเห่า!

ถ้าไม่ช่วยเขาก็ทำไม่ลง!

อากาศเริ่มมีความชื้นสูงและกลิ่นเค็ม ใจของเสี่ยวเป่าเต้นตึกตักเพราะใกล้จะถึงริมหาดแล้ว ช่างเป็นช่วงเวลาคับขันเหลือเกิน

“เล่อเล่อ…จะช่วยพี่สาวพวกนั้นดีไหม?” เสี่ยวเป่าคิดไม่ออกแล้วจริง ๆจึงทำได้เพียงต้องขอความช่วยเหลือจากเล่อเล่อ

“ไม่ช่วย…พวกเธอเป็นคนเลว!” เล่อเล่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดพลางจ้องไปที่ห้าสาวอย่างรังเกียจ เกลียดคนเลวที่สุด!

“พวกเธอไม่ใช่คนเลว” เสี่ยวเป่าทำสีหน้าไม่ถูก คิดว่ามาตรฐานการแยกแยะคนดีและคนเลวของน้องสาวง่ายดายเกินไป

เล่อเล่อทำปากจู๋อย่างไม่พอใจ “ก็พวกเธอเป็นคนเลว พวกเค้าคิดจะทำร้ายพี่ชาย คนนิสัยไม่ดี!”

ฮึ พี่ชายอุตส่าห์ให้พวกเธอกระโดดลงจากรถแล้วแต่พวกเธอกลับไม่กระโดดเองแล้วยังจะมาใส่ร้ายอีก เลวมาก!

เสี่ยวเป่าใจกระตุกวูบ เล่อเล่อพูดถูก คนเหล่านี้เคยเนรคุณมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นอาจจะมีครั้งที่สองก็ได้ ไม่สมควรที่จะช่วยจริง ๆ น้องสาวนี่แหละมองขาดที่สุด!

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ช่วย เชื่อเล่อเล่อนะ”

เล่อเล่อหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ เทลูกอมออกจากน้ำเต้าหยกยัดให้เสี่ยวเป่า แล้วยังแบ่งให้เสวี่ยเสวี่ยด้วย จากนั้นถึงค่อยกินเองเม็ดหนึ่ง

พวกผู้หญิงทั้งห้าคนคงคิดไม่ถึงว่าเพราะความเห็นแก่ตัวและความขี้ขลาดของพวกเธอจึงทำให้พลาดโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะหนีไปได้

บางครั้งโอกาสก็จะหายไปในพริบตาท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้แหละ!

รถจอดลง ลมทะเลที่เต็มไปด้วยความชื้นพัดเอื่อย ๆ พวกเสี่ยวเป่าถูกเอาตัวลงจากรถ ด้านหน้าเป็นทะเลอันกว้างใหญ่ นอกจากนี้แล้วยังมีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จอดอยู่ เล่อเล่อรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งใหม่ ดวงตาจึงเป็นประกายลุกวาว

แต่แล้วกลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น!

“หมากับกระรอกเอาขึ้นเรือไม่ได้ โยนลงทะเลไปซะ!” พอคนที่อยู่บนเรือบรรทุกสินค้าเห็นเสวี่ยเสวี่ยและฉิวฉิวก็แสดงสีหน้ารังเกียจ

เล่อเล่อรีบกอดเสวี่ยเสวี่ยกับฉิวฉิวไว้แน่นมองคนที่จะมาจับพวกมันอย่างหวาดระแวงพร้อมกรีดร้องเสียงดังว่า “ห้ามโยนเพื่อนของฉันนะ!”

เสี่ยวเป่าพลันชะงักรีบเข้าไปขวางด้านหน้าเล่อเล่อไว้อ้อนวอนว่า “คุณลุง ขอร้องเถอะครับ อย่าโยนพวกมันทิ้งเลยนะครับ พวกมันเชื่องมาก ไม่ก่อเรื่องแน่นอน…”

ขณะที่เขาพูดไปก็พยายามลอบสะสมพลังไปจึงมีหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆผุดตามหน้าผาก ดวงตาของเขาเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าแต่ดูลึกล้ำราวกับมีมนต์สะกด ทุกคนที่มองตาเขาสติจะค่อย ๆเลือนราง แววตาก็จะค่อย ๆพร่าเบลอ

“โอเค…ถ้าอย่างนั้นก็เอาขึ้นเรือเถอะ…เร็วเข้า ให้มันเร็ว ๆหน่อย!”

คนที่คัดค้านอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้กลับคำพูดในชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ชายหนุ่มสูบไปป์ที่เป็นคนมาส่งเองถึงกับเกิดข้อสงสัย

……………………………………….

ตอนที่ 2462 ช้ากว่าหนึ่งก้าวเสมอ

ชายหนุ่มสูบไปป์มองเสี่ยวเป่าอย่างสงสัย เขารู้ดีกว่าใครว่ากัปตันเรือลำนี้เกลียดสัตว์มากขนาดไหน โดยเฉพาะสัตว์ที่มีขน เหตุใดถึงถูกโน้มน้าวได้ง่ายได้ขนาดนี้?

เขานึกถึงเหตุการณ์ของตัวเขาเองที่เคยเกิดขึ้นคล้าย ๆกันขึ้นมา แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังนึกไม่ออก มีเรื่องอะไรที่เขาลืมไปกันยะ!

บ้าเอ๊ย!

ชายหนุ่มที่สูบไปป์ตบหน้าผากของตนอย่างนึกรำคาญใจ หลายวันมานี้เขารู้สึกกระวนกระวายใจแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างปกติมาก เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องระแวงสงสัยเช่นนี้!

แต่ทว่าชายหนุ่มกลับมักรู้สึกว่าเสี่ยวเป่าดูแปลก ๆ เขานึกเสียดายที่จะส่งตัวเสี่ยวเป่าไป น่าจะเก็บไว้ศึกษาดูก่อน

พวกเสี่ยวเป่าต่างขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เรือค่อย ๆห่างออกจากฝั่งไปจนภาพเล็กลงเรื่อย ๆ…

“แย่แล้ว…รีบเรียกพวกเขากลับมา บ้าเอ๊ย เด็กผู้ชายคนนั้นต้องมีอะไรแน่!”

ความคิดของชายหนุ่มสูบไปป์กระจ่างขึ้นมาในทันที ปัญหาที่เขาคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาถูกคลี่คลาย สิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้องทั้งหมด เสี่ยวเป่าคือตัวปัญหาใหญ่

ลูกน้องต่างยืนอึ้ง ไม่เข้าใจว่าหัวหน้ากำลังร้องโวยวายเรื่องอะไร เด็กผู้ชายวัยหกขวบจะมีปัญหาอะไรได้?

“บ้าเอ๊ย…เราทุกคนต่างโดนเจ้าเด็กนี่หลอกเข้าแล้ว…ยิงปืนส่งสัญญาณเตือน!” ชายหนุ่มสูปไปป์ควักเอาปืนส่งสัญญาณออกมา ตอนนี้มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เรือบรรทุกสินค้าหันหัวเรือกลับมาได้

ถ้าสินค้าชุดนี้มีปัญหาสำนักงานใหญ่ต้องไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ เขาจำเป็นต้องจับเสี่ยวเป่ากลับมาเพราะจะปล่อยให้ภัยร้ายเข้าไปอยู่ในสำนักงานใหญ่ไม่ได้

เสียงปืนดังขึ้นแล้ว…

แต่ทว่าคนที่ล้มลงไปกลับเป็นชายหนุ่มสูบไปป์ เพียงนัดเดียวยิงเข้าทางท้ายทอยทะลุผ่านด้านหน้าและตายในทันที

ลูกน้องหลายคนต่างพากันแตกตื่นแต่เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ให้เวลาพวกเขานานนัก เสียงปืนที่ดังก้องกังวานดังเหมือนเสียงประทัด ไม่ถึงหนึ่งนาทีพวกเขาทุกคนต่างล้มลงซึ่งล้วนแต่เป็นการยิงทะลุผ่านศีรษะทั้งนั้น

เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามาเตะศพที่นอนแน่นิ่งสองสามที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก “ฉันจะไปปกป้องลูกชายและลูกสะใภ้ฉันแล้ว เรื่องที่เหลือนายจัดการต่อให้ด้วย…”

เขาสวมชุดดำน้ำแล้วกระโดดลงไปในทะเล และด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนโลมาทั้งหลาย ในที่สุดเขาก็สามารถตามเรือบรรทุกสินค้าได้ทันท่วงที เฮ่อเหลียนเช่อปีนขึ้นไปบนเรืออย่างระมัดระวัง เรือลำนี้มีขนาดใหญ่ ดังนั้นเขาจึงสามารถหาที่ซ่อนตัวได้ไม่ยาก

การเดินทางครั้งนี้อาจจะต้องข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ต่อให้ได้ความช่วยเหลือจากเหล่าเพื่อนโลมา เขาก็คงจะว่ายน้ำไปไม่ไหว ฉะนั้นคอยปกป้องอยู่บนเรือดีกว่า!

ไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็สามารถหาที่ซ่อนตัวได้ เขานั่งลงพักผ่อนครู่หนึ่งเพราะเมื่อกี้เพื่อที่จะให้ตามเรือลำนี้ทัน เล่นทำเขาเหนื่อยไม่น้อย พอได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดนอกเรือ เฮ่อเหลียนเช่อก็นึกถึงเหมยซูหานขึ้นมาอีกครั้ง ความขมขื่นพลันถาโถมเข้ามาในใจ

ถ้าเหมยซูหานยังอยู่ เขาคงไม่จำเป็นต้องมาเป็นทั้งพ่อและแม่แบบนี้ แล้วยังต้องหาสะใภ้ให้ลูกชายอีก คอยกังวลใจเหมือนแม่แก่ ๆคนหนึ่ง…

เหมยซูหานอยู่ที่ไหนกันนะ?

ทางด้านเหยียนหมิงต๋ายังไม่ทันถามได้ความอะไรเฮ่อเหลียนเช่อก็ชิงวางสายไปก่อน ผ่านไปสักพักเขาถึงเพิ่งได้สติขึ้นมาจึงก่นด่าด้วยความโกรธ “หลานสาวของฉันไปเป็นลูกสะใภ้นายตั้งแต่เมื่อไรฮะ น่าไม่อายจริง ๆ!”

เมื่อมาถึงชายหาดความโกรธของเหยียนหมิงต๋าก็ทวีเพิ่มขึ้น ไอ้สารเลวนี่มีความสุขเสียจริงแค่ฆ่าคนแล้วก็สะบัดก้นหนีไปทิ้งความลำบากให้เขามานั่งเก็บกวาดต่อ!

เหยียนหมิงต๋าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงช้ากว่าเฮ่อเหลียนเช่อหนึ่งก้าวเสมอเลย?

ทั้ง ๆที่เฮ่อเหลียนเช่อทำงานคนเดียวแต่เขากลับมีลูกน้องมากมายคอยตามช่วยเหลืออยู่!

เหยียนหมิงต๋าที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกโทรหาพี่ชายรายงานข่าวคราวให้ฟัง ตอนท้ายจึงอดไม่ได้ที่จะเล่าถึงความฉงนสงสัยของเขาเองไปด้วย

เหยียนหมิงซุ่นรู้คำตอบในทันที เสี่ยวเป่าและเฮ่อเหลียนเช่อน่าจะมีวิธีการติดต่อลับเฉพาะกัน ดังนั้นเฮ่อเหลียนเช่อจึงสามารถไปถึงก่อนได้ทุกครั้ง เขาจึงวางใจมากยิ่งกว่าเดิม

ความสามารถของเฮ่อเหลียนเช่อพอ ๆกับเขา ในเมื่อมีเขาคอยตามปกป้องอย่างลับ ๆ เล่อเล่อจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!

……………………………

ตอนที่ 2459 โอกาสผ่านไปแล้ว

รถค่อย ๆขับเข้าตัวเมือง ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เวลานี้พอจะได้ยินเสียงคนสัญจรไปมาและเสียงแตรจากบนท้องถนนบ้างแล้ว

พวกผู้หญิงดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าความหวังเริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆความโศกเศร้าจึงถาโถมเข้ามา พวกเธอร้องไห้สะอื้นเสียงเบา ตอนแรกยังมีเพียงไม่กี่คนแต่ไม่นานสาว ๆในรถก็เริ่มร้องไห้โศกเศร้ากันระงม

เล่อเล่อได้ยินก็ขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบร้องไห้มากที่สุด แล้วก็เกลียดเวลาเห็นคนอื่นร้องไห้เช่นกัน

แต่พวกพี่สาวน่าสงสารจัง ยอมให้พวกเธอร้องหน่อยก็ได้ เฮ้อ!

เสี่ยวเป่าเงียหูฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่ประตูรถ เล่อเล่อก็ตามมาด้วย ทั้งสองคนหยิบมีดพกพาออกมาแล้วตัดสลักกลอนประตูออก พอประตูเปิดออกอากาศอันบริสุทธิ์จากด้านนอกก็พัดพาเข้ามา เหล่าสาว ๆต่างอึ้งตะลึงจนตาค้างและไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเธอเลย

“ชู่”

เสี่ยวเป่าทำท่าชูนิ้วปิดปากส่งไปทางพวกเขา สายตาของพวกผู้หญิงเหล่านี้ฉายแววดีใจและประหลาดใจแล้วพยักหน้ารับ

ในช่วงเวลานี้คนที่เดินสัญจรไปมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รถจึงค่อย ๆชะลอตัวลง

เสี่ยวเป่าหันศีรษะไปพูดกับพวกผู้หญิงเหล่านั้น “ถ้าอยากกลับบ้านก็กระโดดลงไป!”

มีหญิงสาวสองสามคนแสดงสีหน้าลังเลเพราะไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดของเด็กดีไหม หากโดนจับกลับมาคงถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน

ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่เคยหนีแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง แถมยังถูกเฆี่ยนตีจนแสบระบมไปทั้งตัวอีกต่างหาก

มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “ต่อให้ต้องตายฉันก็ยอม อย่างน้อยร่างกายก็ยังบริสุทธิ์อยู่”

พอพูดจบเธอก็กระโดดลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นไม่กี่ตลบก็หยัดกายลุกขึ้นพยายามวิ่งไล่ตามรถแล้วเอื้อมมือออกไปทางเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ “พวกเธอก็รีบกระโดดลงมา พี่สาวจะรับพวกเธอไว้เอง”

เมื่อมีคนแรกนำไปแล้ว คนอื่น ๆก็เริ่มมีความกล้าจึงกระโดดลงไปทีละคนโดยทำตามสาวคนแรก พวกเธอบอกให้เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อกระโดดลงมา พวกเธอไม่ต้องการเห็นเด็กที่น่ารักเช่นนี้ถูกขายให้สถานที่สกปรกเช่นนั้น!

“พี่สาวรีบหนีไป แล้วร้องขอความช่วยเหลือให้เสียงดังที่สุด…อย่าหันกลับมา!” เสี่ยวเป่าส่ายศีรษะแล้วบอกให้พวกเหล่าสาว ๆรีบหนีไป

ผู้หญิงส่วนใหญ่ในรถทยอยกระโดดลงไปมากพอสมควรแล้ว ส่วนที่เหลืออีกห้าคนยังคงลังเลใจ เสี่ยวเป่าก็ไม่ได้เร่งรัดพวกเธอเช่นกัน เขาได้ให้โอกาสพวกเธอแล้วจะคว้าเอาไว้หรือไม่เขาไม่สน

ครั้นพวกคนที่เดินสัญจรไปมาตามท้องถนนเห็นสาว ๆกระโดดกลิ้งลงมาจากรถเหมือนเกี๊ยวต่างก็นิ่งหยุดชะงัก มีบางคนฉลาดจึงพอเข้าใจเรื่องราวได้ในฉับพลัน

“ไม่ได้การล่ะ…นี่เป็นการลักพาตัว…รีบแจ้งตำรวจเร็วเข้า!”

พวกผู้หญิงที่กระโดดลงมารีบวิ่งหนีสุดแรงไปทางที่มีคนอยู่แออัด วิ่งไปปากก็ส่งเสียงร้องไป “ช่วยด้วย…”

เสี่ยวเป่ามองไปทางห้าสาวที่คิดได้และอยากจะกระโดดตามลงไปด้วยท่าทีเสียดาย เขาทำท่าแบมือช่วยไม่ได้ โอกาสได้ผ่านไปแล้ว

พวกเขาเริ่มค้นพบความโกลาหลบนท้องถนน จากนั้นก็เห็นพวกผู้หญิงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจึงตกใจกันยกใหญ่ แต่พวกเขาก็เข้าใจเช่นกันว่าเวลานี้คงลงจากรถไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากตำรวจมาถึง พวกเขาก็ยิ่งหาทางหลบหนีไม่ได้

“โธ่เว้ย…เร่งความเร็ว!”

รถเร่งความเร็วขึ้นในทันที คนเดินทางเท้าต่างพากันกรีดร้องและหนีกระจัดกระจาย ทันใดนั้นถนนก็ว่างเปล่า ความเร็วรถเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม เวลานี้พวกผู้หญิงที่เหลืออีกห้าคนถึงได้นึกเสียใจภายหลัง ทำไมเมื่อครู่พวกเธอถึงไม่กระโดดลงจากรถกันนะ?

ในไม่ช้าพวกผู้หญิงที่กระโดดลงจากรถก็ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ เหยียนหมิงต๋าไปติดต่อไว้ก่อนแล้ว พวกผู้หญิงเหล่านี้จึงถูกพาตัวไปไว้ที่สำนักงานประจำฮ่องกงก่อนแล้ววันต่อมาถึงส่งกลับแผ่นดินใหญ่

พอได้ยินว่าพวกเธอได้รับการช่วยเหลืออย่างไร เหยียนหมิงต๋าก็ลอบดุหลานสาวที่ใจกล้าบ้าบิ่นในใจแต่ในขณะเดียวกันก็ปลื้มอกปลื้มใจมากเช่นกัน

เขาโทรหาเหยียนหมิงซุ่นเพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด

เหยียนหมิงซุ่นพรูลมหายใจยาว เขารู้อยู่แล้วว่าลูกสาวของเขาจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

“ตามปกป้องอย่างลับ ๆต่อไป ฉันมีลางสังหรณ์ว่าต้องเป็นหัวหน้าลึกลับขององค์กรหัตถ์พระเจ้า คราวนี้ไม่มีทางหนีพ้นอย่างแน่นอน!” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจเป็นอย่างมาก

ลูกสาวของเขาเกิดมาเพื่อเป็นดาวมฤตยูของไอ้สารเลวนี่!

ชะตาชีวิตฟ้าลิขิตไว้แล้ว!

…………………………………………..

ตอนที่ 2460 เนรคุณอกตัญญู

พวกเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อถูกพาไปที่อื่น ดูเหมือนจะเป็นเขตพื้นที่ของคนรวยเพราะล้วนมีแต่บ้านสวนสไตล์ตะวันตก พวกเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อเข้าทางประตูหลังบ้าน

ตัวบ้านตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา มีความหรูหราอยู่ทุกพื้นที่ ดวงตาของหญิงสาวทั้งห้าเปล่งประกายเพราะพวกเธอไม่เคยเห็นบ้านที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน เมื่อก่อนเห็นแต่ในหนังเท่านั้น ตอนนี้กลับอยู่ตรงหน้าพวกเธอแล้ว

พวกเสี่ยวเป่าโดนพาตัวไปที่ห้องรับแขก

“พาตัวมาแล้วเหรอ?” มีเสียงอ่อนโยนของผู้ชายดังขึ้น ชายวัยสี่สิบกว่าเดินลงมาจากบันได ท่าทางดูอ่อนโยนและสง่างาม ในมือถือกล้องยาสูบและยาสูบก็คือซิการ์

“พามาครบแล้วครับ อยู่ตรงนี้แล้ว…หัวหน้าโปรดลงโทษพวกเราด้วย!”

พวกเขาคุกเข่าลงพื้นด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน จากนั้นก็เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง เรื่องนี้คงปิดไว้ไม่อยู่ สู้เป็นฝ่ายสารภาพออกมาเองเสียยังดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้!

มีคนเดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ประตูรถถูกของมีคมตัดขาด”

ผู้ชายสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดเสียงเย็นชาว่า “ในรถมีคนพกของมีคมด้วยเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้ครับ คนพวกนี้ถูกตรวจค้นร่างกายก่อนขึ้นรถ ไม่มีทางมีอาวุธของมีคมติดตัวแน่นอน…” พวกที่คุกเข่าบนพื้นต่างพากันส่ายศีรษะ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเขาอยู่ในวงการนี้มาหลายปีแล้ว ไม่มีทางทำพลาดแน่นอน

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อยืนอยู่เงียบ ๆ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นแค่ผู้รับผิดชอบในฮ่องกงแต่ไม่ใช่บอสใหญ่

ถึงแม้จะไม่ใช่บอสใหญ่แต่ก็คงไม่ใช่คนดีอะไร เดี๋ยวพ่อจะต้องมากวาดล้างที่นี่อย่างแน่นอน!

“มีใครสามารถบอกฉันได้ไหมว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วฉันจะปล่อยให้กลับบ้าน!” ผู้ชายคนนั้นมองไปที่ผู้หญิงทั้งห้าคนพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย

“พวกเขาเป็นคนเปิดประตู และพวกเขาก็เป็นคนปล่อยให้พวกนั้นหนีออกไปด้วย!” มีหญิงสาวคนหนึ่งชี้ไปทางเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อพร้อมพูดเสียงดัง อีกสี่สาวที่เหลือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า

เสี่ยวเป่าสีหน้าแน่นิ่ง เบิกตากว้างแล้วมองผู้ชายคนนั้นอย่างไร้เดียงสา แสดงท่าทีว่าเขาไม่รู้อะไรเลยแต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง

ทำไมพี่สาวพวกนี้ถึงได้เป็นพยานชี้ตัวเขากับน้องสาวกันล่ะ?

ทั้ง ๆที่เขาและน้องสาวมาเพื่อช่วยเหลือพวกพี่สาวกันนะ!

“ลูกรัก…พ่อจะบอกลูกให้ว่าบนโลกใบนี้มีคนใจดำเนรคุณมากมายยิ่งกว่าขนสัตว์ วันหลังลูกอย่าเลียนแบบพระเยซูล่ะ ต่อให้พวกเราไม่ได้ทำเรื่องชั่วแต่ก็อย่าทำความดีเลยนะ จำไว้!”

เสียงเฮ่อเหลียนเช่อดังก้องอยู่ในหูของเขา เมื่อก่อนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้…

เหมือนว่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว!

แต่เขาก็ยังอยากช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ในอนาคตเขาจะระมัดระวังมากกว่านี้เพื่อปกป้องตนเองและน้องสาว!

“เธอเป็นคนทำงั้นเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นก้มศีรษะถามเสี่ยวเป่าและไม่สนใจเล่อเล่อเลยสักนิด

“ไม่รู้สิครับ…ผมแค่ผลักประตูเบา ๆประตูก็เปิดออกแล้ว หลังจากนั้นผมเลยให้พวกพี่สาวกระโดดรถเล่น…กระโดดลงรถสนุกจะตายไป” เสี่ยวเป่ามองชายผู้นั้นด้วยท่าทีงงงวย ดวงตาใสซื่อทำให้ชายผู้นั้นหลงใหลขึ้นมาในชั่วขณะ ความคิดเดิมก็ถูกผลักล้มไปในทันที

เมื่อครู่เขาอยากถามอะไรกันนะ?

ทำไมถึงนึกไม่ออกแล้วล่ะ?

ผู้ชายคนนั้นตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เขาคิดอยู่นานแต่ก็นึกไม่ออก จากนั้นก็เหลือบมองพวกเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์แวบหนึ่งแล้วตวาดใส่ว่า “พาพวกเขาไปล้างเนื้อล้างตัว สกปรกมอมแมมจะตายอยู่แล้ว!”

พวกลูกน้องต่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เรื่องใหญ่ขนาดนี้คาดไม่ถึงว่าหัวหน้าจะไม่ลงโทษพวกเขา?

มีหลายคนกัดมือด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้ฝันไป รอดแล้วจริง ๆด้วย พวกเขารีบกระวีกระวาดลุกขึ้นแล้วพาพวกเสี่ยวเป่าไปจัดการชำระร่างกาย

สองวันมานี้พวกเสี่ยวเป่าถูกขังอยู่แต่ในบ้าน อาหารและเสื้อผ้าค่อนข้างดี เพียงแต่ไม่มีอิสระในการไปไหนมาไหน เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อยังดีกว่าหน่อยเพราะอายุยังน้อย ขอแค่ไม่ออกจากประตูใหญ่ก็เดินในบ้านได้ตามสบายแล้ว

“พี่ชาย…ฉันอยากตีคนไม่ดี อึดอัด!” เล่อเล่อเซ็งจะตายอยู่แล้ว วัน ๆไม่กินก็นอน ไม่นอนก็กิน นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เธอโหยหาเลยสักนิด

เธออยากท่องโลกไปกำจัดคนเลวปกป้องคนดีต่างหาก!

“ใกล้แล้ว…อีกไม่นานก็จะได้ตีคนไม่ดีแล้ว เด็กดีนะ!”

เสี่ยวเป่ามั่นใจมาก ในบ้านมีหนูมากมายจึงทำให้เขาได้รับข่าวสารไม่น้อยเลย ผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะโทรไปบอกว่าคืนนี้จะส่งสินค้าแล้ว

และพวกเขาก็คือสินค้านั่นเอง!

………………………

ตอนที่ 2457 เล่นปืน

พอเสี่ยวเป่าเห็นพ่อใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มือเล็กส่งสัญญาณให้เฮ่อเหลียนเช่อ นี่เป็นภาษามือพิเศษที่มีเพียงพวกเขาสองคนพ่อลูกรู้กันเท่านั้น

หัวหน้าและคนรับสินค้าเกิดทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาแล้ว

“ฮะ…สามหมื่นห้าต่อคน? ทำไมนายไม่ไปปล้นธนาคารเลยล่ะ? ฉันไม่ได้เป็นคนเรียกฉลามมาเสียหน่อย ฉันมีหน้าที่รับสินค้าเท่านั้น ส่วนเรื่องราคานายไปคุยกับหัวหน้าของพวกเราเองก็แล้วกัน!”

“เมื่อก่อนพวกนายก็เป็นคนต่อรองราคากับฉันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลับทำเป็นจำไม่ได้…อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวกนายแอบยักยอกเงิน เมื่อก่อนฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกนาย…พวกนายอย่าโลภมากนักเลย สามหมื่นห้าต่อหนึ่งคน ถ้าไม่ตกลงฉันก็จะไปหาผู้ซื้อรายอื่น!”

หัวหน้ายิ้มเยาะ ในมือเขามีสินค้ายังต้องกลัวว่าจะขายไม่ออกอีกเหรอ?

ไม่รู้ว่าทางฝั่งฮ่องกงมีคนรอสินค้าชุดนี้ตั้งเท่าไร!

คนรับสินค้าใจกระตุกวูบ เกิดอาการใจฝ่อขึ้นมาอยู่บ้าง พวกเขาแอบยักยอกเงินใช้เองจริง ๆ แต่คนที่เก็บค่าดำเนินการก็ไม่ได้มีแค่พวกเขาเสียหน่อย ทุกคนต่างรู้กฎเกณฑ์เหล่านี้ดี แต่หากพูดออกมาแล้วก็หมดความหมายสิ!

อีกอย่างหลังจากพวกเขากลับไปก็ต้องแบ่งให้หัวหน้าใหญ่ด้วย ไม่ใช่ว่ายักยอกเก็บไว้เองคนเดียว คนแผ่นดินใหญ่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!

“ฉันโทรหาพี่เฉียงก่อน เมื่อวานพี่เฉียงโทรมาหาฉันบอกว่าหากสินค้ากลุ่มนี้เป็นสาวสวย ราคาก็พอจะต่อรองกันได้…”

หัวหน้าหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วแสร้งกดโทรออก คนรับสินค้าเห็นดังนั้นก็รีบพูดจาดีแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเองก็ลำบากใจเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายต่างนิ่งชะงักไปชั่วขณะ

เฮ่อเหลียนเช่อรอจวนหมดความอดทนเต็มทีแต่เจ้าโง่พวกนี้ก็มัวแต่เสียเวลากันอยู่ได้ พวกตำรวจจะมากันหมดแล้ว

เขาส่งเสียงหึอย่างเย็นชาคลานไปบนหลังรถบรรทุกสินค้าของคนรับสินค้าแล้วยิงปืนใส่ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของคนที่เป็นหัวหน้า ลูกน้องกรีดร้องออกมาแล้วล้มลง

หัวหน้าเซถอยหลังทันทีดึงปืนขึ้นมาแล้วตวาดใส่ว่า “พวกนายต้องการฆ่าปิดปากแล้วฮุบสินค้าชุดนี้เอาเองสินะ? ฝันไปเถอะ!”

“ไม่ใช่พวกฉัน…”

“ยังคิดจะมาหลอกฉันอีกเหรอ? พวกแกไปค้นไอ้พวกนี้…“ หัวหน้าไม่เชื่อเลยสักนิด กระสุนถูกยิงมาจากทางรถบรรทุก แสดงว่ามีคนดักซุ่มโจมตีอยู่ในรถ

ท่าทางคงไม่อยากจ่ายเงินค่าตัวผู้หญิงพวกนี้ เวรเอ๊ย!

เสี่ยวเป่ารีบจูงมือเล่อเล่อวิ่งไปซ่อนตัวหลังก้อนหินเพื่อหลบกระสุนที่บินว่อน เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเบิกตากว้างแล้วดูพวกเขาสองกลุ่มปะทะกันอย่างตื่นเต้น

“พี่ชาย…ฉันอยากลองเล่นปืน…” เล่อเล่อมองด้วยความอิจฉา มือคันยุบยิบ

“เธอยังเด็ก…ถือปืนไม่ไหวหรอก…” เสี่ยวเป่าเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน

เล่อเล่อโมโหจนใช้มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อของเสี่ยวเป่า ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเตี้ยเกินไป ขาของเสี่ยวเป่าต้องลอยพื้นแน่นอน

เขาแค่นไอกลบเกลื่อนอย่างเก้อเขินพร้อมจัดระเบียบคอเสื้อ แล้วก็ไม่รู้ว่าเอาปืนสั้นจากไหนยื่นส่งให้เล่อเล่อ “เล่นเถอะ…พี่สอนเธอเอง!”

เขาขอเก็บคำพูดเมื่อครู่แล้วกัน ถึงแม้ว่าน้องสาวจะยังเด็กแต่แรงกลับไม่น้อยเลยทีเดียว เล่นปืนได้จริง ๆนั่นแหละ!

“ปลดสลักแล้วเล็งเป้าไปที่คนร้าย จุดที่ดีที่สุดก็คือหัว ยิงหัว…ก็จบแล้ว!” เสียงของเสี่ยวเป่าอ่อนโยนมาก แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นเรื่องเข่นฆ่านองเลือด อีกทั้งพวกเขาสองคนเป็นเด็กหน้าตาน่ารักด้วย แถมปืนที่เล่นก็เป็นปืนจริงอีกต่างหาก

ภาพขัดแย้งเช่นนี้ออกจะขัดตาอยู่บ้าง

ถึงแม้ว่าเล่อเล่อจะเรียนไม่เก่งแต่มีพรสวรรค์ในการเล่นมีดเล่นปืนจริง ๆ หลังจากได้ฟังเสี่ยวเป่าพูดแค่ครั้งเดียวก็รู้วิธีการใช้ปืนแล้ว

ปลดสลักออก เล็งเป้า…’ปัง’

เสียงปืนดังขึ้นแต่เฉี่ยวไปหน่อย…ยิงโดนแค่หัวไหล่ของหัวหน้าเท่านั้น

เสี่ยวเป่าเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้ม “เล่อเล่อเก่งมาก!”

เล่อเล่อแค่นเสียงหึ พี่ชายขี้โกหก เธอไม่ได้ยิงโดนหัวเสียหน่อยจะเก่งได้อย่างไร?

ต่อเลย!

เล่อเล่อจับความรู้สึกบางอย่างได้แล้ว เธอบีบนวดมือที่ชา เล็งเป้าต่อ แล้วเหนี่ยวไกปืน

…………………………………………..

ตอนที่ 2458 ติดกับแล้ว

“ปัง”

เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้โดนเป้าอย่างแม่นยำ

กระสุนยิงโดนระหว่างคิ้วของหัวหน้าตรงกลางเป๊ะ ไม่เบี้ยวเลยแม้แต่นิดเดียว

หัวหน้าเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวแล้วสอดส่องหาคนที่ลอบยิงเขา แต่สมองกลับไม่เชื่อฟังเพราะสายตาค่อย ๆพร่าเบลอ ร่างกายหงายหลังล้มลงพื้นอย่างช้า ๆ…

เขาอยากหยุดฉากต่อสู้นี้เพราะเขาเพิ่งค้นพบว่าพวกเขาติดกับกันหมดแล้ว มีคนลอบยิงจากด้านหลังเพื่อกำจัดพวกเขา

แต่เขาไม่สามารถส่งเสียงได้อีกต่อไป ร่างล้มลงกับพื้นอย่างแรง เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากด้านหลังศีรษะของเขา

“ลูกพี่…”

เหล่าลูกน้องที่จู่ ๆสูญเสียเสาหลักจึงทำได้แค่ถูกโจมตีเพราะไร้ซึ่งแรงต่อต้าน เล่อเล่ออายุยังน้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความกลัวคืออะไร เธอคิดแค่ว่ามันสนุกและคิดว่าคนเลวสมควรโดนแล้ว!

ดังนั้นเธอจึงเล็งเป้าหมายต่อ คราวนี้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นคนรับสินค้า เสี่ยวเป่ารีบกดมือของเธอลงแล้วเอาปืนคืน “มีคนมา”

การสู้กันเองสิ้นสุดลงในไม่ช้า หัวหน้าพวกค้ามนุษย์ตายแล้ว ส่วนคนที่เหลือหากไม่ตายก็บาดเจ็บแตกกระเจิงแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง มีเพียงผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่เสนอการไกล่เกลี่ย หลังจากที่พูดคุยกันอยู่นานก็ตัดสินใจที่จะร่วมมือกันต่อและเธอก็กลายเป็นหัวหน้าคนใหม่

จากนั้นก็ทำการยื่นหมูยื่นแมว ผู้หญิงยี่สิบเอ็ดคนในเสื้อผ้ารุ่งริ่งถูกนำขึ้นรถบรรทุกสินค้าไป

“ทางนี้ยังมีเจ้าตัวเล็กอีกสองคน พี่ใหญ่ เจ้าตัวเล็กสองคนนี้เป็นสินค้าชั้นยอด ในอนาคตจะทำต้องเงินได้มหาศาลแน่นอน ให้ราคาเยอะหน่อยได้ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นสังเกตเห็นเสี่ยวเป่าและเล่อเล่ออยู่ด้านหลังก้อนหิน เธอคิดว่าเด็กสองคนนี้คงกลัวเลยซ่อนตัวอยู่ตรงนี้และไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย

พอคนรับสินค้าเห็นสองพี่น้องเสี่ยวเป่าที่หน้าตาสะอาดสะอ้านน่ารัก ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที นั่นไม่ใช่เด็กแบบที่สำนักงานใหญ่ต้องการหรอกเหรอ!

“เด็กขนาดนี้จะมีประโยชน์อะไร แถมยังต้องเสียเงินเลี้ยงดูอีกตั้งหลายปี ฉันไม่ลดราคาก็ดีแค่ไหนแล้ว หนึ่งหมื่นต่อคน ถ้าไม่ยอมพวกเธอก็เอากลับไปเลี้ยงดูเอง!”

ถึงแม้ว่าสินค้าจะเป็นของดีแต่ก็จะขึ้นราคาให้ไม่ได้เด็ดขาด

ถึงแม้ว่าพวกค้ามนุษย์เหล่านี้จะไม่ยินยอมแต่จะทำอะไรได้ ใครให้เขาเป็นผู้มีอิทธิพลประจำถิ่นกันล่ะ!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อจึงถูกพาขึ้นรถไปด้วยกัน กลิ่นในรถไม่ได้ดีไปกว่าบนเรือเท่าไรเลย เสี่ยวเป่าดึงเล่อเล่อไปนั่งยอง ๆตรงมุมหนึ่งพลางจับจ้องสายตาที่เหมือนไร้วิญญาณของผู้หญิงเหล่านี้ สมองก็คิดไม่หยุด

เขาจะต้องหาทางช่วยเหลือผู้หญิงเหล่านี้ในฮ่องกงแทน เขาจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้เพราะต้องสืบหาตัวนายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้!

ทำอย่างไรดีล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อรอลูกชายให้สัญญาณอยู่นานจนทนไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะว่าอย่างให้เสี่ยวเป่าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยนิสัยของเขาแล้วคงไม่สนใจว่าคนพวกนี้จะเป็นหรือตาย ต่อให้สนก็จะไม่วุ่นวายมากขนาดนี้ เขาคงจัดการฆ่าทุกคนให้หมดแล้วปล่อยพวกผู้หญิงเหล่านี้ออกไป แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ!

แต่คนฉลาดอย่างลูกชายเขามักชอบคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ช่างน่ากลุ้มใจจริง ๆ!

“พี่ชาย…ต้องช่วยพี่สาวพวกนี้ไหม?” เล่อเล่อถามเสียงเบา

“ต้องสิ…รอพี่คิดหาวิธีดี ๆก่อนนะ”

“ตีคนเลวให้ตายไปเลย…” ความคิดของเล่อเล่อเหมือนกับเฮ่อเหลียนเช่อทุกประการ

เสี่ยวเป่าหัวเราะอย่างระอาแล้วบีบแก้มของเล่อเล่ออย่างเบามือ “ฆ่าทิ้งมันง่ายมาก แต่เบาะแสก็จบเห่เหมือนกัน เราต้องคิดหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

ดวงตาทั้งสองข้างของเล่อเล่อเปล่งประกาย…พี่ชายเก่งจังเลย พูดอะไรเธอฟังไม่เข้าใจสักนิด

รถเตรียมสตาร์ทออกเดินทางแล้ว ผมของเสี่ยวเป่าเกือบถูกดึงทึ้งหมดศีรษะแต่ก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้สักที เขากระซิบข้างหูเล่อเล่อสองสามประโยค เล่อเล่อพยักหน้ารัว ๆ

“ฟังพี่ชาย!”

เธอชอบจัดการคนเลวที่สุดเลย!

พอรถขับแล่นออกไปจากชายหาด เฮ่อเหลียนเช่อก็เดินออกมาแล้วก็หันไปแสยะยิ้มส่งให้พวกค้ามนุษย์ที่กำลังจะแล่นเรือออกไป เขาสาวเท้าเดินไปทางนั้น จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องหวาดกลัวดังขึ้นในเรือแล้วไม่นานก็เงียบหายไป

เฮ่อเหลียนเช่อออกมาจากเรือ ด้านหลังเขามีศพมากมายลอยอยู่บนน้ำ สีหน้าดูหวาดผวา ดวงตาเบิกกว้าง เกรงว่าจนกระทั่งตายพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

คลื่นทะเลโหมซัดกระหน่ำ ศพลอยออกไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆจนกระทั่งหายลับไป

……………………………

ตอนที่ 2455 โยนเด็กไปทั้งหมดแล้ว

มีเด็กอีกหลายคนโดนจับออกมา แต่เพราะว่าตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูกพวกค้ามนุษย์เหล่านี้จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเชือกที่มัดตัวพวกเด็ก ๆเอาไว้ถูกแกะออกหมดแล้ว เพียงแต่ยังทำเหมือนถูกมัดไว้อยู่เท่านั้น

“โยนลงไป!” หัวหน้าตะเบ็งเสียงออกมาด้วยท่าทีปวดใจ

เด็กเหล่านี้ก็ถูกโยนลงไปเหมือนเช่นเคย และก็เหมือนกับครั้งแรกฉลามสองสามตัวคาบเด็ก ๆเอาไว้แล้วจากไป แต่ว่าฉลามที่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆก็ไม่ได้ลดลงเลย

“โยนอีก!”

พวกเด็ก ๆถูกโยนลงทะเลทีละคน จนท้ายที่สุดก็เหลือแค่เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ รวมไปถึงพวกผู้หญิงที่อยู่ในห้องโดยสารอีกห้องหนึ่ง พวกค้ามนุษย์ดวงตาแดงก่ำมองเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อไม่หยุด

“ลูกพี่…สองคนนี้ล่ะโยนไหม?”

เสี่ยวเป่าตกใจ ไม่ได้การล่ะ…เขาลืมตัวเองกับน้องสาวไปเลย

ถึงแม้ว่าถูกโยนลงทะเลไปเขาจะสามารถปกป้องน้องสาวได้ แต่เขาคงไม่สามารถช่วยชีวิตผู้หญิงบนเรือพวกนั้นได้และคงหาตัวผู้บงการเบื้องหลังของคนเลวเหล่านี้ไม่เจอแน่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

เสี่ยวเป่าลังเลเพียงอึดใจเดียวแล้วแสร้งทำเป็นหวาดกลัว จากนั้นก็ลากเล่อเล่อวิ่งเข้าไปด้านในของดาดฟ้า ปล่อยโฮออกมา “อย่าโยนผมกับน้องสาวไปเลย…ผมอยากเห็นโดนัลด์ดั๊ก!”

หัวหน้ามองไปที่เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อด้วยท่าทีเคร่งเครียด ในใจตีกันอุตลุด

เด็กสองคนนี้หน้าตางดงามมากจริง ๆคงเรียกราคาได้สูงแน่ ถ้าโยนทิ้งไปคงเสียดายน่าดู แต่ถ้าไม่โยนแล้วฉลามมากินพวกเขาล่ะ…

แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีราคาตั้งสามหมื่นหยวนซึ่งไม่น้อยไปกว่านี้แน่นอน สินค้าชุดนี้เน้นทำเงินพวกผู้หญิงเป็นหลัก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด

หัวหน้ากัดฟันกรอดพร้อมตัดสินใจ ต่อให้เด็กจะน่ารักน่าเอ็นดูแค่ไหนก็ขายได้เงินไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ งั้นก็โยนทิ้งไปแล้วกัน หากฉลามยังไม่ถอยไปอีกเขาก็จะฆ่าลูกน้องแล้วโยนลงไปแทน หากเขาได้เงินคนเดียวก็ยิ่งดีสิ!

พอเสี่ยวเป่าเห็นสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของหัวหน้าก็รู้เลยว่าคงเตรียมจะโยนเขาและน้องสาวลงไปแน่ เขาแอบเหลือบมองทะเลแวบหนึ่งด้วยท่าทีที่ไม่รีบร้อนอะไร

พวกค้ามนุษย์คนอื่น ๆยังคงลังเลอยู่เพราะไม่อยากจับตัวเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อ เด็กสองคนนี้ชวนให้คนหลงรักมากจริง ๆ พวกเขาพยายามทำใจแข็ง ทั้ง ๆที่เมื่อครู่เพิ่งจะโยนเด็กลงไปให้ฉลามกินยี่สิบกว่าคนแต่ตอนนี้กลับใจเหี้ยมทำไม่ลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเห็นดวงตาอันใสซื่อของเสี่ยวเป่า คนเหล่านี้ก็พลันใจฝ่ออย่างบอกไม่ถูก พวกเขาลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า

“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง!”

หัวหน้าก่นด่าออกมาแล้วพุ่งตัวเข้าไปจับด้วยตัวเอง อาชีพเฉกเช่นพวกเขา สิ่งที่ไม่ควรมีมากที่สุดก็คือความเมตตา

“หัวหน้า…พวกฉลามถอยออกไปหมดแล้ว…ฮ่า ๆ…ถอยออกไปหมดแล้ว!” มีลูกน้องคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจและแปลกใจ

ฉลามมากมายที่ล้อมเรือไว้ในตอนแรกหายวับไปไม่เหลือสักตัว ทะเลกลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิมราวกับว่าเหล่าฉลามที่น่ากลัวเมื่อครู่เป็นเพียงฝันร้ายของพวกเขา

แต่เรือที่ว่างเปล่ากลับบอกพวกเขาว่ามันไม่ใช่ความฝัน เด็กยี่สิบเอ็ดคนหายไปแล้ว…

“โธ่โว้ย…” หัวหน้าปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก สองแสนหนึ่งหมื่นหยวน…ละลายหายไปแบบนี้เลยหรือ!

แต่พอเห็นหญิงสาวยี่สิบคนที่เหลืออยู่หัวหน้าก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง โชคดีที่ฉลามถอยไปในที่สุด อย่างน้อยเขาก็เก็บทรัพย์ก้อนโตเอาไว้ได้ การสูญเสียครั้งนี้เขาต้องเอาคืนจากคนพวกนั้นให้ได้!

“ใกล้จะรุ่งสางแล้ว รีบเร่งเรือ อีกเดี๋ยวตำรวจก็จะมาแล้ว!” หัวหน้าเอ่ยอย่างแค้นใจ

เหล่าลูกน้องที่ตื่นตระหนกต่างพากันสงบสติอารมณ์แล้วต่างคนต่างเข้าประจำที่ หนึ่งในลูกน้องของเขาเดินไปแถบระเบียงดาดฟ้าอุ้มพวกเสี่ยวเป่ากลับมาแล้วพูดติดตลกว่า “พวกเธอสองคนถือว่าดวงดีกันจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงได้ไปเป็นอาหารฉลามกันแล้ว!”

เสี่ยวเป่าแกล้งทำเป็นตกใจแต่ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจกลับเย้ยหยัน

หากไม่ใช่ว่าต้องการสืบหาเบาะแสจับปลาตัวใหญ่ คนที่จะโดนฉลามกินยังไม่รู้ว่าจะเป็นใครกันแน่เลย!

เรือบรรทุกสินค้าหันหัวกลับลำ เร่งความเร็วเต็มที่แล้วค่อย ๆเคลื่อนตัวไกลออกไป

เขตน่านน้ำที่แต่เดิมมีเรือสินค้าจอดอยู่จู่ ๆก็มีเฮ่อเหลียนเช่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำ หัวของเขาเปียกโชก เปล่งเสียงหัวเราะเหอะ ๆ ข้างกายเขามีโลมาน่ารักอยู่ตัวหนึ่งคลอเคลียอิงแอบเขาด้วยความรัก เฮ่อเหลียนเช่อปีนขึ้นไปบนหลังโลมาแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์มาจากชุดดำน้ำ

…………………………………………..

ตอนที่ 2456 เด็กได้รับความช่วยเหลือแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อมองดูสัญญาณ โชคดีที่ใกล้เข้าฝั่งแล้ว ถึงแม้ว่าสัญญาณจะอ่อนไปหน่อยแต่ก็ยังพอโทรออกได้

“นายเหยียน ฉันจะให้โอกาสนายได้ทำผลงาน เด็กยี่สิบเอ็ดคน…ฉันช่วยออกมาหมดแล้ว นายรีบมารับตัวไป…ส่วนทิศทาง…ละติจูดเหนือ 22.58 ลองจิจูดตะวันออก 113.68 บนเกาะ นายรีบมาหน่อยล่ะ อีกเดี๋ยวน้ำจะขึ้นสูงแล้ว นายจะชวดรางวัลเอาได้นะ แล้วอย่ามาโทษว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน!”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดจบในรวดเดียวแล้วกดวางสายไป ลูบหน้าทีหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเนื้อตากแห้งออกมาจากชุดดำน้ำแล้วเคี้ยว

ว่ายมาคืนหนึ่งเต็ม ๆ โธ่เอ๊ย หิวจะตายอยู่แล้ว!

เหยียนหมิงต๋าที่ได้รับสายตั้งใจฟังแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อโทรมาจากที่ไหน เสียงขาด ๆหาย ๆสัญญาณโทรศัพท์แย่มาก โชคดีที่เนื้อหาสำคัญไม่ได้ตกหล่นไป

“ละติจูดเหนือ 22.58 ลองจิจูดตะวันออก 113.68 ค้นหาทั่วเกาะเต็มกำลัง บนนั้นมีเด็กอยู่ยี่สิบคน!”

เหยียนหมิงต๋ารีบแจ้งตำรวจทางทะเล เขาตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะคิดว่าเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อเป็นหนึ่งในเด็กยี่สิบเอ็ดคนนั้น เพียงแต่——

ครึ่งชั่วโมงต่อมาตำรวจก็พบเด็กเหล่านี้ เด็กทั้งยี่สิบเอ็ดคนอยู่กันครบ แต่กลับไม่มีเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อ

เฮ่อเหลียนเช่อยังคงนอนอยู่บนโลมาแทะเนื้อตากแห้ง รอบกายรายล้อมด้วยท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา รวมถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับ ถึงจะอ้างว้างจนน่ากลัวแต่สำหรับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วไม่นับว่าเป็นเช่นนั้น

โทรศัพท์ดังขึ้น เหยียนหมิงต๋าตะคอกใส่อย่างโมโหว่า “นายช่วยชีวิตเด็กทั้งยี่สิบเอ็ดคน แล้วทำไมถึงไม่ช่วยเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อออกมาด้วยล่ะ?”

เฮ่อเหลียนเช่อแคะหูตัวเองแล้วเอาเนื้อตากแห้งชิ้นสุดท้ายยัดเข้าปาก ดื่มน้ำอีกครึ่งขวดแล้วพูดเสียงดังว่า “เฮ้…นายพูดอะไรนะ…สัญญาณไม่ดี…ไม่ได้ยินเลย…ขึ้นฝั่งแล้วค่อยคุยกัน…”

“ติ๊ด ๆ”

เฮ่อเหลียนเช่อตัดสายทิ้ง พูดจาไร้สาระ น่ารำคาญ!

เขาจะทำอะไรต้องรอให้เจ้าโง่เหยียนหมิงต๋ามาออกคำสั่งหรือไง?

เหอะ!

ขอบฟ้าเริ่มปรากฎแสงสีขาว แสงยามเช้ากำลังส่องแสงทะลุผ่านเมฆหนาทึบ

เฮ่อเหลียนเช่อลูบหัวโลมาใต้ร่างเอ่ย “คู่หู ไปข้างหน้ากันต่อเลย!”

โลมาส่งเสียงร้องเบา ๆ เฮ่อเหลียนเช่อก็ไถลลงไปในน้ำพร้อมหายใจเข้าลึกเต็มปอดแล้วก็ว่ายน้ำห่างออกไปเรื่อย ๆ โลมาตามติดเขาอยู่ด้านหลังตลอด บางครั้งก็จะเอาหัวดันเขาสองสามครั้งเพื่อช่วยทุ่นแรง

เรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ท้องฟ้าสว่างสดใสชายหาดที่เทียบท่าเป็นหาดร้างแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครอาศัยอยู่ แต่กลับมีรถบรรทุกจอดอยู่หนึ่งคัน รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับรถบรรทุกทั่วไป

“ทำไมถึงมีแค่เด็กสองคนนี้ล่ะ นายบอกว่ามียี่สิบเอ็ดคนไม่ใช่เหรอ?” คนขับรถบรรทุกวิ่งไปที่เรือเพื่อดูสินค้า พวกเขาพอใจกับผู้หญิงยี่สิบคนมาก แต่กลับไม่พอใจกับจำนวนเด็กสุด ๆ

สำนักงานใหญ่ออกคำสั่งว่าต้องเอาเด็กหน้าตาดีกลับไปเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก เพราะองค์กรไม่พอใจที่จะทำเงินในตะวันออกกลางอีกต่อไป พวกเขาต้องการแทรกซึมเข้าไปในเมืองที่พัฒนาแล้วเพื่อทำเงินกับพวกเศรษฐีและผู้มีอิทธิพล

เลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็กกับช่วงวัยกลางคนย่อมมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว

ดังนั้นเด็กที่หน้าตาดีเหล่านั้นถึงเป็นที่นิยม แน่นอนว่าพวกเขาไม่บอกเรื่องนี้กับพวกค้ามนุษย์เหล่านี้อยู่แล้วว่าวัตถุประสงค์หลักของพวกเขาคือเด็ก ไม่อย่างนั้นคนฮวาเซี่ยพวกนี้ต้องขึ้นราคาแน่!

“โธ่เอ้ย…ระหว่างทางเจอฉลามหลายสิบตัวขวางทางไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะโยนเด็กพวกนั้นไปเป็นอาหาร ทุกคนคงไม่รอดหรอก!” หัวหน้าพูดอย่างเดือดดาล

คนรับสินค้าจุกอยู่ในอก อดที่จะด่าออกไปไม่ได้ว่า “นายโยนเด็กไปทำไม?”

“พูดบ้า ๆ ถ้าฉันโยนผู้หญิงไปก็ยิ่งขาดทุนสิ!” หัวหน้าเป็นคนเหลี่ยมจัดจึงรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ มองคนรับสินค้าด้วยความสงสัย “คงไม่ใช่ว่าตอนนี้ตลาดเด็กราคาขึ้นแล้วหรอกนะ?”

คนรับสินค้ารู้ว่าตัวเองหลุดเผยไต๋แล้วจึงรีบเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “จะเป็นไปได้อย่างไร ฉันหมายถึงเด็กมีเนื้อหนังน้อย ผู้หญิงเนื้อเยอะกว่าไง…เอาล่ะ ยื่นหมูยื่นแมว…”

“ครั้งนี้ฉันสูญเสียไปมาก ผู้หญิงต้องขึ้นราคา สามหมื่นห้าต่อคน!” หัวหน้าไม่พอใจจึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นราคา

เฮ่อเหลียนเช่อว่ายน้ำมาถึงฝั่งอย่างเงียบ ๆแล้วซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็หันไปขยิบตาให้เสี่ยวเป่า

………………………

ตอนที่ 2453 โยนเด็ก

เสี่ยวเป่ามุ่นคิ้วแน่น เขาไม่กลัวฝั่งตรงข้ามเป็นเทพเทวดาแต่กลัวพวกเดียวกันโง่นี่แหละ ออกไปตอนนี้ก็เท่ากับไปรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง?

เป็นเพราะเขาคิดไม่รอบคอบเอง!

“เล่อเล่อ!”

เสี่ยวเป่าวิ่งขึ้นไปพร้อมส่งเสียงร้องเรียก กระโดดขึ้นใช้หมัดเล็กชกเข้าหลังคอเด็กที่อยู่ข้างหน้าสุด สิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อสอนมากที่สุดในช่วงสามปีที่ผ่านมาก็คือศิลปะการป้องกันตัว ถึงแม้ว่าจะแตกต่างจากพรสวรรค์แต่เกิดของเล่อเล่อ แต่เสี่ยวเป่าก็มีทักษะที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำเอาเด็กอายุสิบกว่าขวบหมดสติลงไปได้

เล่อเล่อดวงตาลุกวาวแล้วลงมือไวปานสายฟ้า เธอจับเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วทำในแบบเดียวกันจนหมดสติไป

เด็กคนอื่น ๆที่เหลือตกตะลึงจนลืมวิ่งหนีแล้วมองพวกเขาทั้งสองคนอย่างงงงวย

“อยากตายก็ออกไป ไปเป็นอาหารของฉลามเลย!” เสี่ยวเป่าตวาดใส่

“ไม่อยากตาย…อยากได้พ่อกับแม่!” หญิงสาวเบะปากร้องไห้เสียงเบา เด็กคนอื่น ๆก็ร้องไห้เสียใจเช่นกัน พวกเขาต่างพากันร้องหาพ่อกับแม่เสียงเบา

“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว…ฉันสามารถช่วยพวกเธอกลับไปอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ได้ แต่ว่าพวกเธอต้องเชื่อฟังฉัน มองเข้ามาในตาของฉัน ห้ามพูด…”

เสี่ยวเป่าเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวล พูดช้าลง ฉับพลันดวงตากลมโตก็ลุ่มลึกราวกับเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดสามารถดึงดูดผู้คนได้มากมาย

เพียงพวกเด็ก ๆมองตาเขาแค่แวบเดียวก็เหมือนต้องมนต์สะกด ดวงตาแน่นิ่ง สีหน้าไร้ชีวิตชีวา จากนั้นก็กลับมานั่งที่เดิมตามคำสั่งของเสี่ยวเป่าอย่างว่าง่าย

“พี่ชายเก่งมากเลย…” เล่อเล่อมองด้วยสายตาตกตะลึง ความสามารถนี้มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงไม่มีล่ะ?

เสี่ยวเป่าพรูลมหายใจยาว สีหน้าท่าทางดูเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาก โชคดีที่เป็นแค่เด็ก ไม่อย่างนั้นเขาเอาไม่อยู่แน่นอน

“พี่ชายกินลูกอมสิ”

เล่อเล่อหยิบน้ำเต้าหยกอันเล็กซึ่งในนั้นมียาวิเศษที่เหมยเหมยตั้งใจปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเทออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ยัดใส่ปากของเสี่ยวเป่า พลังปราณสดชื่นทำให้เสี่ยวเป่ากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“อร่อยใช่ไหม แม่เป็นคนทำ!” เล่อเล่อก็กินเองเม็ดหนึ่ง แสดงท่าทีภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

เพราะว่าแม่ของเธอทำของอร่อย ๆเป็นเยอะมาก ในขณะที่แม่คนอื่นทำไม่เป็น!

เสี่ยวเป่ายื่นมือออกไปบีบจมูกของเล่อเล่ออย่างอ่อนโยน เป็นรสชาติที่คุ้นเคยเมื่อครั้งยังเด็ก ถือว่าเป็นคุณน้าที่ดีที่สุดในโลกเลย!

ด้านนอกห้องโดยสารมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น เสี่ยวเป่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยแล้วจูงมือเล่อเล่อเดินถอยหลบเข้ามุม ไม่นานก็มีหลายคนเดินเข้ามา

“ทำไมหมดสติกันไปหมดเลยล่ะ? ไม่ใช่ว่าตายแล้วหรอกนะ?” มีคนหนึ่งร้องขึ้น

“คุณอา ผมบอกพวกเขาว่ามีฉลามมา พวกเขาเลยตกใจกันใหญ่เลย!” เสี่ยวเป่าพูดเสียงดัง

“บ้าเอ้ย…ไร้ประโยชน์…แล้วทำไมเธอถึงไม่กลัวล่ะ?” พวกค้ามนุษย์มองเสี่ยวเป่าและเล่อเล่ออย่างแปลกใจ พวกเขามักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ข้างนอกมีฝูงฉลามขวางอยู่ สมองที่เดิมทีไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้วก็ยิ่งนึกไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ

“ไม่กลัวหรอก คุณอาจะต้องไล่ฉลามไปได้แน่นอน!” เสี่ยวเป่ามองเหล่าพวกค้ามนุษย์ด้วยสายตาชื่นชม พวกเขากลับรู้สึกได้รับภารกิจอันหนักอึ้งอย่างน่าประหลาดแล้วต่างพากันยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว

“เลิกพูดจาไร้สาระกับเด็กพวกนี้แล้วรีบพาคนป่วยออกไปได้แล้ว” อีกคนกล่าว

“ซวยจริง ๆ กว่างานจะราบรื่นได้ขนาดนี้ ทั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆว่างานนี้สามารถทำเงินได้เยอะ ครั้งนี้คว้าน้ำเหลวเสียแล้ว…โธ่เอ้ย…”

มีสองสามคนสบถด่าออกมา พวกเขาตรงไปหากลุ่มเด็ก ๆ จากนั้นก็รีบเลือกเด็กสามคนที่กำลังป่วยอยู่แล้วก็ออกไป

ฉลามที่รายล้อมเรือบรรทุกสินค้ามีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังไล่ต้อนเรือให้มุ่งหน้าสู่ใจกลางทะเลซึ่งห่างจากเส้นทางเดินเรืออยู่มาก

“ลูกพี่…”

พวกค้ามนุษย์พาเด็กสามคนออกมา หัวหน้ามองเด็กที่กำลังป่วยออดแอดด้วยสีหน้าดุดันแล้วออกคำสั่งเสียงเด็ดขาดว่า “โยนออกไป!”

…………………………………………..

ตอนที่ 2454 ฉลามเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ที่แท้พวกค้ามนุษย์เหล่านี้ต้องการโยนเด็ก ๆไปเป็นอาหารฉลามเพื่อปกป้องตัวเอง ไร้ซึ่งมโนธรรมอย่างสิ้นเชิง!

เด็กที่หมดสติทั้งสามคนถูกพวกค้ามนุษย์ทั้งสามคนอุ้มพาขยับเข้าใกล้ดาดฟ้าของเรือ พอเห็นฝูงฉลามใกล้ ๆ พวกค้ามนุษย์ทั้งสามคนก็ตื่นตระหนกแข้งขาอ่อนร่างกายสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

“รีบโยนไปสิ!” หัวหน้าตะโกนอย่างเดือดดาล ปวดใจเหมือนมีมีดมากรีดแทงหัวใจ

เด็กคนหนึ่งคือเงินหนึ่งหมื่นหยวน สามคนก็สามหมื่นหยวน…แล้วก็ไม่รู้ว่าเด็กสามคนนี้จะพอให้พวกฉลามอิ่มท้องไหม?

“ครับ…”

พวกค้ามนุษย์ทั้งสามคนยืนเขย่งปลายเท้าเตรียมโยนเด็กลงไป แต่จู่ ๆตรงหน้าพวกค้ามนุษย์ก็มีฉลามตัวใหญ่กระโดดขึ้นมาอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมสองแถวบนล่าง แถมแผ่รังสีอาฆาตออกมาด้วย

“อ๊าก…”

พวกค้ามนุษย์ทั้งสามคนสะดุ้งโหยงรีบโยนเด็กทิ้งแล้วหมุนตัววิ่งหนีกลับเข้ามาด้านในของดาดฟ้า จากนั้นถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ร่างกายอ่อนแรงไปหมด

เด็กทั้งสามคนเพิ่งจะตกลงไปในน้ำพวกฉลามก็เบียดกันเข้ามา มีฉลามสามตัวคาบเด็กสามคนไว้แล้วจากไป ในแง่ของพวกค้ามนุษย์คิดว่าฉลามพวกนี้กำลังจะกลับไปกินพวกเด็ก ๆ

“ลูกพี่…ไป…ไปแล้วสามตัว…” มีลูกน้องคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีประหลาดใจ

“ได้…ได้ผล…” ลูกน้องคนอื่นก็ดีใจเป็นอย่างมาก

แต่ทว่า——

สีหน้าของหัวหน้ายิ่งดำคล้ำเครียด ในใจสบถด่าคำหยาบออกมามากมาย…

โธ่เอ้ย…ความอยากอาหารของฉลามพวกนี้ช่างมากจริง ๆ ฉลามหนึ่งตัวต้องการเด็กหนึ่งคน เขามีเด็กแค่เพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่ฉลามมีมากกว่าสามสิบกว่าตัว…แบ่งให้ไม่พอ!

“ได้ผลบ้าอะไรล่ะ!” หัวหน้ากัดฟันสบถออกมา

ฉลามตัวอื่น ๆดูเหมือนจะไม่พอใจจึงยิ่งเบียดเสียดกันเข้ามาหนักกว่าเดิมจึงทำให้มีระลอกคลื่นซัดขึ้นมาสูง เรือบรรทุกสินค้าก็โยกเยกไปมาเหมือนยานอวกาศ คนบนเรือไม่สามารถยืนทรงตัวได้เลย

“ไม่ได้ก็คงทำได้แค่สู้สุดตัว โธ่โว้ย!” หัวหน้าด่าออกมาอย่างแค้นใจ

เขาตัดใจโยนผู้หญิงและเด็กทั้งหมดที่กว่าจะลักพาตัวมาได้ให้ฉลามกินไม่ได้จริง ๆ ผู้หญิงหนึ่งคนสามหมื่นหยวน เด็กหนึ่งคนหนึ่งหมื่นหยวน รวม ๆกันแล้วเกือบล้านเลยนะ!

อยากรวยก็ต้องเสี่ยง เขาสู้ตาย!

แต่ว่าลูกน้องของเขากลับไม่พอใจ เงินหนึ่งล้านกว่าจะแบ่งมาถึงพวกเขาก็เหลือไม่เท่าไรแล้วจึงไม่คุ้มเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง แต่ในเมื่อถูกบังคับโดยหัวหน้าที่หลงมัวเมาในอำนาจเงินทอง คนพวกนี้เลยต้องกลับไปหยิบอาวุธซึ่งในมือแต่ละคนมีปืนถือเอาไว้คนละกระบอก

“ลูกพี่…ฉลามยิ่งคลุ้มคลั่งเวลาเห็นเลือด ฉลามมากมายขนาดนี้พวกเรากลัวว่าจะสู้ไม่ไหว!” มีลูกน้องคนหนึ่งพยายามที่จะโน้มน้าวอย่างกล้า ๆกลัว ๆ เขายังไม่ได้แต่งงานเลย ยังไม่อยากตายนะ!

“ใช่แล้ว…ลูกพี่…ขอเพียงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ วันหน้ายังตั้งตัวใหม่ได้ วันดี ๆของพวกเรายังอีกยาวไกลเลยนะ!” คนอื่น ๆต่างก็ช่วยกันพูดโน้มน้าวพลางมองพวกฉลามในทะเลด้วยสีหน้าทรมานใจ

พอเสี่ยวเป่าได้ยินคำพูดของคนพวกนี้ก็เหยียดยิ้มอย่างดูถูก อยากสู้ด้วยชีวิตงั้นเหรอ?

ได้สิ!

จะให้พวกนายได้สู้กันเต็มที่ไปเลย!

เขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วผิวปากเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็มีลูกฉลามว่ายเข้ามาหาท่าทางดูสนิทสนมกันมาก เสี่ยวเป่ากระซิบสองสามประโยค ฉลามก็หมุนตัวว่ายกลับไปเหมือนลูกศรอย่างว่าง่าย

หัวหน้าเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ในใจกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด…ว่าจะสู้หรือไม่สู้ดีนะ?

“ลูกพี่…ดูเร็วเข้า…มีฉลามอีกกลุ่มมาอีกแล้ว…” ลูกน้องร้องเสียงหลงอย่างตื่นตระหนกแล้วมองไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัว

คนอื่น ๆต่างพากันตกใจจนรีบโยนอาวุธในมือทิ้ง ฉลามเยอะขนาดนี้สู้ไปจะมีประโยชน์อะไร?

หัวหน้ายกนิ้วกลางชูขึ้นฟ้า ก่อนออกเดินทางเขาไหว้ราชามังกรทั้งสี่ทิศครบหมดแล้วนี่นา ทำไมถึงยังซวยได้ขนาดนี้อีก?

“รีบไปจับเด็กอีกสองสามคนมา!” หัวหน้าออกคำสั่งด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ ตอนนี้เขาตัดใจสละเด็ก ๆทิ้งไปเพื่อเก็บพวกผู้หญิงพวกนั้นเอาไว้แทน เขาไม่สามารถขาดทุนไปได้มากกว่านี้แล้ว!

………………………

ตอนที่ 2451 ฉลามเยอะไปหมด

เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าบอกความจริงกับเหมยเหมย ถ้าบอกไปรับรองต้องโดนสองชราและเหมยเหมยรุมเละแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงรับประกันได้แค่ว่าเล่อเล่อจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ส่วนเรื่องอื่นเขาปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น

พอเหมยเหมยเห็นเขาทำท่าสาบานให้คำมั่นสัญญาก็วางใจอยู่บ้าง ขอแค่ปลอดภัยไม่มีปัญหาก็พอแล้ว แต่พอไม่ได้เห็นลูกสาวเหมยเหมยก็ใจหาย ทำอะไรก็ไร้เรี่ยวแรงไปเสียทุกอย่าง

อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นเองก็เป็นกังวลเหมือนกัน ถึงอย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวสุดที่รัก กลัวก็แต่จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกเหยียนหมิงต๋ากลับมาเพื่อตามไปแอบปกป้องอย่างลับ ๆ ช่วงเวลาหลายปีมานี้เหยียนหมิงต๋าได้ทำการฝึกซ้อมกับหน่วยงานตำรวจ เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มีเขาคอยติดตามเล่อเล่อถึงจะวางใจลงได้

เมื่อเหยียนหมิงต๋ารู้แผนการของเหยียนหมิงซุ่นก็ก่นด่ายกใหญ่เป็นครั้งแรก

เมื่อก่อนมักเป็นเหยียนหมิงซุ่นสั่งสอนน้องชายแต่ครั้งนี้กลับกันซะอย่างนั้น

“เล่อเล่อเพิ่งสามขวบเอง พี่ให้หลานไปช่วยสืบคดีแล้วเหรอ? พี่รู้ไหมว่ากลุ่มหัตถ์พระเจ้าโหดเหี้ยมแค่ไหน? พี่…พี่…พี่นี่ช่าง…โง่เง่าจริง ๆ ถ้าเล่อเล่อเป็นอะไรขึ้นมาผมจะรอดูว่าพี่จะอธิบายให้พี่สะใภ้ฟังอย่างไร?”

เหยียนหมิงต๋าโมโหจนควันออกหู พี่ใหญ่ทำเรื่องอะไรมักเชื่อถือได้เสมอ แต่ครั้งนี้ทำไมถึงได้เสี่ยงขนาดนี้?

หลานสาวน่ารักขนาดนั้น หากว่าเป็นอะไรขึ้นมา…เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าจินตนาการต่อเลย เขาคร้านจะอบรมสั่งสอนเหยียนหมิงซุ่นแล้วและรีบตามเฮ่อเหลียนเช่อไปติด ๆ เขาหวังว่าจะสามารถพาหลานสาวกลับมาได้

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจ เขาก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองตัดสินใจมันผิดหรือถูกเหมือนกัน

แต่ที่เฮ่อเหลียนเช่อพูดก็ไม่ผิด ทั้งเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อต่างก็ไม่ใช่เด็กธรรมดา ดังนั้นตั้งแต่พวกเขาเกิดมาก็ถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตไม่ปกติสุขอยู่แล้ว แทนที่จะรอให้โตก่อนแล้วค่อยเผชิญกับมันสู้ให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ตั้งแต่ยังเด็กยังจะดีเสียกว่า!

ตอนเล่อเล่อเพิ่งครบหนึ่งเดือนก็สามารถจัดการนักฆ่าทั้งสามคนจนอยู่หมัด ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอนสิ

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจในตัวลูกสาวมาก!

เพราะว่าเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อน่ารักน่าเอ็นดูไม่ขี้แยเหมือนเด็กคนอื่น ๆ พวกค้ามนุษย์สองสามคนในกลุ่มก็เลยชอบทั้งคู่พอสมควร ทั้งยังไม่ได้มัดพวกเขาเอาไว้และปล่อยให้ทั้งคู่เดินไปมาในห้องโดยสารได้ตามใจชอบ

“คุณอาครับ เมื่อไรถึงจะได้เจอมิกกี้เมาส์เหรอครับ?” เสี่ยวเป่าถามผู้ชายที่เป็นคนพามา

“ใกล้แล้ว พอถึงฝั่งก็จะได้เห็นแล้ว”

“เมื่อไรจะถึงฝั่งเหรอครับ? ผมอยากดูมิกกี้เมาส์แล้ว!” เสี่ยวเป่าพูดอย่างอดทนรอไม่ไหว รูปลักษณ์ที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูทำให้หัวใจอำมหิตของพวกค้ามนุษย์ต่างอ่อนยวบ ลดความระแวดระวังต่อเขาลง

“อีกหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ไม่ต้องใจร้อนไปหรอก!”

เสี่ยวเป่ากลับไปนั่งที่อย่างเชื่อฟัง หนึ่งชั่วโมง…เขามีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ เขาต้องรีบคิดหาทางแล้ว

“พี่ชาย…มีพี่ชายคนหนึ่งป่วยหนักมาก…คนไม่ดีพวกนี้จะโยนเขาทิ้ง!” เล่อเล่อกระซิบพูดเสียงเบา

เด็กที่ถูกลักพาตัวส่วนใหญ่มีอายุหกหรือเจ็ดขวบไปจนถึงสิบกว่าขวบ พวกเขาทั้งหมดหน้าตาดีทั้งนั้น ในเวลานี้พวกเขาถึงตระหนักได้ถึงสถานการณ์อันตราย ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว เด็กบางคนเริ่มตื่นตระหนก แถมมีเด็กบางส่วนเริ่มมีไข้ขึ้น คนพวกนี้ทำเพียงป้อนยาลดไข้ให้แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องจริงจังอะไร

เด็กส่วนใหญ่ไข้เริ่มลดลงแล้วแต่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อาการแย่ลงเรื่อย ๆ ไข้ขึ้นสูงจนเริ่มไม่ได้สติ พวกค้ามนุษย์ปรึกษากันว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็จะโยนลงทะเลให้เป็นอาหารฉลามไปเสียเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของพวกเขา

เสี่ยวเป่าใจหล่นไปถึงตาตุ่ม ยามคับขันแบบนี้ต้องรีบช่วยเหลือคนอื่น

อยู่ดี ๆดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ในทะเล พ่อมาแล้ว ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็คิดอะไรออก ยังมีหนทางอยู่นี่นา

เขากระซิบข้างหูของเล่อเล่ออยู่สองสามประโยค เล่อเล่อพยักหน้าอย่างแรง “อืม…ยกให้เล่อเล่อจัดการได้เลย!”

เจ้าเด็กน้อยทั้งสองแตะขากันด้วยท่าทีจริงจังแล้วแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจ เสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวตามเล่อเล่อไปติด ๆไม่ยอมห่าง

เสี่ยวเป่าเดินไปตามระเบียงทางเดินโดยสารแล้วยืนนิ่งเงียบราวกับทำสมาธิโดยไม่มีใครสนใจเขา แต่ทว่า——

“แย่แล้ว…ทำไมฉลามเยอะขนาดนี้…ผีหลอกแล้ว โผล่มาจากไหนกันเนี่ย ฉันเดินเรือมาสิบกว่าปียังไม่เคยเห็นฉลามมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย…” มีคนบนดาดฟ้าตะโกนด้วยท่าทีตื่นตระหนกแล้ววิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา

…………………………………………..

ตอนที่ 2452 ร้องไห้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้

“พูดบ้าอะไรกัน…ตาบอดไปแล้วมั้ง…”

ผู้ชายคนหนึ่งตะคอกใส่ลูกน้องที่ส่งเสียงร้องเอะอะโวยวาย เขาเป็นเจ้านายของพวกค้ามนุษย์แปดคนนี้ ตอนนี้กำลังจะโทรหาใครบางคนทางฝั่งฮ่องกงแต่ดันถูกลูกน้องขัดจังหวะจึงโมโหขึ้นมาในทันที

“หัวหน้า…มีฉลามจริง ๆ…ฉลามหลายตัวเลย…อยู่ด้านหลังเรือของเรา ใกล้ตามเรามาทันแล้วด้วย” ลูกน้องอีกคนรีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีสะพรึงกลัว

คนอื่น ๆรีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ถึงแม้ว่าจะดึกมากแล้วแต่กลับเห็นฟันขาวเหมือนคมดาบที่น่าขนลุกในความมืดกำลังแสยะยิ้มมาทางพวกเขา

ฉลามล้อมรอบเรืออย่างหนาแน่นและขนาดแต่ละตัวก็ไม่เล็กเลย พวกมันสามารถเขมือบกินพวกเขาได้ในคำเดียวโดยไม่มีปัญหาเลย

“โธ่เอ้ย…เร่งความเร็วหน่อยสิ!”

พอหัวหน้าเห็นราชาแห่งท้องทะเลเหล่านี้ก็ตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลอาบ แข้งขาอ่อนแรง เขาทำการคำนวณคร่าว ๆอย่างน้อยมีฉลามสามสิบตัวกำลังไล่ตามหลังมาอยู่ คนบนเรือของพวกเขายังไม่เพียงพอให้ฉลามกินอิ่มเลยด้วยซ้ำไป!

“ลูกพี่…นี่ก็เร็วที่สุดแล้ว เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว!” ลูกน้องที่ขับเรืออยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาเห็นฉลามตัวใหญ่ว่ายอยู่หน้าเรือเต็มสองตาแล้วยังหันมาส่งยิ้มอ่อนให้เขาอีกต่างหาก

เสียววาบไปถึงไข่เลยทีเดียว!

“ลูกพี่…ทำอย่างไรต่อดี…” ลูกน้องหลายคนตัวสั่นด้วยความตกใจ ณ เวลานี้พวกเขายอมเจอตำรวจทางน้ำดีกว่า!

ถึงอย่างไรการค้ามนุษย์คงไม่ถูกประหารชีวิตแค่ติดคุกสักสามถึงห้าปีออกมาก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมได้!

แต่พอเจอฉลามพวกเขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กระทั่งร่างกายยังเหลือไม่ครบสามสิบสองด้วยซ้ำ!

ตัวหัวหน้าเองก็ตกใจจนขวัญกระเจิงไปแล้ว เขาไหนเลยจะรู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป?

ตั้งแต่เดินเรือบนท้องทะเลแห่งนี้มานานนับสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นฉลามมากขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าต้องรับมือกับฉลามเช่นไร!

ครั้นพวกเด็กในห้องโดยสารได้ยินเสียงฉลามก็ยิ่งหวาดกลัว พวกเขาเลิกร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงเบาแต่กลับปล่อยโฮร้องเสียงดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งร้องเรียกหา ‘พ่อกับแม่’ ซึ่งนับว่าชุลมุนวุ่นวายมากทีเดียว

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ช่างน่าแปลกใจจริง ๆ…

เขาไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมเด็กโตเหล่านี้ถึงร้องไห้ ในเมื่อเห็นได้ชัดว่าการร้องไห้จะทำให้เสียน้ำและพลังงาน ทั้งยังก่อความรำคาญให้พวกคนเลวเหล่านี้ด้วยซึ่งไม่ก่อผลดีต่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย!

พ่อของพวกเด็กเหล่านี้คงไม่เคยสอนพวกเขาว่าเวลาเจอเรื่องอะไรต้องใจเย็น ๆ…อืม…นับว่าพ่อของเขาดี สอนเขาหลายอย่างเลย!

เสี่ยวเป่าก้มลงมองเล่อเล่อที่แสดงสีหน้าตื่นเต้นพลันแอบพูดอีกประโยคในใจว่าพ่อของน้องสาวก็ถือว่าดีเช่นกัน เพียงแต่แย่กว่าพ่อเขานิดหน่อย!

“พี่ชาย…พวกเราไปจับฉลามกัน…กินเนื้อ ๆ!” เล่อเล่อกระซิบเสียงเบา น้ำลายไหลย้อย เธออยากกินจะตายแล้ว

“ชู่…”

เสี่ยวเป่าพาเล่อเล่อไปยังห้องโดยสารที่ขังพวกเด็ก ๆซึ่งอยู่ด้านในสุด ทั้งร้อนทั้งอบอ้าว และยังมีกลิ่นเปรี้ยวน่าสะอิดสะเอียนด้วยเพราะอากาศไม่ถ่ายเท ทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ในห้องนั้น

“เหม็น ๆ…” เล่อเล่อเอามือปิดจมูกไว้

“พวกเราไปแก้เชือกให้พวกเขาดีไหม?” เสี่ยวเป่ากระซิบ

“ดี!”

เล่อเล่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงอยากแก้มัดให้เพื่อน ๆเหล่านี้ แต่เธอต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่ชายโดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น!

ฉิวฉิวหยิบมีดสั้นสองเล่มคมกริบออกมา และห้ามเสวี่ยเอ๋อร์ที่ต้องการจะเข้าไปช่วยเอาไว้ มันฟลุบตัวอยู่บนศีรษะของเสวี่ยเอ๋อร์แล้วถอยเข้ามุมเพื่อชมความวุ่นวาย

“ให้เจ้าเด็กสองคนนั้นจัดการไป มา มากินเนื้อตากแห้งกัน!”

ฉิวฉิวหยิบเนื้อตากแห้งออกมาและจัดการแบ่งกินกับเสวี่ยเอ๋อร์ เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อไม่ใช่เด็กธรรมดา การออกมาครั้งนี้ก็เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ดังนั้นหากไม่ใช่ช่วงเวลาคับขันถึงชีวิต คุณชายฉิวอย่างมันก็จะไม่มีวันลงมือเด็ดขาด!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อตัดเชือกบนมือของเด็กพวกนั้นหมดแล้วแต่กลับไม่ได้แก้ออกให้เพื่อแสร้งทำเป็นว่ายังถูกมัดไว้อยู่ แต่เสี่ยวเป่ากลับลืมไปว่าเด็กพวกนี้เป็นแค่เด็กธรรมดา เมื่อมีอิสระในการเคลื่อนไหวไหนเลยจะทนได้ต่างก็รีบหยัดกายลุกขึ้นวิ่งหนีกันใหญ่

…………………………

ตอนที่ 2449 ไม่กลับมา

“เฮ่อเหลียนเช่อคนสารเลว คืนเล่อเล่อมาให้ฉันเลยนะ!”

พอเหมยเหมยเห็นเฮ่อเหลียนเช่อก็โมโหทันที บนโลกใบนี้จะมีความบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไรกัน บนจดหมายของเสี่ยวเป่าก็เขียนไว้แล้วว่าเขาและพ่อของเขาจะพาเล่อเล่อไปท่องเที่ยวทั่วโลก หลังจากนั้นเจ้าหมอนี่ก็ปรากฏตัวในสวนสาธารณะ ถ้าไม่ใช่ฝีมือเขาแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?

“เสี่ยวเป่าล่ะ?”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินวนหาทั่วสวนสาธารณะแล้วรอบหนึ่งแต่ก็หาลูกชายไม่พบ กำลังร้อนใจอยู่เลย พอได้ยินเสียงตวาดของเหมยเหมย หัวใจก็เต้นระรัวแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว

“นายยังจะมาถามหาเสี่ยวเป่ากับฉันอีกเหรอ? นายดูเอาเองสิ…นายเอาลูกสาวของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน?”

เหมยเหมยหยิบจดหมายที่เสี่ยวเป่าทิ้งเอาไว้ให้โยนใส่เฮ่อเหลียนเช่อ แล้วซักไซ้ว่าเล่อเล่ออยู่ที่ใด

เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วแน่น ถามเสียงขรึมว่า “เธอเจอจดหมายฉบับนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

“ครึ่งชั่วโมงก่อน”

คิ้วของเฮ่อเหลียนเช่อยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก เขาได้รับจดหมายของเสี่ยวเป่าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่เสี่ยวเป่าจะต้องส่งจดหมายมาก่อนเวลาแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องสิบห้าหรือยี่สิบนาทีก่อนหน้านั้น ดังนั้น…

ระหว่างทางเจ้านกสมควรตายนั้นหากไม่ไปติดสาวก็ต้องไปหลีสาวแหง!

โธ่เอ้ย…หลังหาตัวเสี่ยวเป่าเจอค่อยเอานกตัวนั้นไปต้มกินแกล้มเหล้าแล้วกัน!

“เกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวเป่าเล่อเล่อแล้ว เธอโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขาส่งลูกน้องตามหาทั่วทั้งเมืองเลย!”

ดวงตาของเฮ่อเหลียนเช่อสำรวจรอบด้านเหมือนนกอินทรีก็ไม่ปาน เขาใช้เวลาไม่นานก็เจอจิ้งเหลนจอมซนทำท่าอวดดีต่อหน้าเขา พร้อมทั้งส่ายหางไปมาอย่างมีความสุข

“นำทาง!”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินตามจิ้งเหลนไปข้างหน้า ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจุดที่พวกเสี่ยวเป่าขึ้นรถแล้วก็พบกิ๊บติดผมสีชมพูอันนั้น

“เป็นของเล่อเล่อนี่นา…” เหมยเหมยร้องอย่างตื่นตระหนก

เฮ่อเหลียนเช่อเดินวนรอบ ๆอยู่อีกสองสามที ประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างกายเหมือนเรดาร์พยายามค้นหาเบาะแสเท่าที่จะสามารถหาได้

“อีกฝ่ายขับรถตู้เจ็ดที่นั่ง เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อขึ้นรถด้วยความเต็มใจ แถมยังมีหมาป่าหนึ่งตัวตามไปด้วย อีกฝ่ายน่าจะมีสามคน ผู้ชายอย่างน้อยสองคน ไปทางนี้”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินไปรอบ ๆพลางพูดไปด้วย ไม่นานก็อธิบายสถานการณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ

เหมยเหมยอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เฮ่อเหลียนเช่อเก่งขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ฉันรีบตามไปก่อน เธอให้เหยียนหมิงซุ่นออกมาตรการฉุกเฉินปิดทางเข้าออกเมืองให้หมด รวมถึงท่าเรือด้วย”

เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่งพูดจบคนก็เดินไปไกลแล้ว ไม่นานก็มีเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น เหมยเหมยไม่กล้าชักช้าจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเหยียนหมิงซุ่น เพิ่งจะอ้าปากพูดน้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นได้รับโทรศัพท์จากลุงเหลาก่อนแล้วจึงพูดปลอบโยนว่า “อย่าร้องไห้…ฉันให้ทหารไปปิดล้อมทางเข้าออกเมืองแล้ว เล่อเล่อจะไม่เป็นไรแน่นอน”

สถานที่อื่นเขาไม่กล้ารับประกัน แต่ถ้าในเมืองหลวง ต่อให้มีปีกก็อย่าคิดหวังว่าจะพาลูกสาวของเขาออกไปได้เลย!

“อืม…เฮ่อเหลียนเช่อตามไปแล้ว!” เหมยเหมยพูดอย่างโกรธแค้น

เธอรู้สึกแปลกใจเหลือเกิน หากเสี่ยวเป่าไม่ได้เตี๊ยมกับเฮ่อเหลียนเช่อไว้ก่อน เขาเป็นดีมากขนาดนั้นคงไม่มีวันหนีออกจากบ้านโดยพลการเองเด็ดขาด แต่ตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ไม่เจอเสี่ยวเป่า ระหว่างนั้นเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกันแน่?

นกที่เหนื่อยอ่อนล้า ‘…ใครจะไปรู้ว่าลูกโป่งพวกนั้นมาจากไหนกันแน่…’

ผู้ชายวัยกลางคน  ‘…พระเจ้าไหนเลยจะรู้ว่าจะมีขี้นกตกลงมา…ในไวน์แดงขวดละร้อยหยวน…’

ท้องฟ้าค่อย ๆมืดลง

เฮ่อเหลียนเช่อและเหยียนหมิงซุ่นต่างก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“หาเจอไหม?” เหมยเหมยเข้าไปต้อนรับแล้วถามอย่างมีความหวัง

พอเจ้าตัวเล็กไม่อยู่บ้านก็ไม่มีใครอยากกินอะไรทั้งนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่ โดยเฉพาะผู้อาวุโสทั้งสอง ต่างนอนกันอยู่บนโซฟา ถ้าเล่อเล่อยังไม่กลับมา ผู้อาวุโสทั้งสองจะต้องทนไม่ไหวแน่

“อย่าร้อนใจไปเลย อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน!” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาแปลก ๆ เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกงงงวยขึ้นมา

…………………………………………..

ตอนที่ 2450 ตัดสินใจที่จะเสี่ยง

“อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้วหมายความว่าไง? เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าไปไหน? ใครลักพาตัวไปกันแน่?” เหมยเหมยถามเสียงแข็งกร้าว

“สถานการณ์โดยรวมยังไม่ได้สืบหาอย่างละเอียดนัก รอสืบได้เรื่องแล้วค่อยบอกแล้วกัน เอาเป็นว่าเล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรแน่นอน พี่เอาเกียรติเป็นประกันเลย!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

“เกียรติเอามาเทียบกับเล่อเล่อได้เหรอ? หมิงซุ่นแกอย่ามาหลอกฉันเลย!“ คุณปู่เหยียนโมโหจ้องตาเขม็ง หลานสาวไม่อยู่บ้านเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้ชีวิตเป็นผู้เป็นคนไม่มีความสุขเอาเสียเลย

เหยียนหมิงซุ่นฝืนยิ้มออกมาได้อย่างยากลำบาก หากเขาอธิบายชัดเจนได้ก็ดีสิ

เขาถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนเช่อที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างไม่สบอารมณ์ แอบนึกเสียใจขึ้นมาที่ก่อนหน้านี้ฟังคำพูดเพ้อเจ้อของเจ้าหมอนี่ ถ้าไม่อย่างนั้นเล่อเล่อคงกลับบ้านนานแล้ว

อันที่จริงลูกน้องของเขาเจอคนที่ลักพาตัวเล่อเล่อและเสี่ยวเป่าไปตั้งนานแล้ว พวกเขารวมตัวกันบนเรือบรรทุกสินค้าที่ท่าเรือซึ่งจะถูกส่งไปยังฮ่องกง ทั้งเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อต่างก็อยู่บนเรือนั้นด้วย

เสี่ยวเป่าส่งข่าวคราวสถานการณ์บนเรือผ่านกลุ่มปลามา ครั้นเขาและเฮ่อเหลียนเช่อมาถึงท่าเรือเสี่ยวเป่าก็รับรู้แล้ว ฝูงปลาขนาดต่าง ๆเล็กใหญ่ต่างแหวกว่ายอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา

“มีผู้ใหญ่ยี่สิบแปดคน ศัตรูแปด มียี่สิบคนถูกลักพาตัวมา รวมถึงเด็กอีกยี่สิบเอ็ดคน…” เฮ่อเหลียนเช่อแค่มองปลาก็เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เหยียนหมิงซุ่นกลับมองเขาอย่างแปลกใจ ในความเห็นของเขามันก็เป็นแค่ฝูงปลาธรรมดา แล้วมองออกได้อย่างไร?

“ปลาตัวใหญ่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ ปลาสีขาวเป็นตัวแทนคนที่ไม่มีความผิดซึ่งก็คือคนที่โดนลักพาตัวมา ปลาสีดำเป็นตัวแทนคนไม่ดีนั่นก็คือศัตรู ปลาตัวเล็กเป็นตัวแทนของเด็ก แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ…สมองของนายโดนลาเตะจนกระทบกระเทือนมาหรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม

ในใจของเหยียนหมิงซุ่นก่นด่าไม่หยุด ใครจะรู้ว่ามีรหัสลับแบบนี้ด้วย

ในเวลานี้มีปลาตัวใหญ่อีกตัวว่ายมา คาดไม่ถึงว่าจะมีกระดาษอยู่ในปากซึ่งก็คือจดหมายจากเสี่ยวเป่าบอกให้พวกเขาอย่าเข้าไปยุ่ง

“มีคนไม่ดีเต็มไปหมดเลย พ่อและคุณน้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง ผมและน้องสาวจะไปตามสืบหาเบาะแสเอง!”

เฮ่อเหลียนเช่อสนับสนุนลูกชายของเขาโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงเกลี้ยกล่อมเหยียนหมิงซุ่นด้วย มาตรการป้องกันถูกยกเลิกแล้วปล่อยให้เด็กน้อยสองคนนี้ไปตามสืบหาเบาะแสกันเอง

“ลูก ๆของพวกเราคงเป็นดอกไม้ในเรือนกระจกไม่ได้หรอก พวกเขาต้องออกไปผจญภัยต่อสู้กับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นั่น นายวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีเสี่ยวเป่าของฉันอยู่ด้วยลูกสาวของนายไม่เป็นอะไรแน่นอน” น้อยครั้งนักที่เฮ่อเหลียนเช่อจะพูดแนวคิดเชิงปรัชญาออกมาเช่นนี้ เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกประหลาดใจมากแต่แน่นอนว่าต้องหวั่นไหวไปกับคำพูดนั้นด้วยเช่นกัน

“ไม่เจอกันหลายปีนายดูมีความรู้ขึ้นมานิดหนึ่งนะ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวยียวน

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆ หลายปีมานี้เพื่อไม่ให้การเรียนของเสี่ยวเป่าต้องสูญเปล่า แม้กระทั่งบทกวีถังสามร้อยบทเขายังสามารถท่องได้อย่างคล่องแคล่วเสียด้วยซ้ำ

เพื่ออ่านเป็นเพื่อนลูกพ่อแทบกระอักตาย!

แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้ฟังเฮ่อเหลียนเช่อเสียทั้งหมด เขามีความคิดเป็นของตนเองว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังเรือลำนี้ต้องเกี่ยวข้องกับองค์กรหัตถ์พระเจ้าแน่ ๆ

สามปีก่อนเขาสืบหาเจอแค่สวีหล่างแต่กลับหาสำนักงานใหญ่ขององค์กรหัตถ์พระเจ้าไม่เจอ อีกทั้งองค์กรนี้ก็เงียบไปปีหนึ่งและจู่ ๆสองปีมานี้ก็เริ่มมีกิจกรรมขึ้นมาแล้ว

แต่ว่าพวกเขาเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นโดยไม่ออกหน้าเองโดยตรง แต่ทำการร่วมมือกับพวกค้ามนุษย์ซื้อผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยและเด็กเอาไว้ ในครั้งแรกจะส่งไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อฝึกอบรมแล้วค่อยส่งไปตะวันออกกลางเพื่อหาเงิน

เหยียนหมิงต๋าจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ได้หลายกลุ่ม แต่ทุกครั้งที่เกือบจะได้เบาะแส อีกฝ่ายก็จะหายตัวไปเสียดื้อ ๆ ปลิ้นปล้อนยิ่งกว่าปลาไหลอีก

ตอนนี้เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อได้แฝงตัวเข้าไปอยู่ในหมู่ศัตรูแล้ว คนเหล่านี้ไม่ระแวงเด็กสองคนนี้อย่างแน่นอน บางทีอาจจะจับตัวบงการใหญ่ได้ก็ได้!

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจอย่างรวดเร็วเสี่ยงเดิมพันดูสักตั้ง

มีฉิวฉิวและเสวี่เอ๋อร์อยู่ด้วยเขาจึงไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเล่อเล่อมากนักแต่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เฮ่อเหลียนเช่อจะตามไปอย่างลับ ๆ และด้วยความสามารถของเขาอีกฝ่ายจะไม่มีวันรู้อย่างแน่นอน

“ถ้าลูกสาวของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะทำให้ชั่วชีวิตนี้นายหาเหมยซูหานไม่เจอ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา

“วางใจเถอะ ทำตัวเหมือนยายแก่ไปได้…ไปล่ะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อจากไปในคืนนั้นเลย เขาใส่แค่ชุดดำน้ำว่ายตามหลังเรือสินค้าไปเหมือนปลายังไงอย่างนั้นเพื่อคุ้มกันเจ้าตัวเล็กทั้งสองคน

คนหนึ่งเป็นลูกชาย ส่วนอีกคนเป็นลูกสะใภ้ แน่นอนว่าเขาต้องปกป้องดูแลอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว!

………………………

ตอนที่ 2447 พ่อที่เชื่อถือไม่ได้

นกใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะบินหนีหมู่มวลลูกโป่งไปได้ มันเหยียดกรงเล็บและยกนิ้วกลางขึ้นไปทางฝูงชนตรงสนามหญ้าเบื้องล่าง บ้าเอ๊ย…หากทำเรื่องของคุณชายน้อยผิดพลาดจะขี้ใส่ให้พวกแกเหม็นตายไปเลย!

แต่ทว่า——

เพิ่งจะบินไปได้ไม่เท่าไรยังจับทิศทางไม่ได้เลย ลูกโป่งอีกกำมือใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาและมีมากกว่ารอบแรกเสียด้วย นกอยากร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา โธ่เอ้ย เป็นบ้าอะไรกัน…ไม่จบไม่สิ้นเสียที?

มันบินผ่านลูกโป่งออกมาได้อีกครั้งและไม่รู้ว่าเสียเวลาไปนานมากแค่ไหนแล้ว ต่อให้ขนร่วงจนหมด…แต่มันก็ยังมีกำลังใจทำภารกิจต่อไป ในขณะที่นกกำลังบินอยู่มันก็ปล่อยของเหม็นลงมาแล้วสยายปีกบินหนีไปด้วยความโกรธแค้น

“เหล่าสหายเอ๋ย หยาดเหงื่อและน้ำตาที่หลั่งไหลในวันนี้จะเป็นรางวัลชั้นยอดในวันข้างหน้า เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเรา เพื่อความร่ำรวยของรุ่นลูกรุ่นหลานรุ่นต่อ ๆไปของพวกเรา รีบไปข้างหน้า ต่อให้ตายก็หยุดไม่ได้…มา ดื่มไวน์แก้วนี้กัน วันนี้ของผมก็คือวันพรุ่งนี้ของพวกคุณ!”

ชายวัยกลางคนที่แสดงท่าทีฮึกเหิมในชุดสูทและรองเท้าหนังคนหนึ่งกำลังยืนพูดจาปลุกใจอยู่บนเวที เขายกแก้วไวน์ในมือขึ้นร้องตะโกนไปทางกลุ่มคนโง่ด้านล่างเวทีที่ทำท่าลุ่มหลงงมงายเหมือนฝัน ทั้งสนามส่งเสียงร้องไชโยแล้วต่างก็ยกแก้วขึ้น

“ติ๋ง ๆ…”

มีบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไรตกลงมาแล้วบังเอิญตกลงไปในแก้วไวน์ของชายบนเวทีพอดี พร้อมทั้งแผ่กระจายในแก้วอย่างรวดเร็ว…สุดท้ายก็ผสมเข้ากับของเหลวในแก้วเป็นเนื้อเดียวกัน สมบูรณ์แบบ!

คนทั้งสนามเงียบกริบ…

เงียบเป็นเป่าสาก!

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อรออยู่ในสวนสาธารณะมากว่าสิบห้านาทีแล้วแต่เฮ่อเหลียนเช่อก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที สีหน้าของเสี่ยวเป่าเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

พ่อบอกแล้วถ้าหากเขาไม่ได้มาภายในยี่สิบนาที เช่นนั้นก็หมายความว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ให้เขาแยกย้ายไปก่อน…วันหลังค่อยหาโอกาสเจอกันใหม่!

เสี่ยวเป่ายกแขนขึ้นมองดูนาฬิกาของตัวเอง ตอนนี้ผ่านไปสิบหกนาทีแล้ว รออีกสามนาทีถ้าพ่อยังไม่มา เขาจะพาน้องสาวออกจากสวนสาธารณะกลับบ้านน้า

“น้อง พวกเรากลับบ้านกันดีไหม?”

เสี่ยวเป่าเตรียมจะพาเล่อเล่อกลับบ้าน แต่ว่า——

“ไม่เอา ฉันอยากกินเนื้อ อยากจะไปจับเสือใหญ่…” เล่อเล่อบิดตัวไปมาอย่างไม่พอใจ เธอยังไม่ได้กินเนื้อเลยจะกลับบ้านไปทำไมกัน?

“พี่ชายโกหก…พี่เป็นคนโกหก…”

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วแน่น ตำหนิเฮ่อเหลียนเช่อในใจไม่หยุด พ่อเชื่อถือไม่ได้เลยจริง ๆ…

“พ่อติดธุระเลยมาไม่ได้ พวกเราค่อยไปวันหลังดีไหม?” เสี่ยวเป่าพูดโน้มน้าว แต่เจ้าปีศาจน้อยไหนเลยจะโน้มน้าวง่ายขนาดนั้น พูดอะไรไปก็ไม่พอใจ

ปกติหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นเหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นคนออกหน้าถึงจะเอาเล่อเล่ออยู่ ไม่อย่างนั้นเจ้าปีศาจตัวน้อยนี้อาจจะอาละวาดใหญ่โตได้เลย!

แต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวเป่าไม่เคยปลอบน้องสาวที่ทำตัวงอแงมาก่อน แล้วจะรู้ได้เช่นไรว่าต้องทำอย่างไรต่อ เขามองฉิวฉิวอย่างขอความช่วยเหลือหวังว่าคุณชายฉิวจะคิดหาหนทางได้

คุณชายฉิวสะบัดหางไปมาเบา ๆ ดวงตาดำขลับกลอกไปมา มันกำลังเบื่อที่จะต้องอยู่แต่บ้านพอดี งั้นพาเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ไปเที่ยวหน่อยดีไหมนะ?

แวะไปหาน้องฉาเสียหน่อย บางทีเจ้าตัวเล็กสองคนนี้อาจจะมีวิธีทำให้น้องฉาตัวเล็กลงก็ได้

ฉิวฉิวตัดสินใจกำลังคิดจะอ้าปากพูดชักจูงเล่อเล่อ แต่ว่า——

“เจ้าหนู พ่อแม่ของพวกเธอล่ะ? พวกเขาไม่ต้องการพวกเธอแล้วเหรอจ๊ะ?” มีหญิงวัยกลางคนในชุดแฟชั่นคนหนึ่ง พอเห็นเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อก็อดไม่ได้ที่จะดวงตาเป็นประกายแล้วถามพวกเขาด้วยท่าทียิ้มแย้มอ่อนโยน

“พ่อแม่เก็บดอกไม้อยู่ทางโน้น เดี๋ยวก็มาแล้ว!” เสี่ยวเป่ามองเธออย่างระมัดระวังแล้วมายืนบังหน้าเล่อเล่อไว้ตามสัญชาตญาณ

ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองไปในทิศทางที่เสี่ยวเป่าชี้แล้วก็แอบยิ้มอยู่ในใจ ตรงนั้นเป็นป่าจะมีใครอยู่ได้อย่างไรกัน หลายวันมานี้กำลังกลุ้มใจไม่มีผลงานส่งให้เจ้านายดูอยู่พอดีเลย พระเจ้าช่างมีตาจริง ๆส่งเจ้าหนูน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูสองคนนี้มาให้ ทางนั้นจะต้องไม่มีแบบนี้แน่ ๆ!

“น้าพาพวกเธอไปดูโดนัลด์ดั๊กกับมิกกี้เมาส์ดีไหม? ยังมีนางเงือกกับสโนวไวท์อีกด้วยนะ…”

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้พูดจาแปลกมากดูแล้วไม่เหมือนคนลักพาตัวธรรมดา เขาบีบมือของเล่อเล่อเบา ๆเพื่อไม่ให้เธอส่งเสียง

“ไปดูที่ไหนเหรอ?” เสี่ยวเป่าสงบเยือกเย็นแสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็น

“รู้จักสวนสนุกดิสนีย์ไหม โดนัลด์ดั๊กและมิกกี้เมาส์อยู่ที่นั่นแหละ…”

“จะไปอย่างไรล่ะ?”

“นั่งเรือยอร์ชไปกันจ้ะ น้าจะให้คนมารับพวกเรานะ!”

ผู้หญิงล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดภาษาถิ่น เธอคงคิดว่าเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อคงฟังไม่เข้าใจเลยพูดจาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด เสี่ยวเป่ายิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นเพราะเขาได้ยินผู้หญิงคนนี้พูดว่าอีกฝ่ายยังมีเด็กอีกยี่สิบกว่าคนอยู่ในมือ…

…………………………………………..

ตอนที่ 2448 ชอบจับคนไม่ดีที่สุด

สีหน้าท่าทางของเสี่ยวเป่าเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม เขามั่นใจแล้วว่าคน ๆนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดีน่าจะเป็นพวกโจรลักพาตัวที่คุณน้าพูดถึงอยู่บ่อย ๆซึ่งคงมีเจตนาไม่ดีต่อเขาและน้องสาว และสิ่งที่น่ารังเกียจกว่านั้นก็คือน้าคนนี้ได้ลักพาตัวเด็กไปแล้วยี่สิบกว่าคน

แถมยังจะส่งออกทะเลในเร็ว ๆนี้ด้วย!

เสี่ยวเป่าพอจะสรุปจุดประสงค์ได้คร่าว ๆเพราะหล่อนบอกว่ามีดิสนีย์อยู่ตรงนั้น ฉะนั้นดิสนีย์แลนด์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ในฮ่องกง พ่อเคยพาเขาไปเที่ยวมาก่อน

ดังนั้นเขาถึงรู้สึกแปลกใจ ทำไมถึงต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากซับซ้อนขนาดนี้ด้วยนะ?

เมื่อก่อนคุณน้าพูดเสมอว่าพวกลักพาตัวจะเอาเด็ก ๆที่ลักพาตัวมาขายไปในภูเขา หรือตัดมือตัดเท้า ควักดวงตา ตัดลิ้น บังคับให้ไปขอเงิน ไม่เห็นเคยต้องส่งไปไกลถึงฮ่องกงเลยนี่นา

ความละเอียดรอบคอบของเสี่ยวเป่าทำให้อนุมานความผิดปกติทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีคนไม่ดีมากมายอยู่เบื้องหลังแน่นอน!

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณลุงตำรวจยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าหากไม่มีใครไปช่วยเด็กเหล่านั้น พวกเขาก็จะพลัดพรากจากพ่อแม่ แล้วไม่รู้ว่าจะโดนขายไปที่ไหน…

เสี่ยวเป่ากัดฟัน เขาอยากช่วยเด็กพวกนั้นแต่ว่าตอนนี้แจ้งตำรวจก็คงไม่ทัน เพราะผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้หญิงคนนั้นคงจะมาหาในไม่ช้านี้แล้ว สถานการณ์เร่งด่วนเช่นนี้เสี่ยวเป่าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“น้อง พี่จะไปจับคนไม่ดี เธอ ฉิวฉิวกับเสวี่ยเอ๋อร์กลับบ้านไปก่อนดีไหม?” เสี่ยวเป่าก้มศีรษะลงมากระซิบเสียงเบาข้างหูของเล่อเล่อ

มีเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวอยู่ด้วยน้องสาวคงไม่เป็นอะไรแน่ อีกอย่างคุณน้าก็น่าจะตามหาเจอในเร็ว ๆนี้แล้ว

เพียงแต่ว่า——

“ฉันชอบจับคนไม่ดีที่สุดเลย…ไม่กลับบ้าน…”

เสี่ยวเป่ารู้จักเล่อเล่อน้อยเกินไป ไหนเลยจะรู้ว่านอกจากยัยตัวแสบคนนี้จะชอบกินเนื้อแล้ว ยังชอบจับคนไม่ดีอีกต่างหาก พอได้ยินว่าเสี่ยวเป่ากำลังจะจับคนไม่ดี เล่อเล่อไหนเลยจะยอมกลับบ้าน มืออวบอ้วนกำเสื้อผ้าของเสี่ยวเป่าเอาไว้แน่น พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือออกเลย

“น้องสาวเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะ…”

เสี่ยวเป่ายังคิดจะพูดโน้มน้าวต่ออีกสักหน่อยแต่เพื่อนคู่หูของผู้หญิงได้ขับรถมาถึงแล้ว ชายร่างสูงใหญ่กำยำสองคนส่งยิ้มและเดินมาทางพวกเขา เสี่ยวเป่าปิดปากอย่างไม่ลังเล ฉวยโอกาสตอนคนไม่ใส่ใจ ดึงกิ๊บติดผมบนหัวของเล่อเล่อออกมาแล้วโยนลงบนหญ้าไม่ไกล

“จะไปดูโดนัลด์ดั๊กกับมิกกี้เมาส์ใช่ไหม? รีบหน่อยเถอะ…ผมกับน้องสาวยังต้องกลับไปกินเกี๊ยวที่บ้านอีก…”

เสี่ยวเป่าแสร้งทำทีร่าเริงไร้เดียงสา เขาจับมือเล่อเล่อเอาไว้แน่น ในเมื่อต้องไปขึ้นเรือแล้ว งั้นก็เล่นให้สนุกเต็มที่ไปเลยแล้วกัน!

เล่อเล่อกลอกตาไปมาพร้อมปิดปากแน่น เธอซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีหวาดกลัวเหนียมอาย เธอต้องร่วมมือกับพี่ชายจับตัวคนไม่ดี

แม่บอกว่า อยู่ข้างนอกต้องแสดงท่าทีอ่อนแอ!

แบบนี้ถึงจะหลอกล่อคนไม่ดีได้

“ใช่ น้าจะพาพวกเธอไปเที่ยวดิสนีย์ เดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว” จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็พาเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อไปขึ้นรถ

“สินค้าครั้งนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ โดยเฉพาะสองคนนี้ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดแล้ว แต่คนนี้อายุยังน้อยไปหน่อยคงต้องเลี้ยงไว้อีกสักสองสามปี” ทันทีที่ผู้มาเยือนเจอเสี่ยวเป่าก็ดวงตาเปล่งประกายเอ่ยชมไม่ขาดปาก

ร่างอวบอ้วนของเล่อเล่อทำให้คนพวกนี้พอใจมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าตาแย่กว่าพี่ชายสักหน่อยแต่ก็เป็นเด็กน้อยหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเลยล่ะ เลี้ยงดูอีกสักสามสี่ปีจะต้องทำเงินได้ไม่น้อยแน่นอน

“ใครจะรู้ว่ามาพักผ่อนที่สวนสาธารณะจะได้พบสินค้าดี ๆแบบนี้ด้วย รีบหน่อย ส่งขึ้นเรือคืนนี้เลย!” ผู้หญิงลำพองใจเป็นอย่างมาก เธอบอกให้เพื่อนร่วมงานรีบขับรถ

“ทำไมถึงมีหมาตามมาด้วยล่ะ เอาหมาโยนทิ้งไปเลยนะ!” มีคนมองเจ้าเสวี่ยเอ๋อร์ที่เงียบไม่ส่งเสียงร้องใด ๆด้วยความรังเกียจ

“โยนทิ้งอะไรกัน พอไปถึงฮ่องกงฉันจะเลี้ยงเอง หมาตัวนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นหมาป่าพันธุ์แท้ แถมยังเป็นสีขาวพันธุ์หายากอีกต่างหาก ขายได้เงินไม่น้อยเชียวล่ะ” อีกคนมองเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยท่าทีอยากได้และทำใจทิ้งมันไม่ลง

รถออกจากสวนสาธารณะได้ไม่ถึงห้านาที เฮ่อเหลียนเช่อและเหมยเหมยก็มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว

……………………………….

ตอนที่ 2445 ท่องเที่ยวทั่วโลก

ณ วัดในเขตชานเมืองของเมืองหลวง

เฮ่อเหลียนเช่อเอนกายอย่างมีความสุขอยู่ในสวนหลังบ้านอันเงียบสงบ ต้นไม้เขียวชอุ่มร่มรื่น สายลมพัดเบาสบาย เฮ่อเหลียนเช่อถือจานองุ่นเย็นเฉียบเอาไว้ในมือแล้วโยนองุ่นให้สูงพร้อมอ้าปากรับเข้าปาก เขากินแม้กระทั่งเมล็ดและเปลือกเข้าไปด้วย

เขามีธุระบ้าอะไรให้ทำกันล่ะ!

ช่วงระยะนี้ก็พักผ่อนหย่อนใจที่นี่ไปก่อน รอให้เสี่ยวเป่าค่อย ๆปลูกต้นรักกับลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่นไป จากนั้นค่อยไปรับเสี่ยวเป่าเพื่อออกตามหาเหมยซูหานต่อ พอตามหาสักสองสามปีแล้วค่อยส่งกลับมาสานสัมพันธ์กันต่อ…

เหอะ ๆ…ความรักความผูกพันที่เกิดขึ้นในวัยเด็กเป็นความรักที่มั่นคงเสียยิ่งกว่าทองอีกไม่ใช่เหรอ!

คาดไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรังเกียจลูกของเขา เชอะ..เขาจะให้เสี่ยวเป่าฉกชิงลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่นมาเป็นภรรยาให้ได้!

ที่แท้เฮ่อเหลียนเช่อก็มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ ถ้าหากเหยียนหมิงซุ่นรู้เข้าเกรงว่าคงโมโหจนฆ่าเจ้าหมอนี่แน่ ๆ!

เพียงแต่ว่าตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นก็โกรธมากจนควันออกหูเช่นกัน

“เฮ่อเหลียนเช่อไอ้คนสารเลวนั่นต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ ๆ เขามีธุระสำคัญอะไรต้องทำกัน? ตั้งใจเอาลูกชายมาทิ้งไว้บ้านเราเพื่อทำมิดีมิร้ายลูกสาวเราน่ะสิ…ไม่ได้การล่ะ พี่ต้องส่งคนไปตามหาเจ้าหมอนั่นแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาโทรหาอยู่หลายสาย แถมยังสั่งให้ลูกน้องค้นทั่วทั้งเมืองเพื่อหาแหล่งกบดานของเฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่อรักลูกชายจะตายไป ถึงอย่างไรก็คงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองหลวงเพื่อดูเรื่องสนุก ๆอยู่แน่นอน!

เสี่ยวเป่าเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นพร้อมเบะปาก คุณน้าหาพ่อไม่เจอแน่นอนเพราะมีเขาอยู่!

และเป็นไปตามคาดเพราะคนของเหยียนหมิงซุ่นค้นหาอยู่หลายวันก็หาเฮ่อเหลียนเช่อไม่เจอ ความโกรธของเหยียนหมิงซุ่นก็ค่อย ๆจางลงพลางคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อคงไปทำธุระจริง ๆ

ความสัมพันธ์ของเล่อเล่อและเสี่ยวเป่ายิ่งผูกพันลึกซึ้งกันขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองแทบจะห่างจากกันไม่ได้ ไปโรงเรียนก็ต้องไปด้วยกัน แน่นอนว่าเหมยเหมยเห็นแล้วก็พลอยมีความสุขไปด้วย เล่อเล่อมีพี่ชายที่รักใคร่เพิ่มมาอีกคน ดีจะตายไป!

“พี่ชาย…พ่อของพี่พาพี่ไปหลายที่มากเลยใช่ไหม?” เล่อเล่ออิจฉาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะพาเธอออกไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ฟังแล้วไม่น่าตื่นเต้นเหมือนของพี่เสี่ยวเป่าเลยแม้แต่นิดเดียว

งูหลามตัวใหญ่ เสือตัวใหญ่ สิงโตตัวใหญ่ กิ้งก่าตัวใหญ่ ทั้งยังมีจระเข้และหมีตัวใหญ่…สิ่งเหล่านี้เธอไม่เคยประลองฝีมือด้วยมาก่อน เธอเคยเห็นแต่ในสวนสัตว์แต่มันไม่มีความดุร้ายเลย ไม่มีความป่าเถื่อนเลยสักนิด

“แน่นอน ในป่าเที่ยวสนุกมากเลยนะ มีของกินอร่อย ๆเพียบด้วย โดยเฉพาะงูพิษ ยิ่งงูมีพิษมากเท่าไรก็ยิ่งอร่อยมากเท่านั้น…แล้วก็ยังมีหางของกิ้งก่าก็อร่อยมากเหมือนกัน…นอกจากนี้ยังมีแมลงชนิดพิเศษในป่าอร่อยที่สุดเท่าที่พี่เคยกินมาเลยล่ะ…”

เสี่ยวเป่าพูดพูดเจื้อยแจ้วอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เล่อเล่อมุมปากมีน้ำลายไหลย้อยลงมาจนถึงคางแล้ว

ของอร่อยเยอะขนาดนี้เชียว…

อยากกินจังแฮะ!

“พี่ชาย พ่อของพี่จะพาพี่เข้าป่าอีกไหม?”

“แน่นอนสิ เขาทำธุระเสร็จก็จะกลับมารับพี่ น้องอยากไปด้วยกันไหม?” เสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีถาม

“อยากสิ…พี่ชายพาฉันไปด้วยนะ!”

“ได้เลย!”

รอยยิ้มอันอบอุ่นของเสี่ยวเป่าทำให้เล่อเล่อตกตะลึงแล้วมองอย่างหลงใหล เธอพึมพำกับตัวเองว่า “พี่ชายดูดีมาก ๆ ดูดีเหมือนแม่เลย!”

“ยัยเด็กซื่อบื้อ!”

เสี่ยวเป่าเขี่ยจมูกของเล่อเล่อเบา ๆแล้วยื่นมือออกไปยกขึ้นกลางอากาศ มีนกตัวหนึ่งบินเข้ามาเกาะบนไหล่ของเสี่ยวเป่า หลังจากนั้นครู่หนึ่งนกก็บินไปในทิศทางของวัดที่เฮ่อเหลียนเช่อพักอยู่

เขาได้ทำภารกิจที่พ่อบอกเสร็จสิ้นแล้ว เสี่ยวเป่าเหลือบมองเหมยเหมยที่รดน้ำดอกไม้อยู่ห่างออกไป ในใจรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่เขาก็ตั้งใจแน่วแน่แล้ว

น้องสาวไม่ควรอยู่ในบ้านที่อบอุ่น เธอต้องออกไปตากลมตากฝนบุกป่าฝ่าดง การออกไปผจญโลกถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อน้องสาว!

เที่ยงวันต่อมาเหมยเหมยทำอาหารเที่ยงเสร็จก็เดินไปสวนหลังบ้านเตรียมเรียกเจ้าตัวเล็กสองคนมาทานข้าวกัน แต่ค้นหาทั่วสวนหลังบ้านแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา นกกระจอกกลุ่มหนึ่งส่งเสียงร้องเรียกเธอไม่หยุด เหมยเหมยถึงได้สังเกตเห็นจดหมายที่แขวนอยู่บนต้นพลัม

“คุณน้าครับ ผมจะพาน้องสาวไปท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ น้องสาวจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ผมและพ่อจะดูแลน้องสาวอย่างดี เสี่ยวเป่า”

…………………………………………..

ตอนที่ 2446 ใจกล้าบ้าบิ่น

ลายมือในจดหมายงอ ๆเบี้ยว ๆ แค่มองก็รู้ทันทีว่าเป็นเสี่ยวเป่าเขียน เหมยเหมยหน้ามืด แทบไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง

สองคนนี้ใจกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวอะไรแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะกล้าหนีออกจากบ้าน?

เวลานี้เหมยเหมยเพิ่งจะค้นพบว่าเสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวก็ไม่อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าโดนเจ้าเด็กสองคนนั้นซื้อตัวไปแล้ว แถมยังไปเงียบ ๆไม่บอกกันสักคำ

แต่กำแพงสวนหลังบ้านสูงถึงสองเมตร เจ้าตัวเล็กทั้งสองหลบหนีออกไปได้อย่างไรกัน?

เหมยเหมยยังไม่ปักใจเชื่อง่าย ๆหลงคิดว่าเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้กำลังเล่นซ่อนหากับเธอ เธอหาทั่วทั้งสวนหลังบ้านอีกครั้ง ค้นหาทุกซอกทุกมุมแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา เธอวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วเดินค้นจากชั้นหนึ่งไปยังชั้นสาม ค้นหาทุก ๆห้องแต่ก็ไม่เจอ

ตอนนี่เองเหมยเหมยถึงได้ตื่นตระหนกอกสั่นขวัญหายขึ้นมา

คนหนึ่งเด็กหกขวบ อีกคนเด็กสามขวบ รวมกันแล้วยังไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำ

หนีออกไปแบบนี้หากเจอพวกค้ามนุษย์จะทำอย่างไร?

พอนึกถึงเด็กน่าสงสารข้างถนนที่โดนควักลูกตาแขนขาดขาขาด เหมยเหมยก็อดเหงื่อเย็นไหลชุ่มทั้งตัวไม่ได้ เธอไม่กล้าจะคิดจินตนาการต่อเลย แค่ผิวของเล่อเล่อถลอกนิดหนึ่งใจของเธอก็เจ็บปวดมากแล้ว หากพวกเขาถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป ควักตาแล้วตัดลิ้น…

เหมยเหมยตัวสั่นสะท้านเฮือก ส่ายศีรษะไปมาไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเล่อเล่อหรือเสี่ยวเป่าก็ห้ามเป็นอะไรไปทั้งนั้น

“คุณป้า…ลุงเหลา…”

เหมยเหมยส่งเสียงร้องดังลั่น เรียกไปวิ่งไปด้วย ทุกคนต่างทำงานกันอยู่ที่ลานหน้าบ้าน พอได้ยินเสียงร้องแหลมของเหมยเหมยต่างก็คิดว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ลุงเหลาวิ่งไวสุดโยนไม้กวาดทิ้งแล้ววิ่งเข้ามาในบ้านทันที

“เล่อเล่อกับเสี่ยวเป่าไม่อยู่แล้ว…ฉันต้องออกไปตามหาพวกเขาข้างนอก…” เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ยังหนีไปไม่ไกล ออกไปหาตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเจอ จับเด็กตัวแสบสองคนนี้กลับมาเมื่อไรจะฟาดให้ตายเลย!

“ทำไมถึงไม่อยู่แล้วล่ะ…ใครพาออกไป…ฮะ?”

คุณย่าหยางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เธอคิดว่ามีคนเลวมาลักเอาเด็กสองคนนี้ไป ร่างกายก็พลันอ่อนยวบ

“หนีออกไปเองค่ะ!”

เหมยเหมยไม่มีเวลาอธิบาย เธอคว้าจักรยานมาจากที่จอดรถ เจ้าตัวเล็กขาสั้นคงจะเดินช้า ความเร็วของจักรยานกำลังพอเหมาะจะได้ไม่คลาดกัน ลุงเหลาคว้าตัวเธอไว้ “ผมจะไปดูสถานการณ์ที่สวนหลังบ้าน อย่าเพิ่งร้อนใจไป”

ลุงเหลาตรวจดูทั่วทั้งสวนหลังบ้านแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะลายมือในจดหมายเป็นของเสี่ยวเป่าจริง ๆ เขาคงคิดว่ามีคนฝีมือดีแอบเข้ามาและเอาเด็กสองคนนั้นไปแล้วเพราะไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่น้อย หากไม่ใช่คนที่มีฝีมือขั้นสุดยอดละก็คงไม่มีทางทำได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าเด็กตัวเล็กสองคนเลย!

ปัญหาก็คือต่อให้เหมยเหมยมีความตื่นตัวแย่แค่ไหน แต่เสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวต้องสัมผัสได้อย่างแน่นอน แต่พวกมันต่างก็ไม่มีการส่งสัญญาณบอกใด ๆ นั่นหมายความว่าไม่มีใครแอบเข้ามาแต่เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อวิ่งออกไปเองจริง ๆ

“ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ขุดหลุมตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร พวกเขาออกไปจากรูนี้!” ลุงเหลาชี้ไปที่รูในสนามหลังบ้านแล้วพูด

เหมยเหมยกัดฟันแน่น “พากลับมาได้จะตีให้ก้นลายเลยคอยดู!”

เธอรู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กสองคนนี้คงยังไปไหนไม่ไกล แถมยังมีเสวี่ยเอ๋อร์และฉิวฉิวตามไปด้วยอีก ในช่วงเวลาสั้น ๆนี้น่าจะปลอดภัยไม่มีปัญหาอะไร ออกไปหาตอนนี้น่าจะยังหาเจอได้ง่าย ๆอยู่

เสี่ยวเป่าพาเล่อเล่อไปที่สวนสาธารณะหลังชุมชน ใบหน้ารูปไข่อันงดงามของเธอมอมแมมไม่น้อย บนเสื้อผ้ามีเศษใบไม้แห้งเกาะติดเต็มไปหมด เสวี่ยเอ๋อร์ก็เดินตามมาไม่ช้าไม่เร็ว ฉิวฉิวหมอบอยู่บนศีรษะของเล่อเล่อเหมือนสวมหมวกสีขาวราวกับหิมะอยู่ก็ไม่ปาน

“พี่ชาย พ่อของพี่อยู่ไหนเหรอ?” เล่อเล่อเงยหน้าถาม บนใบหน้าอันอ้วนกลมนอกจากสิ่งสกปรกและหญ้าแล้ว ยังมีดวงตากลมโตลุกวาวสุกใส แลดูมีความสุขมากเหลือเกิน

“พี่ส่งจดหมายให้พ่อแล้ว เดี๋ยวพ่อก็จะมาหาพวกเราในอีกไม่นานนี้แหละ”

เสี่ยวเป่าปัดเศษดินเศษหญ้าออกให้เล่อเล่อแล้วพาเธอไปนั่งบนม้านั่งเพื่อรอเฮ่อเหลียนเช่อมารับ

นกที่ถูกวานให้นำจดหมายไปส่งเฮ่อเหลียนเช่อตัวนั้นกระพือปีกเสียงดังพึ่บพับอยากจะรีบส่งจดหมายไปให้โดยเร็วที่สุด แต่บินไปได้เพียงครึ่งทางก็มีลูกโป่งสีสันสดใสจำนวนหนึ่งพุ่งขึ้นมาเต็มท้องฟ้าชนนกจนเวียนหัวแยกทิศทางไม่ออก

……………………………

ตอนที่ 2443 กำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

“นี่คืออะไรเหรอลูก?” เธออมยิ้มถาม

“พี่ชายบอกว่าอันนี้อร่อย…แม่ ทอดนะ…”

เล่อเล่อออดอ้อนบิดตัวเล็ก ๆของตัวเองที่กลมเหมือนลูกชิ้นไปมา เหมยเหมยเปิดถุง ทันใดนั้นหนังศีรษะก็ชาวาบ ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่ได้ เอาไปให้ไก่กินให้หมด!”

คาดไม่ถึงว่าจะมีฝูงตั๊กแตนอัดแน่นอยู่ในถุง เหมยเหมยมองจนตัวชาวาบ สิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้อย่าเอามาทำให้หม้อของเธอสกปรกนะ

“แม่…พี่ชายบอกว่าอร่อย…” เล่อเล่อยังคิดจะออดอ้อน

“ไม่ได้…เหยียนเล่อเล่อ อย่าให้แม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม เอาไปให้ไก่กินซะ!” เหมยเหมยทำหน้าขรึม

เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูของเล่อเล่ออยู่หลายประโยค เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแล้ววิ่งออกไปอย่างเชื่อฟัง เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ ช่วงเวลาเพียงครู่เดียวเล่อเล่อก็เชื่อฟังเสี่ยวเป่าทุกอย่างแล้วเหรอ?

เธอคร้านจะสนใจเจ้าตัวเล็กสองคนนี้แล้ว ถึงอย่างไรอยู่บ้านคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก เหมยเหมยจึงทำอาหารต่อ แต่ทว่า——

“โอ๊ย…บรรพบุรุษตัวน้อยของฉัน พวกเธอจะก่อจลาจลกันหรืออย่างไร…” เสียงโมโหของคุณย่าหยางดังลอยมา แถมยังมีกลิ่นไหม้ลอยตามมาด้วย

เหมยเหมยรีบปิดเตา พอวิ่งมาถึงสวนหลังบ้านก็รู้สึกร้องไห้ไม่ออก

ที่แท้เจ้าเด็กสองคนนี้จุดไฟย่างตั๊กแตนกิน ใบหน้าเล็ก ๆทั้งสองเปื้อนเขม่าควันเหมือนแมวลายยังไงอย่างนั้น นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ย่างตัวเองเข้าไปด้วย

“คุณย่าทวด…กินแมลง…อร่อยนะ…”

เล่อเล่อคว้าไม้ที่มีของไหม้เกรียมขึ้นมาหนึ่งไม้แล้วส่งให้กับคุณย่าที่เคารพรักของเธอด้วยตัวเอง ทำเอาคนดุด่าเธอไม่ลง แต่พอเห็นกิ่งต้นพลัมที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นความโกรธก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ไฟก็ยังกล้าเล่น แบบนี้ก็ได้เหรอ?

จะให้อภัยอย่างไร้เหตุผลไม่ได้เด็ดขาด!

“หนิงเสี่ยวเป่า เหยียนเล่อเล่อ พวกเธอยืนสำนึกผิดอยู่ตรงนี้ไปเลย ถ้าสำนึกผิดไม่ได้ก็ไม่ต้องทานข้าว…” เหมยเหมยใช้มือคว้าเด็กทั้งสองข้างละคนแล้วเอาไปยืนบนตอไม้

ก่อไฟยังพอว่า แต่ยังหักกิ่งต้นพลัมที่เธอรักมากไปตั้งหลายก้านเพื่อใช้ย่างตั๊กแตน ช่างทำร้ายจิตใจของเธอมากจริง ๆ

“คุณน้าครับ…ลงโทษผมแทนเล่อเล่อเถอะ เล่อเล่อยังเด็ก!” เสี่ยวเป่าอ้อนวอนเสียงหวาน

“เธอก็หนีไม่พ้นเหมือนกัน ยืนดี ๆเลย!”

เหมยเหมยหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาเสี่ยวเป่า ดวงตาใสซื่อเหมือนตอนแรกเกิด ถ้าเกิดเผลอสบตาเข้าก็สามารถทำให้คนหลงใหลได้เลย เธอคงฝืนปฏิเสธเด็กน้อยที่งดงามขนาดนี้ไม่ได้แน่ ๆ

แต่เสี่ยวเป่าที่เหมือนเทวดาคนนี้กลับโดนเฮ่อเหลียนเช่อพาเสียคนเข้าแล้ว ตอนเด็กเขาเป็นเด็กดีมากจะตายไป!

เหมยเหมยเอาบัญชีแค้นทั้งหมดโยนใส่เฮ่อเหลียนเช่อแล้วมองข้ามความซุกซนที่เป็นปกติของเด็กวัยนี้ไปโดยสิ้นเชิง นับว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กในวัยเสี่ยวเป่าจะเล่นซุกซน แต่ว่าพออยู่กับเฮ่อเหลียนเช่อที่ใจกล้าไม่กลัวฟ้ากลัวดินจนชินและซึมซับได้รับอิทธิพลมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากส่วนนี้ด้วย

“ก็แค่อยากกินตั๊กแตนเองไม่ใช่เหรอ ย่าทวดจะทอดให้พวกเธอเอง วันหลังอย่าเล่นไฟกันอีกนะ!”

คุณย่าหยางพูดจาด้วยดี ๆแล้วหยิบตั๊กแตนที่เหลือเข้าไปในครัว เธอเคยกินเจ้าสิ่งนี้เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก มันอร่อยมากจริง ๆ

“คุณย่า…คุณย่าจะตามใจเล่อเล่อแบบนี้ตลอดไม่ได้นะคะ เธอกำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว” เหมยเหมยหนังศีรษะชาวาบ สงสัยวันพรุ่งนี้จะต้องซื้อหม้อใหม่ กับข้าวที่ทำในหม้อที่เคยผ่านการทอดตั๊กแตนมาแล้ว ตีให้ตายเธอก็ไม่ยอมกินหรอก

“ย่าว่าเล่อเล่อออกจะดี ไม่มีใครเทียบหลานสาวของย่าได้แล้ว!”

คุณย่าหยางกลอกตาใส่เธอ เข้าครัวไปและเริ่มจัดการตั๊กแตนเสร็จแล้วก็นำไปทอด

ได้เวลามื้อค่ำแล้ว อาหารที่ปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยหัวใจของเหมยเหมยนั้นไม่ได้รับความนิยม แต่จานตั๊กแตนที่คุณย่าหยางทอดกลับทำเอาทุกคนติดอกติดใจชมไม่ขาดปาก ยกเว้นเหมยเหมย

“รสชาติไม่เลวเลย จักจั่นเอาไปทอดก็หอม นานแล้วที่ไม่ได้กิน!” คุณปู่เหยียนกินไปหลายตัว อดไม่ได้ที่จะยื่นตะเกียบไปคีบอีก แต่ก็โดนคุณย่าหยางเอาตะเกียบตีเข้าให้

“อาหารเยอะขนาดนี้ คุณจะแย่งเด็ก ๆกินทำไม? กินอย่างอื่นไปสิ!”

คุณปู่เหยียนจึงดึงมือกลับด้วยความโกรธเคือง เพิ่งจะกินไปแค่สามตัวเอง ยายแก่ใจแคบลงทุกวัน

เล่อเล่อกลอกดวงตาไปมา เธอคีบตั๊กแตนตัวใหญ่ขึ้นมาหนึ่งตัวด้วยตัวเองแล้วป้อนชายชราพร้อมพูดเสียงหวานว่า “คุณปู่ทวดกิน!”

“เด็กดี เล่อเล่อก็ทานเยอะ ๆหน่อยล่ะ ปู่ทวดอิ่มแล้ว”

คุณปู่เหยียนยิ้มจนปากแทบจะฉีกอยู่แล้ว

“คุณย่าทวดก็กินนะ พรุ่งนี้ไปจับแมลงอีกเยอะ ๆมาไว้กินกัน…” เล่อเล่อพูดอย่างฮึกเหิม พวกแมลงอร่อยมากจริง ๆ

…………………………………………..

ตอนที่ 2444 เรื่องที่ปีนขึ้นเตียง

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ไม่คิดจริงจังอะไร คุณย่าหยางเลี้ยงไก่ไว้สวนหลังบ้าน วัน ๆไม่ทำอะไรเอาแต่จิกแมลงกิน วันนี้โดนเจ้าตัวเล็กสองคนนี้จับแมลงมามากมายขนาดนี้แล้วจะเหลือแค่ไหนกันเชียว?

พอจับแมลงไม่ได้ เจ้าตัวเล็กสองคนนี้ก็คงหยุดไปเอง

เหมยเหมยแอบลำพองใจ ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงรอยยิ้มจาง ๆบนใบหน้าของเสี่ยวเป่า

ตอนกลางคืนก่อนเข้านอนก็มีปัญหาสำคัญโผล่มาอีก แต่คราวนี้คนที่เป็นกังวลก็คือเหยียนหมิงซุ่น

“หนูจะนอนกับพี่ชาย…” เล่อเล่อที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วโวยวายรั้นจะนอนกับเสี่ยวเป่าให้ได้

เหมยเหมยไม่ได้คัดค้านอะไร คนหนึ่งหกขวบ อีกคนสามขวบ คนโบราณว่ากันว่าเจ็ดขวบถึงจะนอนด้วยกันไม่ได้ ฉะนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา แต่ทว่า——

“ไม่ได้ หญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน แยกกันนอน!” เหยียนหมิงซุ่นหน้าดำคล้ำเครียดทันที คัดค้านอย่างหนักแน่น

แย่งภรรยาเขาไปยังไม่เท่าไร ตอนนี้แม้กระทั่งลูกสาวของเขาก็อยากจะนอนด้วยแล้วเหรอ?

มีอย่างที่ไหนกัน!

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเสี่ยวเป่าอย่างเย็นชา พยายามทำให้เจ้าตัวเล็กยอมแพ้ถอยไปเอง แต่เสี่ยวเป่าไหนเลยจะตกใจ นอกจากนี้เฮ่อเหลียนเช่อยังบอกเขาไว้แล้วด้วยว่า——

“ลูกรัก น้าผู้ชายเป็นคนจิตใจคับแคบมาก ลูกอย่าไปสนใจเขาเลย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่กล้าทำอะไรลูกหรอก!”

ในที่สุดตอนนี้เสี่ยวเป่าก็เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงได้พูดอย่างนั้น คุณน้าผู้ชายจิตใจคับแคบจริง ๆ!

“เพิ่งจะอายุแค่นี้มีอะไรให้ต้องกังวลกัน…” เหมยเหมยรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นตื่นตูมไปหน่อย

“ชายหญิงต้องป้องกันตั้งแต่อายุยังน้อย เหยียนเล่อเล่อ กลับไปนอนห้องของตัวเอง หนึ่ง สอง สาม…” เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าเย็นชา ยังไม่นับถึงสามเล่อเล่อก็ก้าวขาอวบอ้วนของเธอกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างเชื่อฟัง ปากยู่จนแทบจะสามารถแขวนขวดซีอิ๊วได้แล้ว

เสี่ยวเป่าหันไปขยิบตาให้เล่อเล่อ เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายยิ้มแฉ่ง

เหยียนหมิงซุ่นไหนเลยจะรู้ว่าภายใต้จมูกของเขาเจ้าตัวเล็กสองคนนี้กล้าที่จะ ‘แอบส่งสัญญาณลับให้กัน’ และแอบใช้แผนตบตาอีกฝ่าย เขาไม่ได้คิดอะไรมากแล้วกลับห้องนอนไปพร้อมกับเหมยเหมย เขารู้สึกไม่สบายใจเลยต้องรีบไปหาสิ่งชดเชยจากร่างกายของภรรยาสักหน่อยแล้ว

เช้าวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นก็ไปทำงานตามปกติ เหมยเหมยฝืนลุกขึ้นจากเตียง มีเสี่ยวเป่าอยู่ เธอคงไม่ได้ตื่นสายไปกว่าเสี่ยวเป่าหรอกใช่ไหม?

เหมยเหมยแวะไปดูเสี่ยวเป่าก่อน บนเตียงว่างเปล่า เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากพลางคิดไปว่าเสี่ยวเป่าคงตื่นแล้ว เธอจึงไปที่ห้องของเล่อเล่อ เจ้าตัวเล็กนอนคลุมโปงอยู่!

“เจ้าหมูน้อยขี้เกียจ ตื่นได้แล้ว!” เหมยเหมยปลุกเสียงเบาแต่เสียงตอบกลับมากลับเป็นเสียงกรนเบา ๆ

“แม่ดึงผ้าห่มขึ้นแล้วนะ…แต่นแต๊น…แม่มาแล้ว…” เหมยเหมยยกผ้าห่มขึ้นด้วยมือข้างเดียว รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า ร้องเสียงหลงออกมาว่า “เสี่ยวเป่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

เด็กน้อยเสี่ยวเป่าที่เธอคิดว่าตื่นแล้วกำลังนอนหัวชนกันอย่างรักใคร่กับเล่อเล่อหลับพริ้มสบาย แก้มเล็ก ๆทั้งสองแดงระเรื่อ ภาพตรงหน้าสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แต่กลับสร้างความกลัดกลุ้มให้เธอเล็กน้อย

เสี่ยวเป่ามาอยู่บนเตียงเล่อเล่อตั้งแต่เมื่อไร?

“คุณน้าเบา ๆหน่อยครับ อย่าทำให้น้องตื่น!”

เสี่ยวเป่าตื่นแล้วก็ขยี้ตาแจ่มใสสดชื่นขึ้นทันที เขาเอานิ้วชี้ทาบปากและทำเสียงชู่พลางมองเหมยเหมยอย่างไม่พอใจ

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบหัวเล็ก ๆของเขา ช่างเป็นเด็กเจ้าบงการอะไรอย่างนี้ แต่ความรักของเสี่ยวเป่าที่มีต่อเล่อเล่อกลับทำให้เธออบอุ่นหัวใจมาก

เรื่องที่เสี่ยวเป่าปีนขึ้นเตียงไปนอนกับเล่อเล่อ เหมยเหมยและคุณย่าหยางไม่ได้เอามาใส่ใจอะไรมากนัก เด็กน้อยหกขวบจะมีเรื่องอะไรได้ แต่ว่ามีใครบางคนกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เหยียนหมิงซุ่นที่กลับบ้านมาในตอนเย็นพอได้ยินเรื่องนี้เข้าก็หน้าดำคล้ำเครียดแล้วหันไปจ้องเสี่ยวเป่าอย่างเย็นชา แต่เจ้าตัวกลับไม่รับรู้เพราะเสี่ยวเป่าหันไปคุยกับเล่อเล่อแล้ว

“พี่จะโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อให้เขาเอาลูกชายของเขากลับไป ทำอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน หกขวบก็กล้าปีนขึ้นเตียงลูกสาวเราแล้ว ต้องเป็นเฮ่อเหลียนเช่อสอนมาแน่ ๆ…”

เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเตรียมกดโทรศัพท์ เหมยเหมยพูดเสียงใจเย็นว่า “เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาบอกว่าจะไปทำธุระ ทำธุระเสร็จแล้วถึงจะกลับมารับเสี่ยวเป่า!”

……………………………

ตอนที่ 2441 เสี่ยวเป่ากลับมาแล้ว

ตอนกินข้าวมื้อค่ำเหยียนหมิงซุ่นก็ประกาศข่าวดี “เฮ่อเหลียนเช่อโทรหาฉันเมื่อตอนเที่ยง บอกว่าอีกไม่กี่วันจะพาเสี่ยวเป่ากลับเมืองหลวง”

เหมยเหมยประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างมาก “จริงหรอ? มาถึงเมื่อไหร่ ฉันจะไปรับเสี่ยวเป่า”

สามปีที่ผ่านมานี้ได้รับโปสการ์ดจากเสี่ยวเป่ามาตลอดไม่เคยขาด เพียงแต่ช่วงเวลาที่ส่งกลับมาไม่สม่ำเสมอเท่าไรนัก เพราะว่าสถานที่ที่เสี่ยวเป่าไปมันเยอะมากจริง ๆ

บริเวณอาร์กติก แอนตาร์กติก ทะเลทรายซาฮาร่า ป่าอเมซอน หมู่เกาะสำคัญในแปซิฟิก…

คาดว่าน่าจะเดินทางไปเกือบครึ่งโลกแล้ว

ลองคำนวณดูเสี่ยวเป่าน่าจะอายุหกขวบแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาจะเป็นอย่างไรบ้าง?

ทันใดนั้นความคิดถึงก็ทะลักขึ้นมาเหมือนกระแสน้ำ หัวใจของเหมยเหมยคันยุบยิบปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เจอเสี่ยวเป่า เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกหึงเล็กน้อย ถ้ารู้ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้คงไม่พูดออกมาแต่แรก

“ไม่เร็วขนาดนั้น ยังไม่มีเวลากำหนดแน่ชัด เธอไม่จำเป็นต้องไปรับหรอก” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

อันที่จริงเฮ่อเหลียนเช่อได้บอกเวลาที่แน่นอนแก่เขาแล้ว อีกสามวันเวลาบ่ายสามโมง เพียงแต่เขาไม่อยากพูดมันก็เท่านั้น

“แม่คะ เสี่ยวเป่าคือน้องชายเหรอ?” เล่อเล่อถามพลางกะพริบตากลมโตของเธอ

เหมยเหมยนิ่งตะลึงแล้วรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่หรอก เสี่ยวเป่าเป็นพี่ชาย เสวี่ยเอ๋อร์ของลูกก็เป็นพี่เสี่ยวเป่าให้มาไง!”

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกาย ที่แท้ก็คือพี่ชายสุดเจ๋งที่เสวี่ยเอ๋อร์พูดถึงตลอดนั่นเอง!

“พี่ชายจะมาเมื่อไรคะ?” เล่อเล่อเริ่มนั่งไม่ติด จากนั้นน้องชายก็ถูกสลัดทิ้งไป เธออยากจะประลองฝีมือกับพี่ชายเสียหน่อยว่าสุดท้ายแล้วใครเจ๋งกว่ากัน!

แถบละแวกนี้ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ของเธอแล้ว เฮ้อ…ฮีโร่นี่มันช่างเดียวดายเสียจริง ๆ!

“น่าจะใกล้แล้วล่ะ แม่ไปจัดห้องไว้ให้เสี่ยวเป่าดีกว่า…” เหมยเหมยเบิกบานราวกับผึ้งตัวน้อยโผบินไปทางนู้นทางนี้พร้อมกับสาวน้อยตัวอวบอ้วนเล็ก ๆด้านหลัง

เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วก็รู้สึกขัดตาจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงดังขึ้นว่า “เฮ่อเหลียนเช่ออยู่เมืองหลวงไม่รู้ว่ามีบ้านเยอะแยะขนาดไหน ต้องให้เขามาอยู่บ้านพวกเราด้วยหรือไง?”

“เฮ่อเหลียนเช่อจะพักที่ไหนฉันไม่สน แต่เสี่ยวเป่าจะต้องพักอยู่ที่บ้านของฉัน ใช่แล้ว เสี่ยวเป่ากลับมาครั้งนี้ยังจะไปไหนอีกไหม? เขาคงต้องเข้าเรียนแล้วมั้ง…แล้วหาเหมยซูหานเจอหรือยัง…ตอนคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อเขาบอกพี่ไหมว่ากลับมากันกี่คน…”

เหมยเหมยถามเจื้อยแจ้วเป็นชุดซึ่งไม่ได้รับรู้ถึงความหดหู่ทางจิตใจของเหยียนหมิงซุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว

“ไม่รู้…พี่จะไปห้องหนังสือแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นโยนตะเกียบทิ้ง เขาขี้เกียจกินแล้ว

อ้าปากทีถ้าไม่ถามถึงเสี่ยวเป่าก็เป็นเหมยซูหาน น่ารำคาญจริง ๆ!

“พ่อโกรธแล้ว…” เล่อเล่อยืนเขย่งปลายเท้ากระซิบเสียงเบา

เหมยเหมยเพิ่งรู้สึกได้ในภายหลัง เธอจึงลูบจมูกพูดอย่างหงุดหงิดว่า “พ่อของลูกเป็นวัยทองก่อนวัยแล้ว ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก!”

ชอบหึงโดยไม่มีเหตุผลอยู่เรื่อย ประสาท!

สามวันต่อมา…เหมยเหมยนั่งนับวันนับเวลาอยู่บ้าน ฉับพลันเสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้นไม่หยุด

ป้าฟางและคุณย่าหยางพาเล่อเล่อไปเล่นที่สวนหลังบ้าน เหมยเหมยฝึกโยคะอยู่ในห้องนั่งเล่น พอได้ยินเสียงก็เดินไปเปิดประตูพร้อมบ่นพึมพำว่าใครมา

“ใครน่ะ?”

“คุณน้าครับ ผมเสี่ยวเป่าเอง!”

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เสียงเด็กน้อยอย่างเมื่อก่อนแต่เหมยเหมยก็พอฟังออก เธอตกตะลึงในทันทีแล้วก็รีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวเป่าทำไมถึงแล้วไม่ยอมโทรศัพท์มาบอกน้าล่ะ น้าจะได้ไปรับ!”

เหมยเหมยเปิดประตูก็เห็นเสี่ยวเป่าที่โตขึ้นมากสูงราวเอวเธอ แก้มอวบอ้วนตอนเด็กหายไปหมด ตัวยืดขึ้นไม่น้อย หน้าตาหล่อเหลาดูสง่างาม พอจะมองออกราง ๆว่าในอนาคตโตขึ้นไปต้องหล่อเหลามากแน่ และต้องมีสาว ๆมาหลงใหลไม่น้อยเลย!

“เสี่ยวเป่า…กลับมาเสียที น้าคิดถึงจะตายอยู่แล้ว…”

เหมยเหมยกอดเสี่ยวเป่าพร้อมทั้งร้องไห้และหัวเราะแล้วพรมจูบใบหน้าเล็ก ๆอยู่หลายครั้ง ทั้งยังเพิกเฉยต่อเฮ่อเหลียนเช่อที่ยืนหน้าดำคล้ำเครียดอยู่ข้าง ๆอย่างสิ้นเชิง

กล้าลวนลามลูกชายเขาต่อหน้าเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่ผู้หญิงคนนี้เคยช่วยเสี่ยวเป่าเอาไว้ เขาจะกระทืบเธอให้ตายเลย!

“ฉันมีธุระต้องไปจัดการ ฝากเสี่ยวเป่าอยู่บ้านเธอสักสองสามวัน พอทำธุระเสร็จจะมารับกลับ!” เฮ่อเหลียนเช่อฝากฝังด้วยใบหน้าเย็นชาและจากไปโดยไม่รอให้เหมยเหมยตอบ

ผลุบ ๆโผล่ ๆหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2442 พี่น้องรักใคร่ให้เกียรติกัน

ตอนนี้เองเหมยเหมยถึงรู้สึกตัวว่าข้างกายยังมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยอีกคน แต่เธอยังไม่ทันเห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจนเขาก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว ช่างเป็นคนที่นิสัยแปลกดีจริง ๆ!

“เสี่ยวเป่า น้าพาไปเล่นกับน้องนะ!”

เหมยเหมยคร้านจะสนใจเฮ่อเหลียนเช่อ เธอดึงเสี่ยวเป่าเข้ามาในอ้อมกอดแล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน ทางที่ดีเฮ่อเหลียนเช่อไม่กลับมาตลอดชีวิตเลยยิ่งดี แบบนี้เสี่ยวเป่าก็จะอยู่บ้านของเธอได้ตลอดไปแล้ว!

“อืม น้องชอบเสวี่ยเอ๋อร์ไหมครับ?” ครั้นอยู่ต่อหน้าเหมยเหมยเสี่ยวเป่าไม่มีท่าทีผิดปกติใด ๆเลยสักนิด และก็ดูไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นเด็กออทิสติกเพราะเหมือนเด็กปกติทั่วไปเลย

“ชอบมาก จะกินจะนอนก็อยู่ด้วยกันตลอด แถมยังบอกอีกว่าจะเอาของอร่อยทั้งหมดให้พี่ชายกินเพื่อขอบคุณพี่ชายที่ให้เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยนะ…” เหมยเหมยพูดเสียงเล็กเสียงน้อย เสี่ยวเป่าขานรับเป็นครั้งคราว

แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องลงมาที่ร่างเล็กและร่างใหญ่สะท้อนแสงสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“แม่คะ…พี่ชายอยู่ไหน…”

คนยังมาไม่ถึงแต่เสียงลอยมาแต่ไกลแล้ว เพิ่งสิ้นเสียงเล่อเล่อก็กลิ้งออกมาเหมือนลูกบอลยืนตรงหน้าเหมยเหมยและเสี่ยวเป่า ด้านหลังมีเสวี่ยเอ๋อร์ที่ส่ายหางไปมาด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงร้องเบา ๆ

“พี่ชาย…หนูคือเล่อเล่อ!”

เล่อเล่อยื่นมืออวบอ้วนออกไปด้วยท่าทีจริงจัง

“สวัสดีน้องเล่อเล่อ พี่คือเสี่ยวเป่า”

เสี่ยวเป่าก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน เด็กน้อยทั้งสองจับมือกันเหมือนผู้ใหญ่ยังไงอย่างนั้น และยังเขย่ามือกันสองสามทีอีกต่างหาก

เหมยเหมยปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมากเพราะเธอชอบฉากพี่น้องรักใคร่ให้เกียรติกันแบบนี้ เล่อเล่อจอมอันธพาลตัวน้อยนี่ทำให้เธอประหลาดใจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ไล่เสี่ยวเป่าด้วย?

เมื่อก่อนฉีฉีเก๋อเคยพาลูกสาวมาเล่นที่บ้าน ขอแค่เธอกอดลูกสาวของฉีฉีเก๋อแค่ครู่เดียวเล่อเล่อก็จะแสดงท่าทีไม่พอใจขี้หวงเหมือนพ่อไม่มีผิด

“พี่ชาย…ฉันพาพี่ไปเล่นด้วยกันนะ…” เล่อเล่อพาเสี่ยวเป่าวิ่งไปที่สวนหลังบ้าน สนามหลังบ้านเป็นสวนสนุกของเธอ ทั้งหมดนั้นเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนสร้างขึ้นมาให้เธอ

เสาไม้ ชิงช้า สนามยิงปืน ลานสเก็ต สระว่ายน้ำ…มีทุกอย่าง

“เล่อเล่อเบา ๆหน่อย ระวังอย่าทำให้พี่เขาเจ็บล่ะ” เหมยเหมยกำชับอย่างระมัดระวัง

เสี่ยวเป่าเงยหน้าส่งยิ้มอบอุ่นเสียยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ให้เธอ “คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมรู้ตัวเองครับ”

เหมยเหมยนิ่งตะลึงเกือบหลงใหลในรอยยิ้มของเสี่ยวเป่าเข้าให้ รอจนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสองคนเดินไปไกลแล้วเธอถึงเพิ่งได้สติ เธอแอบตกใจกับตัวเอง เสี่ยวเป่าโตแค่นี้ยังดึงดูดสายตาผู้คนได้ขนาดนี้เลย ในอนาคตโตขึ้นไปจะขนาดไหนนะ?

เธอถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องดีที่เด็กผู้ชายจะดูงดงามมากขนาดนี้ คงจะดีถ้ารูปลักษณ์ของเล่อเล่อและเสี่ยวเป่าสามารถสลับเปลี่ยนกันได้ ยิ่งถ้านิสัยเปลี่ยนกันได้ก็ยิ่งดีสิ!

ถึงแม้ว่าเล่อเล่อจะหน้าตาดี แต่ส่วนใหญ่จะได้มาจากเหยียนหมิงซุ่นเกือบจะทั้งหมด…จุดที่เหมือนเธอมีน้อยมาก

ทุกครั้งที่เหยียนซินหย่าและคุณย่าหยางพูดคุยกันก็จะแอบพูดถึงประเด็นนี้กันด้วย ความคิดเห็นส่วนใหญ่ก็คือเล่อเล่อไม่ได้ความงามมาจากเหมยเหมยเลย ช่างน่าเสียดายมากจริง ๆ!

แต่ว่าเหมยเหมยปลงแล้ว หน้าตาผ่านก็พอแล้ว ที่สำคัญคือความสุข เธอหวังเพียงว่าลูกสาวของเธอจะมีความสุขและไร้เรื่องกังวลใด ๆ!

“พี่ชาย…พี่ชอบหนอนไหม?” เล่อเล่อถามคู่หูคนใหม่

“ชอบสิ…เล่อเล่อชอบไหม?” เสี่ยวเป่าปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวก็ชอบหนอนน้อยเช่นกัน!

“ชอบสิ พี่ชาย…พวกเราไปจับหนอนกันเถอะ พอไก่กินแล้วก็จะออกไข่ ไข่นั้นอร่อยมากเลยนะ…”

“ได้สิ…พี่ช่วยเธอจับเอง!”

……

เหมยเหมยมีความสุขเป็นอย่างมาก ตอนเย็นก็เลยเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองมากมายเต็มโต๊ะไปหมด ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่เสี่ยวเป่าชอบทาน ส่วนเล่อเล่อ…แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยต้องกังวลเลยสักนิด

เพราะว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เล่อเล่อไม่ชอบทาน นอกจากก้อนหินที่กัดไม่เข้า

“แม่คะ…ทอดอันนี้กินกันเถอะ!”

เล่อเล่อถือถุงใบใหญ่วิ่งเข้ามาอย่างเริงร่า

…………………………….

ตอนที่ 2439 ข้อแลกเปลี่ยน

เหมยเหมยพาเล่อเล่อกลับบ้าน เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นเธอไม่อยากเข้าไปยุ่งจึงเดินจูงมือกันกลับบ้านสองแม่ลูก

“เล่อเล่อ ลูกรู้ได้อย่างไรว่าเทาเทาป่วย?” เหมยเหมยฉงนใจอย่างมาก

“ก็รู้ไง”

เล่อเล่อจับจ้องร้านเค้กข้างทางแน่นิ่งพลางกลืนน้ำลายดังเอือก เค้กน่าอร่อยจัง…

“เล่อเล่อ…” เหมยเหมยดึงอยู่หลายทีแต่เจ้าตัวเล็กเหมือนถูกตะปูตอกไว้กลางถนนไม่ยอมกระดิกตัวสักนิด

“เฮ้อ!”

เหมยเหมยถอนหายใจอย่างนึกปวดใจ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย พอเห็นของอร่อยก็ไม่ขยับขาแล้ว

“เล่อเล่อ แม่ถามลูกอยู่นะว่าทำไมลูกถึงบอกว่าคุณน้าคนนั้นเป็นคนไม่ดีล่ะ?” เหมยเหมยถามอีกหลายทีแต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับ เจ้าตัวเล็กในตอนนี้ใจจดจ่ออยู่แต่กับขนมเค้ก แล้วยังจะมีกะจิตกะใจกับเรื่องอื่นอีกเสียเมื่อไร

“แม่…แม่ซื้อเค้กให้หนู หนูก็จะยอมบอกแม่ โอเคไหมคะ?” เล่อเล่อพูดเสียงอ้อนอยากเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเหมยเหมย

เหมยเหมยโกรธแต่เผลอหลุดขำออกมา กล้าข่มขู่เธอแล้วงั้นหรือ?

“จะพูดไม่พูดก็ช่าง แม่กลับไปถามพ่อของลูกก็ได้!”

เหมยเหมยไม่ยอมจำนนหรอก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เหยียนหมิงซุ่นต้องรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องโดนเจ้าตัวเล็กไร้หัวใจนี่ข่มขู่ด้วย

เล่อเล่อเบะปาก คุณแม่ใจแคบจัง ผู้หญิงก็เป็นเสียอย่างนี้ เฮ้อ!

“คุณแม่…นิดเดียวนะ…”

เล่อเล่อยังอยากพยายามเป็นครั้งสุดท้ายพลางมองขนมเค้กอย่างอาลัยอาวรณ์ น้ำลายแทบไหลท่วมพื้นแล้ว

“ลูกดูไขมันตรงท้องของลูกสิ ตั้งสามชั้นแล้ว!”

“คุณแม่โกหก แค่สองชั้น!”

เล่อเล่อสูดหายใจเข้าแขม่วท้องแรง ๆจนหายไปหนึ่งชั้น เหลือเพียงสองชั้นตามคาด…

เหมยเหมย ‘…อยากตีคนจริง ๆ!’

……

ดึงดันกันไปมาอยู่สิบนาทีสุดท้ายเหมยเหมยก็ทนเจ้าตัวเล็กไม่ไหวซื้อชิ้นที่เล็กที่สุดให้เธอ เล่อเล่อทานอย่างเอร็ดอร่อย เธอทานไปก็เล่าสิ่งที่เธอค้นพบให้เหมยเหมยฟัง

“คุณน้านิสัยไม่ดีคนนั้นไม่ให้เทาเทาทานข้าว ให้ทานแต่ไก่เคเอฟซี ไม่ให้ดื่มน้ำเปล่าแต่ให้ดื่มโค้ก…จะตายเอาได้…”

เล่อเล่อลากเสียงยาวพร้อมทำหน้าจริงจัง

เหมยเหมยขมวดคิ้วแล้วถาม “ลูกรู้ได้อย่างไร?”

“เทาเทาเป็นคนบอก เขาคือลูกน้องของหนู!”

เล่อเล่อภูมิใจอย่างมาก เทาเทาเป็นลูกน้องคนแรกที่เธอได้มาหลังเข้าโรงเรียนอนุบาล หากมีเธอคอยคุ้มกันอยู่คงไม่ปล่อยคนนิสัยไม่ดีมารังแกอยู่แล้ว!

เหมยเหมยมุมปากกระตุก…มีลูกน้องแล้วด้วย!

แต่เรื่องนี้ถ้าเทาเทาไม่ได้พูดโกหก ถ้าเช่นนั้นแม่เลี้ยงของเทาเทาก็มีเจตนาที่ร้ายกาจมาก

ไม่ให้เด็กทานอาหารปกติแต่ให้เด็กทานอาหารขยะอย่างเคเอฟซีน้ำอัดลม มิน่าถึงไตวาย!

ใช้วิธีแบบนี้เพื่อทำร้ายเด็กคนหนึ่ง จิตใจของผู้หญิงช่างโหดเหี้ยมหลือเกิน!

เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็หยิบนามบัตรของชายหนุ่มโทรหาเขาแล้วเล่าเรื่องที่เล่อเล่อรับรู้ให้ฟัง “คุณ ตอนแรกฉันไม่อยากยุ่งเรื่องภายในครอบครัวคุณเท่าไหร่แต่ฉันก็ทนเพิกเฉยไม่ไหว ฉันแนะนำให้คุณแจ้งความดีกว่า การกระทำของภรรยาคุณถือได้ว่าเป็นการเจตนาฆ่าคนตามกฎหมายเลยนะ!”

เอาอาหารขยะทำลายชีวิตเด็กอย่างช้า ๆ ไม่ใช่เจตนาฆ่าแล้วคืออะไร?

ต่อให้วันนี้เทาเทาไม่ไตวาย สภาพร่างกายของเขาก็ต้องแย่ลงแล้วค่อย ๆส่งกระทบต่อชีวิตปกติของเขาจนถึงขั้นตายได้

เรื่องนี้เหมยเหมยไม่ได้เก็บมาคิดมาก แต่พอเธอกลับถึงบ้านก็ได้อบขนมเค้กจากแป้งข้าวโพดให้เล่อเล่อถือเป็นรางวัลสำหรับเธอ ในเมื่อเป็นถึงเรื่องชีวิตคนเชียว ต้องให้คำชมเชย!

เธอเล่าเรื่องนี้ให้เหยียนหมิงซุ่นฟังซึ่งเหยียนหมิงซุ่นเองก็พึงพอใจกับไหวพริบและความกล้าของลูกสาวตนมาก ลูกสาวของเขามีประโยชน์กว่าเด็กผู้ชายสิบคนมัดรวมกันเสียอีก!

สามวันหลังจากนั้น เหยียนหมิงซุ่นกลับมาบอกเหมยเหมยว่า “แม่แท้ ๆของเด็กผู้ชายคนนั้นเด็ดขาดดี ไม่ยอมเจรจาไกล่เกลี่ยจะเอาขึ้นศาลให้ได้ เดาว่าแม่เลี้ยงของเด็กผู้ชายคนนั้นต้องถูกจำคุกล่ะ!”

…………………..

ตอนที่ 2440 พี่ชายกลับมาแล้ว

เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วย “ต้องแบบนี้แหละ ใครกล้าทำแบบนี้กับเล่อเล่อฉันจะฆ่าให้หมด!”

เล่อเล่อที่อยู่ข้าง ๆถือแตงโมผ่าครึ่งจนเกือบเอาศีรษะมุดเข้าไปแล้ว พอได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าพูดเสียงเชิงไม่พอใจด้วยใบหน้าที่มีเมล็ดแตงโมสีดำติดอยู่หลายเม็ด “แม่…หนูไม่โดนรังแกหรอก!”

ใครจะกล้ารังแกเธอ?

จะเล่นงานให้หมอบกับพื้นเลย!

“กรรซ์…” เสวี่ยเอ๋อร์ที่กำลังแทะแตงโมอีกครึ่งตรงพื้นร้องตามเช่นกัน

มีเขาอยู่ใครจะกล้ารังแกเจ้านายตัวเล็กของเขากัน?

จะกัดให้ตายเลย!

“เล่อเล่อเก่งมาก!” เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้ คราวนี้เธอไม่ได้รู้สึกปวดใจอย่างเคยอีกแล้ว

หลังจากเห็นเรื่องราวที่เด็กชายตัวอ้วนคนนั้นพบเจอ พลันเธอก็รู้สึกว่าความจริงลูกสาวเธอเก่งหน่อยถึงจะดี เพราะอย่างน้อยก็ไม่ถูกใครรังแก!

ส่วนปัญหาแต่งงานอันยาวไกลนั้นค่อยว่ากันทีหลัง!

เหยียนหมิงซุ่นคิดไม่ถึงว่าโจทย์ยากที่เขาอธิบายอยู่นับครั้งไม่ถ้วนจะถูกแก้ได้อย่างง่ายดาย เรื่องที่พยายามไม่เป็นผล แต่เรื่องที่ไม่ทันทำอะไรดันเป็นผลซะงั้น

เหมยเหมยแปลกใจมาก “ผู้ชายคนนั้นสมองกลวงเหรอ? ลูกชายเกือบจะถูกฆ่าแล้วยังคิดจะไกล่เกลี่ยอีก?”

“ผู้หญิงคนนั้นถูกตรวจเจอว่าตั้งท้องแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะประชด

“มิน่าผู้หญิงคนนี้ถึงวางแผนทำร้ายเทาเทา แต่ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใส่ใจเลย หรือว่าเขาไม่เคยสนใจลูกชายเลยหรือไง? ไม่คู่ควรกับการเป็นพ่อคนเลยสักนิด!” เหมยเหมยพูดอย่างโกรธเคือง

ต่อให้อาหารขยะจะไม่ดีต่อสุขภาพแค่ไหนแต่ทานจนไตวายได้ต้องไม่ใช่ผลจากแค่ในวันสองวัน แต่ต้องเป็นการสั่งสมมาเป็นเวลานาน ขอเพียงผู้ชายคนนี้เอาใจใส่ลูกชายสักนิดก็คงไม่เกิดผลลัพธ์เช่นนี้

เหมือนสำนวนที่ว่ายอมอยู่กับแม่ที่เป็นขอทานแต่ไม่ยอมอยู่กับพ่อที่เป็นข้าราชการ!

โบราณกล่าวไว้ไม่มีผิดจริง ๆ

“หึ…อนาคตถ้าพี่กล้าทำให้ฉันเสียใจ ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้นนอกจากเล่อเล่อ!” เหมยเหมยอดพูดล้อเล่นไปประโยคหนึ่งไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นตีหน้าขรึม ความเย็นยะเยือกแผ่ออกจากตัว เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกและนึกเสียใจภายหลังขึ้นมา

เธอลืมไปได้อย่างไรว่าคนตรงหน้าไม่ชอบให้ล้อเล่น!

“คืนนี้เพิ่มบทลงโทษเท่าตัว เธอคิดเอาเองแล้วกัน!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งประโยคหนึ่งด้วยเสียงเบาหวิวแล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องหนังสือพร้อมมุมปากที่จุดยิ้มขึ้น

เปิดช่องให้เขาจู่โจมได้สักที กำลังหนักใจไม่มีข้ออ้างอยู่เลย!

เหมยเหมยทำหน้ามุ่ยทันที อยากตบหน้าตัวเองสักทีสองสีจริง ๆ

“คุณแม่ คุณพ่อทำโทษแม่ให้ยืนสำนึกผิดตรงเสาเหรอคะ?” เล่อเล่อเดินมา ใบหน้ากว่าครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำแตงโมที่มีเมล็ดแตงโมติดอยู่อีกหลายเม็ดกระจัดกระจายเต็มหน้า

“ก็ประมาณนั้นแหละ…”

เหมยเหมยตอบเช่นนั้นกลบเกลื่อนแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้เล่อเล่อที่ต้องเปื้อนไปทั้งหน้าทุกครั้งที่ทานแตงโม

“คุณแม่อย่ากลัว หนูจะยืนเป็นเพื่อนเอง!” เล่อเล่อตบหน้าอก คุณพ่อเคยบอกไว้ว่าคุณแม่อ่อนแอไม่สู้คนที่สุดในบ้าน เธอต้องปกป้องคุณแม่

เหมยเหมยอยากซาบซึ้งใจมากแต่เธอซาบซึ้งใจไม่ออก หน้าแดงระเรื่ออย่างไร้เหตุผล

เหยียนหมิงซุ่นจะทำโทษให้เธอไปยืนสำนึกผิดตรงเสาได้อย่างไรกัน?

เจ้าคนนิสัยนั่นมีแต่จะทำโทษเธอบนเตียงเท่านั้นแหละ!

น่ารำคาญชะมัดเลย!

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยนอนตื่นสาย คุณย่าหยางกับป้าฟางต่างกำลังเกลี้ยกล่อมเล่อเล่อที่มีพละกำลังล้นเหลือทานของอร่อย ๆ อย่าไปกวนคุณแม่

“คุณแม่มีน้องชายให้เล่อเล่อดีไหม?” คุณย่าหยางยิ้มตาหยีถาม

เล่อเล่อเอียงศีรษะ น้องชายคืออะไร?

“สนุกไหมคะ?”

“สนุกสิ นุ่มเหมือนก้อนขนมโมจิเลย จะได้ไว้ให้เป็นลูกน้องของเล่อเล่อในอนาคตไง”

เล่อเล่อคลี่ยิ้มออกมาทันที “หนูจะเอาน้องชาย…”

“ใกล้แล้ว ๆ…ไม่แน่อาจจะฝังอยู่ในท้องของคุณแม่แล้วก็ได้นะ!” คุณย่าหยางมองเพดานอย่างสุขใจ หลานชายคนโตพยายามขนาดนี้คิดว่าคงใกล้จะมีข่าวดีแล้วสินะ?

ทว่าไม่รู้ว่าน้องชายอยู่มุมไหนของโลกแต่พี่ชายกลับโผล่มาก่อนแล้ว!

………………

ตอนที่ 2437 ไม่ง่ายขนาดนั้น

เหมยเหมยเข้าใจอย่างถ่องแท้ มิน่าหญิงสาวคนนี้ถึงดูอายุน้อยขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นแม่เลี้ยงนี่เอง!

เธอยิ่งเชื่อในคำพูดของเล่อเล่อมากกว่าเดิม ถึงจะบอกว่าแม่เลี้ยงทุกคนเป็นคนร้ายกาจหมดไม่ได้ แต่โอกาสที่เป็นไปได้ก็สูงอยู่ดี เรื่องตอนนี้ที่ถูกเธอหลงเข้าใจผิดว่าเป็นทะเลาะกันระหว่างเด็กแต่กลับดูไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!

เหมยเหมยเหลือบมองสองสามีภรรยาที่ทำหน้าไม่สู้ดีเท่าไรแล้วมองเด็กชายตัวอ้วนน้ำตาเอ่อคลอ ย่อตัวลงถาม “เล่อเล่อ ลูกค่อย ๆอธิบายมาสิว่าทำไมถึงกระชากแขนคุณน้าคนนี้?”

“คุณน้าจะทำร้ายเทาเทา!” เล่อเล่อพูดเสียงหนักแน่น เอาแต่บอกว่าหญิงสาวทำร้ายเด็กชายตัวอ้วน

ขณะนี้คุณหมอประจำโรงเรียนอนุบาลเดินทางมาถึงแล้ว เขาได้ทำการต่อข้อแขนให้หญิงสาวเสร็จสรรพซึ่งเจ็บจนอีกฝ่ายเหงื่อแตกพลั่ก

“ถึงฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆของเทาเทา แต่ฉันเอาใจใส่เทาเทาทุกอย่าง กลัวเขาหิวกลัวเขาหนาวกลัวเขาร้อน…เป็นห่วงเขาอยู่ทุกวัน ต่อให้เป็นแม่แท้ ๆก็ทำไม่ได้อย่างฉันหรอก…” หญิงสาวตะโกนเอ่ยด้วยความน้อยใจ ซึ่งชายหนุ่มข้างกายก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ๆ สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณที่พอจะดูออกว่าสองสามีภรรยารักกันดี

“คนเลว เทาเทาอ้วนเหมือนหมูก็เพราะคุณน้านั่นแหละ!” เล่อเล่อโกรธมากได้แต่ชี้นิ้วไปที่หญิงสาวแล้วตะโกนด่าทอ

คนเลวยังกล้าหาข้ออ้างแก้ตัวอีกเหรอ หน็อยแน่!

หญิงสาวทำหน้าตกใจวูบหนึ่งแล้วก็รีบผ่อนคลายสีหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปในพริบตาจึงทำให้คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น แต่เหมยเหมยดันจับผิดสังเกตได้จึงเกิดข้อสงสัยในใจ

เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้มีพิรุธ

“แม่เลี้ยงเป็นยากจริง ๆ ฉันเลี้ยงเด็กผอมไปก็จะหาว่าฉันทารุณเขา เลี้ยงอ้วนไปก็หาว่าทำร้ายเขา…ฉันต้องทำอย่างไรล่ะ…”

หญิงสาวเอามือปิดหน้าร้องไห้โดยมีชายหนุ่มรีบปลอบเสียงอ่อนโยน วาจาถ้อยคำมีแต่ความเชื่อใจที่มีต่อเธอ

“คนไม่ดี…คนเลว…เทาเทาใกล้ตายแล้ว เพราะน้าทั้งนั้น!”

เล่อเล่อโกรธแทบแย่ เธอมีสิ่งที่อยากพูดมากมายอัดอั้นอยู่เต็มอกแต่เพราะอายุยังน้อยจึงไม่อาจถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนัก แถมลงไม้ลงมือไม่ได้อีก ทำเอาเธอร้อนใจแทบตาย!

ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโยนแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “เด็กคนนี้ทำไมถึงมาแช่งลูกชายผมล่ะ? เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!”

เด็กที่มาเรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจึงย่อมไม่มีทางจะเป็นคนนิสัยต่ำช้ามากนัก ถึงผู้ชายคนนี้จะโกรธแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไว้ได้ เขาไม่ถือสาเด็กคนหนึ่งเพียงแต่ไม่พอใจกับเหมยเหมย

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป ขอเวลาฉันห้านาทีค่ะ” เหมยเหมยกล่าว

“ได้” ชายหนุ่มหันหน้าหนีแต่กลับไม่คัดค้านอะไร

ประเด็นคือเมื่อครู่เขาเห็นนามบัตรทนายความที่เหมยเหมยยื่นมาก็พบว่าเป็นทนายความชื่อดังในเมืองหลวงจึงพอจะรู้ที่มาที่ไปของเหมยเหมยคร่าว ๆ

นักธุรกิจมักเห็นโอกาสทางการเงินเสมอ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางล่วงเกินคนที่มีโอกาสจะมาเป็นลูกค้ากิตติมาศักดิ์ของเขาหรอก ถึงจะรู้สึกโกรธแต่ก็ฉีกหน้าทันทีไม่ได้

“เล่อเล่อ ลูกบอกแม่มาว่าทำไมถึงบอกว่าเทาเทาใกล้ตายแล้วหน่อยสิ?” เหมยเหมยกระซิบถามเล่อเล่อข้างหูอย่างนึกแปลกใจ

เด็กชายตัวอ้วนคนนี้ถึงจะอ้วนเกินไปหน่อย แต่คงไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตหรอกมั้ง?

“เสียแล้ว…ใกล้ตายแล้ว แม่ ใกล้จะตายแล้วจริง ๆนะ!” เล่อเล่อสีหน้าร้อนใจจึงยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่

“อะไรเสีย?”

“ในท้องเสียหมดแล้ว…เสียหมดเลย…”

เล่อเล่อชี้ไปที่ท้องตัวเองอย่างจริงจัง

เหมยเหมยฟังรู้เรื่องแล้วก็มองไปที่เด็กชายตัวอ้วน พอมองระยะใกล้ ๆถึงพบว่าเด็กชายตัวอ้วนหน้าซีดไม่เป็นธรรมชาติ แค่เวลาเพียงครู่เดียวใบหน้าเด็กชายตัวอ้วนก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อดูท่าทางอ่อนแรง แม้แต่ยืนยังแทบทรงตัวยืนไม่ไหว

“คุณหมอ รีบมาตรวจให้เด็กคนนี้ทีค่ะ!” เหมยเหมยตะโกนเรียก

โชคดีที่คุณหมอของโรงเรียนอนุบาลยังอยู่ พอได้ยินดังนั้นก็รีบเดินมาตรวจร่างกายให้เด็กชายคนนี้ ไม่นานคุณหมอก็ทำสีหน้าเคร่งเครียด ชายหนุ่มที่แต่เดิมไม่คิดอะไรก็ใจหล่นวูบทีเดียว

“คุณหมอ ลูกชายผมไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

………………………

ตอนที่ 2438 วางลง ฉันแบกเอง

“รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ เด็กคนนี้หายใจและหัวใจเต้นผิดปกติ”

คุณหมอเพิ่งพูดจบเด็กชายก็เอามือกุมท้องแล้วล้มลงพื้น เอ่ยเสียงอ่อนแรงว่า “คุณพ่อ…รู้สึกแย่จัง…”

“เทาเทา…ลูกเป็นอะไรไป? อย่าแกล้งพ่อนะ…” ชายหนุ่มตกใจจนสติแตกกระเจิง แล้วเขาจะยังมัวแต่ถือสากับเหมยเหมยได้เสียที่ไหนอีก ถลาเข้าไปอุ้มลูกชายแล้วพุ่งตัวออกไปข้างนอก

เพียงแต่เทาเทาอ้วนเกินไปจริง ๆ เด็กวัยแค่สี่ขวบกลับหนักถึงสามสิบเกือบสี่สิบกิโลกรัม ชายหนุ่มเอาแต่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าร่างกายมาตลอดหลายปีทั้งยังไม่ชอบออกกำลังกาย เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ทำเอาหอบเสียแล้ว

“ใช้ไม่ได้เลย…” เล่อเล่อดูถูกดูแคลน เธออยากพุ่งไปตะคอกใส่ว่า “วางลง ฉันแบกเอง!”

แต่เล่อเล่อชำเลืองมองเหมยเหมยข้างกายแวบหนึ่งก็กลั้นใจไว้

คุณแม่ต้องไม่พอใจแน่ ๆ

เหมยเหมยเองก็ตามไปที่โรงพยาบาลด้วยเพราะในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวกับเล่อเล่อ อีกอย่างเธอก็สงสัยด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นทำร้ายเทาเทาอย่างไร วางยาพิษหรือทารุณ?

อย่างหลังคงเป็นไปไม่ได้ เด็กที่ถูกทารุณไม่มีทางผิวขาวและอ้วนได้อย่างเทาเทาแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่วางยาพิษแล้ว

นังผู้หญิงจิตใจอำมหิต!

เทาเทาเพิ่งเข้าโรงพยาบาลมาก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ชายหนุ่มทำหน้ากระวนกระวายเดินวนไปมาอยู่ตรงทางเดินและไม่สนใจภรรยาที่ตามมาสักนิด จู่ ๆลูกชายก็ป่วยขึ้นมากะทันหัน อย่างไรเสียก็ได้สร้างปมในใจเขาไปแล้ว

“คุณหมอ…ลูกชายผมไม่เป็นใช่ไหมครับ?”

ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก ชายหนุ่มรีบพุ่งเข้าไปถาม

“อาการไตวาย โชคดีที่ช่วยได้ทันเวลาเลยพ้นขีดอันตรายแล้ว” คุณหมอมองชายหนุ่มด้วยสายตาตำหนิ

เด็กอายุสี่ขวบกลับเป็นโรคไตวาย แถมยังอ้วนขนาดนั้นอีก เป็นเพราะผู้ปกครองไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดี

“ไตวาย? เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ชายหนุ่มหน้ามืดขาอ่อนแรง เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจึงฝืนถามออกไปว่า “ไตของลูกชายผมเสียไปแล้วใช่ไหมครับ?”

“ก็ยังไม่ขนาดนั้น แต่ถ้าตรวจพบช้ากว่านี้อีกนิด ผลลัพธ์จะสาหัสกว่านี้ เราก็คงช่วยอะไรไม่ได้”

ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก ไม่เสียก็ดี ไตถือเป็นของสำคัญในชีวิตของผู้ชายเลยเชียว!

เหมยเหมยคอยสังเกตท่าทีของผู้หญิงคนนี้ตลอด พอเห็นสายตาเธอฉายแววเสียดายก็ยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม จึงเดินไปหาคุณหมออีกคน

“คุณหมอ ทำไมอยู่ ๆเด็กถึงเป็นโรคไตวายได้ล่ะคะ? เพราะทานอะไรที่ไม่ควรทานเข้าไปเหรอ?” เหมยเหมยถาม

ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยพลางพยักหน้ารัว ๆ “นั่นสิ ทำไมอยู่ดี ๆลูกชายผมถึงไตวายล่ะครับ? เขาเพิ่งสี่ขวบ ไตจะวายได้อย่างไรกัน?”

เขาเป็นโรคไตวายยังพอเป็นไปได้แต่ลูกเพิ่งตัวแค่นี้ ไตยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่เลยก็ทำงานบกพร่องเสียแล้ว อนาคตโตไปจะไม่ยิ่งกว่านี้หรือ?

ชายหนุ่มแสดงท่าทีหนักใจพลางมองคุณหมอด้วยท่าทีเคร่งเครียด

“รายละเอียดเรายังต้องตรวจสอบอีกที ตอนนี้ยังให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ แต่คนไข้อย่างลูกชายคุณก็มีให้เห็นไม่น้อย ส่วนมากก็มาจากปัญหาด้านการกิน อะไรที่ควรทานไม่ทาน อะไรที่ไม่ควรทานดันทานติด ๆกัน ไม่ป่วยสิแปลก!”

คุณหมอถลึงตาใส่ชายหนุ่มและเหมยเหมยแวบหนึ่งก่อนจะเดินผละออกไปด้วยใบหน้าเรียบตึง

เขาคิดว่าเหมยเหมยกับชายหนุ่มคนนี้คือพ่อแม่ที่ไร้ความผิดชอบของเด็กจึงไม่ได้ทำหน้าดี ๆใส่พวกเขา

“คุณคะ ฉันว่าเรื่องนี้คุณคงต้องถามภรรยาคุณหรือเปล่าว่าให้อะไรที่ไม่ควรทานแก่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ลูกสาวฉันโวยวายขึ้นมา ลูกชายคุณคงต้องเสียไตไปแน่ ๆ!” เหมยเหมยแค่นหัวเราะ

ลูกสาวของเธอเก่งจริง ๆ แค่กระชากแขนทีเดียวก็ช่วยชีวิตคนได้ด้วย!

ชายหนุ่มเองก็ได้สติขึ้นมา เป็นเพราะยัยหนูตัวอ้วนช่วยลูกชายเขาไว้ไม่ใช่หรือ?

“ขอบคุณมากจริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมเข้าใจลูกสาวคุณผิดไป ต้องขอโทษด้วยอย่างมาก รอผมสะสางเรื่องที่บ้านเสร็จจะไปขอบคุณถึงที่อีกทีนะครับ!”

ชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณมาก เขามีลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียว ถ้าสูญเสียไตไปลูกชายก็เป็นคนพิการน่ะสิ?

เหมยเหมยมองไปทางหญิงสาวที่ทำตัวปกติไร้ความกังวลใด ๆ แต่ทำหน้าน้อยอกน้อยใจ

……………

ตอนที่ 2435 สงบไปหนึ่งสัปดาห์

เหยียนหมิงซุ่นปลอบเหมยเหมยอยู่ทั้งคืนด้วยถ้อยคำวาจาหวานปานน้ำผึ้งรวมถึงกิจกรรมในร่มผ้า…จนในที่สุดเหมยเหมยก็ได้ทำการสำนึกผิดอย่างลึกซึ้งแล้ว

เธอคิดว่าตัวเองใจร้อนเกินไปจริง ๆ เหยียนหมิงซุ่นพูดถูก เล่อเล่อชอบอะไรก็ให้เรียนอันนั้น ขอแค่ไม่ทำเรื่องเลวร้าย รักจะทำอะไรก็ให้ทำอันนั้นไปเถอะ

อย่างไรเสียเธอก็มีเงินตั้งมากมาย ต่อให้เล่อเล่อไม่เป็นการเป็นงานจริง ๆก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินใช้ทั้งชีวิต!

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปแล้วกัน!

วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยตัดเอาลายดอกไม้บนกระเป๋าออกแล้วปักเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ฉบับการ์ตูนใหม่อย่างน่ารัก เล่อเล่อชอบมากแต่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไม่พอใจสักเท่าไร

น่าเกลียดชะมัดยาก ไม่เหลือเค้าโครงดูดีอันเดิมของเขาเลย

ไม่นานก็ถึงเดือนกันยายน วันแรกของการเปิดเทอมเหมยเหมยไปส่งเล่อเล่อที่โรงเรียนด้วยตัวเอง โรงเรียนอนุบาลอยู่ไม่ไกลจากเขตชุมชนมากนักแค่เดินทางห้านาทีก็ถึง

“เล่อเล่อ แม่บอกลูกแล้วนะว่าอยู่โรงเรียนอย่ารังแกเพื่อน ๆ เราต้องรักเพื่อน ๆ เคารพคุณครู เข้าใจไหมคะ?” เหมยเหมยเอ่ยเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอไม่กลัวเล่อเล่อถูกรังแกเพราะไม่มีเด็กคนไหนจะสามารถรังแกเล่อเล่อได้

เธอกลัวก็แค่เล่อเล่อจะเผลอไปรังแกเด็กคนอื่นเข้ามากกว่า

“อื้ม แม่วางใจได้”

เล่อเล่อพยักหน้าอย่างดีและคาดหวังกับชีวิตการเรียนอย่างมาก

วันนี้เธอสวมกระโปรงเจ้าหญิงสีชมพู เหมยเหมยมัดจุกสองข้างน่ารักให้เธอ แม้เจ้าตัวเล็กจะทำหน้าจริงจังไปบ้างแต่ก็น่ารักมากอยู่ดี ทั้งกลมทั้งน่ารัก ใครเห็นก็อยากบีบพวงแก้มนั้นสักที

หน้าประตูห้องเรียนเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ซึ่งล้วนแต่มีผู้ปกครองมาส่ง กริ่งเข้าเรียนดังสนั่น เด็กหลายคนร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ

ขณะเดียวกันยังมีคนเป็นพ่อเป็นแม่หลายคนที่ร้องไห้ตามจนน้ำมูกน้ำตาไหลพราก มีผู้ชายคนหนึ่งแสดงท่าทางเกินจริง เขากอดลูกสาวไว้ไม่ยอมปล่อยแถมยังพูดไม่หยุดว่าไม่เรียนแล้วให้พากลับบ้านไป โชคดีที่ภรรยาเขามีสติอยู่บ้างจึงกระชากเขาไว้แล้วว่าอย่าทำตัวอับอายขายหน้า

“คุณแม่…โฮ…อย่าไป…”

“คุณแม่…ไม่เรียน…โฮ…”

……

ภาพนี้เหมือนตำนานเรื่องยอดหญิงเมิ่งเจียงหนีว์ร้องไห้ทลายกำแพงเมืองจีนก็ไม่ปาน จริง ๆเลย…

เหมยเหมยก้มหน้ามองลูกสาวตัวเองแวบหนึ่ง เล่อเล่อย่นคิ้วนึกดูแคลนเจ้าคนขี้แยพวกนี้ ไม่ล้มไม่เจ็บตัวตรงไหนแล้วร้องไห้ทำไม?

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว!”

เล่อเล่อสูดลมเข้าปอดแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง นกกระจอกตัวน้อยที่กำลังร้องไห้อย่างรื่นเริงใจตรงระเบียงหน้าต่างสะดุ้งจนร่วงตกลงไป

ทุกคน…เงียบกริบ…

รวมถึงผู้ปกครองกับคุณครูที่หันมามองสองแม่ลูกเหมยเหมยอย่างพร้อมเพรียง

ลูกบ้านใครกันเนี่ยพ่อแม่ต้องเป็นนักร้องแน่เลย เสียงดีจริง ๆ!

เหมยเหมยกลับรู้สึกอายจนนึกอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไปเสีย แต่ไม่มีตรงไหนให้เธอได้มุดเลยจึงทำได้เพียงเค้นรอยยิ้มออกมา

“มีแต่พวกอ่อนแอเท่านั้นถึงชอบร้องไห้ ใครร้องไห้คนนั้นคือคนอ่อนแอ” ถึงเล่อเล่ออายุยังน้อยแต่กลับพูดชัดถ้อยชัดคำคล่องแคล่วกว่าเด็กวัยสี่ห้าขวบเสียอีก

เด็กคนอื่น ๆได้ยินดังนั้นก็รีบปาดน้ำตา ถึงตัวยังกระตุกเพราะแรงสะอื้นแต่ก็หยุดร้องไห้ได้สักที

พวกเขาไม่อยากเป็นคนอ่อนแอหรอกนะ

บรรดาผู้ปกครองและคุณครูต่างโล่งอกไปที สงบลงสักทีนะ

เหมยเหมยเองก็โล่งอกพลางยัดเล่อเล่อเข้าไปในห้องเรียนแล้วรีบชิ่งหนี

ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเล่อเล่อมีความสุขอย่างมาก ปรับตัวได้ดี ยิ้มไปโรงเรียนทุกวันทำเอาเหมยเหมยรู้สึกปวดใจเหลือเกิน

เจ้าเด็กไร้หัวใจ หลายวันมานี้เธอทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับมักรู้สึกเหมือนขาดบางอย่างไป แต่เธอกลับตรงกันข้าม ใช้ชีวิตได้มีความสุขอิ่มหนำสำราญใจไม่มีท่าทีเหมือนเด็กคนอื่นที่จะคิดถึงคุณแม่เลยสักนิด

แต่ก็ทำให้เหมยเหมยโล่งใจไปที ขอแค่ไม่ก่อเรื่องก็พอ!

แต่…หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์…

เหมยเหมยได้รับสายจากคุณครูประจำชั้น “คุณมีเวลามาโรงเรียนหน่อยไหมคะ? เหยียนเล่อเล่อกระชากแขนคนอื่นจนข้อเคลื่อน…”

……………………

ตอนที่ 2436 คนที่ข้อเคลื่อนไม่ใช่เด็ก

เหมยเหมยใจเต้นรัวขึ้นมาฉับพลัน เป็นอย่างที่กลัวไว้เลยจริง ๆ เพิ่งพูดไปหยก ๆว่าสงบไปได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว!

สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนได้!

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆที่ทำให้คุณครูต้องเดือดร้อน!” เหมยเหมยกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ

“ทางนี้ไม่เป็นไรค่ะ ประเด็นคือผู้ปกครองอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก คุณมาน่าจะดีกว่า!”

เหมยเหมยวางสายแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไปข้างนอก คุณย่าหยางถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เหลนรักของคุณย่ากระชากแขนเพื่อนจนข้อเคลื่อนค่ะ”

คุณย่าหยางถอนหายใจ “งั้นเธอก็ไปขอโทษเขาดี ๆละกัน ค่าใช้จ่ายอะไรที่เราควรออกก็ต้องออกนะ!”

“แน่นอนค่ะ ไม่งั้นหนูจะทำอย่างไรได้อีก เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้เกิดมาเพื่อทวงหนี้ชัด ๆ ไว้กลับมาจะให้พ่อของเธอสั่งสอนสักที!”

เหมยเหมยโกรธจนปวดศีรษะ วัน ๆเอาแต่เล่นซนจนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าเธอก่อเรื่องจนคนเป็นแม่อย่างเธอต้องไปตามเช็ดตามล้างกี่ครั้งกันแล้ว

ไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงเรียนอนุบาล เหมยเหมยเลือกตรงไปยังห้องพักครูเลย เล่อเล่อกับเด็กนักเรียนชายตัวอ้วนเป็นลูกบอลคนหนึ่งยืนเรียงกัน รวมถึงมีผู้ใหญ่ชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคนอยู่ด้วย ผู้ชายท่าทางอายุสามสิบสี่สิบปี ส่วนผู้หญิงดูอายุยังน้อยมากเพิ่งจะยี่สิบต้น ๆ หน้าตาสะสวยแต่สีหน้าดูย่ำแย่มาก

“ต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่พาเด็กไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวฉันจ่ายเอง” เหมยเหมยเอ่ยขอโทษทันทีที่ย่างเข้าห้องไป เธอหลงคิดว่าคนที่ข้อเคลื่อนคือเจ้าอ้วนน้อยแล้วยังรู้สึกว่าเจ้าอ้วนน้อยคนนี้เข้มแข็งดีจริง ข้อเคลื่อนแล้วยังสงบลงได้ขนาดนี้!

“คุณแม่ของเล่อเล่อ คนที่ข้อเคลื่อนคือคุณแม่ท่านนี้ค่ะ…” คุณครูมองหญิงสาวที่ปั้นหน้าเขียวปั๊ดแวบหนึ่งอย่างลำบากใจ

เรื่องนี้เธอก็สับสนเช่นกัน ทำไมผู้ใหญ่คนหนึ่งยังสู้แรงเด็กคนหนึ่งไม่ไหวกันล่ะ?

“โอ๊ย…เจ็บจัง…ที่รัก แขนของฉันแทบจะหักอยู่แล้ว…” เสียงโอดครวญของผู้หญิงดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมยเหมยถึงสังเกตเห็นว่าแขนขวาของผู้หญิงคนนี้ถูกผู้ชายยกอยู่ตลอดเวลา หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดโต

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เหมยเหมยรู้สึกเหนือคาดมาก

ทำไมคนเจ็บตัวถึงเป็นผู้ใหญ่ล่ะ?

“วันนี้วันเกิดลูกชายฉัน ฉันอุตส่าห์มารับลูกชายไปฉลองวันเกิดแต่จู่ ๆลูกสาวคุณกลับมากระชากแขนฉันจนข้อเคลื่อนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉันยังอยากถามคุณเลยว่าเกิดอะไรขึ้น โอ๊ย…”

หญิงสาวอายุน้อยดูท่าทางอ่อนโยนเรียบร้อยกล่าว ชายข้างกายเธอก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้จะจบง่าย ๆไม่ได้ ผมจะเรียกทนายฟ้องพวกคุณโทษฐานผู้ปกครองบกพร่องด้านการดูแล!”

“คุณแม่คะ เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี เธอจะทำร้ายเทาเทา!” เล่อเล่อชี้ไปที่หญิงสาวแล้วตะโกน

เหมยเหมยตกใจจนขมวดคิ้วแน่น ลูกสาวของเธอไม่เคยโกหกและไม่เคยลงมือทำร้ายใครก่อน ท่าทางเรื่องนี้จะมีเงื่อนงำ!

“นี่คือนามบัตรทนายของฉันค่ะ หากมีเรื่องอะไรพวกคุณก็ไปคุยกับทนายฉันโดยตรงได้เลย ฉันรอต้อนรับเสมอ!” เหมยเหมยหยิบเอานามบัตรหนึ่งใบจากกระเป๋าออกมา ฟังจากเหยียนหมิงซุ่นมาเห็นบอกว่าเป็นทนายชื่อดังในเมืองหลวงซึ่งเรื่องว่าความแพ้เป็นศูนย์

“คุณสั่งสอนลูกอย่างไรกัน? เด็กทำผิดคุณไม่ตำหนิสั่งสอนแต่กลับให้ท้ายงั้นเหรอ?” หญิงสาวอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วเอ่ยท้วงด้วยเสียงที่สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ไม่พอใจกับท่าทีของเหมยเหมยอย่างมาก

“ลูกสาวของฉันไม่เคยโกหก เธอบอกว่าคุณเป็นผู้หญิงไม่ดี เธอบอกว่าคุณคิดจะทำร้าย…” เหมยเหมยจำชื่อเด็กผู้ชายไม่ได้ เล่อเล่อจึงกระชากเด็กชายตัวอ้วนข้างกายเธอมาแล้วพูดเสียงดัง “แม่ เขาชื่อเทาเทา!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่ลูกสาวแวบหนึ่ง วัน ๆเอาแต่ก่อปัญหา แต่ปัญหาภายในต้องจัดการกันเอง ตอนนี้ร่วมมือกันจัดการปัญหาภายนอกก่อน

“ลูกสาวฉันบอกว่าคุณเป็นผู้หญิงไม่ดี งั้นคุณก็ต้องทำอย่างนั้นแน่นอน ว่ากันว่าเสือดุร้ายยังไม่กินลูกตัวเองเลย คนเป็นแม่อย่างคุณใจดำอำมหิตเกินไปแล้วหรือเปล่า!” เหมยเหมยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากพลางนึกว่าหญิงสาวคนนี้คงตีลูก เพราะหญิงสาวคนนี้พูดจาไม่น่าฟังเท่าไรจึงทำให้เธอเอ่ยด้วยวาจาไม่น่าฟังเช่นกัน

“แม่ คุณน้าคนนี้คือแม่เลี้ยง แม่ก็บอกนี่คะว่าแม่เลี้ยงเหมือนหมาป่า ร้ายกาจมากเลย!” เล่อเล่อโบกมือไปมาด้วยท่าทางเกินจริง

หญิงสาวสีหน้าแย่มาก หน้าตาถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม

……………………

ตอนที่ 2433 โจทย์น้ำเข้าน้ำออกหมื่นปีไม่เคยเปลี่ยน

เหมยเหมยเดินนำเข้าห้องไปก่อน เหยียนหมิงซุ่นมองผู้เฒ่าทั้งสองด้วยสายตาฉงน

คุณย่าหยางกระซิบเสียงเบา “เรื่องที่หลานพาเล่อเล่อไปล่าสัตว์ย่างหนูกินบนเขาความแตกแล้ว เหมยเหมยโกรธมาก!”

ความจริงเธอไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรจริง ๆ ใช่ว่าเด็กผู้หญิงต้องเป็นสาวน้อยมากความสามารถกันทุกคนนี่นา เล่อเล่อของเธอสามารถเป็นแม่ทัพหญิงได้อย่างสบาย ๆเลย!

เพียงแต่สิ่งที่เหมยเหมยกังวลก็ไม่ผิดหรอก ในเมื่อสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ในฮวาเซี่ยต้องการให้เด็กผู้หญิงอ่อนโยนสง่างามรู้หนังสือมีมารยาท แม้อดีตถึงปัจจุบันเคยมีหญิงในตำนานที่เก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าชายแต่มันช่างน้อยเหลือเกิน หนำซ้ำยังต้องแบกรับความกดดันมากจนเกินไป

หากเป็นไปได้เธอก็ชอบให้เหลนสาวใช้ชีวิตเรียบง่ายสุขสบายไม่มีเรื่องรังควานใจตลอดชีวิต!

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกอีกที พลางถลึงตาใส่เล่อเล่อที่แอบโผล่ศีรษะออกจากห้องเพื่อสังเกตการณ์เป็นระยะ ๆทีหนึ่ง เดี๋ยวค่อยจัดการยัยเด็กทรยศนี้ทีหลัง

ปากโป้งเสียจริง

เล่อเล่อตัวสะท้านเฮือกแล้วรีบหดตัวกลับไปหลบอยู่หลังประตูทันที

ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย…

เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าห้องแสร้งทำเป็นยิ้มเอ่ย “ใครทำให้เธอโมโหกัน บอกมาพี่จะสั่งสอนให้”

“พี่ตบหน้าตัวเองสามร้อยทีแล้วกัน!”

เหมยเหมยชี้ไปที่หีบบนพื้นแล้วถลึงตาใส่เขา

เหยียนหมิงซุ่นก่นด่าลูกสาวในใจไปยกหนึ่ง ของแค่นี้ยังซ่อนไว้ไม่ได้ เขายิ้มแก้เก้อแล้วเอ่ยต่อเหมยเหมยว่า “เป็นแค่ของเล่นเล็ก ๆน้อย ๆเอง เล่อเล่อชอบเล่น ลูกขอพี่มาตั้งหลายทีแล้วพี่เลยจำเป็นต้องให้”

ความจริงคือเหยียนหมิงซุ่นเห็นวัน ๆลูกสาวเอาแต่โยนก้อนหินเล่น เขาคิดว่ามันเสียเวลาจึงทำหนังสติ๊กทันสเตนผูกกับยางให้เอง แถมยังไปเอาลูกแก้วทังสเตนจากโรงงานเหล็กกล้ามากองหนึ่ง หลังจากสอนวิธีการใช้งานเบื้องต้นไปก็ปล่อยให้เล่อเล่อเล่นเอง

ส่วนมีดสั้นกับลูกดอกปาเป้าเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นคนให้เอง ช่วงนี้เขายังชั่งใจอยู่ว่าจะหามีดบูมเมอแรงมาให้เล่อเล่อเล่นสักหน่อย

แต่ในเมื่อเหมยเหมยโกรธเข้าแล้ว งั้นก็พับความคิดนี้เก็บไว้ก่อนแล้วกัน

“เล่อเล่อยังอยากได้ดวงจันทร์บนฟ้า ทำไมพี่ไม่ไปสอยลงมาให้ล่ะ?” เหมยเหมยโกรธจนจิ้มหน้าอกเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆหลายที

“พี่ฝากเพื่อนที่ออกปฏิบัติการบนยานอวกาศแล้วว่าขากลับให้เอาเศษหินอุกกาบาตบนดวงจันทร์มาหลาย ๆชิ้นหน่อย เดือนหน้าก็ถึง”

เหมยเหมย ‘…อยากต่อยคนจังแฮะ’

“พี่จงใจจะต่อกรกับฉันใช่ไหม? ได้ใจมากเหรอ?” เหมยเหมยกรีดร้องออกมา น่าโมโหจริง ๆ

ทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างชะเง้อคอยาว ตัวสะท้านเฮือกแล้วหันหน้ามองกันและกัน

“ทะเลาะกันจริง ๆเหรอ?” คุณย่าหยางรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพิ่งเคยเห็นเหมยเหมยโมโหขนาดนี้เป็นครั้งแรก!

คุณปู่เหยียนก็กังวลไม่แพ้กัน “หรือว่าคุณเข้าไปเกลี้ยกล่อมหน่อยไหม? ให้คุยกันดี ๆอย่าทะเลาะกันเลย!”

“ทำไมคุณไม่เข้าไปล่ะ? ปกติชอบใช้เหตุผลนักไม่ใช่เหรอ?” คุณย่าหยางไม่พอใจอย่างมาก

“เรื่องของสองสามีภรรยาฉันจะเข้าไปทำไม ไม่เข้าเรื่องเลยจริง ๆ!”

“ฉันเข้าไปแล้วเหมาะสมงั้นสิ…”

……

เล่อเล่อเงยหน้ามองคุณปู่ทวดกับคุณย่าทวดที่ทะเลาะกันไปด้วยอีกคู่ ดวงตากลมโตสองข้างเต็มไปด้วยความงุนงง นี่มันอะไรกัน?

ฉิวฉิวกระโดดมาอยู่บนศีรษะเล่อเล่อแล้วส่งเสียงร้องเรียกเธอหลายที “อย่าไปสนใจพวกเขาเลย เราออกไปเล่นข้างนอกกันเถอะ

เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายและคร้านจะสนใจสองคู่ที่กำลังทะเลาะกันแล้ว พลางอุ้มฉิวฉิววิ่งออกไปข้างนอกโดยมีเสวี่ยเอ๋อร์ตามมาติด ๆ

ภายในห้องเหยียนหมิงซุ่นกำลังโน้มน้าวเหมยเหมยอย่างใจเย็น “เล่อเล่อไม่ชอบวาดรูปเลย ต่อให้เธอบีบบังคับยังไงก็เปล่าประโยชน์ ลูกสาวของเราไม่ใช่สาวอัจฉริยะโดยแท้ เธอจะปั้นออกมาได้เหรอ?”

“นั่นก็เพราะพี่จงใจต่อกรกับฉันไง ไม่อย่างนั้นฉันต้องปั้นออกมาได้แน่ ๆ” เหมยเหมยคำรามด้วยความโกรธ

“เมื่อก่อนพี่สอนเธอเรื่องโจทย์น้ำเข้าน้ำออก พูดไปนับครั้งไม่ถ้วนเธอก็ทำไม่ได้เหมือนเดิม” เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากทำร้ายจิตใจภรรยาตัวเองเลยจริง ๆ ทั้งที่ตอนเด็กเหมยเหมยก็เคยผ่านความเจ็บปวดนี้มาแล้วทำไมถึงยังฝืนจะสอนลูกสาวในสิ่งที่เธอไม่ชอบกันล่ะ?

ความสนใจเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเรียนรู้ นี่เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยน

…………………………..

 ตอนที่ 2434 คนที่อยากแต่งงานกับเล่อเล่อต่อคิวยาวไปถึงเทียนจิน

เหมยเหมยสะอึกในทันที

ต่อให้เวลาผ่านไปหลายปีเธอก็ยังคงจำโจทย์น้ำเข้าน้ำออกนั่นได้ดี และจำได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นสอนเธอไปนับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับไม่เข้าใจเลยสักรอบเดียว

แต่–

“ฉันกับเล่อเล่อไม่เหมือนกัน ฉันมีอุปสรรคทางด้านตรรกะความคิดแต่มุมมองความคิดส่วนตัวก็ยังอยากตั้งใจเรียน แต่เล่อเล่อไม่ได้อยากเรียนหนังสือเลยซึ่งนี่คือความต่าง” เหมยเหมยแย้ง

“แต่ในมุมมองของพี่ต้นเหตุกลับเหมือนกัน เธอมีอุปสรรคด้านการเรียนแต่มีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปเต้นรำเลยเรียนได้สบาย ๆ เล่อเล่อก็เหมือนกัน ลูกมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ ฉะนั้นเราต้องสนับสนุนจุดแข็งหลีกเลี่ยงจุดอ่อน อย่าบังคับให้เล่อเล่อไปเรียนในสิ่งที่ลูกไม่ชอบสิ” เหยียนหมิงซุ่นพยายามโน้มน้าว

“แต่จะไม่เรียนหนังสือได้อย่างไร? หรือว่าอนาคตเล่อเล่อไม่สอบมหาวิทยาลัยแล้วงั้นเหรอ? พี่อยากให้เล่อเล่อไม่รู้หนังสือเหรอ?”

“จะไม่รู้หนังสือได้ยังไง เล่อเล่อแค่ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ใช่คนสติปัญญาไม่ดีสักหน่อย วางใจได้เลย อนาคตผลการเรียนของเล่อเล่อมีแต่จะดีกว่าเธอแน่นอน!”

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจมาก เล่อเล่อหน้าตาคล้ายเขา ด้านสติปัญญาก็ต้องคล้ายเขาเช่นกันอย่างแน่นอน ตอนนั้นเขาสอบไม่เคยร่วงจากสามอันดับแรกสักครั้ง เล่อเล่อเองก็ไม่มีทางแย่ไปกว่ากันหรอก

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “นี่พี่พูดเองนะ ถ้าวันหน้าเล่อเล่อสอบได้ศูนย์คะแนน ดูสิว่าพี่จะเอาหน้าไปไว้ไหน!”

“เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน เธออย่าคิดมากเลย เราต้องสร้างช่วงวัยเด็กของลูกให้มีความสุขสิ วัน ๆเธอเอาแต่บังคับเล่อเล่อเรียนสิ่งที่ลูกไม่ชอบ ลูกจะมีความสุขได้เหรอ? เธอไม่สงสารลูกเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นใช้ทั้งเหตุผลทั้งอารมณ์หว่านล้อมจนเหมยเหมยใจอ่อนลงมากแต่ก็อดแก้ตัวให้ตัวเองไม่ได้ “ฉันจะไม่สงสารเล่อเล่อได้อย่างไร ฉันร้อนใจแทนลูกต่างหาก ไม่มีกิริยามารยาทแบบผู้หญิงสักนิด โหดกว่าผู้ชายแบบนี้ฉันจะไม่ร้อนใจได้เหรอ!”

“เธอใจร้อนเกินไปแล้วเหมยเหมย” เหยียนหมิงซุ่นชี้ให้เห็นจุดปัญหา

เหมยเหมยเถียงไม่ออก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงตอบกลับ “คงจะอย่างนั้น ฉันแค่ห่วงว่าเล่อเล่อจะพึ่งตัวเองเกินไปแล้วจะถูกขับออกจากกลุ่ม และไม่มีผู้ชายชอบลูก…ฉันห่วงมากเกินไป เฮ้อ พี่ไม่เข้าใจหัวอกฉันหรอก”

ผู้ชายที่ไม่สนใจคำพูดของคนอื่นแล้วทำแต่ในสิ่งที่ตนเองชอบไม่มีใครว่าอะไรหรอก แถมยังชมเชยว่าผู้ชายคนนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความคิดเป็นของตัวเองและพูดยกยอปอปั้นอีกยาวเหยียด

แต่หากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งใช้ชีวิตต่างไปจากเด็กผู้หญิงทั่วไป รักอิสระพึ่งตัวเอง ใจกล้าไม่กลัวสิ่งใด พุ่งไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ…สิ่งที่นำพามาสู่ตัวเธออาจไม่ใช่คำชื่นชมแต่เป็นคำติเตียน!

เพราะนี่เป็นสังคมชายเป็นใหญ่ ผู้ชายไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเก่งกว่าพวกเขา ซึ่งจะนำพาปัญหามากมายมาสร้างความลำบากใจให้แก่ผู้หญิง

เหมยเหมยไม่อยากให้ลูกสาวต้องเผชิญกับเรื่องราวเหล่านี้เลยจริง ๆ เธอแค่อยากให้เล่อเล่อเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายมีความสุขไม่ต้องกังวลอะไรตลอดไป

“เธอกังวลไปเรื่อยเปื่อยน่า มีฉันอยู่ใครจะกล้ารังแกเล่อเล่อ?” เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเหมยเหมยคิดเหลวไหลทั้งเพ เล่อเล่อเพิ่งจะอายุสามขวบก็คิดไปถึงเรื่องความรักแล้ว ความคิดของนักศิลปินนี่มีความก้าวกระโดดตามคาดเลย

“แล้วถ้าเล่อเล่อตัวแกร่งเหมือนคิงคองผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเธอ?” เหมยเหมยย้อนถาม

หากฝึกตามวิธีของเหยียนหมิงซุ่น เล่อเล่อของเธอต้องกลายเป็นหญิงร่างบึกบึนในสักวันแน่

“ฉันมีลูกน้องผู้ชายตั้งเยอะ ไม่ว่าเล่อเล่อจะถูกใจใครก็สามารถส่งเข้าเรือนหอได้ในคืนวันนั้นเลย!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างมั่นใจ

เหมยเหมยใสซื่อเกินไป สถานะของเขาในทุกวันนี้เป็นไปได้อย่างไรที่ลูกสาวของเขาจะไม่มีคนมาขอแต่งงาน?

เกรงว่าคนที่อยากแต่งงานด้วยคงต่อแถวยาวไปถึงเทียนจินแล้วมั้ง!

เล่อเล่อที่ออกไปเล่นกลับมารอบหนึ่งได้ยินเข้าก็มึนงง กะพริบตาปริบ ๆถามเสียงเบา “คุณย่าทวด เรือนหอคืออะไรเหรอ?”

คุณย่าหยางลอบด่าหลานชายพูดจาไม่ระวัง คิดอยู่นานถึงพูดกลบเกลื่อนไปว่า “ก็คือถ้าวันหน้าเล่อเล่อโตขึ้นก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ดีกับหนูไง”

“กล้าไม่ดีกับหนู จะซ้อมเลย!”

เล่อเล่อพูดเสียงใสดังก้อง

คุณย่าหยางเหงื่อแตกพลั่ก…

คิดจากใจจริงว่าความกังวลของเหมยเหมยไม่ถือว่าเกินไปเลย

……………….

ตอนที่ 2431 มีของดีมากมาย

โรงเรียนอนุบาลถูกก่อตั้งขึ้นพร้อมกับชุมชนบ้านจัดสรรแห่งนี้โดยผู้ลงทุนคือเซียวเซียง กลุ่มเป้าหมายหลักก็คือเด็กที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น

แน่นอนว่าทรัพยากรด้านบุคลากรก็ต้องตามให้ทันซึ่งเป็นระบบสองภาษาสำเนียงอังกฤษตามมาตรฐาน คุณครูล้วนเป็นนักศึกษาจบปริญญาตรีสาขาการสอนปฐมวัยเช่นเดียวกับคุณครูสาขาต่างประเทศด้วย ใช่ว่าจะจับชาวต่างชาติคนไหนก็ได้มาเป็นคุณครู

แนวคิดการสอนก็เป็นไปตามมาตรฐานการสอนล่าสุดของนานาชาติ อบรมปลูกฝังตามมาตรฐานโรงเรียนดังระดับโลก

คำขวัญของโรงเรียนอนุบาลคือ–

ขอแค่เข้ามาเรียนโรงเรียนอนุบาลเรา ไอวีลีกฮาเวิร์ดเคมบริดจ์ไม่ใช่แค่ฝัน!

ถึงจะดูเกินจริงไปหน่อยแต่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้มีทรัพยากรด้านบุคลากรและสภาพแวดล้อมที่ดีจริง ๆ เพิ่งเปิดทำการไม่ถึงสามปีก็ดึงดูดความสนใจจากเศรษฐีไม่น้อย เพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนที่นี่จึงมีเศรษฐีมากมายมาซื้อบ้านในเขตชุนชมของพวกเหมยเหมยโดยเฉพาะเลยนะ!

เหมยเหมยทำกระเป๋าขนาดเล็กสวยงามใบหนึ่งเองกับมือโดยใช้ผ้าใบเป็นฐานกระเป๋า ข้างบนยังปักดอกไม้งดงามที่ดูประณีตกว่ากระเป๋าที่ซื้อตามท้องตลาดเสียอีก แต่–

“ไม่เอาดอกไม้…จะเอาเสวี่ยเอ๋อร์!” เล่อเล่อไม่พอใจมาก ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมสะพายกระเป๋าใบใหม่

กระต่ายน้อยต่างหากที่ชอบดอกไม้ ดอกไม้ที่กินไม่ได้ เธอไม่ชอบหรอก

“ดอกไม้สวยจะตาย เด็กผู้หญิงก็ต้องชอบพวกดอกไม้ใบหญ้าสิ ดีจะตาย!” เหมยเหมยพร่ำสอน

“คุณแม่โกหก คุณพ่อบอกว่าหนูไม่ต้องชอบดอกไม้ก็ได้ พ่อซื้อของดี ๆให้หนูอีกเยอะเลย!”

เล่อเล่อมือเท้าสะเอวตอบกลับไปอย่างมั่นใจ

เหมยเหมยกัดฟันกรอดเค้นรอยยิ้มถาม “พ่อให้ของดีอะไรกับลูกเหรอ? ทำไมแม่ไม่รู้ล่ะ?”

เล่อเล่อเกาศีรษะ คุณพ่อไม่ได้ห้ามให้คุณแม่ดูใช่ไหมนะ?

เหมือนจะไม่หรือเปล่านะ?

“อยู่ตรงนี้นะ…หนูไปหยิบมาก่อน!”

เล่อเล่อวิ่งเหยาะ ๆกลับไปเอาของดีในห้องเธอมาก่อนจะอุ้มหีบไม้ขนาดใหญ่ที่บังท่อนบนของเธอจนมิด เดินเซไปเซมาจนเหมยเหมยสะดุ้งตัวโยน “แม่ช่วยเอง ระวังทำร่วงใส่เท้านะ!”

“หนูจัดการเอง…พ่อบอกว่าเรื่องของตัวเองต้องทำเอง!”

เล่อเล่อปฏิเสธเสียงกร้าว เธอแรงเยอะขนาดนี้ เจ้าอ้วนที่อ้วนที่สุดในชุมชนเธอใช้แค่มือเดียวก็ผลักล้มแล้ว!

เหมยเหมยได้แต่ช่วยประคองอย่างระอา เจ้าตัวเล็กแรงเยอะกว่าเธอจริงและสามารถยกของที่หนักกว่าตัวเธอได้ด้วยซ้ำไป มีครั้งหนึ่งดูการ์ตูนแล้วโมโห เจ้าตัวเล็กเผลอปล่อยหมัดไปจนหน้าจอโทรทัศน์แตกด้วยอารมณ์โกรธชั่ววูบ จริง ๆเลย…

ส่วนในชีวิตประจำวันวีรกรรมที่พังโต๊ะเอยเก้าอี้เอยโต๊ะเตี้ยเอย…แทบนับไม่ถ้วน!

หลังเล่อเล่อวางหีบลง ไม่รู้ว่าเสวี่ยเอ๋อร์คาบกุญแจมาจากไหนด้วยท่าทีระมัดระวัง เหมยเหมยมุมปากกระตุก ไม่รู้ว่าแอบซ่อนของดีอะไรไว้นะ

“แกร๊ก!”

เมื่อฝาหีบเปิดออกก็มีแสงวิบวับประกายออกมา เหมยเหมยรู้สึกแสบตาจึงรีบปิดม่านหน้าต่าง ทีนี้ถึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของของดีเหล่านั้น เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่กลางอกที่คายออกมาก็ไม่ได้แต่จะกลืนลงไปก็ไม่ได้เช่นกัน

ตอนนี้เธออยากซ้อมเหยียนหมิงซุ่นแรง ๆสักยก!

ในหีบมีปลอกกระสุนสีเหลือง มีดสั้นคมมันวาวหลายเล่มที่ดูท่าทางคมไม่น้อยเรียงรายเต็มไปหมด รวมถึงลูกดอกปาเป้าทังสเตนที่คมไม่แพ้กัน หนังสติ๊กหนึ่งอันและลูกแก้วทังสเตนวิบวับอีกกองหนึ่ง…

ของเล่นประเภทตุ๊กตาที่เด็กชอบกันไม่มีเลยสักอย่างเดียว!

“ของพวกนี้คุณพ่อเป็นคนให้ลูกหมดเลยเหรอ?” เหมยเหมยข่มอารมณ์โกรธไว้ เธอต้องถามให้รู้เรื่อง จะเข้าใจเหยียนหมิงซุ่นผิดไปไม่ได้

“อื้ม คุณพ่อให้เองเลย” เล่อเล่อทำหน้าภูมิใจ ของดีของเธอมีเยอะที่สุดในเขตชุนชมเชียวนะ เพื่อนคนอื่น ๆมองกันตาเป็นมันเลย!

“เล่อเล่อชอบมากเลยเหรอ?”

“อื้ม สนุกมากเลย พ่อพาหนูไปล่าสัตว์บนเขาด้วย หนูใช้หนังสติ๊กยิงได้หนูนาตั้งหลายตัว แล้วก็ย่างกินกับคุณพ่อ อร่อยมากเลย!”

เล่อเล่อว่าไปก็น้ำลายไหลไป เนื้อหนูนาอร่อยมากเลยละ!

“ไปล่าสัตว์บนเขาด้วยเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงสูงขึ้นกว่าเดิม

………………………

 ตอนที่ 2432 หน้าไหว้หลังหลอก

“ใช่แล้ว พ่อยังบอกอีกว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะพาหนูไปล่าหมูแล้วย่างเนื้อกิน…ว๊าย…”

เล่อเล่อรีบเอามือปิดปาก ดวงตากลมโตกลอกไปมาไม่กล้ามองเหมยเหมยที่กำลังทำหน้าบึ้งตึง

คุณพ่อเคยบอกไว้ว่าห้ามให้คุณแม่รู้เรื่องการล่าสัตว์บนเขาเด็ดขาด เธอลืมไปได้อย่างไรกันนะ?

“อืม…อืม…หนูหิวแล้ว…คุณย่าทวด…เล่อเล่อหิวแล้ว…”

เล่อเล่อเอามือลูบท้องแล้วใช้แผนแกล้งหิวตบตาวิ่งเข้าไปหาตัวช่วยอย่างคุณย่าหยางแทน โดยปกติคุณย่าหยางมักตอบสนองความต้องการของเหลนสาวอยู่แล้วจึงจูงมือเล่อเล่อไปหาของอร่อย ๆในครัวทันที

เหมยเหมยโมโหจนหลุดขำออกมา หน็อยแน่เหยียนหมิงซุ่น กล้าทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกงั้นเหรอ!

ต่อหน้าเธอรับปากว่าจะให้ความร่วมมือเธอในการปลูกฝังเล่อเล่อให้เป็นสาวน้อยอัจฉริยะช่ำชองทั้งการเล่นฉินหมากรุกและวาดรูปเป็นเขียนพู่กันจีนเป็นอย่างดี แต่ลับหลังเธอกลับพาเล่อเล่อข้ามเขาล่าสัตว์ ถึงขั้นย่างหนูกิน…

มีอย่างที่ไหน!

เหมยเหมยมองหีบที่ถูกเล่อเล่อวางทิ้งไว้ก็หัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมาทีหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ก็คือหลักฐานมัดตัว เธอต้องเก็บให้ดี

เธอก้มตัวลงยกหีบขึ้นมาแต่เพิ่งยกขึ้นมาเอวก็แทบเคล็ด น้ำหนักของหีบไม่เบาเลย อย่างน้อยก็หนักเกือบสิบห้ากิโลกรัมได้ เธอเห็นว่าชั้นล่างสุดในหีบมีลูกแก้วทังสเตนอีกกองหนึ่งถูกปูไว้เป็นชั้นหนา มิน่าถึงได้หนักขนาดนี้!

ขณะมื้อเย็นคุณย่าหยางส่งสายตาให้เหยียนหมิงซุ่นไม่หยุดเพื่อให้เขาระมัดระวังตัวหน่อย

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว นับตั้งแต่ก้าวขาเข้าบ้านมาเขาก็มองไปทางเหมยเหมยที่ทำหน้าถมึงทึงตลอดเวลาแวบหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเธอโกรธอะไรอีก?

“วันนี้เล่อเล่อทำให้เธอโมโหอีกแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นหลงคิดว่าตัวการคือลูกสาวโดยปริยาย

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “เล่อเล่อเชื่อฟังดี เพียงแต่ถ้าไม่มีคนพาเธอเดินไปทางผิด ๆ ไม่รู้จะเป็นเด็กดีแค่ไหน!”

ลูกสาวแสนดีของเธอถูกเหยียนหมิงซุ่นเลี้ยงเสียคนไปหมดแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆแล้วมองไปทางลูกสาวที่กำลังงุดหน้าทานข้าว เพียงแต่เล่อเล่อที่มีพิรุธในใจจะกล้าเงยหน้าเสียที่ไหนกัน เอาแต่ตักข้าวเข้าปากไม่หยุดแล้วยังจงใจพูดเสียงดังว่า “น่องไก่วันนี้อร่อยจัง…”

“อร่อยก็ทานอีกชิ้นนะ!” คุณปู่เหยียนฉีกยิ้มกว้างคีบน่องไก่ชิ้นโตให้เหลนสาว ต่อหน้าเล่อเล่อคุณปู่สลัดความเคร่งขรึมและเข้มงวดออกจากตัวไปนานแล้ว

หว่างคิ้วกระตุก เหมยเหมยชำเลืองมองเหนียงสามชั้นของเล่อเล่อแวบหนึ่งก็กลืนประโยคที่ว่า ‘ทานน้อย ๆหน่อย’ ลงคอไป

ไม่ว่าอย่างไรจะปล่อยให้ลูกสาวหิวไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอทานอย่างมีความสุขไปเถอะ!

แต่ต่อให้อ้วนก็ต้องมีกล้ามเนื้อไม่ใช่มีแต่ไขมันหรือเปล่า?

เหยียนหมิงซุ่นโกรธจึงคีบถั่วลิสงเม็ดหนึ่งดีดใส่ขาเล่อเล่อจากใต้โต๊ะ กล้าไม่สนใจเขางั้นเหรอ ดีดใส่ทีหนึ่งแล้วดูสิว่ายังกล้าแสร้งเป็นใบ้อีกไหม

เล่อเล่อครางฮึมในลำคอแล้วรีบใช้มือตะครุบถั่วลิสงไว้ใต้ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หยิบใส่ปากไม่ยอมเงยหน้าสักที

เธอไม่โง่หรอกนะ!

อย่างไรเสียเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น!

ฮึ่ม…

เหยียนหมิงซุ่นอัดอั้นตันใจ ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กมีไหวพริบดีขึ้นเรื่อย ๆ น่าปวดใจเหลือเกิน…

“คุณปู่ทวด คุณย่าทวด คุณพ่อ คุณแม่…หนูอิ่มแล้ว!”

เล่อเล่อที่จัดการข้าวไปสามถ้วยกับน่องไก่อีกหกชิ้นยื่นมือดันถ้วยเปล่าออกไป แล้วใช้หลังมือเช็ดปากที่เลอะคราบน้ำมัน กระโดดลงเก้าอี้วิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไป เดี๋ยวคุณแม่ต้องว่าคุณพ่อแหง เธอไม่อยู่ให้พลอยโดนหางเลขไปด้วยหรอกนะ

“เล่อเล่อ!” เหมยเหมยเน้นเสียงเข้ม สีหน้าถมึงทึงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“รู้แล้ว!”

เล่อเล่อวิ่งกลับมาแต่โดยดี พลางล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ามาเช็ดปากให้สะอาดแล้วค่อยพับผ้าเช็ดหน้าเก็บใส่กระเป๋าดังเดิม จากนั้นถึงมองเหมยเหมยด้วยสายตาออดอ้อน

“ไปเถอะ!” ในที่สุดเหมยเหมยก็ยอม เล่อเล่อวิ่งปลีกตัวไปอย่างมีความสุขโดยมองข้ามเหยียนหมิงซุ่นที่ยังนั่งปวดใจอยู่ด้านหลังอย่างสิ้นเชิง

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ พี่เข้ามากับฉันที” เหมยเหมยพูดเสียงนิ่ง

เหยียนหมิงซุ่น ‘…รู้สึกใจหวิวแปลก ๆแฮะ’

……………………….

ตอนที่ 2429 ม้าดีดกะโหลก

เหยียนหมิงซุ่นทำตามคำร้องขอสุดท้ายของสวีหล่างโดยพาคุณแม่ของเขาเข้าพบร่วมหนึ่งชั่วโมง

เหยียนหมิงต๋าร่วมมือกับทางตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศตามสืบเรื่องหัตถ์พระเจ้าต่อไปจนยุ่งกันหัวหมุน ส่วนกลุ่มคนที่ถูกช่วยชีวิตออกมาส่วนมากก็ตามหาพ่อแม่ตัวเองจนเจอซึ่งมีบางส่วนที่ถูกพากลับบ้านไป แต่มีพ่อแม่บางส่วนพอรับรู้ว่าลูกตัวเองติดโรคสกปรกมาแล้วต้องทานยาทุกวันก็ไม่แม้แต่จะมาหา

รวมถึงเด็กหกคนที่ถังม่านลี่จะรับเลี้ยง พ่อแม่ของพวกเขาต่างไม่ยอมมาซึ่งเป็นเชิงว่าจะทอดทิ้งลูกแล้ว

“มาสิแปลก!”

ถังม่านลี่แค่นหัวเราะ ผลลัพธ์นี้อยู่ภายในความคาดหมายของเธอแต่แรกแล้ว เด็กหกคนล้วนถูกพ่อแม่แท้ ๆขายมาทั้งนั้น และด้วยเหตุผลนี้เธอถึงอยากดูแลเด็กทั้งหกคน

เหมยเหมยได้จัดการเอกสารรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมให้เธอ เธอได้ส่งมอบเอกสารรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับถังม่านลี่

“ตรงนี้ยังต้องประทับตราอยู่อีกสองสามตราและต้องให้เจ้าตัวไปเอง ฉันบอกพวกเขาไว้แล้ว ไม่มีใครขัดขวางเธอแน่นอน”

“ขอบคุณมาก ฉันจะไปจัดการพรุ่งนี้เลย”

ถังม่านลี่รู้สึกขอบคุณและปลาบปลื้มใจอย่างมาก

เธอเอ่ยต่อเด็กทั้งหกคนด้วยรอยยิ้มว่า “รอพวกเธอออกจากโรงพยาบาลก็ไปอยู่กับฉัน ฉันจะส่งเสียให้พวกเธอเรียนหนังสือ ปิดเทอมก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน ดีไหม?”

“ดี…” เด็กทั้งหกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว

หนึ่งเดือนให้หลังเด็กทั้งหกคนก็ออกจากโรงพยาบาล ดูแล้วพวกเขายังซูบผอมกว่าเด็กทั่วไปอยู่บ้างแต่เทียบกับสภาพที่เพิ่งกลับมาแรก ๆก็ถือว่าดีกว่ามากแล้ว

ถังม่านลี่ไม่ได้อยู่เมืองหลวงต่อ เธอพาพวกเด็ก ๆย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ซึ่งอากาศอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ที่นั่นเหมาะกับการใช้ชีวิตมากกว่าและไม่มีใครรู้จักพวกเขา พวกเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้

“มีเรื่องอะไรต้องการให้ฉันช่วยก็โทรหาฉันแล้วกัน”

เหมยเหมยทิ้งเบอร์ของเธอไว้ให้ถังม่านลี่ก่อนจะส่งเธอและเด็กทั้งหกจากไป

โลกนี้ช่างไม่เที่ยง ใครจะรู้ได้เล่าว่าถังม่านลี่คนเดิมที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงเงินทองจะมีจุดจบเช่นนี้!

แล้วก็สีอันน่า…

สีอันน่าเองก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพียงแต่บาดแผลของเธอรุนแรงกว่าถังม่านลี่มากโข เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตลอดชีวิต รวมถึงโรคทางนรีเวชที่ไม่สามารถบรรยายได้จนนำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่เธอตลอดชั่วชีวิต

โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ในที่สุด

ทว่าสีอันน่ายังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เธอเพิ่งก้าวออกจากโรงพยาบาลก็ถูกจับกุมตัวทันที เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้องไว้ว่าให้จัดห้องที่ค่อนข้างสบายไว้ให้เธอ

เหมยเหมยเองก็ได้จ้างทนายส่วนตัวแก่เธอ หวังว่าจะเป็นประโยชน์

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนคดีนี้ก็ถูกตัดสินซึ่งสวีหล่างรวมถึงพวกของเขาต่างถูกตัดสินโทษประหารชีวิตทุกคนและให้ดำเนินการทันที ส่วนสีอันน่าถูกตัดสินให้มีโทษจำคุกสิบปี ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว

เรื่องทุกอย่างปิดฉากลงเพียงเท่านี้ก่อนที่ชีวิตจะกลับมาสู่ความสงบสุขดั่งเดิม เหมยเหมยตั้งใจเลี้ยงลูกที่บ้าน เหนื่อยทว่ากลับมีความสุข

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามปีผ่านไปและฤดูร้อนมาเยือนใหม่อีกครั้ง

“แม่…หนูจะไปโรงเรียน”

เล่อเล่อในวัยสามขวบที่ตัวโตกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก แม้ไม่ได้ตัวอวบอ้วนมากอย่างตอนเด็กแต่เจ้าตัวก็ยังตัวกลมอยู่ดี ทุกครั้งที่เหมยเหมยซื้อเสื้อผ้าให้เล่อเล่อก็ต้องซื้อตามขนาดของเด็กวัยห้าถึงหกขวบ ไม่อย่างนั้นก็ยัดไม่ลง

เล่อเล่อยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ยามที่เบิกตาโตเหมือนพ่อของเธอไม่มีผิด ได้ยินคุณย่าหยางบอกว่าเด็กที่อาศัยในละแวกเดียวกันเผลอร้องไห้เพราะกลัวเล่อเล่อกันหลายคน

เหมยเหมยเอาชาลูกพลัมจากตู้เย็นออกมา เธอเอาไปแช่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนซึ่งตอนนี้อุณหภูมิกำลังดีไม่เย็นเกินไป

“ทำไมอยู่ดี ๆถึงอยากไปโรงเรียนล่ะ? ลูกเกลียดการไปโรงเรียนมากที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงอ่อนโยน

เล่อเล่อใช้มืออวบรับชาลูกพลัมชามใหญ่มาแล้วกรอกเข้าปากทีเดียวอย่างไม่คิดจะหยุดพักสักนิด จากนั้นก็ใช้หลังมือเช็ดมุมปากแล้วเรอออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข

เหมยเหมยมุมปากกระตุก กิริยาท่าทางม้าดีดกะโหลกเช่นนี้ยิ่งกว่าพ่อของเธอซะอีก!

……………………….

ตอนที่ 2430 หนูจะไปโรงเรียน

“เล่อเล่อ แม่สอนลูกอย่างไร? เป็นเด็กผู้หญิงทานอะไรต้องเรียบร้อย ค่อย ๆทานคำเล็กคำน้อย อีกอย่างหลังทานอาหารเสร็จต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูเช็ดปาก ใช้มือได้อย่างไร?”

เหมยเหมยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบชาตรงมุมปากของเล่อเล่อพร้อมสอนไปอย่างใจเย็น

ต่อให้คำนี้เธอจะพูดไปเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม

เล่อเล่อโบกปัดอย่างหงุดหงิด “ทานคำเล็กคำน้อยมันไม่สะใจพอ แย่งไม่ทัน”

เหมยเหมยชะงัก หมายความว่าอย่างไร?

“คุณพ่อบอกแล้วว่าผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีก็ต้องแข็งแกร่งกว่านี้” เล่อเล่อพูดแล้วก็ชูแขนเป็นปล้อง ๆทำท่าทางให้ดูด้วยสีหน้าจริงจัง

เหมยเหมยเข้าใจแล้ว แต่เธอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทั้งยังตำหนิเหยียนหมิงซุ่นในใจข้อหาต่อกรเธออยู่เรื่อย

เธอสอนลูกสาววาดรูปเหยียนหมิงซุ่นก็สอนเล่อเล่อชกมวยแล้วยังทำเสาต้นเหมยไว้ตรงลานบ้านอีกต่างหาก เรื่องนี้ยังพอว่า แต่สิ่งที่สร้างความปวดศีรษะแก่เหมยเหมยมากที่สุดคือเล่อเล่อมีความสนใจในศิลปะการต่อสู้มากกว่าการเล่นฉินหมากรุกหรือวาดภาพเขียนพู่กันจีนเสียอีก

พอให้เล่อเล่อวาดรูปหากเจ้าตัวเล็กไม่หาข้ออ้างปวดฉี่ก็อยากทานอะไรสักอย่าง หรือคันตรงนั้นตรงนี้เหมือนมีตะปูปักคาก้นถึงต้องบิดตัวไปมาอยู่นั่น

แต่พอถึงเวลาชกมวยเล่อเล่อก็คึกขึ้นมา ไม่ต้องให้เหยียนหมิงซุ่นคอยคุมก็ตื่นแต่เช้าไปยืนรอที่เสาต้นเหมยเองอย่างไม่คิดกลัวลำบาก ต่อให้ฝนตกฟ้าผ่าก็ไม่ย่อท้อ

ความต่างสุดขั้วนี้ทำให้เหมยเหมยปวดใจอย่างมาก

เธอไม่คาดหวังกับการวาดรูปแล้ว แต่ความเรียบร้อยอย่างที่เด็กผู้หญิงพึงมีก็ต้องมีหรือเปล่า?

แต่ตอนนี้ดูแล้ว…ยากเหลือเกิน!

เหมยเหมยอัดอั้นใจอย่างหนัก เธอชักสงสัยจากใจจริงแล้วว่าภายในร่างกายของเล่อเล่อเป็นวิญญาณเพศผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งใช่ไหม?

คุณชายฉิวที่นอนฟุบตากลมเย็นฉ่ำอยู่บนเครื่องปรับอากาศเงยหน้าเหลือบมองเล่อเล่อแวบหนึ่ง ตาดำขลับมองอย่างสนอกสนใจ

เจ้าตัวเล็กนี่เก่งกว่าตัวผู้มากโข ที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเชียวละ!

ฉิวฉิวกลับมาตอนเล่อเล่ออายุครบหนึ่งขวบซึ่งจู่ ๆก็โผล่มากลางบ้าน เขายังคงเหมือนเดิม พอกลับมาถึงก็เล่นกับเล่อเล่อและเสวี่ยเอ๋อร์อย่างสนุกสนาน

ส่วนฉาฉาดันไม่กลับมา ฉิวฉิวบอกว่ามันยังต้องอยู่ในป่าอีกหลายปี ความจริงเพราะหลังฉาฉาฝึกตนสำเร็จร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นผิดปกติ เกรงว่าออกมาจะสร้างความตื่นกลัวแก่ผู้คน อยู่ในภูเขาลูกใหญ่ต่อไปน่ะดีแล้ว

รอฝึกตนจนคล่องตัวสามารถควบคุมขนาดร่างกายได้ค่อยให้ฉาฉากลับบ้าน

“แม่…หนูจะไปโรงเรียน!” พอเล่อเล่อเห็นเหมยเหมยไม่ตอบตกลงก็ไม่พอใจเลยยู่ปากพองลมไว้ข้างแก้ม

“งั้นลูกก็บอกแม่มาว่าทำไมอยู่ดี ๆถึงอยากไปโรงเรียน?” เหมยเหมยสงสัยเหลือเกิน

หลังจากเจ้าตัวเล็กรู้ว่าการไปโรงเรียนต้องทำการบ้านทุกวันก็เกลียดโรงเรียนเข้าไส้ราวกับมีความแค้นลึกซึ้งซะอย่างนั้น ทั้งยังประกาศกร้าวว่าตีให้ตายเธอก็จะไม่ไปโรงเรียน

“พวกเขาไปโรงเรียนกันหมดเลย ไม่สนุก!”

คำตอบของเล่อเล่อสร้างความแปลกใจแก่เหมยเหมย ยังคงเป็นคุณย่าหยางที่ช่วยอธิบายเสริม

“เพื่อนละแวกเดียวกันจะเข้าอนุบาลกันปีนี้แล้ว ไม่มีคนเล่นกับเล่อเล่อ เธอเลยเหงาไง!”

เหมยเหมยเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะอยากเล่นตามคาด!

แต่ฝากไปขังไว้ที่อนุบาลก็ไม่เลว ได้ข่าวว่าเด็กจะเชื่อฟังคำพูดของคุณครูมากเป็นพิเศษ เธอคุมเจ้าวายร้ายนี้ไม่ไหวแล้ว ให้คุณครูคุมแทนแล้วกัน ไม่แน่อาจจะรักการเรียนไปด้วยก็ได้!

เหมยเหมยได้หาโรงเรียนอนุบาลละแวกใกล้ ๆบ้านไว้ให้เล่อเล่อล่วงหน้านานแล้ว หลังจากเล่อเล่อโตขึ้นเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็ย้ายออกจากเรือนสี่ประสานเล็ก ๆเดิมมาอยู่ในชุมชนบ้านจัดสรรที่เปิดใหม่โดยโม่ซิวหย่วน พวกเขาได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดในชุมชนทั้งยังมีลานบ้านที่กว้างมากพอ ตัวบ้านก็ใหญ่พอให้เล่อเล่อกับเสวี่ยเอ๋อร์ซนเต็มที่

คุณย่าหยางคุณปู่เหยียนก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย พวกท่านไม่อยากอยู่ห่างเล่อเล่อแม้แต่วันเดียว รั้นจะอยู่ด้วยกันให้ได้

ครอบครัวที่อาศัยในชุมชนเล็ก ๆแห่งนี้ต่างก็มีฐานะไม่ธรรมดา สองสามีภรรยาอย่างโม่ซิวหย่วนกับเซียวเซียงก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างก็ซื้อไว้ทั้งคู่ บ้านของฉีฉีเก๋อลุงปาเกินเป็นคนซื้อให้แต่ยังไม่ถูกโอนให้อยู่ภายใต้ชื่อของฉีฉีเก๋อ!

พวกเซียวเซ่อ สยงมู่มู่กับอู่เชาก็ย้ายตามกันมาหมด ซื้อแล้วไม่อยู่แต่ปล่อยว่างอยู่อย่างนั้น

…………………

ตอนที่ 2427 หนทางเอาตัวรอด

เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางฆ่าสวีหล่างเร็วขนาดนั้นอยู่แล้ว เก็บหมอนี่ไว้ยังมีประโยชน์อีกมาก ต้องคอยแงะเอาข้อมูลของหัตถ์พระเจ้าออกมาทีละนิด ๆ

เพียงแต่สวีหล่างมีความระมัดระวังสูง หลังบอกเหตุลผลที่ฆ่าเหอฮุยไปก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีก แค่นั่งนิ่ง ๆเหมือนคนทำสมาธิจนเหยียนหมิงซุ่นทำอะไรเขาไม่ได้

ดีที่ไม่นานก็มีข่าวความคืบหน้าจากทางตะวันออกกลางว่าตามหาถังม่านลี่พบแล้ว

“ถังม่านลี่ดวงแข็งดีนะที่ไม่ตาย กำลังเดินทางกลับประเทศ สามวันหลังจากนี้ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นบอกเหมยเหมย

เขาอึ้งมากจริง ๆ เดิมทีคิดว่าถังม่านลี่หลุดเข้าบ่วงดั่งนรกภูมินั้นแล้วคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ไม่คิดว่าเธอจะทนมันมาได้ ทั้งยังฟังจากลูกน้องมาว่าเหมือนเธอจะมีชีวิตที่ไม่เลวเลย ไม่ได้ถูกทำร้ายมากเกินไป สมแล้วที่ทุกคนย่อมมีวิถีการเอาตัวรอดของตัวเอง!

คนที่เดินทางกลับมาพร้อมกับถังม่านลี่ยังมีกลุ่มหญิงสาวกับเด็กที่ได้รับการปลดปล่อยเช่นเดียวกัน พวกเขาล้วนแต่มีรอยบาดเจ็บเต็มตัว หากเข้าไปช่วยช้ากว่านี้อีกไม่กี่วันคงมีหลายคนทนต่อไปไม่ไหว

สามวันผ่านไป

พวกถังม่านลี่ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเขตทหารเพราะพวกเธอต้องได้รับการตรวจร่างกายทุกคน

ผลตรวจออกมาไม่ดีนัก เนื่องจากคนส่วนมากติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งมีคนส่วนหนึ่งติดโรคเอดส์สุดแสนจะน่ากลัวมาด้วย คนที่แย่ที่สุดคงไม่พ้นเด็กพวกนั้นที่ไม่เพียงแต่เจ็บกายแต่ยังได้รับบาดแผลทางจิตใจอย่างหนักหน่วง เมื่อพวกเขาเจอคนแปลกหน้าก็จะตัวสั่นระริก ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้อีกต่อไป

ถังม่านลี่ดวงแข็งมากจริง ๆ นอกจากโรคเล็ก ๆน้อย ๆแล้วก็ยังถือว่าเธอร่างกายแข็งแรงพอสมควร หากเทียบกับคนอื่นแล้วเธอดีกว่ามากจริง ๆ

เหมยเหมยไปพบถังม่านลี่ที่โรงพยาบาล สิ่งสำคัญเลยเธออยากไปเยี่ยมหญิงสาวและเด็กน้อยน่าสงสารเหล่านั้น โดยหวังว่าจะสามารถให้การช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

ทางโรงพยาบาลได้จัดห้องพักผู้ป่วยแยกให้กับคนกลุ่มนี้ซึ่งอยู่คนละชั้นกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ ถังม่านลี่ไม่ได้นอนอยู่บนเตียง เธอกำลังดูแลผู้ป่วยตัวน้อย ๆหลายคน ดูจากลักษณะการอยู่ร่วมกันของพวกเขาแล้วคิดว่าคงสนิทกันไม่น้อย

“เธอมาแล้วเหรอ!”

ถังม่านลี่เห็นเหมยเหมยก็เลิกคิ้วแต่ยังคงทำงานต่อไป เธอกำลังเช็ดตัวให้เด็กสาวตัวผอมแห้งคนหนึ่ง

เด็กสาวคนนี้อายุไม่เกินสิบขวบอย่างแน่นอน ตัวผอมซูบตาโปน พอเห็นเหมยเหมยก็ซุกอกถังม่านลี่เหมือนกระต่ายตัวน้อยได้รับความตื่นตระหนก

“อย่ากลัว คุณน้าคนนี้ไม่ตีเธอหรอก หลังจากนี้จะไม่มีใครตีเธออีกแล้ว!”

ถังม่านลี่ลูบหลังเด็กสาวเบา ๆ สีหน้าอ่อนโยนจับใจ

เหมยเหมยหยิบเอาช็อกโกแลตจากกระเป๋าออกมายัดให้เด็กคนละชิ้น ห้องที่ถังม่านลี่อยู่มีแต่เด็กน้อยราว ๆห้าถึงหกคน อายุยังน้อยกันทุกคน พอเห็นของอร่อย ๆก็ไม่ได้กลัวมากเท่าเดิมแต่ใช้สายตาฉงนมองเหมยเหมย

“เธอเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

“วางใจได้ คนดวงแข็งอย่างฉันไม่ตายง่าย ๆหรอก ไปไหนก็เอาตัวรอดได้ตลอดแหละ”

ถังม่านลี่หัวเราะเย้ยตัวเอง เธอไม่มีความสามารถอะไรแต่กลับเก่งเรื่องเอาตัวรอด ต่อให้ถูกขายไปยังสถานที่โหดร้ายเกินคนแบบนั้น ช่วงแรก ๆเธอลำบากไม่น้อยก็จริงแต่ไม่นานเธอก็เริ่มเอาอกเอาใจหัวหน้าที่นั่นซึ่งกำลังรับหน้าที่ควบคุมดูแลทาสบำเรออย่างพวกเธอพอดี

ความสามารถที่ได้เรียนรู้จากสโมสรเศรษฐีมาหลายปีทำให้ถังม่านลี่เข้าตาหัวหน้านั่นได้อย่างรวดเร็วแล้วกลายเป็นนางบำเรอส่วนตัว ดังนั้นเป้าหมายในการให้บริการจึงกลายเป็นเธอเพียงคนเดียวถึงทำให้ถังม่านลี่รอดมาได้

แต่การเผชิญเหตุการณ์ที่คนชาติเดียวกันต้องถูกทรมานทุกวัน ถังม่านลี่จึงใช้ชีวิตอย่างระแวงมาโดยตลอดและยิ่งปรนนิบัติหัวหน้าคนนั้นให้ดีกว่าเดิม เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งจะถูกหญิงผิวขาวตัวอ้วนบึกบึนคนนี้เฉดหัวทิ้ง

ใช่แล้ว หัวหน้าคนนั้นคือผู้หญิง ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

แต่เพื่อให้มีชีวิตต่อไปถังม่านลี่ทนได้ทุกอย่าง ถึงทำให้เธอรอดมาได้อย่างไรเล่า!

…………………………..

ตอนที่ 2428 ปลง

“หลังจากนี้เธอคิดจะทำอย่างไรต่อล่ะ?” เหมยเหมยถาม

ถังม่านลี่หันกลับไปมองเด็กพวกนั้นแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันอยากวานให้เธอช่วยอย่างหนึ่ง”

ต่อให้วันนี้เหมยเหมยไม่มาเธอก็คิดจะไปหาอีกฝ่ายภายหลังอยู่ดี

“ว่ามาเลย!”

“ฉันอยากรับเลี้ยงเด็กพวกนี้แต่ฉันได้ยินมาว่าเอกสารยุ่งยากมาก เธอหาทางช่วยฉันจัดการให้เร็วที่สุดทีได้ไหม?” ถังม่านลี่ถาม

เหมยเหมยคาดไม่ถึงเลยว่าถังม่านลี่จะขอร้องเรื่องนี้ ในเมื่อถังม่านลี่คนเดิมไม่ใช่คนดีมีเมตตาอะไร!

“เธอรู้สึกว่าฉันไม่ใจดีขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ? หึหึ…ฉันไม่ใช่คนดีอะไรก็จริง เด็กคนอื่นฉันคงไม่แม้แต่ปรายตามอง แต่พวกเขาฉันจำเป็นต้องดูแล ในเมื่ออยู่พึ่งพากันมาตั้งหลายเดือนแล้ว”

ถังม่านลี่ยิ้มเย้ยตัวเองก่อนกล่าวอีก “ถ้าฉันไม่สนใจพวกเขา เกรงว่าพวกเขาคงใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้!”

เด็กหกคนนี้ล้วนติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ทุกคนโดยสองคนยังติดเชื้อเอดส์ที่กลายเป็นโรคติดตัวไปชั่วชีวิต หากเธอไม่สนใจพวกเขาก็มีแต่ต้องรอความตายเท่านั้นแล้ว!

ถังม่านลี่คิดว่าเมื่อคราวที่เธออยู่ในดินแดนนรกนั่นไม่ง่ายเลยกว่าจะปกป้องเด็กหกคนนี้ไว้ได้ ถ้าตายไปทั้งอย่างนี้ความพยายามที่ผ่านมาของเธอก็สูญเปล่าน่ะสิ!

“ถ้าพ่อแม่ของพวกเขามาตามหาล่ะเธอจะทำอย่างไร?” เหมยเหมยถาม

เหยียนหมิงซุ่นได้ส่งคนไปติดต่อสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแต่ละเมืองเพื่อตามหาครอบครัวของกลุ่มคนน่าสงสารนี้แล้ว เนื่องด้วยพวกเขาก็มีอายุไม่น้อยกันจึงจำที่อยู่บ้านกันได้ดี จึงไม่เสียแรงในการตามหามากนัก

“ถ้ามาหาก็คืนให้พวกเขาสิ ขอแค่พวกเขาดีกับเด็กพวกนี้จากใจจริง ฉันไม่รั้งไว้แน่นอน” ดวงตาของถังม่านลี่ฉายแววเย้ยหยัน

เมื่อก่อนเธอเคยถามเด็กบางส่วนมาพบว่าส่วนมากถูกหลอกมาขาย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ถูกขายโดยพ่อแม่แท้ ๆของตัวเอง มันช่างเลวทรามไร้สิ้นความเป็นคนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

“คุณน้า…ผมเจ็บ!”

เด็กผู้ชายคนหนึ่งร้องขึ้นกะทันหันพลางทำหน้าเจ็บปวดอย่างมาก ถังม่านลี่ถลาลุกไปอุ้มเด็กชายเข้าห้องน้ำแล้วสวมถุงมือพร้อม รอครู่หนึ่งถึงออกจากห้องน้ำมา

“ตรงนั้นของเขาบาดเจ็บหนักเกินไป เวลาเข้าห้องน้ำเลยจะเจ็บมาก”

ถังม่านลี่อธิบายพลางวางเด็กชายไว้บนเตียงอย่างระมัดระวังก่อนจะหยิบอมยิ้มให้เขา เด็กชายรับมาทานอย่างมีความสุข

เหมยเหมยรู้สึกแน่นอกแสบจมูกไปหมด น่าสงสารเกินไปแล้ว!

ชีวิตของเด็กพวกนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง แต่กลับถูกพวกคนชั่วทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี

“ฉันจะพยายามช่วยจัดการให้เธออย่างเร็วที่สุด ถ้าเงินไม่พอก็มาขอฉันได้ ฉันช่วยได้”

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน เพียงพอที่จะเลี้ยงเด็กพวกนี้แล้ว เธอแค่ช่วยจัดการเอกสารให้ฉันก็พอ” ถังม่านลี่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนปลงกับชีวิตอย่างไรอย่างนั้น บุคลิกของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“สีอันน่าถูกจับหรือยัง” ถังม่านลี่ถามขึ้นกะทันหัน

“เธอได้รับบาดเจ็บหนักมาก…”

เหมยเหมยเล่าเรื่องที่สีอันน่าทำคุณงามความดีเพื่อชดเชยความผิด ถังม่านลี่คาดไม่ถึงเล็กน้อยเลยหลุดขำออกมา “ทำเรื่องชั่ว ๆไว้มากก็มีวันที่คิดได้เหมือนกันหรือเนี่ย…ช่างเถอะ บุญคุณความแค้นระหว่างฉันกับหล่อนก็จบลงตรงนี้เถอะ ใครก็ไม่ติดค้างอะไรกันทั้งนั้น!”

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า เหยียนหมิงซุ่นออกเช้ากลับค่ำทุกวัน ในที่สุดเขาก็หาช่องโหว่ได้สักที

ลูกสาวคนเล็กของครูฝึกถังขอเข้าพบสวีหล่างด้วยตัวเอง ทั้งขอร้องไม่ให้ใครรบกวน เหยียนหมิงซุ่นก็สนองทุกเงื่อนไขตามต้องการ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปลูกสาวคนเล็กท่านนี้ก็ออกจากห้องมา ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าระหว่างเธอกับสวีหล่างเองก็มีเรื่องราวบางอย่างสินะ?

จากที่ตอนแรกสวีหล่างไม่ยอมให้ความร่วมมือก็ได้สารภาพเรื่องทั้งหมดที่เขารู้ให้ฟัง เพียงแต่เขาไม่รู้ตำแหน่งที่อยู่สำนักงานใหญ่ของหัตถ์พระเจ้าเช่นกัน

“ฉันเดาว่าอยู่อเมริกาแต่ก็ไม่มั่นใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีคนที่ชื่อราอุมคอยเป็นตัวกลางให้ฉัน เรื่องอื่นพวกแกไปตามสืบเองแล้วกัน”

“ฉันต้องการแค่อย่างเดียว ให้ฉันได้เจอแม่ฉัน” สวีหล่างเอ่ยคำขอสุดท้าย

……………………

ตอนที่ 2425 จู่โจมหัวใจ

เหมยเหมยถึงค่อยสบายใจหน่อย เธอจุ๊บแก้มเล่อเล่อทีหนึ่งแล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกรัก พ่อเขาช่วยหนูจัดการพวกคนเลวแล้วนะ ไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเล่อเล่อแล้ว!”

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อหมุนกลอกตาลูกตาอย่างรวดเร็วแล้วหูตั้งผึ่ง

มีคนร้ายอยู่ไหน?

ไม่ต้องให้คุณพ่อลงมือเธอก็จัดการเองได้!

จะตีให้ตายเลย!

พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าของลูกสาวมีหลากหลายอารมณ์ก็เดาใจของเธอได้จึงยิ้มเอ่ย “เล่อเล่อจะถูกคนร้ายรังแกได้อย่างไร? เธอไม่รังแกคนอื่นก็ไม่เลวแล้ว!”

นักฆ่ามือฉกาจสามคนยังทำอะไรลูกสาวตัวอ้วนของเขาไม่ได้ อนาคตโตขึ้นไปเกรงว่าจะซนยิ่งกว่าลิง!

เทียบกับการถูกคนร้ายรังแก เขากลับกังวลว่าต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้ลูกสาวมากกว่า!

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องอย่างดีใจแล้วพยักหน้าศีรษะไม่หยุด พ่อของเธอฉลาด แม่จอมซื่อบื้อมักคิดว่าเธอเป็นกระต่ายตัวน้อยอยู่เรื่อย

เหอะ!

เธอเป็นถึงจักรพรรดินีเชียวนะ!

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นนอนหลับเต็มอิ่มที่บ้านตื่นหนึ่งเช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกไปอีกแล้ว

แม้จะจับตัวสวีหล่างได้สำเร็จแต่เรื่องราวยังไม่จบ สวีหล่างเป็นเพียงคนนำทีมประจำเมืองหลวงตัวเล็ก ๆคนหนึ่งของหัตถ์พระเจ้าเท่านั้น เขาได้ให้เหยียนหมิงต๋าติดต่อกับตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศไปแล้ว จากนั้นก็ตามรอยของสวีหล่างเพื่อตามหาสำนักงานใหญ่ของหัตถ์พระเจ้า

เนื่องจากหัตถ์พระเจ้าได้ก่อคดีไว้ทั่วโลกทำให้ตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศอยากกำจัดก้อนมะเร็งนี้ทิ้งตั้งนานแล้ว เพียงแต่หัตถ์พระเจ้าทำงานลึกลับซับซ้อนจนกระทั่งตอนนี้ก็สืบเสาะหาความคืบหน้าไม่ได้สักนิด คราวนี้สาขาของหัตถ์พระเจ้าที่ฮวาเซี่ยถูกชำระล้างไปแล้วซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวที่สำคัญที่สุดในหลายปีมานี้เลย

สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นจะทำในตอนนี้ก็คือง้างปากของสวีหล่างเพื่อเค้นข้อมูลของหัตถ์พระเจ้ามากกว่านี้

ขณะเดียวกันเขาก็อยากรู้ว่าทำไมเมื่อสิบปีก่อนสวีหล่างต้องฆ่าเหอฮุยด้วย?

ปริศนาข้อนี้ตามรังควานเขาไม่เลิก หากไม่ถามให้รู้เรื่องเขาคงไม่มีวันสบายใจ

สวีหล่างมีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำแขนยาวขายาว เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของนักกีฬาว่ายน้ำ

เพียงแต่ใบหน้าของเขาออกจะดูขัดไปสักนิด เหยียนหมิงซุ่นเคยเห็นรูปถ่ายเก่า ๆของเขา ในอดีตเขามีหน้าตาซื่อ ๆไม่เป็นที่เตะตาเท่าไร ไม่มีความโดดเด่นเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้สวีหล่างกลับคิ้วเข้มตาคม จมูกโด่งเป็นสัน รูปหน้าทรงเหลี่ยมที่หล่อเหลาเอาการอย่างมาก เพียงแต่บุคลิกของเขากลับดูห่อเหี่ยวไม่เข้ากับหน้าตาที่แสนดูดีของเขาเลย

สวีหล่างถูกขังอยู่ในห้องเดี่ยวที่ดูเงียบสงบ พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่แม้แต่จะเชยตาขึ้นมอง

“ยังจำครูฝึกทังได้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้นกะทันหัน

ร่างกายของสวีหล่างสั่นเทิ้มเล็กน้อย เหยียนหมิงซุ่นยิ้มร่าในใจ เขาเดาไว้ไม่มีผิด ต่อให้เป็นคนที่ชั่วร้ายเลวทรามเพียงใดก็มักมีคนที่สนใจในมุมหนึ่งของหัวใจเสมอ

ครูฝึกทังก็คือคนที่สวีหล่างให้ความสนใจ

เพราะสวีหล่างสูญเสียคุณพ่อไปตั้งแต่เด็ก ที่บ้านมีพี่น้องอยู่หลายคนอีกทั้งเขายังมีหน้าตาเรียบ ๆไม่โดดเด่นและไม่มีไหวพริบอะไรจึงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคุณแม่จนมักถูกมองข้ามเสมอ หากไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญถูกโรงเรียนกีฬาประจำเมืองคัดเข้าเรียน ไม่แน่เขาอาจจะใช้ชีวิตธรรมดาแสนลำเค็ญเหมือนชายส่วนมากในหมู่บ้านเดียวกัน

สวีหล่างถูกคัดเข้าโรงเรียนกีฬาประจำเมืองตั้งแต่อายุเก้าขวบ อายุสิบสองปีก็ได้ถูกคัดเข้าทีมประจำเมืองเป็นข้อกรณียกเว้นเพราะผลการสอบที่ยอดเยี่ยม ครูฝึกทังก็คือครูฝึกของเขาในขณะนั้นพอดีจึงดูแลสวีหล่างตั้งแต่อายุสิบสอบปีจนถึงอายุสิบเก้าปี

ภายในใจสวีหล่างครูฝึกทังเปรียบดั่งคุณพ่อที่ยึดครองตำแหน่งสำคัญสูงสุด

เพียงแต่สวีหล่างเจ้าเล่ห์ เขาจึงยังไม่ปริเสียงใด ๆ

เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายช่วงนี้ของครูฝึกทังออกมาจากกระเป๋า ชายวัยกลางคนจากแผ่นดินทางเหนือที่อายุเพิ่งจะผ่านครึ่งร้อยแต่กลับดูแก่เฒ่ากว่าคนวัยเดียวกันมากโข ผมขาวไปเกือบครึ่งศีรษะและหลังที่ดูค่อมไปแล้ว รวมถึงหน้าตาที่ดูขี้โรคด้วย

สวีหล่างใจกระตุก ครูฝึกในความทรงจำที่มักดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมีพลังเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ นี่เพิ่งผ่านไปสิบปีทำไมครูฝึกถึงได้แก่ลงขนาดนี้?

“รู้ไหมว่าทำไมครูฝึกถึงแก่ขนาดนี้?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจถาม

………………………

ตอนที่ 2426 บุญคุณความแค้นในอดีต

ถึงสวีหล่างไม่ได้พูดอะไรแต่สายตาของเขากลับสื่อความหมายว่าเขาอยากรู้

“เพราะเรื่องที่แกทำไว้เมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นแกหนีไปทั้งอย่างนั้น ครูฝึกทังเลยถูกโรงเรียนกีฬาประจำเมืองไล่ออกโทษฐานดูแลนักเรียนไม่ดี พอเสียงานไปเขาก็ต้องไปทำงานชั่วคราว เงินที่หาได้พอจะประทังชีวิตได้แต่บวกกับความรู้สึกผิดที่เขาไม่ได้ดูแลแกกับเหอฮุยให้ดีทำให้สภาพจิตใจแย่ทรมานมาตลอดสิบปี แล้วจะไม่แก่ลงได้อย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตายเย็นชา

เขาไม่ได้โกหก ตอนนั้นเกิดผลกระทบในระดับนานาชาติด้วย พอตามจับสวีหล่างไม่ได้ทางเมือง f ก็ระบายความโกรธที่ครูฝึกทัง ไล่เขาออกโดยไม่เกริ่นนำอะไรทั้งนั้น

ครูฝึกทังต้องทำงานชั่วคราวเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวทั้งเจียดเงินส่งให้ครอบครัวเหอฮุย เพราะเขาคิดว่าเขาอบรมสั่งสอนสวีหล่างไม่ดีพอถึงทำให้ครอบครัวเหอสูญเสียลูกชายคนหนึ่งไป

ด้วยความกดดันในชีวิตบวกกับสภาพจิตใจที่ทุกข์ทรมานทำให้ชายวัยกลางคนผู้นี้สุขภาพทรุดลงอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะบอกแกอีกว่าปีที่แล้วครูฝึกทังตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งกระเพาะระยะสุดท้าย แต่เขาไม่มีเงินรักษาเลยได้แต่รอความตาย เมื่อสามวันก่อนครูฝึกทังเสียชีวิตคาบ้าน ก่อนตายเขาฝากฉันถามแกว่าเหตุผลที่แท้จริงที่แกฆ่าเหอฮุยคืออะไร แบบนี้เขาถึงจะตายตาหลับ!”

สวีหล่างกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกไม่หยุด ความรู้สึกในใจพลั่งพรูออกมา

เขาไม่เชื่อคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นอยู่แล้ว ร่างกายของครูฝึกทังแข็งแรงยิ่งกว่าวัว มื้อหนึ่งกินข้าวได้ตั้งสามชามใหญ่แล้วจะป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะได้อย่างไร?

ต้องหลอกเขาแน่ ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นเอาผลตรวจของครูฝึกทังจากกระเป๋าออกมาแล้วยื่นส่งไปให้ “แกดูเองแล้วกัน คนอย่างฉันไม่เอาชีวิตคนมาล้อเล่นหรอก”

นอกจากผลตรวจจากทางโรงพยาบาลแล้ว ยังมีจดหมายฉบับหนึ่งที่ครูฝึกทังเขียนเอง ตัวหนังสือบิด ๆเบี้ยว ๆแต่กลับเป็นลายมือที่สวีหล่างคุ้นเคยดี

เขากัดฟันแน่นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมา

“ครูฝึกตายแล้วจริงเหรอ?” สวีหล่างอ่านจดหมายจบและในที่สุดก็ปริปากถามด้วยเสียงแหบพร่า

“ใช่ เมื่อสามวันก่อน เผาศพเอาเถ้ากระดูกไปฝังแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บีบบังคับสวีหล่าง หมอนี่เจ้าเล่ห์ปานสุนัขจิ้งจอก จะไล่ต้อนเกินไปไม่ได้ ฉะนั้นต้องค่อย ๆรอไป

ผ่านไปครู่ใหญ่สวีหล่างก็ยังไม่ได้ปริปากเอ่ยอะไร ภายในห้องมีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาทั้งคู่

……

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาความฝันของฉันก็คือได้แข่งขันระดับโลกเพื่อเอาเหรียญรางวัลมาให้ประเทศ นำเกียรติยศมาให้ครูฝึก ให้แม่ทึ่งในตัวฉัน!”

สวีหล่างเล่าอย่างช้า ๆเอ่ยถึงชีวิตการฝึกซ้อมในอดีตของเขา

พอจะดูออกว่าเขาพึงพอใจกับชีวิตในอดีตอย่างมาก มุมปากจุดยิ้มตลอดเวลา ใบหน้าไม่ได้ดูเศร้าอย่างเดิมอีก

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นทำไมแกถึงฆ่าเหอฮุยทำลายอนาคตตัวเองล่ะ? ครูฝึกทังบอกแล้วว่าที่จริงตอนนั้นแกต่างหากที่มีความเป็นไปได้ในการเข้าทีมชาติมากที่สุด” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“เพราะมันสมควรตาย!”

สวีหล่างสีหน้าดุดันขึ้นพลางสบถหยาบเบา ๆ

“เหอฮุยทำเรื่องไม่น่าให้อภัยอะไรไว้งั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นแปลกใจและเดาไม่ออกจริง ๆว่ามีความแค้นอะไรที่หนักหนาจนต้องฆ่าแกงกันเลยทีเดียว?

สวีหล่างพูดเสียงคับแค้นใจ “เหอฮุยคิดจะร่วมมือกับเจ้าทานากะนั่นทำร้ายฉัน ฉันแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น”

เหยียนหมิงซุ่นฟังที่สวีหล่างเล่าก็รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน

ที่แท้ไม่รู้ว่าเหอฮุยไปสมคบคิดกับนักกีฬาชาวญี่ปุ่นคนนั้นได้อย่างไร พวกเขาแอบวางแผนลอบทำร้ายสวีหล่างเพื่อไม่ให้เขาว่ายน้ำได้อีก สวีหล่างรู้ทันแผนชั่วร้ายของพวกเขาจึงทำให้เขาที่มีจิตใจคับแคบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพลั้งมือฆ่าพวกเขาสองคนไปในทันทีภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ

จากนั้นก็เริ่มต้นการหนีเอาชีวิตรอดของสวีหล่าง

“แล้วตอนนั้นทำไมแกถึงหนี? แกอธิบายได้นี่นา”

สวีหล่างมองเขาอย่างเย้ยหยัน “แกคิดว่าฉันอธิบายอะไรได้งั้นเหรอ? ถ้าต้องชดใช้ให้ประเทศญี่ปุ่นฉันคงไม่มีทางรอดแน่ ๆ ถ้าไม่หนีเอาตัวรอดแล้วจะให้รอตายหรือไง?”

“ฉะนั้นนี่ก็คือเหตุผลที่แกทำร้ายคนอื่นเหรอ? ผู้หญิงกับเด็กที่ถูกแกทำร้ายเกี่ยวอะไรด้วย!”

“หากฉันไม่ทำร้ายคนอื่น คนอื่นก็ต้องทำร้ายฉัน ฉันแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น อย่าพล่ามนักเลย ในเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของแกแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ ฆ่าฉันให้จบ ๆไปเลยเถอะ!”

สวีหล่างพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งที่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับความเป็นความตายแล้ว

……………

ตอนที่ 2423 จักรพรรดินีเสียเลือดไม่เสียน้ำตา

เหยียนหมิงซุ่นไม่กลับมาทั้งคืน เหมยเหมยรอถึงกลางดึกก็เผลอหลับไป แล้วถูกเล่อเล่อเตะจนตื่นในเวลามื้อเที่ยงของอีกวัน

เพราะเจ้าเด็กอ้วนหิวแล้วจะดื่มนม

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาอีกทีตอนหัวค่ำ เขาดูอ่อนล้ายิ่งกว่าเมื่อวาน แต่สีหน้ากลับดูตื่นเต้นอย่างมาก

“จับสวีหล่างได้แล้วเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ใช่…จับได้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ เดินมาหอมแก้วเหมยเหมยฟอดใหญ่แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เหมยเหมยเธอช่างเป็นดาวนำโชคของพี่จริง ๆ”

ที่แท้เหยียนหมิงซุ่นก็นึกขึ้นได้ตอนที่เหมยเหมยเอ่ยถึง เขาจึงรีบพาลูกน้องไปตามล่าในเขตน่านน้ำละแวกเมืองหลวง และเป็นไปตามคาดสวีหล่างว่ายถึงท่าเรือป๋อไห่แล้ว

หากไม่ได้เหมยเหมยเตือนสติไม่แน่เจ้าหมอนี่อาจหนีรอดไปอีกก็ได้!

เหมยเหมยได้ใจขึ้นมาทันทีพลางเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดแค่นเสียงว่า “ฉันฉลาดอยู่แล้ว!”

“ใช่ เธอฉลาดที่สุดในโลกเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดี พอเห็นหน้าตาแสนเย้ายวนของเหมยเหมยก็ใจกระตุกอย่างอดไม่ได้ ทาบริมฝีปากลง เพียงแต่—

‘เพี้ยะ’

ฝ่ามืออวบอ้วนฟาดใส่หน้าเหยียนหมิงซุ่นเสียงดังจนครึ่งใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเกิดรอยฝ่ามือสีแดงฉานในฉับพลัน เจ้าตัวนิ่งอึ้งไปทันที

นอกจากถูกเฮ่อเหลียนชิงตบคราวนั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถูกคนตบหน้า!

อาจหาญนัก!

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อในอ้อมแขนของเหมยเหมยเหยียดเท้าเล็กอย่างไม่พอใจ เธอกำลังดื่มนมอยู่ดี ๆ พอคุณพ่อกลับมาคุณแม่ก็ไม่สนใจเธอแล้ว กวนเวลาทานข้าวของเธอ…

ไม่ว่าจะคนหรือเรื่องใดที่กวนเวลามื้ออาหารของเล่อเล่อ ต่อให้เป็นเหยียนหมิงซุ่นเองเล่อเล่อก็ลงไม้ลงมืออย่างไม่ลังเลใจสักนิด!

เรื่องกินเรื่องใหญ่ คุณพ่อถอยไป!

เล่อเล่อเห็นเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ถอยไปก็ยิ่งไม่พอใจ มือถูกยกขึ้นสูงอีกครั้งเพื่อเตรียมฟาดเป็นครั้งที่สอง เหยียนหมิงซุ่นจะยอมให้เธอได้ใจได้อย่างไร สองนิ้วคีบฝ่ามืออวบของเจ้าตัวเล็กไว้อย่างง่ายดายพลางมองเธออย่างนึกขำ

“อุ๊บ!”

เหมยเหมยเห็นรอยฝ่ามือบนหน้าเหยียนหมิงซุ่นก็อดขำไม่ได้ พลางพูดเสียงตำหนิว่า “พี่เบามือหน่อย เดี๋ยวเล่อเล่อก็เจ็บหรอก!”

“เจ้าตัวเล็กนี่กล้ามาก ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นออกแรงเพียงนิดเดียว เล่อเล่อขมวดคิ้วแน่น เบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็ไม่ร้องเพราะเธอเลือกที่จะกลั้นไว้

เสวี่ยเอ๋อร์บอกว่าพวกเธอคือจักรพรรดินี ยอมเสียเลือดแต่จะไม่ยอมเสียน้ำตา!

มีแต่พวกอ่อนหัดเท่านั้นถึงจะร้องไห้ เธอไม่ใช่สักหน่อย!

“โอ๊ย…เล่อเล่อเพิ่งอายุเท่าไรเชียว พี่จะถือสาลูกทำไม…เหมือนเด็กน้อยขึ้นทุกวัน!”

เหมยเหมยปวดใจเลยยื่นมือห้ามเหยียนหมิงซุ่นไว้

เหยียนหมิงซุ่นจำต้องปล่อยมือพลางคิดว่าตัวเองดุไปหน่อยจริง ๆเลยพูดเสียงเบาว่า “พี่แค่อยากสร้างความน่าเกรงขาม เด็กต้องมีคนให้กลัวสักคน ไม่งั้นอนาคตต้องเหิมเกริมกว่านี้แน่!”

“เล่อเล่อเพิ่งตัวแค่นี้จะไปรู้เรื่องอะไรเล่า พี่จะสร้างความน่าเกรงขามก็ไว้ตอนโตสิ ตอนนี้ห้ามรังแกเล่อเล่อของฉัน!”

เหมยเหมยเหลือบมองมือของเล่อเล่อแวบหนึ่ง แค่มีรอยแดงเล็กน้อยเท่านั้นถึงค่อยโล่งใจลงบ้าง แต่ก็อดถลึงตาใส่ไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นได้แต่ลูบจมูกปอย ๆ

“สีอันน่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการสาหัสเกินไปอาจจะทิ้งอาการเจ็บปวดไปตลอดชีวิต!” เหยียนหมิงซุ่นเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องที่เหมยเหมยให้ความสนใจก่อน

เหมยเหมยถูกดึงความสนใจไปตามคาดเลยถอนหายใจทีหนึ่ง “รอดชีวิตได้ก็พอ เธอจะถูกตัดสินโทษไหม?”

“แน่นอน แต่ตอนตัดสินโทษต้องคำนึงถึงความดีความชอบของเธอด้วย น่าจะลดโทษได้”

การตามจับกุมสวีหล่างคราวนี้สีอันน่ามีส่วนช่วยไว้มาก ต้องได้รับการลดโทษอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

“งั้นก็ดี หวังว่าอนาคตเธอจะเป็นคนดีแล้วกัน!” เหมยเหมยปลาบปลื้มใจอย่างมากเลยถามอีกว่า “ผู้ร่วมก่อความผิดกับสวีหล่างถูกจับได้หมดแล้วเหรอ? ไต่สวนเรื่องที่ถังม่านลี่ถูกขายไปที่ไหนได้ไหม?”

…………………………..

ตอนที่ 2424 ต้องตัดสินโทษขั้นรุนแรงที่สุด

“มีอีกหลายคนยังจับไม่ได้ แต่ลูกน้องคนสำคัญของสวีหล่างจับได้แล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นพึงพอใจมากและยิ่งดีใจกับการพัฒนาของเหยียนหมิงต๋า

ครั้งนี้หากไม่ได้เหยียนหมิงต๋าที่มีไหวพริบดีคงตามจับทีมลูกน้องของสวีหล่างไม่ง่ายขนาดนี้ สีอันน่าเองก็คงไม่มีทางหนีมาพร้อมกับ DNA ของสวีหล่างได้ นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุด

“แล้วจะตามหาถังม่านลี่เจอไหม?” เหมยเหมยกังวลใจมาก

“ลูกน้องคนสำคัญของสวีหล่างสารภาพแล้วว่าเขาเป็นคนขายถังม่านลี่เอง นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงชาติเดียวกันมากมายถูกขายไปที่นั่น พี่ส่งคนไปที่ตะวันออกกลางแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเย็นยะเยือก จำนวนที่ลูกน้องคนสำคัญสารภาพออกมานั้นเป็นที่น่าสะเทือนใจเหลือเกิน

หญิงสาวเหล่านั้นส่วนมากถูกหลอกขาย หนำซ้ำสิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดคือหญิงสาวที่น่าสงสารเหล่านั้นอาจไม่สามารถกลับบ้านเกิดได้อีกตลอดชีวิตและต้องตายในต่างแดน

“ยิงเป้า…ไม่สิ…ต้องเอามีดกรีดพันครั้งหมื่นครั้ง ทำไมประเทศเราต้องยกเลิกการทรมานด้วยนะ สัตว์เดรัจฉานพวกนั้นสมควรถูกลงทัณฑ์อย่างทรมานแล้วต้องลงโทษยันโคตรเหง้าไปเลย พวกเขาหลอกขายลูกสาวคนอื่น งั้นก็เอาลูกสาวของพวกเขาขายไปที่ตะวันออกกลางเลยสิ…”

พอเหมยเหมยได้ฟังเหยียนหมิงซุ่นเล่าเหตุการณ์ทุกข์ทรมานที่หญิงสาวเหล่านั้นได้พบเจอแถบตะวันออกกลางอย่างที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจรับไหวก็โมโหจนเส้นเลือดแทบแตก

เมื่อก่อนตอนที่เธอยังไม่เป็นแม่คน หากได้ฟังเรื่องราวสุดอนาถแบบนี้คงไม่ได้มีความรู้สึกร่วมมากขนาดนี้

แต่ตอนนี้เธอมีเล่อเล่อ เพียงแค่คิดว่าพวกค้ามนุษย์อาจจะทำแบบนี้กับเล่อเล่อของเธอ หัวใจของเธอก็บีบแน่นและแทบไม่กล้าจินตนาการต่อไป

เธอนึกอยากฆ่าคนชั่วให้หมดไปจากโลกใบนี้ ให้แสงอาทิตย์สาดส่องทั่วหล้า สร้างสภาพแวดล้อมอันดีที่สะอาดและอบอุ่นแก่ลูกรักของเธอ

เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่เหมยเหมยที่ทำหน้าโกรธเกรี้ยวเบา ๆแล้วพูดปลอบใจว่า “วางใจเถอะ คนพวกนั้นไม่มีจุดจบที่ดีแน่ คงไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าการถูกทรมานหรอก แต่ว่า…การลงโทษแบบเหมารวมคงเป็นไปไม่ได้หรอก กฎหมายไม่อนุญาต!”

เขาเจอบันทึกเอกสารค้าอวัยวะมนุษย์และค้ามนุษย์ของพวกสวีหล่างที่ห้องใต้ดินลานไควฟง ต่อให้เขาเตรียมใจไว้บ้างแล้วแต่ก็ตกใจอีกเฮือกใหญ่อยู่ดี

สวีหล่างไม่เพียงแต่ค้าผู้หญิงแต่ยังค้าเด็กน้อยด้วย โดยเฉพาะเด็กที่อายุระหว่างเจ็ดแปดขวบถึงสิบสองสิบสามขวบ มีทั้งชายและหญิงแต่มีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือต้องหน้าตาดี

เพราะมีลูกค้าโรคจิตไม่น้อยที่ชื่นชอบเด็กที่ร่างกายยังไม่โตเต็มที่แบบนี้

พอเด็กพวกนี้ถูกส่งตัวไปที่นั้น คนที่รอดชีวิตได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเพราะส่วนมากตายเพราะทนความทรมานไม่ไหว

สิ่งที่สร้างความโกรธเคืองแก่เหยียนหมิงซุ่นมากที่สุดคือในบรรดาจำนวนคนที่ถูกขายออกไป จำนวนเด็กมีสัดส่วนมากที่สุด

มิน่าหลายปีมานี้สถิติที่ทางหน่วยงานตำรวจเคยรวบรวมเอาไว้พบว่าจำนวนเด็กที่หายตัวไปเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะตามบุกจับอาชญากรค้ามนุษย์มากแค่ไหนแต่จำนวนตัวเลขกลับมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงเลย ใครจะคิดว่าองค์กรค้ามนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดจะลอยตัวอยู่ตรงหน้าเขา

เหยียนหมิงซุ่นเดือดดาลแต่ยิ่งกว่านั้นคือโทษตัวเอง

เมื่อกี้เฮ่อเหลียนชิงเรียกตัวเขาไปด่ายกหนึ่ง เขาไม่กล้ายอกย้อนเลยสักประโยคเดียวเพราะเขาสมควรถูกด่า

“พี่ พี่ส่งพวกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นไปที่คุกนักโทษข่มขืนผู้หญิงแล้วก็นักโทษที่เป็นโจรหรือฆาตกรอะไรเทือกนั้น อย่าให้พวกเขาตายไวเกินไปละ!” เหมยเหมยคิดวิธีการทรมานดี ๆได้แล้ว

เธอเคยได้ยินเรื่องสกปรกในคุกมาบ้าง ได้ข่าวว่าเหล่านักโทษจะแบ่งชนชั้นเหมือนกัน คนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยมากที่สุดคือนักโทษที่เป็นฆาตกร และชนชั้นต่ำที่ถูกหยามเหยียดมากที่สุดคืออาชญากรค้ามนุษย์

ต่อให้เป็นฆาตกรที่โหดเหี้ยมมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำเรื่องต่ำช้าอย่างการค้าเด็กได้หรอก อดีตพวกโจรยังถือหลักคุณธรรมด้วยว่าจะปรานีเด็กและคนท้อง

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “พี่สั่งการไว้แล้ว เดือนนี้ไม่ปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสงบแน่”

เขากับเหมยเหมยใจตรงกันจริง ๆ พอจับพวกเศษเดนเหล่านี้ได้ นอกจากสวีหล่างแล้วคนอื่น ๆต่างก็ถูกจัดไปอยู่ตามห้องรับรองชั้นดี คนที่อยู่ร่วมห้องกับพวกเขามีแต่นักโทษที่มีรสนิยมสุดแปลกกันทั้งสิ้น

เดือนนี้พวกเขาอย่าคิดหวังจะได้ผงาดขึ้นมาเลย!

………………

ตอนที่ 2421 กลับเป็นอาชญากรระหว่างประเทศ

พอเหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านก็เป็นเช้าอีกวันแล้ว ดูท่าทางเหนื่อยล้าอย่างมาก ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย

“พี่ไม่ได้นอนมากี่วันแล้วเนี่ย? รีบไปอาบน้ำ ฉันจะไปต้มโจ๊กให้ พี่ทานแล้วจะได้ไปนอน” เหมยเหมยรู้สึกปวดใจเหลือเกิน

แม้เธออยากถามเรื่องสีอันน่าแต่ก็ฝืนใจไม่ถามออกไป

เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้วจริง ๆ พอได้ DNA ของสวีหล่างจากร่างกายสีอันน่ามาก็รีบทำการเทียบทันที และตรวจเจอสถานะของสวีหล่างจริง ๆ

สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือสวีหล่างกลับเป็นอาชญากรระหว่างประเทศที่ถูกหมายหัวอยู่ เขาหนีการจับกุมมาเกือบสิบปีแต่ก็ยังจับกุมไม่ได้ ไม่คิดว่าหลังจากเขาเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่แล้วจะรวมหัวกับหัตถ์พระเจ้า และบ้าบิ่นยิ่งกว่าเดิม

ถือโอกาสตอนเหยียนหมิงซุ่นอาบน้ำเหมยเหมยก็ใช้หม้อแรงดันต้มโจ๊กส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล แล้วยังทำเครื่องเคียงง่าย ๆอีกสองอย่างเป็นยำเส้นแคร์รอตกับยำเส้นเต้าหู้ห้ารสจัดวางในจานกระเบื้องเล็ก ๆที่ดูแล้วชวนให้เจริญอาหารเสียเหลือเกิน

“รีบทานเถอะ จะได้อุ่นท้องหน่อย”

เหมยเหมยจัดวางถ้วยโจ๊กกับจานใส่เครื่องเคียงเรียบร้อย

หลังแช่น้ำอุ่นไปเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก เพียงแต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าอดนอนไปกี่คืนแล้ว

“เล่อเล่อหลับไปแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นทานโจ๊กไปหนึ่งคำก็อุทานอย่างพึงพอใจ ยามเหนื่อยได้ซดโจ๊กร้อน ๆหนึ่งถ้วยมีความสุขยิ่งกว่าได้ทานซุปโสมเสียอีก

“เล่นกับเสวี่ยเอ๋อร์พักหนึ่งก็หลับไป ทำตัวเหมือนหมูน้อย แถมกรนด้วยอีกต่างหาก อนาคตตอนโตจะทำอย่างไรเนี่ย?”

เหมยเหมยค่อนข้างหนักใจพอสมควร ทานก็เยอะ แรงก็เยอะ ใจกล้าไม่เบา แล้วยังนอนกรนอีกต่างหาก…

ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเลี้ยงลูกชายเลยล่ะ?

“นอนกรนไม่เห็นเป็นไรเลย ขอแค่สุขภาพดีก็พอ อีกอย่างเมื่อก่อนเธอก็นอนกรนเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรสักหน่อย”

เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปแต่กลับถูกเหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง

เธอนอนกรนตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เหลวไหล!

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วแล้วก้มหน้าทานโจ๊กต่อ ผู้หญิงมักไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริง ครั้นเหมยเหมยยังท้องอยู่นอนกรนจนเสียงดังสะท้านฟ้า รบกวนเวลานอนจนเขาตื่นมากลางดึกหลายครั้งแล้ว

อีกอย่างเขาคิดว่าเหมยเหมยตอนกรนน่ารักดี ตอนนี้พอไม่กรนแล้วเขาก็แอบคิดถึงอยู่เหมือนกัน!

ทานโจ๊กไปสองถ้วยติดเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากเลยเอ่ยกับเหมยเหมยอย่างใจเย็นว่า “สีอันน่าถูกเหยียนหมิงต๋าพาตัวออกมาได้แล้ว ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่”

“เธอจะตายไหม?” เหมยเหมยถาม

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน นอกจากเธอจะกลืนยาพิษลงไป บนตัวยังมีรอยแผลไม่น้อยเหมือนกัน นั่นก็ขึ้นอยู่กับความกระเสือกกระสนอยากมีชีวิตรอดของเธอแล้วล่ะ”

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่งก็ถามอีก “ได้ DNA ของสวีหล่างมาแล้วเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีแล้วพยักหน้ารับ “ได้มาแล้ว และตรวจสอบสถานะของสวีหล่างเจอแล้วว่าชื่อเดิมของเขาคือสวีว่านฝู เป็นนักกีฬาประจำเมือง f แล้วยังเป็นนักกีฬาตัวเต็งด้วย แต่เมื่อสิบปีก่อนเคยเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเลยถูกไล่ออกจากทีม ตอนนี้เป็นอาชญากรที่หนีหมายจับอยู่”

เหมยเหมยเอ่ยด้วยความทึ่ง “ที่แท้เมื่อก่อนเขาเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำจริง ๆด้วย พี่เก่งจัง!”

“เขาไม่คู่ควรกับการเป็นนักกีฬาเลยสักนิด!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็น

ภายหลังตรวจสอบคดีที่สวีหล่างเคยก่อไว้ในอดีต เหยียนหมิงซุ่นก็คิดเพียงว่าคนคนนี้คือคนร้ายกาจที่มีแค้นฝังใจ จิตใจคับแคบ การก้าวสู่เส้นทางชีวิตอย่างวันนี้ได้แม้จะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายแต่ก็พอจะเดาได้

เหมยเหมยแปลกใจกับวีรกรรมที่สวีหล่างเคยก่อไว้เมื่อสิบปีที่แล้วอย่างมาก การได้เป็นนักกีฬาตัวเต็งมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เข้าทีมชาติ สำหรับนักกีฬาคนหนึ่งแล้วการได้เข้าทีมชาติก็เท่ากับได้ร่วมการแข่งขันระดับโลก ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตมีชื่อเสียงเกียรติยศ…

ทำไมสวีหล่างทิ้งอนาคตที่ดีแล้วเลือกจะไปเป็นอาชญากรได้ล่ะ?

……………………….

ตอนที่ 2422 เลือกเส้นทางผิดๆ

เหยียนหมิงซุ่นทานโจ๊กหม้อใหญ่และเครื่องเคียงทั้งสองจานจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็เรออีกทีอย่างอิ่มเอมใจ พอเห็นท่าทางชั่งใจของเหมยเหมยก็พูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “เมื่อสิบปีก่อนสวีหล่างไปเข้าร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่ออสเตรเลีย  ตอนนั้นเมือง f ทุ่มเงินก้อนใหญ่กะจะเอาอันดับดี ๆจากการแข่งระดับประเทศให้ได้ สวีหล่างกับเพื่อนร่วมทีมอีกคนชื่อเหอฮุย เป็นนักกีฬาตัวเต็งสามอันดับแรกที่ทีมประจำเมือง f ทุ่มเงินให้”

“อีกอย่างทีมเมือง f ก็ได้ประกาศแล้วว่าถ้าใครสามารถเข้าสามอันดับแรกของการแข่งขันระดับประเทศได้ก็เข้าทีมชาติได้”

เหมยเหมยเอ่ย “คงไม่ใช่ว่าสวีหล่างฆ่าเพื่อนร่วมทีมเหอฮุยเพราะอยากเข้าทีมชาติหรอกนะ?”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ประมาณนั้นแหละ แต่สวีหล่างไม่ได้ฆ่าแค่คนเดียว เขายังฆ่านักกีฬาจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเข้าร่วมการฝึกซ้อมที่ออสเตรเลียในตอนนั้นด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นเรื่องนี้ส่งผลกระทบรุนแรงมาก”

“งั้นทำไมสวีหล่างถึงไม่โดนจับล่ะ?”

“มันเจ้าเล่ห์มาก หลังฆ่าคนเสร็จก็หนีไป ตำรวจระหว่างประเทศตามหาเขาอยู่เกือบสิบปีก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร”

เหมยเหมยส่ายศีรษะกล่าว “สวีหล่างนี่สมองมีปัญหาจริง ๆ จะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน? ต่อให้ไม่ได้เข้าทีมชาติก็ยังมีทางเลือกอื่น ทำไมต้องเลือกเส้นทางผิด ๆแบบนี้ล่ะ?”

เธอคิดไม่ตกจริง ๆ แม้สวีหล่างจะหนีสำเร็จแต่เวรกรรมมีจริง สักวันก็ต้องได้รับผลกรรม ตอนนี้ก็ถูกจับแล้วไม่ใช่หรือ?

อีกอย่างเธอคิดว่าสวีหล่างหลบ ๆซ่อน ๆมานับสิบปี ภายในใจยังสงบนิ่งได้จริง ๆหรือ?

ไม่อย่างนั้นสวีหล่างจะใช้ชีวิตเหมือนผีแล้วไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้อย่างไรกัน?

ทำผิดแล้วเกิดใจฝ่อขึ้นมาสินะ!

“สวีหล่างฆ่าเหอฮุยก็ยังพอว่า ทำไมยังต้องฆ่าคนบริสุทธิ์คนอื่น ๆอีกล่ะ?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ ขายหน้าไปถึงต่างประเทศเลย ถึงขนาดฆ่าชาวต่างชาติในต่างประเทศ ในหัวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?

“น่าจะเพราะนักกีฬาชาวญี่ปุ่นคนนี้เห็นสวีหล่างตอนก่อเหตุละมั้ง เขาถึงได้ฆ่าปิดปากโดยไม่ยั้งคิด!”

เหยียนหมิงซุ่นแค่คาดเดาไปเท่านั้น ตอนนี้สวีหล่างยังไม่ถูกจับกุมตัว รายละเอียดยิบย่อยเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ความจริงเขาคิดว่าคดีเก่าเมื่อสิบปีก่อนมีจุดน่าสงสัยหลายจุด เพียงแต่ตอนนั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านลบไปมากกว่านี้เลยรีบปิดคดีโดยเร็ว สวีหล่างจึงกลายเป็นอาชญากรระหว่างประเทศไปด้วยเหตุนี้

หลังจากสีอันน่าถูกสวีหล่างเปิดโปงเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจนตอนนี้ก็ยังตามตัวไม่พบ

เหยียนหมิงซุ่นตามหาครูฝึกของสวีหล่างในตอนนั้นซึ่งเป็นครูฝึกที่พาพวกเขาไปประเทศออสเตรเลียเช่นกัน จึงรู้ว่า…ความจริงครูฝึกมั่นใจในตัวสวีหล่างมากกว่า

ไม่ว่าจะด้านสมรรถภาพทางร่างกายหรือด้านความเป็นมืออาชีพ…ล้วนแต่ด้อยกว่าสวีหล่างไปเล็กน้อย

ฉะนั้นหากตอนนั้นไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น สวีหล่างมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เข้าทีมชาติ เขาไม่จำเป็นต้องจัดการเหอฮุยแล้วเลือกเส้นทางผิด ๆแบบนี้เลย!

กระทั่งตอนนี้ครูฝึกอาวุโสที่น่าเคารพท่านนั้นก็ยังไม่เข้าใจ เขายังฝากเหยียนหมิงซุ่นถามสวีหล่างว่าทำไมต้องรนหาที่ตายแล้วทำร้ายคนอื่นและตัวเองแบบนี้?

“เขาจะหนีไปต่างประเทศแล้วหรือเปล่า?” เหมยเหมยกังวลใจ

โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้หากสวีหล่างคิดจะซ่อนตัวจริง ๆ เกรงว่าตามหาทั้งชาติก็คงหาไม่เจอ

อีกอย่างเขาซ่อนตัวมาได้สิบปี หากคิดจะซ่อนตัวไปตลอดชีวิตก็คงเป็นไปได้!

“น่าจะยังอยู่ในประเทศ พี่ส่งคนไปตามดักที่ท่าเรือละแวกเมืองหลวงหมดแล้ว นอกจากสวีหล่างจะบินได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางหนีไปจากเมืองหลวงได้หรอก” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจอย่างมาก

“เขาบินไม่ได้แต่เขาว่ายน้ำได้นี่นา มีความเป็นไปได้ที่จะว่ายข้ามฝั่งไปเอง!” เหมยเหมยโพล่งออกมา

เหยียนหมิงซุ่นชะงัก ตาจ้องเหมยเหมยอยู่หลายวินาทีก็ลุกพรวดแล้วเดินออกไปข้างนอก

“พี่ไม่นอนแล้วเหรอ?” เหมยเหมยรีบตะโกนถามไป

“เธอหลับก่อนเลย คืนนี้คงไม่กลับมาแล้ว…”

เสียงรถยนต์ดังขึ้นตรงบริเวณลานบ้าน เหยียนหมิงซุ่นออกไปแล้ว

เหมยเหมยยักไหล่อย่างฉงนใจ เป็นประสาทอะไรขึ้นมา แปลกจริง ๆแฮะ!

……………………..

ตอนที่ 2419 ชดเชยความผิดด้วยความดี

 

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ตกใจยกใหญ่ เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าโม่เฉียวหลิงจะทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมถึงเพียงนี้ แม้แต่เด็กทารกก็ยังคิดลักพาตัว คนเลวแบบนี้ต้องไม่ตายดีแน่ ๆ!

 

ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ก่อนย่อมต้องไม่เห็นด้วยกับความคิดไร้สาระของพี่สะใภ้อย่างแน่นอน และคงไม่พามาที่บ้านเพื่อหาเรื่องให้เหมยเหมยต้องโกรธหรอก!

 

“เหมยเหมยอย่าเพิ่งโกรธนะ ป้าจะพาพี่สะใภ้ไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าโกรธนะ…”

 

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่พยายามดึงมือแม่ของหวงจื้อกวงที่ยังไม่ยอมลุกสุดแรง แต่ยังดีที่เธอมีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่นานก็พาพี่สะใภ้เธอออกไปได้

 

เหมยเหมยโกรธจัดจนซัดน้ำอุ่นไปสองแก้วแต่ก็ยากที่จะทุเลาความโกรธได้

 

ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่โง่เง่าเหมือนแม่ของหวงจื้อกวงมาก่อน คนบ้าอะไรกัน!

 

“แอ๊ะ…แอ๊ะ”

 

เล่อเล่อเหมือนรู้ว่าเหมยเหมยอารมณ์ไม่ดี เธอจึงฉีกยิ้มยื่นมืออวบอ้วนลูบใบหน้าเพื่อปลอบประโลมเหมยเหมย

 

ความโกรธของเหมยเหมยมลายหายไปในทันใด ขบมือป้อมของเล่อเล่อเบา ๆ “ลูกรัก แม่จะไม่ยอมปล่อยคนชั่วที่ทำร้ายลูกไปเด็ดขาด!”

 

เล่อเล่อตบมืออย่างไม่คิดใส่ใจแล้วดื่มนมต่อ บนโลกใบนี้นอกจากพ่อของเธอแล้ว เธอก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น

 

แต่สาวน้อยตัวอ้วนกลับไม่รู้ว่ามีคนที่สามารถคุมเธอได้ดียิ่งกว่าเหยียนหมิงซุ่นเสียอีก!

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กลับมาทานมื้อกลางวันด้วย เขากำลังยุ่งอยู่กับการสืบหาประวัติของสวีหล่างกับลูกน้องอยู่ ช่วงหัวค่ำถึงจะกลับมา หลังจากเหมยเหมยทานมื้อกลางวันเสร็จเธอรู้สึกอัดอั้น ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจจึงโทรศัพท์หาโม่ซิวหย่วน

 

เธอเล่าความคิดเพ้อเจ้อของแม่หวงจื้อกวงให้ฟัง “พี่ วันนี้ฉันเสียมารยาทไปหน่อย เดี๋ยวพี่ช่วยอธิบายกับป้าแทนฉันหน่อยนะว่าฉันไม่ได้จะหาเรื่องเธอ แต่ฉันไม่ชอบพี่สะใภ้ของป้าต่างหาก”

 

โม่ซิวหย่วนเองก็โกรธไม่น้อยเช่นกัน เขานึกโชคดีที่ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ไม่ใช่แม่แท้ ๆของเขา หากมีญาติร้ายกาจเหมือนแม่ของหวงจื้อกวงเขาคงเครียดตาย!

 

พอตกเย็นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็บอกว่าลุงใหญ่โม่พาป้าสะใภ้ใหญ่โม่กลับบ้านเกิดไปแล้ว ส่วนแม่ของหวงจื้อกวงก็ถูกลุงใหญ่โม่ด่าไปชุดใหญ่ ยังดีที่สมองของหวงจื้อกวงยังคิดเป็นจึงตำหนิแม่ของเขาเหมือนลุงใหญ่โม่

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นแม่แท้ ๆทำร้ายลูกตัวเอง โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่นัก เรื่องแปลกประหลาดมีได้ทั้งนั้น!” เหมยเหมยยิ้มเยาะ

 

“วันหลังพวกเขาไม่มาที่นี่แล้วล่ะ!”

 

วันนี้เหยียนหมิงซุ่นเล่าเรื่องที่โม่เฉียวหลิวทำร้ายเล่อเล่อให้ลุงใหญ่โม่ฟัง ลุงใหญ่โม่โกรธมากบอกว่าจะไปขอให้ทางตระกูลขับไล่โม่เฉียวหลิงออกไป!

 

โธ่เอ๊ย แม้แต่เด็กทารกตัวเล็ก ๆยังทำได้ลงคอ แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นคนในตระกูลโม่!

 

แม้ว่ากฎของตระกูลจะไม่ได้ร้ายแรงเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ส่งผลกระทบไม่น้อย โม่เฉียวหลิงติดคุกแล้วยังถูกขับไล่ออกจากตระกูลอีก เรื่องเสื่อมเสียก็ดังกระฉ่อนไปไกล ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีวันได้ดีแน่นอน!

 

เหมยเหมยค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย การที่โม่เฉียวหลิงมีชีวิตย่ำแย่เธอชอบที่สุดแล้ว!

 

แต่ทางฝั่งของเหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยจะราบรื่นนัก พวกเขาใช้ภาพเหมือนของสวีหล่างสืบหาข้อมูลจากบรรดานักกีฬาว่ายน้ำมากมายที่ออกจากวงการไปแล้วแต่ก็ยังหาไม่เจอ

 

เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะสงสัยในการตัดสินของตัวเอง หรือว่าสวีหล่างไม่ใช่นักกีฬาว่ายน้ำอย่างนั้นเหรอ?

 

“หรือว่าไปทำศัลยกรรมมา?” เหมยเหมยคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง

 

ภาพยนตร์อาชญากรรมมากมายในชาติที่แล้วบอกว่าอาชญากรสามารถหลบหนีได้จากการเปลี่ยนใบหน้า บางทีสวีหล่างอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้!

 

ตอนนี้ธุรกิจศัลยกรรมความงามก้าวไกลไปมาก ฉะนั้นการเปลี่ยนใบหน้าโดยไม่ทิ้งเค้าเดิมไว้ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดเดียว!

 

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น หากเปลี่ยนใบหน้าแล้วจริง ๆ ถ้าคิดจะหาให้เจอคงเป็นเรื่องยากสุด ๆ!

 

“ใช้การตรวจ DNA ได้ไหม?” เหมยเหมยแนะนำ

 

เหยียนหมิงซุ่นตาเป็นประกายเพราะนี่ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ถ้าสวีหล่างเป็นนักกีฬาจริง ๆ DNA ของเขาจะถูกเก็บเอาไว้ แต่ปัญหาอยู่ที่จะต้องมีเลือดหรือผมของสวีหล่างน่ะสิ

 

สีอันน่าเป็นฝ่ายเสนอตัวรับภารกิจนี้เอง “ถ้าฉันได้ DNA เขามาถือว่าชดเชยสิ่งที่ทำผิดไปได้ใช่ไหม?”

 

……………………………………….

 

ตอนที่ 2420 ได้ DNA แล้ว

 

สีอันน่ามองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความหวัง เธอไม่อยากตาย ช่วงหลายมาวันนี้เธอคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ครึ่งค่อนปีที่ผ่านมาเหมือนอยู่ในฝันร้าย อยู่ในวังวนแห่งความไม่รู้ แต่ตอนนี้…

 

ตื่นจากฝันแล้ว!

 

เธอก็เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเหมือนกัน!

 

เธอหวังว่าจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่!

 

“เธอไม่ได้กลัวสวีหล่างหรอกเหรอ?”เหมยเหมยถามขึ้น

 

“ฉันอยากจะชดเชยในสิ่งที่ฉันทำผิดไป อยากใช้ชีวิตแบบผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ไม่อยากโดนยิงตาย…” น้ำตาแห่งความเสียใจของสีอันน่าไหลรินลงมา ใช่ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ด้วยความผิดที่เธอทำเกรงว่ายากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้!

 

“เธอจะต้องคิดให้ดีนะ สวีหล่างอาจจะรู้ว่าเธอเปลี่ยนข้างมาช่วยพวกเราแล้วก็ได้ ถ้าเธอเอาตัวเข้าไปอีกอาจจะเสี่ยงถึงชีวิตเลยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวเตือน

 

สีอันน่าหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา เกิดลังเลขึ้นมา…

 

เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของสวีหล่างที่ปฏิบัติต่อคนทรยศ สีอันน่าก็เริ่มไม่กล้า แต่ผ่านไปสักพัก…เธอก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่อีกครั้ง บางทีสวีหล่างอาจจะยังไม่รู้ว่าเธอหักหลังเขาก็ได้ ลองเดิมพันดูสักตั้งแล้วกัน!

 

ถ้าชนะเดิมพัน เธอก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้!

 

ถ้าหากแพ้…

 

สีอันน่าไม่กล้าคิดต่อ เธอคิดว่าดวงของเธอไม่น่าเลวร้ายขนาดนั้น

 

“คุณช่วยส่งคนมาคุ้มกันฉันหน่อยได้ไหม?” สีอันน่าร้องขอคนคุ้มกัน

 

“สวีหล่างเจ้าเล่ห์มากนะ ถ้ามีคนติดตามเธอ เธอจะตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเยือกเย็น

 

สีอันน่าตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วของเธอเย็นเฉียบ พยายามให้กำลังใจตัวเองว่าเธอคงไม่ซวยขนาดนั้น เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปได้…

 

“คุณให้ยาพิษฉันหน่อยได้ไหม…แบบที่สามารถซ่อนไว้ในฟันได้ ถ้าหากว่า…ฉันก็ยังตายครบ 32…” สีอันน่าพูดอย่างเศร้าใจ

 

ถ้าเกิดสวีหล่างจับได้ เธอยอมฆ่าตัวตายเองดีกว่า อย่างน้อยก็ตายอย่างมีความสุขไม่ต้องทุกข์ทรมาน!

 

เหมยเหมยทอดถอนใจ ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวต่อ ๆไปก็ต้องผิดตามไปด้วย!

 

แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้เห็นใจสีอันน่าเลยสักนิด ความลำบากในตอนนี้เป็นสิ่งที่เธอก่อขึ้นมาเองทั้งนั้น แล้วยังมีถังม่านลี่ที่น่าสงสารกว่าอีก ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแล้วบ้าง!

 

เหยียนหมิงซุ่นตอบรับความต้องการของสีอันน่า เขาช่วยเตรียมยาพิษไว้ให้เธอจริง ๆ เพียงแค่กัดโดนเบา ๆพิษก็ซึมเข้าสู่ร่างกายถึงตายทันที แล้วจากนั้นค่อยให้ลูกน้องไปส่งเธอที่ลานไควฟงอย่างลับ ๆ

 

โชคดีที่ปกติสีอันน่าไม่ค่อยไปลานไควฟงและชอบแวบไปนู้นไปนี้บ่อย ๆ หวังว่าสวีหล่างจะไม่สงสัยในจุดนี้!

 

สามวันผ่านไปเหมยเหมยนั่งไม่อยู่สุข ก่อนที่สีอันน่าจะไปเธอบอกว่าตามนิสัยสวีหล่างจะต้องมาหาเธอภายในสองสามวันนี้ ถ้าเธอทำสำเร็จแล้วเธอจะส่งสัญญาณมาบอก แต่ถ้าไม่มีสัญญาณอะไรก็ช่วยเก็บศพเธอด้วยแล้วกัน!

 

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็หวังว่าสีอันน่าจะมีชีวิตต่อไป!

 

ต่อให้ต้องตายก็ขอให้เป็นกฎหมายที่ลงโทษเธอ!

 

เพราะไม่อยากให้เธอมาตายด้วยน้ำมือของสวีหล่างคนเลวแบบนี้เลย!

 

ผ่านไปอีกสองวันเหมยเหมยร้อนใจสุดขีด ช่วงสองสามวันนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งมาก เขาออกไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ฟ้ามืดแล้ว เธออยากจะถามอะไรสักหน่อยก็ไม่เคยเจอตัว แล้วก็ไม่รู้ว่าฝั่งสีอันน่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังมีถังม่านลี่อีก ตะวันออกกลางใหญ่ขนาดนั้น ฉะนั้นต้องจับตัวสวีหล่างให้ได้ถึงจะรู้ว่าถังม่านลี่ถูกขายไปที่ไหน!

 

แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ได้ส่งคนไปคุ้มครองสีอันน่าแต่เขาส่งลูกน้องไปซ่อนตัวที่ลานไควฟง หากมีความเคลื่อนไหวอะไรเขาก็จะสามารถรู้ได้ทันที ไม่แน่ว่าอาจจะจับตัวสวีหล่างได้ก็ได้

 

เพราะสีอันน่าบอกว่าทุกครั้งที่สวีหล่างมาหาเธอมักจะเจอกันที่ห้องลับในลานไควฟง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยไปที่อื่นเลย

 

ผ่านไปอีกหนึ่งคืนแสงรุ่งอรุณทอประกายอีกครั้ง ดูท่าวันนี้ก็คงไม่น่ามีอะไรอีกเช่นเคย เหยียนหมิงซุ่นทอดถอนใจอย่างหมดหวัง

 

“ลูกพี่ มีความคืบหน้าแล้ว!” ลูกน้องรายงาน

 

ทันใดนั้นเหยียนหมิงต๋าก็อุ้มผู้หญิงที่มีเลือดชุ่มเต็มตัวพุ่งเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดังว่า “บนตัวของเธอมี DNA ของสวีหล่างอยู่ด้วย!”

 

………………………….

ตอนที่ 2417 ความคิดประหลาด

บรรยากาศตกอยู่ในความสงบจนได้ยินเพียงเสียงจิบชาของป้าสะใภ้ใหญ่โม่ แม่ของหวงจื้อกวงคอยขยิบตาให้คุณป้าตลอด แต่ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ทำเป็นมองไม่เห็นก้มหน้าดื่มชาอย่างเดียวจนเกือบเห็นก้นแก้วแล้ว

ป้าฟางเติมชาให้เพิ่มด้วยสายตาครุ่นคิด

สองคนนี้มาถึงที่นี่เพื่อดื่มชาอย่างนั้นเหรอ?

“ป้าฟาง มื้อกลางวันนี้ทำกับข้าวเยอะหน่อยนะคะ!” เหมยเหมยสั่งป้าฟางด้วยความเอือมระอา

ตอนนี้จะสิบโมงแล้ว ดูจากการนั่งของพวกเธอเกรงว่าคงนั่งไปถึงมื้อกลางวันแน่!

“ไม่ต้อง ๆ พวกเราไม่ทานข้าวด้วยหรอก…เดี๋ยวนั่งสักพักก็ไปแล้ว…” ป้าสะใภ้ใหญ่โม่รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

เธอไม่อยากอยู่ทานข้าวเลยสักนิด แค่ดื่มน้ำยังอึดอัดจะแย่แล้ว ถ้าอยู่ทานข้าวจะทานอย่างมีความสุขได้อย่างไรกัน?

เธอยอมออกไปทานบะหมี่ข้างนอกสักชามยังจะดีกว่า!

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ส่งสายตาให้พี่สะใภ้เป็นระยะ ๆเพื่อเร่งให้เธอรีบพูดสักที!

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ตกลงนี่กำลังทำอะไรกันอยู่ เธอจึงถามออกไปตรง ๆว่า “น้าถ้ามีธุระอะไรก็พูดออกมาเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าช่วยอะไรได้ฉันจะพยายามช่วยแน่ ๆ แต่ถ้าช่วยไม่ได้ ป้าก็อย่าตำหนิฉันเลยนะคะ”

เธอไม่กล้ารับปากเพราะเธอเคยเจอความเลอะเลือนของป้าสะใภ้ใหญ่โม่เป็นบทเรียนมาก่อน เธอกลัวว่าถ้าป้าสะใภ้ใหญ่โม่เอ่ยขอเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลขึ้นมา แถมยังมีแม่ของหวงจื้อกวงที่ไร้เหตุผลด้วยเหมือนกันอีก เหมยเหมยจึงจำเป็นต้องเกริ่นไว้ก่อน

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ยิ้มแห้ง “ไม่เลย ไม่เลย…จะโทษกันได้อย่างไรเล่า คืออย่างนี้นะ…พี่สะใภ้ของป้ามีเรื่องอยากจะพูดกับเธอหน่อยน่ะ”

เธอพูดไปก็สะกิดเท้าของแม่ของหวงจื้อกวงไปเร่งให้เธอรีบพูด

แม่ของหวงจื้อกวงไม่พอใจป้าสะใภ้ใหญ่โม่มาก ความจริงแล้วเธอหวังว่าป้าสะใภ้ใหญ่โม่จะเป็นคนพูด เพราะอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นญาติของเหมยเหมย แล้วยังเป็นผู้อาวุโสด้วย เหมยเหมยน่าจะไม่กล้าปฏิเสธ แต่ป้าสะใภ้ใหญ่โม่แสดงออกว่าไม่ยอมที่จะพูดเธอก็คงไปบังคับไม่ได้

“คืออย่างนี้นะ…ฉันแค่อยากจะขอบคุณการดูแลของพวกเธอที่มีต่อจื้อกวง ฉันได้ยินมาว่าหมิงซุ่นได้ลูกสาว ถึงอย่างไรฉันก็เป็นผู้ใหญ่ อั่งเปาซองนี้ให้เล่อเล่อนะ”

แม่ของหวงจื้อกวงควักซองแดงที่เตรียมไว้พร้อมแล้วออกจากกระเป๋า ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยัดซองใส่มือของเล่อเล่อ

“อื้อ ๆ…”

เล่อเล่อกำอั่งเปาไว้แล้วประเมินด้วยความอยากรู้ จากนั้นก็จับยัดเข้าปากโดยไม่ต้องคิด เหมยเหมยรีบดึงอั่งเปาออกแล้วตำหนิเสียงเบาว่า “อันนี้กินไม่ได้เพราะจะทำให้ปวดท้อง ลูกกินอันนี้นะ!”

ป้าฟางยื่นขวดนมให้เล่อเล่อ เจ้าตัวน้อยดื่มนมอึก ๆแต่สายตายังจับจ้องไปที่อั่งเปา เหมยเหมยจึงต้องเอาอั่งเปาให้เธอเล่น ยังดีที่เล่อเล่อมีนมดื่มก็เพียงพอแล้วจึงไม่คิดจะกินอั่งเปาอีก

“ขอบคุณคุณป้านะคะ” เหมยเหมยแสดงความขอบคุณแม่ของหวงจื้อกวง เธอวางแผนว่าอีกสองวันจะซื้อของบำรุงไปเยี่ยมหวงจื้อกวงที่โรงพยาบาลสักหน่อยถือว่าคืนเงินในอั่งเปาไป

“เฮ้อ…”

จู่ ๆแม่ของหวงจื้อกวงก็ถอนหายใจ ขอบตาแดงก่ำ เหมยเหมยใจตุ๊ม ๆต่อม ๆรู้เลยว่าละครฉากใหญ่กำลังมาแล้วพลันหนังศีรษะก็ชาวาบ

“ตอนนี้จื้อกวงของพวกเรามีชีวิตเหมือนคนใกล้ตาย วันหน้าหาภรรยาคงไม่ง่าย ในใจป้ารู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมีดมากรีดแทงใจ…”

“คนที่ทำร้ายหวงจื้อกวงถูกจับแล้วค่ะ…” เหมยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่รู้จริง ๆว่าควรปลอบใจอย่างไรดี พอเผชิญสถานการณ์แบบนี้เธอไปไม่เป็นจริง ๆจึงทำได้แค่กล่าวปลอบใจไปเท่านั้น

“จับได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ไตของจื้อกวงก็ไม่มีแล้ว ผู้หญิงดี ๆต้องไม่อยากแต่งงานกับจื้อกวงของเราแน่ ๆ”

เหมยเหมยเงียบกริบเพราะคร้านจะต่อความ

แม่ของหวงจื้อกวงเช็ดน้ำตา แล้วอยู่ดี ๆก็ถามขึ้นว่า “โม่เฉียวหลิงจะได้รับโทษอย่างไรบ้างเหรอ?”

“ไม่แน่ใจค่ะ อันนี้ต้องรอศาลตัดสินถึงจะรู้” เหมยเหมยอธิบาย เธอแปลกใจกับน้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้เพราะตามหลักแล้วควรจะเกลียดจนเข้ากระดูกดำไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมสัมผัสไม่ได้เลยนะ?

“คือว่าป้าคิดแบบนี้นะ…โม่เฉียวหลิงยังเด็กไม่รู้ความเลยถูกคนอื่นหลอกเอา อีกอย่างก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยให้โอกาสเธอแก้ตัวสักครั้งได้ไหม? ปล่อยเธอไปเถอะ สาวอายุน้อยต้องมาติดคุก ชั่วชีวิตนี้คงถูกทำลายจนย่อยยับเลยนะ…”

……………………………………….

ตอนที่ 2418 คนที่ไม่ใช่ญาติไม่ต้องเอาเข้าบ้าน

แม่ของหวงจื้อกวงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งมา เธอไม่ได้สังเกตเหมยเหมยที่พยายามระงับความโกรธไว้เลย รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆจางหายไป

“ดูเหมือนว่าคุณป้าจะเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาจริง ๆเลยนะคะ โม่เฉียวหลิงทำร้ายลูกชายจนเกือบตาย คุณป้ายังช่วยพูดแก้ตัวแทนเธออีกเหรอคะ?” เหมยเหมยมองไปที่เธออย่างเย้ยหยัน

รูปตาสามเหลี่ยมหางคิ้วตก โหนกแก้มสูง ดูเช่นไรก็เป็นคนที่ไม่น่าคบหาด้วย แล้วจะมีจิตใจที่เมตตาดั่งพระม่กวนอิมได้อย่างไร?

เธอมาวิงวอนร้องขอชีวิตเพื่อโม่เฉียวหลิงด้วยจิตใจแบบไหนกัน?

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงขยิบตาส่งให้พี่สะใภ้ แต่ทว่าแม่ของหวงจื้อกวงเล่าเพลินจนเบรกไม่อยู่แล้ว “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ คนที่ทำร้ายจื้อกวงคือพวกขโมยสารเลวนั่น โม่เฉียวหลิงแค่โดนหลอกเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายจื้อกวงหรอก…”

“ถ้าอย่างนั้นความหมายของคุณป้าก็คือปล่อยเธอไปงั้นเหรอคะ?” เหมยเหมยถามหยั่งเชิง

“ใช่สิ ผู้หญิงดี ๆจะเอาเข้าไปติดคุกติดตารางน่าสงสารจะตายไป ทุกคนต่างก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงอย่างไรก็เห็นหน้ากันบ่อย ๆ ให้โอกาสเธอปรับปรุงตัวใหม่อีกสักครั้งนะ วันหลังโม่เฉียวหลิงจะต้องเป็นคนดีแน่นอน!

สายตาของเหมยเหมยฉายแววเย็นชา คนดีอย่างนั้นเหรอ?

เหอะ!

โม่เฉียวหลิงเลวจนฝังเข้ากระดูกดำแล้ว เล่อเล่อของเธอเป็นแค่เด็กทารก เธอยังกล้าทำร้ายเล่อเล่อโดยเอาไปเป็นทาสขายเลือดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน!

แค่คิดถึงจุดนี้เธอก็ปล่อยโม่เฉียวหลิงให้รอดไปไม่ได้แล้ว!

แต่ทว่าเธอกลับสงสัย เหตุใดแม่ของหวงจื้อกวงถึงมาวิงวอนขอชีวิตแทนโม่เฉียวหลิงกันนะ?

โม่เฉียวหลิงถูกกักตัวอยู่ในสถานกักกัน  ตามหลักแล้วไม่มีโอกาสที่จะเจอหน้าแม่ของหวงจื้อกวงได้นี่นา!

เหมยเหมยไม่มีความอดทนมานั่งเดา เธอคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับแม่ของหวงจื้อกวงจึงถามป้าสะใภ้ใหญ่โม่ตรง ๆว่า “คุณป้าคะ คุณป้ารับผลประโยชน์อะไรจากพวกโม่เฉียวหลิงมาใช่ไหมคะ?”

“เปล่าเลย…ป้าไม่ได้รับอะไรมาทั้งนั้น!” ป้าสะใภ้ใหญ่โม่เอ่ยคำสาบานดูแล้วไม่เหมือนคนโกหก

“ถ้าอย่างนั้นเพื่ออะไรคะ คงจะไม่มาขอร้องอ้อนวอนโดยไม่มีเหตุผลใช่ไหมคะ?” สีหน้าของเหมยเหมยเปลี่ยนเป็นเย็นชาและไม่เกรงใจอีกต่อไป

พอป้าสะใภ้ใหญ่โม่ตื่นตะหนกจึงหลุดพูดความจริงออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “เป็น…เป็นพี่สะใภ้ป้าต่างหาหที่ตกลงกับแม่ของโม่เฉียวหลิงไว้ดีแล้วว่าจะให้โม่เฉียวหลิงแต่งงานกับจื้อกวง…”

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆเพราะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน คิดจะให้โม่เฉียวหลิงแต่งงานกับหวงจื้อกวงเนี่ยนะ?

นี่กังวลว่าลูกชายตัวเองจะอายุยืนเกินไปหรืออย่างไรกัน?

“หวงจื้อกวงเห็นด้วยแล้วเหรอคะ?” เหมยเหมยอยากถามให้แน่ใจก่อน หากหวงจื้อกวงเห็นด้วยกับความคิดที่ไร้สาระแบบนี้ ถ้าเช่นนั้นเธอก็คงต้องให้โม่ซิวหย่วนไล่คนโง่เง่าคนนี้ออกไปเสีย

บริษัทไม่ต้องการคนโง่เง่าที่ไม่รู้จักอะไรควรมิควรเช่นนี้!

“เปล่าหรอก…จื้อกวงยังไม่รู้เรื่อง” ป้าสะใภ้ใหญ่โม่รีบส่ายศีรษะปฏิเสธ เธอคิดว่าหลานชายต้องไม่เห็นด้วยแน่ ๆ แต่พี่สะใภ้ของเธอบอกว่าความรู้สึกค่อย ๆก่อขึ้นมาได้ ฉะนั้นเอาโม่เฉียวหลิงออกมาก่อนแล้วค่อยให้โม่เฉียวหลิงไปดูแลหลานชาย แบบนี้ต้องสำเร็จแน่ ๆ

เหมยเหมยหัวเราะเสียงเย็นชา ประหลาดจริง ๆ!

หวงจื้อกวงมีแม่แบบนี้แล้วอยู่รอดมาได้นับว่าเป็นโชคใหญ่เลยทีเดียว!

“โม่เฉียวหลิงจะต้องติดคุกไหมคงต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ฉันไม่มีอำนาจปล่อยเธอได้หรอกค่ะ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา

แม่ของหวงจื้อกวงร้อนใจทันทีเพราะเธอเซ็นสัญญากับแม่ของโม่เฉียวหลิงเรียบร้อยแล้ว หากเทียบกับหญิงสาวหน้าตาไม่สะสวยพวกนั้นเธอยังพอใจโม่เฉียวหลิงมากกว่า หน้าตาก็สวย แล้วยังเป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังอีก พูดให้ใครฟังก็มีหน้ามีตา!

“หมิงซุ่นไม่ได้เป็นข้าราชการชั้นสูงหรอกเหรอ? จะปล่อยหรือไม่ปล่อยเขาพูดคำเดียวก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? ป้าว่าเพราะเธอไม่อยากช่วยมากกว่ามั้ง…” พอใจร้อนขึ้นมาแม่ของหวงจื้อกวงก็เริ่มพูดจาโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ อยากจะพูดอะไรที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นสักหน่อยแต่เหมยเหมยชิงโต้ตอบกลับเร็วกว่าเธอ

“ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากช่วย เพราะคนเลวอย่างโม่เฉียวหลิงร่วมมือกับพวกสารเลวนั่นลักพาตัวลูกสาวฉันไป ฉันเกลียดเธอมากจนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเธอเสียด้วยซ้ำ แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร?”

เหมยเหมยชี้ไปที่ประตู จากนั้นก็ดึงอั่งเปาออกมาจากมือของเล่อเล่อแล้วโยนใส่แม่ของหวงจื้อกวงพร้อมตวาดใส่ด้วยความโมโหว่า “ขอโทษด้วยที่ฉันคงให้พวกคุณอยู่ทานข้าวด้วยไม่ได้ คุณป้าคะ วันหลังคนที่ไม่ใช่ญาติไม่มีความเกี่ยวข้องกันไม่ต้องพามาบ้านฉันอีกนะคะ ฉันไม่มีเวลาต้อนรับ!”

……………………………

ตอนที่ 2415 คนที่ไม่มีลายนิ้วมือ

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เรื่องแบบนี้เขาพอจะรู้มาบ้าง เรียกได้ว่าฮวาเซี่ยเป็นดินแดนไร้มลทินเพียงแห่งเดียวในโลกเพราะมีระบบที่เข้มงวดและห้ามพกพาปืนโดยเด็ดขาด เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายได้มากพอสมควรแล้ว

แต่ประเทศอื่นไม่ได้สวยงามขนาดนี้

เรื่องที่สีอันน่าเล่าเขาเคยได้ยินมาแล้วทั้งนั้น เช่น เกมเข่นฆ่ากันที่โด่งดังเป็นพิเศษในประเทศ R ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่โด่งดังที่สุดด้วย

คนรวยจากทั่วโลกที่ว่างไม่มีอะไรทำจนรู้สึกเบื่อ ในเมื่อสาวงามหรือการพนันล้วนผ่านมาหมดแล้ว พวกเขาจึงต้องการแสวงหาเกมที่กระตุ้นอารมณ์มากกว่านี้ บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรสนุกเท่ากับการล่าเหยื่อแบบนี้แล้ว

ดังนั้นจึงมีคนคิดค้นเกมฆ่ามนุษย์ขึ้นมา

เป้าหมายของการล่าถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ ส่วนใหญ่เป็นคนจนที่หมดหวัง หากรอดไปได้ก็จะได้รับเงินก้อนโต แต่เมื่อชายมือเปล่าต้องเผชิญกับกลุ่มคนรวยที่ทั้งชั่วร้ายและมีอาวุธ อัตราการอยู่รอดจึงเป็นศูนย์เท่านั้น

เกมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงผู้มั่งคั่งในกลุ่มยุโรปและอเมริกา เพราะพวกเขาสามารถฆ่าคนเพื่อความสนุกสนานโดยไม่ต้องรับผิดทางกฎหมายใด ๆ

“ตอนนี้สวีหล่างอยู่ที่ไหน?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยถาม

เขาจำเป็นต้องจัดการเนื้อร้ายนี้ออกไปให้ได้ ในถิ่นของเขาจะมีคนเลวแบบนี้อยู่ไม่ได้เด็ดขาด

“ฉันไม่รู้ เขาเป็นคนระวังตัวมาก ไม่เคยมีใครรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน ฉันไม่เจอเขามาครึ่งเดือนแล้ว” สีอันน่าส่ายศีรษะ เธอคิดอยู่สักพักแล้วก็ตะโกนขึ้นว่า “แต่เขาจะต้องยังอยู่ที่เมืองหลวงแน่ ๆ สวีหล่างไม่ค่อยออกนอกประเทศ เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินเขาบอกว่า เขาเกลียดการออกนอกประเทศมากที่สุดเพราะว่าลายนิ้วมือของเขาไม่ชัด ฉะนั้นการบันทึกลายนิ้วมือจึงเป็นเรื่องยุ่งยากเขาจึงรำคาญมาก”

“ลายนิ้วมือจะไม่ชัดได้อย่างไรกัน หรือว่ามือของเขาเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนงั้นเหรอ?” เหมยเหมยถามขึ้น

“ไม่ใช่หรอก เมื่อก่อนฉันก็เคยถามเขาแต่สวีหล่างดูท่าจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ แค่ครู่เดียวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วฉันเลยไม่กล้าถามเขาอีก” ตอนนี้สีอันน่านึกขึ้นมาก็ยังรู้สึกผวาอยู่เลย

สวีหล่างดูเป็นคนเคร่งขรึมปกติน้อยครั้งนักที่เขาจะโมโห เขาเคยโกรธแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวตอนที่เธอถามเรื่องลายนิ้วมือของสวีหล่างจนเธอตกใจไม่น้อย

“ไม่เคยได้รับบาดเจ็บ แต่ลายนิ้วมือกลับไม่ชัด น่าแปลกจริง ๆ…หรือจะเป็นมาแต่กำเนิด?” เหมยเหมยพึมพำกับตัวเอง

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา “ไม่มีทางที่จะเป็นมาแต่กำเนิด”

เขาพอจะเดาความจริงได้บ้างแต่ต้องการหลักฐานมากกว่านี้

“สวีหล่างเป็นชื่อจริง?”

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเห็นบัตรประชาชนของเขา เขาเป็นคนบอกฉันว่าเขาชื่อสวีหล่าง” สีอันน่าตอบ

“เขาว่ายน้ำเก่งมากใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง

“ใช่ สวีหล่างว่ายน้ำเก่งมากเหมือนปลาเลย ฉันยังไม่เคยเจอใครว่ายน้ำได้เร็วกว่าเขาแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นพอจะคาดเดาคร่าว ๆได้ในใจ จากนั้นเขาก็ให้ลูกน้องพาสีอันน่าออกไป

“พี่รู้ได้อย่างไรว่าสวีหล่างว่ายน้ำเก่งมาก?” เหมยเหมยถามด้วยความสงสัย คนที่ลายนิ้วมือไม่ชัดจะต้องว่ายน้ำเก่งทุกคนเหรอ?

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มแล้วอธิบายว่า “ทุกคนเกิดมาต้องมีลายนิ้วมือกันทั้งนั้น หากสวีหล่างไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ถ้าเช่นนั้นการที่ลายนิ้วมือของเขาไม่ชัดก็เป็นไปได้มากว่าเกิดจากการแช่น้ำนาน พี่เองก็เพิ่งรู้โดยบังเอิญนี่แหละว่านักกีฬาว่ายน้ำจะมีลายนิ้วมือไม่ชัดเท่าไรนัก ถ้าพี่เดาไม่ผิดสวีหล่างน่าจะเป็นนามแฝง และเมื่อก่อนเขาน่าจะเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาก่อน”

แล้วเขายังรู้สึกด้วยว่า เมื่อก่อนสวีหล่างน่าจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่มีชื่อเสียงมากหรือแม้กระทั่งเคยได้รับรางวัลด้วยซ้ำ

เหยียนหมิงซุ่นนำภาพเหมือนสวีหล่างที่วาดโดยสีอันน่าให้กับลูกน้อง แล้วสั่งให้พวกเขาไปสืบหาประวัติของสวีหล่างโดยเน้นนักกีฬาว่ายน้ำที่ออกจากทีมประจำจังหวัดหรือทีมชาติไปแล้ว

เพียงแต่ว่านักกีฬาว่ายน้ำที่ออกจากวงการไปแล้วในประเทศมีเยอะมาก ดังนั้นคงใช้เวลาไม่น้อยในการหาข้อมูล

วันที่สองที่เล่อเล่อกลับมาเหมยเหมยคิดจะพาเจ้าตัวน้อยไปนอนอาบแดดที่ลานกว้าง แต่เธอก็ไม่กล้าพาเล่อเล่อออกจากบ้าน ในเมื่อยังจับตัวสวีหล่างไม่ได้ เธออยู่ในบ้านน่าจะสบายใจกว่า

เพียงแต่มีใครบางคนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลามาก่อความรำคาญถึงบ้าน

……………………………………….

ตอนที่ 2416 สองคนที่ไม่ได้เรื่อง

แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็คือป้าสะใภ้ใหญ่โม่และพี่สะใภ้ของเธอซึ่งก็คือแม่ของหวงจื้อกวงนั่นเอง ส่วนคุณลุงใหญ่โม่ไม่ได้มาด้วย

ไม่ว่าจะเป็นป้าสะใภ้ใหญ่โม่หรือแม่ของหวงจื้อกวงต่างก็ทำให้เธอไม่สบายใจทั้งนั้น

แต่เห็นแก่คุณลุงใหญ่โม เหมยเหมยจึงยิ้มต้อนรับเชิญพวกเธอเข้ามาในบ้าน

“ทำไมลุงใหญ่โม่ถึงไม่มาด้วยละคะ?” เหมยเหมยถามด้วยรอยยิ้มแล้วให้ป้าฟางไปชงชามาให้

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่แสดงสีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แววตาหลุกหลิก “เขายุ่ง ๆน่ะ ฮ่า ๆ…”

“ใช่ ๆ ยุ่ง ๆอยู่เลยจ้ะ…” แม่ของหวงจื้อกวงรีบเสริมตามทันที สีหน้าก็ดูผิดปกติเช่นกัน

เหมยเหมยมุ่นคิ้วเล็กน้อย ดูท่าคุณลุงใหญ่โม่จะไม่รู้ถึงการมาของสองคนนี้!

เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนักเพราะผู้หญิงไม่ได้เรื่องสองคนมาโผล่ถึงบ้าน จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่

เล่อเล่อถูกเสียงของป้าสองคนนี้ปลุกจนตื่น ส่งเสียงร้องอ้อแอ้ เหมยเหมยจึงเข้าไปอุ้มเธอมาอยู่ในอ้อมอก มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยไว้ เจ้าตัวน้อยเบิกตาโตจ้องไปที่หญิงสูงวัยสองคนตรงหน้า

ทำไมถึงหน้าตาไม่เหมือนแม่ของเธอเลยล่ะ?

ไม่เหมือนคุณยายด้วย น่าเกลียดมาก!

เล่อเล่อที่ตั้งเรื่องหน้าตาไว้ในเกณฑ์สูง เพียงแวบด้วยก็หมดความสนใจในตัวสองคนนี้แล้วดูดมืออ้วน ๆอย่างเบื่อหน่าย วัยทารกไม่มีอะไรสนุกเลย!

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่และพี่สะใภ้เพิ่งเห็นเล่อเล่อเป็นครั้งแรกจึงตกใจกับความอวบอ้วนของเจ้าตัวน้อยมาก

พระเจ้า ไหนบอกว่าอายุยังไม่ครบร้อยวันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ดูแข็งแรงกว่าเด็กอายุหกเดือนอีกนะ

พอมองเนื้ออวบอ้วนตรงขา หน้าท้องและแขนที่ย้อยจนจะถึงพื้น…เหอะ…คนมีเงินกินดีอยู่ดีเกินไปก็เป็นแบบนี้แหละ เจ้าเด็กน้อยตัวใหญ่บึกบึนขนาดนี้ วันหลังโตขึ้นจะขายออกไหมนะ?

“สุขภาพของหวงจื้อกวงเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ป้าสองคนนี้เข้ามาก็เอาแต่ยิ้มแหย ๆแล้วก็ไม่บอกสักทีว่ามาทำไม เหมยเหมยทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน

“แผลเริ่มสมานกันแล้ว หมอบอกว่าอีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” ป้าสะใภ้ใหญ่โม่พูดไปยิ้มไป

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ กลับไปก็ให้พี่ซิวหย่วนจัดงานเบา ๆให้ ค่อย ๆฟื้นฟูร่างกายไป”

เหมยเหมยคาดว่าเหตุที่พวกเขามาเยือนที่นี่น่าจะเป็นเพราะเรื่องงานของหวงจื้อกวง ในเมื่อไตหายไปข้างหนึ่งก็คงทำงานหนัก ๆไม่ได้อีก เมื่อก่อนหวงจื้อกวงเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิต ถึงแม้งานจะไม่ได้หนักมากแต่ก็ไม่ได้เบา เห็นแก่ที่เป็นญาติกันเลยพอช่วยดูแลกันได้

“คราวที่แล้วซิวหย่วนก็พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน บอกให้จื้อกวงไปดูแลโกดัง” ป้าสะใภ้ใหญ่โม่พูดขึ้น

เหมยเหมยเลิกคิ้ว โม่ซิวหย่วนคิดเหมือนเธอ แม้ว่างานโกดังจะดูจุกจิกแต่ไม่ใช่งานหนักอะไร หวงจื้อกวงทำได้อย่างแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคเลย มีพี่ซิวหย่วนคอยดูแลไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” เหมยเหมยพูดอย่างสุภาพ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ บรรยากาศจึงเริ่มอึดอัดขึ้นมา

โชคดีที่ได้ป้าฟางยกน้ำชามาให้จึงทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นมาหน่อย

“ใบชาพวกนี้เป็นของที่คุณยายส่งมาให้ทั้งนั้น บอกว่าเป็นใบชาก่อนช่วงเทศกาลเชงเม้งที่พวกเขาพาป้าสะใภ้ทั้งสามคนไปเก็บด้วยตัวเอง กลิ่นหอมสดชื่นมากเลยค่ะ” เหมยเหมยไม่ได้ดื่ม เธอต้องให้นม ดังนั้นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดจึงเป็นน้ำเปล่า

ป้าสะใภ้ใหญ่โม่ยิ้มอย่างสุภาพ แล้วเอาสองมือถือประคองถ้วยชาขึ้นมาจิบ เธอรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

จริง ๆแล้ววันนี้เธอไม่ได้อยากมาด้วยเลย แต่เธอทนคำรบเร้าของพี่สะใภ้ไม่ไหวจึงต้องมาที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าถ้าเหมยเหมยได้ฟังความคิดของพี่สะใภ้แล้วจะโกรธหรือเปล่า?

เพราะแม้แต่ตัวเธอเองยังคิดว่ามันไร้สาระมากเกินไปเลย!

แต่สิ่งที่พี่สะใภ้พูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล หลานชายไม่มีไตแล้ว อีกทั้งไตเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ชาย เมื่อหายไปข้างหนึ่งก็เท่ากับชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้จื้อกวงเป็นแบบนี้แล้วต่อให้มีเงินก็ยากที่จะหาภรรยาได้!

ใครจะยอมให้หญิงสาวดี ๆมาอยู่กับคนแบบนี้กันเล่า!

ถ้าเป็นเธอก็คงไม่ยอมเช่นกัน!

……………………………

ตอนที่ 2413 ส่งไปตะวันออกกลางแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย “ได้ เดี๋ยวฉันจะให้คนพาแกไปในป่า”

หากไม่มีเสวี่ยเสวี่ยนำทาง คนของเขาคงหาฝูงลิงและพวกงูที่วิเศษเหล่านั้นไม่เจอหรอก

ภูเขาฝูหนิวอยู่ไกลพอสมควร ช่วงหัวค่ำเหยียนหมิงซุ่นถึงเพิ่งกลับมา เขาให้ยาวิเศษแก่เจ้างูขาวและเจ้าลิงสีทองตัวละหกเม็ดซึ่งมีอานุภาพแกร่งกว่าเนื้อตากแห้งอยู่มากโข

เจ้างูขาวและเจ้าลิงสีทองพึงพอใจต่อของขวัญของเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ท่าทีที่เสวี่ยเสวี่ยมีต่อเหยียนหมิงซุ่นจึงอ่อนโยนขึ้นมากและไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

ต่อหน้าพวกเขานายผู้ชายให้หน้าเธอไม่น้อย และแน่นอนว่าเธอย่อมต้องให้หน้านายผู้ชายด้วยเช่นกัน

ช่วงระหว่างนั้นเล่อเล่อตื่นมาครั้งหนึ่ง พอทานนมจนอิ่มท้องก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ เหมยเหมยไม่วางใจเท่าไรจึงเรียกหมอมาให้ตรวจเช็คร่างกาย และเมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรจริง ๆถึงได้วางใจ

“โม่เฉี่ยวหลิงถูกส่งตัวเข้าคุกไปแล้วใช่ไหม?” พอเจอตัวลูกสาวเธอก็มีกะจิตกะใจคิดจัดการคนชั่วแล้ว

พอนึกถึงคนเลวอย่างโม่เฉี่ยวหลิงไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมา เธอรู้จากสีอันน่ามาแล้วว่าพวกมันลักพาตัวเด็กกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์ไปทำอะไร

ไอ้สัตว์เดรัจฉานสารเลว!

มีความคิดชั่ว ๆคิดจะเลี้ยงไว้เป็นทาสขายเลือดที่ไร้ศีลธรรมเชียวหรือ!

ถือว่าลูกแกเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า ส่วนลูกคนอื่นเป็นเพียงเศษหญ้าอย่างนั้นเหรอ?

แม้ว่าองค์กรหัตถ์พระเจ้าจะดูน่าสะอิดสะเอียนแต่เหมยเหมยกลับคิดว่าสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดคือกลุ่มการเงินยุโรป เพราะพวกเขาถือว่าหากไม่มีการซื้อขายก็เท่ากับไม่มีการเข่นฆ่า กลุ่มการเงินนี้ถือเป็นต้นเหตุพฤติกรรมอันเลวร้ายที่สุด

แววตาของเหยียนหมิงซุ่นหม่นลง “ตอนนี้ถูกกักขังชั่วคราวในสถานกักกันเพราะต้องรอคำตัดสินจากศาลถึงจะรู้บทลงโทษของโม่เฉี่ยวหลิง แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ความผิดที่หล่อนทำเพียงพอที่จะทำให้รับโทษหนักอย่างแน่นอน”

“อย่าให้มันตายสบายเกินไปนักล่ะ ฉันอยากให้มันถูกทรมานอย่างสาสม ขอชีวิตก็ไม่ได้ ขอความตายก็ไม่ได้เหมือนกัน!” เหมยเหมยกัดฟันพูด แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

คิดจะเอาเลือดของลูกสาวเธอไปขาย เธอต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าแน่!

“ได้ หล่อนไม่มีจุดจบที่ดีนักหรอก เธอไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ นอนพักผ่อนเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่เบ้าตาลึกโบ๋และสีหน้าซีดเซียวของเธออย่างปวดใจ เมื่อเทียบกับเล่อเล่อแล้ว เหมยเหมยยังดูเหมือนคนที่โดนลักพาตัวไปเสียมากกว่า

“ฉันนอนไม่หลับ สมองตื่นตัว มีหลายเรื่องคิดวนเวียนในหัวเต็มไปหมด”

เหมยเหมยนวดขมับ ร่างกายของเธออ่อนแรงเต็มทีแต่สมองกลับคิดฟุ้งซ่านราวกับมีม้าวิ่งอยู่ในหัว สงบลงไม่ได้เลย

ช่วงหลายวันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย นอกจากเรื่องเล่อเล่อแล้ว ยังมี…

“จริงสิ ตอนนี้สีอันน่าอยู่ที่ไหนเหรอ ฉันยังมีเรื่องอยากจะถามเธอ!” ในที่สุดเหมยเหมยก็นึกเรื่องที่เธอลืมขึ้นได้

ชู้รักของสีอันน่าเป็นเจ้าของลึกลับแห่งลานไควฟง ทั้งยังเป็นผู้รับผิดชอบหัตถ์พระเจ้าในเมืองหลวง ฉะนั้นต้องมีอำนาจอยู่ในมือไม่น้อยแน่ ๆ การที่เธอเกาะต้นไม้ต้นใหญ่นี้ได้แสดงว่าต้องแก้แค้นถังม่านลี่อดีตคู่แค้นของเธอแน่นอน

มิน่าเธอถึงเคยได้ยินเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน เหมือนว่าถังม่านลี่จะหายตัวไปอย่างลึกลับช่วงประมาณก่อนเธอใกล้คลอดซึ่งก็คือช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถังม่านลี่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับระเหยกลายเป็นไอลอยไปในอากาศ

ตอนนั้นทั้งเธอและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกว่าถังม่านลี่วางมือจากวงการแล้ว หรือไม่ก็เจอผู้ชายที่ดีจนได้ดิบได้ดีไปแล้ว

แต่ดูจากตอนนี้เกรงว่าจะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดีแฮะ!

เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องพาตัวสีอันน่ามา ผู้หญิงคนนี้รู้เรื่องอะไรอีกมาก ฉะนั้นการที่เขาเก็บเธอไว้ยังถือว่ามีประโยชน์

“เธอทำอะไรถังม่านลี่?” เหมยเหมยถามออกไปตรง ๆ

สีอันน่าตกตะลึง เธอไม่คิดว่าอยู่ดี ๆเหมยเหมยจะถามถึงถังม่านลี่ เธอไม่กล้าปิดบังอะไรจึงพูดออกไปตามตรงว่า “น่าจะอยู่ที่ตะวันออกกลาง แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรฉันไม่รู้”

ตอนนั้นเธอพบชู้รักคนปัจจุบันโดยบังเอิญ แต่หลังจากทราบถึงอิทธิพลของชู้รัก สีอันน่าก็คิดที่จะแก้แค้นถังม่านลี่ หลังจากพูดไปไม่กี่ประโยค พอผ่านไปไม่กี่วันถังม่านลี่ก็หายตัวไป ชู้รักบอกเธอว่าขายไปทางตะวันออกกลางแล้ว และจะไม่กลับมาที่ฮวาเซี่ยอีก

……………………………………….

ตอนที่ 2414 แค่ส่วนเดียว

ความจริงตอนนี้สีอันน่านึกเสียใจภายหลังแล้ว ความเละเทะในตะวันออกกลางเธอเคยได้ยินมาก่อน เล่าลือกันว่าผู้ชายที่นั่นวิปริตสุด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบทารุณสาวเอเชียโดยไม่มองว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

ถังม่านลี่ถูกขายไปในขุมนรกแบบนั้น เธอคงทรมานเหมือนตายทั้งเป็น

พอถึงตอนนี้ ความจริงเธอก็ไม่ได้เกลียดถังม่านลี่ขนาดนั้นแล้ว

แม้ว่าความบริสุทธิ์ของเธอจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของถังม่านลี่แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอไปหาเรื่องก่อน ถังม่านลี่จึงไปหาผู้ชายวิปริตมาทำลายความบริสุทธิ์ในคืนแรกของเธอ แต่หากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ชู้รักของเธอทำยังนับว่าเมตตาอยู่มาก

“จ้าวเหมย เธอช่วยถังม่านลี่ได้ไหม? ฉันไม่อยากให้เขาตาย…”

จู่ ๆสีอันน่าก็ขอร้องขึ้นมา

เหมยเหมยมองเธอด้วยสายตาแดกดัน “เธอเป็นคนที่ทำร้ายเขาเอง แต่ตอนนี้จะมาขอให้ฉันช่วยเขา เธอจิตใจดีมากสินะ!”

“ฉันเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปแล้ว ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดไปไกลขนาดนี้ ฉันแค่อยากจะเอาคืนในสิ่งที่ถังม่านลี่ทำกับฉันไว้ก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของฉันแล้ว…”

สีอันน่าแก้ต่างให้ตัวเองเสียงเบา เธอไม่รู้จริง ๆว่าชู้รักของเธอจะทำเช่นนี้กับถังม่านลี่

ถ้ารู้ก่อนเธอคงไม่พูดเรื่องแก้แค้นอะไรนั่นอย่างแน่นอน

“ฉันจะบอกพวกเธอให้ สวีหล่างเป็นพ่อค้ามนุษย์ เขาลักพาตัวเด็กผู้หญิงไปขายที่ตะวันออกกลางหลายรายแล้ว แต่เท่าที่ฉันรู้ตอนนี้มีประมาณร้อยกว่าคน ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่คนจะอยู่ได้แต่เป็นเหมือนนรกบนดินมากกว่า…”

แววตาของสีอันน่าเผยความหวาดกลัวออกมา ร่างกายสั่นเทา

“สวีหล่างคือใคร?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น

“เขาก็คือเจ้าของลานไควฟง ชู้รักของฉัน” สีอันน่าตัวสั่น

ครั้งหนึ่งเธอบังเอิญเห็นสวีหล่างดูวิดีโออยู่ ตอนนั้นเธอคิดว่าเป็นหนังแอคชั่นที่ส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่พอเห็นฉากหลังเธอก็หวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนถึงสามวัน

เทปวิดีโอนี้ถูกถ่ายทำขึ้นโดยคนจริง ๆ การเข่นฆ่าทารุณที่เกิดขึ้นในนั้น…ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

ผู้หญิงที่ถูกทารุณพวกนั้นก็คือเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารที่ถูกลักพาตัวแล้วส่งไปขายต่อ

ซึ่งเกินกว่าครึ่งเป็นเด็กผู้หญิงชาวฮวาเซี่ย

ถึงแม้ว่าสีอันน่าไม่ใช่คนดีอะไรแต่เธอก็รู้สึกโกรธเมื่อเห็นชาวต่างชาติที่น่าสะอิดสะเอียนพวกนั้นทรมานเพื่อนร่วมชาติของเธอแบบนี้

“เธอไม่ต้องเสแสร้งแล้ว ถ้าเธอเป็นคนดีจริงเธอจะช่วยสวีหล่างทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนี้ทำไม?” เหมยเหมยเอ่ยประชดประชัน

“ฉันถูกบังคับ ถ้าฉันไม่ทำสวีหล่างก็จะขายฉันไปที่ตะวันออกกลางเหมือนกัน…ฉันกลัว!” สีอันน่าเสียงสั่น เธอรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ เธอไม่อยากเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงในวิดีโอนั่น

เธอกลัวตาย!

และยิ่งกว่านั้นเธอกลัวสวีหล่างที่เหมือนซาตานนี่ด้วย!

สีอันน่าเล่าเรื่องเทปวิดีโออย่างติด ๆขัด ๆ นี่เป็นเหมือนฝันร้ายของเธอ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามที่จะลืมมัน แต่กลับลืมไม่ได้ ทุกคืนจะต้องฝันร้ายจนตื่นขึ้นมา

“ฉันเคยดูแค่ครั้งเดียว คนพวกนั้นบังคับให้เด็กผู้หญิงมีอะไรกับวัวกับม้า หรือแม้กระทั่งกับสิงโตหรือเสือ… และจะมีคนมากมายยืนชมอยู่ด้านล่างเวทีเหมือนสังเวียนในอดีต เด็กผู้หญิงพวกนั้นสู้เหล่าสัตว์ร้ายพวกนั้นไม่ได้อยู่แล้ว…เลยถูกทรมานจนอ่อนแรง น้อยคนนักที่จะรอดออกมาได้…”

สีอันน่ายิ่งเล่าก็ยิ่งหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทา และนับตั้งแต่นั้นมาเธอก็คิดจะตีตัวออกห่างจากสวีหล่าง แต่เมื่อได้เข้าไปพัวพันกับซาตานแล้วก็ยากที่จะสลัดทิ้งได้!

“สารเลว…ทำไมโลกนี้ถึงมีคนสารเลวแบบนี้ได้นะ!”

เหมยเหมยไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน จะมีเรื่องน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้อยู่จริงหรือ?

แต่จากท่าทางของสีอันน่า ดูไม่เหมือนคนที่กำลังพูดโกหกเลยแฮะ

“นี่แค่ส่วนหนึ่งนะ ตอนนั้นสวีหล่างดื่มหนักเขาหลุดปากบอกฉันมาตั้งหลายเรื่อง เขาจะรับผิดชอบแค่ส่วนของฮวาเซี่ย แถมได้ยินมาว่าที่สำนักงานใหญ่ของเขามีสาขาในหลายประเทศ อวัยวะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ส่วนที่สำคัญเลยคือการค้ามนุษย์”

สีอันน่าก็ไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกใบนี้ยังมีมุมมืดที่แสงพระอาทิตย์ยังส่องไม่ถึงเยอะถึงเพียงนี้ ฆ่าคนเพื่อความสนุกแล้วยังไม่ผิดกฎหมายอีกต่างหาก เสมือนเรื่องในจินตนาการแต่กลับมีอยู่จริง

…………………………

ตอนที่ 2411 ในที่สุดก็เจอแล้ว

เมื่อมีขอบเขตการค้นหาที่ชัดเจน เหยียนหมิงซุ่นจึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถหาพวกเล่อเล่อเจอ

แต่ทว่า

ฉากตรงหน้าทำให้เหยียนหมิงซุ่นและลูกน้องทุกคนต่างตกตะลึงจนดวงตาแทบจะถลนออกมาอยู่รอมร่อ

ทำไมไม่เป็นเหมือนที่พวกเขาคิดไว้นะ?

ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!

“ช่วยผมหน่อย…ขอร้องล่ะ…”

ชายที่ถูกแขวนห้อยอยู่กลางอากาศหายใจอย่างอ่อนแรง เมื่อเห็นพวกเหยียนหมิงซุ่นก็ดีใจจนแทบน้ำตาไหล ในที่สุดพระเจ้าก็ส่งคนมาช่วยเขาแล้ว…ฮือ ๆ…

เหยียนหมิงซุ่นหาลูกสาวของเขาเจออย่างรวดเร็ว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นลูกสาวตัวป้อมนอนหลับพริ้มอยู่ในอ้อมอกของแม่ลิง

เขาและเหมยเหมยต่างกังวลใจและร้อนใจแทบแย่เพราะเป็นห่วงว่าเธอจะได้รับความลำบาก แต่พอเห็นสาวน้อยไม่ได้ผอมลงแถมยังอ้วนขึ้นอีกด้วยจึงพอรู้ได้ว่าช่วงหลายวันนี้เธอสุขสบายดี

เสวี่ยเสวี่ยเสมือนนักรบที่จงรักภักดีที่สุด มันยืนอยู่ข้างกายเล่อเล่อคอยสอดส่องสถานการณ์รอบข้างอย่างระแวดระวัง พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นสายตาก็ฉายแววเหยียดหยาม

ไร้ประโยชน์จริง ๆ ผ่านไปตั้งนานกว่าจะหาเจอ!

ช้าเป็นเต่าคลานเลย!

“ลำบากแกแย่เลยสิท่า ขอบคุณมาก กลับไปจะเอาของอร่อย ๆให้กินนะ” เหยียนหมิงซุ่นลูบศีรษะของเสวี่ยเอ๋อร์เบา ๆและขอบคุณจากใจจริง

เขารู้ว่าการที่เล่อเล่อยังปลอดภัยนั่นเป็นเพราะการปกป้องจากเสวี่ยเสวี่ยทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นต่อให้เล่อเล่อจะมีพรสวรรค์แสนวิเศษแค่ไหน แต่อย่างไรเสียเธอก็เป็นแค่เด็กน้อยอายุเพียงสองเดือน เมื่ออยู่ในป่าที่อันตรายแบบนี้ อีกทั้งยังมีอันธพาลสามคนที่โหดร้ายเหมือนหมาป่า เขาไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์อันเลวร้ายได้เลย

เสวี่ยเสวี่ยแค่นเสียงด้วยความเย่อหยิ่ง เธอไม่ได้สนเรื่องของอร่อยสักนิด!

เธอทำตามคำสั่งของเจ้านาย ฉะนั้นต้องปกป้องเจ้านายตัวน้อยให้ดี ไม่อย่างนั้นเจ้านายคงไม่พอใจเอาได้!

“ช่วยผมด้วย…ขอร้องล่ะ…ปวดจะตายอยู่แล้ว…”

เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มขาดห้วง ลมหายใจโรยริน

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเล่อเล่อขึ้นมา เจ้าตัวน้อยสูดจมูกฟุดฟิด พอได้กลิ่นที่คุ้นเคยก็ส่งเสียงร้องออกมาไม่กี่ทีแล้วหลับต่ออย่างสบายใจจนกรนออกมาด้วยซ้ำ

“ใจใหญ่จริง ๆนะเรา…”

เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกลูกสาวตัวน้อยอย่างเบามือ ใจกล้าจริง ๆเลย!

“ลูกพี่ ลิงและงูพวกนี้ดูแปลก ๆ เหมือนกำลังปกป้องคุณหนูอยู่เสียอย่างนั้น!” ลูกน้องคนหนึ่งพูดพลางหัวเราะ

ตอนที่พวกเขามาถึง บนร่างกายของชายหนุ่มมีงูเลื้อยอยู่เต็มไปหมด ส่วนบนพื้นกับบนต้นไม้ก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งส่วนมากเป็นงูมีพิษ ทำเอาคนที่เห็นต่างขนลุกเกรียวกันไปหมด

ทว่างูเหล่านั้นไม่ได้โจมตีเล่อเล่อแต่กลับเหมือนจะปกป้องเธอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆมองไปที่เล่อเล่อที่กำลังหลับพริ้มแวบหนึ่ง ในแววตามีความภูมิใจปรากฏอยู่

ลูกสาวของเขาถูกฟ้ากำหนดมาแล้วว่าต้องมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา!

เสวี่ยเสวี่ยแหงนหน้าส่งเสียงร้องคำราม ฝูงลิงและพวกงูทั้งหลายต่างก็พากันแยกย้ายจากไปอย่างเป็นระเบียบราวกับได้รับการฝึกฝนมา เพียงไม่นานพวกมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

พวกลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นต่างรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง บอกว่าไม่เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อนเลย

“เขาเป็นยังไงบ้าง? โดนพิษเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นมองชายหนุ่มที่ถูกปล่อยตัวลงมาแล้วถามขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

สถานการณ์ของชายหนุ่มดูท่าไม่ค่อยดีนัก บนตัวไม่มีรอยแผลแต่ลมหายใจกลับโรยรินราวกับว่าจะหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ

“ไม่ได้โดนพิษครับ แต่ตกใจมากไปหน่อย!”

หลังจากลูกน้องตรวจสอบเสร็จก็ยิ้มออกมา

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วแล้วก็เตะไปที่ชายคนนั้น “เอากลับไปด้วย อย่าปล่อยให้มันตาย!”

กล้ามาแตะต้องลูกสาวเขาเหรอ…

เขาจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องเสียใจที่มาอยู่บนโลกใบนี้เลย!

“จุ๊บจั๊บ จุ๊บจั๊บ…”

เล่อเล่อดูดปากหลายที ตาปรือ ๆไม่นานก็เปิดตาขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ยังดูสะลึมสะลืออยู่บ้าง เธอจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างมึนงง…

พ่อลูกต่างมองตากันปริบ ๆ พอผ่านไปสามวินาทีเล่อเล่อถึงเอียงคอสำรวจรอบด้านเหมือนกำลังหาใครบางคนอยู่

ทำไมแม่ไม่มาด้วยล่ะ?

เธออยากดื่มนมแม่แล้ว…หิวแล้วนะ…

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เตะชายหนุ่มที่เปลือยกายบนพื้นทีหนึ่งก่อนกระเด็นลอยออกไป…

ไอ้บ้าเอ๊ย กล้ามาเปลือยต่อหน้าลูกสาวเขาเหรอ…

สมควรตาย!

……………………………………….

ตอนที่ 2412 ราชินีน้ำแข็ง

เหมยเหมยรออยู่ที่บ้านด้วยความร้อนใจ เวลาหนึ่งวันผ่านไปนานราวแรมปี ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้น ๆเธอเดินไปสอดส่องหน้าประตูนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ?”

เหมยเหมยร้อนใจแทบทนไม่ไหว หลังจากเหยียนหมิงซุ่นเจอเล่อเล่อเขาก็โทรมาหาเธอแล้ว เธอดีใจมากก็จริงแต่ เธอก็ยังกังวลว่าลูกสาวจะได้รับความลำบากหรือเสียขวัญ ต้องเห็นกับตาตัวเองเท่านั้นเธอถึงจะวางใจ

“ตั้งแต่คุณชายหมิงโทรมาจนถึงตอนนี้ผ่านมาแค่ชั่วโมงเดียวเอง คงไม่ได้มาเร็วขนาดนั้นหรอก เรารีบทานโจ๊กรังนกนี่ให้หมดก่อนดีกว่า ไม่แน่ว่าคุณชายหมิงน่าจะกลับมาพอดี!”

ป้าฟางถือโจ๊กรังนกออกมาแล้วพยายามโน้มน้าวเธออย่างใจเย็น

เพราะช่วงสี่วันมานี้เธอไม่กินอะไรเลย ผอมลงจนเธอปวดใจ

เหมยเหมยรับโจ๊กรังนกไปทาน กินไปก็ใจลอยไป แหงนหน้าชะเง้อมองไปที่ประตูเป็นระยะ ๆ เวลาค่อย ๆล่วงเลยไปอย่างช้า ๆจนทานโจ๊กหมด ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็โผล่มาสักที ในอ้อมกอดมีลูกสาวที่เธอคิดถึงอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“เล่อเล่อ…”

เหมยเหมยโผเข้าหาด้วยความดีใจ พอเห็นเจ้าตัวน้อยกำลังนอนกรนอยู่เธอก็เอามือปิดปากร้องไห้สะอื้นด้วยความปิติ

“วางใจเถอะ เล่อเล่อไม่ได้ลำบากอะไรเลย เธอดูสิอ้วนขึ้นด้วยซ้ำ!”

เหยียนหมิงซุ่นกระซิบบอกแล้วให้เหมยเหมยดูมือที่อวบอ้วนของลูกสาว มีเนื้อมีหนังขึ้นจริง ๆด้วย

เหมยเหมยหัวเราะทั้งน้ำตาแล้วรับเล่อเล่อมาอุ้มต่อ น้ำหนักเพิ่มขึ้นจริง ๆด้วย  พอได้กลิ่นนมของเจ้าตัวน้อย จิตใจของเธอถึงได้สงบลง หอมแก้มเล่อเล่อไปหลายฟอดเพราะหอมอย่างไรก็ไม่พอสักที

“คร่อก…”

เล่อเล่อได้กลิ่นอันคุ้นเคยก็หมุนตัวเข้าหาอ้อมอกของเหมยเหมย ใบหน้าแนบอ้อมอกที่เธอโปรดปรานมากที่สุด ปากน้อย ๆทำเสียงจุ๊บจั๊บแล้วหลับต่อ

เหมยเหมยทำใจวางลูกสาวลงนอนบนเตียงไม่ได้เลยอุ้มไว้ทั้งอย่างนั้น สี่วันแล้วที่ไม่ได้อุ้มลูกเลยทำให้เธออดไม่ได้ที่จะอุ้มไว้ในอ้อมอกแบบนี้และไม่ยอมออกห่างแม้แต่วินาทีเดียว

“เล่อเล่อไม่ได้ขวัญเสียใช่ไหม?” เหมยเหมยยังคงเป็นกังวล

เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกอ้วน ๆของเจ้าตัวน้อยอย่างเบามือ ยิ้มแล้วพูดว่า “เล่นข้างนอกสนุกสนานจนไม่อยากกลับสิไม่ว่า!”

เขาเล่าเรื่องจุดจบของสามอันธพาลให้ฟัง ตายไปสอง ส่วนคนที่เหลือก็คาดว่าไม่น่าจะรอด รูต่าง ๆทั่วร่างกายถูกงูเลื้อยเข้าออกจนครบ แค่ความทรงจำอันเลวร้ายคงกระทบกระเทือนจิตใจจนเจ้าหมอนี่จำไปตลอดทั้งชีวิตแล้วล่ะ!

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ? พวกฝูงลิงกับงูมาจากไหนกัน?” เหมยเหมยยากที่จะเข้าใจ

ถ้าฉิวฉิวอยู่มันก็ส่งสัญญาณในป่าได้เหมือนกัน แต่ฉิวฉิวกับฉาฉายังอยู่ที่ภูเขาสือว่าน ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร

หรือว่าลูกสาวของเธอมีความสามารถพิเศษในการควบคุมสัตว์ได้อย่างนั้นหรือ? เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเสวี่ยเสวี่ยที่นั่งอยู่เงียบ ๆบุ้ยปากไปทางนั้นแล้วพูดขึ้นว่า “น่าจะเป็นคุณงามความดีของเสวี่ยเสวี่ย ครั้งนี้ลำบากมันแล้วจริง ๆ เดี๋ยวเธอก็ช่วยทำอาหารอร่อย ๆตอบแทนมันหน่อยนะ”

เสวี่ยเสวี่ยเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชาราวกับราชินีน้ำแข็งพร้อมท่าทีดูถูกดูแคลน

“ฉันจะไปทำให้ตอนนี้เลย เสวี่ยเสวี่ย ขอบใจแกมากนะ!”

เหมยเหมยขอบคุณจากใจจริง การช่วยชีวิตเล่อเล่อไว้ถือเป็นบุญคุณกับเธอตลอดชีวิต เธอจะดูแลมันอย่างดีแน่นอน!

เสวี่ยเสวี่ยหัวเราะหึหึ ไม่ได้สนใจเหมยเหมยสักนิด

เธอมีหน้าที่ปกป้องเจ้านายตัวน้อยอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น!

เรื่องขอบคุณมันเรื่องเล็กแต่ของอร่อยต้องมี!

เหมยเหมยชินชากับท่าทีของมันแล้ว เธออมยิ้มแล้วหยิบเนื้อตากแห้งที่แช่อยู่ในยาวิเศษออกมาจากช่องมิติ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เสวี่ยเสวี่ยชอบกินมากที่สุด เมื่อก่อนนาน ๆจะให้กินทีแต่ต่อจากนี้ไปจะให้เสวี่ยเสวี่ยกินบ่อย ๆเลย

แววตาของเสวี่ยเสวี่ยเป็นประกายแต่มันไม่ได้กินในทันที มันเลื่อนเนื้อตากแห้งไปตรงหน้าของเหยียนหมิงซุ่นพลางมองเขาด้วยท่าทีแน่นิ่งแล้วส่งเสียงร้องไม่กี่ที

เหยียนหมิงซุ่นชะงักไปแต่ไม่นานก็เข้าใจสิ่งที่เสวี่ยเสวี่ยต้องการสื่อ “แกอยากจะชวนเพื่อน ๆในป่ามากินเนื้อตากแห้งด้วยงั้นสิ?”

เสวี่ยเสวี่ยพยักหน้า พี่น้องเหล่านั้นทำงานหนักไม่น้อยมันจึงต้องให้ของอร่อยตบเป็นรางวัลเสียหน่อย จะให้พวกเขาเข้าใจผิดว่ามันเป็นลูกพี่ที่ตระหนี่ไม่ได้

………………………

ตอนที่ 2409 คนคุ้นเคยอีกแล้ว

“เงยหน้าขึ้น!” เหมยเหมยสั่งเสียงเย็น

หญิงสาวตัวสั่นเทาแล้วเงยหน้าขึ้นทันที จากนั้นก็มองเหมยเหมยด้วยความตกใจแล้วร้องเสียงหลงว่า “ทำไมถึงเป็นเธอล่ะ?”

ทำไมจ้าวเหมยถึงมาอยู่ที่นี่?

หรือว่า–

“เธอเป็นคนสั่งให้คนมาลักพาตัวลูกสาวฉันไปเหรอ?”

ที่แท้เจ๊น่าคนนี้ก็คือคนคุ้นเคยซึ่งก็คือสีอันน่านั่นเอง

ช่วงที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆเหมยเหมยเคยติดตามข่าวคราวเธออยู่ช่วงหนึ่ง พอรู้ว่าเธอถูกถังม่านลี่วางกับดักใส่ ไม่เพียงแต่ถูกลูกค้าโรคจิตพรากความบริสุทธิ์ไป ยิ่งกว่านั้นยังถูกถ่ายรูปน่าอับอายไว้มากมาย ทว่าเรื่องราวหลังจากนั้นเหมยเหมยก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

แต่ถึงกระนั้นก็คิดไม่ถึงว่าสีอันน่าจะเดินตามเส้นทางเก่าของถังม่านลี่จนกลายเป็นดาวเด่นไปอีกคน!

ลานไควฟงเป็นสถานบันเทิงไว้ถลุงเงินที่เพิ่งได้รับความนิยมในช่วงนี้ ได้ยินว่าหรูหรายิ่งกว่าสโมสรเศรษฐี เจ้าของลึกลับผู้ที่อยู่เบื้องหลังมีฐานะมั่งคั่งและกำลังมาแรงเสียจนสโมสรเศรษฐีกับสโมสรอันดับหนึ่งของเฝิงไห่ถังยังต้องหลีกทางให้

สิ่งเหล่านี้เหมยเหมยได้ยินมาจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทั้งสิ้น

“สีอันน่า เธอสั่งให้คนมาลักพาตัวลูกสาวฉันไปเหรอ?”

เหมยเหมยพุ่งเข้าไปบีบไหล่เธอแน่นแล้วตวาดเสียงถาม

“เปล่า…ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคลอดลูกสาว…” สีอันน่าอธิบายอย่างงุนงง

ถึงเธอจะเกลียดจ้าวเหมยแต่เธอเกลียดถังม่านลี่มากกว่า อีกอย่างคนรักของจ้าวเหมยทรงอิทธิพลมากเกินไปเธอไม่กล้ามีเรื่องด้วยหรอก ฉะนั้นรอเธอมีโอกาสก็ทำได้แค่แก้แค้นถังม่านลี่ ส่วนทางจ้าวเหมยเธอไม่กล้าแม้แต่จะสืบเสาะเรื่องราวด้วยซ้ำ

“หัตถ์พระเจ้า!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็น

สีอันน่าสีหน้าเปลี่ยนไป ไม่นานก็นึกถึงภารกิจที่องค์กรเพิ่งรับมา “ลูกสาวเธอกรุ๊ปเลือดโอบอมเบย์เหรอ?”

“โม่เฉี่ยวหลิงจงใจป้อนข้อมูลผิดพลาดคนของพวกเธอถึงลักพาตัวลูกสาวฉันไป เธอไม่ได้อยู่ในกลุ่มเลือดโอบอมเบย์” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงนิ่ง

“ให้ตายเถอะ…”

สีอันน่าสบถด่าเสียงเบาและรู้สึกเสียใจแทบแย่ ทำไมถึงได้พาเจ้าโง่โม่เฉี่ยวหลิงเข้ามาในองค์กรนะ!

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ ฉันไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มานานแล้ว…ฉันช่วยตามหาลูกให้พวกเธอได้ ขอแค่พวกเธอยอมปล่อยฉันไป…”

สีอันน่าแก้ต่างให้ตัวเอง พออยู่กับคน ๆนั้นมาเป็นเวลานานเธอก็รับรู้เรื่องราวภายในองค์กรมากขึ้นเรื่อย ๆและขี้ขลาดมากขึ้นทุกวัน

คนรักของจ้าวเหมยเป็นถึงคุณชายหมิงผู้มีชื่อดังโด่งดังและทรงอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหลวง องค์กรของเธอไม่อยากมีปัญหากับเหยียนหมิงซุ่น ยัยบ้าโม่เฉี่ยวหลิง เดี๋ยวกลับไปไม่ปล่อยเธอไว้แน่!

สีอันน่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพียงแต่เธอเป็นเพียงชู้รักของผู้รับผิดชอบหัตถ์พระเจ้าสาขาแยกของเมืองหลวงเท่านั้นหรือก็คือเจ้านายผู้ลึกลับที่อยู่เบื้องหลังลานไควฟงนั่นเอง ลานไควฟงเป็นเพียงการจัดฉากบังหน้าขององค์กร

“ชู้รักเธออยู่ไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ไม่รู้ เขามีที่พักอาศัยส่วนตัว จะมาหาฉันหนึ่งถึงสองครั้งต่อเดือน และปกติจะไม่ติดต่อฉันเลย” สีอันน่าขบคิดแล้วก็พูดว่า “แต่ฉันรู้ว่าทางองค์กรมีที่หลบภัยอยู่ที่หนึ่ง สามคนนั้นน่าจะไปที่นั่นแน่ ๆ!”

“ที่ไหน?”

“ภูเขาฝูหลง ตำแหน่งที่แน่ชัดฉันไม่รู้”

********

เล่อเล่อดื่มนมขวดสุดท้ายหมดฟ้าก็ใกล้จะมืดลงแล้ว ชายหนุ่มผูกเล่อเล่อมัดไว้กับตัวเสร็จก็เตรียมออกจากป่า

“ให้ตายสิ…ทำไมยังไม่โทรมาอีกนะ?” ชายหนุ่มสบถหยาบ

ไม่มีข่าวคราวสักนิด ทำงานไร้ประสิทธิ์จริง ๆ รอกลับไปสำนักงานใหญ่จะบอกให้ลูกพี่ไล่ผู้รับผิดชอบทางนี้ออกเสีย

เล่อเล่อซบหลังชายหนุ่มโดยดีแต่ลูกตาหมุนกลอกไปมาไม่หยุด

คนร้ายออกไปก็ไม่สนุกแล้วสิ จะให้เขาออกไปไม่ได้…

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องขึ้นมาทีหนึ่งแล้วฟาดมือไปตรงลำคอของชายหนุ่ม เพราะเพิ่งดื่มนมเต็มอิ่มจึงทำให้มีแรงมากพอ หลังคอของชายหนุ่มชาวาบขึ้นมาจนสูญเสียความรู้สึกไปชั่วขณะก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งบนพื้น

…………………….

ตอนที่ 2410 สนุกจนลืมตัว

แสงสีขาววาบเข้ามา ซึ่งเป็นเสวี่ยเอ๋อร์นั่นเองที่กระโดดเข้ามาตามด้วยงูขาวกับเจ้าลิงสีทองด้านหลัง

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อตะโกนร้อง เสวี่ยเอ๋อร์ตะปบอุ้งมือลงบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างจังแต่กลับไม่ตื่น มันยู่จมูกอย่างนึกรังเกียจแล้วพยักพเยิดปลายคางไปทางเจ้าลิงสีทอง

“เจี๊ยก ๆ…”

เสียงของเจ้าลิงสีทองแหลมใสดังก้องกังวานไปทั้งผืนป่า ไม่นานจากนั้นก็มีฝูงลิงรูปร่างขนาดตัวใหญ่กว่าเจ้าลิงสีทองกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแต่กลับไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมต่อหน้ามัน มีแต่จะทำตัวเคารพนบน้อม

“เจี๊ยก ๆ…”

เจ้าลิงสีทองส่งเสียงร้องอีกหลายทีพร้อมใช้อุ้งมือโบกไปทางชายหนุ่ม ฝูงลิงตอบรับและส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน…

มีลิงหลายตัวปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่แล้วหยิบเอาเส้นเถาวัลย์มุดไปอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มก่อนจะใช้เถาวัลย์มัดลำตัวชายหนุ่มไว้อย่างแน่นหนา

ลิงที่ขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ลากเส้นเถาวัลย์ที่ผูกมัดตัวชายหนุ่มเข้าไปยังป่าลึก

ส่วนลิงที่ขนาดตัวใหญ่ที่สุดมาอุ้มเล่อเล่อแล้วกระโดดปีนป่ายไปตามต้นไม้ที่ไม่นานก็หายตัวไปในพริบตา

ไม่นานจากนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็พาลูกน้องมาถึงกลางป่า อีกทั้งยังตามหาถ้ำจนพบอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ภายในถ้ำว่างเปล่าแต่ก็พอเห็นร่องรอยจากการใช้ชีวิตของมนุษย์

“ลูกพี่…มีศพสองศพ…” ลูกน้องรีบมารายงาน พวกเขาค้นพบเดวิดกับลอเรนที่ถูกฝังไว้อย่างลวก ๆ

ศพทั้งสองร่างถูกขุดออกมาพบว่ายังสดใหม่มาก

“เวลาตายไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง อันนี้ถูกงูพิษกัดเข้าที่เส้นชีพจรตรงคอ ตายเพราะพิษแทรกซึมเข้าร่างกาย ส่วนคนนี้เห็นได้ชัดว่าถูกหมาป่ากัดคอขาด…น่าแปลก…ภูเขาฝูหลงมีหมาป่าด้วยเหรอ?”

พอลูกน้องที่เคยทำงานด้านนิติเวชได้ตรวจสอบศพทั้งสองร่างก็คิดไม่ตก ในความทรงจำของเขาภูเขาใหญ่ละแวกเมืองหลวงไม่มีร่องรอยการปรากฏตัวของหมาป่ามานานแล้ว การตายของผู้ชายคนนี้เป็นที่น่าสงสัยอย่างมาก!

เหยียนหมิงซุ่นกลับรู้ดีอยู่แก่ใจว่าต้องเป็นฝีมือของเสวี่ยเอ๋อร์แน่นอน

เพียงแต่งูพิษนี่ล่ะหมายความว่าอย่างไร?

เขาโล่งอกไปที ต่อให้ตามหาเล่อเล่อไม่เจอตอนนี้แต่หากมีเสวี่ยเอ๋อร์คอยติดตามเล่อเล่ออยู่ก็คงไม่เป็นไร

“ยังเหลืออีกหนึ่งคน ต้องหลบอยู่ในป่านี้แน่ ๆ ค้น!” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง

เขายังแปลกใจมากอยู่ดีว่าทำไมเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ฆ่าอีกคนที่เหลือไปด้วยล่ะ?

จากความสามารถของเสวี่ยเอ๋อร์ นี่คงไม่ใช่เรื่องยากมาก!

ในป่าลึก

ชายหนุ่มมองฝูงลิงที่ล้อมตัวเองด้วยความหวาดผวา เหล่าฝูงลิงปีนขึ้นต้นไม้ใช้สายตากวาดมองเขาอย่างนึกสนุก

ส่วนเขาถูกห้อยไว้บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เหนือพื้นดินอย่างน้อยยี่สิบเมตร

ชายหนุ่มไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าเส้นเถาวัลย์จะรับน้ำหนักเขาไม่ไหว หากล้มลงไปต่อให้ไม่ตายก็ต้องพิการ ในสายอาชีพของเขาหากพิการก็เท่ากับตาย

“เจี๊ยก ๆ…”

เจ้าลิงสีทองได้รับคำสั่งใหม่จากเสวี่ยเอ๋อร์จึงออกคำสั่งกับบรรดาลิงทั้งหลาย

ชายหนุ่มหนังศีรษะชาวาบไปชั่วขณะพลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เจ้าลิงพวกนี้คิดจะทำอะไร?

แล้วเจ้าหนูตัวอ้วนนั่นหายไปไหน?

เล่อเล่อนอนอยู่บนหญ้าแห้งที่พวกลิงปูให้เป็นฟูก โดยมีลิงตัวเมียอวบอ้วนกำลังป้อนนมให้เธออยู่

มีของกินมีของเล่น…เล่อเล่อสนุกจนลืมตัวไปแล้ว ลืมกระทั่งว่าต้องกลับบ้าน

“ไม่…อย่าเข้ามา…พระเจ้า….ให้ตายสิ…”

ชายหนุ่มหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วดิ้นพล่านอยู่กลางอากาศ ณ ตอนนี้แม้แต่ความคิดอยากตายก็ผุดขึ้นมาในหัวเขาแล้ว

ลิงหลายตัวถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดไม่เหลือกระทั่งกางเกงชั้นในเปลือยเปล่าล่อนจ้อน

อยู่บนที่สูงยากที่จะทนต่อความหนาวเหน็บได้ ชายหนุ่มหนาวจนตัวสั่นหน้าซีดเซียว แค่นี้ยังพอว่า แต่สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวแก่เขาคือ–

ไม่รู้ว่ามีงูกลุ่มหนึ่งมุดมาจากไหน แผ่แม่เบี้ยโชว์ลิ้นสองแฉกเลื้อยมาทางเขา…

ดูท่าทางเหมือนกำลังหาทางเข้าอยู่…

พระเจ้า!

……………

ตอนที่ 2407 สั่งสอนคนเลว

“ฉันแค่รับผิดชอบพาพวกผู้ชายไปยังจุดนัดหมายและคอยสืบข่าวคราวบางส่วน ส่วนเรื่องอื่นฉันไม่รู้อะไรแล้ว…” โม่เฉี่ยวหลิงอดกลั้นต่อความเจ็บปวดพลางเอ่ย

“คนที่คอยนัดหมายให้เธอคือใคร?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเย็นชา

“คือเจ๊น่า เธอเป็นคนพาฉันเข้ามาในวงการนี้”

“ใครคือเจ๊น่า?”

“ก็เจ๊น่าที่เป็นดาวเด่นแห่งลานไควฟงไง ผู้เสียหายสามคนก่อนหน้านี้ก็คือลูกค้าของเจ๊น่า หลัง ๆเธอไม่อยากทำแล้วเลยสั่งให้ฉันไปทำแทน”

โม่เฉี่ยวหลิงนึกเสียใจภายหลัง หากเธอไม่ทำเรื่องพวกนี้ตอนนี้เธอก็ยังถือว่าเป็นสาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง ยังเป็นหงส์งามในหมู่บ้านที่มีผู้ชายมากมายอยากแต่งงานกับเธอ…

แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นนักโทษคนหนึ่ง!

ไม่รู้ว่าจะถูกตัดสินโทษอย่างไรบ้าง…

“ฉันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆนะ เจ๊น่าเป็นคนบังคับให้ฉันทำ เธอรู้จุดอ่อนของฉัน ฉันถูกบังคับนะ…”

โม่เฉี่ยวหลิงแก้ต่างให้ตัวเองพลางร้องไห้น้ำตานองหน้า

“ทำไมเธอต้องจงใจชี้ตัวลูกสาวฉันด้วย? เด็กที่อยู่ในกลุ่มเลือดโอบอมเบย์นั่นอายุยังไม่ครบเดือนแต่ลูกสาวฉันใกล้จะครบสามเดือนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะจำผิด” เหมยเหมยมองด้วยสายตาเยือกเย็น

โม่เฉี่ยวหลิงสะดุ้งไม่กล้าสบสายตาเหมยเหมย ตัวสั่นเทาไม่หยุด

“ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว…”

โม่เฉี่ยวหลิงไม่ได้ยอมรับว่าเธอจงใจ ไม่อย่างนั้นเหมยเหมยต้องตีเธอให้ตายแน่ ๆ

เพียงแต่ถ้อยคำบ้าบอนี่ไม่มีใครเชื่อ แม้เล่อเล่ออายุเพียงสองเดือนกว่าแต่กลับดูโตเหมือนเด็กอายุหกเดือน ต่อให้โง่แค่ไหนก็ไม่มีทางดูเป็นเด็กทารกเพิ่งคลอดอายุไม่ครบเดือนได้หรอก

“เธอจงใจทำร้ายลูกสาวฉัน…ฉันจะฟาดให้ตายไปเลย!”

เหมยเหมยนึกแค้นใจพลางฟาดแส้ไม่ยั้งมือ โม่เฉี่ยวหลิงเจ็บจนเจียนตายพื้นนองไปด้วยเลือด เสียงร้องโหยหวนก็อ่อนลงเรื่อย ๆ

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ห้ามเหมยเหมยแต่ออกคำสั่งให้ลูกน้องไปพาตัวเจ๊น่าคนนั้นมา โม่เฉี่ยวหลิงเป็นเพียงคนวงนอกที่รู้เรื่องน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เจ๊น่าน่าจะรู้อะไรมากกว่า

“พี่สะใภ้ใจเย็นก่อน ฉันยังต้องพาไปไต่สวนคดี ตอนนี้ยังตายไม่ได้” เหยียนหมิงต๋าห้ามเหมยเหมยไว้

โม่เฉี่ยวหลิงต้องตายอย่างสาสมแต่จะตายด้วยน้ำมือเหมยเหมยไม่ได้เพราะต้องได้รับโทษทางกฎหมายเท่านั้น

เหมยเหมยก็เหนื่อยแล้วเช่นกันจึงชี้ไปที่โม่เฉี่ยวหลิงแล้วเอ่ย “ส่งเธอไปอยู่ในคุกที่สกปรกโสมมที่สุด ฉันจะทำให้เธอทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด ทำให้ตายทั้งเป็น…”

“ได้เลย!” เหยียนหมิงต๋ารับปาก

กล้าแตะต้องหลานสาวของเขา ฉะนั้นจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ตายง่าย ๆไม่ได้!

“ไม่นะ…”

โม่เฉี่ยวหลิงมองพวกเขาอย่างหวาดกลัว ตัวสั่นเทาพลางร้องครวญครางไม่หยุดแต่ไม่มีใครสนใจเธอ

จุดจบของเธอถูกกำหนดไว้แล้ว!

ในป่าจะมืดเร็วกว่าข้างนอก ชายหนุ่มย่างเนื้อกระต่ายป่าทานจนอิ่มท้องแล้วความง่วงก็ถาโถมเข้ามา

เขาชงนมให้เล่อเล่อแล้วพาไปฉี่ก่อนจะเตรียมเข้านอน

ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะคลายระบบการคุมเข้มแล้วก็ได้!

ดวงตากลมโตสุกใสของเล่อเล่อกลิ้งกลอกเพราะเธอไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ขณะที่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจเธอ เขาปูผ้าหนา ๆบนพื้นแล้ววางเล่อเล่อไว้บนนั้นก่อนจะล้มตัวลงนอนและไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป

ดวงตากลมโตของเล่อเล่อเป็นประกายสว่างท่ามกลางความมืดมิด เธอเหยียดขาสั้นป้อมกระแซะตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มทีละนิดด้วยแรงอย่างมหาศาล…ฮึบ ๆ…จนในที่สุดก็เข้าไปใกล้ชายหนุ่มคนนั้นได้สำเร็จ

จากนั้นเธอก็ยกขาสั้นป้อมขึ้นพร้อมสั่งสมแรงอยู่นานแล้วกระทืบลงไปทีเดียวด้วยแรงทั้งหมดที่มี…

“อ๊าก…”

ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะหลังเอวเหมือนหักไปอย่างไรอย่างนั้น เจ็บจนเขาหน้ามืดเป็นระยะ ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เขาลุกขึ้นมาสำรวจดูรอบหนึ่งแต่ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ชายหนุ่มจึงล้มตัวลงนอนใหม่และเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง…

เล่อเล่อยกกำปั้นขึ้นกระชากผมของชายหนุ่มพลางออกแรงทั้งหมดอีกทีก่อนที่จุกผมสีเหลือง…จะหลุดอยู่ในมือเธอ…

“ให้ตายเถอะ…”

ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเป็นครั้งที่สอง…รู้สึกปวดศีรษะแทบจะระเบิด…

คราวนี้เขาเห็นผมสีเหลืองน่าสงสัยในมือเล่อเล่อพลันก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าฉายแววโกรธเคืองอย่างมาก

……………………….

ตอนที่ 2408 เล่นได้สนุกเหลือเกิน

“ให้ตายเถอะ…ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลย…”

ชายหนุ่มบันดาลโทสะถลึงตามองเส้นผมสีเหลืองในอุ้งมือเล่อเล่ออย่างปวดใจ

ปู่ทวด คุณปู่ คุณพ่อ คุณอา…หัวโล้นตั้งแต่อายุสี่สิบกว่าทั้งนั้น ตอนนี้ไรผมและปริมาณเส้นผมของเขาก็เป็นที่น่ากังวลอยู่แล้ว ยามปกติแม้แต่หวีผมยังระวังแล้วระวังอีก แต่ตอนนี้–

กลับถูกเจ้าหนูน่าโมโหนี่กระชากหลุดไปมากขนาดนี้!

“คิก ๆ…”

เล่อเล่อมีความสุขอย่างเหลือล้นพลางเหยียดเตะขาสั้นป้อมไม่หยุด ดวงตากลมโตสุกใสมองชายหนุ่มนิ่งพลันก็ทำให้ไฟโทสะของเขาลดฮวบลงทันที

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะสำนึกหรอกนะ

แต่ชายหนุ่มยังอยากได้เงินต่างหาก!

เพื่อนร่วมกลุ่มสองคนตายไปแล้ว ค่าตอบแทนก้อนใหญ่ก็ตกเป็นของเขาเพียงคนเดียว มีเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ไม่แน่เขาอาจจะเลื่อนวันปลดเกษียณได้ก่อนเวลาก็ได้!

“หลับดี ๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาแกไปเป็นอาหารของหมาป่าซะ!”

ชายหนุ่มข่มขู่อย่างดุดัน เล่อเล่อเอียงศีรษะแอบลิ้นเลียอุ้งมืออ้วน ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดไปว่าชายหน้าตาขี้เหร่คนนี้พูดอะไรอยู่นะ?

ทำไมไม่เหมือนที่พ่อแม่พูดเลยล่ะ?

ฟังไม่เข้าใจ…

ชายหนุ่มนวดหนังศีรษะอย่างหงุดหงิดพลางชงนมให้เล่อเล่ออีกขวด หากเจ้าเด็กอ้วนมีนมดื่มก็คงไม่รบกวนเวลานอนของเขาแล้ว!

เพียงแต่เจ้าเด็กตัวแสบนี่กระเพาะใหญ่นัก กระปุกนมผงพร่องลงไปกว่าครึ่งแล้ว ดูท่าจะอยู่ต่อได้อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น

ทางฝั่งสำนักงานใหญ่ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ไม่ว่าอย่างไรรอผ่านวันพรุ่งนี้ไปเขาก็ต้องกลับไปยังสาขาเมืองหลวงแล้วเพราะจะปล่อยให้เจ้าหนูนี่หิวตายไม่ได้

เล่อเล่อดื่มนมอย่างมีความสุขและเงียบสงบงดงามดั่งนางฟ้าตัวน้อย ชายหนุ่มรู้สึกชื่นใจเหลือเกิน จากนั้นก็อยู่ห่างจากเล่อเล่อก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ

เพียงแต่–

เล่อเล่อที่ดื่มนมจนหมดเขวี้ยงขวดนมไปข้าง ๆแล้วหันหน้ามองไปทางปากถ้ำ ส่งเสียงร้องเพียงไม่กี่ครั้งก็มีแสงสีขาววาบปรากฏตรงหน้าปากถ้ำ ซึ่งก็คือเสวี่ยเอ๋อร์ที่เฝ้ารออยู่ตรงปากถ้ำมานานแล้ว

แม้ชายหนุ่มจะใช้ก้อนหินปิดปากถ้ำไว้แต่แค่เสวี่ยเอ๋อร์เรียกลิงมาไม่กี่ตัวก็สามารถสร้างทางออกอีกทางหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ไม่ยากเกินความสามารถมันเลย

สัตว์ที่เดินเข้ามาพร้อมกับเสวี่ยเอ๋อร์ยังมีงูขาวกับเจ้าลิงสีทองที่มีสีขนงดงามผิดปกติ และโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางความมืดมิด

เสวี่ยเอ๋อร์เดินไปยืนข้างเล่อเล่ออย่างเงียบ ๆแล้วดมกลิ่นบนตัวเธอฟุดฟิด ๆ ท่าทางสนิทสนมเหลือเกิน

เล่อเล่อกอดหัวเสวี่ยเอ๋อร์ไว้แล้วแทะอยู่หลายทีเช่นกัน สนิทกันมากเชียวละ

“เจ้านาย…เรากลับบ้านกันเถอะ!” เสวี่ยเอ๋อร์พูดโน้มน้าว คุณแม่ของเจ้านายต้องร้อนใจแย่แล้วแน่ ๆ

“ไม่เอา…ยังอยากเล่นต่อ…”

“แล้วสัตว์ตัวผู้สองขานี่จะทำอย่างไรต่อ?” เสวี่ยเอ๋อร์มองชายหนุ่มที่หลับสนิทอย่างดูแคลน ความจริงมันคิดว่ากัดคอให้หักทีเดียวเด็ดขาดไปเลยดีกว่า!

“เล่น…”

เล่อเล่อยังเล่นไม่หนำใจพอเลยให้เสวี่ยเอ๋อร์พาเธอขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากกว่านี้ เจ้าตัวเล็กแสยะยิ้มที่มุมปากพลางยกขาน้อย ๆขึ้น สั่งสมแรงแล้วกระทืบลงไปตรงช่วงเอวเช่นเคย

……

“ให้ตายเถอะ…ฉันจะฆ่าแกซะ!”

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเพิ่งเข้าสู่ห้วงความฝัน เล่อเล่อก็จะกลั้นแกล้งปลุกเขาให้ตื่นทุกที หนึ่งคืนผ่านไปชายหนุ่มขอบตาดำปี๋ หน้าตาดูอิดโรยแถมหาววอดไม่หยุด

เล่อเล่อไม่กลัวเขาหรอกเพราะมีเสวี่ยเอ๋อร์อยู่ด้วย!

ชายหนุ่มก็ดีแต่ปากเท่านั้น ความจริงเขาไม่กล้าทำอะไรเทพความมั่งคั่งตัวน้อยนี่หรอก ผ่านไปครึ่งวันเขาก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆจึงเตรียมตัวออกไปข้างนอก

นมผงใกล้จะหมดแล้ว อีกอย่างก็ใกล้ถึงเวลาที่ลูกค้ากำหนดขึ้นเรื่อย ๆ เขาต้องออกไปแล้ว

ลูกน้องที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้ไปตามหาตัวเจ๊น่ากลับมาในเวลาอันรวดเร็วซึ่งมาพร้อมกับเจ๊น่าที่พาโม่เฉี่ยวหลิงเข้าสู่วงการนี้

เจ๊น่าดูอายุไม่มากนัก หุ่นเพรียวผมดัดลอนดูเย้ายวน สวมกระโปรงสั้นสีดำถุงน่องสีดำซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนดั่งหญิงสาวผู้โชกโชนตั้งแต่หัวจรดเท้า!

เพียงแต่ผมลอนบดบังใบหน้าจนทำให้มองไม่ชัดว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร

เหมยเหมยกลับรู้สึกคุ้นหน้าแปลก ๆเหมือนจะเป็นคนรู้จักเลย

……………

ตอนที่ 2405 มีเบาะแสแล้ว

วันที่สี่แล้ว

ทางเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ได้ข่าวความคืบหน้าใด ๆ เล่อเล่อเงียบหายไปดั่งก้อนหินที่จมหายไปกลางทะเล รวมถึงเสวี่ยเอ๋อร์ก็ด้วย

“จะตามหาไม่เจอได้อย่างไรกัน หรือว่ามุดลงไปใต้ดินเหมือนเจ้าตาแก่หนิงนั่น?” พอเฮ่อเหลียนชิงรู้ว่าเล่อเล่อถูกลักพาตัวไปก็รีบเดินทางมาด้วยความร้อนใจ

เขาไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นอย่างมากที่จนป่านนี้แล้วยังตามหายัยหนูอ้วนไม่เจออีก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

เพราะคนที่หายตัวไปคือลูกสาวแท้ ๆของเขา ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นร้อนใจยิ่งกว่าใครอยู่แล้ว

“หมาป่าตัวนั้นก็ตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ? สัตว์ตัวนี้ฉลาดไม่เบา ทิ้งเบาะแสอะไรไว้บ้างไหม” เฮ่อเหลียนชิงตาเป็นประกายขึ้นมา

“ตอนนี้ยังไม่พบ บางทีเสวี่ยเอ๋อร์ก็อาจจะตามไม่ทัน”

เหยียนหมิงซุ่นนึกถึงจุดนี้ได้ตั้งนานแล้วเพียงแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแสใด

เฮ่อเหลียนชิงขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง “ให้ตายเถอะ ไอ้สารเลวหน้าไหนกล้าลักพาตัวหลานสาวฉันไป? ฉันจะฆ่าทิ้งให้หมด!”

เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดอย่างหนักก็ไม่ได้คำตอบ แต่เดิมเขาสงสัยกลุ่มอิทธิพลนอกประเทศ แต่ประเทศรอบข้างสงบดีทุกอย่างจึงตัดข้อสันนิษฐานนี้ออกไปได้เลย ถ้าเช่นนั้นก็เหลือเพียงความแค้นส่วนตัวแล้ว!

แต่บรรดากลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวงมีใครจะกล้าต่อกรกับเขากัน?

“คุณชายหมิง…เราได้ทำการตรวจสอบชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศในสัปดาห์นี้แล้ว เหลือเพียงคนกลุ่มนี้ที่น่าสงสัยที่สุด” ลูกน้องยื่นเอกสารปึกหนึ่งมาให้ซึ่งล้วนแต่เป็นรายชื่อผู้ต้องสงสัยหลังผ่านการตรวจสอบจากพวกเขาแล้ว มีราว ๆยี่สิบกว่าคน

เหยียนหมิงซุ่นยื่นรายชื่อให้ป้าฟางกับเหมยเหมยดู

“คนนี้คือคนถามทาง ฉันจำได้” เหมยเหมยกับป้าฟางพูดขึ้นพร้อมกัน

“แมทธิว…คนเยอรมัน…”

เหยียนหมิงซุ่นอ่านข้อมูลของหมอนี่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นของปลอม เขาเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน

“ลองหาคนที่เข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกับหมอนี่ดูหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นบอก

“เจอแล้ว สองคนนี้กับคนที่ชื่อแมทธิวเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงในเวลาไล่เลี่ยกัน อีกอย่างพวกเขาพักโรงแรมที่เดียวกันด้วย” ไม่นานลูกน้องก็หาอีกสองคนเจอ

“คนหนึ่งชาวฝรั่งเศส คนหนึ่งชาวฮอลแลนด์…หึ สถานะปลอมอย่างเห็นได้ชัดเลย กระจายคนออกไปตามหาร่องรอยสามคนนี้ เช็กดูว่าช่วงนี้พวกเขาได้ติดต่อกับใครบ้างหรือเปล่า”

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มจับทางได้ ชาวต่างชาติสามคนนี้ไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนในเมืองหลวง คงไม่พ้นต้องมีคนคอยเป็นตัวกลาง ไม่อย่างนั้นจะหนีไปจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?

สิ่งที่เขาคาดคะเนไว้ถูกต้องแต่คนที่มาส่งข่าวให้เขาไม่ใช่ลูกน้องแต่กลับเป็นเหยียนหมิงต๋า

“เล่อเล่อถูกลักพาตัวไปเหรอ?” เหยียนหมิงต๋าถามทันทีที่เข้าประตูมาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“ใช่…ถูกพาตัวไปจากโรงพยาบาล…” เหมยเหมยพูดอยู่ดี ๆก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง สี่วันที่ผ่านมาใบหน้าเธอมีน้ำตาไหลอาบแก้มทุกวัน ตาบวมฉึ่งและเริ่มมองอะไรพร่ามัวขึ้นแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นกลับสงสัยเลยย้อนถาม “นายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ข่าวที่เล่อเล่อหายตัวไปเขาได้ปิดไว้อย่างดีแม้แต่พวกคุณย่าหยางกับเหยียนซินหย่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วเหยียนหมิงต๋ารู้ได้อย่างไร?

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเป็นฝ่ายถามแทน “พี่สะใภ้ ฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนของพี่สินะ?”

“ใช่ เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง” เหมยเหมยพยักหน้าพลางรู้สึกว่าเหยียนหมิงต๋าดูแปลก ๆจัง ทำไมจู่ ๆมาถามถึงฉีฉีเก๋อล่ะ?

“วันนั้นพี่ไปเยี่ยมฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาลใช่ไหม?” เหยียนหมิงต๋าถามอีก

“ใช่” เหมยเหมยอดถามไม่ได้ “นายคิดจะถามอะไร? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉีฉีเก๋อ?”

เหยียนหมิงต๋ามีสีหน้าแปลก ๆพลางเอ่ยต่อเหยียนหมิงซุ่นว่า “ลูกสาวของฉีฉีเก๋อมีหมู่เลือดโอบอมเบย์ที่พบหาได้ยาก ทั้งโลกมีไม่ถึงพันคน”

เหยียนหมิงซุ่นใจกระตุกวูบ ในที่สุดเขาก็คิดได้สักทีหลังจากคิดไม่ตกมาหลายวัน

“นายหมายความว่าคนพวกนั้นคิดว่าเล่อเล่อเป็นลูกสาวของฉีฉีเก๋อเหรอ?”

“ใช่ พี่สะใภ้วางใจได้ เล่อเล่อจะไม่เป็นไรแน่นอน คนพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรเล่อเล่อ ในทางกลับกันต้องดูแลประคบประหงมหลานเป็นอย่างดีอีกต่างหาก” เหยียนหมิงต๋าพูดปลอบใจเหมยเหมย

………………………

ตอนที่ 2406 หัตถ์พระเจ้า

เหมยเหมยฟังแล้วยังไม่เข้าใจ เธอรู้ว่าลูกสาวของฉีฉีเก๋อมีกลุ่มเลือดโอบอมเบย์ แต่เกี่ยวอะไรกับการลักพาตัวเล่อเล่อไปล่ะ?

“ต่อให้พวกเขาจำผิดคนแต่พวกเขาลักพาตัวลูกสาวของฉีฉีเก๋อไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”

เหยียนหมิงต๋าหัวเราะเสียงเย็นชาทีหนึ่ง เขาไม่อยากบอกความจริงให้เหมยเหมยสะเทือนใจจึงเอ่ยต่อเหยียนหมิงซุ่นว่า “อีกฝ่ายเป็นกลุ่มองค์กรหนึ่งที่ผงาดขึ้นมาในช่วงหลายปีนี้ ชื่อหัตถ์พระเจ้า คนที่ลักพาตัวเล่อเล่อไปก็คือคนจากองค์กรนี้”

“หัตถ์พระเจ้า? ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูจังแฮะ…” เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วครุ่นคิด

ลูกน้องข้าง ๆรีบเอ่ยเตือน “คุณชายหมิง มันก็คือองค์กรที่ลักลอบขายอวัยวะร่างกายที่ท่านให้เราตรวจสอบเมื่อช่วงก่อน มีชื่อองค์กรว่าหัตถ์พระเจ้า แถมก่อนหน้านี้มันเป็นองค์กรนักฆ่าชื่อดังด้วย”

เหมยเหมยสะดุ้งเฮือก ลักลอบขายอวัยวะร่างกายงั้นหรือ?

เธอฉุกนึกถึงหวงหนานเกาที่ถูกขโมยไตไปเมื่อช่วงก่อนในทันที รวมถึงพ่อหนุ่มผู้ไร้ความผิดนั่นจนรู้สึกใจหายวาบในฉับพลัน

“พวกเขาจะทำอะไรกับเล่อเล่อ? จะขโมยอวัยวะของเล่อเล่อเหมือนกันใช่ไหม…” เหมยเหมยกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งจนสติแทบกระเจิง

เหยียนหมิงซุ่นรีบห้ามเธอไว้แล้วลูบหลังเธอเบา ๆพลางเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน “ไม่หรอก…เล่อเล่อจะไม่เป็นไร เป้าหมายของพวกมันคือเลือด เล่อเล่อจะไม่เป็นอะไรไปชั่วคราว”

“แต่เล่อเล่อไม่ได้อยู่ในกลุ่มเลือดโอบอมเบย์นี่…ถ้าเกิดพวกมันรู้ความจริงว่าเข้าใจผิดแล้วจะทำอะไรเล่อเล่อไหม…” เหมยเหมยกังวลใจยิ่งกว่าเดิม

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรหรอก เชื่อพี่สิ พี่จะช่วยเล่อเล่อกลับมาก่อนที่พวกมันจะรู้ความจริง…” เหยียนหมิงซุ่นรับปาก

เหยียนหมิงต๋าก็พูดเสริม “พี่สะใภ้วางใจได้ ฝั่งผมมีเบาะแสแล้ว ไม่นานคงช่วยเล่อเล่อกลับมาได้”

“เบาะแสอะไร นายรีบพูดมา…” เหมยเหมยรีบรบเร้า

“คนที่ชี้ตัวเล่อเล่อคือโม่เฉี่ยวหลิง หล่อนเป็นคนให้ข้อมูลที่ผิดพลาดกับสามคนนั้นถึงทำให้เล่อเล่อถูกลักพาตัวไป” เหยียนหมิงต๋ากล่าว

แม้เขาจะทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่บริษัทของโม่ซิวหย่วนแต่ก็แอบเข้าร่วมทีมเสวี่ยอิงแบบลับ ๆมานานแล้ว อีกทั้งยังเป็นทีมปฏิบัติการแบบลับ ๆ  ช่วงก่อนหน้านี้เขาได้รับภารกิจลับให้ตรวจสอบคดีขโมยอวัยวะที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้ง

ฉะนั้นเขาถึงได้ตีสนิทกับโม่เฉี่ยวหลิงมากขนาดนั้น

เพราะเขาตามสืบแล้วพบว่าโม่เฉี่ยวหลิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายทั้งสามคนหลังในระดับที่ต่างกัน

เหยียนหมิงต๋าขุ่นเคืองอย่างมาก หลายวันก่อนเขากลับไปรายงานตัวที่ฐานบัญชาการใหญ่แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องกับหลานสาวเสียได้

“โม่เฉี่ยวหลิง…”

เหมยเหมยกัดฟันกรอด สีหน้าเยือกเย็น ลุกยืนเดินออกไปข้างนอก เธอจะฟาดนังแพศยานี่ให้ตาย!

“หล่อนอยู่บนรถฉัน”

เหยียนหมิงต๋าเดินไปหลังบ้านแล้วหิ้วโม่เฉี่ยวหลิงที่เป็นลมหมดสติจากช่องเก็บของด้านหลังรถออกมา เหมยเหมยตาแดงก่ำพุ่งไปเอาแส้ฟาดตัวโม่เฉี่ยวหลิงอย่างแรงชนิดที่ใช้เรี่ยวแรงที่เธอมีทั้งหมดเลยทีเดียว

โม่เฉี่ยวหลิงสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บปวด พอลืมตาขึ้นก็เห็นเหมยเหมยที่ทำหน้าเคียดแค้น ก่อนที่แส้จะถูกฟาดลงอีกครั้งจนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด

“เธอเอาลูกสาวฉันไปไว้ที่ไหน? เธอคืนเล่อเล่อของฉันมานะ…”

เหมยเหมยฟาดแส้ติดต่อกันอีกหลายทีจนโม่เฉี่ยวหลิงผิวหนังถลอกปอกเปิก กระโปรงสีขาวสะอาดบนตัวเปรอะไปด้วยคราบเลือดสภาพดูอนาถอย่างมาก

“หมิงต๋า…ช่วยฉันที…”

โม่เฉี่ยวหลิงเห็นเหยียนหมิงต๋าก็ดีใจเลยขอความช่วยเหลือจากเขา

“ตอบคำถามพี่สะใภ้ฉัน หลานสาวฉันถูกพาตัวไปไหน?” เหยียนหมิงต๋าทำหน้าเย็นชาไม่มีท่าทีสงสารเลยสักนิด โม่เฉี่ยวหลิงใจหล่นวูบเพราะรู้ว่าความแตกแล้ว

“บอกมา…ลูกสาวฉันถูกพาไปไว้ที่ไหน?” เหมยเหมยถามเสียงดุแต่โม่เฉี่ยวหลิงกลับปิดปากแน่น เจ็บแค่ไหนก็ไม่ยอมบอก

เจ๊ใหญ่ที่พาเธอเข้ามาในสายงานนี้ได้ทำการตักเตือนเธอแต่แรกแล้วว่าหากสารภาพผิดก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก หากไม่ยอมรับสารภาพอาจมีโอกาสรอด ถ้าถูกจับก็ห้ามสารภาพความจริงเด็ดขาด บางทีอาจจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้

แต่ว่า–

เหยียนหมิงซุ่นยื่นเท้ากดจุดตามร่างกายเธอหลายจุด ไม่นานโม่เฉี่ยวหลิงก็เจ็บจนกลิ้งเกลือกไปมาราวกับกำลังอยู่ในนรกภูมิ

“ฉันยอมบอกแล้ว…ฉันจะบอกทุกอย่างเลย…”

โม่เฉี่ยวหลิงทนไม่ไหวจึงเล่าทุกอย่างที่เธอรู้ไปทั้งหมด แต่อันที่จริงสิ่งที่เธอรู้ก็มีไม่มากนัก

……………………….

ตอนที่ 2403 เล่อเล่อที่เล่นอย่างสนุกสนาน

สามวันผ่านไปแล้ว ทั้งสนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถประจำทาง ท่าเรือ…รวมถึงเส้นทางอื่นที่อาจไปจากเมืองหลวงได้ เหยียนหมิงซุ่นล้วนส่งคนไปตามเฝ้าทุกจุดแต่กลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

“ออกไปจากเมืองหลวงแล้วหรือเปล่า?” เหมยเหมยพะวงใจอย่างมาก

สามวันนี้เธอใช้ชีวิตหนึ่งวันยาวนานเหมือนแรมปี หากไม่มีเหยียนหมิงซุ่นคอยบังคับให้เธอทานข้าวเธอคงทานไม่ลงแม้แต่น้ำ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้เธอก็ยังซูบผอมลงจนมองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า ปลายคางแหลม ตาลึกโบ๋

“ไม่หรอก พวกเขายังอยู่ในเมืองหลวงแน่ ๆ”

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจอย่างมาก เขาวางกำลังดักรอไว้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากคนกลุ่มนี้พาตัวเล่อเล่อไป ภายในเวลาอันสั้นต่อให้คนกลุ่มนี้ติดปีกก็บินหนีไปจากเมืองหลวงไม่ได้

“แต่พวกเขาจะเอาเล่อเล่อไปซ่อนไว้ไหน? เล่อเล่อจะโดนทารุณหรือเปล่า…” เหมยเหมยกำมือเหยียนหมิงซุ่นแน่นและไม่อยากจะจินตนาการมากไปกว่านี้

“อย่าห่วงเลย เล่อเล่อต้องกลับมาอย่างปลอดภัย เชื่อพี่สิ!” เหยียนหมิงซุ่นรับปาก

“ฉันผิดเอง…ฉันใช้ไม่ได้เลย ถ้าพี่แต่งงานกับผู้หญิงที่เก่งกว่านี้อีกนิดก็ไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว…”

สามวันนี้เหมยเหมยทั้งกังวลใจทั้งรู้สึกผิด แล้วยังรู้สึกหวาดกลัว…ความรู้สึกเหล่านี้ตอกย้ำทรมานเธออยู่ตลอดเวลา

พอตกดึกยิ่งแล้วใหญ่เพราะเธอมักจะฝันเห็นเล่อเล่อนอนจมกองเลือดเป็นระยะ ๆ แถมถามเชิงตำหนิเธอว่าทำไมถึงปกป้องตัวเขาไม่ได้ ทำให้เธอหลับไม่ลงแล้วตื่นมาพร้อมเหงื่อชุ่มทั้งตัวทุกวัน

“อย่าคิดอะไรเหลวไหล ไม่มีเธอพี่คงไม่แต่งงาน นี่เป็นเคราะห์ของเล่อเล่อ เรื่องไม่ดีครั้งนี้อาจมีเรื่องดีเกิดขึ้นก็ได้ พี่รู้สึกได้ว่าเล่อเล่อจะไม่เป็นไรแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเหมยเหมย สามวันนี้เขามัวแต่วุ่นกับการตามหาลูกสาวเลยเพิกเฉยเหมยเหมยไป ไม่คิดว่าเธอจะคิดมากขนาดนี้

“อืม…เล่อเล่อจะต้องไม่เป็นไร…ขอแค่เล่อเล่อกลับมาอย่างปลอดภัย ฉันยอมทานเจสามปีเลย” เหมยเหมยเอ่ยคำสาบาน

เหตุผลที่เลือกเวลาสามปีเพราะเธอตัดสินใจว่าสามปีหลังจากนี้ค่อยมีลูกคนที่สอง ระหว่างท้องจะทานแต่อาหารเจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงยอมทานอาหารเจตลอดชีวิตเพื่อขอให้ลูกสาวเธออยู่รอดปลอดภัย

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

แค่สามปี ยังดี!

เล่อเล่อที่อยู่ในภูเขาลูกใหญ่กลับกำลังเล่นอย่างสนุกสนานจนลืมตัว เธอเหมือนมังกรที่ได้กลับสู่ท้องทะเล เหมือนเสือที่ได้กลับคืนสู่ป่า อย่าให้ได้พูดเลยว่าสบายมากเพียงใด

“ใครขโมยอาหารของเราไป…เนื้อที่ฉันเพิ่งย่างเสร็จหายไปแล้ว….ให้ตายสิ ลิงที่นี่เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกซะอีก…”

เดวิดคำรามอย่างอารมณ์เสีย นี่ครั้งที่สามแล้วนะ

กระทั่งตอนนี้พวกเขาทั้งสามก็ยังไม่ได้ลิ้มรสแม้แต่เศษเนื้อสักชิ้นเพราะเนื้อที่ย่างเสร็จถูกเจ้าพวกลิงบ้าขโมยไปหมดแล้ว

ตอนนี้เขาหิวจนไส้กิ่ว หิวจนตาลายไปหมด

“อึก ๆ…”

เล่อเล่อนอนอยู่บนพรมพร้อมมือที่ประคองขวดนมดูดอึกใหญ่จนอิ่มหนำสำราญใจ ดวงตากลมเบิกกว้าง น่าสนุกจัง!

ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าถ้ำมีลิงขนสีทองเหลืองตัวเล็กตัวหนึ่งกำลังเอาเนื้อย่างที่ได้จากการขโมยให้เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ดมกลิ่นแล้วทำหน้ารังเกียจ กลิ่นแย่จัง แต่จะฝืนทานหน่อยแล้วกัน

ภายในถ้ำพวกเดวิดหิวจนไส้จะขาดก็ได้แต่ดื่มนมประทังความหิวไป

“ฟืนใกล้จะหมดแล้ว ฉันออกไปเก็บฟืนสักหน่อยนะ”

เดวิดลุกเดินออกไปนอกถ้ำ เขายังอยากจะเก็บผลไม้ป่ามาทานสักหน่อย ถ้าไม่ได้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตมาเติมท้องเขาต้องหิวจนตายแน่ ๆ

“ให้ตาย…ที่นี่ทำไมถึงมีหมาป่าล่ะ?”

เดวิดเพิ่งเดินออกมานอกถ้ำก็เห็นเสวี่ยเอ๋อร์ที่เป็นดั่งราชา มองเขาอย่างเย็นชาทำเอาเขาอดสั่นสะท้านไม่ได้

เสวี่ยเอ๋อร์คำรามทีหนึ่งแล้วส่งสัญญาณให้เพื่อนใหม่ที่หลบอยู่ในมุมมืด เดวิดยังไม่ทันล้วงปืนออกมาก็มีแสงวาบสีเงินกลิ้งตัวพุ่งมากลางอากาศอย่างสวยงาม จากนั้นก็พบว่าเป็นงูขาวตัวยาวตัวหนึ่ง

“อ๊าก…”

เดวิดกุมคออย่างตกใจ เขาโดนงูฉกแล้ว เมื่อกี้หัวงูเป็นทรงสามเหลี่ยมหรือกลมกันนะ?

………………………….

ตอนที่ 2404 เล่นอย่างสนุกสนาน

ไม่นานเดวิดก็เริ่มตาพร่ามัวพร้อมสติที่เริ่มเลือนหายไปทีละนิด ร่างกายชักกระตุกทีหนึ่งแล้วล้มนอนบนพื้น

ก่อนจะหมดสติเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหัวงูดูเหมือนจะเป็นทรงกลม แต่ทำไมถึงมีพิษร้ายแรงกว่างูหางกระดิ่งอีกล่ะ?

เสวี่ยเอ๋อร์เดินมุ่งไปข้างหน้าราวกับราชินี พอเดินมาถึงตรงหน้าเดวิดก็ยื่นขาหน้าออกมาเกลี่ยใบหน้าเขาดู แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้…

งูขาวร่วงตกลงพื้นพลางมองเสวี่ยเอ๋อร์อย่างนอบน้อม ขณะเดียวกันข้าง ๆยังมีเจ้าลิงสีทองก่อนหน้านี้ด้วย พวกมันล้วนแต่เป็นสัตว์ในป่าที่บรรลุจิตแล้ว ฉะนั้นเสวี่ยเอ๋อร์ถึงบงการพวกมันได้

“ถอยไปก่อน เจ้านายยังเล่นไม่พอ” เสวี่ยเอ๋อร์กล่าว

“ได้เลย…ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็เรียกพวกเราได้เสมอ” เจ้าลิงสีทองกับงูขาวจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หายเข้าไปในป่า

“อืม…”

เสวี่ยเอ๋อร์เองก็ทำหน้าเย็นยะเยือกแล้วหลบเข้าไปในป่า รอการเรียกตัวจากเล่อเล่อ

ภายในถ้ำ ชายทั้งสองรออยู่นานก็ไม่เห็นเดวิดกลับมาจึงสังเกตถึงความผิดปกติ

“แกออกไปดูข้างนอกหน่อย เดวิดมัวทำบ้าอะไรอยู่ เก็บฟืนต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ?” ชายที่เป็นหัวหน้ากล่าว

ชายอีกคนหิวจนอ่อนแรงไปหมดไม่อยากกระดิกตัวสักนิด แต่เขาไม่กล้าขัดขืนเลยได้แต่ลุกเดินออกไปหาเดวิด

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อดื่มนมหมดก็ร้องขึ้นอีก เธอปวดฉี่…

“เจ้าเด็กนี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอ?” ชายหนุ่มรู้สึกเหลือเชื่อ นี่ดื่มนมไปสามขวดรวดแล้วนะ!

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อไม่พอใจมาก ไม่พึงพอใจกับความโง่เขลาของชายหนุ่มอย่างมาก เธอสื่อความหมายชัดเจนขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่เข้าใจอีก?

“คงไม่ได้อยากจะฉี่หรอกนะ?” ชายที่เป็นหัวหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปรีบถลาเข้าไปอุ้มเล่อเล่อ เพิ่งแกะผ้าอ้อมออกน้ำปัสสาวะสีใสก็พุ่งออกมาแล้ว

“ให้ตายสิ…ดื่มเยอะฉี่เยอะ…เหม็นจะแย่อยู่แล้ว!”

ชายหนุ่มเอามือปิดจมูกเดินออกไปตรงปากถ้ำ อากาศนอกถ้ำสดชื่นกว่ามาก

“คิก ๆ…”

จู่ ๆเล่อเล่อก็หัวเราะขึ้นมา ฉับพลันใบหน้าอ้วนกลมไร้เดียงสาก็เผยรอยยิ้มมีเลศนัยที่ทำให้ชายที่เป็นหัวหน้ารู้สึกแปลกใจ ความไม่สบายใจเริ่มทวีคูณมากขึ้น

“อ๊าก…พระเจ้า…”

มีเสียงร้องอุทานด้วยความกลัวของชายหนุ่มดังขึ้นจากข้างนอกแต่ไม่นานเสียงก็หายไป จากนั้นก็ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใด ๆอีก

ชายที่เป็นหัวหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วเริ่มตัวเกร็ง เขาเอาเล่อเล่อมาผูกไว้ด้านหลัง ชักปืนออกเดินไปตรงปากถ้ำอย่างระมัดระวัง

“เดวิด…ลอเรน…”

ชายหนุ่มเรียกชื่อลูกน้องทั้งสองแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เส้นประสาทของเขาตึงเปรี๊ยะขึ้นมาในทันทีพลางหอบหายใจแล้วเอาหลังแนบผนังถ้ำ ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้น

ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินพ้นปากถ้ำออกมาได้ ชายหนุ่มเห็นลูกน้องทั้งสองนอนอยู่บนพื้นตั้งแต่แวบแรก แต่รอบตัวไม่มีศัตรูที่น่าสงสัยเลยสักคน

เดวิดหมดลมหายใจไปแล้ว บนร่างกายไม่มีรอยแผลแต่สีหน้าเขียวช้ำ ชายหนุ่มมองปราดเดียวก็ดูออกว่าตายเพราะฤทธิ์ของพิษ ส่วนลูกน้องอีกคนกลับตายอนาถกว่าสักหน่อยที่ถูกกัดจนคอหัก เลือดสีสดไหลออกมาจนย้อมผืนหญ้าใต้ร่างให้เป็นสีเดียวกัน

ชายหนุ่มก้มสำรวจปากแผลของลูกน้องก็พบว่าเป็นรอยฟันของหมาป่าก็อดโล่งใจไปเฮือกหนึ่ง

แค่สัตว์ดุร้ายเท่านั้นไม่มีอะไรน่ากลัว

ชายหนุ่มมีความมั่นใจในวิชาต่อสู้ของตัวเองพอสมควร เขาขุดหลุมสองหลุมกลบลูกน้องสองคนอย่างลวก ๆ แล้วล่ากระต่ายป่าอีกตัวก่อนจะเก็บฟื้นกลับเข้าถ้ำมา แถมยังใช้หินปิดปากถ้ำไว้ให้เหลือเพียงช่องแคบเล็ก ๆเท่านั้น เช่นนี้กลางคืนเขาถึงจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ

เล่อเล่อมองเข้าไปในป่าพลางส่งเสียงร้องแอ๊ะ ๆหลายทีแต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้ใส่ใจ

“อันนี้ห้ามฆ่าตายเด็ดขาด ฉันจะเล่นต่อ…”

เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ในป่าได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็เก็บกรงเล็บที่ยื่นออกมากลับเข้าไป

งั้นก็ให้เจ้านายตัวน้อยเล่นให้สนุกสนานไปก่อนแล้วกัน!

………………………………

ตอนที่ 2401 จอมพลังเล่อเล่อ

 

“แกยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม เด็กทารกคนเดียวจะแรงเยอะได้มากแค่ไหนเชียว…ขายขี้หน้าชะมัด!” ชายหนุ่มที่อุ้มเล่อเล่อมองเหยียดเพื่อนตัวเองอย่างดูถูก

 

“แต่เจ็บมากจริง ๆนะ…เด็กคนนี้เป็นเด็กจอมพลังเชียวล่ะ!” เดวิดแก้ตัว

 

ชายหนุ่มแค่นเสียงใส่ทีหนึ่งอย่างไม่คิดจะเชื่อสักนิด

 

“แอ๊ะ…”

 

เล่อเล่อดีใจสุดฤทธิ์ ขาน้อยยกขึ้นกระทืบโดนกลางลำตัวจนชายที่อุ้มเธออยู่หน้าเปลี่ยนสีในฉับพลันพลางครางฮึมฮัมในลำคอทีหนึ่งแล้วโก่งตัวด้วยความเจ็บปวด

 

เดวิดหัวเราะอย่างสมน้ำหน้า “ตอนนี้เชื่อที่ฉันพูดแล้วสินะ…เด็กคนนี้แรงเยอะกว่าเด็กอายุเจ็ดแปดขวบด้วยซ้ำ หรือเป็นเพราะมีกรุ๊ปเลือดหายากงั้นเหรอ?”

 

“ใครจะไปรู้กันล่ะ…ให้ตายเถอะ แกรีบอุ้มเจ้าเด็กนี่ไปเลย เจ็บจะตายอยู่แล้ว…”

 

ชายหนุ่มเจ็บจนหายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าเด็กตัวแสบเตะโดนลูกรักของเขา ไม่รู้ว่าหักหรือยัง?

 

“คิก ๆ…”

 

เสียงหัวเราะสดใสของเล่อเล่อดังขึ้นภายในตัวรถอันคับแคบ ใบหน้ากลมกลึงใสบริสุทธิ์ดั่งนางฟ้าตัวน้อยทำให้ชายทั้งสามหนุ่มโล่งใจไปที

 

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เราต้องรีบไปที่ท่าเรือ หากไปถึงฮ่องกงเราก็จะปลอดภัยแล้ว” ชายที่เป็นหัวหน้าพูดเสียงนิ่งแล้วเหยียบคันเร่งจนมิดก่อนที่ตัวรถจะพุ่งตัวออกไปเหมือนลอยกลางอากาศแทบจะบินเลยทีเดียว

 

เหยียนหมิงซุ่นรีบมาถึงโรงพยาบาลหลังจากนั้นไม่นาน ป้าฟางใจร้อนรุ่มดั่งไฟเผาจับจ้องเหมยเหมยที่หมดสติไปอย่างไม่กล้าละสายตา พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นถึงถอนหายใจโล่งอก

 

“เสวี่ยเอ๋อร์ตามไปแล้ว” ป้าฟางรายงาน

 

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจทีหนึ่ง เสวี่ยเอ๋อร์เฉลียดฉลาดไม่มีทางทำให้ศัตรูสังเกตเห็นว่ามันกำลังสะกดรอยตามแน่นอน มีมันคอยติดตามเล่อเล่อเขาก็พอจะเบาใจลงบ้าง

 

เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวแล้วทำการคาดคะเนเบื้องต้น จากนั้นก็ให้ลูกน้องตามหาทั่วทั้งโรงพยาบาลพร้อมแยกย้ายกันไปตามหาทั่วทุกสารทิศ ณ เวลานี้รถยนต์ที่ลักพาตัวเล่อเล่อก็ขับออกจากโรงพยาบาลพอดี

 

“…เล่อเล่อ…เล่อเล่อของฉัน…”

 

เหมยเหมยฟื้นขึ้นมาพลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติได้อย่างรวดเร็ว พอเห็นอ้อมแขนว่างเปล่าก็รู้แล้วว่าลูกสาวของเธอหายตัวไปแล้วจริง ๆ

 

เธอหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลมล้มไปอีกรอบ เหยียนหมิงซุ่นประคองตัวเธอไว้แล้วพูดเสียงนิ่ง “อย่าร้อนใจไป ฉันส่งคนไปตามหาแล้ว เล่อเล่อจะไม่เป็นไร”

 

“ฉันผิดเอง…ฉันไม่ใช่แม่ที่ดี…ฉันมันใช้ไม่ได้เลย…”

 

เหมยเหมยปล่อยโฮอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนหมิงซุ่น หากเธอมีทักษะการต่อสู้ที่ดีกว่านี้สักนิดหรือไปเอารถพร้อมกับป้าฟาง เล่อเล่ออาจจะไม่ถูกคนช่วงชิงไป…

 

แม้แต่ลูกตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรจะเป็นแม่คน?

 

“อย่าร้องไปเลย…เธอเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังหน่อยสิ” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเสียงอ่อนโยนพลางเช็ดน้ำตาให้เธอ

 

เหมยเหมยหยุดร้องไห้ทันทีแล้วเล่าเรื่องในความทรงจำ “เล่อเล่อกับเสวี่ยเอ๋อร์เหมือนรู้สึกถึงความผิดปกติ ฉันสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอยู่ก็มีคนมาแย่งเล่อเล่อไปเลย ฉันทันแค่ฟาดแส้ไปรอบเดียว หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก”

 

“ศัตรูมีอย่างน้อยสองคน คนหนึ่งแย่งเล่อเล่อไป ส่วนอีกคนลอบจู่โจมจากข้างหลัง” เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น คิดไม่ออกจริง ๆว่าในเมืองหลวงจะมีใครกล้าต่อกรกับเขา?

 

ป้าฟางกล่าว “มีคนหนึ่งดูประหลาดพิกล เขาเป็นผู้ชายชาวต่างชาติ ตอนฉันไปเอารถก็วิ่งมาถามทาง เล่อเล่อยังซัดหน้าเขาไปทีหนึ่งด้วย”

 

“ใช่ มีคนแบบนั้นอยู่คนหนึ่ง…ฉันจำได้แล้ว คนที่แย่งเล่อเล่อไปก็เป็นชาวต่างชาติเหมือนกัน กลิ่นน้ำหอมบนตัวเขาฉุนมาก ผู้ชายในประเทศเราไม่มีทางฉีดน้ำหอมกลิ่นฉุนขนาดนั้นแน่…” เหมยเหมยเจอข้อสังเกตใหม่

 

“คุณชายหมิง หรือว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกัน?” ป้าฟางถาม

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิมว่าชาวต่างชาติจะจับตัวลูกสาวเขาไปทำไม?

 

หรือเพราะช่วงนี้เขาใช้กองกำลังทหารจัดการกับประเทศใกล้เคียงอยู่หลายครั้ง กลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นจึงอยากแก้แค้นเขางั้นหรือ?

 

“ป้าพาคุณหนูกลับบ้าน ทางนี้ฉันจัดการเอง” เหยียนหมิงซุ่นให้ป้าฟางพาเหมยเหมยกลับบ้าน ไม่รู้ว่ายังมีคนของศัตรูหลงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลหรือเปล่า เขาไม่ไว้วางใจ

 

แม้เหมยเหมยจะอยากอยู่ต่อมากแต่เธอกลัวตัวเองที่ไร้ความสามารถจะกลายเป็นตัวถ่วงของเหยียนหมิงซุ่น เธอจึงกลับบ้านไปพร้อมกับป้าฟางแต่โดยดี

 

…………………………

 

ตอนที่ 2402 ทาสขายเลือด

 

รถยนต์ของชายทั้งสามคนห่างออกจากเมืองหลวงไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ของพวกเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆเช่นกัน เดวิดถึงขั้นเริ่มผิวปาก

 

“ครั้งนี้เราได้เงินมาไม่น้อย ฉันจะขอลาพักร้อนไปเที่ยวประเทศสวิสแล้วพักผ่อนหย่อนใจให้หนำใจไปเลย”

 

“ฉันก็จะขอลาพักร้อนด้วย ฉันอยากไปเทือกเขาแอลป์” อีกคนพูดขึ้น

 

“ปิดงานนี้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ” ชายที่เป็นหัวหน้าไม่อยากวาดฝันไว้สวยหรูเกินไป เขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก่อนเสมอ หากภารกิจยังไม่สำเร็จเขาไม่มีทางวางแผนอะไรล่วงหน้าทั้งนั้น

 

“แกมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ฉันว่าภารกิจคราวนี้ง่ายมากแต่ค่าตอบแทนกลับสูงลิ่ว เยี่ยมไปเลย!” เดวิดมองเล่อเล่อที่หลับปุ๋ยไปแล้วอย่างพึงพอใจ ช่างเป็นเทพเรียกความมั่งคั่งตัวน้อยที่ดีเสียจริง!

 

“ใครใช้ให้เจ้าเด็กนี่อยู่ในหมู่เลือดโอบอมเบย์หายากกันล่ะ ครั้งนี้ลูกค้าเป็นถึงมหาเศรษฐียุโรปเชียว ได้ยินมาว่าลูกสาวของพวกเขาที่เพิ่งคลอดก็หมู่เลือดโอบอมเบย์เหมือนกัน” ชายอีกคนสายข่าวค่อนข้างไว

 

เดวิดถามด้วยความสนใจ “หรือว่าเศรษฐีนั่นคิดจะหาคลังเลือดเคลื่อนที่ให้ลูกสาวงั้นเหรอ?”

 

“ใช่แล้ว ซึ่งก็คือคลังเลือดเคลื่อนที่เผื่อลูกสาวจำเป็นต้องใช้ในยามฉุกเฉิน อีกอย่างลูกค้าตั้งเงื่อนไขว่าต้องเป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดเพราะจะได้โตไปพร้อมกับลูกสาวของพวกเขา แล้วจะได้เป็นทาสขายเลือดให้ลูกสาวเขาไง”

 

เดวิดสะดุ้งโหยง “ความคิดของคนมีเงินไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ เจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารนี่ไม่นานก็จะกลายเป็นทาสขายเลือดแล้ว…จุ๊ ๆ!”

 

“นั่นเป็นชะตากรรมของเธอ ใครใช้ให้เธอไม่มีพ่อแม่เป็นมหาเศรษฐีกันล่ะ!” ชายที่เป็นหัวหน้าแสดงสีหน้าเย็นชา

 

เดวิดยักไหล่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซึ่งเป็นสายโทรมาจากสาขาทางเมืองหลวง

 

“พวกแกอย่าเพิ่งไปที่ท่าเรือ ที่นั่นคุมเข้ม ไปหลบในภูเขาก่อน”

 

“ไอ้บ้าเอ้ย…ทำไมท่าเรือถึงได้คุมเข้มขึ้นล่ะ?”

 

ชายที่เป็นหัวหน้าสบถหยาบและทำได้แค่เลี้ยวรถกลับไปสู่ถนนอีกสายมุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกใหญ่ ที่นั่นมีแหล่งกบดานที่ทางองค์กรได้สร้างเอาไว้ เพียงแต่ไม่มีเสบียงอาหาร แต่พวกเขาเคยผ่านการฝึกเอาตัวรอดในป่ามาแล้ว การล่าสัตว์จึงไม่ใช่ปัญหา

 

“แอ๊ะ…”

 

เล่อเล่อตื่นแล้ว ลูกตากลอกกลิ้งพร้อมมือไม้ที่โบกไปมา

 

เธอปวดฉี่…

 

“ให้ตาย…เจ้าเด็กนี่กำลังจะทำอะไรเนี่ย…”

 

ชายที่อุ้มเธออยู่จะรู้ได้อย่างไรว่าเล่อเล่อต้องการจะทำอะไร เพิ่งสิ้นคำไปก็รู้สึกอุ่นไปทั้งมือ…

 

“ให้ตาย…เธอฉี่ราด…เหม็นมาก…”

 

ชายหนุ่มทำหน้าอาลัยตายอยากเพราะเขาเป็นโรครักความสะอาดขั้นรุนแรง ตอนนี้เขาแค่อยากฆ่าเจ้าเด็กสมควรตายนี่เสีย

 

“อย่าวู่วามไป…นึกถึงค่าตอบแทนของเราสิ…” เดวิดกลั้นขำพร้อมทำหน้าเหมือนรอดูเรื่องสนุก ๆ

 

“แอ๊ะ…”

 

เล่อเล่อร้องขึ้นอีกหน เมื่อปัสสาวะเสร็จก็อยากดื่มนม เธอหิวแล้ว…

 

ชายหนุ่มทั้งสามเริ่มหงุดหงิดเพราะเสียงร้องของเล่อเล่อ หากไม่ใช่ลูกค้าที่ต้องการเด็กทารกร่างกายแข็งแรงกลับไปพวกเขาก็นึกอยากบีบคอเล่อเล่อให้ตายไปเสีย

 

“น่าจะหิวแล้ว เดวิดแกไปต้มน้ำชงนม” ชายคนนำเอ่ยสั่ง

 

พวกเขามาถึงภูเขาลูกใหญ่แล้วและกำลังหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ข้างในยังถือว่ามีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครันพอสมควร อีกทั้งพวกเขายังพกขวดนมกับนมผงมาด้วย พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เล่อเล่อหิวอยู่แล้ว

 

ขณะที่รถกำลังเทียบจอดเสวี่ยเอ๋อร์ก็วิ่งหลบเข้าไปในป่าอย่างเงียบเชียบโดยไม่มีใครทันสังเกต

 

ผู้ชายสามคนคอยปรนนิบัติเล่อเล่ออย่างระมัดระวัง พวกเขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วภารกิจไม่สำเร็จ

 

เล่อเล่อดื่มนมดังอึก ๆพลางจับจ้องชายทั้งสามตรงหน้า เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมบางอย่าง แถมยังมีกลิ่นคล้ายเสวี่ยเอ๋อร์มากด้วย คงจะสนุกน่าดูเลย!

 

อืม…ดื่มนมก่อน อิ่มท้องแล้วค่อยเล่น!

 

“ให้ตายสิ…ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงกินเยอะขนาดนี้นะ…” เดวิดชงนมขวดที่สามแล้ว

 

“เราเอานมมาแค่กระปุกเดียว กินได้แค่ไม่กี่วันแน่” อีกคนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลใจ

 

ชายหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “รอข่าวจากทางนั้นก่อนแล้วกัน ไม่แน่ทางท่าเรืออาจคลายความเข้มงวดลงในเร็ว ๆนี้ก็ได้!”

 

เหยียนหมิงซุ่นได้รับสายจากลูกน้องที่เฝ้าอยู่ตรงท่าเรือ “คุณชายหมิง ไม่พบบุคคลต้องสงสัย”

 

“เฝ้าต่อไป อย่าได้ประมาทแม้แต่น้อย” เหยียนหมิงซุ่นสั่ง

 

“ครับ!”

 

………………………..

ตอนที่ 2399 ถูกลักพาตัวไปแล้ว

เหมยเหมยสะดุ้งตัวโยนรีบดึงมือเล่อเล่อกลับมา กล่าวขอโทษเดวิด “ขอโทษด้วยค่ะ…”

ลูกสาวของตนแรงเยอะใช่ย่อย แค่ตวัดฟาดเพียงครั้งเดียว ถ้ากระดูกไม่หักเนื้อหนังบนตัวก็คงเจ็บไม่น้อย

“ไม่เป็นไรครับ…ลูกสาวของคุณช่างซนจริง ๆ…”

เดวิดลูบแก้มข้างขวาและอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็น ๆเข้าไปในปอด เขามองเล่อเล่อที่จ้องมาทางเขาอย่างไม่วางตาด้วยความสงสัย เด็กน้อยเอเชียตะวันออกคนนี้แรงเยอะจริง ๆ นี่เป็นเด็กทารกแรกเกิดจริง ๆเหรอ?

ป้าฟางชี้ไปแล้วกล่าวขึ้นว่า “ห้องน้ำอยู่ทางนั้น คุณเดินตรงไปก็ถึงแล้ว”

เธอพูดพลางเดินก้าวไปข้างหน้าแล้วดันเหมยเหมยและเล่อเล่อไปอยู่ด้านหลังของเธอ หนุ่มฝรั่งคนนี้อาจไม่ได้มาดี เธอยังไม่กล้าประมาท

“ขอบคุณครับ…”

เดวิดขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า นัยน์ตามองป้าฟางราวกับมีนัยยะบางอย่าง หญิงชาวฮวาเซี่ยผู้นี้ไม่ธรรมดา เธอเหมือนยืนสบาย ๆแต่กลับคุ้มกันสองแม่ลูกนี้ไว้ในขอบเขตที่เธอสามารถปกป้องได้ซึ่งคนทั่วไปทำไม่ได้

แสดงว่าฝีมือของหญิงสาวผู้นี้เขาคงต่อกรด้วยได้ยาก

เดวิดซึ่งเดิมทีดูแคลนภารกิจครั้งนี้จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น เขาไม่กล้าที่จะประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปอีก

เดวิดล้มเลิกแผนปฏิบัติการเดิมที่วางไว้แล้วเดินไปตามทางที่ป้าฟางชี้ จากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปรวมตัวกับเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ ทั้งสามกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็แยกย้ายกันไป

ป้าฟางไม่กล้าอยู่ต่อรีบบอกให้เหมยเหมยกลับบ้าน แต่ไม่ได้บอกถึงเหตุผลเพราะเกรงว่าจะทำให้เธอตกใจ

“อืม กลับบ้านกัน”

เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อแล้วเดินตรงไปประตูทางออกของโรงพยาบาลพร้อมกับป้าฟาง ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินตามอยู่ด้านหลังไม่ไกลออกไป นี่เป็นการสะกดรอยตามที่มีชั้นเชิงสูง ต่อให้ป้าฟางจะตื่นตัวแค่ไหนก็ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกสะกดรอยตามอยู่ แถมเธอนึกว่าเมื่อครู่ตนตื่นตระหนกเกินไปเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ป้าฟางไปขับรถมานะ ฉันกับเล่อเล่อจะรอตรงนี้”

ลานจอดรถอยู่ไกลพอสมควร เหมยเหมยไม่อยากเดินไปจึงให้ป้าฟางไปเอารถมารับ

ป้าฟางแลซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใด ๆ หนุ่มฝรั่งเมื่อกี้ก็ไม่ได้เดินตามมาด้วย อีกอย่างทางเข้าออกของโรงพยาบาลมีคนสัญจรอยู่ตลอดจึงไม่น่าจะมีใครกล้าทำเรื่องไม่ดีตอนกลางวันแสก ๆหรอก

“ได้ คุณหนูอย่าเดินไปไหนนะคะ ป้าจะรีบมา”

ป้าฟางกำชับแล้วรีบเดินไปทางลานจอดรถ เดินไปได้สักระยะก็หันหน้ากลับมามองอีกครั้ง พอเห็นทุกอย่างปกติดี…เธอก็อดยิ้มไม่ได้และคิดว่าตนคงจะกังวลมากเกินไป

หลังจากป้าฟางเดินเลี้ยวหายไป ชายหนุ่มทั้งสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นตรงประตูราวกับผี

“ลงมือ!” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าพูดเสียงขรึม

“คนเยอะขนาดนี้…แน่ใจเหรอว่าจะชิงตัวไปตอนนี้? ไปลักพาตัวตอนกลางคืนไม่ได้เหรอ?” อีกคนไม่ค่อยเต็มใจนัก เขาชอบลงมือตอนกลางคืนมากกว่า

“ไม่ ฉันคิดว่าตอนนี้ปลอดภัยกว่า ตอนกลางคืนเสี่ยงมากกว่า”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเลียมุมปาก เผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา

เขาชอบทำเรื่องเลว ๆตอนกลางวันแสก ๆมากที่สุด ความมืดมิดภายใต้แสงอาทิตย์…มันรู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่า!

“แอ๊ะ…”

ทันใดนั้นเล่อเล่อก็ส่งเสียงร้องออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้าง หมัดเล็ก ๆกำแน่นพร้อมร่างกายที่เหยียดตรง

เจ้าหมาป่าตัวน้อยเสวี่ยเสวี่ยหูตั้งชันอย่างระแวดระวังพร้อมคำรามเสียงต่ำ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ…เล่อเล่อหิวแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“แอ๊ะ…”

ตีคนเลว!

เล่อเล่อใช้แรงปัดป่ายมือไปมาด้วยท่าทีจริงจัง เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงรีบกระชับอ้อมกอดตามสัญชาตญาณแล้วประเมินสถานการณ์โดยรอบ แต่เธอยังไม่ทันตั้งตัวเงาดำก็วาบผ่านไปแล้ว…

เหมยเหมยรู้สึกแค่ว่าในมือว่างเปล่า เล่อเล่อหายไปแล้ว…

“เล่อเล่อ…”

ในขณะที่เหมยเหมยตื่นตระหนกก็รีบคว้าแส้หนังออกมา เธอฟาดแส้ไปที่เงาดำด้านหน้าสุดแรงแล้วรีบวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ แต่ทว่าด้านหลังกลับมีเงาดำโผล่มาอีก

หลังคอของเธอรู้สึกชาวาบ จากนั้นเธอก็ล้มลงพื้นแล้วหมดสติไป

………………………………………

ตอนที่ 2400 เด็กคนนี้ประหลาดจริงๆ

แสงสีขาวแวบผ่านไป เจ้าหมาป่าตัวน้อยเสวี่ยเสวี่ยรีบตามพวกโจรไปติด ๆ เหมยเหมยหมดสติล้มลงบนพื้น เพียงชั่วครู่ก็มีผู้คนเข้ามาห้อมล้อมเต็มไปหมด

“เกิดอะไรขึ้น? รีบเรียกหมอเร็วเข้า…”

การกระทำของโจรว่องไวมากจึงไม่มีใครเห็นว่าพวกเขาลักพาตัวเด็กไป กลับนึกว่าเหมยเหมยอาการกำเริบ คนจิตใจดีสองสามคนจึงรีบวิ่งไปตามคุณหมอมาให้

ไม่นานป้าฟางก็ขับรถมาถึง พอเธอเห็นกลุ่มคนที่มุงล้อมวงกันอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะใจหาย เธอรีบลงรถแล้ววิ่งไปทางนั้น

ครั้นเห็นเหมยเหมยนอนหมดสติบนพื้นเพียงลำพังไร้ซึ่งเงาของเล่อเล่อกับเสวี่ยเสวี่ย ป้าฟางก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว เธอพยายามควบคุมสติแล้วรีบโทรหาเหยียนหมิงซุ่น

“คุณชายหมิง เล่อเล่อถูกลักพาตัวไปแล้ว ตอนนี้ป้ากับคุณหนูอยู่ที่โรงพยาบาล”

 “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย ป้าช่วยคุ้มกันเหมยเหมยไว้ก่อนยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”

สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาลง แม้แต่ลูกสาวของเขายังกล้าลักพาตัวไป ใครกันช่างใจกล้าขนาดนี้?

ชายทั้งสามคนกลับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ชายคนหนึ่งอุ้มเล่อเล่อไว้พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แผ่นหลังถูกแส้ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยราวกับตุ๊กตาฟาดเข้าให้ ตอนนี้แผลแสบร้อนเหลือเกิน!

“บ้าเอ๊ย…แม้แต่ผู้หญิงที่นี่ยังมีวิชาติดตัวเลยเหรอเนี่ย!” ชายคนนั้นสบถเสียงต่ำ แผ่นหลังปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหว

“รีบแยกย้าย…ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีนัก!”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าไม่กล้าอยู่ต่อนาน คลุกตัวอยู่ในวงการนี้มากนานทำให้เขามีสัญชาตญาณที่ว่องไวราวกับสัตว์ป่า เขารู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

“แล้วผู้หญิงคนนั้นจะจัดการอย่างไรต่อ?”

“ไม่ต้องไปสนใจ แค่เป็นเครื่องมือใช้งานเท่านั้น”

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูกและไม่สนใจความเป็นความตายของโม่เฉียวหลิงเลยแม้แต่น้อย เธอเป็นแค่เหยื่อล่อที่องค์กรจัดหามา เธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ต่อให้ถูกจับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“เด็กคนนี้อายุไม่ถึงหนึ่งเดือนจริงเหรอ?” เดวิดมองเล่อเล่อที่อยู่ในอ้อมแขนของเพื่อน เธอไม่ร้องไห้เลยสักนิดจนเขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย

อ้วนขนาดนี้…แข็งแรงขนาดนี้…ต่อให้เป็นเด็กยุโรปหรืออเมริกาก็คงไม่ได้เจริญเติบโตได้ดีขนาดนี้มั้ง?

อีกอย่างปกติเวลาเด็กเจอคนแปลกหน้าจะกลัวจนร้องไห้ไม่ใช่เหรอ?

ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำตัวราวกับไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?

“คิก ๆ…” อยู่ดี ๆเล่อเล่อก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข

เพราะว่าเธอสัมผัสได้ถึงเสวี่ยเสวี่ยคู่หูที่ดีของเธอ แบบนี้ก็เล่นได้เต็มที่แล้ว!

“อยู่ดี ๆก็หัวเราะ…บ้าไปแล้ว!” ชายหนุ่มที่อุ้มเล่อเล่ออยู่รู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้เขาคิดว่าการร้องไห้งอแงถึงจะเป็นเรื่องที่ปกติที่สุด แล้วหัวเราะได้ไงเนี่ย?

“บางทีมีหมู่เลือดหายากก็คงเป็นแบบนี้ละมั้ง…ไปเถอะ…” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าไม่ได้สนใจเรื่องเติบโตเกินวัยของเล่อเล่อเลยแม้แต่น้อย เขาคิดแค่ว่าอยากทำภารกิจให้ลุล่วงเร็วขึ้นหน่อยแล้วรีบไปจากที่นี่สักที

ประเทศตะวันออกอันลึกลับอย่างฮวาเซี่ยมักทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจ เขาไม่อยากอยู่ต่อเลยสักนิด

เสวี่ยเอ๋อร์สะกดรอยตามอยู่ด้านหลังอย่างลับ ๆล่อ ๆราวกับวิญญาณที่ตามติดไม่ห่าง ชายหนุ่มทั้งสามคนไม่ทันสังเกตเห็น พวกเขาอุ้มเล่อเล่อที่ปิดปากเงียบกริบไปตามทางลัดแล้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

แสงสีขาวกระโดดพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เสวี่ยเอ๋อร์กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถอย่างว่องไวราวกับสายฟ้า อุ้งเท้าเกาะหลังคารถไว้แน่นราวกับภูเขาไท่ซาน

รถเคลื่อนตัวออกจากเขตตัวเมืองไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ความกระวนกระวายใจของชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าลดลงไปบ้าง เขามองเล่อเล่อที่กำลังเอนกายเป่าฟองอากาศอยู่ในอ้อมแขนเพื่อนและอดยิ้มออกมาไม่ได้

“เจ้าเด็กน้อยนี่ช่างน่ารักรู้ความดีจริง ๆ ฉันแอบตัดใจส่งตัวนังหนูนี้ไปไม่ได้เลยแฮะ!”

“จริงด้วย…ฉันไม่เคยเจอเด็กที่ไหนที่ว่านอนสอนง่ายแบบนี้มาก่อนเลย อยู่ดี ๆฉันก็รู้สึกรักเด็กเข้าแล้วสิ!” เดวิดพูดพลางกลั้วหัวเราะแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เล่อเล่อ

“แปะ!”

เล่อเล่อตวัดมือฟาดไปหนึ่งที หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ยังจะทำหน้าผีใส่อีก อยากโดนตบหรือไง?

“แปลกจัง…เด็กอายุหนึ่งเดือนทำไมแรงเยอะขนาดนี้นะ…วันนี้เจ้าเด็กนี่ตบฉันไปสองครั้งแล้ว…เจ็บนะโว้ย…”

เดวิดลูบแก้มขวาของตัวเองด้วยความโกรธ แสบไม่เบาเลย

………………………..

ตอนที่ 2397 เด็กคนนี้แหละ

 “แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องดังลั่นดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของป้าฟางไปมา ป้าฟางจึงยิ้มพลางพูด “ป้าพาเล่อเล่อออกไปเดินเล่นก่อนนะคะ เธอคงทนไม่ได้แล้ว”

“ฉันไปด้วยเลยค่ะ ป้าฟางคนเดียวเอายัยปีศาจน้อยนี่ไม่อยู่หรอก ฉีฉีเก๋อเธอพักผ่อนเยอะ ๆนะ ไว้วันหลังฉันจะมาเยี่ยมใหม่” เหมยเหมยอุ้มลูกสาวขึ้น

“อืม…” ร่างกายของฉีฉีเก๋อยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก นั่งพิงไปสักพักก็รู้สึกเหนื่อยล้า คุณลุงปาเกินจึงขยับเตียงลงให้เธอได้พักผ่อน

เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อแล้วพากันเดินไปทางสวนสาธารณะพร้อมป้าฟาง ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แสงแดดเจิดจรัส อากาศสดชื่นมาก มีผู้คนมากมายนั่งอาบแดดอยู่ในสวนสาธารณะ

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องอารมณ์ดี สองมืออวบอ้วนปัดป่ายไปมาไม่หยุดราวกับกำลังเต้นรำอยู่ เจ้าตัวเล็กชอบชื่นชมดอกไม้ใบหญ้าเป็นที่สุด ใจนึกอยากออกมาข้างนอกทุกวันเลย

“ดูท่าทางของหนูเข้าสิ ทำไมถึงได้ชอบออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านนักนะ…” เหมยเหมยกัดแก้มอ้วน ๆของเจ้าตัวเล็กไปที กลิ่นหอมนมโชยออกมาจากตัว กัดยังไงก็ไม่พอสักที

“ฮ่า ๆ”

มืออ้วนเล็กของเล่อเล่อตบเข้าใบหน้าของเหมยเหมยเบา ๆ หัวเราะอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เธอชอบให้แม่กัดแก้มที่สุด ทั้งจั๊กจี้ทั้งรู้สึกดี ไม่เหมือนพ่อมือหนักเอามาก ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด

เจ้าหมาป่าตัวน้อยเสวี่ยเอ๋อร์ก็ตามมาด้วย เดิมทีเหมยเหมยไม่อยากพามันมาด้วยแต่เล่อเล่อกับเสวี่ยเอ๋อร์ตัวติดกันตลอดแค่นาทีเดียวก็ไม่ยอมห่างจึงจำใจต้องพามาด้วย

โชคดีที่ตอนนี้เสวี่ยเอ๋อร์ยังไม่โตดูแล้วคล้ายลูกสุนัข มันจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากคนภายนอกนัก

“เจ้าหมูน้อย…มาให้แม่กัดอีกซักทีสิ…นี่แหน่ะ…”

เหมยเหมยกับเล่อเล่อหยอกล้อกัน สองแม่ลูกที่ผู้เป็นแม่งดงามดั่งนางฟ้า ส่วนลูกตัวอ้วนป้อมน่ารักน่าเอ็นดูจึงดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนมาก ทุกคนต่างพากันอมยิ้มและมองดูพวกเขา

ในมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ มีคนกลุ่มหนึ่งซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ทำตัวลับ ๆล่อ ๆ ชายสามหญิงหนึ่ง ผู้หญิงก็คือโม่เฉียวหลิง พอเธอได้รับโทรศัพท์ก็รีบมาทันทีเลย

ผู้ชายสามคนนั้นสะกดรอยตามเหมยเหมยมาตั้งแต่หน้าห้องพักผู้ป่วยแล้ว เนื่องจากในโรงพยาบาลคนเยอะและสามคนนี้ก็ค่อนข้างสะกดรอยตามเก่ง ป้าฟางจึงไม่ทันสังเกตแต่แรก

 “ใช่เด็กคนนี้ไหม?” ชายคนหนึ่งถามด้วยภาษาอังกฤษ ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้

โม่เฉียวหลิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอจำเหมยเหมยและป้าฟางได้ และรู้ด้วยว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดของเหมยเหมยคือลูกสาวของเธอ และไม่ใช่เป้าหมายที่พวกเธอหาในวันนี้ เพียงแต่…

ความชั่วร้ายมีมากกว่า!

โม่เฉียวหลิงพยักหน้าด้วยท่าทีเก้ ๆกัง ๆ “ใช่ค่ะ เด็กคนนี้แหละ!”

นังแพศยาจ้าวเหมยก็แค่อาศัยการมีลูกเรียกร้องความรักจากเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่หรือไง?

ถ้าไม่มีเด็กคนนี้…

เธอจะคอยดูสิว่าจ้าวเหมยจะยังเหลือที่พึ่งอะไรอีก?

แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ เธอก็จะไม่ยอมปล่อยให้เหมยเหมยใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขหรอก

ชายสามคนนั้นต่างพากันถอดแว่นดำออก พวกเขาต่างเป็นชาวต่างชาติ พวกเขาจ้องเหมยเหมยสองแม่ลูกอยู่สักพัก ชายคนที่ถามก่อนหน้านี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไหนบอกว่าเป็นเด็กทารกแรกเกิด? ทำไมถึงตัวโตขนาดนี้ล่ะ”

เด็กน้อยตรงหน้านี้ดูแล้วอายุราว ๆสามสี่ขวบด้วยซ้ำ ชายคนนั้นเกิดความสงสัย โม่เฉียวหลิงเองค่อนข้างกลัวชายคนนี้พอสมควร ทั้งสามคนถูกส่งตัวมาจากสำนักงานใหญ่ เพราะฉะนั้นทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับภารกิจในครั้งนี้เป็นอย่างมาก!

จู่ ๆเธอก็นึกเสียใจขึ้นมาแล้วสิ!

ถ้าหากว่าสำนักงานใหญ่จับได้ว่าเธอโกหกจะลงโทษเธออย่างไรนะ?

โม่เฉียวหลิงมัวแต่อึกอัก ชายผู้นั้นรู้สึกรำคาญจึงเปล่งเสียงแหลมสูงขึ้นว่า “สรุปแล้วใช่เด็กคนนี้ไหม?”

“ถ้าเป็นเด็กห้อง 203 ก็ไม่ผิดตัวแล้วล่ะ”

โม่เฉียวหลิงตัวสั่นสะท้านเฮือก แต่ฉับพลันก็นึกคำตอบที่ดีขึ้นได้

…………………………………………………………….

ตอนที่ 2398 แผนการที่ดี

 ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “เป็นห้องผู้ป่วย 203 เดวิด พวกนายดูจนแน่ใจแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ เป็นห้องผู้ป่วย 203 ฉันดูมาแล้วสามรอบ”

ชายอีกคนพยักหน้า อีกคนที่เหลือก็พยักหน้าตาม

ชายหนุ่มพลันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้สำคัญมากจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย มิฉะนั้นชีวิตน้อย ๆของพวกเขาทั้งสามก็คงยากที่จะรักษาไว้ได้

“เห็นทีฉันคงต้องเปลี่ยนอคติที่มีต่อชาวเอเชียตะวันออกแล้วล่ะ เด็กทารกที่อายุยังไม่ถึงเดือนดีเติบโตได้เร็วถึงขนาดนี้เชียว…ฮ่า ๆ…” ชายหนุ่มหัวเราะด้วยท่าทีขบขัน ชายอีกสองคนก็หัวเราะตามไปด้วยแต่ใบหน้าแสดงออกถึงความดูถูกเหยียดหยาม

โม่เฉียวหลิงก็พลันรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดก็กลบเกลื่อนสามคนนี้ได้เสียที

แผนการของเธอช่างแยบยลนัก ถึงอย่างไรเธอก็มีหน้าที่แค่ชี้ตัวบุคคล ทารกห้อง 203 เป็นทารกที่มีเลือดหมู่โอบอมเบย์ที่หาได้ยาก เรื่องนี้เธอสามารถรับประกันได้ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจ้าวเหมยถึงมาปรากฏตัวอยู่ในห้อง 203 ได้นั้นเธอไม่จำเป็นต้องสนใจ

ถ้าหากสามารถพาตัวลูกสาวของจ้าวเหมยไปต่างประเทศได้ เธอดีใจแทบไม่ทันด้วยซ้ำ!

หากว่าสำนักงานใหญ่จะหาตัวคนผิดมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ คนผิดก็คือชายสามคนนั้น ข้อมูลที่เธอให้ไปไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

โม่เฉียวหลิงคิดไว้เสียดิบดี มุมปากยกยิ้ม กระทั่งจินตนาการไปถึงเหตุการณ์หลังจากที่จ้าวเหมยสูญเสียลูกสาวไปจนถูกเหยียนหมิงซุ่นทอดทิ้งอย่างน่าเวทนา ไม่แน่ว่าตอนนั้นเธออาจจะเข้าไปแทนที่ได้!

แม้ว่างานในตอนนี้จะได้รับค่าตอบแทนสูงแต่ก็ต้องอยู่บนความเสี่ยงสูงเช่นกัน โม่เฉียวหลิงไม่ได้คิดที่จะทำงานนี้ในระยะยาว หากเก็บเงินก้อนโตได้เธอก็จะวางมือ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือการแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น มีทั้งเงินมีทั้งอำนาจแถมยังมีทั้งตำแหน่ง นังแพศยาจ้าวเหมยมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับสิ่งเหล่านั้น?

“เดวิด นายไปหลอกล่อผู้หญิงที่มีอายุคนนั้นที” ชายหนุ่มออกคำสั่ง

“โอเค!”

พวกพ้องของเขาทำท่ายกมือขึ้นโอเคอย่างไม่ใส่ใจอะไร ผิวปากพร้อมเดินมุ่งหน้าไปหาป้าฟาง พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นยอดฝีมือจากสำนักงานใหญ่ ภารกิจที่ทำมีแต่เรื่องอันตราย ครั้งนี้แค่ขโมยเด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง เรื่องแค่นี้ง่ายนิดเดียว!

เหมยเหมยและเล่อเล่อยังคงหยอกล้อกันอยู่ ป้าฟางยืนมองอยู่ข้าง ๆพลางยิ้มตาหยีแต่ท่วงทีกลับไม่ได้ผ่อนคลายนัก ดูคล้ายไม่มีอะไรแต่กลับจับสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวรอบด้านอยู่ตลอด

ชายหนุ่มที่ชื่อเดวิดเพิ่งขยับเข้าใกล้ก็ถูกป้าฟางจับสังเกตได้แล้ว เธอขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติใด ทว่ากลับขยับร่างกายเข้าใกล้เหมยเหมยและเล่อเล่อยิ่งกว่าเดิมด้วยท่าทีตึงเครียด

หวังว่าจะแค่เดินผ่านมาเท่านั้นนะ

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องกะทันหัน สายตามองไปยังเดวิด มือไม้ปัดป่ายไปมาไม่หยุด

“มีอะไรเหรอ ลูกรัก?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ

“แอ๊ะ…”

นี่คนชั่ว ไม่ใช่คนดี!

แววตาไร้เดียงสาของเล่อเล่อแผ่รังสีอำมหิตออกมาแวบหนึ่ง เหมยเหมยและป้าฟางสัมผัสไม่ได้ แต่เดวิดตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่พลันรู้สึกแปลก ๆขึ้นมา

สภาพอากาศที่ฮวาเซี่ยนี่ช่างแปลกประหลาดนัก แดดแรงขนาดนี้แต่กลับตัวสั่นสะท้าน?

เดวิดไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วเดินมุ่งไปข้างหน้าต่อพลางขบคิดว่าจะหลอกล่อป้าฟางอย่างไรดี เขาจะหลอกล่อหรือจะบุกเข้าไปโต้ง ๆเลยดีนะ?

ชายหัวหน้ากลุ่มกลับมองออกว่าป้าฟางมีฝีมือในการต่อสู้ เขาขมวดคิ้วมุ่นรับรู้ได้เลยว่าภารกิจในครั้งนี้ต้องไม่ราบรื่นแน่นอน เขาคิดอยู่สักพักก่อนจะหันไปส่งสัญญาณมือให้กับพวกพ้องของตน พวกเขาทั้งสองคนจึงแยกย้ายกันไปคนละฟาก

“ฮัลโหล ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหนเหรอครับ?” เดวิดเดินเข้ามาใกล้และหันไปถามป้าฟางด้วยภาษาจีนที่แย่มาก ส่วนสูงของเขาสูงกว่าป้าฟางอยู่มาก เวลานี้เขาก้มหน้าลงแต่หางตากลับเหลือบมองเล่อเล่อ

“เพี๊ยะ!”

เล่อเล่อยืดตัวตรง แล้วเหวี่ยงมือฟาดเขาไปทีหนึ่งซึ่งตรงกับตำแหน่งใบหน้าของเขาพอดี

นังเด็กบ้า แรงมือดีไม่เบาเลยนะ!

เดวิดส่งเสียงร้องลั่นจนทำเอาเพื่อนอีกสองคนต่างพากันตื่นตระหนก

………………………………………………………….

ตอนที่ 2395 หาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮช

 “เพราะพี่หมิงซุ่นปลีกตัวมาไม่ได้ถึงได้ย้ำให้ฉันมาเอง ต้องการอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ หากว่าช่วยเหลืออะไรได้พวกเราก็ยินดีที่จะช่วยเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้องชายแท้ ๆของเหยียนหมิงซุ่นแต่ก็นับว่าเป็นญาติกัน!”

เหมยเหมยยิ้มพลางพูดด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ

แต่ความหมายชัดเจนมาก ก็แค่ญาติกันเท่านั้น แถมยังเป็นความสัมพันธ์ญาติห่าง ๆกันอีกต่างหาก แวะเวียนมาเยี่ยมสักครั้งก็นับว่าดีมากแล้ว ยังจะเอาอะไรอีกเหรอ?

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของคุณลุงโม่และเธออยากรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่งั้นเธอคงไม่มีทางมาที่นี่เด็ดขาด

คราวนี้แม่ของหวงจื้อเหลียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงอ้าปากหมายจะตอกกลับ แต่คุณลุงโม่จ้องเธออย่างดุดัน เธอจึงค่อย ๆเงียบไปพร้อมแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

“หมิงซุ่นยุ่งแต่เรื่องสำคัญทั้งนั้น ไม่ต้องมาเองหรอก งานหลวงสำคัญที่สุด” คุณลุงโม่กล่าว

เหมยเหมยอมยิ้มเล็กน้อย “ต้องมาอยู่แล้วค่ะ อีกสักพักก็คงตามมา พี่หมิงซุ่นบอกว่าจะมาเยี่ยมคุณลุง”

คุณลุงโม่มีท่าทีพอใจต่อท่าทีเคารพนบน้อมของเหมยเหมยมาก นี่แสดงให้เห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นยังเห็นเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเรื่องทางบ้านของภรรยาไม่เกี่ยวอะไรกับหมิงซุ่นเลยสักนิด!

จัดการเรื่องหน้าที่การงานให้ไปแล้วยังไม่พอใจอีก ใจคนเรานี่ช่างไม่รู้จักพอเสมือนงูอยากกลืนกินช้างเลยจริง ๆ!

“โอ๊ย…”

หวงจื้อเการู้สึกตัวอย่างช้า ๆ แม่ของเขาและป้าสะใภ้โม่ล้อมเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่นานก็ร้องไห้กันอีกครั้ง

รอจนพวกเขาหยุดร้องไห้ เหมยเหมยถึงได้เข้าไปถามไถ่

“โม่เฉียวหลิงนัดนายไปที่สวนสาธารณะใช่ไหม?” เหมยเหมยถามออกไปตามตรง

หวงจื้อเกาหน้าถอดสี แม้ว่าจะส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วแต่สีหน้าของเขากลับบอกทุกอย่างชัดเจน

เป็นโม่เฉียวหลิงจริง ๆด้วย!

ป้าสะใภ้โม่เองก็มองคำโป้ปดของหลานชายตนออก เธอเข้าใจผิดคิดว่าหวงจื้อเกายังตัดโม่เฉียวหลิงไม่ขาดและไม่เชื่อฟังคำพูดของเธอ ไฟโทสะจึงปะทุขึ้นมาทันทีแล้วบ่นไปหลายประโยค

หวงจื้อเกาอ้ำ ๆอึ้ง ๆ ดวงตาฉายแววนึกเสียใจ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเสียไตไปหนึ่งข้าง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ควรโลภของสวย ๆงาม ๆอีก!

เฮ้อ!

บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง!

เหมยเหมยดูออกถึงความในใจของหวงจื้อเกาจึงยกยิ้มมุมปาก แม้ถูกขโมยไตไปข้างหนึ่งจะดูน่าสงสาร แต่หากว่าหวงจื้อเกามีคุณธรรมมากพอก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้

แต่ดูจากท่าทีของหวงจื้อเกาคงจะยังไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองเหลือไตข้างเดียวจะเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิง!

“ขอเตือนนายไว้เลย ต่อไปนี้ห้ามมีความสัมพันธ์ใดกับโม่เฉียวหลินอีก ถ้าหากว่านายยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ!”

เหมยเหมยเอ่ยย้ำไปประโยคหนึ่ง

แม้แต่กระต่ายยังไม่กินหญ้าข้างบ้านเลย[1] โม่เฉียวหลิงกล้าลงมือได้แม้กระทั่งหวงจื้อเกา นั่นแสดงว่าเธอจะต้องสติฟั่นเฟือนไปแล้ว!

แต่เธอค่อนข้างประหลาดใจ ต่อให้โม่เฉียวหลิงโลภเงินทองขนาดไหนแต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเดินทางสายนี้เลยนี่นา!

แต่สิ่งที่เธอมั่นใจก็คือปีก่อนโม่เฉียวหลิงน่าจะยังไม่เคยทำความผิดมาก่อนเพราะตอนนั้นเธอยังอาลัยอาวรณ์เหยียนหมิงซุ่นอยู่เลย!

เหมยเหมยไม่ชอบแม่ของหวงจื้อเกา เพราะงั้นพอวางอั่งเปาไว้ให้ซองหนึ่งแล้วเธอก็กลับไปเลย พวกหวงจื้อเกาที่อยู่ด้านหลังต่างมีท่าทีงงงวยไม่เข้าใจว่าทำไมเหมยเหมยถึงพูดจาแบบนี้

ตกค่ำโม่ซิวหย่วนมาหาก็พูดถึงเรื่องหวงจื้อเกา

“ฉันให้คนไปสืบมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะตามหาไตของหวงจื้อเกาเจอก็ได้” เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีเคร่งขรึมมาก เขาได้แวะไปเยี่ยมหวงจื้อเกามาแล้ว

แก๊งนี้เหิมเกริมขึ้นทุกวัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา มีหรือที่เขาจะยอม!

นอกจากเหยียนหมิงต๋าแล้ว เขายังได้ส่งคนอื่น ๆไปสืบเบาะแสเรื่องนี้ด้วย คงใกล้จะได้คำตอบแล้วล่ะ

เพียงแต่…

เหยียนหมิงซุ่นประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปหน่อย ผ่านไปสามวันก็ยังสืบหาร่องรอยอะไรไม่ได้เลย

วันนี้เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อไปเยี่ยมฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล ป้าฟางก็ไปพร้อมกับเธอด้วย

ฉีฉีเก๋อฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี อีกไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ส่วนทางฉางชิงซงยังติดต่อไม่ได้เลย

“เจ้าตัวเล็กของฉันมีกรุ๊ปเลือดที่ค่อนข้างพิเศษ หมอบอกว่าหาได้ยากยิ่งกว่าเลือดหมู่อาร์เฮชเสียอีก!” ฉีฉีเก๋อมีสีหน้าอมทุกข์

……………………………………………

ตอนที่ 2396 หมู่เลือดโอบอมเบย์

 “เห็นบอกว่าหมู่เลือดโอบอมเบย์หายากยิ่งกว่าหมู่เลือดอาร์เฮชเสียอีก…” ฉีฉีเก๋อเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเป็นทุกข์

เหมยเหมยสีหน้างุนงงหนักกว่าเดิม “อะไรคือหมู่เลือดโอบอมเบย์?”

ทำไมหมู่เลือดถึงไปเกี่ยวข้องกับอินเดียได้ล่ะ?

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอบอกมาแบบนั้น เห็นบอกว่าเพราะเป็นหมู่เลือดแรกที่พบในมุมไบ[2] ดังนั้นจึงเรียกมันว่า โอบอมเบย์ ในประเทศเรามีแค่สามสิบกว่าคนเอง และเจ้าตัวเล็กของฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น…”

ฉีฉีเก๋อคิ้วขมวดเป็นปม หน้าตาอมทุกข์ หมู่เลือดหายากไม่ใช่เรื่องดีอะไร หลังจากที่ได้ฟังหมอพูดเธอก็ทุกข์ใจมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เหมยเหมยเหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังกินนมอยู่ในอ้อมอกของแม่ฉีฉีเก๋อ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กินนมแม่แต่ลุงปาเกินก็ซื้อนมผงน้ำเข้าที่ดีที่สุดมาให้ เจ้าตัวเล็กกินจนตัวอ้วนป้อม ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ตัวกลมขึ้น น่ารักมาก ๆเลยล่ะ

ทำไมถึงเป็นหมู่เลือดโอบอมเบย์ไปได้ล่ะ?

“เธอกับฉางชิงซงมีหมู่เลือดปกติไม่ใช่เหรอ? เลือดไม่ได้มาจากพันธุกรรมของพ่อแม่หรอกเหรอ?” เหมยเหมยครุ่นคิดอย่างหนัก

เธอเข้าใจมาตลอดว่าถ้าพ่อแม่มีหมู่เลือดอะไร ลูกก็จะมีหมู่เลือดนั้น ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงได้ล่ะ?

“ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉางชิงซงเลือดกรุ๊ปโอ ฉันกรุ๊ปบี ตามหลักแล้วเจ้าตัวเล็กของฉันจะต้องมีเลือดกรุ๊ปโอ หรือไม่ก็กรุ๊ปบี ทำไมถึงกลายเป็นโอบอมเบย์ไปได้ก็ไม่รู้ ทั้งประเทศมีอยู่แค่สามสิบกว่าคนเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะหาใครบริจาคสักคนยังไม่มีเลย…”

สิ่งที่ฉีฉีเก๋อกังวลที่สุดคือเรื่องนี้ กรุ๊ปเลือดไม่ใช่ของหายาก กรุ๊ปเลือดทั่วไปไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเกิดอะไร ในธนาคารเลือดมีพลาสม่าสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เลือดหายากคงต้องกลุ้มใจหน่อยแล้ว

ชั่วชีวิตของคนเราจะมีใครกล้ารับประกันบ้างว่าจะมีแต่ความสงบสุข เหมือนกับตัวเธอที่ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเป็นอะไรหนักหนาสาหัสเลย แต่พอคลอดลูกครั้งนี้กลับตกเลือดจนเสียเลือดไปตั้ง 1500 ซีซี!

เหมยเหมยขมวดคิ้วพลางถาม “ยืนยันแล้วใช่ไหมว่าเป็นหมู่เลือดโอบอมเบย์?”

“อืม สองสามวันนี้มีหมอผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูเจ้าตัวเล็ก แถมยังเจาะเลือดไปอีกตั้งหลายรอบ!” ฉีฉีเก๋อปวดใจมาก

“ยังมีอีกตั้งสามสิบกว่าคนไม่ใช่หรอ ในธนาคารเลือดจะต้องมีพลาสม่าสำรองแน่ ๆ เธอยังจำได้ไหมว่าในคลาสเรามีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมีเลือดหมู่อาร์เฮช ทุก ๆปีเขาจะไปบริจาคเลือดที่ธนาคารเลือดเพื่อเป็นการเก็บรักษาไว้

เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลเรื่องหมู่เลือดของเจ้าตัวเล็กเลย ธนาคารเลือดรอบคอบกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ พวกเขาต้องมีเก็บสำรองไว้อยู่แล้ว” เหมยเหมยปลอบใจ

ฉีฉีเก๋อรู้สึกวางใจไม่น้อย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ ฉันเองก็เพิ่งจะนึกได้ หมู่เลือดของเพื่อนผู้ชายคนนั้นก็เลือดหมู่อาร์เฮชนี่นา เขาพูดอยู่บ่อย ๆว่าไปบริจาคเลือดเอาไว้ช่วยตัวเอง ดูท่าแล้วอีกหน่อยถ้าเจ้าตัวเล็กโตขึ้นฉันก็จะให้เขาไปบริจาคเลือดด้วยเหมือนกัน”

“เอาน่า เรื่องของอนาคตเอาไว้ค่อยว่ากัน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ก็คือดูแลร่างกายให้แข็งแรง เลี้ยงลูกให้ดี เรื่องอื่นไม่ต้องไปนึกถึงมัน”

คุณลุงปาเกินเดินเข้ามา พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “พ่อกับแม่ก็พูดแบบนี้แหละ แต่ฉีฉีเก๋อก็ไม่ยอมฟังเลย หนูช่วยพูดเกลี้ยกล่อมหน่อยนะ ช่วงอยู่เดือนไม่ควรคิดมากเพราะร่างกายจะรับไม่ไหวเอา”

“อาป๊า อาม้า ตอนนี้หนูคิดได้แล้ว อาป๊ากับอาม้าอย่าห่วงเลยนะคะ” ฉีฉีเก๋อรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก

เป็นเพราะเธอเองที่ไม่เอาไหนเลยทำให้พ่อแม่ของเธอต้องลำบากถึงเพียงนี้

“คิดได้ก็ดีแล้วล่ะ มีอาป๊ากับอาม้าอยู่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย กินให้อิ่มนอนให้อุ่น ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พวกเราก็วางใจแล้ว” คุณลุงปาเกินลูบหัวลูกสาว แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความทะนุถนอม

ลูกสาวที่เขาเลี้ยงมาอย่างไข่ในหินจนเติบใหญ่ วันนี้กลับต้องทุกข์ทรมานอย่างหนักก็เพราะเจ้าบ้าฉางชิงซงนั่น!

เรื่องนี้เขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆแน่!

เขาจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้ลูกสาวของเขา!

……………………………………………………………..

[1] สำนวนหมายถึง คนเราจะไม่ทำความชั่วในถิ่นของตนเองหรือคนรู้จัก

[2] ชื่อเมืองทางภาคตะวันตกของประเทศอินเดีย โดยมีชื่อเมืองเดิมว่า บอมเบย์

ตอนที่ 2393 เกิดขึ้นพร้อมกันอีกแล้ว

 “พี่สะใภ้…” เหยียนหมิงต๋าเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม

“ชิ!”

เหมยเหมยแค่นเสียงเบา เธอคร้านที่จะสนใจเขา ถึงแม้ว่าคืนก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะอธิบายให้เธอฟังแล้วว่าเหยียนหมิงต๋ามีเรื่องที่ยังพูดไม่ได้ แล้วยังบอกอีกว่าเขาได้สั่งสอนเจ้าบ้านั่นไปแล้ว

อืม…

ดูจากตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นคงซัดไปไม่เบาเลยนี่นา เหมยเหมยจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากทำหน้าดี ๆใส่เหยียนหมิงต๋า ใครใช้ให้เจ้าบ้านี่ไปคลุกคลีอยู่กับโม่เฉียวหลิงล่ะ!

แต่ที่สำคัญคือเหยียนหมิงซุ่นเคยกำชับเอาไว้ว่าให้เธอทำตัวเหมือนเดิม ควรเหวี่ยงใส่ก็ปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่ แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เหมยเหมยรู้ดีว่าจำเป็นต้องเล่นละครตบตาใครบางคน

แต่ก่อนเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้จริงจังขนาดนี้ แต่ครั้งนี้กลับ…

นั่นแสดงว่าศัตรูในครั้งนี้อันตรายมาก!

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้รับคำทักทายตอบกลับจากเหมยเหมยจึงได้แต่ลูบจมูกปอย ๆแก้เก้อ และหันไปหยอกล้อเล่อเล่อแทน

คุณปู่เหยียนเองก็ไม่ได้ทำสีหน้าชอบใจเท่าไรนัก หน้าดำคล้ำเครียดตั้งแต่เหยียนหมิงต๋าเดินเข้าประตูบ้านมาและไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด

คุณย่าหยางจึงต้องยิ้มเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น “ทานข้าวกันเถอะ กับข้าววันนี้ต้องกินให้หมดนะ มื้อเช้าพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องทานของเหลือ”

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องดีใจ อุ้งมือตุ้ยน้อยเอื้อมคว้าหมับเข้าที่มือของเหยียนหมิงต๋า ดึงกันไปดึงกันมาเล่นอย่างสนุกสนาน

เหยียนหมิงต๋าชอบเล่อเล่อมาก ทุกครั้งที่มาทานข้าวก็มักจะเล่นกับเล่อเล่ออยู่พักใหญ่ เขามีความอดทนมากจริง ๆ

มีตัวสร้างเสียงหัวเราะอย่างเล่อเล่ออยู่ บรรยากาศในการทานอาหารก็ดูจะผ่อนคลายลงบ้าง เมื่อมื้ออาหารสิ้นสุดลง คุณย่าหยางก็ลากตัวเหยียนหมิงต๋าไปยังท้ายครัว

“แกรีบไปเลิกรากับนังจิ้งจอกนั่นซะ ไม่เห็นหรือไงว่าคุณปู่ของแกกับพี่สะใภ้โกรธกันใหญ่แล้ว ได้ยินหรือยัง?”

เหยียนหมิงต๋าขมวดคิ้วมุ่น ตอบรับอึก ๆอัก ๆ “รู้ครับ ผมรู้ตัวเองดี…”

หากราบรื่นละก็อีกไม่เกินสองเดือนทุกอย่างก็จะคลี่คลาย ถึงเวลานั้นค่อยอธิบายให้พี่สะใภ้ฟังดี ๆก็ได้แล้ว

คุณย่าหยางเข้าใจว่าเหยียนหมิงต๋าเตรียมเลิกรากับโม่เฉียวหลิงจึงพอใจเป็นอย่างมาก “เชื่อย่าถูกแล้ว ผู้หญิงอย่างโม่เฉียวหลิงไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาเลย เอาไว้พรุ่งนี้ย่าจะแนะนำผู้หญิงที่ดีกว่านี้ให้แกเอง หลานของย่าหน้าตาก็ดีแถมยังอนาคตไกล จะต้องได้เจอผู้หญิงดี ๆแน่นอน…”

เหยียนหมิงต๋าหัวเราะเย้ยตัวเอง ตัวเขาตอนนี้แทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยด้วยซ้ำ มีสิทธิ์อะไรที่จะแต่งงานงั้นหรือ?

อย่าทำร้ายผู้หญิงคนอื่นเลยจะดีกว่า!

เขาไม่ได้คัดค้านอะไรคุณย่า ถึงอย่างไรคุณย่าก็ทำได้แค่แนะนำ สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง

ตอนนี้เขาเองก็ไม่มีอารมณ์มาใส่ใจเรื่องรัก ๆใคร่ ๆอยู่แล้ว แค่อยากจะทำเรื่องที่มันมีความหมายเสียบ้าง

เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหลังที่เหลืออยู่จะยาวนานแค่ไหน แต่เขาหวังว่าจะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีความหมายขึ้นบ้าง!

หญิงชราที่กระวนกระวายใจ หลังจากอบรมสั่งสอนเหยียนหมิงต๋าเสร็จก็ไปพูดจาเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย ไม่อยากให้เธอต้องคิดเล็กคิดน้อยกับน้องชายสามี

“คุณย่าหยางวางใจเถอะค่ะ หนูไม่ได้โกรธหมิงต๋าเลย หนูแค่เป็นห่วงกลัวว่าเขาจะโดนหลอกอีก แต่พี่หมิงซุ่นต่อว่าเขาไปแล้ว คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ!”

ในใจเหมยเหมยรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่เหยียนหมิงซุ่นเคยสั่งไว้ว่าห้ามให้ทั้งสองเฒ่ารู้ความจริงเด็ดขาด เธอจึงทำได้แค่ปิดเป็นความลับ เธอจะเป็นตัวถ่วงเหยียนหมิงต๋าไม่ได้

เนื่องด้วยฉีฉีเก๋อร่างกายอ่อนแอจึงนอนโรงพยาบาลไปหลายคืน ค่ารักษาทั้งหมดเหมยเหมยเป็นคนจ่าย ส่วนคุณลุงปาเกินและครอบครัวก็มาถึงในวันถัดมา พวกเขาคอยดูแลเอาใจใส่ฉีฉีเก๋อและต่างรู้สึกซาบซึ้งต่อเหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาก

พวกเธอเองต่างก็โล่งใจ สิ่งที่ฉีฉีเก๋อต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่ ถึงอย่าไรพวกเธอก็เป็นแค่เพื่อน พวกลุงปาเกินมาได้ประจวบเหมาะเวลาพอดี

เหมยเหมยรับปากเหยียนหมิงซุ่นว่าจะไม่ไปโรงพยาบาล แต่เธอก็รู้สึกคันยุบยิบในใจจึงให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยสอดส่องไว้

ผ่านไปหลายวันก็มีสายจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโทรเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าคู่กรณีในครั้งนี้จะเป็นบุคคลที่คุ้นเคย

………………………………………………………

ตอนที่ 2394 ที่แท้ก็คนคุ้นเคย

ชายผู้โชคร้ายในครั้งนี้ก็คือหลานชายป้าสะใภ้ใหญ่ของเหยียนหมิงซุ่น ซึ่งก็คือหวงจื้อเกาคนที่เคยมาเยี่ยมที่บ้านก่อนหน้านี้

“โดนขโมยไตไปข้างหนึ่ง ผู้ดูแลสวนสาธารณะเป็นคนเห็น นับว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ช่วยเอาไว้ได้แล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว

เหมยเหมยใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ทำไมถึงเป็นหวงจื้อเกาได้ล่ะ?

เขาไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆกับโม่เฉียวหลิงแล้วไม่ใช่เหรอ?

แต่เนื่องจากคนที่โดนคือหวงจื้อเกา เหมยเหมยจึงยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าโม่เฉียวหลิงต้องมีความเกี่ยวข้องกับพวกกลุ่มค้าอวัยวะมนุษย์แน่นอน ทำไมโลกนี้ถึงได้มีเรื่องบังเอิญมากขนาดนี้นะ?

“ตำรวจรู้หรือยัง?” เหมยเหมยถาม

“แน่นอนว่าต้องรู้แล้ว หวงจื้อเกาอยู่ที่โรงพยาบาล ตำรวจก็เข้ามาถามไถ่ แต่หมอนั่นเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเธอเองก็รู้สึกสนใจคดีลักษณะนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว เกิดเหตุการณ์ขโมยไตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่?

“เธอรู้จักโรคไตวายเรื้อรังไหม? ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงทางเลือกเดียวคือปลูกถ่ายไต แต่จะมีไตที่สดใหม่แข็งแรงจากไหนมาให้เธอปลูกถ่ายได้ล่ะ…” เหมยเหมยหัวเราะเยาะ

“แม่เจ้า ไม่แปลกใจเลยที่คาร์ล มาร์กเคยกล่าวไว้ว่านักธุรกิจสามารถสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไร!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยจริง ๆว่าจะมีพวกค้าอวัยวะมนุษย์อยู่จริง นี่เท่ากับว่าเห็นชีวิตคนเป็นแค่ต้นหญ้าชัด ๆเลยนี่นา!

“เหอะ…คนพวกนี้ทำเพื่อเงิน มีหรือที่จะสนใจชีวิตของคนธรรมดา”

เหมยเหมยพลันนึกบางอย่างได้ในฉับพลัน จินตนาการไปถึงคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นจึงรีบเอ่ยเตือนว่า “เรื่องนี้เธอห้ามเข้าไปยุ่งอีกนะ พวกมันไม่สนเรื่องความเป็นความตายอะไรทั้งนั้น เธออย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเชียวล่ะ จำไว้เลยนะว่าอย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาด!”

“รู้แล้วน่า ฉันก็กลัวตายนะ ไม่เข้าไปยุ่งหรอก!”

พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ก็พลันตัวสั่นสะท้าน ไหนเล่าจะกล้าเข้าไปยุ่งอีก!

แม้ว่าคนที่ถูกขโมยไตไปจะน่าสงสาร แต่เธอเองก็ไม่ใช่พระมหาไถ่[1] แล้วก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้า เธอแค่อยากแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกหดหู่ก็เท่านั้นเอง!

ถึงอย่างไรหวงจื้อเกาก็นับว่าเป็นญาติที่รู้จักกัน เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ก็ต้องให้ความสนใจเป็นธรรมดา

เหมยเหมยซื้อข้าวของเพียงแค่ไม่กี่อย่าง จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลพร้อมกับป้าฟาง โม่ซิวหย่วนบอกหมายเลขห้องผู้ป่วยกับเธอแล้ว เรื่องทั้งหมดมีเขาเป็นคนจัดการซึ่งยุ่งวุ่นวายพอสมควร ทั้งยังต้องไปรับแม่ของหวงจื้อเกาและคุณลุงคุณป้าของเขามาอีก

หวงจื้อเกานอกจากร่างกายอ่อนแรงแล้ว สติปัญญายังนับว่าดีมาก คนที่ขโมยไตไปจะต้องเป็นมืออาชีพมากแน่ ๆ รอยเย็บบาดแผลแนบเนียนมาก แถมยังฉีดยาชาให้ด้วยซึ่งไม่ได้เป็นผลร้ายแรงแต่อย่างใด

เพียงแค่ขาดไตไปข้างหนึ่ง

พ่อแม่ของหวงจื้อเกาต่างก็อยู่ที่นี่ รวมทั้งคุณลุงคุณป้าด้วย เหมยเหมยจึงเอ่ยทักทาย

“แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะ จื้อเกายังไม่ทันแต่งงานก็ถูกขโมยไตไปข้างหนึ่งแล้ว ต่อไปนี้ไม่รู้เลยว่าจะยัง…”

แม่ของหวงจื้อเการ้องห่มร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำจนเป็นลูกท้อ ไม่มีอารมณ์มาเอ่ยทักทายอะไรเหมยเหมยเลย

“อย่าร้องเลย ร้องไปก็ไม่ได้ทำให้ไตของหวงจื้อเกากลับมา สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจับตัวคนชั่วให้ได้ แล้วเอาไตกลับคืนมา แล้วค่อยมาดูอีกทีว่ายังสามารถใส่กลับคืนได้ไหม” คุณลุงเอ่ยเสียงขรึมและรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“ฮื้อ…”

แม่ของหวงจื้อเกากลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ สะอื้นเสียงแผ่ว ฟังแล้วหดหู่ใจเหลือเกิน

“เหมยเหมย ทำไมหมิงซุ่นถึงไม่มาล่ะ? เขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?” ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยถาม ดวงตาของเธอเองก็บวมเป่งมากเช่นกัน

“พี่หมิงซุ่นรู้เรื่องแล้วค่ะ ตอนนี้เขาติดธุระด่วน ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะตามมาค่ะ” เหมยเหมยพูดอย่างอดทน

หวงจื้อเกาถือว่าเป็นเคสฉุกเฉิน และอีกอย่างงานของเหยียนหมิงซุ่นก็ได้ถูกวางแพลนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆแล้ว ดังนั้นหากไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่โตจนแก้ไขไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางยอมให้ตารางงานรวนแน่นอน

“ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญมากว่าหวงจื้อเกาอีกเหรอ…”

แม่ของหวงจื้อเกาบ่นพึมพำเสียงเบา เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วมุ่น

…………………………………………………………..

[1] พระผู้ช่วยให้รอดชีวิต

ตอนที่ 2391 เธออย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย

 เหมยเหมยไปหาพ่อหนุ่มคนนั้น เธอต้องการให้เขาช่วยอธิบายรูปลักษณ์ของหลิงหลิงให้ฟังโดยเธอจะเป็นคนวาดภาพเอง ซึ่งนี่ถือเป็นวิธีการที่เห็นได้โดยตรงที่สุดแล้ว

แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยู่ในระดับหกถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ การทำแบบนี้เพียงพอที่จะมองออกว่าใช่โม่เฉียวหลิงหรือไม่

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เหมยเหมยถึงได้รู้สึกว่าหลิงหลิงนี่ก็คือโม่เฉียวหลิง

ไม่งั้นเหยียนหมิงต๋าจะมาที่โรงพยาบาลทำไม?

บนโลกใบนี้ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุบังเอิญได้ขนาดนี้แน่นอน การที่เหยียนหมิงต๋ามาเยือนถึงโรงพยาบาลมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิง

เหยียนหมิงต๋ายังคงอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ดูท่าคงจะกำลังถามไถ่พูดคุยกันอยู่ พอเห็นเหมยเหมยบุกพรวดพราดเข้ามา เหยียนหมิงต๋าก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจแต่ก็กลับมาสงบได้อย่างรวดเร็ว

“พี่สะใภ้ใหญ่…”

เหยียนหมิงต๋าแสดงท่าทีนอบน้อม คนในครอบครัวของชายหนุ่มต่างพากันมองพวกเขาอย่างตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนครอบครัวเดียวกัน

“นายรู้จักกับพวกเขาด้วยเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยถาม

“ใช่ครับ เคยเจอหน้ากันอยู่หลายครั้ง” เหยียนหมิงต๋าตอบกลับเสียงเรียบ

เหมยเหมยสังเกตเห็นแววตาวูบไหวของแม่และน้องสามของชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาไม่กล้าสบตาเธอ

นี่คือท่าทีละอายใจสินะ

นี่เห็นได้ชัดว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังพูดโกหก แท้ที่จริงแล้วคือเขาไม่รู้จักกับครอบครัวนี้เลย

เหมยเหมยทอดถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายที่จะต้องสนใจเหยียนหมิงต๋าจึงหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า “นายช่วยบอกรูปลักษณ์ภายนอกของคู่รักนายมาหน่อยได้ไหม? ช่วยพูดให้ละเอียดหน่อยนะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆบรรยายรูปลักษณ์ออกมา เหมยเหมยนำกระดาษและปากกาออกมาวาดตามลักษณะที่ชายหนุ่มบอก เพียงไม่นานก็วาดภาพเสมือนออกมาได้อย่างเสร็จสมบูรณ์

“นายลองดูสิว่าคู่รักของนายมีหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า?” เหมยเหมยยื่นภาพเสมือนไปให้ชายหนุ่ม

“ใกล้เคียงครับ แต่ว่าตาต้องโตกว่านี้อีกนิด ริมฝีปากหนาอีกหน่อย ช่วงคางมนกว่านี้เล็กน้อย ตรงหางตามีไฝอยู่เม็ดหนึ่ง…”

ชายหนุ่มชี้จุดที่ต้องแก้ไข เหมยเหมยขีด ๆเขียน ๆสักพักก็เสร็จ แม้จะดูธรรมดาแต่ก็พอมองออกว่ามีความคล้ายคลึงกับโม่เฉียวหลิงมาก

“ใช่ ประมาณนี้เลยครับ แต่หลิงหลิงตัวจริงสวยกว่านี้มาก” ชายหนุ่มพูด

เหมยเหมยแอบหัวเราะเยาะ เป็นโม่เฉียวหลิงจริง ๆด้วย

มิน่าทั้งตัวถึงมีแต่ของแบรนด์เนม ที่แท้ก็เลือกทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจให้อภัยได้นี่เอง

เมื่อเอ่ยลาครอบครัวของชายหนุ่มแล้วเหมยเหมยก็เตรียมตัวกลับไปคุยเรื่องนี้กับเหยียนหมิงซุ่นเพื่อให้เขาส่งคนไปตรวจสอบโม่เฉียวหลิง ไม่แน่ว่าอาจจะเจอเบาะแสที่เกี่ยวข้องจนตามหาองค์กรมืดที่น่ารังเกียจนั่นเจอ จะได้กวาดรวบทีเดียวไม่ให้เหลือ

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย…” เหยียนหมิงต๋าเรียกเธอไว้

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “ทำไมฉันถึงยุ่งไม่ได้ หรือนายอยากจะให้ท้ายโม่เฉียวหลิง?”

เหยียนหมิงต๋ามีสีหน้าลำบากใจ เอ่ยว่า “ไม่ใช่แบบนั้นครับ สรุปคือเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ผมเคยพูดกับพี่ใหญ่แล้ว พี่อย่าเข้ามายุ่งอีกเลยนะ มันอันตรายเกินไป”

“มีพี่ใหญ่ของนายอยู่ทั้งคนฉันยังต้องกลัวอะไรอีก แต่ถึงอย่างไรนายก็ห้ามให้ท้ายโม่เฉียวหลิงเด็ดขาด ถ้าหากว่าหล่อนทำเรื่องที่ผิดกฎหมายจริงก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายสิ!”

เหมยเหมยไม่พอใจต่อท่าทีของเหยียนหมิงต๋าเป็นอย่างมาก ตอนแรกเธอแอบคิดว่าเหยียนหมิงต๋ามีความสัมพันธ์ลับ ๆกับโม่เฉียวหลิง แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงถูกยัยชั่วนี่อ่อยจนติดกับไปหมดแล้วมั้ง

หึ ก่อนหน้านี้ก็เป็นอู่เยวี่ย ต่อมาก็เป็นโม่เฉียวหลิง!

ทำไมผู้หญิงที่เจ้าหมอนี่ชอบถึงไม่ใช่คนดีสักคนเลยนะ น่าโมโหชะมัด!

เหมยเหมยหมุนตัวหนีด้วยความโมโหเพราะคร้านจะต้องพูดจาไร้สาระกับเหยียนหมิงต๋าอีก เธอต้องกลับไปหาเหยีนหมิงซุ่นและบอกให้เขาสั่งสอนน้องชายดีกว่า

“ขอโทษนะพี่สะใภ้…”

น้ำเสียงจนปัญญาของเหยียนหมิงต๋าแว่วดังมาทางด้านหลัง จากนั้นเธอก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงแห่งความมืดมิด

คลับคล้ายเหมือนกับได้ยินเสียงป้าฟางคุยกับเหยียนหมิงต๋าแต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน

เหมยเหมยฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่บ้านแล้ว นอกจากช่วงลำคอที่รู้สึกปวดเคล็ดก็ไม่มีตรงไหนผิดปกติ

แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหคือรูปเสมือนของโม่เฉียวเหลียงหายไปแล้ว

“หมิงต๋าเอารูปนั้นไปแล้ว เขาบอกว่าคุณหนูอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกเลย วันหลังเขาจะอธิบายให้คุณหนูฟังเอง” ป้าฟางกล่าว

……………………………………………………………

ตอนที่ 2392 ออดอ้อนเพื่อฟ้อง

 เหมยเหมยบันดาลโทสะขึ้นมาในฉับพลันแล้วลุกพรวดอย่างโมโห โทรไปฟ้องเหยียนหมิงซุ่น

“เป็นอะไรไป? หรือว่าเล่อเล่อไม่ยอมเชื่อฟังจนทำเธอโกรธอีกแล้ว?”

พอเหยียนหมิงซุ่นได้รับสายจากเหมยเหมยก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ปกติแล้วหากไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้ายอะไร เหมยเหมยไม่มีทางโทรมาหาเขาอย่างแน่นอน เธอมักจะบอกเสมอว่าไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการทำงานของเขา

“เปล่าค่ะ เหยียนหมิงต๋าต่างหาก เล่อเล่อว่านอนสอนง่ายจะตายไป!”

เหมยเหมยลูบท้ายทอยที่ปวดเคล็ดพร้อมทำเสียงออดอ้อนโดยไม่รู้ตัวสักนิด

น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “หมิงต๋ามันทำอะไร?”

“เขาตีฉัน แถมยังแย่งภาพวาดของฉันไปด้วย…”

“ตีเธอ?”

เหยียนหมิงซุ่นตวาดเสียงสูงในทันที เสียงพลั่กดังเล็ดรอดผ่านมาจากปลายสายซึ่งบ่งบอกว่าเขานั้นตื่นตกใจมากแค่ไหน

คิดต่อต้านงั้นเหรอ?

กล้าทำร้ายแม้แต่พี่สะใภ้ กลับไปจะเอามันให้ตายเลย!

ป้าฟางที่เห็นเช่นนั้นก็พลันรู้สึกขบขันขึ้นมา คุณหนูเป็นถึงแม่คนแต่ยังคงทำตัวเหมือนเด็กเล็กอยู่เลย อย่างที่เหยียนหมิงต๋าทำไม่เรียกว่าตีหรอกเขาเรียกว่าแค่ตบเบา ๆเองไม่ใช่เหรอ แถมยังใช้วิธีการที่ฉลาดด้วย

อีกอย่างเธอเองก็ดูออกว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่ ซึ่งภารกิจนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับโม่เฉียวหลิงอย่างแน่นอน แถมยังอันตรายมากด้วย ด้วยเหตุนี้เหยียนหมิงต๋าจึงไม่อยากให้คุณหนูเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพราะคุณหนูเป็นคนในเหตุการณ์จึงมองจุดนี้ไม่ออก

เหมยเหมยตกใจกับเสียงที่ดังผ่านปลายสายมา ฉับพลันจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอพูดเกินเหตุไปหน่อยราวกับเป็นการยุให้รำตำให้รั่วอย่างไรอย่างนั้น!

“ก็ไม่ได้ตีฉันหรอก แค่ตบท้ายทอยของฉันไปทีหนึ่ง พี่คะ ฉันจะบอกอะไรพี่ให้นะ เหยียนหมิงต๋าเขา….”

เหมยเหมยรู้สึกละอายใจเล็กน้อยจึงพูดแก้ต่างไปทันที จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่ชายหนุ่มถูกขโมยไตไปและพูดถึงสิ่งที่เธอสงสัยออกไปด้วย

“ฉันคิดว่ายัยหลิงหลิงนั่นต้องเป็นโม่เฉียวหลิงแน่นอน บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นเชียวเหรอ อีกอย่างถ้าเหยียนหมิงต๋าไม่มีธุระอะไรทำไมถึงต้องไปที่โรงพยาบาลด้วย?”

เหยียนหมิงซุ่นนิ่งเงียบไป เรื่องขโมยไตเขาพอจะได้ยินมาบ้าง ช่วงครึ่งปีหลังมีคดีลักษณะนี้แล้วอย่างน้อยหกครั้ง ส่วนใหญ่จะถูกขโมยไตไป และยังมีบางกรณีที่ถูกขโมยกระจกตาไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าร้ายแรงมากทีเดียว

เมื่อครู่เฮ่อเหลียนชิงเองก็โทรเข้ามาด้วยเรื่องนี้เช่นกัน บอกให้เขาหาเวลาไปสืบหาเบาะแส อย่าให้เมืองหลวงเกิดสถานการณ์ร้ายแรงขึ้นอีก ต้องทำให้เรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา

นึกไม่ถึงเลยว่าเหยียนหมิงต๋าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย ครั้งก่อนที่เหยียนหมิงต๋าพาโม่เฉียวหลิงมาทานข้าวที่บ้าน เจ้าหมอนั่นบอกแค่ว่ากำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่แต่ไม่ได้บอกถึงรายละเอียดของภารกิจ ดูจากตอนนี้แล้วภารกิจที่เหยียนหมิงต๋ากำลังทำอยู่นั้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องขโมยไตแน่นอน

ถึงแม้จะไม่เข้าใจรายละเอียดสถานการณ์มากนัก แต่ถึงขนาดกล้าเหิมเกริมขนาดนี้แสดงว่าแก๊งอาชญากรกลุ่มนี้จะต้องเสียสติคลุ้มคลั่งไปแล้วแน่นอน ซ้ำยังใจกล้าไม่เบา และการที่เหยียนหมิงต๋าไม่ยอมให้เหมยเหมยมาข้องเกี่ยวนั้นก็ถูกต้องแล้ว

“ทางด้านหมิงต๋าพี่จะจัดการสั่งสอนเขาเอง เธออยู่บ้านดูแลเล่อเล่อไปเถอะ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ต้องเชื่อฟังนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดย้ำแล้วย้ำอีก เขากลัวว่าเหมยเหมยอยู่บ้านเบื่อ ๆแล้วจะไปจุ้นจ้านที่โรงพยาบาล

ศัตรูอยู่ในที่ลับแต่ตัวเขาอยู่ในที่แจ้ง มิหนำซ้ำพวกศัตรูยังคลุ้มคลั่งและพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขาไม่กล้ารับประกันเลยว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมย

เหมยเหมยรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ แม้เธอจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมรับปากแต่โดยดี

เหยียนหมิงซุ่นยังคงไม่วางใจจึงโทรหาลุงเหลาอีกครั้ง เขาสั่งให้ลุงเหลากับป้าฟางคอยจับตาดูเหมยเหมยไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องตามไปด้วย

คืนวันต่อมาเหยียนหมิงต๋ากลับมาทานข้าวที่บ้าน หางตาและปลายคางเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำอย่างเห็นได้ชัด

“หน้าหลานไปโดนอะไรมา? ใครต่อยเหรอ?” คุณย่าหยางถามด้วยความเป็นห่วง

“เดินชนโดยไม่ทันระวังน่ะครับ…”

เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงอ้อมแอ้ม แววตาสั่นระริก ในใจลอบร้องโอดครวญ

เขาแค่ทุบท้ายทอยพี่สะใภ้ใหญ่ไปครั้งเดียวเอง พี่ใหญ่อย่าโหดนักได้ไหม?

เกือบทำเอาเขากระดูกหักแล้วเชียว!

เหยียนหมิงซุ่นตีหน้านิ่ง ‘กล้าแตะต้องผู้หญิงของเขา ต่อให้เป็นราชาแห่งสวรรค์ก็ต้องโดนสั่งสอนเหมือนกัน!’·

………………………………

ตอนที่ 2389 ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก

แม่ลูกคู่นี้ไม่ได้มีความเข้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายหรือพี่ชายของพวกเธอนัก หญิงสาวอาจจะรู้มากกว่าหน่อยเพราะเธอกับพี่ชายทำงานอยู่เมืองหลวงกันทั้งคู่

แต่เพราะโรงงานที่ทำงานอยู่ห่างกันค่อนข้างไกลเลยไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไร รู้เพียงว่าคนรักครั้งนี้เป็นแฟนใหม่ของพี่ชายเธอที่เพิ่งคบกันไม่ถึงครึ่งเดือน

“ฉันไม่เคยเจอแฟนใหม่ของพี่ชายฉันเลย และไม่รู้ว่าชื่ออะไรด้วย” หญิงสาวร้องไห้กล่าว

“เดี๋ยวพี่ชายเธอฟื้นก็ถามเรื่องของผู้หญิงคนนั้นดูสิ” เหมยเหมยเตือน

สัญชาตญาณบอกเธอว่าคนรักคนใหม่นี้มีข้อน่าสงสัยบางอย่าง

ชาติที่แล้วเคยได้ยินตามข่าวรายงานว่าองค์กรขายอวัยวะมักใช้วิธีให้หญิงสาวหน้าตาละสวยหลอกล่อผู้ชายร่างกายแข็งแรงแล้วใช้ยาสลบให้พวกเขาหมดสติ…

“พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยัง?” เหมยเหมยถามอีก

หญิงสาวหยักหน้ารับ “ตำรวจเป็นคนโทรแจ้งฉันเอง ไม่งั้นฉันคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับพี่ชายฉัน…”

ชายหนุ่มผู้น่าสงสารถูกพนักงานทำความสะอาดพบนอนตัวเปลือยช่วงบนอยู่บนท้องถนนในเวลาเช้ามืดตีห้า หากช้ากว่านี้อีกนิดชีวิตเล็ก ๆนั่นคงไม่รอด

“เหมยเหมย ฉีฉีเก๋อฟื้นแล้ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกมาตามตัว เหมยเหมยหยิบเอากระดาษโน้ตจากกระเป๋ามาเขียนเบอร์โทรศัพท์ตัวเอง “นี่คือช่องทางติดต่อฉัน ฉันรู้จักคนที่สถานีตำรวจ คดีของพี่ชายเธอฉันช่วยได้”

สองแม่ลูกกล่าวขอบคุณไม่หยุด “ขอบคุณ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ!”

“ไม่ต้องเกรงใจ มีเรื่องอะไรก็มาหาฉันได้เลย”

เหมยเหมยไม่ได้ใจดีเรี่ยราดอยู่แล้ว นับตั้งแต่คลอดเล่อเล่อความคิดหลายอย่างของเธอก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก

ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง เธอมักรู้สึกว่าต้องทำอะไรเพื่อสังคมนี้บ้าง ต่อให้ไม่ใช่แม่พระผู้ใจดีแต่ก็ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ตัวเองจะทำได้

อีกอย่างองค์กรลักขโมยอวัยวะนี้ก็น่าโมโหจริง ๆ สมควรถูกกำจัดทิ้งให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีกมากน้อยแค่ไหน!

“เธอรู้จักสองแม่ลูกนั่นเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสงสัยเหลือเกิน

“ไม่รู้จัก เรื่องราวที่พวกเขาเจอน่าสงสารมากเลยคุยกันไม่กี่ประโยค”

เหมยเหมยเล่าเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มถูกขโมยไตคร่าว ๆให้ฟัง ใครจะรู้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ตกใจสักนิด

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว เดือนที่แล้วฉันก็ได้ยินมาว่ามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งถูกขโมยไตไป เกือบตายแล้วเชียว”

“เดือนที่แล้วก็เคยเกิดคดีแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ใจหล่นตุบถึงตาตุ่ม

เห็นได้ชัดว่าในเมืองหลวงไม่ได้เกิดแค่เพียงสองคดีนี้เท่านั้น บางทีอาจจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว “ไม่ใช่คดีฆาตกรรมหั่นศพอะไรสักหน่อย ไม่ถึงขั้นตายนี่นา”

ข่าวที่ไม่น่าสนใจแบบนี้ใครเล่าจะมีอารมณ์ไปเล่าต่อ!

เหมยเหมยจำเรื่องนี้เอาไว้เตรียมกลับไปถามเหยียนหมิงซุ่น ดูว่าเขาเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่

คดีนี้สาหัสกว่าคดีฆาตกรรมหั่นศพมากโข หากไม่รีบยับยั้งจะเกิดผลร้ายอย่างที่คาดคิดไม่ถึงเชียวล่ะ

ป้าฟางมาถึงพร้อมซุปไก่หอมกรุ่นเรียกน้ำลายสอ ฉีฉีเก๋อฟื้นแล้ว สีหน้าซีดเซียวดูท่าทางอ่อนแรงอย่างมาก

“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง…”

เพิ่งฟื้นก็ถามถึงอาการของลูกทันทีพร้อมสายตาที่กวาดมองไปรอบ ๆ พอเห็นเด็กทารกที่นอนอยู่ในเปลก็เผยรอยยิ้มอย่างปลื้มใจ

“เด็กสบายดี ตอนนี้เธอต่างหากที่อาการแย่ รีบทานซุปไก่ซะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตักซุปไก่มาหนึ่งช้อน แม้ปากจะว่าแต่มือก็ป้อนซุปเธอไม่หยุด

“ฉันไม่เป็นไร…”

เสียงฉีฉีเก๋อหายไปภายใต้สายตาดุดันของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่กล้าปริเสียงอีกได้แต่ทานซุปไปแต่โดยดี

แม้ร่างกายจะอ่อนแอมากแต่ฉีฉีเก๋อกลับเจริญอาหารไม่น้อย น้ำซุปถูกทานหมดไปกว่าครึ่งชามจึงรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง

เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีน้ำนม ป้าฟางเอานมผงมาด้วยจึงชงนมให้เด็กน้อยดื่ม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ดูแลฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล เหมยเหมยโทรหาลุงปาเกินเพราะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องโทรแจ้งพวกเขาบ้าง

ลุงปาเกินบอกว่าจะรีบเดินทางมาภายในวันนี้จึงทำให้เหมยเหมยวางใจลงบ้าง อย่างน้อยฉีฉีเก๋อก็มีพ่อแม่กับพี่ชายที่รักเธอ รวมถึงเพื่อน ๆอย่างพวกเธอด้วย

เธอจะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน!

“พี่ชายฉันฟื้นแล้ว…” หญิงสาวคนก่อนหน้าวิ่งมาหาเหมยเหมย

“พี่ชายฉันบอกว่าแฟนชื่อหลิงหลิง…”

………………….

ตอนที่ 2390 มีจุดน่าสงสัย

หญิงสาวฉลาดไม่น้อยเพราะเธอดูออกว่าเหมยเหมยไม่ใช่คนธรรมดา ฉะนั้นพอมีความคืบหน้าอะไรก็วิ่งมาแจ้งเหมยเหมยทันที หวังว่าเหมยเหมยจะช่วยจับตัวคนร้ายที่ขโมยไตพี่ชายเธอไปได้

“แค่ชื่อหลิงหลิงเหรอ? เธอทำงานอะไร? แซ่อะไร…” เหมยเหมยถาม

ทั้งเมืองหลวงมีหญิงสาวที่ชื่อหลิงหลิงมากมายจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว

“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้บอกแซ่ให้พี่ชายฉันรู้” หญิงสาวก็เริ่มจับผิดสังเกตบางอย่างได้พลางกัดปากแน่นอย่างกระวนกระวายใจ

“ตอนนี้ฉันไปพบพี่ชายเธอได้ไหม? ฉันอยากถามอะไรเขาหน่อย”

“ได้สิ ๆ”

หญิงสาวพยักหน้ารัว ๆแล้วพาเหมยเหมยไปที่ห้องพักผู้ป่วยพี่ชายเธอ

พี่ชายของหญิงสาวนอนอยู่ในสภาพอ่อนแรงหน้าซีดเซียว พร้อมทั้งมีหญิงวัยกลางคนเช็ดน้ำตาอยู่ข้างเตียงไม่หยุดหย่อน

“พี่ พี่สาวคนนี้มีเรื่องจะถามพี่หน่อย” หญิงสาวชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วเอ่ยขึ้น

หนุ่มวัยรุ่นพยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง ดูจากหน้าตาเขาแล้วเขาดูเป็นคนซื่อ ๆ คิดว่าเป็นคนขี้อายมากเหมือนกัน

“พอจะรู้แซ่แฟนของคุณบ้างไหม?” เหมยเหมยถามออกไปตรง ๆ

“ไม่รู้ เรารู้จักกันไม่ถึงครึ่งเดือน เธอเป็นนักศึกษา ทั้งสวยทั้งทำงานเก่ง ไม่คิดว่าเธอจะนัดผมไปดูหนัง…”

ชายหนุ่มเล่าอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกายวิบวับและดูสดใสขึ้นมาก

พอจะดูออกว่าเขาชอบหญิงสาวที่ชื่อหลิงหลิงคนนี้มากทีเดียว

เหมยเหมยถามคำถามอีกเล็กน้อย เพียงแต่ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เรื่องหลิงหลิงมากนัก แถมฟังดูแล้วตั้งแต่เริ่มรู้จักกันจนถึงไปดูหนังด้วยกันล้วนแต่มีหลิงหลิงคอยเป็นคนคุมเกม

หลิงหลิงคนนี้ต้องมีอะไรแน่!

“คุณมีช่องทางติดต่อหลิงหลิงไหม?”

“ไม่มี หลิงหลิงเป็นคนติดต่อผมมาเอง นี่ หลิงหลิงมาเยี่ยมผมหรือยัง?”

………

เหมยเหมยถอนหายใจแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ ชายหนุ่มคนนี้โง่เหลือเกิน เห็นได้ชัดว่าหลิงหลิงมีจุดประสงค์แสร้งเข้ามาตีสนิทเขาแต่เขากลับยังหลงใหลไม่เปลี่ยน

พอเห็นว่าทางนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไรเหมยเหมยก็กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยฉีฉีเก๋อ บอกลาเธอไม่กี่ประโยคแล้วก็กลับบ้านไปพร้อมกับป้าฟาง

พอเดินถึงห้องโถงโรงพยาบาลพลันป้าฟางก็พูดขึ้นว่า “นั่นหมิงต๋าไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ?”

เหมยเหมยมองไปตามมือแล้วก็เห็นว่าเป็นเหยียนหมิงต๋าจริง ๆ เขากำลังสวมชุดไปรเวทสวมหมวกเบสบอลเดินฝ่าฝูงชนไปยังทางบันได

ชั้นบนเป็นส่วนของผู้ป่วยใน เหยียนหมิงต๋าไปส่วนของผู้ป่วยในทำไมกัน?

“ป้าจะลองตามไปดู คุณหนูรออยู่ตรงนี้นะ” ป้าฟางพูดทิ้งท้ายแล้วก็หายวับตามหลังเหยียนหมิงต๋าไป

ยังไม่ถึงสิบห้านาทีป้าฟางก็กลับมา

“หมิงต๋าไปที่ห้องพักผู้ป่วยพ่อหนุ่มคนเมื่อกี้ ป้าไม่กล้าตามไปใกล้มาก ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง”

เหมยเหมยขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด ทำไมเหยียนหมิงต๋าถึงไปที่ห้องพักผู้ป่วยนั่นล่ะ หรือว่าเขารู้จักกับชายหนุ่มคนนั้นเหรอ?

ช่วงนี้พฤติกรรมของเหยียนหมิงต๋าแปลกประหลาดขึ้นเรื่อย ๆจนจับทางไม่ถูก

กลับไปต้องบอกเหยียนหมิงซุ่นให้คอยคุมเหยียนหมิงต๋าสักหน่อยแล้ว เจ้าโง่นี่โตแต่ตัวแต่สมองคิดตื้นเกินไป อย่าถูกคนหลอกไปทำเรื่องชั่ว ๆอะไรอีกล่ะ!

พอนึกถึงเรื่องที่เหยียนหมิงต๋าคบกับโม่เฉี่ยวหลิง เหมยเหมยก็รู้สึกพะอืดพะอมเหมือนแมลงวันเข้าปาก

“ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ…”

เหมยเหมยเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงักในฉับพลัน เมื่อกี้เธอเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง

โม่เฉี่ยวหลิง กับ หลิงหลิง

จุดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันไหมนะ?

โม่เฉี่ยวหลิงเป็นนักศึกษาที่ทั้งสาวทั้งสวยและชื่อมีคำว่าหลิงเหมือนกัน แถมยังมีส่วนคล้ายคลึงกับหลิงหลิงที่ชายคนนั้นพูดถึงอีกต่างหาก

ประเด็นสำคัญคือจู่ ๆโม่เฉี่ยวหลิงก็มีเงินมากมายขึ้นมา เพชรพลอยเสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม เงินพวกนี้ได้มาจากไหนกัน?

คงไม่มีทางตกลงมาจากฟ้าอยู่แล้วมั้ง!

“ฉันจะกลับไปอีกรอบ…” เหมยเหมยรีบเดินวกย้อนกลับไปทางเดิม

……………………

ตอนที่ 2387 ในยามคับขันต้องงัดไม้แข็งมาใช้

“ฉันเจ็บขา…โอ๊ย…เจ็บจะตายอยู่แล้ว จะหักแล้ว…”

ยายแก่ปีศาจไม่ได้เสแสร้งเพราะเธอเป็นโรคข้อกระดูกอักเสบเพราะความชื้น แต่เดิมข้อกระดูกก็ไม่แข็งแรงเท่าไรอยู่แล้ว พอถูกเหมยเหมยเตะเข้าแบบนี้ก็แทบยืนทรงตัวไม่ไหว เหงื่อผุดขึ้นเต็มร่างกาย

“เซ็นเป็นหรือยัง?” เหมยเหมยสายตาเยือกเย็น

“ไม่เป็น…ฉันไม่เคยเรียนหนังสือ เธอบังคับฉันไปก็เปล่าประโยชน์!”

ยายแก่ปีศาจเจ็บปวดจนยากจะทนไหวแต่ยังพยายามอดกลั้นไว้ไม่ยอมทำตามง่าย ๆ ขอแค่ทนต่ออีกไม่กี่นาทีเลือดบนตัวฉีฉีเก๋อก็ไหลออกมามากพอสมควรแล้ว

อย่างไรเสียนังแพศยาคนนี้ก็เอาเธอถึงตายไม่ได้ อย่างมากก็แค่เจ็บเนื้อเจ็บตัวนิดหน่อยเท่านั้น!

เพื่อให้ได้ลูกสาวผู้ว่าการมาเป็นลูกสะใภ้ มันคุ้ม!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบถามคุณหมอ “เราเป็นเพื่อนสนิทของคนไข้ เพื่อนที่สนิทที่สุด เราเป็นคนเซ็นได้ไหมคะ?”

คุณหมอส่ายหน้า “ไม่ได้ กฎของโรงพยาบาลต้องให้ญาติเซ็นเท่านั้น”

“กฎมันตายตัวแต่ชีวิตคนเรามันไม่ตายตัวหรอกนะคะ เราจะปล่อยให้คนไข้ตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้หรอกใช่ไหมคะ ฉันเซ็นชื่อแล้วจะรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบอกรับปาก แม้เธอไม่เคยคลอดลูกแต่ก็รู้ว่าอาการตกเลือดอันตรายมาก จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว!

คุณหมอมองด้วยสายตาอบอุ่นเล็กน้อย เดิมทีเธอไม่ประทับใจในตัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเท่าไร และพาลรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ดูหัวหมอเจ้าเล่ห์ไม่เหมือนคนมีคุณธรรม

พอมาดูตอนนี้ความประทับใจแรกไม่ถูกต้องเลยจริง ๆ

“ขอโทษด้วย กฎเปลี่ยนไม่ได้ สามีของคนไข้อยู่ไหม? หรือว่าพ่อแม่ของเธอก็ได้” คุณหมอออกความเห็น

“สามีของเธอไปดูงานต่างเมือง พ่อแม่อยู่ต่างถิ่นนั่งเครื่องบินมายังไม่ทันเลยค่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนร้อนใจ นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ?

ยายแก่ปีศาจที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเผยรอยยิ้มดีใจออกมา เหมยเหมยเห็นแล้วไฟโทสะก็พุ่งกระฉูดจึงเตะเข้าอีกที

“จะเซ็นไหม? ฉันจะบอกให้นะ ถ้าฉีฉีเก๋อเป็นอะไรไป คุณก็อย่าคิดจะมีชีวิตต่อไปเลย!”

เหมยเหมยกระชากยายแก่ปีศาจขึ้นทีเดียวแล้วบีบคอของเธอโดยใช้แรงพอตัว ในยามคับขันต้องงัดไม้แข็งมาใช้ ยายแก่ปีศาจนี่จิตใจโหดเหี้ยมก็อย่าหาว่าเธอไม่ปรานีแล้วกัน!

“อ๊าก…”

ยายแก่ปีศาจตาเหลือกลิ้นปลิ้นออกมา ไม่นานหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้ง ไม่คิดว่าเหมยเหมยจะลงมือทันทีแถมยังใช้วิธีโหด ๆแบบนี้อีก หรือว่าเธอจะบีบคอยายแก่ปีศาจนี่ให้ตายจริง ๆ?

“เหมยเหมย…กับยายแก่ปีศาจนี่ไม่คุ้มนะ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกลี้ยกล่อมเสียงเบาเพราะเธอกลัวเหมยเหมยจะเผลอทำเรื่องโง่ ๆภายใต้อารมณ์ชั่ววูบ

“เธออย่ายุ่ง ถอยไป!”

เหมยเหมยถลึงตาแล้วเพิ่มแรงมากกว่าเดิม ยายแก่ปีศาจแลบลิ้นออกมายาวขึ้นเรื่อย ๆและแทบไม่เห็นลูกตาดำ ดูเหมือนผีแขวนคอตายก็ไม่ปาน

คุณหมอก็ตกใจแทบแย่ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี แม้เธอจะชินชากับความเป็นความตายแต่ไม่เคยเห็นการฆาตกรรมต่อหน้าแบบนี้นะ!

“ฉัน…เซ็น…”

ยายแก่ปีศาจไม่กล้ารอช้า ในที่สุดก็ยอมแพ้

ไม่เซ็นเธอก็ต้องตาย นังแพศยานี่ใจเหี้ยมเหลือเกิน!

เหมยเหมยผละมือออกแล้วมองเธอด้วยใบหน้าเย็นชา ยายแก่ปีศาจไม่กล้ารอช้ารีบหยิบปากกาเซ็นไปพร้อมไอไป แม้ตัวหนังสือที่เขียนออกมาจะบิด ๆเบี้ยว ๆบ้างแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนไม่รู้หนังสือ

ยายแก่ปีศาจนี่โกหกตั้งแต่แรก เหมยเหมยลอบแค่นหัวเราะ ไว้จะจัดการเธอทีหลังแล้วกัน!

คุณหมอโล่งอกไปทีแล้วรีบเข้าไปทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ดีที่ช่วยได้ทันเวลาจึงทำให้ฉีฉีเก๋อไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ร่างกายอ่อนแอเกินไปอาจจะส่งผลต่อมดลูกได้

“ทางที่ดีที่สุดอย่าท้องอีกภายในห้าปี สภาพร่างกายของคนไข้คงรับไม่ไหว” คุณหมอเตือนเสียงหนักแน่น

“ค่ะ เราจะจำเอาไว้ ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ” เหมยเหมยพยักศีรษะรับ รู้สึกขอบคุณคุณหมอหน้านิ่งแต่ชอบช่วยเหลือคนอื่นคนนี้มาก

……………………….

ตอนที่ 2388 ขโมยไต

แม้ว่าฉีฉีเก๋อจะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังอยู่ในสภาวะหมดสติไม่ยอมฟื้น เหมยเหมยย้ายเธอไปอยู่ห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวที่มีเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยจัดการทุกอย่างให้ ยายแก่ปีศาจเหมือนคนนอกที่ไม่ยอมแม้แต่จะช่วยหยิบยื่นเสื้อผ้าให้ด้วยซ้ำ

แต่ยายแก่ปีศาจก็ไม่ยอมกลับบ้านตามติดพวกเธอตลอดเวลา ทั้งที่ก็ดูยุ่งมากเหมือนกันแต่ก็ไม่ยอมทำอะไร

“สงสัยยายแก่ปีศาจนั่นกลัวฉางชิงซงกลับมาแล้วจะต่อว่าเธอถึงได้อยู่ต่อ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงเคียดแค้น

“ไม่ต้องไปสนใจ ฉันจะโทรหาป้าฟางให้ช่วยตุ๋นน้ำซุปไก่มา” เหมยเหมยมองยายแก่ปีศาจตรงมุมกำแพงด้วยสายตาเย็นชา

ยังมีโอกาสจัดการแต่ตอนนี้ฉีฉีเก๋อสำคัญกว่า

เหมยเหมยเดินไปโทรหาป้าฟางที่ระเบียงทางเดินให้เธอตุ๋นน้ำซุปไก่แล้วส่งมาให้ อีกเดี๋ยวฉีฉีเก๋อก็ฟื้นจะได้ทานน้ำซุปพอดี

“ลูกของฉัน…อนาคตจะทำอย่างไร…ไอ้พวกคนไร้คุณธรรม ไม่ได้ตายดีแน่…”

มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังแว่วมาจากสุดปลายทางเดินที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟังดูเหมือจะเป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง

เหมยเหมยมองไปทางต้นเสียงก็เห็นหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่านั่งร้องห่มร้องไห้บนพื้น สีหน้าเศร้าเสียใจอย่างมาก

“แม่ แม่เบาเสียงหน่อย…อย่าไปรบกวนคนอื่นเขาสิ!” หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปีพูดเกลี้ยกล่อมแต่ก็ดูเสียใจไม่แพ้กัน

“ไตของลูกชายฉันหายไปแล้วจะไม่ให้ฉันร้องไห้หน่อยเหรอ โลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือเปล่า…เคยได้ยินโจรขโมยเงินขโมยเด็ก ทำไมถึงมีขโมยไตด้วยล่ะ…นี่มันโลกอะไรกัน…”

หญิงวัยกลางคนไม่เพียงแต่จะไม่หยุดร้อง ทว่ากลับเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆจนหญิงสาวก็พลอยเริ่มร้องไห้ตามไปด้วย

เหมยเหมยฟังแล้วก็นึกแปลกใจ ดูเหมือนว่าลูกชายของหญิงวัยกลางคนผู้นี้จะถูกขโมยไตแล้วสิ!

การขโมยอวัยวะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเคยได้ฟังจากข่าวเมื่อชาติที่แล้วมาบ้าง ได้ข่าวว่ามีองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อขโมยอวัยวะมนุษย์โดยเฉพาะ พวกเขาจะจ้องหาหญิงสาวหน้าตาสะสวยหรือชายหนุ่มอ่อนต่อโลก หลังขโมยอวัยวะเสร็จก็เอาไปขายต่อที่ต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย

อย่างลูกชายของหญิงวัยกลางคนผู้นี้แค่ถูกขโมยไตไปข้างเดียว โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายแล้วกัน

เคยได้ยินมาว่าบางคนแย่กว่านี้อีก ถูกขโมยหัวใจไปจนเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ

แต่…ตอนนี้มีคนขโมยอวัยวะกันในเมืองหลวงแล้วหรือ?

เหมยเหมยเกิดข้อสงสัยเลยเดินไปทางสองแม่ลูกที่กำลังเศร้าเสียใจพลางยื่นกระดาษทิชชูให้

“เช็ดน้ำตาหน่อยเถอะค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคุณอย่างนั้นเหรอคะ?”

หญิงวัยกลางคนเงยหน้ามองเหมยเหมยด้วยสองดวงตาพร่ามัว บางทีอาจจะต้องการระบายความในใจให้ใครสักคนฟังหรือเห็นเหมยเหมยดูหน้าตาน่าไว้วางใจเลยเล่าเหตุการณ์โชคร้ายที่ลูกชายเธอประสบพบเจอมาไปจนหมด

ไม่เหนือความคาดหมายของเหมยเหมยสักเท่าไรนัก ลูกชายของหญิงวัยกลางคนถูกขโมยไตไปข้างหนึ่งจริง ๆด้วย

“แม่หนู ทำไมโลกนี้ถึงมีคนโหดเหี้ยมขนาดนี้ ดูสิขโมยเงินยังพอว่า ทำไมต้องขโมยไตของลูกชายฉันไปด้วย? ลูกชายฉันยังไม่แต่งงานเลย…อนาคตเขาจะทำอย่างไรล่ะ…”

หญิงวัยกลางคนเอามือปิดหน้าร้องไห้ปานใจจะขาด เงินหมดยังหาใหม่ได้ ไม่มีไตแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ท่าทางหญิงวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่คนเมืองหลวง ดูท่าบ้านเกิดจะอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกชายทำงานที่เมืองหลวง พอเกิดเรื่องถึงได้รีบเดินทางมา

ฉะนั้นหญิงวัยกลางคนถึงไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายเธอนัก เพราะยังมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ

“ตอนลูกชายคุณเกิดเรื่องกำลังทำอะไรอยู่คะ?” เหมยเหมยถาม

หญิงวัยกลางคนทำหน้าสับสน หญิงสาวข้างกายรีบพูดขึ้น “พี่ชายฉันไปดูหนังกับแฟนใหม่เขา ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นได้…”

เหมยเหมยใจกระตุกวูบแล้วถามต่อ “แล้วแฟนของเขาล่ะ? มาโรงพยาบาลด้วยไหม?”

“ไม่เลย…พอเกิดเรื่องเธอก็หนีไปเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไรหน้าตาเป็นอย่างไร…” หญิงวัยกลางคนบ่นอุบอิบแล้วเริ่มน้ำตาไหลอีกครั้ง

………………

ตอนที่ 2385 ภาวะตกเลือด

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น หางตาเหลือบเห็นยายแก่ปีศาจที่มองมาทางพวกเธอเป็นระยะๆ ความรู้สึกขยะแขยงก็ก่อตัวขึ้นในใจ เลยบอกกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียงเบาว่า “รอฉีฉีเก๋อคลอดเสร็จค่อยว่า”

“อุแว้ ๆ…”

เสียงร้องแหลมเล็กของเด็กทารกดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมยเหมยตาลุกวาวรีบเดินไปที่ห้องคลอด พยาบาลช่วยทำคลอดอุ้มเด็กทารกออกมายิ้มตาหยีเอ่ย “ยินดีด้วยค่ะ ได้ลูกสาว แข็งแรงมาก”

“ขอบคุณ คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างคะ?” เหมยเหมยถาม

“หมดแรงสลบไปแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ”

เหมยเหมยถึงค่อยวางใจแล้วมองไปที่อ้อมแขนพยาบาล

เจ้าตัวเล็กนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของพยาบาล ดวงหน้าเล็กอมชมพูผิวเหี่ยวมีรอยย่น ผมยุ่งเหยิง ดวงตาหลับพริ้มและร้องไห้กระซิกเสียงเบา

“ทำไมน่าเกลียดขนาดนี้?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโพล่งออกมา แต่ไม่นานเธอก็รู้ตัวว่าเสียมารยาทเลยรีบเอามือปิดปากแล้วหัวเราะแก้เก้อ

“เด็กทารกก็เป็นแบบนี้หมดแหละ ตอนเธอคลอดอาจไม่ดูดีเท่านี้ก็ได้”

เหมยเหมยกลอกตาใส่เธออย่างไม่พอใจแวบหนึ่งพลางยื่นมือรับเจ้าตัวเล็กมาอย่างระมัดระวัง

“ลูกสาวเหรอ? ใช้ไม่ได้เลย…”

เสียงแหลมดังขัดหูก่อนที่ยายแก่ปีศาจจะเดินเข้ามา พอได้ยินพยาบาลบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงพลันก็หน้าตึงขึงขัง ทำหน้ารังเกียจไม่แม้แต่จะปรายตามองหลานสาวสักแวบเดียว

“ป้ายังเป็นคนอยู่ไหมคะ? ฉันทนป้ามานานมากแล้วนะ เป็นเด็กผู้หญิงแล้วทำไม? เด็กผู้หญิงไม่ใช่คนเหรอ ไม่ใช่ลูกของลูกชายป้าเหรอ? ป้าเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ มีสิทธิ์อะไรมารังเกียจเด็กผู้หญิงกัน…”

ความไม่เท่าเทียมทางเพศเป็นแผลในใจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสมอมาเพราะเธอเคยสัมผัสมันมากับตัว พ่อของเธอ คุณปู่คุณย่าของเธอ…รวมถึงญาติคนอื่น ๆต่างเพิกเฉยต่อเธอเพราะเธอเป็นผู้หญิง แถมหมายจะแย่งมรดกของเธอไปอีก

พอตอนนี้ได้ยินยายแก่ปีศาจพูดออกมาเช่นนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะทนได้อย่างไรไหว ภูเขาไฟจึงระเบิดในฉับพลัน

“ฉีฉีเก๋อไม่ได้คลอดลูกชายออกมานั่นก็ต้องโทษที่ลูกชายป้ามันไม่ได้เรื่อง การจะคลอดได้ผู้หญิงผู้ชายมันขึ้นอยู่กับผู้ชายทั้งนั้น ป้ามีสิทธิ์อะไรมาโทษฉีฉีเก๋อ?”

“เรื่องคลอดลูกกับผู้ชายมันเกี่ยวอะไรกัน เธอพูดเหลวไหลอะไรเนี่ย?” ยายแก่ปีศาจแค่นเสียงทีหนึ่ง คิดว่าเธอไร้การศึกษาจริง ๆหรือไง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะแดกดัน “ผู้หญิงมีลูกเองได้เหรอ? ไม่งั้นฉางชิงซงของป้าคงเป็นลูกของป้ากับคนข้างบ้านงั้นสิ?”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก คำว่าคนข้างบ้านเธอเป็นเจ้าของคำนี้ด้วยซ้ำ ผลปรากฏว่าคนที่ใช้มันบ่อยที่สุดก็คือเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เอะอะอะไรก็ใช้แต่คำว่าคนข้างบ้าน

เพียงแต่ยายแก่ปีศาจจะฟังเข้าใจหรือ?

“เธอพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ฉางชิงซงของฉันก็ต้องเป็นลูกของฉันกับพ่อของเขาสิ…”

ยายแก่ปีศาจทำหน้าลนชั่ววูบแล้วขึ้นเสียงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังต้องการกลบเกลื่อนบางอย่าง

เหมยเหมยใจกระตุกพลางมองประเมินยายแก่ปีศาจนี่ แม้จะกลับมาสงบอย่างเดิมแต่สายตาลุกลี้ลุกลนไม่กล้าสบตาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เห็นได้ชัดว่ากำลังมีพิรุธ!

หรือว่าเรื่องราวชีวิตของฉางชิงซงจะ…

“ป้าจะใจร้อนไปทำไม ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าฉางชิงซงไม่ใช่ลูกของพ่อเขา ฉันรู้แล้ว…ฉางชิงซงเป็นลูกของป้ากับ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็สังเกตเห็นท่าทีมีพิรุธของยายแก่ปีศาจเหมือนกัน เธอก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

“พูดเหลวไหล…ชิงซงหน้าตาคล้ายพ่อของเขาขนาดนั้น ไม่ใช่ลูกของพ่อเขาแล้วจะเป็นของใครได้!” ยายแก่ปีศาจยืดหลังเถียงอย่างมั่นใจ หึ เธอไม่กลัวหรอก ไม่ว่าใครก็สืบไม่พบความจริงแน่นอน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะอึกไปทันที ฉางชิงซงกับพ่อของเขาหน้าตาคล้ายกันจริง ๆ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน แต่เมื่อกี้ยายแก่ปีศาจกำลังมีพิรุธชัด ๆ ต้องมีเงื่อนงำบางอย่างแน่

“คนไข้ห้องเบอร์ยี่สิบสองเลือดตก ต้องการเร่งให้ความช่วยเหลือด่วน ญาติคนไข้มาเซ็นชื่อ” คุณหมออกมาแล้ว

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้งเฮือก ทำไมถึงเลือดตกได้ล่ะ?

เมื่อกี้ยังสบายดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?

………………………

ตอนที่ 2386 จิตใจโหดเหี้ยม

“ใครเป็นญาติคนไข้ห้องเบอร์ยี่สิบสอง?” คุณหมอเดินมาตรงหน้าพวกเธอ เธอก็คือคุณป้าหมอขึ้นคานที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถึง อายุราวสี่สิบกว่าปี เธอดูเป็นคนจริงจังและเป็นหมอมืออาชีพใจเย็นคนหนึ่งเลยทีเดียว

“เธอเป็นแม่สามีของคนไข้ค่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากยายแก่ปีศาจมาแล้วถามด้วยท่าทีเคร่งเครียด “คุณหมอคะ เมื่อกี้คนไข้ยังสบายดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงตกเลือดได้ละคะ? จะเป็นอะไรมากไหมคะ?”

“ผู้หญิงคลอดลูกย่อมเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ ใครก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก คุณคือแม่สามีของคนไข้ใช่ไหม? รีบเซ็นชื่อเลย ฉันจะได้รีบช่วยเขา” คุณหมอดูท่าทีใจเย็นมากจึงทำให้พวกเหมยเหมยสบายใจขึ้นมาก

ในตอนนี้ยายแก่ปีศาจถึงฟังพอรู้เรื่องแล้วว่านังแพศยาฉีฉีเก๋อตกเลือดและกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนซึ่งกำลังรอให้เธอเซ็นชื่อยินยอมอยู่!

คนคลอดลูกแล้วตกเลือดบ่งบอกถึงอะไรเหรอ?

แม้ยายแก่ปีศาจไม่มีความรู้แต่ก็รู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้อันตรายมาก หากมัวแต่รีรอชักช้าอาจจะเสียชีวิตได้

เสียชีวิตหรือ…

ยายแก่ปีศาจผุดความคิดบางอย่างขึ้น อย่างไรเสียเงินที่เสียไปกับหลานสาวก็ลืมตาออกมาดูโลกแล้ว เธอแค่เอาเรื่องนี้ไปรายงานให้ลูกชายรับรู้ก็ได้แล้ว ส่วนความเป็นความตายของนังแพศยาฉีฉีเก๋อเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!

ตายไปสิยิ่งดี!

ลูกชายของเธอจะได้แต่งงานกับลูกสาวผู้ว่าการที่ดีกว่าฉีฉีเก๋อร้อยเท่า!

“ถ้าช่วยชีวิตต้องใช้เงินเท่าไหร่?”

ยายแก่ปีศาจไม่ได้ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือโดยตรง ตอนนี้เธอฉลาดขึ้นแล้วเพราะลูกชายยังรักฉีฉีเก๋ออยู่ เพราะงั้นจะให้ลูกชายเกลียดเธอไม่ได้

เธอก็บอกว่าไม่มีเงินช่วยแล้วถ่วงเวลาอีกสักชั่วโมง รอเลือดในตัวฉีฉีเก๋อไหลหมดตัวนั่นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนฆ่านังแพศยานี่ตายโดยตรงสักหน่อย!

“หน้าที่ของคุณหมอคือช่วยเหลือคนไข้ การเก็บค่ารักษาก็เป็นเรื่องของแผนกการเงิน ฉันบอกไม่ได้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ ชีวิตคนไข้กำลังเป็นอันตราย รบกวนช่วยเซ็นชื่อด้วย!”

คุณหมอมองยายแก่ปีศาจอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วแน่นและพอจะคาดเดาบางอย่างได้ เธอจึงรู้สึกเห็นใจฉีฉีเก๋อในห้องคลอดอย่างมาก

เรื่องสำคัญอย่างการคลอดลูกสามีไม่อยู่ ทั้งแม่สามียังเลือดเย็นใจเหี้ยมไม่สนความเป็นความตายของเธอ เรื่องแย่ ๆ แบบนี้เธอเคยพบเห็นมันที่ห้องคลอดมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

แม้จะฝึกฝนจนใจแกร่งมากแล้วแต่ก็อดโมโหไม่ได้

“ถ้าต้องใช้เงินมากบ้านเราคงจ่ายไม่ไหว หรือว่าฉันพาเขากลับบ้านไปใช้วิธีบ้าน ๆรักษาดู ผู้หญิงในหมู่บ้านเราเคยคลอดลูกแล้วเลือดตก วิธีบ้าน ๆใช้ได้ผลดีออก”

ยายแก่ปีศาจพูดปฏิเสธอ้อม ๆ ไม่ยอมเซ็นชื่อให้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนความดันขึ้นแล้วตวาดเสียงดัง “ป้าจงใจจะฆ่าฉีฉีเก๋อสินะ คุณหมอบอกแล้วว่าถ้าไม่รีบช่วยฉีฉีเก๋อจะต้องตาย ป้ายังมาชักช้ายืดยาดอยู่ได้ รีบเซ็นชื่อเลย!”

“เธอพูดปากเปล่าก็ได้สิ ค่าผ่าตัดใครจะเป็นคนออกล่ะ? ฉีฉีเก๋อร่างกายแข็งแรงขนาดนั้นแค่เลือดตกแล้วจะมีอันตรายอะไรได้ คิดว่าฉันไม่เคยคลอดลูกมาก่อนหรือไง!”

“ค่าผ่าตัดฉันออกให้ คุณแค่เซ็นชื่อก็พอ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็น

“ฉันไม่มีการศึกษา ไม่รู้หนังสือ”

ยายแก่ปีศาจแผนล่มไปหนึ่งก็ผุดแผนใหม่ขึ้นมา

“คุณชื่ออะไร ฉันจะเขียนแล้วแล้วเขียนตาม” เหมยเหมยพยายามใจเย็น ตอนนี้ฉีฉีเก๋อกำลังอยู่ในภาวะอันตราย จะเกิดอะไรผิดพลาดไม่ได้

“ว่านจินเหลียน…” ยายแก่ปีศาจพูดเสียงอ้อมแอ้ม

เหมยเหมยคว้าปากกาแล้วขีดเขียนบนกระดาษเป็นตัวบรรจง

“เขียนตามนี้!”

ยายแก่ปีศาจตัวสะท้าน ไม่รู้ทำไมทั้งที่เหมยเหมยดูไม่ดุเท่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแต่เธอรู้สึกผวาจากใจจนเสียวสันหลังวูบวาบ

แต่พอนึกถึงลูกสาวผู้ว่าการยายแก่ปีศาจก็ใจเย็นลงได้ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นขีดเขียนเหมือนวาดยันต์ แถมอ้างว่าเจ็บมือหรือไม่ก็จับปากกาไม่แน่นจนเสียเวลาไปกับเธออีกหลายนาที

เหมยเหมยรู้ทันแผนร้ายกาจของยายแก่ปีศาจนี้แล้วว่าจงใจจะถ่วงเวลาให้ฉีฉีเก๋อตาย

ยายแก่ใจเหี้ยม!

“แค่ลอกแล้วเขียนตามก็ทำไม่เป็นหรือไง? แล้วแบบนี้ล่ะเขียนเป็นหรือยัง?”

เหมยเหมยยกเท้าเตะเข่าของยายแก่ปีศาจ ยายแก่ปีศาจล้มเข่ากระแทกพื้นอย่างจัง สีหน้าดูเจ็บปวดอย่างมาก

………………………

ตอนที่ 2383 มีความลับอะไรกันแน่

บทเพลงรักดำเนินไปตลอดทั้งคืน…

เหมยเหมยอ่อนแรงนอนแผ่อยู่บนเตียงไม่อยากกระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว

เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นเหมือนดั่งภูเขาไฟระเบิดที่ต้องการครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าเธออ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย…

น่าโมโหนัก!

“พี่บอกคุณย่าแล้วนะว่าไม่ต้องรอเธอทานข้าวกลางวัน!” เหยียนหมิงซุ่นทานมื้อเช้าแล้ว เขาก้มลงกระซิบข้างหูเหมยเหมย

เมื่อคืนเขาโลภมากไปหน่อย อดทนมาครึ่งปีในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยเสียที ต่อให้เขามีความหนักแน่นดั่งเหล็กกล้าแต่ก็ควบคุมความปรารถนาไม่ไหวอีกต่อไป

“ตาบ้า…ทำไมต้องบอกคุณย่าด้วย?”

เหมยเหมยโกรธจนหยิกเขาไปทีแต่เพราะเรี่ยวแรงมีขีดจำกัดเลยทำให้เหมือนแค่เล่นจักจี้เท่านั้น

เหยียนหมิงซุ่นบอกไปแบบนี้ คุณย่าหยางก็ต้องรู้แน่ว่าเธอตื่นสายด้วยเหตุผลอะไร น่าขายหน้าชะมัดเลย!

“ไม่บอกคุณย่าก็รู้” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงเบา สายตาหม่นลง เขาพรมจูบผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นมาจากผ้า

ช่วงท้องน้อยเกร็งตัว เขาไม่อยากไปทำงานสักนิด แค่อยากนอนกกสาวงามอยู่บนเตียงทั้งวัน

ไว้กลับมาต่อคืนนี้แล้วกัน รีบไปสะสางงานสำคัญให้เสร็จก่อนดีกว่า

“เกลียดจริง ๆ…”

เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงสายตาอันร้อนรุ่มของเหยียนหมิงซุ่นก็เผลอหดตัวอย่างอดไม่ได้ เธอรับไม่ไหวแล้วจริง ๆ

“เมื่อคืนเธอไม่ได้เกลียดพี่สักหน่อย…รักมากเชียวละ…”

เหยียนหมิงซุ่นงับหูขาวเนียนแล้วขบกัดเบา ๆ เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกราวกับกระแสไฟวิ่งผ่าน ร่างกายอ่อนไหวอย่างผิดปกติ

“พี่ยังไม่รีบไปทำงานอีก…” เหมยเหมยได้แต่กัดนิ้วเขาอย่างขุ่นเคือง หน้าด้านขึ้นทุกวัน

เสียงหัวเราะแผ่วดังขึ้น เหยียนหมิงซุ่นขบแรง ๆอีกที กำลังเตรียมไปทำงานก็มีเสียงร้องสดใสของเล่อเล่อดังแว่วมาจากข้างนอก

“เหมยเหมยตื่นหรือยัง เล่อเล่อหิวแล้ว!” คุณย่าหยางตะโกนจากนอกประตู

เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นให้ลูกสาวไปนอนกับคุณย่าหยางเพื่อความสะดวก เขาจะได้ทำอะไรสมใจอยากตลอดทั้งคืน

“ตื่นแล้ว ผมอุ้มเข้าไปเอง”

เหยียนหมิงซุ่นเปิดประตูอุ้มลูกสาวที่ไม่สงบเสงี่ยมเลยสักนิด คุณย่าหยางมองเข้าไปข้างในแวบหนึ่งด้วยสายตามีเลศนัยปนขบขันเล็กน้อย

หลานชายคนโตขยันขนาดนี้เห็นทีเหลนคนที่สองก็ใกล้จะมาแล้ว!

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อได้กลิ่นของคุณแม่ก็เริ่มบิดตัวดิ้นไปมาอย่างดีใจพร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุด เจ้าหมาป่าตัวน้อยเสวี่ยเอ๋อร์ก้าวตามหลังมาไม่ยอมห่างแม้แต่ก้าวเดียว

“หิวแย่ละสิ โทษพ่อของลูกเลยนะ…”

เหมยเหมยรับเล่อเล่อมาด้วยความรัก เธอไม่ต้องถอดเสื้อผ้าใด ๆเพราะถูกเปลื้องผ้าออกหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซึ่งสะดวกสำหรับป้อนนมพอดี

บนผิวขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆที่ขับให้ดูงามไปอีกแบบ สายตาของเหยียนหมิงซุ่นหม่นลง ลำคอแห้งผากอยู่บ้าง

“อึก ๆ…”

เล่อเล่อขบกัดหัวปทุมถันแล้วพยายามดูดอย่างแรง สองมืออวบกำหมัดแน่นดูท่าทางใช้แรงเยอะมากทีเดียว

เหมยเหมยเองก็ตื่นเต็มตามากขึ้นแล้วจึงพูดเรื่องเมื่อคืนต่อ “เหยียนหมิงต๋าทำแบบนี้หมายความว่าไงกันแน่? พี่อย่าบอกฉันนะว่าเขารักโม่เฉี่ยวหลิง ฉันสัมผัสไม่ได้เลยสักนิด”

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง หมิงต๋ารู้ขอบเขตดี” เหยียนหมิงซุ่นยังคงท่าทีเช่นเดิมไม่ยอมบอก

“ฉันจะไม่ยุ่งได้อย่างไร ใครให้เหยียนหมิงต๋าพาผู้หญิงคนนั้นมาบ้านฉันล่ะ ฉันไม่ได้ตาบอดนะ!” เหมยเหมยไม่พอใจ

“วันหลังจะไม่พามาอีกแล้ว…”

เหยียนหมิงซุ่นจุ๊บแก้มเหมยเหมยอีกทีแล้วหยิกแก้มลูกสาวตัวอ้วนทีหนึ่งด้วยแรงที่ไม่เบาเลย เล่อเล่อปัดมือเขาเป็นเชิงขัดขืนแล้วดื่มนมต่อ

เมื่อคืนเขาว่าเหยียนหมิงต๋าไปแล้วว่าอย่าพาโม่เฉี่ยวหลิงกลับมาทำลายบรรยากาศอีก ส่วนเรื่องอื่นไม่ว่าเหยียนหมิงต๋าจะทำอะไรเขาไม่สน

อย่างไรเสียก็เสียเปรียบได้ไม่เท่าไรหรอก!

ถึงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกอะไรแต่เหมยเหมยพอจะเดาได้ว่าเหยียนหมิงต๋ากับโม่เฉี่ยวหลิงต้องไม่ใช่คู่รักกันอย่างแน่นอน

พวกเขามีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่นะ?

เหมยเหมยใจคันยุบยิบ อยากรู้จัง!

………………………..

ตอนที่ 2384 การคลอดลูกน่ากลัวจังเลย

เล่อเล่อเพิ่งครบสองเดือนได้ไม่กี่วันฉีฉีเก๋อก็ใกล้คลอดแล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโทรมาบอกว่าเธอได้พาฉีฉีเก๋อไปส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องคลอด

เหมยเหมยทิ้งเล่อเล่อไว้ที่บ้านแล้วเลือกขับรถไปโรงพยาบาลเอง ยังไม่ทันเดินใกล้ห้องคลอดดีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของฉีฉีเก๋อแล้ว ผู้หญิงคนนี้เสียงดังดีจัง ร้องทีได้ยินไปทั้งตึกเชียว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยเหมยก็พรูลมหายใจโล่งอก

“ในที่สุดเธอก็มาสักที ฉีฉีเก๋อร้องจนฉันกลัว การคลอดลูกทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าซีดเสียงสั่น

ถ้ารู้แต่แรกว่าการคลอดลูกเหมือนการฆ่าหมู เธอคงไม่ยอมรออยู่คลอดเป็นเพื่อนแน่ ๆ ดีล่ะทีนี้ เธอยังไม่ทันแต่งงานด้วยซ้ำก็เริ่มกลัวการคลอดลูกเสียแล้ว

“ไม่อย่างนั้นเขาจะบอกว่าผู้หญิงคลอดลูกก็เหมือนก้าวขาเข้าสู่ความตายไปข้างหนึ่งเหรอ…” เหมยเหมยมองเธออย่างขบขัน ในบรรดาพวกเขาสามคน อย่าเห็นแต่ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูขี้โวยวายใจใหญ่แต่ความจริงยัยคนนี้ขี้ขลาดที่สุดแล้ว

“ฉีฉีเก๋อเข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?”

“เข้าไปได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว คุณหมอไม่ได้ว่าอะไร หน้าตึงเหมือนหญิงแก่ขึ้นคาน ฉันก็ไม่กล้าถาม ฉันยังยัดเงินไปให้ด้วยนิดหน่อยแต่เขาไม่กล้ารับไว้ ไม่รู้ว่าเพราะน้อยเกินไปหรือเปล่า” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นเสียงเบา

เธอเคยได้ยินมานานแล้วว่าการเข้าโรงพยาบาลจะต้องยัดเงินซองแดงให้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นคุณหมอจะไม่ยอมทำตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อครู่เธอเพิ่งทำตัวลับ ๆล่อ ๆจะยัดซองแดงให้คุณหมอ แต่คุณหมอคนนั้นกลับทำหน้าตึงในทันทีแล้วตวัดตามองค้อนเธอแวบหนึ่ง จนตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ

“นี่โรงพยาบาลถูกต้องตามกฎหมายเธอจะยัดเงินไปทำไม จริง ๆเลยนะ…”

เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง คุณหนูใหญ่เหริ่นอะไรก็ดีหมดแต่ชอบทำอะไรหยาบโลนไปหน่อย ไม่ว่าจะทำอะไรมักไม่ได้คิดจะใช้ความตั้งใจเป็นอย่างแรกแต่เลือกใช้เส้นสายแทน เธอมักคิดว่าใต้หล้านี้ไม่มีเส้นสายใดที่ใช้ไม่ได้ผล

แน่นอนว่าทุกสายงานย่อมมีกลุ่มคนไม่เอาไหนไม่ว่าจะคุณหมอหรือคุณครู การยัดเงินใต้โต๊ะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ส่วนมากก็ยังเป็นคนดีที่ทำงานตามหน้าที่อย่างสุจริต

ฉะนั้นพวกเขาจะยิ่งไม่สนับสนุนวิธีการผิด ๆแบบนี้

“ฉัน…ฉันก็แค่…เป็นห่วงนี่นา…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ลูบจมูกปอย ๆ

เธอออกจากบ้านทำธุระทีก็เจอแต่คนที่ต้องการผลประโยชน์จนชินชากับการยัดเงินใต้โต๊ะ ไม่กลัวสิ้นเปลืองแต่กลัวจะพลาดโอกาส การเตรียมตัวไว้ทุกเวลาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!

“แอ๊ะ…”

เสียงกรีดร้องโหยหวนของฉีฉีเก๋อดังขึ้น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัวสั่นเทาหน้าซีด

“ฉีฉีเก๋อจะเป็นอะไรไหม…ถุย…เรื่องดี ๆขอให้เป็นจริงเรื่องไม่ดีขอให้ไม่เกิดขึ้น ปากสุนัขของฉันนี่มัน…ขอให้ราบรื่นทีเถอะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอาแต่ส่ายศีรษะปากงึมงำ ๆเหมือนกำลังท่องบทสวด

“ไม่หรอก คลอดลูกก็แบบนี้แหละ อนาคตไม่แน่เธออาจจะร้องดังกว่านี้ด้วยซ้ำ!”

เหมยเหมยพูดหยอกเย้าประโยคหนึ่งแล้วมองไปอีกฟาก มีเพียงยายแก่ปีศาจยืนอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าราบเรียบดูไม่ร้อนใจเลยสักนิด

“ฉางชิงซงล่ะ? เวลาแบบนี้เขาไปไหน?” เหมยเหมยไม่พอใจอย่างมาก

เวลาสำคัญกลับหายหัวไป ผู้ชายแบบนี้จะมีประโยชน์อะไรกัน?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดแล้วก็ชักโมโหขึ้นมา “ช่วงก่อนหน้านี้ไปสัมมนาบอกว่ามีหนังสำคัญเรื่องหนึ่งที่มีส่วนช่วยกับงานของเขามาก ฉางชิงซงไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไป บวกกับฉีฉีเก๋อยังห่างจากกำหนดคลอดอีกสัปดาห์หนึ่งเขาก็เลยไป”

อาการปวดท้องแปลบครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฉีฉีเก๋อโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองเธอถึงได้รีบมา พอเห็นว่าฉางชิงซงไม่อยู่บ้าน แต่ยายแก่ปีศาจกลับทานอาหารเช้าคนเดียวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“น่าโมโหจะแย่ เธอรู้ไหมว่ายายแก่ปีศาจพูดว่าอะไร ยายแก่นั่นบอกว่าไม่ต้องมาโรงพยาบาล เมื่อก่อนผู้หญิงก็คลอดลูกกันที่บ้าน…โอ้โฮ ถ้าไม่ใช่เพราะฉีฉีเก๋อปวดท้องรุนแรง ฉันจะถมน้ำลายใส่หน้ามันตอนนั้นเลย!”

…………………….

ตอนที่ 2381 มาโดยไม่ได้รับเชิญ

“คุณปู่ครับ คุณย่าครับ พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ครับ นี่แฟนสาวของผมโม่เฉี่ยวหลิง”

พวกเหมยเหมยยังไม่ทันอ้าปากทักเหยียนหมิงต๋าก็ชิงแนะนำตัวก่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่โม่เฉี่ยวหลิงที่ยืนข้าง ๆเขากลับทำหน้าได้ใจหน่อย ๆ ยกยิ้มมุมปากมองมาทางเหมยเหมยด้วยสายตามีเลศนัย คล้ายกำลังโอ้อวดหรือบางทีกำลังท้าทายอยู่

ขณะเดียวกันผู้ที่มีสีหน้าไม่เป็นมิตรยังมีคุณย่าหยางและป้าฟาง แม้คุณย่าหยางจะไม่เคยเจอโม่เฉี่ยวหลิงแต่เธอรู้จักชื่อนี้ดี แค่ได้ยินก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

พอได้เห็นหน้าตาท่าทางของโม่เฉี่ยวหลิง คุณย่าหยางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาในทันที หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกแบบนี้ไม่ใช่คนดีเด่อะไรแน่นอน

“หมิงต๋า ก็บอกให้เลิกกับผู้หญิงคนนี้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมหลานไม่ยอมฟังบ้างล่ะ?” คุณย่าหยางทำหน้าดุดัน

โม่เฉี่ยวหลิงสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ลอบด่าอีกฝ่ายในใจ ภายนอกกลับทำหน้าตาน่าสงสารมองเหยียนหมิงต๋าด้วยสองดวงตาแดงก่ำ

เหมยเหมยรู้สึกขยะแขยงเหมือนกินขี้อย่างไรอย่างนั้น พยายามข่มใจไม่ให้แสดงอาการออกมาแต่กำลังแอบระแวงอยู่ในใจ

โม่เฉี่ยวหลิงดูฉลาดกว่าคราวก่อนมากนัก อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ก็เปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวดูดีมีรสนิยมมากขึ้นพอควร

หรือพูดให้ถูกก็คือเสื้อผ้าบนตัวโม่เฉี่ยวหลิงล้วนแต่เป็นแบรนด์เนมทั้งนั้นซึ่งอย่างน้อยราคาต้องหลายร้อยถึงหลักพันหยวนเลยทีเดียว!

เหมยเหมยแอบสงสัยในใจ ไหนว่าโม่เฉี่ยวหลิงกำลังทำงานชั่วคราวจนไม่มีเงินพอซื้ออาหารสามมื้อด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ?

แล้วเธอเอาเงินจากไหนมาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมกัน?

ไหนจะกระเป๋าที่เธอสะพายอยู่ก็เป็นของยี่ห้อชาแนล ไหนจะรองเท้ายี่ห้อเดียวกันอีก แถมสร้อยเพชรต่างหูเพชรที่แม้จะขนาดเล็กหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ของราคาถูก

โม่เฉี่ยวหลิงในตอนนี้ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเขียนไว้ว่า–

คนมีเงิน

อีกทั้งไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง พอมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมรวมถึงเครื่องประดับเพชรพลอยคอยเสริมบารมี ทำให้โม่เฉี่ยวหลิงที่แต่เดิมดูดีแค่หน้าตากลับดูมีระดับขึ้นมากกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงผู้หญิงธรรมดาอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป

หรือว่าเหยียนหมิงต๋าเป็นคนซื้อให้เธอหรือ?

เหยียนหมิงต๋าตีหน้านิ่งพูดเสียงขรึม “นั่งลงทานข้าวกันเถอะ”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วยังกระทืบเท้าเขาจากใต้โต๊ะแรง ๆทีหนึ่ง

แถมยังเลี้ยงข้าวนังแพศยานี่อีก หมายความว่าอย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้าให้เธอเล็กน้อย เหมยเหมยจึงจำต้องข่มอารมณ์โกรธไว้ ต่อหน้าคนนอกเธอยังต้องไว้หน้าเหยียนหมิงซุ่นบ้าง

“คุณปู่คุณย่าครับ เมี่อก่อนเฉี่ยวหลิงยังเด็กเลยทำผิดไป เธอเล่าให้ผมฟังหมดแล้วและเธอเองก็รู้สึกเสียใจมาก หวังว่าท่านจะให้โอกาสเธอได้ปรับปรุงตัว” เหยียนหมิงต๋าบอก

“สวัสดีค่ะคุณปู่คุณย่า สวัสดีค่ะพี่ชายพี่สะใภ้ เมื่อก่อนฉันหลงผิดไป พวกพี่อย่าถือสาฉันเลยนะคะ ตอนนี้ฉันได้เจอหมิงต๋าถึงรู้ว่าคนที่ฉันรักที่สุดคือใครแล้ว…”

โม่เฉี่ยวหลิงทำหน้าเว้าวอนเหมือนกำลังสำนึกผิดจากใจจริง แต่ไม่มีใครเชื่อเธอสักคน

งูพิษหากได้ลองกัดใครหนึ่งครั้งก็ต้องมีครั้งที่สองครั้งที่สามไปเรื่อย ๆ…

เหมยเหมยรู้สึกอัดอั้นแทบแย่และขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

สามเดือนก่อนยังจะเป็นจะตายบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นรักแท้ หากไม่ใช่เขาจะไม่ยอมแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหยียนหมิงต๋า

เหอะ!

ความรักของเธอช่างไร้ค่านัก!

พอมีโม่เฉี่ยวหลิงอยู่ด้วยจึงทำให้มื้ออาหารนี้ดำเนินไปท่ามกลางความอึดอัด ต่อให้โม่เฉี่ยวหลิงพูดน้ำไหลไฟดับอย่างไร พยายามหาเรื่องคุยอย่างไรก็ไม่มีใครยอมสนใจเธอ

แม้แต่เหยียนหมิงต๋าเองก็ยังไม่ค่อยสนทนาอะไรกับเธอเลยแต่กลับคีบอาหารให้เธอหลายครั้ง ดูแล้วเป็นแฟนหนุ่มที่ช่างเอาใจใส่เสียจริง ๆ

แต่ทว่า–

เหมยเหมยกลับไม่รู้สึกถึงความรักระหว่างเหยียนหมิงต๋ากับโม่เฉี่ยวหลิง ไม่เหมือนคนรักกันแต่กลับเหมือนคนแปลกหน้ากันมากกว่า

ความรู้สึกพิลึกนี้มีมากเสียจนเหมยเหมยยังนึกสงสัยตัวเองว่าคิดมากไปหรือเปล่า ทว่าตั้งแต่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ความรู้สึกนี้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

มื้ออาหารจบลงด้วยความอึดอัด โม่เฉี่ยวหลิงมีใจอยากอยู่ต่อแต่ไม่มีใครสนใจเธอ เธอจึงทำได้แค่รีบขอตัวกลับก่อน

เหยียนหมิงต๋าไปส่งเธอที่บ้านก็กลับมา คุณย่าหยางเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบตึงว่า “หลานพูดมาให้รู้เรื่องว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

……………………………..

ตอนที่ 2382 หมาไม่กินขี้ตั้งนานแล้ว

เหยียนหมิงต๋ามองเหมยเหมยแวบหนึ่งด้วยสายตาที่แฝงนัยยะบางอย่าง เหมยเหมยใจหล่นตุบ เธอมักรู้สึกว่าเหยียนหมิงต๋าที่รอดชีวิตผ่านความตายกลับมานั้นคาดเดาได้ยากและให้ความรู้สึกดูคล้ายคลึงเหยียนหมิงซุ่นไม่น้อย

“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ ผมกับโม่เฉี่ยวหลิงรู้จักกันโดยบังเอิญ คุยถูกคอกันดีเลยตกลงคบกัน” เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงเรียบ

คุณย่าหยางตวาดใส่ “โม่เฉี่ยวหลิงเป็นคนแบบไหนหลานไม่รู้หรือไง? เมื่อก่อนกับพี่ใหญ่ของหลานหล่อนยัง…”

ประโยคหลังคุณย่าหยางไม่กล้าพูดต่อ ในเมื่ออยู่ต่อหน้าเหมยเหมยนี่นา

เหมยเหมยเอ่ยต่อ “เมื่อก่อนโม่เฉี่ยวหลิงคิดจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ของนาย แถมยังบอกว่าถ้าไม่ใช่พี่ใหญ่ของนายเธอก็จะไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้น ทำไมแป๊บเดียวก็มารักกับนายได้ล่ะ?”

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดี หมิงต๋าแกรีบเลิกกับหล่อนซะ”

คุณปู่เหยียนทำหน้าถมึงทึงตั้งแต่โม่เฉี่ยวหลิงก้าวเข้าประตูบ้านมาแล้ว

ในอดีตแม้แต่เหมยเหมยเองคุณปู่ยังไม่ชอบใจเลย แต่บัดนี้คุณปู่รังเกียจผู้หญิงอย่างโม่เฉี่ยวหลิงที่สุด คุณปู่ถึงขนาดยกข้าวกลับไปทานในห้องไม่อยากเจอหน้าโม่เฉี่ยวหลิงด้วยซ้ำ

“คุณปู่ คุณย่า พวกท่านเข้าใจเฉี่ยวหลิงผิดไปแล้ว เมื่อก่อนเฉี่ยวหลิงทำผิดไปก็จริงแต่เธอปรับปรุงตัวแล้ว” เหยียนหมิงต๋ายังคงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน

“แก…แกมันสติเลอะเลือน หมาเปลี่ยนนิสัยกินขี้ได้เหรอ? ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นปู่ก็ไปเลิกกับผู้หญิงคนนี้ซะ…”

คุณปู่โมโหจนตัวสั่นหน้าดำหน้าแดง คุณย่าหยางลูบหลังเขาด้วยความเป็นห่วงพลางส่งสายตาให้เหยียนหมิงต๋าไม่หยุดเพื่อสื่อว่าให้เขาหยุดเถียงคุณปู่ได้แล้ว

“ตอนนี้หมากินหรูกว่าคนอีก เลิกกินขี้มาตั้งนานแล้ว” เหยียนหมิงต๋าอดพึมพำประโยคหนึ่งไม่ได้

คุณปู่เหยียนโกรธจนสำลักแล้วไออย่างรุนแรง เส้นเลือดตรงหน้าผากปูดโปนดูท่าทางน่ากลัวอย่างมาก

“หมิงต๋า เข้าไปที่ห้องหนังสือกับฉัน” เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนเดินตรงไปทางห้องหนังสือ

เหยียนหมิงต๋าลูบจมูกแล้วเดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง

“ไอ้คนอกตัญญู…หลานทรพี…เอาไม้เท้าของฉันมา!”

คุณปู่สุขภาพแข็งแรงดีไม่หยอก พอพักหายใจครู่หนึ่งก็หมายจะไปเอาไม้เท้าแต่ถูกคุณย่าหยางดึงตัวไว้

“คุณหยุดเลย หมิงซุ่นกำลังสั่งสอนเขาอยู่ไง”

“น่าโมโหจริง ๆ…น่าโมโหจริง ๆ…”

คุณปู่ได้แต่พูดซ้ำ ๆ สีหน้าดูย่ำแย่แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก เหมยเหมยเลยค่อยวางใจลงบ้าง

ความจริงเธอยังมีข้อสงสัยอยู่ ดูจากท่าทางของเหยียนหมิงต๋าก็ไม่ได้รักโม่เฉี่ยวหลิงมากขนาดนั้นนี่นา!

เมื่อครู่ตอนทานข้าวแม้เหยียนหมิงต๋าจะคีบกับข้าวให้โม่เฉี่ยวหลิงหลายครั้งแต่เหมือนทำเอาฉาบหน้า เธอไม่สัมผัสถึงความสนิมสนมระหว่างคู่รักเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความผูกพันเลย

นึกถึงแรก ๆตอนที่เธอคบกับเหยียนหมิงซุ่น แม้แต่อากาศรอบตัวยังลอยฟุ้งไปด้วยฟองสีชมพูด้วยซ้ำ!

เจ้าเหยียนหมิงต๋าต้องมีบางอย่างปิดบังอยู่แน่นอน!

สองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นคุยกันในห้องหนังสือนานชั่วโมงกว่า เหยียนหมิงต๋าไม่ได้ค้างที่บ้านแต่เลือกกลับไปที่พักของตัวเอง

“เหยียนหมิงต๋ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ระหว่างเขากับโม่เฉี่ยวหลิงมีความลับอะไรกันเหรอ?”

ยามเข้านอนเหมยเหมยก็เอ่ยถามในที่สุดเพราะทนไม่ไหวจริง ๆ

ดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นฉายแววแปลกใจขึ้นมาชั่ววูบ เขาไม่คิดว่าเหมยเหมยจะไหวพริบดีขนาดนี้ แต่เรื่องนี้เขารับปากหมิงต๋าไว้แล้วว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง

“ไม่มีอะไร เธอคิดมากไปแล้ว นอนเถอะ…”

เหยียนหมิงซุ่นพูดคลุมเครือกลบเกลื่อน ไฟในดวงตาลุกโชนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็วาดแขนรั้งเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมอก

“เรื่องคนอื่นเราอย่าไปยุ่งมากนักเลย…เรื่องนอนสำคัญกว่า…”

“นั่นน้องชายแท้ ๆของพี่เชียวนะ ใช่คนนอกที่ไหน…อืม…เบา ๆหน่อย…”

……

ภายใต้การจู่โจมอย่างรุนแรงของเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยตัวอ่อนยวบละลายเป็นกองน้ำ…ตัวอ่อนแรงปวกเปียกปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามอำเภอใจ…

………………

ตอนที่ 2379 แกคือเจ้าหมาป่าน้องเล็ก

เหมยเหมยไม่ได้คัดค้านข้อเสนอของเฮ่อเหลียนเช่อแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วย

แต่หากความสัมพันธ์ของเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อสามารถพัฒนาไปเป็นคนรักได้ เหมยเหมยก็คาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

เสี่ยวเป่าทั้งหน้าตาดีและฉลาดหลักแหลม วันข้างหน้าจะต้องกลายเป็นคนที่มีความสามารถมากแน่ สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือเธอชอบเสี่ยวเป่ามาก เธออยากให้เสี่ยวเป่ามาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวเป่าเป็นคนดีก็จริงแต่เขามีสายเลือดของหนิงเฉินเซวียน ความชั่วร้ายของตระกูลหนิงเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ ใครก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่ารุ่นลูกรุ่นหลานของเสี่ยวเป่าจะเป็นอย่างไร พี่ไม่กล้าให้เล่อเล่อเสี่ยงเรื่องแบบนี้ด้วย”

นอกจากสาเหตุนี้แล้ว แค่เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าจะต้องไปเป็นครอบครัวเดียวกันกับไอ้แก่หนิงเฉินเซวียน เขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจมากจนทนไม่ไหว

สีหน้าของเหมยเหมยเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เตือนเธอคงลืมนึกถึงภูมิหลังของครอบครัวเสี่ยวเป่าไปแล้ว พ่อคือหนิงเฉินเซวียน แม่คืออู่เยวี่ย

ทั้งคู่ต่างเป็นบุคคลที่เธอเกลียดชังที่สุด แต่กลับให้กำเนิดเสี่ยวเป่าที่เธอชอบมากเหลือเกิน…

สิ่งแวดล้อมรอบตัวช่างมีอิทธิพลเสียจริง

เธอสามารถมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ ความแค้นความเกลียดชังของคนรุ่นก่อนเธอไม่เอามาลงกับคนรุ่นต่อไปอยู่แล้ว แต่ความกังวลของเหยียนหมิงซุ่นนั้นสมเหตุสมผล เลือดของตระกูลหนิงน่าขยะแขยงจริง ๆ

“เฮ้อ…ค่อยว่ากันเถอะ หนิงเฉินเซวียนสมควรตาย ทำร้ายคนอื่นแล้วยังทำร้ายตัวเองด้วย!” เหมยเหมยสาปส่ง

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อที่อยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่นร้องเรียกด้วยความดีใจอีกครั้ง สายตากลับจับจ้องไปที่เจ้าหมาป่าตัวน้อยที่กำลังกระดิกหางไปมาซึ่งถูกเสี่ยวเป่าตั้งชื่อให้ว่าเสวี่ยเสวี่ย

“เล่อเล่อ…นี่เป็นของขวัญที่พี่เสี่ยวเป่ามอบให้หนู มันชื่อว่าเสวี่ยเสวี่ย หนูจำไว้ให้ดีล่ะ!” เธอบีบพวงแก้มอวบอ้วนของลูกสาวเธอด้วยรอยยิ้ม ทั้งนุ่มทั้งลื่น บีบวันละหลายสิบทีทุกวันยังไม่เบื่อเลย

“เอ๊ะ ฉันต้องดูหน่อยแล้วสิว่าเสวี่ยเสวี่ยเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย ถ้าเป็นเพศผู้แล้วชื่อเสวี่ยเสวี่ยคงไม่ได้”               เหมยเหมยไล่จับเจ้าหมาป่าตัวน้อยด้วยท่าทีกระตือรือร้นโดยที่เธอลืมความดุร้ายของเจ้าหมาป่าตัวน้อยไปชั่วขณะ เจ้าหมาป่าตัวน้อยคำรามเสียงต่ำ แผงขนของมันตั้งชันเหมือนกับเข็มเหล็กและแยกเขี้ยวโชว์ฟันซี่เล็กขาว ๆ เหมยเหมยตกใจจึงรีบดึงมือกลับ

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธเคือง แล้วตวัดมือฟาดใส่อย่างแรงเพราะไม่พอใจต่อท่าทีที่ไม่รู้จักความหวังดีคนอื่นของเจ้าหมาป่าตัวน้อย นั่นเป็นแม่ของฉันนะ จะดุใส่ทำไมกัน!

“อู้…วู…”

หมาป่าตัวน้อยหดหางของมันแล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟัง นิ่งเงียบราวกับนก

เจ้านายคนใหม่ของมันโกรธแล้ว มันไม่สามารถก่อเรื่องได้แล้ว!

“เล่อเล่อ บอกให้มันนอนหงายโชว์ท้องให้ดูหน่อย” เหมยเหมยรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาทันที ยังกล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งเธออีกเหรอ แค่ลูกสาวเธอขู่ใส่หน่อยก็หมอบลงแล้ว

มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นกระตุกเล็กน้อย โรคโง่เขลาของภรรยาเขารักษาไม่หายสักที ไม่คิดสักหน่อยเหรอว่าลูกสาวของพวกเขายังอายุไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำจะเข้าใจภาษามนุษย์ไหม?

แต่ทว่า

“แอ๊ะ…” เล่อเล่อร้องขึ้น ทันใดนั้นเจ้าหมาป่าตัวน้อยก็นอนหงายจนเผยให้เห็นหน้าท้องอันเนียนนุ่มอย่างเชื่อฟัง งออุ้งเท้าทั้งสี่ข้างดูท่าทางทรมานไม่น้อย

แววตาของเหยียนหมิงซุ่นลุกวาวด้วยความประหลาดใจ ท้องเป็นจุดสำคัญของหมาป่า ถ้าไม่โดนบังคับจริง ๆคงไม่มีทางโชว์หน้าท้องของมันเด็ดขาด แต่ตอนนี้เพียงแค่เล่อเล่อออกคำสั่งเจ้าหมาป่าตัวน้อยก็รีบเผยจุดสำคัญให้เห็นทันที

อีกทั้งยังไม่ต่อต้านเวลาอยู่กับเหมยเหมยแล้วด้วย

“หมาป่าคงเหมือนกับหมาแหละมั้ง ฉันส่องหน่อยซิว่ามีหรือเปล่า….”

เหมยเหมยย่อตัวลงและมองหาตำแหน่งสำคัญอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่เห็นแท่งน้อย ๆ…

“น่าจะเป็นเพศเมียนะ?” เหมยเหมยก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างสงสัย

หมาป่าตัวน้อยส่งเสียงคำรามอย่างไม่ชอบใจ ฉันเป็นถึงเจ้าหญิงหมาป่าผู้งดงาม แม่ของเจ้านายมีตาหามีแววไม่ สมองก็โง่เง่าเสียเหลือเกิน

“ใช่แล้ว เป็นเพศเมีย” เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าพยายามกลั้นขำไว้

“ถ้าอย่างนั้นชื่อเสวี่ยเสวี่ยก็เหมาะแล้ว วันหลังก็เรียกเสวี่ยเสวี่ยแล้วกัน ในบ้านเรายังมีพี่ใหญ่ฉิว พี่รองฉาซึ่งอีกไม่นานก็จะกลับมาแล้ว ต่อไปแกก็จะกลายเป็นน้องคนเล็ก ต้องเชื่อฟังล่ะ!” เหมยเหมยสั่งสอน

เจ้าหมาป่าตัวน้อยร้องฮึด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แววตาเหมือนไม่จำยอม มันเป็นถึงลูกหลานแห่งราชาหมาป่า แล้วจะให้มันเป็นน้องคนเล็กได้อย่างไรกัน?

รอเจ้าโง่สองตัวนั้นกลับมาแล้วค่อยเบ่งอำนาจใส่พวกเขาอีกทีแล้วกัน!

……………………………………….

ตอนที่ 2380 พวกเรากินน้อยลงหน่อยดีไหม

ในที่สุดก็รอจนครบสองเดือนเต็มสักที เหมยเหมยอาบน้ำอย่างมีความสุข เดิมทีในวันที่ครบหนึ่งเดือนเธอก็คิดอยากจะอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อย แต่คุณย่าหยางและป้าฟางกลับห้ามเธอไว้บอกว่าตอนเธอคลอดเสียแรงไปไม่น้อย จึงต้องค่อย ๆบำรุงปรับสภาพร่างกาย ทางที่ดีที่สุดจึงควรรอครบสองเดือนก่อนจะดีกว่า

ด้วยเหตุนี้ช่วงสองเดือนนี้เหมยเหมยจึงไม่กล้าอาบน้ำนาน ๆ เธอใช้แค่น้ำร้อนเช็ดร่างกายให้พอสะอาด ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่มีกลิ่นเหม็นแต่อย่างไรเสียก็รู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี

ตัวเหยียนหมิงซุ่นเองก็ใจร้อนเช่นกัน พอครบสองเดือน เขาก็จะสามารถ…ได้

อดทนมาตั้งครึ่งปี อัดอั้นมากจริง ๆ!

เหมยเหมยล้างทำความสะอาดตัวเองให้สะอาด อย่างน้อยก็กำจัดพวกขี้ไคลออกไปได้เป็นกิโล พอได้ทำความสะอาดตั้งแต่หัวจรดเท้าก็พลันรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที

“ชั่งน้ำหนักเล่อเล่อดูหน่อยซิ หนักเพิ่มขึ้นมาเท่าไรแล้วนะ”

เหมยเหมยเลื่อนเอาตาชั่งออกมาเพื่อเตรียมชั่งน้ำหนักให้เล่อเล่อ ไม่ได้ชั่งมาตั้งเดือนหนึ่งแล้ว สาวน้อยอวบอ้วนจะต้องหนักเพิ่มขึ้นไม่น้อยแน่ ๆ

“11.2 กิโลกรัม…”

เหมยเหมยมองลูกสาวอย่างหมดคำพูด โชคดีที่สูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันอยู่บ้างเลยมองดูแล้วตัวไม่กลมเหมือนลูกบอล แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้วล่ะ

คุณย่าหยางกับป้าฟางมักจะอุ้มเล่อเล่อไปตากแดดที่สวนสาธารณะ คนอื่นจะชอบนึกว่าเล่อเล่ออายุหกเดือนแล้ว แต่หากรู้ว่าเล่อเล่อเพิ่งจะอายุได้แค่สองเดือน ไม่รู้ว่าจะตกใจขนาดไหน

“วันหลังพวกเรากินน้อยลงหน่อยดีไหม?”

เหมยเหมยปรึกษาด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนโยน ความสูงของเล่อเล่อแน่นอนว่าไม่ถือว่าเตี้ยนัก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเจ้าอ้วนสูง 1.8 เมตร มองแล้วจะเหมือนภูเขายักษ์ยิ่งกว่าไหมนะ

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อโบกมือไปมาด้วยท่าทีไม่ชอบใจ ใบหน้าอ้วนกลมของเธอดูจริงจังมาก ดวงตาของเธอประกายไฟแห่งโทสะ

อยู่ดี ๆจะให้เธอกินน้อยลงงั้นเหรอ?

แม่สติเลอะเลือนไปแล้วหรือไง!

เธอกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโตนะ แล้วจะกินน้อยลงได้อย่างไรกัน?

คุณย่าหยางชอบใจเหลือเกินแล้วรีบเอ่ยขึ้นว่า “อย่าไปฟังแม่หนูนะ เล่อเล่อของเราต้องกินให้เยอะ ๆหน่อย อยากจะกินอะไร ย่าทวดจะทำให้กินนะ”

“คิก ๆ…” เล่อเล่อหัวเราะอย่างมีความสุข

เพราะเธอชอบกินมากที่สุดแล้ว!

เหมยเหมยหยิกแก้มยุ้ยของลูกเธออย่างนึกโมโห “รู้จักแต่กินนะเรา รอเรากินจนอ้วนเหมือนหมู ตอนนั้นจะมาร้องไห้ก็สายไปแล้ว!”

โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้รูปร่างหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้าแต่ถ้าอ้วนจนกลายเป็นหมูอ้วน ถึงจะสวยดั่งดอกไม้ก็คงเป็นไปไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอก วันหลังรอเล่อเล่อโตแล้วค่อยให้ออกกำลังกายเยอะหน่อย กินเท่าไรก็ไม่อ้วนหรอก” คุณย่าหยางไม่เห็นด้วย เธอมองโลกในแง่ดีพอ ๆกับเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยลอบถอนหายใจ หวังว่าในอนาคตจะลดน้ำหนักได้ง่ายอย่างที่คิดไว้แล้วกัน!

“หมิงต๋าจะมาทานอาหารเย็นด้วย ย่าจะไปทำของโปรดเขาสักสองสามอย่างก่อน” คุณย่าหยางเล่นกับเล่อเล่อได้สักพักก็เตรียมจะไปทำอาหารในห้องครัวต่อ

เหมยเหมยวางเล่อเล่อลงบนพื้นเพื่อให้เธอได้เล่นสนุกกับเสวี่ยเสวี่ย เล่อเล่อที่มีอายุได้แค่สองเดือนไม่เพียงแต่ตัวสูงและตัวอ้วนกลมเท่านั้นแต่ยังพลิกตัวได้แล้วด้วย เด็กคนอื่นอายุสามเดือนแล้วยังพลิกตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“ช่วงนี้หมิงต๋าเขาทำอะไรอยู่เหรอ? ยังติดต่อกับโม่เฉียวหลิงอยู่ไหม?” เหมยเหมยถามขึ้น

ลุงเหลาถ่ายรูปตอนที่เหยียนหมิงต๋ากับโม่เฉียวหลิงอยู่ด้วยกันไว้ได้ เนื่องจากเธอให้กำเนิดเล่อเล่อจึงปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน ต่อมาเหยียนหมิงซุ่นคิดขึ้นได้ในภายหลัง แต่เหยียนหมิงต๋าบอกว่าเขาแค่เป็นเพื่อนกับโม่เฉียวหลิงเฉย ๆเท่านั้น แล้วยังบอกว่าพวกเขาคิดมากเกินไปอีกด้วย

คุณย่าหยางรู้เรื่องนี้ที่ไหน “รอหมิงต๋ามาก็ค่อยถามสิ ผู้หญิงอย่างโม่เฉียวหลิงจะเอามาได้อย่างไร ฉันขอเป็นโสดดีกว่า!”

หญิงชรารู้เรื่องโม่เฉียวหลิงมาจากป้าฟาง เธอรู้สึกขยะแขยงสาวไร้ยางอายเช่นนี้ที่สุด สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือเธอเป็นผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายที่มีภรรยาแล้วเสียด้วย

อย่างเช่น ถานซูฟาง

หญิงชราไม่เคยให้อภัยผู้หญิงคนนี้เลยมาตลอดชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นจะไม่ยอมปล่อยให้หลานคนเล็กหาผู้หญิงที่เหมือนแม่ของเขาเด็ดขาด

ยามฟ้าเริ่มมืดลงเหยียนหมิงซุ่นกลับบ้านก่อน ไม่นานเหยียนหมิงต๋าก็มาถึง เพียงแต่ว่า…

เขาพาโม่เฉียวหลิงกลับมาด้วยจริง ๆ!

ทันใดนั้นเหมยเหมยพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา และแสดงท่าทีไม่ค่อยดีต่อเหยียนหมิงต๋า

………………………

ตอนที่ 2377 น้องสาวมีไว้ให้รัก

“น้องสาว…พี่เองนะ ชอบเสวี่ยเสวี่ยที่พี่ให้ไหม?”

เสี่ยวเป่าส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ เขาได้ยินเสียงเล่อเล่อร้องแอ๊ะผ่านมาจากปลายสาย

“คิก ๆ…”

เล่อเล่อเปิดปากหัวเราะร่า เสียงหัวเราะที่สดใสทำให้ทุกคนพลอยมีความสุขไปด้วย

“น้องชอบมากใช่ไหม? ไว้วันหลังพี่จะส่งของขวัญไปให้อีกนะ!”

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

“พรุ่งนี้พ่อกับพี่จะเข้าไปในป่า เดี๋ยวพี่หาเสือตัวน้อยให้ ดีไหม?”

“แอ๊ะ…”

“หาลูกสิงโต…แล้วก็ลูกเสือดาวด้วย…น้องจะต้องชอบมากแน่ ๆ รอให้พี่ทำให้พวกมันเชื่องก่อนแล้วค่อยให้พ่อพี่ส่งไปให้นะ”

เหมยเหมย… ‘บ้านกลายเป็นสวนสัตว์ไปแล้ว’

เหยียนหมิงซุ่น… ‘ไม่เลวเลย เสี่ยวเป่าใจกว้างกว่าพ่อเขาเยอะ’

เฮ่อเหลียนเช่อ… ‘เจ้าลูกชายจอมล้างผลาญ!’

“คิก ๆ…” เล่อเล่อหัวเราะไปตบมือไป

“ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนเหรอ? ยังอยู่ที่มาเก๊าไหม?” เหมยเหมยหยิบหูโทรศัพท์มา

“พวกเรามาถึงมาเลเซียแล้วครับ พ่อบอกว่าจะพาผมไปเที่ยวในป่า” เสี่ยวเป่าพูดขึ้น

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว มาเลเซียเป็นพื้นที่เขตร้อน ที่นั่นล้วนแค่เป็นป่าฝนเขตร้อน มีทั้งแมลงมีพิษและสัตว์ป่าดุร้ายเต็มไปหมด ผู้ใหญ่อย่างเฮ่อเหลียนเช่อคงไม่เป็นอะไร แต่เสี่ยวเป่าเด็กขนาดนี้จะทนได้อย่างไรกัน?

“ถ้านายอยากไปก็ไปคนเดียว อย่าพาเสี่ยวเป่าไปลำบากกับนายด้วยสิ!” เหมยเหมยอารมณ์เสีย เฮ่อเหลียนเช่อไม่ระมัดระวังเอาเสียเลย

“มีฉันอยู่เสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไปได้อย่างไร พวกเธอจะไปเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน!” เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากพูดอะไรแล้ว ภายในใจเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน

ตราบใดที่มีผู้หญิงอย่างจ้าวเหมยอยู่ เสี่ยวเป่าก็จะผลักไสเขาไปที่อื่น และไม่เห็นพ่ออย่างเขาอยู่ในสายตาสักนิด

อันที่จริงเรื่องเข้าป่าเสี่ยวเป่าเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง เส้นทางทั้งหมดก็เป็นเขาที่กำหนดขึ้นมาเอง เขาก็แค่ทำตามอย่างเชื่อฟัง

แต่ต่อหน้าเหมยเหมยเฮ่อเหลียนเช่อไม่บอกความจริงแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนอย่างจ้าวเหมยคงหัวเราะเยาะว่าเขาไม่มีสมองแหง

“คุณน้าครับ ในป่ามีแต่เพื่อนของผม ไม่เกิดเรื่องอะไรอยู่แล้วครับ” เสี่ยวเป่าพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

ตอนนี้เองเหมยเหมยถึงนึกขึ้นได้ถึงสัมผัสพิเศษระหว่างเสี่ยวเป่าและสัตว์ เมื่อก่อนขนาดงูจงอางที่มีพิษร้ายแรงที่สุดพออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเป่ากลับเชื่องราวกับงูบ้าน ถ้าเข้าป่าไปก็คงไม่มีอะไรที่น่ากังวลจริง ๆนั่นแหละ

“ถ้าอย่างนั้นก็คอยตามติดอยู่ข้าง ๆพ่อไว้ล่ะ ถ้าเกิดเรื่องอันตรายอะไรขึ้นก็ให้พ่อเราปกป้องเราอยู่ด้านหน้าแล้วเราก็รีบวิ่งหนีไปเข้าใจไหม?” เหมยเหมยกำชับ

“เสี่ยวเป่าทิ้งพ่อไม่ได้!” เสี่ยวเป่าส่ายศีรษะไปมา

มุมปากของเฮ่อเหลียนเช่อเหยียดยกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจมาก คำด่าทอที่เตรียมจะออกมาจึงกลืนหายเข้าไป

เห็นแก่ความกตัญญูของลูกชาย เขาจะให้อภัยจ้าวเหมยสักครั้ง บ้าเอ๊ย อยู่ต่อหน้าเขายังกล้าบอกให้ลูกชายเขาวิ่งหนีไปคนเดียวได้อย่างไรกัน

แม้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้นจริง ๆ แน่นอนว่าเขาก็ต้องให้เสี่ยวเป่าหนีไปก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนอื่นพูดมันไม่ได้

“พอแล้ว ๆ พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อย ๆหน่อย โทรทางไกลต่างประเทศมันแพง” เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“คุณน้าครับ ให้น้องมารับสายอีกสักหน่อยนะครับ!” เสี่ยวเป่ารู้สึกอาลัยอาวรณ์

เหมยเหมยเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหูของเล่อเล่อ เด็กน้อยทั้งสองพูดตอบโต้ไปมาไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่ดูมีความสุขมากทีเดียว

“จริงสิ เมื่อกี้ความเห็นของฉันเป็นไงบ้าง เสี่ยวเป่าของเรามีทั้งความสามารถ ฉลาดเฉลียว แล้วยังมีพ่อที่ฉลาดปราดเปรื่องไม่ธรรมดาและเป็นผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์อย่างฉันอีก ฉันจะยอมฝืนสู่ขอลูกสาวเธอไปละกัน…”

ความจริงเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่พอใจอะไรอีกหลายอย่าง แต่เมื่อขบคิดดูแล้วก็คงมีแต่ลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่นที่พอจะคู่ควรกับเสี่ยวเป่าของเขาได้

“พ่อ จะสู่ขอน้องสาวเหรอครับ ไม่ได้นะครับ น้องก็คือน้อง ไม่ใช่ภรรยา…” เสี่ยวเป่าต่อต้าน

น้องสาวมีไว้รักทะนุถนอมไม่ใช่มีไว้ให้สู่ขอ พ่อช่างโง่เง่าจริง ๆ!

……………………………………….

ตอนที่ 2378 เลิกคิดวางแผนกับลูกสาวฉันนะ

“ไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆสักหน่อย…”

เฮ่อเหลียนเช่อคิดว่าลูกชายของเขานี่แหละที่โง่เง่า กำหนดคู่ครองไว้ตั้งแต่ยังเด็กดีจะตายไป แถมยังมีเหยียนหมิงซุ่นเป็นพ่อตาอีก หากอนาคตเกิดอะไรขึ้นเขายังวางใจได้บ้าง!

บอกได้เลยว่าเฮ่อเหลียนเช่อมองการณ์ไกลเสียจริง

เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะตรวจร่างกายเขาแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆแต่สารกัมมันตรังสีของแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ใครจะรู้ว่าเมื่อไรจะมีอาการกำเริบเฉียบพลันขึ้นมา!

ตอนนี้ยังตามหาเหมยซูหานไม่เจอ หากก่อนที่เขาจะเจอเหมยซูหานทนไม่ไหวแล้วชิงจากไปเสียก่อน ถ้าเป็นเช่นนี้เสี่ยวเป่าก็ยังมีเหยียนหมิงซุ่นและจ้าวเหมยคอยดูแล ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมารังแกเสี่ยวเป่าเลย

“แต่ก็เป็นน้อง…”

เสี่ยวเป่าฮึดฮัดไม่พอใจกับการที่เฮ่อเหลียนเช่อยืนกรานพยายามที่จะให้เขากับเล่อเล่อคบกัน

น้องสาวก็คือน้องสาว ภรรยาก็คือภรรยา จะเอามาพูดรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร?

“เฮ่อเหลียนเช่อนายมันบ้าไปแล้วเหรอไง นี่มันยุคสมัยไหนแล้วยังจะมาคลุมถุงชนกันตั้งแต่เด็กอีก ใครจะไปรู้เรื่องในอนาคตได้ เสี่ยวเป่า อย่าไปฟังพ่อเธอนะ”

จริง ๆแล้วเหมยเหมยไม่ได้คัดค้านที่เสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อจะคบกัน แต่เรื่องของความรู้สึกไม่มีใครกำหนดได้

เติบโตมาด้วยกันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรักแท้เสมอไป บางทีอาจจะกลายเป็นพี่น้องที่สนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ ก็ได้นี่นา!

หากรั้นให้พวกเขาคบกันไป ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างความเกลียดชังให้กันก็ได้!

อย่างไรเสียเรื่องของความรู้สึกควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า หากเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อพวกเขาทั้งสองคนมีความรู้สึกดี ๆต่อกันเธอย่อมไม่คัดค้าน พร้อมเห็นด้วยและสนับสนุนอย่างแน่นอน

แต่ถ้าเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อต่างมีคนชอบเป็นของตัวเอง ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะไม่ฝืนใจอย่างแน่นอน ถ้าเป็นสามีภรรยากันไม่ได้ งั้นเป็นพี่น้องกันก็ดีไม่น้อย

เหยียนหมิงซุ่นมองแวบเดียวก็รู้ไปถึงไส้ถึงพุงของเฮ่อเหลียนเช่อว่าคิดอะไรอยู่แต่ก็คร้านจะพูดออกมา

คนดีอายุสั้นแต่คนชั่วอายุช่างยืนยาว!

ไอ้เฮ่อเหลียนเช่อสารเลวนี่ยังอยู่ได้อีกนาน แม้แต่ตายไปแล้วก็มีคนคอยก่นด่าไม่หยุด

“เอาให้สามีของเธอคุย ฉันไม่คุยกับผู้หญิง…”

สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนเป็นเย็นชา ผู้หญิงช่างน่ารำคาญบ่นโน่นบ่นนี่ทุกวัน ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

ไม่เหมือนเหมยซูหานของเขาที่เข้าใจในทุกเรื่อง!

เหมยเหมยโกรธจนจุกอกนึกอยากด่าคนอีกแล้ว เหยียนหมิงซุ่นรับโทรศัพท์มาพร้อมอุ้มเล่อเล่อด้วยมือข้างเดียวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายเลิกคิดวางแผนกับลูกสาวฉันได้แล้ว รีบล้มเลิกความคิดนี้ไปซะ”

แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะนิสัยดีแต่อย่างไรเสียก็เป็นสายเลือดของหนิงเฉินเซวียน แค่เรื่องนี้เขาก็ไม่ยอมให้เสี่ยวเป่ามาสู่ขอเล่อเล่อแล้ว

เดิมทีเลือดชั่ว ๆของตระกูลหนิงเฉินเซวียนไม่ควรสืบเชื้อสายต่อไปแล้ว ในตัวของเสี่ยวเป่ามีสายเลือดของหนิงเฉินเซวียนอยู่ด้วย เขาสามารถดูแลเสี่ยวเป่าในฐานะลูกหลานได้แต่มาเป็นลูกเขยของเขาไม่ได้เด็ดขาด

“เสี่ยวเป่าของเราไม่ดีตรงไหน ทั้งมีความสามารถ ทั้งหน้าตาดี แล้วยังฉลาดปราดเปรื่องอีก เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาไม่ได้แล้วในโลกใบนี้ ลูกสาวของนายได้แต่งงานกับเสี่ยวเป่าของฉันก็นับว่าเป็นบุญบารมีที่สั่งสมมาสิบชั่วอายุคนแล้ว…”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวเป่าเป็นคนเก่งก็จริง แต่หากดูพ่อของเขา…”

เหยียนหมิงซุ่นพูดยังไม่ทันจบ ไฟโทสะของเฮ่อเหลียนเช่อก็มอดหายไป

“พ่อก็ส่วนพ่อ ลูกก็ส่วนลูก  เหยียนหมิงซุ่นนายยังโยงมาเกี่ยวพันกันอีก…”

เฮ่อเหลียนเช่อทวงความยุติธรรมให้กับลูกชาย เขารู้ว่าคงปิดบังเหยียนหมิงซุ่นเรื่องภูมิหลังของเสี่ยวเป่าไม่ได้แน่ ๆ  อันที่จริงหนิงเฉินเซวียนอาจจะทำเกินไปหน่อยแต่เสี่ยวเป่าก็เป็นคนเก่งจริง ๆนี่นา

“เรื่องของอนาคตค่อยคุยกันวันหลัง ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็วางสายเถอะ”

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ต่อ สรุปแล้วก็คือเสี่ยวเป่าจะขอเล่อเล่อแต่งงานไม่ได้

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่รู้เลยว่าเรื่องบางเรื่องจะเป็นไปตามที่เขาต้องการทุกเรื่องไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกของลูก ต่อให้เขามีความสามารถขนาดไหนก็ยากที่จะยับยั้งเรื่องบางเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้

เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อพูดคุยกันต่ออีกสักพักถึงค่อยวางสายไปอย่างอาลัยอาวรณ์

“พี่คะ ทำไมพี่ถึงไม่ยอมให้เสี่ยวเป่าเป็นลูกเขยของเราล่ะ? เสี่ยวเป่าดีมากเลยนะ!” เหมยเหมยมองออกถึงความไปเต็มใจของเหยียนหมิงซุ่น

……………………

ตอนที่ 2375 เป็นสะใภ้ลูกชายฉันก็ได้แล้ว

จากนั้นเจ้าหมาป่าตัวน้อยก็อยู่บ้านเหมยเหมยต่อไปเช่นนี้ นิสัยดุร้ายบนตัวมันยังไม่ได้ถูกทำให้เชื่องอย่างสมบูรณ์แบบเท่าไรนัก มันเต็มใจแค่อยู่ใกล้เล่อเล่อเท่านั้น ส่วนคนอื่นเข้าใกล้มันไม่ได้เลยสักคน มิเช่นนั้นมันจะขนตั้งชัน ขบฟันอันแหลมคม แม้แต่ป้าฟางกับลุงเหลาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้มันเลย

เหยียนหมิงซุ่นทำบ้านเล็ก ๆให้มันไว้ที่ห้องนอนของพวกเขา เพราะตอนนี้เล่อเล่อยังนอนห้องเดียวกับพวกเขาอยู่

เจ้าหมาป่าตัวน้อยพอใจกับบ้านใหม่ของมันมาก มันเดินวนสำรวจห้องนอนของพวกเหมยเหมยรอบหนึ่ง จากนั้น——

เจ้าหมาป่าตัวน้อยก็ฉีกยกขาหลังขึ้นเหมือนสุนัขที่กำลังจะฉี่รดมุมกำแพง…

กลิ่นสาบฉี่ที่เหม็นแทบทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่างลอยมาเตะจมูก!

เหมยเหมยใกล้สติแตกเต็มทีแล้ว “สรุปมันเป็นหมาป่าหรือเป็นหมากันแน่?”

การฉี่เมื่อมาถึงสถานที่ใหม่เป็นพฤติกรรมของสุนัขไม่ใช่เหรอ?

ทำไมหมาป่าก็ทำเช่นนี้ด้วยล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางอมยิ้ม “บรรพบุรุษของหมาก็คือหมาป่าไม่ใช่หรือไง พอมาถึงที่ใหม่ก็จะทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้ นี่เป็นนิสัยเฉพาะตัวของหมาป่าต่างหาก”

เหมยเหมยจ้องหมาป่าตัวน้อยอย่างเหี้ยมโหด “ฉันบอกแกไว้เลยนะ วันหลังห้ามฉี่ในห้องอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดเนื้อตากแห้งของแกแล้วให้กินแต่โจ๊กทุกวันเลย!”

หมาป่าตัวน้อยเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งผยองแล้วส่งสายตาดูแคลนให้เหมยเหมย จากนั้นก็หันหน้าไปทางเล่อเล่อ ฉับพลันก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที นัยน์ตาฉายแววสนิทสนม

สัตว์สองเท้าที่เล่นด้วยสนุกที่สุดก็คือเจ้าเด็กน้อยนี่ ส่วนสัตว์สองเท้าตัวใหญ่สองตัวนั่น ตัวผู้ดุเกินไป ส่วนตัวเมียก็น่ารำคาญเกินไป!

ไฟโทสะสุมอยู่ในอกเหมยเหมย เธอแอบพึมพำเตือนตัวเองว่าจะไปถือสากับสัตว์แบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นแค่สัตว์ตัวน้อยที่เพิ่งหย่านมแม่มาตัวหนึ่งเท่านั้น

เธอเป็นถึงผู้ใหญ่ที่มีสติปัญญามีการศึกษา อ่อนโยนโอบอ้อมอารีเลยนะ

เอาตามนี้แหละ!

“เล่อเล่ออยากตั้งชื่ออะไรให้เพื่อนใหม่หนูคะ?”

เหมยเหมยเค้นรอยยิ้มออกมาพร้อมอุ้มเล่อเล่อขึ้นมา

ถึงแม้เจ้าหมาป่าตัวนี้จะร้ายกาจไม่เบาแต่มันก็เป็นเพื่อนรักของลูกสาวเธอ อย่างไรเสียก็ต้องตั้งชื่อให้มันสักหน่อย จะเอาแต่เรียกมันว่าเจ้าหมาป่าตัวน้อยทั้งวันก็คงไม่ได้

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…” เล่อเล่อกวักมืออวบอ้วนไปมาพร้อมส่งเสียงร้อง

“พวกเราเรียกมันว่าเสี่ยวไป๋ดีไหม?”

เหมยเหมยคงไม่คาดหวังให้ลูกสาวที่อายุเพิ่งครบหนึ่งเดือนมาตั้งชื่อให้เพื่อนอยู่แล้ว ขนาดคำว่าพ่อแม่ยังเรียกไม่ได้เลย!

“แอ๊ะ ๆ…”เล่อเล่อมุ่นคิ้ว ดวงหน้าเล็กอวบอ้วนดูเคร่งขรึมขึ้นมา

หมาป่าตัวน้อยเองก็ตีหน้าขรึมเช่นกัน พวกเขาทั้งสองทำเหมือนกันไม่มีผิด

“ไม่ชอบเหรอ? งั้นชื่อไป๋ชือ[1]เป็นไง?” เหมยเหมยเอ่ยติดตลก เธอไม่คิดว่าเล่อเล่อกับเจ้าหมาป่าตัวน้อยจะเข้าใจคำพูดของเธอ น่าจะคิดว่ามันบังเอิญพอดีมากกว่า

“กรรซ์…” เจ้าหมาป่าตัวน้อยคำรามเสียงต่ำอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก เวลานี้เธอเพิ่งตระหนักได้ว่าเจ้าหมาป่าตัวน้อยที่เหมือนลูกสุนัขตัวนี้อันตรายกว่าลูกสุนัขอยู่มากโขเชียวล่ะ

เหยียนหมิงซุ่นเดินขึ้นมาเบื้องหน้าแล้วดันเหมยเหมยมาปกป้องไว้ด้านหลัง จากนั้นก็มองหมาป่าตัวน้อยอย่างเย็นชา ร่างกายแผ่รังสีข่มขู่ออกมาจนทำเอาหมาป่าตัวน้อยเซถอยหลังไปหลายก้าว และไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก

“พี่คะ พวกเราตั้งชื่อให้มันว่าอะไรดีล่ะ?” เหมยเหมยยู่ปาก

เหยียนหมิงซุ่นคิดจะตอบว่าตามใจเลยแต่โทรศัพท์ดันแผดเสียงขึ้นเสียก่อน

ไม่น่าเชื่อว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นคนโทรมา

“เสี่ยวเป่าล่ะ? ฉันอยากคุยกับเสี่ยวเป่า”

เหมยเหมยพุ่งตัวไปหาอย่างดีใจ แสดงท่าทีไม่พอใจต่อเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ปลายสาย ห่างหายไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วถึงเพิ่งโทรมาหา

“เอ๊ะ…น้องสาวล่ะครับ?”

น้ำเสียงออดอ้อนของเสี่ยวเป่าช่วยเยียวยาความโกรธของเหมยเหมยได้ในชั่วพริบตา

“รอเดี๋ยวนะ น้าจะไปอุ้มน้องมาให้”

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเล่อเล่อขึ้นมาแล้ววางไว้ด้านข้างโทรศัพท์ พอเล่อเล่อเห็นโทรศัพท์ก็รู้สึกว่ามันแปลกใหม่จึงโบกไม้โบกมือไม่หยุดพร้อมทั้งส่งเสียงร้อง

เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เป็นลูกผู้หญิงจริง ๆเหรอเนี่ย งั้นก็มาเกี่ยวดองเป็นภรรยาเสี่ยวเป่าไปเลยสิ ส่วนหมาป่าตัวนั้นก็ถือว่าเป็นสินสอดแล้วกัน!”

[1] คำนี้ในภาษาจีนแปลว่า บ้า,ประสาท

……………………………………………………….

ตอนที่ 2376 ก็พอคู่ควรได้อยู่หรอก

การคิดวางแผนของเฮ่อเหลียนเช่อถือว่าไม่เลวเลย  รูปร่างหน้าตาของจ้าวเหมยก็สะสวย ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะหน้าตาดีสู้เขาไม่ได้แต่ก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้

เมื่อขบคิดดูแล้วลูกสาวที่เกิดจากสองคนนี้ก็คงหน้าตาไม่แย่มากนักหรอก ถ้ายิ่งเหมือนจ้าวเหมยได้ทุกส่วนก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แถมยังมีพ่อแบบเหยียนหมิงซุ่นอีก ภูมิหลังของครอบครัวก็นับว่าไม่เลวเลย ฉะนั้นก็ถือว่าพอจะเหมาะสมกับลูกชายของเขาอยู่บ้าง

ภายในใจของเฮ่อเหลียนเช่อ ลูกชายของเขาถือเป็นยอดคนที่หาไม่ได้อีกแล้ว เกรงว่าต่อให้นางฟ้าทั้งเจ็ดลงมาจุติยังโลกมนุษย์ก็ยังไม่คู่ควรกับลูกชายเขาด้วยซ้ำ!

แต่ถ้าจะปล่อยให้เสี่ยวเป่าเป็นโสดไปตลอดชีวิตก็คงจะไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องหาภรรยาให้สักคน เฮ่อเหลียนเช่อครุ่นคิด หลังจากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นให้กำเนิดลูกสาว เขาก็คิดทันทีว่าต้องเป็นเล่อเล่อ

เฮ่อเหลียนเช่อยืนอยู่ข้าง ๆเสี่ยวเป่า เสียงที่ดังฟังชัดของเขาส่งผ่านทางโทรศัพท์ไปหาเหมยเหมย

“นายพูดภาษาคนไม่เป็นหรือไง อะไรตัวผู้ ตัวเมีย!” เหมยเหมยรู้สึกโมโหขึ้นมา

น้ำเสียงล้อเล่นของเฮ่อเหลียนเช่อทำให้เหมยเหมยรู้สึกหัวเสีย ใครจะมาว่าเล่อเล่อแบบนี้ไม่ได้ทั้งนั้น!

“ไม่ใช่ ตัวผู้ ตัวเมีย แล้วจะให้เป็นเพศผู้กับเพศเมียหรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อต่อปากต่อคำไม่หยุด เขาไม่ได้พูดผิดอะไรสักหน่อย

“นาย…” เหมยเหมยพูดไม่ออก อยากจะบีบคอไอ้สารเลวนั่นผ่านสายโทรศัพท์นี่เสียจริง

เฮ่อเหลียนเช่อมองไม่เห็นสีหน้าของเหมยเหมยแต่ก็รับรู้ได้ถึงความโกรธของเธอจึงอดลำพองใจไม่ได้

“พ่อ…ขอโทษคุณน้าเดี๋ยวนี้นะ!” เสี่ยวเป่าตวาดใส่

เฮ่อเหลียนเช่อ …บ้าเอ๊ย ไอ้ลูกไม่รักดี แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเห็นแก่คนนอกมากกว่า!

แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องไว้หน้าเจ้าลูกชายบ้าง เฮ่อเหลียนเช่อกล่าวขอโทษอย่างไม่พอใจ เสียงเบาหวิวไม่ต่างจากยุงแต่เหมยเหมยก็พอจะได้ยิน

ความโกรธของเธอพลันมลายหายไปทันใด “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีจริง ๆ ยังรู้จักกาลเทศะมากกว่าพ่อเสียอีก!”

“อืม…คุณอาก็บอกว่าคุณพ่อไม่ค่อยรู้กาลเทศะสักเท่าไร” เสี่ยวเป่าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าพ่อของเขาจะก่อเรื่อง ทำไมเขาต้องมาทนลำบากตามติดพ่อแบบนี้ทุกวันด้วย!

เฮ้อ!

สร้างความลำบากให้เขาจนเขาไม่มีเวลาดูแลน้องสาวของเขาเลย กลุ้มใจจริง ๆ!

“เสี่ยวเป่าเก่งมาก ๆเลย ตอนนี้เริ่มพูดประโยคยาว ๆได้แล้วนะ!”

เหมยเหมยเอ่ยชมจากใจจริง ตอนไปจากเมืองหลวงเสี่ยวเป่ายังพูดติด ๆขัด ๆอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับพูดเต็มประโยคได้อย่างคล่องแคล่ว พัฒนาไวมาก!

“ลูกชายของฉันจะแย่ได้ไง…” เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกภูมิใจไปด้วยจึงอดที่จะโอ้อวดไม่ได้

เหมยเหมยเบะปากคร้านจะไปต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าบ้านี่อีก เป็นลูกของใครก็รู้แก่ใจตัวเองดีไม่ใช่เหรอ?

“คุณน้าครับ น้องสาวชอบเสวี่ยเสวี่ยไหมครับ?” เสี่ยวเป่าถามขึ้น

เสวี่ยเสวี่ย?

เหมยเหมยเงียบไร้ปฏิกิริยาตอบสนองไปสักพัก เสวี่ยเสวี่ยคืออะไรกัน?

เล่อเล่อส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด มืออวบอ้วนคอยตีไปที่โทรศัพท์ เจ้าหมาป่าตัวน้อยก็เดินเข้าหา อาจเพราะได้ยินเสียงของเจ้านายจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ

สองเท้าหน้าหมอบลงพื้นพร้อมโน้มตัวไปด้านหน้า ส่งเสียงร้องพร้อมกระดิกหางไปมาอย่างดีใจ

เหมยเหมยถึงเพิ่งเข้าใจ “เสวี่ยเสวี่ยเป็นชื่อที่เสี่ยวเป่าตั้งให้เจ้าหมาป่าตัวน้อยใช่ไหม?”

“ใช่ครับ มันชื่อว่าเสวี่ยเสวี่ย”

“ชื่อนี้ไพเราะจริง ๆ ตอนนี้เสวี่ยเสวี่ยสบายดีและกลายเป็นเพื่อนสนิทของเล่อเล่อแล้วด้วย ขอบใจของขวัญของเสี่ยวเป่ามากนะ”

เหมยเหมยที่กำลังเครียดว่าจะตั้งชื่อให้เจ้าหมาป่าตัวน้อยว่าอย่างไรดี คาดไม่ถึงว่าเสี่ยวเป่าจะตั้งชื่อให้มันเรียบร้อยแล้ว

ชื่อเสวี่ยเสวี่ยเพราะมากแต่เดี๋ยวคงต้องมาดูว่าหมาป่าเป็นเพศอะไร ถ้าเป็นเพศเมียก็ดีไปแต่หากเป็นเพศผู้ขึ้นมาคงต้องปรึกษากับเสี่ยวเป่าแล้วเปลี่ยนชื่อให้ดูเป็นผู้ชายมากกว่านี้!

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อตื่นเต้นมาก บิดตัวไปมาราวกับขนมเกลียวอยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่น พยายามขยับตัวเข้าหา ดูท่าทางคงอยากคุยโทรศัพท์ด้วย

“เสี่ยวเป่า น้องอยากคุยกับเราน่ะ!”

เหมยเหมยยื่นหูฟังไปข้างหูเล่อเล่อพร้อมรอยยิ้ม ดูซิว่าเธอจะพูดอย่างไร เธอพูดเป็นคำไม่ได้ด้วยซ้ำ!

…………………………

ตอนที่ 2373 แบ่งปันเนื้อตากแห้ง

สุดท้ายเหมยเหมยก็ไม่ได้ลุกไปแต่นั่งอยู่ที่เดิมกับเหยียนหมิงซุ่นแล้วจับจ้องเจ้าหมาป่าตัวน้อยกับเล่อเล่อด้วยท่าทีตึงเครียด

เจ้าหมาป่าตัวน้อยเลียมือเล็ก ๆของเล่อเล่อหลายทีแต่ก็ไม่ได้กัดเล่อเล่อ เหมยเหมยพรูลมหายใจแต่ก็ยังระแวดระวังและไม่กล้าหละหลวมเลยสักนิด แส้อยู่ในมือเธอนานแล้ว รอแค่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เธอก็จะหยิบแส้ตวัดไล่เจ้าหมาป่าตัวน้อยไปทันที

“คิก ๆ…”

เล่อเล่อหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขแล้วหยอกเย้าเล่นกับอุ้งมืออวบอ้วนไม่หยุด มือสะบัดโดนศีรษะของเจ้าหมาป่าตัวน้อยอยู่หลายครั้ง ทำเอาเหมยเหมยที่ดูอยู่รู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน หน้าผากผุดเหงื่อเย็นขึ้นมาเต็มไปหมด

“ฮึ่ม ๆ…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยไม่โกรธเลยสักนิด แถมมันยังส่ายหางไปมาอย่างช้า ๆพร้อมเอียงศีรษะสำรวจดูเล่อเล่ออย่างละเอียด

เจ้าเด็กน้อยสองขาคนนี้ก็คือเจ้านายคนใหม่ที่เจ้านายบอกเขางั้นหรือ?

ดูท่าทางเหมือนจะน่าสนุกมากเหมือนกันนะเนี่ย!

 “ฮึ่ม ๆ…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยหยิบเนื้อตากแห้งที่เล่อเล่อโยนลงพื้นก่อนหน้านั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้บนมือเล่อเล่อพร้อมส่ายหางดุกดิกร้องเสียงต่ำ ไม่รู้ว่ามันต้องการจะสื่อว่าอะไร!

“เจ้าหมาป่าตัวน้อยกินอิ่มแล้วสินะ?” เหมยเหมยถามเสียงเบา

“เปล่าหรอก เจ้าหมาป่าตัวน้อยอยากเอาเนื้อตากแห้งให้เล่อเล่อกิน เพราะมันยอมรับเล่อเล่อแล้วต่างหาก” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเบา

“เล่อเล่อจะทานเนื้อตากแห้งได้อย่างไรกัน ฟันยังไม่งอกเลยนะ!”

เหมยเหมยเริ่มกระวนกระวายนึกอยากไปหยิบเนื้อตากแห้งเก็บกลับมาคืน เล่อเล่อเจ้าหนูตัวอวบอ้วนจะรู้ได้เช่นไรว่าอะไรทานได้หรือทานไม่ได้เพราะอะไรก็จับยัดเข้าปากหมด ถ้าเคี้ยวเนื้อตากแห้งไม่ได้แล้วเกิดติดคอเข้า นั่นจะอันตรายเอาได้นะ!

“รอดูอีกเดี๋ยว เธอต้องเชื่อใจพี่สิ ที่รัก!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างระอา เล่อเล่อเป็นลูกสาวของเขานะ!

เหมยเหมยนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ แล้วหยิกเหยียนหมิงซุ่นไปที “งั้นพี่ก็จับตาดูไว้ให้ดีเลย ถ้าเล่อเล่อเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยพี่ไว้แน่”

“รู้แล้วน่า…”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่กล้าประมาท เขาเกร็งไปทุกส่วนทั้งร่างกายราวกับเสือดาวโค้งตัวเตรียมกระโจนเข้าใส่ก็ไม่ปาน แบบนี้ทันทีที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาก็จะสามารถช่วยลูกสาวของเขาได้ทันท่วงทีแล้ว

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อคว้าเนื้อตากแห้งมาแล้วเอาเข้าปากโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เหมยเหมยปิดปากด้วยท่าทีตึงเครียดเพราะกลัวว่าตนเองจะเปล่งเสียงร้องออกมาแล้วจะพลอยทำให้เจ้าหมาป่าตัวน้อยกับเล่อเล่อตกใจเอาได้

เนื้อตากแห้งถูกเล่อเล่อยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆอยู่หลายที ทุกการเคี้ยวแต่ละครั้งทำให้เหมยเหมยใจเต้นแรงทุกครั้งไป

“พี่รีบไปอุ้มเล่อเล่อกลับมาเลยนะ ถ้าเกิดกลืนเข้าไป…”

เหมยเหมยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆจึงใช้แรงผลักเหยียนหมิงซุ่น

“รออีกเดี๋ยวน่า…”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็มีท่าทีตึงเครียดไม่แพ้กัน เครียดยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้ายที่อันตรายนับหลายสิบคนเสียอีก

แต่เขาก็อยากลองดูอีกครั้ง เขาอยากรู้ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของลูกสาวเขาว่าจะเป็นอย่างที่เขาคาดเดาแบบนั้นจริงไหม?

ที่โชคดีก็คือเนื้อตากแห้งยังอยู่ในปากของเล่อเล่อไม่ได้กลืนลงไป เหมือนว่าเล่อเล่อจะดื่มด่ำกับขั้นตอนการเคี้ยวเนื้อตากแห้งอยู่ เธอยิ้มตาหยี น้ำลายไหลย้อยจากมุมปาก

ถึงแม้เนื้อตากแห้งจะอร่อยมากแต่เล่อเล่อที่ไม่มีฟันจะเคี้ยวเช่นไรก็เคี้ยวไม่แหลกละเอียดสักทีจึงทำได้แค่เคี้ยวอยู่หลายทีแบบนั้น เนื้อตากแห้งถูกอมจนละลายไปแล้วบ้างแต่เล่อเล่อเป็นเด็กฉลาดมากจึงไม่ได้กลืนเนื้อตากแห้งลงไป

อมอยู่ประมาณสองสามนาที รสชาติหอม ๆของเนื้อตากแห้งละลายไปหมดแล้ว เล่อเล่อก็ล้วงเอาเนื้อตากแห้งที่เปียกแฉะออกมาจากปาก

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อกำเนื้อตากแห้งแล้วโบกสะบัดมือไปมา ปากก็ส่งเสียงร้องไม่หยุดด้วยท่าทางดีใจสุดขีด

เหมยเหมยถอนหายใจ เธออยากไปหยิบเนื้อตากแห้งมาจัดการทิ้งซะ แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือเจ้าหมาป่าตัวน้อยพุ่งไปตรงหน้าแล้วคว้าเนื้อตากแห้งในมือของเล่อเล่อมากินโดยไม่รังเกียจที่เล่อเล่อเคยอมกัดกินมันมาก่อนเลยสักนิด แถมยังแฉะไปด้วยน้ำลายเสียขนาดนั้นด้วย

เนื้อตากแห้งที่เหลือก็ถูกเล่อเล่อและเจ้าหมาป่าตัวน้อยแบ่งปันกันกินเช่นนี้จนเกลี้ยง แถมพวกเขาทั้งสองยังกินอย่างมีความสุขอีกต่างหาก เจ้าหมาป่าตัวน้อยเองก็ค่อย ๆคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของบ้านใหม่และไม่ได้คอยระวังตัวเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

………………………………………….

ตอนที่ 2374 นายคือบรรพบุรุษของฉัน

ณ มาเลเซีย

แสงอาทิตย์ทอประกายเจิดจ้า เพราะฝนที่ยังไม่ตกลงมาจึงทำให้อากาศร้อนอบอ้าวไม่เหมือนเมืองหลวงที่ผู้คนต่างสวมใส่เสื้อกันหนาวกันอยู่ แต่คนที่นี่กลับใส่เสื้อเชิ้ตกับกระโปรง แม้แต่ผู้ชายก็เหมือนกัน นับว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษของคนทางนี้มากกว่า!

“พ่อครับ น้องสาวได้รับของขวัญของผมหรือยัง?”

เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนไหล่ของเฮ่อเหลียนเช่อ สองอุ้งมืออวบอ้วนใช้แรงดึงเส้นผมของเฮ่อเหลียนเช่อเอาไว้ ศีรษะสวยได้รูปสวมหมวกกันแดดดูสบายตาที่สุดเลย

เฮ่อเหลียนเช่อร้อนจนเหงื่อไหลอาบทั่วตัว เขาผมยาวกว่าแต่ก่อนมาก เขาตั้งใจไว้ผมยาวเพื่อให้เสี่ยวเป่ามีที่จับเล่นโดยเฉพาะ

ร่างกายถูกแดดแผดเผาจนตัวดำไหม้ไม่ต่างจากชาวแอฟริกาเลย แต่ดูท่าทางมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง ไม่ได้เศร้าสร้อยเหมือนตอนที่เพิ่งจากเมืองหลวงมา

“ทำไมลูกถึงมั่นใจว่าต้องเป็นน้องผู้หญิงนักล่ะ ถ้าเป็นน้องผู้ชายขึ้นมาล่ะ? แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงก็ได้…”

เฮ่อเหลียนเช่อจงใจพูดติดตลกเพราะเขาเกิดอาการหึงลูกชายที่เอาแต่คิดถึงลูกสาวของเหยียนหมิงซุ่น

ตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงตอนนี้วันเวลาผ่านมาหลายเดือนแล้ว เสี่ยวเป่าเอาแต่คิดถึงบ่นถึงลูกในท้องของเหมยเหมยทุกวัน กว่าจะได้ทายาทราชาหมาป่าจากเขตหิมะมามันไม่ง่ายเลย แต่กลับถูกเสี่ยวเป่าจอมล้างผลาญส่งไปให้เจ้าเด็กนั่นแล้ว

“ต้องเป็นน้องผู้หญิง ผมรู้ว่าต้องเป็นน้องผู้หญิงแน่นอน…”

เสี่ยวเป่าออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ เขาไม่พอใจต่อคำคัดค้านของเฮ่อเหลียนเช่อ อุ้งมือเพิ่มแรงขึ้นอีก เฮ่อเหลียนเช่อเจ็บหนังศีรษะและเริ่มวิงวอนขอชีวิต

“ก็ได้ ๆ…ลูกบอกว่าเป็นน้องผู้หญิงงั้นก็เป็นน้องผู้หญิง ลูกเป็นใหญ่กว่า เลิกดึงหัวได้แล้ว!”

“ปูด ๆ เป่าหน่อยก็ไม่เจ็บแล้ว…”

เสี่ยวเป่าลูบศีรษะเฮ่อเหลียนเช่อเบา ๆแล้วเป่าอยู่สองสามที แล้วถือโอกาสพ่นน้ำลายใส่ด้วย

“พ่อครับ น้องได้ของขวัญแล้วหรือยัง?” เสี่ยวเป่าเอาแต่พะวงว่าของขวัญจะถึงมือน้องสาวแล้วหรือยังนะ

 “วางใจเถอะ ถึงตั้งนานแล้ว ลูกแน่ใจนะว่าจะเอาเจ้าหมาป่าตัวน้อยให้น้องสาวน่ะ?” จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

เด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งเลี้ยงหมาป่าตัวน้อยดุร้ายตัวหนึ่ง เหยียนหมิงซุ่นคงตรอมใจตายแน่

ของขวัญชิ้นนี้ที่ลูกชายเขามอบให้นับว่าไม่เลวเลยจริง ๆ เอาให้เหยียนหมิงซุ่นเครียดตายไปเลย

“อืม…น้องสาวต้องชอบแน่นอน…” เสี่ยวเป่ามั่นใจมาก

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน “เสี่ยวเป่า ทำไมลูกถึงมั่นใจนักหนาว่าเป็นน้องผู้หญิงกันนะ? ใครบอกลูกงั้นเหรอ?”

“เอาเป็นว่าน้องผู้หญิงแล้วกัน…”

เสี่ยวเป่าก็พูดไม่ถูก แต่ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้ว่าเป็นน้องผู้หญิง รอหาคุณอาเจอ เขาก็กลับไปเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวได้แล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อยักไหล่ เขามองความคิดของเสี่ยวเป่าไม่ออกเลยจริง ๆ

เสี่ยวเป่ามักจะมีคำพูดที่น่าตกใจหลุดออกมาให้ได้ยินทุกวี่วัน เขาฟังไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจด้วย อีกอย่างเส้นทางที่พวกเขากำลังไปในตอนนี้เสี่ยวเป่าก็เป็นคนชี้นำ เสี่ยวเป่าบอกให้เขาไปทางไหนเขาก็ต้องไปทางนั้นและต้องเชื่อฟังคำสั่งด้วย มิเช่นนั้นก็จะถูกเสี่ยวเป่าจัดการ แถมยังมีเจ้าหมาโง่เง่าสามตัวนั้นด้วย

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาจ้องไปด้านหลังอย่างนึกรังเกียจ ต้าโฉ่ว เอ้อร์โฉ่ว ซานโฉ่วเดินตามหลังมาอย่างว่าง่ายราวกับบอร์ดี้การ์ดที่จงรักภักดีที่สุด ถึงแม้จะร้อนจนลิ้นห้อยแต่ก็ไม่ถอยห่างพวกเขาเลยแม้แต่ครึ่งก้าว

เจ้าหมาสามตัวนี้เขาเป็นคนเอากลับมาแต่ตอนนี้กลับไม่ฟังคำสั่งเขาเลยสักนิด พวกมันฟังแต่คำสั่งของเสี่ยวเป่า มักจะช่วยเสี่ยวเป่าจัดการเขาอยู่เรื่อย โกรธจะตายอยู่แล้ว!

สักวันต้องเอาเจ้าหมาโง่เง่าสามตัวนี้มาตุ๋นกินสักหน่อยแล้ว!

เสี่ยวเป่าสัมผัสได้ถึงไอสังหารแผ่ออกมาจากตัวของเฮ่อเหลียนเช่อเลือนราง เขาจึงโกรธแล้วตวัดมือตบศีรษะแรง ๆไปทีหนึ่ง “ห้ามกินโฉ่วโฉ่วนะ!”

เขาเกลียดพ่อที่สุดแล้ว เอาแต่คิดจะกินโฉ่วโฉ่วของเขาอยู่เรื่อย!

“ไม่กิน ๆ…บรรพบุรุษตัวน้อยปล่อยพ่อได้แล้ว หนังหัวจะถูกกระชากหลุดออกมาอยู่แล้ว!”

เฮ่อเหลียนเช่อเจ็บจนร้องเสียงหลง เสี่ยวเป่าดึงอีกครู่หนึ่งถึงยอมปล่อยมือ

“ท่านบรรพบุรุษ โปรดว่ามาสิจากนี้ไปพวกเราจะไปทางไหนต่อ?”

เฮ่อเหลียนเช่อหยุดอยู่ตรงปากทางสามแยก ไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี

แต่เขาสัมผัสได้ว่าเหมยซูหานอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แล้ว คงกำลังอยู่เบื้องหน้ารอเขาอยู่แน่เลย

………………………………………..

ตอนที่ 2371 ไม่ใช่หมาน้อยสีขาวสักหน่อย

ภายในกล่องมืดสนิทและปกคลุมด้วยหญ้าแห้งเต็มไปหมดจึงทำให้มองไม่ออกว่าภายในกล่องนั้นแท้จริงแล้วมีอะไรอยู่ข้างใน

“รอเดี๋ยวนะ พี่เอาหญ้าแห้งออกให้”

เหยียนหมิงซุ่นถือถังขยะมา จากนั้นก็สวมถุงมือแล้วค่อย ๆจัดการหญ้าในกล่องทีละนิด ๆจนสะอาดเกลี้ยงเกลา และในที่สุดก็มองเห็นสิ่งของเล็ก ๆที่อยู่ข้างใน

“ที่แท้ก็เจ้าหมาน้อยสีขาวนี่เอง เสี่ยวเป่าน่ารักจริง ๆเลย…”

เหมยเหมยดีใจยกใหญ่เพราะสุนัขเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของมนุษย์ เดิมทีเธอก็คิดจะเลี้ยงสุนัขไว้สักตัวเหมือนกันเพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนเล่อเล่อตั้งแต่เล็ก ๆจนเติบใหญ่ มันต้องกลายเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของเล่อเล่ออย่างแน่นอน

เหยีนหมิงมุ่นคิ้วพร้อมอุ้ม ‘เจ้าหมาน้อยสีขาว’ ออกจากกล่องแล้วเหลือบมองแวบหนึ่ง

“ไม่ใช่หมาน้อยสีขาวหรอกแต่เป็นลูกหมาป่าหิมะต่างหาก”

เมื่อดูจากขนาดของลูกหมาป่าหิมะมันน่าจะหย่านมเรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะได้มาจากที่ราบสูงเขตหิมะ เพราะมีเพียงตรงนั้นที่มีหมาป่าหิมะ

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ หมาป่าหิมะอย่างนั้นเหรอ?

เสี่ยวเป่ากำลังทำอะไรอยู่?

เล่อเล่อเป็นเด็กผู้หญิงก็ควรจะเลี้ยงพวกกระต่ายน้อยสีขาวหรือแมวน้อยสีขาวไม่ใช่เหรอ?

จะเลี้ยงลูกหมาป่าสีขาวได้อย่างไรกัน?

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อที่อยู่ในอ้อมแขนของเหมยเหมยโน้มตัวลง อุ้งมืออวบอ้วนทั้งสองข้างพยายามยื่นเข้าไปในกล่องเพื่อสัมผัสลูกหมาป่าหิมะและเกือบเอื้อมถึงแล้วด้วย

“มันอันตรายนะ…”

เหมยเหมยตกใจรีบอุ้มเล่อเล่อขึ้นมา หมาป่าไม่ใช่สัตว์ประเภทเดียวกับสุนัขหรือแมว พวกมันเป็นสัตว์ดุร้าย มืออวบอ้วนของเล่อเล่อยังไม่พอให้เจ้าหมาป่าแทะกินด้วยซ้ำ!

ภายในกล่องยังมีกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง เหยียนหมิงซุ่นหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย

“นี่คือทายาทของราชาหมาป่า”

ของขวัญครั้งนี้เฮ่อเหลียนเช่อเอาใจใส่ไม่น้อย ทายาทของราชาหมาป่าไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ง่าย ๆ ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหนก็หาซื้อไม่ได้!

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเจ้าลูกหมาป่าหิมะออกจากกล่องแล้ววางมันลงบนพื้น

สมแล้วที่เจ้าหมาป่าตัวน้อยเป็นถึงทายาทของราชาหมาป่า แม้ว่ามันจะอายุยังน้อยแต่ก็เต็มไปด้วยความดุร้าย เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย มันจะแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมพลางจ้องมาที่พวกเขาอย่างระแวดระวัง

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อดีใจสุด ๆ เธอออกแรงบิดขยับตัวจนเหมยเหมยแทบอุ้มไม่ไหว

“พี่อุ้มเอง เธอไปหาเนื้อตากแห้งมาสักหน่อยสิ เจ้าหมาป่าตัวน้อยคงหิวน่าดู”

ภายในกล่องมีทั้งก๊าซออกซิเจนและอาหารอยู่ซึ่งยังพอเหลือก๊าซออกซิเจนอยู่บ้างแต่อาหารกลับถูกกินจนเรียบ เหลือเพียงเศษอาหารเล็กน้อย เจ้าหมาป่าตัวน้อยดูอ่อนแรงแต่กลับดุร้ายได้เพียงนี้ เหยียนหมิงซุ่นเห็นแบบนี้ก็ชอบแล้ว

เหมยเหมยยกเล่อเล่อให้เหยียนหมิงซุ่นอุ้มแล้ววิ่งไปหยิบเนื้อตากแห้งมา เมื่อก่อนตอนที่เสี่ยวเป่ามาอยู่ที่บ้าน เธอตั้งใจทำเนื้อตากแห้งมากมายเพื่อเอาไว้ให้ต้าโฉ่วและเสี่ยวโฉ่วกิน ซึ่งตอนนี้ก็ยังเหลืออีกมาก

“ฉันจะเลือกอันที่นุ่มหน่อย เจ้าหมาป่าตัวน้อยจะได้แทะกินได้…ว้าย ตายแล้ว พี่ทำอะไรน่ะ!”

เหมยเหมยร้องตะโกนเสียงดังเกือบจะโกรธตายเพราะเหยียนหมิงซุ่นนี่แหละ

จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็อุ้มเล่อเล่อเข้าไปเล่นกับเจ้าหมาป่าตัวน้อย มือของเล่อเล่อกำลังลูบหัวของเจ้าหมาป่าตัวน้อยซึ่งห่างจากฟันของมันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น…

“กรรซ์…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหมยเหมย เดิมทีมันนั่งนิ่ง ๆสงบเสงี่ยมอยู่ แต่ฉับพลันแผงขนบนตัวของมันก็ชี้ตั้งขึ้นมา จากนั้นก็แยกเขี้ยวจ้องเหมยเหมยอย่างเย็นชา

เหมยเหมยหวาดผวาเซถอยไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ แต่พอนึกถึงเล่อเล่อเธอก็เดินไปด้านหน้าอีกครั้ง เพราะอยากอุ้มลูกสาวกลับมา

“แอ๊ะ…”

เล่อเล่อไม่พอใจจึงตบหัวของเจ้าหมาป่าน้อยแรง ๆไปทีหนึ่ง

“เอ๋ง…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยสงบลงในทันที มันร้องเสียงต่ำแล้วส่ายหางไปมาราวกับลูกสุนัข

เหมยเหมยตกใจจนพูดไม่ออก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่าแล้วหยิบเนื้อตากแห้งจากมือของเหมยเหมยมาฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆวางไว้บนมือของเล่อเล่อ เล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแล้วยัดเนื้อตากแห้งเข้าปาก

สัญชาตญาณของสัตว์บอกเธอว่าของที่อยู่ในมือเป็นของอร่อย…

“อันนี้ให้เพื่อนของลูกกินต่างหากล่ะ!” เหยียนหมิงซุ่นตีมือเธอไปทีพร้อมตำหนิเสียงเบา

………………………………………………

ตอนที่ 2372 เป็นเพื่อนกันแล้ว

เล่อเล่อเบะปาก จากนั้นก็เอาเนื้อตากแห้งในปากออกมาแล้วยื่นจ่อไปที่ปากของเจ้าหมาป่าตัวน้อย เหมยเหมยจับจ้องดูอยู่ด้วยท่าทีหวาดกลัว เธอกลัวว่าเขี้ยวอันแหลมคมจะกัดมืออวบอ้วนของเล่อเล่อขาดเอา

แต่เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาบอกให้เธอวางใจ เหมยเหมยพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าให้เชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น

เขาไม่ปล่อยให้ลูกสาวตัวเองบาดเจ็บหรอกน่า

เจ้าหมาป่าตัวน้อยดมมืออวบอ้วนของเล่อเล่อเบา ๆแล้วส่งเสียงร้องพร้อมส่ายหางดุกดิกไปมา ถ้าไม่ใช่เพราะมันมีกลิ่นอายน่าเกรงขามของราชาที่แตกต่างจากสัตว์ตัวอื่น มันก็ไม่ต่างไปจากลูกสุนัขตัวหนึ่งเลยจริง ๆ

“ฮึ่ม ๆ…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยดมเนื้อตากแห้ง จากนั้นก็กินเข้าไปอย่างตะกละตะกลามเพราะน่าจะหิวมากแล้วจริง ๆ

เหมยเหมยทั้งพะวงและหวาดกลัว แต่เจ้าหมาป่าตัวน้อยกินอย่างระมัดระวัง เขี้ยวของมันจึงไม่โดนมือของเล่อเล่อเลยสักนิด แบบนี้เธอถึงได้วางใจลงบ้าง

“เล่อเล่อกับเจ้าหมาป่าตัวน้อยเป็นเพื่อนกันแล้ว หมาป่าเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ภักดี มันไม่ทำร้ายเพื่อนหรอก” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอธิบาย

เขาวางเล่อเล่อลงบนพื้นข้าง ๆเจ้าหมาป่าตัวน้อย แล้ววางเนื้อตากแห้งกำหนึ่งไว้บนมือเล่อเล่อเพื่อเอาไว้ให้ป้อนเจ้าหมาป่าตัวน้อยต่อไป

เจ้าหมาป่าตัวน้อยเป็นทายาทของราชาหมาป่า มันมีความตื่นตัวระแวดระวังสูงมาก หากไม่ใช่เพื่อนที่มันยอมรับ ต่อให้หิวตายมันก็ไม่มีทางกินของที่คนอื่นป้อนให้เด็ดขาด

เหมยเหมยยังกังวลอยู่มาก เธออยากอุ้มเล่อเล่อขึ้นมาแต่เหยียนหมิงซุ่นดึงเธอไว้แล้วพาเดินถอยไปด้านหลังหลายก้าว

“เจ้าหมาป่าตัวน้อยยังระแวงเราอยู่ ถอยออกมาให้ห่างหน่อย แบบนี้จะเป็นผลดีต่อการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหมาป่าตัวน้อยและเล่อเล่อมากกว่า”

“แล้วถ้าเกิดเจ้าหมาป่าตัวน้อยทำร้ายเล่อเล่อล่ะจะทำอย่างไร พี่ดูอุ้งมือมันสิว่าแหลมคมแค่ไหน มันเพิ่งรู้จักเล่อเล่อเองนะ!”

เหมยเหมยไม่วางใจเลยจริง ๆ ยังรู้จักกันไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ ต่อให้เจ้าหมาป่าตัวน้อยจะมีไหวพริบดีมากแค่ไหนแต่ก็คงไม่ฉลาดเท่ามนุษย์เราหรอกมั้ง?

เธอไม่กล้าเอาลูกสาวสุดที่รักไปทดลองความเหี้ยมโหดป่าเถื่อนของสัตว์หรอกนะ!

“วางใจเถอะ ต่อให้มีปัญหาจริง ๆ เธอก็ควรเชื่อใจฝีมือของพี่ด้วย พี่ต้องช่วยเล่อเล่อไว้ได้อยู่แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจมาก

เขาไม่เพียงแต่เชื่อมั่นในตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเชื่อมั่นในตัวเสี่ยวเป่าด้วย

ระหว่างเสี่ยวเป่ากับสัตว์จะมีปฏิสัมพันธ์บางอย่างที่พิเศษ ในเมื่อเจ้าหมาป่าตัวน้อยตัวนี้เป็นสิ่งที่เสี่ยวเป่าตั้งใจมอบให้ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่จะส่งมาเสี่ยวเป่าคงสื่อสารกับมันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน

เขามั่นใจเต็มร้อยว่าเจ้าหมาป่าตัวน้อยจะไม่ทำร้ายเล่อเล่อ!

พอถูกเหยียนหมิงซุ่นพูดโน้มน้าว เหมยเหมยจึงทำได้แค่ยืนกับเขาอย่างระแวดระวังอยู่ห่าง ๆ แล้วคอยจับตาดูท่าทีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเล่อเล่อกับเจ้าหมาป่าตัวน้อย

เล่อเล่อเอาเนื้อตากแห้งโยนส่งไปทางเจ้าหมาป่าตัวน้อย แต่เพราะเธอพลิกขยับตัวไม่ได้จึงทำได้แค่อาศัยความรู้สึกในการโยนป้อน โชคดีที่เจ้าหมาป่าตัวน้อยฉลาดว่องไวและไหวพริบดีมากจึงงับเนื้อตากแห้งได้อย่างแม่นยำทุกครั้งแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย

ไม่นานเนื้อตากแห้งกองเล็กก็ถูกเจ้าหมาป่าตัวน้อยกินไปเกินครึ่งจนเหลืออยู่อีกไม่กี่ชิ้นแล้ว

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อใช้แรงกลืนน้ำลายแล้วส่งเสียงร้องแอ๊ะแอ๊ะ สัญชาตญาณของเธอบอกว่าของที่เพื่อนใหม่กำลังกินอยู่อร่อยกว่านมเสียอีก

แล้วทำไมพ่อถึงไม่ให้เธอกินนะ?

เจ้าหมาป่าตัวน้อยแหงนหน้าขึ้นมองเล่อเล่อ ดวงตาสีดำขลับกำลังพินิจพิจารณาราวกับคนกำลังขบคิดอะไรอยู่

“ฮึ่ม ๆ…”

เจ้าหมาป่าตัวน้อยทำบางอย่างที่ทำให้เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นต่างต้องตกตะลึงกันเลยทีเดียว

มันไม่ได้กินเนื้อตากแห้งที่เหลืออีกต่อไปแต่ใช้อุ้งมือหยิบเนื้อตากแห้งขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้บนมือของเล่อเล่อ แถมยังใช้ปากและจมูกที่เปียกชุ่มดมใบหน้าของเล่อเล่อ หลังจากนั้นก็แลบลิ้นเล็ก ๆสีชมพูเลีย

“เฮ้ย…”

เหมยเหมยเกือบหลุดร้องเสียงหลงออกมาจึงรีบใช้มือปิดปากไว้พร้อมใจเต้นที่พุ่งขึ้นมาถึงคอหอย

เธอกังวลว่าเจ้าหมาป่าตัวน้อยจะใช้เขี้ยวอันแหลมคมนั้นของมันกัดคอของเล่อเล่อขาด

เหยียนหมิงซุ่นกดเหมยเหมยที่คิดจะลุกไปอุ้มเล่อเล่อเอาไว้พร้อมส่ายศีรษะให้เธอเบา ๆ

…………………………………….

ตอนที่ 2369 คือของขวัญอะไร

หลังจากเซียวเซ่อกลับมาก็บอกเหมยเหมยว่าเสี่ยวเป่ากับเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ที่ฮ่องกง หลังจากนั้นไม่กี่วันเสี่ยวเป่าก็โทรศัพท์มาหา ตอนนั้นพวกเขาสองพ่อลูกอยู่ที่มาเก๊า หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

เหมยเหมยเอามือตบหน้าผากเบา ๆ “ไม่สิ ตอนที่เสี่ยวเป่าคุยกับฉันคราวก่อนเล่อเล่อยังไม่เกิดเลย แล้วเสี่ยวเป่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นน้องสาว?”

“พี่เคยบอกเฮ่อเหลียนเช่อด้วยเหรอ?”

เหมยเหมยสงสัยว่าเหยียนหมิงซุ่นจะแอบติดต่อกับเฮ่อเหลียนเช่อ

“ไม่ได้พูดเลย เฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจหรอกว่าพี่จะคลอดอะไรออกมา”

เหยียนหมิงซุ่นยักไหล่ ความจริงแล้วเขายังติดต่อกับเฮ่อเหลียนเช่อเสมอมาเพียงแต่มีแค่เรื่องงานเท่านั้น เรื่องส่วนตัวแทบไม่ได้พูดถึงเลย เขาเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงรู้!

“อาจจะเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ในเมืองหลวงเป็นคนบอกก็ได้!”

เหมยเหมยหาเหตุผลให้ตัวเองแล้วเลิกคิดเรื่องนี้ จากนั้นก็เตรียมแกะกล่อง

เหยียนหมิงซุ่นเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขารู้ดีกว่าใคร เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าจะไป นั่นก็หมายความว่าเขาจะไปจริง ๆ

ไปแบบไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ ลูกน้องต่างแยกย้ายกันไปหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

ความเด็ดขาดเช่นนี้เขาเองยังรู้สึกนับถือเลย!

น้อยคนนักที่จะทำอะไรเด็ดขาดได้อย่างเฮ่อเหลียนเช่อ!

เพราะฉะนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

พัสดุชิ้นนี้ส่งมาจากมาเก๊า ดูท่าแล้วพวกเฮ่อเหลียนเช่อยังคงอยู่ที่มาเก๊าสินะ

เหมยเหมยหยิบกรรไกรมาแกะพัสดุ พัสดุค่อนข้างใหญ่ ดูท่าแล้วน่าจะใส่ของมาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าใส่อะไรมาบ้าง!

“พัสดุของมาเก๊าห่อมาซะแน่นหนาเชียว แกะไปชั้นหนึ่งแล้วยังมีอีกชั้นหนึ่งอีก!”

เหมยเหมยแกะมาตั้งนานก็มีแต่พลาสติกกองพะเนินอยู่ตรงเท้า

“เดี๋ยวพี่แกะเอง เล่อเล่อตื่นแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นรับกรรไกรมา เล่อเล่อที่นอนอยู่บนเตียงส่งเสียงร้องแอ๊ะแอ๊ะแล้ว น้ำเสียงค่อนข้างรีบร้อนเห็นได้ชัดว่าหิวแล้ว

เหมยเหมยอุ้มลูกสาวขึ้นมา เล่อเล่อส่งเสียงร้องด้วยความชอบใจ มืออวบอ้วนตะกุยตะกายอยู่บริเวณหน้าอกของเหมยเหมยราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดีเหมือนรู้ว่าตัวเองจะหาของกินได้จากตรงไหน!

“อย่าใจร้อนสิ แม่พาหนูไปฉี่ก่อน ไม่เคยเห็นใครกินเก่งเหมือนลูกเลยนะ!”

เหมยเหมยไม่ได้ป้อนนมในทันทีแต่อุ้มเล่อเล่อไปเข้าห้องน้ำ ก่อนนอนเพิ่งจะดื่มนมไปขวดใหญ่ นอนมาชั่วโมงกว่าจะต้องปวดฉี่อย่างแน่นอน

หากตอนนี้ไม่ไปปล่อยออก เดี๋ยวอีกสักพักจะต้องปล่อยใส่เธอแน่ ๆ เด็กคนนี้กินเข้าไปเยอะปล่อยออกมาก็เยอะ ต่อให้ใช้ผ้าอ้อมหลายผืนก็เอาไม่อยู่ต้องมีซึมออกมาบ้างจนเปื้อนตัวเธอ กลิ่นเหม็นจะตายไป!

เสียงฉี่ดังขึ้น…เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลย

“เสร็จแล้ว…ไปกินนมกันเถอะ!”

เหมยเหมยตีก้นขาวเนียนของลูกสาวตัวเองเบา ๆ ทั้งเด้งทั้งลื่นจนอดที่จะหอมไม่ได้ เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

ฉี่ของลูกสาวถือว่าเป็นเครื่องปรุงในชีวิต!

จะรังเกียจได้อย่างไร?

ในเมื่อเธอกัดก้นกับขาเล็ก ๆของเล่อเล่อทุกวัน!

เหยียนหมิงซุ่นยังคงแกะพัสดุอยู่ พัสดุห่อมามิดชิดมากจนรู้สึกเหมือนกำลังเปิดกล่องสมบัติ ช่างดูลึกลับเหลือเกิน!

“เล่อเล่อ นี่เป็นของขวัญที่พี่เสี่ยวเป่าส่งมาให้ลูก ไม่รู้ว่าข้างในจะเป็นของดีอะไรน่า…”

พอเล่อเล่อดูดนมจากเต้าเหมยเหมยจนหมดก็อุ้มขวดนมดูดต่อ เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อมองเหยียนหมิงซุ่นแกะพัสดุ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าของข้างในดูลึกลับเหลือเกิน!

เหยียนหมิงซุ่นแกะไปได้สักพักใหญ่ก็เริ่มมีของโผล่ออกมาบ้างแล้ว ซึ่งพอจะมองออกว่าเป็นกล่องไม้ขนาดประมาณทีวี 17 นิ้ว บนกล่องมีกระดาษเล็ก ๆแปะอยู่แผ่นหนึ่งเขียนว่า

“มอบให้น้องสาว——เสี่ยวเป่า”

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

จู่ ๆเล่อเล่อก็ร้องขึ้นมา ขยับมือเท้าไปมาดีใจสุด ๆ

กระทั่งดีใจกว่าตอนกินนมเสียอีก เธอดิ้นไปมาเพราะอยากขยับเข้าไปใกล้กล่อง

“โอ๊ย…เล่อเล่อลูกอย่าขยับสิ แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะ ระวังล้ม”

เล่อเล่อแรงเยอะเกินไป เหมยเหมยเอาไม่อยู่ในชั่วขณะจนเกือบล้ม เธอจึงต้องวางเจ้าหนูลงบนพื้นแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับเสื้อของเล่อเล่อไว้ไม่ให้เจ้าหนูขยับไปไหน

……………………………………

ตอนที่ 2370 คือสิ่งมีชีวิต

เล่อเล่อคลานอยู่บนพื้นแต่ยังพลิกตัวไม่ได้ แต่เพราะเป็นเด็กที่มีแรงเยอะกล้ามเนื้อกระดูกแข็งแรง พอยกตัวขึ้นก็เหมือนจะพลิกตัวได้เล็กน้อยพร้อมชันคอได้แล้ว

“คุณดูลูกสิ ชั้นคอสูงขนาดนั้น คุณย่าบอกว่าปกติอายุสามเดือนถึงจะชันคอได้นะ!”

เหมยเหมยมองด้วยความประหลาดใจ เล่อเล่ออายุยังไม่ถึงสองเดือนเลย!

แบบนี้ถือว่าโตเร็วเกินไปหรือเปล่า?

เหมยเหมยกังวลขึ้นมาอีกแล้ว เธอขมวดคิ้วแน่น “พี่ พี่ว่าเล่อเล่อจะเป็นสาวไวไปหรือเปล่า เหมือนเด็กผู้หญิงในแถบแอฟริกาที่อายุ 7-8 ขวบก็ดูเหมือนผู้ใหญ่แล้วแบบนั้นหรือเปล่า…”

เหมยเหมยกังวลเป็นอย่างมาก แต่ก่อนเธอเคยดูเรื่องซาฮาร่าแดนฝันของซานเหมา เขาบอกว่าที่นั่นเด็กผู้หญิงอายุแค่ 7-8 ขวบก็แต่งงานมีลูกแล้วเพราะเป็นสาวไว อีกทั้งอายุก็ไม่ยืนมีอายุได้แค่ 20 กว่าปีเท่านั้น น่าสงสารมากจริง ๆ

ตอนนี้พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสาวไวเธอจึงอดกังวลไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม ชอบคิดมากจริง ๆเลย

“ผู้หญิงในแถบแอฟริกาที่เป็นสาวเร็วเพราะสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมในประเทศ เล่อเล่อของเราเป็นแบบนี้เพราะร่างกายแข็งแรงไม่ได้ถือว่าเป็นสาวเร็วไปสักหน่อย ไม่กี่วันก่อนเพิ่งไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลมาไม่ใช่เหรอ? หมอบอกว่าเล่อเล่อไม่ได้โตเร็วเกินไป เธอยังจะกังวลอะไรอีก?”

เพราะว่าเล่อเล่อแรงเยอะเกินไป อีกทั้งกินเยอะด้วย เหยียนหมิงซุ่นเลยตั้งใจพาลูกสาวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล

เล่อเล่อตรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าและด้านนอกด้านใน หมอบอกว่าเล่อเล่อร่างกายแข็งแรงมาก เป็นเด็กที่ร่างกายแข็งแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาในตอนนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะโตไวเกินไป

เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจ ใช่ หมอบอกแล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะโตไวเกินไป เธอยังจะต้องกังวลอะไรอีก

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

สุดท้ายเป็นเพราะเล่อเล่อยังเด็กเกินไป พลิกได้แค่ครึ่งเดียวก็พลิกต่อไม่ได้แล้ว เหนื่อยจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว

อยู่ห่างจากกล่องพัสดุแค่เอื้อมเท่านั้น เล่อเล่อพยายามยื่นมือไปจับอยู่หลายครั้งแต่ก็เอื้อมไม่ถึงจนเจ้าตัวน้อยโมโหส่งเสียงร้องออกมา ขยับขาดิ้นไปมาด้วยความไม่พอใจ อารมณ์ร้อนใช้ได้เลยทีเดียว

“เหมือนเล่อเล่ออยากจะจับกล่อง หรือว่าลูกจะรู้ว่าข้างในมีอะไรงั้นเหรอ…ไม่สิ…จะเป็นไปได้อย่างไร ลูกน่าจะรู้สึกว่ากล่องดูแปลกใหม่มากกว่า…”

ท่าทีของลูกสาวดูแปลกมากจริง ๆ เหมยเหมยสงสัยว่าเล่อเล่อจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องแต่เธอก็ปฏิเสธการคาดเดานี้อย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าเล่อเล่อจะเป็นเด็กที่มีร่างกายแข็งแรงและพลังเยอะมากแต่ก็คงไม่สามารถมองทะลุสิ่งของได้หรอกมั้ง?

“พี่แกะเร็ว ๆหน่อยได้ไหม ผ่านไปตั้งนานแล้วยังแกะไม่เสร็จอีก!”

เล่อเล่อเริ่มส่งเสียงโวยวาย เหมยเหมยก็อดที่จะเร่งไม่ได้

“พี่สงสัยว่าของข้างในจะเป็นสิ่งมีชีวิต”

อยู่ดี ๆเหยียนหมิงซุ่นก็พูดขึ้น เหมยเหมยตกใจในทันที

“สิ่งมีชีวิต…จะเป็นสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร? ศุลกากรห้ามส่งของที่เป็นสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เหรอ?”

เหมยเหมยรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ขนาดต้นไม้ยังไม่ให้ส่งเลย แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์ที่เป็นสิ่งมีชีวิต

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อย ๆ “เฮ่อเหลียนเช่อมีวิธีส่งมาได้อยู่แล้ว ต่อให้ส่งช้างมายังไม่มีปัญหาเลย”

ถ้าส่งแบบถูกกฎหมายคงส่งไม่ได้แน่ แต่ถ้าลักลอบนำเข้า ช่องทางส่งของจากมาเก๊ามาแผ่นดินใหญ่มีมากมายเต็มไปหมด ถ้าอยากส่งมาไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยสักนิด

เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที “พี่รีบแกะสิ ของข้างในคืออะไรกันแน่ อยากรู้จริง ๆเลย…”

“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก แกะเร็วไปอาจจะโดนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในเอาได้”

เหยียนหมิงซุ่นยังคงค่อย ๆแกะต่อไปเรื่อย ๆจนเล่อเล่อร้อนใจแทบแย่ เตะขาไปมาไม่หยุดเพื่อแสดงออกว่าเธอคัดค้านไม่พอใจ

แต่ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเลยสักนิด แถมยังจงใจแกะให้ช้าลงเพื่อแกล้งลูกสาวอีกต่างหาก

เหมยเหมยถลึงตาด้วยความโมโห เหยียนหมิงซุ่นเอามือลูบจมูกปอย ๆแล้วรีบเร่งความเร็วในการแกะ

“ฉึก”

ในที่สุดกล่องก็ถูกเปิดออก เล่อเล่อส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ

“มันคืออะไรเหรอ?”

เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อขึ้นแล้วรีบเข้าไปดู

………………

ตอนที่ 2367 พูดถูกหมดเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำสีหน้ารังเกียจเอ่ยว่า “ตาแก่นั่นตาบอดหรือเปล่าถึงมาผูกปิ่นโตกับยายแก่ปีศาจที่อัปลักษณ์ขนาดนี้ แบบนี้เขายังกล้ากินอีกเหรอ!”

คำพูดนี้ถึงแม้จะดูแรงเกินไปแต่หน้าตาของแม่ของฉางชิงซงดูไม่ได้เลยจริง ๆ ปากแหลมแก้มตอบ ผิวหนังหยาบกร้าน บวกกับพิการเพราะมือทั้งสองข้างเปลี่ยนรูปไปแล้ว สภาพน่าเกลียดจนไม่รู้จะพูดอย่างไร

แต่ตาแก่คนนั้นถึงจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่เมื่อเทียบกับยายแก่ปีศาจก็ดูดีขึ้นมาในทันที ทั้งสองคนไม่มีทางที่จะถูกจับคู่กันได้แน่

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าก่อนที่ตาแก่คนนี้จะเกษียณถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้นะ?” เหมยเหมยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

พวกเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตามกลับมาด้วยเพราะอยากคุยต่อ

คุณย่าหยางพูดอย่างไม่ยี่หระว่า “คนที่มีความรู้บางคนก็ทำเรื่องต่ำช้าออกมาได้เช่นกัน ต่ำช้ากว่าคนที่ไม่มีความรู้เสียอีก ความเป็นมนุษย์กับการมีความรู้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย”

“ใช่ แต่ก่อนหมู่บ้านของเราก็มีตาแก่คนหนึ่งรูปร่างหน้าตาดี อีกทั้งยังรับผิดชอบทำบัญชีในหมู่บ้านด้วย ตอนนั้นภรรยาของเขาถือว่าเป็นสาวงามในหมู่บ้านแต่ตาแก่คนนี้กลับไปมีความสัมพันธ์กับแม่หม้ายในหมู่บ้าน แม่หม้ายคนนั้นหน้าตาอัปลักษณ์ยิ่งกว่ายายแก่ปีศาจอีกนะ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปคบกันได้อย่างไร”

จนป่านนี้ป้าฟางก็ยังไม่เข้าใจว่าสาเหตุที่ผู้ชายออกไปหากินข้างนอกเป็นเพราะชอบความสวยความงามหรือว่าชอบของแปลกกันแน่?

คุณย่าหยางก็ยกตัวอย่างขึ้นมาด้วยเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักขอบเขตจริง ๆ

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหมือนได้ฟังเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อจึงทำหน้าตกตะลึง จากนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องของพ่อแม่ของฉางชิงซงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป

“ครั้งนี้ยายแก่ปีศาจจะต้องถูกไล่กลับบ้านแน่นอน!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยความมั่นใจ

เหมยเหมยก็คิดแบบนี้เช่นกัน หากฉางชิงซงอยากรักษาหน้าตัวเองไว้ก็ควรจะส่งแม่ที่สร้างเรื่องอับอายกลับบ้านไปเสีย ไม่เช่นนั้นในไม่ช้าก็เร็วคนอื่นก็ต้องรู้อยู่ดี ฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“เรื่องนี้ก็ไม่แน่ ถึงแม้ฉันจะไม่เคยเจอยายแก่ปีศาจที่พวกเธอพูดถึงมาก่อน แต่เมื่อก่อนย่าเจอผู้หญิงแบบนี้มาเยอะ เธอน่าจะคุ้นชินกับแสงสีเสียงในเมืองใหญ่จะยอมกลับไปบ้านนอกเมืองเล็ก ๆได้อย่างไรกัน? เธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ต่ออย่างแน่นอน” คุณย่าหยางไม่คิดเช่นนั้น

“ฉางชิงซงบอกว่าจะส่งแม่กลับบ้านด้วยตัวเอง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

“พ่อแม่เถียงสู้ลูกไม่ได้ ลูกก็จัดการอะไรพ่อแม่ไม่ได้เหมือนกัน ต้องดูว่าฝ่ายไหนไร้เหตุผลมากกว่ากัน”

คุณย่าหยางยิ้มพลางส่ายศีรษะ คนที่มีเหตุผลมักจะสู้กับคนที่ชอบแถไม่ได้ ฉางชิงซงเอาแม่ตัวเองไม่อยู่แน่ ๆ!

วันต่อมาฉางชิงซงโทรมาบอกว่าเขาจะไปส่งแม่กลับบ้านให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาช่วยดูแลฉีฉีเก๋อหน่อย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่พูดอะไรแล้วตอบตกลงในทันที จากนั้นก็รีบไปบอกเหมยเหมยพลันรู้สึกว่าสิ่งที่คุณย่าหยางคาดการณ์ไว้เมื่อวานน่าจะผิด

แต่ว่า…

พอมาถึงช่วงบ่ายฉางชิงซงก็พาแม่ของเขากลับมา ท่าทางดูเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยและดูเหมือนจะโมโหมากด้วย

เหมยเหมยคร้านเข้าไปถามไถ่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงวิ่งไปวิ่งมาสองที่ด้วยท่าทีกระตือรือร้น

“คุณย่าหยาง คุณย่าเป็นคนที่แม่นมากจริง ๆเพราะพูดถูกเผงหมดเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าชื่นชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้!

คุณย่าหยางได้ใจแล้วเอ่ยด้วยความภูมิใจว่า “ย่ากินเกลือมามากกว่าพวกเธอกินข้าวอีก เรื่องแบบนี้เจอมาเยอะแล้ว!”

เหมยเหมยเร่งให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

“ก็ไม่มีอะไรหรอก คือยายแก่ปีศาจไม่ยอมกลับเลยวิ่งเข้าไปให้รถชนแต่ยังดีที่คนขับเบรกทัน ไม่อย่างนั้นคงเกิดเลือดตกยางออกแล้วมั้ง?”

“ก็ไม่ได้เป็นไรสักหน่อยแล้วทำไมต้องพากลับมาด้วย?” เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ

“ยายแก่ปีศาจบอกว่าพ่อของฉางชิงซงไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องขายหน้าไว้กลับไปคงโดนแน่ เธอเลยไม่ยอมกลับบ้าน แถมบอกว่าถ้าส่งตัวกลับไป เธอจะกระโดดลงจากรถตายให้ฉางชิงซงดู!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางส่ายศีรษะ ในใจรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย

เมื่อเทียบกับยายแก่ปีศาจแล้วพ่อแม่ของเธอดีกว่ามากจริง ๆ!

……………………………………

ตอนที่ 2368 ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไป? หรือว่าจะให้ยายแก่ปีศาจอยู่ต่องั้นเหรอ?” เหมยเหมยคิ้วขมวดแน่น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟพูดขึ้นว่า “มีสิทธิ์อะไร หากจะไปตายก็ให้ไปตายสิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่ายายแก่ปีศาจจะยอมตายจริง ๆ!”

คนอย่างยายแก่ปีศาจเธอเจอมาเยอะแล้ว ทุกครั้งอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอาความเป็นความตายมาข่มขู่คนอื่น แต่ความจริงพวกเขากล้าตายเสียที่ไหน แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ!

คุณย่าหยางส่ายศีรษะ “คำพูดแบบนี้พวกเราคนนอกพูดยังพอว่า แต่คนเป็นลูกจะพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร แบบนั้นต้องถูกคนอื่นตำหนิแน่ คำติฉินนินทาของคนอื่นทำให้คนตายได้เลยนะ!”

คนในเหตุการณ์มองไม่ออกแต่คนนอกมองเข้าใจทะลุปรุโปร่ง คนที่เจอปัญหาเองมักจะจัดการปัญหาไม่ได้แถมยังมีแต่เรื่องวุ่นวายตามมาอีก มีแม่แบบนี้สร้างความลำบากให้ฉางชิงซงจริง ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหเป็นอย่างมากจึงจิกผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด “อย่างนี้ก็ไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่ได้ หรือว่าจะให้ยายแก่ปีศาจนั่นอยู่ต่อทำตัวเป็นปีศาจต่อไปงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยเองก็หมดหนทางแล้วเช่นกันเพราะอย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัวของคนอื่น เธอจะเข้าไปยุ่มย่ามมากก็ไม่ดี ไม่เช่นนั้นแค่ให้ป้าฟางออกหน้า เพียงมือข้างเดียวก็จัดการยายแก่ปีศาจให้หนีกลับบ้านได้แล้ว

คุณย่าหยางเอ่ย “เรื่องนี้พวกเธอไม่ต้องเข้าไปยุ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทแค่ไหนก็ต้องมีขอบเขต เรื่องในครอบครัวอย่าเข้าไปยุ่มย่ามมากจะดีกว่า”

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหนแต่ก็สู้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไม่ได้หรอก เวลาเกิดเรื่องพอเพื่อนยื่นมือเข้าไปยุ่งอาจจะได้รับคำขอบคุณก็จริง แต่พอเรื่องผ่านไปสองสามีภรรยานอนหมอนใบเดียวกัน พูดคุยกลับมาคืนดีกัน กลับมาเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันเหมือนเดิม ถึงเวลานั้นความเป็นเพื่อนอาจจะหายไปเลยก็ได้

“หนูพอจะรู้ตัวเองอยู่ค่ะ หนูจะไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนักหรอก หนูแค่รู้สึกอึดอัดเลยอยากบ่นออกมาก็เท่านั้น!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า เธอแค่อยากทวงความยุติธรรมแทนฉีฉีเก๋อ เดิมทีคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักที แต่พอจะถึงกำหนดคลอดดันมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาอีก

หากยายแก่ปีศาจได้อยู่ต่อจริง ๆ ต่อไปฉีฉีเก๋อคงลำบากแน่!

“จริง ๆแล้วเรื่องแบบนี้สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับตัวฉีฉีเก๋อเองด้วย หากเขาไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง พวกเธอร้อนใจไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก” ป้าฟางพูด

“ใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ชีวิตเป็นของเรา เราต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง!” คุณย่าหยางพยักหน้าเห็นด้วย

เพื่อนก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นทุกวันเสียหน่อย เพื่อนยังมีชีวิตและครอบครัวของตัวเองจะให้ไปสนใจเรื่องไร้สาระแบบนั้นทุกวันก็ใช่เรื่อง!

เพราะฉะนั้นก็ควรจะพึ่งตัวเองนั่นแหละ!

ถึงแม้เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะเป็นห่วงฉีฉีเก๋อมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามด้วยเท่าไรแล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่โทรหาถามไถ่ความเป็นอยู่ก็เท่านั้น

“ฉีฉีเก๋อบอกว่ายายแก่ปีศาจได้อยู่ต่อ ฉางชิงซงกลัวว่าแม่ของเขาจะฆ่าตัวตายจริง ๆ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ย

เหมยเหมยถอนหายใจ คนที่ผ่านโลกมามากกว่ามองอะไรออกมากกว่าจริง ๆ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณย่าหยางคาดเดาไว้ไม่มีผิด

“เอาเถอะ รอตอนฉีฉีเก๋อคลอดลูก พวกเราก็เข้าไปดูแลมากหน่อยก็แล้วกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแบมือทั้งสองข้างออกทำท่าประมาณว่าช่วยไม่ได้แล้วพูดขึ้นว่า “คงทำได้แค่นั้น หวังว่าฉีฉีเก๋อจะเข้มแข็งหน่อย อย่าทำตัวอ่อนแอเหมือนแต่ก่อนก็พอ”

เหมยเหมยคิดว่ายายแก่ปีศาจคงจะถูกลูกชายจัดการแล้ว ต่อไปคงจะทำตัวดีขึ้นบ้างไม่ออกไปทำเรื่องขายหน้าข้างนอกอีก เพราะอย่างไรคนเราก็ควรรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้บ้าง!

เพียงแต่ว่าเธอประเมินความไร้ยางอายของยายแก่ปีศาจต่ำเกินไป!

เพราะเรื่องนี้ทำให้เหมยเหมยรู้สึกสะอิดสะเอียนใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เล่าให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง ตอนที่เล่นกับลูกสาวของตัวเองถึงจะรู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้าง

“เสี่ยวเป่าส่งของขวัญมาให้ บอกว่าเป็นของขวัญที่มอบให้น้องสาว!”

เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้ามาพร้อมพัสดุชิ้นหนึ่งในมือถือ

“เอามาให้ฉันดูเร็วเข้า พวกเขาถึงไหนกันแล้ว? โปสการ์ดครั้งก่อนยังอยู่ที่มาเก๊าอยู่เลย!”

เหมยเหมยยื่นมือรับพัสดุมาอย่างดีใจ

……………………….

ตอนที่ 2365 ท้องโตอาจจะเป็นเพราะไขมัน

เหมยเหมยจงใจเลือกไปในเวลากลางวัน ฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซงต่างก็อยู่บ้านกำลังกินข้าวกันอยู่

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหลือบมองไปที่โต๊ะกินข้าว เนื้อผัดซอส มันฝรั่งผัดซอสเปรี้ยว แล้วก็มีแกงฟัก มีเนื้อมีผักมีน้ำแกง การกินถือว่าไม่เลว

“เป็นอาหารที่ฉางชิงซงทำเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามขึ้น

“ใช่ ตอนนี้เขาเป็นคนทำอาหารทุกมื้อ พวกเธอนั่งลงเร็ว” ท้องของฉีฉีเก๋อโตมากและนูนสูงด้วย แถมยังท้องโตกว่าเหมยเหมยในตอนนั้นอีก

“ท้องของเธอดูแล้วใหญ่กว่าของเหมยเหมยเยอะเลย เล่อเล่อหนัก 4 กิโลนิด ๆ ลูกของเธอน่าจะหนัก 5 กิโลได้มั้ง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าตกใจ นึกไม่ออกเลยว่าเด็กที่น้ำหนัก 5 กิโลจะอ้วนขนาดไหน?

ป้าฟางอดหัวเราะไม่ได้ “ท้องโตไม่ได้หมายความว่าเด็กจะตัวใหญ่นะ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นชั้นไขมันก็ได้!”

ปากของเหมยเหมยกระตุกเล็กน้อย คำพูดของป้าฟางทำให้เห็นภาพค่อนข้างชัดเจน

ฉีฉีเก๋อถอนหายใจออกมา “ในท้องของฉันมีแต่ไขมัน ตอนที่ไปตรวจครรภ์ หมอบอกว่าเด็กตัวไม่ใหญ่มาก อาหารบำรุงต่าง ๆตกมาที่ฉันหมด พอหลังคลอดไขมันพวกนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ!”

เหมยเหมยตบท้องของตัวเองเบา ๆ “ดูฉันสิ ไขมันทั้งนั้น ฉันน้ำหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งท้อง 5 โลกว่า พอลูกหย่านมฉันก็จะลดน้ำหนักแล้ว”

จริง ๆแล้วเหมยเหมยไม่ได้ถือว่าอ้วนมาก อย่างมากก็แค่ดูอวบอิ่มขึ้นซึ่งก็ดูสวยไปอีกแบบ เหยียนหมิงซุ่นหลงใหลเหมยเหมยในตอนนี้มาก ไม่อยากให้เธอไปลดน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย

“น้ำหนักขึ้นมา 5 กิโลกว่าโดยรวมน้ำหนักเธอก็แค่ 55 กิโลเท่านั้น น้ำหนักปกติฉันก็ 65 กิโลแล้ว เธอยังกล้าพูดอีกเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่เธออย่างอารมณ์เสียพลันรู้สึกปวดใจเหลือเกิน ขนาดคลอดลูกแล้วก็ยังผอมกว่าเธออีก แล้วยังมีหน้ากล้ามาบอกว่าตัวเองอ้วนต่อหน้าเธอ แบบนี้จงใจหาเรื่องกันชัด ๆ!

เหมยเหมยเอามือลูบจมูกปอย ๆไม่กล้าพูดอะไรต่อ ก่อนหน้านี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผอมลงจริง ๆแต่พอตอนหลังเริ่มน้ำหนักขึ้น ทั้งกินทั้งดื่มบำรุงร่างกายเต็มที่ ไขมันที่ลดลงไปก็กลับคืนมาเท่าตัว ทำให้น้ำหนักทะลุ 65 กิโลกรัมไปแล้ว

“ของพวกนี้เป็นของที่ฉันใช้ตอนคลอดแล้วใช้ไม่หมด พอถึงเวลานั้นเธอก็เอาไปโรงพยาบาลได้เลยจะได้ไม่ต้องเตรียมใหม่”

เหมยเหมยเอากระเป๋าขนาดใหญ่ที่นำติดตัวมาส่งให้ฉีฉีเก๋อซึ่งเป็นชุดเด็กที่ทำจากผ้าฝ้าย ผ้าอ้อมเด็ก แล้วก็กระดาษชำระแบบยาว ถึงแม้จะไม่ใช่ของที่พิเศษอะไรแต่ถ้าต้องมาเตรียมในช่วงเวลาเร่งด่วนก็วุ่นวายไม่น้อยเหมือนกัน

“ขอบคุณนะ ช่วยประหยัดเวลาฉันเตรียมของพอดีเลย” ฉีฉีเก๋อรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เธอยังไม่ได้เตรียมอะไรเลยจริง ๆ!

“จะขอบคุณทำไม ใช่แล้ว เวลาเธออยู่เดือนใครจะเป็นคนมาดูแลเธอเหรอ?” เหมยเหมยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ฉันจะเป็นคนดูแลเอง ครึ่งปีนี้ฉันไม่ต้องออกไปทำงานต่างเมืองแล้ว อยู่ที่บ้านนี่แหละ” ฉางชิงซงยิ้มพลางกล่าว

เหมยเหมยเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง ดูทรงแล้วฉางชิงซงน่าจะไม่รู้เรื่องที่แม่ของเขายังอยู่ที่เมืองหลวง อีกทั้งไม่ได้วางแผนจะให้แม่ของตัวเองมาดูแลฉีฉีเก๋อ ความคิดจิตสำนึกถือว่าไม่เลว

แต่ว่าเรื่องที่ยายแก่ปีศาจอยู่ที่เมืองหลวงต้องบอกให้ฉางชิงซงรับรู้ ไม่เช่นนั้นพอถึงเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา คนที่ขายหน้าก็คือฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซง

“นายโทรศัพท์หาที่บ้านหรือยัง?” เหมยเหมยถามฉางชิงซง

“โทรแล้วสิ” ฉางชิงซงประหลาดใจเล็กน้อย นึกว่าเหมยเหมยจะกังวลว่าเขาจะเรียกแม่ของตัวเองมาจึงรีบพูดยืนยันว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง แม่ของผมกลับบ้านไปแล้วและจะไม่มาที่นี่อีก”

“นายแน่ใจว่าแม่ของนายกลับบ้านเกิดไปแล้วจริง ๆเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเยาะ

“แน่นอนสิ ฉันโทรหาพ่อฉันแล้ว พ่อบอกว่าแม่กลับไปแล้ว มีอะไรน่าโกหกกัน” ฉางชิงซงเริ่มไม่พอใจ

ฉีฉีเก๋อรีบเข้ามาพูดไกล่เกลี่ย “กลับบ้านแล้วจริง ๆนะ พ่อของรุ่นพี่ฉางเป็นคนบอกเองเลย”

“แม่ของนายเคยรับโทรศัพท์บ้างไหม?” เหมยเหมยเอ่ยถาม

ฉางชิงซงลองนึกย้อนกลับไป จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จะว่าไปทุกครั้งที่โทรศัพท์กลับบ้านแม่ของเขาไม่เคยรับสายเลยสักครั้ง หรือว่า…

“แม่ของนายยังไม่ได้กลับบ้านแต่อยู่ที่เมืองหลวงมาโดยตลอด” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขี้เกียจพูดอ้อมค้อมจึงโพล่งออกไปตรง ๆ

……………………………………………

ตอนที่ 2366 แก่แต่ใช่ย่อย

ฉีฉีเก๋อหน้าถอดสีในทันที “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้…”

ฉางชิงซงก็ไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าตกตะลึงพลันถามขึ้นว่า “แม่ของฉันมีเงินติดตัวไม่มาก ท่านอาศัยอยู่ในเมืองหลวงจะใช้เงินจากไหน?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “แม่ของนายมีความสามารถมากเลยนะ หาเงินด้วยตัวเองได้ด้วย จะมาใช้เงินของนายทำไม!”

“เธอหมายความไง? มีอะไรก็พูดออกมาให้ชัดเจนอย่าพูดจาคลุมเครือแบบนี้!” ฉางชิงซงเริ่มหมดความอดทน เขาไม่พอใจกับท่าทางเยาะเย้ยของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาก

เหมยเหมยพูดขึ้นว่า “แม่ของนายไปเป็นสาวใช้ให้กับตาแก่ที่ยังโสดอยู่คนหนึ่ง นี่เป็นที่อยู่บ้านของตาแก่คนนั้น”

เธอจงใจเน้นคำว่าโสด เชื่อว่าด้วยสติปัญญาของฉางชิงซงน่าจะเข้าใจความหมายของเธอ

และก็เป็นไปตามคาด

สีหน้าของฉางชิงซงเปลี่ยนไปในทันทีจากนั้นก็รับที่อยู่ไป สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านเขานัก เขารู้สึกเหลือเชื่อ แต่เหมยเหมยก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องโกหกเขา

“ฉันไม่รู้ว่าแม่ของนายคิดจะทำอะไรกันแน่ นายลองถามเองก็แล้วกัน” เหมยเหมยไม่ได้พูดเปิดโปงเพราะเห็นแก่หน้าของฉีฉีเก๋อ

ฉางชิงซงโมโหเป็นอย่างมาก เขาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแต่เขาก็ยังหวังว่าตัวเองจะคิดผิดไป

หวังว่าจะไม่ใช่แบบที่เขาคิด

ไม่เช่นนั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“ฉันจะลองไปดู รบกวนพวกเธอช่วยดูแลฉีฉีเก๋อด้วย”

ฉางชิงซงออกไปอย่างรีบร้อน เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แม่ของพี่ฉางไปทำอะไรเหรอ?” ฉีฉีเก๋อรู้สึกกระวนกระวายใจ

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องไปสนใจหรอก ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก็พอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าว

“ใช่ เธอทำจิตใจให้สงบรักษาร่างกายให้ดีก็พอ” เหมยเหมยเองก็พูดขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาให้ป้าฟาง

ป้าฟางรับรู้ผ่านทางสายตาจึงแอบตามฉางชิงซงออกไปอย่างเงียบ ๆ

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงฉางชิงซงก็กลับมาด้วยความโมโห ข้างหลังมียายแก่ปีศาจตามมาด้วย พอเธอเห็นพวกเหมยเหมยแววตาก็ปรากฏความเคียดแค้นพาดผ่านขึ้นมา

ต้องเป็นเด็กพวกนี้บอกลูกชายเธอแน่ ไม่อย่างนั้นฉางชิงซงจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

“พรุ่งนี้แม่กลับบ้านเถอะผมจะไปส่งเอง” ฉางชิงซงใบหน้าเย็นชา ไม่ได้มีท่าทีเคารพนอบน้อมเหมือนอย่างเคย

ยายแก่ปีศาจแค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ ต่อหน้าลูกชายเธอไม่กล้าทำอะไรมาก ไม่กล้าตอบโต้ ดูจากท่าทางของเธอแล้วคงจะไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆแน่!

เหมยเหมยเห็นท่าไม่ดีจึงขอตัวกลับก่อน เธอพูดกับฉีฉีเก๋อว่า “อีกสองวันฉันค่อยมาหาเธอใหม่”

ฉีฉีเก๋อพยักหน้าแล้วออกมาส่งพวกเธอ ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบมือเธอเบา ๆแล้วพูดปลอบว่า “เธอไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ให้พวกเขาสองแม่ลูกจัดการกันเอง เธอคิดไว้แค่อย่างเดียวอย่าให้ยายแก่ปีศาจอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นอันขาด!”

“อืม…”

ฉีฉีเก๋อพยักหน้า

ป้าฟางรอพวกเธออยู่บนรถ พอขึ้นรถเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ป้าคะ เรื่องเป็นอย่างไรกันแน่?”

ป้าฟางจอดรถไว้ในที่ที่ไม่มีคนผ่าน จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่เธอเห็นเมื่อครู่ด้วยความดูถูก

“ยายแก่ปีศาจคนนี้ไร้ยางอายจริง ๆ ขนาดกลางวันแสก ๆยังกล้าทำเรื่องบัดสีกับตาแก่นั่น ฉางชิงซงไปถึงก็เห็นเข้าพอดี…”

“พระเจ้า…เร่าร้อนขนาดนั้นเชียว มีพลังเยอะจริง ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจ เธอกับอิงจวี้กังไม่ได้มีอารมณ์แบบนี้บ้างเลย!

ถึงจะแก่แต่ใช่ย่อยเลยนะ!

“มิน่าสีหน้าของฉางชิงซงถึงดูไม่ดีเลย มีแม่แบบนี้มันช่าง…” เหมยเหมยกลับรู้สึกสงสารฉางชิงซง

อายุตั้งห้าสิบหกสิบแล้วแต่กลับไม่สำรวมกิริยา สิ่งที่ทำให้เธอพูดไม่ออกเลยก็คือพ่อของฉางชิงซงยังช่วยโกหกแทนภรรยาของตัวเองอีกต่างหาก เป็นอะไรที่…

…………………………………

ตอนที่ 2363 เมื่อเป็นแม่คนก็จะมีแรงมากขึ้น

เหมยเหมยอยู่เดือนครบตามกำหนด ร่างกายฟื้นตัวขึ้นมากจึงเริ่มมีแรงที่อยากจะรู้เรื่องของคนอื่นแล้ว

“ฉันจะต้องโทรศัพท์หาฉีฉีเก๋อ ฉันจำได้ว่าเขาเองก็ใกล้จะคลอดแล้วเหมือนกัน!”

เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง จริง ๆแล้วจุดประสงค์หลักของเธอคืออยากจะแอบถามเรื่องของยายแก่ปีศาจ ครั้งก่อนคลอดลูกถามไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ถามต่อ ครั้งนี้จะต้องถามให้รู้เรื่อง

“ฉีฉีเก๋อ วันกำหนดคลอดของเธอยังเหลืออยู่อีกกี่วัน ของเตรียมไว้หมดแล้วหรือยัง? ฉางชิงซงอยู่เคียงข้างเธอหรือเปล่า…”

เหมยเหมยถามยาวเหยียดเป็นพรวน ฉีฉีเก๋อตอบกลับทุกคำถามว่ายังเหลืออีกประมาณครึ่งเดือนจะถึงวันกำหนดคลอด ฉางชิงซงกลับมาอยู่ที่เมืองหลวงตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้ว บริษัทเห็นใจเขาจึงไม่ได้ส่งเขาไปที่อื่นอีก

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เธอไม่ต้องมาหาฉันหรอก ท้องโตขนาดนั้นจะมาทำไม อีกสองสามวันฉันจะไปหาเธอเอง”

เหมยเหมยพูดห้ามฉีฉีเก๋อคิดไว้ว่าอีกประมาณสองวันจะไปหาเพื่อน ในเมื่อข้างกายไม่มีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์คอยให้ความช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเตรียมของครบหรือเปล่า

หลังจากวางโทรศัพท์เหมยเหมยก็โทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ผู้หญิงคนนี้มาเยี่ยมเธอตั้งแต่แรกแล้ว แถมยังชื่นชอบเล่อเล่อเป็นอย่างมาก พูดโทรศัพท์ได้ไม่กี่ประโยคก็รีบวางบอกว่าเธอจะรีบมาหาเดี๋ยวนี้เลย

“สองวันก่อนเธอเพิ่งมาเองไม่ใช่เหรอ งานที่บริษัทไม่ต้องทำแล้วหรือไง?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยจึงพูดขัดคอ

“มีอิงจวี้กังคอยดูแลอยู่ ตอนนี้สอนงานให้แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นจะมีผู้ชายไว้ทำไม!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงดังฟังชัด จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาเล่อเล่อแล้วอุ้มเจ้าหนูขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม

“โอ๊ย…หนักขึ้นอีกแล้ว ผ่านไปอีกสองเดือนฉันคงอุ้มไม่ไหวแน่เลย เล่อเล่อของฉันทำไมโตเก่งขนาดนี้”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหอมแก้มเล่อเล่อครั้งแล้วครั้งเล่า เล่อเล่อก็ชอบเล่นกับเธอเช่นกันจึงหัวเราะออกมาไม่หยุด

เหมยเหมยเพิ่งให้นมไปก็ต้องไปชงนมมาเพิ่มอีกหนึ่งขวด พอได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทุกวันกินเยอะขนาดนี้ น้ำหนักไม่ขึ้นสิแปลก!”

“กินได้ถือเป็นความโชคดี แสดงว่าเล่อเล่อเป็นเด็กที่โชคดี…ใช่ไหมล่ะ… เจ้าหนูฟังออกด้วย…ทำไมฉลาดขนาดนี้เนี่ย!”

เล่อเล่อเหมือนจะฟังออกจริง ๆ มืออวบอ้วนขยับไปมาไม่หยุดพร้อมส่งเสียงร้องแอ๊ะขานรับ

เหมยเหมยอุ้มเล่อเล่อมาจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน มือข้างหนึ่งอุ้มเล่อเล่อไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งถือขวดนมป้อนให้เจ้าหนูตัวน้อยด้วยท่าทีสบาย ๆ

ดวงตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบิกกว้างแทบไม่อยากจะเชื่อ มือยังคงสั่นอยู่ เล่อเล่อเป็นเด็กน่ารักมากก็จริง แต่เวลาอุ้มขึ้นมาก็ต้องใช้แรงไม่น้อย

“เธอสามารถอุ้มได้ด้วยมือข้างเดียวเลยเหรอ?  ขนาดฉันสองมือยังรู้สึกต้องใช้แรงมากเลยนะ ฉันจำได้ว่าเธอแรงน้อยกว่าฉันอีก กินบำรุงมากเกินไปจนจู่ ๆทำให้มีแรงมากขึ้นงั้นเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

เมื่อครู่เธออุ้มแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้นมือทั้งสองข้างของเธอยังปวดอยู่เลย แต่เหมยเหมยกลับอุ้มได้ด้วยมือเดียวแบบสบาย ๆ นี่ยังหลงเหลือความอ่อนแอที่เคยมีในอดีตอยู่ไหมนะ?

เหมยเหมยยิ้มน้อย ๆ “ต่อไปเธอมีลูกแล้วเธอก็จะรู้เอง เพราะอุ้มทุกวันมันก็ชินไปเอง”

มิน่าถึงบอกว่าศักยภาพของผู้หญิงมีไม่สิ้นสุด หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่สามารถอุ้มเล่อเล่อได้แน่ แต่ตอนนี้เธอเป็นแม่คนจะไม่สามารถอุ้มลูกของตัวเองได้อย่างไรกัน!

เล่อเล่อกอดขวดนมไว้พลันเชื่อฟังขึ้นมาในทันที เหมยเหมยวางเจ้าหนูลงบนเตียงเล็กแล้วปล่อยให้กินนมไป

“ป้าฟางบอกว่ายายแก่ปีศาจยังอยู่ที่เมืองหลวง แถมยังอยู่กับตาแก่คนหนึ่งด้วย เธอรู้เรื่องนี้ไหม?” เหมยเหมยถาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเด้งตัวขึ้นมาในทันที “เป็นไปไม่ได้ ฉางชิงซงบอกว่าส่งยายแก่ปีศาจขึ้นรถไฟไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ไม่ต้องรอให้เหมยเหมยพูดอะไรเธอก็กัดฟันพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ฉันจะให้คนไปสืบดู”

หากฉางชิงซงกับแม่ของเขาร่วมมือกันหลอกคนอื่น เธอไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่

……………………………………

ตอนที่ 2364 กลางวันเป็นคนใช้ในบ้าน กลางคืนเป็นคู่นอน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปแค่สองวันเธอก็มารายงานข่าวแล้ว

“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ยายแก่ปีศาจกำลังทำอะไรอยู่?” สีหน้าของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเต็มไปด้วยความดูถูก

“ถ้าฉันรู้ฉันยังต้องถามเธออีกเหรอ รีบพูดมา!” ไฟที่อยากรู้อยากเห็นของเหมยเหมยลุกลามไปทั่ว เธอวางเล่อเล่อให้เล่นอยู่บนเตียงแล้วเร่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนให้รีบพูด

ป้าฟางรู้สึกสนใจเลยเข้ามาร่วมวงด้วยพร้อมกับคุณย่าหยาง

ความอยากรู้อยากเห็นของผู้หญิงมีอยู่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเด็กหรือคนแก่ก็ตาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ได้ยึกยักจึงพูดออกมาเลยตรง ๆ

“ยายแก่ปีศาจไปเป็นคนใช้ให้กับตาแก่คนหนึ่งที่ภรรยาเสียไปแล้วซึ่งก็คือตาแก่ที่ดูขี้หื่นที่ป้าเห็นนั่นแหละ”

ป้าฟางพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย “ตาแก่คนนั้นดูขี้หื่นจริง ๆ อายุตั้งขนาดนั้นแล้วแต่แต่งตัวสีสันฉูดฉาดยิ่งกว่าหนุ่มสาวเสียอีก”

เหมยเหมยคิด ๆดูแล้วถามขึ้นว่า “ยายแก่ปีศาจคงไม่ได้เป็นแค่คนใช้ธรรมดาหรอกใช่ไหม?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปรบมือชื่นชม “ใช่แล้ว กลางวันเป็นคนใช้ กลางคืนเป็นคู่นอนไง”

คุณย่าหยางกับป้าฟางแทบไม่อยากจะเชื่อจึงพูดออกมาพร้อมกันว่า “นี่ไม่ใช่เป็นชู้กันหรอกเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ตาแก่ขี้หื่นคนนั้นมักจะทำเรื่องแบบนี้ ฉันให้คนไปสืบถามมาแล้วตาแก่คนนี้เปลี่ยนคนใช้มาแล้วหลายสิบคนต่างก็เป็นหญิงแก่ที่ไม่ประสีประสามาจากต่างจังหวัดแบบยายแก่ปีศาจนี่แหละ ไม่ต้องใช้เงินมากก็สามารถเป็นเจ้าบ่าวได้ทุกเดือน”

คุณย่าหยางส่ายหน้า “หากผู้ชายของเธอรู้เข้าจะทำอย่างไร แล้วก็ยังมีลูกชายกับลูกสะใภ้อีก หากญาติที่บ้านรู้เรื่องนี้แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียง “คนอย่างเขาไม่รักษาหน้าอะไรทั้งนั้นแหละ!”

เหมยเหมยเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “ดูท่าแล้วเรื่องนี้ฉางชิงซงน่าจะยังไม่รู้เรื่อง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “ไม่รู้เรื่องแน่นอน ถึงแม้ฉางชิงซงจะร้ายแค่ไหนก็ไม่มีทางให้แม่ของตัวเองไปทำเรื่องขายหน้าแบบนี้แน่นอน!”

“แต่ว่าฉันรู้สึกแปลก ๆฉางชิงซงไม่โทรศัพท์กลับไปที่บ้านเลยเหรอ? ขอแค่โทรศัพท์กลับไปแค่ครั้งเดียวก็ต้องรู้ว่าแม่ของเขาไม่ได้กลับบ้านแล้วสิ” เหมยเหมยข้องใจเป็นอย่างมาก

“ใครจะไปรู้ล่ะ เดี๋ยวไปถามดูก็รู้เอง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากรู้ยิ่งกว่าเดิม แทบอดใจรอไม่ไหวอยากไปถามเรื่องนี้กับฉีฉีเก๋อให้รู้เรื่อง

“ฉันไปกับเธอด้วย จะได้เอาของไปให้ฉีฉีเก๋อด้วย ใกล้คลอดแล้วไม่รู้ว่าเตรียมของอะไรเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!”

เหมยเหมยให้ป้าฟางเตรียมของใช้ที่เธอใช้ไม่หมดไว้ตั้งแต่แรกพร้อมแล้ว พอถึงเวลาฉีฉีเก๋อไปโรงพยาบาลจะได้มีของใช้

ป้าฟางไปพร้อมกับพวกเขาแถมอุ้มเล่อเล่อไปด้วย เจ้าหนูน้อยชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก พออยู่ข้างนอกก็จะดูมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นร้อยเท่าแทบอยากจะออกไปข้างนอกทุกวัน

“ดูสิ เล่อเล่อมีความสุขเชียว…ดวงตาเป็นประกายเลย…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยิกพวงแก้มกลม ๆของเล่อเล่อเบา ๆ ทั้งนุ่มทั้งลื่นแทบไม่อยากปล่อยมือเลย

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…” เล่อเล่อมีความสุขโบกมือไม้ไปมาอยู่ในอ้อมแขนของป้าฟางไม่หยุดนิ่ง บิดตัวไปมาดวงตามองนู้นมองนี่ไปเรื่อย

เหมยเหมยแกล้งเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าเจ้าหนูน้อยไม่ให้มองเห็น

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อขยับมือเท้าไปมาอย่างร้อนใจหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมากำไว้แน่น เจ้าหนูน้อยโมโหโยนผ้าเช็ดหน้าลงพื้น ทำให้มองเห็นท้องฟ้าอีกครั้ง เจ้าหนูกลับมามีความสุขอีกครั้งพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักไม่หยุด

“เฮ้ย อารมณ์แรงไม่เบาเลยจริง ๆ แบบนี้แหละถึงจะสั่งสอนผู้ชายได้…ไม่เลว เก่งกว่าแม่หนูอีก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มตาหยีแล้วกัดพวงแก้มของเล่อเล่อเบา ๆ เจ้าเด็กอ้วนคนนี้เป็นที่ถูกใจของเธอจริงๆ

เหมยเหมยแค่นเสียงหึออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แค่แรงของลูกสาวของเธอคงไม่มีผู้ชายคนไหนเอาอยู่หรอก!

แต่ทำไมเธอถึงไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไรเลยนะ?

………………………………….

ตอนที่ 2361 ผู้ทรงพลัง

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกเบา ๆและไม่ได้เถียงเหมยเหมย ถึงแม้เจ้าตัวเล็กอายุจะยังไม่ถึงเดือน แต่เขาก็พอจะดูนิสัยของเจ้าตัวเล็กออก ลูกเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อยโลกส่วนตัวสูง คาดว่าแผนการที่เหมยเหมยวางไว้ต้องถูกพับเก็บไปแน่นอน

อีกทั้งเหยียนหมิงซุ่นยังพบว่าเจ้าตัวเล็กพลังค่อนข้างเยอะ มิน่าตอนอยู่ในท้องถึงซุกซนขนาดนั้น

“ถ้าอย่างนั้นในอนาคตเธอจะต้องให้ลูกสาวของเราเรียนเต้นเบรกแดนซ์” เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้น

เหมยเหมยชะงักไปแล้วเอ่ยคัดค้านขึ้นมา “เรียนเต้นเบรกแดนซ์ไปทำไม ต้องเรียนพวกระบำโบราณสิ ฉันจะเป็นคนสอนเอง”

เต้นเบรกแดนซ์ก็ดูดีอยู่หรอกแต่ว่าผู้หญิงเรียนเต้นเบรกแดนซ์จะทำให้กล้ามเนื้อแน่น ดูไม่มีความอ่อนโยน ระบำโบราณทำให้ดูมีความสง่างามมากกว่า

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไร แต่เชิดคางขึ้นเป็นเชิงให้เหมยเหมยไปจับมือของเจ้าตัวเล็กน้อย เหมยเหมยไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมยื่นมือไปจับมืออันอวบอ้วนของเจ้าตัวเล็ก

เจ้าตัวเล็กนึกว่าเหมยเหมยกำลังเล่นกับตัวเองจึงหัวเราะคิกคัก เธอจึงออกแรงดึงเบา ๆ ในขณะที่ไม่ทันตั้งตัว เหมยเหมยเกือบจะถูกดึงล้มลงไปทับเจ้าตัวเล็กแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะพลางประคองเธอไว้ แววตาแสดงความขบขัน แรงเยอะขนาดนี้จะให้ไปเรียนระบำโบราณทำไม

ในทางกลับกันเรียนระบำดาบก็ไม่เลว

เหมยเหมยมองดูเจ้าเด็กอ้วนที่ยิ้มเริงร่าด้วยความตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยลองดูอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเตรียมตัวไว้แล้วจึงไม่ได้ถูกดึงจนล้ม แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังที่ส่งผ่านมือมา

“นี่มันอะไรกัน ทำไมเล่อเล่อถึงมีแรงมากขนาดนี้”

เล่อเล่อเป็นชื่อของเจ้าตัวเล็กคนนี้ เฮ่อเหลียนชิงเป็นคนตั้งให้ เขาบอกว่าหากเป็นเด็กผู้ชายให้ชื่อว่าเฮ่อเหลียนเซียวแต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงให้ชื่อว่าเหยียนเล่อเล่อ มีความหมายว่าชีวิตที่มีความสุขไร้ความกังวล

เหมยเหมยรู้สึกว่าชื่อนี้ก็ไม่เลวเลยใช้ชื่อนี้มา

เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางอมยิ้มว่า “กินเยอะก็ต้องมีแรงเยอะเป็นธรรมดา ตอนที่อยู่ในท้องแรงของเจ้าตัวเล็กก็ไม่ใช่ย่อย ๆ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะนึกว่าเจ้าตัวเล็กเป็นผู้ชายได้อย่างไรกัน!”

เพราะมีแรงเยอะขนาดนี้เลยทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกชายเสียอีก!

แต่ว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องดี ไม่แน่ว่าเจ้าตัวเล็กของเขาพอโตขึ้นอาจจะมีเซอร์ไพร์สอะไรก็ได้!

หากลูกสาวมีนิสัยที่เข้มแข็งมีพละกำลังที่เหลือล้น ถ้าเช่นนั้นการหมกตัวอยู่แต่บ้านเป็นเจ้าหญิงแสนสุขก็คงน่าเสียดายแย่ เขาคิดว่าจะให้เจ้าตัวเล็กไปเติบโตในวงการทหารดีไหมเพื่อสืบทอดการทำงานต่อจากเขา

“แอ๊…แอ๊…”

เล่อเล่อร้องออกมาด้วยความไม่พอใจเพราะพลิกตัวไปมาไม่ได้จึงทำได้เพียงแค่โบกมือเล็ก ๆไปมาเท่านั้น เธอพยายามที่ยกตัวขึ้นมาจนใบหน้าเกร็งแดงไปหมด

“คงยังเล่นไม่พอ!”

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากเหยียดยิ้ม เขายื่นนิ้วออกไปเล่นด้วย เล่อเล่อยิ้มออกมาด้วยความร่าเริง ยื่นมืออวบ ๆออกมาจับนิ้วของเหยียนหมิงซุ่น สองพ่อลูกเล่นดึงนิ้วกันไปมา เธอดึงไปฉันดึงมาเล่นกันเช่นนี้อย่างสนุกสนาน

เหยียนหมิงซุ่นค่อย ๆเพิ่มแรงขึ้น เขาอยากรู้ว่าแรงของลูกสาวจะสุดที่ตรงไหน พอจะทำให้เขาประหลาดใจได้ขนาดไหนนะ!

“อือ…อือ…”

ตอนแรกเล่อเล่อก็ยังคงยิ้มหัวเราะสนุกสนานอยู่หรอก แต่เมื่อเหยียนหมิงซุ่นใช้แรงมากขึ้นใบหน้าของเจ้าตัวเล็กก็แสดงออกถึงความเกร็งจนหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆราวกับกำลังนั่งปลดทุกข์ สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด ดูแล้วมีความคล้ายคลึงเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้าง!

“พี่อย่าใช้แรงเยอะขนาดนั้นสิ ระวังจะทำกระดูกของเล่อเล่อหักเอานะ” เหมยเหมยพูดตำหนิขึ้น

“ไม่เป็นไร พี่รู้ตัวเองน่า”

ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะทำสีหน้าปกติแต่สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลูกสาวตัวน้อยของเขาทำให้เขาประหลาดใจมากจริง ๆเพราะเจ้าหนูมีแรงมากกว่าเด็กผู้ชายอายุ 7-8 ขวบเสียอีก ในอนาคตพละกำลังของเล่อเล่อจะต้องมากกว่าเขาแน่ หรืออาจจะทัดเทียมเฮ่อเหลียนเช่อได้เลยทีเดียว

“น่าแปลกนะ พันธุกรรมแรงเยอะของเล่อเล่อได้มาจากไหน พวกเราทั้งสองครอบครัวต่างก็ไม่มีพันธุกรรมนี้นี่นา!” เหมยเหมยเอ่ยถาม

……………………………………………..

ตอนที่ 2362 พันธุกรรมเปลี่ยนแปลง

เหยียนหมิงซุ่นก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เหมยเหมยพูดถูก ไม่ว่าจะเป็นบ้านตระกูลเหยียนหรือบ้านตระกูลจ้าวต่างก็ไม่มีพันธุกรรมพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ เล่อเล่อแรงเยอะขนาดนี้ไม่รู้ว่าถ่ายทอดมาจากไหน?

“อาจจะเป็นเพราะพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

เหมยเหมยประหลาดใจ “อยู่ดี ๆพันธุกรรมจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร? ไปเจอแรงกระตุ้นอะไรงั้นเหรอ?”

หลังจากพูดจบเหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกาย พูดขึ้นว่า “หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่พี่ไปฐานลับนั่นมา?”

รังสีสามารถเปลี่ยนพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ เรื่องนี้มีผลการทดลองออกมาแล้ว บางทีที่เล่อเล่อมีแรงเยอะอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ก็ได้!

“น่าจะไม่เกี่ยวกัน ตอนที่พี่ไปฐานลับเธอตั้งท้องเล่อเล่อแล้ว พันธุกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้!” เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ

ตอนที่เขาไปเหมยเหมยตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว พันธุกรรมได้ก่อตัวขึ้นแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้อย่างไรกัน

น่าจะมาจากสาเหตุอื่น

เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเป็นประกาย จู่ ๆก็นึกขึ้นได้ “น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับฉิวฉิว ยาวิเศษน่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้”

เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเพราะการดื่มยาวิเศษจะทำให้สภาพร่างกายของเขามีความแตกต่างจากคนทั่วไป อีกทั้งเหมยเหมยดื่มยาวิเศษมาโดยตลอดคงส่งผลต่อพันธุกรรมของลูกแน่ ๆ เหตุที่เล่อเล่อมีแรงเยอะขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คิดสาเหตุอื่นไม่ออกแล้ว

“ใช่ ทำไมฉันถึงลืมจุดนี้ไปได้นะ ต้องเป็นเพราะยาวิเศษแน่ ๆ” เหมยเหมยออกแรงพยักหน้า

“แอ๊ะ…แอ๊ะ…”

เล่อเล่อเริ่มร้องอีกแล้ว ตอนนี้เหมยเหมยเริ่มจะฟังออก เสียงอืออือคือต้องการปลดทุกข์ ส่วนเสียงแอ๊ะแอ๊ะคือต้องการกิน

“จะกินอีกแล้ว เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเพิ่งกินนมไปเอง” เหมยเหมยยักไหล่อย่างจนใจ

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร “กินเถอะ พี่ไปชงเอง กินเยอะสิถึงจะดี”

เขารู้สึกอารมณ์ดีมาก เดิมทีคิดว่าจะต้องรับลูกชายบุญธรรมมาเลี้ยงเสียอีก แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงไม่ต้อง เล่อเล่อไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้ชายเลย หรืออาจจะแข็งแรงมากกว่าหลายร้อยเท่าด้วยซ้ำ!

เหมยเหมยกลับรู้สึกกลุ้มใจ เธอจับมืออ้วน ๆของเล่อเล่อพูดพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าหมูอ้วน กินเยอะไม่เท่าไรหรอกแต่แรงเยอะขนาดนี้ ต่อไปผู้ชายคนไหนจะกล้ามาสู่ขอเนี่ย!”

“ลูกสาวของพี่จะไม่มีใครมาสู่ขอได้อย่างไร พอถึงตอนนั้นก็ไปเลือกที่ค่ายทหารได้เลย ชอบใครก็แต่งกับคนนั้น!”

เหยียนหมิงซุ่นชงนมแล้วเดินเข้ามา พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยก็รู้สึกไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก

ลูกสาวของเขาหน้าตาดีขนาดนี้ อีกทั้งยังมีความสามารถ จะขายไม่ออกได้อย่างไร?

ลูกสาวของเขาต้องเลือกจนหัวหมุนแน่!

เหมยเหมยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เล่อเล่อแรงเยอะขนาดนี้จะมีผู้ชายคนไหนเอาอยู่?”

“แอ๊ะ แอ๊ะ…”

เล่อเล่อส่งเสียงร้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดวงตาเป็นประกาย มือและขาขยับไปมา

เหยียนหมิงซุ่นเอานมใส่ปากลูกแล้วพูดว่า “ต้องมีแน่นอน เล่อเล่อตอนนี้ยังเด็กอยู่ อีก 20 ปีแล้วค่อยมาคิด!”

เหมยเหมยยิ้มน้อย ๆ ก็จริง หล่อนคงคิดมากเกินไป เรื่องอนาคตวันหน้าค่อยว่ากัน

ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีผู้ชายที่เหมาะสมกับเล่อเล่อ แล้วบังเอิญปรากฏตัวขึ้นพอดีก็ได้!

วันเวลาผ่านไป ในที่สุดก็ผ่านช่วงเวลาอยู่เดือนไป เหมยเหมยอยู่เดือนบำรุงได้ค่อนข้างดีใบหน้าจึงมีเลือดฝาด สีหน้าดูมีชีวิตชีวา ถึงแม้จะอวบขึ้นแต่ก็แค่ทำให้ดูมีความงามในแบบของผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าเธอเพิ่งจะผ่านการอยู่เดือนมา เหยียนหมิงซุ่นก็อดที่จะกลายร่างเป็นหมาป่าไม่ได้

“ยังเหลืออีกหนึ่งเดือนเท่านั้น…” เหยียนหมิงซุ่นกลืนน้ำลาย พยายามสะกดไฟราคะในใจเอาไว้

แม้ว่าหลังจากครบเดือนจะสามารถทำเรื่องอย่างว่าได้ แต่คุณหมอบอกว่าให้ผ่านสองเดือนไปจะดีที่สุด แบบนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายของสาวเพิ่งคลอดมากกว่า เหยียนหมิงซุ่นจึงทำได้เพียงอดทนอดกลั้นไว้

วันที่ครบหนึ่งเดือน เหมยเหมยใช้สายรัดรัดเล่อเล่อไว้แล้วเอาไปวางไว้บนเครื่องชั่ง

“8.3 กิโล…”

เหมยเหมยมองตัวเลขบนเครื่องชั่งด้วยความตกตะลึง เพิ่งจะเดือนเดียวก็หนักขนาดนี้แล้ว ต่อไปจะทำอย่างไรเนี่ย?

“สมแล้วที่เป็นหลานที่น่ารักของย่า โตได้ดีจริง ๆ เล่อเล่อยังจะกินอีกไหม! เดี๋ยวย่าทวดจะไปชงนมมาให้นะ……” คุณย่าหยางยิ้มอย่างเบิกบานใจ

“แอ๊ะ…” เล่อเล่อไม่ปฏิเสธพร้อมยื่นมืออวบอ้วนของตัวเองออกมา

เหมยเหมย ‘…กินอีกคงกลายเป็นหมูจริง ๆแล้ว!’

…………………………

ตอนที่ 2359 เจอเขี้ยวสัตว์อีกแล้ว

เหยียนซินหย่าเองก็คิดว่าเหมยเหมยกังวลมากเกินไป “ตอนเด็กทานมากหน่อยไม่เป็นไร รอลูกเดินได้ก็จะออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ทานมากแค่ไหนก็ย่อยหมด”

“ใช่ อนาคตเหลนสาวของฉันต้องเป็นสาวงามแน่ ๆ หน้าตาต้องเหมือนเหมยเหมยแหงเลย” คุณย่าหยางยิ้มตาหยีอย่างอิ่มเอมใจ

ก่อนจะคลอดเธอก็หวังอยากได้เหลนสาวหน้าตาคล้ายเหมยเหมยสักคน พระเจ้าเมตตาส่งเหลนสาวมาให้เธอคนหนึ่งจริง ๆ

“ก็ไม่เหมือนหนูทั้งหมด หว่างคิ้วหนูมีไฝแต่ลูกไม่มี อีกอย่างตอนเด็กหนูไม่ได้ทานเก่งเหมือนลูกนี่นา”

เจ้าตัวเล็กดื่มนมหมดขวดและกำลังเล่นกับขวดเปล่าอย่างสนุกสนาน เหมยเหมยอุ้มเธอขึ้นมาลูบหลังเบา ๆก่อนจะเรอออกมาหลายทีถึงปล่อยให้เจ้าตัวเล็กนอนราบลงกับที่นอน

“แอ๊…แอ๊…”

เจ้าตัวเล็กเริ่มส่งเสียงร้องอีกครั้ง เหมยเหมยขมวดคิ้วก่อนที่กลิ่นหอมบางอย่างจะลอยออกมา เหมยเหมยอดขำไม่ได้ “กินแล้วถ่าย ถ่ายแล้วกิน พูดสิว่าต่างจากหมูน้อยตรงไหน?”

“แอ๊…แอ๊…”

เจ้าตัวเล็กส่งเสียงร้องตามหลายทีเหมือนกำลังตอบรับว่าตัวเองก็คือเจ้าหมูตัวน้อย เหมยเหมยหัวเราะจนหงายหลังพลางบีบจมูกเล็กของเจ้าตัวเล็กเบา ๆพูดตำหนิ “เธอก็รู้ตัวหรือว่าเป็นหมูน้อยน่ะ…แต่ละวันกินเยอะแล้วถ่ายเยอะขนาดนี้อีก…”

“แอ๊…”

สองแม่ลูกไม่ได้คุยภาษาเดียวกันราวกับเป็ดคุยกับไก่แต่กลับดูกลมเกลียวกันอย่างน่าประหลาด สลับตอบโต้กันไปมาคนละประโยคสองประโยคจนสามารถคุยกันได้เกือบครึ่งชั่วโมง

คุณย่าหยางเอาผ้าอ้อมซักสะอาดพร้อมน้ำอุ่นมาล้างก้นให้เจ้าตัวเล็ก ปะแป้งหอมแล้วเปลี่ยนเป็นผ้าอ้อมนุ่มมือ ก่อนจะเอาผ้าอ้อมสกปรกที่เต็มไปด้วย ‘ทอง’ ออกไปซักข้างนอก

เจ้าตัวเล็กทานเยอะถ่ายเยอะอย่างว่าจริง ๆ ผ้าอ้อมที่เปลี่ยนในแต่ละวันกองเป็นภูเขาเล็ก ๆ โชคดีที่คุณย่าหยางเตรียมผ้าอ้อมไว้มากพอ ไม่อย่างนั้นคงไม่พอใช้!

เหยียนซินหย่าอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวในห้อง เธอล้วงเอาถุงสีแดงถุงหนึ่งจากกระเป๋ายื่นให้เหมยเหมย “นี่พี่ชายของลูกส่งกลับมาให้โดยเฉพาะบอกว่าเป็นของขวัญของหลานสาว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน”

เหมยเหมยรับถุงมาอย่างดีใจแล้วแกะปมเชือกออก เทออกมาเป็นด้ายแดงที่เหมยเหมยใจกระตุก ช่วงนี้เธอเห็นด้ายแดงมากไปหน่อยแล้วจริง ๆ

“แม่ แม่บอกพี่ด้วยเหรอว่าหนูคลอดลูกสาว?”

“มีโอกาสบอกที่ไหนล่ะ พี่ชายของลูกไม่โผล่หัวมาให้เห็น แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหน ของขวัญชิ้นนี้ส่งมาก็ไม่ระบุที่อยู่ผู้ส่ง” เหยียนซินหย่าบ่นอุบอิบ

เหมยเหมยพอจะเดาได้แล้วว่าจ้าวเสวียหลินต้องคิดว่าเธอคลอดลูกชายแหง ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งเธอและเหยียนหมิงซุ่นก็คิดว่าเป็นลูกชายเช่นกัน

ฉะนั้น–

ด้ายแดงนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็น…

เหมยเหมยเทของออกมาจนหมด เป็นไปตามคาดเพราะมีเขี้ยวสามซี่นอนแน่นิ่งอยู่บนฝ่ามือเธอ เห็นได้ชัดว่าเป็นเขี้ยวสัตว์ตัวใหญ่ แค่ไม่รู้ว่าเป็นเขี้ยวสัตว์อะไร

ในถุงยังมีกระดาษอีกใบที่ถูกเขียนด้วยลายมือของจ้าวเสวียหลินอยู่ด้วย–

“เหมยเหมย นี่เป็นเขี้ยวหมาทิเบตันที่ถูกปลุกเสกมาแล้ว สามารถไล่ผีหรือสิ่งไม่ดีได้ ไว้ใส่ให้หลานชายฉันนะ!”

“แอ๊…แอ๊…”

นังหนูอวบอ้วนเหมือนรู้สึกได้ถึงเขี้ยวสุนัขพันธุ์ทิเบตันก็โบกมือมาทางเหมยเหมยไม่หยุด คล้ายต้องการให้เหมยเหมยเอาเขี้ยวให้เธอ แต่แล้วทั้งคอทั้งขาและแขนต่างสวมสร้อยร้อยเขี้ยวไว้หมดแล้ว

หมาป่า จระเข้ หมี สุนัขทิเบตัน…

ลำพังแค่นังหนูนี่คนเดียวก็เปิดงานแสดงสัตว์ได้แล้ว!

ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาจะให้เขี้ยวสัตว์เหมือนปรึกษาหารือกันมาแบบนี้!

แล้วใครจะรู้เล่าว่าเจ้าตัวเล็กที่ซนตั้งแต่อยู่ในครรภ์คลอดออกมากลับเป็นนังหนู!

เหมยเหมยทั้งรู้สึกขำทั้งระอา สวมที่แขนก็ไม่ได้ ลูกสาวเธอมีขาแค่สองข้างแล้วจะสวมไว้ไหนดีล่ะ?

……………………….

ตอนที่ 2360 โตมาเป็นยัยอ้วนล่ะทำอย่างไร

เหยียนซินหย่าเห็นเขี้ยวสัตว์บนตัวเจ้าตัวเล็กก็หลุดขำออกมา “ทำไมถึงได้เยอะขนาดนี้?”

เหมยเหมยพูดกลั้วหัวเราะ “เขี้ยวหมาป่าเซียวเซ่อเป็นคนให้ เขี้ยวจระเข้ของสยงมู่มู่ เขี้ยวหมีของเหยียนหมิงต๋า บวกกับที่พี่ของหนูให้อีก พอเลย เปิดคณะแสดงสัตว์ได้แล้ว!”

“งั้นก็อย่าสวมเลย เราเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยเชียวนะ สวมเขี้ยวสัตว์ไปทำไมกัน ต้องสวมสร้อยทองกำไลหยกสิ” เหยียนซินหย่ากล่าว

คุณย่าหยางเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า “นั่นสิ เดี๋ยวย่าหาวันไปขอกำไลหยกพระที่วัดอวี้หลงแล้วกัน ผู้ชายสวมสร้อยกวนอิมผู้หญิงสวมสร้อยพระ ครั้งก่อนย่าขอมาผิด ครั้งนี้ไม่มีทางผิดแน่นอน”

เหยียนซินหย่าพยักหน้าตอบ “ฉันก็พอจะรู้จักกับพระอาจารย์เจ้าอาวาสวัดอวี้หลงเหมือนกัน คุณย่าไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไปบอกพระอาจารย์ให้ท่านช่วยปลุกเสกด้วยตัวเองเลย”

“งั้นก็ดีเลย หากพระอาจารย์เจ้าอาวาสปลุกเสกใครขอก็ยังขอไม่ได้เลย!” คุณย่าหยางดีใจอย่างมาก

พระอาจารย์เจ้าอาวาสของวัดอวี้หลงเป็นพระอาจารย์ทางพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ปกติพระอาจารย์จะเก็บตัวฝึกวิชา น้อยครั้งที่จะรับแขก คนที่ให้ท่านปลุกเสกได้นั้นช่างมีเกียรติยิ่งนัก เป็นบุญวาสนาที่มีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้!

เจ้าตัวเล็กคว้าเอาเขี้ยวสุนัขทิเบตันไปแล้วกำลังจะยัดเข้าปาก เหมยเหมยสะดุ้งรีบกระชากเอาเขี้ยวออกมา

“อันนี้ทานไม่ได้ ทำไมเห็นอะไรก็จะเอาของปากหมดเลยเนี่ย ยัยลูกหมูจอมบื้อ…”

เหมยเหมยทั้งโมโหทั้งอยากขำ ช่างเป็นจอมตะกละคนหนึ่งจริง ๆ ไม่ว่าจะถือจับอะไรก็จะเอาเข้าปากอย่างเดียว ท้องเหมือนหลุมดำที่ทานอย่างไรก็ทานไม่อิ่ม

“ชงนมให้เด็กอีกสักขวดดีไหม?” คุณย่าหยางทนมองเจ้าตัวเล็กหิวไม่ได้

“อย่าเลย เมื่อกี้เพิ่งดื่มไปขวดใหญ่ อย่าทานจนแน่นท้องเกินไปเลย”

เหมยเหมยกังวลเหลือเกินว่าเจ้าตัวเล็กจะทานจนกระเพาะขยายตั้งแต่เด็ก อนาคตหากกลายเป็นราชากินจุเข้าจริงๆ  ก็น่ากังวลแย่!

บนโลกนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่มีคนทานเยอะแล้วไม่อ้วน?

ไม่สอดคล้องกับหลักสมดุลของพลังงานเลย ราชากินจุที่ว่าเหล่านั้นความจริงคงทานแล้วอาเจียนออกมา ราชากินจุที่กลืนลงท้องไปจริง ๆมีคนไหนบ้างที่ไม่อ้วนเหมือนหมู เหมยเหมยไม่อยากให้ลูกรักตัวเองเป็นหมูน้อยในอนาคตหรอกนะ!

ตอนเด็กอ้วนหน่อยดูน่ารักแต่ตอนโตถ้ายังอ้วนก็ไม่ได้น่ารักน่าชังขนาดนั้นแล้ว!

“แอ๊…แอ๊…”

เจ้าตัวเล็กเหมือนเข้าใจความหมายของเหมยเหมยก็เริ่มประท้วง เหยียดแขนเหยียดขาไม่หยุดใช้แรงอย่างมาก

“ไว้เดี๋ยวค่อยดื่ม ดีไหม?” เหมยเหมยถามอย่างใจเย็น

“แอ๊…” ยายหนูอ้วนร้องดังกว่าเดิม สีหน้าจริงจังที่คำตอบชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย

“ถ้าดื่มอีกก็กลายเป็นเจ้าหมูน้อยแล้วนะ” เหมยเหมยเอือมระอาและลังเลใจสุดขีด

ไม่อยากให้ลูกรักทนหิวแต่ก็กลัวอ้วน เครียดจังเลย!

“ในเมื่อเด็กเขาหิวก็ให้ดื่มเถอะ ทนหิวน่าสงสารแย่เลย!” เหยียนซินหย่ากล่าว

“นั่นน่ะสิ ฉันจะไปชงนมให้เดี๋ยวนี้เลย”

คุณย่าหยางรีบวิ่งไปชงนม ไม่นานก็มาพร้อมกับนมเต็มขวด เจ้าตัวเล็กดวงตาเป็นประกายพลางโบกไม้โบกมือไม่หยุด ราวกับเจ้าหมูน้อยที่กำลังรออาหารจากเจ้าของก็ไม่ปาน

“อึกอึกอึก…”

เจ้าตัวเล็กกอดขวดนมเริ่มดื่มอีกครั้ง

เหมยเหมย “…”

ตกดึกเหยียนหมิงซุ่นกลับมาเหมยเหมยก็ได้ระบายความกังวลของเธอให้ฟัง

“อนาคตถ้ากลายเป็นยัยหนูอ้วน พี่ว่าจะทำอย่างไรดี?”

“ไม่เป็นไร อ้วนหน่อยก็อ้วนสิ อย่างมากก็ให้เธอไปเกณฑ์ทหาร”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เก็บมาคิดมากเลย ต่อให้คนที่อ้วนแค่ไหนถ้าได้ไปเกณฑ์ทหารก็สามารถฝึกฝนจนผอมได้ มีอะไรน่าเครียดกัน?

เหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ “พี่อย่ามาคิดวางแผนใส่ลูกสาวของฉันนะ ลูกสาวของฉันไม่มีทางเกณฑ์ทหารแน่”

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะปลูกฝังให้ลูกสาวเต้นรำวาดรูป เลี้ยงดูให้เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่ใครเห็นใครก็รัก

…………………….

ตอนที่ 2357 ราชากินจุหรือ

เหมยเหมยให้ป้าฟางอุ้มเด็กมา เธอเปิดผ้าอ้อมก็ไม่เห็นเจ้ากระเจี๊ยวน้อยตามคาด

“ผู้หญิงเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ “ใช่ ผู้หญิง”

เขารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากเป็นเด็กผู้ชายคงสืบทอดกิจการของเขากับเฮ่อเหลียนชิงได้ แต่เด็กผู้หญิง…

ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกความสามารถของผู้หญิงเพียงแต่เขาไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองลำบากเกินไป การอยู่ในตำแหน่งของเขา ภาระหน้าที่และความกดดันที่ต้องแบกรับไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับไหว

ในเมื่อเป็นผู้หญิงถ้าอย่างนั้นเขาจะพยายามสุดความสามารถให้ลูกสาวของเขาเติบโตอย่างไร้ความกดดัน ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเกินไป

ส่วนผู้สืบทอดตำแหน่งอย่างมากเขาก็แค่เรียนรู้จากเฮ่อเหลียนชิงโดยรับลูกบุญธรรมมาปั้นให้ดี

พอถูกอุ้มเจ้าตัวเล็กก็ตื่น ดวงตากลมโตหมุนไปมากวาดมองรอบข้างด้วยความแปลกใจ แล้วอ้าปากเคี้ยวแจ๊บ ๆ หลายที

“ว๊าย ลูกยิ้มให้ฉันละ…หนูน้อย ฉันเป็นแม่ของเธอนะ…”

เหมยเหมยยิ้มอย่างดีใจพลางยื่นมือไปจิ้มแก้มของเจ้าตัวเล็ก สัมผัสนุ่มเด้งให้ความรู้สึกดีมาก

เจ้าตัวเล็กเอียงศีรษะจ้องเหมยเหมยนิ่งและตั้งใจอย่างมาก ผ่านไปสักพักก็หัวเราะคิกคัก มืออวบโบกกลางอากาศไม่หยุดเพราะอยากยื่นมาลูบหน้าเหมยเหมย ฉลาดอย่างน่ามหัศจรรย์ใจ

“เหลนสาวของฉันฉลาดจัง แยกแยะคนได้แล้ว…” คุณย่าหยางภูมิใจเหลือเกินพร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก

“แอ๊…” เจ้าตัวเล็กไม่ดีใจอีกแล้ว ขมวดคิ้วแน่นอ้าปากกว้างจะร้องไห้

“ลูกหิวแล้ว ตอนนี้เธอน่าจะมีน้ำนมแล้ว ให้ลูกดูดนมหน่อย” คุณย่าหยางบอก

ป้าฟางหยิบเอาผ้าขนหนูอุ่นมาเช็ดเต้านมตูมของเหมยเหมยแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนเหมยเหมย เจ้าตัวเล็กอ้าปากกว้างตามสัญชาตญาณแล้วร้องแอ๊ ๆ ท่าทางตื่นเต้นราวกับได้กลิ่นหอมของน้ำนม

“นี่คือน้ำนมแรก สารอาหารมีประโยชน์ที่สุด” คุณย่าหยางมองเจ้าตัวเล็กด้วยใบหน้าใจดี

เหมยเหมยพยักหน้ารับ เธอก็เคยได้ยินคำว่าน้ำนมแรกมาก่อนและดีต่อเด็กจริง ๆ

เพียงแต่เหมยเหมยเพิ่งคลอดได้ไม่นานน้ำนมจึงมีไม่เพียงพอ เจ้าตัวเล็กดูดไปครู่เดียวก็หมดเสียก่อนเลยเบะปากอย่างไม่พอใจ เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นกว่าเดิม

“ชงนมผงอีกหน่อย เจ้าตัวเล็กยังไม่อิ่มท้องเลย!” คุณย่าหยางกล่าว

ทางป้าฟางชงนมเสร็จแล้วแถมยังเป็นน้ำนมครึ่งขวดปริมาณสองร้อยมิลลิลิตร อาจดูไม่มากแต่เด็กเป็นทารกเพิ่งคลอดก็ถือว่ามากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่เด็กเพิ่งดื่มน้ำนมแรกจากอกแม่ไปด้วยซ้ำ

“เด็กเจริญอาหารดีจัง เกือบหมดไปครึ่งขวดแล้ว” คุณย่าหยางเผยยิ้มกว้าง ไม่นานเธอก็นึกเรื่องสำคัญออกเลยพูดขึ้นว่า “ฉันจะกลับไปต้มซุปปลาไนเดี๋ยวนี้ ปลาไนช่วยเรียกน้ำนมแม่ เหมยเหมยทานเยอะ ๆนะ”

ป้าฟางห้ามเธอไว้ “เดี๋ยวฉันไปต้มเอง ท่านอยู่เป็นเพื่อนเหมยเหมยที่นี่แหละค่ะ”

น้ำซุปปลาไนที่รสชาติสดใหม่หอมกรุ่นไม่มีรสชาติเค็มเพราะไม่ได้ใส่เกลือเลยทำให้น้ำซุปมีรสชาติจืดจาง เพียงแต่เหมยเหมยหิวแล้ว ต่อให้ทานน้ำซุปไม่ใส่เกลือก็อร่อยไม่แพ้กัน

ผลลัพธ์ของน้ำซุปดีมาก วันที่สองน้ำนมของเหมยเหมยก็เพิ่มมากขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถเติมเต็มกระเพาะอาหารของลูกได้

“น้ำนมของหนูน้อยเกินไปหรือเปล่า? ทำไมลูกถึงทานไม่อิ่มล่ะ?” เหมยเหมยกังวลใจอย่างมาก

“ไม่น้อยแล้ว วัน ๆทานซุปเยอะขนาดนั้นน้ำนมไม่มีทางน้อยแน่นอน น่าจะเพราะเด็กเจริญอาหารดีเกินไป” คุณย่าหยางมองเด็กทารกที่ประคองขวดนมทานอย่างเอร็ดอร่อยอย่างนึกสงสัย

“หรือว่าลูกเป็นราชากินจุงั้นหรือ?” เหมยเหมยโพล่งถามออกมาพลางมองเด็กทารกอย่างไม่เชื่อสายตาและดูท่าจะกังวลมากขึ้นเป็นทวีคูณ

เธอไม่อยากให้ลูกสาวกลายเป็นราชากินจุเลยสักนิด!

………………………

ตอนที่ 2358 ราชากินจุ

แม้เหมยเหมยจะคลอดธรรมชาติแต่เพราะขนาดครรภ์ที่ใหญ่เกินไปทำให้เสียแรงไปไม่น้อย เหยียนหมิงซุ่นไม่วางใจจึงให้เธอนอนโรงพยาบาลเกือบครึ่งเดือน ดูแลอย่างดีจนหน้าใสผิวอมชมพูเปล่งปลั่งถึงยอมกลับมาอยู่บ้าน

คุณย่าหยางไม่วางใจทั้งอาลัยอาวรณ์เหลนสาวเลยย้ายมาอยู่ด้วยกัน คุณปู่เหยียนก็ด้วย พอไม่เจอเจ้าตัวเล็กวันเดียวก็รู้สึกใจวูบโหวง ทำอะไรก็ไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย

ต้องบอกเลยว่านังหนูตัวเล็กหน้าตาน่ารักจริง ๆ ผิวขาวเนียนและอ้วนกลมเหมือนลูกบอล แขนขามีแต่เนื้อเป็นปล้อง ๆเหมือนรากบัวเลย

นังหนูตัวเล็กดูแลง่ายมาก นอกจากเวลาหิวกับอุจจาระปัสสาวะถึงจะส่งเสียงไม่กี่ที ปกติไม่ต้องมีผู้ใหญ่คอยอุ้มคอยโอ๋แต่นอนดูดนิ้วอยู่บนเตียงคนเดียว ดวงตาดำขลับหมุนกลอกไปมาดูซุกซนเหลือเกิน

“คุณย่า ลูกหน้าตาเหมือนใครคะ? ทำไมหนูดูไม่ออกเลย” เหมยเหมยมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังดูดนมอยู่ตรงอกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของคุณแม่ แต่เธอดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าลูกหน้าตาเหมือนใคร

เพราะไม่เหมือนทั้งเธอและเหยียนหมิงซุ่น

“ออกมาพิมพ์เดียวกับเธอเลยไม่ใช่เหรอ ดูทรงหน้ากับปากเล็กกระจับนี้สิเหมือนเธอจะตาย” คุณย่าหยางยิ้มกล่าวแล้วหยิบเอาสำลีนุ่มมาซับเม็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เจ้าตัวเล็ก

ดื่มนมทุกครั้งก็จะเหงื่อแตกทุกครั้ง ไม่รู้ว่าต้องใช้แรงมากมายมหาศาลมากแค่ไหน

เหยียนซินหย่าเองก็อยู่ เธอรักหลานสาวมากไม่แพ้กันถึงขั้นลดปริมาณงานเพื่อจะได้มาเยี่ยมเยียนทุกวัน

“ดวงตาเหมือนหมิงซุ่นเป๊ะเลย ”เหยียนซินหย่ามีความเห็นที่ต่างออกไป

แวบแรกที่เธอเห็นเจ้าตัวเล็กก็ถูกสายตาดำขลับคู่นี้ดึงดูดเข้าแล้ว หลานเหมือนเหยียนหมิงซุ่นไม่มีผิด เพียงแต่ขนาดต่างกันเท่านั้นเอง

จากดวงตาคู่นี้ก็ดูออกว่าอนาคตนังหนูจะต้องเข้มแข็งและชาญฉลาดมากแน่ ๆ ทั้งทำให้เหยียนซินหย่าปลื้มใจแต่ก็กังวลหน่อย ๆ

ผู้หญิงเข้มแข็งก็ดีอยู่หรอกแต่กลัวแข็งเกินดัดยากแล้วจะลำบากเอาเนี่ยสิ!

แต่พอกาลเวลาผ่านไปเหยียนซินหย่าจะพบว่าตนนั้นได้กังวลเกินไป หลานสาวของเธอเหมือนเหล็กผสมโลหะที่ตัดไม่เข้าต้มไม่สลายกัดไม่ขาด แม้แต่ระเบิดปรมาณูยังทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

เหมยเหมยพิจารณาอยู่นานก็ดูไม่ออกว่าคล้ายตัวเอง ตอนเด็กเธออ้วนขนาดนี้เชียวหรือ?

ยังไม่ทันครบเดือนเลยเจ้าตัวเล็กก็น้ำหนักหกกิโลกรัมกว่าแล้ว อนาคตจะเป็นสาวอ้วนหรือเปล่า?

เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกอย่างไม่กล้าจินตนาการถึงภาพนั้น เธอควรควบคุมปริมาณอาหารให้ลูกสาวตั้งแต่ตอนนี้หรือเพิ่มการออกกำลังกายดีล่ะ?

“แอ๊…แอ๊…”

เจ้าตัวเล็กดื่มหมดทั้งสองข้าง มืออ้วนโบกไปมาและถีบขาไม่หยุดเพื่อสื่อถึงความไม่พอใจของเธอ

ป้าฟางเดาใจเจ้าตัวเล็กได้แต่เนิ่น ๆแล้ว “ป้าจะไปชงนมให้อีกขวดนะ”

ไม่นานนมผงชงก็มาถึงซึ่งมีปริมาณถึงสี่ร้อยมิลลิลิตร เจ้าตัวเล็กทำจมูกฟุดฟิดเพราะอาจได้กลิ่นที่คุ้นเคย จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจเหยียดแขนขาถีบไปมาไม่หยุด

การได้ทานของอร่อย ๆเจ้าตัวเล็กถึงจะพึงพอใจอย่างมาก สองมือประคองขวดนมทานอย่างเอร็ดอร่อยพลางส่งเสียงครางงึม ๆเป็นระยะ ๆบ่งบอกว่าเธอมีความสุขดีเพราะมีของอร่อย

ลูกสาวเป็นราชากินจุอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว น้ำนมของเธอไม่ได้น้อยเลยเพราะวัน ๆไม่ทานซุปปลาไนก็เป็นซุปไก่ขาหมู ปริมาณน้ำนมที่มีต่อให้เป็นลูกแฝดก็มากพอแล้วแต่เจ้าตัวเล็กคนนี้ดันไม่อิ่ม หลังดื่มนมแม่หมดทุกครั้งก็ต้องดื่มน้ำผงเสริมอีกขวดใหญ่

กระเพาะดูจะโตกว่าเด็กวัยเดียวกันสักหน่อย

“ทานเก่งขนาดนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?” เหมยเหมยขมวดคิ้ว ท่าทางกังวลเหลือเกิน

“กลัวอะไร ใช่ว่าบ้านเราจะเลี้ยงไม่ไหวสักหน่อย ทานเก่งแปลว่ามีวาสนา บ่งบอกว่าเหลนสาวของฉันมีบุญ!” คุณย่าหยางไม่ใส่ใจ

เจริญอาหารบ่งบอกว่าสุขภาพร่างกายดี แบบนี้ดีจะตายไป เด็กบ้านคนอื่นต้องคอยกังวลเรื่องไม่ยอมทานข้าวแต่บ้านของพวกเขาคงไม่มีความเป็นไปได้เรื่องนี้เลย

………………………

ตอนที่ 2355 สี่จุดสี่กิโลกรัม

“คลอดแล้ว…คุณหนูคลอดแล้ว…”

เหยียนหมิงซุ่นชะงักอยู่ที่เดิมยังไม่ได้สติอยู่นาน ป้าฟางกลับทำหน้ายินดีและร้องขึ้นอย่างดีใจ เหยียนหมิงซุ่นถึงได้สติขึ้นว่าลูกชายของเขาออกมาแล้วจึงรีบเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม

เจ้าเด็กนี่ทรมานแม่ของเขาให้ลำบากขนาดนี้ จะต้องซ้อมให้หนัก ๆสักหน่อย

หัวหน้าพยาบาลอุ้มเด็กทารกที่ห่อด้วยผ้าออกมายื่นให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วยิ้มกล่าว “ยินดีด้วย ได้ลูกสาว หนักสี่จุดสี่กิโลกรัม แข็งแรงมากเลย”

เธอทำคลอดมามากมาย เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเด็กทารกหน้าตาน่ารักและแข็งแรงขนาดนี้ แขนขามีเรี่ยวมีแรงเชียวละ!

เหยียนหมิงซุ่นตัวแข็งทื่อและมองข้ามคำว่าลูกสาวจากปากหัวหน้าพยาบาลไป มัวแต่สังเกตกับคำว่าหนักสี่จุดสี่กิโลกรัมก็นึกอยากตีก้นเจ้าตัวน้อยอย่างอดไม่ได้

ตัวโตขนาดนี้ มิน่าเหมยเหมยถึงได้คลอดลำบากนัก

“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ดีมาก แค่หมดแรงจนสลบไป”

พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นสีหน้าตึงเครียดเกร็งไปทั้งตัว หัวหน้าพยาบาลเลยพูดเสริมว่า “เป็นอาการปกติ ไม่มีปัญหาอะไร คุณลองอุ้มลูกสิ น่ารักมากเลยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นแค่ปรายตามองเจ้าตัวเล็กแวบหนึ่งอย่างคร้านจะยื่นมือไปรับแล้วเลือกเดินไปที่ห้องคลอด หากไม่เจอเหมยเหมยเขาวางใจไม่ลง

หัวหน้าพยาบาลยื่นมือรอเก้อ เด็กทารกตัวอวบในอ้อมแขนลืมตาโตและหมุนกลอกไปไม่หยุดคล้ายกำลังประเมินโลกที่แสนจะแปลกใหม่

“ฉันอุ้มเอง ขอบคุณนะ!”

ป้าฟางรับเด็กทารกไว้แล้วมองเธอด้วยสีหน้ารักใคร่ “แข็งแรงดีจัง ดูผมสิดำเงาเชียว ตัวขาวอวบอ้วน เนื้อแน่นด้วย…”

ลุงเหลาก็เขยิบเข้ามาหยอกเล่นกับเจ้าตัวเล็ก เมื่อครู่ทั้งคู่อยู่ห่างไปหน่อยเลยไม่ได้ยินที่หัวหน้าพยาบาลพูดชัดเจน พอเห็นเจ้าตัวเล็กทั้งตัวขาวทั้งอ้วนและเนื้อแน่นขนาดนี้ก็ปักใจเชื่อว่าเป็นลูกชายแน่นอน

“คุณรีบไปบอกข่าวดีให้คุณย่ากับคุณปู่สิ ลืมไปเลยเนี่ย” ป้าฟางเตือน

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ลุงเหลารีบไปรับคุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนทันที

เหมยเหมยหมดเรี่ยวแรง พอลูกเพิ่งคลอดออกมาก็สลบเหมือดไป ผมเปียกชุ่มจนแนบติดหน้าผาก สีหน้าซีดเซียวดูอ่อนแรงอย่างมาก เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแล้วตรวจชีพจรของเหมยเหมยทีหนึ่งถึงจะอ่อนไปหน่อยแต่ก็นับว่ามั่นคงทีเดียว เห็นทีคงเหนื่อยมากจริง ๆเลยค่อยสบายใจหน่อย

เขาจัดผมเผ้าให้เหมยเหมยแล้วจูบหน้าผากเธอทีหนึ่ง ถึงให้พยาบาลพาเหมยเหมยไปที่ห้องพักผู้ป่วย

“อุแว้…อุแว้…”

เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้ง หัวหน้าพยาบาลรีบพูดขึ้นว่า “เด็กทารกหิวแล้ว สามารถป้อนน้ำกลูโคสได้”

“เตรียมไว้หมดแล้ว ฉันจะชงน้ำหวานเดี๋ยวนี้”

ป้าฟางอุ้มเด็กทารกกลับห้องพักผู้ป่วยอย่างไวซึ่งเป็นห้องพักวีไอพีที่ทางโรงพยาบาลตระเตรียมไว้แต่แรก ดูดีราวกับห้องโรงแรม สภาพแวดล้อมดีมาก

เจ้าตัวเล็กหิวแล้วจริง ๆ ป้าฟางลองอุณหภูมิของน้ำกลูโคส หลังจากเห็นว่าอุณหภูมิพอดีถึงยัดจุกนมให้ เจ้าตัวเล็กยื่นมือออกมาด้วยสัญชาตญาณแล้วเริ่มใช้แรงดูดอย่างเอร็ดอร่อย มีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆผุดตามหน้าผาก ทุ่มแรงกับการดื่มเสียจริง ๆ!

“เหลนชายของฉัน…ดูขนาดตัวนี่สิ…ดูแรงที่ดื่มนมนี่สิ…แข็งแรงกว่าคราวพ่อของเธอเยอะเลย”

คุณย่าหยางเร่งเท้าพุ่งเข้ามาเหมือนโบยบิน เห็นเด็กทารกที่กำลังพยายามดื่มน้ำหวานก็ยิ้มจนหน้ายับ คอยระมัดระวังกลัวจะทำให้เจ้าตัวเล็กตกใจเอาได้

“คุณย่า ยังจำพนันของเราได้ไหม? ท่านแพ้แล้วนะ!” ป้าฟางยิ้มตาหยีเอ่ย

คุณย่าหยางโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ “จำได้ ๆ ผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งนั้น จะว่าไปแล้วก็แปลก ท้องเหมยเหมยกลมขนาดนี้ ตามปกติแล้วน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงสิ!”

………………………

ตอนที่ 2356 นกน้อยบินหนีไปแล้ว

ป้าฟางยิ้มกล่าว “ก็ไม่แน่หรอก เมื่อคราวที่ฉันคลอดเจ้าลูกชายของฉัน ท้องก็กลมดิกเลย คุณหนูชอบทานเปรี้ยวต้องเป็นลูกชายแน่ ๆ”

คุณย่าหยางยิ้มกว้าง “ไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวฉันก็ชอบทั้งนั้น เหมยเหมยยังสบายดีใช่ไหม?”

“ยังสบายดี แค่เหนื่อยไปหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นตอบ

คุณย่าหยางเดินไปลูบศีรษะเหมยเหมยอย่างสงสาร พลางเอ่ยต่อเหยียนหมิงซุ่นว่า “ผู้หญิงคลอดลูกทรมานมาก เหมือนผ่านนรกมาหนหนึ่ง จากนี้ไปหลานต้องดีกับเหมยเหมยยิ่งกว่าเดิมนะ”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ ไม่ต้องให้คุณย่าเตือนเขาก็จะดีกับเหมยเหมยอยู่แล้ว

อีกอย่างเหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจแน่วแน่ว่าไม่เอาลูกคนที่สองอีก เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

“อืม…”

เหมยเหมยครางเบา ๆทีหนึ่ง เปลือกตาขยับ เหยียนหมิงซุ่นรีบปรี่เข้าไปหาเพราะเหมยเหมยฟื้นแล้ว

“ลูกล่ะ?”

เหมยเหมยตื่นมาก็รีบสอดส่องหาทันที ป้าฟางอุ้มเด็กทารกไปแล้วยิ้มกล่าว “เด็กอยู่นี่ค่ะ เมื่อกี้เพิ่งดื่มน้ำหวานไปครึ่งขวด หลับไปแล้ว”

เจ้าตัวเล็กอิ่มท้องไม่นานก็หลับไป ขนตายาวราวกับใบพัด จมูกสูดหายใจเข้าออก พวงแก้มนุ่มนิ่มเห็นแล้วก็อยากกัดสักที

มองเพียงปราดเดียวเหมยเหมยก็ใจอ่อนยวบ นี่คือลูกของเธอ…เธอยินดีทุ่มทั้งชีวิตเพื่อปกป้องลูกน้อยของเธอ!

“ลูกชายหรือลูกสาวเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“ลูกชาย!” คุณย่าหยางกับป้าฟางตอบเป็นเสียงเดียวกัน

เหยียนหมิงซุ่นกลับชะงักสีหน้าดูสับสน

เหมือนมีอะไรที่ถูกเขามองข้ามไป!

เหมยเหมยยิ้ม “มิน่าถึงได้แรงเยอะขนาดนี้ อยู่ในท้องไม่เคยสงบเลย วัน ๆเอาแต่เตะต่อยไปมา”

“นั่นสิ ผู้ชายแรงเยอะ เจริญอาหารด้วย เมื่อกี้ก็ดื่มน้ำกลูโคสครึ่งขวดไปจนเกลี้ยงเลย!” ป้าฟางพูดยิ้ม ๆ

“อืม…อืม…”

เจ้าตัวเล็กบิดตัวไปมาหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าดูตึงเครียดที่รู้สึกไม่มีความสุขเท่าไร

“ลูกเป็นอะไร?” เหมยเหมยหมายจะหยัดตัวลุกด้วยความเป็นห่วงแต่คุณย่าหยางห้ามไว้ “ไม่เป็นไร ต้องฉี่แล้วแน่ ๆ ฉันจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้”

คุณย่าหยางเอาผ้าอ้อมสะอาดออกมาจากถุง ส่วนป้าฟางมือหนึ่งอุ้มเด็กทารกขึ้นมา ส่วนอีกมือหนึ่งก็ดึงเอาผ้าอ้อมชุ่มน้ำออกมาอย่างคล่องมือ

“ฉี่ได้เต็มที่จริง ๆ เปียกไปทั้งผืนเลย…เอ๊ะ…”

ป้าฟางเพิ่งพูดได้ครึ่งประโยคก็มองช่วงล่างของเด็กทารกด้วยสีหน้าตกใจและสายตาประหลาดใจ

คนที่ทำหน้าตกใจอีกคนยังมีคุณย่าหยางที่เกิดความเงียบขึ้นในชั่วขณะ เหมยเหมยชักจะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา “เป็นอะไรไป? ลูกเป็นอะไรไปเหรอ?”

“เปล่า ๆ ลูกสบายดี เพียงแต่…” ป้าฟางมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างลังเล

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมอยู่ ๆเด็กผู้ชายถึงกลายเป็นเด็กผู้หญิงได้ล่ะ?

นกน้อยบินหายไปแล้ว?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติเลยเดินมาดู แวบแรกก็นึกออกแล้วว่าเรื่องอะไรที่ถูกเขามองข้ามไป

“ผมจำได้แล้ว เมื่อกี้หัวหน้าพยาบาลบอกผมว่าเป็นลูกสาว ไม่ใช่ลูกชาย เป็นเด็กผู้หญิง” เหยียนหมิงซุ่นหันไปบอกกับเหมยเหมยอย่างรู้สึกผิด

เขามักจะใจเย็นฉลาดหลักแหลมและไม่เคยตื่นตระหนกตกใจอย่างวันนี้มาก่อน หากให้ลูกน้องรู้เข้าต้องโดนหัวเราะเยาะแน่

“เด็กผู้หญิงเหรอ? แล้วเมื่อกี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นเด็กผู้ชายล่ะ?” คุณย่าหยางสงสัย ป้าฟางมั่นอกมั่นใจนักหนาว่าเป็นผู้ชายจนเธอก็เชื่อไปสุดหัวใจแล้ว ไหงกลับกลายเป็นผู้หญิงไปได้

เปลี่ยนไวไปหน่อยหรือเปล่า?

แต่แน่นอนว่าเหลนสาวเธอก็ชอบมากเหมือนกัน

ป้าฟางถึงเพิ่งนึกได้ว่าเธอกับลุงเหลายังไม่เคยเปิดผ้าอ้อมดูสักแวบเดียวก็มั่นใจว่าเป็นเด็กผู้ชายแล้ว ในเมื่อหนักตั้งสี่จุดสี่กิโลกรัมนี่นา!

…………………

ตอนที่ 2353 เรื่องราวชาวบ้านถึงจะช่วยผ่อนคลายความเจ็บลงได้

ทุกคนต่างสะดุ้งตกใจเพราะเสียงกรีดร้องของเหมยเหมย ป้าฟางเป็นคนแรกที่ได้สติก่อนจึงเอ่ย “ใกล้จะคลอดแล้วหรือเปล่า…รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเลย!”

ป้าฟางใจเย็นอย่างมากและเริ่มรับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ “เหล่าเหลาไปขับรถ คุณชายหมิงอุ้มคุณหนูขึ้นรถ ฉันจะไปเตรียมของใช้จำเป็น ไม่เป็นไร คลอดลูกง่าย อึดใจเดียวก็ออกมาแล้ว”

นี่เป็นสิ่งที่เธอมักบอกเหมยเหมยประจำว่าเมื่อก่อนเธอคลอดลูกสองคนไวมาก ความเจ็บระลอกแรกเพิ่งเริ่มยังไม่ทันส่งถึงโรงพยาบาลดีลูกก็มุดออกมาเองระหว่างทาง พอไปถึงโรงพยาบาลแค่ตัดสายสะดือก็ไม่เป็นไรแล้ว

ลูกคนที่สองง่ายกว่าเดิมโดยไม่ไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เธอถือถังอาหารหมูถังใหญ่เพิ่งเดินไปถึงคอกหมูก็เกิดอาการแล้ว จากนั้นก็คลอดลูกชายที่คอกหมูแล้วตั้งชื่อเล่นลูกว่าเจ้าลูกหมู ไพเราะจะตาย

กล่าวโดยสรุปฟังจากปากของป้าฟางนั้นการคลอดลูกง่ายเหมือนทานข้าวดื่มน้ำ ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่ใคร ๆบอก เดิมทีเหมยเหมยยังกลัวอยู่บ้างแต่พอได้ฟังป้าฟางพูดเช่นนี้ก็ผ่อนคลายลงในฉับพลัน

ต่อให้สมรรถภาพร่างกายเธอจะแย่กว่าป้าฟางไปสักหน่อย หากป้าฟางเทียบเหมือนดื่มน้ำทานข้าวงั้นเธอก็ถือว่าแทะกระดูกซี่โครงแล้วกัน!

แต่–

“เจ็บจัง…ป้า…ไหนบอกว่าไม่เจ็บไง แต่ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้ล่ะ…” เหมยเหมยเจ็บจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เหงื่อหยดลงมาเป็นเม็ด ๆ

เหมือนมีบางอย่างกำลังขยายพองตัวในร่างกายเป็นระลอก ๆคล้ายอยากมุดออกมา อาการเจ็บปวดทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆจนหน้ามืดไปหมด

“ใกล้จะหายเจ็บแล้ว…ทนหน่อย ออกมาก็ไม่เจ็บแล้ว…” ป้าฟางปลอบเสียงอ่อนโยนขณะที่ภายในใจนั้นเต้นเร็วเหมือนรัวกลอง ดูท่าทางคุณหนูจะคลอดไม่ราบรื่นขนาดนั้นแล้วสิ!

“เมื่อไหร่จะออกมาเนี่ย…โอ๊ย…ป้า เมื่อกี้ป้าบอกว่ายายแก่ปีศาจยังอยู่เมืองหลวงนี่มันอย่างไรกันแน่…ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก…”

มาถึงขั้นนี้แล้วมีเพียงเรื่องราวชาวบ้านเท่านั้นถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บของเธอได้

อีกอย่างเธอเองก็สงสัยจริง ๆว่าทั้ง ๆที่ฉางชิงซงไปส่งยายแก่ปีศาจขึ้นรถไฟแล้วแท้ ๆแต่ทำไมถึงยังอยู่เมืองหลวงได้?

หรือว่าฉางชิงซงโกหกงั้นหรือ?

เพราะกำลังขบคิดบางอย่างอยู่จึงช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเหมยเหมยทำให้ไม่เจ็บเท่าเดิม เหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเรื่องคนอื่นมีผลดีเลยรีบส่งสายตาให้ป้าฟาง

ป้าฟางเข้าใจดีจึงกล่าวว่า “ป้าเห็นยายแก่ปีศาจตั้งหลายทีแล้ว ครั้งแรกเจอที่ตลาดสด แล้วยังเจอที่สวนสาธารณะตั้งหลายหน แต่ละครั้งก็อยู่กับตาแก่คนเดียวกันที่ดูจะสนิทสนมกันมากด้วย”

“ตาแก่ที่ว่า…คือพ่อสามีของฉีฉีเก๋อเหรอ?” เหมยเหมยสงสัย

“ไม่ใช่หรอก…ป้ารู้จักพ่อสามีของฉีฉีเก๋อนะ ตาแก่นั่นอายุมากกว่าพ่อสามีของฉีฉีเก๋อประมาณเจ็บกว่าปีได้ แถมยังแต่งตัวทันสมัยมากด้วย”

ความจริงป้าฟางมีอีกประโยคหนึ่งไม่ได้บอกไปว่าเธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าตาแก่นั่นไม่ใช่คนดีอะไร พฤติกรรมดูหยาบคายไม่ให้เกียรติใครเลย แต่ยายแก่ปีศาจนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรก็สมน้ำสมเนื้อกันดี

“ไม่ใช่สามีของเธอเหรอ? แล้วตาแก่นั่นกับยายแก่ปีศาจเป็นอะไรกัน? คงไม่ใช่…โอ๊ย…” เหมยเหมยเบิกตากว้างเพราะนึกถึงเรื่องที่ไม่เหมาะสมเข้า

ประโยคที่ว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ด้วยกันสองต่อสองไม่ได้เหมาะใช้แค่กับเหล่าวัยรุ่นเท่านั้น ตาแก่หรือยายแก่อายุมากสำส่อนยิ่งกว่านั้นอีก…โดยเฉพาะการแต่งตัวของยายแก่ปีศาจที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนสงบเสงี่ยมเท่าไร

หรือว่ายายแก่ปีศาจหาชู้รักในเมืองหลวงได้งั้นหรือ?

เหมยเหมยนึกอยากออกไปสืบให้รู้เรื่องรู้ราวแต่กลับปวดท้องอย่างรุนแรง เธอปวดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก เพราะยังไม่ถึงโรงพยาบาลเหยียนหมิงซุ่นจึงรีบถามลุงเหลาว่า “หมิงต๋ากับผู้หญิงคนนั้นเป็นไงมาไงกันแน่?”

โชคดีที่วันนี้มีเรื่องให้สอดรู้สอดเห็นถึงสองเรื่อง!

ลุงเหลารีบตอบกลับ “สองคนนี้เดินอยู่ด้วยกัน ดูเหมือนจะสนิทกันไม่น้อย…”

“ผู้หญิงคนนั้นคือโม่เฉี่ยวหลิง…ยายสุนัขจิ้งจอกหน้าไม่อายนั่น…” เหมยเหมยคำรามเสียงหอบ

…………………..

ตอนที่ 2354 คลอดแล้ว

ลุงเหลาไม่รู้จักโม่เฉี่ยวหลิง อีกทั้งเขายังถ่ายรูปจากมุมข้าง ป้าฟางกับเหยียนหมิงซุ่นยังดูไม่ออกในทีแรก แต่เพราะเหมยเหมยฝังใจเรื่องโม่เฉี่ยวหลิงถึงจำได้ตั้งแต่แวบแรก

“คือโม่เฉี่ยวหลิงนั่นแหละ เอารูปมาให้ฉันดูอีกหน่อย…”

เหมยเหมยหอบหายใจด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็อยากดูให้มั่นใจอีกทีว่าไม่ได้จำผิดคน

“เธออย่าตื่นเต้นไป รูปอยู่บ้าน รอคลอดแล้วค่อยดู” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบเธอด้วยสีหน้าประหม่า สติแทบแตกกระเจิงแล้ว

เมื่อครู่เขาแค่กวาดตามองผ่าน ๆโดยไม่ได้ใส่ใจนัก พอตอนนี้ถูกเหมยเหมยเตือนสติเข้ากลับนึกออกว่านั่นเป็นโม่เฉี่ยวหลิง เหยียนหมิงต๋ากับโม่เฉี่ยวหลิงคบกันได้อย่างไร?

แม้จะมีคำถามอยู่เต็มหัวแต่เหยียนหมิงซุ่นไม่มีกะจิตกะใจจะคิดมากไปกว่านั้น เพราะคลอดลูกสำคัญกว่า

“โอ๊ย…ปวดจัง…ฉันไม่คลอดแล้ว…” เหมยเหมยเจ็บจนเจียนตายและไม่สนใจเรื่องชาวบ้านอีก

ป้าฟางหลอกเธอ การคลอดลูกจะไม่เจ็บได้อย่างไร เธอเจ็บจะตายอยู่แล้ว!

“ใกล้แล้ว…ใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว…สูดหายใจเข้า…“

เหยียนหมิงซุ่นร้อนใจจนเหงื่อแตก ถ้ารู้แต่แรกว่าคลอดลูกเจ็บขนาดนี้ไม่มีดีกว่า

“รอคลอดออกมาแล้วฉันจะสั่งสอนให้ทีหนึ่ง เอาคืนให้เธอเอง!” เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจต่อลูกที่ไม่ยอมออกมาแต่โดยดีอย่างมาก อยู่สงบเสงี่ยมหน่อยไม่ได้หรือ?

“ห้ามตีลูกชายของฉัน…เดี๋ยวเตะนะ…”

เหมยเหมยกลั้นความเจ็บไว้แล้วถลึงตาใส่เขาอย่างแรง ผมเปียกเพราะเหงื่อชุ่มจนแนบไปกับหน้าผาก

“ไม่ตี…อย่าพูดเลยนะ…” เหยียนหมิงซุ่นโอ๋อย่างเอาใจ

น้ำอุ่นไหลออกมาจนเหมยเหมยร้องไห้ปล่อยโฮ “ฉันฉี่ใส่กางเกงแล้ว…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…ฮือฮือ…ฉันไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว…กลับไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านก่อน…”

ช่วงล่างเปียกชุ่มเนื้อผ้าแนบติดกับลำตัวจนเหมยเหมยอับอายแทบแย่ โตขนาดนี้แล้วยังฉี่ราดกางเกงอีก น่าอับอายเหลือเกิน!

ป้าฟางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ไม่ใช่ฉี่ราดกางเกงแต่เป็นน้ำคร่ำแตก บ่งบอกว่าลูกใกล้จะออกมาแล้ว…”

“ถึงโรงพยาบาลหรือยัง…ฉันไม่คลอดบนรถนะ…” เหมยเหมยกังวลใจอย่างที่สุด

“ถึงแล้ว…อย่าพูดนะ เก็บแรงเอาไว้ก่อน…”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ร้อนใจเช่นกัน ระยะทางที่ปกติไม่ไกลแต่ตอนนี้กลับเหมือนไกลนับหมื่นลี้ ทำอย่างไรก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที

“ถึงแล้ว ๆ…”

ลุงเหลาจอดรถใต้ตึก เหล่าคุณหมอพยาบาลออกมารอแต่เนิ่น ๆแล้ว จากนั้นก็ส่งเหมยเหมยเข้าไปในแผนกสูตินรีเวช

“คุณชายหมิงอย่าได้กังวลไป อาการของคุณนายดีมาก ปากมดลูกกว้างสามนิ้ว คลอดแบบธรรมชาติไม่ใช่ปัญหาเลย” หัวหน้าหมอสูตินรีเวชเป็นคนทำคลอดให้เหมยเหมยด้วยตัวเอง พอสำรวจอาการคร่าว ๆแล้วก็พอจะคาดการณ์ได้

“ถ้ามีอาการอะไรรีบผ่าตัดทันที ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เลือกผู้ใหญ่ไว้ก่อน ไม่จำเป็นต้องมาถามผม”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าจริงจังจนหัวหน้าหมอสูตินรีเวชได้แต่พยักหน้ารับเกร็ง ๆพลางคิดในใจว่ามิน่าถึงบอกกันว่าคุณชายหมิงเป็นพวกคลั่งภรรยา เป็นอย่างที่ว่ากันจริง ๆด้วย!

เหมยเหมยถูกเข็นเข้าห้องคลอดและไม่นานก็กรีดร้องเสียงจะเป็นจะตาย ร้องทีเหยียนหมิงซุ่นก็ใจกระตุกทีหนึ่ง สองมือกำหมัดแน่นแล้วเดินวนอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ตัว

……

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว

สองชั่วโมงผ่านไปแล้ว

……

สี่ชั่วโมงผ่านไปแล้ว

เสียงร้องของเหมยเหมยเบาลงเรื่อย ๆแต่ลูกยังไม่ออกมาสักที

“ทำไมยังไม่ออกมาอีกล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นเหงื่อออกท่วมตัวแต่ก็ไม่คิดจะเช็ดเหงื่อ

“ใกล้แล้ว…คลอดลูกไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอก…” ป้าฟางพูดปลอบ

“เมื่อก่อนป้าบอกว่าอึดใจเดียวก็ออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ” เหยียนหมิงซุ่นย้อนถาม

ป้าฟางสะอึกไปแล้วพูดเสียงอิดออด “ก็อยากช่วยผ่อนคลายอารมณ์ให้คุณหนูนี่นา…”

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ เดินไปทางห้องคลอดเตรียมให้คุณหมอผ่าท้อง…

“อุแว้…”

เสียงร้องไห้ดังก้องกังวานขึ้น

……………………….

ตอนที่ 2351 มีเขี้ยวเยอะจัง

เช้าวันรุ่งขึ้นก็คือวันส่งท้ายปีเก่า คุณย่าหยางตื่นมาวุ่นแต่เช้า คุณปู่เหยียนใช้ไม้เท้าเดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านสิบกว่ารอบและแทบจะเดินไปชะเง้อเฝ้ารอคอยบางอย่างทุก ๆสิบนาที

เกือบสองปีที่ไม่ได้เจอหลานชายคนเล็ก ทั้งคู่ต่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งนานแล้ว พวกเขาถึงขั้นคาดเดาว่าคงเกิดอุบัติเหตุกับเหยียนหมิงต๋าจนบาดเจ็บหนักสาหัสอะไรหรือเปล่า

ส่วนเรื่องสละชีวิต พวกเขาไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ

กลัวก็แต่เรื่องดีไม่เป็นจริงเรื่องร้ายดันเป็นจริงเสียมากกว่า

แต่พวกเขากลับกังวลใจเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่กลับบ้านเป็นเวลานาน แถมไม่มีการโทรหาแม้แต่สายเดียว

พวกเขาก็ไม่กล้าถาม เหยียนหมิงซุ่นบอกว่ากำลังทำภารกิจอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ทำภารกิจอยู่แล้วกัน!

ในที่สุดตอนนี้เหยียนหมิงต๋าก็กลับมาสักที ทั้งคู่พอจะโล่งอกอยู่บ้าง ใจที่เอาแต่พะว้าพะวงก็เบาลงแล้ว

“ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วทำไมหมิงต๋ายังไม่กลับมาอีก? หมิงซุ่น หลานไม่ได้จำผิดวันใช่ไหม? วันนี้เหรอ?” คุณย่าหยางอดถามไม่ได้

“อยู่ระหว่างทางแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งโทรไปถามทางโรงพยาบาลมา

“งั้นก็ดี ย่าจะได้ไปทำกับข้าว” คุณย่าหยางเดินเข้าห้องครัวไปอย่างมีความสุข

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มีเสียงเคลื่อนไหวตรงประตู คุณปู่เหยียนหลุดร้องขึ้นมาอย่างดีใจจนไม่ใช้ไม้เท้าอีกต่อไป รีบสาวเท้าโถมตัวเข้าหาเหยียนหมิงต๋าที่เพิ่งก้าวลงจากรถมา

“คุณปู่ ผมกลับมาแล้ว”

เหยียนหมิงต๋ารีบสาวเท้าเข้ามาประคองคุณปู่เหยียนไว้พร้อมขอบตาที่ร้อนผ่าว

“กลับ…กลับมา…ก็ดีแล้ว…”

คุณปู่เหยียนพูดไม่ชัดเท่าไรพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเป็นระยะ ๆพลางกวาดตามองประเมินหลานชายคนเล็กตรงหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์

แขนขายังอยู่ครบแถมยังขับรถได้ บ่งบอกว่าดวงตาหูไม่มีปัญหา สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี

“หมิงต๋ากลับมาแล้ว มาให้ย่ากอดหน่อย…โอ้ อ้วนขึ้นไม่น้อย ไม่เลว ๆ”

คุณย่าหยางวิ่งโผเข้ามากอดเหยียนหมิงต๋าไว้ ร่างกายผอมเล็กกอดกระชับร่างสูงใหญ่กำยำของเหยียนหมิงต๋าแน่น

เหยียนหมิงต๋าสูดจมูก แขนทั้งสองโอบกอดสองผู้เฒ่าคนละข้าง รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้กลิ่นอายอันคุ้นเคยจากตัวพวกเขา

เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ

กระทั่งตอนนี้เหยียนหมิงต๋าถึงมีความรู้สึกว่าเป็นความจริง ที่แท้เขาไม่ได้ฝันไปแต่ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ

เพราะการหวนกลับมาของเหยียนหมิงต๋าทำให้มื้ออาหารส่งท้ายปีเก่าของตระกูลเหยียนต้องเลื่อนมาทานตอนกลางวันที่อาหารอุดมสมบูรณ์วางเต็มโต๊ะ นอกจากของโปรดของเหมยเหมยส่วนมากก็เป็นของโปรดของเหยียนหมิงต๋าที่จัดวางอยู่เต็มโต๊ะ

“หมิงต๋ากลับมาแล้ว อีกครึ่งเดือนบ้านเราก็จะมีสมาชิกคนใหม่มาเพิ่ม สองเรื่องดี ๆเข้ามาพร้อมกันเลย ชนแก้ว!”

คุณย่าหยางยกแก้วขึ้นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มราวดอกไม้ผลิบาน

เหมยเหมยดื่มน้ำผลไม้ ทุกคนต่างชนแก้วกัน เสียงแก้วที่กระทบกันดังใสกังวานเต็มไปด้วยความสุข

ผู้ชายตระกูลเหยียนไม่ชอบดื่มเหล้า เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่เองก็ไม่ค่อยดื่มทุกคนจึงจิบกันเพียงเล็กน้อย มื้ออาหารใช้เวลาไม่นานแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น เหยียนหมิงซุ่นช่วยคุณย่าหยางเก็บครัว เหยียนหมิงต๋าเดินไปตรงหน้าเหมยเหมยแล้วล้วงสร้อยเส้นหนึ่งมาจากกระเป๋า

“นี่เป็นเขี้ยวหมีที่ฉันได้มาจากภูเขาสือว่าน ไว้สวมให้หลานฉันแล้วกัน”

ของขวัญที่เหยียนหมิงต๋าล้วงออกมาเป็นด้ายแดงที่มีเขี้ยวซี่หนึ่งขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ที่แท้ก็เขี้ยวหมีนี่เอง ล้ำค่าเหลือเกิน แต่–

เหมยเหมยชั่งใจ หรือว่าบนคอสวมสร้อยเขี้ยวหมาป่าแต่สองขาสวมกำไลข้างละเส้นหรือ?

“สวมบนมือ”

เหยียนหมิงซุ่นรับสร้อยเขี้ยวหมีมา

เหมยเหมยมองไปทางเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่แวบหนึ่ง

สามคนนี้ปรึกษากันมาก่อนหรือเปล่า?

ทำไมล้วนให้แต่เขี้ยวสัตว์ใหญ่กันทั้งนั้นเลยล่ะ?

แม้ของขวัญนี้จะล้ำค่ามาก แต่…มันก็เยอะไปแล้ว!

คุณย่าหยางเองก็มาร่วมวงอีกคน “ย่าก็ไปขอหยกกวนอิมมาให้เหลนเหมือนกัน พระอาจารย์ปลุกเสกมาแล้วด้วย ให้เหลนใส่จะได้สุขภาพร่างกายแข็งแรงปลอดภัยนะ”

เหมยเหมย “…”

…………………………….

ตอนที่ 2352 แรงกระตุ้นสองทาง

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วซึ่งไม่นานก็ล่วงเลยมาถึงวันที่แปดเดือนแรกตามปฏิทินจีน ตามถนนตรอกซอกซอยของเมืองหลวงเริ่มกลับมาคึกคักเช่นเคย หน่วยงานรัฐทั้งหลายก็เริ่มทำงานแล้วและบางบริษัทก็เริ่มทำงานแล้วเช่นกัน คนทำงานต่างจังหวัดเองก็ทยอยกลับเข้าเมืองมาทำงานเหมือนกัน

โม่ซิวหย่วนกับเซียวเซียงกลับมาแล้ว บริษัทของเขาก็เริ่มทำงานวันที่แปดเหมือนกัน

เหยียนหมิงต๋าก็กลับไปทำงานแล้วเห็นว่าทำงานอยู่บริษัทโม่ซิวหย่วนซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย สำหรับเขาถือว่าเป็นเรื่องคุ้นเคยดี

เพราะเหยียนหมิงต๋าต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลทุกเดือน หลังรออาการนิ่งถึงจะกลับเข้าทีมได้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้

เหยียนหมิงซุ่นจึงให้เขาไปทำงานบริษัทก่อนเป็นการฆ่าเวลา เหยียนหมิงต๋าเลือกไปฝ่ายรักษาความปลอดภัยเอง

“งานเป็นอย่างไรบ้าง? ปรับตัวได้ไหม?”

หลังเริ่มทำงานไม่กี่วันเหยียนหมิงซุ่นก็เริ่มถามถึงเรื่องการทำงาน

“พอไหว สบายกว่าตอนทำภารกิจเยอะเลย” เหยียนหมิงต๋าสภาวะร่างกายไม่เลว เขาฝึกฝนที่ภูเขาสือว่านอย่างหนักมาสองปี ทั้งยังผ่านจุดเปลี่ยนชีวิตรอดพ้นความตายมาได้จนเจ้าตัวบุคลิกเปลี่ยนไปดูนิ่งสุขุมขึ้นกว่าเดิม

“ปรับตัวได้ก็ดี ทำงานไปก่อนสักระยะ รอร่างกายของนายกลับมาเป็นปกติค่อยไปรายงานตัวที่หน่วยแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นตบบ่าเขาโดยไม่ได้บอกข่าวดีอีกอย่างให้เขารับรู้

เหยียนหมิงต๋าคาดหวังว่าจะได้เข้าทีมเสวี่ยอิงแต่เพราะเขาได้ก่อความผิดเอาไว้ อย่าว่าแต่ทีมเสวี่ยอิงเลย แม้แต่หน่วยกองทัพทั่วไปยังอยู่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาสร้างคุณงามความดีเอาไว้นายใหญ่จึงบอกเองว่าอนุญาตให้เขาเข้าทีมเสวี่ยอิงได้

ถือว่าสมใจเหยียนหมิงต๋าแล้วล่ะ

ถึงตอนนั้นค่อยเซอร์ไพรส์เขาแล้วกัน!

“นายก็สังเกตหญิงสาวในบริษัทให้มากหน่อย ถ้าเห็นคนไหนเหมาะสมก็ไปตามจีบซะ นายก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว”

เหตุที่เหยียนหมิงซุ่นเองจัดสรรให้เหยียนหมิงต๋าไปทำงานที่บริษัทเพราะเขาเองก็มีแผนในใจอยู่ ในค่ายทหารมีโอกาสได้เจอผู้หญิงน้อยแต่บริษัทนั้นต่างกันไป ที่นั่นมีพนักงานหญิงเยอะจนละลานตา ไม่แน่อาจมีคนที่เข้าตาเหยียนหมิงต๋าก็ได้

เขาไม่ได้รีบร้อนเรื่องคู่ชีวิตของน้องชายเท่าไรหรอกแต่คุณย่าหยางกลับร้อนใจแทบแย่ วัน ๆเอาแต่เร่งเร้าให้เขาช่วยหาคู่ครองให้น้องชาย ซึ่งวิธีนี้เหมยเหมยเป็นคนเสนอเอง

เหยียนหมิงต๋าหัวเราะเย้ยตัวเอง “ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ ตอนนี้สุขภาพของผมยังไม่คงที่ ไม่แน่อาจมีอาการเรื้อรังตามมาภายหลังก็ได้ อย่าเอาไปทำร้ายผู้หญิงที่บริสุทธิ์เลย”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เหยียนหมิงต๋าคงยังลืมอู่เยวี่ยไม่ได้ เจ้าน้องชายจอมบื้อของเขาทุ่มใจให้หล่อนมากเกินไป เกรงว่ายังคงถอนตัวไม่ได้ชั่วขณะ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนเทศกาลหยวนเซียวก็แล้ว วันกำหนดคลอดคือวันที่สิบแปดเดือนแรกตามปฏิทินจีน ขณะนี้เป็นวันที่สิบหกแล้ว แต่ท้องของเหมยเหมยกลับยังนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

“ทำไมยังไม่ออกมาอีก? คงไม่ได้เป็นอะไรไปหรอกนะ?” เหมยเหมยกังวลใจอย่างมาก

“วางใจได้ กำหนดคลอดช้าไปครึ่งเดือนก็ปกติ ไม่แน่ลูกชายเราอาจจะแค่นิสัยเชื่องช้าเหมือนเธอถึงไม่รีบร้อนออกมาก็ได้” เหยียนหมิงซุ่นบอก

“นิสัยเชื่องช้าแย่ตรงไหน เต่าก็เพราะเชื่องช้าถึงได้มีอายุยืนยาวขนาดนั้นไงล่ะ” เหมยเหมยแค่นเสียงที

“งั้นวันหน้าก็ตั้งชื่อเล่นให้ลูกชายว่าเต่า” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวหยอกเอิน

“ไม่เอา ตะพาบพันปีเต่าแปดหมื่นปี[1] มีอย่างพี่ที่ไหนเอาตั้งชื่อเล่นแบบนี้” เหมยเหมยถลึงตาใส่ จู่ ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเธอจึงไม่ได้สนใจเหยียนหมิงซุ่นอีกแต่เลือกกดรับสายซึ่งฉีฉีเก๋อเป็นคนโทรมา

……

“ยังไงซะเธอต้องยืนกรานให้ถึงที่สุด จะให้ยายแก่ปีศาจย้ายเข้ามาอีกไม่ได้เด็ดขาด” เหมยเหมยพูดเสียงหนักแน่น

ป้าฟางที่ยืนอยู่ข้าง ๆทำหน้าแปลก ๆทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด พอเหมยเหมยวางสายไปเธอก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คุณหนู ยายแก่ปีศาจนั่นยังอยู่เมืองหลวง เธอไม่ได้กลับบ้านเกิด”

“พรวด”

เหมยเหมยเพิ่งดื่มน้ำเข้าไปก็พ่นออกมา เธอรู้สึกปวดท้องนิด ๆแต่เธอไม่ได้สนใจ

กำลังจะถามที่มาที่ไปของเรื่อง แต่ลุงเหลาที่ออกไปซื้อผักกลับถึงบ้านพอเข้าประตูมาก็เอ่ยว่า “หมิงต๋าหาคู่ได้แล้วใช่ไหม เมื่อกี้ผมเห็นเขาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง ผมถ่ายรูปมาให้ด้วย ดูสิ”

เหมยเหมยถูกดึงดูดความสนใจมาจนหมดและรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องอีกครั้ง เธอสูดปากทีหนึ่งแต่เพราะความอยากรู้เรื่องคนอื่นมีมากกว่าอาการปวดท้องจึงชะเง้อไปดูรูปถ่ายที่ลุงเหลาใช้กล้องโพลารอยด์ถ่ายเอาไว้

เหยียนหมิงต๋ากับหญิงสาวตัวสูงเพรียวเดินอยู่ด้วยกัน แต่หญิงสาวคนนี้เหมือนหลังโก่งอยู่นิด ๆคล้ายสุขภาพไม่ค่อยดี ลุงเหลาถ่ายมุมข้างของใบหน้ามา เหมยเหมยจ้องอยู่ครู่หนึ่งลูกตาก็แทบหลุดออกมาอยู่รอมร่อ

นี่มันโม่เฉี่ยวหลิงไม่ใช่หรือ?

ทำไมเธอถึงคบกับเหยียนหมิงต๋าได้ล่ะ?

“โอ๊ย…ฉันปวดท้อง…” เหมยเหมยกำลังจะพูดแต่เกิดอาการเจ็บแปลบที่ท้องอย่างรุนแรงขึ้นมาเลยเผลหลุดร้องเสียงดัง

………………….

[1] ตะพาบน้ำพันปีเต่าแปดหมื่นปี เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความยืนยาว สุภาษิตนี้จึงใช้แทนคนที่อยู่มานานเลยมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้น มีความหมายทางลบมากกว่าบวก

ตอนที่ 2349 ผู้หญิงขี้อ้อนชีวิตดีที่สุด

เหมยเหมยเองก็หัวเราะด้วยคน “อู่เชาเหมาะกับงานด้านนี้มาแต่เกิดแค่รูปลักษณ์แย่ไปหน่อยเท่านั้น ไม่งั้นคงเดบิวต์เป็นดาราได้แล้ว”

บางทีอาจจะเพราะการปรากฏตัวของเธอเลยทำให้สยงมู่มู่กับอู่เชาเริ่มทำงานก่อนเวลาหลายปี ในเวลานี้ของชาติที่แล้วอู่เชายังเป็นเพียงหนุ่มวัยรุ่นเจ้าบทเจ้ากลอนที่ยังสับสนกับชีวิตอยู่ สยงมู่มู่ได้ก่อตั้งวงดนตรีที่มหาวิทยาลัยและเริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางด้านดนตรีของเขาแล้ว

ไม่เหมือนตอนนี้ที่อู่เชาได้ออกหนังสือกว่าสิบเล่มและเริ่มย่างก้าวสู่วงการบันเทิงกลายเป็นพิธีกรที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง

ส่วนสยงมู่มู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ปล่อยอัลบั้มเพลงแล้วเพลงเล่าและจัดคอนเสิร์ตครั้งแล้วครั้งเล่าดังเป็นพลุแตกดั่งดวงตะวันค้างฟ้า

เหมยเหมยรู้สึกภูมิใจหน่อย ๆเพราะการกลับชาติมาเกิดใหม่ของเธอถึงทำให้สองคนนี้ได้แสดงความสามารถสุดทึ่งก่อนเวลา

“พวกนายต้องขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่ฉัน ตอนนี้นายกับอู่เชายังไม่รู้ไปหมุดตัวอยู่ไหนเลยด้วยซ้ำ!” เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างเย่อหยิ่ง

“แน่นอนสิ เธอเป็นแม่พระมาโปรดของเราเชียว มีความดีความชอบใหญ่หลวงเลยละ” สยงมู่มู่พูดชมจากใจจริง พอนึกถึงอดีตทีไรก็สลดใจทุกที

แม้เขาจะชื่นชอบดนตรีแต่ถ้าไม่ได้กำลังใจจากเหมยเหมยเขาคงไม่มีทางเริ่มตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบนี้หรอก บางทีอาจจะเริ่มหลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยละมั้ง?

บางทีอาจจะนานกว่านี้อีกหน่อย!

อู่เชาก็ด้วยเช่นกัน

บางทีสิ่งที่ขาดหายไปก็คือก้าวเล็ก ๆนั่นไม่ใช่หรือ?

เขารู้สึกขอบคุณเหมยเหมยมากจริง ๆ เพื่อนที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็คือเหมยเหมย และเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไปของเขา

“อยากดังก็ต้องรีบหน่อย จางอ้ายหลิงพูดไว้ไม่มีผิด แบบนี้เราจะได้เกษียณไวกว่าคนอื่นสักสิบปีได้”

สิ่งที่เหมยเหมยตกตะกอนจากคำพูดประโยคนี้ของจางอ้ายหลิงก็คือรีบทำตามความฝันให้ได้อิสระทางการเงินและเวลาอย่างรวดเร็ว เช่นนี้จะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อชีวิตทั้งที่อายุมากแล้ว

“ใช่ ๆ…โอ้โห ถึงตอนนี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าที่แท้ในบรรดากลุ่มเราคนที่ฉลาดมากที่สุดก็คือเหมยเหมยนี่เอง!” สยงมู่มู่เหมือนค้นพบเรื่องใหญ่โตจึงตะโกนออกมาเสียงดังเกินจริง

เซียวเซ่อพยักหน้ารับ “ฉลาดแต่ดูโง่ไปหน่อย!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเขาสองคนแวบหนึ่งพลางหันไปมองเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งตัวหนึ่งใส่ปากเธอก่อนจะพูดปลอบเสียงเรียบ “พวกเขากำลังอิจฉาเธอ”

“นั่นสิ ตอนนี้ฉันเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตนะ มีสามีมีลูก พวกเขาสองคนยังโสดอยู่ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว เราไม่ถือสาพวกเขาแล้วกัน พี่ ฉันจะทานปู…”

ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยลากเสียงยาวหวานหยดย้อยจนคนฟังตัวอ่อนระทวย

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อตัวสะท้านกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วเบะปากอย่างรังเกียจก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต่อ

“ปูเป็นอาหารฤทธิ์เย็น เธอทานไม่ได้ เด็กดีนะ…ทนอีกหน่อย เราทานกุ้งกัน”

เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธคำขาด คนท้องทานอาหารฤทธิ์เย็นไม่ได้ซึ่งเขาได้ท่องจำข้อต้องห้ามพวกนี้จนขึ้นใจแล้ว

“อืม…งั้นพี่ก็ทานไม่ได้…”

เหมยเหมยเองก็แค่ออดอ้อนเท่านั้นและแน่นอนว่าเธอก็หิวเช่นกัน เมื่อก่อนบนโต๊ะอาหารที่บ้านไม่มีวันปรากฏอาหารที่เธอทานไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นจะทานอาหารสำหรับคนตั้งครรภ์ไปพร้อมกับเธอซึ่งถ้าไม่เห็นก็ย่อมไม่อยากอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้กลับวางอยู่ตรงหน้าเธอเหมยเหมยจึงทนไม่ไหว รู้ดีว่าทานไม่ได้แต่ก็อดออดอ้อนไม่ได้ เช่นนี้เธอถึงจะรู้สึกสบายใจสักหน่อย

“ไม่ทาน…ห้ามใครทานทั้งนั้น”

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือดึงจานปูตรงหน้าสยงมู่มู่มาแล้วให้ป้าฟางยกออกไป

สยงมู่มู่ ‘…ให้ตาย…เขาไม่ได้ท้องสักหน่อย!’

แต่เขาไม่มีความกล้าขัดขืนจึงได้แต่ก้มหน้าทานปลาแล้วตวัดตามองเหมยเหมยเป็นพัก ๆ

ยิ่งโตก็ยิ่งงี่เง่า ทำไมเมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าเหยียนหมิงซุ่นมีรสนิยมแบบนี้นะ?

……………………..

ตอนที่ 2350 เปลี่ยนแปลงยีน

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อพวกเขาสองคนทานจนอิ่มท้อง พอรู้สึกหนำใจแล้วก็เตรียมขอตัวกลับ

“สยงมู่มู่นายไม่กลับบ้านเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย

จ้าวอิงหนานกับสยงฉูฉู่ต่างอาศัยอยู่เมืองทะเล นับตั้งแต่คุณย่าจากไปจ้าวอิงหนานก็กลับเมืองหลวงน้อยครั้งมาก ต่อให้มาก็มาค้างไม่กี่วันเพื่อเยี่ยมเยียนคุณปู่ ส่วนเวลาอื่นก็ไปท่องโลกกับสยงฉูฉู่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายสำราญใจ

“ไปทำบ้าอะไร พ่อแม่ฉันไปที่อื่นตั้งนานแล้ว ฉันกลับไปก็ตัวคนเดียวอยู่ดี” สยงมู่มู่บ่นอย่างไม่พอใจ

คนอื่นมีแต่รำคาญที่พ่อแม่เข้มงวดเกินไปจนไม่มีอิสระในชีวิต แต่พ่อแม่ของเขาไม่สนใจชีวิตเขาเลยสักนิด

เขาชักสงสัยจริง ๆแล้วว่าระหว่างพ่อแม่นั้นเป็นรักแท้ แต่การปรากฏตัวของเขาเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้นหรือเปล่า

แม้บางทีจะรู้สึกสลดใจบ้างแต่พอเห็นเพื่อนบางคนถูกพ่อแม่คุมเหมือนนักโทษเขาก็รู้สึกโชคดีเหลือเกิน พ่อแม่ของเขาเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

“พรุ่งนี้ก็คืนส่งท้ายปีเก่าแล้ว พวกเธอจะฉลองอย่างไร?” เหมยเหมยถามอีก

เซียวเซ่อตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ควร ใช้ชีวิตยังไงก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างนั้น”

สยงมู่มู่เอ่ยเสริม “นั่นสิ ก็แค่คืนส่งท้ายปีเก่านี่นา ฉันฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าคนเดียวมาตั้งกี่ปีแล้ว?”

หลังจากเขาไปเรียนต่อต่างประเทศก็ฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าคนเดียวมาโดยตลอด ประเด็นเพราะคนต่างชาติไม่ฉลองคืนส่งท้ายปีเก่ากัน เขาก็คร้านจะฉลองไปด้วย

“งั้นพรุ่งนี้พวกนายมาทานข้าวที่บ้านฉันสิ ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกนายต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแหง เพราะร้านอาหารส่วนมากก็ปิดร้านกันหมด”

เหมยเหมยตัดสินใจแทนพวกเขา สองคนนี้ทำอาหารไม่เป็นซึ่งปกติก็เรียกแต่อาหารเดลิเวอรี่ หากเป็นช่วงเวลาปกติก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปีใหม่ร้านอาหารแทบทุกร้านก็ปิดกันหมด ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ ทานได้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นแหละ

“ได้!”

พวกเขาตอบรับอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง เซียวเซ่อถลึงตาใส่สยงมู่มู่อย่างรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปอย่างเท่ ๆ “ไปละ!”

สยงมู่มู่รีบตามไปแล้วหันมาโบกมือให้เหมยเหมยอีกครั้ง “พรุ่งนี้ฉันยังเอาเมนูอย่างวันนี้เหมือนเดิมนะ ปูนั่นก็ไม่ต้องเอาแล้วนะ!”

อย่างไรเสียเอามาเขาก็ไม่ได้ทานอยู่ดี

เหมยเหมยส่ายหน้า สองคนนี้มันคู่กัดกันโดยแท้เลย

“หมิงต๋าจะกลับมาฉลองปีใหม่กับเราพรุ่งนี้”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยต่อคุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียน ทั้งคู่นิ่งชะงักไปก่อนจะหัวเราะเสียงดัง คุณย่าหยางวุ่นจนมือเป็นระวิงบอกว่าจะเตรียมอาหารอร่อย ๆไว้ให้เหยียนหมิงต๋า

“เหยียนหมิงต๋าตรวจร่างกายปกติดีไหม?” เหมยเหมยแอบถาม

“ตอนนี้ทุกอย่างปกติ แต่หนึ่งเดือนหลังจากนี้ยังต้องไปตรวจอีกที”

เหยียนหมิงซุ่นก็ดีใจมากเช่นกัน เหยียนหมิงต๋าสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากซึ่งค่าดัชนีบางตัวสูงกว่าเมื่อก่อนอีกต่างหาก สมรรถภาพร่างกายบอกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบ ฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจึงแปลกใจเหลือเกินจึงเตรียมทำการตรวจสอบอีกขั้น

ดังนั้นวันนี้เหยียนหมิงต๋าเลยไม่ได้กลับมาพร้อมเขาเพราะยังตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอยู่ที่โรงพยาบาล

แต่เท่าที่ดูตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งนับว่าเป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ดีที่สุด

สิ่งเหล่านี้เขาไม่ได้ปิดบังเหมยเหมย

“พี่ว่าจะเป็นเพราะรังสีเปลี่ยนแปลงยีนบางอย่างในร่างกายเหยียนหมิงต๋าเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่มีพืชบางชนิดก็เติบโตได้ดีและมีขนาดใหญ่มาก ได้ข่าวว่าเป็นเพราะกัมมันตภาพรังสีนะ” เหมยเหมยสงสัยอย่างมาก

อย่างเช่นเมล็ดพันธุ์พืชบางชนิดที่ถูกพาไปตะลอนนอกอวกาศหนหนึ่งกลับมาก็มีผลผลิตขนาดใหญ่เพราะแรงจากสนามแม่เหล็ก ความจริงกัมมันตภาพรังสีก็เป็นผลพวงจากสนามแม่เหล็ก คิด ๆดูแล้วคงสามารถเปลี่ยนแปลงยีนในร่างกายมนุษย์ได้

เหยียนหมิงซุ่นเงียบไปอึดใจก็พยักหน้า “มีความเป็นไปได้ คอยสังเกตไปตามสถานการณ์แล้วกัน หวังว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี”

วันเวลาได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เหมยเหมยคาดเดาถูกต้อง ยีนในร่างกายของเหยียนหมิงต๋าเปลี่ยนแปลงไปจริง ๆซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่สรุปก็ยังมีผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่งถือว่าเป็นบุญมากแล้ว!

……………………

ตอนที่ 2347 กลับชาติมาเกิดหรือผีเข้าสิง

“ฉันเจอเฮ่อเหลียนเช่อกับลูกชายของเขาที่ฮ่องกง เจ้าตัวเล็กนั่นวานฉันเอามาให้เธอ”

เซียวเซ่อหยิบเอาโปสการ์ดปึกหนึ่งจากกระเป๋ายื่นให้เหมยเหมย

เหมยเหมยทำหน้าดีใจ “ที่แท้พวกเสี่ยวเป่าถึงฮ่องกงแล้วเหรอ มิน่าถึงไม่ติดต่อฉันมาหลายวันแล้ว โอ้ย…โปสการ์ดพวกนี้สวยจริง ๆ…”

หลายเดือนมานี้เฮ่อเหลียนเช่อพาเสี่ยวเป่าเดินทางไปทั่วประเทศ เสี่ยวเป่าจะส่งโปสการ์ดมาให้เธอหนึ่งใบเป็นระยะ ๆหรือบางทีก็จะโทรหา พอได้ยินเสียงน่ารักของเสี่ยวเป่าเหมยเหมยก็มีความสุขไปได้หลายวันเลย

แต่เธอไม่ได้รับโทรศัพท์เสี่ยวเป่ามากว่าครึ่งเดือนแล้วและไม่ได้รับโปสการ์ดเช่นกัน กำลังกังวลอยู่เลยไม่คิดว่าเซียวเซ่อจะเอาข่าวดีมาด้วย

โปสการ์ดมีสิบกว่าใบ เสี่ยวเป่าจะส่งโปสการ์ดมาให้จากทุกที่ที่ไป เพียงแต่เจ้าตัวเล็กยังเขียนตัวหนังสือไม่เป็นจำต้องวานเฮ่อเหลียนเช่อช่วยเขียนที่อยู่ให้เขา

เห็นทีเฮ่อเหลียนเช่อคงเตรียมจะไปตามหาเหมยซูหานที่ต่างประเทศแล้ว เหมยเหมยถอนหายใจเบา ๆเฮือกหนึ่ง

สยงมู่มู่ถาม “เจ้าตัวเล็กหน้าตาน่ารักนั่นลูกอู่เยวี่ยเหรอ?”

“ใช่ เขาคือเสี่ยวเป่า ฉลาดมาก น่ารักมาก เป็นคนจิตใจดีมาก…” เหมยเหมยเอ่ยชมสุดฤทธิ์ ใครก็ดูออกถึงความชอบที่เธอมีต่อเสี่ยวเป่า

สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อสบตากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่คิดเลยว่าเหมยเหมยจะใส่ใจกับลูกชายของอู่เยวี่ยขนาดนี้

“แล้วเฮ่อเหลียนเช่อจะพาเด็กตัวเล็กขนาดนั้นเตร็ดเตร่ไปทั่วทำไม?” เซียวเซ่อถาม

“เขาบอกว่าจะไปตามหาเหมยซูหาน”

สยงมู่มู่สีหน้าเปลี่ยนไปแล้วถามด้วยความแปลกใจ “เหมยซูหานตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาจะไปตามหาผีที่ไหน?”

แม้เขาจะไม่อยู่ในประเทศแต่ก็ติดต่อกับเหมยเหมยประจำเลยพอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง

สำหรับการตายของเหมยซูหานสยงมู่มู่ก็ค่อนข้างเสียใจอยู่บ้าง เขาไม่ได้รู้สึกสะใจเหมือนคราวที่อู่เยวี่ยตาย

“เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าเหมยซูหานยังอยู่บนโลกใบนี้” ความจริงเหมยเหมยไม่ได้สงสัยคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อ

อย่างเธอก็ฟื้นจากการตายไม่ใช่หรือ?

สิ่งสำคัญที่สุดคือเหมยซูหานยังมีความทรงจำในอดีตชาติ ฉะนั้นเธอถึงคิดว่าความเป็นไปได้ที่เหมยซูหานจะฟื้นคืนชีพนั้นสูงมากเช่นกัน

ไม่แน่อาจจะฟื้นคืนชีพเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้นะ ครั้งนี้เหมยซูหานจะได้สมหวังสักที!

ก่อนเหมยซูหานตายสิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดคือเขาไม่สามารถยืนเคียงข้างเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผย

สยงมู่มู่หัวเราะอย่างเกินจริง “เฮ่อเหลียนเช่อเสียใจจนเสียสติไปแล้วหรือเปล่า เหมยซูหานถูกเผาจนเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้ว แล้วจะยังอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร!”

เซียวเซ่อส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย “ก็ไม่แน่ นักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าวิญญาณของมนุษย์ยังมีอยู่ ฉะนั้นวิญญาณของเหมยซูหานอาจจะยังล่องลอยอยู่บนโลกมนุษย์ หรือบางทีอาจจะสิงใครอีกคน เหตุการณ์แบบนี้ปกติก็เรียกกันว่าผีเข้าสิง”

สยงมู่มู่เป็นคนที่ยืนหยัดในทฤษฎีวัตถุนิยมจึงไม่เชื่อการมีอยู่ของภูตผีวิญญาณ แต่เพราะเซียวเซ่อเคยผ่านเรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับวิญญาณกับตัวมาหลายครั้ง ฉะนั้นเธอจึงไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะคิดไปเองเสียทีเดียว

เธอคิด ๆแล้วก็พูดเสริม “ความจริงก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง กลับชาติมาเกิด…”

เหมยเหมยพยักหน้าแรง ๆ “ใช่”

ตลอดหลายปีมานี้เธอก็ตามค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาไม่น้อยเลยรู้สึกเหมือนคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของเธอมาก

เซียวเซ่อไม่คิดว่าเหมยเหมยจะศึกษาเรื่องพวกนี้เช่นกันพลันก็เริ่มสนอกสนใจขึ้นมา กำลังคิดจะถกประเด็นกับเหมยเหมยสักหน่อยให้หนำใจแต่โทรศัพท์ดังขัดขึ้นก่อน

เซียวเซ่อคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่กี่วินาทีตั้งแต่ต้นจนวางสาย “ไม่ตายก็ดี นอกจากค่ารักษาห้ามจ่ายเกินแม้แต่หยวนเดียวนะ”

“ใครเข้าโรงพยาบาลเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความฉงน

“เมื่อกี้ระหว่างทางชนหมาตัวเมียเข้าน่ะ” เซียวเซ่อพูดเสียงเรียบนิ่ง

“อุ๊บ”

สยงมู่มู่ “…”

เหยียนหมิงซุ่น “…”

…………………………

ตอนที่ 2348 เรื่องช่วยชีวิตเป็นอย่างไรกันแน่

เหมยเหมยหลงคิดว่าเซียวเซ่อขับรถชนสุนัขตัวเมียเข้าจริง ๆเลยพูดอย่างไม่พอใจว่า “คนเลี้ยงหมาบางคนน่ารำคาญจริง ๆ ไม่ยอมล่ามหมาไว้ปล่อยให้มาขับถ่ายไปทั่ว แค่นี้ยังพอทน สิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือบางคนแค่นึกอยากเลี้ยงด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เลี้ยงไปไม่กี่วันก็หมดความอดทนแล้วทิ้งไปง่าย ๆจนหมาจรจัดมีอยู่เต็มถนน พอฤดูร้อนก็มักจะเกิดเหตุการณ์หมาจรจัดกัดคนอยู่บ่อยครั้ง จะหาคนรับผิดชอบก็ไม่ได้”

อากาศร้อนคนก็โมโหฉุนเฉียวง่าย สุนัขก็เช่นกัน

คนในเมืองหลวงเลี้ยงสุนัขกันมากขึ้นเรื่อย ๆ สุนัขจรจัดก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามจนเกิดเหตุการณ์กระโจนทำร้ายคนมีมานับไม่ถ้วน ช่วงฤดูร้อนป้าฟางก็เคยเล่าให้เธอฟังอยู่หลายเรื่อง

สิ่งที่น่าปวดใจที่สุดคือเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้แปดเดือนนอนอยู่ในรถเข็นเด็กแล้วถูกสุนัขจรจัดตัวใหญ่คาบไป สภาพเละอนาถน่าสยดสยองมาก

ได้ข่าวว่าเด็กทารกที่น่าสงสารคนนี้ไม่สามารถรักษาหน้าตาให้หายดีเหมือนเดิมได้ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นแต่กลับได้รับเรื่องสะเทือนใจแบบนี้ แล้วเป็นความผิดใครกัน?

สุนัขมีความผิดก็จริง

แต่เธอคิดว่าคนที่ผิดมากที่สุดคือกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขที่ทอดทิ้งมัน ตอนเลี้ยงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแต่ตอนทอดทิ้งดันไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ

เหมยเหมยเล่าเรื่องสุนัขจรจัดให้ฟัง สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อก็โมโหไม่แพ้กัน

“ทางที่ดีรอวันไหนพวกเขาโดนหมากัดสักทีถึงจะสะใจ” สยงมู่มู่มือกำก้ามปูพร้อมด่าด้วยความสีหน้าขึงขัง แล้วยังต่อยอากาศไปหลายที ก้ามปูที่มีเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อยก็กระเด็นใส่หน้าคุณหนูใหญ่เซียวข้าง ๆเขา

เนื้อกระเด็นไปติดใบหน้าเซียวเซ่อ ทั้งยังมีหมูตุ๋นน้ำแดงมันเยิ้มอีกชิ้นลอยเข้าปากเธอ

“รนหาที่ตาย…”

เซียวเซ่อบันดาลโทสะพลางยกขาเตะไปที

“พลั่ก”

สยงมู่มู่ไม่ทันตั้งตัวเลยล้มตัวหงายหลังไปพร้อมเก้าอี้จนก้นจ้ำเบ้าเข้าอย่างจัง อีกทั้งเก้าอี้บ้านเหมยเหมยยังทำจากไม้แดงทนทานแข็งแรงอีกต่างหาก พอก้นกระแทกเข้าจึงเจ็บยิ่งกว่าโดนเตะที่เป้าด้วยซ้ำ!

“ยัยทอมเธอเป็นบ้าอะไรฮะ…โอ๊ย…”

สยงมู่มู่ทั้งเจ็บทั้งโมโห เขาลุกอยู่นานก็ลุกไม่ขึ้น เหยียนหมิงซุ่นทนดูต่อไม่ไหวเลยยื่นขาไปเกี่ยวตัวเขาขึ้นมา

“คราวหลังถ้าของกินบินเข้าปากฉันอีก ฉันจะตัดมือนายทิ้งซะ” เซียวเซ่อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย…ทำไมถึงได้ใจแคบขนาดนี้ พวกไม่สำนึกบุญคุณ…หึ!”

ภายใต้สายตาเย็นชาของเซียวทำให้เซ่อสยงมู่มู่พูดเสียงเบาลงเรื่อย ๆ …สุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงงึมงำจนไม่มีเสียงอะไรอีก แล้วนั่งลงแทะก้ามปูต่อแต่โดยดี

“แกร๊ก ๆ…”

เซียวเซ่อแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วทานเนื้อต่อซึ่งเนื้อสามจานใหญ่ที่พร่องไปเกือบทั้งหมดเพราะเธอคนเดียว

เหมยเหมยรู้สึกสงสัยอย่างมาก “เซ่อเซ่อ สยงมู่มู่ช่วยเธออย่างไรเหรอ? คนอ่อนหัดอย่างเขาเนี่ยนะ…”

สยงมู่มู่แสดงท่าทีไม่พอใจ “ฉันเก่งทั้งเรื่องศิลปะป้องกันตัวทั้งเรื่องหนังสือ การรู้หนังสือทำให้ปกครองประเทศได้ ส่วนศิลปะป้องกันตัวช่วยรักษาประเทศได้ เธอนี่มันตาบอดจริง ๆ…”

“เหอะ…” เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาใส่สยงมู่มู่ กล้าด่าคนรักของเขาต่อหน้าเขาเหรอ

รนหาที่ตายหรือ?

สยงมู่มู่รีบสงบปากสงบคำแต่โดยดี เขากลัวเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นก็ยิ่งกลัว เจ้าหมอนี่คล้ายยมบาลขึ้นเรื่อย ๆไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด ไม่รู้จริง ๆว่าเหมยเหมยทนอยู่กับผู้ชายเย็นชาเหมือนน้ำแข็งไม่มีความน่าสนใจแบบนี้ได้อย่างไร?

เซียวเซ่อไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้เลยพูดกลบเกลื่อนไปไม่กี่ประโยคก่อนจะพูดถึงเรื่องอัศจรรย์ใจที่เธอพบเจอที่ป่าอะเมซอนแทนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่นานเหมยเหมยก็เริ่มสนใจขึ้นมาจึงไม่ถามไถ่ถึงเรื่องหนี้ชีวิตนั่นอีก

“ครั้งนี้พวกเธอจะอยู่นานแค่ไหน?” เหมยเหมยถาม

“ฉันจะปล่อยอัลบั้มเพลงใหม่แล้วยังต้องจัดคอนเสิร์ตด้วย คงอยู่อีกหลายเดือนเลย” สยงมู่มู่ทานกุ้งไปหนึ่งตัวแล้วพูดพร้อมกลั้วหัวเราะ “ฉันยังรับปากว่าจะไปออกรายการของเจ้าอ้วนอีกแหนะ ไม่คิดว่าเจ้าอ้วนจะเป็นพิธีกรได้ดีเหมือนกัน”

……………………

ตอนที่ 2345 อย่าพูดเสียเวลา

“โอ้โห…เหยียนหมิงซุ่นกล้ามีชู้เหรอ?”

สยงมู่มู่ที่ตามมาติด ๆทำท่าขึงขังหมายจะเดินเข้าไปหาเรื่องแต่ถูกเซียวเซ่อกระชากแขนไว้ เธอเดินนำหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วอย่างรังเกียจ เขาไม่คิดว่าโม่เฉี่ยวหลิงจะกล้าปรากฏตัวที่นี่แล้วยังพูดจาน่าขยะแยงออกมาได้

“หลีกไป…เธอจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับฉัน!” เหยียนหมิงซุ่นหมุนตัวจะขึ้นรถ หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะโม่เฉี่ยวหลิงเอาตัวมาขวางไว้หน้ารถกะทันหันเขาก็ไม่จอดรถหรอก

“แต่คนที่ฉันชอบคือพี่นะ…” โม่เฉี่ยวหลิงตะโกนบอกอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว

เธอตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักแล้ว

เพราะป้าสะใภ้ใหญ่ก่อเรื่องที่หมู่บ้านหนหนึ่งจนคนทั้งหมู่บ้านรู้กันโดยทั่วว่าเธอโม่เฉี่ยวหลิงก็คือคางคกที่คิดจะกินเนื้อห่าน ใจหวังสูงเสียดฟ้าไม่รู้จักตักน้ำชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง

เดิมทีเธอยังเหมือนหงส์ทองในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้…กลับอนาถยิ่งกว่าอีกาที่ใคร ๆก็ต่างหัวเราะเยาะเธอ

หวงจื้อเกาก็ไม่สนใจเธอแล้ว อีกทั้งบรรดาเพื่อนจากบ้านเกิดเดียวกันที่มาทำงานในเมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าไปฟังข่าวมาจากไหนถึงได้ส่งข่าวต่อ ๆกันจนข่าวลือสะพัดไปทั่วทุกหนแห่ง บอกว่าเธอไปเสนอตัวเป็นเมียน้อยถึงที่บ้านแต่ถูกเมียหลวงไล่ออกมา!

โม่เฉี่ยวหลิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอผ่านชีวิตช่วงนี้มาได้อย่างไร เวลาหนึ่งวันยาวนานเหมือนเป็นปี เวลาทำงานก็เอาแต่ฟุ้งซ่านจนทำผิดพลาดไปหลายต่อหลายครั้ง

เธอไม่โทษเหยียนหมิงซุ่นแต่กลับแค้นเหมยเหมยเข้ากระดูก

ต้องเป็นยายแพศยานั่นแอบเล่นงานเธอลับหลังแน่!

ในเมื่อบังคับให้มาถึงทางตัน เช่นนั้นเธอก็ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักแล้ว!

ผู้ชายตามจีบผู้หญิงยากเหมือนมีภูเขากั้นไว้ แต่ผู้หญิงตามจีบง่ายดายเหมือนมีผ้าบาง ๆกั้นไว้เท่านั้น ผู้ชายล้วนแต่ชอบหาเศษหาเลยข้างนอกอยู่แล้ว อีกทั้งจ้าวเหมยกำลังท้องโตเหยียนหมิงซุ่นต้องอดทนแย่แน่ ๆ ขอเพียงเธอชิงเปิดใจก่อนแล้วไม่ทำตัวเหนียมอายเหมือนหญิงสาวชาวตะวันตก เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังหิวโซไม่มีทางปฏิเสธเธอแน่ ๆ

อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นหญิงบริสุทธิ์อยู่นะ!

อีกทั้งหน้าตาหุ่นก็ไม่แย่ ผู้ชายก็ชอบความสดใหม่นี้ไม่ใช่หรือ?

โม่เฉี่ยวหลิงมั่นอกมั่นใจนักหนา เธอถึงขั้นคิดไว้ดิบดีว่าเป็นชู้รักของเหยียนหมิงซุ่นก่อนค่อยหาทางเบียดตำแหน่งของจ้าวเหมยช้า ๆ แล้วก้าวขึ้นตำแหน่งคุณนายเหยียนทีหลัง

“เหยียนหมิงซุ่น…ฉันชอบพี่จริง ๆนะ…เพื่อพี่ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรี…” โม่เฉี่ยวหลิงตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปกอดเหยียนหมิงซุ่นไว้

เธอเฝ้ารออยู่แถวนี้มาตั้งสามวันกว่าจะเจอตัว ถ้าไม่รีบสารภาพออกไปไม่รู้ว่าวันหน้าจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า!

“เพี้ยะ”

เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง เมื่อครู่เพิ่งเบี่ยงตัวหลบยังไม่ทันหันกลับไปก็ได้ยินเสียงดังขึ้นเสียแล้ว

เหมือนมีของหนักร่วงตกพื้น

เขาหันหลังกลับมาด้วยความสงสัยแต่กลับเห็นโม่เฉี่ยวหลิงที่น่ารังเกียจกำลังล้มหน้าคะมำจุ่มพื้นอยู่ คุณหนูใหญ่เซียวเอาเท้าเหยียบเธอไว้แรง ๆจนหน้าบิดเบี้ยว

“ผู้หญิงคนนี้คือชู้รักของนายเหรอ?” เซียวเซ่อมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย็นชา

“จะเป็นงั้นไปได้ยังไง? แค่คนไร้สมองคนหนึ่งเท่านั้น” เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจกับคำว่าชู้รักอย่างมาก หากให้เหมยเหมยได้ยินเข้าต้องมีเรื่องอีกแน่

“ไม่ใช่ก็ดี วันหลังรับมือกับคนไร้สมองแบบนี้ก็อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ ลงมือทันทีเลย…”

เซียวเซ่อเองก็ไม่พอใจต่อวิธีการแก้ปัญหาของเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก จะมัวแต่อ้อมค้อมไปทำไมกัน?

รับมือกับยายสุนัขจิ้งจอกหน้าไม่อาย คนจริงไม่มีวันพูดเยอะ มัวแต่พูดพล่ามมากทำไมกัน?

พอนึกถึงบรรดาหญิงสาวที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวพ่อของเธอเซียวเซ่อก็บันดาลโทสะอย่างไม่มีเหตุผล สีหน้าเย็นชาพลางยกขาขึ้นสูงกระทืบลงไปแรง ๆ

“กร๊อบ”

กระดูกหักแล้ว!

โม่เฉี่ยวหลิงเจ็บจนหมดสติไป

เซียวเซ่อทำหน้าเรียบนิ่งพลางล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมาโทรหาผู้ช่วยที่อยู่จีนของเธอ “มาทาง***มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกฉันเตะจนเป็นลมหมดสติไป พาไปส่งโรงพยาบาลหน่อยแล้วจ่ายแค่ค่ารักษาพยาบาลให้ก็พอ!”

เธอวางสายไปแล้วเตะโม่เฉี่ยวหลิงไปข้างถนนอย่างนึกรังเกียจ ทั้งหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าตวัดปลายปากกาเขียนลวก ๆ–

ผู้เซ็นรับพอล (พอลคือผู้ช่วยของเธอ)

ใช้กาวแปะกระดาษไว้ตรงหลังโม่เฉี่ยวหลิงแล้วพยักพเยิดปลายคางไปทางสยงมู่มู่ที่อึ้งจนตาค้างไป “ไปทานเนื้อกัน!”

…………………………

ตอนที่ 2346 สวมเขี้ยวไหน

พวกเซียวเซ่อเพิ่งเข้าบ้านมาอาหารจากร้านอาหารก็มาส่งถึงที่พอดี เหมยเหมยสั่งจากร้านอาหารที่เหมยซูหานเป็นคนเปิดไว้ ร้านอาหารนี้เหมยซูหานทิ้งไว้ให้เธอ เจ้านายเป็นคนสั่งอาหารเองเชฟย่อมใส่ใจเป็นอย่างดี แค่ดมกลิ่นอาหารก็เรียกน้ำลายได้แล้ว

“ทำไมพวกเธอถึงอยู่ด้วยกันได้ล่ะ?” เหมยเหมยยิ้มถาม

“บังเอิญเจอกันตรงประตู”

เซียวเซ่อปิดปากไม่เอ่ยถึงโม่เฉี่ยวหลิง กอดอกมองท้องของเหมยเหมยแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมท้องของเธอถึงใหญ่ขนาดนี้? แฝดเหรอ?”

“เปล่า แค่บำรุงดีไปหน่อยครรภ์เลยใหญ่ไปนิด”

“ต้องเป็นลูกผู้ชายแน่ ๆ ของขวัญของฉันจะได้ใช้ประโยชน์พอดี” สยงมู่มู่ล้วงเอาสร้อยคอจากกระเป๋าออกมาด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เป็นสร้อยด้ายแดงที่มีจี้เป็นฟันแหลมคมซี่หนึ่ง

“นี่เป็นเขี้ยวจระเข้ ฉันได้มันมาจากป่าอะเมซอน ชาวบ้านในพื้นที่จะถอนเอาเขี้ยวจระเข้ใส่ให้เด็กทารกที่เพิ่งคลอด ได้ยินว่าช่วยคุ้มครองเด็กทารกให้ปลอดภัยแข็งแรง”

สยงมู่มู่อธิบายแล้วยื่นเขี้ยวจระเข้ให้เหมยเหมย “เอาไว้สวมให้หลานของฉัน”

“ขอบคุณนะ รอลูกคลอดฉันจะสวมให้เขาเลย” เหมยเหมยรับไว้เหมือนได้ของล้ำค่ามา

เซียวเซ่อแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งก่อนจะล้วงด้ายแดงอีกเส้นจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือโดยตรง

“เขี้ยวจระเข้มีประโยชน์บ้าอะไร เขี้ยวหมาป่าสิดี นี่เป็นเขี้ยวหมาป่าที่ฉันยิงจากที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตเองกับมือ เด็กผู้ชายก็ต้องสวมสร้อยเขี้ยวหมาป่าสิ!”

เหมยเหมยมองเขี้ยวสองซี่ในมือแล้วทำหน้าสับสน

เขี้ยวเป็นของดีทั้งคู่แต่ลูกชายเธอมีคอเดียวน่ะสิ!

“ใส่ของฉัน เขี้ยวจระเข้หมายถึงพลัง” สยงมู่มู่

“พลังมีประโยชน์อะไร เขี้ยวหมาป่าหมายถึงความกล้าหาญกับความฉลาด!” เซียวเซ่อมองเหยียดเขาแล้วพูดเย้ย “เขี้ยวจระเข้นั่นนายเป็นคนล่าเองกับมือเหรอ?”

สยงมู่มู่สะอึกไปทันทีแล้วพูดเสียงอ้ำอึ้งว่า “มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะล่าด้วยตัวเอง นี่ฉันเอาขนมปังสิบอันแลกกับชาวบ้านที่นั่นมาเลยนะ”

“หึ…นายนี่เจ้าแผนการจริง ๆ เขี้ยวหมาป่านี่ฉันล่ามาเองกับมือ เขี้ยวจระเข้ของนายไม่มีทางเทียบกับของฉันได้หรอก!” เซียวเซ่อทำหน้าภูมิใจ สายตาที่มองไปทางเหมยเหมยเหมือนไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

เหมยเหมยลำบากใจขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะล่ามาเองกับมือหรือแลกมาด้วยขนมปังสิบชิ้นก็ล้วนแต่เป็นน้ำใจจากเพื่อน ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธอันใดก็รู้สึกผิดอยู่ดี

“หรือว่าเราสลับกันใส่ดี? เดือนคี่ใส่เขี้ยวจระเข้ เดือนคู่ใส่เขี้ยวหมาป่า พวกเธอคิดว่าไง?” เหมยเหมยหาทางออกได้แต่กลับถูกสองคนมองตาขวาง

“ไม่ได้ ใส่ได้แค่เส้นเดียว!” ทั้งคู่ปฏิเสธพร้อมกันเป็นเสียงเดียวกัน

เหมยเหมย “…”

ลำบากใจจัง!

เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้ามากวาดตามองเขี้ยวทั้งสองซี่แล้วพูดเสียงเด็ดขาด “เขี้ยวจระเข้ใส่ไว้ตรงข้อเท้า เขี้ยวหมาป่าใส่ไว้ตรงคอ ไปทานข้าว!”

เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ต้องแย่งกัน สองคนนี้ยังเด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด!

“พี่ฉลาดจัง ตกลงตามนี้ละ!” เหมยเหมยพรูลมหายใจออกมาแล้วฉีกยิ้มกว้าง

เซียวเซ่อกระตุกยิ้มมุมปากสูง พึงพอใจกับคำตัดสินนี้อย่างมาก

แต่สยงมู่มู่กลับไม่ยอม

“ทำไมถึงเอาของฉันสวมที่เท้าล่ะ? เหยียนหมิงซุ่นนายจงใจสินะ ฉันเป็นลุงของลูกชายนายเชียวนะ ครอบครัวเดียวกันก็ต้องสวมคอสิ…”

สยงมู่มู่พูดท้วงอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นแต่ไม่มีใครสนใจเขา เซียวเซ่อพุ่งไปทานเนื้อตั้งนานแล้ว ทั้งยังคีบคำโตใส่ปากทานอย่างเอร็ดอร่อย สยงมู่มู่น้ำลายสอเพราะเธอเลยไม่สนใจว่าสร้อยของเขาจะถูกสวมที่เท้าหรือที่คออีกต่อไป ทิ้งตัวนั่งเก้าอี้แล้วเริ่มลงมือทาน

“อร่อยจัง ให้ตายสิ อาหารของพวกตะวันตกใช้ไม่ได้เลย อาหารจีนเราสิดี”

สยงมู่มู่ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า ขณะที่มือก็หยิบเอาปูม้าตัวหนึ่งขึ้นมา

เซียวเซ่อจัดการหมูตุ๋นน้ำแดงไปกว่าครึ่งจานก็พอหายหิวลงบ้างเลยผ่อนความเร็วลงแต่เหมือนจะนึกบางอย่างได้กะทันหันเลยตบกบาลทีก่อนจะไปหยิบกระเป๋าของเธอมา

………………

ตอนที่ 2343 ข่าวดีมาไม่ขาดสาย

เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “งั้นก็ดีเลย คุณปู่คุณย่าจะต้องดีใจมากแน่ ๆ เห็นบ่นคิดถึงอยู่ทุกวัน!”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ดีใจไม่แพ้กัน เมื่อวานเขาไปเยี่ยมเหยียนหมิงต๋าที่โรงพยาบาลซึ่งผู้เชี่ยวชาญเจ้าของไข้บอกข่าวดีนี้แก่เขาว่าเหยียนหมิงต๋าฟื้นตัวได้ดี หากไม่มีสารกัมมันตรังสีเหลืออยู่บนตัวก็สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้แล้ว

“จะมีอาการตามมาทีหลังอะไรมาอีกหรือเปล่า?” เหมยเหมยกังวลอย่างมาก

“ไม่รู้ ต้องค่อย ๆสังเกตอาการไป ตอนนี้ยังด่วนสรุปไม่ได้”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็กังวลมากเช่นกัน ขอแค่เจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่ก็หาทางแก้ไขอุปสรรคทุกอย่างได้ ไม่กลัวหรอก!

“วางใจเถอะ วงการแพทย์พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เหยียนหมิงต๋าไม่เป็นอะไรหรอก” เหมยเหมยพูดปลอบใจ

เสียงโทรศัพท์ข้างตัวเหมยเหมยแผดเสียงดังขึ้นพอดีเธอเลยหยิบมากดรับ ก่อนที่เสียงอันเท่จะดังแว่วมา เหมยเหมยนิ่งชะงักก่อนจะดีอกดีใจยกใหญ่

“เซ่อเซ่อ เธอยังไม่ถูกเผ่ากินคนต้มกินหรือเนี่ย ดีจังเลย!”

เซียวเซ่อมองฟ้าอย่างระอา นี่อยากให้เธอโดนเผ่ากินคนกินไปอย่างนั้นหรือ?

“ใครบางคนเกือบจะโดนต้มแล้วจริง ๆล่ะ!” เซียวเซ่อพูดเย้ย

“นี่เจ้าทอมเธอว่าใครน่ะ? ฉันเป็นผู้มีพระคุณของเธอเชียวนะ นี่น่ะหรือท่าทีที่เธอมีต่อผู้มีพระคุณ?” เสียงตวาดดังแว่วมา เหมยเหมยเบิกตากว้างอย่างสนอกสนใจ

สยงมู่มู่ปีกกล้าขาแข็งต่อหน้าเซียวเซ่อได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

อีกอย่างเขาเป็นคนอ่อนแอปวกเปียกแต่กลับช่วยเซียวเซ่อที่เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋นได้อย่างนั้นหรือ?

ช่วยอย่างไรเนี่ย?

“ถ้าไม่เห็นแก่บุญคุณอันน้อยนิดของนาย จากท่าทีของนายตอนนี้ฉันเตะน้องชายนายจนขาดแน่!” เซียวเซ่อยกขาขึ้นพลางวางมาดมองสยงมู่มู่ที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาเย็นยะเยือก

ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณอีกหรือ?

ถ้าไม่ใช่เพราะมีตัวภาระนี้มาด้วยเธอจะเสียเวลาอยู่ในป่าอะเมซอนนานขนาดนี้หรือไง?

คงไม่ต้องเกือบถูกพวกเผ่าดั้งเดิมในท้องถิ่นจับตัวไปเป็นลูกเขยแล้วถูกไอ้คนอ่อนหัดนี่ช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วติดหนี้บุญคุณหมอนี่หรอก!

น่าปวดใจจริง ๆ!

สยงมู่มู่ไม่กล้าแย้งเลยได้แต่หดตัวอย่างหวาดระแวงแต่ทำหูตั้งไม่ยอมคลาดเสียงเคลื่อนไหวใด ๆแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ฉันยังอยู่อเมริกาใต้ อีกสามวันถึงเมืองหลวง” เซียวเซ่อพูดกระชับอย่างเคย

เหมยเหมยตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ “ฉันไปรับพวกเธอเอง เซ่อเซ่อ ลูกพี่ลูกน้องเซียวเซียงของเธอก็กลับมาแล้ว ฉันจะบอกให้นะว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนกับลูกพี่ลูกน้องพี่หมิงซุ่นล่ะ!”

“เรื่องนี้ฉันรู้ โม่ซิวหย่วนน่าพึ่งพากว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอหน่อย”

ตอนแรกเซียวเซียงก็เคยมาถามความเห็นจากเธอแล้วแต่เซียวเซ่อคัดค้านจ้าวเสวียเอ่อร์อย่างเด็ดขาด ตระกูลจ้าวมีญาติที่ไม่น่าไว้วางใจอยู่หลายคนทั้งจ้าวเสวียเอ่อร์ยังเป็นคนให้ความสำคัญแก่ความสัมพันธ์ของครอบครัวมาก อนาคตปัญหาจะต้องมาเยือนอย่างไม่ขาดสายแน่นอน

และแน่นอนที่สำคัญเธอดูออกว่าความจริงแล้วเซียวเซียงไม่ได้รักจ้าวเสวียเอ่อร์แต่เป็นเรื่องมิตรภาพมากกว่า แต่กลับดูมีความรู้สึกคลุมเครือกับโม่ซิวหย่วนกว่าหน่อย

“สามวันหลังจากนี้เจอกัน เธอท้องโตอยู่ไม่ต้องมารับหรอก ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ทางสักหน่อย”

เซียวเซ่อวางสายไปแล้วสั่งลูกน้องไปจัดการทำเรื่องขอเดินทางข้ามประเทศให้ฮองเฮาและอัศวิน การท่องเที่ยวป่าอะเมซอนคราวนี้เจ้าสองตัวนี้ช่วยไว้มากทีเดียวและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจึงต้องพากลับไปรักษาที่ประเทศอังกฤษ

“สามวันทันเหรอ? ต้องเปลี่ยนเครื่องอีกไม่รู้นานแค่ไหน” สยงมู่มู่เดินเข้ามาหา

“ฉันทัน ส่วนนายก็ไม่รู้สินะ”

“หมายความยังไง?”

“หมายความตามนั้น ฟังไม่เข้าใจก็แปลว่านายโง่!”

เซียวเซ่อส่งสายตาหยามเหยียดให้เขาแวบหนึ่งแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปาก แม้จะหายวับไปในพริบตาแต่กลับทำเอาคนทั้งสนามบินตกตะลึง

ลูกน้องจัดการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้ว เซียวเซ่อในชุดเครื่องแบบเต็มยศก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์

เธอขับเครื่องบินเองแล้วจะเปลี่ยนเครื่องบ้าอะไรกันอีกล่ะ!

เซียวเซ่อสตาร์ทเครื่องแล้วผิวปากใส่สยงมู่มู่ที่ยังยืนตะลึงค้างอยู่ทีหนึ่งก่อนจะออกตัวพุ่งทะยานไป

เจ้าหมอนี่เสียงดังโวยวายเหลือเกินจะได้หลุดพ้นจากเขาสักที!

………………………………

ตอนที่ 2344 การชอบใครไม่ใช่ความผิด

อีกสองวันก็จะปีใหม่แล้ว ป้าฟางกับลุงเหลาต่างกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด คุณย่าหยางไม่วางใจฝีมือการทำอาหารของเหยียนหมิงซุ่นเลยพาคุณปู่เหยียนย้ายมาอยู่ด้วยแล้วทำอาหารให้เหมยเหมยทางทุกวันไม่มีซ้ำ

คุณย่าอย่างไม่ยอมให้เหมยเหมยทำอะไรเลยเหลือแค่ป้อนข้าวเท่านั้นแล้ว ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างกับเลี้ยงหมูก็ไม่ปาน

“วันนี้เซ่อเซ่อน่าจะมาถึงแล้ว โอ๊ย…ฉันไม่ได้เจอเธอมาตั้งหนึ่งปีแล้ว!”

เหมยเหมยเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ลืมตาตอนเช้า เซียวเซ่อบอกว่าจะมาถึงเมืองหลวงในอีกสามวันซึ่งวันนี้คือวันที่สามพอดี ยายคนนี้เป็นคนตรงต่อเวลาไม่มีทางสายแน่นอน

“ฉันส่งคนไปรอที่สนามบินแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นคว้ากุญแจรถเตรียมออกไปข้างนอก

เขาต้องแวะไปโรงพยาบาลก่อน วันนี้เหยียนหมิงต๋าจะเข้ารับการตรวจร่างกาย หากราบรื่นดีก็กลับบ้านได้ภายในวันนี้เลย

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือมีใครคนหนึ่งรอคอยให้เขาออกจากบ้านมาตลอดและดักรออยู่หลายวันแล้ว

ทางเซียวเซ่อลงจากเฮลิคอปเตอร์มาพร้อมกับสยงมู่มู่ สุดท้ายก็สลัดไม่พ้นอยู่ดี แถมยังส่งเสียงเอะอะโวยวายมาตลอดทาง

ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นมารับพวกเขา เซียวเซ่อขอกลับบ้านตัวเองก่อนขณะที่สยงมู่มู่ก็หน้าด้านตามไปด้วย

“กลับบ้านตัวเองสิ” เซียวเซ่อเอ่ยเสียงดุ

“ห้องฉันไม่ได้ทำความสะอาดมาตั้งปีหนึ่งแล้ว ต้องมีหนูแมลงสาบบินว่อนทั่วห้องแน่ ๆ” สยงมู่มู่เอ่ยหน้าด้าน ๆตามติดไม่ยอมห่าง

“นายจ้างคนช่วยดูแลไม่ได้เหรอ?”

“ไม่มีเงิน…ฉันไม่ได้รวยเงินเยอะเหมือนเธอนี่”

เซียวเซ่อโมโหจนยกขาเตะไปทีหนึ่ง ลืมตาพูดคำโกหกชัด ๆ อัลบั้มเพลงหนึ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้วมีหน้ามาบอกว่าไม่มีเงิน?

สยงมู่มู่หลบได้ทันอย่างง่ายดาย ทำหน้ายียวนยิ้มตาหยี อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมกลับไปค้างบ้านตัวเองหรอก

“ฉันจะจ่ายค่าเช่าห้องให้เธอ ไม่อยู่ฟรี ๆหรอก อีกอย่างบ้านเธอมีห้องว่างตั้งเยอะ ไม่อยู่คงเสียดายแย่…”

สยงมู่มู่พร่ำบ่นงึมงำอยู่ด้านหลัง เซียวเซ่อไม่สนใจเขาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ความเงียบเท่ากับอนุญาตกลาย ๆ

สยงมู่มู่แอบทำท่าเหมือนได้รับชัยชนะทีหนึ่งแล้วยิ้มตาหยีเดินตามไปติด ๆ

“ฉันโทรหาเหมยเหมยก่อน ให้เธอเตรียมมื้อใหญ่ไว้ หิวจะแย่อยู่แล้ว”

สยงมู่มู่ล้วงโทรศัพท์มาจากกระเป๋า เซียวเซ่อดวงตาลุกวาวหันมาบอกว่า “หมูตุ๋นน้ำแดง เคาหยกกับหมูนึ่งข้าวคั่ว”

มีเพียงเมนูเนื้อสามอย่างนี้เธอก็พึงพอใจแล้ว

“เหมยเหมย…เรามาถึงแล้ว ไปเก็บสัมภาระที่บ้านเจ้าทอมก่อนเดี๋ยวไปหา ฉันขอร่ายเมนูก่อนนะ หมูตุ๋นน้ำแดง เคาหยก หมูนึ่งข้าวคั่ว นี่เป็นเมนูของเจ้าทอม ฉันจะทานปลาไนตุ๋นน้ำแดง ปูม้าผัดเค้กข้าว กุ้งผัดน้ำมัน วุ้นเส้นหอยเชลล์…”

สยงมู่มู่ร่ายเมนูยาวเหยียดที่ล้วนแต่เป็นของโปรดของเขากับเซียวเซ่อทั้งนั้น คนหนึ่งโปรดปรานเนื้อสัตว์ ส่วนอีกคนชอบทานแต่อาหารทะเลซึ่งพวกเขาไม่มีวันทะเลาะกันแย่งอาหารแน่นอน

เหมยเหมยจดเอาไว้พลางมองเมนูอาหารยาวเหยียดพวกนี้ทั้งระอาทั้งขำ นี่หิวมาจากป่าอะเมซอนหรือ?

“คุณย่าคะ หนูจะโทรสั่งร้านอาหารให้พวกเขาทำมาส่งให้แล้วกัน”

คุณย่าหยางอายุมากแล้ว ทำอาหารมากมายขนาดนี้ต้องเหนื่อยแย่แน่ ๆ ให้ร้านอาหารทำมาส่งดีกว่า!

ไม่นานเวลาก็ผ่านไปจนถึงช่วงหัวค่ำ เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ทะเลาะกันมาตลอดทาง คนขับรถคือสยงมู่มู่เพราะเซียวเซ่อไม่ได้อยู่จีนมานานเลยไม่ค่อยคุ้นกับกฎจราจรของทางนี้

“ขับเร็วหน่อยสิ หิวจะตายอยู่แล้ว”

เซียวเซ่อไม่พอใจกับความเร็วในการขับรถของสยงมู่มู่อย่างมาก เร็วกว่าเต่าเพียงนิด ชักช้าเสียจริง

“เอ๊ะ…ข้างหน้านั่นเหยียนหมิงซุ่นใช่ไหม?”

ขณะที่ใกล้ถึงบ้านเหมยเหมยสยงมู่มู่ก็ลดความเร็วลงแล้วพูดเสียงพึมพำคนเดียว

เซียวเซ่อเปิดหน้าต่างรถมองไปข้างหน้าก็เห็นเหยียนหมิงซุ่นลงจากรถ และข้างหน้ารถก็มีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ที่ดูจะรู้จักกับเหยียนหมิงซุ่นด้วย

“ผู้หญิงคนนี้มันยังไงกันแน่?” สยงมู่มู่ถาม

เซียวเซ่อเปิดประตูรถเดินไปฟังใกล้ ๆก็ได้ยินหญิงสาวเอ่ยว่า “เหยียนหมิงซุ่น…การชอบใครคนหนึ่งไม่ใช่ความผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ล่ะ?”

…………………

ตอนที่ 2341 คิดบัญชี

เหมยเหมยโกรธไม่เบาเลยจริง ๆจึงย่อมต้องมาระบายอารมณ์ที่เหยียนหมิงซุ่นอยู่แล้ว

“เธอมาหาถึงบ้านได้อย่างไร? พี่กับเธอเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม?”

“หวงจื้อเกาเป็นคนพามาไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่รู้จักเขาสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นแกะส้มลูกหนึ่งช้า ๆแล้วเอากลีบหนึ่งป้อนใส่ปากเหมยเหมย

แต่วันนี้ใช้ไม้นี้ไม่ได้ผลแฮะ

เหมยเหมยกลืนส้มลงท้องไปแต่ไฟโทสะไม่ได้ลดทอนลงเลยสักนิด “พี่ยังคิดจะโกหกฉันอีกเหรอ เมื่อกี้แค่แวบเดียวพี่ก็จำได้แล้วไม่ใช่เหรอ? อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเรียบนิ่งแต่ภายในใจเต้นเร็วเหมือนรัวกลอง อยู่ดี ๆก็นึกถึงประโยคหนึ่งที่โม่ซิวหย่วนเคยบอกกับเขาว่า–

ผู้หญิงทุกคนมักมีสัญชาตญาณว่องไวเหมือนเชอร์ล็อก โฮล์มส์กับเรื่องสามีมีชู้

แม้เขาไม่เคยมีชู้มาก่อนแต่เมื่อเหมยเหมยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้จมูกก็ไวยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก สุดยอดจริง ๆ…

“พี่จำได้ด้วยเหรอ? ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เลย…”

ณ เวลานี้การแกล้งโง่เป็นวิธีที่ดีที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นแกะส้มป้อนให้อีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ส้มหนึ่งลูกดับไฟโทสะไม่ไหวงั้นก็สองลูกสามลูกต่อไปเลย…

“พี่อย่ามาทำไขสือ…เรื่องนี้ฉันไม่มีทางจบง่าย ๆแน่ ฉันจะโทรหาป้าสะใภ้ใหญ่ตอนนี้เลย เธอมีเจตนาอะไรกันแน่…”

แม้เหมยเหมยรู้ดีว่าเหยียนหมิงซุ่นบริสุทธิ์แต่เธอก็รู้สึกแย่อยู่ดี เธอเป็นถึงภรรยาหลวงตัวจริงแต่กลับถูกนังปีศาจจิ้งจอกหน้าไม่อายมองว่าเป็นชู้รัก…

มันน่าโมโหชะมัดเลย!

“พี่โทรเอง เธอนั่งพักก่อน ระวังลูกมารายงานตัวก่อนเวลานะ…” เหยียนหมิงซุ่นประคองเหมยเหมยให้นั่งลงบนโซฟา เขากังวลใจจริง ๆว่าเจ้าเด็กอยู่ไม่นิ่งในท้องนั่นจะถูกกระตุ้นจนมุดออกมาทักมายก่อนโดยไม่บอกไม่กล่าว

“โอ๊ย…ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใครน่าวางใจเลยสักคน…”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งสิ้นเสียงเหมยเหมยก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวเล็กในท้องกำลังตีลังกา มือต่อยเท้าเตะทั้งบนทั้งล่างทั้งซ้ายทั้งขวาถี่ขึ้นจนเธอต้องประคองหน้าท้องแล้วหอบหนัก

“ใกล้คลอดแล้วเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าผวา

หรือว่าปากของเขาจะศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ?

“เปล่า…กำลังประท้วงอยู่ พี่ยังไม่รีบโทรอีก!”

เหมยเหมยตวาดเสียงใส่ น่าโมโหจริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นถึงได้วางใจแล้วไปโทรศัพท์แต่โดยดี เขาโทรหาลุงใหญ่โม่โดยตรง ช่างเหนื่อยใจเสียจริง ๆ

ขนาดศาลยุติธรรมยังยากจะตัดสินเรื่องภายในครอบครัวได้ เมื่อก่อนเขาไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้พาลคิดว่าศาลยุติธรรมต้องสติเลอะเลือนแน่ ๆ แต่ตอนนี้…ตัวเขาได้ลิ้มลองรสชาตินี้แล้ว

ยากจะตัดสินใจจริง ๆ!

พอญาติเยอะปัญหาก็เยอะตามมา

เหยียนหมิงซุ่นคร้านจะพูดเปลืองน้ำลายเลยบอกเรื่องที่หวงจื้อเกาพาโม่เฉี่ยวหลิงมาเยือนไปตรง ๆ

“ลุง ญาติมาหาผมยินดีต้อนรับ แต่คนนอกไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรก็อย่าพามาเลยนะครับ”

ลุงใหญ่โม่ใจหล่นวูบหันไปถลึงตาใส่ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ทำหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาพยายามระงับไฟโทสะแล้วตะคอกถามว่า “คุณเป็นคนบอกที่อยู่บ้านหมิงซุ่นให้หลานชายคุณเหรอ?”

ป้าสะใภ้ใหญ่ตัวสะท้านเฮือกแล้วอธิบายเสียงเบา “ยังไงก็ญาติกัน ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…”

“ญาติกันเหรอ? คนตระกูลหวงของพวกคุณเกี่ยวอะไรกับหมิงซุ่น…แถมยังกล้าพาโม่เฉี่ยวหลิงไปด้วย…ดีเลย เดี๋ยวผมค่อยคิดบัญชีกับคุณ!”

ลุงใหญ่โม่โกรธจนควันออกหูแล้วรีบขอโทษขอโพยเหยียนหมิงซุ่นทางโทรศัพท์ทั้งยังรับปากก่อนจะวางสายพร้อมปรายตาเย็นชามองภรรยาตัวเอง

“นับจากนี้ไปมาหาสู่กับคนบ้านคุณให้น้อย ๆหน่อย ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้าแล้วกัน!” น้อยครั้งนักที่ลุงใหญ่โม่จะโมโห พอคนสุขุมโมโหทีก็น่าหวั่นเกรงไม่น้อย ป้าสะใภ้ใหญ่เงียบเป็นเป่าสากไม่กล้าปริเสียงแม้แต่นิดเดียว

แต่เธอก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ดีเลยเรียกกำลังใจให้ตัวเองเอ่ยว่า “โม่เฉี่ยวหลิงกับจื้อเกากำลังคบหากันอยู่ จื้อเกาอยากไปสวัสดีปีใหม่เลยพาคนรักไปด้วย…มีอะไรเสียมารยาทเหรอ?”

………………………..

ตอนที่ 2342 หวังสูง

ป้าสะใภ้ใหญ่คิดไม่ตกจริง ๆ ต่อให้เป็นเพียงญาติจากการแต่งงานแต่ก็เป็นญาติไม่ใช่หรือ?

ระหว่างญาติไปมาหาสู่กันแล้วมันแย่ตรงไหน?

ลุงใหญ่โม่หมดคำพูดกับความโง่เขลาของภรรยาตัวเองจริง ๆ ญาติไปมาหาสู่กันได้แต่ปัญหาคือคนสถานะอย่างเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่ไปมาหาสู่กันได้ง่าย ๆหรือ?

ไม่เห็นหรือไงว่าลุงอย่างเขายังไม่เคยไปหาหลานชายเลย!

หวงจื้อเกาเป็นเพียงญาติห่าง ๆคนหนึ่งเท่านั้นแล้วไปมาหาสู่ในฐานะอะไรล่ะ?

ต่อให้ปากบอกว่าจะไปสวัสดีปีใหม่ เหอะ…อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ทันแผนการในใจของเจ้าหวงจื้อเกานะ หวังอยากได้ผลประโยชน์จากเหยียนหมิงซุ่นสิท่า!

“โม่เฉี่ยวหมิงหวังสูงเสียดฟ้าหล่อนจะถูกตาต้องใจหวงจื้อเกาของคุณเหรอ? ฝันกลางวันหรือเปล่า? เขาถูกใจหมิงซุ่นนู้น…แถมยังยั่วหมิงซุ่นต่อหน้าเหมยเหมยอีก…ทำเอาเหมยเหมยโมโหจนเกือบคลอดก่อนกำหนด!”

ป้าสะใภ้ใหญ่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

ไม่นานเธอก็บันดาลโทสะ ถลกแขนเสื้อพุ่งออกไปข้างนอก

“คุณจะไปไหน?”

“ฉันจะไปคิดบัญชีกับคนสกุลฮวา คิดว่าลูกสาวของเธอเป็นหงส์หรือไงถึงไม่ถูกใจจื้อเกาของฉัน ถุย…ฉันจะด่าให้ตายไปเลย! ”

ป้าสะใภ้ใหญ่พุ่งออกไปด้วยความโมโห แม้พ่อแม่โม่เฉี่ยวหลิงจะย้ายไปอยู่ในเมืองแต่วันเทศกาลปีใหม่ก็กลับมาอยู่ดีและขณะนี้ก็อยู่ในหมู่บ้านพอดี เธอจะไปสู้กับป้าฮวาสักตั้ง ให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าลูกสาวของเธอเป็นยายปีศาจหน้าไม่อาย

กล้าหลอกเธอหรือ?

ลุงใหญ่โม่คร้านจะห้ามภรรยาพลางคิดว่าปล่อยให้ไปอาละวาดหน่อยก็ดีเหมือนกัน ให้คนทั้งหมู่บ้านรับรู้เรื่องนี้ไปเลยเผื่อวันข้างหน้าป้าฮวาจะได้เลิกใส่ร้ายป้ายสีเหยียนหมิงซุ่นโดยไม่มีหลักฐานสักที

ไม่กี่วันหลังจากนั้นโม่ซิวหย่วนก็แวะมาหาที่บ้านด้วยตัวเองเพื่อเล่าบทสรุปของโม่เฉี่ยวหลิงให้ฟัง

“ถือว่าหวงจื้อเกายังไม่สติเลอะเลือนนัก หลังจากออกมาจากบ้านของพวกเธอเขาก็ตีตัวออกห่างโม่เฉี่ยวหลิงเลย โม่เฉี่ยวหลิงมาหาเขาอยู่หลายวันก็ไม่สนใจ ป้าสะใภ้ทะเลาะตบตีกับแม่ของโม่เฉี่ยวหลิงยกใหญ่ คนทั้งหมู่บ้านรู้เรื่องที่คางคกอย่างโม่เฉี่ยวหลิงอยากกินเนื้อห่านฟ้าแล้วด้วย…”

โม่ซิวหย่วนมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทียียวนลอบดีใจที่ไม่รับโม่เฉี่ยวหลิงเข้าทำงานที่บริษัท ผู้หญิงประเภทนั้นก็เหมือนปลิงที่หากโดนเกาะเมื่อไรคงสลัดไม่หลุดแน่

ถ้าโม่เฉี่ยวหลิงพลาดเป้าจากเหยียนหมิงซุ่นแล้วเปลี่ยนมาเล็งเขาล่ะจะทำอย่างไร?

โม่ซิวหย่วนคิดว่าเขาไม่ได้กังวลเกินจริงเพราะความเป็นไปได้ก็สูงเหมือนกัน

กว่าเขาจะตามจีบเซียวเซียงได้สำเร็จจะให้มีเรื่องเข้าใจผิดแม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด เซียวเซียงเป็นคนที่ห้ามมีเรื่องขัดหูขัดตาให้เห็น แถมเป็นคนนิสัยใจร้อนเด็ดเดี่ยว ตอนนี้ผู้ช่วยรอบตัวเขาถูกเปลี่ยนเป็นผู้ชายหมดแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าราบเรียบแล้วขยิบตาให้เหมยเหมย

เหมยเหมยแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่ง “สมน้ำหน้า…หน้าด้านเหมือนแม่หล่อนไม่มีผิด เสียเวลาเปล่าที่อุตส่าห์ได้รับการศึกษามาตั้งหลายปี”

ความจริงสิ่งที่เธอโมโหที่สุดไม่ใช่เรื่องที่โม่เฉี่ยวหลิงถูกตาต้องใจเหยียนหมิงซุ่นเพราะเธอรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนจิตใจหนักแน่นไม่มีวันหลงกลอยู่แล้ว เธอแค่โมโหที่คนหน้าไม่อายคนนี้เห็นเธอเป็นชู้รักที่ต้องคอยหลบ ๆซ่อน ๆต่างหาก

ชีวิตเธอเกลียดมือที่สามที่สุดแต่ดันมีคนตาไม่ถึงหลายคนมักมองว่าเธอเป็นมือที่สามของเหยียนหมิงซุ่น

“วันหน้างานแต่งงานของฉันจะต้องป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าฉันเป็นคุณนายเหยียน!” เหมยเหมยกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน

“อืม…แล้วยังต้องป่าวประกาศให้คนทั้งระบบสุริยะรู้ ให้คนต่างดาวรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของพี่ด้วย!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

“เหอะ…”

เหมยเหมยพยายามปั้นหน้าตึงเพราะเธอยังทำสงครามประสาทอยู่จึงห้ามหลุดยิ้มเด็ดขาด คราวนี้จะต้องให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเธอโกรธมากจริง ๆ โกรธมากสุด ๆ

โม่ซิวหย่วนยักไหล่พลางลุกเดินออกไป เขานัดเซียวเซียงทานมื้อเย็นใต้แสงเทียนไว้ คร้านจะมาอยู่กินอาหารหมา[1]ที่นี่ เขาก็มีแฟนสาวแล้วเหมือนกันนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้สนใจเขา ทั้งยังพูดมุกตลกฝืด ๆไม่กี่ประโยคจนเหมยเหมยห้ามใจไม่อยู่ถูกหยอดจนหัวเราะหน้าบานดั่งดอกไม้แรกแย้ม แล้วยังจะสนใจสงครามประสาทอะไรอีกล่ะ เธอลืมไปตั้งนานแล้ว

“หมิงต๋าฟื้นแล้ว ขอแค่ตรวจร่างกายแล้วไม่เจอปัญหาอะไรก็กลับมาฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าที่บ้านได้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

……………………………….

[1] กินอาหารหมา คนจีนมักใช้เปรียบเปรยคนที่ถูกคู่รักสวีทหวานใส่

ตอนที่ 2339 ฉันคือโม่เฉียวหลิงไง

แค่แวบเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็จำโม่เฉียวหลิงได้แล้ว คาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามาเหยียบถึงบ้าน?

ทำให้เขาต้องมองเธอใหม่จริง ๆ!

“เขาเป็นหลานชายของป้าสะใภ้ใหญ่ ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนบ้านเกิดเดียวกันกับเขา”

เหมยเหมยพูดถึงสถานะของหวงจื้อเกา

หวงจื้อเกาเคยเจอเหยียนหมิงซุ่นจากระยะไกล ๆมาก่อนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขารีบลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ผมอยู่เมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ได้รับการดูแลจากคุณแต่ไม่เคยมีโอกาสมาขอบคุณคุณเลย ปีใหม่ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านเลยอยากมาหา…”

โม่เฉียวหลิงยิ้มแล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า “ทุกคนต่างก็ทำงานที่เมืองหลวง คนบ้านเดียวกันก็ต้องไปมาหาสู่กันมากขึ้นหน่อยสิ!”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ชอบใจคำพูดของโม่เฉียวหลิงเอาเสียเลยนะ?

ฟังแล้วไม่เข้าหูเลยสักนิด!

เหยียนหมิงซุ่นไม่ชายตามองโม่เฉียวหลิงด้วยซ้ำ เขาหันไปถามหวงจื้อเกาว่า “เธอเป็นคนรักของนายเหรอ?”

“เปล่านะ…ฉันเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันกับพี่หวงเท่านั้น…” โม่เฉียวหลิงเคร่งเครียดมากเพราะไม่อยากให้เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจผิด

หวงจื้อเกาแสดงสีหน้าไม่ชอบใจนัก เขาหันไปยิ้มแห้ง ๆให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วพูดว่า “คนบ้านเดียวกัน เธอเองก็เป็นคนหมู่บ้านโม่ ป้าของฉันขอให้ฉันช่วยดูแลเขาหน่อย”

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว หมู่บ้านโม่เหรอ?

ป้าสะใภ้ใหญ่ฝากฝังให้ช่วยดูแลงั้นหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าเย็นชาพูดกับหวงจื้อเกาว่า “วันหลังอย่าพาคนมาซี้ซั้ว ถ้าหากเป็นแฟนนายก็ว่าไปอย่าง”

สีหน้าของโม่เฉียวหลิงซีดลงทันที คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นหมายความว่าอย่างไร?

“ฉัน…พี่…พี่ไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ…ฉันคือ…”

โม่เฉียวหลิงอ้ำ ๆอึ้ง ๆอยากจะพูดถึงสถานะของตัวเองแต่ถูกขัดจังหวะด้วยสายตาที่เย็นชาของเหยียนหมิงซุ่น เธอน้อยใจเหลือเกิน ทั้ง ๆที่เพิ่งเจอกันที่ร้านเกี๊ยวเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเอง ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้จักกันแล้วล่ะ?

เหมยเหมยมองเห็นถึงสิ่งผิดปกติ ทำไมสายตาที่ผู้หญิงคนนี้ใช้มองเหยียนหมิงซุ่นถึงเหมือนคนถูกทอดทิ้งเลยล่ะ?

หรือว่าเขาและเหยียนหมิงซุ่นจะรู้จักกัน?

ฉับพลันในหัวก็มีบางอย่างแวบขึ้นมาแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วจนเหมยเหมยจับจุดไว้ไม่ทัน เธอตบหน้าผากด้วยความรำคาญใจแล้วจับจ้องโม่เฉียวหลิงโดยไม่กระพริบตาเพราะอยากจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร!

นัยน์ตาของเหยียนหมิงซุ่นฉายแววรังเกียจพาดผ่าน หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าเหมยเหมยจะรู้ตัวตนของโม่เฉียวหลิงจนต้องทะเลาะกัน เขาคงทำให้โม่เฉียวหลิงอับอายตรงนี้ไปแล้ว!

“ไม่รู้จัก…” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธอย่างหนักแน่น พร้อมหันไปมองหวงจื้อเกาที่มีสายตาประหลาดใจแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีธุระเรื่องอื่นอีกไหม?”

“ไม่…ไม่มีธุระอะไรแล้ว แค่แวะมาสวัสดีปีใหม่เฉย ๆ”

หวงจื้อเกาส่ายศีรษะด้วยท่าทีหวาดกลัว สัญชาตญาณบอกเขาว่าการที่เขาพาโม่เฉียวหลิงมาที่นี่เหมือนจะเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง

“ในเมื่อสวัสดีปีใหม่แล้ว…ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่พอใจหวงจื้อเกาเป็นอย่างมาก คิดว่าที่นี่เป็นร้านค้าเล็ก ๆในหมู่บ้านหรืออย่างไรกัน?

คิดจะพาใครมาที่บ้านก็ได้งั้นเหรอ?

หวงจื้อเกาหน้าแดงก่ำ เขาแน่ใจแล้วว่าตนทำผิดไป และตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่พอใจมากด้วย

“ครับ…ผมกลับเดี๋ยวนี้แหละ รบกวนแล้ว…”

หวงจื้อเกาเสียใจมาก เขากลัวว่าด้วยเหตุนี้จะทำให้เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจในตัวเขา และส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งในอนาคตของเขา…เฮ้อ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้สู้เขาไม่มายังจะดีเสียกว่า!

ทำไมเขาถึงทำตัวเลอะเลือนเหมือนโดนผีสิงแบบนี้นะ!

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าแน่นิ่งไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของหวงจื้อเกาปรากฏความปรารถนาที่จะอยู่เหนือกว่าฉายชัดออกมามากขึ้น

เพราะเขายากจนไม่มีเงินถึงได้รับการต้อนรับที่แสนเย็นชาเช่นนี้ หากวันหน้าเขาร่ำรวยขึ้นมาดูสิว่าเหยียนหมิงซุ่นจะกล้าดูถูกเขาอยู่อีกไหม!

ก็แค่มีเงินเองไม่ใช่หรือไง?

โม่เฉียวหลิงรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เย็นชากับเธอขนาดนี้ ทั้ง ๆที่เธออุตส่าห์นอบน้อมถ่อมตนขนาดนี้แล้วนะ!

เธอไม่ยินยอมจะจากไป กว่าเธอจะได้เจอเหยียนหมิงซุ่นมันไม่ง่ายเลย ยังไม่ทันได้คุยกันสักคำ แล้วแบบนี้จะทำให้เหยียนหมิงซุ่นทำความรู้จักเธอได้อย่างไร?

“เหยียนหมิงซุ่น…ฉันคือโม่เฉียวหลิงไง พี่จำฉันไม่ได้เหรอ?” โม่เฉียวหลิงพูดออกมาอย่างกล้า ๆกลัว ๆ

…………………………………………..

ตอนที่ 2340 เหลียงจิ้งหรูให้ความกล้าเธอมาหรือยังไง

โม่เฉียวหลิง!!!

เหมยเหมยกระจ่างขึ้นมาทันที ระยะนี้เธอได้ยินชื่อนี้หลายครั้งเหลือเกิน!

กล้ามาเหยียบถึงบ้านเลยเหรอ?

“เธอคือโม่เฉียวหลิงเหรอ? แม่เธอคืออาสะใภ้ใหญ่ฮัวที่หลอกเงินฉันไปสองแสนหยวนสินะ?” เหมยเหมยที่ท้องโตเอามือสองข้างเท้าสะเอว

สีหน้าของโม่เฉียวหลิงเย็นชาขึ้นแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “แม่ของฉันไม่ได้หลอกเอาเงินไปสักหน่อย อีกอย่างเงินนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ แต่เป็นของตระกูลโม่ต่างหาก”

ก็แค่เมียเก็บคนหนึ่งรักษาศักดิ์ศรีหน่อยไหม?

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าหม่นลงเตรียมอ้าปากจะด่าแต่เหมยเหมยถลึงตาใส่เขา “พี่หุบปากเลย!”

บัญชีแค้นทางฝั่งผู้ชายเดี๋ยวค่อยจัดการ เธอต้องจัดการสั่งสอนนังจิ้งจอกหน้าไม่อายนี่ก่อน!

โม่เฉียวหลิงคนนี้เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าอวดศักดาต่อหน้าเจ้าของบ้านอย่างเธอนะ?

เหลียงจิ้งหรูให้ความกล้าเธอมาหรือยังไงกัน?

เหยียนหมิงซุ่นปิดปากอย่างเชื่อฟังแล้วย้ายตัวไปยืนอยู่หลังเหมยเหมยเหมือนบอดี้การ์ด

“บ้านของฉันไม่ต้อนรับเธอ เธอออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

เหมยเหมยชี้ไปที่ประตูพร้อมไล่แขก

หวงจื้อเกาตกใจยกใหญ่ อยู่ดี ๆทำไมถึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดนี้ล่ะ?

แล้วเรื่องเงินสองแสนหยวนนั่นหมายความว่าไงกันแน่?

“คือว่า…พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ คุณอย่าโมโหเลยนะ ระวังจะส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องเอา” หวงจื้อเกาเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมา เขารู้สถานะของเหมยเหมยอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นถึงภรรยาของเจ้านายเขานี่นา!

“วันหลังอย่าพาผู้หญิงมั่วไปทั่วแบบนี้มาบ้านฉันอีก!” เหมยเหมยหันไปตวาดใส่หวงจื้อเกาด้วยความโมโหโดยไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

โม่เฉียวหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงส่งเสียงแหลมสูงขึ้นว่า “เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน เธอไม่ใช่นายหญิงของบ้านนี้เสียหน่อย!”

เหมยเหมยนิ่งตะลึงงันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เธอไม่ใช่แม้กระทั่งนายหญิงของบ้านหลังนี้แล้วเหรอ?

“ถ้าฉันไม่ใช่นายหญิงแล้วเธอใช่งั้นสิ?” เหมยเหมยไม่โกรธแต่กลับยิ้ม น้ำเสียงเย้ยหยันเป็นอย่างมาก

โม่เฉียวหลิงพยายามอดกลั้นไม่พูดคำว่า ‘ใช่’ ออกไปแล้วดึงหน้าตึงพูดว่า “ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาไล่ฉัน มีเพียงนายหญิงของบ้านหลังนี้เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์มาไล่ฉัน!”

หวงจื้อเกาพยายามส่งสายตาให้โม่เฉียวหลิงแต่โม่เฉียวหลิงกลับไม่เหลือบมองเลยสักนิด ทั้งยังยืดอกหันไปเผชิญหน้ากับเหมยเหมยอย่างไม่ยอมแพ้อีกต่างหาก

เหมยเหมยส่งเสียงเย้ยหยันหันไปตวาดใส่เหยียนหมิงซุ่นว่า “พี่บอกเธอไปสิว่าใครกันแน่คือนายหญิงของบ้านหลังนี้?”

มิน่าถึงกล้ามายั่วยวนผู้ชายของเธอถึงบ้าน แถมยังกล้าคิดว่าเธอเป็นเมียเก็บอีกสินะ!

ควรพูดว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดเกินไปหรือโง่สุดขีดกันแน่นะ!

เหยียนหมิงซุ่นหันไปยิ้มปลอบโยนเหมยเหมย “อย่าโมโหไปเลย แน่นอนว่าบ้านหลังนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นนายหญิงของบ้าน”

เขามองหวงจื้อเกาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ยังไม่พาตัวไปอีก?”

“ขอโทษครับ…ผมไม่รู้ว่าเธอจะ…ไปเดี๋ยวนี้แหละ จะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!”

หวงจื้อเกาท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ถ้ารู้ว่าจู่ ๆโม่เฉียวหลิงจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาแบบนี้เขาไม่มีทางพามาด้วยแน่ ๆไม่ว่าจะพูดยังไงก็ตาม

หวังแค่ว่าจะไม่ส่งผลต่องานของเขาก็พอ!

เขาไม่กล้าคิดเรื่องการเลื่อนตำแหน่งอีกต่อไป ขอแค่รักษางานเอาไว้ได้ก็เป็นความกรุณาอย่างถึงที่สุดแล้ว!

หวงจื้อเกาลากโม่เฉียวหลิงที่ไม่อยากกลับออกมา เขาก็ไม่ได้โง่เหมือนกัน สายตาเสน่หาของโม่เฉียวหลิงที่มองเหยียนหมิงซุ่นเมื่อครู่เขาจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร?

ภายในใจของเขาขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าไปยังไงอย่างนั้น!

ความคิดที่จะแต่งงานกับโม่เฉียวหลิงหายวาบไปทันที ผู้หญิงที่มีจิตใจทะเยอทะยานสูงเสียดฟ้าแบบนี้เขาไม่กล้าแต่งงานด้วยหรอก ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะลอบมีชู้ลับหลังเขาหรือเปล่า!

พอออกจากประตูใหญ่มาหวงจื้อเกาก็สะบัดโม่เฉียวหลิงทิ้งแล้วเดินจ้ำไปข้างหน้าด้วยใบหน้าขึงขัง

“พี่หวง เหยียนหมิงซุ่นเขาแต่งงานแล้วเหรอ?” โม่เฉียวหลิงยังคงไม่ยอมแพ้ เธอไม่เชื่อว่าเหมยเหมยจะเป็นนายหญิงของบ้าน ถ้าแต่งงานแล้วทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินข่าวคราวมาก่อนเลยล่ะ

“ใช่ แต่งงานตั้งนานแล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าภรรยาของเขาใกล้จะคลอดลูกอยู่แล้ว!”

หวงจื้อเกามองเธออย่างดูถูกแวบหนึ่งแล้วรีบเดินเร่งฝีเท้า เขายื่นมือโบกแท็กซี่เข้าไปนั่งข้างในและปิดประตู จากนั้นก็หายลับไปไม่เห็นฝุ่นทิ้งให้โม่เฉียวหลิงยืนตกตะลึงไร้วิญญาณเพียงลำพัง

……………………………..

ตอนที่ 2337 นึกว่าเป็นเมียเก็บ

หวงจื้อเกาไม่พอใจเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้เรียนสูงนักแต่เขาทำงานมาหลายปีจนฉลาดเอาตัวรอดเก่ง สุขุมนุ่มลึก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้เป็นหัวหน้าหรอก

เขาถูกใจโม่เฉียวหลิงมากเพราะเธอทั้งหน้าตาดีและมีการศึกษา ทั้งยังเป็นคนบ้านเดียวกันและทำงานอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกันด้วย หวงจื้อเกาพอใจหญิงสาวที่ป้าของเขาแนะนำในครั้งนี้มาก

ถึงแม้ว่าโม่เฉียวหลิงจะไม่เคยตอบตกลงเขาแต่หวงจื้อเกาก็ไม่รีบร้อน เขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจโม่เฉียวหลิงให้ได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ถูกโม่เฉียวหลิงยุยงให้มาที่นี่ แน่นอนว่าเขาเองก็อยากสร้างสายสัมพันธ์กับเหยียนหมิงซุ่นมานานแล้ว ในเมื่อคนหนึ่งมีใจอยากมาส่วนอีกคนมีจุดประสงค์แฝง ดังนั้นจึงเกิดทริปในวันนี้ขึ้น

เหมยเหมยไม่พอใจที่หวงจื้อเกาโผล่มากะทันหันเช่นนี้ ไม่โทรมาบอกก่อนแต่จู่ ๆก็โผล่มาเลย แถมยังพาคนนอกมาด้วย แบบนี้จะทำตามใจตัวเองเกินไปแล้ว

“ที่แท้ก็เป็นคนบ้านเดียวกันนี่เอง ฉันคิดว่าเป็นคนรักของคุณเสียอีก…เข้ามานั่งก่อนเถอะ”

เหมยเหมยให้พวกเขาเข้าบ้าน เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านเพราะพาคุณย่าหยางไปซื้อของไหว้ตรุษจีน

หวงจื้อเกามีท่าทีเก้ ๆกัง ๆอยู่บ้าง เขารู้เรื่องความสามารถของเหยียนหมิงซุ่นจากป้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งยังรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้บริหารบริษัทตัวจริง สำหรับเขาแล้วเหยียนหมิงซุ่นเปรียบดั่งเทพเจ้าที่มีอยู่จริงยังไงอย่างนั้น

ใกล้จะได้พบคนในตำนานแล้ว หวงจื้อเกาจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาหายใจเร็วขึ้น ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ

โม่เฉียวหลิงเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน มากกว่านั้นคือการคาดหวังรอคอย ไม่รู้ว่าถ้าเหยียนหมิงซุ่นเจอเธอแล้วจะดีใจไหมนะ?

โม่เฉียวหลิงเหลือบมองเหมยเหมยอยู่หลายที เพราะท้องโตที่นูนสูงจึงทำให้เธอใจแป้วขึ้นมา ภายในใจยิ่งฟุ้งซ่านขึ้นกว่าเดิม

อยู่บ้านเหยียนหมิงซุ่นแถมยังท้องโตขนาดนี้ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเมียเก็บ?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่โม่เฉียวหลิงจะมีการคาดเดาเช่นนั้น เนื่องจากเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยไม่ได้จัดงานแต่งงานกัน อีกทั้งผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลโม่ก็ไม่ใช่คนปากสว่างจึงไม่มีใครในหมู่บ้านตระกูลโม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นแต่งงานแล้ว

โม่เฉียวหลิงคิดเช่นนั้นตามสัญชาตญาณ ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ได้แต่งงาน งั้นที่เหมยเหมยปรากฏตัวในบ้านของเขาก็ต้องอยู่ในฐานะเมียเก็บแน่นอน เธอมั่นใจมากจึงอดมองเหมยเหมยด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามไม่ได้

ก็แค่เมียเก็บคนหนึ่งที่ไร้อนาคต

ต่อให้ท้องแล้วอย่างไรล่ะ?

ท้องโตขนาดนี้เหยียนหมิงซุ่นยังไม่คิดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเลย นั่นหมายความว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธอ แต่แค่เล่นสนุก ๆด้วยเท่านั้น!

โม่เฉียวหลิงไม่รู้สึกว่าการที่เหยียนหมิงซุ่นมีเมียเก็บจะเป็นเรื่องหนักหนาอะไร ผู้ชายที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะมีเมียเก็บได้ สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นมีทั้งเงินและอำนาจ เธอเป็นคนแยกแยะได้

ขอแค่เธอได้แต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น แบบนั้นเธอก็จะกลายเป็นฮองเฮาตัวจริง พวกนังจิ้งจอกที่ชอบยั่วยวนผู้ชายเช่นนี้เธอไม่เอามาใส่ใจหรอก หากมีความสุขก็จะให้เธอรับใช้เหยียนหมิงซุ่นต่อไป แต่หากไม่มีความสุขก็จะไล่ออก เธอจะหาคนที่สวยกว่าให้เหยียนหมิงซุ่นเอง

ส่วนเด็กในท้องของเหมยเหมย เหอะ!

จะปล่อยให้คลอดออกมาไม่ได้!

ทรัพย์สินของเหยียนหมิงซุ่นต้องตกเป็นของลูกเธอเท่านั้น ส่วนเด็กสารเลวที่เกิดจากนังแพศยาพวกนี้อย่าคิดว่าจะได้แม้แต่แดงเดียว

กล่าวได้ว่าจินตนาการของโม่เฉียวหลิงไปไกลมากจริง ๆ แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆไม่กี่นาทีเธอก็คิดเป็นตุเป็นตะว่าตัวเองกลายเป็นคุณนายเหยียนผู้สูงศักดิ์แล้ว แถมยังจินตนาการถึงฉากอันสวยงามที่ได้ขับไล่เหมยเหมยออกจากบ้านด้วย แถมยังลำพองใจอย่างถึงที่สุด เอาแต่คิดว่ามันกำลังจะกลายเป็นความจริงในอีกไม่ช้านี้แล้ว

หวงจื้อเกาวางของฝากในมือไว้บนโต๊ะกาแฟพร้อมทำใจดีสู้เสือเอ่ยว่า “ผมได้ยินป้าบอกว่าน้องเหยียนไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้าเลยซื้อผลไม้เล็ก ๆน้อย ๆมาฝากแทน”

“เกรงใจกันเกินไปแล้ว”

เหมยเหมยยิ้มสื่อว่าให้เขานั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน พอหางตาเหลือบเห็นโม่เฉียวหลิงกวาดตาสำรวจมองรอบบ้าน ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ เธอรู้สึกไม่ชอบเพื่อนบ้านเกิดเดียวกันคนนี้ของหวงจื้อเกาเอาเสียเลย

ครั้งแรกที่เข้าบ้านคนอื่นก็กวาดตาสำรวจถึงขนาดนี้ นิสัยแย่จริง ๆ

แต่สิ่งที่เหมยเหมยไม่รู้ก็คือโม่เฉียวหลิงกำลังประเมินมูลค่าของบ้านหลังนี้ หลังจากที่เธอเข้ามาเป็นนายหญิง วันหน้าของทุกอย่างในบ้านหลังนี้ควรจะตกเป็นของเธอสิถึงจะถูก!

…………………………………………..

ตอนที่ 2338 ผู้หญิงช่างจินตนาการ

ป้าฟางชงชามาเสิร์ฟ หวงจื้อเกาโค้งตัวรับมา เขากล้านั่งเพียงฟากเดียวของเก้าอี้เท่านั้น แถมตัวเกร็งดูไม่เป็นธรรมชาติอีกด้วย

“ขอบคุณ!”

โม่เฉียวหลิงรับชามาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยเป็นธรรมชาติ ทั้งยังดูถูกท่าทีที่แสดงออกมาของหวงจื้อเกาอีกด้วย ผู้ชายแบบนี้เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วโป้งของเหยียนหมิงซุ่นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากมาบ้านของเหยียนหมิงซุ่น แม้แต่ปรายตามองหวงจื้อเกาเธอยังไม่อยากทำเลยด้วยซ้ำ

อีกทั้งเขายังทำทีเหมือนเหมยเหมยเป็นนายหญิงของบ้าน แบบนี้ไม่เข้าตาเอาเสียเลย ก็แค่เมียเก็บคนหนึ่งเท่านั้น เอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้?

โม่เฉียวหลิงแปลกใจเป็นอย่างมาก ทำไมเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ออกมาอีก?

ช่วงนี้เธอพยายามอดกลั้นต่อความรังเกียจยอมไปมาหาสู่หวงจื้อเกาก็เพื่อให้ได้มาเจอเหยียนหมิงซุ่นนะ!

“ปีใหม่ไม่กลับบ้านเหรอ?” เหมยเหมยไม่รู้จะพูดอะไรเลยถามอะไรเรื่อยเปื่อย

เธอรู้สึกได้ถึงสายตาดูถูกและความไม่พอใจจากโม่เฉียวหลิงที่ส่งมาให้ตน ทั้ง ๆที่มาเป็นแขกบ้านคนอื่นครั้งแรกยังกล้าแสดงท่าทางแบบนี้ต่อนายหญิงของบ้านอีก หวงจื้อเกาหาคนบ้านเดียวกันแบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย?

เพื่อรักษามารยาทเหมยเหมยจึงอดทนหักห้ามใจเอาไว้แล้วพยายามฝืนยิ้มต่อไป

“ครับ วันหยุดมีแค่สิบกว่าวันเอง เดินทางก็ใช้เวลาหลายวันแล้ว เดินทางไปกลับก็เหนื่อยเลยไม่กลับดีกว่า” หวงจื้อเกาตอบอย่างตรงไปตรงมา

อันที่จริงเหตุผลที่สำคัญเลยก็คือกลับบ้านช่วงตรุษจีนใช้เงินเยอะเกินไป ญาติ ๆต่างก็รู้ว่าเขาทำงานในเมืองหลวงและยังซื้อบ้านอีก ดังนั้นทุกคนเลยต่างคิดว่าเขามีเงิน ญาติ ๆทั้งหลายที่มักไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันก็จะแวะเวียนกันพาเด็ก ๆมาสวัสดีปีใหม่ในช่วงตรุษจีน

ขนบธรรมเนียมในวันปีใหม่ของบ้านเกิดของเขาคือเด็ก ๆจะมารับอั่งเปา ในฐานะคนมีเงินที่ทำงานในเมืองหลวงหากใส่ซองน้อยไปก็จะทำให้คนหัวเราะเยาะเอาได้ สำหรับคนอื่นซองหนึ่งอาจใส่แค่สองหรือสามหยวนเท่านั้น แต่เขาอย่างน้อยต้องใส่ตั้งสิบหยวน

นอกจากนี้ยังมีของฝากที่ต้องหอบเอากลับไปฝากญาติ พอลองคำนวณดูแล้วกลับบ้านครั้งหนึ่งต้องใช้เงินตั้งหลายพันหยวนซึ่งไม่คุ้มกับเงินเดือนหนึ่งเดือนของเขาเลย

พอหวงจื้อเกาคิดคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนแน่นอนว่าต้องรู้สึกเสียดายเงินนี้เป็นธรรมดา หลังจากพูดคุยปรึกษากับพ่อแม่แล้วจึงตัดสินใจไม่กลับบ้านช่วงปีใหม่ ปกติจะกลับวันหยุดประจำปีช่วงที่ชาวนายุ่ง ๆ เพราะทั้งประหยัดเงินและยังสามารถช่วยครอบครัวทำงานได้อีกด้วย

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

“ก็จริง การเดินทางเสียเวลามากจริง ๆ กินขนมเถอะ ป้าฟางฝีมือดีมากเลยนะ อร่อยกว่าซื้อข้างนอกอีก”

เหมยเหมยเลื่อนจานขนมไปให้ หวงจื้อเกาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นอย่างระมัดระวังพร้อมกัดคำเล็ก ๆ ปกติขนมชั้นสูงแบบนี้เขามักจะตัดใจซื้อไม่ลง แต่รสชาติดีมากจริง ๆ

ไม่รู้ว่าเมื่อไรเขาจะสามารถมีชีวิตเหมือนน้องหมิงซุ่นได้สักที?

“ขนมอร่อยมากเลย ฝีมือของแม่บ้านเธอไม่เลวเลยนะ”

โม่เฉียวหลิงกินไปหลายชิ้นก่อนยิ้มและเอ่ยปากชม

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น “ป้าฟางไม่ใช่แม่บ้านของฉันแต่เธอคือป้าของฉันต่างหาก”

ถึงแม้ว่างานที่ป้าฟางทำจะเป็นงานที่แม่บ้านทำกันแต่สำหรับในใจของเธอแล้วป้าฟางก็คือผู้อาวุโสกว่า ดังนั้นคำว่าแม่บ้านจะเอามาใช้กับป้าฟางได้เช่นไรกัน?

“ฉันพูดผิดไปแล้ว ขอโทษที”

โม่เฉียวหลิงก้มศีรษะเล็กน้อยพร้อมเบะปากและไม่ชอบเหมยเหมยมากขึ้นเรื่อย ๆ

เป็นเมียเก็บเปิดตัวไม่ได้แล้วยังสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม่บ้านอีกเหรอ?

แม่บ้านก็แค่คนรับใช้ นายหญิงบ้านไหนกันจะเรียกคนรับใช้ว่าป้า?

งั้นก็เป็นแค่เมียเก็บคนหนึ่งสินะ!

บรรยากาศมาคุชั่วขณะ หวงจื้อเกาเริ่มไม่พอใจโม่เฉียวหลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ พูดจาไม่เป็นก็พูดให้น้อยลงหน่อยสิ ตอนนี้เป็นไงล่ะล่วงเกินนายหญิงของบ้านเข้าแล้ว!

มีเสียงแว่วดังขึ้นมาจากลานบ้าน เหมยเหมยโล่งใจเพราะเหยียนหมิงซุ่นกลับมาสักที เธอไม่รู้ว่าควรคุยกับญาติห่าง ๆคนนี้ต่อไปเช่นไรแล้ว!

“ใครมาเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นเข้าบ้านมาก็เอ่ยถาม พอเห็นโม่เฉียวหลิงที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองเขาด้วยสายตาเสน่หา อากาศในห้องก็เย็นลงทันที

เหมือนหิมะแรกในเดือนหก

…………………………………………..

ตอนที่ 2335 ซาบซึ้งใจไม่ได้แปลว่าจะมีใจ

เซียวเซียงหัวเราะร่า “เธอหาเซียวเซ่อไม่เจออยู่แล้ว ก่อนฉันจะกลับมาก็เจอเขามาหนหนึ่ง เซ่อเซ่อบอกว่าจะไปป่าอเมซอนเพื่อหามนุษย์กินคน น่าจะยังไม่กลับออกมามั้ง”

“ไปคนเดียวเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ เธอพาบอดี้การ์ดไปด้วย เหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องเธอก็ไปด้วยเหมือนกันนะ”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก มิน่าถึงไร้ข่าวคราวของสยงมู่มู่มาครึ่งปีแล้ว นิตยสารบันเทิงบอกว่าสยงมู่มู่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่พอใจเลยถูกสั่งเก็บ เหลวไหลสิ้นดี บริษัทเธอก็เป็นคนเปิดเอง แล้วจะเก็บคนในครอบครัวของตัวเองได้อย่างไรกัน?

“กินอิ่มอยู่สบายแล้วยังดันทุรังหาเรื่องใส่ตัวเองไปตามหาเผ่ามนุษย์กินคนอีก ระวังโดนเผ่ามนุษย์กินคนเอาไปตุ๋นในหม้อหรอก” เหมยเหมยบ่นอุบอิบ

สองคนนี้เหมือนลิงไม่มีผิดนั่งอยู่บ้านเฉย ๆไม่ได้เลยสักวัน ดันชอบโผล่ไปสถานที่ที่คนไม่ชอบไปแบบนั้นอีก โชคดีที่พ่อแม่ของสองคนนี้ใจกว้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะร้อนใจตายไปแล้วก็ได้!

หลังจากทานข้าวเสร็จโม่ซิวหย่วนและเหยียนหมิงซุ่นก็ไปคุยเรื่องงานกันในห้องหนังสือ เหมยเหมยนั่งคุยเป็นเพื่อนเซียวเซียงในห้องนั่งเล่น เมื่อครู่ตอนทานข้าวโม่ซิวหย่วนดูแลเอาใจใส่เซียวเซียงเป็นอย่างดี ทั้งปอกเปลือกกุ้งให้ คีบผักให้ รู้ดีมากว่าเซียวเซียงชอบทานอะไรไม่ชอบทานอะไรบ้าง

อยู่ดี ๆเหมยเหมยก็พอจะเข้าใจขึ้นมา จ้าวเสวียเอ๋อร์คงทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้

บรรดาคนในตระกูลจ้าวยกเว้นจ้าวอิงหัวพ่อของเธอแล้ว คนอื่น ๆต่างยึดแนวคิดที่ว่าชายเป็นใหญ่เกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์จะดีกว่าคนอื่นหน่อยแต่ก็ยังได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก บางทีอาจจะดีกับภรรยาที่บ้านแต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอ่อนโยนกับภรรยานอกบ้าน

แต่กระนั้นเธอก็อยากเข้าใจให้กระจ่างเพื่อให้พี่สามของเธอพ่ายแพ้อย่างจำยอมสักหน่อย

“พี่เซียวเซียงรู้จักกับพี่ซิวหย่วนได้อย่างไรเหรอคะ?”

“พวกเราเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน ซิวหย่วนเป็นรุ่นพี่ฉันสองปีแต่เราอยู่ชมรมโต้วาทีด้วยกัน เรารู้จักกันที่โรงเรียนจ้ะ” เซียวเซียงยิ้มหวานราวกับสาวน้อยที่กำลังตกอยู่ห้วงแห่งความรัก

เหมยเหมยใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พี่สามของเธอหมดหวังแน่แล้ว

“งั้นพวกพี่คบหาดูใจกันตอนเรียนเหรอ?”

“เปล่าเลย ตอนนั้นจะมีกะจิตกะใจมายุ่งเรื่องรัก ๆใคร่ ๆได้อย่างไร ฉันกับซิวหย่วนเจอกันที่ประเทศไทยเมื่อฤดูร้อนปีก่อน พูดแล้วมันเหมือนเรื่องบังเอิญแต่ตอนนั้นฉันประสบอุบัติเหตุ ซิวหย่วนช่วยฉันเอาไว้ พวกเราจึงเริ่มค่อย ๆติดต่อหากัน”

เรื่องราวหลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเหมยเหมยก็พอจะเดาได้ วันเวลาผ่านไปก็ค่อย ๆก่อตัวเป็นความรัก โม่ซิวหย่วนและเซียวเซียงคงจะรักกันแบบนี้แหละ!

พวกเขาทั้งสองต่างโดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อยแถมมีความสามารถ นับว่าเป็นการรวมตัวกันที่ลงตัวเหมาะสมเลยทีเดียว

“ฉันจะรอดื่มเหล้ามงคลงานแต่งงานของพี่นะ ถึงเวลานั้นเราก็จะกลายเป็นญาติกันจริง ๆแล้ว” เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ

เซียวเซียงพูดอย่างใจกว้างว่า “ได้สิ ตอนแต่งงานเธอต้องมานะ หากเป็นไปตามแผนก็น่าจะจัดงานในเมืองหลวงนี่แหละแต่ฉันยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ ให้ฉันดื่มด่ำกับชีวิตโสดที่แสนสวยงามอีกสักสองสามปีแล้วกัน”

เหมยเหมยพูดคุยหยอกเอินเธอไปอีกสองสามประโยค บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เธอไม่ได้เอ่ยถึงจ้าวเสวียเอ๋อร์เพราะกลัวเสียบรรยากาศ

แต่จู่ ๆเซียวเซียงก็ถอนหายใจขึ้นมากะทันหันและเป็นฝ่ายพูดถึงเขาก่อน “ฉันไม่เคยตอบรับไมตรีพี่สามของเธอเลย แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดมากนะที่ทำให้เขาต้องรอมาตั้งหลายปี”

หลังจากเธอกลับมาถึงรู้ว่าที่แท้จ้าวเสวียเอ๋อร์รอเธอมาตลอดและโสดมาจนถึงตอนนี้

แม้ว่าจะซาบซึ้งใจมากแต่เธอก็ไม่อยากคบจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่ดี อาจจะเคยหวั่นไหวบ้างแต่เมื่ออายุมากขึ้นเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่เหมาะกับจ้าวเสวียเอ๋อร์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ต่อให้ได้คบกันจริง ๆแต่สุดท้ายก็คงต้องเลิกกันอยู่ดีละมั้ง?

“เรื่องของความรู้สึกมันไม่มีถูกผิดหรอกค่ะ เป็นเพราะพี่สามของฉันไม่มีวาสนากับพี่ต่างหาก” เหมยเหมยถอนหายใจ

“พี่สามของเธอเก่งมากขนาดนี้จะต้องหาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันได้แน่นอน”

เหมยเหมยยิ้มแหย พี่สามของเธออายุสามสิบแล้ว ไม่รู้ว่าเนื้อคู่ของเขาจะมาเมื่อไร

เท้าข้างหนึ่งของพวกพี่โม่ซิวหย่วนเพิ่งก้าวออกไปจ้าวเสวียเอ๋อร์ก็โทรเข้าเครื่องเหมยเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“เหมยเหมย เซียวเซียงและโม่ซิวหย่วนไปหาเธอใช่ไหม?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2336 จู่ ๆก็มีญาติโผล่มาที่บ้าน

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นพูดตามความจริงว่า “ใช่ เพิ่งจะไปกันเอง พี่สามดื่มเหล้าเหรอ?”

“ดื่มไปแค่นิดเดียว ฉันไม่เมาหรอก…เหอะ ๆ…”

อยู่ดี ๆจ้าวเสวียเอ๋อร์ก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาซึ่งเห็นได้ชัดว่าดื่มหนักแล้ว

เหมยเหมยถอนหายใจแล้วเอ่ยถามว่า “พี่อยู่บ้านหรือว่าอยู่ข้างนอก?”

“อยู่บ้าน กินหม้อไฟคนเดียว แล้วก็ดื่มเหล้านิดหน่อย มันดีมากเลยล่ะ…เหมยเหมยพี่จะบอกเธอให้ พี่สามของเธอจะต้องแต่งงานก่อนเจ้าโม่ซิวหย่วนนั่นให้ได้ เหอะ สักวันฉันจะส่งบัตรเชิญไปอวดมัน…”

“พี่หาแฟนให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน กินอิ่มดื่มจนพอแล้วก็รีบไปอาบน้ำนอน แล้วอย่าลืมถอดปลั๊กด้วยล่ะ”

พอเหมยเหมยได้ยินว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่บ้านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมาสลบอยู่ในบ้านคงไม่เป็นไร เธอคร้านจะสนใจแล้ว

ก็แค่อกหักเท่านั้นเอง

ไม่สิ เรียกว่าอกหักไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะจ้าวเสวียเอ๋อร์รักเขาข้างเดียว เซียวเซียงไม่เคยชอบเขาเลย ช่างโง่เขลาจริง ๆ รอมาตั้งหลายปีโดยเปล่าประโยชน์ก็ไม่รู้จักไปตามจีบเขาก่อน ดูสิว่าโม่ซิวหย่วนฉลาดขนาดไหนตามไปจีบถึงไทยนู้น

มิน่าจู่ ๆหน้าร้อนปีที่แล้วโม่ซิวหย่วนถึงขอหยุดลาพักร้อน แค่แวบเดียวก็ไปโผล่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว ตอนนั้นเธอยังสงสัยเลยว่าประเทศไทยอยู่ใกล้แค่นี้คุ้มค่าให้หยุดลาพักร้อนไปเที่ยวเหรอ?

แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วเขาคงไปตามจีบว่าที่ภรรยา ที่แท้ก็มีเจตนาแอบแฝงอยู่นี่เอง!

เหตุที่จ้าวเสวียเอ๋อร์แพ้ไม่ใช่เพราะเสียเปรียบแต่เป็นเพราะทำอะไรชักช้ามากกว่า!

ช่วงปีใหม่นี้โม่ซิวหย่วนจะพาเซียวเซียงกลับไปที่หมู่บ้านตระกูลโม่ด้วยเพื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการแต่งงานคงเป็นเรื่องในไม่ช้าก็เร็ว การมาทานอาหารด้วยกันครั้งนี้ก็เพื่อมาทำความรู้จักกัน ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะอายุน้อยที่สุดแต่กลับเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในตระกูลโม่

ดังนั้นต้องได้รับการอนุมัติจากเหยียนหมิงซุ่นเสียก่อนนั่นคือเหตุผลที่เขาพามาทานข้าวที่บ้าน นับว่าโม่ซิวหย่วนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน

วันปีใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ตามท้องถนนเงียบเหงาลงมากเพราะคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมด และสิ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คือร้านค้าแผงลอยหายไปเกือบหมดแล้ว

เหมยเหมยไม่มีอะไรทำเลยมาคล้องโคมไฟเล็ก ๆบนต้นไม้ตรงสนามหน้าบ้าน เธอทำขึ้นมาเอง โคมไฟประดับตกแต่งเต็มกิ่งก้านไปหมดทำให้ดูสดใสไม่น้อยเลย

“นี่คือบ้านของน้องเหยียนใช่ไหม…” มีคนเคาะประตู เสียงไม่คุ้นเลยสักนิด

“ใครคะ?”

เหมยเหมยรู้สึกฉงนเหลือเกินเพราะคนตระกูลโม่ต่างเรียกเขาว่าหมิงซุ่น ไม่มีใครเรียกว่าน้องเหยียนเลยสักคน ญาติคนนี้มาจากไหนกันนะ?

“ผมชื่อหวงจื้อเกาเป็นหลานของหวงชิวลี่ แวะมาสวัสดีปีใหม่ครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มประจบเอาใจเป็นที่สุด

แต่เหมยเหมยก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี หวงชิวลี่อะไรกัน หวงจื้อเกาอะไรกัน เธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยสักนิด

ป้าฟางเดินไปเปิดประตู จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นยังพูดต่ออีกว่า “น้าของผมเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของน้องเหยียน ส่วนผมเองก็ทำงานในบริษัทของน้องซิวหย่วนเหมือนกัน พอดีช่วงปีใหม่ไม่ได้กลับบ้านเลยมาสวัสดีปีใหม่ครับ”

เหมยเหมยถึงนึกขึ้นได้ว่าที่แท้เขาก็คือหลานชายของป้าสะใภ้ใหญ่นั่นเอง แต่ปัญหาก็คือเขารู้ที่อยู่บ้านได้อย่างไร?

แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจในทันที ป้าสะใภ้ใหญ่คงเป็นคนบอกละมั้ง?

“รีบเข้ามานั่งเถอะ…”

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ค่อยอยากต้อนรับหวงจื้อเกามากเท่าไรนักแต่ก็ยังเดินไปประตูเพื่อต้อนรับ ถึงอย่างไรก็เป็นญาติกันและมาสวัสดีปีใหม่ด้วย ถ้าปฏิเสธก็จะไร้น้ำใจเกินไป

แต่ตอนที่เธอเห็นสาวสวยคนหนึ่งข้างกายหวงจื้อเกาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

หรือว่าช่วงนี้การพาแฟนสาวไปเยี่ยมบ้านกำลังฮิตกันนะ?

เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆว่า “นี่คงจะเป็นแฟนของคุณใช่ไหม? สวยจริง ๆ รีบเข้ามาเถอะ…”

“ไม่ใช่ค่ะ…ฉันเป็นคนบ้านเดียวกันกับพี่หวงเลยค่อนข้างสนิทกัน” หญิงสาวอธิบายอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาตินักพร้อมกับมองไปที่ท้องของเหมยเหมยด้วยความประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่าหญิงท้องคนนี้กำลังจะคลอดอยู่รอมร่อแล้ว

เหมยเหมยจำผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แต่เธอกลับจำเหมยเหมยได้ในพริบตา เด็กผู้หญิงที่กลับบ้านตระกูลโม่พร้อมเหยียนหมิงซุ่นในตอนนั้น พอยิ่งโตก็ยิ่งสวยขึ้นมากแถมยังท้องใหญ่เสียด้วย

ผู้หญิงคนนี้ก็คือโม่เฉียวหลิง เธอคาดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะตั้งท้อง

เธออยากจะรู้เหลือเกินว่าพ่อของเด็กเป็นใคร?

………………………………

ตอนที่ 2333 กล้าแต่งงานซ้อนจะตัดของพี่ซะ

เหมยเหมยรู้สึกมีบางอย่างค้างคาในใจ แม้กระทั่งฝึกโยคะก็ยังทำใจให้สงบไม่ได้จึงถือโอกาสนั่งบนเสื่อแล้วคิดทบทวนดูว่าเคยได้ยินชื่อโม่เฉียวหลิงมาจากที่ไหน และก็ทำให้เธอนึกออกขึ้นมาจริง ๆ

เธอยังเคยพูดกับเหยียนหมิงซุ่นเมื่อหลายวันก่อนอยู่เลยว่าแม่ของผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ที่น่ารังเกียจเหมือนกับแม่ของฉางชิงซง แถมในเวลานั้นยังอยากให้เหยียนหมิงซุ่นแต่งงานกับลูกสาวของเธออีกต่างหาก

คน ๆนั้นก็คือโม่เฉียวหลิงนี่เอง!

“ฉันบอกพี่ไว้ก่อนเลยนะว่าห้ามให้โม่เฉียวหลิงไปทำงานที่บริษัทเป็นอันขาด ป้าสะใภ้ใหญ่คิดอะไรอยู่ถึงได้ช่วยคนนอกมาเล่นงานฉัน แล้วยังคิดจะให้โม่เฉียวหลิงเข้ามาทำงานในบริษัทอีก เธอต้องการจับคู่พี่กับโม่เฉียวหลิงใช่ไหม…”

เหมยเหมยบ่นยาวเหยียดอย่างหัวเสีย ไม่พอใจป้าสะใภ้ใหญ่เอามาก ๆ

รู้ทั้งรู้ว่ายายแม่มดแก่นั่นทั้งโลภทั้งเห็นแก่ได้ยังจะยัดเยียดโม่เฉียวหลิงเข้ามาอีก เห็นว่าโลกวุ่นวายไม่พอหรืออย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆ เขายังคงประเมินไอคิวของเหมยเหมยต่ำเกินไป คาดไม่ถึงว่าเธอจะนึกออกด้วย

“พี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าโม่เฉียวหลิงหน้าตาเป็นอย่างไร ต่อให้เข้ามาทำงานในบริษัทจริงพี่ก็ไม่ได้เข้าบริษัทเสียหน่อย แล้วจะไปเจอกันได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นพยายามพูดจาเอาอกเอาใจเพื่อปลอบประโลมคนที่กำลังระเบิดอารมณ์ให้สงบลง

“หรือว่าพี่ตกปากรับคำให้โม่เฉียวหลิงมาทำงานที่บริษัทแล้ว?”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น เธอโมโหเป็นอย่างมาก ถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างหาเรื่อง

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างจนปัญญา จุดสนใจของผู้หญิงมักจะแตกต่างจากผู้ชายเสมอ ทั้ง ๆที่เขาไม่ได้พูดอะไรเลยสักนิด

“แน่นอนว่าไม่ใช่ โม่เฉียวหลิงเป็นเพียงคนสัญจรไปมาบนท้องถนนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตเรา และตลอดชีวิตนี้ไม่มีทางเกี่ยวดองกันแน่นอน”

เหมยเหมยเบะปาก “นั่นก็ไม่แน่ ป้าสะใภ้ใหญ่ของพี่อยากจะให้เธอมาเกี่ยวดองกับพี่ไม่ใช่เหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่น ‘…ทุกครั้งที่หาเหตุผลมาโต้กับเขาช่างว่องไวเหลือเกิน ฝีปากคมคายจริง ๆ’

“พี่จะโทรหาพี่เขาดู”

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโม่ซิวหย่วนในทันที และยังเปิดลำโพงอีกด้วย

“วางใจเถอะ พอโม่เฉียวหลิงเพิ่งเรียนจบก็มาสมัครงานที่บริษัทแล้วล่ะ แต่ฉันบอกฝ่ายบุคคลให้ลงบัญชีดำของบริษัทไว้แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการคัดเลือกอย่างแน่นอน”

เสียงของโม่ซิวหย่วนดังแว่วออกมา เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่เหมยเหมยด้วยท่าทียียวน นัยน์ตาฉายแววหยอกล้อ

เหมยเหมยรู้สึกว่าความหึงหวงของตัวเองเกิดขึ้นโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ เธอแค่นไอสองสามทีพร้อมทำสีหน้ากลบเกลื่อนอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เชิดคางขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้รับเลือกก็สมควรแล้ว วันหลังต่อให้บังเอิญเจอกันก็ห้ามทักเป็นอันขาด…”

ฉับพลันเธอก็มองไปที่เหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทีระหวาดระแวง “พี่คงไม่ได้เจอเธอมาหรอกใช่ไหม?”

ไม่อย่างนั้นไร้ข่าวคราวมาตั้งหลายปีแล้ว จู่ ๆจะโผล่มาได้อย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นระส่ำ สงสัยในใจลึก ๆถึงเรื่องที่ว่าพอตั้งท้องก็จะโง่ลงไปสามปีขึ้นมาทันที

ภรรยาของเขาไม่ได้โง่ลงเลยสักนิดแต่กลับฉลาดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก คาดไม่ถึงว่าจะเดาออกว่าเขาและโม่เฉียวหลิงเคยบังเอิญเจอกันมาก่อนด้วย!

“บังเอิญเจอกันตอนไปซื้อเกี๊ยวให้เธอ แต่พี่ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลยนะ” เหยียนหมิงซุ่นเน้นประโยคหลังเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเขา

เหมยเหมยทำหน้าประมาณว่า ‘ที่แท้ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ’ ฉายชัดบนใบหน้าพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องแฝงเจตนาร้าย ต้องอยากแต่งงานกับพี่อยู่อีกแน่ ๆ…หน้าไม่อายจริง ๆ!”

“วางใจเถอะ เขาเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วโป้งของเธอด้วยซ้ำ อีกอย่างทหารแต่งงานซ้อนไม่ได้ ฉะนั้นเรื่องที่เธอกังวลใจไม่เกิดขึ้นแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายอย่างใจเย็นเพื่อแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโม่เฉียวหลิงนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

เหมยเหมยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พูดเสียงฮึดฮัดว่า “ถ้าพี่กล้าแต่งงานซ้อน ฉันจะตัดน้องชายของพี่ซะ…”

ท่อนล่างของเหยียนหมิงซุ่นเย็นวาบ ภรรยาของเขาไม่เพียงแต่ฉลาดขึ้นเท่านั้นแต่ยังโหดเหี้ยมขึ้นอีกด้วย…

เสียงโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้น คุณลุงใหญ่โม่เป็นคนโทรมา หลังจากคุยกันครู่หนึ่งก็วางสายไป

“หมิงซุ่นวางใจเถอะ ลุงล็อกโทรศัพท์เอาไว้แล้ว ส่วนกุญแจลุงก็เป็นคนเก็บไว้เอง แถมยังไล่ป้าสะใภ้ใหญ่ไปทำไร่ทำนาแล้วด้วย วัน ๆคงว่างมากเลยก่อเรื่องขึ้นน่ะ”

คุณลุงใหญ่โม่โดนคุณยายโม่สั่งสอนมาชุดหนึ่งเลยทั้งโมโหทั้งอับอาย พอกลับบ้านไปจึงดุด่าภรรยาชุดใหญ่ และรีบโทรมาอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง

………………………………………….

ตอนที่ 2334 โลกเอาไม่อยู่แล้ว

“ป้าสะใภ้ใหญ่โม่อยากแนะนำโม่เฉียวหลิงให้รู้จักกับหลานชายของเธอ หลานชายของเธอก็ทำงานอยู่ในบริษัทเหมือนกัน” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

เหมยเหมยถอนหายใจแผ่วเบา ไม่ได้แนะนำให้เหยียนหมิงซุ่นก็แล้วไป แต่ว่า——

“ป้าสะใภ้ใหญ่ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คนอย่างโม่เฉียวหลิงจะเห็นหลานชายของป้าสะใภ้ใหญ่อยู่ในสายตาเหรอ? ในเมื่อมีพ่อแม่ที่โลภมากขนาดนั้น ฉันคิดว่าโม่เฉียวหลิงจะต้องอยากเป็นหนูตกถังข้าวสารแน่ ๆ”

แม้จะไม่เคยคบค้าสมาคมด้วยแต่เหมยเหมยก็มีความประทับใจที่ไม่ดีต่อโม่เฉียวหลิง

“ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน อย่าเสียเวลากับเรื่องคนอื่นเลย”

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากคุยเรื่องโม่เฉียวหลิงต่อเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะมันส่งผลต่ออารมณ์ของเขา

เหมยเหมยก็ไม่อยากจะนึกถึงผู้หญิงคนนี้แล้วเหมือนกัน อันที่จริงเธอวางใจในตัวของเหยียนหมิงซุ่นเกินร้อย เมื่อครู่ก็แค่จงใจพูดแหย่เล่นเท่านั้นเอง

เพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดแล้วว่าต่อให้ผู้ชายดีแค่ไหนก็ต้องตักเตือนบ้างเป็นครั้งคราว อย่าหละหลวมจนเกินไป เหมือนกับรถนั้นแหละ ขนาดรถยังต้องหมั่นขันน็อตให้แน่นเลย!

เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้!

เหมยเหมยคิดว่าโม่เฉียวหลิงเป็นเพียงคนแปลกหน้าซึ่งไม่นับว่าเป็นคนสัญจรบนท้องถนนด้วยซ้ำจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจนัก วันเวลาผ่านไปอย่างราบรื่นสงบสุขดี ส่วนหน้าท้องของเธอก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆด้วย

ตอนนี้อายุครรภ์ได้แปดเดือนครึ่งแล้ว วันครบกำหนดคลอดคือวันที่สิบแปดเดือนหนึ่งตามปฏิทินจีน ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคล

อีกไม่นานก็ใกล้จะวันปีใหม่แล้ว คุณย่าหยางเตรียมซื้อของปีใหม่ล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือน และยังทำผ้าอ้อมสำหรับเด็กกับเสื้อผ้าตัวเล็กไว้มากมายซึ่งมีทั้งของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง

เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนก็จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว คนหนุ่มสาววัยทำงานต่างก็เตรียมตัวกลับบ้านในช่วงปีใหม่

โม่ซิวหย่วนก็มาด้วย แถมยังพาคนคุ้นเคยมาด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยประหลาดใจที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างโม่ซิวหย่วนกับคนคุ้นเคยคนนี้ต่างหาก

“เซียวเซียงแฟนของฉันเอง พวกเธอน่าจะรู้จักกันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?” โม่ซิวหย่วนแนะนำอย่างง่าย ๆ สายตาที่จับจ้องเซียวเซียงเต็มไปด้วยความรัก

เซียวเซียงยิ้มพลางพูดว่า “เหมยเหมยยังจำฉันได้ไหม?”

เหมยเหมยใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมาจากคำว่า ‘แฟนของฉัน’ สามคำนี้ เธอพูดติดอ่างว่า “จำ…จำได้อยู่แล้วสิ พี่เซียวเซียงกลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ?”

อันที่จริงสิ่งที่เธออยากถามมากกว่าก็คือทำไมจู่ ๆพี่ถึงไปเป็นแฟนของโม่ซิวหย่วนได้ล่ะ?

จ้าวเสวียเอ๋อร์พี่สามของเธอรอผู้หญิงคนนี้มาตลอดเลยนะ!

หรือว่าพี่สามของเธอจะรักเขาข้างเดียวกัน?

“ฉันกลับมาเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนนี้ฉันเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าให้กับดิออร์” เซียวเซียงยังสวยเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับดูกระฉับบกระเฉงตามแบบฉบับสาววัยทำงานมากขึ้นและดูมีราศีขึ้นด้วย

เหมยเหมยตกตะลึง แบรนด์ดิออร์เป็นที่รู้จักระดับโลก เพิ่งย่างกรายเข้าฮวาเซี่ยมาได้ไม่นาน เซียวเซียงก็สามารถเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าของดิออร์ได้แล้ว นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบายถึงความสามารถของเธอแล้วล่ะ

ดูเหมือนว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาในต่างประเทศ เซียวเซียงจะประสบความสำเร็จไม่เบาทีเดียว!

“ยินดีด้วยนะคะพี่เซียวเซียง พี่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว” เหมยเหมยแสดงความยินดีจากใจจริง

นี่เป็นเหตุผลที่เซียวเซียงเลือกไปต่างประเทศ เพราะเธอไม่เต็มใจที่จะเรียนรู้การวาดภาพตามแผนของคุณปู่เซียวเหยียน เธออยากเดินตามเส้นทางของตัวเองแม้จะเต็มไปด้วยขวากหนามก็ตาม

“ขอบคุณนะ แต่ยังไกลจากเป้าหมายของฉันอีกเยอะ ฉันก็ขอแสดงความยินดีกับเธอด้วยนะที่มีลูกแล้ว” เซียวเซียงเองก็ดีใจกับเหมยเหมยด้วยเช่นกัน

เธอและเซียวเซ่อลูกพี่ลูกน้องของเธอยังลอยไปลอยมาไม่เป็นฝั่งเป็นฝาสักทีแต่สาวน้อยเหมยเหมยกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว แถมหน้าที่การงานก็ไม่แย่ ช่างเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง ๆ สมบูรณ์แบบที่สุดเลย!

“เซ่อเซ่อกลับมาหรือยัง? ยัยตัวดีกว่าจะโทรศัพท์หาฉันแต่ละทีก็นานหลายเดือนเชียว ทำตัวลึกลับซับซ้อน ฉันยังหาตัวไม่เจอเลย” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะบ่น

เซียวเซ่อเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอแต่อยู่ห่างกันไกลเหลือเกิน อีกอย่างจิตใจของผู้หญิงคนนี้ก็ป่าเถื่อนเกินไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดันตกหลุมรักการผจญภัยจนท่องผจญภัยไปรอบโลกแล้ว แถมได้ยินมาว่ากำลังคิดจะไปท่องแดนอวกาศอีกต่างหาก

โลกนี้มันเล็กเกินไปจนเอาเธอไม่อยู่แล้ว!

…………………………………….

ตอนที่ 2331 ชื่อค่อนข้างคุ้นหู

โม่เฉียวหลิงเล่ารายละเอียดสถานการณ์ปัจจุบันของเธออย่างอ้อมค้อม จุดประสงค์ก็เพื่อให้ป้าสะใภ้ใหญ่ช่วยพูดขอร้องให้เธอสามารถเข้าไปทำงานในบริษัทของโม่ซิวหย่วนนั่นเอง เธอเคยสืบถามดูแล้วก็รู้มาว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้

และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่คงต้องเข้าบริษัทเพื่อแสดงตัวบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อเปิดประชุมคณะกรรมการหรืออะไรสักอย่าง ถ้าหากเธอเข้าไปในบริษัทได้คงมีสักวันที่เธอได้พบกับเหยียนหมิงซุ่นแน่นอน…อีกอย่างคนใกล้ชิดมักจะได้ผลประโยชน์ก่อนใคร สุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นก็จะตกเป็นของเธออย่างง่ายดาย

ส่วนโม่ซิวหย่วน โม่เฉียวหลิงก็ไม่ได้คิดจะปล่อยไป เธอรู้สึกว่าโม่ซิวหย่วนก็เป็นตัวเลือกสำรองที่ไม่เลวเลยทีเดียว

หากยั่วยวนเหยียนหมิงซุ่นไม่สำเร็จ งั้นโม่ซิวหย่วนก็พอได้

เป็นภรรยาของผู้บริหารก็เฉิดฉายไม่เลวเช่นกัน

แน่นอนถ้าหากเป็นไปได้ โม่เฉียวหลิงยังคงอยากคบกับเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าอยู่ดี ถึงอย่างไรเหยียนหมิงซุ่นก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจของเธอมากกว่า และเธอเคยไปสืบถามมาก่อนแล้วว่าตำแหน่งทางทหารของเหยียนหมิงซุ่นนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ร่ำรวยแต่ยังมีอำนาจอีกด้วย

เมื่อเทียบกับภรรยาของผู้บริหารที่ไม่ขาดแคลนเงินแล้ว อันที่จริงเธออยากมีฐานะเป็นคุณหญิงผู้สูงส่งภรรยาของข้าราชการระดับสูงมากกว่า

ส่วนหัวหน้าโรงงานเล็ก ๆอย่างหลานชายของป้าสะใภ้ใหญ่ โม่เฉียวหลิงไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

ดีกว่าพวกพนักงานธรรมดานิดหน่อย ได้ยินมาว่าซื้อบ้านหลังเล็ก ๆในเมืองหลวงแล้วเรียบร้อยแต่เธอไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า เอาแต่ฝันกลางวัน!

ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่รู้ถึงความคิดในใจที่แท้จริงของโม่เฉียวหลิง เธอรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่จัดการเอาโม่เฉียวหลิงเข้าไปทำงานในบริษัทให้ได้ พอหลานชายของเธอได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับโม่เฉียวหลิงบ่อย ๆ นานวันเข้าความรักต้องค่อย ๆก่อตัวขึ้นแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องคู่กันอยู่ดี

แต่ป้าสะใภ้ใหญ่กลับไม่รู้เลยว่าบริษัทของโม่ซิวหย่วนใหญ่แค่ไหน และโรงงานกับสำนักงานก็ไม่ได้อยู่ที่เดียวกันเลย ถึงแม้ว่าโม่เฉียวหลิวจะเข้ามาทำงานในบริษัทก็ต้องอยู่แต่ในอาคารสำนักงานซึ่งห่างจากโรงงานไกลโข!

แล้วจะทำความรู้จักใกล้ชิดสนิทสนมบ่อย ๆกันได้อย่างไร?

คุณลุงใหญ่โม่ไม่รู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่คิดจะทำอะไร เขาคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระแล้วก่อนจะหยิบเหล้าและยาสูบขึ้นมาเพื่อจะเอาไปคืนด้วยตัวเอง

“ต่อให้โม่เฉียวหลิงเป็นนางฟ้าลงมาจากสวรรค์ฉันก็ไม่อยากได้ ใครใช้ให้พ่อแม่ของเธอเป็นคนใจดำกันล่ะ…หมิงซุ่นและซิวหย่วนต่างก็บอกว่าให้พวกเรายุ่งกับครอบครัวนี้ให้น้อยลงหน่อย เธอทำเป็นหูทวนลมหรือไง?”

คุณลุงใหญ่โม่เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์และขี้กลัว เขาไม่สนใจเรื่องธุรกิจเลยสักนิดและรักที่จะทำงานในพื้นที่เท่านั้น แต่เขามีข้อดีก็คือเชื่อฟัง

ขอแค่เป็นเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นสั่งไว้เขาก็จำมันจนขึ้นใจและไม่คิดจะฝ่าฝืนเด็ดขาด

ป้าสะใภ้ใหญ่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดถึงได้เกลี้ยกล่อมให้ลุงใหญ่โม่ไม่เอาของไปคืนได้สำเร็จ ทั้งยังบอกว่าผ่านไปสักระยะเธอจะเป็นคนเอาของไปคืนเอง

“เธออย่าลืมแล้วกัน” คุณลุงใหญ่โม่กำชับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

ป้าสะใภ้ใหญ่ตอบรับอย่างใจลอยเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี พอพี่สะใภ้ของเธอได้ฟังเรื่องราวของโม่เฉียวหลิงก็ตั้งใจมาแอบสังเกตดูโม่เฉียวหลิงเป็นพิเศษ ทั้งยังพึงพอใจในตัวเธอมากและคิดอย่างเดียวว่าอยากให้เธอมาเป็นหลานสะใภ้

ตอนนี้เธอขึ้นหลังเสือแล้วจะลงก็คงยากจึงทำได้แค่ดันทุรังทำต่อไปเท่านั้น

หวังแค่ว่าหลานชายและหลานสะใภ้จะพยายามช่วยเธอจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้!

เหมยเหมยที่โดนฝากฝังด้วยความหวังอันสูงลิ่วก็วางโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ

“พี่คะ พี่รู้จักโม่เฉียวหลิงไหม? ฉันรู้สึกคุ้น ๆชื่อนี้จังแฮะแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน”

เหมยเหมยทำหน้างงงวย เธอรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหลือเกินแต่เหมือนสมองแตกเป็นชิ้นส่วนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกสักที

เหยียนหมิงซุ่นนิ่งตะลึงไป ทำไมจู่ ๆเหมยเหมยถึงได้ถามถึงโม่เฉียวหลิงได้ล่ะ?

“เป็นแค่ญาติห่าง ๆในหมู่บ้านของยายพี่น่ะ ไม่สลักสำคัญอะไรหรอก เธอมีอะไรเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นแสดงสีหน้าไม่ใส่ใจเหมือนกำลังพูดถึงคนแปลกหน้ายังไงอย่างนั้น

…………………………………………..

ตอนที่ 2332 ยายแม่มดแก่ที่หลอกเอาเงินไปสองแสนหยวน

เหมยเหมยเล่าเรื่องที่ป้าสะใภ้ใหญ่โทรมาให้ฟัง “ป้าสะใภ้ใหญ่หาตัวพี่ซิวหย่วนไม่พบเลยอยากให้ฉันช่วยบอกเขาหน่อยว่าให้ช่วยจัดหางานในบริษัทให้โม่เฉียวหลิงที”

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง รออีกเดี๋ยวพี่จะโทรศัพท์กลับไปถามเอง”

เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าเรียบนิ่งแต่ในใจกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไม่พอใจกับทางญาติทางฝั่งนี้

เมื่อก่อนยามยากจน ครอบครัวตระกูลโม่มีความสามัคคีกันมากไม่ได้มองเรื่องเงินสำคัญอะไรขนาดนั้น

แน่นอนว่าเวลานั้นก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร

แต่พอหลังจากครอบครัวมีเงินความขัดแย้งก็มีมากขึ้นตามกาลเวลา แต่สำหรับภายนอกก็ยังดูเป็นหนึ่งเดียวกันดีอยู่ แต่ความขัดแย้งภายในเล็ก ๆน้อย ๆก็มีมาไม่หยุดหย่อน ยังดีที่คุณลุงคุณอาทั้งสามยังปรองดองรักใคร่กันดีมาโดยตลอด

แต่ระหว่างป้า ๆน้า ๆทั้งสามคนดูเหมือนจะสนิทกันแต่ภายในใจกลับไม่ใช่อย่างที่แสดงออกมา พวกเขามักจะกระทบกระทั่งกันไปมาทะเลาะขัดแย้งกันไม่หยุด

หากไม่ใช่เพราะมีคุณตาโม่คุณยายโม่ช่วยกันท่าไว้คงจะมีเรื่องมากกว่านี้แน่นอน

แม้รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยามทุกข์ยากยังร่วมทุกข์กันได้แต่ยามมั่งมีกลับยากที่จะร่วมสุขกันได้ นี่เป็นสัจธรรมความจริงอันเป็นนิรันดร์ แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังรู้สึกเหนื่อยใจอยู่ดี

ทั้ง ๆที่เตือนไปแล้วว่าอย่าไปมาหาสู่กับครอบครัวของโม่เฉียวหลิง แต่ป้าสะใภ้ใหญ่กลับทำหูทวนลม คาดไม่ถึงว่ายังคิดจะให้โม่เฉียวหลิงไปทำงานในบริษัทของเขาอีก?

ถึงแม้จะเคยพบปะเพียงครั้งเดียวในร้านเกี๊ยวป้าหวัง แต่เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสังหรณ์ใจว่าความคิดของหญิงสาวคนนี้ต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นการที่จู่ ๆป้าสะใภ้ใหญ่โทรมาโม่เฉียวหลิงน่าจะมีส่วนเอี่ยวด้วยแน่นอน

พอเหมยเหมยได้ยินว่าเหยียนหมิงซุ่นจะจัดการเองก็ตรงกับความต้องการของเธอพอดีจึงออกไปฝึกโยคะต่อ

หลังจากเธอออกไปเหยียนหมิงซุ่นก็โทรศัพท์หาคุณยายโม่

ตอนนี้ลุงและอาทั้งสามของตระกูลโม่ต่างมีความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย มีเพียงคุณตาและคุณยายเท่านั้นที่จริงใจกับเขา ฉะนั้นต้องเล่าสถานการณ์ให้ผู้อาวุโสทั้งสองรับรู้ถึงจะเหมาะสม

คุณยายโม่ยังสุขภาพแข็งแรงดี พอได้รับโทรศัพท์จากเหยียนหมิงซุ่นก็ดีใจมากพร้อมถามไถ่ด้วยความห่วงใย

“เหมยเหมยคงคลอดช่วงปีใหม่ใช่ไหม? ยายมีไก่ยี่สิบกว่าตัว หลังปีใหม่จะให้ซิวหย่วนติดไปเมืองหลวงด้วยเอาไว้ให้เหมยเหมยทานบำรุงร่างกายนะ”

เหยียนหมิงซุ่นพลันอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจกล่าวยิ้ม ๆว่า “คุณย่าของผมก็เลี้ยงไว้ไม่น้อย พอกินแล้วล่ะ คุณยายกับคุณตาเก็บเอาไว้กินเถอะครับ”

“ไม่ได้สิ เรื่องนี้หลานห้ามยุ่ง ยายจะให้ซิวหย่วนเอาไปด้วย ในเมื่อรถเขาก็ออกจะใหญ่โตขนไปได้สบาย ๆอยู่แล้ว ยายยังเก็บไข่ไว้อีกหลายร้อยฟองจะให้เอาไปพร้อมกันด้วยเลย”

คุณยายโม่ไม่ยอมท่าเดียว น้อยครั้งนักที่จะหัวรั้นเช่นนี้เหยียนหมิงซุ่นจึงต้องตามใจเธอ แต่เมื่อนึกถึงรถแลนด์โรเวอร์รุ่นใหม่ของโม่ซิวหย่วนที่อัดแน่นไปด้วยไก่ อยู่ดี ๆเขาก็นึกอยากหัวเราะออกมา

หลังจากคุยกันไปสองสามประโยคเหยียนหมิงซุ่นก็ถามถึงโม่เฉียวหลิง

“คุณยายครับ โม่เฉียวหลิงมาที่บ้านเราใช่ไหม?”

“ใช่ เธอเอาของมาฝากยาย ยายคุยกับเขาไปแค่สองสามประโยค ฟังน้ำเสียงของเธอแล้วน่าจะอยากทำงานในบริษัทของซิวหย่วนแต่ยายไม่ได้ตกปากรับคำอะไรนะ”

แม้ว่าคุณยายโม่จะอายุมากแล้วแต่ไม่ได้เลอะเลือนเลยสักนิด เธอเคยชอบโม่เฉียวหลิงผู้หญิงคนนี้ก็จริง แต่ในเมื่อหลานชายไม่ชอบ เธอก็ไม่อยากทำให้หลานชายต้องลำบากใจจึงรักษาระยะห่างไว้

“ทำไมหลานรู้ว่าเธอเคยมาที่บ้านเราล่ะ? เธอไปหาหลานเหรอ?” คุณยายโม่เคร่งเครียดขึ้นมา

“เปล่าครับ แต่ป้าสะใภ้ใหญ่โทรมาหาเหมยเหมย ขอให้เหมยเหมยช่วยจัดการให้โม่เฉียวหลิงได้ทำงานในบริษัทซิวหย่วน”

พอคุณยายโม่ได้ยินเช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที ดีจริง ๆ…คาดไม่ถึงว่าจะกล้าไปก่อกวนหลานสะใภ้ลับหลังเธอ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนลืมตัวแล้วหรือไงกัน!

“หลานไม่ต้องไปสนใจป้าสะใภ้ใหญ่หรอกนะ เลอะเลือนขึ้นทุกวัน เดี๋ยวยายจัดการเอง!”

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจ เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

คุณยายยังเป็นคุณยายคนเดิมเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

เพิ่งวางสายไปไม่นานเหมยเหมยก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมคำรามใส่เขาว่า “ฉันนึกออกแล้วว่าโม่เฉียวหลิงคนนี้เป็นใคร แม่ของเธอก็คือยายแม่มดแก่ที่หลอกเอาเงินพวกเราไปถึงสองแสนหยวนไม่ใช่เหรอ?”

…………………………………………..

ตอนที่ 2329 ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างกันลำดับที่ห้า

เหมยเหมยกดรับสายด้วยความฉงน “สวัสดีค่ะป้าสะใภ้”

“เหมยเหมยเหรอ หมิงซุ่นอยู่บ้านไหม?” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดเสียงดังฟังชัดเปี่ยมไปด้วยพลัง

“อยู่ห้องหนังสือค่ะ หนูไปเรียกเขามาแล้วกัน”

“ไม่ต้อง ๆ ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรหรอก บอกเธอก็เหมือนกัน อย่าไปรบกวนหมิงซุ่นทำงานเลย”

คุณป้าสะใภ้ใหญ่รีบห้ามเหมยเหมยไว้ซึ่งฟังดูแล้วไม่ค่อยอยากคุยกับเหยียนหมิงซุ่นนัก ทำให้เหมยเหมยยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม เธอไปหมู่บ้านตระกูลโม่ไม่บ่อยนักใช้นิ้วยังนับได้ งั้นป้าสะใภ้ใหญ่โม่ไม่อยากคุยกับเหยียนหมิงซุ่นแล้วมีธุระอะไรกับเธองั้นหรือ?

“ป้ามีธุระอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถามอย่างเกรงใจ

ป้าสะใภ้ใหญ่หัวเราะ เว้นช่วงสักพักถึงพูด “เหมยเหมยยังจำโม่เฉี่ยวหลิงได้ไหม?”

โม่เฉี่ยวหลิง?

เหมยเหมยนึกชื่อนี้ไม่ออกแต่ฟังดูน่าจะเป็นหญิงสาวอายุยังน้อย อีกทั้งต้องเป็นคนในหมู่บ้านตระกูลโม่แต่ไม่มีทางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นแน่นอน

เพราะคุณลุงทั้งสามคนของเหยียนหมิงซุ่นมีลูกชายทั้งนั้น มีเพียงคุณลุงคนเล็กโม่เหวินต้งที่มีลูกสาวคนหนึ่งแต่ไม่ได้ชื่อนี้ แถมเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นประถมอีกต่างหาก!

“ป้าสะใภ้ โม่เฉี่ยวหลิงคือใครเหรอคะ?” เหมยเหมยถามไปตรง ๆ

คุณป้าสะใภ้ใหญ่หัวเราะอีกทีแล้วกล่าว “เป็นลูกสาวคนหนึ่งของคนร่วมตระกูลเดียวกันในหมู่บ้าน เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆกันลำดับที่ห้าของหมิงซุ่น เมื่อก่อนเคยมาทานข้าวบ้านเรา ตอนนั้นเธอก็อยู่ เวลาผ่านไปนานเธออาจจะลืมไปแล้ว”

เหมยเหมยรับคำอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก แต่ก็นึกหน้าลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆคนนี้ไม่ออกว่าเป็นใครอยู่ดี

ป้าสะใภ้ใหญ่พูดต่อ “เรื่องเป็นแบบนี้นะ เฉี่ยวหลิงก็อยู่เมืองหลวงเหมือนกัน ปีนี้เพิ่งเรียนจบมหาลัย ช่วงก่อนหน้านี้เคยมาเยี่ยมคุณยายของหมิงซุ่นที่บ้านเรา เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่รู้ความคนหนึ่งเลยแหละแต่แค่โชคร้ายไปหน่อยถึงตอนนี้ก็ยังหางานไม่ได้ กำลังใช้ชีวิตเตร็ดเตร่ที่เมืองหลวงอยู่น่ะ!”

เหมยเหมย ‘…เกี่ยวอะไรกับฉัน?’

เธอไม่ได้ปริเสียงแต่ฟังป้าสะใภ้ใหญ่เล่าไปเรื่อย ๆ

ผิดที่เธอกลับหมู่บ้านตระกูลโม่น้อยครั้งเกินไปเมื่อก่อนถึงได้คิดว่าป้าสะใภ้ใหญ่คนนี้เป็นคนสงบเสงี่ยมคนหนึ่ง ไม่ปริเสียงใด ๆตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่ความจริงกลับตบหน้าเธอฉาดใหญ่เชียวล่ะ

พูดเก่งไม่มีหยุดหอบหายใจเลยสักนิด ไม่จำเป็นต้องชวนเธอคุยด้วยซ้ำ ลำพังบ่นคนเดียวก็กินเวลาไปครู่ใหญ่แล้ว

……

พร่ำบ่นไปเกือบครึ่งชั่วโมงจนหูโทรศัพท์เริ่มร้อนแล้ว ป้าสะใภ้ใหญ่เล่าเรื่องราวอันน่าชื่นชมสมัยเรียนของโม่เฉี่ยวหลิงที่คาดว่าพูดต่อไปคงย้อนไปถึงเรื่องวัยเด็กว่าเริ่มเข้าห้องน้ำเองเป็นตั้งแต่กี่ขวบ

“ป้าสะใภ้ โม่เฉี่ยวหลิงทำไมเหรอคะ?”

เหมยเหมยจำต้องขัดเสียงป้าสะใภ้ใหญ่ที่ช่างจ้อไม่หยุดคนนี้เสีย เธอไม่มีความอดทนมากพอที่จะคุยเรื่องสัพเพเหระกับคุณป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยจริง ๆ

ป้าสะใภ้ใหญ่ยังทำท่าไม่อยากจบ หลังจากที่บ้านติดตั้งโทรศัพท์เธอก็ได้วิธีฆ่าเวลาที่ดี–

นั่นก็คือการคุยโทรศัพท์

ทำงานบ้านเสร็จแม่บ้านชาวเกษตรกรรมที่จู่ ๆก็ร่ำรวยขึ้นมาไม่มีงานทำก็เปิดสมุดเบอร์โทรแล้วไล่โทรทีละบ้าน ๆ คุยเรื่องทั่วไป คุยเรื่องดารา ข่าวโทรทัศน์…กระทั่งเรื่องสำคัญระดับชาติ…

เธอสามารถคุยได้ทุกเรื่องจนไล่โทรหมดทั้งสมุดรายชื่อ จนกระทั่งฟ้ามืดแล้วควรเตรียมตัวทำกับข้าวแล้วถึงยอมหยุด

หนึ่งปีผ่านไป วันแล้ววันเล่าจนใช้ชีวิตด้วยวิธีนี้มาหลายปี

ตระกูลโม่ไม่ขาดแคลนเงิน ไม่อย่างนั้นหากคุยโทรศัพท์อย่างเธอเงินคงหมดเกลี้ยงทั้งบ้าน

ป้าสะใภ้ใหญ่เลยต้องเข้าสู่เรื่องสำคัญ “คืออย่างนี้นะ เหมยเหมยช่วยบอกซิวหย่วนทีได้ไหมว่าให้โม่เฉี่ยวหลิงเข้าไปทำงานในบริษัทบ้านเรา ยังไงก็คนกันเองนี่นา เวลาจ้างงานจะได้วางใจ…เธอว่าไหมล่ะ…”

……………………….

ตอนที่ 2330 แผนการของป้าสะใภ้ใหญ่

เหมยเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย บริษัทที่โม่ซิวหย่วนเป็นคนดูแลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลโม่เลยเพราะหุ้นรายใหญ่สุดคือเธอ เหยียนหมิงซุ่นได้โอนหุ้นร้อยละห้าสิบห้าไว้ภายใต้ชื่อของเธอ

โม่ซิวหย่วนกับโม่เหวินต้งมีหุ้นส่วนเพียงคนละสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้หุ้นส่วนคนอื่น ๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลโม่เลยสักนิด

ป้าสะใภ้ใหญ่พูดเช่นนี้เหมยเหมยไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่เธอก็คร้านจะถือสาเพราะป้าสะใภ้ใหญ่ไม่มีการศึกษาอะไร เป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานธุรกิจ เพียงเธอแต่แค่สงสัย

“ป้าสะใภ้คะ ทำไมไม่ไปบอกพี่ซิวหย่วนเองละคะ ให้เขาจัดการเองก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ถึงแม้โม่ซิวหย่วนจะเป็นลูกชายคุณอารองโม่แต่ก็เป็นหลานชายแท้ ๆของป้าสะใภ้ใหญ่ที่สนิทกว่าเหยียนหมิงซุ่นเสียอีก พอเทียบกับคนนอกอย่างเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

อีกอย่างโม่ซิวหย่วนเป็นถึงผู้บริหารดูแลบริษัทที่แท้จริง แม้เรื่องสำคัญจะต้องได้รับการอนุญาตจากเหยียนหมิงซุ่น แต่เรื่องเล็กอย่างรับพนักงานไม่จำเป็นต้องถามความเห็นเหยียนหมิงซุ่นเลย ลำพังโม่ซิวหย่วนคนเดียวก็ตัดสินใจได้แล้ว

ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ไปคุยกับโม่ซิวหย่วนแต่กลับมาอ้อมค้อมแบบนี้ เสียแรงเปล่าจริง ๆ!

“เอ่อ…ซิวหย่วนงานยุ่งนี่นาช่วงนี้เลยหาตัวไม่เจอ ฉันเลยโทรมาหาเธอแทน เหมยเหมยเธอช่วยพูดแทนหน่อยสิ ยังไงก็ญาติกัน ช่วยได้ก็ช่วย เฉี่ยวหลิงทำงานได้แน่ ๆ ต้องช่วยบ้านเราหาเงินได้แน่ ๆ”

ป้าสะใภ้ใหญ่พูดชมอีกยกหนึ่ง ชื่นชมจนแทบเอาโม่เฉี่ยวหลิงเปรียบเป็นนางฟ้าบนสวรรค์จนเรียกให้เหมยเหมยยิ่งสงสัยในตัวโม่เฉี่ยวหลิง

“เรื่องบริษัทฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไรค่ะ เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะลองบอกพี่หมิงซุ่นดูว่าเขาจะว่าอย่างไรนะคะ”

เหมยเหมยยังข้องใจอยู่ อีกอย่างเธอไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบริษัทเลยไม่กล้ารับปากทันที

ใครจะรู้ว่า–

“อย่า…หมิงซุ่นงานยุ่งขนาดนั้น เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็อย่าไปทำให้เขาเสียเวลาทำงานเลย เหมยเหมยเธอบอกซิวหย่วนหน่อยก็พอ” ป้าสะใภ้ใหญ่น้ำเสียงฟังดูประหม่าอย่างมากคล้ายกลัวจะถูกเหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องนี้เข้า

เหมยเหมยยิ่งสงสัยไปกันใหญ่แล้วพูดกลบเกลื่อนกับป้าสะใภ้ใหญ่ไปไม่กี่ประโยคก่อนจะวางสายไปด้วยความงุนงง

ณ หมู่บ้านตระกูลโม่

ป้าสะใภ้ใหญ่เพิ่งวางสายไปคุณลุงใหญ่โม่ก็เข้าบ้านมา พอเห็นเธอถือหูโทรศัพท์ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เธอโทรหาใครอีกแล้ว?”

ลำพังค่าโทรศัพท์รายเดือนที่บ้านก็ตั้งสามสี่พันแทบเพียงพอให้คนทั้งหมู่บ้านได้กินได้ใช้แล้ว คุณลุงใหญ่โม่ไม่ค่อยพอใจกับนิสัยนี้ของป้าสะใภ้ใหญ่ หากไม่มีลูกชายลูกสะใภ้คอยห้ามเขาคงทุ่มโทรศัพท์จนพังไปแล้ว

“…โทรหาพี่สะใภ้ฉันน่ะ…” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดกลบเกลื่อน ขณะที่ในใจก็เต้นตึกตักเหมือนรัวกลองเพราะกลัวลุงโม่รู้เรื่องแล้วจะด่าเธอเอา

ลุงใหญ่โม่แค่นเสียงทีหนึ่งอย่างไม่พอใจนัก พอสังเกตเห็นบุหรี่เหล้าบนตู้ก็อัดอั้นใจแทบแย่ สีหน้าจึงดูแย่ในชั่วขณะ

“ทำไมเธอยังไม่เอาของพวกนี้ไปคืนให้บ้านมู่เกินอีก รีบไปคืนซะ หลังจากนี้ก็อย่าไปยุ่งกับคนบ้านนี้นัก” ลุงใหญ่โม่ไม่พอใจอย่างมาก

“เฉี่ยวหลิงไม่เหมือนพ่อแม่เธอสักหน่อย เมื่อก่อนคุณก็ชมว่าเธอเป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอ เราอย่าเหมารวมได้ไหม?” ป้าสะใภ้ใหญ่กำลังช่วยพูดแก้ต่างให้โม่เฉี่ยวหลิง

ความจริงเธอมีแผนในใจเพราะหลานชายฝั่งบ้านเกิดเธอทำงานอยู่บริษัทโม่ซิวหย่วน แม้จะเป็นเพียงนักเรียนจบมัธยมปลายแต่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มแล้ว เดือนหนึ่งมีรายได้ตั้งสี่พันกว่าหยวนซึ่งสูงกว่านักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยดัง ๆบางคนเสียอีก

ฉะนั้นครอบครัวฝั่งแม่ของเธอจึงตั้งมาตรฐานในการเลือกลูกสะใภ้ไว้สูงมาก ทั้งต้องหน้าตาดีนิสัยดีและจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทางที่ดีควรเป็นคนบ้านเดียวกันแล้วช่วยกันทำงานที่เมืองหลวงได้ก็ยิ่งดี…

ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆนา ๆจึงทำเอาแม่สื่อแม่ชักทั้งหลายต่างจนปัญญา กระทั่งป่านนี้แล้วหลานชายเธออายุยี่สิบแปดปีก็ยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมายที่ดีสักที เห็นว่าใกล้จะอายุสามสิบปีแล้วก็ทำเอาแม่กับพี่สะใภ้ของเธอร้อนใจแทบแย่

จนเมื่อหลายวันก่อนโม่เฉี่ยวหลิงแวะมาที่บ้าน ป้าสะใภ้ใหญ่เลยคิดว่าพระเจ้าได้ส่งหลานสะใภ้คนหนึ่งมาให้เธอ นี่มันบุพเพสันนิวาสชัด ๆ!

…………………………

ตอนที่ 2327 กล้าได้กล้าเสีย

ฉางชิงซงไม่กล้าบอกว่าฉีฉีเก๋อไม่ยอมกลับมาเลยตอบกลับอ้ำ ๆอึ้ง ๆไปว่า “ตอนนี้ฉีฉีเก๋อท้องอยู่จะดูแลแม่อย่างไร? ผมจะส่งแม่กลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ”

คุณแม่ฉางจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าฉีฉีเก๋อไม่อยากกลับมาเลยด่าว่า “ยายสำส่อนนั่นยังกล้าไม่กลับมาอีก ลูกบอกเธอว่าถ้าไม่กลับมาก็หย่ากันไปเลย ดูสิว่าคนท้องอย่างเธอจะไปไหนได้!”

“แม่พูดบ้าอะไรน่ะ ฉีฉีเก๋อกำลังท้องหลานแม่อยู่นะ” ฉางชิงซ่งไม่ค่อยพอใจนัก แม่ของเขามักพูดอะไรไม่ผ่านสมองคัดกรองเสมอ มิน่าฉีฉีเก๋อถึงได้โกรธขนาดนั้น

ฉางชิงซงกลับไม่ทันสังเกตว่าแม่ของเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือท่าทางป่วยออด ๆแอด ๆอีกต่อไปแล้ว ดูมีเรี่ยวมีแรงขนาดตอนด่ายังไม่ติดขัดสักนิด

คุณแม่ฉางกลอกตาทีหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ “ลูกรัก แม่จะบอกให้นะ ลูกสาวรองผู้ว่าการระดับมณฑลถูกตาต้องใจลูกล่ะ ตอนนี้เธอสอนอยู่โรงเรียนมัธยมหนึ่งในเมืองหลวง แถมอีกฝ่ายบอกแล้วว่าถ้าแต่งงานเกี่ยวดองกันรับรองว่าน้องสาวของลูกจะได้เข้าไปทำงานที่ว่าการระดับมณฑลแน่นอน”

ฉางชิงซงแค่รู้สึกทึ่ง “แม่สติเลอะเลือนหรือเปล่า ผมแต่งงานกับฉีฉีเก๋อแล้วจะไปหาคู่ได้อย่างไรอีก!”

“ฉีฉีเก๋อมีอะไรดี บ้านเราไม่ได้ผลประโยชน์เลยสักนิด อย่างไรซะลูกก็ไม่ได้จัดงานแต่งที่บ้านเกิดอยู่แล้ว คนที่บ้านเกิดไม่รู้ว่าลูกแต่งงานแล้ว ลูกก็แอบหย่ากับยัยสำส่อนนั่นซะ เราไปเกี่ยวดองกับลูกสาวรองผู้ว่าการกัน ดีกว่าฉีฉีเก๋อตั้งร้อยเท่า”

คุณแม่ฉางพูดน้ำไหลไฟดับตาวาววับ อนาคตเธอจะได้เป็นครอบครัวเดียวกับรองผู้ว่าการแล้ว น่าเฉิดฉายจะตาย!

ฉางชิงซงส่ายศีรษะ “แม่รีบไปปฏิเสธเรื่องนี้ให้ผมเลย ทำอะไรบ้า ๆเนี่ย ผมไม่มีทางหย่ากับฉีฉีเก๋อหรอก…”

ขณะนี้เองเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณแม่ฉางยืนตัวตรงดูท่าทางแข็งแรงดีมากเลยอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ว่า “แม่หายป่วยแล้วเหรอ?”

“ยัง…รู้สึกไม่สบายทั้งตัวเลย…โอ๊ย…ปวดจะตายอยู่แล้ว…” คุณแม่ฉางสะดุ้งแล้วรีบนอนลงส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนคนใกล้ตายอย่างไรอย่างนั้น

ฉางชิงซงพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วจึงไม่สนใจแม่ของเขาอีก จากนั้นวิ่งไปซื้อตั๋วรถที่สถานีเป็นรถรอบเก้าโมงเช้าในวันพรุ่งนี้ เดิมทีเขายังคิดจะไปส่งแม่ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ได้พับเก็บความคิดนี้ไปแล้ว

“ผมโทรบอกพ่อแล้ว พ่อจะไปรับแม่ที่สถานีเอง ทางนี้ผมจะเป็นคนส่งแม่ขึ้นรถ นี่เงินสองร้อยนี้แม่เก็บไว้ใช้ระหว่างทางนะ”

เช้าตรู่ของอีกวันฉางชิงซงก็เตรียมตัวไปส่งแม่ของเขาที่สถานีรถไฟ คุณแม่ฉางต้านไม่ไหวเลยจำต้องถูกพาตัวไปยังสถานีโดยระหว่างทางก็ทำหน้าถมึงทึงแต่ในหัวกำลังทำงานอย่างหนัก

ต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่ต่อได้นะ?

เธอไม่อยากกลับเลยจริง ๆ!

ช่วงบ่ายฉางชิงซ่งก็มาพาฉีฉีเก๋อกลับไป ทั้งยังรับปากว่าจะเอาเงินเดือนให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องในบ้านเธอก็เป็นคนตัดสินใจ…

ฉีฉีเก๋อไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อเลยกลับไปพร้อมกับฉางชิงซง ฉางชิงซงกลับกองถ่ายภายในวันเดียวกันอย่างไม่รีรอ เหลือเพียงฉีฉีเก๋ออยู่บ้านคนเดียวที่แม้จะเงียบเหงาไปบ้างแต่สบายกว่ามากเมื่อเทียบกับชีวิตลำเค็ญก่อนหน้านี้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะซื้ออาหารดี ๆมาส่งให้เป็นระยะ ๆซึ่งลุงปาเกินเป็นคนฝากเธอซื้อจึงทำให้ไม่เคยขาดเนื้อปลาเนื้อไก่เลยแม้แต่วันเดียว ฉีฉีเก๋อได้รับสารอาหารเต็มที่สุขภาพกายก็แข็งแรงตามลำดับ

มื้อเย็นวันหนึ่งเหมยเหมยจงใจเอ่ยถามต่อเหยียนหมิงซุ่นว่า “วันนั้นพี่พนันไม่ใช่เหรอ ของเดิมพันคืออะไร?”

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว เห็นท่าทางได้ใจของเธอก็รู้แล้วว่าคุณแม่ฉางต้องกลับไปแล้วแน่นอนพลันรู้สึกว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง ยายแก่ปีศาจนั่นจะเชื่อฟังคำสั่งขนาดนั้นเชียวหรือ?

เขาถามด้วยท่าทางเรียบเฉย “กลับไปแล้วเหรอ?”

“ใช่…ส่งกลับไปเมื่อเช้านี้ พี่แพ้แล้ว ไม่ดีกว่า ของเดิมพันฉันจะติดไว้ก่อนค่อยขอจากพี่วันหลัง!” เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก

เหยียนหมิงซุ่นดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ เพิ่งทานข้าวได้ครู่เดียวก็ช้อนตัวเหมยเหมยขึ้นพร้อมพูดหยอกเอินว่า “จะให้ของเดิมพันเดี๋ยวนี้เลย…”

เขามอบของเดิมพันให้อย่างสุดกำลัง ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว…

“ไม่เอา…ไอ้บ้า…ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนี้สักหน่อย…”

………………………..

ตอนที่ 2328 ทารกในครรภ์ไม่กลับหัว

ไม่มียายแก่ปีศาจคอยป่วนชีวิตฉีฉีเก๋อก็กลับมาสงบสุขดังเดิม เหมยเหมยยังคงอยู่บ้านดูแลครรภ์อย่างสุขสบายเช่นเดิม ไม่นานก็ถึงสิ้นปีซึ่งท้องของเธอนูนสูงเหมือนกระบุง

“อีกสองเดือนก็จะคลอดแล้ว คุณต้องเดินเยอะ ๆ ตอนคลอดจะได้ง่ายหน่อย”

คุณหมอเน้นย้ำตอนเธอไปตรวจครรภ์ ทั้งยังบอกว่าลูกของเธอได้รับสารอาหารดีเกินไป

“ครรภ์ค่อนข้างใหญ่ อีกอย่างทารกในครรภ์ไม่กลับหัว เวลาคลอดธรรมชาติจะเสียพลังงานมาก คุณต้องเดินเยอะ ๆ เพื่อให้ทารกในครรภ์กลับหัว สองเดือนนี้พยายามควบคุมอาหารหน่อย เอาแต่พอดีจะดีกว่า”

คุณหมอยิ้มตาหยี เธอคือหัวหน้าแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลในเขตทหารซึ่งเป็นหมอสูตินรีเวชที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ครรภ์นี้ของเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นก็ได้จับจองตัวผู้เชี่ยวชาญคนนี้ไว้แล้ว มีเธอคอยจับตาดูอยู่ตลอดจึงสร้างความสบายใจขึ้นมาก

“ครรภ์ขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้คลอดยากหรือเปล่า? ต้องผ่าท้องคลอดไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นดันเป็นฝ่ายกังวลใจแทน การตรวจครรภ์ครั้งก่อน ๆเขาพลาดไปทั้งหมด วันนี้เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

แค่เขาได้ยินว่าทารกในครรภ์ตำแหน่งยังไม่ถูกต้องนักก็เริ่มกังวลว่าเหมยเหมยจะคลอดยากหรือเปล่า เพราะสองเหตุผลตามตำราที่ทำให้คลอดยากเหมยเหมยล้วนมีทั้งสิ้น เขาจึงเริ่มประหม่าขึ้นมา

“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เหลือเวลาจากกำหนดคลอดอีกสองเดือน ขอแค่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็สามารถปรับได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆฉันไม่แนะนำให้ผ่าคลอดเพราะการคลอดธรรมชาติจะดีต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก” คุณหมอกล่าว

เหมยเหมยเองก็ไม่เห็นด้วย

“ไม่เอาผ่าท้องคลอด ฉันคลอดได้แน่ ๆ กลับไปฉันจะเล่นโยคะ”

มีรอยแผลเป็นบนหน้าท้องน่าเกลียดเกินไป อนาคตจะใส่กางเกงเอวต่ำก็ไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อก่อนเธอเคยได้ยินมาว่าเด็กที่มาจากการผ่าท้องคลอดสมองจะเติบโตได้ไม่เต็มที่ ไม่ฉลาดเท่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ

ไม่ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่นั้น อย่างไรเสียหากไม่ถึงขั้นจำเป็นจริง ๆ เธอจะขัดขวางทุกสาเหตุที่มีผลเสียต่อลูกทั้งหมด

นอกจากสารอาหารดีเกินไปกับทารกไม่กลับหัว ค่าอื่น ๆของเด็กทารกก็สมบูรณ์แบบมาก

เพิ่งกลับถึงบ้านเหมยเหมยก็เปิดดนตรีที่ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์เพื่อเตรียมเล่นโยคะสักชั่วโมงหนึ่ง

ช่วงนี้ในเมืองหลวงนิยมเล่นกันเห็นว่าช่วยยืดอายุให้อยู่นานขึ้น ช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้คนอายุแปดสิบแต่มีพลังชีวิตเหมือนคนอายุยี่สิบเลยก็ว่าได้…

นี่ต้องพูดเกินจริงอยู่แล้วแต่การที่ผู้หญิงเล่นโยคะสามารถรักษาหุ่นได้ดีจริง ๆ ทั้งยังช่วยขับให้ดูอ่อนเยาว์ เพียงแต่เงื่อนไขก็คือ–

ยืนหยัด!

ต้องยืนหยัด!

การทำอะไรไม่ต่อเนื่องมักไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว

คุณแม่เซียวเซ่อคุณหนูใหญ่เฝิงเล่นอยู่เกือบยี่สิบปี ถึงทำให้ตอนนี้เธอเป็นคุณป้าอายุสี่สิบห้าสี่สิบหกปีแล้วแต่กลับยังดูเหมือนอายุสามสิบปีกว่า ๆเท่านั้น อีกทั้งหุ่นยังผอมเพรียวดูน่าเย้ายวน แถมยังคงเป็นสาวงามที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหลวงด้วย

และยังคงมีการนัดหมายกับเซียวจิ่งหมิง…ไม่เคยขาดสาย…

เฝิงไห่ถังเป็นผู้แนะนำให้เหมยเหมยลองเล่นโยคะดูโดยบอกให้เธอฝึกทุกวันตั้งแต่ช่วงท้องวันละหนึ่งชั่วโมง หากทำให้เป็นนิสัยรับรองว่าต้องมีเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่นอนอยู่บนเสื่อโยคะยิ้มพลางส่ายหน้า ผู้หญิงชอบหาเรื่องทรมานตัวเองจริง ๆ

เขาไปทำงานที่ห้องหนังสือเพราะเหมยเหมยได้เข้าสู่ช่วงตั้งสมาธิซึ่งเจ้าไม่รับรู้เรื่องรอบตัวอีกต่อไปเหมือนได้โบยบินอยู่กลางอากาศ รู้สึกดีเหลือเกิน

แต่–

โทรศัพท์ดังขึ้น

แม้ป้าฟางจะมารับสายทันท่วงทีแต่ก็ขัดสมาธิจนไม่สามารถกลับสู่สภาวะนั้นได้อีก เหมยเหมยถอนหายใจ

“คุณหนู คุณป้าสะใภ้ใหญ่ของคุณชายหมิงโทรมา” ป้าฟางพูดเสียงเบา

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ คุณป้าสะใภ้ใหญ่หรือ?

เธอโทรมาทำไมกันนะ?

……………………….

ตอนที่ 2325 ทางที่ดีที่สุดคือหย่า

ฉางชิงซงทำหน้าผิดหวังอย่างมาก เขาสื่อว่าจะกลับไปซื้อตั๋วรถให้แม่เขาทันทีที่ถึงบ้าน แล้วหวังว่าฉีฉีเก๋อจะกลับบ้านไปกับเขาก่อน

“ขอแค่แม่พี่ยังอยู่บ้านหนึ่งวัน ฉันก็จะไม่มีทางกลับบ้านแน่นอน”

ฉีฉีเก๋อไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เธอจะไม่เป็นคนที่ไร้ศักดิ์ศรีอีกต่อไป คุณแม่ฉางต้องกลับไป!

ฉางชิงซงจำต้องลากลับก่อน ฉีฉีเก๋อพรูลมหายใจเฮือกหนึ่งที่ไหล่ลู่ลงพลางทำหน้าตึงเครียด

“เธอจะเครียดทำไม? ต้องหนักแน่นเหมือนเมื่อกี้สิ อย่าหูเบาเกินไป คำพูดของผู้ชายเชื่อได้แค่ครึ่งเดียว ถ้าเธอเชื่อหมดเธอนั่นแหละที่โง่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถือโอกาสสั่งสอนจนเผลอลืมตัวว่าอยู่ที่ใด

พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินว่าฉางชิงซงกลับไปแล้วจึงออกมาจากห้องหนังสือ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูใหญ่เหริ่นเข้าจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

เพื่อนคนนี้ของเหมยเหมยค่อนข้างเป็นคนมีน้ำใจแต่ปากนี่…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นออกมาแล้วจึงยังพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “ถ้อยคำหวาน ๆของผู้ชายเธอก็ถือว่าเป็นลมตด ประเด็นคือต้องกำเงินไว้ให้ดี เงินเดือนกับเงินพิเศษของฉางชิงซงต้องให้เธอไม่ขาดแม้แต่หยวนเดียว ครั้งนี้ต้องพูดให้ชัดเจน ฉันบอกเธอไว้เลยนะ ความจริงผู้ชายน่ะเป็นพวกชอบอยู่ไม่สุข จะดีกับเขามากไม่ได้ ต้องคอยตักเตือนเป็นระยะ ๆ…”

“อะแฮ่ม…”

เหยียนหมิงซุ่นทนฟังต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าท่า

เสียงของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยุดชะงักทันทีพลางทำหน้าตกใจ โอ๊ย คุณท่านคนนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไร?

ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวสักนิดอย่างกับวิญญาณแหนะ!

“เอ่อ…ฉันกลับก่อนล่ะ…ฉีฉีเก๋อเธอทำตามที่ฉันบอกล่ะ อย่าทำเป็นหูทวนลมอีกนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาเยือกเย็นของเหยียนหมิงซุ่นจึงไม่กล้าอยู่ต่อก่อนจะขอตัวกลับไปอย่างเร็ว

ฉีฉีเก๋อเองก็กลัวเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้างเลยส่งยิ้มให้เขาก่อนจะลุกยืนแล้วเดินกลับเข้าห้องเหลือพื้นที่ไว้ให้สองสามีภรรยาเหมยเหมย

เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำ เหยียนหมิงซุ่นไม่น่ากลัวสักนิด ทำไมเพื่อนของเธอถึงกลัวเขาขนาดนี้กันนะ?

“วันนี้ลูกเป็นเด็กดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นนั่งลงข้าง ๆเหมยเหมยแล้วยื่นมือลูบหน้าท้องเธอไปมา มีเท้าเตะเขาเหมือนอย่างเคยและแรงมากขึ้นเรื่อย ๆอีกต่างหาก

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆ พอย้ายมือไปที่ไหนเท้าเล็ก ๆก็จะขยับตามมาเตะทันที

เหมยเหมยห้ามมือเหยียนหมิงซุ่นไว้พลางพูดตำหนิ “ทำตัวเหมือนเด็กขึ้นทุกวัน แค่นี้ก็เล่นสนุกเชียว!”

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกแล้วพูดขึ้น “ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่เลย แรงเยอะขนาดนี้ ไหวพริบก็ดีด้วย ไม่เลวเลย”

เหมยเหมยเองก็คิดว่าเป็นเด็กผู้ชายเช่นกันเพราะวัน ๆเหมือนตีลังกาอยู่ในท้องของเธอ ซนขนาดนี้ต้องเป็นผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นลูกของฉันทั้งนั้น” เหมยเหมยก้มหน้ามองท้องที่มีรังสีความเป็นแม่แผ่ออกจากรอบตัว

เหยียนหมิงซุ่นคิดอะไรออก เขาไม่ได้รบกวนเหมยเหมยแต่ลุกย่องไปเอากล้องถ่ายรูปมากดถ่ายภาพนี้เอาไว้

บันทึกช่วงเวลาอันแสนงดงามนี้ไว้เป็นที่ระลึกให้ลูก เพื่อไม่ให้เขาลืมความลำบากตอนแม่ตั้งครรภ์

ทั้งคู่ซบพิงกันก่อนจะเริ่มคุยเรื่องสัพเพเหระ เมื่อครู่แม้เหยียนหมิงซุ่นจะอยู่ในห้องหนังสือแต่เขากลับได้ยินคำพูดทุกประโยคของฉางชิงซง จากที่เขามองความในใจของผู้ชายคนนี้ก็พอรู้ว่าตำแหน่งของแม่สำคัญกว่าภรรยาอย่างแน่นอน

อีกอย่างถึงฉางชิงซงจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีการศึกษาความรู้ระดับสูงแต่ความคิดของเขายังเป็นแนวความคิดสังคมชายเป็นใหญ่แบบดั้งเดิม สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ชายคนนี้ใจแคบขี้เหนียว ยอมให้ฝ่าฝันแต่เพียงความลำบากไปด้วยกันแต่ยากที่จะแบ่งปันความสุขสบายให้แก่กัน

นับว่าไม่ใช่คนดีอะไร!

“ความจริงวิธีที่ดีที่สุดคือหย่า ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป” เหยียนหมิงซุ่นบอก

เหมยเหมยหยักไหล่ “ฉันก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ชีวิตเป็นของฉีฉีเก๋อให้เธอตัดสินใจเองดีกว่า บางทีฉางชิงซงอาจจะปรับปรุงตัวก็ได้!”

“ไม่มีทาง…พี่พนันกับเธอได้เลยว่าแม่ของเขาต้องอยู่ต่อแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมั่นใจแล้วลุกไปคั้นน้ำส้มที่ห้องครัว คนท้องต้องทานวิตามินให้มาก น้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วต่อวันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

……………………..

ตอนที่ 2326 แกล้งป่วย

เหยียนหมิงซุ่นพูดถูกเผงเพราะยายแก่ปีศาจไม่ได้กลับไปตามคาด

ช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้นฉางชิงซงก็มาหาและดูท่าทางเหนื่อยล้าอย่างมาก บอกว่าแม่ของเขากำลังให้น้ำเกลืออยู่เพราะเมื่อคืนจู่ ๆก็ล้มป่วยไป

“ฉีฉีเก๋อ พี่ขอลามาแค่สัปดาห์เดียว ไม่มีเวลาจริง ๆ เธอกลับมาได้ไหม?” ฉางชิงซงอ้อนวอน

ฉีฉีเก๋อมีสีหน้าลังเลหน่อย ๆ เหมยเหมยถามขึ้นว่า “ทำไมจู่ ๆแม่ของนายถึงป่วยได้ล่ะ? ป่วยเป็นโรคอะไรเหรอ?”

ฉางชิงซงถอนหายใจ “โรคเดิม ๆแหละ โรคข้ออับเสบเรื้อรังที่มักจะกำเริบอยู่บ่อย ๆ”

ฉีฉีเก๋อกัดฟัน “จ้างพี่เลี้ยงเถอะ ตอนนี้ฉันดูแลตัวเองยังแทบไม่ได้ไม่มีกำลังไปดูแลแม่ของพี่หรอก และฉันก็จะไม่กลับบ้าน ฉันยังไม่เปลี่ยนคำพูดนะ ถ้าแม่พี่ยังอยู่บ้านหนึ่งวันฉันก็จะไม่มีวันกลับไปอีก”

ฉางชิงซงมองเธออย่างระอา “ฉีฉีเก๋อเธอช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ไหม? ตอนนี้แม่ฉันลงจากเตียงยังไม่ได้ เธอจะให้กลับบ้านอย่างไร? อีกอย่างเธอจะอยู่บ้านจ้าวเหมยระยะยาวก็ไม่ได้หรือเปล่า?”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา” เหมยเหมยยิ้มตาหยีเอ่ย

ฉางชิงซงหมดคำจะพูดและรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก คิดว่าฉีฉีเก๋องี่เง่าเกินไปแล้ว

แม่ของเขาป่วยหนักขนาดนั้นยังทำตัวเหมือนเด็กน้อยอีก ไม่คิดจะเข้าอกเข้าใจถึงความลำบากของเขาสักนิดเลย อีกอย่างจ้างพี่เลี้ยงต้องใช้เงินเท่าไร เขาเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนั้นกัน?

คราวนี้ฉีฉีเก๋อตัดสินใจแน่วแน่ต่อให้ฉางชิงซ่งหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ยอมตกลงง่าย ๆ

หลังจากฉางชิงซงกลับไปเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็มาถึงทันที พอเธอได้ยินว่าฉีฉีเก๋อไม่ยอมรับปากจะกลับไปเลยพรูลมหายใจยาว “แบบนี้สิ จะกลับไปไม่ได้เด็ดขาด ยายแก่ปีศาจนั่นต้องแกล้งป่วยแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมพอจะให้กลับบ้านแล้วถึงป่วยขึ้นมาซะล่ะ? ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรอก!”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ หลายวันก่อนยังแข็งแรงดีอยู่เลย แต่จู่ ๆก็ลงจากเตียงไม่ได้คงมีแค่เจ้าโง่อย่างฉางชิงซงเท่านั้นแหละที่เชื่อ ฉีฉีเก๋อเธอพักที่บ้านฉันให้สบายใจได้เลย ถ้ายายแก่ปีศาจนั่นไม่กลับเธอก็ไม่ต้องกลับ ครั้งนี้ต้องรั้นให้สุดเลยนะ” เหมยเหมยบอก

“อืม…เข้าใจแล้ว ขอบคุณพวกเธอนะ…” ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำอีกครั้ง หญิงสาวที่แต่เดิมมีนิสัยร่าเริงแจ่มใสกลายเป็นสาวน้อยขี้แงคิดมากเพราะความทุกข์ของชีวิตคู่เสียได้

“เราไม่ต้องการคำขอบคุณของเธอ แค่เธอมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก

บรรดาเพื่อนรักสามคน เธอกับเหมยเหมยมีความสุขสบายดี มีเพียงฉีฉีเก๋อที่ชีวิตรันทดมากขนาดนี้ ในฐานะเพื่อนสนิทอย่างเธอจะรู้สึกดีได้อย่างไร?

********

ฉางชิงซ่งกลับบ้านในสภาพคอตกหางลู่ พอคุณแม่ฉางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางบันไดก็รีบปิดโทรทัศน์มุดเข้าที่นอน หน้าผากยังมีผ้าขนหนูวางไว้อย่างเกินจริงราวกับคนอยู่เดือนก็ไม่ปาน พร้อมส่งเสียงร้องครางแผ่วเบาไปด้วย

ประตูถูกผลักเปิดออก ฉางชิงซงเดินเข้ามา คุณแม่ฉางไม่เห็นฉีฉีเก๋อใจก็เต้นตุบตับ “เมียของลูกล่ะ? ทำไมไม่กลับมา?”

“แม่ ผมส่งแม่กลับบ้านเกิดแล้วกัน อีกสองวันผมต้องกลับไปทำงานแล้วที่บ้านไม่มีคนดูแลแม่ กลับบ้านไปยังมีพ่อคอยดูแลแม่อยู่” ฉางชิงซงคิดมาตลอดทางสุดท้ายก็ตัดสินใจส่งแม่ของเขากลับบ้าน

เขาไม่มีปัญญาจ้างพี่เลี้ยง เรื่องเล็กน้อยแต่กลับสำคัญเหลือเกิน!

“ทำไมจะไม่มีคนดูแล ให้เมียของลูกกลับมาดูแลฉันสิ ดูแลแม่สามีเป็นหน้าที่ของลูกสะใภ้ ลูกรีบให้เธอกลับมาได้แล้ว!”

คุณแม่ฉางไม่ยอมกลับบ้านเกิดอยู่แล้ว เมืองหลวงทั้งหรูหราทั้งคึกครื้น เธอไปเต้นรำกับกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ที่สวนสาธารณะทุกวัน มีคนชมว่าเธอเต้นท่วงท่าบิดตัวได้สวย ถ้าอยู่บ้านเกิดคนอื่นต้องนินทาเธออีกแน่ ๆ

คนในเมืองใหญ่มีโลกทัศน์กว้างเช่นนี้ ไม่เหมือนคนที่มาจากเมืองเล็ก ๆโลกแคบ เธอกลับไปคงอึดอัดตาย ไม่ง่ายเลยกว่าสามีเธอจะยอมตกลงให้มาที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรเธอจะไม่กลับไปเด็ดขาด

………………………

ตอนที่ 2323 เชื่อแม่มากกว่า

ฉางชิงซงมาถึงค่อนข้างช้าเพราะเขาไม่อยากเสียเงินนั่งแท็กซี่เลยนั่งรถเมล์สองต่อจนเสียเวลาไปในระหว่างทางไม่น้อย วิ่งกระหืดกระหอบมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ฉันมาช้าไปหน่อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉีฉีเก๋อไม่สบายหรือเปล่า…”

พอฉางชิงซงเห็นฉีฉีเก๋อนั่งอยู่ดี ๆด้วยสีหน้าที่ดูไม่แย่พลันก็ถอนหายใจโล่งอกไปที ภายในใจก็เกิดความไม่พอใจต่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ทั้งที่ฉีฉีเก๋อยังสบายดีทำไมต้องโทรศัพท์มาสร้างความตกใจให้ด้วย?

ทำให้เขาต้องทิ้งงานสำคัญกลับมาเลยนะ!

“แม่นายบอกนายว่าฉีฉีเก๋อหนีไปกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดประชดไม่ได้

ฉางชิงซงยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ไม่หรอก แม่ฉันจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไรกัน”

แต่รอยยิ้มของเขาได้บ่งบอกทุกอย่างแล้ว ฉีฉีเก๋อบันดาลโทสะในฉับพลันก่อนจะตะคอกใส่เขา “จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร? ทั้งที่แม่ของพี่เห็นอยู่กับตาว่าฉันออกมากับพวกเหมยเหมยเชี่ยนเชี่ยน แล้วยังจะใส่ร้ายว่าฉันออกไปหาผู้ชายอีก…มีอะไรที่เธอพูดไม่ได้กัน!”

ฉางชิงซงมุ่นคิ้วแน่นและไม่ค่อยชอบน้ำเสียงและท่าทียามฉีฉีเก๋อพูดถึงแม่ของเขาเลย

แม้เขาจะรู้สึกว่าแม่ตัวเองไม่ได้ดีขนาดนั้น หลักคุณธรรมก็ไม่ค่อยมี แต่อย่างไรก็เป็นแม่ของเขาและเป็นผู้อาวุโสของฉีฉีเก๋อ เธอต้องเคารพให้เกียรติแม่ของเขาสิ จะใช้ท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ฉีฉีเก๋อ แม่ฉันเป็นคนไม่มีความรู้อะไร คำพูดอาจจะไม่น่าฟังเท่าไร เธอก็ถือซะว่าไม่ได้ยินไปสิ…” ฉางชิงซงเกลี้ยกล่อมซึ่งแฝงด้วยความไม่สบอารมณ์หน่อย ๆ

การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างภรรยากับแม่ของเขามันไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว เสียเวลาของเขามากเกินไปจนฉางชิงซงชักรู้สึกเหนื่อยใจ ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจกันบ้างล่ะ?

“แม่ของนายไม่มีความรู้ก็พูดเหลวไหลได้เหรอ? ไม่มีความรู้ก็ทรมานลูกสะใภ้ได้เหรอ? ฉางชิงซงคำสาบานที่นายเคยให้ไว้มันเป็นแค่ลมปากสินะ…ตอนนั้นพร่ำพูดแต่ว่าชีวิตแต่งงานเป็นแค่เรื่องระหว่างนายกับฉีฉีเก๋อ ตอนนี้แม่นายคืออะไรล่ะ? บินมาเองเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินถ้อยคำนี้ก็ควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวไม่ไหวอีก ชี้หน้าฉางชิงซงเริ่มปริปากด่ากราด

ไม่มีการศึกษาก็คือข้ออ้างในการทำผิดได้หรือ?

“เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอพูดให้รู้เรื่องหน่อย แม่ฉันพูดเหลวไหลฉันยอมรับ แต่แม่ฉันทรมานฉีฉีเก๋อตั้งแต่เมื่อไรกัน? ตอนนี้เธอก็ยังสบายดีไม่ใช่เหรอ?” ฉางชิงซงไม่พอใจอย่างมาก

แม่ของเขาอยากอุ้มหลานมากขนาดนั้นแล้วจะทรมานฉีฉีเก๋อได้อย่างไร คอยดูแลอย่างเต็มที่ทุกวันต่อให้ไม่มีผลงานอะไรแต่อย่างน้อยก็มีความดีความชอบอยู่หรือเปล่า?

“ตอนนี้แน่นอนว่าสบายดีอยู่แล้วเพราะเหมยเหมยหาอาหารดี ๆมาให้บำรุงร่างกายทุกวันถ้าไม่ดีสิแปลก แต่นายรู้ไหมว่าหลายวันก่อนฉีฉีเก๋ออยู่ในสภาพไหน? คนท้องไม่ได้ทานเนื้อสักนิด วัน ๆถ้าไม่ใช่แผ่นแป้งก็ผักดองเค็ม แล้วนายรู้ไหมว่าแม่ของนายพูดว่าอย่างไร? ผักเขียวเต้าหู้ช่วยคุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย ทานเนื้อเยอะไปจะตายไวเอาได้…โอ้โห…แม่นายใจร้ายมากนะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่เห็นแม้แต่ผักเขียวเต้าหู้ มีแต่เศษรากหัวไชเท้าที่เก็บมาจากตลาดสด…เหอะ ฉางชิงซงไม่ใช่ว่านายไม่มีแม้แต่ปัญญาหาเงินซื้อเนื้อหรอกนะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่ากราดรัวยาวเหยียดไม่มีหยุดพัก ฉางชิงซงไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยสักนิด

เหมยเหมยเองก็ชักทนไม่ไหวเลยยกมือของฉีฉีเก๋อที่แผลยังไม่สมานดีขึ้นมา ชี้ไปที่แผลอักเสบว่า “ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนรวมตังค์กันซื้อเครื่องซักผ้าไปให้เพราะอยากลดภาระฉีฉีเก๋อ แต่แม่ของนายวางแผลได้ดีนี่ เก็บเครื่องซักผ้าไว้ให้เป็นสินเดิมตอนน้องสาวนายแต่งงาน เสื้อผ้าที่บ้านให้ฉีฉีเก๋อที่ท้องอยู่ซัก แถมยังไม่ให้ใช้น้ำร้อนอีกต่างหาก…แม่ของนายไม่ได้กำลังทารุณแล้วมันคืออะไร?”

ฉางชิงซงส่ายศีรษะอัตโนมัติ “เป็นไปไม่ได้ เครื่องซักผ้านั่นแม่ฉันบอกว่าเปลืองไฟเปลืองน้ำเลยเก็บไว้ เธอบอกว่าใช้มือซักไวกว่า แล้วจะเก็บไว้ให้เป็นสินเดิมน้องสาวฉันได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…”

………………………

ตอนที่ 2324 บ้านหลังหนึ่งมีเจ้าบ้านผู้หญิงได้แค่คนเดียว

ฉีฉีเก๋อตะโกนเสียงดังอย่างน้อยใจ “จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อฉันได้ยินแม่ของพี่พูดเองกับหู เธอบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงต่ำช้าที่แต่งเข้าบ้านตระกูลพี่ เงินเดือนที่พี่หามาเป็นของตระกูลฉางทั้งหมด ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้”

เหมยเหมยขมวดคิ้ว เรื่องพวกนี้ฉีฉีเก๋อไม่เคยเอ่ยถึงนี่นา เห็นทียายแก่ปีศาจย่ำยีฉีฉีเก๋อไม่เบาเลย!

น่าแค้นใจนัก!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามตรง ๆ “ฉางชิงซง เงินที่นาบหามาใครเป็นคนเก็บ?”

“ให้แม่ของเขาสิ ฉันไม่เห็นแม้แต่แดงเดียว” ฉีฉีเก๋อบอก

ฉางชิงซงรีบอธิบาย “ฉีฉีเก๋อใช้เงินไม่มีขอบเขตแน่นอน แม่ฉันค่อนข้างประหยัดกว่า ฉันคิดว่าอย่างไรซะก็คนครอบครัวเดียวกันให้ใครก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “แม่ของนายรู้จักการใช้ชีวิตจริง ๆเลยนะ ให้ลูกสะใภ้ตั้งท้องทานแต่ผักดองเค็มทุกวัน ตัวเองใส่เสื้อผ้าใหม่ดัดผมสวย แล้วยังใส่กำไลทองด้วย หรูหราจริง ๆ!”

“มิน่าถึงไม่มีเงินซื้อเนื้อเพราะเอาเงินใช้กับตัวเองหมดแล้วนี่เอง ฉางชิงซง แม่ของนายคิดจะทำอะไรกันแน่? อายุปูนนี้แล้วแต่งตัวดูยั่วยวนกว่าลูกสะใภ้ป้ายแดงเสียอีก…เหอะ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรพวกนี้แล้วหรอกนะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนประชดประชัน ยายแก่ปีศาจนั่นแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนสงบเสงี่ยมอะไร ตอนนี้มาถึงเมืองใหญ่หรูหราแบบนี้ต้องลุ่มหลงจนตามัวอยู่แล้วล่ะ…

ฉางชิงซงเข้าใจความนัยของเธอเลยปั้นหน้าขึงขัง “เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอพูดจาอะไรกัน แม่ของฉันลำบากมาทั้งชีวิต ตอนนี้ฐานะดีขึ้นนิดหน่อยแต่งตัวสักนิดจะเป็นอะไรไป?”

“ฐานะดีขึ้นนิดหน่อยเหรอ? ให้เมียที่ตั้งท้องทานแต่ผักดองเค็มทุกวัน นี่น่ะหรือฐานะที่ดีขึ้นนิดหน่อยที่นายว่า? จุ๊ ๆ…ฉางชิงซง ถ้าตอนนั้นฉันดูออกว่านายเป็นผู้ชายใจดำอำมหิตแบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเห็นด้วยกับการให้ฉีฉีเก๋อแต่งงานกับนายแน่นอน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลกแขนเสื้อขึ้นทำท่าเหมือนจะลงไม้ลงมือ

แต่งงานแล้วจะเห็นสันดานที่แท้จริง ผู้ชายเลว ๆแบบนี้ต้องจัดการให้สาสม!

เหมยเหมยกระชากแขนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ ต่อให้เธออยากซ้อมฉางชิงซงมากเช่นกันแต่เรื่องนี้ใช่ว่าซ้อมครั้งเดียวจะจัดการได้ ต้องขึ้นอยู่กับฉีฉีเก๋อด้วย!

“เกิดอะไรขึ้น?”

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาจากข้างนอกก็ได้ยินเสียงตะโกนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตั้งแต่หน้าบ้าน

พอเขาเข้ามาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็สงบลงทันที นั่งเรียบร้อยแล้วชี้ไปที่ฉางชิงซงว่า “คิดจะซ้อมผู้ชายชั่วช้าสักหน่อย แต่ภรรยาของพี่ไม่ให้ฉันซ้อม!”

ฉางชิงซงรีบแก้ตัวให้ตัวเอง “เรื่องที่แม่ฉันทำฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันแค่อยากให้แม่ฉันมาดูแลฉีฉีเก๋อ ถ้าแม่ฉันทำเรื่องพวกนั้นกับฉีฉีเก๋อจริง ๆ ฉันจะให้เธอกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

เขาเป็นคนนิสัยลื่นเหมือนปลาไหลอยู่แล้ว เห็นลมก็ควบคุมบังคับหางเรือได้ทันเวลา เมื่อครู่โกรธมากก็จริงแต่ไม่นานเขาก็เข้าใจถึงความรุนแรงได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่มีความสำคัญมากพอให้คิด แต่ถ้าเป็นคำพูดของจ้าวเหมยจะไม่ฟังไม่ได้

ตอนนี้งานพิเศษของเขาส่วนมากก็มาจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะของแม่จ้าวเหมย อีกอย่างสามีของจ้าวเหมยมีอำนาจมากขนาดนั้น เขาจะล่วงเกินได้อย่างไร?

จำต้องลำบากแม่ของเขาก่อน!

ให้แม่ของเขากลับบ้านเกิดก่อนแล้วกัน รอผ่านสักพักให้ฉีฉีเก๋อหายโกรธก่อนแล้วค่อยให้แม่ของเขากลับมาใหม่

ฉางชิงซงคิดไว้ดิบดี ฉีฉีเก๋อเป็นคนใสซื่อและโอ๋ง่าย ครั้งนี้ต้องเป็นแม่ของเขาทำเกินไปจริง ๆถึงทำให้ฉีฉีเก๋อหนีออกจากบ้านแล้วยังลามมาถึงพวกจ้าวเหมยอีก

รอเขาปลอบฉีฉีเก๋อเสร็จค่อยไปปลอบแม่ของเขา ให้แม่ของเขาไว้หน้ากันสักนิดอย่าทำอะไรให้มันเด็ดขาดเกินไป เช่นนี้ก็จบลงสวยงามแล้วนี่นา!

ภายในใจฉีฉีเก๋อทั้งขมขื่นทั้งฝืนใจ ฉางชิงซงไม่เชื่อเธอ!

“บ้านหลังเดียวมีเจ้าบ้านผู้หญิงได้แค่คนเดียว เมื่อไหร่ที่แม่ของนายกลับไปฉันก็จะกลับบ้านเมื่อนั้น”

ฉีฉีเก๋อลูบท้องไปมา เมื่อครู่เธอรู้สึกได้ว่าลูกกำลังดิ้น หากไม่จำเป็นจริง ๆเธอไม่อยากให้ลูกเกิดมาไม่มีพ่อเลย

แต่ลองอีกสักครั้งแล้วกัน!

………………………….

ตอนที่ 2321 ปากเล็กหวานเจี๊ยบ

เหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านช่วงหัวค่ำ เขาไปเยี่ยมเหยียนหมิงต๋าที่โรงพยาบาลซึ่งร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลว ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะสามารถออกจากแคปซูลสารอาหารได้แล้ว แน่นอนว่าภายหลังต้องไปทำกายภาพบำบัดอีก

ตอนเขากลับมาฉีฉีเก๋อก็เข้าห้องพักผ่อนไปแล้ว พอทานซุปไก่ไปถ้วยหนึ่งก็เริ่มง่วงเหมยเหมยเลยรีบให้เธอไปพักผ่อน เกรงว่าขนาดอยู่บ้านก็ยังพักผ่อนไม่ดีด้วยซ้ำ

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงเพราะคุณแม่ฉางอายุมากแล้วจึงนอนหลับยาก ทุกคืนต้องเปิดโทรทัศน์จนถึงดึกดื่น แถมยังเปิดเสียงดังสุดอีกต่างหากเพราะบอกว่าเธอหูไม่ดีเสียงเบาเกินเลยไม่ได้ยิน

ฉีฉีเก๋อท้วงไปหลายทีก็เปล่าประโยชน์ ยายแก่ปีศาจมักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเสมอไม่เห็นฉีฉีเก๋ออยู่ในสายตา

หรือบางทีเธอคิดจะทรมานฉีฉีเก๋อจริง ๆเพื่อสนองความต้องการทางจิตใจที่บิดเบี้ยวนั่น!

เหมยเหมยเล่าเรื่องของฉีฉีเก๋อให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง เหยียนหมิงซุ่นจึงเอ่ยเตือนว่า “เรื่องในครอบครัวคนอื่นแบบนี้อย่าสอดมือเข้าไปยุ่งมากจะดีกว่านะ”

“ฉันเข้าใจ แต่ยายแก่ปีศาจนั่นมันน่าโมโหเกินไปจริง ๆ ก็เหมือนใครคนนั้น…ฉันจำได้แล้ว พี่ยังจำคุณป้าฮวาเอาแต่ใจที่หมู่บ้านตระกูลโม่นั้นได้ไหม? ที่สามีเธอช่วยชีวิตคุณตาไว้แล้วคิดจะให้พี่แต่งงานกับลูกสาวของเธอนั่นน่ะ?”

เหมยเหมยตบหน้าผากทีหนึ่ง มิน่าเธอถึงรู้สึกว่าพฤติกรรมของคุณแม่ฉางดูคุ้น ๆ นี่เหมือนคุณป้าฮวาหมู่บ้านโม่ไม่มีผิดเลยไม่ใช่หรือ?

อีกอย่างคุณป้าฮวาคนนี้ยังหน้าด้านคิดจะแย่งสามีของเธอไปอีก!

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว เขาจำได้อยู่แล้ว เมื่อหลายวันก่อนยังเจอลูกสาวของป้าฮวาคนนี้โดยบังเอิญอีกต่างหาก!

“เพื่อนของเธอแต่งงานกับคนแบบนี้ได้อย่างไร? สายตามีปัญหาเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นย่นคิ้วเล็กน้อยพร้อมแกะกุ้งให้เหมยเหมย กู้อี้หัวบอกว่าคนท้องต้องทานอาหารทะเลให้มาก เพราะจะช่วยให้สมองของเด็กมีการเจริญเติบโตที่ดี

เหมยเหมยยักไหล่ “ความรักทำให้คนตาบอดไง พี่คิดว่าจะตาดีเหมือนฉันทุกคนงั้นหรือ!”

พูดคำหวานเอาใจสามีสักหน่อยเพราะช่วงนี้ถูกเธอทรมานไปไม่น้อย

ซึ่งใช้ได้ผลกับเหยียนหมิงซุ่นพอสมควร เขาป้อนกุ้งให้เธออีกตัวแล้วกระซิบถามข้างหูเธอว่า “ปากหวานเชียว ทานน้ำผึ้งมาเหรอ?”

“เปล่า…ความจริงจากใจ…” เหมยเหมยทำหน้าจริงใจ

เหยียนหมิงซุ่นเผยยิ้มหน้าเบิกบาน ยื่นมือบีบจมูกเธอทีหนึ่งแล้วกระแซะหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม พ่นลมร้อนออกมา “เด็กดี…กลางคืนจะตบรางวัลให้นะ!”

“นิสัยไม่ดี…”

เหมยเหมยมองค้อนแวบหนึ่ง สายตาคาดโทษแต่ร่างกายกลับอ่อนแรงลง

หลังตั้งครรภ์ร่างกายของเธอก็อ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่คำหยอกเย้ายังฟังไม่ได้ ถูกกระตุ้นสักนิดก็ทนไม่ไหวและยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นพอใจจนไม่อยากปล่อยมือ

ฉะนั้นตกดึกย่อมเกิดบทเพลงรักราวกับคลื่นทะเลซัดโหมกระหน่ำขึ้นอยู่แล้ว…

สองวันต่อมาฉางชิงซงก็รีบเดินทางกลับมาเมืองหลวง เขากลับบ้านมาก่อนแต่พบว่าฉีฉีเก๋อไม่อยู่บ้านมีเพียงแม่ของเขาคนเดียวเท่านั้น

“ลูกชาย ในที่สุดก็กลับมาสักที เมียของลูกหนีไปกับคนอื่นแล้ว…” คุณแม่ฉางเห็นหน้าปุ๊บก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพราก

ฉางชิงซงขมวดคิ้วแน่นให้แม่ของเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง คุณแม่ฉางเล่าคร่าว ๆแต่กลับไม่ได้บอกสิ่งที่เธอทำไป บอกเพียงว่าฉีฉีเก๋อทั้งขี้เกียจทั้งตะกละและหนีไปกับคนอื่นแล้ว

“ลูกว่าลูกแต่งงานกับผู้หญิงสำส่อนแบบนี้ได้อย่างไร? สินเดิมก็ไม่มีสักหยวนแล้วยังต้องให้ลูกเลี้ยงอีก รอดูว่าเธอคลอดลูกเพศไหน ถ้าเป็นผู้หญิงไม่มีประโยชน์ก็หย่าซะ แม่จะแนะนำคนที่ดีกว่านี้ให้”

คุณแม่ฉางพร่ำบ่นอีกยาวเหยียด ลุงปาเกินเด็ดขาดเกินไปทำให้แผนที่หวังจะร่ำรวยด้วยฉีฉีเก๋อต้องพังทลาย เธอจึงต้องเริ่มวางแผนใหม่

ลูกชายเป็นถึงนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังมีงานที่มั่นคงในเมืองหลวงแถมหน้าตาดูดีหล่อเหลา ผู้หญิงที่บ้านเกิดมีทุกประเภทแล้วทำไมต้องมาผูกคอตายอยู่กับฉีฉีเก๋อด้วย!

………………………

ตอนที่ 2322 ขึ้นเรือโจร

คุณแม่ฉางมั่นใจมาก เธอไม่กังวลสักนิดว่าฉางชิงซงจะหาคู่ครองที่ดีไม่ได้ เพราะเรื่องแต่งงานของฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อไม่มีคนที่บ้านเกิดรู้สักคน แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไม่รู้เรื่องแถมยังหลงคิดว่าฉางชิงซงยังโสดอยู่

ฉะนั้นถึงมีคนมาแนะนำผู้หญิงให้เธอรู้จักอยู่บ่อย ๆซึ่งล้วนแต่เป็นหญิงสาวหน้าตาดีฐานะครอบครัวดีและมีการงานมั่นคงทั้งนั้น ครอบครัวธรรมดาไม่กล้ามาเสนอตัวอยู่แล้ว คิอว่าคู่ควรกับลูกชายเธอที่มีงานในเมืองหลวงหรือไง?

หญิงสาวที่ทำให้คุณแม่ฉางหวั่นไหวมากที่สุดเป็นนักศึกษาจบจากวิทยาลัยครูเมืองหลวงคนหนึ่งแต่เธอจบก่อนฉางชิงซงหนึ่งปี เป็นคุณครูที่โรงเรียนมัธยมอีจงในเมืองหลวงและทำงานมาได้หนึ่งปีแล้ว

แม้จะอายุมากกว่าฉางชิงซงสามปีแต่เขามีการงานที่มั่นคงและหน้าตาสะสวยด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อของหญิงสาวเป็นถึงรองผู้ว่าการระดับมณฑลของพวกเธออีกต่างหาก

ยศใหญ่เชียวล่ะ!

อีกอย่างเขายังมีเส้นสายที่คุยกับเธอไว้แล้วว่าหากแต่งงานเกี่ยวดองกัน หลังจากลูกสาวของเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็จะสามารถเข้าไปทำงานสำนักงานว่าการระดับมณฑลของพวกเธอได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นงานที่มั่นคงและมีหน้ามีตา เล่าให้ใครฟังเธอก็ได้หน้าทั้งนั้น

อนาคตลูกชายเธอทำงานอยู่ในเมืองหลวงส่วนลูกสาวเข้าไปทำงานในสำนักงานว่าการระดับมณฑล ใครจะกล้าดูถูกเธออีก?

คุณแม่ฉางยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นไหว บ้านฉีฉีเก๋อมีเงินแล้วอย่างไร เธอไม่ได้สักหยวนเดียวแต่หญิงสาวที่เป็นคุณครูคนนี้กลับสร้างผลประโยชน์ให้เธอได้อย่างแท้จริง

ส่วนอายุไม่ใช่ปัญหา ดั่งสำนวนที่ว่าแก่กว่าหุ้มทองสามก้อนอิฐ[1]!

ฉางชิงซงขมวดคิ้ว ทั้งที่ก่อนเขาไปสัมมนางานทุกอย่างยังปกติดีแต่ทำไมเพิ่งไปได้ครึ่งเดือนกว่าฉีฉีเก๋อก็หนีออกจากบ้านไปได้ล่ะ?

เขายังไม่โง่ถึงขนาดสติเลอะเลือนถึงขั้นสุดพอจะรู้ว่าคำพูดของแม่เขานั้นเชื่อถือไม่ค่อยได้จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แม่เพลา ๆลงหน่อยเถอะ ผมกับฉีฉีเก๋อมีความสุขดีจะหย่าทำไม? ผมจะลงไปโทรศัพท์ใต้ตึกก่อน”

ตอนนี้ฉีฉีเก๋อยังอยู่บ้านเหมยเหมยซึ่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็อยู่ด้วย เมื่อครู่ฉางชิงซงโทรหาเธอถามถึงเรื่องฉีฉีเก๋อ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากด่าเลยให้เขาไปหาเหมยเหมยเอง เธอขับรถไวจึงมาถึงก่อน

“ฉันขอเตือนเธอก่อนนะ เดี๋ยวเธออย่าห้ามพูดแทรกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สนเรื่องวุ่นวายของเธออีก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดึงหูฉีฉีเก๋อเตือน กลัวยายโง่นี้จะใจอ่อน

เหมยเหมยเอ่ยว่า “ฉีฉีเก๋อเธอลองคิดทบทวนให้ดีนะว่าหลังแต่งงานเธอมีความสุขไหม? ขาดเงินทองสิ่งของนอกกายชั่วคราวมันไม่เป็นไรหรอกเพราะมีความรักคอยเติมเต็มให้ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้มีปัญหาแค่กินไม่อิ่มท้องเท่านั้น แม้แต่ศักดิ์ศรียังไม่เหลือเลยนะ เธอคิดว่านี่เป็นชีวิตที่เธอต้องการหรือเปล่า?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก “เธอเป็นถึงแก้วตาดวงใจของพ่อแม่เธอ ไม่ใช่คนรับใช้ต่ำต้อยให้พวกคนตระกูลฉางมาคอยย่ำยีเธอแบบนี้ ถ้าพ่อแม่เธอรู้เข้าจะรู้สึกแย่แค่ไหน? เธอเคยคิดถึงพ่อแม่เธอบ้างไหม?”

ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำทันที การมีชีวิตแบบนี้คนที่เธอรู้สึกผิดมากที่สุดก็คือพ่อกับแม่

“ฉันจะคิดให้ดี…พวกเธอวางใจได้!”

ฉีฉีเก๋อกัดปากด้วยสายตาแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม

เพื่อนพูดไม่ผิดเลย เธอลำบากได้แต่จะปล่อยให้คนมาย่ำยีหยามเหยียดเธอไม่ได้!

ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมจำนนอีกต่อไป!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก “หวังว่าเธอจะพูดได้ทำได้ ไม่ใช่ว่าถึงตอนนั้นพอคนสกุลฉางพูดเอาใจไม่กี่ประโยคก็ลืมไปว่าตัวเองสกุลอะไร…จะให้ฉันว่านะ…ผู้ชายแบบนี้ยังจะคิดไปทำไมอีก หย่าให้มันจบ ๆไปสิ้นเรื่อง!”

ประโยคสุดท้ายเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงเบามาก ความจริงเหมยเหมยเองก็คิดเช่นเดียวกัน ฉางชิงซงในตอนนี้ไม่ใช่คนที่คู่ควรนัก ทว่าแต่ไรมามักจะเกลี้ยกล่อมให้คืนดีกันไม่ใช่เกลี้ยกล่อมให้หย่ากันสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นฉีฉีเก๋อยังรักฉางชิงซงอยู่แถมตอนนี้ยังตั้งครรภ์อีกด้วยแล้วจะยอมทิ้งได้ง่าย ๆขนาดนั้นหรือ?

ฉีฉีเก๋อหัวเราะเย้ยตัวเอง ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิดหย่า แต่เธอในตอนนี้เหมือนขึ้นเรือโจรไปแล้วก็ไม่ปาน–

ขึ้นไม่ได้ ลงไม่ได้…

อีกอย่างเธออยากให้โอกาสฉางชิงซงอีกสักครั้ง!

………………………

[1] เป็นสำนวนแปลว่าฝ่ายหญิงอายุมากกว่าฝ่ายชายสามปี

ตอนที่ 2319 เธอต้องรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ของตัวเอง

ออกจากบ้านที่แสนน่าอึดอัดได้ ลมข้างนอกค่อนข้างแรงพัดโกรกใส่หน้า แต่ฉีฉีเก๋อกลับสูดเอาลมเย็นเข้าปอดอย่างละโมบแล้วพรูลมหายใจออกมายาว

“ขึ้นรถเถอะ” เหมยเหมยขึ้นรถก่อน

แต่เดิมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังอยากด่าอีกสักยกแต่ก็เลือกหุบปาก ในเมื่ออยู่กลางถนน เธอต้องไว้หน้าฉีฉีเก๋อบ้าง

ภายในรถค่อนข้างอึดอัด เหมยเหมยปั้นหน้านิ่งไม่พูดอะไร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่กล้าพูดอะไร ฉีฉีเก๋อยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ เธอรู้สึกแย่เหลือเกินเธอรู้ว่าตัวเองทำให้เพื่อนผิดหวัง

“ขอโทษ…” ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเบา

“เธอไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเรา เธอผิดต่อตัวเอง ผิดต่อพ่อแม่พี่ชายของเธอต่างหาก!” เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบพูดเสริม “เธอคิดว่าเครื่องซักผ้านั่นเป็นฉันกับเหมยเหมยซื้อให้จริงเหรอ? นั่นเพราะพ่อเธอไม่วางใจเลยฝากฉันไปซื้อ แล้วก็อาหารบำรุงที่ฉันเคยซื้อให้เธอก็ใช้เงินพ่อเธอทั้งนั้น ท่านบอกฉันว่าอย่าบอกเธอ…”

“พ่อ…ฮือ…”

ฉีฉีเก๋อเอามือปิดหน้าร้องไห้ปล่อยโฮ เธอคิดว่าพ่อลืมลูกสาวอย่างเธอไปแล้วเสียอีก…

“ร้องไห้จะมีประโยชน์อะไร…เธอพูดสิว่าทำไมเธอถึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้ได้ เมื่อก่อนถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นคนนิสัยอ่อนแอยอมคนแบบนี้ ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอได้เหรอ? ฉันรำคาญผู้หญิงที่วัน ๆเอาแต่ร้องไห้ที่สุด!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหงุดหงิดเพราะเสียงร้องไห้ ถ้ารู้ว่าฉีฉีเก๋อไม่เอาไหนแบบนี้ตั้งแต่แรกเธอไม่ยอมเป็นเพื่อนกับคนนิสัยอย่างนี้แน่นอน

เฮ้อ สายเกินไปเสียแล้ว!

ฉีฉีเก๋อรีบเช็ดน้ำตาไม่กล้าร้องไห้อีก แล้วแก้ตัวให้ตัวเองเสียงแผ่ว “อย่างไรเสียเขาก็เป็นแม่ของรุ่นพี่ฉาง เป็นแม่สามีของฉัน…”

“เหลวไหล…ผู้อาวุโสกว่าก็ทารุนเธอได้แล้วเหรอ? ผู้อาวุโสทำตัวไม่ถูกฉันก็จะสั่งสอนอยู่ดี พ่อฉันไงที่ถูกส่งไปปรับตัวตัวในคุก…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังอารมณ์ได้ที่เลยพลั้งปากหลุดความลับออกมา ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างตกตะลึง เหมยเหมยก็ถลึงตาใส่คนปากไม่มีหูรูดนี่แวบหนึ่งแล้วรีบพูดกลบเกลื่อน “เชี่ยนเชี่ยนหมายถึงว่าผู้อาวุโสต้องเคารพ แต่ก็ต้องดูคนด้วยเหมือนกัน ผู้อาวุโสไม่น่าเคารพก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ เหมือนแม่สามีของเธอ เธอเคารพเขาแล้วเขาปฏิบัติกับเธออย่างไรล่ะ?”

ฉีฉีเก๋อทำหน้าเศร้า ถึงตอนนี้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดความจริงแล้วมันผิดทั้งหมด

“ฉันจะจำไว้ จะไม่ยอมถูกรังแกอีก” ฉีฉีเก๋อตัดสินใจอย่างแน่วแน่

“หวังว่าเธอจะพูดได้ทำได้นะ” เหมยเหมยมองเธอด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่ง พูดง่ายแต่ตอนทำมันยาก

ไม่นานก็มาถึงบ้าน เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านฉีฉีเก๋อเลยโล่งอกไปที ตอนนี้เธอสภาพแย่ขนาดนี้ไม่อยากให้สามีของเพื่อนเห็นสักนิดเพราะน่าอายเกินไป

“ฉันไปทำบะหมี่จาจางเมี่ยนมาแล้วกัน ทำเครื่องเคียงเยอะ ๆเลย” ป้าฟางใจดี รู้ว่าสิ่งที่ฉีฉีเก๋อต้องการในตอนนี้คือมื้ออาหารดี ๆสักมื้อ ยายหนูที่น่าสงสารแก้มตอบหมดแล้ว

เมื่อก่อนดูดีขนาดไหน เวรกรรมจริง ๆเลย!

“ป้า ทำเยอะ ๆหน่อยนะ ฉันก็หิวแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยคำขออย่างไม่เกรงใจ การทะเลาะก็สูญเสียพลังงานเหมือนกันนะ

“วางใจได้ รับรองว่าพอแน่นอน!”

ป้าฟางทำอะไรว่องไวไม่นานก็ทำบะหมี่จาจางเมี่ยนที่ทั้งหอมทั้งน่าทานออกมา ซอสมีแต่เนื้อเต็มชามใหญ่ ลำพังแค่เครื่องเคียงก็มีถึงหกจานแล้ว ทั้งเส้นฝอยแตงกวา เส้นฝอยแคร์รอต เส้นฝอยหัวไชเท้า  ถั่วงอก ต้นกระเทียม กระเทียมเป็นต้น…

อาหารถูกวางเต็มโต๊ะ โดยมีหม้อใส่บะหมี่ชามโตแล้วก็ซอสหอมกรุ่นอีกหนึ่งชามโต แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว

“อร่อย…ป้า ฝีมือของป้าดีกว่าเชฟในร้านซะอีก ฉันทานได้สามถ้วยเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคลุกบะหมี่หนึ่งจานเสร็จอย่างว่องไวแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมพูดชมไม่ขาดปาก

ฉีฉีเก๋อที่นั่งอีกฟากก็ทานอย่างมูมมาม สภาพตอนทานทำเอาคนมองรู้สึกสงสารจับใจ

…………………….

ตอนที่ 2320 กลัวผู้หญิงแต่งงานผิดคน

เหมยเหมยถูกพวกเธอกระตุ้นความอยากอาหารเข้าเลยร่วมทานจานเล็ก ๆ บะหมี่ชามใหญ่กับเครื่องเคียงหกชนิดรวมถึงซอสอีกชามใหญ่ถูกพวกเธอจัดการจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว

“เอิ๊ก…อร่อยจัง ฉันไม่ได้ทานอิ่มท้องแบบนี้มานานแล้ว” ฉีฉีเก๋อลูบหน้าท้องเบา ๆอย่างอิ่มเอมใจ สีหน้าดูดีขึ้นมากทีเดียว

“กลางคืนป้าค่อยตุ๋นซุปไก่ให้อีก ตอนนี้เธอท้องอยู่ต้องบำรุงร่างกายให้มาก ๆ” ป้าฟางเห็นใจกับเรื่องราวที่ฉีฉีเก๋อประสบมาอย่างมาก

สาวน้อยที่อดีตร่าเริงมีชีวิตชีวามากขนาดนั้นแต่กลับตาบอดเลือกคู่ชีวิตผิดจนเป็นการทำลายตัวเอง

เฮ้อ ไม่อย่างนั้นจะบอกว่ากลัวผู้ชายอยู่ผิดอาชีพ กลัวผู้หญิงแต่งงานผิดคนได้อย่างไรกันล่ะ!

“ขอบคุณค่ะป้า!” ฉีฉีเก๋อกล่าวอย่างขอบคุณ

“ขอบคุณอะไรกัน แค่เรื่องเล็กน้อยเอง” ป้าฟางใช้ฝ่ามือหนาอุ่นลูบศีรษะฉีฉีเก๋อเบา ๆ ฉีฉีเก๋อตาร้อนผ่าวเพราะการกระทำของป้าฟางจึงทำให้เธอนึกถึงแม่ แม่ก็มักลูบศีรษะเธอเช่นนี้เสมอ

“เธอคิดจะทำอย่างไรต่อ?” เหมยเหมยถามเสียงเย็น

ฉีฉีเก๋อชะงักและฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ควรทำอย่างไรต่อดี

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเธอไม่ปริเสียงใดก็ใจร้อน ตวาดด่า “เธอคงไม่คิดจะกลับไปบ้านหลังนั้นอีกหรอกนะ? ฉีฉีเก๋อฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเธอยังทำตัวอ่อนแอแบบนี้ต่อไป หลังจากนี้ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของเธออีกแล้ว!”

เธอหอบหายใจหนักหน่วงแล้วพูดเน้น “ฉันพูดได้ทำได้ อย่าคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นล่ะ”

เหมยเหมยยื่นขาเตะใต้โต๊ะทีหนึ่งให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหุบปากแต่โดยดีพลางคว้าเอาเมล็ดทานตะวันกำใหญ่มาแทะเอง เธอเป็นคนอารมณ์ร้อนที่พอระเบิดขึ้นมาทีก็ยากที่จะเก็บเอาไว้ได้ พูดมากไปมีแต่จะทำลายความสัมพันธ์ งั้นไม่พูดดีกว่า

“เชี่ยนเชี่ยนก็อารมณ์แบบนี้แหละ เธออย่าใส่ใจเลย” เหมยเหมยรีบพูดกู้สถานการณ์

“ฉันรู้…เป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้พวกเธอต้องผิดหวัง ตัวฉันเองยังเกลียดตัวเองเลย ไม่ได้รู้สึกดีสักนิด…แต่…” ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลริน เหมยเหมยดึงกระดาษทิชชูยื่นให้เธอ

ฉีฉีเก๋อเช็ดจมูกแล้วพูดเสียงสะอื้น “รุ่นพี่ฉางก็ดีกับฉันมาก เมื่อก่อนตอนเขาอยู่บ้านแม่ของเขาไม่กล้าทำอย่างนี้ พอหลังจากเขาไป…”

‘ปัง’

คุณหนูใหญ่เหริ่นระงับไฟโทสะที่กำลังเดือดดาลไม่อยู่พลางตบโต๊ะเสียงดังจนเปลือกเมล็ดทานตะวันกระจัดกระจายเต็มไปหมด

“สมองของเธอมีแต่ฉี่หรือมีแต่ขี้เหรอ? ถ้าฉางชิงซงดีกับเธอจริงจะรับยายแก่ปีศาจนั่นมาทรมานเธอเหรอ? ยายแก่ปีศาจทำแต่ผักดองเค็มทุกวัน ฉางชิงซงตาบอดหรือไง? มองไม่เห็นเหรอ? แล้วก็เครื่องซักผ้านั่น ถ้าเขาไม่เห็นด้วยยายแก่ปีศาจจะกล้าเก็บเหรอ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกอยากแงะเปิดกะโหลกของฉีฉีเก๋อออกมาดูว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!

ฉางชิงซงเข้าข้างแม่ของเขาอย่างชัดเจน แต่ยายโง่นี่ดันคิดว่าคนสกุลฉางนั่นเป็นคนดี!

“น่าโมโหชะมัด…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนหน้าบูดบึ้ง เรื่องที่เด่นชัดขนาดเด็กสามขวบยังดูออกแต่เพื่อนกลับมองไม่ออก ทำเอาคนนอกอย่างเธอร้อนใจแทบแย่!

แม้เหมยเหมยจะโกรธมากเช่นกันแต่เธอพอจะเข้าใจฉีฉีเก๋อได้ในเมื่อเธอรักฉางชิงซงมากจริง ๆ ความรักมักทำให้คนตาบอด อีกอย่างบางทีฉางชิงซงอาจจะดีกับฉีฉีเก๋อก็จริงต่อให้แค่ฉาบหน้าก็ตาม

แต่ผู้หญิงมักขี้ใจอ่อนและเอาใจง่าย ฉีฉีเก๋อยังอาลัยอาวรณ์ฉางชิงซงอยู่ก็พอจะเข้าใจได้

“ฉีฉีเก๋อเธอลองคิดเองดี ๆเถอะว่าชีวิตอนาคตจะก้าวต่อไปอย่างไร เราเคารพการตัดสินใจของเธอ แต่เราก็ไม่อยากเห็นเธอใช้ชีวิตแย่ ๆอย่างนั้นอีกนะ”

เหมยเหมยเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ เรื่องแบบนี้ต้องให้ฉีฉีเก๋อคิดได้เอง คนอื่นพูดปากเปียกปากแฉะเพียงใดก็แค่เปลืองน้ำลายเปล่า

“อืม…ฉันจะลองคิดทบทวนดูให้ดี” ฉีฉีเก๋อพยักหน้า

เธอรู้ว่าตนจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องมีการเปลี่ยนแปลง!

…………………………….

ตอนที่ 2317 แผนการแยบยล

เหมยเหมยไม่อยากพูดไร้สาระกับเธอเลยชี้ไปที่เครื่องซักผ้าในกล่องแล้วถามฉีฉีเก๋อว่า “เครื่องซักผ้านี้ฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซื้อให้เธอใช้ เธอเก็บไว้มันหมายความว่าอย่างไร? รังเกียจเครื่องซักผ้าที่เราให้เหรอ?”

ฉีฉีเก๋อรีบอธิบาย “ไม่ใช่นะ ฉันจะรังเกียจได้อย่างไร…แม่บอกว่าเปลืองน้ำเปลืองไฟ แล้วเตรียมเก็บไว้ให้เป็นสินเดิมแต่งงานของน้องสามี…”

ประโยคสุดท้ายพูดเสียงเบาพร้อมขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ยามที่เธอได้ยินความคิดนี้ของคุณแม่ฉางครั้งแรกก็รู้สึกทึ่งอย่างมาก ตอนนี้น้องสามีเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง กว่าจะแต่งงานอย่างน้อยอีกตั้งสามสี่ปี เครื่องซักผ้าเก็บถึงตอนนั้นยังใช้ได้อยู่อีกหรือ?

เหมยเหมยเลิกคิ้วหันไปทางคุณแม่ฉางแล้วถามเสียงเย็น “คุณวางแผนได้แยบยลดีนี่ แต่เครื่องซักผ้านี่ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนรวมตังค์กันซื้อให้ฉีฉีเก๋อ ไม่ได้ซื้อให้ไว้ลูกคุณใช้ตอนแต่งงาน คุณมีสิทธิ์อะไรมาใช้เครื่องซักผ้านี้?”

คุณแม่ฉางตอบเสียงเบา “เอาให้บ้านฉันแล้วก็เป็นของของบ้านฉันสิ ทำไมฉันถึงจะไม่มีสิทธิ์กันล่ะ…”

“หูตึงหรือไง บอกว่าให้ฉีฉีเก๋อ ไม่ใช่ให้ลูกสาวป้า…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดเสียงใส่อย่างเดือดดาล มือคันยุบยิบอยากจะตบป้าคนนี้เสียจริง

แล้วก็ยัยโง่ฉีฉีเก๋อด้วย!

“เธอคุยง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ยอมปล่อยให้คนขึ้นมาขี่บนคอแล้วยังทำตัวอ่อนแออีก สมน้ำหน้าที่โดนรังแกจนตาย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชี้นิ้วใส่ฉีฉีเก๋อที่ก้มหน้างุดไม่พูดอะไร สงสารในความโชคร้ายแต่โกรธกับความไม่เอาไหนมากกว่า!

เหมยเหมยถามเสียงเย็น “โทรเรียกฉางชิงซงกลับมา”

“รุ่นพี่ฉางไปสัมมนางานทางใต้ ไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว” ฉีฉีเก๋อตาแดง ยามฉางชิงซงอยู่บ้านคุณแม่ฉางยังพอเก็บอารมณ์อยู่บ้าง พอไม่อยู่บ้านคุณแม่ฉางก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

ตอนนี้เธอเสียใจเหลือเกินว่าทำไมถึงยอมตกลงให้คุณแม่ฉางมาดูแลตัวเองได้นะ

“เชี่ยนเชี่ยน เธอโทรหาฉางชิงซงบอกว่าเกิดเรื่องสำคัญถึงชีวิตขึ้นที่บ้าน ให้ลากลับมาเดี๋ยวนี้” เหมยเหมยเอ่ยต่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทันทีโดยไม่มองฉีฉีเก๋อ

“นี่…พวกเธออย่ามารบกวนงานของชิงซงสิ เดี๋ยวจะโดนหักโบนัสนะ…ที่บ้านสบายดีทุกอย่างจะโทรหาทำไม…” คุณแม่ฉางร้อนใจคิดจะไปห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เหมยเหมยแค่นหัวเราะพลางเอ่ยเย้ยหยัน “ถ้ายังห้าม ฉันทำให้ลูกชายของคุณเสียงานได้ด้วยเชื่อไหมล่ะ?”

คุณแม่ฉางหุบปากไม่กล้าห้ามอีกมีแต่ไฟโทสะสุมอยู่ในอก

เธอเชื่ออยู่แล้ว…จะไม่เชื่อได้หรือ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่งข้อความหาฉางชิงซงที่ไม่นานก็ตอบกลับมาทันที ฉางชิงซงน้ำเสียงร้อนใจอย่างมาก แต่คนแรกที่เขาถามถึงกลับไม่ใช่ฉีฉีเก๋อ “เกิดอะไรขึ้นกับแม่ฉันเหรอ?”

คุณแม่ฉางยิ้มอย่างได้ใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้เลี้ยงลูกชายเสียเปล่า กตัญญูใช้ได้เลย!

ฉีฉีเก๋อสายตาหม่นลงและรู้สึกขมขื่นในใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนด่า “แม่ของนายสบายดีจะตายจนกล้าจะฆ่าคนแล้ว ฉางชิงซง ถ้านายยังไม่กลับมาก็รอเก็บศพสองชีวิตของฉีฉีเก๋อเถอะ!”

สิ้นคำเธอก็วางสายแล้วตะโกนเรียกหาฉีฉีเก๋อ “มัวยืนบื้อทำไมอีกล่ะ? ยืนรอความตายหรือไง…”

ฉีฉีเก๋อมีสติมากขึ้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้ชีวิตหนึ่งเดือนที่ย่ำแย่นี้แบบนี้มาได้อย่างไร การมาเยือนของเพื่อนได้จุดไฟสว่างแก่ชีวิตเธอและปลุกนิสัยร่าเริงสดใสของเธอให้ฟื้นขึ้นมา

“ได้ ฉันไปเก็บของแป๊บหนึ่ง”

ฉีฉีเก๋อสดใสขึ้นเล็กน้อย ขาเดินกลับเข้าห้องนอนตัวสบายปลอดโปร่ง

คุณแม่ฉางรุดหน้าหมายจะห้ามเธอและตะโกนด่า “ห้ามไปไหนทั้งนั้น เธอแต่งเข้าบ้านฉางเราแล้วก็เป็นคนของตระกูลฉาง เธอคิดจะไปยั่วผู้ชายนอกบ้านหรือไง?”

……………………

ตอนที่ 2318 หนีออกจากบ้าน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดจะลุกไปช่วยฉีฉีเก๋อแต่ถูกเหมยเหมยกระชากแขนไว้พลางส่ายหน้าเบา ๆ

เรื่องภายในครอบครัวเช่นนี้สิ่งสำคัญคือต้องให้ฉีฉีเก๋อยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ในเมื่อพวกเธอเป็นคนนอกจะสอดมือเข้าไปยุ่งมากไม่ได้ อีกอย่างเป็นเหตุผลเดียวกับการให้ความช่วยเหลือได้ชั่วคราวแต่ช่วยตลอดไปไม่ได้ ช่วยครั้งสองครั้งไม่ใช่ปัญหาแต่จะช่วยไปเรื่อย ๆคงไม่ได้

เพื่อนดีแค่ไหนก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น สำคัญที่ต้องพึ่งตัวเอง

เหมยเหมยแค่อยากลองใจฉีฉีเก๋อว่าจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้ไหม?

ฉีฉีเก๋อสลัดแขนคุณแม่ฉางออก เมื่อก่อนเธอเคารพอีกฝ่ายเพราะเป็นผู้อาวุโสกว่าถึงได้ยอมทน แต่ตอนนี้เธอถูกเพื่อนด่าจนได้สติแล้ว ความอดทนของเธอมีแต่จะให้ผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้ทารุณตัวเองมากขึ้น แล้วทำไมเธอต้องทนอีกล่ะ?

“ฉันแค่แต่งงานกับฉางชิงซงไม่ได้แต่งกับคนทั้งตระกูลฉาง แม่ไม่มีสิทธิ์มากักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน หลีกไป!”

ฉีฉีเก๋อตาวาวโรจน์ ตัวเธอสูงกว่าคุณแม่กว่าคืบลำพังความน่าเกรงขามก็เอาชนะได้แล้ว คุณแม่ฉางชะงักและนึกโกรธกับความเปลี่ยนแปลงของฉีฉีเก๋อ ปั้นหน้าแล้วพูดเสียงดุดันว่า “เธอไม่ได้หาเงินแม้แต่หยวนเดียวมีแต่ชิงซงคอยเลี้ยง ยังกล้าไปหาผู้ชายคนอื่นนอกบ้าน ฉันจะตีคนสำส่อนอย่างเธอให้ตาย…”

เมื่อใช้เหตุผลเข้าสู้ไม่ไหวยายแก่ปีศาจก็เริ่มทำตัวไร้เหตุผล ถ้อยคำวาจาที่พ่นออกมาต่ำช้าไม่เข้าหู ฉีฉีเก๋อโกรธจนตัวสั่น โตมาขนาดนี้เธอยังไม่เคยถูกใครใส่ร้ายต่อหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย

แต่ตอนนี้คนที่ใส่ร้ายเธอกลับเป็นแม่สามีของเธอ ผู้อาวุโสที่เธออยากให้ความเคารพเยี่ยงแม่แท้ ๆอีกต่างหาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินไปตะคอกด่า “ตอนนี้ฉันเป็นคนจะพาฉีฉีเก๋อไป ป้าตาบอดสินะที่แยกชายหญิงไม่ได้?”

“ใครจะรู้ว่าเธออาจเป็นแค่คนกลางมาหรือเปล่า…” คุณแม่ฉางไม่เชื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน นอกจากเหมยเหมยที่เธอไม่กล้ามีเรื่องด้วยแต่คนอื่นเธอไม่กลัวแม้แต่คนเดียว

ใครกล้าแตะต้องตัวเธอนิดเดียว เธอจะให้คนคนนั้นชดใช้จนสาสมเลย!

เหมยเหมยไม่เคยเจอผู้หญิงหน้าไม่อายเท่าคุณแม่ฉางมาก่อน เทียบกับเธอแล้วเหอปี้อวิ๋นกับถานซูฟางยังอ่อนกว่านัก อย่างน้อยสองคนนั้นยังรักษาหน้าอยู่บ้าง

แต่คุณแม่ฉางคนนี้กลับหน้าไม่อายอย่างไร้ขอบเขต อ้าปากก็ด่าคำหยาบที่น่ารังเกียจถึงขีดสุดแล้ว

“ฉันเชิญฉีฉีเก๋อไปพักบ้านฉัน คุณคิดว่าบ้านฉันมีผู้ชายเลว ๆอะไรงั้นเหรอ?” เหมยเหมยทำหน้าเย็นชา

ต่อหน้าเหมยเหมยคุณแม่ฉางไม่กล้าเหิมเกริมมากนักเลยได้ยิ้มแหย “ฉันไม่ได้ความว่าอย่างนั้น ฉีฉีเก๋อกำลังท้องอยู่นี่ วิ่งแจ้นออกไปข้างนอกคงดูไม่ดี”

“ต่อให้ออกไปยังไงก็ยังดีกว่าถูกคุณทารุณอยู่ที่บ้านแล้วกัน” เหมยเหมยไม่ได้ทำหน้าดี ๆใส่ ทั้งยังส่งสายตาให้ป้าฟางเพราะไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้

ป้าฟางรีบเดินเข้ามาบังหน้าเหมยเหมย ปรายตามองคุณแม่ฉางด้วยสายตาเย็นชาแล้วชี้ไปที่มุมกำแพงว่า “อยู่ให้ห่างจากคุณหนูฉันสามเมตร ถ้าคุณหนูฉันเป็นอะไรไปละก็…”

คุณแม่ฉางเห็นป้าฟางก็นึกถึงความรู้สึกที่เคยถูกบีบคอ จากนั้นตัวก็สะท้านเฮือกถอยหลังกรูดแต่โดยดี ขณะที่ปากยังพึมพำไม่หยุด “ฉันยังไม่ทันแตะต้องตัวคุณหนูบ้านคุณเลยสักนิด…”

“ท่าทางของคุณน่ารังเกียจเกินไป คุณหนูของฉันเห็นแล้วจะรู้สึกพะอืดพะอมได้ ถอยไปอีก!” ป้าฟางตวาดเสียงเข้ม คุณแม่ฉางได้แต่ถอยกลับไปยืนอยู่ตรงมุมกำแพงอย่างหวาดกลัว

ฉีฉีเก๋อหิ้วกระเป๋าใบเล็กออกมา เหมยเหมยสังเกตเห็นว่ายังเป็นกระเป๋าใบที่เธอใช้เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกทั้งเสื้อผ้าบนตัวฉีฉีเก๋อก็ยังเป็นชุดเก่าตอนมหาวิทยาลัยอีกด้วย ดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงฤดูหนาว เสื้อผ้าตัวใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงพอจะสวมเป็นชุดคลุมท้องได้

แต่เทียบกับคุณแม่ฉางในเสื้อผ้าชุดใหม่ก็เห็นถึงการเสียดสีได้อย่างชัดเจน

เหมยเหมยผิดหวังต่อฉางชิงซงยิ่งกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำตามคำสัญญาเลยสักนิด

“ค้างไม่กี่วันก็กลับมานะ…” คุณแม่ฉางตะโกนบอกฉีฉีเก๋อด้วยสายตาดุดัน

ฉีฉีเก๋อยืดหลังตรงอย่างกล้าหาญแล้วแค่นเสียงตอบกลับ “ให้ฉางชิงซงมารับฉันแล้วกัน!”

เธอยิ้มให้เพื่อนน้อย ๆ “ไปกันเถอะ…”

………………………

ตอนที่ 2315 ปีศาจยายแก่มาแล้ว

“ฉีฉีเก๋อ ทำไมเครื่องซักผ้าเครื่องนี้เธอไม่เอาออกมาใช้ล่ะ?”

เหมยเหมยหันมาถามฉีฉีเก๋อ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินเข้ามาก็เห็นเครื่องซักผ้าในลังก็ยิ่งโมโห ตอนเธอเอาเครื่องซักผ้ามาให้พนักงานก็ขนยกเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทำไมถึงโผล่มาอยู่ในห้องนั่งเล่นได้ล่ะ?

“ถามเธออยู่นะ เป็นใบ้หรือไง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาด

ฉีฉีเก๋ออ้าปากหลายครั้ง กำลังจะพูดประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากข้างนอก คนที่ปรากฏตัวกลับเป็นแม่ของฉางชิงซง

ปีศาจยายแก่จอมยุนั่น!

“มีแขกเหรอ…ฉันไปซื้อกับข้าวมา…โอ้…ฉีฉีเก๋อทำไมเธอไม่ชงชาล่ะ ไม่มีมารยาท ขอโทษที่เสียมารยาทนะ…”

คุณแม่ฉางกลับดูอ่อนเยาว์ลงไม่น้อยและมีกำไลทองคำตรงข้อมืออีกต่างหาก แต่งตัวดูดีมีรสนิยมและดัดผมลอนสุดทันสมัยจึงขับให้ดูอ่อนเยาว์ลงสิบกว่าปี

เห็นได้ชัดว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงเหมือนร้ายขายของชำขนาดเล็กในชนบทมาเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองเลยทีเดียว

“โอ้โห…ไอ้สารเลวฉางชิงซง…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่รู้ได้อย่างไรอีกว่าตนถูกฉางชงซงหลอกเข้าให้ ตอนไอ้สารเลวนี่เช่าบ้านก็คิดจะให้คุณแม่ของเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยแล้ว แต่ปากพร่ำพูดว่าจะเตรียมห้องนอนให้ลูก ทั้งที่เตรียมให้แม่ของเขาต่างหาก

“นี่…ยายหนูทำไมถึงด่ากันล่ะ? ชิงซงของฉัน…” คุณแม่ฉางไม่พอใจที่ด่าลูกชายเธอว่าสารเลวต่อหน้าเธอ แล้วเธอล่ะ?

กลายเป็นแม่ของคนสารเลวหรือ?

“ป้าอย่ามาคุยกับฉัน ระวังฉันจะถลกหนังหัวเอานะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นปีศาจยายแก่นี่ก็เดือดดาลขึ้นมา เธอบอกป้าฟางว่า “ป้า ป้ารีบพาเหมยเหมยกลับบ้าน เรื่องตรงนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง!”

ปีศาจยายแก่นี่จิตใจโหดเหี้ยม คราวก่อนจงใจผลักเหมยเหมย ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้คิดจะทำชั่ว ๆอะไรอีกหรือเปล่า!

ฉีฉีเก๋อทำหน้าลำบากใจอย่างมาก เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้สึกแย่ต่อคุณแม่ฉางขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่ชอบแม่สามีมากแต่ยอมทนเพราะเห็นแก่ฉางชิงซง

เหมยเหมยทำมือเป็นเชิงปรามป้าฟางแล้วกวาดตามองตะกร้าผักบนพื้น ผักขึ้นฉ่าย แคร์รอต ไข่ไก่ ผักกุยช่าย…แล้วก็รากหัวไชเท้าอีกกองหนึ่งที่ดูเละเทะไม่เป็นระเบียบ คาดว่าน่าจะเก็บมาจากตลาดสด

รากหัวไชเท้าตามตลาดสดไม่มีใครเอาเพราะคนแก่มากมายจะรอเก็บไปทำผักดองเค็ม คุณแม่ฉางเก็บมามากขนาดนี้จึงเห็นได้ชัดว่าจะเอามาดองผัก เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

กู้อี้หัวบอกแล้วว่าคนท้องต้องทานผักดองเค็มให้น้อย ๆเพราะไม่ดีต่อเด็กทารก อีกอย่างรากหัวไชเท้าเป็นของร้อน ปกติคนท้องจะมีสภาวะร้อนในเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิธีการทานของร้อนแบบนี้มีแต่จะเพิ่มความร้อนเป็นเท่าทวีคูณ มิน่าปากฉีฉีเก๋อถึงมีแต่ตุ่มใส ๆเต็มไปหมด

ประเด็นสำคัญคือมีแต่ผักเต็มตะกร้า นอกจากไข่ไก่ไม่กี่ฟองก็มีแต่ผัก ไม่มีเศษเนื้อเลยสักนิด

ผักมากมายขนาดนี้เห็นชัดว่าเป็นของสำหรับหลายวัน นี่คุณแม่ฉางคิดจะทานแต่ผักงั้นหรือ?

“ฉีฉีเก๋อ เธอไม่ได้ทานเนื้อมากี่วันแล้ว?” เหมยเหมยถามตรง ๆ

“ฉัน…ฉัน…ฉันไม่ได้ทานมาเดือนกว่าแล้ว…” ฉีฉีเก๋อตาแดง เธอหิวเนื้อแทบแย่ ถ้าคุณแม่ฉางไม่ทำผัดผักกุยช่ายก็ทำเกี๊ยวไส้กุยช่ายทุกวัน

ไม่อย่างนั้นก็บะหมี่น้ำใสหรือผักดองเค็ม…ทานติดต่อมาเดือนกว่าแล้ว เธอทานเบื่อจนใกล้จะอ้วกอยู่รอมร่อ

“ฉีฉีเก๋อเธออย่ามาพูดจาเหลวไหลนะ อะไรคือไม่ได้ทานเนื้อมาหนึ่งเดือน สัปดาห์แล้วเพิ่งทำเนื้อไปไม่ใช่หรือไง แล้วก็สองสัปดาห์ก่อนก็ทำเนื้อเหมือนกันนี่ ทานแต่เนื้อตายไว ผักกับเต้าหู้สิแข็งแรง เนื้อน่ะทานสองสามวันมื้อหนึ่งก็พอ ทานทุกวันจะป่วยเอาได้…” คุณแม่ฉางทำท่าเหมือนกำลังสั่งสอน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนแทบหงายหลัง นึกอยากฟาดหน้าฉาดใหญ่สักที!

……………………..

ตอนที่ 2316 แม่สามีใจร้าย

เหมยเหมยเองก็โกรธไม่แพ้กัน เนื้อต้องทานน้อยก็จริงแต่ทานแต่ผักทุกวันก็ไม่ได้ โดยเฉพาะยังมีคนท้องอย่างฉีฉีเก๋ออยู่ในบ้านด้วย ช่วงเดือนหกเดือนเจ็ดเป็นช่วงที่ต้องเพิ่มสารอาหาร ทานแต่ผักทุกวันจะทนไหวได้อย่างไร?

มิน่าสีหน้าฉีฉีเก๋อถึงดูย่ำแย่!

ฉีฉีเก๋อพูดเสียงเบา “เนื้อที่ทำหลายครั้งก่อนหน้าแม่ทานไปหมด ฉันไม่ค่อยได้ทานเท่าไรเลย”

ความจริงเธอทานไปแค่ชิ้นสองชิ้นเพราะคุณแม่ฉางมักทำเนื้อตามจำนวนชิ้นที่หั่นเท่า ๆลูกวอร์นัต จานหนึ่งจะมีแค่สิบห้าสิบหกชิ้นซึ่งจะจัดวางไว้ตรงกลางห้อมล้อมด้วยผักสดกับผักดองเค็มเหมือนเพิ่มสีสันให้ดูโดดเด่นสะดุดตาก็เท่านั้น

ฉีฉีเก๋อหิวมากจริง ๆจึงคีบไปทานหนึ่งชิ้น ต่อให้รสชาติไม่ดีเท่าไรแต่เธอก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทว่า–

พอเธอคีบชิ้นที่สองคุณแม่ฉางก็ตวัดตามองมาแล้วปั้นหน้าตึง ๆใส่ หันข้างไม่ให้ฉางชิงซงเห็นแล้วถลึงตาที่คมราวกับใบมีดใส่เธอ

หนำซ้ำขณะที่ตวัดตามองมาทางนั้นก็ฉีกยิ้มเหมือนแม่ผู้เมตตาใจดีให้ฉางชิงซงแล้วคีบเนื้อให้ลูกชายไม่หยุด พูดแต่คำพูดอบอุ่นใจทำนองว่าลำบากลูกชายแล้ว ช่วงนี้ผอมลงแล้ว…สองแม่ลูกรักใคร่กลมเกลียวกัน ฉีฉีเก๋อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกระยะห่างราวกับขั้วโลกเหนือกับแอฟริกา

เนื้อชิ้นสองจึงทำใจคีบไม่ลงอีกต่อไป…

แล้วทานผักดอกเค็มไปเงียบ ๆ

เพราะเวลาทานผักดองเค็มคุณแม่ฉางถึงทำท่าพึงพอใจต่อเธอและจะอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

คุณแม่ฉางตบต้นขาแรง ๆทีหนึ่งแล้วตะคอกใส่ “ทำเนื้อเธอไม่ทาน ไม่ทำก็บอกไม่ได้ทาน…โอ๊ย…แม่สามีอย่างฉันน่าสงสารยิ่งกว่าทำตัวเป็นหลานซะอีก…”

ฉีฉีเก๋อตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมไม่กล้าพูดอะไรอีก และเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ขอแค่เธอพูดอะไรกับฉางชิงซงสักประโยคสองประโยคคุณแม่ฉางก็จะพร่ำร้องคร่ำครวญเกินจริงอยู่เสมอ บอกว่าเธอเหมือนคนรับใช้ที่ต้องปรนนิบัติแล้วยังถูกด่าถูกบ่น ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณแล้วยังต้องโดนด่าอยู่เรื่อย…

เมื่อก่อนฉางชิงซงยังเข้าข้างเธออยู่บ้าง แต่นานวันเข้าก็บอกว่าเธอต้องยอมผู้อาวุโสกว่าอย่าทำตัวเป็นเด็ก ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วอ้าปากจะด่าแต่เหมยเหมยกระชากแขนเธอไว้ เตะตะกร้าผักบนพื้นแล้วแค่นเสียงถาม “เนื้อของคุณล่ะ? หรือว่าคุณเก็บเนื้อไว้ในกระเป๋าเหรอ?”

คุณแม่ฉางหยุดร้องทันทีเหมือนถูกคนบีบคอก็ไม่ปาน เธอกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าเหมยเหมย ในเมื่อเป็นถึงคุณหนูใหญ่ที่ลูกชายเธอยังไม่กล้ามีเรื่องด้วย!

“ก็…เพิ่งทานเนื้อเมื่อสองวันก่อนนี่นา ทานเนื้อทุกวันจะป่วยเอาได้…ทานผักดีต่อสุขภาพนะ นี่ถือว่าเป็นบุญของลูกสะใภ้สมัยนี้แค่ไม่กี่วันก็ได้ทานเนื้อแล้ว พอนึกถึงสมัยรุ่นเราตั้งแต่ตั้งท้องยันคลอดได้ทานแป้งสักมื้อก็ดีมากแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เศษเนื้อด้วยซ้ำ…”

คุณแม่ฉางพูดพึมพำซึ่งเธอไม่ได้พูดโกหก เพราะคุณย่าของฉางชิงซงหรือแม่สามีของเธอที่มีชื่อเสียงร้ายกาจจนเลื่องลือ ใจร้ายกับบรรดาลูกสะใภ้ยิ่งกว่าถลกหนังหัวเสียอีก

แกเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้คุณแม่ฉางพอจะลำพองตัวขึ้นมาได้บ้าง รู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตใหม่และตั้งปณิธานว่าจะทำตัวให้สมกับเป็นแม่สามี

เธอถึงขั้นคิดว่าตัวเองใจดีกว่าคุณแม่ฉางมากแล้ว อย่างน้อยก็ให้ฉีฉีเก๋อได้ทานเนื้อบ้างบางมื้อ แถมไม่ได้ให้ฉีฉีเก๋อทำงานกลางนาด้วยซ้ำ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดพูดไม่ได้ “เมื่อก่อนโดนแม่สามีกดขี่มาเลยอยากเอาคืนฉีฉีเก๋อเป็นเท่าตัวงั้นสิ?”

“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย…” คุณแม่ฉางเบะปาก ความในใจย่อมพูดออกมาไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่ได้โง่นี่นา

………………………

ตอนที่ 2313 ได้รับความสะเทือนใจ

ยามใบไม้ร่วงใบสุดท้ายพัดปลิวไปตามสายลม ฤดูหนาวก็มาเยือน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่มาหานานมาขอทานข้าวด้วย

“นี่เธอไปทำไร่ทำนามาเหรอ? ดูหน้าผอมซูบลงเชียว” เหมยเหมยมองเพื่อนที่อดีตตัวกลมขาวเหมือนลูกซาลาเปาแต่เพิ่งห่างหายกันไปไม่กี่เดือนกลับผอมลงอย่างน่าตกตะลึง

ปวดใจจัง!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับเอาของว่างที่ป้าฟางยื่นมาให้พร้อมเอ่ย “ขอบคุณค่ะป้า ไม่ได้ทานอาหารฝีมือป้าตั้งนาน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”

เธอว่าแล้วก็หยิบเอาคุกกี้ยัดใส่ปากเคี้ยวกรวบ ๆหลายชิ้นติดกันถึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างพึงพอใจ ก่อนจะค่อย ๆ ทานส่วนที่เหลือ

“อย่าไปพูดถึงมันเลย ช่วงนี้ฉันงานยุ่งจนหัวหมุนกินข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ผอมสิแปลก!” แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปากจะบ่นเช่นนั้นแต่สีหน้ากลับดีใจอย่างปิดไม่มิด

เมื่อก่อนเธอยอมทนหิวปีนเขาวิ่งออกกำลังกาย…ใช้วิธีมากมายก็ยังลดความอ้วนไม่ได้ ครั้งนี้กลับลดความอ้วนได้โดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเธอดีใจแทบแย่

อีกอย่างงานธุรกิจรับจัดงานแต่งงานของเธอได้เปิดให้บริการแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาขายดิบขายดีจนมีใบสั่งจองกันเข้ามายาวถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ได้ทั้งเงินได้ทั้งลดความอ้วน…

เรื่องดี ๆอย่างยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ เธอไม่ดีใจสิแปลก!

เหมยเหมยเขม่นตาใส่เธออย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง อวด…กำลังอวดอยู่ชัด ๆ!

อยากไล่ตะเพิดออกบ้านจริง ๆ!

“ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลแต่งงานไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงว่างมาหาฉันได้ล่ะ?” เหมยเหมยแค่เอ่ยปากก็เต็มไปด้วยความอิจฉาแล้ว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคัก “ไม่ได้มาหาเธอหลายเดือนแล้วนี่นา ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง…โอเค…เห็นสภาพเธอก็รู้แล้วว่าสบายดีแน่นอน ขาวกลมเหมือนก้อนแป้งเลย สามีของเธอเลี้ยงเธอได้ดีเลยนะ!”

โดนจี้จุดอีกหมื่นครั้ง!

เหมยเหมยคร้านจะสนใจเธอเลยหยิบเอาของว่างมาทาน ของว่างชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวโพดที่กู้อี้หัวบอกว่าทานเยอะ ๆได้เพราะดีต่อเด็กทารกในครรภ์ด้วย

“ฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้าง? เธออายุครรภ์น้อยกว่าฉันแค่หนึ่งเดือนเอง ตอนนี้ก็น่าจะหกเดือนได้แล้วสินะ” เหมยเหมยถามถึงฉีฉีเก๋อที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนเช่นกัน

“หลายเดือนมานี้ฉันงานยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ได้ไปหาหล่อนมาเดือนกว่าแล้ว ไม่ได้การล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหาหล่อนสักหน่อย ยัยโง่นี่มีเรื่องอะไรก็เก็บไว้ในใจไม่เคยเป็นฝ่ายบอกฉันก่อนหรอก น่าโมโหชะมัดเลย”

“ไหนว่าฉางชิงซงย้ายออกจากห้องเช่ามาเช่าบ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

หอพักที่บริษัทจัดให้นั้นทั้งแคบทั้งไม่สะดวก หลังฉีฉีเก๋อตั้งครรภ์ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ห้องน้ำรวมของหอพักพวกเขาอยู่ไกลจากห้องพอสมควร ฤดูร้อนยังพอว่าแต่ฤดูหนาวสิน่าเป็นห่วง

ฉีฉีเก๋อดันไม่ชินกับการใช้โถสักนิด เธอแค่อยากไปเข้าห้องน้ำอย่างเดียว ทีนี้ละลำบากเลย

ดีที่หลายเดือนมานี้ฉางชิงซงพอหาเงินได้บ้างเลยมีเงินออมส่วนหนึ่งหาเช่าบ้านข้างนอกที่มีห้องน้ำส่วนตัวได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนช่วยหาห้องที่มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นให้พวกเขา ตำแหน่งที่ตั้งและราคาค่อนข้างเหมาะสมแต่ฉางชิงซงกลับไม่พอใจ จากนั้นตัวเขาเองก็ได้ไปหาบ้านเช่าที่มีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นที่ราคาค่าเช่าเดือนละตั้งสี่ร้อยหยวน แพงกว่าที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหาให้หนึ่งร้อยหยวน

“ใช่ ย้ายเข้าไปได้สองเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้เจ้าฉางชิงซงกำลังคิดอะไรอยู่ ปกติซื้อกับข้าวหน่อยยังขี้เหนียว แต่เช่าบ้านกลับใจกว้างยอมจ่ายเงินมากกว่าหนึ่งร้อยหยวนซะงั้น มันจำเป็นเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นกับเหมยเหมย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันในห้องเดียวก็เพียงพอแล้ว ต่อให้คลอดลูกแต่สามปีแรกก็ต้องนอนบนเตียงเดียวกับพ่อแม่อยู่ดี ไม่จำเป็นต้องหาห้องนอนเพิ่มเลย เงินหนึ่งร้อยที่เสียไปมันสูญเปล่าชัด ๆ

“ฉางชิงซงยังบอกว่าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกล่วงหน้า เตรียมบ้าอะไรล่ะ โอ๊ย พูดแล้วฉันก็ชักโมโห ไม่ได้การ ฉันจะไปเยี่ยมยัยโง่นั่นเดี๋ยวนี้เลย ไม่รู้ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เหตุผลที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยมหนึ่งเดือนกว่า นอกจากงานที่ยุ่งแล้วก็มีสาเหตุเพราะโมโหฉางชิงซงด้วย

และยิ่งรำคาญที่ฉีฉีเก๋อไม่เอาไหน เรื่องในบ้านแทบจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงล้วนแต่เป็นฉางชิงซงตัดสินใจทั้งหมด ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนที่นิสัยเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมา แต่พอหลังแต่งงานกับฉางชิงซงดันเป็นคนเอื่อยเฉื่อยไปเสียได้

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นกล่าว “ฉันไปกับเธอด้วยแล้วกัน!”

…………………….

ตอนที่ 2314 ชีวิตแย่มาก

บ้านเช่าของฉางชิงซงอยู่ห่างจากบ้านเหมยเหมยไม่ไกลนัก เธอไม่ได้เจอฉีฉีเก๋อหลายเดือนแล้วจึงคิดถึงมากพอสมควร ประจวบเหมาะจะได้แวะไปเยี่ยมด้วย เพราะคุณหมอบอกให้เธอเดินเยอะ ๆจะได้ส่งผลดีต่อการคลอดลูก

ลุงเหลาขับรถไปส่งพวกเธอซึ่งมีป้าฟางไปด้วย พอป้าฟางได้ยินว่าจะไปหาฉีฉีเก๋อก็ใจกระตุกวูบขึ้นมาทันที ครอบครัวนี้ถือว่าสุดยอดมากทีเดียว ต่อให้ยายปีศาจแก่นั่นไม่อยู่แต่เธอก็ต้องจับตาดูให้ดี

ฉางชิงซงไม่อยู่บ้านมีเพียงฉีฉีเก๋ออยู่เพียงลำพัง เธอดีใจมากที่ได้เจอเพื่อน

“รีบเข้ามานั่งสิ ฉันจะไปรินน้ำชาให้พวกเธอนะ!”

ฉีฉีเก๋อมือวุ่นพันกันไปหมดแล้วยังแบกท้องโตขนาดนั้นอีก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดึงแขนเธอไว้แล้วตวาดใส่ “เธอไปนั่งให้ดี ๆเลย รินน้ำชาอะไร คิดว่าเราต้องการน้ำชาของเธอหรือไง!”

เหมยเหมยส่ายศีรษะอย่างระอา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่จริง ๆเลย…ทั้ง ๆที่กำลังพูดแสดงความห่วงใยแต่เธอดันมีความสามารถที่พูดหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายจริง ๆ

ฉีฉีเก๋อยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและก็ไม่ได้ไปรินน้ำชาแต่นั่งคุยกับพวกเธอที่ทำหน้าสลดหน่อย ๆ “ที่บ้านไม่มีแม้แต่เมล็ดทานตะวันให้พวกเธอด้วยซ้ำ…”

“พอเถอะ เราก็ไม่ได้ต้องการเมล็ดทานตะวันของเธอหรอก นี่หนึ่งเดือนนี้เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เห็นอ้วนขึ้นเลย เหมยเหมยอ้วนขึ้นตั้งสิบกิโลในหนึ่งเดือนแล้วนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกวาดตามองเพื่อนที่ดูแล้วก็เดือดขึ้นมาทันที

เหมยเหมย ‘…ปวดใจ…’

แต่สภาพของฉีฉีเก๋อไม่ค่อยสู้ดีจริง ๆ ไม่ได้ดูเปล่งปลั่งอย่างที่คนท้องควรเป็น แถมยังมีเริมขึ้นตรงปากหลายจุด ผิวแห้งถลอก แก้มตอบลงแต่ท้องกลับใหญ่มากซึ่งก็ยิ่งขับให้ดูแปลกไปกว่าเดิม

“เชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ผิดเลย ฉีฉีเก๋อเธอไม่ค่อยเจริญอาหารหรือเปล่า? เดือนที่หกเป็นช่วงที่เด็กกำลังเติบโตเลยนะ ปกติควรเจริญอาหารมากสิ ตอนฉันท้องเดือนที่หกมีคืนหนึ่งทานเกี๊ยวตอนเที่ยงคืนตั้งสี่สิบกว่าชิ้นแหนะ!”

เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจมาก สภาวะของฉีฉีเก๋อในตอนนี้แย่มากจนเธออดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่าฉางชิงซงไม่ยอมซื้อของมาบำรุงให้ฉีฉีเก๋อหรือ?

“ฉันทานเก่งมากนะ แค่ไม่อ้วนเท่านั้นเอง แต่คุณหมอบอกว่าฉันสบายดี ไม่เป็นไรหรอก” ฉีฉีเก๋อยิ้มพลางโบกมือปัด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าตึงคว้ามือเธอมาทีเดียวแล้วตะคอกใส่ “ทำไมมือเธอหยาบกร้านขนาดนี้? โอ้โห…มีแผลเปื่อยด้วย…เธอทำอะไรมาเนี่ย?”

เหมยเหมยก็คว้ามือฉีฉีเก๋อมาดูเช่นกัน เมื่อครู่ไม่ทันสังเกตแต่คราวนี้กลับเห็นชัดเจนแล้วว่ามือแตกและเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากความหนาว ทั้งยังมีหลายจุดที่เลือดซึมออกมาอีกต่างหาก

“ฉีฉีเก๋อ เธอทำอะไรมากันแน่? เมื่อก่อนต่อให้หนาวแค่ไหนมือของเธอก็ไม่เคยอักเสบขนาดนี้มาก่อน อีกอย่างคนท้องร่างกายค่อนไปทางร้อนมากกว่า เธออย่าบอกฉันว่าเกิดจากความหนาวเชียวนะ” เหมยเหมยถามเสียงเข้ม

ฉีฉีเก๋อรีบชักมือกลับ ทำหน้าไม่สบายใจแล้วตอบเสียงเบา “ฉันแค่ซักเสื้อผ้าไม่กี่ตัว…ไม่คิดว่า…”

“ใช้น้ำเย็นเหรอ?”

“ไม่…ก็ใช้น้ำร้อนอยู่…”

“เหลวไหล…เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ ใช้น้ำร้อนซักผ้าแล้วจะอักเสบได้ขนาดนี้เหรอ? อีกอย่างทำไมเธอต้องใช้มือซักผ้าด้วย? ฉันซื้อเครื่องซักผ้าให้เธอแล้วไม่ใช่เหรอ เธอโง่หรือไง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่า

เหมยเหมยกวาดตาสำรวจมองรอบห้องที่นับว่าเป็นระเบียบพอควรซึ่งดูออกว่ามีการทำความสะอาดอยู่ทุกวัน ห้องนั่งเล่นมีกล่องลังเครื่องซักผ้าอยู่ เธอเดินไปดันเบา ๆก็พบว่ากล่องหนักอึ้งก็หน้าตึงอย่างอดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าข้างในมีเครื่องซักผ้าอยู่!

ฉางชิงซงทำบ้าอะไรเนี่ย?

แม้เครื่องซักผ้านั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนซื้อแต่กลับเป็นเงินของลุงปาเกิน เขาไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนตระกูลฉางเลยเอาเงินให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฝากเธอซื้อเครื่องซักผ้าให้หนึ่งเครื่อง ลูกสาวจะได้สบายหน่อย

แต่กลับไม่คิดว่าเครื่องซักผ้าที่เต็มไปด้วยความรักของพ่อจากลุงปาเกินกลับไม่ได้แสดงศักยภาพของมันอย่างที่ควร

…………………..

ตอนที่ 2311 ผลลัพธ์เหนือคาด

เหมยเหมยเริ่มต้นชีวิตอยู่ดีกินดีเหมือนเลี้ยงหมูออกลูก โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ตัวกลมยิ่งกว่าเดิมจนใต้คางมีเหนียงถึงสามชั้น ผิวขาวเนียนนุ่มพร้อมน้ำหนักที่พุ่งกระฉูดขึ้นเรื่อย ๆ

“แม่เจ้า…หกสิบห้ากิโลแล้ว…”

เหมยเหมยยืนทำหน้าสิ้นหวังอยู่บนตราชั่งน้ำหนัก

ทั้งที่หนึ่งเดือนก่อนเพิ่งห้าสิบห้ากิโลเท่านั้นเอง เดือนเดียวก็หนักขึ้นถึงสิบกิโลแล้ว เธอทานเก่งยิ่งกว่าหมูเสียอีก!

ป้าฟางทำหน้าไม่แยแส “แค่นี้เอง ตอนป้าตั้งท้องลูกสาวป้าหนักตั้งเก้าสิบกิโลแหนะ ลุงเหลาอุ้มไม่ไหวด้วยซ้ำ”

ลุงเหลายิ้มแก้เก้อเพราะเรื่องนี้มันน่าอับอายอยู่บ้างจริง ๆ โชคดีที่ภรรยาร่างกายแข็งแรง ตอนอยู่โรงพยาบาลเลยไม่ต้องให้เขาอุ้มจัดการเองทุกขั้นตอน เธอไม่เหมือนสาวตั้งครรภ์คนอื่น ๆที่ทำอะไรก็ต้องมีสามีคอยปรนนิบัติเสมอ

เหมยเหมยเหลือบมองหุ่นขนาดปานกลางของป้าฟางแล้วพูดอย่างปวดใจว่า “ป้า ป้าสูงกว่าฉันมากขนาดนั้น เราเทียบกันไม่ได้หรอก”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเรียบมาประโยคหนึ่ง “ผลลัพธ์เหนือคาด”

กระหน่ำจี้ใจเธอหมื่นครั้ง!

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคืองและรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่นานก็หาข้ออ้างให้ตัวเองได้เลยเถียงคอเป็นเอ็นกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันทานคนเดียวแต่ให้สารอาหารสองคน คุณย่ากับคุณแม่ก็บอกว่าฉันผอมเกินไป!”

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก มองหุ่นกลมของภรรยาตนด้วยสายตาเรียบนิ่งแวบหนึ่ง ผิวขาวเนียนแดงระเรื่อดูมีชีวิตชีวา…ช่วงบนอวบอิ่มน่าชมซึ่งเป็นจุดที่เขาพึงพอใจมากที่สุดแล้ว…

แต่ความสามารถในการพูดโกหกหน้าตายของคุณย่ากับแม่ยายของเขานั้นนับวันก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อก่อนน้ำหนักแค่สี่สิบห้ากิโล ตอนนี้ขึ้นมาหกสิบห้ากิโล เนื้อหนังเพิ่มขึ้นจากเดิมยี่สิบกิโลอย่างไม่มีเหตุผล แล้วจะยังผอมอยู่ได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเขาก็คิดว่าเหมยเหมยในตอนนี้สวยมาก มีความงดงามดูอวบอิ่มไปอีกแบบหนึ่งซึ่งเขาก็ชอบมากเช่นกัน แต่ปัญหาคือเขาไม่อยากคอยลดความอ้วนเป็นเพื่อนเหมยเหมยในอนาคตเลย แล้วก็ต้องทานแต่ผักผลไม้ด้วย

ยัยตัวแสบนี่มักลากให้เขาลดความอ้วนไปพร้อมกัน พอตอนทานมื้อดึกกลับทิ้งขว้างไม่สนใจเขา!

ฉะนั้นตอนนี้ต้องคอยห้ามยัยตัวแสบที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเองไว้ก่อน

การได้รับสารอาหารมากเกินไปในขณะตั้งครรภ์ถือว่าไม่ใช่เรื่องดีเพราะจะทำให้ครรภ์มีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้คลอดยาก คนท้องก็จะเสี่ยงอันตรายไปด้วย

“ฉันจะไปหานักโภชนาการมาจัดการมื้ออาหารให้อย่างเหมาะสม” เหยียนหมิงซุ่นยื่นข้อเสนอ

ป้าฟางคิดเช่นเดียวกับคุณย่าแล้วก็คุณแม่ยายของเขาไม่มีผิดพลางคิดว่าเหมยเหมยนั้นผอมเกินไปมาโดยตลอด จึงคอยทำแต่อาหารอร่อย ๆให้ทานทุกวัน ประเคนป้อนเธออย่างกับเลี้ยงหมู สักวันเหมยเหมยต้องกลายเป็นเจ้าหมูอ้วนแน่

ตอนนี้เพิ่งจะเดือนกรกฎาคมเท่านั้นห่างจากวันกำหนดคลอดอีกตั้งสองเดือนกว่า หนึ่งเดือนสิบกิโล…เขาไม่กล้าจินตนาการต่อไปแล้ว

ถ้ากลายเป็นหมูอ้วนขึ้นมาจริง ๆ เหมยเหมยต้องเป็นโรคซึมเศร้าแน่ รีบวางแผนแต่ล่วงหน้าดีกว่า!

เพื่อวันข้างหน้าเขาจะได้ไม่ต้องคอยทานผักไปด้วย!

ในเมื่อมีเงินมีอำนาจทำอะไรก็มักสะดวก ไม่นานก็หานักโภชนาการหนุ่มหล่อวัยสามสิบกว่าที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ได้ข่าวว่าอดีตเคยช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับดาราที่ต่างประเทศโดยเฉพาะ หลังกลับมาก็งานล้นมือ ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนหมิงซุ่นมีหน้ามีตาพอก็คงไม่ถึงคราวของเขาหรอก

นักโภชนาการมองเมนูอาหารของป้าฟางแวบเดียวก็ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “สารอาหารมากเกินไป เด็กทารกรับสารอาหารไม่ได้มากขนาดนี้ สารอาหารที่เกินออกมาก็จะกลายเป็นไขมันสะสมบนร่างกายของคุณแม่ สั่งสมไปทุกวัน…แล้วก็จะกลายเป็นคนอ้วนโดยแท้จริง…”

เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือก นักโภชนาการที่ชื่อกู้อี้หัวพูดภาษาจีนกลางได้อย่างลื่นไหล แต่สีหน้าท่าทางของเขากลับดูเกินจริงไปสักนิด ทั้งตอนพูดก็ไม่อ้อมค้อมเหมือนชาวฮวาเซี่ย เถรตรงและน่าตกใจอยู่บ้าง

“ตอนนี้ฉันอ้วนขนาดนี้แล้วจะเป็นอะไรไหม?” เหมยเหมยทำหน้าจะร้องไห้ พลันรู้สึกถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้จึงถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างขุ่นเคือง

“ตอนฉันทานเกี๊ยวเมื่อคืนทำไมพี่ไม่ห้ามฉันบ้าง?”

เอาแต่มองเธอทานอย่างนั้นแล้วยังทานไปตั้งสี่สิบกว่าชิ้น น่าโมโหชะมัด!

………………………………….

ตอนที่ 2312 เบี่ยงเบนความสนใจ

กู้อี้หัวหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นที่ไร้ความผิดอย่างเห็นใจแวบหนึ่ง ได้ข่าวว่าผู้ชายคนนี้มีอำนาจมากในเมืองหลวง คำสั่งเดียวสามารถทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรได้ น่าทึ่งเทียบเท่าพระสันตะปาปาเลยทีเดียว

อายุน้อยหล่อเหลาเหนือความคาดหมายของเขาไปอีก

และที่เหนือคาดไปกว่านั้นก็คือนิสัยกลัวเมียนี่แหละ

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีไม่อยากใช้เหตุผลกับเหมยเหมยเลยสักนิด การใช้เหตุผลกับหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งสู้ให้เขาไปเผชิญหน้ากับพวกกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธอาจจะสบายกว่า

“งั้นหลังจากนี้เราไม่ทานแล้ว”

เหมยเหมยสูดจมูก “ทานไม่ได้อยู่แล้วล่ะ…แต่ถ้าฉันหิวขึ้นมาจะทำอย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่น…

กู้อี้หัวกลั้นหัวเราะเอ่ย “ขอเพียงคุณนายเหยียนทานตามโภชนาการของผม ทั้งเด็กทารกและทั้งคุณก็จะได้รับสารอาหารเพียงพอ ถ้าหิวคุณก็ไม่ต้องสนใจแค่หาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไป…หรือบางทีอาจจะขอให้คุณเหยียนช่วยได้…”

เขาว่าแล้วก็ขยิบตาอย่างมีเลศนัยไปด้วยจนเหมยเหมยอดหน้าแดงไม่ได้ ชาวต่างชาติช่างกล้าพูดเหลือเกิน ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาทั้งนั้น

เหยียนหมิงซุ่นพลันใจหวั่นไหว ความคิดนี้ไม่เลว ตอนนี้เหมยเหมยท้องเจ็ดเดือนแล้วทุกอย่างคงที่ดี…สามารถทำอะไรกลางดึกได้แล้ว จะได้เบี่ยงเบนความอยากอาหารของเธอด้วย…

กู้อี้หัวมีความรับผิดชอบอย่างมาก เขาจัดเมนูอาหารสำหรับหนึ่งสัปดาห์ให้อย่างละเอียด ทั้งผลไม้ ผัก เนื้อปลากับเนื้อไก่ที่มีค่อนข้างมาก เนื้อหมูกลับมีน้อยมาก เขาให้ป้าฟางทำมื้ออาหารให้เหมยเหมยตามนูนี้อย่างเข้มงวด หนึ่งเดือนให้หลังจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

……

พอถึงช่วงตกดึกเหมยเหมยก็ตื่นนอนตามความเคยชิน หลังจากที่ลุกมาทานเกี๊ยวสามห่อครั้งแรกเธอก็แทบตื่นในเวลานี้เพราะความหิวทุกวัน ความอยากอาหารพุ่งกระฉูดชนิดที่สามารถกลืนโลกทั้งใบลงไปได้

“พี่…ฉันอยากทานแป้งทอดห่อเนื้อ อยากทานเนื้อย่าง…มีร้านเนื้อย่างตรงตลาดตะวันออกอยู่รสชาติดีมากเลยนะ…” เหมยเหมยพูดแล้วน้ำลายก็ไหลไม่หยุด

ช่วงเวลานี้เธอสามารถเรียกคืนความจำชื่ออาหารทานเล่นทั้งหมดที่เธอเคยทานออกมาได้ แม้จะเคยทานเพียงครั้งเดียวก็ตาม จากนั้นก็ให้เหยียนหมิงซุ่นไปหาซื้อ

ตอนนี้แค่เหยียนหมิงซุ่นหลับตาก็สามารถไปทั่วทุกตรอกในเมืองหลวงได้แล้ว นี่แหละความสามารถหลังผ่านการฝึกมาหนึ่งเดือน

“คำพูดของนักโภชนาการเธอลืมไปแล้วเหรอ หรือว่าเธออยากกลายเป็นคนอ้วน?” เหยียนหมิงซุ่นย้อนถาม

เหมยเหมยมองมือบวมเป่งเหมือนซาลาเปาที่เพิ่งเอาออกมาจากหม้อนึ่ง สติบอกตัวเองว่าทานไม่ได้แล้วแต่กลับควบคุมความหิวโหยไม่อยู่เหมือนมีหมาป่าหิวโซอยู่ในท้องตะกุยกรงเล็บต้องการเขมือบอาหารข้างนอกเข้าไปทั้งหมด

“แต่ฉันหิว…”

เหมยเหมยเบะปากอย่างน่าสงสาร เธอแค่อยากทานมื้อดึกนิดหน่อยเท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นว่ามีความผิดมหันต์ไปได้ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นปวดใจยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่ยัยตัวแสบเองต่างหากที่ไม่อยากอ้วน กลางวันยังบอกให้เขาช่วยคุมอย่างเข้มงวดแต่ตอนนี้กลับใช้สายตาคาดโทษมองเขาเสียอย่างนั้น

……

“พี่ทำอะไร…” เหมยเหมยเผลออุทานเพราะเจ้าตัวถูกคร่อมไว้ใต้ร่าง

“ระวัง…ท้อง…”

ไม่นานเหมยเหมยก็ถูกกระตุ้นจนเกิดอารมณ์ ร่างอ่อนปวกเปียกอ่อนแรงหอบหายใจแผ่วและร้องครางเหมือนแมวตัวน้อย…

“อืม…”

ไม่นานทั้งคู่ก็ตกสู่คลื่นอารมณ์แห่งความใคร่ ส่วนแป้งทอดห่อเนื้อกับเนื้อย่าง–

ลืมไปตั้งนานแล้ว!

………………………….

ตอนที่ 2309 ทานหมดได้

“พี่…เหยียนหมิงซุ่น ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็นคนบ้านเกิดเดียวกันแล้วยังอยู่หมู่บ้านเดียวกันอีกด้วย พี่ไม่เห็นต้องเย็นชากับฉันขนาดนี้เลยนี่นา” โม่เฉี่ยวหลิงพูดอย่างน่าสงสาร

ทันใดนั้นเองเถ้าแก่ก็หิ้วเกี๊ยวสามกล่องที่ห่อเสร็จสรรพเรียบร้อยพร้อมน้ำจิ้มพริกอีกหนึ่งขวดยื่นส่งให้ เหยียนหมิงซุ่นจ่ายเงินเสร็จก็ปรายตามองโม่เฉี่ยวหลิงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ไม่มีความจำเป็นต้องแสดงท่าทีเป็นกันเองด้วยสักหน่อย”

เขาหิ้วถุงเกี๊ยวสาวเท้าออกไปจากร้าน มีข้อความใหม่เข้ามาในโทรศัพท์ที่คาดว่าต้องเป็นเหมยเหมยอย่างแน่นอน เขาต้องรีบกลับไปรายงานตัว ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลากับผู้หญิงที่ไม่มีความสำคัญใด ๆคนนี้

โม่เฉี่ยวหลิงโมโหจนตาแดงก่ำ เธอหน้าตาก็ไม่ถือว่าแย่มากทั้งช่วงนี้ฐานะทางครอบครัวมีแนวโน้มดีขึ้นทำให้รสนิยมการแต่งตัวก็ดีไม่หยอก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถูกรับเข้าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายขายในห้างสรรพสินค้าหรอก

หนำซ้ำตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนตอนนี้เธอมีคนตามจีบตลอด เพียงแต่ไม่เข้าตาเธอสักคน

คนที่ตามจีบเธอเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาทำงานในปักกิ่งเช่นเดียวกับเธอ เป็นผู้ชายที่ไม่มีรถไม่มีบ้านไม่มีเงินเก็บซึ่งไม่เข้าตาเธออย่างแน่นอนอยู่แล้ว เธอต้องการผู้ชายที่หล่อเหลามีหน้าที่การงานและสร้างหลักปักฐานอยู่เมืองหลวงได้อย่างเหยียนหมิงซุ่น

โม่เฉี่ยวหลิงค่อนข้างใจหายกับท่าทีของเหยียนหมิงซุ่นแต่เธอก็ไม่ท้อใจ ผลทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของคน เธอสามารถใช้ประโยชน์ด้านสายสัมพันธ์ญาติมิตรได้ เหยียนหมิงซุ่นให้ความเคารพรักคุณยายของเขามากที่สุดไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะไปหาคุณยายโม่

เหมยเหมยเฝ้ารออย่างคาดหวังจนกระทั่งได้เกี๊ยวที่เธอคะนึงถึงมาในที่สุด เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันทิ้งตัวนั่งก็ถูกเธอผลักออกแย่งเกี๊ยวไปเปิดขวดน้ำจิ้มพริกราดใส่เกี๊ยวจนแดงฉาน ก่อนจะเริ่มลงมือทานอย่างมีความสุข

“รสชาตินี้เลย…อร่อยสุด ๆ…มีความสุขจัง ขอบคุณนะที่รัก”

เหมยเหมยทานติดต่อกันสามชิ้นถึงพอจะหายอยากได้บ้าง จากนั้นถึงนึกถึงผู้เสียสละตนสร้างคุณงามความดีอย่างเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมาได้เลยพูดขอบคุณไปหลายประโยค จากนั้นก็ทานเกี๊ยวต่อไป

เหยียนหมิงซุ่นร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก เขาในบัดนี้สู้ไม่ได้แม้กระทั่งเกี๊ยวแล้ว

“อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นสงสัยเหลือเกิน

ต่อให้เป็นเกี๊ยวที่อร่อยแค่ไหนแล้วจะอร่อยได้สักเท่าไรกันเชียว?

“อืม…อร่อยสุด ๆไปเลย พี่ลองทานชิ้นหนึ่งดูสิ…อ้าม…” เหมยเหมยคีบเกี๊ยวที่เปื้อนน้ำจิ้มพริกป้อนให้เขา

รสชาติแรกที่สัมผัสคือความเผ็ดที่ไม่นับว่าเผ็ดมาก แต่ปริมาณน้ำจิ้มที่มากขนาดนี้ทำให้เหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ชื่นชอบการทานเผ็ดเท่าไรต้องขมวดคิ้วแน่น รสชาติเผ็ดร้อนคลุ้งเต็มปากแล้วยังจะลิ้มลองรสชาติดั้งเดิมของเกี๊ยวได้ที่ไหนกันเล่า?

เขาเคี้ยวลวก ๆหลายทีก่อนจะกลืนเกี๊ยวที่เผ็ดแทบตายลงท้องไป เหมยเหมยทานจนปากเล็กแดงเป็นปื้นด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นพลางถามเขา “อร่อยสินะ? เอาอีกสักชิ้นไหม?”

“ไม่ต้อง เธอทานเยอะ ๆเลย”

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวปฏิเสธ ให้อภัยเขาเถอะที่เข้าไม่ถึงความอร่อยของเกี๊ยวร้านป้าหวัง วัตถุดิบดี น้ำจิ้มพริกร้อนแรงใช้ได้แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอร่อยเกินจริงอย่างเหมยเหมยว่าเลยสักนิด

สมแล้วที่ว่ากันว่าคนท้องมักจะโง่ลงสามปี ภรรยาเขาโง่จนไม่หลงเหลือประสาทรับรสแล้ว!

“อืม…โชคดีที่พี่ซื้อมาสามกล่อง ฉันคิดว่าฉันน่าจะทานหมดได้” เหมยเหมยมองเกี๊ยวที่กองพูนเป็นภูเขาลูกเล็กตรงหน้าด้วยดวงตาประกาย ไม่หลงเหลือคราบผู้หญิงเรียบร้อยตอนทานข้าวอย่างเคยอีกต่อไป กัดคำหนึ่งก็ครึ่งลูกจนน้ำในไส้ทะลักกระเด็นไปทั่ว

เหยียนหมิงซุ่นสะดุ้งเฮือกใหญ่ สามกล่องก็สี่สิบห้าชิ้น รวมกับเถ้าแก่ใจดีแถมให้อีกห้าชิ้น ต่อให้เขาทานไปแล้วหนึ่งชิ้นก็ยังเหลือตั้งสี่สิบเก้าชิ้น…

เมื่อก่อนเหมยเหมยทานได้มากสุดแค่สิบชิ้น ตอนนี้แทบจะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า ท้องไม่ระเบิดเอาหรือ?

เขากำลังจะพูดเกลี้ยกล่อมสักหน่อยแต่จู่ ๆเหมยเหมยก็ร้องโอดครวญ “โอ๊ย…”

“เป็นอะไรไป? ท้องตึงแล้วใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นชักกังวล เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าทานมากขนาดนี้ต้องเกิดเรื่องแน่

“เปล่า ลูกได้ทานเกี๊ยวแล้วดีใจ กำลังเต้นระบำอยู่เลย…พี่ลองลูบดูสิ อยู่ตรงนี้…” เหมยเหมยฉีกยิ้มอย่างดีใจคว้ามือเหยียนหมิงซุ่นมาสัมผัสหน้าท้อง

………………………..

ตอนที่ 2310 เจ้าตัวเล็กแรงเยอะไม่เบา

“ตุ๊บ…ตุ๊บ…”

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าตกใจ เขาไม่คิดว่าเด็กในครรภ์จะมีแรงมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าหนังท้องนูนโป่งเป็นรูปร่าง ทั้งยังเต้นแรงถึงขั้นเขายังสัมผัสได้ว่ากำลังขยับมือหรือเท้าอยู่

“โอ๊ย…ลูกแรงเยอะจัง…ต้องดีใจเพราะได้ทานเกี๊ยวแน่ ๆ เมื่อก่อนไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน ดิ้นทีสองทีก็สงบลงแล้ว…”

เจ้าตัวเล็กดิ้นไม่ยอมหยุดจริง ๆ ไล่เตะตั้งแต่ท้องด้านบนยันท้องน้อย ขยับจากซ้ายไปขวา แม้มีชุดนอนกั้นอยู่ก็ยังเห็นหนังท้องของเหมยเหมยขยับดิ้นไปมา

เหมยเหมยถูกเจ้าตัวเล็กก่อกวนจนแทบนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้เลยได้แต่เอนพิงพนักเก้าอี้หายใจหอบ วันนี้ร่าเริงเกินไปแล้วดิ้นอยู่เกือบสามนาที แต่กลับยิ่งดิ้นก็ยิ่งร่าเริงไม่มีท่าทีจะหยุดลงเลยสักนิด

“ลูกกำลังเตะมือพี่…”

เหยียนหมิงซุ่นเจอปรากฎการณ์ใหม่ก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม

เพื่อยันยันความคิดของเขาเหยียนหมิงซุ่นจึงจงใจขยับย้ายมือมาอีกที่ แล้วแตะลงหน้าท้องของเหมยเหมย เขายิ้มให้เหมยเหมยพลางกล่าว “เธอรอดูนะ เดี๋ยวก็ตามมาแล้ว”

ทั้งคู่นั่งสังเกตท้องอย่างสนอกสนใจจนไม่ว่างทานเกี๊ยวอีกแล้ว และเป็นไปตามคาด–

ไม่นานนักจุดที่เหยียนหมิงซุ่นเอามือแตะก็นูนขึ้นมาทั้งยังใช้แรงไม่น้อยจนเหมยเหมยเผลอสูดปาก มองค้อนใส่เหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง “อย่าหยอกลูกสิ เดี๋ยวเหนื่อยนะ”

เหยียนหมิงซุ่นดันเสพติดไปเสียแล้วพลางย้ายมือไปเรื่อย ๆ เจ้าตัวเล็กก็ตามมาเตะอีกทีด้วยแรงที่เพิ่มมากขึ้น คล้ายกำลังประกาศว่านี่เป็นถิ่นของเขา(เธอ) ห้ามคนนอกเข้ามาใกล้

“โอ๊ย…พี่หยุดเล่นได้แล้ว หนังท้องฉันใกล้จะถูกเตะจนแตกแล้ว” เหมยเหมยถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นที่ยังเล่นเป็นเด็ก ๆแวบหนึ่งให้เขารีบหยุด

เหยียนหมิงซุ่นชักมือกลับทั้ง ๆที่ยังสนุกอยู่แล้วจับจ้องหน้าท้องของเหมยเหมยไม่ละสายตา พอผ่านไปพักใหญ่แล้วไม่มีท่าทีเคลื่อนไหวใด ๆจึงอดขำออกมาไม่ได้

“เจ้าตัวเล็กนี่ระมัดระวังตัวเองดีเหมือนกันนี่!” เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าชื่นชม

เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างเย่อหยิ่งทีหนึ่ง “แรงของลูกก็เยอะมากนะ ฉันว่าน่าจะเป็นลูกผู้ชาย ในเมื่อชอบเตะทำประตูขนาดนี้ อนาคตให้เขาไปเตะฟุตบอลแล้วสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเรา”

ชาติที่แล้วจนกระทั่งวันที่เธอตาย ฮวาเซี่ยก็ยังส่งออกทีมเตะฟุตบอลไม่ได้เลย อย่าว่าแต่ระดับโลกเลยแม้แต่ระดับเอเชียยังไม่ติดอันดับด้วยซ้ำ ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านแต่สู้ประเทศเกาะเล็กอย่างญี่ปุ่นไม่ได้ มันน่าเสียดายจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดว่าเจ้าตัวเล็กน่าจะเป็นลูกชาย ดูจากความระมัดระวังตัวและมือเท้าที่คล่องแคล่วและไหวพริบดี คุณสมบัติเหมาะกับการเป็นทหารชั้นดีเลย

“ตอนนี้คุยเรื่องนี้ยังเร็วไปหน่อย เราต้องเป็นพ่อแม่ที่หัวทันสมัยด้วย จะบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบไม่ได้ มา ทานเกี๊ยวอีกสักชิ้น!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีเข้มงวดพลางคีบเกี๊ยวยัดปากเหมยเหมย ก่อนที่ตนจะคีบอีกชิ้นที่ไม่จิ้มน้ำพริกบริการตัวเอง ความอยากถูกกระตุ้นตั้งแต่อยู่ในร้านเกี๊ยวเมื่อครู่แล้ว

เหมยเหมยไม่พอใจคว้ากล่องเกี๊ยวไปกอดไว้ ถลึงตาจ้องเขาอย่างระแวง “ของฉันหมด…ไม่มีส่วนของพี่!”

ตอนนี้เธอหิวจนแทบกลืนช้างได้ทั้งตัว เหยียนหมิงซุ่นกลับมีหน้ามาแย่งเกี๊ยวของเธออีก ขอคัดค้านอย่างรุนแรง!

“ทานมากขนาดนี้เธอจะปวดท้องเอาได้นะ พี่ช่วยเธอครึ่งหนึ่ง” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เหมยเหมยที่ตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่ระดับสติปัญญาลดลงเท่านั้น แม้แต่นิสัยยังกลายเป็นเด็กน้อยที่เริ่มหวงอาหารของตัวเองเสียแล้ว!

“ฉันทานหมดได้ พี่อย่าหาข้ออ้างมาทานเกี๊ยวของฉัน พี่ไปนอนซะ”

เหมยเหมยกอดกล่องเกี๊ยวหันหลังพลางทำหน้ารังเกียจเหยียนหมิงซุ่น พอหมดประโยชน์ก็ทิ้ง

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆอย่างระอาพร้อมลูบท้องไปมา วิ่งแจ้นออกไปซื้อเกี๊ยวกลางดึกแต่ได้ทานเพียงสองคำ

หนึ่งชิ้นภรรยาตบเป็นรางวัลให้เขา ส่วนอีกชิ้นเขาขอเอง…

สถานะของเขาในตอนนี้คือ…

………………………

ตอนที่ 2307 ซื้อเกี๊ยวกลางดึก

เหยียนหมิงซุ่นขับรถยี่สิบกว่านาทีถึงจะมาถึงตลาดฝั่งตะวันออก แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแล้วแต่ตลาดตะวันออกยังสว่างโร่บรรยากาศครื้นเครง ร้านแผงลอยขายปิ้งย่างเอยของทานเล่นเอยยิ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ในตลาดล้วนแต่เป็นเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวย้อมผมทองแต่งตัวแบรนด์ปลอม หยอกเอินกันคิกคัก ดื่มเบียร์ ทานปิ้งย่างในวันอากาศหนาวเหน็บที่พ่นคำหยาบออกมาเป็นระยะ ๆและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดี

รถยนต์ของเหยียนหมิงซุ่นดูไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมบนท้องถนนสายนี้อยู่บ้างเพราะตลาดตะวันออกเป็นชาวบ้านปุถุชนธรรมดาที่ส่วนมากปั่นจักรยานยุคเก้าศูนย์ แม้แต่จักรยานยนต์ยังมีไม่มากเท่าไรเลย

“ไม่ทราบว่า…ร้านเกี๊ยวป้าหวังอยู่ทางไหนเหรอครับ?”

เหยียนหมิงซุ่นไล่ถามจากลูกค้าที่นั่งทานปิ้งย่างจนเกือบหมดตลาดก็ยังไม่เจอร้านเกี๊ยวป้าหวังที่เหมยเหมยพูดถึงเลย เขาถึงขั้นสงสัยว่าเหมยเหมยจำผิดหรือเปล่า ในเมื่อร้านเกี๊ยวนี้มีชื่อเสียงถึงเพียงนั้นทำไมถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้ล่ะ?

ท้องทีก็โง่ไปสามปีประโยคนี้คงไม่น่าผิดแน่ เขาสังเกตเห็นว่าระดับสติปัญญาของภรรยาตนลดฮวบลงตั้งแต่ตั้งครรภ์อย่างเห็นได้ชัด เดิมทีก็ไม่สูงมากอยู่แล้ว ตอนนี้น่าจะติดลบไปแล้วละมั้ง!

เขาถามเองดีกว่า!

“เข้าไปในซอยนี้จนสุดซอย รถของคุณขับเข้าไปไม่ได้หรอก ต้องจอดข้างนอก เราจะช่วยดูให้เอง” กลุ่มวัยรุ่นผมทองกลุ่มหนึ่งพูดอย่างกระตือรือร้นพลางมองไปที่รถยนต์ของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชื่นชม

“ขอบคุณนะ…”

พอเหยียนหมิงซุ่นจอดรถชิดริมถนนดีแล้วก็กระชับคอเสื้อเดินเข้าไปในซอย เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสาวคนหนึ่งในร้านปิ้งย่างจดจ้องมองตัวเขาอยู่ตั้งแต่ต้นด้วยสายตาดีใจ

“ฉันไปซื้อเกี๊ยวสักหน่อย พวกเธอจะเอาไหม?” สาววัยรุ่นคนนั้นลุกพรวด

“เอา…ฉันเอาเกี๊ยวไส้หัวผักกาดหมูสับ ราดน้ำส้มสายชูเยอะหน่อย” เพื่อนของเธอตะโกนบอก

สาววัยรุ่นรีบวิ่งตามไป เหยียนหมิงซุ่นเดินเร็วมากจนมองไม่เห็นเงาแล้ว แต่สาววัยรุ่นคนนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เดินตามไปด้วยจังหวะฝีเท้าสบาย ๆพร้อมสายตาเปื้อนยิ้ม

การออกมาทานมื้อดึกในวันนี้ต้องเป็นสวรรค์ลิขิตชะตาให้เธอได้พบเนื้อคู่ที่แท้จริงของเธอหลังจากเธอเคว้งคว้างมาหลายปีแล้วแน่นอน

ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็พบร้านเกี๊ยวป้าหวังในตำนานซึ่งไม่ได้หรูหราอะไร ภายนอกดูเหมือนชาวบ้านทั่วไปไม่มีแม้แต่ป้ายร้านด้วยซ้ำ มิน่าเขาหาอยู่นานก็หาไม่เจอ

แต่ภายในร้านกลับกว้างขวางไม่เบา ไอร้อนตลบอบอวล ลูกค้ามากมายล้วนแต่เป็นวัยหนุ่มสาวซึ่งคาดว่าน่าจะทำงานกะดึกกัน

“เถ้าแก่ เกี๊ยวไส้ขึ้นฉ่ายหมูสองที่แล้วก็ขอซื้อน้ำจิ้มพริกแยกอีกหนึ่งขวด ห่อกลับครับ” เหยียนหมิงซุ่นบอกเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านอายุราวสี่สิบกว่าปี รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเช่นเดียวกับเถ้าแก่เนี้ยที่ดูก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยใสซื่อไร้เดียงสา ดูแล้วน่าจะไว้ใจได้ไม่น้อย

“ได้เลย รอสักครู่นะ ต้องนึ่งตอนนี้”

เกี๊ยวหนึ่งที่มีสิบห้าชิ้น สองที่สามสิบชิ้น เถ้าแก่หยิบออกมาจากตู้เย็นสามสิบชิ้นแล้วยังแถมให้เพิ่มอีกสองชิ้น ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นอะไรไปจู่ ๆก็นึกอยากอาหารขึ้นมาเลยแก้คำพูดใหม่ว่า “รบกวนนึ่งเพิ่มอีกหนึ่งที่ ผมกลัวไม่พอทานครับ”

“ได้เลย…สามที่ เพิ่มให้พิเศษอีกห้าชิ้น”

เถ้าแก่เป็นคนคุยง่าย เขาหยิบเกี๊ยวถาดใหญ่ลงหม้อนึ่งพลางหัวเราะคิกคัก ส่วนเถ้าแก่เนี้ยไปเอาน้ำจิ้มพริกที่ทำสำเร็จรูปไว้แล้วมา เพราะน้ำจิ้มพริกของพวกเขาอร่อยมากเลยทำให้ลูกค้าประจำมากมายมาซื้อร้านเขาโดยเฉพาะ ฉะนั้นพวกเขาจึงมีน้ำจิ้มพริกขายแยกเป็นขวด

“เถ้าแก่…ฉันเอาเกี๊ยวไส้หัวผักกาดหมูหนึ่งที่ ไส้ผักกาดขาวหมูหนึ่งที่ ต้มหมดเลย ใส่น้ำส้มสายชูเยอะ ๆ ห่อกลับค่ะ” เสียงใสติดสำเนียงใต้ของหญิงสาวดังขึ้น

เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าตอบข้อความที่เหมยเหมยส่งมาสามฉบับรวดว่าเธอหิวจะตายอยู่แล้ว…

“เถ้าแก่เอาลงหม้อนึ่งแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว เด็กดีนะ!” เหยียนหมิงซุ่นกดปุ่มส่งข้อความด้วยรอยยิ้ม และทำเป็นเพิกเฉยต่อหญิงสาวคนใหม่ที่เข้ามาในร้าน

หญิงสาวกัดปากล่างสายตาฉายแววน่าสงสาร เธอทั้งคนยืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้จะไม่เห็นได้อย่างไร?

…………………..

ตอนที่ 2308 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน

“พี่หมิงซุ่น…พี่ก็มาซื้อเกี๊ยวเหมือนกันเหรอ?” หญิงสาวทำหน้าดีใจเหมือนเจอกันโดยบังเอิญ

เหยียนหมิงซุ่นสะดุ้งเฮือกก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมมวนท้องขึ้นมา

ชื่อของเขามีเพียงเหมยเหมยที่เรียกได้ ผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าจะใครหากเรียกชื่อนี้แล้วล้วนแต่สร้างความรังเกียจแก่เขาและรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

เขาปรายตามองหญิงสาวที่รนหาที่ตายด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอคือใคร?”

หญิงสาวทำหน้าเจ็บปวดชั่ววูบแล้วชี้ที่ตัวเองพร้อมกล่าว “ฉันโม่เฉี่ยวหลิงไง อยู่หมู่บ้านโม่ พ่อของฉันชื่อโม่มู่เกิน เคยช่วย…”

“ที่เคยช่วยคุณตาฉันสินะ? แต่ตอนนั้นครอบครัวของเธอเอาเงินไปสองแสนหยวน อีกอย่างบ้านฉันก็เคยช่วยชีวิตคนในครอบครัวเธอไว้สองชีวิต ฉันว่าน่าจะจบได้แล้ว”

ความจริงระดับความจำขั้นสุดยอดของเหยียนหมิงซุ่นจะจำโม่เฉี่ยวหลิงไม่ได้ได้อย่างไร เขาแค่รำคาญครอบครัวนี้เท่านั้น ต่อให้โม่เฉี่ยวหลิงจะเป็นคนบริสุทธิ์หรือไม่แต่หากมีพ่อแม่ละโมบโลภมากเช่นนั้นก็ถือว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว!

“ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…เรื่องนั้นพ่อแม่ฉันผิดเอง…แต่ฉันเด็กกว่า พูดไปพวกเขาก็ไม่ฟัง พี่หมิงซุ่น พี่อย่าโทษฉันเลยนะ!” โม่เฉี่ยวหลิงอธิบายด้วยท่าทีสงสารและนึกเกลียดพ่อแม่ตัวเองจับใจ

ตอนนั้นเธอไม่เห็นด้วยกับการเห็นแก่เงินสองแสนตรงหน้าแต่เลือกสูญเสียผลประโยชน์ระยะยาวแบบนั้นสักนิด แต่แม่ของเธอดันถูกความคิดชั่วร้ายครอบงำไม่ยอมฟังเธอเลย

ในตลอดหลายปีที่ผ่านชีวิตของครอบครัวมาถูกยกระดับคุณภาพขึ้นอย่างชัดเจน ย้ายจากชนบทมาอยู่ในเมืองและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่เงินสองแสนก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว สิ่งที่สร้างความรำคาญใจแก่โม่เฉี่ยวหลิงมากที่สุดคือเธอไม่สามารถหางานในเมืองหลวงได้หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ตอนนี้จึงทำได้แค่หางานนอกเวลาที่พอจะประทังชีวิตอดมื้อกินมื้อไปได้บ้างและไม่รู้ว่าชีวิตแบบนี้จะไปจบที่ตรงไหน

ตอนเพิ่งเรียนจบหมาด ๆเธอไปสมัครงานที่บริษัทของโม่ซิวหย่วนซึ่งเดิมทีเธอคิดว่าจะไว้หน้ากันสักนิด แต่เธอกลับเพ้อฝันมากเกินไป เพราะเธอไม่แม้แต่จะได้เจอหน้าของโม่ซิวหย่วน และไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สัมภาษณ์งานด้วยซ้ำ

ตอนนี้เธอเรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้วแต่ไม่มีเงินออมเหลือแม้แต่หยวนเดียวและเช่าห้องใต้ดินอยู่ด้วยกันกับเพื่อน ทุกครั้งที่เธอคุยโทรศัพท์กับคนที่บ้าน เธอไม่กล้าบอกที่อยู่ที่แท้จริงของตัวเองไปเพราะกลัวว่าจะถูกแม่บังคับให้กลับบ้าน

เธอไม่อยากกลับบ้านเกิดเลยสักนิด กว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงได้ไม่ง่ายเลย เธอจึงต้องปักหลักอยู่ที่นี่ให้ได้ ถึงเวลาค่อยกลับบ้านเกิดอย่างเฉิดฉายให้ทุกคนได้ทึ่งในตัวเอง

โม่เฉี่ยวหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นคือพรหมลิขิตที่พระเจ้ามอบให้เธอ

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มาเจอที่ร้านเกี๊ยวโดยบังเอิญหลังผ่านไปตั้งหลายปีล่ะ!

“พี่หมิงซุ่น…ฉัน…” พอโม่เฉี่ยวหลิงเห็นเหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่คิดจะสนใจเธอสักนิดจึงอดเรียกอีกทีไม่ได้ ภายในใจยิ่งหมายมั่นจะครอบครองเหยียนหมิงซุ่นให้ได้

โทรศัพท์ที่เหยียนหมิงซุ่นกำลังเล่นอยู่เป็นโมโตโรลารุ่นใหม่ล่าสุดที่มีวางขายตามห้างสรรพสินค้าที่เธอกำลังทำงานอยู่ เครื่องหนึ่งขายราคาเจ็ดแปดพัน เงินเดือนทั้งเดือนของเธอแค่หกร้อยซึ่งต่อให้ไม่กินไม่ใช้ตลอดทั้งปีก็ยังไม่พอซื้อเครื่องหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

นี่จึงบ่งบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องมีชีวิตที่ดีในเมืองหลวงแน่ ไม่ใช่ทหารยาจกอย่างที่แม่เธอว่าเอาไว้

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น “ฉันไม่สนิทกับเธอ รบกวนช่วยระวังคำเรียกด้วย”

ตอนเหมยเหมยเรียกเขาว่าพี่เขามีแต่จะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แต่พอโม่เฉี่ยวหลิงเรียกกลับมีแต่ความหงุดหงิดงุ่นง่าน เขาตะโกนถามเจ้าของร้านโดยไม่แม้แต่จะชายตามองใบหน้าสลดของโม่เฉี่ยวหลิงเลยว่า “เกี๊ยวของผมได้หรือยังครับ?”

“ใกล้แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็จะได้แล้ว ต้องนึ่งให้สุกถึงจะทานได้ ไม่อย่างนั้นจะท้องเสียเอานะ”

เถ้าแก่พูดอย่างไม่รีบร้อน เหยียนหมิงซุ่นนั่งลงอีกครั้งแล้วเล่นโทรศัพท์ต่อ ไม่อย่างนั้นเงยหน้าขึ้นก็ต้องเห็นหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทั้งยังไล่ไม่ได้อีกต่างหาก น่ารำคาญจริง ๆ

“แม่หนู เกี๊ยวของเธอได้แล้ว” เถ้าแก่เนี้ยหิ้วถุงพลาสติกมาสองถุงยื่นให้โม่เฉี่ยวหลิง

โม่เฉี่ยวหลิงจ่ายเงินแต่กลับไม่อยากกลับ คลาดกันคราวนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกทีเมื่อไร เธอต้องคว้าโอกาสที่ไม่ได้มาง่าย ๆครั้งนี้เอาไว้

……………………..

ตอนที่ 2305 ไม่มีเหตุผล

เหยียนหมิงซุ่นยักไหล่อย่างระอาแล้วตักรังนกขึ้นมาป้อนเหมยเหมยหนึ่งช้อน “ตามใจเธอ ไม่ว่าจะเพศไหนพี่ก็ไม่ขัดข้องอะไร อย่างไรเสียไม่เพศชายก็หญิงอยู่แล้ว หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งชายหรือหญิง…”

“ถุย ๆ…พี่พูดบ้าอะไรน่ะ…ขอให้โชคดีมงคล…เจ้าแม่กวนอิมพวกท่านไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขาแค่กำลังพูดจาเหลวไหล…ขอให้โชคดีมงคล!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่ทีหนึ่งอย่างขุ่นเคืองพนมมือกราบไหว้อยู่หลายที พูดเสียงพึมพำอีกหลายประโยคถึงสบายใจ

เหยียนหมิงซุ่นแสดงท่าทีเรียบเฉยต่อความตระหนกของเธอ “มีอะไรให้เครียดจัง ทุกอย่างย่อมมีความเป็นไปได้ ต่อให้ไม่ใช่ชายหรือหญิงก็ไม่เป็นไร ผ่าตัดเลือกเอาเพศเดียวก็พอ…”

เขามีสติดีกับทุกเรื่องนอกจากเรื่องเหมยเหมยมาโดยตลอดและเคยอ่านตำราเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกมามากมาย เด็กที่เกิดมามีสองเพศยังมีกันค่อนข้างมากแต่ส่วนมากเพราะไม่มีเงินผ่าตัดจึงต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิต

แต่ลูกของเขาไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ฉะนั้นนี่ไม่ใช่ปัญหา!

เหมยเหมยฟาดเขาแรง ๆทีหนึ่ง “พี่ยังพูดอีก…ช่วยพูดอะไรดี ๆเป็นมงคลหน่อยไม่ได้หรือไง ลูกของฉันต้องเกิดมาแข็งแรงอยู่แล้ว จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรทั้งนั้น…ถ้าพี่ยังพูดเหลวไหลอีกคืนนี้ก็นอนพื้นไปเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นหุบปากแต่โดยดี…แล้วป้อนต่อ

ผู้หญิงมักไม่เข้าใจศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ได้

แต่ผู้ชายดันอยู่ห่างจากผู้หญิงไม่ได้!

“พี่…ฉันบอกพี่ไว้ก่อนเลยนะ…ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวจะให้พวกเขาไปเป็นทหารไม่ได้ ฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาวะหวาดระแวงอีกแล้ว ฉันคิดว่าลูกของเราเป็นศิลปินได้ นักเขียน คุณหมอ นักธุรกิจ…อะไรก็ได้”

เหมยเหมยเข็ดกับสิ่งที่สองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นเจอมาแล้วจริง ๆ เหยียนหมิงต๋ายังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเฮ่อเหลียนเช่อจึงฟื้นตัวได้ช้า คุณหมอบอกว่าต้องนอนอีกหลายเดือนแถมไม่รู้ด้วยว่าจะมีโรคเรื้อรังที่จะแสดงอาการตามมาทีหลังหรือเปล่า

ไหนจะเหยียนหมิงซุ่นที่ทำเธอนอนไม่หลับทุกครั้งที่ออกปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะภารกิจเยือนฐานลับนั่นที่ทำเอาเธอแทบนอนไม่ได้สักคืนเดียว ถ้าไม่มีเหยียนซินหย่าคอยชี้แนะอยู่เคียงข้างแล้วก็ลูกในท้อง

เธอไม่รู้ว่าจะทนต่อไปได้หรือเปล่า!

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างรู้สึกผิด ภรรยาของทหารก็ลำบากเช่นนี้แหละ โดยเฉพาะทหารจากหน่วยรบพิเศษที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจบ่อย ๆก็ยิ่งลำบาก แต่ถ้าลูกที่เกิดมาเป็นลูกชาย อนาคตเขาต้องเดินทางบนสายทหารอยู่แล้ว

เฮ่อเหลียนชิงไม่มีทางยกทรัพย์สมบัติที่เขาหาไว้ให้คนอื่นหรอก

เขาเองก็ไม่ยอมเช่นกัน!

“เรื่องนี้ค่อยว่ากันอีกทีในอนาคต ต้องรอดูลูก ๆว่าสนใจอะไร ความสนใจต่างหากคือครูที่ดี” เหยียนหมิงซุ่นพูดก้ำกึ่งไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ อย่างไรเสียรอลูกโตอีกตั้งสิบแปดปี คิดเผื่อไว้ขนาดนี้ไปทำไมกัน!

เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็เห็นด้วย “อืม ฉันต้องเป็นคุณแม่ที่หัวทันสมัยที่สุดไม่มีทางบีบบังคับให้ลูก ๆทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบหรอก นอกจากว่ารักแท้ต้องเป็นเพศตรงข้าม เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด”

เหยียนหมิงซุ่นชะงักและตามความคิดที่ก้าวกระโดดของภรรยาตัวเองไม่ค่อยทัน ทั้งที่กำลังคุยเรื่องความสนใจแต่ทำไมอยู่ ๆถึงข้ามไปเรื่องรักแท้ได้ล่ะ?

จะว่าไปถ้าอนาคตลูกของเขาบอกว่าตนชอบคนเพศเดียวกัน เหมือนเฮ่อเหลียนเช่อ–

“ฉันจะตบให้ตายไปเลย!” เหยียนหมิงซุ่นตีหน้าขรึม

ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหานอยู่ดี คิดอย่างไรก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ถ้าอนาคตลูกของเขากลายเป็นคนอย่างนั้นเขาจะฆ่าให้ตายไปเลยจะได้ไม่เป็นที่อับอายขายหน้าคนอื่น

“เราต้องใช้เหตุผล” เหมยเหมยไม่เห็นด้วย

เหยียนหมิงซุ่นใช้รังนกคำสุดท้ายอุดปากเธอไว้พลางกล่าวเสียงเย็น “เรื่องแบบนี้ไม่มีเหตุผลต้องคุย จัดการได้ทันที!”

เขาไม่ได้มีความอดทนพอจะใช้เหตุผล ไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวก็ลงมือจัดการเหมือนกันทั้งคู่!

…………………….

ตอนที่ 2306 คนท้องใหญ่สุด

ชีวิตดูแลครรภ์แสนสุขยังคงดำเนินต่อไปอย่างสุขสบายดี ท้องของเหมยเหมยป่องเหมือนลูกโป่งอัดแก๊ซที่เปลี่ยนไปวันละแบบ ตัวเธอไม่ได้อ้วนขึ้นเพราะสารอาหารถูกนำไปเลี้ยงครรภ์หมดแล้ว

ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในช่วงกึ่งหยุดพักผ่อนซึ่งจะหาเวลาเพียงครึ่งวันสะสางงาน ส่วนเวลาที่เหลือจะอยู่เป็นเพื่อนเหมยเหมยที่บ้านวิ่งวุ่นสองทางจนหัวหมุน

เพราะเหมยเหมยที่เคยน่ารักเป็นเด็กดีตอนนี้กลับเอาใจยากขึ้น รสชาติอาหารเปลี่ยนวันละแบบ เดี๋ยวอยากทานของเปรี้ยว เดี๋ยวอยากทานของเผ็ด เดี๋ยวอยากทานของเปรี้ยวหวาน…

“พี่ ฉันอยากทานเกี๊ยว เอาไส้ขึ้นฉ่ายหมูเอาไปนึ่งแล้วจิ้มพริก อย่าใส่น้ำส้มสายชูนะ”

ยามดึกดื่นเที่ยงคืนเหมยเหมยผลักเหยียนหมิงซุ่นแล้วเอ่ยคำขอยาวเหยียดอย่างสดใส

เหยียนหมิงซุ่นดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพงอย่างสะลึมสะลือแวบหนึ่ง พอพบว่าเข็มสั้นกับเข็มยาวหยุดอยู่ตรงเลขสิบสองก็เกือบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้งแล้วมองเหมยเหมยอย่างไม่เชื่อสายตา “เมื่อก่อนตีให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่ทานมื้อดึกไม่ใช่เหรอ?”

เนื่องจากเหมยเหมยเคยพูดไว้ว่าจะไม่ทานอะไรอีกหลังสองทุ่มทำให้เขาต้องแอบไปทานมื้อดึกทุกครั้ง ทานเสร็จต้องแปรงฟันล้างหน้าอีกหนเพื่อไม่ให้เหลือกลิ่น

เพราะจะกระตุ้นความหิวกระหายของจอมตะกละคนหนึ่งและส่งผลต่อความมุ่นมั่นในการลดความอ้วนของเธอ

ถ้าทำผิดกฎก็ต้องนอนพื้นคนเดียวทั้งคืน

แต่ตอนนี้อยากทานเกี๊ยวไส้ขึ้นฉ่ายหมูเวลาเที่ยงคืนแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

เหมยเหมยยู่ปากอย่างไม่พอใจ “ฉันเปล่าอยากทานแต่เจ้าตัวเล็กในท้องต่างหากที่อยากทาน ลูกฉันหิวจนไส้จะทะลุอยู่แล้ว รีบหน่อยนะ…”

“ได้ ๆ…พี่จะไปนึ่งให้ที่ครัวเดี๋ยวนี้แหละ เธอจะทานกี่ลูก?”

เหยียนหมิงซุ่นจำต้องลงจากเตียง คาดว่าตู้เย็นน่าจะยังมีเกี๊ยวไส้ขึ้นฉ่ายหมูอยู่ นึ่งเกี๊ยวเป็นงานง่ายแต่ปัญหาคือถ้าคนท้องคุยง่ายขนาดนี้ก็ไม่เรียกว่าคนท้องแล้วสิ

“ฉันไม่อยากทานเกี๊ยวที่ป้าฟางห่อ ฉันอยากทานเกี๊ยวของร้านป้าหวัง เกี๊ยวร้านนั้นรสชาติดีมากโดยเฉพาะน้ำจิ้มของทางร้าน เดี๋ยวพี่ซื้อกลับมาเยอะหน่อยนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเอามาทาบนแผ่นแป้งทาน”

เหมยเหมยนึกรังเกียจเกี๊ยวฝีมือป้าฟางมากเหลือเกิน ตอนนี้เธออยากทานเกี๊ยวจากทางเหนือร้านป้าหวังพร้อมน้ำจิ้มประจำของทางร้าน

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้างง “ป้าหวังคือใคร? เธอพักไหนเหรอ?”

“หมายถึงร้านที่ชื่อป้าหวังไม่ใช่ป้าหวังแบบนั้น เป็นเกี๊ยวของทางตอนเหนือชื่อร้านป้าหวัง เจ้าของเป็นสองสามีภรรยากัน ตอนนี้น่าจะยังไม่ปิดร้านพี่รีบไปสิ!”

เหมยเหมยพูดเจื้อยแจ้วยาวเหยียดจนเหยียนหมิงซุ่นยิ่งฟังยิ่งมึน แต่คำสั่งของท่านภรรยาเขามีแต่ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น

“ร้านนี้อยู่ไหนเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง เขาไม่รู้แม้กระทั่งตำแหน่งร้านเกี๊ยวป้าหวังนี้ด้วยซ้ำว่าอยู่แนวละติจูดเท่าไรลองจิจูดเท่าไร…

“อยู่ที่ตลาดตะวันออก ร้านนี้ดังมาก พี่ไปถามดูก็รู้แล้ว รีบไป ๆ…ถ้ายังไม่ไปต้องปิดร้านแล้วแน่ ๆ” เหมยเหมยเร่งเร้า เธอหิวจนหงุดหงิดไปหมดแล้ว

เธออยากทานเกี๊ยวร้านป้าหวังตอนนี้เลย

ตอนนี้อยู่ช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง ลมหนาวในเมืองหลวงดั่งมีดคม อากาศไม่ได้อุ่นไปกว่าวันสิ้นปีเท่าไรนัก เหยียนหมิงซุ่นใส่เสื้อกันหนาวสวมหมวกและถุงมือเสร็จสรรพครบชุด ทั้งยังต้องลามไปรบกวนสองสามีภรรยาลุงเหลาอีกด้วย

“ผมไปซื้อเอง ผมรู้ว่าร้านเกี๊ยวป้าหวังอยู่ไหน” ลุงเหลาว่าแล้วก็จะออกไปทันที

“ไม่ต้องหรอก พวกคุณนอนเถอะ ผมแต่งตัวเสร็จแล้วขับรถไปแป๊บเดียวก็กลับมา”

วันอากาศหนาว ๆเช่นนี้เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่อยากให้ลูกน้องไปจัดการเรื่องส่วนตัว อีกอย่างคนที่อยากทานเกี๊ยวคือภรรยาของเขาไม่ใช่ภรรยาลุงเหลาสักหน่อย

เหมยเหมยตะโกนมาจากห้อง “ลุงเหลาไม่ต้องไปค่ะ ให้พี่หมิงซุ่นไป ฉันอยากทานที่เขาซื้อ…”

เหยียนหมิงซุ่นทำท่าแบมือให้ลุงเหลาอย่างระอา แค่นเสียงทีหนึ่งก็ออกจากบ้านไป ตอนนี้คนท้องใหญ่ที่สุดแล้ว!

………………………..

ตอนที่ 2303 จากลา

“อีกอย่างหนิงเฉินเซวียนยังเป็นฆาตกรที่ฆ่าแม่ของแกด้วย จะให้หนิงเฉินเซวียนไปรบกวนแม่ของแกไม่ได้เด็ดขาด” เฮ่อเหลียนชิงพูดเสียงข้นแค้นจนเสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย เพราะกล่องเสียงได้รับความเสียหายจนไม่อาจกลับมามีเสียงอย่างเดิมได้อีก

เฮ่อเหลียนเช่อหายใจกระตุกวูบอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไร อาของผมรักแม่ผมขนาดนั้น…แล้วจะฆ่าเธอได้อย่างไร…”

ความรักที่ฝังลึกแน่นขนาดไม่ยอมทิ้งศพจนต้องใช้โลงหยกเย็นหมื่นปีมาเก็บรักษาเอาไว้…หนิงเฉินเซวียนทำใจฆ่าแม่ของเขาได้ลงคอหรือ?

“แกจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ อย่างไรเสียคนที่ฆ่าแม่แกก็คือมัน!” เฮ่อเหลียนชิงถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ

ความจริงเฮ่อเหลียนเช่อเชื่อเพราะเฮ่อเหลียนชิงไม่จำเป็นต้องโกหกเรื่องนี้ เขาไม่เข้าใจหนิงเฉินเซวียนจริง ๆ

บางทีหนิงเฉินเซวียนอาจจะไม่ได้รักใคร รักแค่ตัวเขาเองสินะ!

“เมื่อก่อนแม่ของแกมักพูดว่าความหวังเดียวในชีวิตเธอก็คือหนีไปให้พ้นหนิงเฉินเซวียน อย่าให้เขาตามหาพบ…” เฮ่อเหลียนชิงถอนหายใจยาวเผยสีหน้าเศร้าใจ ทำท่าเป็นเชิงให้เสี่ยวเมิ่งเข็นเขากลับไปได้แล้ว

ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยรักเขาเลยสักนิดเดียว ทำไมเขาต้องเสียใจเพื่อเธอด้วย!

ไม่สนใจแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อเอาศพของแม่ไป หลังจากทำการเผาศพแล้วเขาก็ขับเครื่องบินสาดเถ้ากระดูกลงทะเลด้วยตัวของเขาเอง ในเมื่อแม่ของเขาต้องการหนีไปจากหนิงเฉินเซวียนก็ให้ทะเลอันกว้างใหญ่พาเธอไปเถอะ!

เช่นนี้หนิงเฉินเซวียนก็ตามหาเธอไม่พบแล้ว!

……

ไม่นานก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ลมเย็นพัดโกรกสบาย ใบไม้ต่างร่วงหล่นเต็มพื้น

นี่เป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวแต่ก็เป็นฤดูกาลแห่งการจากลาเช่นกัน

วันนี้ฝนตกปรอย ๆ ลมหนาวเย็นชื่นฉ่ำ หัวใจของเหมยเหมยหนาวเหน็บยิ่งกว่าฝนฤดูใบไม้ร่วง พลางกอดเสี่ยวเป่าร่ำไห้ไม่หยุด

“น้า…ไม่ร้องนะ…” เสี่ยวเป่าใช้มือเล็กลูบแก้มเหมยเหมยแผ่วเบา แม้เขาอายุยังน้อยแต่รู้ดีถึงความโศกเศร้าแห่งการจากลา

เขาเองก็ไม่อยากไปจากคุณน้าแต่เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อ คุณอาเคยบอกให้เขาช่วยดูแลคุณพ่อให้ดี เขาต้องเชื่อฟังคุณอา

“พวกนายเตรียมย้ายไปอยู่ไหน?” เหมยเหมยเช็ดน้ำตาแล้วถาม

“ฉันเตรียมพาเสี่ยวเป่าไปท่องโลก” เฮ่อเหลียนเช่อตัดสินใจไว้แต่แรกแล้วว่าเขาจะไปตามหาเหมยซูหาน เขาคิดว่าเหมยซูหานต้องรอเขาอยู่ที่ใดสักแห่ง

“การเรียนของเสี่ยวเป่าล่ะ?”

“ถึงเวลาก็จับครูสักคนมาสอน เสี่ยวเป่าอยากเรียนอะไรก็จับครูวิชานั้นมาเลย” เฮ่อเหลียนเช่อยังคงเอาแต่ใจเหมือนเคย

เรียนอะไรกัน จับครูมาสอนสิ!

เหมยเหมยส่ายศีรษะอย่างเอือมระอา หวังเพียงว่าเสี่ยวเป่าจะไม่กลายเป็นโจรตัวน้อยเพราะการเลี้ยงดูของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วกัน

“เสี่ยวเป่า ถ้าคุณพ่อด่าหนูตีหนู หนูก็โทรหาน้า น้าจะให้น้าเขยไปรับหนูกลับมา…” เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่าพลางกระซิบข้างหูเขา

เพียงแต่เธอกลับไม่รู้ว่าหูของเฮ่อเหลียนเช่อไวยิ่งกว่าหมาจึงถลึงตาตวาดเสียงใส่ “ฉันจะตีเสี่ยวเป่าได้อย่างไร? เธออย่าคิดมาแย่งเสี่ยวเป่าของฉันนะ…”

“แกจะดุทำไมเนี่ย…” เหยียนหมิงซุ่นมายืนบังหน้าเหมยเหมยด้วยสีหน้าเย็นชา ถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่พอใจ

กล้าดุผู้หญิงของเขาต่อหน้าเขา อยากตายหรือไงกัน!

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจับจมูกปอย ๆแล้วหันไปเค้นรอยยิ้ม ‘ใจดี’ ให้เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่า เราควรไปได้แล้ว พ่อจะพาหนูไปหาคุณอานะ”

“ดีเลย…ลาก่อนคุณน้า ถ้าเจอยิวยิวแล้วเสี่ยวเป่าก็จะกลับมา…”

เสี่ยวเป่าดีใจสุดขีดโบกมือให้เหมยเหมยไม่หยุดหย่อน คุณพ่อโง่เกินไป ถ้าไม่มีเขาคอยนำทางคงไม่มีวันเจอคุณอาแน่

เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วเหวี่ยงเจ้าตัวเล็กไว้บนรถโดยมีสุนัขซื่อสัตย์สามตัวตามอยู่ด้านหลัง เฮ่อเหลียนเช่อตัดสินใจเริ่มหาจากในประเทศ ถ้าหาในประเทศไม่เจอก็ไปหาจากต่างประเทศ พลิกหาทั่วทั้งโลกเลย

รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆจนกลายเป็นจุดดำเล็ก ๆและสุดท้ายก็ค่อย ๆลับตาไป…

เหมยเหมยพรูลมหายใจยาวอย่างสลดและใจหวิว

……………………

ตอนที่ 2304 ลูกผู้ชายลูกผู้หญิง

เพราะเคยชินกับการมีเสี่ยวเป่าอยู่บ้าน พอตอนนี้เสี่ยวเป่าจากไปแล้วเหมยเหมยก็เกิดไม่ชินขึ้นมาชั่วขณะ มักรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป ทำอะไรก็ไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด

เวลาไม่กี่วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นทนดูต่อไปไม่ไหว และยิ่งรู้สึกว่าสถานะของเขาตกต่ำลงไปอีกระดับที่สู้ไม่ได้แม้แต่ลูกคนอื่น อนาคตถ้าเจ้าตัวเล็กในท้องเหมยเหมยออกมาลืมตาดูโลก ใช้เท้าหลังคิดยังคิดได้เลยว่าเขาคงต้องหนีไปหานั่งหลบอยู่มุมกำแพงแล้ว

“เหมยเหมย ออกไปเที่ยวกันไหม?” เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าการออกไปท่องเที่ยวก็ไม่เลว อยู่ไกลจากความวุ่นวายของเมืองหลวงเพื่อใช้เวลาอยู่ในโลกส่วนตัวเงียบ ๆ

เพียงแต่–

“ไม่อยากขยับตัว…” เหมยเหมยส่ายศีรษะอย่างไม่แยแส ไร้ชีวิตชีวา เธอคิดถึงเสี่ยวเป่าจนแทบทานอะไรไม่ลง

เมื่อก่อนจะมีเสี่ยวเป่านั่งทานข้าวด้วยกันจนรู้สึกว่าทานอะไรก็อร่อยไปหมด แม้เวลาดื้อจะน่ารำคาญไปบ้างแต่เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีมาก เวลาดื้อจริง ๆมีน้อยมากแต่เวลาน่ารักอบอุ่นมีมากกว่า แถมยังอบอุ่นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเลยล่ะ

อนาคตถ้าเจ้าตัวเล็กโตขึ้นต้องเป็นพ่อหนุ่มอบอุ่นแหง ไม่รู้ว่าผู้หญิงโชคดีคนไหนจะได้ครอบครองเสี่ยวเป่าที่แสนดีขนาดนี้กันนะ!

“พี่…พี่ว่าเสี่ยวเป่าจะคิดถึงฉันไหม?” พอนึกถึงเสี่ยวเป่าเหมยเหมยก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาชั่วขณะ ดวงตาเป็นประกายลุกวาว

ความรู้สึกอิจฉาก่อตัวขึ้นในใจเหยียนหมิงซุ่น อ้าปากก็เสี่ยวเป่าปิดปากก็เสี่ยวเป่า เวลาไหน ๆก็เสี่ยวเป่า เขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ยิ่งกว่าอากาศธาตุเสียอีก…

“ต้องคิดถึงอยู่แล้ว เธออย่ามัวแต่คิดเหลวไหล คิดถึงคนข้าง ๆให้มากหน่อยเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นอดพูดเตือนด้วยความอิจฉาไม่ได้

เหมยเหมยชะงักพลางมองไปทางเหยียนหมิงซุ่น แม้สีหน้าเรียบเฉยมากแต่ความอิจฉานั้นแค่ใช้ใจสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ยังสัมผัสถึง เธอหลุดขำอย่างห้ามไม่อยู่และชักจะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง

ช่วงนี้เธอละเลยเหยียนหมิงซุ่นไปแล้วจริง ๆ

“พี่…พี่หึงเหรอ?” เหมยเหมยขยับเข้าไปใกล้พลางกลั้นหัวเราะกระซิบถามข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงปนหยอกล้อ

เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธเสียงแข็ง “เหลวไหล พี่จะหึงเด็กตัวกะเปี๊ยกนั่นได้ไง…รีบทานรังนกถ้วยนี้ซะ”

เขาเป่ารังนกที่ป้าฟางตุ๋นให้เตรียมป้อนเหมยเหมยด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไร

เพราะดูเหมือนว่าเขาจะหึงแล้วจริง ๆ…

แถมคู่กรณียังเป็นเด็กน้อยอายุสองขวบเท่านั้น

พูดออกไปคงขายหน้าน่าดู เขาไม่มีทางยอมรับแน่นอน

เหมยเหมยหัวเราะคิกคักรู้ว่าผู้ชายรักศักดิ์ศรีมากจึงไม่ได้เปิดโปงคำเท็จของเหยียนหมิงซุ่นแล้วทานรังนกแต่โดยดี พอเป็นแบบนี้เลยทำให้ความคิดถึงที่เธอมีต่อเสี่ยวเป่าจางลงไปได้บ้าง

ในเมื่อตัวเธอก็มีครอบครัวของตัวเอง ไม่นานก็จะมีลูกรักของตัวเอง เธอจะแยกแยะไม่เป็นไม่ได้

“พี่…พี่ว่าครั้งนี้ลูกชายหรือลูกสาว?” เหมยเหมยลูบหน้าท้องอายุครรภ์หกเดือนไปมา หลังจากเหยียนหมิงซุ่นกลับมาเธอก็อารมณ์ผ่อนคลายลงมาก ทั้งยังมีป้าฟางคอยทำของดีให้ทานทุกวันจนมีน้ำมีนวลขึ้น ตัวกลมขาวหน้าท้องนูนแหลมเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ

คุณย่าหยางกับป้าฟางต่างบอกว่าครั้งนี้เธอจะได้ลูกสาวเพราะวิธีการดูของชาวบ้านก็คือท้องแหลมเป็นลูกสาว ท้องกลมเป็นลูกชาย มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่นั้นก็ไม่มีใครทราบได้

เหยียนหมิงซุ่นตอบไปลวก ๆอย่างไม่ใส่ใจนัก “ผู้ชายผู้หญิงก็ได้ทั้งนั้น หรือว่าหาหมอแผนจีนสักคนมาดูดีไหม?”

มักมีคนคอยเดาเพศของเด็กอย่างมีความสุขทุกวี่วัน ขณะที่เหยียนหมิงซุ่นนั้นรำคาญเต็มที ตอนนี้อายุครรภ์หกเดือนกว่าแล้วคาดว่าต้องดูเพศของเด็กได้ว่าเป็นชายหรือหญิง แต่–

“ไม่เอา…ไม่ดู ฉันอยากเก็บความลึกลับนี้ไว้ ตอนคลอดจะได้มีอะไรให้ตื่นเต้นไง” เหมยเหมยปฏิเสธทันควัน

รู้แต่แรกแล้วจะมีคาดหวังและน่าตื่นเต้นอะไรอีกล่ะ?

มีให้เดาทุกวันสิดี!

……………………….

ตอนที่ 2301 ความจริงโหดร้ายเกินไป

เฮ่อเหลียนเช่อหัวใจเต้นระส่ำ สีหน้าดูย่ำแย่และสายตาดูไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ตวาดเสียงดังกร้าว “แกพูดเหลวไหล…”

“ฉันจะพาแกไปเยี่ยมเขา!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรมากแต่ทำท่าให้เฮ่อเหลียนเช่อตามมาแต่โดยดี สายตาฉายแววดุดันจนเหล่าคุณหมอพยาบาลตกใจถอยกรูดไปไกล

เหมยซูหานถูกเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นที่รอยแผลบนใบหน้ายังไม่ทันตกสะเก็ดด้วยซ้ำ น้ำแข็งสีขาวเกาะเต็มผิวหน้า นอนแน่นิ่งอย่างสงบราวกับกำลังหลับใหล

เฮ่อเหลียนเช่อตัวสั่นเทิ้มกัดฟันเสียงดังกรอด เส้นเลือดตรงลำคอปูดโปนราวกับอยากจะกลืนกินคน

“ใครทำ?”

“หนิงเฉินเซวียน”

เหยียนหมิงซุ่นเล่าถึงเหตุการณ์ที่เหมยซูหานถูกทำร้าย “เขาตายอย่างยิ่งใหญ่เยี่ยงภูเขาไท่ซานเพื่อยื้อเวลาให้เรา!”

พอเขาได้ฟังเหตุการณ์นั้นจากปากเฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกขอบคุณเหมยซูหานมาก ถ้าไม่มีเวลาสิบกว่าชั่วโมงที่เหมยซูหานยื้อเอาไว้บางทีเขากับเฮ่อเหลียนเช่ออาจหนีไม่รอด

“แกอย่ามาคุยกับฉัน ฉันไม่อยากฟัง!” เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากฟังถ้อยคำที่ว่าตายอย่างยิ่งใหญ่ดั่งภูเขาไท่ซานอะไรทำนองนั้น เขาแค่อยากให้เหมยซูหานมีชีวิตอยู่ต่อไป

เหยียนหมิงซุ่นออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงเฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหานสองต่อสองอย่างรู้หน้าที่

หากลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคนที่นอนอยู่ข้างในเป็นเหมยเหมยเขาก็ต้องเป็นบ้าแน่ ๆ!

เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินเสียงประตูปิดตัวลงก็กลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหวปล่อยให้มันไหลริน หยดน้ำตาจรดบนใบหน้าเหมยซูหานจนเกร็ดน้ำแข็งสีขาวละลายไปส่วนหนึ่ง

“นายไปแล้วฉันจะอยู่อย่างไร…”

เฮ่อเหลียนเช่อกุมมือเหมยซูหานเอาหน้าแนบ จู่ ๆก็พลันรู้สึกว่าสู้ให้เขาถูกแสงกลืนกินไปเสียยังจะดีกว่า เช่นนี้ก็ไม่ต้องเผชิญกับการจากลา หัวใจคงไม่ต้องเจ็บปวด

สิ่งที่เขาระอายิ่งกว่าคือพ่อของเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าเหมยซูหาน เขาควรทำอย่างไรล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อได้แต่กัดริมฝีปากจนเลือดซึม กลิ่นคาวคลุ้งไปทั้งปากแต่ยังสู้ความเจ็บปวดตรงหัวใจไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นรออยู่ข้างนอก เขายังลังเลอยู่ว่าควรบอกเรื่องเยื่อตากับผิวหนังกับเฮ่อเหลียนเช่ออย่างไรดี กังวลว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นบ้าไปจริง ๆ!

แต่ถ้าไม่บอกเรื่องนี้ก็ปิดไว้ไม่ได้!

รู้งี้เผาศพเหมยซูหานไปเสียยังจะดีกว่า…แต่ทำอย่างนั้นก็ใจร้ายกับเฮ่อเหลียนเช่อมากไป…

เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าตนไม่เคยสับสนคิดมากเท่านี้มาก่อน แต่ขณะนี้กลับกำลังฟุ้งซ่าน ความคิดพันกันยุ่งเหยิงเพื่อคนที่เคยเป็นคู่อริ

‘ปัง’

ประตูถูกกระแทกเปิดออก เฮ่อเหลียนเช่อพุ่งออกมาราวกับคนบ้าพร้อมถามเสียงกร้าว “ตากับผิวของซูหานทำไมถึงเป็นแบบนี้? ใครเป็นคนทำ?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนเช่อที่เหมือนคนบ้าไร้สติไปแล้วด้วยท่าทีเรียบเฉย “นี่ก็เป็นความต้องการสุดท้ายของเหมยซูหานเอง ก่อนตายเขาบอกเหมยเหมยว่าถ้าแกบาดเจ็บก็เอาอวัยวะที่เขามีให้แกทั้งหมด แกติดเชื้อจากสารกัมมันตรังสีอย่างรุนแรงจึงทำให้ดวงตาและผิวหนังเสียหาย”

“ฉันยอมตาย…ทำไมไม่ถามความสมัครใจของฉัน…”

เฮ่อเหลียนเช่อใช้สองมือกระชากคอเสื้อเหยียนหมิงซุ่นไว้แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

เหมยซูหานที่ลอยอยู่กลางอากาศร้อนใจแทบแย่นึกอยากลอยไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนเช่อหลายทีแต่กลับล้มเหลว วิญญาณของเขาค่อย ๆจางลงจนเกือบโปร่งแสง และคงอยู่อีกได้ไม่นานแล้ว

“แกลองนึกถึงเสี่ยวเป่า ถ้าแกตายไปใครจะดูแลเสี่ยวเป่า? แกอยากให้เขาเป็นเด็กกำพร้าเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเตือนสติด้วยเสียงเย็นชา

เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินชื่อเสี่ยวเป่าก็ใจเย็นลงได้บ้าง แต่หัวใจกลับเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม

“เสี่ยวเป่ารู้หรือยัง?”

“ได้เจอเป็นครั้งสุดท้าย แต่เสี่ยวเป่าหลงเชื่อว่าคุณอาแค่กำลังเล่นซ่อนแอบกับเขา เขากำลังรอแกกลับมาเพื่อจะได้ไปตามหาคุณอาด้วยกัน”

เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะอย่างขมขื่น ซึ่งหัวเราะน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก

เขาก็หวังว่าตนจะเป็นเด็กเหมือนเสี่ยวเป่าที่สามารถเชื่อคำลวงหลอกเด็กได้อย่างไร้เดียงสา แต่เขากลับมีสติตระหนักรู้ดีขนาดนี้จึงไม่มีอะไรหลอกเขาได้ และจะหลอกตัวเองก็ไม่ได้เช่นกัน!

………………………..

ตอนที่ 2302 มีความหวังใหม่

บรรยากาศเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจของพวเขาสองคน ทันใดนั้นเหมือนเฮ่อเหลียนเช่อสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองเพดานแล้วทำหน้าดีใจก่อนจะกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งอย่างไม่หยุดราวกับกำลังไล่ตามบางสิ่งอยู่

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแล้วกระโดดตามไปอีกคน เขากลัวว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะทำใจรับไม่ได้

เฮ่อเหลียนเช่อวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังวิ่งไล่ตามวิญญาณของเหมยซูหาน เมื่อครู่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคย นั่นต้องเป็นเหมยซูหานที่ทำใจทิ้งเขาไม่ลงจึงยังอยู่บนโลกนี้ต่อแน่ ๆ

บนโลกนี้ต้องมีวิญญาณแน่นอน เฮ่อเหลียนเช่อเชื่ออย่างสุดใจ

แต่–

กลิ่นอายคุ้นเคยนั่นจางหายไปแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อแหงนหน้ามองฟ้าอย่างโศกเศร้าแต่แววตาจุดประกายความหวังใหม่ ขอเพียงเหมยซูหานยังอยู่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือผีเขาก็จะตามหาให้พบ

“แกเป็นบ้าอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นวิ่งตามมา

“เปล่า ฉันจะไปรับเสี่ยวเป่า”

เฮ่อเหลียนเช่อดูสงบลงมากไม่เหลือสภาพจะเป็นจะตายอย่างก่อนหน้านี้แล้วกลับมามีชีวิตชีวาใหม่อีกครั้ง นี่จึงเรียกให้เหยียนหมิงซุ่นกวาดตามองเขาอย่างแปลกใจ หายเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?

คงไม่ได้อัดอั้นไว้ในใจหรอกนะ?

“คุณอาฉัน…” เฮ่อเหลียนเช่อชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็เลือกถามออกไป

“ถูกประหารไปตั้งแต่เดือนครึ่งก่อนหน้านี้แล้ว นายใหญ่ออกคำสั่งเอง เขาไปอย่างสงบไม่ทรมานใด ๆ” เหยียนหมิงซุ่นบอกตามตรง

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นหัวเราะเย้ยตัวเองน้อย ๆ เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยต่อ “ฉันจะเอากล่องเก็บเถ้ากระดูกของหนิงเฉินเซวียนให้แก แล้วก็หนิงเฉินเซวียนเกริ่นไว้ว่าอนาคตจะได้ฝังร่วมกับแม่ของแก”

“แม่ฉัน? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ฉันฝังอยู่ที่ไหน!” เฮ่อเหลียนเช่อแค่นหัวเราะออกมาไม่หยุด

เขาแทบไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับแม่ตัวเองเลย จำได้เพียงว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง อีกทั้งสายตาที่มองเขามักเต็มไปด้วยความเกลียดชังปนโกรธแค้นราวกับกำลังมองขยะ

ฉะนั้นวัยเด็กเขาจะมีความสัมพันธ์ที่สนิมสนมกับเฮ่อเหลียนชิงมากกว่าและไม่ชอบอยู่กับแม่เท่าไร

“แม่ของแกไม่ได้ถูกฝัง หนิงเฉินเซวียนใช้โลงหยกอายุหมื่นปีเก็บศพแม่แกเอาไว้เลยยังคงสภาพเหมือนก่อนตาย”

โลงหยกของหนิงเสี่ยวซีถูกคนของเฮ่อเหลียนชิงย้ายกลับสวนฟาร์ม เฮ่อเหลียนชิงออกจากโรงพยาบาลแล้วและกำลังพักฟื้นตัวที่สวนฟาร์ม

“ตามฉันมาสิ” พอเฮ่อเหลียนชิงเห็นเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้ด่าทอเหมือนแต่ก่อนอีก หลังจากหนิงเฉินเซวียนตายจากไปนิสัยเคี่ยวเข็ญเข้มงวดของเขาดูจะอ่อนโยนมากขึ้น สงสัยคงปล่อยวางความแค้นตลอดหลายสิบปีแล้วปลดล็อกปมในใจได้แล้วสินะ

“อยู่นี่ รอแกฟื้นมาจัดการเรื่องศพของแม่แก” เฮ่อเหลียนชิงพูดเสียงเรียบนิ่ง

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นหญิงงามในความทรงจำของเขาคนนั้นที่ยังคงงดงามไม่เปลี่ยน เพียงแต่สีหน้าขาวซีดดวงตาปิดสนิท ไม่มีสายตารังเกียจที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่เขา

“อาผมบอกว่าอยากฝังร่วมกับแม่ผม” เฮ่อเหลียนเช่อเองก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับกำลังถามความเห็นของเฮ่อเหลียนชิง สองพ่อลูกในวันวานคู่นี้ในที่สุดก็ไม่ทะเลาะกันอีกแต่คุยกันดี ๆได้สักที

เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วพูดขึ้นเสียง “ไม่ได้ คนที่แม่แกเกลียดมาตลอดชีวิตก็คือหนิงเฉินเซวียน หรือว่าแกอยากให้เธอตายไปอย่างไม่สงบสุขงั้นเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ คุณอากับแม่ของเขาไม่ได้รักกันหรอกหรือ?

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้คลอดเขาโดยไม่สนคำคัดค้านของคนอื่นล่ะ?

เฮ่อเหลียนชิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจแต่ก็พูดไปจนได้ “แม่ของแกไม่รักใครทั้งนั้น เธอแต่งงานกับฉันก็เพื่อหลุดพ้นจากการควบคุมของหนิงเฉินเซวียน แต่หนิงเฉินเซวียนถือโอกาสตอนที่ฉันไปสัมมนาข่มขืนแม่ของแก ถึงได้…มีแก”

เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเห็นใจ ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ!

ความจริงอันนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!

แต่ไม่พูดก็ไม่ได้!

เฮ่อเหลียนชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วบอกเรื่องที่น่าตกใจกว่าอีกเรื่อง

…………………………

ตอนที่ 2999 เฮ่อเหลียนเช่อที่น่าเศร้า

เหยียนหมิงซุ่นไม่มองหนิงเฉินเซวียนที่ทำหน้าเจ็บปวดอีกต่อไป เจ้าบ้านี่ทำตัวเองทั้งนั้น เหตุที่เขาพูดไปทั้งหมดก็เพราะรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเฮ่อเหลียนเช่อบ้างก็เท่านั้น

ในชั่วขณะที่เฮ่อเหลียนเช่อถูกแสงกลืนกิน ฉับพลันเหยียนหมิงซุ่นก็เข้าใจการกระทำบ้าบิ่นในตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเฮ่อเหลียนเช่อได้

การถูกอบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กโดยคนบ้าบิ่นอย่างหนิงเฉินเซวียน ทั้งยังถูกตีตราว่าเป็นเด็กมารผจญ ต่อให้เป็นเทวดาก็ต้องแปลงร่างเป็นปีศาจอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนปกติได้สิแปลก!

ในท้ายที่สุดเขาก็ได้เจอผู้กอบกู้ของเขาแล้วค่อย ๆเปลี่ยนแปลงตนเองไปมากมาย แต่ทว่า–

ผู้กอบกู้ของเขาก็ถูกพ่อแท้ ๆของเขาฆ่าตาย!

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มเห็นใจเฮ่อเหลียนเช่อเข้าแล้วจริง ๆ ชีวิตช่างน่าเศร้าเหลือเกิน หวังว่าหมอนี่จะผ่านมันไปได้!

ความจริงเมื่อครู่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดความจริงไปทั้งหมดว่าเฮ่อเหลียนเช่อพ้นขีดอันตรายแล้ว เพราะมีร่างกายของเหมยซูหานบวกกับยาวิเศษของเหมยเหมยจึงช่วยให้เฮ่อเหลียนเช่อฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แค่ทำการผ่าตัดผิวหนังอีกไม่กี่ครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฟื้นตัวเร็วกว่าเหยียนหมิงต๋าด้วยซ้ำ

นี่คงเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา!

“ให้ฉันเจอเสี่ยวเป่าหน่อยได้ไหม?” หนิงเฉินเซวียนพร่ำขอ

เหยียนหมิงซุ่นลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบตกลง

เสี่ยวเป่ามีเหมยเหมยคอยดูแลอยู่ตลอด เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กดีพยายามทานข้าวทุกวัน ทานทุกอย่างเพราะเขาต้องรีบโต เช่นนี้เขาจะได้ไปตามหาคุณอาแล้ว

“หนิงเฉินเซวียนอยากเจอเสี่ยวเป่า” เหยียนหมิงซุ่นกลับมาบอกเหมยเหมย

“ไม่ให้เจอ ทำไมต้องให้เขาเจอด้วย? เขามีสิทธิ์อะไรต้องได้เจอเสี่ยวเป่า…” เหมยเหมยอารมณ์ขุ่นเคืองมาก เจ้าบ้านี่ทำคนตายไปมากเท่าไรยังมีหน้ามาเจอเสี่ยวเป่าอีกหรือ?

เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กเฉพาะตัวของเขาเงียบ ๆ พร้อมยกถ้วยเล็กขึ้นมาทานบะหมี่ผักคำแล้วคำเล่า พอได้ยินชื่อเสี่ยวเป่า เขาก็เงยหน้าขึ้นใช้ดวงตาดำขลับจ้องพวกเขาขณะที่มุมปากมันแผล็บเพราะคราบน้ำมัน

“น้า…เสี่ยวเป่าอยู่นี่…”

เสี่ยวเป่าหลงคิดว่าเหมยเหมยมีเรื่องถึงเรียกเขาเลยชูแขนเล็กขึ้นแสดงตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้ตลอด

“อืม…เสี่ยวเป่าเด็กดีนะ บะหมี่พอทานไหม?” เหมยเหมยอมยิ้มให้เขา

“เอาบะหมี่…ทานเยอะ ๆ…หายิวยิว(คุณอา)…” เสี่ยวเป่ายืดพุงเล็กแล้วตบเบา ๆก่อนจะซดบะหมี่เส้นสุดท้ายในถ้วยแล้วยื่นถ้วยเปล่าให้เหมยเหมย

เหมยเหมยสายตาหม่นลงพลางลูบศีรษะกลมกลึงของเสี่ยวเป่าด้วยรอยยิ้ม “เด็กดีนะ…น้าจะไปตักให้นะ!”

“ฉันตักเอง…” ป้าฟางเดินเข้ามารับถ้วยไปเติมบะหมี่ให้ครึ่งถ้วยเล็กเพราะไม่กล้าเติมมากเกินไป

ช่วงนี้เสี่ยวเป่าทานเยอะไปหน่อย ต้องลดปริมาณข้าวลงอย่างเหมาะสมไม่อย่างนั้นเจ้าตัวเล็กที่หน้าตาน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะกลายเป็นเจ้าหมูน้อยคงดูไม่ดี

“ทำไมจู่ ๆเจ้าตัวเล็กถึงเจริญอาหารขนาดนี้?” เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างแปลกใจ

เหมยเหมยดึงเหยียนหมิงซุ่นกลับเข้าห้องแล้วพูดเสียงเบา “ก่อนตายเหมยซูหานบอกเสี่ยวเป่าว่าเขาจะไปซ่อนตัว ให้เสี่ยวเป่าไปตามหาเขาตอนโต เสี่ยวเป่าหลงเชื่อ หลังจากนั้นก็ทานข้าวเยอะทุกวันเลย…เฮ้อ!”

ตอนนี้เธอเครียดแทบตาย เสี่ยวเป่ายังเด็ก คำลวงว่าแอบไปซ่อนตัวพอจะหลอกเสี่ยวเป่าได้ชั่วคราว แต่ถ้าเสี่ยวเป่าโตเมื่อไรคำพูดหลอกเด็กแบบนี้ต้องถูกเปิดเผยความจริงแน่นอน

ถ้าเกิดว่าเสี่ยวเป่ามาซักไซ้ถามเธออีก เธอควรตอบอย่างไรดีล่ะ?

“อย่ากังวลไป เสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กธรรมดา เขาจะต้องเข้มแข็งมากแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเธอ

“อืม…” เหมยเหมยถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง หวังว่าอนาคตเสี่ยวเป่าจะยอมรับความจริงได้จริง ๆแล้วกัน!

แต่เธอกับเหยียนหมิงซุ่นต่างไม่รู้ว่าโดยทั่วไปแล้วเด็กที่มีไอคิวสูงจะยิ่งมีความคิดเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะถ้อยคำหรือเรื่องราวฝังใจจะไหลไปตามกาลเวลาซึ่งมีแต่จะกลายเป็นความยึดติดแต่ไม่มีวันหายไปต่างหาก

………………………..

ตอนที่ 2300 เขาตายไปแล้ว

สุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นก็พาเสี่ยวเป่าไปพบหนิงเฉินเซวียนเพื่อให้พวกเขาได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย

ช่วงบ่ายหนิงเฉินเซวียนก็จะต้องถูกประหารชีวิตซึ่งเขามีสีหน้าเรียบนิ่งมากและไม่ได้พูดอะไรกับเสี่ยวเป่าเลย เพียงแค่เอาหยกเจ้าแม่กวนอิมอันหนึ่งให้เสี่ยวเป่าไว้เป็นของดูต่างหน้า

“ไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก” หนิงเฉินเซวียนโบกมือแล้วหลับตาลง

เหยียนหมิงซุ่นจูงมือเสี่ยวเป่าออกไป พอเดินถึงหน้าประตูหนิงเฉินเซวียนก็เอ่ยถาม “อาเช่อพ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง?”

“พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่ได้สติ” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โกหกเขาอีกต่อไป

หนิงเฉินเซวียนถอนหายใจโล่งอกแล้วพึมพำเอง “ไม่เป็นไรก็ดี…ไปเถอะ!”

เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องขอฝังร่วมกับเสี่ยวซีอีก บางทีอาจจะคิดได้แล้วหรือบางทีคิดว่าเอ่ยไปก็เปล่าประโยชน์จึงไม่คิดจะเอ่ยถึงอีก กระทั่งเหยียนหมิงซุ่นจากไปเขายังคงนั่งท่าคุกเข่าหันเข้าหากำแพง คล้ายกำลังขอไถ่โทษและกำลังสำนึกผิด…

เที่ยงตรงได้เวลาประหารหนิงเฉินเซวียน เขาไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียหรือจดหมายสั่งเสียไว้แต่จากไปอย่างสงบ

ทุกคนต่างถอนใจโล่งอกทีหนึ่ง ในที่สุดก็จบลงสักที!

……

การตายของหนิงเฉินเซวียนไม่ได้สร้างความฮือฮาในเมืองหลวงมากนักเพราะนายใหญ่ประกาศต่อโลกภายนอกว่าหนิงเฉินเซวียนจากไปด้วยโรคร้าย เรื่องอื้อฉาวภายในไม่ควรแพร่งพรายไปข้างนอก ความบาดหมางภายในก็ควรจัดการให้จบกันข้างในไม่มีความจำเป็นต้องให้เป็นเรื่องใหญ่ถึงข้างนอกจนชาวต่างชาติเห็นเป็นเรื่องตลก

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนฤดูร้อนที่แสนร้อนระอุได้ผ่านพ้นไป เฮ่อเหลียนเช่อได้ออกมาจากห้องปลอดเชื้อแล้ว ผิวหนังบนตัวเขาแทบจะเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดรวมถึงเยื่อตาของเขาก็ถูกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน

ส่วนร่างกายของเหมยซูหานทนต่อไปไม่ไหวจึงถูกถอดเครื่องช่วยหายใจออกเมื่อไม่กี่วันก่อนเฮ่อเหลียนเช่อฟื้น เหมยเหมยใช้โลงน้ำแข็งเก็บรักษาศพของเหมยซูหานไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เฮ่อเหลียนเช่อได้เจอเป็นครั้งสุดท้าย

แม้เช่นนี้จะโหดร้ายไปหน่อย

แต่ถ้าไม่เจอคงโหดร้ายยิ่งกว่า!

วิญญาณของเหมยซูหานยังคงวนเวียนอยู่ในโรงพยาบาลตลอดและพลังชีวิตอ่อนลงเรื่อย ๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมวางใจหากไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อฟื้น จนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

เฮ่อเหลียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วนึกแปลกใจกับการที่ตนมาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างมาก แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่าตนไม่ได้ตายและมีชีวิตรอดกลับมา เฮ่อเหลียนเช่อดีใจแทบบ้าจึงถอดสายยางหมายจะออกไปจากห้อง เหยียนหมิงซุ่นที่ได้รับแจ้งก็รีบเดินทางมาห้ามเขาไว้

“แกจะทำอะไร?”

“ฉันต้องไปหาซูหานกับเสี่ยวเป่า พวกเขาต้องร้อนใจแย่แล้วแน่ ๆ” เฮ่อเหลียนเช่อเบิกตากว้าง ยกกำปั้นขึ้น เห็นคิ้วของเหยียนหมิงซุ่นได้ชัดเจนเต็มสองตา

เฮ่อเหลียนเช่อฉงนอยู่ภายในใจ ชั่ววินาทีที่เขาถูกแสงกลืนกินทั้งดวงตาทั้งผิวหนังเหมือนถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทง เป็นความเจ็บที่ยากจะจินตนาการได้

เมื่อนั้นเขาก็คิดแล้วว่าต่อให้ตนมีชีวิตรอดกลับมาอย่างไรก็ต้องตาบอด

แต่ตอนนี้…ดวงตายังมองเห็น รวมถึงผิวหนังของเขาก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

เฮ่อเหลียนเช่อยกแขนขึ้นลูบด้วยความแปลกใจ เหมือนจะนุ่มขึ้น ขาวขึ้นและลื่นมือขึ้นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนผิวของผู้หญิงและสัมผัสที่คุ้นเคย

นี่มันอะไรกัน?

เฮ่อเหลียนเช่อชักรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา สัญชาตญาณของเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

“ทำไมซูหานไม่มา? เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่โรงพยาบาลเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อรีบเอ่ยถาม

แม้แต่คู่อริอย่างเหยียนหมิงซุ่นยังมาแล้วทำไมเหมยซูหานถึงไม่รีบมาล่ะ?

ปกติต่อให้เขามีแผลถลอกบนมือเล็กน้อยเหมยซูหานก็ร้อนใจแทบตาย ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้ทำไมไม่เห็นเหมยซูหานล่ะ?

“แกบอกฉันมานะ เกิดอะไรขึ้นกับเขาใช่ไหม? งั้นไม่ต้องให้แกบอก…ฉันไปหาเอง…”

เฮ่อเหลียนเช่อผลักเหยียนหมิงซุ่นออกแล้ววิ่งพุ่งตัวออกไปข้างนอก เหยียนหมิงซุ่นรีบมาขวางทางเขาไว้แล้วพูดเสียงนิ่ง “เหมยซูหานตายไปแล้ว”

……………………..

ตอนที่ 2297 จุดจบที่แสนโหดร้าย

เหมยเหมยถอนหายใจยาว ไม่เป็นไรก็พอ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ สรุปฐานลับระเบิดหรือเปล่า?” เหมยเหมยถามด้วยความฉงน

เหยียนหมิงซุ่นเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังอย่างละเอียดราวกับกำลังเล่านิทานก็ไม่ปาน แล้วยังกระตุ้นสร้างความระทึกให้เป็นระลอก ๆจนเหมยเหมยใจเต้นระส่ำตามไปด้วย แม้จะรู้จุดจบแล้วแต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี

“สัตว์พวกนั้นฉิวฉิวเป็นคนพาไปเหรอ? พระเจ้า ฉิวฉิวเก่งจังเลย!” พอเหมยเหมยได้ยินเรื่องกองทัพสัตว์ก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

แม้แต่สัตว์ดุร้ายเหล่านั้นยังสั่งการได้ ฉิวฉิวสุดยอดไปเลย มิน่าเขามักโอ้อวดเสมอว่าตัวเองเป็นสัตว์เทวะ บางทีอาจจะเป็นจริงก็ได้!

“สัตว์พวกนั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” เหมยเหมยถามด้วยความสงสัยต่อ

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจ “ตายหมดแล้ว สลายเป็นผุยผง รอดแค่สามตัว”

“พระเจ้า…”

เหมยเหมยอ้าปากกว้างอย่างตกตะลึง ถึงจะไม่เห็นกับตาตัวเองแต่ก็พอจะจินตนาการถึงภาพอันโหดร้ายนั้นได้ สัตว์ตั้งมากมายรอดชีวิตเพียงสามตัวส่วนที่เหลือก็ตายหมด…

ตัวที่รอดชีวิตล้วนแต่พ้นทัณฑ์แห่งสวรรค์ได้สำเร็จ งูหลามกับจ่าฝูงหมาป่า แต่เผ่าสุนัขจิ้งจอกตัวที่รอดชีวิตกลับไม่ใช่จ่าฝูงแต่ดันเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเมียรูปงามตัวหนึ่ง เหยียนหมิงซุ่นเห็นกระทั่งเหตุการณ์ที่สุนัขจิ้งจอกตัวเมียฆ่าจ่าฝูงแล้วดื่มเลือดของจ่าฝูง เช่นนี้ถึงนับว่าพ้นทัณฑ์แห่งสวรรค์ได้สำเร็จ

ตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็พลันคิดว่าที่แท้โลกของสัตว์ก็มีการแก่งแย่งต่อสู้กันด้วยเหมือนกัน!

“สัตว์พวกนี้ทำไปเพื่ออะไร?” เหมยเหมยไม่เข้าใจ มีชีวิตอยู่ดี ๆไม่เอากลับหาเรื่องฆ่าตัวตายยกหมู่ สัตว์เองก็น้ำเข้าสมองได้หรือ?

“น่าจะเพื่อช่วยเหลือจ่าฝูงพวกมันนั่นแหละ” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ได้แค่เดา

เขาอ่านตำราหนังสือที่ค่อนข้างซับซ้อน ประเภทคัมภีร์ภูเขากับทะเลก็ชอบอ่าน ยามที่เห็นว่ามีเพียงสามตัวที่รอดชีวิตและสามตัวนี้ยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขาก็เดาได้แล้วว่าสัตว์เหล่านี้น่าจะกำลังฝึกตนอยู่ พลังของกัมมันตภาพรังสีเป็นยาบำรุงสำหรับการฝึกตนของพวกมัน

แต่ยาบำรุงขนาดใหญ่นี้พวกเขาย่อยไม่ทันเลยต้องการสัตว์ตัวอื่นมาช่วยเหลือคล้ายการสังเวยชีวิตก็ไม่ปาน การสละชีวิตของสัตว์นับหมื่นตัวนี้ได้ช่วยจ่าฝูงของพวกมันและช่วยฉาฉากับเฮ่อเหลียนเช่อไว้

ไม่อย่างนั้นเฮ่อเหลียนเช่อเองก็คงถูกแสงกลืนกินจนกลายเป็นเศษขี้เถ้าไปแล้ว

เหมยเหมยเข้าใจแล้วเลยได้แต่แอบทึ่งกับโลกอันกว้างใหญ่ที่มีเรื่องมหัศจรรย์เต็มไปหมด เรื่องราวที่อดีตมองเป็นเพียงตำนาน ใครจะคิดว่ามีอยู่จริงในโลกนี้กันเล่า

“ฉาฉาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ยังหลับใหลอยู่ไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไร ฉิวฉิวคอยเฝ้ามันไว้คงไม่เป็นไรหรอก” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบ

ตอนนั้นเขาเห็นฉาฉามีเขางอกตรงหัวและร่างกายที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเองกับตา แต่สถานการณ์หลังจากนั้นเขาไม่รู้แล้ว พอทุกอย่างจบลงฉาฉาก็กลับสู่สภาพเดิมแต่สลบไม่ยอมตื่น ฉิวฉิวพามันจากไปแล้วทำสัญลักษณ์มือให้เขาซึ่งคงสื่อความหมายว่าให้เขาไปรับพวกมันทีหลัง

ในป่าลึกของภูเขาสือว่าน

ฉิวฉิววางฉาฉาไว้ในโพรงต้นไม้แล้วอยู่เฝ้าด้วยตัวเอง การฝึกตนให้พ้นเคราะห์วิบากคราวนี้นับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แม้จะไม่ได้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัวแต่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไรแล้ว อีกอย่างฉาฉาได้ยืดอายุไปเกือบหมื่นปี เวลานานขนาดนี้เขาต้องมีโอกาสอีกครั้งแน่ ๆ

ส่วนอีกสามตัวที่เหลือไม่ได้โชคดีอย่างฉาฉาแต่ก็ไม่นับว่าแย่มากนัก อย่างน้อยก็ยืดอายุเพิ่มอีกหลายพันปีซึ่งนับว่าเป็นกำไรชีวิต

พลังวิญญาณในภูเขาสือว่านหนาแน่นเหมาะให้ฉาฉาฝึกตน ฉิวฉิวถึงไม่ยอมกลับเมืองหลวงได้แต่รอฉาฉาตื่นก่อนค่อยกลับมา เขายังอยู่หยอกเอินกับกระรอกตัวเมียสวย ๆได้อีกหลายตัวซึ่งเป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่แสนดีเลิศ

เหมยเหมยเองก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้เหยียนหมิงซุ่นฟังในตลอดช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ พอเล่าถึงเหมยซูหานทั้งคู่ต่างก็สลดใจ

“หนิงเฉินเซวียนจะเป็นอย่างไรบ้าง?”

“สามวันหลังจากนี้จะประหาร เป็นคำสั่งของนายใหญ่” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงนิ่ง

……………………….

ตอนที่ 2298 ไม่สำนึกผิด

สามวันผ่านไปถึงเวลาประหารหนิงเฉินเซวียนแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสขึ้นเรื่อย ๆเพราะเขาอยู่ในสถานะของนักโทษจึงไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก จุดที่ถูกเฮ่อเหลียนชิงกัดเริ่มเป็นแผลเน่าบวกกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุทำให้แผลติดเชื้อจนไข้ขึ้นสูง

พอเหยียนหมิงซุ่นเจอหนิงเฉินเซวียนก็ตกใจกับตาแก่ที่ผอมซูบเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเองหนิงเฉินเซวียนก็ผมขาวโพลนทั้งศีรษะแล้ว แก้มตอบเหมือนหัวกะโหลก ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยมาเป็นระยะ ๆ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? คุณหมอไม่เคยมาดูแผลเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นตวาดเสียงถามเจ้าหน้าที่ที่คอยเฝ้าดูหนิงเฉินเซวียน

“คุณชายหมิง…แผลของเขาสาหัสเกินไป…” เจ้าหน้าที่พูดแก้ตัวเสียงอ้ำ ๆอึ้ง ๆ สายตาหลุกหลิกตลอดเวลา

หลังจากหนิงเฉินเซวียนเข้ามาก็ไม่มีใครฝากฝังดูแลเขาเป็นพิเศษ แล้วยังได้ข่าวว่าเป็นนักโทษประหารเพราะคิดก่อการกบฏซึ่งจะช้าจะเร็วก็ต้องตายอยู่ดี พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับคนที่จะต้องตายแบบนี้เลย

ใครจะยอมเสียเวลามาสนใจเขากันล่ะ!

“ไปตามคุณหมอมา!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยสั่งเสียงนิ่ง

ไม่ว่าหนิงเฉินเซวียนจะมีความผิดมากแค่ไหนก็ต้องได้รับการรักษา ถือว่าเห็นแก่เฮ่อเหลียนเช่อเขาจะให้หนิงเฉินเซวียนตายจากไปอย่างมีเกียรติอยู่บ้าง

ปกติมีคุณหมอประจำเรือนจำอยู่แล้วซึ่งไม่นานก็มาถึงพลางทำแผลให้หนิงเฉินเซวียน ก่อนที่เหยียนหมิงซุ่นจะให้คนเปลี่ยนชุดสะอาดให้เขาแล้วยังชำระร่างกายให้เขาจนดูดีขึ้นมาบ้าง เจ้าตัวก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย

“แกอย่ามาแสร้งเป็นคนดีต่อหน้าฉัน ฉันไม่ขอบคุณแกหรอกนะ” หนิงเฉินเซวียนเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง เขาไม่คิดว่าตนแพ้ เขาแค่โชคไม่ดีพอ เขาอยู่ผิดยุคสมัยเอง!

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะ “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม ผมแค่เห็นแก่เฮ่อเหลียนเช่อเท่านั้น คนที่ทำผิดอย่างคุณไม่สมควรได้รับการยกโทษ!”

“เหอะ…เด็กน้อยอย่างพวกแกจะไปเข้าใจอะไร…” หนิงเฉินเซวียนทำหน้าหยามเหยียดสีหน้าคล้ายจะสื่อว่า ‘พวกแกมันแค่แมลงตัวเล็ก ๆ’ ที่เห็นก็ชวนให้มีน้ำโหขึ้นมา

เหยียนหมิงซุ่นลอบส่ายศีรษะ เจ้าบ้านี่ต่อให้ใกล้เผชิญกับความตายก็ยังไม่สำนึกผิด มิน่านายใหญ่ถึงจะเอาเขาให้ตาย

“จะเริ่มลงมือเมื่อไร?” หนิงเฉินเซวียนโพล่งถามขึ้นมากะทันหัน

“อีกหนึ่งวัน!” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังเขา หนิงเฉินเซวียนสีหน้าราบเรียบมาก ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร ผลแบบนี้อยู่ในความคาดหมายเขาตั้งนานแล้ว

“ฉันมีคำขอร้องเรื่องหนึ่ง ขอให้ฝังเสี่ยวซีไปพร้อมกับฉัน”

“เรื่องนี้ผมตัดสินใจไม่ได้ ต้องถามเฮ่อเหลียนเช่อ” เหยียนหมิงซุ่นจงใจตอบเช่นนั้น

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนกระตุก ในที่สุดก็ถามเสียงแหบ “อาเช่อ…เป็นอย่างไรบ้าง?”

“แย่มาก ติดเชื้อสารกัมมันตรังสีรุนแรง ยังอยู่ในขั้นตอนการช่วยเหลือ” เหยียนหมิงซุ่นตอบความจริง เขาอยากจะดูว่าเจ้าบ้านี่ยังเหลือความเป็นคนอยู่สักนิดไหม

กล้ามเนื้อบนหน้าของหนิงเฉินเซวียนกระตุกหนักยิ่งกว่าเดิม สายตาฉายแววเจ็บปวดชั่ววูบ ติดเชื้อสารกัมมันตรังสีรุนแรง…ยังช่วยได้อีกหรือ?

“ทำไมแกยังมีชีวิตอยู่ดีล่ะ?” หนิงเฉินเซวียนถามด้วยเสียงแค้นใจ

ต้องเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นใช้ลูกชายของเขามาบังอันตรายให้ เฮ่อเหลียนเช่อถูกอบรมสั่งสอนมาให้ชั่วร้ายเหมือนกับเขาจึงไม่ใช่คนดีอะไร!

เหยียนหมิงซุ่นมองปราดเดียวก็รู้ทันความคิดเขาเลยแค่นหัวเราะตอบกลับไปว่า “เพราะเฮ่อเหลียนเช่อยอมสละชีวิตตัวเองปกป้องคุณกับเสี่ยวเป่า ฉะนั้นเขาจึงไปฐานลับด้วยความคิดที่เตรียมจะตายอยู่แล้ว เขาไม่เคยคิดจะมีชีวิตรอดกลับมา ถึงขั้นขอร้องให้ผมปล่อยตัวคุณไปด้วยซ้ำ!”

ร่างกายของหนิงเฉินเซวียนกระตุกหลายทีแล้วพูดเสียงแหบพร่าว่า “แกพูดจาเหลวไหล…เป็นไปไม่ได้…”

“ผมมีความจำเป็นต้องโกหกคนที่ใกล้ตายอย่างคุณด้วยเหรอ? คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ผมแค่ต้องการบอกคุณว่าถึงคุณไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อเป็นลูกชาย แต่ในใจเขาเห็นคุณเป็นพ่อมาโดยตลอด”

เหยียนหมิงซุ่นเว้นช่วงไปนิดแล้วพูดต่อ “ส่วนศพของหนิงเสี่ยวซี ให้เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนจัดการเองแล้วกัน!”

…………………………

ตอนที่ 2295 สวรรค์ลิขิตชะตาเอาไว้

คุณหมอกลับทำท่าลังเลใจแล้วถามด้วยความแปลกใจว่า “เหมยซูหานได้เซ็นหนังสือบริจาคร่างกายแล้วเหรอ?”

ถ้าไม่มีหนังสือรับรองทางโรงพยาบาลก็ไม่มีอำนาจใช้ร่างกายของผู้ตาย นี่มันผิดกฎหมาย ถ้าเกิดญาติคนไข้ฟ้องโรงพยาบาลเขาต้องขึ้นศาลแน่ ๆ

เหมยเหมยใจกระตุกวูบ ตอนนั้นสถานการณ์ของเหมยซูหานเองก็เร่งรีบเหลือเกินเธอจะคิดเรื่องให้เซ็นหนังสือบริจาคนี้ได้ที่ไหนกันล่ะ เธอเอ่ยต่อคุณหมอว่า “ผู้ตายกับคนไข้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมาก ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ก็ยอมบริจาคร่างกายช่วยเหลือคนไข้”

“ไม่ได้ ถ้าไม่มีหนังสือบริจาคร่างกาย ผมจะ…” คุณหมอเป็นตาแก่หัวรั้นที่ยืนกรานว่าจะไม่ยอมทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเด็ดขาด

เหมยเหมยรู้ว่าคุณหมอคนนี้ไม่ได้ทำผิดแต่เธอก็โมโหจะแย่ คร้านจะเสียเวลาพูดกับคุณหมอเลยไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลแทนก่อนจะอธิบายเรื่องราวคร่าว ๆให้ฟัง

ผู้อำนวยการเองก็ทำหน้าลังเลใจจนเหมยเหมยบันดาลโทสะในชั่วขณะแล้วตะคอกใส่ว่า “ต้องให้ฉันไปขอเอกสารจากนายใหญ่พวกคุณถึงจะยอมผ่าตัดใช่ไหม?”

“ไม่ต้อง…ไม่ต้อง…ผมจะสั่งการลงไปเดี๋ยวนี้เลย!” ผู้อำนวยการยังเจรจาได้อยู่บ้างเพราะเขารู้สถานะของเหมยเหมยดีจึงไม่กล้าล่วงเกินเธอ แล้วรีบให้คุณหมอหัวรั้นคนนั้นทำการผ่าตัดทันที

“พวกคุณวางใจได้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นฉันจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบเอง ทางโรงพยาบาลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น!”

เหมยเหมยได้พูดสร้างความมั่นใจให้แก่ทางโรงพยาบาลอีกที เธอเข้าใจถึงความกลัวของทางโรงพยาบาลดีมาก ๆ หากเธอเป็นคุณหมอเธอก็คงลังเล แต่สถานการณ์ตอนนี้เร่งด่วนมาก ล่าช้าต่อไปเฮ่อเหลียนเช่ออาจตายได้

เรื่องเร่งด่วนจึงต้องใช้วิธีพิเศษอย่างการใช้อำนาจข่มขู่แล้วล่ะ

ผิวหนังบนร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อแทบจะเสียไปทั้งหมดเลยต้องทำการผ่าตัดหลายครั้ง หลังการผ่าตัดเฮ่อเหลียนเช่อจะหน้าตาเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ ดีที่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว นับว่าเป็นเรื่องโชคดีในความโชคร้าย

เวลาผ่านไปสามวันหลังเกิดเหตุระเบิด เหยียนหมิงซุ่นก็กลับมาอย่างปลอดภัย

เขาไปรายงานสถานการณ์ให้นายใหญ่ทราบก่อน “กัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายในขอบเขตขนาดเล็กคาดว่าราวสิบตารางกิโลเมตร ซึ่งได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บนภูเขาสือว่านแล้วว่าทุกอย่างเป็นปกติดี”

“ทำได้ดีมาก!” นายใหญ่มองผู้ช่วยคนเก่งตรงหน้าอย่างพึงพอใจ

แค่ทำลายพื้นดินระยะทางสิบตารางกิโลเมตรก็บ่งบอกได้ว่าผลลัพธ์นี้สมบูรณ์แบบมากแล้ว ทีนี้กลุ่มอิทธิพลในต่างประเทศก็ไม่สามารถทำข่าวอะไรได้อีก!

“ไม่ใช่คุณงามความดีของผมคนเดียว มีเฮ่อเหลียนเช่อแล้วก็ลูกน้องอีกหลายคนร่วมด้วยช่วยกันครับถึงได้สำเร็จ” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากถือตนว่ามีความดีความชอบแต่เพียงคนเดียวเพราะถือว่าเป็นคุณงามความดีของทุกคน หากจะวิพากษ์กันจริง ๆ คนที่สร้างความดีความชอบไว้มากที่สุดก็คือเฮ่อเหลียนเช่อ

นายใหญ่รู้เรื่องนี้ดี เขาถอนหายใจอ่อน ๆ การกระทำของเฮ่อเหลียนเช่อในครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ ถึงขนาดยอมฆ่าคนในครอบครัวเพื่อส่วนรวม ไถ่โทษความผิดด้วยการสร้างคุณงามความดี

แต่หนิงเฉินเซวียนเขายังต้องกำจัดทิ้งอยู่ดี!

หากไม่กำจัดคนคนนี้ทิ้งหนึ่งวันเขาก็คงไม่สบายใจเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งวัน

“สามวันหลังจากนี้ให้ตัดสินประหารหนิงเฉินเซวียน ถ่ายทอดคำสั่งฉันไปที่โรงพยาบาลทหารว่าให้พยายามช่วยเฮ่อเหลียนเช่ออย่างสุดความสามารถ ขาดเหลืออะไรก็ไปขอจากกระทรวงสาธารณสุขเอา” นายใหญ่ออกคำสั่ง

ผู้ช่วยพิเศษส่วนตัวได้จดบันทึกไว้ทุกอย่าง

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกเหนือคาดกับผลลัพธ์นี้เลยสักนิด หนิงเฉินเซวียนได้ก่อความผิดมหันต์ด้วยการก่อกบฏ นายใหญ่ยอมปล่อยเขาไปสิแปลก!

เหยียนหมิงซุ่นรีบเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเยียนเฮ่อเหลียนชิงกับเฮ่อเหลียนเช่อ สองพ่อลูกในอดีตอยู่ในห้องพักผู้ป่วยติดกัน ชะตาชีวิตช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาได้จริง ๆ

พอเขาได้ฟังจากคุณหมอถึงการจัดการของเหมยเหมยเลยรู้สึกปลื้มใจอย่างมาก เหมยเหมยของเขาสามารถรับมือเหตุการณ์ได้เองแล้ว

ส่วนการตายของเหมยซูหานเขาก็รู้สึกเสียดายยิ่งนัก บางทีคงเป็นสวรรค์ลิขิตชะตาเอาไว้สินะ ถ้าเหมยซูหานไม่ตายก็คงไม่อาจช่วยเฮ่อเหลียนเช่อไว้ได้ บางทีสวรรค์อาจกำหนดชะตาไว้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาสองคนมีชีวิตอยู่ได้แค่คนเดียว!

เพียงแต่ไม่รู้ว่าถ้าเฮ่อเหลียนเช่อรู้ความจริงแล้ว เขาจะเป็นบ้าเสียสติไปหรือเปล่า?

………………………

ตอนที่ 2296 กลับมาแล้ว

หลายวันมานี้เหมยเหมยทั้งตกใจทั้งหวาดระแวงทั้งมัวแต่วิ่งวุ่นเรื่องเหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อจนเจ้าตัวผอมซูบลงไปมาก ขนาดอายุครรภ์สี่เดือนก็ยังดูไม่ออกเลยสักนิด

“วันนี้ลูกอย่าคิดจะไปไหนเชียว อยู่บ้านเฉย ๆไปเลยนะ!” เหยียนซินหย่าทนดูต่อไปไม่ไหว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ไหวทั้งแม่ทั้งลูก

ฝั่งเหยียนหมิงซุ่นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ถ้าเหมยเหมยเป็นอะไรไปอีกคน เธอจะบอกปู่ย่าตระกูลเหยียนทั้งสองท่านว่าอย่างไร!

“แต่หนูต้องไปโรงพยาบาล…”

เหยียนซินหย่าพูดขัดเธอ “ถ้าไปอีกลูกคงต้องเข้าโรงพยาบาลแทนแล้วล่ะ ฟังแม่นะ พักผ่อนอยู่บ้าน แม่จะไปช่วยเฝ้าที่โรงพยาบาลแทนลูกเอง”

เหมยเหมยเถียงแม่ไม่ได้เลยต้องจำยอมแต่เธอก็ไม่ได้ให้เหยียนซินหย่าไปโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลมีพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว เหยียนซินหย่าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี

“คุณหนู คุณชายหมิงกลับมาแล้ว…” ป้าฟางวิ่งเข้ามาบอกอย่างดีใจ

เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เธอยังไม่ทันพุ่งออกไปหาร่างของเหยียนหมิงซุ่นก็ปรากฏตรงหน้าประตูพร้อมอมยิ้มส่งให้เธอแล้ว

“อา…”

เหมยเหมยกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาอย่างลืมตัว เหยียนหมิงซุ่นรีบก้าวไปรับตัวเธอไว้

“พี่กลับมาแล้ว…” เหยียนหมิงซุ่นกระชับกอดเหมยเหมยแน่นแล้วเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ เขาไม่ได้ผิดคำพูดเพราะเขากลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว

เหมยเหมยหัวเราะทั้งน้ำตาดีใจเป็นบ้าจนพูดอะไรไม่ออก เหยียนซินหย่ากับป้าฟางเองก็แอบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา โล่งอกไปที!

กลับมาอย่างปลอดภัยก็น่ายินดีแล้วล่ะ!

“ฉันจะไปเตรียมอาหารมื้อใหญ่เป็นการฉลอง!” ป้าฟางเข้าครัวไปอย่างดีใจแล้วเตรียมโชว์ฝีมือทำอาหารให้เต็มโต๊ะใหญ่ไปเลย

เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหยียนซินหย่าจึงผละออกจากเหมยเหมยแล้วเอ่ยอย่างขอบคุณ “ขอบคุณแม่ที่มาอยู่เป็นเพื่อนเหมยเหมยครับ”

“เหมยเหมยคือลูกสาวฉันก็ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนสิ เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ช่วงนี้ก็อยู่บ้านไปก่อน อยู่เป็นเพื่อนเหมยเหมยให้มาก ๆหน่อยแล้วกัน” เหยียนซินหย่าพูดเสียงอ่อนโยน

“ครับ ผมจะไม่ไปไหนก่อนเหมยเหมยคลอดอีกแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นรับปาก

เขาบอกนายใหญ่อย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ยอมหนีห่างจากเมืองหลวงในระยะครึ่งปีหลังจากนี้ หากมีธุระอะไรให้ไปหาคนอื่น อย่ามาหาเขาเลย!

ไม่ใช่แค่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเหมยเหมยแต่ก็เพื่อตัวเขาเองด้วย

พอเฮ่อเหลียนเช่อล้มก็เป็นการทำลายสองขั้วอำนาจเดิมและกลายเป็นเขาที่มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก ผู้ปกครองคงไม่อยากเห็นขั้วอำนาจใหญ่เพียงฝ่ายเดียว ฉะนั้นเขาได้เวลาถอนตัวแล้ว

ต้องให้คนอื่นมีโอกาสเฉิดฉายต่อหน้านายใหญ่บ้าง!

หลังทานมื้อเย็นเสร็จเหยียนซินหย่าก็กลับบ้านตัวเองไป ช่วงนี้เธอเองก็สั่งสมงานเป็นกองใหญ่จึงต้องรีบกลับไปสะสาง อีกอย่างสองสามีภรรยาที่ห่างกันนานคงคิดถึงกันแย่ เธอไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอหรอกนะ

ป้าฟางกับลุงเหลาเองก็หลีกเลี่ยงอย่างรู้หน้าที่ ทิ้งไว้เพียงเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยน้ำตาไหลอย่างอดไม่ได้อีกครั้ง “ฉันร้อนใจแทบตาย ฝันร้ายอยู่บ่อย ๆ…”

เธอบ่นเสียงเล็กเสียงน้อยปนออดอ้อน เธอกังวลใจมาตั้งหลายวันในที่สุดก็กลับมาสักที งั้นก็ขอบ่นสักหน่อยเถอะ

เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังเธอเบา ๆเป็นการปลอบ “พี่ไม่ดีเอง…”

เหมยเหมยร้องไห้ไปครู่หนึ่งแล้วฉุกนึกถึงเรื่องสำคัญมาก ๆขึ้นได้เลยถามด้วยความตื่นตระหนกว่า “ฉิวฉิวกับฉาฉาล่ะ? ทำไมพวกมันไม่กลับมาด้วย?”

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาเพียงคนเดียวโดยไม่มีเจ้าตัวเล็กพวกนั้นมาด้วย หรือว่า…

เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ใจหล่นตุบ กลัวจะได้ยินข่าวร้ายจากปากเหยียนหมิงซุ่น

“อย่าเพิ่งตื่นตูมไป พวกมันไม่เป็นไร แค่ต้องอยู่ในภูเขาสือว่านอีกสักระยะ ถึงเวลานั้นพี่จะส่งคนไปรับพวกมันกลับบ้านเอง” เหยียนหมิงซุ่นรีบอธิบาย

………………………….

ตอนที่ 2293 แมงเม่าบินเข้ากองไฟ

“เกิดอะไรขึ้น…”

ขนาดเหยียนหมิงซุ่นที่แม้ภูเขาไท่ซานถล่มต่อหน้าก็ยังสีหน้าไม่เปลี่ยนยังตกใจสะดุ้งเฮือกใหญ่ ทำไมจู่ ๆถึงมีสัตว์ปรากฏตัวมากมายขนาดนี้?

แถมแต่ละตัวยังตัวใหญ่มากอีกต่างหาก!

เขาสายตาดีจึงเห็นได้ชัดว่าตัวที่อยู่ด้านหน้าสุดคืองูหลามขนาดเกือบยี่สิบเมตร ร่างกายหนายิ่งกว่าถังน้ำและตัวใหญ่กว่างูเหลือมโบอาในป่าอเมซอนหลายเท่า

แถมสัตว์ตัวอื่น ๆก็ดูตัวใหญ่กว่าปกติมากโข

ณ เวลานี้สัตว์จำนวนนับหมื่นต่างวิ่งโถมตัวเข้าหาแสงที่ปกคลุมอย่างไม่คิดชีวิตราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างไม่กลัวตาย

สัตว์พวกนี้โอบล้อมแสงไว้มิดชิดโดยไม่ให้ลมผ่านเล็ดลอดออกมาเลยและแปรสภาพกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ สุนัขจิ้งจอกตะปบหมาป่า หมาป่ากระชากงู ต่างเขมือบกลืนกินพลังที่สร้างความหวาดกลัวแก่มนุษย์นี้อย่างละโมบ

ฉาฉาถูกล้อมอยู่ตรงกลางสุด ร่างกายขนาดเล็กของมันขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด สัตว์ตัวอื่น ๆก็เช่นเดียว บางตัวรับไม่ไหวก็ตัวแตกระเบิดกลายเป็นผุยผงไป ขณะนี้สัตว์ตัวอื่น ๆยังคงดูดซับแสงนั้นต่อไป

ต่างกระโจนเข้าไปเรื่อย ๆเหมือนคนบ้าคลั่ง!

“โอ้โห…สัตว์พวกนี้บ้าไปแล้วหรือไง แต่ละตัวรนหาที่ตายกันเหรอ?” ทุกคนไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ที่สัตว์พวกนี้ทำไปเพื่ออะไร

เหยียนหมิงซุ่นพอจะเดาได้บ้างว่าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉิวฉิวแน่นอน ไม่แน่อาจเป็นเจ้าตัวเล็กนี่หาพรรคพวกมาช่วยก็ได้!

“แสงนั่นเหมือนจะน้อยลงไปบ้างแล้ว…” มีคนตะโกนขึ้นมา

“ใช่…น้อยไปเยอะมาก แต่สัตว์พวกนั้นก็น้อยลงไปเยอะเช่นกัน ถูกกลืนกินไปแล้วเหรอ?”

……

เหยียนหมิงซุ่นใจกระตุกวูบ หากเขาเดาไม่ผิดพลังของแสงคงถูกสัตว์พวกนี้ดูดซับไปแล้ว ถ้าเช่นนี้เฮ่อเหลียนเช่ออาจมีโอกาสรอดใช่ไหม?

เขาไม่อยากติดหนี้บุญคุณชีวิตหมอนี่เลยสักนิด แถมยังเป็นหนี้บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ด้วย!

เขาหวังว่าจะได้เป็นคู่อริของเฮ่อเหลียนเช่อต่อไปมากกว่า เช่นนั้นเขาจะได้ไม่รู้สึกแปลก ๆ!

……

ทุกคนต่างกำลังจับตาดูสถานการณ์ภูเขาสือว่านซึ่งจะมีคนคอยรายงานทุกห้านาที เหมยเหมยทนรออยู่บ้านไม่ไหวเลยตัดสินใจไปที่สวนฟาร์มเพราะข่าวคราวที่นั่นจะไวกว่าหน่อย

ใกล้จะผ่านไปสิบแปดชั่วโมงแล้ว แต่ละคนต่างใจวูบโหวงกันหมด

“เกิดเหตุระเบิดที่ฐานลับ…” มีสายโทรเข้ามา เหมยเหมยใจเต้นรัวยกแขนมาดูเวลาแต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร “ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมงกว่าจะครบสิบแปดชั่วโมง ทำไมถึงระเบิดก่อนล่ะ?”

เสี่ยวเมิ่งเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ปลายสายยังอธิบายต่อไป “เหตุระเบิดครั้งนี้อานุภาพไม่แรงมาก และแปลกมากที่กัมมันตภาพรังสีไม่แพร่กระจาย รายละเอียดยังอยู่ในขั้นตอนการสืบ”

“สืบให้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เสี่ยวเมิ่งสั่ง

เหมยเหมยอดพรูลมหายใจออกมาไม่ได้ ดูท่าทางคงไม่ใช่ฐานลับระเบิดแต่คงเกิดอุบัติเหตุอะไรมากกว่า เหยียนหมิงซุ่นน่าจะไม่เป็นอะไร

ใกล้จะครบสิบแปดชั่วโมงแล้ว ไอเมฆรูปเห็ดที่ทุกคนกังวลใจไม่ได้ปรากฏขึ้น ทางฐานลับเงียบสงบดีไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ…ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงก็ยังเงียบสงบอยู่…

“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

เหมยเหมยชิงทำลายความเงียบก่อนเพราะเธอทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เสี่ยวเมิ่งพรูลมหายใจออกแล้วพยักหน้าอมยิ้มน้อย ๆ “ไม่เป็นไรแล้ว ผมจะให้คนติดต่อคุณชายหมิงเดี๋ยวนี้เลย”

เหมยเหมยพนมมือปากพึมพำ น้ำตาไหลรินอย่างตื่นเต้นปนดีใจ ฝันร้ายจบลงสักที!

ไม่มีใครตายอีกแล้ว!

แต่ในเมื่อยังไม่ได้รับข่าวคราวว่าเหยียนหมิงซุ่นปลอดภัยดีเหมยเหมยจึงไม่กล้าไปไหน ยังคงรออยู่ที่สวนฟาร์ม

เวลาผ่านไปหลังเกิดเหตุระเบิดราวห้าชั่วโมง ฟ้าก็เริ่มสว่าง วันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เหมยเหมยนอนไม่ค่อยหลับ เพิ่งแต่งตัวนอนได้สักพักเสี่ยวเมิ่งก็มาบอกเธอว่า “คุณชายหมิงไม่เป็นไรแล้ว เขาจะอยู่สะสางเรื่องที่เหลือตรงนั้นก่อน เฮ่อเหลียนเช่อได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในระหว่างการนำตัวมาที่นี่ คาดว่าอีกชั่วโมงจะมาถึง คุณชายหมิงบอกให้เหมยเหมยดูแลเฮ่อเหลียนเช่อด้วย”

…………………….

ตอนที่ 2294 ต้องเปลี่ยนหนัง

เหมยเหมยแค่ได้ฟังก็เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นทันที คิดจะให้เธอใช้ยาวิเศษช่วยเฮ่อเหลียนเช่อสินะ

“ฉันจะไปโรงพยาบาลทหารเดี๋ยวนี้”

เหมยเหมยไม่ได้ลังเลใจใด ๆ แม้เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อจะน่าเกลียดเพียงใดแต่คราวนี้เขาได้สละตัวเองเพื่อช่วยทุกคน เธอไม่มีทางดูดายอยู่แล้ว อีกอย่างเหมยซูหานตายไปแล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรไปอีกคนทิ้งเสี่ยวเป่าอยู่คนเดียวน่าสงสารจะตายไป

เธอไม่ได้พาเสี่ยวเป่าไปโรงพยาบาลด้วยเพราะไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อบาดเจ็บหนักเพียงไหนแต่ก็คงไม่เบา ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นคงไม่สั่งให้เธอไปหรอก

สภาพของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ต้องแย่มากแน่ ๆ อย่าเพิ่งให้เสี่ยวเป่าสะเทือนใจจะดีกว่า

ตอนที่เธอไปถึงโรงพยาบาลเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ถูกส่งตัวมา เธอจึงแวะไปดูเหมยซูหานก่อน

เครื่องช่วยหายใจทำงานตามหน้าที่มัน เหมยซูหานนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงหน้าอกสั่นกระเพื่อมขึ้นลงอ่อน ๆ ดูเหมือนกำลังหลับอย่างสงบอยู่

“เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ตาย แต่เขาบาดเจ็บนิดหน่อย ฉันจะพยายามช่วยเขาอย่างสุดชีวิต นายอย่ากังวลใจไปเลยนะ” เหมยเหมยพูดนิ่ง ๆ

สิ่งที่เธอไม่รู้คือวิญญาณของเหมยซูหานไม่ได้ไปไหนไกลเพราะเขายังมีสิ่งที่ยึดติดอยู่จึงยังวนเวียนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยนี้เหมือนเธอในชาติที่แล้ว

เหมยซูหานฟังเหมยเหมยพูดอย่างสงบ แต่พอได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อบาดเจ็บ ถึงเขาจะเป็นห่วงแต่ก็โล่งอกไปที แค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง…

เฮลิคอปเตอร์ลงจอดในเขตโรงพยาบาลทหาร เฮ่อเหลียนเช่อถูกส่งตัวมาถึงแล้วก่อนที่คุณหมอพยาบาลที่รอรับตามคำสั่งได้พาเฮ่อเหลียนเช่อเข้าไปในห้องฉุกเฉินด่วนโดยไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาทีเดียว

เหมยเหมยยังรออยู่นอกห้องผ่าตัด วิญญาณของเหมยซูหานลอยอยู่เหนือศีรษะเธอคอยจ้องมองไฟสีแดงหน้าประตูห้องผ่าตัดอย่างแน่นิ่ง

……

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า…เหมยเหมยรู้สึกเหมือนผ่านไปนานนับปีจนในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก

“เป็นอย่างไรบ้าง? พ้นขีดอันตรายหรือยัง?” เหมยเหมยถามด้วยความร้อนใจ

“ยังไม่พ้นขีดอันตราย อาการของคนไข้ไม่ดีเท่าไรนัก เขาติดเชื้อจากสารกัมมันตรังสีทำให้ตาบอดและผิวหนังเกือบครึ่งตัวเป็นแผลเหวอะหวะ มันทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ง่ายและทำให้อวัยวะภายในทำงานแย่ลง…”

คุณหมอผู้มีอิทธิพลสูงสุดในเขตโรงพยาบาลทหารเอ่ยอย่างเสียดาย เขายังรู้สึกแปลกใจนักว่าติดเชื้อกัมมันตรังสีรุนแรงขนาดนี้แต่ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อยังทนมาถึงตอนนี้ได้ล่ะ?

ก่อนหน้านี้เหยียนหมิงต๋า ตอนนี้เป็นเฮ่อเหลียนเช่อ หรือว่าร่างกายของทหารจากหน่วยพิเศษแข็งแกร่งกว่าคนปกติหลายเท่าจริง ๆหรือ?

เหมยเหมยใจดิ่งวูบ เอ่ยถาม “มีวิธีช่วยเขาไหม?”

“มี…วิธีลัดก็คือเปลี่ยนผิวหนัง การผ่าตัดนี้ไม่ยากแต่ยากที่ตามหาผิวหนังแข็งแรงสดใหม่ไม่ได้ทันท่วงที” คุณหมอพูดอย่างระอา

ในอดีตการผ่าตัดผิวหนังส่วนมากจะใช้ผิวหนังจากบั้นท้ายหรือต้นขาด้านในของคนไข้เอง แต่ผิวหนังบนตัวเฮ่อเหลียนเช่อติดเชื้อแทบไม่มีที่เหลือให้กรีดเอาออกมาจึงจำต้องกรีดหนังจากตัวคนอื่น

แต่เวลาแบบนี้เขาจะไปหาผิวหนังสดใหม่ที่เหมาะสมได้จากที่ไหนล่ะ?

เหมยเหมยดวงตาลุกวาว “ขอแค่มีผิวหนังสดใหม่ก็พอใช่ไหม เฮ่อเหลียนเช่อก็จะไม่ตายใช่ไหม?”

“ใช่…”

เหมยซูหานที่ลอยอยู่กลางอากาศตะโกนอย่างร้อนใจ “ใช้ผิวหนังของฉัน…ผิวหนังของฉันแข็งแรงดี…”

แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา

ดีที่เหมยเหมยช่วยพูดแทนเขา “เหมยซูหานในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ก่อนตายเขายินยอมบริจาคอวัยวะในร่างกายทั้งหมดให้เฮ่อเหลียนเช่อ คุณหมอไปเอาหนังของเขาตอนนี้เลยเถอะ ต้องการอะไรก็เอาได้เลย”

แม้เช่นนี้จะดูโหดเหี้ยมไปบ้างแต่ถ้ายืดชีวิตของเฮ่อเหลียนเช่อได้ คิดว่าเหมยซูหานที่อยู่ปรโลกก็คงยิ้มออก

เหมยซูหานที่ลอยอยู่กลางอากาศยิ้มอย่างดีใจ ขอแค่ช่วยอาเช่อได้ก็ใช้ร่างกายเขาได้ตามสบายเลย!

……………………..

ตอนที่ 2291 พลิกผัน

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน หนิงเฉินเซวียนโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยถาม “ครอบครัวของคุณถูกหนิงเฉินเซวียนควบคุมตัวอยู่ใช่ไหม ขอแค่คุณบอกผมมาว่ามีระเบิดอยู่อีกหรือเปล่า ผมช่วยครอบครัวของคุณได้ ถ้าคุณพูดไม่ได้ก็ทำสัญลักษณ์มือให้รู้แทนแล้วกัน”

ทหารพลีชีพมือไม้ว่องไวมากซึ่งเห็นได้ชัดว่าเคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน เขาต้องรู้สัญลักษณ์การส่งสัญญาณมือในกองทัพแน่ ๆ

ทหารพลีชีพสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาทอประกายความหวังริบหรี่แต่ไม่นานก็ปรากฏรอยยิ้มประหลาดขึ้นมาแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆเหมือนเดิม อารมณ์ร้ายของเฮ่อเหลียนเช่อปะทุอีกครั้งแต่เหยียนหมิงซุ่นกระชากเขาไว้

จะว่าไปทหารพลีชีพผู้นี้ก็น่าสงสาร คนที่โหดร้ายที่สุดก็คือหนิงเฉินเซวียนเพราะทหารพลีชีพถูกบีบบังคับอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นใครเล่าจะทิ้งชีวิตที่ดีเพื่อมาทำภารกิจที่ต้องตายสถานเดียวแบบนี้

เหยียนหมิงซุ่นเองก็หงุดหงิดเหลือเกินแต่เขาพยายามระงับอารมณ์ไว้ ยิ่งเวลาแบบนี้ก็ยิ่งต้องใจเย็น

เขาอยากอดทนเพื่อชี้นำทหารพลีชีพผู้นี้อีกสักนิด คนอื่น ๆในฐานลับถูกเฮ่อเหลียนเช่อฆ่าตายไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนอีกครึ่งไม่รู้สถานการณ์ของฐานลับเท่าไร เมื่อครู่ลูกน้องเขาได้ทำการสอบสวนแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

ตอนนี้ความหวังทุกอย่างถูกฝากฝังไว้ที่ตัวทหารพลีชีพคนนี้เพียงคนเดียว

แต่เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันอ้าปาก จู่ ๆร่างกายทหารพลีชีพคนนี้ก็ตัวพองขึ้นมา ส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเซนติเมตร เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันตั้งตัวทหารพลีชีพก็หนีไปเสียแบบนี้

“ให้ตาย…ฉันจะฆ่ามัน…”

เฮ่อเหลียนเช่อโมโหแทบตาย เชลยที่ตกอยู่ในเงื้อมมือยังหนีไปได้ นี่เป็นสิ่งที่หยามศักดิ์ศรีเขามากที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่คิดว่าทหารพลีชีพผู้นี้จะใช้วิชาหดกระดูกเป็น มิน่าเขามักรู้สึกว่าทหารพลีชีพผู้นี้ดูแปลกพิลึกแต่ก็บอกไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน ตอนนี้เข้าใจได้สักที

ก่อนหน้านี้ที่ทหารพลีชีพตัวเตี้ยขนาดนั้นเพราะใช้วิชาหดกระดูกถึงได้มุดเข้าห้องลับที่เล็กขนาดนั้นได้ สภาพตอนนี้ต่างหากที่เป็นตัวจริงของเขา หนิงเฉินเซวียนนี่ช่างทุ่มเทเสียจริง!

ทหารพลีชีพหนีไปอย่างว่องไว หลังจากกลับคืนสู่สภาพเดิมทักษะการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเลยหนีได้เร็วมาก เฮ่อเหลียนเช่อตามไม่ทันในชั่วขณะ เหยียนหมิงซุ่นเลยรีบตามไปอีกคน คนอื่น ๆจะตามฝีเท้าพวกเขาสองคนทันได้อย่างไรเลยถูกทิ้งห่างอยู่อีกไกล

ขณะนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว

บรรดาสัตว์ที่เฝ้ารออยู่นอกฐานลับเริ่มมีความเคลื่อนไหว

จ่าฝูงหลายตัวเคยมาถามมันนับครั้งไม่ถ้วน ฉิวฉิวเองก็คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้กลับยังไม่มีข่าวคราวจากฐานลับ ไม่รู้ว่าเจ้านายมัวแต่ทำอะไรอยู่

“ออกเดินทางได้!”

ฉิวฉิวเอ่ยอย่างจนใจแล้วตัดสินใจไปรอที่ฐานลับ ไม่แน่พอพวกเขาไปถึงอาจมีเรื่องสนุก ๆก็ได้!

กองทัพสัตว์โอ่อ่ามุ่งหน้าสู่ฐานลับนั้น ส่วนภายในฐานลับเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อก็กำลังวิ่งไล่ตามทหารพลีชีพที่ระยะห่างใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ ทหารพลีชีพไม่เหมือนว่ากำลังหนีเอาตัวรอดอย่างไร้จุดหมายเพราะเส้นทางที่เขาหนีนั้นได้ผ่านการเลือกมาโดยเฉพาะแล้ว

“แย่แล้ว หมอนี่จะไปห้องปฏิกิริยาเคมี รีบไปห้ามเขา!”

เหยียนหมิงซุ่นจับผิดสังเกตได้เพราะเขาจำแผนที่ฐานลับนี้ได้อย่างแม่นยำ ไม่นานก็ไหวตัวทันจึงรู้ว่าทหารพลีชีพกำลังจะวิ่งไปทางห้องปฏิกิริยาเคมี

นั่นเป็นจุดที่อันตรายที่สุดและน่ากลัวที่สุดในฐานนี้แล้ว

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทหารพลีชีพวิ่งไปที่นั่นด้วยเจตนาไม่ดี

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็นึกขึ้นได้เลยสบถด่าเสียงดังก่อนจะปลุกศักยภาพในร่างกายออกมาให้ถึงที่สุด เหยียนหมิงซุ่นเองก็เช่นเดียวกัน ทั้งคู่วิ่งไวปานสายลม เห็นเพียงเงาแวบผ่านไล่ตามกันแล้วเข้าไปใกล้ทหารพลีชีพมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทหารพลีชีพกัดฟันแน่นจนเลือดซึม เขาเองก็ได้ปลุกพลังและศักยภาพในร่างกายออกมาให้ถึงขีดสุดแต่ก็ยังด้อยไปกว่านิด เขาต้องเร็วกว่านี้…เร็วกว่านี้อีกนิด!

ขอเพียงทำภารกิจสำเร็จครอบครัวของเขาก็จะรอด!

…………………….

ตอนที่ 2292 จุดระเบิด

ระยะห่างของทั้งสามคนสั้นลงเรื่อย ๆ แต่ทหารพลีชีพกลับเข้าใกล้ห้องปฏิกิริยาเคมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ถึงหนึ่งลี้แล้วและยังหดขนาดตัวลงด้วย

“บ้าเอ้ย…”

เฮ่อเหลียนเช่อสบถคำหนึ่งออกมา เขาได้เร่งความไวอีกครั้ง ร่างกายเจ็บแปลบเป็นพัก ๆจนครางเสียงฮึมในลำคอ เขารู้ว่าตนบาดเจ็บภายในแต่จะหยุดไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่มระดับความเร็วขึ้นซึ่งเร็วกว่าเหยียนหมิงซุ่นเสียอีก

แต่ทหารพลีชีพอยู่ห่างจากห้องปฏิกิริยาเคมีนั่นอีกไม่ไกลแล้ว สายตาเขาทอแววดีใจชั่ววูบ ใกล้ถึงแล้ว…ขอเวลาอีกเพียงนิดก็พอแล้ว…

แต่–

ไม่นานทหารพลีชีพก็สิ้นหวังเพราะเขารู้สึกได้ถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ตามหลังมาติด ๆ เขาวิ่งไม่ถึงที่นั่นแน่เลย!

“คิดจะหนีเหรอ? ฉันจะเอาแกให้ตาย!”

เสียงน่าสะพรึงของเฮ่อเหลียนเช่อดังขึ้นอยู่ข้างหูทหารพลีชีพ สายลมตรงปลายนิ้วลอดผ่านเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา ทหารพลีชีพกัดฟันหยุดฝีเท้าหันหลังกลับมาไม่คิดหนีอีก

เขาเผยรอยยิ้มแปลก ๆอีกครั้งอย่างไม่คิดจะสนใจเฮ่อเหลียนเช่อที่จับกุมตัวเองได้ สายตาดูเลื่อนลอย

“แกคิดจะทำอะไร?” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดถาม

ทหารพลีชีพส่ายศีรษะ ทันใดนั้นก็ทำสัญลักษณ์มือประหลาด เฮ่อเหลียนเช่อดูไม่เข้าใจก็นึกโมโหคิดจะฆ่าไอ้สารเลวนี่ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็หักห้ามความคิดวู่วามนั่นได้

กองทัพสัตว์นอกฐานลับเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆจนกลิ่นเหม็นเข้มข้นกระจายคละคลุ้งไปทั่วในอากาศโดยมีงูหลามยักษ์นำทัพอยู่หน้าสุด ร่างกายของมันใหญ่ราวกับภูเขาหนึ่งลูกก็ไม่ปาน ฉิวฉิวนั่งอยู่บนศีรษะของมันคอยชี้ทาง

ส่วนด้านหลังมีแต่งูพิษฝูงใหญ่นับพันนับหมื่นตัว ตามด้วยฝูงหมาป่าและสุดท้ายคือฝูงสุนัขจิ้งจอก…

เป็นภาพสุดแปลกตาที่ร้อยปีได้เห็นสักทีหนึ่ง

“ถึงแล้ว ตรงนี้แหละ” ฉิวฉิวชี้ไปที่ฐานลับแล้วตะโกนเสียงดัง

“แต่ไม่มีพลังงาน” งูหลามไม่พอใจ เขาพาลูก ๆหลาน ๆเดินทางมาตั้งไกล ถ้าหากเจ้ากระรอกน่ารำคาญนี่กล้าหลอกเขา เขาจะกลืนเจ้ากระรอกน่ารำคาญนี้ไปเสีย ต่อให้มันจะย่อยไม่ได้ก็ตามเถอะ

“รีบร้อนอะไร ยังไม่ถึงเวลาเลย ใกล้แล้ว!” ฉิวฉิวกลอกตาใส่ก่อนจะสั่งกองทัพฝูงสัตว์มุ่งหน้าต่อไป

แสงขาวแยงตาสว่างวาบในอากาศตามด้วยแสงปกคลุมที่แสบตายิ่งกว่า พื้นดินสั่นไหวรุนแรงคล้ายเกิดแผ่นดินไหวจนฝูงสัตว์ตกใจกันระนาวจนแยกย้ายแตกฮือ

“ยืนนิ่งไว้ พลังมาแล้ว เร่งมือเข้าล่ะ!”

ฉิวฉิวตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าจริงจังอย่างมาก บรรดาจ่าฝูงสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษในอากาศเลยดีใจกันใหญ่ ไม่รอให้ฉิวฉิวสั่งการพวกมันก็นำทัพฝูงสัตว์วิ่งไปยังสถานที่ที่มีแสงปกคลุมด้วยความไวที่น่าตกใจ

เหยียนหมิงซุ่นอยู่รอบนอกเขตแสงปกคลุม พอเขาออกมาก็ได้สวมเสื้อป้องกันไว้เลยพลันอารมณ์หนักอึ้งอย่างมาก

เฮ่อเหลียนเช่อถูกแสงกลืนกินไปแล้ว ขณะที่เกิดเหตุระเบิดเฮ่อเหลียนเช่อเหวี่ยงเขาออกมาแต่ตัวเองกลับหนีไม่ทัน

เขารู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรคงเพราะอยากไถ่โทษแทนหนิงเฉินเซวียนสินะ แม้ปากมักจะด่าหนิงเฉินเซวียนเสมอแต่ภายในใจกลับให้ความสนใจพ่อคนนี้อย่างมาก ต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะไม่สนใจชีวิตลูกชายอย่างเขาก็ตาม

ด้อยสติปัญญาตามคาด นับวันก็ยิ่งโง่ขึ้นเรื่อย ๆ!

ตาแก่บ้าหนิงเฉินเซวียนได้ติดตั้งระเบิดอานุภาพไม่น้อยไว้ในร่างกายของทหารพลีชีพ เมื่อครู่ทหารพลีชีพได้จุดระเบิดในตัวเขาแล้ว!

ถือว่าตาแก่บ้าหนิงเฉินเซวียนเก็บกวาดสะอาดตามคาดจริง ๆ  สุดท้ายแม้แต่ชีวิตลูกชายแท้ ๆของเขาก็เหมารวมเข้าไปด้วย

แม้เหยียนหมิงซุ่นจะเศร้าใจกับการตายของเฮ่อเหลียนเช่อไปบ้างแต่ก็พรูลมหายใจไปเฮือกหนึ่ง จุดที่ทหารพลีชีพระเบิดตัวเองยังอยู่ห่างห้องปฏิกิริยาเคมีเลยยังไม่หนักหนาสาหัสปานนั้น

“คุณชายหมิง ข้างนอกมีฝูง…”

เขาเพิ่งออกมาจากฐานลับลูกน้องก็รายงานเขาทันที ส่วนเขาก็ได้เห็นภาพสุดทึ่งเองกับตา ฝูงสัตว์นับไม่ถ้วนกำลังวิ่งล้อมไปยังแสงปกคลุมราวกับไม่คิดชีวิต

พลันเกิดความมืดไปทั่วอาณาบริเวณ…

…………………..

ตอนที่ 2289 ห้องลับถูกเปิดออกแล้ว

ตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันกลับมาแล้ว เสี่ยวเมิ่งรู้ว่าที่นั่นมีระเบิดฝังไว้อยู่จึงตั้งใจส่งผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดมาให้ ผู้เชี่ยวชาญมีความชำนาญมากกว่าพวกเหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างมาก

พวกเขาหาระเบิดที่เหลือเจออย่างรวดเร็วแล้วก็จัดการทำลาย

“ยังมีระเบิดเหลืออยู่อีกไหม?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยถาม

“ไม่แน่ใจ พวกเรายังต้องหากันต่อ”

“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายแบ่งกันเป็นสองทีม พวกนายไปหาระเบิด ส่วนพวกเราจะไปห้องลับเพื่อทำลายกลไกนั่น”

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะมีระเบิดอยู่อีกหรือไม่ อย่างไรเสียก็ต้องทำลายกลไกนั้นจะเก็บไว้ไม่ได้

ทหารพลีชีพที่อยู่ในห้องลับรู้สึกสิ้นหวัง เขาพบว่าออกซิเจนที่อยู่ในขวดไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาอยู่ได้ถึงสองชั่วโมง เพราะอย่างมากก็แค่สิบห้านาทีเท่านั้น ฉะนั้นเขาจะต้องทำให้มันระเบิดก่อนเวลาที่กำหนด!

หากเขาขัดคำสั่งของหนิงเฉินเซวียน ครอบครัวของเขาที่อยู่ในเมืองหลวงจะเป็นอะไรไหมนะ?

เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเปลี่ยนไปสวมชุดป้องกันแล้วถือขวดที่มีกรดความเข้มข้นสูงด้วยความทุลักทุเล มายังห้องลับปิดตายนี่

เหยียนหมิงซุ่นทำสัญญาณมือ เฮ่อเหลียนเช่อรับรู้จึงค่อย ๆยกขวดกรดขึ้นพร้อมกันเทราดลงไปด้วยความระมัดระวัง

“ซู่ ๆ…”

พอกรดเข้มข้นสัมผัสเข้ากับเนื้อปูนก็ทำปฏิกิริยากันราวกับน้ำเดือด มีฟองผุดขึ้นมาไม่หยุดพร้อมทั้งมีควันขาว ๆลอยขึ้นมา ห้องลับมีรอยแตกเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองต่างดีใจเป็นอย่างมากจึงรีบราดลงไปต่อ

รอยแตกขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นแอ่งลงไป ชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม จังหวะหัวใจของพวกเขาเต้นเร็วขึ้น ตึก ๆ…

ทหารพลีชีพที่อยู่ในห้องลับไม่ทันได้สังเกตเพราะตัวเขาเองไม่ได้ทานและดื่มน้ำมาสองวันแล้วสมองจึงทำงานช้าลงไปมาก อีกทั้งออกซิเจนก็กำลังจะหมด สมองขาดออกซิเจนยิ่งทำให้คิดอะไรได้ช้าลง

ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ของความเศร้า พ่อแม่และภรรยาของเขาถูกหนิงเฉินเซวียนจับตัวไว้ หากว่าเขาไม่ทำภารกิจต่อ ครอบครัวของเขาก็คงจะไม่รอดแน่

เขาก็เลยต้องมา !

แต่คนที่น่าสงสารคนนี้กลับไม่รู้ว่าความจริงแล้วพ่อแม่และภรรยาของเขาถูกหนิงเฉินเซวียนฆ่าตายไปแล้ว เขาถูกหลอกมาโดยตลอด

ออกซิเจนค่อย ๆน้อยลงเรื่อย ๆ สมองของเขาทำงานช้าลงกว่าเดิน การเคลื่อนไหวก็ช้าลงด้วย เขาอยากจะถ่วงเวลาอีกสักหน่อยและพยายามให้เวลาไม่แตกต่างจากเวลาที่หนิงเฉินเซวียนกำหนดไว้มาก บางทีหนิงเฉินเซวียนอาจจะไม่โมโห บางทีครอบครัวของเขาอาจจะไม่เป็นไร…

ในที่สุดปูนที่ห่อหุ้มห้องลับอยู่ก็เกิดเป็นรูพรุนมากมาย เฮ่อเหลียนเช่อยกเท้าขึ้นมาด้วยความยากลำบากแล้วออกแรงถีบเข้าไปสุดแรง ในเมื่อโดนกัดกร่อนไปถึงขนาดนั้นแค่ถีบไม่กี่ครั้งปูนก็ถูกทำลายออกกลายเป็นช่องขนาดใหญ่

ผู้พลีชีพที่เกือบจะทนไม่ไหวตัดสินใจว่าจะไม่ถ่วงเวลาอีกต่อไป เขาจะต้องกดสวิตซ์อันนั้น

เขายกมือขึ้นมาด้วยความยากลำบาก สวิตซ์อยู่ข้างตัวเขาซึ่งห่างแค่เพียงคืบเดียว แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลเหลือเกิน

เฮ่อเหลียนเช่ออยู่หน้าสุด เขาจึงพุ่งตัวเข้าไปหยุดยั้งทหารพลีชีพนั่นไว้อย่างไม่คิดชีวิต พอเหยียนหมิงซุ่นตั้งสติได้ ก็รีบพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกัน

มือของทหารพลีชีพอยู่บนสวิตซ์แล้ว เขาตื่นตกใจกับผู้มาเยือนที่พุ่งจู่โจมเข้ามา ความรู้สึกถึงภัยอันตรายทำให้สติของเขากลับมา เขาถอดหมวกนิรภัยออกในทันที อากาศที่สดชื่นทำให้เขามีเรี่ยวแรงมากขึ้นและกลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง

เขาหลบการโจมตีของเฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่น แล้วตัดสินใจทำในสิ่งที่ใคร ๆต่างก็ต้องตกใจ

เขาถอดชุดป้องกันออก ด่านสุดท้ายเขาจะแพ้ไม่ได้ !

ทหารพลีชีพที่ไม่สวมชุดป้องกันเคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งเหมือนคนใส่ชุดเหล็กสู้กับคนจริง ๆจึงทำให้จับตัวเขาไว้ไม่ได้สักที ทหารพลีชีพใกล้จะเข้าไปควบคุมสวิตซ์ได้แล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันแล้วตัดสินใจด้วยความแน่วแน่

…………………………………………………..

ตอนที่ 2290 ลิ้นหายไปแล้ว

คนที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ยังมีอีกคนก็คือเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อถอดชุดป้องกันออกแทบจะในเวลาเดียวกัน เฮ่อเหลียนเช่อตะโกนออกมาว่า “นายบ้าไปแล้วเหรอ ฉันคนเดียวเอาอยู่!”

ในห้องนี้เต็มไปด้วยขยะกัมมันตรังสี ถ้าเขาถอดชุดป้องกันออกก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรอดออกไปจากที่นี่ได้ บางทีนายใหญ่อาจจะเห็นแก่ความดีความชอบของเขาแล้วไว้ชีวิตหนิงเฉินเซวียนก็ได้

พวกเหมยซูหานกับเสี่ยวเป่าก็คงพลอยได้รับเกียรติจากเขาไปด้วย ไม่ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

เหยียนหมิงซุ่นก็จะเอาด้วยงั้นเหรอ?

หากว่าเขาตายเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางทอดทิ้งเสี่ยวเป่ากับเหมยซูหานอย่างแน่นอน แบบนี้เขาก็ตายตาหลับแล้ว แต่ถ้าเหยียนหมิงซุ่นตายไปพร้อมกัน แล้วใครจะดูแลพวกเขาล่ะ?

“นายถอยออกไป ทางนี้ฉันจัดการเอง ฝากซูหานกับเสี่ยวเป่าด้วยแล้วกัน!”

เฮ่อเหลียนเช่อตะโกนออกมา ร่างกายของเขาอยู่ท่ามกลางรังสีอันตราย ยามคับขันเช่นนี้เขาต้องรีบจัดการทหารพลีชีพนี่ซะ

เหยียนหมิงซุ่นก็ถอดชุดออกเช่นเดียวกัน เขาดื่มยาวิเศษเข้าไปขวดใหญ่แล้วก็นำมาเทราดทั้งตัว ยาวิเศษสามารถป้องกันรังสีได้ เขาไม่อยากตายเลยสักนิด

“รับไว้ แล้วทำเหมือนฉัน!”

เหยียนหมิงซุ่นโยนยาวิเศษให้เฮ่อเหลียนเช่อสองขวด เฮ่อเหลียนเช่อดื่มเข้าไปทันทีโดยไม่ต้องคิด ส่วนอีกขวดก็นำมาเทราดตัว เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายจึงนึกออกขึ้นมาในทันที

ยาสองขวดนี้จะต้องเป็นยาวิเศษที่เขาเคยตามหาแน่นอน!

ถือว่าเหยียนหมิงซุ่นยังเป็นคนที่มีน้ำใจ!

เฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นสบตากันแล้วพุ่งตัวเข้าไปประกบทหารพลีชีพพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นยอดฝีมือ หากร่วมมือกันคงไม่มีใครต่อกรกับพวกเขาได้ แน่นอนว่าทหารพลีชีพไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจึงถูกจัดการได้อย่างรวดเร็ว

“โธ่เอ้ย…”

เฮ่อเหลียนเช่อโมโหจนกระทืบซ้ำไปหลายครั้ง แต่เขาไม่กล้าอยู่นานจึงรีบออกมาจากตรงนั้น พร้อมทั้งลากตัวทหารพลีชีพออกมาด้วย ถ้าอยู่สถานที่แบบนี้นานแม้แต่นาทีเดียวก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอด

จริง ๆแล้วเขาไม่อยากตายเลยสักนิด!

ท่าทางของผู้พลีชีพค่อนข้างสงบนิ่งและไม่ได้ผิดหวังที่ทำภารกิจล้มเหลวเลย แถมสายตาดูมีความสุขด้วยซ้ำ

หลังจากออกมาจากห้องเก็บขยะ เหยียนหมิงซุ่นก็นำยาวิเศษออกมาอีกหนึ่งขวดแล้วมอบให้กับเฮ่อเหลียนเช่อดื่มเข้าไปอีก ถ้าแบบนี้ต่อให้พวกเขาจะโดนรังสีมาก็คงบาดเจ็บไม่มากนัก

“คุณชายหมิงครับ พวกเราหาระเบิดเจออีกแห่งหนึ่ง ระเบิดบริเวณนี้น่าจะไม่มีแล้วครับ” ลูกน้องเข้ามารายงาน หนิงเฉินเซวียนฝังระเบิดไว้บริเวณฐานลับสามจุด

จุดที่หนึ่งพวกเหยียนหมิงซุ่นเป็นคนทำลาย ส่วนอีกสองจุดคนพวกนี้เป็นคนหาเจอ ซึ่งต่างก็ได้ถูกทำลายไปแล้วเช่นกัน

ทุกคนเริ่มรู้สึกโล่งใจ ระเบิดถูกทำลาย กลไกสวิตซ์ก็ถูกทำลาย…เรื่องนี้จบลงแล้วใช่ไหม?

“จบแล้วใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามขึ้นด้วยความสงสัย เขายังไม่อยากเชื่อนัก

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยสักนิดแต่กลับรู้สึกคิดหนักมากกว่าเดิม เขาถามขึ้นว่า “ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเท่าไรกว่าจะถึงเวลาระเบิดของหนิงเฉินเซวียน”

“ยังเลือกอีก 1 ชั่วโมง 20 นาทีครับ” ลูกน้องกล่าวตอบ

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม เขารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ หนิงเฉินเซวียนเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง เวลาที่เขากำหนดไว้ก็คงจะไม่ได้กำหนดขึ้นมาลอย ๆ เขาจะต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่นอน

หางตาของเขาเหลือบไปเห็นทหารพลีชีพที่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อควบคุมตัวไว้พลันก็ใจเต้นแรงขึ้นมา แล้วเอ่ยถามว่า “ยังมีที่อื่นที่มีระเบิดอยู่อีกไหม?”

ผู้พลีชีพไม่ได้ส่งเสียงใด ๆออกมา เขาวางท่าทีนิ่งขรึม แต่สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เฮ่อเหลียนเช่อถามต่อ เขาก็ไม่ได้ปริเสียงใดออกมา เฮ่อเหลียนเช่อยกขาขึ้นมากะจะกระทืบซ้ำแต่เหยียนหมิงซุ่นห้ามเขาไว้

เขาดึงคางของทหารพลีชีพลง ทุกคนถึงกับอึ้งเพราะในปากของทหารพลีชีพว่างเปล่า ลิ้นของเขาถูกตัดออกไปแล้ว

…………………………………………………

ตอนที่ 2287 ความสงบก่อนที่พายุจะเข้า

เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อถอยไปตั้งหลักอย่างจนใจ พวกเขาถอดหมวกนิรภัยที่หนักอึ้งออกแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้ว เขากำลังถามเหยียนหมิงซุ่น แล้วก็กำลังถามตัวเองด้วยเช่นกัน

ตำแหน่งของห้องลับที่หนิงเฉินเซวียนเลือกไว้อย่างห้องจัดการพวกขยะกัมมันตรังสีก็ช่างดีเหลือเกิน สิ่งที่ฝังอยู่ข้างล่างล้วนแล้วแต่เป็นกากกัมมันตรังสี หากไม่สวมชุดป้องกันก็ไม่มีทางอยู่ข้างในได้นานเกินกว่าสิบนาที

อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ภายในสิบนาทีเขาก็ไม่สามารถเปิดห้องลับนั่นได้อยู่ดี นอกจากจะใช้ระเบิด!

แต่ถ้าใช้ระเบิด พวกขยะกัมมันตรังสีที่ฝังอยู่ด้านล่างก็จะลอยขึ้นท้องฟ้าแล้วกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ ต่อให้ใช้เวลาหลายร้อยปีก็ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ พื้นที่หลายร้อยลี้ในบริเวณนี้ก็จะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม

แต่นี่เป็นแผนสุดท้ายที่เขาจะใช้ หากไม่จำเป็นจริง ๆเขาก็ไม่อยากจะใช้วิธีนี้

เหยียนหมิงซุ่นก็มุ่นคิ้วแน่นเช่นกัน เขาคิดวิธีดี ๆไม่ออกเลย หนิงเฉินเซวียนคงคิดมาดีแล้วจริง ๆ ตาแก่บ้าเอ้ย!

“พวกเราลองคิดทบทวนดี ๆก่อน…อย่าเพิ่งรีบร้อน…ต้องมีทางออกแน่!” เหยียนหมิงซุ่นหลับตาลง เงยหน้าขึ้นแล้วพยายามใช้ความคิด

เฮ่อเหลียนเช่อก็พยายามใช้สมองด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถทำใจให้สงบลงได้เพราะเอาแต่คิดเรื่องที่เมืองหลวง อาการเจ็บหน้าอกเมื่อสักครู่จะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ เขาไม่อยากตาย เขาอยากจะมีชีวิตรอดกลับไป!

ไปดูว่าเหมยซูหานกับเสี่ยวเป่ายังปลอดภัยดีอยู่จริง ๆ!

“คิดออกแล้ว…” เหยียนหมิงซุ่นตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนเรียกให้เฮ่อเหลียนเช่อหลุดจากภวังค์ความคิด “วิธีอะไร?”

“กรดที่มีความเข้มข้นสูงจะสามารถละลายปูนได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นวิธีที่เร็วและปลอดภัยที่สุด” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

เฮ่อเหลียนเช่อก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ใช่ ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงกรดที่มีความเข้มข้นสูง แต่ว่า——

“จะไปหากรดที่มีความเข้มข้นสูงมาจากไหน?” เฮ่อเหลียนเช่อกล่าว

หากต้องการจะทำลายห้องลับนี้อย่างน้อยก็จะต้องใช้กรดที่มีความเข้มข้นสูงหลายกิโลกรัม แต่ว่าตอนนี้อย่าว่าแต่กิโลเลยแม้แต่ร้อยสองร้อยกรัมก็ยังไม่มี บนภูเขาอย่างนี้จะไปหากรดที่มีความเข้มข้นสูงได้จากที่ไหน?

“คิดหาวิธีทำมันออกมา ฟ้าย่อมมีทางออกให้มนุษย์เราเสมอ มันต้องมีวิธีแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืนพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “พวกเราลองไปหาดูว่ามีอะไรที่เป็นกรดอ่อน ๆบ้างไหม”

ขอแค่มีกรดเกลือหรือกรดกำมะถันอ่อน ๆแล้วนำมาสกัดก็จะได้กรดที่มีความเข้มข้นถึง 98% พอที่จะสามารถละลายปูนได้เชียวล่ะ

ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันออกตามหา ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว เวลาค่อย ๆผ่านไปช้า ๆ

เหนือภูเขาแห่งนี้มีเครื่องบินลอยวนอยู่หลายลำซึ่งเป็นคนที่เสี่ยวเมิ่งส่งมาให้ความช่วยเหลือเป็นกำลังเสริม เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบชั่วโมงก็จะระเบิดแล้ว นายใหญ่ได้ออกคำสั่งไว้ไม่ว่าจะต้องสูญเสียมากแค่ไหนก็ต้องยับยั้งการระเบิดในครั้งนี้ให้ได้

การเสียสละเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!

ทหารที่มาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ต่างเตรียมใจกันมาตาย พวกเขาได้เขียนจดหมายลาตายไว้ให้คนในครอบครัวหมดแล้ว!

พวกเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดกลับไป!

ร่มชูชีพหลายอันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน การกระโดดร่มในเวลากลางคืนมีความอันตรายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นป่าที่เต็มไปด้วยแมลงที่มีพิษและสัตว์ป่ามากมายจึงทำให้ยิ่งอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม

จู่ ๆฉิวฉิวที่กำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ลืมตาขึ้นมา ดวงตาเม็ดถั่วดำเปล่งประกายมองไปที่ร่มชูชีพที่ค่อย ๆปล่อยตัวลงมา มันสะบัดขนเบา ๆแล้วกระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าพวกหัวหน้าที่กำลังหลับตาทำสมาธิกันอยู่

“บอกลูกหลานของพวกแกทุกคนว่าคนที่มาใหม่เป็นทหารกำลังเสริม อย่าทำอะไรนะ!”

งูหลามที่เป็นหัวหน้าเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าส่งสัญญาณที่มีแต่สัตว์เผ่าพันธุ์เดียวกันกับพวกมันเท่านั้นที่จะฟังออก ฉิวฉิวพอใจเป็นอย่างมากเตรียมที่จะขึ้นไปพักผ่อนบนต้นไม้ต่อ

“จะเริ่มได้เมื่อไรกันแน่ ผ่านไปตั้งหนึ่งวันแล้นะ” ราชาหมาป่าเริ่มร้อนใจเดินไปเดินมาไม่หยุด

“จะรีบร้อนไปทำไมเล่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสงบก่อนที่พายุจะเข้า อีกไม่นานพายุก็จะมาแล้ว!” ฉิวฉิวแสดงสีหน้าที่คาดเดาได้ยาก มันปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วก็ไม่ได้สนใจสัตว์ตัวอื่น ๆอีก

จริง ๆแล้วมันก็ไม่รู้ว่าเจ้านายของมันจะทำเสร็จเมื่อไร แต่คงใกล้แล้วมั้ง?

………………………………………

ตอนที่ 2288 เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง

คนที่ดิ่งตัวลงสู่พื้นดินค่อนข้างกระจัดกระจาย ยังดีที่พวกเขามีวิทยุสื่อสารจึงสามารถรวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบผ่านทางสัญญาณมือก็รีบออกเดินทางไปยังฐานลับพร้อมกันในทันที

“พวกนายสังเกตไหมว่าคืนนี้ป่าเงียบสงบแปลก ๆ ไม่มีแมลงแม้แต่ตัวเดียว!” มีคนอดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน ตอนกระโดดร่มฉันยังกลัวว่าจะโดนแมลงที่มีพิษกัดแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง” อีกคนก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน

คนอื่น ๆต่างก็พากันพยักหน้า พวกเขาเป็นทหารที่ผ่านสงครามมานับร้อยครั้ง เคยปฏิบัติภารกิจในป่าเช่นนี้มาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงูพิษ สัตว์ป่า แมลงหลายชนิดเจอมามากมายนับไม่ถ้วน……แต่ว่าคืนนี้กลับเป็นครั้งที่สบายที่สุดตั้งแต่ที่เคยปฏิบัติภารกิจมา

“ไปหาคุณชายหมิงกันก่อนเถอะ เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบชั่วโมงก็จะระเบิดแล้ว”

ทุกคนเปิดไฟฉายดูแผนที่ แล้วก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น

ถือว่าทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อมีความคืบหน้าไม่น้อย ที่นี่มีห้องทดลองที่มีอุปกรณ์ครบครัน มีกรดเกลือกับกรดกำมะถันอ่อน ๆจำนวนมาก อีกทั้งยังมีเครื่องมือสกัดที่ค่อนข้างครบครัน

“เริ่มสกัดตอนนี้เลย” เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากรอช้า เขาไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนจะระเบิดตอนไหน เพราะฉะนั้นจะต้องรีบจัดการทุกอย่างโดยเร็ว

ขั้นตอนในการสกัดกรดเข้มข้นออกมาไม่ได้ยากมากนัก เฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นต่างก็ทำเป็นกันทั้งคู่ พวกเขาทำทุกอย่างไปตามขั้นตอน ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง…

“มีคนบุกเข้ามา!” เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อตะโกนออกมาพร้อมกัน พร้อมทั้งตื่นตัวขึ้นมาในทันที

เฮ่อเหลียนเช่อส่งสัญญาณมือบอกว่าเดี๋ยวเขาจะออกไปดูเอง เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าน้อย ๆแล้วสกัดกรดเข้มข้นต่อ เพียงไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็พาคนพวกนั้นเข้ามา

“พวกเขาเป็นคนที่เสี่ยวเมิ่งส่งมา” เฮ่อเหลียนเช่อกล่าว

“คุณชายหมิง ผู้คุมเมิ่งให้พวกเรามาบอกคุณชายว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 9 ชั่วโมง 26 นาที 35 วินาทีจะเกิดการระเบิดขึ้น นายใหญ่บอกว่าไม่ว่าจะต้องสูญเสียเท่าไรก็ต้องยับยั้งการระเบิดในครั้งนี้ให้ได้!”

ผู้นำทีมทำความเคารพเหยียนหมิงซุ่นแล้วกล่าวรายงานเสียงดัง

เฮ่อเหลียนเช่อถามด้วยความร้อนใจว่า “สถานการณ์ที่เมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“หนิงเฉินเซวียนถูกควบคุมตัวไว้ได้แล้ว ส่วนคนอื่น ๆไม่มีใครเป็นอะไร” เสี่ยวเมิ่งสั่งกำชับไว้ว่าห้ามบอกความจริงกับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอันขาด

เฮ่อเหลียนเช่อพลันรู้สึกโล่งใจ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่เขาก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาในทันที หนิงเฉินเซวียนถูกจับ ไม่ว่าจะเป็นนายใหญ่หรือเฮ่อเหลียนชิงก็คงไม่มีทางปล่อยหนิงเฉินเซวียนไปง่าย ๆแน่!

แผนการตอนนี้ทำได้เพียงสร้างความดีความชอบเพื่อลบล้างความผิดที่มีเท่านั้น!

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันตัดสินใจอย่างแน่วแน่

กรดอ่อน ๆในแก้วเดือดปุด ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นเหยียนหมิงซุ่นจึงใช้อุปกรณ์สกัดทั้งหมดที่มีในห้องทดลอง แต่เสียเวลาในการสกัดนานเหลือเกิน ไม่สามารถทำให้เร็วขึ้นได้เลยจำเป็นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง

“ช้าเกินไป…” เฮ่อเหลียนเช่อรอด้วยความร้อนอกร้อนใจ

เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างสงบ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆว่า “ยังมีเวลาอีกหกชั่วโมง ยังทันอยู่”

การระเบิดถึงแม้จะรวดเร็วกว่าแต่เป็นแผนท้าย ๆที่เขาจะเลือกใช้ หากไม่จำเป็นจริง ๆเขาจะไม่ใช่วิธีนี้อย่างแน่นอน

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ จนกระทั่งตั้งหลักไม่ทันและมักจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น เหยียนหมิงซุ่นจึงสั่งให้พวกที่ตามมาสมทบตามหาระเบิดอันอื่นต่อ หนิงเฉินเซวียนมีความมั่นใจขนาดนั้นนั่นแสดงว่าเขาจะต้องฝังระเบิดไว้ที่อื่นอีกแน่ หากว่าหาระเบิดพวกนั้นเจอ ถึงแม้ว่าจะระเบิดก็คงไม่น่ากลัวเท่าไรแล้ว

พวกเขาต้องแบ่งทำสองอย่างไปพร้อมกัน จะพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

พวกเขาสองคนรีบทำงานในห้องทดลองด้วยความเคร่งเครียดจนเหงื่อไหลบดบังดวงตาของพวกเขา กรดอ่อน ๆที่อยู่ในขวดแก้วเดือดปุด ๆและระเหยจนปริมาณน้อยลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ความเข้มข้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเช่นกัน

 สองชั่วโมงสุดท้าย…

“เสร็จแล้ว พวกเราไปที่ห้องลับนั่นกันเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นมองกรดความเข้มข้นสูงที่สกัดออกมาด้วยความภาคภูมิใจแล้วเอ่ยออกคำสั่ง

……………………………………………………….

ตอนที่ 2285 เรื่องราวที่ไม่เหมือนเดิม

หลังจากเหมยซูหานอ่านหนังสือไปหลายเล่มถึงได้เริ่มเข้าใจภาพในความฝันเหล่านั้น ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความฝันแต่คือเรื่องราวในชาติที่แล้วของเขา

เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง

เพราะฉะนั้นชาติที่แล้วเขาได้แต่งงานกับเหมยเหมยจริง แล้วก็ทำให้เหมยเหมยต้องตายด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับเด็กที่อยู่ในท้องจริง ๆ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ฆาตกรแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีส่วนผิด

เหมยเหมยไม่ให้อภัยเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างอู่เยวี่ยก็ตายไปแล้ว นายไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว” เหมยเหมยไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่แล้วห้ามไม่ให้เหมยซูหานพูดถึงมัน

เหมยซูหานปัดป่ายมือเบา ๆแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หากว่าฉันไม่พูดคงไม่มีโอกาสพูดแล้วล่ะ ขอบคุณเหมยเหมยที่ให้อภัยฉันนะ ต่อไปเสี่ยวเป่าก็ฝากเธอช่วยดูแลด้วยแล้วกัน”

“ได้ นายไม่ต้องเป็นห่วงเลย!” เหมยเหมยพยักหน้า ถึงแม้เหมยซูหานจะไม่พูด หล่อนก็ไม่มีทางทอดทิ้งเสี่ยวเป่าอย่างแน่นอน

เหมยซูหานถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยว่า “ธนาคารเมืองหลวง ตู้นิรภัยหมายเลข 1816 เป็นสมบัติทั้งหมดของฉัน แล้วก็มีของอาเช่อด้วย สมบัติของฉันครึ่งหนึ่งเป็นของเธอ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นของเสี่ยวเป่า ฉันได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้ว…”

เขาตัดบทชิงพูดก่อนเหมยเหมย “ไม่ต้องปฏิเสธ ถือว่าเป็นของขวัญที่ฉันมอบให้กับลูกเธอ แล้วก็สมบัติของอาเช่อ เขาจะต้องกลับมาเอาอย่างแน่นอนให้เขาเป็นคนจัดการเองแล้วกัน…”

เสียงของเหมยซูหานค่อย ๆเบาลง ใบหน้าหมองคล้ำ เหมยเหมยลอบสบถในใจว่าท่าไม่ดีแล้วจึงป้อนยาวิเศษให้เขาอีก

“ฉัน…อย่าเผาศพฉันนะ…เก็บไว้…หากว่าอาเช่อบาดเจ็บ…ก็มอบอวัยวะของฉันให้เขาไป…”

เหมยซูหานพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วงราวกับแทบจะไม่มีเสียงออกมา เหมยเหมยต้องขยับเข้าไปใกล้ ๆถึงจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอพยักหน้าพร้อมท่าทางสะอึกสะอื้น เหมยซูหานตายแล้ว

แต่เหตุที่ยังมีลมหายใจอยู่เป็นเพราะเครื่องช่วยหายใจประคองไว้อยู่ หากดึงออกเขาก็จะหยุดหายใจทันที

“สมองของคนไข้ตายแล้ว ดึงเครื่องช่วยหายใจออกได้แล้ว!”

พอหมอเข้ามาตรวจอาการของเหมยซูหานก็ตัดสินใจจะดึงเครื่องช่วยหายใจออก สมองตายก็เท่ากับว่าเสียชีวิตแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยชีวิตใด ๆอีก เพราะอย่างไรก็ไม่สามารถช่วยได้

“ห้ามดึงออก เขายังไม่ตาย ย้ายเขาไปอยู่ที่ห้องวีไอพีเลยนะ!”

เหมยเหมยออกคำสั่งแล้วใช้ท่าทีความน่าเกรงขามของคุณนายเหยียน ในเมื่อเธอตกลงกับเหมยซูหานไว้แล้วก็จะต้องทำให้ได้

“คุณหนูจ้าว…” คุณหมออยากจะพูดเตือนแต่เหมยเหมยก็พูดตัดบท “กรุณาเรียกฉันว่าคุณนายเหยียน สามีของฉันคือเหยียนหมิงซุ่น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ใครกล้าดึงเครื่องช่วยหายใจออกก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!”

พอคุณหมอได้ยินว่าเป็นภรรยาของคุณชายหมิงแล้วจะกล้าขัดขืนได้อย่างไรอีกจึงรีบย้ายตัวเหมยซูหานไปอยู่ห้องคนไข้วีไอพี อีกทั้งยังให้พยาบาลที่ดีที่สุดคอยเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เหมยเหมยจึงได้รู้สึกวางใจ

“คุณน้าครับ… คุณอาไปซ่อนแล้วเหรอครับ” เสี่ยวเป่าเอ่ยถามเธอระหว่างทางกลับบ้าน

“ใช่แล้ว…คุณอาไปซ่อนตัวแล้ว เสี่ยวเป่าจะต้องรีบโตไว ๆถึงจะหาคุณอาเจอรู้ไหม!” เหมยเหมยพยายามฝืนยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกทรมานเหลือเกิน

เหมยซูหานตายแล้ว!

ตายแล้วจริง ๆ!

แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนความฝัน ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

ชาติที่แล้วเหมยซูหานใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอดแต่ในชาตินี้เหมยซูหานกลับต้องตาย ถ้าอย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือเปล่า?

เหมยเหมยใจดิ่งวูบแล้วไม่กล้าคิดอะไรต่อ การตายของเหมยซูหานทำให้เธอได้รู้ว่าชาตินี้กับชาติที่แล้วไม่เหมือนกัน อันที่จริงตอนที่อู่เยวี่ยตายเธอน่าจะตระหนักขึ้นมาได้แล้ว

แต่เธอกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพราะเธอกำลังหลอกตัวเองอยู่!

……………………………………………………

 ตอนที่ 2286 หาเจอแล้ว

เสี่ยวเป่ามองไปที่เหมยเหมยที่กำลังเศร้าโศกด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณน้าถึงดูไม่สบายใจ

หรือว่าคุณน้าไม่อยากจะให้คุณอาไปงั้นเหรอ ?

แต่ก่อนคุณพ่อเคยบอกไว้ว่า ผู้หญิงมักจะอารมณ์แปรปรวน บอกเขาว่าไม่ควรเลียนแบบผู้หญิง เสี่ยวเป่าคิด ๆดูแล้วจึงหยิบคุกกี้ที่อยู่ในกระเป๋าออกมาป้อนใส่ปากเหมยเหมย

“คุณน้า…กิน”

เสี่ยวเป่าเบิกตากลมโตมองเหมยเหมยด้วยรอยยิ้มสดใส ถ้าเขาไม่มีความสุขแล้วได้ทานของอร่อย ๆก็จะมีความสุขขึ้นมาทันที คุณน้าก็ต้องเป็นแบบนี้แน่เลย

“เสี่ยวเป่า เป็นเด็กน่ารัก…ขอบคุณนะ”

เหมยเหมยโอบเจ้าตัวน้อยตัวนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอ่อน ๆของนมทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

เธอเชื่อฉิวฉิว ฉิวฉิวเคยบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน

เธอไม่ควรตื่นตูมไปก่อน !

ณ เขาสือว่าน

ท้องฟ้าค่อย ๆมืดลงพวกเหยียนหมิงซุ่นได้ทำลายระเบิดที่อยู่รอบ ๆจนหมดแล้ว ชัยชนะได้มาอย่างง่ายดายจนพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ แต่พอเดินหาทั่วทั้งฐานแล้วกลับไม่เจออะไร

“นายว่า…พวกเราจะกลับกันได้หรือยัง?” เฮ่อเหลียนเช่อดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วพูดออกมาด้วยความสงสัย

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วถามกลับว่า “นายคิดว่าหนิงเฉินเซวียนจะโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? หากับกลไกดักเจอเร็วขนาดนี้แล้วยังถูกทำลายง่าย ๆอีกงั้นเหรอ?”

คิ้วของเฮ่อเหลียนเช่อค่อย ๆขมวดเข้าหากันแล้วส่ายหน้า “ไม่ เวลาอาฉันทำอะไรมักจะคำนวณมาเป็นอย่างดี แล้วยังถนัดเรื่องแผนซ้อนแผนและมีความเกี่ยวโยงกันด้วย….”

เขากับเหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกัน “จะต้องมีอะไรอีกแน่…หาต่อไป!”

ทั้งสองหยัดกายขึ้นเตรียมพร้อมจะเข้าฐานลับไปค้นหาอีกครั้ง อยู่ดี ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็ส่งเสียงร้องออกมาแล้วเอามือกุมหน้าอก สีหน้าไม่ดีเท่าไรนักและยืนแทบไม่ไหว

“เป็นอะไรไป? เจ็บหน้าอกงั้นเหรอ”

เหยียนหมิงซุ่นเข้าไปพยุงเขาด้วยความประหลาดใจ ปกติร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อแข็งแรงยิ่งกว่าอะไร ทำไมอยู่ดี ๆถึงได้เจ็บหน้าอกขึ้นมาได้

“เกิดเรื่องที่เมืองหลวง…ฉันต้องกลับเมืองหลวง”

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันพูด เมื่อครู่เขารู้สึกใจกระตุกวูบเหมือนเสียของสำคัญไป ความรู้สึกแบบนี้เขาก็พูดไม่ออกเหมือนกัน แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหมยซูหานแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำว่า “ตอนนี้นายกลับไปจะมีประโยชน์อะไร หากเราไม่แก้ไขปัญหาตรงนี้ แล้วจะมีหน้ากลับไปได้อย่างไร”

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันแน่น เขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดถูก

“ฉันไม่เป็นไรหรอก ไปกันเถอะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินนำอยู่ข้างหน้าแอบภาวนาว่าขอให้เป็นเพราะสุขภาพของเขาเอง เขาส่งคนติดตามเหมยซูหานกับเสี่ยวเป่าตั้งมากมายขนาดนั้นจะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร?

เพราะเขาคิดมากไปเองแน่นอน!

ฐานลับถูกพวกเขาตรวจค้นนับครั้งไม่ถ้วนจนแทบหลับตาเดินได้ แต่ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี

ทั้งสองคนยืนอยู่กลางห้องโถงด้วยความหมดหวัง แล้วหันมามองหน้ากัน

“ไม่สิ…ยังเหลืออีกที่หนึ่ง…” เหยียนหมิงซุ่นเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ในฉับพลัน เฮ่อเหลียนเช่อเองก็คิดได้เช่นเดียวกัน สายตาแสดงออกถึงความตกใจ

หรือว่าหนิงเฉินเซวียนจะบ้าไปแล้วจริง ๆ

ที่เดียวที่ยังไม่ได้ค้นเหลือแค่ห้องจัดการขยะกัมมันตรังสี หรือก็คือห้องที่เหยียนหมิงต๋าหนีเข้าไปหลบโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนนั้นนั่นเอง เพราะสาเหตุนี้จึงทำให้เขาติดเชื้อสาหัส หากไม่ใช่เพราะยาของเหมยเหมยเขาก็คงไม่รอด

“ที่นี่แหละ ถ้าหนิงเฉินเซวียนมีไม้ตายจริง ๆละก็คงจะอยู่ที่นี่แหละ!” เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างมั่นใจ

ทั้งสองคนไปเปลี่ยนใส่ชุดป้องกันแล้วค่อย ๆเปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เห็นห้องลับปิดตายที่คล้ายกับป้อมปราการ

เหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณมือให้เฮ่อเหลียนเช่อ “ที่นี่แหละ!”

การสวมชุดป้องกันที่แน่นหนาทำให้เดินยากลำบากซึ่งทำอะไรแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ห้องลับปิดตายนี้ถูกปิดผนึกด้วยปูนที่ค่อนข้างหนา ต่อให้พวกเขาจะไม่ได้สวมชุดป้องกันก็ไม่สามารถเปิดออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น

…………………………………………..

ตอนที่ 2283 18 ชั่วโมง

หนิงเฉินเซวียนหัวเราะอย่างได้ใจ ทุกอย่างต่างอยู่ในการควบคุมของเขา ใครก็ไม่สามารถมาขัดขวางการใหญ่ของเขาได้

เหมยซูหานใช้ปากกัดสายไฟพวกนั้น เขาแยกสีไม่ออกจึงทำได้เพียงกัดให้ขาดทีละเส้น เส้นแรก ๆยังพอไหว น่าจะแค่ 24 V แค่รู้สึกว่าปากเริ่มชา ๆเท่านั้น

ขณะที่กำลังจะกัดเส้นสุดท้าย พอเขาได้ยินเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งของหนิงเฉินเซวียนก็รู้สึกหมดหวัง

ทำไมสุดท้ายแล้วก็ยังระเบิดได้อีกนะ?

เฮ้อเหลียนชิงโมโหเป็นอย่างมาก ตาแก่หนิงเฉินเซวียน ถึงขนาดกล้าหลอกเขางั้นเหรอ?

18 ชั่วโมง?

พวกเหยียนหมิงซุ่นจะมาห้ามทันหรือเปล่า?

เฮ่อเหลียนชิงยังไม่ทันคิดวิธีรับมือออก เหมยซูหานก็ได้ตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ว่าหลังจากนี้ 18 ชั่วโมงจะเกิดการระเบิดขึ้น แต่เขาจะต้องทำลายสวิตช์เปิดปิดเพื่อไม่ให้หนิงเฉินเซวียนส่งสัญญาณออกไปได้ พวกเฮ่อเหลียนเช่อจะได้มีเวลาเพิ่มขึ้นอีก 18 ชั่วโมง!

ใครจะไปรู้ว่าผลแพ้ชนะอาจจะตัดสินกันใน 18 ชั่วโมงนี้ก็ได้!

เขาจะต้องลองเดิมพันดูสักตั้ง!

เหมยซูหานตัดสินใจกัดลงไป สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือสายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟเส้นหลัก อีกทั้งยังเป็นสายไฟที่หนิงเฉินเซวียนจงใจให้คนใช้เป็นสายไฟ 220 V เพียงพอที่จะทำให้คนหัวใจหยุดเต้นได้เลย

แค่เพิ่งจะเริ่มกัดลงไปเหมยซูหานก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายของมัน เขารู้สึกชาไปทั้งตัวตั้งแต่เท้ายันปลายลิ้น สัญชาตญาณของเขาบอกให้เขาอยู่ห่างจากสายไฟเส้นนี้

แต่เหมยซูหานก็ยังคงก้มหน้ากัดต่อไป

หนึ่งครั้ง…สองครั้ง…สามครั้ง….

ศักยภาพของคนไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจของเหมยซูหานหยุดเต้นไปหลายครั้งแต่เขาก็ยังคงกัดสายไฟต่อไป

ในที่สุด….สายไฟก็ถูกเขากัดจนขาด…

“พลั่ก”

ประตูถูกคนจากด้านนอกเปิดออกซึ่งเป็นพวกเสี่ยวเมิ่งที่ตามมา โฉ่วโฉ่วตามกลิ่นของหั่วหั่วมาถึงที่นี่ แต่อย่างไรมันก็เป็นแค่ม้า ไม่ได้มีจมูกที่ดีเหมือนสุนัขจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน

“นายท่าน…”

เสี่ยวเมิ่งรีบรุดหน้าเข้าไปกลับเห็นว่าเฮ่อเหลียนชิงกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับหนิงเฉินเซวียนแน่น

ทั้งสองคนต่างก็หมดสติไป

อีกด้านหนึ่งเหมยซูหานก็ล้มตัวลงกับพื้น สติเลือนรางแต่ปากยังเปิดอยู่

“หลังจากนี้ 18 ชั่วโมง…ฐานลับ…จะระเบิด…”

เหมยซูหานพยายามฝืนพูดข้อความสำคัญจนจบแล้วถึงหมดสติไป

เสี่ยวเมิงใจดิ่งวูบ หนิงเฉินเซวียนตาแก่สมควรตาย เขาจะต้องรีบรายงานคุณชายหมิง !

เฮ่อเหลียนชิงกับเหมยซูหานถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล อาการของพวกเขาสองคนไม่สู้ดีนักจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยด่วน !

ส่วนหนิงเฉินเซวียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน เพราะว่าจุดสำคัญของเขาเกือบจะถูกกัดขาดเลือดไหลออกมาไม่หยุด เสี่ยวเมิ่งก็พาตัวเขามาส่งโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน ส่วนจะเป็นหรือจะตายก็ให้ฟ้าลิขิตเอาเถอะ!

เหมยเหมยรออยู่ที่บ้านด้วยความร้อนใจ ในที่สุดก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวเมิ่ง ถึงแม้จะหาตัวเจอแล้วแต่สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

“เหมยซูหานยังอยู่ในขีดอันตรายเพราะเขาถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไปหลายครั้ง อีกทั้งร่างกายยังได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอบอกว่ามีโอกาสรอดน้อยมาก นายท่านปลอดภัยแล้วแต่เส้นเอ็นที่ข้อมือกับเส้นเสียงถูกตัดขาด”

เสี่ยวเมิ่งรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ทั้งหมดเป็นความผิดของเขาที่ทำให้นายท่านต้องมาเจออะไรเช่นนี้

เส้นเอ็นบริเวณข้อมือของเฮ่อเหลียนชิงถูกตัดขาดหมด ถึงแม้จะเชื่อมกลับมาได้แต่คงทำอะไรไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิมหรืออาจถึงขั้นไม่สามารถยกของหนักได้ ซึ่งเท่ากับว่าเขาเหมือนคนที่พิการทั้งแขนและขา

เหมยเหมยหัวใจเต้นแรงมาก หล่อนนึกไม่ถึงเลยว่าจะอาการหนักขนาดนี้ โดยเฉพาะเหมยซูหาน ดูท่าแล้วคงจะไม่รอดแน่

“ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ!”

เหมยเหมยต้องการจะใช้ยาวิเศษช่วยเหมยซูหาน เสี่ยวเมิ่งบอกว่าเหตุที่เหมยซูหานโดนกระแสไฟฟ้าช็อตก็เพราะเขาต้องการทำลายสวิตซ์ควบคุมระเบิด เพื่อทำให้พวกเหยียนหมิงซุ่นมีเวลาเพิ่มขึ้นอีก 18 ชั่วโมง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หล่อนก็จะพยายามช่วยเหมยซูหานเช่นกัน!

………………………………………………………..

ตอนที่ 2284 ลาจากชั่วนิรันดร์

อาการของเหมยซูหานน่าเป็นห่วงมากจริง ๆเพราะมีอาการช็อกไปหลายครั้งแต่ก็สามารถช่วยกลับมาได้ พลังชีวิตมีเยอะมากจนคุณหมอยังต้องตกใจ

“คนไข้มีความหวังที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อสูงมาก แต่ว่าอาการยังไม่ดีเท่าไรนัก” หมอส่ายหน้า น่าเสียดายจริง ๆ

อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป สูญเสียเลือดมากบวกกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต เขาทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว!

“ฉันจะไปเยี่ยมเขา”

เหมยเหมยสวมชุดฆ่าเชื้อ เธอรู้สึกหนักใจไม่น้อยและหวังว่ายาวิเศษจะสามารถช่วยเหมยซูหานให้รอดชีวิตได้ แล้วก็หวังว่าพวกเหยียนหมิงซุ่นจะสามารถทำอะไรได้อย่างราบรื่น

เหมยซูหานนอนอยู่บนเตียงหายใจโรยริน ตามร่างกายมีสายยางต่อระโยงระยางเต็มไปหมด เสี่ยวเมิงบอกอาการของเหมยซูหานให้เธอฟังบ้าง แต่พอมาเห็นด้วยตาของตัวเองเหมยเหมยก็รู้สึกตกใจไม่น้อยพลันทำหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมา

หนิงเฉินเซวียนเกลียดเหมยซูหานขนาดไหนกันถึงขนาดต้องทารุณเขาขนาดนี้

ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะเกลียดอู่เยวี่ยมากขนาดไหน ต่ก็ยังไม่ถึงขนาดนี้เลย!

เหมยเหมยค่อย ๆก้าวเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วยแล้วแอบหยอดยาใส่ปากของเหมยซูหานลงไปไม่น้อย

เหมยซูหานรู้สึกเหมือนตัวเองถูกขังในห้องมืดออกไปไหนไม่ได้ มองอะไรก็ไม่เห็น เขายังพอมีสติอยู่บ้าง แล้วก็รู้ว่าคนที่มาหาเขาก็คือเหมยเหมย

เขาผิดหวังเล็กน้อย จริง ๆแล้วเขาอยากจะเจอเฮ่อเหลียนเช่อกับเสี่ยวเป่ามากกว่า พวกเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเขา ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาอยากจะให้พวกเขามาอยู่เคียงข้าง

เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว เขาถึงขนาดสัมผัสได้ว่าวิญญาณของตัวเองลอยไปติดบนฝาผนัง มองลงมาที่ร่างของตัวเอง แล้วก็เหมยเหมย

“ขอบคุณนะ…เหมยเหมย!” เหมยซูหานยิ้มด้วยความยากลำบาก สายตามองไปที่ประตูไม่หยุด

“เสี่ยวเป่าอยู่ข้างนอก เดี๋ยวฉันไปเรียกเขาเข้ามา”

เหมยเหมยรู้ทันความคิดของเขา เธอสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตบนตัวของเหมยซูหานหลั่งไหลออกไปไม่หยุด ยาวิเศษช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับมนุษย์ได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถดึงตัวกลับมาจากยมราชได้

เหมยซูหานไม่ไหวแล้ว !

โชคดีที่เธอพาเสี่ยวเป่ามาด้วยคงทำให้เหมยซูหานไม่ถึงขนาดต้องจากไปอย่างโดดเดี่ยว

เสี่ยวเป่าก็เหมือนจะสัมผัสได้ว่าในห้องมีอะไรแปลก ๆจึงโวยวายอยากที่จะตามเข้ามา เหมยเหมยเปิดประตูแล้วอุ้มเขาขึ้นมา “น้าจะพาหนูไปหาคุณอา แล้วก็บอกลาคุณอาด้วยโอเคไหม”

“ยิวยิว(คุณอา)จะไปไหน?”

เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง ใจดวงน้อย ๆของเขารู้สึกโศกเศร้า เขาเห็นคราบน้ำตาที่หางตาของเหมยเหมยก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม

เหมยซูหานเห็นเสี่ยวเป่าก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขายื่นมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกมาจับมือเล็ก ๆของเสี่ยวเป่า สายตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

“ยิวยิว (คุณอา)…เจ็บมากไหมครับ” เสี่ยวเป่าเป่ามือของเหมยซูหานด้วยความปวดใจ เมื่อก่อนตอนที่เขาหกล้ม คุณอาก็มักจะเป่าให้เขาเช่นนี้เสมอ

“ไม่เจ็บเลย…” เหมยซูหานยิ้มออกมาพูดด้วยความอ่อนแรง เหมยเหมยรีบป้อนยาให้เขาเพิ่ม เหมยซูหานพยายามรวบรวมแรงสัมผัสศีรษะเล็ก ๆของเสี่ยวเป่า

“เสี่ยวเป่า…อาจะไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล รอจนเสี่ยวเป่าโตแล้วอาถึงจะได้กลับมานะ…เสี่ยวเป่าจะต้องดูแลพ่อแทนอา…ได้ไหม?”

“จะ…ไปไหน…พาเสี่ยวเป่ากับพ่อไปด้วย…” เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณอาต้องออกเดินทางไกลเพียงลำพัง ไปด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ?

“เพราะว่า…อากำลังเล่นซ่อนแอบกับเราอยู่ไง…จะรอให้มาหาอานะ…” เหมยซูหานพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ได้…ผมจะไปหา…พ่อไม่ค่อยฉลาดเลย…”

เสี่ยวเป่าปรบมือพร้อมยิ้มร่า เขาชอบเล่นซ่อนแอบเป็นที่สุด ดังนั้นจะต้องหาคุณอาเจออย่างแน่นอน

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่าออกไป เห็นคนที่รักต้องจากไปต่อหน้าต่อตาเป็นเรื่องที่ทรมานเกินไป ฉะนั้นไม่ควรให้เสี่ยวเป่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“เหมยเหมย…ขอโทษนะ…ชาติที่แล้วฉันทำผิดต่อเธอเอง!” เหมยซูหานมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกผิด

…………………………………………………………

ตอนที่ 2281 สวิตซ์อีกอันหนึ่ง

หนิงเฉินเซวียนแวะไปดูเสี่ยวซี เมื่อถึงเวลานี้ของทุกวันเขาจะต้องคอยอยู่เคียงข้างเสี่ยวซี มิฉะนั้นเขาก็จะรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน

ช่วงนี้อาการหนักเป็นพิเศษ แม้แต่เวลานอนก็จำเป็นจะต้องมีเสี่ยวซีอยู่ข้าง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะนอนไม่หลับ หนิงเฉินเซวียนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติอะไร เขาแค่รู้สึกว่าเป็นเพราะเขารักเสี่ยวซีมากเกินไป ขอแค่เสี่ยวซีฟื้นคืนมา เขาจะให้จิตแพทย์ฝีมือดีสะกดจิตเสี่ยวซี ทำให้เธอลืมเรื่องราวในอดีตที่ทุกข์ระทมเหล่านั้นให้หมด

พร้อมบอกเสี่ยวซีว่าเขาเป็นคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอเคยรัก

หากเป็นเช่นนี้เขากับเสี่ยวซีก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันตลอดไปแน่นอน

เขาไม่เพียงแต่จะได้อำนาจมาครอบครอง แต่ยังได้อยู่เคียงคู่กับสาวงาม…

หนิงเฉินเซวียนรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก อำนาจกับสาวงามเขามีครบ ส่วนคนที่เห็นแล้วขัดหูขัดตาจะต้องตายให้หมด !

เดิมทีเขาคิดว่าจะกลับมาจัดการกับเจ้าบ้าสองคนข้างนอกนั่น แต่นึกไม่ถึงว่าเขากลับมาจะเห็นเหมยซูหานกำลังทำลายสวิตซ์เปิดปิด เขาพูดออกมาด้วยความเดือดดาล “อยากตายนักใช่ไหม!”

หนิงเฉินเซวียนตวัดแส้ออกไปเต็มแรงผิวหนังของเหมยซูหานแตกจนเกิดเป็นบาดแผลเต็มไปหมด เฮ่อเหลียนชิงทนดูไม่ไหวจึงเบือนหน้าหนี จิตใจก็สงบลงได้บ้าง

สวิตซ์ถูกทำลายแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเหยียนหมิงซุ่นก็จะมีเวลามากขึ้น ทางตะวันตกเฉียงใต้มีทางรอดแล้ว

ถึงแม้ว่าเขากับเหมยซูหานจะต้องจบชีวิตลงที่นี่ก็ถือว่าคุ้ม !

“คุณมันใจโหดเหี้ยม อาเช่อเป็นลูกชายแท้ ๆของคุณ คุณจะฆ่าเขาลงคอเชียวเหรอ?” เหมยซูหานลืมความเจ็บปวดตามร่างกายพร้อมจ้องไปที่หนิงเฉินเซวียนตาเขม็ง ตอนนี้เขารู้สึกเช่นเดียวกับเฮ่อเหลียนชิง

เพียงแต่ว่าเขายังรู้สึกเสียดายอะไรบางอย่าง

เสียดายที่จะไม่ได้อยู่เคียงข้างเฮ่อเหลียนเช่ออีกต่อไปแล้ว เขาคงจะต้องเหงามากแน่เลย แล้วก็ไม่สามารถอยู่ดูการเติบโตของเสี่ยวเป่าได้อีก……

“ไอ้เนรคุณนั่นกล้าหักหลังฉัน ก็ควรจะได้รับโทษอย่างสาสม เป็นเพราะแกที่ปั่นหัวเช่อเอ๋อร์  แกนั่นแหละที่เป็นคนทำให้เขาต้องตาย !”

หนิงเฉินเซวียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แต่ก่อนเช่อเอ๋อร์ของเขาเป็นเด็กว่าง่ายจะตายไป ไม่เคยตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขามาก่อน แต่ตอนนี้…กลับร่วมมือกับคนนอกมาจัดการเขา!

“ไปตายกันซะให้หมด…”

หนิงเฉินเซวีนฟาดแส้ลงไปบนตัวเหมยซูหานไม่ยั้ง เลือดไหลอาบไปทั่วทั้งตัว เฮ่อเหลียนชิงทนดูต่อไปไม่ไหว หากฟาดแบบนี้ต่อไปเหมยซูหานจะต้องตายแน่นอน !

“ตาแก่หนิง ปากแกพร่ำบอกว่ารักเสี่ยวซีแต่แกกลับจะทำให้ลูกชายของเสี่ยวซีต้องตาย แกไม่รู้สึกผิดต่อเสี่ยวซีบ้างเลยงั้นเหรอ” เฮ่อเหลียนชิงจงใจเบี่ยงเบนความสนใจของหนิงเฉินเซวียน

“พูดจาไร้สาระ เสี่ยวซีไม่มีทางโทษฉันหรอก ต่อไปในโลกของเสี่ยวซีจะมีเพียงฉันคนเดียว ไม่มีลูกชาย ไม่มีแก มีแค่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น…”

จู่ ๆหนิงเฉินเซวียนก็ระเบิดหัวเราะขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งจนทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัว

 “คนโง่อย่างพวกแกนึกว่าฉันทำสวิตซ์ไว้แค่อันเดียวหรือไง ฮ่า ๆ… ที่ตั้งฐานลับจะต้องถูกทำลาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดยั้งการระเบิดของมันได้หรอก ดูเถอะว่านี่คืออะไร……”

หนิงเฉินเซวียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วเดินไปอีกฝั่ง เขานำภาพที่แขวนอยู่ลงมาเผยให้เห็นถึงประตูลับไปยังที่แห่งหนึ่ง ด้านในเป็นสวิตซ์เปิดปิดหน้าตาเหมือนกัน เหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนชิงเริ่มรู้สึกหมดหวัง

มิน่าหนิงเฉินเซวียนถึงกล้าเดินออกจากห้องไปทั้ง ๆที่เปิดกล่องสวิตซ์นี่ไว้อยู่ ที่แท้เขาก็มีแผนการอื่นอยู่อีกนี่เอง!

ตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?

“เห็นหรือยัง? แกทำลายอันนั้นไปแล้วมีประโยชน์อะไร ฉันกดปุ่มนี้ฐานลับก็ระเบิดเหมือนเดิมอยู่ดี…ตู้ม…เป็นเสียงที่ฟังดูดีจริง ๆ เศษซากที่กระจัดกระจายคงจะงดงามน่าดู……”

หนิงเฉินเซวียนรู้สึกได้ใจ สติเริ่มฟั่นเฟือน เขารู้สึกพอใจกับความรู้สึกที่ตัวเองคุมเกมทุกอย่างเอาไว้แบบนี้ เช่นนี้ทำให้เขายิ่งดูฉลาดมีความน่าเกรงขาม ในทางกลับกันเฮ่อเหลียนชิงก็จะดูเป็นคนโง่เขลาเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

“อาเช่อเป็นลูกชายของคุณ…คุณปล่อยเขาไปเถอะ…ผมขอร้องคุณล่ะ…หรือคุณอยากจะให้บ้านตระกูลหนิงไม่มีผู้สืบทอดสกุลงั้นเหรอ?” เหมยซูหานร้องอ้อนวอน

…………………………………………………………

 ตอนที่ 2282 เตรียมตัวตายไปพร้อมกัน

หนิงเฉินเซวียนแสยะยิ้มเยือกเย็น “มีเสี่ยวเป่าอยู่ บ้านตระกูลหนิงจะไม่มีผู้สืบทอดได้อย่างไร คนที่ทรยศฉัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็สมควรต้องตาย!”

เขามองไปที่เหมยซูหานที่อยู่ในสภาพน่าเวทนาอย่างไม่สนใจใยดีราวกับมองมด พร้อมพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “พวกแกจะต้องตายทั้งหมด…”

หนิงเฉินเซวียนค่อย ๆก้าวเข้าไปหาเหมยซูหานเตรียมจะฟาดแส้ลงบนตัวเขา จากนั้นค่อยไปจัดการกับเฮ่อเหลียนชิง คนที่น่ารำคาญทั้งสองคนนี้จะต้องตายให้หมด

เขาจะต้องส่งสัญญาณให้ฐานลับ

เขารอไม่ไหวแล้ว

ทันทีที่ฐานนั้นระเบิดทางตะวันตกเฉียงใต้ก็จะถูกทำลายและเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่ฮวาเซี่ย เขาได้ติดต่อกับทหารเมืองข้าง ๆไว้แล้ว ขอแค่เกิดการระเบิดขึ้นก็ให้เริ่มโจมตีเข้ามาทางฝั่งชายแดนได้เลย โจมตีทั้งนอกและในพร้อมกัน นายใหญ่คงจะรับมือไม่ไหว เขาก็จะสามารถโค่นล้มอำนาจได้อย่างง่ายดาย

พอนึกได้เช่นนี้ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนก็ปรากฏรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิม แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เฮ่อเหลียนชิงใจสั่นเล็กน้อย ตาแก่นี่บ้าไปแล้ว !

ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนชิงก็โยนที่เขี่ยบุหรี่ใส่หนิงเฉินเซวียน นี่คือสิ่งที่เขากำไว้ในมือเมื่อสักครู่ ที่เขี่ยบุหรี่ถูกโยนไปที่ขาของหนิงเฉินเซวียนเต็มแรง หนิงเฉินเซวียนเจ็บจนต้องโน้มตัวลงไปจับบริเวณนั้นไว้

“ฉันจะขวางตาแก่นี่ไว้เอง นายไปทำลายสวิตซ์อันนั้นเถอะ”

เฮ่อเหลียนชิงไม่ได้อยู่ห่างจากหนิงเฉินเซวียนมากนัก เขาเอาตัวพาดไว้บนเก้าอี้แล้วออกแรงดันตัวเองทำให้สามารถเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ขาของหนิงเฉินเซวียนขยับไปไหนไม่ได้สักพัก เฮ่อเหลียนชิงพยายามออกแรงกระโจนเข้าไปเกาะขาของหนิงเฉินเซวียนก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว

เพื่อถ่วงเวลาให้เหมยซูหาน

เหมยซูหานรู้ว่าเวลามีไม่มากแล้ว ถึงแม้เขาจะบาดเจ็บสาหัสแต่ก็พยายามหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินโซซัดโซเซไปยังทางสวิตซ์เปิดปิด เลือดบนใบหน้าบดบังสายตาของเขา ทำให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเขากลายเป็นสีแดง

เขาเอามือถ่างหนังตาไว้แล้วนำของหนักมาทุบเพื่อเปิดกล่อง จากนั้นก็เห็นสายวงจรที่อยู่ด้านในแต่เพราะดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเลือดจึงทำให้เขาไม่สามารถแยกสีของสายไฟออกได้

สายไฟทุกเส้นที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาคือสีแดง

เหมยซูหานออกแรงขยี้ตาแต่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ยิ่งขยี้ก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เฮ่อเหลียนชิงกลับกำลังถูกหนิงเฉินเซวียนรัดคอจนตาเหลือก แส้รัดจนเกือบจะฝังเข้าไปในเนื้อแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้เหมยซูหานเคยผ่านมาก่อน เขารู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงทนได้อีกไม่นานแล้ว

เขาจะต้องรีบเร่งมือ!

เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกเหมือนมียมราชมากวักมือเรียกหา เขาไม่อยากไป…ถึงแม้ว่าจะต้องตาย เขาก็จะต้องตายหลังหนิงเฉินเซวียน!

ความหวังอันแรงกล้าของเฮ่อเหลียนชิงทำให้เขามีพลังฮึดสู้ขึ้นมา เขาค่อย ๆยกมือขึ้นแล้วบีบเข้าไปอย่างเต็มแรงตามความรู้สึกของตัวเอง หนิงเฉินเซวียนส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นก็เริ่มผ่อนแรงที่มือ

ตาแก่บ้าสมควรตายเฮ่อเหลียนชิงบีบจุดสำคัญของเขา!

“ปล่อยนะ……แกตายแน่! “

หนิงเฉินเซวียนทรมานจนแทบหายใจไม่ออกแล้วฟาดแส้ลงที่มือของเฮ่อเหลียนชิงแทน แต่สองมือของเฮ่อเหลียนชิงยังคงกำแน่นไว้ไม่ปล่อย เขากัดฟันทนต่อไป

“ตาแก่…ฉันบีบไข่แกแตกแน่…”

เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างได้ใจ หนิงเฉินเซวียนใช้แส้รัดมือเขาไว้แต่ก็ไม่สามารถออกแรงได้

“กล้ามาบีบของฉัน…ฉันก็จะหักแขนของแก!”

หนิงเฉินเซวียนรัดแส้ไว้แน่น แววตามีความบ้าคลั่งมากกว่าเดิม เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกได้ว่ามือของตัวเองเริ่มอ่อนแรงลง เขาจ้องไปที่หนิงเฉินเซวียนด้วยความโมโหเหมือนจะคิดอะไรออกจึงยกตัวขึ้นแล้วชะโงกหน้ากัดเข้าไปอย่างเต็มแรง

บ้าเอ้ย จะกัดให้ตายเลย!

“อ๊าก…แกปล่อยเดี๋ยวนี้นะ…”

ฟันมีพลังทำลายล้างมากกว่ามือมาก หนิงเฉินเซวียนได้ยินเสียงไข่แตกของตัวเองพลันเจ็บจนแทบจะเป็นลม เขาฟาดแส้ใส่เฮ่อเหลียนชิงไม่ยั้ง

แต่เฮ่อเหลียนชิงตั้งใจไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด

“พวกแก เจ้าพวกโง่ นึกว่าทำลายสวิตซ์เปิดปิดอันนั้นแล้วจะสามารถยับยั้งการระเบิดได้งั้นเหรอ? หึ…ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ส่งสัญญาณไป แต่พอผ่านไป 18 ชั่วโมงฐานนั่นก็ต้องระเบิดอยู่ดี ไม่มีใครสามารถยับยั้งมันได้หรอก…ไม่มีทาง…”

………………………………………………

ตอนที่ 2279 ราบรื่นเกินไปแล้ว

“ได้ แยกย้ายกันไปหาแล้วกัน”

เฮ่อเหลียนเช่อพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองแยกย้ายกันอีกครั้ง คนที่เฝ้าฐานลับถูกพวกเขาฆ่าทิ้งไปหมดแล้ว ทุกอย่างจึงเงียบสงัด ทั้งสองเหมือนเข้าไปในดินแดนที่ไร้ผู้คน

ระเบิดหาได้ไม่ยากเพราะมันเป็นฐานลับปรมาณู หนิงเฉินเซวียนจึงไม่ได้ฝังระเบิดไว้รอบ ๆฐานแต่ฝังไว้ใกล้สถานีรับแรงกระแทกไม่น้อยและฝังลึกมากด้วย แถมยังเทปูนซีเมนต์ทับไว้อีกชั้น

”บ้าเอ้ย…แล้วนี่จะขุดอย่างไร?”

เฮ่อเหลียนเช่อโมโหอย่างมาก ปูนซีเมนต์หนาขนาดนี้ต่อให้เขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังมหาศาลก็ยังต้องขุดอยู่หลายวัน เวลามีไม่มากพอ

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่นพลางก่นด่าหนิงเฉินเซวียนหน้าเนื้อใจเสือในใจ คาดไม่ถึงว่าจะฝังระเบิดเอาไว้แบบนี้ เขาไม่ได้คิดหาทางหนีทีไล่เผื่อเอาไว้ด้วย

นี่เขาทุ่มสุดตัววางเดินพันหมดหน้าตักเลยนะ!

“ไปที่ฐานดูว่ามีเครื่องมือไหม ต่อให้ขุดไม่ได้ก็ต้องขุด!”

เหยียนหมิงซุ่นรีบวิ่งไปที่ฐานลับแล้วแสร้งทำเป็นว่าหาที่ขุดพบที่ฐาน แต่ในความเป็นจริงเขาให้ฉิวฉิวหยิบออกมาให้ โชคดีที่เขาเตรียมพร้อมมาเต็มที่

“อันนี้ไม่เลว ลุยเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้สงสัยอะไร หลังจากได้รับที่ขุดมาก็เริ่มลงมือขุดปูนซีเมนต์ เหยียนหมิงซุ่นก็อยู่ข้างหลังไม่ไกล ทั้งสองมีพละกำลังไม่น้อยจึงขุดในระดับความเร็วที่ไม่แย่เลย

“อันที่จริงมันไม่ได้หนามาก ตามอัตราความเร็วแบบนี้พวกเราน่าจะขุดปูนแผ่นนี้ออกมาได้ภายในอีกสามชั่วโมง” เฮ่อเหลียนเช่อมองอย่างลำพองใจ ทันใดนั้นความหวังของชีวิตก็ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง

หากทำลายระเบิดได้ ถ้าอย่างนั้นฐานลับก็จะไม่ระเบิด งั้นเขาก็จะสามารถไปอยู่ต่างประเทศกับเหมยซูหานและเสี่ยวเป่าได้สิ

“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว เร็วเข้า!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา เขาสาดน้ำใส่สว่านเพื่อลดอุณหภูมิ สว่านทำงานเป็นเวลานานจึงร้อนจนสามารถย่างเนื้อได้แล้ว

ทั้งสองใส่สุดแรง พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมงปูนซีเมนต์บริเวณรอบ ๆนั้นก็ถูกขุดจนหมด จากนั้นก็เอาพลั่วทหารขุดดินอย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็เห็นระเบิด พวกเขาสบตากันอย่างตื่นเต้น กลั้นลมหายใจ ไม่กล้าประมาทเลินเล่อเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

“ตัดชนวนระเบิด แล้วรื้อระเบิดพวกนี้ซะ”

เหยียนหมิงซุ่นพูดไปพลางมองหาตัวชนวนไป เขาและเฮ่อเหลียนเช่อได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการกู้ระเบิดมาโดยเฉพาะ ในไม่ช้าพวกเขาก็เจอชนวนระเบิด จากนั้นจึงตัดเป็นชิ้น ๆแล้วรื้อระเบิดออกมาอย่างระมัดระวัง

“ทำไมถึงได้ราบรื่นขนาดนี้…นายรู้สึกว่ามันราบรื่นเกินไปไหม?”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อผลลัพธ์นี้สักเท่าไร ตอนมาเขาเตรียมพร้อมที่จะเสียสละชีวิตมาเต็มที่ แต่ตอนนี้มันกลับง่ายดายเสียจนเหมือนฝันยังไงอย่างนั้นเลย

“ทะแม่ง ๆชอบกล…พวกเราหาอีก!”

เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกัน หนิงเฉินเซวียนตั้งใจวางกลไกสวิตช์ไว้เป็นอย่างดี ถ้าเช่นนั้นจะทำลายได้ง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

แสดงว่าจะต้องมีอุบายอย่างอื่นซ่อนอยู่อีกแน่ ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อต่างไม่รู้ว่ามีห้องปิดตายห้องหนึ่งในฐานลับ ในนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งปกปิดใบหน้าพร้อมด้วยอาวุธครบครัน ที่นั่นมีเพียงท่อเชื่อมต่อถังออกซิเจนและเสียงหายใจอันหนักหน่วงที่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน

เขาเป็นทหารพลีชีพที่หนิงเฉินเซวียนส่งมา สองวันก่อนเขาได้รับคำสั่งจากหนิงเฉินเซวียนให้เข้าไปในห้องปิดตายแห่งนี้ หลังจากนั้นก็ให้คนที่ฐานลับใช้ปูนซีเมนต์ปิดผนึกทางเข้าออกทั้งหมดที่นี่

ไม่มีอากาศ ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร มีเพียงรังสีที่สามารถฆ่าคนได้และความมืดไร้ที่สิ้นสุด

โดยทั่วไปภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับน้ำและอาหาร มนุษย์เราจะสามารถอยู่รอดได้ไม่เกินสามวัน ถึงแม้ว่าทหารพลีชีพคนนี้จะได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษแต่ก็มิอาจยืนหยัดได้นานและไม่มีทางทนได้เกินสี่วันแน่นอน

ทหารพลีชีพยืนหยัดมาเป็นเวลาสองวันแล้ว อย่างมากเขาคงยืนหยัดได้อีกแค่สองวันเพราะออกซิเจนมีเหลือเพียงแค่นั้น ในเมื่อเข้ามาในห้องปิดตายแห่งนี้แล้วก็คงไม่มีทางรอดกลับไปแน่นอน

อีกสองวันหลังจากนี้ต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะไม่ได้ออกคำสั่ง เขาก็ต้องกดสวิตช์อยู่ดี

…………………………………………..

ตอนที่ 2280 ทำลายสวิตช์

หนิงเฉินเซวียนไม่ร้อนใจเลยสักนิด เขามั่นใจว่าแผนของเขาไม่มีทางพลาด ต่อให้พวกเหยียนหมิงซุ่นหาห้องลับปิดตายนั่นเจอก็ไม่มีทางเข้าไปได้

เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา ตอนนี้เหลือเวลาอีกยี่สิบชั่วโมงสี่สิบนาทีเจ็ดวินาที…ฮ่า ๆ…ชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว

“เฮ่อเหลียนชิง แกรู้ไหม? ต่อให้นายใหญ่จะยอมยกตำแหน่งให้ ฉันก็จะไม่ให้คนหยุดระเบิดฐานลับนั้นแน่นอน ทางตะวันตกเฉียงใต้…ชะตาลิขิตให้ถูกยึดครองดินแดนแล้ว!” หนิงเฉินเซวียนลำพองใจเป็นอย่างมาก

ทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นบ้านเกิดของเขาและเป็นต้นตระกูลของตระกูลหนิง ในอดีตความรุ่งเรืองถูกสร้างขึ้น ณ ดินแดนนั้น แต่ตอนนี้เขา…กลับจะทำลายผืนดินนั้น

เพราะว่า——

ตระกูลหนิงจะอยู่ในกำมือของเขาแล้วก้าวสู่ความรุ่งโรจน์ใหม่อีกครั้ง!

พวกที่ทรยศต่อบรรพบุรุษพวกนั้นไม่สมควรเป็นคนของตระกูลหนิง เขาอยากจะทำลายพวกนั้นให้เละมานานแล้ว!

ตอนนี้นับว่าสบโอกาสพอดี

“หนิงเฉินเซวียนแกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? ทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นดินแดนของบรรพบุรุษของแก ที่นั่นยังมีคนตระกูลหนิงอีกหลายร้อยคน แกอยากให้พวกเขาตายกันหมดงั้นเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงสบถด่าออกมา ความเจ็บปวดภายในร่างกายทำให้เขาสูญเสียพลังงานไปมากแต่ก็ยังพยายามยืนหยัดไว้อยู่

“พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูลฉัน พวกเขาเป็นคนทรยศ ตายไปก็ดีแล้วนี่!”

หนิงเฉินเซวียนแค่นเสียงเย็นชาแล้วฟาดแส้ใส่อีกหลายที เฮ่อเหลียนชิงเจ็บจนสบถด่าบุพการีแต่เขาขยับขาทั้งสองข้างไม่ได้จึงทำได้แค่ทนรับไป

โชคดีที่หนิงเฉินเซวียนเดินออกไปแต่ก็ไม่รู้ว่าออกไปทำอะไร ห้องโถงด้านหน้าเหลือแค่เฮ่อเหลียนชิงเพียงลำพัง หนิงเฉินเซวียนวางใจในตัวเขามาก กล่องสวิตช์เปิดอ้ากว้างวางไว้หน้าประตู เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกดีใจมาก เขาต้องหาทางทำลายสวิตช์นั่นเสีย

แต่ขาของเขาไม่มีปัญญาจะขยับได้เลย!

เฮ่อเหลียนชิงกัดฟันและใช้มือยันพื้นขยับตัวไปอย่างช้า ๆ จุดที่คลานผ่านจะมีเลือดสีแดงวาดลากผ่านซึ่งเป็นภาพที่น่าสยดสยองไม่น้อยเลย

“โอ๊ย…”

มีเสียงครวญครางดังมาจากด้านหลัง เฮ่อเหลียนชิงหันไปอย่างระมัดระวัง ถามเสียงต่ำว่า “ใคร?”

เหมยซูหานค่อย ๆได้สติขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากที่เขาถูกหนิงเฉินเซวียนจับตัวมาก็ถูกทรมานอย่างหนักและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนชิงเสียอีก บนร่างกายมีบาดแผลเหวอะวะเต็มไปหมดจนตอนนี้ถึงเพิ่งได้สติฟื้นขึ้นมา

ขาข้างหนึ่งของเขาหัก บนใบหน้าของเขาโดนมีดกรีดนับไม่ถ้วน ช่างน่าอนาถเหลือเกิน

หนิงเฉินเซวียนเชื่อว่าเหมยซูหานเป็นคนยุแหย่ให้เฮ่อเหลียนเช่อเอาใจออกห่างจากเขาจึงเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากให้เหมยซูหานตายง่าย ๆแต่อยากให้ทรมานแล้วตายอย่างช้า ๆเพื่อสร้างความพอใจให้แก่สภาวะจิตใจที่วิปริตของเขา และคลายความแค้นลงได้

เหมยซูหานก็คาดไม่ถึงว่าที่นี่ยังจะมีคนอยู่อีก เขาถามเสียงแหบแห้งว่า “ผมคือเหมยซูหาน คุณเป็นใคร?”

“นายเป็นชายชู้ของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงโดนจับมาด้วยล่ะ?” เฮ่อเหลียนชิงประหลาดใจไม่เบา ดูเหมือนว่าตาแก่สารเลวหนิงเฉินเซวียนจะฆ่าทุกคนที่เขาไม่พอใจ

เหมยซูหานฟังเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเฮ่อเหลียนชิงออก เขาพยายามที่จะยืนขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซมาด้านข้างของเฮ่อเหลียนชิง พอเฮ่อเหลียนชิงเห็นเหมยซูหานที่ผิวหนังเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะเลือดอาบไปทั้งร่างก็อดสะดุ้งตกใจไม่ได้

บ้าเอ้ย!

ตาแก่หนิงสารเลวมันบ้าไปแล้วจริง ๆ!

เขากลั้นใจมองเหมยซูหานอีกครั้งแล้วชี้ไปที่กล่องสวิตช์ “นายเห็นกล่องนั้นไหม? นายเดินไปหาเส้นวงจรแล้วทำลายทิ้งซะ นั่นคือสวิตช์ระเบิดฐานลับ”

เหมยซูหานใจเต้นระส่ำ ยังไม่ทันพูดจบก็เดินไปแล้ว ขอแค่ทำลายสวิตช์นั้นทิ้งอาเช่อก็จะไม่ตาย!

เฮ่อเหลียนชิงก็คลานตามไปด้วย ต้องฉวยโอกาสก่อนที่หนิงเฉินเซวียนจะกลับมารีบหาวงจรและทำลายมันซะ!

“ฉันหาเจอแล้ว แต่ไม่มีกรรไกร…ไม่ต้องใช้กรรไกรแล้ว ฉันจะใช้ฟันกัด!”

เส้นวงจรของสวิตช์ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเหมยซูหานจึงหาพบอย่างรวดเร็ว เขารีบกัดสายสัญญาณวงจรโดยไม่ต้องคิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนพวกไฟฟ้ามาเฉพาะด้านแต่ก็ยังเข้าใจความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าอยู่ ดังนั้นจึงหาสายสัญญาณของปุ่มควบคุมได้อย่างรวดเร็ว

สายสัญญาณไม่หนาจนเกินไป เหมยซูหานไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักก็กัดขาดได้ แต่ทว่าเขายังไม่ทันดีใจหนิงเฉินเซวียนก็กลับมาแล้ว

………………………………………….

ตอนที่ 2277 หนี้บัญชีเก่า

หนิงเฉินเซวียนมองไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แกคิดจะทำลายสวิตช์งั้นเหรอ? ฮ่า ๆ พึ่งพาสองขาที่ไร้ประโยชน์ของแกงั้นเหรอ? คลานยังช้ากว่าหอยทากอีก แกว่าถ้าแกไม่ใช่ของไร้ประโยชน์แล้วเป็นอะไรล่ะ?”

เขาสะบัดแส้ฟาดในทุกประโยค ในไม่ช้าบนตัวเฮ่อเหลียนชิงก็เต็มไปด้วยเลือด เขาแอบหลุดปริเสียงออกมาไม่กี่ครั้งเท่านั้น สาบานต่อให้ตายก็จะไม่ร้องขอความเมตตาเด็ดขาด

“คนไร้ประโยชน์อย่างแกยังกล้าฉวยโอกาสตอนฉันไม่อยู่บ้านล่อลวงเสี่ยวซีงั้นสิ? เหอะ… ทำไมฉันไม่วางยาแกให้ตายไปตั้งแต่แรกนะ แต่ไม่เป็นไรเพราะยังไม่สายเกินไปที่จะฆ่าแก ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเสี่ยวซีได้ตลอดไปมีแค่ฉันเท่านั้น! พอฉันกลายเป็นฮ่องเต้ เสี่ยวซีก็จะกลายเป็นฮองเฮาของฉัน ส่วนแกก็จะกลายเป็นซากศพใต้ดินที่โดนแมลงกัดแทะ…”

ท่าทางการแสดงออกของหนิงเฉินเซวียนดูล่องลอยมากราวกับติดอยู่ในโลกในจินตนาการของตัวเอง ดวงตาเหม่อลอยและคลุ้มคลั่ง ปากก็เอาแต่พึมพำชื่อของเสี่ยวซีจนลืมฟาดแส้เฮ่อเหลียนชิง

เฮ่อเหลียนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมขยับร่างกายอันหนักอึ้งอย่างยากลำบาก เขาทำลายฝันกลางวันของหนิงเฉินเซวียนด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “เสี่ยวซีตายไปแล้ว และแกก็ไม่สามารถเป็นฮ่องเต้ได้!”

“ไร้สาระ…เสี่ยวซียังไม่ตาย เธอก็แค่หลับไป อีกไม่นานฉันก็จะปลุกเธอขึ้นมาปกครองใต้หล้าแห่งนี้ไปด้วยกัน…คนปกติธรรมดาอย่างแกจะเข้าใจอะไร!”

หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่จนฟาดแส้ไปหลายที

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้สมองที่พร่าเบลอของเฮ่อเหลียนชิงได้สติขึ้นมาบ้าง เขาจับช่องโหว่ในคำพูดของหนิงเฉินเซวียนได้จึงพลันหัวใจเต้นแรงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “แกไม่ได้ฝังเสี่ยวซีงั้นเหรอ?”

ปีนั้นเสี่ยวซีตายในอ้อมแขนของเขา เขาปวดใจทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุดแล้วเตรียมจะไปซื้อไม้หนานมู่ทองคำเพื่อเอามาทำเป็นโลงศพให้เสี่ยวซี แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะร่างของเสี่ยวซีหายไป ในเวลานั้นผู้ต้องสงสัยคนแรกของเขาก็คือหนิงเฉินเซวียนและเจ้าหมอนี่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน เขาบอกแค่ว่าเขาเผาเสี่ยวซีไปแล้วและจะนำกลับไปฝังที่บ้านเกิด

เฮ่อเหลียนชิงและเขาทะเลาะกันใหญ่โต แต่ในเมื่อเผาไปแล้วไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนั้นเขาค่อนข้างเกลียดเสี่ยวซีเพราะผู้หญิงคนนี้ทรยศเขา

เดิมทีเขากะจะฆ่าเสี่ยวซีแต่ยังไม่ทันได้ลงมือสุดท้ายเสี่ยวซีก็ชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน กว่าเขาจะไปถึงร่างกายของเสี่ยวซีก็อาบไปด้วยเลือดและกำลังจะตาย ตอนท้ายเธอพูดเพียงประโยคเดียวว่า ‘ฉันขอโทษ’ จากนั้นก็ปิดตาอันกลมโตที่น่าหลงใหลคู่นั้นลง

“เสี่ยวซีเธอยังไม่ตาย ทำไมต้องฝัง? ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป และแก…ไม่มีทางเป็นเจ้าของเสี่ยวซีได้ตลอดกาล!”

หนิงเฉินเซวียนหัวเราะแปลก ๆ เสียงหัวเราะชวนให้ขนลุกซู่ทีเดียว

เฮ่อเหลียนชิงก่นด่าในใจว่าโรคจิตพลางลอบกวาดตาไปรอบ ๆเพื่อมองหาเสี่ยวซี

ตามความเข้าใจของเขาที่มีต่อหนิงเฉินเซวียน ตาแก่โรคจิตวิปริตนี่จะต้องเอาเสี่ยวซีไว้ข้างกาย หากคิดจะรักษาร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อยหลายสิบปี งั้นก็มีเพียงหยกเย็นหมื่นปีที่จะช่วยรักษาไม่ให้ร่างกายเน่าเปื่อยเหมือนก่อนตาย

พอนึกถึงหญิงงามคนนั้น ขนาดตายยังไม่สงบสุขเลย หัวใจของเฮ่อเหลียนชิงก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาพร้อมด่าทอด้วยความโกรธแค้นว่า “แม้กระทั่งคนตายแกยังไม่ยอมปล่อย หนิงเฉินเซวียนแกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? เสี่ยวซีไม่ได้รักแกเลย แล้วก็ไม่ได้อยากอยู่กับแกด้วย…”

“เพ้อเจ้อ…คนที่เสี่ยวซีรักที่สุดก็คือฉัน เธอยังมีลูกกับฉันแต่ไม่ได้มีกับแก…ฮ่า ๆ เฮ่อเหลียนชิงแกกำลังอิจฉาล่ะสิ ฉันรู้ว่าแกอิจฉาเพราะว่าแกไม่ได้รับความรักจากเสี่ยวซี…”

หนิงเฉินเซวียนตะโกนออกมาด้วยความโกรธอล้วฟาดแส้ใส่เฮ่อเหลียนชิง ในไม่ช้าตัวเขาก็เต็มไปด้วยเลือด!

“แกมันก็แค่เจ้าโง่ที่หลอกตัวเอง…เสี่ยวซีไม่ได้รักใครทั้งนั้นแหละ เธอไม่รักแกแล้วก็ไม่ได้รักฉัน ฉันก็เป็นแค่เครื่องมือที่เธอใช้เพื่อหลบหนีจากพันธนาการของแกก็เท่านั้น แกทำให้เธอกลัวและรังเกียจ หนิงเฉินเซวียนแกรู้ไหมว่าเรื่องที่เสี่ยวซีเสียใจที่สุดคืออะไร?”

เฮ่อเหลียนชิงเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่มุมปากพลางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็มองไปที่หนิงเฉินเซวียนอย่างดูถูก พูดทีละคำชัด ๆว่า “สิ่งที่เสี่ยวซีเสียใจที่สุดในชีวิตก็คือการที่เธอเกิดมาในตระกูลหนิง และเป็นน้องสาวของแกหนิงเฉินเซวียน!”

…………………………………………..

ตอนที่ 2278 ไปหาระเบิด

พอเฮ่อเหลียนชิงนึกถึงหญิงงามคนนั้น หลังจากความจริงเรื่องของเฮ่อเหลียนเช่อถูกเปิดเผยออกมาเธอก็พูดกับเขาประโยคหนึ่งว่า

“ถ้าหากชาติหน้ามีจริง ฉันอยากเกิดเป็นสาวชาวนาธรรมดา ๆทำงานหนักในทุ่งนาตลอดชีวิต และไม่อยากเป็นน้องสาวของหนิงเฉินเซวียนด้วย!”

หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ คำพูดของเฮ่อเหลียนชิงทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่น่าปวดใจเหล่านั้น หัวใจรู้สึกเหมือนโดนมีดแทงยังไงอย่างนั้น…เจ็บปวดเหลือเกิน!

“พูดจาซี้ซั้ว เสี่ยวซีรักฉัน เธอยังคลอดอาเช่อมาให้ฉันด้วย…”

“เฮ่อเหลียนเช่อกำเนิดออกมาอย่างไร? หนิงเฉินเซวียนแกก็รู้อยู่แก่ใจดีไม่ใช่เหรอ? แกฉวยโอกาสตอนที่ฉันออกจากบ้านขู่บังคับเสี่ยวซีจนเธอท้อง เสี่ยวซีไม่กล้าเล่าสถานการณ์ให้ฉันฟัง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ในความกลัวและโทษตัวเองจนเป็นภาวะซึมเศร้า ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอฆ่าตัวตาย…”

เฮ่อเหลียนชิงโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด เขาเกลียดหนิงเฉินเซวียนแต่ก็เกลียดตัวเองด้วยเช่นกัน

ถ้าหากตอนนั้นเขาแสดงความห่วงใยเสี่ยวซีสักหน่อย บางทีเธอคงไม่ฆ่าตัวตายและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนถึงตอนนี้

แต่ตอนนั้นเขายังเด็กและใจร้อนจึงรับไม่ได้ที่เพื่อนและภรรยาทรยศหักหลังเขา เขาเกลียดเสี่ยวซีที่ใช้เขาเป็นเครื่องมือหลบหนีการคุกคามของหนิงเฉินเซวียน นั่นจึงทำให้เขาปฏิบัติต่อเสี่ยวซีอย่างเย็นชาเป็นเวลานาน…

เขาผิดไปแล้ว!

เฮ่อเหลียนชิงที่ตกอยู่ในภวังค์และตำหนิตัวเองอยู่จึงไม่ทันสังเกตความตื่นตระหนกที่พาดผ่านดวงตาของหนิงเฉินเซวียน

********

เสี่ยวเมิ่งที่ใจร้อนดั่งไฟแผดเผาก็มาถึงในไม่ช้า เขาได้ยินเหมยเหมยบอกว่าโฉ่วโฉ่วรู้ว่าจะหาตัวหนิงเฉินเซวียนได้จากที่ใด ฉับพลันเขาก็พาลูกน้องไปช่วยเฮ่อเหลียนชิงทันที

“เวลาไม่คอยท่า ตาแก่บ้านั่นเกลียดนายท่านเข้ากระดูกดำ หากชักช้ากลัวว่านายท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้!”

เสี่ยวเมิ่งหัวเสียเป็นอย่างมากเพราะเอวของเขาเจ็บออดแอด หลายวันมานี้อาการปวดกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว เฮ่อเหลียนชิงเห็นใจเขาจึงไม่ยอมให้เขาติดตามไปด้วยแล้วพาแค่บอดี้การ์ดที่มาใหม่ไม่กี่คนติดตามไปที่สนามแข่งม้าด้วยเท่านั้น เขานึกว่าหนิงเฉินเซวียนแอบซ่อนตัวอยู่เพราะงั้นนายท่านคงไม่ตกอยู่ในอันตรายจึงไม่ดึงดันที่จะติดตามไป

แต่ไหนเลยจะรู้ว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ไม่ได้ติดตามกลับกลายเป็นเรื่องไปได้

หากนายท่านมีอันเป็นไป ต่อให้เขาตายเป็นพันเป็นหมื่นครั้งก็ยากที่จะหลุดพ้นความผิดนี้ไปได้!

เหมยเหมยเองก็อยากจะตามไปด้วยแต่เธอรู้ว่าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้จึงยอมอยู่บ้านแล้วให้เสี่ยวเมิ่งพาเสี่ยวเป่าและโฉ่วโฉ่วไป

“ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหมยเหมยลูกพูดกับแม่มาให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ…” เหยียนซินหย่ารู้สึกถึงบรรยากาศความตึงเครียด แม้แต่คนเก่งอย่างเฮ่อเหลียนชิงยังถูกลักพาตัวไป ถ้าอย่างนั้นที่อยู่ดี ๆเหมยเหมยร้องไห้เมื่อครู่ก็ไม่ใช่เพราะคิดถึงเหยียนหมิงซุ่นอย่างแน่นอน

ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วแน่นอน!

เมื่อต้องเผชิญกับคำถามซ้ำ ๆของเหยียนซินหย่าเหมยเหมยจึงไม่สามารถปิดบังต่อไปได้อีก เธอเลยเล่าเรื่องฐานลับและหนิงเฉินเซวียนให้ฟังพร้อมน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

น้ำตาที่ไหลรินของเธอหลายวันมานี้มากกว่าหลายปีก่อน ๆรวมกันเสียอีก เธอเกลียดความอ่อนแอของตัวเองแต่เธอก็ควบคุมมันไม่อยู่เหมือนกัน

“พระเจ้า…บ้าไปแล้ว…ตาแก่บ้านี่คิดจะทำอะไรกันนะ…เหมยเหมยทำไมลูกไม่บอกแม่ให้เร็วกว่านี้ ยัยหนูที่น่าสงสารเอ๊ย…”

เหยียนซินหย่าโอบกอดเหมยเหมยไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าลูกสาวของเธอผ่านมันมาได้อย่างไร?

ต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวแถมยังท้องอีกต่างหาก!

“แม่ไม่กลับบ้านแล้ว แม่จะอยู่กับลูกจนกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะกลับมา” เหยียนซินหย่าโทรหาผู้ช่วยทันทีเพื่อบอกให้ช่วยเลื่อนตารางงานออกไปทั้งหมด สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือสุขภาพของลูกสาว เรื่องอื่นค่อยว่ากัน

เหมยเหมยรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง ถึงแม้เหยียนซินหย่าจะช่วยอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยก็มีคนอยู่เคียงข้าง เธอก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานใจขนาดนั้นแล้ว!

ณ ภูเขาสือว่าน

เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อตรวจค้นละแวกรอบ ๆฐานลับรอบหนึ่งพร้อมทั้งจัดการเจ้าหน้าที่ประจำฐานไปด้วย แต่กลับล้มเหลวในการค้นหาสวิตช์ระเบิด หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งสองก็มาเจอกัน

“ล่าช้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันกลัวว่าหนิงเฉินเซวียนจะกดระเบิดก่อนเวลา เอาแบบนี้แล้วกันพวกเราไปหาระเบิดมากันเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจทำตามแผนสำรอง ในเมื่อหาสวิตช์ไม่พบงั้นเราก็ไปหาระเบิด แค่ไม่มีมันต่อให้ระเบิดขึ้นมาก็ไม่ต้องกลัวอะไร!

…………………………………………..

ตอนที่ 2275 โฉ่วโฉ่วแจ้งข่าว

ข้างนอกมีเสียงร้องที่คุ้นเคยดังแว่วเข้ามา เหมยเหมยฟังออกว่าเป็นเสียงของโฉ่วโฉ่วจึงรู้สึกแปลกใจมาก ๆ โฉ่วโฉ่วน่าจะอยู่ในสวนฟาร์มไม่ใช่เหรอ?

ทำไมถึงได้มาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสวนฟาร์มไม่ได้อยู่ใกล้กับที่พักของเหมยเหมย ขนาดขับรถยังใช้เวลาตั้งครึ่งชั่วโมงเลย!

อีกอย่างต้องผ่านถนนมาอีกตั้งหลายสาย การที่โฉ่วโฉ่วมาเองแบบนี้ช่างน่างงงวยเสียจริง

“โฉ่วโฉ่ว…เกิดอะไรขึ้น?”

เหมยเหมยวิ่งออกไป โฉ่วโฉ่วอยู่ข้างนอกประตู ขนสีดำเข้มเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดพร้อมประกายน้ำวาววับเลือนราง นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเลือดจาง ๆอีกด้วย มันถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่ตามมาดูเรื่องสนุก ๆด้วยความตื่นเต้นพร้อมชี้มือชี้ไม้มาที่มัน

“โฉ่วโฉ่วแกได้รับบาดเจ็บเหรอ…”

เหมยเหมยเดินเข้าไปใกล้ถึงได้ค้นพบว่ามีแผลยาวที่หลังของโฉ่วโฉ่ว ดูเหมือนว่ามันจะถูกฟันด้วยอาวุธมีคม เลือดยังคงไหลอยู่จึงทำให้แผงคอเปียกชุ่มไปหมด

แต่โฉ่วโฉ่วกลับไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง มันคุกเข่าลงเพราะต้องการให้เหมยเหมยขึ้นนั่งบนตัวมัน

ทั้งตาแก่อ้วนและภรรยาของมันถูกคนเลวพาตัวไปแล้ว หากเจ้านายไม่ไปช่วยตาแก่อ้วนและภรรยาของมันต้องตายแน่นอน

“แน่นอนว่าจะต้องเกิดเรื่องที่สวนฟาร์มแล้วแน่นอน คุณหนู ผมจะไปโทรศัพท์เดี๋ยวนี้แหละ” ลุงเหลาที่เดินตามออกมาด้วยก็สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ โฉ่วโฉ่วเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเฮ่อเหลียนชิง ในสวนฟาร์มจะมีใครกล้าทำร้ายมันได้?

แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บ แสดงว่าที่สวนฟาร์มจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่นอน เฮ่อเหลียนชิงคงเผชิญกับเรื่องร้ายอยู่

เหมยเหมยปวดศีรษะเป็นอย่างมาก ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นก็ติดต่อไม่ได้ ตอนแรกเธอคิดว่าจะไปปรึกษาหารือเฮ่อเหลียนชิงในวันพรุ่งนี้ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับตาแก่นี่ด้วยอีกคน นอกจากตาแก่บ้าหนิงเฉินเซวียนแล้วใครจะไปลักพาตัวตาแก่พิการนั่นกัน!

“คนสารเลวชาติชั่ว…”

เหมยเหมยสบถคำหยาบออกมาด้วยความเกลียดชัง ถ้าหนิงเฉินเซวียนอยู่ตรงหน้า เธอคงสับตาแก่นี้เป็นชิ้น ๆจนตายไปแล้ว!

“คุณหนู ทางด้านสวนฟาร์มบอกว่านายท่านพาโฉ่วโฉ่วและม้าเซ็กเธาว์ไปแข่งที่สนามม้า คนที่ไปกับนายท่านไม่ใช่เสี่ยวเมิ่ง แต่เป็นคนที่มาใหม่ไม่กี่คน…”

ลุงเหลาเองก็รู้สึกไม่ดีนัก ปกติเสี่ยวเมิ่งอยู่กับท่านทุกวันมานานกว่าสิบปีไม่เคยอยู่ห่างเฮ่อเหลียนชิงเลยแม้แต่วินาทีเดียว แค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวที่ไม่ได้ติดตามไปก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ตอนคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อครู่เสี่ยวเมิ่งเสียใจมากจนแทบอยากฆ่าตัวเองทิ้ง

ใครจะรู้ว่าตาแก่หนิงจะคลุ้มคลั่งกำเริบเสิบสานกล้าปรากฏตัวตอนกลางวันแสก ๆขนาดนี้

“เขาก็จริง ๆเลยนะ…เวลาแบบนี้จะออกไปทำไมกัน…”

เหมยเหมอดไม่ได้ที่จะตำหนิ ขาสองข้างเป็นอัมพาตก็ยังนั่งอยู่นิ่ง ๆไม่เป็น ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้ไหม!

เธอหยิบยาออกมาป้อนให้โฉ่วโฉ่วสองสามเม็ดและช่วยทายารักษาบาดแผลให้ โชคดีที่บาดเจ็บแค่ผิวภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เสี่ยวเปาวิ่งออกมา พอเขาเห็นโฉ่วโฉ่วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีจึงรีบวิ่งมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของหั่วหั่ว

แต่พอเขาถามได้ความก็ต้องร้อนใจอีกครั้ง คาดไม่ถึงเลยว่าหั่วหั่วก็โดนตาแก่นิสัยไม่ดีจับตัวไปเช่นกัน ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!

“…ช่วยหั่วหั่ว…”

เสี่ยวเป่าลากเหมยเหมยไปช่วยเพื่อนของเขาและเหมยซูหาน เหมยเหมยก็ร้อนใจเช่นกันแต่เธอไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงโดนลักพาตัวไปที่ไหน แล้วจะไปช่วยที่ไหนล่ะ?

“…รู้…”

เจ้าตัวเล็กมองท่าทีสับสนข้องใจของเหมยเหมยออกจึงพูดพลางชี้ไปที่โฉ่วโฉ่ว ครั้งนี้เหมยเหมยฟังเข้าใจอย่างรวดเร็ว เธอกระซิบถามข้างหูของเสี่ยวเป่าว่า “โฉ่วโฉ่วรู้ว่าคนเลวอยู่ที่ไหนใช่ไหม?”

“อืม…” เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างแรง

********

หนิงเฉินเซวียนมองเฮ่อเหลียนชิงที่ยังสลบไสลไม่ได้สติ หัวเราะเยาะออกมาหลายครั้ง ในดวงตามีความลำพองใจ

เวลากระต่ายปลิ้นปล้อนหนียังรู้จักหาที่หลบหลาย ๆที่ ฉะนั้นเขาจะแพ้สัตว์เดรัจฉานได้เช่นไร?

แน่นอนว่าต้องมีที่ซ่อนตัวมากกว่าหนึ่งที่สิ

ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อทรยศหักหลังเขา งั้นเขาก็จะไม่รับลูกชายคนนี้อีกต่อไป ตัวเองรนหาที่ตายเองก็อย่าโทษว่าเขาโหดเหี้ยมแล้วกัน!

หนิงเฉินเซวียนไม่ได้กังวลเรื่องระเบิดที่ฐานลับเลยเพราะไม่มีใครสามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ ต่อให้เข้าไปได้แต่ก็คงเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้อยู่ดี เขาไม่เชื่อหรอกว่าเหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่กลัวตาย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2276 สวิตช์อยู่ใกล้แค่เอื้อม

เฮ่อเหลียนชิงค่อย ๆได้สติฟื้นขึ้นมา เขากำลังคุยโวโอ้อวดอยู่ที่สนามม้ากับคนอื่น แต่ไหนเลยจะคิดว่าหนิงเฉินเซวียนตาแก่สารเลวนี่จะกล้าปรากฏตัว และที่น่าโมโหก็คือเขาโดนตาแก่สารเลวนี่ห่อตัวเป็นเกี๊ยวเลย

ที่แท้คนมาใหม่ก็ไร้ประโยชน์จริง ๆ!

“ฟื้นแล้วเหรอ…”

เสียงอันเยือกเย็นของหนิงเฉินเซวียนเหมือนดังออกมาจากถ้ำน้ำแข็งก็ไม่ปาน ทั้งยังแฝงด้วยความลำพองใจอยู่บ้าง กวาดตาสำรวจเฮ่อเหลียนชิงอย่างละเอียดจากมุมสูง

“ตาแก่หนิงสารเลว…”

เฮ่อเหลียนชิงเพิ่งสบถด่าไปแส้เส้นหนึ่งก็สะบัดฟาดลงมา เจ็บจนเขาแทบหน้ามืดเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา

“ใกล้จะตายอยู่แล้วยังพูดจาไร้สาระอยู่ได้…เหอะ…” ในมือของหนิงเฉินเซวียนถือแส้ที่ทำจากลวดเหล็กอัลลอยด์ผสมแบบพิเศษไว้อยู่ดูไม่ค่อยเข้าตานัก แต่ถ้าฟาดลงบนตัวใครแล้วก็สามารถทำให้ผิวหนังแตกจนเห็นเนื้อ ปวดแสบเข้ากระดูกได้เลยทีเดียว!

ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเคยเข้าร่วมในการปฏิวัติและยังมีประสบการณ์ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโค้ชในตำนานของทหารหน่วยรบพิเศษด้วย แต่ถ้าพูดกันตามจริงแล้วเจ้าหมอนี่ไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานใดมากนัก ชีวิตอยู่ดีกินดีตั้งแต่เด็ก อาหารมีให้กินไม่มีเบื่อ กางเกงในทำจากผ้าไหมที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากที่สุด เฮ่อเหลียนชิงก็สามารถทำให้ชีวิตของตัวเองสะดวกสบายกว่าคนอื่น ๆได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกลงโทษ เพราะนี่เป็นครั้งแรก!

หนิงเฉินเซวียนรู้จักเขาดีดังนั้นจึงตัดสินใจว่าก่อนฆ่าเฮ่อเหลียนชิงจะทรมานเขาอย่างหนักหน่วงเสียก่อน จนกระทั่งเขาร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ หรือแม้แต่ร้องเรียกให้สวรรค์ฟ้าดินช่วยก็ไม่ได้…

ถึงขนาดกล้าลักพาตัวเสี่ยวซีของเขาไป ต่อให้ต้องตกนรกสิบแปดขุมแช่อยู่ในกระทะทองแดงก็ไม่สามารถทลายความเกลียดชังของเขาลงได้

ดังนั้น…เขาจะใช้วิธีของตัวเขาเองทรมานคนน่ารังเกียจอย่างหมอนี่อย่างเหี้ยมโหด!

ต่อหน้าเสี่ยวซี!

“หนิงเฉินเซวียนแกเลิกพูดจาปั้นน้ำเป็นตัวได้แล้ว ใครกันแน่ที่ใกล้ตาย? เหอะ แกกำลังทำสิ่งที่ผิดขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์ พระเจ้าจะต้องส่งเทพแห่งสายฟ้ามาจัดการแกแน่…” เฮ่อเหลียนชิงพยายามฝืนความเจ็บปวดพร้อมตำหนิเสียงเย็น

ในใจของเขารู้ดี หากตกอยู่ในเงื้อมมือของหนิงเฉินเซวียนในเวลาที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ชีวิตน้อย ๆของเขาก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้

ถึงแม้จะทำใจไม่ได้อยู่บ้าง

แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการซื้อเวลาให้เหยียนหมิงซุ่น หนิงเฉินเซวียนกลายเป็นหมาบ้ากัดคนมั่วซั่วไปทั่วแล้วและไม่รู้ว่าเขาจะโทรสั่งทหารพลีชีพที่ฐานลับให้จุดชนวนระเบิดเมื่อไร

ดังนั้นต่อให้เขาต้องตายก็ต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำเพื่อประชาชนอีกนับร้อยชีวิตก็แล้วกัน!

อย่างน้อยหลังความตายก็ยังมีคุณงามความดีประดับไว้อยู่บ้าง ดื่มด่ำกับความเคารพนับถือของมวลมนุษย์บนโลกนี้ ความรู้สึกแบบนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว!

พอเฮ่อเหลียนชิงคิดแบบนี้แล้วก็พลันรู้สึกว่าความตายไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ถึงอย่างไรเสียเขาก็สมควรตายนานแล้ว ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านเขาแอบหนีพญายมราชมาซึ่งถือว่ามากพอแล้ว!

แต่เขาต้องการให้หนิงเฉินเซวียนตายต่อหน้าเขาเช่นกัน!

ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับ!

หนิงเฉินเซวียนระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งอย่างชอบใจ “ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ…ฮ่า ๆ…เฮ่อเหลียนชิงแกดูให้ดีสิ นั่นมันอะไร…ขอแค่ฉันกดเบา ๆทางฐานลับก็จะได้รับคำสั่งพร้อมระเบิดภายในสามวินาทีเลยล่ะ…”

เขาชี้ไปที่กล่องเหล็กเล็ก ๆที่ฝาเปิดไว้อยู่ไม่ไกลจนเผยให้เห็นปุ่มสีแดงด้านใน มันเหมือนกับปุ่มหยุดฉุกเฉินบนเครื่องจักร แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่…

นี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับร้อยในทิศตะวันตกเฉียงใต้และชีวิตของเหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อ

แค่หนิงเฉินเซวียนกดลงไปสัญญาณก็จะถูกส่งไปยังฐานลับที่ภูเขาสือว่าน ทหารพลีชีพที่รออยู่ก็จะจุดชนวนทันทีที่ได้รับสัญญาณ หลังจากนั้นก็จะระเบิด…

เขาน่าจะรู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงเป็นปลาตายบนเขียงของเขาที่ไม่สามารถกระโดดหนีไปไหนได้แล้ว หนิงเฉินเซวียนบอกความลับของเขาอย่างลำพองใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!

หัวใจของเฮ่อเหลียนชิงเต้นแรงเพราะสวิตช์อยู่ใกล้แค่เอื้อม ขอแค่เขาสามารถตัดการเชื่อมต่อได้ ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของหนิงเฉินเซวียนก็คงไม่ถูกปล่อยออกไป

ชนวนระเบิดที่ฐานลับก็ยิ่งมีโอกาสที่จะไม่เกิดขึ้นมากขึ้นอีก!

เฮ่อเหลียนชิงยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แต่พอมองไปที่ขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึกแล้วก็รู้สึกขัดใจเหลือเกิน เขาจะต้องคิดหาหนทางดี ๆถึงจะได้!

…………………………………………..

ตอนที่ 2273 ติดต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้

ภูเขาสือว่านพระอาทิตย์จะขึ้นช้ากว่าที่อื่นเล็กน้อย แสงแดดรุ่งอรุณส่องผ่านใบไม้ที่หนาแน่น เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวพร้อมกัน

พวกเขาทั้งคู่นอนพิงต้นไม้ใหญ่พักผ่อนทั้งคืน ความแข็งแกร่งทางกายภาพถูกเติมเต็มพร้อมพลังสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

“ตอนนี้เข้าไปได้แล้วมั้ง หากยังไม่เข้าไปอีก ตะวันจะส่องก้นแล้วนะ”

เฮ่อเหลียนเช่อเด็ดใบไม้เล็ก ๆรูปร่างกลมมนจากต้นไม้พุ่มเตี้ยมาสองสามใบแล้วยื่นส่งให้เหยียนหมิงซุ่น จากนั้นทั้งสองก็เอาเข้าปากเคี้ยว กลิ่นของใบไม้ชนิดนี้หอมสดชื่นมาก นอกจากนี้ยังสามารถฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย ตอนปฏิบัติภารกิจในป่าพวกเขาจะเคี้ยวใบไม้เหล่านี้แทนการบ้วนปากเพื่อประหยัดน้ำ

“หาอะไรกินก่อนแล้วกัน…ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบขนมปังกรอบอัดถุงออกมาส่งให้เฮ่อเหลียนเช่อ อันที่จริงในตัวฉิวฉิวมีของอร่อยมากมายแต่เขาเอาออกมาไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้จะตบตาหลอกง่ายดายขนาดนั้น

ฉิวฉิวปีนขึ้นต้นไม้เพื่อแบ่งปันอาหารมื้อใหญ่กับฉาฉาแล้วทอดมองไปด้านนอกเป็นพัก ๆ ตอนที่มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากระยะไม่ใกล้ไม่ไกลก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

มากันแล้วจริง ๆ!

ฉิวฉิวกระโดดไม่กี่ทีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่มารวมตัวกัน ยามปกติพวกมันเป็นคู่แข่งกันแต่ในเวลานี้กลับปรองดองกันเป็นพิเศษ เพียงแต่งูที่รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่นเหล่านั้นทำเอาคนเห็นต่างพากันขนลุกซู่กันถ้วนหน้า

ฉิวฉิวไม่ได้ให้พวกมันเข้าไป บอกแค่ให้พวกมันรออยู่ข้างนอก เมื่อถึงเวลามันจะส่งสัญญาณเรียก

เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้นำตัวเองด้วยความเงียบสงบ ในอากาศมีกลิ่นเฉพาะตัวของสัตว์เหล่านี้แผ่กระจายออกมา

ฉิวฉิวมองสัตว์พวกนี้ที่อัดเบียดเสียดด้วยความสงสาร พวกมันทั้งหมดมาเพื่อตายแท้ ๆ ตัวที่รอดคงมีไม่เกินห้าตัวหรืออาจจะน้อยกว่านั้นแน่นอน

เฮ้อ!

เฮ่อเหลียนเช่อกินขนมปังกรอบอัดถุงเสร็จก็ทำจมูกฟุดฟิด เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ทำไมเหม็นขนาดนี้ เหยียนหมิงซุ่นนายได้กลิ่นไหม?”

ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นของเหยียนหมิงซุ่นไวกว่าเขาเยอะ แน่นอนว่าเขาได้กลิ่นนานแล้ว เขาเองก็งงงวยมากเช่นกัน เขาได้กลิ่นเหมือนสุนัขจิ้งจอก แล้วก็ยังมีกลิ่นเหมือนงู…

แปลกมาก!

ฉิวฉิวพุ่งลงมาจากต้นไม้แล้วชี้ไปที่ฐานลับ ทำท่าทางสื่อว่าพวกเขาเข้าไปด้านในได้แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นกินขนมปังกรอบอัดถุงไปอีกสองสามคำตามด้วยน้ำเปล่าไปอีกหนึ่งอึก จากนั้นก็เตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจ

ภายในฐานลับเงียบมาก การป้องกันไม่หนาแน่นซึ่งอาจจะเป็นเพราะอยู่ในป่าลึก ดังนั้นหนิงเฉินเซวียนจึงไม่กังวลว่าจะมีคนนอกบุกเข้ามาจึงจัดคนคุ้มกันเอาไว้ไม่มาก

“ฉันไปทางนี้ นายไปทางนั้น แล้วมาเจอกันที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า”

เหยียนหมิงซุ่นทำมือสื่อสาร เฮ่อเหลียนเช่อก็ทำมือโอเคกลับเพื่อตอบรับ ทั้งสองแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว หนึ่งคนไปทางทิศตะวันออก ส่วนอีกคนไปทางทิศตะวันตก ในไม่ช้าก็หายวับไปไม่เห็นเงาพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าฉิวฉิวและฉาฉาก็ตามติดเหยียนหมิงซุ่นไปด้วย

ลุงเหลาที่อยู่เมืองหลวงก็คิดหาวิธีนับไม่ถ้วนแต่ก็ติดต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ ด้านในป่าทึบไม่มีสัญญาณเลย เครื่องบินก็บินเข้าไปไม่ได้เช่นกัน เขาทำได้แค่ส่งคนเดินเข้าป่าไปตามหาแต่ก็ใช่ว่าจะทันเสมอไป

“ติดต่อไม่ได้เหรอ…พี่หมิงซุ่นเข้าฐานลับไปแล้วหรือเปล่า…ลุงเหลา ลุงรีบไปจับตาดูความเคลื่อนไหวทางนั้นว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นไหม…”

เหมยเหมยพูดคำว่าระเบิดด้วยความยากลำบาก หากฐานลับปรมาณูระเบิด อะไรจะเกิดขึ้น…

เธอไม่กล้าคิดเรื่องนี้แต่เธอก็อดคิดไม่ได้…

หัวใจของเหมยเหมยบีบแน่นราวกับมีมือมาบีบไว้ ไม่ได้เจ็บปวดแต่รู้สึกหายใจไม่ออก ในที่สุดเธอก็เข้าใจรสชาติของคำว่า ’เป็นห่วงจับใจ’ มันเป็นเช่นไร

ตาแก่บ้าหนิงเฉินเซวียนหายตัวไป เหยียนหมิงซุ่นก็ติดต่อไม่ได้อีก ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

เหมยเหมยรู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมาแต่ไม่มีที่ให้หลบหนี

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหยียนซินหย่าที่เพิ่งกลับมาจากการไปทำงานต่างเมืองโทรมาหาเพราะเป็นห่วงสุขภาพของเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินได้นอนหลับสบายดีจะตายไป แม่ไม่ต้องมาหรอกอากาศร้อนขนาดนี้ แม่พักผ่อนอยู่บ้านนั่นแหละ อีกสองสามวันหนูจะกลับบ้านไปหาแม่นะ”

เหมยเหมยพยายามฝืนยิ้มแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วห้ามไม่ให้เหยียนซินหย่ามาหา

สารรูปของเธอตอนนี้จะให้เหยียนซินหย่าเห็นไม่ได้ ให้เธอร้อนใจคนเดียวพอแล้ว

…………………………………………..

ตอนที่ 2274 คงจะดีหากมีใครสักคนอยู่ร่วมทนทุกข์ด้วยกัน

เหยียนซินหย่าฟังน้ำเสียงที่ผิดปกติของเหมยเหมยออก แม่มักรู้จักลูกสาวดีกว่าใคร แค่เธอฟังน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเหมยเหมยกำลังปิดบังอะไรเธออยู่และคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย

เธอวางสายโทรศัพท์โดยไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร แล้วรีบออกไปข้างนอกโดยไม่คิดจะพักผ่อน

เหมยเหมยวางสายพร้อมถอนหายใจ แต่เธอยังไม่ทันได้นั่งคุณย่าหยางก็โทรมาถามไถ่ด้วยความห่วงใย เธอใช้เวลานานกว่าจะพูดเอาใจหญิงชราได้

โชคดีที่หญิงชราโน้มน้าวใจง่ายเหมยเหมยจึงไม่ได้เปลืองน้ำลายมากนักแต่ก็พูดจนปากแห้งกันเลยทีเดียว ฉับพลันในใจก็ยิ่งโศกเศร้ามากกว่าเดิม เธอต้องการใครสักคนมาแบ่งเบาความทุกข์ทรมานนี้เหลือเกิน

“ศาสตราจารย์เหยียนมาแล้วเหรอคะ…คุณหนูอยู่ในบ้านค่ะ…”

เสียงของป้าฟางดังแว่วเข้ามา เหมยเหมยตกตะลึงรีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วพยายามฝืนยิ้ม จากนั้นก็มองเหยียนซินหย่าที่กำลังเดินเข้ามา

“ทำไมแม่ถึงมานี่ได้ล่ะ หนูให้แม่พักผ่อนอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ!”

พอเหยียนซินหย่าเห็นหน้าตาซีดเซียวของลูกสาวขอบตาก็แดงก่ำ “ลูกเป็นแบบนี้แล้วยังจะปิดบังแม่อีก ลูกดูตัวเองสิว่าผอมจนหนังติดกระดูกแล้ว ผอมกว่าก่อนท้องอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เหมยเหมยเสแสร้งต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว หยาดน้ำตารินไหลอาบแก้ม จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเหยียนซินหย่าแล้วปล่อยโฮออกมา

“ไม่ต้องร้องนะ…แม่อยู่นี่แล้ว ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีพ่อคอยดันไว้ให้ พวกเราไม่ต้องกลัว…” เหยียนซินหย่าเองก็เริ่มขอบตาแดง เธอลูบหลังเหมยเหมยอย่างแผ่วเบา

เสี่ยวเป่าที่เพิ่งกลับมาจากการไปเล่นในสวนหลังบ้าน พอเขาเห็นเหมยเหมยร้องไห้อย่างปวดใจก็รีบวิ่งเข้ามาหยิบเอาของสุดรักสุดหวงส่งให้เหมยเหมย พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อว่า “คุณน้า…อย่าร้องนะ…หนอน ๆ…”

เหมยเหมยฟังไม่เข้าใจว่าเสี่ยวเป่าพูดอะไร เธอแค่เอื้อมมือไปรับสิ่งที่เขามอบให้โดยไม่รู้ตัว แต่เพิ่งจะรับมาก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มเย็น ๆเล็กน้อย…จึงก้มหน้าลงมอง…

“อ๊าก…”

เหมยเหมยสะบัดทิ้งด้วยความตกใจจนลืมแม้กระทั่งร้องไห้ ใบหน้างดงามซีดไร้เลือดฝาด หนอนสีเขียวตัวอวบอ้วนดิ้นไปมาบนพื้น เหมยเหมยรู้สึกหนังศีรษะชาไปหมดแล้ว

คนที่ตกใจไม่น้อยอีกคนก็คือเหยียนซินหย่า แต่ว่าเธอยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเหมยเหมยได้อย่างกล้าหาญพลางพูดปลอบใจว่า “ไม่ต้องกลัว…แค่หนอนผีเสื้อ มันไม่กัดคนหรอก”

เหมยเหมยลูบแขนด้วยความขยะแขยง บนแขนมีตุ่มขนลุกขนพองขึ้นเต็มไปหมด ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับความกลัวสัตว์ตัวนุ่มนิ่มพวกนี้จากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ไม่เกี่ยวหรอกว่ามันจะกัดหรือไม่กัด

“เสี่ยวเป่า…รีบเอาหนอนออกไปเลยนะ…” เหมยเหมยพยายามที่จะระงับความคิดตีก้นของเจ้าตัวเล็กไว้ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแอบเตือนตัวเองว่า

เธอคือผู้ใหญ่ ไม่ควรจะถือสาอะไรกับเด็กน้อย!

แต่ว่า…อยากจะตีก้นเล็ก ๆนั้นจริง ๆเลย!

เสี่ยวเป่าเบะปากด้วยความน้อยใจ จากนั้นก็เก็บหนอนสุดที่รักของเขาขึ้นมาจากพื้น กว่าเขาจะหาของสุดรักสุดหวงนี้เจอมันไม่ง่ายเลยนะ เขาเก็บใส่กระเป๋าเพราะอยากเลี้ยงเอาไว้เล่นด้วยกัน

เหมยเหมยมองจนไฟแทบลุกออกมาจากดวงตาอยู่แล้ว นี่ยังจะเก็บหนอนที่น่าขยะแขยงใส่กระเป๋าอีก ถ้าหากนั่งยอง ๆหรือว่าโดนทับขึ้นมา หนอนตัวอวบอ้วนนุ่มนิ่มของหนอนผีเสื้อก็คงระเบิดเละ…

ภาพนั้นยากเกินที่จะจินตนาการ เพียงแค่คิดก็อยากจะอ้วกแล้ว!

“เสี่ยวเป่าส่งหนอนคืนกลับบ้านดีไหม หากหนอนต้องแยกจากพ่อแม่ไปคงเสียใจน่าดูเลย…” เหมยเหมยพยายามอดกลั้นต่ออาการคลื่นไส้ไว้และหาเหตุผลมาพูดคุยกับเสี่ยวเป่า ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าการกลับบ้านที่ดีที่สุดสำหรับหนอนผีเสื้อก็คือเป็นอาหารอันโอชะให้ฝูงไก่ที่ป้าฟางเลี้ยงไว้ก็ตามที

เสี่ยวเป่าขบคิดสักพักก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่สวนหลังบ้านพร้อมกับหนอนแล้ววิ่งกลับมาอีกครั้ง พร้อมแบมือสีขาวนุ่มทั้งสองข้างให้เหมยเหมยดู

“เด็กดี…”

เหมยเหมยขอให้ป้าฟางพาเสี่ยวเป่าไปล้างมือ จากนั้นก็ทานของว่าง พอโดนเสี่ยวเป่าก่อกวนก็ทำให้ความเศร้าของเธอจางลงไปบ้าง เธอไม่ได้ปวดใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

เหยียนซินหย่าถามเธออีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น เหมยเหมยไม่ได้เล่าให้ฟังหมดทุกอย่าง เธอไม่ต้องการให้คนในครอบครัวมากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่พี่หมิงซุ่นไปทำธุระ หนูอยู่บ้านคนเดียวเลยรู้สึกไม่ดี…”

เหยียนซินหย่าถอนหายใจ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ช่วงตั้งครรภ์ผู้หญิงมักมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย เธอก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันเลยไม่นึกสงสัยอะไร

“คุณหนู…โฉ่วโฉ่วมา…” ป้าฟางรีบพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

…………………………………………..

ตอนที่ 2271 จะจุดชนวนระเบิดก่อนกำหนดหรือไม่

“ยิวยิว (คุณอา) …คุณปู่…คนนิสัยไม่ดี”

เสี่ยวเป่ายังไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้จึงพูดตะกุกตะกักออกเสียงไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่เหมยเหมยก็ดีใจแทบแย่แล้ว

“เสี่ยวเป่าพูดได้แล้วเหรอ? เสี่ยวเป่าเก่งจังเลย…หนูพูดอีกรอบได้ไหม อาโง่เกินไปเลยฟังไม่ค่อยเข้าใจเลย…”

“คุณปู่นิสัยไม่ดี…ยิวยิว…”

เสี่ยวเป่าตะโกนขึ้นมาอีกสองสามคำด้วยความร้อนใจ พอเห็นเหมยเหมยยังคงไม่เข้าใจเขาจึงกำมือเธอลากไปที่โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นด้วยความเร่งรีบ เสี่ยวเป่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วแสร้งทำเป็นโทรออกแล้ววางลงอีกครั้ง กำหมัดเล็ก ๆแน่นแล้วทุบแรง ๆอยู่สองสามครั้งพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ตอนนี้เหมยเหมยเข้าใจแล้ว เสี่ยวเป่ากำลังแสดงฉากที่เหมยซูหานถูกลักพาตัวไป เจ้าตัวเล็กช่างฉลาดจริง ๆ

“คุณปู่นิสัยไม่ดี…ยิวยิว…”

เสี่ยวเป่าพูดอีกหนึ่งประโยค เหมยเหมยใจเต้นระส่ำแล้วถามว่า “คุณปู่เป็นคนพาคุณอาไปใช่ไหม?”

“อืม…”

เสี่ยวเป่าโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกแล้วพยักหน้าแรง ๆ มือที่ดึงเหมยเหมยไว้เหมือนอยากจะพาออกไป ข้างหลังเขามีสุนัขตัวใหญ่สามตัวสูงกว่าเสี่ยวเป่า ตัวหนึ่งพันธุ์ชาเป่ย อีกตัวคือพันธุ์พิทบูล และอีกตัวคือพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด พวกมันทั้งหมดเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเสี่ยวเป่า

“ไปช่วย…ยิวยิว…”

เสี่ยวเป่าเดินไปพลางพูดไป คุณอาโดนคุณปู่นิสัยไม่ดีลักพาตัวไปแล้ว เขาต้องไปช่วยคุณอากลับมา

ที่แท้คนที่ลักพาตัวเหมยซูหานไปก็คือหนิงเฉินเซวียน หลังจากเฮ่อเหลียนเช่อจากไป ยิ่งตาแก่บ้านี่คิดทบทวนดูก็ยิ่งรู้สึกมันทะแม่ง ๆ เขารู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อแวะไปหา เขาจึงแวะมาหาด้วยตัวเองเพื่ออยากถามกันให้รู้เรื่อง

ทว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่อยู่บ้านแต่เขากลับได้ยินเหมยซูหานคุยโทรศัพท์ เมื่อได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อไปฐานลับกับเหยียนหมิงซุ่น หนิงเฉินเซวียนก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นจึงระงับอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่

ที่แท้ลูกชายตัวดีของเขาก็กำลังจะหักหลังเขา!

ทั้งหมดเป็นเพราะเหมยซูหานยุให้ทำ!

หนิงเฉินเซวียนที่โมโหจนควบคุมตัวเองไม่อยู่จึงลักพาตัวเหมยซูหานไป เดิมทีเขาก็อยากพาทายาทอย่างเสี่ยวเป่าไปด้วยแต่เสี่ยวเป่าได้รับสัญญาณเตือนจากสัตว์ตั้งแต่แรกจึงแอบซ่อนตัวเสียก่อน หนิงเฉินเซวียนหาอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่พบ เขาไม่กล้าอยู่ข้างนอกนานนานจึงรีบจากไป ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเป่าจึงหนีรอดมาได้

แต่เหมยเหมยกลับคิดมากไปกว่านั้น สิ่งที่เหมยซูหานพูดในตอนนั้นหนิงเฉินเซวียนต้องได้ยินแน่นอน จากนั้นคงเดาได้แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นไปที่ฐานลับทำไม

ถ้าหาก——

“ลุงเหลา หนิงเฉินเซวียนรู้แล้วว่าพี่หมิงซุ่นไปที่ฐานลับ เขาจะจุดชนวนระเบิดก่อนเวลาไหม?”

นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่เหมยเหมยกังวลที่สุด

ลุงเหลาเองก็กังวลเหมือนกัน หนิงเฉินเซวียนบ้าไปแล้ว เขาไม่สนใจชีวิตของลูกชายตัวเองแน่นอน ไม่แน่บางทีมันอาจจะระเบิดก่อนได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณชายหมิงจะอันตรายมาก!

“ผมจะหาวิธีติดต่อคุณชายหมิงแล้วส่งคนไปตามหาหนิงเฉินเซวียน”

ทางที่ดีที่สุดควรรีบไปควบคุมตัวตาแก่บ้านั่นก่อนที่จะคลุ้มคลั่งไปมากกว่านี้ แบบนั้นถึงจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นโลกจะตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย!

เหมยเหมยพาเสี่ยวเป่าที่ไม่ค่อยเต็มใจนักกลับบ้าน จากนั้นก็ให้ป้าฟางทำความสะอาด สุนัขทั้งสามก็ตามมาเดินวนเวียนรอบตัวเสี่ยวเป่าอยู่พักหนึ่งเหมือนกับทหารอารักขาผู้จงรักภักดียังไงอย่างนั้น

แต่เสี่ยวเป่ากลับไม่พอใจมาก เกี๊ยวที่ปกติชอบทานก็ไม่อยากทานเลยสักนิด เขาก้มศีรษะต่ำลงด้วยความหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา

“น้าส่งคนไปตามหาคุณอาแล้ว คุณอาจะกลับมาในเร็ว ๆนี้แน่นอน หากคุณอากลับมาแล้วรู้ว่าเสี่ยวเป่าไม่ยอมทานข้าว คุณอาต้องไม่พอใจแน่นอนเลย”

เหมยเหมยพูดโน้มน้าวเสียงอ่อนเสียงหวาน เสี่ยวเป่าก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟังพร้อมคว้าช้อนเล็ก ๆขึ้นมาตักทาน แถมยังป้อนเหมยเหมยบ้างสองสามคำเป็นพัก ๆ “คุณน้ากิน…ผอม…”

เหมยเหมยแสบจมูก พยายามฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอกับเสี่ยวเป่าแบ่งกันกินเกี๊ยวชามใหญ่คนละคำจนหมด ทำเอาป้าฟางถอนหายใจอย่างโล่งอก มีเสี่ยวเป่าอยู่ที่บ้านก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันเธอจะได้มีที่พักพิงใจ

ลุงเหลากลับมาตอนเที่ยง เขาหาหนิงเฉินเซวียนในถ้ำไม่พบ ที่นั่นวางเปล่าไม่มีใครสักคน

…………………………………………..

ตอนที่ 2272 สังหารหมู่

“ในถ้ำไม่มีใครอยู่เลยเหรอ? หนิงเฉินเซวียนจะไปไหนได้…”

เหมยเหมยรู้สึกงงงวยมาก ปกติแล้วถ้ำนั้นควรจะเป็นที่ซ่อนสุดท้ายของหนิงเฉินเซวียน หรือว่ายังมีที่ไหนที่ตาแก่บ้านั่นไปแต่พวกเรายังไม่ได้หากันนะ?

เสี่ยวเป่าหูผึ่ง หาคุณปู่นิสัยไม่ดีไม่เจองั้นเหรอ?

งั้นเขาจะไปหาเอง!

เสี่ยวเป่าดึงเสื้อของเหมยเหมยอยากจะเดินออกไปข้างนอก เขาไปถามเพื่อนทางโน้นเอาก็ได้

ลุงเหลาห้ามพวกเขาไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อครู่ตอนที่พวกเขารีบไปบ้านตระกูลหนิงต่างก็พากันตกใจยกใหญ่เพราะคาวเลือดในสวนหลังบ้าน ถึงแม้ว่าเขาจะผ่านประสบการณ์ในสงครามมาอย่างโชกโชนแต่เขาก็ไม่สามารถทนดูการสังหารหมู่ในสวนหลังบ้านได้

ม้าเหล่านั้นของหนิงเฉินเซวียนที่ปกติแล้วถูกดูแลอย่างสมบัติล้ำค่าในตอนนี้ตายจนเกลี้ยง เลือดเปื้อนสนามหญ้าไปทั่วไม่มีเหลือรอดสักตัว

ลุงเหลากระซิบข้างหูเหมยเหมย เหมยเหมยหน้าถอดสี หัวใจพุ่งมาถึงลำคอ “พระเจ้า…เขาเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ…ไม่มีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว…”

ยามปกติเขารักม้ายิ่งกว่าชีวิต หากพนักงานคนไหนดูแลม้าไม่ดี หนิงเฉินเซวียนจะต้องลงโทษพนักงานคนนั้นอย่างแน่นอน บางคนถึงกับตายเพราะดูแลม้าไม่ดีด้วยซ้ำ!

คนที่เกือบจะดูแลม้าเสมือนลูกชายตัวเองอย่างเขาเวลานี้กลับสังหารพวกมันเองกับมือ เขากระทำการเหี้ยมโหดขนาดนี้ได้อย่างไร?

ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะไม่ได้ยินคำพูดของลุงเหลาแต่เขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ ดูจากท่าทีของเหมยเหมยเจ้าตัวเล็กก็พอจะเดาได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขาสั้น ๆของเจ้าตัวเล็กวิ่งออกไปข้างนอก ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขาแน่นอน!

เดิมทีเหมยเหมยอยากจะห้ามเสี่ยวเป่าไว้ แต่พอเห็นหยดน้ำตาบนใบหน้าของเจ้าตัวเล็กหัวใจของเธอก็อ่อนยวบจึงไปบ้านตระกูลหนิงพร้อมกับเสี่ยวเป่า ทว่าแค่เดินเข้าไปในบ้านกลิ่นคาวเลือดก็โชยออกมาจนน่าขยะแขยง

เจ้าตัวเล็กเพิ่มความเร็วฝีเท้าวิ่งตรงไปที่สวนหลังบ้าน ตรงนั้นมีลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นกำลังทำความสะอาดศพม้าอยู่ แต่ทำความสะอาดไปได้แค่ครึ่งเดียวจึงมีสภาพที่แย่อยู่

“ฮือ…ฮวาฮวา…ไป๋ไป๋…”

เสี่ยวเป่าปล่อยโฮออกมา ปากก็ส่งเสียงเรียกชื่อที่เขาตั้งให้กับม้าเหล่านี้ไปด้วย เพื่อนแต่ละตัวของเขาต่างก็มีชื่อกันหมด เพราะในใจของเขาเพื่อนเหล่านี้ต่างก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

โศกนาฏกรรมในสวนหลังบ้านเกินจินตนาการของเหมยเหมยไปมาก เดิมทีเธอคิดว่าหนิงเฉินเซวียนคงจะแค่ยิงเพื่อฆ่าม้าเหล่านี้ทิ้งเท่านั้น แต่ที่ไหนได้หนิงเฉินเซวียนกลับฆ่าพวกมันอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่เพียงแต่สับหัวม้าเท่านั้นแต่ยังแยกร่างควักลำไส้ออกมาหมด…

โหดร้ายป่าเถื่อนเหลือเกิน!

เหมยเหมยปิดตาของเสี่ยวเป่าอย่างรวดเร็ว ภาพน่าหดหู่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะให้เด็กเห็น โดยเฉพาะพวกม้าที่เป็นเพื่อนของเสี่ยวเป่า หัวใจอันบริสุทธิ์ของเขาไม่อาจทนต่อสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจเช่นนี้ได้

“คนนิสัยไม่ดี…”

เสี่ยวเป่าร้องไห้จนเหนื่อยหอบสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของเหมยเหมยเป็นพัก ๆ มองดูแล้วช่างน่าปวดใจเหลือเกิน

“ไม่ร้องนะ…เสี่ยวเป่าไม่ต้องร้องแล้ว…พวกเราไปตามหาคุณอาก่อนดีไหม…” เหมยเหมยยิ่งรู้สึกเกลียดหนิงเฉินเซวียนเข้ากระดูกดำ ม้าไม่มีความผิดอะไรแต่กลับมาระบายความโกรธกับม้าที่น่าสงสารเหล่านี้ เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

เสี่ยวเป่าหยุดร้องไห้แล้วปาดน้ำตา ดวงหน้าเล็กดูเคร่งขรึมขึ้น เขาวิ่งไปทางต้นการบูรต้นใหญ่ข้าง ๆแล้วเงยหน้าแหงนมองอยู่นาน จากนั้นนกกระจอกตัวน้อยก็บินลงมา

ผ่านไปครู่หนึ่งเสี่ยวเป่าก็กลับมา ใบหน้าเล็ก ๆนั้นดูเศร้าสร้อยมากเพราะนกกระจอกน้อยไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนหายไปไหน เจ้านกกระจอกตัวน้อยตกใจไม่น้อยจนพูดจาฟังไม่รู้เรื่อง

เหมยเหมยก็ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเป่าจะสามารถตามหาหนิงเฉินเซวียนพบ ถึงอย่างไรเสียตาแก่บ้านี่ก็ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเหมยซูหานมากกว่า ตอนนี้ตกอยู่ในมือของหนิงเฉินเซวียนกลัวว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี

แต่โชคดีที่เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดี ๆอยู่!

ป้าฟางพาพวกเขากลับบ้าน ลุงเหลาพยายามตามหาหนิงเฉินเซวียนและหาวิธีรายงานเหยียนหมิงซุ่น เวลาคับขันมากจึงต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา

…………………………………………..

ตอนที่ 2269 กังวลหวาดกลัว

วันถัดมาเมืองหลวงยังคงเป็นวันท้องฟ้าสดใส ตอนเช้าตรู่แบบนี้ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงอย่างร้อนแรงบนพื้นโลก ร้อนจนต้องตะโกนร้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ร้อนจนเหมือนว่าจะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อบรรลุความฝันการเป็นนักร้องให้แก่พวกเขา

เหมยเหมยนอนไม่หลับทั้งคืน หลับตาลงได้แค่ครู่เดียวก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ เธอลุกจากเตียงเดินวนไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอนหลังนอนลงบนเตียงต่อแค่ไม่กี่นาทีเป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบ้าตาดำคล้ำจมลึกลงไป

“คุณหนู จะกินมากกินน้อยคุณหนูก็กินหน่อยเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณชายหมิงกลับมาเห็นคุณหนูเป็นแบบนี้เขาคงปวดใจแย่เลย” ป้าฟางเกลี้ยกล่อมเธอ ตั้งแต่เหยียนหมิงซุ่นจากไปคุณหนูก็กินข้าวแค่ไม่กี่คำ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยแล้วแบบนี้จะไหวได้เช่นไร?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในท้องยังมีลูกน้อยอยู่ด้วยนะ!

“ฉันกินไม่ลงเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่หมิงซุ่นเป็นอย่างไรบ้าง…”

เหมยเหมยกินโจ๊กไปสองสามคำก็อิ่มแล้ว อาหารที่เคยอร่อยในอดีต ตอนนี้ไม่สามารถดึงดูดใจเธอได้เลยสักนิด

“คุณหนูกินอีกหน่อยเถอะ ถึงคุณหนูจะไม่ได้คิดถึงสุขภาพร่างกายของตัวเองแต่ก็ต้องคิดถึงลูกในท้องหน่อย หากคุณหนูไม่กิน สารอาหารของทารกน้อยจะเพียงพอได้อย่างไร?” ป้าฟางเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน

เหมยเหมยสะดุ้งโหยง สีหน้าเปลี่ยน จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบท้องน้อยเบา ๆพลันรู้สึกละอายใจอย่างถึงที่สุด

ทำไมเธอถึงได้ลืมลูกไปได้นะ?

“ลูกรัก แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกต้องหิว!”

เหมยเหมยก้มหัวและพึมพำขอโทษ หลายวันมานี้เธอไม่สนใจลูกเลย เธอช่างเป็นแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเสียจริง

“ฉันจะกินอีกสักหน่อยแล้วกัน” เหมยเหมยสูดหายใจแล้วบังคับให้ตัวเองฝืนทานโจ๊กเข้าไป ปอกเปลือกไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง เธอจ้องแน่นิ่งแล้วเคี้ยวราวกับมีความแค้นกับอาหารยังไงอย่างนั้น

กินโจ๊กหมดไปหนึ่งชามกับไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง เหมยเหมยก็หยิบเสี่ยวหลงเปามาอีกเข่ง เธอทานเหมือนเป็นมนุษย์เครื่องจักรเพราะทานเพื่อบำรุงสารอาหารเท่านั้นไม่ใช่เพราะความอร่อยเพลิดเพลิน

ป้าฟางถอนหายใจ แล้วหันตัวหลบมาซับน้ำตาที่หางตา ในใจรู้สึกเศร้าเหลือเกิน

เดิมทีคุณชายหมิงและคุณหนูควรจะมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว ชีวิตที่แม้แต่เทพเทวดายังต้องอิจฉา แถมตอนนี้ยังมีลูกอีกมันช่างดีมากแค่ไหน แต่กลับต้องไปตามล่าตาแก่บ้าอย่างหนิงเฉินเซวียนนั่น ทำให้คุณชายหมิงต้องเสี่ยงอันตรายร้ายแรง

หากคุณชายหมิงมีอันเป็นไป คุณหนูก็ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เธอจะทุกข์ใจมากแค่ไหนนะ!

เฮ้อ!

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยซูหานเป็นคนโทรมา

“เหมยเหมย อาเช่อและเหยียนหมิงซุ่นไปฐานลับทางตะวันตกเฉียงใต้ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเหมยซูหานร้อนใจเป็นอย่างมาก

ตอนที่เฮ่อเหลียนเช่อไปไม่พูดอะไรสักคำ เขาพูดแค่ว่าจะไปทำธุระสำคัญ แถมยังขอให้เขาพาเสี่ยวเป่าไปต่างประเทศสักพัก แล้ววันหลังค่อยตามไปหาพวกเขาที่ต่างประเทศ

เหมยซูหานซักไซ้อยู่นาน เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้บอกว่าจะไปทำธุระอะไร แค่บอกว่าจะไปกับเหยียนหมิงซุ่นแต่ไม่มีอันตรายใด ๆแน่นอน

เขาอยู่บ้านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นอนไม่หลับทั้งคืนเช่นกันจึงอดไม่ได้ที่จะโทรถามเหมยเหมย

“เฮ่อเหลียนเช่อเขาไปกับพี่หมิงซุ่นด้วยเหรอ?” เหมยเหมยก็แปลกใจมากเช่นกัน เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เฮ่อเหลียนเช่อจะไปด้วย

“ใช่ เขาบอกว่าจะไปทำเรื่องที่สำคัญมากกับเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมย มันคือเรื่องอะไรเหรอ เธอต้องรู้แน่ ๆใช่ไหม?” เหมยซูหานร้อนใจดั่งไฟที่แผดเผา

เหมยเหมยถอนหายใจ “ใช่ ฉันรู้…พวกเขาไปภูเขาสือว่าน เตรียมที่จะไปทำลายจุดชนวนระเบิดที่ฐานลับ…”

“ทำลายจุดชนวนระเบิดที่ฐานลับ? เป็นไปได้อย่างไรกัน…” เหมยซูหานตกใจยกใหญ่ กุมหน้าอกไว้แน่น ปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก

อะไรคือวันหลังจะไปหาเขาและเสี่ยวเป่าที่ต่างประเทศ?

ทั้ง ๆที่เตรียมจะไปตามยต่างหาก!

ต่อให้โทรศัพท์กั้นไว้แต่เหมยเหมยก็รับรู้ถึงความเศร้าใจของปลายสายได้อย่างชัดเจน เธอรู้สึกราวกับว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเอง ดวงตาแดงก่ำ เธอคิดจะพูดปลอบใจอยู่สองสามประโยคแต่ปลายสายกลับมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาซะก่อน

“ตึงโครม”

จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดอีก…

…………………………………………..

ตอนที่ 2270 โดนลักพาตัวแล้ว

“เหมยซูหาน…นายเป็นอะไร…ฮัลโหล…”

เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดทั้งสิ้น เหลือเพียงเสียงตู้ด ๆดังลอยผ่านปลายสายมา เธอขมวดคิ้วแน่น ใจดิ่งวูบ

เกิดเรื่องแล้ว!

เสี่ยวเป่าก็ต้องพลอยโดนไปด้วยแน่นอน!

“ป้าฟาง ฉันจะไปดูสักหน่อยนะ!”

เหมยเหมยพูดพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีคนลักพาตัวเหมยซูหานไปหรือว่าเหมยซูหานป่วยกะทันหันขึ้นมา…

ถ้าหากเป็นอย่างหลังก็ดี เฮ่อเหลียนเช่อคงต้องทิ้งคนไว้ที่บ้านไม่น้อย เหมยซูหานจะไม่เป็นอะไรมากแน่นอน

แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างแรก งั้นก็จะหมายความว่าคนที่เฮ่อเหลียนเช่อทิ้งไว้น่าจะเกิดเรื่องเข้าแล้ว เหมยซูหานและเสี่ยวเป่าก็คงตกอยู่ในอันตราย

แต่ในเมืองหลวงจะมีใครที่กล้าบุกเข้าไปในบ้านของเฮ่อเหลียนเช่อเพื่อลักพาตัวคนของเขาไปกันได้นะ?

เหมยเหมยคิดไม่ออกแต่เธอก็ไม่กล้าชักช้าและเร่งป้าฟางไม่หยุด ลุงเหลาไม่วางใจจึงเรียกเพื่อนอีกสองสามคนไปด้วยแล้วรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของเหมยซูหาน

เดิมทีเหมยซูหานอาศัยอยู่ในเมือง แต่เนื่องจากเสี่ยวเป่าชอบเล่นกับสัตว์เขาจึงย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในแถบชานเมืองเพราะที่นั่นเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย ต่อให้เสี่ยวเป่าจะไม่สามารถสื่อสารกับคนได้ตามปกติแต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่รู้สึกเหงาแน่นอน

เดิมทีประตูบ้านควรมียามเฝ้าอยู่แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสักคน เหมยเหมยแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขาแน่นอน

ลุงเหลาพาพวกพ้องเข้าบ้านไปอย่างระมัดระวังแล้วให้เหมยเหมยและป้าฟางรออยู่ข้างนอก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ออกมา

“คุณหนู ในบ้านไม่มีคนอยู่เลย”

ในบ้านหลังใหญ่โตไม่มีใครอยู่ในบ้านสักคน มันเงียบและว่างเปล่าเสียจนน่ากลัว มีเพียงสัตว์เลี้ยงที่วิ่งไปมาอยู่ในสวนหลังบ้านซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เหลืออยู่ภายในบ้านหลังนี้ แม้แต่เสี่ยวเป่าก็ไม่อยู่

“เสี่ยวเป่า…เหมยซูหาน…พวกนายอยู่ไหม…”

เหมยเหมยรีบพุ่งตัวเข้าไปข้างในแล้วตะโกนร้องเรียกอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ในห้องนั่งเล่นเละเทะข้าวของกระจัดกระจาย โทรศัพท์ตกลงบนพื้น โต๊ะชาก็โดนขยับจนเอียงซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนชนมัน

“คุณหนู พวกเขาโดนลักพาตัวไปแล้ว…” ลุงเหลาพูดอย่างใจเย็น พร้อมกับสังเกตห้องนั่งเล่นอย่างระมัดระวังเพื่อต้องการหาเบาะแสบางอย่าง

“ใครกันนะ?”

“ผมจะให้พรรคพวกช่วยตามสืบดูครับ” ลุงเหลาก็รู้สึกว่ามันแปลกพิกล คนที่กล้ามาลักพาตัวถึงในอาณาบริเวณของเฮ่อเหลียนเช่อได้ถือว่าใจกล้าไม่เบา เขาจะต้องสืบหาให้ได้

“คุณหนู คุณหนูกลับบ้านไปก่อนเถอะ ถ้ามีข่าวคราวอะไรลุงจะรีบรายงานคุณหนูทันทีเลย” ลุงเหลาพูดเกลี้ยกล่อม

เหมยเหมยถอนหายใจ เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้แถมยังจะทำให้ลุงเหลาและคนอื่น ๆเสียสมาธิไปด้วย แต่เพิ่งจะเดินไปถึงประตูเธอก็หันตัวกลับวิ่งไปทางสวนหลังบ้านกะทันหัน ป้าฟางร้อนใจรีบวิ่งตามเธอไป “คุณหนูอย่าวิ่ง พวกเราค่อย ๆเดินกันเถอะ ระวังลูกในท้องด้วยสิ“

เหมยเหมยลดความเร็วลงแต่ก็รีบเดินไปที่สวนหลังบ้านอย่างรวดเร็ว เธอเห็นหนูตัวเล็กวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอความคิดเริ่มทำงานเลยนึกถึงตัวตนของเสี่ยวเป่าขึ้นมาได้

เสี่ยวเป่าสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ ไม่แน่ว่าเสี่ยวเป่าอาจจะส่งหนูตัวนี้มาเพื่อสืบข่าวคราวก็เป็นได้?

ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย

เหมยเหมยมาที่สวนหลังบ้านอีกครั้งพร้อมกับความหวังอันริบหรี่ สนามหญ้ากว้างใหญ่ได้สร้างบ้านไว้หนึ่งหลังซึ่งได้กั้นเป็นห้องเล็กห้องน้อยเพื่อเป็นที่พักอาศัยให้กับเหล่าสัตว์ตัวน้อยของเสี่ยวเป่า เวลานี้พวกมันต่างอยู่ในนั้นกันอย่างเงียบ ๆ ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านชุลมุนวุ่นวายเหมือนในยามปกติ

สวนหลังบ้านแห่งนี้เงียบสงบเกินไป

เหมยเหมยพลันรู้สึกแปลกพิกลเลยอยากเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฉับพลันก็มีผู้ชายตัวเล็ก ๆสกปรกมอมแมมคลานออกมาจากคอกสุนัขวิ่งโซซัดโซเซมาทางเหมยเหมย เขาก็คือเสี่ยวเป่านั่นเอง

“เสี่ยวเป่า…หนูไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ…”

เหมยเหมยกอดเขาแน่นโดยไม่คิดรังเกียจสิ่งสกปรกบนตัวเจ้าหนูน้อยนี่เลยสักนิดพลันถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

………………………………………….

ตอนที่ 2267 ราชาแห่งป่ารวมตัวกัน

ในเวลาเดียวกันเผ่าหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ที่นำโดยราชาหมาป่าขาวเคลื่อนทัพไปทางฐานลับ

ด้านข้างมีกลุ่มสุนัขจิ้งจอกซึ่งขนาดตัวไม่แพ้หมาป่าเคลื่อนตัวมุ่งไปข้างหน้าภายใต้การนำของราชาจิ้งจอกเช่นกัน

บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ในป่าต่างพากันแตกตื่น ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆราชาแห่งป่าเหล่านี้ถึงได้มารวมตัวกัน แล้วยังรักใคร่กลมเกลียวกันขนาดนี้ด้วย

พวกมันจะไปไหนกันงั้นหรือ?

ทั้งหมดนี้เป็นพ้องเพื่อนที่ฉิวฉิวหามาเพื่อช่วยแบ่งเบาฉาฉา ภูเขาสือว่านเต็มไปด้วยปราณบริสุทธิ์ดังนั้นจึงมีสัตว์วิเศษมากมาย ไม่อย่างนั้นฉิวฉิวคงไม่กล้าปล่อยให้ฉาฉามาเสี่ยงแน่

อย่างน้อยก็ถือว่าฉิวฉิวบอกกล่าวก่อนชัดเจนแล้ว อยากมาก็มาไม่อยากมาก็ไม่ต้องฝืน

แต่กลับไม่มีใครปฏิเสธ ถึงแม้ว่าพวกเขาเหล่านี้แปดถึงเก้าในสิบจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลี แต่พวกมันก็ยังมาโดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด

ต่อให้จะมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะประสบความสำเร็จแต่พวกมันก็ยังอยากจะลองดูสักตั้ง

อย่างมากสุดก็แค่ตาย!

เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อกำลังเดินอย่างมุมานะ พวกเขาเดินมาแล้วสี่ชั่วโมงและยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง เนื่องจากไม่มีการโจมตีจากงูพิษความเร็วของพวกเขาจึงเร็วขึ้นมาก

“เฮ้ นายสังเกตไหมว่างูน้อยลงมาก”

ทั้งสองพักผ่อนอยู่ริมธารน้ำแต่ไม่มีใครกล้าดื่มน้ำที่ดูใสสะอาดแห่งนี้ น้ำพวกนี้เต็มไปด้วยปรสิตจึงดื่มไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อหยิบกระติกน้ำทหารออกมา หลังจากดื่มน้ำไปสองสามแก้วจึงพบสิ่งผิดปกติ

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ ก่อนหน้านี้ต้นไม้เกือบทุกต้นเต็มไปด้วยงูพิษ ตามหลักแล้วหากยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไรก็น่าจะยิ่งมีงูพิษและสัตว์ร้ายอื่น ๆมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่งูพิษเท่านั้นที่หายไป แม้แต่ลิงก็ยังไม่เห็นสักตัว เขารู้สึกราวกับว่าเข้ามาในป่าปลอมยังไงอย่างนั้น

“แปลกพิกลแฮะ…”

เฮ่อเหลียนเช่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วนแล้วมองไปรอบ ๆอย่างระแวดระวัง

เหยียนหมิงซุ่นก็ทำเช่นเดียวกัน เขาและเฮ่อเหลียนเช่อหันหลังชนกัน ศัตรูคู่อาฆาตในวันวานบัดนี้กลับมอบแผ่นหลังที่อ่อนแอที่สุดของตัวเองมอบให้อีกฝ่ายดูแล

“ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

ทั้งสองคนสังเกตการณ์อยู่นานแต่ก็ไม่มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ

ฉับพลันก็ปรากฏแสงสีขาวพุ่งเข้ามานั่นก็คือฉิวฉิวที่หายไปหลายชั่วโมงนั้นเอง มันพุ่งไปที่ไหล่ของเหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงร้องเรียกเขาอยู่หลายครั้งแล้วชี้ไปข้างหน้า

จากนั้นก็มีแสงสีฟ้าพุ่งเข้ามาหาซึ่งก็คือฉาฉานั่นเอง มันพุ่งไปที่ข้อมือของเหยียนหมิงซุ่นแล้วขดตัวอัตโนมัติ เฮ่อเหลียนเช่อเม้มริมฝีปาก เอางูมาสวมเป็นกำไลคงบ้าไปแล้วมั้งเนี่ย!

พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นฉิวฉิวก็ใจเย็นลง จากนั้นเขาก็พอจะเดาได้ว่าที่ป่าเงียบสงบมากขนาดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับที่ฉิวฉิวหายไปหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาเก็บมีดทหารกลับเข้าไปแล้วหันไปพยักหน้าให้เฮ่อเหลียนเช่อ “ไปต่อ!”

“สัตว์ตัวน้อยสองตัวนี้ที่ภรรยานายเลี้ยงน่าจะมีภูมิหลังอะไรบ้างอย่างใช่ไหม?” แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเช่อก็นึกเหตุผลนี้ขึ้นมาได้จึงถามหยั่งเชิงและถามด้วมความใคร่รู้ขึ้นมา

“ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมนายถึงได้กลายเป็นคนน่ารำคาญเหมือนพวกผู้หญิงไปได้นะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดประชดประชันอย่างเย็นชา เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าโมโหแล้วเดินตามหลังมาอย่างเกรี้ยวโกรธ

สัตว์ตัวน้อยทั้งสองนี้ต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับยาวิเศษในมือของเหยียนหมิงซุ่นก็ได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาแค่อยากทำลายชนวนระเบิดเพื่อทำให้เหมยซูหานและเสี่ยวเป่าใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

ฟ้ามืดลงแล้ว ในป่าก็ยิ่งมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงฐานลลบสักที

ภายใต้การปกคลุมของความมืดยามค่ำคืน ฐานลับและความมืดจึงหลอมรวมเป็นหนึ่งอันเดียวกัน แถมยังมีต้นไม้ใหญ่ขวางไว้อยู่ เข้าดึงรั้วตาข่ายเหล็กยาวขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายบุกเข้ามา

“ตรงนี้แหละ กินอะไรสักหน่อยก่อนแล้วค่อยเข้าไป” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำ

เฮ่อเหลียนเช่อพยักหน้าแล้วหยิบขนมปังกรอบอัดลมออกมาทานกับน้ำเปล่าพร้อมกับสังเกตภูมิศาสตร์รอบด้านเป็นระยะ ๆ

ฉิวฉิวกลับดึงผมของเหยียนหมิงซุ่นแล้วส่งเสียงร้องจี๊ด ๆ ตัวช่วยที่มันเรียกมายังไม่ถึงเลยจะเข้าไปทำไม!

…………………………………………..

ตอนที่ 2268 ฟังคำสั่งของฉิวฉิว

ทันใดนั้นผมของเหยียนหมิงซุ่นก็ถูกฉิวฉิวกระชากจนยุ่งเหยิงไปหมด น่าอายชะมัด เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะชอบใจบนความทุกข์ของคนอื่น ที่แท้ขนมปังกรอบรสจืดก็กลายเป็นของรสชาติอร่อยได้เช่นกัน

“ฉิวฉิวแกลงมาเลยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าลงมือกับฉิวฉิวจึงได้แต่ส่งเสียงตำหนิอย่างเย็นชาแต่ฉิวฉิวกลับไม่กลัวเขา แถมยังดึงแรงขึ้นเรื่อย ๆจนหนังศีรษะเจ็บไปหมด เหยียนหมิงซุ่นต้องดึงหางเจ้าตัวเล็กลงมาแล้วมองมันอย่างเอือมระอา

“อีกเดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปนะ ส่วนแกและฉาฉารออยู่ข้างนอก ถ้าหากว่าพวกเราไม่ออกมา แกก็พาฉาฉากลับไปหาเจ้านายของแก แล้วดูแลเจ้านายแกแทนฉันด้วยตกลงไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นสั่งกำชับด้วยท่าทีเคร่งขรึม เขารู้ว่าฉิวฉิวจะต้องฟังเข้าใจแน่นอน หากมีเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้คอยอยู่ดูแลเหมยเหมยเขาก็วางใจแล้ว!

ฉิวฉิวกลอกตามองบนแล้วพุ่งไปตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่น ขาทั้งสองไขว้กันเป็นรูปกากบาททำท่าทางปฏิเสธ เฮ่อเหลียนเช่อเห็นเช่นนั้นก็นึกขำจึงพูดหยอกเย้าว่า “เจ้าสัตว์ตัวน้อยนี่ช่างฉลาดดีจริง ๆ มันไม่ยอมให้นายเข้าไป”

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เขา ไร้สาระ เขาไม่ได้ตาบอดเสียหน่อยถึงจะมองไม่ออก!

ฉิวฉิวชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วชี้ไปที่ฐานลับเพื่อเปรียบเทียบพร้อมส่งเสียงร้องอยู่หลายครั้ง เหยียนหมิงซุ่นเหมือนจะเข้าใจจึงนั่งยอง ๆกระซิบถามข้างหูฉิวฉิว “นายอยากให้รุ่งสางก่อนแล้วพวกเราค่อยเข้าไปใช่ไหม?”

“จี๊ด ๆ…”

ฉิวฉิวพยักหน้าอย่างแรง เฮ้อ…ไอคิวของนายผู้ชายแทบไม่ต่างกับนายผู้หญิงเลย มันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!

“ฉิวฉิว เวลาของฉันมีไม่มากคงรอจนฟ้าสว่างไม่ได้หรอกนะ” เหยียนหมิงซุ่นคิดจะอธิบายแต่กลับโดนฝ่ามือของฉิวฉิวปิดปากเอาไว้เพราะไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขา

การแสดงออกบนใบหน้าของฉิวฉิวก็จริงจังมากเช่นกัน ถ้านายผู้ชายเข้าไปตอนนี้คงไม่รอดกลับมาแน่นอน มันจะปล่อยให้นายหญิงเป็นม่ายไม่ได้!

เฮ่อเหลียนเช่อเร่งอย่างหมดความอดทน “จะเข้าไม่เข้า? หากยังเสียเวลาแบบนี้ฟ้าจะสว่างแล้วนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นคิดไตร่ตรองดูแล้วมองฉิวฉิวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ตัดสินใจว่า “รอตอนรุ่งสางก่อนแล้วค่อยเข้าไป เราจะพักผ่อนที่นี่ก่อน!”

“โธ่เอ๊ย…เหยียนหมิงซุ่นนายเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าสัตว์ตัวน้อยนี่จริง ๆเหรอเนี่ย…นายมันไม่มีสมองหรือไง!”

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นที่นั่งลงบนพื้นแล้วหลับตาลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เจ้าสัตว์ตัวน้อยไม่ให้เข้าไป เขาก็ไม่เข้าไปจริง ๆ นี่ถึงขั้นเชื่อฟังขนาดนี้เชียวหรือ?

ฉิวฉิวเองก็ไฟโทสะปะทุขึ้นมาแล้วเหมือนกัน คำก็สัตว์ตัวน้อยสองคำก็สัตว์ตัวน้อย โธ่เอ๊ย…ทำเหมือนกับว่าคุณชายฉิวอย่างมันตายไปแล้วเลยไม่เห็นหัวกันเลยงั้นสิ?

มันกระโดดพุ่งตัวไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนเช่อแล้วฟาดอุ้งเท้าใส่เข้าให้จนเฮ่อเหลียนเช่อล้มลงอย่างรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นฉิวฉิวก็นั่งลงบนหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วถูก้นไปมาอยู่หลายครั้งจนมีกลิ่นเหนือคำบรรยายออกมา นั่นจึงทำให้เฮ่อเหลียนเช่อแทบจะสำรอกอาหารเมื่อสามวันก่อนออกมา

“…ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลยเจ้าสัตว์เดรัจฉานเอ๊ย…”

เฮ่อเหลียนเช่อลงมือว่องไวปานสายฟ้า เขาคิดจะจับฉิวฉิวที่ก่อเรื่องแล้วคิดหนีมา เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือออกไปคว้าฉิวฉิวมาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับส่งสายตาดูถูกเฮ่อเหลียนเช่อ

“รีบนอนเถอะ ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นายได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้นะ!”

เหยียนหมิงซุ่นหลับตาลงไม่สนใจเฮ่อเหลียนเช่ออีก เขากำลังรอ ฉิวฉิวไม่ให้เขาเข้าไปตอนนี้ ดังนั้นจะต้องมีหนทางแน่นอน

พอฟ้าสว่างก็คงรู้กันแล้ว

********

เมืองหลวง

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นจากไปเหมยเหมยก็จิตใจฟุ้งซ่าน กินไม่ได้ นั่งไม่ได้ ยืนไม่ได้ จะเดินก็ไม่ได้ ตอนกลางคืนจะนอนก็นอนไม่หลับ แค่เพียงหลับตาก็จะฝันว่าเกิดเรื่องเลวร้ายกับเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตลอด

ทั้ง ๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าฉิวฉิวก็อยู่ด้วย เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ตายแน่ ๆแต่เธอก็ยังคงกังวลใจอยู่ดี

กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่ฉิวฉิวก็มิอาจควบคุม ไม่เพียงแต่กังวลใจว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่กลับมาแต่กลัวว่าแม้แต่ฉิวฉิวกับฉาฉาก็จะกลับมาไม่ได้เหมือนกัน…

พอมีแต่ความกังวลใจและวิตกกังวลเหมยเหมยจึงไม่กล้าหลับตา คางที่เคยโค้งมนบัดนี้ก็แหลมขึ้นอย่างรวดเร็ว เบ้าตาลึกโบ๋ลงไป

ทั้ง ๆที่เพิ่งห่างจากวันที่เหยียนหมิงซุ่นไปแค่วันเดียวเท่านั้น

……………………………………………..

ตอนที่ 2265 ไปหาตัวช่วย

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้สนใจอะไรแล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่งว่า “เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาเอง ไม่เป็นไร”

เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา ป่าคือโลกของพวกเขา ต่อให้เขาและเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอะไรไป สองตัวแสบนั้นก็จะยังสบายดี ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

และตอนนี้เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเจตนาที่เหมยเหมยตั้งใจให้เขาเอาฉิวฉิวและฉาฉามาด้วย ถ้าเขาเดาไม่ผิด การเดินทางไปที่ฐานลับแห่งนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสองน่าจะช่วยได้มาก

ฉิวฉิวกระโดดโหนตัวไปมาบนต้นไม้ที่หนาแน่นรวดเร็วปานสายฟ้า เมื่อก่อนมันเคยอาศัยอยู่ที่ภูเขาสือว่านแห่งนี้อยู่ช่วงหนึ่ง สร้างสัมพันธ์กับเหล่าพ้องเพื่อนก็ไม่น้อย แถมยังมีกระรอกเพศเมียที่หน้าตาสะสวยอีกมากมายด้วย เป็นหนึ่งช่วงชีวิตที่ยาวนานแสนสุขสำหรับช่วงชีวิตการเป็นกระรอกของมันเลยทีเดียว

ดังนั้นพอได้กลับมายังดินแดนอันคุ้นเคย ฉิวฉิวก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างมีความสุข

ฉาฉาเองก็เลื้อยตัวไปตามต้นไม้ด้วยความว่องไวไม่ช้าไปกว่าฉิวฉิวเลย ตัวสีเขียวเข้มดูใหญ่ขึ้นเพราะดูดซับพลังงานจากเหยียนหมิงต๋ามาแล้วถึงสองครั้ง มันดูดซับเข้าไปมากจนตัวใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนว่าความแข็งแกร่งก็ต้องมากขึ้นด้วยแต่ยังห่างการบรรลุขั้นอีกมากโข

ดังนั้นพอมันได้ยินฉิวฉิวพูดว่ามีโอกาสอันดีสามารถทำให้มันเลื่อนขั้นอีกได้แต่อาจจะลำบากไปสักหน่อย ฉาฉาก็เลือกมาอย่างไม่ลังเลใจเลยสักนิด

ตอนเล็ก ๆพ่อกับแม่เคยพูดว่าความใฝ่ฝันอันสูงสุดของงูอย่างพวกมันคือกลายเป็นมังกร เพียงแต่ช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมาปราณบริสุทธิ์หายากขึ้นเรื่อย ๆจึงไม่มีใครทำสำเร็จ พ่อแม่ของมันก็ล้มเหลวเช่นกัน จนสุดท้ายก็ถูกฟ้าผ่ากลืนหายไป เหลือแค่มันเอาชีวิตรอดมาได้เพียงลำพัง

จนได้มาพบกับเจ้านายและพี่ฉิว!

ถ้าหากมันทำไม่สำเร็จผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเหมือนพ่อแม่ของมัน เขาคงไม่ได้แก่ตายไปตามกาลเวลาแต่จะถูกกลืนเข้าไปในสายฟ้าต่างหาก

ฉะนั้นเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

ดังนั้นมันจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้

“พี่ฉิว พวกเราจะไปทำไม?” ฉาฉาถามอย่างสงสัย

“ไปหาตัวช่วยมาช่วยนายไง!”

ฉิวฉิวอธิบายอย่างเรียบง่าย โชคดีที่ภูเขาสือว่านมีปราณบริสุทธิ์ค่อนข้างเข้มข้นจึงมีสัตว์พิเศษมากมายโดยเฉพาะพวกงูซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ตราบใดที่พวกเขาสามารถมารวมตัวกันได้มากพอ ฉาฉาและเจ้านายก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้ว

ฉาฉาแลบลิ้นฟ่อ ๆอย่างน่าเอ็นดู มันไม่ได้ถามอะไรอีกแล้วรีบตามหลังฉิวฉิวไป มันกระโดดขึ้นกลางอากาศบ้างเป็นครั้งคราวเหมือนริบบิ้นสีเขียวเข้มยังไงอย่างนั้น งูพิษละแวกนั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกมันทั้งสองหลายเท่าต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้

ในไม่ช้าพวกมันก็มาถึงส่วนลึกของภูเขาซึ่งมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ลำต้นใหญ่เหมือนบ้านหลังหนึ่งก็ไม่ปาน ทั้งยังมีต้นไม้เล็กมากมายรายล้อมรอบต้นไม้ใหญ่นี้อย่างแน่นหนา

จากต้นไม้ต้นเดียวกลายเป็นป่าผืนใหญ่!

และยังกลายเป็นอาณาจักรของเหล่าสัตว์ทั้งหลายด้วย

การมาเยือนของพวกฉิวฉิวทำให้สัตว์น้อยใหญ่บนต้นไม้วิ่งกันชุลมุนและมองพวกมันจากระยะไกลด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งยังมีพวกงูพิษจำนวนมากห้อยตัวอยู่บนกิ่งไม้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมแลบลิ้นฟ่อ ๆ

“ตาแก่…รีบออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ฉิวฉิววิ่งพุ่งตัวไปที่ต้นไม้ร้องเสียงแหลมสูงขึ้นมา ถึงเสียงจะดังไม่มากนักแต่ก็แปรสสภาพเป็นคลื่นเสียงบาง ๆพุ่งตรงไปที่ยอดไม้

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงใบไม้ขยับดังขึ้นราวกับมีอะไรคลานอยู่บนต้นไม้ต้นใหญ่ สัตว์ตัวเล็ก ๆที่อยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นต่างแตกกระเจิงหนีหายไปในทันที และพวกงูพิษที่เงยหน้าเมื่อครู่กลับงุดหน้าลงด้วยท่าทีเคารพนบน้อมเหมือนว่าพวกมันกำลังต้อนรับแขกคนสำคัญ

ต้นไม้สูงมากจริง ๆ หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดผู้ลึกลับก็ปรากฏตัวสักที——

มันคืองูหลามยักษ์ยาวเกือบยี่สิบเมตรที่ลำตัวหนายิ่งกว่าถังน้ำเสียอีก หัวงูขนาดใหญ่ที่ทำให้อกสั่นขวัญเสียได้เลย และยังมีเกล็ดที่ส่องแสงวาววับบนลำตัวอีก ดูแล้วไม่มีส่วนไหนที่ไม่น่ากลัวเลยสักจุด

…………………………………………..

ตอนที่ 2266 ความเสี่ยงและโอกาสมักอยู่ด้วยกัน

ฉิวฉิวและฉาฉากลับไม่มีท่าทีผิดปกติอะไร ตัวหนึ่งคือกลับมาพบปะเพื่อนเก่า ส่วนอีกตัวหนึ่งกลับเป็นราชาแห่งเผ่างู แล้วจะกลัวไปทำไม?

“อาลัยอาวรณ์จนต้องกลับมาหรือไง? มาหาฉันมีอะไร…เอ๊ะ…คารวะฝ่าบาท!”

พองูหลามได้พบเพื่อนเก่าก็มีความสุขแต่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของราชางูได้อย่างรวดเร็วจึงหันไปทางฉาฉา แล้วกล่าวทักทายด้วยความเคารพ

ทั้ง ๆที่ตัวของฉาฉาทั้งเล็กทั้งผอมบาง แถมยังมีขนาดเล็กกว่าเกล็ดของงูหลามเสียอีกแต่งูหลามกลับไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาเลยสักนิด

ฉิวฉิวเป็นคนใจร้อนจึงพูดตัดบทงูหลาม “พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ตาแก่ ฉันรู้ว่าอายุขัยของแกใกล้ถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ถ้าหากแกยังไม่กลายเป็นมังกร แกจะมีชีวิตมากสุดอีกแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น”

งูหลามไม่พอใจแล้ว “แล้วมันจะทำไม ฉันอยู่มาเกือบพันปีแล้ว ใช้ชีวิตเพียงพอแล้ว”

“ช่างมันงั้นเหรอ หากแกไม่สนใจจริง ๆแล้วทำไมแกถึงให้ลูกหลานเสาะหายาวิเศษทั่วทุกสารทิศมาให้แกล่ะ? ฉันเคยบอกแกนานแล้วว่ายาวิเศษพวกนั้นมันใช้การไม่ได้ ไม่ว่าแกจะกินมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ฉิวฉิวแฉคำโกหกของงูหลามอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

งูหลามทนไม่ไหวอีกต่อไป คร้านจะสนใจเจ้ากระรอกอัปลักษณ์ตัวนี้อีกแล้ว

“ตอนนี้ฉันมีโอกาสอันดี ขอแค่แกอดทนก็จะสามารถกลายเป็นมังกรได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากทนไม่ไหวแกก็จะเป็นแค่เถ้ากระดูกกองหนึ่งเท่านั้น แกอยากลองไหมล่ะ?” ฉิวฉิวบอกจุดประสงค์ของมันไป

มันรู้ว่าตาแก่นี่ต้องหวั่นไหวแน่นอน

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามันแล้วว่าตาแก่นี่ปรารถนาจะเป็นมังกรมากแค่ไหน!

และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ——

“โอกาสอะไร? แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?” งูหลามถาม

ฉิวฉิวพุ่งตัวขึ้นไปบนหัวของงูหลามแล้วเล่าเรื่องระเบิดปรมาณูที่ฐานลับคร่าว ๆให้ฟัง “มั่นใจได้ ฉันไม่โกหกแกแน่นอน แต่ว่าอาศัยแค่แกตัวเดียวทำไม่สำเร็จแน่นอน แกต้องเรียกลูก ๆหลาน ๆมาให้เยอะ ๆ ฉันต้องไปหาพ้องเพื่อนคนอื่น ๆด้วย รวบรวมแรงกำลังของเหล่าเผ่าสัตว์อสูรในภูเขาสือว่านมาให้หมด บางทีอาจจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นก็ได้”

อยู่ดี ๆงูหลามก็ยิ้มเยาะ “ไม่ใช่ว่าแกจะให้พวกเราไปตายเป็นเพื่อนฝ่าบาทหรอกใช่ไหม?”

ฉิวฉิวเองก็กล่าวพร้อมยิ้มเยาะเช่นกัน “น้องชายของฉันเอาตัวรอดเพียงลำพังไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าพวกแกจะไม่ได้ผลประโยชน์สักหน่อย ถ้าหากพลาดโอกาสนี้ไปพวกแกก็รอความตายอยู่บนภูเขานี้แล้วกัน!”

งูหลามจมอยู่กับความคิด สิ่งที่เจ้ากระรอกอัปลักษณ์นี้พูดก็เข้าท่าอยู่เหมือนกัน

โอกาสและความเสี่ยงมักอยู่ด้วยกัน เขาจะเลือกมีชีวิตยืนยาวต่อไปอีกร้อยปีอย่างสงบ?

หรือว่าจะเอาชีวิตตัวเองกับลูก ๆหลาน ๆหลายพันตัวร่วมกันต่อสู้เพื่อเดิมพันกับสิ่งนี้?

ถ้าสำเร็จก็กลายเป็นมังกร ถ้าหากล้มเหลวก็กลายเป็นเถ้ากระดูก…

เป็นการเลือกที่ยากมากจริง ๆ!

ฉิวฉิวไม่รอมันอีกต่อไป “แกค่อย ๆคิด ฉันจะไปเผ่าหมาป่าและเผ่าจิ้งจอกก่อน ถ้าแกคิดได้เมื่อไรก็แค่เดินตรงไปทางนี้ ฉันจะรอแกอยู่ที่ปลายทาง และจะรอมากสุดแค่สองวันเท่านั้น!”

พูดจบฉิวฉิวก็เรียกฉาฉาออกเดินทาง ยามคับขันเช่นนี้ไม่ควรเสียเวลา

งูหลามเหม่อมองทิศทางที่ฉิวฉิวกำลังจะไปพลางครุ่นคิด ดวงตาที่ใหญ่กว่าปากชามเปล่งประกาย…เวลาผ่านไปนาน…จู่ ๆงูหลามก็เงยหน้าขึ้นสูงแล้วส่งสัญญาณถึงเผ่างูหลามของพวกเขา

ไม่นานงูยักษ์นับไม่ถ้วนก็มารุมล้อมมัน แต่ละตัวทับซ้อนกันจนกลายเป็นกองพะเนินเลื้อยปีนป่ายกันไปมาบ้างเป็นครั้งคราว ถ้าเฮ่อเหลียนเช่อมาเห็นเขาคงรู้สึกแย่น่าดู

งูหลามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังชัดเจนอย่างไม่คิดปิดบัง ถ้าบำเพ็ญตนไม่พอชีวิตก็จะต้องดับสูญ แม้กระทั่งตัวมันเองก็ไม่มั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้

แต่งูทุกตัวกลับไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อยต่างมุ่งไปข้างหน้าอย่างเชื่อมั่น

“ท่านทวด เพื่อนมนุษย์ของกระรอกตัวนั้นไม่เลวเลย เขาไม่คิดจะทำร้ายพวกเราเลยสักนิด ดูท่าน่าจะไม่ได้โกหกนะ!” งูพิษหลากสีตัวหนึ่งแลบลิ้นพูด ในป่าไม่มีความลับ ทันทีที่เฮ่อเหลียนเช่อและเหยียนหมิงซุ่นเข้าป่ามาพวกมันก็ติดตามทุกความเคลื่อนไหว

งูหลามรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยจึงเงยหน้าขึ้นและสั่งว่า “ออกเดินทางกัน!”

ในเวลาเพียงชั่วครู่เหล่าลูกหลานที่ถูกเลือกโดยงูหลามนับหมื่นตัวต่างพากันเลื้อยมุ่งไปข้างหน้า สัตว์ตัวอื่น ๆทุกหนแห่งต่างหลบหลีกอยู่ห่าง ๆ

…………………………………………..

ตอนที่ 2263 เรื่องในอดีตเมื่อสิบปีก่อน

เหยียนหมิงซุ่นหันไปสำรวจเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังเศร้าสร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า เลิกคิ้วเอ่ยถาม “นายกำลังคิดจะเสียสละตัวเองหันมาสร้างคุณธรรมหรือไง?”

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงหึ “ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่าคุณธรรมอยู่หรอก ทุกคนทางตะวันตกเฉียงใต้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน ฉันแค่หวังว่าซูหานและเสี่ยวเป่าจะมีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น”

และหนิงเฉินเซวียนพ่อของเขาด้วย เขาหวังว่าพ่อจะมีชีวิตที่เป็นสุขเช่นกัน

ในเมื่อหนิงเฉินเซวียนให้ชีวิตเขา งั้นก็ถือว่า…เขาชดใช้คืนให้ก็แล้วกัน!

“นายยังไร้เดียงสาเกินไป ด้วยความบ้าคลั่งของพ่อนาย นายคิดว่าแค่กำลังของนายเพียงลำพังจะทำลายได้หมดงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงหัวเราะเยาะ

“แก้ไปทีละขั้นเถอะ ถ้าฉันจัดการคนเดียวไม่ได้ งั้นคงทำได้แค่ให้นายตายไปพร้อมกับฉันแล้วล่ะ…” เฮ่อเหลียนเช่อพูดล้อเล่นหน้านิ่ง

ชนวนระเบิดจะต้องถูกทำลาย ถ้าเขาจัดการคนเดียวไม่ได้ งั้นก็ต้องสองคน!

ถึงอย่างไรเสียก็เลือกจะรับภารกิจนี้แล้ว ฉะนั้นก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับไป เตรียมตัวตายได้เลย!

ในรถเงียบลงอีกครั้ง พร้อมบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความเศร้าสร้อย…

หางตาของเฮ่อเหลียนเช่อเหลือบไปเห็นฉิวฉิวและฉาฉาอีกมุมหนึ่งของรถ เขาเลิกคิ้วด้วยความสนใจ ความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าสองแสบนี้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเขา!

สิบปีก่อนที่สโมสรอันดับหนึ่ง ตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเหมยซูหานและไม่กลัวใครหน้าไหนเรียกลมเรียกฟ้าได้ด้วยซ้ำ พอตอนนี้คิดย้อนกลับไปในช่วงหลายปีนั้นเขายังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่เลย คน ๆนั้นจะเป็นเขาไปได้อย่างไรกัน?

ตอนแรกเขารู้สึกชอบลูกสาวของเฝิงไห่ถังเพื่อนของจ้าวเหมย ผู้หญิงที่แยกแยะเพศไม่ออกคนนั้น ตอนนั้นเขารู้สึกถูกใจมากและคิดจะรวดพาตัวจ้าวเหมยไปด้วย เพียงแต่ว่าคืนนั้นแผนของเขาพลาดล้มไม่เป็นท่า

แต่ดันเสียเปรียบโดนสัตว์ร้ายตัวแสบสองตัวตรงหน้ากัดเข้าให้จนตัวแข็งทื่ออยู่สองชั่วโมง

รสชาตินั้นช่างสุดยอดไปเลย…แม้กระทั่งฉี่ยังไม่มีแรงจะปล่อยออกมาด้วยซ้ำ กระเพาะปัสสาวะแทบแตกอยู่แล้ว!

พอนึกถึงอดีตอันขมขื่นเฮ่อเหลียนเช่อก็สีหน้าหม่นลงในชั่วขณะ จ้องฉิวฉิวและฉาฉาซึ่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างเย็นชา เขาอยากจะบีบเจ้าพวกนี้ให้ตายเสียเดี๋ยวนี้เลย!

เฮ่อเหลียนเช่อเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ ทันใดนั้นก็พบว่าหน้าด้านข้างของเจ้าหมอนี่คุ้นตานัก เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ด้านหน้าของเจ้าหมอนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าด้านข้าง!

แต่ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ!

มีภาพปรากฏขึ้นมาในหัวของเฮ่อเหลียนเช่อแวบหนึ่ง เขานึกถึงคนลึกลับที่ช่วยจ้าวเหมยและเซียวเซ่อในกลางดึกเมื่อสิบปีก่อน ถึงแม้จะเป็นยามท้องฟ้ามืดมิดแต่เขากลับมองเห็นอย่างชัดเจน เหยียนหมิงซุ่นก็คือชายลึกลับคนนั้นไม่ใช่หรือไง!

โธ่เอ้ย!

สมองหมูอย่างเขาต้องใช้เวลาถึงสิบปีถึงจะนึกออก!

“เหยียนหมิงซุ่น…สิบปีก่อนที่สโมสรอันดับหนึ่งคนที่เตะเป้ากางเกงฉันก็คือนายใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามขึ้นมาลอย ๆ แต่ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นใจเป็นอย่างมาก

พอนึกขึ้นมาได้เขาก็หัวเสียทันที อย่างมากช่วงเวลานั้นเหยียนหมิงซุ่นก็น่าจะอายุสิบแปดสิบเก้าเองมั้ง แต่ลงมือเตะได้เหี้ยมโหดและรุนแรงมาก แถมยังจงใจเตะเข้ากลางเป้าของเขาอีก แต่ในเวลานั้นเขาถูกพิษของเจ้าสัตว์สองตัวนี้เข้าให้จนขยับตัวไม่ได้จึงทำได้แค่ทนไป!

เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าจู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อจะพูดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ “ใช่ ตอนนั้นนายสมควรโดนเตะ!”

กล้าคิดมิดีมิร้ายกับเหมยเหมย ไม่เตะจนสูญพันธุ์ก็ถือเฮ่อเหลียนเช่อโชคดีมากแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงใส่ พลันรู้สึกใจฝ่อขึ้นมาจึงไม่กล้าโต้แย้งอะไร

รถแล่นเข้าสู่ชายแดนภูเขาสือว่านอย่างรวดเร็ว ต้นไม้หนาแน่นเขียวชอุ่ม อากาศสดชื่นเป็นอย่างมาก ไม่มีผู้คนเหยียบย่างเข้ามามากนัก แถมยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นครั้งคราวอีกด้วย

“จะเข้าไปจากตรงไหน?” เฮ่อเหลียนเช่อหยิบกระเป๋าเตรียมจะขึ้นเขา

“ตรงนี้คือทางเข้า และยังต้องเดินต่ออีกหกชั่วโมง”

เหยียนหมิงซุ่นแบกกระเป๋าขึ้นสะพายหลัง เพราะขับรถเข้าไปข้างในไม่ได้จึงทำได้แค่เดินเข้าไปเท่านั้น ใช้เวลาเดินหกชั่วโมงในระยะเส้นทางภูเขาสำหรับพวกเขาแล้วง่ายยิ่งกว่าการเดินเล่นเสียอีก

ฉิวฉิวก็พาฉาฉาลงจากรถเช่นกัน พวกมันปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วแล้วเรียกกระรอกทั้งหมดที่อยู่ในละแวกนั้น

…………………………………………..

ตอนที่ 2264 สวรรค์ของงูพิษ

อันที่จริงภูเขาสือว่านไม่นับว่าเป็นภูเขาแต่เป็นยอดเขานับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันก่อตัวเรียงเป็นยาวหลายพันไมล์ ภูเขาสือว่านเป็นเพียงคำเรียกรวม ๆหมายถึงยอดเขาที่มีมากมายหลายแสนลูกและมีพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

ภูเขาสูงชันแทรกตัวเต็มพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ในภูเขาปกคลุมด้วยต้นไม้สูงใหญ่หนาแน่นจนบดบังผืนป่าจนมืดมิด เดินเล่นบนภูเขาในตอนกลางวันกลับเหมือนเดินเล่นในยามค่ำคืนมองเห็นทางไม่ค่อยชัดนัก

ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็มีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนแต่พวกเขาก็ยังคงเปิดไฟฉาย หมวกบนหัวมีแสงไฟเจิดจ้าแถมยังสะดวกมากด้วย

ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ และใช้มีดพกพาตัดเถาวัลย์ที่ขวางทางเป็นครั้งคราว รวมถึงสัตว์แมลงมีพิษที่มาเกะกะขวางทางมากขึ้นอีกด้วย…

“โธ่เอ้ย…หากยังเข้ามาอีกฉันจะย่างพวกแกซะ…”

เฮ่อเหลียนเช่อไล่งูพิษที่ต้องการโจมตีเขานับครั้งไม่ถ้วนออกไป เหมือนว่าบนภูเขาอันกว้างใหญ่แห่งนี้กำลังทดสอบความกล้าหาญและฝีมือของเขา แต่เขาไม่กล้าฆ่างูพิษซี้ซั้วเพราะงูเป็นสัตว์ที่มีความพยาบาทมาก และภูเขาก็เป็นอาณาเขตของพวกมัน ใครจะรู้ว่างูที่เขาฆ่ามีภูมิหลังเป็นมาเช่นไรบ้าง หากเพื่อนฝูงของพวกมันมาแก้แค้นเอาคืนเขาคงไม่มีเวลามาจัดการพวกมันหรอก!

ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นกลับผ่อนคลายสบายมากเพราะเขาแค่ตัดเถาวัลย์ที่ขวางทางเท่านั้น งูและแมลงที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นได้แต่มองเขาจากที่ไกล ๆสามเมตร ดังนั้นพวกมันจึงพุ่งเป้าไปทางเฮ่อเหลียนเช่อที่อยู่ด้านหลังเหยียนหมิงซุ่นแทน

ไม่เพียงแต่งูพิษหลากสีหลายชนิด แต่ยังมีแมลงมีพิษหลายชนิดที่ระคายเคืองต่อผิว เฮ่อเหลียนเช่อปัดจนมือไม้พันกันเป็นระวิง รำคาญใจแทบแย่

“…แปลกจัง ทำไมแมลงพวกนี้ไม่ไปรุมนายเลยล่ะ? ทั้ง ๆที่นายก็อยู่ด้านหน้า…เหยียนหมิงซุ่น นายแอบซ่อนยาไล่แมลงเอาไว้ใช่ไหม…”

ในที่สุดเฮ่อเหลียนเช่อก็ค้นพบถึงสิ่งผิดปกติ แถมยังนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นแอบทำอะไรลับหลังจึงรู้สึกขุ่นเคืองใจ

เหยียนหมิงซุ่นหันกลับมาและหัวเราะเบา ๆ “เมื่อกี้พวกเราก็ทายาอยู่ด้วยกัน ตาข้างไหนของนายที่เห็นฉันซ่อนยาเอาไว้ล่ะ ทั้ง ๆที่นายไม่ได้เรื่องแท้ ๆ ขนาดแมลงยังตอมนายไม่หยุดเลย!”

“ฉันจะฆ่าพวกมัน…”

ฉับพลันเฮ่อเหลียนเช่อก็นึกขึ้นมาได้ ก่อนเข้ามาพวกเขาทายาด้วยกันแถมยังเป็นยาตัวเดียวกันทุกประการ ผ่านไปครึ่งทางแล้วก็ไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่นจะใช้ยาตัวอื่น ฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบซ่อนยาเอาไว้ หรือว่าเขาจะเป็นที่โปรดปรานของพวกแมลงจริง ๆนะ?

ความโมโหพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เฮ่อเหลียนเช่อฟาดฟันพวกมันด้วยมือเดียว เขาคิดจะฟันงูพิษออกเป็นสองท่อนแต่เหยียนหมิงซุ่นมาห้ามไว้ก่อน “งูพิษมีมากขนาดนี้นายฆ่าทิ้งได้หมดเหรอ? ถึงอย่างไรเสียพวกมันก็กัดนายไม่ได้แล้วจะไปสนใจพวกมันทำไม!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจเลยจริง ๆ พวกเขาห่อตัวมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่ปลิงยังเข้าไปไม่ได้เลย งูพิษก็แค่ดูแล้วน่ารังเกียจเท่านั้น กัดก็กัดไม่ได้แล้วจะจริงจังไปทำไม

“ไม่ล่ะ…ฉันเห็นพวกมันแล้วรู้สึกรำคาญ…”

“ตอนนี้พวกเราเป็นฝ่ายบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกมันถือว่าเป็นแขกนะ นายมีสติหน่อย อย่าทำตัวเป็นเจ้าบ้านเสียเองสิ!”

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เขา เวลาแบบนี้ยังจะทำตัวงอแงไร้สาระอีก ไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย!

เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าละอายใจอยู่บ้างแต่อดกลั้นเอาไว้อยู่ ผู้ชายตัวใหญ่กลัวแมลงมันดูอ้อนแอ้นไปหน่อยจริง ๆแหละ

แต่เขาไม่กลัววิญญาณชั่วร้าย ไม่กลัวสัตว์ร้าย ยกเว้นก็แต่พวกสัตว์จำพวกนี้เท่านั้น หนึ่งหรือสองตัวยังพอไหวแต่ถ้ามากกว่านี้เขาทนไม่ไหวหรอก

ภายใต้การพูดโน้มน้าวของเหยียนหมิงซุ่น สุดท้ายเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้ฆ่างูพิษและปล่อยพวกมันไป เขาแค่ปัดไล่พวกมันเท่านั้น จนหลัง ๆมีงูพิษน้อยลงมาก น่าจะเห็นว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีรังสีอาฆาตแล้วจึงแค่แลบลิ้นและมองดูจากบนต้นไม้ ไม่โจมตีเขาอีกต่อไป

ตอนนี้เป็นฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งูพิษและแมลงในป่าฝนเขตร้อนชุกชุมมากที่สุด เพราะว่าที่นี่ไม่ค่อยมีผู้คนเหยียบย่างเข้ามามากนัก งูพิษมีศัตรูทางธรรมชาติน้อยลง ป่าฝนที่หนาแน่นแห่งนี้ได้กลายเป็นสวรรค์ของพวกงูพิษ ต้นไม้ทุกต้นเต็มไปด้วยงูพิษซึ่งมันชวนให้ขนหัวลุกเหลือเกิน

พอไม่มีงูพิษโจมตีเฮ่อเหลียนเช่อก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เวลานี้เขาค้นพบว่าฉิวฉิวและฉาฉาไม่อยู่แล้วจึงเตือนด้วยความหวังดีว่า “เจ้าสัตว์สองตัวของเมียนายหนีหายไปแล้ว!”

………………………………………

ตอนที่ 2261 คำขอร้องของเฮ่อเหลียนเช่อ

เหยียนหมิงซุ่นยิ่งคิดก็รู้สึกละอายใจมากขึ้นจึงหันหน้าหนีไม่กล้ามองเหมยเหมย แกล้งทำเป็นพูดท่าทีผ่อนคลายว่า “ชื่อของลูกก็เอาตามที่พ่อบุญธรรมตั้งก็แล้วกัน ผู้ชายชื่อเฮ่อเหลียนซู่ ส่วนผู้หญิงก็ให้ชื่อเหยียนเล่อเล่อ…”

เหมยเหมยรีบตัดบท “ฉันเพิ่งท้องได้ยังไม่ถึงสี่เดือนเลย อีกตั้งครึ่งปีกว่าจะคลอด จะรีบร้อนตั้งชื่อไปทำไม?”

เธอไม่ชอบที่เหยียนหมิงซุ่นพูดจาเหมือนสั่งเสียอะไรแบบนี้เลยแม้แต่น้อย ฉิวฉิวก็บอกแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร เหยียนหมิงซุ่นจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ก่อนออกเดินทางพูดจาแบบนี้ไม่เป็นมงคลเลย!

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม “ก็ได้ ๆ ไม่รีบร้อน ช่วงนี้เธอก็ออกจากบ้านให้น้อยลงหน่อย ต่อให้ไปบ้านคุณปู่คุณย่าก็ต้องมีคนติดตามไปด้วย เข้าใจไหม?”

“อืม…พี่วางใจเถอะ…ฉันจะไม่อยู่ห่างจากลุงเหลากับป้าฟางเลยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พี่ไม่ต้องมากังวลแทนฉันหรอก!” ขอบตาเหมยเหมยร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามฝืนยิ้มเพราะเธอไม่ชอบการจากลาแบบนี้เลยจริง ๆ มันเหมือนกับว่าจากลากันแล้วยากที่จะได้พบเจออีก

ถึงแม้ว่าบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำจะเต็มไปด้วยกับข้าวมากมาย แต่ทั้งสองคนไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด แต่ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็กลับสู่ความสงบได้อย่างรวดเร็ว แล้วค่อย ๆทานมันอย่างช้า ๆ เปิดปากชมบ้างเป็นครั้งคราว แถมทานไปไม่น้อยเหมือนกัน

……

พักผ่อนหย่อนใจมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆก็ถึงเวลาที่นัดกับเฮ่อเหลียนเช่อไว้แล้ว เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็เขาไปกอดและประทับจูบเหมยเหมย…

ริมฝีปากประทับจูบกันอย่างดูดดื่มราวกับฉันอยู่ในตัวคุณและคุณก็อยู่ในตัวฉัน ทั้งสองจูบกันอย่างมีความสุข ลืมเรื่องกวนใจทั้งหมดจนสิ้น บนโลกนี้เหลือแค่เพียงพวกเขาสองคน…

แต่สุดท้ายก็ต้องกลับสู่ความเป็นจริง พวกเขาผละออกจากกัน เหยียนหมิงซุ่นกระชับกอดเหมยเหมยที่เหนื่อยหอบเล็กน้อยไว้แน่นแล้วกระซิบข้างหูว่า “พี่รักเธอนะ…”

“ฉันก็รักพี่เหมือนกัน ฉันจะรอพี่กลับมานะ!”

เหมยเหมยพยายามเก็บความเศร้าเอาไว้แล้วฉีกยิ้ม

เหยียนหมิงซุ่นประทับจูบหน้าผากของเธออีกครั้ง ตัดความอาลัยอาวรณ์ทิ้งไป “พี่ไปแล้วนะ…”

เขาหันหลังและเดินจากไป หากยังช้ากว่านี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะยังใจแข็งต่อไปได้ไหม เรื่องที่ควรทำเขาจำเป็นต้องทำ!

“…พาฉิวฉิวและฉาฉาไปด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งขึ้นรถ เหมยเหมยก็วิ่งตามมาเอาฉิวฉิวและฉาฉาห่อแล้วโยนเข้าไปในรถของเหยียนหมิงซุ่น เธอหันไปส่งยิ้มหวานให้เขา เธอจงใจเลือกที่จะส่งเจ้าหนูน้อยสองตัวออกไปในนาทีสุดท้าย แบบนี้เหยียนหมิงซุ่นก็จะได้ไม่มีเวลาปฏิเสธ

ถ้าไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ยอมเอาไปด้วยแน่นอน เพราะเขารู้สึกว่าฉิวฉิวและฉาฉาอยู่ข้างกายเธอจะดีกว่า เพราะพวกมันสามารถปกป้องเธอได้!

“เหมยเหมย…เอากลับไป!”

เป็นไปตามคาดเหยียนหมิงซุ่นคิดจะคว้าฉิวฉิวโยนกลับไปให้เหมยเหมย แต่ฉิวฉิวเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก มันพาฉาฉากระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นมือไม้ว่องไวแค่ไหนก็จนปัญญาจะจับมันลงมาได้ในช่วงเวลาอันสั้น

“คุณชายหมิง เหลืออีกห้านาที!” คนขับรถรีบเตือน

เหมยเหมยยิ้มหวานหันไปโบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น ตะโกนเสียงดังว่า “ฉันกับลูกจะรอพี่กลับบ้านนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่เกาะอยู่บนหลังรถอย่างจนใจ และทำได้แค่ให้คนขับรถออกรถไป “ขับให้เร็วที่สุด!”

ความตรงต่อเวลาเป็นพื้นฐานของทหาร

เหลืออีกสามวินาทีจะครบห้านาทีเหยียนหมิงซุ่นก็มาถึงสนามบิน เฮ่อเหลียนเช่อก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน เขาดูรีบร้อนมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ผ่านการบอกลาแสนอาลัยอาวรณ์ก่อนจะมาที่นี่เช่นกัน!

“ไปกันเถอะ…”

เหยียนหมิงซุ่นโบกมือ ตรวจสอบเครื่องบินรบด้วยตัวเองก่อนจะให้เฮ่อเหลียนเช่อขึ้นไปก่อน ส่วนเขาเป็นคนขับ

เฮ่อเหลียนเช่อนั่งอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ ห้องโดยสารเงียบไร้ซึ่งเสียงใด ๆ มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆของพวกเขาสองคนเท่านั้น

เพราะเหยียนหมิงซุ่นขับขึ้นไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของเครื่องบินรบที่มีระดับความสูงเกือบหนึ่งหมื่นแปดพันซึ่งใกล้กับชั้นบรรยากาศ ออกซิเจนในชั้นบรรยากาศด้านบนเบาบางมาก แม้แต่เหยียนหมิงซุ่นและเฮ่อเหลียนเช่อที่มีคุณสมบัติทางร่างกายที่แข็งแกร่งยังต้องสวมหน้ากากออกซิเจนเลย

“ถ้าหาก…ฉันทำลายชนวนระเบิดได้ นายปล่อยพ่อของฉันไปเถอะ ให้เขาพาเป่าเป่าไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนะ” จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็พูดขึ้นมากะทันหัน เสียงนั้นส่งผ่านเครื่องรับสัญญาณวิทยุไปถึงหูของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชัดเจน

…………………………………………..

ตอนที่ 2262 นายจะต้องรอดชีวิตกลับมาได้แน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นตั้งใจขับเครื่องบินรบอยู่ ถึงแม้ว่าจะได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างชัดเจนแต่เขาไม่อยากตอบ ในเมื่อบินอยู่บนชั้นบรรยากาศสูงเกือบหนึ่งหมื่นแปดพันฟุต เขาไม่อยากคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อเลยสักนิด

“ลงไปค่อยว่ากัน!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา เฮ่อเหลียนเช่อถึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ถูกกาลเทศะเอาเสียเลย เขาจึงรีบหุบปากทันที ไม่กล้ารบกวนเหยียนหมิงซุ่นอีกต่อไป

เครื่องบินรบที่พวกเขาขับเป็นเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ความเร็วอยู่ในระดับที่ดีมาก ทางตะวันตกเฉียงใต้ที่ไกลแสนไกลยังใช้เวลาขับไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เหยียนหมิงซุ่นควบคุมเครื่องลงจอดอย่างชำนาญ ลงได้นิ่งและสวยงามภายในครั้งเดียว

“ฝีมือไม่เลวนี่แต่แย่กว่าฉันนิดหน่อย!”

เฮ้อเหลียนเช่อพูดด้วยเสียงหงุดหงิด เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง อันที่จริงเขาไม่อยากคุยกับเจ้าหมอนี่มากนัก ระยะนี้สติปัญญาไม่ค่อยดีเลย

“นายคิดว่าหนิงเฉินเซวียนจะใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศอย่างสงบเสงี่ยมเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงประเด็นก่อนหน้านั้น

พอได้ฟังคำพูดที่เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยบนเครื่องบิน เหยียนหมิงซุ่นก็รู้ทันทีว่าเขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดกลับมาถึงได้สั่งเสียไว้

สีหน้าท่าทางของเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมาสงบเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นพูดถูก เพราะความจริงพ่อของเขาคงไม่มีทางยอมไปจากฮวาเซี่ยง่าย ๆ เขาบ้าและหมกมุ่นมาก ตอนนี้ในใจคิดเพียงแต่จะเป็นฮ่องเต้

อันที่จริงสิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่รู้ก็คือหนิงเฉินเซวียนต้องการทำให้แม่ของเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา——หนิงเสี่ยวซี

หนิงเฉินเซวียนก็ไม่รู้ว่าได้ยินวิธีบ้า ๆแบบนี้มาจากไหน ว่ากันว่าให้เก็บรักษาศพไว้ดี ๆไม่ให้มีร่องรอยความเสียหายใด ๆ จากนั้นก็วางไว้ตรงกลางหลงม่าย[1]เป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน สูดกลิ่นอายมังกรเข้าไปจะช่วยทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้

นี่คือเหตุผลหลักที่หนิงเฉินเซวียนอยากจะยึดครองโลก แน่นอนว่าเขาย่อมมีความทะเยอทะยานที่ปรารถนาจะเป็นฮ่องเต้ด้วยอยู่แล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อยิ่งไม่รู้เลยว่าศพของแม่ตนอยู่ในถ้ำด้วย ศพอยู่ในโลงที่ทำจากหยกเย็นพันปีซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ศพนั้นราวกับยังมีชีวิตอยู่ หนิงเฉินเซวียนมักจะเข้าไปในถ้ำเพื่อพูดคุยความในใจกับหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาเสมอ

นี่เป็นแรงจูงใจที่ผลักดันให้เขายืนหยัดต่อไป!

ช่างน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนเสียจริง!

“ถ้าเขาไม่ยอมไปก็ช่างเถอะ ฉันแค่หวังว่าพอถึงตอนนั้นนายจะยอมปล่อยเขาไปก็แค่นั้น!” เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจ แล้วมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นด้วยความเว้าวอน

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะตัดสินใจได้เพราะต้องให้นายใหญ่เป็นคนตัดสิน มาขอร้องฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” เหยียนหมิงซุ่นพูดความจริงด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เหมยซูหานและเสี่ยวเป่าเขาปล่อยไปได้ การลงโทษไม่รวมถึงคนในครอบครัว นายใหญ่คงไม่ถึงขนาดฆ่าแกงกันหมดหรอก และเขาก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นเช่นกัน แต่หนิงเฉินเซวียน…ต่อให้นายใหญ่จะยอมปล่อยเขาไป แต่เกรงว่าเฮ่อเหลียนชิงจะไม่เห็นด้วยเนี่ยสิ!

เรื่องที่เฮ่อเหลียนชิงถูกวางยาพิษในปีนั้นก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาหลายต่อหลายครั้ง สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คือการแก้แค้น

การฆ่าหนิงเฉินเซวียนกลายเป็นความยึดติดในชั่วชีวิตนี้ของเฮ่อเหลียนชิงไปแล้ว เขาไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆแน่!

เฮ่อเหลียนเช่อก็คิดถึงจุดนี้เหมือนกัน สีหน้าก็ยิ่งเศร้าสร้อย ไร้ซึ่งชีวิตชีวาและจิตใจอันฮึกเหิมเหมือนที่เห็นในทุก ๆวันความโหดเหี้ยมอำมหิตในอดีตบนใบหน้าเวลานี้หายมลายไปแทบไม่เหลือ ถือว่าดูไม่ขัดตาขึ้นเยอะเลย

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยว่า “เหมยซูหานและเสี่ยวเป่าฉันรับปากนายได้ว่าจะปกป้องพวกเขาให้อยู่ดีมีสุข คนอื่นฉันจนปัญญาที่จะรับปากได้จริง ๆ แน่นอนว่าเงื่อนไขข้อแรกคือฉันต้องมีชีวิตรอดให้ได้เสียก่อนนะ”

ดวงตาของเฮ่อเหลียนเช่อไหววูบ พูดเสียงแผ่วเบาว่า ’ขอบคุณนะ’ แต่ก็ลอยพัดหายไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นหูดีไม่อย่างนั้นคงจะไม่ได้ยินแน่ เขาหัวเราะในใจ เจ้าหมอนี่คงไม่เคยเอ่ยขอบคุณใครมาก่อนเลยสินะ?

แม้กระทั่งพูดขอบคุณยังพูดได้ไม่เป็นธรรมชาติเสียขนาดนี้!

ทั้งสองขึ้นรถแล้วไม่พูดอะไรกันอีก และยังคงเป็นเหยียนหมิงซุ่นขับอีกเช่นเคย เขาเหยียบคันเร่งจนสุดขับไปตามเส้นทางบนท้องถนน

“นายจะต้องมีชีวิตรอดกลับไปได้แน่!” อยู่ดี ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าสงบเรียบนิ่งแต่สายตากลับเจ็บปวดจับใจ

[1] เป็นสถานที่ที่มีพลังอันศักดิ์สิทธิ์ ฮวงจุ้ยดี

………………………………………..

ตอนที่ 2259 ลางร้าย

 เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่ง แล้วจงใจถามว่า “ทำไมนายถึงรู้ว่าเหลือเวลาอีกแค่สามวันล่ะ?”

เฮ่อเหลียนเช่ออึกอักอยู่สักพักก็ตวาดใส่ว่า “ฉันคิดคำนวณเอาเอง คุณอาฉันใจร้อนจะตายไป เขาซ่อนตัวมาตั้งหลายวันตอนนี้ต้องหงุดหงิดใจแล้วแน่นอน สามวันฉันยังถือว่ามากไปด้วยซ้ำ บางทีอาจสั้นกว่านั้นด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกยิ้ม ยังจะปากแข็งอีก?

เห็นได้ชัดว่าเฮ่อเหลียนเช่อตามหาหนิงเฉินเซวียนเจอแล้วแต่คงเพราะพูดจาหว่านล้อมไม่สำเร็จ ไม่เช่นนั้นเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางมาร่วมมือกับเขาได้หรอก!

หนิงเฉินเซวียนบ้าไปแล้วจริง ๆ!

จะเสียเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!

“งั้นออกเดินทางตอนบ่ายรวมตัวกันที่สนามบิน นายรู้ไหมว่ากลไกชนวนระเบิดอยู่ที่ไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“รู้บ้าอะไรล่ะ ฉันไม่ใช่คนสร้างฐานลับนั่นนะ แต่ฉันต้องหามันเจอได้เร็วกว่านายแน่นอน” เฮ่อเหลียนเช่อมองเขาด้วยสายตาดูแคลน

หนิงเฉินเซวียนไม่ใช่แค่คนบ้าคนหนึ่งแต่ยังเป็นคนที่มีอาการหวาดระแวงรุนแรงอีกด้วย เรื่องราวทุกเรื่องเขามักจะทำซ้ำ ๆกันอย่างนั้นปีแล้วปีเล่า ยกตัวอย่างเช่นเรื่องอาหารการกินของเขามักจะเป็นอาหารสามอย่างและแกงอีกหนึ่งอย่างมาโดยตลอด

อาหารสามอย่างคือเนื้อสัตว์หนึ่งอย่าง ปลาหนึ่งตัวและผักหนึ่งอย่าง ส่วนแกงก็ต้องเป็นแกงเต้าหู้ผักโขม แต่หนิงเฉินเซวียนเรียกมันว่าแกงเฝ่ยซุ่ยไป๋อวี้ ความเคยชินในลักษณะนี้คงอยู่มานานราวยี่สิบปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง

และยังมีความเคยชินในชีวิตประจำอื่น ๆอีกที่ตลอดเวลาสิบปีมานี้เหมือนเป็นเพียงหนึ่งวันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย

ฉะนั้นในเมื่อหนิงเฉินเซวียนเป็นคนสร้างฐานลับแห่งนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าจะต้องคงอุปนิสัยของเขาเอาไว้แน่นอน เฮ่อเหลียนเช่อคือคนที่รู้จักหนิงเฉินเซวียนดีที่สุดในโลก สำหรับเขาการหากลไกให้เจอนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าเหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถกเถียงเขา เพราะความจริงก็เป็นเช่นนั้น

หลายวันมานี้เหมยเหมยรู้สึกเป็นกังวล กลางคืนก็นอนไม่หลับเพราะเอาแต่ฝันร้าย ในความฝันเหยียนหมิงซุ่นกำลังตกอยู่ในท่ามกลางแสงขนาดมหึมาซึ่งสว่างเจิดจ้าจนเธอลืมตาไม่ขึ้น…

แต่ที่ทำให้เธอหวาดกลัวก็คือเธอได้แต่ยืนดูเหยียนหมิงซุ่นถูกแสงขนาดมหึมาที่มีรูปลักษณ์คล้ายไข่บดบังกลืนกินเข้าไปจนในที่สุดร่างกายก็กลายเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือแม้แต่เศษซากสักนิดเดียว

หลายคืนมานี้เหมยเหมยเอาแต่ฝันในลักษณะเดียวกัน แม้ว่ากระบวนการจะแตกต่างกันไปบ้างแต่จุดจบในตอนสุดท้ายกลับเหมือนกัน

เหยียนหมิงซุ่นถูกแสงไฟนั้นกลืนกิน!

เหมยเหมยผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คิดมากจนเก็บเอาไปฝัน แต่อาจเป็นเพราะพระเจ้ากำลังเตือนเธออยู่ว่า

นี่คือลางร้าย!

เหยียนหมิงซุ่นกำลังจะเจอกับหายนะ!

เหมยเหมยจิตใจว้าวุ่น หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งกว่าเดิม เมื่อก่อนยังออกเช้ากลับค่ำแต่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะกลับมานอนบ้านติด ๆกันหลายคืน เธอรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะทางฝั่งหนิงเฉินเซวียนไม่ราบรื่นแน่นอน

เธอนึกถึงตอนกินข้าวเมื่อหลายวันก่อน เธอเคยถามเหยียนหมิงซุ่นว่าถ้าตามหาหนิงเฉินเซวียนไม่พบแล้วจะทำอย่างไรต่อไป?

เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าจะส่งคนไปทำลายกลไกระเบิดที่ฐานลับ…

เหมยเหมยก็พลันตกใจวาบ เธอรู้แล้วว่าเหตุใดพระเจ้าถึงได้เตือนเธอ!

คนที่ไปทำลายเครื่องชนวนระเบิดจะต้องเป็นเหยียนหมิงซุ่น…

แบบนี้แน่นอน!

เหมยเหมยเดินวนไปมาอย่างร้อนใจ ทำอย่างไรดี…เธอควรทำอย่างไรดี?

การห้ามเหยียนหมิงซุ่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะนี่คือภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะทหาร เขาจะต้องยินยอมพร้อมใจที่จะทำมันอย่างแน่นอนแม้จะรู้ดีว่าเต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม!

ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาค่อย ๆไหลอาบแก้ม เหมยเหมยปิดหน้าตัวเองและพยายามกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้

เจ้าตัวเล็กยังไม่ทันเกิด หากว่าเหยียนหมิงซุ่นต้อง…แล้วเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร?

เหมยเหมยเรียกสติกลับมา เธอต้องคิดหาวิธีลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด ส่วนความคิดที่จะส่งคนอื่นไปปฏิบัติหน้าที่แทนนั้นไม่ใช่ว่าเหมยเหมยไม่เคยคิด แต่ฉับพลันเธอก็รู้สึกละอายใจเหลือเกิน

คนอื่น ๆก็มีชีวิตเช่นกันแถมยังเป็นถึงเสาหลักของครอบครัวอีก หากว่าต้องสละชีพผู้หญิงคนอื่น ๆก็คงเสียใจและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอเห็นแก่ตัวขนาดนั้นไม่ได้ แต่เธอก็เกลียดความใจกว้างของตัวเองเหมือนกัน…

ช่างย้อนแย้งกันจริง ๆ!

“เธอร้องไห้ทำไม? คิดถึงผู้ชายเหรอ?” ฉิวฉิวมุดออกมาถามเหมยเหมยอย่างนึกสงสัย

ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับนายผู้ชายเธอก็ไม่ใช่พวกขี้แยอีกต่อไป จำนวนครั้งที่ร้องไห้น้อยมาก แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ร้องไห้ขึ้นมาล่ะ?

……………………………………………………………

ตอนที่ 2260 คนเราทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ

 เหมยเหมยอุ้มฉิวฉิวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกแล้วเล่าความฝันไม่กี่วันมานี้ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น พอคิดว่าเหยีนหมิงซุ่นอาจจะต้องตายน้ำตาของเธอก็รินไหลราวกับฝนตกก็ไม่ปาน ทำเอาขนอันงดงามของฉิวฉิวเปียกชุ่มไปหมด

“ฉิวฉิว…ฉันต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยพี่หมิงซุ่นได้…ฉันกลัวเขาตายเหลือเกิน” เหมยเหมยร้องไห้ร้องห่มพึมพำกับตัวเองน้ำตาไหลไม่หยุด ฉิวฉิวมองหางอันสวยงามที่น่ารังเกียจอย่างขยะแขยง มันทนอยู่นานแต่พอเห็นว่านายผู้หญิงไม่ยอมหยุดเสียทีจึงพลันนึกโมโหขึ้นมา…

“เธออย่ากอดฉันร้องไห้ได้ไหม…อีกเดี๋ยวฉันยังมีนัดต่ออีก กว่าจะแปรงขนให้สวยได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ…”

ฉิวฉิวเบี่ยงตัวออกจากอ้อมอกของเหมยเหมย ขนนุ่มที่สลวยสวยงามบัดนี้ได้แนบสนิทไปกับร่างเล็ก ๆของมันแล้ว ดูตลกไม่น้อยเลย

เหมยเหมยจุกอยู่ในอก เธอโกรธมากจนฟาดฉิวฉิวที่กำลังแปรงขนอยู่

“ฉันเสียใจขนาดนี้ แกยังมีกะจิตกะใจไปเดตอีกเหรอ?”

ฉิวฉิวกลอกตามองบน กระโดดขึ้นไปบนพนักโซฟาแล้วทำทีง้างขาขึ้นมา

“เธอพูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย…”

เหมยเหมยเล่าเรื่องฐานลับให้ฟังด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ที่ฐานลับนั่นอันตรายมากเลยนะ พี่หมิงซุ่นไปที่นั่นต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่เลย”

“ฐานลับคือแหล่งผลิตพลังงานพิเศษนั่น?” ใบหน้าของฉิวฉิวดูจริงจังขึ้น

“ใช่ ที่นั่นแหละ!”

เหมยเหมยพยักหน้ายืนยันและตามมาด้วยความดีใจ จากท่าทางของฉิวฉิวแล้วเหมือนจะมีทางออกแฮะ!

“ฉิวฉิว แกมีวิธีใช่ไหม?” เหมยเหมยรีบถาม

“ฉันคิดก่อน…อย่าเพิ่งรบกวน!” ฉิวฉิวก้มหน้าขบคิด ฟังจากความหมายของนายผู้หญิง ในฐานนั่นจะต้องมีพลังงานมหาศาล ดังนั้นคงพึ่งแค่น้องฉาฉาคงไม่ได้

ส่วนตัวมันเองก็ไม่ได้เพราะมันไม่สามารถดูดซับพลังงานนั้นได้ เพราะฉะนั้นต้องหาชาวเมืองดั้งเดิมเพิ่มอีก

และจะต้องไม่ใช่ชาวเมืองดั้งเดิมที่มีคุณสมบัติอ่อนแอ อย่างน้อยก็ไม่ควรแย่ไปกว่าเจ้าน้องฉาฉา แต่ชาวเมืองดั้งเดิมลักษณะนี้ค่อนข้างหายาก

“ผู้ชายของเธอเดินทางเมื่อไร ถึงเวลานั้นก็ให้พาฉันกับน้องฉาไปด้วย” ฉิวฉิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

การเดินทางไปฐานลับในครั้งนี้อันตรายกว่าทุกครั้งแต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดี ไม่ใช่แค่สำหรับเจ้าน้องฉาแต่สำหรับเหยียนหมิงซุ่นเองก็เช่นกัน

เหมยเหมยดีใจมาก แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “ฉิวฉิว แกกับฉาฉาจะเป็นอันตรายไปด้วยไหม?”

“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก ไม่ตายแน่นอน!” ฉิวฉิวสะบัดหาง ท้องไส้แอบปั่นป่วน คุณชายฉิวอย่างมันไม่มีทางเป็นอะไรไปได้หรอกเพราะมันเป็นถึงสัตว์เทวะ แต่น้องฉากับนายผู้ชายก็ไม่แน่

โทษแห่งความตายอาจเลี่ยงได้แต่ก็ต้องโดนอะไรบ้างแหละ!

คำพูดนี้จะให้นายผู้หญิงได้ยินไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นคงร้องไห้โฮแน่ สัตว์ตัวเมียช่างเป็นเพศที่น่ารำคาญจริง ๆ!

เหมยเหมยเห็นสีหน้าของฉิวฉิวแน่นิ่งจนคาดเดาไม่ถูกเลยพลันคิดไปว่ามันมีความมั่นใจมาก ฉับพลันจึงรู้สึกโล่งใจ กลับมาสดใสอีกครั้ง แถมยังเข้าครัวทำอาหารชุดใหญ่ด้วยตัวเอง ก่อนออกเดินทางจะต้องกลับมาทานข้าวกับเธอสักมื้อแน่นอน มื้อเลี้ยงส่งจะต้องทำให้เต็มโต๊ะไปเลย

และเป็นไปตามคาดเหยียนหมิงซุ่นกลับมาบ้านในช่วงบ่าย บนโต๊ะก็เรียงรายไปด้วยกับข้าวประมาณสิบกว่าเมนูได้ซึ่งล้วนเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น เหมยเหมยยิ้มร่ามองเขา

“กลับมาแล้ว รีบไปล้างมือทานข้าวนะคะ”

เหยียนหมิงซุ่นกินไปแค่คำเดียวก็จ้องหน้าเหมยเหมยอย่างไม่พอใจ “ทำไมเธอถึงทำกับข้าวเอง?”

“ฉันไม่ใช่คนพิการสักหน่อย พี่รีบ ๆกินเถอะ กินเยอะ ๆล่ะ” เหมยเหมยคีบอาหารให้เขาไม่หยุด แม้ว่าจะสบายใจแล้ว แต่สีหน้าแววตาก็ยังคงเป็นกังวลอยู่เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น

“บ่ายนี้พี่จะออกไปปฏิบัติภารกิจ อาจจะต้องไปนานเลย เธออยู่บ้านดี ๆล่ะไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะพยายามกลับมาให้ทันก่อนวันที่ลูกคลอด…”

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างนึกละอายใจ ตั้งแต่ตั้งครรภ์มาเขาก็แทบไม่ได้อยู่บ้านเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูแลเหมยเหมยหรอก แม้แต่ทานข้าวกับเหมยเหมยยังน้อยนับครั้งได้ ตอนนี้เขากำลังจะไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงถึงชีวิตที่ยากจะคาดเดาได้ จะกลับมาได้ไหมยังไม่รู้เลย

แล้วถ้าหากเขาไม่ได้กลับมาล่ะ…

…………………………………………………………..

ตอนที่ 2257 คุณปู่อยู่บนเขา

 “ที่นี่ไม่มีคุณปู่หรอก ฉันมาตามหาสิบกว่ารอบแล้ว”

เฮ่อเหลียนเช่อผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่ควรตั้งความหวังไว้กับเด็กเล็ก ๆขนาดนี้เลย บางทีเสี่ยวเป่าอาจเคยอยู่ที่นี่มาก่อน นั่นเลยเป็นเหตุผลที่คิดว่าหนิงเฉินเซวียนจะอยู่ที่นี่

เสี่ยวเป่ายังคงไม่สนใจเขา ทั้งยังร้องอ้อแอ้จะลงจากรถ เหมยซูหานจำต้องอุ้มเขาลงไป ต่อให้หนิงเฉินเซวียนไม่อยู่ก็อุ้มเสี่ยวเป่าไปเดินดูสักรอบหน่อยแล้วกัน เจ้าเด็กนี่จะได้ล้มเลิกความคิดไปสักที

ภายในบ้านยังมีคนรับใช้ทำงานอยู่ ทุกอย่างยังเหมือนเคยเพียงแต่ไม่มีเจ้านายอยู่

พวกเขาเห็นเฮ่อเหลียนเช่อก็เข้ามาทักทาย เฮ่อเหลียนเช่อโบกมือให้พวกเขาแยกย้ายไป

เสี่ยวเป่าพาพวกเขาเดินไปยังท้ายสวน สวนด้านหลังเป็นสนามม้าที่หนิงเฉินเซวียนรักที่สุด เฮ่อเหลียนเช่อใจชาวาบ สนามม้าเขาก็ตามหาหมดแล้ว ทั้งยังถึงขั้นขุดหลุมไปหลายจุดเพราะอยากรู้ว่าด้านล่างจะมีห้องใต้ดินอยู่ไหม แต่แล้ว…ก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ในสนามม้ายังมีม้าขังไว้อีกหลายตัว เว้นเสียแต่ม้าเซ็กเธาว์ที่ถูกโฉ่วโฉ่วม้าของเฮ่อเหลียนชิงเอาไปทำเมียแล้ว เสี่ยวเป่ารู้สึกผิดหวังเมื่อไม่เจอหั่วหั่ว เพราะหั่วหั่วเป็นม้าที่ฉลาดที่สุดในนี้เลยนะ!

แต่ไม่เป็นไรม้าตัวอื่นก็ฉลาดเหมือนกัน

เสี่ยวเป่ามุดตัวเข้าไปในคอกม้าก้าวขาอวบ ๆวิ่งไปตรงหน้าม้าอาหรับสุดหล่อ เหมยซูหานและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็ไม่รู้สึกตกใจอะไร เพราะพวกเขารู้มานานแล้วว่าระหว่างเสี่ยวเป่ากับสัตว์มีความเข้ากันได้บางอย่างที่ยากจะอธิบาย

แม้แต่งูเห่า ยามที่อยู่ต่อหน้าของเสี่ยวเป่าก็จะอ่อนโยนดั่งงูไร้พิษ

ดังนั้นพวกเขาไม่กังวลเลยสักนิดว่าม้าจะทำร้ายเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่ายืนอยู่ใต้ท้องม้าอาหรับได้สักพัก ก่อนจะปีนออกมา จากนั้นก็วิ่งไปหาม้าอีกตัวที่ดูแก่กว่า

เพราะม้าอาหรับบอกเขาว่า มันมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานจึงรู้เรื่องราวต่าง ๆค่อนข้างน้อย มันให้เขาไปถามม้ามองโกเลียที่แก่ที่สุด บางทีตาแก่นั่นอาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้

เสี่ยวเป่าไม่ผิดหวังกับม้ามองโกเลียตัวนั้นเลยเพราะได้ข่าวดีตามคาด

ม้ามองโกเลียทำเสียงฮึดฮัดแล้วกินหญ้าสดอย่างช้า ๆ อายุมากแล้วฟันไม่ค่อยดี ต้องเคี้ยวให้ละเอียดหน่อยไม่งั้นย่อยยาก

“เห็นภูเขาลูกนั้นไหม? เจ้านายอยู่ในนั้นแหละ ตอนกลางคืนฉันเห็นเขามุดเข้าไปที่นั่นกับตาตัวเองเลย อายุมากแล้ว นอนหลับยากเหลือเกิน…”

ม้ามองโกเลียแก่บ่นพึมพำมากมาย เสี่ยวเป่าฟังมันพูดจนจบอย่างตั้งใจโดยไม่มีแม้แต่จะรำคาญเลยสักนิด

จนม้ามองโกเลียแก่บ่นจบเสี่ยวเป่าถึงได้ปีนออกมา วิ่งไปตรงหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อ แล้วชี้ไปยังภูเขาลูกที่อยู่ใกล้กับสนามม้าด้วยท่าทีจริงจัง

บ้านพักอาศัยของหนิงเฉินเซวียนไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแต่อยู่ในเขตชานเมือง ฐานะเดิมคือองค์ชายแห่งราชวงศ์องศ์ก่อน เนื่องจากชอบขึ้นเขาล่าสัตว์ ดังนั้นองค์ชายท่านนี้จึงได้สร้างตำหนักไว้ด้านล่างภูเขา

สนามม้าจึงถูกสร้างขึ้นตามแนวภูเขา พอเสี่ยวเป่าชี้ไปเฮ่อเหลียนเช่อก็เข้าใจในทันที จึงถามหยั่งเชิง “คุณปู่อยู่ในภูเขาเหรอ?”

“อือ…” เสี่ยวเป่าพยักหน้า

เฮ่อเหลียนเช่อและเหมยซูหานสบตากัน หนิงเฉินเซวียนหลบอยู่ในภูเขา?

“นายพาเสี่ยวเป่ากลับไปก่อน ฉันจะลองไปตามหาดู” เฮ่อเหลียนเช่อกล่าว

“นายระวังตัวหน่อยนะ!” เหมยซูหานอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา เขาอยู่ด้วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ กลับกันอาจจะสร้างปัญหาให้อีกก็ได้ อีกอย่างหนิงเฉินเซวียนคงไม่ถึงขั้นทำร้ายเฮ่อเหลียนเช่อหรอก

หนึ่งวันผ่านไป

เหยียนหมิงซุ่นเตรียมตัวออกเดินทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ งานทำลายฐานลับระเบิดปรมาณูเป็นภารกิจที่อันตรายมาก คนอื่นที่ไปก็มีแต่ตายกลับมา เขามีสมรรถภาพทางร่างกายที่ดีและมีฝีมือที่เก่งกาจอยู่บ้าง บางทีอาจจะเอาตัวรอดกลับมาได้ก็ได้

เฮ่อเหลียนเช่อมาหาถึงบ้านยื่นข้อเสนอว่าจะขอร่วมด้วย “ฉันรู้ว่านายจะไปฐานลับ ฉันจะไปกับนายด้วย!”

…………………………………………………………………………

ตอนที่ 2258 ชักจูงล้มเหลว

 “นายยังตามหาตัวหนิงเฉินเซวียนไม่เจอเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามกลับ

“ใช่ ยังไม่เจอ”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดโกหก เมื่อวานเขาเจอตัวหนิงเฉินเซวียนแล้ว อยู่บนภูเขาจริง ๆ และบนนั้นก็มีทั้งอาหารการกิน หนังสือ โรงหนัง ตู้เหล้า เครื่องผลิตไฟฟ้าทุกอย่างครบครัน

มีแม้กระทั่งโรงเรือนผัก ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ขนาดเล็กทำให้ผักสดขึ้นได้ดีกว่าบนพื้นที่ราบเสียอีก

หนิงเฉินเซวียนสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้สองสามปีเต็ม ๆ แถมยังอุดมสมบูรณ์มากด้วย

สำหรับการมาเยือนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ทำให้หนิงเฉินเซวียนตกใจมากนัก ราวกับว่าเขาเดาออกว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องตามหาที่นี่เจออยู่แล้ว ครั้งนี้เฮ่อเหลียนเช่อรู้จักที่จะเรียนรู้จึงไม่เอ่ยถามถึงเรื่องฐานลับแต่อย่างใด และยังแสร้งทำเป็นว่าห่วงความปลอดภัยของเขาจึงได้มาตามหาถึงที่นี่

เขาอยู่บนภูเขามาหนึ่งคืน แถมยังคุยเป็นเพื่อนหนิงเฉินเซวียนมากมาย บางทีอาจเพราะอยู่บนภูเขาคนเดียวจนเหงาเกินไป หรือบางทีอาจเพราะไม่อยากจะปิดบังลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของเขาอีกหนิงเฉินเซวียนจึงพูดความจริงออกมา

เขาพูดถึงความรุ่งเรืองของตระกูลหนิงเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และเขายังได้บอกถึงความทะเยอทะยานที่อยากจะเป็นฮ่องเต้เพื่อครอบครองโลกใบนี้ออกมา…พูดหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่พูดถึงเลยคือเรื่องฐานลับนั่น

“พ่อครับ…เราไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศกันเถอะ พาเสี่ยวเป่าไปด้วย ไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีใครรู้จักเราและใช้ชีวิตอย่างเสรี ผมกับซูหานจะกตัญญูให้มาก…ดีไหมครับ?”

จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็เอ่ยปากเรียกเขาว่าพ่อขึ้นมา และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกว่าพ่อ

หนิงเฉินเซวียนชะงักไปชั่วขณะ จับจ้องลูกชายเพียงคนเดียวของเขาอย่างลึกซึ้ง นี่คือการตกผลึกความรักของเขากับเสี่ยวซี หน้าตาดูละม้ายคล้ายคลึงกับเสี่ยวซีมากเหลือเกิน!

หนิงเฉินเซวียนที่เกือบเหมือนคนบ้า จิตใจที่แข็งกร้าวและไร้ซึ่งความปรานีดูอ่อนลงมากแต่มันก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากความปรารถนาของเขาที่ต้องการจะเป็นฮ่องเต้…ดังนั้น

“เมื่อก่อนฉันสอนแกว่าอย่างไร สิ่งที่ตระกูลหนิงของเราต้องทำคือโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ใช่การหลบ ๆซ่อน ๆใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้ การที่ไม่มีคนรู้จักตระกูลหนิงของเรา ต่อให้ต้องกินเนื้อมังกรในทุกวันฉันก็ไม่มีความสุขหรอก…”

หนิงเฉินเซวียนสั่งสอนเฮ่อเหลียนเช่อไปยกหนึ่ง โมโหเขาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

ทั้งหมดเป็นเพราะเหมยซูหานนั่น ทำร้ายลูกชายที่ใจโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาจนกลายเป็นแค่คนขี้ขลาดที่ต้องการแค่ซ่อนตัวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวัน ๆ …

หึ เป็นถึงผู้ชายตระกูลหนิงจะขี้ขลาดได้อย่างไร?

การฟื้นฟูตระกูลหนิงถือเป็นภาระหน้าที่ของคนในตระกูลหนิงทุกคน ลูกชายของหนิงเฉินเซวียนอย่างเขาจะเป็นเหมือนชายอื่นในตระกูลที่ลืมเลือนบรรพบุรุษต้นตระกูลไม่ได้!

“พ่อครับ…เรื่องฮ่องเต้มันไม่มีวันเป็นจริงหรอก…พ่อดูสิว่ามีประเทศไหนที่ใช้ฮ่องเต้ปกครองบ้าง? แม้แต่ราชวงศ์กษัตริย์ของยุโรปยังมีแค่ประดับไว้เอง ไม่ได้มีอำนาจจริง ๆเลยสักนิด พ่อคิดว่าทำแบบนั้นไปจะมีความหมายอะไร?”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดเกลี้ยกล่อมอย่างยากลำบาก เขารู้สึกว่าความคิดของหนิงเฉินเซวียนนั้นตลกเกินไป

กาลเวลานั้นเดินต่อไปข้างหน้า อารยะธรรมไม่สามารถย้อนกลับมาได้ นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ มนุษย์ไม่สามารถขัดต่อกฎนี้ได้เลย

นึกไม่ถึงเลยว่าหนิงเฉินเซวียนจะคิดต่อกรกับพลังธรรมชาติ ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก และเป็นเรื่องน่าตลกที่สุดในโลกด้วย!

“แกจะไปเข้าใจอะไรล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันตัดสินใจไปแล้ว” หนิงเฉินเซวียนด่ากลับอย่างโมโห ทั้งยังไม่พอใจกับความไม่เอาไหนของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างมาก และตั้งใจไว้ว่าหลังจากภารกิจจบจะจัดการเหมยซูหานเสีย ลูกชายดี ๆของเขาถูกไอ้เด็กนั่นพาเสียคนหมด

เฮ่อเหลียนเช่อพูดหว่านล้อมหนิงเฉินเซวียนที่บ้าคลั่งไม่สำเร็จ เดิมทีเขาอยากจะอยู่ต่ออีกหลายคืนแต่เช้าของวันถัดมา หนิงเฉินเซวียนก็ไล่เขากลับ บอกเพียงว่าให้เขาดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ

เฮ่อเหลียนเช่อกลับมานอนขบคิดอยู่ที่บ้านหนึ่งวันหนึ่งคืน จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้

ดังนั้นเขาจึงมาพบเหยียนหมิงซุ่น!

“พวกเรามีเวลาเหลือมากสุดแค่สามวัน ดังนั้นต้องเร่งมือหน่อย!” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยเสียงขรึม

เรื่องเวลาเขาเป็นคนประมาณการณ์ไว้เอง เพราะหนิงเฉินเซวียนบอกเขาว่าช่วงสามวันนี้ห้ามออกจากบ้านไปไหน แต่จะเห็นได้ว่าความอดทนของหนิงเฉินเซวียนใกล้จะหมดลงแล้ว สามวันคือขีดจำกัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว

…………………………………………………………

ตอนที่ 2255 ความสงสัยของเสี่ยวเป่า

คนที่ร้อนใจไม่ต่างกันก็คือเฮ่อเหลียนเช่อ เขาตามหาทั่วทุกสารทิศที่คิดว่าจะเจอมาสามวันแล้ว แต่หนิงเฉินเซวียนเหมือนระเหยหายไปจากโลกนี้ก็ไม่ปาน แม้แต่เงาก็ตามหาไม่เจอ

“หรือคุณอาจะหนีไปจากเมืองหลวงแล้วงั้นเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วมุ่น บ่นพึมพำกับตัวเอง

เหมยซูหานส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “เป็นไปไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางพูดซี้ซั้วหรอก เขาบอกว่าอาของนายยังอยู่ในเมืองหลวงก็แสดงว่ายังอยู่ แค่พวกเราตามหาไม่เจอเท่านั้นเอง!”

“บ้าเอ้ย ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะ?” เฮ่อเหลียนเช่อทึ้งผมอย่างหงุดหงิด

เหมยซูหานเองก็โมโหไม่น้อย หาตัวหนิงเฉิยเซวียนไม่เจอก็เท่ากับว่าอาจจะเกิดอันตรายกับเสี่ยวเป่าได้ทุกเมื่อ นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด

เสี่ยวเป่ากินเกี๊ยวในจานหมดแล้วดูดปากอย่างร่าเริง จากนั้นเขาก็เดินถือจานเปล่าไปตรงหน้าเหมยซูหาน ชูจานขึ้นสูง แต่เหมยซูหานยังตกอยู่ในห้วงความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็นการกระทำของเจ้าตัวเล็ก

ปวดมือจัง…

เสี่ยวเป่ายกค้างอยู่นานมากแต่ก็ยังไม่ได้การตอบรับใด ๆ เขาจึงเบะปากอย่างน้อยใจ คุณอาไม่ชอบเขาแล้วใช่ไหม?

“แอะ…”

เสี่ยวเป่าแค่นเสียงแล้วชูจานขึ้นสูงกว่าเดิม เหมยซูหานถึงได้มองเห็นเขาจึงอดยิ้มอย่างรู้สึกผิดไม่ได้ “ขอโทษนะ อาไม่เห็นเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเก่งมากเลย เกี๊ยวเยอะขนาดนี้ยังกินหมดเกลี้ยง เก่งที่สุดเลย…”

เสี่ยวเป่าเชิดคางมน ๆขึ้นอย่างภาคภูมิใจ มืออวบ ๆชี้ไปที่จานเปล่า น้ำลายหยดไหลเต็มปลายคาง

“อาตักเพิ่มให้อีกสักสองสามชิ้นนะ เสี่ยวเป่ากินเยอะ ๆจะได้ตัวสูง ๆ!”

แม้จะมีเรื่องทุกข์ใจแต่เหมยซูหานก็ยังชื่นชม ถือจานเปล่าเข้าไปตักเกี๊ยวในห้องครัว เขาตั้งใจทำเกี๊ยวอันเล็ก ๆขึ้นมาโดยเฉพาะ เสี่ยวเป่าสามารถกินหมดในสองคำ แถมเป็นไส้ผักช่วยเสริมวิตามินอีกด้วย

“เสี่ยวเป่านั่งกินที่นี่แหละ!”

เหมยซูหานวางจานไว้บนเก้าอี้ข้างกายให้เสี่ยวเป่านั่งทานอยู่ข้างเขา

เสี่ยวเป่าเห็นของอร่อยก็ยิ้มตาหยีนั่งลงบนเก้าอี้และทานอย่างว่าง่าย เขาไม่ได้ใช้ช้อนแต่ใช้มืออวบ ๆหยิบขึ้นมาทาน ยัดชิ้นหนึ่งเข้าปากไปก็หายไปครึ่งค่อนชิ้น กัดอีกคำที่เหลือก็หมดเกลี้ยงแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่ออดไม่ได้ที่จะลูบท้ายทอยของเสี่ยวเป่า “กินเก่งจริง ๆ!”

เหมยซูหานถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ถ้าไม่ได้จริง ๆ เราก็ส่งเสี่ยวเป่าไปต่างประเทศกันเถอะ เสี่ยวเป่ายังเล็กส่งตัวไปง่าย”

เฮ่อเหลียนเช่อลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “ได้ ฉันจัดการเอง”

เขาไปไม่ได้แล้ว แต่เขาต้องคิดหาวิธีส่งตัวเหมยซูหานและเสี่ยวเป่าออกนอกประเทศไป

เหมยซูหานอ่านความคิดของเขาออกจึงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “นายอย่าคิดที่จะแอบส่งฉันออกไปเลยนะ เพราะฉันไม่มีทางไปจากเมืองหลวงเด็ดขาด!”

ในความฝันเฮ่อเหลียนเช่อก็ทำเช่นนี้ ใช้ยาทำให้เขาสลบแล้วส่งเขาไปต่างประเทศ พอเขากลับมาเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่อยู่แล้ว..

ในชาตินี้เขาไม่มีทางให้เฮ่อเหลียนเช่อทำแบบนั้นเด็ดขาด ต่อให้ต้องตายจริง ๆเขาก็จะตายตามไปด้วย!

เฮ่อเหลียนเช่อมองเขาอย่างจนใจ “เสี่ยวเป่าต้องการคนดูแล!”

“เรื่องพวกนี้ฉันจัดการไว้แล้ว อย่างไรเสียนายก็ห้ามส่งฉันไป ถ้านายส่งฉันไปฉันจะตายให้นายดูเลย!” เหมยซูหานมีท่าทีเด็ดเดี่ยว แม้จะไม่อยากห่างจากเสี่ยวเป่าแต่เขาก็ไม่มีทางทิ้งเฮ่อเหลียนเช่อไว้คนเดียวแน่

ทางฝั่งเสี่ยวเป่าเขาหาคนจัดการไว้หมดแล้ว จากความน่ารักและฉลาดหลักแหลมของเจ้าตัวเล็กจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน

เสี่ยวเป่าที่ตั้งใจกินเกี๊ยวอยู่ก็พลันหูผึ่ง ทำไมคุณพ่อกับคุณอาต้องตายด้วยล่ะ?

ไม่ได้นะ!

แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะอายุยังน้อยแต่ก็เข้าใจแล้วว่าความตายหมายถึงอะไร หากว่าคุณพ่อกับคุณอาตาย ต่อจากนี้ไปเขาก็จะไม่ได้เจอพวกเขาอีกสิ

………………………………………………………………….

ตอนที่ 2256 เสี่ยวเป่าพูดแล้ว

 “แอะแอะ…”

เสี่ยวเป่าพุ่งตัวเข้าไปคั่นระหว่างกลางของทั้งคู่ ส่ายหน้าอย่างแรง น้ำตาเอ่อล้นดวงตากลมโต

“เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนเหรอ?” เหมยซูหานรีบอุ้มตัวเสี่ยวเป่าขึ้นมาแล้วลูบหน้าท้องของเสี่ยวเป่าเบา ๆ เข้าใจไปว่าเจ้าตัวเล็กกินเกี๊ยวเข้าไปเยอะเกินจนท้องป่อง

เฮ่อเหลียนเช่อก็เดินเข้ามาหา พอเห็นเสี่ยวเป่าน้ำตาไหลจึงเตรียมที่จะไปเรียกหมอ

“อย่า…ตาย…”

จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็เปิดปากพูดด้วยเสียงขาด ๆหาย ๆไม่ได้พูดชัดเจนนัก เหมยซูหานและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็ไม่เข้าใจ แต่พวกเขากับตื่นเต้นเป็นที่สุด

“เสี่ยวเป่าพูดได้แล้ว…เสี่ยวเป่าของเราไม่ได้เป็นใบ้…ดีจัง!”

เฮ่อเหลียนเช่อลืมเรื่องรำคาญใจพวกนั้นไปชั่วขณะ หอมแก้มเสี่ยวเป่าไปหลายฟอดด้วยความดีใจ แอบนึกโล่งใจที่เสี่ยวเป่าพูดได้ หากว่าต้องส่งตัวไปต่างประเทศจริง ๆ ถ้าไม่มีเขาและเหมยซูหานคอยดูแลปกป้อง ด้วยความฉลาดหลักแหลมของเสี่ยวเป่าแล้วไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน

ในเมื่อเหมยซูหานพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อจึงล้มเลิกความคิดที่จะส่งเขาไปต่างประเทศ

ก็ดี ในเมื่อเกิดปีเดียวกันเดือนเดียวกันวันเดียวกัน ก็ตายปีเดียวกันเดือนเดียวกันวันเดียวกันนี่แหละ!

เหมยซูหานเองก็ดีใจ หอมแก้มอีกข้างของเสี่ยวเป่าฟอดใหญ่แล้วเอ่ยด้วยความดีใจ “เสี่ยวเป่า อาได้ยินไม่ชัดเลย หนูพูดอีกครั้งจะได้ไหม?”

“ใช่ ๆ พ่อเองก็ได้ยินไม่ชัด เสี่ยวเป่าพูดอีกครั้งสิ…”

แววตาทั้งสี่จับจ้องเสี่ยวเป่าอย่างมีหวัง ราวกับกำลังรอคอยเสียงที่แสนไพเราะก็ไม่ปาน

“พาพา(พ่อ)…ยิวยิว(อา)…อย่า…ตาย…” เสี่ยวเป่าพูดขึ้นมาอีกหลายคำด้วยท่าทีจริงจังมาก

“เสี่ยวเป่าพูดอะไรนะ? อะไรคืออย่าตาย?” เฮ่อเหลียนเช่อยังคงไม่เข้าใจ ภาษาต่างดาวของเด็กทารกช่างซับซ้อนนัก

เหมยซูหานคิดว่าตัวเองเข้าใจแล้วจึงถามว่า “เสี่ยวเป่าบอกว่าพ่อกับอาอย่าตายใช่ไหม?”

“อือ…”

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับ น้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร

เหมยซูหานรู้สึกคัดจมูก โอบกอดร่างกายนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็กไว้ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะคอยอยู่ดูแลเสี่ยวเป่าไปจนโต…

แต่เขาคงไม่อาจทิ้งเฮ่อเหลียนเช่อได้ คงต้องขอโทษเสี่ยวเป่าแล้วล่ะ!

เฮ่อเหลียนเช่อสูดจมูก ขอบตาแดงเล็กน้อย กัดฟันพูดว่า “ฉันจะไปตามหาคุณอาอีกครั้ง ฉันจะขุดเมืองหลวงหาตัวมาให้ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะหาไม่เจอ”

เสี่ยวเป่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เขาและเหมยซูหานก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อเช่นกัน หากยกเสี่ยวเป่าให้คนอื่นดูแลมีหรือจะเป็นอย่างใจคิด!

“อืม…ตามหาต่อเถอะ พวกเราจะต้องมีชีวิตรอด!” เหมยซูหานเองก็เรียกความมั่นใจขึ้นมาได้อีกครั้ง

นอกเสียจากว่าหนิงเฉินเซวียนจะระเหยหายจากโลกนี้ไปแล้วจริง ๆ ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องหาให้เจอ!

เสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมอกของเขาพลันหูผึ่ง พ่ออยากตามหาตาแก่คนนั้นเหรอ? ทำไมพ่อไม่ถามเขาล่ะ?

“แอะแอะ…”

เสี่ยวเป่าบิดตัวไปมาสื่อว่าให้เหมยซูหานปล่อยมือ เขาหมุนตัวไปดึงกางเกงของเฮ่อเหลียนเช่อไว้ ออกแรงอย่างหนักเพื่อฉุดดึงเฮ่อเหลียนเช่อออกไปด้านนอก

“เสี่ยวเป่าจะออกไปไหน?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความคิดของเจ้าตัวเล็กเปลี่ยนไวเกิน เขาตามไม่ทัน

เหมยซูหานอยู่กับเสี่ยวเป่ามานานจึงพอจะเดาออกบ้าง “เสี่ยวเป่า หนูรู้ใช่ไหมว่าคุณปู่อยู่ที่ไหน?”

“อือ…”

เสี่ยวเป่ากลับเข้าสู่ท่าทีเย็นชาไม่ชอบพูดอีกครั้ง พร้อมพยักหน้ารับ

“เสี่ยวเป่ารู้ได้อย่างไร?” เฮ่อเหลียนเช่อดีใจเป็นอย่างมากและไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก

เขาพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งไปตามหาจนทั่วเมืองหลวงแต่กลับไม่พบร่องรอยใด ๆเลย เสี่ยวเป่าอยู่บ้านทุกวี่วัน งั้นเขารู้ได้อย่างไรว่าหนิงเฉินเซวียนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?

หรือว่าน้องชายของเขาจะมีตาทิพย์?

เสี่ยวเป่าคร้านจะอธิบาย จริง ๆแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าหนิงเฉินเซวียนอยู่ที่ไหนแต่เขาถามเพื่อนได้ ทว่าเขาไม่อยากพูด เพราะการพูดมันเหนื่อยเกินไป แถมยังเสียเวลาด้วย

เหมยซูหานไม่ค่อยวางใจเสี่ยวเป่าเลยตามไปด้วย เสี่ยวเป่าเป็นคนบอกทาง เฮ่อเหลีนเช่อเป็นคนขับรถ ไม่นานก็มาถึงบ้านพักที่หนิงเฉินเซวียนพักอยู่ประจำ

…………………………………………………………………..

ตอนที่ 2253 ของบำรุงที่แสนวิเศษ

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เข้าใจว่าฉิวฉิวคิดจะทำอะไร ตัวเองเข้าไปไม่พอยังลากฉาฉาเข้าไปด้วยอีก

แต่พอเขาเห็นว่าฉิวฉิวอยู่ในตู้กักตัวเป็นเวลานานแต่ยังคงปลอดภัยดีจึงไม่ค่อยเป็นกังวลอะไรมากนัก บางทีฉิวฉิวอาจจะไม่กลัวรังสีจริง ๆสินะ!

งั้นมันพาฉาฉาเข้าไปก็ต้องมีความมั่นใจแน่นอน!

ฉิวฉิวเปิดประตูตู้กักตัวออกมา ฉาฉายืดตัวตรง ชูหัวกลม ๆขึ้นแล้วเอ่ยพูดด้วยความปีติ “พี่ฉิว มีของอร่อยด้วย!”

“ไม่งั้นฉันจะพาแกเข้ามาทำไมเล่า รีบกินสิ อย่ากินทีเดียวให้มันมากนักล่ะ!” ฉิวฉิวย้ำมันไปหลายประโยค กลัวว่าถ้าเจ้าน้องโง่นี่กินเข้าไปเยอะแล้วจะทำให้ย่อยยาก

“ได้เลย…ผมจะค่อย ๆกินนะ!”

ฉาฉาเลื้อยเข้าไปในตู้กักตัว จากนั้นก็ขดตัวเป็นวงกลมนอนอยู่บนร่างของเหยียนหมิงต๋าราวกับว่าปิดตาสงบจิตใจ

เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นก็เกิดอาการงุนงง นี่กำลังจะทำอะไรกัน?

ฉิวฉิวปิดประตูตู้กักตัวแล้วชี้ออกไปด้านนอกอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นจึงพามันออกไป และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับฉาฉาไหม?”

“ไม่เป็นอะไรแน่นอน!”

ฉิวฉิวกลอกตามองเขาอย่างระอา มันหรือจะกล้าทำร้ายสหาย?

ฉาฉาเป็นชาวเมืองดั้งเดิมของโลกใบนี้ ดังนั้นพลังงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับตัวฉาฉาแล้วกลับเป็นของบำรุงกำลังชั้นดี ขอแค่มันได้ดูดซับพลังงานเหล่านี้เข้าไปจะต้องเก่งกาจขึ้นแน่นอน

แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะฟังไม่เข้าใจแต่พอเห็นท่าทีปกติเรียบนิ่งของฉิวฉิวแล้วเขาจึงไม่รู้สึกกังวลใด ๆ และคอยยืนคุมอยู่หน้าประตูกับฉิวฉิว

ไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงฉิวฉิวก็ชี้ไปทางห้อง เหยียนหมิงซุ่นรีบสวมหน้ากากป้องกันแล้วก็เข้าไปเปิดประตู ฉาฉายังคงฟลุบหลับอยู่และเหมือนว่าจะหลับสนิทไปแล้ว ฉิวฉิวมุดตัวเข้าไปจับตัวของฉาฉาที่กำลังสลบแน่นิ่งขึ้นมา

เหยียนหมิงซุ่นสำรวจเหยียนหมิงต๋าอย่างละเอียด จากนั้นก็พบว่ามุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย

หรือว่าฉาฉากำลังช่วยรักษาเหยียนหมิงต๋า?

เหยียนหมิงซุ่นที่อยากจะรู้คำตอบจึงรีบพาตัวฉิวฉิวและฉาฉาที่สลบแน่นิ่งกลับบ้านเพื่อให้เหมยเหมยถามความเป็นมาเป็นไปอย่างชัดเจน

แต่ก่อนอื่นเขาต้องพาตัวฉิวฉิวและฉาฉาไปตรวจร่างกายเพื่อยืนยันก่อนว่าไม่ได้ติดเชื้อมา

ผลเป็นไปตามคาดแต่ก็เหนือคาดอยู่บ้าง เพราะบนตัวของเจ้าสองแสบนี้ไม่มีรังสี ร่างกายแข็งแรงมาก

เหยียนหมิงซุ่นถึงได้วางใจ และรู้สึกแปลกใจในตัวฉิวฉิวและฉาฉามากกว่าเดิม

พอเหมยเหมยได้รู้เรื่องที่ฉิวฉิวบุกเข้าไปในตู้กักตัว แม้ว่าจะรู้ผลตรวจแล้วแต่ก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดีเลยสั่งสอนฉิวฉิวไปยกใหญ่

ฉิวฉิวสะบัดหางฟูฟ่องไปมา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา กินช็อกโกแลตอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจแต่อย่างใด

ตั้งแต่นายผู้หญิงท้องก็ขี้บ่นขึ้นเรื่อย ๆ!

“ฉาฉาเป็นอะไรไป?” เหมยเหมยถาม

“ไม่มีอะไร แค่กินจนอิ่มแปร้ รอย่อยเสร็จก็ตื่นเองแหละ ไม่เป็นไรหรอกน่า!” ฉิวฉิวค้าน

“ฉาฉากินอะไร?” เหมยเหมยแปลกใจมาก ไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่นจะบอกว่าป้อนอะไรให้ฉาฉากินเลยนี่

“ก็รังสีที่พวกเธอพูดถึงกันไง เจ้านั่นเป็นของบำรุงชั้นดีเชียวนะ น้องฉากินแล้วตัวจะได้ยืดสูง”

ฉิวฉิวพูดหน้าตายโดยไม่รู้สึกตื่นตกใจอะไร แต่เหมยเหมยกลับตกใจจนหน้าถอดสีเปล่งเสียงพูดแทบไม่ออก “รังสีจะกินได้อย่างไร? ฉาฉาจะตายเอานะ!”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตกใจ หรือว่าที่ฉาฉาอยู่ในตู้กักตัวนานขนาดนั้นเป็นเพราะกำลังกินรังสีเข้าไป?

แต่เจ้าสิ่งนั้นมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ ว่างเปล่ายิ่งกว่าอากาศเสียอีก แล้วจะกินเข้าไปได้เช่นไร?

สีหน้าของฉิวฉิวบอกว่า ‘เธอนี่ชอบตื่นตูมเสียจริง’ แล้วยื่นอุ้งมือออกมาตวัดไปมา เหมยเหมยจึงดึงหางของมันอย่างโมโหพร้อมกับหยิบช็อกโกแลตออกมาหลายชิ้น

“รีบพูดมา!”

ฉิวฉิวเก็บช็อกโกแลตด้วยความพึงพอใจแล้วอธิบายว่า “รังสีในคำพูดของพวกเธอ จริง ๆแล้วมันคือพลังงานชนิดหนึ่งที่แข็งแกร่งมาก ๆ มนุษย์ไม่สามารถต้านทานได้ถึงรู้สึกว่ามันน่ากลัว แต่ไม่เหมือนกับน้องฉา สำหรับมันแล้วพลังงานเหล่านี้เป็นของบำรุงที่แสนวิเศษ กินเข้าไปแล้วจะทำให้สูงขึ้น”

เหมยเหมย  ‘…มีงี้ด้วยเหรอ?’

………………………………………………….

ตอนที่ 2254 ยังตามหาหนิงเฉินเซวียนไม่เจอ

 เหมยเหมยถ่ายทอดคำอธิบายของฉิวฉิวให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง และยังคงสงสัยเล็กน้อย

“พี่คะ พี่คิดว่าฉาฉาจะเป็นอะไรไหม?”

“วางใจเถอะ ฉิวฉิวบอกว่าไม่เป็นไรก็จะต้องไม่เป็นไรสิ พวกเราต้องเชื่อใจฉิวฉิว”

เหยียนหมิงซุ่นวางใจมาก เขาเข้าใจความหมายของฉิวฉิว ปฏิกิริยานิวเคลียร์เกิดจากการกระตุ้นที่รุนแรง ฟิชชันของนิวตรอนและอะตอมก่อให้เกิดคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง

คลื่นพลังงานประเภทนี้เป็นอาวุธอันตรายที่สุดที่ใช้ในสงครามและสามารถสร้างความเสียหายได้มาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่องค์กรสหประชาชาติออกอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์

แต่ทุกอย่างล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ปัจจุบันปฏิกิริยานิวเคลียร์ถูกนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์

ดังนั้นการที่ฉิวฉิวบอกว่ารังสีคือพลังงานบางอย่างถือว่าไม่ผิด คนทั่วไปไม่สามารถดูดซับพลังงานประเภทนี้ได้ แต่สำหรับฉาฉาที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาจึงสามารถดูดซับได้ หรือจะพูดได้ว่า…

“ฉิวฉิว ถ้าฉาฉากินรังสีบนตัวของหมิงต๋าไปจนหมด หมิงต๋าก็จะดีขึ้นใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างดีใจ

“ไร้สาระ…กินหมดก็ต้องหายสิ…”

ฉิวฉิวกลอกตามองเขาด้วยสายตาดูถูก ที่แท้สิ่งไม่ดีก็ถ่ยทอดให้กันได้ พออยู่กับนายผู้หญิงนานวันเข้า สมองก็ดันทึบตามซะงั้น!

เหมยเหมยแปลคำพูดของฉิวฉิว เหยียนหมิงซุ่นกลับมีสีหน้าระรื่น ราวกับไม่สนใจท่าทีไม่เคารพนอบน้อมของเจ้าตัวแสบเลยสักนิด ทั้งยังหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี

“เยี่ยมมากจริง ๆ เหยียนหมิงต๋าจะรอดแล้ว!” เหมยเหมยเองก็ยิ้ม เธอค่อย ๆยกตัวฉาฉาที่หลับปุ๋ยขึ้นมาแล้วลูบสัมผัสอย่างแผ่วเบา โชคดีจริง ๆที่มีฉาฉาอยู่ พระเจ้าช่างเมตตาเธอมากนัก!

“ฉิวฉิว ขอบใจแกด้วยนะ นี่ให้แกหมดเลย!”

เหมยเหมยเปิดลิ้นชักออกมาเอาช็อกโกแลตยัดให้ฉิวฉิวไปทั้งหมด มากจนทำเอาคุณชายฉิวดวงตาเป็นประกายลุกวาว

“ให้ฉันหมดเลยจริงเหรอ?” ฉิวฉิวไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก เจ้านายหญิงของมันไม่ได้ใจปล้ำแบบนี้มานานแล้ว

“จริงสิ ไม่พอฉันจะไปซื้อมาให้อีก!”

เหมยเหมยยิ้มตาหยีแล้วมองหน้ามันด้วยสายตาเอ็นดู แผ่รังสีของความเป็นแม่ออกมา ฉิวฉิวตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็กอบโกยช็อกโกแลตไว้

ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ถ้าเข้ากระเป๋ามันแล้ว ยังไงก็เป็นของมัน!

อีกสามวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นก็พาตัวฉาฉาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาไปที่โรงงพยาบาลอีกครั้ง ค่อย ๆให้มันกินจนอิ่ม จากนั้นฉาฉาก็สลบไปอีกครั้ง แต่สีหน้าของเหยียนหมิงต๋าดูดีขึ้นบ้างแล้ว หากเป็นไปตามความเร็วนี้ไม่ถึงครึ่งปีต้องฟื้นตัวแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลกลัวว่าผู้เชี่ยวชาญจะสงสัยเลยสักนิด เหยียนหมิงต๋าสามารถรอดชีวิตมาได้จากความตายก็นับเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากพอแล้ว เช่นนั้นการที่เขาจะสามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

หากว่าไม่ได้ผลก็คงต้องสร้างเรื่องว่าโครงสร้างร่างกายของเหยียนหมิงต๋าแข็งแรงกว่าคนธรรมดาทั่วไป โดยอธิบายว่าร่างกายต้านทานรังสีได้นั่นเอง

เหยียนหมิงซุ่นส่งฉาฉากลับบ้าน จากนั้นก็ได้รับสายโทรศัพท์จากลูกน้องบอกว่าเฮ่อเหลียนเช่อยังตามหาหนิงเฉินเซวียนไม่เจอ

“ตามต่อไป อย่าให้คลาดสายตา!”

เหยียนหมิงซุ่นผิดหวังมาก เขาไม่นึกเลยว่าเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ตามหาไม่เจอ นี่เป็นการบ่งบอกว่าหนิงเฉินเซวียนซ่อนตัวอย่างมิดชิด ไอ้บ้านั่นคิดที่จะให้คนจำนวนมากต้องตายไปกับเขาจริง ๆเหรอ!

ตามหาอีกสามวัน หากว่ายังไม่ได้ข่าวคราวจริง ๆก็คงต้องใช้แผนการสุดท้ายแล้วล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันกรอด ขมวดคิ้วเป็นปม เป็นเพราะเหยียนหมิงต๋าฟื้นตัวดีจนมีหวังเขาจึงอารมณ์ดีขึ้นมา แต่ชั่วพริบตาความรู้สึกก็กลับมาจมดิ่งอีกครั้ง

แผนสุดท้ายก็คือการทำลายฐานลับชนวนระเบิดปรมาณูทิ้ง แต่เขาก็รู้ดีว่าคนอย่างหนิงเฉินเซวียนไม่มีทางติดตั้งอุปกรณ์ที่สำคัญขนาดนี้ไว้ในที่ที่ตามเจอง่ายอย่างแน่นอน

มันต้องมีความเสี่ยงมากแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่ไปจัดการก็ไม่ได้!

ภารกิจในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย และเขาก็ไม่กล้าบอกเหมยเหมยด้วย

…………………………………………………

ตอนที่ 2251 รังสีคืออะไร

ป้าฟางหยิบเอาถ้วยประจำของฉิวฉิวมา เหมยเหมยคีบน่องเป็ดสองชิ้น กุ้งอีกหลายตัว และคีบเอาหมูนึ่งข้าวคั่วอีกจำนวนหนึ่งใส่ให้วางลงตรงหน้ามัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของโปรดฉิวฉิวทั้งนั้น จากนั้นก็ปล่อยฉาฉาออกมา ปล่อยให้สองพี่น้องทานไปด้วยกัน

“ทานหมดแล้วพี่ค่อยหยิบให้ใหม่ แกจะหยิบเองไม่ได้นะ”

ฉิวฉิวกรอกตามองบนแล้วกัดน่องเป็ดเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ส่วนอีกน่องหนึ่งยกให้ฉาฉาไป

“สรุปแล้วเจ้าซื่อบื้อนั่นเป็นอะไรกันแน่?” ฉิวฉิวถามขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค ความอยากรู้อยากเห็นของมันมีมากพอสมควร

“ติดเชื้อจากรังสี อาการหนักมาก พึ่งพายาวิเศษอยู่จึงทำให้ยื้อชีวิตมาได้” เหมยเหมยอธิบายสั้น ๆกระชับ

ฉาฉาที่ตั้งอกตั้งใจแทะน่องเป็ดอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่า “พี่ฉิว ติดเชื้อจากรังสีคืออะไรเหรอ?”

ฉิวฉิวรู้เสียที่ไหนล่ะ มันใช้อุ้งมือบีบลงไป “เวลาทานอาหารห้ามพูด เสียมารยาท!”

มันอัดอั้นอยู่นาน จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงโพล่งถามเหมยเหมยว่า “รังสีคือพิษอะไรหรือ?”

เหมยเหมยไม่รู้เลยว่าควรจะอธิบายเช่นไรดี เวลาเจอปัญหาต้องเรียกสามีสิ เธอผลักเหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นว่า “ฉิวฉิวถามว่ารังสีคืออะไร? พี่บอกมันไปสิ”

เหยียนหมิงซุ่นผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา ฉิวฉิวไม่ธรรมดา เหมยเหมยบอกว่ายาวิเศษมันก็เป็นคนให้มา บางทีมันอาจจะหาของดี ๆ อย่างอื่นได้อีกก็ได้!

“ฉันไม่รู้จะบอกแกอย่างไร พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปหาหมิงต๋า แกลองไปดูเองแล้วกัน…” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้กระรอกตัวหนึ่งฟังอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องรังสี

ใบหน้าของฉิวฉิวจริงจังขึ้นมา พอผ่านไปสักพักจึงพยักหน้า “ก็ดี มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเธอเจอโลกมาน้อยเกินไป ของที่ไม่รู้จักมีอยู่มาก ต้องสืบหาสาเหตุได้แน่นอน”

เหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็พลันรู้สึกขบขำเลยเอาตะเกียบเคาะไปทีหนึ่ง “กินเนื้อของแกไปเลย!”

ฉิวฉิวกลอกตาใส่ด้วยความระอา คร้านจะสนใจนายผู้หญิงที่นับวันก็ยิ่งไม่น่ารักเอาเสียเลย แถมยังลอบมองหน้าท้องของเหมยเหมยอยู่บ่อย ๆ วัฏจักรการตั้งครรภ์ของมนุษย์คือสิบเดือน ตอนนี้สามเดือน ยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงเจ็ดเดือน…

ฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าก็จะมีเจ้าตัวเล็กมาเล่นด้วยแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็มองไปยังท้องของเหมยเหมยที่นูนขึ้นเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง ในนั้นคือลูกของเขา หลั่งจากสายเลือดของเขา…

เป็นความรู้สึกที่แสนมหัศจรรย์เหลือเกิน!

เหมยเหมยก้มหน้ามองตามสายตาของเขา ลูบท้องเบา ๆ พูดพลางหัวเราะว่า “ป้าฟางบอกว่าอีกเดือนเดียวเจ้าตัวเล็กก็ดิ้นได้แล้ว แถมยังอัลตร้าซาวด์ดูเพศได้ด้วย พี่คะ พี่อยากได้ลูกชายหรือลูกสาวเหรอ?”

“ได้หมดเลย”

ในความคิดเห็นส่วนตัวของเหยียนหมิงซุ่นนั้นรู้สึกว่าลูกชายดีกว่า ไม่ใช่ว่าเห็นผู้ชายเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง แต่หวังว่าจะมีอีกสักคนมาคอยช่วยปกป้องดูแลเหมยเหมยต่างหาก

“ฉันก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ฉันชอบหมดเลย แล้วฉันก็จะคอยปกป้องดูแลพวกเขาไปจนโต ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดที่จะมารังแกพวกเขาเด็ดขาด” สีหน้าแววตาของเหมยเหมยเปี่ยมล้นด้วยความเป็นแม่

ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอแต่พอเป็นแม่คนกลับเข้มแข็ง นี่คือความสามารถที่วิเศษที่สุดที่พระเจ้าประทานให้กับสตรีผู้อ่อนแอ

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือคลึงหว่างคิ้วของเหมยเหมยเพื่อผ่อนคลาย “มีพี่อยู่ จะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเธอกับลูกได้หรอก”

เช้าวันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นพาฉิวฉิวไปโรงพยาบาลด้วย ฉาฉาเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตากับรังสีในตำนาน เหยียนหมิงซุ่นจึงต้องยัดพวกมันไว้ในถุงกระเป๋าแล้วพาไปด้วย

เหยียนหมิงต๋ายังคงนอนอยู่ในตู้กักตัว ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก ไม่เจ็บปวดแล้วเพียงแต่ยังคงสลบอยู่

เหยียนหมิงซุ่นหยิบกาเทยาวิเศษเข้าไป ท่าทีของเหยียนหมิงต๋าดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่สิ่งที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นกังวลก็คือประสิทธิภาพของยาวิเศษที่ใช้รักษาเหยียนหมิงต๋านั้นลดน้อยลง ไม่ได้ผลเหมือนกับช่วงแรกเริ่มอีกต่อไปแล้ว

นี่คือสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นกังวลใจมากที่สุด

หากว่ายาวิเศษใช้ไม่ได้ผลแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องชายด้วยวิธีการใดได้อีก!

ฉิวฉิวทนอยู่ในหน้ากากมองอะไรไม่เห็นสักอย่างอยู่นานจึงปีนขึ้นไปยืนบนหัวของเหยียนหมิงซุ่นอย่างโมโห มองทะลุผ่านแผ่นกระจกครอบแต่กลับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย

“ปล่อยฉันออกไป!”

ฉิวฉิวเอะอะโวยวายอยู่ในหน้ากาก มือไม้ปัดป่ายไม่หยุด

…………………………………………………………………..

ตอนที่ 2252 พลังงานพิเศษ

 เหยียนหมิงซุ่นถูกฉิวฉิวดึงทึ้งผมจนหนังศีรษะตึงเจ็บไปหมด เขาสวมใส่ชุดป้องกันอย่างหนาแน่นจึงขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ อีกอย่างทำได้แค่ปิดตู้กักตัวแล้วจึงจะสามารถถอดหน้ากากได้

“แกคิดจะทำอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่กำลังมุดเข้าไปอยู่ด้านบนตู้กักตัวอย่างจนปัญญา

ฉิวฉิวไม่สนใจเขา มันยื่นมือคิดที่จะผลักประตูเข้าไป ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นตกใจจนรีบคว้าหางของมันไว้ “ผลักเปิดไม่ได้นะ ไม่งั้นพวกเราก็ต้องติดเชื้อไปด้วย!”

“คนธรรมดาอย่างพวกนายสิที่กลัว ฉันเป็นถึงสัตว์เทวะ กลัวก็บ้าแล้ว!”

ฉิวฉิวส่งเสียงร้องไม่หยุด กระโดดโลดเต้นขึ้นลงไปมา

แต่เหยียนหมิงซุ่นมีหรือที่จะเข้าใจภาษาของกระรอก สีหน้างวยงง ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกคงพาเหมยเหมยมาช่วยแปลให้แล้ว

“พี่ฉิว นายผู้ชายฟังไม่ออก…” ฉาฉาโผล่หัวอันแสนน่ารักของมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเหยียนหมิงซุ่น แลบลิ้นฟ่อ ๆ

“แย่ล่ะ ฉันก็ลืมไปเลย…ไม่พูดละ…”

ฉิวฉิวใช้อุ้งเท้าตบท้ายทอยตัวเอง มันคร้านจะพูดจาไร้สาระต่อแล้วพุ่งตัวหมายจะเข้าไปข้างใน เหยียนหมิงซุ่นถึงได้เข้าใจความหมายของมัน เขาจึงทำได้แค่ลากฉิวฉิวเอาไว้

“มันอันตรายจริง ๆ แกอยากจะติดเชื้อไปด้วยหรือไง?” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเอือมระอาเหลือเกิน

ไม่ใช่แค่ว่าฉิวฉิวเป็นสิ่งล้ำค่าของเหมยเหมย แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกผูกพันกับเจ้าตัวแสบนี่เลย เขาจะทนมองดูฉิวฉิวเป็นอะไรไปเฉย ๆได้เหรอ?

ฉิวฉิวยกอุ้งเท้าขึ้นอย่างรีบร้อน ส่งเสียงร้องจี๊ด ๆ เนิ่นนานกว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะเข้าใจความหมายของมัน จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “แกไม่กลัวรังสี?”

เจ้าตัวแสบพยักหน้ารับ

เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยจะเชื่อนัก ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตก็จะสามารถติดเชื้อจากรังสีได้หมด ฉิวฉิวไม่รู้จักแม้กระทั่งว่ารังสีคืออะไร มันจะต้องเข้าใจว่ารังสีเป็นเพียงยาพิษที่ไม่มีอะไรแน่ ๆ

“แกไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารังสีคืออะไร ไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้ว่ามันไม่อันตราย ฉันจะให้แกไปเผชิญอันตรายไม่ได้ กลับบ้านกันเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นดึงฉิวฉิวเอาไว้ พร้อมกับจับตัวฉาฉาที่เตรียมจะปีนเข้าไปในตู้กักตัวมายัดกลับเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม สัตว์เลี้ยงที่เหมยเหมยเลี้ยงไม่เชื่อฟังขึ้นทุกวัน ต้องรีบพากลับบ้านแล้ว หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าจะสารภาพต่อเหมยเหมยว่าอย่างไร!

ฉิวฉิวดิ้นพล่านไปมาบนฝ่ามือของเหยียนหมิงซุ่นด้วยความโกรธ มันก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นไร ทำไมนายผู้ชายถึงไม่เข้าใจอะไรเสียเลย!

พอสัมผัสไม่ได้ว่ารังสีบ้านั่นคืออะไร ความอยากรู้อยากเห็นของฉิวฉิวก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นดั่งเปลวไฟที่ร้อนระอุจนแผดเผา

หากว่ายังไม่เข้าใจ ต่อให้มีแม่กระรอกสาวสวยยอมพลีกายอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สนใจหรอก

ฉิวฉิวผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา มันพลิกตัวปีนขึ้นมาด้านบนแล้วกัดเข้าตรงบริเวณจุดอ่อนของเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นเจ็บจนต้องรีบผละมือออก ฉิวฉิวจึงรีบมุดเข้าไปในห้อง เปิดประตูเองและเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

“ฉิวฉิวแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะสนใจบาดแผลบนมือแล้วรีบตามไปติด ๆ

ฉิวฉิวไม่สนใจเขา เอี้ยวตัวพุ่งไปยังตู้กักตัว ฝีเท้าอันแผ่วเบามุดตัวเข้าไปตรงประตูตู้กักตัว แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะตามมาทัน แต่เพราะจำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันจึงช้าไปนิดเดียว เขาทำได้แค่มองฉิวฉิวเปิดประตูตู้กักตัวเต็มสองตาอย่างสิ้นหวัง เขาจะสารภาพกับเหมยเหมยอย่างไรดี?

ฉิวฉิวจ้องมองเหยียนหมิงต๋าด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางเคร่งขรึมอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก

มันสัมผัสได้ถึงพลังงานพิเศษบนร่างของเหยียนหมิงต๋า ไม่แปลกเลยที่คนธรรมดาจะทนไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะยาวิเศษของมัน เหยียนหมิงต๋าคงได้กลายเป็นเศษเนื้อไปนานแล้ว

พลังงานเหล่านี้มันใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของที่นี่

เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดจะไปจับตัวฉิวฉิวกลับมา แต่พอเห็นว่ามันไม่เป็นอะไรจึงเบาใจลงเปราะหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยืนอยู่เงียบ ๆรอให้ฉิวฉิวออกมาเอง

ไม่นานฉิวฉิวก็เดินออกมาแล้วปิดประตูตู้กักตัวลงพร้อมกับชี้ออกไปนอกประตู เหยียนหมิงซุ่นคล้ายจะเข้าใจจึงพามันออกไป

พอเดินมาถึงด้านนอก ฉิวฉิวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆกับเหยียนหมิงซุ่น มันดึงตัวฉาฉาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกลับเขาไปในห้องอีกครั้ง

……………………………………………………………….

ตอนที่ 2249 มีการเตรียมการมาแต่เนิ่นๆ

“อาเช่อ จะให้คุณอาระเบิดฐานลับนั่นไม่ได้เด็ดขาด เสี่ยวเป่าจะเป็นอันตรายไม่ได้” หลังจากเหยียนหมิงซุ่นกลับไปเหมยซูหานก็คว้าแขนเฮ่อเหลียนเช่อไว้อย่างร้อนใจ

เขาไม่กลัวสักนิด เขาร่ำรวยมีเงินทองที่คนอื่นใช้เวลาหลายสิบชาติก็หามาไม่ได้ ได้คู่ชีวิตที่รู้ใจเขามากที่สุด เขาวางแผนชีวิตคุณแม่ไว้อย่างดีแล้ว เหมยเหมยก็มีความสุขดีแล้ว…

เขาไม่มีอะไรให้เสียดายอีกแล้ว!

แต่เสี่ยวเป่าไม่เหมือนกัน ชีวิตของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นแล้วจะจบอยู่ในมือคนบ้าไร้สติอย่างหนิงเฉินเซวียนได้อย่างไร?

“อาเช่อ นายช่วยนึกถึงเสี่ยวเป่าบ้างเถอะ…” เหมยซูหานร้องขอ

เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วแน่นและสับสนในใจอย่างมาก แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปแต่เขาก็ไม่อยากให้หนิงเฉินเซวียนเป็นอะไรไปเช่นกัน…

“ฉันไม่อยากให้คุณอาต้องตาย…” เฮ่อเหลียนเช่อทึ้งผมอย่างเจ็บปวดและยากจะตัดสินใจได้

เหมยซูหานเข้าใจถึงความผูกพันที่เขามีต่อหนิงเฉินเซวียน เพราะสุดท้ายก็เป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ อีกอย่างแม้หนิงเฉินเซวียนจะไม่ได้ปฏิบัติกับเฮ่อเหลียนเช่อดีนักแต่ก็ไม่แย่เกินไป อย่างน้อยก็ดีกว่าพ่อขี้เหล้าของเขามากโข การที่เฮ่อเหลียนเช่อจะสับสนก็พอจะเข้าใจได้

“เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าคุณอาของนายซ่อนตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? นายต้องรีบตามหาคุณอาให้เจอก่อนเขา เกลี้ยกล่อมให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะเป็นฮ่องเต้แล้วเราก็ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศกัน ฉันโอนทรัพย์สินส่วนใหญ่ไปที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว แถมยังซื้อเกาะขนาดกลางไว้อีกเกาะด้วย จะไม่มีใครมารบกวนเราได้แน่ เราจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข…”

เหมยซูหานบอกแผนการของเขาไป เขาเริ่มวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อนอย่างเงียบ ๆ ความจริงเขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่คิดไม่ถึงว่าจะมาเร็วขนาดนี้!

เขาพรูลมหายใจโล่งอกไปที โชคดีที่เขาเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ!

พอเหมยซูหานพูดโน้มน้าวใจไประลอกหนึ่งเฮ่อเหลียนเช่อก็จัดระบบความคิดได้สักที เขาเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วอุ้มเสี่ยวเป่าที่กำลังฟุบตัวตั้งใจทานคุกกี้อยู่บนโซฟามาจุ๊บแก้มหนัก ๆสองที

เสี่ยวเป่าผลักเขาอย่างรังเกียจแล้วใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำลายบนแก้ม ก่อนจะไถลตัวลงไปทานคุกกี้ต่อ

คุณพ่อมีตอหนวดเยอะจนทิ่มเขาเจ็บทุกที คุณอาดีกว่าเยอะ แถมยังทำของอร่อย ๆได้ด้วย

“ฉันจะไปตามหาคุณอาเดี๋ยวนี้”

เฮ่อเหลียนเช่อก้าวเท้าออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ เขาต้องตามหาคุณอาให้เจอก่อนเหยียนหมิงซุ่น เหมยซูหานพูดถูก พวกเขาย้ายไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศได้ ไม่เพียงแค่เหมยซูหานที่เตรียมการไว้แต่เขาก็ได้จัดการเตรียมทุกอย่างไว้นานแล้วเช่นกัน

อยู่ต่างประเทศเขาเฮ่อเหลียนเช่อก็ยังเก่งกาจได้เหมือนเดิม!

“นายรู้หรือว่าคุณอาอยู่ไหน?” เหมยซูหานถามด้วยความห่วงใย

“ไม่รู้…แต่ต้องอยู่ในเมืองหลวงแน่!”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าดูสับสน ขณะนั้นเองจู่ ๆเขาก็พบว่าที่แท้เขาไม่เข้าใจหนิงเฉินเซวียนเลยสักนิด ทำไมถึงรู้สึกไม่คุ้นเคยขนาดนี้นะ!

เหมยซูหานมองแผ่นหลังที่หม่นหมองของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วถอนหายใจยาว

เรื่องสกปรกเหล่านั้นของหนิงเฉินเซวียนสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกจะบอกให้เฮ่อเหลียนเช่อรู้ เฮ่อเหลียนเช่อฝังใจกับต้นกำเนิดชีวิตของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เป็นรอยบาดแผลที่เขาแตะต้องไม่ได้มาโดยตลอด หากเฮ่อเหลียนเช่อรู้ว่าชีวิตของเขาสกปรกกว่าที่คิดก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำใจยอมรับมันได้หรือเปล่า!

แต่ตอนนี้เหมยซูหานก็ชักจะเสียใจภายหลังแล้ว

หากเขาเลือกจะบอกเรื่องพวกนี้ไปให้เร็วกว่านี้ บางทีเฮ่อเหลียนเช่ออาจมีการป้องกันตัว ไม่กลายเป็นฝ่ายถูกชักนำอย่างในตอนนี้!

เฮ้อ!

ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็ได้รับการรายงานจากลูกน้อง “คุณชายหมิง เฮ่อเหลียนเช่อออกจากบ้านแล้ว คิดว่าน่าจะไปตามหาหนิงเฉินเซวียน”

“จับตาดูเฮ่อเหลียนเช่อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง!”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขารู้อยู่แล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อต้องทนไม่ไหว

แต่เขาก็ผิดหวังอยู่บ้าง ดูท่าทางเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่รู้ที่ซ่อนตัวของหนิงเฉินเซวียนจริง ๆ ตาแก่สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ขี้ระแวงเกินไป แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อเขายังกล้าปิดบังขนาดนี้

หวังว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะตามหาเขาพบแล้วกัน!

…………………………

ตอนที่ 2250 ทุกอย่างจะดีขึ้น

ดูทรงคงไม่ได้ข่าวคราวจากทางหนิงเฉินเซวียนในเร็ววันเหยียนหมิงซุ่นจึงตัดสินใจไม่จับตาดูต่อ เตรียมตัวกลับไปอยู่กับภรรยาที่บ้าน

หลายวันมานี้เพราะรีบออกมาตามหาหนิงเฉินเซวียนจึงทำให้เขาออกเช้ากลับค่ำทุกวัน ออกจากบ้านตั้งแต่เหมยเหมยยังไม่ตื่นและกลับมาตอนที่เหมยเหมยหลับไปแล้ว ไม่ทันได้คุยกันสักประโยค

เหมยเหมยกำลังฟังเทปเพลงสำหรับทารกที่เหยียนหมิงซุ่นซื้อมาให้โดยเฉพาะและไม่รู้ว่าตามหาหนิงเฉินเซวียนเจอหรือยังเพราะไม่ได้คุยกับเหยียนหมิงซุ่นมาหลายวันแล้ว มีความคืบหน้าอะไรบ้างก็ไม่รู้สักอย่าง

“คุณหนู คุณชายหมิงกลับมาแล้ว ป้าจะไปเตรียมมื้อเย็นให้นะ!”

ป้าฟางเดินเข้ามาบอกประโยคหนึ่งอย่างดีใจจนเรียกสายตาวาววับจากเหมยเหมย ตอนนี้ยังไม่ห้าโมงเย็น เหยียนหมิงซุ่นกลับมาเร็วขนาดนี้เพราะมีบทสรุปแล้วใช่ไหม?

“ยังไม่เจอ แต่เฮ่อเหลียนเช่อไปออกตามหาแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายเหตุการณ์สั้น ๆแล้วไปอาบน้ำ ไม่นานก็ออกมาในสภาพเปียกชื้นแล้วย้ายตัวมานั่งข้าง ๆเหมยเหมย แต่พอเห็นท่าทางขมวดคิ้วของเธอก็อดขำไม่ได้

“อย่ากังวลไปเลย ต่อให้หาไม่เจอก็ไม่ต้องกลัว พี่ส่งคนไปทำลายระบบที่ฐานลับนั่นแล้ว ตอนนี้นายใหญ่กำลังถ่วงเวลาหนิงเฉินเซวียน ยิ่งถ่วงได้นานโอกาสชนะก็ยิ่งสูง” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบ

“อืม เราทานข้าวกันเถอะ ป้าฟางทำกับข้าวอร่อย ๆตั้งเยอะ ทานเสร็จแล้วพี่ก็รีบพักผ่อน หลายวันนี้ไม่เคยได้หลับเต็มอิ่มเลยนะ!”

เหมยเหมยยังกังวลอยู่ในใจ หนิงเฉินเซวียนเอาความหวังทั้งหมดไปไว้ที่ฐานลับนั่น ฉะนั้นระบบจะถูกทำลายได้ง่าย ๆเชียวหรือ สิ่งที่น่ากังวลใจมากที่สุดคงไม่พ้นว่าจะไม่สามารถถ่วงเวลาหนิงเฉินเซวียนได้นานนัก

คนบ้ามีความอดทนเสียเมื่อไรกัน!

แต่เธอไม่ได้เลือกพูดสิ่งที่กังวลใจออกมาเพราะตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นถูกกดดันจนหลับไม่สนิทมาทุกคืน เธอจะเพิ่มแรงกดดันให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อีกแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นยิ้ม “พี่ไม่เป็นไรหรอก ทุกวันนอนแค่สามชั่วโมงก็พอแล้ว”

ป้าฟางยกอาหารส่งกลิ่นหอมและน่าทานมาทีละจาน ๆ กุ้งผัดพริกเกลือ หมูนึ่งข้าวคั่ว ซุปเป็ด ผัดผักบุ้งใส่กระเทียมสับ ไก่ต้มหม่าล่า…

อาหารมีหลากหลายเมนูแต่ทุกจานไม่ได้มีปริมาณมากนัก ป้าฟางบอกว่าจะเพิ่มสารอาหารให้เหมยเหมยเลยมีการเตรียมอาหารเช่นนี้ทุกมื้อเพื่อสร้างความพึงพอใจ

เหยียนหมิงซุ่นตักซุปเป็ดให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วยแล้วเลือกตักส่วนน้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำออก พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ทานซุปเยอะ ๆ ผู้หญิงตั้งครรภ์ไอร้อนมาก ซุปเป็ดช่วยบรรเทาได้”

“พี่ก็ทานด้วยสิ”

เหมยเหมยตักน้ำซุปให้เหยียนหมิงซุ่นด้วยอีกถ้วย ทั้งคู่ทานไปก็คุยกันไปก่อนที่เธอจะถามถึงอาการของเหยียนหมิงต๋า

“ยังไม่พ้นขีดอันตรายแต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีถึงจะออกจากตู้กักตัวได้” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

นายใหญ่ได้สั่งการให้โรงพยาบาลเขตทหารก่อตั้งทีมรักษาเฉพาะกิจดูแลหมิงต๋าเพียงคนเดียวโดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญบอกว่าการที่หมิงต๋ารอดชีวิตมาได้นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ แต่พวกเขาไม่อาจรับประกันอาการหลังรักษาตัวของเหยียนหมิงต๋าได้

“งั้นก็ดี บ่งบอกว่ายาวิเศษได้ผล เหยียนหมิงต๋าจะต้องค่อย ๆดีขึ้นแน่” เหมยเหมยพูดปลอบ ครั้งนี้เธอนับถือในตัวเหยียนหมิงต๋าจริง ๆ ไม่คิดว่าเจ้าคนสติเลอะเลือนคนนี้จะกล้าเผชิญอันตรายเพียงลำพัง

ยิ่งใหญ่มากจริง ๆ!

แสงขาวพุ่งเข้ามาก่อนจะเห็นว่าเป็นคุณชายชิวที่หายไปเที่ยวเตร็ดเตร่นอกบ้านหลายวัน พอเขาได้กลิ่นอาหารบนโต๊ะดวงตาดำขลับก็หมุนกลอกไปมาอย่างตื่นเต้น ทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะดังตุ๊บแล้วเตรียมลงมือทานข้าว

“ล้างมือก่อน ไม่อย่างนั้นอย่าคิดจะได้ทานแม้แต่คำเดียว”

เหมยเหมยผลักเบา ๆแต่ฉิวฉิวที่มีเศษใบไม้ติดตามตัวร่วงตกไปอยู่ใต้โต๊ะ เจ้าตัวเล็กมักใช้กรงเล็บจับงูพิษเป็นอาหารเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าอุ้งมือมันมีเชื้อโรคมากแค่ไหน สกปรกจะตายไป!

ฉิวฉิวสะบัดหางอย่างไม่พอใจ นายผู้หญิงเรื่องมากขึ้นทุกวัน

ต่อให้สกปรกแต่ถ้าทานแล้วไม่ป่วยแล้วจะเรื่องมากอะไรนักหนาเล่า?

ทว่าเขาก็ยอมไปล้างมือแต่โดยดี ตอนออกมาได้ยินเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นกำลังคุยเรื่องของเจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าเลยถามด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าโง่นั่นเป็นอะไรไป? โดนผู้หญิงหลอกมาอีกแล้วเหรอ?”

…………………………..

ตอนที่ 2247 เอาหนอนให้คุณอา

หนอนบุ้งนอนแน่นิ่งอยู่บนมือเสี่ยวเป่าไม่กระดิกตัว ไม่เหมือนตัวที่อยู่ในมือเฮ่อเหลียนเช่อที่ดิ้นพล่านไปมาบิดตัวแทบเป็นเกลียวอยู่แล้ว

“อืม…”

เสี่ยวเป่าวางหนอนบุ้งตัวใหญ่ไว้ในมือเฮ่อเหลียนเช่อแล้วย่อตัวลงก้มหาหนอนต่อไป เจ้าตัวเล็กตาดีชะมัดยาด ในเวลาไม่ถึงห้านาทีเฮ่อเหลียนเช่อก้มีหนอนตัวเขียวปีนป่ายอยู่เต็มสองมือที่ตัวอ้วนไม่แพ้กัน

ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาแต่พอเห็นหนอนบุ้งตัวอวบอ้วนสิบกว่าตัวขดกันบนฝ่ามือเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี ความรู้สึกพะอืดพะอมเริ่มตีขึ้นมาในอก

“เสี่ยวเป่า เรากลับไปทานของว่างในบ้านกันเถอะ!” เฮ่อเหลียนเช่อคิดจะใช้ของอร่อย ๆหลอกล่อน้องชายเพราะเขาไม่อยากตามจับหนอนเป็นเพื่อนอีกแล้วจริง ๆ มิน่าเหมยซูหานถึงเสนอตัวขอทำของว่างไม่ได้แย่งเสี่ยวเป่ากับเขาอย่างที่ทำเป็นประจำ

เสี่ยวเป่ากุมมือเฮ่อเหลียนเช่อแล้วตั้งใจนับอีกหนึ่งรอบด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

มีหนอนทั้งหมดสิบหกตัว เขาสามารถแบ่งออกเป็นสองทีมแล้วให้พวกมันแข่งกันว่าทีมไหนจะคลานได้เร็วกว่ากัน

นึกถึงของว่างแสนอร่อยเสี่ยวเป่าก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ กระชากแขนเฮ่อเหลียนเช่อหมายจะกลับเข้าบ้านไป เฮ่อเหลียนเช่อโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยสักที

กลับมาถึงห้องนั่งเล่นเฮ่อเหลียนเช่อก็อดบ่นไม่ได้ “นายรู้แต่แรกแล้วสินะว่าเสี่ยวเป่าจะไปตามจับหนอนบุ้งที่สวนดอกไม้ เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันเลยนะ…เหยียนหมิงซุ่นแกมาบ้านฉันทำไม…”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดยังไม่ทันจบก็เห็นเหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป เนื้อตัวเริ่มเกร็ง

เขารู้เรื่องที่หนิงเฉินเซวียนหายตัวไปเป็นคนแรก เหยียนหมิงซุ่นมาต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ เฮ่อเหลียนเช่อไม่คิดต้อนรับหมอนี่เลยสักนิด

เสี่ยวเป่าจำเหยียนหมิงซุ่นได้เลยวิ่งตึกตักไปตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่น ล้วงเอาหนอนตัวที่อ้วนที่สุดในกระเป๋าวางไว้บนมือเหยียนหมิงซุ่นเหมือนของรัก

คุณอาเคยบอกว่าการมอบของขวัญต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดให้เขา บนตัวคุณอาคนนี้มีกลิ่นของคุณน้าด้วย เขาชอบจัง ฉะนั้นต้องเอาหนอนตัวอ้วนที่สุดให้คุณอา คุณอาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ

“ขอบคุณนะเสี่ยวเป่า”

เหยียนหมิงซุ่นจะรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเป่าให้อะไร เขาคิดว่าเป็นของอร่อย ๆแต่สัมผัสบนฝ่ามือกลับรู้สึกแปลก ๆ เขาจึงรีบก้มหน้าดูแวบหนึ่งก็เห็นว่ามีหนอนตัวอ้วนที่ใหญ่เท่านิ้วก้อยของเขากำลังกลิ้งขลุกขลิกอยู่บนฝ่ามือ ทำเอาเขารู้สึกสะอิดสะเอียนใจแทบแย่

เขายอมให้บนฝ่ามือเป็นงูตัวหนึ่งยังจะดีกว่า!

เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มหวานให้เขาจนน้ำลายหยดหนึ่งหยดลงมาเปื้อนปลายคาง เฮ่อเหลียนเช่อรีบดึงกระดาษทิชชูเช็ดด้วยท่วงท่าเบามืออ่อนโยนไม่เหลือคราบคุณชายเช่อที่โหดเหี้ยมใจดำอำมหิตในวันวานอีกต่อไป

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาคืนหนอนให้เสี่ยวเป่าไป “เสี่ยวเป่าเล่นเองก่อนนะ อาโตแล้ว ไม่เล่นหนอนแล้ว”

เสี่ยวเป่ากะพริบตาโตอย่างงุนงง ทำไมโตแล้วถึงเล่นหนอนไม่ได้แล้วล่ะ?

แต่เขาไม่ได้คิดนานไปกว่านั้นเพราะเหมยซูหานได้ยกคุกกี้หอมกรุ่นออกมาจานหนึ่งเรียกความสนใจจากเจ้าตัวเล็กได้อย่างรวดเร็ว ยื่นมือหมายจะคว้าคุกกี้แต่ถูกเหมยซูหานห้ามเอาไว้

“ล้างมือก่อนค่อยทาน ไม่อย่างนั้นจะปวดท้องได้นะ…”

เหมยซูหานอุ้มเสี่ยวเป่าไปล้างมือที่ห้องน้ำจึงทำให้ห้องนั่งเล่นเหลือเพียงเฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นสองคน

“แกมาทำอะไร ที่นี่ไม่ต้อนรับแก รีบกลับไปซะ!” เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าเย็นชาออกปากไล่แขก

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆแล้วเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “อย่าโมโหนักเลย ระวังทำเสี่ยวเป่าตกใจนะ”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วตวาดเสียงเข้ม “แกคิดจะทำอะไรเสี่ยวเป่า? เหยียนหมิงซุ่นถ้าแกกล้าแตะต้องเสี่ยวเป่าแม้แต่ปลายขน ฉันจะฆ่าทั้งครอบครัวของแกซะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นขา “คนที่คิดจะทำร้ายเสี่ยวเป่าไม่ใช่ฉันหรอกนะ แต่เป็นคุณอาที่แสนดีของแกต่างหาก!”

…………………………..

ตอนที่ 2248 ชนะใจคนด้วยคุณธรรม

เฮ่อเหลียนเช่อใจเต้นรัวเพราะไม่เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่น แต่เขาคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นน่าจะจงใจหลอกให้เขาพูด แต่ครั้งนี้เหยียนหมิงซุ่นคิดผิดแล้วล่ะ

เพราะแม้แต่เขายังไม่รู้จุดซ่อนตัวของหนิงเฉินเซวียนด้วยซ้ำ

เพียงแต่ก่อนจะไปหนิงเฉินเซวียนเรียกเขาไปคุยด้วยคำพูดประหลาดอยู่บ้าง แล้วกำชับให้เขาดูแลเสี่ยวเป่าที่บ้านดี ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าสอดมือเข้าไปยุ่ง

“ไม่นานฉันจะกลับมาอย่างเฉิดฉาย!”

สีหน้ายามที่หนิงเฉินเซวียนพูดประโยคนี้อย่างได้ใจนั้นเฮ่อเหลียนเช่อยังจำได้ดี ฉะนั้นเขาไม่ได้เป็นห่วงหนิงเฉินเซวียนมากนัก

“เหยียนหมิงซุ่นแกอย่าคิดจะมาหลอกให้ฉันตกใจเลย ฉันไม่ตกหลุมพรางของแกหรอก!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นชา

“แกรู้หรือเปล่าว่าหนิงเฉินเซวียนทำอะไรไปบ้าง? เรื่องฐานเก็บปรมาณูแกรู้หรือเปล่า?” เหยียนหมิงซุ่นเปิดประเด็นพูดตรง ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าสงสัยแล้วย้อนถาม “ฐานปรมาณูอะไรกัน? แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นพรูลมหายใจทีหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อไม่รู้ก็ดี บ่งบอกว่าเขาไม่ได้รวมหัวกับหนิงเฉินเซวียน เช่นนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจกว่าเดิม

เขาล้วงเอาแผนที่จากกระเป๋าออกมาชี้จุดที่ถูกวงด้วยสีแดงแล้วพูดเสียงนิ่ง “ตรงนี้ หนิงเฉินเซวียนสร้างฐานลับปรมาณูระดับสมบูรณ์ไว้ คนของฉันเจอฐานลับนี้แล้วได้รับสารกัมมันตรังสีแพร่ใส่อย่างรุนแรง นายใหญ่ก็รู้เรื่องแล้วเช่นกัน”

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฟังเรื่องเล่าปรัมปราก็ไม่ปาน ฐานปรมาณูขนาดกลางงั้นเหรอ?

ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิดล่ะ?

“แกอย่าคิดจะหลอกฉัน? ลุงฉันสร้างฐานลับปรมาณูนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร เขาไม่ต้องผลิตไฟสักหน่อย…” เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะเสียงแห้งหลายทีและรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

ทำไมเขารู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่เหมือนคนกำลังพูดโกหกอยู่เลยล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย้ยหยัน “แกอย่าคิดหลอกตัวเองอีกเลย หนิงเฉินเซวียนบ้าไปแล้ว เขาอยากรื้อระบบแล้วสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์เพื่อยึดครองทั้งแผ่นดินนี้ไว้ เขาถึงได้ลักลอบสร้างฐานลับปรมาณูข่มขู่นายใหญ่ ถ้าไม่ทำตามที่เขาบอกก็จะระเบิดฐานลับนี้ให้ชาวบ้านทั้งตะวันตกเฉียงใต้พินาศไปพร้อมกับเขา!”

เหมยซูหานจูงมือเสี่ยวเป่าออกมา ประจวบกับได้ยินสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างชัดเจนพลันก็หน้าซีดเผือดแล้วร้องขึ้นอย่างตกใจ “เขาบ้าไปแล้ว…อาเช่อ นายจะให้เขาระเบิดฐานลับนั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

นายใหญ่จะยอมจำนนต่อหนิงเฉินเซวียนได้อย่างไร?

หนิงเฉินเซวียนก็ช่างเพ้อเจ้อสิ้นดี เหมยซูหานคิดว่าคนคนนี้ได้บ้าบิ่นเสียสติไปแล้วอย่างสิ้นเชิง บ้าชนิดที่ไม่สามารถใช้ความคิดคนทั่วไปตัดสินเขาได้ เหมยซูหานไม่สนใจความเป็นความตายของหนิงเฉินเซวียนเลยสักนิด ตายไปยังดีเสียกว่า

แต่เขาเป็นห่วงเสี่ยวเป่ากับเฮ่อเหลียนเช่อ หากหนิงเฉินเซวียนระเบิดฐานลับขึ้นมานายใหญ่จะต้องโกรธเฮ่อเหลียนเช่อแน่นอน ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อเก่งมากขนาดไหนแต่อย่างไรเสียสองมือก็ยากจะตั้งรับศัตรูหลายมือได้ แล้วยิ่งไปกว่านั้นเป็นคนทั้งกองทัพล่ะ…

เฮ่อเหลียนเช่อต้องต้านอาวุธสงครามระดับประเทศไม่ได้แน่นอน!

หนิงเฉินเซวียนสมควรตาย เขากำลังคิดจะทำร้ายทุกคน!

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าถมึงทึง สิ่งที่เหมยซูหานคิดเขาย่อมคิดได้เช่นกัน ความรู้สึกหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในใจ มิน่าเมื่อก่อนหนิงเฉินเซวียนต้องเดินทางไปตะวันตกเฉียงใต้ทุกปีบอกว่าจะไปพักผ่อนที่นั่น อยู่เป็นสองสามเดือนถึงจะกลับและเป็นเช่นนี้มากว่าสิบปี

เขาหลงเชื่อมาตลอด แต่ตอนนี้ดูท่าทางหนิงเฉินเซวียนจะไม่ได้พูดความจริงกับเขาแล้วยังคอยระแวงเขามาตลอดอีกด้วย!

“แกกลับไปก่อนเถอะ ฉันขอคิดดูดี ๆอีกสักหน่อย” เฮ่อเหลียนเช่อใจว้าวุ่นสมองยุ่งเหยิงไปหมด

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ฝืนใจเขาเลยลุกขึ้นยืนขอตัวกลับ ก่อนไปเขามองเหมยซูหานด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่ง

เหมยซูหานใจหายวาบแล้วก้มมองเสี่ยวเป่า เด็กน้อยน่ารักน่าชังแบบนี้…เหมยซูหานกัดฟัน เขาไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายเสี่ยวเป่าเด็ดขาด!

……………………

ตอนที่ 2245 คนบ้าคิดจะให้พินาศไปด้วยกัน

พอคุณปู่เหยียนได้ยินว่าหลานชายคนเล็กได้รับเกียรติยศเหล่านี้ก็ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก พลางเอ่ยอย่างปลาบปลื้มใจ “แกพูดถูก หมิงต๋าเขาเหมาะที่จะอยู่ในค่ายทหารจริง ๆ”

หากอาศัยไอคิวของหมิงต๋าคงไม่ต้องคิดว่าจะได้ดิบได้ดีในด้านการเรียนเลย อย่างมากก็แค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่ว ๆ ไปแล้วเรียนคณะทั่ว ๆไป อนาคตก็หางานทั่ว ๆไปและใช้ชีวิตเรียบง่าย

แม้ชีวิตเรียบง่ายมองเห็นปลายทางจะเป็นความสุขอีกแบบ แต่คุณปู่เหยียนกลับไม่อยากให้หลานชายตนเป็นคนเช่นนั้น

สิ่งน่าเศร้าที่สุดในชีวิตคนเราก็คือยามเผชิญกับความตายแล้วย้อนกลับมามองชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง จากนั้นก็พบว่าใช้ชีวิตราบเรียบไม่ประสบผลสำเร็จอะไรสักอย่าง…

คุณปู่เหยียนถือประโยคนี้เป็นคติในชีวิตมาโดยตลอด ขณะเดียวก็คาดหวังกับลูกชายและหลานชายเช่นนี้ ลูกชายเขาถอดใจแล้วแต่หลานชายกลับยังมีความหวัง

คุณย่าหยางถือตะหลิวโผล่ร่างท่อนบนออกมาแล้วตะโกนพูดว่า “หลานชายคนโตจะมองอะไรผิดได้เหรอ? เก่งกว่าคุณตั้งร้อยเท่า!”

พูดยั่วโมโหตาแก่ไปประโยคหนึ่งคุณย่าดูจะมีความสุขมากเหลือเกินจึงฮัมเพลงผัดกับข้าวต่อไปอย่างอารมณ์ดี

หลานชายทั้งสองต่างประสบความสำเร็จเรื่องหน้าที่การงานแล้วหลานสะใภ้ยังตั้งครรภ์แล้วด้วย อีกไม่นานก็จะได้อุ้มเหลนแล้ว ทุกอย่างช่างดีงามเหลือเกิน…เรื่องน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือหมิงต๋ายังไม่แต่งงาน

คุณย่าหยางลอบวางแผนในใจว่าพรุ่งนี้ตอนไปเต้นดิสโก้ที่สวนสาธารณะจะลองให้เพื่อนฝูงช่วยถามไถ่ถึงหญิงสาวดี ๆมาให้สักคน หมิงต๋าของเธอแม้จะหน้าตาธรรมดาไปหน่อยแต่ก็ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มนี่นาคงน่าจะหาคู่ครองที่ดีได้!

พอคุณปู่เหยียนได้ยินคำพูดของคุณย่าหยางก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจสักนิดแต่กลับหัวเราะคักคิก คุณปู่ที่เจ็บป่วยหายดีแล้วก็ใจกว้างมากขึ้นและปล่อยวางอะไรมากขึ้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่คนทั้งครอบครัวมีสุขภาพกายแข็งแรงอีกแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลง เขารู้สึกผิด…

ยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณปู่คุณย่าแล้วก็น้องชาย

หากหมิงต๋าเรียนมหาวิทยาลัย แม้ชีวิตจะเรียบง่ายไปบ้างแต่อย่างน้อยก็มีสุขภาพกายที่แข็งแรง ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร!

แต่ตอนนี้กลับ…

เหยียนหมิงซุ่นแทบไม่อยากจินตนาการถึงอนาคตของเหยียนหมิงต๋า การติดเชื้อจากสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง…ตอนนี้ยังไม่มียาอะไรรักษาได้ คุณหมอที่เก่งที่สุดในฮวาเซี่ยยังไม่อาจรับประกันได้ว่าหมิงต๋าจะหายดีเป็นปกติ

เหมยเหมยดูออกว่าเขากำลังโทษตัวเองเลยแอบลูบมือเหยียนหมิงซุ่นเบา ๆ ใช้สายตาปลอบประโลมเขา

ดีที่คนแก่ทั้งคู่ไม่ได้สงสัยอะไรต่างจมอยู่ในความปลื้มปิติกับความสำเร็จของเหยียนหมิงต๋า เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยถอนหายใจกันทั้งคู่ ตอนนี้เอาตัวรอดไปได้ชั่วคราวแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาพักผ่อนที่เมืองหลวงได้ไม่นานก็เข้าสู่ช่วงวุ่นกับงานอีกครั้ง ภัยร้ายอย่างหนิงเฉินเซวียนจวนตัวเข้ามาเรื่อย ๆ นายใหญ่จึงออกคำสั่งว่าต้องรีบกำจัดคนบ้านี่ให้เร็วที่สุด

แต่หนิงเฉินเซวียนกลับเจ้าเล่ห์นัก เขาเก็บหน่วยกล้าตายไว้ที่ฐานลับให้คอยติดต่อกับเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวจากทางเมืองหลวงหนิงเฉินเซวียนก็จะแจ้งพวกเขาที่อยู่ฐานลับให้จุดระเบิดเผาฐานลับนั่นเสีย

ฐานลับของหนิงเฉินเซวียนไม่ได้มีขนาดเล็กแต่มีขนาดเท่ากับฐานลับขนาดกลาง ทันทีที่มันระเบิดต่อให้ไม่ทำลายทั้งประเทศแต่อย่างน้อยฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ก็จะได้รับสารกัมมันตภาพรังสีทั้งหมด ชีวิตของประชาชนจะตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งพื้นดินแถบนั้นจะทำการเกษตรอีกไม่ได้อย่างน้อยร้อยปี

นายใหญ่ไม่อนุญาตให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นโดยเด็ดขาด เขาออกคำสั่งชัดเจนว่าต้องจับกุมตัวหนิงเฉินเซวียนให้ได้ภายใต้สถานการณ์ที่รับประกันความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนไปด้วย

หลังจากหนิงเฉินเซวียนรู้ว่ามีคนลักลอบเข้ามาในฐานลับก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาให้ลูกน้องค้นหาทั่วเมืองหลวงอยู่หลายวันแต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้บ้านี่ไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด ฉะนั้นคิดจะจับกุมหนิงเฉินเซวียนทั้งเป็นคงยาก!

เหยียนหมิงซุ่นกลุ้มใจเหลือเกิน ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ก็ยังตามหาหนิงเฉินเซวียนไม่พบราวกับหายตัวไปจากโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น

แต่เขามั่นใจว่าเจ้าบ้านี่ต้องซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งในเมืองหลวงนี้แน่ ๆ

…………………..

ตอนที่ 2246 เฮ่อเหลียนเช่อต้องรู้แน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาอยู่เมืองหลวงได้เกือบครึ่งเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวของหนิงเฉินเซวียนเลยสักนิด ฝั่งนายใหญ่โทรมาถามหลายรอบแต่เขาตอบได้เพียงตามหาไม่พบ

แม้นายใหญ่ไม่ได้ว่าอะไรแต่เหยียนหมิงซุ่นเองก็ยังรู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจอยู่ดี

คนของเขาแทบพลิกแผ่นดินหาทุกกระเบียดนิ้ว ต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆคนของเขาก็ต้องตามหาจนพบ แต่ตอนนี้กลับไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าอะไรเลยสักนิด

หรือว่าหนิงเฉินเซวียนจะมุดไปอยู่ใต้ดินแล้วงั้นหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นขบคิดและยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูง ตามหาบนดินไม่เจอ งั้นก็บ่งบอกว่าหนิงเฉินเซวียนอาจไปอยู่ชั้นใต้ดินจริง ๆ

แต่อันนี้กลับยากอยู่บ้าง!

เหยียนหมิงซุ่นมีเรื่องหนักใจ ขนาดเวลาทานข้าวก็ยังคิดถึงเรื่องงานจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทานแต่ข้าวเปล่าไม่คีบกับข้าวทานทานสักคำ

เหมยเหมยคีบเนื้อให้เขาเล็กน้อยแล้วผลักเขาทีหนึ่ง เอ่ยเสียงดุ “ทานข้าวก็ทานข้าวดี ๆ อย่ามัวแต่คิดเรื่องงาน ระวังอาหารไม่ย่อย”

เหยียนหมิงซุ่นหลุดจากภวังค์แล้วส่งยิ้มเชิงขอโทษให้เธอหน่อย ๆก่อนจะเลิกคิดถึงเรื่องหนิงเฉินเซวียนแล้วทานข้าวเป็นเพื่อนเหมยเหมยแต่โดยดี

“หาหนิงเฉินเซวียนไม่เจอใช่ไหม?” เหมยเหมยถาม

“ใช่ เขาซ่อนตัวได้ลึกลับมาก ตามตัวยากเหลือเกิน” เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งให้เหมยเหมยตัวหนึ่งแล้วตอบเธออย่างไม่คิดปิดบัง

เหมยเหมยเองก็ขมวดคิ้วไปด้วย หาตาแก่โรคจิตไม่เจองั้นก็บ่งบอกว่าภัยอันตรายนี้ยังอยู่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัวเธอก่อนจะรีบเอ่ยว่า “เฮ่อเหลียนเช่อต้องรู้แน่ ๆว่าเขาอยู่ไหน พี่ไปหาเขาสิ ต่อให้เขาไม่รู้แต่ต้องตามตัวเจอแน่ ๆ”

เหยียนหมิงซุ่นตาเป็นประกาย ใช่สิ ทำไมเขาถึงลืมเจ้าเฮ่อเหลียนเช่อไปได้นะ?

แต่ไม่นานเขาก็ใจเย็นลงได้พลางส่ายศีรษะกล่าว “เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางหักหลังหนิงเฉินเซวียน หากไปถามกลับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”

อย่าเห็นว่าเฮ่อเหลียนเช่อทำเป็นไม่สนใจหนิงเฉินเซวียน พอเจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที แต่ความจริงเฮ่อเหลียนเช่อใส่ใจหนิงเฉินเซวียนเป็นอย่างดี เขาไม่มีทางหักหลังพ่อตัวเองเพื่อความถูกต้องหรอก!

เหมยเหมยกลับไม่คิดเช่นนั้น “เมื่อก่อนอาจจะไม่ แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่นะ ตอนนี้คนที่เฮ่อเหลียนเช่อให้ความสนใจมากที่สุดคือเสี่ยวเป่า ถ้าเขารู้ว่าเรื่องที่หนิงเฉินเซวียนทำอาจทำร้ายเสี่ยวเป่าได้ ไม่แน่เฮ่อเหลียนเช่ออาจจะยอมเลือกอยู่ข้างเราก็ได้นะ!”

เธอคิดว่าความเป็นไปได้นี้มีโอกาสสูงมาก!

ไม่เห็นหรือว่าเฮ่อเหลียนเช่อทะเลาะกับหนิงเฉินเซวียนตั้งหลายครั้งเพราะเสี่ยวเป่าหรือไง!

ขอแค่เล่าเรื่องบ้าบิ่นที่หนิงเฉินเซวียนทำให้เฮ่อเหลียนเช่อฟัง กระทั่งอาจทำให้อนาคตของเสี่ยวเป่าจมอยู่ในความมืดมน เฮ่อเหลียนเช่อต้องเป็นบ้าจนต้องเลือกสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นถูกเหมยเหมยโน้มน้าวสำเร็จ ผ่านไปหลายวันแล้วแต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวของหนิงเฉินเซวียน เขาจึงไปหาเฮ่อเหลียนเช่อ

หลังหนิงเฉินเซวียนหายตัวไปเฮ่อเหลียนเช่อก็เริ่มเก็บตัวอยู่บ้าน นอกจากจะพาเสี่ยวเป่าออกมาเดินเล่นเป็นครั้งคราว เวลาที่เหลือก็คลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน คุณชายเช่อที่ปกติมักจะทำตัวเป็นจุดเด่นอยู่เสมอบัดนี้กลับกลายเป็นคุณชายที่หมกตัวอยู่แต่ในบ้านไปแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อกำลังพาเสี่ยวเป่าออกมาจับหนอนบุ้งเล่นตามสวนดอกไม้หลังบ้าน พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อกำจัดแต่แค่จับมาเล่นเท่านั้น เพราะเด็กน้อยเสี่ยวเป่าเล่นสัตว์ทุกประเภทในบ้านมาหมดแล้วเหลือเพียงหนอนในสวนดอกไม้หลังบ้านเท่านั้น

หนอนตัวสีเขียวอวบอ้วนนุ่มนิ่มซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกใบไม้สีเขียว หากตาไม่ดีคงหาไม่เจอ เฮ่อเหลียนเช่อจ้องจนตาแห้งน้ำตาคลอเบ้าก็เพิ่งจะหาเจอแค่ตัวเดียว

“เสี่ยวเป่าดูสิ หนอนตัวใหญ่…”

เฮ่อเหลียนเช่อตะโกนเสียงดังอย่างชอบใจแล้วใช้นิ้วบีบหนอนบุ้งที่กำลังดิ้นพล่านไปมาอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะบีบหนอนตัวนุ่มนี้เละเป็นโจ๊ก

เสี่ยวเป่ามองเหยียดเขาแวบหนึ่ง หาอยู่ตั้งนานเพิ่งหาได้ตัวเดียว ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ!

เจ้าตัวเล็กผลักเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังทำตัวได้ใจออกแล้วหาด้วยตัวเองอย่างมีความสุข

ไม่นานหลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็ดึงหนอนบุ้งที่ตัวหนาและอ้วนกว่าจากใต้ดินดอกกุหลาบต้นหนึ่งออกมา ตัวหนายิ่งกว่านิ้วของเขาด้วยซ้ำ ขาเล็กขาน้อยมากมายทำเอาคนเห็นต่างขนลุกเกรียว

………………………

ตอนที่ 2243 ไม่รู้ว่าจะมีอาการอื่นในภายหลังอีกหรือเปล่า

หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็กลับมา เขาไม่ได้กลับบ้านทันทีแต่จัดการเรื่องเหยียนหมิงต๋าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตรวจร่างกายตัวเองอีกที เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้ออะไรถึงกลับบ้าน

เหมยเหมยที่อกสั่นขวัญหายมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาอย่างปลอดภัยไม่เป็นอะไรถึงวางใจก่อนจะโถมเข้าอ้อมกอดเขาอย่างลืมตัว

“พี่ไม่เป็นไรก็ดี ฉันกังวลแทบแย่”

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นโทรมาเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย เหมยเหมยเริ่มใจคอไม่ดีอีกครั้งกลัวว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นอะไรไปด้วยอีกคน เธอยังไม่กล้าบอกความจริงกับคุณย่าหยางแค่บอกว่าเหยียนหมิงซุ่นโทรมาทุก ๆสามถึงห้าวัน เธอแบกรับความกดดันไว้คนเดียวจนกลางค่ำกลางคืนก็นอนไม่หลับ

“ยัยโง่ พี่ยังสบายดี ไม่มีแม้แต่รอยถลอกเลยสักนิด!”

เหยียนหมิงซุ่นสวมกอดร่างนุ่มตัวหอมของภรรยา บรรยากาศตลบอบอวลด้วยกลิ่นอายอันคุ้นเคย เขาเองก็รู้สึกจิตใจสงบลงมาแล้วเช่นกัน ทั้งคู่กอดกันอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรเพราะไม่อยากทำลายความเงียบแสนสุขในยามนี้

……

ผ่านไปนานเหมยเหมยถึงผละออกจากเหยียนหมิงซุ่นแล้วปิดจมูกขมวดคิ้วอย่างนึกรังเกียจ “พี่ไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วเนี่ย? เหม็นจะตายอยู่แล้ว รีบไปอาบน้ำเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นก้มลงสูดดมและกลิ่นเหม็นเปรี้ยวก็ลอยเข้ามาเตะจมูกเต็มเปา แม้แต่ตัวเองยังทนไม่ได้

“แล้วเมื่อกี้เธอจะกอดแน่นทำไม…แค่ไม่ได้อาบน้ำมาสามวันเอง…”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพูดหยอกเย้า เหมยเหมยถอยหลังหลายก้าวพลางโบกมือปัด “เหม็นจะตายอยู่แล้ว อยู่ให้ห่างจากฉันหน่อย…กลิ่นหึ่งจนฉันมึนหัวไปหมด!”

วันอากาศร้อนอบอ้าวไม่อาบน้ำวันเดียวก็เหนียวตัวจะแย่ หมอนี่กลับไม่อาบน้ำมาตั้งสามวัน เนื้อบนตัวคงกลายเป็นเนื้อดองเค็มไปแล้วมั้ง ไม่ได้เรื่องขึ้นทุกวันจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นไม่หยอกเหมยเหมยต่ออีก เขาหยิบเสื้อผ้าแล้วไปชำระร่างกาย เนื่องจากเหยียนหมิงต๋ายังต้องอยู่ในตู้กักตัวเลยไม่ได้นั่งเครื่องบินมาแต่เลือกนั่งรถไฟมาเมืองหลวง จากพรมแดนใต้มาเมืองหลวงต้องใช้เวลาเดินทางสามวันสามคืนแล้วจะให้เขาไปอาบน้ำที่ไหนกัน!

พอได้ชำระร่างกายจนสะอาดเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกสบายผ่อนคลายทั้งตัวและสดชื่นขึ้นมา เหมยเหมยให้ป้าฟางเตรียมอาหารเย็นไว้ตั้งนานแล้วซึ่งล้วนมีแต่ของโปรดเหยียนหมิงซุ่นทั้งนั้น

“เพื่อนร่วมรบที่บาดเจ็บของพี่คนนั้นไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยตักน้ำซุปให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วยังแกะกุ้งให้อีกหลายตัวก่อนจะรวดถาม

เหยียนหมิงซุ่นชะงักมือที่กำลังตักน้ำซุปทานแล้วบอกเธอไปตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง “ยานั่นให้หมิงต๋าใช้ เพิ่งพ้นขีดอันตรายมา”

‘แกร๊ง’

เหมยเหมยตกใจจนช้อนร่วงแล้วถามเสียงแผ่ว “เหยียนหมิงต๋ากำลังเข้ารับการฝึกบนเขาใหญ่พรมแดนทางใต้ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าโดนสัตว์ร้ายทำร้ายเข้า?”

“รุนแรงกว่าสัตว์ร้ายหนึ่งร้อยเท่า เขาติดเชื้อจากสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง ถึงตอนนี้จะรักษาชีวิตไว้ได้แต่ไม่รู้ว่าจะมีอาการอื่นตามมาภายหลังอีกหรือเปล่า” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขมขื่น เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายกับคุณปู่คุณย่าอย่างไรด้วยซ้ำ

“ติดเชื้อสารกัมมันตภาพรังสีเหรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

เหมยเหมยตกใจไม่น้อย สารกัมมันตภาพรังสีเชียวนะ…แค่ฟังก็รู้สึกสะพรึงมากแล้ว

เมื่อครั้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ประเทศญี่ปุ่นครึ่งลูก ขนาดเวลาผ่านไปหลายสิบปีคนที่โดนสารกัมมันตภาพรังสียังทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดจนกระทั่งสืบทอดถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

สารกัมมันตภาพรังสีคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้แล้ว น่ากลัวยิ่งกว่ายาพิษหมื่นเท่า

เหยียนหมิงซุ่นเล่าเรื่องที่เหยียนหมิงต๋าค้นพบฐานระเบิดปรมาณูไปคร่าว ๆ “หมิงต๋าโดนคนในฐานลับเห็นเข้าเลยเผลอเดินเข้าไปในห้องกำจัดขยะที่มีสารกัมมันตภาพรังสีโดยไม่ทันระวังตัว…”

เหมยเหมยเอามือปิดปากอย่างตกใจ หนีไปอยู่ในที่แบบนั้นแล้วยังรอดชีวิตมาได้อีกหรือ?

“ดีที่มียาวิเศษของเธอ ยาวิเศษพวกนี้พอจะช่วยบรรเทาพิษจากสารกัมมันตภาพรังสีได้บ้างเลยทำให้หมิงต๋ารอดชีวิตมาได้ เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าร่างกายของเขาจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า…”

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ค่อยเป็นใจเสียเท่าไร

……………………..

 ตอนที่ 2244 จ่ายด้วยราคาที่แพงเกินไป

เหมยเหมยเองก็ถอนหายใจอีกคน สถานการณ์ของเหยียนหมิงต๋าไม่ใช่เพียงไม่สู้ดีแต่แทบไม่อยากคาดคิดถึงมันด้วยซ้ำ

ติดเชื้อจากสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง…

รอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้วเพียงแต่จะเกิดสิ่งผิดปกติในร่างกายหรือเปล่า หรืออาจจะถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานหรือไม่นั้น…ยังคาดเดาไม่ได้!

“อย่ากังวลเกินไปเลย พี่บอกฉันว่ายาวิเศษของฉันช่วยลดอนุภาพของสารกัมมันตภาพรังสีได้ไม่ใช่เหรอ? อย่างไรเสียฉันก็มียาวิเศษอยู่อีกมาก งั้นก็ให้เหยียนหมิงต๋าดื่มทุกวันเลย ยังไงก็ต้องดีขึ้นแน่นอน” เหมยเหมยพูดปลอบ

“พี่ก็คิดอย่างนั้น เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกคุณปู่กับคุณย่านะ” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งท้าย

“ไม่บอกหรอก ฉันบอกพวกท่านว่าเหยียนหมิงต๋าออกปฏิบัติภารกิจ แต่หลายวันก่อนคุณย่ายังบ่นอยู่เลยว่าตั้งสองปีแล้วทำไมเหยียนหมิงต๋ายังไม่กลับบ้านอีก” เหมยเหมยเอ่ย

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วแล้วพูดอย่างขมขื่น “ปิดได้นานแค่ไหนก็แค่นั้นเถอะ ตอนนี้หมิงต๋ายังออกจากตู้กักตัวไม่ได้ รอสารกัมมันตภาพรังสีบนตัวเขาหายไปหมดก่อนถึงจะออกมาได้”

เหมยเหมยถามด้วยความสงสัย “ฐานระเบิดปรมาณูนั่นเป็นฝีมือใครกัน? ทำไมต้องไล่ล่าเหยียนหมิงต๋าด้วย?”

“หนิงเฉินเซวียน” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงนิ่ง

เหมยเหมยตกใจเฮือกใหญ่แล้วเผลอร้องเสียงหลง “เขาบ้าไปแล้วเหรอ…”

ลักลอบสร้างฐานปรมาณูโดยพลการจริงเหรอเนี่ย?

หนิงเฉินเซวียนคิดจะทำลายโลกงั้นหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะ “ก็บ้าไปแล้วไงละ…เขาติดสินใจว่าถ้าก่อกบฏไม่สำเร็จก็จะให้คนทั้งประเทศตายพร้อมกับเขา!”

เหมยเหมยตกใจจนหน้าซีด เธออุตส่าห์ได้ฟื้นคืนชีพหาสามีดี ๆได้แล้วยังมีลูกอีกครั้ง เธอยังใช้ชีวิตไม่หนำใจเลยคงไม่ยอมตายเป็นเพื่อนตาแก่โรคจิตนั่นหรอกนะ!

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ…ทำลายฐานลับนั่นได้ไหม?”

“อย่ากังวลไปเลย…พี่ไม่ปล่อยให้มันสมดั่งปรารถนาหรอก เธอกับลูกต้องไม่เป็นไร!” เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าหนักแน่น ต่อให้ลำบากมากเพียงใดเขาก็จะขัดขวางหนิงเฉินเซวียนให้ได้

เขาเองก็ยังใช้ชีวิตไม่หนำใจด้วยเช่นกัน เขายังอยากใช้ชีวิตร่วมกับเหมยเหมยและลูกตลอดไปนะ!

วันรุ่งขึ้นเหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยไปหาคุณย่าหยาง คุณย่าเห็นหลานชายคนโตกลับมาอย่างปลอดภัยก็ฉีกยิ้มกว้างทันที สัปดาห์นี้คนที่อกสั่นขวัญหายไม่ได้มีเพียงเหมยเหมยแต่ยังมีเธอด้วยอีกคน

แต่เพื่อไม่ให้เหมยเหมยกังวลคุณย่าหยางจึงแสร้งทำเหมือนไม่เป็นอะไร เธอไปอยู่เป็นเพื่อนชวนเหมยเหมยพูดคุยเป็นประจำทั้งที่ความจริงเธอร้อนใจดั่งมีไฟแผดเผา

“ไม่เป็นไรก็ดี หลานไปทีก็เกือบสองเดือน ทำเอาเหมยเหมยร้อนใจแทบแย่” คุณย่าหยางบ่นเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็พาลนึกถึงหลานชายคนเล็กเลยอดถามไม่ได้ “หมิงต๋าจะกลับมาเมื่อไรเหรอ? นี่ตั้งสองปีแล้ว ภารกิจอะไรกันทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนั้น…”

คุณปู่เหยียนใช้ไม้เท้าประคองตัวเดินเข้ามา สภาพร่างกายของเขาฟื้นตัวได้ไม่เลวจนเดินเองได้แล้วแต่กลับอยู่ห่างจากไม้เท้าไม่ได้ รอพักฟื้นอีกสักระยะคงหยุดใช้ไม้เท้าได้แล้ว

“นี่คุณจะถามอะไรเยอะแยะ หมิงต๋าต้องกำลังปฏิบัติภารกิจลับอยู่แล้ว ความลับระดับชาติจะบอกได้เหรอ? คุณรีบไปทำกับข้าวได้แล้ว ทำของโปรดของหมิงซุ่นกับเหมยเหมยด้วยนะ”

คุณปู่ไม่ค่อยพอใจกับท่าทีไม่รู้กาลเทศะของคุณย่าหยาง ถึงแม้เขาจะคิดถึงหลานชายคนเล็กไม่แพ้กันแต่ก็ยังกลั้นใจไม่ถามออกมา

เขาเป็นคนรู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว จะทำตัวเป็นคนที่มีนิสัยใจคออย่างยายแก่ไม่ได้!

“คุณก็ว่าแต่ฉัน เมื่อวานใครกันที่ถามฉันว่าทำไมหมิงต๋ายังไม่กลับมาอีก…” คุณย่าถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจก่อนจะเข้าไปโชว์ฝีมือทำอาหารในห้องครัว

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าว “หมิงต๋ากำลังปฏิบัติภารกิจพิเศษอยู่จริง ๆ ติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้ ขอแค่ภารกิจนี้สำเร็จเขาก็จะสร้างคุณงามความดีระดับพิเศษเลยนะครับ”

เขาไม่ได้หลอกทั้งคู่เพราะเหยียนหมิงต๋าได้ทำความผิดไว้เมื่อสองปีก่อน เดิมทีไม่อาจอยู่ประจำการในค่ายทหารได้อีกแล้ว แต่ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะเขาค้นพบฐานลับเก็บระเบิดปรมาณูเจอเข้าก็ไม่อยากนึกถึงผลที่จะตามมาเลย

พอนายใหญ่รู้ว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยออกคำสั่งด้วยตัวเองว่าเหยียนหมิงต๋าได้ทำคุณงามความดีระดับพิเศษและอนุญาตให้เข้าทีมเสวี่ยอิงและเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย

แต่เกียรติยศทั้งหมดนี้ต้องจ่ายด้วยราคาที่มากเกินไป!

เหยียนหมิงซุ่นยอมให้น้องชายปลดประจำการดีกว่าให้นอนอยู่ในตู้กักตัวที่ไม่รู้ว่าชีวิตในอนาคตจะเป็นเช่นไรบ้าง

…………………………

ตอนที่ 2241 กลับตัวกลับใจ

แม้คุณหนูใหญ่เหริ่นจะตั้งความหวังไว้สวยหรูแบบนั้นแต่เรือนจำไม่ใช่โรงแรมสักหน่อย จะให้คุณอยู่ตลอดไปได้อย่างไรกัน!

ความผิดของเถ้าแก่เหริ่นอย่างมากก็ข้อหาปกปิดความผิดและสมรู้ร่วมคิดไม่ใช่ผู้ก่อคดีด้วยซ้ำ ตัดสินความผิดให้จำคุกสามปีก็เพียงพอแล้ว หากจำคุกต่อไปแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต้องให้คนฟ้องศาลแน่ ๆ ถึงตอนนั้นคงเกิดปัญหาอีก

“ในเมื่อแม่ของเธอคิดถึงขนาดนั้นฉันว่าก็ปล่อยพ่อเธอออกมาเถอะ ครอบครัวพวกเธอจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน” เหมยเหมยกล่าว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าสับสนอย่างไม่รู้ควรทำอย่างไรดี

“เฮ้อ…หลายปีมานี้พ่อฉันไม่อยู่บ้าน ฉันคิดว่าดีออก พอจู่ ๆกลับมาแบบนี้ฉันไม่รู้ควรเผชิญหน้ากับพ่อฉันอย่างไรดี…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ที่สำคัญเลยหากว่าพ่อของเขารู้สาเหตุที่ต้องถูกจำคุกคงตีเธอตายแน่ ๆ!

อีกอย่างเธอก็จะรู้สึกผิดเวลาเผชิญหน้ากับพ่อตัวเอง…

“หรือว่าเธอกับพ่อเธอไม่คิดจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกตลอดไปเหรอ? ตอนแรก ๆอาจจะรู้สึกกังวลบ้างแต่ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้นเองแหละ พวกเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันสักหน่อย พวกเธอเป็นพ่อลูกกันเชียวนะ!”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ ทั้งที่คิดถึงมากแท้ ๆแต่ดันปากแข็งอยู่ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกาท้ายศีรษะพร้อมหัวเราะแก้เก้อไปด้วย “งั้นก็ปล่อยออกมาเถอะ เธอรอก่อนนะไว้ฉันจะไปหาวันที่ฤกษ์ดี ๆหน่อย”

“เธอคิดว่ากำลังแต่งงานอยู่เหรอยังต้องเลือกวันฤกษ์ดี ๆอีก…นั่นเรือนจำเชียวนะ ขอแค่ได้ออกมาจะวันไหนก็ฤกษ์ดีทั้งนั้น ตอนนี้ฉันจะให้ลุงเหลาไปจัดการเรื่องนี้ทันที คิดว่าอีกสามสี่วันคงได้ออกมาแล้ว”

เหมยเหมยถลึงตาใส่อีกทีพลางให้ป้าฟางไปสั่งงานลุงเหลา ตอนนี้คนในเรือนจำมีมากจนเบียดเสียด รีบปล่อยตัวออกมาจะได้สละที่ให้คนอื่น

เพราะเธอลืมเรื่องนี้ไปเลยไม่อย่างนั้นคงปล่อยออกมาตั้งนานแล้ว

สามวันหลังจากนั้นเถ้าแก่เหริ่นก็ได้ออกมาจากเรือนจำอย่างราบรื่น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับแม่ของเธอไปรับด้วยกันทั้งคู่ เถ้าแก่เหริ่นที่ได้กลับมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งก็น้ำตาคลอเบ้า ร้องไห้ปล่อยโฮเสียงดัง

สุดท้ายภรรยาคนเดิมก็ดีที่สุดแล้ว!

บรรดาชู้รักที่ปากบอกรักเขานักหนา ตลอดสามปีมานี้ไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง หนีเร็วยิ่งกว่ากระต่ายด้วยซ้ำ!

เถ้าแก่เหริ่นปาดน้ำตาแล้วสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้จะใช้ชีวิตกับภรรยาให้ดี ส่วนลูกชาย…เขาก็คิดได้แล้ว

ในเรือนจำมีนักโทษที่อายุเพิ่งยี่สิบต้น ๆ มีหลายคนที่ไม่ได้ทำผิดฐานฆ่าคนก็ปล้นทรัพย์มา มีบางส่วนถูกตัดสินโทษประหารชีวิต บางส่วนถูกตัดสินจำคุกอย่างไม่มีกำหนดวันปล่อยตัว กล่าวโดยสรุปก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไป

มีลูกชายแบบนี้แล้วยังจะให้สืบสานตระกูลบ้าบออย่างไรอีก แล้วยังต้องให้คนผมขาวส่งคนผมดำลงนรกอีกต่างหาก เถ้าแก่เหริ่นเห็นนักโทษวัยรุ่นคดีร้ายแรงเหล่านี้ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าลูกสาวของตนเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกแล้วจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ถึงว่าพอพ่อของเธอเข้าคุกทีหนึ่งนอกจากจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้วยังมองเธอด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความเมตตาอยู่ประจำ ทำเอาเธอรู้สึกผิดในใจกลัวเรื่องอดีตจะถูกเปิดโปง

เหมยเหมยสั่งสอนเธอไประลอกหนึ่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงสบายใจขึ้น แล้วกลับมาญาติดีกับพ่อของเธอดังเดิม ครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข

เวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า ไม่นานก็มาถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ระหว่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นกลับมาหลายครั้งแต่ก็ค้างที่บ้านแค่วันสองวันก็ออกเดินทางอย่างเร่งรีบออกไปอีกแล้ว

เหมยเหมยตั้งครรภ์สามเดือนเต็มจนหน้าท้องเริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อย หากไม่สังเกตคงดูไม่ออก เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้วบอกว่าแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก

วันนี้คุณย่าหยางหิ้วปอเปี๊ยะมาเต็มตะกร้า หลังจากรู้ว่าเหมยเหมยตั้งครรภ์คุณย่าก็ดีใจสุดขีดจนต้องทำของอร่อย ๆ มาให้เหมยเหมยทุกสองวัน หลายวันก่อนเหมยเหมยแค่พูดเปรย ๆว่าอยากทานปอเปี๊ยะคุณย่าก็ทำมาให้โดยเฉพาะ ปอเปี๊ยะทอดเหลืองกรอบทุกชิ้น แค่มองก็รู้สึกเจริญอาหารแล้ว

“ขอบคุณค่ะคุณย่า หนูกำลังจะให้ป้าฟางทำเลย!”

เหมยเหมยหยิบขึ้นมากัดหนึ่งชิ้น ความหอมกระจายเต็มปากและทานอย่างเอร็ดอร่อย คุณย่าหยางมีความสุขยิ่งกว่าคนทานอย่างเธอเสียอีก คอยยิ้มตาหยีมองเธอทานไปเรื่อย ๆ

ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังถี่ขึ้น

………………………….

ตอนที่ 2242 ติดเชื้อสารกัมมันตภาพรังสี

เหมยเหมยคิดจะลุกไปรับสายแต่คุณย่าหยางห้ามเธอไว้ “ย่าไปรับเอง เธอทานปอเปี๊ยะต่อเถอะ”

เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงคุณย่าจากปลายสายก็ชะงักกึกหนึ่งและรีบเอ่ยว่า “คุณย่าครับ เหมยเหมยอยู่บ้านไหม? ย่าให้เธอรับสายที!”

เดิมทีคุณย่าหยางคิดจะคุยกับหลานชายคนโตที่ไม่ได้เจอกันนานสักหน่อย แต่ฟังจากน้ำเสียงที่ดูร้อนรนของเหยียนหมิงซุ่นเลยยื่นหูโทรศัพท์ให้เหมยเหมย “หมิงซุ่นหาเธอ เหมือนจะมีเรื่องด่วน”

เหมยเหมยรับโทรศัพท์มาด้วยความงุนงง ยังไม่ทันเอ่ยปากเหยียนหมิงซุ่นก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้จะมีคนไปเอายาวิเศษ เธอให้เขามากหน่อยนะ”

“พี่ พี่บาดเจ็บเหรอ?”

เหมยเหมยใจดิ่งวูบพลั้งปากถามออกมา คุณย่าหยางที่อยู่ข้าง ๆก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน

“เปล่า แค่เพื่อนร่วมรบคนหนึ่งบาดเจ็บนิดหน่อยเลยต้องการยาวิเศษปริมาณมากมาช่วยชีวิตน่ะ” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสั้น ๆแต่น้ำเสียงแฝงด้วยความกังวลที่ยากจะปิดได้มิด

เหมยเหมยสัมผัสได้ ดูเหมือนเพื่อนร่วมรบคนนี้จะสนิทสนมกับเหยียนหมิงซุ่นมาก แม้จะรู้สึกเสียใจเช่นกันแต่เธอก็โล่งอกไปที ดีที่คนเจ็บตัวไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่น

“ได้ ฉันจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย สองกาพอไหม?”

“ได้ ไว้กลับไปค่อยเล่าให้เธอฟังอีกที”

เหยียนหมิงซุ่นวางสายไปอย่างรวดเร็วซึ่งดูเหมือนจะรีบมากจริง ๆ

“เหมยเหมย เกิดเรื่องอะไรกับหมิงซุ่นเหรอ?” คุณย่าหยางเป็นห่วงอย่างถึงที่สุด

“เปล่าหรอกค่ะ เพื่อนร่วมรบของพี่หมิงซุ่นบาดเจ็บสาหัส เขาส่งคนมาเอายารักษาตัวน่ะค่ะ หนูจะไปหยิบให้ตอนนี้เลย” เหมยเหมยปลอบประโลมด้วยเสียงอ่อนโยน คุณย่าพรูลมหายใจยาว “งั้นเธอรีบไปเอาเถอะ เฮ้อ…เวรกรรมจริง ๆ หวังว่าจะรีบหายไว ๆนะ”

เหมยเหมยวิ่งไปที่ห้องแล้วรินยาวิเศษใส่กระบอกน้ำทหารสองกระบอก จากนั้นไม่นานก็มีคนมาหาถึงบ้าน หลังแสดงสัญญาณลับกับลุงเหลาเสร็จลุงเหลาถึงปล่อยให้เข้ามาเอายา

“พระเจ้าได้โปรดคุ้มครองให้คนคนนั้นหายไว ๆทีเถิด”

เหมยเหมยประกบสองมือไหว้หลายทีเพื่ออธิษฐานแก่ผู้บาดเจ็บคนนั้น

ณ โรงพยาบาลเขตทหารฝั่งชายแดนทางใต้แห่งหนึ่ง

เหยียนหมิงซุ่นคุยโทรศัพท์เสร็จก็กลับมาด้วยสีหน้ากังวล เขามองเหยียนหมิงต๋าที่นอนอยู่ในตู้กักตัวผ่านกระจกแล้วขมวดคิ้วแน่น

คนที่เจ็บตัวคือเหยียนหมิงต๋านั่นเอง และยาวิเศษนั่นก็เอามาใช้กับเขา

เหยียนหมิงต๋าโดนสารกัมมันตภาพรังสีติดเชื้อขั้นรุนแรง หากไม่ใช่เพราะเหยียนหมิงซุ่นมียาวิเศษติดตัวเหยียนหมิงต๋าคงอยู่ไม่ถึงตอนนี้

แต่เหยียนหมิงต๋าในตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายและต้องการยาวิเศษปริมาณมากในการช่วยชีวิต เหยียนหมิงซุ่นกังวลใจแต่ก็แอบดีใจ โชดดีที่ไม่ยังไม่ถึงทางตัน!

“ลูกพี่ ยามาแล้ว!”

ลูกน้องกล่าวรายงาน ทันทีที่ลงจากเครื่องบินเขาก็รีบเดินทางมาทันที

เหยียนหมิงซุ่นสวมเสื้อป้องกันสารกัมมันตภาพรังสีครบชุดที่ปกปิดทุกส่วนไม่เปิดเผยผิวกายแม้แต่น้อย เหยียนหมิงต๋าติดเชื้อขั้นรุนแรงจึงเป็นแหล่งแพร่สารไปแล้ว หากไม่สวมชุดป้องกันอาจติดเชื้อไปอีกคนได้

ในตู้กักตัวเต็มไปด้วยยาคิดค้นของแพทย์ที่ใช้ทุเลาความเจ็บปวดของเหยียนหมิงต๋าแต่กลับไม่เป็นผลเท่าไรนัก เนื้อตัวของเหยียนหมิงต๋ามีแผลเหวอะหวะไม่เป็นรูปเป็นร่างจนเหยียนหมิงซุ่นยังทนมองไม่ไหว

เขาเทยาวิเศษลงตู้กักตัวจนพอฟื้นฟูรักษาผิวหนังของเหยียนหมิงต๋าได้ เพิ่งเทยาวิเศษเข้าไปเหยียนหมิงต๋าที่หมดสติไปก็ดูสบายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังไม่ฟื้นขึ้นมาแต่ก็ดูออกว่าไม่ได้เจ็บปวดเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจโล่งอก ได้ผลก็ดี อย่างน้อยก็รักษาชีวิตเหยียนหมิงต๋าไว้ได้แล้ว

ส่วนอาการที่ตามมาภายหลังเหยียนหมิงซุ่นแทบไม่อยากจะคิดถึงมันเลย ตอนนี้เขาแค่อยากรักษาชีวิตน้องชายเอาไว้ก่อนเท่านั้น

เขาหยอดป้อนยาวิเศษให้เหยียนหมิงต๋าอีกหลายหยด เหยียนหมิงต๋าดูดดื่มมันอย่างหิวกระหาย ไม่นานก็ดื่มไปเกือบครึ่งกระบอกและดูท่าทางอาการจะดีขึ้นเล็กน้อยอย่างชัดเจน เหยียนหมิงซุ่นถึงวางใจไปเปราะหนึ่ง

ขอเพียงอาการของเหยียนหมิงต๋าคงที่ก็จะสามารถย้ายไปอยู่ในโรงพยาบาลทหารเมืองหลวงได้ อุปกรณ์การแพทย์ของพรมแดนทางใต้นี้ไม่ได้ครบครันเท่าที่เมืองหลวง

……………………….

ตอนที่ 2239 อย่าวาดรูปที่ไร้จิตวิญญาณ

“รูปที่วางขายในพิพิธภัณฑ์แม่หนูต้องมีคุณสมบัติที่ดีพอสมควร ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆนะคะว่าสวีจื่อเซวียนไม่ใช่คนมีฝีมือ เกรงว่าผลงานจะขายออกได้ยาก”

เหมยเหมยพูดตามความจริงที่ไม่ได้เจาะจงเล่นงานสองคนนี้

ผลงานที่วางขายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเหยียนซินหย่าล้วนแต่เป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งเรียกว่ากลไกทางตลาด หากเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงลูกค้าถึงจะยอมจ่ายเงินซื้อ โดยปกติแล้วไม่มีคนยอมเสียเงินซื้อผลงานศิลปะของศิลปินไร้ชื่อหรอก

นอกจากว่าจะวาดได้ดีเยี่ยมจนเข้าตาเห็นศักยภาพของศิลปินคนนี้ถึงจะยอมเสียเงินซื้อ

แต่…ลูกค้าประเภทนี้นานทีปีหนยังไม่เจอสักคนเลย

เดิมทีสวีจื่อเซวียนยังนับว่ามีชีวิตชีวาพอสมควรแต่สภาวะของเธอในตอนนี้แข้งขาพิการ ร่างกายทรุดโทรม อีกทั้งยังคอยกังวลเรื่องเงินประทังชีวิตอยู่ทุกวันเลยทำให้สภาวะย่ำแย่ถึงขีดสุด เหมยเหมยไม่คิดว่าเธอจะวาดผลงานที่มีชีวิตชีวาอะไรออกมาได้

เจียงจื้อหรู่ยิ้มเก้อแล้วถูมือเร็วถี่กว่าเดิม ตัวเขาเคยบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเหมยเหมยกำลังพูดความจริง ศิลปินอย่างสวีจื่อเซวียนในเมืองหลวงมีถมเถไป คนที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงกว่าเธอก็มากจนนับไม่ถ้วน

ก่อนจะมาหาเหมยเหมยเจียงจื้อหรู่ก็เคยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่มีกิจการพิพิธภัณฑ์ศิลปะมาบ้างแล้ว เพียงแต่เพื่อนกลุ่มนั้นต่างปฏิเสธอ้อม ๆ ด้วยความระอาเขาจึงคิดจะมาหาเหมยเหมย หวังว่าเธอจะเห็นแก่เยื่อใยสัมพันธ์อันน้อยนิดในวันวานไว้หน้าเขาสักนิด

แต่—ก็ถูกปฏิเสธอยู่ดี!

เจียงจื้อหรู่ใจหายวาบ ชีวิตที่หนักอึ้งทำให้ความเย่อหยิ่งความถือตัวในวันวางพังทลายไม่เป็นท่า ในเมื่อแทบจะใช้ชีวิตต่อไม่ได้แล้วยังจะมีสิทธิ์ถือตัวอะไรอีก!

เหมยเหมยขมวดคิ้วพลางกล่าว “ถ้าสวีจื่อเซวียนอยากหาเงินจริง ๆ หนูแนะนำให้เธอวาดรูปเชิงพาณิชย์ ถ้าเธอยินดีก็ไปหาผู้จัดการหลิวที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย กฎเหมือนคนอื่นบอกไปว่าหนูเป็นคนให้พวกอาจารย์ไปหา”

เจียงจื้อหรู่เผยสีหน้ายินดี “ขอบคุณนะ…”

เขาเข้าใจดีถึงรูปเชิงพาณิชย์ แม้การวาดรูปประเภทนี้จะเป็นเรื่องสุดเอือมระอาสำหรับศิลปินคนหนึ่ง แต่ตอนนี้การหาเงินสำคัญกว่า ต่อให้ระอาแค่ไหนก็ต้องวาด

บรรดาเพื่อนพ้องเหล่านั้นของเขาไม่ยอมแม้กระทั่งให้สวีจื่อเซวียนวาดรูปเชิงพาณิชย์ขาย เดิมทีเจียงจื้อหรู่สิ้นหวังแล้วแต่กลับไม่คิดว่าจะมีความหวังรออยู่ข้างหน้า ใบหน้าเผยยิ้มอย่างดีใจในฉับพลันและขอบคุณเหมยเหมยซ้ำ ๆไม่หยุด

เหมยเหมยอมยิ้มแล้วขอตัวลากลับ

พิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่ากิจการรุ่งเรืองซึ่งล้วนแต่เป็นลูกค้าจากทางตอนใต้และต่างประเทศโดยให้ราคาดีไม่หยอก แน่นอนว่าก็มีเงื่อนไขค่อนข้างสูง ศิลปินฝีมืออ่อนหัดยากจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ ฉะนั้นระยะนี้เหยียนซินหย่าจึงตระเวนหาศิลปินวัยรุ่นมาร่วมงานด้วย หากสวีจื่อเซวียนมีฝีมือก็ปล่อยให้เธอวาดไป ทั้งช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของเธอกับเจียงจื้อหรู่ได้ และยังช่วยงานพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

แล้วเหตุใดเธอถึงไม่ทำล่ะ?

เพียงแต่–

“ฉันไม่อยากวาด…รูปพวกนั้นไม่มีจิตวิญญาณ…”

หลังจากเจียงจื้อหรู่กลับถึงบ้านก็ได้บอกเรื่องวาดรูปเชิงพาณิชย์ให้สวีจื่อเซวียนทราบแต่กลับถูกคัดค้านอย่างรุนแรง

สวีจื่อเซวียนมีปฏิกิริยาต่อต้านเรื่องนี้อย่างหนัก เธอไม่ยอมวาดรูปเชิงพาณิชย์ที่ไร้จิตวิญญาณพวกนั้น เธอคิดว่านี่เป็นการเหยียดหยามเธออย่างหนึ่ง

เจียงจื้อหรู่ไม่คิดว่าชีวิตลำบากถึงขั้นนี้แล้วสวีจื่อเซวียนกลับยังทำตัวเหมือนเด็กน้อยอีก คนที่อารมณ์ดีเสมอมาอย่างเขาก็บันดาลโทสะตีหน้าขรึมเอ่ยตำหนิ “ไม่วาดก็ได้ ฉันก็มีเงินเดือนแค่เดือนละพันกว่าหยวน ซื้อเสื้อผ้ามียี่ห้อกับเครื่องสำอางราคาแพงของเธอไม่ไหว หลังจากนี้เราก็ทานแต่ข้าวต้มจืด ๆกับเครื่องเคียงทั่วไปแล้วกัน เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซื้อแล้ว!”

……

สามวันหลังจากนั้นผู้จัดการหลิวของพิพิธภัณฑ์ก็ได้โทรมาปรึกษาเหมยเหมยว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับสวีจื่อเซวียนดี

“ไม่ต้องปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษหรอก ทำเหมือนศิลปินคนอื่น ๆ ถ้าวาดไม่ดีก็ไล่กลับไปซะ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา

………………………….

ตอนที่ 2240 อยู่ตลอดกาล

เหมยเหมยถามถึงสถานการณ์ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะต่ออีกสักหน่อย จากนั้นก็พบว่ามีแนวโน้มไปในทางที่ดีและดีขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงวางสายไปอย่างพึงพอใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนวิ่งแจ้นมาทานผลไม้ฟรีอีกแล้ว อิงจวี้กังเก่งกาจขึ้นทุกวันจนเธอทำเพียงรับลูกค้ากับบริหารเงินก็พอ ปกติถ้าไม่มีอะไรทำพอว่างจากงานหากไม่กลับบ้านตัวเองก็จะมาหาเหมยเหมย

เหมยเหมยดูแลบำรุงตัวเองอยู่บ้านอย่างเบื่อหน่ายย่อมต้องการให้เพื่อนมาหาบ่อย ๆอยู่แล้วเพราะจะได้ฆ่าเวลา

“เธอแนะนำงานให้สวีจื่อเซวียนเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานน้ำแข็งไสผลไม้คำโตแล้วถามด้วยความสงสัย

“อืม…เจียงจื้อหรู่มาขอร้องฉันเอง ฉันก็ให้โอกาสเธอสักครั้งแล้วกัน แต่ถ้าเธอวาดได้ไม่ดีฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” เหมยเหมยยกรังนกที่ป้าฟางตุ๋นให้มาทานตักคำเล็กคำน้อย

ป้าฟางจะตุ๋นรังนกให้เธอวันละหม้อบอกว่าเป็นรังนกชั้นดีที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ได้ข่าวว่าหญิงตั้งครรภ์ทานรังนกระหว่างตั้งครรภ์ประจำลูกจะมีผิวพรรณดีซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จเช่นใด แต่ไม่ว่าอย่างไรป้าฟางก็เชื่อสนิทใจเลยตุ๋นให้เธอทุกวัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ฉันว่าเธอไม่ผ่านหรอก ท่าทางหยิ่งยโสได้ใจของเธอจะยอมลดตัวไปวาดรูปเชิงพาณิชย์ที่ไร้จิตวิญญาณอย่างนั้นได้อย่างไรกัน? ต้องไม่ทำแน่นอน!”

“งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสเลย สมควรที่จะหิวตาย!”

เหมยเหมยทำหน้าเรียบนิ่ง เธอให้โอกาสแล้วแต่จะคว้าโอกาสไว้หรือเปล่าเป็นเรื่องของสวีจื่อเซวียน เธอคงไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง!

ทั้งคู่ไม่ได้สนใจเรื่องราวของสวีจื่อเซวียนมากนัก คนที่ถลำลึกทำเรื่องไม่ดีไม่คู่ควรได้รับความเห็นใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าเรื่องของฉีฉีเก๋ออีกสักหน่อยบอกว่าคู่นี้ใช้ชีวิตดีไม่หยอก ฉางชิงซงได้ลิ้มรสถึงความลำบากในชีวิต ไหนยังต้องเลี้ยงลูกก็ยอมวาดรูปเชิงพาณิชย์แสนน่าเบื่อพวกนั้นแต่โดยดี

ฉางชิงซงเป็นนักศึกษาดีเด่นที่มีฝีมือการวาดรูปนั้นไม่เป็นข้อกังขาอยู่แล้ว ทั้งยังตั้งใจวาดรูปและทำได้มีประสิทธิภาพมากจนสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าที่มักขอจองตัวให้ฉางชิงซงวาดเป็นประจำ ฉะนั้นตอนนี้ฉางชิงซงงานล้นมือรับแทบไม่หวาดไม่ไหว สถานะทางการเงินก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

“คิดได้ก็ดี ลุงปาเกินก็คงวางใจลงได้บ้าง”

เหมยเหมยปลื้มใจอย่างมากที่ฉางชิงซงคิดได้แต่ไม่ได้หัวรั้นจะเดินต่อบนทางตันอย่างเดิม แบบนี้ถึงจะปรับตัวเข้ากับสังคมได้เร็วกว่าเดิม และจะมอบชีวิตที่ดีให้แก่สองแม่ลูกฉีฉีเก๋อได้

“เธอกับอิงจวี้กังจะจัดงานแต่งงานเมื่อไรล่ะ?” เหมยเหมยถามด้วยความสนใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เราไม่รีบ ตอนนี้บริษัทเพิ่งจะได้ไปดี เอาเวลาที่ไหนไปแต่งงาน รอว่างก่อนค่อยว่ากันอีกที”

“งั้นเธอก็รีบหน่อย รีบแต่งงานซะให้แม่ของเธอสบายใจ”

เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อมหลายประโยคแต่ไม่ได้กังวลใจมากนัก คุณหนูใหญ่เหริ่นมีสติแยกแยะเรื่องครอบครัวกับเรื่องงานชัดเจนดี หนำซ้ำอิงจวี้กังยังเชื่อฟังคำพูดเธอทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“ตอนนี้แม่ฉันไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก เธอคิดถึงแต่ผู้ชายของเธอเท่านั้นแหละ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปาก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

พ่อของเธอดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวันแล้วยังเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าแต่แม่ของเธอกลับยังรักผู้ชายแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้วิ่งเอาของไปให้พ่อของเธอในเรือนจำวันเว้นวัน ตัวติดหนึบยิ่งกว่าสมัยรักกันใหม่ ๆเสียอีก

จนทำเอาเธอโมโหแทบตาย!

เหมยเหมยตบหน้าผากทีหนึ่งเพราะเพิ่งนึกถึงเถ้าแก่เหริ่นที่เธอหลงลืมไป จะว่าไปอยู่สำนึกผิดที่เรือนจำมาสามปีกว่าแล้วสินะ?

“ตอนนี้พ่อเธอเป็นยังไงบ้าง?” เหมยเหมยสงสัยอย่างมาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาลุกวาวแล้วพูดอย่างได้ใจ “อย่าพูดถึงเลย หลังจากพ่อฉันเข้าไปอยู่ในนั้นสุขภาพก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ปวดเอวไม่เจ็บขา มีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนไม่รู้ตั้งเท่าไร”

เหมยเหมยเคยกำชับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำไว้โดยเฉพาะจึงไม่มีใครกล้ารังแกพ่อของเธอ อีกทั้งอาหารสามมื้อมีรสชาติจืดชืดแล้วยังต้องออกแรงทำงานทุกวัน แถมยังไม่มียัยสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนไหนมาสูบเอาพลังชีวิตจากเขาไปอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดจากใจจริงว่าพ่อของเธอน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้ตลอดกาล!

………………………

ตอนที่ 2237 เพลงบรรเลงในวันแต่งงาน

เหมยเหมยยักไหล่ “ให้ก็ให้ไปเถอะ งานมงคลคนเยอะหน่อยจะได้คึกคัก”

พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเหมยเหมยไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรก็พรูลมหายใจโล่งอกไปที ท่าทางเหมือนรอดพ้นความตายทำเอาเหมยเหมยตวัดตาเขม่นใส่เธอแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “ฉันใจแคบขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว เธอเป็นคนใจกว้างจะตายแล้วจะใจแคบได้อย่างไรกัน ฉันแค่กังวลว่าพวกเขาจะขวางหูขวางตาเธอ ทำเธอเสียอารมณ์แค่นั้นเอง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบอธิบาย

เธอรู้ดีถึงความเกลียดชังที่เหมยเหมยมีต่อสองคนนี้เลยลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ให้ไป

เพราะอิงจวี้กังบอกว่างานแต่งงานปฏิเสธแขกไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นมงคล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลัวเป็นจริงเลยไม่กล้าขัดอะไร

เหมยเหมยหลุดขำ “ฉันไม่ชอบสองคนนี้ก็จริง ถึงตอนนั้นไม่สนใจพวกเขาก็พอ มีอะไรให้ไม่พอใจกัน”

“ใช่ ๆ ไม่สนใจพวกเขาก็พอ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดคล้อยตาม บอกตามตรงเธอเองก็ไม่ชอบสองคนนี้เช่นกันต่อให้คนหนึ่งเป็นอาจารย์ของเธอส่วนอีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอแต่ก็น่ารังเกียจอยู่ดี

คนใจกว้างอย่างคุณนายเจียงดูสบายตากว่าเยอะ!

ตอนนี้คุณนายเจียงกลายเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญประจำบริษัทของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปแล้ว ธุรกิจขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเธอเป็นหญิงที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ได้ข่าวว่าตอนนี้มีผู้ชายเก่งกาจตามจีบคุณนายเจียงอยู่ไม่น้อย คุณนายเจียงไม่ตกลงปลงใจกับใครสักคนแต่กลับโปรยเสน่ห์ให้ความหวังผู้ชายเหล่านี้ มีชีวิตสุขสบายใจกว่าอดีตมากโข

สามวันถัดมาลุงเหลากับป้าฟางต่างก็ไปร่วมงานแต่งงานเป็นเพื่อนเหมยเหมยที่โรงแรมขนาดไม่ใหญ่ก็จริงแต่ดูออกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับอิงจวี้กังได้ตกแต่งสถานที่อย่างใส่ใจ มีลูกโป่งสีชมพูลอยอยู่ทั่วงานรวมถึงดอกกุหลาบสีแดงราวกับอยู่ในนิทานวัยเด็ก แค่เห็นก็อยากแต่งงานด้วยอีกคนแล้ว

ค่าจัดงานแต่งงานมีเหมยเหมยเป็นฝ่ายสนับสนุนคนเดียว ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนออกแรงเธอออกเงิน ถือเป็นของขวัญวันแต่งงานสำหรับเพื่อนสนิท

“ขอบคุณ…ดีจริง ๆที่มีพวกเธอ…”

ฉีฉีเก๋อสวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดพร้อมแต่งหน้าอย่างประณีต เธอเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่

“โอ๊ย…เธออย่าร้องไห้เชียว กว่าจะแต่งหน้าสไตล์เจ้าสาวให้เธอได้ไม่ง่ายเลยนะ ร้องไห้เครื่องสำอางเลอะแล้วดูสิว่าเธอจะถ่ายรูปอย่างไร!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นอย่างไม่พอใจและทำหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร

ปกติเธอถนัดสื่ออารมณ์ความรู้สึกด้วยวิธีง่าย ๆและป่าเถื่อน พอฉีฉีเก๋อมาแนวอบอุ่นซาบซึ้งใจก็ทำเธอไม่คุ้นชินอย่างมาก รู้สึกเก้ ๆกัง ๆไปหมด เดิมคิดจะพูดปลอบสักหน่อยแต่คำที่ออกจากปากกลับกลายเป็นคำบ่นไปเสียได้

ดีที่เหมยเหมยกับฉีฉีเก๋อรู้นิสัยใจคอเธอดีเพราะเธอเป็นคนปากร้ายใจอ่อน ปากสบถคำดุด่าออกมาแต่คนที่ใจอ่อนที่สุดกลับเป็นเธอ

ฉางชิงซงสวมชุดสูทสีขาวที่เช่ามาขับให้ดูดีมีสง่า กล่าวคำขอบคุณกับพวกเหมยเหมย “ขอบคุณนะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้พูดไว้หน้าเขาเท่าไร แต่กลับถลึงตาตวาดใส่ “ไม่ต้องขอบคุณ หลังจากนี้ดีกับฉีฉีเก๋อให้มากหน่อยก็พอ ถึงตอนนั้นอย่าเอาแต่เข้าข้างแม่นิสัยประหลาด ๆของนายล่ะ…”

เหมยเหมยฟาดหลังเธออย่างแรงทีหนึ่งจนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไปแล้วหุบปากเงียบแต่โดยดี

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ความหวังเพียงอย่างเดียวของเราก็คือในอนาคตฉีฉีเก๋อจะต้องมีชีวิตที่มีความสุข ไม่ถูกเรื่องเล็กเรื่องน้อยในบ้านกวนใจ ยังหัวเราะอย่างมีความสุขได้เหมือนเมื่อก่อน” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม

ฉางชิงซงเป็นคนฉลาด พอฟังก็เข้าใจความหมายที่เหมยเหมยจะสื่อทันที อันที่จริงก็สื่อความหมายเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่พูดอ้อมค้อมไปหน่อยเท่านั้นแหละ

“พวกเธอไว้ใจได้ แม่ฉันไม่มาอยู่กับฉันและฉีฉีเก๋อหรอก” ฉางชิงซงรับปาก

อีกอย่างต่อให้เขาอยากรับคุณแม่มาอยู่ด้วยกันตอนนี้เงื่อนไขก็ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร บริษัทภาพยนตร์แบ่งห้องเดี่ยวขนาดสิบกว่าตารางเมตรให้เขาเท่านั้น แม้แต่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำยังใช้ของส่วนรวม แค่เขากับฉีฉีเก๋อสองคนก็เบียดเสียดมากพอแล้ว ถ้าแม่ของเขามาอยู่ด้วยแล้วจะนอนที่ไหน?

ยัดก็ยัดไม่ลงหรอก!

…………………………

ตอนที่ 2238 ชีวิตยากลำบากตรากตรำ

“จะว่าไปพวกเธอจะใช้ชีวิตอยู่หอพักนั่นตลอดไปก็ใช่เรื่อง รอคลอดลูกแล้วครอบครัวสามคนนอนพลิกตัวหน่อยยังยากเลย นายจะปล่อยให้ลูกเมียนายนอนเบียดอยู่แต่ในห้องแคบ ๆตลอดชีวิตไม่ได้หรอกมั้ง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนพูดจาตรง ๆไม่อ้อมค้อม

รอยยิ้มบนใบหน้าของฉางชิงซงชะงัก ความขมขื่นถาโถมเข้ามาในหัวใจจนความปลื้มปิติในวันแต่งงานจางหายไปเช่นเดียวกัน!

ความจริงที่ขมขื่นมันน่าเศร้าใจจริง ๆ!

ตอนนี้ในกระเป๋าเขาเหลือเงินไม่ถึงสองร้อยหยวน อย่าว่าแต่ซื้อบ้านเลยอาจไม่พอแม้แต่ค่าอาหารเดือนนี้ด้วยซ้ำ!

เขาอดหลาย ๆมื้อหน่อยไม่เป็นไรแต่ฉีฉีเก๋อกับลูกในท้องจะอดข้าวไม่ได้ แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะพูดจาไม่น่าฟังแต่กลับเป็นความจริง เพราะจะปล่อยลูกเมียลำบากไปกับเขาไม่ได้!

“ตอนนี้คงต้องให้ฉีฉีเก๋อทนอยู่ไปก่อน หลังจากนี้ฉันจะรับงานเยอะ ๆ เก็บหอมรอมริบไว้ซื้อบ้าน” ฉางชิงซงแสดงท่าทีหนักแน่น

ต้องซื้อบ้านแน่นอน เขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่ปฏิเสธรับงานวาดเชิงพาณิชย์ที่อดีตไม่เข้าตาพวกนั้นอีก งานไหนได้เงินก็รับงานนั้น ไม่มีเงินคงไม่มีอะไรต้องคุยกัน

ฉีฉีเก๋อก็กล่าวเสริม “ฉันก็จะหางานเหมือนกัน เราช่วยกันทำมาหากิน จะต้องผ่านช่วงลำบากนี้ไปด้วยกันได้แน่ ๆ”

“ตอนนี้เธอท้องอยู่จะทำงานบ้าอะไรอีก บำรุงร่างกายอยู่บ้านดี ๆ เรื่องทำงานหาเงินปล่อยให้ผู้ชายทำไป!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหลังศีรษะเธออย่างขุ่นเคืองเฉกเช่นปกติ พอง้างมือถึงกลางอากาศถึงนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้ฉีฉีเก๋อกำลังตั้งครรภ์อยู่เลยดึงมือกลับก่อนจะฟาดหน้าตัวเองเพราะยั้งไว้ไม่ทัน

เสียงดังกังวานเรียกให้หลายคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตามองฉีฉีเก๋อแวบหนึ่งแล้วยกมือนวดแก้มเบา ๆ รอบนี้ตบไม่เบานักต้องทิ้งรอยไว้แหง ๆเลย

เหมยเหมยอดขำไม่ได้พลางเอ่ยต่อคู่สามีภรรยาฉีฉีเก๋อเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วย หวังว่าพวกเธอจะครองรักกันไปนาน ๆ ชีวิตมีแต่ความสุขนะ!”

ฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อปลีกตัวไปรับแขกคนอื่น ๆที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเมืองหลวง มีทั้งเพื่อนของฉางชิงซงและเพื่อนของฉีฉีเก๋อ ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีบรรยากาศจึงคึกคักอย่างมาก

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หาโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร เธอไม่ได้แตะต้องตะเกียบแต่แค่นั่งดูคนอื่น ๆทานอย่างเดียว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญเธอไม่กล้าทานอะไรนอกบ้าน เรื่องเหนือความคาดหมายมักเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า

ช่วงทานข้าวก็ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานที่ทุกคนต่างเรียกร้องให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำการแสดงให้ดู เสียงดังเซ็งแซ่ ตอนนี้ทุกคนกำลังมีความสุขจึงมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า หลบหลีกโลกแห่งความจริงสุดเอือมระอาหวังเพียงจะได้สนุกชั่วคราว

เหมยเหมยไม่ได้อยู่นาน เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็เตรียมตัวกลับบ้านแล้ว เธอล้วงซองแดงจากกระเป๋ายื่นให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เดี๋ยวฝากเธอให้ฉีฉีเก๋อหน่อยนะ ฉันกลับก่อนล่ะ”

“ได้ เธอระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากไปส่งเธอแต่ถูกเหมยเหมยกดไหล่ลง มีป้าฟางคอยอยู่เป็นเพื่อนไม่มีอันตายแน่นอน

เพิ่งก้าวออกจากประตูโรงแรมก็มีคนเรียกเหมยเหมยไว้ ซึ่งเป็นเจียงจื้อหรู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีเทาแต่ไม่ใช่ชุดใหม่ แม้รองเท้าหนังจะถูกขัดอย่างเงางามแต่ก็ไม่ได้ดูใหม่มากนัก ดูท่าทางสถานะทางการเงินของเขาจะไม่สู้ดีเท่าไร

“มีอะไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถาม

เจียงจื้อหรู่ยิ้มแก้เกออย่างเกรงใจแล้วถูมือไปมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยปาก “คืองี้ฉันอยากฝากขายรูปวาดของจื่อเซวียนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของศาสตราจารย์เหยียนได้ไหม?”

เหมยเหมยเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ “อาจารย์มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอคะ?”

เจียงจื้อหรู่ยิ้มอย่างขมขื่น “ขายไปแล้ว”

เหมยเหมยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหนือคาดเท่าไรในเมื่อเจียงจื้อหรู่ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการค้าขายอยู่แล้ว ต่อให้เขามีแม่ไก่ที่ฟักไข่ได้ก็คงกลายเป็นไก่หินอยู่ดี พิพิธภัณฑ์นั่นพอมีชื่อเสียงอยู่ในวงการอยู่บ้าง ถ้าหากบริหารจัดการดี ๆ เจียงจื้อหรู่คงไม่มีชีวิตยากลำบากขนาดนี้

……………………..

ตอนที่ 2235 สุดท้ายก็ใจอ่อน

สีอันน่าได้ยินคำว่าแสนห้าก็ตัวสั่นไม่หยุด ถลึงตาจ้องถังม่านลี่อย่างเคียดแค้นใจ

เธอไม่คิดว่าถังม่านลี่จะใจเหี้ยมหลอกขายเธอแบบนี้!

ไม่มีเงินแสนห้านี้เธอยังปลอบใจตัวเองได้ว่าแค่ถูกคนชั่วข่มขืน เธอเป็นผู้เสียหายที่อาจมองว่าถูกหมากัดสักคำก็ได้ แต่ตอนนี้–

เธอกลับกลายเป็นหญิงขายบริการไปแล้ว

แล้วยังขายได้ราคาสูงถึงแสนห้าอีกด้วย!

ต่อให้เธอจะหลอกตัวเองอย่างไรก็ไม่อาจมองข้ามเงินแสนห้านี้ไปได้!

“ทำไมเธอถึงทำร้ายฉันแบบนี้?” สีอันน่ามองถังม่านลี่ด้วยสายตาแค้นใจ เธอคิดไม่ตกจริง ๆ

แม้เธอกับถังม่านลี่ไม่นับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากแต่ก็ไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ต่อให้…

สีอันน่าใจหล่นวูบแต่ไม่นานก็เลือกจะปลอบใจตัวเอง ถังม่านลี่ไม่มีทางรู้เด็ดขาดเพราะเธอปกปิดทุกอย่างดีมาก อีกอย่างเธอไม่ได้สั่งให้หวังเหล่ยแบกระเบิดไปมหาวิทยาลัยนี่นา

ถังม่านลี่มองสีอันน่าที่แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ด้วยสายตาเย็นชา “เธอคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอแอบทำลับหลังงั้นเหรอ? ตอนที่หวังเหล่ยแบกระเบิดไปมหาลัยตอนนั้นเธอคงได้ใจมากสินะ?”

สีอันน่าใจเต้นรัวแล้วเอ่ยปากปฏิเสธ “ฉันมีอะไรต้องได้ใจด้วยล่ะ…เธออย่ามาใส่ร้ายฉันนะ…”

“เธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียฉันก็ได้แก้แค้นแล้ว รูปพวกนี้ฉันมีอยู่เป็นกองใหญ่ แต่ละรูปเด็ดมากเลยล่ะ…”

ถังม่านลี่โน้มตัวกระซิบข้างหูสีอันน่าเสียงเบา “แล้วก็คลิปเมื่อคืนก็เด็ดมากเลยนะ เธออยากดูหน่อยไหม?”

“ถังม่านลี่เธอมันโรคจิต…รีบเอาคลิปกับรูปทั้งหมดคืนฉันมา…”

สีอันน่าตกใจจนหน้าซีด เธอกะจะลืมเรื่องเมื่อคืนไปให้หมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ตอนนี้–

เธออยากลืมยังยากเลย!

นังแพศยาถังม่านลี่ต้องเอารูปถ่ายกับคลิปพวกนี้มาข่มขู่เธอแน่ หลังจากนี้ไปชีวิตเธอต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของนังแพศยาคนนี้!

สีอันน่ารีบวิเคราะห์ในหัวอย่างว่องไว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เธอต้องหาทางเอาของพวกนั้นคืนมาให้ได้ หากถูกคนรู้จักเห็นเข้าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรล่ะ?

“ถังม่านลี่…ฉันขอร้องละ…เธอปล่อยฉันไปเถอะ…”

สีอันน่าคุกเข่าวิงวอน ลดตัวลงให้นอบน้อมที่สุด

ถังม่านลี่แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง “สบายใจได้…ขอแค่เธอยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ฉันก็จะไม่ปล่อยคลิปกับรูปพวกนี้อออกไป แต่ถ้าเธอกล้าวางแผนทำร้ายลับหลังอีกละก็…”

เธอเว้นช่วงแล้วพูดเสียงเย็นชา “ฉันก็จะส่งรูปโป๊ของเธอให้ไปบรรดาญาติมิตรสหายของเธอพร้อมเทปอัดวิดีโอนั่นด้วย ฉันว่าน่าจะขายได้สักแสนหนึ่งละมั้ง!”

สีอันน่ามองถังม่านลี่ที่ไม่คิดจะใจอ่อนอย่างสิ้นหวัง “เธอมันร้ายกาจจริง ๆ…”

“พอ ๆกันนั่นแหละ…เธอก็ไม่ใช่คนดีอะไร!”

ถังม่านลี่หมุนตัวเดินออกจากห้องไป เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นดังเป็นจังหวะพร้อมกับร่างเพรียวที่แสนเย้ายวน

“อ้อใช่แล้ว ห้องนี้จ่ายถึงแค่เที่ยงตรง ทางที่ดีเธอรีบออกไปจะดีกว่า…”

ถังม่านลี่หยุดอยู่ตรงหน้าประตูแล้วหันกลับมาเอ่ยประโยคหนึ่ง อมยิ้มน้อย ๆแล้วเดินจากไป

ความจริงเธอก็ผ่อนปรนให้สีอันน่าอยู่บ้างไม่ได้ไล่ต้อนจนถึงที่สุด เดิมทีเธอคิดจะขายสีอันน่าไปในซ่องมืด ผู้หญิงที่ไปอยู่ที่นั่นต่อให้ประจำเดือนมาก็พักผ่อนไม่ได้ต้องรับแขกจนตาย!

ไปซ่องมืดก็เท่ากับตายสถานเดียวแถมยังตายอย่างอนาถอีกด้วย หากในสโมสรเศรษฐีมีหญิงบริการที่ไม่ยอมเชื่อฟังก็จะถูกส่งตัวขายไปที่นั่น ซึ่งสภาพอนาถจนทนมองไม่ได้

สุดท้ายถังม่านลี่ก็เลือกจบเพียงเท่านี้ เธอไม่ได้ใจเหี้ยมขนาดนั้นในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมหอพักมาตั้งสี่ปี!

แต่สุดท้ายเธอถึงรู้ว่าการใจอ่อนกับศัตรูจะเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยม!

แม้เหมยเหมยไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแต่กลับรู้ทุกรายละเอียดเพราะลูกน้องได้รายงานเธอทุกอย่าง เธอฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะ

……………………..

ตอนที่ 2236 ใจไม่เด็ดขาดพอ อนาคตต้องลำบาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็อยู่ด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจนทำให้หญิงสาวผู้นี้ต้องมารายงานตัวกับเหมยเหมยทุกวันหลังเลิกงาน ต่อให้ฝนตกฟ้าผ่าอย่างไรก็ไม่หวั่น

เธอได้ฟังแผนแก้แค้นของถังม่านลี่ก็ทำหน้าอึ้งอ้าปากเป็นรูป o

“โอ้โฮ…นี่ถังม่านลี่เกิดใหม่เหรอ? ถึงได้มีแผลแยบยลขนาดนี้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ย

เธออดนึกถึงถังม่านลี่เมื่อสี่ปีก่อนไม่ได้ พออ้าปากพูดก็มีแต่ภาษาจีนกลางสำเนียงแปร่ง ๆออกมา หากไม่แต่งตัวด้วยสีแดงก็สีเขียวแสบตา จับคู่สีแดงกับสีเขียวดูเชยเสียไม่มี ถังม่านลี่ในอดีตส่งกลิ่นอายเด็กบ้านนอกตั้งแต่หัวจรดเท้า

เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องรอง การกระทำที่ไร้สมองที่สุดของถังม่านลี่คือความทะเยอทะยานโลภมากที่ตรงกันข้ามกับฐานะของเธอ กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่วัน ๆเธอกลับไม่ตั้งใจเรียนเอาแต่คิดถึงเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าแบรนด์ดัง…

“เฮ้อ…ถังม่านลี่ทำแบบนี้ไม่รู้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจ

ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมหอพัก ความจริงเธอก็หวังว่าถังม่านลี่จะมีชีวิตที่ดีในทุก ๆวัน

ดาวเด่นชั้นสูง…ที่ฟังดูจะสูงส่งแต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นหญิงขายบริการอยู่วันยังค่ำ ยังคงต้องใช้ร่างกายบริการผู้อื่น อีกทั้งในแวดวงสังคมนั่นสกปรกโสโครก ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบันมีโสเภณีคนใดจบสวยบ้าง?

เหมยเหมยยิ้ม “ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็เป็นทางที่เธอเลือก เราไปยุ่งมากไม่ได้หรอก”

ลูกน้องรายงานอีก “หวังเหล่ยถูกประกันตัวปล่อยกลับบ้านไปแล้ว เป็นถังม่านลี่ที่ขอให้คนช่วยแล้วจ่ายเงินค่าประกันตัวหวังเหล่ยไป”

เหมยเหมยเลิกให้ลูกน้องจับตาดูสีอันน่าในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว ถังม่านลี่มีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือ หากสีอันน่าคิดจะอยู่ในฮวาเซี่ยต่อไปก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยม ไม่อย่างนั้นคราวหน้าถังม่านลี่อาจไม่ใจอ่อนอีกแล้วก็ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างตกใจ “ถังม่านลี่ใจอ่อนเกินไปแล้วมั้ง เจ้าหมอนั่นเกือบทำคนทั้งห้องเราตายแต่กลับปล่อยตัวไปง่าย ๆแบบนี้เหรอ?”

“บางทีถังม่านลี่อาจจะมีเยื่อใยกับหวังเหล่อก็ได้!”

ในเมื่อเป็นแฟนคนแรก หากเธอไม่เคยชอบมาก่อนคนอย่างถังม่านลี่คิดจะหาผู้ชายมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้คงง่ายดายนัก ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาหวังเหล่ยเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยอย่างมาก “นักแสดงงิ้วไร้ใจ โสเภณีไร้เมตตา ถังม่านลี่เด็ดขาดไม่พออนาคตต้องเสียเปรียบแน่”

เหมยเหมยเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน คนเรามีความเมตตาได้แต่ต้องดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

ผู้หญิงอย่างสีอันน่าชั่วร้ายโดยเนื้อแท้ เธอร้ายกาจยิ่งกว่าเจิ้งเสวี่ยซานเสียอีก อย่างน้อยเจิ้งเสวี่ยซานก็ทำร้ายใครอย่างมีเป้าหมายแต่ไม่ได้ลงมือทำร้ายคนบริสุทธิ์ แต่สีอันน่ากลับตรงกันข้ามเพราะเธอเหมือนหมาบ้า ขอแค่มีชีวิตที่ดีกว่าเธอหน่อยเธอก็กัดไม่ปล่อยแล้ว

อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังเสแสร้งเก่ง ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเดียวกันมาตั้งสี่ปีแต่ไม่เคยเห็นธาตุแท้ของเธอเลย ความจริงคนที่ทั้งอดทนเก่งและโหดเหี้ยมเช่นนี้ต่างหากที่อันตรายที่สุด

ครั้งนี้ถังม่านลี่ไม่เอาสีอันน่าถึงตายแต่ให้เธอมีโอกาสได้หายใจต่อ อนาคตสีอันน่าต้องกลับมาแว้งกัดอย่างแน่นอน!

แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!

เหมยเหมยไม่ได้สนิทกับสองคนนี้อยู่แล้ว เธอจะนั่งดูเฉย ๆไปแล้วกัน!

“เรื่องนี้ก็อย่าไปสนใจเลย งานแต่งงานของฉีฉีเก๋อจัดขึ้นวันไหน เตรียมพร้อมเสร็จหมดหรือยัง?” เหมยเหมยเปลี่ยนเรื่อง

“ใกล้แล้ว จัดในอีกสามวันข้างหน้าในโรงแรมเล็ก ๆแห่งหนึ่ง อ้อ อาจารย์เจียงกับสวีจื่อเซวียนก็จะร่วมงานด้วยเหมือนกัน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าระริกระรี้และดูฮึกเหิมทันทีที่พูดถึงเรื่องงานแต่งงาน

เหมยเหมยแปลกใจอย่างมาก “พวกเขามาได้อย่างไร? เธอเป็นคนบอกพวกเขาเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่อยู่แล้ว พวกเขามาขอบัตรเชิญกับฉันเองบอกว่าจะไปร่วมแสดงความยินดีกับฉีฉีเก๋อ ฉันก็ปฏิเสธไม่ลงเลยให้บัตรเชิญพวกเขาไป”

………………………..

ตอนที่ 2233 ขายในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่น

คนที่เหมยเหมยสั่งให้จับตาดูสีอันน่าจะคอยรายงานข่าวคราวให้เธอฟังทุกวัน เมื่อได้ยินว่าถังม่านลี่ไม่เพียงแต่ช่วยสีอันน่าแล้วยังกลายเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ เหมยเหมยก็ชักไม่เข้าใจแล้วว่ายัยนี่คิดจะทำอะไร?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจยิ่งกว่า “หรือว่าถังม่านลี่จงใจพูดอย่างนั้นเพราะความจริงเธออยากปกป้องสีอันน่า? โอ้โฮ…หรือว่าเธอกับสีอันน่าคือเพื่อนสนิทกัน? ทำไมฉันถึงดูไม่ออกเลยนะ…”

เหมยเหมยส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ ถังม่านลี่น่าจะมีแผนอะไรอยู่ เราแค่รอดูต่อไปก็พอ”

ดีที่หลังจากนั้นไม่นานก็มีละครฉากใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“คุณนายครับ ถังม่านลี่แนะนำให้สีอันน่าไปทำงานขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีแล้วยังบอกว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของเธอ ธุรกิจของสีอันน่าไปได้ดี ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณถังม่านลี่อย่างมาก” คนที่คอยจับตาดูมารายงาน

แค่เหมยเหมยฟังก็รู้ทันแผนการของถังม่านลี่แล้ว นี่คิดจะหลอกล่อสีอันน่าถลำสู่เหวลึกทีละก้าว ๆอยู่สินะ!

ช่างเป็นแผนการที่แยบยลนัก!

เมื่อก่อนสีอันน่ามักเย้ยหยันว่าเงินของถังม่านลี่ได้มาด้วยวิธีต่ำช้าสกปรกและเป็นเงินที่ได้มาจากการขายตัว ตอนนี้ถังม่านลี่เลยส่งสีอันน่าไปทำงานที่สโมสรเศรษฐีเพื่อให้เธอกลายเป็นคนแบบเดียวกันกับตน

เว้นช่วงไปอีกหลายวันก็มีความคืบหน้าจากฝั่งสีอันน่า

“ถังม่านลี่แอบประมูลขายคืนเสียตัวครั้งแรกของสีอันน่าที่สโมสรเศรษฐี ตอนนี้ประมูลถึงหลักแสนแล้วแต่สีอันน่ากลับไม่รู้อะไรเลย”

เหมยเหมยเบิกตาโต แผนการนี้ของถังม่านลี่ช่างร้ายกาจเสียจริง ทั้งแก้แค้นทั้งได้กำไรมาเป็นกอบเป็นกำ ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว!

“ลูกค้าเก่าของทางสโมสรท่านหนึ่งประมูลได้ในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน ลูกค้าเก่าคนนี้จะมีรสนิยมพิเศษหน่อย เมื่อก่อนทำเอาถังม่านลี่ลำบากไม่น้อย แถมครั้งนี้เธอตั้งใจเชิญมาโดยเฉพาะเลยด้วย” ลูกน้องรายงานเพิ่มเติมแต่พูดอย่างอ้อมค้อม

เหมยเหมยเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าถังม่านลี่เกลียดสีอันน่าเข้าไส้ คืนแรกจัดลูกค้าโรคจิตแบบนี้ให้เกรงว่าคงทำเอาปางตายแน่นอน!

แต่กลับไม่น่าเห็นใจสักนิด!

********

สีอันน่านอนหายใจโรยรินอยู่บนเตียงใหญ่ บาดแผลตามเนื้อตัวเต็มไปหมด

ทุกอย่างเมื่อคืนเหมือนดั่งขุมนรกที่เธอไม่อยากแม้แต่จะย้อนคิดถึงมัน

เสียงสวบสาบใส่เสื้อผ้าดังขึ้นข้างกายที่ทำเอาสีอันน่าใจหาย ตัวสั่นสะท้านไม่กล้าขยับตัว กลัวปีศาจตนนี้จะลงไม้ลงมือกับเธออีก

“ถึงจะดำไปหน่อยแต่ผิวกายใช้ได้ เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นก็คุ้มอยู่…”

ชายผู้นั้นสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและกลับไปดูภูมิฐานดังเดิม ดูจากภายนอกมองไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นที่มีรสนิยมแปลก ๆแบบนี้

สีอันน่าตัวสะท้านเฮือก เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นหมายความว่าอย่างไร?

“หนึ่งแสนห้าหมื่นอะไรกัน?” สีอันน่ายกศีรษะขึ้นและปลุกความกล้าเอ่ยถามออกไป เธอต้องถามให้รู้เรื่อง

ชายผู้นั้นเห็นสีอันน่าที่มีบาดแผลตามตัวดวงตาก็ฉายแววสนอกสนใจพลางก้มหน้ากล่าว “ถ้าเธอบริการฉันให้พอใจ ฉันก็จะบอกเธอ!”

ความละอายใจก่อตัวขึ้นในใจสีอันน่า แต่เธอก็กัดฟันปรนนิบัติผู้ชายคนนี้ ปรนนิบัติมาทั้งคืนแล้วอีกครั้งเดียวจะเป็นอะไรไป ตอนนี้เธอแค่อยากถามให้รู้เรื่องว่าเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นนั่นหมายความว่าอย่างไร

……

ชายผู้นั้นสวมกางเกงอีกครั้งอย่างพึงพอใจแล้วกระซิบข้างหูสีอันน่า “เธอเป็นคนสวยที่ฉันประมูลมาได้ด้วยเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นเชียว แต่ฉันก็ไม่ขาดทุนหรอก ในเมื่อเป็นถึงนักศึกษาจากมหาลัยเมืองหลวง แถมยังเป็นสาวบริสุทธิ์อีกด้วย คุ้มแล้ว…ฮ่า ๆ!”

ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงสีอันน่าที่หน้าตาซีดเซียวและหัวสมองยุ่งเหยิง

ใครขายเธอกันนะ?

ทั้ง ๆที่เธอแค่อยากขายซิการ์ที่สโมสรอย่างเดียว เธอไม่เคยคิดจะขายคืนแรกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!

สีอันน่าครุ่นคิดอย่างรอบรอบไม่นานก็นึกสงสัยในตัวถังม่านลี่ขึ้นมา เธอฝืนทนต่อความเจ็บปวดแล้วคิดจะไปสะสางบัญชีกับถังม่านลี่แต่ประตูถูกคนผลักเข้ามา ถังม่านลี่เดินยิ้มระรื่นเข้ามาแล้วกำรูปปึกหนึ่งโยนใส่หน้าเธอ

………………………….

ตอนที่ 2234 คนหนึ่งซื้อคนหนึ่งขาย

สีอันน่าหยิบรูปภาพบนโต๊ะขึ้นมา มองเพียงแวบเดียววิญญาณก็หลุดออกจากร่าง หน้าซีดไร้สีเลือดฝาด

ตัวแสดงหลักในรูปล้วนเป็นเธอที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิดสักชิ้นเดียว ทั้งยังบิดขยับท่วงท่าน่าอับอายจนไม่กล้ามอง สีอันน่าถามเสียงสั่น “ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน?”

หากจนถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ ถ้างั้นก็เสียเวลาเปล่าที่เกิดมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วล่ะ

สีอันน่านึกเกลียดตัวเองที่มีตาหามีแว่วไม่ มองไม่ออกว่าถังม่านลี่มาด้วยเจตนาชั่วร้าย แถมยังหลงคิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีที่ยอมช่วยเธอให้หลุดจากความลำบากด้วยใจจริง เธอแค้นใจเหลือเกิน!

ถังม่านลี่แค่นหัวเราะทีหนึ่ง กระแทกรองเท้าส้นสูงเดินมาตรงหน้าสีอันน่าช้า ๆ เรือนร่างสูงเพรียวทำให้เธอสามารถก้มมองอีกฝ่ายอย่างผู้เหนือกว่าได้ บุคลิกน่าเกรงขามจนสีอันน่าเผลอยืนมือมากำผ้าปูเตียงคิดจะเอามาใช้ปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างอดไม่ได้

“ปิดอะไรกัน…ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน…” ถังม่านลี่กอดอกเอ่ยประชดและมองด้วยสายตาสะใจ

เถ้าแก่เกาเป็นลูกค้ารายใหญ่เมื่อสามปีก่อนของเธอที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาและเป็นคนใจป้ำคนหนึ่ง แต่ไม่มีหญิงสาวคนใดยอมบริการเขาเพราะเถ้าแก่เกาคนนี้มีรสนิยมที่แปลกประหลาด แม้ไม่เอาถึงตายแต่หากได้ปรนนิบัติเขาหนึ่งคืนอย่างน้อยก็ไม่สามารถทำมาหากินได้อีกทั้งเดือน

เมื่อสามปีก่อนถังม่านลี่ไม่ได้มีชื่อเสียงในสโมสรเศรษฐีมากนัก คนที่ใช้บริการล้วนมีแต่เถ้าแก่ระดับตัวน้อย ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ขี้เหนียวอะไรแต่ก็ไม่สามารถดันเธอให้มีตำแหน่งได้เช่นกัน

ไม่ว่าสายอาชีพใดก็ถือเป็นกฎเดียวกัน เหล่าบรรดาหญิงบริการหน้าเคาน์เตอร์หนักยิ่งกว่านั้นอีก หากไม่มีใครดันก็จะเป็นเพียงหญิงบริการชั้นต่ำที่อาจมีรายได้ต่อเดือนแปดพันถึงหลักหมื่น แถมยังไม่มีสิทธิ์ในการเลือกลูกค้าอีกต่างหาก ต่อให้จะรังเกียจลูกค้ามากเพียงใดแต่หากอีกฝ่ายเจาะจงเลือกคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องรับแขกแต่โดยดี

ถังม่านลี่เคยนั่งรอรับแขกแบบนี้อยู่หลายครั้งทำเอาเธอรังเกียจแทบตาย ฉะนั้นเธอถึงพยายามไต่เต้าอย่างสุดชีวิต ขอเพียงเธอกลายเป็นดาวเด่นประจำสโมสร สโมสรก็จะปั้นเธออย่างดีและจะให้เกียรติในความคิดเห็นเธอบ้างโดยจะไม่จัดลูกค้าที่ไม่เข้าตาให้เธออีก

ดังนั้น–

เมื่อสามปีก่อนถังม่านลี่เลือกบริการเถ้าแก่เกาเอง อย่างไรเสียก็ไม่ถึงกับตายแค่ต้องทรมานสักหน่อยเท่านั้น

หากปรนนิบัติจนเถ้าแก่เกาพึงพอใจ เถ้าแก่เกาก็จะดันเธอจนมีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง

ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าถังม่านลี่ได้ตัดสินใจถูกต้อง

เถ้าแก่เกาพึงพอใจกับหญิงงามจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างถังม่านลี่มากพอสมควรและเลือกเธอให้มาปรนนิบัติกว่าครึ่งปี แม้จะทำให้ถังม่านลี่เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปบ้างแต่ก็ได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย

นับแต่นั้นมาถังม่านลี่ก็ถูกดันขึ้นสู่อันดับหนึ่งในชั่วข้ามคืน กลายเป็นดาวเด่นที่ใครหลาย ๆคนประจำสโมสรเศรษฐีต่างหมายปอง ไม่ใช่หญิงบริการนั่งรอลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์อีกต่อไป

ถังม่านลี่เห็นรอยบาดแผลตามตัวสีอันน่าก็หวนนึกถึงความเจ็บปวดที่ตนเคยได้รับในอดีตพลันก็รู้สึกสะใจขึ้นมา เหยียดยิ้มหยันกว้างกว่าเดิม

“เถ้าแก่เกาพอใจในตัวเธอมากเลยนะ…แล้วยังบอกว่าเธอมีพรสวรรค์การเป็นหญิงขายบริการอีกด้วย…”

ถังม่านลี่จงใจพูดเช่นนี้ เมื่อก่อนสีอันน่ามักบอกว่าเธอเป็นไก่ไม่ใช่หรือ?

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธอจะทำให้สีอันน่าเป็นไก่เช่นกันแล้วยังไม่ได้เงินสักแดงเดียวอีกด้วย!

“ฉันไม่ใช่หญิงขายบริการ…เธอต่างหาก…ถังม่านลี่ทำไมเธอถึงกับฉันแบบนี้…ฉันจะฆ่าเธอ!”

สีอันน่ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโถมตัวเข้ามาคิดจะกัดถังม่านลี่แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ แค่ถูกถังม่านลี่ยกขาถีบก็ร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย คล้ายปลาขาดน้ำอ้าปากพะงาบ ๆมองเพดานอย่างสิ้นหวัง

“เธอไม่ยอมรับก็เปล่าประโยชน์นะ…ค่าเปิดซิงเมื่อคืนของเธอตั้งแสนห้าแหนะ คนหนึ่งขายคนหนึ่งซื้อ เธอว่าเธอไม่ใช่หญิงขายบริการแล้วเป็นอะไรเหรอ…เหอะ ๆ…”

ถังม่านลี่เอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจอีกคนด้วยท่าทีเรียบเฉยจนหัวใจของสีอันน่าถูกแทงจนเลือดอาบ

………………………….

ตอนที่ 2231 รอดูเรื่องสนุกๆ

พอเหมยเหมยเห็นเธอเตรียมพร้อมเข้าใจดีก็วางใจ ทั้งคู่นั่งทานผลไม้ไปคุยเรื่องสัพเพเหระไป

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมครึ่งซีกหมดก็เช็ดปากแล้วเริ่มนินทาเรื่องคนอื่น “เธอจะปล่อยให้ถังม่านลี่จัดการสีอันน่าจริงเหรอ?”

เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ใจใส่ “ใช่ ถังม่านลี่บอกว่าเธอจะจัดการสีอันน่าเองไม่ใช่เหรอ จะได้ไม่เสียแรงฉันไง!”

ที่แท้ในวันจบการศึกษาถังม่านลี่บอกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่าคนปริศนาที่ไม่ยอมเปิดเผยเสียงที่แท้จริงในหอประชุมก็คือสีอันน่า เพราะเธอคอยติดตามนังแพศยานี้ตลอดเวลาเลยเห็นทุกอย่าง

ถังม่านลี่ยังขอให้เหมยเหมยอย่าเพิ่งจัดการสีอันน่าเพราะเธออยากเป็นคนจัดการเอง เหมยเหมยตอบตกลงก่อนจะรอดูเรื่องสนุก ๆต่อไป

“เธอว่าทำไมถังม่านลี่ถึงจะจัดการสีอันน่าล่ะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคิดไม่ตก

เหมยเหมยมองค้อนเธอแวบหนึ่ง “เธอโง่หรือไง อยู่ดี ๆหวังเหล่ยจะแบกระเบิดไปป่วนที่มหาลัยโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร อีกอย่างเขายังรู้เรื่องถังม่านลี่เยอะแยะขนาดนี้ เขาเพิ่งมาเมืองหลวงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสโมสรเศรษฐีมีไว้ทำอะไร ถ้าไม่มีคนบอกเขาเขาจะรู้ขนาดนี้เหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงบางอ้อทันที “หรือว่าสีอันน่าจะเป็นคนบอกหวังเหล่ย? โอ้โฮ…ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกัน เธอเกือบทำเราตายกันทั้งห้องเลยนะ…”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้เดิมทีก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรอยู่แล้ว เอาแต่คิดวางแผนทำร้ายคนอื่นตลอดเวลา บางทีเธอคงแค่อยากวางแผนทำร้ายถังม่านลี่เท่านั้นแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดนี้”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่นด่าระลอกหนึ่งถึงหายโกรธได้บ้าง เธอพึมพำด้วยความแปลกใจ “ไม่รู้ว่าถังม่านลี่จะจัดการสีอันน่าอย่างไร”

“ใครจะรู้ล่ะ อีกไม่กี่วันคงรู้ ฉันให้คนจับตาดูสีอันน่าไว้แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องรู้เป็นคนแรกแน่นอน” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเฉยชา

ความจริงเธอพอจะเดาแผนของถังม่านลี่ได้คร่าว ๆบ้าง ทำงานในสโมสรเศรษฐีมาตั้งหลายปีจนฝีมือของถังม่านลี่ในตอนนี้ต่างไปจากอดีตแล้ว ย่อมไม่มีทางใช้แผนต่ำช้าเอากระสอบคลุมหัวอย่างที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกแน่นอน การจัดการหญิงสาวหน้าตาสะสวยมีวิธีไหนจะเลวร้ายไปกว่าการทำลายความบริสุทธิ์ของเธออีกล่ะ!

รู้ทั้งรู้ว่าสีอันน่าไม่มีทางจบสวยแต่เหมยเหมยไม่คิดจะห้ามใด ๆ คนแพศยานี่ทำตัวเองทั้งนั้น ไม่คู่ควรได้รับการความเห็นใจเลยสักนิด!

********

ยามใกล้โพล้เพล้สีอันน่าเดินออกจากซอยเงียบสงัดอย่างเศร้าใจ ดวงหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตฉายแววเหนื่อยล้าแต่เทียบไม่ได้กับใจที่อ่อนล้ากว่า

เธอย้ายออกจากหอพักทางมหาวิทยาลัยแล้วมาเช่าห้องเดี่ยวในเรือนสี่ประสานที่มีค่าเช่าห้องสามร้อยหยวนต่อเดือน แม้แต่ห้องน้ำส่วนตัวยังไม่มีแต่ก็ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับห้องใต้ดินอับชื้นเหล่านั้นที่อย่างน้อยยังมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาบ้าง อีกอย่างยังมีลานกว้างไว้ตากเสื้อผ้าด้วย

ใช่ว่าสีอันน่าจะไม่เคยคิดจะเช่าห้องที่ดีกว่านี้แต่เธอไม่มีเงินติดตัวมากมายขนาดนั้นแล้ว คุณพ่อสั่งให้เธอรีบหาคู่แต่งงานเสียแต่เธอไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่คนนั้น ชายในฝันของเธอเป็นอย่างสามีของจ้าวเหมย หน้าตาหล่อเหลามีตำแหน่งทางสังคม…แบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นสามีในอนาคตของเธอสีอันน่า!

แต่ไม่ใช่ผู้ชายอายุสามสิบกว่าทั้งผิวดำคล้ำเตี้ยแล้วยังเคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน!

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแผดเสียงดังขึ้น แม่ของเธอเป็นคนโทรมาแต่เธอไม่กล้ารับสาย หากรับสายก็ต้องหักเงินและเธอจ่ายค่าโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว โทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสายไปก่อนที่จะมีข้อความฉบับหนึ่งส่งมา

‘อันน่า พ่อแม่ไม่มีทางทำร้ายลูก เถ้าแก่สวีไม่เลวเลยจริง ๆ ขอแค่ลูกแต่งงานกับเถ้าแก่สวี หลังจากนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก ชีวิตก็จะสุขสบายตลอดไป บริษัทของพ่อก็จะเติบโตขึ้น เป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองทาง ลูกลองคิดดูดี ๆอีกทีนะ’

สีอันน่าบันดาลโทสะคว้าโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความตอบกลับ ‘พ่อกับแม่ก็แค่อยากขายลูกสาวเพื่อเงินใช่ไหมล่ะ? พอมีลูกชายลูกสาวก็กลายเป็นสินค้าไปแล้วสินะคะ หนูไม่มีวันกลับไป ต่อให้หิวตายก็ไม่กลับไปเด็ดขาด!’

………………………………

ตอนที่ 2232 ได้รับการช่วยเหลือ

สีอันน่าพิงกำแพงปล่อยให้น้ำตาไหลรินแต่ในใจกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมากกว่า

ทั้งที่เธอเป็นเจ้าหญิงของบ้านและเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ที่ไม่เคยมีอะไรด้อยไปกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก คุณพ่อมักบอกว่าอนาคตให้เธอตามหาลูกเขยสักคนมาช่วยบริหารบริษัทโฆษณาด้วยกัน เธอถึงได้เลือกเรียนออกแบบโฆษณาเพราะคิดอยากบริหารบริษัทให้ดียิ่งกว่านี้

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว—

เพราะคุณแม่วัยสี่สิบห้าปีของเธอมีลูกตอนแก่คลอดน้องชายตัวอวบอ้วนผิวขาวให้เธอคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว น้ำหนักแรกคลอดแปดจินแปดร้อยกรัม[1] เป็นเลขมหามงคลที่ทำเอาพ่อของเธอดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ไปสามวัน

นับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันถูกลดเหลือสามพันหยวนจากห้าพันหยวน โดยบอกว่าเลี้ยงลูกต้องใช้เงินมากจึงขอให้เธอเข้าอกเข้าใจพ่อแม่แล้วใช้จ่ายอย่างประหยัด

ปิดเทอมเธอกลับบ้านไปพ่อแม่ก็จดจ่ออยู่แต่กับน้องชายน่าชังคนนั้นโดยไม่คิดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอะไรเธอเลย…

เรื่องนี้ยังพอปล่อยผ่านไปได้แต่เรื่องที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือบริษัทที่เคยคุยกันไว้ว่าจะให้เธอดูแลในอนาคต ตอนนี้กลับเลือกคู่ชีวิตไว้ให้เธอล่วงหน้า ขายเธอเหมือนสินค้าแล้วยังประดิษฐ์คำสวยหรูว่าทำไปเพราะหวังดีกับเธอ!

ถุย!

นี่ก็เพราะกำลังปูทางให้ลูกชายไม่ใช่หรือ?

เถ้าแก่สวีคนนั้นเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทพ่อเธอที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลก็จริง แต่ไขมันบนร่างกายก็มีมากเช่นกัน เขาตัวใหญ่กว่าเธอหนึ่งเท่าทั้ง ๆที่จะวัดแนวไหนส่วนสูงก็ใกล้เคียงกับเธอ อดีตเธอเคยเจออยู่หลายครั้ง เธอนึกอยากอาเจียนทุกทีที่เห็นสภาพอ้วนไขมันเยิ้มอย่างนั้น

ให้ตายอย่างไรเธอก็จะไม่แต่งงานกับผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้หรอก!

ต่อให้พ่อของเธอตัดรายได้ของเธอเธอก็ไม่มีวันยอมจำนน!

เธอไม่เชื่อหรอกว่าอาศัยความสามารถและหน้าตาของเธอจะไม่สามารถปักหลังอยู่ในเมืองหลวงได้?

แต่พอนึกถึงการสัมภาษณ์งานที่ล้มเหลวไปสามครั้งและเหลือเงินในบัญชีเพียงห้าร้อยหยวน หัวใจที่แน่วแน่ของสีอันน่าก็เริ่มสั่นคลอน หากหางานไม่ได้อีกเธอต้องลำบากถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าวแน่

เธอยิ้มขมขื่นถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วมองไปที่โทรศัพท์ในกระเป๋า ถ้าอับจนหนทางจริง ๆก็คงทำได้แค่ขายโทรศัพท์ทิ้งแล้วล่ะ!

โทรศัพท์เครื่องนี้ซื้อก่อนที่น้องชายจะเกิดมา เป็นรุ่นใหม่ที่สุดในตอนนั้นราคาห้าพันกว่าหยวน พ่อของเธอตกลงซื้อให้โดยไม่ลังเลใจเลยสักนิด แต่ตอนนี้…

สีอันน่าปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างปวดใจ ทุกอย่างเป็นเพราะน้องชายที่สมควรตายคนนั้น ทำไมเขาต้องเกิดมาด้วย บนโลกนี้มีเด็กที่ตายตั้งแต่แรกเกิดตั้งมากมายแต่ทำไมน้องชายของเธอถึงยังมีชีวิตที่ดีขนาดนั้นได้นะ!

“โอ้…สาวน้อยหน้าตาสวยดีนี่นา…แค่ดำไปหน่อย…ไปร้องเพลงเป็นเพื่อนพวกพี่ดีกว่า…”

สีอันน่าปาดน้ำตาจนแห้งดีเตรียมออกจากห้องเช่าแต่พวกอันธพาลหลายคนบุกเข้ามาล้อมเธอไว้ พ่นวาจาต่ำช้าออกมาแล้วยังใช้มือจับนู่นจับนี่อีกต่างหาก

“หลีกไป…”

สีอันน่าตกใจจนหน้าซีด ซอยนี้ค่อนข้างเปลี่ยวและตอนนี้ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว แถมยังไม่มีคนเดินผ่านแม้แต่คนเดียว…เธอควรทำอย่างไรดีล่ะ?

……

สีอันน่าถูกอันธพาลเหล่านั้นไล่ต้อนจนมุมแล้วอุดปากเธอไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จะจับตัวไปทำเรื่องดี ๆอยู่แล้ว เธอดิ้นพล่านสุดฤทธิ์แต่กลับกระตุ้นความสนใจจากคนเหล่านี้มากกว่าเดิม

เธอหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เธอรู้สึกเสียใจแล้ว…หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้แต่แรกสู้ให้เธอกลับไปแต่งงานกับเถ้าแก่สวีนั่นดีกว่า!

“ปล่อยเพื่อนฉัน…แล้วเงินพวกนี้จะเป็นของพวกแก!”

มีเสียงแว่วดังมาจากด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอไม่ใช่ใครแต่เป็นถังม่านลี่ เธอล้วงเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าแล้วโปรยเงินปลิวว่อนลงมาราวกับหิมะที่ภาพดูสวยงามยิ่งนัก

เหล่าอันธพาลตาเป็นประกายรีบกรูกันเข้าเก็บเงินแล้วปล่อยตัวสีอันน่าไป

ถังม่านลี่พุ่งเข้าไปฉุดแขนเธอวิ่ง จากนั้นไม่นานก็หนีออกมาจากซอยนั้นได้

……………………….

[1] ประมาณสี่กิโลแปดร้อยกรัม

ตอนที่ 2229 ฐานลับ

พอเหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยถึงบ้านแล้วก็กำชับให้ลุงเหลาและป้าฟางเฝ้าดูเธอให้ดี พยายามให้เธอออกจากบ้านให้น้อยที่สุด

“เด็กดี พี่เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมานะ เธอเป็นเด็กดีอยู่บ้านล่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องออกไปไหน แต่ถ้าอยากออกไปไหนก็ต้องพาคนติดตามไปด้วยเข้าใจไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

พอเหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็รู้เลยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ “ทางด้านหนิงเฉินเซวียนเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพร้อมลูบหลังเธอพูดปลอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก ทางหนิงเฉินเซวียนพี่ควบคุมไว้หมดแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ตอนนี้เธอท้องอยู่ ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า อีกสองสามวันพี่ก็กลับมาแล้ว”

เหมยเหมยรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริงแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร งั้นก็แสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆแล้วกัน!

“พี่รีบไปเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองกับลูกให้ดี พี่เองก็ระวังตัวด้วยนะ”

เหยียนหมิงซุ่นประทับจูบหน้าผากเธอแล้วเดินจากไปอย่างไม่ลังเล สถานการณ์ตรงนั้นเร่งด่วนมากจริง ๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจู๋จี๋กันเลยสักนิด

เขาตรงไปที่สนามบิน จากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเช้าเขาควรไปตรวจตราค่ายทหารแต่ต้องล่าช้าเพราะเรื่องของเหมยเหมย โชคดีที่เฮ่อเหลียนชิงไปทันจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ปรากฎว่าเหยียนหมิงต๋าค้นพบฐานลับในส่วนลึกของภูเขาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพราะเหตุนี้เหยียนหมิงต๋าจึงไม่ยอมออกจากภูเขาแห่งนี้ แถมจากที่สังเกตดูแล้วท่าทางฐานแห่งนี้ดูลึกลับไม่เบา เขาต้องการอยู่ที่นี่เพื่อตรวจสอบต่อ

ในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงต๋าตรวจสอบรายละเอียดคร่าว ๆของฐานลับนี้ได้แล้ว เขาตกใจจนรีบติดต่อกับคนของเหยียนหมิงซุ่น พอเมื่อวานนี้เหยียนหมิงซุ่นได้รับโทรศัพท์จากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ตกใจไม่เบาเช่นกัน

หากตามที่เหยียนหมิงต๋าพูดเป็นความจริงละก็ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆแล้ว เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นความตายของผู้คนในประเทศได้เลย

เพราะว่าฐานลับที่เหยียนหมิงต๋าค้นพบเป็นฐานทัพระเบิดปรมาณูที่พร้อมใกล้ปล่อยออกมาแล้ว

แต่เท่าที่เหยียนหมิงซุ่นรู้มาในประเทศยังไม่ได้สร้างระเบิดปรมาณูทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดังนั้น…จะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด มีความเป็นไปได้มากว่านี่เป็นฐานลับของศัตรู

เหยียนหมิงซุ่นสงสัยมากว่าอีกฝ่ายจะเป็นหนิงเฉินเซวียน ประเทศศัตรูคงกำจัดได้สบาย ๆ ถึงอย่างไรคนของเขาก็โหดเหี้ยมไม่เบาอยู่แล้ว การสร้างฐานลับขนาดใหญ่เช่นนี้ใช่ว่าจะทำได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นเลย

แต่หนิงเฉินเซวียนสามารถทำได้โดยที่ไม่ให้ใครรู้ และเขาก็มีแรงจูงใจมากพอ

เจ้าหมอนี่เอาแต่คิดอยากจะเป็นราชาอยู่ทุกวี่วัน ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างฐานวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นได้ เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อข่มขู่นายใหญ่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาเอง

สรุปไม่ว่าจะเป็นใครเหยียนหมิงซุ่นก็จะไม่ปล่อยให้แผนการชั่วร้ายของเจ้านั่นประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ดังนั้นเขาต้องรีบไปให้เร็วที่สุด เหยียนหมิงต๋ายังคงอยู่บนภูเขาตามลำพัง หากอีกฝ่ายเจอเข้าต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นจากไป เหมยเหมยก็เริ่มใช้ชีวิตบำรุงลูกในท้องอย่างสบาย ๆ นอกจากกลับบ้านแม่เธอก็ไม่ไปไหนอีกเลย กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมากิน ร่างกายอวบอิ่มขึ้นจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณก็ผุดผ่องจนใคร ๆเห็นก็อยากจะหยิกสักทีหนึ่ง

ไม่กี่วันหลังจากพิธีจบการศึกษา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็มารายงานข่าวถึงบ้าน

“ลุงปาเกินตกลงให้ฉีฉีเก๋อแต่งงานกับฉางชิงซงแล้ว”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ได้ต่างจากที่เธอคาดการณ์ไว้สักเท่าไร เพราะถึงอย่างไรพ่อกับแม่ก็เปลี่ยนใจลูกไม่ได้หรอก ฉีฉีเก๋อรักฉางชิงซงจากใจจริงแถมยังมีลูกด้วยกันอีก ถึงจะช้าหรือเร็วลุงปาเกินก็ต้องปล่อยเธอไปอยู่ดี

“แล้วลุงปาเกินเสนอเงื่อนไขอะไรไหม?” เหมยเหมยถาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เธอ “เธอเดาได้แม่นมาก ลุงปาเกินเสนอเงื่อนไขแค่หนึ่งข้อเอง และฉางชิงซงก็ยอมรับปากตกลงแล้วด้วย เรื่องนี้ดูแล้วเหนือกว่าแม่เขาเยอะเลยล่ะ”

…………………………………………..

ตอนที่ 2230 เงินทั้งหมดอยู่ในกำมือของฉัน

ถึงแม้ว่าเดิมทีลุงปาเกินจะยอมปล่อยไป แต่เขากลับบอกว่าจะไม่ให้สินสมรสกับฉีฉีเก๋อแม้แต่แดงเดียว และจะไม่มีการจัดงานแต่งงานให้เธออะไรทั้งนั้น ถือซะว่าเขาไม่เคยให้กำเนิดลูกสาวคนนี้มาก่อน ทั้งยังบอกพวกฉางชิงซงว่าวันหลังแต่งงานกันแล้วก็ไม่ต้องกลับไปที่ทุ่งหญ้าอีก

เหมยเหมยถอนหายใจ ลุงปาเกินโดนฉีฉีเก๋อทำให้เสียใจเข้าแล้วจริง ๆ!

ไม่อย่างนั้นเขาที่รักลูกสาวขนาดนั้นจะเสนอเงื่อนไขเด็ดขาดเช่นนี้ได้อย่างไร?

เพียงแต่ตอนนี้ฉีฉีเก๋อกำลังตั้งท้องอยู่ และยังเป็นเวลาที่ต้องการสารอาหารมากที่สุดด้วย อาศัยแค่เงินเดือนเล็กน้อยของฉางชิงซงจะพอซื้ออาหารเสริมได้ที่ไหนกัน?

“เธออย่ากังวลไปเลยเพราะหลังจากนั้นลุงปาเกินก็มาหาฉัน เขาบอกว่าหากวันหน้าชีวิตของฉีฉีเก๋อแย่จนไปต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขายินดีต้อนรับลูกสาวของเขากลับทุ่งหญ้าทุกเมื่อ ในบ้านจะมีที่ที่ของเธอเสมอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอก

“ฉีฉีเก๋อเธอไม่กลับไปแน่นอน เธอเป็นคนหัวรั้นจะตาย ต่อให้ชีวิตจะทุกข์ทรมานแค่ไหน ต่อให้ต้องอดตายเธอก็ไม่ยอมกลับไปหรอก” เหมยเหมยส่ายศีรษะ เธอไม่ได้มองชีวิตอนาคตของฉีฉีเก๋อในแง่ดีเท่าไร

แต่ว่ามีเธอและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ ถึงเวลานั้นก็ยังพอยื่นมือเข้าไปช่วยได้บ้าง เธอคงไม่ลำบากมากนักหรอก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่นอีกหลายประโยคแล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “ฉีฉีเก๋อหน้ามืดตามัวไปกันใหญ่แล้ว ชีวิตดี ๆดันไม่อยากมีรั้นจะแต่งงานกับฉางชิงซงให้ได้ วันหน้าเธอต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอน ถึงอย่างไรฉันก็จะทำแค่มองไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็ดขาด”

เหมยเหมยหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างปากร้ายเหลือเกิน หากวันหลังฉีฉีเก๋อเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆคนแรกที่จะพุ่งเข้าไปช่วยต้องเป็นเธอแน่นอน!

“แล้วพ่อแม่ของฉางชิงซงว่าอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถามอีกครั้ง

“ฉางชิงซงบอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่รับรู้ เขาเป็นคนแต่งงาน ดังนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ของเขา อีกอย่างวันข้างหน้าก็จะไม่อยู่ด้วยกันด้วย”

“งั้นก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉางชิงซงปฎิบัติต่อฉีฉีเก๋อไม่เลว ขอแค่ไม่มีแม่ของเขามายุ่มย่าม ชีวิตของพวกเขาก็คงดีไม่น้อย พวกเราต้องคิดในทางที่ดีไว้สิ” เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยักไหล่ “ฉันไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย เส้นทางนี้เขาเป็นคนเลือกเอง ถ้าจะล้มขาหักก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็หวังว่าพวกฉีฉีเก๋อจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแหละนะ…”

เธอถอนหายใจพร้อมเอ่ยว่า “ฉันวางแผนจะจัดงานแต่งงานให้ฉีฉีเก๋อ ถึงอย่างไรงานแต่งก็ต้องมีใช่ไหมล่ะ? ลุงปาเกินบอกว่าไม่มีคนในครอบครัวมาร่วมงานสักคน พ่อแม่ของฉางชิงซงก็ไม่รู้เรื่องนี้ ฉันนัดกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนเอาไว้คิดว่าจะจัดพิธีง่าย ๆแล้วสนุกไปด้วยกัน”

“ถึงเวลานั้นฉันไปด้วยแน่ เชี่ยนเชี่ยนเรื่องนี้เธอต้องเอาใจใส่ให้มากหน่อยนะ ถ้าคนไม่พอก็มาถามเอาจากฉันได้เลย”

“เธอจดจ่อเรื่องลูกในท้องอย่างสบายใจก็พอ ฉันมีกำลังคนเพียงพอ อีกอย่างไม่ใช่งานแต่งงานใหญ่โตอะไร จะว่าไปฉันต้องขอบคุณสองสามีภรรยาฉีฉีเก๋อด้วยซ้ำ อิงจวี้กังบอกว่าจะเพิ่มธุรกิจในบริษัทอีกอย่างหนึ่งก็คือออแกไนซ์รับจัดงานแต่งงาน แถมมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จด้วย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มแป้นพูดอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเป็นประกายวิบวับ

เมื่อคืนหลังจากเธอและอิงจวี้กังจบภารกิจบนเตียง จู่ ๆอิงจวี้กังก็นึกไอเดียดี ๆขึ้นได้อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าจะเพิ่มการบริการจัดงานแต่งงานขึ้นมาอีกอย่าง อิงจวี้กังบอกว่าวันหลังการจัดงานแต่งงานจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขาลงมือทำแต่เนิ่น ๆคงอยู่แถวหน้าของสายงานนี้

เหมยเหมยตบศีรษะตัวเอง ทำไมเธอถึงลืมเรื่องการจัดงานแต่งงานไปได้นะ อีกห้าปีบริษัทจัดงานแต่งงานในเมืองหลวงจะผุดขึ้นเหมือนหน่อไม้หลังฝนตก และคนแรกที่ได้กินปูจะต้องได้เงินเยอะแน่นอน

“เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ชายที่เธอหามาสายตากว้างไกลใช้ได้เลย อิงจวี้กังอนาคตไกลแน่นอน เธอควบคุมดูแลให้ดี ๆอย่าให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งไปได้ล่ะ” เหมยเหมยเตือน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียง “เขาน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาคุยด้วยสักคำ มีแต่ฉันเนี่ยแหละที่ไม่รังเกียจเขา!”

“ผู้ชายพอมีเงินก็จะมีนังปีศาจเข้ามาวนเวียนไม่ขาดสาย เธอก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยเถอะ!”

“เธอวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในตัวอิงจวี้กังแม้แต่เงินร้อยหยวนยังไม่มีติดตัวด้วยซ้ำ เงินทั้งหมดอยู่ในกำมือฉันหมดแล้ว ฉันจะให้โอกาสเขาไปทำตัวเสเพลได้อย่างไรกันล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีแผนรับมืออยู่ในใจ มีพ่อของเธอเป็นตัวอย่างทั้งคน เธอจะผิดซ้ำรอยแม่ได้อย่างไร?

………………………………………….

ตอนที่ 2227 พลตรีผู้น่าเกรงขามมาทำอะไร

ทันทีที่เหยียนหมิงซุ่นได้รับรายงานจากลูกน้องเขาก็ทิ้งงานทุกอย่างแล้วพุ่งตรงมาเลย เพราะพวกเขากำลังออกตรวจตราค่ายทหารอยู่ดังนั้นเขาจึงสวมชุดเครื่องแบบมาที่นี่

การสวมชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นดูสง่างามน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่สะดุดตากว่าคืออินทรธนูที่แสดงตำแหน่งยศของเขาซึ่งเป็นรูปกิ่งมะกอกสีทองและดาวสีทองส่องแสง…

“นี่มันยศอะไร พวกเธอพอจะรู้ไหม?” เพื่อนร่วมชั้นที่ดึงสติกลับมาแล้วเริ่มซุบซิบถามด้วยความสนใจ

“พลตรี…เป็นพลตรีระดับสูง พระเจ้า…อายุแค่นี้ก็เป็นถึงพลตรีแล้ว ยอดมนุษย์คนนี้มาจากไหนกันเนี่ย?” มีนักศึกษารอบรู้คนหนึ่งดวงตาแทบถลนออกมา ขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นึกว่าตัวเองดูผิดไป

แต่ขยี้จนตาแดงก็ยังเป็นดาวยศนั้นอยู่ ไม่ผิดแน่นอน!

พอนักศึกษาคนอื่น ๆได้ยินว่าเขามียศเป็นถึงพลตรีต่างก็อ้าปากค้าง ผู้ชายคนนี้อายุยังไม่เกินสามสิบเลยมั้ง?

ในฮวาเซี่ยมีคนที่อายุน้อยขนาดนี้เป็นพลตรีด้วยเหรอ?

นี่ต้องเก่งขนาดไหนถึงจะเป็นได้กันนะ!

สิ่งที่พวกเขาอยากรู้มากที่สุดก็คือพลตรีผู้น่าเกรงขามคนนี้มาที่นี่ทำไม!

เหยียนหมิงซุ่นเดินตรงไปหาเหมยเหมย แขนแกว่งด้วยความเร็วคงที่ ยศดาวบนไหล่สีทองอร่ามสะท้อนแสงภายใต้แสงอาทิตย์แยงตาจนทุกคนแทบลืมตาไม่ขึ้น

ทุกคนจับจ้องไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่ละสายตา เพราะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหน…

ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าดาวมหาวิทยาลัยของพวกเขา ในที่สุดใบหน้าเรียบนิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มส่งให้ดาวมหาวิทยาลัย แถมยังเปิดปากพูดด้วยเสียงน่าฟังเย้ายวนว่า

“พี่มารับเธอกลับบ้าน”

เหมยเหมยยิ้มหวาน พยักหน้ารับเบา ๆ “ในเมื่อมาแล้วก็ทักทายเพื่อนร่วมชั้นกับอาจารย์ของฉันหน่อยสิ”

เธอหันไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้างหลังเธอ พูดพลางอมยิ้มว่า “คนนี้คือสามีตามกฎหมายของฉัน”

เธอจงใจเน้นคำว่าตามกฎหมาย เวลานี้ชั้นเรียนอื่น ๆเห็นว่าคนร้ายถูกควบคุมตัวได้แล้วพวกเขาจึงแห่กันมุงเข้ามา พอบังเอิญได้ยินเหมยเหมยแนะนำเหยียนหมิงซุ่นทุกคนต่างก็ประหลาดใจ

ที่แท้สามีของดาวมหาวิทยาลัยก็อายุยังน้อยและสง่าผ่าเผยขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงพลตรี!

มิน่าล่ะถึงไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ!

ภูมิหลังแบบนี้…ฆ่าพวกเขากลายเป็นผุยผงภายในพริบตาเดียวเลยจริง ๆ!

เพื่อนร่วมชั้นบางคนยังคงอิจฉาเหมยเหมย ทันใดนั้นพวกเขาก็หมดกำลังใจ ดาวมหาวิทยาลัยมีทั้งความสามารถ มีทั้งภูมิหลังครอบครัวและสามีที่ดี พวกเขาจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบกับเธอได้?

เหยียนหมิงซุ่นเดินตรงไปคำนับอธิการบดี จากนั้นก็พยักหน้าให้กับนักศึกษาคนอื่น ๆเล็กน้อยซึ่งถือว่าเป็นการทักทาย

“คุณชายหมิง เจ้าหมอนี่จะจัดการอย่างไรดีครับ?” ลูกน้องคุมตัวหวังเหลยเข้ามา

เหยียนหมิงซุ่นมองหวังเหลยที่เหมือนสุนัขตายแล้วอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “ส่งตัวให้ตำรวจ!”

ตำรวจสองสามนายที่รักษาการณ์อยู่ด้านข้างกล่าวคำขอบคุณจากใจจริง ถ้าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีภรรยาของคุณชายหมิงอยู่ด้วย แล้วคนร้ายคนนี้จุดชนวนระเบิดขึ้นมาจริง ๆ…คงจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน

หากเกิดเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรงในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เหตุการณ์ใหญ่โตแบบนี้ฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างพวกเขาคงถูกวิพากษ์วิจารณ์โดนเล่นงานยับแน่นอน!

ตำรวจพาตัวหวังเหลยออกไปพร้อมถุงใส่วัตถุระเบิด ตอนนี้ทุกคนถึงจะรู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริงแล้วปาดเหงื่อบนหน้าผาก

เหมยเหมยหันมาส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วพูดว่า “ฉันยังถ่ายรูปจบการศึกษาไม่เสร็จเลย พี่รออีกครู่หนึ่งนะ ถ่ายเสร็จก็กลับบ้านกัน”

“ได้สิ!”

เหยียนหมิงซุ่นเดินไปด้านข้างแล้วยืนรออยู่เงียบ ๆเหมือนประติมากรรมยังไงอย่างนั้น ช่างมีเสน่ห์และสมบูรณ์แบบสายตาของเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงหลายคนแทบละสายตาไม่ได้เลย

ผู้ชายในชุดทหารดูดีมีสไตล์เหลือเกิน…พวกเธอก็อยากได้ทหารมาเป็นสามีบ้างเหมือนกัน!

เดี๋ยวลองถามดาวมหาวิทยาลัยหน่อยดีกว่าว่าในค่ายทหารของสามีเธอยังมีเพื่อนที่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่อีกไหม!

…………………………………………..

ตอนที่ 2228 อิจฉาริษยาและเกลียด

การถ่ายภาพจบการศึกษาเสร็จลงในเวลาอันรวดเร็ว เหมยเหมยโบกมือลาอธิการบดี เหล่าอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้น คราวนี้เป็นการจากลาจริง ๆ นักศึกษาหลายคนต้องกลับบ้านเกิด ไม่รู้ว่าวันหลังจะได้เจอกันอีกไหม

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ขับเฮลิคอปเตอร์แต่มีลูกน้องขับกลับไปสนามบินแทนเขา เขาพาเหมยเหมยขึ้นรถและขับจากไปอย่างรวดเร็ว ห่างออกไปเรื่อย ๆจนลับตาไป

พวกนักศึกษาที่โดนเสน่ห์ของเหยียนหมิงซุ่นสะกดไว้จนไม่กล้าปริเสียง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงคุยกันดังเซ็งแซ่ขึ้นมา

“สามีของดาวมหาวิทยาลัยเท่ชะมัดเลยเนอะ แถมยังขับเฮลิคอปเตอร์มาอีกต่างหาก…จุ๊ ๆ…ฉันนึกว่านี่เป็นแค่ฉากที่มีอยู่ในหนังเท่านั้นนะเนี่ย ไม่คิดมาก่อนว่าในชีวิตจริงจะมีแบบนี้ด้วย…”

“ไม่รู้หรือไงว่างานศิลปะก็มาจากชีวิตจริงทั้งนั้นแหละ คิดจากความว่างเปล่าจะคิดออกได้อย่างไรกัน มันต้องมีต้นแบบอยู่แล้ว!”

“ที่แท้สามีของดาวมหาวิทยาลัยก็เป็นถึงนายพลนี่เอง…ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ!” นักศึกษาหญิงคนหนึ่งทำมือรูปหัวใจ พร้อมกะพริบตาที่เปล่งประกายวิบวับ

“ก่อนอื่นเธอต้องมีใบหน้าที่สวยงามเหมือนดาวมหาวิทยาลัยก่อน อันที่จริงเธอต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีเหมือนดาวมหาวิทยาลัยด้วย…ในเมื่อเธอไม่มีทั้งสองอย่างเพราะฉะนั้นเธอควรจะหยุดฝันกลางวันได้แล้ว” มีใครบางคนสาดน้ำเย็นถังใหญ่ลงบนหัวของเธออย่างรวดเร็วจนดับฝันของเธอลง

นักศึกษาหญิงมากมายที่กำลังฝันหวานพลันมีสติขึ้นมา ก้มมองดูตัวเองแล้วตื่นจากความฝันเพื่อกลับมาสู่โลกความจริงที่โหดร้าย พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่

อธิการบดีถ่ายรูปกับชั้นเรียนอื่นไปหลายห้อง เขาพรูลมหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอกเพราะในที่สุดพิธีจบการศึกษาก็ถือว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เขามองถังม่านลี่ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เพียงลำพังแล้วส่ายศีรษะอย่างนึกเสียดาย

ถังม่านลี่ไม่ได้รับปริญญาบัตรจบการศึกษาเพราะเขายึดไว้

เขาไม่สามารถอนุญาตให้นักศึกษาที่ไปเป็นหญิงขายบริการในสถานที่แบบนั้นจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งนี้ได้ เขายิ่งไม่อยากให้พวกผู้ชายที่ไปใช้บริการในสถานที่แบบนั้นใช้ถ้อยคำดูถูกยามที่เอ่ยถึงถังม่านลี่ว่า “นี่เป็นถึงนักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเลยนะ รสชาติดีไปอีกแบบ…”

บางทีนักศึกษาหญิงคนอื่นอาจจะทำอาชีพน่าอับอายเช่นนี้เหมือนกันก็ได้แต่เพราะอธิการบดีไม่รู้ เขารู้จักแค่ถังม่านลี่ เพราะนักศึกษาหญิงคนนี้มีชื่อเสียงมาก เขาไม่อยากรู้จักก็คงยาก

ดังนั้นเขาจึงทนต่อแรงกดดันไม่ไหวเลยยึดปริญญาบัตรของถังม่านลี่ ถือว่าเพื่อปลอบใจตัวเองแล้วกัน

ถังม่านลี่รู้สึกถึงสายตาของอธิการบดี เธอใจแป้วขึ้นมาจนปรากฏความอับอายฉายชัดบนใบหน้าเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะงุดหน้าลง

ตอนที่รู้ว่าเธอถูกยึดปริญญาบัตร ถังม่านลี่ก็พุ่งตรงไปหาอธิการบดีเลย เธอพร้อมที่จะใช้ความงามเข้าแลกแต่อธิการบดีกลับด่าทอเธออย่างรุนแรงว่าเธอสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงต้องขายหน้า

กล่าวได้ว่าจนถึงตอนนี้อธิการบดีคือผู้ชายคนเดียวที่ถังม่านลี่ยั่วยวนไม่สำเร็จ เวลานี้ถังม่านลี่รู้สึกอับอาย เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับอธิการบดีเลยสักนิด

อธิการบดีถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินจากไป

เขาส่งผู้สำเร็จการศึกษาออกไปผจญโลกด้วยตัวเองอีกครั้ง เส้นทางในวันข้างหน้าพวกเขาจะต้องเดินต่อกันเอง เขาปรารถนาให้นักศึกษาทุกคนประสบความสำเร็จเติบโตก้าวหน้าทุกคน!

ถังม่านลี่ถอนหายใจโล่งอก สีหน้าเคร่งขรึมกลับมาอีกครั้งและเมินเฉยต่อสายตาแปลก ๆของเหล่านักศึกษารอบข้าง เธอสอดส่องกลุ่มชั้นเรียนโฆษณา สีอันน่ายืนหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังเตรียมถ่ายภาพ

ถังม่านลี่ส่งเสียงหัวเราะเย็นชา ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องชำระแค้นกับนังสารเลวนี้แน่นอน สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนเธอไม่อยากสร้างปัญหาในมหาวิทยาลัยอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ฉางชิงซงรีบวิ่งเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของฉีฉีเก๋ออย่างเอาใจใส่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วและจ้องเขาเขม็ง เธอเกลียดชังและแค้นเขาฝังใจเหลือเกิน

ถังม่านลี่อมยิ้มเดินตรงมาหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและกระซิบข้างหูเธออยู่สองสามประโยค จากนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็มองเธออย่างตกตะลึง

…………………………………………..

ตอนที่ 2225 ตายไปพร้อมกับฉัน

พวกเหมยเหมยเลือกสถานที่ถ่ายภาพตรงสนามหญ้าหน้าหอประชุม ทิวทัศน์ของสถานที่แห่งนี้ดีที่สุดแล้ว ภาพหมู่จบปีการศึกษามักจะถ่ายกันที่นี่ ชั้นเรียนอื่น ๆจะแยกย้ายกันไปตามอัตโนมัติ หลังจากชั้นเรียนนี้ถ่ายภาพเสร็จ ชั้นเรียนอื่น ๆถึงจะมาถ่ายภาพต่อ

เวลานี้นักศึกษาในชั้นเรียนอื่น ๆต่างก็กังวลและหวาดกลัว แต่ก็แอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกับถังม่านลี่ เลยไม่ต้องซวยไปด้วย!

พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปมุงดูแต่เลือกที่จะวิ่งปรู๊ดออกไปทันที เวลานี้หน้าหอประชุมจึงมีเพียงอาจารย์และนักศึกษาชั้นเรียนเดียวกับเหมยเหมย รวมถึงหวังเหลยด้วย

เรื่องที่ถังม่านลี่เป็นหญิงขายบริการนั้นไม่ใช่ความลับอะไรในชั้นเรียน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินหวังเหลยพูดว่าถังม่านลี่มีรายได้หลายล้านก็พากันตกตะลึงและเหลือเชื่อ

หลายล้าน?

พวกเขาทำงานทั้งชีวิตยังไม่น่าจะถึงหนึ่งล้านเลยด้วยซ้ำ?

เป็นแค่สาวขายบริการคนหนึ่ง เพียงไม่กี่ปีก็ทำรายได้ไปหลายล้านแล้ว ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!

ที่แท้ที่เขาบอกกันว่านักวิจัยขีปนาวุธสู้คนขายไข่ไม่ได้ แต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะขายกระสุนหรืออะไรก็ตาม ย่อมสู้คนขาย ‘เนื้อ’ ไม่ได้หรอก แค่นอนอ้าขาบนเตียงเงินก็กลิ้งเข้ากระเป๋าไม่มีขาดแล้ว!

ทำไมสังคมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?

ถังม่านลี่พูดเสียงขรึม “หวังเหลยนายไปฟังใครพูดจาไร้สาระมา? ฉันจะไปมีเงินหลายล้านได้ไง? เงินห้าหมื่นหยวนนั่นฉันใช้เวลาสี่ปีในการเก็บหอมรอมริบกว่าจะได้มา นายไม่คิดหน่อยเหรอถ้าฉันมีเงินหลายล้านจริง ฉันจะปล่อยให้พ่อแม่ทำไร่ทำนาในชนบทแบบนั้นได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่สร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวล่ะ?”

ความสงสัยฉายบนใบหน้าของหวังเหลย ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น พ่อแม่ของถังม่านลี่ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านทรุดโทรม พวกเขายังคงไปทำงานตามปกติทุกวัน ไม่เห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอจะดีขึ้นตรงไหน หรือว่าเธอจะไม่มีเงินจริง ๆนะ?

“ฉันจะบอกอะไรนายให้ตอนนี้ถังม่านลี่เป็นผู้หญิงที่โดนพวกคนรวยเรียกใช้บริการมากที่สุด ทำงานทีหนึ่งเริ่มต้นก็ได้ห้าหมื่นต่อคืนแล้ว เสื้อผ้าของเธอราคาเป็นหมื่น ครอบครัวของนายถูกเธอหลอกแล้วล่ะ ถ้าปล่อยแม่ไก่ที่ออกไข่ทองคำไป เอาเงินห้าหมื่นแค่นั้นจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า…”

เสียงดังขึ้นข้างหูของหวังเหลย เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ท่าทีการแสดงออกของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ถลึงตาจ้องถังม่านลี่อย่างดุดัน “เธออย่ามาโกหกฉัน ฉันได้ยินมาหมดแล้วว่าเธอทำงานแค่คืนเดียวก็มีรายได้ตั้งห้าหมื่นเชียวนะ เธอคิดว่าให้เงินฉันแค่ห้าหมื่นแล้วจะจบงั้นเหรอ? เธอกล้าหลอกฉันใช่ไหม งั้นฉันจะฝังคนพวกนี้ไปพร้อมกันเลย!”

ถังม่านลี่สีหน้าดุดันขึ้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนหลอกหวังเหลย นอกจากสีอันน่านังสารเลวนั้นจะมีใครอีก!

รอเธอจัดการหวังเหลยก่อนแล้วจะไปจัดการนังสารเลวนั่นแน่!

อธิการบดีเผยรอยยิ้มใจดีขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวกับหวังเหลยอย่างอ่อนโยนว่า “พ่อหนุ่ม นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเธอกับถังม่านลี่ หรือจะให้ฉันเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้พวกเธอดีไหม พวกเราหาสถานที่สำหรับคุยกันแบบส่วนตัวดีกว่า เธอคิดว่าไงล่ะ?”

ถังม่านลี่ก็กล่าวเชิงเห็นพ้องด้วย “ใช่ หวังเหลย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับนาย นายจะดึงเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆมาเกี่ยวข้องด้วยทำไม ฉันกับนายไปคุยกันตรงโน้นดีกว่า มีเงื่อนไขอะไรนายก็ว่ามาเลย ขอแค่ฉันทำให้นายพอใจได้ ต่อให้ฉันต้องยืมเงินคนอื่นก็จะทำ!”

อธิการบดีถอนหายใจอย่างโล่งอกนึกชื่นชมถังม่านลี่อยู่บ้าง ถึงแม้จะก่อเรื่องใหญ่โตไม่น้อยและทำอาชีพที่ไม่ดี แต่ก็ยังมีความรับผิดชอบอยู่ไม่น้อย

เพียงแต่——

หวังเหลยยิ้มเยาะ “พวกเธอคิดว่าฉันโง่หรือไง? พาฉันไปที่อื่นแล้วจะให้ตำรวจมาจับฉันใช่ไหมล่ะ? วันนี้ฉันจะให้ทุกคนตายไปพร้อมกับฉันและถังม่านลี่ เธอผิดต่อฉันมาหลายปีแล้ว ฉันจะทำให้เธอตายอย่างไร้ความสงบสุข!”

เหมยเหมยปิดปากเงียบมาตลอด เธอกำลังรอจังหวะที่หวังเหลยและถังม่านลี่พูดคุยกัน ลมแผ่วเบาพัดพาไปยังทิศทางของหวังเหลย เหมยเหมยรีบฉวยโอกาสโปรยผงยาที่อยู่บนฝ่ามือของเธอลอยไปซึ่งเป็นผงยาที่ไม่มีรสและไม่มีสี ส่วนใหญ่ถูกพัดไปตกอยู่บนตัวของหวังเหลยแต่เขากลับไม่ทันได้สังเกต

………………………………….

ตอนที่ 2226 คุณชายหมิงมาแล้ว

เหมยเหมยพรูลมหายใจ ผงยาที่เธอโปรยไปเป็นผงที่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเตรียมไว้ให้ซึ่งเรียกว่าผงคัน ขอแค่สัมผัสโดนร่างกายเพียงเล็กน้อยก็จะคันมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

เธอก็แค่ต้องการสร้างโอกาสให้กับบอดี้การ์ดลับสองคนนั้น

“นายบอกว่าอยากแต่งงานกับถังม่านลี่ไม่ใช่เหรอ? นายว่าฉันช่วยนายเกลี้ยกล่อมถังมานลี่ให้ยอมแต่งงานกับนายเป็นไงล่ะ แล้วก็จัดงานเลี้ยงในเมืองหลวง พวกเราจะไปร่วมแสดงความยินดีกับนายด้วยเลย!”

เหมยเหมยเห็นหวังเหลยมือสั่นอย่างรุนแรง ดูท่าทางสติของเขาใกล้จะหลุดเต็มทีแล้ว เห็นทีจะต้องมีคนพูดคุยกับเขาเพื่อทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง

โชคดีที่ถังม่านลี่ฉลาดขึ้นเยอะ เธอฝืนต่อความน่ารังเกียจตอบไปว่า “หวังเหลย ที่จริงฉันยังชอบนายอยู่นะ แต่เหตุผลที่ฉันไม่อยากแต่งงานกับนายก็เพราะว่าแม่ของนายมักจะดูถูกฉันอยู่ตลอด นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันทำอะไรโง่ ๆ…ในเมื่อตอนนี้นายยินดีที่จะตายเพื่อฉัน ฉันรู้สึกประทับใจเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นพวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักเขตเถอะ!”

ในดวงตาของหวังเหลยปรากฎความดีใจ เขาชอบถังม่านลี่จริง ๆ ชอบตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้นแล้วด้วย ถ้าถังม่านลี่ยินยอมที่จะแต่งกับเขา…

“ถังม่านลี่เคยพูดในหอพักว่าเธอเกลียดผู้ชายในหมู่บ้านที่สุด ทั้งเชยทั้งเหม็นทั้งอัปลักษณ์ เธอบอกว่าต่อให้ต้องแต่งกับคนแก่ก็ยังดีกว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันเลย”

เสียงนั้นดังก้องขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง หัวใจของชายคนนั้นบีบแน่น เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะขึ้นอีกครั้ง ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “นังแพศยา เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดจอมปลอมของเธองั้นเหรอ เธอเคยบอกว่าสู้ยอมแต่งงานกับคนแก่ยังดีกว่าอีก เธอคิดจะโกหกฉันอีกแล้วสินะ…สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือพวกนักศึกษาอย่างพวกเธอ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วมีอะไรดีนักหนา…จะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับฉันไม่ใช่หรือไง ฮ่า ๆ…ขอแค่ฉันดึงสลักระเบิดออก พวกเธอก็จะต้องไปพบยมบาลเป็นเพื่อนฉัน…”

หวังเหลยหัวเราะลำพองใจอย่างบ้าคลั่ง ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะอีกต่อไป มือจับสลักแน่นและกำลังจะดึงมันในตอนนี้…

“อ๊า…” พวกนักศึกษาร้องกันเสียงหลง เหตุการณ์นี้อยู่เหนือการควบคุมอีกครั้ง อธิการบดีไม่สามารถปลอบโยนเขาได้อีกต่อไป

“ฮ่า ๆ……”

หวังเหลยภาคภูมิใจกับความแตกตื่นในตอนนี้เหลือเกิน เพราะสิ่งเหล่านี้คือความภาคภูมิใจของสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับควบคุมชีวิตความเป็นความตายของพวกเขาได้ ณ ตอนนี้หวังเหลยที่เรียนไม่จบมัธยม ทันใดนั้นประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา “เมื่อเผชิญกับชีวิตความเป็นและความตาย ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างชนชั้นของคนรวยกับคนจนอีกต่อไป!”

ตอนนี้เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ช่างถูกต้องเสียเหลือเกิน ให้ตายสิ!

หวังเหลยมองถังม่านลี่ที่ในที่สุดก็ตกใจหน้าซีดด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วยิ้มอย่างสิ้นหวัง ขณะที่เขากัดฟันเตรียมดึงสลักออกอยู่นั้น แผ่นหลังและลำคอของเขาก็มีอาการคันเล็กน้อย ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนักแต่กลับทวีความคันขึ้นเรื่อย ๆราวกับมีมดคลานอยู่ก็ไม่ปาน บริเวณอื่น ๆก็เริ่มมีอาการคันขึ้นมาเช่นกันจนค่อย ๆลามไปทั่วร่างกาย…

หวังเหลยจึงต้องคลายมือออกจากสลักระเบิดเพื่อใช้สองมือเกาทั่วร่างกาย

โอกาสมาแล้ว เมื่อมีโอกาสต้องรีบคว้าไว้!

บอดี้การ์ดสองคนที่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวของหวังเหลยอยู่ตลอดก็รีบพุ่งประชิดเข้ามาเหมือนสายฟ้าฟาด ทุกคนเห็นเพียงสองเงาดำเท่านั้น ยังไม่ทันดึงสติกลับมาหวังเหลยก็ถูกจับตัวได้แล้ว

“คุณหนู คุณชายหมิงใกล้มาถึงแล้วครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบิดแขนของหวังเหลยไว้ ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนก็ถอดวัตถุระเบิดออกและนำไปวางไว้ในที่ปลอดภัย

ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก มีหลายคนถึงกับทรุดลงกับพื้น แต่มีบางคนดีใจที่ยังมีชีวิตรอดมาได้

พิธีจบการศึกษาปีนี้ช่างยากที่จะลืมเลือนจริง ๆ!

“ปี๊ป่อ…ปี๊ป่อ”

เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆและในไม่ช้าก็มาถึง เหยียนหมิงซุ่นก็มาถึงในเวลาเดียวกัน เขานั่งเฮลิคอปเตอร์มาเลย โชคดีที่สนามหญ้าหน้าหอประชุมใหญ่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการลงจอด เฮลิคอปเตอร์ทำให้อธิการบดีและนักศึกษาทุกคนตกตะลึงต่างงงงวยกันไปหมด

นี่ยังมีบุคคลสำคัญที่ไหนมาอีกละเนี่ย?

………………………………….

ตอนที่ 2223 งานพิธีจบการศึกษาที่ไม่สงบ

เหมยเหมยไม่สนใจสายตาคนพวกนี้ ความสำเร็จในปัจจุบันของเธอเกี่ยวข้องกับพ่อแม่และเหยียนหมิงซุ่นก็จริงแต่เธอเองก็ทำงานหนักเช่นกัน เธอมักจะทำงานจนถึงเที่ยงคืนเพื่อเร่งต้นฉบับ และบางทีก็กังวลเกี่ยวกับการเขียนพล็อตเรื่อง…

แถมจำเป็นต้องอ่านหนังสือเพื่อเติมไฟให้ตนเองอยู่เสมอ…

คนส่วนใหญ่มักจะพูดจาเสียดสีว่าเธออาศัยพื้นฐานครอบครัวถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างในทุกวันนี้ แต่คนเหล่านี้กลับมองไม่เห็นความพยายามของเธอเลย

ถ้าหากเธอดีแต่เปลือกจริง ๆ ต่อให้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูง ๆ ไม่ช้าก็เร็วคงตกลงมาอยู่ดี

โอหยางซานซานก็เป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง!

พวกชอบพูดจาแดกดันแบบนี้ เหมยเหมยอยากจะพูดสักประโยคใส่หน้าพวกเขาจริง ๆ——

ภูมิหลังครอบครัวดีกว่าพวกเธอและยังพยายามมากกว่าพวกเธอ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาโทษฉัน?

เธอเดินไปข้างกายเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ถามเสียงเบาว่า “หาคน ๆนั้นเจอไหม?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายศีรษะอย่างโมโห “ไอ้นั่นเจ้าเล่ห์มากเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ หาไม่เจอเลย”

“อันที่จริงฉันรู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร” เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะ ตอนนี้เธอสงบสติอารมณ์ลงแล้ว แค่ใช้เหตุผลก็พอจะนึกออกได้

คนที่รู้ว่าเธอท้องมีอยู่ไม่กี่คน ตัดคนที่ไม่มีทางเป็นไปได้ออก คนที่เหลือก็คือคนที่น่าสงสัยไงล่ะ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบถาม “ใคร…เธออย่าเพิ่งบอก ฉันว่าฉันก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร…บ้าเอ๊ย นังสารเลว ใจกล้าไม่เบานี่นา!”

ฉีฉีเก๋อเดาไม่ออกจึงถามอย่างร้อนใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนใส่เธอ “เธอลองคิดดูดี ๆว่าคนที่รู้ว่าเหมยเหมยท้องมีกี่คน ยกเว้นเราสองคนก็เหลือฉางชิงซงกับอิงจวี้กัง ดังนั้นพวกเราตัดทิ้งไปได้เลย งั้นก็เหลือแค่คน ๆเดียวแล้ว”

“ยังมีใครที่รู้เรื่องเหมยเหมยท้องอีก? อ้อ…ฉันนึกออกแล้ว…ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง…คน ๆนี้ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!”

พอฉีฉีเก๋อนึกออกก็โมโหเป็นอย่างมาก เกลียดที่สุดไอ้พวกต่ำทรามแบบนี้

“ฉันจะไปจัดการสั่งสอนนังสารเลวนั่นตอนนี้แหละ เอาให้ตายไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมยกเท้าพุ่งพรวดออกไปแต่โดนเหมยเหมยดึงตัวเอาไว้ก่อน “พวกเราไม่มีหลักฐาน เธอไม่ยอมรับแน่นอน ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างพิธีจบการศึกษาพวกเราอย่าเพิ่งสร้างปัญหาจะดีกว่า รอพิธีจบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ก็ใช่ นังสารเลวนี่อยู่เมืองหลวงต่อ ฉะนั้นยังมีโอกาสได้สั่งสอนเธอแน่นอน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอยกลับ เธอแอบวางแผนว่าจะโทรหาเพื่อนสักสองสามคนให้จับนังสารเลวนั่นใส่กระสอบมาระบายอารมณ์สักหน่อย จากนั้นค่อยสอนหลักการพื้นฐานความเป็นมนุษย์ให้เธอ

ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องชุลมุนขึ้นแทรกระหว่างพิธีจบการศึกษาแต่งานก็จบลงอย่างสมบูรณ์ ทุกคนออกจากหอประชุม พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ด้านนอกหอประชุมคึกคักเป็นอย่างมาก

พวกเหมยเหมยและเพื่อนร่วมชั้นต่างถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน เจียงจื้อหรู่ก็มาด้วย ในเวลาสองปีเขาเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ดูเหมือนจะแก่ขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบปี ไร้ซึ่งท่วงท่าอันสง่างามในเวลานั้นอย่างสิ้นเชิง

เหล่าอาจารย์ของคณะต่างถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน แม้แต่อธิการบดีก็มาด้วยจึงทำให้นักศึกษาทุกคนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ภาพถ่ายจบการศึกษาใช่ว่าจะสามารถเชิญอธิการบดีมาร่วมถ่ายภาพได้ทุกปี

“ยิ้ม…”

ช่างภาพกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่กำลังจะกดชัตเตอร์ อยู่ดี ๆก็มีเงาดำพุ่งเข้ามาจนเกือบชนช่างภาพล้ม

“ถังม่านลี่ หากเธอไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็จะลากเธอตายไปด้วยกันนี่แหละ!”

ผู้ชายที่พุ่งเข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่ง หน้าอกสะพายกระเป๋าสีเขียวลายทหารดูพอง ๆ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าท่าทางดูเคร่งเครียดมากแถมพุ่งมาทางด้านหน้าพวกเหมยเหมย

เหมยเหมยอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาคือผู้ชายที่เคยมาหาถังม่านลี่ ตามที่สีอันน่าพูดเหมือนว่าจะเป็นคู่หมั้นของเธอ

ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?

แล้วที่เขาพูดว่าตายไปด้วยกันหมายความว่าอย่างไร?

ในใจของเหมยเหมยเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก งานจบการศึกษาในวันนี้ช่างไม่สงบสุขเอาเสียเลย!

…………………………………………..

ตอนที่ 2224 ตายไปพร้อมกัน

อาจารย์และนักศึกษาต่างตกใจกับชายที่จู่ ๆวิ่งพุ่งพรวดเข้ามา ตอนแรกทุกคนต่างพากันตกใจแต่พอได้ยินผู้ชายคนนี้พูดว่าจะตายไปด้วยกันก็หน้าถอดสีกันยกใหญ่ พร้อมกับจ้องไปที่กระเป๋าบนหน้าอกของชายคนนั้น

กระเป๋านูนออกมา ข้างในนั้นน่าจะใส่ของไว้ไม่น้อย หลังจากที่ชายคนนั้นเข้ามาใกล้ก็ได้กลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า

“แย่แล้ว ข้างในคือระเบิด!” มีคนตะโกนขึ้น

“อ๊าก…”

ทันใดนั้นพวกนักศึกษาก็พากันแตกตื่น นักศึกษาหญิงสีหน้าเปลี่ยนและขาสั่นไปหมด

“ทั้งหมดอย่าขยับ…ถ้าขยับฉันจะดึงสลักออก…”

ผู้ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมา ท่าทางจริงจังยิ่งกว่าเดิม พอเปิดกระเป๋าที่หน้าอกก็ปรากฏให้เห็นระเบิดที่ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน เขาจับสลักไว้แน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นมา นั่นบ่งบอกว่าเขามีอาการตึงเครียดมากกว่าคนอื่น ๆ

แต่นี่ก็หมายความว่าสถานการณ์นี้อันตรายมาก ๆ หากสายลมพัดต้นหญ้าเบา ๆก็อาจทำให้ผู้ชายคนนี้ตื่นตระหนกขึ้นมา หากเผลอดึงสลักขึ้นมากระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้** ผลที่ตามมาอาจจะเหนือคาดได้

“นักศึกษาทุกคนสงบสติอารมณ์ก่อน อย่าตื่นตระหนก…และก็อย่าร้องไห้…ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ…”

อธิการบดีพูดปลอบใจนักศึกษา เสียงของเขาทุ้มและทรงพลัง ในยามคับขันเช่นนี้ช่วยทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงมาก เวลานี้นักศึกษาที่ตื่นตระหนกถึงตระหนักได้ว่าอธิการบดีอยู่กับพวกเขามาโดยตลอด ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนมีเสาหลักให้พักพิงจึงค่อย ๆสงบลงแต่สีหน้ายังคงหวาดผวาอยู่

เหมยเหมยยืนอยู่แถวหน้าสุดและยังอยู่ตำแหน่ง C ซึ่งห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งเมตรจึงได้กลิ่นเปรี้ยวเหงื่อและกลิ่นดินปืนบนตัวเขามาเตะจมูกพอดี

บนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นผุดเหงื่อขึ้นเต็มใบหน้าและไหลหยดลงพื้นทีละเม็ด มือสั่นแรงมากจนทำให้ผู้คนกังวลว่าเขาอาจดึงสลักได้ทุกเมื่อ

บอดี้การ์ดสองคนที่เหยียนหมิงซุ่นส่งมาปกป้องเหมยเหมยค่อย ๆล้อมหลังเข้ามาแล้วซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่ามทำอะไรในทันที ตอนนี้ชายคนนี้อยู่ใกล้เหมยเหมยมากเกินไป พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงใด ๆ

“ติดต่อคุณชายหมิงด่วน ให้คุณชายหมิงส่งคนมาเพิ่ม!”

บอดี้การ์ดที่มีอายุมากกว่าไม่กล้าชะล่าใจจึงสั่งเพื่อนร่วมงานของเขาให้ไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายหมิง เขาจับจ้องชายคนนั้นไม่วางตา ตื่นเต้นจนหัวใจแทบพุ่งมาอยู่ที่คอหอย ต่อให้เขาต้องสละชีวิตในวันนี้ก็จะปล่อยให้นายหญิงเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

เหมยเหมยสังเกตเห็นสองคนนี้จึงวางใจลงเล็กน้อย ทั้งยังส่งสัญญาณให้พวกเขาว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้ากระทำการโจมตีละก็จะต้องมีผู้เสียชีวิตแน่นอน เธอไม่อยากให้ตัวเองบาดเจ็บและไม่ต้องการให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

“พ่อหนุ่ม เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับถังม่านลี่เหรอ?” อธิการบดียิ้มอย่างใจดี แต่ในใจกลับกำลังสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง

กลับไปต้องหาซินแสมาดูหน่อยละว่าปีนี้มหาวิทยาลัยราหูอมหรือพระเสาร์แทรกอะไรหรือเปล่า? พิธีจบการศึกษาถึงได้วุ่นวายมากขนาดนี้ ถ้าเขาฆ่าคนขึ้นมาจริง ๆ ตำแหน่งอธิการบดีของเขาคงจบลงเพียงเท่านี้!

“เธอคือภรรยาของผม เราหมั้นกันแล้ว แถมยังยกน้ำชาไหว้ฟ้าดินกันในหมู่บ้านแล้วด้วย แต่ตอนนี้เธอดันไปพัวพันกับเสี่ยใหญ่เลยไม่ต้องการผมแล้ว!” สำเนียงบ้านนอกของผู้ชายคนนี้ชัดเจนมาก แต่อย่างน้อยก็ฟังพอเข้าใจ อธิการบดีด่าในใจอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

บ้าเอ้ย นี่มันรักสามเศร้านี่หว่า!

“ฉันจ่ายเงินห้าหมื่นคืนครอบครัวของนายไปแล้ว…หวังเหลยนายยังต้องการอะไรอีก?” ถังม่านลี่ขึ้นเสียงสูง เพราะความสูงของเธอเลยได้ยืนอยู่แถวกลางซึ่งถือว่าปลอดภัยอยู่ เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนนักศึกษาคนอื่น ๆ

“นับภาษาอะไรกับเงินห้าหมื่น ถังม่านลี่เธอเลื่อนฉันมาหลายปีแล้ว เธอคิดว่าเอาเงินห้าหมื่นฟาดหัวแล้วเรื่องจะจบงั้นเหรอ? เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอทำงานสโมสรมีรายได้ตั้งหลายล้าน เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันต้องการให้เธอมาเป็นภรรยาของฉัน ในเมื่อเธอเกิดมาเป็นคนของตระกูลหวัง งั้นตอนตายก็ต้องเป็นผีของตระกูลหวังด้วยแล้วกัน!”

ดวงตาสีแดงเลือดของหวังเหลยฉายความโลภออกมา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและน่าเกลียด บีบสลักแน่นขึ้น เส้นเลือดที่หลังมือปูดขึ้นราวกับไส้เดือนก็มิปาน

…………………………………

ตอนที่ 2221 ฉันท้องแล้วจริงๆ

พิธีจบการศึกษาเริ่มขึ้นอย่างคึกคักในหอประชุมของโรงเรียน ครูใหญ่และอาจารย์หลายท่านต่างก็มาเข้าร่วม ใบหน้าทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่ยังหางานไม่ได้ก็ยังฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย

บรรยากาศในหอประชุมทั้งอบอุ่นและเศร้าสร้อยไปในเวลาเดียวกัน เพราะหลังจากวันนี้ไปพวกเขาต้องจากลากันและออกจากมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนมาสี่ปีสู่สังคมที่ไม่รู้จักและวุ่นวายจริง ๆ

อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น!

ฉีฉีเก๋อก็มาเข้าร่วมพิธีจบการศึกษาด้วย เธอผอมลงไปมาก ดูอ่อนแอลง มีรอยแดงข้อมือข้างซ้ายที่ยังไม่หายเป็นปกติดี

ฉางชิงซงเองก็มาด้วย ดูแล้วหลายวันมานี้เขาเองก็ไม่ค่อยดีนัก หนวดเครารุงรัง เบ้าตาลึก ดูซีดเซียวโรยราลงมาก

เขาตั้งใจลางานมาเพราะปกติพี่รองและพี่สะใภ้รองจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด เขาจึงไม่มีโอกาสได้เจอฉีฉีเก๋อเลย

ฉีฉีเก๋อเห็นฉางชิงซงดวงตาก็เปล่งประกายแต่ในไม่ช้าก็สลดลง จนถึงตอนนี้พ่อของเธอก็ยังไม่ยอมรับ พ่อแค่ยอมให้เธอให้กำเนิดลูกได้แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉาง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดด้วยท่าทีดุดันว่า “เธอหลาบจำหน่อยเถอะ แม่ของฉางชิงซงเป็นยัยปีศาจแก่ชั่วร้าย ถ้าเธอยังรั้นอยากจะแต่งงานเข้าไปในขุมนรกอย่างตระกูลฉางขนาดนั้นละก็ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับเธอ วันนี้ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลย!”

มุมปากของฉีฉีเก๋อปรากฎรอยยิ้มเศร้าเจื่อน ในใจขมขื่นยิ่งกว่ากินหวงเหลียน

ทุกคนต่างก็คัดค้านต่อต้านเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉาง หรือว่าเธอทำผิดไปแล้วจริง ๆ?

“ถ้าพ่อของฉันไม่เห็นด้วย ฉันก็แต่งไม่ได้หรอก” ฉีฉีเก๋อรู้สึกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง พ่อยอมตกลงให้เธอคลอดลูกได้ก็นับว่าเป็นการยอมอย่างถึงที่สุดแล้ว

หลายวันมานี้พี่รองและพี่สะใภ้รองของเธอด่าเธออยู่ทุกวัน บอกว่าเธอสมองเลอะเลือนแยกแยะดีชั่วไม่เป็น อีกทั้งยังพูดจาเกรี้ยวกราดเช่นเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเธอแต่งงานกับรุ่นพี่ฉางก็ไม่ต้องมานับพวกเขาเป็นพี่ชายและพี่สะใภ้อีก

ฉีฉีเก๋อทุกข์ใจมากราวกับหัวใจโดนมีดกรีดแทง เหมือนกับว่ากำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในขุมนรก เจ็บปวดใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

เธอชอบรุ่นพี่ฉางแต่เธอก็รักครอบครัว เธอไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ “แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ทำไมต้องหลงชิงซงหัวปักหัวปำขนาดนั้นด้วย วันหลังพวกเราค่อยหาคนดี ๆใหม่แล้วกันเนอะ”

ฉีฉีเก๋อส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกนิ่งสงบเหมือนน้ำ เหมือนหญิงแก่อายุ 80 ปีก็ไม่ปาน ไม่คาดหวังกับความรักอีกต่อไปแล้ว เธอแค่อยากเลี้ยงลูกให้ดี เคารพเชื่อฟังพ่อแม่และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

เหมยเหมยถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บนเวทีเรียกชื่อของเธอเพื่อให้เธอขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ในงาน

เธอเป็นตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นประจำปีนี้ เธอเตรียมบทพูดเอาไว้แล้วแค่สรุปสั้น ๆไม่ได้พูดมากจนเกินไป รวมถึงกล่าววิสัยทัศน์ในอนาคต แถมยังตบท้ายด้วยคำเยินยอเล็กน้อยให้แก่เหล่าคณะอาจารย์

พอกล่าวสุนทรพจน์สั้น ๆเสร็จ ขณะที่เหมยเหมยกำลังจะก้าวลงจากเวที ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนมาจากล่างเวทีว่า “จ้าวเหมย เรื่องที่เธอท้องก่อนแต่งเป็นความจริงหรือเปล่า?”

เสียงแหลมสูงจนเห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงดัดจึงแยกไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง หลังจากเสียงนี้ดังขึ้นทั้งหอประชุมก็เงียบสงัดและพากันตกตะลึง

บัณฑิตดีเด่นท้องก่อนแต่ง?

เรื่องผิดศีลธรรมนี่เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตที่ร้ายแรงมากเลยนะ!

ถ้าหากเป็นเรื่องจริง นักเรียนแบบนี้จะมีคุณสมบัติได้เป็นบัณฑิตดีเด่นได้อย่างไร?

หรือว่าทางโรงเรียนไม่มีการดำเนินการตรวจสอบล่วงหน้าเลยเหรอ?

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้ว่าเรื่องที่ท้องเธอจะไม่ได้ปิดบังแต่คนที่รู้ก็มีไม่มาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อคงเป็นไปไม่ได้ ส่วนฉางชิงซงก็คงจะไม่ทำเรื่องชั่วช้าขนาดนี้

ตอนนี้เหมยเหมยไม่มีเวลามาคิดหาผู้ต้องสงสัย เหมยเหมยชักเท้ากลับเลื่อนไมโครโฟนมาตรงหน้าอีกครั้ง แล้วยอมรับอย่างเปิดเผย “ใช่แล้วค่ะ ฉันท้องได้เดือนครึ่งแล้ว”

…………………………………………..

ตอนที่ 2222 เปิดเผยต่อสาธารณะว่าแต่งงานแล้ว

“ซุบซิบ”

เหล่าอาจารย์และนักศึกษาต่างอ้าปากค้าง ดาวมหาลัยช่างใจกล้าจริง ๆ หรือว่าเป็นเพราะได้รับใบปริญญาแล้วถึงได้ไม่กลัวเกรงอะไรทั้งนั้น?

“ยังไม่แต่งงานก็ท้องแล้ว หน้าไม่อายจริง ๆ เธอมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นบัณฑิตดีเด่น?” เสียงก่อนหน้านั้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเปลี่ยนตำแหน่ง นี่แสดงให้เห็นว่าคน ๆนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา

นักศึกษาส่วนใหญ่ต่างก็พยักหน้า ไม่ใช่หรือไง ใช้ชีวิตได้อย่างน่าไม่อายที่สุด แบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาเป็นบัณฑิตดีเด่น?

อย่าดูถูกตำแหน่งบัณฑิตดีเด่นมากเกินไป ความสำคัญของบัณฑิตดีเด่นของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้นสูงส่งมาก หากได้รับเลือกเป็นถึงบัณฑิตดีเด่นแปดถึงเก้าส่วนก็สามารถอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปได้แล้ว ปีที่แล้วฉางชิงซงก็ได้อยู่เมืองหลวงต่อเพราะแบบนี้

ดังนั้นพอเหมยเหมยได้รับเลือกเป็นบัณฑิตดีเด่นก็เท่ากับว่าได้รับโควต้าในการอยู่เมืองหลวง ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตั้งเท่าไร!

“ยกเลิกตำแหน่งบัณฑิตดีเด่นของจ้าวเหมยซะ เธอไม่คู่ควรสักนิด!”

เสียงดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ทิศทางเปลี่ยนไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนด่ากราดออกมา เธอเริ่มหาตัวคนปล่อยข่าวตั้งแต่โพล่งขึ้นมาครั้งแรกแล้ว แต่คนในหอประชุมมีมากแน่นขนัดเกินไป แถมคน ๆนั้นยังผลุบ ๆโผล่ ๆจึงจับตัวไม่ได้

หอประชุมเริ่มชุลมุน นักศึกษาหลายคนถูกปลุกปั่นอารมณ์ด้วยเสียงนี้ โดยเฉพาะนักศึกษาที่ละทิ้งบ้านเกิดมาที่เมืองหลวงแต่ยังหางานไม่ได้ พวกเขาได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานของสังคมนี้เป็นครั้งแรก ในใจจึงรู้สึกได้รับความไม่ยุติธรรม พวกเขาต้องการหาที่ระบายอารมณ์อย่างเร่งด่วน

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร่วมกันโห่ร้อง นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง อธิการบดีหน้าขรึมเตรียมสั่งให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

เหมยเหมยหัวเราะเยาะเสียงเบา พูดเสียงดังใส่ไมโครโฟนว่า “ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนที่ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าคนนี้เป็นใคร แต่ฉันมั่นใจว่าคุณคือคนที่ฉันรู้จักและคุณอิจฉาฉันมาก ๆ”

เธอพูดต่ออย่างรวดเร็ว “เมื่อครู่ฉันยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะโดยเพื่อนที่อิจฉาฉัน ตอนนี้ฉันจะพูดให้ฟังอีกรอบ โปรดฟังให้ดีนะคะ ฉันแต่งงานเมื่อสองปีที่แล้ว ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วย่อมมีสิทธิ์ในเรื่องนี้ ซึ่งถูกต้องทั้งทางกฎหมายและสมเหตุสมผล แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วย?”

นักศึกษาด้านล่างเวทีต่างตะลึงงันไป ดาวมหาวิทยาลัยแต่งงานแล้วเหรอ?

ข่าวนี้น่าตื่นเต้นกว่าเรื่องเธอท้องอีก!

“นักศึกษาไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน เธอกำลังหลอกเด็กอายุสามขวบอยู่หรือไง?” เสียงลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา

เหมยเหมยชี้ไปที่อธิการบดีและกล่าวขึ้นว่า “เรื่องสถานะการแต่งงานของฉันได้รายงานไปทางมหาวิทยาลัยแล้ว ในเมื่อเพื่อนคนนี้ยังกัดไม่ปล่อย ฉันคงทำได้แค่ขอเชิญให้อธิการบดีช่วยยืนยันแล้วล่ะ”

อธิการบดีก่นด่าคนลึกลับนี่ในใจ ขนาดเรียนจบแล้วยังไม่เจียมตัวป่วนไปทั่ว ถ้าหากเขารู้ว่าเป็นใครจะยึดใบจบการศึกษาของเธอเสีย!

“คุณจ้าวเหมยไม่ได้พูดโกหก เมื่อสองปีก่อนเธอแต่งงานแล้วจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ขอให้พวกเราแสดงความยินดีกับจ้าวเหมยที่จะให้กำเนิดลูกในเร็ววันนี้ด้วย!”

อธิการบดีปรบมือหลังจากพูดจบ คณะอาจารย์และนักศึกษาคนอื่น ๆต่างก็งงงันกันไปหมดและปรบมือตามโดยไม่รู้ตัว เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม ปัญหาเรื่องท้องก็ถูกอธิการบดีปัดจบไปเช่นนี้

สมกับที่เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยชื่อดัง จัดการได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!

เหมยเหมยเดินลงมาจากเวทีและได้รับความสนใจจากเพื่อน ๆมาตลอดทาง มีทั้งคนที่อิจฉา ทั้งริษยา และโกรธปะปนกันไป

พวกเขาพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่จ้าวเหมยมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว

ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในฝัน แต่กลับไม่สามารถหายใจได้ทั่วท้องเลยเพราะชีวิตการทำงานยังอีกยาวไกล แต่อาชีพการงานของจ้าวเหมยกลับก้าวหน้าไปไกลแล้ว

ในที่สุดก็จบการศึกษาและยังได้ทำงานตำแหน่งในฝัน พวกเขาอยากเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานจึงพยายามทำงานหนักให้สุดชีวิต วางรากฐานที่มั่นคงเพื่อครอบครัวในอนาคตแต่จ้าวเหมยกลับแต่งงานมีลูกแล้ว

ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนักมากแค่ไหน ต่อสู้อย่างสุดชีวิตมากแค่ไหนแต่ก็มักจะช้ากว่าคนอื่นก้าวใหญก้าวหนึ่งเสมอ

ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง!

ทั้งชีวิตนี้ช่องว่างระหว่างพวกเขาคงก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้แน่!

ช่างบีบหัวใจเหลือเกิน!

………………………………………….

ตอนที่ 2219 เธอก็คือเจ้าหญิงนั่นแหละ

ฉางชิงซงซื้อตั๋วรถไฟให้กลับในวันนั้นเลย ทั้งยังแอบกำชับพ่อให้เขาดูภรรยาให้ดีอย่าปล่อยเธอออกมา

เพียงแต่เขายังไม่รู้จักพ่อแม่ของตัวเองดีนัก หากปกติพ่อคุมภรรยาอยู่คุณแม่ฉางจะนิสัยแบบนี้ได้หรือ?

ก่อนขึ้นรถไฟคุณแม่ฉางทำท่าอาลัยอาวรณ์ บอกตามตรงเธอไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ เมืองหลวงดีจะตาย เมืองหลวงใหญ่โตที่จะว่าไปคนก็ดูมีหน้ามีตากันทั้งนั้น นับตั้งแต่ฉางชิงซงอยู่ทำงานต่อที่เมืองหลวง เวลาเธอออกจากบ้านทีไรก็เดินเชิดหน้าเชิดตา ใครต่อใครเห็นเธอก็ต้องเข้ามาพูดประจบประแจงกันทั้งสิ้น

คุณแม่ฉางนึกดีใจอีกครั้ง ขอเพียงฉีฉีเก๋อแต่งงานเอาเงินค่าสินเดิมเข้าบ้าน เธอก็จะรีบย้ายมาอยู่ด้วยกันทันที อำเภอเล็ก ๆเก่าคร่ำครึที่บ้านเกิดนั่นเธออยู่จนเอียนแล้ว

“ชิงซง บ้านต้องเป็นบ้านแนวยุโรปมีสวนดอกไม้ในตัวด้วยนะ ขนาดต้องกว้างให้พอทั้งครอบครัวเราอยู่ แล้วต้องมีห้องรับแขกเยอะ ๆ เผื่อญาติที่บ้านเกิดมาพักอาศัย แล้วก็รถอย่าซื้อยี่ห้อสวาแกนนะ เราต้องซื้อของมีระดับ แม่ได้ยินว่ารถโตโยต้าหรูหรา ซื้ออันนั้นแหละ แล้วก็…”

คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ ไม่มีเธออยู่ชี้แนะไม่รู้ว่าลูกชายจะจัดการได้หรือเปล่า?

“หรือว่าแม่อยู่ต่อดีกว่า ให้พ่อของแกไปทานข้าวที่โรงอาหาร”

คุณแม่ฉางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ตาแก่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทานอะไรก็ได้ ตอนนี้เรื่องของลูกชายสำคัญกว่า เธอจะประมาทไม่ได้

“แม่ไม่ไว้ใจจริง ๆ เพื่อนตัวแสบสองคนนั่นของฉีฉีเก๋อไม่ใช่คนดี อย่าให้ย้อนกลับไปเป่าหูฉีฉีเก๋ออีก ไม่ได้การ…แม่ต้องอยู่คิดแผนให้แก”

คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ แม่ตัวอ้วนกับยัยตัวดีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ต้องมาป่วนจนเรื่องพังอีกแน่ ๆ

ฉางชิงซงปวดศีรษะแทบระเบิด ไม่เอ่ยถึงจ้าวเหมยยังพอปล่อยผ่านไปได้ พอเอ่ยถึงเขาก็มีน้ำโหขึ้นมาทันที

“แม่ แม่อย่าพูดซี้ซั้วนะ รู้ไหมว่าทำไมผมถึงรีบส่งแม่กับพ่อกลับบ้าน? ก็เพราะแม่ผลักเพื่อนของฉีฉีเก๋อไง ถือโอกาสตอนที่แฟนของเธอยังไม่รู้พ่อกับแม่รีบกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับไปอีกหรือเปล่า?”

ฉางชิงซงจงใจพูดให้แม่ของเขากลัวแต่ก็ใช่ว่าจะจงใจทั้งหมด เขากังวลจริง ๆว่าถ้าเหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องจ้าวเหมยเกือบถูกแม่ของตนผลักจนล้มเข้า เขาจะปล่อยแม่เขาไปหรือไม่?

รีบส่งกลับไปแต่เนิ่น ๆจะสบายใจกว่า!

ในเมื่อเป็นแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามา เขาก็หวังอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี

คุณแม่ฉางเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ “แกคิดว่าแม่เป็นยายแก่บ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเหรอ ยัยตัวดีนั่นเป็นเจ้าหญิงหรือไง? ทำไมฉันจะว่าไม่ได้”

ฉางชิงซงแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ก็เจ้าหญิงน่ะสิ พ่อของเธอเป็นข้าราชการระดับสูง แม่เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของเรา แล้วยังเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกด้วย”

เขาพูดไปประโยคหนึ่งคุณพ่อฉางก็สะดุ้งทีหนึ่ง แม่เจ้า มีแต่คนใหญ่คนโตที่เขาแทบไม่กล้าล่วงเกินทั้งนั้น!

คุณแม่ฉางแสร้งทำท่าใจเย็น “ข้าราชการระดับสูงแล้วอย่างไรล่ะ ข้าราชการระดับสูงคงฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้มั้ง?”

ฉางชิงซงแค่นหัวเราะอีกทีพลางกล่าว “นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สามีของเธอต่างหากข้าราชการระดับสูงของจริง ช่างเถอะ บอกไปแม่ก็ไม่รู้จัก อย่างไรเสียแม่แค่รู้ไว้ว่ายัยตัวดีที่แม่ว่าแม้แต่นายอำเภอของเราก็ไม่กล้าหาเรื่องด้วย ถ้าเผลอหาเรื่องเมื่อไรก็ตายสถานเดียว ทีนี้แม่รู้ผลที่ตามมาแล้วสินะ!”

พอคุณแม่ฉางเห็นว่าลูกชายไม่เหมือนกำลังพูดเล่นถึงได้ชักกลัวขึ้นมาจริง ๆแล้ว พอนึกถึงสายตาที่ป้าฟางมองเธอเมื่อช่วงเช้าบวกกับคำพูดเหล่านั้นก็ตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้

“แล้ว…แล้วแม่จะโดนจับหรือเปล่า…” คุณแม่ฉางตกใจจนหน้าซีดเผือด ถ้ารู้แต่แรกว่ายัยตัวดีนั่นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยหรอก!

……………………….

ตอนที่ 2220 รักแรกยากที่จะลืม

“อย่างไรเสียแม่กับพ่อรีบกลับไปดีกว่า อนาคตก็อย่ามาเหยียบเมืองหลวงอีก เพื่อลดปัญหาสร้างเรื่องเดือดร้อนถึงผม เผลอ ๆผมอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ฉางชิงซงลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็หลอกแม่เขาให้กลัวได้สำเร็จ

พอคุณพ่อฉางได้ยินว่าจะเดือดร้อนถึงลูกชายพลันสีหน้าก็จริงจังขึ้น ฉุดแขนภรรยาเตรียมเดินเข้าสถานีรถไฟก่อนจะตะโกนกล่าวต่อฉางชิงซงว่า “พ่อจะพาแม่ของแกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แกอยู่นี่ก็ตั้งใจทำงานคุยกับชิ่นเจียดี ๆ ส่วนฉีฉีเก๋อก็ปฏิบัติกับเธอให้ดีล่ะ…”

“ผมรู้ครับ…”

ฉางชิงซงพยักหน้ารับ ไม่ต้องให้พ่อของเขากำชับเขาก็จะดูแลฉีฉีเก๋อดี ๆอยู่แล้ว เขาจะใช้ความจริงใจทำให้พ่อแม่ฉีฉีเก๋อยอมใจอ่อนจนพวกเขาอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา!

เหมยเหมยเจอเรื่องน่าตกใจจากโรงพยาบาลมาก็ไม่กล้าไปสนใจเรื่องวุ่นวายนี้อีก เธอย้ำกับป้าฟางว่าอย่าบอกเรื่องที่โรงพยาบาลให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นต้องบ่นเธออีกแน่

เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าป้าฟางจะไม่รายงานเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร เพิ่งถึงบ้านก็รายงานไปทุกรายละเอียด แต่เหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเหมยเหมยไม่เป็นไร อีกทั้งภายหลังยังอยู่แต่ในบ้านด้วยท่าทีสำนึกผิด เขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป

แม้เหมยเหมยไม่ออกไปไหนแต่กลับรู้เรื่องที่โรงพยาบาลทุกอย่างเพราะมีโทรโข่งอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ เธอไปโรงพยาบาลทุกวันจากนั้นก็จะเอามารายงานให้ฟังถึงบ้าน

“ฉางชิงซงโน้มน้าวให้พ่อแม่เขากลับบ้านไปแล้วในวันนั้นนั่นแหละ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมไปเอ่ยไป

เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างเหนือคาด “งั้นฉางชิงซงก็ยังใช้ได้อยู่หน่อยละนะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีหนึ่ง คายเม็ดแตงโมออกมาพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว พ่อแม่ไร้คุณธรรมของเขา เขาไม่ตามล้างตามเช็ดแล้วใครจะทำแทน? พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็โมโห ฉีฉีเก๋อน้ำเข้าสมองชัด ๆ เมื่อก่อนยังเคยอวดต่อหน้าฉันว่าพ่อแม่ฉางชิงซงดีกับเธอมากแค่ไหน ให้ตายสิ…

ยัยปีศาจแก่นั่นฉันแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ตาเรียวคิ้วโก่งปากบางโหนกแก้มสูง หน้าไม่มีเนื้อหนังอะไรด้วยซ้ำ ลักษณะใบหน้าแบบนั่นแค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนใจแคบ ความคิดชั่วร้าย ต่อให้ลูกชายของเธอเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกฉันก็ไม่คิดจะแต่งด้วยหรอกนะ!”

ป้าฟางยกผลไม้น้ำแข็งไสที่ทำเองมาให้เหมยเหมยจานเล็ก แต่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเป็นจานยักษ์ แตงโมสีแดง มะม่วงสัปปะรดสีเหลืองแล้วก็แอปเปิ้ลองุ่น…เทน้ำแข็งละเอียดลงไป สีสันสดใสที่มองก็รู้สึกเจริญอาหารแล้ว

“เชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ผิด มีแม่สามีแบบนี้จะแต่งด้วยไม่ได้เด็ดขาด ยอมโสดตลอดชีวิตยังดีกว่า” ป้าฟางเห็นด้วยกับความคิดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เหมยเหมยทานน้ำแข็งไสคำเล็กคำน้อย ส่ายศีรษะกล่าว “แต่งไม่แต่งใช่ว่าเราจะตัดสินใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับฉีฉีเก๋อ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก็นั่นน่ะสิ!

“ฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย

“น่าจะใกล้หายดีแล้ว คุณหมอบอกว่าถ้าวันนี้ตรวจร่างกายเสร็จแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็ออกจากโรงพยาบาลได้”

“แล้วฉีฉีเก๋อคิดอย่างไรต่อ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะ? แม่นี่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เช้า ทำเอาฉันร้อนใจแทบแย่”

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หน้าตาและความสามารถของฉางชิงซงเป็นที่โดดเด่นก็จริง ฉีฉีเก๋อรักเขาจนยากจะถอนตัวนั่นก็พอเข้าใจได้ อีกอย่างเป็นรักแรกของเธออีกต่างหาก ใช่ว่าจะตัดใจง่าย ๆอย่างที่พูดได้เสียที่ไหนล่ะ?

วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาแล้ว สุขภาพของฉีฉีเก๋อหายดีเป็นปกติ เพียงแต่พูดน้อยลงไปมาก ลุงปาเกินหาเวลาว่างกลับไปที่ฟาร์มม้าหลายครั้ง โดยให้คุณแม่พี่รองและพี่สะใภ้รองอยู่ดูแลเธอที่เมืองหลวงตั้งแต่นั้นมา

“แม่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง ให้หนูคลอดเด็กคนนี้เถอะ หนูทำใจไม่ได้…”

ยามเช้าตรู่แสงอาทิตย์สีทองอร่ามสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าซีดเซียวของฉีฉีเก๋อ ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าแต่สีหน้ากลับหนักแน่นผิดปกติ

…………………….

ตอนที่ 2217 แม่เตรียมจ่ายค่าสินสอดเท่าไร

ป้าฟางแค่นหัวเราะทีหนึ่งแต่ไม่ได้ปล่อยมือ “แม่ของเธอไม่รู้กฎแล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยอีกคนเหรอ? เดิมทีเรื่องภายในครอบครัวเธอไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก แต่แม่เธอไม่ควรลงไม้ลงมือกับคุณหนูของฉัน คุณหนูของฉันสถานะไหน แม้แต่หมาแมวที่เธอเลี้ยงยังสูงศักดิ์กว่าคนทั้งครอบครัวแกด้วยซ้ำ!”

ฉางชิงซงเหมือนโดนกรีดหัวใจก็ไม่ปาน ศักดิ์ศรีของเขากำยังถูกย่ำยีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เขากลับยังต้องพูดเอาใจผู้หญิงตรงหน้าเพียงเพราะเขาไร้สถานะ

ฉะนั้นเขาทำได้เพียงแกล้งทำตัวเชื่อฟัง ยอมให้ทุกคนเหยียบย่ำเขา!

“ครับ…ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว…ไว้กลับไปผมจะสั่งสอนแม่ผมให้ดี…”

ฉางชิงซงก้มหน้าลงพยายามปกปิดความโกรธในสายตา ลดศักดิ์ศรีพูดขอโทษขอโพยไป

“ป้าฟางคะ ช่างเถอะค่ะ!”

เหมยเหมยเอ่ยขึ้นในเวลาประจวบเหมาะ อย่างไรเสียฉางชิงซงก็เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่ฉีฉีเก๋อชอบด้วย  ไว้หน้าเขาหน่อยแล้วกัน!

ป้าฟางปล่อยมือทันที คุณแม่ฉางกุมคอไอไม่หยุด รอตั้งสติได้เธอก็อ้าปากหมายจะด่ากราดแต่ถูกฉางชิงซงปิดปากเอาไว้พร้อมถลึงตาใส่ คุณแม่ฉางตกใจจนรีบหุบปากไม่กล้าปริเสียงอีก

“คุณหนู เรากลับบ้านกันเถอะ อย่ามายุ่งเรื่องวุ่นวายพวกนี้เลย”

ป้าฟางหันกลับไปเอ่ยกับเหมยเหมย เมื่อครู่ทำเธอตกใจแทบแย่ หากคุณหนูกับเด็กเป็นอะไรไปคุณชายหมิงต้องไม่ปล่อยสองสามีภรรยาเธอไปแน่

เหมยเหมยพยักหน้า ตอนนี้เธอก็เริ่มกลัวแล้ว เรื่องสำคัญแค่ไหนก็ไม่เท่าลูกของเธอ

“คุณหนูจ้าว ขอโทษด้วยจริง ๆ…”

ลุงปาเกินเดินมาขอโทษ ทุกอย่างเป็นเพราะลูกสาวของเขาใช้ไม่ได้และเขาอบรมสั่นสอนลูกสาวไม่ดีเอง เพียงแค่อยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่กลับไม่เคยสอนให้เธอแยกแยะจิตใจคน

เฮ้อ แต่เสียดายที่โลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจทีหลัง!

“ไม่เกี่ยวกับลุงหรอก ไว้หนูค่อยมาเยี่ยมฉีฉีเก๋อทีหลังแล้วกันนะคะ” เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ เธอไม่สนใจคนตระกูลฉางแล้วเดินจากไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก้มศีรษะให้ลุงปาเกินเล็กน้อย จากนั้นถึงเดินตามหลังจากไปอีกคน

คุณแม่ฉางเห็นคนน่ารำคาญสองคนกลับไปหมดแล้วก็อดได้ใจไม่ได้ เธอรู้อยู่แล้วว่าขอเพียงตนแสร้งทำตัวน่าสงสารเท่านั้น ใครก็กลัวหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทั้งนั้นแหละ

เธอใช้วิธีนี้มาหลายสิบปีไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

เธอมองไปยังลุงปาเกินด้วยสายตาได้ใจปนเจ้าเล่ห์ เตรียมจะเอ่ยถึงงานแต่งงานอีกครั้ง ฉางชิงซงก็ฉุดตัวเธอไว้พลางเอ่ยต่อลุงปาเกินว่า “คุณลุงครับ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ท่านให้ฉีฉีเก๋อพักผ่อนดี ๆก่อนเถอะครับ ผมจะพาพ่อแม่กลับไปก่อน”

แน่นอนว่าฉางชิงซงไม่พอใจอยู่แล้วแต่เขารู้ว่าหากวุ่นวายต่อไปมีแต่จะแย่ลง กลับจะทำให้ทั้งครอบครัวของลุงปาเกินรังเกียจพวกเขามากขึ้น สู้ถอยหลังตั้งหลักก่อนดีกว่า

อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมให้ใครทำร้ายโซ่ทองคล้องใจของเขากับฉีฉีเก๋อหรอก!

เขามั่นใจว่าจะสร้างหลักปักฐานในเมืองหลวงได้ แล้วให้ฉีฉีเก๋อกับลูกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย!

คุณแม่ฉางที่ไม่เต็มใจนักถูกฉางชิงซงลากกลับไป ลุงปาเกินถอนหายใจยาว ความอ่อนล้าปรากฏบนใบหน้าเหลี่ยมแต่หัวใจกลับเหนื่อยยิ่งกว่า…

คุณแม่ฉางที่ถูกฉุดกึ่งลากไปถึงหน้าประตูโรงพยาบาลตะคอกใส่ลูกชายอย่างไม่พอใจ “แกจะลากแม่ออกมาทำไม? แม่ยังไม่ได้ตกลงค่าสินเดิมกับชิ่นเจียเลย!”

ฉางชิงซงใจเต้นตึกตักก่อนถาม “ค่าสินเดิมอะไร?”

คุณแม่ฉางยิ้มอย่างได้ใจ “แน่นอนว่าเป็นค่าสินเดิมที่ฉีฉีเก๋อแต่งเข้าบ้านเราไง ลูกรัก แม่จะบอกอะไรให้นะ เวลานี้แกจะใจอ่อนไม่ได้ ต้องฟังแม่นะ บ้านรถเงินจะขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ตระกูลฉางเราจะผงาดได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แหละ!”

ฉางชิงซงมองแม่ของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา จงใจถาม “แล้วแม่เตรียมเงินสินสอดไว้เท่าไร?”

………………………

ตอนที่ 2218 ค่าสินเดิมขาดไม่ได้

คุณแม่ฉางหลุดขำทีหนึ่งมองเหยียดด้วยสายตาดูถูก “สินสอดอะไรกัน เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ไหนจะยังท้องอีกต่างหาก เอาหน้าจากไหนมาขอสินสอด นี่ยอมแต่งงานกับเธอก็นับว่าเป็นบุญของเธอแล้ว ลูกชายฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังเชียว เธอมีอะไรให้ไม่พอใจอีก”

คุณพ่อฉางขมวดคิ้ว รู้สึกว่าถ้อยคำของภรรยาไม่น่าฟังสักนิดจึงกล่าว “เธอพูดแบบนี้ได้อย่างไร ฉีฉีเก๋อก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ด้อยไปกว่าลูกชายของเราหรอกนะ”

ความจริงเขายังอยากบอกว่าครอบครัวผู้หญิงเป็นถึงเฒ่าแก่ พื้นหลังครอบครัวดีกว่าตระกูลฉางของพวกเขาหลายร้อยเท่า ไม่รังเกียจตระกูลฉางของพวกเขาก็นับว่าดีแล้ว ทำไมยังเอ่ยถึงเงินสินเดิมนั่นอีก

แต่เขาเป็นคนกลัวภรรยามาแต่ไหนแต่ไร ภรรยาสั่งให้เขาไปทิศตะวันออกเขาไม่กล้าไปทิศตะวันตก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะยอกย้อนภรรยาเลย คำไม่กี่ประโยคเมื่อครู่เขาก็เรียกความกล้าอยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้

“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

คุณแม่ฉางตวัดตามอง คุณพ่อฉางก็ปิดปากไม่กล้าปริเสียงอีก

ฉางชิงซงมองคุณแม่ตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ยังเป็นคุณแม่ที่เขาให้ความเคารพอยู่หรือเปล่านะ?

ทำไมถึงว่าหญิงที่เขารักแบบนี้?

“แม่ ทำไมแม่ว่าฉีฉีเก๋อแบบนี้ล่ะ ลูกที่ฉีฉีเก๋อท้องก็เป็นลูกของผม” ฉางชิงซงทำหน้าไม่พอใจ

คุณแม่ฉางหลุดขำอีกทีพร้อมทำหน้าหยามเหยียด “ถ้าไม่ใช่ลูกของแกฉันยังไม่คิดจะรับลูกสะใภ้สำส่อนแบบนี้เข้าบ้านด้วยซ้ำ ยังไม่ทันแต่งงานก็นอนกับผู้ชายแล้ว ไร้ยางอายสิ้นดี ชิงซงฉันบอกแกไว้นะว่าพอแต่งงานแกต้องคุมให้ดี ห้ามให้มีเงินติดตัวแม้แต่หยวนเดียว เงินที่หาได้ก็ต้องให้แก ออกจากบ้านห้ามเกินครึ่งชั่วโมง…ถ้ากล้าขัดขืนคำสั่งก็สั่งสอนเธอให้เข็ด ตระกูลฉางเราจะมีลูกสะใภ้ที่มีมลทินไม่ได้…”

คุณแม่ฉางพูดน้ำไหลไฟดับแววตาฉายแววตื่นเต้น ตั้งตารอคอยวันที่ฉีฉีเก๋อแต่งเข้าบ้าน

เธอต้องใช้ชีวิตในฐานะแม่สามีให้สมใจอยาก!

กำราบยายตัวดีนั่นให้อยู่หมัด!

คุณพ่อฉางส่ายศีรษะรัวถอนหายใจยาวแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปาก เขากลัวภรรยาตัวเองจากใจจริง หากเกิดเรื่องไม่ได้ดั่งใจหน่อยก็หมดสติจนคนตกอกตกใจแทบแย่ เฮ้อ ถ้าไม่เห็นสภาพนั้นคงไม่ต้องวุ่นวายใจ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องก็พอแล้ว

ฉางชิงซงขมวดคิ้วแน่นพร้อมมองคุณแม่ที่ยังพูดไม่หยุดอย่างสับสน ราวกับเพิ่งเคยรู้จักเธอเป็นครั้งแรก

ณ เวลานี้เองเขาเพิ่งรู้ว่าที่แท้แม่ของเขาไม่ได้อ่อนโยนใจดีเหมือนที่เคยแสดงให้เห็น…

ฉางชิงซงหัวเราะเยาะตัวเองและได้สติเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางฟังคำบงการของแม่หรอก หากทำเช่นนั้นจริง ๆ เขาจะยังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือ?

อย่าว่าแต่พวกจ้าวเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูถูกเขาเลย แม้แต่ตัวเขายังดูถูกตัวเองเลย!

“พ่อ แม่ พ่อแม่กลับไปก่อนเถอะ พ่อยังต้องทำงาน อย่าทำให้ต้องเสียงานเลยนะ” ฉางชิงซงเอ่ยขึ้นกะทันหัน

คุณแม่ฉางไม่ยอม “ให้พ่อแกกลับไปก่อน ฉันจะอยู่ต่อรองกับแก เหอะ ถ้าพ่อแม่ฉีฉีเก๋อไม่ตกลงฉันจะไปนั่งร้องไห้หน้าประตูโรงพยาบาล”

ฉางชิงซงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ความต้องการที่จะส่งแม่กลับไปทวีความรุนแรงขึ้น เขาเตรียมตั้งหลักปักฐานใช้ชีวิตในเมืองหลวง ฉะนั้นจะปล่อยให้แม่ทำให้อับอายขายหน้าไม่ได้ เขายังต้องรักษาหน้าไว้อยู่!

“แม่ไม่กลับไปแล้วใครจะทำกับข้าวให้พ่อทาน? กลับไปเถอะ ผมจะแต่งฉีฉีเก๋อเข้าบ้านแน่นอน” ฉางชิงซงรับปาก

คุณแม่ฉางร้อนใจ “แล้วค่าสินเดิมล่ะ?”

เธอไม่สนใจหรอกว่าฉีฉีเก๋อจะยอมแต่งงานหรือไม่ เธอสนใจเงินค่าสินเดิมต่างหาก นั่นเป็นหลักประกันชีวิตสวยหรูภายภาคหน้าของเธอเชียวนะ!

ฉางชิงซงย่นคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่พอใจในตัวแม่ขนาดไหนแต่อย่างไรก็เป็นแม่ที่ให้ความเคารพมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยพูดจารุนแรงใส่เลยตอบรับส่ง ๆไป “ผมจะพูดเอง วางใจเถอะ!”

……………………..

ตอนที่ 2215 จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต

เหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าคุณแม่ฉางพอดี เธอไม่คิดว่าคุณแม่ฉางที่ดูท่าทางป่วยออด ๆแอด ๆจะลงไม้ลงมือได้ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือรีบเอามือบังหน้าทองไว้ ไม่ทันหลบจึงถูกคุณแม่ฉางผลักเข้าเต็มแรงทำให้ร่างหงายไปด้านหลัง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ใกล้ที่สุดตกใจจนหน้าซีดรีบวิ่งไปประคองเอาไว้ แต่เธอตัวอ้วนเลยเคลื่อนไหวไม่คล่องตัวนัก สิ่งที่แค้นใจที่สุดคือคุณแม่ฉางจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป ผลักทีหนึ่งไม่ว่าแต่กลับผลักซ้ำอีกทีหนึ่ง

“ทำร้ายหลานฉันนักใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอมายุ่มย่ามแล้วจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร…”

คุณแม่ฉางเกลียดเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสุดใจ เธอได้ข่าวมาว่าเพราะยัยตัวดีสองคนนี้เป่าหูฉีฉีเก๋อ ฉีฉีเก๋อถึงได้โทรหาพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ลูกชายเธอคงจดได้ทะเบียนกับฉีฉีเก๋อไปแล้ว

ขอเพียงประทับตราก็เป็นเรื่องตอกตะปูเข้ากระดาษเหล็ก ฉีฉีเก๋อเท่ากับเป็นคนตระกูลฉางที่ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของเธอ แล้วจะมีปัญหาพวกนี้ได้อย่างไร?

ถึงคราวกลับไปจัดงานแต่งงานที่บ้านเกิดเธอยังจะได้ค่าซองแต่งงานอีกเป็นกอบเป็นกำ ค่าใส่ซองที่เคยให้ไปต้องเอาคืนมาให้หมด แล้วยังจะได้ค่าสินเดิมตั้งอีกก้อนหนึ่งแหนะ!

เธอได้สืบมาจากลูกชายหมดแล้วว่าแม้ฉีฉีเก๋อจะหน้าตาขี้เหร่ไปสักหน่อย แต่เดิมไม่เข้าตาเธอหรอกแต่พอได้ยินว่าครอบครัวอีกฝ่ายเป็นเจ้าของฟาร์มม้าเธอก็เปลี่ยนใจทันที

แผนจดทะเบียนสมรสก็มาจากเธอเอง เธอวางแผนคิดจะเป็นฝ่ายกุมอำนาจการตัดสินใจ ขอเพียงลูกชายร่วมเตียงกับลูกสาวเขาแล้วปล่อยเมล็ดพันธุ์ไว้ในตัวก็เท่ากับเป็นการตอกตะปูลงบนกระดานเหล็กแล้ว ยังจะกลัวแม่ไก่ฟักไข่ทองคำอย่างฉีฉีเก๋อหนีไปอีกหรือ?

ไม่ว่าจะบินหนีไปไหนก็ต้องเป็นคนตระกูลฉางของเธออยู่ดี!

แล้วยังต้องเป็นฝ่ายตอบรับเงื่อนไขของเธอด้วย!

บ้านที่เมืองหลวงต้องเป็นสินแต่งงานภายใต้ชื่อของลูกชายเธอ รถยนต์ก็ต้องมี ไหนจะค่าเทอมเรียนมหาวิทยาลัยของลูกสาวเธอ ค่าหาหมอเลี้ยงชีพในชีวิตบั้นปลายของเธอ…

เธอวางแผนไว้หมดแล้ว!

ไม่ให้ก็ไม่แต่งงาน สุดท้ายดูสิว่าใครจะเป็นคนอับอายขายหน้า อย่างไรบ้านเธอก็ไม่เสียเปรียบอยู่แล้วที่ได้นอนกับลูกสาวอีกฝ่ายฟรี ๆ แล้วยังได้หลานมาฟรี ๆอีกคน!

แผนการที่คุณแม่ฉางวางไว้เสียดิบดีถูกคนปั่นจนล้มไม่เป็นท่า เธอจะไม่แค้นได้อย่างไร?

เพราะแขนไม่ค่อยมีแรงนักเธอจึงรู้สึกว่าผลักหนึ่งทียังไม่สะใจพอเลยผลักไปอีกหนึ่งที คุณแม่ฉีฉีเก๋อทั้งสูงทั้งแข็งแรงเธอย่อมสู้ไม่ไหว ยัยเด็กนี่ดูท่าทางอ่อนแอแล้วเธอจะสู้ไม่ไหวหรือ?

เดิมทีเหมยเหมยทรงตัวได้แล้วแต่พอโดนอีกทีจึงทำให้เธอเสียการทรงตัวจนร่างหงายหลังอีกครั้ง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งร้อนใจก็ยิ่งช้าพลางตวาดด่าเสียงดัง “ถ้าเหมยเหมยเป็นอะไรไป ทั้งครอบครัวของป้าต้องตายแน่!”

เธอเห็นว่าคงประคองไม่ทันเลยผุดความคิดหนึ่งขึ้น เธอเลือกล้มตัวนอนเป็นเบาะรองให้เหมยเหมย เธอมีไขมันเยอะตัวนุ่มนิ่ม ท้องของเหมยเหมยคงไม่เป็นไร

“ปัง” เสียงร่วงตกพื้นเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งตัวนอนบนพื้นหินอ่อนอย่าแรง เจ็บจนต้องกัดฟันกรอดใบหน้ากลมเป็นลูกซาลาเปาบิดเบี้ยว

แต่มีอีกร่างหนึ่งวาบเข้ามาซึ่งก็คือป้าฟางที่พุ่งพรวดมารับตัวเหมยเหมยไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็หมุนอยู่ที่เดิมหนึ่งรอบผ่อนแรงลงถึงประคองเหมยเหมยได้อย่างมั่นคง

“คุณหนู ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

เหมยเหมยเองก็ตกใจแทบแย่ มีชั่ววูบหนึ่งที่เธอรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปช่วงก่อนจะถูกผลักตกตึกเมื่อชาติที่แล้ว ความอ่อนแรงและเศร้าใจอย่างลึกซึ้งถาโถมเข้ามา ทำให้เธอนึกเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ

หากคราวนี้เธอปกป้องลูกไม่ได้อีก เธอคงไม่คู่ควรจะเป็นแม่คนแล้วจริง ๆ!

“ไม่เป็นไร!”

เหมยเหมยหายใจหอบถี่แล้วก็ค่อย ๆสงบลง พอไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายถึงค่อยวางใจ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบนพื้นร้องขึ้น “ป้าพยุงฉันที โอ๊ย…เจ็บจะตายอยู่แล้ว…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียใจเหลือเกิน หากเธอรู้แต่แรกว่าป้าฟางที่ดูเรียบร้อยจะมีทักษะไหวพริบดีขนาดนี้ แล้วเธอจะมาลำบากทำไมอีกล่ะ?

………………………

ตอนที่ 2216 ป้าฟางระเบิดอารมณ์

ป้าฟางยื่นแขนฉุดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กัดฟันสูดปากลุกขึ้นตามแรงดึง ฤดูร้อนใส่เสื้อบางจึงเห็นว่าตรงข้อศอกล้มเป็นแผลช้ำอย่างชัดเจนและเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

เหมยเหมยอุ่นวาบที่หัวใจพลางให้เธอไปทำแผลสักหน่อย

“ไม่ต้องหรอก กลับไปทาทิงเจอร์ไอโดดีนหน่อยก็พอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ อีกทั้งตอนนี้เธอก็ไม่สบายใจที่จะไปด้วย ใครจะรู้เล่าว่ายายแก่นี่จะมาไม้ไหนอีก!

ฉางชิงซงกับพวกลุงปาเกินต่างพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ พวกเขาต่างรู้เรื่องที่เหมยเหมยตั้งครรภ์ดี ยิ่งรู้ว่าหากเหมยเหมยเป็นอะไรไปพวกเขาทุกคนในที่นี้คงหนีไม่พ้นจากการเอาคืนของเหยียนหมิงซุ่นแน่!

“แม่ แม่ทำอะไรน่ะ…”

ฉางชิงซงเดินเข้ามาขอโทษเหมยเหมยแล้วหันไปตำหนิแม่อย่างไม่พอใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคุณแม่ฉางจะลงไม้ลงมือทันที แล้วยังเล็งเป้าหมายไปที่เหมยเหมยอีกต่างหาก นี่คิดจะฆ่าเขาเลยหรือไงกัน?

คุณแม่ฉางว่าอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่ผลักเบา ๆทีเดียวเอง หรือว่าเธอทำจากทองคำผลักนิดผลักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”

“เพี้ยะ”

ป้าฟางประคองเหมยเหมยไปยืนให้ห่างแล้วให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยเฝ้าเอาไว้ จากนั้นก็พุ่งตัวมาตรงหน้าคุณแม่ฉาง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ตบหน้าฉาดใหญ่ นี่เธอใช้แรงไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแต่ก็ตบหน้าคุณแม่ฉางตัวหมุนไปหลายตลบ หากไม่ใช่เพราะฉางชิงซงประคองได้ทันคงล้มกับพื้นก้นจ้ำเบ้าไปแล้ว

“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้ามาผลักคุณหนูฉัน? ถ้าอยากตายก็พูดมาตรง ๆ ฉันจะให้คนลากคนทั้งครอบครัวเธอไปฝังทีเดียว!”

ป้าฟางกับพวกฉางชิงซงเป็นคนบ้านเดียวกัน เธอพูดด้วยภาษาท้องถิ่นดั้งเดิมพร้อมด่าไปยกหนึ่ง

คุณแม่ฉางถูกตบจนบวมไปครึ่งหน้า ทั้งยังมีเลือดซึมออกตรงมุมปาก เธอคายฟันออกมาสองซี่ ทั้งกลัวทั้งโกรธแล้วทิ้งตัวนั่งบนพื้นร่ำไห้ปล่อยโฮ…

“โอ๊ย…มีคนอาละวาดหาเรื่อง…กลางวันแสก ๆก็กล้าทำร้ายคนอื่น…แบบนี้ยังเห็นความสำคัญของกฎหมายอยู่หรือเปล่า…”

การแกล้งทำตัวน่าสงสารเป็นวิชาถนัดมือของคุณแม่ฉาง เธออาศัยวิธีการนี้ปราบสามีและลูกชาย แล้วยังปราบเจ้าของโรงงานรวมถึงเพื่อนร่วมงานได้อยู่หมัดไม่มีใครเอาชนะเธอได้และไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอ

แต่ตอนนี้เธอกลับเจอคนจริงเข้าแล้ว

ป้าฟางมองฉางชิงซงอย่างเหยียดหยามแวบหนึ่ง ฉีฉีเก๋อถูกตาต้องใจผู้ชายแบบนี้นับว่าช่างตาบอดเสียจริง เจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน นี่ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีเลย หากฉีฉีเก๋อแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้จริง ๆ งั้นก็รอมีชีวิตที่ลำบากไปเถอะ!

“ต้นไม้มีเปลือกลำต้น คนยังต้องมีหน้า[1] เธอปล่อยให้แม่เธอทำตัวงี่เง่าแบบนี้เหรอ? อย่ามาทำให้คนบ้านเกิดเราต้องอับอายขายหน้าสิ!”

ถ้อยคำของป้าฟางทำเอาฉางชิงซงใบหน้าขึ้นสี เขาทั้งอายทั้งรู้สึกผิดนึกอยากหาหลุมมุดเข้าไปเสีย เขาก้มตัวลงประคองคุณแม่ฉางที่ยังร้องโหยหวนพลางพูดเกลี้ยกล่อมเสียงเบาไม่กี่ประโยค แต่ก็ไม่เกิดผลแถมคุณแม่ฉางร้องไห้หนักกว่าเดิม

“อยากตายตอนนี้เลยใช่ไหม? ฉันจะส่งเธอไปหายมบาลเดี๋ยวนี้เลย!”

ป้าฟางตีหน้านิ่งสายตาฉายแววเยือกเย็น ความอาฆาตที่ปกปิดเอาไว้แผ่กระจายออกมาจากตัวจนทำเอาทุกคนสะดุ้งเฮือกเสียวสันหลังวาบ เวลานี้พวกเขาเพิ่งค้นพบว่าผู้หญิงที่มีท่าทางคล้ายพี่เลี้ยงข้างตัวเหมยเหมยเป็นคนโหดคนหนึ่งดี ๆนี่เอง

คุณแม่ฉางยังไม่ทันได้สติก็ถูกป้าฟางคว้าคอเสื้อไว้ เจ้าตัวเท้าลอยเหนือพื้นสองขาส่ายไปมากลางอากาศ

“ชิงซง…แก…รีบมาช่วยฉันสิ…จะฆ่าฉันตายอยู่แล้ว!”

คุณแม่ฉางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างพลางเรียกผู้ชายบ้านตนรีบมาช่วยชีวิต

คุณพ่อฉางเองก็สะดุ้งตกใจ ดูท่าทางเขาเป็นคนซื่อ ๆสงบเสงี่ยม ที่ผ่านมาเขาไม่ปริเสียงพูดจาใด ๆเลย พอเห็นภรรยากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากก็รีบพุ่งเข้ามาคิดจะช่วยภรรยาให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือป้าฟาง

ฉางชิงซงรีบห้ามเขาไว้ หันไปคุยกับป้าฟางดี ๆ “ป้าครับ แม่ผมไม่รู้กฎระเบียบ ไว้ผมกลับไปจะสั่งสอนเธอเอง ป้าเป็นคนใจกว้างได้โปรดเมตตาอย่าถือสาแม่ผมเลยนะครับ…”

……………………………

[1] เป็นสำนวนแปลว่าคนเราควรมีศักดิ์ศรี

ตอนที่ 2213 ใช้แผนชั่วร้าย

คุณแม่ฉางนั่งอยู่บนพื้นร้องคร่ำครวญประโยคแล้วประโยคเล่าเสียงสูงเสียงต่ำราวกับกำลังแสดงละครเวทีอยู่อย่างไรอย่างนั้น ทำเอาคนที่สัญจรตรงระเบียงทางเดินได้ยินกันถ้วนหน้า และนับว่าโชคดีที่ลุงปาเกินจัดให้อยู่ห้องผู้ป่วยวีไอพีไม่ได้วุ่นวายอย่างห้องพักผู้ป่วยทั่วไป ไม่อย่างนั้นต้องน่ารำคาญกว่านี้แน่

“เห็นแล้วใช่ไหม นี่ไงเอกการแสดง เธอยืนอยู่ตรงนี้แหละอย่าเข้าไป”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกในท้องเหมยเหมยจึงให้เธอยืนอยู่ห่าง ๆ

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าไปทักทายลุงปาเกินดีกว่า” เหมยเหมยไม่สนใจ คุณแม่ฉางไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเธอ!

ลุงปาเกินเห็นพวกเหมยเหมยก็เค้นรอยยิ้มส่งให้ สายตามีความรู้สึกผิดและความเครียดอย่างหนัก ฉีฉีเก๋อเป็นลูกสาวที่เขารักมากที่สุด ตอนนี้คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเขาล่ะ

“ฉีฉีเก๋อไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถาม

“จะไม่เป็นไรได้อย่างไรล่ะ? หลานฉันเกือบตาย คุณหมอบอก…” คุณแม่ฉางที่นั่งอยู่บนพื้นชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดพูดแดกดันตอกกลับไปไม่ได้ “หลานป้าหลานป้า? วัน ๆก็คิดแต่หลานป้า ทำไมถึงไม่เป็นห่วงบ้างว่าสุขภาพฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้าง อีกอย่างตอนนี้ฉีฉีเก๋อก็ยังไม่ใช่คนตระกูลฉางของพวกป้า ป้าอย่ามานับญาติไวขนาดนี้!”

รำคาญแม่สามีเห็นแก่ตัวแบบนี้ที่สุด ในสายตาพวกเธอลูกสะใภ้ก็คือหุ่นยนต์ผลิตลูก วัน ๆคิดแต่จะอุ้มหลาน ส่วนความเป็นความตายของลูกสะใภ้ไม่เคยถามไถ่สักคำ

คุณแม่ฉางชะงักไป พอเห็นชัดว่าเป็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ลอบด่าในใจว่าทำไมยัยอ้วนนี่โผล่มาอีกแล้ว ใบหน้าแสร้งทำหน้าน่าสงสารพลางปาดน้ำตาเอ่ย “ฉีฉีเก๋อท้องลูกของชิงซงแล้ว…จะไม่ใช่คนตระกูลเราได้อย่างไร…”

ขณะที่เอ่ยเช่นนี้ในสายตาของคุณแม่ฉางฉายแววได้ใจชั่ววูบแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว

มีลูกในท้องแล้ว ถ้าฉีฉีเก๋อไม่แต่งงานกับลูกชายเธอแล้วจะแต่งงานกับใครกัน?

เหอะ!

เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกชายเก่ง ขอเพียงเธอยุยงสักหน่อยก็รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร ทีนี้ละดีเลย แม่ไก่ที่ฟักไข่ทองคำได้อย่างฉีฉีเก๋อต่อให้มีปีกสิบคู่ก็บินไปไหนไม่รอด หากหล่อนไม่ซื้อบ้านในเมืองหลวงให้ลูกชายเธอ เธอก็จะไม่อนุญาตให้แต่งงาน!

ผู้หญิงที่เสียพรหมจรรย์ไปแล้วใครจะอยากได้?

ลุงปาเกินทำหน้าถมึงทึง เขาฟังออกถึงนัยยะที่คุณแม่ฉางจะสื่อพลันก็เกิดบันดาลโทสะ พูดเสียงขรึม “ลูกสาวฉันกับหลานฉันฉันเลี้ยงได้ ไม่ต้องให้บ้านพวกคุณมาคอยกังวลหรอก!”

“เด็กนั่นเป็นของชิงซงนะ…ชิ่นเจีย[1]…” คุณแม่ฉางทำท่าน่าสงสาร คนไม่รู้ความคงหลงคิดว่าคนตัวใหญ่อย่างลุงปาเกินกำลังรังแกเธอเสียอีก

“อย่ามาเรียกฉันว่าชิ่นเจีย ฉันไม่มีวันนับญาติกับครอบครัวอย่างพวกคุณ” ลุงปาเกินทำหน้าเย็นยะเยือก หากตอนนี้เขายังไม่รู้ทันความคิดของคนตระกูลฉางอีก งั้นก็เสียแรงที่เขาล้มลุกคลุกคลานในวงการค้าขายมาหลายสิบปีแล้ว

มีเพียงลูกสาวแสนโง่ของเขาที่ความรักบังตายินยอมให้คนกลุ่มนี้หลอกลวง

ฉางชิงซงพูดด้วยเสียงขุ่นเคือง “คุณลุง ผมกับฉีฉีเก๋อเรารักกันจากใจจริง ทำไมท่านต้องใจร้ายขนาดนี้ด้วย?”

“รักกันจากใจจริงเหรอ? แกไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก แกกล้าสาบานกับตัวเองไหมล่ะว่าที่ฉีฉีเก๋อท้องเป็นอุบัติเหตุ?” ลุงปาเกินจ้องเขานิ่ง

ฉางชิงซงทำหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ใจแป้วขึ้นมา

ใช่แล้ว เรื่องที่ตั้งครรภ์เขาทำไปตามแผนที่วางไว้

นั่นเพราะเขารักฉีฉีเก๋อมากเกินไป เขาไม่อยากพรากจากฉีฉีเก๋อ หลังจากเปิดอกคุยกับแม่ของเขา ฉางชิงซงก็คิดแผนทำให้ท้องขึ้นมาได้ อย่างไรเสียเขาจะดีกับฉีฉีเก๋อไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว มีลูกเร็วหรือช้ามันแตกต่างกันอย่างไรเล่า?

ฉางชิงซงไม่คิดว่าตัวเองทำผิดเลยสักนิด แต่ยามเผชิญหน้าลุงปาเกินเขากลับรู้สึกผิดอยู่ดี

[1] ชิ่นเจีย สรรพนามของพ่อแม่คู่สมรสใช้เรียกขานพ่อแม่อีกฝ่าย

…………………….

ตอนที่ 2214 ถูกผลักหนึ่งที

ลุงปาเกินแค่นหัวเราะทีหนึ่ง ความรักที่แท้จริงแบบนี้เขาไม่ต้องการ!

ฉางชิงซงเรียกขวัญกำลังใจแล้วเอ่ย “คุณลุง ผมสัญญาว่าจะดีกับฉีฉีเก๋อตลอดไป…ขอร้องละอนุญาตให้เราคบกันเถอะ”

“สัญญา? ฉันไม่เชื่อในคำสัญญาของแก แกไม่ต้องมาสัญญากับฉัน”

ลุงปาเกินไม่สนใจฉางชิงซงอีกต่อไป เขากำลังรอลูกชายคนรองกับลูกสะใภ้คนรองมา เรื่องแบบนี้ครอบครัวลูกคนรองถนัดรับมือเชียว เขาคร้านจะเสียเวลากับคนตระกูลฉางไปมากกว่านี้

คุณแม่ฉางอดพูดไม่ได้ “ฉีฉีเก๋อท้อง เธอไม่แต่งงานกับชิงซงแล้วจะทำอย่างไร…ชิ่นเจียคุณจะทำร้ายเด็กไม่ได้นะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกล่าวด้วยเสียงโมโห “ป้า ผู้ชายบนโลกนี้ไมได้มีแค่ลูกชายป้าคนเดียวนะ ฉีฉีเก๋อมีพื้นหลังครอบครัวที่ดีทั้งสวยทั้งเก่ง มีตัวเลือกเยอะจะตายไป”

เกลียดผู้หญิงที่ชอบเอาเด็กกับชื่อเสียงมาข่มขู่ที่สุดเลย!

“แม่หนู ฉีฉีเก๋อท้องแล้ว…” คุณแม่ฉางย้ำเรื่องฉีฉีเก๋อตั้งครรภ์ซ้ำ ๆจนเหมยเหมยทนฟังไม่ได้ เดินเข้าไปหา

“มีลูกแล้วอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงสามเดือนสามารถทำแท้งได้ทุกเมื่อ” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา

มีแม่สามีอย่างคุณแม่ฉาง ต่อให้การทำแท้งจะทำให้เสียสุขภาพเพียงใดก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับฉางชิงซงร้อยเท่า

“โอ้…แม่หนูพูดแบบนี้ไม่ได้นะ เด็กน่าสงสารจะตาย เขาเป็นหลานของตระกูลฉางเราเชียว พวกเธอบอกให้ทำแท้งแล้วจะทำแท้งเลยคงไม่ได้มั้ง อีกอย่างฉีฉีเก๋อยังเป็นสาวอยู่เลยจะไปทำแท้งได้อย่างไร ถ้าให้คนอื่นรู้เข้าก็คงไม่ดีต่อชื่อเสียงของฉีฉีเก๋อนะ…”

คุณแม่ฉางเอ่ยวาจาน่ารังเกียจด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยถึงขั้นข่มขู่ลุงปาเกิน

“เธอ…คิดจะใส่ร้ายลูกสาวฉันเหรอ?” คุณแม่ฉีฉีเก๋อที่สงบเสงี่ยมไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้น พอได้ยินประโยคนี้ก็พุ่งไปตรงหน้าคุณแม่ฉางด้วยความโกรธ เธอไม่ถนัดพูดภาษาจีนกลางเลยพูดเสียงติด ๆขัด ๆด้วยใบหน้าที่กำลังหน้าดำหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ

คุณแม่ฉางตกใจจนถอยหลังหลายก้าว “ฉัน…ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…ฉันแค่สงสารหลานของฉัน…”

“เธอกล้า…ทำร้ายลูกสาวฉัน…ฉันจะฆ่า…ฆ่าเธอ!”

คุณแม่ฉีฉีเก๋อคว้าคอเสื้อคุณแม่ฉาง เธอสูงกว่าคุณแม่ฉางกว่าคืบเลยยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย ฉางชิงซงรีบพุ่งเข้าไปหมายจะแยกพวกเธอออกจากกัน

“คุณป้า แม่ผมสุขภาพไม่ดี รีบปล่อยมือเถอะครับ!”

“สุขภาพไม่ดีก็อยู่บ้านเฉย ๆสิ อย่าวิ่งแจ้นไปสร้างปัญหานอกบ้านบ่อยนัก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดตอกกลับไม่ได้ พลางสะบัดสีหน้าใส่ฉางชิงซง

ฉางชิงซงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาแค่ต้องการแต่งงานกับหญิงที่เขารักเท่านั้น ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?

คุณแม่ฉีฉีเก๋อปล่อยตัวคุณแม่ฉางลงแล้วถลึงตากลับไปอย่างดุดัน พอนั่งลงที่เดิมก็ใช้ภาษามอลโกลคุยกับลุงปาเกินว่า “จะให้ฉีฉีเก๋อแต่งงานเข้าตระกูลนี้ไม่ได้ เราเลี้ยงหลานเองก็ได้”

ในเมื่อลูกสาวยืนกรานไม่ยอมเอาเด็กออกก็ให้พวกเขาเลี้ยงเถอะ อย่างไรเสียบ้านพวกเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแค่นี้อยู่แล้ว!

ลุงปาเกินพยักหน้า เมื่อครู่เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ถือว่าเขารู้ธาตุแท้ตระกูลฉางแล้ว ลูกสาวแต่งเข้าบ้านนั้นไปต้องลำบากแน่นอน!

คุณแม่ฉางโดนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเถียงหลายทีก็ทำเอาเธอแค้นใจนัก หากไม่ใช่ยัยอ้วนนี่มาป่วน ไม่แน่ฉีฉีเก๋ออาจจะจดทะเบียนสมรสกับลูกชายเธอไปตั้งนานแล้ว

“ฉันว่าแม่หนูสอดมือเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวฉัน ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย?” คุณแม่ฉางไม่แสร้งทำตัวน่าสงสารอีกต่อไป

“ฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนฉันแล้วทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ป้าทำผิดแล้วรู้สึกกลัวสินะ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เคยกลัวที่จะต่อปากต่อคำ เธอกำลังรออยู่เชียว

ทั้งคู่โต้กันไปโต้กันมาลามไปใหญ่โต คุณแม่ฉางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยได้แต่ด่ากลับไป “ฉันว่าเธอคงอิจฉาเพื่อนที่หาคู่ดี ๆได้ถึงจงใจมาป่วน คนอ้วนอย่างเธอต่อให้ผู้ชายตาบอดก็คงไม่ถูกใจ”

เหมยเหมยตีหน้านิ่งพูดเสียงเย็นชา “พูดจาให้เกียรติกันด้วย!”

“ฉันไม่ให้เกียรติอย่างไร ฉันพูดความจริงทั้งนั้น…”

คุณแม่ฉางพูดไปก็ผลักเหมยเหมยแรง ๆไปทีหนึ่ง ยัยตัวแสบนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทั้งหมดเป็นเพราะเธอกับยัยอ้วนนั่นเป่าหูฉีฉีเก๋อ

“ป้าคิดจะทำบ้าอะไรฮะ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจยกใหญ่รีบเข้าไปประคองเหมยเหมยไว้

………………………..

ตอนที่ 2211 แม่สามีเอกการแสดง

เรื่องราวต่อจากนั้นเหมยเหมยไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยอีก สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไร ต่อให้เธออยากออกจากบ้านมากเพียงใดเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีทางอนุญาต เหมยเหมยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยจับตาดูเอาไว้แล้วรายงานความคืบหน้าให้เธอฟังตลอดเวลา

“น่าโมโห ถ้าฉีฉีเก๋อเป็นน้องสาวฉัน ฉันจะฟาดให้ตายไปเลย ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่โง่กว่านี้อีกแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนั่งทานแตงโมในห้องนั่งเล่นบ้านเหมยเหมย โมโหจนแทะไปสามชิ้นติดต่อกันถึงทุเลาความหงุดหงิดลงได้บ้าง แต่สีหน้ายังขึงขังขุ่นเคืองเหมือนเดิม

“ทำไม? ฉีฉีเก๋อยืนยันจะเก็บลูกไว้เหรอ?” เหมยเหมยขมวดคิ้วถาม

“ใช่ ลุงปาเกินบอกให้ฉีฉีเก๋อทำแท้งแล้วให้ตัดขาดกับฉางชิงซง ฉีฉีเก๋อไม่ยอม แล้วยังบอกว่าพวกเขาเป็นฆาตกร แถมยังพูดจาไม่น่าฟังเท่าไรจนความสัมพันธ์แย่ลง ให้ตายเถอะ…อนาคตถ้าฉันมีลูกสาวจะต้องสอนให้เธออย่ายอมถูกหลอกง่าย ๆตั้งแต่เด็ก อย่าโง่เหมือนฉีฉีเก๋อเด็ดขาด”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหยิบแตงโมอีกชิ้นขึ้นมาแทะ เธอโกรธมากจริง ๆ แต่เธอเห็นใจพ่อแม่ของฉีฉีเก๋อมากกว่า

คลอดลูกสาวโง่เขลาแบบนี้มาคนเป็นพ่อแม่จะต้องเหนื่อยหน่ายใจแค่ไหนกัน?

เหมยเหมยไม่แปลกใจเท่าไร ความรักที่ฉีฉีเก๋อมีต่อฉางชิงซงช่างลึกซึ้งแล้วจะยอมเลิกได้อย่างไร?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นต่อ “อีกอย่าง…เราย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าให้ยัยโง่นั่นอย่าเพิ่งบอกเรื่องท้องให้ฉางชิงซงรู้ แต่เธอกลับทำเป็นหูทวนลม พอกลับไปก็บอกทันที ตอนนี้พ่อแม่ฉางชิงซงก็มาแล้วด้วย ให้ตายสิ…”

พูดถึงเรื่องนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยิ่งเดือดเข้าไปกันใหญ่พลางทำหน้าหยามเหยียด

“พ่อแม่ฉางชิงซงทำอะไร?” เหมยเหมยถาม

“อย่าไปพูดถึงมันเลย ก็แกล้งทำตัวน่าสงสารไง โดยเฉพาะแม่ของฉางชิงซงนี่เป็นนักแสดงยอดฝีมือเชียวล่ะ เหมยเหมยฉันจะบอกเธอให้นะว่าฉีฉีเก๋อสิบคนยังสู้ยัยแก่นี่ไม่ได้เลย ถ้าฉีฉีเก๋อแต่งงานกับฉางชิงซงจริง ๆ อนาคตเธอลำบากแน่!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอธิบายพฤติกรรมของคุณแม่ฉางให้เหมยเหมยอย่างออกรสโดยมีป้าฟางคอยฟังอยู่ข้าง ๆ เธอฟังเพียงครึ่งทางก็เอ่ยขึ้น “แม่สามีแบบนี้แต่งไม่ได้เชียวนะ คุณหนู หนูต้องรีบเกลี้ยกล่อมเพื่อนของหนูนะ อนาคตไม่สงบสุขแน่”

ที่แท้คุณแม่ฉางมาถึงโรงแรมก็คุกเข่าให้ลุงปาเกินทันที ร่ำไห้อ้อนวอนขอให้ลุงปาเกินปรานีอย่าได้ทำลายผู้สืบสกุลของพวกเขา แล้วบอกอีกว่าเธอเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นานแค่อยากอุ้มหลานสักครั้งก่อนตาย แบบนี้ก็จะได้ตายตาหลับ…

กล่าวโดยสรุปก็คือหากลุงปาเกินไม่อนุญาตงานแต่งงานของฉีฉีเก๋อกับลูกชายของเธอ ลุงปาเกินก็คือฆาตกรโหดเหี้ยม เป็นผู้ที่ทำให้เธอต้องตายตาไม่หลับ!

พอจะนึกออกแล้วว่าสองสามีภรรยาลุงปาเกินจะรู้สึกแย่เพียงใด!

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่น หากรู้แต่แรกว่าแม่ของฉางชิงซงเป็นนักแสดงยอดฝีมือแบบนี้ ตอนที่ฉีฉีเก๋อมาขอความเห็นเธอว่าควรยอมรับคำสารภาพรักของฉางชิงซงดีหรือไม่นั้นเธอควรคัดค้านอย่างหนักแน่น ไม่แน่ตอนนี้เรื่องอาจจะไม่บานปลายมาถึงตอนนี้ก็ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทะแตงโมหมดหนึ่งชิ้นแล้วก็พูดด้วยความโกรธ “ถ้าฉีฉีเก๋อยอมฟังคำเตือนก็ดีสิ ตอนนี้ยัยโง่นั่นเห็นคนตระกูลฉางเป็นคนดี แล้วมองเรากับพ่อแม่เธอเป็นคนร้าย!”

ป้าฟางถอนหายใจพลางเอ่ยอย่างสลดใจ “หญิงสาวอายุยังน้อยไม่เคยผ่านโลกมาก่อน ต้องฟังความเห็นจากคนหลายคนอย่าดื้อดึง แต่น่าเสียดายที่การแต่งงานกับมีลูกมันลองไม่ได้ สุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็คือผู้หญิงอยู่ดี”

เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ “แม่ของฉางชิงซงสุขภาพแย่มากเหรอ?”

หากพูดไม่น่าฟังสักหน่อย ถ้าแม่สามีเอกการแสดงคนนี้ตายเร็วได้จริง ๆก็ไม่เลว ที่บ้านขาดแม่สามีเอกการแสดงไปชีวิตคงราบรื่นขึ้นมาก ฉีฉีเก๋อจะแต่งงานกับฉางชิงซงก็ใช่ว่าจะไม่ได้

ในเมื่อพวกเขาสองคนมีพื้นฐานความรักอยู่แล้ว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะที “แย่อะไรละ กินได้นอนได้สร้างปัญหาได้ เธอรอดูสิ รับรองว่ายังอยู่เป็นตัวปัญหาได้อีกหลายสิบปีเลย!”

……………………

ตอนที่ 2212 ฆ่าตัวตายแล้ว

เหมยเหมยนึกฉงนใจ “ไหนฉางชิงซงบอกว่าแม่เขาสุขภาพแย่ทานยามานานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ทานยาเป็นเรื่องจริงแต่ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร โรคเก๊ากระดูกข้ออับเสบ แขนสองข้างไม่มีแรงทำงานหนักไม่ได้ บ้านเกิดฉันมีคนเคยเป็นโรคนี้อาการหนักว่าแม่เขามากก็ยังใช้ชีวิตมาถึงเก้าสิบเก้าปีเลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าเย้ย เธอเห็นแม่ฉางชิงซงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่ายายแก่คนนี้ไม่ได้สุขภาพแย่อย่างที่ฉางชิงซงบอก

“หรือว่าฉางชิงซงโกหกเหรอ?” เหมยเหมยทำหน้าจริงจัง

เงินเดือนกว่าครึ่งของฉางชิงซงล้วนถูกส่งกลับไปให้ที่บ้าน แล้วยังบอกว่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายซื้อยาให้คุณแม่ของเขารวมถึงเป็นค่าเล่าเรียนให้น้องสาวของเขา ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉีฉีเก๋อ ฉางชิงซงคงไม่ได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ

หากฉางชิงซงพูดโกหก ถ้าอย่างนั้นหลักคุณธรรมของผู้ชายคนนี้…

“ไม่ถึงกับโกหกหรอก ฉันว่าฉางชิงซงเองก็น่าจะไม่รู้อะไรมากนัก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเป็นกลาง

“งั้นแม่เขาก็หลอกเขาน่ะสิ ไม่หรอกมั้ง?” เหมยเหมยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีแม่แท้ ๆแบบนี้ ทนมองลูกชายลำบากลำเค็ญได้เช่นไร?

“จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร ก็บอกแล้วว่ายายแก่นี่เอกการแสดงไง บางทีเธออาจจะคิดใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากสามีกับลูกชายก็ได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพ่นลมทางจมูก

ป้าฟางเองก็พูดเสริม “หมู่บ้านเราก็มีผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน วัน ๆเอาแต่โอดครวญว่าปวดหัวปวดขาปวดแขน ไม่เคยสุขภาพดีเลยสักวัน วัน ๆไม่ทำงานแต่ไม่เคยทานน้อยกว่าคนอื่น ชีวิตอิ่มหนำสำราญเชียวล่ะ”

เหมยเหมยเข้าใจความหมายของพวกเธอแล้วก็อดกังวลใจแทนฉีฉีเก๋อไม่ได้ แม่สามีแบบนี้อนาคตจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร!

“งั้นลุงปาเกินว่าอย่างไร?”

“ลุงปาเกินโมโหแทบตาย เขาให้รปภ.โรงแรมไล่ครอบครัวนี้ออกไปแล้วด่าฉางชิงซงไปยกหนึ่ง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเอ่ย

เหมยเหมยกลับอารมณ์ดีไม่หยอกเลยถามอีก “แล้วฉีฉีเก๋อล่ะ? ตอนนี้เธออยู่ไหน?”

“อยู่โรงแรม ลุงปาเกินไม่อนุญาตให้เธอออกไปข้างนอก แล้วยังบอกว่าพรุ่งนี้จะพาเธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาล เสร็จแล้วก็พาเธอกลับบ้านเกิด”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจอีกที

ลุงปาเกินที่เคยใจดีเป็นมิตรในวันวาน คราวนี้กลับดูจริงจังขึงขัง ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบหน้าฉีฉีเก๋อไปฉาดหนึ่ง เฮ้อ

เหมยเหมยค่อยวางใจลงบ้าง ยังดีที่ลุงปาเกินเป็นคนมีเหตุผลไม่ปล่อยให้ฉีฉีเก๋อทำอะไรบ้า ๆ เพราะสุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นยัยโง่ฉีฉีเก๋ออยู่ดี การทำแท้งทิ้งบาดแผลให้ร่างกายไปตลอดชีวิตเลยล่ะ!

เดิมทีพวกเธอคิดว่าเรื่องนี้คงจบเพียงเท่านี้ เพราะฉีฉีเก๋อเป็นคนเชื่อฟังคำสั่งมาโดยตลอด ลุงปาเกินโกรธขนาดนั้นฉีฉีเก๋อคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆอีก ขอเพียงกลับไปที่ทุ่งหญ้า ต่อให้แม่ฉางชิงซงแสดงเก่งแค่ไหนก็ไม่มีที่ให้แสดงละครอีกแล้ว

แต่ว่า–

สุดท้ายพวกเธอเองที่ประเมินค่าพลังแห่งความรักต่ำไป มันทำให้ผู้หญิงกลายเป็นคนตาบอดคนโง่อย่างแท้จริง

“เมื่อคืนฉีฉีเก๋อกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก”

เช้าอีกวันเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโทรบอกข่าวร้ายกับเหมยเหมย

เหมยเหมยตกใจแทบแย่พลางให้ลุงเหลาพาเธอไปเยี่ยมฉีฉีเก๋อที่โรงพยาบาล ป้าฟางไม่ไว้วางใจจึงตามไปด้วยอีกคน นับว่าโชคดีที่มีป้าฟางอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะวุ่นวายมากแค่ไหน!

ลุงปาเกินเลือกห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวให้ฉีฉีเก๋อเพียงแต่ระเบียงทางเดินข้างนอกเสียงดังเอะอะโวยวาย มีทั้งเสียงร้องไห้เสียงทะเลาะวิวาท เหมยเหมยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งปล่อยโฮบนพื้นแต่ไกล สองสามีภรรยาลุงปาเกินหน้าทมึงทึง ฉางชิงซงเองก็ทำหน้าเศร้าสลด และด้านข้างก็มีชายวัยกลางคนทำหน้าขมขื่นยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

“หลานคนโตที่น่าสงสารของฉัน…ชีวิตหลานลำบากจังเลย ย่าเกือบจะไม่ได้กอดหลานแล้ว…แม่กุญแจอายุยืน[1]ที่ย่าเตรียมไว้ให้ก็เกือบไม่ได้ใส่แล้ว…”

……………………..

[1] เป็นของที่เตรียมไว้รับขวัญเด็กที่เกิดมา มีความเชื่อว่าจะทำให้อายุยืนยาว

ตอนที่ 2209 สองขีดหมดเลย

เหมยเหมยเองก็คิดว่าสิ่งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคาดเดาเป็นความจริง ฉางชิงซงใช้วิธีต่ำทรามคิดจะอาศัยลูกในท้องบีบบังคับให้ลุงปาเกินอนุญาตเรื่องงานแต่งงานของเขากับฉีฉีเก๋อ

ตอนนี้เธอก็คิดว่าฉางชิงซงไม่ใช่คนที่คู่ควร เขาอาจจะรักฉีฉีเก๋อจริงๆ แต่เขารักตัวเขาและครอบครัวเขามากกว่า เป็นภรรยาของผู้ชายแบบนี้ต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ

แต่รักไม่รักแต่งไม่แต่งคลอดไม่คลอดล้วนเป็นเรื่องของฉีฉีเก๋อ ในฐานะที่พวกเธอเป็นเพื่อนจึงทำได้แค่เกลี้ยกล่อมแต่ตัดสินใจแทนเธอไม่ได้

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็เข้าใจความหมายนี้ดี เธอทุบโต๊ะทีหนึ่งด้วยความโกรธ เอ่ยเสียงแค้นใจ “ฉันแค่โมโห ยายโง่ฉีฉีเก๋อใช้ไม่ได้ปล่อยให้ฉางชิงซงจูงจมูกแบบนี้ รู้งี้ไม่น่าจะสนับสนุนให้เธอยอมคบกับฉางชิงซงแต่แรกดีกว่า เฮ้อ!”

เหมยเหมยเองก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สถานการณ์ของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เท่ากับขึ้นหลังเสือก็ยากจะลงแล้ว

ฉีฉีเก๋อออกมาจากห้องน้ำแล้วถามเสียงอิดออด “อันนี้ดูอย่างไรเหรอ?”

“ขึ้นกี่ขีด?” เหมยเหมยถาม

“สองขีดหมดเลย” ฉีฉีเก๋อตอบด้วยความหวั่นใจ

“ปัง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนตบโต๊ะอย่างแรงทีหนึ่งจนเกิดเสียงดังสนั่น

“เธอสารภาพมาตรง ๆเลยนะ นอกจากตอนที่แอบไปด้วยกันคืนนั้นแล้ว หลังจากนั้นฉางชิงซงก็หลอกล่อเธออีกใช่ไหม? พวกเธอทำไปกี่รอบ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวาดด้วยความเดือดดาล

ตอนที่ซื้อกระดาษที่ตรวจครรภ์มา เธอถามอย่างชัดเจนแล้วว่าหนึ่งขีดเป็นหยิน ไม่ได้ท้อง สองขีดเป็นหยาง ซึ่งมีโอกาสท้องสูงมาก

ฉีฉีเก๋อเขินจนหน้าแดงพิงประตูห้องน้ำก้มหน้าลง คงไม่ต้องตอบเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ได้แล้วว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาฉางชิงซงกับฉีฉีเก๋อต้องแอบทำกันมาไม่น้อย

“ทำไมเธอไม่ใส่ใจสักนิด? ตอนนั้นเธอสัญญากับพวกเราอย่างไร? บอกว่าวันหลังจะคบกับฉางชิงซงดี ๆ ไม่นอนด้วยกันแน่นอน สัญญาของเธอล่ะ? โดนหมากลืนไปแล้วเหรอ? …ให้ตายสิ…จะแอบลักกินก็ลักกินเถอะ ไม่รู้จักใส่ถุงยางหรือไง…หาซื้อที่ร้านยาไหนก็ได้…เธอโดนประตูหนีบสมองมาหรือไง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนระงับโทสะไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งไปหน้าฉีฉีเก๋อแล้วด่ากราดพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าอีกฝ่าย

ฉีฉีเก๋อเองก็หดคอไม่กล้าโต้ตอบ น้ำตาคลอเบ้า ตอนนี้เธอลนแล้วเพราะไม่รู้ควรทำอย่างไรดี ความคิดที่จะกลับบ้านก็ตัดทิ้งไป

ถ้าให้พ่อกับแม่รู้ว่าเธอท้องเกรงว่าต้องโมโหจนตายสินะ?

“ให้ตาย…ฉันไม่ปล่อยไอ้เลวนั่นไปแน่ ฉันจะไปบริษัทภาพยนตร์เดี๋ยวนี้เลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหันหลังหมายจะไปคิดบัญชีกับฉางชิงซงแต่ฉีฉีเก๋อคว้าแขนเธอไว้ พูดอ้อนวอน “ไม่เกี่ยวกับรุ่นพี่ฉางหรอก แต่เป็นฉันเอง…”

“เธออย่ามาแก้ตัวแทนเขา เขาไม่ได้หลอกล่อเธอแล้วหมายถึงอย่างไร? เธอมีความกล้าที่จะยั่วเขาเหรอ…เหอะ…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เชื่อสักนิด อย่าเห็นแค่ว่าฉีฉีเก๋อเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา แต่กับเรื่องรัก ๆใคร่ ๆดันขี้อายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าจะเป็นฝ่ายยั่วยวนผู้ชายก่อน

เหมยเหมยเกลี้ยกล่อมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังเดือดดาลอยู่ “อย่าโมโหเลย ตอนนี้ต่อให้เธอตีฉางชิงซงจนตายก็เปล่าประโยชน์ มาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีหลังจากนี้ดีกว่า”

เธอหันไปมองฉีฉีเก๋อที่ทำหน้าหมองแล้วพูดอ้อม ๆ “ฉีฉีเก๋อ เรื่องนี้เธออย่าเพิ่งบอกฉางชิงซง หลังจากเธอคุยกับพ่อแม่เธอเสร็จค่อยบอกเรื่องนี้ให้ฉางชิงซงรู้แล้วกัน”

หากให้ฉางชิงซงรู้ว่าฉีฉีเก๋อตั้งครรภ์เกรงว่าคนในครอบครัวเขาจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ จากนั้นฉีฉีเก๋อก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ ตอนนี้เธอเหมือนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่ค่อยไว้วางใจในตัวฉางชิงซง รวมถึงคนในครอบครัวของเขาด้วย ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า

“ใช่ เธออย่าเพิ่งบอกอะไรให้ไอ้ชั่วสกุลฉางนั่นรู้เด็ดขาด โทรหาพ่อเธอตอนนี้เลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฉุดฉีฉีเก๋อไปหน้าโทรศัพท์ ฉีฉีเก๋อจับขอบประตูแน่นไม่ยอมโทร

……………………………

ตอนที่ 2210 อยากเก็บไว้

“ฉันไม่กล้าบอก…พ่อฉันต้องโกรธมากแน่ ๆ…” ฉีฉีเก๋อพูดเสียงติดสะอื้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง “รู้ว่าพ่อเธอต้องโกรธตายแน่ ๆ แล้วทำไมไม่รู้จักรัดเข็มขัดกางเกงให้ดีล่ะ?”

ฉีฉีเก๋อก้มหน้างุดลงอย่างรู้สึกอายแล้วพูดแก้ตัวเสียงอ่อน “เธอกับอิงจวี้กังก็อยู่ด้วยกันเหมือนกันนี่..”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนแทบหงายหลัง “กล้าเทียบกับฉันเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะว่าฉันสั่งให้อิงจวี้กังไปทิศตะวันออกอิงจวี้กังก็ไม่กล้าไปทิศใต้หรอก ฉันกำราบเขาจนอยู่ในโอวาทอย่างดีแต่เธอกลับตรงกันข้ามที่ต้องถูกฉางชิงซงบงการทุกอย่าง แล้วอีกอย่างฉันท้องไหมล่ะ หา?”

ฉีฉีเก๋อหลบหนีการโจมตีทางน้ำลายของคุณหนูใหญ่เหริ่นไม่กล้าสวนกลับแม้แต่ประโยคเดียว

เหมยเหมยพูดเสริม “ฉันกับเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ห้ามเธอตามหารักแท้ แต่ผู้หญิงอย่างเราสำคัญที่สุดต้องรู้จักปกป้องตัวเอง ตอนนี้เธอทำตัวเองจนท้องโตแล้วเธอคิดจะทำอย่างไรต่อ?”

“ฉันอยากเก็บเอาไว้!” ฉีฉีเก๋อลังเลเพียงอึดใจเดียวก็ตัดสินใจ

ตอนเพิ่งรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์เธอยังมึนงงอยู่บ้างแต่พอสงบสติอารมณ์ลงได้ ฉีฉีเก๋อก็ย่อมต้องคาดหวังปนดีใจในฐานะคนเป็นแม่อยู่แล้ว เธออยากเก็บลูกคนนี้เอาไว้ นี่เป็นโซ่ทองคล้องใจของเธอกับรุ่นพี่ฉางเชียวนะ!

“เก็บบ้าบออะไร…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนใจร้อนฉุนเฉียวจึงอ้าปากหมายจะด่ากราดโดยไม่ยั้งคิด เหมยเหมยรีบหยิกหลังเธอแรง ๆทีหนึ่ง

เธอเข้าใจความรู้สึกของฉีฉีเก๋ออย่างมาก ซึ่งคล้ายเธอที่พอรู้ว่าตัวเองท้องความคิดแรกก็คือต้องการที่จะปกป้องลูกให้ดี ทานของอร่อย ๆให้ลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของคนเป็นแม่ทั่วไป

ฉีฉีเก๋ออยากเก็บลูกเอาไว้ก็พอเข้าใจได้ เพียงแต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้…

“เธอโทรหาลุงปาเกินก่อนดีกว่า ฉีฉีเก๋อ ต่อให้เธออยากหนีเช่นไรก็เปล่าประโยชน์ เรื่องนี้เธอจะปิดบังพ่อแม่เธอไปตลอดชีวิตก็ไม่ได้ถูกไหม?” เหมยเหมยพูดโน้มน้าว

“ฉันกลัว…”

ฉีฉีเก๋อพูดเสียงแผ่ว คุณพ่อไม่ชอบรุ่นพี่ฉาง ตอนนี้เธอสร้างปัญหาจนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา อาป๊าจะต้องผิดหวังในตัวเธอมากเลยใช่ไหม?

“รู้แต่ก็ยังทำ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงที

ภายใต้การเกลี้ยกล่อมซ้ำ ๆของเหมยเหมยสุดท้ายฉีฉีเก๋อก็ยอมโทรหาลุงปาเกิน แต่พอโทรติดเธอกลับไม่รู้จะพูดอย่างไร อ้ำ ๆอึ้ง ๆอยู่พักใหญ่ก็พูดไม่เป็นคำสักที ลุงปาเกินที่อยู่ปลายสายร้อนใจแทบตายหลงคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่กับลูกสาวแล้วเสียอีก

เหมยเหมยแย่งหูโทรศัพท์มาก่อนจะเอ่ย “ลุงอย่าเพิ่งร้อนใจ ฉีฉีเก๋อทานข้าวที่บ้านหนู ตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่หนูคิดว่าลุงควรรับรู้ ฉีฉีเก๋อท้องแล้ว เพิ่งใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจเสร็จไปค่ะ”

“ตุบ”

เสียงดังสนั่นแว่วมาจากปลายสาย ฉีฉีเก๋อห่อตัวกัดริมฝีปากแน่น

“ลูกของเจ้าฉางชิงซงเหรอ?” เสียงพูดเล็ดรอดไรฟันของลุงปาเกินดังขึ้น แม้จะคุยผ่านโทรศัพท์ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธและกดดันจากเขา

“ใช่ค่ะ”

“ให้ฉีฉีเก๋อรับสาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”

เหมยเหมยยื่นหูโทรศัพท์ให้ฉีฉีเก๋อ ลุงปาเกินพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็วางสายไป ฉีฉีเก๋อทำหน้าเศร้าคล้ายจะร้องไห้กล่าว “พ่อกับแม่ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ฉีฉีเก๋อเป็นคนใสซื่อเสียเปรียบง่าย แต่ลุงปาเกินกลับเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวตนถูกเอารัดเอาเปรียบแน่นอน

“พอแล้ว เธอไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ทุกอย่างฟังที่พ่อแม่เธอบอก พวกเขาไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน” เหมยเหมยพูดชี้ทาง

“ใช่ พ่อแม่เธอสั่งให้เธอทำอย่างไรก็ทำไปตามนั้น อย่างอื่นไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมยมาก ลำพังยัยโง่อย่างฉีฉีเก๋อโดนเอาไปขายคงจะช่วยอีกฝ่ายนับเงินอยู่มากกว่าน่ะสิ เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งพ่อแม่ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลปัจจัยพื้นฐานของชีวิตล่ะนะ

แต่พวกเธอกลับไม่รู้ว่าลูกสาวที่เชื่อฟังเป็นเด็กดีมากเพียงใด หลังจากตกหลุมพรางความรักก็จะกลายเป็นคนหัวรั้นและเริ่มต่อต้านพ่อแม่จนทำการตัดสินใจที่อาจทำให้เธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

……………………..

ตอนที่ 2207 อยากทานเต้าหู้นมแล้ว

เหมยเหมยเองก็ค่อนข้างเป็นห่วงสภาพจิตใจของฉีฉีเก๋อ นับตั้งแต่ลุงปาเกินไม่อนุญาตให้เธอแต่งงาน หญิงสาวคนนี้ก็กลายเป็นแบบนี้มาโดยตลอด วัน ๆเอาแต่นั่งจนร่างกายซูบผอมลงไปไม่น้อย

“เปล่า แค่อากาศร้อนไม่อยากทานข้าว ฉันอยากทานเต้าหู้นมที่แม่ฉันทำน่ะ”

ฉีฉีเก๋อยิ้มพร้อมขมวดคิ้วมองกับข้าวมากมายบนโต๊ะอาหารที่ล้วนแต่เป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกอยากเลยสักนิด ทว่ากลับรู้สึกปุเลี่ยนอย่างเดียว

ตอนนี้เธออยากทานเต้าหู้นมฝีมือแม่ รสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นนมเข้มข้น แค่คิดน้ำลายก็สอแล้ว

ฉีฉีเก๋ออดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในเมืองหลวงมีเต้าหู้นมขายแต่กลับไม่อร่อยเท่าที่แม่ของเธอทำ รสชาติไม่เหมือนต้นตำรับเลยสักนิด เธอเคยไปซื้อทานมาบ้างยังไม่ทันหมดก็ให้ฉางชิงซงจัดการที่เหลือแล้ว

เหมยเหมยขมวดคิ้ว บอกตามตรงเธอไม่คุ้นชินกับรสชาติของเต้าหู้นมเลยสักนิดและไม่เข้าใจความอยากกินเต้าหู้นมของฉีฉีเก๋อ ของแบบนั้นอร่อยตรงไหนกัน

เช่นเดียวกับฉีฉีเก๋อที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบทานหั่มช้อยกอน ก็มันเป็นความแตกต่างทางภูมิศาสตร์นี่นา!

“ซีตันมีร้านหนึ่งเต้าหู้นมรสชาติดีไม่หยอก เธอไม่ได้ไปซื้อมาทานเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกแปลกใจ เธอก็ชอบทานเต้าหู้นมเช่นกันและได้แนะนำให้ฉีฉีเก๋อไปซื้อร้านที่เธอไปประจำโดยเฉพาะ

“ไปซื้อตั้งนานแล้วแต่ไม่อร่อยเท่าที่แม่ฉันทำ” ฉีฉีเก๋อรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ความต้องการต่อเต้าหู้นมยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนเธอแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นึกอยากซื้อตั๋วรถไฟกลับไปทานเต้าหู้นมที่บ้านเกิดเดี๋ยวนี้ทันที

“เต้าหู้นมร้านนั้นเธอยังไม่พอใจก็คงมีแต่กลับไปทานที่บ้านเกิดแล้วล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง เมื่อก่อนไม่เห็นเธอช่างเลือกขนาดนี้แต่ตอนนี้กลับเอาแต่ใจขึ้นแล้ว

เดิมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่พูดไปทีเชิงล้อเล่น ใครจะรู้ว่าฉีฉีเก๋อกลับคิดจริงจังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หรือว่าตอนบ่ายฉันกลับบ้านเลยดีกว่า บ่ายสามครึ่งมีรถเที่ยวหนึ่งไปเมืองที่ฉันอยู่”

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจกันยกใหญ่

“น้ำไม่ได้เข้าสมองเธอหรอกใช่ไหม? รถเที่ยวบ่ายสามครึ่งไปถึงเมืองที่เธออยู่ก็สามทุ่มแล้ว ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอไปนอนโรงแรมไม่กลัวโจรขโมยเงินหรือข่มขืนหรือไง เพื่อเต้าหู้นมอันเดียวต้องลงทุนขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนตบศีรษะฉีฉีเก๋อไปหลายที โง่ขึ้นทุกวันจริง ๆ

เหมยเหมยเองก็พูดเกลี้ยกล่อม “ใกล้จะถึงพิธีจบการศึกษาแล้ว ถ้าเธออยากทานจริง ๆก็รออีกสักสิบวัน รอพิธีการศึกษาจบค่อยกลับไปเถอะ”

“แต่ฉันอยากทานตอนนี้นี่นา อยากทานมากจนจะกระอักตายอยู่แล้ว เหมือนมีมดวิ่งอยู่ในท้องเลย…”

ฉีฉีเก๋อเองก็ลำบากใจเหลือเกิน เธอไม่เคยต้องการจะทานอะไรสักอย่างเท่านี้เลยมาตั้งแต่เด็ก ราวกับว่าหากไม่ได้ทานเต้าหู้นมตอนนี้เธอก็จะหายใจไม่ออก

เหมยเหมยฉุกคิดและเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

อาการของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เหมือนเธอในช่วงก่อนหน้านี้เลย!

หรือว่า?

ใจของเธอหล่นตุบ หวังว่าคงจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด ไม่อย่างนั้นปัญหาเดิมยังไม่จบก็มีปัญหาใหม่เข้าแล้ว

เหมยเหมยกำลังจะถามช่วงเวลาประจำเดือนของฉีฉีเก๋อป้าฟางก็ยกปลาเล็กทอดจานใหญ่มา ก่อนจะพูดเสียงดังกลั้วหัวเราะ “ปลาทอดที่พวกหนูชอบทานที่สุดมาแล้ว ป้าคลุกแป้งกับไข่ กรอบนอกนุ่มใน ทานเยอะ ๆล่ะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาเป็นประกายพลางตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ “ป้าฟาง หนูรักป้าที่สุดเลย”

เธอไม่ใช้ตะเกียบแต่เลือกยื่นแขนอวบขาวเนียนไปหยิบปลาเล็กทอดมาเคี้ยวทันที เสียงดังกรุบ ๆ ทานไปก็พูดชมไปไม่ขาดปาก ทำเอาเหมยเหมยก็เกิดอยากขึ้นมาเลยคีบมาทานหนึ่งตัว

“อร่อยจัง ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้สึกว่าปลาเล็กทอดอร่อยขนาดนี้นะ…”

เหมยเหมยทานติดต่อกันหลายตัว ยิ่งทานก็ยิ่งอร่อยจนแทบหยุดไม่อยู่

ฉีฉีเก๋อเห็นแล้วก็รู้สึกอยากขึ้นมาจึงหยิบตัวหนึ่งเข้าปาก แต่เพิ่งกัดไปแค่คำเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เอามืออุดปากพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำ

………………………….

ตอนที่ 2208 เกิดปัญหาถึงชีวิต

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจเลยถามด้วยความมึนงงว่า “ฉีฉีเก๋อเป็นอะไรไป?”

เหมยเหมยใจหล่นวูบ พฤติกรรมของฉีฉีเก๋อในตอนนี้เหมือนเธอเมื่อหนึ่งเดือนก่อนไม่มีผิด เธอพอจะมั่นใจเจ็ดในสิบส่วนแล้ว

ไม่นานฉีฉีเก๋อก็กลับมานั่งที่เดิมในสภาพที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอไม่ได้ทานปลาเล็กทอดอีกต่อไปแต่คีบผัดมันเส้นมาทาน ทีนี้เหมยเหมยถึงสังเกตเห็นว่าผัดมันเส้นจานใหญ่แทบจะถูกฉีฉีเก๋อจัดการคนเดียวและไม่แตะกับข้าวอย่างอื่นเลย

“เธอเป็นอะไร? เป็นหวัดเหรอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามด้วยห่วงใย

“ฉันก็ไม่รู้ ช่วงนี้รู้สึกคลื่นไส้ ทานอะไรก็ไม่ค่อยมีรสชาติ อยากแต่จะทานเต้าหู้นมอย่างเดียว”

ฉีฉีเก๋อเองก็เริ่มงงตัวเอง ก่อนจะเริ่มพร่ำหาถึงเต้าหู้นมอีกครั้ง ความต้องการที่จะกลับบ้านรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ประจำเดือนเธอไม่มานานแค่ไหนแล้ว?” เหมยเหมยถามขึ้นกะทันหัน

ฉีฉีเก๋อชะงักพลางมองเหมยเหมยด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆเธอถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา แล้วยังเลือกถามในเวลาทานข้าวด้วย เธอคิด ๆพลันก็ใจเต้นตุบตับ ถ้าเหมยเหมยไม่ถามเธอคงไม่ได้สังเกต ที่แท้ประจำเดือนของเดือนนี้มาช้าหลายวันแล้ว

เหมยเหมยแค่เห็นสีหน้าเธอก็รู้คำตอบแล้ว “เลื่อนใช่ไหม? เลื่อนมากี่วันแล้ว?”

“ฉันไม่ได้นับ อาจจะสิบกว่าวันได้มั้ง ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ…”

ฉีฉีเก๋อสติเริ่มเลื่อนลอย ต่อให้เธอใสซื่อเพียงใดก็รู้ว่าการที่ประจำเดือนไม่มาสื่อถึงอะไร

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจในทันทีสีหน้าก็ฉับพลัน ถลึงตาใส่ฉีฉีเก๋ออย่างดุดันแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ย “ฉันจะไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา”

เธอไม่สนใจกับข้าวอีกต่อไปแล้วรีบคว้ากุญแจรถวิ่งออกไปอย่างร้อนรน

ละแวกบ้านเหมยเหมยมีร้านยาครบครันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ ไม่นานเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็กลับมาพร้อมกับที่ตรวจครรภ์หลายแผ่นแล้วโยนใส่หน้าฉีฉีเก๋อ พูดเสียงเย็นชาว่า “ไปตรวจที่ห้องน้ำเดี๋ยวนี้”

“อันนี้…ใช้…อย่างไรเหรอ?” ฉีฉีเก๋อถามติด ๆขัด ๆ

“ฉี่…แล้วเอาอันนี้รอง เอาหัวด้านนี้แช่ในฉี่แล้วค่อยดูว่าขึ้นกี่ขีด”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะคอกเสียงดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงโกรธขนาดนี้ น่าโมโหชะมัด กล้าหาเรื่องใส่ตัวจนเกิดชีวิตใหม่เลยไหมล่ะ!

ฉีฉีเก๋อถูกพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าก็หยิบกระดาษตรวจครรภ์หนึ่งแผ่นเตรียมเข้าห้องน้ำ แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเรียกเธอไว้ “เอาพวกนี้ไปด้วย แช่ให้หมด”

เพราะกังวลว่ากระดาษตรวจครรภ์ไร้ประสิทธิภาพเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงตั้งใจซื้อมาหลายแผ่น แช่ให้หมดทีเดียวคงไม่เกิดข้อผิดพลาดหรอก

ฉีฉีเก๋อกัดฟันหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พวกเหมยเหมยรออยู่ข้างนอกและหมดอารมณ์ทานข้าวต่อ หากยายโง่ฉีฉีเก๋อท้องขึ้นมาจริง ๆ…

“ให้ตาย เสียเปรียบไอ้สารเลวฉางชิงซงนั่นแล้ว!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าอย่างนึกแค้นใจ หากฉีฉีเก๋อท้องก็ต้องจัดงานแต่งงานอย่างแน่นอน จะให้ทำแท้งก็คงไม่ได้หรอกมั้ง!

เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเลยถามเสียงเบา “ฉีฉีเก๋อเคยมีอะไรกับฉางชิงซงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นอยู่ในช่วงปลอดภัยนี่นา ทำไมถึงท้องได้ล่ะ?”

หรือว่าภายหลังฉีฉีเก๋อเผลอขึ้นเตียงกับฉางชิงซงอีก?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองคิดได้เลยกัดฟันกรอด “ต้องเป็นแผนชั่วร้ายของฉางชิงซงแน่ ทำทีเห็นด้วยว่าเลื่อนงานแต่งงานแต่ลับหลังแอบนัดฉีฉีเก๋อเพื่อจงใจทำให้เธอท้อง แบบนี้ก็จัดงานแต่งงานได้ตามกำหนดเดิม แม่ของเขาก็ได้หลานฟรี ๆอีกคนมา ให้ตาย…ไอ้สารเลวนี่มันร้ายกาจจริง ๆ ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้ธาตุแท้ของเขานะ…

ไม่ได้ จะเสียเปรียบไอ้ชั่วนี่ไม่ได้ สู้เอาเด็กออก…”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอทีหนึ่ง “เธอเบาเสียงหน่อย เรื่องเป็นมาอย่างไรเรายังไม่รู้เลยเธอก็กำหนดโทษให้คนอื่นแล้ว อีกอย่างต่อให้ฉีฉีเก๋อมีลูกจริง ๆ เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเธอ เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอนะ”

………………………..

ตอนที่ 2205 ชีวิตโหดร้ายแบบนี้แหละ

หลังจากส่งผลงานจบการศึกษาไปความจริงก็ถือว่าเรียนจบแล้ว แต่ยังต้องเข้าร่วมพิธีจบการศึกษาเพื่อเข้ารับใบจบการศึกษาถึงจะนับว่าสิ้นสุดการศึกษาอย่างแท้จริง

พิธีจบการศึกษาถูกกำหนดขึ้นในอีกสิบวันให้หลังซึ่งคาดว่าอยู่ประมาณกลางเดือนมิถุนายน จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมา ช่างเป็นความเศร้าของวันเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปและความสลดของการจากลา

เพื่อนร่วมห้องกันมาสี่ปีแม้จะเคยเกิดข้อบาดหมางระหว่างกันบ้าง ปกติก็ไม่ถือว่ามีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าไรนักแต่ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นมีมิตรภาพกันอยู่แล้ว เมื่อต้องจากกันไปคงรู้สึกเศร้าใจไม่มากก็น้อย

“เฮ้อ ห้องเรามีเพื่อนกว่าครึ่งห้องที่ไม่ได้ใบตอบรับจากที่ทำงาน” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคีบหมูตุ๋นน้ำแดงมาหนึ่งชิ้นพลางถอนหายใจยาวเหยียด แต่กลับไม่ส่งผลต่อความอยากอาหารของเธอที่ยังคงทานได้อย่างเอร็ดอร่อย

มื้อเที่ยงเหมยเหมยเชิญชวนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมาทานข้าวที่บ้าน เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้าน ช่วงนี้เขางานยุ่งมากดึกดื่นถึงจะกลับบ้าน เวลานั้นเหมยเหมยหลับไปแล้วทำให้ทั้งคู่ได้สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคในช่วงเช้าเท่านั้น

เหมยเหมยรู้ว่าเป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเตรียมเก็บแหจัดการหนิงเฉินเซวียนแล้ว ความพยายามในหลายปีจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้ ฉะนั้นถึงได้ลุยงานไม่หยุดหย่อน เธอช่วยอะไรไม่ได้จึงจะเป็นตัวถ่วงให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้เช่นกัน

ดังนั้นเธอไม่เคยถามไถ่อะไรแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง วัน ๆนอนให้เต็มอิ่มกินเต็มท้อง ดูแลตัวเองและลูกให้ดีเพื่อไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นเสียสมาธิก็นับว่าช่วยได้มากที่สุดแล้ว

ฝีมือการทำอาหารของป้าฟางยังคงอร่อยเช่นเคย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานไม่หยุดคีบหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนหน้าดูอิ่มเอม

สีหน้าฉีฉีเก๋อดูเคร่งเครียดอยู่บ้างและไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไร แถมยังไม่ค่อยช่างพูดเหมือนแต่ก่อน เธอทานข้าวเงียบ ๆ เป็นผู้ฟังอยู่อย่างเดียว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานเนื้ออีกหนึ่งชิ้นก่อนเอ่ยต่อ “แต่เพื่อนส่วนมากเลือกจะอยู่เมืองหลวงต่อ”

เหมยเหมยถามด้วยความตกใจ “แต่พวกเขาไม่มีงานนะแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?”

ถูกส่งกลับบ้านเกิดอย่างน้อยก็มีงานที่มั่นคง แต่เลือกอยู่เมืองหลวงต่อก็เท่ากับว่าเป็นคนว่างงาน พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตกัน?

“แล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ? ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยก็หางานไปด้วยน่ะสิ ต้องลำบากแน่ละ แต่ถ้าไม่ลำบากแล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างชื่นชมเพื่อนที่มีความกล้าจะอยู่ต่อ

หากเปลี่ยนเป็นเธอที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากครอบครัว ไม่มีพื้นหลังใด ๆ อยู่ตัวคนเดียวคงไม่มีความกล้าจะอยู่ต่อไป

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ชีวิตก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ คนที่ไม่ต้องห่วงชีวิตอย่างเธอ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อมีความสุขมากจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อ “ฉันรับเพื่อนสองคนเข้ามาทำงานในบริษัทฉัน คนหนึ่งห้องเรา อีกคนห้องอิงจวี้กัง”

เหมยเหมยเลิกคิ้วพร้อมพูดกลั้วหัวเราะ “ยินดีด้วยยินดีด้วย ดูท่าบริษัทเธอต้องไปไกลแน่นอน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำหน้าได้ใจ นานทีจะพูดอ่อนน้อมสักหน่อย “ไม่หรอก ๆเพราะผู้ชายของเธอดูแลต่างหาก”

กระทั่งตอนนี้ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทโฆษณาเธอก็คือบริษัทโฆษณาลูกพี่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่น เวลาบริษัทแม่งานชุกชุมก็จะเหมาเอางานเล็ก ๆมาให้บริษัทเล็กทำ เรื่องเช่นนี้พบเจอได้ทั่วไปไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการ

สำหรับบริษัทใหญ่พวกนั้นแล้วโฆษณาน้อยนิดแค่นี้ไม่ได้ทำเงินให้สักเท่าไรหรอก แต่สำหรับบริษัทขนาดเล็กของเธอกับอิงจวี้กัง งานพวกนี้มากพอจะทำให้เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองไปอีกนาน

เหมยเหมยเองก็ขำด้วยอีกคน “นั่นก็เพราะพวกเธอทำได้ดีไง ลูกพี่ลูกน้องของพี่หมิงซุ่นเข้มงวดมากเลยนะ ถ้าพวกเธอทำได้ไม่ดีเขาไม่ยอมไว้หน้าพี่หมิงซุ่นหรอก!”

“ก็ต้องทำให้ดีอยู่แล้วสิ ฉันจะทำให้เธอขายหน้าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ตามคำโบราณที่ว่าอาจารย์รับลูกศิษย์เข้าสำนัก แต่วิชาการฝึกฝนขึ้นอยู่กับตัวบุคคลไงล่ะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบหน้าอก รู้สึกซาบซึ้งเหมยเหมยอย่างมาก

บรรษัทข้ามชาติอย่างไท่หนิงกรุ๊ป หากไม่ใช่เพราะเหมยเหมยเธอคงไม่มีทางก้าวเข้าประตูได้ด้วยซ้ำ!

เหมยเหมยเป็นผู้มีพระคุณของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจริง ๆ!

………………………..

ตอนที่ 2206 ช่วยได้ก็ช่วย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แต่บริษัทฉันเล็กเกินไปไม่อย่างนั้นคงช่วยเพื่อนได้อีกหลายคน อย่างไรเสียก็เพื่อนกัน ทนเห็นพวกเขาลำบากไม่ได้จริง ๆ”

เหมยเหมยอมยิ้มพลันฉุกนึกถึงภาพครั้งแรกที่เธอเจอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขึ้นได้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เมื่อนั้นเธอหลงคิดว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนโลภที่เห็นแก่เงินจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องอยู่ให้ห่างจากหญิงสาวคนนี้เอาไว้

แต่ใครจะรู้เล่า ถึงคุณหนูใหญ่เหริ่นจะเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์ก็จริง เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ความกระตือรือร้นชอบช่วยเหลือผู้อื่นขี้ใจอ่อนก็เป็นเรื่องจริง เป็นเพื่อนที่คู่ควรคบหาด้วย

ฉะนั้นความประทับใจแรกใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสมอ

“เธอทำสุดความสามารถแล้ว อย่าคิดมากไปเลย ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของพวกเขา งั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมใจพร้อมจะลำบากแล้วแน่ ๆ” เหมยเหมยพูดปลอบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ มีความสามารถแค่ไหนก็ทำเท่านั้นเถอะ”

เหมยเหมยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ย “เอางี้แล้วกัน เธอไปบอกเพื่อนพวกนั้นทีว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะของแม่ฉันสามารถช่วยขายรูปวาดของพวกเขาได้และอาจจะมีงานจ้างเฉพาะงานบ้าง ถ้าพวกเขาสนใจก็ให้ไปติดต่อพิพิธภัณฑ์แม่ฉันได้ ถ้าพวกเขามีความสามารถก็พอหาเงินใช้ประทังชีวิตได้แหละ”

จู่ ๆเธอก็เกิดความคิดขึ้นมาชั่วขณะ อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนกัน ช่วยได้ก็ช่วยกันไป

ในเวลานี้เหยียนซินหย่าเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกบวกกับมีลูกค้าที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมาจึงทำให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะของเธอขายดีไม่น้อย มีลูกค้ามาสั่งวาดรูปประจำหรือที่เรียกกันว่ารูปภาพทางพาณิชย์ ซึ่งจะมีส่วนแบ่งให้ทั้งพิพิธภัณฑ์และนักวาด

พิพิธภัณฑ์อื่นส่วนมากจะแบ่งสัดส่วนเป็นสามต่อเจ็ดหรือหกต่อสี่ พิพิธภัณฑ์จะรับมากหน่อย ส่วนนัดวาดจะรับน้อยหน่อย ถึงขั้นมีแบ่งสัดส่วนสองต่อแปดก็ยังมี แต่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเหมยเหมยจะบอกเหยียนซินหย่าให้ช่วยแบ่งเป็นสี่ต่อหก พิพิธภัณฑ์หกส่วนนัดวาดสี่ก็ย่อมได้ แต่หากมากกว่านั้นคงไม่ได้เพราะจะทำลายกฎระเบียบของสายอาชีพนี้เอา

ความจริงเรื่องฝากขายก็แค่พูดให้น่าฟังเท่านั้น นักวาดที่ไร้ชื่อเสียงพวกนี้แถมยังเพิ่งเรียนจบ ฝีมือการวาดยังค่อยโดดเด่นเท่าไรนัก ภาพวาดของพวกเขาไม่มีใครอยากซื้อ ฉะนั้นเหมยเหมยจึงคิดว่าพวกเขาเหมาะกับการวาดรูปเชิงพาณิชย์ไปก่อนระยะหนึ่ง

หลายปีมานี้รูปเชิงพาณิชย์ค่อนข้างเป็นที่นิยม ชนชั้นกลางส่วนหนึ่งชอบสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อจะแสดงถึงรสนิยมด้านศิลปะของพวกเขาได้

แต่สำหรับนักวาดรูปแล้ว การวาดภาพเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องน่าเบื่อเพราะถูกกฎเกณฑ์ตีกรอบ ไม่มีอิสระและจิตวิญญาณในการออกแบบ นักวาดที่มีความเป็นตัวเองสูงมักจะไม่ยอมวาด คนที่วาดส่วนมากเป็นนักวาดวัยหนุ่มสาวที่ถูกชีวิตบีบบังคับให้ทำเช่นนั้น

แต่ต่อให้เบื่อเพียงใดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการหาเงินเลี้ยงชีพที่ดีไม่หยอก มีนักวาดมากมายเคยวาดรูปเชิงพาณิชย์มาก่อนจะเป็นนักวาดชื่อดังเช่นกัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีใจมาก “เหมยเหมยเธอเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขาจริง ๆ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จฉันจะไปบอกพวกเขานะ”

เหมยเหมยหยิบนามบัตรผู้รับชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ของเหยียนซินหย่าจากลิ้นชักให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เธอให้พวกเขาไปติดต่อผู้จัดการหลิวคนนี้ บอกว่าฉันเป็นคนแนะนำเอง เดี๋ยวฉันจะไปบอกผู้จัดการหลิวไว้แล้วกัน”

ผู้จัดการหลิวเป็นผู้จัดการดูแลพิพิธภัณฑ์มืออาชีพที่เซียวจิ่งหมิงแนะนำมา อดีตเคยทำงานในพิพิธภัณฑ์ของเซียวจิ่งหมิงมาก่อนแต่ภายหลังด้วยเหตุผลทางสุขภาพเลยขอลาออกพักฟื้นอยู่บ้านหลายปี เซียวจิ่งหมิงจึงแนะนำให้เขาไปทำงานกับเหยียนซินหย่า ความสามารถดีไม่เบา พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การจัดการดูแลเป็นระบบระเบียบของเขาทำให้เหยียนซินหย่าไม่ต้องกังวลอะไรเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเก็บนามบัตรไว้อย่างดี แก้ปัญหาเรื่องใหญ่ได้เธอก็มีอารมณ์สอดรู้เรื่องชาวบ้านอีกแล้ว

“ฉีฉีเก๋อ ช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป? ข้าวน้ำไม่กิน จนเกือบจะเป็นสาวอมทุกข์ไปแล้วนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบ่น

……………………..

ตอนที่ 2203 มิใช่คนด้อยการศึกษา

“ถังม่านลี่เธอไม่ทานข้าวเหรอ? ทานแต่ผลไม้เนี่ยนะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นจานเปล่าตรงหน้าถังม่านลี่ซึ่งนอกจากแอปเปิ้ลปอกเปลือกก็มีแค่แตงโมสองชิ้นที่ได้มาจากเหมยเหมยเท่านั้น อีกอย่างถังม่านลี่ยังเคี้ยวช้า ๆจนแหลกละเอียด หนึ่งคำต้องเคี้ยวหลายสิบครั้งถึงยอมกลืน ลำพังเวลาในการแตงโมชิ้นเดียวของเธอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ทานไปได้ครึ่งลูกแล้ว

“อืม ช่วงนี้เอวฉันหนาไปหน่อย กำลังอดอาหารอยู่”

ถังท่านลี่พูดออกมาอย่างเนิบ ๆแล้วหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาทานด้วยความช้าเยี่ยงเต่าดังเดิม ทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เห็นเช่นนั้นหงุดหงิดจนแทบอยากแย่งมาจัดการให้หมดภายในคำสองคำ

“เธอผอมขนาดนี้แล้วยังอดอาหารอีกเหรอ? ระวังเป็นโรคกระเพาะนะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเอวคอดของถังม่านลี่ด้วยความอิจฉาแล้วมองขาช้างแขนกิเลนบึกบึนของตัวเองก็นึกปวดใจ

คนที่วัน ๆได้แต่ร้องจะลดความอ้วนส่วนมากเป็นคนผอมกันทั้งนั้น

คนที่อ้วนจริง ๆไม่เคยคิดจะลดความอ้วน อย่างเช่นเธอไงล่ะ!

ถังม่านลี่แค่อมยิ้มให้เล็กน้อย ต่างหูเด่นสะดุดตาส่ายไปมาขับให้เธอดูงดงามเย้ายวนอย่างยิ่ง ทั้งที่ยังคงหน้าตาเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน แค่ผอมลงนิดแต่งหน้าหน่อยกลับมีบุคลิกที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“โครงร่างฉันใหญ่ แค่มีเนื้อหนังขึ้นมานิดหน่อยก็ดูอ้วนแล้ว แต่งตัวไม่สวย”

ถังม่านลี่อธิบายอย่างใจเย็น เธอใช้ชีวิตอยู่ในสถานบันเทิงแหล่งจับจ่ายเงินทองแห่งนั้นมาเกือบสี่ปี ได้พบเจอคนหลากหลายประเภท เคยถูกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีทำร้าย เคยถูกผู้ชายเอาเปรียบ ยิ่งเคยถูกโรคจิตทารุณมาก่อน…

ต่อให้เป็นหมูที่เคยผ่านความทุกข์ทรมานพวกนี้มาก็ต้องรู้จักระวังตนเองมากขึ้น ถังม่านลี่มาถึงจุดนี้ถึงพบว่าความจริงโลกใบนี้สิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดก็คือมิตรภาพระหว่างเพื่อนในวัยเรียน

แต่เธอกลับไม่ได้รักษามันเอาไว้ให้ดีและไม่ได้ตั้งใจเรียนหนังสืออีกต่างหาก

แม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยแต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ถังม่านลี่ก็ยังคงเลือกเส้นทางเดิม เธอไม่อยากใช้ชีวิตที่เอาเงินเดือนเพียงไม่กี่ร้อยหยวนแล้วหาผู้ชายธรรมดาแต่งงานใช้ชีวิตไปวัน ๆหรอก!

เธอในตอนนี้มีเงินที่ใช้ไม่หมดแล้วยังได้พบเจอกับผู้ชายที่มีสถานะไม่ธรรมดา เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดเดียว!

“ถังม่านลี่เธอไม่กลับบ้านเกิดจริง ๆเหรอ? คู่หมั้นเธอจะทำอย่างไรล่ะ?” สีอันน่าจงใจถาม การปฏิบัติที่แตกต่างจากเหมยเหมยเมื่อครู่ทำให้เธอนึกอิจฉาในใจและเริ่มมีอคติกับถังม่านลี่

พวกเธอสองคนเคยล่วงเกินจ้าวเหมยกันทั้งคู่ แล้วทำไมมีเพียงถังม่านลี่ที่ได้รับการให้อภัยล่ะ?

ถังม่านลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วขมวดแน่นแต่ไม่นานก็คลายลงก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “คนนั้นไม่ใช่คู่หมั้นของฉัน เป็นแค่เพื่อนบ้านเดียวกัน”

“ไม่หรอกมั้ง ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าพวกเธอหมั้นกันตั้งแต่ตอนมอปลายแล้ว เขายังบอกอีกว่าค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยของเธอบ้านเขาก็เป็นคนจ่ายด้วยซ้ำ รอเธอเรียนจบก็จะได้แต่งงาน” สีอันน่าเร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม พร้อมมองด้วยสายตาหยามเหยียด

มิน่าถึงยอมไปเป็นโสเภณี อายุสิบกว่าปีก็เรียนรู้การยั่วผู้ชาย แบบนี้จะเป็นคนดีได้อย่างไร?

ขณะนี้ถังม่านลี่มิใช่คนด้อยการศึกษาคนเดิมอีกต่อไป แล้วแผนชั่วร้ายของสีอันน่าจะปกปิดเธอได้หรือ เธอมองสีอันน่าอย่างขบขันพลางเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่คิดว่าเธอจะสนิทกับเพื่อนบ้านเดียวกันของฉันขนาดนี้ จะว่าไปเพื่อนคนนี้หน้าตานับว่าหล่อเหลาพอสมควร ฐานะทางบ้านก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆของหมู่บ้าน อันน่าถ้าเธอชอบเขาละก็ฉันช่วยพวกเธอได้นะ”

สีอันน่าสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วด่ากราด “เธอพูดบ้าอะไร ฉันจะชอบคนบ้านนอกได้อย่างไร!”

“แล้วเธอไปหาเพื่อนบ้านเดียวกันของฉันบ่อย ๆทำไม? ผู้ชายผู้หญิงอยู่กันสองต่อสองคงไม่ได้ห่มผ้าคุยกันเฉย ๆหรอกมั้ง?” ถังม่านลี่แค่นหัวเราะทีหนึ่งโดยไม่เห็นสีอันน่าในสายตาเลยสักนิด

ลูกไม้แค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“อุ๊บ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบเอามือปิดปากแล้วก้มหน้าทานเนื้อต่อ บอกตามตรงถังม่านลี่ในตอนนี้ค่อนข้างถูกใจเธอนัก เพียงแต่เธอไม่มีทางเป็นเพื่อนกับโสเภณีหรอก

ต่อให้สูงส่งมีระดับก็ยังเป็นโสเภณี เพราะเนื้อแท้ไม่ต่างกันเท่าไรนัก

………………………..

ตอนที่ 2204 ผลงานจบการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ

คู่หมั้นที่สีอันน่าพูดถึงพวกเหมยเหมยก็เคยเจอกันมาแล้วทั้งนั้น เมื่อหลายวันก่อนเขาแวะมาหาถังม่าน แต่ตอนนั้นถังม่านลี่ไม่อยู่หอพัก มีเพียงสีอันน่าที่อยู่

คู่หมั้นคนนั้นหน้าตาถือว่าใช้ได้แต่แต่งตัวเชยมาก แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ชายที่ไม่เคยออกไปเผชิญโลกภายนอกมาก่อน มีกลิ่นอายเชย ๆแบบฉบับคนบ้านนอกแผ่ออกมาจากตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า

แต่ไม่นานถังม่านลี่ก็หว่านล้อมให้ผู้ชายกลับไปได้สำเร็จและไม่เคยพบเจอกันอีก ไม่รู้ว่าสีอันน่าไปสืบเสาะเรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซึ่งเป็นของถังม่านลี่ เธอล้วงออกมาจากกระเป๋าแล้วกดรับสาย แต่ฟังไปได้ไม่กี่ประโยคก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ภาษาที่พูดเป็นภาษาบ้านเกิด ซึ่งถึงแม้จะตั้งใจกดเสียงลงก็ฟังออกว่าเธอโกรธมาก

“หวังเหลยนายอย่ามาหน้าด้าน เรื่องหมั้นระหว่างเราเป็นโมฆะไปแล้ว ฉันให้เงินบ้านนายไปห้าหมื่นแล้ว แถมมากกว่าค่าเทอมที่พวกนายให้ฉันมาสิบเท่า นายยังคิดจะเอาอะไรอีก?”

ถังม่านลี่โกรธมาก เธอใช้เงินคนตระกูลหวังนั่นก็จริงแต่ภายหลังเธอได้ชดใช้คืนไปแล้วสิบเท่า เงินห้าหมื่นเพียงพอสำหรับหวังเหลยตบแต่งหาภรรยาสักห้าคนได้แล้ว เธอคิดว่าเธอได้ทำดีที่สุดแล้ว หวังเหลยยังคิดจะเอาอะไรอีก?

ถังม่านลี่ด่าไปอีกหลายประโยคแล้ววางสายไปด้วยความขุ่นเคือง สีหน้าถมึงทึงไม่ทานแอปเปิ้ลอีกก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป ดูท่าทางร้อนใจอย่างมาก

สีอันน่าลอบยกยิ้มมุมปากดีใจคนเดียวแล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ

เหมยเหมยไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น เธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจัดการกับข้าวที่ป้าฟางส่งมาให้จนหมดแล้วเรอติดต่อกันหลายครั้ง ความรู้สึกอิ่มท้องมันดีจริง ๆ

“ตอนนี้เธอทานเก่งจริง ๆ ดูผิวเธอสิดีขนาดไหน ฉันเดาว่าท้องแรกเธอน่าจะเป็นผู้หญิง แม่ฉันบอกว่าตอนที่แม่ฉันท้องฉันนะผิวทั้งนุ่มทั้งลื่น ผิวสวยกว่าตอนสาว ๆมากเลยล่ะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบแก้มเหมยเหมยอย่างนึกอิจฉาทีหนึ่ง ผิวของเธอนับว่าดีอยู่แล้วแต่พอเทียบกับเหมยเหมยกลับกลายเป็นหนังหมูในฉับพลัน ปวดใจจัง

เหมยเหมยลูบท้องน้อยเบา ๆพร้อมยิ้มเอ่ย “ผู้ชายผู้หญิงก็ได้หมด ขอแค่ฉลาดแข็งแรงก็พอ”

“นั่นสินะ ตอนนี้ให้มีลูกได้คนเดียว ถ้าคลอดออกมาเป็นคนขี้โรคไม่ฉลาดคงเครียดตาย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันก็แอบดีใจที่อิงจวี้กังเป็นคนชนเผ่าจ้วง อนาคตเธอมีลูกได้สองคน

สีอันน่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยแล้วตกใจจนลืมความจริงที่ว่าตนไม่ญาติดีกับอีกฝ่าย พลั้งปากหลุดถามไปว่า “จ้าวเหมยเธอท้องเหรอ? เธอยังไม่แต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันแต่งงานหรือไม่แต่งงานแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ” เหมยเหมยตอกกลับเสียงเย็นชาประโยคหนึ่ง

“ยังไม่แต่งงานก็กล้าท้องเหรอ เหอะ ๆ” สีอันน่าหัวเราะเยาะ มองเหยียดด้วยสายตาดูถูก

ยังไม่ทันแต่งงานก็ทำให้ผู้หญิงท้องแล้ว บ่งบอกว่าคู่หมั้นของจ้าวเหมยไม่ได้รักเธอมากขนาดนั้น ไม่แน่อาจจะแค่เล่นสนุก ๆก็ได้!

เหอะ เธอจะรอดูจ้าวเหมยตกอับ!

ช่วงบ่ายต้องส่งผลงานจบการศึกษาซึ่งนับว่าเป็นผลงานภาพวาดที่สมบูรณ์แบบที่สุดของชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เหมยเหมยเตรียมผลงานไว้นานแล้ว เป็นภาพวาด 3D ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุคหลังแถมยังวาดเป็นรูปฉิวฉิว รูปนี้เธอใช้เวลาวาดเกือบหนึ่งปีและเพิ่งเสร็จไม่นานนี่เอง ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นคิดว่าในรูปเป็นฉิวฉิวตัวจริงเสียอีก

รูป 3D ต้องใช้เวลาอีกหลายปีถึงจะเป็นกระแสในประเทศจึงทำให้ตอนนี้พบเห็นได้น้อยมาก ผลงานของเหมยเหมยจึงโดดเด่นท่ามกลางผลงานจบการศึกษาคนอื่น ๆ ทั้งยังได้รับคำเชยชมจากบรรดาศาสตราจารย์มากมายที่เอ่ยชมไม่ขาดปาก ก่อนจะได้รับคำชมว่าเป็นผลงานจบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดตามคาด

เหมยเหมยมอบรูปนี้ให้กับทางมหาวิทยาลัย อนาคตจะมีโอกาสได้ไปเฉิดฉายในนิทรรศการของทางคณะศิลปกรรมศาสตร์เพื่อให้บรรดารุ่นน้องได้ชมเป็นตัวอย่าง นี่จึงเป็นเกียรติที่มีเพียงนักศึกษาชั้นปีที่สี่จะได้รับ หนึ่งปีมีเพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น

สิทธิ์ในปีนี้ย่อมตกเป็นของเหมยเหมยไปโดยปริยาย

เธอได้สร้างสรรค์ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยได้ดีที่สุด!

……………………..

ตอนที่ 2201 จงใจให้แกรู้สึกขยะแขยง

หนิงเฉินเซวียนไม่ใช่คนโง่ แน่นอนเขารู้ดีว่านายใหญ่พูดเช่นนี้ก็เพื่อตอบรับเขาส่ง ๆเท่านั้นเลยยิ่งนึกแค้นใจ ตัดสินใจหนักแน่นกว่าเดิมว่าต้องรีบเริ่มแผนการ ถึงตอนนั้นเขาอยากสั่งสอนใครก็จะสั่งสอนคนนั้น นายใหญ่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขา

ม้าเซ็กเธาว์ฝากเฮ่อเหลียนเช่อเลี้ยงไว้ก่อนชั่วคราวแล้วกัน รอแผนการของเขาสำเร็จ ทุก ๆอย่างของเฮ่อเหลียนชิงต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี ไม่ต้องรีบไปหรอก!

พอนึกถึงว่าอีกไม่นานเขาจะได้อยู่เหนือกว่าทุกคน หนิงเฉินเซวียนก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย บนใบหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย  แต่ทว่า–

“นายท่าน คนพวกนั้นมาถามหาเรื่องเงินอีกแล้ว” พ่อบ้านเข้ามาบอกด้วยสีหน้าเอือมระอา

เจ้าของม้าพวกนั้นถูกเฮ่อเหลียนชิงขูดรีดเงินไปย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว พวกเขาเลยมาขอร้องให้หนิงเฉินเซวียนช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเขาหลายต่อหลายครั้ง ช่างน่ารำคาญสิ้นดี

หนิงเฉินเซวียนเองก็รำคาญไม่น้อยแต่คนพวกนี้ยังต้องเก็บไว้ใช้ประโยชน์ต่อ หลังเริ่มแผนการจะให้เขาลุยเดี่ยวคงไม่ได้หรอก!

“เอาเงินจากบัญชีส่วนตัวฉันชดใช้ให้พวกเขาไปก่อน”

หนิงเฉินเซวียนอารมณ์เสียในฉับพลัน เมื่อคราวแข่งม้าเขาเสียเงินพนันไปหลายล้าน ตอนนี้ก็เสียอีกล้านกว่าหยวนบวกกับม้าเซ็กเธาว์ที่ถูกโฉ่วโฉ่วล่อไป รวม ๆแล้วมีมูลค่าความเสียหายกว่าห้าล้านหยวนเชียวนะ

หัวใจถูกทิ่มแทงอย่างแรงจึงทำให้สีหน้าหนิงเฉินเซวียนถมึงทึงกว่าเดิมเล็กน้อย ต่อให้เขามีเงินทองมากมายจนนับไม่ถ้วนแต่เงินห้าล้านก็ทำให้เขาปวดใจไม่น้อยเลย และมากกว่านั้นคือความรู้สึกอัดอั้นตันใจ

เพราะเงินพวกนี้ล้วนแต่เข้ากระเป๋าของเฮ่อเหลียนชิงไปหมดแล้ว!

เขายอมเอาเงินห้าล้านนี้ซื้อซาลาเปาเลี้ยงหมายังจะดีกว่า!

พ่อบ้านลังเลอยู่ชั่วอึดใจทำท่าอึกอักอยากพูดแต่ก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะสั่งคนไปถอนเงินที่ธนาคาร

หนิงเฉินเซวียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพ่อบ้านคิดจะพูดอะไรเพราะเขาเองก็ปวดใจที่ต้องเสียเงินหนึ่งล้านนี้ไปเช่นกัน แต่ช่วยไม่ได้ เงินนี้เขาจำเป็นต้องเป็นคนจ่าย เขาไม่อยากให้คนพวกนี้คิดว่าเขาสูญเสียความสำคัญจากนายใหญ่ไปแล้ว

เงินพวกนี้เขาจะต้องเอาคืนจากเฮ่อเหลียนชิงในไม่ช้าก็เร็ว!

แน่นอนว่าหนิงเฉินเซวียนไม่มีทางบอกคนพวกนี้ว่าเงินนี้มาจากเงินส่วนตัวของเขา เขาบอกเพียงว่าเฮ่อเหลียนชิงคืนเงินมาแล้วจึงทำให้ทุกคนที่ได้เงินคืนต่างพากันดีใจยกใหญ่ แล้วยังจะสนใจถึงที่มาของเงินอีกหรือก่อนที่จะทำท่าประจบสอพลออย่างเคย

เรื่องนี้ปิดบังเฮ่อเหลียนชิงไม่มิดอยู่แล้ว เขาไม่มีทางพลาดโอกาสอันดีนี้ไปแน่นอนจึงประกาศรายชื่อบนหนังสือพิมพ์ในเช้าวันถัดมา เจ้าของม้าพวกนั้นล้วนมีรายชื่ออยู่บนหนังสือพิมพ์ แถมด้านหลังยังมีราคาเดิมพันม้าของพวกเขาอีกด้วย

ไม่นานเงินพวกนี้ก็ถูกนำไปสร้างโรงเรียนในเขตพื้นที่ยากจนบนเขาอันไกลโพ้น รวม ๆแล้วเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านแปดหมื่นกว่าหยวนซึ่งสามารถสร้างโรงเรียนได้สิบกว่าโรงเรียน เฮ่อเหลียนชิงส่งคนไปคุมงานด้วยตัวเอง ใครกล้าทุจริตยักยอกเงินแม้แต่หยวนเดียวหรือลดคุณภาพวัสดุก่อสร้างก็จะเอาให้ถึงตายทันที

นี่จึงเป็นเหตุผลที่โรงเรียนสิบกว่าแห่งนี้มีฐานการสร้างที่แข็งแรง หลายปีหลังจากนั้นพื้นที่บนเขาเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง บ้านเรือนหลังอื่น ๆต่างถล่มกันหมดแต่โรงเรียนสิบกว่าแห่งนี้กลับยังตั้งตระหง่านอยู่ในสภาพเดิม

ทันทีที่รายชื่อออกมาหนิงเฉินเซวียนก็ปั้นหน้าขึงขังทันที รู้สึกสะอิดสะเอียนใจยิ่งกว่ากินขี้จนนึกอยากจะฆ่าเฮ่อเหลียนชิงให้ตาย ๆไปเสียตอนนี้

ดีที่คนพวกนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กันเลยทำเป็นไม่เห็นรายชื่อพวกนี้ อีกทั้งพวกเขาก็ได้เงินมาแล้ว แถมยังได้ชื่อเสียงมาด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแล้วมีอะไรให้ไม่พอใจอีกล่ะ!

เหมยเหมยเองก็ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเพราะเธอเป็นคนคิดแผนให้เอาเงินพวกนี้มาสร้างโรงเรียนเอง ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นบอกเธอว่าเฮ่อเหลียนชิงคิดจะเก็บเงินนี้ไว้ให้ลูกของเธอก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร เงินพวกนี้ถือว่าเป็นเงินที่ได้มาด้วยวิธีไร้คุณธรรม ถ้าเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเปิดเผยต้องก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะนายใหญ่ที่คอยจับตาดูอยู่!

สู้เอาเงินพวกนี้ไปทำการกุศลที่ได้ทั้งชื่อเสียงแล้วยังได้ทำความดีที่เป็นรูปธรรมจะดีกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าความคิดนี้ดีไม่หยอกเลยไปเสนอให้เฮ่อเหลียนชิง เฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่ลังเลใด ๆตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่บัญชีของลูกยังคงเก็บเอาไว้ ต่อไปเฮ่อเหลียนชิงบอกว่าเขาจะออมเงินใส่บัญชีให้ทุกปีถือว่าเป็นเงินทุนสร้างตัวให้ลูก

………………………

ตอนที่ 2202 ดาวเด่นผู้มีระดับ

วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยมีอายุครรภ์เดือนครึ่งแล้ว ท้องน้อยนูนขึ้นมาเล็กน้อย เธออวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นและดูดีมีชีวิตชีวามาก ผิวขาวอมชมพูเนียนผุดผ่อง

สุขภาพแข็งแรงเจริญอาหารไม่มีอาการแพ้ท้องเลยสักนิด เคยรู้สึกพะอืดพะอมตอนดื่มน้ำซุปปลาคราวก่อนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีอาการนี้อีก ทานอะไรก็อร่อยไปหมด

พักฟื้นที่บ้านเกือบหนึ่งเดือนจนเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะเรียนจบแล้ว นักศึกษาชั้นปีที่สี่แทบจะไม่มีคาบเรียนอะไรเลย มีนักศึกษาจำนวนมากไปฝึกงานตามหน่วยงานต่าง ๆแล้ว ส่วนนักศึกษาที่หางานที่เมืองหลวงไม่ได้ต่างก็ทำหน้าเศร้าสร้อย รอบทสรุปจากมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกส่งตัวกลับบ้านเกิด

ตอนนี้อยู่ในปีเก้าแปด นักศึกษาได้รับสิทธิ์ในการเข้าทำงานอัตโนมัติเลยแทบไม่ต้องห่วงเรื่องงาน แต่ปัญหาคืองานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ส่วนมากคุณมาจากไหนก็กลับไปทำที่นั่น โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างเมืองหลวงที่มีคนมากมายวิ่งเต้นหาทุกทางเพื่อเข้ามาทำงานที่นี่ แต่มันง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกันล่ะ?

นอกจากว่าคุณไปหางานที่ยินดีจะรับคุณเข้าทำงานด้วยตัวเองอย่างฉางชิงซงที่ไปติดต่อบริษัทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง เพราะอดีตเขาเคยร่วมงานกับบริษัทภาพยนตร์มาก่อนซึ่งตัวเขาเองก็นับว่ามีความสามารถและทำงานเก่งอยู่บ้างจึงสามารถอยู่ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น

ส่วนคนอื่น ๆคงไม่โชคดีขนาดนี้ ตามหางานอยู่หนึ่งเทอมก็หาไม่ได้ หากไม่เลือกทำงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ก็ต้องเคว้งอยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิดหรืออีกเส้นทางหนึ่งก็เลือกสอบปริญญาโทต่อไป

ขอแค่สอบเข้าศึกษาชั้นปริญญาโทได้ก็จะอยู่ต่อได้ นี่เป็นเส้นทางที่นักศึกษาหลายคนเลือก

ฉีฉีเก๋อเลือกเคว้งไปต่อโดยไม่รับงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ เช่นเดียวกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เธอกับอิงจวี้กังร่วมกันเปิดบริษัทของตัวเองหาเงินได้อย่างสบาย ๆจึงไม่จำเป็นต้องไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน

ส่วนถังม่านลี่กับสีอันน่าสองคนก็ไม่ได้รับงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้แต่เลือกหางานในเมืองหลวงเอง

ทว่าตอนนี้ถังม่านลี่กลายเป็นดาวเด่นที่สโมสรเศรษฐีแล้วจึงไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน การทำงานสำหรับเธอก็คือหลุมดี ๆ นี่เอง เธอไม่เห็นแก่เงินเดือนอันน้อยนิดนั่นหรอกนะ ไม่พอสำหรับค่าน้ำหอมหนึ่งขวดของเธอด้วยซ้ำ!

ส่วนช่วงเวลานี้สีอันน่าเครียดแทบตายเพราะเธอยังหางานไม่ได้เลยจึงอารมณ์เสียไม่น้อย

เที่ยงวันนี้นาน ๆทีเพื่อนร่วมหอพักจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนเลือกตักอาหารที่โรงอาหารกลับมาทานที่หอพัก สงสัยคงเพราะอีกหนึ่งเดือนก็ต้องแยกย้ายกันไปแล้ว ความสัมพันธ์จึงดีขึ้นมาก ไม่ได้ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเองไม่สนใจคนอื่นเหมือนแต่ก่อน

เหมยเหมยทานข้าวกล่องที่ป้าฟางส่งมาให้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นข้าวกล่องที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีกับข้าวสี่อย่างน้ำซุปหนึ่งอย่างบวกกับผลไม้รวมมิตรวางจนเต็มโต๊ะ

“ว้าว กับข้าวของเธอดูน่าทานจัง ฉันขอหน่อย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นหมูตุ๋นน้ำแดงก็ตาลุกวาวก่อนจะคีบเนื้อใส่ถ้วยตัวเองหลายชิ้น ฉีฉีเก๋อกลับอยู่เงียบ ๆ เธอดูผอมซูบลงไม่น้อย ทานข้าวไม่ได้เอร็ดอร่อยเท่าแต่ก่อน

“ทานไหม? ฉันมีกับข้าวเยอะมากเลยนะ ทานไม่หมดหรอก”

เหมยเหมยเรียกถังม่านลี่ ส่วนสีอันน่าเธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด กับคนที่เคยวางแผนทำร้ายเธอ เธอไม่มีวันยกโทษให้ตลอดชีวิต

“ฉันทานผลไม้นิดหน่อยก็พอ ขอบคุณนะ”

ถังม่านลี่อมยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นมือที่ทาสีเล็บออกมาหยิบแตงโมสองชิ้นและไม่ปรายตามองอย่างอื่นเลย จากนั้นก็นั่งลงค่อย ๆทานทีละนิด ๆ ดูสวยสง่างาม แตกต่างจากสาวบ้านนอกที่ทานเนื้อมูมมามเมื่อสี่ปีก่อนราวกับกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ไม่ปาน

หนำซ้ำสำเนียงการพูดของสาวคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว ไม่เหลือสำเนียงบ้านเกิดแต่ติดสำเนียงขี้อ้อนของทางเกาะไต้หวันมา น้ำเสียงของเธอแหบพร่าพอใช้สำเนียงขี้อ้อนพูดจาก็ทำเอาคนฟังคันยุบยิบในใจ

เท่าที่ฟังจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาตอนนี้ถังม่านลี่ไม่ใช่สาวนั่งดริ๊งอีกต่อไปแล้ว ควรเรียกว่าเป็นดาวเด่นผู้มีระดับ ผู้ชายที่ไม่มีตำแหน่งหรือเงินทองคงจับจองตัวเธอไม่ได้!

………………………

ตอนที่ 2199 พวกเราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง

เหมยเหมยฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมลูกชายของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นจะต้องใช้แซ่เดียวกับเฮ่อเหลียนชิงด้วยล่ะ?

“นี่เป็นเรื่องที่พี่กับพ่อบุญธรรมตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ลูกคนแรกให้ใช้แซ่ของพ่อบุญธรรมเพื่อเป็นทายาทสืบทอดตระกูลเฮ่อเหลียน” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอธิบาย ตอนนั้นเขายังไม่ทันได้คิดอะไรก็เลยตอบตกลงไป

เขาไม่ได้ชอบแซ่เหยียนของตัวเองสักเท่าไร แต่สาเหตุที่ไม่เปลี่ยนชื่อเพราะว่าเขาไม่ได้เอามาใส่ใจนัก แล้วก็ไม่อยากให้สองปู่ย่าตระกูลเหยียนเสียใจ ส่วนลูกจะแซ่อะไรเขายังไงก็ได้ เพราะทายาทตระกูลเหยียนมีเหยียนหมิงต๋าเป็นผู้สืบทอดอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเขา

เหมยเหมยเข้าใจขึ้นมาในทันที เธอไม่ได้ขัดข้องเรื่องแซ่ของลูก แต่เธอไม่ค่อยพอใจกับชื่อที่เขาตั้งให้ ทำไมจะต้องใช้คำว่าเซียวด้วย ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าชื่อของคน ๆนี้ดูไม่น่าเข้าใกล้ เธอไม่อยากให้ลูกชายโตขึ้นเป็นคนที่แข็งกระด้าง

“แซ่เดียวกับเขาฉันไม่ขัดข้องอะไร แต่ชื่อของลูกจะต้องให้พวกเราเป็นคนตั้งเอง เฮ่อเหลียนเซียวไม่เพราะเลยสักนิด ฉันจะตั้งชื่อเพราะ ๆให้ลูกชายของฉันเอง”

เหมยเหมยแสดงออกว่าไม่ชอบชื่อนี้ออกมาตรง ๆ จากนั้นก็เริ่มคิดหนัก ไม่นานก็คิดชื่อที่ไพเราะออกมาได้

“เฮ่อเหลียนเสี้ยวเทียนลื่นหูไหมล่ะ?”

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแล้วพูดแย้งขึ้นมาแบบไม่ต้องคิดว่า “อีกหน่อยพอลูกชายของเราไปโรงเรียนคงต้องได้รับฉายาว่าสุนัขเสี้ยวเทียนแน่เลย”

“ถ้าอย่างนั้นชื่อเฮ่อเหลียนเอ๋าเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไหมล่ะ?” เหมยเหมยยังคงไม่ยอมแพ้

“ลมที่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นก็คงมีแต่พายุทอร์นาโดแล้วล่ะ เธออยากให้ลูกของเราโดนคนอื่นเรียกว่าพายุทอร์นาโดงั้นเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นก็เฮ่อเหลียนอวี่มั่ว ดูมีพลังเก่าแก่ดีออก” เหมยเหมยพึงพอใจเป็นอย่างมาก ฟังชื่อแล้วก็นึกถึงภาพวาดแม่น้ำกับภูเขาที่มีความงดงามเต็มเปี่ยม

เหยียนหมิงซุ่นปากกระตุกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าชื่อนี้จะดีกว่าเสี้ยวเทียนกับเอ๋าเฟิงเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ฟังดูแล้วเหมือนชื่อผู้หญิง ลูกชายของเขาจะต้องเป็นผู้ชายอกสามศอกจะมาอ้อนแอ้นไม่ได้!

ฟังไปฟังมากลับรู้สึกว่าชื่อที่พ่อบุญธรรมตั้งให้มันดีอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนเซียว สั้น ๆกระชับ เรียกง่ายดีออก!

“ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ เธอว่าเหยียนเล่อเล่อเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที

เหมยเหมยติดกับเข้าแล้วจริง ๆเพราะเธอไม่คิดเรื่องชื่อของลูกชายอีกต่อไป พยักหน้าแล้วพูดว่า “ชื่อนี้พอได้อยู่”

เป็นเจ้าหญิงที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ เป็นความหวังที่พ่อแม่มีต่อลูกผู้หญิงทุกคน เธอเองก็เช่นกัน ชื่อว่าเหยียนเล่อเล่อก็ถือว่าไม่เลว

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากเหยียดยิ้ม ภรรยาของเขาเอาใจง่ายขึ้นทุกวัน

เหมยเหมยกินข้าวไปสักพักก็เหมือนจะนึกเรื่องที่เป็นปัญหาขึ้นมาได้อีกหนึ่งเรื่อง “ถ้าหากคนแรกของเราเป็นผู้หญิง แล้วเรื่องผู้สืบทอดสกุลของพ่อบุญธรรมพี่จะทำอย่างไรต่อไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลูกสาวแซ่เฮ่อเหลียน” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ เขาตัดสินใจไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงอย่างไรก็จะมีแค่คนเดียวเท่านั้น

“ตาแก่จะไม่ขัดข้องเหรอ?”

“ไม่พอใจก็ให้แซ่เหยียน ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เหยียนหมิงซุ่นยักคิ้ว ตอนนั้นเขาไม่ได้ตกลงว่าจะคลอดลูกชายให้สักหน่อย ส่งสินค้าให้แล้ว ถ้าจะไม่รับก็ไม่ใช่ปัญหาของเขานี่นา

เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่นจึงถามหยั่งเชิงออกมาว่า “พวกเราจะมีลูกกันแค่คนเดียวใช่ไหม?”

“แน่นอน การมีลูกคนเดียวเป็นนโยบายของภาครัฐ พวกเราต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างสิ” เหยียนหมิงซุ่นพูดออกมาด้วยท่าทีสุขุมนิ่งขรึม รู้สึกขอบคุณผู้เชี่ยวชาญที่เสนอนโยบายนี้ออกมาจริง ๆ เพราะเหตุนี้ทำให้เขาไม่ต้องหาข้ออ้างอื่นอีก

เหมยเหมยแอบด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจไปหลายสิบรอบ เป็นเพราะรำคาญเสียงเด็กสิไม่ว่า อย่าคิดว่าเธอจะไม่รู้นะ

อืม…งั้นเรื่องชนกลุ่มน้อยจะให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ไม่ได้ เดี๋ยวต้องไปกำชับพ่อกับแม่ว่าอย่าหลุดปากพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด รอคลอดลูกคนนี้ก่อนเธอค่อยหาโอกาสคลอดคนที่สอง ขอแค่มีลูกอยู่ในท้อง เหยียนหมิงซุ่นจะทำอะไรได้ล่ะ?

“พี่พูดถูกแล้ว เราต้องปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ” เหมยเหมยยิ้มตาหยีตอบรับ

เธอก็ไม่ได้ทำผิดกฎสักหน่อย เพียงแค่อาศัยช่องว่างนิด ๆหน่อย ๆเท่านั้นเอง!

นี่เป็นการเสียสละทำประโยชน์เพื่อสังคมที่อีกหน่อยจะมีแต่ผู้สูงอายุนะ!

……………………………………………………

ตอนที่ 2200 เข้าบัญชีล้าน

เฮ่อเหลียนชิงที่อยู่สวนฟาร์มดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่ เงินวางกองเต็มโต๊ะ แบงค์ร้อยเป็นปึก ๆวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ปึกหนึ่งมีหนึ่งหมื่น

“หนึ่ง…สอง…สาม…หนึ่งร้อยแปด…”

เฮ่อเหลียนชิงนับไปยิ้มไป มีทั้งหมด 108 ปึกเท่ากับมีเงินหนึ่งล้านแปด

“ตัวเลขนี้ไม่เลวเลย ไถ่กลับไปหมดหรือยัง?” เฮ่อเหลียนชิงยิ้มด้วยความเบิกบานใจ เมื่อวานถูกหนิงเฉินเซวียนทำให้โมโหแต่บัดนี้ไปมลายหายไปแล้ว

ถูกทำให้โมโหแล้วได้เงินกลับมาล้านแปด งั้นเขาก็ยอมโมโหทุกวันเลย!

“เอากลับไปหมดแล้วครับ เหลือแค่ม้าเซ็กเธาว์ตัวเดียวเท่านั้น” เสี่ยวเมิ่งยิ้มแล้วพูดตอบ

เฮ่อเหลียนชิงคิ้วเป็นเส้นตรง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า “ม้าเซ็กเธาว์เป็นเมียของโฉ่วโฉ่ว เป็นของบ้านเราแล้วจะเอากลับไปได้อย่างไร ไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ!”

เขาจ้องเสี่ยวเมิ่งอย่างนึกรังเกียจ ชักจะไม่ได้เรื่องขึ้นทุกวัน

เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกน้อย ๆ ถามขึ้นว่า “หนิงเฉินเซวียนส่งคนมาเอาม้าคืน นายท่านว่า…”

เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงได้ใจ “เขาอยากได้มันก็เรื่องของเขาแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก แกให้คนเอาเงินพวกนี้ไปเปิดบัญชีเงินฝากแยกไว้ให้หลานของฉัน”

เสี่ยวเมิ่งเรียกลูกน้องมาแล้วให้เอาเงินออกไปเปิดบัญชีเงินฝาก เขาจงใจออกไปโผล่หน้าที่สวนฟาร์มอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนยังอยู่พร้อมสีหน้าบึ้งตึง เขาเห็นเช่นนั้นยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบเลย

“คุณท่าน ผมเกรงว่าหนิงเฉินเซวียนจะแอบลงมือลับหลัง” เสี่ยวเมิ่งกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น

เฮ่อเหลียนชิงแสยะยิ้มเย็นยะเยือก “คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ สั่งการลงไปว่าช่วงนี้เพิ่มการคุ้มกันให้หนาแน่นขึ้น หากมีเรื่องแบบครั้งที่แล้วเกิดขึ้นอีกก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน”

“ครับ!”

เสี่ยวเมิ่งตื่นตกใจ ทำหน้าจริงจังแล้วจัดการทุกอย่างตามที่บอก ไม่กล้าหละหลวมใด ๆอีก

แต่ว่าครั้งนี้หนิงเฉินเซวียนไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่เขากลับเล่าเรื่องนี้ให้นายใหญ่ฟัง นายใหญ่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามม้านานแล้ว ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจกับการพูดจากลับกลอกของหนิงเฉินเซวียนด้วย อีกทั้งเขาไม่คิดจะทนกับตาแก่คนนี้อีกต่อไป แน่นอนว่าไม่ได้พูดจาถนอมน้ำใจเหมือนอย่างเคยแต่กลับพูดกับหนิงเฉินเซวียนออกมาตรง ๆว่าเขาเป็นคนพูดจาอะไรเชื่อถือไม่ได้ ทั้ง ๆที่เป็นฝ่ายพูดเรื่องพนันขึ้นมาก่อนแต่พอแพ้แล้วกลับไม่ยอมรับ นี่ไม่ใช่นิสัยของลูกผู้ชายเลย

“ในเมื่อม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้เป็นม้าที่นายแพ้พนันให้กับเขาไปแล้ว ถึงนายจะไม่ยอมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก มันจะเป็นการบ่งบอกว่านายเป็นคนใจแคบ ฉันคิดว่าเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ต่อไปก็อย่าก่อเรื่องอีก ตกลงไหมเหล่าหนิง”

ถึงแม้นายใหญ่จะพูดไปยิ้มไปแต่น้ำเสียงออกแนวปฏิเสธมากกว่า สายตายังแฝงไปด้วยความดุดัน

หนิงเฉินเซวียนรู้สึกตกใจอยู่ในใจ การลำเอียงของนายใหญ่ครั้งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย แต่ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แสดงออกมาและเปลี่ยนไปพูดเรื่องที่เฮ่อเหลียนชิงกอบโกยผลกำไรจากเรื่องในครั้งนี้แทน

นายใหญ่รู้อยู่แล้วเพราะก่อนที่หนิงเฉินเซวียนจะมาฟ้อง เฮ่อเหลียนชิงได้แวะมาหาก่อนแล้ว เขามามอบเงินจำนวนล้านแปดนั้นเก็บเข้าคลังของประเทศโดยไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว พร้อมทั้งบอกว่าเอาเงินจำนวนนี้ไว้สนับสนุนประเทศชาติ

ถึงขนาดเอาเงินมาสนับสนุนประเทศชาติ นายใหญ่จะไม่พอใจได้อย่างไร หนึ่งล้านก็สามารถเอาไปทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างแล้ว หากว่าทุกคนคิดได้แบบเฮ่อเหลียนชิงจะช่วยลดเรื่องกังวลใจเขาได้ขนาดไหนกันนะ?

“เรื่องนี้เฮ่อเหลียนชิงทำไม่ถูกต้อง เดี๋ยวฉันจะไปตำหนิเขาเอง”

นายใหญ่กล่าวโทษเฮ่อเหลียนชิงแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเอาเงินเข้าคลังของประเทศไปแล้วจะเอาออกมาคงเป็นไปไม่ได้ เขาอยากจะจัดการคนของรัฐบาลที่โลภมากพวกนั้นมานานแล้ว!

หากกินเงินเดือนไปวัน ๆจะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร?

หึ อย่านึกว่าเขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้แอบสมรู้ร่วมคิดกันนะ!

เพียงแต่ว่าน้ำที่ใสเกินไปจะไม่มีปลา คนที่เข้มงวดเกินไปก็จะไม่มีเพื่อน เรื่องอะไรก็ไม่ควรทำให้มันเกินไป เขาจึงจำเป็นต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปไงล่ะ!

…………………………………………..

ตอนที่ 2197 พาม้ากลับไปเป็นฝูง

เกิดความวุ่นวายขึ้นในสนามม้าชั่วขณะ ครูฝึกม้าทุกคนต่างพากันจับม้าของตัวเองไว้แน่นด้วยความตื่นตระหนก ทั้งยังรีบอยากจูงม้าออกไปเพื่อจะได้ไม่โดนลูกหลงจากความวุ่นวายในครั้งนี้

แต่ว่าช้าเกินไปแล้ว

เพราะว่าม้าเซ็กเธาว์เห็นว่ามีคนแห่มุงเข้ามาและในมือถือปืนไว้อยู่กระบอกหนึ่ง ของสิ่งนี้มันรู้จักเพราะมันคือปืนยาสลบ ถ้าโดนยิงเข้าไปก็จะสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว จากนั้นมนุษย์ก็จะทำอะไรกับมันก็ได้

ตอนมันอยู่ที่อังกฤษ มันเห็นม้าหลายตัวโดนแบบนี้ประจำ

น่ารังเกียจจริง ๆ!

“ฮี่…”

ม้าเซ็กเธาว์ยกขาหน้าตัวเองขึ้นมา ร้องด้วยเสียงทรงพลังจนน่าหวาดกลัว

โฉ่วโฉ่วก็ยกขาขึ้นแล้วส่งเสียงออกมาด้วยเช่นกัน ภรรยาของมันไม่พอใจมันก็ต้องแสดงอะไรออกมาบ้าง ในฐานะที่โฉ่วโฉ่วเป็นราชาในหมู่ม้า แค่มันส่งเสียงร้องออกมาม้าตัวอื่น ๆก็ตัวสั่นแล้วก็ประสานเสียงร้องตามกันขึ้นมา หลังจากนั้น…

พวกมันก็ร่วมมือกันสลัดตัวออกจากเชือกที่รัดกุมไว้ราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู วิ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

เหลือเพียงครูฝึกม้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความตกตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

โฉ่วโฉ่วพ่นลมออกจากจมูกใส่ม้าเซ็กเธาว์อย่างได้ใจ “เมียจ๋า ฉันจะพาเธอกลับบ้านนะ!”

คุณชายโฉ่วเป็นแกนนำวิ่งไปยังประตูใหญ่ของสนามม้า ตอนมามันจำทางได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นทำอะไรมันไม่ได้หรอก

ม้าเซ็กเธาว์ร้องออกมาด้วยความดีใจและรีบวิ่งตามไปติด ๆรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกคนเห็นแค่แสงสีดำกับแสงสีแดงผ่านไปเท่านั้น ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีสนามม้าก็ว่างเปล่า

เหลือเพียงแค่ครูฝึกม้าที่ยังคงตกตะลึงอยู่และคนที่ถือปืนยาสลบไว้ในมือสองสามคน ลูกกระสุนยังไม่ทันได้ยิงออกมาเลยนะ

ผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน หนิงเฉินเซวียนตั้งสติขึ้นมาได้เป็นคนแรก รีบตะโกนออกไปว่า “ยังไม่รีบตามออกไปอีก!”

เฮ่อเหลียนชิงก็ตั้งสติขึ้นมาได้เช่นกัน เขาให้เหยียนหมิงซุ่นส่งคนออกไปตามหาโฉ่วโฉ่วพร้อมกำชับว่า “พาภรรยาของโฉ่วโฉ่วกลับบ้านไปด้วยนะ!”

นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ ม้าเซ็กเธาว์ออกไปวิ่งเร่ร่อนอยู่ข้างนอกก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หากเขาเอากลับบ้านไปก็ไม่มีใครว่าอะไรได้

หนิงเฉินเซวียนก็คิดได้แบบเดียวกันกับเฮ่อเหลียนชิง แอบกำชับกับลูกน้องว่า “พาม้าดำตัวนั้นกลับมาด้วย”

หากว่าสามารถพาโฉ่วโฉ่วกลับไปด้วยได้ ความเสียหายในวันนี้ของเขาก็ไม่ได้ถือว่าเยอะมาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ตาแก่เฮ่อเหลียนชิงโมโหได้อีกด้วย ไม่เลวเลยล่ะ!

สนามม้าเกิดความโกลาหลขึ้นในทันที เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมยเลยให้ลูกน้องส่งเธอกลับบ้านก่อน เขาจะพาคนออกตามหาโฉ่วโฉ่ว ไม่รู้ว่ามันหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว!

“พี่ ไม่ต้องเป็นห่วง โฉ่วโฉ่วฉลาด มันน่าจะแอบกลับไปที่บ้านแล้วล่ะ” เหมยเหมยปลอบเขา เหมือนว่าเธอจะคิดอะไรออกจึงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม่แน่ว่าโฉ่วโฉ่วอาจจะพาภรรยากลับไปที่บ้านด้วยก็ได้นะ!”

เหยียนหมิงซุ่นได้ยินแล้วก็รู้สึกขบขัน ตอบกลับไปว่า “เพ้อเจ้อน่า ถึงโฉ่วโฉ่วจะฉลาดแค่ไหนก็เป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน มันจะเก่งกาจขนาดนั้นได้อย่างไรกันล่ะ!”

ตามความคิดของเขาโฉ่วโฉ่วน่าจะถูกขังอยู่ในฟาร์มนานเกินไปเลยรู้สึกเบื่อหน่าย ครั้งนี้ก็เลยออกไปวิ่งเที่ยวเล่นข้างนอก!

ยังดีที่สนามม้าอยู่บริเวณชานเมืองจึงอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองจึงไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรขึ้นมากนัก แต่ว่าก็ต้องรีบตามหาม้ากลับมาให้ได้โดยเร็วอยู่ดี คนบริเวณชานเมืองก็มีไม่น้อย หากเหยียบถูกคนอื่นเข้าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

นับว่าเหล่าคนสัญจรไปมาในเขตชานเมืองโชคดีได้เห็นภาพที่ร้อยปียังหาดูได้ยาก ม้าตัวสูงใหญ่เป็นฝูงออกมาวิ่งอยู่กลางถนนจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเดินอยู่ในทุ่งหญ้า และสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของแรงม้า

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากที่สุดก็คือม้าสองตัวข้างหน้า ตัวหนึ่งดำตัวหนึ่งแดง นี่สิเรียกว่าความน่าเกรงขาม ม้าทุกตัวอยู่ภายใต้การนำของพวกมันและวิ่งตามอย่างเป็นระเบียบราวกับเป็นพลทหารในกองทัพ

ตกดึกพอเหยียนหมิงซุ่นกลับมาที่บ้านเหมยเหมยถามถึงโฉ่วโฉ่ว เหยียนหมิงซุ่นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “กลับมาที่ฟาร์มเอง แถมยังพาม้ากลับมาด้วยอีกเป็นฝูงเลย!”

……………………………………………

ตอนที่ 2198 ตั้งชื่อเอาไว้แล้ว

เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันทีจึงรีบให้เหยียนหมิงซุ่นเล่ารายละเอียดให้ฟัง

เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดีมาก พูดพลางหัวเราะพร้อมแกะเปลือกกุ้งให้เหมยเหมยไปด้วย ช่วงนี้ป้าฟางมักจะทำกุ้งให้เหมยเหมยทาน บอกว่าทานแล้วจะทำให้เด็กฉลาดขึ้น

“โฉ่วโฉ่วไม่ได้พาแค่ม้าเซ็กเธาว์กลับมาเท่านั้น แต่ยังพาม้าทุกตัวที่อยู่ในสนามกลับมาด้วย รวม ๆแล้วประมาณสามสิบกว่าตัวทำเอาพ่อบุญธรรมดีใจยกใหญ่เลย ตอนนี้กำลังหาคนมาขยายฟาร์มให้กว้างขึ้น”

เหยียนหมิงซุ่นก็อดดีใจไม่ได้ พูดไปหัวเราะไป เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ

ใครจะไปรู้ว่าโฉ่วโฉ่วไอคิวสูงขนาดนี้ เคยได้ยินว่าไอคิวของม้าที่โตเต็มไวจะเท่ากับเด็กอายุหกเจ็ดขวบ แต่จากที่เขาดูแล้วไอคิวของโฉ่วโฉ่วน่าจะเท่ากับเด็กอายุประมาณ11-12 ขวบหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ฉับพลันก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยแน่นอน

สัตว์ที่อยู่รอบตัวของเหมยเหมยล้วนไม่ธรรมดาอย่างเช่นฉิวฉิวกับฉาฉา ตอนนี้ก็ยังมีโฉ่วโฉ่วอีก ทุกตัวฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบดี มีลูกล่อลูกชนไม่ธรรมดากันทั้งนั้นเลย

“ฉันก็บอกแล้วไงว่าโฉ่วโฉ่วไม่ธรรมดา พี่ก็ยังไม่เชื่อ!”

เหมยเหมยรู้สึกลำพองใจขึ้นมาในทันที ตอนเช้าเธอพูดเอาไว้แล้วว่าโฉ่วโฉ่วไม่ใช่แค่จะกลับมาบ้านเองได้แต่จะต้องพาเมียกลับมาได้ด้วย แถมยังพาลูกน้องกลับมาด้วยอีกเป็นฝูงแน่นอน เก่งขนาดไหนล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือแตะจมูกของหล่อนเบา ๆแล้วก็เอากุ้งหนึ่งตัวป้อนใส่ปากเธอ พูดขึ้นด้วยความเอ็นดูว่า “เธอเก่งที่สุดแล้ว เป็นเพราะโฉ่วโฉ่วได้รับการดูแลสั่งสอนจากเธอมาเป็นอย่างดีไงล่ะ!”

เหมยเหมยส่งเสียงหึออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง ก็แหงสิ!

เธอถามต่อว่า “ตาแก่ไม่อยากจะคืนม้าพวกนี้กลับไปใช่ไหม?”

นี่ถึงกับจะขยายสวนฟาร์ม หรือว่าตาแก่เฮ่อเหลียนชิงคิดจะเก็บม้าทั้งสามสิบตัวไว้คนเดียว?

จุ๊ ๆ เขาจะกระเพาะใหญ่เกินไปหรือเปล่า ม้าตัวหนึ่งราคาตั้งเท่าไร โดยเฉพาะม้าพวกนี้ต่างก็เป็นม้าแข่งทั้งนั้น อย่ามองแต่ว่าพวกมันวิ่งสู้โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ไม่ได้นะเพราะนั่นเป็นเพราะโฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์มาจากชาติตระกูลที่ดี เป็นม้าชั้นดีที่ร้อยปีหาได้ยาก มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้

แต่เจ้าของม้าที่เหลือพวกนั้นต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง แล้วจะซื้อม้าธรรมดา ๆได้อย่างไรกัน

เพราะฉะนั้นม้าแข่งพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีสายเลือดที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ทุกตัวอย่างน้อยก็ราคาเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นแสนเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆเลย

ม้าสามสิบตัวรวมกัน อย่างน้อยก็ตั้งหลายล้านแล้ว!

เฮ่อเหลียนชิงวางแผนไว้ดีเหลือเกิน

เหยียนหมิงซุ่นส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ไม่ได้คืนทั้งหมด พ่อบุญธรรมคืนไปแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่เหลือถูกขังอยู่ในสวนฟาร์มรอให้เจ้าของเอาเงินมาไถ่ออกไป”

ม้าสองสามตัวที่เอาคืนเจ้าของไปเป็นของพวกที่ไม่ฝักฝ่ายฝั่งใด พวกเขาเป็นคนที่รักม้าจริง ๆซึ่งไม่ได้ร่วมชิงดีชิงเด่นด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับพวกเขาเลยส่งม้าพวกนั้นกลับไป

สำหรับเจ้าของม้าอีกยี่สิบตัวที่เหลือ หากไม่ใช่ของลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนก็เป็นของพวกนกสองหัวที่ไม่มีจุดยืน เฮ่อเหลียนชิงเกลียดคนพวกนี้ที่สุด แล้วก็แค้นใจที่เมื่อเช้าคนพวกนี้ไม่คิดจะช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสั่งสอนคนพวกนี้

อยากจะได้ม้ากลับไปงั้นเหรอ?

ได้ งั้นเอาเงินครึ่งหนึ่งมาไถ่ออกไปสิ ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียวด้วย!

เหมยเหมยฟังอย่างเพลิดเพลิน “โฉ่วโฉ่วก็เก่งแบบนี้แหละ แถมยังหาเงินเข้าบ้านได้อีกด้วย คนพวกนั้นให้เงินค่าไถ่มาหรือยัง?”

เหยียนหมิงซุ่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้อีกครั้ง “แน่นอน เอากลับไปเกือบครึ่งแล้ว พ่อบุญธรรมได้เงินมาเป็นแสน เขาบอกว่าเงินพวกนี้จะเก็บไว้ซื้อของกินอร่อย ๆให้ลูกของเราเลยให้พี่เมิ่งเก็บเอาไว้แล้ว”

ในใจของเหมยเหมยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ฝีปากของเฮ่อเหลียนชิงทำให้คนเกลียดไม่น้อย แต่บางครั้งการกระทำของเขาก็ทำให้คนเกลียดไม่ลงจริง ๆ แต่ว่าตาแก่นี่คงจะชอบเด็กมากจริง ๆสินะ ดูสิว่าเขามีความอดทนต่อพวกหมาแมวมากแค่ไหน!

“ใช่แล้ว พ่อบุญธรรมตั้งชื่อให้ลูกของเราแล้วนะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดต่อ

“ชื่อว่าอะไรเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมา

“ถ้าเป็นผู้ชายให้ชื่อเฮ่อเหลียนเซียว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงให้ชื่อเหยียนเล่อเล่อ เห็นบอกว่าลูกสาวของเราจะได้เป็นเจ้าหญิงที่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องใด ๆ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

………………………………..

ตอนที่ 2195 ตกหลุมพรางสำเร็จ

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อยพูดตอบกลับไปอย่างสบาย ๆว่า “ฉันจะรอตะกร้าของแกแล้วกัน หวังว่าพอถึงเวลานั้นคุณชายเช่อจะไม่กลับคำแล้วกันนะ”

สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนไปในทันที ราวกับจะมีพายุเข้า เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ใครจะกลับคำกัน เหยียนหมิงซุ่นแกอยากตายหรือไง?”

“ก็ดูจากที่บ้านของคุณชายเช่อแล้ว ฉันรู้สึกกังวลใจจริง ๆ”

เหยียนหมิงซุ่นไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังจงใจมองไปที่หนิงเฉินเซวียนราวกับกำลังพูดว่าพ่อของแกก็กำลังพูดจากลับกลอกอยู่นี่ไง

เฮ่อเหลียนเช่อโมโหเป็นอย่างมาก เรื่องเป็นแบบนั้นจริง ๆซึ่งเขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ เขาทำเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ “แกคลอดลูกออกมาก่อนเถอะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งเก้าเดือน ใครจะไปรู้ว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า…”

บรรยากาศมาคุในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นหายไปแล้วมองเขาด้วยแววตาเยือกเย็นพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ใครกล้ามาแตะต้องลูกและภรรยาของฉัน ฉันก็จะส่งพวกมันไปตายพร้อมกันทั้งตระกูล และจะขุดเอาบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรออกมารับกรรมพร้อมกันด้วยเลย!”

เหมยเหมยที่เดิมกำลังเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่า จู่ ๆก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป พอได้ยินคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกอบอุ่นใจแล้วลูบหลังมือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเบามือ

เฮ่อเหลียนเช่อก็รู้สึกตกใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเหยียนหมิงซุ่นเช่นกัน แต่ก็รีบทำตัวเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แค่รู้สึกว่าเกือบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เขาจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร

“ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าใครจะมาทำร้ายลูกเมียของแก แกก็เป็นศัตรูกับคนตั้งมากมาย ให้นับยังนับไม่หมดเลยด้วยซ้ำ” เฮ่อเหลียนเช่อตั้งใจพูดจาแดกดัน

“ศัตรูเบอร์หนึ่งของฉันก็มีแต่แกไม่ใช่หรือไง? คุณชายเช่อ” เหยียนหมิงซุ่นตอกกลับอย่างจงใจ

เฮ่อเหลียนเช่อเลิกคิ้ว อยู่ดี ๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวัวสันหลังหวะ พูดตามตรงตอนที่เขาเพิ่งรู้ว่าจ้าวเหมยท้อง เขาก็ยังมีความคิดที่จะลงมือกับจ้าวเหมยเพื่อตัดรากถอนโคน!

ไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเก่งกาจมาจากไหน หากกำจัดลูกหลานของเขาจนสิ้น หัวเดียวกระเทียมลีบจะทำอะไรไปก็เท่านั้น เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนต่างก็คิดเช่นนี้ แต่เขาแค่เพิ่งจะเริ่มคิดเท่านั้นก็ถูกเหมยซูหานพูดดักคอไว้แล้ว

เหมยซูหานขู่ว่าหากเขากล้าทำอะไรจ้าวเหมยกับลูก เขาก็จะรีบพาเสี่ยวเป่าหนีไปอยู่ที่อื่นทันที ไปอยู่ที่ ๆเขาไม่สามารถหาเจอและจะไม่กลับมาที่เมืองหลวงอีกตลอดชีวิต

เขารู้ว่าเหมยซูหานไม่ได้พูดเล่น เขาสามารถทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนี้เพื่อจ้าวเหมยได้จริง ๆ ในขณะที่เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกปวดใจเขาก็ต้องพยายามกำจัดความคิดที่จะเล่นงานจ้าวเหมยออกไปจากหัวด้วย

“หึ อย่าเอาความคิดของคนชั้นต่ำมาใส่สมองปัญญาชนจะดีกว่า คนอย่างฉันจะลงมือทำร้ายผู้หญิงท้องงั้นเหรอ” เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด เพราะอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรสักหน่อยจะกลัวอะไร

“ฉันจะจำเอาไว้ ถ้าวันหน้าเกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมยก็เท่ากับว่าแกกลับคำพูดแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นพูดแบบมัดมือชก

เฮ่อเหลียนเช่อชะงักไปแล้วก็นึกโมโหขึ้นมา “เหยียนหมิงซุ่น แกหมายความว่าไง จ้าวเหมยเป็นภรรยาของแก ไม่ใช่ภรรยาของฉันนะ หากเธอเป็นอะไรไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ ศัตรูของแกเยอะขนาดนั้น ทำไมฉันต้องมารับผิดชอบด้วย?”

“ในเมืองหลวงคนที่สามารถคานอำนาจของฉันได้ นอกจากแกก็ไม่มีใครแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดขึ้น

เฮ่อเหลียนเช่อที่อารมณ์ขึ้นเมื่อครู่ก็สงบลงในทันที เขาภูมิใจเล็กน้อยแต่ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกเศษผักเศษปลาในเมืองหลวงเขาใช้แค่นิ้วเดียวก็สามารถจัดการได้หมดแล้ว ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องแต่ถือว่ามีสายตาเฉียบใช้ได้เลย

“ถือว่าแกสายตาใช้ได้นี่…”

เฮ่อเหลียนเช่อส่งเสียง ‘หึ’ อย่างได้ใจ จากนั้น…ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

ตกหลุมพรางไปโดยสมบูรณ์แต่เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยไม้แต่น้อย มัวแต่ภาคภูมิใจอยู่ อีกทั้งยังหยิบคุกกี้ในมือของเสี่ยวเป่าเข้าปากตัวเองอีกด้วย รสชาติไม่เลวจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นค่อย ๆฉีกยิ้มออกมา แค่พูดแบบนี้ออกไปเขาคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อคงไม่คิดจะลงมือกับเหมยเหมยอีก สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่คือเรื่องจริง ในเมืองหลวงมีคนมากมายแต่คนที่เขากลัวที่สุดมีเพียงเฮ่อเหลียนเช่อคนเดียวเท่านั้น

คนอื่นเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาหรอก!

………………………………………………………..

ตอนที่ 2196 ม้าดีด

อีกด้านหนึ่งเฮ่อเหลียนชิงยังคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะว่าหนิงเฉินเซวียนไม่ว่าจะตีให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับ ไม่ว่าเขาจะด่าด้วยคำหยาบคายเพียงใดปากของชายแก่ผู้นี้ก็ยังปิดสนิทอยู่เช่นเดิมราวกับเปลือกหอย จนสุดท้ายก็หลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ต่อหน้าทุกคนและไม่สนใจเขาอีก

“ตาแก่หนิง แกนี่มันจริง ๆเลย อย่าคิดว่าแกไม่ยอมรับแล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้นะ ม้าเซ็กเธาว์ตัวนั้นอย่างไรเสียฉันก็จะเอากลับไปด้วย!”

เฮ่อเหลียนชิงด่าออกมาเป็นชุดจนคอเริ่มแห้ง อารมณ์ปะทุมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ขี้เกียจจะด่าต่อจึงคิดไว้ว่าหากการแข่งขันจบลงก็จะส่งคนไปเอาม้าเซ็กเธาว์กลับฟาร์มไปให้ได้

หนิงเฉินเซวียนเบิกตาโพลงปล่อยรังสีอำมหิตออกมา “เฮ่อเหลียนชิงแกคิดที่จะแย่งกันไปโต้ง ๆเลยเหรอ คิดว่าคนของฉันเป็นแค่ของวางประดับไว้หรือไง?”

เฮ่อเหลียนชิงโมโหถึงขีดสุด “นี่เป็นสิ่งที่แกแพ้พนันฉันต่างหาก แกอย่าคิดว่าไม่ยอมรับแล้วจะตีเนียนผ่านไปได้นะ ไม่มีทางหรอก!”

“หากพวกเราพนันกันจริง ๆ ฉันต้องยอมรับอยู่แล้วสิ ไหนแกลองเอาสัญญาออกมาดูหน่อยสิ ม้าเซ็กเธาว์ตัวนั้นฉันเสียเงินไปห้าแสนถึงจะได้มันมา เงินจำนวนมากขนาดนี้ฉันจะรับปากไปพนันกับใครง่าย ๆโดยที่ไม่มีหลักฐานได้อย่างไรกัน?”

หนิงเฉินเซวียนพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ทำท่าทางเหน็บแนม พร้อมมองด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม

ยังเป็นคนที่ตลบหลังได้ง่ายเหมือนเดิมเลย!

โง่จริง ๆ!

เฮ่อเหลียนชิงโมโหจนแทบกระอักเลือดแต่เขาก็ไม่ได้โง่พลันสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ช่างเป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายจริง ๆ ผ่านไปตั้งหลายสิบปีความสามารถแกไม่พัฒนาขึ้นเลย แต่ความหน้าด้านกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน”

“เฮ่อเหลียนชิงหลายสิบปีมานี้ ไขมันแกเพิ่มขึ้นไม่น้อยแต่สมองกลับลดลงเรื่อยๆเลยนะ” หนิงเฉินเซวียนพูดแซะกลับ ในใจยังรู้สึกไม่พอใจ ทั้ง ๆที่ควรตายไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วแต่อยู่ดี ๆกลับอาการดีขึ้นมา สุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าแต่ก่อนอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

หรือว่ายาพิษก็มีเวลาจำกัดงั้นเหรอ

หนิงเฉินเซวียนคิดไม่ตกจริง ๆ ตอนนั้นเขาแค้นที่เฮ่อเหลียนชิงแต่งงานกับเสี่ยวซี ถึงแม้ต่อหน้าจะทำเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่ลับหลังกลับวางยาเฮ่อเหลียนชิง ซึ่งเป็นยาที่ค่อย ๆออกฤทธิ์ ไร้สีไร้รสชาติ ฤทธิ์ยาไม่ได้แรงมากนัก เพราะมันจะค่อย ๆทำให้คนไม่อยากอาหาร แล้วก็จะค่อย ๆกัดกินเส้นประสาททำให้ตกอยู่ในสภาพราวกับคนใกล้ตาย

หลังจากนั้นเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง เริ่มจากขาทั้งสองข้างเริ่มใช้การไม่ได้ จากนั้นก็ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เหลืออีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น หนิงเฉินเซวียนคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก ยาพิษนั้นกว่าเขาจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมได้ยินมาว่าเป็นยาพิษที่ไม่มีใครสามารถรักษาได้ แต่ตอนนี้เขาเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนอยากจะระบายความแค้นกับคนที่ให้ยานี้กับเขาในตอนนั้นเสียจริง

เฮ่อเหลียนชิงพยายามระงับอารมณ์โมโหไว้ ความโกรธในครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็กล้ำกลืนไม่ได้จริง ๆ แต่ว่าในสนามม้ามีแต่คนของหนิงเฉินเซวียนจะแย่งไปดื้อ ๆคงจะไม่สำเร็จแน่

หึ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องวางแผน!

ในเมื่อเขาไม่ได้ม้าเซ็กเธาว์มาครอง ตาแก่หนิงก็อย่าคิดว่าจะได้เลย เขายินดีที่จะทำให้ม้าตัวนี้ถึงแก่ความตาย แต่จะไม่ยอมให้ตาแก่หนิงได้ผลประโยชน์นี้ไปอย่างเด็ดขาด!

การแข่งขันยังคงดำเนินอยู่ เพียงแต่บรรยากาศภายในสนามกลับเงียบสงบ นายใหญ่ทั้งสองทำสีหน้าบึ้งตึง แล้วคนอื่น ๆจะกล้าโห่ร้องได้อย่างไรเล่า?

……

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงในที่สุดการแข่งขันก็สิ้นสุดลง

ในสนามเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระเบียบ ครูฝึกม้าจูงม้าของตัวเองกลับไปที่คอก ม้าพวกนี้ปกติอาศัยอยู่ที่สนามม้าและมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความร่ำรวยเหมือนอย่างเฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียนที่จะสามารถสร้างคอกม้าไว้อยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเองได้

โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ยังคงตัวติดกันไม่ห่าง คุณชายโฉ่วจะหันไปหอมภรรยาคนใหม่ของมันเป็นพัก ๆ ไม่ต้องพูดถึงความเร่าร้อนที่มีให้กันว่ามากแค่ไหนเลย

“เมียจ๋า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”

“อืม ได้สิ…”

ครูฝึกม้าของหนิงเฉินเซวียนเตรียมจะไปจูงม้าเซ็กเธาว์มาเพื่อนำม้าแสนล้ำค่าตัวนี้กลับไปที่บ้านตระกูลหนิง แต่ทว่า——

ม้าเซ็กเธาว์กลับไม่สนใจเขา หลบตั้งหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถสลัดมนุษย์พวกนี้ให้หลุดออกไปได้ มันจึงโมโหและดีดขาใส่เต็มแรง

โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นกับชายผู้นี้ เขาลอยขึ้นฟ้าแล้วร่วงลงสู่พื้นหญ้า ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก

………………………………………..

ตอนที่ 2193 ได้แชมป์อีกแล้ว

หนิงเฉินเซวียนอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย สมแล้วที่เป็นรุ่นที่สามของแชมป์สามสมัย ไม่ธรรมดาจริง ๆด้วย

ดูท่าแล้วม้าเซ็กเธาว์มีโอกาสได้แชมป์สูงมาก หนิงเฉินเซวียนรู้สึกหงุดหงิดเพราะแผนที่วางไว้สองครั้งล้มไม่เป็นท่า แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมา สีหน้าก็ดูดีขึ้นไม่น้อย

เฮ่อเหลียนชิงตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ “โฉ่วโฉ่ว ใส่ให้สุด เพิ่มแรงเข้าไปอีก”

เขากลัวว่าตัวเองจะเสียงดังไม่พอจึงนำโทรโข่งที่เตรียมไว้ออกมา จากนั้นก็ตะโกนจนคนทั้งสนามได้ยินไปทั่วทั้ง 360 องศาเลยทีเดียว

หนิงเฉินเซวียนเอามืออุดหูด้วยท่าทีรำคาญ พูดจาเหน็บแนมออกมาว่า “ ไม่ว่าแกจะตะโกนเสียงดังแค่ไหนก็เปลี่ยนผลลัพธ์อะไรไม่ได้หรอก เฮ่อเหลียนชิง เรื่องที่เราพนันกันไว้อย่าลืมก็แล้วกัน!”

“ฉันเรียกของฉัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกด้วย ไม่อยากฟังก็ไสหัวไปไกล ๆโน้นเลย!”

เฮ่อเหลียนชิงหันโทรโข่งไปตะโกนใส่หูของหนิงเฉินเซวียน อีกทั้งยังกลอกตามองบนหันหน้ากลับมาดูการแข่งขันต่อ เขานึกอยากจะมีขางอกออกมาอีกสักสองข้างแล้วลงไปวิ่งเองเลย!

หนิงเฉินเซวียนถึงกับหูอื้อไปชั่วขณะ แล้วก็เริ่มรู้สึกปวดศีรษะ แม้แต่เสียงโทรโข่งของเฮ่อเหลียนชิงก็แทบจะไม่ได้ยินแล้ว

ตาแก่บ้านี่ วันข้างหน้าจะต้องให้มันมาคุกเข่าก้มหัวร้องขอชีวิตจากเขาให้ได้!

สถานการณ์น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ผู้ชมที่รับชมอยู่ต่างก็กำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว เพราะถึงพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าของม้าแต่พวกเขาก็เป็นคนที่ลงพนันเอาไว้ แน่นอนว่าจะต้องให้ความสนใจกับผลการแข่งขันมากกว่าใคร ๆ

เหมยเหมยพนันว่าโฉ่วโฉ่วจะชนะ อีกทั้งยังทุ่มเงินไปไม่น้อย หล่อนเชื่อมั่นในตัวของโฉ่วโฉ่วว่าต้องเอาชนะได้อย่างแน่นอน!

เจ้าภาพคือหนิงเฉินเซวียน คนส่วนใหญ่พนันว่าโฉ่วโฉ่วจะชนะ หากว่าโฉ่วโฉ่วแพ้ก็จะมีเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในบัญชี แต่ถ้าหากว่าโฉ่วโฉ่วชนะเขาก็จะต้องเสียเงินจำนวนมากไปเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศักดิ์ศรีหรือเรื่องเงินทอง การแข่งขันในครั้งนี้เขาจะแพ้ไม่ได้!

หนิงเฉินเซวียนมองการแข่งขันอย่างไม่ละสายตา ตอนนี้โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ยังคงวิ่งเคียงคู่กัน ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซนเท่านั้น ส่วนม้าสี่ตัวที่เหลือก็แค่มาเป็นตัวประกอบ ไม่ได้มีใครให้ความสนใจมากเท่าไรนัก

หนิงเฉินเซวียนกำมือแน่น ทำไมม้าเซ็กเธาว์ถึงยังไม่เพิ่มความเร็วอีกนะ?

เหลืออีกแค่เพียงครึ่งทางเท่านั้น หากยังไม่เร่งฝีเท้าก็จะตามไม่ทันแล้ว เขาไม่อยากได้แชมป์ร่วมกับตาแก่เฮ่อเหลียนชิงหรอกนะ!

จริง ๆแล้วเป็นเพราะหนิงเฉินเซวียนคิดมากเกินไป เหตุที่ตอนนี้ภาพออกมาเป็นแบบนี้นั้นก็เพราะโฉ่วโฉ่วออมมือให้ มันอยากจะวิ่งอยู่เคียงข้างเมียของมันจึงไม่ได้ปล่อยแรงทั้งหมดออกมา

ถึงแม้ม้าเซ็กเธาว์จะเป็นแชมป์ม้าที่มีสายเลือดจากตระกูลสูงส่ง แต่ก็ไม่อาจสู้โฉ่วโฉ่วที่กินยาวิเศษมาตั้งแต่เล็กได้ ในใจของมันรู้อยู่แล้วจึงยิ่งรู้สึกหลงใหลในตัวของโฉ่วโฉ่ว

สัตว์ตัวเมียทุกชนิดจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือจะรู้สึกหวั่นไหวในตัวผู้ที่มีความแข็งแกร่งได้ง่าย

“เมียจ๋า ฉันจะต้องออกแรงแล้ว อย่าวิ่งไปไหนไกลล่ะ พวกเรารอกลับบ้านด้วยกัน” พอโฉ่วโฉ่วสังเกตเห็นว่าใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วจึงหันกลับมาหอมม้าเซ็กเธาว์ฟอดใหญ่

“ได้ ฉันจะรอนายนะ!”

ม้าเซ็กเธาว์ตอบออกมาอย่างว่าง่าย

“ฮี่…”

โฉ่วโฉ่วเงยหน้าส่งเสียงร้องออกมา ขาหน้าทั้งสองข้างตั้งตรง ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทุกคนเห็นแค่เงาสีดำผ่านไปเท่านั้น จากนั้นก็เห็นโฉ่วโฉ่วปรากฏตัวอยู่ที่เส้นชัย

หลังจากนั้นม้าเซ็กเธาว์ก็เข้าตามมาติด ๆ เดินตามโฉ่วโฉ่วอยู่ด้านหลังไม่แยกออกห่างจากกันไปไหน

หนิงเฉินเซวียนรีบวิ่งเข้ามา เหมือนเห็นดวงดาวล้านดวงปรากฏอยู่ตรงหน้า ในศีรษะมีเสียงร้องอื้ออึง ทั้งหมดเป็นเพราะเฮ่อเหลียนชิงตะโกนใส่แท้ ๆเลย

“ทำดีมาก แชมป์ปีนี้เป็นของโฉ่วโฉ่วอีกแล้ว…ขอบคุณที่อ่อนข้อให้ พรุ่งนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงที่สวน ทุกคนจะต้องให้เกียรติมาร่วมงานกันด้วยนะ…”

เฮ่อเหลียนชิงภูมิใจเป็นอย่างมาก คนรอบข้างต่างพากันเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับเขา ทุกคนต่างก็ยินดีด้วยเช่นกันเพราะพวกเขาพนันว่าโฉ่วโฉ่วจะชนะจึงได้เงินมาไม่น้อย!

หนิงเฉินเซวียนกัดฟันกรอด ๆ ใบหน้าบึ้งตึง หน้าผากมีเส้นเลือดเขียวปูดขึ้น ราวกับกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา

“ตาแก่หนิง ขอบคุณที่อ่อนข้อให้ เรื่องที่เราพนันกันไว้ แกยังไม่ลืมใช่ไหม” เสียงน่ารังเกียจของเฮ่อเหลียนชิงดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง

……………………………………………..

ตอนที่ 2194 พูดจากลับกลอก

เฮ่อเหลียนชิงหุบยิ้มไม่ลงเลย ถึงแม้ม้าเซ็กเธาว์จะสู้โฉ่วโฉ่วไม่ได้แต่ก็ยังถือว่าเป็นม้าชั้นดี ได้ม้าชั้นดีมาฟรี ๆจะไม่ดีใจได้อย่างไร?

อีกอย่างม้าเซ็กเธาว์เป็นม้าที่โฉ่วโฉ่วชอบพอด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องพนันครั้งนี้มาเกี่ยวข้อง เขาก็ต้องหาวิธีพามันกลับมาด้วยให้ได้อยู่แล้ว!

จะให้โฉ่วโฉ่วอยู่เป็นโสดตลอดไปคงจะไม่ได้หรอกมั้ง!

หนิงเฉินเซวียนทำหน้าบึ้งตึง เขาหันหน้ามามองเฮ่อเหลียนชิงแล้วแสยะยิ้มถามกลับไปว่า  “พนันเรื่องอะไรเหรอ?”

ม้าเซ็กเธาว์เป็นม้าชั้นดีที่เขาต้องเสียแรงไปมากกว่าจะได้มันมา เขาจะยอมยกให้กับเฮ่อเหลียนชิงได้อย่างไร?

สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือศักดิ์ศรีของเขา หากเขาต้องยกม้าเซ็กเธาว์ให้เขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เขากล้ำกลืนทำไม่ลงจริง ๆ เขาคงอัดอั้นตันใจตายแน่ ๆ!

ถึงอย่างไรเสียอย่างมากภายในครึ่งปีนี้เขาก็จะได้ครอบครองตำแหน่งนายใหญ่ เรื่องทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือก็แต่เวลาเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงอีกต่อไป หากเขาคิดจะกลับคำแล้วจะทำไมเหรอ?

ใครจะทำอะไรเขาได้?

เฮ่อเหลียนชิงก็นึกไม่ถึงเลยว่าหนิงเฉินเซวียนจะหน้าหนาขนาดนี้ เรื่องพนันที่ตัวเองเพิ่งจะตกลงไว้ดันปลิ้นปล้อนเปลี่ยนคำเสียแล้ว!

“พระเจ้า แกนี่เป็นคนที่หน้าหนาจริง ๆ หนิงเฉินเซวียน แกเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อกี้ ยังไม่ทันไรแกก็คิดจะกลับคำแล้วเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงโมโหจนทนไม่ไหว

แต่ก่อนทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตาแก่คนนี้หน้าหนาไร้ยางอายขนาดนี้

หนิงเฉินเซวียนหัวเราะเบา ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

เฮ่อเหลียนชิงตาลุกเป็นไฟ เขาหันมาถามคนอื่น ๆว่า “เมื่อครู่ทุกคนได้ยินที่ตาแก่หนิงเฉินเซวียนพูดไหม?”

“…โธ่…ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ ใครโทรมาตอนนี้เนี่ย ประสาทจริง ๆ!”

 “โอ๊ย…ปวดฉี่…”

“แย่แล้ว กลางวันมีนัดกินข้าว…”

“…ผมเองก็ต้องไปรับโทรศัพท์เหมือนกัน…”

บรรยากาศที่เงียบสงัดเมื่อครู่เกิดเสียงดังขึ้นมาในพริบตา คนที่ไปรับโทรศัพท์ก็ไปรับโทรศัพท์ คนที่ไปเข้าห้องน้ำก็ไปเข้าห้องน้ำ คนที่จะไปกินข้าวก็ไปกินข้าว เสียงดังเซ็งแซ่ทุกคนดูยุ่งกันไม่น้อยและไม่มีใครสนใจเฮ่อเหลียนชิงเลยแม้แต่คนเดียว

คนพวกนี้ร้ายกาจไม่เบา ลื่นไหลยิ่งกว่าปลาไหลเสียอีก ชอบดูเรื่องสนุก ๆมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแต่ถ้าจะให้เข้าไปยุ่งด้วยไม่เอาหรอก ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับตาแก่สองคนนี้เล่า

หนิงเฉินเซวียนยิ้มอย่างได้ใจมองเฮ่อเหลียนชิงที่กำลังโมโหด้วยสายตาท้าทาย ไม่สนใจหรอก

เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่เขาก็เป็นคนรักษาคำพูด เขาเกลียดคนที่พูดจากลับกลอกเชื่อถือไม่ได้ที่สุด

การกระทำของหนิงเฉินเซวียนทำให้เขารู้สึกขายหน้า คิดว่าทุกคนโง่หรืออย่างไร

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถมีปัญหากับหนิงเฉินเซวียนต่อหน้าทุกคนได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้สึกไม่พอใจและสีหน้าบูดบึ้ง แม้แต่เสี่ยวเป่าก็ยังสัมผัสได้ เสี่ยวเป้าหยิบคุกกี้ออกมาจากกระเป๋าปีนขึ้นไปบนตักแล้วป้อนใส่ปากเขา

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบกินขนมแต่ถ้าเสี่ยวเป่าป้อนให้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว พอเขาเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเด็กคนนี้ก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยและทานคุกกี้เข้าไป

เหนือคาดเพราะคุกกี้รสชาติไม่เลวเลย มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ว่าในคุกกี้เหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนที่ฝึกวิทยายุทธ์ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นประโยชน์กับเขาสักเท่าไร

ตั้งแต่เล็กจนโตเขากินยาบำรุงที่เป็นของหายากมาไม่น้อย พลังแค่นี้เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

แต่ถ้าสำหรับคนธรรมดาทั่วไปพลังขนาดนี้ถือว่าไม่ใช่พลังธรรมดาเล็ก ๆแล้ว นี่เป็นของดีที่แม้แต่มีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าจ้าวเหมยจะทุ่มใช้ของดีขนาดนี้ทำคุกกี้ให้เสี่ยวเป่าทาน!

เฮ่อเหลียนเช่อสับสน เขาหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งด้วยแววตาที่ซับซ้อน

ตอนที่เขาทานคุกกี้เหยียนหมิงซุ่นก็รู้แล้วว่าเขาจะต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคุกกี้แน่นอน เขาคิดเตรียมคำพูดไว้แล้ว จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆว่า “เหมยเหมยชอบเสี่ยวเป่าก็เลยยินดีจะมอบของดีให้เขาทาน แกไม่ต้องรู้สึกซาบซึ้งใจหรอก หรือถ้าแกอยากตอบแทนจะส่งโสมร้อยปีมาให้แทนก็ได้นะ”

เฮ่อเหลียนเช่อทำเสียงฟึดฟัดแล้ววางเสี่ยวเป่าลงบนเก้าอี้ พูดออกมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ว่า “ขนมแค่นี้มีอะไรดีกัน แม่ครัวบ้านฉันก็ทำเป็นหรอกน่า พอถึงตอนนั้นฉันจะส่งไปให้ลูกแกทั้งตะกร้าเลย!”

……………………………………………….

ตอนที่ 2191 ลิงขโมยลูกท้อ

 “ตรงนี้เป็นจุดอ่อนไหวที่สุดสำหรับผู้ชาย ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือแต่หากหนูเอามือบีบตรงนี้เต็มแรง บีบไข่ของเขาให้แหลก รับรองว่าซัดเขาล้มได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงเลยด้วย”

ในขณะที่เฮ่อเหลียนเช่อกำลังสอนวิธีการเอาตัวรอดให้กับเสี่ยวเป่า เขาก็ได้จำลองคนขึ้นมา จับเป้ากางเกงของหุ่นจำลองนั้นไว้แน่นแล้วยิ้มออกมาราวกับคนโรคจิต

เสี่ยวเป่าเป็นเด็กความจำดีจึงนึกภาพออกในทันที อีกทั้งยังแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เขารวบรวมกำลังทั้งหมดเล็งไปที่จุดอ่อนไหวของคนร้าย ใช้แรงจากมือทั้งสองข้างคว้ามับ หน้าของคนร้ายแดงเพราะอาการจุกจนพูดไม่ออก แรงของเด็กคนนี้ไม่เบาเลยจริง ๆ

“เอื๊อก……”

เสียงทรมานร้องดังทะลุฟ้า ชายผู้นั้นพูดอะไรไม่ออกเผลอปักตะปูเข้าที่ประตู

พอลูกน้องสองคนที่เหลือเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บตาม หนีบขาตัวเองไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัวแล้วมองไปที่เพื่อนของตัวเองที่เอามือกุมเป้าอยู่ด้วยความเจ็บปวดอย่างสงสาร คนที่ลงมือคือคุณชาย ความแค้นที่บีบไข่ในครั้งนี้ ไม่สามารถเอาคืนได้ตลอดชีวิต

เสี่ยวเป่าเห็นว่ากระบวนท่าเดียวของตัวเองสามารถทำให้คนร้ายสยบลงได้ก็มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เขาผละมือออกจากเป้าชายผู้นั้นอย่างได้ใจ อีกทั้งยังส่งเสียงเยาะเย้ยใส่ วิธีที่พ่อสอนมาใช้ได้ดีจริง ๆ ต่อไปเขาจะต้องตั้งใจเรียนรู้มากกว่านี้เพื่อไว้จัดการคนร้ายทุกคนให้สิ้นซาก

พอลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเสี่ยวเป่าปล่อยท่าเด็ดออกมาเช่นนี้ก็แอบสงสารฝ่ายตรงข้ามอยู่ 3 วินาที แล้วก็หัวเราะกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้

ถึงเวลาลงสนามแล้วจึงไม่มีโอกาสลงมือได้อีก ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคอยจับตามองอีกต่อไป

เสียงฝีเท้าดังแว่วมาไม่ไกลนัก ครูฝึกม้าประจำสนามเดินมาจูงม้าพาลงสนาม ครูฝึกม้าพวกนี้ไม่ใช่คนของหนิงเฉินเซวียนทั้งหมด พวกเขาต่างก็เป็นครูฝึกม้าแข่งมืออาชีพซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนิงเฉินเซวียนเลย

ชายที่เจ็บปวดจนเหงื่อไหลท่วมตัวสีหน้าไม่สู้ดีนัก ภารกิจล้มเหลวไม่พอ ยังเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอดอีกต่างหาก!

ชายผู้นั้นมองไปที่เสี่ยวเป่าด้วยความโกรธแค้น เป็นเพราะเจ้าเด็กเวรนี่คนเดียวเลย

ลูกน้องสองคนที่เหลือเห็นท่าไม่ดีจึงรีบดึงตัวเสี่ยวเป่าไปไว้ข้างหลัง พูดสั่งสอนเขาไม่กี่ประโยคแล้วก็พาเสี่ยวเป่ากลับไป เสี่ยวเป่าเป็นแก้วตาดวงใจของหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ หากเป็นอะไรไป ชีวิตของพวกเขาอีกสิบชีวิตก็ชดใช้ไม่ไหวหรอก

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นฟังรายงานจากลูกน้อง เขาก็มองไปที่หนิงเฉินเซวียนที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสายตาดูถูก หมาจนตรอกมันทำได้ทุกอย่างจริง ๆสินะ!

เสี่ยวเป่าตามกลับมาทีหลัง ลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนกลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปตามตรง อย่างไรก็เป็นพวกพ้องเดียวกัน หวังว่าหนิงเฉินเซวียนจะไม่ถือโทษชายผู้นั้น

เฮ่อเหลียนเช่อก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วด้วยเช่นกัน ใบหน้าเกือบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่

เมื่อครู่เขายังเพิ่งพูดจาเหน็บแนมเหยียนหมิงซุ่นว่าเป็นคนขี้ระแวงอยู่เลย ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แต่เขากลับรู้สึกภูมิใจในพฤติกรรมของเสี่ยวเป่า โดยเฉพาะท่าต่อสู้ลิงเด็ดลูกท้อ ช่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ

“เยี่ยมมาก กลับไปจะให้อาของหนูทำอะไรอร่อย ๆให้ทานนะ”

เฮ่อเหลียนเช่อยกนิ้วโป้งให้แล้วปัดเศษหญ้าบนตัวของเจ้าหนูออก คิดว่าเดี๋ยวจะสอนท่าต่อสู้เด็ด ๆมากกว่านี้ให้กับเสี่ยวเป่าในภายหลัง น้องของเขาฉลาดจริง ๆ แค่สอนไม่นานก็ทำเป็นแล้ว!

“เสี่ยวเป่าไม่เลวเลย เก่งกว่าแกตั้งเยอะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยความเบิกบานใจ

เฮ่อเหลียนเช่อพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างแรง “ลูกชายของฉันก็ต้องเก่งที่สุดอยู่แล้ว ได้ยินมาว่าคนของแกก็กำลังท้องนี่ อย่าคลอดเด็กโง่ ๆออกมาล่ะ”

“ไม่ว่าลูกเราจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็เป็นลูกของเราเอง มีอะไรให้ต้องรังเกียจเหรอ นายว่าไหมล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างมีเลศนัย น้ำเสียงเหมือนกำลังพูดสื่ออะไรบางอย่าง

เฮ่อเหลียนเช่อใจเต้นเร็วกว่าเดิม เหลือบมองไปที่เหยียนหมิงซุ่นด้วยความสงสัย หรือว่าหมอนี่จะรู้อะไรมา

เขารู้สึกใจฝ่อขึ้นมาและไม่กล้าพูดตอกกลับไปเหมือนแต่ก่อน จึงทำเสียงฟึดฟัดแล้วก็หันหน้ากลับไปที่สนามแข่ง

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มออกมาน้อย ๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในสนามโฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ได้ยืนเรียงกันเป็นแถว โฉ่วโฉ่วเบอร์หก ม้าเซ็กเธาว์เบอร์หนึ่ง มีม้าสี่ตัวขั้นกลางและอยู่ห่างไกลกันไม่น้อย แต่ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา

…………………………………………..

ตอนที่ 2192 แสดงความรักราวกับข้างๆ ไม่มีใคร

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นโฉ่วโฉ่วหรือม้าเซ็กเธาว์ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่หาได้ยากในครั้งนี้ไปแน่นอน โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ลงมือพร้อมกันโดยใช้กีบเท้าดีดม้าตัวข้าง ๆให้หลบไป ม้า 4 ตัวที่เหลือตกใจจนตัวสั่น และเป็นฝ่ายหลีกทางให้ลู่ในสนามแข่งเป็นของคู่นี้

ดังนั้น——

โฉ่วโฉ่วยืนอยู่ลู่ที่ 4 ม้าเซ็กเธาว์ยืนอยู่ลู่ที่ 3  ม้าทั้งสองตัวแสดงความรักกันอยู่ในแถว ดำตัวหนึ่งแดงตัวหนึ่งจึงดูสะดุดตาไม่น้อย

“ฉันชื่อว่าโฉ่วโฉ่ว เมียจ๋า ชื่อว่าอะไรเหรอ?” โฉ่วโฉ่วเป็นฝ่ายโผล่หัวออกไปก่อน แลบลิ้นออกมาราวกับเว้าวอนขอจูบ

ม้าเซ็กเธาว์หลบด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ทันได้หลบไปไหนก็ถูกโฉ่วโฉ่วขโมยจูบเข้าไปเต็ม ๆ ม้าสองตัวคลอเคลียกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความรัก ไม่เห็นคนและม้าที่อยู่รอบข้างในสายตาเลย

“เจ้านายเรียกฉันว่าหัวหั่ว ว่าแต่ใครเป็นเมียจ๋าของนายกัน ฉันยังไม่ทันได้ตอบตกลงสักหน่อย” ม้าเซ็กเธาว์ตอบกลับด้วยความเขินอาย

“เธอให้ฉันจูบแล้วก็ต้องถือว่าเป็นเมียของฉันสิ เดี๋ยวกลับบ้านเข้าห้องหอด้วยกันเลยนะ ฉันจะให้เจ้านายเตรียมของกินอร่อยให้เธอเยอะ ๆเลย…”

โฉ่วโฉ่วจูบอย่างมีความสุขยิ่งกว่าเดิม จะตอบตกลงหรือไม่อย่างไรเสียก็ต้องเป็นเมียของเขา หนีไม่พ้นหรอก!

พอม้าเซ็กเธาว์ได้ยินคำว่าของกินอร่อย ๆก็ตาลุกวาว หลังจากกินขนมพวกนั้นขาทั้งสี่ข้างของมันจะมีแรงมากกว่าปกติ เวลาวิ่งก็จะวิ่งได้เร็วกว่าเดิม ช่างเป็นของดีจริง ๆ

“ได้สิ….”

เมื่อมีขนมมาล่อ ม้าเซ็กเธาว์ที่เขินอายก็ตอบตกลงในทันที โฉ่วโฉ่วเป็นม้าที่ดูดีขนาดนี้ นับว่าคู่ควรกับชาติตระกูลของมันแล้ว

โฉ่วโฉ่วพ่นลมออกทางจมูกด้วยความลำพองใจ จากนั้นก็เข้าไปหอมฟอดใหญ่ อีกทั้งยังแลบลิ้นออกมาเพื่อจัดแผงขนที่คอให้เมียตน ดูเร่าร้อนเหลือเกิน โดยไม่ได้นึกถึงเรื่องการแข่งขันเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนที่อยู่รอบข้างมองด้วยความมึนงง นี่กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ?

ครูฝึกม้าต้องการให้ม้าทุกตัวประจำที่ของตัวเองและกลับไปอยู่ที่ลู่แข่งของตัวเอง แต่ไม่มีม้าตัวไหนเชื่อฟังเลย โฉ่วโฉ่วเลือดร้อนใช้กีบเท้าดีดใส่คนพวกนี้ ม้าเซ็กเธาว์ก็เอาด้วย เริ่มระเบิดอารมณ์ออกมา

พอเฮ่อเหลียนชิงเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาแค่พูดผ่าน ๆไปอย่างนั้น นึกไม่ถึงว่าโฉ่วโฉ่วจะทำได้ดีขนาดนี้ ถึงขนาดเกี้ยวม้าเซ็กเธาว์ของตาแก่หนิงมาเป็นเมียได้!

“โฉ่วโฉ่วทำดีมาก กลับไปฉันจะจัดการทุกอย่างให้แกเอง!”

เฮ่อเหลียนชิงตะโกนไปในสนาม ผู้ชมที่มองด้วยความมึนงงในตอนแรกเพิ่งจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่แท้ม้าสองตัวนี้ก็รักกันตั้งแต่แรกพบ ถูกใจกันนี่เอง!

วันนี้มาไม่เสียเวลาเปล่าจริง ๆ ว่าแล้วว่าหากสองตัวนี้ได้เจอกันจะต้องสปาร์คกันแน่นอน มีเรื่องสนุก ๆให้ดูแล้วล่ะ!

หนิงเฉินเซวียนก็มองออกแล้วเช่นกัน สีหน้าบึ้งตึง จุกอกจนตัวเองเกือบจะเป็นลมล้มลงไปอยู่แล้ว

แผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่าไม่เป็นไร แต่ตอนนี้แม้แต่ม้าของตัวเองก็จะถูกคนอื่นพากลับไปด้วย หนิงเฉินเซวียนแอบก่นด่าเรื่องความใจง่ายของม้าเซ็กเธาว์อยู่ในใจ ทำไมถึงได้ถูกใจม้าดำสกปรกแบบนั้นได้นะ?

 “ทำไมถึงยังไม่เริ่มการแข่งขันอีกล่ะ?”

หนิงเฉินเซวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโห ทีมงานกระวนวายรีบพาม้ากลับเข้าสู่ลู่แข่งของตัวเอง โฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ก็เชื่อฟังและไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก

“เมียจ๋า เดี๋ยวเธอตามฉันมานะ พอวิ่งเสร็จแล้วฉันจะพาเธอกลับบ้าน ตรงนั้นไม่ต้องถูกขังในคอกด้วย เธออยากจะวิ่งไปไหนก็ได้” โฉ่วโฉ่วพูดกำชับ ม้าเซ็กเธาว์พยักหน้า

มันเพิ่งรู้จักกับหนิงเฉินเซวียนแค่สองเดือนจึงไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งอะไรมากมาย พร้อมจากไปทุกเมื่อและไม่ได้อาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่นิดเดียว

“ปัง”

เสียงปืนดังขึ้นม้าทั้งหกตัวพุ่งตัวออกไปราวกับลูกธนู ตัวที่วิ่งอยู่หน้าสุดคือโฉ่วโฉ่วกับม้าเซ็กเธาว์ ตัวดำวิ่งเร็วดั่งลม ส่วนตัวแดงวิ่งเร็วดั่งสายฟ้า ดูสูสีกันมากและทิ้งห่างม้าตัวอื่นไปได้ไกล

………………………………………………

ตอนที่ 2189 ของดีต้องแบ่งปัน

เฮ่อเหลียนชิงเห็นว่าหนิงเฉินเซวียนทำทีราวกับชัยชนะอยู่ในกำมือใจก็พลันเต้นรัว หรือว่าเซ็กเธาว์ของตาแก่บ้านี่จะเก่งจริง ๆ?

เขาเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าโฉ่วโฉ่วจะเอาชนะได้หรือไม่?

“ทำไมล่ะ แกไม่กล้างั้นสิ?” หนิงเฉินเซวียนพูดประชด

เฮ่อเหลียนชิงเก็บสีหน้าไม่อยู่ แต่เขาก็ตะโกนอย่างไม่ลังเลขึ้นว่า “ฉันมีอะไรที่ไม่กล้าบ้าง? พนันก็พนันสิ กลัวก็แต่แกจะแพ้ราบคาบมากกว่า!”

“ในเมื่อแกกล้าพนัน ฉันก็กล้าที่จะแพ้!” หนิงเฉินเซวียนเห็นว่าเขาติดกับแล้วก็แอบดีใจ จึงหันไปตะโกนกับคนรอบข้างว่า “แขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้โปรดช่วยเป็นพยานให้ด้วยล่ะ!”

“ได้เลย!”

คนที่มาดูการแข่งขันล้วนเป็นคนในแวดวงเดียวกัน เจอกันบ่อยพอสมควร พอเห็นว่าสองคนนี้ทะเลาะกันขึ้นมาจึงต่างพากันให้ความสนใจและพร้อมที่จะมีส่วนร่วม

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ได้ยินอย่างชัดเจนเหมือนกัน เขาจึงขมวดคิ้วมุ่น จากท่าทีของหนิงเฉินเซวียนแล้วดูเหมือนจะมั่นใจมากว่าจะต้องชนะอย่างแน่นอน หรือเขาคิดที่จะทำอะไรเลว ๆหลับหลังอีกแล้ว?

เขาเรียกลูกน้องมาหาแล้วสั่งการไปไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นลูกน้องก็รับคำสั่งแล้วออกไป

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “คนขี้ระแวง!”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูแลสนามม้า แต่หนิงเฉินเซวียนเอาใจใส่กับสนามแห่งนี้มาก ปกติจะจัดการแข่งม้าขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังกระทำการโปร่งใสยุติธรรมทุกรอบไม่เคยลอบกัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่จึงนับเป็นเรื่องเดียวที่หนิงเฉินเซวียทำอย่างเปิดเผย

เหยียนหมิงซุ่นถึงขนาดสงสัยว่ามีคนคิดลอบกัดในสนามม้า หากไม่เรียกว่าขี้ระแวงแล้วจะเรียกว่าอะไร?

“ระวังไว้ก่อนจะได้ไม่มีข้อผิดพลาด” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยโต้กลับอย่างเย็นชา เขาไม่มีทางไว้ใจหนิงเฉินเซวียนแน่นอน ตาแก่นั่นบ้าไปแล้ว ฉะนั้นจะเอาการกระทำของคนปกติมาเป็นตัววัดกับคนบ้าได้อย่างไร

เหมยเหมยคร้านจะสนใจการปะทะฝีปากของสองคนนี้จึงล้วงคุกกี้ชิ้นเล็กออกมาจากกระเป๋ายื่นส่งให้เสี่ยวเป่าที่นั่งเงียบอย่างว่าง่าย พร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาให้เขาด้วย

วันนี้เสี่ยวเป่าสวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าลายทางจับคู่กับสูทกางเกงขาสั้นสีเดียวกัน ดูหล่อเหลาเหมือนเด็กวัยรุ่นเลย เหมยเหมยหยิกพวงแก้มอ้วน ๆของเขาไปหลายทีอย่างห้ามไม่อยู่

ทั้งนิ่มทั้งลื่น สัมผัสมือดีมากจนเธออดใจไม่อยู่จริง ๆ

เสี่ยวเป่ายอมให้เธอหยิกแก้มอย่างว่าง่ายโดยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และยังยื่นมือไปให้เหมยเหมยเองด้วย เพราะเขารู้ว่าคุณน้าชอบกัดมือเขาเล่น ทุกครั้งหลังจากที่ได้กัด คุณน้ามักจะให้ของอร่อย ๆเขาทาน

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นเช่นนั้นก็นึกอิจฉาตาร้อนแย่งมือเสี่ยวเป่าออกมาจากปากของเหมยเหมย แล้วจ้องเธอตาเขม็ง

มีสิทธิ์อะไรมากัดมือน้องชายเขา?

หมั่นเขี้ยวนักก็ไปกัดผู้ชายของเธอนู้น!

เสี่ยวเป่าไม่ชอบใจนักจึงสลัดมือของเฮ่อเหลียนเช่อออก จากนั้นก็ยื่นมือเข้าปากเหมยเหมยอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างก็ยัดคุกกี้ชิ้นเล็กใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นไม่นานกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างก็ตุงใหญ่ขึ้น

เหมยเหมยได้ใจทำเสียงเชอะใส่เฮ่อเหลียนเช่อพร้อมกับล้วงคุกกี้ชิ้นเล็กให้เสี่ยวเป่าอีกหนึ่งชิ้น แถมยังจงใจหยิกแก้มเจ้าตัวอ้วนอีกครั้งเชิงเย้าแหย่อย่างเบามือ แต่คนที่ดูอยู่ช่างปวดใจนักอย่างเช่นเฮ่อเหลียนเช่อ

เขาปวดใจเหลือเกิน!

หากไม่มีเหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงอย่างจ้าวเหมยต้องได้เห็นดีกันแน่นอน!

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำที่ภรรยาของตนแหย่เฮ่อเหลียนเช่อเล่น ในใจลึก ๆกลับรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่เขาเห็นเฮ่อเหลียนเช่อเป็นศัตรูนั้นช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี

เสี่ยวเป่ายู่จมูกฟึดฟัด ก้นเริ่มอยู่ไม่สุขจึงวาดขาเล็ก ๆก้าวลงจากที่นั่ง พวกเขานั่งแถวแรก เสี่ยวเป่าลงจากที่นั่งได้ก็วิ่งปรู๊ดออกไป

เฮ่อเหลียนเช่อลุกขึ้นเตรียมตามไปแต่หนิงเฉินเซวียนกลับเรียกเขาไว้ “ในสนามม้าไม่น่าห่วงหรอก เดี๋ยวฉันให้คนตามเสี่ยวเป่าไปสักคนก็พอแล้ว”

ไม่นานก็มีคนตามเสี่ยวเป่าไปโดยไม่ให้คลาดสายตา เฮ่อเหลียนเช่อส่งคนของตัวเองตามไปสบทบถึงค่อยเบาใจ

เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก็จะเริ่มการแข่งขันแล้ว เพียงไม่นานม้าที่แข่งรอบแรกก็เข้าประจำตำแหน่งในสนาม โฉ่วโฉ่วและเซ็กเธาว์ต่างแข่งรอบแรก เฮ่อเหลียนชิงนั่งหลังตรงและมีท่าทีไม่ค่อยวางใจนัก

หนิงเฉินเซวียนกลับยกยิ้ม ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

ไม่นานเสี่ยวเป่าก็วิ่งไปยังคอกม้า เขาได้กลิ่นของเซ็กเธาว์เลยตั้งใจเอาคุกกี้มาให้มันกิน หากมีของดี ๆต้องแบ่งปันให้เพื่อน นี่คือสิ่งที่คุณน้าสอนเขาไว้!

……………………………………………………

ตอนที่ 2190 เสี่ยวเป่าทุบตีคนร้าย

เซ็กเธาว์ยังคงส่งสายตาหวานเยิ้มให้โฉ่วโฉ่วและส่งเสียงตอบรับกันไปมาไม่หยุด เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจว่าม้าสองตัวนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ เขาเข้าใจว่าเป็นเพื่อนใหม่ของเซ็กเธาว์จึงตัดสินใจแบ่งคุกกี้ชิ้นเล็กนี้ให้โฉ่วโฉ่วด้วย

ชายท่าทางลับ ๆล่อ ๆเดินเข้ามา เขาคือคนที่ได้รับคำสั่งมาจากหนิงเฉินเซวียนเตรียมที่จะลอบทำร้ายโฉ่วโฉ่ว

หนิงเฉินเซวียนสั่งให้เขาทำร้ายขาทั้งสี่ข้างของโฉ่วโฉ่วก่อนการแข่งขันจะเริ่มห้านาที แต่ห้ามทำรุนแรง แค่ทำให้โฉ่วโฉ่วบาดเจ็บตอนแข่งขันก็พอ แบบนี้ก็เอาชนะได้โดยไม่มีใครรู้แล้ว

ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นแอบหลบอยู่ในที่ลับตาคนจับตาดูทางนี้อยู่ พอเห็นคนทำทีลับ ๆล่อ ๆ อารมณ์ก็พลันดุดันขึ้น คุณชายหมิงเดาไม่ผิดเลย หนิงเฉินเซวียนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ

เสี่ยวเป่าป้อนคุกกี้ให้เซ็กเธาว์ นี่เป็นคุกกี้ที่เหมยเหมยทำขึ้นเป็นพิเศษ ในนั้นใส่ยาวิเศษเขาไปด้วยแต่ไม่ได้เยอะนัก เพื่อจะได้ค่อย ๆปรับสมดุลในร่างกายของเสี่ยวเป่า

แต่เจ้าเซ็กเธาว์สัมผัสได้ถึงยาวิเศษภายในคุกกี้จึงกินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นมันก็นึกถึงยาอมที่โฉ่วโฉ่วเคยให้มันก่อนหน้านี้จึงเลียมือของเสี่ยวเป่าพร้อมกับสะบัดหน้าไปทางโฉ่วโฉ่ว

เสี่ยวเป่าเฉลียวฉลาด ไม่นานก็เข้าใจความหมายของเซ็กเธาว์ทันที

เขาย่ำเท้าเดินไปทางโฉ่วโฉ่ว เวลานี้ลูกน้องที่ทำตัวลับ ๆล่อ ๆได้ขยับเข้ามาใกล้ตัวโฉ่วโฉ่วแถมพร้อมที่จะลงมือแล้วด้วย

โฉ่วโฉ่วรับรู้ได้ถึงเจตนาอันร้ายกาจของชายผู้นี้จึงเกิดอาการร้อนรนกระทืบเท้าไม่หยุด สายตาจับจ้องชายผู้นั้นไม่วางตาแล้วรอให้เขาขยับเข้ามาใกล้ ๆ เตรียมพร้อมที่จะถีบคนชั่วนี่ให้กระเด็นขึ้นฟ้าไปเลย!

ในมือของชายผู้นี้มีตะปูอยู่สองสามอันเตรียมพร้อมที่จะใช้ปักกีบเท้าของโฉ่วโฉ่ว หากไม่วิ่งก็จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ถ้าวิ่งไปนาน ๆก็จะยิ่งเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ!

เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามา ด้านหลังมีชายสองคนตามหลังมาด้วย ซ้ายคนขวาคน ทั้งยังจ้องเขาอย่างระมัดระวังราวกับแม่ไก่

“หึ…”

เสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากชายผู้นั้นในระยะที่ไกลพอสมควรแต่กลับได้กลิ่นเหม็นจากตัวเขา เขาเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดี เขาคิดจะทำร้ายเพื่อนของหั่วหั่ว คนชั่ว!

หั่วหั่วเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ม้าเซ็กเธาว์นั่นเอง

เสี่ยวเป่าจ้องเขาตาเขม็ง พวงแก้มอวบอ้วนนูนขึ้น ร่างกายน้อย ๆขวางอยู่ด้านหน้าโฉ่วโฉ่วแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่คิดจะทำเรื่องชั่ว ๆ

“คุณชายเสี่ยวเป่ารีบถอยไปครับ ผมได้รับคำสั่งมาจากคุณปู่ของคุณ!” ชายผู้นั้นร้อนใจมาก หากทำภารกิจไม่สำเร็จ จะต้องไม่เป็นผลดีแน่

เพื่อนสองคนที่ลอบเข้าไปโจมตีสวนฟาร์มครั้งก่อน ตอนนี้ขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนสวรรค์กับเพื่อนเก่าแล้ว เขาไม่อยากตามไปนะ!

พอเสี่ยวเป่าได้ยินว่าเป็นคนที่ตาแก่นั่นส่งมาดวงตาก็เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม กระทั่งเขายื่นมือออกไปผลักชายคนนั้น หมายจะไล่เขาออกไป

“คุณชายเสี่ยวเป่า…”

ลูกน้องทั้งสามคนขานชื่อเขาพร้อมกัน แต่เสี่ยวเป่าก็ไม่คิดฟัง แถมยังยืนขวางหน้าโฉ่วโฉ่วอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายเพื่อนของม้าเซ็กเธาว์

ชายที่ถือตะปูเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า ถ้าหากไม่ลงมือตอนนี้คงไม่ทันการแล้ว เขาจะไม่ยอมตายเพราะคุณชายตัวน้อยที่ไม่รู้ความเด็ดขาด!

เขาหันไปส่งสายตาให้ชายสองคนนั้น เอ่ยเสียงขรึม “พวกนายพาคุณชายน้อยออกไป ฉันจัดการครู่เดียวก็เสร็จ!”

“ได้ นายรีบลงมือหน่อยนะ”

ลูกน้องทั้งสองลงมือรวดเร็วปานสายฟ้าหมายจะวิ่งไปอุ้มตัวเสี่ยวเป่ามา เดิมทีคิดว่าคงจัดการได้อย่างง่ายดายแต่ไหนเล่าจะเป็นอย่างที่คิด เสี่ยวเป่าวิ่งเร็วมาก กลิ้งตัวไปมาบนพื้นก็สามารถหลบพ้นเงื้อมมือของพวกเขาได้แล้ว

กระทั่งกลิ้งไปใต้กางเกงของชายที่เตรียมจะลงมือพร้อมกัดเข้าที่น่องของเขาไปหลายครั้ง

แต่น่าเสียดายที่เด็กชายเสี่ยวเป่ามีฟันน้ำนมขึ้นแค่ไม่กี่ซี่ กัดทีก็ไม่รู้สึกอะไร ชายคนนั้นไม่สนใจแถมสะบัดมือเตรียมพร้อมที่จะปักตะปูลงไปแล้วด้วย

ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง และเตรียมที่จะลงมือ

เสี่ยวเป่าเห็นว่าการต่อสู้ของตัวเองใช้การไม่ได้ก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก เกลียดที่ตัวเองพละกำลังน้อยเกินไป ทันใดนั้นก็พลันปรากฏกระบวนท่าต่อสู้ที่เฮ่อเหลียนเช่อเคยสอนแวบเข้ามาในหัว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ชายตัวเตี้ยอย่างเขาเป็นที่สุด ดวงตาจังเป็นประกาย เขาเขย่งปลายเท้าขึ้นยื่นอุ้งมือที่มีไขมันออกไป!

……………………………………………………………..

ตอนที่ 2187 หาเมียด้วยตัวเอง

จังหวะที่เหมยเหมยเข้ามาก็เห็นบรรยากาศที่แสนคึกคักนี้แล้ว โฉ่วโฉ่วกระโดดโลดเต้นอยู่ในคอกม้าอย่างอารมณ์ดี ซ้ำยังใช้ร่างชนประตูอยู่หลายหน แล้วตัวที่ดูกระปรี้กระเปร่าเช่นกันก็คือม้าเซ็กเธาว์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มันชนประตูพลางส่งเสียงร้องไปพร้อมกับโฉ่วโฉ่ว

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เหมยเหมยตกตะลึง

“โฉ่วโฉ่ว ไม่เอาสิ เป็นเด็กดีนะ ถ้าแข่งเสร็จแล้วฉันจะเอาของอร่อย ๆมาให้กินนะ!” เหมยเหมยเข้าใจว่าโฉ่วโฉ่วไม่อยากถูกขังจึงลูบขนมันอย่างแผ่วเบาเพื่อหวังให้มันสงบลง

แต่โฉ่วโฉ่วกลับยิ่งฮึกเหิม ใช้หัวดันมือเหมยเหมยอยู่บ่อยครั้ง “นายหญิงรีบเปิดประตูที ผมหาเมียเจอแล้ว…”

เหมยเหมยมีหรือที่จะเข้าใจคำพูดของมัน คิดไปว่าโฉ่วโฉ่วอยากกินยาอมจึงหยิบออกมาหลายเม็ดแล้วป้อนมัน แต่ครั้งนี้โฉ่วโฉ่วไม่ได้กลืนลงไปทีเดียวหมดเหมือนแต่ก่อน มันกินไปแค่ครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือทิ้งไว้ในอุ้งมือของเหมยเหมย

“นายหญิงเอาพวกนี้ให้เมียผมกินสิ!”

โฉ่วโฉ่วแลบลิ้นเลียอุ้งมือเหมยเหมย ส่งเสียงร้องอยู่หลายหนแต่ก็จนปัญญา…เพราะเหมยเหมยก็ยังคงฟังไม่เข้าใจ

ฉิวฉิวทนดูอีกต่อไปไม่ไหว มันจึงมุดขึ้นไปอยู่บนหัวของโฉ่วโฉ่วที่กำลังโวยวายแล้วใช้อุ้งเท้าตบมันไปหลายที จากนั้นโฉ่วโฉ่วจึงสงบลงไม่กล้าโวยวายอีกต่อไป และมองคุณชายฉิวด้วยท่าทีน่าสงสาร

“โวยวายอะไรนักหนา แค่หาเมียสักตัวไม่ใช่เหรอ มีอะไรให้น่าโอ้อวดนักล่ะ ฉันเป็นเจ้าบ่าวทุกวันเคยโอ้อวดให้เห็นหรือไง?”

ฉิวฉิวรู้สึกดูแคลนเจ้าม้าโง่ตัวน้อยนี้จริง ๆจึงสวมคาบความเป็นพี่ใหญ่พร่ำสั่งสอนอย่างทะนงตน

ฉาฉาที่นอนขดอยู่บนข้อมือของเหมยเหมยได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของฉิวฉิวจึงมุดออกมาอย่างอดไม่ได้ มันมองฉิวฉิวอย่างนึกดูแคลน ทุกครั้งหลังจากที่ได้กระรอกตัวเมียสวย ๆกลับมาก็มักจะโอ้อวดใส่เขา ตอนนี้ยังมีหน้ามาว่าน้องโฉ่วอีกเหรอ!

โฉ่วโฉ่วโดนฉิวฉิวสั่งสอนไปยกใหญ่จึงเงียบกริบ แต่ก็ยังทำใจเรื่องเมียไม่ได้จึงลอบมองม้าเซ็กเธาว์อยู่หลายครั้งหลายหน

มันรู้สึกว่าความปั่นป่วนในตัวที่มันระงับไว้มาโดยตลอด เวลานี้เหมือนถูกจุดประกายลุกโชนจนลุกลามเป็นไฟลูกใหญ่ และม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้ก็คือเครื่องดับไฟในตัวมันนั่นเอง

ฉิวฉิวอ่านความคิดของมันออกจึงหัวเราะเยาะนึกรังเกียจแล้วคว้าลูกอมที่เหลือในมือเหมยเหมยมา จากนั้นเพียงครู่เดียวก็มุดไปถึงฝั่งของม้าเซ็กเธาว์พร้อมพูดกับม้าเซ็กเธาว์หน้ามึนว่า “เจ้างั่งนั่นให้เอานี่มาเป็นของแทนใจ นี่เป็นของดีเชียวนะ ถ้าเธอกินแล้วต้องยอมเป็นเด็กดีกลับบ้านไปพร้อมเจ้างั่งนั่นเข้าใจไหม?”

ม้าเซ็กเธาว์จ้องฉิวฉิวอย่างตกตะลึงที่เหยียบย่ำบุกมาหามันอย่างง่ายดาย ทั้ง ๆที่เป็นแค่กระรอกตัวหนึ่งแต่กลับรู้สึกน่าหวาดกลัวแผ่มาจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ มันไม่แม้แต่จะกล้าขยับทั้งยังยอมกลืนยาอมพวกนั้นลงไปทีเดียวจนหมด

พอยาอมเข้าปากก็ละลายไหลลงท้อง ม้าเซ็กเธาว์รู้สึกได้ว่ายาพวกนี้เป็นของชั้นดีจึงส่งเสียงร้องดีใจส่งให้โฉ่วโฉ่วอยู่หลายครั้งพลันเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม

มันจะยอมกลับบ้านไปพร้อมกับโฉ่วโฉ่วอย่างว่าง่ายเลยล่ะ!

เหมยเหมยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกมึนงง ถามเหยียนหมิงซุ่นอย่างคลางแคลงใจ “นี่พวกมันกำลังทำอะไรกันเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นพอจะเดาสถานการณ์ได้ ในจังหวะที่กำลังจะอธิบายฉิวฉิวก็มุดกลับมาและหมอบอยู่บนไหล่ของเหมยเหมยพร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจขึ้นว่า “ไม่มีอะไร เจ้าม้าโง่ตัวนี้หาเมียเจอแล้ว เดี๋ยวพากลับไปเข้าห้องหอด้วยแล้วกัน”

“อึก…”

เหมยเหมยตกใจจนสะอึกออกมา ครั้งก่อนเธอพูดเองว่าจะหาเมียให้โฉ่วโฉ่วแต่เธอยังไม่ทันได้ลงมือเลย โฉ่วโฉ่วกลับหาเจอเองแล้วเหรอเนี่ย?

“ใช่ม้าสีแดงตัวนั้นไหม? สวยดีนะ โฉ่วโฉ่วของเรานี่ก็ตาถึงเหมือนกันนะ” เหมยเหมยชูนิ้วโป้งให้โฉ่วโฉ่ว โฉ่วโฉ่วส่งเสียงฮึดฮัดทางจมูกอย่างได้ใจ

หากเป็นม้าธรรมดาตัวอื่นจะเข้าตามันได้อย่างไรเล่า?

เรื่องความสวยมันแน่นอนอยู่แล้ว!

เหมยเหมยถามเหยียนหมิงซุ่น “ม้าสีแดงตัวนั้นเป็นของใครเหรอคะ? โฉ่วโฉ่วเกี้ยวมาได้แล้ว”

แม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะพอเดาสถานการณ์ได้ แต่เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันที่ชัดเจนก็รู้สึกตกใจไม่น้อย และไม่นานก็กลับมายิ้มแฝงความยียวนปรากฏบนใบหน้า

…………………………………………………….

ตอนที่ 2188 พนันกันหน่อยไหม

“เป็นม้าที่หนิงเฉินเซวียนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อมาจากอังกฤษ ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษทั้งสามรุ่นล้วนเป็นแชมป์ทั้งหมด สายเลือดชั้นสูงมากด้วย โฉ่วโฉ่วนี่ตาถึงจริง ๆเลย” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำพลางอธิบาย โฉ่วโฉ่วจึงส่งเสียงฮึดฮัดทางจมูกอีกครั้ง สะบัดหางอย่างอารมณ์ดีมากกว่าเดิม

เหมยเหมยนิ่งตกตะลึงก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ ลูบหัวโฉ่วโฉ่วหลายที “ช่างเด็กดีจริง ๆ โฉ่วโฉ่วแกนี่เป็นลูกรักของฉันเลยนะ…”

โฉ่วโฉ่วแลบลิ้นเลียมือเหมยเหมยซ้ำ ๆหลายทีด้วยความสนิทสนมเป็นอย่างมาก นายหญิงมีลูกน้อยแล้วจะให้ลำบากเกินไปไม่ได้ เรื่องหาเมียมันคงไม่รบกวนนายหญิงแล้วล่ะ!

เหมยเหมยกลอกตาไปมาแล้วกระซิบข้างหูโฉ่วโฉ่วว่า “เดี๋ยวตอนแข่งขันแกก็ให้เมียเดินตามหลังนะ ห้ามไปไหน หลังจากแข่งเสร็จค่อยพากลับบ้าน ฉันจะให้ของรางวัลเป็นของกินอร่อย ๆแล้วกันนะ…”

โฉ่วโฉ่วดีใจจนส่งเสียงฮึดฮัดอยู่หลายที นี่นับว่าเป็นเรื่องเล็กสำหรับมันมากและจัดการง่ายนิดเดียว!

เหมยเหมยป้องปากกระซิบเสียงเบา เหยียนหมิงซุ่นเงียหูตั้งใจฟังแต่ก็ยังไม่ได้ยินอยู่ดีจึงถามขึ้นว่า “พวกเธอกระซิบกระซาบอะไรกัน แถมไม่ให้พี่ฟังอีกต่างหาก”

“ไม่บอกหรอก…”

เหมยเหมยเชิดคางอย่างได้ใจ ช่างเป็นท่าทางที่น่าเอ็นดูเหลือเกิน เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกเธอไปทีหนึ่ง “ไม่พูดก็ไม่พูด ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ใกล้จะได้เวลาแล้วเราเข้าไปในงานกันดีกว่า”

เหยียนหมิงซุ่นก็คร้านที่จะถามต่อ เดี๋ยวถึงตอนแข่งก็รู้แล้วว่ายัยปีศาจน้อยพูดอะไรกับโฉ่วโฉ่ว พรสวรรค์ที่เหมยเหมยสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้เขารู้มานานแล้ว และไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าประหลาดตรงไหน คิดไปคิดมาคงเป็นเพราะพระเจ้าประทานไอคิวมาให้น้อยเกินคงรู้สึกผิดเลยให้พรเรื่องอื่นแทนสินะ?

“โฉ่วโฉ่วห้ามกินของที่คนแปลกหน้าให้นะ ตั้งใจแข่งล่ะ แล้วคว้าแชมป์มาอีกนะ!”

เหมยเหมยกำชับโฉ่วโฉ่ว จากนั้นก็เดินไปประจำที่นั่งแขกพร้อมกับเหยียนหมิงซุ่น เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงการแข่งขันถึงจะเริ่มขึ้น

ที่นั่งของพวกเขาคือตำแหน่งวีไอพีติดกับเฮ่อเหลียนเช่อ อีกด้านหนึ่งคือคู่แข่งอย่างหนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนชิง คนที่จัดตำแหน่งที่นั่งก็ไม่เบาเลย คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าสองคนนี้เจอหน้ากันทีไรมีแต่อยากจะฆ่ากันทุกที แต่นี่ยังจัดตำแหน่งที่นั่งของพวกเขาให้อยู่ใกล้กันอีก

ซ้ำยังทะเลาะกันอีกแล้ว!

“นี่เหล่าหนิง ได้ยินว่านายได้ม้าตัวหนึ่งมาจากต่างประเทศงั้นเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงคิดหาประเด็นมาพูดคุยกัน

หนิงเฉินเซวียนแค่นเสียงฮึด้วยใบหน้าเย็นชา และไม่สนใจตาแก่บ้านี่

“ฉันว่าม้าจากต่างประเทศไม่เห็นได้เรื่องเลย ในประเทศของเราก็มีม้าดี ๆเหมือนกันอย่างเช่นโฉ่วโฉ่วของฉัน เป็นแชมป์มาสองปีซ้อนแล้ว เก่งจะตาย!” เฮ่อเหลียนชิงคุยโวโอ้อวดโดยไม่ให้ใครตอกกลับได้ แถมยังคุยโวอย่างชอบใจด้วย

ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนดุดันขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงอดทนไม่ส่งเสียงพูดอะไร เขาจะไม่ต่อปากต่อคำกับเฮ่อเหลียนชิง อีกเดี๋ยวเริ่มการแข่งขันค่อยดูที่ผลลัพธ์แล้วกัน

การแข่งขันครั้งนี้เขาจะต้องทำให้เฮ่อเหลียนชิงแพ้ราบคาบไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีอะไรให้ได้เลย และอย่างน้อยอีกครึ่งปีเขาจะเหยียบทุกคนให้จมอยู่ใต้ฝ่าเท้าแล้วยึดครองแผ่นดินนี้!

เห็นแก่ที่เคยร่ำเรียนทำงานมาด้วยกันรวมถึงความเป็นพี่เขย เขาจะไว้ชีวิตที่น่าอนาถของเจ้าบ้านี่แล้วกันแล้วปล่อยให้ทุกข์ทรมานในช่วงบั้นปลายชีวิต!

เฮ่อเหลียนชิงเห็นว่าหนิงเฉินเซวียนไม่พูดด้วยก็ไม่ได้นึกโกรธอะไร แถมยังคงพล่ามไม่หยุด และก็เป็นเรื่องโอ้อวดโฉ่วโฉ่วตามคาด ประชดหนิงเฉินเซวียนว่าปีนี้จะต้องกลับไปมือเปล่าอีกเช่นเคย

“แกกล้าที่จะพนันกับฉันไหมล่ะ?” หนิงเฉินเซวียนเอ่ยเสียงเย็นชา

“มีอะไรที่ฉันไม่กล้า แล้วจะพนันอย่างไรล่ะ?” เฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน

หนิงเฉินเซวียนยกยิ้มมุมปากมองเขาอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้นทีละคำทีละประโยค “ง่ายมาก ถ้าม้าของฉันแพ้ ม้าของฉันก็จะตกเป็นของแก แต่ถ้าแกแพ้ม้าตัวนั้นของแกจะตกเป็นของฉัน กล้าเดิมพันไหมล่ะ?”

ม้าสีดำตัวนั้นของเฮ่อเหลียนชิงเขาอยากได้มันมาตลอดสามปี ครั้งนี้เขาจะต้องเอามันมาให้ได้!

โลกใบนี้ควรจะเป็นของเขา ฉะนั้นของดี ๆทุกอย่างบนโลกนี้ก็ต้องเป็นของเขา เฮ่อเหลียนชิงมีสิทธิ์อะไรมาครอบครอง?

ไม่คู่ควรเลยสักนิด!

…………………………………………………………….

ตอนที่ 2185 เธอต้องการคืนของ

วันต่อมาการแข่งขันก็จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และยังคงเป็นสถานที่เดิมซึ่งเป็นสนามแข่งม้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง นอกจากนี้ยังเป็นโรงงานอุตสาหกรรมของหนิงเฉินเซวียนด้วย เขาเป็นคนจัดการดูแลด้วยตัวเองมาโดยตลอด

“วันนี้ทำตัวให้มีสติหน่อยล่ะ ทำตามที่ฉันกำชับด้วยได้ยินไหม?” หนิงเฉินเซวียนกล่าวสอนด้วยใบหน้านิ่งขรึม ตรงข้ามมีลูกน้องยืนเรียงแถวอยู่

“ได้ยินแล้วครับ นายท่านโปรดวางใจ!”

เหล่าลูกน้องตอบรับเสียงดังกึกก้องมั่นอกมั่นใจต่องานที่หนิงเฉินเซวียนมอบหมายให้เป็นอย่างมาก ที่นี่เป็นถิ่นของพวกเขา จัดการกับสัตว์แค่ตัวเดียวมันง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร

หนิงเฉินเซวียนเองก็มั่นใจเอย่างต็มเปี่ยม เขาแค่สั่งให้ลูกน้องเอาเข็มไปใส่ไว้ในเกือกม้าของโฉ่วโฉ่วแค่สองสามเล่มเอง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้หากยังทำไม่ได้ คนพวกนี้ก็สมควรไปตายซะ!

เขาไม่ได้ต้องการฆ่าโฉ่วโฉ่ว แค่ทำให้มันไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ก็เท่านั้น พอดึงเข็มออกก็ไม่เป็นอะไรแล้ว สำหรับม้าโดยเฉพาะม้าพันธุ์ดีหนิงเฉินเซวียนใจดีด้วยเสมอ และยิ่งกว่านั้นคือความอดทน!

เหมยเหมยตั้งใจตื่นแต่เช้า ช่วงนี้ป้าฟางตุ๋นซุป(ยา)บำรุงให้เธอทุกวัน ซุปไก่ดำ ซุปปลาดำ กระเพาะปลา รังนก ซุปเป็ด…ทุกวันไม่ซ้ำกันเลยจนเธอผิวเนียนนุ่ม ใบหน้าเปล่งปลั่งเชียวล่ะ

หมอบอกว่าจะต้องนอนพักหนึ่งเดือนเต็ม ความเป็นจริงยังไม่ทันถึงครึ่งเดือนเธอก็ลุกกระโดดโลดเต้นได้แล้ว ต่อให้วิ่งแปดร้อยเมตรก็ไม่มีปัญหา พอร่างกายแข็งแรงเหมยเหมยก็ไม่ยอมนอนพักบนเตียงอีกเพราะนอนจนปวดกระดูกไปหมดแล้ว อึดอัดแทบบ้า

พอดีกับที่หมอกู้กลับมาเมืองหลวง เหยียนหมิงซุ่นจึงได้เชิญให้เขามาตรวจดูอาการของเหมยหมย หมอกู้วัดแค่ชีพจร ก็บอกว่าไม่ต้องกินยาบำรุงอะไรแล้ว อะไรที่ควรทำก็ทำ อะไรที่ควรกินก็กิน ทำเหมือนปกติก็พอแล้ว

แต่เรื่องเซ็กส์ควรลดให้น้อยที่สุด!

เป็นเรื่องดีสำหรับเหมยเหมย แต่ดันเป็นเรื่องน่าเศร้าของท่านหัวหน้าเหยียน!

“โธ่…เอวฉันหนาไปหมด ใส่เดรสสีขาวไม่ได้แล้ว”

เหมยเหมยลองสวมเดรสสีขาวยาวตัวโปรดก็พบว่าช่วงเอวแน่นเล็กน้อย เธอเศร้าเหลือเกิน ตอนนี้เพิ่งจะครึ่งเดือนกว่า ๆเอง ทำไมถึงท้องโตจังนะ?

อีกหน่อยถ้าเจ็ดแปดเดือน เธอไม่ต้องใส่ถุงกระสอบเลยเหรอ?

เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้ามาหยิกเอวของเธอทีหนึ่ง พูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่อ้วนเลย เหมือนเมื่อก่อนแหละ เธอคิดมากเกินไปแล้ว”

ก็ยังเอวบางเหมือนเดิมไม่ใช่หรือไง!

“พี่นี่ไม่ได้เรื่องเลย ต้องเปลี่ยนไปบางแหละ” เหมยเหมยไม่พอใจต่อท่าทีสบาย ๆของเหยียนหมิงซุ่นเป็นอย่างมาก ใช้มือหยิกจะวัดอะไรได้?

“พอ ๆกันนั่นแหละ คาดเคลื่อนไม่เกินสองเซนติเมตรหรอก” ท่านหัวหน้าเหยียนมั่นอกมั่นใจมาก แต่ว่า…

เหมยเหมยโมโหขึ้นมาในทันที สองมือเท้าสะเอวคำรามลั่น “สองเซนติเมตรนี่ต่างกันไม่มากอย่างไร? พี่รู้หรือเปล่าว่าสองเซนติเมตรนี่มันขนาดไหน ยาวขนาดนี้เห็นหรือยัง ยาวขนาดนี้เชียวนะ…เอวของฉันเพิ่มมาสองเซนติเมตรแล้ว…”

เธอคำรามพร้อมใช้มือเปรียบเทียบขนาดสองเซนติเมตร เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันคิดอะไร พอเหมยเหมยเห็นขนาดที่ตัวเองเปรียบเทียบให้ดูก็รู้สึกท้อแท้ใจ

สองเซนทำไมถึงยาวขนาดนี้นะ!

นี่เพิ่งจะครึ่งเดือนรอบเอวก็ขยายขึ้นสองเซนติเมตรแล้ว เธอยังเหลืออีกแปดเดือนที่จะคลอด หนึ่งเดือนสี่เซนติเมตร แปดเดือนก็สามสิบสองเซนติเมตร นั่นก็ประมาณ…

เธอยกนิ้วขึ้นมาทาบแล้วพึมพำคำนวณแปลงหน่วยเป็นนิ้ว แต่สมองที่เดิมทีก็ไม่เพียงพอให้ใช้การอยู่แล้ว พอท้องขึ้นมาก็ยิ่งโง่ขึ้นไปอีก ผ่านไปนานก็ยังคำนวณไม่ได้สักที

“ประมาณ 9.6 นิ้ว ซึ่งขาดอีกแค่ 0.4 นิ้วก็จะเท่ากับอี้ฉื่อ[1]” เหยียนหมิงซุ่นทนดูต่อไปไม่ไหวจึงคำนวณออกมาให้เธอ

เขาเพิ่งค้นพบว่าตอนนี้ไอคิวของภรรยาเขานั้น เมื่อเทียบกับการคิดคำนวณน้ำเข้าน้ำออกตอนปีนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าจะแย่ลงแล้วล่ะ

เฮ้อ!

อนาคตช่วงน่าเป็นห่วงเหลือเกิน!

เหมยเหมยเงยใบหน้าเขียวปั๊ดขึ้นมอง คำตอบนี้ก็ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดในวันที่อากาศสดใสเลย ก่อนตั้งท้องเอวของเธอคือ 17 นิ้ว บวกเพิ่มอีก 9.6 นิ้ว นั่นก็เท่ากับ 26.9 นิ้ว เอวที่มีขนาดเกือบสามไม้บรรทัด…

สุราลัย…พสุธา…พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย!

เธอต้องการคืนของ!

[1] 尺 คือหน่วยวัดของจีน โดยขนาด 1 ฉื่อมีค่าเท่ากับ 10 นิ้ว

………………………………………………..

ตอนที่ 2186 จีบสักหน่อย

เหมยเหมยมีสีหน้าท่าทีหมดอาลัยตายอยาก จนทำให้เหยียนหมิงซุ่นอดที่จะขำออกมาไม่ได้ ทำไมถึงได้โง่แบบนี้นะ?

“พี่แค่บอกว่าประมาณสองเซนติเมตรไม่ได้แปลว่าจะต้องสองเซนจริง ๆสักหน่อย อีกอย่างเธอนับแบบนี้ก็ไม่ถูก การเจริญเติบโตในช่วงตั้งครรภ์ตอนต้นและตอนปลายแตกต่างกัน การเจริญเติบโตในตอนต้นค่อนข้างช้าแต่ตอนกลางถึงตอนปลายจะเร็วมาก”

เหยียนหมิงซุ่นจงใจโอ้อวดกฎสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ตนเพิ่งหามาใส่สมองเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่รู้ว่าเหมยเหมยกำลังตั้งครรภ์ เขาก็สั่งให้ลูกน้องของตนไปกว้านซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์ไว้มากมาย ทุกวันหลังเลิกงานจะกลับมาเปิดอ่าน จนตอนนี้ได้กลายร่างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินารีไปครึ่งหนึ่งแล้ว

สีหน้าของเหมยเหมยเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาว สีหน้าแห่งความหวาดกลัวมีมากกว่าเดิม ช่วงปลายจะขยายใหญ่กว่าช่วงแรกอีกเหรอ?

เช่นนั้นคงไม่ใช่แค่หนึ่งไม้บรรทัดแล้วล่ะ?

“อีกหน่อยเอวของฉันจะกลายเป็นถังน้ำ หรือไม่ก็ถังไม้ใบใหญ่…”

เหมยเหมยกุมหน้าด้วยความเสียใจ การมีลูกสักคนต้องเสียสละมากจริง ๆ เอวคอดเล็กที่เธอภาคภูมิใจ เกรงว่าอีกหน่อยคงไม่มีอีกแล้ว!

“เธอคิดมากไปแล้ว ไม่มีทางเป็นเอวถังน้ำหรอก…” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาดี ๆปลอบใจเธอ แค่ปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆของเอวเองไม่ใช่เหรอ เขาก็ไม่ได้รังเกียจสักหน่อย

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะทำอย่างไร?” เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ ดวงตาแดงก่ำมองเขาอย่างน่าสงสาร

“พี่ไม่รังเกียจหรอก!” เหยียนหมิงซุ่นขบคิดแล้วพูดขึ้น เขาคิดว่านี่คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ยัยปีศาจน้อยจะต้องดีใจอย่างแน่นอน

แต่กลับไร้ประโยชน์…

“ใครสนว่าพี่จะรังเกียจไหมกันล่ะ? ฉันไม่มีทางยอมกลายเป็นเอวถังน้ำ รอคลอดลูกแล้วฉันจะไประบำหน้าท้อง หลังจากนั้นจะต้องกลับเข้าสู่สถานะก่อนหน้านี้ได้แน่ พี่คอยดูเถอะ!”

เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็ง กล้าดูถูกเธองั้นเหรอ?

จะได้เห็นดีกัน!

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้างุนงง เขาพูดไปแล้วว่าไม่รังเกียจ ทำไมถึงยังโกรธอีกล่ะ?

จิตใจของผู้หญิงยากแท้หยั่งถึงจริง ๆ เขาคิดว่าตัวเขาเองอยู่ในระดับกลางแล้ว แต่ตอนนี้กลับพบว่าความจริงแล้วเขาสอบตก!

ในที่สุดเหมยเหมยก็เลือกใส่เสื้อยืดสีขาวเข้าคู่กับกระโปรงลายดอก สวมใส่แล้วดูสบายเอามาก

การแข่งม้าจัดขึ้นในช่วงเก้าโมงเช้า พวกเขามาถึงสนามม้าตอนแปดโมง เหมยเหมยอยากแวะหาโฉ่วโฉ่วเพื่อให้กำลังใจมันก่อน เหยียนหมิงซุ่นก็ไปคอกม้าพร้อมกับเธอด้วย

โฉ่วโฉ่วถูกขังแยกไว้ตัวเดียวเพราะอารมณ์ของมันรุนแรงเกินไป ม้าตัวอื่นล้วนไม่อยู่ในสายตาของมัน ไม่พอใจขึ้นมาก็โมโห เมื่อปีก่อนคุณชายโฉ่วก็ได้เตะม้าแข่งตัวอื่นจนขาหัก เฮ่อเหลียนชิงได้ชดใช้เงินก้อนใหญ่ให้กับเจ้าของม้าไปอย่างชอบใจ

จากนั้นเป็นต้นมา คุณชายโฉ่วก็ได้มีห้องวีไอพีเป็นของตัวเองและไม่อยู่ร่วมกับม้าตัวอื่นอีก

ในขณะเดียวกันคุณหนูเซ็กเธาว์ผู้สูงส่งก็ขี้หงุดหงิดไม่เบาเช่นกัน พอบวกกับที่มันเป็นแก้วตาดวงใจของหนิงเฉินเซวียน คนในสนามม้าก็ยิ่งไม่กล้าละเลย พร้อมกับยกคอกม้าที่ดีที่สุดในสนามนี้ให้แก่คุณหนูผู้นี้ด้วย

ห้องของแขกวีไอพีทั้งสองอยู่ตรงข้ามกัน ระยะห่างกันไม่มาก เงยหน้าขึ้นก็สามารถมองสบตาอีกฝ่ายได้แล้ว

บัดนี้คุณชายโฉ่วกำลังจ้องคุณหนูเซ็กเธาว์ด้วยใจจดจ่อ ทำเสียงฮึดฮัดทางจมูกอยู่บ่อยครั้งพร้อมสะบัดหางไปมา

ชายอ้วนนั่นไม่ได้หลอกมัน ม้าตัวเมียตัวนี้ไม่เลวเลย ตรงสเปกของมันมาก แบบนี้ต้องจีบเสียหน่อยแล้ว

โฉ่วโฉ่วเกิดความสนใจในตัวคุณหนูเซ็กเธาว์ขึ้นมา มันเป็นม้าแสนดีที่พอถูกใจปุ๊บก็ลงมือปั๊บ ในเมื่อเป็นที่ถูกตาต้องใจ งั้นก็ลุยเลย!

“ฮี่…ฮี่ ฮี่…”

โฉ่วโฉ่วส่งเสียงร้องอยู่บ่อยครั้งแถมยังสะบัดหัวไปมา ขนแผงคอยาวเป็นแนวโค้งสยายกลายเป็นเส้นขนที่สวยงามกลางอากาศ ม้าเซ็กเธาว์เองก็สังเกตเห็นม้าสุดหล่อที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน มันเองก็ใจเต้นตึกตักนานแล้ว

ตัวหนึ่งเสน่หา ส่วนอีกตัวหนึ่งมีใจปรารถนา…

ไม่นานม้าสองตัวนี้ก็แอบส่งสายตาให้กัน เธอส่งเสียงร้อง ฉันก็ส่งเสียงร้อง ต่อเนื่องเช่นนี้ไม่มีหยุด…

เพื่อใช้ภาษาม้าของพวกมันถ่ายทอดคำบอกรักกันไปมา

………………………………………………………

ตอนที่ 2183 ลูกของเราในอนาคตจะต้องฉลาด

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาในช่วงค่ำ พอได้ฟังเรื่องไอคิวของเสี่ยวเป่าก็ตกใจไม่ต่างกัน เขารู้สึกปวดใจอยู่บ้างเพราะเสียเปรียบเฮ่อเหลียนเช่อเข้าแล้ว จู่ ๆก็ได้น้องชายยอดอัจฉริยะมาเสียอย่างนั้น

“ลูกของเราในอนาคตก็ต้องเป็นอัจฉริยะแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ ต้องเป็นอัจฉริยะเท่านั้น เขาจะแพ้ไม่ได้

ไอคิวของเขาก็ไม่ได้ด้อยสักหน่อย ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินที่กล่าวไว้ว่าเด็กรุ่นใหม่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าอย่างไรลูกของเขาคงไม่มีทางเป็นคนโง่เขลาแน่นอน

แต่มันก็ใช่ว่าจะได้ใช่เสมอไป…

เหมยเหมยเบะปากและเบรกเขาไว้ก่อน “มันก็ไม่แน่หรอกนะ”

“ต้องใช่สิ เหมือนพี่ไง!” เหยียนหมิงซุ่นยืนยันอีกครั้ง

พอเหมยเหมยได้ยินประโยคนี้ก็ไม่พอใจจึงจ้องเขาเขม็ง วางตะเกียบลงแล้วคำรามว่า “ความหมายของพี่ก็คือถ้าเหมือนฉันจะโง่ใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นระส่ำ แย่แล้ว เขาดันเผลอหลุดพูดความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าพูดจากใจจริงก็ใช่ว่าเขาจะรังเกียจไอคิวของยัยปีศาจน้อยสักหน่อย ปัญหาน้ำเข้าน้ำออกในตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นยังคงจำได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้เลย!

เก่งกว่าพวกโง่เขลามาแค่หน่อยเดียวเท่านั้น!

แต่เขาก็ชอบความโง่ของยัยปีศาจน้อยนะเพราะเอาใจง่ายดี!

“เปล่าเลย ตอนนี้ที่รักเป็นถึงนักเขียน แถมด้านดนตรีและการเต้นก็โดดเด่นมาก คนโง่ที่ไหนจะเก่งได้เหมือนเธอล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาหวานหยดย้อยอย่างรู้งาน พร้อมแกะกุ้งป้อนเหมยเหมย ทำสองอย่างไปพร้อมกันต้องง้อได้แน่

เหมยเหมยแค่นเสียง อยากจะแอบหลุดยิ้มแต่เธอก็ฝืนเอาไว้

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าในใจพี่คิดอะไรอยู่ อยากพูดว่าฉันไอคิวต่ำไม่ใช่เหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะการทดสอบไอคิวแบบนี้ยังไม่ครอบคลุมรอบด้าน มีคนตั้งมากมายที่มีไอคิวปกติแต่ก็ยังเป็นคนเก่งได้เหมือนกัน”

เหมยเหมยเชิดคางขึ้นอย่างทะนงตน เธอรู้สึกว่าไอคิวไม่ครอบคลุมรอบด้านจริง ๆ อย่างเช่นตัวเธอเอง ไอคิวการเรียนไม่ได้สูงนักแต่พรสวรรค์และความสามารถทางด้านดนตรีและการเต้นรำของเธอกลับไม่ได้แย่เลย

พระเจ้าปิดหน้าต่างของคุณบานหนึ่งก็ย่อมต้องเปิดหน้าต่างอีกบานให้คุณบ้างอยู่แล้ว ไม่มีทางทิ้งให้คุณไร้หนทางที่จะก้าวเดินต่อไปได้หรอก!

ประโยคนี้ถูกต้องเสมอ

เหมยเหมยคิดว่าทุกคนล้วนมีพรสวรรค์เป็นของตัวเอง เหตุที่ทำให้โลกนี้มีคนไร้ความสามารถเป็นจำนวนมากเพราะความสามารถของคนเหล่านี้ไม่ได้ถูกขุดออกมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงค่อย ๆเลือนหายไปตามอายุขัยและค่อย ๆกลายเป็นแค่คนธรรมดาไป

ดังนั้นการที่จะวัดคน ๆหนึ่งด้วยไอคิวว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

เหยียนหมิงซุ่นไม่เห็นด้วยกับมุมมองความคิดของเหมยเหมย แต่ตอนนี้คนท้องสำคัญที่สุด เขาพยักหน้ารับและเอ่ย “เธอพูดถูก ไอคิวไม่สามารถตัดสินทุกอย่างได้ เธอกินกุ้งอีกตัวนะ”

เขาไม่ให้เหมยเหมยกินกุ้งมังกรน้อยอีกแต่เปลี่ยนมากินกุ้งธรรมดาแทน มีสารอาหารมากกว่า นอกเสียจากว่าอยากกินมากจริง ๆถึงจะยอมให้กินสักครั้งหนึ่ง

“สิ่งที่ฉันพูดมันถูกต้องอยู่แล้ว ในอนาคตต่อให้ไอคิวของลูกฉันไม่ถือว่าสูงแต่อนาคตต้องไกลแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับการถ่ายทอดพรสวรรค์ด้านศิลปะจากฉันไปก็ได้!”

เหมยเหมยรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก ส่วนใหญ่พูดกันว่ารูปลักษณ์ภายนอกของลูกมักได้รับอิทธิพลมาจากพ่อ แต่ไอคิวส่วนใหญ่มาจากแม่ไม่ใช่เหรอ และไอคิวของเธอนั้น…

เธอจึงไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงเกินไป!

“พี่คิดว่าถ้าเป็นลูกชายจะต้องเหมือนพี่ ส่วนลูกสาวก็ต้องสวยเหมือนเธอ แถมยังถนัดศิลปะดนตรีและการเต้นด้วย” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยความหมายของตนอ้อม ๆ

เด็กผู้ชายไม่ควรโง่เกินไปเพราะในอนาคตยังต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวอีก ส่วนเด็กผู้หญิงจะโง่นิดโง่หน่อยย่อมได้ ขอแค่หาลูกเขยที่เก่งกาจให้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะถูกใครรังแก

แต่ถ้าหากเลือกได้เหยียนหมิงซุ่นก็หวังว่าไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวต่างก็ต้องแข็งแกร่งให้ได้เหมือนเขา ด้วยเหตุนี้เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกชายลูกสาวมากเกินและดูแลภรรยาจอมบื้อได้อย่างเต็มที่

…………………………………………………………

ตอนที่ 2184 แกอยากได้เมียไหม

 อีกสองวันการแข่งม้าของหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่พวกเขาแค่สองคนที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ยังมีคนอื่นอีก การแข่งม้าในครั้งนี้เป็นการแข่งขันส่วนตัวในแวดวงของพวกเขาอย่างไม่เป็นทางการ ผู้ที่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ต้องเป็นพวกคนรวยและข้าราชการระดับสูงเท่านั้น

สามัญชนทั่วไปอย่าได้หวังเลย!

หนิงเฉินเซวียนเป็นคนจัดการแข่งขันในครั้งนี้ขึ้น ความชื่นชอบม้าของเขาเป็นที่เลื่องลือมากในเมืองหลวง ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นกระแสให้คนจำนวนมากทำตาม ในเมืองหลวงจึงค่อย ๆมีคนเลี้ยงม้ามากขึ้น หนึ่งในนั้นมีบางส่วนที่รักม้าจริง ๆแต่ส่วนมากกลับต้องการที่จะเลียแข้งเลียขาหนิงเฉินเซวียนเท่านั้น

หนิงเฉินเซวียนพึงพอใจคนเหล่านี้มาก และมีคนเสนอว่าพวกเขาจัดการแข่งม้าขึ้นปีละครั้งเหมือนฮ่องกงก็ได้ โดยทุก ๆปีจะเลือกม้าที่เป็นแชมป์ขึ้นมา

แน่นอนว่าคนที่เสนอความคิดเห็นนี้ขึ้นมาตั้งใจที่จะประจบหนิงเฉินเซวียนอยู่แล้ว เพราะทั่วทั้งเมืองหลวงมีเพียงหนิงเฉินเซวียนเท่านั้นที่เลี้ยงม้าหลากสายพันธุ์ที่สุด แถมยังเป็นสายพันธุ์ชั้นสูงอีกด้วย แชมป์ม้าต้องเป็นของหนิงเฉินเซวียนอย่างแน่นอน

หนิงเฉินเซวียนเองก็คิดเช่นเดียวกัน

แต่ว่า…

เฮ่อเหลียนชิงกลับโผล่มากะทันหัน รั้นที่จะเข้าร่วมให้ได้ และจากนั้น…

แชมป์ม้าของทุก ๆปีจึงตกเป็นของม้าสีดำโฉ่วโฉ่วตัวนั้นที่เป็นของเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนจึงเป็นที่สองมาโดยตลอด

จะว่าไปแล้วการแข่งม้าเพิ่งจัดไปได้แค่สองครั้งเอง และปีนี้เป็นครั้งที่สาม

หนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญกับการแข่งม้าในปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้เขารู้สึกว่าหากเขาสามารถเอาชนะเฮ่อเหลียนชิงได้ นั่นหมายความว่าการริเริ่มดำเนินการของเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน มันเป็นสัญญาณที่ดี

ในทางกลับกันมันไม่ใช่ลางที่ดีเลย

ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้เขาจะต้องชนะให้ได้!

หนิงเฉินเซวียนอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะส่งคนไปจัดการม้าของเฮ่อเหลียนชิงอย่างลับ ๆแต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แบบนี้จะให้เขาอารมณ์ดีได้อย่างไร?

แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ พนักงานในสนามม้าล้วนเป็นคนของเขาทั้งนั้น เห็นทีว่าเขาคงต้องลงมือในสนามแข่งแล้วล่ะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดเขาจะต้องได้รับชัยชนะของปีนี้ให้ได้

ในขณะเดียวกันเฮ่อเหลียนชิงผู้มีความมุ่งมั่น ในเวลานี้เขากำลังสั่งสอนโฉ่วโฉ่วตรงหน้าอยู่

“สหายโฉ่วโฉ่ว ปีนี้นายต้องสู้เพื่อฉันนะ อย่าปล่อยให้ตาแก่บ้าหนิงเฉินเซวียนสมดั่งใจหวังเด็ดขาด ขอแค่นายชนะกลับมาฉันจะตอบแทนเต็มที่เลย ลูกอมพวกนี้ฉันให้นายกิน ของนำเข้าเลยนะ!”

เฮ่อเหลียนชิงเอาลูกอมในมือป้อนโฉ่วโฉ่วที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา ใบหน้าแสดงความเอาอกเอาใจ

โฉ่วโฉ่วส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ชำเลืองมองชายอ้วนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ท้ายที่สุดก็กินน้ำตาลก้อนที่มันไม่ชอบนั้นเข้าไป รสชาติแย่กว่านายหญิงตั้งเยอะ

เฮ่อเหลียนชิงหยิบแปรงขนม้าขึ้นมาแล้วแปรงที่แผงคอให้โฉ่วโฉ่วอย่างตั้งใจ ไม่หนักไม่เบา แรงกำลังพอดี โฉ่วโฉ่วสะบัดหางไปมาอย่างสบายตัว

“คุณชายโฉ่ว ปีนี้แกอายุสี่ปีแล้ว ในสังคมของพวกแกคงถึงช่วงอายุที่ต้องหาเมียแล้วสินะ นายอยากหาเมียสวย ๆ ไหม” เฮ่อเหลียนชิงยิ้มตาหยีพร้อมเปิดประเด็น จากนั้นก็ได้รับเสียงฮึดฮัดจากโฉ่วโฉ่วกลับมา

เฮ่อเหลียนชิงยื่นมือไปเช็ดน้ำลายกลิ่นหญ้าที่ถูกพ่นใส่หน้า จู่ ๆความคิดพลันแล่นขึ้นมานึกวิธีการดี ๆขึ้นได้

“คุณชายโฉ่ว ฉันช่วยหาเมียให้นายสักตัวดีไหม? ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ตาแก่หนิงมีม้าสีแดงตัวเมียที่งดงามมากตัวหนึ่ง เป็นสายพันธุ์แชมป์ม้าถึงสามรุ่น ฐานันดรสูงส่งคู่ควรกับนายมาก ไม่งั้นพรุ่งนี้นายลองเกี้ยวม้าตัวเมียนั้นมาเป็นเมียดีไหมล่ะ?”

แบบนี้ทั้งได้เมียม้ามาฟรี ๆแถมยังยั่วโมโหตาแก่หนิงเฉินเซวียนได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว

โฉ่วโฉ่วฮึดฮัดอีกครั้ง ชายอ้วนคนนี้พูดจริงหรือโกหกกันนะ?

จะว่าไปก็ถึงวัยที่มันควรหาเมียแล้วจริง ๆ พรุ่งนี้ค่อยดูอีกทีแล้วกัน ถ้าหากดีเหมือนที่ชายคนนี้พูดจริง ๆเขาก็จะเกี้ยวพากลับมาเล่นด้วยก็ไม่เลวเลย!

………………………………………..

ตอนที่ 2181 ไอคิว 220

 เสี่ยวเป่าเขย่งปลาเท้ายื่นอุ้งมืออ้วน ๆไปยังท้องน้อยของเหมยเหมย ลูบแผ่วเบาพร้อมแย้มยิ้มด้วยความดีใจ ดวงตาลุกวาวสุกใส

ในท้องน้อย ๆของคุณน้ามีเด็กตัวน้อย ๆอยู่ วันข้างหน้าจะมาเล่นเป็นเพื่อนเขาได้แล้ว

เหมยเหมยเห็นท่าทางของเสี่ยวเป่าคล้ายกับรับรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่อีกมุมก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก หรือเสี่ยวเป่าจะมีตาทิพย์มองทะลุได้กันนะ?

“เสี่ยวเป่า หนูกำลังลูบอะไรอยู่เหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงอ่อนโยน

“แอ๊ะแอ่…” เสี่ยวเป่ายังพูดไม่ได้ ได้แต่ตบหน้าท้องของเหมยเหมยอย่างแผ่วเบา น้ำลายใส ๆหยดลงมาอีกหนึ่งหยด เขาฉีกยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันน้ำนมขาว ๆซี่เล็ก

“หนูอยากให้เด็กน้อยในท้องออกมาเล่นด้วยกันใช่ใหม?” เหมยเหมยหยั่งเชิงถาม

“อือ!”

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับ แต่ทันใดนั้นกลับส่ายหน้าแล้วล้วงหยิบคุกกี้ที่ก่อนหน้านี้ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาวางลงบนท้องน้อยของเหมยเหมย เหมยเหมยเห็นดังนั้นก็เข้าใจความหมายของเขาในทันที

เจ้าตัวเล็กอยากจะให้เด็กน้อยในท้องกินคุกกี้ จะได้รีบ ๆโตแล้วออกมาเล่นเป็นเพื่อนเขาไง!

ความอบอุ่นไหลวาบเข้ามาในหัวใจ เธอจึงอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาหอมฟอดใหญ่ ทำไมถึงเรียกให้คนเอ็นดูได้ขนาดนี้นะ!

“เสี่ยวเป่าไม่ต้องใจร้อนนะ อีกแค่เก้าเดือน น้องชายหรือไม่ก็น้องสาวก็จะออกมาเล่นกับหนูได้แล้ว ต่อไปนี้หนูจะเป็นพี่ใหญ่แล้วนะ!” เหมยเหมยกระซิบข้างหูเสี่ยวเป่า แต่เธอไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้าใจหรือเปล่า

แต่เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเป่าต้องเข้าใจแน่ ๆ และเป็นอย่างที่คิดเพราะหลังจากที่เสี่ยวเป่าฟังคำพูดของเธอจบก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ดวงหน้าน้อย ๆเต็มไปด้วยความจริงจัง

เขาจะเป็นพี่ใหญ่แล้วนะ!

ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะต้องกินข้าวกับเนื้อให้เยอะขึ้น เขาจะปกป้องเด็กน้อยในท้องของคุณน้าและไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกเขา(เธอ)!

“เสี่ยวเป่าฉลาดจัง ทำไมหนูถึงได้ฉลาดขนาดนี้นะ…รักหนูที่สุดเลย!”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มอ้วน ๆของเจ้าตัวเล็ก

ระดับไอคิวของเสี่ยวเป่าต้องทะลุปรอทแน่ ๆ เป็นแค่เด็กวัยสองขวบแต่กลับเข้าใจคำพูดมากมายขนาดนี้ นับว่าน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ!

“พวกนายได้พาเสี่ยวเป่าไปทดสอบไอคิวบ้างหรือยัง? ฉันรู้สึกว่าไอคิวของเสี่ยวเป่าต้องสูงมากแน่ ๆ แถมเขายังมีพรสวรรค์ด้านศิลปะด้วย อย่าให้เสียของเชียวล่ะ!” เหมยเหมยเอ่ยเตือน

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหมยซูหานเลือนหายไปในทันที ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดปิดบังเธอจึงพูดขึ้นว่า “หนิงเฉินเซวียนเคยหาคนมาทดสอบเสี่ยวเป่าแล้ว ไอคิวสูงจริง ๆนั่นแหละ”

“เท่าไรเหรอ?”

“220” สีหน้าของเหมยซูหานดูระอาเล็กน้อย

เหมยเหมยตกใจเป็นอย่างมาก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเหมือนกับถูกบีบคอไว้ เธอร้องเสียงหลง “220 ? ผิดพลาดไปหรือเปล่า?”

จะมีคนที่ไอคิวสูงขนาดนี้ได้อย่างไร?

ขนาดเธอยังมีไอคิวแค่ 90 เอง เพิ่งจะพ้นระดับเด็กพิการทางสมองมาหน่อยหนึ่ง แทบจะไม่ถึงระดับสติปัญญาของคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำแต่เธอรู้สึกว่าใช้ได้แล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโง่ไปกว่าคนอื่นเลย ฉลาดจะตายไป

เหยียนหมิงซุ่นระดับไอคิว 140 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์อัจฉริยะ

เหมยเหมยคิดว่าการทดสอบนี้ค่อนข้างแม่นยำ ระดับไอคิวของเหยียนหมิงซุ่นทะลุปรอทจริง ๆ ตอนนั้นเขาแค่เรียนพอผ่าน ๆยังสามารถรักษาผลการเรียนให้อยู่ในสามอันดับแรกของระดับชั้นได้เลย!

แม้แต่เทคโนโลยีขั้นสูงในตอนนี้ เช่นภาษาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างเช่นการแฮ็ก เหยียนหมิงซุ่นไม่มีพื้นฐานเลยแม้แต่น้อย แต่ภายใต้คำชี้แนะของผู้อื่นเพียงเล็กน้อยบวกกับการอ่านและศึกษาด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาแทบจะเป็นแฮ็กเกอร์ที่เก่งกาจคนหนึ่งได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่เก่งเท่ากับแฮ็กเกอร์ชั้นนำอย่างลี่เมิ่งเฉิน แต่ก็ถือว่าเขาติดอันดับในระดับสากลได้แล้ว

ไอคิว 140 ยังเก่งขนาดนี้ ไอคิว 220 นี่ไม่ใช่บุตรของพระเจ้าเลยหรือ?

นี่ยังเป็นสมองของคนอยู่อีกหรือเปล่านะ?

เหมยเหมยเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่กำลังจดจ่อเล่นอยู่กับต้าโฉ่ว เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าตัวเล็กจะมีไอคิวที่ทำลายกฎธรรมชาติถึง 220 ขนาดนี้!

เท่าที่เธอรู้มาแม้แต่ไอน์สไตน์ยังมีไอคิวสูงแค่ 160 เอง!

………………………………………….

ตอนที่ 2182 ไอคิวสูงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

 เหมยซูหานยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า “ไม่ผิดหรอก หนิงเฉินเซวียนหาผู้เชี่ยวชาญมาทดสอบเสี่ยวเป่าตั้งสามทีมแต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยต่างกันเท่าไรเลย ไอคิวของเสี่ยวเป่าสูงมากจริงๆ ”

หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องนี้จากเฮ่อเหลียนเช่อ เขาเองก็เหมือนเหมยเหมย ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยสักนิด

ถ้าหากเลือกได้เขาอยากให้เสี่ยวเป่ามีไอคิวเหมือนคนธรรมดาทั่วไปก็พอ มีชีวิตที่เรียบง่ายไร้กังวลไปตลอดชีวิตและอยู่รอดปลอดภัย!

“เสี่ยวเป่าไอคิวสูงไม่ใช่เรื่องดีเหรอ? ทำไมนายไม่ดีใจเลยล่ะ?” เหมยยเหมยรู้สึกแปลกใจ

ไอคิวสูงขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะกลายเป็นคนเก่งของสายงานนั้น ๆได้ เช่นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างดาวินชีที่มีไอคิวสูงถึง 230 ดังนั้นปรมาจารย์ผู้นี้จึงรอบรู้ไปเสียทุกเรื่องและไม่มีอะไรที่เขาไม่ชำนาญเลย

วาดภาพจนกลายเป็นเป็นจิตรกรชื่อดังในยุคสมัยหนึ่ง วาดรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนแบบง่าย ๆยังกลายเป็นหนึ่งในภาพวาดที่แพงที่สุดในโลกเลย และปรมาจารย์ท่านนี้ก็ยังเป็นนักดนตรี สถาปนิก นักคณิตศาสตร์ นักเขียน นักดาราศาสตร์ นักประดิษฐ์ ประติมากร นักธรณีวิทยา นักฟิสิกส์…

เกรงว่าสิ่งที่ปรมาจารย์ท่านนี้ทำได้แม้แต่ตัวเขาเองก็คงนับไม่หมด และเขายังเป็นผู้โดดเด่นในทุก ๆสายงาน คนธรรมดายากจนมาทั้งชีวิตยังยากที่จะกลายเป็นคนฉลาดรอบรู้ในสายงานหนึ่งได้ แต่สำหรับดาวินชีคงไม่ใช่ เรียนอะไรก็เก่งไปเสียหมด ยกเว้นก็แต่สิ่งที่เขาไม่อยากเรียนรู้ นอกนั้นไม่มีอะไรที่เขาเรียนรู้แล้วไม่ชำนาญเลยสักอย่าง

พระเจ้าสร้างเขาขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์เรานั้นโง่เขลามากเพียงใด!

นี่คือชีวิตเหนือกฎธรรมชาติของยอดมนุษย์ที่มีไอคิว 230

เสี่ยวเป่าแม้จะไอคิวต่ำกว่ามนุษย์คนนี้ไปแค่สิบ แต่นี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว เกรงว่าบนโลกนี้จะมียอดมนุษย์ที่ไอคิวเกิน 200 อยู่เพียงแค่ไม่กี่คนละมั้ง?

ลี่เมิ่งเฉินก็อาจจะนับเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ชายคนนี้อาจปะทะกับดาวินชีได้สักตั้ง เรียนรู้ตั้งหลายอย่างแต่กลับชำนาญไปเสียหมด เพียงแค่ขี้เกียจไปหน่อยเท่านั้น

ยอดอัจฉริยะไอคิวสูงที่ไม่มีใครเทียมได้แถมยังใช้ชีวิตได้มีสีสันกว่าคนทั่วไปตั้งมาก ทำไมเหมยซูหานถึงไม่ดีใจเลยล่ะ?

“พอหนิงเฉินเซวียนรู้ว่าเสี่ยวเป่าไอคิวสูง เขาก็ดีใจมากจึงบอกว่าจะมุ่งปลูกฝังเลี้ยงดูเสี่ยวเป่าเอง” เหมยซูหานอธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ดีใจออกมา

ต่อให้เมื่อก่อนเขาจะไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนมีความทะเยอทะยานอยากเป็นฮ่องเต้ เขาก็ไม่อยากให้เสี่ยวเป่าไปอยู่ร่วมกับคนพรรค์นั้นอยู่ดี เขาไม่อยากแยกห่างจากเสี่ยวเป่าแม้แต่วันเดียว ครั้งก่อนที่เสี่ยวเป่าถูกหนิงเฉินเซวียนเอาตัวไป สัปดาห์นั้นทั้งสัปดาห์เขาเหมือนคนถูกสูบวิญญาณ ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ แค่รู้สึกว่าชีวิตขาดพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่และรู้สึกเบื่อหน่ายไร้สีสัน ดังนั้นเขาจึงอยากให้เสี่ยวเป่ามีคุณสมบัติปานกลาง แบบนี้หนิงเฉินเซวียนถึงจะให้ความสนใจต่อเสี่ยวเป่าน้อยลง ไม่แน่เขาอาจจะไม่คิดเอาตัวเสี่ยวเป่าไปเลี้ยงเองก็ได้

เหมยเหมยเองก็นึกถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน ยิ่งเสี่ยวเป่ามีคุณสมบัติดีมากเท่าไรความทะเยอทะยานของหนิงเฉินเซวียนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ตาแก่บ้านี่มีแต่จะนำพาหายนะมาสู่เสี่ยวเป่า ทางที่ดีควรอยู่ให้ห่างจากเสี่ยวเป่าจะดีกว่า

“ครั้งก่อนเสี่ยวเป่าไม่ได้อาละวาดหนิงเฉินเซวียนจนฟ้าถล่มดินทลายเหรอ? หนิงเฉินเซวียนยังกล้าเอาตัวไปอีกเหรอ?”

“เขาให้คนมารับตั้งหลายครั้งแต่ก็ล้วนถูกอาเช่อไล่ตะเพิดกลับไป ฉันกลัวว่าอีกไม่กี่วันตาแก่บ้านั่นจะมาที่นี่ด้วยตัวเองน่ะสิ” เหมยซูหานมุ่นคิ้ว แสดงสีหน้าเป็นกังวล

หากเป็นไปได้เขาอยากจะพาเสี่ยวเป่าไปจากที่นี่ ไปให้พ้นจากความวุ่นวายในเมืองหลวง ใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบสามัญชนคนธรรมดา

เหมยเหมยเองก็เป็นกังวล ทำไมตาแก่บ้านี่ไม่ตาย ๆไปเสียทีนะ?

ตายไปแผ่นดินคงจะสงบสุขขึ้นเยอะเลย!

เธออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วกำชับว่า “เสี่ยวเป่า ถ้าตาแก่ชั่วนั่นมารับหนูกลับไปอีก หนูต้องทำเหมือนครั้งก่อนนะ ปล่อยม้าพวกนั้นออกมาให้หมด ก่อเรื่องให้เขารำคาญตายไป หนูก็จะได้กลับบ้านแล้ว!”

เสี่ยวเป่าเบิกตากว้างคล้ายกับฟังเข้าใจและไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า แต่ว่า…

มือนุ่มนิ่มลูบใบหน้าเหมยเหมยแผ่วเบา จู่ ๆเสี่ยวเป่าก็ส่งยิ้มให้เธอราวกับกำลังบอกให้เธอวางใจได้

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอนี่โง่จริง ๆ ต่อให้เสี่ยวเป่าไอคิว 220 แต่ก็ยังเป็นทารกวัยสองขวบ เขาจะเข้าใจอะไรได้เล่า?

เสี่ยวเป่า ‘…ที่คุณน้าพูดมาผมเข้าใจหมดแหละ คุณน้าโง่จัง เขาไม่ได้กลัวตาแก่บ้านั่นเลยสักนิด!’

…………………………………………………………

ตอนที่ 2179 เจ้าบ้านั่นอยากเป็นฮ่องเต้

เหมยเหมยกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของเหมยซูหาน “นายกับเฮ่อเหลียนชิงคงอยู่ปกป้องเสี่ยวเป่าไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ ถ้าพวกนายตายไปใครจะดูแลเสี่ยวเป่าล่ะ? ต้องมีคนรังแกเขาแน่ ๆเลย”

เหมยซูหานฉีกยิ้ม “เรื่องนี้ฉันไม่กังวลเลยจริง ๆ ถึงเสี่ยวเป่าจะไม่ชอบพูดแต่เขาฉลาดมาก ใครจะรังแกเขาได้ แม้แต่หนิงเฉินเซวียนยังจนปัญญากับเขาเลย!”

ตอนที่เสี่ยวเป่าถล่มบ้านหนิงเฉินเซวียนก่อนหน้านี้ทำเอาทุกวันนี้หนิงเฉินเซวียนยังนึกกลัวอยู่เลย เขามักลังเลอยู่ตลอดว่าควรรับเสี่ยวเป่าไปหรือเปล่า!

เหมยเหมยตาลุกวาวถามด้วยความสงสัย “ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนยังคิดจะฝึกฝนเสี่ยวเป่าอีกเหรอ? นายอย่าส่งตัวเสี่ยวเป่าไปให้เขาเชียวนะ ตาแก่โรคจิตนั่นจะสอนคนออกมาเป็นปกติได้ซะที่ไหน เฮ่อเหลียนเช่อก็เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่ นายคงไม่อยากให้เสี่ยวเป่ากลายเป็นเฮ่อเหลียนเช่อคนที่สองหรอกใช่ไหม?”

เหมยซูหานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่อยากเห็นผลลัพธ์เช่นนั้นแต่บางสิ่งบางอย่างเขาควบคุมมันไม่ได้

“ความจริงอาเช่อเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แต่ตอนนี้มีอยู่หลายครั้งที่เขาจำเป็นต้องทำอย่างนั้น…”

เหมยซูหานแก้ตัวแทนเฮ่อเหลียนเช่อ ตลอดหลายปีมานี้ภายใต้เสียงเกลี้ยกล่อมของเขาความทะเยอทะยานของเฮ่อเหลียนเช่อก็ลดน้อยลงมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดเป็นเพราะการเกิดมาของเสี่ยวเป่าทำให้สภาวะทางจิตใจของเฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดจะลาออกไปใช้ชีวิตส่วนตัว

เพียงแต่เขาก็ปล่อยหนิงเฉินเซวียนไม่ได้อยู่ดีถึงได้หลุดพ้นจากบ่อโคลนนั้นไม่ได้สักที

“นายลองคิดดูดี ๆเถอะ จะให้เสี่ยวเป่าไปอยู่กับหนิงเฉินเซวียนไม่ได้เด็ดขาด คน ๆนี้บ้าคลุ้มคลั่งไปแล้ว ใช่แล้ว นายลองไปสืบเรื่องบ้านเกิดของหนิงเฉินเซวียนมาบ้างหรือยัง?”

เหมยเหมยเปลี่ยนเรื่องถามถึงตระกูลโรคจิตของหนิงเฉินเซวียนทันที

เหมยซูหานสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน หลังจากที่เหมยเหมยเคยเอ่ยให้เขาฟังเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาจึงส่งคนไปสืบเรื่องหนิงเฉินเซวียนที่บ้านเกิด ตระกูลหนิงแตกแยกออกกระจัดกระจายซึ่งไม่ได้ต่างไปจากชาวบ้านทั่วไปเท่าไรนัก แต่เขาก็สืบได้เรื่องลับ ๆมาบ้าง ยามลูกน้องกลับมารายงานทำเอาเขาเกือบสะอิดสะเอียนใจแทบตาย

แต่มากไปกว่านั้นคือความรู้สึกโล่งใจ

โล่งใจที่เสี่ยวเป่ามีปัญหาแค่เรื่องสายตากับเป็นโรคออทิสติกเท่านั้น ตอนนี้ดวงตาหายแล้วเหลือเพียงโรคออทิสติก โชคดีมากจริง ๆ!

เหมยเหมยแค่เห็นสีหน้าของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาสืบเจอเรื่องบางอย่างเข้าแล้วเลยอดแค่นเสียงหัวเราะไม่ได้

“นายรู้ไหมว่าทำไมหนิงเฉินเซวียนถึงรีบให้เฮ่อเหลียนเช่อมีลูกชาย?”

“สงสัยน่าจะเพราะอยากอุ้มหลานละมั้ง?”

เหมยซูหานคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ต่อให้ความจริงเสี่ยวเป่าไม่ใช่หลานชายของหนิงเฉินเซวียนจริง ๆก็ตาม แต่ก็ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เขากับเฮ่อเหลียนเช่อมักรู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณหนิงเฉินเซวียนอยู่เสมอ

“อยากอุ้มหลานเหรอ? หึ…นายมองหนิงเฉินเซวียนดีเกินไปแล้ว!” เหมยเหมยเย้ย เห็นว่าเหมยซูหานยังคิดไม่ได้จึงรู้ว่าเขาตามสืบเจอเพียงเรื่องการแต่งงานภายในตระกูลกันเองของตระกูลหนิงเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นคงยังตามสืบไม่เจอ

“บรรพบุรุษตระกูลหนิงมีเชื้อสายราชวงศ์ ฉะนั้นหนิงเฉินเซวียนถึงมีความคิดที่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูล เขาอยากเป็นฮ่องเต้ เสี่ยวเป่าเป็นผู้สืบทอดที่เขาตั้งใจจะฝึกฝนขึ้นมา”

เหมยเหมยไม่ได้ปิดบังเหมยซูหาน เรื่องที่คิดจะเป็นฮ่องเต้ขอเพียงเป็นคนปกติก็ต้องรู้สึกขบขัน เหมยซูหานก็ต้องมีความคิดเช่นเดียวกัน ส่วนเฮ่อเหลียนเช่อเพราะอยู่ใต้เงาของเหมยซูหานคาดว่าคงไม่เห็นด้วยกับหนิงเฉินเซวียน

หากให้เหมยซูหานตัดความสัมพันธ์พ่อลูกของเฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนได้ หนิงเฉินเซวียนต้องสูญเสียแรงหนุนสำคัญไปเพราะเฮ่อเหลียนเช่อเป็นถึงแรงผลักดันหลักของตาแก่โรคจิตนี้เชียว!

“เพล้ง”

เหมยซูหานแทบทำแก้วน้ำชาในมือคว่ำ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เป็นฮ่องเต้งั้นเหรอ?

เป็นไปได้อย่างไร?

“เหมยเหมย เรื่องแบบนี้จะล้อเล่นไม่ได้นะ” เหมยซูหานยังไม่เชื่อ นี่ใกล้จะศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้วกลับยังมีคนคิดจะฟื้นฟูให้กลับไปอยู่ในยุคสมัยเดิมอีกเหรอ มันไร้สาระมากจริง ๆ

“นายให้เฮ่อเหลียนเช่อไปสืบค้นบ้านหนิงเฉินเซวียนดูก็ได้ ดูว่าเขาได้เตรียมพวกของสำหรับขึ้นครองราชย์อย่างชุดมังกรฮ่องเต้ไว้แล้วหรือยัง แล้วนายก็จะรู้เองว่าฉันโกหกหรือเปล่า” เหมยเหมยแค่นหัวเราะ

………………………

ตอนที่ 2180 การตัดสินใจที่แน่วแน่

พอเหมยซูหานเห็นเหมยเหมยพูดอย่างมั่นใจนักหนาก็อดเชื่อไม่ได้ หัวใจเริ่มเต้นระรัวก่อนจะตกภวังค์อยู่ในความคิด

หากหนิงเฉินเซวียนมีความคิดทะเยอทะยานจะเป็นฮ่องเต้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเฮ่อเหลียนเช่อจะคอยทำงานให้ตาแก่เสียสติคนนี้ต่อไม่ได้แล้ว เขาทนมองเฮ่อเหลียนเช่อเดินสู่ทางตันตามหนิงเฉินเซวียนไม่ได้จริง ๆ

ใช้เท้าคิดยังคิดได้ว่านายใหญ่ไม่มีวันปล่อยให้คนที่คิดจะยึดครองตำแหน่งเขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แน่นอน เหมยซูหานใจเต้นรัว หลายปีมานี้เฮ่อเหลียนเช่อมีเรื่องกับเหยียนหมิงซุ่นทีไรก็แพ้เสียส่วนมาก เฮ่อเหลียนเช่อเคยบ่นเรื่องนี้กับเขามาหลายต่อหลายครั้งว่านายใหญ่ลำเอียงไปทางเหยียนหมิงซุ่น นั่นจึงทำให้เขาไม่พอใจมาก

อีกอย่างเมื่อครั้งที่เขาเพิ่งรู้จักกับเฮ่อเหลียนเช่อ หมอนี่ไม่เคยสนใจนายใหญ่และไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

ท่าทีเช่นนั้นของเฮ่อเหลียนเช่อมาจากการอบรมสั่งสอนของหนิงเฉินเซวียนตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งบ่งบอกว่าภายในใจของหนิงเฉินเซวียนไม่ได้มีความภักดีอย่างที่แสดงออก

ไหนจะนายใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อมากเท่าที่แสดงออก เมื่อก่อนอาจจะเพราะยังไม่ถึงเวลาถึงได้คอยยกยอพวกเขาตลอดมา แต่ตอนนี้มีผู้ช่วยสำคัญอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่นายใหญ่ก็ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว!

ไม่แน่อีกไม่นานอาจจะลงมือก็เป็นได้!

เหมยซูหานไม่กล้าคิดต่อไปและใบหน้าไม่อาจคงรอยยิ้มได้ดังเดิมอีก เขาต้องหาทางเกลี้ยกล่อมให้เฮ่อเหลียนเช่อรีบลาออก อย่าไปยุ่งกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ของหนิงเฉินเซวียนจะดีกว่า

ตาแก่เสียสตินี่อยากตายไม่เป็นไร ขอแค่อย่าลากเฮ่อเหลียนเช่อกับเสี่ยวเป่าไปตายด้วยก็พอ!

เสี่ยวเป่ารู้สึกได้ถึงความเงียบสงัดเลยเงยหน้ามองคุณอากับคุณน้า ทำไมถึงไม่พูดกันต่อล่ะ?

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบพูดแต่เขาชอบฟังคนอื่นพูด คุณอากับคุณน้าต้องหิวแล้วแน่ ๆ เขาไม่ควรทานหมดคนเดียว เสี่ยวเป่ารู้สึกผิดอย่างมากเลยยื่นแขนอวบอ้วนหยิบคุกกี้แล้วคลานไปหาเหมยเหมย พยายามเขย่งปลายเท้ายัดคุกกี้ใส่ปากเธอ

“อืม…”

เสี่ยวเป่าทำได้เพียงส่งเสียงอืออาง่าย ๆ ดวงหน้าอ้วนกลมทั้งขาวทั้งนุ่ม มุมปากเล็กมีน้ำสีใสไหลเป็นทาง น้ำลายเปื้อนเต็มไปหมด

เหมยเหมยยิ้มตาหยีหยิกแก้มนุ่มของเสี่ยวเป่าเบา ๆทีหนึ่งและทานคุกกี้ในมือเจ้าตัวเล็กอย่างไม่นึกรังเกียจ “ขอบคุณเสี่ยวเป่ามากนะ อร่อยจัง!”

เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มก่อนที่น้ำลายจะไหลหยดลงมาอีกหนึ่งหยด…แปะ…ลงบนโซฟา

เขาปีนกลับไปหยิบคุกกี้ชิ้นใหม่ใส่ปากตัวเองก่อนค่อยหยิบอีกชิ้นมา แล้วยกก้นกลมขึ้นปีนไปหาเหมยซูหานที่อยู่อีกฝั่ง พลางป้อนคุกกี้ให้เหมยซูหานด้วยวิธีเดิม

“เสี่ยวเป่าเด็กดีจัง ขอบคุณนะ!”

เหมยซูหานเองก็ทานคุกกี้จนหมด มองดวงตาดำขลับใสแป๋วของเสี่ยวเป่ารวมถึงใบหน้ายิ้มน่ารักใสซื่อนั่นก็ใจแทบละลาย จึงตัดสินใจแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม

เขาไม่มีวันปล่อยให้ตาแก่เสียสติหนิงเฉินเซวียนทำลายชีวิตเสี่ยวเป่าเด็ดขาด!

เสี่ยวเป่าป้อนผู้ใหญ่สองคนเสร็จอารมณ์ก็ดีไม่หยอก ปัดมือหน่อย ๆแล้วกลับไปข้างจานคุกกี้เช่นเดิมแล้วทานกับต้าโฉ่วต่อ พอมีความสุขก็ส่งเสียงครางฮึมทีสองที คุกกี้ที่ร่วงตกพื้นเขาจะเก็บขึ้นมาทานใหม่ น่ารักเสียจนไม่มีใครไม่เอ็นดูเด็กน้อยคนนี้เลย!

เมื่อจัดการคุกกี้จานเล็กกับน้ำแตงโมหนึ่งแก้วจนหมดหน้าท้องของเสี่ยวเป่าก็กลมกลึงพร้อมเรอติดต่อกันออกมาหลายที ใบหน้าเล็กมีแต่ความอิ่มเอมใจ

ขนมของคุณน้าอร่อยกว่าที่บ้านอีก วันหลังถ้าอยากทานจะขี่ต้าโฉ่วมา…อืม ตกลงตามนี้!

เสี่ยวเป่าเงี่ยหูฟัง ใบหน้าเล็กสงสัยคล้ายเพิ่งค้นพบอะไรบางอย่างก่อนที่ขาสั้นป้อมจะเดินมาทางเหมยเหมย ดวงตากลมโตจดจ้องท้องน้อยของเหมยเหมยพร้อมทำท่าครุ่นคิด

………………………

ตอนที่ 2177 คดีปริศนาตลอดไป

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ซื้อสินค้าไร้ประสิทธิภาพมาเขาจึงแกะกล่องถุงยางอนามัยที่เพิ่งซื้อมาครั้งล่าสุดแล้วเป่าให้ดู ซึ่งผลลัพธ์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ไร้คุณภาพอย่างที่ว่า

ถ้าอย่างนั้นก็น่าแปลกจริง ๆ!

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้งว่าคืนนั้นเขาบังเอิญใช้อันที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานเข้าพอดีน่ะ?

ความเป็นไปได้ที่แทบเป็นศูนย์ดันเกิดขึ้นกับเขา โชคชะตาแบบนี้ก็ช่างเหลือเชื่อจริง ๆ!

จ้าวอิงหัวเห็นสีหน้าท่าทางเขาก็เข้าใจได้ในทันทีเลยอดขำอย่างนึกสมน้ำหน้าไม่ได้

อารมณ์ของเหยียนหมิงซุ่นในขณะนี้เหมือนคราวที่เขารู้ว่าเหยียนซินหย่าท้องจ้าวเสวียหลินไม่มีผิด สายตามึนงงแบบนี้เลย โลกที่มีแค่เราสองคนมันดีจะตายไป ทำไมต้องมีก้างขวางคอเพิ่มเข้าอีกคนมาด้วยนะ

และด้วยเหตุผลนี้ช่วงปีแรก ๆที่จ้าวเสวียหลินเพิ่งคลอด จ้าวอิงหัวจึงไม่ชอบใจเลยสักนิด ภายหลังพอเหมยเหมยคลอดออกมากลับรู้สึกคาดหวังชนิดที่ผิดไปจากเดิมอย่างเทียบไม่ติด เขารู้สึกว่าจ้าวเสวียหลินเป็นก้างขวางคอมากเกินไป และน่ารำคาญทีเชียว

คิดว่าอารมณ์ของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้คงเหมือนกับเขาในตอนนั้น!

จ้าวอิงหัวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ้มตาหยีมองเหยียนหมิงซุ่นที่ยังย่นคิ้วเข้าหากันเพราะยังคิดไม่ตกว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในขั้นตอนใด สีหน้าก็อ่อนลงเล็กน้อย

“ไม่แน่แกอาจจะโชคดีเลยหลุดรอดมาได้ตัวหนึ่งไง มีลูกก็ไม่แย่ อนาคตแกได้เหนื่อยแน่ ๆ ซักผ้าอ้อม เก็บฉี่กลางดึก…กลางคืนก็อย่าหวังว่าจะได้นอนดี ๆเลย ถ้าโชคดีอาจจะตบรางวัลให้แกได้ลิ้มรสฉี่เด็กสักหน โชคไม่ดีก็อาจจะเป็นทองคำกองหนึ่ง…”

พอเห็นสีหน้าที่ยิ่งบึ้งตึงขึ้นเรื่อย ๆของเหยียนหมิงซุ่น อารมณ์ขุ่นมัวของจ้าวอิงหัวก็มลายหายไป ยิ่งพูดก็ยิ่งได้อารมณ์ ในฐานะคนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเขาจึงเล่าประสบการณ์การเลี้ยงลูกในชีวิตประจำวันที่เสมือนผ่านการฝึกในนรกให้อีกคนฟัง

ฉิวฉิวที่นอนแทะช็อกโกแลตบนเครื่องปรับอากาศอย่างสบายใจได้ยินเสียงบทสนทนาของสองคนด้านล่างอย่างชัดเจน พอได้ยินจ้าวอิงหัวพูดถึงสินค้าไร้ประสิทธิภาพฉิวฉิวก็ชะงักกรงเล็บอ้วนแน่นิ่ง หยุดท่วงท่ากินช็อกโกแลตก่อนที่พวงแก้มบนใบหน้าของเจ้ากระรอกจะฉายอารมณ์จริงจังขึ้นมา

ถุงที่พ่อของนายผู้หญิงพูดถึงใช่ถุงที่นายผู้หญิงกับนายผู้ชายใช้ทุกครั้งยามทำอะไรกันหรือเปล่านะ?

มันอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นและมีกลิ่นหอมน่าดม แค่ได้กลิ่นก็อยากทานแล้ว ฉะนั้นจึงมีคราวหนึ่งที่เขาอดใจไม่ไหวเลยแอบทานไปชิ้นหนึ่ง…

เพียงแต่ปลายฟันอันแหลมคมเพิ่งกัดลงไปยังไม่ทันแกะซองด้วยซ้ำนายผู้ชายก็กลับมาเสียก่อน เขาสะดุ้งตกใจรีบซ่อนตัวจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทและไม่เคยคิดจะไปทานอีกแลย เพราะสัมผัสแรกที่เขากัดลงไปไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่อร่อยเท่าช็อกโกแลต

หรือว่านายผู้ชายใช้ถุงที่มีรูจากการกัดของเขาพอดี?

ฉิวฉิวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คร้านจะคิดต่อ เปลืองพื้นที่สมอง อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขา

อีกอย่างนายผู้หญิงท้องก็ดีจะตายไป คลอดหลาย ๆคนมาเล่นเป็นเพื่อนเขา มนุษย์สองขาวัยเด็กน่าสนุกออก!

ท่านผู้บัญชาการใหญ่เหยียนให้ตายคงคาดไม่ถึงว่าเหตุผลที่เหมยเหมยตั้งครรภ์เป็นเพราะความหิวชั่ววูบของคุณชายฉิว ปริศนาข้อนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องกลายเป็นคดีที่คลี่คลายไม่ได้ตลอดไป!

เขาตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะไม่ซื้อถุงยางกลิ่นผลไม้ยี่ห้อใหม่นั่นอีกแล้ว สินค้าตัวใหม่ไม่รับประกันผลเช่นนี้แหละ แม้ตอนใช้จะรู้สึกไม่เลวแต่ถ้าไม่ปลอดภัยขนาดนี้ทางที่ดีเขาอย่าใช้เลยดีกว่า!

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองจ้าวอิงหัวที่ยิ่งพูดก็ยิ่งได้ใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิด พาลนึกถึงอีกเก้าเดือนข้างหน้าว่าจะมีเด็กที่น่ารำคาญอย่างเสี่ยวเป่าออกมาแย่งภรรยาของเขาไป

เขาก็อยากสั่งปิดบริษัทถุงยางเจ้านี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด!

เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่บริษัทถุงยางนี้อยู่อเมริกา เขายังไม่มีอำนาจข้ามน้ำข้ามทะเลขนาดนั้นได้

ร่างกายของเหมยเหมยฟื้นตัวได้ไม่เลว ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็กลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม แต่เหยียนหมิงซุ่นยังคงให้เธอพักอยู่บ้านต่อไปไม่ให้เธอออกไปไหน วันนี้เหมยซูหานพาเสี่ยวเป่ามาเยี่ยมเยียนอีกด้วย

……………………….

ตอนที่ 2178 ขอแค่ลูกมีความสุขก็พอ

นับตั้งแต่อู่เยวี่ยตายจากไป ส่วนใหญ่เหมยซูหานจะเป็นคนดูแลเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเรียกเขาว่าคุณอาและสนิทสนมกันมากจนมักทำให้เฮ่อเหลียนชิงหึงอยู่บ่อยครั้ง

เพราะมีตัวเชื่อมความสัมพันธ์อย่างเสี่ยวเป่าจึงทำให้สองปีมานี้เหมยเหมยกับเหมยซูหานสนิทกันพอสมควร เธอไปเยี่ยมเสี่ยวเป่าบ่อย ๆและมักจะแอบป้อนยาวิเศษให้เสี่ยวเป่าโดยที่เหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อต่างไม่รู้เรื่องด้วย พวกเขาหลงคิดเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ดีจึงทำให้เสี่ยวเป่าสุขภาพกายแข็งแรงกว่าเด็กรุ่นเดียวกันและพวกเขาต่างก็ได้ใจกันมาโดยตลอด

เหมยซูหานรู้เรื่องเหมยเหมยตั้งครรภ์มาจากเฮ่อเหลียนเช่อเลยเอาของขวัญมาเยี่ยมเยียน เสี่ยวเป่าจูงสุนัขตัวใหญ่ที่สูงกว่าเขาหรือต้าโฉ่วที่อยู่เป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เด็ก มันเป็นสุนัขที่หน้าตาน่าเกลียดเกินจะบรรยายและเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์จริงใจกับเสี่ยวเป่ามากที่สุด

ไม่ว่าเสี่ยวเป่าไปที่ใดก็ต้องพาต้าโฉ่วไปด้วย บางครั้งก็จะพาอีกสองตัวติดสอยห้อยตามไปด้วยดั่งเงาตามติดตัว

“ยินดีด้วยเหมยเหมย”

เหมยซูหานอมยิ้ม เขารู้สึกดีใจจากใจจริงแต่ก็รู้สึกใจเศร้าเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

“ขอบคุณนะ” เหมยเหมยยิ้มพลางให้ป้าฟางเอาแตงโมและคุกกี้มาให้

“เสี่ยวเป่า ของอร่อยนะ ถ้าเรียกคุณน้า คุณน้าถึงจะให้ทานดีไหมล่ะ?”

เหมยเหมยยื่นมือหยิบคุกกี้หอมกรุ่นหนึ่งชิ้นแสร้งทำท่าน้ำลายไหลเพื่อหลอกล่อให้เสี่ยวเป่าอ้าปากพูด จนถึงตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็ยังพูดไม่เป็น เคยพาไปเช็กที่โรงพยาบาลมาแล้วว่าไม่มีปัญหาตรงกล่องเสียง เพียงแต่เป็นเพราะเสี่ยวเป่าเองที่ไม่ยอมอ้าปากพูด

เธอรู้ว่าส่วนมากเด็กโรคออทิสติกจะไม่ชอบพูด ต้องมีคนคอยหยอกเล่นกับเขาประจำแล้วสอนให้เขาอ้าปากพูดทีละนิด ๆ บางทีเด็กอาจจะกลับมาเป็นปกติได้

เหมยเหมยจำได้ว่าชาติที่แล้วเคยอ่านตำราที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งว่าไม่ใช่เด็กโรคออทิสติกทุกคนที่รักษาไม่ได้ เด็กที่ได้รับการรักษาสำเร็จก็มีมากเช่นกันแต่ระหว่างทางนั้นมักเต็มไปด้วยอุปสรรค ต้องการผู้ใหญ่ที่มีความอดทนและมุ่งมั่นมาก ๆ

เสี่ยวเป่าเบิกตากลมโตใสวาวราวกับเพชรจ้องเธอ ปากเล็กอ้าออกน้อย ๆแล้วมองคุกกี้ในมือเหมยเหมยนิ่ง มุมปากมีของเหลวสีใสติดอยู่ แถมยังกลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะๆ

เขาอยากทานคุกกี้จัง!

แต่ไม่อยากพูดสักนิดเดียว!

“เสี่ยวเป่า เรียกคุณน้าก่อนสิ ไม่อย่างนั้นน้าจะเอาของอร่อยพวกนี้ให้ต้าโฉ่วทานละนะ!”

รออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกจากปากของเสี่ยวเป่า เหมยเหมยก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรพลางวางคุกกี้ไว้ข้างมุมปากของต้าโฉ่ว แสร้งทำท่าจะเอาคุกกี้ให้มันกิน เป็นไปตามคาดพอเสี่ยวเป่าร้อนใจก็ยื่นฝ่ามืออ้วนนุ่มนิ่มออกมาหมายจะแย่งคุกกี้ไป

เหมยเหมยชูคุกกี้ขึ้นสูงกว่าเดิมเพื่อไม่ให้เสี่ยวเป่าแย่งได้สำเร็จ พร้อมคอยหลอกล่อให้เสี่ยวเป่าอ้าปากพูดอย่างไม่ย่อท้อ เพียงแต่–

เสี่ยวเป่ามองคุกกี้ในมือเธอด้วยท่าทีเรียบนิ่งแล้วยู่จมูก ไม่แย่งแล้ว ร่างเล็กหันหลังก้าวขาสั้นไปยืนข้างโต๊ะเตี้ย ยกจานคุกกี้มาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินเท้าตึงตังกลับไปตรงโซฟา

“อืม…”

เสี่ยวเป่าหยิบคุกกี้ใส่ปากตัวเองแล้วเคี้ยวทานอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะหยิบอีกชิ้นใส่ปากต้าโฉ่วที่น้ำลายไหลเป็นสายตั้งนานแล้ว แบ่งกันทานทีละชิ้น ๆอย่างมีความสุข

เหมยเหมยมองตาค้าง แบบนี้ก็ได้หรือ?

ไม่ควรให้ความร่วมมือเธอสักหน่อยหรืออย่างไร?

เหมยซูหานอดขำไม่ได้ “เสี่ยวเป่าพูดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เขามีความสุขก็พอ ความจริงเสี่ยวเป่ารู้ทุกอย่างแค่ไม่ยอมพูดเท่านั้นเอง”

เขารู้แต่แรกแล้วว่าเสี่ยวเป่าเป็นโรคออทิสติก ตอนแรกก็กระวนกระวายเช่นกันแต่ก็ค่อย ๆคิดได้

โรคออทิสติกแล้วอย่างไร คนอื่น ๆมักคิดว่าเด็กออทิสติกน่าสงสารแต่บางทีเด็กพวกนี้มีความสุขดีจะตาย พวกเขาจมอยู่ในโลกจินตนาการตัวเอง มีชีวิตต่อไปด้วยความคิดของตัวเอง ไม่เห็นแย่ตรงไหน

อย่างน้อยเสี่ยวเป่าในตอนนี้ก็มีความสุขดี ในเมื่อเงินของเขากับเฮ่อเหลียนเช่อต่อให้ใช้หลายสิบชาติก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว เสี่ยวเป่าอยากใช้ชีวิตอย่างไรก็แล้วแต่เลย ขอแค่เขามีความสุขก็พอ!

……………………….

ตอนที่ 2175 แม่เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าเซอ

เหมยเหมยสดใสขึ้นมาทันที ลุกขึ้นนั่งมองหน้าเหยียนซินหย่าแล้วถามด้วยความร้อนใจ “แม่มีวิธีอะไรเหรอ? ถ้าเรื่องผิดกฎหมายทำไม่ได้นะ!”

เหยียนซินหย่าถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “แม่จะทำเรื่องผิดกฎหมายได้เหรอ?”

อย่างมากก็แค่หาช่องโหว่ทางกฎหมายเท่านั้นเอง!

เธอเอ่ยอย่างดีใจ “หลายวันก่อนแม่คุยกับเพื่อน เขาพูดถึงนโยบายรัฐลูกคนที่สองว่าคู่สามีภรรยาต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยถึงจะมีลูกคนที่สองได้ แม่ตั้งใจไปถามมาให้แล้วสรุปว่าได้จริง ๆด้วย!”

พอเหมยเหมยได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ก็อารมณ์ห่อเหี่ยวในฉับพลัน “หนูรู้ตั้งนานแล้ว ต่อให้ได้แล้วอย่างไรล่ะคะ หนูกับพี่หมิงซุ่นไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยสักหน่อย”

“ใครว่าลูกไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยกันล่ะ?” เหยียนซินหย่ากลอกตาใส่เธออีกที เหมยเหมยก็เกิดตื่นเต้นอารมณ์ฮึกเหิมขึ้นมาทันที เบิกตาโตจับจ้องใบหน้าแม่ของตนเอง

“แม่ แม่ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกใช่ไหม? ในทะเบียนบ้านของหนูเขียนว่าชาวฮั่นนะ แล้วจะเป็นชนกลุ่มน้อยได้อย่างไร?”

ตอนนั้นเธอเคยคิดถึงเรื่องนโยบายนี้เลยไปตามย้อนดูประวัติบรรพบุรุษตระกูลเหยียนและตระกูลจ้าว แต่เสียดายที่รากฐานล้วนแต่เป็นชาวฮั่นอย่างแท้จริง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อยเลยสักนิด

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่อยากทำสิ่งผิดกฎหมายเหมยเหมยเลยต้องตัดใจเรื่องนี้ไป ทว่าตอนนี้เหยียนซินหย่าได้เอ่ยขึ้นอีกครั้งเลยทำให้ความคิดที่ดับสลายไปแล้วถูกจุดประกายขึ้นใหม่ในฉับพลัน หรือว่าแม่ของเธอมีวิธีดี ๆจริงหรือ?

เหยียนซินหย่ามองค้อนใส่ทีหนึ่ง ทำท่าได้ใจอย่างมาก “คนไร้หัวใจ แม่ของลูกก็คือชนกลุ่มน้อยไง ลูกนี่ไม่สนใจแม่เลยจริง ๆ”

ปากเล็กของเหมยเหมยอ้าหวอเป็นรูปตัวโอ ดวงตาเบิกโตเท่าขนาดปาก แม่ของตนเป็นชนกลุ่มน้อย ทำไมเธอไม่เคยรู้เลยล่ะ?

“แม่ แม่เป็นชนกลุ่มน้อยไหนเหรอ? เผ่าม้งหรือเผ่าไต หรือว่าเผ่าต้ง เผ่าเย้า เผ่าป๋าย…”

เหมยเหมยพ่นชื่อชนกลุ่มน้อยแถบทางตอนใต้ออกมายาวเหยียดแต่ก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดี เพราะคุณตาของตนเป็นคนมณฑลเจ้อเจียงโดยกำเนิด แล้วเจ้อเจียงมีชนกลุ่มน้อยด้วยหรือ?

เหมยเหมยไม่ค่อยมั่นใจนักเพราะเธอไม่ถนัดวิชาภูมิศาสตร์เลยจริง ๆ คำถามที่มีชั้นเชิงแบบนี้เธอมักให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนคิดเสมอ แต่ในความทรงจำของเธอคล้ายว่าแถบหูหนานต่างหากที่มีชนกลุ่มน้อยมากที่สุด ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเจ้อเจียงมีอำเภอปกครองตัวเองด้วย!

หรือว่าบรรพบุรุษคุณตาเธออพยพมาอยู่ที่เจ้อเจียงกันนะ?

“ไม่ใช่ทั้งนั้น แม่เป็นเผ่าเซอ เคยได้ยินไหม?” เหยียนซินหย่ามองลูกสาวด้วยความคาดหวัง

เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ เผ่าเซอหรือ?

เซอตัวไหน?

“เซอที่แปลว่าค้างจ่ายเหรอ?” เหมยเหมยถามหยั่งเชิงก่อนจะถูกดีดหน้าผากแรง ๆทีหนึ่ง

“ตัวนั้นไง…เฮ้อ แม่เขียนให้ดู!”

เหยียนซินหย่านึกอยู่พักใหญ่ก็ไม่รู้ควรใช้คำไหนอธิบายเลยไปค้นเอากระดาษปากกาจากลิ้นชักมาด้วยความโมโห “นี่ไง เซอตัวนี้”

เหมยเหมยมองอยู่นาน บอกตามตรงหากเหยียนซินหย่าไม่ได้เขียนออกมาเธอคงไม่เคยเห็นตัวอักษรตัวนี้เลยจริง ๆ และไม่รู้ว่ามันอ่านว่าอย่างไรด้วย?

คำถามคือชนกลุ่มน้อยทั้งห้าสิบหกเผ่าในฮวาเซี่ยมีเผ่าเซอนี้ด้วยหรือ?

ทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ?

“แม่ คุณตาเป็นคนเผ่าเซอเหรอ? ท่านไม่ใช่คนอู่เจิ้นเหรอ? อู่เจิ้นมีชนกลุ่มน้อยด้วยเหรอ?” เหมยเหมยคิดไม่ตก อู่เจิ้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณยายเหยียนหมิงซุ่นเท่าไร เธอเคยไปมาหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าที่นั่นมีชนกลุ่มน้อยด้วย!

“ไม่ใช่คุณตาของลูกแต่เป็นคุณยายของลูก คุณยายเป็นคนเผ่าเซอ ตอนที่แจ้งทะเบียนบ้าน คุณตาของลูกเปลี่ยนชนเผ่าของแม่ตามคุณยาย ฉะนั้นแม่เป็นคนเผ่าเซอ” เหยียนซินหย่าลอบยิ้มดีใจ

โชคดีที่คุณพ่อตัดสินใจเรื่องนี้อย่างชาญฉลาด ตอนนี้เธอถึงมีหลานเพิ่มมาอีกคน!

เหมยเหมยได้ยินก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมา เรื่องนี้พอจะมีหวังแล้วสินะ!

“แม่ คุณยายก็เป็นคนอู่เจิ้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเป็นคนเผ่าเซอไปได้ล่ะ? งั้นครอบครัวเหอปี้อวิ๋นก็เป็นคนเผ่าเซอทั้งหมดน่ะสิ? ทำไมหนูไม่เคยได้ยินชื่อเผ่านี้มาก่อนเลย” เหมยเหมยมีคำถามเต็มไปหมด

………………………..

ตอนที่ 2176 เด็กมาได้อย่างไร?

เหยียนซินหย่าอธิบายอย่างใจเย็น “ใช่ ตระกูลเหอเป็นคนเผ่าเซอทั้งหมด พวกเขาอพยพมาจากเขตปกครองตัวเองจิ่งหนิงเมืองลี่สุ่ยแล้วมาอยู่ที่อู่เจิ้น ทางเมืองจิ่งหนิงมีเขตปกครองตัวเองเผ่าเซออยู่ วันหลังไปไหนอย่าบอกเชียวนะว่าไม่เคยได้ยินชื่อเผ่าเซอมาก่อน น่าอาย!”

เหมยเหมยยิ้มตาหยีอย่างอารมณ์ดี เธอคิดอยู่นานแต่ก็หาทางแก้ปัญหาไม่ได้ ทว่าตอนนี้กลับถูกแม่ของตนจัดการได้อย่างง่ายดาย

“แม่…แม่เก่งจัง!”

เหมยเหมยกอดเหยียนซินหย่าแล้วหอมแก้มเธอฟอดใหญ่

การที่จะมีลูกชายลูกสาวครบคู่ไม่ใช่เรื่องฝันหวานอีกต่อไปแล้ว!

แค่คิดว่าเธอจะมีลูกน้อยแสนน่ารักสองคนตามเรียกคุณแม่อยู่ด้านหลัง เหมยเหมยก็ยิ้มจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้ว

แต่ไม่นานเธอก็นึกถึงปัญหาอีกข้อได้–

“แม่ แต่ทะเบียนบ้านของหนูยังอยู่ที่คุณปู่อยู่เลย!”

เมื่อครั้นที่กลับตระกูลจ้าว จ้าวหวายซานเอ็นดูหลานสาวมากเลยยืนกรานจะให้จ้าวอิงหัวย้ายทะเบียนบ้านมาที่ตระกูลจ้าวในเมืองหลวง กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ย้ายกลับมา

เหยียนซินหย่าไม่ใส่ใจ “ง่ายมาก แม่ให้พ่อของลูกไปย้ายกลับมาแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นชนเผ่าเดียวกับแม่ เรื่องเล็กแค่นี้ถ้าพ่อของลูกจัดการไม่ได้ก็ให้เขาไปนอนกลางถนนเถอะ!”

เหมยเหมยหลุดขำแล้วพูดคล้อยตาม “ใช่ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้พ่อหนูไปนอนใต้สะพานเลย!”

สองแม่ลูกหัวเราะเสียงร่วน บรรยากาศงดงามดั่งภาพวาด

จ้าวอิงหัวกับเหยียนหมิงซุ่นกำลังนั่งจ้องตากันอยู่ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศน่าอึดอัดจนฉิวฉิวแทบทนดูไม่ได้เลยหยิบเอาช็อกโกแลตจากลิ้นชักมาหลายแท่ง ก่อนจะปีนขึ้นบนเครื่องปรับอากาศที่ช่วงนี้เขารักเป็นพิเศษ

ผึ่งลมเย็นชื่นใจ แทะช็อกโกแลตที่ทานเท่าไรก็ไม่เบื่อ คุณชายฉิวรู้สึกว่าต่อให้อยู่บนโลกสวรรค์ก็เท่านั้นแหละ!

“ตอนนี้เหมยเหมยสุขภาพไม่ดี ฉันรับเธอกลับไปพักฟื้นที่บ้านดีกว่า แกทำงานยุ่งทุกวัน ออกเช้ากลับค่ำ อยู่ดูแลเหมยเหมยไม่ได้ด้วยซ้ำ” จ้าวอิงหัวเอ่ยปากทำลายความเงียบโดยเสนอว่าจะรับตัวลูกสาวกลับบ้าน

เมื่อครู่เขาลองขบคิดอย่างใจเย็นดูแล้วและรู้สึกดีใจขึ้นมาในฉับพลัน ลูกสาวสุดที่รักตั้งครรภ์ก็รับกลับบ้านไปสิ นี่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลยิ่งเสียกว่าอะไร ทีนี้เหยียนหมิงซุ่นคงไม่มีข้ออ้างคัดค้านแล้วล่ะ!

แต่เขาไม่ลองคิดดูเลยว่าถ้าเหยียนหมิงซุ่นคุยง่ายขนาดนี้ เขาคงไม่พ่ายแพ้ทุกรอบตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรอก!

“ผมจะพยายามลดปริมาณงานลงเพื่ออยู่ดูแลเหมยเหมยที่บ้าน อีกอย่างมีป้าฟางกับลุงเหลาอยู่ด้วย เหมยเหมยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด คุณคิดมากไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธเสียงกร้าวและไม่เปิดโอกาสให้ต่อรองเลยสักนิด

“คนอื่นดูแลจะใส่ใจเท่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้อย่างไร แกไว้ใจแต่ฉันไม่ไว้ใจ” จ้าวอิงหัวเถียงคอเป็นเอ็นด้วยท่าทีแข็งกร้าวและยืนกรานจะพาเหมยเหมยกลับบ้านให้ได้

“คุณจะดูแลอย่างไร? คุณทำกับข้าวหรือต้มซุปเป็นเหรอ? อีกอย่างหนึ่งเดือนคุณต้องไปสัมมนาข้างนอกเกือบครึ่งเดือน แม่ของเธอก็เหมือนกัน สรุปก็ต้องจ้างคนมาดูแลเหมยเหมยอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นคัดค้านเสียงเย็นชาไม่ไว้หน้าจ้าวอิงหัวเลยสักนิด

กล้ามาแย่งภรรยากับเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคุณพ่อตาหรือเง็กเซียนฮ่องเต้ก็จะตอกกลับอยู่ดี!

“เรื่องนี้ไม่ให้ต่อรอง เหมยเหมยอยู่บ้านนี่แหละไม่ไปไหน คุณสามารถมาเยี่ยมได้เสมอ แถมข้าวก็มีให้ทานด้วย”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยากจะปฏิเสธได้

จ้าวอิงหัวทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างละเหี่ยใจ อันที่จริงเขาไม่พอใจเลย ทั้ง ๆที่เขาเป็นผู้อาวุโสกว่าแท้ ๆ เจ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่เอาซะเลย มันน่าโมโหจริง ๆ!

“นี่ เมื่อก่อนแกเคยบอกว่ารออีกหน่อยค่อยมีลูกไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆถึงมีได้ล่ะ? แกอย่าบอกเชียวนะว่าซื้อสินค้าไร้ประสิทธิภาพมา?” จ้าวอิงหัวมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย้ยหยันและได้ใจ ในที่สุดก็ถูกเขาจับจุดอ่อนได้สักที

………………………

ตอนที่ 2173 พ่อแม่ที่ปวดใจ

จ้าวอิงหัวถึงเพิ่งนึกถึงความจริงที่เขามองข้ามมาตลอดขึ้นได้–

ลูกสาวสุดที่รักของเขาถูกเจ้าเหยียนหมิงซุ่นล่อลวงเข้าตระกูลเหยียนไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่ลูกสาวของเขาอีกต่อไปแล้ว มันน่าปวดใจจัง!

“ก็ยังไม่จัดงานแต่งงานไม่ใช่หรือไง?” จ้าวอิงหัวหาข้ออ้างได้

“แต่ทางกฎหมายผมกับเหมยเหมยเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ” เหยียนหมิงซุ่นเตือนอีกครั้ง

จ้าวอิงหัวไม่ได้ทำหน้าดี ๆใส่เขา แค่เห็นก็รำคาญแล้ว

“งั้นงานแต่งงานของพวกแกจะทำอย่างไรต่อ? ให้เหมยเหมยออกงานทั้งที่ท้องโตอย่างนั้นจริงเหรอ?” จ้าวอิงหัวยังค้างคาใจกับเรื่องนี้อยู่ คนยุคนี้ยังค่อนข้างเคร่งขนบธรรมเนียมกันมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองหลวงพอสมควร ส่วนเหยียนหมิงซุ่นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง

คุณชายหมิงผู้โด่งดังใครเล่าจะไม่รู้จักบ้าง?

งานแต่งงานของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นจะต้องเป็นเป้าสายตาของคนนับหมื่น สื่อทั้งประเทศต้องแย่งชิงกันทำข่าว ถึงตอนนั้นหากปล่อยท้องป่องแล้วพวกสื่อจะเขียนข่าวมั่ว ๆอย่างไรบ้างก็ไม่รู้!

“ผมกับเหมยเหมยปรึกษากันแล้วว่าจะเลื่อนงานแต่งงาน” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงนิ่ง

จ้าวอิงหัวเด้งตัวขึ้นอีกรอบ “เลื่อนงานแต่งงาน? แกบอกเลื่อนก็เลื่อนงั้นเหรอ?”

เขาป่าวประกาศบรรดากลุ่มเพื่อนของเขาไปตั้งนานแล้วว่าพอถึงตอนนั้นต้องให้เกียรติมาดื่มเหล้ามงคลด้วยกัน แต่ตอนนี้จู่ ๆมาบอกเขาว่าจะเลื่อนงานแต่งงานจนทำให้เขาต้องผิดคำพูดต่อเพื่อน ๆ แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ?

“แน่นอนว่าผมเป็นคนตัดสินใจ อย่างไรเสียข่าวนี้ผมก็ยังไม่ได้ป่าวประกาศให้คนนอกรู้ บัตรเชิญก็ยังไม่ได้แจก เลื่อนไปคงไม่เป็นไรหรอก” เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าปฏิกิริยาของจ้าวอิงหัวช่างน่าแปลกนัก ทำไมถึงต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ด้วย?

เหยียนซินหย่าจับผิดสังเกตได้เลยตะคอกถาม “คุณคงไม่ได้ปากสว่างหลุดพูดเรื่องงานแต่งงานออกไปหรอกนะ?”

“เปล่า…แค่มีครั้งหนึ่งผมดื่มเยอะไปหน่อยเลยเผลอหลุดปากไป…”

เดิมทีจ้าวอิงหัวยังไม่อยากยอมรับหรอก แต่ภายใต้สายตาที่ดุดันขึ้นเรื่อย ๆของเหยียนซินหย่าเขาก็เลยเผลอพูดความจริงออกไปโดยไม่รู้ตัว ไฟโทสะก็ดับมอดไปอย่างสิ้นเชิง

“ปัญหานี้คุณก่อ งั้นคุณก็ไปสะสางเอาเอง” เหยียนซินหย่าโมโหแทบตาย

เธอไม่ได้โกรธที่จ้าวอิงหัวหลุดปากเรื่องงานแต่งงานไปแต่เธอโกรธที่จ้าวอิงหัวไม่ยอมเชื่อฟัง เธอบอกไปแล้วว่าไม่ให้เขาดื่มเหล้านอกบ้าน ดื่มเหล้าไม่เพียงแต่จะทำลายสุขภาพแต่ยังเสียการเสียงานอีกด้วย อย่างไรเสียเธอก็ไม่เห็นด้วยกับการดื่มเหล้าสังสรรค์ ฉะนั้นจึงไม่อนุญาตให้จ้าวอิงหัวดื่มเหล้า

แต่หมอนี่กลับขัดคำสั่งแอบดื่มลับหลังเธอแล้วยังปากสว่างอีกต่างหาก!

จ้าวอิงหัวถูกเหยียนซินหย่าด่าจนไม่กล้าแม้แต่ปริเสียง และยิ่งไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวด้วย

เหยียนซินหย่าไม่มีความเห็นใดกับการเลื่อนงานแต่งงาน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือหลานในท้องของเหมยเหมย สามเดือนแรกสำคัญที่สุดจะเกิดข้อผิดพลาดใดไม่ได้เด็ดขาด

“หนึ่งเดือนนี้ลูกอย่าคิดไปไหน นอนอยู่บนเตียงนี่แหละ ห้ามวาดรูปด้วย เข้าใจหรือยัง?” เหยียนซินหย่าเข้าไปในห้องของเหมยเหมยเพื่อกำชับเธอโดยเฉพาะ

“หนูรู้แล้วค่ะ พี่หมิงซุ่นบอกหนูหมดแล้ว แล้วยังลาหยุดให้หนูด้วย” เหมยเหมยสวมกอดเหยียนซินหย่าแล้วออดอ้อน

เหยียนซินหย่าลูบผมยาวสลวยของเธอเบา ๆและเกิดความรู้สึกในใจที่พูดไม่ถูก ทั้งดีใจทั้งปวดใจ อย่าเห็นว่าเธอมักขัดคำพูดจ้าวอิงหัวตลอดเลย แต่ความจริงนั่นเป็นแค่การแสดงละครต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นเอง

หากในครอบครัวมีคนหนึ่งตีหน้าถมึงทึงแล้ว เธอก็ต้องทำหน้าดี ๆ ไม่อย่างนั้นหากตีหน้าขรึมทั้งบ้านเหยียนหมิงซุ่นต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จะเป็นการทำร้ายเหมยเหมยเอง!

เหยียนซินหย่ารู้สึกว่าเหมยเหมยคือเด็กสาวที่เต้นรำบนเวทีเสมือนนางฟ้าตัวน้อยในวันวานและเป็นเช่นนั้นตลอดมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวจะแต่งงานรวดเร็วขนาดนี้ อีกทั้งใกล้จะเป็นแม่คนแล้วด้วย

นั่นบ่งบอกว่าลูกสาวของเธอจะเป็นลูกสะใภ้ของบ้านอื่นอย่างแท้จริงแล้ว!

หัวใจของเธอเจ็บปวดยิ่งกว่าจ้าวอิงหัวด้วยซ้ำ!

……………………….

ตอนที่ 2174 หรือว่าคลอดเพิ่มอีกคนเถอะ

“เวลาผ่านไปเร็วจังนะ พริบตาเดียวลูกก็จะเป็นแม่คนแล้ว ส่วนแม่ก็แก่แล้ว” เหยียนซินหย่าถอนหายใจด้วยความเศร้าสร้อย

“แม่ยังสาวยังสวยเหมือนเมื่อก่อน ไม่แก่เลยสักนิดเดียว ถ้าเรายืนด้วยกันคงเหมือนพี่น้องมากกว่าแม่ลูกแน่ ๆ” เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก

เธอไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิดเดียว เหยียนซินหย่าเป็นต้นแบบสาวงามแห่งเจียงหนานดั้งเดิมของจริง ทั้งขนาดตัวเล็ก ผิวเนียนละเอียด โครงกระดูกก็เล็กมากเช่นกัน ต่อให้อายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ผิวพรรณของเธอยังคงขาวเนียนนุ่มเช่นเดิม บวกกับการใช้ยาวิเศษเป็นเวลายาวนานทำให้เธอดูมีชีวิตชีวา ผิวเปล่งประกายดูเหมือนคนอายุสามสิบกว่า แผ่กลิ่นอายความงามฉบับสาวรุ่นใหญ่ออกมาจากตัว

สวยแบบผู้ใหญ่ แถมยังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นถึงศิลปินชื่อดังระดับโลก แล้วยังเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเหยียนตานชิง…

จุดเด่นประทับไว้บนตัวตั้งมากมาย เหยียนซินหย่าจึงกลายเป็นเป้าหมายในการทำข่าวของสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศเหมือนเหมยเหมย ถึงขั้นมีนิตยสารแฟชั่นหลายสำนักเสนอเงื่อนไขอยากเชิญเหยียนซินหย่าไปถ่ายแบบลงปกนิตยสาร ซึ่งรวมถึงนิตยสารชื่อดังระดับโลกที่ดาราดังจำนวนมากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา

แต่เหยียนซินหย่ากลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเลใจ

เธอไม่ได้อาศัยหน้าตาในการทำมาหากินสักหน่อยเลยไม่จำเป็นต้องไปสร้างชื่อเสียงด้านนี้เพื่อแย่งงานของดาราพวกนั้น

อีกอย่างจ้าวอิงหัวเป็นคนขี้หึง ปกติเสื้อผ้าที่เธอใส่ออกบ้านยังต้องผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนเลย หากต้องถ่ายปกนิตยสารให้คนทั้งโลกเห็นหน้าตาตัวเอง เกรงว่าจ้าวอิงหัวจะกระอักอาการหึงหวงตายเสียก่อน

เหยียนซินหย่าดีดปลายจมูกเหมยเหมยเบา ๆ แล้วพูดตำหนิ “ลูกน่ะปากหวาน แม่อายุใกล้จะเข้าเลขห้าแล้วนะ ยังจะสาวได้เท่าไรกัน”

เหมยเหมยซบอกเธอราวกับแมวตัวน้อย ครางงึมงำออดอ้อนอย่างเกียจคร้าน ความรักคนเป็นแม่ของเหยียนซินหย่าพลั่งพรูออกมาจนเธอแทบละลายเลยทีเดียว

“ลูกจะเลื่อนงานแต่งงานจริงเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ถึงตอนนั้นหนูท้องเจ็ดเดือนแล้ว ชุดแต่งงานคงยัดไม่เข้า หนูไม่อยากเป็นเจ้าสาวขี้เหร่หรอกนะคะ”

เหมยเหมยเบะปากแล้วเงยหน้าส่งยิ้มให้เหยียนซินหย่า “หนูคุยกับพี่หมิงซุ่นแล้ว ตัดสินใจรอลูกโตค่อยจัดงานแต่งงาน ถึงตอนนั้นให้ลูกของหนูเป็นเด็กถือดอกไม้ให้หนูกับพ่อของเขา ดีจะตาย!”

เหมยเหมยยิ้มร่าอย่างได้ใจ

ใครเล่าจะมีความคิดจัดงานแต่งงานล้ำเลิศได้เท่าเธอ?

มีเพียงงานเดียวเท่านั้นไม่มีที่ใดอีกแล้ว!

เหยียนซินหย่าเบิกตาโตอย่างตกใจแล้วพูดตำหนิด้วยใบหน้าขบขัน “เหลวไหล รอลูกของพวกลูกโตเป็นเด็กถือดอกไม้อย่างน้อยก็ต้องสี่ปีข้างหน้า ล่าช้าขนาดนี้ไม่เข้าท่าเลยนะ”

“เหลวไหลอย่างไรกันคะ ถึงอย่างไรหนูกับพี่หมิงซุ่นก็จดทะเบียนกันแล้วนี่นา งานแต่งงานจะจัดเร็วจัดช้าก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่สนแหละ หนูจะให้ลูกมาเป็นเด็กถือดอกไม้ให้หนู หนูไม่สน…”

เหมยเหมยพูดเสียงอ้อนจนเหยียนซินหย่าขัดใจเธอไม่ได้ “ก็ได้ ๆ ตามใจลูกแล้วกัน มีแค่หมิงซุ่นเท่านั้นแหละที่จะตามใจให้ลูกเอาแต่ใจแบบนี้”

เหยียนซินหย่าปลื้มใจอย่างมาก เธอนึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้มองคนผิดและเลือกลูกเขยดี ๆรู้กำพืดให้ลูกสาวตัวเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาความดีที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อเหมยเหมยบางทีแม้แต่เธอกับจ้าวอิงหัวยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“เด็กถือดอกไม้ต้องมีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลานของแม่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง อีกอย่างบ้านเราไม่มียีนแฝด ในท้องของลูกน่าจะมีแค่คนเดียว แม่ว่าถือโอกาสคลอดลูกคนที่สองไปด้วยเลยจะได้ครบคู่ ไม่ต้องหาเด็กถือดอกไม้จากที่อื่นมาเพิ่มแล้ว ผลิตเองไปเลยดีจะตาย!”

เหยียนซินหย่าจงใจพูดแซว อย่างไรเสียก็ล่าช้าไปตั้งสี่ปีแล้ว สู้มีอีกสักคนไปเลยจะดีกว่า!

“ตอนนี้มีได้แค่คนเดียว พี่หมิงซุ่นทำงานรัฐบาล มีเกินผิดกฎหมายนะคะ” เหมยเหมยเสียดายอย่างมาก เธออยากมีลูกหลายคนจริง ๆนะ!

เหยียนซินหย่ายิ้มด้วยท่าทีลึกลับ “แม่มีวิธี ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน!”

ตอนที่ 2171 เลื่อนงานแต่งงาน

เหยียนหมิงซุ่นจะมีทางออกที่ดีได้อย่างไรกัน ความจริงสำหรับมุมมองของเขาแล้ว ต่อให้เหมยเหมยมีอายุท้องเจ็ดเดือนก็ยังเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก ไม่เข้าใจเลยว่ายัยปีศาจน้อยมัวแต่คิดมากเรื่องอะไรอยู่

“เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับช่างออกแบบ ดูว่าขยายขนาดชุดได้ไหม” เหยียนหมิงซุ่นกลั้นใจบอกวิธีเดิมออกไป

ตอนนี้นอกจากวิธีนี้เขาก็คิดหาหนทางอื่นไม่ได้แล้วจริง ๆ จะให้เหมยเหมยทำแท้งก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

“ฉันไม่เอา…ถึงตอนนั้นฉันต้องตัวกลมเป็นลูกบอลแน่ ๆ ต่อให้ชุดแต่งงานสวยแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้…ความผิดพี่นั่นแหละ…ซื้อของไร้ประสิทธิภาพอะไรมาเนี่ย…”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น แค่เธอนึกถึงงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกครึ่งปีหลังจากนี้ก็แทบคลั่ง เจ้าสาวตัวอ้วนที่ท้องโตเจ็ดเดือน…

พวกนักสื่อต้องพรรณนาเธออย่างนี้แน่นอน แค่คิดก็ปวดใจแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่งอแงราวกับเด็กน้อยอย่างจนใจ แล้วจงใจเอ่ยว่า “บางทีอาจจะเป็นถุงยางที่เธอเจาะไว้แต่ก่อนก็ได้”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ฉันเจาะเมื่อปีที่แล้ว พี่อย่าคิดโยนความผิดมาให้ฉันนะ อย่างไรซะก็เป็นความผิดของพี่” เหมยเหมยถลึงตาโตคล้ายว่าหากเหยียนหมิงซุ่นกล้าปฏิเสธความรับผิดชอบเธอก็จะกัดแรง ๆ

“โอเค ๆ ความผิดของพี่เอง ไม่โกรธแล้วนะ มันไม่ดีต่อลูก”

เหยียนหมิงซุ่นต้องยอมจำนนอย่างจนใจ กับผู้หญิงอย่าคิดใช้เหตุผลเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงตั้งครรภ์เพราะไม่มีเหตุผลใด ๆทั้งสิ้น อย่างไรเสียสิ่งที่เธอพูดก็ต้องถูกเสมอ

“มันเป็นความผิดของพี่อยู่แล้ว…ทำให้ฉันไม่ได้ใส่ชุดแต่งงานสวย ๆ…ไม่ได้ ฉันจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด เลื่อนงานแต่งงานเลยนะ!”

เหมยเหมยประกาศกร้าวกะทันหันทำเอาเหยียนหมิงซุ่นสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่ มองเธออย่างไม่เชื่อสายตา

เลื่อนงานแต่งงาน?

เมื่อก่อนเอาแต่เร่งเร้าเขาทุกวันสามเวลาหลังมื้ออาหารว่าจะขอเลื่อนงานแต่งงานให้เร็วขึ้น!

เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าเขาถึงว่ากันว่าจิตใจของผู้หญิงเดายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก

“เลื่อนไปถึงเมื่อไหร่?”

“รอฉันคลอดลูกก่อน หุ่นกลับมาเหมือนเดิมค่อยจัดงานแต่งงาน”

เมื่อครู่ที่เหมยเหมยบอกว่าจะเลื่อนงานแต่งงาน ความจริงเป็นเพียงความคิดชั่ววูบพูดล้อเล่นไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก อย่างไรเสียเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว งานแต่งงานเป็นแค่การปักดอกไม้เพิ่มลงบนผ้าดิ้นเท่านั้นเอง

ในเมื่อตอนนี้เธอท้องแล้วและไม่สามารถใส่ชุดแต่งงานสวย ๆได้ งั้นก็เลื่อนสิ รอเธอคลอดลูกกลับมาหุ่นเท่าเดิมก่อน เธอก็จะเป็นเจ้าสาวแสนสวยได้อย่างเดิม

“ตกลงตามนี้แหละ อย่างไรเสียพี่ก็ยังไม่ได้แจกบัตรเชิญ คนข้างนอกไม่รู้สักหน่อยว่าเราจะจัดงานแต่งงานกัน เลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนได้ไหม…” เหมยเหมยเขย่าแขนของเหยียนหมิงซุ่นออดอ้อน

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจ เขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ?

ผู้หญิงตอนท้องใหญ่มีอำนาจใหญ่สุด เขาคงทำได้แค่ทำตามคำสั่งแล้วล่ะ!

“พี่ว่ารอลูกของเราเดินได้ก่อน ถึงตอนนั้นให้มาเป็นเด็กถือดอกไม้ให้เราดีกว่า” เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดหยอกเย้า

เหมยเหมยตาลุกวาว นั่นสิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้นะว่าให้ลูกมาเป็นเด็กถือดอกไม้ให้เธอ แบบนี้ต้องเป็นงานแต่งงานที่วิเศษมากแน่ ๆ

เหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ได้ทันทีว่ายัยปีศาจตัวน้อยหวั่นไหวเข้าแล้ว นึกเสียใจทีหลังว่าทำไมเขาถึงต้องพูดมากด้วย

คลอดลูกต้องรอเก้าเดือน รอลูกเดินได้อย่างน้อยต้องรออีกสามปีบวกกันก็เป็นเวลาสี่ปี งานแต่งงานนี้คงไม่ต้องจัดแล้วมั้ง!

“เหมยเหมย พี่แค่พูดเล่นเอง…”

“ความคิดนี้ไม่เลว พี่ ถึงตอนนั้นให้ลูกของเรามาร่วมงานแต่งงานของเราด้วย นี่เป็นความคิดที่แปลกใหม่มาก ตกลงตามนี้แล้วกัน…ฉันไม่รีบ!” เหมยเหมยตบเตียงก่อนจะตัดสินใจตามนั้น

เหยียนหมิงซุ่นเอามือกุมหน้าผาก รออีกตั้งสี่ปี…แต่เขารีบน่ะสิ!

…………………………

ตอนที่ 2172 ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ดแล้วเป็นเพศไหน?

ไม่นานองุ่นเคลือบน้ำตาลของป้าฟางก็ทำเสร็จเรียบร้อย น้ำตาลสีขาวใสเคลือบผลองุ่นสีเขียวดูสวยงามดั่งหยก ปากก็เริ่มน้ำลายสอ

เหมยเหมยแย่งผลไม้เคลือบน้ำตาลมากัดหนึ่งลูก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน แถมเสียงกัดดังเปราะ มันอร่อยที่สุดเลย

“อร่อย พี่จะทานสักลูกไหม?” เหมยเหมยยื่นผลไม้เคลือบน้ำตาลไปตรงมุมปากเหยียนหมิงซุ่น ของอร่อยย่อมต้องแบ่งปันอยู่แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นฝืนกัดไปหนึ่งลูก น้ำตาลเนื้อบางมากเพียงกัดเบา ๆก็กัดโดนผลองุ่นเขียวข้างในแล้ว รสชาติเปรี้ยวยิ่งกว่าน้ำส้มสายชูของเมืองส่านซีแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปากของเขา

ท่านผู้บัญชาการใหญ่เหยียนที่น่าสงสารไม่ชอบเปรี้ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้แต่เวลาทานเกี๊ยวยังไม่ยอมจิ้มจิ๊กโฉ่เลย การทานองุ่นเขียวรสเปรี้ยวหนึ่งลูกนี้ทำเอาเขาสติหลุดปั่นป่วนไปชั่วขณะ

“อร่อยใช่ไหมล่ะ?” เหมยเหมยทานอย่างเอร็ดอร่อยและรู้สึกเจริญอาหารเหลือเกิน

เหยียนหมิงซุ่นฝืนกลืนมันลงไป แต่พอเห็นปากน้อย ๆของเหมยเหมยทานลูกแล้วลูกเล่าเคี้ยวเสียงดังเปราะ ๆ เขาก็น้ำลายสอตาม ทว่าแค่เห็นก็รู้สึกเปรี้ยวปากแทนแล้ว

“ทานน้อย ๆหน่อย ระวังจะเสียวฟันเอานะ” เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงอยู่บ้าง ทานเยอะขนาดนี้เกรงว่าอีกประเดี๋ยวแม้แต่เต้าหู้ยังเคี้ยวไม่ไหวน่ะสิ

“ไม่เปรี้ยวเลยสักนิด ความเปรี้ยวกำลังพอดีเลย แปลกจัง เมื่อก่อนทำไมฉันไม่เคยรู้ว่าองุ่นเขียวอร่อยขนาดนี้นะ”

เหมยเหมยพึมพำกับตัวเองแต่ปากก็เคี้ยวไม่หยุด ไม่นานองุ่นเคลือนน้ำตาลหนึ่งไม้ก็ถูกเธอจัดการไปจนหมดก่อนจะคว้าไม้ใหม่ขึ้นมาทานต่อ

เหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอไม่รู้สึกเปรี้ยวจริง ๆจึงปล่อยเลยตามเลย เขายกแขนขึ้นดูเวลาครู่หนึ่งพบว่าใกล้จะถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว

“อยากทานอะไร? หมูผัดพริกยังอยากทานอยู่ไหม?”

“หมูผัดพริกไม่เอาแล้ว ฉันอยากทานผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมู ผัดมันฝรั่งน้ำส้มสายชู ผัดเผ็ดผักกาดขาว…อืม พี่ลองดูอีกทีว่าในตู้เย็นมีเกี๊ยวมั้ย ฉันอยากทานเกี๊ยวต้มจิ๊กโฉ่”

เหมยเหมยร่ายเมนูอาหารมายาวเหยียดซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารรสเปรี้ยวทั้งสิ้น

เหยียนหมิงซุ่นพรูลมหายใจยาวแล้วพูดเชิงล้อเล่นว่า “ให้เทน้ำส้มสายชูเป็นเครื่องดื่มเลยไหมล่ะ?”

เหมยเหมยสีหน้าดูจริงจังขึ้นเหมือนกำลังชั่งใจอยู่จริง ๆ นั่นจึงเรียกให้เหยียนหมิงซุ่นตกใจยกใหญ่ “ฉันไปบอกป้าฟางว่าเธออยากทานอะไรก่อนแล้วกัน”

เขาไม่กล้ารอช้ารีบสาวเท้าเข้าห้องครัวก่อนจะร่ายเมนูอาหารที่เหมยเหมยอยากทานไป ป้าฟางฉีกยิ้มทันที “เปรี้ยวชายเผ็ดหญิง ครั้งนี้คุณหนูต้องท้องลูกผู้ชายแน่ ๆเลยค่ะ”

“เช้าวันนี้เธอยังทานเสี่ยวหลงเปากับน้ำพริกจานเล็กไปนะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเตือนเสียงเรียบ ทำเอาป้าฟางยิ้มค้างและเริ่มคิดหนัก

นั่นสิ เปรี้ยวเผ็ดทานหมด แล้วสรุปท้องลูกเพศอะไรล่ะ?

******

เพราะคุณหมอสั่งไว้ว่าเหมยเหมยจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกายอย่างน้อยหนึ่งเดือน เหยียนหมิงซุ่นจึงลาให้เธอไม่ให้เธอไปมหาวิทยาลัย

เหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหัวรับรู้เรื่องนี้ทั้งคู่ซึ่งปฏิกิริยาของทั้งคู่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งโกรธเคือง อีกคนดีใจ

“เหยียนหมิงซุ่นแกจงใจสินะ ทั้ง ๆที่ใกล้จะจัดงานแต่งงานอยู่แล้วแกก็ยังก่อเรื่องแบบนี้อีก ตอนนี้เหมยเหมยท้องป่องแล้วจะจัดงานแต่งงานอย่างไร?” จ้าวอิงหัวคำรามพร้อมเด้งตัวขึ้นมาด้วยความโกรธ พอเขาได้รับสายจากเหยียนหมิงซุ่นก็เดินทางมาทันทีอย่างไม่รีรอ

เหยียนซินหย่าถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “คุณจะตะคอกเสียงดังทำไม เหมยเหมยมีลูกเป็นเรื่องน่ายินดี คุณมีอะไรไม่พอใจกัน”

“เหยียนซินหย่าคุณช่วยมีหลักการหน่อยได้ไหม ตอนนี้เป็นลูกสาวเราที่ถูกตาหื่นนี่เอาเปรียบจนท้องโตนะ!”

จ้าวอิงหัวปวดใจนักไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นวางยาเสน่ห์อะไรใส่ภรรยาของเขากันแน่ถึงได้พูดจาให้ท้ายเจ้าหมอนี่ทุกครั้ง เขาโกรธจะตายอยู่แล้ว

“ฉันไร้หลักการไงเหรอ จ้าวอิงหัวคุณน้ำเข้าสมองไปแล้วหรือไง เหมยเหมยกับหมิงซุ่นเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว การที่จะตั้งท้องคลอดลูกมันเป็นเรื่องปกติ หรือคุณหวังว่าเหมยเหมยจะไม่มีลูกไปตลอดชีวิต?”

เหยียนซินหย่ากลอกตาขาวใส่สามีทีหนึ่ง

……………………..

ตอนที่ 2169 อยากทานของเปรี้ยวอีกแล้ว

พื้นฐานสุขภาพของเหมยเหมยดีใช้ได้ พอค้างคืนที่สวนฟาร์มหนึ่งคืนวันรุ่งขึ้นเหยียนหมิงซุ่นก็พาเธอกลับบ้าน พักฟื้นที่บ้านตัวเองสบายกว่า อีกทั้งฝีมือการทำอาหารของป้าฟางก็ถูกอกถูกใจเหมยเหมยมากกว่าด้วย

พอป้าฟางรู้ว่าเหมยเหมยตั้งครรภ์ก็ดีใจอย่างมาก เธอดูแลเหมยเหมยมาหลายปีจนเห็นเธอเป็นเหมือนลูกสาวแท้ ๆของตัวเองไปแล้ว ฉะนั้นเวลาดูแลจึงยิ่งกว่าเต็มที่เสียอีก

“อยากทานอะไรก็บอกป้าได้เลย ป้าทำได้หมด” ป้าฟางทุบอกพูดรับประกันขณะที่ใบหน้ายิ้มแย้มแก้มแทบปริ

มิน่าช่วงนี้รสนิยมการกินของคุณหนูถึงแปลกไป เมื่อก่อนไม่ชอบทานเผ็ดตอนนี้กลับทานได้อย่างเอร็ดอร่อยแล้วยังย้ำให้เธอใส่พริกเยอะ ๆอีก แล้วกลายเป็นว่าซุปปลาที่เมื่อก่อนชอบนักชอบหนาดันไม่ชอบเสียแล้ว ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้ น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนี่นา!

จู่ ๆรสนิยมการกินก็เปลี่ยนไป นอกจากท้องแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?

เปรี้ยวเป็นชายเผ็ดเป็นหญิง ดูท่าทางครรภ์แรกของคุณหนูกับคุณชายหมิงจะเป็นเจ้าหญิงล่ะ!

เหมยเหมยเลียริมฝีปาก พูดถึงของกินเธอก็ชักหิวขึ้นมาเสียแล้ว แต่ครั้งนี้เธอไม่อยากทานเผ็ดอีกแล้ว

“ฉันอยากทานผลไม้เคลือบน้ำตาล ใส่น้ำตาลน้อย ๆ ขอเปรี้ยว ๆนะคะ”

ป้าฟางมองตาค้าง ทำไมอยู่ ๆถึงนึกอยากทานของเปรี้ยวขึ้นมาล่ะ?

“คุณหนู ไหนเช้านี้บอกว่าอยากทานเผ็ดไม่ใช่เหรอ ป้าไปซื้อพริกกลับมาตั้งเยอะเตรียมทำหมูผัดพริกให้เลยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็แปลกใจนัก เมื่อวานทานเผ็ดจนหยุดทานไม่ได้ทำไมวันนี้ถึงนึกอยากทานผลไม้เคลือบน้ำตาลขึ้นมากะทันหันเล่า?

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากทานผลไม้เคลือบน้ำตาลนี่นา อยากทานมาก ๆด้วยสิ ป้า…ทำให้ฉันหน่อยสิคะ!” เหมยเหมยอ้อน ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจแต่ตอนนี้เธอไม่อยากทานเผ็ดแล้ว

“หรือจะเป็นส้มเปลือกเขียวก็ได้ ขอเปลือกสีเขียว ๆนะ มีไหมคะ?” เหมยเหมยถามอีกขณะที่ปากก็น้ำลายสอ เธอหิวจะแย่อยู่แล้ว

“พี่จะให้คนไปซื้อที่ทางใต้ให้ พรุ่งนี้ก็น่าจะได้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจให้ลูกน้องขับเครื่องบินไปซื้อส้มทางตอนใต้

คุณภรรยาอยากทานส้มก็ต้องได้ทาน!

“ฉันทานผลไม้เคลือบน้ำตาลก่อนแล้วกัน” เหมยเหมยกลืนน้ำเอือกใหญ่ พาลนึกถึงผลไม้รสชาติเปรี้ยว ๆหวาน ๆขึ้นมาอย่างพวกส้ม บ๊วย ซานจา แค่นี้เธอก็น้ำลายสอเพราะอยากทานมาก ๆ

การตั้งครรภ์เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากจริง ๆ ของที่เมื่อก่อนเธอแทบไม่สนใจตอนนี้เธอกลับอยากทานเหลือเกิน!

ป้าฟางให้ลุงเหลาไปซื้อองุ่นเขียวจากตลาดมาสักหน่อย เหมยเหมยได้ยินก็นึกแปลกใจ “ป้าฟาง ผลไม้เคลือบน้ำตาลทำจากซานจานี่นา ทำไมป้าให้ลุงเหลาไปซื้อองุ่นล่ะ?”

“คนท้องทานซานจาไม่ได้ ซานจามีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลเวียนดี คนท้องทานอาจจะทำให้แท้งได้ องุ่นก็ทำผลไม้เคลือบน้ำตาลได้ อร่อยเหมือนกัน” ป้าฟางอธิบาย

เหมยเหมยตกใจ “แต่เมื่อวันก่อนฉันทานไอติมซานจาไปตั้งเยอะแหนะ!”

หลายวันก่อนอากาศร้อนทุกคนเลยไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอาขนมทานเล่นพวกไอติมซานจามาให้เหมยเหมยชิม จากนั้นก็พบว่ารสชาติไม่เลวเลยพร่องไปกว่าครึ่งเพราะเธอ

ป้าฟางกับเหยียนหมิงซุ่นต่างตกใจกันทั้งคู่เลยถามเป็นเสียงเดียวกัน “เธอ/หนู ทานไปเท่าไร?”

“เยอะอยู่ น่าจะเกือบครึ่งกิโลได้ละมั้ง” เหมยเหมยยังจะจำได้เสียที่ไหนแต่ทานไปมากจริง ๆ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหอบไอติมซานจามาถุงใหญ่ซึ่งส่วนมากก็หมดไปเพราะเธอคนเดียว

ไอติมซานจาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นยี่ห้อเหล่าจื้อฮ่าวของเมืองหลวงที่มีปริมาณซานจาเยอะมาก รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อร่อยสุด ๆเลย

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ายี่ห้อเหล่าจื้อฮ่าวให้ปริมาณซานจาเพียงพอจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดหน่อยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเหมยเหมยถึงมีอาการแท้งคุกคาม เพราะทานไอติมซานจาไปในปริมาณมากบวกกับคืนวันนั้นที่เขาเรียกร้องอย่างไร้ขอบเขต ภายหลังก็ถูกลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนไล่ล่าทำให้เกิดอาการตกใจเกินเหตุ

เหตุผลหลากหลายประการหลอมรวมกันส่งผลให้เหมยเหมยเกิดอาการแท้งคุกคาม โชคดีที่ไม่เป็นไร!

พระเจ้าคุ้มครอง!

……………………………

ตอนที่ 2170 ยังไม่ทันเกิดก็แย่งความรักแล้ว

เหมยเหมยเองก็นึกถึงสาเหตุนี้ได้เช่นกัน ใบหน้าดวงเล็กซีดลงอย่างรู้สึกกลัวจับใจ

“ก็ฉัน…ก็ฉันไม่รู้…” เหมยเหมยรู้สึกผิดต่อเด็กในท้องเหลือเกิน

เพราะความไม่รู้ของเธอเกือบต้องสูญเสียลูกไปแล้ว เธอมันโง่จริง ๆ

“คุณหนูเพิ่งอายุเท่าไหร่เองจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เมื่อก่อนหมู่บ้านป้ามีลูกสะใภ้อ้วนบ้านหนึ่งท้องจนลูกใกล้คลอดแล้วยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย นึกว่าตัวเองแค่อ้วนเฉย ๆ ทำงานที่ไร่นาหามรุ่งหามค่ำทุกวัน สุดท้ายก็คลอดลูกในนานั่นแหละ”

ป้าฟางยิ้มเอ่ยยกตัวอย่างให้ฟังจนเหมยเหมยหลุดขำในทันที

“จริงหรือโกหกกันคะเนี่ย ทำไมถึงมีคนโง่ขนาดนี้อยู่ด้วยคะ?” เหมยเหมยหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ตั้งครรภ์สิบเดือน ประจำเดือนไม่มาสิบเดือนก็ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?

ป้าฟางเองก็หัวเราะอีกคน “เรื่องจริงสิ สะใภ้อ้วนคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับป้า ตอนนี้หลานโตจนเดินได้แล้ว ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างก็เอามาเล่าเป็นเรื่องตลกกันไปหมดแล้ว”

“ฮ่า ๆ ตลกจัง” เหมยเหมยเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมา เพราะการตั้งครรภ์กะทันหันทำให้รู้สึกวิตกกังวลแต่ก็หายไปในพริบตาอย่างน่าประหลาดใจ

ไม่นานลุงเหลาก็ซื้อองุ่นกลับมา ป้าฟางรีบต้มน้ำตาลอย่างคล่องแคล่วแล้วถึงลอกเปลือกองุ่นออกเตรียมทำผลไม้เคลือบน้ำตาล

เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเหมยเหมย เขาจ้องท้องของเหมยเหมยอยู่นานด้วยความรู้สึกวิเศษมาก

นี่ใกล้จะเลื่อนขั้นเป็นคุณพ่อแล้วหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเหมือนตัวเองยังเตรียมตัวไม่พร้อมแต่เจ้าตัวเล็กนี้กลับเกิดขึ้นมากะทันหัน ความจริงเขารู้สึกลนลานมากกว่าดีใจแต่จะแสดงออกต่อหน้าเหมยเหมยไม่ได้

เหมยเหมยเครียดมากพอแล้ว เขาต้องเป็นโล่อันแข็งแกร่งของเหมยเหมย ดังนั้นต้องเข้มแข็ง!

“ยังปวดท้องอยู่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงอ่อนโยน มือใหญ่ลูบท้องน้อยของเหมยเหมยอย่างเบามือ ยังคงนุ่มแบนราบเหมือนอย่างเคยแต่ข้างในกลับมีชีวิตน้อยเพิ่มขึ้นมา

และนี่เป็นผลผลิตของความรักจากเขาและเหมยเหมย ช่างน่าอัศจรรย์ใจมากจริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นใจอ่อนยวบในทันทีและไม่รู้ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย หากเลือกได้เขาหวังว่าจะเป็นลูกชาย เช่นนี้พอเขาแก่ตัวลงลูกชายจะได้อยู่ปกป้องเหมยเหมยต่อ!

ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศเงียบเสียจนได้ยินเสียงจังหวะหัวใจของทั้งสอง ขับให้บรรยากาศสงบทว่าอบอุ่น

“พี่…พี่อยากให้เป็นลูกชายหรือลูกสาวเหรอ?” เหมยเหมยถามเสียงเบา

“ได้หมด ขอแค่เธอเป็นคนคลอดออกมา ฉันก็ชอบหมดแหละ”

“ฉันก็เหมือนกัน ขอแค่เป็นลูกของเราสองคน ไม่ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นดวงใจของฉันทั้งนั้น” เหมยเหมยเริ่มวาดฝันถึงชีวิตเลี้ยงลูกในอนาคตอย่างสวยงาม

เด็กตัวอ้วนกลมผิวขาว แค่คิดก็จักจี้หัวใจแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นตาหม่นลง ความรู้สึกอิจฉาที่หายไปเริ่มผุดขึ้นอีกรอบเลยอดถามไม่ได้ว่า “อันดับหนึ่งในใจของเหมยเหมยคือใคร?”

เหมยเหมยชะงักเงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่น แม้สีหน้าเรียบเฉยมากจนจับผิดสังเกตไม่ได้ แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความอิจฉาที่แฝงอยู่ในอากาศจึงหลุดขำอย่างกลั้นไม่อยู่

ถึงขนาดแย่งความรักกับลูกตัวเองเนี่ยนะ ช่างเป็นเด็กน้อยเสียจริง!

แต่บางทีผู้ชายก็เหมือนเด็กจริง ๆนั่นแหละ แค่เอาใจสักหน่อยก็เพียงพอแล้ว

“แน่นอนว่าต้องเป็นที่รักอยู่แล้ว พี่สำคัญสำหรับฉันที่สุด ไม่มีใครเทียบได้เลย!” เหมยเหมยยิ้มหวานทำเอาท่านผู้บัญชาการใหญ่เหยียนใจเบิกบานเป็นดอกไม้ ความดีใจฉายชัดบนใบหน้า

หากเป็นเช่นนี้เขาก็ค่อนข้างยินดีกับการมาเยือนของลูกอยู่หรอก!

“ใช่แล้ว งานแต่งงานของเราจะเอาอย่างไรดี? พี่หาทางออกได้หรือยัง?” เหมยเหมยเอ่ยถึงงานแต่งงานอีกครั้ง เรียกให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเครียดขึ้นมาในทันใด

……………………….

ตอนที่ 2167 ฉันจะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด

เหมยเหมยสมองระเบิดพร้อมเบิกตาโตชะงักงันไปสามวินาทีเต็มถึงจะหันหน้าไปมองเหยียนหมิงซุ่น ดวงตาเบิกกว้าง “เขาหมายความว่าอย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังเธอแล้วปลอบเสียงอ่อนโยน “ผ่อนคลายหน่อย เธออยากมีลูกมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เธอสมหวังแล้วไง ลูกของเราอายุเกือบเดือนแล้วนะ”

เหมยเหมยนิ่งค้างไปพักใหญ่ถึงได้สติกลับมา รู้สึกเหมือนเสียงของเหยียนหมิงซุ่นดังสะท้อนอยู่รอบตัว ไกลมากแต่ก็ใกล้มากเช่นกัน

ลูก?

“พี่บอกว่าฉันท้องแล้วเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกว่าเสียงตัวเองก็ดังอยู่ไกลแสนไกล ฟังดูไม่คุ้นหูและเบาหวิว

ช่างเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่คาดฝันเสียจริง ๆ!

ทำไมถึงท้องได้ล่ะ?

“พี่ใส่ถุงทุกครั้งไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงท้องได้ล่ะ?” เหมยเหมยทำท่าจะร้องไห้ มิน่าประจำเดือนมาครั้งนี้ถึงได้ประหลาดนัก ร่างกายส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่เช้าเมื่อวานแล้วเพื่อเตือนให้เธอเลิกทำเรื่องอย่างว่าสักที

ไหนจะดื่มน้ำซุปปลาแล้วอาเจียน นี่มันอาการคนท้องที่เด่นชัดที่สุดเลยไม่ใช่หรือไง ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้นะ?

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยเลยถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนชิงกับเสี่ยวเมิ่งที่กำลังทำหูตั้งลักฟังอยู่ “ไม่มีเรื่องของพวกพ่อแล้ว!”

เฮ่อเหลียนชิงยิ้มตาหยีเอ่ย “ใส่ถุงก็ใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์นี่ ไม่แน่อาจจะมีรูก็ได้…”

“พี่เมิ่ง พาพ่อบุญธรรมออกไป” พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเขายิ่งพูดยิ่งแย่เลยรีบออกคำสั่งให้เสี่ยวเมิ่งพาตัวเขาออกไป

เหมยเหมยถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในห้องยังมีสองคนนี้อยู่ เมื่อครู่เธอตะโกนเสียงดังขนาดนั้นแถมยังเป็นเรื่องส่วนตัวอีก…น่าอายจะตายชัก!

เสี่ยวเมิ่งรีบเข็นเฮ่อเหลียนชิงที่ยังอารมณ์ค้างคาอยู่ออกไป ต่อให้เขาอยากอยู่ฟังต่อมากแค่ไหนแต่เขาไม่กล้าหาเรื่องเหยียนหมิงซุ่นหรอกเพราะเขาสู้ไม่ไหว!

เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูห้องแน่นแล้วเดินกลับมาข้างเตียงเหมยเหมยก่อนจะถามอย่างฉงน “เหมยเหมยเมื่อก่อนเธอยังโวยวายอยากมีลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่อยากแล้วล่ะ?”

“เมื่อก่อนฉันไม่ได้จะจัดงานแต่งงานนี่นา ตอนนี้อีกครึ่งปีก็จะจัดงานแต่งงานแล้ว ถึงตอนนั้นฉันท้องป่องจะเป็นเจ้าสาวได้ไง? แล้วก็ชุดแต่งงานที่สั่งตัดโดยเฉพาะนั่นอีก ฉันคงยัดไม่เข้า…”

“เพราะพี่นั่นแหละ…พี่ซื้อของไร้ประสิทธิภาพอะไรมาเนี่ย ทำไมถึงท้องได้ล่ะ…ทีนี้ฉันจะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดได้ไง…ถึงตอนนั้นต้องขี้เหร่มากแน่ ๆเลย!”

เหมยเหมยทุบกำปั้นใส่ตัวเหยียนหมิงซุ่นด้วยความโมโหไม่หยุด อีกครึ่งปีเธอก็มีอายุครรภ์เจ็ดเดือนที่ท้องต้องป่องเหมือนลูกโป่งแหง ๆ หนำซ้ำตัวต้องอ้วนกลมเหมือนลูกบอล ถึงตอนนั้นเธอก็จะเป็นเจ้าสาวป้ายแดงตัวกลมที่ดูแนวตั้งแนวราบก็ตัวใหญ่เท่ากัน ต้องเป็นเจ้าสาวที่น่าเกลียดที่สุดในโลกแน่ ๆ

ไหนจะชุดแต่งงานสุดสวยนั่นอีก เธอมั่นใจว่าต้องยัดไม่เข้าแน่นอน ชุดแต่งงานที่สวยขนาดนี้เธอกลับสวมไม่เข้า…

เสียใจจัง!

เหยียนหมิงซุ่นร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ ไม่เข้าใจความคิดที่เปลี่ยนง่ายดายของผู้หญิงเลยสักนิด

ปีที่แล้วยังหาทางมีลูกให้ได้ถึงขั้นใช้วิธีเจาะรูถุงยาง ตอนนี้พอสมหวังขึ้นมาทั้งทีกลับไม่พอใจด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวสวมชุดแต่งงานไม่ได้?

“ชุดแต่งงานเพิ่งเริ่มทำ พี่จะบอกช่างออกแบบขยายสัดส่วนขึ้นหลาย ๆนิ้วหน่อยเธอก็ใส่ได้แล้ว เธอต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลกแน่ ๆ” เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยสายตาจริงใจเพราะเขาคิดเช่นนั้นจริง ๆ

ต่อให้เหมยเหมยอ้วนเป็นลูกบอลก็เป็นลูกบอลที่สวยที่สุดในโลกอยู่ดี!

“ถ้าขยายกว้างหลายนิ้ว? ถ้าอย่างนั้นฉันก็เหมือนลูกบอลน่ะสิ ลูกบอลกลม ๆ ในเมื่อกลายเป็นลูกบอลแล้วจะสวยได้อย่างไร เหยียนหมิงซุ่นพี่หลอกฉันอีกแล้วนะ อย่าเห็นฉันเป็นคนโง่สิ!”

เหมยเหมยคำรามใส่ ภูเขาไฟระเบิดแล้ว!

……………………….

ตอนที่ 2168 ตำแหน่งถูกคุกคามอย่างเปิดเผย

“โอเค ๆ ความผิดของพี่หมดแหละ เธออย่าเพิ่งโมโหนะ คุณหมอบอกว่าตอนนี้เธอจะได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่ได้ มันไม่ดีกับลูก หรือว่าเธอไม่ชอบลูกเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นปลอบเหมยเหมยด้วยเสียงอ่อนโยนและจงใจถามไปอีกประโยค

เหมยเหมยรีบส่ายหัว “ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันชอบลูกจะตาย!”

แม้จะเป็นอุบัติเหตุที่อาจจะส่งผลต่อการเป็นเจ้าสาวที่สวยเป็นอันดับหนึ่งของโลกของเธอ แต่เหมยเหมยก็รักเด็กคนนี้มากอยู่ดี

เพราะนี่เป็นลูกของเธอกับเหยียนหมิงซุ่น เธอจะไม่รักได้อย่างไร?

“แล้วเธอยังจะตะคอกเสียงดังขนาดนี้อีก ลูกต้องคิดว่าเธอไม่ชอบเขาแหงเลย!” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกเสียงกลั้วหัวเราะ

เหมยเหมยตกใจรีบก้มหน้าเอ่ยเสียงเบากับท้องตัวเอง “ลูกอย่าเข้าใจผิดนะ แม่ชอบหนูที่สุดเลย…”

เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเป็นประกายวับ ความรู้สึกอิจฉาก่อตัวขึ้นในใจ นี่เพิ่งท้อง ตำแหน่งของเขาก็ถูกคุกคามอย่างเปิดเผยเสียแล้ว

เมื่อก่อนคนที่เหมยเหมยชอบที่สุดเป็นเขาแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กในท้องไปแล้ว เขาคิดไว้แล้วเชียวว่าอย่าเพิ่งมีลูกเร็วเกินไป อนาคตต้องแย่งภรรยากับเขาแน่นอน!

แปลกจริง มันเกิดข้อผิดพลาดตรงไหนกันนะ?

จะว่าถุงยางพวกนั้นไร้ประสิทธิภาพก็คงไม่ใช่หรอกนะ?

เหมยเหมยที่ยอมรับความจริงได้แล้วก็ค่อย ๆใจเย็นลง พลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา วันนี้ช่างเสี่ยงจริง ๆ เกือบสูญเสียลูกไปแล้ว

“สองคนนั้นต้องเป็นคนที่หนิงเฉินเซวียนส่งมาแน่นอน พวกมันคิดจะเล่นงานกีบเท้าของโฉ่วโฉ่ว” เหมยเหมยฟ้อง ไอ้สารเลวนั่นเกือบทำให้ลูกเธอต้องจากไป จะปล่อยมันไปง่าย ๆไม่ได้

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นเองก็พอจะเดาถึงจุดประสงค์ของผู้บุกรุกได้ แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็ยังโกรธมากอยู่ดี “พี่ไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่!”

เหมยเหมยอาละวาดไปยกหนึ่งก็ชักเหนื่อย เรื่องมาถึงขั้นนี้ต่อให้อาละวาดต่อไปก็เปล่าประโยชน์ เธอจึงตัดสินใจเลิกคิดแล้วทิ้งโจทย์ยากไว้ให้คนรัก

“ถึงอย่างไรเสียฉันก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก ฉันไม่สน พี่ต้องหาวิธี!” เหมยเหมยเริ่มงอแง

“ได้ พี่จะจัดการเอง ที่รักนอนนะ เด็กดี!” เหยียนหมิงซุ่นรับปากแล้วกล่อมเหมยเหมยนอนก่อนจะห่มผ้าให้เธออย่างดี

“เฝ้าตรงนี้ให้ดี!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยสั่งลูกน้องให้เฝ้าอยู่ตรงประตูแล้วออกไปหาเสี่ยวเมิ่งกับเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนกล้ามาท้าทายถึงบ้าน เช่นนั้นเขาจะปล่อยไอ้สารเลวนี่ไปง่าย ๆไม่ได้

“เอาคืนสิบเท่า ส่งคนไปฆ่าม้าที่บ้านไอ้แก่นั่นตอนนี้เลย หึ กล้ามาทำร้ายม้าของฉันใช่ไหม!”

พอเฮ่อเหลียนชิงรับรู้ว่าเป็นคนของหนิงเฉินเซวียนก็ควันออกหู คำรามว่าจะบุกเข้าบ้านตระกูลหนิง

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากสนใจเขาแต่หันไปเอ่ยต่อเสี่ยวเมิ่งว่า “ระบบความปลอดภัยของสวนฟาร์มทำไมแย่ขนาดนี้ สนามม้ากลับไม่มีแม้แต่ยามสักคน ที่อื่นก็มีจุดบกพร่องเยอะเหมือนกัน ถ้าศัตรูคิดจะบุกโจมตีก็เป็นเรื่องง่ายมากเลยนะ”

เสี่ยวเมิ่งรู้สึกผิด นี่เป็นความชะล่าใจของเขาเอง มันน่า…

“ช่วงนี้จำนวนหมาแมวในสวนฟาร์มเพิ่มขึ้นไม่น้อย ปริมาณงานก็เพิ่มเยอะขึ้นตาม ลูกน้องมาใหม่ต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อยฉะนั้นคนเลยไม่พอใช้ แต่ยามสามคนที่สนามม้าผมจะลงโทษพวกเขาให้หนักเลยครับ”

เสี่ยวเมิ่งพูดตามความจริง ยามสามคนที่ละเลยต่อหน้าที่ต้องถูกส่งตัวกลับไปยังหน่วยทหารเดิม สวนฟาร์มไม่มีทางเก็บพวกเขาไว้อีกแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนชิงที่มีสีหน้าดูหวาดกลัวแล้วเอ่ยเสียงนิ่งว่า “ผมจะส่งคนกลุ่มหนึ่งมา รอท่านหาคนได้แล้วค่อยเรียกตัวกลับไป ส่วนหมาแมวพวกนั้นถ้าเลี้ยงไม่ไหวจริง ๆก็ต้มกินซะ จะให้เรื่องเล็กมาเสียการใหญ่ไม่ได้”

“ใครอนุญาตให้แกต้มหมาแมวของฉัน!” เฮ่อเหลียนชิงตวาดเสียงใส่

“เกือบทำให้ลูกผมต้องตาย พ่อว่าผมมีสิทธิ์หรือเปล่าล่ะ?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชาจนทำให้เฮ่อเหลียนชิงหงอลงทันที ก้มหน้างุดอย่างไม่สมยอมแต่ก็ไม่กล้าปริเสียงออกมาสักนิด

……………………………

ตอนที่ 2165 ท้องแล้ว

เฮ่อเหลียนเชิงเองก็เห็นรอยคราบเลือดบนกางเกงของเหมยเหมยเลยขมวดคิ้ว ดูท่าทางจะไม่ใช่อาการปวดท้องประจำเดือน แต่เหมือน…

“ถ้าปวดท้องประจำเดือนแล้วทำไมถึงได้หมดสติไปแบบนี้ล่ะ จ้าวเหมยเธอไม่ใช่ผู้หญิงขี้โรค พวกคุณรีบตรวจร่างกายให้เธอดี ๆเลยว่าเป็นอะไรกันแน่” แม้เฮ่อเหลียนชิงจะสงสัยแต่ก็ไม่กล้าด่วนสรุป

คุณหมอตอบรับอย่างหวาดระแวง คนที่มาเป็นคุณหมอประจำการสองท่านนี้ ท่านหนึ่งเป็นหมอแพทย์แผนจีนส่วนอีกท่านเป็นหมอแพทย์แผนตะวันตก แต่ทั้งคู่ล้วนมีความสามารถด้านการแพทย์เกินกว่าเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่น ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเข้าตาเฮ่อเหลียนชิงหรอก

หมอแพทย์แผนจีนจับชีพจรของเหมยเหมยก่อนที่สีหน้าจะตึงเครียดมากขึ้น เขาส่งสายตาให้หมอแพทย์ตะวันตกแวบหนึ่งแล้วชี้ไปตรงบริเวณท้องน้อย พูดเสียงเบา “เหมือนจะตั้งครรภ์แล้ว”

หมอแพทย์แผนจีนไม่มั่นใจนักเพราะชีพจรอ่อนมาก หากไม่ใช่เพราะมีสัญญาณของการแท้งเขาคงไม่กล้าพูดหรอก

แม้เสียงจะเบามากแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับได้ยินชัดเจน ใจเริ่มเต้นระรัว ตั้งครรภ์หรือ?

หมายความว่าอย่างไร?

ท่านผู้บัญชาการใหญ่เหยียนเฉลียวฉลาดรู้ตำราหนังสือมากมายและมีความรู้ทุกสายอาชีพ จนถึงขนาดเชี่ยวชาญในบางศาสตร์บางแขนงด้วยซ้ำ แต่เขาดันไม่เข้าใจว่า ‘ตั้งครรภ์’ ที่ว่าหมายถึงอะไร?

แม้จะมีข้อสงสัยในใจแต่ไม่นานก็ถูกเขาปัดตกไป

เขาใส่ถุงยางทุกครั้งแล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้!

หมอชื่อดังสองท่านตรวจร่างกายให้เหมยเหมยอีกครั้งจึงพอจะมั่นใจได้แล้ว อุปกรณ์ทางการแพทย์ในสวนฟาร์มค่อนข้างครบครัน หลังเหมยเหมยถูกปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วนก็หลับสนิทไป

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เหยียนหมิงซุ่นรอพวกเขาทำทุกอย่างเสร็จก็รีบเอ่ยถาม ความรู้สึกที่ไม่ดีเริ่มหนักหน่วงขึ้นและใจเต้นรัวเพราะความกังวล

“คุณชายหมิง คุณหนูจ้าวมีอาการแท้งคุกคาม โชคดีที่เธอร่างกายแข็งแรงเลยรักษาครรภ์ไว้ได้ แต่ช่วงนี้ทางที่ดีควรนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงก่อน จะออกกำลังกายหนัก ๆไม่ได้” คุณหมอชื่อดังท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น

เหยียนหมิงซุ่นสมองตื้อไปชั่วขณะ อาการแท้งคุกคามหรือ?

หมายความว่าเหมยเหมยท้องแล้วงั้นหรือ?

“ไม่ใช่ประจำเดือนเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นยังไม่เชื่อหูตัวเอง

“ไม่ใช่หรอก คุณหนูจ้าวตั้งครรภ์ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว อีกอย่างเธอก็มีอาการแท้งคุกคามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ครั้งนี้เกิดอาการตกใจและได้รับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงถึงทำให้อาการนี้รุนแรงขึ้น”

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นตุบพาลนึกถึงบทรักร้อนแรงเมื่อคืนก่อนหน้านี้ที่เรียกร้องกับยายตัวแสบไปตั้งหลายครั้ง จากนั้นเช้าอีกวันเหมยเหมยก็บอกว่าประจำเดือนเธอมาและรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร

ให้ตายสิ ความผิดของเขาทั้งนั้น!

เขาเกือบฆ่าลูกของเขากับเหมยเหมยแล้ว!

“เหมยเหมยไม่เป็นใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดเหลือเกินแต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าเกิดข้อผิดพลาดตรงไหน?

หรือว่าเหมยเหมยแอบเจาะถุงยางอีกแล้ว?

“คุณหนูจ้าวร่างกายค่อนข้างอ่อนแอต้องการพักฟื้น อีกอย่างภายในสามเดือนนี้ต้องงดกิจกรรมส่วนตัว คุณชายหมิงต้องควบคุมตัวเองหน่อยนะ”

คุณหมอเองก็เป็นคนพูดตรงไปตรงมา มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเหมยเหมยถึงมีอาการแท้งคุกคาม นั่นก็เพราะกิจกรรมบนเตียงที่ดุเดือนนั่นไง!

คุณชายหมิงนี่ช่างกระหายเสียจริง!

ใบหน้าหล่อเหลาของเหยียนหมิงซุ่นแดงก่ำ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วเอ่ยเสียงนิ่ง “รู้แล้ว มีเรื่องอื่นที่ต้องระวังอีกไหม?”

“อาหารการกินก็ต้องระวัง ดื่มซุปไก่ซุปปลาที่มีสารอาหารให้มาก อย่าให้อารมณ์ได้รับความสะเทือนเกินไป อาหารแสลงทานไม่ได้…” คุณหมอได้ร่ายข้อควรระวังยาวเหยียดแต่เหยียนหมิงซุ่นก็จำไว้ได้หมด

“ท้องลูกผู้ชายหรือผู้หญิง? มีกี่คน?” เฮ่อเหลียนชิงยิ้มแก้มปริ เขาดูจะร้อนใจยิ่งกว่าเหยียนหมิงซุ่นเสียอีก

ถ้าคลอดทีเดียวได้เจ็ดถึงแปดคนก็สนุกสิ วันหลังเขาคงไม่ต้องเล่นหมาแมวแต่เล่นกับหลานแทน มีหลานหน้าตาพิมพ์เดียวกันตามหลังเป็นกลุ่มก้อนมันต้องสนุกมากแน่ ๆเลย!

…………………………….

ตอนที่ 2166 มีลูกในท้องยังไม่รู้ตัว โง่

คุณหมอชะงักไปพลางมองไปทางเฮ่อเหลียนชิงที่ตื่นเต้นเกินเหตุอย่างหมดคำจะพูด นี่ถามคำถามบ้าบออะไรกัน ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด

“ตอนนี้ยังไม่ครบเดือน ชีพจรยังอ่อนมากเลยดูไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง และไม่รู้ด้วยว่าหลายคนหรือเปล่า” คุณหมอตอบตามตรง

“แล้วเมื่อไรถึงจะดูออกเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงคันยุบยิบในใจ

หลานชายหรือหลานสาวเขาไม่สนใจแต่ทางที่ดีขอให้เป็นหลานชาย หนิงเฉินเซวียนยังมีหลานชายได้เขาก็ต้องมีได้สิ!

“สามเดือนหลังจากนี้คงรู้ได้จากการตรวจชีพจร”

คุณหมอตอบตามความจริง เฮ่อเหลียนชิงถามข้อควรระวังของหญิงตั้งครรภ์อีกหน่อยถึงยอมให้พวกเขาสองคนออกไป แล้วตะคอกใส่เหยียนหมิงซุ่นที่ยังยืนทำหน้าตะลึงอยู่ “ไม่เลวนี่นา แอบทำคนเขาท้องได้แบบนี้ ไม่เลวไม่เลว เรื่องนี้ทำได้ไม่เลวเลย”

เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง อะไรเรียกว่าแอบทั้งที่เป็นเรื่องเปิดเผยโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น เขากับเหมยเหมยเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนะ

เขามองเหมยเหมยที่ยังคงใบหน้าซีดเซียวด้วยความรักและห่วงใย ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา ยัยโง่ที่ขี้แงในตอนนั้นตอนนี้จะกลายเป็นคุณแม่คนแล้ว แต่กลับยังโง่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!

คิดว่าตั้งครรภ์เป็นประจำเดือน ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ?

โง่จนน่าปวดใจ

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเหมือนว่าตนมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแค่เหมยเหมยที่จะเป็นคุณแม่แต่เขาก็จะเป็นคุณพ่อแล้วเช่นกัน นับจากนี้ไปเขาจะมีอีกคนให้ต้องคำนึงถึงแล้ว

ต่อให้จะไม่ชอบเด็กมากแค่ไหนแต่อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็ต้องให้การปกป้องที่เหมาะสมอยู่ดี

เฮ่อเหลียนชิงกลับตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ หมุนล้อวีลแชร์รอบห้องพร้อมพึมพำไม่หยุด “ทางที่ดีขอให้เป็นหลานชาย แน่นอนว่าต่อให้เป็นหลานสาวก็ไม่เป็นไร ค่อยมีใหม่ก็ได้ ใบอนุญาตฉันจะหาทางขอให้เอง พวกแกแค่ห่วงเรื่องลูกอย่างเดียวก็พอ ต้องมีหลานชายให้ฉันให้ได้นะ ฉันจะแพ้ไอ้สารเลวนั่นไม่ได้!”

เหยียนหมิงซุ่นฟังไป ๆก็ชักรู้สึกทะแม่ง ๆ นี่เห็นลูกชายเขาเป็นเครื่องมือหรือไงกัน?

“ไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวผมก็จะมีแค่คนเดียว ถ้าพ่ออยากแข่งกับหนิงเฉินเซวียนก็อย่าลากผมไปเกี่ยวด้วย อีกอย่างของหนิงเฉินเซวียนนั่นเป็นลูกชายแท้ ๆเชียวนะ ต่อให้ผมมีหลานชายให้ท่านสิบคนท่านก็สู้เขาไม่ไหวหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นพูดจี้ใจดำอย่างเย็นชา อยากเทียบก็หาทางมีลูกชายเอาเองสิ!

เฮ่อเหลียนชิงเงียบในฉับพลัน สีหน้าขึงขัง ให้ตายเถอะ ถ้าฉันมีลูกได้แล้วจะมีแกไว้ทำไมล่ะ!

“ถ้าพ่อว่างนักก็ดูแลสวนฟาร์มให้มากหน่อย ศัตรูบุกเข้าบ้านแล้วคนข้างในกลับไม่มีใครรู้สักคนจนทำเอาเหมยเหมยเกือบแท้ง” เหยียนหมิงซุ่นอดบ่นไม่ได้ ไฟโทสะยังสุมอยู่ในอกเขาและรู้สึกเสียใจภายหลังเหลือเกิน

หากไม่มีสัญญาณเตือนจากฉิวฉิวแล้วเขาไปช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง เขาแทบไม่อยากคาดคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย มีความเป็นไปได้ที่ลูกของเขาจะต้องตายด้วยซ้ำ

เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าเปลี่ยนไป “มีคนบุกเข้ามาเหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน เสี่ยวเมิ่งล่ะ?”

“ไปไล่จับผู้บุกรุกแล้ว”

เพิ่งสิ้นเสียงของเหยียนหมิงซุ่นเสี่ยวเมิ่งก็เดินเข้าห้องมาขอโทษเขา “ไอ้สองคนนั่นหนีไปได้ เรื่องวันนี้เป็นความผิดของผมเอง นายท่านได้โปรดลงโทษผมเถอะ”

เฮ่อเหลียนชิงขมวดคิ้วเป็นปมแล้วถามความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมด แต่รายละเอียดมีเพียงเหมยเหมยที่รู้ เสี่ยวเมิ่งกับเหยียนหมิงซุ่นก็เพิ่งจะตามไปทีหลังเลยไม่รู้จุดประสงค์ของผู้บุกรุก

“อืม…”

เหมยเหมยที่อยู่บนเตียงครางเสียงในลำคอก่อนจะปรือตาขึ้นมาช้า ๆ เหยียนหมิงซุ่นรีบวิ่งไปหาพลางถามด้วยความห่วง “ยังปวดท้องอยู่ไหม? มีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือเปล่า…”

เหมยเหมยเห็นใบหน้าร้อนรนของเหยียนหมิงซุ่นก็อดขำไม่ได้ “พี่อย่ากังวลมาก ก็แค่ประจำเดือนมาเอง ไม่เป็นไร!”

“ประจำเดือนบ้าบออะไร เธอโง่หรือเปล่า มีลูกในท้องแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!” เฮ่อเหลียนชิงไม่ค่อยพอใจนัก ตัวเองท้องแต่กลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด?

โง่ที่สุดเลย!

…………………

ตอนที่ 2163 ฉิวฉิวให้สัญญาณ

เหมยเหมยเห็นมีดสั้นพกพาที่โฉ่วโฉ่วหลบอยู่ถึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งตกใจทั้งกลัว เธอล้วงเอาแส้ออกมาโดยไม่ต้องคิดแล้วเอนตัวไปด้านหลังเพื่อปัดมีดพกพาที่ตามไล่หลังโฉ่วโฉ่วมา

มีดสั้นพกพาถูกเขวี้ยงมาด้วยแรงไม่มากนัก เหมยเหมยเอาแส้ปัดทีก็หล่นไป แต่แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวกว่าเดิม

เธอฝืนโบกแส้อีกทีเพื่อปัดมีดสั้นพกพาที่อยู่ห่างจากกีบหลังของโฉ่วโฉ่วไม่ถึงคืบทิ้ง ชายสองคนนี้ใช้วิธีสกปรกต่ำช้ามาก พวกเขาเอาแต่เล็งเป้าไปตรงเท้าของโฉ่วโฉ่ว จุดประสงค์ช่างร้ายกาจนัก

แม้เหมยเหมยจะไม่รู้จักชายสองคนนี้แต่ใช้เท้าหลังคิดยังคิดได้เลยว่าใครเป็นคนสั่งมา นอกจากตาแก่หนิงเฉินเซวียนนั่นทั้งเมืองหลวงจะมีใครที่ให้คนมาลอบฆ่าม้าตัวเดียวอีกล่ะ?

เนื่องจากโฉ่วโฉ่วต้องคอยหลบมีดสั้นพกพาแล้วยังต้องคอยระมัดระวังความปลอดภัยให้แก่เหมยเหมยอีกจึงวิ่งไม่เร็วนัก ชายสองคนนั้นทักษะการต่อสู้ไม่เลวจึงไล่ตามมาได้ทัน ทั้งยังมีมีดสั้นพกพาคอยเขวี้ยงมาอันแล้วอันเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่างหาก เหมยเหมยฟาดแส้ติดต่อกันหลายครั้งซึ่งบริเวณช่วงล่างทั้งเจ็บทั้งชา ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือเธอเริ่มปวดบริเวณท้องน้อยรุนแรงกว่าเดิมแล้ว

ของเหลวอุ่นช่วงล่างที่ดูเหมือนจะเป็นประจำเดือน มาได้ผิดเวลาจริง ๆ!

“โฉ่วโฉ่ว วิ่งเร็วหน่อย ฉันไม่เป็นไรหรอก!”

เหมยเหมยไม่มีแรงสกัดมีดสั้นพกพาแล้วจริง ๆ เธอจึงให้โฉ่วโฉ่วเร่งความเร็วเพื่อสลัดชายพวกนั้นทิ้ง ทนอีกเพียงครู่เดียวคนในสวนฟาร์มก็จะสังเกตเห็นสิ่งปกติตรงนี้แล้ว

เธอก็นึกแปลกใจเช่นกันว่าทำไมคอกม้าตรงนี้ถึงไม่มีคนคอยเฝ้าจับตาดู เหมยเหมยอยากตะโกนขอความช่วยเหลือแต่เธอใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดแล้ว อีกทั้งโฉ่วโฉ่วยังวิ่งไกลออกมาเรื่อย ๆ ลำพังเสียงของเธอส่งไปไม่ถึง

ไม่นานโฉ่วโฉ่วก็เร่งความเร็วขึ้นทำให้ร่างกายของเหมยเหมยสั่นสะเทือนไม่หยุด หลายครั้งที่เกือบหล่นจากหลังม้าแต่เธอกัดฟันกำขนไว้แน่น เฮ่อเหลียนชิงไม่ได้ใส่ชุดอานม้าให้โฉ่วโฉ่ว เหมยเหมยจึงนั่งอยู่หลังม้าที่เปลือยเปล่า หากวิ่งช้า ๆคงไม่เป็นไร แต่เมื่อไรที่วิ่งเร็วเธอรู้สึกเพียงเหมือนอวัยวะภายในแทบหลุดออกจากร่างเลยทีเดียว

ภาพตรงหน้าเริ่มมืดลง เหงื่อซึมทั้งตัวและความเจ็บจากบริเวณท้องน้อยทำให้เธอแค่อยากทิ้งตัวนอนลงไป

“ฮี่…”

โฉ่วโฉ่ววิ่งไกลออกมาเรื่อย ๆ ไม่นานก็สลัดชายสองคนนั้นทิ้งได้สำเร็จ ต่อให้พวกเขาจะแรงมากแค่ไหนมีดสั้นพกพาที่เขวี้ยงมาคงไม่เป็นอันตรายต่อโฉ่วโฉ่วอีกแล้ว

ชายสองคนนั้นรู้ว่าแผนการล้มเหลวแล้ว หากชักช้าต่อพวกเขาต้องหนีไม่พ้นแน่ ๆ

“แยกย้าย!”

ทั้งคู่สบตาแวบหนึ่งก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไป มุดกลับเข้าหลุมที่พวกเขาขุดไว้

เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนชิงกำลังปรึกษาบางอย่างในห้องหนังสือ ซึ่งทั้งสองความเห็นไม่ตรงกันสักเท่าไรจึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างมาคุ ฉิวฉิวที่ฟุบอยู่ในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนชิงพลันก็เด้งตัวขึ้น ร้องเสียงจิ๊ ๆไม่หยุด แล้วกระโดดตัวเบาพุ่งไปตรงระเบียงหน้าต่าง ผลักหน้าต่างหมายจะออกไปข้างนอก

“เห็นกระรอกตัวเมียแสนสวยหรือไง?”

เฮ่อเหลียนชิงพูดหยอกล้อ สวนฟาร์มแห่งนี้มีกระรอกไม่น้อย ทุกครั้งที่ฉิวฉิวมาก็ต้องไปหยอกเอินกระรอกตัวเมียแสนสวยสักตัวสองตัว เบื้องหน้าเฮ่อเหลียนชิงมีฝูงตัวเมียอยู่จึงทำเอาเขาเห็นแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น

เหยียนหมิงซุ่นใจกระตุกวูบ สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันแล้วรีบตามออกไป

ต้องเกิดอะไรขึ้นกับเหมยเหมยแน่!

เพิ่งวิ่งออกจากบริเวณลานบ้านเหยียนหมิงซุ่นก็ได้ยินเสียงม้าร้องอยู่ไกล ๆ พอได้ยินเช่นนั้นก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่งจนใจของเขาหล่นวูบ

“ที่สนามม้ามีคนคอยเฝ้าไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสี่ยวเมิ่งที่วิ่งตามมา

“มีหกคนคอยสับเปลี่ยนเวรกัน ทำไมโฉ่วโฉ่วถึงได้ร้องเสียงถี่ขนาดนั้นล่ะ?” เสี่ยวเมิ่งเองก็สงสัย เขาเป็นคนจัดตารางให้ยามในสวนฟาร์มด้วยตัวเองเพราะใกล้จะถึงวันแข่งขันแล้วถึงได้จัดยามหกคนสลับเปลี่ยนเวรกันเฝ้าเพื่อรับประกันว่าจะมีคนเฝ้าสนามม้าตลอดยี่สิบชั่วโมง

แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

……………………….

ตอนที่ 2164 เหมยเหมยที่หมดสติไป

เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงความปลอดภัยของเหมยเหมยเลยเร่งฝีเท้าวิ่งด้วยความเร็วจนเท้าแทบไม่แตะพื้น สลัดเสี่ยวเมิ่งทิ้งห่าง ระหว่างทางเจอยามคนอื่น ๆในสวนฟาร์มที่ต่างก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากทางสนามม้าเหมือนกันจึงรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์

“ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวเมิ่งตวาดฉับพลันและสีหน้าดูกรุ่นโกรธอย่างมาก

เขาเห็นยามสามนายที่แต่เดิมควรสลับเวรเฝ้าสนามม้ากำลังวิ่งพุ่งตัวไปทางสนามม้าจึงบันดาลโทสะในทันที

สามคนนี้ไม่อยู่ในสนามม้าบ่งบอกว่าตรงสนามม้าไม่มียามแม้แต่คนเดียว ส่วนเหมยเหมยอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง พอนึกถึงเสียงคำรามของโฉ่วโฉ่วเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้เสี่ยวเมิ่งยิ่งร้อนใจ

หากเหมยเหมยเป็นอะไรไปในสวนฟาร์ม ต่อให้เขาเป็นลูกน้องเก่าแก่ของเฮ่อเหลียนชิง เกรงว่าเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!

“ใครก็ได้จับกุมสามคนนี้ไป ไว้ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกมันทีหลัง”

เสี่ยวเมิ่งเรียกลูกน้องมาเพื่อพายามที่หน้าซีดสามคนออกไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งไปทางสนามม้า

เหยียนหมิงซุ่นใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาจนตัวแทบจะลอยได้อยู่แล้ว นี่ต่างหากทักษะที่แท้จริงของเขา แต่ไม่มีใครเคยเห็นซึ่งวินาทีนี้เองก็เช่นกัน ทุกคนต่างถูกเขาสลัดทิ้งห่างอยู่ด้านหลัง

ระหว่างที่วิ่งมาตลอดทางเหยียนหมิงซุ่นก็จับสังเกตเห็นจุดบกพร่องหลายจุดกับระบบความปลอดภัยในสวนฟาร์ม สิ่งที่น่าโมโหมากกว่านั้นคือสนามม้ากลับไม่มีคนเฝ้าเลยแม้แต่คนเดียว หากศัตรูลักลอบเข้ามาทางนี้ สวนฟาร์มคงถูกจู่โจมไม่เหลือซาก

ไม่ได้เรื่องเลย!

ไว้กลับไปเขาจะจัดระเบียบสวนฟาร์มนี้ใหม่

เพิ่งวิ่งไปถึงขอบสนามม้าเหยียนหมิงซุ่นก็เห็นโฉ่วโฉ่ววิ่งมาทางเขาโดยมีเหมยเหมยฟุบอยู่ด้านหลัง ท่าทางคล้ายหมดสติไปทำให้เหยียนหมิงซุ่นหวั่นใจขึ้นมาทันที

“เหมยเหมย…”

โฉ่วโฉ่วหยุดอยู่ตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นรีบอุ้มเหมยเหมยขึ้นมาสำรวจดูว่าเธอมีบาดแผลบนตัวหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีคราบเลือดถึงค่อยวางใจ

แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของเหมยเหมยนั่นทำให้เขาหวั่นใจอีกครั้ง หรือเกิดอาการบาดเจ็บภายในงั้นหรือ?

เหมยเหมยที่ทนไม่ไหวจึงหมดสติไประหว่างทาง พอรู้สึกตัวว่าโฉ่วโฉ่วหยุดวิ่งและได้ยินเสียงเหยียนหมิงซุ่น เธอพยายามเปิดเปลือกตาใช้เสียงแผ่วอ่อนแรงเอ่ยขึ้นว่า “มีคนร้าย…ปวด…ท้อง…”

พูดจบเธอก็เป็นลมหมดสติไป

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยน ปวดท้องได้อย่างไรกัน?

เขารีบมองไปช่วงล่างของเหมยเหมยอัตโนมัติ วันนี้เธอสวมกางเกงขายาวสีเทาอ่อนมาที่ขณะนี้ถูกย้อมกลายเป็นสีแดงเข้ม เหยียนหมิงซุ่งถอนใจโล่งอกชั่วขณะ เมื่อวานเหมยเหมยบอกว่าประจำเดือนมา คาดว่าคงตกใจเกินไปบวกกับอาการปวดท้องประจำเดือน

แต่เขาก็ไม่กล้ารีรอจึงรีบอุ้มเหมยเหมยวิ่งกลับไป โดยไม่ลืมปลอบประโลมโฉ่วโฉ่วที่มองด้วยสายตากังวล

“วางใจได้ เจ้านายของแกไม่เป็นไรหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าไม่เป็นไรจริง ๆ แต่พอไม่นานหลังจากนั้นได้ฟังคำวินิจฉัยของคุณหมอก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง

เขารีบกวาดสายตาสำรวจสภาพแวดล้อมละแวกนั้นรอบหนึ่งอย่างรวดเร็วจึงเห็นว่าไม่มีกลิ่นอายที่น่าสงสัย ดูท่าผู้บุกรุกคงหนีไปแล้ว เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงสุขภาพของเหมยเหมยเลยไม่ได้ตามไป ระหว่างทางกลับมาก็พบพวกเสี่ยวเมิ่ง

“มีคนลอบจู่โจมที่สนามม้า หนีไปแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสถานการณ์คร่าว ๆก่อนที่เสี่ยวเมิ่งจะพาคนตามไล่ล่าต่อไป ส่วนเขาอุ้มเหมยเหมยกลับไป ไม่นานคุณหมอที่ประจำการอยู่สวนฟาร์มก็มาถึง

“ทำไมถึงเป็นลมได้ล่ะ?” เฮ่อเหลียนชิงมองด้วยสายตาห่วงใย เห็นสีหน้าของยายโง่นี่แล้วดูท่าอาการจะไม่สู้ดีนัก!

“มีคนลอบจู่โจมที่สนามม้า พี่เมิ่งพาคนไปไล่ล่าแล้ว คุณหมอล่ะ…”

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสั้น ๆและไม่สนใจคำถามของเฮ่อเหลียนชิงอีก เขารีบให้คุณหมอที่เดินทางมาถึงตรวจเช็กร่างกายเหมยเหมยโดยไม่ลืมเตือนพวกเขาว่า “ประจำเดือนเหมยเหมยมา”

………………………..

ตอนที่ 2161 ม้าที่หล่อที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าตกใจ เพราะระหว่างเหมยเหมยกับเฮ่อเหลียนชิงก็เหมือนดาวหางกับโลก แค่มาเจอะกันก็ต้องทะเลาะกันอยู่ร่ำไป ฉะนั้นเขาจะกลับมาเพียงคนเดียวและน้อยครั้งนักที่พาเหมยเหมยกลับมาด้วย

ทำไมจู่ๆถึงพูดแบบนี้ล่ะ?

เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วแค่นเสียงเอ่ย “ถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แล้วพี่ก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นด้วย”

ไม่ขานรับเธอแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน อีกอย่างเธอก็ชักจะเสียใจขึ้นมาแล้ว เมื่อก่อนตาแก่เฮ่อเหลียนชิงก็รังแกเธอไม่ใช่น้อย ๆ ทำไมเธอต้องใจอ่อนกับตาแก่นี่ด้วย!

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างรักใคร่ เขารู้อยู่แล้วว่ายัยโง่เป็นคนขี้ใจอ่อนที่สุด จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ได้ เราจะกลับมาบ่อย ๆแล้วกัน”

“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” เหมยเหมยยู่ปาก

“พี่พูดเอง เธอแค่เออออตามสามีเท่านั้น” เหยียนหมิงซุ่นรู้ใจ เหมยเหมยยิ้มอย่างพึงพอใจ แบบนี้ค่อยยังชั่ว

“เอาล่ะ ที่ฉันพูดไปคงเข้าใจแล้วสินะ พรุ่งนี้ถ้ายังกล้าแอบขโมยทานมื้อเช้าของฉันก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ…แยกย้าย ขยันให้มันน้อย ๆหน่อย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปสวนฉันคงไม่มีที่พอสำหรับลูก ๆหลาน ๆของพวกแกแล้วนะ!”

เฮ่อเหลียนชิงสะบัดมือส่งสัญญาณว่าสิ้นสุดคำเทศนาประจำวันของเขา บรรดาสุนัขแมวทั้งหลายก็เหมือนโล่งใจ พระเจ้า ในที่สุดเจ้าของก็บ่นเสร็จเสียที…

ได้ อะไรที่ควรทำก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นวัน ๆกินเยอะขนาดนั้นก็ต้องหางานทำสักหน่อยสิ!

“พวกแกมาที่นี่ทำไม? ไม่มีธุระอะไรก็ไม่จำเป็นต้องมาบ่อย ๆหรอก รำคาญ!”

เฮ่อเหลียนชิงถลึงตาใส่ทั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก เจ้าพวกนี้ไร้หัวใจยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก ตลอดปีแทบไม่เคยมาทานข้าวกับเขาสักมื้อ เหอะ เขาก็ไม่ง้อหรอก!

ความใจอ่อนที่เหมยเหมยมีต่อเขาเมื่อครู่หายวับไปในทันที เธอสวนกลับไปโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ “คุณอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันมาหาโฉ่วโฉ่วหรอก ใครมาเยี่ยมคุณกัน!”

เธอแค่นเสียงใส่เบา ๆทีหนึ่งแล้วกลอกตาใส่เฮ่อเหลียนชิง ก่อนจะหมุนตัววิ่งไปสวนหลังบ้าน โฉ่วโฉ่วอยู่ที่นั่น เฮ่อเหลียนชิงสร้างสนามหญ้าขนาดเล็กไว้ให้โฉ่วโฉ่วโดยเฉพาะเพื่อให้โฉ่วโฉ่วได้วิ่งเล่นตามสบาย

นี่จึงเป็นเหตุผลที่โฉ่วโฉ่วยังมีสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าอยู่ บวกกับยาวิเศษของเหมยเหมยจึงทำให้กลายเป็นม้าที่หล่อเหลาที่สุดในบรรดาฝูงม้าเชียวล่ะ!

เฮ่อเหลียนชิงมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างโกรธเคือง “ดูสิ…ดูสิ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เป็นเพราะแกคอยให้ท้ายอยู่เรื่อยไงล่ะ”

“พ่อเองก็ไปท้าทายเขาก่อน เมื่อกี้เหมยเหมยเพิ่งบอกว่าจะกลับมาทานข้าวกับพ่อบ่อย ๆ แต่พ่อก็ดันไปยั่วโมโหเธอซะได้” เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับเสียงเย็นประโยคหนึ่ง ผู้หญิงของเขาเขาก็ต้องรักและตามใจอยู่แล้วสิ

เฮ่อเหลียนชิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แม่นั่นจะใจดีขนาดนี้เชียว? แกอย่าพูดดีแทนเธอไปหน่อยเลย ฉันไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆหรอกนะ”

เขาให้เสี่ยวเมิ่งเข็นเข้าห้องเพื่อทานมื้อเช้าต่อ เหยียนหมิงซุ่นมีเรื่องปรึกษาเขาเลยเดินเข้าไปพร้อมกัน

เหมยเหมยมาถึงถิ่นฐานของโฉ่วโฉ่วอย่างคุ้นเส้นทาง แม้จะเป็นสนามหญ้าขนาดเล็กแต่ก็มีขนาดเกือบสิบไร่ นั่นจึงเพียงพอให้โฉ่วโฉ่ววิ่งโลดแล่นได้ตามใจอยากแล้ว

“โฉ่วโฉ่ว…ฉันมาแล้ว!”

เหมยเหมยเห็นจุดดำ ๆแต่ไกลจึงตะโกนเรียกเสียงดัง โฉ่วโฉ่วผู้แสนสง่าวิ่งมาตามเสียง ขนดำเงาปลิวไปตามสายลม เส้นเว้าโค้งของร่างกายขยับลื่นไหลเหมือนผ่านการตัดต่อรูปจากคอมพิวเตอร์ ไม่ได้น่าเกลียดเหมือนชื่อเลยสักนิด

โฉ่วโฉ่วเห็นเหมยเหมยก็ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น มันก้มศีรษะลงถูหน้าเธอคล้ายกำลังอ้อนก็ไม่ปาน แน่นอนว่าเจ้าตัวใหญ่นี่กำลังอ้อนอยู่จริง ๆ

“เจ้านายมาแล้ว…มีของอร่อยให้กินอีกแล้ว…ทำไมเจ้านายยังไม่เอาของอร่อยออกมาอีกล่ะ ต้องรบเร้าเจ้านายอีกหน่อย…”

โฉ่วโฉ่วไม่ได้เม็ดยาวิเศษแสนอร่อยอย่างที่รอคอยก็เริ่มร้อนใจ แลบลิ้นเลียศีรษะเหมยเหมย กลิ่นเหม็นเขียวของหญ้าทำให้เหมยเหมยรีบอุดจมูกแล้วถอยหนี

“เหม็นจะตายอยู่แล้ว ฉันจะให้แกกินตอนนี้แหละ ไอ้ตัวแสบ…”

เหมยเหมยล้วงเม็ดยาวิเศษออกมาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็วางไว้บนฝ่ามือโฉ่วโฉ่วแลบลิ้นกว้านเอาเข้าปากเกลี้ยง อร่อยจัง!

โฉ่วโฉ่วได้กินเม็ดยาวิเศษสมใจจึงกึ่งย่อตัวลงบนพื้นสนามหญ้าเป็นเชิงให้เหมยเหมยขี่มัน มันจะพาเจ้านายไปเดินเล่น เหมยเหมยยิ้มแล้วนั่งควบมัน โฉ่วโฉ่ววิ่งอย่างมั่นคงซึ่งต่อให้เธอไม่ต้องจับมันก็ไม่มีทางล้มแน่นอน

สองคนที่อยู่ในมุมลับตาคนต่างตกใจจนมองหน้ากัน ม้าที่เข้ากับคนง่ายขนาดนี้ช่างเห็นได้น้อยนัก ดูท่าทางนายท่านของพวกเขาคงยากที่จะเอาชนะได้อีกแล้ว!

……………………….

ตอนที่ 2162 ลอบจู่โจม

ชายสองคนนี้เป็นลูกน้องของหนิงเฉินเซวียนที่ได้รับคำสั่งจากหนิงเฉินเซวียนให้มาที่นี่ กว่าจะลักลอบเข้ามาหลังสวนฟาร์มได้ช่างยากลำบากนัก พวกเขาเตรียมลงมือทำร้ายโฉ่วโฉ่วเพื่อให้ม้าของหนิงเฉินเซวียนได้รับชัยชนะ

เดิมทีลูกน้องสองคนนี้ยังคิดว่าหนิงเฉินเซวียนทำเรื่องไร้สาระ แต่เท่าที่ดูตอนนี้นายท่านของพวกเขาคิดการณ์ไกลจริง ๆ

“รอผู้หญิงคนนั้นไปแล้วค่อยลงมือเหรอ?” สองคนทำหน้าลังเล

พวกเขาซุ่มอยู่ตรงนี้มาเกือบครึ่งค่อนคืนเพื่อช่วงเวลาอันสั้นนี้ เพราะช่วงเวลานี้ระบบความปลอดภัยของคอกม้าผ่อนปรนมากที่สุด หลังจากพวกเขาลงมือเสร็จก็จะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น

แต่ตอนนี้มีคนเพิ่มเข้ามาจึงยิ่งทำให้เรื่องนี้จัดการยากขึ้นกว่าเดิม!

“รอไม่ได้แล้ว ต้องลงมือตั้งแต่ตอนนี้ไม่อย่างนั้นเราต้องตายอยู่ที่นี่แน่”

“ได้ รอม้ามาก็ลงมือเลย”

พวกเขาสองคนตกลงความเห็นกันพลางมองไปตรงหน้าอย่างจดจ่อ โฉ่วโฉ่วที่มีเหมยเหมยนั่งควบหลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สองคนนี้มีมีดสั้นพกพาอยู่หลายเล่ม พวกเขารอจังหวะสร้างบาดแผลให้กับเท้าของโฉ่วโฉ่วอยู่ เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันแข่งขันแล้ว หากโดนมีดสั้นพกพาบาดเท้าต้องไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้อย่างแน่นอน

แผนการของหนิงเฉินเซวียนช่างโหดร้ายจริง ๆ!

เวลานี้เป็นช่วงเดือนพฤษภาคมพอดี สนามหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าอันสวยงาม สีแดงสีขาวสีเหลือสีม่วงปะปนกันไปซึ่งช่วยแต่งแต้มให้สนามหญ้าดูงดงามเป็นพิเศษ

เหมยเหมยเห็นแล้วสนใจ ฉิวฉิวอยู่กับเฮ่อเหลียนชิงเลยไม่สามารถทำงานให้เธอได้ เธอจึงสั่งให้โฉ่วโฉ่วเก็บดอกไม้ให้เธอ

“ดอกเดซี่สีแดงนั่น แล้วก็สีขาวด้วย…เก่งมาก ตบรางวัลเป็นเม็ดยาวิเศษแล้วกันนะ!”

โฉ่วโฉ่วเป็นม้าแสนรู้ แค่เหมยเหมยชี้นิ้วเขาก็แลบลิ้นดึงดอกไม้แสนสวยมาไว้ในปากแล้วค่อยเงยศีรษะขึ้นยื่นให้เหมยเหมย เพียงครู่เดียวในมือเหมยเหมยก็มีดอกไม้แสนสวยช่อใหญ่แล้ว

เหมยเหมยเด็ดเอาดอกสีแดงเหน็บไว้ข้างหูรวมถึงโฉ่วโฉ่วด้วย

“สวยจัง โฉ่วโฉ่วเป็นม้าที่หล่อที่สุด ม้าที่สวยอันดับหนึ่งเลยล่ะ” เหมยเหมยกอดคอโฉ่วโฉ่วหัวเราะคิกคักแล้วยังเกาให้มันอีกด้วย

โฉ่วโฉ่วพ่นลมทางจมูกพลางบ่นในใจ รู้ว่าเขาหล่อที่สุดแล้วยังตั้งชื่อแสนน่าเกลียดนี้ให้เขาอีก ลูกพี่ฉิวมักเอาเรื่องชื่อของเขามาล้อเขาทุกที มันน่าโมโหชะมัดเลย!

“นี่ โฉ่วโฉ่วแกใกล้จะอายุสี่ขวบแล้วนะ โตเป็นหนุ่มแล้ว หาภรรยาได้แล้ว โฉ่วโฉ่วชอบแบบไหนเหรอ ตัวสีเผือกเหมือนแม่ของแกหรือว่าสีดำขลับเหมือนตัวแกดีล่ะ?”

เหมยเหมยนับนิ้วดูจึงพบว่าม้าตัวน้อยในวันนั้นได้โตเป็นหนุ่มแล้ว พลันก็รู้สึกภาคภูมิใจเหมือนคนเป็นพ่อแม่จนเริ่มกังวลถึงเรื่องสำคัญในชีวิตอย่างการสมรสของลูกชายแสนน่ารักน่าชังของตนขึ้นมา

โฉ่วโฉ่วพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่ใส่ใจ ม้าธรรมดาไม่เข้าตาเขาหรอกนะ หากตามหาม้าที่ถูกใจไม่พบยอมขอเป็นโสดไปทั้งชีวิตดีกว่า

เหมยเหมยนั่งจนเหนื่อยเพราะอาการประจำเดือนในครั้งนี้มาแปลกมากจนรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณเอวเหลือเกิน เธอแค่ควบม้าไปเพียงครู่เดียวก็รู้สึกเมื่อยเหมือนเอวจะหักแล้ว

“โฉ่วโฉ่ว ฉันของีบหน่อย แกเดินช้า ๆหน่อยนะ!”

เหมยเหมยหันหน้ามองฟ้าแล้วนอนพิงบนแผ่นหลังกว้างของโฉ่วโฉ่วทั้งอย่างนั้น แถมยังหลับตาลงก่อนที่โฉ่วโฉ่วจะลดความเร็วลงกลายเป็นการเดินช้า ๆ จังหวะเท้าที่มั่นคงทำให้เหมยเหมยเริ่มง่วง

“ฮี่…”

จู่ ๆโฉ่วโฉ่วก็ยกเท้าหน้าขึ้นสูงห่างจากพื้นอย่างน้อยหนึ่งเมตร แสงวาบสีขาวพุ่งมาที่เท้าจนเกือบปักโดนกีบเท้าหน้าของมันเข้า เกือบไปแล้วจริง ๆ

เหมยเหมยแทบร่วงลงมา โชคดีที่ถึงแม้ว่าโฉ่วโฉ่วจะอยู่ในวินาทีอันตรายแต่ก็ไม่ลืมเจ้านายที่อยู่บนหลัง โฉ่วโฉ่วคอยดูแลอยู่ตลอดถึงทำให้เหมยเหมยไม่ร่วงลงมา ความง่วงของเธอหายเป็นปลิดทิ้งแล้วเผลอกำขนของโฉ่วโฉ่วตามสัญชาตญาณ แต่สมองยังไม่ทันตื่นตัวดี

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

มีแสงวาบสีขาวอีกหลายเส้นพุ่งเข้ามา โฉ่วโฉ่วหลบอย่างคล่องแคล่ว แต่กลับหลบไม่พ้นจึงต้องวิ่งกระดกถี่กว่าเดิม เหมยเหมยตัวสั่นคลอนจนความดันขึ้นแล้วเกิดความรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาชั่วขณะ!

………………………

ตอนที่ 2159 เฮ่อเหลียนชิงนับวันก็ยิ่งมีจิตใจเหมือนเด็ก

เหมยเหมยที่เห็นเหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่นก็รู้ได้ทันทีว่าเฮ่อเหลียนชิงต้องก่อเรื่องวุ่นวายอีกแล้วแน่นอน

หลายปีมานี้เฮ่อเหลียนชิงอวบอ้วนขึ้นมาก ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นจนวิลแชร์ถูกเปลี่ยนไปสองตัวแล้ว เสี่ยวเมิ่งเองก็โอดครวญอยู่บ่อยครั้ง แล้วแอบกินยาวิเศษเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ความจริงคือต้องใช้แรงในการอุ้มมากเกินไป แม้แต่ทหารหน่วยพิเศษร่างกำยำอย่างเสี่ยวเมิ่งยังทนกับสิ่งนี้แทบไม่ไหว!

ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นกำลังคัดเลือกทหารที่มีสมรรถภาพทางร่างกายแข็งแรงสักคนอยู่เพื่อจะได้มาเปลี่ยนตัวกับเสี่ยวเมิ่งที่ลำบากมาหลายปีแล้ว เพราะต้องให้เสี่ยวเมิ่งได้พักบ้าง

“พี่ก็ดีกับเขาเกินไป อะไรก็ตามเขาไปเสียหมด เชอะ ไม่เห็นจะดูแลฉันดีแบบนี้บ้างเลย” เหมยเหมยพูดติดน้อยใจ

เหยียนหมิงซุ่นอดขำไม่ได้ มะเหงกไปทีหนึ่งแล้วพูดแสร้งโมโห “พี่ดูแลเธอไม่ดีเหรอ…หืม?”

เขาขยับเข้าใกล้ข้างหูของเหมยเหมย เสียงทุ้มลากยาวเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย ยัยตัวร้าย เห็นทีว่าถ้าประจำเดือนหมดเขาจะต้องเพิ่มความรักให้มากขึ้นสักหน่อยแล้ว!

เหมยเหมยตัวสั่นสะท้าน เธอรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังจะมาเยือนจึงรีบฉีกยิ้มหวานให้ พูดจาเอาใจว่า “ดี ดีเสียยิ่งกว่าดี…”

เธอกลัวความแข็งแรงทางร่างกายของผู้ชายคนนี้ขึ้นมาแล้วจริง ๆ ลายังรู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่รู้จักเหนื่อยบ้างนะ?

ไม่ได้การล่ะ วันไหนต้องบอกป้าฟางสักหน่อยแล้วว่าให้เขาทำอาหารที่มีผักชีฝรั่ง ว่ากันว่าหลังจากที่ผู้ชายได้กินเจ้านั่นเข้าไปจะทำให้เจ้าตัวน้อยสงบลง สิ่งที่เธอหวังมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเจ้าตัวน้อยของเหยียนหมิงซุ่นสงบลงสักปีครึ่ง

เธอจะได้ดูแลตัวเองให้ดี ๆหน่อย แหะ ๆ!

เหมยเหมยเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง นัยน์ตาประกายแผนการชั่วร้ายขึ้นมาแล้วแอบขำอย่างมีความสุข

ทั้งคู่ทานอาหารมื้อเช้าเสร็จก็พากันไปที่สวนฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิง ในฟาร์มยังคงสภาพเดิมแต่มีสัตว์เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย หมาแมวเข้ามาอยู่เต็มทุกซอกทุกมุมของฟาร์ม เดินได้สามก้าวก็เจอแมว เดินอีกห้าก้าวก็เจอหมา ทุกตัวล้วนอ้วนเหมือนลูกบอล เห็นได้ชัดว่าอาหารการกินในฟาร์มนี้อุดมสมบูรณ์ดีมาก

“ไข่ของฉันล่ะ ไอ้บ้าที่ไหนมันแอบกินไข่ของฉันไป…อีกไม่ช้าก็เร็วฉันจะเอาสัตว์พวกนี้มาทำเนื้อน้ำแดงให้หมดเลย…***… แฮมของฉันหายไปไหนแล้ว…เสี่ยวเมิ่ง…ไปตายที่ไหนแล้วล่ะ…”

ยังไม่ทันเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงตะคอกแหลมสูงบาดหูของเฮ่อเหลียนชิงดังกึกก้องไปทุกย่อมหญ้า

เหมยหมยรีบอุดหูตัวเอง หากจะบอกว่าสิ่งที่ผ่านไปเป็นหมื่นปีแล้วแต่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คงจะเป็นนิสัยแย่ ๆและเสียงแหลมเสียดหูของเจ้าบ้าโรคจิตนี่แหละ ไม่เสนาะหูเหมือนเคย

เสี่ยวเมิ่งวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว พอเห็นพวกเหยียนหมิงซุ่นก็ส่งยิ้มให้อย่างจนใจ ในมือยังถือซาลาเปาไส้หมูลูกหนึ่งไว้ น่าจะกำลังกินมื้อเช้าอยู่สิท่าแต่คงกินไม่ค่อยสงบสุขสักเท่าไร

ติดตามเจ้านายอย่างเฮ่อเหลียนชิง เสี่ยวเมิ่งนี่โชคร้ายจัง!

“ทำไมพ่อถึงได้โมโหอีกแล้วล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเบา

เสี่ยวเมิ่งเองก็พูดเสียงเบา “ช่วงนี้ในฟาร์มมีพวกหมาแมวจรจัดเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ไม่รู้กฎรู้เกณฑ์อะไรสักนิด ทุก ๆเช้ามักจะมาขโมยอาหารเช้าของนายท่านไป แต่นายท่านก็ไม่ยอมฟังคำแนะนำใด ๆ รั้นแต่จะทดสอบจิตใจของพวกหมาแมว…เฮ้อ!”

เหมยเหมยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจจึงรีบถามออกไปว่าอะไรคือการทดสอบจิตใจหมาแมวเหรอ?

“นายท่านบอกว่าจะตั้งกฎสำหรับตัวที่มาใหม่ขึ้นมา ดังนั้นในทุก ๆวันนายท่านจะรวมหมาแมวพวกนี้ให้อยู่ด้วยกันเพื่อสั่งสอนให้อยู่ในกฎเกณฑ์ กฎข้อแรกก็คือห้ามไม่ให้สัตว์ตัวใดก็ตามขโมยอาหารเช้าของท่าน นายท่านยังจงใจวางอาหารเช้าไว้ในสวนและไม่ให้ใครเฝ้าอีก โดยบอกว่าจะเฝ้าสังเกตจิตสำนึกของพวกหมาแมวพวกนั้น…”

เสี่ยวเมิ่งยกมือขึ้นอย่างจนใจ ในช่วงหลายปีมานี้แม้ว่าร่างกายของนายท่านจะแข็งแรงขึ้นมาก แต่นิสัยแบบนี้มันช่าง…

เหมือนเด็กเข้าไปทุกวันเลย!

เหมยเหมยหัวเราะร่า “น้ำไม่ได้เข้าสมองจนเพี้ยนใช่ไหม? หมาแมวที่ไหนจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง สมควรที่จะถูกขโมยอาหารเช้าไปแล้วล่ะ”

เฮ่อเหลียนชิงที่อยู่ในบ้านเรียกหาอีกครั้ง เสี่ยวเมิ่งจึงยัดซาลาเปาเข้าปากแล้วเคี้ยวแค่สองสามทีก่อนจะวิ่งเข้าไปด้านใน เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

………………………………………………………

ตอนที่ 2160 เฮ่อเหลียนชิงผู้โดดเดี่ยว

“แกหาตัวที่มันขโมยไข่กับแฮมของฉันไปให้เจอเลยนะ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนให้มันหลาบจำเลย!”

เฮ่อเหลียนชิงถลกแขนเสื้อขึ้น สีหน้าโมโหมากจนพาลไปเสียทุกอย่าง บังอาจเมินกฎระเบียบของเขางั้นเหรอ!

เสี่ยวเมิ่งชินชาเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้วจึงตอบรับอย่างเสียงนิ่ง “ครับ ผมจะส่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย นายท่านจะเอาแบบนึ่งหรือตุ๋นน้ำแดงครับ?”

ไฟโทสะบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนชิงเลือนหายไปทันที นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบเสียงแหลมสูง “เอาแบบนึ่ง ตุ๋นน้ำแดงก็ดูจะเอาเปรียบพวกมันเกินไป แกไปจับไอ้เจ้าพวกนั้นมาฉันจะสั่งสอนพวกมันให้หนัก ๆเอง เจ้าสัตว์ไร้ระเบียบ!”

“คุณเพี้ยนหรือไงถึงได้ตั้งกฎเกณฑ์ให้หมากับแมว? พวกมันเข้าใจภาษาของคุณเหรอ?” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่

เฮ่อเหลียนชิงมองเธออย่างระอา เอ่ยเสียงฮึดฮัด “แล้วเธอรู้ได้ไงว่าพวกมันฟังภาษาฉันไม่รู้เรื่อง? เธอไม่สามารถสื่อสารกับพวกมันได้ นั่นเป็นเพราะเธอโง่ต่างหาก!”

“เฮอะ…ในเมื่อคุณฉลาด แล้วทำไมถึงโดนขโมยอาหารเช้าไปได้ล่ะ?” เหมยเหมยกลอกตามองเขาอย่างไม่พอใจขีดสุด ยังมีหน้ามาว่าเธอโง่อีกเหรอ?

เชอะ!

พอดูเหมือนเฮ่อเหลียนชิงจะเริ่มอาละวาด เหยียนหมิงซุ่นจึงรีบออกหน้าเบี่ยงเบนความสนใจ “พ่อบุญธรรมครับ ช่วงนี้โฉ่วโฉ่วเป็นอย่างไรบ้าง? ผมได้ยินมาว่าหนิงเฉินเซวียนซื้อม้าสายพันธุ์อังกฤษแท้มาใหม่ บรรพบุรุษเป็นแชมป์ทั้งสามรุ่น แถมยังเป็นสายเลือดชั้นสูงด้วย”

“นับประสาอะไรกับม้าของพวกต่างชาติ อย่างไรก็ต้องแพ้โฉ่วโฉ่วแน่นอน หึ แกคอยดูเอาเถอะ แชมป์ปีนี้ต้องเป็นของโฉ่วโฉ่วอีกตามเคย ตาแก่หนิงนั่นอย่าได้คิดจะแย่งแชมป์ไปได้เลยตลอดชีวิต!”

เฮ่อเหลียนชิงถูกเบี่ยงเบนความสนใจ พอก่นด่าหนิงเฉินเซวียนไปไม่กี่ประโยคเหมือนทุกวันไฟโทสะก็ลดลงไม่น้อย เขาเลยเลิกชักสีหน้าใส่เหมยเหมย

ไม่ว่าอย่างไรโฉ่วโฉ่วที่แข่งขันกวาดเอาชัยชนะและเหยียบย่ำตาแก่หนิงเฉินเซวียจนจมดินก็เป็นฝีมือแม่เด็กจ้าวเหมยที่เป็นคนชิงเอามาได้ ไม่เห็นแก่หน้าใครก็ควรเห็นแก่หน้าโฉ่วโฉ่ว เขาเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเด็กกะโปโลอยู่แล้ว

“นายท่าน สัตว์พวกนั้นรวมตัวกันอยู่ในสวนแล้ว ท่านเห็นว่าอย่างไร?” เสี่ยวเมิ่งเข้ามารายงาน

“ฉันจะไปสั่งสอนพวกมันตอนนี้แหละ ไอ้พวกที่มันไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง วันนี้ปล่อยให้พวกมันหิวโซหนึ่งมื้อไปเลย!”

เฮ่อเหลียนชิงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาคว้าซาลาเปาขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วให้เสี่ยวเมิ่งเข็นเขาออกไป  เหมยเหมยเดินตามไล่หลังไปด้วยความแปลกใจ บ้าเอ้ย ภาพทิวทัศน์อันงดงามภายในสวนมันช่าง…

อย่างน้อยในสวนนี้ต้องมีหมาแมวประมาณร้อยกว่าตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ทั่วไป ส่วนอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นสายพันธุ์บริสุทธิ์มีค่อนข้างน้อย แต่หมาแมวพวกนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คืออ้วนและกลม!

สีขนของแต่ละตัวดูสว่างสดใส ท้องป่อง ดูกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ

“พวกมันกินข้าววันละกี่มื้อเนี่ย?” เหมยเหมยกระซิบถาม

“ห้ามื้อ ตอนกลางคืนยังมีมื้อดึกอีกด้วยนะ” เสี่ยวเมิ่งตอบ

เหมยเหมยกลอกตามองอย่างระอา ไม่แปลกที่…

กินตั้งวันละหกมื้อไม่อ้วนสิแปลก อีกอย่าง…เมื่อเทียบห้ามื้อกับหกมื้อแล้ว มันแตกต่างกันตรงไหน?

นี่เฮ่อเหลียนชิงกำลังเล่นตลกอะไรอยู่เหรอ?

“จะนับจำนวนตอนนี้ 1 2 3 4……”

เฮ่อเหลียนชิงจ้องหมาแมวที่ยืนเรียงกันเป็นแถวด้วยพละกำลังที่เปี่ยมล้น ทุกครั้งที่นับเลขก็จะมีแมวหรือหมาส่งเสียงร้องออกมา ในสวนมีเสียงร้องเหมียวเหมียวโฮ่งโฮ่งดังขึ้นไม่หยุดราวกับกำลังร้องเพลงประสานเสียงกันอยู่

แค่นับจำนวนก็กินเวลาไปสิบกว่านาทีแล้ว เฮ่อเหลียนชิงยกยิ้มอย่างพอใจและเริ่มพร่ำสอนอีกครั้ง โดยยกปัญหาที่รุนแรงที่สุดมากล่าวอธิบายคล้ายกับการอบรมทหาร เหมยเหมยทนฟังไม่ไหว แต่สัตว์น้อยพวกนี้กลับมีความอดทนยิ่งกว่า พวกมันต่างยืนหรือหมอบกับพื้นอย่างสงบอยู่ตลอดโดยไม่มีตัวไหนส่งเสียงเห่าหอนออกมาเลย

ช่างเหนือคาดจริง ๆ  พวกมันเชื่อฟังยิ่งกว่าเด็กเล็กเสียอีก เหมยเหมยเห็นสิ่งแปลก ๆพวกนี้เลยนึกเห็นใจเฮ่อเหลียนชิงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ตาแก่นี่คงเหงาน่าดูถึงได้รับเลี้ยงพวกสัตว์จรจัดมากมายขนาดนี้และยังเลี้ยงดูอย่างพิถีพิถันอีกด้วย แถมทุก ๆวันยังทำเหมือนกับว่าพวกมันเป็นคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ความจริงคงเบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรทำสินะ

“วันหลังเราแวะมากินข้าวที่นี่บ่อย ๆเถอะนะคะ” จู่ ๆเหมยเหมยก็บอกกับเหยียนหมิงซุ่นไปเช่นนั้น

………………………………………………………….

ตอนที่ 2157 รอบเดือนที่ผิดปกติ

โชคดีที่ฉีฉีเก๋อเป็นผู้หญิงที่รับฟังคำชี้แนะของผู้อื่น แม้ว่าตัวเธอจะอัดอั้นตันใจแค่ไหนแต่ก็ยอมรับปากที่จะเลื่อนงานแต่งออกไป

“หนูจะโทรไปบอกรุ่นพี่ฉางให้ชัดเจน”

ฉีฉีเก๋อน้ำตาคลอเบ้าแล้วเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างยากลำบาก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองหลอกลวงฉางชิงซง ละเมิดข้อตกลงระหว่างพวกเขา ทรยศต่อความรักของพวกเขา เธอรู้สึกผิดต่อรุ่นพี่ฉางมาก!

ลุงปาเกินพูดเสียงขรึม “ลูกโทรเรียกเขาออกมากินข้าวเถอะ พ่อจะพูดกับเขาเอง”

ทำไมเขาจะมองความอึดอัดและความขมขื่นในใจของลูกสาวเขาไม่ออก แต่เจ็บปวดระยะสั้นย่อมดีกว่าเจ็บปวดระยะยาว ถ้าตอนนี้เขาไม่รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมวันข้างหน้าลูกสาวของเขาคงน้ำตาตกใน เขาจำเป็นต้องเป็นคนบาป

ลุงปาเกินอยากพูดว่าให้ยกเลิกงานแต่งด้วยซ้ำ แต่เขาก็กลัวว่าจะได้รับการต่อต้านจากฉีฉีเก๋อ ดังนั้นจึงต้องวางแผนการให้ดีแล้วเลื่อนงานแต่งออกไปก่อน ผ่านไปสักระยะหนึ่งค่อยหาเหตุผลมายกเลิกงานแต่ง

ลูกสาวของเขาจะแต่งงานเพื่อไปเจอความลำบากลำบนอยู่ในตระกูลแบบนี้ไม่ได้!

ฉีฉีเก๋อกัดริมฝีปากนึกลังเล เธอกลัวว่าฉางชิงซงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีจะรับเรื่องนี้ไม่ได้จึงพูดว่า “อาป๊า พรุ่งนี้หนูคุยกับเขาเองดีกว่า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาคงไม่สะดวกออกมาหรอก”

“มีอะไรไม่สะดวกกัน? ไม่มีรถก็วิ่งมาสิ ขนาดมาเพื่อเธอแค่นี้ยังไม่ได้เลยเหรอ?” พี่รองเอ่ยประชดเสียงเย็นชา

“ไม่ใช่นะ…” ฉีฉีเก๋ออยากจะพูดแก้ต่าง แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชิงตัดพูดขึ้นมาก่อนว่า “ยังไม่ถึงกับต้องเดินมาหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่มเลย ยังพอมีรถเมล์อยู่”

พี่รองหัวเราเยาะ ตอนนี้เขายิ่งไม่ชอบใจฉางชิงซงมากกว่าเดิม เขามุ่งมั่นแล้วว่าจะต้องพังงานแต่งงานของน้องสาวให้ได้!

ฉีฉีเก๋อจนใจจึงทำได้เพียงโทรไปหาเขา ฉางชิงซงตอบรับอย่างรวดเร็ว บอกว่าจะรีบมาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด

เหมยเหมยลากตัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลุกขึ้นและขอตัวลากลับ “พวกหนูไปก่อนนะคะ ฉีฉีเก๋อคืนนี้เธอนอนที่โรงแรมนี่แหละ ไม่ต้องกลับหอพักหรอก”

“อื้ม…”

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงฉับพลันพร้อมขานรับด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

ลุงปาเกินรู้สึกซาบซึ้งต่อพวกเหมยเหมยมาก โชคดีที่ยังมีสองสาวนี่อยู่ ไม่เช่นนั้นลูกสาวเขาคงกระโดดเข้ากองไฟไปแล้ว ส่วนเขาคงไม่รับรู้อะไรเลย!

“งั้นให้อูเอินไปส่งพวกเธอนะ”

อูเอินก็คือพี่รองของฉีฉีเก๋อ พอได้ยินเช่นนั้นเขาก็รีบคว้ากุญแจรถลุกขึ้นทันที เหมยเหมยจึงรีบปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม อมยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่บ้านของหนูจะส่งคนมารับเองค่ะ ขอไม่รบกวนพี่อูเอินนะคะ”

คุณลุงปาเกินนึกถึงเหยียนหมิงซุ่นที่มีเบื้องหลังแสนลึกลับขึ้นได้จึงไม่ได้ดึงดันอะไร แถมบอกพวกเธอว่าวันหลังให้แวะไปเที่ยวที่ทุ่งหญ้าบ้าง เขาจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรอลุงเหลาอยู่ที่หน้าประตู

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “เธอลากฉันออกมาทำไม ฉันยังยากจะคุยกับไอ้บ้าฉางชิงซงนั่นอยู่นะ!”

“เธอใจเย็น ๆหน่อยเถอะ เรื่องในครอบครัวเขาเราเข้าไปยุ่งด้วยคงไม่เหมาะหรอก อย่าให้ฉีฉีเก๋อเป็นคนกลางที่ต้องลำบากใจเลย”

เหมยเหมยกลอกตามองเธอพลันรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมานิด ๆ ในใจกลับรู้สึกแปลก ๆ เมื่อกี้เธอไปห้องน้ำมาครั้งหนึ่ง ปริมาณประจำเดือนน้อยจนน่าตกใจ ไม่ใช้ผ้าอนามัยยังได้เลย แถมยังแตกต่างจากทุกครั้งที่ประจำเดือนมาด้วย

คงจะไม่ใช่ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อหรอกนะ?

เหมยเหมยกังวลเล็กน้อย รอมีเวลาว่างค่อยไปพบแพทย์แผนจีนให้ตรวจดูชีพจรหน่อยดีกว่า ถ้ามีปัญหาจะได้รีบรักษา เธอยังจะต้องเป็นเจ้าสาวแสนสวยอยู่นะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้มารยาททางสังมอยู่บ้าง เมื่อครู่เธอนึกไม่ถึงเพราะใจร้อนไปหน่อย แต่พอเหมยเหมยเอ่ยเตือนเธอก็พลันได้สติ แล้วหายใจเข้าออกเพื่อปรับอารมณ์

“หวังว่ายัยบื้อนั่นจะคิดได้นะ โง่เง่าเหลือเกิน…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถคำด่าออกมา ฉับพลันหน้าก็ถอดสี จากนั้นก็ตบหน้าผากของตัวเองอย่างแรงจนดังสนั่น เหมยเหมยที่ได้ยินยังเสียววาบไปถึงท้ายทอยเลย

“แย่แล้ว…ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนยัยบื้อนั่นไม่ได้ใส่ถุงยางหรอกนะ? โธ่เอ้ย ฉันต้องไปถามก่อน…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระวนกระวายเตรียมจะวิ่งกลับไปถาม แต่เหมยเหมยดึงตัวเธอไว้ด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พ่อกับพี่ชายของคนเขาก็อยู่ คำถามส่วนตัวแบบนี้จะถามออกมาได้อย่างไร?

……………………………………………………..

ตอนที่ 2158 ดื่มซุปบำรุงสักหน่อย

“เธอจะรีบร้อนอะไรเล่า เวลาที่ประจำเดือนของพวกเรามาอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน วันนี้ประจำเดือนของฉันมาแล้ว ฉีฉีเก๋อยังไม่มา นั่นแสดงว่าอยู่ในระยะปลอดภัย ต่อให้ไม่ใส่ถุงยางก็ไม่เป็นไร วันหลังเธอค่อยหาเวลาว่างไปถามก็ได้นี่”

เหมยเหมยไม่ได้กังวลนักเพราะหน้าเจ็ดหลังแปด ไม่ว่าของฉีฉีเก๋อจะยังไม่มาหรือว่าเพิ่งหมดไปก็อยู่ในระยะที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกโล่งใจ “ใช่ ช่วงนี้ฉันก็รู้สึกปวดท้องน้อยคงใกล้จะมาแล้วเหมือนกัน ฉีฉีเก๋อช้ากว่าฉันแค่วันสองวัน  คงอยู่ในระยะปลอดภัยจริง ๆแหละ งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ”

พอได้ยินว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดท้องน้อย เหมยเหมยจึงอดบ่นอุบอิบไม่ได้ว่า “ฉันปวดท้องน้อย แถมยังมาน้อยมากอีกด้วย ตอนเช้ามีเลือดไหลออกมาแค่นิดเดียวเอง คงไม่ใช่ว่าใกล้จะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรอกนะ?”

ประโยคหลังเธอพูดติดตลกจึงถูกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถุยน้ำลายใส่ “ไร้สาระ เป็นเพราะเธอนอนดึกแน่ ๆ การนอนดึกมักมีผลทำให้ต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ เธอต้องไปขอให้หมอจีนช่วยสั่งยาปรับสมดุลร่างกายให้ ต่อไปก็อย่านอนดึกอีกล่ะ ผู้หญิงอย่างเรานอนดึกแล้วแก่เร็ว เธออย่าคิดว่าตัวเองสวยมาตั้งแต่เกิดแล้วจะทรมานตัวเองยังไงก็ได้นะ!”

“รู้แล้วน่า เธอนี่ขี้บ่นยิ่งกว่าพี่หมิงซุ่นของฉันอีกนะ…”

เหมยเหมยบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย เธอรู้สึกว่าเหตุที่รอบเดือนมาผิดปกติครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความต้องการไร้ที่สิ้นสุดของเหยียนหมิงซุ่นแน่นอน ว่างหน่อยก็นัวเนียเธอแล้ว ขนาดมนุษย์เหล็กยังทนไม่ไหวเลย!

เธอต้องไตวายในเร็ววันนี้แน่ ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่อย่างระอา ในหัวพลันจินตนาการถึงใบหน้าอันเย็นชาของพญายมราชเหยียนเหมือนคุณป้าคณะกรรมการแถวบ้าน ทั้งขี้บ่นจู้จี้จุกจิก โอ๊ย…ตลกชะมัดเลย!

เธอจินตนาการไปพลางขำไปคล้ายกับคนบ้า ปล่อยก๊ากออกมาอยู่หลายครั้งและจมอยู่ในโลกของเธอ เหมยเหมยมองเธอพลางส่ายหน้าและดึงเธอขึ้นรถลุงเหลา

วันถัดมาเหมยเหมยตั้งใจเข้าห้องน้ำไปดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติจริง ๆงั้นเหรอ?

เธอย้ำให้ป้าฟางตุ๋นยาตังกุยทัง[1] ดื่มบำรุงดูสักหน่อย ดูว่าจะดีขึ้นบ้างไหม ไม่อย่างนั้นเธอไม่อยากดื่มยาขม ๆเลยเพราะมันดื่มยากจะตายไป

“ยังปวดท้องอยู่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าค่ะ แค่ช่วงนี้ผิวพรรณแย่เลยอยากดื่มยาบำรุง”

เหมยเหมยตอบอย่างขอไปที เธอจะแสดงออกว่าไม่สบายต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงได้เรียกแพทย์แผนจีนมาจัดยาให้เธอแน่ แถมยังเฝ้าเธอดื่มยาขม ๆอีก เธอไม่อยากทรมาน

เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มเธอดูทีหนึ่งแต่ก็ยังรู้สึกเนียนนุ่มเหมือนเดิม แย่ตรงไหนกัน แต่สำหรับความสวยของผู้หญิงนั้นล้วนไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว เขาชินชาแล้วล่ะ

“งั้นก็ดื่มเยอะ ๆล่ะ พี่จะให้คนไปจับงูมาให้หลาย ๆตัวแล้วทำซุปงูให้เธอทาน แบบนั้นผิวจะยิ่งลื่นมากขึ้น” เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มเธอซ้ำ ๆอีกหลายครั้ง

“ไม่ต้องหรอก แค่นกกับไก่ก็พอแล้ว ตอนนี้พวกงูก็ใช้ชีวิตลำบากแล้ว อย่าไปจับพวกมันเลย” เหมยเหมยปฏิเสธ

แม้ว่าซุปงูจะรสชาติดีแต่หลายปีมานี้คนกินงูมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตอนนี้งูป่าบนภูเขาลดจำนวนลงไปมาก เธอขอเลือกที่จะไม่ทำบาปดีกว่า

เหยียนหมิงซุ่นขำพรืดออกมาและไม่พูดเรื่องจับงูอีก แต่ตั้งใจที่จะสั่งให้ลูกน้องทำฟาร์มเลี้ยงงูไว้ในบ้าน งูที่เลี้ยงในฟาร์มกินได้ตลอดไม่ใช่หรือไง!

อีกเดี๋ยวต้องไปสั่งการให้เลี้ยงงูเห่าเยอะ ๆหน่อย เนื้องูชนิดนี้อร่อยที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวฉันจะแวะไปเยี่ยมโฉ่วโฉ่วสักหน่อย ใกล้จะถึงวันแข่งแล้วต้องบำรุงมันให้ดี ๆ”

เหมยเหมยกินซาลาเปาลูกเล็กอย่างเอร็ดอร่อย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งแล้ว เฮ่อเหลียนชิงมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์มาให้ได้ เธอเองก็เหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรก็จะแพ้ตาเฒ่านิงเฉินเซวียนนั่นไม่ได้เด็ดขาด!

“งั้นพี่ไปกับเธอด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นปอกไข่ต้มให้เหมยเหมยทาน เดิมทีเขาตั้งใจจะแวะไปหารือกับเฮ่อเหลียนชิงถึงวิธีจัดการกับหนิงเฉินเซวียนสักหน่อย เขาและเฮ่อเหลียนชิงมีประเด็นขัดแย้งรุนแรงในเรื่องนี้ ช่วงนี้วุ่นวายจนทำเขาปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย

…………………………………………………………

[1]บำรุงเลือดช่วยทะลวงเส้นจิงลั่วจากอาการเลือดพร่อง

ตอนที่ 2155 อย่าเรียนรู้จากหวังเป่าไช

ฉีฉีเก๋อหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัดแล้วมองคุณลุงปาเกินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “อาป๊า ทำไมคะ? ป๊าเห็นด้วยกับการที่หนูจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉางหลังเรียนจบไม่ใช่เหรอ?”

พี่สองหน้าดำคล้ำเครียดตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาสบถออกมาว่า “นั่นเป็นเพราะตอนนั้นยังไม่เห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนั้นต่างหาก ฉีฉีเก๋อถ้าเธอบอกตั้งแต่แรกว่าแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้พี่จะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย แล้วนี่มันอะไรกัน? ไม่ต่างอะไรกับแม่ม้าที่สนามม้าของเราเลยนะ!”

อยากอุ้มหลานก็เลยให้น้องสาวของเขาแต่งงานเพื่อไปรับความไม่เป็นธรรมงั้นเหรอ แม้กระทั่งงานแต่งงานก็ยังจัดให้ไม่ได้ ยิ่งค่าสินสอดยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม้แต่สลึงเดียวก็คงไม่มีเลยมั้ง!

พอพี่รองนึกขึ้นได้ก็โมโห เดิมทีเขาไม่ชอบหน้าฉางชิงซงอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้รังเกียจความจนรักความร่ำรวยอะไรเทือกนั้นหรอก แต่ถ้าหากเลือกได้เขาอยากให้น้องสาวแต่งงานกับหนุ่มที่ทุ่งหญ้ามากกว่า ไม่ใช่แค่อยู่ใกล้แล้วดูแลง่ายเท่านั้น แต่ชายหนุ่มที่เขาเห็นดีเห็นงามด้วยแต่ละคนต่างก็มีฐานะดี ๆทั้งนั้น น้องสาวแต่งงานด้วยคงไม่มีทางลำบากแน่นอน

ไม่เหมือนฉางชิงซงอะไรนั่น แม้แต่เรื่องกินข้าวก็ยังเป็นปัญหา เขาไม่ชอบหน้ามันเลยสักนิด!

เรียนหนังสือให้มากจะมีประโยชน์อะไร แม้แต่ลูกเมียก็ยังเลี้ยงดูไม่ได้ งั้นสู้กลับทุ่งหญ้าไปเลี้ยงม้าไม่ดีกว่าเหรอ

ฉีฉีเก๋อดวงตาแดงก่ำไม่พอใจต่อคำคัดค้านของผู้เป็นพ่อและพี่ชายอย่างมากพลันรู้สึกน้อยใจมากขึ้นกว่าเดิม จึงอดไม่ได้พูดติดสะอื้นว่า “รุ่นพี่ฉางไม่ได้ขอให้หนูแต่งงานแล้วมีลูกทันทีสักหน่อย เป็นหนูที่พูดเสนอเองต่างหาก ทุกคนเข้าใจผิดกันหมดแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอกกลับอย่างโมโห “คนแบบนี้ถึงเรียกว่าฉลาดไง ไม่พูดเองแต่กลับให้แม่ตัวเองเป็นคนออกหน้า และรอให้คนโง่ ๆอย่างเธอเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจที่จะกระโดดเข้าไปในกองไฟแล้วใช้ชีวิตที่แสนลำบากยากเข็ญไปกับเขา และยังต้องคลอดลูกเลี้ยงลูกแทนเขาอีก ไม่แน่ว่าถ้าวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงขึ้นมา เธอก็จะกลายเป็นแค่ยายแก่หงำเหงือก ส่วนเขาก็เหยียบเรือสองแคม…”

เหมยเหมยเห็นว่าเธอพูดไม่เข้าท่าขึ้นเรื่อย ๆเลยรีบปรามเธอด้วยสายตา

พ่อกับพี่ชายของฉีฉีเก๋อก็อยู่ด้วย ทำไมถึงได้พูดจาไม่มีสมองแบบนี้นะ พูดจาแบบนี้ออกไปเขาจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาหรือไงกัน?

พี่รองกลับรีบเอ่ยเย้ยหยันคล้อยตามขึ้นว่า “ไอ้ฉางชิงซงนั่น พี่มองมันออกหมดแล้ว ถึงเธอจะร่วมทุกข์ไปกับมันแต่วันข้างหน้ามันอาจจะไม่ได้ร่วมสุขไปกับเธอก็ได้ หากมันประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมันต้องสลัดเธอทิ้งแน่ ๆ เหมือนกับเด็กผู้หญิงในนิยายที่คอยเฝ้าปกป้องเขามาตลอดสิบแปดปี ละทิ้งชีวิตสุขสบายมาแต่งงานกับผู้ชายที่ชอบเล่นกับความรู้สึกผู้หญิง สุดท้ายก็จะมีจุดจบที่ไม่ดีนักหรอกนะ”

น่าเสียดายที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับพี่รองเจอกันช้าไปเพราะทั้งคู่ต่างเกลียดคน ๆเดียวกัน

เธอพูดผสมโรงต่อเลยว่า “ผู้หญิงคนนั้นชื่อหวังเป่าไช เดิมทีเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแต่งงานกับคนยากคนจน จากนั้นก็ใช้ชีวิตลำบากมาตลอดสิบแปดปี พอสุดท้ายคนจนกลายเป็นแม่ทัพแล้วไปแต่งงานกับเจ้าหญิง สุดท้ายหวังเป่าไชมีจุดจบที่ดีไหมล่ะ? หลังจากนั้นรับตัวกลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ตายจาก”

“ก็ใช่ไง ถ้าให้พี่พูดนะผู้หญิงที่ชื่อหวังเป่าไชโง่เขลาจริง ๆ ละทิ้งชีวิตความเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยของตัวเองไปแล้วรั้นจะกระโดดเข้ากองไฟ”

พี่รองกับคุณหนูเหริ่นสลับกันพูดกันจนทำเอาฉีฉีเก๋อโมโหและน้อยใจ

“รุ่นพี่ฉางไม่ใช่คนแบบนั้น เขาดีกับฉันมาก ฉันเชื่อว่าถ้าเขามีเงินเขาก็ยังจะดีกับฉันเหมือนเดิม” ฉีฉีเก๋อแก้ตัวแทนฉางชิงซง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ถ้าดีกับเธอจริง ๆจะยอมให้แม่ตัวเองยื่นข้อเสนอไร้เหตุผลนั่นออกมาเหรอ? แม้แต่งานแต่งงานง่าย ๆก็ไม่คิดจะจัดงั้นเหรอ? แล้วไหนจะให้เธอรีบแต่งงานขนาดนั้นอีกล่ะ?”

“ตอนนี้รุ่นพี่ฉางไม่มีเงิน เขารับปากฉันว่าถ้าวันข้างหน้าเขามีเงินจะจัดงานแต่งงานใหญ่โตให้อีกรอบ…”

“งั้นก็รอให้มันมีเงินก่อนแล้วค่อยแต่งงานสิ หึ แค่คนจน ๆคนหนึ่งยังริอาจคิดที่จะแต่งอะไรอีก หาเงินให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” พี่รองใช้ฝ่ามือทุบโต๊ะอย่างรุนแรง เขาโมโหไม่น้อยเลย

“พี่รอง พี่นี่มันรังเกียจความจนรักความรวย ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ อาป๊า…” ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลพรากมองหน้าลุงปาเกินที่นั่งเงียบ ๆอยู่ตลอดโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร

……………………………………………….

ตอนที่ 2156 เธอต้องคิดเรื่องการแต่งงานให้ดีๆ

พี่รองแย่งลุงปาเกินพูด “พี่รังเกียจความจนรักความร่ำรวยงั้นเหรอ? ครอบครัวพี่สะใภ้รองของเธอมีเงินนักหรือไง? ไม่มีเงินเลยแต่พี่ชอบเขาก็เลยสู่ขอเข้าบ้าน เพราะพี่ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องมีชีวิตที่ลำบาก นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องมี แต่รุ่นพี่ของเธอที่แซ่ฉางอะไรนั่น แค่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้แต่ยังคิดจะแต่งงาน เหอะ!”

“อาป๊า…”

ฉีฉีเก๋อเรียกอีกครั้ง

ลุงปาเกินดื่มชาในแก้วจนหมด ลูบไล้ใบหน้าพลางมองลูกสาวด้วยสายตาที่ซับซ้อน ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉีฉีเก๋อ เพื่อนของลูกกับพี่รองของลูกอาจจะพูดจาไม่น่าฟังนัก แต่คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาไม่น่าฟังต่างหากที่มีคุณค่ามากที่สุด ส่วนคำพูดหวาน ๆอาจจะไพเราะเสนาะหูแต่คนที่พูดมักไม่ค่อยมีเจตนาที่ดีหรอกนะลูก ”

เขานิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ “ความหมายของพ่อก็ได้พูดไปเมื่อกี้แล้ว เลื่อนงานแต่งออกไปก่อน ลูกสาวที่พ่อฟูมฟักเลี้ยงดูมาดั่งสมบัติล้ำค่าไม่ได้มีไว้เพื่อให้กำเนิดหลานของตระกูลฉางหรอกนะ”

เสียงของคุณลุงปาเกินดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและท่าทีก็เคร่งขรึมมากขึ้นด้วย

ฉีฉีเก๋อไม่กล้าเงยหน้ามองพ่อเพราะเธอตกใจมาก

เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลแถมยังเป็นลูกคนสุดท้องด้วย ตั้งแต่เล็กเธอเติบโตขึ้นมาภายใต้ความรักของพ่อแม่และพี่ชายทั้งสามคน อาป๊าไม่แม้แต่จะเอ่ยคำพูดที่รุนแรงเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับ…

“อาป๊า รุ่นพี่ฉางไม่ได้ขอให้หนูมีลูกให้ แต่เป็นตัวหนูเองที่…” ฉีฉีเก๋อคิดจะแก้ตัวให้กับฉางชิงซง

คุณลุงปาเกินพูดขัดขึ้น “เขาไม่ได้ขอแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉีฉีเก๋อ ลูกไม่เหมือนพวกผู้หญิงธรรมดาในทุ่งหญ้า พวกนั้นไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไม่มีการศึกษา เพราะงั้นถึงได้แต่งงานมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ๆและใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไปตลอดชีวิต

แต่ลูกไม่ใช่ ลูกเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังและกำลังจะเป็นจิตกรในอนาคต ลูกจะยอมเป็นเครื่องจักรผลิตลูกตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร? ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กของลูกล่ะ? ลูกไม่อยากทำให้มันเป็นจริงแล้วเหรอ?”

ลุงปาเกินพูดแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด

ลูกสาวของเขาเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็กแถมยังวาดภาพได้ดีมากด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาทุ่มเทแรงใจแรงกายไปกับการอบรมเลี้ยงดูลูกสาว หวังเพียงว่าในอนาคตลูกสาวของเขาจะแตกต่างไปจากหญิงสาวทั่วไปในทุ่งหญ้าที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมในชีวิต

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อลูกสาวของเขาในตอนนี้กลับเลือกเดินตามเส้นทางเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้น และกลับมายืนจุดเดิม

เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมาเขายอมลำบากไปเพื่ออะไร?

ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลพรากแต่ก็ยังไม่ยอมจำนน “ความฝันเหล่านั้นถึงหนูจะแต่งงานไปแล้วก็ยังสามารถทำให้มันเป็นจริงได้นี่คะ”

“ทำให้มันเป็นจริงอย่างไรล่ะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ความฝันของเธอคือการวาดภาพทิวทัศน์ที่สวยงามทั่วโลก ตอนนี้พ่อของเธอเป็นคนจ่ายเงินให้เธอได้ออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศเลยยังไม่มีแรงกดดันใด ๆ แต่ถ้าวันหนึ่งเธอแต่งงานแล้ว เธอยังกล้าที่จะแบมือขอเงินทางบ้านตัวเองอยู่อีกเหรอ?”

ใบหน้าฉีฉีเก๋อแดงก่ำ ส่ายหน้าอย่างละอายใจ “ฉันหาเงินด้วยตัวเองได้…”

“เธอลองหาเงินให้ฉันดูหน่อยสิ ฉางชิงซงมีปัญญาหาได้เท่าไร  เศษเงินแค่นั้นยังไม่พอยาไส้คนทางบ้านเขาเลย พวกเธอไม่มีเงินไม่มีบ้าน ถ้ามีลูกด้วยกัน พวกเธอคงไม่มีแม้แต่เงินที่จะซื้อนมผงให้ลูกกิน แล้วยังจะพูดถึงความฝันอะไรอีก!”

ความปากร้ายของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังทำงาน ทำเอาฉีฉีเก๋อเป็นใบ้พูดไม่ออกจึงทำได้แต่ร้องไห้

เหมยเหมยตักซุปไก่ให้ลุงปาเกินหนึ่งถ้วยเพื่อดื่มเรียกสติ จากนั้นก็ดึงทิชชูแผ่นหนึ่งยื่นให้ฉีฉีเก๋อ

“เชี่ยนเชี่ยนพูดจาไม่น่าฟังแต่เขาก็หวังดีกับเธอนะ ฉีฉีเก๋อ ในเมื่อเรื่องนี้คนในครอบครัวและเพื่อน ๆของเธอต่างคัดค้าน เธอเองก็ควรที่จะคิดไตร่ตรองดูอีกสักครั้งถึงความเป็นไปได้ อย่าดึงดันทำตามใจตัวเองเลยนะ”

พี่รองระเบิดอารมณ์ออกมา ตะคอกใส่ “ยังต้องคิดอะไรอีก ยกเลิกงานแต่งไปเถอะ ขนาดเลือกคนในทุ่งหญ้าแบบลวก ๆมาสักคนยังดีกว่าคนพรรค์นั้นเป็นร้อยเท่าเลย!”

ฉีฉีเก๋อรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆที่เธอแต่งงานด้วยความรัก แต่ทำไมทุกคนถึงได้คัดค้านล่ะ?

…………………………………………………

ตอนที่ 2153 นิสัยของคนชั้นต่ำที่ควรจะต้องมี

พอได้ดื่มน้ำขิงที่ป้าฟางต้มให้อาการปวดท้องน้อยก็ทุเลาลงบ้างแล้ว เพื่อความปลอดภัยเธอจึงทานยาวิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเม็ด ทุกครั้งที่ประจำเดือนมาเธอมักจะกินวันละเม็ด ซึ่งได้ผลดีมาก

หลังมื้อเช้าผ่านไปอาการปวดตรงท้องน้อยของเหมยเหมยก็หายเป็นปลิดทิ้ง ยกเว้นช่วงเอวที่ยังปวดอยู่ ตรงจุดอื่นก็สบายเป็นปกติดี

“ฉันไปเรียนก่อนนะ บ๊ายบาย!”

พอเหมยเหมยกินเกี๊ยวทอดชิ้นสุดท้ายในจานหมดก็ใช้ปากที่มันแผล็บกัดเข้าที่ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่น และวิ่งออกไปด้วยความพึงพอใจ

เหยียนหมิงซุ่นดึงทิชชูออกมาแผ่นหนึ่งแล้วเช็ดคราบน้ำมันบนใบหน้าออก พร้อมหันไปกำชับตามหลังเหมยเหมยว่า“อย่าทานของเย็นกับของเผ็ดล่ะ”

“รู้แล้วค่ะ…คุณพ่อบ้าน…”

เสียงของนกลาร์คดังแว่วมาจากในสวน เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้ายิ้มขำพร้อมความระอา แต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกเอ็นดู

พอถึงมหาวิทยาลัยเหมยเหมยก็ตรงไปที่หอพัก เธออยากจะถามเรื่องฉีฉีเก๋อ เมื่อไม่กี่วันก่อนพ่อของฉีฉีเก๋อไปดูม้าที่อังกฤษและทุกเรื่องในบ้านของฉีฉีเก๋อล้วนให้พ่อเป็นคนตัดสินใจ แต่ไหนแต่ไรมาแม่ของเธอไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เพราะงั้นจึงโทรหาไม่ติด

ตอนนี้พ่อของฉีฉีเก๋อคงกลับมาแล้ว เธอต้องไปถามให้รู้เรื่อง จะให้เธอทนดูแม่สาวจอมซื่อบื้ออย่างฉีฉีเก๋อส่งตัวเองไปเป็นเครื่องผลิตลูกได้อย่างไรกัน

แต่งงานได้ แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้!

แม่ของฉางชิงซงมีสิทธิ์อะไรที่จะยื่นข้อเสนอนี้ออกมา?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างก็ไม่อยู่ที่หอพัก เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ส่วนใหญ่ช่วงนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไปพักอยู่บ้านที่เขาซื้อร่วมกับอิงจวี้กัง ไม่อยู่ที่หอพักก็นับว่าเป็นปกติ

แต่ฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก ก็แสดงว่าเธอไปค้างที่ห้องของฉางชิงซง

การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าฉางชิงซงยังไม่ใช่คู่ครองที่ดี ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นหรอก แค่เขายอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของแม่ตัวเองได้ แถมยังไม่คิดที่จะจัดงานแต่งงานให้กับฉีฉีเก๋อ เหมยเหมยรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ตลอดชีวิต

อย่างน้อยก็ต้องรอดูท่าทีของฉางชิงซงไปก่อน

เพราะงั้นตอนนี้ฉีฉีเก๋อยังไม่เหมาะที่จะไปอยู่กับเขา ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำมากเกินไป

เหมยเหมยโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อน หล่อนยังคงสะลึมสะลือนอนอยู่บนเตียง พอได้ยินว่าฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที

“ยัยโง่ ฉันย้ำไปเป็นพันครั้งหมื่นครั้งแล้วว่าอย่าไปอยู่กับฉางชิงซง บ้าชะมัดฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจริง ๆ ไอ้บ้าฉางชิงซงนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร มันต้องจงใจชิงสุกก่อนห่ามแน่ ๆ เพื่อให้ยัยซื่อบื้อฉีฉีเก๋อหนีรอดจากเงื้อมมือของมันไปไม่ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่า ขนาดอยู่ปลายสายยังรับรู้ได้ถึงความโมโหทะลุฟ้าของเธอเลย

เหมยเหมยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดต่าง ๆนา ๆของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้จะเหมือนพวกคนชั้นต่ำไปหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ก่อนหน้านี้ฉางชิงซงให้เกียรติฉีฉีเก๋อมาตลอด แถมยังบอกอีกว่าจะเก็บเอาครั้งแรกที่ล้ำค่าที่สุดไว้สำหรับคืนแรกหลังเข้าห้องหอ

ตอนนั้นพอเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังยังรู้สึกว่าฉางชิงซงใช้ได้ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

เธอไม่เชื่อหรอกว่าชายหญิงที่อยู่กันตามลำพังทั้งคืนจะแค่คุยกันเฉย ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วแล้วพูดเสียงหอบว่า “ฉันส่งเพจเจอร์หาฉีฉีเก๋อแล้วว่าให้หล่อนรีบกลับมา คอยดูนะฉันจะด่าไม่ยั้งเลย!”

ฉีฉีเก๋อมาถึงช้าไปนิด ผมเผ้ายังไม่ทันได้หวี หายใจหอบถี่ ดูท่าทางคงจะวิ่งมาตั้งแต่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย

“มีธุระด่วนอะไรเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่ทิ้งข้อความไว้ว่าให้เธอรีบกลับมาที่หอภายในครึ่งชั่วโมงไม่งั้นจะตัดความสัมพันธ์ด้วย เธอตกใจจนไม่สนใจคำพูดที่รั้งเธอไว้ของฉางชิงซงเลยสักนิดแล้วกลับมาด้วยความเร่งรีบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากตัวฉีฉีเก๋อไปทางสระบัว ในหอพักคนพลุกพล่านไม่สะดวกที่จะคุยกัน พอไปถึงสระบัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เกริ่นอะไรสักอย่างก็ถลกดึงปกคอเสื้อของฉีฉีเก๋อลง จากนั้นตรงลำคอขาวนวลก็ปรากฏรอยคิสมาร์กเด่นหราขึ้นหลายจุด

……………………………………………………..

ตอนที่ 2154 เลื่อนงานแต่งออกไป

เหมยเหมยถอนหายใจลากยาว สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดดันเกิดขึ้นเสียแล้ว

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย สะบัดมือของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งแล้วดึงปกคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดร่องรอยคิสมาร์กพลางบ่นอุบ “เธอทำบ้าอะไรเนี่ยอย่างกับโจรปล้น”

“โจรปล้นงั้นเหรอ? เธอนี่ไม่ต่างไปจากหมาที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเลยจริง ๆ เมื่อคืนนี้ไปทำอะไรที่ไหนมา? ไม่กลับมาทั้งคืนแบบนี้คงไม่ใช่ว่าไปนั่งคุยเรื่องราวชีวิตกับรุ่นพี่ฉางของเธอหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหที่เรื่องราวไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมถึงไม่พยายามห้ามใจไว้ล่ะ น่าโมโหที่สุดเลย!

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ทั้งเขินทั้งน้อยใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันตั้งใจจะกลับนะ แต่ตอนนั้นมันดึกแล้ว ประตูหอก็ปิดแล้วด้วย ก็เลยต้อง…”

“พวกเธอมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงดึกขนาดนั้น ดูเวลาไม่เป็นหรือไง?”

“พวกเราก็แค่กินข้าวแล้วก็ดื่มเหล้าด้วยกัน ไม่ทันรู้ตัวก็ดึกไปเสียแล้ว” ฉีฉีเก๋อแก้ตัว

เมื่อคืนเธอกับฉางชิงซงต่างดื่มกันค่อนข้างหนัก จากนั้นก็เกิดเรื่องราวที่งดงามขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ฉีฉีเก๋อไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด เธอชอบฉางชิงซงจริง ๆ เธออยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ดังนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ไม่แตกต่างกัน ถึงอย่างไรสักวันเธอก็ต้องมอบสิ่งล้ำค่านี้ให้รุ่นพี่ฉางอยู่ดีนี่นา!

เธอแค่รู้สึกเคอะเขิน โดยเฉพาะการคุยประเด็นนี้กับเพื่อน ๆ

เหมยเหมยดึงแขนเสื้อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้พลางส่งสายตาให้เธอ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วด่าไปก็รังแต่จะทำให้ฉีฉีเก๋อต่อต้านเปล่า ๆ ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า

“ฉีฉีเก๋อ พ่อเธอกลับมาหรือยัง?”

พอสิ้นเสียงของเหมยเหมย เสียงเพจเจอร์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

“อาป๊าส่งข้อความมาแล้ว ฉันไปโทรศัพท์ก่อนนะ”

ฉีฉีเก๋อเตรียมจะออกไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เหมยเหมยก็ล้วงหยิบมือถือของตัวเองออกมา “ใช้ของฉันโทรละกัน เธอลองถามพ่อเรื่องที่เราคุยกันเมื่อครั้งก่อนดูแล้วกัน ดูสิว่าท่านจะว่าอย่างไร”

“อืม”

ฉีฉีเก๋อรู้สึกใจแป้วเล็กน้อย เธอไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนของเธอจะคัดค้านเรื่องการแต่งงาน ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับคำอวยพรซะอีก แต่ตอนนี้…ต่อให้เธอความรู้สึกช้าแต่ก็เข้าใจดีว่าเพื่อน ๆต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเธอ

ไม่รู้ว่าอาป๊าจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?

ฉีฉีเก๋อไม่ได้หลบพวกเหมยเหมย เธอคุยสัพเพเหระกับพ่อไปหลายประโยค จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่แม่ของฉางชิงซงเสนอว่าอยากจะอุ้มหลานเร็ว ๆ เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างทำหูผึ่ง

“อาป๊าจะมาเหรอคะ? ตอนนี้เลยเหรอ?”

ฉีฉีเก๋อร้องเสียงหลง แล้วปลายสายก็วางไปอย่างรวดเร็ว เธอมองมือถือด้วยความตะลึงงัน ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น

“อาป๊าบอกว่าจะมาหาตอนนี้เลย น่าจะถึงตอนบ่าย ๆ”

“งั้นฉันจะไปจองโรงแรม แล้วก็จองโต๊ะไว้รอต้อนรับพ่อเธอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับดีใจมาก เห็นได้ชัดเลยว่าพ่อของฉีฉีเก๋อไม่เห็นด้วย ไม่งั้นจะถ่อมาไกลขนาดนี้เชียวเหรอ ทั้ง ๆที่ยุ่งมากขนาดนั้น

คุณลุงปาเกินมาถึงเร็วกว่าที่พวกเธอคิดเอาไว้ เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ในดวงตามีรอยแดงปรากฏให้เห็น พี่รองของฉีฉีเก๋อเป็นคนขับรถและหน้าตาเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าเดินทางมาโดยไม่ได้หยุดพัก เหนื่อยจนหายใจหอบถี่

“อาป๊า งั้นหนูเรียกรุ่นพี่ฉางมากินข้าวด้วยนะ”

ระหว่างทางไปโรงแรมฉีฉีเก๋อเสนอขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา พ่อและพี่ชายต่างแวะมาหา ตามหลักและเหตุผลแล้วควรให้ฉางชิงซงมาเจอสักหน่อย

“ค่อยเจอวันหลังแล้วกัน พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก”

คุณลุงปาเกินเอ่ยปฏิเสธทันที ตอนนี้เขาไม่อยากเจอหน้าเจ้าเด็กบ้านั่นแม้แต่น้อย เขาส่งยิ้มให้เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมเอ่ยเชิญชวนว่า “ทานข้าวด้วยกันสิ ลุงเองก็มีเรื่องจะคุยกับพวกหนูด้วย”

“ได้สิคะ หนูเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณลุงเหมือนกันค่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสมดั่งใจหวังสักที เธออึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

พอมาถึงโรงแรมลุงปาเกินกับพี่รองของฉีฉีเก๋อก็ขอแยกตัวไปอาบน้ำก่อน ดูท่าทางจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง พวกเขาพากันไปที่ห้องอาหาร ลุงปาเกินไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดจึงโพล่งออกมาตรง ๆว่า “ฉีฉีเก๋อ เรื่องงานแต่งของลูกเลื่อนออกไปก่อนเถอะ!”

………………………………………..

ตอนที่ 2151 รสชาติเปลี่ยนไปมาก

“เป็นอะไรไป…ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เหยียนหมิงซุ่นรีบลูบหลังเหมยเหมยแผ่วเบา ขมวดคิ้วมุ่น ทำไมจู่ ๆถึงได้คลื่นไส้อาเจียนได้ล่ะ

“พี่เอาซุปปลาออกไปที ฉันทนดมกลิ่นแบบนี้ไม่ได้ มันคาวมาก…อ้วก…”

เหมยเหมยเริ่มรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้งจึงหันหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อครู่ซดซุปปลาเข้าไปอึกหนึ่ง ต่อจากนั้นก็โมโหหนิงเฉินเซวียนถึงได้รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที

เหยียนหมิงซุ่นขยับซุปปลามาทางฝั่งตนเองแล้วซดเข้าไปหนึ่งอึกด้วยท่าทีลังเล ยังร้อน ๆอยู่เลย แถมยังสดใหม่ด้วย ไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด ทำไมเหมยเหมยถึงรู้สึกว่ากลิ่นคาวแรงได้ล่ะ?

“ไม่คาวเลยนะ…เธอเป็นหวัดหรือเปล่า เราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้เลย” เหยียนหมิงซุ่นดูมีท่าทีจริงจังมากขึ้น ในช่วงไม่กี่วันมานี้อุณหภูมิตอนกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมากจึงง่ายต่อการเป็นหวัด

พอคลื่นไส้ได้สักพักเหมยเหมยก็รู้สึกดีขึ้นจึงหันไปโบกไม้โบกมือให้เหยียนหมิงซุ่น “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เป็นหวัดด้วย แค่กลิ่นซุปปลามันคาว ฉันกินกับข้าวอย่างอื่นก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ”

พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอกลับมากินข้าวได้อย่างสดใสอีกครั้งและไม่ได้มีท่าทีจะเป็นจะตายเหมือนเมื่อครู่ เขาก็อดสงสัยต่อมรับรสของตนเองไม่ได้จึงยกแกงขึ้นซดอีกครึ่งถ้วยอย่างห้ามไม่อยู่

ยังคงสดใหม่นี่นา เขาไม่ใช่คนที่ชอบกินซุปปลานักแต่ก็กินเข้าไปหลายถ้วยแล้ว

“ไม่เป็นอะไรแน่นะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามย้ำอีกครั้ง

เหมยเหมยใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดพริกทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วตอบกลับด้วยท่าทีรำคาญว่า “โอ๊ย…ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ หมูเส้นผัดพริกจานนี้อร่อยจัง ฉันกินได้อีกเป็นจาน ๆเลย พรุ่งนี้ให้ป้าฟางทำเมนูนี้อีกนะ”

เธอกินไปพลางใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดพริกไปพร้อมยัดข้าวคำโต ความอยากอาหารมีมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นก็นึกสับสน

ครั้งนี้ป้าฟางใช้พริกที่ค่อนข้างเผ็ด เหมยเหมยไม่ใช่คนทานเผ็ด หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเลือกที่จะกินแต่หมูเส้นหรืออาจจะไม่กินเลย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

“เธอไม่รู้สึกเผ็ดเลยเหรอ?”

“ไม่เผ็ดนี่ กำลังดีเลย แถมเข้ากันกับข้าวสวยร้อน ๆเชียวล่ะ พี่ตักข้าวให้ฉันอีกสักครึ่งถ้วยสิคะ กับข้าววันนี้อร่อยมากจริง ๆ ยกเว้นซุปปลานั่นแหละ”

เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่งอย่างแปลกใจ พร้อมทั้งใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นคำโตยัดใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย

เหยียนหมิงซุ่นรับถ้วยมาด้วยความงุนงงแล้วตักข้าวใส่ถ้วยเพียงนิดเดียวแต่เหมยเหมยกลับไม่พอใจ

“พี่ตักมาแค่นี้ยังไม่พอให้ฉันกินคำหนึ่งเลย ตักมาอีกสิ”

เขาจำต้องตักเพิ่มอีกหนึ่งทัพพีเพื่อให้ได้ข้าวครึ่งค่อนถ้วย คุณหนูจ้าวถึงจะพอใจแล้วยกถ้วยกลับมากินต่อ เธอเลือกกินแต่หมูเส้นผัดพริกในจานใบใหญ่จนเกือบจะหมดแล้ว

ช่างเป็นเหตุการณ์ที่พบเจอได้ยากจริง ๆ!

เมื่อก่อนทานอะไรก็มักจะเลือกทาน อยากให้ยัยปีศาจน้อยกินเนื้อสัตว์ทีหนึ่งก็ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานถึงจะยอมทานเพื่อเขาบ้างแต่ก็กินเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือไม่บางครั้งก็จะทานพวกปลาพวกกุ้งเสียส่วนใหญ่ เธอบอกว่าของพวกนี้แคลอรีต่ำทานแล้วไม่อ้วน

พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเหมยเหมยกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงไม่นึกกังวลเรื่องสุขภาพของเธออีกและไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะตอนเด็ก ๆความอยากอาหารของเหมยเหมยก็ดีแบบนี้อยู่แล้ว กินแต่เนื้อไม่กินผัก ยัยปีศาจน้อยในตอนนั้นมีเนื้อมีหนังน่ารักจะตาย

แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเลือกทานถึงได้ผอมลงเรื่อย ๆจนเป็นผลกระทบต่อสัมผัสมืออย่างรุนแรง เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกมีความสุขต่ออาการเจริญอาหารของเหมยเหมยมากจึงคีบอาหารให้เธออยู่บ่อยครั้ง

“อย่ากินกับข้าวแค่อย่างเดียวสิ กินอย่างอื่นด้วย”

“ไม่เอาอันนี้ มีอาหารเผ็ด ๆอีกไหม ตอนนี้ฉันชอบกินเผ็ดแล้วล่ะ”

เหมยเหมยคีบกุยช่ายผัดไข่ในจานตัวเองส่งคืนให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างรังเกียจแล้วสอดส่องกับข้าวทั่วโต๊ะ ตอนนี้ทานหมูเส้นผัดพริกหมดแล้วแต่เธอยังไม่อิ่ม มองหาอยู่นานจนในที่สุดเธอก็เจอมันฝรั่งเส้นผัด[1]จานหนึ่ง

พริกแห้งเม็ดแดง ๆ พริกหนุ่มสีเขียวหั่นเป็นเส้น มันฝรั่งเส้นสีเหลืองอ่อนทำเอาเหมยเหมยน้ำลายสอจึงลากเอามันฝรั่งเส้นผัดมาไว้ตรงหน้าตัวเอง และเริ่มลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอีกครั้ง

……………………………………………………………

ตอนที่ 2152 ช่วยเธอลดน้ำหนัก

เหยียนหมิงซุ่นเริ่มนึกสงสัยขึ้นมา วันนี้เหมยเหมยดูผิดปกติจริง ๆ กับข้าวที่ปกติชอบกินกลับไม่กิน แต่สิ่งที่ไม่ชอบกินกลับกินมันอย่างเอร็ดอร่อย แถมความอยากอาหารก็พลันดีขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด

มันทำให้เขาดีใจและนึกเป็นกังวลไปพร้อมกัน

“กินให้น้อย ๆหน่อย อย่ากินจนแน่นท้องล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นเกลี้ยกล่อม กลัวว่ายัยบื้อนี่จะเหมือนตอนเด็ก ๆที่เอาแต่ทางเข้าไปเยอะจนไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็แน่นท้องจนต้องไปเดินย่อยอาหารที่สนาม ช่างเป็นเด็กน้อยจอมซื่อบื้อจริง ๆเลย

“ไม่เอา…ฉันหิว…”

เหมยเหมยบิดตัวฟึดฟัดแสดงท่าทีไม่พอใจแล้วคีบมันฝรั่งเส้นผัดคำโต แถมยังตั้งใจคีบพริกแห้งมากินด้วย ดูดปากจ๊วบจ๊าบ รสเผ็ดกำลังพอดี รสชาติไม่เลวเลย

“พริกหมดแล้ว…ป้าฟางก็ไม่ใส่ให้มันเยอะหน่อย ต้องไปบอกหน่อยแล้วว่าอย่าขี้เหนียวพริกนักเลย”

เหมยเหมยเขี่ยมันฝรั่งเส้นผัดในจานไปมาแล้วเลือกเอาแต่พริกแห้งมาทานแต่ก็ยังไม่หนำใจ เธอจึงบ่นอุบอิบเสียงเบาอย่างไม่พอใจ

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มที่มุมปาก กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ก็เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกป้าฟางให้ใส่พริกน้อย ๆน่ะ?

“อย่ากินเยอะ ระวังเป็นร้อนในแล้วสิวขึ้นเอานะ เดี๋ยวก็ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกหรอก” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพร้อมเกลี้ยกล่อม

ไม่กี่วันที่ผ่านมาตรงปลายจมูกของยัยปีศาจน้อยมีสิวเม็ดแดงขึ้นปวดจนน้ำตาไหล ซ้ำยังบอกว่าเป็นเพราะเขาสั่งให้เธอกินเนื้อสัตว์เลยทำให้เป็นร้อนใน ครั้งนี้กินพริกเข้าไปเยอะขนาดนี้ หากสิวขึ้นจริง ๆยัยปีศาจน้อยต้องบ่นเขาว่าตอนที่เธอกินพริกเข้าไปเยอะขนาดนั้นทำไมถึงไม่ห้ามกันบ้างแน่นอน!

ผู้หญิงมักจะมีเหตุผลที่จะโยนความผิดให้ผู้ชายได้เสมอ!

แต่พอเห็นเหมยเหมยเจริญอาหารขนาดนี้เหยียนหมิงซุ่นก็นึกดีใจ หากเป็นแบบนี้ทุกวันคิดว่าอีกไม่นานจะต้องขุนจนอ้วนแน่…

ในหัวแอบจินตนาการไปถึงค่ำคืนแห่งความสุข ลูกกระเดือกก็ตรึงเปรี๊ยะ ร่างกายร้อนรุ่ม แววตาหม่นลง

ฟัดเหวี่ยงกันทั้งคืน แสงยามวสันตฤดูกาลแห่งความสุขก็เปล่งประกาย!

เหมยเหมยเหนื่อยจนไม่อยากลุกจากเตียง อยากแต่จะนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงแบบนั้น เอวแทบจะหักอยู่แล้ว

“ให้พี่ลาหยุดให้ไหม ถึงอย่างไรเทอมนี้พวกเธอก็ไม่มีเรียน” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความหวังดี

“ไม่ต้อง เป็นเพราะพี่นั่นแหละ….”

เหมยเหมยผลักเขาด้วยความหงุดหงิด ทุกครั้งต้องทำตัวเหมือนสัตว์อยู่เรื่อย หากวันไหนเธอเป็นโรคไตขึ้นมาต้องเป็นเพราะฝีมือเจ้าหมอนี่แน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำอย่างอารมณ์ดี ขอแค่ยัยปีศาจน้อยสร้างความพึงพอใจเรื่องบนเตียงให้เขาได้ เขาก็จะพูดจาเอาอกเอาใจเป็นปกติ “เมื่อวานเธอกินไปตั้งเยอะ นั่นเลยทำให้พี่ต้องเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายเพื่อช่วยเธอลดน้ำหนักไงที่รัก…” เหยียนหมิงซุ่นติดกระดุมเสื้อเชิ้ต แล้วก้มหน้ามากระซิบข้างหูเหมยเหมย

“ไปให้พ้นเลย!”

เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นงับปลายคางเขา ถ้าอยากลดน้ำหนักเธอยอมไปเต้นดีกว่า ต่อให้เต้นเป็นวัน ๆก็ไม่เหนื่อยขนาดนี้ด้วยซ้ำ คนเลว!

“ฉันจะลุกแล้ว โอ๊ย…”

เหมยเหมยหยัดตัวลุกขึ้นเตรียมลงเตียง แต่ขาสองกลับอ่อนแรง ช่วงเอวยืดตรงไม่ได้ และยังมีอาการปวดตรงบริเวณท้องน้อย หรือว่ารอบเดือนกำลังจะมา?

เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อตรวจดู จากนั้นก็เห็นคราบรอยแดงจาง ๆบนกางเกงใน รอบเดือนมาจริง ๆด้วย ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งนี้จะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้

เหมยเหมยดีใจขึ้นมาทันที เปลี่ยนกางเกงในเสร็จก็ออกมาป่าวประกาศ “ประจำเดือนของฉันมาแล้ว พี่เล่นคนเดียวไปเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเสียใจทันที รอบเดือนช่างเป็นสิ่งที่ทำให้รักไม่ลงจริง ๆ แต่ไม่เป็นไรอย่างมากก็แค่หนึ่งอาทิตย์เอง!

“พี่จะให้ป้าฟางไปต้มน้ำขิงให้ อีกเดี๋ยวเธอก็ดื่มซะ แล้วก็ห้ามทานพริกอีกนะ ถ้าปวดท้องขึ้นมาอย่ามาร้องไห้แล้วกัน”

เหยียนหมิงซุ่นกำชับไปไม่กี่ประโยค จากนั้นก็ไปบอกป้าฟางให้ต้มน้ำขิง เหมยเหมยรู้สึกปวดประจำเดือนเล็กน้อย พอดื่มน้ำขิงเข้าไปก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก

เหมยเหมยแอบแลบลิ้นปลิ้นตาไล่หลังเขาไป เธอเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ในใจกลับนึกสงสัยว่าทำไมปริมาณของประจำเดือนในครั้งนี้ถึงได้น้อยมาก เมื่อก่อนถึงจะไม่ได้มามากแต่ก็ไม่ได้น้อยถึงขนาดนี้!

หรือเป็นเพราะเมื่อวานกินพริกเข้าไปเยอะงั้นเหรอ?

………………………………………………………………………

[1] เป็นหนึ่งเมนูอาหารจีนที่นำเอามันฝรั่งมาทำเป็นเส้น และใส่พริกแห้งกับน้ำส้มสายชูลงไป มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเล็กน้อย

ตอนที่ 2149 เสี่ยวเป่าเป็นคน ไม่ใช่เครื่องมือ

“นายสั่งสอนเสี่ยวเป่าอย่างไรกัน? ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่มีระเบียบเลยสักนิด ฉันคุยกับเขาแต่เขากลับทำเหมือนว่าฉันกำลังผายลม จนถึงตอนนี้เขายังไม่เรียกฉันสักคำ ทำแบบนี้ได้อย่างไร…”

หนิงเฉินเซวียนชี้ไปที่เฮ่อเหลียนเช่อพร้อมด่ากราด เสี่ยวเป่าที่อาบน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเฮ่อเหลียนเช่อ เขาถลึงตาจ้องหนิงเฉินเซวียนอย่างไม่พอใจ

ตาแก่เหม็นเขียวคนนี้เป็นคนชั่วร้าย ทำร้ายพ่อ แถมยังกักขังม้าเอาไว้อีก คนสารเลว!

เสี่ยวเป่าปกปิดอารมณ์ความรู้สึกภายในใจของเขาไม่เป็น ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แล้วหนิงเฉินเซวียนจะไม่รู้สึกได้อย่างไร ความโกรธยิ่งพุ่งปรี๊ดขึ้นแล้วชี้ไปที่เสี่ยวเป่าพร้อมก่นด่าว่า “แกดูท่าทีของลูกแกเถอะ พูดด้วยตั้งนานไม่ตอบกลับสักคำ อยู่ที่นี่มาเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ยอมพูดสักคำเลย เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน นี่เป็นการดูหมิ่นฉันชัด ๆ ฉันไม่ควรค่าที่จะคุยด้วยหรือไง?”

“คุณอาคิดมากไปแล้ว เสี่ยวเป่าเขาไม่ชอบพูดมาแต่ไหนแต่ไรต่างหาก ขนาดกับผมเองเขายังพูดด้วยไม่กี่คำเลย แล้วจะเอาอะไรกับเด็กตัวแค่นี้ ตะโกนเสียงดังแบบนี้ระวังเสี่ยวเป่าจะตกใจเอาได้นะ”

เฮ่อเหลียนเช่อมองหนิงเฉินเซวียนอย่างไม่พอใจ กับเด็กน้อยยังไม่รู้จักอดทน แบบนี้เขาจะวางใจให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร เขาก้มหน้าลงมองเสี่ยวเป่า พอเห็นเจ้าตัวเล็กยังปกติดีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาขยิบตาให้เสี่ยวเป่าแล้วบีบแก้มป่องของเจ้าตัวเล็กที่กำลังยู่ปากอยู่ เขาก็รู้สึกชอบใจขึ้นมาในทันที

ผิวของน้องชายเขาเนียนนุ่มจริง ๆ บีบทุกวันก็ไม่พอ

หนิงเฉินเซวียนรู้สึกว่าพ่อลูกตรงหน้าพูดจาไม่น่าฟังทำตัวขัดหูขัดตา ความโมโหก็ยิ่งพุ่งปรี๊ดสูงขึ้น มีสิทธิ์อะไรเมินใส่เขา?

เขาคือราชาที่กำลังจะได้ครองบัลลังก์ และยังเป็นปู่ของเสี่ยวเป่าอีกต่างหาก!

“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วผมก็ต้องขอตัว ส่วนเสี่ยวเป่าผมก็ถือโอกาสพากลับไปด้วยเลยแล้วกัน คุณอาจะได้ไม่หงุดหงิดอีก” เฮ่อเหลียนเช่อถือโอกาสเสนอจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปด้วย หลายวันมานี้เสี่ยวเป่าไม่อยู่บ้าน เขากับเหมยซูหานกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้แต่สุนัขสามตัวในบ้านก็ไม่ได้ทำให้มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด

ชีวิตที่ไม่มีเสี่ยวเป่าก็เหมือนชีวิตที่ขาดสีสัน ถึงจะเติมเท่าไรก็ไม่เต็มสักที

หนิงเฉินเซวียนถลึงตาใส่ “พาไปไม่ได้ ต่อจากนี้ไปเสี่ยวเป่าต้องอยู่กับฉัน ฉันต้องสั่งสอนกฎระเบียบให้เขามากกว่านี้ ในอนาคตหลานชายของฉันจะต้องทำการใหญ่ แต่ถึงขนาดไม่พูดสักคำเลยจะเป็นไปได้อย่างไร”

เวลานี้หนิงเฉินเซวียนเกิดความสงสัยเล็กน้อย เด็กที่อายุจะสองขวบแล้ว ต่อให้พูดไม่ได้ก็ต้องส่งเสียงเรียกคนได้บ้างไม่ใช่เหรอ?

อีกอย่างลูกหลานของพวกเขาตระกูลหนิงต่างก็มีความสามารถเกินวัยและพูดได้เร็วมาก เหมือนตอนเขาเพิ่งเจ็ดเดือนก็เรียกชื่อคนได้แล้ว พอถึงสองขวบก็จำบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่งได้อย่างคล่องแคล่ว แบบนี้ถือว่าเสี่ยวเป่าผิดปกติมาก

“พวกนายได้ทดสอบไอคิวของเสี่ยวเป่าแล้วหรือยัง ไอคิวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” หนิงเฉินเซวียนนึกถึงประเด็นสำคัญขึ้นได้ สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดทันที

หากว่าไอคิวของเสี่ยวเป่ามีปัญหา ต่อให้เหมือนเสี่ยวซีมากแค่ไหนเขาก็คงต้องปล่อยไปแล้วล่ะ

คนที่ไอคิวไม่ถึงมาตรฐาน ไม่สมควรเป็นทายาทผู้สืบทอดของเขา!

เฮ่อเหลียนเช่อมองหนิงเฉินเซวียนด้วยท่าทีระแวดระวัง “จะวัดไอคิวไปทำไม? ไอคิวของเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

“แม้กระทั่งพูดยังพูดไม่ได้เลย แล้วจะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่ง อีกสองสามวันฉันจะหาคนมาวัดไอคิวดู หากว่าไอคิวไม่ถึงมาตรฐานนายก็เตรียมตัวคลอดหลานชายให้ฉันใหม่ คราวนี้คลอดหลาย ๆคนหน่อย เผื่อมีดีไม่ดีผสมปนเปกัน” หนิงเฉิวเซวียนกล่าวอย่างเย็นชา เพราะสำหรับเขาแล้วหลานชายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือ

“หมายความว่าไง? คุณอาคิดว่าเสี่ยวเป่าเป็นตัวอะไร? เขาเป็นคน มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ไม่ใช่สัตว์ คิดอยากจะเอาก็เอา พอไม่เอาก็โยนทิ้ง คุณอายังมีความรู้สึกอยู่บ้างไหม?”

เฮ่อเหลียนเช่อเข้าใจทันทีว่าหนิงเฉินเซวียนหมายความว่าอย่างไร ฉับพลันความโกรธก็พุ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุขึ้นมา

“ผมต้องการแค่เสี่ยวเป่าคนเดียวและจะไม่คลอดหลานเพื่อคุณอาอีก ถ้าคุณอาอยากมีมากนักก็ไปมีเอง ผมจะไม่ทำตามใจคุณอาอีกต่อไปแล้ว!”

เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวแล้วหมุนตัวออกจากบ้านตระกูลหนิงไป

…………………………………………..

ตอนที่ 2150 ตาแก่สารเลวที่ไม่มีความเป็นมนุษย์

เหมยเหมยรู้เรื่องที่เสี่ยวเป่าก่อเรื่องใหญ่ที่บ้านตระกูลหนิงจากเหยียนหมิงซุ่นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจ

“เสี่ยวเป่าช่างน่ารักจริง ๆ หนิงเฉินเซวียนตาแก่โรคจิตคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเสี่ยวเป่าใช่ไหม?” เหมยเหมยเป็นห่วงอยู่บ้าง

“เปล่า เฮ่อเหลียนเช่อไปทันเวลาพอดี เขาพาเสี่ยวเป่ากลับบ้านไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม พอเขาเห็นภาพที่ลูกน้องถ่ายเก็บไว้ได้ตอนที่ม้าวิ่งชุลมุนกันก็อดมีความสุขขึ้นมาไม่ได้

ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนบนรูปภาพบึ้งตึงมาก ดูท่าจะโมโหจนถึงขีดสุดแต่จนปัญญาจะทำอะไรเสี่ยวเป่าได้

“เธอดูสิ เสี่ยวเป่าปล่อยม้าทั้งหมดออกมาเองคนเดียวเลยนะ เกือบจะเหยียบหนิงเฉินเซวียนตายด้วยซ้ำ”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายให้เหมยเหมยดู เขาให้คนแฝงเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลหนิงหลายคนเพื่อเป็นหมากลับของเขา หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อต่างไม่มีใครรู้ เพราะแบบนี้เขาถึงได้รู้ทุกเรื่องของตระกูลหนิงอย่างทะลุปรุโปร่ง และรู้ถึงความเคลื่อนไหวของหนิงเฉินเซวียนอย่างชัดเจนด้วย

ตาแก่นี่ช่วยตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ถึงเวลาโดนเก็บสักที!

เรื่องนี้จะจัดการก่อนงานแต่งงานของเขา และถือเป็นของขวัญสำหรับวันแต่งงานที่สมบูรณ์แบบให้ตัวเองด้วย!

เหมยเหมยเห็นฉากชุลมุนในภาพก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งเห็นเสี่ยวเป่าที่สกปรกจนเหลือเพียงดวงตาคู่เดียวก็ยิ่งหัวเราะจนน้ำตาไหล เจ้าตัวเล็กนี่ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้รักมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ม้าพวกนี้ทำไมถึงไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่าล่ะ น่าแปลกจัง” เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง

ม้าตั้งหลายตัวแถมยังชุลมุนวุ่นวายขนาดนั้นนั้น แต่กลับไม่มีม้าสักตัวเหยียบโดนเสี่ยวเป่าเลย ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ

ฉิวฉิวที่แทะกุ้งมังกรน้อยอย่างเอร็ดอร่อยอยู่อีกด้านส่งเสียงฮึออกมาอย่างลำพองใจ หากมีลมหายใจที่คุณชายฉิวอย่างมันมอบให้ ไม่ต้องพูดถึงม้าจำนวนมหาศาลหรอก แม้กระทั่งเสือดุร้ายที่พุ่งลงมาจากภูเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเสี่ยวเป่าทั้งนั้นแหละ

เหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงปัญหาข้อนี้เช่นกัน แต่เขารู้สึกว่าเสี่ยวเป่าน่าจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้สัตว์อยากเข้าใกล้มาตั้งแต่กำเนิด ถึงแม้ว่าเด็กเช่นนี้จะหายากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เสี่ยวเป่าน่าจะมีลักษณะดังกล่าว

“น่าจะเป็นเพราะเสี่ยวเป่ามีแรงดึงดูดให้สัตว์รักสัตว์ชอบละมั้ง พี่เห็นเขากับเหมยซูหานเลี้ยงสุนัขด้วยกันสามตัว แถมเล่นด้วยกันทุกวันเลยด้วย” เหมยเหมยอธิบาย

สุนัขที่เหมยซูหานเลี้ยงไว้ต่างก็มีขนาดใหญ่และดุร้ายมาก ต้าโช่วเป็นสุนัขพันธุ์ชาเป่ย เอ้อร์โช่วเป็นสุนัขพันธุ์บูลด็อก ซานโช่วเป็นสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สุนัขทั้งสามตัวนี้เลย แต่เสี่ยวเป่ากลับกลายเป็นเพื่อนสนิทของพวกมัน แถมมักจะขี่สุนัขเล่นเป็นม้าแต่ก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง

“เฮ่อเหลียนเช่อพาเสี่ยวเป่ากลับไปด้วยก็ดีแล้ว อยู่กับหนิงเฉินเซวียนไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร” เหมยเหมยโล่งอกแต่ไม่นานก็หนักใจขึ้นมาอีกครั้งเพราะคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น

“หนิงเฉินเซวียนจะต้องเอาเสี่ยวเป่ากลับไปอีกครั้งแน่ อีกอย่างเขายังอยากจะให้เฮ่อเหลียนเช่อมีหลานให้เขาอีกเยอะ ๆ เพราะเรื่องนี้สองพ่อลูกึงทะเลาะกันใหญ่โตเลยล่ะ”

“ทำไมถึงอยากให้มีอีกหลายคนล่ะ?”

“เพราะว่าเสี่ยวเป่าไม่ยอมพูด หนิงเฉินเซวียนสงสัยว่าไอคิวของเขาจะมีปัญหาเลยเชิญคนมาทดสอบไอคิวของเสี่ยวเป่าเรียบร้อยแล้ว เหตุที่จะมีหลาย ๆคนหน่อยก็เพื่อจะได้มีตัวเลือกที่ดีที่สุดไง” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางส่ายศีรษะ หนิงเฉินเซวียนไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด มิน่าล่ะเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้ทะเลาะกับเขา

“ตาแก่สารเลว…นี่กำลังทำเหมือนเสี่ยวเป่าเป็นตัวอะไร เครื่องมือเหรอ? ถ้าหากเสี่ยวเป่าไอคิวต่ำก็จะทิ้งเขาไปสินะ? เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร…” เหมยเหมยโมโหเป็นอย่างมาก

เธอเกลียดที่สุดก็คือการเอาเรื่องไอคิวมาพูด

บนโลกใบนี้ทุกคนจะมีไอคิวสูงทุกคนได้อย่างไร อีกอย่างไอคิวต่ำแล้วมันทำไมเหรอ ไอคิวต่ำก็ยังมีพรสวรรค์ เสี่ยวเป่ามีความสามารถทางศิลปะที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ในอนาคตจะต้องกลายเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน อนาคตไกลแล้วจะต้องกังวลอะไรอีก!

“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องโมโหไป เฮ่อเหลียนเช่อไม่ทำตามอยู่แล้ว เสี่ยวเป่ามีเขาคอยปกป้องอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจเหมยเหมยที่กำลังโมโห

“อ้วก…”

เหมยเหมยโมโหมากจนรู้สึกพะอืดพะอมท้องไส้ปั่นป่วน เธอรีบเอามือปิดปากแล้วอยู่ห่างจากซุปปลาที่เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งตักให้

…………………………………………..

ตอนที่ 2147 ม้าไม่มีความสุข

เสี่ยวเป่าวิ่งไปก็ไม่ลืมที่จะกินเนื้อไป วิ่งจากห้องอาหารไปถึงสวนหลังบ้านใช้เวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้น เนื้อทั้งสองชิ้นในมือทานจนเกลี้ยงแล้ว เจ้าตัวเล็กมองมือมันวาวของเขาด้วยความเศร้าใจแล้วถอนหายใจเบา ๆ

ทำไมเขาถึงมีแค่สองมือนะ?

หากเหมือนปลาหมึกได้ก็คงดี แบบนั้นเขาก็จะสามารถกินเนื้อได้ทีละมาก ๆแล้ว!

“หนิงเฉิงจื้อหยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่แกจะต่อต้านฉันงั้นเหรอ…”

เสียงตวาดของหนิงเฉินเซวียนดังตามมาจากด้านหลัง เสี่ยวเป่ารีบขยับร่างเล็กอุ้ยอ้ายของเขา คนตัวเหม็นคนนี้นิสัยดุร้ายมาก เขาต้องซ่อนตัวแล้วรอให้คุณอามาตามหาเขา

ดวงตาดำขลับของเสี่ยวเป่ากลอกไปมาจ้องมองไปยังคอกม้าที่อยู่ไม่ไกล ตรงนั้นดูเหมือนจะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายอยู่ เสี่ยวเป่ายกฝีเท้าวิ่งพุ่งตรงไปที่คอกม้า ร่างเล็ก ๆลอดผ่านใต้ประตูได้อย่างง่ายดาย ข้างในมีม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่สีแดงเพลิงแปลกตาเป็นพิเศษอยู่ด้วย

หนิงเฉินเซวียนหน้าถอดสี ม้าสีแดงเพลิงตัวนี้เป็นม้าพันธุ์อังกฤษตัวใหม่ของเขา ทั้งพ่อและแม่ปู่ย่าตายายเป็นถึงแชมป์ม้าสายเลือดชั้นสูง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอามันมาแข่งขันในอีกครึ่งเดือนครั้งหน้าและเขาจะเอาชนะไอ้ม้าบ้านั่นของเฮ่อเหลียนชิงให้ได้

และซึ่งก็คือม้าสีดำตัวเล็ก ๆที่โดนเหยียนหมิงซุ่นชิงตัดหน้าไป ตอนนี้ได้กลายเป็นราชาแห่งม้าแล้ว มันแข่งชนะให้เฮ่อเหลียนชิงอยู่หลายครั้ง แถมยังเอาชนะม้าของหนิงเฉินเซวียนไปตั้งมากจนมันกลายเป็นม้าตัวโปรดล่าสุดของเฮ่อเหลียนชิง

หนิงเฉินเซวียนไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้เขาจึงยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อม้าพันธุ์ดีตัวนี้มา เขาตั้งชื่อมันว่าม้าเซ็กเธาว์และหวังว่ามันจะเป็นเหมือนม้าศักดิ์สิทธิ์นำมาซึ่งเกียรติยศให้เขาเหมือนของกวนอู

ม้าเซ็กเธาว์เป็นม้าพยศซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่เชื่องเลย มีบางครั้งที่มันดีดขาหลังใส่เขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเสี่ยวเป่าที่เป็นคนแปลกหน้าอย่างนั้นเลย?

หนิงเฉินเซวียนร้อนใจขึ้นมา แค่โดนม้าเซ็กเธาว์กระทืบเข้าทีหนึ่งก็กลัวว่าเสี่ยวเป่าจะโดนเหยียบจนเละมากกว่า ทายาทผู้สืบทอดของเขาคงจบเห่กันพอดี!

“เสี่ยวเป่ารีบออกมา ในนั้นมันอันตราย!”

หนิงเฉินเซวียนร้อนใจมากจึงรีบวิ่งเข้าไปคิดจะลากเจ้าตัวเล็กออกมา แต่เสี่ยวเป่ามุดไถลตัวเข้าไปข้างในแล้ว อีกทั้งยังไถลเข้าไปตรงกลางตัวม้าเซ็กเธาว์อีกด้วย หัวใจของหนิงเฉินเซวียนแทบจะหยุดเต้น

“เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ ปู่ไม่ดุด่าหลานแล้วแต่หลานรีบออกมาเถอะ พวกเราไปกินเนื้อกัน!” หนิงเฉินเซวียนพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อเอาใจเสี่ยวเป่าที่อยู่ในคอกม้า เขาไม่กล้าหายใจแรงเพราะกลัวว่าจะยั่วโมโหม้าเซ็กเธาว์เข้าจนทำร้ายเสี่ยวเป่าเอาได้

เสี่ยวเป่าลุกขึ้นยืน หัวเล็ก ๆกระแทกเข้ากับท้องของม้าเซ็กเธาว์พอดี หัวใจของหนิงเฉินเซวียนเต้นแรงขึ้นมาทันที เขาหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง

เขามองเห็นจุดจบของเสี่ยวเป่าแล้ว ดูเหมือนว่าจะต้องให้เฮ่อเหลียนเช่อมีผู้สืบทอดอีกคนให้กับเขาแล้วล่ะ!

เวลาผ่านไปหลายวินาทีแต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ รอบตัวเงียบสงบมาก ๆ

หนิงเฉินเซวียนลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่คอกม้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เสี่ยวเป่ายังยืนอยู่ใต้ท้องม้าเซ็กเธาว์ครบสามสิบสองดี เขาเอามือเล็ก ๆที่สกปรกลูบใต้ท้องมันไปมาแต่ม้าเซ็กเธาว์กลับยืนอารมณ์ดี ไม่เพียงเท่านั้นบางเวลามันยังพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างพึงพอใจเสียด้วย ไม่พยศเลยสักนิด

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?

หนิงเฉินเซวียนงงงวยไม่เข้าใจเป็นอย่างมากแต่ก็มีความสุขไม่น้อย เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เขายังคงชอบทายาทคนนี้อยู่ ไม่อยากจะรออีกปีเพราะระยะเวลาในการมีทายาทมันยาวนานเกินไป

“เสี่ยวเป่ารีบออกมา หากยังไม่ออกมาอีกปู่จะโมโหแล้วนะ!”

หนิงเฉินเซวียนเอ่ยเสียงแหลมสูง ก่อนหน้านั้นเพราะเป็นห่วงเสี่ยวเป่าเขาจึงพยายามระงับความเหี้ยมโหดเอาไว้ ทว่าเวลานี้กลับเริ่มพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ

เสี่ยวเป่าทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เขามองไปที่ม้าเซ็กเธาว์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขารู้สึกได้ว่าเจ้าตัวนี้ที่ตัวใหญ่กว่าต้าโช่วนั้นไม่มีความสุขเอาเสียเลย

แถมม้าตัวอื่น ๆก็ไม่มีความสุขเช่นกัน เขาสามารถรับรู้ได้

เป็นเพราะถูกจับขังไว้ในที่เล็ก ๆแบบนี้เหรอ?

…………………………………………..

ตอนที่ 2148 ม้าจำนวนมากวิ่งออกไป

ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะไม่รู้จักม้าแต่เขาก็รู้สึกได้ ม้าไม่ควรจะถูกขังไว้ที่นี่ พวกมันควรอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้า

และเขาอยากจะช่วยเจ้าม้าพวกนี้!

เสี่ยวเป่ามุดออกมาจากใต้ท้องม้าเซ็กเธาว์แล้วมายืนอยู่ใต้หัวม้ายักษ์ แค่ม้าเซ็กเธาว์ถีบเบา ๆเสี่ยวเป่าก็จะถูกเตะขึ้นลอยกลางอากาศแล้วร่วงตกพื้นอย่างแรงได้

“เฮือก”

หนิงเฉินเซวียนสูดลมหายใจ ตำแหน่งนี้อันตรายเกินไป

“เสี่ยวเป่ารีบออกมา!” เขาตวาดด้วยความโมโห โกรธที่เด็กน้อยไม่ยอมเชื่อฟัง ถ้าเปลี่ยนเป็นลูกน้องคนอื่นคงตายไปสองสามร้อยรอบแล้ว

ม้าเซ็กเธาว์ไม่พอใจเสียงตะโกนที่ดังขึ้นไม่หยุดของหนิงเฉินเซวียนจึงกระทืบเท้าอยู่หลายที หนิงเฉินเซวียนรีบปิดปากไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

ดูท่าเฮ่อเหลียนเช่อคงต้องมีทายาทให้เขาอีกแล้วล่ะ คราวนี้เขาจะหาผู้หญิงมาให้มากหน่อยสักสองสามคน ถือโอกาสคลอดทีละสี่ห้าคนในครั้งเดียวไปเลยจะได้มีเพียงพอในอนาคต

เสี่ยวเป่ายืนเขย่งเท้า พยายามยื่นมือออกไปแตะใบหน้าของม้าเซ็กเธาว์ พอเขาสัมผัสได้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มเหมือนเทวดาตัวน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้

ม้าเซ็กเธาว์แลบลิ้นเลียมือของเสี่ยวเป่า และสะบัดหางเป็นครั้งคราว

เสี่ยวเป่าหันกลับมาสำรวจรอบ ๆคอกม้าและมองไปที่ประตู จากนั้นก็เข้าใจในทันทีว่าต้องทำอะไร ขาอวบอ้วนเดินไปทางนั้น เขามองไปที่ประตูและรู้ว่าจะเปิดประตูนี้ได้อย่างไร

เพราะประตูนี้ถึงทำให้ม้าไม่มีความสุข แค่เขาเปิดประตูก็จบแล้ว

เสี่ยวเป่าเขย่งปลายเท้าแต่ก็ยังคงไม่ถึง ทว่ากลับไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเป่าเลยเพราะเขากอดประตูแล้วปีนขึ้นไปพร้อมฮึมฮัมเสียงเบา จากนั้นก็ปลดกลอนประตู เขาใช้ความพยายามอย่างมากจนในที่สุดมันก็เปิดออก พอประตูเปิดออก เสี่ยวเป่าก็หันไปมองหน้าม้าเซ็กเธาว์พร้อมส่งยิ้มหวานให้กับมันและชี้ไปทางประตู

หนิงเฉินเซวียนโมโหขมับตรงศีรษะเต้นตุบตับ เจ้าตัวเล็กคิดจะทำอะไร?

เขากำลังจะเดินเข้าไปปิดประตูแต่เสียงม้าเซ็กเธาว์ดันร้องฮี่แล้วพุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็วจนเกือบจะชนหนิงเฉินเซวียนกระเด็นอยู่แล้ว ไม่นานม้าเซ็กเธาว์ก็วิ่งลับตาไป

หนิงเฉินเซวียนหน้าซีดเป็นไก่ต้มด้วยความหวาดกลัว เขายังไม่ได้ขึ้นบัลลังก์ ยังไม่ได้เป็นราชาเลย แล้วจะตายได้อย่างไร?

“หนิงเฉิงจื้อแกทำบ้าอะไร ป่วนไปทั่ว รีบ ๆออกมาเลย…”

หนิงเฉินเซวียนไม่ได้สนใจม้าเซ็กเธาว์เพราะสนามม้าเป็นแบบปิด มันจะวิ่งไปไหนก็เรื่องของมัน เขากำลังเดินเข้าไปในคอกม้าเพื่อดึงเสี่ยวเป่าออกมาแล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ที่ไม่รู้จักเชื่อฟังสักหน่อย!

แต่ทว่า——

เสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในคอกม้าอีกครั้ง ทำวิธีการเดิมโดยการปล่อยม้าอาหรับที่อยู่ข้างในออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยม้าพันธุ์อื่น ๆ เช่นม้ามองโกเลีย ม้าลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์ประมาณยี่สิบกว่าตัว ทั้งหมดโดนเสี่ยวเป่าปล่อยออกมาจนเกลี้ยง

เจ้าตัวเล็กเหนื่อยจนหายใจหอบถี่ บนร่างกายเต็มไปด้วยโคลนจนเหมือนมนุษย์โคลนตัวน้อยไปแล้ว ทั้งยังมองไม่เห็นอวัยวะบนใบหน้า มีเพียงดวงตาคู่เดียวที่ยังคงสดใสอยู่

ในสนามม้ามีม้าจำนวนมากวิ่งฝุ่นตลบอบอวลวุ่นวายเต็มไปหมด

เสี่ยวเป่าเหนื่อยจนนั่งลงกับพื้นพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข ม้าพวกนี้เป็นอิสระแล้ว พวกมันจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป เขาเหม่อมองม้าที่วิ่งกันอย่างอิสระ เสี่ยวเป่าก็ปรากฏความหลงใหลฉายชัดบนใบหน้า เขายื่นมือออกไปวาดภาพบนโคลนโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้ว่ารูปที่วาดออกมาจะไม่ได้เป็นรูปร่างชัดเจนนักแต่ก็พอจะมองออกว่าเป็นโครงร่างของม้าอยู่ราง ๆ เสี่ยวเป่ากำลังวาดม้าที่กำลังวิ่งไปมา ทั้ง ๆที่ไม่เคยมีใครสอนเขาแต่เขาก็วาดออกมาได้

เฮ่อเหลียนเช่อที่ได้รับโทรศัพท์ก็รีบเร่งมาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เห็นคือความชุลมุน

ม้าวิ่งกันชุลมุนไปหมด หนิงเฉินเซวียนโกรธมากจนตบหน้าอกตัวเองไม่หยุด ส่วนเสี่ยวเป่าน้องชายของเขาก็กลายเป็นมนุษย์โคลนตัวน้อยมองไม่เห็นจมูกปากเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะอารมณ์ดีไม่หยอก

เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจ ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ!

…………………………………………..

ตอนที่ 2145 อาการเมินเฉยของเสี่ยวเป่า

ถึงแม้เหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเสี่ยวเป่าจะอายุสองขวบแต่ก็สูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก ดูขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาหล่อเหลาจนทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ แม้แต่ซาตานจากนรกเมื่อได้เห็นเทวดาตัวน้อยที่ใสสะอาดเช่นนี้ก็ยังปรากฏรอยยิ้มที่เมตตาอ่อนโยนกว่าคุณน้าคุณป้าเสียอีก

สำหรับมุมมองของตัวเขาเองแล้วรอยยิ้มในเวลานี้ดูอ่อนโยนเมตตายิ่งกว่าพระโพธิสัตว์เสียอีก แต่ในสายตาของเสี่ยวเป่ากลับน่าเกลียดกว่าหมาที่ลุง(เหมยซูหาน)เลี้ยงไว้ด้วยซ้ำ

ดวงตาสีเข้มของเสี่ยวเปาเหมือนอัญมณีที่เปล่งประประกายเหมือนดาวบนท้องฟ้า สะอาดและลุ่มลึก ยากที่จะหยั่งถึงราวกับถูกดูดวิญญาณไป

แค่มองดวงตาคู่นี้คงคิดไม่ถึงว่าเจ้าของของมันจะเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ เพราะดวงตาคู่นี้แฝงไปด้วยอะไรมากมาย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้มีดวงตาที่ลึกซึ้งเช่นนี้

นี่คือสายตาของนักคิด!

แต่เจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นเพียงเด็กที่อายุยังไม่ถึงสองขวบ มันน่าเหลือเชื่อมาก ๆ!

คิ้วสง่างามของเสี่ยวเป่ามุ่นเล็กน้อย เขาไม่ชอบกลิ่นของชายชราตรงหน้าเป็นอย่างมาก กลิ่นทั้งเหม็นและเปรี้ยว เหม็นยิ่งกว่าบ้านต้าโช่ว (สุนัขที่เหมยซูหานเลี้ยง)เสียอีก

เขาอยากกลับไปหาพ่อและลุงของเขา เล่นกับพวกต้าโช่ว เอ้อร์โช่วและซานโช่ว ไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่น้อย

แต่ก่อนมาที่นี่พ่อบอกเขาว่าให้เขาเชื่อฟังคุณปู่ อย่าทำให้คุณปู่ต้องโกรธ…เสี่ยวเป่าถอนหายใจเบา ๆ บนใบหน้าเล็ก ๆปรากฏความระอาที่ไม่ควรเกิดในช่วงอายุของเขาขึ้นมา

แต่มันปรากฏแค่แวบเดียวแล้วก็หายไป หนิงเฉินเซวียนอายุมากแล้วดวงตาก็ฝ้าฟางจึงมองเห็นไม่ชัด เขายังคงยิ้มให้อย่างเมตตา ตะเกียบคีบหมูตุ๋นชิ้นหนึ่งและคิดจะป่อนให้กับเสี่ยวเป่า

“เสี่ยวเป่าทานเนื้อสิ ทานเนื้อให้มาก ๆจะได้แข็งแรง ในอนาคตเสี่ยวเป่าจะต้องเป็นราชา ฉะนั้นหลานต้องเรียนรู้หลายด้าน หลังจากทานเสร็จปู่จะพาหลานไปขี่ม้า”

หนิงเฉินเซวียนมีจิตใจอันฮึกเหิมและปณิธานอันยิ่งใหญ่ บรรพบุรุษของเขาทำงานหนักมาเกือบพันปี แต่กลับไม่สามารถทำความปรารถนาสุดท้ายของตระกูลหนิงได้สำเร็จ มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้!

ตอนนี้เป็นจังหวะโอกาสที่ดี ขอแค่คนที่เขาจัดเตรียมไว้เปิดฉากก่อเหตุที่ชายแดน จากนั้นเขาก็จะลุกขึ้นมาก่อจลาจล เพียงเท่านี้เขาก็จะกลายเป็นราชาที่เหล่าไพร่ฟ้าให้ความสำคัญ และบัดนี้เขามีผู้สืบทอดแล้ว

นั่นก็คือเสี่ยวเป่า!

ทายาทที่เหมือนกับเสี่ยวซี!

นี่เป็นเหตุผลหลักที่หนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญกับเสี่ยวเป่ามาก

เสี่ยวซีก็คือหนิงเฉินซี น้องสาวพ่อเดียวกันกับหนิงเฉินเซวียน ขณะเดียวกันก็เป็นหลานสาวของเขาด้วย ซึ่งก็คือคนที่เขารักมากที่สุดในโลก

เสี่ยวเป่าดูเหมือนย่าของเขามาก โดยเฉพาะตอนที่ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เขา หนิงเฉินเซวียนเหมือนเห็นเสี่ยวซีในร่างเสี่ยวเป่า ในใจมีความอ่อนโยนถาโถมเข้ามาไม่สิ้นสุด และช่วยยับยั้งความเหี้ยมโหดของเขาที่ไม่สามารถควบคุมได้ให้มีความอดทนมากขึ้น

หนิงเฉินเซวียนไม่รอให้เสี่ยวเป่าตอบ เจ้าตัวเล็กมองเขานิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“เสี่ยวเป่าอ้าปาก!”

มือของหนิงเฉินเซวียนถือตะเกียบค้างอยู่กลางอากาศ ผ่านไปนานก็อดใจรอเสี่ยวเป่าพูดออกมาไม่ไหว ความใจร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาแต่เขาพยายามสะกดมันไว้ แล้วเค้นรอยยิ้มที่แสนใจดีมีเมตตาออกมาอีกครั้ง แต่ในใจกลับรู้สึกแปลก ๆ

เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เสี่ยวเป่ามาอยู่กับเขาที่นี่ ประพฤติตัวได้ดีไม่เลว ไม่ร้องไห้และไม่กรีดร้องเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับปากกาวาดภาพบนฝาผนังและไม่ก่อกวนคนอื่นเลย

แต่ปัญหาก็คือ——

เสี่ยวเป่าไม่ยิ้ม แม้กระทั่งคำพูดสักประโยคก็ไม่มี

ใบหน้าเล็ก ๆที่งดงามของเขาเงียบสงบอยู่เสมอ ไม่มีร่องรอยของการแสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เงียบไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป

หนิงเฉินเซวียนถามอยู่หลายครั้งแต่เสี่ยวเป่ากลับไม่แม้แต่จะชายตามอง เสี่ยวเป่าก้มหน้าหยิบเนื้อในชามแล้วเอาเข้าปากทานเอง บนใบหน้าและมือมีแต่น้ำมันเยิ้มไปหมดบวกแก้มป่อง ๆนั้นมันช่างน่ารักจนทำให้คนใจละลายได้เลย

แต่หนิงเฉินเซวียนกลับไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะเขาโมโหเป็นอย่างมาก!

เขาไม่อนุญาตให้ใครเมินใส่เขาทั้งนั้น ต่อให้เป็นทายาทของเขาก็ไม่ได้!

…………………………………………..

ตอนที่ 2146 ความโมโหเดือดดาลของหนิงเฉินเซวียน

พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆก็คือคนเก่าแก่ของตระกูลหนิงและรู้จักหนิงเฉินเซวียนเป็นอย่างดี แค่มองท่าทีของเขาก็รู้ทันทีว่าหนิงเฉินเซวียนกำลังจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาเป็นห่วงเสี่ยวเป่ามากแต่ก็ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปเตือน หนิงเฉินเซวียนในตอนนี้เขาไม่กล้ายุแหย่

พ่อบ้านส่งสายตาให้กับคนรับใช้ที่ยืนอยู่อีกด้าน คนรับใช้เข้าใจในทันทีแล้วก้าวถอยหลังออกไปอย่างเงียบ ๆเพื่อโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ

หนิงเฉินเซวียนตวาดด้วยเสียงแหลมสูงว่า “หนิงเฉิงจื้อ ได้ยินที่ปู่พูดไหม?”

หนิงเฉิงจื้อเป็นชื่อที่หนิงเฉินเซวียนตั้งให้เสี่ยวเป่า ความหมายคือปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะสืบทอดจากบรรพบุรุษ แต่เฮ่อเหลียนเช่อรังเกียจชื่อเชย ๆบ้านนอกแบบนี้จึงเรียกเสี่ยวเป่าอยู่ตลอด เขายังแอบเปลี่ยนชื่อในทะเบียนให้เป็นหนิงเสี่ยวเป่าอีกด้วย

เสี่ยวเป่าไม่สนใจชื่อหนิงเฉิงจื้อเลยแม้แต่น้อยและไม่รู้ด้วยว่าเรียกใคร เขากินเนื้อหมดไปหนึ่งชิ้น อร่อยถูกใจแถมรสชาติก็ไม่เลว เขาจึงยื่นมือไปหยิบอีกชิ้นยัดเข้าปาก

แสดงท่าทีเมินเฉยไม่สนใจหนิงเฉินเซวียนอีกครั้ง!

“ใครอนุญาตให้แกใช้มือกินข้าว? ตระกูลหนิงของพวกเราไม่ใช่ครอบครัวป่าเถื่อน ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม แกใช้ตะเกียบเดี๋ยวนี้!”

เส้นเลือดบนหน้าผากของหนิงเฉินเซวียนเต้นตุบ ๆ เขาเป็นคนเจ้าระเบียบโดยเฉพาะมารยาทบนโต๊ะอาหาร ห้ามส่งเสียงดังขณะดื่มซุปหรือเคี้ยว แถมยังต้องนั่งตัวตรงและห้ามทำข้าวหกบนโต๊ะ…

ทุกอิริยาบถและคำพูดต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกฎของราชวงศ์สมัยโบราณ เฮ่อเหลียนเช่อถูกเลี้ยงดูในลักษณะนี้เมื่อเขายังเป็นเด็ก หากทำอะไรผิดก็จะโดนหนิงเฉินเซวียนดุด่าต่อว่าแบบนี้เสมอ

การแสดงออกของเสี่ยวเป่าในตอนนี้สำหรับหนิงเฉินเซวียนแล้วเหมือนเป็นการยั่วโมโห ทันใดนั้นความโมโหก็ปะทุขึ้นมา ความโหดร้ายทารุณในร่างกายไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป

รอยยิ้มหายไปแล้ว สีหน้าท่าทางดุดันขึ้น ในดวงตามีแต่ความเย็นชา

พ่อบ้านใจเต้นรัว ไม่ได้การแล้ว นายท่านกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทำไมคุณชายเช่อถึงยังไม่มาอีกนะ ตอนนี้มีแต่คุณชายเช่อเท่านั้นที่จะหยุดนายท่านได้!

”นายท่าน ผมไปยกตุ๋นรวมมิตรที่ท่านโปรดมาให้ดีไหมครับ คุณชายน้อยจะต้องชอบกินแน่ ๆ…”

“ไสหัวไป!”

หนิงเฉินเซวียนตวาดอย่างหมดความอดทน หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของพ่อบ้านมีมานานหลายสิบปี เขาคงยิงให้ตายภายในนัดเดียวแน่นอน

สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือมีคนมาขัดจังหวะระหว่างที่เขาพูด ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย เช่นนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ทำไม!

พ่อบ้านชราตัวสั่นด้วยความตกใจและทำได้เพียงถอยออกมา เขาเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าอันตรายกำลังจะมาเยือนอย่างเห็นใจ เฮ้อ!

นี่มันเวรกรรมอะไรกันเนี่ย!

เสี่ยวเป่ากลับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวเลยสักนิด เขาไม่รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหนิงเฉินเซวียนด้วย แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

เพราะว่าร่างกายของหนิงเฉินเซวียนมีกลิ่นเหม็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เสี่ยวเป่าแทบทนไม่ไหว

“ปึง”

เจ้าตัวเล็กอารมณ์ไม่ดีเสียแล้วจึงหยิบเนื้อด้วยมือเดียวแล้วลุกออกจากโต๊ะไป ในเมื่อที่นี่กลิ่นเหม็น งั้นเขาก็จะไปหาที่ที่มีกลิ่นหอมนั่งทานแล้วกัน

“แกจะไปไหน? ฉันอนุญาตให้แกไปหรือไง…”

หนิงเฉินเซวียนชะงักไปในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็โมโหเดือดดาลขึ้นมา

นี่คิดจะต่อต้านงั้นเหรอ?

ทำเป็นเมินเฉยใส่เขาใช่ไหม?

มีอย่างที่ไหนกัน!

“แกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”

หนิงเฉินเซวียนไล่ตามไปพร้อมนึกไม่พอใจเฮ่อเหลียนเช่อเช่นกัน เขารู้สึกว่าเสี่ยวเป่าถูกเฮ่อเหลียนเช่อตามใจจนเคยตัวจึงไร้ระเบียบ เขาต้องแก้นิสัยเสียของเสี่ยวเป่าให้กลายเป็นทายาทสืบสกุลที่ยอดเยี่ยมและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมให้ได้!

ไม่อย่างนั้นในอนาคตจะตกเป็นเป้าให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้?

ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะอายุยังน้อยแต่เขาเดินได้นานแล้ว ขาสั้นวิ่งอย่างรวดเร็ว หนิงเฉินเซวียนแก่และอ่อนแอจึงไล่ตามเขาไม่ทันสักที

หนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กน้อยวิ่งจนไปถึงสวนหลังบ้าน ที่นั่นเป็นคอกเลี้ยงม้าของหนิงเฉินเซวียนและได้รวบรวมม้าชั้นยอดทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หนิงเฉินเซวียนโปรดปรานมากที่สุด!

………………………………………….

ตอนที่ 2143 กุ้งมังกรน้อยกินกับเบียร์

เหมยเหมยเห็นว่าฉีฉีเก๋อฟังคำแนะนำจึงไม่ได้พูดว่าเธออีกต่อไป ช่วงบ่ายไม่มีเรียน ใกล้จะเรียนจบแล้ววิชาเรียนจึงมีน้อยมาก นักเรียนส่วนใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการหางาน

พวกเธอสามคนต่างก็ไม่ได้หางานทำดังนั้นจึงว่างมาก ไม่เหมือนคนอื่น ๆที่ยุ่งอยู่กับการหางาน

เหมยเหมยกลับบ้านก่อน ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งมาก ออกเช้ากลับดึก ตอนเช้าเธอจะให้ป้าฟางซื้อของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้ เพราะเธอเตรียมจะทำอาหารมื้อเย็นด้วยตัวเอง

เธอและเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นชอบกินสเต็ก เหมยเหมยจึงตั้งใจทำสเต็กรูปหัวใจสองสามชิ้น กุ้งมังกรน้อยผัดเผ็ดอีกจานใหญ่ ปีกไก่ย่างน้ำผึ้งที่เธอชอบกิน และยังเตรียมเบียร์ไว้ด้วย รอแค่เหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็เริ่มทานอาหารได้เลย

“หอมจัง ทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านเร็วนักล่ะ?”

เหยียนหมิงซุ่นถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปกอดเหมยเหมยที่กำลังผัดผักจากด้านหลัง หอมแก้มเธอแล้วก็กอดอยู่อย่างนั้น

“วันนี้ไม่มีธุระอะไรก็เลยกลับมาทำอะไรอร่อย ๆให้พี่ทาน ตั้งใจตอบแทนพี่เป็นพิเศษเลยนะ!” เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มให้เขาจึงโดนเหยียนหมิงซุ่นจับจูบอย่างหนักหน่วง

ผักในกระทะส่งเสียงร้องฉ่า ๆ เหมยเหมยผลักเขาออกอย่างแรงแล้วรีบผัดต่อพลางบ่นว่า “โอ๊ย…ผักไหม้หมดแล้ว พี่นี่จริง ๆเลย…”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอันที่ไหม้พี่กินเอง” เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วแอบขโมยหอมอีกรอบ

เหมยเหมยบิดตัวไปมาอย่างรำคาญ “พี่อย่ากอดฉันสิ ร้อนจะตายอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันต้องตักใส่จานอีกนะ!”

“พี่ตักเอง!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากผละออกเลยสักนิด ต่อให้ร้อนแค่ไหนเขาก็ยังชอบกอด เขาเขย่ากระทะไปมาอย่างคล่องแคล่วแล้วตักผักบุ้งผัดกระเทียมขึ้นมาเรียบร้อย และหยิบของอื่น ๆที่ทำเสร็จแล้วออกมาด้วย

“ที่รักวันนี้เหนื่อยแย่เลย!”

เหยียนหมิงซุ่นแกะเปลือกกุ้งมังกรน้อยป้อนเหมยเหมย ส่วนตัวเองก็แกะทานเช่นกัน

เหมยเหมยรินเบียร์ ตอนนี้อยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายน วันนี้อากาศร้อนเล็กน้อยดื่มเบียร์กำลังเหมาะ กุ้งมังกรน้อยกับเบียร์เข้ากันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

“ชนแก้ว!”

ทั้งสองคนชนแก้ว สบตายิ้มให้กัน ใจสื่อถึงกันโดยไม่ต้องพูดอะไร

กินไปคุยไป กุ้งมังกรน้อยจานใหญ่ก็หมดไปกว่าครึ่งโดยไม่รู้ตัว ปากเล็ก ๆของเหมยเหมยก็เผ็ดเจ่อแดงไปหมด ราวกับทาปาก เหยียนหมิงซุ่นไม่ให้เธอกินต่อแต่ให้เธอกินปีกไก่ย่างน้ำผึ้งแทน

“ฉันกินสองชิ้นก็พอแล้ว ตอนเย็นกินน้อยหน่อย ไม่อย่างนั้นจะใส่ชุดแต่งงานที่สั่งตัดไม่ได้”

เหมยเหมยจ้องปีกไก่ย่างหอมกรุ่นอย่างอาลัยอาวรณ์ กินเพียงสองชิ้นเพื่อบรรเทาความอยากเท่านั้น วันแต่งงานตรงกับเดือนตุลาคม ซึ่งวันนั้นอากาศเย็นสบายทำอะไรจะได้จิตใจสงบ

ชุดแต่งงานของเธอออกแบบโดยนักออกแบบชั้นนำระดับโลกที่เหยียนหมิงซุ่นเชิญมาโดยเฉพาะ เป็นงานที่เย็บด้วยมือ ชุดแต่งงานประดับด้วยคริสตัลสวยงาม กระบวนการซับซ้อนมากจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลย

เหมยเหมยไม่อยากให้ถึงเวลานั้นแล้วใส่ชุดแต่งงานที่สวยงามแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ!

“ไม่เป็นไร พี่จะให้นักออกแบบขยายเอวให้เล็กน้อย เธอกินอย่างวางใจได้เลย”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและป้อนสเต็กให้เธอ เหมยเหมยค้อนใส่เขาอย่างน่ารักแต่ก็ยังคงกินสเต็กอยู่ดี ช่วงนี้เธอมีความอยากอาหารมาก กินอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่าง

“เหยียนหมิงต๋าเขาออกมาจากป่าหรือยัง?” เหมยเหมยถาม

หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาเหยียนหมิงต๋าถูกส่งไปยังภูเขาเขตลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ ทุก ๆสามเดือนเหยียนหมิงซุ่นจะส่งคนไปแอบทิ้งอุปกรณ์ยังชีพไว้ ที่เหลือเขาต้องช่วยเหลือตัวเองทั้งหมด

เดิมทีเมื่อครึ่งปีก่อนเหยียนหมิงต๋าควรออกมาได้แล้ว เพราะว่าเวลาที่เดิมพันกับเฮ่อเหลียนเช่อไว้หมดลงแล้ว แต่เหยียนหมิงต๋าก็ไม่ยอมออกมา บอกว่าจะฝึกต่อไปเหยียนหมิงซุ่นจึงตามใจเขา

“ยังเลย รอถึงตอนพวกเราจะแต่งงาน เขาถึงจะออกมา”

เหยียนหมิงซุ่นพอใจกับท่าทีของเหยียนหมิงต๋ามาก อันที่จริงหนึ่งปีครึ่งกับการฝึกฝนที่แสนลำบากมันได้ผลไม่เบาเลย ดูท่าทางคิดได้มากกว่าเมื่อก่อนเยอะ แถมไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้นแล้วด้วย

แค่เหมยเหมยนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ถูกเล่นงานจนหัวหมุนก็อยากหัวเราะเสียเหลือเกิน เธอนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถอนหายใจออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “แค่พริบตาเดียวเสี่ยวเป่าก็สองขวบแล้ว เร็วจริง ๆเลยเนอะ!”

………………………………………….

ตอนที่ 2144 อยากให้ใครพังพินาศ ก่อนอื่นต้องทำให้เขาคลุ้มคลั่งเสียก่อน

พอเหมยเหมยนึกถึงเด็กน้อยน่ารักที่เติบโตขึ้นแล้วก็มีรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า

การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาของเสี่ยวเป่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังบอกว่าพวกเขาไม่เคยผ่านการผ่าตัดที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน กระจกตาของอู่เยวี่ยดูเหมือนจะเตรียมไว้เพื่อเสี่ยวเป่าโดยเฉพาะ เพราะมันเข้ากันได้ดีอย่างไร้ที่ติราวกับว่าเป็นดวงตาของเสี่ยวเป่าเองเสียอย่างนั้น

ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าหากไม่มีอะไรเหนือคาด ดวงตาของเสี่ยวเป่าก็จะไม่มีปัญหาอะไรสมบูรณ์แบบเหมือนคนทั่วไป

ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเหล่านี้ต่างงงงวยเช่นกัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็รู้สึกว่ามันคงจะเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างอู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่า เพราะส่วนมากกระจกตาจะมาจากการบริจาคของคนแปลกหน้า การที่จะได้รับจากคนสายเดียวกันโดยตรงแบบนี้มีน้อยถึงน้อยมาก

อันที่จริงมันเป็นเพราะลมหายใจมังกรของฉิวฉิวที่มอบให้เสี่ยวเป่าเพราะมันมีประโยชน์ต่อเสี่ยวเป่ามาก ไม่เพียงเท่านั้นยาพิษที่อู่เยวี่ยวางเสี่ยวเป่าก็ได้รับการแก้พิษด้วยลมหายใจมังกรนี้เช่นกัน

ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยคงจะไม่ถูกฆ่าตายง่ายดายเช่นนั้น!

หลังจากการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาของเสี่ยวเป่าสำเร็จแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อก็ฆ่าอู่เยวี่ยทิ้ง แต่ก็ไม่ได้ทรมานเธอมากนัก แค่ฉีดยาให้เธอเพื่อที่จะได้มีความสุขขึ้นบ้าง

เฮ่อเหลียนเช่อยังมอบร่างของอู่เยวี่ยให้กับเหยียนหมิงซุ่นด้วยตัวเอง บอกว่าเป็นนี่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่เตือนกัน

หลังจากเหมยเหมยเผาอู่เยวี่ยเสร็จก็ฝังอู่เยวี่ยและเหอปี้อวิ๋นไว้ด้วยกัน ปล่อยให้แม่ลูกรักกันอยู่ใต้ดินผืนนี้!

จากวันนี้ไปบุญคุณความแค้นก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆที่รอดชีวิตจากอันตรายมาได้เช่นกัน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหมยเหมยใจเต้นนึกว่าเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป “ทำไมเหรอ เสี่ยวเป่ามีปัญหาอะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก เฮ่อเหลียนเช่อดีกับน้องชายของเขามาก แล้วจะเป็นอะไรไปได้อย่างไรกัน แต่อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นในอนาคต” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังแล้วพูดเหตุผลออกมาว่า “เมื่อสองเดือนก่อนหนิงเฉินเซวียนรับเสี่ยวเป่ามาเลี้ยงเอง ฉันว่าชีวิตของเสี่ยวเป่าในวันข้างหน้าคงจะไม่ง่ายเท่าไรนัก”

ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเขาอาจมีสายเลือดของการกดขี่ทารุณคนในครอบครัวอยู่ในตัวเขาก็ได้ นิสัยจะโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาการหวาดระแวงก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้เขาได้บีบคอพยาบาลที่ดูแลเขาเป็นการส่วนตัวตายคามือ

เพียงเพราะว่าเขาฝันร้ายระหว่างที่งีบหลับอยู่และพยาบาลคนนี้ก็กำลังเอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้เขา หนิงเฉินเซวียนเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาจึงบีบคอพยาบาลผู้น่าสงสารคนนั้นจนตาย

อีกทั้งเมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อน เพียงแต่เรื่องพวกนี้โดนหนิงเฉินเซวียนปกปิดเอาไว้ แต่กลับปิดบังเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ และเขาก็รายงานแก่นายใหญ่ทั้งหมดแล้ว

ตอนนั้นนายใหญ่พูดเพียงแค่ว่า “อยากให้ใครพังพินาศ ก่อนอื่นต้องทำให้เขาคลุ้มคลั่งเสียก่อน!”

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจในทันที

นายใหญ่เตรียมกับดักเอาไว้แล้ว

วันเวลาดี ๆของหนิงเฉินเซวียนใกล้จะหมดลงแล้ว

ดังนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เป็นห่วงเสี่ยวเป่าอยู่บ้าง อยู่ใกล้คนบ้าคลั่งอย่างหนิงเฉินเซวียน เสี่ยวเป่าอันตรายเกินไปจริง ๆ

เหมยเหมยตกใจจนหน้าถอดสี “ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงเอาเสี่ยวเป่าไปให้ตาแก่โรคจิตนั่นเลี้ยงล่ะ ต่อให้หนิงเฉินเซวียนไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่า หรือจะให้เสี่ยวเป่ากลายเป็นเฮ่อเหลียนเช่อคนที่สองงั้นเหรอ?”

ที่สำคัญที่สุดก็คือเสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กปกติ พวกเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่หลังจากที่เหมยเหมยเล่นกับเสี่ยวเป่าไม่กี่ครั้งก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้

เสี่ยวเป่าเป็นเด็กออทิสติกแต่กำเนิด เขาไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชอบเล่นคนเดียวแต่ไอคิวของเสี่ยวเป่ากลับสูงมาก อีกทั้งความสามารถทางศิลปะก็ยอดเยี่ยมมาก เรียกได้ว่าอัจฉริยะเลยทีเดียว

บ้านตระกูลหนิงก็กำลังทานอาหารเย็นเช่นกันแต่โต๊ะอาหารกลับเงียบเหงา มีเพียงแค่หนิงเฉินเซวียนและเสี่ยวเป่าเท่านั้น บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายมากกว่าสิบอย่าง

“เสี่ยวเป่าอยากทานอะไร ปู่จะคีบให้นะ” หนิงเฉินเซวียนเค้นรอยยิ้มที่ยากจะเห็นได้ในยามปกติออกมา แต่หลายปีมานี้เขาชราขึ้นเร็วมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ต่อให้ยิ้มก็ยังทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี

………………………………………….

ตอนที่ 2141 ตีให้ตายคนโง่แบบเธอ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้ารัว ๆ “ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเธอไม่มีที่อยู่อาศัยถาวร แม้แต่รังให้ซุกหัวนอนยังไม่มี จะรีบแต่งงานไปทำไม?”

อันที่จริงเธอยังมีคำพูดที่ยังไม่ได้พูด สามีภรรยาที่ขาดแคลนเรื่องเงินมักจะเกิดสารพัดปัญหา!

ความรักของคู่รักถ้าหากกินไม่อิ่มท้องความรักก็จะค่อย ๆจางหายไป และสุดท้ายก็จะทะเลาะวิวาทกันไม่หยุดจนบั่นทอนสายสัมพันธ์สุดท้ายจนขาดสิ้น ถ้าไม่เลิกรากันไปก็ต้องทนอยู่อย่างทุกข์ทรมาน

ฉางชิงซงมีความสามารถและยังประจบผู้มีอำนาจเก่ง แต่เขาเป็นคนต่างถิ่น ไม่มีรากฐานใด ๆในเมืองหลวงเลย หากต้องการก้าวหน้าคงต้องทุ่มเทเวลาและความพยายามให้มากขึ้น แถมยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรือเปล่าด้วย!

หากดูในระยะเวลาอันสั้นภายในห้าปีนี้ฉางชิงซงคงยังผงาดขึ้นมาไม่ได้ ส่วนบ้านคงซื้อไม่ไหวแน่นอน

หากแต่งงานตอนนี้คนที่ต้องลำบากก็คือฉีฉีเก๋อ แต่ฉางชิงซงกลับได้ภรรยาที่แสนอบอุ่นเอาอกเอาใจ นับว่าดีดลูกคิดมาดีแล้วจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อกลับไม่คิดเช่นนั้น “รุ่นพี่ฉางบอกว่าสามารถยื่นคำร้องขอห้องจากหน่วยงานได้หนึ่งห้อง และพวกเราเองก็ออกข้างนอกบ่อย นอนเต็นท์ก็ได้แล้ว”

เหมยเหมยมองเธออย่างไม่เห็นด้วย “ผู้ใหญ่อย่างพวกเธอนอนเต็นท์ได้ แต่ในอนาคตมีลูกเล็กล่ะจะให้พวกเขานอนเต็นท์เหมือนกับพวกเธอเหรอ? ฉีฉีเก๋อเธอทำราวกับว่าชีวิตมันเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นแหละ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่อว่าอย่างไม่พอใจ “เธอคิดว่ามีชีวิตเพื่อความรักเท่านั้นเหรอ? ไม่เลย การใช้ชีวิตคือฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ บ้านและเงิน หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แม้แต่โรมิโอกับจูเลียตก็ยังต้องเลิกรากัน ฉีฉีเก๋อเธอต้องคิดให้ดี ๆนะเพราะจะทำลวก ๆไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้นแต่เพื่อฉางชิงซงและครอบครัวของพวกเธอด้วย”

พอฉีฉีเก๋อได้ฟังก็ตกตะลึงไป ในความคิดของเธอการแต่งงานก็แค่เปลี่ยนจากเตียงเดี่ยวสองเตียงมารวมกันเป็นเตียงคู่ก็แค่นั้น จะมีปัญหามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?

“ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น แม่ของรุ่นพี่ฉางสุขภาพไม่ค่อยดีเลยบอกว่าอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ อีกทั้งฉันก็อยากจะแต่งงานเร็วหน่อยด้วย…”

“บ้าเอ้ย…I ล่ะยอม You จริงๆ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นพรวดตบหลังศีรษะของฉีฉีเก๋อเสียงดัง จากนั้นก็มองยัยทึ่มที่ไม่ยอมพยายามเพื่อตัวเองอย่างคาดหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้

“สมองของเธอโดนประตูหนีบมาใช่ไหม…”

เสียงคำรามราวกับเสียงสิงโตนี้ได้ดึงดูดความสนใจของนักเรียนจำนวนมากในโรงอาหาร ทั้งหมดมองไปที่พวกเขาสามคนด้วยความประหลาดใจ

เหมยเหมยรีบลุกขึ้นรั้งคุณหนูใหญ่เหริ่นที่กำลังเดือดถึงขีดสุดเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า “ออกไปค่อยคุยกัน!”

มีคนเยอะขนาดนี้มองดูอยู่ ขายขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนไม่แม้แต่จะกินข้าวแล้วคว้าตัวฉีฉีเก๋อที่ทำหน้างุนงงเดินออกไปข้างนอก เหมยเหมยถือจานข้าวแล้วเดินตามออกไป ข้าวร้อน ๆที่เพิ่งตักมายังไม่ทันได้กินเลย!

ทั้งสามคนไปที่สระบัวอันเงียบสงบที่ไร้ผู้คนในตอนเที่ยง

“เธอบอกมาสิว่าทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้ พวกเขาบอกว่าอยากอุ้มหลานเธอก็ต้องทำตามอย่างว่าง่ายงั้นเหรอ ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในอุ่นเตียงในหน้าหนาวไม่พอแล้วยังช่วยคลอดลูกให้อีก เรียนมหาวิทยาลัยมาสี่ปีเสียเวลาเปล่า ๆสินะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดีดหน้าผากของฉีฉีเก๋ออยู่หลายครั้ง ในตอนนี้อยากจะตบให้นังโง่นี่ได้สติขึ้นมาจริง ๆ

เธอไม่คัดค้านที่จะแต่งงานเพราะไม่ช้าก็เร็วก็ต้องแต่งงานอยู่ดี แต่การมีลูกจะรีบร้อนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

สิ่งที่คลอดออกมาคือหนึ่งชีวิตที่จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจในการบ่มเพาะเลี้ยงดูเขา เราต้องสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูก ๆของเราด้วย แทนที่จะปล่อยให้เด็กเกิดมาและทนทุกข์ทรมาน สู้ไม่มียังดีเสียกว่า!

ถ้าพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือหากทั้งสองคนไปต่อกันไม่ได้ ไม่มีลูกก็ยังเลิกราทางใครทางมันกันได้โดยไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ถ้าหากมีลูกล่ะจะทำอย่างไร?

มีแม่คนไหนที่จะตัดใจยอมปล่อยลูกไปได้บ้าง?

มีผู้หญิงฮวาเซี่ยมากมายแค่ไหนที่ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเสียสละความสุขทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อลูกกัน?

ฉีฉีเก๋อยัยโง่นี่กลับต้องการเอาตัวเองผูกกับต้นไม้สักต้นให้ตายในเร็ววัน ช่างโง่จนหมดหนทางจะเยียวยาแล้วจริง ๆ!

…………………………………………..

 ตอนที่ 2142 เรื่องของความรักความรู้สึกไปแตะต้องมากไม่ได้

เหมยเหมยส่งชามข้าวให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “อย่าโมโหเลย ๆ กินก่อน ฉันพูดกับฉีฉีเก๋อเอง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบท้องแล้วตักเนื้อชิ้นใหญ่ทานคำโต ตอนนี้ถึงได้รู้สึกโกรธน้อยลงบ้างแล้ว ทั้งยังตบท้ายพูดด้วยความขุ่นเคืองใจว่า “ถ้ายัยโง่นี่ไม่ฟังพวกเราละก็ วันหลังเธอต้องเสียใจแน่!”

เงินเดือนของฉางชิงซงกับเงินโบนัสรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ บวกกับเงินพิเศษที่เขาได้รับหนึ่งเดือนก็ประมาณแปดร้อยได้ แต่ส่วนใหญ่จะต้องส่งกลับไปให้แม่เพราะแม่ของเขาต้องทานยาตลอด แถมน้องสาวของเขายังต้องเรียนมหาวิทยาลัยอีกตั้งสามปี

หากฉางชิงซงย่ำอยู่กับที่ไปแบบนี้ ตลอดชีวิตทำแต่งานศิลปะ งั้นคุณภาพชีวิตในอีกยี่สิบปีข้างหน้าก็เป็นที่ประจักษ์กันแล้ว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามฉีฉีเก๋อไว้ หากรู้เร็วกว่านี้ปล่อยให้เธอไปหาใครในทุ่งหญ้ายังจะดีซะกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิต ลูกหลานของชาวทุ่งหญ้าทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีเงินมีอิทธิพลในท้องถิ่นกันทั้งนั้น!

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฉางชิงซงยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรสักอย่าง แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต!

ฉีฉีเก๋อยังไม่ยอมฟังเท่าไรนักจึงตวาดกลับว่า “ฉันไม่เสียใจหรอก ฉันไม่ได้ขี้กลัวอย่างที่เธอพูดสักหน่อย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่ ดูท่าจะเกิดไฟโทสะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เหมยเหมยจึงรีบร้อนจับเธอไว้

พวกอารมณ์ความรักความรู้สึกจำพวกนี้ไปแตะต้องมากไม่ได้จริง ๆ ต่อให้จะเป็นเพื่อนรักกันก็เถอะ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นสามีภรรยาที่นอนบนเตียงเดียวกัน แล้วเธอล่ะคือใคร?

แต่ว่าสิ่งที่ควรเตือนก็ต้องเตือน คงไม่สามารถดูเพื่อนกระโดดลงไปในกองไฟได้หรอก!

“ฉีฉีเก๋อ เธอจะรีบแต่งงานพวกเราก็ไม่ได้คัดค้านอะไรหรอกนะ แต่เรื่องมีลูกฉันหวังว่าเธอจะไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง เรื่องนี้พ่อแม่ของเธอรู้ไหม? พวกเขามีความคิดเห็นอย่างไร?” เหมยเหมยพูดอย่างนุ่มนวล ฉีฉีเก๋อเลยผ่อนคลายลงแล้วส่ายศรีษะ

“ฉันยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานอย่างลวก ๆแล้วสบถด่าออกมาว่า “ตอนนี้เธอโทรไปบอกพ่อกับแม่ของเธอเลย ดูสิว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือเปล่า?”

“นั่นสิ เรื่องสำคัญขนาดนี้ฉีฉีเก๋อต้องปรึกษาพ่อแม่นะ พวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้อะไรเยอะมากกว่าพวกเรา แล้วพวกเขายังเป็นคนที่รักเธอมากที่สุดในโลกด้วยคงไม่ตัดสินใจอะไรที่ไม่ดีต่อเธอแน่นอน!” เหมยเหมยกล่าว

“งั้นคืนนี้ฉันจะโทรบอกพ่อเรื่องนี้แล้วกัน” ฉีฉีเก๋อเห็นด้วย นี่คือจุดแข็งของเธอเช่นกัน แต่ไหนแต่ไรก็รับฟังคำแนะนำตักเตือนเสมอ พูดตักเตือนได้ง่ายกว่าพวกหลงผิดที่กู่ไม่กลับมากกว่าเยอะ

“ตอนกลางคืนฉันจะจับตาดูเธอไว้ อย่าคิดจะตีเนียนเชียวล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันกรอดและรู้สึกไม่ชอบฉางชิงซงขึ้นมา

ตอนนี้ยังไม่ทันแต่งงานยังขอให้แฟนเสียสละเพื่อครอบครัวของเขา วันหลังแต่งงานไปแล้วจะขนาดไหนกันนะ?

หากว่าในอนาคตฉีฉีเก๋อและแม่สามีเกิดขัดแย้งกันขึ้นมา ฉางชิงซงจะเข้าข้างฝั่งไหน?

คำตอบชัดเจนมาก วันหน้าฉีฉีเก๋อคงต้องกล้ำกลืนความไม่ธรรมจนอกแตกตายแน่ ๆ!

มีหลายครั้งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยากจะบอกให้ฉีฉีเก๋อเลิกกับฉางชิงซงแล้วค่อยหาผู้ชายดี ๆใหม่สักคน แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปากก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงไป อึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้แสดงสีหน้าดี ๆกับฉีฉีเก๋อสักเท่าไรด้วย

บรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาชั่วขณะ เหมยเหมยจงใจพูดจายียวนขึ้นว่า “เชี่ยนเชี่ยนเธอกับอิงจวี้กังจะมีงานมงคลเมื่อไร ตอนนี้อยู่ด้วยกันแล้วอย่าท้องก่อนแต่งล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ใส่ใจและไม่อายเลยสักนิด แถมยังกลอกตามองบนใส่เธออีก “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเราได้ทำประกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องแต่งงานไม่รีบร้อน รอบริษัทอยู่ตัวก่อนพวกเราถึงจะจัดงานแต่งงาน จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นคนของฉันอยู่ดี ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก!”

“อย่าเอาแต่พูดถึงพวกเราเลย แล้วเธอล่ะ? เมื่อไรจะจัดงานแต่งงานกับท่านหัวหน้าเหยียน ฉันรอดื่มฉลองงานแต่งงานนี้มาสี่ปีแล้วนะ!“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอาคืน

เหมยเหมยยิ้มหวาน “เรียนจบก็จัดเลย พี่หมิงซุ่นบอกว่าเขาจะจัดงานแต่งงานที่ในโลกนี้ไม่มีใครเทียมได้ให้ฉันด้วยนะ ดูท่าทางลึกลับมากทีเดียวล่ะ”

“ในโลกนี้ไม่มีใครเทียมได้เลยเหรอ งั้นคงจะยอดเยี่ยมมาก มันต้องสุดยอดมากแน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกอิจฉา เธออดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมฉีฉีเก๋อสักประโยคว่า “ดูไว้นะ นี่ถึงจะเป็นการแต่งงานกับผู้ชายที่ดี ส่วนฉางชิงซงของเธอน่ะ…เชอะ ขี้เกียจจะพูดถึงเขาแล้ว!”

…………………………………………..

ตอนที่ 2139 กำลังจะเรียนจบ

 เป็นอีกหนึ่งปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยกำลังจะสิ้นสุดลง ภาคเรียนสุดท้ายเพื่อนร่วมชั้นต่างเริ่มยุ่งมากขึ้น บ้างก็ยุ่งหางาน บ้างก็ยุ่งสอบเข้าเรียนปริญญาโท บ้างก็ใช้เส้นสาย บ้างก็เลิกรากันไป…

รั้วมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบ เนื่องด้วยฤดูกาลรับปริญญาที่กำลังจะมาถึงทำให้ผู้คนต่างจิตใจล่องลอย ต่างไปจากเดิมที่ครึกครื้นราวกับละครฉากเศร้า

“ฉีฉีเก๋อ หลังจากเรียนจบเธอกับพี่ฉางจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามไถ่

“ต้องอยู่ต่อสิ หรือจะให้พวกเราเป็นเหมือนหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า[1]หรือไง!” ฉีฉีเก๋อมองเธออย่างระอาพร้อมตอกกลับไปอย่างโมโห

ฉางชิงซงเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เป็นศิลปินของสตูดิโอภาพยนตร์จิงตู ว่ากันว่าทำงานได้ไม่เลว มีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์หลายเรื่อง นับว่าการงานมั่นคงอยู่บ้าง

“แล้วงานของเธอติดต่อเรียบร้อยหรือยัง?” เหมยเหมยถาม

ปีนี้เธอยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อน ๆเลย เนื่องจากปีนี้ถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไปแล้ว 5 ซีซั่น และปิดฉากจบลงอย่างสมบูรณ์ เรตติ้งของซีซั่นแรกพุ่งทะยานขึ้นสู่คะแนนสูงสุดของละครโทรทัศน์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเกรงว่าในระยะนี้คงยากที่จะมีคนเอาชนะได้

เนื่องจากเจ้าหญิงอัปลักษณ์ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ในปีนี้ละครรักวัยรุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจคล้าย ๆกันก็ค่อย ๆปรากฏขึ้นทีละเรื่อง บ้างก็สรรค์สร้างด้วยใจรัก บ้างก็ทำสุกเอาเผากินเหมือนเรื่องซินเดอเรลล่าของอู่เจิ้งซือ แม้แต่ความน่าสนใจในการรับชมของผู้ชมก็ยังไม่เป็นที่เอ่ยถึงเลย

กล่าวได้ว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นผลงานบุกเบิกของละครวัยรุ่นรักใส ๆในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ ทั้งยังเชื่อว่าอีกหลายปีต่อมาคงมีแต่คนลอกเลียนแบบแต่ไม่มีทางแซงนำลิ่วได้อย่างแน่นอน

เพราะพระเอกของละครเรื่องนี้คือหานจื่อจวิน ซึ่งเป็นไปได้มากที่จะไม่ได้เห็นเขาในละครจอเล็กแบบนี้อีก เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นละครทีวีเรื่องแรกของเขาและก็ถือว่าเป็นละครเรื่องสุดท้ายของเขาเช่นกัน

แค่จุดนี้ก็ทำให้ละครประเภทเดียวกันนั้นยากที่จะเอาชนะได้แล้ว

มีละครวัยรุ่นรักใส ๆเรื่องไหนบ้างที่จะสามารถเชิญเทพบุตรรุ่นใหญ่อย่างหานจื่อจวินมาได้?

ไม่มีอีกแล้วล่ะ!

ส่วนนางเอกสาวโจวซิงเอ๋อร์ เนื่องจากการแสดงที่สมบทบาทของตัวละครเรื่องนี้จึงทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกจนกลายเป็นนางเอกหน้าใหม่แห่งยุคสมัยใหม่ มีงานต่าง ๆทยอยเข้ามาไม่ขาดสายยาวเหยียดไปอีกสองปี

แต่โจวซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงสุขุมที่มีความคิดเป็นของตัวเองจึงไม่ถูกฟองสบู่ตรงหน้ามอมเมาจนลุ่มหลง เธอแค่ออกงานกิจกรรมโปรโมทเจ้าหญิงอัปลักษณ์เท่านั้น ส่วนงานนอกเธอก็คัดสรรเข้าร่วมเฉพาะบางงาน เวลาที่เหลือก็ตั้งใจเรียนเหมือนเด็กนักเรียนทั่ว ๆไป เข้าเรียนทุกวัน แต่งกายเรียบง่าย เหมือนกับฟองน้ำทะเลที่คอยดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการเรียนรู้

เหมยเหมยพึงพอใจต่อท่าทีของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้มาก แสดงให้เห็นว่าโจวซิงเอ๋อร์เป็นคนมองการณ์ไกล ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มองตื้น ๆเพียงปลายจมูก

แม้ว่าความนิยมจะจางหายไปในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าจะอาชีพไหนขอแค่อดทนต่อความโดดเดี่ยวได้ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แถมโจวซิงเอ๋อร์อายุยังน้อยหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก!

ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะพัฒนาที่สุดคือความสามารถในการแสดง วางรากฐานให้ดี เช่นนั้นแล้วหนทางข้างหน้าถึงจะมั่นคงและไปได้ไกลกว่านี้!

ยุ่งมาตลอดทั้งปีตอนนี้เพิ่งจะได้พัก

ฉีฉีเก๋อยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ฉันไม่หางานทำแล้ว ฉันจะเป็นศิลปินอิสระ รุ่นพี่ฉางมักจะออกไปตามสถานที่ต่าง ๆกับทีมงานอยู่บ่อยครั้ง ฉันก็จะตามไปกับเขาด้วย ทุก ๆที่ก็คือบ้านของเรา!”

เหมยเมหยไม่แปลกใจเลยที่เธอตัดสินใจเช่นนี้ ฉีฉีเก๋อไม่ชอบการผูกมัด หากให้เธอไปนั่งทำงานแปดชั่วโมงทุกวัน เกรงว่าเธอจะอกแตกตายเสียก่อน

ถึงอย่างไรทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินสักหน่อย เอาที่เธอสบายใจเลยแล้วกัน!

“เออใช่ หลังเรียนจบฉันกับรุ่นพี่ฉางจะไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจะไปจัดงานมงคลที่บ้านเกิดของเขา จากนั้นค่อยกลับไปที่ทุ่งหญ้า ในเมืองหลวงคงไม่จัดแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นค่อยมาร่วมโต๊ะทานข้าวดื่มฉลองด้วยกันนะ!”

ฉีฉีเก๋อเผยคำพูดชวนตะลึงออกมา เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและเหมยเหมยตกใจยกใหญ่ จู่ ๆนึกอยากจะแต่งก็แต่งเลยเหรอ?

……………………………………………………………

ตอนที่ 2140 ฉีฉีเก๋อรีบแต่งงาน

 “ตอนนี้เหลืออีกแค่สองเดือนก็จะเรียนจบแล้ว นี่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลยนะ เธอนี่มันจริง ๆเลย!”

ฉีฉีเก๋อหัวเราะร่า “มีอะไรให้ต้องเตรียมล่ะ ขอแค่มีฉันกับรุ่นพี่ฉางอยู่ มีพวกเธออยู่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ผู้หญิงแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิต ฉะนั้นจะทำแบบสุกเอาเผากินไม่ได้

“ไม่ได้ พวกเธอกลับไปจัดที่บ้านเกิดพวกฉันคงยุ่งไม่ได้ แต่ในเมืองหลวงจะทำแบบลวก ๆไม่ได้ อย่างไรเสียงานแต่งก็ต้องจัด กว่าเธอจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยนะ อย่างน้อยต้องใส่ชุดแต่งงานบ้างล่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตีหน้านิ่งสั่งสอน และเริ่มรู้สึกไม่พอใจต่อฉางชิงซง

ต่อให้สภาพการเงินไม่เอื้ออำนวย แต่จัดงานแบบง่าย ๆก็ได้นี่นา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสำคัญของพิธีกรรมนี้ แต่ไม่ใช่ฉากบังหน้าที่สวยงาม

แต่ฉางชิงซงกลับคิดที่จะกินข้าวมื้อหนึ่งดื่มเหล้ามื้อหนึ่งก็จบสิ้นกันไป ช่างไม่ใส่ใจอะไรเลยจริง ๆ!

ฉีฉีเก๋อได้ฟังตอนแรกยังรู้สึกตื้นตันใจ แต่พอฟัง ๆไปกลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเบิกตากว้าง

“กว่าฉันจะได้แต่งงานมันไม่ง่ายเลยหมายความว่าไง ในบรรดาพวกเราสามคนฉันเป็นคนแรกที่แต่งงานนะ แถมตอนที่อยู่ทุ่งหญ้า ไม่เห็นหรือไงว่ามีชายหนุ่มตั้งมากมายอยากจะขอฉันแต่งงาน เพียงแต่ฉันไม่ได้ชอบพวกเขาเท่านั้นเอง!”

เหมยเหมยยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนี่ทำให้คนเกลียดได้จริง ๆ!

“รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในทุ่งหญ้าแต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็พูดถูก งานแต่งควรจัด งานแต่งงานครั้งแรกในชีวิตจะจัดแบบลวก ๆไม่ได้เด็ดขาด งั้นเอาแบบนี้งานแต่งงานของเธอในเมืองหลวงให้ฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนจัดการแล้วกันนะ เธอกับฉางชิงซงเลือกวันมาก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ แค่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวก็พอ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยสมทบ “ใช่ ฉันเองก็หมายความแบบนี้ ฉันกับเหมยเหมยจะรับผิดชอบงานแต่งแทนเธอเอง ถึงเวลานั้นจะต้องทำให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลย!”

ฉีฉีเก๋อขอบตาแดงก่ำ สิ่งล้ำค่าและยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบสี่ปีที่เธอได้รับในรั้วมหาวิทยาลัย นอกจากฉางชิงซงแล้วก็คือสองเพื่อนรักนี่แหละ!

“งั้นฉันกลับไปปรึกษากับฉางชิงซงก่อนนะ…”

“ปรึกษาบ้าอะไรอีก เอาตามนี้แหละ เธอไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นเพราะฉันจะตัดสินใจแทนเธอเอง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบโต๊ะอย่างแรง ลักษณะท่าทีคล้ายคลึงกับพี่ใหญ่มาก

เหมยเหมยเองก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อม “เธอบอกฉางชิงซงก็พอ บอกว่าฉันกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำให้เธอเป็นของขวัญ”

“อื้ม มีพวกเธออยู่นี่ดีจัง…”

ฉีฉีเก๋อเอ่ยติดสะอื้น

มีผู้หญิงคนไหนบ้างละที่จะไม่อยากมีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการ เธอเองก็ไม่ต่างกัน

แต่ฐานะทางบ้านของฉางชิงซงไม่ค่อยดี แม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะมีงานทั้งคู่ แต่เมื่อปีที่แล้วแม่ของเขาถูกไล่ออกจากงานและได้รับค่าครองชีพเก้าสิบหยวนต่อเดือน สิทธิประโยชน์ในตำแหน่งงานของพ่อเขาก็ไม่ค่อยดี เงินเก้าร้อยหยวนต่อเดือน แถมยังจ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลาอีก

ในครอบครัวยังมีน้องสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เงินเดือนส่วนมากของฉางชิงซงล้วนส่งกลับไปให้ที่บ้าน เขาเองก็มักจะหางานนอกทำเพิ่มถึงจะเพียงพอเลี้ยงชีพได้

ตัวเธอไม่ขาดแคลนเรื่องเงินและอยากช่วยเหลือฉางชิงซงด้วย แต่ผู้ชายก็มีศักดิ์ศรี ฉีฉีเก๋อพบว่าฉางชิงซงไม่ค่อยชอบใจต่อการช่วยเหลือของฉีฉีเก๋อ เธอจึงทำได้แค่นำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ เช่นพวกสี แปรง เสื้อผ้า ของบำรุงต่าง ๆ

ส่วนเรื่องที่จะไม่จัดงานแต่งงานในเมืองหลวงฉีฉีเก๋อก็เป็นคนเสนอเอง เธอไม่อยากให้ฉางชิงซงลำบากใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอจงใจบอกว่าไม่สนใจพิธีรีตอง ขอแค่พวกเธอสองคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว!

แต่ฉีฉีเก๋อกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก

เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนรักจึงได้ระบายมันออกมา

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลันเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ยังไม่ทันแต่งงานก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าแต่งงานไปแล้วจะทำอย่างไร?

หย่าร้างงั้นเหรอ?

“ฉีฉีเก๋อ ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงานหรอก ทำไมไม่รอให้ฉางชิงซงมั่นคงก่อนแล้วค่อยแต่งล่ะ?” เหมยเหมยพูดอ้อมค้อม

………………………………………………………….

[1] เป็นหนึ่งในนิทานพื้นบ้านของจีน และยังเป็นตำนานความรักที่เป็นที่มาของเทศกาลชีซี หรือวันวาเลนไทน์จีน

ตอนที่ 2137 มนุษย์สุกรอู่เยวี่ย

ครึ่งปีให้หลัง

ที่พักอาศัยแห่งหนึ่งละแวกชานเมืองในเมืองหลวง อู่เยวี่ยที่ถูกปิดผนึกไว้ในโอ่งใบใหญ่เงยหน้าขึ้นหมายจะมองดูแสงจันทร์นอกหน้าต่าง แต่ตำแหน่งของเธอไกลจากหน้าต่างเกินไป แม้จะเอียงศีรษะเก้าสิบองศาก็ยังไม่สามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ จึงเห็นได้แค่แสงจันทร์สีขาวที่สาดส่องเข้ามายังหน้าต่างและกระทบลงมาบนพื้น

อู่เยวี่ยอยากขยับตัวแต่เธอไม่มีมือไม่มีเท้าจึงทำให้ขยับร่างกายไม่ได้เลย เธอกินดื่มขับถ่ายอยู่แต่ในโอ่งใบนี้

คนที่เฮ่อเหลียนเช่อจัดไว้ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยปละละเลยคอยเทียวมาอาบน้ำชำละล้างให้เธอทุกวัน และทุกมื้ออาหารในแต่ละวันก็มักจะอุดมสมบูรณ์ ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่บำรุงสายตา อย่างเช่น ตับหมู เนื้อเป็ด ปลาดำ และบลูเบอร์รี่เป็นต้น เลี้ยงดูเธออย่างอุดมสมบูรณ์

อู่เยวี่ยไม่เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะทำอะไรกันแน่?

ทั้ง ๆที่ตอนถูกจับกลับมาครั้งนั้น เฮ่อเหลียนเช่อตัดแขนขาสี่ข้างของเธอขนาดนั้นแล้ว และยังใช้การลงโทษทั้งหมดที่มีอยู่ทรมานเธอราวกับตายทั้งเป็น ในขณะที่เธอต้องการเพียงความตายแต่เฮ่อเหลียนกลับไม่ยอมยกให้เธอง่าย ๆ

ทรมานเธอมาแรมเดือน เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้ลงโทษอะไรเธออีก แถมยังพาเธอมาอยู่ในโอ่งใบใหญ่ทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์สุกร[1] ตั้งแต่นั้นมา โลกทั้งใบของเธอก็คือโอ่งใบใหญ่ใบนี้!

เธอใช้ชีวิตอยู่ในโอ่งใหญ่ใบนี้มานับครึ่งปี เธอคำนวณวันเวลาตามที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน และบัดนี้ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว…

เหตุใดเฮ่อเหลียนเช่อถึงไม่ฆ่าเธอ?

เขาจะทำอะไรกับเธอกันแน่?

ในใจอู่เยวี่ยเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แน่นอนว่าเธอไม่เคยคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไว้ชีวิตเธอ ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่เธอแค่ไม่มั่นใจว่าต้องตายด้วยวิธีไหน!

ผ่านไปอีกหนึ่งคืน อู่เยวี่ยตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องประสานเสียงของนก จากนั้นก็รอคอยการปรนนิบัติจากคนที่จับตาดูเธอมาตลอด และคน ๆนั้นก็คือหญิงสาวร่างกำยำผู้หนึ่ง ในทุก ๆเช้าจะเก็บน้ำค้างที่สดใหม่มาล้างดวงตาให้กับเธออย่างพิถีพิถัน

ที่ว่ากันว่าน้ำค้างช่วยทำให้ดวงตาสว่าง เมื่อก่อนเธอไม่เคยเชื่อแต่ตอนนี้กลับเชื่อสนิท

ล้างตามานานนับครึ่งปี อู่เยวี่ยก็รู้สึกสบายตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การมองเห็นก็ดีขึ้นมากและเห็นสิ่งของได้ชัดเจนขึ้น!

ประตูถูกเปิดออก หญิงร่างกำยำเดินเข้ามาในมือพร้อมขวดน้ำค้างเล็ก ๆขวดหนึ่ง และไม่มีสิ่งใดอีก

อู่เยวี่ยรู้สึกประหลาดใจมากเพราะทุกครั้งมักจะมาพร้อมกับอาหารเช้ามื้อใหญ่ หลังจากที่ล้างดวงตาให้เสร็จก็จะป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับเธอ ทุกวันจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีอาหารเช้าล่ะ?

“เงยหน้าขึ้น” หญิงร่างกำยำเอ่ยเสียงนิ่งขรึมแล้วหยดน้ำค้างลงในดวงตาของอู่เยวี่ย น้ำค้างเหล่านี้เก็บมาในช่วงเช้าตรู่ฉะนั้นจะอืดอาดชักช้าไม่ได้

อู่เยวี่ยรับรู้ถึงความเย็นชื้นในดวงตาพลันรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นก็ล้างหน้าแปรงฟันให้ แถมยังรวบผมให้เธอด้วย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนขาดเพียงแค่อาหารมื้อเช้า

ในใจเธอรู้สึกถึงลางร้าย จึงลอบถาม “วันนี้ไม่มีอาหารเช้าเหรอ?”

“ไม่มี!” หญิงสาวตอบเสียงดังทุ้ม

“แล้วอาหารมื้อเที่ยงมีไหม?”

หญิงสาวเหลือบมองเธอแวบหนึ่งอย่างเห็นใจแล้วเอ่ยเสียงรำคาญใจว่า “จะพูดจาไร้สาระอะไรนักหนา อีกเดี๋ยวจะพาเธอย้ายไปที่อื่นแล้ว!”

จะว่าไปแล้วหญิงสาวผู้นี้ก็นึกเห็นใจอู่เยวี่ยอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปทำให้คุณชายเช่อไม่พอใจเข้าแบบนั้น อายุยังน้อยกลับกลายเป็นมนุษย์สุกรเสียได้ ตอนนี้แม้แต่ดวงตาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเลย!

เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ หญิงสาวไม่ปริปากพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกเพราะเธอไม่กล้ายั่วโมโหคุณชายเช่อ ทำงานให้มากพูดให้น้อยรับเงินแล้วแยกย้าย นี่คือหลักการทำงานของเธอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอสามารถอยู่รอดภายใต้บังคับบัญชาของเฮ่อเหลียนเช่อมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆที่เธอไร้ความสามารถหน้าตาอัปลักษณ์และไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย!

อู่เยวี่ยใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ย้ายไปที่อื่น?

เธอจะถูกย้ายไปที่ไหน?

หรือว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะจัดการกับเธอแล้ว?

ไม่นานก็มีคนเข้ามายกอู่เยวี่ยออกมาจากโอ่ง พร้อมกับอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดและนำตัวไปโรงพยาบาลทหาร เฮ่อเหลียนเช่อและกลุ่มจักษุแพทย์ชั้นนำที่ได้รับเชิญจากต่างประเทศมาเป็นพิเศษต่างก็กำลังรอเธออยู่

………………………………………………………………

ตอนที่ 2138 สำนึกผิดตอนใกล้ตาย

 “คุณชายเช่อครับ พาตัวมาถึงแล้วครับ” ลูกน้องรายงานต่อเฮ่อเหลียนเช่อ

“ไปพาตัวมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คสิ” เฮ่อเหลียนเช่อออกคำสั่ง

เสี่ยวเป่าอายุครบหนึ่งขวบเมื่อวานนี้ เขาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจดูเสี่ยวเป่าตั้งแต่เช้าตรู่ ผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่าดวงตาของเสี่ยวเป่ารักษาได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี หนึ่งขวบเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดสำหรับการผ่าตัด

อีกทั้งอู่เยวี่ยเป็นแม่แท้ ๆของเสี่ยวเป่า ข้อดีต้องมีมากพออยู่แล้ว อาจถึงขั้นสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้!

ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดอย่างลับ ๆ หนิงเฉินเซวียนไม่รู้เรื่องนี้ เพื่อการผ่าตัดของเสี่ยวเป่าเขาถึงขั้นสร้างโรงพยาบาลส่วนบุคคลที่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยครบครันแห่งนี้ขึ้น อุปกรณ์ต่าง ๆในโรงพยาบาลล้วนเป็นของชั้นนำระดับโลก แม้แต่โรงพยาบาลทหารก็ไม่มีอุปกรณ์ที่ดีขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ต่างก็เป็นจักษุแพทย์เฉพาะทางอันดับต้น ๆของโลก สำหรับพวกเขาแล้วการปลูกถ่ายกระจกตานั้นง่ายเสียยิ่งกว่าการกินสเต็กชิ้นหนึ่งเสียอีก ต่อให้หลับตาก็ยังสามารถทำการผ่าตัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ราคาที่เฮ่อเหลียนเช่อยอมจ่ายเพียงพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ใจเต้นได้ พวกเขาจึงรีบมาร่วมกันสร้างแสงสว่างให้กับเสี่ยวเป่าถึงที่นี่โดยไม่กลัวความห่างไกลเลยสักนิด

อู่เยวี่ยถูกเข็นเข้ามา พอเจอเฮ่อเหลียนเช่อก็ตัวสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว มีชีวิตอยู่ปานขุมนรกมาเป็นเวลานานนับครึ่งปีจนทำให้เธอหวาดกลัวเฮ่อเหลียนเช่อจากก้นบึ้งของหัวใจ

เธอตื่นตัวอยู่เสมอ ตอนที่ถูกพาตัวเข้ามาเธอคอยลอบสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว ที่นี่ดูคล้ายกับโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ค่อยเหมือนนัก ดูเงียบผิดปกติ ไม่มีผู้ป่วยไม่มีหมอแต่กลับเหมือนห้องทดลองมากกว่า

ในใจของอู่เยวี่ยเกิดความวิตกกังวลขึ้นอย่างหนัก เธอรู้สึกได้ว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

กลุ่มชาวต่างชาติผมบลอนด์พากันห้อมล้อมกรูเข้ามาหา ปากพูดภาษาต่างประเทศเจื้อยแจ้ว และยังได้เปิดไฟฉายส่องดวงตาของเธอ อู่เยวี่ยรู้สึกว่าตอนนี้เธอเหมือนหมูที่รอโดนเชือดและอาจถูกมีดแทงได้ทุกเมื่อ

“กระจกตาไม่เลวเลย ดูสดใสดี และไม่มีการอักเสบใด ๆเลย” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อ พร้อมกับแจ้งว่าลงมือผ่าตัดได้ทันที

“งั้นก็เริ่มเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ดีใจมากเช่นกัน เสี่ยวเป่าของเขาจะมองเห็นแสงสว่างแล้ว!

อู่เยวี่ยเข้าใจในทันที เธอกำลังจะถูกควักลูกตาออกมา ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะต้องล้างตาด้วยน้ำค้างมาตลอดระยะเวลาครึ่งปี แถมได้กินอาหารบำรุงสายตามากมาย ไม่นะ…เธอไม่อยากกลายเป็นคนตาบอด!

“คุณชายเช่อ…ขอร้องล่ะ…ฉันไม่อยากตาบอด คุณปล่อยฉันไปเถอะ…” อู่เยวี่ยโอดครวญร้องเสียงดัง ดิ้นพล่านอยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างรุนแรง ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วจริง ๆ

เสียใจกับทุกสิ่งที่เธอทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา!

หากเธอเชื่อฟังเหอปี้อวิ๋น ตั้งใจร่ำเรียน ไม่เรียกร้องในสิ่งที่ไม่ใช่ของของเธอมากเกินไป เช่นนั้นเธอก็คงไม่มีสภาพเหมือนในวันนี้ บางทีเธออาจจะแต่งงานกับคนโง่ ๆอย่างเหยียนหมิงต๋าและมีชีวิตที่ราบรื่นและสงบสุขไปแล้ว

เจ้าบื้อเหยียนหมิงต๋าจะต้องเชื่อฟังเธอทุกอย่างแน่นอน เขาไม่ทำให้เธอเป็นกังวลเลยสักนิด เธอคงจะมีชีวิตที่มีความสุขมากแน่นอน!

ณ ตอนนี้อู่เยวี่ยเพิ่งจะเข้าใจความหมายของความสุขที่จริง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ชีวิตคนเราไม่สามารถหวนย้อนกลับไปใหม่ได้ เธอเองก็ไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกเช่นกัน!

“แม่คะ…พี่หมิงต๋า…ขอโทษนะคะ…หนูผิดไปแล้ว…”

อู่เยวี่ยพูดเสียงอู้อี้พร้อมน้ำตาที่ไหลริน คนที่รักเธอที่สุดทั้งสองคน คนหนึ่งถูกเธอฆ่าตายด้วยน้ำมือของเธอเอง ส่วนอีกคนหนึ่งถูกเธอทอดทิ้ง!

เธอเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาจริง ๆ!

หากเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับจ้าวเหมยแล้วแต่งงานกับเหยียนหมิงต๋า จากนั้นเธอสองคนก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ?

ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาอู่เยวี่ยค่อย ๆสลบไปและไม่รับรู้อะไรอีก จากนั้นเธอก็ถูกเข็นตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด ในขณะเดียวกันเสี่ยวเป่าซึ่งเติบโตขึ้นมากก็ถูกเข็นเข้ามาด้วย

เฮ่อเหลียนเช่อประทับจูบลงบนหน้าผากของเสี่ยวเป่า เขามองอยู่เนิ่นนานกว่าจะมีคนมาเข็นเตียงเข้าห้องไป

ในแววตาเผยถึงความกังวลและความคาดหวัง

…………………………………………………….

[1] แปลตรงตัวหมายถึงการเปลี่ยนคนให้เป็นหมู เนื่องด้วยบทลงโทษนี้เกิดขึ้นในต้นสมัยของราชวงศ์ฮั่นโดยหลี่ว์ไทเฮา (吕太后)ซึ่งใช้ในการประหารขุนนางเก่า โดยลักษณะคือการตัดมือ ตัดเท้า ควักลูกตา เอาทองแดงกรอกหูให้หูหนวก กรอกยาใบ้เข้าปาก ตัดลิ้น ทำลายเส้นเสียง ลากตัวไปไว้ในสุขา หรือบางรายอาจถูกตัดจมูก โกนหัว โกนขนคิ้วและทายาประเภทที่ขนไม่งอกอีก

ตอนที่ 2135 ให้ความสำคัญกับ(ความงาม)ภายในมากกว่า

 “ฉันไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูดสักหน่อยที่จะป่าวประกาศไปทั่ว ไอ้คนใจทราม!”

เหมยเหมยรู้สึกไม่ชอบใจกับการที่เฮ่อเหลียนเช่อโทรมานัก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเตือนเขา เกรงว่าเสี่ยวเป่าโตขึ้นมา เฮ่อเหลียนเช่อก็คงยังไม่เจอสิ่งผิดปกติของเสี่ยวเป่าด้วยซ้ำ

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วตักต้มฟักซี่โครงหมูให้เธอ “อย่าโมโหเลย ซดน้ำแกงสักหน่อยเถอะ”

เขาเองไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เฮ่อเหลียนเช่อปฏิบัติกับเสี่ยวเป่าด้วยใจจริง การที่โทรมาเตือนเขาก็ถือว่าสมเหตุสมผลมาก แต่น่าเสียดายที่อู่เยวี่ยจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายเดือน

เสียเปรียบยัยชั่วนั่นเข้าแล้ว!

“เสี่ยวเป่าต้องรอครบหนึ่งขวบถึงจะปลูกถ่ายกระจกตาได้? ถ้างั้นอู่เยวี่ยก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือนเลยสินะ?” เหมยเหมยสีหน้าบึ้งตึง แค่จินตนาการว่าอู่เยวี่ยยังคงใช้อาการหายใจบนโลกใบนี้ร่วมกับเธอก็รู้สึกแย่มากแล้ว

ทำไมนังแพศยานั่นตายยากตายเย็นเสียจริงนะ?

“ไม่เป็นไรหรอก เฮ่อเหลียนเช่อตัดแขนขาอู่เยวี่ยทั้งสี่ข้างจนกลายเป็นมนุษย์สุกรแล้ว เธอกระโดดไปไหนไม่ได้อีกแล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจเธอ

เฮ่อเหลียนเช่อเกลียดอู่เยวี่ยเข้ากระดูกดำ แค่วันแรกอู่เยวี่ยก็ถูกตัดแขนตัดขาสด ๆทิ้งแบบนั้นแถมยังไม่ฉีดยาชาให้ จากนั้นก็ใช้ยาแก้อักเสบที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้อู่เยวี่ยตายง่าย ๆ แล้วค่อย ๆทรมานเธอไป!

อู่เยวี่ยในตอนนี้มีชีวิตเหมือนอยู่ในขุมนรก ตอนนี้ความหวังเดียวของเธอก็คงจะเป็นความตายแหละมั้ง!

เหมยเหมยรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่มากกว่านั้นคือความสบายใจ!

“สมน้ำหน้า…มันรนหาที่ตายเอง ต้องให้คนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อจัดการ!”

เหมยเหมยพูดเสียงขรึม มุมหนึ่งในใจของเธอปล่อยวางได้เสียที เธอรู้สึกสบายใจเหลือเกิน

มาถึงขั้นนี้อู่เยวี่ยคิดอยากขยับไปไหนก็คงไม่มีทางหนีพ้นเพราะห่างจากความตายแค่เพียงอึดใจเดียว

หายนะครั้งนี้ถือว่าได้รับการกำจัดเสียที!

ปมในใจของเธอทั้งสองภพชาติได้คลายลงแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นขยับถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าเหมยเหมย เร่งให้เธอซดและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

เหมยเหมยมีความสุขจึงซดน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อยหมดเกลี้ยง แถมตักให้ตัวเองเพิ่มอีกถ้วย ยกซี่โครงเนื้อทั้งหมดในถ้วยให้เหยียนหมิงซุ่น ส่วนตัวเธอซดน้ำแกงกับกินฟักไป

“กินเนื้อบ้าง ช่วงนี้เธอผอมไปอีกแล้วนะ”

เหยียนหมิงซุ่นคีบซี่โครงเนื้อให้เธอสองชิ้นด้วยใบหน้าจริงจังจนยากที่จะปฏิเสธได้

“ไม่เอา…มันเลี่ยนเกินไป ผอมสิถึงจะดี ใส่เสื้อผ้าจะได้ดูมีเสน่ห์ สวยจนพี่อยากกลืนกินไงล่ะ!” เหมยเหมยบิดกายออดอ้อน ผู้หญิงล้วนกลัวตัวเองอ้วนอยู่แล้วแม้ว่าจะผอมจนหนังหุ้มกระดูกก็ตาม

แต่เหมยเหมยรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเล็กน้อย เมื่อวานเธอหยิบชุดกระโปรงยาวสีขาวที่ซื้อก่อนหน้านี้มาใส่ ตอนนั้นใส่แล้วดูสวยพอดีตัว แต่เมื่อวานหลังจากเอามาใส่กลับรู้สึกว่าตรงช่วงเอวมีไขมันอยู่มาก ดูแล้วเห็นพุงได้อย่างชัดเจนและไม่สวยเลยสักนิด

แน่นอนว่านี่เป็นความคิดของเหมยเหมยเพียงฝ่ายเดียว

ความจริงแล้วเธอยังใส่สวยเหมือนเดิม เพียงแค่มาตรฐานที่เธอมีต่อตัวเองนั้นสูงขึ้น สวยไร้ที่ติยังไงล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นคีบซี่โครงกลับไปใส่ถ้วยเหมยเหมยเหมือนเดิมแล้วมองเธอหน้านิ่ง เหมยเหมยเห็นดังนั้นก็ขนลุกซู่ ศีรษะก้มต่ำลงเรื่อย ๆแล้วจำใจแทะซี่โครง ทว่าในใจกลับใช้แส้ฟาดใครบางคนไปแล้วห้าร้อยครั้ง!

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “พี่ไม่ได้รู้สึกว่าสวยจนอยากจะกลืนกิน แค่รู้สึกว่าสัมผัสที่ฝ่ามือนั้นแย่กว่าเดิมมาก!”

เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มุมปากยังมีเศษเนื้อติดอยู่…สัมผัสมืออะไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นดึงทิชชูมาเช็ดปากให้เธอ พอเห็นท่าทีซื่อบื้อของเธอจึงผุดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาแล้วก้มหน้ากระซิบข้างหูเธอ “ในทางกลับกันพี่ให้ความสำคัญกับ(ความงาม)ภายในมากกว่า ที่รักเข้าใจหรือยัง?”

เหมยเหมยก้มหน้าตามสายตาของเขาก็เห็นภูเขาสูงชันลูกเล็ก ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าสัมผัสมือคืออะไรจึงทั้งโกรธทั้งเขินอาย

“พี่รังเกียจที่ของฉันเล็กใช่ไหม? งั้นพี่ก็ไปรีดนมที่ฟาร์มโคนมนู้นเลย มันคงทำให้สัมผัสมือของพี่ดีมากเลยล่ะ!”

เหมยเหมยกัดหลังมือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างโมโห กินซี่โครงเนื้ออยู่ดี ๆยังลากมาเรื่องซาลาเปาลูกเล็กของเธอได้ แถมยังกล้ารังเกียจเธออีก?

กัดให้ตายเลย!

………………………………………………………………..

ตอนที่ 2136 ตั้งใจหน่อยสิ

 เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มมองยัยปีศาจน้อยที่โมโหแล้วซดน้ำแกงอย่างสงบ และไม่คิดจะดึงมือกลับเพราะถึงอย่างไรยัยปีศาจน้อยก็ไม่กล้ากัดแรง อย่างมากก็แค่เกิดรอยเขี้ยวขึ้นเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นเอง!

“นมของโคนมไม่ได้สวยจนอยากกลืนกินเหมือนของเธอนี่นา เด็กดี อ้าปาก!”

เหยียนหมิงซุ่นแกะเนื้อบนซี่โครงออกมาป้อนให้เหมยเหมยทาน พอเห็นว่าเธอโมโหจนลืมความมันของเนื้อแล้วกินเข้าไปจึงอดขำไม่ได้

มีภรรยาซื่อบื้อก็สนุกไม่น้อยเหมือนได้เล่นกับแมวน้อยเลยล่ะ

“พี่พูดเองว่าไม่ได้สนใจรูปลักษณ์แต่สนใจ(ความงาม)ภายในไม่ใช่เหรอ? แล้วภายในของโคนมยังไม่เพียงพอสำหรับพี่อีกเหรอ?” เหมยเหมยตอกกลับอย่างโมโห

ไอ้คนหลอกลวง!

เมื่อก่อนเคยพูดว่าไม่ชอบหมั่นโถลูกใหญ่เพราะอุ้งมือเดียวจับได้ไม่หมด แถมบอกว่าชอบซาลาเปาลูกเล็กอย่างเธอมากกว่าเพราะจับในฝ่ามือเดียว คนโง่อย่างเธอก็ดันเชื่อและรู้สึกภาคภูมิใจในซาลาเปาลูกเล็กของตัวเอง

เชอะ ตอนนี้พูดความจริงออกมาแล้วสินะ!

แน่นอนว่าผู้ชายเก้าในสิบคนล้วนชอบหมั่นโถลูกใหญ่ ส่วนที่เหลือนั้นก็คงเป็นพวกที่ตาบอดไม่ก็เกย์!

“หลอกลวง…ไอ้คนหลอกลวง!”

เหมยเหมยจ้องตาเขม็ง เธอยังไม่เคยรังเกียจความต้องการอันไร้ที่สิ้นสุดของไอ้เจ้าบ้านี่เลย!

พออยู่บ้านก็ไม่เคยหยุดหย่อน มีแค่เธอที่อดทนต่อความยากลำบากนั้นได้ ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูสิ?

พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยบ่นอุบอิบก็นึกขำ ถึงจะไม่รู้ว่าบ่นเรื่องอะไรแต่ใช้ส้นเท้าคิดก็ยังเดาได้เลยว่าต้องนินทาเขาอยู่แน่ ๆ!

“ยัยโง่เอ้ย พี่หมายถึง(ความงาม)ภายในและภายนอกของเธอเมื่อเทียบกันแล้วพี่ชอบภายในมากกว่า ส่วนสัตว์ตัวเมียอื่น ๆพี่ไม่แม้แต่จะชายตามองเลยด้วยซ้ำ”

เหยียนหมิงซุ่นพูดจาหวานออดอ้อนด้วยท่าทีจริงจังและสบจังหวะป้อนเนื้อเข้าปากอีกชิ้นพอดี เขาไม่ชอบหมั่นโถลูกใหญ่เหมือนโคนมจริง ๆ แต่เขากลับคิดว่าถ้าซาลาเปาลูกเล็กของภรรยาตนขยายขึ้นอีกสักนิด สัมผัสมือต้องดีกว่านี้แน่นอน!

เหมยเหมยยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ อารมณ์มาคุในใจเลือนหายไปมาก แต่เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาที่เธอจะมานั่งยิ้มจึงรีบตีหน้านิ่งแล้วส่งสายตาเอือมระอากลับไป

“ใครจะรู้กันล่ะว่าพี่พูดความจริงหรือแค่โกหก…ฉันไม่ใช่พยาธิในกระเพาะของพี่นะ…”

“พี่ก็ต้องพูดความจริงอยู่แล้ว ถ้าที่รักไม่เชื่อก็ลองทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งกว่านี้ดูสิ…” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมีเลศนัย แววตาก็หม่นลง

กินข้าวได้มากพอแล้ว ก็ถึงเวลาออกกำลังย่อยอาหารแล้วล่ะ!

“ไม่ต้อง ฉันไม่เชื่อพี่แล้ว และก็ไม่อยากทำความเข้าใจอะไรด้วย”

เคยเสียเปรียบมาหลายครั้ง เหมยเหมยไม่อยากตกปากรับคำอะไรทั้งสิ้น เธอไม่ยอมตกเป็นเบี้ยหรอก!

เธอเหลือบหางตามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างชอบใจ เธอจะคอยดูว่าคนอย่างนายจะเล่นละครคนเดียวอย่างไรต่อไป?

แต่นี่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของท่านหัวหน้าเหยียน ไม่ติดเบ็ดไม่เป็นไร เขาจะเป็นฝ่ายทู่ซี้ยัดเบ็ดให้เอง คิดไม่ถึงล่ะสิ!

“งั้นพี่จะทำความเข้าใจที่รักให้ลึกซึ้งเอง…จากนั้นก็เข้าไปดูที่อยู่ของลูกเราล่วงหน้าว่ามีส่วนไหนที่ต้องแก้ไขปรับปรุงบ้างไหม…”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบทิชชูมาเช็ดปากเหมยเหมยจนสะอาดแล้วอุ้มท่าเจ้าหญิงด้วยท่วงท่าจริงจัง แต่ความเร่าร้อนในดวงตากลับเผยให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าอย่างชัดเจน

สำหรับยัยปีศาจน้อยเขาไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักนิด!

มีความต้องการมากเช่นนี้อยู่ตลอดเลย!

เวลาผ่านไปนานกว่าเหมยเหมยจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น แม้แต่ปลายนิ้วก็ยังแดงซ่าน โมโหมากจนต้องกัดเข้าที่ลำคอของเขา

ทำไมถึงได้หื่นกามขนาดนี้นะ?

“ถ้าลูกน้องของพี่รู้ว่าพี่พูดจาหื่นกามแบบนี้ พี่ยังจะเหลือความน่าเชื่อถืออะไรอีก…”

“พวกเขาไม่มีทางรู้ มีแค่เธอรู้พี่รู้…บุคคลที่สามไม่มีทางรู้แน่นอน…”

“พี่ไปเรียนมาจากใครเนี่ย…” เหมยเหมยแปลกใจไม่น้อย ทั้ง ๆที่ชาติก่อนเหยียนหมิงซุ่นเป็นดั่งภูเขาน้ำแข็ง แม้แต่ภรรยาก็ไม่มี เหตุใดชาติภพนี้ถึงได้หื่นกามถึงเพียงนี้นะ?

เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะเป็นคนขุดมันขึ้นมาเอง?

เหยียนหมิงซุ่นปิดปากเล็ก ๆที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “ชู่ว…ที่รัก…ตั้งใจหน่อยสิ!”

…………………………………………………….

ตอนที่ 2133 พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริงๆ

 “พี่จางคะ มื้อเที่ยงพี่กินแค่นี้เหรอคะ?”

ฉีฉีเก๋อเป็นคนกระตือรือร้น ตอนที่พี่จางเป็นแบบวาดให้ครั้งแรก เนื่องด้วยความเขินอายจึงไม่กล้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้านักศึกษาจนเสียเวลาไปชั่วโมงกว่า ๆ และเป็นฉีฉีเก๋อที่พูดโน้มน้าวใจ ดังนั้นคนพูดน้อยอย่างพี่จางจึงสามารถพูดคุยกับฉีฉีเก๋อได้บ้าง

พี่จางอายุประมาณสามสิบกว่า ๆ เพราะชีวิตทำงานหนักผมจอนสองข้างจึงมีสีขาวขึ้นมาประปราย หางตาก็มีริ้วรอยอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงมีเสน่ห์ ตอนเป็นวัยรุ่นคงต้องสวยมากแน่ ๆ

“ฉันขี้เกียจกลับบ้าน เลยเลือกกินอะไรง่าย ๆน่ะ” พี่จางเม้มปากและยิ้มขวยเขิน ผมเผ้าบนหน้าผากที่ยุ่งเหยิงนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจนแนบสนิทไปกับใบหน้า สีหน้าแววตาเผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า รอยดำใต้ตาเด่นชัดมาก

“พี่จางกินแบบนี้บ่อย ๆไม่ดีนะคะ ร่างกายจะแย่เอาได้ พี่เอานี่ไปกินเถอะ” ฉีฉีเก๋อทอดถอนหายใจ ล้วงเนื้อตากแห้งออกมาจากกระเป๋าของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วยัดทั้งหมดนั่นให้พี่จาง จากนั้นจึงลากพวกเหมยเหมยจากไป

เหยมยเหมยส่งยิ้มและพยักหน้าให้พี่จางแล้ววิ่งเหยาะ ๆตามหลังไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนวิ่งจนเหนื่อยหอบพร้อมกับบ่นอุบอิบ “โธ่เอ้ย…ยัยพวกบ้า เอาของของฉันไปให้เขาแล้วบ่ายนี้ฉันจะกินอะไร?”

“เธอไม่ได้กินสักมื้อคงไม่หิวตายหรอกมั้ง คิดเสียว่าลดน้ำหนัก ดูสิตอนนี้อ้วนจนเป็นหมูแล้ว ระวังจะทับอิงจวี้กังของเธอจนกระดูกหักล่ะ!”

ฉีฉีเก๋อผู้เหนียมอายถูกการชักนำของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำให้ปากคอเราะรายขึ้นจึงนึกอยากเหน็บแนมกลับไปเสียสักที

“เธอนั่นแหละที่เป็นหมู…คนอย่างฉันเรียกอุดมสมบูรณ์ ถ้าหากว่าอยู่ในราชวงศ์ถังก็คงไม่มีหยางอวี้หวนหรอก  นางเอกของเรื่องฉางเฮิ่นเกอ[1]ก็คือฉันนี่แหละ เชอะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่าฉีฉีเก๋อแต่ก็ยังไม่หายโมโห จึงยืดอกพูดว่า “อิงจวี้กังของฉันชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ เขาบอกว่าคนที่ผอมไปก็เป็นแค่โครงกระดูก กัดไม่เข้าหรอก!”

“อย่างเธอนี่กัดเข้าไปก็มันเต็มปาก อร่อยเสียไม่มี แถมยังประหยัดเงินค่าเจลหล่อลื่นด้วย…”

ฉีฉีเก๋อโต้กลับเสียงกร้าว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอึ้งไปนานหลายนาทีกว่าจะได้สติ แล้วก็มีท่าทีเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก…

“ฉีฉีเก๋อเธอนิสัยเสียมากเลยนะ พี่ฉางสอนเธอใช่ไหม สารภาพมาซะดี ๆว่าเธอกับฉางชิงซงไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดวงตาเป็นประกายสีเขียว เธอชอบฟังเรื่องซุบซิบชาวบ้านที่สุดแล้ว

เนื้อตุมซุปหม่าล่าจานหนึ่งเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ทั้งคู่ถึงได้ยอมสงบและรีบลงมือทาน

เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ “ฉีฉีเก๋อ ทางบ้านของพี่จางมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

พี่จางทำความสะอาดเดือนหนึ่งก็ได้เงินหกร้อย  รวมถึงเป็นนางแบบเดือนหนึ่งก็ได้อย่างน้อยหนึ่งพัน รวมกันก็อยู่ที่พันหกถึงพันเจ็ดแล้วซึ่งถือว่ารายได้สูงกว่าคนงานทั่วไปมาก ตามหลักแล้วชีวิตคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย แต่เหตุใดถึงได้มัธยัสถ์จนต้องกินแค่หมั่นโถกับผักดองล่ะ?

ฉีฉีเก๋อทอดถอนหายใจและได้เล่าถึงสถานการณ์ในครอบครัวของพี่จางให้ฟัง

“ลูกชายของพี่จางดวงตาไม่ดีจนเกือบจะตาบอดแล้วด้วย หมอบอกว่าทางที่ดีที่สุดคือการปลูกถ่ายเยื้อกระจกตา ค่าผ่าตัดหลายหมื่นแต่ต้องรอกระจกตาที่เหมาะสม พี่จางกลัวว่าถ้าได้กระจกตาแล้วจะหาเงินไม่ได้ถึงได้ยอมมาเป็นแบบสรีระมนุษย์ไง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ได้ฟังก็ตกตะลึง คาดไม่ถึงเลยว่าการที่พี่จางมาเป็นนางแบบจะมีเรื่องอื่นแฝงอยู่ ไม่แปลกใจเลยที่เธอเอาแต่หางานทำทุกที่!

“พ่อแม่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกจริง ๆ!” เธอทอดถอนหายใจพลางตะโกนเรียกเถ้าแก่เนี้ย “ขอหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานหนึ่งที่ค่ะ ห่อกลับนะคะ!”

เหริ่นเชี่ยเชี่ยนยิ้มร่า “เดี๋ยวแวะเอาไปให้พี่จางสักหน่อย กินแต่หมั่นโถกับผักดองทุกวัน ขนาดมนุษย์เหล็กยังทนไม่ไหวเลย”

เหมยเหมยทำสีหน้าขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ คำพูดของฉีฉีเก๋อทำให้ในหัวของเธอผุดเรื่องที่เธอสงสัยมาหลายวันนี้ขึ้นได้จึงหลับตาลงอย่างใช้ความคิด เพื่อลองดูว่าจะนึกออกไหม

“นึกออกสักที…”

เหมยเหมยตบโต๊ะอย่างแรงและดีใจเอามาก ๆ

……………………………………………………….

ตอนที่ 2134 อู่เยวี่ยยังคงมีประโยชน์

“เธอนึกอะไรออกเหรอ…ตกอกตกใจกันหมด!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจจนแทบจะมุดลงใต้โต๊ะจึงบ่นอุบอิบขึ้น

“กินเนื้อสิ กินเยอะ ๆล่ะ!”

เหมยเหมยคีบเนื้อชิ้นใหญ่ให้เธอหลายชิ้น ดูอารมณ์ดีไม่น้อย เธอเข้าใจเสียทีว่าสิ่งที่ทำให้เธอจิตใจฟุ้งซ่านคืออะไร ดวงตาของเสี่ยวเป่านั่นเอง?

เสี่ยวเป่าตาบอดโดยกำเนิด ไม่แน่ว่าหากได้รับการปลูกถ่ายเยื่อกระจกตาอาจทำให้สายตาใช้การได้ เช่นนั้นจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่ากระจกตาของผู้เป็นแม่แท้ ๆอย่างอู่เยวี่ยอีกล่ะ!

คิดเสียว่าอู่เยวี่ยได้อุทิศให้กับลูกชายก่อนตายแล้วกัน!

เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น แล้วจะมีกะจิตกะใจกินข้าวเสียอีกที่ไหนกัน เธอต้องรีบโทรหาเหมยซูหานให้เขาเตือนเฮ่อเหลียนเช่อว่าอย่าเพิ่งฆ่าอู่เยวี่ยให้ตายในครั้งเดียว เธอเคยได้ยินว่าต้องเอากระจกตาออกก่อนที่จะเสียชีวิตถึงจะทำการปลูกถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากตายแล้วจะใช้การไม่ได้

และเรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดมาแต่กำเนิดก็มีเพียงเธอและเหยียนหมิงซุ่นที่รับรู้ เฮ่อเหลียนเช่อและคนอื่นๆ จะต้องคิดไม่ถึงแน่ เธอคงต้องเตือนถึงจะเป็นผล

“พวกเธอกินไปก่อนนะ ฉันขอออกไปโทรศัพท์ก่อน!”

เหมยเหมยล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋าเป็นโมโตโรล่ารุ่นใหม่ล่าสุด เบากว่าโปรศัพท์อิฐบล็อกมาก แน่นอนว่าราคาไม่ใช่ถูก ๆ ฟังก์ชั่นก็มีแค่ไม่กี่อย่างและทำได้แค่ส่งข้อความและโทร

เธอหาที่เงียบ ๆแล้วโทรหาเหมยซูหาน

“เหมยเหมยมีธุระอะไรเหรอ?”

“อู่เยวี่ยตายหรือยัง? นายอย่าเพิ่งให้เฮ่อเหลียนเช่อรีบฆ่าอู่เยวี่ยล่ะ เธอยังมีปะโยชน์อยู่” เหมยเหมยพูดออกไปตรง ๆ เหมยซูหานนิ่งชะงักไปและรีบเอ่ยขึ้นว่า “รอเดี๋ยวนะ ฉันขอหาที่คุยก่อน!”

เหมยซูหานขอให้เลขาช่วยเป็นประธานในการประชุมแทนเขา ส่วนเขากลับมาที่ห้องทำงานและถามต่อว่า “อู่เยวี่ยทำไมเหรอ?”

“เสี่ยวเป่าตาบอดโดยกำเนิด กระจกตาของอู่เยวี่ยเหมาะสมกับเสี่ยวเป่าที่สุดแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เธอยังตายไม่ได้ รอให้เสี่ยวเป่าปลูกถ่ายกระจกตาเสร็จแล้วค่อยจัดการ”

“เคร้ง”

เกิดเสียงดังลอดผ่านปลายสายมา เห็นได้ว่าเหมยซูหานตกใจแค่ไหน เขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง ดวงตาของเสี่ยวเป่างดงามขนาดนั้นทำไมถึงบอดมาตั้งแต่กำเนิดได้ล่ะ?

“เป็นไปไม่ได้…เหมยเหมยเธออย่าล้อเล่นสิ!”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น นายให้หมอตรวจเสี่ยวเป่าได้เลย จริง ๆแล้วพวกนายเองน่าจะรู้ดี ด้วยสายเลือดของเสี่ยวเป่าแล้ว จะไม่เกิดปัญหาอะไรเลยสักนิดได้เหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย็นชา

เหมยซูหานพลั้งปากพูด “เป็นไปไม่ได้หรอก เสี่ยวเป่าเขาไม่ใช่…”

ฉับพลันที่เขารู้ตัวว่าได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปจึงยั้งไว้ได้ทัน เหมยเหมยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ใช่พันธุกรรมของเฮ่อเหลียนเช่อใช่ไหมล่ะ? แต่สายเลือดของเสี่ยวเป่าก็ยังมีสิ่งผิดปกติอยู่ดี นายขอให้เฮ่อเหลียนเช่อไปตรวจสอบตระกูลของหนิงเฉินเซวียนได้เลย มันเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงมาก เสี่ยวเป่ามีชีวิตอยู่ในตระกูลแบบนี้ช่างน่าสงสารเหลือกิน!”

เธอไม่อยากพูดอะไรมาก เรื่องราวน่ารังเกียจของตระกูลหนิงแค่พูดถึงก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว เสี่ยวเป่าน่าสงสารจริง ๆที่ต้องมาเกิดในตระกูลแบบนี้!

เหมยซูหานฟังเสียงเจื้อยแจ้วผ่านปลายสายด้วยท่าทีเคร่งขรึม ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้วางสาย และเรียกผู้ช่วยพิเศษของเขามา ทั้งยังสั่งให้ไปตรวจสอบเรื่องบรรพบุรุษของหนิงเฉินเซวียน ส่วนตัวเขาก็กลับไปหาเฮ่อเหลียนเช่อพร้อมพาหมอไปด้วย

ช่วงทานมื้อค่ำเหยียนหมิงซุ่นถามเหมยเหมย “เธอบอกเหมยซูหานเรื่องดวงตาของเสี่ยวเป่าแล้วเหรอ?”

“อืม ฉันแค่อยากจะย้ายกระจกตาของอู่เยวี่ยมาไว้ในดวงตาของเสี่ยวเป่า แบบนี้เสี่ยวเป่าก็สามารถมองเห็นได้แล้ว” เหมยเหมยรู้สึกว่าเธอมีความคิดที่ค่อนข้างดี ได้ประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย!

“ช่วงบ่ายเฮ่อเหลียนเช่อโทรมาหาพี่ บอกให้พวกเราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เขาไม่อยากให้หนิงเฉินเซวียนรู้เรื่องนี้” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ย

“ทำไมล่ะ?”

“หนิงเฉินเซวียนโหดเหี้ยมไร้ความรู้สึก ถ้าเขารู้ว่าเสี่ยวเป่าตาบอดมาตั้งแต่เกิดจะต้องทอดทิ้งเขาแน่ ๆ แบบนั้นเสี่ยวเป่ายิ่งเป็นอันตราย” เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า เมื่อเทียบกับหนิงเฉินเซวียนแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อถือว่ามีความเป็นคนกว่ามาก

“สัตว์ชั้นต่ำ เขากับอู่เยวี่ยต่างหากที่เป็นคู่สร้างคู่สมกัน!” เหมยเหมยด่าทออย่างโกรธแค้น

…………………………………………………..

[1] ละครเรื่อง长恨歌 แปลไทยในชื่อว่า ลำนำโศกนิรันดร์

ตอนที่ 2131 ถูกหลอกอีกแล้ว  

พอเหมยเหมยรู้ว่าอู่เยวี่ยถูกจับกลับมาแล้วก็พลันนึกโล่งใจ แต่เพียงไม่นานก็รู้สึกกังวล

“คราวนี้เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ปล่อยเธอหนีไปอีกใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทีตึงเครียดของเธอ ก็อดขำไม่ได้ “วางใจเถอะ เฮ่อเหลียนเช่อแทบจะกินอู่เยวี่ยทั้งเป็นอยู่แล้ว จะปล่อยเธอไปได้ยังไง ตอนนี้คงจะทรมานอู่เยวี่ยอยู่แน่นอน!”

“งั้นก็ดี ผู้หญิงชั้นต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉาน ต่อให้ใช้ทัณฑ์หลิงฉือ[1]บั่นเอวทิ้งก็คงไม่หายโมโห ไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด…” เหมยเหมยด่าทออย่างเคียดแค้น แค่เธอนึกถึงเสี่ยวเป่าที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินเพียงลำพัง ไฟโทสะก็ยิ่งปะทุสูงขึ้น ซ้ำยังนึกอยากกินอู่เยวี่ยทั้งเป็น

เจ้าบ้าเฮ่อเหลียนเช่อรักเสี่ยวเป่ามากยิ่งกว่าเดิม ดูท่าคงไม่ปล่อยยัยชั่วนั่นไปแน่ ๆ ครั้งนี้คงถึงคราวตายของอู่เยวี่ยแล้วจริง ๆ!

“แล้วเหยียนหมิงต๋าเป็นอย่างไรบ้าง? เฮ่อเหลียนเช่อยอมปล่อยเขาไปไหม?” เหมยเหมยนึกว่าไอ้คนวิปริตจอมใจแคบนั่นไม่มีทางปล่อยเหยียนหมิงต๋าไปแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรจึงรู้สึกแปลกใจมาก!

เหยียนหมิงซุ่นเล่าเรื่องเดิมพันระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเช่อพร้อมแกะกุ้งมังกรน้อยให้เธอกินไปพลาง เจ้าพวกนี้แพร่พันธุ์ได้รวดเร็วนัก เมื่อปีก่อนเขาโยนพวกมันลงไปในสระหลังบ้านเพียงแค่ไม่กี่ตัว คิดไม่ถึงว่าปีนี้มันจะกลายเป็นหายนะไปเสียได้

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่กี่วันก่อนฝนตกหนักจนกุ้งมังกรน้อยในบ่อปีนขึ้นมาเกลื่อนกลาดเต็มไปทั่วบริเวณนั้น เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสระน้ำในบ้านของตนเองได้กลายเป็นโลกของกุ้งมังกรน้อยไปแล้ว!

สระบัวในบ้านก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ลุงเหลาแค่งมหามาลวก ๆกับข้าวมื้อนั้นก็ตั้งเต็มโต๊ะแล้ว คาดว่าคงเพียงพอที่จะบริการให้ยัยปีศาจน้อยไปได้อีกครึ่งค่อนเดือนเชียวล่ะ

เหยียนหมิงซุ่นปวดขมับแต่เหมยเหมยกลับดีใจยกใหญ่ พูดสวยหรูว่าไม่ควรทำให้เสียของโดยเปล่าประโยชน์จึงให้ป้าฟางทำผัดเผ็ดกุ้งมังกรน้อยแทบทุกวัน เธอกินอย่างชอบใจทั้งยังลากฉิวฉิวมากินด้วยอีกต่างหาก ทั้งคนทั้งกระรอกกินอย่างเอร็ดอร่อย

ช่วงนี้ลุงเหลาป้าฟางคู่สามีภรรยาก็ถูกเหมยเหมยชักจูงไปด้วยจนทานหมดชามใหญ่ทุกวัน แม้แต่เขาที่ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบกินกุ้งมังกรน้อยสักเท่าไรนักยังติดชอบทานไปด้วยจนต้องทานตามกันไป

ส่วนเมื่อก่อนที่เขาเคยตั้งกฎไว้ว่าในหนึ่งเดือนจะทานกุ้งมังกรน้อยได้แค่สามมื้อเท่านั้น โดยหนึ่งมื้อจะต้องไม่เกินหนึ่งกิโล แต่นั่นก็ถูกลืมไปตั้งนานแล้วและไม่มีใครเอ่ยถึงอีก!

เหยียนหมิงซุ่นนำเนื้อกุ้งมังกรน้อยที่แกะเสร็จแล้วแกว่งไปมาข้างมุมปากของเหมยเหมยอย่างยียวน จากนั้นก็ยิ้มแล้วส่งเข้าปากตัวเองไป หลังจากที่กินเจ้าสิ่งนี้มาหลายครั้งก็ถือว่ารสชาติไม่เลวเลย ตอนนี้เขาเริ่มที่จะเชื่อคำพูดของยัยปีศาจน้อยขึ้นมาแล้วว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเจ้ากุ้งมังกรน้อยพวกนี้คงถูกจับกินจนสูญพันธุ์ได้!

“ไอ้บ้า…”

เหมยเหมยโมโหจนต้องฟาดมือลงบนหลังมือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างแรง จากนั้นก็หยิบอีกตัวหนึ่งขึ้นมาแกะ ฉิวฉิวที่อยู่ข้าง ๆมีภูเขาขนาดย่อมกองอยู่ตรงหน้านานแล้ว เขี้ยวของคุณชายฉิวแหลมคมมาก แกะได้ว่องไวเสียยิ่งกว่าเหยียนหมิงซุ่น แวบเดียวก็แกะมาได้ตัวหนึ่งแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่าพลางแกะอีกหนึ่งตัวและป้อนเหมยเหมยที่กำลังโมโหอยู่ นั่นจึงทำให้เธอยิ้มได้ จากนั้นจึงหันมาสนใจน้องชายหน้าโง่อย่างเหยียนหมิงต๋าต่อ!

“คนอย่างเหยียนหมิงต๋าจะเป็นคู่ปรับของเฮ่อเหลียนเช่อได้เหรอ? เธอลองพนันดูสิว่าครั้งนี้เหยียนหมิงต๋าจะรอดไหม?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจต่อความคิดของเหยียนหมิงซุ่นมาก ทำไมถึงได้ผลักน้องชายตัวเองเข้าไปในเตาไฟอย่างนั้นล่ะ!

“ปีนี้ทั้งปีให้เหยียนหมิงต๋าไปอยู่ในหุบเขาลึก เขาจำเป็นต้องขังตัวสำนึกผิด คิดได้เมื่อไรค่อยออกมา”

เหยียนหมิงซุ่นวางแผนไว้อยู่แล้ว เหยียนหมิงต๋าอยู่ในกองทัพอีกต่อไปไม่ได้จึงเตรียมที่จะส่งเขาไปอยู่ในป่ารกร้างห่างไกลผู้คน ให้เขาได้อยู่เงียบ ๆและขบคิดสักปี ไม่มีไฟฟ้าไม่มีอินเทอร์เน็ตไม่มีโทรศัพท์ อยากรู้เหมือนกันว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะตามหาเหยียนหมิงต๋าเจอได้อย่างไร!

เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเขาในทันทีจึงยกนิ้วโป้งให้เขา ผู้ชายของเธอช่างเยี่ยมจริง ๆ เฮ่อเหียนเช่อหน้าโง่นั่นโดนหลอกอีกแล้ว!

ในท่าทีสงบนิ่งของเหยียนหมิงซุ่นนั้นมีความพึงพอใจซุกซ่อนไว้อยู่ เขาชื่นชอบการได้รับคำชมจากภรรยาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าถ้าเปลี่ยนสถานที่มันคงดีกว่านี้

“รีบกินเถอะ…กินเยอะ ๆล่ะ!”

เหยียนหมิงซุ่นดูขยันขันแข็งขึ้นมา รีบกินจะได้รีบเข้าห้องจัดการธุระไงล่ะ!

เหมยเหมยมองค้อนใส่แล้วบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นจึงยื่นเท้าออกไปเหยียบมั่วซั้วเรื่อยเปื่อย และไม่รู้ด้วยว่าเหยียบโดนส่วนไหนเข้า เหยียนหมิงซุ่นตัวแข็งทื่อทันที แววตาก็หม่นลงส่อแววอันตราย

“…เธอกำลังจุดประกายไฟอยู่นะ ที่รัก…อีกเดี๋ยวค่อยกินนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเหมยเหมยขึ้นมอบกุ้งมังกรน้อยชามใหญ่เป็นรางวัลให้กับฉิวฉิว แล้วพุ่งตรงไปที่ห้องนอนอย่างอดใจไม่ไหว…

…………………………………………………………

ตอนที่ 2132 แบบสรีระ(มนุษย์)

อู่เยวี่ยถูกจับตัวได้แล้ว เหยียนหมิงต๋าเองก็ถูกส่งตัวไปเป็นนักพรตในเขตป่าลึก เรื่องน่ารำคาญใจถูกคลี่คลายลงไปเกือบหมดแล้ว เหมยเหมยจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก รวมถึงการที่มีกุ้งมังกรน้อยให้กินทุกวันไม่มีหมดยิ่งทำให้อารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก!

แต่ในช่วงเวลานี้เธอรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างที่เธอลืมเลือนไปแต่กลับนึกไม่ออก หลายครั้งที่ลอยแวบเข้ามาในหัวแต่ก็จับไว้ไม่ได้สักที

“เธอเป็นอะไรไป ดูใจลอยจัง คงไม่ใช่เพราะเมื่อคืนถูกผู้ชายของเธอจัดซะอ่วมหรอกนะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขยิบตาส่งให้เหมยเหมยอย่างมีเลศนัยด้วยเจตนาร้าย

ช่วงนี้เธอปลดปล่อยตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกมื้ออาหารต้องมีเนื้อสัตว์ ไม่มีเนื้อสัตว์ก็จะไม่มีความสุข ร่างกายก็พลันอวบอิ่มขึ้นทุกวัน หน้าตามีราศีราวกับจักรพรรดินีเจิ้งกง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนอ้วนที่มีความสุข

“ปากของหมาคายงาช้างออกมา[2]ไม่ได้จริง ๆ…รีบกินข้าวไปเลย!” เหมยเหมยจ้องเธอเขม็งอย่างโมโห

ระยะนี้แม่สาวอ้วนนี่เริ่มพูดจาเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ คำพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาหมดราวกับคนที่ผ่านประสบการณ์ลิ้มลองเรื่องนั้นมาแล้วจึงกล้าพูดโต้ง ๆออกมาอย่างไม่อายปาก แถมยังชอบถามถึงเรื่องบนเตียงเป็นพิเศษด้วย

“ปากของหมาคายได้แค่เขี้ยวหมา ถ้าคายงาช้างออกมาได้ฉันคงเลี้ยงหมาเป็นคอก เก็บงาช้างขายแล้วเปิดร้านหม้อไฟเนื้อหมา จะว่าไปเรื่องการตุ๋นเนื้อหมาของแม่อิงจวี้กังก็นับว่าสุดยอดเหมือนกัน รสชาตินั้น…หอมที่สุดเลย ปีหน้าฉันจะเปิดร้านหม้อไฟเนื้อหมา ธุรกิจจะต้องไปไกลแน่นอน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดจนน้ำลายสอ แววตาทอประกาย ในหัวคิดคำนวณถึงเงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดร้าน แม้แต่ชื่อร้านก็คิดไว้แล้ว

“ถ้าเธอยังกินไม่หยุด ระวังเอาไว้เถอะตอนแต่งงานเจ้าบ่าวจะอุ้มเธอไม่ไหว!” เหมยเหมยจงใจพูดประชด แต่ที่พูดไปก็คือความจริง

อิงจวี้กังเป็นหนุ่มแบบฉบับของชาวตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนสูงปานกลางและค่อนข้างผอม น้ำหนักของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสามารถทับเขาได้เลย พละกำลังแค่นั้นของอิงจวี้กังจะอุ้มเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนในงานแต่งงานได้อย่างไร? คงโดนทับจนแบนแทนแน่!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก้มมองสำรวจร่างกายขาว ๆอวบอ้วนของตัวเอง แล้วมีท่าทีจริงจังขึ้นมา

“นั่นสิ…ต้องอุ้มท่าเจ้าหญิงด้วย…ไม่ได้การล่ะ ต้องเริ่มลงมือตอนนี้เลย!”

ฉีฉีเก๋อพูดเย้าหยอก “เธอจะเตรียมตัวลดความอ้วนอีกแล้วเหรอ?”

“ฉันเหรอจะลด ต้องให้อิงจวี้กังไปออกกำลังที่ฟิตเนสวันละสองชั่วโมง อย่างน้อยต้องเล่นให้ได้ซิกซ์แพ็คสักแปดชั้น” เหริ่นเชี่ยเชี่ยนส่งสายตาระอาไปให้เธอ และกำหนดชีวิตอันน่าสงสารของอิงจวี้กังในอนาคตเอาไว้

เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก…ขอไว้อาลัยให้กับเพื่อนอิงสามวินาที!

“รีบไปกินข้าวกัน ฉันหิวจะแย่แล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเร่ง ตลอดทั้งเช้าเอาแต่วาดสรีระมนุษย์ เหนื่อยเอาการต้องบำรุงสักหน่อย

“จะว่าไปฉันเองก็หิว เราไปกินข้าวที่ถนนด้านหลังกันเถอะ กับข้าวในโรงอาหารกินไม่ลง” เหมยเหมยเองก็เริ่มหิว จึงเสนอให้ไปกินที่ร้านอาหาร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็เห็นด้วย

“เอ๊ะ นั่นพี่จางไม่ใช่เหรอ?” ฉีฉีเก๋อหรี่ตามอง แวบเดียวก็มองเห็นหญิงสาวที่นั่งกินมื้อเที่ยงอยู่ในแปลงพุ่มดอกไม้

หญิงสาวสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าขาว ข้อศอกและรักแร้มีรอยปะอยู่หลายจุด กางเกงเองก็มีรอยปะเช่นกัน ขาลีบเล็กแต่ไม่ได้ดูน่าเกลียดนัก ทว่ากลับทำให้รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย

พี่จางเพิ่งมาทำงานในมหาวิทยาลัยหลังจากเปิดภาคเรียน ซึ่งจะรับผิดชอบดูแลเรื่องความสะอาดของแปลงดอกไม้ในสนามทิศตะวันตกของโรงเรียน งานหนักไม่เบา ว่ากันว่าพี่จางเป็นคนงานหญิงที่ถูกปลดออกจากโรงงานสิ่งทอ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ญาติห่าง ๆเพียงคนเดียวของเธอคือแม่บ้านจึงได้แนะนำเธอให้เข้ามาทำงานที่นี่ชั่วคราว

พวกเหมยเหมยรู้จักพี่จางเพราะคนที่เป็นแบบสรีระมนุษย์ที่พวกเธอวาดมาตลอดทั้งเช้าก็คือพี่จางนี่แหละ

การวาดสรีระมนุษย์คือหลักสูตรภาคบังคับของที่นี่ แต่ในฮวาเซี่ยค่อนข้างเป็นอนุรักษ์นิยม คนที่จะเต็มใจมาเป็นแบบนู้ดให้มีน้อยมาก ต่อให้ตีราคาสูงแค่ไหนก็ไม่มีใครยินยอมที่จะทำจนหาคนไม่ได้ ฉะนั้นเลยทำได้เพียงแลกเปลี่ยนกันวาด หรือส่องกระจกวาดตัวเองเอา

ทว่าพี่จางกลับเต็มใจมาเป็นแบบสรีระมนุษย์ให้ การวาดหนึ่งครั้งให้เงินหกสิบหยวน ในช่วงเวลานี้นับว่าเป็นรายได้ที่สูงมากแล้วล่ะ

พอเหมยเหมยเห็นว่าพี่จางกินแต่อาหารง่าย ๆแค่น้ำเปล่ากับหมั่นโถพร้อมผักดองทานตราฝูหลิงอีกหนึ่งถุงก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้

………………………………………………………

[1] คือ ทัณฑ์ทรมานประเภทหนึ่งของพระนางซูสี เป็นการลงโทษด้วยวิธีแล่เนื้อเถือหนัง ตัดชิ้นส่วนร่างกาย เพื่อการประหารชีวิตนักโทษ

[2] เป็นสำนวนแปลว่า คนไม่ดีก็มีแต่จะพูดเรื่องไม่ดีออกมา

ตอนที่ 2129 คนของฉันมีแค่ฉันที่จัดการได้

ท่าทีของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ในความคาดหมายของเหยียนหมิงซุ่น เขาจึงไม่คิดจะพูดอ้อมค้อมกับหมอนี่เลยบอกไปตามตรงว่า “หมิงต๋าทำผิดจริง ฉันจะลงโทษเขาเอง ไม่ต้องลำบากแกหรอก”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน เขามองอีกฝ่ายอย่างเย็นยะเยือก “เหยียนหมิงซุ่นนี่แกจงใจจะต่อกรกับฉันสินะ?”

“แน่นอนว่าเปล่า แค่…คนของฉัน มีแค่ฉันที่จัดการได้” เหยียนหมิงซุ่นเน้นเสียงหนักแน่น แม้รู้ดีว่าเช่นนี้จะเป็นการสร้างความบาดหมางกับเฮ่อเหลียนเช่อ แต่เขาจะส่งเหยียนหมิงต๋าให้เจ้าโรคจิตนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ไม่ว่าจะเพราะความสัมพันธ์หรือเพราะศักดิ์ศรี เขาจะยอมไม่ได้!

ไม่อย่างนั้นเมื่อไรที่เขามอบตัวน้องชายแท้ ๆให้เขาไปต้องมีข่าวลือแพร่สะพัดทั่วเมืองหลวงทันทีว่าคุณชายหมิงเกรงกลัวคุณชายเช่อเลยมอบตัวน้องชายเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง…

เมืองนี้มีคนรอดูเรื่องตลกเขามากนัก แต่ละคนคอยจับตาดูทุกย่างก้าวของเขาและคอยติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้อยู่ เขาจะพูดผิดไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียวและจะทำผิดไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว เขาต้องรอบคอบระมัดระวังเสมอ

เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าเรียบนิ่ง ความจริงเขาพอจะคาดเดาวิธีการของเหยียนหมิงซุ่นได้แต่แรกแล้ว เปลี่ยนเป็นเขาก็ไม่มีทางส่งมอบคนของตัวเองให้คู่อริแน่นอน ต่อให้เป็นลูกน้องก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วนี่ยิ่งเป็นน้องชายแท้ ๆอีกต่างหาก!

“เหยียนหมิงซุ่น ทางที่ดีแกอธิษฐานให้พระเจ้าคุ้มครองน้องชายของแกให้ได้ตลอดชีวิตแล้วกัน หึ…อย่าให้ฉันเจอตัวล่ะ!” เฮ่อเหลียนเช่อข่มขู่ออกไปตรง ๆ

“งั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแกแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อ เรามาพนันกัน!” จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็ยื่นข้อเสนอขึ้นมา เรียกให้เฮ่อเหลียนเช่อชะงักไม่เข้าใจความหมาย

“พนันอะไร?”

“ถึงหมิงต๋าจะทำผิดไปแต่เขาถูกอู่เยวี่ยหลอกใช้ถึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ ตอนนี้เสี่ยวเป่าไม่เป็นไรแล้ว จะว่าไปเหมยเหมยของฉันก็เป็นผู้มีพระคุณของเสี่ยวเป่าเชียวนะ บุญคุณความแค้นหักล้างกันไปนายว่ายังไง?”

เหยียนหมิงซุ่นเบี่ยงประเด็นไม่เอ่ยถึงเรื่องพนัน ผ่อนน้ำเสียงลงใช้เหตุผลและความรู้สึกหว่านล้อมเฮ่อเหลียนเช่อ

เหมยซูหานเอาศอกกระทุ้งหลังเฮ่อเหลียนเช่อเบา ๆให้เขามีขอบเขตอย่าเอาแต่กัดไม่ปล่อย

เขากับเหยียนหมิงต๋ารู้จักกันมาหลายปีจึงรู้ดีว่าเจ้าโง่นี่หลงใหลอู่เยวี่ยเพียงใด เรื่องนี้ถึงเหยียนหมิงต๋าจะมีความผิดแต่ไม่ใช่ความผิดถึงขั้นต้องตาย คนที่ควรตายคืออู่เยวี่ย

สิ่งสำคัญที่สุดคือเสี่ยวเป่าไม่ได้เป็นอะไรถึงชีวิตแต่กลับพลิกวิกฤตเป็นโอกาสที่จะได้รับชีวิตใหม่อีกด้วย ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นตามจับอู่เยวี่ยกลับมาได้ก็ให้เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้ เหตุใดต้องต่อกรกับเหยียนหมิงซุ่นต่อล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อบิดตัวเล็กน้อย แสร้งไม่รับรู้ถึงการเตือนจากเหมยซูหาน เขาเข้าใจเหตุผลดีแต่เขาทนไม่ได้

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเสี่ยวเป่าแต่มันคือเรื่องศักดิ์ศรีของเขาด้วย ตอนนี้ข้างนอกต้องมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังหัวเราะเยาะเขา เย้ยที่ลูกน้องเขาไร้ความสามารถแม้แต่ผู้หญิงกับเด็กทารกยังคุมไม่อยู่ แต่ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นกลับจับตัวได้อย่างง่ายดาย

เหมยซูหานมองปราดเดียวก็รู้ทันว่าเจ้าหมอนี่กำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าหมอนี่คิดถึงแต่เรื่องศักดิ์ศรีจนไม่สนใจความรู้สึกของตนเอง เขาจึงบันดาลโทสะในชั่วขณะ ยกเท้าถีบตรงข้อพับขาของเฮ่อเหลียนเช่อ ดูสิว่าเขายังกล้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกไหม

เหยียนหมิงซุ่นปากกระตุก ดูไม่ออกเลยว่าเหมยซูหานที่อ่อนโยนเรียบร้อยมาโดยตลอดจะมีมุมที่โหดแบบนี้ด้วย!

ดูท่าทางเฮ่อเหลียนเช่อที่ดุร้ายยิ่งกว่าเสือจะถูกเหมยซูหานที่ดูไร้พิษสงกำราบเสียอยู่หมัดแล้ว สมแล้วที่บนโลกนี้มีคนปราบพยศได้!

เฮ่อเหลียนเช่อไม่กล้าขัดขืนเหมยซูหานแต่เขายังไม่พอใจอยู่ดีเลยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เมื่อกี้แกบอกว่าพนันหมายความว่าไง?”

เหยียนหมิงซุ่นลอบยิ้มร่าในใจ รู้อยู่แล้วว่าหมอนี่ต้องหลงกล ช่วงนี้สติปัญญาใช้ไม่ได้เลย!

…………………….

ตอนที่ 2130 ค่อยๆ ทรมานอู่เยวี่ยจนตาย

“ง่ายมาก ถึงจะหักล้างบุญคุณความแค้นไปแต่ฉันก็ยังค้างคาใจอยู่ดี หมิงต๋าต้องได้รับโทษจริง ๆ เอางี้แล้วกันฉันให้เวลาแกหนึ่งปี ในหนึ่งปีนี้แกไปคิดบัญชีกับหมิงต๋าได้ แกจะทำอะไรก็ได้ ถ้าหมิงต๋าตายหรือพิการนั่นเป็นเพราะเขาไร้ความสามารถ แต่ถ้า…”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดขัดเขาแล้วเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ไม่มีคำว่าถ้า…เหยียนหมิงซุ่น แกเป็นคนพูดเองนะ ถึงตอนนั้นถ้าฉันทำน้องชายของแกตายแกอย่ามาคิดบัญชีกับฉันเชียว!”

“ไม่หรอก หนึ่งปีนี้ถ้าแกมีความสามารถมากพอ ต่อให้จะหั่นหมิงต๋าเป็นชิ้น ๆ ฉันก็จะไม่ว่าสักคำ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงหนักแน่น

เฮ่อเหลียนเช่อตาประกายวาวอย่างกระหายเลือด อย่าว่าแต่หนึ่งปีเลย ต่อให้เพียงครึ่งปีเขาก็สามารถจบชีวิตไอ้สารเลวเหยียนหมิงต๋าได้เช่นกัน!

ได้ยินมานานแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนหมิงซุ่นกับพ่อแท้ ๆและแม่เลี้ยงไม่ดีมากนัก หรือว่าหมอนี่คิดจะอาศัยมือเขาฆ่าน้องชายแท้ ๆ?

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ยื่นข้อเสนอการพนันแสนโง่เขลาแบบนี้ได้ล่ะ?

เหมยซูหานเองก็มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงท้าพนันแบบนี้ นี่กำลังส่งเหยียนหมิงต๋าไปตายชัด ๆ!

“เหยียนหมิงซุ่น นายลองคิดดูดี ๆอีกทีเถอะ เหยียนหมิงต๋าเป็นน้องชายแท้ ๆของนายนะ!” เหมยซูหานเอ่ยเตือนเสียงอ่อน หวังว่าเขาจะไม่เผลอทำอะไรโง่ ๆเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ ทำไมถึงได้เข้าข้างคนนอกนักนะ!

“ดี เรื่องนี้ตกลงตามนี้ เริ่มพนันกันเมื่อไร?” เฮ่อเหลียนเช่อกลัวเหยียนหมิงซุ่นกลับคำเลยตอบตกลงไปโดยไม่คิด

“หนึ่งเดือนหลังจากนี้ รอแผลตรงขาของหมิงต๋าหายดีค่อยเริ่ม!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเรียบนิ่งและไม่มีสีหน้าสื่ออารมณ์ใด ๆจนทำให้คนเดาความคิดของเขาไม่ถูก

“ได้ ตกลง!” เฮ่อเหลียนเช่อแสยะยิ้มกว้างและจับมือถือว่าสร้างสัญญากับเหยียนหมิงซุ่น

เหมยซูหานได้แต่ภาวนาให้เหยียนหมิงต๋าเงียบ ๆ ดูท่าทางเวลาจบชีวิตของเจ้าโง่นี่เริ่มนับถอยหลังแล้ว เฮ้อ!

“งั้นผู้หญิงคนนี้ก็ฝากแกด้วยแล้วกัน!”

เหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณให้ลูกน้องก่อนที่อู่เยวี่ยในสภาพทรุดโทรมจะถูกพาตัวเข้ามา ไม่ต้องรอคนของเฮ่อเหลียนเช่อรับตัวไปเหยียนหมิงซุ่นก็ลงมือไวปานสายฟ้าตบตามตัวอู่เยวี่ยติดต่อกันหลายครั้ง คางของอู่เยวี่ยถูกสกัดไว้ทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดถาโถมเข้ามาจนยากจะรับไหว แต่กลับปริเสียงไม่ออกเลยทำหน้าบิดเบี้ยวดูแล้วน่าเกลียดอย่างมาก

“แกทำอะไร!” เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจมาก

ต่อให้อู่เยวี่ยสมควรตายอย่างไรก็เป็นคนของเขา เหยียนหมิงซุ่นมีสิทธิ์อะไรมาจัดการคนของเขาต่อหน้าเขากัน?

เรื่องความลำเอียงสองคนนี้คล้ายกันดีนะ!

“ฉันสะกดจุดตรงกระดูกสะบักกับแขนขาหล่อนเอาไว้ไม่ให้ขยับตัวได้ในหนึ่งเดือน เผื่อถึงตอนนั้นจะได้ไม่ฟื้นคืนชีพปลอมตัวเป็นคนอื่นมาทำร้ายใครอีก!” เหยียนหมิงซุ่นสะบัดมือมองอู่เยวี่ยที่นอนขดตัวบนพื้นอย่างเย็นชา

เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าไม่ถูกเลยแค่นเสียงเอ่ย “มาอยู่ในมือฉันแล้วจะให้หล่อนหนีไปได้ไง นังแพศยานี่ฉันจะค่อย ๆ ทรมานให้ตายอย่างช้า ๆเอง!”

“หวังว่าแกจะทำได้อย่างที่พูด หนึ่งเดือนหลังจากนี้ฉันต้องเห็นศพของอู่เยวี่ยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะพาลูกน้องไปจากทีนี่

อู่เยวี่ยหมดค่าแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อย่อมไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดไม่คิดขึ้น ช่วงนี้เขาจะส่งคนคอยจับตาดูไว้ เขาจะปล่อยให้อู่เยวี่ยหนีไปอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาด!

คราวนี้นังแพศยานี่ต้องตาย!

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงใส่หลังเหยียนหมิงซุ่นอีกที พลางมองอู่เยวี่ยที่สลบหมดสติไปบนพื้นอย่างรังเกียจแล้วโบกมือให้ลูกน้อง “พาเธอไปแล้วต้อนรับเธอให้ดีหน่อยแล้วกัน!”

หึ ฆ่านังแพศยานี้ตายทีเดียวก็เสียเปรียบแย่ เขาจะใช้เครื่องทรมานทุกชิ้นที่หนิงเฉินเซวียนคิดค้นขึ้นมาจัดการกับอู่เยวี่ยหนึ่งรอบ หลังจากเธอได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดครบแล้วถึงจะให้เธอตายทีเดียว!

……………………..

ตอนที่ 2127 สารภาพทั้งหมด

อู่เยวี่ยก้มหน้าอยู่ตลอดจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกโกรธกับความดื้อด้านของเหยียนหมิงต๋าอย่างมาก หากไม่ใช่น้องชายแท้ ๆ เขาอยากกระทืบเจ้าโง่นี่ให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอดไปเลย!

ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วกลับไม่ยอมเชื่อ สมองโดนลาถีบเข้าแล้วจริง ๆ!

ไฟโทสะสุมอยู่เต็มอกเหยียนหมิงซุ่นแต่ก็ซ้อมเหยียนหมิงต๋าให้ตายไม่ได้จริง ๆ เขามองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชา ทุกอย่างเป็นความผิดของผู้หญิงคนนี้!

“เธอจะสารภาพเองหรือให้ฉันบีบบังคับ!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยต่ออู่เยวี่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกจนอู่เยวี่ยตัวสะท้านอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ปิดปากแน่นไม่ยอมปริเสียง

“คิดว่าไม่พูดก็จะจบงั้นเหรอ? หึ…”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะแล้วส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ลูกน้องที่กุมตัวอู่เยวี่ยอยู่ ลูกน้องเข้าใจความหมายก็ลงมือไวปานสายฟ้าตะปบสะกดจุดสำคัญตามตัวอู่เยวี่ยหลายที

นี่เป็นวิธีที่พวกเขาไว้ใช้สอบสวนศัตรู ต่อให้เป็นคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐเคจีบีที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดก็ทนวิธีนี้ไม่ได้

อู่เยวี่ยครางฮึมในลำคอทีหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวและเหงื่อผุดไหลลงมาเป็นเม็ด ๆ ร่างกระตุกไม่หยุดราวกับมีมดนับพันนับหมื่นกำลังกัดกินร่างกายของเธอ ความเจ็บถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน…

เหยียนหมิงต๋าหมายจะเข้าไปช่วยอู่เยวี่ยแต่ถูกเหยียนหมิงซุ่นยกเท้าถีบไปอยู่ตรงมุมกำแพง กระดูกหักจนขยับตัวไม่ได้

“บอกมา เสี่ยวเป่าตายอย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

อู่เยวี่ยกัดฟันแน่นเพราะเธอไม่อยากยอมแพ้เหยียนหมิงซุ่นและยิ่งไม่อยากสารภาพว่าตัวเองเป็นคนฆ่าเสี่ยวเป่า ตอนนี้เธอมาถึงทางตันแล้ว เหลือเพียงเหยียนหมิงต๋าที่จะช่วยชีวิตเธอได้

หากเธอยอมรับว่าเป็นคนฆ่าเสี่ยวเป่า เหยียนหมิงต๋าไม่มีทางภักดีกับเธอเหมือนเคยแน่นอน เธอจะสูญเสียความหวังสุดท้ายไปไม่ได้!

“โอ๊ย…เสี่ยวเป่า…เป็นไข้…”

อู่เยวี่ยกัดฟันไม่ยอมสารภาพง่าย ๆ เหงื่อชุ่มไปทั้งตัวราวกับเพิ่งถูกพาขึ้นมาจากน้ำ

เหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณให้ลูกน้องแวบหนึ่ง ลูกน้องตะปบร่างอู่เยวี่ยอีกหลายที อู่เยวี่ยร้องโหยหวนเสียงดังแล้วกลิ้งไปมาบนพื้น

“ฉันยอมบอกแล้ว…ขอร้องละ ปล่อยฉันไปเถอะ…เสี่ยวเป่าตายเพราะฉันปิดปากจมูกให้หายใจไม่ออกเอง…”

อู่เยวี่ยจะทนความเจ็บปวดนี้ได้อย่างไรไหวเลยยอมเปิดปากรับสารภาพในทันที ณ เวลานี้เธอแค่อยากให้ความเจ็บปวดนี้รีบจบลงให้เร็วที่สุด ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นยิงเธอตอนนี้ให้เธอตายทีเดียวก็ย่อมได้

“ทำไมถึงต้องทำให้เสี่ยวเป่าขาดอากาศหายใจตายด้วย?” เหยียนหมิงซุ่นซักถามเสียงเย็นต่อไปแล้วมองเหยียนหมิงต๋าที่อยู่ตรงมุมกำแพงแวบหนึ่ง ตอนนี้เจ้าโง่นี่คงได้สติแล้วสินะ!

เหยียนหมิงต๋าไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เสี่ยวเป่าตายเพราะอู่เยวี่ยจริงหรือ?

นั่นลูกชายแท้ ๆของเธอเชียวนะ!

อู่เยวี่ยสติเริ่มพร่ามัวเพราะความเจ็บเลยพูดงึมงำว่า “นั่นมันภาระ…พาเสี่ยวเป่าไปฉันต้องหนีได้ไม่ไกลแน่…”

“ยาพิษในตัวเสี่ยวเป่าก็ฝีมือเธอเหมือนกันใช่ไหม? แล้วทำไมถึงต้องวางยาพิษเสี่ยวเปาด้วย?”

“ฉันเป็นคนทำเอง เพราะเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะฆ่าฉัน ขอแค่ทำให้เสี่ยวเป่าอยู่ห่างฉันไม่ได้ฉันถึงจะรอด…ขอร้องละปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยอมบอกหมดแล้ว…”

อู่เยวี่ยอ้อนวอน ตอนนี้เธอแค่อยากให้จบทีเดียว ไม่อยากคิดอย่างอื่นอีกแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมปล่อยอู่เยวี่ยไปง่าย ๆ ครั้งนี้เขาจะเป็นคนถลกหนังหัวเปิดเผยธาตุแท้ของอู่เยวี่ยเอง เพื่อให้เจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าดูให้ชัดว่าผู้หญิงที่เขาชอบเป็นคนอย่างไร!

“เหอปี้อวิ๋นถูกเธอวางระเบิดตายใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีก

“ใช่…แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ…ฉันจำเป็นต้องทำ…”

อู่เยวี่ยยังคิดจะแก้ตัวแต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไร การวางระเบิดแม่แท้ ๆที่รักเธอมากก็คือความผิดที่รุนแรงอย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว

“เหอปี้อวิ๋นฆ่าคนเพราะเธอเป็นคนวางแผนใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นเริ่มขุดคุ้ยบัญชีเก่าขึ้นมา เพราะคดีฆาตกรรมของเหอปี้อวิ๋นเขาสงสัยมาโดยตลอด

“ใช่…ฉันจงใจให้แม่คิดว่าพวกเขารังแกฉัน…ขอละฆ่าฉันให้จบ ๆไปเลยเถอะ…” อู่เยวี่ยยอมรับหมดแล้ว ตอนนี้เธอแค่อยากรีบหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้โดยเร็ว!

……………………

ตอนที่ 2128 พิษหยดสุดท้าย

เหยียนหมิงต๋านอนอยู่บนพื้นด้วยท่าทีเหม่อลอย ความเจ็บจากแผลบนตัวยังไม่สู้ความเจ็บในใจเลยสักนิด เจ็บจนเขาแทบขาดใจตาย

ที่แท้ก็โกหกเขาทั้งเพ!

มิน่าพี่ใหญ่ถึงได้ด่าว่าเขาโง่ เขามันโง่จริง ๆ โง่ยิ่งกว่าหมูด้วยซ้ำ!

แล้วยังเป็นคนตาบอดมองไม่เคยเห็นธาตุแท้ของอู่เยวี่ยมาเลยตลอด ถูกเธอหลอกปั่นหัวแล้วยังเสียอนาคตเพราะเธออีกต่างหาก!

เหยียนหมิงต๋าพลันรู้สึกโกรธ เขาฝืนทนความเจ็บจากขาที่หักคลานไปหาอู่เยวี่ย เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ห้ามเขาเพียงแค่มองเขาอย่างเย็นชา

“ทำไมเธอถึงหลอกฉัน…เธอทำแบบนี้กับฉันได้อย่างไร…”

เหยียนหมิงต๋าคำถามด้วยความโกรธแล้วเขย่าตัวอู่เยวี่ยไปมาไม่หยุด อู่เยวี่ยเจ็บเจียนตายแล้วจะมีอารมณ์มาหลอกเขาได้อย่างไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเจ้าโง่นี้อีกต่อไป!

“พี่มันโง่เอง พี่ยอมให้ฉันหลอกเอง…” อู่เยวี่ยพูดเสียงขาดห้วง

“อ๊าก…”

เหยียนหมิงต๋าตะโกนด้วยความเจ็บปวด เขาเกลียดเหลือเกิน!

เกลียดที่เขาจริงใจกับความรักแต่กลับถูกผู้หญิงคนนี้ทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วยังหลอกใช้ให้เขาทำร้ายผู้อื่น!

เสี่ยวเป่าที่น่าสงสาร!

“เธอมันสมควรตาย!” จู่ ๆเหยียนหมิงต๋าก็เข้าไปบีบคออู่เยวี่ย ใบหน้าบิดเบี้ยวดวงตาแดงก่ำ

อู่เยวี่ยดิ้นรนไม่หยุดแต่อากาศกลับน้อยลงไปเรื่อย ๆ ใบหน้าเริ่มเขียวช้ำ กรรมตามสนองแล้ว เธออุดปากจมูกเสี่ยวเป่าจนตายและตอนนี้เธอก็ได้ลิ้มรสชาติแล้วว่าการขาดอากาศหายใจตายมันเป็นอย่างไร

เหยียนหมิงซุ่นได้แต่มอง รออู่เยวี่ยใกล้จะทนไม่ไหวถึงทำท่าให้ลูกน้องแยกตัวเหยียนหมิงต๋าออกมา

ตอนนี้อู่เยวี่ยยังตายไม่ได้ เขาต้องส่งตัวผู้หญิงไปให้เฮ่อเหลียนเช่อจัดการ

“แค่ก ๆ”

อู่เยวี่ยไออย่างหนักแล้วกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ความรู้สึกหลังรอดพ้นจากความตายทำให้เธอไม่อยากตายอีกแล้ว ความชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในกมลสันดานทำให้เธอเริ่มคิดแผนชั่วร้ายขึ้น

ครั้งนี้เธอคงหนีไม่พ้นแล้ว แต่เธอจะไม่ให้ใครอยู่สบายเช่นกัน!

“เหยียนหมิงต๋า พี่คิดว่าพี่ชายของพี่ดีกับพี่จริงเหรอ? พี่ไม่ลองคิดดูสิว่าแม่ของพี่ทำร้ายแม่ของเขา แล้วเขาจะไม่แก้แค้นได้อย่างไร…พี่รู้ไหมว่าทำไมแม่ของพี่ถึงตาย…เจ้าโง่…”

ลูกน้องรีบสับคางอู่เยวี่ยแต่อู่เยวี่ยพูดจบแล้ว เธอมองสองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นด้วยสายตาร้ายกาจแต่ก็ได้ปล่อยพิษหยดสุดท้ายไปแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว เขาไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดเลยไม่กลัวถูกอู่เยวี่ยใส่ร้าย แต่เจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าเขาไม่วางใจเลยจริง ๆ

เหยียนหมิงต๋าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย การตายของถานซูฟางเป็นเหมือนหนามที่ยอกอกเขามาตลอดเพราะอดีตเขาเคยสงสัยเหยียนหมิงซุ่นเช่นกัน แต่เขาโน้มน้าวตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าพี่ใหญ่ไม่มีทางทำอย่างนั้น!

แต่ถ้อยคำของอู่เยวี่ยเหมือนหนามที่ตำลงในใจของเหยียนหมิงต๋าอีกครั้ง ต่อให้เล็กมากแต่ก็ไม่แน่ว่าวันไหนจะผุดออกมา!

“พาเธอไป!”

เหยียนหมิงซุ่นผิดหวังกับความเงียบของเหยียนหมิงต๋าน้อย ๆ แต่เขาไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาไม่เคยเสียแรงอธิบายอะไร คนที่เข้าใจคุณย่อมเข้าใจดีโดยไม่ต้องพูดอะไร คนที่ไม่เข้าใจต่อให้พูดมากแค่ไหนก็เปลืองน้ำลายเปล่า!

เหยียนหมิงต๋าถูกพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล รอแผลหายดีเขาต้องกลับไปรับโทษที่ค่ายทหาร ส่วนอู่เยวี่ยพอถึงเมืองหลวงเขาก็ส่งไปที่เฮ่อเหลียนเช่อทันที

“มีแค่นังแพศยานี่แล้วน้องชายของแกล่ะ?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจอย่างมาก

แผลบนตัวเสี่ยวเป่าจนถึงตอนนี้ยังไม่หายดีและยังมีอาการคันมาก เสี่ยวเป่ามักใช้มือเกาอย่างอดไม่ได้จนแผลเป็นรอยเหวอะหวะ เขากับเหมยซูหานจำต้องใช้เชือกมัดมือเสี่ยวเป่าไว้ไม่ให้เขากระดิกได้

เจ้าตัวเล็กได้แต่ร้องครางอย่างเจ็บปวดซึ่งสร้างความเจ็บปวดใจแก่เขาอย่างหนัก ยิ่งแค้นอู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋าจนนึกอยากเขมือบลงท้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด พอตอนนี้ไม่เห็นเหยียนหมิงต๋าเขาย่อมไม่มีทางพอใจอยู่แล้ว!

……………………..

ตอนที่ 2125 ผิดหวัง

เหยียนหมิงต๋าเองก็ไหวพริบดีไม่น้อยจึงสังเกตถึงสิ่งผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ทหารหน่วยพิเศษทุกคนมักมีสัญชาตญาณนี้ติดตัวยามเจอเรื่องอันตราย และเขาก็เหมือนกันเพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

“ไปตอนนี้เลย!”

เหยียนหมิงต๋าให้อู่เยวี่ยเงียบเสียงก่อนจะเก็บกระเป๋าเดินทางลวก ๆ เตรียมปีนหน้าต่างหนี

“ปัง!”

ประตูถูกถีบจากข้างนอก เหยียนหมิงซุ่นปรากฏตัวที่หน้าประตูพลางมองพวกเหยียนหมิงต๋าด้วยสายตาเย็นชา

“คิดจะไปไหน?”

อู่เยวี่ยทำหน้าตกใจแล้วหลบไปอยู่หลังเหยียนหมิงต๋าอัตโนมัติ ในหัวทำงานว่องไวพยายามคิดหาหนทางว่าควรหนีไปจากที่นี่อย่างไรดี

เหยียนหมิงต๋ารู้สึกกลัวเหยียนหมิงซุ่นตามสัญชาตญาณเลยหดคออย่างอดไม่ได้ พอนึกถึงอู่เยวี่ยที่อยู่ข้างหลังก็บังคับให้ตัวเองต้องยืดอกขึ้นมา

“พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเยวี่ยเยวี่ย พี่ปล่อยเธอไปเถอะ ผมจะกลับค่ายทหารกับพี่ ไม่ว่าจะลงโทษอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น!”

เหยียนหมิงต๋าคิดว่าคงเป็นคนในค่ายทหารบอกให้เหยียนหมิงซุ่นมาตามจับเขากลับไปรับโทษ

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง ความจริงเขาเป็นห่วงน้องชายเพียงคนเดียวคนนี้มาตลอดถึงให้เขาเข้าไปอยู่ในค่ายทหารแล้ววางแผนเรื่องอนาคตไว้ให้เขา

ขอเพียงเหยียนหมิงต๋าเดินไปในเส้นทางที่เขาเตรียมไว้ให้ ชีวิตในอนาคตไม่มีทางแย่แน่นอน แต่ตอนนี้ความสำเร็จเบื้องหน้ากลับพังทลายเพราะผู้หญิงที่ชื่ออู่เยวี่ย

สัญชาตญาณในตอนนั้นของเขาถูกต้องเพราะอู่เยวี่ยคือตัวกาลกินีของเหยียนหมิงต๋า!

เหยียนหมิงต๋าไม่กล้ามองตาเหยียนหมิงซุ่น ความผิดหวังที่ล้นเปี่ยมในสายตาของเหยียนหมิงซุ่นเหมือนกับเข็มที่ทิ่มแทงลงหัวใจเขา

เขาผิดเองที่ทำให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง!

“พี่ ผมขอโทษ…”

“ไม่ต้องพูดขอโทษกับฉัน นายเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นายต้องรับผิดชอบกับทุกทางเลือกที่นายเลือก!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงนิ่ง แม้สีหน้าจะทำเป็นไม่สนใจแต่เขากลับรู้สึกแย่มาก นึกผิดหวังกับความไม่เอาไหนของน้องชายเหลือเกิน

ทำไมถึงไม่เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงที่ชื่ออู่เยวี่ยนี้สักที?

ทำไมถึงต้องถูกผู้หญิงคนนี้ทำลายอนาคตทุกครั้งเลยนะ?

อู่เยวี่ยเปลี่ยนใจถือโอกาสที่สองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นคุยกัน เธอแวบตัวไปอยู่ริมหน้าต่างอย่างว่องไว พร้อมเปิดหน้าต่างกระโดดลงไป

“เยวี่ยเยวี่ยอย่ากระโดด อันตราย!” เหยียนหมิงต๋าตกใจอย่างมากและคิดจะไปห้ามอู่เยวี่ย พวกเขาพักอยู่ชั้นสาม อู่เยวี่ยเป็นเพียงคนธรรมดาหากกระโดดลงไปแบบนี้ต้องเกิดเรื่องแน่

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง อู่เยวี่ยผ่านการฝึกฝนแบบพิเศษมาเชียวแล้วจะเป็นอะไรไปได้?

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้ออกตัวช้ามากแต่ก็เร็วไม่เท่าอู่เยวี่ย พอเขาพุ่งไปริมหน้าต่างอู่เยวี่ยก็กระโดดลงไปแล้ว

เห็นความห่วงใยบนใบหน้าของเหยียนหมิงต๋า เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกโกรธอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงตวาดเสียงดังว่า “ไม่ตายหรอก!”

“นี่อยู่ชั้นสาม เยวี่ยเยวี่ยกระโดดลงไปแล้วจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ผมต้องลงไปดูหน่อยสิ!”

เหยียนหมิงต๋าใจเบาหวิว ข้อสงสัยทุกอย่างที่มีต่ออู่เยวี่ยก่อนหน้ามลายหายไปในชั่วพริบตาเหลือเพียงความห่วงใยเท่านั้น

ความห่วงใยที่มีต่ออู่เยวี่ยฝังลึกมาตั้งแต่เด็กจนสลักติดกระดูกไม่อาจเปลี่ยนไปได้ในเวลาสั้น ๆ ต่อให้เขารู้ดีว่าอู่เยวี่ยอาจจะหลอกเขาแต่เขาก็ทำใจไม่ใส่ใจอู่เยวี่ยไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นโกรธจนยกขาถีบ เขาออกแรงเตะไม่เบา เหยียนหมิงต๋าจึงล้มลงนอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดพร้อมเลือดที่ไหลออกจากมุมปาก

“พาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา!”

เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้อง ไม่นานอู่เยวี่ยที่ขากะเผลกก็ถูกกุมตัวขึ้นมา ด้านล่างมีแต่คนของเหยียนหมิงซุ่น อู่เยวี่ยเพิ่งกระโดดลงไปก็ถูกจับตัวเอาไว้แล้ว

“เจ้าโง่ ไม่รู้อะไรก็กล้าไปท้าทายเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว นายรู้ไหมว่าทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงกักบริเวณเธอ?”

เหยียนหมิงซุ่นตบหน้าเหยียนหมิงต๋าแรง ๆสองทีจนหน้าของเขาบวมเป่งราวกับหัวหมูแต่ก็ยังไม่รู้สึกสาสมใจอยู่ดี

……………………….

ตอนที่ 2126 ความจริงที่ยากจะรับได้

เหยียนหมิงซุ่นนึกเสียใจขึ้นมาจริง ๆ หากไม่มีฉิวฉิวเสี่ยวเป่าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไปถึงขั้นนั้นแล้วไม่ว่าอย่างไรเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่มีทางปล่อยเหยียนหมิงต๋าไป แม้แต่เขายังรับประกันตัวน้องชายเขาไม่ได้เลย

เดิมทีเรื่องนี้เป็นความผิดของเหยียนหมิงต๋า ไม่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะทำอะไรก็สมเหตุสมผล หากเปลี่ยนเป็นเขาแล้วเหมยเหมยถูกคนทำร้าย เขาก็ต้องทำทุกทางเพื่อจัดการคนที่ทำร้ายเหมยเหมยเช่นกัน

“ทำไมนายถึงได้โง่ขนาดนี้ ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกใช้ทำเรื่องโง่ ๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า สามปีก่อนซื้อระเบิดให้เธอจนทำให้เหอปี้อวิ๋นต้องตาย ตอนนี้ก็ผิดใจกับเฮ่อเหลียนเช่อเพราะเธอ แล้วก็เสี่ยวเป่า…”

เหยียนหมิงซุ่นด่าไปซ้อมไปซึ่งเหยียนหมิงต๋าก็ไม่ขัดขืน ใช้เพียงสองแขนป้องศีรษะไว้เงียบ ๆ

การตายของเสี่ยวเป่าเขามีส่วนผิดที่ปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้นเขายอมโดนซ้อม

“ขอโทษ…ผมไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่า ผมผิดเอง!”

เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงพึมพำทำหน้าเจ็บปวดอย่างมาก

“เด็กเล็กขนาดนั้นถูกพามาในป่าลึกกลางเขาแบบนี้จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร นายไม่มีสมองเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นกระทืบอีกทีด้วยความโกรธ เขาใช้เทคนิคอย่างแยบยล ฉะนั้นแม้เหยียนหมิงต๋าจะดูมีบาดแผลเต็มตัวแต่ไม่ได้สะเทือนถึงอวัยวะภายใน

เหยียนหมิงต๋าปิดหน้าด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลตามนิ้วมือ “ผมผิดเอง ผมเองที่ทำให้เสี่ยวเป่าต้องตาย…”

เหยียนหมิงซุ่นชะงัก เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าต้องคิดว่าเสี่ยวเป่าตายไปแล้วแน่ ๆ เขาไม่ได้บอกความจริงไป ให้เจ้าโง่นี่เข้าใจผิดต่อไปแล้วกัน

“นายมีความผิดแต่ฆาตกรที่แท้จริงคือเธอ เธอทำร้ายเสี่ยวเป่า!”

เหยียนหมิงซุ่นมองด้วยสายตารังเกียจ เขาไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงคนไหนใจเหี้ยมขนาดนี้มาก่อน มันน่าแค้นใจยิ่งกว่าถานซูฟางเสียอีก

ถานซูฟางทารุณเขานั่นเป็นเพราะเขาไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆของถานซูฟาง แต่สำหรับเหยียนหมิงต๋าแล้วถานซูฟางจะดูแลเป็นอย่างดี ฉะนั้นถึงถานซูฟางจะเป็นคนชั่วร้ายแต่กลับเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่ง

แต่อู่เยวี่ยทำอะไรกับเสี่ยวเป่า?

วางยาพิษให้เด็กที่เพิ่งคลอดเพียงเพราะความโลภส่วนตัว จนถึงขั้นลงมือฆ่าลูกชายแท้ ๆของตัวเอง

หล่อนไม่คู่ควรถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำเพราะเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

เหยียนหมิงซุ่นไตร่ตรองอย่างละเอียดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงเกิดเรื่องได้ ต้องเป็นเพราะอู่เยวี่ยรังเกียจเสี่ยวเป่าที่ทำให้เธอหนีไม่สะดวกเลยลงมือทำร้ายเขา

หากเขาเดาไม่ผิด อู่เยวี่ยคงใช้มือปิดปากและจมูกของเสี่ยวเป่าทำให้เสี่ยวเป่าขาดอากาศหายใจตาย

เหยียนหมิงต๋าส่ายศีรษะรัว “เปล่านะพี่ เสี่ยวเป่าตายเพราะอาการพิษไข้ ไม่เกี่ยวกับเยวี่ยเยวี่ย…”

“เจ้าโง่ ฉันเจอศพของเสี่ยวเป่าแล้ว และให้แพทย์นิติเวชชันสูตรศพดูแล้วเลยพบว่าเสี่ยวเป่าตายเพราะขาดอากาศหายใจ!”

เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดอย่างนั้นแล้วหางตาของเขาก็ลอบสังเกตท่าทีของอู่เยวี่ยตลอด จากนั้นก็พบว่าเธอเผลอทำหน้าตกใจไปชั่วขณะ เขาเลยยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเดาไว้คงไม่ผิด

สมแล้วที่เป็นคนชาติชั่วยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!

เหยียนหมิงต๋ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะมองไปทางอู่เยวี่ย ตายเพราะขาดอากาศหายใจได้อย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นถามต่อ “ตอนเสี่ยวเป่าเกิดเรื่องนายไม่อยู่ใช่ไหม?”

เหยียนหมิงต๋าพยักหน้ารับด้วยสีหน้าบื้อทึ่ม “ผมไปหายาลดไข้ให้เสี่ยวเป่า”

“ตอนที่นายไม่อยู่อู่เยวี่ยฆ่าเสี่ยวเป่าแล้วหลอกนายว่าเสี่ยวเป่าตายเพราะพิษไข้ มีแค่คนโง่อย่างนายเท่านั้นแหละที่เชื่อ!”

เหยียนหมิงซุ่นกระทืบเท้าอีกทีด้วยความโกรธ นับว่าโชคดีที่เสี่ยวเป่าได้เจอฉิวฉิวถึงรอดชีวิตมาได้ ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงต๋าคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ความแค้นระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเช่อคงต้องมีมากกว่าเดิม นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการเห็น

“เยวี่ยเยวี่ยหลอกผม…เป็นไปไม่ได้…เยวี่ยเยวี่ยไม่มีทางหลอกผม…”

ความจริงเหยียนหมิงต๋าเชื่อไปแล้ว แต่ความรู้สึกของเขากลับไม่ยอมเชื่อถึงได้เจ็บปวดจับใจเช่นนี้

……………………….

ตอนที่ 2123 ความสงสัยของเหยียนหมิงต๋า

อู่เยวี่ยกรีดร้องราวกับคนคลุ้มคลั่ง เหยียนหมิงต๋าได้ยินชัดเต็มสองหูพลันหัวใจก็หล่นลงพื้น

ห้าล้านหยวน?

อู่เยวี่ยเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะกัน?

เมื่อครู่ตอนทานข้าวเยวี่ยเยวี่ยยังบอกว่าจะไปเก็บขยะแบกของเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ถ้ามีเงินห้าล้านติดตัวแล้วจะไปทำงานที่ทั้งหนักทั้งสกปรกอย่างนั้นได้อย่างไร?

เหยียนหมิงต๋ารู้สึกว่านับวันเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจอู่เยวี่ยแล้ว!

อู่เยวี่ยไม่ยอมเชื่อว่าในบัญชีของเธอไม่มีเงินเลยเริ่มมีปากเสียงกับพนักงานจนสะเทือนไปถึงผู้อำนวยการธนาคาร ผู้อำนวยการธนาคารมาถามด้วยตัวเองและยังยืนยันว่าในบัญชีของเธอไม่มีเงินจริง ๆ มีเพียงสิบหยวนเป็นเงินที่เก็บไว้ตอนเปิดบัญชี

“คุณผู้หญิง ถ้าคุณยังโวยวายอีกเราจะแจ้งความแล้วนะ” ผู้อำนวยการมองอู่เยวี่ยที่ทำตัวเหมือนคนบ้าไร้สติอย่างนึกปวดศีรษะ

อู่เยวี่ยถึงได้สติกลับมาฉุกคิดได้ถึงประเด็นสำคัญของเรื่องนี้

เธอประเมินค่าตัวสูงไปและประเมินค่าอู่เจิ้งซือต่ำไป

เพราะถูกเฮ่อเหลียนเช่อกักบริเวณทำให้เธอไม่สามารถไปยืนยันด้วยตัวเองได้ว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีจริงหรือเปล่า เพียงแค่ฟังจากทนายสวีพูดปากเปล่าจึงหลงคิดว่าอู่เจิ้งซือโอนเงินแต่โดยดี กลับคิดไม่ถึงว่าอู่เจิ้งซือจะลอบแทงข้างหลังเธอได้

เธอประมาทเกินไปเอง

เมื่อนั้นควรย้ำทนายสวีสักคำว่าให้เขาจับตาดูอู่เจิ้งซือโอนเงินด้วยตัวเอง

อู่เยวี่ยรู้สึกเสียใจภายหลัง ไม่มีเงินห้าล้านนั่นเธอไม่สามารถทำแผนการหลายอย่างได้แล้ว อู่เจิ้งซือ รอเธอว่างเมื่อไรจะเอาคืนให้สาสมเลย!

“ขอโทษด้วย ฉันเข้าใจผิดไปเอง ขอโทษที่รบกวน!”

ไม่นานอู่เยวี่ยก็สงบสติอารมณ์ลงได้เลยขอโทษพนักงานธนาคารแล้วเตรียมตัวกลับ ไม่มีเงินห้าล้านแล้วก็ต้องเอาเงินของเหยียนหมิงต๋ามาให้ได้

เหยียนหมิงต๋าออกจากธนาคารแห่งนั้นไปก่อนแล้วเลือกหลบซ่อนอยู่ในมุมลับตาคน เขาฉงนใจเหลือเกินไม่รู้ควรเผชิญหน้ากับอู่เยวี่ยอย่างไร

เยวี่ยเยวี่ยปิดบังอะไรเขาอีกกันแน่?

เหยียนหมิงซุ่นได้รับข่าวที่อู่เยวี่ยเตรียมโอนเงินย้ายบัญชีที่ธนาคารอย่างไวพลางกระตุกยิ้มที่มุมปาก งูพิษออกจากถ้ำแล้วตามคาด

ไม่รู้ว่าพออู่เยวี่ยเห็นบัญชีที่ว่างเปล่าจะรู้สึกอย่างไรกัน?

เริ่มลงมือได้!”

เหยียนหมิงซุ่นพาลุกน้องไปยังที่พักของพวกอู่เยวี่ย ถึงเวลาเก็บแหแล้ว!

พออู่เยวี่ยกลับถึงที่พักก็มักสังหรณ์ใจว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เธออยากให้เหยียนหมิงต๋ารีบพาเธอออกไปจากเมืองนี้

“พี่หมิงต๋า เราไปกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเถอะ” อู่เยวี่ยเอ่ย

แผนเดิมคือต้องค้างคืนที่เมืองสือ ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันสักหน่อยถึงออกเดินทาง

เหยียนหมิงต๋ามองเธอด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่ง หากเป็นช่วงก่อนไปธนาคารเขาคงทำตามคำสั่งของอู่เยวี่ยทุกอย่าง แต่ตอนนี้…

“ไหนตกลงกันว่าค้างสักคืนก่อนค่อยไปไง? เราเหนื่อยกันมากแล้ว พักค้างคืนเพื่อเก็บแรง อีกอย่างมีของอีกมากมายยังไม่ได้ซื้อเลย”

ครั้งนี้เหยียนหมิงต๋าไม่อยากฟังอู่เยวี่ยอีก เป็นการขัดขืนโดยสัญชาตญาณของเขาที่อยากเห็นอู่เยวี่ยโกรธ แม้แต่เขาเองก็พูดไม่ถูกว่าทำเพื่ออะไร

อู่เยวี่ยย่นคิ้วแต่ไม่นานก็คลายคิ้วก่อนจะพูดเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงอ่อนโยน “ฉันแค่เป็นห่วงว่าคนของเฮ่อเหลียนเช่อจะตามมาถึงที่นี่ พี่หมิงต๋า เรารีบไปจากที่นี่เร็ว ๆ ถอะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย”

เหยียนหมิงต๋ามองเธออีกแวบหนึ่งและเกิดคำถามในใจ หรือว่าไม่ใช่เพราะไม่ได้เงินห้าล้านมาถึงคิดจะจากไปงั้นหรือ?

อีกอย่างเขาก็อยากรู้มากเช่นกันว่า–

“เยวี่ยเยวี่ย ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงต้องกักบริเวณเธอด้วยล่ะ?”

เหยียนหมิงต๋าถามคำถามที่เขาไม่กล้าถามมาโดยตลอดออกมา แม้เฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ใช่คนดีอะไรแต่คงไม่กักบริเวณผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไร้เหตุผลหรอกนะ?

หนำซ้ำผู้หญิงคนนี้ยังคลอดลูกชายให้เขาด้วยคนหนึ่งอีกต่างหาก

อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเหยียนหมิงต๋าเริ่มหลุดจากการควบคุมของเธอแล้ว

ไม่ได้เด็ดขาด!

……………………….

ตอนที่ 2124 ถูกล้อมเอาไว้แล้ว

อู่เยวี่ยคิด ๆแล้วก็พยายามบีบน้ำตาก่อนค่อยพูดเสียงสะอื้นว่า “เฮ่อเหลียนเช่อโรคจิต เขารักฉันมากเกินไปเลยอยากกักบริเวณฉันให้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ห้ามฉันไม่ให้ออกไปเจอใคร ฉันทนความรักที่น่าอึดอัดใจของเขาไม่ไหวเลยอยากหนีออกมา…”

ต่อให้คิดคำโกหกอู่เยวี่ยก็ไม่ลืมที่จะยกยอตัวเองตลอดเวลา ช่างหลงตัวเองจริง ๆ

“อย่างนี้เองเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงพาเสี่ยวเป่าออกมาด้วยล่ะ?”

เหยียนหมิงต๋าถามต่อ จนถึงตอนนี้เขายังรู้สึกผิดกับเรื่องเสี่ยวเป่าอยู่ดี หากเสี่ยวเป่าไม่ถูกพาออกมาด้วยคงไม่ตาย

ถึงเฮ่อเหลียนเช่อจะทำไม่ดีกับอู่เยวี่ยแต่ไม่มีทางทำไม่ดีกับลูกชายตัวเองแน่นอน เด็กน้อยที่น่าสงสารคนนั้นยังไม่ทันได้เริ่มต้นใช้ชีวิตก็ต้องตายจากไปเสียก่อน

อู่เยวี่ยลอบด่าในใจ เมื่อก่อนเธอยังรู้สึกว่าเหยียนหมิงต๋าเป็นคนดีเกินไปและหลอกใช้ง่าย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกรำคาญจับใจ แค่เด็กที่ไม่รู้จักคนหนึ่งมีความจำเป็นต้องจดจ่อเรื่องเขาขนาดนั้นเลยหรือไง?

“เสี่ยวเป่าอยู่ห่างฉันไม่ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากแยกจากเสี่ยวเป่า ไม่มีเสี่ยวเป่าฉันมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ด้วยซ้ำ…” อู่เยวี่ยเอามือปิดหน้าร้องไห้

เหยียนหมิงต๋าทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด เขาอยากพูดเหลือเกินว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าอู่เยวี่ยไม่มีความสุข แถมดูมีความสุขกว่าเมื่อหลายวันก่อนเสียด้วยซ้ำ ตอนทานข้าวก็ไม่เห็นอู่เยวี่ยทานน้อยลง การกระทำต่าง ๆไม่ได้สื่อว่าอู่เยวี่ยไม่มีความสุขตรงไหนเลย

ตรงกันข้ามพอไม่มีเสี่ยวเป่าแล้วเธอกลับดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ถ้าเสี่ยวเป่าไม่ถูกพามาด้วยบางทีเขาอาจจะยังมีชีวิตที่ดีก็ได้”

ในที่สุดเหยียนหมิงต๋าก็พูดออกมาประโยคหนึ่งแล้วก็เงียบไป

อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วหยิกต้นขาแรง ๆทีหนึ่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินแล้วมองเหยียนหมิงต๋าด้วยท่าทีเศร้าเสียใจ “พี่หมิงต๋า พี่กำลังโทษฉันเหรอ? ฉันก็ไม่อยากทำแบบนั้นหรอกนะ ฉันแค่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยวเป่า ฉันไม่อยากแยกจากเสี่ยวเป่าหรอก

ถ้ารู้ว่าเสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไปตั้งแต่แรก ต่อให้ฉันต้องทนปวดใจที่ต้องแยกจากกัน ฉันก็ไม่มีทางพาเสี่ยวเป่าออกมาด้วยหรอก…ฮือฮือ…ฉันเองที่ทำให้เสี่ยวเป่าต้องตาย งั้นฉันจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปเพื่ออะไรอีก”

อู่เยวี่ยร้องไห้เล่นละครตบตา เห็นเหยียนหมิงต๋ายังเงียบเหมือนเดิมก็ทำเพียงกัดฟันพุ่งตัวเข้าหากำแพง

เหยียนหมิงต๋าสะดุ้งรีบพุ่งไปกอดอู่เยวี่ยเอาไว้

“ให้ฉันตายไปซะเถอะ ฉันทำให้เสี่ยวเป่าต้องตาย ฉันจะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไรอีก…”

อู่เยวี่ยดิ้นพล่านในอ้อมแขนของเหยียนหมิงต๋าไม่หยุดแต่ไม่ได้ใช้แรงมากนัก อีกทั้งยังใช้หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอเสียดสีกับแขนของเหยียนหมิงต๋าตลอดเวลา แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเหยียนหมิงต๋ากำลังจมอยู่ในความรู้สึกผิดต่อการตายของเสี่ยวเป่าแล้วจะมีกะจิตกะใจอะไรมาสนใจการยั่วยวนของเธอล่ะ

“เธอตายแล้วเสี่ยวเป่าจะฟื้นขึ้นมาได้เหรอ? หยุดงี่เง่าได้แล้ว ฉันจะออกไปซื้อของแล้วไปจากเมืองสือคืนนี้!”

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้โอ๋อู่เยวี่ยเหมือนแต่ก่อนแต่กดอู่เยวี่ยให้นั่งลงบนเก้าอี้ พูดเสียงห้วนไม่กี่ประโยคแล้วก็เตรียมตัวออกไปซื้อของข้างนอก

ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าเมืองสือไม่ปลอดภัย พี่ชายของเขาฉลาดขนาดนั้นต้องคิดได้แน่ ๆว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ เช่นนั้นต้องรีบเดินทางตั้งแต่คืนนี้

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หวังว่าอู่เยวี่ยจะมีชีวิตที่ดี

รอส่งอู่เยวี่ยไปทางใต้แล้วเขาจะกลับไปมอบตัวที่ค่ายทหาร ไม่ว่าทางนั้นจะลงโทษอย่างไรเขาก็ยอมรับแต่โดยดี

เหยียนหมิงซุ่นพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาถึงที่พักแล้วโชว์บัตรประจำตัวให้เจ้าของที่พัก เจ้าของที่พักตกใจจนตัวสั่นก่อนจะพาพวกเหยียนหมิงซุ่นไปถึงหน้าห้องของเหยียนหมิงต๋า

“คุณกลับไปเถอะ บอกลูกค้าคนอื่นว่าอย่าเสียงดังและไม่ต้องออกมา”

เหยียนหมิงซุ่นสั่งเจ้าของที่พักแล้วให้ลูกน้องเดินล้อมหน้าล้อมหลังห้องนี้เอาไว้ ต่อให้พวกเหยียนหมิงต๋าติดปีกก็บินหนีไม่รอด

…………………………………..

ตอนที่  2121 เฝ้ารอกระต่ายที่ใต้ต้นไม้

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตามตัวบนเขาอีกต่อไปแต่เขาเลือกที่จะลงจากเขาเข้าไปในเมืองเลย ภูเขาต้นไม้ต้นหญ้าชุกชุม คิดจะหาเหยียนหมิงต๋ากับอู่เยวี่ยมันยากเย็นยิ่งกว่าให้บินขึ้นฟ้าเสียอีก

อู่เยวี่ยต้องไปถอนเงินห้าล้านนั่นจากธนาคารอย่างแน่นอน

ผู้หญิงคนนี้ขี้ระแวงจะตาย หากไม่เก็บเงินไว้ที่ตัวเองแล้วเธอจะสบายใจได้อย่างไร?

อีกทั้งพวกเขาจำเป็นต้องไปหาเสบียงด้วย ฉะนั้นเขาแค่รอตรงตีนเขาในเมืองก็พอแล้ว

เขาดูแผนที่มาแล้ว พ้นภูเขาลูกนี้ไปก็คือเมืองสือที่เป็นเมืองติดกับเมืองหลวง เป็นเส้นทางสัญจรสำคัญสำหรับการเดินทางไปทุกที่ หากอู่เยวี่ยคิดจะออกไปจากฮวาเซี่ยย่อมต้องผ่านเมืองสือแน่

สามวันหลังจากนั้นในที่สุดอู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋าก็ผ่านภูเขาลูกนี้ไปได้ ทั้งคู่ผมเผ้ายุ่งเหยิงมีกลิ่นเหม็นเน่าตามตัวยิ่งกว่าขอทาน

“หาที่พักสักที่อาบน้ำแล้วค่อยหาทางไปทางใต้เถอะ” เหยียนหมิงต๋าเอ่ย

เขาได้วางแผนอนาคตไว้ให้อู่เยวี่ยแล้ว อิทธิพลของเฮ่อเหลียนเช่อจำกัดอยู่แค่ทางภาคเหนือ เช่นนั้นเขาเพียงแค่หาทางส่งตัวอู่เยวี่ยไปทางใต้ก็คงปลอดภัย

แต่เหยียนหมิงต๋าไม่รู้ว่าอู่เยวี่ยได้วางแผนสำหรับตัวเธอตั้งนานแล้ว!

อู่เยวี่ยแอบปกปิดความดีใจเอาไว้ เธอเข้าใกล้ความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งแล้ว

ขอเพียงหาบัตรประจำตัวใหม่ในเมืองสือแล้วไปถอนเงินห้าล้านจากบัญชีลับออกมา จากนี้จะมีอะไรให้น่ากังวลอีกล่ะ!

“ได้ ฉันต้องอาบน้ำสักหน่อย เหม็นจะตายอยู่แล้ว” อู่เยวี่ยเองก็เห็นด้วย

พอถึงจุดหมายปลายทางเธอจะหาข้ออ้างเพื่อไปทำบัตรประจำตัวปลอม แล้วค่อยไปถอนเงินห้าล้านจากธนาคาร จากนั้นก็ทิ้งเจ้าโง่ที่หมดค่าอย่างเหยียนหมิงต๋าทิ้งเสีย

ครั้งนี้เหยียนหมิงต๋าหาที่พักที่ค่อนข้างสะอาด ทั้งคู่จองเพียงห้องเดียวเพื่ออาบน้ำให้สบายตัว แถมยังให้ทางเจ้าของที่พักซื้อกับข้าวมาส่งให้หลายอย่างเพื่อเติมพลังอีกด้วย

“เยวี่ยเยวี่ย ฉันคิดจะส่งเธอไปทางใต้ ฉันมีเงินติดตัวบ้างนิดหน่อย เธอเอาเงินนี้ไปทำมาหากินที่นั่น ชีวิตวันหน้าจะได้ไม่ลำบากมาก”

เหยียนหมิงต๋าพูดจากใจจริง เงินเดือนตลอดหลายปีมานี้เขาเก็บหอมรอมริบเอาไว้ แม้จะไม่มากแต่ก็มีหมื่นกว่าหยวนได้ เพียงพอสำหรับเงินทุนตั้งตัวให้อู่เยวี่ยแล้ว!

อู่เยวี่ยตาลุกวาว เจ้าโง่นี่มีเงินเสียด้วย?

แต่ก็ใช่เหยียนหมิงซุ่นมีเงินมากขนาดนั้น ซื้อเครื่องประดับให้จ้าวเหมยในราคาหลายแสนย่อมไม่ปล่อยให้น้องชายเพียงคนเดียวของตัวเองต้องลำบากหรอก

อู่เยวี่นแสร้งเอ่ย “ฉันจะใช้เงินของพี่ได้ไง เงินของพี่พี่เก็บไว้เองเถอะ ถึงตอนนั้นต่อให้เก็บขยะแบกของก็หาเงินได้”

เหยียนหมิงต๋าทำหน้าไม่เห็นด้วย “ผู้หญิงจะไปเก็บขยะแบกของได้ยังไง ถึงเงินฉันจะมีไม่มากแต่พอเป็นเงินทุนค้าขายให้เธอได้แล้วกัน พอไปถึงทางใต้ฉันจะเอาเงินให้เธอนะ!”

อู่เยวี่ยขมวดคิ้วอ่อน เจ้าโง่นี่มีเงินมากเท่าไรกันแน่?

เหยียนหมิงต๋าไม่ให้ความสำคัญเรื่องเงินทองตั้งแต่เด็ก สิบหยวนไม่มาก หนึ่งร้อยก็ไม่มาก เงินหนึ่งหมื่นสำหรับเขาก็ไม่มากเช่นกัน ขอเพียงมีเงินติดตัวให้ใช้ก็พอ

ฉะนั้นอู่เยวี่ยจึงไม่มั่นใจจริง ๆว่าเงินที่ไม่มากของเหยียนหมิงต๋ามันเท่าไรกันแน่?

แต่เหยียนหมิงซุ่นมีเงินมากขนาดนั้นคิดว่าคงไม่ขี้เหนียวกับน้องชายแท้ ๆมากหรอกนะ?

ดังนั้นเหยียนหมิงต๋าต้องมีอย่างน้อยหลายแสนแน่ ๆ!

อู่เยวี่ยอดดีใจไม่ได้และเปลี่ยนแผนใหม่ เจ้าโง่เหยียนหมิงต๋ามีเงินซึ่งเธอต้องเอามาให้ได้ ใครไม่ชอบมีเงินมากกันล่ะ!

เธอยังต้องหลอกเหยียนหมิงต๋าต่อไป รอไปทางใต้ก่อนค่อยทิ้งเขาแล้วกัน!

อู่เยวี่ยมัวแต่คำนึงถึงเงินห้าล้านในบัญชีลับนั่นตลอดเวลา หลังทานข้าวก็หาข้ออ้างออกไปข้างนอกโดยไม่ให้เหยียนหมิงต๋าตามออกไป

เหยียนหมิงต๋ามองแผ่นหลังรีบร้อนของอู่เยวี่ยจากหน้าต่าง ครุ่นคิดเพียงครู่ก็ตัดสินใจตามไป

………………………..

ตอนที่ 2122 ไม่มีเงินห้าล้าน

อู่เยวี่ยไม่ได้ไปธนาคารก่อนแต่เลือกไปหาชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางคล้ายอันธพาลตามถนนคนหนึ่ง คุยกันเพียงครู่เดียวชายวัยกลางคนนั่นก็พาอู่เยวี่ยเดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆแห่งหนึ่ง

เหยียนหมิงต๋าขมวดคิ้ว เขาออกปฏิบัติภารกิจประจำจึงมองชายวัยกลางคนนั้นออกตั้งแต่แวบแรกว่าน่าจะเป็นผู้รับฝากประจำเมืองนี้

ขอเพียงเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างเช่นทำบัตรประจำตัวปลอม การพนัน ตามหาโสเภณี…เป็นต้น เพียงแค่หาผู้รับฝากประเภทนี้ คนเหล่านี้ย่อมมีวิธีช่วยจัดการธุระให้คุณได้

แต่อู่เยวี่ยหาผู้รับฝากแบบนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?

เกิดคำถามขึ้นในใจของเหยียนหมิงต๋าเลยเร่งฝีเท้าตามไป เห็นอู่เยวี่ยกับชายวัยกลางคนนั่นเข้าไปในบ้านที่มืดสนิทหลังหนึ่ง

“ฉันต้องการบัตรประชาชนใบหนึ่ง ชื่อหลีเสวี่ย เพศหญิงอายุยี่สิบห้าปี ยิ่งเร็วยิ่งดี เงินไม่ใช่ปัญหา” เสียงอู่เยวี่ยไม่ได้อ่อนโยนเฉกเช่นปกติแต่ติดเย็นยะเยือกเล็กน้อย

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้แปลกใจเพราะอู่เยวี่ยถูกเฮ่อเหลียนเช่อกักบริเวณ ตอนนี้คิดจะหาวิธีใช้สถานะใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็พอจะเข้าใจได้

แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือท่าทีอู่เยวี่ยที่คุ้นเคยกับสิ่งผิดกฎหมายพวกนี้ดี ดูจากท่าทางที่ช่ำช่องของเธอน่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องแบบนี้

แต่ในใจของเหยียนหมิงต๋าอู่เยวี่ยเหมือนเด็กใจดีที่บริสุทธิ์คนหนึ่งมาตลอด ไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งชั่วร้ายของโลกภายนอกแต่อย่างใด ขาวใสบริสุทธิ์ราวกับกระดาษสีขาว

แต่ภายในเวลาสั้น ๆเพียงไม่กี่วันเหยียนหมิงต๋ากลับพบว่าความจริงกระดาษสีขาวในความทรงจำเขานั้นได้กลายเป็นสีอื่นไปนานแล้ว

บัตรประชาชนปลอมทำเสร็จอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงบัตรประชาชนปลอมก็ได้มาอยู่ในมือ อู่เยวี่ยตรวจดูความละเอียดก่อนจะจ่ายเงินไปอย่างใจป้ำเพราะรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

อู่เยวี่ยได้บัตรประชาชนปลอมมาแล้วไม่ได้เลือกกลับที่พักทันทีแต่ไปธนาคารแห่งหนึ่งก่อน ใช้บัตรประชาชนปลอมที่สั่งทำมาก่อนหน้าไปทำบัตรธนาคารมาใบหนึ่ง จากนั้นเธอก็ออกจากธนาคารเพื่อไปอีกธนาคารหนึ่ง เหยียนหมิงต๋าชักจะเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าอู่เยวี่ยคิดจะทำอะไรกันแน่!

เขาได้ปลอมตัวลวก ๆตามอู่เยวี่ยเข้าไปในธนาคารแห่งหนึ่งสอง ครั้งนี้อู่เยวี่ยใช้บัตรประจำตัวอีกใบแต่เหยียนหมิงต๋าก็ไม่ได้คิดมากอะไร คิดว่าอีกใบคงเป็นบัตรประชาชนเดิมของอู่เยวี่ย ทว่าเขาก็ยังแปลกใจอยู่ดี ไหนก่อนหน้านี้อู่เยวี่ยบอกว่าไม่มีเงินติดตัวสักหยวนไงล่ะ?

แล้วเธอมาธนาคารทำไมกัน?

ไม่มีทางมาฝากเงินอยู่แล้วนี่!

บัตรประชาชนปลอมที่อู่เยวี่ยหยิบออกมาเป็นบัตรปลอมที่เธอเคยทำไว้ในอดีต บัญชีลับนั่นถูกทำขึ้นโดยใช้บัตรประชาชนปลอมใบนี้เอง เธอมาธนาคารเพื่อจะย้ายเงินห้าล้านนั้นเข้าไปในบัญชีที่ชื่อหลีเสวี่ย เช่นนี้ถึงจะปลอดภัย

“ช่วยโอนเงินของบัญชีนี้ไปในบัญชีนี้ที”

อู่เยวี่ยกรอกใบโอนเงินที่เขียนยอดเงินห้าล้านส่งให้กับพนักงานธนาคารด้วยสีหน้าได้ใจ

อีกเพียงห้านาทีเธอจะมีเงินเพิ่มมาอีกห้าล้าน บวกกับเงินล้านกว่าหยวนที่เธอเคยออมเอาไว้ ต่อให้ไปต่างประเทศก็มีชีวิตสุขสบายได้เหมือนกัน

“ต้องขอโทษด้วย เงินในบัญชีคุณมีแค่สิบหยวน ไม่มีห้าล้าน!” พนักงานธนาคารตอบอย่างมีมารยาทแต่สายตากลับมองเหยียดอยู่หน่อย ๆ

บัญชีที่มีเงินแค่สิบหยวนกลับคิดจะโอนเงินห้าล้าน แน่ใจนะว่าไม่ได้หนีออกมาจากโรงพยาบาลประสาท?

อู่เยวี่ยทำหน้าตกใจแล้วกรีดร้อง “เป็นไปไม่ได้ จะมีแค่สิบหยวนได้ยังไง ทั้งที่มีห้าล้านแท้ ๆ คุณดูผิดหรือเปล่า ช่วยตรวจดูอย่างละเอียดให้อีกทีสิ!”

“คุณผู้หญิง ฉันตรวจดูสามรอบแล้วและมีแค่สิบหยวนจริง ๆ คุณอาจจะจำผิดบัญชีหรือเปล่า หรือกลับไปคิดให้ดีอีกทีไหม?” พนักงานเริ่มไม่สบอารมณ์

“เป็นไปไม่ได้…พวกคุณต้องฮุบเงินฉันไปแน่ ๆ ฉันมีห้าล้านอยู่แท้ ๆ…พวกคุณคืนเงินฉันมานะ…”

อู่เยวี่ยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ไม่มีเงินได้อย่างไรกัน?

เธอให้ทนายสวี่หลอกล่ออู่เจิ้งซือโอนเงินเข้าบัญชีนี้และทนายสวี่ก็บอกว่าทำสำเร็จแล้ว ถ้างั้นจะไม่มีเงินได้อย่างไร ต้องเป็นธนาคารที่ฮุบเงินของเธอไปแน่นอน!

…………………………….

ตอนที่ 2119 รอยแตกแยก

อู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋าหนีเอาชีวิตรอดท่ามกลางป่าเขา บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดูอึดอัดไปบ้างเล็กน้อยเพราะการตายของเสี่ยวเป่า

เหยียนหมิงต๋าอยากพาเสี่ยวเป่าไปด้วย หลังจากเข้าเมืองก็จะเผาศพเสี่ยวเป่าค่อยสร้างสุสานให้อย่างดี

แต่อู่เยวี่ยกลับไม่ยอม เธอทำไปเพราะไม่อยากมีตัวภาระนี้ถึงใจเหี้ยมทำแบบนั้นได้ลงคอ ตอนนี้จะให้พาศพหนีเอาตัวรอดไปด้วยกันแล้วสิ่งที่เธอทำไปจะมีความหมายอะไรล่ะ?

สุดท้ายก็เป็นอู่เยวี่ยที่โน้มน้าวใจเหยียนหมิงต๋าได้สำเร็จ แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ด้วยเหตุนี้จึงสร้างปมขึ้นระหว่างเหยียนหมิงต๋ากับอู่เยวี่ยจนเขาไม่ปริปากคุยกับเธอแม้แต่ประโยคเดียวเลยตลอดทาง

อู่เยวี่ยไม่พอใจมาก ไอ้คนไม่เอาไหนนี่กล้าทำหน้าไม่พอใจใส่เธองั้นเหรอ!

ข้ามเขาลูกนี้ไปก็จะถึงตัวเมืองแล้ว รอเธอถอนเงินจากบัญชีลับได้ค่อยปลอมสถานะใหม่เพื่อสะดวกต่อการหลบหนีไปต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากไอ้คนไม่เอาไหนคนนี้อีกแล้ว!

เพียงแต่ตอนนี้บนเขามืดสนิทไม่มีแสงไฟ หากมีสัตว์ดุร้ายปรากฏตัวเหยียนหมิงต๋ายังช่วยกันให้เธอได้บ้าง ฉะนั้นตอนนี้จะผิดใจกับเจ้าโง่นี่ไม่ได้!

“พี่หมิงต๋า พี่ยังโทษฉันอยู่ใช่ไหม…ฉันจนปัญญาแล้วจริง ๆ…ความจริงฉันก็เจ็บปวดเหมือนโดนกรีดหัวใจ เสี่ยวเป่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน เขาตายไป ฉันก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอกนะ…”

อู่เยวี่ยร้องไห้ไปพูดไปราวกับกำลังแสดงละครดราม่า พล่ามความปวดใจของเธอและความจนใจของเธอออกมา…

เหยียนหมิงต๋าอดถามไม่ได้ “แล้วทำไมเธอถึงฝังเสี่ยวเป่าไว้บนเขา?”

ตอนนี้พวกเขาเดินทางมาถึงส่วนลึกของภูเขาแล้วต้องมีสัตว์ดุร้ายปรากฏตัวขึ้นแน่ เสี่ยวเป่าฝังไว้ตื้นขนาดนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะถูกสัตว์ร้ายคาบไปเป็นอาหาร!

เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าคิดต่อไป เพราะเขาเสียใจ

ก่อนหน้านี้ไม่ควรหวั่นไหวเพราะน้ำตาของอู่เยวี่ยเลย เพราะเชื่อคำพูดของเธอถึงได้ฝังเสี่ยวเป่าไว้ลวก ๆอย่างนั้น

“ไม่ได้ ฉันต้องกลับไปพาเสี่ยวเป่ามาด้วย!”

เหยียนหมิงต๋าหมุนตัวหมายจะย้อนกลับทางเดิมเรียกให้อู่เยวี่ยสะดุ้งเฮือกก่อนลอบด่าในใจ!

“กลับไปตอนนี้ต้องเจอคนของพวกเฮ่อเหลียนเช่อแน่ ๆ พี่หมิงต๋า ฉันไม่อยากถูกจับตัวกลับไปอีกแล้ว ขอร้องละ…ไว้วันหลังเราค่อยมาพาเสี่ยวเป่ากลับไปดีไหม?”

อู่เยวี่ยกระวนกระวายใจจริง ๆ เธอกลัวเจ้าโง่นี่คิดจะกลับไปจริง ๆ ลำพังตัวเธอคนเดียวจะข้ามเขาลูกนี้ไปได้อย่างไรล่ะ!

เหยียนหมิงต๋ามองอู่เยวี่ยที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าด้วยความรู้สึกแย่จับใจ

เขารู้สึกได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ความรู้สึกในความทรงจำของเขาอีกต่อไปแล้ว

แต่เขายังใจร้ายกับผู้หญิงคนนี้ไม่ลงอยู่ดี!

กลายเป็นความคิดครอบงำของเขาไปแล้ว!

“ไปกันเถอะ!”

เหยียนหมิงต๋าเดินนำอยู่ข้างหน้า เสี่ยวเป่าตายไปแล้ว หากตอนนี้เขาทอดทิ้งอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยจะต้องมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ ๆ

ถ้าเช่นนั้นการที่เขาต้องเสี่ยงถูกไล่ออกหนีหน้าที่มาช่วยเยวี่ยเยวี่ยจะมีความหมายอะไรล่ะ?

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยเยวี่ยเยวี่ยก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

อู่เยวี่ยลอบยิ้มร่าในใจและเริ่มได้ใจอีกครั้ง ต่อให้ตอนนี้เธอทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่ก็สามารถทำให้เหยียนหมิงต๋าหลงหัวปักหัวปำได้เหมือนเดิม เขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือเธอหรอก

แต่ท่าทีที่ไม่กระตือรือร้นอย่างตอนเด็กของเหยียนหมิงต๋าสร้างความไม่พอใจแก่อู่เยวี่ยอย่างมาก

เหอะ ต้องเป็นจ้าวเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นเป่าหูเหยียนหมิงต๋าถึงด้านไม่ดีของเธอแน่ ๆ

อู่เยวี่ยผุดความคิดขึ้นมาแล้วจงใจถามขึ้นว่า “พี่หมิงต๋า ฉันได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับคุณน้า เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

เหยียนหมิงต๋าชะงักฝีเท้า ความเจ็บปวดฉายชัดบนใบหน้า แม้ไม่ได้ตอบแต่สีหน้าของเขาได้เป็นคำตอบทุกอย่างแล้ว

อู่เยวี่ยที่อยู่ด้านหลังแสยะยิ้มเย็นชา ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอว่าถานซูฟางตายอย่างไร เพราะนี่เป็นผลงานของเธอ แต่ตอนนี้เธอจะต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์

……………………….

ตอนที่ 2120 อู่เยวี่ยไม่มีความจำเป็นที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

เหยียนหมิงซุ่นเตรียมพาเสี่ยวเป่ากลับเข้าเมือง เสี่ยวเป่ามีรอยแผลตามตัวมากขนาดนี้หากไม่รีบให้การรักษาอย่างเร่งด่วนเกรงว่าแผลจะเน่าเฟะกว่าเดิม

เขาโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าตามหาเสี่ยวเป่าเจอแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อดีใจยกใหญ่รีบเดินทางมาพบเหยียนหมิงซุ่นโดยเร็ว

รอเฮ่อเหลียนเช่อเห็นเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนของเหมยเหมยพลันขอบตาร้อนผ่าว แต่พอเห็นรอยกัดจากยุงและแมลงบนหน้าและแขนของเสี่ยวเป่าสีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน

“ให้ตายฝีมือใครกัน? ฉันจะฆ่ามัน!”

เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปยังกลุ่มยุงแมลงที่บินล้อมรอบคบเพลิงอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกมันทำ แน่จริงแกก็ฆ่าพวกมันสิ!”

เฮ่อเหลียนเช่อตบหน้าตัวเองแรง ๆสองทีจนเลือดกบปากทั้งสบถด่าคำหยาบอีกหลายคำ

“ไว้กลับไปฉันจะเผาภูเขาลูกนี้ทิ้งซะ!”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่ง คร้านจะสนใจเจ้างั่งนี่อีกแต่ก็เอ่ยต่อ “แกพาเสี่ยวเป่ากลับเข้าเมืองก่อน ฉันจะไล่ตามพวกมันต่อเอง”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่คนโง่อยู่แล้ว ครุ่นคิดเพียงครู่ก็รู้ทันแผนของเหยียนหมิงซุ่นจึงแค่นหัวเราะหลายที

“อย่าคิดว่าแกช่วยตามตัวเสี่ยวเป่าให้ฉันได้แล้วฉันจะปล่อยน้องชายโง่เขลาของแกไปนะ หึ เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่!”

เฮ่อเหลียนเช่อโบกมือให้ลูกน้องก่อนจะพาเสี่ยวเป่าจากไป

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงต๋าติดต่อกับอู่เยวี่ยได้อย่างไร เจ้าโง่นี่อาจหาญกล้าหนีหน้าที่โดยพลการแล้วก่อความผิดอันใหญ่หลวงนี้ไว้ แล้วจะอยู่ในค่ายทหารต่อไปได้อย่างไร?

แน่นอนว่าหากเขาออกหน้าแทนเหยียนหมิงต๋าต้องอยู่ประจำการต่อได้ แต่เขาไม่มีทางช่วย!

ในเมื่อทำความผิดไว้ก็ต้องรับผลกรรมที่ตามมาให้ได้!

เหยียนหมิงต๋าประจำการในค่ายทหารต่อไปไม่ได้อีกแล้วแถมยังถูกบันทึกความผิดไว้ด้วย จนกลายเป็นรอยด่างพร้อยที่ตามติดตัวเขาไปตลอดชีวิต!

“พี่…พี่เห็นไหมว่าเสี่ยวเป่ายอมให้เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มแล้ว!”

เหมยเหมยพูดขัดความคิดของเหยียนหมิงซุ่นด้วยเสียงตกอกตกใจ

เหยียนหมิงซุ่นถูกเหมยเหมยเตือนเข้าให้เลยนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ที่เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มเสี่ยวเป่าจากไป เสี่ยวเป่าอยู่ในสภาวะตื่นเต็มตัวแล้วแต่กลับไม่ขัดขืน

หากเป็นเมื่อก่อนเสี่ยวเป่าในยามตื่นไม่มีทางยอมให้เฮ่อเหลียนเช่ออุ้มแน่ ๆ แปลกดีจริง ๆ

หรือว่าช่วงนี้อู่เยวี่ยไม่ได้วางยาพิษให้เสี่ยวเป่าต่อ?

ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่าเป็นเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่ง

หากเสี่ยวเป่าหลุดพ้นจากการควบคุมของอู่เยวี่ย เช่นนั้นไม่ว่าเขาหรือเฮ่อเหลียนเช่อก็จัดการอู่เยวี่ยได้เต็มที่แล้ว

“ฉันจะโทรบอกเฮ่อเหลียนเช่อ ว่าลองให้คนอื่นอุ้มเสี่ยวเป่าดู”

เหยียนหมิงซุ่นอยากทดสอบดูแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับคิดได้ก่อนแล้ว พอเขาฟังเหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นก็ทำท่าได้ใจแถมยังบอกว่าเขาลองให้คนอื่นอุ้มเสี่ยวเป่าดูแล้ว เสี่ยวเป่าสงบมากไม่ปริเสียงร้องเลยสักแอะ

“นังแพศยาอู่เยวี่ยนั่นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปแล้ว!”

เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นยะเยือกและแผ่รังสีอาฆาตออกจากตัว

“งั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องใจอ่อนอีกแล้วสินะ!”

เหยียนหมิงซุ่นวางสายไปก่อนจะให้ลูกน้องสองคนพาเหมยเหมยกลับเข้าเมือง เขากับคนที่เหลือไล่ตามอู่เยวี่ยอย่างสุดกำลัง

เหมยเหมยกลับไปแต่โดยดี เหตุผลที่เธอตามมาก็เพื่อเสี่ยวเป่า ตอนนี้เสี่ยวเป่าปลอดภัยแล้วอู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋าก็ปล่อยให้เหยียนหมิงซุ่นจัดการ!

“ต้องให้อู่เยวี่ยตายสนิท อย่าให้มันได้มีโอกาสหายใจ!”

เหมยเหมยพูดย้ำซ้ำ ๆเพราะรู้สึกไม่ไว้วางใจจริง ๆ อู่เยวี่ยเป็นคนจำพวกที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตายสักที ครั้งนี้หากไม่ตายอีกเธอจะสงสัยจริง ๆแล้วว่าความจริงโลกนี้คือโลกของอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยเป็นนางเอกตัวจริงถึงไม่ตายสักที

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆ “วางใจได้ ครั้งนี้ไม่ปล่อยให้หล่อนหนีลอยนวลอีกแล้วล่ะ!”

หากคราวนี้ให้อู่เยวี่ยหนีไปได้อีก เขาเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ต้องอยู่ในวงการนี้อีกต่อไปแล้ว!

…………………………

ตอนที่ 2117 เสี่ยวเป่าที่ถูกฝังไว้ในดิน

ร่อยรอยที่ลูกน้องพบเจออยู่ริมทางนั่นเอง เป็นกองดินทรายเปียกชื้นกองเล็ก ๆที่ยังไม่ทันแห้งดี

“น่าจะเป็นคราบฉี่ของเด็ก และยังไม่เกินชั่วโมงด้วย” มีคนวิเคราะห์

“รีบไล่ตามไปเร็วเข้า!”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยสั่งเสียงขรึมแล้วแบกเหมยเหมยขึ้นหลัง ระดับความเร็วในการเดินทางของเขากับลูกน้อง ต่อให้เหมยเหมยมีสี่ขาก็ตามไม่ทัน เขาแบกน่ะดีแล้ว

ทั้งกลุ่มเร่งเดินฝ่าดงหญ้าป่าเขาท่ามกลางความมืด ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ มีเพียงเสียงหายใจเบาหวิว

เหมยเหมยโบกมือตลอดทางช่วยปัดยุงให้เหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นถอดเสื้อเชิ้ตเป็นเกราะป้องกันให้เธอขณะที่ตัวเขาสวมแต่เสื้อยืดตัวเดียว แม้แต่หน้าอกกับแขนที่โผล่พ้นนอกร่มผ้าถึงจะทายาไว้แต่ก็ถูกยุงกัดเป็นรอยแผลหลายจุด

ฉิวฉิวฟุบอยู่ตรงหลังของเหมยเหมย ดวงตาดำขลับหมุนกลอกตลอดเวลา จมูกดมฟุดฟิดไม่หยุดและทำหน้าจริงจังอย่างมาก

เดินทางไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงฉิวฉิวก็สูดจมูกแรง ๆพลันก็ส่งเสียงร้องออกมา

เสียงร้องของเจ้าตัวเล็กช่างเสียดหูอย่างมากเมื่ออยู่ท่ามกลางป่าเขาที่เงียบสงัด เหมยเหมยรู้ทันทีว่าฉิวฉิวต้องเจออะไรบางอย่างเลยอดดีใจไม่ได้

“ฉิวฉิว เธอเจอเสี่ยวเป่าแล้วใช่ไหม?”

“จิ๊กจิ๊ก!”

สีหน้าของฉิวฉิวตึงเครียดอย่างมาก รู้สึกเหมือนเขากำลังโกรธแถมยังโกรธมากด้วย

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ หรือว่าเสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไป?

ไม่มีทาง เสี่ยวเป่าต้องไม่เป็นไร!

ต่อให้อู่เยวี่ยใจเหี้ยมแค่ไหนแต่เธอเป็นแม่แท้ ๆของเสี่ยวเป่าเชียวนะ ใจดำอำมหิตแค่ไหนก็คงไม่ถึงขั้นต้องฆ่ากันหรอกมั้ง?

แต่ถ้อยคำเหล่านี้แม้แต่ตัวเหมยเหมยเองยังไม่เชื่อ อู่เยวี่ยวางยาพิษเสี่ยวเป่าได้แล้วมีอะไรที่เธอจะทำไม่ได้อีกล่ะ?

แต่มีเหยียนหมิงต๋าอยู่ ถึงเหยียนหมิงต๋าจะโง่แต่เขาเป็นคนใจดี น่าจะไม่ยืนมองอู่เยวี่ยฆ่าเสี่ยวเป่าไปต่อหน้าต่อตาหรอก

ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ เสี่ยวเป่าต้องไม่เป็นไร!

เหมยเหมยปลอบใจตัวเองไม่หยุดแต่ก็ยังกังวลใจมากอยู่ดี หากไม่เจอตัวเสี่ยวเป่าเธอคงวางใจไม่ลง!

เหยียนหมิงซุ่นเดินมาถึงเนินเขาริมทางภายใต้การนำทางของฉิวฉิว บนเนินเต็มไปด้วยหญ้ารกสูงขนาดครึ่งตัวคนเขียวชอุ่ม ฉิวฉิวกระโดดลงมาเอง

“จิ๊กจิ๊ก!”

ฉิวฉิวกระโดดลงไปอยู่บนกองดินเล็ก ๆที่นูนขึ้นมา ดูท่าทางโกรธเคืองอย่างมากและกางกรงเล็บขุดดินไม่หยุดจนเศษดินปลิวกระจัดกระจาย

“ไปขุดดินตรงนั้น” เหยียนหมิงซุ่นหันไปสั่งลูกน้อง

กองดินไม่สูงมากดูรูปร่างคล้าย ๆซาลาเปา อีกทั้งดูจากสีของดินรวมถึงหญ้าสดที่ถูกฟันทิ้งรอบข้าง ก็เห็นได้ชัดว่ากองดินนี้เพิ่งถูกก่อขึ้นมาไม่นาน

ข้างในนั้นจะเป็นอะไรนะ?

เหมยเหมยชักสังหรณ์ใจไม่ดี ขณะที่หัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ขออย่าให้เป็นไปอย่างที่เธอคิดเลย!

ไม่นานกองดินก็ถูกขุดออกมา

“เสี่ยวเป่า…”

พอเหมยเหมยเห็นสิ่งที่ถูกฝังข้างในจนชัดก็หน้ามืดจนแทบเป็นลมหมดสติไป

สิ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างในคือเสี่ยวเป่า บนร่างเจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารเต็มไปด้วยขี้ดินและถูกฝังกลบอยู่ในดินอย่างเดียวดาย ไหนจะหนอนแมลงปีนป่ายบนร่างกายอีกหลายตัว

“เสี่ยวเป่า…เสี่ยวเป่าหนูเป็นอะไรไป…ฟื้นสิ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”

เหมยเหมยพุ่งตัวไปข้างกองดินแล้วอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาปัดหนอนและแมลงบนตัวเสี่ยวเป่าออกแต่เสี่ยวเป่ายังหลับตาแน่นสนิท ไม่ว่าเธอจะเรียกอย่างไรก็ไม่มีเสียงตอบรับเธอ!

“เสี่ยวเป่าตายแล้ว…ฮืฮ ๆ…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”

เหมยเหมยเห็นรอยแผลตามตัวเสี่ยวเป่าที่บวมเป่งไม่เหลือสภาพ รวมถึงใบหน้าเขียวช้ำของเสี่ยวเป่า ทุกอย่างนี้บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าก่อนตายเสี่ยวเป่าทรมานเจ็บปวดมากเพียงใด!

นังแพศยาอู่เยวี่ย!

เธอจะถลกหนังนังแพศยานี้ให้ได้!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องที่เสี่ยวเป่าตายก่อนวัยอันควร และไม่รู้ควรอธิบายกับเฮ่อเหลียนเช่ออย่างไร

การตายของเสี่ยวเป่า เหยียนหมิงต๋ามีส่วนเกี่ยวข้องที่ปฏิเสธไม่ได้

เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยเหยียนหมิงต๋าไปอย่างแน่นอน!

ฉิวฉิวมองเหมยเหมยที่มัวแต่ร้องไห้ด้วยความเสียใจก็ร้อนใจกระโดดขึ้นลงไปมาแต่ก็ยังไม่มีใครสนใจเขาอีก ช่วยไม่ได้เขาจำต้องกระโดดไปอยู่บนตัวเสี่ยวเป่า

…………………….

ตอนที่ 2118 ฉิวฉิวออกโรง

ฉิวฉิวยื่นอุ้งมือชิงตัวเสี่ยวเป่าไปโดยไม่สนใจจะอธิบายให้เหมยเหมยฟัง เจ้าตัวเล็กนี่ยังมีพลังชีวิตอยู่อีกนิดแต่พร้อมจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ หากเขาไม่รีบส่งพลังไปก็หมดหนทางจะช่วยเจ้าตัวเล็กนี่ได้แล้ว

เหมยเหมยที่กำลังเศร้าเสียใจอยู่เห็นฉิวฉิวสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะประกบปากของเสี่ยวเป่าเพื่อส่งลมหายใจเฮือกนี้ให้อีกฝ่ายและทำติดต่อกันสามครั้งฉิวฉิวถึงหยุด สีหน้าดูอ่อนเพลียอยู่เล็กน้อย

คุณชายฉิวเสียเปรียบแย่แล้ว กว่าจะสะสมพลังมังกรได้แต่ละทีแต่กลับต้องแบ่งให้เจ้าตัวเล็กนี่ครึ่งหนึ่ง มีพลังมังกรนี้อยู่อนาคตเจ้าตัวเล็กนี่คงสบายแน่นอน!

เขาเสียเปรียบเจ้าตัวเล็กนี่แล้ว!

“ฉิวฉิว แกทำอะไรเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความสงสัย

เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่เธอเพื่อบ่งบอกว่าอย่าเพิ่งไปรบกวนฉิวฉิว

หากเขาเดาไม่ผิด ฉิวฉิวน่าจะกำลังช่วยเสี่ยวเป่าอยู่

เจ้ากระรอกตัวน้อยน่าชังจอมตะกละตัวนี้ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา เขาทำเช่นนี้ต้องมีความหมายบางอย่าง บางทีเสี่ยวเป่าอาจจะฟื้นคืนชีพก็ได้!

ฉิวฉิวส่งพลังลมเสร็จตัวเองก็ไร้เรี่ยวแรงเลยฟุบกลับไปนอนอยู่ในอ้อมแขนเหมยเหมย พลางเอ่ยประโยคหนึ่งอย่างอ่อนเพลีย “เจ้าตัวเล็กไม่เป็นไรแล้ว”

เหมยเหมยดีใจ อยากถามให้รู้เรื่องกว่านี้อีกนิดแต่ฉิวฉิวเหนื่อยมากจริง ๆจึงหลับตาสนิทที่คาดว่าน่าจะหลับไปแล้ว

“ที่รัก ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ…”

เหมยเหมยกอดฉิวฉิวแน่นแล้วจุ๊บศีรษะเขาหลายที ฉิวฉิวทำเพื่อเธอมามากมายแต่เธอกลับให้สิ่งตอบแทนได้เพียงช็อกโกแลต ฉิวฉิวเสียเปรียบแย่เลย

ฉิวฉิวที่หลับตางีบแค่นเสียงทีหนึ่ง รู้ว่าติดหนี้เขาก็ดี วันหลังให้ช็อกโกแลตเยอะหน่อย อย่าเอาแต่ขี้เหนียวใจแคบสิ

เหมยเหมยวางฉิวฉิวไว้ในกระเป๋าแถมยังใส่ช็อกโกแลตเพิ่มให้อีกหลายแท่ง รอฉิวฉิวตื่นแล้วจะได้ทาน

เหยียนหมิงซุ่นคอยสังเกตเสี่ยวเป่าอยู่ตลอดเวลา เขาพบว่าหลังจากฉิวฉิวส่งพลังลมเสร็จเสี่ยวเป่าก็กลับมาหายใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ ใบหน้าเขียวช้ำก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

เจ้าตัวเล็กฟื้นคืนชีพแล้ว!

“แอะแอะ…”

เสี่ยวเป่าได้กลิ่นคุ้นเคยเลยส่งเสียงร้องอย่างดีใจ มืออวบยื่นหาเหมยเหมยไม่หยุด

มือขยับเข้ามาใกล้ทีละนิด…จนในที่สุดก็แตะโดนใบหน้าของเหมยเหมย เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ

เหมยเหมยสัมผัสถึงมือนุ่มนิ่มบนใบหน้าเลยพบว่าเสี่ยวเป่ากำลังยิ้มให้เธออย่างน่าทึ่ง เจ้าตัวเล็กที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตุ่มนูนแต่ตอนยิ้มกลับบริสุทธิ์ใสซื่อน่ารักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

“เสี่ยวเป่า ในที่สุดเธอก็ไม่เป็นไรแล้ว…ทำคุณน้าตกใจแทบแย่…”

เหมยเหมยกอดเสี่ยวเป่าทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ เหยียนหมิงซุ่นช่วยบดบังสายตาคนอื่น ๆให้เธอ เธอหยิบขวดน้ำยาวิเศษออกมาป้อนให้เสี่ยวเป่า

แม้เสี่ยวเป่าฟื้นแล้วแต่ร่างกายยังอ่อนแอนัก อีกทั้งหน้าผากที่ร้อนผ่าวบ่งบอกว่ากำลังเป็นไข้อย่างชัดเจน

ลูกน้องคนอื่น ๆเห็นเจ้าตัวเล็กฟื้นคืนชีพก็ดีใจเช่นกัน พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวเป่าอยู่ในสภาวะขาดอากาศหายใจ ขอเพียงมีก๊าซออกสิเจนเพียงพอก็จะฟื้น

“พี่ พี่ว่าเสี่ยวเป่าจะ…” เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ

เสี่ยวเป่าแค่เป็นไข้ที่ต่อให้อาการรุนแรงเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในเวลาอันน้อยนิดนี้เสี่ยวเป่าไม่มีทางไข้ขึ้นสูงเกินไป

ฉะนั้นเสี่ยวเป่าถูกฝังในดินได้อย่างไร?

ถูกอู่เยวี่ยกับเหยียนหมิงต๋าทอดทิ้งหรือเปล่า?

หากเป็นเช่นนั้นจริ งๆ ไอ้สารเลวสองคนนี้ไม่มีสิทธิ์มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า “ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง หมิงต๋าไม่ใช่คนแบบนี้”

ไม่มีใครรู้จักน้องชายผู้โง่เขลาไปมากกว่าตัวเขาอีก ต่อให้จะคลั่งรักอู่เยวี่ยเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นฆ่าใครตายหรอก

ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กทารกวัยไม่ถึงขวบดีด้วย!

………………………

ตอนที่ 2115 อู่เยวี่ยผู้โหดเหี้ยม

เหยียนหมิงต๋าให้อู่เยวี่ยอุ้มเสี่ยวเป่ารอเขาอยู่ที่เดิม เขาจะไปหาสมุนไพรละแวกนี้มาให้ ในฐานะทหารหน่วยรบพิเศษนายหนึ่งจึงมีความรู้ทางการแพทย์ประดับอยู่บ้าง เสี่ยวเป่าตัวร้อนขนาดนี้หากไม่รีบหาทางลดไข้จะเป็นอันตรายมาก

อู่เยวี่ยขมวดคิ้วเดินมาลูบหน้าผากเสี่ยวเป่าทีหนึ่ง พยายามระงับความไม่สบอารมณ์เอาไว้แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เด็กเป็นไข้ก็จะตัวร้อนกว่าผู้ใหญ่หน่อย เห็นรุนแรงขนาดนี้ความจริงไม่มีอะไรหรอก เรารีบเดินทางต่อเถอะ ระหว่างทางถ้าเจอสมุนไพรค่อยเอามารักษาเสี่ยวเป่า!”

เหยียนหมิงต๋าตอบด้วยความลังเล “แบบนี้จะทำให้เสี่ยวเป่าแย่เอานะ”

“ไม่หรอก ระหว่างทางต้องมีสมุนไพรแน่ ๆ อีกไม่นานคงหาเจอ เราต้องรีบทำเวลา พี่หมิงต๋า พี่คงไม่อยากให้ฉันถูกคนชั่วจับตัวกลับไปหรอกนะ?”

อู่เยวี่ยหยิกต้นขาแรง ๆทีหนึ่งแกล้งบีบน้ำตาหลาย ๆหยด มองเหยียนหมิงต๋าเรียกร้องความเห็นใจ

เหยียนหมิงต๋าใจอ่อนยวบ แม้จะมีข้อสงสัยต่อผู้หญิงตรงหน้ามากมายแต่ความสัมพันธ์ที่ผูกกันมาตั้งแต่เด็กมันหยั่งรากลึก ทำให้เขาใจแข็งกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ดี

“แต่เสี่ยวเป่าไข้ขึ้นสูงมาก ฉันหาสมุนไพรไม่นานหรอก ไม่เสียเวลาแน่นอน”

เหยียนหมิงต๋าพยายามเกลี้ยกล่อมอู่เยวี่ย เขาไม่วางใจเรื่องเสี่ยวเป่าจริง ๆ ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ไม่นานอาจจะโดนพิษไข้เล่นงานจนสมองเสียหายได้ ถ้าเช่นนั้นชีวิตของเสี่ยวเป่าก็พังกันพอดี

อู่เยวี่ยหมดความอดทนและนึกโกรธเกลียดเสี่ยวเป่ามากกว่าเดิม ทำไมไอ้เด็กนรกนี่ยังไม่ตายสักทีนะ?

หากไม่มีภาระก้อนนี้เธอคงหนีข้ามเขาลูกนี้ไปได้สบาย ๆ มีไอ้เด็กนรกนี่ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะข้ามเขาลูกนี้ไปได้

ถ้าตายไปก็ดีสิ!

ความคิดชั่วร้ายแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง อู่เยวี่ยตาเป็นประกายไม่กล้ามองเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนของเหยียนหมิงต๋า ขณะที่ความคิดภายในใจกำลังตบตีกันอยู่

ถ้อยคำของเหยียนหมิงต๋ากลับทำให้เธอตัดสินใจได้ เจ้าโง่นี่ยังคงใจดีเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด มีไอ้เด็กนรกนี่อยู่เธอต้องคอยเสแสร้งทำเป็นเอาใจเหยียนหมิงต๋า

เธอรำคาญจะตายอยู่แล้ว!

ตาย ๆไปซะเถอะ เธอจะได้สบายสักที

อู่เยวี่ยกัดฟัน ในที่สุดก็ตัดสินใจได้เลยเงยหน้ามองเหยียนหมิงต๋า “ได้สิ ฉันจะรอพี่ตรงนี้ พี่หมิงต๋ารีบหน่อยนะ ฉันอยู่คนเดียวแล้วกลัว!”

เหยียนหมิงต๋าถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างปลื้มใจ เมื่อครู่เขาเข้าใจเยวี่ยเยวี่ยผิดไป เยวี่ยเยวี่ยยังแสนดีเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด อาจจะเพราะกำลังหนีเอาตัวรอดเลยทำให้เธอร้อนใจไปสักหน่อย

“ไม่ต้องกลัว ไม่นานก็กลับมาแล้ว เธออย่าเดินเพ่นพ่านไปไหนล่ะ ยืนรออยู่ที่เดิมนี่แหละ”

เหยียนหมิงต๋าพูดเตือนไม่กี่ประโยคก็เข้าไปในป่าลึก ในนั้นน่าจะมีหญ้าสมุนไพรอยู่บ้าง

อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไป หลังจากเหยียนหมิงต๋าจากไปไม่นานเธอก็ก้มมองเสี่ยวเป่าที่นอนไม่ได้สติในอ้อมแขนด้วยสายตาเย็นชา

“ลูกอย่าโทษแม่ว่าใจเหี้ยมเลย จะโทษก็โทษพ่อของลูกที่ใจเหี้ยมเกินไป ถ้าลูกตายไปเป็นผีก็ไปแก้แค้นเขาแล้วกัน อย่ามาหาแม่เลย!”

อู่เยวี่ยกัดฟันกรามแน่น หลังจากลังเลอยู่บ้างแต่ก็ตัดสินใจได้ในที่สุด ยื่นมือสั่นเทาออกไปอุดจมูกเสี่ยวเป่าไว้

เสี่ยวเป่าเหมือนรู้สึกถึงอันตรายจึงดิ้นพล่านไปมา แต่แรงกระเสือกระสนอันน้อยนิดของเจ้าตัวเล็กกลับทำให้อู่เยวี่ยใจเหี้ยมยิ่งกว่าเก่า

“ดิ้นอะไรนักหนา เพราะลูกไม่เชื่อฟังถึงทำให้แม่ต้องใจร้ายไงล่ะ…”

อู่เยวี่ยมองเสี่ยวเป่าด้วยความรำคาญโดยไม่คิดสงสารเลยสักนิด ในที่สุดเธอก็เอามืออุดจมูกเสี่ยวเป่าไว้แล้วหลับตากดแรงลงไป

“รีบตายจะได้รีบไปเกิดใหม่ สังคมนี้อันตราย ชาติหน้าเกิดเป็นวัวเป็นม้าก็อย่าเกิดมาเป็นคน แม่หวังดีกับลูกนะ อย่าโทษแม่เลย!”

……………………

ตอนที่ 2116 เสี่ยวเป่าตายแล้ว

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้ไปนานนัก ไม่ถึงสิบห้านาทีก็กลับมาพร้อมยาสมุนไพรในมือที่ล้วนแต่มีสรรพคุณช่วยลดไข้ทั้งนั้น

“ฉันหายาลดไข้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว เอาคั้นเป็นยาให้เสี่ยวเป่าดื่มน่าจะช่วยลดไข้ได้ ฉันหาอันนี้ได้ด้วย ชื่ออะไรไม่รู้ แต่ทาแผลยุงกัดได้ผลที่สุด แค่เอาใบไม้ปิดตรงแผลยุงกัดวันที่สองก็หายบวมแล้ว…”

เหยียนหมิงต๋าเดินเข้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ปากก็พูดเจื้อยแจ้วพร้อมสีหน้ามีความสุข

ภูเขาลูกนี้อุดมสมบูรณ์มากมียาสมุนไพรหลากหลายชนิด ไม่ต้องเสียเวลานานนักก็หาเจอแล้ว อีกทั้งยังเป็นยาดีมีสรรพคุณตามที่ต้องการด้วย ขอเพียงใช้ยานี้เสี่ยวเป่าต้องหายดีแน่ เหยียนหมิงต๋าอารมณ์ดีไม่น้อย

แต่–

เหยียนหมิงต๋าเดินเข้าไปใกล้อู่เยวี่ยเรื่อย ๆกลับพบว่าอู่เยวี่ยอุ้มเสี่ยวเป่าทรุดนั่งอยู่ตรงพื้นพร้อมปล่อยน้ำตาไหลรินเงียบ ๆ

เขารู้สึกลนลานขึ้นมาจึงรีบถาม “เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป?”

อู่เยวี่ยกัดลิ้นแรง ๆปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ไหลพราก “พี่หมิงต๋า…เสี่ยวเป่า…เขา…เขา…”

พูดได้ครึ่งประโยคอู่เยวี่ยก็พูดต่อไม่ไหว ร่ำไห้ปล่อยโฮแล้วเอามือทุบอกตัวเองไม่หยุด “เสี่ยวเป่า…แม่ผิดเอง…เสี่ยวเป่าที่น่าสงสาร…นี่ลูกควักหัวใจแม่ไปเลยนะ…”

เหยียนหมิงต๋าใจหล่นตุบ เขาแย่งตัวเสี่ยวเป่ามาจากอ้อมแขนอู่เยวี่ย เจ้าตัวเล็กที่ไข้สูงตัวร้อนจี๋ก่อนเขาไป ตอนนี้กลับไม่ได้ตัวร้อนมากเท่าเดิมแต่ใบหน้ากลับเขียวช้ำไร้ลมหายใจ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนฉันไปยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

เหยียนหมิงต๋าขึ้นเสียงสูง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น คนตัวเป็น ๆทำไมถึงตายง่ายขนาดนี้ล่ะ!

“ฉันผิดเอง ฉันทำให้เสี่ยวเป่าต้องตาย…หลังพี่ไปไม่นานเสี่ยวเป่าก็เริ่มชัก ฉันช่วยเขาไม่ได้…ฮือ…ฉันมันไร้ประโยชน์…เห็นเสี่ยวเป่าตายต่อหน้าต่อตา…แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้…”

อู่เยวี่ยพูดประโยคขาดห้วง คำเหล่านี้เป็นข้ออ้างที่เธอเพิ่งคิดเมื่อสักครู่ เด็กไข้ขึ้นสูงจะเกิดอาการชักเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เหยียนหมิงต๋าต้องจับผิดไม่ได้แน่ ๆ

“ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่ฉันนะ เสี่ยวเป่าของแม่…เสี่ยวเป่าที่น่าสงสารของแม่…”

อู่เยวี่ยมัวแต่ร่ำไห้คนเดียวแล้วร้องโหยหวนไม่หยุด ดูแล้วเหมือนคุณแม่ที่กำลังใจสลายเพราะเพิ่งสูญเสียลูกไป แสดงได้สมจริงเหลือเกิน

เหยียนหมิงต๋าไม่นึกสงสัยเลยสักนิด เขาคิดว่าเสี่ยวเป่าเป็นเช่นนี้เพราะอาการเป็นไข้เลยแอบโทษตัวเองในใจ

หากเขากลับมาเร็วกว่านี้เสี่ยวเป่าอาจจะไม่เป็นไร

ทำไมเขาถึงไม่รีบมาถึงให้เร็วกว่านี้นะ!

ท้องฟ้าเริ่มมืด บนเขามืดสนิทจนมองไม่เห็นนิ้วมือ รอบคบเพลิงเต็มไปด้วยแมลงเป็นฝูง ๆทำเอาคนมองเห็นขนลุกซู่กันถ้วนหน้า

เหมยเหมยใส่เสื้อปิดมิดชิดทั้งตัวแต่ก็โดนยุงกัดไปหลายจุดและคันกว่าปกติ หากไม่ได้ยากันยุงชนิดพิเศษของเหยียนหมิงซุ่น จุดที่ถูกยุงกัดคงถูกเธอเกาจนผิวถลอกไปแล้วแน่ ๆ

“ยุงเยอะขนาดนี้ เสี่ยวเป่าจะเป็นอะไรไหมนะ?”

เหมยเหมยนึกเป็นห่วงเสี่ยวเป่าอย่างมาก เสี่ยวเป่าทั้งขาวทั้งตัวนุ่มย่อมเป็นอาหารชั้นเลิศของยุง อีกทั้งฤดูร้อนใส่เสื้อบาง พวกอู่เยวี่ยหนีไปอย่างรีบร้อนต้องไม่ทันเตรียมเสื้อให้เสี่ยวเป่ามากพอแหง ๆ

เธอยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ แต่ไล่ตามมาตลอดทางกลับยังตามพวกอู่เยวี่ยไม่ทันอยู่ดี

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเย็นยะเยือก เขานึกถึงข้อกังวลของเหมยเหมยตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

แมลงและยุงบนเขามีมากเกินที่เขาคาดการณ์เอาไว้ หนำซ้ำยังมีพิษรุนแรงอีกด้วย หากยังตามหาพวกอู่เยวี่ยไม่พบ เสี่ยวเป่าต้องเป็นอันตรายแน่

“คุณชายหมิง ตรงนี้มีร่องรอยคราบฉี่” มีคนรีบมารายงาน

……………………

ตอนที่ 2113 ความสงสัยของเหยียนหมิงต๋า

พวกเหยียนหมิงต๋าถูกตามเจอตัวในเส้นแบ่งเขตเมืองหลวงกับเมืองละแวกรอบนอก ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นไล่ต้อนพวกเขามาถึงตีนเขาแห่งหนึ่ง

“คุณชายหมิง พวกเขาเข้าป่าไปแล้ว” ลูกน้องรายงาน

เหยียนหมิงซุ่นได้รับการรายงานก็รีบเดินทางมาทันที เหมยเหมยไม่สบายใจจึงตามมาด้วยอีกคน รวมถึงพวกเฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหาน

เฮ่อเหลียนเช่อร้อนใจที่สุด ได้ยินดังนั้นก็ตะคอกกล่าว “แล้วจะรออะไรอีกล่ะ รีบขึ้นตามไปบนเขาสิ!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง “เขาลูกใหญ่ขนาดนี้จะหายังไง?”

ภูเขาที่ถูกไล่ต้อนมาแม้ไม่สูงมากแต่กลับมีเนินชันถี่และพื้นที่กว้างขวาง เหยียนหมิงต๋ากับอู่เยวี่ยล้วนเป็นคนที่ผ่านการฝึกพิเศษมาก่อน พวกเขาหนีเข้าป่าก็ปลาในน้ำ คิดจะตามหาสองคนนี้ท่ามกลางภูเขาลูกใหญ่ไม่ง่ายไปกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเลย

เฮ่อเหลียนเช่อก็เข้าใจเหตุผลนี้ดี แต่เขาแค่ร้อนใจมากเกินไป

“ถ้าเสี่ยวเป่าของฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยน้องชายของแกไปแน่!”

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันกรอด สายตาฉายแววดุดันแผ่รังสีอาฆาตออกมา

สีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่สู้ดีเช่นกัน เลยยอกย้อนเสียงเย็นชากลับว่า “ก็ต้องโทษลูกน้องของแกเองที่ใช้ไม่ได้ คนเยอะขนาดนี้ยังตามเฝ้าผู้หญิงกับเด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อหน้าดุดันจนน่ากลัว บรรดาลูกน้องที่ประมาทในหน้าที่ถูกเขาส่งตัวไปใช้ชีวิตตามยถากรรมในตะวันออกกลางแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจลบล้างความแค้นในใจเขาได้

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว รีบหาทางช่วยเสี่ยวเป่าก่อนดีกว่า ตอนนี้อากาศร้อนบนเขาต้องมียุงเยอะมากแน่ ๆ เสี่ยวเป่าจะทนไหวได้ไง!”

เหมยซูหานไม่พอใจที่สองคนนี้ทะเลาะกันไม่หยุด นี่มันเวลาไหนแล้ว ต่อให้ทะเลาะกันจนแผ่นดินพลิกฟ้าถล่มแล้วอย่างไรต่อ?

เหยียนหมิงซุ่นถุยหญ้าป่าในปากทิ้งแล้วพูดเสียงนิ่ง “เราแยกเป็นสองทาง ไปดักล้อมพวกเขา!”

“ได้ ฉันไปทิศตะวันออก แกไปทิศตะวันตก!” เฮ่อเหลียนเช่อเห็นด้วย

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาแวบหนึ่งและรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากไอ้หมอนี่ตามเจอตัวก่อนคงไม่ปล่อยเหยียนหมิงต๋าไปแน่ ๆ ฉะนั้นเขาต้องรีบตามตัวเจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าให้เจอก่อนเฮ่อเหลียนเช่อ

คนของเขาต่อให้ทำผิดมหันต์แค่ไหนก็มีแค่เขาที่ลงโทษได้!

คนอื่นไม่มีสิทธิ์นี้ โดยเฉพาะเฮ่อเหลียนเช่อ!

ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีทำให้แสงบนเขาที่มืดเป็นทุนเดิมยิ่งมืดสนิท เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องทำคบเพลิงง่าย ๆก่อนจะพากันขึ้นเขาไป

เหมยเหมยก็ตามไปด้วยอีกคน “ฉันกับฉิวฉิวต้องช่วยอะไรได้แน่ ให้ฉันตามไปเถอะนะ…”

เหยียนหมิงซุ่นคิด ๆแล้วก็ตอบตกลง แต่กลับหยิบยากันยุงชนิดพิเศษทารอบตัวให้เหมยเหมย ทั้งให้เธอสวมเสื้อมิดชิดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย

เหยียนหมิงต๋ากับอู่เยวี่ยวิ่งขึ้นเขาทีละก้าว ๆขณะที่อู่เยวี่ยยังอุ้มเสี่ยวเป่าไปด้วย เนื่องจากพวกเขาสามคนเร่งรีบเกินไปจึงไม่ได้มีการเตรียมตัวดีพอ ทำให้ขณะนี้ถูกยุงกัดเป็นรอยเต็มตัว

โดยเฉพาะเสี่ยวเป่าที่ถูกกัดจนตุ่มขึ้นเต็มตัว

ส่วนอู่เยวี่ยไม่คิดจะสนใจเสี่ยวเป่าเลยสักนิด กลับเอาเสี่ยวเป่าเป็นตัวบังยุงในจุดที่อยู่นอกร่มผ้าอีกต่างหาก

เหยียนหมิงต๋าทนมองไม่ได้แล้วจริง ๆ แม้เขากับอู่เยวี่ยเพิ่งอยู่ด้วยกันไม่ถึงสามวันดี แต่ในระยะเวลาสั้น ๆนี้เขาก็ได้เห็นความเห็นแก่ตัวและความเลือดเย็นของอู่เยวี่ย

ทำไมถึงได้เย็นชากับลูกชายแท้ ๆของตัวเองขนาดนี้นะ?

แม่ของเขาถานซูฟางแม้จะบอกว่าไม่ใช่คนดีอะไร หนำซ้ำยังเคยทารุณพี่ชายเขามาก่อนแต่กลับมอบความรักความห่วงใยแก่เขาเป็นอย่างดี นี่ต่างหากคือคุณสมบัติของการเป็นแม่คนหนึ่ง!

แต่อู่เยวี่ยทำอะไรบ้าง?

เสี่ยวเป่าหิวก็ไม่สนใจ ร้องไห้ก็ไม่สนใจ…ตอนนี้ยังเอาเสี่ยวเป่าเป็นตัวบังยุงอีก…

ทำไมเธอถึงได้ใจเหี้ยมเช่นนี้นะ?

เหยียนหมิงต๋ามองอู่เยวี่ยที่หอบแฮ่กเพราะรูปร่างอ้วนท้วมด้วยสายตาสับสน และฝีเท้าก็ช้าลงเรื่อย ๆ

…………………….

ตอนที่ 2114 เสี่ยวเป่าเป็นไข้

“พักสักหน่อยเถอะ!” เหยียนหมิงต๋าเอ่ยต่ออู่เยวี่ยที่นำอยู่ข้างหน้า

อู่เยวี่ยกลับไม่ยอมหยุด สีหน้าดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อยจึงทำให้น้ำเสียงห้วนไปสักหน่อย “ตอนนี้จะพักได้ไง พวกเฮ่อเหลียนเช่อต้องตามมาถึงตีนเขาแล้วแน่ ๆ เราต้องรีบทำเวลาข้ามเขาลูกนี้ไปก่อน!”

กว่าจะหนีมาถึงตรงนี้ได้ไม่ใช่ง่าย ๆ เธอไม่ยอมถูกจับตัวกลับไปหรอกนะ!

เธอทั้งมีเงิน มีหน้ามีตา มีความสามารถ ขอแค่หนีไปต่างประเทศได้แล้วเปลี่ยนสถานะใหม่ รวมถึงเงินในมือเธอ เธอต้องใช้ชีวิตสุขสบายได้อย่างแน่นอน

เหยียนหมิงต๋าดวงตาหม่นลง คำตอบของอู่เยวี่ยอยู่ในความคาดหมายของเขาแต่ก็อยู่เหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน รู้สึกขมขื่นปนสลดใจสักนิด

“งั้นเธอส่งเสี่ยวเป่ามาให้ฉันแล้วกัน!”

มีเขาคอยอุ้มเสี่ยวเป่า เด็กคนนี้จะได้สบายตัวขึ้นบ้าง!

อู่เยวี่ยรำคาญยิ่งกว่าเดิม ทำไมถึงได้พูดมากนักนะ เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้แล้วกล่าว “เสี่ยวเป่ากลัวคนแปลกหน้า ไม่เคยให้ใครนอกจากฉันคนเดียว”

ตอนนี้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียใจภายหลังที่วางยาเสี่ยวเป่ามากเกินไป ทำให้เธอในตอนนี้ยังทิ้งภาระก้อนนี้ไปไม่ได้ ไหนจะทานเยอะตัวอ้วนอย่างกับหมู แขนสองข้างเธอจะหักอยู่รอมร่อแล้ว

เหยียนหมิงต๋าจำต้องถอดเสื้อนอกบนตัวออกยื่นให้อู่เยวี่ย “งั้นเธอเอาเสื้อห่อตัวเสี่ยวเป่าหน่อย”

อู่เยวี่ยเห็นเสื้อก็ตาวาว นึกอยากเอาเสื้อตัวนี้มาคลุมให้ตัวเองเหลือเกินแต่หากทำเช่นนั้นเหยียนหมิงต๋าต้องคิดว่าเธอไม่ใช่คุณแม่ที่ดีแน่ ๆ เจ้าโง่นี่ยังมีประโยชน์อีกมาก ตอนนี้จะผิดใจกับเขาไม่ได้!

ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้เด็กจอมวุ่นนี่คนเดียว ถ้าตายไปก็ดี!

จู่ ๆหัวใจของเธอก็เต้นระรัว ความคิดชั่วร้ายเมื่อครู่แวบผ่านเข้ามาในหัวเธอแต่ไม่นานก็วนกลับมาใหม่ก่อนจะฝังรากลงลึกขึ้นเรื่อย ๆ

อู่เยวี่ยห่อตัวเสี่ยวเป่าไว้อย่างลวก ๆด้วยท่วงท่าหยาบโลนป่าเถื่อน เสี่ยวเป่าผู้น่าสงสารที่ชินชากับความเย็นชาของอู่เยวี่ยมาตั้งแต่เด็กอดทนอย่างเงียบ ๆ หากเจ็บจริง ๆก็ร้องครางออกมาไม่กี่เสียง ผิวขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยตุ่มแดงที่ทำให้คนมองแล้วรู้สึกปวดใจ

เหยียนหมิงต๋าเห็นทุกอย่างในสายตา ต่อให้เขาไม่รู้จักเสี่ยวเป่าแต่เห็นเด็กน่ารักเจอเรื่องย่ำแย่ขนาดนี้ เขาก็ไม่รู้สึกดีไปกว่ากันเท่าไรหรอก

แต่อู่เยวี่ยกลับทำตัวเหมือนคนปกติ ตั้งแต่หนีเอาตัวรอดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยเห็นอู่เยวี่ยอ่อนโยนกับเสี่ยวเป่าเลยสักครั้ง

ผู้หญิงคนนี้คือเยวี่ยเยวี่ยจริงหรือเปล่า?

เยวี่ยเยวี่ยอ่อนโยนใจดีและชอบเอาใจใส่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

มียุงอีกกลุ่มหนึ่งบินมาทำให้เหยียนหมิงต๋าต้องเอากิ่งไม้คอยไล่ยุงไม่หยุด แต่ก็มียุงที่หลุดรอดมาแล้วพุ่งเข้าจู่โจมเสี่ยวเป่ากับอู่เยวี่ย

อู่เยวี่ยมัวแต่ไล่ยุงให้ตัวเองจนผ้าที่ห่อเสี่ยวเป่าอยู่ปิดไม่มิดชิด พอขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ผ้าหลุดลุ่ยหมด ผิวที่โผล่พ้นออกมาของเสี่ยวเป่ามีรอยยุงกัดเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด

เสี่ยวเป่าทรมานเกินทนจึงส่งเสียงร้องดังกว่าเดิมทั้งยังดิ้นบิดตัวรุนแรงกว่าเดิมด้วย อู่เยวี่ยมัวแต่ไล่ยุงเลยใช้มือเพียงข้างเดียวอุ้ม เสี่ยวเป่าดิ้นแรงจึงร่วงตกลงพื้น แต่อู่เยวี่ยกลับไร้ปฏิกิริยาใด ๆ

เหยียนหมิงต๋าสะดุ้งเฮือกรีบพุ่งเข้าไปรับเสี่ยวเป่า ดีที่เขาว่องไวจึงรับเสี่ยวเป่าได้ทันท่วงที แต่เจ้าเด็กคนนี้เนื้อตัวกลับเต็มไปด้วยรอยแผล

ยุงบนเขามีพิษรุนแรงทำให้เสี่ยวเป่าในตอนนี้เริ่มมีไข้ พิษไข้โจมตีทำให้สติเลือนรางจึงไม่ปฏิเสธสัมผัสคนแปลกหน้าอย่างเคย ได้แต่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงต๋า

“แย่แล้ว เสี่ยวเป่าไข้ขึ้น เราต้องรีบไปหายาลดไข้ให้เขา”

แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นแต่เหยียนหมิงต๋าก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนจากตัวเสี่ยวเป่า ตัวร้อนจี๋ราวกับเหล็กร้อนจนน่าตกใจ

……………………

ตอนที่ 2111 เธอคือเยวี่ยเยวี่ยจริงหรือ

หากเป็นปกติลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ แต่เพราะทุกครั้งที่พาอู่เยวี่ยออกไปเดินเล่นเหตุการณ์ล้วนสงบสุขดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นานวันเข้าลูกน้องพวกนี้ถึงได้เริ่มชะล่าใจ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจู่ ๆจะเกิดเรื่องขึ้นทำเอาพวกเขาตั้งรับไม่ทัน กว่าพวกเขาจะไหวตัวทันอู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยแล้ว

“ฉันจะกลับไปหาพี่หมิงซุ่น ให้เขาช่วยตามหาด้วย” เหมยเหมยรู้ว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบตามหาเสี่ยวเป่าและอู่เยวี่ยให้เจอ

เหมยเหมยมักรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่อู่เยวี่ยจะร่วมมือกับคนนอกแล้วสร้างเหตุการณ์หายตัวไปในครั้งนี้ขึ้นมา

ฉะนั้นต้องรีบตามหาอู่เยวี่ยให้พบรวมถึงเสี่ยวเป่าด้วย คนแพศยานี่หากหนีออกไปได้ไม่รู้จะทำอะไรกับเสี่ยวเป่าบ้าง!

ณ โรงแรมใต้ดินแห่งหนึ่งของเมืองหลวง

อู่เยวี่ยอุ้มเสี่ยวเป่านั่งอยู่บนเตียงที่รกรุงรัง ผ้าปูเตียงเต็มไปด้วยรอยคราบสกปรกเพราะไม่รู้ว่าไม่ได้ทำความสะอาดมากี่วันแล้ว พื้นก็ดำสกปรกดูแล้วน่าขยะแขยงมาก

หากในยามปกติอู่เยวี่ยคงไม่ยอมก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว แต่ตอนนี้เธอกลับต้องอยู่ที่นี่

เหยียนหมิงต๋ามองหญิงสาวตรงหน้าที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้าอย่างนึกสงสัยพร้อมทำหน้าสับสน

ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอคือเยวี่ยเยวี่ย แต่ทำไมเธอถึงหน้าตาไม่เหมือนเยวี่ยเยวี่ยเลยแม้แต่นิดเดียวล่ะ?

เขาเคยตามสืบมาว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อโอหยางซานซาน เป็นภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆกับเยวี่ยเยวี่ยเลย

แต่เขากลับสัมผัสถึงกลิ่นอายคุ้นเคยจากตัวโอหยางซานซานได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“เธอเป็นใครกันแน่?”

อู่เยวี่ยมองเหยียนหมิงต๋าด้วยความรู้สึกซับซ้อน ผู้ชายคนนี้ที่ไม่เคยเข้าตาเธอ แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเธอกลับนึกถึงเขาเป็นคนแรกเสมอ

“พี่หมิงต๋า ฉันคือเยวี่ยเยวี่ยเอง ฉันไม่ได้โกหกพี่นะ ฉันคืออู่เยวี่ยจริง ๆ” อู่เยวี่ยพูดจากใจจริง

“ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้? ทำไมเธอถึงชื่อโอหยางซานซาน? เธอตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เหยียนหมิงต๋าพ่นคำถามยาวเป็นพรวน เขามีข้อสงสัยมากเกินไป

คนที่ตายไปแล้วแท้ ๆทำไมจู่ ๆถึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แล้วยังใช้ชีวิตต่อในสถานะคนอื่น แถมมีลูกกับผู้ชายคนอื่นอีกด้วย

อู่เยวี่ยยิ้มขมขื่นแล้วเล่าประสบการณ์สามปีที่ผ่านมาของเธอให้ฟังช้า ๆ แน่นอนว่าเล่าให้ตัวเองน่าสงสารแล้วผลักให้เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยเป็นฆาตกรสุดโหดเหี้ยม

“พี่หมิงต๋า จ้าวเหมยจงใจทำร้ายฉัน ถ้าไม่ได้คุณชายเช่อช่วยฉันไว้ฉันคงไม่รอดแน่ ตอนนั้นฉันบาดเจ็บสาหัสเพราะบนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเลยต้องศัลยกรรมเป็นคนอื่น ใช้ชีวิตต่อไปในสถานะคนอื่น…พี่หมิงต๋า ฉันลำบากมากจริง ๆ…”

อู่เยวี่ยร่ำไห้แล้วกระชับกอดเสี่ยวเป่าแน่นอัตโนมัติ เสี่ยวเป่าที่แต่เดิมนอนกินมืออยู่นิ่ง ๆเริ่มขยับตัวส่งเสียงร้อง ใบหน้าเล็กแดงก่ำ

เสี่ยวเป่าที่น่าสงสารมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมแต่เขามีไหวพริบ เขารู้สึกได้ว่าตนได้มาอยู่ในที่แปลกใหม่ ไร้กลิ่นคุ้นจมูกจึงทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย

อู่เยวี่ยยังไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติของเสี่ยวเป่า เธอยังคงแสร้งร้องไห้ต่อไปเพื่อเรียกร้องความเห็นใจและความสงสารจากเหยียนหมิงต๋า

แต่กลับเป็นเหยียนหมิงต๋าเองที่ทนดูไม่ได้เลยบอกอู่เยวี่ยว่า “เด็กไม่สบายตัว เธอคลายมือหน่อย”

เขาคิดถึงอู่เยวี่ยจริง ๆแต่พอได้เจอตัวจริงเหยียนหมิงต๋ากลับรู้สึกซับซ้อนเหลือเกิน

เขาไม่รู้ควรเผชิญหน้ากับอู่เยวี่ยในตอนนี้อย่างไรดี

ทั้งใบหน้าที่แปลกตาและยังมีลูกกับผู้ชายคนอื่นอีก…

เหยียนหมิงต๋าเกิดอาการลังเลและก้าวถอยหลังไป…

………………………….

 ตอนที่ 2112 เจอร่อยรอยการหายตัวไปแล้ว

อู่เยวี่ยไม่พอใจกับท่าทีลังเลของเหยียนหมิงต๋าอย่างมาก ควรทักทายเธออย่างอบอุ่นไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้เย็นชานักล่ะ?

“พี่หมิงต๋า พี่รังเกียจฉันใช่ไหม?” อู่เยวี่ยน้ำตานองหน้าแต่กลับเรียกให้คนมองรู้สึกรังเกียจเหลือเกิน

เพราะเธอในตอนนี้อ้วนเหมือนหมู ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตาหมดตัวก็ไม่มีทางทำให้คนรู้สึกสงสารได้ มีแต่จะทำให้รู้สึกรังเกียจ

หากอู่เยวี่ยยังคงใบหน้าเดิม ต่อให้เปลี่ยนแปลงอย่างไรเหยียนหมิงต๋าก็จะไม่ลังเลเลยสักนิด แต่ตอนนี้เธอกลับใช้ใบหน้าคนอื่นทั้งบุคลิกที่ดูเปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ เหยียนหมิงต๋าเองก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มแสนซื่อคนเดิมอีกแล้ว

เขามีความคิดเป็นของตัวเองและเรียนรู้ที่จะตัดสินใจเอง ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจรอสืบดูให้แน่ชัดก่อน เขาไม่อยากทำผิดซ้ำอีก!

“เด็กหิวแล้ว เธอป้อนนมเด็กก่อนเถอะ ฉันจะไปซื้อของกินข้างนอก”

ท้ายที่สุดเหยียนหมิงต๋าก็ใจอ่อน สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้คืออู่เยวี่ย

เขาใจร้ายกับอู่เยวี่ยไม่ลง ไม่ว่าอู่เยวี่ยจะหน้าตาเปลี่ยนไปเช่นไรก็ตาม!

ในเมื่อเยวี่ยเยวี่ยถูกคนร้ายกักบริเวณ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะช่วยเยวี่ยเยวี่ยกับลูก จากนั้นค่อยส่งสองแม่ลูกไปในที่ปลอดภัย พอจัดการเรื่องของพวกเขาเรียบร้อยแล้วเขาก็จะได้สบายใจด้วย

อู่เยวี่ยมองโรงแรมสกปรกซอมซ่ออย่างรังเกียจพลางถามด้วยความน่าสงสารว่า “พี่หมิงต๋า ที่นี่สกปรกเกินไป เราย้ายไปที่ที่สะอาดกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

ต่อให้เมื่อก่อนตอนอยู่ประเทศอเมริกาเธออยู่ตัวคนเดียวไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวก็ไม่เคยตกอับถึงขั้นมาอยู่ในที่สกปรกแบบนี้ ไม่ว่าเวลาไหนที่ไหนเมื่อใดหญิงสาวหน้าตาสะสวยย่อมไม่มีทางลำบากมากขนาดนั้น!

เหยียนหมิงต๋าเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดน้อย ๆ “ตอนนี้ในเมืองตรวจเข้มมาก เธอคงลำบากอีกไม่กี่วันหรอก รอสถานการณ์ผ่อนปรนลงหน่อยฉันค่อยพาเธอไปจากที่นี่”

อู่เยวี่ยพยักหน้าแต่ในใจกลับมองเหยียดเหยียนหมิงต๋า ไอ้คนไม่เอาถ่าน!

เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องการหายตัวไปของเสี่ยวเป่าตั้งแต่ก่อนเหมยเหมยจะกลับบ้านแล้ว เขาเกิดลางสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“ตามสืบความเคลื่อนไหวของหมิงต๋า” เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้อง

เหยียนหมิงต๋าออกมาปฏิบัติภารกิจที่เมืองหลวง แต่อู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่าดันถูกคนนิรนามจับตัวในช่วงเวลาเดียวกัน หวังว่าคน ๆนี้คงจะไม่ใช่น้องชายผู้โง่เขลาของเขาหรอกนะ

แต่ความจริงมักสวนทางกับความต้องการเสมอ

“คุณชายหมิง คุณชายหมิงต๋าหายตัวไปตั้งแต่สองวันก่อน” ลูกน้องรายงาน

เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งวูบ สมแล้วที่เป็นเจ้าทึ่ม

ขณะเดียวกันเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ตามสืบเจอตัวเหยียนหมิงต๋าเลยชิงโทรมาก่อน

“ไอ้สารเลวเหยียนหมิงซุ่น จงใจจะต่อกรกับฉันใช่ไหม? ให้ภรรยาของแกมาเยี่ยมเสี่ยวเป่าแต่ลับหลังกลับให้น้องชายของแกวางกับดักฉัน…ได้เลย…แกรอดูเถอะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อเดือดดาล ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นน้องชายของเหยียนหมิงซุ่นที่เอามีดแทงหลังเขา

เขาอุตส่าห์คิดว่าช่วงนี้สนิทสนมกับเหยียนหมิงซุ่นกว่าเดิมแล้วเสียอีก!

ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

“เรื่องนี้ฉันจะหาคำอธิบายให้แกเอง!” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้แก้ตัวเพราะความจริงก็คือฝีมือน้องชายเขาเอง ต่อให้เขาพูดเป็นต่อยหอยอย่างไรเฮ่อเหลียนเช่อคงไม่เชื่อ

เหมยเหมยเองก็รู้แล้วเช่นกัน ลอบด่าเหยียนหมิงต๋าว่าเจ้างั่งในใจ สักวันต้องตายด้วยน้ำมือนังแพศยาอู่เยวี่ยเป็นแน่แท้!

ตัวเองอยากตายยังจะเดือดร้อนถึงเหยียนหมิงซุ่นอีก!

“ไม่ต้องกังวล พวกมันหนีออกจากเมืองหลวงไม่ได้หรอก!”

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจมาก ต่อให้เหยียนหมิงต๋าจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถพาอู่เยวี่ยหนีออกไปจากเมืองหลวงภายใต้อิทธิพลของเขากับเฮ่อเหลียนเช่อได้อยู่แล้ว ตอนนี้คงหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ไม่ถึงสองวันลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็เจอร่องรอยของเหยียนหมิงต๋า

……………………….

ตอนที่ 2109 โดนวางแผนอีกแล้ว

แน่นอนว่าทำลูกด้วยวิธีธรรมชาติไม่สำเร็จเพราะหัวหน้าใหญ่เหยียนปล่อยใส่ถังขยะไปทั้งหมดแล้ว เหมยเหมยกลิ้งไปที่มุมเตียงด้วยความโกรธ คร้านจะสนใจเจ้าหมอนี่เต็มทนแล้ว

ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องมีลูกก็จะมีท่าทางแบบนี้อยู่เรื่อย ไม่เข้าใจเลยจริง ๆว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเด็ก ในบ้านมีเจ้าตัวน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคนดีจะตาย!

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะอย่างระอาแล้วอุ้มเหมยเหมยไปห้องอาบน้ำ เหมยเหมยบิดตัวไปมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังโมโห และโมโหมากด้วย

“ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่แล้วจะมีลูกได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆที่คุยกันแล้วว่าเรียนจบค่อยมีลูก ทำไมอยู่ดี ๆถึงอยากมีตอนนี้ขึ้นมาล่ะ ไปถูกใครกระตุ้นมากันนะ?

เหมยเหมยพูดอย่างไม่พอใจว่า “งั้นตอนนี้ฉันเรียนอยู่แล้วทำไมถึงแต่งงานได้ล่ะ?”

ทะเบียนสมรสก็จดแล้ว ทำไมจะทำใบขออนุญาตให้กำเนิดบุตรไม่ได้ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะทำใบขออนุญาตให้กำเนิดบุตรได้จริงแต่เขาไม่อยากทำ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่เขาโกหกเหมยเหมยว่าตอนนี้ไม่สามารถขอใบอนุญาตให้กำเนิดบุตรได้จึงมีลูกไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เหมยเหมยจะโน้มน้าวใจยากขึ้นเรื่อย ๆ

“เธอยังเป็นนักเรียนอยู่เลย ต่อให้เธอจะได้รับใบอนุญาตเธอก็จะแบกท้องโต ๆไปเรียนหรือไง?” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาดี ๆโน้มน้าวเธอ

เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย น้ำเสียงแบบนี้ฟังดูเหมือนจะมีหนทางแล้ว!

“งั้นฉันจะพักการเรียนไปก่อนชั่วคราว รอจนกว่าจะคลอดแล้วค่อยไปเรียนแล้วกัน แบบนี้คงได้ใช่ไหม?” ตราบใดที่สามารถมีลูกได้ ต่อให้เธอจะเรียนจบช้าอีกสองสามปีก็ไม่มีปัญหา

เหยียนหมิงซุ่นปวดศีรษะเหลือเกิน เขารู้ดีว่ายัยปีศาจตัวน้อยดื้อด้านแค่ไหน เมื่อก่อนเพื่อชิงสุกก่อนหามเธอทั้งหลอกล่อทั้งยั่วยวนเขาสารพัด ถึงแม้ว่าเขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า แต่สุดท้ายเขาก็ถูกยัยปีศาจตัวน้อยนี้ยั่วจนสำเร็จ!

หากเหมยเหมยกำลังคิดอยากจะมีลูก กลัวว่าเธอจะวางแผนทำทุกวิถีกับเขาน่ะสิ!

เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยมั่นใจในจิตใจอันแน่วแน่ของเขานัก เขาต้องหาหนทางทำให้เหมยเหมยเลิกคิดถึงจะดี!

“ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถมีลูกในตอนนี้ได้อยู่ดี พวกเราเพิ่งกำจัดพิษออกไปร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าหากมีลูกตอนนี้มันจะส่งผลกระทบต่อเด็กแน่นอน หรือเธออยากคลอดลูกที่ไม่แข็งแรงออกมาล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจพูดขึ้น

เหมยเหมยตกใจยกใหญ่ “ลูกจะพิการเหรอ?”

“ใช่… ความน่าจะเป็นของความผิดปกติมีสูงมาก และอาจจะยังมีปัญหาอื่น ๆตามมาด้วย แต่เอาเป็นว่าเด็กจะไม่แข็งแรง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยรอจนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวเต็มที่ก่อนค่อยมีลูกดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดคำโป้ปดออกมา

ลี่เมิ่งเฉินเคยบอกเขาก่อนไปว่าตราบใดที่ตัวกู่ทั้งหมดถูกฆ่าทิ้งหมดแล้วก็จะไม่มีปัญหาใด ๆกับร่างกาย ต่อให้อยากคลอดลูกออกมาเยอะจนตั้งทีมฟุตบอลได้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายสบายมาก

เหมยเหมยหน้าขาวซีดในทันที จู่ ๆก็ทำตัวเหมือนคนบ้าหยิบฝักบัวมาฉีดท่อนล่างสุดแรง ปากก็ส่งเสียงพูดไม่หยุดว่า “แย่แล้ว…จบเห่กัน…”

เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างแปลกใจ “เหมยเหมย…เธอเป็นอะไรไป?”

“ฉันต้องล้างออก…ฉันไม่อยากให้ลูกของเราต้องพิการ ฮือ…ทำไมพี่ไม่บอกฉันเร็วกว่านี้…เกลียดพี่ที่สุดเลย…”

เหมยเหมยเปิดน้ำสุดแรง สีหน้าดูหวาดกลัว พูดพึมพำอะไรฟังไม่รู้เรื่อง เหยียนหมิงซุ่นสับสนงงงวย ว่าแต่ลูกพิการอะไรกัน?

เมื่อครู่เขาก็ใส่ถุงแล้วจะมีลูกได้อย่างไร?

หรือว่า…

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เสียวสันหลังวาบ ถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “เหมยเหมย…เธอทำอะไรกับถุงยางอนามัยของพี่?”

เหมยเหมยน้ำตาไหลพรากมองเขาพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ฉันแค่อยากมีลูก ถึงได้เจาะรู…พี่คะ พวกเราไปโรงพยาบาลกันดีไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นหยิบถุงยางอนามัยในห้องน้ำขึ้นมาแล้วแกะออกมาอันหนึ่ง เป่าสุดแรงเป็นลูกโป่ง ทว่าหลังจากนั้น——

ลูกโป่งก็ค่อย ๆเหี่ยวลง…

…………………………………………..

ตอนที่ 2110 อู่เยวี่ยและเสี่ยวเป่าหายสาบสูญ

เหยียนหมิงซุ่นมองผู้หญิงที่หดตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นี่คือเหมยเหมยที่ไร้เดียงสาในตอนเด็กจริงเหรอ?

เล่นงานเขาเข้าแล้วเหรอ?

หากไม่ใช่ว่าคืนนี้เขาโกหกให้มันจบ ๆไป เกรงว่าคงต้องรอจนยัยปีศาจน้อยท้องป่องขึ้นมา เขาก็ยังงงงันอยู่เลย!

“เธอถึงขนาดเจาะทุกอันเลยเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงต่ำ

เหมยเหมยเงยหน้ามองเขาอย่างหวาดระแวง สีหน้าไร้ซึ่งการแสดงออกใด ๆแต่เธอรู้ว่าคงไม่ชอบใจมากแน่ ๆ เธอกัดฟันพยักหน้ารับ

การโกหกไม่ใช่เด็กดี เธอต้องเป็นเด็กดีสิ

เหยียนหมิงซุ่นไม่โมโหแต่กลับหัวเราะร่าแล้วถามว่า “ใครเป็นคนสอนเธอ?”

“ฉันคิดได้เอง ใครให้พี่ไม่ยอมมีลูกกับฉันกันล่ะ…” ปากเหมยเหมยบ่นงุบงิบ หากยอมตกลงตั้งแต่แรกจะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นเหรอ!

เหยียนหมิงซุ่นหมดคำพูด กลายเป็นเขาผิดซะงั้น พูดเหตุผลกับผู้หญิงไม่ได้เลยจริง ๆ

“งั้นตอนนี้เธอยังอยากมีลูกอยู่ไหม?”

“ไม่อยากแล้ว รอร่างกายฟื้นตัวดีก่อนแล้วค่อยมีก็ได้ พี่…ไม่งั้นไปโรงพยาบาลกันดีไหม วันนี้วันไข่ตกของฉันด้วยสิ…” เหมยเหมยกังวล หากตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง ๆงั้นก็แย่กันพอดี!

เธอไม่อยากคลอดตัวประหลาดออกมานะ!

เหยียนหมิงซุ่นทั้งโมโหทั้งขบขันแต่เขาจะพูดความจริงออกมาไม่ได้ เขาต้องทำให้ยัยปีศาจน้อยที่ใจกล้าบ้าบิ่นตกใจเสียขวัญให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงแสบไม่น้อยเลย!

“เธอเจาะรูไว้ตั้งแต่เมื่อไร?”

“ก็…ก็ตอนที่พี่ไม่อยู่ไง” เหมยเหมยบอกตามความจริง

เดิมทียังวางแผนไว้ว่าจะแอบเจาะรู แล้วรอฉวยโอกาสตอนที่ไม่เจอกันนานแล้วกลับมาหวานชื่นอีกครั้งทำให้สำเร็จ แต่ไหนเลยจะรู้…ที่ยิงออกมากลับเป็นกระสุนปลิดชีพเสียได้…

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้เล็กแค่นี้และแค่คืนเดียวเอง ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง แต่ว่าเพื่อความปลอดภัย “พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลตรวจดูหน่อยแล้วกัน นอนกันก่อนเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ใส่ใจนัก เขาไปตรวจที่โรงพยาบาลก็เพียงแค่ปลอบขวัญเหมยเหมยเท่านั้น ต่อให้ไม่ตรวจก็ไม่เป็นไร หากบังเอิญขนาดนั้นจริง ๆ งั้นก็คลอดออกมาเถอะ!

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเด็กก็จริง แต่หากท้องขึ้นมาจริง ๆ แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยให้เหมยเหมยทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายร่างกายหรอก

สำหรับพวกที่ทำให้ผู้หญิงท้องเพื่อความสุขของตัวเอง แต่ท้ายที่สุดกลับไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบแล้วขอให้ผู้หญิงทำแท้งเหล่านั้น เหยียนหมิงซุ่นดูถูกเหยียดหยามมาก เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงของเขาเจ็บตัวเช่นนี้แน่!

เดือนสิงหาคมผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศยังคงร้อนมากเหมือนเดิม

เหมยเหมยยุ่งจนเจียดเวลาไปเยี่ยมเสี่ยวเป่าไม่ได้เลย หลังจากเปิดเทอมถึงได้มีเวลาว่างขึ้นมาบ้าง เหมยเหมยไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของเล่นเตรียมตัวไปเยี่ยมเสี่ยวเป่าวันสุดสัปดาห์

แต่ว่าภายใต้น้ำที่ดูเหมือนสงบ มักจะมีกระแสน้ำวนอันตรายซ่อนอยู่ และไม่รู้เลยว่ามันจะกลืนกินคุณเข้าไปเมื่อไร

เหมยเหมยกำลังเตรียมตัวไปหาเสี่ยวเป่า แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน

“เสี่ยวเป่าและอู่เยวี่ยหายตัวไปด้วยกันงั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เหมยเหมยเพิ่งจะถึงหน้าประตูใหญ่ก็เห็นเฮ่อเหลียนเช่อและคนกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมจะออกไป ดูแล้วเหมือนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เธอถามเหมยซูหานที่สีหน้าดูเป็นกังวลมากถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

อู่เยวี่ยพาเสี่ยวเป่าไปเดินเล่นตามปกติแต่ถูกใครก็ไม่รู้บุกเข้าหา อู่เยวี่ยและเสี่ยวเป่าก็หายตัวไปในเวลาเดียวกัน

“คนของนายทำอะไรกันอยู่? ทำไมแค่แม่ลูกสองคนยังดูแลไม่ได้เลยล่ะ?” เหมยเหมยซักถามเฮ่อเหลียนเช่ออย่างร้อนใจ

ตอนเหยียนหมิงซุ่นโทรหาก็ขี้โม้เหลือเกิน เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็หน้าแหกซะแล้ว

สีหน้าของเฮ่อเหลียนคร่ำเครียดจนน่ากลัว เขาไม่ได้สนใจเหมยเหมยแล้วนำทีมพาลูกน้องไปหาเสี่ยวเป่าด้วยสีหน้าดุดัน

เหมยซูหานพูดแทนเขา “เขาร้อนใจกว่าใครเลย สถานการณ์ตอนนั้นกะทันหันมาก และคนที่ชิงตัวเสี่ยวเป่าไปก็เก่งมากด้วย”

…………………………………………..

ตอนที่ 2107 โด่งดังไปทั่วประเทศ

เรตติ้งของสถานีโทรทัศน์เรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์สูงขึ้นทุกวัน หลายคนมาเพื่อดูเทพบุตรหานจื่อจวิน แต่กลับพบว่าละครเรื่องนี้ค่อนข้างดีเลยดูต่อไป

ตอนนี้คือปี1996 ละครรักใส ๆวัยรุ่นในเมืองยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ชาติก่อนละครเรื่องรักใส ๆอะไรนั่นกวาดรายได้ไปทั่วประเทศ และก็ใช้เวลาถึงสองสามปีกว่าจะเริ่ม ละครเรื่องนั้นถ่ายทำโดยผู้กำกับฟางชิงผิง การปรากฏตัวของเหมยเหมยเท่ากับว่าทำให้ในชาตินี้ละครแนวรักใส ๆวัยรุ่นกำเนิดขึ้นก่อนล่วงหน้าหลายปีเลย

หนุ่มหล่อและสาวสวย ภูมิหลังครอบครัวที่โดดเด่น เสื้อผ้าที่มีความประณีตสวยงาม แถมยังมีชีวิตในครอบครัวร่ำรวยที่คนธรรมดาเอื้อมไม่ถึง…

สิ่งเหล่านี้คือไฮไลต์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชม ไม่ต้องพูดถึงเด็ก ๆหรอก แม้แต่คนวัยกลางคนก็ยังโหยหาชีวิตแบบนี้เลยจึงอดไม่ได้ที่จะดูไปพร้อมกับพวกเด็ก ๆด้วย!

ซีซั่นแรกจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ เรตติ้งของซีซั่นที่สองก็ไม่ได้ลดลงเลยมีแต่เพิ่มขึ้น สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงได้เรียกร้องเร่งให้พวกเขาถ่ายทำซีซั่นที่สามแล้ว แม้กระทั่งเงินมัดจำก็จ่ายก่อนล่วงหน้าไว้แล้ว

จ้าวเสวียเอ๋อร์ได้ทีก็ขึ้นราคาใหญ่เลย ใครใช้ให้สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงไม่มีมนุษยธรรมก่อนล่ะ ตอนเรื่องซินเดอเรลล่าสถานีโทรทัศน์เมืองหลวงไม่ให้ความสำคัญ แถมอาศัยซินเดอเรลล่ามาบีบราคาเจ้าหญิงอัปลักษณ์ลง ทำให้จ้าวเสวียเอ๋อร์โกรธมาก

ในเวลานั้นเนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับจึงทำได้เพียงประนีประนอม แต่ตอนนี้เขาต้องเล่นตัวบ้างแล้ว

หากสถานีโทรทัศน์เมืองหลวงอย่างคุณไม่ซื้อก็ยังมีสถานีโทรทัศน์จำนวนมากรออยู่ ไม่ต้องกังวลเรื่องขายไม่ออกเลยสักนิด!

เหมยเหมยไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เพราะเธอยุ่งอยู่กับการถ่ายทำซีซั่นที่สาม และเธอก็กำลังจะเปิดเทอมงานจึงยุ่งรัดตัว จะตายอยู่แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นออกไปทำงานต่างเมืองจะกลับมาตอนสิ้นเดือน เขาหอบเครื่องประดับงาช้างกลับมาให้เหมยเหมย ประเทศที่เขาไปเป็นประเทศเขตร้อน ที่นั่นมีเครื่องประดับงาช้างมากมาย

“ขอบคุณนะคะ… สร้อยคอเส้นนี้ใส่หน้าร้อนได้พอดี ส่วนพวกนี้ฉันจะให้คนอื่น”

เหมยเหมยเอามาทาบบนตัวอยู่ครู่หนึ่งชื่นชมอย่างมีความสุข ถึงแม้เธอจะมีเครื่องประดับมากมายจนทั้งชีวิตนี้ก็ใส่ไม่หมดก็ตาม แต่เธอก็ยังชอบที่จะได้รับของขวัญเหล่านี้อยู่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่เหยียนหมิงซุ่นให้ด้วย

เพราะเป็นการสื่อว่าเขามีเธออยู่ในใจ!

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มหยิกแก้มเหมยเหมย หันไปถามลุงเหลาเกี่ยวกับเรื่องเหยียนหมิงต๋า

“ภารกิจครั้งนี้ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน คุณชายหมิง คุณชายอยากให้คุณชายรองกลับมารับประทานอาหารที่บ้านไหมครับ?” ลุงเหลาถาม

“ไม่ต้องหรอก หมิงต๋าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ให้เขาทำตามคำสั่งกองทัพไปเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธ เขาจะทำผิดกฎไม่ได้

เขาพอใจกับท่าทีในตอนนี้ของเหยียนหมิงต๋ามาก เดิมทีเขากังวลว่าเหยียนหมิงต๋าจะซึมเศร้าเพราะการตายของถานซูฟาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป ในที่สุดน้องชายโง่เง่าคนนี้ก็โตขึ้นแล้ว

เหมยเหมยที่กำลังลองเครื่องประดับอยู่ได้ยินชื่อของเหยียนหมิงต๋าหัวใจก็เต้นระส่ำ เหยียนหมิงต๋ามาเมืองหลวงงั้นเหรอ?

“พี่…พี่ว่าหมิงต๋าจะมาเจออู่เยวี่ยไหม?” เหมยเหมยมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ไม่มีใครรู้ว่าหมิงต๋าหลงใหลอู่เยวี่ยแค่ไหนมากไปกว่าเธอแล้ว เจ้าบื้อนี่ต่อให้ต้องตายเพื่ออู่เยวี่ยเขาก็ไม่ลังเลด้วยซ้ำ ถ้าอู่เยวี่ยล่อลวงเหยียนหมิงต๋าให้ทำบางอย่างเพื่อเธอ…

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วแล้วปลอบใจเธอ “ไม่หรอก ตอนนี้อู่เยวี่ยคือโอหยางซานซาน ต่อให้เจอหมิงต๋าเขาก็จำไม่ได้หรอก และคงไม่เชื่อว่าเธอคืออู่เยวี่ยด้วย”

เหมยเหมยเป็นกังวลอยู่บ้าง “พี่ พี่ไม่รู้หรอกว่าหมิงต๋าหลงใหลในตัวอู่เยวี่ยแค่ไหน ต่อให้อู่เยวี่ยจะกลายเป็นคนอื่นแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่เธอต้องการ เธอต้องทำให้หมิงต๋าเชื่อได้แน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าเหมยเหมยเป็นกังวลมากเกินไป อู่เยวี่ยไหนเลยจะมีความสามารถขนาดนั้น!

อีกทั้งตอนนี้อู่เยวี่ยก็ถูกเฮ่อเหลียนเช่อกักบริเวณอยู่ในบ้าน เธอจะมีโอกาสติดต่อหมิงต๋าได้อย่างไร?

“อย่าคิดมาก ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก อีกเดี๋ยวพี่จะโทรถามให้” เหยียนหมิงซุ่นโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ

…………………………………………..

ตอนที่ 2108 จุ๊บเบื่อแล้ว

“โทรหาฉันมีธุระอะไร?” น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อเย่อหยิ่งเฉกเช่นเคย ครั้นเหมยเหมยได้ยินเช่นนั้นก็อยากกำหมัดซัดหน้าเขาสักรอบเหลือเกิน

“อู่เยวี่ยสงบเสงี่ยมดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามออกไปตรง ๆ

“สงบเสงี่ยมดีอยู่แล้ว คนของฉันเฝ้าจับตามองอยู่ตลอด แล้วจะไม่อยู่สงบเสงี่ยมในกรอบได้เช่นไรกัน?” เฮ่อเหลียนเช่อชักไม่ชอบใจขึ้นมาแล้ว นี่สงสัยศักยภาพในการทำงานของลูกน้องเขาเหรอ?

เหยียนหมิงซุ่นกดเปิดลำโพงเพื่อให้เหมยเหมยได้ยินด้วยเช่นกัน เขาจงใจพูดขึ้นว่า “งั้นแกก็ต้องจับตาดูไว้ดี ๆล่ะ ก่อนเสี่ยวเป่าอายุครบหนึ่งขวบอย่าให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นเด็ดขาด มิเช่นนั้นพิษในตัวของเสี่ยวเป่าก็จะแก้ไม่ได้”

“ถุย…เหยียนหมิงซุ่นแกพูดจาไร้สาระอะไรของแก เสี่ยวเป่าของฉันต้องอายุมั่นขวัญยืนอยู่แล้ว แถมเสี่ยวเป่าของฉันต้องมีชีวิตอยู่นานกว่าแกด้วย” เฮ่อเหลียนเช่อก่นด่ายกใหญ่

เหยียนหมิงซุ่นแสยะยิ้มเยือกเย็น “เพ้อเจ้อ ฉันอายุมากกว่าเสี่ยวเป่าตั้งเยอะ ถ้าเขาตายไปก่อนฉัน ถ้าไม่ใช่คนอายุสั้นแล้วคืออะไร?”

“&%¥#¥…” เฮ่อเหลียนเช่อพึมพำสบถด่าดังผ่านมาจากปลายสาย เหยียนหมิงซุ่นคร้านจะฟังจึงวางสายใส่ ถ้าไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้หญิงของเขาสบายใจ เขาเองก็คร้านจะโทรหาเจ้าโง่นี่เหมือนกัน!

“วางใจเถอะ เฮ่อเหลียนเช่อเอาใจใส่เสี่ยวเป่าจะตายไป แล้วจะให้อู่เยวี่ยเข้ามายุ่มย่ามได้อย่างไรเล่า” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวกับเหมยเหมย

“อืม…อีกสองวันฉันค่อยแวะไปหาเสี่ยวเป่าแล้วกัน…หลายวันมานี้ไม่เจอเจ้าตัวเล็กแอบคิดถึงจัง” เหมยเหมยยังรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้างเลยตัดสินใจจะแวะไปดูกับตาตัวเอง แบบนี้ถึงจะวางใจได้

ระยะนี้เจ้าตัวเล็กกินอิ่มนอนอุ่นอ้วนขึ้นมากราวกับก้อนเนื้อก็มิปาน เห็นแล้วน่าฟัดจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกปวดใจขึ้นมา ต่อให้เสี่ยวเป่าจะเป็นแค่เด็กทารกคนหนึ่งแต่ก็เป็นผู้ชาย สำหรับผู้หญิงของเขาในใจคิดถึงได้เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น เพศชายคนใดก็ห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาด!

“คิดถึงลูกชายของคนอื่นขนาดนั้นเลย?”

เหยียนหมิงซุ่นโอบเอวเหมยเหมยลากเธอมากระซิบเบา ๆข้างหูด้วยท่าทียียวน

เหมยเหมยใช้สองแขนโอบคอของผู้ชายไว้แล้วจงใจพูดด้วยใบหน้าที่แดงซ่านว่า “ฉันก็แค่ชอบเด็กตัวเล็ก ๆเท่านั้นเอง น่ารักจะตายไป จุ๊บได้ทุกวันเลย…”

ใครใช้ให้ไม่มีลูกกับเธอสักทีกันล่ะ!

ก่อนหน้านี้เพราะโดนพิษกู่เลยทำให้มีลูกไม่ได้ยังพอให้อภัยได้ แต่ตอนนี้แก้พิษกู่ได้แล้วยังไม่ให้เธอมีลูกอีก เกลียดเจ้าหมอนี่ชะมัดเลย!

ตอนนี้เธอแค่อยากมีลูกเท่านั้น เธออยากคลอดลูกที่หน้าตาน่ารักเหมือนกับเสี่ยวเป่า กอดแล้วพรมจูบทุกวัน มีความสุขจะตายไป!

“ก็จุ๊บสามีเธอได้นี่นา…”

เหยียนหมิงซุ่นเสียงแหบพร่าเล็กน้อยแฝงไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน เขาพูดพลางเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอน นี่ยังคิดจะไปจุ๊บผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ เดี๋ยวต้องจัดการกำราบเสียหน่อยแล้ว!

“ไม่เอา…จุ๊บเบื่อแล้ว…ฉันอยากจุ๊บแค่เสี่ยวเป่าเท่านั้น…ไม่งั้นเรามีกันเองสักคนดีไหม!” เหมยเหมยยืดตัวขึ้นแล้วเป่าลมข้างหูของเหยียนหมิงซุ่น แถมเลียด้วยท่าทีซุกซนด้วย

เหยียนหมิงซุ่นตัวแข็งทื่อ กระเดือกสั่นขึ้นลงไปมา แววตาหม่นลงแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

กล้าจุ๊บเขาจนเบื่องั้นเหรอ?

ท้าทายกันชัด ๆเลย!

………

“เบื่อหรือยัง?” ฝ่ายชายบากบั่นมาทั้งคืน แต่ก็ยังไม่ลืมถามสาวใต้ร่าง

เปลือกตาของเหมยเหมยผู้น่าสงสารเกือบจะลืมไม่ขึ้นเต็มทีแล้ว สมองพร่าเบลอ ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้เธอคงจะไม่พูดคำว่า——จุ๊บเบื่อแล้วแน่นอน!

“ไม่เบื่อเลย…จุ๊บร้อยปีก็ไม่เบื่อ ต่อให้ทานกุ้งมังกรน้อยจนเบื่อ ก็ไม่มีทางเบื่อพี่หมิงซุ่นแน่นอน…” เหมยเหมยคำรามเสียงต่ำแหบพร่าด้วยความโกรธ แต่ผู้ชายที่คร่อมอยู่บนตัวกลับยังใจดำกดเธอลงบนเตียง

ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์จริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ฉวยโอกาสในระหว่างที่เธอสติเลอะเลือนถามขึ้นว่า “ตอนนี้ยังอยากจะมีลูกอยู่ไหม?”

เหมยเหมยพยักหน้าตามความรู้สึกจิตใต้สำนึกแต่ก็กลับมามีสติในทันที  พอสมองตื่นตัวก็เป็นฝ่ายหยั่งเชิงถามขึ้นเองว่า “พี่…ตอนนี้พวกเรามีลูกกันดีไหม?”

เหยียนหมิงซุ่น ‘…นี่เลอะเลือนจนสมองเพี้ยนไปหมดแล้วหรือไงกัน?’

………………………………………….

ตอนที่ 2105 ป้อนกุ้งมังกรน้อย

“จะไม่มีเงินได้ไง ขายให้กับสถานีโทรทัศน์เมืองหลวงก็ต้องได้ราคาอย่างน้อยสองสามล้านมั้งสิ?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ

จ้าวเสวียเอ๋อร์ยิ้มอย่างขมขื่น “โยกย้ายเงินออกไปหมดแล้ว ในบริษัทมีแต่หุ้นติดลบ”

อู่เจิ้งซือคนนี้มือเท้าว่องไวจริง ๆ!

เหมยเหมยถึงได้เข้าใจแอบด่าอู่เจิ้งซือว่าเจ้าเล่ห์ “งั้นก็จับเขาเข้าไปอยู่ในคุกตลอดชีวิต!”

โยกย้ายทรัพย์สินใช่ไหม?

จะทำให้ทรัพย์สินที่มันโยกย้ายไปไม่มีวาสนาได้ใช้ให้ไปนอนอยู่ในคุก ดูสิว่าอู่เจิ้งซือจะใช้เงินอย่างไร!

จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับคิดว่าเหมยเหมยจะจัดการบังคับให้อู่เจิ้งซือคายเงินพวกนั้นออกมาตอนอยู่ในคุก เขาจึงมีความสุขขึ้นมาทันที ถามเหมยเหมยว่าจะจัดการกับอู่เจิ้งซืออย่างไร

“แล้วจะจัดการอย่างไรได้อีกล่ะ จับมันเข้าไปดื่มด่ำชีวิตในคุกสิ!”

เหมยเหมยพูดออกมาโดยไม่ต้องคิดและวางสายไป

เธอไม่ได้สนใจเงินพวกนั้นมากนัก เป้าหมายของเธอสำเร็จแล้ว ละครโทรทัศน์เรื่องซินเดอเรลล่ากลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ ทั่วประเทศรายงานข่าวเรื่องการลอกเลียนแบบจนเป็นเรื่องโกลาหลไม่น้อยเลย

บรรดาผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมในวงการนี้ อีกทั้งนักวิชาการบางท่านต่างสนทนากันอย่างออกรสเกี่ยวกับคดีนี้ ในเวลาเดียวกันสถานีโทรทัศน์หลักทั้งหมด หนังสือพิมพ์และสื่ออื่น ๆต่างถกประเด็นเรื่องนี้กันหมด

ความคิดเห็นคำวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนต่างก็ด่าทอบริษัทหวนอวี่อย่างท่วมท้นว่าทำไม่ถูก วิจารณ์ว่าทำน่าเกลียดและทำลายจรรยาบรรณของวงการนี้ด้วย!

กล่าวได้เพียงว่าอู่เจิ้งซือสร้างความโกรธให้แก่ประชาชนไม่น้อย คนอื่นต่อให้จะลอกเลียนแบบก็ยังปรับบทบ้าง ไม่สิ้นคิดและหยาบโลนเหมือนอู่เจิ้งซือที่แค่แย่งพล็อตเรื่องมาแล้วก็ใช้โต้ง ๆแบบนี้เลย

นี่ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นการคัดลอกความคิด แต่มันคือการขโมยดี ๆนี่เอง!

หลังจากเรื่องนี้อู่เจิ้งซือก็มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ ต่อให้เขาจะมีเงินห้าล้านก็ตาม แต่วงการนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเขาอีกต่อไปอีกต่อไป

อู่เจิ้งซือยังคงฝันถึงชีวิตอันรุ่งโรจน์สวยงามยังไม่ยอมตื่นสักที เขาถูกจับเข้าคุกแล้ว อีกทั้งยังเป็นห้องขังที่มีนักโทษข่มขืนรวมตัวกันด้วย ต่อให้เป็นนักโทษฆ่าคนตายก็ยังไม่เต็มใจจะมาอยู่ที่นี่เลย

เพราะชื่อเสียงของอู่เจิ้งซือไม่ดี เรื่องการโอนทรัพย์สินของเขาเหมยเหมยไม่คิดสงสัยอู่เยวี่ยเลย ตอนนี้อู่เยวี่ยถูกเฮ่อเหลียนเช่อจับตามองอย่างใกล้ชิด เธอจึงไม่สามารถติดต่ออู่เจิ้งซือได้เลย

เหมยเหมยคุยกับเหยียนหมิงซุ่นเรื่องคดีความ “พี่คิดว่าอู่เยวี่ยคิดทำอะไรอยู่? ให้เงินอู่เจิ้งซือมากขนาดนี้แต่เธอกลับไม่ได้แม้แต่แดงเดียว!”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบา ๆ “ตอนแรอู่เยวี่ยจะรู้ได้ไงว่าวันหนึ่งเธอจะถูกเฮ่อเหลียนเช่อกักบริเวณในบ้าน แต่โชคดีที่ครั้งนี้เธอถูกกักบริเวณไว้ ไม่งั้นคดีนี้คงไม่จบง่าย ๆขนาดนี้แน่!”

อู่เยวี่ยเป็นผู้หญิงเล่ห์เหลี่ยมจัด มีเธอคอยกำกับอู่เจิ้งซืออยู่เบื้องหลังคงต้องเจอเรื่องลำบากมากมายแน่ นับว่าเฮ่อเหลียนเช่อก็ทำเรื่องดี ๆเหมือนกันแฮะ!

“สมน้ำหน้า เธอสร้างบาปกรรมเองแท้ ๆ น่าเสียดายที่เสี่ยวเป่ายังอายุไม่ถึงหกเดือนยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะหนึ่งขวบเลยนะ!” เหมยเหมยพูดอย่างขมขื่น เกลียดที่เวลาผ่านไปช้าเกินไปจนต้องปล่อยให้อู่เยวี่ยลอยหน้าลอยตาอยู่อีกตั้งหลายเดือน

“เฮ่อเหลียนเช่อร้อนใจกว่าเธออีก อำ…อ้าปาก!”

เหยียนหมิงซุ่นปอกเปลือกกุ้งมังกรน้อยทำท่าทางบอกให้เหมยเหมยอ้าปาก คีบกุ้งมังกรน้อยขาวนุ่มเข้าปาก

พอเหมยเหมยได้กินเนื้อกุ้งมังกรน้อยแสนอร่อยก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที เธอเร่งให้เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งเร็ว ๆ “พี่แกะเร็ว ๆสิ…ฉันกินหมดแล้วนะ…ช้าจริงๆเลย…”

วิธีการกินกุ้งมังกรน้อยให้มีความสุขที่สุดต้องทำอย่างไรเหรอ?

แน่นอนว่าต้องให้คนอื่นแกะให้กินยังไงล่ะ!

เหมยเหมยนั่งเหมือนยายแก่ออกคำสั่งให้เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งมังกรน้อย กุ้งมังกรน้อยเหล่านี้เธอตั้งใจให้เกษตรกรในเขตชานเมืองจับกลับมาเป็นพิเศษ ในตอนนี้ต่อให้โยนกุ้งมังกรน้อยทิ้งเกลื่อนถนนก็ยังไม่มีใครต้องการเลย แม่น้ำในชนบทมีมากมายจับตรงไหนก็ได้เยอะทั้งนั้น

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่น้ำตาไหลเพราะความเผ็ดแต่ก็ยังกินไม่หยุดอย่างระอาและเอ็นดู ไม่เข้าใจจริง ๆว่าทำไมถึงชอบกินกุ้งที่มีเปลือกแข็งและไม่มีเนื้อแบบนี้นักนะ?

“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นหยิบทิชชู่มาเช็ดพริกที่อยู่ตรงมุมปากของเธอแล้วก็ป้อนกุ้งอีกตัวหนึ่งให้เธอกิน

…………………………………………..

ตอนที่ 2106 อยากให้เธอป้อนให้กิน

“อร่อยสิ…ฉันจะบอกพี่ให้นะ…ผ่านไปอีกสิบปี…ไม่สิ ไม่เกินห้าปี กุ้งมังกรจะถูกกินจนเกือบสูญพันธุ์เลยทีเดียวล่ะ”

เหมยเหมยเคี้ยวเนื้อกุ้งตุ้ย ๆ พูดจาอู้อี้ดูน่ารักเหลือเกิน

เหยียนหมิงซุ่นที่ได้รับการฝึกฝนมาหลายครั้ง ภายในหนึ่งวินาทีก็แกะกุ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันความเร็วในการกินของเหมยเหมย

“ของที่ทั้งสกปรกและไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?” เห็นได้ชัดว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อ มองไปกุ้งมังกรน้อยผัดหมาล่าบนจานอย่างดูถูก

หากไม่ใช่เพราะว่าเอาชนะการออดอ้อนของยัยปีศาจน้อยไม่ได้ละก็ เขาไม่เห็นด้วยกับการที่เหมยเหมจะกินกุ้งมังกรน้อยนี่เลย เพราะอาศัยอยู่ในน้ำที่สกปรกที่สุดและกินซากพืชที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียและไวรัส เป็นสิ่งมีชีวิตที่สกปรกยิ่งกว่าขยะ มองไม่เห็นข้อดีของมันเลยแม้แต่น้อย

กุ้งมังกรน้อยหนึ่งตัวแกะออกมามีเนื้อเพียงน้อยนิด เขามองไปที่กุ้งมังกรน้อยเต็มจานใหญ่แต่อันที่จริงกลับให้พลังงานได้ไม่เท่าไรนัก เขายอมกินจิ้งจกและงูเพื่อเพิ่มพลังงานยังดีกว่าแตะต้องของที่แกะยากเย็นแบบนี้อีก

ขยะประเภทนี้ คาดไม่ถึงว่าจะโดนกินจนสูญพันธุ์ได้?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

ประชาชนทั้งประเทศจะน้ำเข้าสมองจนโง่ไปกันหมดเลยหรือไง?

“เธอกินให้น้อย ๆหน่อย ถ้าวันนี้กินจานนี้หมดก็รออีกครึ่งเดือนถึงจะกินได้อีกนะ” เหยียนหมิงซุ่นดึงหน้าตึงตั้งกฎระเบียบขึ้นมา

“ไม่เอา…ฉันอยากกินกุ้งมังกรน้อย ตอนนี้มีตั้งเยอะ แถมยังถูกด้วย ฉันต้องกินให้หายอยากก่อน…” เหมยเหมยยู่ปากออดอ้อน

เธอให้เกษตรกรจับกุ้งมังกรน้อยมาเต็มตะกร้าใช้เงินไม่กี่หยวนเท่านั้นเอง หากผ่านไปอีกสิบปีใช้เงินหลายร้อยหยวนก็ยังไม่ได้ขนาดนี้เลย และตอนนี้กุ้งมังกรน้อยก็เติบโตอยู่ตามสภาพแวดล้อมธรรมชาติ มีกลิ่นหอมกว่ากุ้งมังกรน้อยที่เลี้ยงในฟาร์มเยอะ ถ้าไม่กินเธอก็โง่เต็มทีแล้ว!

“ไม่ให้กิน…ของพวกนี้สกปรกจะตาย มีแต่แบคทีเรียและปรสิตทั้งนั้น หากกินแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นยืนหยัดอย่างแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังเผยท่าทางน่าเกรงขามของผู้นำออกมาด้วย

“ไม่ว่าจะเป็นปรสิตแบคทีเรียอะไรทุกอย่างจะถูกฆ่าภายใต้อุณหภูมิสูง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร ฉันไม่สน ฉันจะกินอยู่ดี ถ้าพี่ไม่ให้ฉันกิน ฉันก็จะกลับไปกินที่บ้าน…”

เหมยเหมยบิดตัวไปมาไม่หยุด แถมยังถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นเป็นครั้งคราว

กล้าไม่ให้เธอกินกุ้งมังกรน้อยเหรอ งั้นเธอก็จะออกจากบ้าน!

เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก คิดจะใช้กลอุบายแบบนี้กับเขาเหรอ?

“กลับบ้านอะไรกัน พ่อแม่เธอออกไปทำงานต่างถิ่น ใครจะทำให้เธอทานฮะ? นั่งลง…อ้าปาก!” เหยียนหมิงซุ่นดึงหน้าตึง ถึงเขาจะฝีปากร้ายไปบ้างแต่มือก็ป้อนให้ไม่หยุด เนื้อกุ้งที่สมบูรณ์แบบอีกตัวถูกแกะยัดเข้าปากเหมยเหมย

“ที่รัก…พี่ดีที่สุดเลย…รักพี่ที่สุดเลย…”

เหมยเหมยหน้าบานเป็นกระด้งทันที ทำปากจุ๊บประทับรอยน้ำมันพริกแดง ๆไว้บนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่น แต่อันเดียวยังไม่พอจึงประทับให้อีกรอย พอเห็นว่าทั้งสองข้างเท่ากันแล้วถึงพอใจ

เหยียนหมิงซุ่นเช็ดน้ำมันออกจากใบหน้าของเขาด้วยความหงุดหงิด ถ้ามีของให้กินก็เรียกที่รัก แต่พอไม่มีให้กินก็กลับไปบ้านแม่ เลือกอยู่แต่กับคนที่มีผลประโยชน์ต่อตัวเองจริง ๆ!

“ที่รัก ฉันแกะให้พี่กินชิ้นหนึ่งนะ พี่ลองกินดูมันอร่อยจริง ๆนะ…”

เหมยเหมยแกะกุ้งอย่างเชี่ยวชาญเร็วใช้ได้เลย ความเร็วพัฒนาขึ้นหลังจากที่เธอฆ่ากุ้งมังกรน้อยนับพันตัวในชาติที่แล้ว เหยียนหมิงซุ่นจับจ้องไม่วางตา

“เธอบอกว่าแกะไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?”

ความเร็วไม่ช้าไปกว่าเขาเลย แถมยังบอกว่าแกะไม่เป็นอีกต่างหาก พระเจ้ารู้ดีว่าเขารำคาญกุ้งมังกรน้อยพวกนี้แค่ไหน เขายอมปอกเปลือกกุ้งนางยังจะดีกว่า!

เหมยเหมยใจกระตุกวูบ แย่แล้ว ลืมไปชั่วขณะ

“เฮ้ย…ฉันโดนปลายแหลมของมันตำมือเข้าแล้ว…พี่ดูที่มือของฉันสิ…แดงหมดเลย…” แผนแกล้งป่วยต่อหน้าคนรักมักใช้ได้ผลเสมอ

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองนิ้วสีขาว ๆที่ยื่นออกมาตรงหน้าเขา วงกลมสีแดงบนนั้นมันคือน้ำพริกเผาต่างหาก!

ช่างเป็นยัยปีศาจตัวน้อยจริง ๆ!

แต่เขาก็ยังจะกินชิ้นนี้!

เหยียนหมิงซุ่นเช็ดน้ำพริกเผาบนนิ้วมือของเหมยเหมยอย่างเป็นห่วง อีกเดี๋ยวยัยบื้อนี่ต้องเอามือขยี้ตาแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จะร้องไห้อีก!

“นั่งดี ๆ…มาตั้งกฎกันก่อน กุ้งมังกรน้อยกินได้แค่สามมื้อต่อเดือน” เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งไปพูดไป

“ไม่เอา…หกมื้อ…” เพิ่มเป็นสองเท่า

“สองมื้อ!”

“ก็ได้ สามมื้อก็สามมื้อ” เหมยเหมยตกลงอย่างเชื่อฟัง ถึงเวลานั้นก็ให้ป้าฟางเพิ่มให้มากขึ้นอีกหน่อยแล้วกัน

เหยียนหมิงซุ่นมองความคิดในใจของเธอออกจึงกลั้นยิ้มและพูดว่า “หนึ่งมื้อกินได้แค่สองขีด”

เหมยเหมยนิ่งตะลึงงั้น  ‘…หน้าเลือดชะมัดเลย!’

…………………………………………..

ตอนที่ 2103 คิดอย่างรอบคอบ

เหมยเหมยแต่งตัวเป็นทางการเตรียมตัวขึ้นศาล เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาว ผมของเธอถูกมวยเก็บไว้ มองดูเป็นผู้ใหญ่และดูเป็นสาวมั่นมีความสามารถขึ้นไม่น้อยเลย

“อยากให้พี่ไปด้วยไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ไม่ต้องหรอกคะ พี่ไปทำธุระของพี่เถอะ คดีนี้ฉันต้องชนะแน่นอน!” เหมยเหมยมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น ฝั่งเธอมีหลักฐานเพียงพอ เว้นแต่สมองของผู้พิพากษาจะมีปัญหา ไม่เช่นนั้นเธอต้องชนะคดีแน่

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม ใจสั่นเล็กน้อย หลังจากผ่านสงครามเย็นเรื่องพิษกู่มาเขาก็เริ่มคิดทบทวน

เขาเอาแต่ยึดติดว่าชายต้องเป็นใหญ่มากไปจริง ๆ ทั้งยังประเมินความสามารถของเหมยเหมยต่ำเกินไปด้วย ดังนั้นตอนนี้เขาถึงค่อย ๆปรับนิสัย เว้นช่องว่างและให้อิสระเหมยเหมยมากขึ้น

“ไม่อยากให้พี่ไปด้วยจริง ๆนะ?” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มถาม

“ไม่ต้อง…พี่น่ารำคาญจริง ๆเลยนะ…” เหมยเหมยยิ้มอย่างกระเง้ากระงอด เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มเธอเบา ๆอยู่หลายที กล้าพูดว่าเขาน่ารำคาญงั้นเหรอ ตอนกลางคืนรอรับโทษได้เลย

พูดถึงเขาก็มีเรื่องสำคัญต้องจัดการในตอนเช้าเช่นกัน ไม่มีเวลาไปศาลเป็นเพื่อนเหมยเหมยหรอก

“ตอนเย็นพี่จะรีบกลับมาทำอะไรอร่อย ๆให้เธอกินนะ ปีกไก่อบน้ำผึ้งของโปรดที่เธอชอบที่สุดไง…” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบที่ข้างหูของเหมยเหมยและยังขบเบา ๆอีกด้วย จากนั้นก็มองปลายหูสีขาวเนียนนุ่มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูด้วยความพึงพอใจ ต่างหูมุกขนาดเท่านิ้วก้อยที่หูเข้ากันอย่างลงตัว

“เกลียดที่สุด…อย่ามาทำให้ผมฉันยุ่งนะ…”

เหมยเหมยผลักเขาเบา ๆ เหยียนหมิงซุ่นยืดตัวตรงเพราะเขาและลูกน้องนัดประชุมตอนแปดโมงครึ่งจะไปสายไม่ได้

ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นหยิบกุญแจรถก็ถามลุงเหลาว่า “สถานการณ์ในกองทัพของหมิงต๋าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“สองวันก่อนเข้าร่วมภารกิจด้วย ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมาที่เมืองหลวงแต่เป็นการปฏิบัติการอย่างลับ ๆจึงไม่สามารถติดต่อได้” ลุงเหลาตอบ

“รอเขากลับกองทัพเมื่อไรบอกผมด้วย”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจอะไรนัก เหยียนหมิงต๋าอยู่ในหน่วยรบพิเศษ ปฏิบัติภารกิจเป็นเรื่องธรรมดา

เวลาขึ้นศาลคือตอนเช้าเวลาแปดโมงห้าสิบ เหมยเหมยมาถึงศาลก่อนสิบนาที จ้าวเสวียเอ๋อร์และทนายความมาถึงนานแล้ว อู่เจิ้งซือก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างลำพองใจ

“เหมยเหมย…”

อารมณ์ของอู่เจิ้งซือค่อนข้างซับซ้อน เดิมทีนี่คือลูกสาวของเขา ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะค้นพบพรสวรรค์ของลูกสาวคนนี้ แต่กลับโดนจ้าวอิงหัวคว้าตัวไปเสียแล้ว

ถ้าหากจ้าวเหมยยังเป็นลูกสาวของเขา เจ้าหญิงอัปลักษณ์ก็ต้องเป็นของเขา ไหนเลยจะต้องมาถ่ายซินเดอเรลล่าบ้าบอนี่ด้วย?

เหมยเหมยมองเขาอย่างเย็นชา “กรุณาเรียกฉันว่าคุณหนูจ้าว สำหรับคนที่ขโมยผลงานของฉันไป แค่ต้องคุยด้วยฉันยังรังเกียจเลย!”

สีหน้าของอู่เจิ้งซือเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายังคิดจะอธิบายอีกหลายประโยคแต่เหมยเหมยกลับเดินหนีไปไกลแล้ว

เขาพ่นลมออกจมูกด้วยความโมโหแล้วมองไปที่ทนายสวีที่อยู่ข้าง ๆเขาด้วยความสงสัย “ทำตามที่คุณพูดจะไม่มีปัญหาจริง ๆเหรอ?”

“วางใจได้ คุณหนูโอหยางจัดการให้แล้ว ขอแค่คุณยอมโอนเงินของบริษัทออก แม้ว่าคุณจะแพ้คดีก็จะไม่มีปัญหาอะไร” ทนายความสวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แต่ว่า…เงินของฉันจะทำอย่างไร?” อู่เจิ้งซือยังไม่วางใจ

โอหยางซานซานสัญญาว่าจะให้ส่วนแบ่งเขาสามส่วน เขาลองคำนวณดูแล้วละครซินเดอเรลล่าเรื่องนี้ทำรายได้เกือบห้าล้าน ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาจะได้ส่วนแบ่งหนึ่งล้านห้าแสน!

หนึ่งล้านห้าแสนเพียงพอสำหรับที่จะซื้อบ้านพักสุดหรูในเมืองจิน แถมยังมีเงินเหลือไว้ใช้ตอนบั้นปลายชีวิตได้อย่างสุขสบายเลยล่ะ

แต่เงินนี้ยังไม่ได้มาอยู่ในมือ เขายังไม่ค่อยอุ่นใจนัก

ทนายความสวีจงใจพูดว่า “คุณวางใจเถอะ คุณหนูโอหยางจะโกงเงินแค่นั้นของคุณไปทำไม? คุณคงไม่รู้ว่าตอนนี้คุณหนูโอหยางมีสถานะเป็นใครสินะ เธอคือคุณนายเช่อที่มีชื่อเสียง อย่าว่าแต่หนึ่งล้านห้าแสนเลย แม้แต่เงินสิบห้าล้านก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเธอด้วยซ้ำ”

อู่เจิ้งซือใจเต้น ภรรยาของคุณชายเช่อ?

ภูมิหลังไม่ได้เบาเลยนี่!

เขายิ้มให้ทนายสวีแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขามักจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เรื่อย เขาแอบดีใจที่เขาไม่ได้ปักใจเชื่อตั้งแต่แรกแล้วฝากเงินของบริษัทไว้ในบัญชีที่โอหยางซานซานกำหนด แต่เขาเอามาฝากไว้ในบัญชีของเขาเองต่างหาก

รหัสก็มีแต่เขาที่รู้!

หลังจากฟังคำพูดของทนายสวีเมื่อวานนี้เขาก็แอบโยกย้ายเงินพวกนี้อย่างเงียบ ๆแล้วบอกทนายสวีว่าเขาได้ทำตามคำสั่งแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้

…………………………………………..

ตอนที่ 2104 ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อู่เยวี่ยยังไม่รู้ว่าอู่เจิ่งซือมีแผนตลบหลังตน เธอคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ

เพราะความไม่สะดวกของเธอจึงทำให้ไม่มีโอกาสไปที่ธนาคารเพื่อตรวจสอบว่ามีเงินในบัญชีของเธอมากกว่าห้าล้านหรือไม่ แต่อู่เยวี่ยไม่ได้คิดว่าอู่เจิ้งซือจะกล้าขัดคำสั่งเธอ เพราะถึงอย่างไรสถานะในปัจจุบันของเธอก็คือโอหยางซานซาน ไม่ใช่อู่เยวี่ย

สถานะของโอหยางซานซาน สำหรับอู่เจิ้งซือแล้วมีอำนาจมากพอที่จะสยบเขาได้

แต่อู่เยวี่ยกลับลืมความเห็นแก่ตัวของอู่เจิ้งซือไปจนสิ้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนขี้ขลาดแต่เพื่อความปรารถนาของตน บางครั้งเขาก็มีความกล้ามากพอ

เช่นเดียวกับที่เขากล้าจะเสี่ยงครั้งใหญ่เปลี่ยนลูกที่ตายไปแล้วของเหอปี้อวิ๋นเป็นเหมยเหมยในตอนนั้น

ผู้พิพากษาเปิดศาลตรงเวลาเหมยเหมยแสดงหลักฐานมากมายทางฝั่งของเธอ นอกจากนี้ทนายความที่ได้รับการว่าจ้างยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงอีกด้วย บดขยี้ฝั่งของอู่เจิ้งซือจนเละ ผลลัพธ์ก็เห็นได้อย่างชัดเจน

แต่ว่าเป้าหมายของอู่เยวี่ยไม่ใช่การชนะคดี ดังนั้นทนายความสวีจึงไม่ได้โต้แย้งอะไรมากไปกว่านี้ ผู้พิพากษาจึงตัดสินคดีความได้อย่างรวดเร็ว

ตัดสินให้ฝั่งของเหมยเหมยชนะคดีและสั่งให้บริษัทหวนอวี่ห้ามขายละครเรื่องซินเดอเรลล่าอีกต่อไป อีกทั้งต้องชดเชยค่าเสียหายแก่เหมยเหมยสามล้าน พร้อมประกาศขอโทษต่อหน้าคนทั่วประเทศผ่านสื่อ

อู่เจิ้งซือปวดใจไม่น้อย ซินเดอเรลล่าเพิ่งได้ออกอากาศ ช่วงเวลาแห่งการทำเงินยังไม่ทันเริ่มขึ้นเลยแต่กลับถูกสั่งห้ามฉายต่อแล้ว นี่ต้องสูญเงินไปเท่าไรกันนะ!

เขาบอกแล้วว่าบทละครควรจะมีการดัดแปลงบ้าง ไม่ควรขโมยความคิดมาง่าย ๆและหยาบโลนเช่นนี้ แต่อู่เยวี่ยก็ไม่ฟังการโน้มน้าวใด ๆ บอกว่านี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสร้างละครทีวี ต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ก่อน

อู่เจิ้งซืออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หากฟังคำแนะนำของเขาตั้งแต่แรก แน่นอนว่าจะต้องสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบล้าน

แต่ไม่นานเขาก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรอย่างน้อยเขาก็ทำเงินได้ถึงห้าล้าน ตอนนี้เขาเข้าใจกฎของวงการนี้อย่างคร่าว ๆแล้ว เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะต้องกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งแน่นอน!

อู่เจิ้งซือไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงนานนัก พอขึ้นศาลเสร็จเขาก็รีบกลับเมืองจินทันที ส่วนเรื่องชดเชยค่าเสียหายศาลประจำท้องถิ่นในเมืองจินจะให้ความร่วมมือในการดำเนินการเอง

อู่เยวี่ยได้รับข่าวว่าอู่เจิ่งซือได้ฝากเงินทั้งหมดเข้าบัญชีที่เธอกำหนดตามวิธีการของเธอ อู่เยวี่ยพึงพอใจมาก ตราบใดที่มีเงินห้าล้านเส้นทางหนีเอาตัวรอดของเธอก็จะราบรื่น

ได้เวลาออกจากกรงนี้แล้ว!

สามวันต่อมาสถานีโทรทัศน์เมืองหลวงก็หยุดออกอากาศเรื่องซินเดอเรลล่าภายใต้แรงกดดันจากศาล อันที่จริงต่อให้ศาลไม่สั่ง สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงก็ไม่ต้องการออกอากาศอีกต่อไปแล้ว

หากไม่มีการเปรียบเทียบก็คงไม่เป็นอะไร!

ก่อนที่เจ้าหญิงอัปลักษณ์จะลงฉาย ละครเรื่องซินเดอเรลล่าก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งน่ารักสดใส สร้างแรงบันดาลใจ รักวัยใสและยังน่าดึงดูดอีกด้วย

แต่พอเจ้าหญิงอัปลักษณ์ลงจอ สถานีโทรทัศน์ก็เข้าใจเลยว่าทำไมเหมยเหมยถึงได้มั่นใจในตอนแถลงข่าวขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดงของนักแสดง เสื้อผ้า ฉาก รวมไปถึงระดับฝีมือของผู้กำกับ…ต่างก็เหนือชั้นกว่าซินเดอเรลล่าทั้งนั้นเลย!

นี่คือผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ผู้ชมไม่ได้โง่ หรูฮวาและหวังจู่เสียน[1]ในชุดเดียวกัน จะเลือกดูใครล่ะ?

เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนหลังอยู่แล้ว!

เจ้าหญิงอัปลักษณ์ฉายไม่ถึงสัปดาห์สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงก็ได้ปรับเวลาออกอากาศของเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นช่วงไพรม์ไทม์(ช่วงเวลาทอง)อย่างไม่ลังเล ส่วนซินเดอเรลล่าที่เคยฉายก็โดนเลื่อนเวลาออกไป

พอตอนนี้ปลดออก สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงก็ไม่มีเรื่องให้ทุกข์ใจแล้ว

เพราะว่ารายได้จากโฆษณาที่เจ้าหญิงอัปลักษณ์นำมาให้พวกเขาเพียงพอที่จะทำให้พวกเขายิ้มหน้าบานเลยทีเดียว!

เรตติ้งของเจ้าหญิงอัปลักษณ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนนำลิ่วรายการทีวีหลายรายการที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลจะเป็นไปตามที่คาดไว้แต่ก็ทำให้เหมยเหมยดีใจอยู่ดี

เพราะสิ่งที่เธอยืนหยัดว่าจะผลิตแต่ผลงานคุณภาพเป็นเรื่องที่ถูกต้อง!

แต่ว่า——

“เหมยเหมย…บริษัทหวนอวี่ไม่มีเงินสักแดงเดียวจึงไม่สามารถดำเนินการได้!” จ้าวเสวียเอ๋อร์โทรมาด้วยความโมโห

…………………………………………..

[1] เป็นชื่อดาราในสมัยนั้น แต่หรูฮวาจะเป็นตลกชายที่ชอบแต่งตัวลอกเลียนแบบผู้หญิง ส่วนหวังจู่เสียนเป็นดาราสาวสวย

ตอนที่ 2101 ป้องกันอย่างไรก็ไม่หมด

อู่เยวี่ยเห็นประกาศของเหมยเหมยทางทีวีก็พลันรู้สึกกังวลว่าอู่เจิ้งซือจะรับมือได้หรือไม่

น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้จึงให้คำแนะนำอู่เจิ้งซือไม่ได้เลย หวังว่าโอหยางเซี่ยงหมิงจะสามารถทนต่อแรงกดดันและถ่วงเวลาไปได้อีกสักพัก และหวังว่าอู่เจิ้งซือจะไม่ยอมแพ้แล้วรีบถ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทโดยเร็วที่สุด

ส่วนจะฟ้องร้องชนะคดีหรือไม่ อู่เยวี่ยไม่สนใจเลยสักนิด

เธอแค่ต้องการเงิน ละครเรื่องซินเดอเรลล่าทำเงินได้มากมายแล้ว ขอเพียงแค่ยืนหยัดต่อได้อีกสักระยะหนึ่งจะต้องทำเงินได้มากขึ้นแน่นอน มีเงินพวกนี้เธอถึงจะมีทางหนีทีไล่เอาตัวรอดได้!

ฟ้องร้องคดีแพ้แล้วอย่างไรล่ะ?

ต่อให้ศาลพิพากษาให้บริษัทต้องชดเชยเงินให้กับจ้าวเหมย ขอเพียงแค่ทรัพย์สินของบริษัทถ่ายโอนเรียบร้อยเหลือเพียงความว่างเปล่า แล้วจะเอาอะไรไปชดเชยให้ได้ล่ะ?

ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยจะมีความคิดมากมายแต่ตอนนี้เธอออกไปไหนไม่ได้จึงหาทางติดต่ออู่เจิ้งซือไม่ได้เลย เธอไม่เชื่อมั่นในความสามารถของอู่เจิ้งซือเลยสักนิด ไม่ได้การล่ะ เธอต้องหาวิธีติดต่อกับโลกภายนอก

ณ เขตกองกำลังทหารทางตอนใต้ เหยียนหมิงต๋าเพิ่งเสร็จจากการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ในอีกสองเดือนทีมเสวี่ยอิงจะมีการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถในกองทหารทั่วประเทศ เหยียนหมิงต๋าใฝ่ฝันที่จะเป็นสมาชิกของทีมเสวี่ยอิง ดังนั้นหลังจากเขากลับไปที่กองทัพ เขาก็เพิ่มจำนวนการฝึกฝนในทุกวันเป็นสองเท่าจนกลายเป็นคนบ้าการฝึกไปเลย

เขาจัดตารางจนแน่นทุกวัน นอกจากการนอนและการกินแล้ว เวลาที่เหลือก็คือการฝึกฝนจนไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นเลย

“เหยียนหมิงต๋า มีจดหมายส่งมาหานาย!”

มีทหารคนหนึ่งถือจดหมายซองหนาอยู่ในมือแล้วยื่นส่งให้เหยียนหมิงต๋า มีคนแซวว่า “ตัวหนังสือดูน่ารักดีนะ คงไม่ใช่แฟนนายเขียนมาใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นต๋ายิ้มอย่างเขินอาย “ไร้สาระน่า ฉันจะเอาแฟนมาจากไหน น่าจะเป็นคุณย่าฉันเขียนมามากกว่า”

เขารับจดหมายมา แต่พอเห็นลายมือสวยงามที่คุ้นตาสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก เขาคว้าจดหมายแล้วรีบวิ่งไปหาที่เงียบ ๆอ่านจดหมายฉบับนี้

ทหารที่ส่งจดหมายเห็นพฤติกรรมแปลก ๆของเขาก็พูดติดตลกว่า “แล้วบอกอีกว่าไม่ใช่แฟน แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงเขียนมา แล้วจะปิดซ่อนสายตาอันเฉียบคมของฉันไปได้อย่างไร?”

คนอื่น ๆก็พูดหยอกล้อติดตลกอยู่อีกหลายประโยค

เหยียนหมิงต๋ากำจดหมายและวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในป่าเล็ก ๆของกองทหาร ที่นี่เงียบสงบมาก เวลาที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็จะมานั่งเล่นที่นี่สักพัก

ลายมือบนจดหมายฉบับนี้เป็นของเยวี่ยเยวี่ย!

เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน!

เยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้วเหรอ?

ทำไมถึงยังเขียนจดหมายถึงเขาได้อีกล่ะ?

เหยียนหมิงต๋าดูแสตมป์จ่าหน้าซองจดหมายก็เห็นว่าเป็นของไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง และมันถูกส่งมาจากเมืองหลวง เขาอดใจไม่ไหวรีบเปิดซองจดหมาย ด้านในมีเพียงกระดาษจดหมายแผ่นเดียวและเขียนเพียงประโยคเดียวว่า

“พี่หมิงต๋า ฉันคือเยวี่ยเยวี่ยนะ ฉันถูกกักบริเวณ รีบมาช่วยฉันหน่อยสิ ฉันกลัว…”

หลังประโยคนี้ยังมีการวาดรูปใบหน้าที่ร้องไห้อยู่หลายที่ บนกระดาษยังมีคราบน้ำตาอีกด้วย หัวใจของเหยียนหมิงต๋าบีบแน่นขึ้นมาทันที

หรือว่าสามปีก่อนเยวี่ยเยวี่ยไม่ได้ตายจริง แต่โดนคนจับไปขังไว้?

ลายมือพวกนี้เป็นของเยวี่ยเยวี่ยจริงแท้แน่นอนเพราะเขาคุ้นเคยกับตัวหนังสือของเยวี่ยเยวี่ยมาก ตัวอย่างเช่นตอนเขียนชื่อของเขาจะตั้งใจเขียนคำว่าหมิงต๋าเชื่อมติดกัน และเขียนคำว่าต๋าตวัดลากยาวโค้งสวยงาม

นี่คือลายเซ็นที่เยวี่ยเยวี่ยออกแบบให้เขาเป็นพิเศษ ทั้งยังบอกให้วันหลังเขาเซ็นชื่อแบบนี้ เพียงแต่ที่เขาเขียนมันไม่สวยเท่าของเยวี่ยเยวี่ย

พอเหยียนหมิงต๋านึกถึงอดีตอันแสนหวานก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ในไม่ช้าหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงอีกครั้ง สีหน้ากลัดกลุ้ม

ไม่ได้การล่ะ เขาต้องรีบไปเมืองหลวงเพื่อช่วยเยวี่เยวี่ย!

เขาต้องรู้ให้ได้ว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ถึงต้องโกหกเขาว่าเยวี่ยเยวี่ยตายไปแล้วด้วย

…………………………………………..

ตอนที่ 2102 ความหวาดกลัวของอู่เจิ้งซือ

เหมยเหมยยื่นฟ้องบริษัทหวนอวี่ต่อศาลในช่วงกลางเดือนสิงหาคม อู่เจิ้งซือผู้เป็นนิติบุคคลของบริษัทหวนอวี่มาถึงเมืองหลวงก่อนกำหนด ในสามปีที่ผ่านมาอู่เจิ้งซือไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

ยังคงสง่างามเหมือนเมื่อสามปีก่อน แต่ว่าที่จอนผมสองข้างมีหงอกขึ้นประปราย

หลังจากที่เขาทะเลาะใหญ่โตกับเหมยซูหานเมื่อสามปีก่อนและออกจากบริษัทหัวหยู่อย่างโกรธแค้น ตอนเดินจากมาอู่เจิ้งซือเต็มไปด้วยความทระนง เขารู้สึกว่าด้วยพรสวรรค์และเส้นสายของเขาต่อให้ต้องเริ่มก่อตั้งบริษัทอย่างหัวหยู่ก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย!

อู่เจิ้งซือเอาเงินทั้งหมดที่เขาหาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลงทุนกับบริษัทใหม่ เตรียมตัวตั้งรับด้วยจิตใจอันฮึกเหิม แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาอย่างรุนแรง

เขานึกว่าตนมีเส้นสายที่ดี แต่นั้นคือตอนที่เขาเป็นผู้จัดการของบริษัทหัวหยู่ พอเขาเลิกเป็นผู้จัดการของบริษัทหัวหยู่ ลูกค้าที่มักเรียกเขาว่าเพื่อนรัก อย่างดีที่สุดพวกเขาก็แค่พยักหน้าให้หรือมองผ่านไปแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเลย

อู่เจิ้งซืออยากจะสร้างละครทีวี ในเมื่อมีสคริปต์บทละครแล้ว การหานักแสดงและผู้กำกับก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาไม่เจอนักลงทุนเลย เงินเขาแค่นั้นถ้าใช้แค่กินดื่มก็อยู่ได้สบาย ๆแต่หากใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจอาจจะน้อยไปหน่อย ไม่พอใช้เลยด้วยซ้ำ

ต่อมากว่าจะเจอนักลงทุนก็ยากลำบากพอสมควร ถ่ายทำละครทีวีต้นทุนต่ำอย่างค่อนข้างสะดุดกระท่อนกระแท่น แต่วิสัยทัศน์ของเขาแย่เกินไป ละครที่ผลิตออกมาไม่มีสถานีโทรทัศน์ใดยินดีที่จะซื้อเลย

ไม่มีใครซื้อก็หมายถึงการสูญเงินเปล่า นักลงทุนโกรธมากจนอยากจะฆ่าอู่เจิ้งซือทิ้ง แต่หลังจากนั้นก็ให้เขาไปถ่ายละครรักโรแมนติกสำหรับครอบครัว แต่วิสัยทัศน์ของเขาก็ยังไม่ได้เรื่อง พล็อตเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อไม่มีอะไรใหม่ ๆ ทำให้ไม่สามารถเชิญดาราดังมาร่วมงานได้ ละครทั้งเรื่องไม่มีจุดเด่นอะไรเลยแต่กลับมีสถานีโทรทัศน์ซื้อมัน ทว่าเรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนน่าตกใจ

สถานีโทรทัศน์โกรธมากจนอยากจะด่าบุพการีของเขา ทำให้บริษัทของอู่เจิ้งซืออยู่ในบัญชีดำถาวร!

ยืนหยัดได้แค่สองปีในที่สุดบริษัทของอู่เจิ้งซือก็ไปไม่รอดประกาศล้มละลายอย่างสมศักดิ์ศรี และเขายังขายบ้านพักของเขาเพื่อชำระหนี้ที่บริษัทติดค้างไว้ สุดท้ายเขาก็กลับมายากจนอีกครั้ง

ตอนที่อู่เยวี่ยปรากฏตัวต่อหน้าอู่เจิ้งซือด้วยสถานะของโอหยางซานซาน เขากำลังทำงานอยู่ที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งซึ่งฝืนทำเพื่อเลี้ยงปากท้องไปวัน ๆ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของโอหยางซานซาน แต่สำหรับคนจนตรอกอย่างอู่เจิ้งซือไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเท็จ เขาต้องกอดขาของโอหยางซานซานไว้ให้แน่น ๆก่อนอยู่แล้ว!

เขาต้องการกลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้ง!

อู่เจิ้งซือคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในครั้งนี้อย่างแน่นอน เขามองบ้านพักที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในเมืองจินแล้วด้วยซ้ำ ขอแค่เงินส่วนแบ่งมาอยู่ในมือ เขาก็จะทำการซื้อบ้านใหม่ทันทีและลืมตาอ้าปากใหม่ได้อีกครั้ง!

แต่ไม่ทันไรเขาก็โดนจ้าวเหมยฟ้องเสียแล้ว!

เขาไร้ซึ่งความมั่นใจ เขาไม่อยากจะกลับไปทรมานแล้วจริง ๆ!

เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวก่อนขึ้นศาลอู่เจิ้งซือรู้สึกกระวนกระวายใจจึงแวะร้านกาแฟใกล้โรงแรม เขาอยากจะดื่มกาแฟเย็น ๆสักแก้วให้ใจสงบลง

พอเขาได้รับหมายเรียกจากศาลก็อยากติดต่อโอหยางซานซานทันที อยากจะถามเธอว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี แต่ส่งเพจหาโอหยางซานซานเท่าไรเธอก็ไม่โทรกลับมาสักที อู่เจิ่งซือจึงตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิม

เขากลัวว่าโอหยางซานซานจะหนีและปล่อยให้เขาเป็นแพะรับบาปคนเดียว!

เขาไม่อยากไปอยู่ในห้องขังอีกหรอกนะ!

อู่เจิ้งซือกำลังดื่มชาด้วยท่าทีเหม่อลอย แต่อยู่ดี ๆก็โดนใครบางคนชนเข้า อู่เจิ้งซือเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นเขาก็รีบร้อนจากไปแล้ว ทว่ามองจากเงาแผ่นหลังของเขาน่าจะเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่

บนโต๊ะกลับมีกระดาษโน้ตเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น

“ไปพบทนายสวีที่ล็อบบี้โรงแรม เขาจะสอนคุณว่าต้องทำอย่างไร!”

ชื่อที่เขียนทิ้งไว้คือโอหยางซานซาน

อู่เจิ้งซือมีความมั่นใจขึ้นมาในทันที ดื่มชาในถ้วยจนหมดแล้วไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมอย่างดีใจ

…………………………………………..

ตอนที่ 2099 เป้าหมายไม่ใช่เพราะเงิน

งานแถลงข่าวของพวกเหมยเหมยทำให้เกิดคลื่นโกลาหลลูกใหญ่ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ทั่วประเทศ

บริษัทหนึ่งเป็นบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่ อีกแห่งหนึ่งกลับเป็นแค่บริษัทขนาดเล็กที่ไม่เป็นที่รู้จักเท่านั้น บริษัทหวนอวี่นี้โง่โอ้อวดไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หรือเบื้องหลังจะมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอยู่ถึงได้กล้าทำตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวใครแบบนี้?

จ้าวเสวียเอ๋อร์จัดงานแถลงข่าว ซึ่งในขณะเดียวกันก็ขอให้ทนายทำการยื่นฟ้องบริษัทหวนอวี่เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมทั้งยื่นเรื่องถอดถอนต่อสำนักงาน GD ให้ระงับการออกอากาศละครที่ทำการลอกเลียนแบบนี้เสีย

แต่อู่เยวี่ยได้พูดคุยกับโอหยางเซี่ยงหมิงไว้แต่แรกแล้ว อย่างไรเสียหาคนที่รับผิดชอบโดยตรงง่ายกว่า มีโอหยางเซี่ยงหมิงอยู่ทั้งคนคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถอดละครทีวีเรื่องนี้ออก

ส่วนสถานีโทรทัศน์เมืองหลวงไม่มีทางยุ่งด้วยหรอก!

สถานีโทรทัศน์จะให้ความสำคัญกับเรตติ้งและผลประโยชน์เท่านั้น ตราบใดที่ละครนำผลประโยชน์ทางการโฆษณามาสู่สถานีโทรทัศน์ได้ สถานีโทรทัศน์เมืองหลวงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณจะลอกเลียนแบบมาหรือไม่ ใครจะกล้ามีปัญหากับเงินล่ะ!

แม้เหมยเหมยจะโกรธ แต่เธอรู้ดีว่าปัจจุบันคนที่เข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ภายในประเทศยังไม่แข็งแรงพอ แม้จะผ่านไปอีกกี่สิบปีก็ไม่มีทางแข็งแรงขึ้นไปมากกว่านี้อยู่แล้ว

เธอยังจำได้ดีว่าเมื่อชาติที่แล้วมีโปรดิวเซอร์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก ตลอดเส้นทางของเขาคือการทำละครยอดฮิตโดยอาศัยการลอกเลียนแบบและดัดแปลงจนกลายเป็นโปรดิวเซอร์มือทองตัวจริง ในตอนท้ายนักเขียนชื่อดังท่านหนึ่งที่ถูกลอกเลียนแบบ ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงลุกขึ้นมาฟ้องร้องโปรดิวเซอร์ไร้ยางอายคนนี้ และแม้ว่านักเขียนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่โปรดิวเซอร์คนนี้กลับไม่ได้รับความเสื่อมเสียใด ๆเลย

จนกระทั่งเขาได้คัดลอกผลงานชิ้นใหญ่กว่าเดิมอย่างไร้ยางอายที่สุด และยังมีผู้ชมจำนวนมากที่ยังคงซื้อมัน ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน!

นอกจากนี้ยังมีการลอกเลียนแบบในลักษณะนี้อีกนับไม่ถ้วน บางคนชนะคดี บางคนก็แพ้คดี แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรล้วนไม่มีผลกระทบใด ๆต่อพวกคนไร้ยางอายที่ลอกเลียนแบบผลงานเช่นนี้เลย

เพราะสิ่งที่พวกเขาใฝ่หาคืออำนาจของเงิน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มุมมองทัศนคติ คุณธรรมจริยธรรม…ทุกอย่างสามารถโยนทิ้งไปได้

ยังมีอะไรที่สำคัญกว่าเงินอีกเหรอ?

อีกหลายสิบปีข้างหน้าก็ยังคงเป็นเช่นนี้ คดีความการฟ้องร้องลิขสิทธิ์ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเสียอีก

แต่ต่อให้ยากแค่ไหนเหมยเหมยก็จะฟ้อง เหตุใดความยุติธรรมจึงไม่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายได้นะ?

ทำไมคนที่ทำงานหนักอย่างขยันขันแข็งกลับได้รับสิ่งตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ตรงกันข้ามกับคนร้ายที่ขโมยผลงานของผู้อื่นไปกลับสามารถกลายเป็นผู้ชนะในการใช้ชีวิตได้อย่างง่ายดายเล่า?

มีคนเคยพูดว่านี่คือกฎที่ซุกซ่อนอยู่ในยุทธภพแห่งนี้ ในเมื่ออยู่ในยุทธภพนี้ก็ต้องยอมรับมันไป!

นี่มันกฎบ้าบออะไรเนี่ย!

เหมยเหมยทำเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับผู้ที่ไม่มีอำนาจ ทั้ง ๆที่มีความสามารถแต่กลับถูกบังคับให้ต้องยอมรับกฎบ้าบอเหล่านี้ ในเมื่อตอนนี้เธอยังพอมีที่พึ่ง เช่นนั้นเธอก็จะเป็นคนยิงปืนแห่งความยุติธรรมนัดแรกนี้เอง!

เธอจะทำให้ทุกคนรู้ว่าการขโมยเป็นเรื่องไร้ยางอาย ไม่ควรค่าที่จะให้การสนับสนุน!

“เหมยเหมย ต่อให้เราชนะการฟ้องร้องครั้งนี้ได้ เกรงว่าจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรนะ” จ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นกังวลมาก

ซินเดอเรลล่าออกอากาศไปแล้วแถมยังได้รับเรตติ้งที่ดีไม่น้อย เช่นนี้บริษัทหวนอวี่ก็จะสามารถขายละครทีวีให้กับสถานีโทรทัศน์อื่นได้มากขึ้น และทำเงินได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

หากประธานสำนักงาน GD ไม่สั่งระงับการออกอากาศ พวกเขาก็ไม่สามารถยับยั้งการเผยแพร่ของละครทีวีเรื่องนี้ได้

สถานีโทรทัศน์ในประเทศมีมากขนาดนั้น แม้ว่าจะได้ออกอากาศเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ของสถานีก็ตาม บริษัทหวนอวี่ก็ยังทำเงินได้มหาศาลอยู่ดี แต่เงินกลับไม่ตกถึงมือพวกเขาแม้แต่แดงเดียว

เขามีวิธีซ่อนสินทรัพย์เป็นพันวิธี อู่เจิ้งซือก็ต้องมีเช่นเดียวกัน

โธ่เว้ย แค่คิดว่าเงินจำนวนมากถูกปล้นไป จ้าวเสวียเอ๋อร์ก็ไม่อาจห้ามความเสียใจได้อีก

เหมยเหมยกลอกตามองเขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ วัตถุประสงค์ในการฟ้องร้องของฉันคือการทำลายบริษัทหวนอวี่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและไม่สามารถอยู่ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์อีกต่อไปได้ และเพื่อให้เพื่อนร่วมสายงานเดียวกันได้เห็นว่าคนที่ลอกเลียนแบบงานของผู้อื่นย่อมมีจุดจบที่ย่ำแย่!”

เธอไม่ได้สนใจเรื่องเงินเลยสักนิด!

เธอแค่ต้องการแก้ไขกฎของวงการนี้ แม้มันจะยากเธอก็ยังอยากจะลองดูสักตั้ง!

จ้าวเสวียเอ๋อร์จุกจนพูดไม่ออก…แต่เขาสนใจเงินนี่นา!

กฎระเบียบมันแก้ไขได้ง่าย ๆที่ไหนล่ะ น้องของเขาช่างไร้เดียงสาเสียจริง ๆ…เฮ้อ!

ปวดใจชะมัดเลย!

………………………………………………….

ตอนที่ 2100 ต้องชนะคดีให้ได้

เหมยเหมยมองออกว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่ เขาต้องเสียใจกับเรื่องเงินแน่ ๆ สมกับเป็นนักลงทุนจริง ๆเลย!

“พี่หาเงินเยอะ ๆไปจะมีประโยชน์อะไร? ต่อให้มีอายุจนถึงร้อยปีการกินการดื่มก็มีขีดจำกัด กินดื่มมากเกินไปก็จะทำให้ป่วย พี่เอาเงินนั่นไปทำอะไรที่มันมีความหมายกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

เหมยเหมยพูดตำหนิใส่เขาอย่างดุดัน จ้าวเสวียเอ๋อร์เช็ดน้ำลายออกจากใบหน้าตัวเองแล้วบ่นพึมพำเสียงเบาว่า “เธอจะไม่ให้พี่เก็บเงินแต่งงานบ้างหรือไง?”

“พี่คิดจะหาเมียกี่คน? สิบคนหรือแปดคน? เงินที่พี่หามาได้ใช้ทองคำสร้างเมียได้เป็นคนแล้วมั้ง?”

“พี่จะเอาเมียไปทำอะไรเยอะแยะ? แต่งแค่คนเดียวนี่แหละ ถ้าพี่มีภรรยาก็ต้องเลี้ยงดูเขาอย่างดีสิ พี่ยังต้องเลี้ยงดูสั่งสอนลูกอย่างดีอีก ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น เงินน้อยนิดที่พี่หามาได้จะไปพออะไร…”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ร่ำไห้อย่างน่าสงสาร น้องคนเล็กของเขาเป็นคนที่กินดีอยู่ดีไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่อดยากหรอก[1] เธอมีเหยียนหมิงซุ่นเป็นที่พักพิง แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้หรอก แต่เขาไม่เหมือนกันนี่!

ตอนนี้ตระกูลจ้าวตกอับ กลัวว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปีคนในเมืองหลวงคงลืมเลือนตระกูลจ้าวไปแล้ว ตระกูลใหญ่ขนาดนี้มีแค่เขาที่หาเงินได้มากหน่อย มีคนมากมายรอกินรอดื่มอยู่ แล้วจะไม่ให้เขาหาเงินเยอะได้เช่นไร?

จะให้เขากินดีอยู่ดีคนเดียว แล้วมองคนในตระกูลกินโจ๊กกับผักดองคงไม่ได้หรอกมั้ง?

เหมยเหมยขี้เกียจจะเสวนากับเขาต่ออีก คงหลงเงินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว!

“แต่อย่างไรเสียฉันก็จะฟ้องเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ใช้เงินส่วนตัวของฉันไม่ต้องหักจากบัญชีของบริษัทหรอก แบบนี้ได้ใช่ไหม?” เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชา

จ้าวเสวียเอ๋อร์ตกใจเป็นอย่างมาก แม้จะนึกเสียดายเงินที่ใช้ในการฟ้องร้องแต่เขาก็ไม่ได้พูดว่าไม่ให้ฟ้องร้องนี่นา ถ้าหากว่าน้องเขาใช้เงินตัวเองออกจริง ๆ ต่อไปนี้ต้องตีตัวออกห่างเขาแน่ จากเดิมความสัมพันธ์ก็ค่อนข้างห่างเหินกันอยู่แล้ว เกรงว่าภายภาคหน้าคงห่างกันยิ่งกว่าเดิมแน่!

นี่ไม่ใช่จุดจบที่เขาอยากจะเห็น!

“พี่สนับสนุนการฟ้องร้อง…เราต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดหักจากบัญชีของบริษัท พี่สามจะเป็นแรงหนุนที่แข็งแกร่งของเธอเอง!” จ้าวเสวียเอ๋อร์เปลี่ยนคำพูดทันที ตบอกด้วยความภาคภูมิใจทะลุฟ้า!

เหมยเหมยกลอกตาใส่และไม่พูดในทำนองที่ว่าใช้เงินตัวเองอีก แต่เธอก็คิดอีกอย่างขึ้นในใจ

มุมมองและเป้าหมายของเธอแตกต่างไปจากจ้าวเสวียเอ๋อร์อย่างสิ้นเชิง เธอกลัวว่าในอนาคตจะมีความคิดแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆเหมือนกับการถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ในครั้งนี้ สิ่งที่เธอต้องการคือผลงานคุณภาพ จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับต้องการความเร็วในการทำงานเท่านั้น

ดังนั้นเธอจึงต้องคำนึงถึงความร่วมมือในภายภาคหน้าแล้วล่ะ!

คดีความลอกเลียนแบบงานของเหมยเหมยในครั้งนี้เป็นกระแสดังทั่วประเทศ มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากออกข่าวเรื่องนี้ และยังคอยติดตามความคืบหน้าทุกอย่างของคดีนี้ด้วย

หากการฟ้องร้องของเหมยเหมยได้รับชัยชนะนับว่าเป็นข่าวใหญ่แห่งวงการมาก!

ดังนั้นจึงมีผู้คนที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และบรรดาผู้อ่านเจ้าหญิงอัปลักษณ์หลายคนก็ได้เข้าร่วมด้วย โดยเขียนจดหมายถึงเหมยเหมยทีละฉบับแสดงทัศนคติที่ชัดเจนของพวกเขา ผู้อ่านที่น่ารักบางคนได้เขียนจดหมายส่งไปถึงสถานีโทรทัศน์เป็นการส่วนตัว โดยร้องขอให้ระงับการออกอากาศละครซินเดอเรลล่า พวกเขาจะไม่มีวันดูละครทีวีที่ผลิตออกมาได้ห่วยแตกแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผลงานลอกเลียนแบบอีกต่างหาก

“อย่าดูละครทีวีที่ละเมิดลิขสิทธิ์และห่วยแตกเด็ดขาด ใครดูขอให้เป็นหมา!”

ประโยคนี้ดังขึ้นตอนที่มีนักข่าวสัมภาษณ์คนที่เดินสัญจรไปมา มีสาวน้อยขี้เล่นคนหนึ่งเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจังและได้รับการสนับสนุนจากคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก เด็ก ๆพวกนี้นอกจากตัวเองจะไม่ดูแล้วยังบังคับไม่ให้คนที่บ้านดูด้วย ผลลัพธ์ออกมาดีมากเพราะเรตติ้งลดฮวบเลย

เหมยเหมยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากพลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เพราะเธอไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังแต่ยังมีผู้อ่านที่รักอีกมากมายที่คอยสนับสนุนเป็นแรงหนุนที่แข็งแกร่งของเธอ!

ดังนั้นเธอจะต้องเอาชนะการฟ้องร้องในครั้งนี้ให้ได้!

เพื่อผดุงความชอบธรรมให้กับวงการนี้!

………………………………………………………………………..

[1] อุปมาว่าไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นนั่นเอง

ตอนที่ 2097 ถูกแทงข้างหลังยังไม่รู้ตัวอีก

จ้าวเสวียเอ๋อร์ตกใจมาก “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆถึงต้องจัดงานแถลงข่าวล่ะ?”

เหมยเหมยไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อการรับรู้ข่าวสารที่ล่าช้าของจ้าวเสวียเอ๋อร์ ทั้งที่พูดกันแต่แรกแล้วว่าเธอดูแลภายใน จ้าวเสวียเอ๋อร์ดูแลภายนอก ตอนนี้บริษัทหวนอวี่กลับสร้างระเบิดเงียบ ๆจนกระทั่งระเบิดตู้มแล้ว แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

เขามัวทำอะไรของเขาอยู่?

“พี่รู้จักบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หวนอวี่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงขรึม

จ้าวเสวียเอ๋อร์รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของน้องตนไม่ค่อยดีนักจึงใจเต้นระรัว นี่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น?

เนื่องจากในระหว่างการถ่ายทำละครเขามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับเหมยเหมยหลายอย่าง จ้าวเสวียเอ๋อร์จึงมุ่งเน้นและทุ่มทุนไปกับการถ่ายทำภาพยนตร์และละครเรื่องอื่นจนได้เงินมาไม่น้อย เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าหญิงอัปลักษณ์มากเหมือนแต่แรก

บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หวนอวี่?

แค่ชื่อบริษัทยังไม่เคยได้ยินเลย เป็นบริษัทกระเป๋าหนังหรือไงกัน?

จ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่ได้สนใจอะไรนัก ปัจจุบันบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ในประเทศมีอยู่มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทเชลล์ใช้สำหรับดำเนินงานที่มีลักษณะคลุมเครืออย่างพวกด้านการเงินนับไม่ถ้วน

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างแท้จริง มีเพียงบริษัทของเขาและเหมยซูหานเท่านั้นที่มีชื่อเสียง และด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ความสำคัญกับบริษัทหัวหยู่ของเหมยซูหานตลอด บริษัทขนาดเล็กอื่น ๆเขาไม่สนใจเลย

“บริษัทหวนอวี่ทำอะไรเหรอ?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ถามติดตลก

“พี่สาม พี่เป็นถึงประธานบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์แต่ไร้ความสามารถมากเลยนะ ไม่รู้แม้แต่เรื่องที่ถูกบริษัทคู่แข่งแทงข้างหลัง อีกอย่างลูกน้องคนอื่น ๆของพี่ไร้ประโยชน์ขนาดนี้เลยเหรอ? ละครทีวีออกอากาศไปแล้วหกตอน แต่กลับไม่มีใครเห็นแม้แต่คนเดียว?” เหมยเหมยเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะพนักงานของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ งานประจำก็คือการสอดส่องดูละครไม่ใช่เหรอ?

ต้องคอยสอดส่องว่าช่วงนี้มีรายการฮิตอะไรบ้าง เรียนรู้ข้อดีของผู้อื่น หาข้อเสียของบริษัทตัวเอง

นี่เป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน พนักงานไร้ประโยชน์พวกนั้นของจ้าวเสวียเอ๋อร์รับเงินเดือนเยอะขนาดนั้นมัวแต่พักร้อนอยู่ในบริษัทหรืออย่างไร?

“เหมยเหมย…เธอเป็นอะไรเนี่ย…”

จ้าวเสวียเอ๋อร์เพิ่งสังเกตได้ถึงความผิดปกติ อารมณ์โกรธของน้องเขาไม่เบาเลย!

แม่เจ้า มีใครพอจะช่วยบอกเขาได้บ้างไหมว่ามันเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้น?

“เจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเราถูกลอกเลียนแบบ ซึ่งก็คือบริษัทหวนอวี่ ตอนนี้กำลังออกอากาศในช่วงเวลาทองของเมืองหลวง เรตติ้งไม่เบาเลย…”

เหมยเหมยพูดอย่างหัวเสีย

“เป็นไปได้ไง…โธ่เว้ย บริษัทหวนอวี่ใช่ไหม…เหมยเหมยใจเย็น ๆนะ พี่จะไปตรวจสอบให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย…เลขาหวง…หายหัวไปไหนวะ”

ปอดของจ้าวเสวียเอ๋อร์แทบระเบิดออกมา

เขาเป็นคนที่สงบนิ่งใจเย็นมาตลอด แต่มีเพียงสองเรื่องที่ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ได้

หนึ่งคือจุดจบของวันสิ้นโลก

สองคือกระเป๋าเงินถูกขโมยไป

ไม่นึกเลยว่าจะกล้าลอกเลียนแบบเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเขา นี่มันเป็นการแย่งเงินไปจากกระเป๋าของเขาเลยนะ แถมยังเป็นเงินจำนวนมากอีกด้วย

เขากับบริษัทหวนอวี่นี่ได้เห็นดีกันแน่!

“พี่สาม ฉันไม่ได้ว่าพี่นะ แต่บริษัทควรจัดระเบียบใหม่ เรื่องสำคัญขนาดนี้ยังไม่มีใครแจ้งข่าวให้รู้เลย คนพวกนี้มัวแต่ทำอะไรอยู่…” ไฟโทสะของเหมยเหมยยังไม่มอดดับลง

“ครับ ๆ…พี่จะหักโบนัสของพวกนั้นเอง…เรามาจัดการบริษัทหวนอวี่นี่ให้เสร็จก่อนดีกว่า…พรุ่งนี้เปิดงานแถลงข่าวเลย!”

จ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่พอใจต่อการทำงานที่ล่าช้าของพนักงาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือช่วยเหลือเงินในกระเป๋าของตนเองก่อน ส่วนปัญหาภายในของบริษัทจะจัดการเมื่อไรก็ได้!

หากมีเงินยังจะกลัวหาพนักงานดี ๆไม่ได้อีกเหรอ?

เหมยเหมยวางสายไป ทางด้านลุงเหลาก็สืบหาข้อมูลของบริษัทหวนอวี่ได้แล้ว

“คุณหนูครับ ตัวแทนนิติบุคคลตามกฎหมายของบริษัทหวนอวี่คืออู่เจิ้งซือครับ จดทะเบียนที่เมืองจินในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้วครับ ซิลเดอเรลล่าเป็นละครเรื่องแรกที่บริษัทนี้ถ่ายทำครับ!”

…………………………………………………..

ตอนที่ 2098 คำประกาศในงานแถลงข่าว

เหมยเหมยใจเต้นระส่ำ ทุกอย่างชัดเจนแล้ว

ยัยชั่วอู่เยวี่ย!

แกนี่มันใจกล้าดีจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าติดต่อกับอู่เจิ้งซือ ไม่คิดเกรงกลัวเลยว่าตัวตนที่แท้จริงจะถูกเปิดเผย!

เมื่อรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนของอู่เยวี่ย เหมยเหมยก็ไม่รีบร้อนอะไร เธอต่อปากต่อคำกับอู่เยวี่ยมาถึงสองภพสองชาติ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะนับประสาอะไร

หึ!

เธอรู้ถึงเป้าหมายของอู่เยวี่ยดียิ่งกว่าอะไร คงมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคืออยากหาเงิน สองคือหมั่นไส้เธอ!

อู่เยวี่ยถูกเฮ่อเหลียนเช่อกักบริเวณจึงไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกได้ แม้แต่โทรหาอู่เจิ้งซือก็ยังยาก เธอเห็นละครซิลเดอเรลล่าออกอากาศทางทีวีจึงได้ประมาณเรตติ้งของละครเรื่องนี้ไว้โดยประมาณ พลันรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย

เรตติ้งที่สูงเท่ากับรายได้มหาศาล เธอไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว!

แต่เพียงไม่นานอู่เยวี่ยก็รู้สึกกังวล บัดนี้เธอไร้ซึ่งอิสรภาพ ต่อให้ละครเรื่องนี้ได้เงินเป็นกองเท่าภูเขา เธอก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งแม้แต่แดงเดียว อู่เจิ้งซือไม่ใช่คนดี หากเธอขาดการติดต่อกับเขาไปนาน ๆ ผู้เป็นพ่อของเธอคนนี้จะต้องยึดเงินส่วนนี้ไปแน่ ๆและคงไม่แบ่งให้เธอแม้แต่แดงเดียว

อย่างไรก็ตามเธอเองก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าอู่เจิ้งซือ และต่อให้เธอจะบอกว่าตนคืออู่เยวี่ย แต่คนไร้คุณธรรมอย่างอู่เจิ้งซือจะคาดหวังให้เขาปฏิบัติกับลูกสาวแท้ ๆด้วยความจริงใจได้แค่ไหนกันเชียว?

ไม่ได้การล่ะ เธอต้องคิดหาวิธีนำเงินพวกนี้มาเป็นของตัวเองให้ได้

ไม่มีเงิน ต่อให้เธอหนีออกไปได้ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ในใจของอู่เยวี่ยขบคิดแผนการอยู่ตลอดเวลา เธอลองนึกหาคนที่เธอรู้จักว่าใครพอจะช่วยเธอได้บ้าง

จู่ ๆชื่อของคน ๆหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา อู่เยวี่ยพลันนึกดีใจ

ถูกต้อง เขานั่นแหละ!

โชคดีที่เธอเจอช่องทางการติดต่อของเขาคนนั้นก่อนที่จะถูกกักบริเวณ คน ๆนี้จะต้องช่วยเธอได้แน่นอน!

อู่เยวี่ยมั่นใจเต็มเปี่ยม หยิบกระดาษและปากกาจากลิ้นชักออกมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ เธอต้องหาวิธีส่งจดหมายออกไปให้ได้ โชคดีที่แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะกักบริเวณเธอ แต่ในทุก ๆสองสามวันจะปล่อยเธอออกไปโดยรอบกายจะมีผู้ติดตามจับตาดูเธอเป็นจำนวนมาก แต่ก็พอมีโอกาสที่จะเจอกับคนภายนอกได้อยู่

ขอแค่เจอคนภายนอกได้ก็เพียงพอแล้ว

เธอมีวิธีที่จะส่งจดหมายฉบับนี้!

ช่วงสายของวันถัดมางานแถลงข่าวจัดขึ้นตรงตามเวลา จ้าวเสวียเอ๋อร์ได้ประณามพฤติกรรมไร้ยางอายของบริษัทหวนอวี่ และประกาศต่อสาธารณะชนว่าจะใช้วิธีการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เขาจะไม่ยอมปล่อยบริษัทหวนอวี่ลอยนวลอย่างแน่นอน

เหมยเหมยเองก็แสดงทัศนคติของตนเองไป และยังได้พูดบทความยาวอีกหนึ่งย่อหน้า แสดงความสัตย์จริง ซึ่งเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงของเธอ

“หนังสือเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์คือประสบการณ์ชีวิตจริงของฉันเอง ดังนั้นฉันจึงให้ความสนใจกับละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หวังว่าจะสามารถถ่ายทำเป็นละครทีวีที่จะไม่ทำให้นักอ่านของฉันต้องผิดหวัง แม้อาจจะไม่สามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติขนาดนั้นแต่ฉันก็อยากจะพยายามจนสุดความสามารถ ซึ่งเรื่องนี้ฉันและผู้กำกับฟางชิงผิงได้ลงมติกันว่าพวกเราไม่ต้องการสร้างละครทีวีในรูปแบบอาหารจานด่วน สิ่งที่พวกเราอยากถ่ายทำนั้น ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปีก็ยังเป็นผลงานาชั้นเยี่ยมที่ทุกคนยังคงจดจำมันได้

ดังนั้นความคืบหน้าในการถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ถึงล่าช้าเล็กน้อยจนต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะได้ลงจอ แต่ที่ไหนได้กลับถูกคนหน้าด้านเอารัดเอาเปรียบ นึกไม่ถึงว่าจะลอกเลียนแบบเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉันไปเหมือนยันต้นฉบับ แต่เปลี่ยนแค่ชื่อเรื่องเป็นซิลเดอเรลล่าเท่านั้น ชื่อของพระเอกกับนางเอกก็เปลี่ยน แต่เนื้อเรื่องและชื่อของตัวละครสมทบกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย… ”

สุดท้ายเหมยเหมยพูดด้วยความโกรธว่า “ฉันไม่สามารถขออะไรจากผู้ชมทุกท่านได้ แต่ฉันก็ยังอยากขอให้ทุกคนอดใจรออีกสามวันเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉันก็จะออกอากาศในเมืองหลวงแล้ว ส่วนจะดีหรือไม่นั้นขอให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินเองแล้วกันค่ะ

และฉันขอแนะนำบริษัทหวนอวี่สักหน่อยว่าแม้ของที่ขโมยไปจะดีแค่ไหน สุดท้ายมันก็เป็นของคนอื่นอยู่ดี หากมีเวลามากพอที่จะกระทำสิ่งไร้ยางอายเช่นนี้ได้ งั้นสู้เอาเวลาไปทำจิตใจให้สงบแล้วขัดเกลาละครให้มันดีขึ้นจะดีกว่า อย่าได้คิดทำเรื่องสกปรกลักขโมยแบบนี้เลย มันเป็นการทำลายกฎของวิชาชีพนะคะ!”

…………………………………………………………………..

ตอนที่ 2095 ยังโกรธอยู่เหรอ ที่รัก

อู่เยวี่ยมองลี่เมิ่งเฉินอย่างเหลือเชื่อ เขาถอนพิษได้จริง ๆงั้นเหรอ?

ตอนนี้พิษบนร่างกายของเสี่ยวเป่าเป็นเครื่องรางคุ้มกันเธออยู่ ถ้าถอนพิษได้จริงเฮ่อเหลียนเช่อต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่!

อู่เยวี่ยจึงปลอบใจตัวเองว่าชายผู้นี้พูดโกหกแน่นอน พิษที่เธอพัฒนาขึ้นมาเองเธอย่อมรู้ดี แม้แต่ทีมเอฟบีไอก็ยังจัดการกับพิษนี้ไม่ได้ นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครรู้วิธีแก้พิษอีก!

ลี่เมิ่งเฉินเดาความคิดของอู่เยวี่ยออกจึงจงใจพูดติดตลกว่า “เธอคงไม่เชื่อว่าฉันจะถอนพิษได้สินะ? ไม่เป็นไร รออายุครบหนึ่งขวบเธอก็รู้แล้วว่าฉันพูดโกหกหรือเปล่า?”

ผู้หญิงคนนี้จิตใจเหี้ยมโหด แม้แต่ลูกแท้ ๆของตัวเองยังใจดำลงมือวางยาพิษได้ลงคอ มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ สู้มาเป็นอุปกรณ์ทดลองของเขาดีกว่า!

ราวกับเสี่ยวเป่าเข้าใจคำพูดของลี่เมิ่งเฉินจึงหัวเราะคิกคัก สองมืออ้วน ๆโบกไปมาไม่หยุด ขาอ้วน ๆก็เตะอยู่ตลอด พละกำลังเยอะมากทีเดียว!

เฮ่อเหลียนเช่อที่เห็นก็ยิ้มหน้าบาน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มใจดีขึ้นมา ช่วงเวลานี้หากเขามีเรื่องกลุ้มใจก็แค่แวะมาอุ้มเสี่ยวเป่าเล่น

พอได้อุ้มเจ้าตัวเล็ก เขาก็รู้สึกว่าเรื่องกลุ้มใจต่าง ๆมลายหายไปจนสิ้น มีความสุขมากและพึงพอใจมากเช่นกัน

“แค่นายช่วยถอนพิษให้น้อง…ลูกชายของฉันได้ ฉันตอบแทนสมน้ำสมเนื้อแน่นอน หากเป็นเรื่องที่ฉันทำได้ขอให้บอกมาเลยฉันยินดีจัดให้เต็มที่เลย!” เฮ่อเหลียนเช่อเกือบหลุดปากพูดแต่ดีที่แก้คำพูดทัน

ลี่เมิ่งเฉินที่ได้ยินก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ เขาชอบคุยกับคนใจกว้าง

“วางใจเถอะ แต่ไหนแต่ไรมาฉันเองก็ไม่ใช่คนเรียกร้องอะไรมาก คำขอล้วนสมเหตุสมผลเสมอ!” ลี่เมิ่งเฉินยิ้มตาหยี ท่าทางเหมือนคนช่างพูดช่างจา

เหยียนหมิงซุ่นแอบหัวเราะเยาะ แต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่ไม่เรียกร้องอะไรมากงั้นเหรอ นี่ยังมียางอายอยู่ไหมนะ?

“คุณชายเช่อร่ำรวยมหาศาล นอกจากดวงดาวและพระจันทร์ ขอแค่สิ่งนั้นมีอยู่บนโลกใบนี้คุณชายเช่อต้องหามาได้แน่ ลี่เมิ่งเฉินนายแค่รักษาเสี่ยวเป่าให้หาย ขออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ!” เหยียนหมิงซุ่นจงใจเอ่ย

“ถูกต้อง ขอแค่นายรักษาเสี่ยวเป่าหาย ไม่ว่าจะเป็นดวงดาวหรือพระจันทร์ฉันก็จะคิดหาวิธีเอามาให้นายให้ได้เลย!”

ใช่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ได้ยินคำพูดประชดประชันของเหยียนหมิงซุ่น แต่เขาดีใจมากไปหน่อย แม้จะรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเหน็บแหนมเขา เขาก็ไม่คิดจะสนใจเลย”

ที่ผ่านมาเขาเชิญหมอมาจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นหมออันดับต้น ๆที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ทุกคนกลับไม่อาจจัดการอะไรกับพิษบนตัวของเสี่ยวเป่าได้เลย กลับมีเพียงชายผู้นี้ที่ชื่อลี่เมิ่งเฉินสามารถรับปากช่วยเขาได้

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเหยียนหมิงซุ่น แต่เขาเชื่อในความสามารถของเหยียนหมิงซุ่น ดังนั้นคนอย่างลี่เมิ่งเฉินที่เหยียนหมิงซุ่นพามาเขาเองก็เชื่อใจ

บางทีลี่เมิ่งเฉินอาจเป็นทางรอดทางเดียวของเสี่ยวเป่า!

ในที่สุดเสี่ยวเป่าของเขาก็จะรอดแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อมองอู่เยวี่ยด้วยสายตาเย็นชา ขอเพียงแค่พิษในร่างกายของเสี่ยวเป่าถูกกำจัดออกไปได้ เขาจะใช้วิธีการที่โหดร้ายที่สุดบนโลกนี้จัดการกับยัยชั่วคนนี้!

อู่เยวี่ยร่างกายสั่นเทา ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม

ไม่ได้การล่ะ เธอจะนั่งรอความตายไม่ได้ ต้องคิดหาทางหนี!

ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าทางด้านอู่เจิ้งซือเป็นเช่นไรบ้าง ได้ทำตามที่เธอกำชับไว้หรือไม่

ที่นั่นคือความหวังสุดท้ายของเธอแล้ว!

เหมยเหมยรู้ข่าวที่ว่าลี่เมิ่งเฉินช่วยเสี่ยวเป่าถอนพิษได้คงไม่ต้องบอกว่าดีใจแค่ไหน!

“อามิตาพุทธ นับว่าพระเจ้าคุ้มครอง!”

เหมยเหมยพนมมือขึ้นกราบไหว้ไม่หยุด ขอบคุณสวรรค์จากใจจริงที่ได้สรรค์สร้างตัวประหลาดอย่างลี่เมิ่งเฉินขึ้นมา ไม่เพียงแค่ช่วยถอนพิษบนตัวของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเสี่ยวเป่าได้อีกหนึ่งชีวิตด้วย!

“ที่รัก…ยังโกรธพี่อยู่เหรอ…พี่เป็นคนหาตัวลี่เมิ่งเฉินเจอนะ…” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาหวานหยดย้อย

เหมยเหมยกลอกตามองค้อนใส่โดยไม่พูดอะไร เธอให้ชายผู้นี้คิดเอาเอง

วิธีส่งสายตาให้คิดเอาเอง เธอก็เรียนรู้มาจากผู้ชายคนนี้นี่แหละ…

……………………………………………….

ตอนที่ 2096 เจ้าหญิงอัปลักษณ์ เวอร์ชั่นลอกเลียนแบบ

เดือนสิงหาคมกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ใบอนุญาตให้ลงฉายของสำนักงาน GD ล่าช้ามานานกว่าครึ่งเดือน พอเหมยเหมยเตรียมที่จะหาคนมากดดันใบอนุญาตก็ได้มาเลย จ้าวเสวียเอ๋อร์ดีใจมาก เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการออกอากาศของละครเจ้าหญิงอัปลักษณ์

เพียงแต่เรื่องดี ๆล้วนต้องผ่านการเจียระไน ยังไม่ทันที่เจ้าหญิงอัปลักษณ์จะได้ออกอากาศ ละครทีวีเรื่องอื่นที่มีชื่อว่าแผนการโต้กลับของซิลเดอเรลล่ากลับออกอากาศไปทั่วประเทศ

เหมยเหมยยังไม่ทันทราบเรื่อง แต่เป็นโจวซิ่งเอ๋อร์ที่โทรมาบอก ตอนนี้แผนการโต้กลับของซิลเดอเรลล่าออกอากาศมาเป็นเวลาสามคืน คืนละสองตอน

สถานีโทรทัศน์ของจิงตูกำลังออกอากาศละครเรื่องนี้อยู่ แถมยังออกอากาศในช่วงเวลาที่ผู้ชมเยอะอีกต่างหาก ได้ยินมาว่าเรตติ้งสูงมาก เนื่องจากผู้ชมหลักของละครแนวรักใส ๆคือนักเรียน ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนจึงถือเป็นช่วงขาขึ้นของละครแนวรักใส ๆ

ตราบใดที่พล็อตเรื่องไปได้ดี รูปลักษณ์และทักษะการแสดงของนักแสดงพอใช้ได้ เรตติ้งของละครแนวรักใส ๆก็ไม่ได้แย่นัก เงินที่ได้ก็ไม่น้อยเลย

“พี่เหมยคะ พี่ดูละครเรื่องนี้หรือยังคะ? พล็อตเรื่องเหมือนเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเราเลย ต่างกันแค่ชื่อเท่านั้นเอง!” โจวซิ่งเอ๋อร์โกรธมาก

ตอนแรกเธอเองก็ไม่รู้จักละครเรื่องนี้แต่เพื่อนของเธอมาถามว่าเธอไปถ่ายละครแต่ทำไมในเรื่องถึงไม่มีเธอล่ะ?

ที่แท้เพื่อนของโจวซิงเอ๋อร์นึกว่าเธอเล่นละครเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นพล็อตเรื่องหรือตัวละครล้วนมีความคล้ายคลึงกับเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาก 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

“พี่เหมย แผนการโต้กลับของซิลเดอเรลล่านี่ต้องลอกเลียนแบบเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเรามาแน่ ๆเลย เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ได้นะคะ พวกเราต้องฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ให้ได้เลยนะคะ!” โจวซิ่งเอ๋อร์โมโหจนทนไม่ได้

เจ้าหญิงอัปลักษณ์คือลูกของพี่เหมย และในขณะเดียวกันก็เป็นชีวิตใหม่ของเธอ

เธอไม่มีทางยอมปล่อยให้คนชั่วมาทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้หรอก!

เธอตั้งใจไปดูละครซินเดอเรลล่าเรื่องนี้มาโดยเฉพาะเลย แต่เหมือนเพื่อรีบทำเวลา การถ่ายทำจึงมีความหยาบโลนมาก

ทักษะการแสดงและเครื่องแต่งกายของนักแสดงดูขัดกันมาก รูปลักษณ์พอใช้ได้แต่หลังจากดูภาพรวมของละครทำให้รู้สึกไม่ค่อยเข้าถึงอารมณ์สักเท่าไร เทียบกับความพิถีพิถันของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไม่ได้เลย!

แต่ตอนนี้เจ้าหญิงอัปลักษณ์ยังไม่ได้ลงจอ แต่ซิลเดอเรลล่าเรื่องนี้กลับแซงคิวไปก่อนแล้ว แบบนี้ต้องมีผลกระทบต่อเจ้าหญิงอัปลักษณ์แน่นอน

เหมยเหมยใจดิ่งวูบ ช่วงไม่กี่วันมานี้เธอยุ่งอยู่กับการทำหนังสือเล่มใหม่ วัน ๆเอาแต่อยู่ในห้องวาดภาพ น้อยมากที่จะดูทีวี ไม่รู้เลยจริง ๆว่ามีละครทีวีดังกล่าวออกอากาศอยู่

“ละครทีวีออกอากาศเมื่อไหร่? เดี๋ยวเย็นนี้พี่จะเปิดดู”

“ออกอากาศมาแล้วหกตอน ฉันเก็บบันทึกเอาไว้หมดแล้ว อีกเดี๋ยวจะเอาไปให้พี่นะ”

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโจวซิ่งเอร์ก็มาถึงแล้ว เธอเอาวีดิโอเทปที่เธออัดไว้มาให้

“บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หวนอวี่คือบริษัทบ้าที่ไหนกัน? มีบริษัทแบบนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไร?” โจวซิ่งเอ๋อร์เห็นตัวอักษรโผล่ขึ้นมาก่อนละครเริ่มฉายจึงถามขึ้นอย่างสงสัย

เหมยเหมยเองก็แปลกใจเช่นกัน ปัจจุบันบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศมีเพียงสองแห่ง หนึ่งคือบริษัทหัวหยู่ของเหมยซูหาน อีกแห่งหนึ่งคือบริษัทฉางเฉิงของจ้าวเสวียเอ๋อร์ บริษัทหวนอวี่นี่โผล่มาจากไหนกันนะ?

เธอบอกให้โจวซิ่งเอ๋อร์ใจเย็นอย่าร้อนรน อดทนดูไปก่อน

ดูไปแค่ครึ่งตอนเหมยเหมยก็ไม่อยากดูอีกแล้ว การถ่ายทำละครดูหยาบโลนมากเกินไป

แต่เธอก็ยังฝืนทนเพื่อดูให้จบทั้งหกตอน

เธอมั่นใจได้แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเรื่องซิลเดอเรลล่านี้ลอกเลียนแบบเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาเต็ม ๆ และเป็นการลอกเลียนแบบง่าย ๆและหยาบโลน เปลี่ยนเพียงแค่ชื่อของพระเอกนางเอก แม้แต่ชื่อตัวประกอบบางคนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยด้วยซ้ำ เหอะ ๆ…

นี่คิดว่าคนอื่นเขาโง่มากนักหรือไง?

“ลุงเหลาคะ ช่วยหนูหาหน่อยได้ไหมคะว่านิติบุคคลของบริษัทหวนอวี่เป็นใคร?” เหมยเหมยเรียกลุงเหลามาออกคำสั่ง

จากนั้นเธอก็โทรไปหาจ้าวเสวียเอ๋อร์ “จัดงานแถลงข่าวเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี!”

……………………………………………………..

ตอนที่ 2093 ทำให้แกเจ็บปวดไปตลอดชีวิต

ปัญหาใหญ่ของเหมยเหมยจัดการได้แล้วเหยียนหมิงซุ่นจึงวางใจได้สักที เขาตัดสินใจที่จะไปจัดการกับเฉินซานและพ่อมดต่อ

“ผมถอนพิษให้คุณได้ แต่การที่คุณวางยาพิษผม ผมควรจะตอบแทนอย่างไรดีล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นมองเฉินซานอย่างเย็นชา

เฉินซานดีใจเป็นอย่างมาก “นายถอนพิษกู่ได้แล้วเหรอ? มีลูกได้แล้วเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะ ฉับพลันนั้นเขาก็คิดวิธีจัดการกับเฉินซานขึ้นมาได้

เขาไม่เอาชีวิตของเฉินซานหรอกแต่จะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตสุขสบายแน่นอน ในเมื่อเฉินซานให้ความสำคัญกับลูกมาก  แถมยังเกลียดการใช้ชีวิตในเหมียวเจียง เช่นนั้นก็ให้เขาเลือกเองก็แล้วกัน?

“มีลูกแล้วไปใช้ชีวิตที่เหมียวเจียง เลือกได้แค่หนึ่งอย่างเท่านั้น” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงขรึม

ความดีใจบนใบหน้าของเฉินซานเลือนหายไปในฉับพลัน แผนครั้งนี้ของเหยียนหมิงซุ่นโหดมาก!

ไม่ว่าทางไหนเขาก็ไม่อยากเลือก หากว่าต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในเขตภูเขายากจน แล้วลูกชายของเขาจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีได้อย่างไร? จะได้เห็นความงดงามจากโลกภายนอกได้อย่างไร?

แต่ถ้าไม่ไปใช้ชีวิตที่เหมียวเจียง แม้จะมีเงินทองมากมายจนใช้ไปอีกหลายสิบชาติก็ไม่หมด แต่ไม่มีลูกชาย ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไร้ความหมาย!

“เฉินซาน ผมเกลียดพวกที่คิดไม่ซื่อกับผมมากที่สุด ถ้าไม่เห็นแก่ว่าคุณเคยช่วยชี้ทางให้ผมในตอนนั้น ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปหรอก อีกสามวันผมจะมาหาคุณใหม่ หวังว่าถึงเวลานั้นคุณจะมีคำตอบให้นะ”

เหยียนหมิงซุ่นมองเฉินซานที่มีสีหน้าลังเลก็พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ไม่ว่าใครก็ตาม หากทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษ!

ท่าทีของพ่อมดดูแปลกไปมาก อึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่เพราะหวาดกลัวอะไรบางอย่างจึงไม่กล้าพูดออกไป

เฉินซานกัดฟันกรอด พูดกับเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังจะจากไปว่า “ไม่ต้องรอถึงสามวันหรอกฉันเลือกไปเหมียวเจียง”

มีลูกชายถึงจะยังพอมีหวังกลับมาผงาดได้ เขาต้องเลือกลูกชายสิ!

คำตอบที่ได้เป็นไปตามที่เหยียนหมิงซุ่นคาดเดาไว้เฉินซานเลือกที่จะไปเหมียวเจียง นั่นเท่ากับว่าเขายอมละทิ้งอำนาจทุกอย่างในเมืองหลวง เพื่อลูกชายแล้วนับว่าเขาเองก็เป็นนักรบตัดข้อมือ[1]!

“กินหญ้าพวกนี้เข้าไปซะ เคี้ยวจนเป็นน้ำแล้วค่อยกลืน ห้ามคายออกมาเด็ดขาด หญ้าพวกนี้มีค่ามาก ถ้าคายออกมาก็หาไม่ได้อีกแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องเอาหญ้ากระสอบใหญ่เข้ามา จงใจไม่สกัดเป็นน้ำหญ้าให้แล้วปล่อยให้เฉินซานค่อย ๆเคี้ยวจนเป็นน้ำ

เฉินซานไม่รอให้เขาพูดจบก็คว้าหญ้ากำหนึ่งยัดเข้าปากเคี้ยวราวกับคนบ้า แต่รสชาติขมและไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไรจนแทบจะทำให้เขาคายทิ้ง ทว่าก็ฝืนกลืนมันลงไปได้

เขาต้องมีลูกให้ได้!

ขมแค่ไหนก็ต้องกิน!

เหมือนว่าลิ้นรับรสของเฉินซานจะด้านชาแล้ว จากสีหน้าทรมานในตอนแรกพอตอนท้ายกลับเอาหญ้ายัดเข้าปากเคี้ยวคำโตราวกับเขาไม่รับรู้รสขมนั่นแล้ว กินค่อนข้างดุเดือดออกรสออกชาติเลยทีเดียว

พ่อมดหยิบหญ้าต้นหนึ่งขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วน ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา หญ้าเหล่านี้ไม่ใช่พวกวัชพืชที่พบเห็นได้ทั่วไปตามหลุมฝังศพของพวกพ่อมดในอดีตเหรอ?

หมู่ฮวาลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ถูกฝังอยู่ที่นั่นเช่นกัน นานวันเข้าเนินหลุมฝังศพบริเวณนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชหน้าตาประหลาด แม้แต่วัวแพะยังไม่กินเพราะขยาดที่หญ้าขมเกินไป พ่อมดเหลือบมองเฉินซานที่กินอย่างตะกละตะกลามอีกครั้งจึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้

หญ้าที่พวกวัวแพะยังไม่ยอมกิน จะถอนพิษได้จริงหรือ?

คงไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?

เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว หญ้าที่ขนาดวัวแพะยังไม่ยอมกินแต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่น้อย เฉินซานท้องเสียจนตัวผอมแห้ง ตัวหนอนกู่ในร่างกายก็ถูกกำจัดทิ้งจนหมด แต่เนื่องจากพิษที่เขาได้รับมาค่อนข้างนาน ต่อให้กำจัดกู่ทิ้งหมดแล้วก็จำเป็นต้องพักฟื้นตัวอีกระยะหนึ่งถึงจะสามารถมีลูกได้

เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องพาตัวเฉินซานและพ่อมดกลับไปที่เหมียวเจียง นับแต่วันนี้เป็นต้นไปเมืองหลวงจะไม่มีเฉินซานอีกแล้ว!

[1] นิทานสุภาษิตเรื่องหนึ่ง ที่หลังจากนักรบถูกงูกัด ก็ได้ตัดข้อมือตัวเองทิ้งเพื่อป้องกันไม่ให้พิษไหลไปทั่วร่าง ซึ่งเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทำอะไรไม่ควรลังเล ควรตัดสินใจอย่างฉับไว

…………………………………………………

ตอนที่ 2094 พิษของเสี่ยวเป่าก็ไม่ใช่ปัญหา

พิษกู่ในตัวของเสี่ยวกัวและภรรยาของเขาก็ได้ถูกกำจัดไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ภรรยาของเสี่ยวกัวได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเลยทำให้เสี่ยวกัวเจ็บปวดใจไม่น้อย เขาตามหาเฉินซานไปทั่วอย่างโมโหเพราะคิดจะแก้แค้น เพียงแต่เฉินซานย้ายไปอยู่เหมียวเจียงแล้ว หากเขาต้องการจะแก้แค้นคงต้องไปที่เหมียวเจียงแล้วล่ะ

เสียเวลาไปกับพิษกู่หักสวาทไม่น้อย ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก็ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว เหมยเหมยคิดถึงเสี่ยวเป่าขึ้นมาไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กเป็นอย่างไรบ้าง?

“อู่เยวี่ยยังคงดูแลอยู่ แต่เฮ่อเหลียนเช่อส่งคนจำนวนไม่น้อยไปเฝ้าจับตาดูไว้ ตอนนี้เสี่ยวเป่าร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก อู่เยวี่ยไม่กล้าทำร้ายเขาอีกแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว

เหมยเหมยรู้สึกวางใจลงบ้างแต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ทำไมยัยชั่วอู่เยวี่ยถึงเป็นเหมือนแมลงสาบที่ตียังไงก็ตีไม่ตายสักทีนะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องหายนะหนักหนาแค่ไหนก็สามารถเอาตัวรอดได้!

“แล้วพิษในตัวเสี่ยวเป่าล่ะจะทำอย่างไรต่อ? จะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตจริง ๆเหรอ?”

“จะเป็นไปได้ไงล่ะ เฮ่อเหลียนเช่อคิดหาวิธีแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจเธอ

คนอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่าเขาคงฆ่าอู่เยวี่ยตายเป็นศพไปนานแล้ว

“เราให้ลี่เมิ่งเฉินช่วยดีไหม?” เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย นึกถึงเจ้าบ้านั่นขึ้นมาได้กะทันหัน

เจ้าบ้านั่นอาจจะดูน่ารำคาญไปบ้างแต่สมองของเขายอดเยี่ยมมาก ขนาดพิษกู่หักสวาทที่ถอนยากขนาดนั้นยังได้รับการถอนพิษจากเขาอย่างง่ายดายเลย ถ้างั้นพิษในตัวเสี่ยวเป่าก็คงไม่เป็นปัญหา

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน นั่นสินะ ทำไมก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ได้นะ!

“พี่จะลองถามดู”

เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นไม่อยากยุ่งเรื่องไร้สาระพวกนี้นัก แต่ช่วงนี้เหมยเหมยยังคงทำสงครามเย็นกับเขาอยู่ และเป็นธรรมดาที่จะต้องเอาใจให้ภรรยาอารมณ์ดีโดยทำเรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขไงล่ะ!

ลี่เมิ่งเฉินไม่ได้อยู่เมืองหลวงแต่พอเขาได้ฟังเรื่องพิษบนตัวเสี่ยวเป่าที่เหยียนหมิงซุ่นเล่า เขาก็เกิดอาการสนใจขึ้นมาทันทีเลยบอกว่ารอให้เขาจัดการธุระเสร็จก่อนแล้วจะกลับไปหาที่เมืองหลวง

สามวันถัดมาลี่เมิ่งเฉินก็กลับมาที่เมืองหลวง เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขามานานแล้ว คาดไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะอันเชิญเขามาช่วย เพราะนี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมาก

“แกไม่ต้องคิดมากหรอก แค่เหมยเหมยเป็นห่วงเสี่ยวเป่าเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด”

เหยียนหมิงซุ่นอธิบายด้วยสีหน้าเย็นชา ช่วงนี้ระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเช่อดูใกล้ชิดสนิทสนมกันพอสมควร เฮ่อเหลียนชิงเองก็โทรมาถามอยู่หลายครั้งหลายหนว่าเขาคิดจะผันตัวไปเป็นสายลับของฝ่ายนั้นแล้วหรือไง

ดังนั้นจะต้องพูดเกริ่นด้วยคำแสลงหูก่อน เขาและเฮ่อเหลียนเช่อเป็นได้แค่ศัตรูกันเท่านั้น ไม่มีทางกลายเป็นเพื่อนกันได้หรอก

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงเย็นชา “แกเองก็วางใจได้ อย่าหลงคิดว่าฉันจะยอมอ่อนข้อให้แกเพียงเพราะช่วยเสี่ยวเป่าไว้นะ น้ำใจครั้งนี้ฉันจะจำไว้ว่าเป็นของเมียแก สำหรับแกถึงเวลาลงมือเมื่อไรฉันไม่มีทางออมมือให้แน่!”

“ขอให้เป็นงั้นเถอะ เฮ่อเหลียนเช่อถ้าแกใจอ่อนก็เท่ากับแกไม่ใช่ลูกผู้ชาย!” เหยียนหมิงซุ่นจงใจเหน็บแนม

คนเรามีชีวิตอยู่จำเป็นต้องมีคู่ต่อสู้เพื่อทำให้ตัวเองมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เลวเลย ดังนั้นเราต้องมั่นใจในความโหดเหี้ยมของคู่ศัตรูอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่การทำให้เขากลายเป็นคนที่อ่อนโยนแสนเชื่อง

ลี่เมิ่งเฉินตรวจอาการเสี่ยวเป่าเสร็จแล้ว ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กกินอิ่มนอนหลับดีร่างกายจึงอ้วนท้วมสมบูรณ์ แขนอวบเหมือนปล้องรากบัวจึงเรียกให้คนเอ็นดูไม่น้อย

อู่เยวี่ยเองก็อ้วนขึ้น ภายใต้การเลี้ยงดูราวกับให้อาหารเป็ดของเฮ่อเหลียนเช่อ ร่างกายของอู่เยวี่ยขยายใหญ่ขึ้นเป็นสามเท่า ไขมันบนตัวสั่นกระเพื่อมจนอู่เยวี่ยไม่กล้าส่องกระจกเลย น่าเกลียดจนตัวเธอเองอยากจะเอามีดมาปาดชิ้นเนื้อบนร่างกายออกไปเสีย

ลี่เมิ่งเฉินเหลือบมองอู่เยวี่ย ผู้หญิงคนนี้เก่งไม่เบานี่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะปรุงยาพิษที่ร้ายแรงขนาดนี้ออกมาได้

แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังเขาได้หรอก!

“ฉันสามารถถอนพิษให้ได้แต่ต้องใช้เวลาหน่อย รอให้เจ้าตัวเล็กอายุครบหนึ่งปีเมื่อไรฉันค่อยมาถอนพิษให้เขา!” ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยขึ้น

……………………………………………….

ตอนที่ 2091 ถอนพิษสำเร็จ

เหมยเหมยไม่ได้มีจิตใจแน่วแน่และอดทนมากเท่าเหยียนหมิงซุ่น ต่อให้สกัดเป็นน้ำหญ้าก็ทำเอาเธอเหมือนตายทั้งเป็นและสงสัยว่าทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

“ฉันจะใส่ผงปาโต้ให้เฉินซาน…ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่…เหยียนหมิงซุ่น…พี่ได้ยินไหม…%#@@%@%%…”

เหมยเหมยที่ถูกเทปปิดปากไว้นั่งอยู่บนชักโครกอย่างทรมาน ปากบ่นอู้อี้ไม่หยุด เหยียนหมิงซุ่นฟังไม่ออกเลยสักคำ แต่เขาพอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร?

ไม่จำเป็นต้องให้คุณภรรยาย้ำ เขาก็ไม่มีทางปล่อยเฉินซานไปแน่!

ต้องคิดหาบทลงโทษเฉินซานให้เขาเจ็บปวดไปตลอดชีวิต!

ปัญหาข้างต้นได้รับการแก้ไขแล้วแต่ความเจ็บปวดหลังจากนี้ยังคงดำเนินต่อไป เหมยเหมยย้ายไปอยู่ในห้องน้ำ ความถี่เฉลี่ยทุก ๆหนึ่งนาทีจนเธอนึกอยากจะกอดโถชักโครกแล้วหลับไป

ครั้งนี้คงผอมจนกลายเป็นสายฟ้าแน่!

เหมยเหมยปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น รอหลังเปิดภาคเรียนเธอจะเฉิดฉายต่อหน้าพวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อจนพวกเขาอิจฉาตายไปเลย…

แต่มันทรมานจังแฮะ!

โชคดีที่ผลลัพธ์ของหญ้าพวกนี้ดีมากจริง ๆ ผ่านไปสามวันเหมยเหมยก็ได้รับการถอนพิษอย่างเสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่เธอผอมจนสัดส่วนเหมือนสายฟ้า คางอวบอิ่มก่อนหน้านี้ซูบเรียวจนเหมือนสว่าน ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือเล็กลงเข้าไปอีกจนลมแทบพัดปลิวล้มได้เลย เหยียนหมิงซุ่นเห็นเช่นนั้นก็ปวดใจแทบแย่

“กินไม่ลง…คลื่นไส้…”

เหมยเหมยผลักโจ๊กข้าวฟ่างที่ป้าฟางตั้งใจตุ๋นให้ออกห่าง ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะเห็นอาหารอะไรก็ตามต่างก็รู้สึกสะอิดสะเอียน คลื่นไส้ กินไม่ลงเลยสักนิด

“เด็กดี…กินสักหน่อยสิ…พี่ป้อนเธอเอง!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อปลอบประโลมและเตรียมที่จะป้อนเธอ แต่เหมยเหมยก็กินไม่ลง ตอนนี้ปวดกระเพาะไปหมด ต้องรอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อนถึงจะฟื้นตัวได้

“ไม่กิน…พี่กินเองเถอะ…ฉันกินไม่ลงจริง ๆ…” เหมยเหมยปิดปากส่ายหน้าเป็นพันละวัน โจ๊กข้าวฟ่างที่เคยหอมกรุ่น ตอนนี้กลับกลายเป็นของน่าสะอิดสะเอียน ขนาดกลิ่นยังทนดมไม่ได้เลย

เหมยเหมยปิดจมูกหันหน้าหนี ไม่มองอาหารบนโต๊ะเพราะกลัวจะคลื่นไส้

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ไม่ได้บังคับให้เธอกินอะไร โชคดีที่ยังมีเม็ดยาวิเศษช่วยไว้ ต่อให้ไม่ได้รับสารอาหารหลายวันก็ไม่มีปัญหาอะไร

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะเยาะ ผู้หญิงก็แค่ดัดจริต!

แค่อาเจียนมาสามวันเองไม่ใช่เหรอ กระเพาะอาหารอ่อนแอขนาดนั้นเชียว ไม่อยากกินหรือแค่อยากดัดจริตต่อหน้าผู้ชายกันแน่?

“คลื่นไส้เหรอ? ฉันมีวิธีนะ ก็แค่กรอกโจ๊กข้าวฟ่างเข้าปากจากนั้นก็ใช้เทปกาวปิดปากไว้ รับรองว่าภายในหนึ่งเดือนต้องอวบอ้วนผิวขาวเหมือนขนมโมจิเลยล่ะ” ลี่เมิ่งเฉินพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น

วิธีนี้เขาเรียกาวิธีเลี้ยงดูแบบให้อาหารเป็ด ไม่ว่าจะดัดจริตเบื่ออาหารแค่ไหน แค่ใช้วิธีการนี้ยังไงก็อ้วนแน่นอน!

“หุบปาก แล้วกินขนมของนายไปเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นตะโกนใส่เขาอย่างหัวเสีย วิธีกินน้ำหญ้าแล้วใช้เทปกาวปิดปากก่อนหน้านั้นเพราะทำอะไรไม่ได้หรอก แม้ว่าจะสงสารภรรยาอย่างจับใจก็ต้องทน แต่ตอนนี้ปกติดีทุกอย่างแล้วทำไมเขาจะต้องใช้วิธีวิปริตแบบนั้นด้วย?

ไม่กินก็ไม่กินสิ อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง!

เหมยเหมยจ้องลี่เมิ่งเฉินอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่เพราะเจ้าบ้านี่ไม่กินผงถั่วเหลือง ไม่งั้นเธอจะผสมมันเข้ากับผงปาโต้แล้วปล่อยให้เจ้าบ้านี่ท้องเสียตายไปเลย!

ขอสาปแช่งให้ผู้ชายคนนี้ได้ผู้หญิงที่ร้ายกาจกว่าเธอมาเป็นเมียในอนาคต โดนผู้หญิงกดขี่จนโงหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิต!

ลี่เมิ่งเฉินลูบปลายจมูกคว้าขนมอี๋ชิ้นสุดท้ายในจานมากิน จากนั้นก็ยื่นมือไปทางเหยียนหมิงซุ่นโบกมือไปมาสองสามที

“ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว รีบเอายามาให้ฉันเลย ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีก”

เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ “นายมีเรื่องอะไรที่สำคัญด้วยเหรอ? คงไม่ใช่ว่ามีนัดกับผู้หญิงหรอกนะ?”

ตอนแรกเธอแค่พูดเล่นแต่ใบหน้าของลี่เมิ่งเฉินกลับแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างน่าสงสัย แต่แค่พริบตาเดียวก็หายไป

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ไปละนะ ถ้าวันหลังมีเรื่องยาก ๆที่แก้ไม่ได้ก็มาหาฉันได้เลย ฉันเต็มใจช่วยอยู่แล้ว!”

ลี่เมิ่งเฉินคว้าเจ้าพวกหนอนกู่ที่แสนล้ำค่าในห้องทดลองมาแล้วเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งวันก็จะเป็นเวลานัดกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาจะสายไม่ได้!

…………………………………………..

ตอนที่ 2092 ทำให้อ้วนสำเร็จ

เหมยเหมยรู้สึกสงสัยท่าทีเขินอายของลี่เมิ่งเฉินเมื่อครู่เหลือเกินจึงถามเหยียนหมิงซุ่น “เขามีแฟนแล้วเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้ คนนิสัยใจคออย่างเขาจะมีผู้หญิงคนไหนมาสนใจ?” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธทันควัน

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “เขาแย่ตรงไหนเหรอ? พื้นเพครอบครัวก็ดี มีความสามารถ หน้าตาก็ไม่ได้แย่…”

เธอยังโกรธอยู่นะ ต้องคอยเหน็บแนมเหยียนหมิงซุ่นบ่อย ๆสิ!

เหยียนหมิงซุ่นมองความคิดของเธอออก เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายผิดจริง ๆจึงยิ้มพลางใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นมา “เหมยเหมยหมายความว่าลี่เมิ่งเฉินหล่อกว่าพี่งั้นเหรอ?”

เหมยเหมยปลายตามองเขาและจงใจยั่วโมโหเขาว่า “แน่นอนสิ เขาหล่อกว่าพี่ตั้งเยอะ!”

ขณะเดียวกันในใจก็เอาแต่ภาวนาว่าผิดไปแล้วผิดไปแล้ว ขอพระเจ้าโปรดอภัยเธอไม่ได้พูดมันจากใจจริง อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นหล่อกว่าลี่เมิ่งเฉินเป็นร้อยเท่า!

ในขณะที่เหมยเหมยฟุ้งซ่าน เหยียนหมิงซุ่นก็เอาโจ๊กกรอกเข้าปากเธอ เหมยเหมยกลืนลงไปโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไรเกิดขึ้น เหยียนหมิงซุ่นจงใจถามอีกว่า “ลี่เมิ่งเฉินหล่อกว่าพี่ตรงไหน?”

“หล่อกว่าพี่ทุกตรง…” เหมยเหมยพูดเคือง ๆแต่ไม่กล้าสบตาเหยียนหมิงซุ่น เหลียวซ้ายแลขวามองรอบบ้านแล้วทานโจ๊กเข้าไปอีกหลายคำโดยไม่รู้ตัว

เธอถูกเหยียนหมิงซุ่นหลอกล่อเอาใจจนป้อนโจ๊กหมดไปหนึ่งชาม

เหมยเหมยรับรู้ถึงการกระทำของเหยียนหมิงซุ่นนานแล้ว เธอไม่ใช่ท่อนไม้สักหน่อย สองสามคำแรกอาจไม่รู้ตัวแต่หลังจากนั้นเธอรู้ดีทุกอย่าง แต่เธอชอบความรู้สึกและบรรยากาศแบบนี้มากกว่า ดังนั้นคนหนึ่งเต็มใจที่จะง้อ อีกคนก็เต็มใจที่จะถูกง้อ…

“เหมยเหมย…พี่มีเรื่องหนึ่งจะพูดกับเธอ”

เหยียนหมิงซุ่นป้อนโจ๊กหมดไปหนึ่งถ้วย ภารกิจเสร็จสิ้นจึงอารมณ์ดีไม่น้อย มุมปากยกยิ้มแต่กลับมีท่าทีจริงจัง

“เรื่องอะไรเหรอ?” เหมยเหมยถามเขาอย่างแปลกใจ

“ดวงตา..ของเธอต้องมีปัญหาแน่ ๆ…ต้องไปหาหมอตาหน่อยแล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นกลั้นหัวเราะแล้วเย้าหยอกเธอด้วยท่าทีจริงจัง

เหมยเหมยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ไม่ผิดคาดก็คงว่าเธอตาบอด

“ฉันสายตาดีจะตายไป พี่นั่นแหละที่สายตามีปัญหา!”

“สายตาของพี่ดีจะตายไป ไม่งั้นจะเลือกเธอมาเป็นภรรยาได้ไงล่ะ เหมยเหมยจะบอกว่าพี่เลือกผิดงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงทุ้มต่ำแล้วหรี่ตามองเธอ

ระดับสมองของยัยปีศาจน้อยต่ำเกินไปแล้ว รับมือกับเธอไม่จำเป็นต้องใช้สมองก็เอาชนะได้อย่างง่ายดายแล้ว!

เหมยเหมยจ้องเขาอย่างน้อยใจ ทำไมเมื่อก่อนเธอไม่รู้เลยว่าเหยียนหมิงซุ่นร้ายกาจขนาดนี้ แถมยังปากร้ายขนาดนี้ด้วย?

เนิ่นนานกว่าเธอจะเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค “ในชีวิตนี้พี่ก็สายตาดีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ตอนอื่นไม่เห็นได้เรื่องเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างขำขันและไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเหมยเหมยอีกเพราะกลัวจะทำให้เธอโมโหเสียก่อน ในเมื่อสู่ขอมาเป็นภรรยาแล้วก็ต้องดูแลทะนุถนอมให้ดีสิ!

“เธอพูดถูก ชีวิตนี้สายตาของพี่ใช้การได้แค่ครั้งเดียว มา อ้าปากสิ!” เหยียนหมิงซุ่นให้ป้าฟางเติมโจ๊กมาอีกครึ่งถ้วย

เหมยเหมยเชิดคางแหลม ๆอย่างผู้ชนะคล้ายกับราชินี และจงใจเอ่ยว่า “ร้อนไปหน่อย…”

“พี่เป่าให้นะ…” เหยียนหมิงซุ่นเป่าให้เธออย่างอารมณ์ดี ทั้ง ๆที่รู้ดีว่ายัยปีศาจน้อยจงใจแกล้งเขาแต่เขาก็เต็มใจ

“ฉันอยากคลุกน้ำตาลแดงด้วย…”

กินไปได้ไม่กี่คำเหมยเหมยก็บอกความต้องการออกมา น้ำเสียงเหมือนลูกแมวร้อง ทั้งขี้เซาและขี้อ้อน แถมยังจงใจมองใครบางคนอย่างไร้เดียงสาบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ

“เติมน้ำตาลแล้ว อ้า…อ้าปาก”

เหยียนเดินไปเติมน้ำตาลให้อย่างอารมณ์ดี เขาจัดการเองทุกอย่างโดยไม่ยอมให้ป้าฟางช่วยเลยสักนิด ขอแค่เจ้าหญิงของเขาอารมณ์ดีก็พอแล้ว

พอเหมยเหมยเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ถูกเธอสั่งนั่นสั่งนี่จนหัวหมุนเช่นนั้นแล้ว ไฟโทสะในใจก็จางหายไปจนหมด และใจที่ทะนงตนของเธอก็ถูกเติมเต็มจนอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

และยังกินเข้าไปเยอะโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก!

หลังจากนั้นไม่กี่วันภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของเหยียนหมิงซุ่นเหมยเหมยก็ได้รับการป้อนโจ๊กข้าวฟ่างจำนวนนับไม่ถ้วน โจ๊กข้าวฟ่างมีสารอาหารที่ดีเหมาะกับการบำรุงร่างกายที่สุด ขนาดตัวเธอเองยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำ…

คางแหลม ๆก่อนหน้านี้กลับมากลมมน เนื้อหนังที่หายไปตอนท้องเสียกลับมาเหมือนเดิมแล้ว แถมยังเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย

ท่านหัวหน้าเหยียนพึงพอใจเป็นอย่างมาก!

………………………………………………………………………

ตอนที่ 2089 คุณชายหมิงก็กลัวเมียเหมือนกัน

“ทำไมถึงยังไม่ไปซื้อทุเรียนอีก? ได้ ไม่ฟังคำสั่งฉันใช่ไหม งั้นฉันจะไปซื้อเอง!” พอเหมยเหมยเห็นว่าลุงเหลาไม่ยอมขยับและเอาแต่ส่งสายตามองเหยียนหมิงซุ่นตลอดจึงโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอเดินกระทืบเท้าตึงตังออกไปขับรถ เหยียนหมิงซุ่นจึงได้แต่ส่งสายตาให้ลุงเหลาออกไปซื้ออย่างจนใจ!

กรรมตามสนองแล้ว!

ตอนนั้นเสนอทุเรียนให้แม่ยายไปจัดการจ้าวอิงหัว วันนี้กลับวกมาหาตัวเองเสียอย่างนั้น เรื่องนี้จะให้จ้าวอิงหัวรู้ไม่ได้เด็ดขาด!

“เหมยเหมย…อย่าโกรธเลยนะ เรื่องนี้พี่ผิดเอง…” เหยียนหมิงซุ่นพูดจาเอาใจเหมยเหมยพลางส่งสายตาให้ลี่เมิ่งเฉินสื่อว่าให้เขารีบไสหัวไป

ลี่เมิ่งเฉินกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกินขนมอี๋อย่างเอร็ดอร่อย แถมยังจงใจถามว่า “ทำไมเธอต้องซื้อทุเรียนแบบดิบด้วย? แบบสุกสิถึงจะอร่อย”

ไม่จำเป็นต้องให้เหมยเหมยตอบคำถาม เขาก็แสร้งทำเป็นนึกขึ้นได้แล้วพูดด้วยท่าทีเกินจริงว่า “คงไม่ใช่ว่าเธอจะให้เหยียนหมิงซุ่นคุกเข่าบนเปลือกทุเรียนหรอกใช่ไหม? มันยุ่งยากจะตาย ฉันคิดวิธีการอื่นให้เธอดีกว่า หรือไม่งั้นก็คุกเข่าบนกระดานเข็มสิ ของพวกนั้นใช้เวลาหาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว…”

 “หุบปาก!”

เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยตะโกนขึ้นพร้อมกันจนน้ำลายกระเด็นเต็มหน้าลี่เมิ่งเฉิน

“ถ้ายังไม่หุบปากฉันจะให้ป้าฟางใส่ผงปาโต้[1]ลงในขนมอี๋ที่นายกินซะ” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย็นชาข่มขู่เขา

ผู้ชายของเธอจะคุกเข่าบนไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าบ้านี่ด้วย?

อีกอย่างความบาดหมางระหว่างเธอกับเหยียนหมิงซุ่นถือเป็นเรื่องภายในครอบครัว ลี่เมิ่งเฉินเข้ามาจุ้นแบบนี้ชักจะหาเรื่องให้คนเกลียดเสียแล้ว!

ลี่เมิ่งเฉินลูบจมูกมองคู่สามีภรรยาตรงหน้าแค่แวบเดียว เอาเถอะ หนึ่งต่อสอง ลูกผู้ชายอย่างเขาไม่ยอมเสียเปรียบหรอก แยก!

ดังนั้นถึงได้บอกว่าผู้หญิงจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ไม่กี่วินาทีก่อนยิ้มแย้มดั่งดอกไม้บาน แต่ไม่กี่วินาทีต่อมากลับถือมีดมาฟาดฟันกันเสียแล้ว!

ทั้ง ๆที่เมื่อครู่สองสามีภรรยาคู่นี้ยังทะเลาะกันเองอยู่เลย ตอนนี้กลับร่วมมือกันตะคอกใส่เขา ซ้ำยังจะใช้ผงปาโต้ทำร้ายเขาด้วย สมองเพี้ยนไปแล้วเหรอ!

การทำงานของลุงเหลาค่อนข้างไวใช้เวลาไม่นานก็ซื้อทุเรียนกลับมาเป็นคันรถ ชั่วพริบตาเดียวในบ้านก็มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปหมด

“ทำไมถึงมีแต่อันสุกหมดเลยล่ะ?” เหมยเหมยสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ทุเรียนสิบกว่าลูกสุกงอมจนปริแตกแล้ว แบบนี้จะคุกเขาได้อย่างไร?

“ร้านผลไม้ไม่มีแบบดิบเลยครับ มีแต่ทุเรียนแบบนี้ทั้งนั้น พ่อค้าบอกว่าถ้าอยากได้แบบดิบให้สั่งจอง อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้ของครับ!” ลุงเหลาพูดโกหกหน้าตาย พร้อมแอบกะพริบตาส่งซิกให้เหยียนหมิงซุ่นด้วย

เหมยเหมยไม่มีทางเชื่อคำพูดบ้า ๆเหล่านี้แน่ จะไม่มีลูกดิบเลยได้อย่างไรกัน ลุงเหลาจงใจช่วยเหยียนหมิงซุ่นชัด ๆ

“ฉันจะไปซื้อเอง ทุเรียนพวกนี้ลุงเหลากินคนเดียวให้หมดนะ หึ!”

เหมยเหมยกัดฟันจ้องเขาตาเขม็งแล้วคว้ากุญแจรถออกจากบ้านไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าทั้งเมืองหลวงจะหาซื้อทุเรียนดิบสักลูกไม่ได้?

หลังจากเหมยเหมยออกไป ลุงเหลาก็ปลอบใจเหยียนหมิงซุ่นว่า “คุณชายหมิงไม่ต้องกังวล ผมแจ้งพวกลูกน้องให้ซื้อทุเรียนดิบทั้งหมดในเมืองหลวงไปแล้ว คุณหนูหาซื้อไม่ได้หรอกครับ!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างชื่นชม ใช้ได้ สุดท้ายขิงแก่สิถึงจะเด็ด สมองตอบสนองเร็วดี!

“เอาทุเรียนพวกนี้ไปแบ่งให้พวกนั้นทานเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นมองภูเขาทุเรียนกองเล็กนี้แล้วปวดศีรษะเหลือเกิน กลิ่นนี่มันจริง ๆเลย…

“ได้ครับ!”

ลุงเหลารีบยกหูโทรหาลูกน้องทันทีราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก

ถ้าต้องให้เขากินทุเรียนสิบลูกจริง ๆเขาคงเหม็นตายก่อน!

ในวินาทีนี้ลุงเหลาพลันรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเขากับคุณชายหมิงใกล้กันมากขึ้นแล้ว คุณชายหมิงที่เคยอยู่ในใจของเขาในวันวาน ตอนนี้ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกสนิทขึ้นมากเลยแฮะ!

เพราะเหยียนหมิงซุ่นเองก็กลัวเมีย!

คงได้สัมผัสความรู้สึกนี้แล้วสินะ!

เหมยเหมยขับรถวนถามร้านผลไม้กว่าสิบร้านทั่วเมืองหลวงแต่ก็ยังหาซื้อทุเรียนไม่ได้ มีแต่ทุเรียนสุกที่มีกลิ่นหอมเตะจมูกเลยจำใจกลับไปด้วยความผิดหวัง!

พ่อค้าแม่ค้าร้านผลไม้ต่างรู้สึกงงงวยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น?  ทำไมมีแต่คนหาซื้อทุเรียนดิบ?

หรือว่าทุเรียนดิบจะมีฤทธิ์เป็นยาบำรุงอะไรที่เราไม่รู้งั้นหรือ?

[1] สมุนไพรชนิดหนึ่งใช้ประกอบเป็นยาถ่ายที่มีฤทธิ์รุนแรง

…………………………………………………

ตอนที่ 2090 ก็ฉันตั้งใจจะทำแบบนี้

เหมยเหมยที่ตะเวนหาซื้อทุเรียนอยู่นอกบ้านมานาน ไฟโทสะก็ค่อย ๆเลือนหายไป ไม่ได้โกรธเท่าก่อนหน้านั้นแล้ว หลังจากกลับบ้านไปก็ไม่ได้เอ่ยถึงบทลงโทษคุกเข่าบนเปลือกทุเรียนอีก เพียงแค่ทำสงครามเย็นกับเหยียนหมิงซุ่นต่อไปเท่านั้น

ต่อให้หายโกรธแล้วแต่เธอก็ยังอยากแสดงถึงจุดยืนและความคิดของเธอนี่นา!

เพื่อต่อไปนี้จะได้ไม่ปล่อยให้เหยียนหมิงซุ่นยึดอุดมการณ์ที่ว่าชายเป็นใหญ่แล้วปิดบังอะไรเธออีก!

หลังจากผ่านไปสามวันพิษกู่ในตัวเหยียนหมิงซุ่นก็ถูกกำจัดออกได้อย่างสมบูรณ์ ซากศพในเลือดก็ถูกขจัดออกไปจนสะอาด ลี่เมิ่งเฉินเจาะเลือดเหยียนหมิงซุ่นและคอยสังเกตอาการอยู่ครึ่งวัน จนในที่สุดก็ได้แจ้งข่าวดี

ต่อไปก็ถึงคราวที่ต้องถอนพิษให้เหมยเหมยแล้ว คนของเหยียนหมิงซุ่นได้ส่งหญ้าแปลกพิลึกนั่นมาอีกหลายกระสอบ โชคดีที่หญ้าชนิดนี้ไม่ใช่หญ้าหายากอะไร ไม่เช่นนั้นคงหาให้ไม่ได้ขนาดนี้!

“คุณหนู ให้ป้าช่วยดัดแปลงมันสักนิดไหมคะ?”

ป้าฟางที่เห็นเหมยเหมยกินหญ้าไม่ถึงครึ่งต้นแล้วอาเจียนออกมาก็รู้สึกปวดใจ นึกอยากจะเอาหญ้าพวกนี้ไปดัดแปลงทำของว่างจำพวกเกี๊ยวหรือไม่ก็ขนมปังสอดไส้คงจะอร่อยขึ้นมาบ้าง

เหยียนหมิงซุ่นปวดใจยิ่งกว่า เขารู้ดีเสียยิ่งกว่าใครว่าหญ้าชนิดนี้กลืนยากแค่ไหน ทุกครั้งที่เหมยเหมยกินยาแก้หวัดยังต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ตอนนี้ต้องกินหญ้ารสชาติแย่ขนาดนี้ เธอต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนกันนะ!

ไอ้เฉินซานสมควรตาย ครั้งนี้จะปล่อยมันไปง่าย ๆไม่ได้แล้ว!

ความผิดของคนตายยังพอหนีได้ แต่ความผิดของคนเป็นคงยากที่จะหนีรอด!

ตอนแรกยังใจอ่อนให้เฉินซานอยู่บ้าง แต่พอเห็นความทรมานที่ต้องกินหญ้า เหยียนหมิงซุ่นก็พลันเปลี่ยนเป็นคนใจดำขึ้นมาทันที

เฉินซานที่ถูกกักบริเวณกำลังทะเลาะกับพ่อมดอยู่ พวกเขาทั้งสองถูกขังไว้ในห้องเดียวกัน และต้องสู้รบกันไปทุกวัน วันเวลาที่ผ่านมาช่างมีสีสันเหลือเกิน อาซานตัวสั่นสะท้านขึ้นมากะทันหันติดต่อกันอยู่หลายครั้งจนใจดิ่งวูบ

หรือว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น?

พ่อมดเอ่ยว่า “คนไร้หัวใจอย่างคุณพระเจ้าจะต้องลงโทษ!”

เฉินซานหัวเราะเยาะ “พี่ของเธอได้ลงโทษฉันแล้ว ชีวิตนี้ฉันมิอาจมีลูกได้อีกต่อไป ไม่มีคนดูแลฉันยามแก่และส่งวิญญาณตอนตายด้วยซ้ำ ต่อให้ตายไปก็ไม่มีหน้ากลับไปเจอบรรพบุรุษตระกูลเฉินอีกแล้วล่ะ”

พ่อมดสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาสั่นระริก เขาลังเลอยู่นานทว่ากลับไม่พูดอะไร แต่ไปหาที่หมุดตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง

เดิมทีเหมยเหมยจะให้ป้าฟางปรุงรสชาติลงไปในหญ้านั่นก่อนกิน แต่ลี่เมิ่งเฉินกลับปฏิเสธว่า “รสชาติดั้งเดิมมีประสิทธิภาพดีที่สุด!”

ช่วยไม่ได้ เหมยเหมยจำเป็นต้องหลับตากินหญ้ากลืนเข้าไปดิบ ๆแบบนั้น ไม่สิ จำเป็นต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนถึงจะกลืนได้

เพราะลี่เมิ่งเฉินบอกว่าแค่เคี้ยวให้ละเอียดน้ำหญ้าก็จะกระจายเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหาร และสามารถฆ่าหนอนกู่พวกนั้นจนตายเรียบได้!

“เอาเถอะ…ฉันสู้ตาย!”

เพื่อการมีลูก เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปก็แค่กินหญ้านิด ๆหน่อย ๆเองไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดในชาติที่แล้ว เรื่องแค่จะเป็นไรไป?

เหมยเหมยผลักเหยียนหมิงซุ่นที่โอบและลูบหลังเธอออก ตบโต๊ะครั้งหนึ่งแล้วคว้าหญ้าขึ้นมาหนึ่งกำยัดเข้าปากเคี้ยวราวกับไม่กลัวตายเลยสักนิด

“แหวะ…”

เหมยเหมยกลอกตาอยู่หลายครั้ง เพราะรสชาติเหมือนอุนจิเลย…

“อย่าคายออกมานะเอาเทปกาวมาปิดปากไว้!” ลี่เมิ่งเฉินคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่เขา

แต่ถึงแม้วิธีนี้จะดูห่วยแตกแต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีมากเลย!

ลี่เมิ่งเฉินเห็นเหมยเหมยกินหญ้าอย่างยากลำบากจึงให้ป้าฟางสกัดเป็นน้ำแล้วจับกรอกปาก จากนั้นก็ใช้เทปกาวปิดปากเธอไว้ ต่อให้อยากจะอาเจียนออกมาแค่ไหนก็จำใจต้องกลืนลงไป

เหยียนหมิงซุ่นมองน้ำหญ้าที่เหนียวข้นแล้วจ้องลี่เมิ่งเฉินที่แสดงสีหน้าพออกพอใจ อดถามออกไปไม่ได้ว่า “ตอนฉันกินทำไมนายไม่บอกให้ทำวิธีนี้ล่ะ?”

กลิ่นหญ้าพวกนั้นเขาไม่อยากกินมันอีกเป็นครั้งที่สองในชีวิตหรอกนะ!

“นายคือคุณชายหมิงไงคงไม่งอแงกับเรื่องกินหญ้าเล็ก ๆน้อย ๆพวกนี้หรอกใช่ไหมล่ะ?”

ลี่เมิ่งเฉินเหน็บกลับไปหนึ่งประโยคแต่ใบหน้าเผยรอยยิ้มร้ายกาจ ก็เขาตั้งใจจะทำแบบนี้หนิ ทำไมเหรอ!

………………………………………………………………..

ตอนที่ 2081 (ความลับ)แตกแล้ว

 

ต้นสายปลายเหตุที่เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมบอกเหมยเหมยเรื่องพิษกู่หักสวาท ไม่ใช่เพราะกลัวเหมยเหมยเป็นห่วง แต่สาเหตุหลักคือไม่อยากเห็นเหมยเหมยเป็นทุกข์เพราะไม่สามารถมีลูกได้

 

เจ้าปีศาจน้อยเอาแต่พร่ำบ่นอยากมีลูกทุกวัน ถ้าเธอรู้ว่าอาจมีลูกไม่ได้จะต้องอาละวาดจนฟ้าถล่มดินทลายแน่!

 

“อย่าร้องสิ…แล้วพี่จะไม่รู้ได้ไงถ้าตัวเองป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เธอไปฟังใครพูดจาไร้สาระมา?”

 

เหยียนหมิงซุ่นฝืนเรียกสติตัวเองแล้วหยิบกระดาษให้เหมยเหมยซับน้ำตา ฉิวฉิวที่กำลังกินช็อกโกแลตอยู่ร่างกายสั่นเทิ้มในฉับพลัน ล้วงช็อกโกแลตในลิ้นชักออกมาหลายแท่งก่อนมุดเข้าไปซ่อนตัวกินช็อกโกแลตอยู่บนฝ้าเพดาน

 

หลายวันต่อจากนี้มันตั้งใจว่าจะหลบอยู่บนฝ้าเพดานนี่แหละ!

 

เหมยเหมยพูดปนสะอื้นว่า “พี่อย่าโกหกฉันอีกเลย พี่ดูสภาพตัวเองสิ พี่บอกว่าไม่ป่วยใครจะเชื่อ พี่ตามลี่เมิ่งเฉินมา เพื่อที่จะรักษาอาการป่วยของพี่สินะ?”

 

ลี่เมิ่งเฉินรักษามะเร็งระยะสุดท้ายของคุณปู่บีเบอร์ได้ เหยียนหมิงซุ่นจึงตามหาเขาด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย เพื่อมารักษาอาการป่วยแน่นอน!

 

ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นเหมือนกับคุณปู่บีเบอร์ เป็นมะเม็งระยะสุดท้าย…

 

เหมยเหมยไม่กล้าคิดอีกต่อไป จ้องเหยียนหมิงซุ่นที่ใบหน้าไร้เลือดฝาดซีดขาวอย่างตื่นตระหนก เธอพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง

 

เธอปาดน้ำตาหันกลับมาปลอบใจเขาว่า “ไม่ต้องกลัวนะคะ ลี่เมิ่งเฉินเขาสามารถรักษาคุณปู่บีเบอร์จนหายได้ไม่ใช่เหรอ? มีหนึ่งก็ต้องมีสอง มีสองก็ต้องมีสาม เขาจะต้องรักษาพี่ให้หายได้แน่นอน แถมเรายังมียาวิเศษด้วยนะ ต้องหายได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เราไม่ต้องกังวลหรอก…”

 

เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ มิน่าเขาถึงว่ากันว่าผู้หญิงทุกคนล้วนเป็นผู้มีจินตนาการสูงส่ง

 

ต่อให้จะไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันได้เลยสักนิด ผู้หญิงก็สามารถนึกไปถึงเรื่องราวต่าง ๆมากมายได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด พาตัวเองเข้าไปเป็นนางเอกของเรื่อง มันช่าง…

 

“เหมยเหมย พี่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรที่รักษาไม่หาย เธออย่าตื่นตูมไปเองได้ไหม?”

 

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่จิตใจว้าวุ่นอย่างจนใจ หัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้แต่กลับรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจ

 

บนโลกใบนี้ยังมีคนที่เป็นห่วงเป็นใยเขามากกว่าแม่และยายด้วย!

 

“พี่ไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?” เหมยเหมยกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย

 

“จริง ๆ…พี่สาบาน…” เหยียนหมิงซุ่นแสดงท่าทีจริงจัง เมื่อเห็นเหมยเหมยยังมีท่าทีลังเลสงสัย เขาจึงพูดติดตลกไปว่า “หรือเธออยากให้พี่ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายจริง ๆ ?”

 

“เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง…ขอให้มีแต่ความโชคดี…พระโพธิสัตว์โปรดเมตตา!”

 

เหมยเหมยจ้องเขาตาเขม็งรีบพนมมือไหว้อยู่หลายครั้งแล้วถึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็จ้องเขาตาเขม็งอีกหน

 

เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกขำขัน ช่างซื่อบื้อจริง ๆเลย

 

เหมยเหมยยังไม่ค่อยเชื่อเขาสักเท่าไหร่ เธอเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างสงสัย หน้าตาของเขาดีขึ้นมากและดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมเหมือนในยามปกติแล้ว แต่ท่าทีที่อ่อนแอเมื่อครู่นั้นดูท่าทางจะไม่ไหวจริง ๆ!

 

“พี่ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังฉันจริง ๆเหรอ?” เธอถามขึ้นอีกครั้งอย่างจริงจัง

 

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อยจนไม่กล้ามองสบตาเหมยเหมย กัดฟันพูดว่า “เรื่องที่พูดได้พี่ก็พูดกับเธอไปหมดแล้ว เรื่องที่ไม่อาจพูดได้ตีให้ตายยังไงพี่ก็พูดไม่ได้!”

 

หากถึงตอนนั้นความลับแตกเขาก็แค่บอกว่าเป็นข้อกำหนดของงาน ถึงอย่างไรก็ไม่ควรให้เหมยเหมยรู้ว่าเขามีเจตนาปกปิดเธอ!

 

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดความจริง ตกลงมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเธออยู่กันแน่นะ?

 

“เหยียนหมิงซุ่น…ฉันรู้แล้วว่าทำไมโดนพิษกู่หักสวาทถึงไม่สามารถมีลูกได้…”

 

เสียงของลี่เมิ่งเฉินดังแว่วมาจากมุมบ้าน เสียงที่ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัดทำให้เสียงดังก้องมาก

 

เหยียนหมิงซุ่นหน้าถอดสีเล็กน้อย ในใจแอบแช่งคณาญาติบรรพบุรุษทั้งสิบแปดชั่วคนของเขาจนครบ!

 

เหมยเหมยใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ถามเสียงเย็นชา “พิษกู่หักสวาทคืออะไร? อะไรคือไม่สามารถมีลูกได้? เหยียนหมิงซุ่น พี่เล่ามาให้ละเอียดเลยนะ!”

 

……………………………………………………..

 

ตอนที่ 2082 บอกความจริงมาซะดีๆ

 

ลี่เมิ่งเฉินคิดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะกลับมาแล้ว เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้เลยสักนิดจึงนั่งลงรับชมการแสดงด้วยความสนใจ ป้าฟางได้นำขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ไม่ได้โรยผงถั่วเหลืองกับถั่วแดงกวนมาเสิร์ฟตามเวลา

 

ความจริงมันคือขนมอี๋ที่มีต้นแบบมาจากขนมม้วนไส้ถั่วแดงต่างหาก หน้าตาและรสชาติไม่ได้เรื่องแต่เจ้าบ้านี่กลับกินได้อย่างออกรสออกชาติ

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของเหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกปวดหัวและเกิดอาการลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที

 

“เหมยเหมยฟังพี่ก่อนนะ ลี่เมิ่งเฉินกำลังทำการทดลองอยู่ ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย มันคือความลับ” เหยียนหมิงซุ่นกลั้นใจพูด บัดนี้เขารู้สึกเสียใจที่เลือกจะหลอกลวงออกไปตั้งแต่ตอนแรก

 

พูดโกหกไปหนึ่งครั้งก็จำเป็นต้องหาคำพูดโกหกอีกนับไม่ถ้วนมาทำให้คำโกหกนั้นสมบูรณ์ ช่างเหนื่อยใจเหลือเกิน!

 

โดยเฉพาะการพูดโกหกกับผู้หญิงที่ตนรัก ทรมานเหลือเกิน

 

เหมยเหมยไม่ได้หลอกง่ายเหมือนแต่ก่อน เธอชี้หน้าลี่เมิ่งเฉินแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องงาน แล้วทำไมต้องมาอยู่บ้านเราด้วย? เมื่อก่อนพี่ไม่ใช่คนที่แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้สักหน่อยไม่ใช่เหรอ!”

 

เหยียนหมิงซุ่นแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน ตั้งแต่ที่ลี่เมิ่งเฉินเข้ามาอยู่ที่นี่เธอก็นึกสงสัยอยู่แล้ว พอตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก!

 

มันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการมีลูกแน่นอน!

 

ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงนี้เธอพูดถึงเรื่องลูกทีไร เหยียนหมิงซุ่นจะทำทีหันซ้ายหันขวาและพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!

 

ลี่เมิ่งเฉินมองคู่รักทะเลาะกันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ต่อมรับรสขยายกินขนมอี๋ในจานหมดไปเกินครึ่ง พอกินของอร่อยแล้วก็ทำให้อารมณ์ดี ลี่เมิ่งเฉินเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “ไม่ช้าไม่นานเธอก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี นายปิดบังไปก็ไร้ประโยชน์ บอกไปเลยตอนนี้ยังจะดีกว่า”

 

“หุบปาก!”

 

เหยียนหมิงซุ่นตวาดใส่ ในใจนึกอยากฆ่าเจ้าบ้านี่เสีย

 

“เหยียนหมิงซุ่น พี่พูดออกมาให้รู้เรื่องเลยนะว่าปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่?” เหมยเหมยเองก็โมโหไม่น้อย ในเมื่อไม่ใช่โรคที่รักษาไม่หายจนคร่าชีวิตคน เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยน!

 

“พี่เป็นหมันเหรอ? ไม่สิ เมื่อกี้พูดถึงพิษกู่หักสวาท มันคืออะไร?” เหมยเหมยเอ่ยถามระรัวเป็นชุดด้วยท่าทีเหลืออด

 

เหยียนหมิงซุ่นทอดถอนหายใจ ปิดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!

 

“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้…” เหยียนหมิงซุ่นเล่าเหตุการณ์ที่เฉินซานทำกู่หักสวาทใส่เขาให้เธอฟังคร่าว ๆ

 

ฉิวฉิวที่กินช็อกโกแลตอยู่บนฝ้าเพดานหยุดชะงัก ทำไมพิษกู่หักสวาทมันฟังดูคุ้นหูนักล่ะ?

 

เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนนะ?

 

ฉิวฉิวยังคงไม่สนใจแล้วกินช็อกโกแลตต่อไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะฟังเรื่องชาวบ้าน

 

“นี่หมายความว่าถ้าโดนพิษกู่หักสวาทก็จะไม่สามารถมีลูกได้งั้นเหรอ? เพราะงั้นก่อนหน้านี้พี่ถึงเลี่ยงที่จะคุยเรื่องการมีลูกกับฉันมาโดยตลอด แถมยังบอกฉันอีกว่าช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการมีลูกของผู้หญิงคืออายุ 26 งั้นสิ?” เหมยเหมยไม่ได้แสดงอาการใด ๆแต่เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นก็ยิ่งใจสั่น

 

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เขาจะทำผิดไปแล้วสินะ?

 

“พี่แค่กลัวเธอเสียใจเลยคิดที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้แล้วค่อยบอกเธอ แต่ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดพี่ไม่ได้โกหกนะ จริง ๆแล้วการมีลูกตอนอายุ 26 ดีกว่า”

 

หัวหน้าเหยียนที่ปกติมักจะพูดคำไหนเป็นคำนั้นต่อหน้าเหมยเหมยไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย เนื่องด้วยเป็นฝ่ายผิด แม้แต่ช่วงเอวยังไม่กล้ายืดตรง เขาจึงพูดช้า ๆอย่างระมัดระวัง

 

ลี่เมิ่งเฉินกลอกตามองเขาอย่างดูแคลนนับครั้งไม่ถ้วน ดูหมิ่นเหยียนหมิงซุ่นเป็นอย่างมาก

 

ทำตัวนอบน้อมถ่อมตัวต่อหน้าผู้หญิง เสียหน้าลูกผู้ชายชะมัด!

 

“จริง ๆแล้วการมีลูกในช่วงอายุ 26 สิ่งที่มากกว่านั้นคือความมั่นคงทางการเงินและจิตใจมากกว่า หากสภาพทางการเงินมั่นคงแล้ว คุณภาพด้านจิตใจก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ฉันว่าผู้หญิงมีลูกเร็วค่อนข้างดีกว่าเพราะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วกว่า”

 

ลี่เมิ่งเฉินอดไม่ได้ที่จะแก้ต่าง เมื่อก่อนเขาเคยทำการสำรวจพบว่าไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ให้กำเนิดบุตรในวัย 18 ปีหรือหญิงสาวที่ให้กำเนิดบุตรในวัย 28 ปี หรือบางทีอาจจะให้กำเนิดบุตรในวัย 38 ปี ความสุขของพวกเธอล้วนไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับอายุในการให้กำเนิดบุตรเลย ส่วนใหญ่ล้วนมาจากสถานภาพทางการเงินและความเอาอกเอาใจของสามี…

 

สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดความสุขของคนเป็นแม่!

 

หากคุณมีเงินที่เพียงพอและมีผู้ชายที่รักคุณมากพอ จะมีลูกตอนไหนก็มีความสุขได้เหมือนกัน!

 

“หุบปาก!” เหยียนหมิงซุ่นตวาดใส่อีกครั้ง

 

“พี่นั่นแหละหุบปาก!” เหมยเหมยตวาดใส่เหยียนหมิงซุ่นลั่นพร้อมกับหันไปมองลี่เมิ่งเฉิน

 

……………………………………………………..

ตอนที่ 2079 แสงอาทิตย์แรกอรุณ

 

เหยียนหมิงซุ่นเอนกายลงบนโซฟาพักผ่อนครู่หนึ่งจนรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว พอได้ยินเสียงตะโกนของลี่เมิ่งเฉิน ก็ลุกพรวดด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“เห็นสิ่งที่เหมือนเจ้าลูกอ๊อดนี่ไหม? นี่คือกู่ที่ขับออกมาจากร่างกายนาย”

 

ลี่เมิ่งเฉินชี้ไปที่จุดดำ ๆหนาแน่นภายใต้กล้องจุลทรรศน์พร้อมพูดกับเหยียนหมิงซุ่น

 

หากดูจากกล้องจุลทรรศน์แบบความละเอียดสูง จุดดำเล็ก ๆเหล่านี้มีขนาดเท่าเมล็ดงาดำเท่านั้นซึ่งคล้ายลูกอ๊อดมาก อีกทั้งยังมีชีวิตว่ายน้ำไปมาเหมือนลูกอ๊อดจริง ๆอีกต่างหาก

 

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกคลื่นไส้สะอิดสะเอียน เมื่อครู่ลี่เมิ่งเฉินเก็บน้ำสีดำที่เขาอ้วกออกมาเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพียงเล็กน้อยกลับมีตัวกู่ดิ้นยั้วเยี้ยมากมายเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นร่างกายของเขามีกู่มากขนาดไหนกันนะ?

 

ขอเพียงแค่คิดว่าในร่างกายมีลูกอ๊อดตัวเล็ก ๆจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งยั้วเยี้ยไปมา เหยียนหมิงซุ่นก็ขนลุกไปทั้งตัวและรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

 

“กู่พวกนี้ยังไม่ตายเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นนึกโกรธแค้น

 

“ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันยังกระโดดโลดเต้นมีชีวิตอยู่เลย? อยู่ดีมีความสุขจะตายไป!”

 

หางตาลี่เมิ่งเฉินเหลือบไปเห็นป้าฟางเข้ามาทำความสะอาดน้ำสีดำที่เหยียนหมิงซุ่นอ้วก เขาจึงรีบร้อนร้องห้ามเสียงดัง “อย่าเพิ่งแตะต้องของพวกนั้น ฉันเก็บมันไว้ใช้!”

 

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสะอิดสะเอียนอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “นายจะใช้ของพวกนี้ทำอะไร?”

 

“ในนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าทั้งนั้น นายบอกว่าพิษกู่หักสวาทหายสาบสูญไปแล้วไม่ใช่เหรอ? งั้นก็หมายความว่านี่คือกู่ตัวสุดท้ายบนโลกนี้ นี่มีคุณค่าต่อการวิจัยมากเลยนะ!”

 

ลี่เมิ่งเฉินกลอกตามองบนใส่เขา สำหรับเขาแล้วของพวกนี้คือของล้ำค่า ถึงแม้ว่าจะน่าสะอิดสะเอียนไปหน่อย แต่มันก็เป็นของหายาก!

 

อีกทั้งเขายังค้นพบว่าความสามารถในการสืบพันธุ์ของตัวกู่พวกนี้แข็งแกร่งมาก เร็วกว่าการแบ่งเซลล์เสียอีก ตัวกู่พวกนี้เขาต้องเลี้ยงเอาไว้ค่อย ๆศึกษาวิจัยต่อไป

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถามอะไรอีก ลี่เมิ่งเฉินอยากจะเอาไปก็เอาไป หากเอาไว้ในบ้านเขาก็เอาไปทิ้งลงชักโครกแค่นั้น

 

“กู่ที่เหลืออยู่บนร่างกายฉันต้องกินคาร์บอนกี่ครั้งถึงจะถูกกำจัดออกหมด?” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความกังวล

 

“อันนี้ฉันก็บอกไม่ได้ บางที่อาจจะสามครั้ง บางทีอาจจะห้าครั้ง บางทีอาจจะสิบครั้ง พรุ่งนี้ค่อยติดตามดูอาการต่อแล้วกัน!”

 

ลี่เมิ่งเฉินไม่สนใจเหยียนหมิงซุ่นอีกแล้วหันไปส่องกล้องจุลทรรศน์ต่อด้วยท่าทีกระตือรือร้น เมื่อครู่เขาค้นพบเจอบางอย่างที่สำคัญ กู่ที่เหมือนลูกอ๊อดตัวเล็ก ๆพวกนี้มีช่วงชีวิตที่สั้นมาก

 

แค่เวลาเพียงสั้น ๆเมื่อครู่ก็มีลูกอ๊อดหลายตัวหยุดแหวกว่ายไปมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีลูกอ๊อดแตกตัวขยายพันธุ์มากขึ้นและกินซากศพพวกเดียวกันเป็นอาหาร ดูน่ากลัวขนลุกขนพองเป็นอย่างมาก

 

กู่ตัวน้อย ๆพวกนี้ช่างน่าสนใจมากจริง ๆ!

 

เหมยเหมยและเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปเดินห้างด้วยกัน เธอรู้สึกใจกระสับกระส่ายดูอะไรก็ไม่น่าสนใจเลยสักอย่าง ทั้งยังดูไม่ค่อยมีความสุขนัก หลังจากเดินช้อปปิ้งมาครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับซื้อไปแล้วสองสามชิ้น

 

“เธอเป็นอะไรกันแน่? ตั้งแต่ออกจากประตูมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นเธอยิ้มเลย หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามออกมาอย่างอดไม่ได้

 

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกจิตใจฟุ้งซ่านนิดหน่อย ฉันต้องกลับไปดูสักหน่อย เธอไปเดินเล่นเองนะ!”

 

เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทะแม่ง ๆ เหยียนหมิงซุ่นจะต้องมีเรื่องปิดบังเธออยู่แน่ ๆ เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นอยากให้เธออยู่บ้านกับเขาทุกวันจะตาย แต่วันนี้กลับบอกให้เธอไปช้อปปิ้งเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!

 

มันน่าแปลกใจจริง ๆ!

 

เธอจะมีกะจิตกะใจเดินเที่ยวเล่นได้อย่างไรอีก ตอนนี้หวังแค่อยากจะบินกลับบ้านไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

 

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเหมยเหมยที่หายไปในพริบตาอย่างไร้ร่องรอยราวกับพายุด้วยสีหน้างุนงง!

 

“เฮ้อ…เธอร้อนใจอะไรนักหนาเนี่ย…”

 

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโบกมือเรียกเหมยเหมยให้หยุดแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้จะร้องตะโกนดังแค่ไหน เหมยเหมยก็ขึ้นรถและจากไปแล้ว

 

นี่เป็นบ้าอะไรอีกแล้วล่ะ?

 

…………………………………………..

 

 ตอนที่ 2080 ผู้ชายของเธอเป็นโรคที่รักษาไม่หาย

 

ครั้งนี้เหมยเหมยไม่ได้ปักใจเชื่อเสียทุกอย่าง เธอแอบกลับบ้านเงียบ ๆ และไม่รีบร้อนที่จะเข้าบ้านแต่นั่งรออยู่ในรถ  แล้วปล่อยให้ฉิวฉิวเข้าไปดูความเคลื่อนไหวในบ้าน เมื่อเช้าเหยียนหมิงซุ่นขอให้เธอพาฉิวฉิวไปชอปปิ้งด้วย เธอจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่

 

เจ้าหมอนี่จะต้องมีเรื่องปิดบังเธอแน่นอน!

 

และต้องเกี่ยวข้องกับลี่เมิ่งเฉินอีกด้วย!

 

หางยาว ๆของฉิวฉิวสบัดไปมารีบเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยรู้สึกเครียดอยู่บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอแอบจับตาดูเหยียนหมิงซุ่น หัวใจจึงเต้นแรงสุด ๆ!

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้ตัวว่าเหมยเหมยเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้ว อีกทั้งยังบุกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวอีก ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวดี เขาไม่อยากอยู่ในห้องทดลองชั่วคราวของลี่เมิ่งเฉินเลยแม้แต่นาทีเดียวเลยเดินไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วนั่งบนโซฟาหลับตาพักผ่อน เส้นประสาทผ่อนคลายเล็กน้อยจึงไม่ตื่นตัวเหมือนในยามปกติ

 

ฉิวฉิวสไลด์ตัวไปตามโคมระย้าบนเพดานแล้วจับจ้องมองนายผู้ชายอย่างไม่วางตา

 

อืม…ใบหน้าซีดเซียว หายใจถี่หอบไม่เต็มไปด้วยพลังเหมือนในยามปกติและยังนั่งตัวเอียง นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเพราะเมื่อก่อนนายผู้ชายนั่งตัวตรงสง่าราวกับนาฬิกา ยืนตัวตรงราวกับต้นสน!

 

เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!

 

นายผู้ชายจะต้องป่วยหนักมากแน่ ๆ!

 

ดวงตาสีดำขลับของฉิวฉิวกลอกไปมาพร้อมใบหน้าที่จริงจัง ในเวลานี้คุณชายฉิวลืมเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นโดนพิษกู่ไปเสียสนิท ตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นให้มันเก็บเป็นความลับ ฉิวฉิวจึงรับปากไป

 

ที่สำคัญเลยเป็นเพราะมันคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้เท่านั้นเอง!

 

งั้นก็ไม่ต้องมีแค่นั้นเอง!

 

ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหมือนคุณชายฉิวอย่างมันไง!

 

แน่นอนไม่ใช่ว่ามันไม่มีแรงไม่มีความสามารถ แต่เพราะโลกนี้ไม่สามารถหากระรอกตัวเมียที่สามารถให้กำเนิดลูกของมันได้ มันตามหามานานหลายปีแล้ว กระรอกตัวเมียแสนสวยที่มันเคยมีอะไรด้วยอาจมีไม่ถึงร้อย แต่มีมากเกินครึ่งร้อยแน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีตัวไหนให้กำเนิดลูกมันได้

 

มีไม่ได้ก็ช่างมัน งั้นทุกคนก็ไม่ต้องมีแล้วกัน!

 

ฉิวฉิวรู้สึกว่าผลลัพธ์เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน มีความสุขก็สุขร่วมกัน มีความทุกข์ก็ทุกข์ร่วมกันไป!

 

เหมยเหมยที่อยู่บนรถยิ่งรอก็ยิ่งร้อนใจ อยากจะย้อนกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างอดไม่ได้อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็อดทนไว้ได้

 

ถ้าเธอกลับไปเหยียนหมิงซุ่นจะต้องสังเกตเห็นแน่ ๆ แต่ฉิวฉิวไม่เหมือนกัน เหยียนหมิงซุ่นน่าจะสังเกตเห็นได้ยาก รออีกหน่อยดีกว่า

 

เงาสีขาวสว่างวาบพาดผ่าน ฉิวฉิวพุ่งเข้ามาในรถส่งเสียงร้องลั่น “ไม่ได้การแล้ว…นายผู้ชายของเธออาการไม่ดีเลย…น่าจะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเหมือนที่เห็นในโทรทัศน์ พระเอกมีอาการป่วยระยะสุดท้าย เพื่อไม่ให้นางเอกเสียใจ…เขาจึงเลือก…”

 

ช่วงนี้ฉิวฉิวชอบดูหนังดราม่ารักโรแมนติกของไต้หวันจนติดงอมแงม

 

เหมยเหมยหน้าถอดสีแล้วรีบสตาร์ทรถทันที ตบฉิวฉิวที่ยังพูดพล่ามไม่หยุดไปที่หลังรถ หนวกหูชะมัดเลย!

 

“พี่หมิงซุ่น…พี่เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนเหรอ…”

 

เหมยเหมยจอดรถอย่างร้อนใจก่อนวิ่งร้องตะโกนเข้ามาด้วยเสียงอันดัง เหยียนหมิงซุ่นถูกรบกวนจนตื่น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมกลับมาเร็วจัง?

 

“ทำไมสีหน้าของพี่แย่ขนาดนี้ล่ะ…ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าพี่จะต้องมีเรื่องไม่ดีปิดบังฉันอยู่…ทำไมพี่ทำแบบนี้…ฉันมีเรื่องอะไรก็บอกพี่หมดแต่พี่กลับปิดบังฉัน…พี่คิดว่าฉันโง่และไร้ประโยชน์เกินไปถึงได้ไม่ยอมบอกกันใช่ไหม…”

 

เดิมทีเหมยเหมยยังคิดว่าฉิวฉิวกระต่ายตื่นตูมไปเอง แต่พอเห็นใบหน้าที่ยังคงซีดเซียวของเหยียนหมิงซุ่น หัวใจก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหวทันที

 

ร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นแข็งแรงมาก แม้แต่หวัดยังไม่ค่อยเป็นด้วยซ้ำ สีหน้าดูสุขภาพดีอยู่เสมอ แต่ตอนนี้กลับซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงจึงเห็นได้ว่าอาการป่วยของเขานั้นร้ายแรงมากแค่ไหน!

 

“สรุปแล้วพี่เป็นโรคอะไรกันแน่…พี่อย่าทำให้ฉันตกใจสิ…รีบบอกฉันมานะ!”

 

เหมยเหมยทั้งร้อนใจทั้งโมโห เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

 

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าตกตะลึง…ไอ้สารเลวคนไหนบอกว่าเขาป่วยหนักรักษาไม่ได้กันนะ?

 

………………………………………….

ตอนที่ 2077 กินคาร์บอนแก้พิษ

 

“พี่ตามตัวลี่เมิ่งเฉินมามีเรื่องอะไรเหรอ?” เหมยเหมยอยากรู้มาก เธอรู้สึกว่าดูเหมือนเหยียนหมิงซุ่นจะมีบางอย่างปิดบังตนอยู่

 

“ไม่มีอะไร แค่มีงานที่ต้องให้เขาช่วย ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ!”

 

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่อยากพูดถึงประเด็นนี้ต่อ เขาเปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วบอกให้เหมยเหมยรีบนอน

 

ความสงสัยในใจของเหมยเหมยยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม จะต้องมีเรื่องปิดบังเธออยู่แน่ ๆ!

 

หรือว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น?

 

เหยียนหมิงซุ่นกลัวเธอเป็นห่วงเลยจงใจปิดบังเธองั้นเหรอ?

 

พรุ่งนี้จะถามลี่เมิ่งเฉินดีไหมนะ?

 

ก่อนเข้านอนเหมยเหมยครุ่นคิดด้วยความงุนงง แต่ไม่นานก็ผล็อยหลับไป

 

เหยียนหมิงซุ่นกลับนอนไม่หลับ เขากังวลว่าลี่เมิ่งเฉินจะแก้พิษกู่หักสวาทไม่ได้ เพราะนี่เป็นความหวังสุดท้ายของเขาแล้ว

 

เขากลัวว่าจะผิดหวัง!

 

เขานอนพลิกตัวไปมาหนึ่งคืนจนเช้าวันใหม่มาถึง ฟ้ายังไม่ทันสว่างลี่เมิ่งเฉินก็ตื่นวิ่งมาเคาะประตูห้องของเหยียนหมิงซุ่นเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น

 

“เหยียนหมิงซุ่น วันนี้นายต้องเอาเครื่องมือจากห้องทดลองของฉันมาให้ฉัน ถ้าไม่มีเครื่องมือฉันทำงานไม่ได้!”

 

เหยียนหมิงซุ่นที่นอนไม่หลับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจึงกลั้นความโกรธเอาไว้และพูดว่า “ถ้ามันลำบากมากขนาดนี้ นายกลับไปอยู่บ้านของนายเองไม่ดีกว่าเหรอ ฉันจะให้คนส่งอาหารให้นายสามมื้อต่อวันเป็นไง?”

 

“แน่นอนว่าไม่ได้ อาหารต้องกินตอนร้อน ๆ บ้านของฉันอยู่ห่างจากบ้านนายเกินไป รอมาส่งถึงบ้านฉันมันก็เย็นชืดไม่อร่อยกันพอดี!” ลี่เมิ่งเฉินกล่าวปฏิเสธ

 

เหยียนหมิงซุ่นจำใจต้องให้ลูกน้องไปที่บ้านของลี่เมิ่งเฉินแล้วย้ายอุปกรณ์ห้องแล็บของเขาที่เหมือนเดิมทุกประการมาที่นี่แต่ก็ใช้เวลานานอยู่ครึ่งค่อนวัน ระหว่างนั้นหลอดทดลองก็แตกไปหลายอันจนทำให้ลี่เมิ่งเฉินเสียหายไปหลายร้อยหยวน

 

ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรำคาญอยู่บ้างแต่ประสิทธิภาพการทำงานของเขาค่อนข้างสูง เลือดของเหยียนหมิงซุ่นที่ถูกเจาะในวันนั้นเริ่มทำการตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังสูง

 

“ฉันก็นึกว่าเป็นพิษกู่อะไร ที่แท้ก็เป็นพวกตัวปรสิตนี่เอง แต่ว่าก็น่าสนใจอยู่”

 

ลี่เมิ่งเฉินค้นพบว่าเจ้าตัวนี้แตกต่างจากสิ่งที่เคยวิจัยมาจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมให้เขาวิจัยเขาก็จะรั้นทำอยู่ดี

 

“แล้วพอจะกำจัดปรสิตพวกนี้ออกไปได้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม น้ำเสียงเป็นกังวลอยู่บ้าง

 

ลี่เมิ่งเฉินขบคิดดูแล้วก็พูดว่า “แน่นอนว่าเอาออกได้แต่ตอนนี้ฉันยังคิดหาวิธีไม่ได้ ฉันต้องการเวลา”

 

“ได้ นายขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้เลย” เหยียนหมิงซุ่นรับประกัน

 

ลี่เมิ่งเฉินพูดโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ขนมม้วนไม่ใส่ถั่วแดงกวนและผงถั่วเหลืองทุกวันหนึ่งจาน”

 

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างระอา นี่ต้องชอบมากขนาดไหนกันเนี่ย!

 

จนจะกลายเป็นขนมอี๋อยู่แล้วยังจะชอบกินอยู่อีก งั้นทำไมไม่กินขนมอี๋ไปเลยล่ะ?

 

ประสิทธิภาพของลี่เมิ่งเฉินนั้นรวดเร็วมาก สามวันต่อมาเขาก็คิดวิธีการหนึ่งได้

 

“กินคาร์บอน? นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?“ พอเหยียนหมิงซุ่นได้ฟังวิธีการของเขาก็พลันรู้สึกเหมือนได้ฟังคำพูดเหลวไหลอยู่ และเริ่มสงสัยในความสามารถของลี่เมิ่งเฉินขึ้นมาทันที

 

กินคาร์บอนช่วยแก้พิษได้เหรอ นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

 

ถ้าพิษกู่หักสวาทกำจัดง่ายขนาดนี้แล้วจะเรียกว่าเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดได้อย่างไร?

 

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะเสียงเย็น “แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยล้อเล่นนะ ฉันไม่ได้หมายถึงคาร์บอนธรรมดาแต่ต้องเป็นถ่านกัมมันต์ ความสามารถในการดูดซับของถ่านกัมมันต์แข็งแกร่งที่สุด เพราะตัวปรสิตในร่างกายของนายแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ต่อให้รีดเลือดทั้งตัวนายออกมาจนหมดก็ไม่สามารถกำจัดมันได้หรอก”

 

ครั้นเหยียนหมิงซุ่นได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง เขารู้เรื่องถ่านกัมมันต์เป็นอย่างดีว่ามันมีความสามารถในการดูดซับที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ โดยทั่วไปจะใช้ในเครื่องฟอกอากาศ

 

ความหมายของลี่เมิ่งเฉินก็คือการใช้ถ่านกัมมันต์เพื่อดูดซับพิษในร่างกายของเขาเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่จะได้ผลในทางปฏิบัติไหมนะ?

 

…………………………………………..

 

 ตอนที่ 2078 สำเร็จแล้ว

 

เหยียนหมิงซุ่นลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ ถึงอย่างไรก็ต้องลองดูแม้จะมีความหวังแค่ริบหรี่ก็เถอะ ลองเชื่อลี่เมิ่งเฉินดูสักครั้งดีกว่า

 

แต่ว่า——

 

ลี่เมิ่งเฉินกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะแก้พิษให้เหยียนหมิงซุ่น แต่มีคำขอว่า “นายต้องหาแพทย์แผนจีนโบราณอีกคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาด้วย ฉันต้องการความร่วมมือจากเขา”

 

ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกแปลกใจแต่ก็หาแพทย์แผนจีนมาได้อย่างรวดเร็ว ลี่เหมิงเฉินขอให้แพทย์แผนจีนโบราณฝังเข็มให้เลือดในร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นย้ายไปรวมกันที่กระเพาะอาหารและลำไส้ หลังจากนั้นเขาก็ให้เหยียนหมิงซุ่นกลืนถ่านกัมมันต์เข้าไป พอกลืนไปได้พอสมควรแล้วก็ใช้วิธีการทำให้อาเจียนสำรอกเศษถ่านออกมา แบบนี้พิษของกู่ก็จะถูกขับออกมาด้วย

 

ทฤษฎีนี้เป็นไปได้จริง ๆ ทั้งง่ายและป่าเถื่อน เหยียนหมิงซุ่นใจเต้น

 

แพทย์แผนจีนโบราณฝังเข็มทั่วร่างกายเหยียนหมิงซุ่น เลือดจากร่างกายไหลไปรวมกันในกระเพาะอาหารและลำไส้ด้วยความเร็ว เพราะเหยียนหมิงซุ่นใช้กำลังภายในเร่งการไหลเวียนของเลือดให้เร็วขึ้น

 

“กินพวกนี้เข้าไปให้หมด!”

 

ลี่เมิ่งเฉินเอาถ่านกัมมันต์ที่เขาบดเป็นผงถุงใหญ่ให้เหยียนหมิงซุ่นแบ่งทานสามครั้ง

 

เหยียนหมิงซุ่นกลืนผงถ่านกัมมันต์คำโตเข้าไปอย่างอาจหาญ จากนั้นเขาก็กลืนลงไปอีกสองสามคำเหมือนกินผัดหมี่ด้วยสีหน้าปกติ

 

ลี่เมิ่งเฉินเลิกคิ้วพลันรู้สึกนับถือเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมาเลย

 

ถ่านกัมมันต์ที่เขาทำมีรสชาติแย่แค่ไหนเขารู้ดีกว่าใคร เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังกินไม่ลงเลย

 

เพราะรสชาติห่วยแตกมาก!

 

“ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว รีบสำรอกมันออกมา!”

 

ลี่เมิ่งเฉินยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา เขาให้เหยียนหมิงซุ่นล้างท้องด้วยน้ำเกลือแล้วปล่อยให้เขาสำรอกถ่านกัมมันต์ที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา

 

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากให้มันยืดเยื้อจึงกดที่จุดฝังเข็มเพื่อทำให้อ้วก เขาอาเจียนออกมาอย่างรวดเร็วจนหมดกระเพาะ สิ่งที่อ้วกออกมาทั้งหมดเป็นน้ำสีดำ ดูน่าขยะแขยงมาก

 

ลี่เมิ่งเฉินมองอย่างรังเกียจแวบหนึ่งแล้วใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษ นั่นเป็นเพราะเขารังเกียจสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาศึกษาแค่ตัวยาแต่ไม่ไปศึกษาพวกการผ่าตัด

 

เพราะเขารับไม่ไหวกับความสะอิดสะเอียนและกลิ่นคาวเลือดหลังการชันสูตรศพ

 

จนกระทั่งกินถ่านกัมมันต์ถุงใหญ่ที่ลี่เมิ่งเฉินเตรียมไว้ครบสามครั้งจนหมด แม้แต่ร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้ายังถูกทรมานจนใบหน้าซีดเซียว อ่อนระโหยโรยแรงเช่นนี้เลย

 

“วันนี้พอแค่ตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ หลังจากนี้สามวันฉันค่อยตรวจเลือดนายใหม่ ดูสิว่าจำนวนปรสิตในเลือดของนายลดลงไหม!”

 

ลี่เมิ่งเฉินสะกดอาการพะอืดพะอมไว้แล้วเอาหลอดทดลองเก็บอ้วกของเหยียนหมิงซุ่นไป เขาต้องตรวจสอบดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ว่าถ่านกัมมันต์สามารถดูดซับจุลินทรีย์ได้หรือไม่!

 

เหยียนหมิงซุ่นเอนตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ความทรมานครั้งนี้หนักไม่เบาเลยจริง ๆ โชคดีที่เหมยเหมยถูกเขาว่านล้อมจนออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเหมยเหมยอย่างไรดีเลย

 

“พวกเราไปทำการทดลองที่อื่นได้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพักครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งไปหาลี่เมิ่งเฉินที่ห้องทดลองเพื่อเสนอความคิดเห็น เพราะที่บ้านมันอันตรายเกินไป

 

ครั้นลี่เมิ่งเฉินที่กำลังส่องกล้องจุลทรรศน์อยู่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะพูดเหน็บแนมว่า “จ้าวเหมยก็โดนพิษไปด้วยแล้ว นายยังจะปิดบังอะไรอีก?”

 

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “ใครบอกนาย?”

 

เรื่องที่เหมยเหมยโดนพิษไปด้วยเขาไม่ได้บอกใคร แม้แต่ลูกน้องก็ยังไม่รู้ แล้วลี่เมิ่งเฉินรู้ได้อย่างไร?

 

ลี่เมิ่งเฉินยิ้มอย่างลำพองใจ “แน่นอนว่าฉันวิเคราะห์ได้เอง ความสามารถในการสืบพันธุ์ของจุลินทรีย์นี้มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ นายและจ้าวเหมยจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างว่ากันมาตั้งนานแล้ว จากนั้นก็ต้องแพร่ให้อีกฝ่าย——อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาง่าย ๆแค่นี้ใช้สมองหน่อยก็คิดได้แล้ว”

 

ตอนนี้เองเหยียนหมิงซุ่นถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็นึกชื่นชมความสามารถในการใช้เหตุผลและตรรกะของลี่เมิ่งเฉินมากเช่นกัน

 

“รีบมาดูนี่ พวกเราทำสำเร็จแล้ว!”

 

อยู่ดี ๆลี่เมิ่งเฉินก็ส่งเสียงเรียกขึ้นมา ท่าทางดูตื่นเต้นมาก

 

………………………………………….

ตอนที่ 2075 ขนมม้วนไส้ถั่วแดงไม่ใส่ผงถั่วเหลือง

พอเหมยเหมยได้ยินว่าเป็นลี่เมิ่งเฉิน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ทำไมเขาถึงจะพักบ้านเราล่ะ? แล้วยังไม่ใส่เสื้อผ้าวิ่งพล่านไปทั่วอีก…”

คาดไม่ถึงว่าลี่เมิ่งเฉินจะมีงานอดิเรกชอบเปลือยกายโชว์ น่ารังเกียจจริง ๆ!

ลี่เมิ่งเฉินใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมเปียกชุ่ม เขานวดก้นเดินมาด้วยความโกรธกล่าวอย่างไม่ชอบใจว่า “นายมาขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันพักอยู่ที่บ้านนายสองสามวันจะเป็นไรไป? แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้โป๊สักหน่อย ฉันคลุมผ้าขนหนูอยู่ไม่ใช่หรือไง? สิ่งที่ควรปิดก็ปิดไว้อยู่…แล้วการไม่ใส่เสื้อผ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เนื้อหนังมังสาของคนเรา ไม่ว่าจะสวยงามหรืออัปลักษณ์ ในสายตาของพระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงเปลือกนอก และในสายตาของฉันมันก็เป็นแค่โปรตีน ไขมันและน้ำ เธอจะโวยวายตื่นตูมอะไรกันเล่า!”

เมื่อครู่แรงเตะของเหยียนหมิงซุ่นหนักไม่เบาเลย ลี่เมิ่งเฉินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น รูปร่างของเขาดีจะตายไป!

มีทั้งวีเชฟ กล้ามหน้าอก กล้ามหน้าท้อง…

ที่ควรมีก็มีทุกอย่างและมีไม่แพ้เหยียนหมิงซุ่นเลย แต่ทำไมถึงไม่เข้าตาเลยล่ะ?

เหมยเหมยโมโหจนก่นด่าออกมา “ในสายตาของฉัน นายคือพวกโรคจิตชอบโชว์ของ!”

“เหอะ ฉันว่านะบนโลกใบนี้ทุกคนก็โรคจิตทุกคนนั้นแหละ เธอกล้ารับประกันไหมละว่าตัวเองไม่โรคจิต?” สีหน้าของลี่เมิ่งเฉินมีความเหน็บแนมอยู่บ้าง

“นายสิโรคจิต!” เหมยเหมยด่ากลับ เธอเป็นคนจิตใจดี เป็นนางฟ้าตัวน้อยที่น่ารักและใจดี แล้วจะโรคจิตได้อย่างไรกันพูดจาไร้สาระ!

ลี่เมิ่งเฉินก็ไม่ได้โกรธอะไร พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “เอางี้แล้วกัน ฉันจะถามเธอหนึ่งคำถาม!”

เหมยเหมยส่งเสียงฮึเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป

ลี่เมิ่งเฉินไอสองสามทีก่อนพูดว่า “มีเจ้าหญิงที่งดงามองค์หนึ่ง เพราะว่าโดนคำสาปจึงนอนหลับใหลอยู่ในปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่ง เจ้าชายต้องจุมพิตเธอเพื่อปลุกเธอให้ฟื้น ผ่านไปหลายปีก็มีเจ้าชายรูปหล่อองค์หนึ่งมาจุมพิตและปลุกเจ้าหญิงให้ฟื้นขึ้นมา แต่หลังจากเจ้าหญิงตื่นขึ้นมาแล้วกลับฆ่าเจ้าชายทิ้ง…”

ลี่เมิ่งเฉินยังถามยังไม่ทันจบเหมยเหมยก็รีบตอบกลับไปว่า “เพราะเจ้าหญิงอายุมากแล้ว เธอเห็นว่าเจ้าชายยังเด็กอยู่ กลัวเขาจะเปลี่ยนใจดังนั้นจึงฆ่าเจ้าชายทิ้งไงล่ะ”

ลี่เมิ่งเฉินสำลัก มองเหมยเหมยอย่างเหลือเชื่อ

ทั้ง ๆที่เป็นแค่คนสวยที่ไร้สมอง คาดไม่ถึงว่าจะสามารถตอบคำถามแบบนี้ได้?

หรือว่าจ้าวเหมยคนนี้จะโรคจิตอย่างที่เขาเล่าลือกันจริง ๆ?

ลี่เมิ่งเฉินไม่ยอมแพ้ กระแอ้มเสียงในลำคอแล้วพูดขึ้นว่า “ลองข้ออื่นบ้าง สองพี่น้องจัดงานศพให้พ่อ…”

เขากำลังพูดถึงโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ว่ากันว่าคนที่ตอบคำถามนี้ได้จะต้องเป็นโรคจิตขั้นรุนแรงแน่นอน เหมยเหมยหัวเราะเยาะเย้ย “คำถามง่าย ๆแบบนี้ยังจะเอามาถามอีก เพราะน้องสาวอยากจะเจอผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ดังนั้นจึงต้องจัดงานศพขึ้นอีกครั้ง”

“ไม่ได้การแล้ว…เหยียนหมิงซุ่น นายควรจะระวังตัวไว้บ้างนะ ระวังจะโดนฆ่าทิ้งเอาสักวัน!” ลี่เมิ่งเฉินพูดเกินจริง

แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าเหมยเหมยเป็นโรคจิตเพราะเขาก็สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เหมือนกัน ถ้าเหมยเหมยเป็นโรคจิต งั้นเขาก็เป็นโรคจิตไปด้วยไม่ใช่หรือไง?

ในสายตาของเหยียนหมิงซุ่นเต็มไปด้วยความตกใจ พฤติกรรมของเหมยเหมยอยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ

พอเหมยเหมยเห็นท่าทีตกใจของทั้งคู่ก็รู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก

“ก็เป็นแค่แบบทดสอบวัดว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่าเองไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ 800 ปีก่อนแล้วย่ะ เชอะ!”

ลี่เมิ่งเฉินยิ่งตกใจยกใหญ่ จ้าวเหมยเคยเห็นแบบทดสอบนี้มาจากไหน?

เหยียนหมิงซุ่นขัดจังหวะเอ่ยถามขึ้นว่า “ทำไมนายถึงโพสต์คำถามแปลก ๆเหล่านี้ในกระทู้ของโรงเรียนล่ะ?”

ท่าทางการแสดงออกของลี่เมิ่งเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็แค่สนุกดี…ใช่แล้ว รีบทำมื้อดึกของฉันด้วยล่ะ ขนมม้วนไส้ถั่วแดงไม่ใส่ผงถั่วเหลืองของฉันต้องได้กินก่อนสี่ทุ่มครึ่งนะ!”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก ขนมม้วนไส้ถั่วแดงไม่ใส่ผงถั่วเหลือง นี่ยังเรียกว่าขนมม้วนไส้ถั่วแดงได้อีกเหรอ?

“ทำไมถึงไม่ใส่ผงถั่วเหลืองล่ะ?” เธออดถามไม่ได้

ลี่เมิ่งเฉินกลับห้องไปแล้ว เขาหันกลับมาพูดเสียงนิ่งว่า “เพราะว่า…สีมันเหมือนขี้ไง…”

เหมยเหมย  ‘…เธออยากจะขี้เหลือเกิน!’

…………………………………………..

 ตอนที่ 2076 ไม่ใส่ผงถั่วเหลืองและถั่วแดงกวน

ป้าฟางมีฝีมือทำอาหารที่ยอดเยี่ยมมาก ในไม่ช้าขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ลี่เมิ่งเฉินร้องขอก็เสร็จสมบูรณ์ ไส้ถั่วแดงสีแดงเข้มห่อด้วยแป้งข้าวเหนียวสีขาวม้วนเป็นกลม ๆถูกหั่นแบ่งอย่างสวยงาม สีแดงขาวแบ่งชั้นกันอย่างสวยงาม ดูน่าอร่อยเหลือเกิน

เดิมทีควรจะโรยหน้าด้วยผงถั่วเหลืองที่หอมกรุ่นด้วย แต่เนื่องจากลี่เมิ่งเฉินพูดทำนองว่าเหมือน…ขี้…

งั้นก็ไม่โรยแล้วกัน!

เรื่องมากจริง ๆ!

ป้าฟางรีดแผ่นแป้งขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ขึ้นรูปสวยงามวางลงในจานกระเบื้องสีขาวรูปทรงสวยงาม สีและกลิ่นหอมน่ารับประทานมาก เพียงแต่ขั้นตอนสุดท้ายขาดหายไปจึงดูไม่เหมือนขนมม้วนไส้ถั่วแดงเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับดูเหมือนขนมข้าวเหนียวปั้นธรรมดา ๆมากกว่า

“ไม่เลวเลยทีเดียว รสชาติใช้ได้ ความเร็วก็ใช้ได้…อืม…ไส้ถั่วแดงแบบดั้งเดิม ทั้งหอมทั้งมีเนื้อให้เคี้ยว อร่อย!”

ลี่เมิ่งเฉินกินไปแล้วสองชิ้นก็ชมไม่ขาดปาก ดูท่าทางแล้วเขาน่าจะชอบกินขนมม้วนไส้ถั่วแดงมากจริง ๆ เพียงแต่รสนิยมก็แปลกมากจริง ๆ!

ขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ไร้ผงถั่วเหลือง มันก็เหมือนกับผลมะกอกที่ไร้ใบอ้ายเย่[1] ไม่มีมาตรฐานอย่างแท้จริง!

เหมยเหมยยังแค้นฝังใจเรื่องที่เจ้าหมอนี่ไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนหน้านี้ พอเห็นลี่เมิ่งเฉินกัดขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ป้าฟางตั้งใจใส่ไส้ถั่วแดงมาหนา ๆจนไส้ไหลเปื้อนมุมปากของเขา…

เธอก็ใจเต้นนึกอะไรขึ้นมาได้จึงจงใจหยิบกระจกอันเล็กออกมาวางไว้ตรงหน้าเขา พูดจากวนประสาทเขาว่า “ลี่เมิ่งเฉิน นี่มันเหมือนกับ…ขี้ไหม…สีและลักษณะเหมือนอย่าบอกใครเชียว!”

ลี่เมิ่งเฉินอดมองกระจกไม่ได้ ขนมม้วนไส้ถั่วแดงในมือของเขาที่กัดไปครึ่งหนึ่งมีไส้ถั่วแดงเปื้อนอยู่ที่มุมปาก และไส้ถั่วแดงในมือของเขาอีกครึ่งหนึ่งก็ไหลเยิ้มออกมาเรื่อย ๆ…

สีและลักษณะเหมือนอย่าบอกใครเลยจริง ๆ!

ลี่เมิ่งเฉินจุกอยู่ในอกและมองขนมม้วนไส้ถั่วแดงตรงหน้าไม่ได้อีกต่อไป สองชิ้นที่กินไปก่อนหน้านี้กำลังปั่นป่วนอยู่ในท้องและพร้อมขย้อนออกมาได้ทุกเมื่อ

มีเพียงผู้หญิงและคนต่ำทรามนี่แหละที่เลี้ยงไม่เชื่อง!

เขาเหลือบมองเหมยเหมยที่ทำหน้าลำพองใจก็รู้ว่าเธอจงใจแก้แค้น แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้มากที่สุดก็คือเวลาทานข้าว ต้องมาเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ทำให้คิดได้หลายแง่เช่นนี้

อย่างเช่นขี้…ที่พูดขึ้นเมื่อครู่นี้!

เขาไม่สามารถกินขนมม้วนไส้ถั่วแดงอย่างมีความสุขได้อีกต่อไป!

“กินอิ่มแล้ว…”

อาการคลื่นไส้ของลี่เมิ่งเฉินแย่ลงเรื่อย ๆ เขาเอาขนมม้วนไส้ถั่วแดงอีกครึ่งที่เหลือในมือโยนทิ้งไป แล้วเตรียมตัวกลับห้องไปนอนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

เหมยเหมยคาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ พูดแค่นี้ก็กินไม่ลงแล้ว ทั้ง ๆที่เมื่อครู่เขาเป็นคนพูดเอง!

“ลี่เมิ่งเฉิน พรุ่งนี้ยังอยากจะกินขนมม้วนไส้ถั่วแดงไหม?” เหมยเหมยจงใจถาม

“แน่นอนว่าต้องกินอยู่แล้ว…ไม่ใส่ผงถั่วเหลืองและถั่วแดงกวนนะ!” ลี่เมิ่งเฉินตอบกลับเสียงดัง

คิดจะหยุดเขาเหรอ?

เขาหาวิธีรับมือได้อยู่แล้ว!

เหมยเหมยเบิกตาโต ขนมม้วนไส้ถั่วแดงที่ไม่ใส่ผงถั่วเหลืองและถั่วแดงกวนแบบนี้มันคือขนมอี๋แล้วไม่ใช่เหรอ?

พรุ่งนี้ถ้าเธอบอกว่าขนมอี๋หน้าตาเหมือนของน่ารังเกียจอื่น ๆ ลี่เมิ่งเฉินจะกินขนมม้วนไส้ถั่วแดงได้อีกไหมนะ?

หรือจะกินแป้งข้าวเหนียวเปล่า ๆไปเลย?

เหมยเหมยกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างแปลกใจเพราะจู่ ๆก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ช่างเป็นเด็กที่ซื่อบื้อจริง ๆ!

“โจทย์พวกนั้นเธอไปได้ยินมาจากไหน?”

ก่อนนอนเหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้ เขารู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ

“ก็ในฝันของฉันไง ในฝันคนบนโลกอินเทอร์เน็ตชอบถกเถียงกันเรื่องโจทย์พวกนี้ ฉันเห็นเยอะเลยจำได้” เหมยเหมยอธิบาย

เหยียนหมิงซุ่นถึงนึกขึ้นได้ ดูเหมือนว่าความฝันของเหมยเหมยน่าจะเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในความฝันเหมยเหมยกลับมีชีวิตที่ไม่ดีนัก อยู่ดี ๆหัวใจของเหยียนหมิงซุ่นก็กระตุกวูบ

แต่เขาก็สงบนิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังมีเขาอยู่ เขาจะไม่ให้เรื่องเลวร้ายพวกนั้นเกิดขึ้นแน่นอน!

ไม่มีทาง!

…………………………………………..

[1] เป็นชื่อสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง มีชื่อภาษาไทยว่าโกฐจุฬาลัมพา

ตอนที่ 2073 ยังคงเเหมือนเดิม

เหมยเหมยกังวลเล็กน้อย “เขาจะมาจริง ๆเหรอพี่?”

“เขาจะต้องมาแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ลี่เมิ่งเฉินจะต้องเบื่อมากแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะโพสต์คำถามแปลก ๆเหล่านี้บนกระทู้ของโรงเรียนไปทำไม เขาต้องเบื่อขนาดไหนถึงทำแบบนี้ได้นะ

ดังนั้นเขาจะต้องไม่ยอมทิ้งเคสที่น่าสนใจไปอย่างแน่นอน เขาต้องโผล่หัวออกมาแน่!

การคาดเดาของเหยียนหมิงซุ่นถูกต้อง ยังไม่ถึงหนึ่งวันลี่เมิ่งเฉินก็โทรติดต่อมา น้ำเสียงยังคงฟังดูน่าหงุดหงิดเหมือนเมื่อสามปีก่อนไม่มีผิด น่าโดนกระทืบจริง ๆ!

“ตามหาตัวฉันมีเรื่องอะไร?” ลี่เมิ่งเฉินพูดตรง ๆไม่อ้อมค้อม

“นายจะมาหาฉันหรือว่าจะให้ฉันไปหานาย ไม่ทำให้นายเบื่อแน่นอน” เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่รีบร้อน ปลากินเบ็ดแล้ว ค่อย ๆเป็นค่อย ๆไป!

ลี่เมิ่งเฉินสงสัยอยู่บ้าง เขาไม่อยากจะติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ เพราะมันน่ารำคาญ!

เหยียนหมิงซุ่นมองออกถึงความคิดของเขาจึงจงใจพูดว่า “วางใจได้ ครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันมีเรื่องให้นายช่วย”

ลี่เมิ่งเฉินรู้สึกลำพองใจในทันที “ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็พอจะรับพิจารณาได้ ว่าแต่มีผลประโยชน์อะไร?”

“ยาวิเศษที่เคยให้นายไปเมื่อสามปีก่อน นายทำลอกเลียนแบบออกมาได้หรือยัง?” พอเหยียนหมิงซุ่นพูดออกไปปลายสายก็เงียบในทันที

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างลำพองใจ ยาวิเศษของภรรยาเขาจะลอกเลียนแบบได้ง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?

เจ้าหมอนี่ขี้โม้ก็ไม่กลัวว่าจะโม้เกินเหตุเลยนะ!

“ฉันช่วยนายก็ได้ แต่ว่านายต้องให้ยาวิเศษกับฉันอีกขวด” ลี่เมิ่งเฉินพูด

ยาวิเศษเมื่อสามปีก่อนทำให้คุณปู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนถึงตอนนี้ เขากลายเป็นทายาทอันดับหนึ่งอย่างราบรื่น สถานะมั่นคงไม่สั่นคลอน พูดถึงเขาเองก็ซาบซึ้งใจสองสามีภรรยาเหยียนหมิงซุ่นมากเช่นกัน

แต่บัญชีก็ต้องสะสางกันอย่างชัดเจน แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่ได้ก็ต้องไม่น้อยเช่นกัน!

ยาวิเศษแค่ขวดเดียวเหยียนหมิงซุ่นไม่ใส่ใจอยู่แล้วแต่เขาจะแสดงท่าทีใจกว้างจนเกินไปไม่ได้ เขาแสร้งลังเลอยู่พักใหญ่แล้วพูดว่า “ขอแค่นายช่วยจัดการธุระของฉันได้ ยาวิเศษแค่ขวดเดียวก็ไม่มีปัญหา”

“ตกลง ฉันจะไปหานายตอนนี้เลย นายเตรียมยาวิเศษเอาไว้แล้วกัน” ลี่เมิ่งเฉินพูดอย่างมั่นใจ

เขารู้สึกว่านอกจากคลอดลูกไม่ได้แล้ว ทุกอย่างบนโลกใบนี้เขาสามารถแก้ไขได้ทุกอย่าง อีกไม่กี่ปีรอให้เขาศึกษาเรื่องมดลูกเทียมได้ก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นอยากจะคลอดลูกกี่คนก็ย่อมได้ แล้วยังจำเป็นต้องใช้ผู้หญิงอีกเหรอ?

เวลาอันมีค่าของเขาจะเสียไปกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงไม่ได้!

ทั้งจิตใจคับแคบ แถมยังตาบอดอีกต่างหาก น่ารำคาญชะมัดเลย!

ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว เหยียนหมิงซุ่นขอให้ป้าฟางทำอาหารอีกสักสองสามอย่าง เขานั่งลงข้างเหมยเหมยแล้วรอการมาเยือนของลี่เมิ่งเฉิน

ลุงเหลาพาลี่เมิ่งเฉินเข้ามา ไม่เจอสามปีแต่เจ้าหมอนี่ก็ยังคงเหมือนเดิม ใบหน้าเย็นชา สายตากลอกขึ้นมองฟ้าราวกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับคนอย่างเขาอีกต่อไป!

ช่างขัดหูขัดตาเหลือเกิน!

“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันช่วยเสร็จต้องกลับไปทานมื้อดึกอีก” ลี่เมิ่งเฉินยังถ่อมตัวอยู่บ้างเพราะไม่ได้บอกว่าจะกลับไปทานข้าวเย็น

“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก กินข้าวก่อน ไม่รู้ว่านายชอบกินอะไร งั้นนายก็เลือกกินเองแล้วกัน!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างใจเย็นพร้อมผายมือให้ลี่เมิ่งเฉินนั่งรับประทานอาหาร หลายวันมานี้ลี่เหมิงเฉินขลุกตัวอยู่แต่บนภูเขา นอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วก็ไม่ได้ทานอย่างอื่นเลยจนปากแทบจะกลายเป็นนกอยู่แล้ว พอได้กลิ่นหอมของอาหาร ความหยิ่งผยองในตัวเขาก็มลายหายไปนานแล้ว สองขาเลือกได้เร็วกว่าปากของเขาเสียอีก

“อาหารรสชาติไม่เลวเลย…เอิก…นายรีบพูดธุระมาเถอะ…เอิก…”

ลี่เมิ่งเฉินทานข้าวติดต่อกันหกชาม อาหารบนโต๊ะถูกเขากวาดเรียบหมดทุกจาน เสียงเรอของเขาดังขึ้นในห้องไม่หยุด

เหมยเหมยมองดูผีหิวโหยที่เกิดใหม่ด้วยความรังเกียจ นี่มุดออกมาจากรูไหนเนี่ย ไม่กลัวท้องจะแตกตายบ้างหรืออย่างไรกัน

เหยียนหมิงซุ่นพาลี่เมิ่งเฉินไปที่ห้องหนังสือแล้วหยิบยาช่วยย่อยให้ลี่เมิ่งเฉินทานสองสามเม็ด พอเห็นเขาทานมันลงไปแล้วถึงได้พูดเรื่องพิษกู่หักสวาทขึ้นมา

“พิษกู่หักสวาทเหรอ? เจ้านี่มันคืออะไรกัน นายลองบอกรายละเอียดของเจ้านี้มาสิ!” ลี่เมิ่งเฉินเกิดความสนใจขึ้นมา

…………………………………………..

 ตอนที่ 2074 ฉันพักบ้านนาย

“นายเคยได้ยินเรื่องพิษกู่ของชายแดนเหมียวเจียงไหม? บนตัวฉันมีพิษที่เรียกว่าพิษกู่หักสวาทอยู่ ว่ากันว่าไม่มีทางรักษาหาย” เหยียนหมิงซุ่นบอกตามความจริง

ลี่เมิ่งเฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ในโลกนี้ไม่มีโรคที่รักษาไม่หาย ไม่มีพิษที่แก้ไม่ได้หรอก ก็แค่ยังคิดหาวิธีไม่ได้ก็เท่านั้น”

“ใช่ เพราะงั้นฉันถึงขอให้นายช่วย ถ้าหากจะมีใครที่สามารถกำจัดพิษกู่ในร่างกายของฉันได้ นอกจากนายก็ไม่มีใครแล้วล่ะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดแฝงคำเยินยอเล็กน้อย ลี่เมิ่งเฉินฉีกยิ้มแสดงท่าทีพอใจเป็นอย่างมาก

มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว พออัศวินลี่อย่างเขาควบม้ามา ต่อให้เป็นโรคเอดส์ก็ช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายสิบปี!

“พิษกู่หักสวาทเหรอ? ชื่อนี้น่าสนใจ หรือกล่าวได้ว่าจะไร้ซึ่งอารมณ์รักหลังจากถูกพิษชนิดนี้ใช่ไหมล่ะ? คล้ายกับดอกไม้ที่ไร้ความรู้สึกในหนังสือของจินยงสินะ?” ลี่เมิ่งเฉินลูบคางของเขาแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนว่าปกติแล้วเจ้าหมอนี่จะอ่านหนังสือเรื่องพวกนี้ไม่น้อยจึงมีความรู้เรื่องพิษพอสมควร

เหยียนหมิงซุ่นแอบมองบนพร้อมอธิบายความสุดยอดของพิษกู่หักสวาทอย่างอดทน

ลี่เมิ่งเฉินหัวเราะร่า “เรื่องนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว คาดไม่ถึงว่าพิษกู่ของแดนเหมียวเจียงจะน่าสนใจขนาดนี้ หากรู้เร็วกว่านี้จะไปเที่ยวแถวนั้นเสียหน่อย”

“พิษกู่ของแดนเหมียวเจียงสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 30 ปีก่อนแล้ว ถึงนายไปก็ไม่มีประโยชน์” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด

“แล้วพิษกู่บนตัวนายมาจากไหนล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่านายข้ามภพกลับไปเมื่อสามสิบปีก่อน พอได้รับพิษกู่หักสวาทแล้วก็ข้ามภพกลับมาอีกครั้ง?” ลี่เมิ่งเฉินพูดทีเล่นทีจริง เขาเป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก นี่คิดจะโกหกเขาเหรอ?

ไม่มีทางหรอก!

เหยียนหมิงซุ่นจำต้องอธิบายเรื่องที่เฉินซานโดนพิษอีกครั้งอย่างระอา ลี่เมิ่งเฉินลูบคางของเขาพลางครุ่นคิด ผ่านไปสักพักเขาถึงเอ่ยขึ้นว่า “น่าสนใจ เรามาเจาะเลือดก่อนดีกว่า!”

พอพูดจบก็ไม่รู้ว่าเขาเอาเข็มมาจากที่ไหน ซึ่งบอกเป็นเชิงให้เหยียนหมิงซุ่นเหยียดแขนออกมาเจาะเลือด

เหยียนหมิงซุ่นมองเจ้าหมอนี่ที่แสดงท่าทีโอหัง พร้อมเข็มที่ไม่รู้ว่าเขาเก็บไว้นานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่ามีแบคทีเรียตั้งกี่ชนิด นี่ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“คงไม่ต้องรบกวนนายหรอก แค่นายให้ที่อยู่ฉันมา เดี๋ยวฉันจะให้คนส่งเลือดไปให้”

“ไม่ต้องส่งไปหรอก สองสามวันนี้ฉันจะพักอยู่ที่บ้านนาย นายเตรียมห้องไว้ให้ฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะของีบสักหน่อย” ลี่เมิ่งเฉินบิดตัวอย่างเกียจคร้าน โยนเข็มทิ้งแล้วรอให้เหยียนหมิงซุ่นจัดห้องพักให้

เมื่อคืนเพื่อที่จะสังเกตว่าตอนตั๊กแตนตัวเมียผสมพันธุ์กับตั๊กแตนตัวผู้เสร็จ ตั๊กแตนตัวเมียจะกินตั๊กแตนตัวผู้จริงหรือไม่ เพราะแบบนี้เขาจึงไม่ได้นอนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ง่วงจะตายอยู่แล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างตกใจ “นายจะพักอยู่ที่บ้านฉันเหรอ? ที่เมืองหลวงนายไม่มีบ้านหรือไง?”

เขาไม่ต้อนรับให้เจ้าหมอนี่มาพักอยู่ที่บ้านเขาสักเท่าไรนัก มีก้างขวางคอโผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ เขากับเหมยเหมยจะจู๋จี๋กันอย่างไรล่ะ?

“มีสิ แต่ไม่มีเชฟฝีมือดีแบบนี้ อาหารที่เชฟบ้านนายทำถูกปากฉันมาก นายรีบไปจัดห้องเลย ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ใช่แล้ว ขอเสื้อผ้านายมาเปลี่ยนสักชุดด้วยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกจนปัญญาเป็นครั้งแรก เจ้าหมอนี่ไม่รู้วิธีการปฏิบัติตัวเป็นแขกที่ดีสักนิดเลยเหรอ?

แต่ตอนนี้เขากำลังขอความช่วยเหลืออยู่จึงทำได้แค่จำใจยอม!

เหยียนหมิงซุ่นมอบหมายให้ลุงเหลากับป้าฟางไปจัดการ ทว่าเขาเองก็อารมณ์ดีไม่หยอก พอเห็นท่าทีของลี่เมิ่งเฉินแล้ว เขาน่าจะมีความมั่นใจในการแก้พิษพอสมควร งั้นให้เขาอยู่สักสองสามวันก็ได้!

เขาต้องอดทนไว้!

“เหยียนหมิงซุ่น ฉันจะทานมื้อดึกตอนสี่ทุ่มครึ่งนะ อืม…ฉันอยากกินขนมม้วนไส้ถั่วแดง แล้วก็ไม่ต้องใส่ผงถั่วเหลืองนะ!” ลี่เมิ่งเฉินห่อตัวด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้ววิ่งทุลักทุเลออกมาจากห้องน้ำ น้ำไหลเจิ่งนองเต็มพื้น

เหมยเหมยเดินออกมาจากห้องวาดรูปเพื่อดื่มน้ำ ทันใดนั้นก็เห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนยืนอยู่ เธอตกใจนึกว่าตัวเองมาผิดที่ ใบหน้าอันงดงามซีดขาวขึ้นมาทันที

เหยียนหมิงซุ่นถีบลี่เมิ่งเฉินกลับเข้าห้องน้ำไปด้วยความโมโห แล้วหันไปปลอบใจเหมยเหมย “ไม่ต้องกลัว นั่นคือลี่เมิ่งเฉิน เขามาอยู่บ้านเราน่ะ!”

…………………………………………

ตอนที่ 2071 คนที่ตอบได้ส่วนใหญ่เป็นโรคจิตเหรอ

พอได้ยินโจทย์แบบนี้อีกครั้งเหยียนหมิงซุ่นก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนขึ้นมา เขาแปลกใจว่าที่ลี่เมิ่งเฉินถามคำถามพิลึกแบบนี้บนอินเทอร์เน็ตมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

เหมยเหมยถามอีกว่า “นักเรียนโรงเรียนเธอตอบคำถามพวกนี้อย่างไรกันเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มแล้วพูดว่า “มีคำตอบที่หลากหลายมากมายเต็มไปหมด บางคนก็บอกว่าเอาแตงโมมาผ่าสามซีกใส่ลงหม้อต้มเป็นซุปแล้วก็แบ่งให้เด็ก ๆทั้งห้าคนเท่า ๆกัน บางคนก็บอกว่าโจทย์แบบนั้นไม่ได้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์และไม่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเพจของโรงเรียนนั้นไม่พอใจที่คำตอบนั้นแปลกกว่าโจทย์เสียอีก”

เหมยเหมยขำพรืดออกมา สมองของนักเรียนมัธยมต้นนั้นน่าทึ่งจริง ๆ คำตอบที่บอกให้ต้มซุปนั้นยอดเยี่ยมมาก!

“หลังจากตอบคำถามแล้วคนพวกนี้ได้รับเงินรางวัลไหม?” เหมยเหมยถามอีกครั้ง

“ได้กันหมดทุกคน รุ่นพี่ลี่จัดการเตรียมไว้เรียบร้อย นักเรียนที่ตอบคำถามต่างก็จะได้รับรหัสเฉพาะบุคคลไป หลังจากนั้นก็ไปแจ้งรหัสที่เกม เซ็นเตอร์แล้วจะได้รับเหรียญเกมมา 20เหรียญ”

เหมยเหมยมองบนจัดการแบบนี้ก็ได้เหรอ?

ลี่เมิ่งเฉินนี่ว่างเกินไปหรืออย่างไรกัน!

“ลี่เมิ่งเฉินได้โพสต์คำตอบที่ถูกต้องไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายศีรษะ “เปล่าเลย ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร?” เธอเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตบโต๊ะพูดอย่างตื่นเต้นขึ้นว่า “พูดถึงมีคำตอบของนักเรียนสองสามคนที่ตอบได้น่าตกใจเป็นพิเศษ คำตอบของพวกเขาเหมือนกัน ดูเหมือนว่ารุ่นพี่ลี่จะเคยติดต่อกับพวกเขามาก่อนด้วย”

เหมยเหมยรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที “พวกเขาตอบว่าไงเหรอ?”

“มันเป็นคำตอบที่น่าตกใจมากจริง ๆ เขาบอกว่าฟันเด็กให้ตายคนหนึ่งก่อนแล้วผ่าแตงโมแบ่งออกเป็นสองซีก จากนั้นก็แบ่งแตงโมออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆกันเพื่อแบ่งให้เด็กสี่คนที่เหลือ โอ้แม่เจ้า โหดร้ายทารุณจริง ๆ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทุบอกตัวเอง

ตอนที่เธอเห็นคำตอบเหล่านี้ เหงื่อก็ผุดขึ้นมาชุ่มตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเลย

เหมยเหมยใจเต้น อันที่จริงนี่ถึงจะคือคำตอบที่ถูกต้อง เพียงแต่ที่เล่าลือกันว่าคนที่ตอบคำถามได้จะเป็นคนที่มีปัญหาทางจิตไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าคำพูดนี้เชื่อถือได้หรือเปล่า

เธอถามถึงโจทย์ข้ออื่น ๆที่ลี่เมิ่งเฉินโพสต์อีกแต่ก็ไม่ต่างจากที่เธอรู้มา บางอันเธอเคยได้ยินมาเมื่อชาติที่แล้ว บางอันคือโจทย์ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ทว่าก็ใกล้เคียงกันพอสมควร เธอรู้สึกว่าหากตอบทุกข้อถูกหมดจิตใจคงไม่ค่อยปกตินัก

เหมยเหมยไม่รู้เรื่องคะแนนตอบคำถามที่นำลิ่วคนอื่นในปีนั้นของเหยียนหมิงซุ่น ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดเช่นนี้!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงพูดเป็นต่อยหอยไม่หยุด “คำถามพวกนี้แปลกมาก คำตอบก็แปลกมากเช่นกัน จนมาถึงตอนนี้มีคนมาตอบคำถามพวกนี้มากกว่าหนึ่งพันคนแล้ว ใช่แล้ว สองวันที่ผ่านมารุ่นพี่ลี่ได้โพสต์โจทย์ใหม่ด้วย แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด กระทู้เลยค่อนข้างร้างจึงมีคนมาตอบไม่กี่คน”

เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นไปหยิบโน้ตบุ๊คออกมาจากห้องหนังสือแล้วมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นไม่นานก็เข้าสู่กระทู้โรงเรียนมัธยมปลายของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ ภายใต้คำแนะนำอย่างละเอียดของโจวเจี๋ยรุ่ย ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นจึงทำการแฮกสิ่งที่ง่าย ๆได้อยู่บ้าง เช่นเรื่องเล็กน้อยอย่างการแฮกเข้ากระทู้โรงเรียนแบบนี้เขาสามารถทำได้อย่างง่ายดายมาก

เหมยเหมยเห็นโจทย์ใหม่ล่าสุดที่ลงโพสต์ไว้ซึ่งเป็นโจทย์งานศพสองพี่น้องที่แสนคุ้นเคยดี

“โจทย์ว่าพ่อของพี่น้องทั้งสองเสียชีวิตในงานศพ น้องสาวได้พบกับผู้ชายที่หล่อมากจนตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ หลังจากนั้นไม่กี่วันน้องสาวก็ฆ่าพี่สาวทิ้ง นั่นเป็นเพราะอะไร?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกปวดศีรษะขึ้นมาเลย ลูบคางพร้อมพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย “หรือว่าน้องสาวจะเป็นโรคประสาทแล้วอาการกำเริบ?”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะแก้ไขคำตอบของเธอให้ถูกต้อง “ผิดแล้ว น้องสาวอยากจะเจอผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ดังนั้นเลยอยากจัดงานศพอีก แบบนี้เธอก็อยู่กับผู้ชายคนนั้นได้แล้ว”

“บ้าน่า…โรคจิตอะไรขนาดนี้…” พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังก็ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา

เพื่อที่จะได้เห็นหน้าผู้ชายถึงขั้นฆ่าพี่สาวของตัวเองทิ้ง นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้ด้วยเหรอ?

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยด้วยความประหลาดใจ ทำไมยัยตัวแสบถึงตอบได้?

หรือว่าจิตใจของเหมยเหมยก็ไม่ปกติเหมือนกันนะ?

…………………………………………..

 ตอนที่ 2072 คนรักในฝันของสาวพันล้านคน

เหยียนหมิงซุ่นอ่านคำตอบของโพสต์นี้ซึ่งไม่ได้มีมากเท่าไร และคำตอบนั้นน่าสนใจมาก ส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโดยบอกว่าน้องสาวคนนี้ป่วยอาการทางจิตหรือก็คือความคิดของคนทั่วไป!

กระทู้นี้ถูกตั้งขึ้นเมื่อวันก่อนนี้เอง หลังจากนั้นลี่เมิ่งเฉินก็ไม่ปรากฏตัวบนอินเทอร์เน็ตอีกเลย เหยียนหมิงซุ่นให้ความสนใจกับชื่อบนอินเตอร์ของเขาเป็นพิเศษ——

คนรักในฝันของสาวพันล้าน!

“พรืด”

เหมยเหมยปล่อยก๊ากออกมาอย่างอดไม่ได้ เจ้าหมอนี่หลงตัวเองมากไปหน่อยมั้ง?

แต่มันเข้ากับนิสัยขี้โม้ของเจ้าหมอนี่จริง ๆ หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก!

“เธอรู้ได้ไงว่าชื่อนี้คือลี่เมิ่งเฉิน? ชื่อบนอินเตอร์เน็ตของเขาเปิดเผยต่อสาธารณะเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น

ใช่ว่าลูกน้องของเขาจะไม่เคยตรวจสอบโรงเรียนเก่าของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาก่อน แต่ถามนักเรียนมาหลายคน ส่วนใหญ่ต่างก็บอกว่าไม่รู้จัก ถึงแม้ว่าบางคนจะรู้แต่กลับไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของลี่เมิ่งเฉิน ไม่รู้แม้กระทั่งช่องทางติดต่อของเขาด้วยซ้ำ

ดังนั้นการที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจ อดไม่ได้ที่จะโม้ “ฉันเป็นคนเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้…”

เพียงแต่ว่าพอโดนเหยียนหมิงซุ่นจ้องไม่ถึงสามวินาที เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยอมจำนนแล้วบอกตามตรง

“ฉันวิเคราะห์ได้เองแหละ ตอนนั้นรุ่นพี่ลี่เคยแอบรักรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อน แถมยังเขียนจดหมายรักถึงเธอมากมาย แต่รุ่นพี่ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบรุ่นพี่ลี่จึงติดจดหมายรักเหล่านี้ไว้ที่บอร์ดหน้าประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน นอกจากนี้เธอยังเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเธอไม่ชอบผู้ชายอย่างรุ่นพี่ลี่ที่วัน ๆไม่ตั้งใจเรียนอีกด้วย”

“พรืด”

เหมยเหมยหลุดขำอีกครั้ง

โธ่เอ้ย คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะมีช่วงเวลาที่เสียหน้ากับเขาด้วย!

ถึงแม้ว่ารุ่นพี่คนนี้จะทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย แต่ทำไมเธอกลับรู้สึกมีความสุขนักล่ะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดต่อว่า “รุ่นพี่ลี่อาจจะได้รับการกระทบกระเทือนทางใจ เขาป่าวประกาศทั่วทั้งโรงเรียนว่าเขาถูกลิขิตให้เป็นคนรักในฝันของสาวพันล้านคน เหตุที่รุ่นพี่เมินเขาเพราะเธอตาบอด วันหลังเธอจะต้องเสียใจแน่!”

“ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันเดาว่าคนรักในฝันของสาวหนึ่งพันล้านคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่ลี่ และคนที่จะตั้งโจทย์แปลก ๆพวกนี้ลงบนอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากรุ่นพี่ลี่แล้วคนอื่น ๆคงไม่ทำตัวน่าเบื่อขนาดนั้นหรอก“ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแน่ใจมาก

เธอเอาเนื้อแห้งสิบห่อเป็นประกันเลยคนรักในฝันของสาวพันล้านเนี่ยจะต้องเป็นยอดอัจฉริยะรุ่นพี่ลี่คนนั้นแน่นอน

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ถามอะไรอีกแต่โทรศัพท์หาโจวเจี๋ยรุ่ยให้เขาสะกดรอยตามที่อยู่ IP ของคนรักในฝันของสาวหนึ่งพันล้านคนนี้ทันที แน่นอนว่าเขาจงใจแอดเจ้าหมอนี่ไปด้วย

เหยียนหมิงซุ่นตอบคำถามโจทย์งานศพนี้ หลังจากนั้นก็ตั้งคำถามกลับอีกคำถามหนึ่งซึ่งเป็นโจทย์เนื้อแพนกวิ้นที่โด่งดังไม่น้อยเพื่อทดสอบฝั่งตรงข้าม

เขามั่นใจว่าเจ้าหมอนี่จะต้องตอบกลับแน่นอน

เป็นจริงตามคาด——

ผ่านไปไม่กี่นาทีลี่เมิ่งเฉินก็ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นฝ่ายแอดกลับมาเองเพื่อตอบคำถามเรื่องเนื้อนกเพนกวิน คำตอบสมบูรณ์แบบมาก

เหยียนหมิงซุ่นโทรศัพท์หาโจวเจี๋ยรุ่ยเพื่อให้เขาเริ่มติดตาม ฝั่งเขาก็จะถามคำถามอื่น ๆเพื่อถ่วงเวลาไว้ ลี่เมิ่งเฉินไม่ทันได้สังเกตจึงโต้ตอบกันไปมาอย่างมีความสุข

คำถามทดสอบสามสิบข้อที่เฮ่อเหลียนชิงสร้างขึ้นในปีนั้นถูกเหยียนหมิงซุ่นใช้ถามจนหมด และลี่เมิ่งเฉินก็ตอบถูกหมดโดยไม่มีข้อใดผิดเลย

“ได้คุยกับนายมีความสุขมาก แต่ว่านายอย่าคิดว่าจะหาฉันเจอเลย!”

จู่ ๆฝั่งตรงข้ามก็ส่งประโยคดังกล่าวมา จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าเหยยีนหมิงซุ่นจะแอดหาเขาเท่าไรก็ไม่เห็นเขาปรากฏตัวอีก

โจวเจี๋ยรุ่ยโทรมาด้วยความหงุดหงิด เขาบอกว่าอีกฝ่ายเจ้าเล่ห์มาก เขาเกือบจะหาเจอแล้วแต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายสลัดทิ้งเหมือนแมวเล่นไล่จับหนูยังไงอย่างนั้น เล่นเอาเขาหัวหมุนไปหมด

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตำหนิเขาเพราะตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าคนรักในฝันของสาวพันล้านคนนี้คือลี่เมิ่งเฉินแน่นอน

“ลี่เมิ่งเฉิน ฉันคือเหยียนหมิงซุ่น ฉันมีเคสแปลก ๆต้องการความช่วยเหลือจากนาย นายจะเสียใจแน่ถ้านายไม่มาหาฉัน” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งข้อความไว้

………………………………………….

ตอนที่ 2069 มีข่าวคราวแล้ว

หลังทานข้าวเสร็จเหมยเหมยก็ส่งข้อความไปทางเพจเจอร์ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่นานคุณหนูใหญ่เหริ่นก็โทรกลับมา

“มีเรื่องดี ๆอะไรถึงได้ทักหาฉันเหรอ?” เสียงดังกังวานของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้จะผ่านโทรศัพท์ก็ยังใสได้ขนาดนี้ ช่างเต็มไปด้วยพลังจริง ๆ

“อยากให้เธอช่วยตามหาคนหน่อย เธอเป็นเจ๊ใหญ่ของเมืองหลวงไม่ใช่หรือไง!” เหมยเหมยแอบประจบประแจงไปที ซึ่งได้ผลกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากเพราะอีกฝ่ายได้ใจเหลือเกิน

“แหงอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าฉันโม้นะ ทั่วทั้งเมืองหลวงนอกจากเรื่องของ**ไห่ที่ฉันไม่กล้าสืบ เรื่องอื่นไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้ เธออยากหาใครเหรอ?”

“เธอเคยได้ยินคนที่ชื่อลี่เมิ่งเฉินไหม?” เหมยเหมยถามออกไป

เหยียนหมิงซุ่นหูกระดิกแล้ววางโน้ตบุ๊คในมือลง ช่วงนี้เขากำลังศึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์ เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องเก่งอย่างโจวเจี๋ยรุ่ยหรือลี่เมิ่งเฉิน แต่ก็ต้องรู้ไว้บ้างไม่มากก็น้อย

เขามองเหมยเหมยแล้วยิ้มอย่างปลื้มใจ

เมื่อครู่ตอนทานข้าวเขาแค่ถามเล่น ๆขึ้นมาเท่านั้นเหมยเหมยก็จำได้แล้ว แถมยังช่วยเขาตามสืบอีก ช่างเป็นยายโง่เสียจริง คนที่แม้แต่เสี่ยวกัวยังหาไม่เจอ เพื่อนจอมปากสว่างและชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นของเธอจะตามหาเจอได้อย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากบั่นทอนความกระตือรือร้นของเหมยเหมยเลยปล่อยให้เธอวิ่งเต้นอยู่อย่างนั้น เมื่อหาไม่พบก็จะล้มเลิกความตั้งใจไปเอง เขาศึกษาคอมพิวเตอร์ต่อไปโดยมีโจวเจี๋ยรุ่ยคอยสอนให้เขาใช้โปรแกรม ดูท่าทางน่าสนุกเหมือนกัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนเสียงดัง “รู้จักสิ ลี่เมิ่งเฉินคือรุ่นพี่ฉันเอง เป็นรุ่นพี่ของฉันหนึ่งรุ่น เมื่อก่อนเขาเคยออกรายการกับเธอไม่ใช่เหรอ? รายการที่ชื่ออัจฉริยะอะไรนั่นน่ะ”

“ใช่ เขานั่นแหละ ที่แท้เขาก็คือรุ่นพี่เธอนี่เอง เชี่ยนเชี่ยน เธอสามารถตามหาตัวเขาเจอไหม?” เหมยเหมยดีใจมากและรู้สึกว่าช่างบังเอิญเสียจริง

เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจหยุดทำทุกอย่าง ดูท่าจะเหนือคาดเขาไปนิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับลี่เมิ่งเฉินมีความสัมพันธ์นี้ด้วยหรือ?

ผ่านไปครู่หนึ่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงตอบกลับ “อันนี้ฉันไม่แน่ใจจริง ๆ ปกติรุ่นพี่ลี่ชอบแวบไปแวบมา ฉันเคยเจอเขาแค่สามสี่ครั้งเอง อาจจะหาเขาไม่เจอหรอกนะ เหมยเหมยจะตามหาเขาทำไมเหรอ?”

เหมยเหมยผิดหวังหน่อย ๆแต่ก็อยู่ในความคาดหมาย คนที่เหยียนหมิงซุ่นตามหาไม่พบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหาเจอสิแปลก!

“ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรหรอก ไม่เจอก็ช่างเถอะ เชี่ยนเชี่ยนเธอก็ไปทำงานของเธอเถอะ!” เหมยเหมยพูดกลบเกลื่อนไม่กี่ประโยคแล้ววางสายไป ก่อนจะยิ้มเอาใจเหยียนหมิงซุ่นทีหนึ่ง

“ไม่มีเรื่องสำคัญจริง ๆ เธออย่าคิดมากเลย รีบนอนซะ เด็กดี!”

เหยียนหมิงซุ่นลูบศีรษะเธอเบา ๆ ผมนุ่มลื่นยิ่งกว่าเส้นไหมทำเอาใจเขากระตุกจนเกือบจะสิงวิญญาณยายตัวแสบอย่างลึกซึ้งเสียแล้ว

แต่เขาก็อดทนไว้ การบ้านที่โจวเจี๋ยรุ่ยจัดให้ยังไม่เสร็จ รอให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำหูโทรศัพท์เงียบไปพักใหญ่ อยู่ ๆก็โทรมาถามถึงใครก็ไม่รู้ นี่หมายความว่าอย่างไร?

เหมยเหมยไม่ใช่คนว่างงานขนาดนั้นนี่นา!

น่าจะมีเรื่องสำคัญสินะ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนครุ่นคิดอยู่นานก็ไล่โทรทีละสาย เธอโม้ไปตั้งเยอะก็ต้องหาทางกู้หน้าตัวเองสักหน่อย ทำธุรกิจต้องให้มีความน่าเชื่อถือนี่นา!

ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นไม่มีความคืบหน้าใดๆ  ลี่เมิ่งเฉินเหมือนหายตัวไปจากโลก รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่อาจจะประกอบสร้างยานอวกาศบินไปพักผ่อนที่นอกโลกแล้วละมั้ง!

โลกนี้ไม่พอสำหรับเจ้าหมอนี่แล้ว!

“คงไม่ได้ปลอมเป็นคนอื่นไปต่างประเทศแล้วนะ?” เสี่ยวกัวสงสัย

เหยียนหมิงซุ่นย่นคิ้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆก็ยากจะตามหาแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากเหมยเหมย เธอตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “พี่ เชี่ยนเชี่ยนบอกว่ามีข่าวของลี่เมิ่งเฉินแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นตกใจอย่างมาก เรื่องจริงหรือโกหกกันแน่?

ลูกน้องตั้งมากมายของเขายังหาไม่พบ ลำพังเด็กผู้หญิงธรรมดาอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับหาพบงั้นเหรอ?

หากเป็นเรื่องจริงแล้วบรรดาลูกน้องของเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

…………………………..

 ตอนที่ 2070 แจกจ่ายภารกิจ

เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ค่อยเชื่อว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะตามหาลี่เมิ่งเฉินพบ ในเมื่อเขาเชื่อมั่นในตัวลูกน้องที่ผ่านการฝึกด้วยตัวเขาเองอย่างมาก คนที่แม้แต่พวกเขายังตามหาไม่พบเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะตามหาพบได้อย่างไร?

แต่เขาก็ให้เหมยเหมยเรียกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาที่บ้านเพราะกลัวเกิดเรื่องเหนือคาดขึ้น หากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีข่าวคราวจริง ๆ เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงอย่างรวดเร็วเพราะเธอขับรถมาเอง หลายปีมานี้บริษัทครอบครัวเธอรุ่งเรืองมาก คุณแม่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าล้วนเป็นเพราะคุณงามความดีของลูกสาวเลยซื้อรถเอฟเอดับบลิวคันสีแดงให้เป็นของขวัญวันเกิด

“รุ่นพี่ลี่อยู่ไหนฉันไม่รู้แต่ฉันรู้ว่าอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน ตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนเขาก็แจกจ่ายภารกิจในกระทู้โรงเรียนมัธยมปลายของเราติดต่อกันหลายภารกิจ จนตอนนี้มีคนได้เงินรางวัลไปพันกว่าคนแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกข้อมูลที่เธอได้มา

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นมองหน้ากัน แจกจ่ายภารกิจ?

แล้วยังมีเงินรางวัลด้วย ลี่เมิ่งเฉินทำอะไรกันแน่?

“ภารกิจอะไร?” เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มตอบ “ภารกิจน่าสนใจทีเดียว เขาจะเว้นช่วงทุก ๆสองสามวันแล้วจะถามหนึ่งคำถามเพื่อให้คนตอบคำถาม ไม่ว่าเธอจะตอบอะไรก็จะได้เหรียญเติมเกมยี่สิบเหรียญ”

เหมยเหมยเกิดสนใจขึ้นมาชั่วขณะ “ลี่เมิ่งเฉินถามอะไรบ้าง?”

“มีแต่คำถามแปลก ๆ เช่นโจทย์คณิต แตงโมหนึ่งลูกหั่นได้สามส่วนแต่จะแบ่งให้เด็กห้าคนได้อย่างไร?”

เหมยเหมยขมวดคิ้ว คำถามนี้คุ้นหูจัง เพราะหากผ่านไปราวสิบปีข้างหน้า คำถามวิเคราะห์สุดสยองพวกนี้จะกลายเป็นคำถามยอดนิยมในโลกโซเชียลซึ่งได้ยินมาว่าเป็นคำถามพิเศษไว้ทดสอบสภาวะทางจิตประเภทหนึ่ง หากตอบถูกทั้งหมดก็จะบ่งบอกว่ามีความเป็นได้ร้อยละแปดถึงเก้าสิบที่คุณจะมีปัญหาทางจิต

แต่ตอนนี้น่าจะไม่นิยมคำถามแบบนี้สินะ?

ลี่เมิ่งเฉินรู้มาจากไหนกันแน่?

แต่ไม่นานเหมยเหมยก็เข้าใจ ได้ข่าวว่าโจทย์วิเคราะห์เหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ไว้สำหรับทดสอบกันภายในของ FBI ถ้าลี่เมิ่งเฉินเป็น King ที่แวบไปแวบมาอย่างไร้ร่อยรอยคนนั้นจริง ๆ การที่เขาจะได้โจทย์ทดสอบจากภายใน FBI คงง่ายยิ่งกว่าวิ่งจากซีตันไปหวังฝู่แล้วล่ะ

แต่เธอก็แปลกใจอยู่ดีว่าลี่เมิ่งเฉินโพสต์โจทย์พวกนี้ไว้ในโลกอินเตอร์เน็ตให้คนตอบคำถามเพื่ออะไรกันแน่?

หรือว่ากินอิ่มท้องว่างจนเกินไปงั้นหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว เขารู้โจทย์พวกนี้อยู่แล้ว เฮ่อเหลียนชิงมีครบมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

ตอนที่เฉินซานพาเขาไปหาเฮ่อเหลียนชิงเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาต้องร่วมแข่งขันกับหนุ่มวัยรุ่นมากฝีมือเหมือนกันหลายคน ด่านแรกของการสัมภาษณ์ก็คือการตอบโจทย์พวกนี้ มีทั้งหมดสามสิบข้อเขาถูกไปยี่สิบแปดข้อได้คะแนนสูงสุด

คนอื่น ๆตอบถูกเพียงไม่กี่ข้อหรือบางคนตอบไม่ถูกเลยสักข้อเดียว ตอนนั้นเขายังแอบดีใจคนเดียวรู้สึกว่าตัวเองฉลาดเกินคนนัก แต่–

พอภายหลังเฮ่อเหลียนชิงได้บอกที่มาที่ไปของโจทย์พวกนี้ เขาก็รู้สึกแย่ยิ่งกว่าอะไร

ทั้งที่เขาเป็นคนปกติยิ่งกว่าปกติแล้วจะเป็นคนโรคจิตได้อย่างไร?

แค่ตอบคำถามไม่กี่คำถามก็บ่งบอกว่าเขาโรคจิตแล้ว บททดสอบนี้ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย

เมื่อนั้นอารมณ์ยามที่เขาได้ฟังเฮ่อเหลียนชิงเล่าถึงที่มาที่ไปของโจทย์ เขาหลงคิดว่าตนจะถูกปัดให้ตกรอบไปแล้วในเมื่อไม่มีใครอยากได้ลูกบุญธรรมเป็นโรคจิต

แต่ผลกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขากับคนอื่น ๆ คนที่ตอบถูกน้อยกว่าสิบข้อล้วนถูกปัดตกรอบ คนที่เหลือมีแต่คนที่ตอบถูกมากกว่าสิบข้อขึ้นไป และเขาก็ย่อมอยู่ต่อ

ภายหลังเขาเคยถามเฮ่อเหลียนชิงว่าทำไมถึงเลือกเช่นนี้?

เมื่อนั้นเฮ่อเหลียนชิงได้พูดประโยคที่น่าสนใจออกมาว่า ‘ถ้าไม่โรคจิตก็ประสบความสำเร็จไม่ได้!’

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นคิดไม่ตกมาตลอดว่าทำไมถึงว่าเขาโรคจิตล่ะ?

ต่อมาพอเขารู้ว่าคะแนนของเฮ่อเหลียนเช่อได้เต็มสามสิบคะแนนก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมถึงได้คะแนนแย่กว่าหมอนี่ได้ล่ะ?

แต่ถ้าได้คะแนนโจทย์พวกนี้เต็มก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่าโอ้อวดอะไร!

คำถามนี้จึงติดค้างอยู่ในใจเหยียนหมิงซุ่นมาตลอดจนตอนนี้เขาก็ยังปล่อยวางไม่ได้สักที

……………………..

ตอนที่ 2067 ที่แท้ก็คนคุ้นเคยนี่เอง

เหยียนหมิงซุ่นมองไปตามมือของเสี่ยวกัวแล้วก็พบว่าบนหน้าจอมีรูปของสามคนซึ่งเป็นชายสองหญิงหนึ่งที่ต่างอายุน้อยกันทั้งหมด คนที่เด็กที่สุดคือผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุสิบแปดปีซึ่งตัดออกไปได้เลย

โอกาสที่เด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปีจะเป็นเพื่อนสนิทกับคุณชายน้อยบีเบอร์คงมีไม่มาก

ผู้ชายสองคนที่เหลือ คนหนึ่งมีอายุยี่สิบสองปีส่วนอีกคนหนึ่งมีอายุยี่สิบสี่ปี คนหนึ่งคือผู้สืบทอดตระกูลลี่ ส่วนอีกคนหนึ่งคือคุณชายตระกูลเสิ่นซึ่งต่างเป็นคุณชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย

คนที่เสี่ยวกัวชี้กลับเป็นผู้สืบทอดตระกูลลี่ พอเหยียนหมิงซุ่นมองเพียงปราดเดียวก็จำได้ว่าเคยเจอเขามาก่อน อีกอย่างยังเคยร่วมมือกันด้วย

อีกฝ่ายก็คือลี่เมิ่งเฉินที่เคยออกรายการร่วมกับเหมยเหมยมาก่อนนั่นเอง

ผู้ชายที่ฉลาดปราดเปรื่องแต่กลับหลงตัวเองสุดขั้วคนนั้น!

สามปีก่อนหมอนี่เคยตามตื๊อขอยาวิเศษจากเขาไปหนึ่งขวด บอกว่าจะช่วยเขาดึงดูดความสนใจจากเฮ่อเหลียนเช่อไปบ้างเพราะเขาผสมยาได้ ขอแค่มียาวิเศษเขาก็สามารถลอกเลียนแบบได้

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อหมอนี่สักเท่าไรนักและหลงคิดว่าเขาแค่โม้เท่านั้น แต่เห็นแก่บุญคุณที่ลี่เมิ่งเฉินช่วยชีวิตเอาไว้บวกกับหมอนี่ตามตื๊อจนน่ารำคาญเลยให้เขาไปหนึ่งขวด แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าหมอนี่จะลอกเลียนแบบได้

แต่ตอนนี้–

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตุบตับ เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?

คนฉลาดปราดเปรื่องหลงตัวเอง แล้วผลิตยาเองได้…

คุณสมบัติตรงกับลี่เมิ่งเฉินเป๊ะ หรือว่าวินซ์คนนั้นก็คือลี่เมิ่งเฉินงั้นเหรอ?

ความคิดของเสี่ยวกัวกับเขาตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้คุณชายตระกูลเสิ่นเองก็เก่งมากแต่ความเก่งกาจของเขาอยู่ในเรื่องธุรกิจการค้า คุณชายเสิ่นเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจการค้าตั้งแต่เด็ก ตระกูลเสิ่นจึงก้าวกระโดดจากตระกูลปลายแถวมาอยู่ระดับแถวหน้าเพราะเขา

ไม่เคยได้ยินว่าคุณชายเสิ่นรู้เรื่องการแพทย์เลยสักนิด ต่อให้เขาปิดบังความจริงที่ว่าเขารู้เรื่องการแพทย์แต่ปีที่แล้วคุณชายเสิ่นไม่เคยไปประเทศอเมริกาเลยตลอดทั้งปี เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาไปรักษาโรคมะเร็งให้ท่านผู้เฒ่าบีเบอร์

คนที่เหลือก็มีเพียงลี่เมิ่งเฉินแล้ว!

“หมอนี่แหละ เอ๊ะ หมอนี่เคยออกรายการกับภรรยาของคุณด้วย คุณลองถามคุณจ้าวสิว่ามีเบอร์โทรของเขาไหม โทรนัดเขามาดื่มน้ำชาสิ!”

เสี่ยวกัวมีข้อมูลละเอียดยิบ แม้แต่รายการโทรทัศน์ที่ลี่เมิ่งเฉินเคยออกก็มีบันทึกเอาไว้เพื่อสะดวกในการตามหา มิน่าหมอนี่ถึงได้หาใครเก่งขนาดนี้ หากในยามปกติต้องลำบากไม่น้อยแน่ ๆ

โลกนี้ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ นอกเสียจากเป็นลูกชายแท้ ๆของพระเจ้า!

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “คุณไปนัดลี่เมิ่งเฉินมาดื่มชาสิ!”

เสี่ยวกัวไม่พอใจมาก “ทำไมถึงเป็นผมอีกแล้วล่ะ? ลูกน้องของคุณมีตั้งมากไว้กินข้าวฟรี ๆหรือไง!”

“ลูกน้องฉันไม่เครียดเรื่องลูกชาย” เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่บ่งบอกชัดเจนว่า–

อยากมีลูกไว้สืบตระกูลอีกไหมล่ะ?

เสี่ยวกัวถอนหายใจอย่างโอดครวญแวบหนึ่งแล้วยอมไปทำงานแต่โดยดี ใครให้เขาอยากมีลูกชายกันล่ะ!

ไว้กลับไปจะสั่งสอนไอ้สารเลวเฉินซานให้เข็ด ไอ้คนใจดำอำมหิต มีชีวิตอยู่ไปก็เปลืองอากาศเปล่า ๆ!

เสี่ยวกัวหลงคิดว่าการตามหาลี่เมิ่งเฉินเป็นเรื่องง่ายเพราะมีทั้งชื่อมีทั้งสกุลและมีที่อยู่ของตระกูล สำหรับเขามันคือเรื่องง่ายนิดเดียวเท่านั้น แต่ความจริงกลับเหมือนค้อนที่ทุบเขาอย่างหนัก!

หากลี่เมิ่งเฉินเป็นบุคคลที่ตามหาง่าย คงไม่มีทางที่ FBI ตามหามาสี่ห้าปีก็ไร้วี่แววหรอกมั้ง!

หมอนี่ไม่ค่อยอยู่บ้านเท่าไรตั้งแต่อายุสิบปี ทำตัวเร่ร่อนแวบไปแวบมาจนแม้แต่พ่อแม่เขายังไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองไปอยู่ไหนจึงตัดสินใจไม่สนใจเขา และไม่กังวลว่าจะถูกกลุ่มค้ามนุษย์จับตัวไปหรือมีคนร้ายรังแกลูกชายตนด้วย

พวกเขากลับเป็นห่วงกลุ่มค้ามนุษย์กับคนร้ายมากกว่า

เสี่ยวกัวแทบพลิกแผ่นดินตามหาทั่วเมืองหลวงแต่ก็ไม่เจอแม้แต่ปลายขนของลี่เมิ่งเฉินเลย!

เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาหยามเหยียดมาให้เขาแล้วส่งลูกน้องทั้งเมืองหลวงออกตามหา แผ่นดินเมืองหลวงถูกพลิกซ้ำไปซ้ำมาแต่ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม

เสี่ยวกัวส่งรอยยิ้มหยามเหยียดกลับไปเช่นเดียวกัน

…………………….

 ตอนที่ 2068 ไม่สนใจความหิวของปากท้อง

“ไม่แน่อาจจะออกไปเที่ยวก็ได้ พ่อแม่ลี่เมิ่งเฉินบอกว่าเขามักจะออกไปเที่ยวบ่อย ๆ ปีหนึ่งไม่ค่อยเจอเงาหัวเท่าไรหรอก แม้แต่คืนทานข้าวก่อนปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวยังไม่กลับมาด้วยซ้ำ แล้วยังบอกให้ฉันช่วยตามหาลูกพวกเขาด้วยอีกต่างหาก!”

เสี่ยวกัวเอ่ยอย่างระอา เขาไปหาถึงที่ก็ไม่เจอเจ้าตัวแต่กลับถูกคนไหว้วานช่วยตามหาลูกชายแทน สองคนพ่อแม่นี่มัน…แม้แต่ลูกชายยังคุมไม่อยู่!

แต่ก็มิน่าละ ลูกชายอย่างลี่เมิ่งเฉินเกรงว่าคงมีเพียงคนอย่างเง็กเซียนฮ่องเต้กับราชินีมารดรถึงจะคุมอยู่!

คนทั่วไปคงคุมไม่อยู่หรอก!

เหยียนหมิงซุ่นจำต้องให้ลูกน้องออกตามหานอกเมือง โชคดีที่ลี่เมิ่งเฉินไม่มีประวัติออกนอกประเทศจึงน่าจะยังอยู่ในประเทศ

เสี่ยวกัวเหนื่อยแทบแย่เลยบอกว่าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย ความจริงก็คิดถึงภรรยาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจเลยปล่อยเขาไป

เหมยเหมยไม่รู้ว่าช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นกำลังวุ่นอะไรอยู่เลยคิดว่าเป็นเรื่องงาน วันนี้เลิกเรียนเร็วเหมยเหมยจึงเตรียมเข้าครัวทำอาหารที่เป็นของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นหลายอย่าง ช่วงนี้มีแต่เหยียนหมิงซุ่นที่ทำอาหารให้เธอทาน เธอไม่ได้เข้าครัวตั้งนานแล้ว

ของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นธรรมดามาก ล้วนเป็นอาหารบ้านเกิดของคุณยายโม่ ไซซีเต้าหู้ ผัดน้ำแดงปลาหางยาว หอยนึ่ง…

อาหารบ้านเกิดของคุณยายโม่รสชาติจะจืดชืดเสียเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับอาหารบ้านเกิดของเหยียนซินหย่า ทั้งยังมีอาหารหลากหลายชนิดที่ชอบเอาไปนึ่ง หอยหวานก็เช่นกัน ตัดปลายก้นออกแล้วใช้เกลือล้างให้สะอาด ใส่ขิงกระเทียมเครื่องปรุงรสอย่างซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูเป็นต้น และก็เช่นกันพอนึ่งข้าวจนสุกค่อยเอาน้ำมันหมูคลุกเคล้าอีกหน่อย รสชาติจะสดใหม่มาก

เสียดายที่บ้านไม่มีเตาถ่านเลยทำให้อาหารที่นึ่งออกมารสชาติแย่กว่าหน่อย อาหารที่ทำบนเตาถ่านในชนบทอร่อยที่สุด ต่อให้เป็นอาหารที่ธรรมดาที่สุดเวลาผัดออกมาก็อย่าให้สาธยายเลยว่าอร่อยมากแค่ไหน

เหยียนหมิงซุ่นกลับถึงบ้านก็ได้กลิ่นอาหารอันคุ้นเคยจึงอดสูดจมูกดมไม่ได้ พอเดินไปในครัวก็เห็นคนรักในชุดผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ เขาเลยอดยิ้มออกมาไม่ได้

“พี่กลับมาพอดี ฉันเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ พี่จะทานข้าวก่อนหรืออาบน้ำก่อน?” เหมยเหมยยิ้มหวาน ดวงหน้าสะสวยปัดเป่าความเหน็ดเหนื่อยของเหยียนหมิงซุ่นไปจนสิ้น

“ทานข้าวก่อน วันนี้นึกยังไงถึงทำกับข้าว?” เหยียนหมิงซุ่นยกจานอาหารออกไป ทั้งหมดล้วนเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น รอยยิ้มจึงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

เหมยเหมยยิ้มเอ่ย “ฉันอยากเอาใจพี่ไง!”

เหยียนหมิงซุ่นฟังแล้วรู้สึกขบขำเลยผุดความคิดซุกซนขึ้นมาพลางกระซิบข้างหูเธอ “ฉันไม่ค่อยอยากสนใจความหิวที่ท้องเท่าไร ฉันชอบสื่อสารผ่านร่างกายกับจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งมากกว่า…”

เหมยเหมยหน้าแดงทันทีแล้วถลึงตาใส่ พูดถึงเรื่องอาหารอยู่ดี ๆ นอกเรื่องไปไหนแล้ว?

“ทานข้าว!”

เหมยเหมยหน้าบึ้งคร้านจะสนใจเขา ตนคีบหอยตัวหนึ่งมาดูด หอยที่ผ่านการคลุกเคล้าน้ำมันหมูส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ต่อให้คลุกกับอาหารชนิดอื่นก็หอมเหมือนเดิม เหยียนซินหย่าก็ชอบใช้น้ำมันหมูคลุกกับข้าวที่ผ่านการนึ่งมาเช่นกัน

เพียงแต่ภายหลังมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยบอกว่าน้ำมันหมูไม่ดีต่อสุขภาพจึงทำเอาหลายคนตื่นกลัวจนไม่กล้าทานอีก เหมยเหมยคิดว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเจตนาพูดให้คนอื่นตกใจไปทั่ว ยุคสมัยนี้แต่ละบ้านล้วนทานน้ำมันหมูและไม่ค่อยมีคนเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมากขนาดนั้น เหตุผลที่ยุคหลังมีคนเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมาก เธอคิดว่าเป็นเพราะทานเนื้อชนิดอื่น ๆมากเกินไป ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อน้ำมันหมูเลย!

“เธอยังจำลี่เมิ่งเฉินได้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้

เหมยเหมยกะพริบตา ผ่านไปครู่หนึ่งถึงนึกขึ้นได้ว่าเป็นใคร เจ้าคนที่ชอบทำตัวอวดเก่งไม่ค่อยมีใครชอบนั่นเอง

“เขาทำไมเหรอ?”

“เปล่า แค่อยากตามหาเขาให้ช่วยอะไรหน่อย แต่หานานแล้วก็หาไม่เจอ” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายเรียบ ๆ

เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง “เรื่องสำคัญมากเหรอ?”

“ไม่ค่อยสำคัญหรอก ไม่มีอะไร เธอทานข้าวเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นตักไซซีเต้าหู้ให้เธอหนึ่งถ้วย

ไซซีเต้าหู้ที่เหมยเหมยทำใช้ซุปเป็ดเป็นหลัก เพิ่มเห็ดหูหนู เนื้อหมูสามชั้น ปลิงทะเล เห็ดเข็มทองเป็นต้น รสชาติสดใหม่และอุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วน

เหมยเหมยครุ่นคิด หากไม่ใช่เรื่องสำคัญเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางถามเธอแน่ ๆ บ่งบอกว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆถึงต้องตามหาตัวลี่เมิ่งเฉิน

เธอผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวค่อยถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แม่หญิงคนนี้รู้เรื่องทุกอย่างในเมืองหลวง ไม่แน่อาจจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้!

…………………

ตอนที่ 2065 คนที่โกหกฉันตายหมดแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากฟังเรื่องราวในความทรงจำของสองคนนี้ ยิ่งไม่อยากเห็นผู้ชายตัวโตสองคนร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารต่อหน้าเขา

“ผมพาเฉินซานกลับมาให้คุณแล้ว ตอนนี้คุณน่าจะช่วยถอนพิษให้ได้แล้วสินะ” เหยียนหมิงซุ่นตะโกนเอ่ยกับพ่อมดใหญ่

“เธออย่าเชื่อคำพูดบ้า ๆของเขา เขาถอนพิษกู่หักสวาทไม่ได้หรอก” เฉินซานตะโกนบอกเสียงดัง

เหยียนหมิงซุ่นจ้องพ่อมดยอดฝีมือตาเขม็ง สิ่งที่เฉินซานพูดเป็นความจริงหรือเท็จไม่นานคงได้รู้

หากพ่อมดคนนี้หลอกลวงเขา เขาคงไม่ใช่คนที่คุยง่ายขนาดนั้น

พ่อมดยอดฝีมือสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิด ๆแล้วก็ตอบกลับว่า “ผมลองถอนพิษให้ได้ แต่ใช่ว่าจะสำเร็จ ผมพูดแบบนี้ไปตั้งแต่ต้นแล้วนะ”

เฉินซานแค่นหัวเราะ “หมู่ชื่อ คำพูดเหลวไหลพวกนี้นายหลอกคนอื่นได้แต่หลอกฉันไม่ได้ หมู่ฮวาเป็นคนที่เลี้ยงพิษกู่เป็นคนสุดท้ายในชายแดนเหมียวเจียง หลังจากเธอตายไปก็ไม่มีใครเลี้ยงอีกและไม่มีใครถอนพิษได้ เรื่องพวกนี้หมู่ฮวาเป็นคนบอกฉัน นายอย่าได้คิดจะปั้นเรื่องต่อหน้าฉันเลย!”

เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเย็นชา “คุณพูดมาให้รู้เรื่องสิ อะไรคือคนเลี้ยงพิษกู่เป็นคนสุดท้าย?”

เฉินซานมองเขาแล้วเอ่ย “ไม่ใช่ทุกคนที่จะเลี้ยงพิษกู่ได้ จำเป็นต้องใช้ผู้หญิงที่เกิดในวันที่เป็นเลขคู่เดือนที่เป็นเลขคู่และปีที่เป็นเลขคู่ตรงกับปฏิทินจันทรคติถึงจะเลี้ยงได้ พอมาถึงรุ่นหมู่ฮวาสูตรการเลี้ยงพิษของชาวเหมียวเจียงแทบจะหายไปเกือบหมดแล้ว หมู่ฮวาเป็นคนสุดท้ายที่เลี้ยงพิษกู่ แต่เพราะเวลาหลายสิบปีหลังจากนั้นไม่มีผู้หญิงที่เกิดในวันที่เป็นเลขคู่เดือนที่เป็นเลขคู่และปีที่เป็นเลขคู่ตรงกับปฏิทินจันทรคติอีก ฉะนั้นชายแดนเหมียวเจียงจึงไม่มีทางที่จะมีคนเลี้ยงพิษกู่ได้อีก”

เขาเว้นช่วงแล้วพูดต่อ “มีแค่ผู้หญิงที่เลี้ยงพิษกู่ได้แต่ผู้ชายเลี้ยงไม่ได้ แม้แต่พ่อมดยอดฝีมือก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นหมู่ชื่อเขาไม่รู้เรื่องพิษกู่เลย เขากำลังโกหก!”

เหยียนหมิงซุ่นมองพ่อมดใหญ่ด้วยสายตาเย็นชาแล้วซักถาม “ที่เขาพูดคือความจริงหรือเปล่า?”

พ่อมดผู้นี้มีสีผิวค่อนไปทางดำคล้ำจึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าชัดมาก แต่ความลุกลี้ลุกลนในสายตาของเขาเล็ดลอดผ่านสายตาของเหยียนหมิงซุ่นไปไม่ได้

ไม่ต้องรอคำตอบจากเขา เหยียนหมิงซุ่นก็รู้คำตอบแล้ว!

พ่อมดยอดฝีมือคนนี้โกหกมาตั้งแต่ต้น!

เขาถูกคนที่ดูซื่อสัตย์ใสซื่อคนนี้ปั่นหัวเข้าแล้ว!

สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกจนพ่อมดยอดฝีมือคนนี้อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ ไม่กล้าสบตาเหยียนหมิงซุ่นเพราะเหมือนจะฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น

เขาโกหกจริง ๆแต่เขาก็มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ตามหามาสามสิบปีเขาก็ไม่อาจตามหาชายผู้ทรยศอย่างเฉินซานได้ เมื่อลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นมาหาแล้วถามเรื่องพิษกู่หักสวาทจากเขา พ่อมดคนนี้จึงตัดสินใจแล้วว่าจะหลอกใช้เหยียนหมิงซุ่นในการช่วยเขาตามหาเฉินซาน

“ผม…ผมก็ไม่ได้หลอกคุณไปเสียทั้งหมด ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองจะช่วยแก้พิษให้คุณได้แน่นอนสักหน่อย…” พ่อมดพูดเสียงแผ่ว

ลูกน้องคนหนึ่งโกรธจนยากจะทนได้อีกจึงพุ่งเข้าไปหมายจะต่อยพ่อมดยอดฝีมือคนนั้นแต่กลับถูกเหยียนหมิงซุ่นห้ามเอาไว้

เขาเดินเข้าไปหลายก้าวให้อยู่ห่างจากพ่อมดใหญ่ในระยะใกล้ขึ้น สายตาเย็นยะเยือกที่ทำเอาพ่อมดตัวสั่นสะท้านและเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลัง

ดูท่าว่าเขาจะไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยเข้าแล้ว!

“รู้ไหมว่าคนที่โกหกผมสุดท้ายจะมีจุดจบแบบไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเย็น

พ่อมดยอดฝีมือส่ายศีรษะแล้วก้าวถอยหลังหลายก้าวอย่างอดไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะพลางตอบเสียงแผ่ว “ตายหมดไงล่ะ…”

พ่อมดคนนี้ตกใจเฮือกใหญ่ มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เชื่อสายตาพร้อมพูดเสียงติดขัด “ผม…ผมแค่…หลอกคุณไปนิดเดียวเอง ผมขอโทษ ผมทำไปเพราะมีเหตุผล…”

แค่หลอกไปนิดเดียวเท่านั้นเองทำไมถึงขั้นต้องตายเลยล่ะ?

ชาวฮั่นร้ายกาจที่สุดตามคาดจริงด้วย!

เฉินซานเสียใจภายหลังแทบแย่ เขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดเล่น เขาจะฆ่าเจ้าโง่หมู่ชื่อจริง ๆ!

เห็นแก่หมู่ฮวา เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้!

“เหยียนหมิงซุ่น ฉันยังมีอีกหนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับวินซ์ เธอปล่อยหมู่ชื่อไป เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” เฉินซานตะโกนขึ้น

………………………..

ตอนที่ 2066 ล็อกขอบเขตเป้าหมาย

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นแค่อยากขู่พ่อมดยอดฝีมือคนนี้ให้กลัวก็เท่านั้น เขาไม่ใช่พวกฆาตกรโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย แม้เขาจะโกรธเคืองพ่อมดใหญ่ที่หลอกตัวเองมากขนาดไหนแต่อย่างมากก็แค่ลงโทษเท่านั้น

ในเมื่อไม่ได้สร้างความเสียหายแก่เขาอย่างเป็นรูปธรรมจึงไม่จำเป็นต้องไปสร้างความบาดหมางระหว่างชนเผ่า

แต่การขู่นี้กลับทำให้เกิดเรื่องเหนือคาดเสียอย่างนั้น

เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางเฉินซาน คน ๆนี้เจ้าเล่ห์เกินไป แถมยังมีข้อมูลที่ไม่ได้พูดออกมาหมดจริง ๆด้วย

“ข้อมูลอะไร?”

เฉินซานชี้ไปที่ตัวพ่อมดแล้วเอ่ย “เธอปล่อยเขาก่อน!”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะ “คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์มาต่อรองกับผมงั้นเหรอ? เชื่อไหมล่ะว่าผมเอาเขาตายตอนนี้ได้เลย!”

เขาส่งสายตาให้ลูกน้อง ลูกน้องรู้ใจเลยรุดหน้าไปคว้าตัวพ่อมดยอดฝีมือคนนั้นไว้ พ่อมดใหญ่ตกใจดิ้นรนอย่างแรงจนทำเอาใบหน้าดำคล้ำซีดเป็นกระดาษ เหงื่อแตกพลั่ก

เฉินซานถอนหายใจยอมแพ้อย่างจนใจ

“วินซ์เป็นคนเมืองหลวง”

“มีหลักฐานอะไร?”

“ตอนวินซ์ไปรักษาตัวให้ท่านผู้เฒ่าบีเบอร์ที่อเมริกา อาหารที่บ้านบีเบอร์เตรียมไว้ไม่ถูกปากวินซ์ ฉะนั้นเพื่อนสนิทของวินซ์หรือคุณชายน้อยของบ้านบีเบอร์จึงให้คนขับเครื่องบินส่วนตัวมาเชิญพ่อครัวจากเมืองหลวงไปทำอาหารที่บ้านเขาโดยเฉพาะ อีกอย่างของว่างที่วินซ์ชอบทานมากที่สุดก็คือขนมแป้งม้วนไส้ถั่วแดง ได้ข่าวว่าเขาทานไม่เคยขาดปากตั้งแต่เด็กจนโต”

เหยียนหมิงซุ่นถาม “ทำไมคุณรู้ละเอียดขนาดนี้?”

เฉินซานยิ้มอย่างได้ใจ “แมวมีทางของแมว หนูมีทางของหนู ฉันอยู่อเมริกามาหลายปีไม่ได้อยู่สูญเปล่าหรอกนะ เธอสบายใจได้ ครั้งนี้ฉันไม่ได้พูดโกหกหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าครุ่นคิด ขนมแป้งม้วนไส้ถั่วแดงเป็นของว่างขึ้นชื่อของเมืองหลวง หากเฉินซานไม่ได้โกหกว่าวินซ์คนนี้ชอบทานขนมแป้งม้วนไส้ถั่วแดงตั้งแต่เด็ก ถ้าอย่างนั้นร้อยละแปดถึงเก้าสิบเขาก็คือคนเมืองหลวงแน่นอน

ทีนี้ขอบเขตก็แคบลงอีกแล้ว

“คุณมีข้อมูลสำคัญขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูด?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

หากเมื่อกี้เขาไม่ได้ขู่พ่อมดยอดฝีมือคนนี้เฉินซานคงไม่มีทางบอก

เฉินซานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติแต่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรไปก็มีจุดจบเพียงอย่างเดียว

“ฉันอยากหาวินซ์ให้เจอก่อนแล้วให้เขารักษาฉันก่อน พวกเธอหนุ่มกว่าฉันมาก ยังมีโอกาสมีลูกชายอีกมาก ฉันอายุมากแล้วเพราะงั้นจึงเหลือเวลาอีกไม่มาก”

เหยียนหมิงซุ่นคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นคำตอบนี้ เขามองเฉินซานที่ดูชราลงมากอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่รู้จะพูดอะไรดี

ว่าตามเหตุตามผลเขาควรเกลียดคนนี้ แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้เกลียดมากขนาดนั้น

“หวังว่าคราวนี้คุณจะไม่ได้โกหกอีก”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาแฝงนัยยะบางอย่างแวบหนึ่งก่อนจะให้ลูกน้องจับตาดูเฉินซานกับพ่อมดไว้ให้ดี เขาต้องไปหาเสี่ยวกัวเพื่อบอกข้อมูลที่เฉินซานบอกมาเมื่อครู่ให้เขารู้

เรื่องตามหาวินซ์เขาไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่ง เรื่องตามหาคนหากเสี่ยวกัวบอกว่าตนเป็นที่สองก็ไม่มีใครกล้ายอมรับว่าตนเป็นที่หนึ่งแล้วล่ะ ตอนนี้ขอบเขตแคบลงมาก ไม่นานเสี่ยวกัวน่าจะตามหาวินซ์เจอ

“เป็นคนเมืองหลวงเหรอ? งั้นก็ง่ายละ ฉันรู้ข้อมูลตระกูลในปักกิ่งอย่างดีเลย ฉันจะลองตรวจสอบทีละอัน คุณรออีกหน่อย”

เสี่ยวกัวตื่นเต้นอย่างมากแล้วหยิบโน้ตบุ๊คเฉพาะตัวของเขาออกว่า สองมือเคาะแป้นพิมพ์ไวปานสายฟ้าที่ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นตาลาย แต่มากกว่านั้นคือความตะลึง

ไม่คิดว่าในโน้ตบุ๊คของเสี่ยวกัวจะเก็บข้อมูลตระกูลใหญ่ไว้มากมายขนาดนี้ บางข้อมูลละเอียดกว่าที่เขารู้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ไปสืบมาจากไหนกันนะ!

“ฉันหาเจอแล้ว คนที่น่าสงสัยเหลือสามคนนี้เท่านั้น แต่ฉันคิดว่าคนที่น่าสงสัยมากที่สุดคือหมอนี่!” เสี่ยวกัวตะโกนขึ้นมากะทันหัน

……………………..

ตอนที่ 2063 ฉันต่างหากตัวละครหลัก

เหยียนหมิงซุ่นใช้ประโยคบอกเล่า

สีหน้าของเฉินซานไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดแต่กลับหัวเราะร่า ถือว่าเป็นการยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

“ใช่ ฉันจัดการตัวปัญหาใหญ่ให้เธอเชียวนะ”

“แต่คุณก็วางยาพิษผมด้วยเหมือนกัน สร้างปัญหาที่ใหญ่กว่าอีก” เหยียนหมิงซุ่นมองด้วยแววตาเย็นยะเยือก

เฉินซานยิ้มไม่เปลี่ยน “ฉันวางยาเธอแต่ไม่ได้เอาชีวิตเธอไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ฉันเธอก็คงไม่มีวันนี้ เราถือว่าหักล้างบุญคุณความแค้นกันไปแล้วกัน”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “บุญคุณความแค้นจะหักล้างได้หรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่ขึ้นอยู่กับผม”

ในที่สุดเฉินซานก็ใจเย็นต่อไปไม่ไหว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เหยียนหมิงซุ่น คนเราต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณสิ”

“ใช่ ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ แต่เฉินซานคุณมีบุญคุณกับผมด้วยเหรอ? ตอนนั้นระหว่างเราก็เป็นแค่การหาประโยชน์ต่อกันไม่ใช่หรือไง?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเฉินซานอย่างเย้ยหยัน “ใช่ ถ้าไม่มีคุณคงไม่มีผมในวันนี้ แต่ก็เช่นเดียวกันถ้าคุณไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผมก็ไม่มีทางมีตำแหน่งอย่างทุกวันนี้เหมือนกัน ฉะนั้นบุญคุณอันน้อยนิดที่คุณมีต่อผม ผมได้ตอบแทนมันไปหมดแล้ว”

สะสางเรื่องบุญคุณกับเขาหรือ?

ได้ แต่เงื่อนไขก็คือคุณต้องสงบเสงี่ยมหน่อย!

เขาจะตอบแทนบุญคุณกับคนที่ทำร้ายเขาได้อย่างไรกัน?

เฉินซานสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ใช้กฎยุทธภพกับเขา เขาคิดจะทำอะไรกับตนกันแน่?

“สบายใจได้ผมไม่เอาชีวิตคุณหรอก แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ ก่อนที่พิษในตัวของผมยังไม่ถูกขับออกไป คุณห้ามออกจากเมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียว”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดย้ำทีละคำ “ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าผมใจร้ายแล้วกัน!”

เฉินซานอดสะท้านเฮือกไม่ได้ ณ เวลานี้เขาเพิ่งรู้ว่าหนุ่มตรงหน้าที่ถูกเขาปลุกปั้นขึ้นมาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่มีความใสซื่อบริสุทธิ์และอ่อนต่อโลกในวันนั้นอีกต่อไปแล้ว!

บัดนี้ได้กลายเป็นคุณชายหมิงที่เขาไม่ควรล่วงเกินไปแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นปรบมือก่อนที่ลูกน้องสีหน้าเย็นชาสองคนจะเดินเข้ามา

“หลังจากนี้เป็นต้นไปพวกนายก็คอยประกบตามคุณเฉิน รายงานเรื่องในชีวิตประจำวันของคุณเฉินให้ฉันฟังทุกวัน เข้าใจไหม?”

“ครับ!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วมองเฉินซานอีกแวบหนึ่งโดยไม่คิดจะถามไถ่ใด ๆอีก

เพราะไม่มีความจำเป็น เขาต่างหากที่เป็นตัวละครหลัก!

เฉินซานมองเขาอย่างขุ่นเคือง ซักถาม “เธอคิดจะคุมตัวฉัน?”

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆ “อย่าคิดอย่างนั้นสิ ผมก็แค่อยากรักษาความปลอดภัยให้คุณเท่านั้น อีกอย่างผมเป็นห่วงสุขภาพของคุณมาก ฉะนั้นกิจการทั้งหมดของคุณผมจะให้คนอื่น ๆช่วยแบ่งเบาภาระไปแล้วกัน ระหว่างนี้คุณแค่รักษาตัวอยู่บ้านอย่างสบายใจ ไม่ต้องไปเครียดเรื่องพวกนี้แล้ว”

“เธอหมายความว่าไง?” เฉินซานสีหน้าเปลี่ยนมาก ในที่สุดก็ไม่เหลือคราบความสุขุมใจเย็นก่อนหน้าอีก

“ก็ตามที่บอกไป เฉินซาน คุณคิดว่าหลังจากที่คุณวางยาพิษผมแล้ว ผมจะปล่อยให้คุณได้ใช้ชีวิตเสวยสุขอีกเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลงมองเฉินซานจากมุมสูง ความเยือกเย็นในแววตาทำให้ตัวสั่นสะท้านอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เขาไม่เพียงแค่ถูกกักบริเวณแต่ยังกลับไปอยู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างที่สร้างมันมาตลอดหลายสิบปีหายไปในพริบตา!

เขาแค้นเหลือเกิน!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ถึงความแค้นของเฉินซานแต่กลับไม่ใส่ใจ แค้นแล้วอย่างไร?

ในเมื่อมาถึงเมืองหลวงก็คือมดในกำมือเขา ต่อให้กระเสือกกระสนอย่างไรก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือเขาหรอก!

เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาให้ลูกน้องสองคนที่เขาตั้งใจคัดสรรมาอย่างดี ลูกน้องสองคนหิ้วปีกเฉินซานที่ทำหน้าหม่นหมองคนละข้างแล้วออกไปจากเรือนน้ำชาด้วยกันกับเขา

“เธอจะพาฉันไปไหน?” เฉินซานหวาดผวาอย่างมาก หลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะลงไม้ลงมือกับเขาแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเยาะเย้ย “พาคุณไปเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่งไง!”

…………………..

ตอนที่ 2064 ศัตรูพบกัน ตาแดงเป็นพิเศษ

พ่อมดยอดฝีมือมาถึงเมืองหลวงแล้ว เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้ลูกน้องขับเครื่องบินไปรับมาโดยเฉพาะ พ่อมดคนนี้ยังคงสภาพเดิมแต่ดูสะอาดขึ้นมากทีเดียว คาดว่าน่าจะอาบน้ำมาเป็นพิเศษ

เฉินซานก้มหน้าอย่างสลดเดินตามหลังเหยียนหมิงซุ่น เขาพอจะเดาได้แล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นพาเขามาพบใครเลยรู้สึกลนลานอย่างมาก

พ่อมดหมู่ชื่อเกลียดเขาเข้ากระดูกจนอยากจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้น ๆด้วยสาเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าย่างกรายเข้าไปเหยียบชายแดนเหมียวเจียงแม้แต่ก้าวเดียว กลัวหมู่ชื่อส่งคนมาจัดการเขา

เขากลัวพิษประหลาดเหล่านั้นของชายแดนเหมียวเจียงมากเหลือเกิน เขาโดนวางพิษใส่เมื่อไรยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าเหตุผลที่เฉินซานกลัวจะได้พบพ่อมดยอดฝีมือคนนั้น ส่วนมากเพราะรู้สึกผิดและละอายใจมากกว่า

ตอนนั้นเขาเคยรักหมู่ฮวาจริง ๆ หรือลูกพี่ลูกน้องของพ่อมดใหญ่นั่นเอง ช่วงเวลาที่เขารักกับหมู่ฮวาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตเขา

แต่เขาไม่อยากใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่แต่ในหุบเขาธารน้ำตลอดไป

เมื่อนั้นเขาหวังว่าหมู่ฮวาจะไปจากชายแดนเหมียวเจียงด้วยกันกับเขา ไปโลดแล่นอยู่ในเมืองหลวงกับเขา เขาสัญญาว่าเขาจะดีต่อหมู่ฮวาตลอดไป!

แต่หมู่ฮวากลับคิดว่าเขากำลังหลอกเธอและไม่อยากไปจากหมู่บ้านนั้น บอกว่าคนฮวาเซี่ยที่อยู่ข้างนอกชั่วร้ายมาก อีกทั้งใช้ชีวิตข้างนอกก็ลำบาก อยู่ในหมู่บ้านจะมีความสุขมากกว่า

หมู่ฮวาเป็นคนนิสัยหัวรั้น ไม่ว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง ทั้งยังมักทะเลาะกับเขาเป็นประจำบอกว่าเขาไม่รักเธอมากพอ ภายหลังก็ยิ่งวิตกกังวลขี้สงสัยถึงขั้นทำพิษกู่หักสวาทใส่เขา

ฉะนั้นเขาถึงทนไม่ได้และคิดหาวิธีหนีออกมา

แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขารำลึกถึงหมู่ฮวาตลอด หลายปีก่อนเขาส่งคนไปตามหาหมู่ฮวาแต่หญิงสาวชาวเหมียวเจียงใจกล้าผู้นี้กลับไม่อยู่แล้ว บอกว่าหลังจากเขาจากไปไม่กี่ปีก็เสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้า

ส่วนพ่อมดที่สนิทสนมกับหมู่ฮวาที่สุดไม่เคยถอดใจในการตามหาเขาเพื่อแก้แค้นเลย

ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นพาเขาไปพบพ่อมดยอดฝีมือคนนั้น เกรงว่าเคราะห์ร้ายจะมีมากกว่าดีเนี่ยสิ!

พ่อมดผู้นี้จำเฉินซานได้ตั้งแต่แวบแรกจึงพุ่งเข้าหาด้วยความโกรธ บีบคอเฉินซานไว้แล้วเอ่ยยาวเหยียด เฉินซานเองก็ตอบกลับไปไม่กี่ประโยค

ลูกน้องที่รู้ภาษาเหมียวเจียงช่วยเป็นล่ามแปลให้เหยียนหมิงซุ่น พ่อมดยอดฝีมือคนนี้กำลังซักถามเฉินซานว่าทำไมต้องทรยศพี่สาวเขา ส่วนเฉินซานกลับกำลังแก้ตัวให้ตัวเอง

“แกเป็นคนทำให้พี่สาวฉันต้องตาย เดิมทีเธอควรจะมีความสุขมาก เธอไม่ควรรู้จักแก…”

จู่ ๆพ่อมดก็ร้องไห้ราวกับเด็กคนหนึ่ง คนในห้องล้วนรู้สึกได้ถึงความเสียใจของเขา

ลูกน้องอธิบายให้เหยียนหมิงซุ่นว่าพ่อแม่ของพ่อมดยอดฝีมือคนนี้จากไปตั้งแต่เด็กเลยฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านคุณลุง หรือพ่อแม่ของหมู่ฮวา ครอบครัวหมู่ฮวาไม่ได้มีฐานะที่ดีมากนักทั้งยังมีลูกหลายคน ฉะนั้นพ่อมดถึงได้รู้สึกอึดอัดมากเวลาอยู่บ้าน บางครั้งยังกินไม่อิ่มท้องไม่มีเสื้อใส่ด้วยซ้ำ

คนที่ดีต่อพ่อมดมากที่สุดก็คือหมู่ฮวา เพราะสถานะของหมู่ฮวาค่อนข้างพิเศษในหมู่บ้านเหมียวเจียง ฉะนั้นจึงมีสถานะในบ้านค่อนข้างสูง พ่อมดไม่ถูกคุณลุงคุณป้าทอดทิ้งเพราะเห็นแก่เธอก่อนจะล้มลุกคลุกคลานเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ สุดท้ายยังโชคดีที่ถูกพ่อมดใหญ่คนก่อนเลือกให้เป็นผู้สืบทอด

ฉะนั้นพ่อมดคนนี้จึงมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกพี่ลูกน้องของเขามาก สำหรับในใจของเขาแล้วอีกฝ่ายเปรียบเสมือนคุณแม่ แล้วจะไม่ให้แค้นเฉินซานได้อย่างไร?

เฉินซานเองก็มีสีหน้าย่ำแย่มาก เขานึกถึงหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่มีความห้าวหาญคนนั้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีกแล้ว!

“ฉันไปไหว้หลุมศพหมู่ฮวาได้ไหม?” เฉินซานถามอย่างระมัดระวัง

พ่อมดยอดฝีมือคนนั้นเช็ดน้ำตาแล้วถลึงตามองเขาด้วยความแค้น “แกมีสิทธิ์อะไรไปเจอพี่สาวฉัน?”

เฉินซานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาไม่รู้สึกดีเลยสักนิด แต่หากย้อนเวลากลับไปได้เขายังคงเลือกเส้นทางเดิม

เขาเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยาน เขาไม่มีทางยอมเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่กลางป่าหุบเขาเพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอก!

บอกได้เพียงว่าหมู่ฮวาไม่เข้าใจเขา!

………………………

ตอนที่ 2061 คนที่ฉลาดที่สุด

ความดีใจฉายชัดบนใบหน้าของเสี่ยวกัวทันทีเลยรีบถาม “เขาเป็นใครกัน? พักอยู่ไหน? ฉันจะไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย”

เขาเป็นถึงยอดนักสืบที่เก่งกาจที่สุดในโลก ขอเพียงบุคคลนี้ยังอยู่บนโลกมนุษย์เขาย่อมตามหาเจออยู่แล้ว

เฉินซานส่ายหน้ากล่าว “ฉันรู้แค่ว่าชื่อภาษาอังกฤษของเขาคือวินซ์ เป็นคนฮวาเซี่ย อย่างอื่นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย”

เสี่ยวกัวพึมพำคนเดียว “Vince เหรอ? เจ้าหมอนี่หลงตัวเองดีนี่ แกรู้แค่นี้เองเหรอ?”

มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษแต่ไม่มีข้อมูลอื่น ๆให้ ต่อให้เขาเป็นนักสืบที่เก่งกาจที่สุดในโลกก็คงตามหาคนที่ฉลาดที่สุดในโลกคนนี้ไม่เจอหรอกนะ!

เฉินซานเอ่ย “เป็นผู้ชาย อายุไม่เกินยี่สิบห้าปี ไอคิวสูงมาก โลกนี้ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสายงานไหน”

เหตุผลที่เพื่อนชาวอเมริกันของเขาบอกว่าผู้ชายที่ชื่อวินซ์คนนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้นั้นเพราะวินซ์เก่งมากจริง ๆ ราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้าที่ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้

เภสัชศาสตร์ กายวิภาคศาสตร์ ดนตรี จิตวิทยา แข่งรถ คอมพิวเตอร์ อาวุธ…ต่าง ๆเป็นต้น วินซ์ไม่ใช่แค่รู้ผิวเผินแต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานพวกนี้อีกต่างหาก

เพื่อนชาวอเมริกันบอกว่านอกจากวินซ์จะคลอดลูกไม่ได้ แต่ปัญหานี้บางทีพันปีข้างหน้าอาจจะถูกวินซ์แก้ได้ เพราะใช่ว่าจะเป็นไปได้ที่จะสร้างมดลูกเทียมขึ้นมา!

พอเฉินซานได้ฟังคำพูดของเพื่อนชาวอเมริกันในตอนนั้นก็ตกใจมาก ทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าที่ฮวาเซี่ยมีหนุ่มวัยรุ่นที่เก่งกาจขนาดนี้?

แต่เพื่อนชาวอเมริกันของเขาไม่เคยโกหก ฉะนั้นต้องมีคนอย่างวินซ์อยู่แน่นอนและต้องฝีมือเก่งกาจจริง ๆ ฉะนั้นเขาจะต้องตามหาผู้ชายที่ชื่อวินซ์คนนี้ให้ได้!

เขาอยากมีลูกผู้ชาย!

แม้แต่ในฝันก็อยากมี!

เสี่ยวกัวเองก็แปลกใจเช่นกัน “ประเทศเรามีคนเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้สักนิด ไม่ใช่เพื่อนของแกหลอกแกหรอกนะ?”

“ไม่ เพื่อนฉันไม่หลอกฉันหรอก ได้ข่าวว่าวินซ์ช่วยรักษามะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายให้ท่านผู้เฒ่าของตระกูลบีเบอร์ในอเมริกาเมื่อหนึ่งปีก่อนด้วย หมอยอดฝีมือทั้งประเทศล้วนทอดทิ้งท่านผู้เฒ่าคนนี้ไปแล้วเพราะบอกว่าไร้หนทางรักษา ให้ตระกูลบีเบอร์เตรียมจัดงานศพไว้เลย แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ท่านผู้เฒ่าแต่งงานกับสาววัยยี่สิบห้าปีในขณะที่เขาอยู่ในวัยแปดสิบห้าปี”

เสี่ยวกัวกับเหยียนหมิงซุ่นมองหน้ากัน ท่านผู้เฒ่าบีเบอร์ที่เฉินซานเอ่ยถึงมีชื่อเสียงโด่งดังเชียว

ได้ข่าวว่าเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก อีกอย่างเขาล้วนมีทุกโรคที่ผู้ชายควรมี

ทั้งความเจ้าชู้ ความหื่นกาม ความหลายใจ ความทะเยอทะยาน…

กระทั่งทุกวันนี้ท่านผู้เฒ่าคนนี้ได้เปลี่ยนภรรยาไปห้าคนแล้ว ภรรยาสาววัยยี่สิบห้าปีนี้เป็นภรรยาคนที่หกของเขา

ต่อให้ภรรยาทุกคนที่หย่าไปจะแบ่งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลของเขาไป แต่ท่านผู้เฒ่ากลับยังเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตำแหน่งสถานะยังคงมั่นคงดุจภูผา

ท่านผู้เฒ่าบีเบอร์ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายซึ่งเรื่องนี้พวกเขากลับไม่ทราบ รู้เพียงว่าปีที่แล้วท่านผู้เฒ่าไม่ได้ชอบออกสื่ออย่างเคย ดูสงบเสงี่ยมลงจึงเห็นได้ชัดว่ากำลังพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน

ไม่คิดว่าจะเป็นวินซ์ที่ช่วยรักษาอาการป่วยให้ท่านผู้เฒ่าคนนั้น!

เฉินซานพูดต่อ “ความจริงเซลล์มะเร็งก็เป็นพิษชนิดหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากพิษกู่หักสวาทในตัวเรา เพื่อนฉันบอกว่าวิธีการรักษาของวินซ์ประหลาดมาก ตอนแรกคนตระกูลบีเบอร์ทุกคนไม่ยอมเชื่อเขา คิดว่าวินซ์แค่กำลังคลุ้มคลั่งไร้เหตุผล แต่ท่านผู้เฒ่ารักลูกชายที่เป็นเพื่อนสนิทของวินซ์มากที่สุดจึงไม่สนใจเสียงคัดค้าน ถึงได้ช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าไว้ได้…”

เสี่ยวกัวพูดขัดเขาอย่างตื่นเต้น “แกยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับวินซ์ได้อีกไหม?”

เขาจะต้องตามหายอดมนุษย์คนนี้ให้เจอแล้วมีลูกตั้งทีมฟุตบอลไปเลย!

………………………..

ตอนที่ 2062 คือผู้แข็งแกร่งหรือผู้อ่อนแอ

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย จู่ ๆก็มีแสงแห่งความหวังจุดประกายขึ้นท่ามกลางความสิ้นหวัง เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย

ฟังแล้ววินซ์คนนี้คงเก่งมากจริง ๆ เฉินซานพูดไม่ผิด เซลล์มะเร็งก็เป็นพิษที่รุนแรงชนิดหนึ่ง ในเมื่อวินซ์สามารถช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าบีเบอร์ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายได้ ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงในการช่วยขับพิษกู่หักสวาทออกจากตัวเขาได้

เฉินซานกล่าว “ฉันเคยแอบสืบประวัติของวินซ์ รู้แค่ว่าเขาเป็นคนเมืองหลวงและเขาเคยเป็นแฮกเกอร์ที่เก่งมากคนหนึ่ง ในโลกอินเตอร์เน็ตใช้ชื่อว่าคิง เคยแฮกเข้าระบบกระทรวงความมั่นคงของอเมริกาหลายครั้งแต่กลับไม่เคยถูกจับได้สักครั้ง ได้ข่าวว่า FBI ตามหาคนชื่อคิงทั่วโลก อยากชวนเขาเปลี่ยนมาเป็นสัญชาติอเมริกันแล้วทำงานให้กับกระทรวงความมั่นคงแต่กลับไม่ได้อะไรเลย”

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิงเหรอ?

คน ๆนี้เขาก็รู้จัก!

เพราะเขาก็กำลังตามหาคิงเช่นกัน

เขาก็อยากเชิญชวนคิงมาทำงานให้กับประเทศเพราะต้องการคนเก่งด้านคอมพิวเตอร์แบบนี้มาก แต่ตามหาอยู่นานก็ไม่เจอ สุดท้ายได้เหมยเหมยช่วยเขาหาโจวเจี๋ยรุ่ยมาแทน

แต่แม้ว่าเจ้าหมอนี่จะเก่ง แต่เมื่อเทียบกับคิงก็ยังห่างชั้นอยู่มาก

เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดว่าคิงกับวินซ์จะเป็นคน ๆเดียวกัน

คนหนึ่งคือแพทย์มากฝีมือ คนหนึ่งคือแฮกเกอร์แสนลึกลับ

สองคนนี้ดูแล้วไม่มีส่วนเชื่อมโยงเลยสักนิดแต่ดันเป็นคน ๆเดียวกัน วินซ์คนนี้เก่งมากจริง ๆ เป็นคนที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอเลย!

เสี่ยวกัวหัวเราะขึ้นฉับพลัน “เจ้าหมอนี่หลงตัวเองจริง ๆ ตั้งชื่อให้ตัวเองว่าชัยชนะไม่ก็ราชา คนแบบนี้ถ้าอยู่ในชีวิตจริงไม่ใช่พวกขี้แพ้ก็คือผู้เก่งกาจจริง ๆนั่นแหละ”

“ฉันเดาว่าวินซ์น่าจะมาจากตระกูลลึกลับที่มีอิทธิพลมาก ไม่อย่างนั้นครอบครัวธรรมดาคงไม่มีอำนาจด้านเงินทองมากขนาดจะส่งเสียให้เขาเรียนรู้หลายแขนงวิชาขนาดนี้” เฉินซานเอ่ย

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดเช่นเดียวกัน ถึงแม้ตระกูลยากจนจะปั้นคนเก่งได้แต่เวลาและความทุ่มเทที่มีต้องมากกว่าลูกหลานตระกูลที่มีฐานะหลายสิบเท่าหรือหลายร้อยเท่า

อย่างเช่นเขา หากไม่มีเฉินซานกับเฉินหมิงช่วยชี้นำทางให้เขา ลำพังเขาที่อยู่ในค่ายทหารคนเดียว จากนิสัยและความทะเยอทะยานของเขาแน่นอนว่าไม่มีทางยอมเป็นเพียงทหารธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ถ้าเขาอยากประสบความสำเร็จก็ต้องยอมจ่ายด้วยเลือดหรืออาจจะเป็นชีวิต

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชค!

แต่ลูกหลานตระกูลผู้ดีคงไม่มีปัญหาเหล่านี้ นอกเสียจากลูกหลานทำตัวเสเพลไปวัน ๆอย่างพวกนั้น ลูกหลานจากตระกูลผู้ดีทุกคนที่อยากพัฒนาตัวเองล้วนได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุด ขอแค่ตัวเองพยายามอีกสักหน่อยอนาคตก็ไปได้ไกลแล้ว

แค่ก้าวเล็ก ๆของลูกหลานตระกูลผู้ดี เทียบกันแล้วลูกหลานจากตระกูลยากไร้ต้องพยายามหลายปีหรือหลายสิบปีถึงจะก้าวตามทันก้าวเล็ก ๆของลูกหลานตระกูลผู้ดีได้

วินซ์สามารถประสบความสำเร็จในหลากหลายวงการอาชีพเช่นนี้ได้ นอกจากตัวเขาที่ต้องมีพรสวรรค์และความพยายามเกินคนแล้วยังต้องมีแรงสนับสนุนและทรัพยากรจากตระกูลอีกด้วย

ฉะนั้นพื้นหลังครอบครัวของวินซ์ต้องไม่ธรรมดา

“ถ้าเขามาจากตระกูลลึกลับจริงก็ตีวงแคบลงมาก ฉันจะไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย” เสี่ยวกัวฮึกเหิมขึ้นมาชั่วขณะแล้วจากไปด้วยท่าทีเร่งรีบ

เพศชายอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี ฉลาดเกินคนและพื้นหลังครอบครัวไม่ธรรมดา…

ในชีวิตจริงคนแบบนี้ไม่มีทางเป็นคนไร้ชื่อนิรนามอย่างแน่นอน เขาจะตามหาเจอได้อย่างแน่นอน!

เสี่ยวกัวคร้านจะต่อยเฉินซานแล้ว ต่อให้ซัดไอ้สารเลวนี่ให้ตายเขาก็ไม่ได้ลูกชาย ตามหาวินซ์เพื่อขับพิษในร่างออกก่อนแล้วเขาค่อยมาคิดบัญชีกับเฉินซานอีกที!

เหยียนหมิงซู่นจ้องเฉินซานด้วยความรู้สึกซับซ้อน

หากไม่ใช่เพราะเฉินซานเขาคงไม่มีสถานะอย่างทุกวันนี้ บุญคุณนี้เขาจะจดจำไปตลอดชีวิต

แต่คนที่ทำร้ายเขาก็คือเฉินซานเช่นกัน!

เขาไม่ใช่คนใจกว้างสักนิด ไม่เพียงแค่จดจำบุญคุณได้แต่ยังจดจำความแค้นได้ยิ่งกว่า เขาควรจัดการเฉินซานอย่างไรดี?

ผ่านไปครู่ใหญ่เหยียนหมิงซุ่นจึงปริปากพูดว่า “คุณเป็นคนวางยาเฉินหมิงสินะ!”

……………………….

ตอนที่ 2059 ไร้ยารักษา

 

เฉินซานอมยิ้มเล็กน้อย เส้นเลือดตรงขมับของเหยียนหมิงซุ่นเต้นตุบ ๆ ข่มความต้องการที่อยากจะบีบคอเขาให้ตายลงเพื่อรอคำอธิบายจากเขาเงียบ ๆ

 

“ฉันโดนพิษกู่หักสวาท เธอก็น่าจะรู้” เฉินซานกล่าว เขาวางแก้วน้ำชาลงแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนี้ฉันดูเปลี่ยนไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อนเยอะมากเลยใช่ไหม?”

 

เหยียนหมิงซุ่นแค่นยิ้มกล่าว “ผมไม่มีเวลามานั่งฟังคุณพูดไร้สาระหรอกนะ”

 

“ไม่ไร้สาระหรอก ทุกประโยคที่ฉันพูดไม่ได้ไร้สาระเลย อย่าใจร้อนไป” เฉินซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาต้มน้ำชาหม้อใหม่ กระทั่งใบชาถูกต้มจนเดือดพลิกไปพลิกมาในหม้อเขาถึงเปิดปากพูดอีกครั้ง

 

“คนที่โดนพิษกู่หักสวาทจะมีชีวิตไม่เกินสิบปี เดิมทีฉันควรตายตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว”

 

เหยียนหมิงซุ่นพูดขัดเขาโดยแหวเสียงเข้มใส่ “เหลวไหล พิษกู่หักสวาทแค่จะทำให้มีลูกสืบสกุลไม่ได้ ไม่ได้ทำให้ตายสักหน่อย”

 

เฉินซานหัวเราะขันแล้วย้อนถาม “หมู่ชื่อเป็นคนบอกเธอว่าอย่างนั้นสินะ?”

 

“หมู่ชื่อคือใคร?”

 

“ลูกพี่ลูกน้องของหมู่ฮวา ตอนนี้น่าจะเป็นพ่อมดยอดฝีมือประจำเผ่า ถ้าเธอไม่ได้ตามหาเขาพบแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองโดนพิษกู่หักสวาท?” เฉินซานถาม

 

เหยียนหมิงซุ่นถึงเพิ่งเข้าใจว่าพ่อมดคนนั้นชื่อหมู่ชื่อ ส่วนลูกพี่น้องผู้ลุ่มหลงในความรักทว่าใจเหี้ยมคนนั้นชื่อหมู่ฮวา ดูท่าทางเฉินซานจะมีความสัมพันธ์กับสองพี่น้องคู่นี้อย่างลึกซึ้ง

 

“หมู่ชื่อเขาไม่ได้บอกความจริงกับเธอ ถ้าพิษกู่หักสวาทไม่อันตรายถึงชีวิตแล้วจะถูกเรียกว่าเป็นยาพิษที่รุนแรงอันดับหนึ่งได้อย่างไร?” แววตาของเฉินซานเยือกเย็น

 

เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งวูบ ณ เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรเชื่อใครแล้ว ไม่แสดงอาการออกทางสีหน้าเพื่ออยากฟังว่าเฉินซานจะว่าอย่างไรต่อ

 

“จุดที่ร้ายกาจที่สุดของพิษกู่หักสวาทก็คือจะทำให้ตายทั้งเป็นและสืบพันธุ์ไม่ได้ ตอนนั้นฉันไม่รู้อิทธิฤทธิ์ของพิษกู่หักสวาท ไม่อยากถูกผูกไว้ในป่าเขาลึกเลยตัดสินใจจากชนเผ่านั้นมา แต่ผ่านไปหลายปีฉันเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายว่าผอมซูบลงทุกวันและเริ่มฟันร่วง”

 

“ฉันก็นับว่ามีบุญอยู่มากที่ไปเจอผู้มากวิชาท่านหนึ่งโดยบังเอิญ เขาจ่ายยาให้ฉันแล้วบอกว่าช่วยคุมยาพิษให้ฉันได้ แต่ต้องตามหาผู้มีวาสนาภายในสิบห้าปี ไม่อย่างนั้นฉันก็จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“ผู้มีวาสนาหมายความยังไง?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น

 

เฉินซานมองเขาด้วยสายตาล้ำลึกแวบหนึ่งแล้วยิ้มอย่างมีนัยยะ รอยยิ้มที่สยดสยองจนน่ากลัวแบบนั้น เหยียนหมิงซุ่นพลันเข้าใจในทันทีว่าเขากับเสี่ยวกัวก็คือผู้มีวาสนาคนนั้นเลยบันดาลโทสะอย่างอดไม่ได้

 

“วิธีการของคุณก็คือถ่ายยาพิษจากร่างกายมาไว้ที่ผมกับเสี่ยวกัวสินะ?”

 

เฉินซานพยักหน้ารับโดยไม่คิดจะปฏิเสธ “ใช่ นี่เป็นเพียงวิธีเดียว แต่เธอสบายใจได้ ยาพิษที่ผ่านการถ่ายเทจะไม่คร่าชีวิตอีก”

 

วิธีของผู้มากวิชาท่านนั้นง่ายดายมากก็คือการแบ่งยาพิษชนิดรุนแรงออกเป็นสามส่วน เช่นนี้พอมีสามคนคอยแบกรับฤทธิ์ของยาพิษก็จะอ่อนแอลงสามส่วน เฉินซานไม่ตายแต่แค่จะมีลูกสืบสกุลไม่ได้

 

เหยียนหมิงซุ่นกับเสี่ยวกัวก็ด้วยเช่นกัน

 

“ไอ้บ้าเอ้ย…”

 

เสี่ยวกัวที่ยืนฟังอยู่นอกประตูอยู่นานจะทนได้อย่างไรไหวอีก ผลักประตูพุ่งเข้ามาพร้อมดวงตาแดงก่ำ

 

เฉินซานไม่หลบไม่หนีไม่แม้แต่จะกระตุกคิ้วสักนิด แล้วต้มชาต่อไปอย่างสบายใจ เสี่ยวกัวถูกเหยียนหมิงซุ่นห้ามเอาไว้ขณะที่อีกคนโกรธเสียจนกระทืบเท้าปึงปัง

 

“อย่าห้ามฉัน ฉันจะฆ่ามัน กล้าทำให้ฉันมีลูกสืบสกุลไม่ได้…” เสี่ยวกัวอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างมาก โกรธจนอยากจะฆ่าเฉินซานเป็นการระบายอารมณ์ให้รู้แล้วรู้รอดไป

 

“นายฆ่าฉันไปก็มีลูกไม่ได้อยู่ดี” เฉินซานพูดอย่างใจเย็น

 

เสี่ยวกัวกับเหยียนหมิงซุ่นใจเต้นรัว หรือว่าเฉินซานเองก็ไม่มีวิธีถอนพิษเช่นกัน?

 

เฉินซานกล่าว “พิษกู่หักสวาทไร้ยารักษา ต่อให้เป็นหมู่ชื่อก็ไม่มีวิธี เขาหลอกพวกนายแล้ว”

 

……………………..

 

ตอนที่ 2060 มีคนหนึ่งอาจมีวิธี

 

เฉินซานถอนหายใจช้า ๆ หากพิษกู่หักสวาทแก้ง่ายขนาดนั้นแล้วเขาจะทนลำบากตรากตรำขนาดนี้ทำไมกัน?

 

เสี่ยวกัวสีหน้าเศร้าปนโกรธ รู้สึกราวกับร่วงตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง หรือว่าเขากับภรรยามีลูกกันไม่ได้จริง ๆ?

 

เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่เชื่อ เพราะสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ต่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ไม่มีเมืองที่ตีไม่แตกและไม่มีพิษที่ถอนไม่ได้ พิษกู่หักสวาทไม่มีทางที่จะไร้ยารักษา เพียงแค่ยังหาวิธีไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น

 

อีกอย่างเขาไม่ได้เชื่อเฉินซานนัก!

 

“หมู่ชื่อบอกว่าขอแค่ตามหาคุณเจอ เขาก็มีวิธีถอนพิษกู่ได้” เหยียนหมิงซุ่นถามหยั่งเชิง

 

เฉินซานแค่นหัวเราะหลายที “หมู่ชื่อแค่อยากหลอกใช้เธอในการตามฉันเท่านั้นแหละ เขาอยากฆ่าฉันเพื่อแก้แค้นให้หมู่ฮวา!”

 

“แกบอกว่าเขาเป็นพวกต้มตุ๋นก็ต้องเป็นพวกต้มตุ๋นจริง ๆงั้นเหรอ? คนอย่างแกจะมีสักกี่ประโยคที่เป็นความจริงกัน?” เสี่ยวกัวไม่เชื่อเขา

 

“หึ พวกนายไม่ลองคิดดูว่าพิษกู่หักสวาทถูกเป็นพิษต้องห้ามไปตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อน ตอนนั้นหมู่ชื่อเป็นแค่เด็กอายุห้าหกขวบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิษกู่หักสวาทหน้าตาอย่างไรแล้วจะหาวิธีถอนพิษได้เช่นไร?” เฉินซานกล่าว

 

เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งวูบ เฉินซานพูดไม่ได้ไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว

 

อีกอย่างจนถึงตอนนี้แล้วเฉินซานไม่มีความจำเป็นต้องโกหกอีก จะว่าไปเฉินซานให้ความสำคัญกับลูกหลานมากที่สุด หากหมู่ชื่อมีวิธีถอนยาพิษจริง ๆ เขาต้องเป็นคนที่ร้อนใจมากที่สุดแล้ว

 

เฉินซานจิบชาอีกอึกแล้วพูดเนิบ ๆว่า “ความจริงไม่ถอนพิษก็ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่มีลูกไม่ได้นี่นา ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็รับเลี้ยงเด็กจากสถานเด็กกำพร้ามาก็ได้ บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดูด้วยซ้ำ นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากลูกแท้ ๆหรอก…”

 

“เหลวไหล…”

 

เสี่ยวกัวกระเด้งตัวอีกครั้ง เด็กรับเลี้ยงจะเหมือนลูกแท้ ๆได้อย่างไร?

 

อีกอย่างคนอื่นที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเหตุเพราะมีโรคประจำตัวถึงจำเป็นต้องรับเลี้ยง แต่เขาสุขภาพแข็งแรงดี หากไม่ใช่เพราะเฉินซานวางแผนชั่วร้ายกับเขาคงมีลูกตั้งเป็นทีมฟุตบอลไปแล้ว!

 

คราวนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ห้ามเสี่ยวกัว เขาก็อยากซ้อมเฉินซานมากเช่นกัน

 

แม้เฉินซานจะเป็นถึงพี่ใหญ่มากอิทธิพลแต่ตัวเขาต่อสู้ไม่เป็นแล้วจะสู้เสี่ยวกัวที่ร่างกายบึกบึนได้อย่างไรไหว เพรางั้นจึงถูกอีกฝ่ายซัดกระหน่ำจนหมดแรงจะตอบโต้และตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ

 

“ต่อให้นายต่อยฉันให้ตายก็ถอนพิษไม่ได้…” เฉินซานทนเจ็บไม่ได้เลยตะโกนเสียงดัง นั่นยิ่งเป็นการกระตุ้นเสี่ยวกัวให้ออกหมัดรุนแรงกว่าเดิม

 

เหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้ก็เริ่มสิ้นหวัง ดูท่าทางมีความเป็นไปได้สูงที่พ่อมดยอดฝีมือนั่นจะหลอกลวง เดิมทีเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พ่อมดยอดฝีมือคนนั้นแต่ตอนนี้กลับฝันสลาย ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่

 

หรือว่าเขาไม่สามารถมีผลผลิตแห่งความรักของเขากับเหมยเหมยได้อีกแล้วจริง ๆ?

 

เหยียนหมิงซุ่นเจ็บที่หัวใจแปลบ เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายกับเหมยเหมยอย่างไร ยัยโง่นี่คิดอยากจะมีลูกท่าเดียว!

 

“หยุดลงไม้ลงมือได้แล้ว…พิษกู่หักสวาทของเราก็ไม่ได้หมดทางช่วยซะทีเดียว มีคน ๆหนึ่งน่าจะมีวิธี” เฉินซานทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงได้บอกผลลัพธ์ที่เขาตามสืบมาจากหลายทางอย่างจำใจ

 

“ใคร?” เหยียนหมิงซุ่นกับเสี่ยวกัวถามพร้อมกัน

 

เฉินซานหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าอาบด้วยเลือดเหมือนเปิดร้านขายเครื่องเทศอย่างไรอย่างนั้น เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้สะอาด ดื่มน้ำชาหนึ่งแก้วถึงค่อย ๆเอ่ยขึ้น “ตลอดหลายปีนี้ฉันพยายามหาวิธีถอนพิษ เคยลองมานับครั้งไม่ถ้วนเลยจำใจต้องไปอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญที่นั่นก็ทำอะไรไม่ได้”

 

เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจว่าเฉินซานไปอเมริกาก็เพื่อถอนพิษ

 

“ตอนแรกฉันหมดหวังไปแล้ว คิดว่าจบชีวิตไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่เลว แต่กลับมีเหตุการณ์พลิกผัน คุณหมอชาวอเมริกาท่านหนึ่งที่รักษาฉันบอกว่ามีคนหนึ่งอาจจะช่วยฉันได้ อีกอย่างคน ๆนี้คือชาวฮวาเซี่ยและเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลกด้วย”

 

สายตาของเฉินซานจะประกายความหวังขึ้นชั่ววูบ ครั้งนี้ที่เขายอมกลับเมืองหลวงแต่โดยดีก็เพราะคน ๆนี้เลย

 

……………………..

ตอนที่ 2057 เฉินซานกลับมาแล้ว

เหมยเหมยยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วเอ่ยชมอิงจวี้กังไม่ขาดปาก แต่กลับถูกคุณหนูใหญ่เหริ่นกลอกตาใส่

“สายตาเธอมีปัญหาหรือเปล่า? อิงจวี้กังหน้าตาไม่ดีตรงไหน? มีจมูกมีตามีหูมีปาก องค์ประกอบทั้งห้ามีครบไม่ขาดอะไรเลย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนรักของเธอหน้าตาไม่ดีกัน?

เหมยเหมยมองเธออย่างตกใจอยู่นานแล้วโต้กลับอย่างไม่พอใจ “เมื่อก่อนเธอพูดเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง? เธอบอกว่าอิงจวี้กังซื่อบื้อปฏิกิริยาเชื่องช้าแล้วยังหน้าเหลี่ยม หน้าตาเหมือนชาวถ้ำ ส่วนสูงยังน้อยกว่าเธออีก…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าแดงทันที ยื่นมือจะปิดปากเหมยเหมย “เธอพูดบ้าอะไรน่ะ? ฉันเคยพูดเรื่องเหลวไหลพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ถ้าเธอพูดแบบนี้อีกระวังฉันจะโกรธนะ!”

ฉีฉีเก๋อรีบพูดเสริมอีกเสียง “เธอพูดเอง เธอยังบอกเลยว่าแต่งงานกับหมูกับหมายังดีกว่า…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนกระโดดกระทืบเท้าปึงปังแล้วยื่นอีกแขนไปปิดปากฉีฉีเก๋อ โกรธที่พ่อแม่ไม่ให้แขนเธอมาอีกหลาย ๆแขน และยิ่งโกรธที่เธอรู้จักเพื่อนแย่ ๆสองคนนี้ ตอนสอบไม่เห็นความจำดีขนาดนี้ คำที่เธอพูดลอย ๆกลับจำได้แม่นยำเหลือเกิน!

“ฉันโกรธจริง ๆนะ…อย่างไรเสียฉันก็ไม่เคยพูดอย่างนั้น พวกเธออย่ามาพูดจาเหลวไหล!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ยอมรับ ตอนนี้เธอกับอิงจวี้กังกำลังอยู่ในช่วงหวานแหววปานน้ำผึ้งเดือนห้า ในสายตาคนรักอีกฝ่ายมักดีเสมอ อิงจวี้กังที่แต่เดิมถูกเธอรังเกียจจ้องหาจุดตำหนิไปทุกเมื่อ แต่บัดนี้ในสายตาเธอเกรงว่าจะหล่อยิ่งกว่าหลิวเต๋อหัวเสียอีก!

เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะทีแต่ก็ดีใจแทนเพื่อนสนิทที่เจอคนรักที่มีความรับผิดชอบและรักตนอย่างแท้จริง มันไม่ง่ายเลย!

โลกนี้แม้มีผู้ชายดี ๆไม่น้อยแต่ผู้ชายชั่ว ๆก็มีมากเช่นกัน!

การแต่งงานก็เหมือนเสี่ยงโชค หากโชคดีก็จะมีความสุขตลอดชีวิต ถ้าอับโชคก็จะซวยไปตลอดชีวิต!

“เหมยเหมยปิดเทอมฤดูร้อนเธอเตรียมจะไปเที่ยวไหนเหรอ?” ฉีฉีเก๋อถาม

“ตอนนี้ยังไม่รู้ บางทีอาจจะไม่ไปไหน” เหมยเหมยยิ้ม ในใจรู้สึกแย่อยู่บ้าง

การถอนพิษของเสี่ยวเป่าไม่ราบรื่นมากนักเพราะอายุน้อยเกินไปทำให้ทนรับแรงกระตุ้นไม่ได้ จากระดับความเร็วแบบนี้เกรงว่าอีกหลายปีก็คงถอนพิษไม่ได้ หากใช้เวลานานหน่อยแต่ถอนพิษได้ก็ยังพอไหว

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือร่างกายของเสี่ยวเป่าจะทนไม่ได้นานขนาดนั้น!

นี่ต่างหากคือเรื่องที่เหมยเหมยกังวลมากที่สุด!

ตอนนี้คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่เจอแล้ว ได้แต่ค่อย ๆบำรุงร่างกายให้เสี่ยวเป่าไป หวังว่าเสี่ยวเป่าจะแข็งแรงกว่านี้อีกสักนิด เช่นนี้ก็จะได้ยืดระยะเวลาการฝังเข็มขับพิษออกมาอีกสักหน่อย

ฉะนั้นเหมยเหมยจึงไม่มีอารมณ์ออกไปเที่ยวไหน

ปิดเทอมฤดูร้อนมาเยือนอย่างรวดเร็ว ฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซงออกเดินทางตั้งแต่วันรุ่งขึ้นหลังปิดเทอม เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับอิงจวี้กังเองก็กำลังมุ่งมั่นสร้างอนาคตแสนสุขด้วยกันอย่างหวานแหวว พวกเขามีงานรุมเร้าทุกวัน ใช้ชีวิตเต็มที่มาก

ทางเสี่ยวเป่ายังไม่มีความคืบหน้าใด ๆเลย ได้ข่าวว่าตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดุร้ายมาก แน่นอนว่าอดีตอารมณ์ของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก แต่เพราะได้ความรักจากเหมยซูหานมาเติมเต็มเฮ่อเหลียนเช่อก็ดีขึ้นมาก

แต่เพราะเสี่ยวเป่าเลยทำให้ทุกวันนี้เฮ่อเหลียนเช่อแทบจะอารมณ์เสียทุกวัน มีเพียงเหมยซูหานกล้าเข้าใกล้เขาเท่านั้น ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆเห็นเขาต่างก็เขยิบหนีไปไกลเพราะกลัวถูกเฮ่อเหลียนเช่อจับไปเป็นกระสอบทรายไว้ระบายอารมณ์

ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นก็ค่อนข้างยุ่งเพราะเฉินซานกลับมาแล้ว

ที่อยู่ในอเมริกาของเฉินซานลึกลับมาก เสี่ยวกัวเสียแรงมากกว่าจะตามหาเขาเจอแต่กลับไม่อาจเข้าใกล้เฉินซานได้ ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดถึงตามจับเฉินซานกลับมาได้

เหยียนหมิงซุ่นรีบสั่งลูกน้องให้พาพ่อมดที่กลับไปยังชายแดนเหมียวเจียงมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ส่วนเขาไปพบเฉินซาน

ยังคงเป็นเรือนน้ำชากลางเมืองแห่งนั้นเช่นเคย

สถานที่ที่เขากับเฉินซานพบกันครั้งแรก—เรือนน้ำชาหวังปา!

ยังคงเป็นห้องเดิมที่วันเวลาผ่านไปหลายปีก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงจิตใจคน!

………………………

ตอนที่ 2058 ฉันแค่อยากมีชีวิตต่อไป

เฉินซานดูสีหน้าดีไม่หยอก ดูแล้วอ่อนเยาว์กว่าเมื่อนั้นมากโขและที่สำคัญคืออ้วนขึ้นมาก

เหยียนหมิงซุ่นจำครั้งแรกที่เขาเจอเฉินซานได้ ความรู้สึกเพียงหนึ่งเดียวก็คือทำไมคน ๆนี้ถึงได้ผอมมากเช่นนี้?

ทั้งตัวมีเนื้อหนังอยู่ไม่มาก โดยเฉพาะใบหน้าที่ซูบเสียจนแก้มบุ๋มลงไปขับให้ดูเคร่งขรึมอยู่หน่อย แต่เฉินซานในตอนนี้ให้ความรู้สึกใจดีขึ้นมาก อีกทั้งใบหน้าอิ่มเอมมีน้ำมีนวลบ่งบอกว่าหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตที่อเมริกาได้ไม่เลวเลย

เฉินซานสวมชุดฉางเผาสีขาวนวลนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้โต๊ะเตี้ยเหมือนครั้งแรกที่พบกัน ชงชาอย่างไม่รีบร้อน พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นสีหน้ากลับไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดเพียงแต่ก้มหน้าให้เขาเล็กน้อย

“มาแล้วเหรอ?”

“มาแล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่รอให้เขาเชิญก็นั่งลงด้วยท่าขัดสมาธิเช่นกัน

“ดื่มชาก่อน” เฉินซานหยิบเอากาต้มชาเครื่องปั้นดินเผาขนาดเล็กลงมาจากบนถ่านไฟ ยื่นน้ำชาให้เหยียนหมิงซุ่นหนึ่งแก้วที่ส่งกลิ่นหอมลอยเตะจมูก

เหยียนหมิงซุ่นแค่นั่งถืออยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะดื่มชาแก้วนั้น ระยะนี้เขาคิดแล้วคิดอีกในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าเผลอตกหลุมพลางตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อครั้นที่เขากับเฉินซานพบกันครั้งที่สอง เฉินซานพาเขาไปพบเฮ่อเหลียนชิง เมื่อนั้นเฉินซานก็ชงน้ำชาให้เขาหนึ่งแก้วซึ่งตอนนั้นเขาไม่ได้เชื่อใจเฉินซานนัก จึงแสร้งทำเป็นดื่มอึกหนึ่งก่อนที่ชาอึกนั้นจะถูกเขาคายออกมา

เมื่อนั้นเขาคิดว่าขอแค่คายออกมาก็คงไม่เป็นไรแต่ภายหลังเขาได้ถามพ่อมดยอดฝีมือดู เขาบอกว่าพิษหักสวาทนี้ขอแค่ได้เข้าปากก็โดนเข้าเต็มเปาแล้ว

พอมีประสบการณ์มาก่อน เหยียนหมิงซุ่นย่อมไม่มีทางทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

เฉินซานอมยิ้มน้อย ๆแล้วยกชาขึ้นมาดื่มเองหนึ่งอึก สีหน้าดูเคลิบเคลิ้มพร้อมพูดชม “ชาดี!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่สะทกสะท้าน ต่อให้เป็นชาต้าหงเผาก็ไม่จุดประกายความสนใจจากเขาได้

“วางใจดื่มเถอะ ในชาไม่มีอะไร” เฉินซานเอ่ยเสียงเรียบ

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ดื่มน้ำชาเข้าไป เขาไม่มีวันเชื่อใจเฉินซานอีกแล้ว คนที่เคยวางแผนทำร้ายเขาจะให้เขาเชื่อใจอะไรได้อีก?

“ทำไมถึงวางยาพิษใส่ผม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม

เฉินซานจิบน้ำชาช้า ๆ พอได้ยินคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ราวกับทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว บรรยากาศเงียบสงัดกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง

“เพราะฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป” เฉินซานตอบกลับ คำตอบอยู่เหนือความคาดหมายของเหยียนหมิงซุ่นมาก แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจเลยแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วเอ่ยประชดว่า “คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดบ้า ๆนี้อีกเหรอ?”

เฉินซานสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนยังคงดื่มน้ำชาอย่างใจเย็น ท่าทางเรียบนิ่งได้ทำให้ไฟโทสะสุมขึ้นมาในอกของเหยียนหมิงซุ่นก่อนจะด่ากราด “ตอนนั้นคุณอยากควบคุมผมใช่ไหม?”

“ก็มีความคิดนี้อยู่บ้าง แต่สาเหตุหลักเลยคือต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป” เฉินซานยอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ความตรงไปตรงมานี้ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นเริ่มสงสัยในสิ่งที่ตนคิด

คนแบบนี้ คือเฉินซานที่วายยาพิษใส่เขาจริงหรือ?

จะเป็นคนอื่นหรือไม่?

เฉินซานเป็นเพียงแพะรับบาปคนหนึ่งหรือเปล่า?

คล้ายดูออกถึงความสงสัยของเหยียนหมิงซุ่นเฉินซานจึงกล่าวอีก “ฉันไม่มียาถอนพิษ ฉะนั้นจึงไม่สามารถควบคุมเธอได้ ฉันแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีเท่านั้น”

“คุณอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเกี่ยวอะไรกับการวางยาพิษผมล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นโมโหจนปวดศีรษะ ยิ่งไม่เข้าใจคำพูดของเฉินซานว่าเขาต้องการสื่อความหมายอะไรกันแน่?

“เกี่ยวสิ ถ้าไม่ใช่เธอกับเสี่ยวกัว ฉันคงอยู่จนถึงตอนนี้ไม่ได้หรอก” เฉินซานยิ้มกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าที่เรียกให้เหยียนหมิงซุ่นอยากเสยหมัดใส่เขาสักที

“คุณพูดให้รู้เรื่องหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวเสียงต่ำ

ดูสิว่าหมอนี่จะพูดอะไรให้แปลกใจอีก!

………………………

ตอนที่ 2055 ให้ฟรีไม่ได้

หลังจากผ่านการออกกำลังกายอย่างแข็งขันมาตลอดคืน เหมยเหมยก็นอนอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยล้า อยู่ดี ๆเธอก็ค้นพบความจริงอันแสนเศร้าเรื่องหนึ่ง–

จำนวนครั้งที่ท่านบัญชาการใหญ่เหยียนต้องการเธอไม่เคยเปลี่ยนเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีลด!

ไม่ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะออกสัมมนางานหรือไม่ และไม่สนว่าประจำเดือนเธอจะมาหรือเปล่า

อย่างไรเสียจำนวนครั้งก็เท่าเดิมไม่เปลี่ยน ต่างกันแค่แต่ละคืนจะมีความเมตตามากแค่ไหน

ตลอดหลายวันมานี้เพราะมีเสี่ยวเป่าเหมยเหมยเลยเมินใส่เหยียนหมิงซุ่นไปบ้าง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน เธอลอบดีใจหลงคิดว่าจะได้สบายไปหลายวัน แต่เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นแปลงร่างเป็นหมาป่าไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อน ทั้งยังคิดบัญชีทบต้นทบดอกที่ขาดหายไปช่วงหลายวันก่อนทั้งหมดถึงขั้นจำนวนเกินไปด้วยซ้ำ

ทำเอาเธอเหนื่อยแทบตาย!

เหมยเหมยนอนแน่นิ่งบนเตียง ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะดิ้นรน ไม่ว่าเธอวางแผนอย่างไรก็เอาชนะท่านผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนแสนเจ้าเล่ห์ไม่ได้

ปล่อยไปตามนี้แล้วกัน!

จะทำอะไรก็เชิญ!

ถึงอย่างไรก็มีแต่วัวที่เหนื่อยกับการทำนา ไม่มีนาที่เสียจากการทำนาสักหน่อย [1]เหอะ!

“เรื่องยาเธอไม่ต้องสนใจแล้ว ฉันจะเอาไปให้เฮ่อเหลียนเช่อเอง” เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่มุดเข้าที่นอนแกล้งตายแล้วกระตุกยิ้มอ่อน ๆ สายตามองด้วยความรักใคร่และรู้สึกร่างกายได้รับการเติมเต็ม

เรื่องอย่างอื่นยอมภรรยาได้ทั้งนั้น มีเพียงเรื่องบนเตียงที่ไม่มีวันยอมเด็ดขาด ไม่มีข้อต่อรองใด ๆทั้งสิ้น

“อืม…”

เหมยเหมยตอบรับอย่างอ่อนแรงทีหนึ่ง ไม่อยากสนใจเรื่องอะไรแล้วตอนนี้เธอแค่อยากนอนเท่านั้น

ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ให้เหยียนหมิงซุ่นไปรองเอาไว้

“อยู่บ้านดี ๆล่ะ พี่จะกลับมาทำของอร่อย ๆให้”

เหยียนหมิงซุ่นสวมเสื้อผ้าแล้วเก็บเม็ดยาที่ผ่านกระบวนการแต่งเติมใส่ลงในขวดขนาดเล็ก ยาพวกนี้เขาจงใจให้ลูกน้องไปจัดการแต่งเติมมาเมื่อวาน ขนาดเล็กกะทัดรัดและไม่กระตุ้นร่างกายของเสี่ยวเป่ามากเกินไป อีกอย่างต่อให้เฮ่อเหลียนเช่ออยากตรวจสอบส่วนผสมของยาเม็ดพวกนี้ก็ทำไม่ได้

เม็ดยาทั้งหมดที่เขามอบให้ล้วนแต่ผ่านกระบวนแต่งเติมพิเศษ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบส่วนผสมของมันได้

“ไม่ทานหรอก…”

เสียงอู้อี้ดังแว่วออกมาจากที่นอน เหมยเหมยไม่หลงกลหรอก!

ตอนนี้เธอเหมือนหมูน้อยในคอกที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีทุกวัน พอเลี้ยงจนอ้วนได้ที่ก็จับฆ่าเสีย!

เหอะ!

เธอยอมหิวตายยังจะดีกว่า!

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรอีก ทานไม่ทานคงตามใจยัยตัวแสบไม่ได้เพราะเขาต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจ!

ทางเฮ่อเหลียนเช่อได้รับสายจากเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ไม่คิดว่าเจ้าหมอนี่จะยอมเอายาวิเศษมาช่วยเสี่ยวเป่าซึ่งเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเขามาก

เหยียนหมิงซุ่นมีของดีอยู่ในมือเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อรู้มานาน เสียดายที่เขาไม่ได้มันมาทำได้แค่มองตาปริบ ๆ

ไม่คิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะใจดีขนาดนี้จริง ๆ

“ยาวิเศษพวกนี้มีผลจริงเหรอ? ทำไมดูแล้วไม่เหมือนกับที่แกให้นายใหญ่เลยล่ะ”

เฮ่อเหลียนเช่อรับขวดเล็กมา พอเห็นเม็ดยาขนาดเล็กในขวดก็ทำหน้าสงสัย

เม็ดยาเหล่านั้นที่นายใหญ่ทานเขาเคยเห็นมันมาเองกับตา สีเข้มกว่านี้และขนาดใหญ่กว่านี้ เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ได้เอายาปลอมมาหลอกเขาหรอกนะ?

เหมยซูหานโกรธจนหยิกเขาแรง ๆทีหนึ่งแล้วยิ้มกล่าวขอโทษ “ช่วงนี้อาเช่อสมองไม่ค่อยดี พูดอะไรไม่ค่อยเข้าหูเท่าไร นายอย่าถือสาเลยนะ”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่ง “ฉันไม่ถือสาคนโง่หรอก ยาอยู่นี่ ถ้านายไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา ถ้าไม่ใช่เพราะเหมยเหมยขอร้องฉันคงทำใจให้ยาดี ๆแบบนี้ไม่ได้หรอก!”

เฮ่อเหลียนเช่อหน้าถมึงทึงนึกอยากแย่งเม็ดยาเหล่านี้มาอยู่ในมือเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ปั้นหน้าไม่ถูกเพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นเลยตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

เหมยซูหานยกขาเตะเขาอย่างขุ่นเคืองทีหนึ่งแล้วชิงรับยามาก่อนกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนายมากนะ!”

“ไม่เป็นไร ยาพวกนี้ฉันก็ไม่ได้จะให้ฟรีอยู่แล้วในเมื่อฉันเสียแรงไปไม่น้อย คุณชายเช่อร่ำรวยมีฐานะคงไม่คิดจะเอาของฉันไปฟรี ๆหรอกนะ?”

ไม่รีบเอาเปรียบโหด ๆตอนนี้แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไรกันล่ะ!

ช่วยเสี่ยวเป่าก็เรื่องหนึ่ง แต่การเอาเปรียบเฮ่อเหลียนเช่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สองเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน!

…………………….

ตอนที่ 2056 เฮ่อเหลียนเช่อที่อัดอั้น

เฮ่อเหลียนเช่อมีฐานะร่ำรวยจริง ๆ เนื้อชิ้นโตมันเยิ้มที่ถูกเหยียนหมิงซุ่นหั่นไปหนัก ๆทีหนึ่งก็พอจะทำให้เฮ่อเหลียนเช่อปวดใจไประยะหนึ่งแล้ว

ของที่ได้มาจากเฮ่อเหลียนเช่อ เหยียนหมิงซุ่นก็ให้เหมยเหมยไปทั้งหมดเพื่อให้เธอได้เล่นสนุก

เหมยเหมยไม่ได้สนใจร้านค้ากับบ้านพวกนี้เลยสักนิด เธอถามถึงอู่เยวี่ย “ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อยังไม่จัดการเธอทิ้งอีก?”

หรือว่าจะเก็บคนแพศยาไว้ฉลองปีใหม่หรือไง?

“ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังรักษาแบบหักดิบไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสุขภาพเขาจะทนไม่ไหวเอา ฉะนั้นอู่เยวี่ยเลยยังตายไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย

บัดนี้คนที่อยากให้อู่เยวี่ยตายมากที่สุดก็คือเฮ่อเหลียนเช่อ แต่เสียดายที่ตอนนี้ยังจัดการเธอไม่ได้จริง ๆ

จะว่าไปอู่เยวี่ยก็มีความสามารถอยู่บ้างนะ ยาพิษที่มีฤทธิ์สารเสพติดมาจากการคิดค้นของเธอ ได้ข่าวว่าทำเอาสายลับของสำนักข่าวกรองกลางทางอเมริกาปวดศีรษะไปช่วงหนึ่งเลย ด้วยเหตุนี้อู่เยวี่ยจึงได้ฉายาว่าแมงมุมแม่ม่ายดำ

แต่เพราะได้รับการคุ้มกันจากเฮ่อเหลียนเช่อ ทางสำนักข่าวกรองกลางจึงไม่ได้ข้อมูลของอู่เยวี่ยไปอย่างละเอียด รู้เพียงว่าเป็นหญิงสาวอายุน้อยชาวจีนคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ ข้อมูลนอกจากนั้นก็ไม่ระบุอะไรอีกเลย

ยาพิษชนิดนี้ความจริงไม่ได้มีฤทธิ์ร้ายแรงนักแต่จุดแข็งของมันอยู่ที่อู่เยวี่ยเอายาพิษหลอมรวมอยู่ในร่างของเธอ นั่นหมายความว่าขอเพียงยาพิษในตัวเสี่ยวเป่าไม่ได้ถูกขับออกเธอก็ตายไม่ได้

ตรงกันข้ามหากเธอตายไป ยาพิษในร่างเสี่ยวเป่าก็ไม่สามารถถอนได้อีกตลอดไป!

โหดเหี้ยมมากและร้ายกาจมากเช่นกัน!

เหยียนหมิงซุ่นใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้เลยว่าตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อจะรู้สึกอัดอั้นเพียงใด!

แต่ก็สมน้ำหน้า!

ใครให้เขาชักศึกเข้าบ้านเองล่ะ!

กรรมที่ตัวเองก่อทั้งนั้น!

เฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรอู่เยวี่ยไม่ได้ ไฟโทสะทั้งหมดของเขาถูกระบายกับคุณหมอเกาเพียงคนเดียว นับว่าโชคดีที่คุณหมอเกาคนนี้ไม่มีพ่อแม่ภรรยาและลูก เป็นหนุ่มโสดเพียงคนเดียวเท่านั้น

ไม่อย่างนั้นภรรยา ลูก พ่อแม่ของเขาคงจบไม่สวยแน่!

ด้วยนิสัยแค้นฝังหุ่นของเฮ่อเหลียนเช่อ เขาจะยอมปล่อยครอบครัวคุณหมอเกาไปได้หรือ?

คุณหมอเกาทนบทลงทัณฑ์ของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ไหวจึงขอร้องให้ฆ่าเขาเสีย ก่อนจะสารภาพวิธีการผลิตยาของอู่เยวี่ยด้วยตัวเอง เพราะเมื่อนั้นอู่เยวี่ยยังท้องอยู่เธอเลยลงมือทำเองไม่ได้ เธอจึงบอกตัวยาแล้วให้เขาเป็นคนผสมยาขึ้นมา

แต่เขาได้ผสมไปเพียงครึ่งแรก ตอนหลังกลับเป็นอู่เยวี่ยที่ลงมือทำเองทั้งหมดและปิดบังเขาด้วย

“ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือขั้นตอนสุดท้าย อู่เยวี่ยไม่ได้ให้ผมดู”

ร่างคุณหมอเกาเลือดโชกไม่มีส่วนไหนที่ไร้รอยขีดข่วน ดูแล้วน่ากลัวสยดสยองอย่างมาก

เฮ่อเหลียนเช่อให้คุณหมอเกาเขียนวิธีการผลิตยาที่เขารู้ออกมาโดยไม่กังวลว่าเขาจะโกหกเลยสักนิด มาถึงขั้นนี้แล้วคุณหมอเกาไม่มีความจำเป็นใด ๆที่ต้องพูดปดอีก

“จัดให้สมใจเขาแล้วกัน!”

คุณหมอเกาเขียนวิธีการผลิตด้วยมืออันสั่นเทา เฮ่อเหลียนเช่อมองแวบหนึ่งก็เก็บเข้ากระเป๋าก่อนพูดสั่งลูกน้อง

“ขอบคุณ…”

คุณหมอเกายิ้มเหมือนได้รับการปลดปล่อย ไม่เคยโหยหาความตายมากเท่านี้มาก่อน

ในที่สุดก็หลุดพ้นเสียที!

ชาติหน้าขออย่าได้เจอปีศาจชั่วร้ายอย่างอู่เยวี่ยอีกเลย!

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ใกล้ปิดเทอมฤดูร้อนของทางมหาวิทยาลัยแล้ว ฉีฉีเก๋อกับฉางชิงซงเตรียมไปท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งแผนในครั้งนี้จะเดินทางไปทางเหนือ เดินทางไปด้วยหาเงินไปด้วยอย่างสนุกสนาน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับอยู่เมืองหลวงไม่ไปไหน อิงจวี้กังก็ไม่กลับบ้านเกิดเพราะบริษัทโฆษณาชื่นชมเขาอย่างมากเลยสั่งงานเขาไม่น้อย ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนจึงไม่มีแม้แต่เวลาสวีทหวานกับแฟน เขาต้องรีบทำเวลาหาเงินเพื่อตอนเรียนจบจะได้ซื้อบ้านที่เมืองหลวง เช่นนี้เขาก็จะขอสาวจ่ำม่ำผู้เป็นที่รักแต่งงานได้แล้ว!

ในฐานะผู้ชายเขาต้องแบกรับภาระทั้งหมดเพื่อให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักสุขสบาย!

เหมยเหมยได้ฟังเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าถึงความฝันของอิงจวี้กังก็อดทึ่งในตัวเขาไม่ได้

“เชี่ยนเชี่ยนวันข้างหน้าเธอมีความสุขแน่ จอมยุทธ์เต่าของเธอถึงหน้าตาจะธรรมดาแต่ความมุ่งมั่นดีกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ร้อยเท่าเลย”

…………………….

[1] สำนวนหมายถึง วัวเป็นสิ่งมีชีวิตยิ่งทำงานมากก็ยิ่งเหนื่อย แต่ผืนนาแค่รอการทำนาเท่านั้นไม่ต้องออกแรงอะไรเลยไม่ต้องเหนื่อย

ตอนที่ 2053 ถอนพิษไม่ได้

เหมยซูหานเป็นคนโทรมา

“อาเช่อ นายอยู่ไหน?” เสียงของเหมยซูหานฟังดูร้อนรนมาก

เฮ่อเหลียนเช่อหลงคิดว่าเขาเจอเรื่องเดือดร้อนอะไรเข้าเลยถามเสียงทุ้มต่ำ “ฉันอยู่กับเสี่ยวเป่า มีคนรังแกนายใช่ไหม นายอยู่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกแต่เป็นเสี่ยวเป่าต่างหาก ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกนาย อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึงนะ”

เหมยซูหานกดวางสายไป เฮ่อเหลียนเช่อคอยฟังเสียงดังตู๊ด ๆก็ชักสังหรณ์ใจแปลก ๆ

เสี่ยวเป่าเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ?

เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะไปไหน ยังทำอะไรอู่เยวี่ยไม่ได้ชั่วคราวแต่เขาต้องหาคนระบายอารมณ์ เฮ่อเหลียนเช่อมองไปยังคุณหมอเกาที่ยังนั่งทรุดอยู่บนพื้นราวกับมองคนตายก็ไม่ปาน

กล้าร่วมหัวกับอู่เยวี่ยหลอกเขางั้นหรือ?

เขาจะให้เจ้างั่งนี้ได้รู้ว่าการล่วงเกินคุณชายเช่ออย่างเขาจะมีจุดจบอย่างไร!

เสี่ยวเป่าอิ่มไปอีกมื้อก็สงบลงได้ ดูท่าทางเหนื่อยแย่เพราะเจ้าตัวเล็กเผลอหลับขณะที่ยังอมหัวนมของอู่เยวี่ยอยู่เลย หน้าผากมีแต่เหงื่อผุดเต็มไปหมด เฮ่อเหลียนเช่อรีบมาอุ้มหวังจะวางลงบนเตียง แต่เห็นนาน ๆทีเสี่ยวเป่าจะยอมให้เขาอุ้ม เฮ่อเหลียนเช่อจึงอาลัยอาวรณ์อุ้มเสี่ยวเป่าที่หลับอยู่อย่างนั้น ใบหน้าอมยิ้มน้อย ๆ ดูท่าทางใจดีอย่างมาก

อู่เยวี่ยยังคงนอนอยู่บนพื้นในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็ไม่มีใครสนใจ เธอยื่นมือมาจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ตัวเองแต่ยังคงนอนอยู่เหมือนเดิม สมองแล่นทำงานอย่างไวเพื่อหาทางแก้ด่านอุปสรรคตรงหน้า

เหมยซูหานมาถึงในไม่ช้า เขามองอู่เยวี่ยบนพื้นอย่างนึกรังเกียจแวบหนึ่ง เยื่อใยสัมพันธ์ในอดีตไม่เหลืออีกแล้ว เหมยซูหานหวังเพียงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะลงทัณฑ์ผู้หญิงคนนี้อย่างโหดเหี้ยมที่สุด

พอเห็นเสี่ยวเป่าที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยซูหานก็ยิ่งปวดใจ ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องทุกข์ทรมานขนาดนี้ตั้งแต่ยังเล็กนะ!

“นายดูผลวิจัยอันนี้สิ”

เหมยซูหานยื่นผลรายงานในมือให้เฮ่อเหลียนเช่อแล้วรับเสี่ยวเป่ามา เป็นครั้งแรกที่เขาได้อุ้มเจ้าตัวเล็กเลยรู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก ไม่อยากปล่อยมือเลยสักนิด

การได้อุ้มเสี่ยวเป่าผู้น่ารักก็เหมือนได้กอดโลกไว้ทั้งใบ ความรู้สึกอย่างนั้นมีความสุขเหลือเกิน!

เฮ่อเหลียนเช่ออ่านผลรายงานการวิจัยด้วยสีหน้าตึงเครียด แม้จะเป็นสัญลักษณ์รูปร่างประหลาด ๆที่เขาไม่เข้าใจ แต่ประโยคสุดท้ายเขากลับอ่านเข้าใจดี

เป็นสารเสพติดที่ยังไม่ถูกค้นพบชนิดหนึ่ง!

“ใครเป็นคนวางยาพิษ?” เฮ่อเหลียนเช่อข่มความคิดในแง่ร้ายไว้ หวังว่าสิ่งที่ตัวเองคิดจะผิดไป

เหมยซูหานจ้องอู่เยวี่ยบนพื้นเขม็งแล้วเอ่ยอย่างปวดใจ “เสี่ยวเป่า ภรรยาที่แสนดีของนายวางยาพิษเสี่ยวเป่า ถึงทำให้เสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากเธอไม่ได้ ต้องการเพียงแค่เธอเท่านั้นไงล่ะ!”

อู่เยวี่ยตกใจจนหน้าถอดสี เหมยซูหานรู้ได้อย่างไร?

ไม่ได้ เธอจะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!

เธอทำได้รอบคอบมาก ขอเพียงเธอกัดฟันแน่นไม่ยอมรับก็จะไม่เป็นไร!

อีกอย่างยาพิษในร่างกายของเสี่ยวเป่ามาจากฝีมือเธอ คิดจะถอนพิษคงไม่ง่ายขนาดนั้น ขอเพียงยาพิษในตัวเสี่ยวเป่าไม่ถูกถอนออกเธอก็จะยังคงปลอดภัย

นอกเสียจากเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่สนความเป็นความตายของเสี่ยวเป่าแล้ว!

อู่เยวี่ยวิเคราะห์สถานการณ์ตัวเองก่อนจะรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย ขอเพียงมีเวลาผ่อนผันสักน้อยเธอต้องหาทางได้แน่ ๆ!

เหมยเหมยพะวงเรื่องเสี่ยวเป่าอยู่ตลอดเวลา เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมเล่าสถานการณ์ให้เธออย่างละเอียดเพราะกลัวเธอรู้สึกแย่ เหมยเหมยถามไปหลายครั้งก็ไม่ได้คำตอบ พอเธอร้อนใจเลยโทรหาเหมยซูหาน

“ตอนนี้อาเช่อกำลังให้คุณหมอหาวิธีแล้ว แต่เสี่ยวเป่ายังเด็กเกินไป ร่างกายของเขารับแรงกระตุ้นของยาประเภทอื่นไม่ไหว เขาจะตายได้…”

เหมยซูหานเอ่ยด้วยเสียงปนสะอื้น เฮ่อเหลียนเช่อได้ตามหาผู้เชี่ยวชาญยอดฝีมือทั้งเมืองหลวงเพื่อรักษาเสี่ยวเป่า แต่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานการณ์ของเสี่ยวเป่าในตอนนี้สุ่มเสี่ยงมาก

ยาพิษในร่างกายของเสี่ยวเป่าแม้จะมีปริมาณไม่มาก หากเป็นผู้ใหญ่คงง่ายต่อการถอนพิษ แต่ปัญหาคือเสี่ยวเป่ายังเด็กเกินไป

เขาเป็นเพียงเด็กทารกอายุสามเดือนครึ่งเท่านั้นจึงทนแรงกระตุ้นของยาไม่ไหว เกรงก็แต่ยังไม่ทันถอนพิษออกจากร่างกายอาการเขาก็จะทรุดลงก่อนมากกว่า

…………………………

ตอนที่ 2054 มีวิธีแล้ว

“งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ หรือว่าเสี่ยวเป่าจะต้องถูกอู่เยวี่ยควบคุมตลอดไปเหรอ?” เหมยเหมยชักร้อนใจแล้ว

เหมยซูหานเสียงเย็นชาลง “แน่นอนว่าไม่ อาเช่อจะหาทางช่วยเสี่ยวเป่าแน่ มีหมอแพทย์แผนจีนท่านหนึ่งบอกว่าเขาทำยาปรับสภาพได้ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้เสี่ยวเป่าไปด้วยและช่วยถอนพิษไปด้วย ทำแบบนี้ถึงจะใช้เวลานานหน่อยแต่กลับเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้”

นับว่าเป็นการเจอแสงสว่างในความมืด ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดต่างบอกว่าช่วยเสี่ยวเป่าไม่ได้ มีเพียงหมอแพทย์แผนจีนยอดฝีมือท่านหนึ่งบอกว่าเขามีวิธี เป็นการใช้วิธีฝังเข็มขับพิษให้เสี่ยวเป่าแล้วใช้ยาปรับสภาพ เช่นนี้สารพิษจะถูกขับออกมาจากร่างเสี่ยวเป่าช้า ๆและไม่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

เหมยเหมยโล่งอกไปที แค่มีวิธีก็พอแล้ว

แต่เสียดายที่คุณหมอกู้ไม่รู้ไปท่องโลกที่ไหนอีก ไม่อย่างนั้นใครเล่าจะมีฝีมือการแพทย์ได้ยอดเยี่ยมกว่าเขาอีก?

แต่หมอแพทย์แผนจีนที่เฮ่อเหลียนเช่อเจอคงฝีมือไม่แย่หรอก เสี่ยวเป่าจะไม่เป็นไรแน่ ๆ

“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” เหมยเหมยถาม

“ก็มีแหละ คุณหมอบอกว่าต้องใช้สมุนไพรมากมายในการทำยา อาเช่อรวบรวมไม่หมดในทีเดียว เหมยเหมยช่วยถามเหยียนหมิงซุ่นทีได้ไหมว่าเขามีหรือเปล่า?”

หมอแพทย์แผนจีนอาวุโสท่านนั้นเขียนรายการมายาวเหยียด โสมป่าอายุร้อยปี รากบัวหิมะอายุพันปี เหอโส่วอูรูปร่างคนต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นสมุนไพรหายากทั้งสิ้น หากให้เวลาค่อย ๆตามหาไปจะต้องรวบรวมได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้เวลากระชั้นชิดทำให้ตามหาไม่ง่ายขนาดนั้น เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากเสียหน้าจึงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงซุ่น เขายอมไปตามหาสมุนไพรอย่างยากลำบากเองยังจะดีเสียกว่า เหมยซูหานจึงแอบเอ่ยปากขอเหมยเหมยลับหลัง

ขอเพียงช่วยเสี่ยวเป่าได้จะเอาหน้าไปทำไมกัน ต่อให้เขาต้องคุกเข่าก็ไม่เป็นไร!

เหมยเหมยขอรายการสมุนไพรที่แพทย์แผนจีนให้มาแล้วแอบบ่นในใจ ล้วนแต่เป็นสมุนไพรหายากที่ร้อยปีกว่าจะเจอสักหนทั้งสิ้น ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อเก่งแค่ไหนก็รวบรวมได้ไม่ครบหรอก

ฉิวฉิวที่ซุ่มฟังอยู่ข้างเธอสะบัดหางไปมาแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “สมุนไพรในโลกมนุษย์พวกนี้สู้ยาวิเศษที่ข้าให้เจ้าได้อย่างไร อยากคงพลังชีวิตของเจ้าเด็กนั่นไว้ก็ให้เขาทานยาวิเศษหลาย ๆเม็ดก็พอ”

เหมยเหมยดีใจใหญ่ ทำไมเธอถึงลืมยาวิเศษไปได้นะ!

เธอกอดฉิวฉิวแล้วขยำตัวแรง ๆหนหนึ่งและไม่ได้บอกไปทันทีว่าตนมียา เธอต้องปรึกษากับเหยียนหมิงซุ่นก่อนว่าจะทำอย่างไรถึงไม่ให้เฮ่อเหลียนเช่อสงสัย

“ฉันจะไปถามพี่หมิงซุ่นเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ”

เหมยเหมยวางสายไปแล้วรีบไปหาเหยียนหมิงซุ่นทันที เหยียนหมิงซุ่นกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว วันนี้เหมยเหมยเจาะจงมาแล้วว่าอยากทานปีกไก่ย่างน้ำผึ้งและผัดมะเขือ เหยียนหมิงซุ่นจึงเข้าครัวทำเองกับมือ

ความจริงอาการของเสี่ยวเป่าเหยียนหมิงซุ่นรู้ดียิ่งกว่าใคร ฉะนั้นเขาถึงไม่ยอมบอกเหมยเหมยอย่างละเอียดเพราะกลัวเธอรู้สึกแย่ ไม่คิดว่าเธอจะโทรถามเหมยซูหานด้วยตัวเอง

“พี่ ฉันอยากเอายาวิเศษให้เสี่ยวเป่าใช้ พี่ว่าดีไหม?” เหมยเหมยอ้อน

เหยียนหมิงซุ่นยังปลื้มใจอยู่มาก อย่างน้อยยัยตัวแสบก็ไม่ได้ตัดสินใจแอบเอายาวิเศษให้เหมยซูหานลับหลังเขาโดยพลการ ถ้าเป็นอย่างนี้ผลลัพธ์จะสาหัสมาก

จนถึงตอนนี้หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อยังสงสัยว่าเหมยเหมยมียาวิเศษที่ช่วยให้คนอายุยืน แม้แต่นายใหญ่ยังเคยแอบหยั่งถามอยู่หลายครั้ง

แต่ทางนายใหญ่เขากับเฮ่อเหลียนชิงได้หาวิธีกลบเกลื่อนไปแล้ว โดยเอายาวิเศษที่เหมยเหมยทำมาผ่านกระบวนการแต่งเติมอีกครั้งก่อนจะมอบให้นายใหญ่ใช้ แล้วประกาศต่อคนภายนอกว่าเขาเจอสมุนไพรหายากแล้วให้หมอแพทย์แผนจีนอาวุโสท่านหนึ่งทำเป็นเม็ดยาออกมา ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและอายุยืนยาว

นายใหญ่เชื่อหรือไม่เหยียนหมิงซุ่นก็คร้านจะสนใจ ในเมื่อเขาให้คำอธิบายได้เพียงเท่านี้

ส่วนทางเฮ่อเหลียนเช่อต้องรู้เรื่องที่เขามอบยาให้อยู่แล้ว ช่วยเสี่ยวเป่าไม่มีปัญหาแต่ยาวิเศษจะต้องผ่านกระบวนการแต่งเติมอีกครั้ง จะให้เฮ่อเหลียนเช่อจับผิดสังเกตไม่ได้!

“ได้ ไว้ฉันจะติดต่อเฮ่อเหลียนเช่อไปเอง เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นคุยง่ายมาก แต่–

ประโยคสุดท้ายถูกโพล่งออกมาว่า “ทานอิ่ม ๆหน่อย คืนนี้เธอจะหิวได้…”

ช่วงนี้เมินเขาไปตั้งหลายคืนเพราะเจ้าเด็กนั่น คืนนี้จะต้องทวงคืนทบต้นทบดอกเลย!

……………………

ตอนที่ 2051 เกลียดใครอาจจะไม่ได้เกลียดทุกอย่างของคนนั้น

“อู่เยวี่ยถูกกักบริเวณแล้ว”

หลังจากเสี่ยวเป่าถูกเฮ่อเหลียนเช่อพากลับไป ตกดึกเหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็บอกเหมยเหมยเช่นนี้

เหมยเหมยตกใจแต่ก็พลันเปลี่ยนเป็นความดีใจในไม่ช้า “เฮ่อเหลียนเช่อจับได้ว่าอู่เยวี่ยวางยาพิษแล้วใช่ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “เปล่า แต่จะว่าไปแล้วก็เกี่ยวกับเธอเหมือนกัน เช้านี้เธอบอกว่าอู่เยวี่ยทานแต่สลัดผลไม้กับผักเพื่อลดความอ้วนไม่ใช่เหรอ? เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้โง่มากขนาดนั้นเลยคอยสังเกตอยู่บ้าง เขารีบกลับบ้านให้ทันตอนอู่เยวี่ยทานมื้อเที่ยงก่อนจะจับได้คาหนังคาเขา”

พอเหมยเหมยได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกจับได้ว่าวางยาพิษใส่เสี่ยวเป่าก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยังดีใจอยู่บ้าง อย่างน้อยหลังจากนี้เสี่ยวเป่าจะได้ทานของที่ดีกว่านี้ เห็นเจ้าตัวเล็กตัวผอมซูบก็ทำเอาคนมองรู้สึกปวดใจจริง ๆ

“ผลทดสอบของห้องปฏิบัติการออกมาหรือยัง?” เหมยเหมยถามด้วยความสนใจ

หลังมื้อเช้าเหยียนหมิงซุ่นก็เอาผ้าปูเตียงที่เสี่ยวเป่าฉี่ราดใส่ไปห้องปฏิบัติการ ไม่รู้ว่าจะได้ผลวิเคราะห์อะไรออกมาบ้าง

สีหน้าเหยียนหมิงซุ่นเริ่มจริงจังแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากเหมยเหมยก็ใจหล่นตุบรีบถามเสียงสูง “อู่เยวี่ยวางยาพิษจริง ๆ ใช่ไหม? ยาพิษชนิดไหน? แก้ยากหรือเปล่า?”

อารมณ์ของเธอเริ่มแปรปรวนแล้วโพล่งถามติดต่อกันหลายคำถาม ขาดก็แต่อู่เยวี่ยไม่ได้อยู่ต่อหน้าเธอ ไม่อย่างนั้นเธอจะบีบคอนังแพศยานี้ให้ตายเสีย

สัตว์เดรัจฉานยังไม่ทำร้ายลูกตัวเองเลย แต่นังแพศยานี้มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก

เธอน่าจะคิดได้แต่แรกแล้ว ชาติที่แล้วอู่เยวี่ยใจเหี้ยมกับเธอขนาดนี้ ชาตินี้แม้แต่เหอปี้อวิ๋นยังทำได้ลงคอ คนแบบนี้มันไร้หัวใจตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือความเป็นมนุษย์ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นลูบเธอเบา ๆเอ่ยปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “อย่าโกรธขนาดนั้นเลย อู่เยวี่ยใช้ยากับเสี่ยวเป่าก็จริง เราเดาไม่ผิด แต่เป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ยังตรวจจับไม่ได้ แต่ปริมาณน้อยมาก ตอนนี้ยังไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตเสี่ยวเป่า”

“งั้นก็รีบถอนพิษให้เสี่ยวเป่าสิจะรออะไรอยู่ล่ะ เราบอกเจ้าโง่เฮ่อเหลียนเช่อตอนนี้เลย” เหมยเหมยว่าแล้วก็จะเดินไปที่โทรศัพท์แต่ถูกเหยียนหมิงซุ่นห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องรอเราบอกหรอก ผลวิจัยของฝั่งเหมยซูหานก็น่าจะได้แล้ว ตอนนี้เขาน่าจะไปบอกเฮ่อเหลียนเช่อแล้วล่ะ”

เหมยเหมยสีหน้าลนลานคว้ามือเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้พลางถามด้วยความกังวลใจ “ยาพิษของเสี่ยวเป่าถอนพิษได้ไหม? ยากมากใช่ไหม?”

หากยาพิษในตัวเสี่ยวเป่าถอนง่ายจริง ๆละก็เหยียนหมิงซุ่นน่าจะบอกตั้งนานแล้ว แต่กระทั่งตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่เคยเอ่ยถึงยาพิษในตัวเสี่ยวเป่าเลยสักคำเดียว บ่งบอกว่ายาพิษในตัวเสี่ยวเป่านั้นยากจะรับมือไหว

เหยียนหมิงซุ่นสงสัยเหลือเกินว่าทำไมภรรยาตัวเองถึงเป็นห่วงเป็นใยเสี่ยวเป่าขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันสองสามครั้ง ต่อให้เสี่ยวเป่าจะน่ารักน่าชังขนาดไหนก็คงไม่ถึงขั้นประทับไว้ส่วนลึกของหัวใจขนาดนั้นหรือเปล่า

“เหมยเหมย ทำไมเธอถึงห่วงเสี่ยวเป่าขนาดนี้ เขาเป็นลูกชายของอู่เยวี่ยนะ”

คำโบราณกล่าวไว้ว่า เวลารักใครก็จะรักทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา เกลียดเขาก็จะเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา หากยึดตามหลักนี้เหมยเหมยน่าจะเกลียดลูกชายอู่เยวี่ยสิถึงจะถูก แต่ท่าทีตอนนี้กลับสร้างความประหลาดใจแก่เขานัก

เหมยเหมยใจเต้นตึกตัก เธอก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี เพราะแม้แต่เธอก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงชอบเสี่ยวเป่ามากขนาดนั้น?

“พี่ ฉันไม่รู้ ฉันก็แปลกใจมากเหมือนกัน แต่ฉันแค่เห็นเสี่ยวเป่าแล้วก็สงสาร อยากทำดีกับเขา ไม่อยากเห็นเขาโดนคนอื่นรังแก ส่วนพ่อแม่ของเขาเป็นใคร ฉันไม่สนใจเลยสักนิด…”

เหมยเหมยพึมพำเองซึ่งสิ่งที่เธอพูดล้วนแต่เป็นความในใจของเธอ

พอเห็นเสี่ยวเป่าเธอแทบจะไม่นึกถึงพ่อแม่เขาด้วยซ้ำ ในสายตาของเธอมีเพียงเด็กทารกคนนี้ หวังอยากให้เขามีความสุข สุขภาพแข็งแรงปลอดภัย!

เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าน่าจะเป็นเพราะภรรยาเขาขี้ใจอ่อน เธอถึงได้เห็นใจเสี่ยวเป่าที่กำลังย่ำแย่เลยคอยพะวงอยู่อย่างนั้น แต่เด็กคนนี้น่าสงสารจริง ๆ แม้แต่เขายังทนไม่ไหวเลย

ณ บริษัทผลิตยาแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เหมยซูหานกำผลวิจัยฉบับหนึ่งไว้แล้วเดินออกมาด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ ล้วงโทรศัพท์เตรียมโทรหาเฮ่อเหลียนเช่อ

…………………….

 ตอนที่ 2052 วันละห้ามื้อ

เฮ่อเหลียนเช่อจับตาดูอู่เยวี่ยทานอาหารบำรุงน้ำนมที่วางอยู่เต็มโต๊ะจนหมดเกลี้ยงโดยไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปสักหยดเดียว อู่เยวี่ยที่เพิ่งทานผลไม้กับผักไปกว่าครึ่งจานใหญ่จนกินพื้นที่ในกระเพราะไปมากพอสมควรแล้ว จะยัดอาหารมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร หลายครั้งที่แน่นท้องเสียจนเผลอตาเหลือกไปหลายที

แต่เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่ใส่ใจ ในเมื่อทานไม่ลงไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นก็นอนยัดเข้าไป ในเมื่อเขามีลูกน้องอยู่

“คอยจับตาดูคุณนายให้ดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามออกจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว และกินวันละห้ามื้อตามอาหารที่นักโภชนาการจัดไว้ให้ ต้องจับตาดูคุณนายทานให้หมด ถ้ามีใครกล้าขัดคำสั่งอีก…”

เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองคุณหมอเกาที่กำลังยืนตัวลีบสั่นระริกอยู่ตรงมุมกำแพงด้วยสายตาเย็นชาและอาฆาต คุณหมอเกาจะยืนไว้ได้อย่างไรอีก สองขาอ่อนเปลี้ยทรุดตัวนั่งลงบนพื้น

เขารู้ว่าครั้งนี้หนีไม่พ้นแล้ว!

อู่เยวี่ยนอนตาเหลือกอยู่บนพื้นเพราะอาหารจุกมาเกือบถึงคอหอยอยู่รอมร่อ เธอขยับตัวไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ขอเพียงขยับตัวหน่อยกับข้าวก็พร้อมจะพุ่งออกมาทุกเมื่อ

แต่ต่อให้รู้สึกแย่อย่างไรก็ไม่เท่ากับความสิ้นหวังของเธอ!

ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

ทั้งที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่ดีมากแล้วแท้ ๆ

ทั้งที่เธอใกล้จะไต่เต้าถึงจุดสูงสุดกลายเป็นราชินีที่อยู่เหนือทุกคน!

ทุกอย่างใกล้จะมาอยู่ในเอื้อมมือแล้วแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงฟองสบู่!

เธอพลาดตรงไหนกันแน่?

ลูกน้องทั้งตระกูลหนิงเงียบเหมือนเป่าสากสีหน้าซีดเซียวและนึกเกลียดชังอู่เยวี่ยเข้ากระดูก ทุกอย่างเป็นเพราะผู้หญิงที่ไม่สงบเสงี่ยมคนนี้ถึงทำให้พวกเขาเกือบตาย

หลังจากนี้ต้องจับตาดูให้ดี วันละห้ามื้อจะพอได้อย่างไร?

คุณชายน้อยต้องการสารอาหาร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกินวันละหกมื้อสิ พวกเขาจะจับตาดูอู่เยวี่ยให้ดีแล้วเลี้ยงคุณชายน้อยให้อ้วนท้วนอุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน

เฮ่อเหลียนเช่อมองอู่เยวี่ยที่นอนราวกับปลาใกล้ตายด้วยสีหน้าสยดสยอง แค่นหัวเราะทีหนึ่งถึงหันหลังเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มใจดีเตรียมอุ้มเสี่ยวเป่าที่กำลังนอนดูดมือเล่นอยู่บนเตียง

แต่ทว่า–

เขาเพิ่งเดินถึงข้างเตียงเสี่ยวเป่าก็ขมวดคิ้วเริ่มส่งเสียงร้องงอแงอีกแล้ว หนำซ้ำยังชักอย่างรุนแรงซึ่งหนักกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ

เสี่ยวเป่าไม่ได้อาการกำเริบตั้งแต่เมื่อวานยันตอนนี้เพราะเขาทานยาวิเศษไป ฉะนั้นยาพิษในร่างกายถูกควบคุมไว้ชั่วคราวแต่ไม่ได้ถูกถอนรากถอนโคนทิ้ง

นั่นจึงทำให้ยาพิษในร่ายกายเขากำเริบอีกครั้ง และมีแต่จะรุนแรงกว่าครั้งก่อน ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อมองร่างเล็กที่ตัวงอเป็นก้อนราวกับต้นหญ้าเล็กที่กำลังสั่นไหวภายใต้พายุที่พร้อมจะถูกถอนรากถอนโคนไปได้ทุกเมื่อด้วยความกระวนกระวายใจ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? รีบเรียกคุณหมอมาเร็ว!”

เฮ่อเหลียนเช่อตวาดด้วยความโกรธ ความรู้สึกไร้ที่พึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นทวีคูณ

เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่างนอกจากคลอดลูกไม่เป็น ต่อให้ยิงดวงอาทิตย์ลงมาก็ได้ ขอเพียงมียานอวกาศสักลำให้เขาก็พอ

แต่ตอนนี้พอได้เผชิญหน้ากับเสี่ยวเป่าที่กำลังเจ็บปวดเฮ่อเหลียนเช่อกลับทำอะไรไม่ได้ เขาถึงรู้ว่าที่แท้เขาไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง ที่แท้แม้แต่น้องชายของเขา เขาก็ยังหาทางช่วยไม่ได้!

“คุณหมอไปตายที่ไหนกันหมดแล้ว ทำไมยังไม่มาอีก…”

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นเสี่ยวเป่าชักรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจโรยรินก็โกรธจนอยากฆ่าตัวเองทิ้ง สีหน้าเริ่มบิดเบี้ยว

เหล่าลูกน้องตกใจจนตัวสั่นลอบกระแนะกระแหนในใจว่าคุณหมอก็อยู่ในห้องนี่ไงเล่า!

คุณหมอเกาที่ทรุดอยู่บนพื้นเรียกความกล้าเอ่ยขึ้น “คุณชายเช่อ ให้คุณนายป้อนนมให้เสี่ยวเป่าครับ”

เฮ่อเหลียนเช่อรีบอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาเดินพุ่งตัวไปตรงหน้าอู่เยวี่ยแล้วกระชากเปิดเสื้ออู่เยวี่ยออกอย่างแรงจนเผยเต้านมต่อหน้าลูกน้องทั้งอย่างนั้น อู่เยวี่ยรู้สึกอับอายปนโกรธแต่เธอกลับขัดขืนไม่ได้ เธอรู้สึกว่าตนเหมือนสุนัขตัวเมียที่แสนต้อยต่ำก็ไม่ปาน น่าแค้นใจนัก!

มื้อใหญ่เมื่อครู่ก็ได้ผลอยู่บ้าง ช่วยให้น้ำนมของอู่เยวี่ยเพิ่มขึ้นไม่น้อยและรสชาติก็อร่อยขึ้นมากทีเดียว

เสี่ยวเป่าได้รับกลิ่นที่เขากระหาย ร่างเล็กจึงเค้นแรงมหาศาลคว้าหัวนมด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้เฮ่อเหลียนเช่อช่วยแล้วออกแรงดูด ก่อนที่อาการชักของร่างเล็กจะคลายลงช้า ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อถึงค่อยสบายใจขึ้น แต่เขากลับสงสัยมากกว่าเดิม

เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ!

จากนั้นโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นมา

…………………..

ตอนที่ 2049 หิวครู่เดียวไม่ตายหรอก

อู่เยวี่ยสลบไปสองวันจนเกิดอาการหิวขึ้นมาจริง ๆจึงรับจานมาแล้วลงมือเขมือบเข้าไป

หมอเกาพูดโน้มน้าวว่า “อาหารเหล่านี้ไม่สามารถเพิ่มสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ให้น้ำนมได้เลย ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแรง แต่ยังไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของเสี่ยวเป่าด้วย เธอต้องกินเนื้อสักหน่อยสิ”

เขาโน้มน้าวให้อู่เยวี่ยกินพวกเนื้อสัตว์และอาหารจานหลักมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อู่เยวี่ยหัวรั้นไม่ฟังคำชักจูงของเขาเลย ดึงดันแต่จะทำตามใจตัวเอง

“บนร่างกายของฉันมีไขมันสะสมอยู่ตั้งเยอะแยะไป ตามกฎการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สารอาหารครบถ้วนและเพียงพอน่า คุณไม่ต้องพูดแล้ว”

อู่เยวี่ยกินอาหารที่ไม่มีน้ำมันเลยสักนิดจึงไม่สามารถเพลิดเพลินกับการกินอาหารได้อย่างเต็มที่ จิตใจรู้สึกหดหู่มาก ไหนเล่าจะสนใจคำพูดของหมอเกา ใบหน้านิ่งขรึมไปทันที

ช่วงเวลาของการให้นมบุตรจะใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ และเป็นช่วงลดน้ำหนักที่ดีที่สุด ถ้าเธอไม่คว้าโอกาสนี้ในการลดน้ำหนัก แล้วจะรอให้อ้วนเป็นหมูก่อนแล้วค่อยมาลดหรือไง?

หมอเกาโง่ลงทุกวัน น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีคนที่ดีกว่านี้ ไม่งั้นเธอคงได้ฆ่าไอ้เศษสวะนี่ไปนานแล้ว

หมอเกาถอนหายใจและไม่ได้พูดโน้มน้าวอะไรอีก ในแววตามีแต่ความสิ้นหวังและรู้สึกผิด

ตอนนี้เขากำลังอยู่ในขุมนรกที่ดึงกลับขึ้นมาไม่ได้แล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อยุ่งกับงานมาครึ่งค่อนวัน แต่ใจยังคงกลัดกลุ้มมิอาจปล่อยวางได้ เขาอยากกลับบ้านไปคุยกับเหมยซูหาน แต่เหมยซูหานออกบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว โดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการเลยไม่เจอเจ้าตัว

ไม่รู้ว่านางชั่วอู่เยวี่ยจะทำอะไรไม่ดีกับเสี่ยวเป่าอีกหรือเปล่า?

คำพูดของเหมยเหมยดังก้องอยู่ข้างหูของเฮ่อเหลียนเช่อ ที่บอกว่าอู่เยวี่ยต้องการลดน้ำหนักจึงกินแต่สลัดผลไม้และผักต้มที่ไร้สารอาหารอย่างพวกอาหารลดน้ำหนัก เพราะเสี่ยวเป่ากินน้ำนมที่ไร้สารอาหารถึงได้ผอมซูบเช่นนั้น!

ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมของอู่เยวี่ยในตอนเช้า ในใจของเฮ่อเหลียนเช่อจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้

ไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ!

ไม่ได้การล่ะ เขาต้องกลับไปดูสักหน่อย!

ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็นั่งไม่ติด ลุกขึ้นพรวดและไม่สนใจจะกินมื้อเที่ยงอีกต่อไป

อู่เยวี่ยกำลังกินมื้อเที่ยงอยู่ แม้ว่าจะเป็นพวกอาหารแคลอรีต่ำแต่มีปริมาณค่อนข้างมาก

อู่เยวี่ยกำลังเคี้ยวอย่างช้า ๆ ข้าวหนึ่งมื้อใช้เวลากินครึ่งค่อนชั่วโมง

เฮ่อเหลียนเช่อมาเร็วปานสายฟ้าพร้อมกับสั่งไม่ให้ลูกน้องส่งเสียงดัง เขาแอบย่องเข้าบ้านไปราวกับโจร

“ผมให้คนครัวทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันให้เอาไหม?” หมอเกายังคงพยายามโน้มน้าวอู่เยวี่ย

“ไม่ต้องหรอก ไข่ไก่พลังงานสูง ต่อให้ไม่ใส่น้ำมันก็ทำให้อ้วนได้ ฉันกินแค่นี้ก็อิ่มแล้ว” อู่เยวี่ยปฏิเสธทันควัน ประจวบกับที่เฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาได้ยินพอดี ความโกรธจึงพุ่งพรวดเข้ามาในใจ

เขาพยายามอดกลั้นไม่ให้ตนพุ่งพรวดเข้าไป อยากจะดูว่ายัยชั่วนี่คิดจะทำอะไรต่อ

เสี่ยวเป่าที่อยู่บนเตียงตื่นแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ไม่มีกลิ่นหอมให้สูดและไม่มีน้ำเสียงอ่อนโยนนั้นแล้ว เสี่ยวเป่าจึงเงียบขึ้นกว่าเดิม เขาแค่นเสียงในลำคอออกมาเบา ๆบ่งบอกว่าหิวแล้วอยากกินนม

แม้ว่าเขาจะไม่อยากกินนมของผู้หญิงคนนั้น แต่เขาที่อายุยังน้อยจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และยากที่จะต่อต้านฤทธิ์ยาด้วย

“เสี่ยวเป่าตื่นแล้ว ต้องให้นมแล้วล่ะ” หมอเกาเดินไปอุ้มเสี่ยวเป่า ทุกครั้งที่เห็นเด็กคนนี้หมอเกาจะรู้สึกเหมือนถูกประณามด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ในใจเกิดการปะทะกันระหว่างความดีและความชั่ว

อู่เยวี่ยพูดขึ้นอย่างรำคาญใจ “จะรีบไปทำไมกัน รอให้ฉันกินเสร็จก่อนแล้วค่อยให้นมก็ได้ หิวครู่เดียวไม่ตายหรอก”

“โครม”

ประตูถูกเตะเข้ามา จากนั้นประตูก็สั่นไปมาอยู่ไม่กี่ที จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงพังลงมาบนพื้นและจบชีวิตลง

เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ความเยือกเย็นบนตัวเขาเหมือนพายุในขั้วโลกเหนือ หมอเกาตกใจจนขาทั้งสองข้างสั่นพึ่บพั่บ รู้ดีว่าวันนี้ชีวิตน้อย ๆของเขายากที่จะรอดไปได้แล้ว!

……………………………………………………………………

ตอนที่ 2050 ความอึดอัดก่อนพายุจะก่อตัว

อู่เยวี่ยเองก็สะดุ้งเฮือกใหญ่ ปีศาจตนนี้กลับมาอีกทำไมกัน?

ไหนว่าจะมาตอนค่ำไง?

แม้เธอจะกลัวแต่เพราะมียันต์ป้องกันตัวอย่างเสี่ยวเป่าอยู่เลยใจเย็นลงมาก ฝืนยิ้มให้น้อย ๆแล้วหยัดกายลุกขึ้น

เฮ่อเหลียนเช่อมองเธออย่างเยือกเย็นแต่ไม่ได้ลงไม้ลงมือ เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ทำไมยังไม่ป้อนนมให้เสี่ยวเป่าอีก?”

“กำลังเตรียมจะป้อนแล้ว ฉันจะป้อนเดี๋ยวนี้เลย!” อู่เยวี่ยเห็นเฮ่อเหลียนเช่อไม่โกรธ แม้จะโล่งอกแต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

แบบนี้มันน่าอึดอัดเกินไป หากระเบิดอารมณ์เหมือนตอนเช้าเลยเธอคงสบายใจกว่านี้ แต่ตอนนี้…

อู่เยวี่ยไม่กล้าชักช้ารีบรับเสี่ยวเป่ามาจากมือคุณหมอเกา พอเห็นเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีท่าทีจะหลบไปเลยกัดฟันปลดกระดุมเสื้อออกป้อนนมต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อ

คุณหมอเกาอยากออกไปจากห้องนี้แต่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อเรียกตัวไว้ “ใครให้คุณออกไป?”

“ผม…ผมออกไปหลบก่อน…” คุณหมอเกาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างและพูดไม่เป็นประโยค

“หลบอะไร คุณหมออย่างพวกคุณน่าจะเคยเห็นมามากแล้วนี่ รออีกเดี๋ยวฉันมีเรื่องจะถามด้วย” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยเสียงเรียบ แต่พอเข้าหูคุณหมอเกาแล้วกลับเหมือนค้อนหนักที่ทุบหัวใจเขาอย่างแรง

จบแล้ว…ความแตกแล้วแน่ ๆ!

คุณหมอเกาสิ้นหวังเหลือเกินแต่กลับรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยเล็กน้อย ถูกจับได้ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานใจกับความรู้สึกผิดทุกวัน หวังเพียงว่าคุณชายเช่อจะปล่อยครอบครัวของเขาไป แล้วลงโทษเขาเพียงคนเดียว!

อู่เยวี่ยเองก็ใจดิ่งวูบแต่กลับแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง ป้อนนมเสี่ยวเป่าด้วยความใจเย็น เสี่ยวเป่าดื่มไปเพียงไม่กี่คำก็ไม่ดื่มอีก เขาไม่ชอบกลิ่นนมของผู้หญิงคนนี้ ไม่อร่อยเท่านมที่ผู้หญิงอ่อนโยนคนนั้นป้อนเลยสักนิด

“เสี่ยวเป่าดื่มอีกหน่อยนะ…”

อู่เยวี่ยพยายามเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนพลางลูบหลังเสี่ยวเป่าแผ่วเบา ทำท่าเหมือนเป็นคุณแม่ที่แสนดีคนหนึ่งแต่เสี่ยวเป่ากลับไม่รับน้ำใจ หัวนมที่อู่เยวี่ยยัดใส่ปากถูกเขาคายออกมา

อู่เยวี่ยร้อนใจแล้ว เฮ่อเหลียนเช่อกำลังจ้องเขม็ง หากเห็นว่าเสี่ยวเป่าดื่มไปเพียงเล็กน้อยเขาจะต้องโมโหเหมือนเมื่อเช้าอีกแน่ เธอไม่อยากโดนตบตีอีกแล้วนะ!

แต่เสี่ยวเป่าไม่ยอมดื่มเธอก็ทำอะไรไม่ได้ อู่เยวี่ยได้แต่ยิ้มแหยอธิบายให้เฮ่อเหลียนเช่ออย่างจนใจว่า “เมื่อกี้เสี่ยวเป่าเพิ่งดื่มไปรอบหนึ่ง ตอนนี้คงยังไม่หิวเท่าไร เดี๋ยวฉันค่อยป้อนเขาอีกรอบ”

เฮ่อเหลียนเช่อมองอู่เยวี่ยอย่างเย้ยหยันแล้วย้อนถาม “ป้อนไปรอบหนึ่งแล้วงั้นเหรอ?”

“ใช่ ป้อนไปรอบหนึ่งแล้ว” อู่เยวี่ยก้มหน้าลงอย่างมีพิรุธ

เฮ่อเหลียนเช่อพยายามข่มไฟโทสะในใจลงคอยเตือนตัวเองว่าจะตบตีนังแพศยาคนนี้ให้ตายไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังต้องการอู่เยวี่ย เขาต้องอดทนไว้

ในอนาคตเขามีอีกนับพันนับหมื่นวิธีจัดการนังแพศยาอู่เยวี่ย!

“นี่คืออะไร? อาหารเที่ยงของเธอเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ถามต่อแต่เดินไปข้างโต๊ะอาหารแล้วหยิบจานอาหารที่ทานเหลือครึ่งหนึ่งขึ้นมา

อู่เยวี่ยใจหล่นตุบแล้วยิ้มกล่าว “แค่อาหารเสริม มื้อหลักยังไม่ได้ทาน ฉันแค่อยากเพิ่มวิตามิน แบบนี้ดีต่อเสี่ยวเป่าด้วย”

“อาหารเสริม? วิตามิน?” เฮ่อเหลียนเช่อหรี่ตาลงมองอู่เยวี่ยเหมือนกำลังมองคนตายคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพูดความจริงเลยสักประโยคเดียว เห็นเขาเป็นคนโง่จริง ๆอย่างนั้นหรือ?

“ใครก็ได้เอาอาหารจานหลักของคุณนายเข้ามาหน่อย” จู่ ๆเฮ่อเหลียนเช่อก็หันตะโกนไปทางประตูก่อนจะมีคนรีบปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่นานจากนั้นก็มีซุปไก่ร้อน ๆ รวมถึงอาหารแสนจะอุดมสมบูรณ์ถูกยกมาเสิร์ฟ

ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารที่นักโภชนาการตระเตรียมไว้ มีทั้งเนื้อสัตว์และผักแถมยังเอื้อต่อการผลิตน้ำนม เพียงแต่ไม่เอื้อต่อคุณแม่ที่ลดความอ้วนในช่วงให้นมลูก

“ทานมื้อหลักให้หมด ทานเดี๋ยวนี้เลย!” เฮ่อเหลียนเช่อชี้ไปยังอาหารเต็มโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา

………………………….

ตอนที่ 2047 วกกลับมาลอบฆ่าศัตรูอย่างเหนือคาด

เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนอื่นด่าว่าเขาใจดำอำมหิตตัดญาติขาดมิตรเขายังไม่สะทกสะท้านอะไรเลย อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว แต่หากบอกว่าเขาดูแลเสี่ยวเป่าไม่ดีคงไม่อยากตายดีใช่ไหม!

ขอพูดตามสัตย์จริงเลยว่าเขานั้นดูแลเสี่ยวเป่าเป็นอย่างดี  แม้แต่หนิงเฉินเซวียนที่เห็นยังรู้สึกหึงหวงด้วยซ้ำ!

เขามอบทุกสิ่งที่ดีที่สุดแก่เสี่ยวเป่า ขอแค่เสี่ยวเป่าต้องการ นอกจากดวงดาวและพระจันทร์เขาก็จะหามาให้ทุกอย่าง!

แต่จ้าวเหมยพูดว่าเสี่ยวเป่าไม่ได้อ้วนไปกว่าเด็กทารกของบ้านอื่นเลยมันก็ถูก เสี่ยวเป่าผอมไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่ามักงอแงโวยวายหรอกเหรอ พองอแงทีก็จะชักที ถ้าอ้วนได้สิแปลก!

“เสี่ยวเป่าผอมไปหน่อยแต่ร่างกายแข็งแรงดี” เฮ่อเหลียนเช่อพูด

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ เบิกตาให้กว้างก่อนจะพูดจาซี้ซั้วทีเถอะ

“นายดูจากตรงไหนเหรอว่าเสี่ยวเป่าแข็งแรง เด็กที่แข็งแรงจะผอมขนาดนี้ได้อย่างไร? ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของนายต้องการลดน้ำหนักเลยกินแต่ผักต้มและสลัดผลไม้ทุกวัน งดเนื้อสัตว์และอาหารจานหลัก แบบนี้น้ำนมที่ผลิตออกมาจะมีสารอาหารอยู่ได้อย่างไร ไม่แปลกเลยที่เสี่ยวเป่าจะผอมลงเรื่อย ๆแบบนี้!”

เฮ่อเหลียนเช่อมองเหมยเหมยอย่างสงสัย “เธอไปฟังใครพล่ามมา? ทุกวันนี้แม่ของเสี่ยวเป่าจะได้รับการดูแลจากนักโภชนาการพิเศษทุก ๆสามมื้อ เป็นมื้อที่ดีที่สุดต่อน้ำนม แล้วจะไม่มีสารอาหารได้อย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นมองราวกับเขาเป็นคนโง่ ประชดออกไปว่า “มีหรือไม่มีสารอาหารแกดูเองไม่ได้หรือไง? เอาเถอะ รีบพาลูกของแกออกไปได้แล้ว”

ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อที่เขาถือว่าเป็นศัตรู จริง ๆแล้วไม่ค่อยฉลาดนัก เมื่อก่อนเขาประเมินความสามารถของเจ้าบ้านั่นสูงเกินไปหน่อย!

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้โง่จริง ๆหรอก เขาแค่คิดว่าเสือถึงร้ายกาจก็ไม่กินลูกตัวเอง[1] ต่อให้อู่เยวี่ยจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางทำร้ายเสี่ยวเป่าจนไม่ยอมให้เสี่ยวเป่ากินนม

นอกจากนี้อู่เยวี่ยและหมอเกาสมรู้ร่วมคิดกันกันหลอกเขา ด้วยความที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกจึงถูกหลอกได้ง่าย แต่ตอนนี้ได้รับการเตือนจากเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมย อีกทั้งได้เห็นสภาพเสี่ยวเป่าที่ทั้งดำทั้งผอม เฮ่อเหลียนเช่อจึงเกิดความสงสัยขึ้น

เขาอุ้มเสี่ยวเป่ากลับบ้าน อู่เยวี่ยยังไม่หายดี ร่างกายยังคงอ่อนแอมาก พอเธอเห็นเสี่ยวเป่าก็นึกโล่งใจไร้ซึ่งความกังวลใด ๆแล้ว

“ดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ค่ำ ๆฉันจะกลับมาหาเสี่ยวเป่า”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่พูดอะไรอีก สายตาจับจ้องอู่เยวี่ยอย่างมีเลศนัย แถมยังจงใจเน้นย้ำคำว่าค่ำ ๆอีกด้วย

อู่เยวี่ยไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเมื่อก่อนเฮ่อเหลียนเช่อก็มักจะมาหาเสี่ยวเป่าช่วงค่ำ ๆ หลังจากเฮ่อเหลียนเช่อจากไป อู่เยวี่ยถึงได้โล่งใจ ใบหน้าที่แสนอบอุ่นและรักใคร่นั้นหายไป มองเสี่ยวเป่าที่สลบอยู่ตรงนั้นด้วยสายตารังเกียจ จากนั้นก็วางลงบนเตียงอย่างไม่แยแส ซ้ำยังไม่ห่มผ้าให้เสี่ยวเป่าด้วย แล้วก็กลับไปนอนในส่วนของตัวเองเช่นเดิม

เสี่ยวเป่านอนโดดเดี่ยวอยู่ตรงขอบเตียง ดูแล้วช่างไร้ที่พักพิง

เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่ได้ไปไหนไกล เพียงไม่นานก็วกกลับมาใหม่และแอบดูอยู่ตรงมุมลับตาคน ด้วยฝีมือของเขาแล้ว สามารถซ่อนตัวจากยามเฝ้าบ้านได้อย่างง่ายดาย

สีหน้ากลับกลอกไร้เยื่อใยของอู่เยวี่ยล้วนอยู่ในสายตาของเขา ฉับพลันไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมาทันที

ยัยคนสารเลว กล้าทำร้ายน้องชายเขางั้นเหรอ?

เขาพุ่งพรวดเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะคิด จากนั้นลากตัวอู่เยวี่ยที่อยู่บนเตียงเหวี่ยงลงพื้นพร้อมกับเตะซ้ำสองครั้งอย่างแรง จากนั้นจึงห่มผ้าห่มให้กับเสี่ยวเป่า

อู่เยวี่ยปวดระบมจนแทบสิ้นลมหายใจ เบื้องหน้ามืดมน ไม่รับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“คนสารเลว!”

เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น อู่เยวี่ยตัวสะดุ้งเฮือก ใจพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่คิดเลยว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะวกกลับมาลอบฆ่าศัตรูแบบนี้!

“คุณชายเช่อ ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตัว คุณอย่าเข้าใจผิดนะ…ฉัน…”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากฟัง ใครสนกันว่าเธอจะไม่สบายตัวหรือว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่กล้าทำไม่ดีกับน้องชายของเขาก็คือโทษประหาร!

……………………………………………………………

ตอนที่ 2048 จำเป็นต้องถอนพิษ

เฮ่อเหลียนเช่อดวงตาแดงก่ำ ไฟโทสะแผดเผาสติสัมปชัญญะของเขาจนมอดไหม้ อีกทั้งเขาเป็นคนมีอารมณ์แปรปรวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังโมโหง่าย การที่อู่เยวี่ยดูแลเสี่ยวเป่าไม่ดีก็เหมือนจุดไฟโทสะในใจเขา ภูเขาไฟจึงปะทุขึ้นมาฉับพลัน พอได้ปะทุออกมาแล้วก็มิอาจเก็บกลับไปได้อีก

“รนหาที่ตายนักนะ…นางชั่ว!”

เฮ่อเหลียนเช่อเตะเข้าที่ท้องและศีรษะของอู่เยวี่ยซ้ำอยู่หลายครั้ง เพราะอู่เยวี่ยร่างกายอ่อนแอจึงหลบไม่ได้ แต่ต่อให้เธอจะหลบได้ก็คงไม่กล้าจะต่อต้าน

“คุณชายเช่อ…ฉันผิดไปแล้ว ขอร้องช่วยไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ…ขอร้องล่ะ…ฉันยังต้องดูแลเสี่ยวเป่าอีกนะ!”

อู่เยวี่ยหน้าบวมจมูกเขียวช้ำ กลิ่นคาวเลือดติดอยู่ในลำคอ เฮ่อเหลียนเช่อมีพละกำลังมากมาตั้งแต่เกิด ต่อให้ฝ่าเท้าเดียวของเขาจะไม่ได้ออกแรงจนสุดแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้เลย

หากปล่อยให้เขาเตะต่อไปเรื่อย ๆ อู่เยวี่ยรู้ดีว่าเธอไม่มีทางรอดแน่ เธอจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน!

เสี่ยวเป่าคือยันป้องกันตัวที่ดีที่สุดของเธอ!

และเป็นจริงอย่างที่คาด…

พอเฮ่อเหลียนเช่อได้ยินชื่อเสี่ยวเป่าก็ลดแรงลงทันที แววตาดุร้ายน่ากลัวจนอู่เยวี่ยไม่กล้าสบตาเขา เธอจึงรีบงุดหน้าลงแต่กลับแอบลำพองใจเหลือเกิน

แค่มีลูกชายอย่างเสี่ยวเป่าอยู่ เธอก็จะกลายเป็นราชินีที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น!

แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อและเหยียนหมิงซุ่นก็ยังต้องยอมกราบแทบเท้าเธอ!

“อย่าให้ฉันเห็นว่าแกทำไม่ดีกับเสี่ยวเป่าอีกนะ แกรู้วิธีการของฉันดี…อย่าคิดว่ามีแค่แกคนเดียวที่ดูแลเสี่ยวเป่าได้!”

เฮ่อเหลียนเช่อยกเท้ากลับด้วยความอัดอั้นใจ สบถคำหยาบออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ อู่เยวี่ยกลับไม่ใส่ใจนักเพราะบนโลกนี้นอกจากเธอแล้วจะมีใครดูแลเสี่ยวเป่าได้อีก!

หึ!

คิดว่าเธออยู่ที่อเมริกามาหลายปีอย่างสูญเปล่าหรือไง?

ยาพิษที่เธอคิดค้นขึ้นมาแม้แต่เจ้าหน้าที่ CIA ก็ไม่สามารถถอนพิษได้ เสี่ยวเป่าถูกกำหนดไว้ให้เป็นเครื่องรับใช้ของอู่เยวี่ยอย่างเธอ!

หลังจากที่เสี่ยวเป่าจากไปเหมยเหมยก็รู้สึกใจโหวงและไม่มีอารมณ์นอนอีกต่อไป

“พี่คะ ฉิวฉิวบอกว่าเสี่ยวเป่าโดนวางยาพิษที่ร้ายแรงมาก ถ้าไม่ได้รับการถอนพิษ เสี่ยวเป่าจะมีชีวิตรอดไม่เกินสามขวบ” เหมยเหมยทำหน้าอมทุกข์ เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าเลยสักนิด เสี่ยวเป่าน่ารักขนาดนี้แต่กลับมีชีวิตอยู่ถึงแค่สามขวบ แค่คิดก็ปวดใจเหลือเกินแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเจ้าเด็กตัวแสบนั่นเลยสักนิดแต่โลกของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเด็กเล็กอย่างเขา และไม่ควรให้เสี่ยวเป่ามาแบกรับบาปกรรมครั้งนี้ด้วย

“ฉิวฉิวมีวิธีถอนพิษไหม? ช่างเถอะ คิดเสียว่าพี่ไม่ได้ถามแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งจะหลุดปากถามไปก็รู้คำตอบในทันที ถ้าฉิวฉิวถอนพิษได้ เช่นนั้นพิษหักสวาทบนตัวเขาก็คงไม่ยุ่งยากขนาดนี้

ฉิวฉิวที่เป่าตัวจนแห้งแล้วเดินออกมา พอได้ยินคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นก็จ้องเขาตาเขม็งอย่างไม่พอใจ แล้วมุดขึ้นโต๊ะหนีไปกินช็อกโกแลต

กลิ่นฉี่ของเจ้าเด็กทารกนั่นฉุนมากเลยต้องกินช็อกโกแลตเพื่อล้างปากสักหน่อย

เหมยเหมยถอนหายใจยาวอย่างหนักใจ

เหยียนหมิงซุ่นปลอบใจเธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก พี่จะลองให้ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดูว่าเสี่ยวเป่าโดนยาพิษอะไร บางทีอาจจะมีวิธีก็ได้”

ผ้าปูเตียงที่เสี่ยวเป่าฉี่ราดใส่ตอนเช้า เหยียนหมิงซุ่นให้ป้าฟางเก็บไว้ อีกสักพักจะให้ลุงเหลาเอาไปส่งให้ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ผล เขาคิดว่าคงไม่ยากเท่ากับพิษหักสวาทที่เขาโดนอยู่แน่นอน ต้องมีวิธีแก้พิษแน่ ๆ

“ค่ะ เสี่ยวเป่าต้องไม่เป็นอะไร”

เหมยเหมยพยักหน้ารับและเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น การแพทย์สมัยนี้ก้าวไกล ดังนั้นจะต้องรักษาเสี่ยวเป่าให้หายได้แน่นอน

อู่เยวี่ยนอนพักอยู่บนเตียงมาครึ่งค่อนวัน ลงจากเตียงมาทานอาหารด้วยสภาพคนป่วย แม้จะต้องลดน้ำหนักแต่ก็ต้องกินให้ครบสามมื้อ ไม่งั้นน้ำนมคงเหือดแห้งแน่

ถ้าหากไม่มีน้ำนมเธอก็จะควบคุมเสี่ยวเป่าได้ลำบาก

หมอเกาถือจานขนาดใหญ่ที่มีอาหารหลากสีสันเข้ามา มีทั้งสีแดง สีเขียว สีเหลือง…

มะเขือเทศ แตงกวา ผักต้ม และเค้กข้าวโพดครึ่งก้อนเล็กซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของมารดาที่ต้องให้นมบุตรเลยด้วยซ้ำ

……………………………………………………………….

[1] คนเราไม่ว่าเหี้ยมโหดแค่ไหนก็ไม่คิดจะทำร้ายลูกของตนเอง

ตอนที่ 2045 มีชีวิตรอดไม่เกินสามขวบ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? เมื่อวานนี้ยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อคิดไม่ตกจริง ๆ ทั้ง ๆที่เมื่อคืนวานยังว่านอนสอนง่ายอยู่เลย ไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมตอนเช้าถึงได้ออกอาการล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็แปลกใจ แต่พอเขาได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อก็พลันรู้สึกไม่สบายใจ จึงพูดขึ้นอย่างหัวเสียว่า “แกถามฉันแล้วให้ฉันไปถามใคร? เสี่ยวเป่าไม่ใช่ลูกของฉันนะ!”

เสี่ยวเป่าชักกระตุกรุนแรงมากขึ้นจนหน้าขึ้นสีม่วง และเริ่มหายใจไม่ออก ยิ่งเห็นก็ยิ่งเป็นกังวล

เหมยเหมยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี เมื่อเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังทะเลาะกับเฮ่อเหลียนเช่อจึงก่นด่าอย่างโมโห “เสี่ยวเป่าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังมีกะจิตกะใจมาทะเลาะกันอีก รีบคิดหาวิธีเร็วสิ อย่าปล่อยให้เสี่ยวเป่าชักแบบนี้ ถ้าชักไม่หยุดจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนได้นะ”

เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก เขาไม่เชื่อพลางคิดว่าเหมยเหมยเจตนาพูดให้คนอื่นขวัญเสีย

“พูดจาไร้สาระ ในอนาคตเสี่ยวเป่าของฉันจะต้องฉลาดหลักแหลมเป็นหนึ่งเดียวในโลกไม่มีใครเทียม แล้วจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้อย่างไร?”

ปากพูดออกไปแบบนั้นแต่เฮ่อเหลียนเช่อเป็นกังวลมาก เดินวกวนอย่างร้อนใจแต่ก็คิดหาวิธีไม่ได้อยู่ดี

“ฉันจะโทรตามหมอมาที่นี่ ดูว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้เสี่ยวเป่าไม่ชักบ้าง” เฮ่อเหลียนเช่อเองก็เป็นกังวล ถ้าน้องชายของเขากลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปจริง ๆ ในอนาคตจะหาภรรยาเช่นไร?

“เรียกหมอมาจะมีประโยชน์อะไร? หรือว่าแกไม่เคยให้หมอตรวจอาการมาก่อนหรือไง?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะ

เฮ่อเหลียนเช่อขาดความกล้าขึ้นมาชั่วขณะ เหยียนหมิงซุ่นพูดจี้ใจดำเขาเหลือเกิน และเพื่อรักษาอาการผิดปกติของเสี่ยวเป่า เขาหาหมอในเมืองหลวงมาเกือบหมดแล้วแต่หมอพวกนั้นก็ไม่มีวิธีรักษาเลย

ให้ตายเถอะ ก็แค่ไอ้พวกของเหลือเดนที่กินแต่ซากข้าวแห้ง!

เหมยเหมยกลัวว่าถ้ายังชักอยู่แบบนี้จะเป็นการทำร้ายตัวเองเอาได้จึงทำทีพาเสี่ยวเป่าเข้าไปในห้องน้ำแอบหยดยาวิเศษให้กับเสี่ยวเป่า ได้ผลเพียงเล็กน้อย มันแค่ช่วยลดความถี่ในการชักกระตุกของเสี่ยวเป่าลงแต่ไม่ได้หยุด

ทำอย่างไรดี?

เหมยเหมยร้อนรนจนแทบร้องไห้ ทำไมถึงชักรุนแรงขนาดนี้?

ฉิวฉิวที่ตัวกึ่งเปียกกึ่งแห้งมุดออกมามองเสี่ยวเป่าด้วยท่าทีเคร่งขรึมครู่หนึ่ง มันยื่นอุ้งเท้าข้างหนึ่งออกมาแล้วฟาดเข้าที่หลังคอของเสี่ยวเป่าจนทำให้หยุดชักไปชั่วขณะ

เนื่องจากเสี่ยวเป่าสลบไปเพราะฝีมือการตบของคุณชายฉิว

เหมยเหมยตกใจเป็นอย่างมากจนต้องรีบสำรวจร่างกายเสี่ยวเป่า เมื่อเห็นว่าเขาแค่สลบไปก็พลันนึกโล่งใจ

“ฉิวฉิว แกตบเสี่ยวเป่าได้อย่างไร? เขายังเล็กอยู่นะ ถ้าตบจนบาดเจ็บจะทำอย่างไร?” เหมยเหมยตำหนิฉิวฉิวเสียงเบา

“ฉันกำลังช่วยเขาอยู่นะ ถ้าไม่ตบเขาให้สลบก็คงได้ชักจนตายพอดี” ฉิวฉิวกลอกตาใส่เธอด้วยความโมโห นายหญิงโง่เสียจริง หลายปีมานี้ไม่มีการพัฒนาเลย

เหมยเหมยสะอึก แต่คิด ๆดูแล้วก็มีเหตุผล ตอนนี้เสี่ยวเป่าก็ไม่ชักแล้วนี่นา!

“งั้นครั้งหน้าแกตบเบา ๆหน่อยนะ กระดูกของเสี่ยวเป่ายังอ่อนอยู่ ถ้าแกตบเขาจนกระดูกหักจะทำอย่างไร? เหมยเหมยกำชับ

ฉิวฉิวกลอกตามองบนอีกครั้ง อึดอัดใจชะมัด

ถ้าไม่ตบแรง ๆจะสลบได้ไง?

เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับปัญหาไร้สาระพวกนี้แล้ว พลันพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เจ้าทารกน้อยคนนี้โดนวางยา แถมยังเป็นยาพิษที่ร้ายแรงด้วย หากไม่แก้พิษให้เขาเกรงว่าจะมีชีวิตรอดไม่เกินสามขวบ”

เหมยเหมยตกใจจนหน้าซีดแล้วดึงหางฉิวฉิวด้วยมือเดียว “จริงเหรอ? แกรู้ได้ยังไงว่าโดนวางยา? แกบอกว่าแกไม่รู้วิธีรักษาทางการแพทย์ไม่ใช่เหรอ?”

ฉิวฉิวโมโหจนพลั้งปากพูดออกไปว่า “ก็ฉันลองชิมฉี่ของเขาดูแล้วก็ต้องรู้สิว่ามีพิษหรือเปล่า…เฮ้ย…ไม่ใช่แบบนั้น ฉันดูออกต่างหาก…”

เพียงแต่เหมยเหมยไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแล้ว อุ้มเสี่ยวเปาวิ่งออกไปราวกับสายลม

ฉิวฉิวปิดหน้าเหม่อมองฝ้าเพดาน สีหน้าเศร้าสร้อย

เกียรติยศของเขาจบกันแล้ว!

…………………………………………………………..

ตอนที่ 2046 ช่วยดูแลลูกให้ดีหน่อย

เหมยเหมยร้อนใจดั่งไฟสุมรีบอุ้มเสี่ยวเป่าเดินออกมา กำลังเตรียมที่จะพูดในสิ่งที่ฉิวฉิวค้นพบ แต่เสียงโทรศัพท์ดันดังขึ้นเสียก่อน

เป็นสายจากอู่เยวี่ยที่โทรเข้ามา พอเธอฟื้นขึ้นมาก็ตามหาเสี่ยวเป่าไปทั่ว แต่ไม่ใช่เพราะรักใคร่เด็กคนนี้มากอะไรนักหรอก แต่ในตอนนี้เธอต้องการเสี่ยวเป่าที่เป็นเบี้ยต่อรองเพื่อเป็นที่หนึ่งในโลกหล้าต่างหาก

โดยเฉพาะตอนที่อู่เยวี่ยได้ยินจากหมอเกาว่าเสี่ยวเป่าอยู่กับเหมยเหมยก็ยิ่งโมโห เธอยอมให้ทุกคนดูแลเสี่ยวเป่าได้แต่ยกเว้นยัยจ้าวเหมย

เฮ่อเหลียนเช่อนี่โดนน้ำเข้าสมองจนเพี้ยนไปแล้วจริง ๆ

ป้าฟางเป็นคนรับสาย น้ำเสียงของอู่เยวี่ยไม่เป็นมิตรนัก “ให้จ้าวเหมยเอาลูกชายของฉันมาคืนเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความข้อหาลักพาตัวเด็ก”

เหยียนหมิงซุ่นเดินออกมาถามป้าฟางว่าใครโทรมา ป้าฟางก็บอกไปตามตรง เหยียนหมิงซุ่นหน่ายใจที่จะต้องสนใจผู้หญิงบ้า ๆคนนี้จึงให้เฮ่อเหลียนเช่อมารับสายเอง

“แม้แต่ผู้หญิงยังเอาไม่อยู่ แกนี่ดูมีอนาคตดีนะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดประชดประชันอย่างไม่ไว้หน้า

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าดุดันพลันรู้สึกโกรธเกลียดอู่เยวี่ยมากขึ้นกว่าเดิม เขารับหูฟังมาพร้อมกับเปิดปากก่นด่ายกใหญ่ “โทรมาต้องการอะไร? ฉันเป็นคนพาเสี่ยวเป่ามาเอง เธอมีปัญหาเหรอ?”

อู่เยวี่ยใจเต้นระส่ำ เธอนึกไม่ถึงมาก่อนว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่ที่บ้านของเหยียนหมิงซุ่นด้วย!

สองคนนี้เป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ?

มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตั้งแต่เมื่อไร?

สองวันที่เธอสลบไปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ฉันก็แค่คิดถึงเสี่ยวเป่าค่ะ เสี่ยวเป่าไม่มีฉันอยู่ข้างกายเขาจะร้องไห้โวยวายเอาได้!” อู่เยวี่ยแสดงท่าทีอ่อนลงมาก แต่กลับจงใจเอ่ยถึงเรื่องที่เสี่ยวเป่าติดเธอเพื่อจงใจข่มขู่เฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่อสับสนว้าวุ่น หากไม่ใช่เพราะเหตุผลข้อนี้เขาคงฆ่าอู่เยวี่ยให้ตายไปนานแล้ว

เขาตำหนิไปไม่กี่คำก็กดตัดสายทิ้ง เขาตั้งใจว่าจะพาเสี่ยวเป่ากลับไปให้อู่เยวี่ยดูแล ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวเป่าก็เป็นที่หนึ่งเสมอ

เพื่อน้องชายแล้วเขาทนผู้หญิงชาติชั่วอย่างอู่เยวี่ยได้

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่าเข้ามา เฮ่อเหลียนเช่อสายตาว่องไว พอเห็นเสี่ยวเป่าสลบไปหน้าก็ถอดสีทันทีแล้วสีหน้าก็ดุดันขึ้น “เธอทำอะไรเสี่ยวเป่า?”

เหยียนหมิงซุ่นขวางเฮ่อเหลียนเช่อไว้แล้วเอื้อมมือไปแตะข้างลำคอของเสี่ยวเป่า พอเห็นว่าไม่เป็นไรก็จ้องเฮ่อเหลียนเช่อตาเขม็ง “แกตาบอดหรือไง เขาแค่หลับไปเท่านั้น”

เฮ่อเหลียนเช่อโล่งอก แต่ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงได้หลับไปกะทันหันเช่นนี้ เพราะในยามปกติเขาจะต้องชักดิ้นชักงอจนวุ่นวายกันไปหมด ทำอย่างไรก็ไม่ยอมนอนสักที

เขามองเหมยเหมยอย่างสงสัย และรู้สึกสงสัยอยู่ตลอดว่าผู้หญิงอย่างจ้าวเหมยมีเสน่ห์อะไรนักถึงได้ทำให้เสี่ยวเป่าชื่นชอบขนาดนี้?

ทั้ง ๆที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลยด้วยซ้ำ!

มันช่างน่าแปลกใจนัก!

“ฉันพาเสี่ยวเป่ากลับไปก่อนดีกว่า แม่ของเขาฟื้นแล้ว” เฮ่อเหลียนเช่อพูด

ตอนแรกเหมยเหมยตั้งใจจะพูดเรื่องที่เสี่ยวเป่าโดนวางยาพิษให้รู้แต่ตอนนี้เธอกลับไม่อยากพูดแล้ว อู่เยวี่ยฟื้นขึ้นมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมราวกับจิ้งจอกแถมยังใจดำอำมหิต ครั้งนี้ต้องรอให้ได้หลักฐานมัดตัวแน่นหนาก่อนถึงจะจัดการอู่เยวี่ยได้!

แต่เธอก็รู้สึกไม่วางใจที่จะคืนเสี่ยวเป่าให้กับอู่เยวี่ย!

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจสิ่งที่เธอกังวลแต่พวกเขากับเสี่ยวเป่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่ เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยคือพ่อแม่ของเสี่ยวเป่า การพาเสี่ยวเป่ากลับไปนั้นถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง

เฮ่อเหลียนเช่อรับเสี่ยวเป่ามาจากอ้อมอกของเหมยเหมย พอเห็นว่าเธอทำทีอาลัยอาวรณ์แบบนั้นจึงทำให้เขาไม่เพียงแต่นึกขำแต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกชนะ

น้องชายของเขามีแต่คนรักใคร่เอ็นดู เป็นหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้!

“นายดูแลเสี่ยวเป่าดี ๆล่ะ ดูสิพวกนายเลี้ยงเสี่ยวเป่าแบบไหนกันถึงมีสภาพแบบนี้ สามเดือนแล้วยังหนักไม่เท่ากับเด็กบ้านอื่นที่อายุได้หนึ่งเดือนเลย เสี่ยวเป่าจะโตได้อย่างไร?”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเสี่ยวเป่า อู่เยวี่ยเป็นคนใจดำ ดูแลเสี่ยวเป่าไม่ดีเลยสักนิด แต่ดูจากท่าทีของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วคงชอบเสี่ยวเป่าจากใจจริง แล้วจะยอมนิ่งดูดายให้ยัยชั่วอู่เยวี่ยทำร้ายเสี่ยวเป่าได้อย่างไรกัน!

…………………………………………………………

ตอนที่ 2043 รบกวนการนอนของคนอื่นตอนเช้าตรู่

เหยียนหมิงซุ่นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะดึงความผิดเข้าหาตัวเองแต่เห็นด้วยกับการโทษตัวเองของเหมยเหมย เขาเอ่ยปลอบโยนเธอ “ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่ายังปกติดี”

ความผิดครั้งนี้ให้เจ้าปีศาจน้อยเป็นคนแบกรับไปแล้วกัน

เหมยเหมยเห็นเสี่ยวเป่าอ้าปากเล็ก ๆอย่างเริงร่าก็รู้สึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จึงเอี้ยวตัวหมายจะดึงเจ้าตัวเล็กมาหา แต่เสี่ยวเป่ากลับงอแงขึ้นมา บิดตัวไปมาไม่หยุดพร้อมส่งเสียงฮึดฮัดขึ้น

“หิวแล้วสินะ ฉันจะไปชงนมให้”

เหมยเหมยลงจากเตียงมองหาขวดนม เหยียนหมิงซุ่นลากตัวเสี่ยวเป่ามาแล้วจับยัดเข้าไปในผ้าห่ม พลางคิดไปว่าจะให้เจ้าเด็กน้อยนอนต่ออีกสักหน่อยหรือจะสวมเสื้อผ้าให้เขาแล้วลุกออกจากเตียงดีนะ

สิ่งมีชีวิตจำพวกทารกช่างเป็นสิ่งที่น่ารำคาญเสียจริง ๆ ไม่เหมือนกับฉิวฉิวฉาฉาเลยสักนิดที่ไม่ต้องคอยกังวล แค่ให้อาหารก็จบแล้ว

ฉิวฉิวเห็นว่าเจ้านายทั้งชายและหญิงของมันตื่นแล้ว คุณชายฉิวที่อดรนทนไม่ไหวอยู่นานสองนานก็พรวดพราดขึ้นเตียงไปทันที แล้วทิ้งตัวลงไปอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของเสี่ยวเป่า ดวงตาเม็ดถั่วสีดำขลับหมุนกลอกไปมา อุ้งเท้าอ้วน ๆของมันกดเข้าที่เท้าเล็กๆ ของเสี่ยวเป่าคล้ายกับเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก

ทารกอย่างมนุษย์ก็ดูน่าสนใจดีเหมือนกันแฮะ เขาเล่นกับเจ้าน้องฉาเบื่อแล้ว เจ้าทารกน้อยนี่มาเล่นเป็นเพื่อนเขาได้ประจวบเหมาะพอดีเลย

แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะมองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสของเขาไวมาก อุ้งเท้าเล็ก ๆขยับไปมา อุ้งมือเล็ก ๆก็โบกปัดป่ายไปมาไม่หยุดเพื่อพยายามจับฉิวฉิว แต่ตอนนี้ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข เหตุใดถึงไม่มีใครสนใจเขาเลย?

เสี่ยวเป่าส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ ร่างกายดิ้นพล่านอย่างรุนแรง เหยียนหมิงซุนไม่แม้แต่จะชายตามองเขาแล้วลงจากเตียงไปสวมเสื้อผ้า เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาอย่างเร่งเร้าปานจะเอาชีวิต เสียงดังเสียดหูเหลือเกินเพราะเป็นยามเช้าที่เงียบสงบ

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง ตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาตีห้ายี่สิบนาที ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงมาเร็วขนาดนี้นะ?

ยังไม่ทันที่เขาจะแต่งตัวเสร็จก็เกิดเสียงรบกวนดังขึ้นจากด้านนอก

“เหยียนหมิงซุ่น แกใส่เสื้อผ้าเสร็จหรือยัง? ฉันจะเข้าไปแล้วนะ!” เฮ่อเหลียนเช่อสะบัดลุงเหลาที่ขวางทางเขาทิ้งไปด้านข้างแล้วพุ่งพรวดเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เหยียนหมิงซุ่นที่เพิ่งจะสวมเสื้อผ้าเสร็จไฟโทสะลูกใหญ่ก็ปะทุขึ้น

“แกนี่สันดานเสียจริง ๆเลย บุกเข้าห้องนอนคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า อยากตายเหรอ?”

แววตาของเหยียนหมิงซุ่นปล่อยไอสังหารออกมา ยังดีที่เหมยเหมยไม่อยู่ในห้อง ไม่งั้นเฮ่อเหลียนเช่อได้เห็นดีแน่ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางปล่อยไอ้บ้านี่ไปหรอก!

เฮ่อเหลียนเช่อต่อกรกับเขาไปหลายยกจนคร้านที่จะทะเลาะด้วยแล้ว ใจแค่อยากจะมาดูน้องชายที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดทั้งคืน จึงตะโกนกลับไปว่า “นี่ก็ใส่เสื้อผ้าอยู่ไม่ใช่หรือไง มีอะไรที่ดูไม่ได้อีกล่ะ!”

ในไม่ช้าเขาก็นึกได้ว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงได้บันดานโทสะจึงเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและจงใจพูดว่า “วางใจเถอะ ยัยนั้นของนายผอมอย่างกับกระดูก ต่อให้ยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็ไม่คิดจะปรายตามองหรอก”

ตอนนี้เขาบรรลุธรรมแล้ว ในหัวใจและสายตาของเขามีเพียงเหมยซูหานเท่านั้น เขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักนิด

คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าทุกอย่างล้วนเป็นแค่เครื่องห่อหุ้มกาย ในสายตาเขาสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่กระดูกขาวกองหนึ่งเท่านั้น

“เฮ่อเหลียนเช่อแกอยากตายหรือไง!”

เหยียนหมิงซุ่นซัดกลับอย่างดุเดือด เขาคิดย้อนไปถึงเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อนเหมยเหมยเกือบถูกไอ้สารเลวเฮ่อเหลียนเช่อรังแกในสโมสรอันดับหนึ่ง คุณชายเช่อในตอนนั้นยังเป็นจอมวิปริตที่เอาได้หมดทั้งชายหญิงเด็กเล็กและผู้ใหญ่ ตอนนี้กลับกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาต่อหน้าเขา แถมยังอยู่ในเขตบ้านของเขาอีก!

รนหาที่ตายชัด ๆ !

“หึ ฉันคงกลัวแกมากสินะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็โมโห เพราะที่เขาพูดมาคือความจริง โมโหโว้ย!

สองคนนี้ต่างเถียงกันไปมา ทุกกระบวนท่าล้วนเป็นท่าไม้ตาย ยังดีที่พื้นที่ในห้องนอนของเหยียนหมิงซุ่นนั้นกว้างขวาง มิฉะนั้นแค่หมุนตัวก็ลำบากแล้ว

เหมยเหมยชงนมเสร็จก็กลับมา ยังไม่ทันจะเข้าห้องก็ได้ยินเสียงปล่อยหมัดกันจึงตกใจเป็นอย่างมาก ลุงเหลาที่ประคองเอวตัวเองไว้ได้พูดถึงความหยาบคายไร้มารยาทของเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยเหมยจึงรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า

เธอหน่ายที่ต้องสนใจสองคนนี้จึงถือขวดนมเตรียมไปป้อนเสี่ยวเป่า แต่กลับพบว่าเสี่ยวเป่ากำลังเล่นกับฉิวฉิวอย่างเข้ากันได้ดี เสี่ยวเป่าคว้าหางพวงใหญ่ของฉิวฉิวเข้าปาก ฉิวฉิวเองก็ใจกว้างยิ้มตาหยีมองเสี่ยวเป่า

ใบหน้าของกระรอกเผยให้เห็นรอยยิ้มใจดีราวกับคุณป้าก็มิปาน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ช่างขบขัน!

“เฮ้ย ฉิวฉิวรีบหลบไป!” เหมยเหมยสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเสี่ยวเป่าจึงรีบตะโกนขึ้น

……………………………………………………

ตอนที่ 2044 ไม่ยอมกินนมอีกแล้ว

ฉิวฉิวมองเหมยเหมยด้วยความงุนงงเพราะมันกำลังเล่นสนุกอยู่เลยแล้วจะให้มันหลบไปทำไม? เหมยเหมยแอบด่ามันไปว่าฉิวฉิวโง่ รีบสาวเท้ายาว ๆก้าวเข้าไปแต่ก็ไม่ทันความเร็วการปล่อยฉี่ของเสี่ยวเป่า ของเหลวสีเหลืองยิงใส่ตัวของคุณชายฉิวอย่างแม่นยำ ด้วยปริมาณที่อัดอั้นมาตลอดคืนจึงรดใส่ตัวของคุณชายฉิวจนกลายเป็นกระรอกตกน้ำ

และมีบางส่วนซึมเปียกผ้าปูเตียงกลายเป็นคราบแผนที่เล็ก ๆ

จากเดิมที่ขนของฉิวฉิวฟูฟ่องเหมือนกับลูกบอล แต่พอโดนฉี่ใส่ก็กลายเป็นกระรอกตัวน้อยที่เหี่ยวเฉาไปทันตา ช่างน่าขันและน่ารัก อีกทั้งกลิ่นก็ฉุนอยู่มาก

“จี๊ด ๆ…”

“แอะ ๆ…”

เจ้าตัวเล็กทั้งสองส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมกัน คนหนึ่งได้ปล่อยน้ำก็อารมณ์ดี คนหนึ่งก็โมโห

“ฮ่า ๆ เสี่ยวเป่าของเรานี่เก่งจริง ๆ ฉี่ออกมาแบบนี้เลย เยี่ยม เยี่ยม!” เฮ่อเหลียนเช่อได้ใจเป็นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นน้องชายของเขา!

ฉิวฉิวเข้าใจคำพูดของเขาจึงแยกเขี้ยวกระทืบเท้าใส่อย่างโมโห คุณชายฉิวอย่างมันไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กทารกหรอก แต่กับผู้ใหญ่ไม่เหมือนกัน…

“เจ้าบ้านี่…ไสหัวออกไปนะ…”

เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันตั้งตัว ฉิวฉิวก็พุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาพร้อม ‘กลิ่นหอม’ จากนั้นก็คลุกตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยฉี่ใส่เขา ก่อนที่เฮ่อเหลียนเช่อจะได้สติฉิวฉิวก็รีบหลบมุดเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

เจ้าหนูทารกน้อยดูตัวไม่ใหญ่ แต่ธัญพืชทั้งห้าที่ดูดซึมเข้าไปไม่ได้ด้อยไปกว่าของคุณชายฉิวเลย กลิ่นคละคลุ้งรมควันจนเขาจะตายอยู่แล้ว!

ฉิวฉิวที่กำลังเตรียมจะอาบน้ำก็พลันทำจมูกฟุดฟิด เหมือนกำลังขบคิดอะไรอยู่ด้วยท่าทีจริงจัง

ผ่านไปสักพักฉิวฉิวก็ตัดสินใจว่าจะช่วยเสี่ยวเป่าอย่างสุดกำลัง ใครใช้ให้เขาชอบเจ้าทารกน้อยคนนั้นมากขนาดนี้กันล่ะ!

คุณชายฉิวสะบัดหางพวงใหญ่ไปมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่สะบัดโดนปากก็มักจะหดกลับพร้อมทำสีหน้าขยะแขยง สะบัดซ้ำ ๆอยู่หลายครั้ง ฉิวฉิวหลับตาลงเหวี่ยงหางยัดเข้าปากอย่างไม่กลัวตาย กลั้นใจเลียไปสักพักและดูดปากอยู่หลายที มันน่าสะอิดสะเอียนจนแทบอ้วก พร้อมทำสีหน้าราวกับชีวิตนี้ช่างไร้ความหมาย

เฮ้อ เหมือนอุนจิเลย!

ฉิวฉิวถุยน้ำลายไปหลายครั้ง เติมน้ำใส่เต็มอ่างอาบน้ำที่ทำขึ้นพิเศษสำหรับมันแล้วกระโดดลงไปราวกับหนีเอาชีวิตรอด เปลี่ยนน้ำทิ้งไปสามรอบฉิวฉิวถึงได้โล่งใจ แต่กลับมีท่าทีขบคิดบางอย่าง

เจ้าทารกน้อยโดนวางยาพิษ!

แถมยังเป็นยาพิษที่รุนแรงมากด้วย!

แม่เจ้า คนสารเลวที่ไหนกล้าทำแม้กระทั่งกับเด็กทารก ไม่สนขือสนแปบนโลกนี้เลย อย่าให้คุณชายฉิวอย่างมันรู้นะ เขาจะต้องได้ลองดื่มน้ำธัญพืชห้าชนิดของมันจนโดนพิษตายไปเลย!

เหยียนหมิงซุ่นเห็นคราบสีเหลืองบนผ้าปูเตียงสีขาวก็พลันปวดศีรษะ อยากจะบีบคอเจ้าตัวแสบบนเตียงนั่นให้ตาย!

เสี่ยวเป่าหัวเราะร่าอย่างไร้เดียงสารับขวดนมที่เหมยเหมยยื่นให้ แต่เขาดื่มไปไม่กี่อึกก็ไม่กินต่อแล้ว ไม่ค่อยพึงพอใจต่อเสบียงของวันนี้นัก ร่างกายจึงดิ้นพล่านไปมาไม่หยุด

เหมยเหมยรู้สึกประหลาดใจ วันนี้เธอหยดยาวิเศษลงไปในน้ำนมเหมือนเดิม ทำไมถึงไม่กินล่ะ?

“เสี่ยวเป่าเด็กดี นมวันนี้ก็เหมือนของเมื่อวาน อร่อยมากเลย” เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่าอย่างอ่อนโยน ป้าฟางเร่งรีบเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูเตียง เหยียนหมิงซุ่นมีพฤติกรรมเสพติดความสะอาดอย่างรุนแรง หากช้ากว่านี้อีกนิดเตียงนี้คงได้ถูกโยนทิ้งแน่!

เฮ่อเหลียนเช่อก็ลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาไม่ได้พกเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยได้แต่สวมเสื้อตัวหนึ่งของเหยียนหมิงซุ่น ขนาดตัวของทั้งสองไม่ต่างกันจึงพอดีตัวมาก

“ซาลาเปาปูกับน้ำเต้าหู้ของภัตตาคารเฟิ่งหลาย!”

เฮ่อเหลียนเช่อนำอาหารเช้าที่เขาพกมาด้วยโยนลงบนโต๊ะอย่างลำพองใจ

หึ คิดจะใช้วิธีดักทางเขา?

เขาจะติดกับได้อย่างไร เลี้ยงลูกน้องมาตั้งมากมายคิดว่าเลี้ยงไว้เพื่อกินข้าวงั้นหรือ?

ในตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นเองจึงคิดได้ว่าเจ้าบ้านี่ต้องให้ลูกน้องไปซื้อมาแน่ ๆ ถือว่าเขาคาดคะเนพลาดไปหน่อย

ทางด้านเสี่ยวเป่าเริ่มดิ้นทุรนทุรายมากขึ้น นมก็ไม่ยอมกิน สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อจึงเปลี่ยนไปมาก ลุกพรวดพราดอย่างร้อนใจ นี่จะเกิดอาการชักแล้วนี่นา!

มีจ้าวเหมยอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงออกอาการได้ล่ะ?

…………………………………………………….

ตอนที่ 2041 หายไปไหน

ไม่ว่าจะเป็นเหมยเหมยหรือเหยียนหมิงซุ่นต่างก็ไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กมาก่อน ตอนเพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราก็ยังแอบกังวลใจอยู่บ้างกลัวว่าจะนอนทับเสี่ยวเป่าเข้า แต่เมื่อผล็อยหลับไปก็พลันลืมเลือน มีหรือที่จะจำได้ว่าเจ้าตัวแสบอยู่ในที่นอนด้วย

เมื่อก่อนเสี่ยวเป่านอนกับอู่เยวี่ยมาตลอด อู่เยวี่ยไม่ใช่แม่ที่ดีสักเท่าไรนัก แถมยิ่งกว่านั้นยังไร้ความอดทนด้วย พอวางเสี่ยวเป่าลงบนเตียงตัวเองก็นอนของตัวเองไป ลูกจะหิวหรือไม่ ห่มผ้าดีหรือไม่อู่เยวี่ยไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ แต่ไหนแต่ไรมาเธอนอนยิงยาวยันสว่างเลย

ดังนั้นเสี่ยวเป่าจึงนอนหลับอย่างว่าง่าย บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้มาตลอดว่าอาละวาดไปก็ไร้ประโยชน์ โวยวายไปก็ไม่ได้รับความสงสารจากผู้เป็นแม่ ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะร้องไห้โวยวายอีก เงียบเสียจนลืมการมีตัวตนของเขาไปเลย

เจ้าตัวเล็กนอนอยู่ตรงกลางระหว่างเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่น เขารู้สึกถึงความแปลกใหม่และไร้ซึ่งความง่วงเหงาหาวนอน เจ้าตัวเล็กเปิดตาอันกลมโตขึ้น มองซ้ายทีขวาที เพียงแต่ไม่เห็นอะไรเลย

ราวกับว่ารู้สึกเบื่อจึงหันมาดูดนิ้วตัวเองเล่นเสียงดังจ๊วบจ๊าบ

ตอนแรกเหมยเหมยตบก้นให้เสี่ยวเป่าไปด้วย แต่เธอเองก็ง่วง ตบไปตบมาก็กล่อมตัวเองจนหลับไปเสียอย่างนั้น

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้นเช่นกัน  คิดเรื่องอะไรไปสักพักก็ผล็อยหลับไป

เสี่ยวเป่าดูดมือไปได้สักพักก็เบื่อหน่าย อ้าปากหาวแล้วก็ผล็อยหลับไป เพียงแต่เจ้าตัวแสบยังไงก็คือเด็กตัวแสบ เพราะไม่ว่าจะตื่นหรือหลับก็ไม่มีช่วงเวลาที่สงบนิ่งได้

คุณลักษณะของเจ้าเด็กแสบก็คือการกลิ้งกลอกหมุนตัวไปมา…

เสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้วงฝันกลิ้งไปกลิ้งมา จากนั้นก็กลิ้งเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างไม่รู้ตัว

ซ้ำยิ่งกลิ้งก็ยิ่งลึกเข้าข้างในไปเรื่อย ๆอีก…

ทางด้านเหมยเหมยและเขาต่างก็หลับใหลฝันหวาน ส่วนเฮ่อเหลียนเช่อพอกลับมาถึงบ้านก็นอนไม่หลับอีก เอาแต่เป็นกังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะทารุณน้องชายของเขาไหม?

เหมยซูหานง่วงจนทนไม่ไหว ครั้นเห็นเฮ่อเหลียนเช่อเดินวกไปวนมาในห้องราวกับคนบ้าก็เหนื่อยหน่ายที่จะให้ความสนใจ จึงปลีกตัวไปนอนตามลำพัง

ตีห้ายามเช้าตรู่ท้องฟ้าเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีขาว เฮ่อเหลียนเช่อก็ทนไม่ไหวจึงโทรหาเหยียนหมิงซุ่นราวกับเร่งเอาชีวิต

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เหยียนหมิงซุ่นหมายจะนอนกับภรรยาให้นานหน่อยจึงไม่คิดที่จะออกไปวิ่ง ออกกำลังกายในห้องฟิสเนสของที่บ้านก็พอ ดังนั้นจึงไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนทุกที

จังหวะที่เฮ่อเหลียนเช่อโทรเข้ามา เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยยังคงอยู่ในห้วงฝัน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็นอนหลับฝันหวานอยู่

เหยียนหมิงซุ่นฝันเห็นลูกหมาน่ารักตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ใต้เท้าเขา มันเลียฝ่าเท้าของเขาจนรู้สึกสบายทำเอาเขาไม่อยากตื่นจากฝันนั้นเลย

แต่เสียงโทรศัพท์ที่น่ารำคาญแผดเสียงดังขึ้น ทันทีที่เหยียนหมิงซุ่นได้ยินว่าเป็นเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อก็นึกอยากจะบีบคอไอ้บ้านั่นให้ตายผ่านสายโทรศัพท์เหลือเกิน

“เหยียนหมิงซุ่น เสี่ยวเป่าของฉันนอนหลับสบายดีไหม? แกไม่ได้ปล่อยให้เขาหิวใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อตะเบ็งเสียงดัง

“แกรีบมาอุ้มกลับไปเลยนะ โทรมาแต่เช้าแบบนี้ สมองเพี้ยนแล้วหรือไง!”

เหยียนหมิงซุ่นกลัวจะเสียงดังจนทำให้เหมยเหมยตื่นจึงลดเสียงพูดลง ทั้งยังโมโหในหลาย ๆเรื่อง

เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่มีเหตุผลอะไร แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใช่คนที่มีเหตุผลอยู่แล้ว ต่อให้รู้สึกละอายใจแต่เสียงพูดก็ยังคงเหมือนเดิม

“พระอาทิตย์ส่องถึงก้นแล้ว นอนบ้าอะไรกันอีก แกให้เสี่ยวเป่ามารับสายหน่อยสิ ฉันจะพูดกับเขาสักหน่อย”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเยาะ ไอ้นี่มันบ้าไปแล้วแน่นอน!

“เฮ่อเหลียนเช่อแกนี่น้ำเข้าสมองจริง ๆใช่ไหม เสี่ยวเป่าเป็นแค่เด็กสามเดือน แกจะคุยอะไรกับเขาฮะ?” เหยียนหมิงซุ่นปวดศีรษะแทบระเบิด ตอนนั้นไม่น่าเออออพาตัวปัญหานี่เข้าบ้านตามเหมยเหมยเลย

โทรศัพท์แค่สายเดียวก็ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นตื่นเต็มตา เขามองหาร่องรอยของเสี่ยวเป่าตามสัญชาตญาณ เขาตั้งใจว่าจะตบก้นเจ้าตัวแสบสักสองสามที ใครใช้ให้พี่ใหญ่ของเขาพูดจาไม่รู้เรื่องจนรบกวนการนอนของคนอื่นในยามเช้ากันล่ะ

เพียงแต่หาไปรอบหนึ่งก็ไม่เจอเจ้าตัวแสบ ตรงที่นอนของเขาก็ว่างเปล่า เหลือเพียงภรรยาของเขาเท่านั้น

ไปไหนแล้วล่ะ?

…………………………………………………………

ตอนที่ 2042 เสี่ยวเป่าจอมซื่อบื้อ

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นไม่เป็นระส่ำ มองหาอีกรอบก็ยังหาเสี่ยวเป่าไม่เจออยู่ดี

เฮ่อเหลียนเช่อตะเบ็งเสียงผ่านปลายสายโทรศัพท์มาว่าอีกเดี๋ยวจะเข้ามาหาเสี่ยวเป่า เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเขาอีกต่อไป ใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม มีคนลอบเข้าบ้านเขาตอนดึกดื่นแล้วอุ้มเสี่ยวเป่าไปหรือ?

ในเมืองหลวงยังมีคนที่เก่งกว่าเขาอีกหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นเป็นห่วงเสี่ยวเป่ามาก แต่เขากังวลเรื่องความปลอดภัยในบ้านมากกว่า หากมีคนแบบนี้อยู่จริง ถึงขนาดหยิบจับข้าวของของเขาไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวและตรวจสอบไม่ได้ คน ๆนี้ต้องเป็นศัตรูที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาแน่นอน

“เหยียนหมิงซุ่น ตอนนี้ฉันกำลังจะออกไปแล้วนะ อีกสิบนาทีจะถึงบ้านแก” เฮ่อเหลียนเช่อตะโกน

“ซื้ออาหารเช้ามาด้วย ซาลาเปาปูกับน้ำเต้าหู้ที่ภัตตาคารเฟิ่งหลาย เอามาเยอะ ๆหน่อย”

เหยียนหมิงซุ่นหาอีกรอบก็ยังหาเสี่ยวเป่าไม่เจอจึงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาจริง ๆเลยอยากจะยื้อเวลาเฮ่อเหลียนเช่อไว้ ภัตตาคารเฟิ่งหลายค่อนข้างไกลจากบ้านเขา ซ้ำถนนก็แคบ รถติดอยู่บ่อยครั้ง หากเฮ่อเหลียนเช่อไปซื้ออาหารเช้าที่นั่น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

“บรรพบุรุษแก…” เฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังจะทักทายบรรพบุรุษทั้งสิบแปดชั่วคนของเขา แต่พอนึกถึงน้องชายตนที่อยู่ในกำมือของเหยียนหมิงซุ่นจึงรีบแก้ต่างทันทีและกัดฟันรับปาก

“ได้ ฉันจะไปซื้อข้าวเช้ามาให้เดี๋ยวนี้แหละ…”

กินให้สำลักตายไปเลยไอ้คนสารเลว!

เขาเป็นถึงคุณชายเช่อ แต่ตอนนี้กลับถูกเหยียนหมิงซุ่นแกล้งเพราะเจ้าตัวแสบนั่น มันน่าโมโหชะมัดเลย

เหยียนหมิงซุ่นกดตัดสายทิ้งอย่างผู้ชนะ ฉับพลันก็รู้สึกว่าให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่บ้านเขาก็ไม่เลวนัก ต่อไปนี้ก็ให้เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนส่งอาหารเช้า โดยตั้งกฎว่าห้ามเลยเวลาเจ็ดโมงเช้าสายแม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ได้

แล้วก็อาหารมื้อค่ำห้ามเกินเวลาหนึ่งทุ่มตรง!

ความชั่วร้ายในใจของเหยียนหมิงซุ่นปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว คิดว่าต่อจากนี้ไปจะทำเช่นนั้น แม้ว่าจะทำอะไรเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้แต่แค่ปั่นหัวเขาได้ก็พอใจแล้ว

แต่ตอนนี้ต้องหาเสี่ยวเป่าให้เจอก่อน เจ้าตัวแสบนั่นหายไปไหนกันนะ!

เขารู้สึกร้อนผ่าวที่อุ้งเท้าเหมือนลูกหมากำลังเลียอยู่ เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นจากฝัน หรือว่าเมื่อกี้เขาฝันถึงเฮ่อเหลียนเช่อ?

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

การเลียเท้านั้นเกินจริงมาก เหยียนหมิงซุ่นสงบลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาร้องเตือนให้ยกผ้าห่มขึ้นดูว่าตกลงแล้วมีตัวอะไรขึ้นมาก่อกวนบนเตียงเขากันแน่!

ปีศาจปรากฏกายแล้ว!

ในที่สุดก็ได้เห็นปีศาจที่กำลังก่อกวนเขา เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าตกตะลึง

หาอยู่ตั้งนานจนเกือบออกคำสั่งให้พวกลูกน้องออกตามหาเด็กชายเสี่ยวเป่าทั่วเมืองแล้วเชียว แต่ที่ไหนได้กลับนอนสงบนิ่งอยู่ตรงปลายเตียง ดวงตาดำขลับ สองมือเล็ก ๆนั่นคว้าอุ้งเท้าใหญ่ของเหยียนหมิงซุ่นไว้และดูดอยู่อย่างนั้น น้ำลายไหลยืดซึมออกเป็นวงกว้างบนผ้าปูเตียง

นิ้วหัวแม้เท้าของเหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนเป็นสีขาว คาดว่าผิวหนังที่ตายไปแล้วคงถูกเสี่ยวเป่าดูดจนเกลี้ยง

เสี่ยวเป่าเอียงคอราวกับรับรู้ได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นตื่นแล้ว สุดท้ายจึงยอมปล่อยอุ้งเท้าใหญ่ของเขา โบกมือปัดป่ายไปมาส่งเสียงเรียกเขาไม่กี่ครั้ง ฮัมเสียงเหมือนกับลูกแมว

เหยียนหมิงซุ่นใจหายอย่างบอกไม่ถูก

คงไม่ใช่เพราะเขาถีบเสี่ยวเป่าไปอยู่ปลายเตียงหรอกนะ?

แถมยังเอาเท้าของตัวเองเป็นอาหารเช้าให้เสี่ยวเป่าอีก มันเกินไปหน่อยแฮะ…

เรื่องนี้จะให้เฮ่อเหลียนเช่อรู้ไม่ได้ ไม่งั้นไอ้บ้านั่นต้องอาละวาดแน่!

เหมยเหมยตื่นเพราะหนาวขึ้นมากะทันหัน เธอยื่นมือไปคลำพื้นที่ข้างกายตามสัญชาตญาณ แต่พอสัมผัสไม่โดนก้อนเนื้อนุ่มนิ่มก็พลันดีดตัวขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “พี่คะ เสี่ยวเป่าหายไป!”

เธอลืมตาขึ้นมากลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นและเสี่ยวเป่า คนหนึ่งอยู่หัวเตียงอีกคนอยู่ปลายเตียง ตาโตจ้องตาเล็กพลันรู้สึกมีความสุขอย่างไม่รู้สาเหตุ

“เสี่ยวเป่าไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร? ฉันเป็นคนถีบไปหรือเปล่า?” เหมยเหมยรู้สึกผิดมาก เธอไม่ได้หลับสนิทเลยสักนิด ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้ระวังจนเตะเสี่ยวเป่าเป็นลูกบอลกลิ้งไปอยู่ปลายเตียงก็ได้

…………………………………………………….

ตอนที่ 2039 ภาพแปลกพิกล

เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจนคิดว่ายังอยู่ในห้วงความฝัน แต่เสียงดูดนมดังอึก ๆของเจ้าตัวเล็กกลับเตือนสติว่าเขาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

เขาอยากร้องไห้ขึ้นมากะทันหัน

ในที่สุดก็มาถึงวันนี้สักที ไม่ง่ายเลย!

“แกดูสิก็แค่นี้เอง เพราะพวกแกเลี้ยงลูกไม่เป็น ไม่เคยให้เขากินจนอิ่มท้องมาก่อน ปล่อยให้ท้องหิวโซอย่างนั้นเขาจะไม่ร้องโวยวายได้ไง?” เหยียนหมิงซุ่นตำหนิอย่างไม่มีเหตุผล

เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีและไม่คิดจะต่อปากต่อคำเหยียนหมิงซุ่นเป็นครั้งแรก อุ้มเสี่ยวเป่ากลับไปอย่างดีอกดีใจ ก่อนกลับยังพูดขอบคุณอีกต่างหาก ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไร

“พี่ พี่ว่าเสี่ยวเป่าจะโวยวายอีกไหม?” เหมยเหมยกังวลใจเล็กน้อยและรู้สึกโหวงใจแปลก ๆ

เธอก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไมถึงได้ผูกพันกับเสี่ยวเป่าทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันสองครั้งขนาดนี้?

“ไม่หรอก อู่เยวี่ยน่าจะใกล้ฟื้นแล้วละ มีหล่อนอยู่ เสี่ยวเป่าคงไม่เป็นอันตรายชั่วคราว” เหยียนหมิงซุ่นกลับดีใจอย่างมาก นับว่าส่งเด็กวุ่นวายกลับไปได้สักที

ในเวลาหนึ่งชั่วโมงที่อยู่กับเสี่ยวเป่าทำให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้ถึงความน่ากลัวของเด็กอย่างลึกซึ้ง ยิ่งทำให้เขาขยาดเด็กมากกว่าเดิม หากลูกของเขากับเหมยเหมยขี้โวยวายอย่างเสี่ยวเป่าแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?

กลางคืนอันเงียบสงบ เหยียนหมิงซุ่นโอบกอดเหมยเหมยที่หลับปุ๋ยอยู่ แต่เจ้ากรรมโทรศัพท์กลับแผดเสียงดังขึ้นถี่ ๆอย่างเร่งเร้า กลางคืนดึกดื่นแบบนี้ฟังแล้วช่างเสียดหูเหลือเกิน

เหยียนหมิงซุ่นตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วพลางขมวดคิ้วแน่น ไอ้สารเลวตัวไหนโทรมากลางคืนดึกดื่นแบบนี้นะ?

ลุงเหลาต่อสายเข้ามาในห้องนอนของพวกเหยียนหมิงซุ่น จากนั้นจึงพบว่าเป็นสายจากเฮ่อเหลียนเช่อ ซึ่งทางปลายสายดูจะครึกครื้นกันมากทีเดียว

“เฮ่อเหลียนเช่อแกไม่จบไม่สิ้นสักทีใช่ไหม!” เหยียนหมิงซุ่นกดเสียงด่ากลับไป

“เสี่ยวเป่าต่างหากที่ไม่ยอมจบ เขาเริ่มร้ององแงโวยวายอีกแล้ว แกคิดว่าฉันอยากโทรมาหรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อหงุดหงิดเต็มที เด็กนี่เกิดมาเพื่อทรมานเขาชัก ๆ เวรกรรมของเขาแท้ ๆเลย!

“เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของแกไม่ใช่ลูกชายของฉัน เขาจะร้องโวยวายหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่!” เหยียนหมิงซุ่นเดือดดาล เขากับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคู่อริกันไม่ใช่เพื่อนเก่าที่รู้จักกัน ตอนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่?

กลับเริ่มพูดคุยกันเรื่องเลี้ยงลูกเสียแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อปวดศีรษะเหลือเกิน หากมีวิธีอื่นเขาคงไม่ยอมแบกหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงซุ่นหรอก แต่พ่อทูนหัวเสี่ยวเป่าเกิดหิวขึ้นมากลางดึก อู่เยวี่ยยังเป็นลมหมดสติไม่ฟื้นเลยไม่มีน้ำนมให้ นมผงที่เขาชงก็ไม่ยอมทาน ทีนี้เป็นเรื่องเลย ร้องเสียงดังลั่นโวยวายบ้านแทบแตก ทำเอาเขากับเหมยซูหานแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

เหมยเหมยเองก็ตื่นแล้ว เธอฟังเหยียนหมิงซุ่นเล่าสถานการณ์คร่าว ๆเลยตอบกลับไปว่า “ส่งเสี่ยวเป่ามาเถอะ เด็กตัวเล็กแค่นั้นสุขภาพจะแย่เอา”

พอเฮ่อเหลียนเช่อได้ยินถ้อยคำของเธอจากปลายสายก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนตนมองคนผิดไป แม้จ้าวเหมยจะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่เจ้าตัวไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ดีกว่าไอ้สารเลวเหยียนหมิงซุ่นหลายร้อยเท่าเลยล่ะ

“ขอบคุณคุณจ้าวมาก ฉันจะพาไปส่งเดี๋ยวนี้แหละ”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ฉันยังไม่ตอบตกลงเลย แกจะส่งมาทำ…”

ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีก็ถูกตัดสายไปก่อน เสียงดังตู้ด ๆดังขึ้น

เหมยเหมยเห็นเขาทำหน้าไม่สบอารมณ์นักเลยรีบพูดปลอบใจ “เสี่ยวเป่าน่ารักน่าชังมากจริง ๆ เราก็ถือว่าสัมผัสประสบการณ์เลี้ยงลูกล่วงหน้าไง”

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบไม่กล้าพูดค้านอะไรอีก ขอเพียงเอ่ยถึงลูกเมื่อไรเขาต้องรู้สึกผิดทุกที

เฮ่อเหลียนเช่อมาถึงอย่างรวดเร็ว เพิ่งวางสายไปไม่นานเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น เหยียนหมิงซุ่นชักสงสัยแล้วว่าเจ้าหมอนี่โทรมาตอนอยู่หน้าประตูบ้านเขาหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะไวอะไรปานนี้ได้?

เขาเดาไม่ผิด เฮ่อเหลียนเช่อถูกก่อกวนจนหมดหนทางเลยพาเสี่ยวเป่ามาขอความช่วยเหลือจากเหมยเหมย แต่มาถึงหน้าประตูถึงคิดได้ว่าควรโทรหาก่อน

อาการของเสี่ยวเป่าไม่สู้ดีนักและเกิดอาการชักอย่างรุนแรง เหมยเหมยรีบไปชงนมผงที่ห้องครัวแล้วเหยาะน้ำวิเศษลงไปสองหยด ป้อนให้เสี่ยวเป่าทานถึงทำให้เขาสงบลงได้

……………………………..

ตอนที่ 2040 ทดลองชีวิตเลี้ยงลูกล่วงหน้า

เฮ่อเหลียนเช่อเห็นแล้วก็นึกทึ่งอย่างมาก นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ทั้ง ๆที่ยี่ห้อนมผงเหมือนกันแท้ ๆนี่นา!

เจ้าตัวเล็กไม่ไว้หน้าเขาเลย!

“เฮ่อเหลียนเช่อแกอย่าเพิ่งไปไหน มาเซ็นสัญญาก่อน” เหยียนหมิงซุ่นยื่นกระดาษไปให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่รู้ว่าทันเขียนเมื่อไร

“เซ็นอะไร?” เฮ่อเหลียนเช่อรับมาดูแวบหนึ่งก่อนจะสีหน้าเปลี่ยนไป ตวาดเสียงดัง “ฉันโง่หรือไง? อะไรคือเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าที่บ้านแกแกกับจ้าวเหมยจะไม่รับผิดชอบ? ถ้าฉันเซ็นไปก็เท่ากับตกหลุมกับดักของแกสิ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ!”

ที่แท้เหยียนหมิงซุ่นเขียนข้อตกลงปัดความรับผิดชอบ หากเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปที่บ้านของเขาเขากับเหมยเหมจะไม่รับผิดชอบทั้งคู่

“แกไม่เซ็นก็ได้ งั้นเดี๋ยวก็พาเสี่ยวเป่ากลับไปด้วยเลย ฉันยังกลัวแกหลอกเอาด้วยซ้ำ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชาอย่างไม่ไว้หน้า

เหมยซูหานรีบหว่านล้อมให้เฮ่อเหลียนเช่อเซ็นชื่อ “เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่าหรอก นายอย่าจิตใจคับแคบนักสิ”

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกแย่จับใจ ความจริงเขาก็รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นคงไม่ลงมือทำอะไรเด็กทารกคนหนึ่งหรอก เขาเพียงแค่รู้สึกแย่เท่านั้น

การโดนเหยียนหมิงซุ่นข่มขู่แบบนี้มันแย่มากจริง ๆ!

สู้ชักดาบล้วงปืนต่อสู้กันจริง ๆจัง ๆสักครั้งยังจะดีเสียกว่า!

เสี่ยวเป่าดื่มนมกว่าครึ่งขวดหมดแล้วก็เหนื่อยแทบแย่เลยอมจุกนมหลับไปทั้งอย่างนั้น ระหว่างนั้นก็เคี้ยวปากดังแจ๊บ ๆเป็นระยะ ๆ

ดวงหน้าในยามหลับสนิททำให้ไฟโทสะของเฮ่อเหลียนเช่อสลายหายไปในพริบตา สายตาก็อ่อนโยนขึ้นตามลำดับเผยรอยยิ้มใจดีราวกับคุณป้าคนหนึ่ง

ช่างเถอะ ๆ เพื่อเจ้าตัวเล็กนี่ต่อให้รู้สึกอัดอั้นตันใจแค่ไหนก็ช่างเถอะ!

เฮ่อเหลียนเช่อล้วงปากกาออกมาเซ็นชื่อบนหนังสือข้อตกลงก่อนจะพาเหมยซูหานกลับไป

“นอนเถอะ ส่งเสี่ยวเป่าให้ป้าฟางเลี้ยง” เหยียนหมิงซุ่นมองเจ้าเด็กทารกในอ้อมแขนเหมยเหมยอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง อยากจับโยนออกไปข้างนอกเหลือเกิน

เหมยเหมยอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างแต่ก็ส่งให้ป้าฟางอย่างไม่ขัดขืน เธอไม่มีประสบการณ์กล่อมเด็กนอนมาก่อนเลยไม่กล้าพาเสี่ยวเป่ามานอนด้วย หากเผลอหลับจนลืมตัวทับเสี่ยวเป่าตายจะทำอย่างไร?

เพียงแต่ต่อให้เสี่ยวเป่าหลับไปแล้วก็ยังดูแลยากเหมือนเดิม แค่โดนมือป้าฟางเจ้าตัวเล็กก็เริ่มดิ้น ส่งเสียงครางหลายทีและเห็นว่าใกล้จะตื่นเต็มทีแล้ว

เหมยเหมยจำต้องอุ้มกลับมา “หรือว่าฉันพาเสี่ยวเป่าไปนอนห้องนอนรับแขกดี?”

เหยียนหมิงซุ่นคัดค้านเสียงแข็ง “นอนด้วยกันนี่แหละ!”

ให้เขาแยกนอนกับภรรยาเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน!

เขายอมทนเจ้าเด็กนี่ก็ได้!

ป้าฟางกำชับเหมยเหมยถึงข้อควรระวังก่อนพาเด็กนอน เหมยเหมยจดจำอย่างตั้งใจ เธอวางเสี่ยวเป่าไว้ตรงกลางก่อนปูแผ่นรองฉี่ไว้ด้วย

เหมยเหมยมุดเข้าที่นอนแล้วกระชับกอดร่างเล็กตัวนุ่มนิ่มของเสี่ยวเป่าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่และมีความสุขอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เสี่ยวเป่ากระแซะตัวเข้าหาร่างเหมยเหมย เขากลิ้งตลบครั้งเดียวก็เข้าสู่อ้อมกอดของเธอแล้ว มือเล็กยื่นแปะยังจุดที่ไม่อาจจะอธิบายได้ เหยียนหมิงซุ่นหน้าถมึงทึงทันที ไอ้ตัวเล็กกล้าทำเรื่องอนาจารลามกต่อหน้าเขาอีกแล้ว!

“ให้เขานอนฝั่งนี้”

เหยียนหมิงซุ่นกระชากเสี่ยวเป่ากลับมาให้อยู่ใกล้ตัวเขาอย่างไม่ลังเลใจ เสี่ยวเป่าไม่พอใจอยากกลิ้งกลับไปหาฝั่งเหมยเหมยแต่กลับถูกขวางเอาไว้ เจ้าตัวน้อยพยายามติดต่อกันหลายครั้งจนเริ่มเหนื่อยเลยยอมฟุบนอนอยู่ฝั่งเหยียนหมิงซุ่นอย่างจำใจ แล้วหลับใหลไปทั้งที่ปากเล็กยังเบะออก

“นอน!”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วปิดไฟหัวเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาก่อนที่แขนยาวจะเกี่ยวภรรยาเข้ามากอดไว้

แม้เหมยเหมยไม่ค่อยพอใจกับความเอาแต่ใจของเหยียนหมิงซุ่น แต่พอได้สัมผัสมือเล็ก ๆของเสี่ยวเป่าก็รู้สึกดีไม่หยอกเหมือนกัน

“พี่ หลังเรียนจบเรามีลูกกันเถอะ ฉันอดใจแทบไม่ไหวแล้ว” เหมยเหมยวาดฝันถึงชีวิตอันดีงามยามเลี้ยงลูกในอนาคตก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับรอยยิ้ม

เหยียนหมิงซุ่นกลับหลับไม่ลง ลูกเท่ากับหนามที่ยอกอกเขาและไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะดึงมันออกไปได้!

……………………..

ตอนที่ 2037 อยากกินมือ

พอเสี่ยวเป่าไม่ได้ทานในสิ่งที่เขาต้องการก็โวยวายหนักกว่าเดิม ร่างบิดไปมาไม่หยุดและเริ่มออกอาการชัก แต่ไม่ได้ชักถี่เหมือนตอนเที่ยง ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาเหมยเหมยตกใจไม่น้อย

“ทำไงดี พาเสี่ยวเป่าไปโรงพยาบาลดีไหม?” เหมยเหมยมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความตกใจ ทั้งกังวลใจทั้งรู้สึกผิด

เหยียนหมิงซุ่นเองก็กังวลใจไม่แพ้กันในเมื่อชีวิตคนทั้งชีวิต อีกทั้งเป็นหลานชายของคู่อริอย่างหนิงเฉินเซวียน หากเป็นอะไรไปที่บ้านของเขา หนิงเฉินเซวียนต้องหาเรื่องไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน

“อย่ากังวลไป เฮ่อเหลียนเช่อขอให้เราพาเสี่ยวเป่ากลับมาเอง ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อก็ว่าอะไรไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นปลอบเหมยเหมย

เสี่ยวเป่าชักกระตุกติดต่อกันหลายที ใบหน้าเล็กเริ่มเปลี่ยนเป็นสีช้ำม่วง เหมยเหมยร้อนใจแทบแย่ เธอในตอนนี้ไม่คิดว่าผลลัพธ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรอีกต่อไปแล้ว เธอแค่อยากให้เสี่ยวเป่าดีขึ้น

ถ้าชักแบบนี้ต่อไป เด็กเล็กแค่นี้จะทนไหวได้อย่างไร?

ป้าฟางเคยเลี้ยงลูกมาสองคนเลยมีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน เธอพูดตามสิ่งที่คาดว่า “เด็กคนนี้คงไม่ได้เป็นลมชักหรอกใช่ไหม จะให้เขาชักต่อไปไม่ได้นะ ถ้าชักต่อไปจะกลายเป็นคนโง่ได้”

“งั้นทำอย่างไรดีล่ะ? พาไปโรงพยาบาลกันเถอะ!” น้ำตาของเหมยเหมยไหลริน

เหยียนหมิงซุ่นก็หมดหนทางช่วยเช่นกัน เรื่องอื่นต่อให้ยากเพียงใดเขาก็หาทางแก้ได้ แต่เวลาเผชิญหน้ากับเด็กอย่างเสี่ยวเป่าเขากลับหมดหนทางทุกอย่าง

“งั้นพาไปโรงพยาบาลแล้วกัน ฉันไปเอารถ” เหยียนหมิงซุ่นหันหลังจะไปเอารถ

“แอะ ๆ…”

เสี่ยวเป่าที่รู้สึกทรมานแทบทนไม่ไหวยังคงชักต่อไป มือเล็กโบกกลางอากาศไปมาแต่เสมือนว่าเขาต้องการจะคว้าบางอย่าง พยายามตามหามาตลอด เหมยเหมยจับผิดสังเกตได้เลยถาม “เสี่ยวเป่าอยากได้อะไร?”

เธออยากช่วยบีบมือให้เสี่ยวเป่าเพื่อให้เขารู้สึกสบายขึ้นบ้าง แต่เพิ่งยื่นมือไปกลับถูกเสี่ยวเป่าดึงไว้ เจ้าตัวเล็กตาเป็นประกายแล้วยัดนิ้วของเหมยเหมยใส่ปากอย่างแรง ปากเล็กอ้ากว้างแล้วใช้แรงดูดไม่น้อย

“เฮ้ย เสี่ยวเป่ากินไม่ได้!”

เหมยเหมยอยากชักมือกลับแต่ไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวจะทำให้เสี่ยวเป่าเจ็บ

เสี่ยวเป่ากำมือเหมยเหมยไว้แน่นแล้วยัดใส่ปากอย่างไม่ย่อท้อ เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนกล่าว “เธอเอามือให้เขากินก่อน”

เหมยเหมยยัดนิ้วตัวเองใส่ปากเล็กของเสี่ยวเป่าตามแรงดึงของมือเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าอ้าปากงับนิ้วของเธอไว้ทีเดียวแล้วใช้แรงดูดเสียงดัง แต่ก็ดีที่เจ้าตัวเล็กไม่มีฟันไม่อย่างนั้นนิ้วของเหมยเหมยคงถูกแทะจนเละแน่

ภาพอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นแล้ว

เสี่ยวเป่าที่ดูดนิ้วเหมยเหมยอย่างเอร็ดอร่อยเงียบลงอย่างน่าแปลก แล้วหลับอยู่ในอ้อมอกของเหมยเหมยอย่างว่าง่าย ช่างน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน

“เจ้าตัวเล็กหิวแล้ว ให้เขาดื่มนม” ป้าฟางยิ้มกล่าว

เหยียนหมิงซุ่นหยิบขวดนมยัดใส่ปากเสี่ยวเป่า เหมยเหมยก็ชักมือตัวเองกลับในเวลาเดียวกัน แต่เสี่ยวเป่ากลับเป็นอย่างเมื่อครู่ที่ดูดนมเพียงคำเดียวก็คายจุกนมออกอย่างรังเกียจ พลางคลำหามือของเหมยเหมย

พอเห็นว่าเจ้าตัวเล็กจะโวยวายอีกเลยทำเอาเหมยเหมยตกใจรีบยัดนิ้วตัวเองเข้าไป เสี่ยวเป่าดูดนิ้วของเธออย่างพึงพอใจแล้วกลายร่างเป็นเด็กดีทันที

“น่าแปลก นมผงดี ๆไม่ดื่มแต่ชอบดูดนิ้วของคุณหนู เด็กคนนี้แปลกจริง ๆ” ป้าฟางเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจ เด็กน้อยหน้าตาน่ารักแต่ทำไมรู้สึกไม่ค่อยปกติเท่าไรล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เขาให้ป้าฟางไปทำงานต่อจนในห้องเหลือเพียงเขากับเหมยเหมย

“เธอป้อนยาวิเศษให้เสี่ยวเป่าใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เหมยเหมยพยักหน้ารับ “อืม ให้เขาดื่มไปสองหยด เสี่ยวเป่าชอบดื่มมากเลยล่ะ…เอ๊ะ ฉันนึกออกแล้ว…”

……………………….

ตอนที่ 2038 ชอบคนสวยตั้งแต่เด็กหรือ

เหมยเหมยก็นึกถึงสาเหตุเช่นกัน เธอเปิดฝาขวดนมแล้วเหยาะยาวิเศษลงไปสองหยด เขย่าให้เข้ากันก่อนจะป้อนให้เสี่ยวเป่าดื่ม

เธอกังวลว่าเสี่ยวเป่าไม่ยอมดื่มอีก เหมยเหมยเลยจงใจหยดน้ำนมใส่ปากเสี่ยวเป่าเล็กน้อย เจ้าตัวเล็กแลบลิ้นออกมาเลียแตะ ๆแล้วฉีกยิ้มอย่างดีใจ ไม่ต้องรอให้ใครป้อนเจ้าตัวก็ประคองขวดนมดูดเอง

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเสี่ยวเป่าถึงยอมใกล้ชิดเหมยเหมยซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเพราะยาวิเศษ เสี่ยวเป่าไม่มีภูมิต้านทานต่อยาวิเศษเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์ที่รู้ว่าเหมยเหมยมีของดีถึงยอมใกล้ชิดเธอ

บ่งบอกว่าเสี่ยวเป่าไม่ใช่เด็กธรรมดา เขาต้องมีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากมนุษย์ทั่วไป

ป้าฟางมารายงานว่าเฮ่อเหลียนเช่อมาถึงแล้ว

“พาเขาไปที่ห้องรับแขก” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งเสียงเรียบ

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่าตามออกไป เฮ่อเหลียนเช่อนั่งอยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพัง เมื่อเห็นเสี่ยวเป่าที่ดื่มนมอยู่ในอ้อมแขนเหมยเหมยอย่างนิ่งสงบ ดวงตาก็เบิกกว้างอีกครั้ง

วันนี้มีเรื่องเหนือความคาดหมายเขามากเกินพอแล้ว

ทำไมทั้ง ๆที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดแล้วก็ยังจนปัญญาจะแก้ไขปัญหาได้ แต่จ้าวเหมยกลับจัดการได้อย่างง่ายดาย ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!

“นมยี่ห้ออะไรเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่พอใจอยู่ดี บางทีนมผงที่เขาซื้ออาจไม่ถูกปากน้องชายของเขา ไม่เกี่ยวกับเสน่ห์ส่วนบุคคลของเขาแต่อย่างใด

“นมผงคลิน แพงที่สุดในห้างสรรพสินค้า นี่ใบเสร็จ แกจ่ายเงินมาให้ฉันด้วย”

เหยียนหมิงซุ่นล้วงใบเสร็จที่เขาตั้งใจขอมาออกมา เงินไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวน สำหรับเขาแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงสักเส้นเดียวด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาต้องเสียเงินให้เฮ่อเหลียนเช่อด้วยล่ะ?

เฮ่อเหลียนเช่อรับใบเสร็จมาดูแวบหนึ่งพลางทำหน้าประหลาดใจ อดถามไม่ได้ “พวกแกซื้อจากห้างสรรพสินค้าไหน?”

“ห้างโหย่วอี้ เฮ่อเหลียนเช่อแกคงไม่คิดจะเบี้ยวหรอกนะ?” เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาดูถูก

“เหลวไหล ฉันจะขาดแคลนเงินแค่นี้เหรอ? ให้แกร้อยหนึ่งไม่ต้องทอน” เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์เดือดในฉับพลันพลางล้วงธนบัตรหนึ่งร้อยจากกระเป๋าเสื้อโยนให้เหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นใช้สองนิ้วคีบรับเงินหนึ่งร้อยไว้อย่างง่ายดาย “เศษที่เหลือแกยังมีหน้าเอาคืนอีกเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงทีหนึ่งแต่ไม่เถียงกลับ จู่ ๆก็เงียบลงดูท่ากำลังคิดบางอย่างอยู่ สีหน้าดูสับสน ซึ่งความจริงเจ้าหมอนี่ก็กำลังสับสนอยู่จริง ๆนั่นแหละ

เขาไม่เข้าใจ เขาก็ซื้อนมผงคลินจากห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้เช่นกัน ทำไมเสี่ยวเป่าถึงไม่ทาน?

ส่วนนมผงที่จ้าวเหมยป้อนเขา เจ้าเด็กนี่กลับทานอย่างเอร็ดอร่อย!

หรือว่าน้องชายของเขาชื่นชอบสาวงามตั้งแต่เด็กกันนะ?

เฮ่อเหลียนเช่อคิดไม่ตก สุดท้ายก็ใช้เหตุผลที่ว่าเสี่ยวเป่าชอบสาวงามมาปลอบใจตัวเอง ตัดสินใจว่าคราวหลังจะหาแม่นมหน้าตาสะสวย เช่นนี้ไม่แน่เสี่ยวเป่าอาจจะยอมรับแม่นมก็ได้

บอกตามตรงเสี่ยวเป่าใกล้ชิดกับจ้าวเหมย ในมุมมองของเขาไม่ได้ต่างจากการใกล้ชิดกับอู่เยวี่ยแต่อย่างใด

ผู้หญิงสองคนนี้ล้วนเป็นนังแพศยาที่เขารังเกียจ เขาไม่มีวันยอมให้น้องชายตัวเองสนิทกับพวกเธอ ต้องรีบหาทางอื่นจัดการโดยเร็ว

“ในเมื่อแกมาแล้วก็พาเสี่ยวเป่ากลับบ้านซะ ตอนนี้กินอิ่มท้องแล้วคงไม่โวยวายแล้วแหละ” เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กอยู่ต่อเลยสักนิด จึงเสนอให้เฮ่อเหลียนเช่อพากลับไปอีกครั้ง

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ต้องการเช่นนั้น เขาไม่อยากทิ้งน้องชายไว้ที่เหยียนหมิงซุ่นสักเท่าไรนัก

เหมยเหมยออกจะอาลัยอาวรณ์เสี่ยวเป่าอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อครู่อาการชักของเสี่ยวเป่าทำเธอตกใจแทบแย่จนกลัวว่าจะเป็นอะไรไปจริง ๆจึงส่งเสี่ยวเป่าที่ยังทานยมอยู่ไว้ในอ้อมแขนเฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่ออ้ามือรับเจ้าตัวน้อยมาอย่างระมัดระวัง สีหน้าประหม่าพร้อมเผลอทำท่าตั้งรับโดยไม่รู้ตัว ตัดสินใจว่าหากเสี่ยวเป่าร้องโวยวายเขาจะรีบถอนตัวทันที

แต่คราวนี้เสี่ยวเป่ากลับไว้หน้าเขามาก ประคองขวดนมพลางยู่จมูกเล็กหน่อย แม้จะไม่ค่อยพอใจที่เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนอุ้มแต่เสี่ยวเป่ามีของอร่อย ๆอยู่ในมือจึงยอมปล่อยเฮ่อเหลียนเช่อไปอย่างใจกว้าง นอนอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเงียบสงบพลางดูดนมเสียงดังอึก ๆ

…………………….

ตอนที่ 2035 ฉี่เด็กบำรุงร่างกาย

เสี่ยวเป่าไม่สะทกสะท้านกับเสียงตวาดของเฮ่อเหลียนเช่อพลางทำหน้าเรียบนิ่งดูดนิ้วเล็กของตัวเองอย่างสนุกสนานต่อไป

เหมยเหมยมองเฮ่อเหลียนเช่อที่อารมณ์ฉุนเฉียวอย่างอารมณ์ดี จงใจพูดประชด “เสี่ยวเป่าให้ฉี่เด็กเชียวนะ เป็นยาบำรุงชั้นดีเลย หลังจากนี้ถ้าคุณชายเช่อดื่มฉี่เด็กหนึ่งถ้วยทุกวัน รับรองว่านายอายุยืนร้อยปีแน่”

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาใส่เธอแรง ๆแวบหนึ่งแล้วกล่อมตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชายอย่าไปถือสาผู้หญิง เขาทนไม่ไหวแล้วจริ งๆ เลยอยากไปล้างคราบฉี่บนเสื้อที่ห้องน้ำแต่กลับถูกเหมยซูหานห้ามเอาไว้

“นายถอดเสื้อเลยก็ได้ ฉันจะซื้อเสื้อตัวใหม่ให้”

เฮ่อเหลียนเช่อคิด ๆแล้วก็เห็นด้วย เขาสวมเพียงเสื้อยืดแขนยาวตัวเดียว หากทำเสื้อผ้าเปียกจนหมดคงแนบเนื้อไม่สบายตัวแย่เลย

พนักงานของร้านอาหารซื้อเสื้อยืดตัวใหม่มาให้อย่างรวดเร็ว เฮ่อเหลียนเช่อถอดเสื้อที่เลอะคราบฉี่ออกไปเปลี่ยนตัวใหม่ เหมยซูหานเก็บเสื้อใส่ถุงจึงเรียกสายตาฉงนจากเฮ่อเหลียนเช่อ

“เสื้อตัวนี้ทิ้งไปก็ได้จะเก็บไว้ทำไมอีก?”

“ฉันมีเรื่องจำเป็นต้องใช้ นายไม่ต้องยุ่งหรอกน่า”

เหมยซูหานนึกได้เพราะประโยคที่ว่าฉี่เด็กจากเหมยเหมยเมื่อครู่นี้ หากอู่เยวี่ยใช้ยาชนิดมีฤทธิ์สารเสพติดกับเสี่ยวเป่าคงรู้ผลจากการตรวจฉี่ได้ ขอเพียงตรวจเจอสิ่งผิดปกติจากฉี่ของเสี่ยวเป่าเขาก็มีหลักฐานเพียงพอเพื่อโค่นอู่เยวี่ยแล้ว

ผู้หญิงคนนี้น่าแค้นใจนัก!

เหยียนหมิงซุ่นดวงตาวูบไหว เขาเดาจุดประสงค์ของเหมยซูหานได้ ซึ่งเมื่อครู่เขากลับคิดไม่ถึงจุดนี้

เพราะเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากเหมยเหมยไม่ได้ส่วนเหมยเหมยก็ไม่ยอมไปคฤหาสน์ตระกูลหนิง เฮ่อเหลียนเช่อจึงขอร้องให้เหมยเหมยพาเสี่ยวเป่ากลับบ้าน ขณะที่เขาก็เสนอขอกลับไปด้วยพร้อมกัน

“บ้านฉันไม่ต้อนรับแก ถ้าแกตามมาก็พาเสี่ยวเป่ากลับไป” เหยียนหมิงซุ่นปฏิเสธเสียงแข็ง

จะให้เฮ่อเหลียนเช่อไปบ้านเขา ล้อเล่นหรือเปล่า?

“ถ้าแกไม่วางใจก็พากลับไปเถอะ!” เหยียนหมิงซุ่นทนดูสภาพปางตายของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเหมยเหมยชอบเสี่ยวเป่าเขาไม่ยอมรับเจ้าตัวปัญหานี้กลับบ้านหรอกนะ

เฮ่อเหลียนเช่อจึงได้แต่จากไปด้วยใบหน้าสลดพร้อมกับเหมยซูหาน บอกว่าเดี๋ยวจะส่งเสื้อผ้าสำหรับซักเปลี่ยนกับนมผงมาให้ เหยียนหมิงซุ่นหันหลังให้และไม่สนใจเขาอีก

นิสัยร่ำไรเหมือนผู้หญิง เมื่อก่อนทำไมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าเฮ่อเหลียนเช่อจะมีนิสัยเหมือนผู้หญิงแบบนี้นะ?

เหมยเหมยอุ้มเสี่ยวเป่ากลับบ้านและเลือกโดดเรียนคาบช่วงบ่ายโดยให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนช่วยลาให้เธอ

“เฮ้ย กินมือไม่ได้นะ ระวังเถอะจะตีให้เลย!”

เป็นครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่งที่เหมยเหมยดึงมือออกจากปากเสี่ยวเป่า แต่เจ้าตัวเล็กยืนกรานจะยัดนิ้วเข้าปากอยู่ดี นิ้วโป้งถูกดูดจนซีดไปหมดแล้ว

เสี่ยวเป่าไม่สนใจเธอและยังคงทำตามใจตัวเองต่อไปราวกับอยู่ในโลกของตัวเอง

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว เขาไม่รู้สึกชอบเด็กเลยจริง ๆ ไม่มีวินัยสักนิด คิดจะทำอะไรก็ทำ ทั้งยังไม่ฟังคำเตือน หากเป็นทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาคงกระทืบไปแล้ว

“ตามใจไปเถอะ รอแทะจนนิ้วหายก็ไม่แทะอีก” เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าในเมื่อคุยไม่รู้เรื่องก็ให้เขาลองผิดลองถูก รอเดือดร้อนเมื่อไรก็คงล้มเลิกไปเอง

เพียงแต่เขาลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าตอนนี้คู่กรณีไม่ใช่ผู้ใหญ่แต่เป็นเด็กทารกวัยสามเดือนครึ่งเท่านั้น แล้วจะเข้าใจเหตุผลนี้ได้อย่างไร?

เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง “เสี่ยวเป่าตัวแค่นี้จะไปรู้เรื่องอะไร ฉะนั้นผู้ใหญ่ถึงต้องเริ่มสั่งสอนตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นอย่างพี่กันหมดแล้วจะสั่งสอนลูกกันอย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นเห็นเจ้าตัวเล็กที่นอนสบายใจเฉิบในอ้อมแขนของภรรยาตัวเองจากกระจก นอกจากนี้จุดที่เจ้าตัวเล็กอยู่ค่อนข้างแปลกพิกล นั่นเอามือไปจับตรงไหนน่ะ?

เขาเหยียบเบรกกะทันหัน ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนเทียบจอดรถริมถนนแล้วหันมาดึงมือเสี่ยวเป่าไปอีกข้างด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนัก

“เป็นอะไร? อย่าทำให้เสี่ยวเป่าตกใจ!” เหมยเหมยมองเขาด้วยความตกใจ นี่เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย!

……………………….

ตอนที่ 2036 ลามกตั้งแต่เด็ก

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เสี่ยวเป่าที่ทำหน้านิ่งเฉยทีหนึ่ง สมแล้วที่เป็นลูกของหนิงเฉินเซวียน ไม่ใช่คนดีอะไรตั้งแต่เด็ก กล้าทำเรื่องลามกตั้งแต่อายุยังน้อย

“วางเขาไว้บนเก้าอี้ อุ้มตลอดเหนื่อยแย่”

“เมื่อกี้วางแล้วเขาไม่ยอม” ความจริงเหมยเหมยชอบอุ้มเสี่ยวเป่า ก้อนเนื้ออ่อนนุ่มอุ้มแล้วมีความสุขเหลือเกิน

“เธอวางอีก ฉันจะดูสิว่าเขายอมหรือไม่ยอม?” เหยียนหมิงซุ่นแย่งเสี่ยวเป่าจากอ้อมแขนของเหมยเหมยมายัดไว้ตรงเก้าอี้ทันที

“แอะ ๆ…”

เมื่ออยู่ห่างกลิ่นหอมเสี่ยวเป่าก็ไม่พอใจ ปากเล็กเบะออกเริ่มจะส่งเสียงร้องโวยวายอีกครั้ง

เหมยเหมยรีบแย่งเขากลับมาพลางตวัดตามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง “พี่จะถือสาอะไรกับเด็กนักหนา รีบขับรถเถอะ!”

เหยียนหมิงซุ่นยังไม่พอใจอยู่ดีเลยพูดเสริม “ระวังให้ดี อย่าให้เขาลูบจับไปเรื่อย อายุน้อย ๆกลับเก่งเรื่องพวกนี้นัก”

เหมยเหมยชะงักเพราะทั้งโมโหทั้งน่าขำ เมื่อครู่มือของเสี่ยวเป่าวางอยู่บนหน้าอกของเธอ มิน่าเหยียนหมิงซุ่นถึงจอดรถกะทันหัน เห็นทีคงเกิดอารมณ์หึงหวง ขนาดกับเด็กทารกตัวเล็ก ๆยังหึงได้ นี่จะขี้หึงเกินไปหรือเปล่า

“พี่นี่จริง ๆเลย…” เหมยเหมยหมดคำจะพูด

เหยียนหมิงซุ่นถลึงตาใส่เสี่ยวเป่าที่ยังไม่รู้ตัวอีกแวบหนึ่งแล้วขับรถต่อไปด้วยใบหน้าเย็นชา พลางเอ่ย “ฉันว่าให้เสี่ยวเป่าอยู่ค้างที่บ้านคืนเดียวพอ พรุ่งนี้ส่งคืนให้เฮ่อเหลียนเช่อไป เลี้ยงเด็กของพวกเขาไว้ที่บ้านเรามันเข้าท่าที่ไหน”

เหมยเหมยรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดไม่ผิดเลย หากให้เฮ่อเหลียนชิงรู้ว่าเธอช่วยเลี้ยงหลานให้หนิงเฉินเซวียนเกรงว่าจะบุกมาที่บ้านด่าเธอยกหนึ่งทันที

“อู่เยวี่ยเป็นอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ฉันบอกเหมยซูหานว่าอู่เยวี่ยแพ้ถั่วลิสง สงสัยเขาคงจงใจลองเชิงอู่เยวี่ยละมั้ง!” เหมยเหมยคาดเดาและรู้สึกเสียดาย ทำไมเหมยซูหานไม่ใส่ถั่วลิสงเยอะ ๆให้อู่เยวี่ยตาย ๆไปเสียล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าโกรธเคืองของเหมยเหมยจากกระจกก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่พอเห็นเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนภรรยาของเขาก็หัวเสียอีกแล้ว

“เสี่ยวเป่ายอมใกล้ชิดเธอได้ไง? ถ้าอู่เยวี่ยใช้สารเสพติดกับเขาจริง ๆ เสี่ยวเป่าน่าจะไม่ยอมใกล้ชิดกับคนอื่นนะ!” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เข้าใจ

พอเห็นเสี่ยวเป่ารักใคร่เหมยเหมยแบบนี้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองจะคาดการณ์ผิดไป

“เสน่ห์ฉันแรงไง ใครก็ชอบฉัน” เหมยเหมยพูดยอตัวเองแล้วชิงหัวเราะก่อน ขณะนี้เองอยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าก็ส่งเสียงร้องแอะ ๆอยากดึงมือเธอมา ปากเล็กอ้าพะงาบ ๆ ดูท่าจะหิวแล้ว

“ไปซื้อนมผงก่อน เสี่ยวเป่าหิวแล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นหักเลี้ยวรถไปยังห้างสรรพสินค้าแต่ก็ยังสงสัยอยู่บ้าง “เขาจะยอมทานนมผงไหม?”

“ไม่รู้ ลองดูก่อน ในเมื่อนมของอู่เยวี่ยก็ไม่ใช่ของดีอะไร ดูเธอเลี้ยงเสี่ยวเป่าสิ ยิ่งเลี้ยงก็ยิ่งผอม” เหมยเหมยพูดเสียงเคียดแค้น

เมื่อครู่เหมยซูหานบอกเธอว่าอู่เยวี่ยทานเพียงน้ำต้มผักกับสลัดผลไม้เพื่อลดความอ้วน คุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมลูกกลับทานเพียงสองอย่างนี้ ถ้าน้ำนมมีสารอาหารสิแปลก

ไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อสมองมีหลุมหรือตาบอดกันแน่ถึงปล่อยให้อู่เยวี่ยทำแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อใส่ใจเสี่ยวเป่าจริง ๆ เธอคงคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจงใจอาศัยมืออู่เยวี่ยฆ่าเสี่ยวเป่าแล้ว

เสี่ยวเป่ารู้สึกไม่สบายตัวขยับตัวดุกดิกตลอดทาง โชคดีที่ไม่นานก็กลับถึงบ้าน เหมยเหมยรีบล้างขวดนมก่อนเป็นอันดับแรก ภายใต้การชี้แนะของป้าฟางว่าต้องใช้น้ำต้มเดือดชงนมผงก่อนจะให้เสี่ยวเป่าทาน

แต่ว่า–

เสี่ยวเป่าทานเพียงคำเดียวก็คายจุกนมออกอย่างไม่ไว้หน้าพลางส่งเสียงร้องโวยวาย ออกแรงดิ้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าเล็กอัดอั้นจนเกิดสีช้ำม่วงทำเอาเหมยเหมยตกใจแทบแย่และนึกเสียใจที่พาเสี่ยวเป่ากลับมา

หากเสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปในบ้านเธอ เมืองหลวงคงไม่สงบอีกต่อไปแล้ว

………………………..

ตอนที่ 2033 เฮ่อเหลียนเช่อขอร้อง

ลูกตาของเฮ่อเหลียนเช่อแทบหลุดออกจากเบ้า นังแพศยาจ้าวเหมยสนิทกับน้องชายของเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ไม่สิ น้องชายของเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

นอนอยู่ในอ้อมอกของจ้าวเหมยโดยไม่โวยวายสักแอะ แล้วยังหัวเราะมีความสุขขนาดนั้นด้วย?

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกน้อยใจแทบแย่ เขาอยากอุ้มสักทีแต่เสี่ยวเป่ากลับไม่ไว้หน้าเขาสักนิด เรื่องนี้ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียเจ้าเด็กนี่ก็ไม่เคยยอมให้ใครอุ้มมาก่อน แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?

เหมยซูหานจะรู้ได้อย่างไรว่าเฮ่อเหลียนเช่อคิดมากขนาดนั้น แถมยังอิจฉาด้วย เขายิ้มเอ่ย “เสี่ยวเป่าไม่ใช่แค่ยอมใกล้ชิดกับแม่ของเขาคนเดียว เขาชอบเหมยเหมย เมื่อกี้หลับคาอ้อมอกเหมยเหมยเลยนะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อตกใจยิ่งกว่า เขารู้ดีกว่าใครว่าเสี่ยวเป่ากล่อมนอนยากเพียงใด ต่อให้ง่วงจนหนังตาแทบปิดแต่หากไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของอู่เยวี่ยเสี่ยวเป่าก็จะไม่ยอมนอนท่าเดียว มีแต่จะร้องโวยวายเพดานแทบถล่ม

เหมยเหมยได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากประตูเลยหันมาเห็นเฮ่อเหลียนเช่อที่ทำหน้าประหลาดใจ เธอไม่ได้ทำหน้าดี ๆใส่เขาแต่อุ้มเสี่ยวเป่าเดินไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนเช่อ ในเมื่อเจ้าตัวมาถึงแล้วก็คืนเสี่ยวเป่าให้เขาไปเถอะ

แต่–

เสี่ยวเป่ากำเสื้อเหมยเหมยไว้แน่นและบิดตัวแรง เพราะอยากอยู่ให้ห่างจากเฮ่อเหลียนเช่อราวกับเจ้าหมอนี่เป็นปีศาจร้าย คงไม่ต้องให้พูดว่ารังเกียจขนาดไหน

เหมยซูหานอธิบาย “เสี่ยวเป่าช่างเลือก นอกจากแม่ของเขาแล้ว เหมยเหมยก็เป็นคนที่สองที่เขายอมให้อยู่ใกล้ ต่อให้เป็นอาเช่อก็แตะเนื้อต้องตัวไม่ได้”

เหมยเหมยเลิกคิ้วอดพูดไม่ได้ว่า “สมแล้วที่ใครเห็นก็ต้องรังเกียจ แม้แต่เด็กอย่างเสี่ยวเป่ายังแยกแยะได้เลยว่าใครดีใครชั่ว”

“จ้าวเหมยเธอรนหาที่ตายหรือไง?” เฮ่อเหลียนเช่อส่งเสียงขู่

เหยียนหมิงซุ่นที่ตามหลังมาติด ๆยืนคุ้มกันอยู่หน้าเหมยเหมย โดยยืนประจันหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อแลกสายตาเย็นชาฟาดฟันกันไปมา “เก่งกับผู้หญิงนับว่าเจ๋งนักหรือไง แน่จริงก็มาลงที่ฉันนี่!”

เหมยเหมยที่หลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นไม่เกรงกลัวเฮ่อเหลียนเช่อสักนิด เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้าหมอนี่ทีหนึ่งแล้วยังจงใจจุ๊บแก้มเสี่ยวเป่าอีกทีเพื่อยั่วโมโหใครบางคน

อย่าคิดว่าเธอไม่เห็นความอิจฉาในสายตาของเฮ่อเหลียนเช่อนะ

ดูไม่ออกจริง ๆว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะรักเสี่ยวเป่าอย่างแท้จริงขนาดนี้!

“คืนเสี่ยวเป่าไปให้เขาได้แล้ว เรากลับบ้านกัน” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยกับเหมยเหมย

เหมยเหมยกล่าวอย่างระอา “เมื่อกี้ฉันคืนแล้วแต่เสี่ยวเป่าไม่ยอมนี่นา พี่ดูสิ”

เธอส่งเสี่ยวเป่าไปยังทิศทางของเฮ่อเหลียนเช่ออีกที เจ้าตัวเล็กหน้าย่นและเห็นว่าใกล้จะร้องโวยวายอีกรอบเฮ่อเหลียนเช่อเลยก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เอ่ยอย่างน้อยใจ “ต้องลำบากคุณจ้าวดูแลเสี่ยวเป่าแล้ว”

“เหมยเหมยของฉันไม่ใช่คนรับใช้บ้านแก ทำไมต้องช่วยดูแลลูกให้แกด้วย?” เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจ แม้เขาจะไม่ได้เกลียดเสี่ยวเป่าแต่จะให้ภรรยาของเขาดูแลลูกคนอื่นคงไม่ได้ ขนาดลูกของเขาเองยังไม่อยากเข้าใกล้เลย!

เฮ่อเหลียนเช่อผิดและรู้ดีว่าเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผล แต่หากเขามีวิธีอื่นแล้วจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนคู่อริอย่างเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร?

มันรู้สึกแย่ยิ่งกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียด้วยซ้ำ!

เหมยซูหานรีบเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเป่าเจ้าอารมณ์ไปหน่อย นอกจากแม่ของเขาแล้ว เหมยเหมยเป็นเพียงคนเดียวที่เขายอมใกล้ชิดด้วย คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวหน่อยไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเป่าก็จะร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็จะชัก ตอนนี้แม่ของเสี่ยวเป่าหมดสติไป ไม่รู้ว่าจะฟื้นอีกทีเมื่อไร ฉะนั้นเลยต้องขอร้องเหมยเหมย…”

เฮ่อเหลียนเช่อหยักหน้าตาม “ขอแค่คุณจ้าวยอมช่วย ฉันจะตอบแทนคุณจ้าวอย่างดี”

เหมยเหมยแค่นเสียงทีหนึ่ง “ฉันอยากได้อะไรพี่หมิงซุ่นก็ให้หมด คิดว่าฉันอยากได้ของของนายนักหรือไง?”

เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าดุดันและเกือบจะระเบิดอารมณ์อีกรอบ แต่โดนเหมยซูหานหยิกแรง ๆเข้าหลายทีถึงระงับไฟโทสะได้ทัน อัดอั้นใจเหลือเกิน เขาใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปีไม่เคยต้องโดนข่มแบบนี้มาก่อนเลย!

………………………..

ตอนที่ 2034 เสี่ยวเป่าที่ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง

ความจริงเหมยเหมยยินดีที่จะดูแลเสี่ยวเป่าเพราะเด็กคนนี้น่ารักน่าชัง ขอแค่ไม่ซนไม่วุ่นวายเงียบสงบเป็นเด็กดีก็พอ แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ลูกของเธอ อีกทั้งพ่อแม่ของเด็กยังเป็นคนที่เธอเกลียดทั้งคู่

เรื่องนี้น่าลำบากใจจังแฮะ

เหยียนหมิงซุ่นมองเสี่ยวเป่าที่นอนกินมืออยู่ในอ้อมอกเหมยเหมยอย่างสงบแวบหนึ่งก็จงใจพูดขึ้น “เด็กบ้านแกดูแลยากยิ่งกว่าลูกชายฮ่องเต้เสียอีก ถ้าเกิดแม่ของเขาตาย ลูกชายของแกก็อย่ามีชีวิตอยู่ต่อเลย”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปพลางตวาดอย่างเดือดดาล “เหยียนหมิงซุ่นต่อให้แกตายเสี่ยวเป่าของฉันก็จะไม่เป็นไร ถ้าแกยังพูดเหลวไหลอีก ระวังฉันจะเอาแกตาย!”

กล้าสาปแช่งเสี่ยวเป่าของเขา อยากตายนักหรือไง!

“คุณชายเช่อช่างเก่งกาจนัก ลูกชายของตัวเองก็ดูแลเองเถอะ เหมยเหมย เรากลับบ้านกัน”

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะหลายที ลูกชายยังอยู่ในอ้อมอกภรรยาของเขาแท้ ๆกลับกล้าทำตัวเหิมเกริมต่อหน้าเขา อยากตายหรือไง!

เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ชะงักทันทีและไหล่ลู่ลง หมดซึ่งความเอาแต่ใจเหิมเกริมอย่างก่อนหน้านี้ สีหน้าสุขุมขึ้น จะให้เขาขอร้องเหยียนหมิงซุ่นคงเป็นไปไม่ได้ อย่างมากก็แค่ไม่อ้าปากด่าเท่านั้น

เหมยซูหานหยิกเขาอีกหลายทีแล้วยิ้มแหยพูดขอโทษขอโพยหลายประโยค ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนเหมยเหมยก็ขยับตัวขึ้นมาฉับพลัน ใบหน้าเล็กยับยู่ยี่ราวกับไม่พอใจอย่างมากพร้อมกับส่งเสียงร้องแอะ ๆอยู่หลายที

เหมยเหมยเปลี่ยนท่าอุ้มใหม่เพราะเริ่มไม่ค่อยสบายตัว ก่อนจะให้เสี่ยวเป่าหันหน้าเข้าหาหลังของเหยียนหมิงซุ่น แล้วเปลี่ยนเป็นท่านั่ง มือหนึ่งรองใต้ก้นอีกมือประคองท้ายทอยของเสี่ยวเป่าเอาไว้ อุ้มแบบนี้จะช่วยให้เด็กสบายขึ้นบ้าง

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล็กดิ้นแรงเกินไปทำให้ผ้าอ้อมสำเร็จหลุดเผยให้เห็นก้นอีกฟากหนึ่ง กระเจี๊ยวน้อยก็โผล่พ้นออกนอกร่มผ้า เพียงแต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็ก พอเห็นผ้าอ้อมสำเร็จหลุดออกมาพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าต้องยัดกลับเข้าที่เดิม

“เสี่ยวเป่าอย่าขยับ ขยับอีกฉันจะอุ้มไม่ไหวแล้วนะ”

เหมยเหมยตำหนิเสี่ยวเป่าที่บิดตัวไปมาเสียงเบา เปลี่ยนท่าอุ้มใหม่ก็ยังดิ้นไม่หยุด แบบนี้เธอต้องเหนื่อยกับการอุ้มอย่างมาก

“แอะ ๆ…”

เสี่ยวเป่าไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจความต้องการของเขากันนะ?

ในเมื่อไม่มีใครสนใจ ถ้าอย่างนั้นเขาจะปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาแล้วกัน!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็หันกลับมาหมายจะรอดูว่าเจ้าตัวเล็กนี่คิดจะทำอะไรกันแน่ เฮ่อเหลียนเช่อกับเหมยซูหานเองก็เช่นกัน ดวงตาสามคู่จับจ้องเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของเหมยเหมยอย่างไม่ละสายตา

เสี่ยวเป่ากลับไม่คิดจะสนใจใยดีผู้ใหญ่เหล่านี้ เขาโบกกำปั้นน้อยไปมากระทืบเท้าคล้ายเตรียมจะทำการใหญ่อย่างหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อเห็นแล้วนึกขำเลยอดพูดไม่ได้ว่า “เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไรนะ?”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งเคยสัมผัสสิ่งชีวิตอย่างเด็กน้อยแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่อนข้างแปลกใหม่ อดขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดไม่ได้

เหมยซูหานเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงความผิดปกติ กระเจี๊ยวน้อยที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าสั่นระริกหลายทีและตั้งชูชัน เขาจึงรู้ว่าไม่ได้การแล้ว

“เหยียนหมิงซุ่นนายรีบหลบ…”

แต่สายไปเสียแล้วเมื่อมีของเหลวสีขุ่นพุ่งออกมาใส่ตัวผู้บัญชาการใหญ่เหยียนพอดิบพอดี โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นไหวพริบดีเลยรีบพลิกแขนกระชากตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาอยู่ตรงหน้าตนเพื่อช่วยบังการจู่โจมจากฉี่แทนเขา

เสี่ยวเป่าอัดอั้นมาเป็นเวลานานจึงมีปริมาณไม่น้อย ทั้งหมดพุ่งไปตรงหน้าอกพี่ชายของเขาไม่เหลือสักหยดเดียว

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกอุ่นวาบตรงหน้าอกรวมถึงกลิ่น ‘หอม’ เข้มข้นลอยเตะจมูก อบอวลเสียจนเขาคลื่นไส้

“ไอ้เด็กแสบ กล้าฉี่รดฉันเหรอ ฉันจะตีให้ตายเลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกรังเกียจพลางถลึงตาใส่เสี่ยวเป่าที่นอนกินมือต่อ มือง้างอยู่กลางอากาศที่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ถูกตวัดลงไป

……………………….

ตอนที่ 2031 คนน่าเกลียดคนนี้คือใคร

รถพยาบาลเพิ่งมาถึงเฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นก็ตามกันมาติด ๆ เฮ่อเหลียนเช่อได้รับการรายงานจากลูกน้องเพราะเขาได้จัดบอดี้การ์ดตามประกบอู่เยวี่ยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อปกป้องเสี่ยวเป่าและเป็นการจับตาดูอู่เยวี่ยในเวลาเดียวกัน เพิ่งเกิดเรื่องไม่นานลูกน้องก็รายงานเฮ่อเหลียนเช่อทันที

ส่วนเหยียนหมิงซุ่นย่อมได้รับรายงานจากลุงเหลา เขาไม่ไว้วางใจเหมยเหมยเลยตามมาด้วยตัวเองก่อนจะเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อที่ประตูใหญ่พอดี

“เกิดอะไรขึ้น? คนหน้าตาน่าเกลียดคนนี้คือใคร?”

เฮ่อเหลียนเช่อเป็นห่วงเสี่ยวเป่าเลยก้าวยาวนำอยู่ข้างหน้า ประจวบกับเจอคุณหมอที่กำลังหามอู่เยวี่ยเตรียมขึ้นรถพยาบาลพอดี อู่เยวี่ยสวมหน้ากากออกซิเจนจึงอาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังบวมเป่งดูไม่ได้ดังเดิมทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อจำไม่ได้ชั่วขณะ

“คุณชายเช่อ นี่คือคุณนายไงครับ” ลูกน้องบอกเสียงเบา

นับว่าโชคดีที่อู่เยวี่ยหมดสติอยู่พอดี ไม่อย่างนั้นหากได้ยินเฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าน่าเกลียดจะต้องโมโหตายแน่ ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองอย่างรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว แล้วถามอย่างรังเกียจว่า “ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพน่าเกลียดแบบนี้? เสี่ยวเป่าล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“คุณหมอบอกว่าคุณนายแพ้อาหาร อันตรายมาก ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคงช่วยไว้ไม่ทัน คุณชายน้อยตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณชายเหมยกับคุณหนูจ้าวอยู่เป็นเพื่อนคุณชายน้อยอยู่ในห้อง” ลูกน้องกล่าวอย่างระมัดระวัง

เฮ่อเหลียนเช่อเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แพ้อาหารงั้นหรือ?

อู่เยวี่ยไม่รู้ตัวสักนิดเลยหรือว่าตัวเองทานอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง?

“ใครเป็นคนเรียกรถพยาบาล?” เฮ่อเหลียนเช่อถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก จะเรียกรถพยาบาลทำบ้าอะไร ปล่อยให้นังแพศยาคนนี้แพ้อาหารตายไปก็ดี จะช่วยไว้ทำไมเนี่ย!

ลูกน้องตอบกลับอย่างระแวดระแวง “คุณ…คุณชายเหมยครับ”

เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างหนักใจ ซูหานของเขาใจดีเกินไป นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะ เฮ้อ!

เขาเห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ตามหลังมาติด ๆก็ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ “คุณชายหมิงกลายเป็นผู้ติดตามต้อย ๆไปแล้วเหรอ? เรื่องภายในครอบครัวฉัน แกจะมาทำไม?”

“ฉันก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเรื่องไร้สาระของบ้านแกหรอก คราวหลังแกดูคนของตัวเองให้ดีแล้วกัน อย่ามีอะไรนิดอะไรหน่อยก็โทรหาผู้หญิงของฉัน แต่นี่ก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าคนอย่างแกมันไร้ความสามารถ จนไม่สามารถทำให้คนข้างกายรู้สึกปลอดภัยได้มากพอ”

เหยียนหมิงซุ่นประชดปนเย้ยหยันทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อไฟโทสะปะทุ หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเสี่ยวเป่ากับเหมยซูหานเขาสามารถต่อยกับเหยียนหมิงซุ่นได้ตรงนี้เลย

“ส่งกลับคฤหาสน์หนิง ไม่ต้องส่งไปโรงพยาบาลแล้ว”

เฮ่อเหลียนเช่อระงับอารมณ์ไว้ เมื่อทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ก็ระบายอารมณ์ที่คุณหมอ แล้วให้พวกเขาพาอู่เยวี่ยไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลหนิง จะพาไปโรงพยาบาลให้อับอายขายหน้าหรือไงกัน?

คุณหมอยังอยากจะบอกว่าอาการป่วยของอู่เยวี่ยหนักมากหากไม่รีบช่วยให้ทันท่วงทีอาจจะเสียชีวิตได้ แต่ภายใต้แรงอาฆาตของเฮ่อเหลียนเช่อก็ตกใจจนฉี่แทบราด ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูด โชคดีที่คุณหมออาวุโสท่านหนึ่งจำเฮ่อเหลียนเช่อได้เลยรู้ว่าคฤหาสน์ตระกูลหนิงมีอุปกรณ์การแพทย์ครบครัน เขาจึงทำตามคำสั่งแต่โดยดี

เฮ่อเหลียนเช่อวิ่งนำอยู่ข้างหน้า ยังไม่ถึงห้องที่พวกเหมยซูหานอยู่ก็ตะโกนเสียงดัง “ซูหาน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เสี่ยวเป่าในอ้อมแขนของเหมยเหมยขยับตัว คิ้วเรียวขมวดเป็นปมใบหน้ายับยู่ยี่ ปากเล็กขยับมุบมิบคล้ายจะตื่นแล้ว

เหมยซูหานรีบวิ่งออกไปตำหนิใส่อย่างไม่พอใจ “นายจะเรียกทำไม? เสี่ยวเป่าตื่นเพราะนายเลย หุบปาก!”

เฮ่อเหลียนเช่อปิดปากเงียบทันที ขณะเดียวกันก็โล่งใจ เห็นทีสองคนที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดจะไม่เป็นไร

“เกิดอะไรขึ้น? แล้ว…โอหยางซานซานทานอะไรเข้าไปถึงหน้าบวมเป็นหัวหมูแบบนั้นล่ะ?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเบา

เหมยซูหานแค่นเสียงทีหนึ่ง จนมาถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะโกหกเขาอีก โอหยางซานซานงั้นหรือ

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ฉันจะบอกข่าวดีเรื่องหนึ่ง” แม้เหมยซูหานโกรธที่เฮ่อเหลียนเช่อหลอกตัวเองแต่เขาดีใจมากกว่าที่เสี่ยวเป่ายอมให้เหมยเหมยเข้าใกล้

เช่นนี้อู่เยวี่ยก็ใช้เสี่ยวเป่ามาข่มขู่ไม่ได้อีกแล้ว แถมยังช่วยเสี่ยวเป่าได้ด้วย

……………………………

ตอนที่ 2032 กินมือ

เหมยซูหานยังไม่พูดออกไปแต่ดึงแขนเฮ่อเหลียนเช่อให้เข้าไปในห้อง ขณะที่เขาเพิ่งออกไปเหมยเหมยก็แอบหยดน้ำวิเศษใส่ปากเสี่ยวเป่าหนึ่งหยด เจ้าตัวเล็กรู้ว่าของดีปากเล็กจึงได้ขยับมุบมิบแลบลิ้นเลียน้ำวิเศษจนเกลี้ยง รู้สึกทานไม่พอปากเล็กอ้ากว้างตาเบิกโตมองเหมยเหมย

เหมยเหมยไล่ตามองประเมินระยะใกล้ ๆจึงเห็นว่าดวงตาของเสี่ยวเป่ามีจุดที่แปลกไป งดงามบริสุทธิ์ดั่งดาวประดับบนผืนฟ้าแต่ดวงตากลับไม่มีจุดรวมสายตา เหตุที่คุณแยกไม่ออกว่าเสี่ยวเป่ากำลังมองอะไรอยู่เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมองอะไรอยู่

แต่เพราะดวงตาของเด็กทารกยังเติบโตไม่เต็มที่เลยทำให้ดูพร่ามัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นดวงตาของเสี่ยวเป่าหากไม่สังเกตดี ๆก็จะไม่เห็นปัญหาจุดนี้

แต่หากเติบโตไปตามวัย ความลับเรื่องดวงตาของเสี่ยวเป่าต้องปกปิดไม่อยู่แน่

“แอะ ๆ…”

เสี่ยวเป่ารออยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่ได้น้ำแสนอร่อยเลยร้อนใจ กำปั้นน้อย ๆโบกไปมาไม่หยุดพร้อมกับโยกศีรษะโคลงเคลงคล้ายกำลังตามหาบางอย่าง

เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำเลยแตะบนปากเล็กของเขาทีหนึ่ง เอ่ยเสียงเบา “เธอกำลังหาอะไรอยู่? อยากดื่มน้ำอีกใช่ไหมล่ะ?”

“แอะ ๆ…”

เสี่ยวเป่าเหมือนจะส่งเสียงเป็นอยู่เสียงเดียว ไม่ว่าร้องไห้หรือไม่พอใจหรือดีใจก็ล้วนแต่ร้องเสียงนี้

อีกทั้งเหมือนเสี่ยวเป่าจะเข้าใจคำพูดของเหมยเหมย ศีรษะเอียงเล็กน้อยสบตาเธอ มือเล็กคว้ามือเหมยเหมยมา เขาออกแรงกระชากสุดแรงทั้งหมดที่เขามีจนเหงื่อผุดตรงหน้าผาก

เหมยเหมยตกใจเล็กน้อยเลยขยับมือไปตามแรงดึงของเสี่ยวเป่า สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงมุมปากสีอมชมพู เสี่ยวเป่าอ้าปากกว้างงับนิ้วของเหมยเหมยแล้วดูดเสียงจ๊วบจ๊าบอย่างเอร็ดอร่อย

เสมือนว่ากำลังทานอาหารรสเลิศที่สุดในโลกก็ไม่ปาน ใบหน้าของเสี่ยวเป่ามีแต่ความอิ่มเอมใจและดูดอย่างกระตือรือร้น

ลิ้นร้อนนุ่มพันรอบนิ้วตัวเอง และยังสัมผัสได้ถึงเหงือกที่แข็งอยู่หน่อย เธอรู้สึกได้ถึงความต้องการที่เจ้าตัวเล็กมีต่อนิ้วของตน ทำเอาเหมยเหมยใจอ่อนยวบ…

ความรู้สึกเป็นที่ต้องการและพักพิง มันช่างดีเหลือเกิน…

แม้จะดื่มด่ำกับการดูดนิ้วของเจ้าตัวเล็กแต่เหมยเหมยก็ชักมือออก มือเต็มไปด้วยเชื้อโรคจะปล่อยให้เสี่ยวเป่าดูดเลียเสมือนอมยิ้มไม่ได้

“แอะ ๆ…”

พอไม่มีมืออร่อย ๆเสี่ยวเป่าก็เริ่มไม่พอใจ มือเล็กโบกกลางอากาศไปมาไม่หยุดตามด้วยร่างที่เริ่มดิ้นพล่านไปมา

“ก็ได้ ๆ ให้ดูดอีกนิดเดียวนะ จะทานเยอะกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”

เหมยเหมยจำต้องหยดน้ำวิเศษให้เสี่ยวเป่าอีกหนึ่งหยด เสี่ยวเป่าแลบลิ้นเลียอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข ทั้งยังมีชีวิตชีวากว่าเดิมมาก สดใสขึ้นและไม่โวยวายอีก นอนดูดนิ้วตัวเองอยู่ในอ้อมอกของเหมยเหมยอย่างสงบนิ่ง

เหมยเหมยดึงมือออกหลายครั้งแต่เสี่ยวเป่ากลับยัดนิ้วเข้าปากต่ออย่างดื้อรั้น ความเป็นเด็กน้อยของเหมยเหมยก็กำเริบเลยเริ่มต่อกรกับเสี่ยวเป่า

“ห้ามกินมือ…” ดึงออกมา

“แอะ ๆ…” ดูดต่อไป

“ดูสิว่าเธอจะกินมือยังไงต่อ!”

เหมยเหมยเลยตัดสินใจรวบมือทั้งสองข้างของเสี่ยวเป่าไว้เพื่อดูว่าเขาจะกินมืออย่างไรต่อ เสี่ยวเป่าขืนตัวอยู่หลายทีแต่ก็ไม่หลุดพ้นพันธนาการเลยส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ เหมยเหมยเห็นแล้วรู้สึกขบขันเลยใจอ่อนปล่อยแขนข้างหนึ่งไป ก่อนที่เสี่ยวเป่าจะรีบยัดนิ้วเข้าปากทันที แต่เพิ่งถึงตรงมุมปากก็ถูกเหมยเหมยดึงออกเสียก่อน

เสี่ยวเป่าเบะปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังกินมือต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ เด็กหนึ่งคนผู้ใหญ่หนึ่งคนเล่นกันสนุกสนานจนลืมตัว

เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่งผลักประตูเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสของหญิงสาว ภาพตรงหน้าทำเอาเขาเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

…………………………

ตอนที่ 2029 โง่จะตายยาก

“เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไป?”

เหมยเหมยเห็นเสี่ยวเป่าที่ใบหน้าช้ำม่วงและหายใจโรยรินในอ้อมแขนของเหมยซูหานก็ใจหล่นวูบ เหมยซูหานไม่ได้โกหกเธอ เสี่ยวเป่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เหมยซูหานเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังคร่าว ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้รถพยาบาลยังมาไม่ถึง อู่เยวี่ยยังคงนอนแน่นิ่งบนพื้นที่ดูอาการไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของเธอเลย

“สมควรตาย ตายสิดี!”

เหมยเหมยกระทืบร่างอู่เยวี่ยแรง ๆหลายทีอย่างแค้นใจ ช่วงเวลานี้เธอไม่เคยได้เจอเสี่ยวเป่าเลยหลังจากงานเลี้ยงครบเดือนเพียงครั้งเดียว เสี่ยวเป่าในตอนนั้นร่างอ้วนท้วมผิวขาวแขนเป็นปล้อง ๆราวกับรากบัว นุ่มนิ่มอวบอ้วนน่ารักน่าชัง

แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนเสี่ยวเป่ากลับซูบผอมลงมาก ใบหน้าเล็กกว่าเดิมและผิวหมองคล้ำที่ดูก็รู้ว่ามีต้นเหตุมาจากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเพราะเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากอู่เยวี่ยไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ฉะนั้นอู่เยวี่ยจึงเป็นคนจัดการดูแลชีวิตเสี่ยวเป่าทุกอย่าง แต่นางแพศยานี้ดูแลเสี่ยวเป่าอย่างไรกันแน่?

คนอื่นเลี้ยงลูกมีแต่ยิ่งเลี้ยงยิ่งอ้วนขึ้น เธอกลับยิ่งเลี้ยงยิ่งผอมลง!

สารเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

ทางที่ดีก็แพ้อาหารให้ตายไปเลย!

“ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรเอาแต่จะลองเชิงอู่เยวี่ยจนลืมว่าเสี่ยวเป่าต้องดื่มนม…เหมยเหมย เธอต้องช่วยเสี่ยวเป่านะ เขาน่าสงสารเกินไป” เหมยซูหานโทษตัวเองอย่างหนัก

เหมยเหมยมองเหมยซูหานที่เอาแต่โทษตัวเองแล้วมองอู่เยวี่ยที่นอนทำหน้าเจ็บปวดบนพื้น ใบหน้าเธอบวมเป็นหัวหมูไปแล้วแถมยังหายใจหอบหนักเพราะอาการแพ้ถั่วลิสง อู่เยวี่ยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและเกือบตายเพราะอาการหอบมาก่อน

อาการของอู่เยวี่ยก็สุ่มเสี่ยงอันตรายอย่างมากแต่ใครจะสนความเป็นความตายของเธอกัน?

เธอยังถลึงตาใส่เหมยซูหานที่ยังโทษตัวเองใส่ทีหนึ่ง ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้?

ผู้หญิงโง่อาจจะบอกได้ว่าตั้งครรภ์ทีหนึ่งทำให้โง่ไปสามปี แต่เหมยซูหานมาจากสาเหตุอะไรล่ะ?

“ในเมื่อเสี่ยวเป่าจะดื่มนมนายก็ให้เขาดื่มก็จบ ไม่เห็นต้องทำเอาเสี่ยวเป่าชักขนาดนี้เลย” เหมยเหมยเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก

เหมยซูหานชะงักเพราะไม่เข้าใจ “อู่เยวี่ยเป็นลมไปแล้วจะป้อนนมให้เสี่ยวเป่ายังไง?”

“เธอเป็นลมแต่นายไม่ได้เป็นลมใช่ไหม?”

เหมยเหมยเอือมระอาเหลือเกิน น้ำเข้าสมองหรือไงกัน เธอคร้านจะต่อปากต่อคำกับเหมยซูหานอีกเลยอุ้มเสี่ยวเป่ามาข้าง ๆอู่เยวี่ยแล้วกระชากเปิดเสื้อของอู่เยวี่ยทันที ดีที่ตอนนี้อากาศไม่ร้อนไม่หนาวทำให้ไม่ต้องใส่เสื้อหลายชั้น เหมยเหมยเลยกระชากเปิดได้อย่างสะดวกและไม่นานก็เผยให้เห็นเต้านมตูม

เหมยซูหานรีบเบี่ยงหน้าหนีความความอายและหน้าแดงก่ำ พลางนึกแปลกใจว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไรกันแน่

เหมยเหมยวางเสี่ยวเป่าในอ้อมอกของอู่เยวี่ยแล้วยัดหัวนมใส่ปากเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าที่แต่เดิมยังนอนหายใจโรยรินก็ดูดอย่างแรงเหมือนถูกฉีดยากระตุ้น ใบหน้าเล็กยับยู่ยี่ไปหมด

“ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆดื่มนะ ระวังสำลัก…”

เหมยเหมยมองเสี่ยวเป่าที่พยายามดื่มนมอย่างอ่อนโยนแล้วลูบหลังเขาไปด้วย เสี่ยวเป่าที่รีบดื่มมากไปเกิดสำลักเข้าไอค่อกแค่กหลายที เหมยเหมยจำต้องอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นให้เขาได้ผ่อนลมหายใจสักหน่อย

เสี่ยวเป่าที่ได้ดื่มนมไปบ้างแล้วก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม ต่างจากสภาพที่ออกอาการชักอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อยราวกับได้ทานยาวิเศษอย่างไรอย่างนั้น

เพียงแต่เสี่ยวเป่าที่ออกอาการชักเมื่อครู่ได้ใช้เรี่ยวแรงไปมาก หลังจากดูดพอแก้หิวได้บ้างเสี่ยวเป่าก็ไม่ร้องโวยวายจะดื่มนมอีก ปากเล็กอ้าออกน้อย ๆแล้วผล็อยหลับสนิทคาอ้อมแขนของเหมยเหมย

เหมยซูหานมองตาค้างและมากกว่านั้นคือความละอายใจ ทำไมเขาถึงลืมที่จะป้อนนมอู่เยวี่ยให้เสี่ยวเป่าล่ะ?

เพราะความโง่เขลาของเขาเกือบทำให้เสี่ยวเป่าต้องตายแล้วเชียว

“ทำไมเสี่ยวเป่าถึงดื่มแค่นี้ล่ะ? เขาไม่น่าจะหิวนะ” เหมยซูหานชิงสงสัยขึ้นก่อนและไม่นานก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พลางมองอู่เยวี่ยที่นอนบนพื้นอย่างรังเกียจแต่ดวงตากลับเหลือบเห็นจุดที่ไม่ควรมองจึงรีบเบือนหน้าหนี

……………………………….

ตอนที่ 2030 เสี่ยวเป่าชอบเธอ

ตอนที่ป้อนนมให้เสี่ยวเป่าเมื่อครู่ เหมยเหมยไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้นเลยกระทำการป่าเถื่อนไปหน่อย วันนี้อู่เยวี่ยสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาว กระดุมถูกเหมยเหมยกระชากจนกระเด็นหลุดหมดจนต้องนอนเปลือยอก และหันเข้าหาประตูพอดี

เสี่ยวเป่าดื่มนมเสร็จเหมยเหมยก็คร้านจะสนใจอู่เยวี่ยเลยปล่อยให้อู่เยวี่ยนอนอยู่อย่างนั้นต่อไป

“ไปเรียกพนักงานหญิงคนหนึ่งมาสวมเสื้อให้คุณนายเฮ่อเหลียนเช่อ” เหมยซูหานทนดูต่อไปไม่ไหวเลยสั่งให้พนักงานผู้หญิงไปสวมเสื้อผ้าให้อู่เยวี่ย

อาการของอู่เยวี่ยหนักหนาสาหัสจนเหมยซูหานออกจะกังวลใจอยู่หน่อย หากอู่เยวี่ยมาตายคาร้านของเขาบวกกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเช่อด้วยแล้ว ต้องมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปว่าเขาเป็นคนฆ่าอู่เยวี่ยอย่างแน่นอน

แม้ต้นเหตุจะมาจากเขาจริง ๆก็ตาม แต่เขาจะยอมรับไม่ได้

“ทำไมรถพยาบาลยังไม่มาอีก ไม่ได้ประสิทธิภาพเลย” เหมยซูหานบ่นไม่กี่ประโยคแล้วหันกลับไปมองเสี่ยวเป่าที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของเหมยเหมยอย่างสงบ

เหมยซูหานยื่นมือลูบแก้มน้อยน่ารักของเสี่ยวเป่าไม่กี่ที เจ้าตัวเล็กนี่เจ้าอารมณ์เสียจริง มีแค่เวลานอนที่เขากับเฮ่อเหลียนเช่อจะลูบจับได้อย่างระมัดระวัง เลยอิ่มเอมใจอย่างมาก

ไม่สิ!

เหมยซูหานมองเหมยเหมยอย่างตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา

“เสี่ยวเป่าไม่โวยวาย…เหมยเหมย เสี่ยวเป่าหลับในอ้อมแขนของเธอ” เหมยซูหานทั้งตกใจทั้งดีใจอย่างพูดอะไรไม่ออก

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “นายเสียงเบาหน่อย อย่ารบกวนเสี่ยวเป่าสิ”

คน ๆนี้น้ำเข้าสมองแล้วจริง ๆสิท่า เด็กคนหนึ่งหลับแล้วน่าแปลกตรงไหน ทำไมถึงต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้ด้วย?

“งั้นฉันจะพูดเสียงเบา ๆแล้วกัน เหมยเหมย เสี่ยวเป่าเป็นเด็กเลือกคน ต่อให้หลับก็ต้องหลับคาอ้อมแขนของอู่เยวี่ยเท่านั้น ไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย แต่วันนี้เขากลับให้เธออุ้มโดยไม่ร้องโวยวายสักนิด” เหมยซูหานกล่าวอย่างดีใจ

เหมยเหมยไม่เชื่อเท่าไร ไม่เกินจริงขนาดนั้นหรอกมั้ง?

“ไม่ใช่ว่าตอนตื่นไม่ยอมให้คนอุ้มหรอกเหรอ? ตอนหลับทำไมถึงไม่ให้คนอุ้มล่ะ?”

เหมยซูหานคิด ๆแล้วก็กางแขนอุ้มเสี่ยวเป่ามาแล้วเอ่ยเสียงเบา “เธอดูนะ”

เขารับตัวเสี่ยวเป่ามาแล้วอุ้มด้วยท่วงท่าถูกต้องตามมาตรฐานที่จะไม่ทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว ปกติแล้วในสถานการณ์แบบนี้เด็กที่หลับสนิทจะไม่ตื่น แต่–

“แอะ ๆ…”

เพิ่งมาอยู่ในอ้อมแขนของเหมยซูหานไม่ถึงหนึ่งนาทีเสี่ยวเป่าก็เริ่มส่งเสียงร้อง บางทีอาจจะเพราะเหนื่อยเกินไปเลยไม่ได้ลืมตา เพียงแค่โบกกำปั้นไปมาอย่างไม่พอใจ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักไปมา หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปต้องตื่นแน่ ๆ

เหมยซูหานสงสารเสี่ยวเป่าเลยรีบคืนให้เหมยเหมยอย่างรวดเร็ว ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้ว เสี่ยวเป่าที่กลับมาอยู่ในอ้อมแขนของเหมยเหมยก็ปรับท่านอนให้สบายอัตโนมัติ ปากเล็กอ้าออกเล็กน้อยเผยยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหลับไปอีกครั้ง

“เสี่ยวเป่าชอบเธอ” เหมยซูหานฉีกยิ้มกว้าง ดีใจยิ่งกว่าค้นพบผืนแผ่นดินใหม่เสียอีก

เหมยเหมยก็สงสัยไม่แพ้กัน เธอกับเสี่ยวเป่าเพิ่งเคยพบกันครั้งเดียวแล้วความผูกพันนี้มาจากไหนกัน?

หรือว่าเธอจะเสน่ห์แรงเกินไป ใครเห็นก็หลงรัก ดอกไม้เห็นก็ต้องบานสะพรั่งงั้นเหรอ?

ร่างเล็กของเสี่ยวเป่านอนขดตัวเป็นก้อนอยู่ในอ้อมแขนของเหมยเหมย นุ่มนิ่มน่ารักจนเหมยเหมยทำใจปลุกเขาไม่ได้ ถึงขั้นไม่กล้าขยับตัวเลยต้องยืนค้างในท่าแปลก ๆนั้นจนเธอก็เริ่มเหนื่อย

เหมยซูหานแค่มองก็รู้ว่าเหมยเหมยไม่มีประสบการณ์อุ้มเด็กเลยสาธิตให้เธอดูเป็นตัวอย่าง เช่นนี้เด็กสบายผู้ใหญ่ก็สบาย เสี่ยวเป่าเงียบสงบมาโดยตลอดและหลับปุ๋ย โบกกำปั้นน้อย ๆไปมาเป็นครั้งคราว น่ารักเสียจนใครก็ไม่กล้าส่งเสียงดังรบกวนเพราะกลัวตื่น

“อุแง้…”

รถพยาบาลมาถึงแล้ว ร่างเสี่ยวเป่ากระตุกทีหนึ่งราวกับสะดุ้งตกใจ เหมยเหมยรีบอุดหูเล็กของเขาไว้ เสี่ยวเป่ายิ้มแล้วพลิกตัวหลับต่อ

………………………….

ตอนที่ 2027 ต้องช่วยเสี่ยวเป่า

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูท่าจะอยู่เหนือความคาดหมายของเหมยซูหาน เดิมทีเขาแค่อยากลองเชิงอู่เยวี่ยว่าคำพูดของเหมยเหมยเป็นความจริงหรือไม่ จึงให้ทางครัวเตรียมของหวานที่ผสมถั่วลิสงไว้โดยเฉพาะ

 

ปริมาณผงถั่วลิสงไม่มากนักอีกทั้งเพื่อให้กลบกลิ่นของถั่วลิสงยังเพิ่มแป้งถั่วเหลืองกับแป้งข้าวโพดเป็นพิเศษด้วย แล้วค่อยใช้น้ำมันทอดกลบกลิ่นหอมเดิมเอาไว้ ขอเพียงแค่กินโดยไม่ใส่ใจก็ยากจะรู้รสชาติถั่วลิสงที่ผสมอยู่ข้างในได้

 

เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นเหมยซูหานยังให้ทางครัวเตรียมเมนูวุ้นเส้นเป่าฮื้อเป็นพิเศษ ความสดใหม่ของอาหารทะเลช่วยให้ประสาทรับกลิ่นทำงานช้าลง ฉะนั้นอู่เยวี่ยถึงได้ทานของหวานไปเกือบครึ่งจานแล้วยังไม่รู้รสชาติถั่วลิสงในของหวาน

 

แม้เหมยซูหานจะมีความรู้การแพทย์ติดตัวอยู่บ้างแต่เขาไม่เข้าใจผู้ป่วยที่แพ้ถั่วลิสงมากนักว่าต้องทานเท่าไรถึงจะเกิดอาการแพ้ เขาถึงเกลี้ยกล่อมให้อู่เยวี่ยทานของหวานเรื่อย ๆ

 

พอมองอู่เยวี่ยที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนพื้น เหมยซูหานถึงรู้ได้ว่าสงสัยคงทานมากไปแล้ว

 

จะถึงตายหรือเปล่านะ?

 

นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สร้างความปวดใจแก่เหมยซูหานมากกว่าคือเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เพราะไม่ได้ดื่มนมจากอกของอู่เยวี่ยเสี่ยวเป่าถึงได้รู้สึกทรมานทำให้ร่างเล็กชักไม่หยุด ใบหน้าเล็กขึ้นสีช้ำม่วงที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสงสารกันทั้งนั้น

 

เดิมทีเหมยซูหานยังรู้สึกผิดต่ออู่เยวี่ยอยู่บ้าง แต่พอเห็นสภาพย่ำแย่ของเสี่ยวเป่าเหมยซูหานก็นึกอยากจะให้อู่เยวี่ยตายต่อหน้าเขาบัดเดี๋ยวนี้เลย

 

คนที่ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานไม่คู่ควรอยู่สิ้นเปลืองออกซิเจนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ

 

“เสี่ยวเป่า…เด็กดี…ไม่กลัวนะ คุณอาอยู่นี่…”

 

เหมยซูหานพูดกล่อมเสี่ยวเป่าด้วยเสียงอ่อนโยนแต่กลับไม่ช่วยอะไร ใบหน้าของเสี่ยวเป่าบิดเบี้ยวและส่งเสียงไอจากลำคอ ร่างเล็กพยายามดิ้นรนราวกับปลาตัวน้อยที่อยู่ห่างจากน้ำใกล้ตาย นอนอยู่บนบกสูดอากาศอย่างสิ้นหวัง

 

“เรียกรถพยาบาล ยังจะมัวยืนนิ่งทำไมเล่า รีบไปเรียกรถพยาบาลให้ฉันสิ!”

 

เหมยซูหานตาแดงก่ำแล้วตะคอกใส่พนักงานร้านอาหารที่พุ่งเข้ามาหลังได้รับข่าว ใบหน้าอ่อนโยนมีสง่าบิดเบี้ยวขึงขัง พนักงานร้านอาหารไม่เคยเห็นเจ้านายใหญ่โกรธขนาดนี้มาก่อนเลยตกใจรีบไปโทรเรียกรถพยาบาลกันยกใหญ่

 

เหมยซูหานกอดเสี่ยวเป่าที่ยังชักด้วยความหวาดกลัวและเกิดความกระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากลัวว่าเสี่ยวเป่าจะทนไม่ไหวแล้วตายคาอ้อมอกเขาแบบนี้

 

“เจ้านาย เด็กคงไม่ได้เป็นลมชักหรอกใช่ไหม ดูอาการแย่เอาการเลย!” ผู้จัดการร้านอาหารเห็นสภาพของเสี่ยวเป่าก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ลมหายใจโรยริน อาการดูน่าเป็นห่วงอย่างมาก

 

เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนที่ลมหายใจอ่อนลงเรื่อย ๆ และไม่ได้ชักรุนแรงเท่ากับก่อนหน้านี้ แต่กลับสร้างความหวาดกลัวแก่เขามากกว่าเดิมเลยกระชับกอดเสี่ยวเป่าแน่นอย่างอดไม่ได้ พลางตวาดเสียงใส่ผู้จัดการ

 

“เหลวไหล คุณต่างหากที่หนักเอาการ เสี่ยวเป่าจะอายุยืนร้อยปี จะสุขภาพแข็งแรง ไสหัวไป!”

 

เหมยซูหานรู้สึกขัดใจกับผู้จัดการที่เคยชื่นชมเหลือเกิน ปากพล่อยจริง ๆ โบนัสท้ายปีหักครึ่ง

 

แต่เขารู้ว่าความจริงผู้จัดการพูดไม่ผิด เสี่ยวเป่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ ควรทำอย่างไรดี?

 

ใครช่วยเสี่ยวเป่าได้บ้าง?

 

อาเช่อหรือ?

 

ไม่ อาเช่อไม่ใช่คุณหมอ เรียกหาเขาก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้จะปล่อยเวลายืดเยื้อไม่ได้ ต้องตามหาคนที่ช่วยเสี่ยวเป่าได้ มีใครบ้าง?

 

เหมยซูหานพยายามสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลงแล้วคัดเลือกจากท่ามกลางคนที่เขารู้จักทีละคน ๆ เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เหมยซูหานไล่ความทรงจำถึงคนที่เขารู้จักทั้งหมดหนึ่งรอบแต่กลับไม่มีใครที่จะช่วยเสี่ยวเป่าได้เลย

 

เวลาแบบนี้สงสัยมีเพียงเจ้าแม่กวนอิมที่ช่วยชีวิตเสี่ยวเป่าได้แล้วสินะ?

 

เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่นอนหายใจโรยรินในอ้อมแขนอย่างขมขื่น เจ้าแม่กวนอิมเป็นเพียงบุคคลในตำนานที่เล่าขานกันมาในชีวิต แล้วจะปรากฏตัวได้อย่างไร?

 

หรือว่าเขาต้องมองเสี่ยวเป่าตายจากไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้จริงหรือ?

 

เหมยซูหานเจ็บปวดใจยากจะทนไหว สายตาแน่วแน่มั่นคง เขาจะพยายามช่วยเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

 

ภูเขาหายน้ำเหือดแห้งคล้ายหมดหนทาง กลับเห็นแต่ต้นหลิวผลิดอกไม้บานสะพรั่งหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง[1] ขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่เหมยซูหานก็ฉุกนึกถึงใครบางคนขึ้นมากะทันหันก่อนจะยิ้มแก้มปริ

 

………………………..

 

ตอนที่ 2028 เป็นแม่พระแล้วกัน

 

เหมยซูหานนึกถึงเรื่องหนึ่งครั้งอดีตที่เฮ่อเหลียนเช่อเคยเล่าให้เขาฟัง เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าเหมยเหมยมียาวิเศษราวกับน้ำวิเศษของเจ้าแม่กวนอิม นอกจากจะช่วยยืดอายุแล้วยังช่วยให้ฟื้นจากความตายได้ด้วย

 

ตอนนั้นเขาไม่เชื่อเท่าไรพลางคิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อกำลังพูดเรื่องเหลวไหล เกิดแก่เจ็บตายเป็นวัฎจักรชีวิตตามกฎธรรมชาติ แล้วจะมียาชนิดนี้ได้อย่างไร?

 

อีกอย่างเขารู้จักกับเหมยเหมยมาตั้งแต่เด็กจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอมียาวิเศษแบบนี้หรือไม่ เพียงแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับเชื่อมั่นว่าเหมยเหมยมี ทั้งยังส่งลูกน้องตามสืบ เพียงแต่เหยียนหมิงซุ่นคุมเข้มทำให้ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อสืบไม่ได้ความอะไรเลย เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องค้างคาใจของเฮ่อเหลียนเช่อมาโดยตลอด

 

บางทีเหมยเหมยอาจจะมียาวิเศษจริง ๆก็ได้!

 

แบบนี้เสี่ยวเป่าก็รอดแล้ว!

 

เหมยซูหานตัดสินใจเดิมพันไว้ที่ตัวเหมยเหมย เพราะเขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

 

เหมยเหมยเพิ่งเลิกเรียนเตรียมจะไปทานข้าวที่โรงอาหารกับพวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เพจเจอร์ในกระเป๋าก็แผดเสียงดังติดต่อกัน เป็นข้อความจากเหมยซูหาน ‘เสี่ยวเป่ามีอันตราย รีบติดต่อกลับด่วน’

 

เธอตกใจแทบแย่ อยู่ดี ๆเสี่ยวเป่าจะมีอันตรายได้อย่างไร?

 

เหมยเหมยจึงไม่สนเรื่องทานข้าวอีกพลางให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปโรงอาหารก่อน ส่วนเธอวิ่งไปใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที่สุดเพื่อติดต่อเหมยซูหาน เสียงรอสายเพิ่งดังได้กริ๊กเดียวเหมยซูหานก็กดรับทันที เห็นได้ว่าเขาร้อนใจมากจริง ๆ

 

ไม่รอเหมยเหมยถามเหมยซูหานก็เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “เหมยเหมย ตอนนี้เสี่ยวเป่าตกอยู่ในอันตรายมาก เธอช่วยเขาหน่อยได้ไหม? ฉันขอร้องล่ะ…”

 

“นายน่าจะพาเสี่ยวเป่าไปโรงพยาบาลนะ ฉันไม่ใช่คุณหมอสักหน่อย” เหมยเหมยเองก็เป็นห่วงมาก แต่เธอยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองมียาวิเศษ เฮ่อเหลียนเช่อสงสัยว่าเธอมียาวิเศษมาตั้งแต่แรกแล้วใครจะรู้ได้เล่าว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แผนของเขากับเหมยซูหาน

 

“คุณหมอช่วยเสี่ยวเป่าไม่ได้ เหมยเหมยถ้าเธอยังไม่มาอีกเสี่ยวเป่าอาจจะตายจริง ๆก็ได้นะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าให้เสี่ยวเป่าตายเลยนะ…”

 

เสียงของเหมยซูหานติดสะอื้นดังลอยผ่านปลายสายมาอย่างชัดเจน เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างฉงน ตามนิสัยของเหมยซูหานที่แม้จะอ่อนโอนเด็ดเดี่ยวแต่ความจริงท่ามกลางความอ่อนโยนกลับเข้มแข็ง เป็นคนที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง ต่อให้เจออุปสรรคมากแค่ไหนก็มีแต่จะประจันหน้ากับมันแต่ไม่ใช่ร้องไห้

 

ในความทรงจำเหมยเหมยเคยเห็นเหมยซูหานร้องไห้เพียงครั้งเดียว

 

ชาติที่แล้วคือตอนที่คุณแม่เหมยเสียชีวิต เหมยซูหานร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจและไม่ทานอะไรไปสามวัน

 

เพียงครั้งนั้นครั้งเดียว เวลาอื่นไม่ว่าจะตอนไหนเหมยซูหานก็จะมีแต่รอยยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับเรื่องอะไร ใจเย็นสงบนิ่ง

 

แต่ครั้งนี้เขากลับร้องไห้

 

“นายอยู่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เหมยเหมยไม่ปฏิเสธอีกต่อไป

 

เธอใจร้ายกับเสี่ยวเป่าไม่ลงจริง ๆ หากเด็กคนนี้อยู่ในท้องของอู่เยวี่ยตลอดไปเธอคงไม่รู้สึกอะไร ต่อให้ตายไปก็ไม่สะเทือนใจ แต่ตอนนี้เขาคลอดออกมาเป็นคนจริง ๆ เป็นเด็กน้อยที่น่ารักราวกับเทวดาตัวน้อย

 

ต่อให้จะรังเกียจอู่เยวี่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อมากเพียงใดก็ไม่อาจห้ามให้เธอหยุดชอบเสี่ยวเป่าได้ ตอนนี้เสี่ยวเป่าตกอยู่ในอันตรายเธอย่อมนิ่งดูดายไม่ได้

 

ถือเสียว่าเธอเป็นแม่พระแล้วกัน!

 

เหมยซูหานบอกว่าได้ส่งคนไปรับเหมยเหมยแล้วก่อนที่จะโทรมาหาเพื่อเป็นการประหยัดเวลา

 

เขารู้อยู่แล้วว่าเหมยเหมยเป็นผู้หญิงใจดี เธอไม่ปล่อยให้เสี่ยวเป่าเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน เขาเดิมพันถูกคนแล้ว!

 

เหมยเหมยโทรหาลุงเหลาอีกครั้งให้เขาแจ้งเหยียนหมิงซุ่นให้ทราบเรื่องนี้ พอคนของเหมยซูหานมาถึงเธอก็ก้าวขึ้นรถทันที

 

เธอยังเชื่อในตัวเหมยซูหานในเมื่อชาตินี้เหมยซูหานไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับเธอ แถมยังช่วยเธอไว้ไม่น้อย ครั้งนี้เธอเลือกที่จะเชื่อเหมยซูหาน

 

ดีที่ร้านอาหารของเหมยซูหานอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึง ในอ้อมแขนของเหมยซูหานมีเสี่ยวเป่าที่นอนไม่ได้สติพร้อมกับเขาที่ทำหน้าสิ้นหวัง พอเห็นเหมยเหมยก็มีความหวังใหม่จุดประกายขึ้นมาบนใบหน้า

 

……………………….

 

 

[1] เป็นสำนวนแปลว่ายามที่เจอเรื่องลำบาก ฉับพลันก็เห็นแสงสว่างนำทางช่วยแก้ปัญหา

ตอนที่ 2025 ในที่สุดก็เห็นธาตุแท้

 

ของหวานทำมาจากแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเหลือง แป้งข้าวโพดใส่น้ำตาลขาวคนให้เข้ากันแล้วทอดในน้ำมัน กรอบนอกนุ่มในถูกปากอู่เยวี่ยพอดิบพอดี เพราะเธอชอบทานของหวานชนิดของทอดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

 

เหมยซูหานเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันกับอู่เยวี่ยย่อมรู้นิสัยความเคยชินในการเลือกทานของเธอดี ของหวานชนิดนี้เขาจงใจให้ทางครัวทำขึ้นมาโดยเฉพาะและทำขึ้นด้วยความตั้งใจเพราะข้างในนี้มีเล่ห์กลบางอย่างแอบซ่อนไว้อยู่

 

ขนมแป้งขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าไข่นกกระทาเพียงนิดเดียว อู่เยวี่ยทานไปสองชิ้นติดต่อกัน สายตาอาลัยอาวรณ์จับจ้องขนมในมือแล้วก็หยุดชะงักลง

 

“ทำไมไม่ทานต่อล่ะ? รสชาติไม่ดีเหรอ?” เหมยซูหานถามเสียงอ่อน เสียงแผ่วทุ้มต่ำที่ฟังดูคล้ายเสียงกระซิบกระซาบระหว่างคู่รักราวกับเกี่ยวเอาวิญญาณคนฟังให้ออกจากร่าง

 

อู่เยวี่ยใจสั่นไหวเชยตามองเหมยซูหานด้วยแววตาที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย

 

ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงมักมีความทรงจำเกี่ยวกับคนรักที่เป็นรักแรกลึกซึ้งกว่าเสมอ และมักจะใจอ่อนยวบกว่าเล็กน้อย

 

อู่เยวี่ยในขณะนี้กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์นี้พอดี เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาแสนสุขในวันวานของเธอกับเหมยซูหานก่อนจะคีบขนมแป้งอีกหนึ่งชิ้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

 

“ฉันกำลังลดความอ้วนอยู่ ทานของทอดอ้วนง่าย ต้องทานน้อยหน่อย ทานอีกหนึ่งชิ้นก็ไม่พอแล้ว”

 

อู่เยวี่ยชอบทานขนมแป้งทอดมากจริง ๆ แต่เธอไม่พอใจกับรูปร่างของตัวเองในตอนนี้อย่างมาก ฉะนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอทานแต่น้ำต้มผักกับสลัดผลไม้มาโดยตลอด กลับเข้าสู่ช่วงทานอาหารลดความอ้วนอย่างเคย วันนี้ทานขนมแป้งทอดสองชิ้นนับว่าไว้หน้าเหมยซูหานมากแล้ว

 

นี่ก็เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ไม่อย่างนั้นอู่เยวี่ยไม่แม้แต่จะทานสักคำเดียว

 

เหมยซูหานขมวดคิ้วน้อย ๆ พลางเหลือบมองเสี่ยวเป่าที่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆ ทั้งตัวเล็ก ทั้งตัวผอมแห้งและไร้ที่พักพิง

 

เขาพยายามระงับความโกรธแค้นในใจแสร้งเอ่ยว่า “เธอยังอยู่ในช่วงให้นมลูก และเป็นช่วงที่เสี่ยวเป่าต้องการสารอาหารมากที่สุด จะมาลดความอ้วนอะไรกัน?”

 

อู่เยวี่ยชะงักและเพิ่งรู้ตัวว่าสถานะของตนในเวลานี้ต่างไปจากอดีต จะว่าไปตอนนี้เธอยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองกลายเป็นแม่คนแล้ว และไม่มีจิตใต้สำนึกความเป็นแม่เลยสักนิด

 

เธอยังเหมือนอดีตที่อยากจะทำอะไรก็ทำแบบนั้น สูบบุหรี่ดื่มเหล้าลดความอ้วนไม่เคยขาด คุณหมอเกาเคยเกลี้ยกล่อมเธออยู่หลายครั้งแต่อู่เยวี่ยทำเป็นหูทวนลมยังคงทำตามใจตัวเองอย่างเคย

 

“จะให้ฉันจดจ่อสมาธิอยู่กับเสี่ยวเป่าอย่างเดียวคงไม่ได้หรอกมั้ง ฉันมีชีวิตของฉัน คุณเหมยคงไม่มีวันเข้าใจความต้องการที่อยากจะมีรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของผู้หญิงหรอก”

 

อู่เยวี่ยทานขนมแป้งทอดชิ้นที่สามหมดก็วางตะเกียบลงด้วยท่าทีแน่วแน่ ไม่ยอมทานอะไรนอกเหนือจากนี้อีก

 

เหมยซูหานรู้สึกเอือมระอา มองอู่เยวี่ยอย่างผิดหวัง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ?

 

ทั้งที่อู่เยวี่ยในวัยเด็กอ่อนโยนขนาดนั้น ใจดีขนาดนั้น เห็นนกกระจอกตัวน้อยตกต้นไม้ยังน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ตอนนี้กลับใจร้ายกับลูกชายแท้ ๆของตัวเองถึงขนาดนี้!

 

“ไม่ต้องการให้เธอมอบความรักทั้งหมดให้เสี่ยวเป่าหรอก แต่ขอให้เธอมีจิตสำนึกของความเป็นแม่สักนิด เธอดูสิว่าเสี่ยวเป่าที่เธอเลี้ยงดูสภาพเป็นอย่างไรแล้ว ถ้าเธอเลี้ยงไม่ได้ก็ถอนตัวออกไปเถอะ แล้วส่งเสี่ยวเป่าให้คนที่ใช้หัวใจจริง ๆดูแลแทนจะดีกว่า!” เหมยซูหานพูดเสียงนิ่ง

 

เขาอยากเลี้ยงเสี่ยวเป่าเองแต่กลับไม่มีโอกาส อู่เยวี่ยมีโอกาสนี้กลับไม่รู้จักรักษา

 

น่าแค้นใจนัก!

 

อู่เยวี่ยหัวเราะอย่างได้ใจ “คุณคิดว่าฉันอยากลำบากเลี้ยงเด็กแบบนี้เหรอ? แต่ช่วยไม่ได้นี่นา พอเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากฉันก็เอาแต่ร้องไห้ ใครให้เขาติดฉันแจขนาดนี้ล่ะ!”

 

เหมยซูหานรู้สึกอัดอั้นเต็มที ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นเหมยเหมยถึงแค้นอู่เยวี่ยถึงเพียงนี้!

 

ตอนแรกที่เหมยเหมยหาว่าเขาเป็นคนตาบอดหูหนวกและโง่เง่ามองธาตุแท้ของอู่เยวี่ยไม่ออก ตอนนั้นเขายังตำหนิเหมยเหมยว่าเธอจิตใจคับแคบ ใจร้ายใจดำกับพี่สาวตัวเองเกินไป

 

แต่ตอนนี้เขามองชัดเจนทุกอย่างแล้ว

 

……………………….

 

ตอนที่ 2026 แพ้อาหาร

 

ภายในเวลาสั้น ๆเพียงสามสี่ปี ต่อให้คน ๆหนึ่งจะได้รับเรื่องสะเทือนใจมากแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยราวกับเป็นคนละคนมากขนาดนี้ นี่บ่งบอกได้เพียงว่าสิ่งที่เธอแสดงให้เห็นในอดีตล้วนเสแสร้งทั้งเพ!

 

เมื่อก่อนอู่เยวี่ยเคยแสดงมุมที่อ่อนโยน ใจกว้าง เอาใจใส่ เป็นเด็กดี ใจดี…มุมที่แสนดีทุกอย่างต่อหน้าเขาล้วนแต่เป็นเปลือกปลอม

 

ทุกอย่างเป็นแค่หน้ากากสวยงามของอู่เยวี่ย!

 

เหมยซูหานใจเย็นวาบและรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขารู้จักอู่เยวี่ยช่วงประมาณวัยสิบขวบ ตอนนั้นในใจของเขาอู่เยวี่ยคือเจ้าหญิงสโนว์ไวท์แสนใจดี เป็นเด็กสาวที่จิตใจดีที่ล่วงเกินไร้มารยาทด้วยไม่ได้

 

ตอนนี้ดูแล้วความดีงามทุกอย่างเป็นเพียงการเสแสร้งของอู่เยวี่ย

 

เพิ่งสิบขวบเท่านั้นเอง เด็กอายุสิบขวบก็ช่างวางแผนได้ขนาดนี้แล้ว เหมนซูหานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดหวัง เขาหวนนึกถึงความฝันที่เหมยเหมยถูกผลักลงจากตึก สองมือคู่นั้นของอู่เยวี่ยที่ได้รับการทะนุถนอมดูแลอย่างดี

 

สวยงามมาก สง่าสมฐานะมาก แต่กลับทำให้เขาหวาดกลัว

 

เหมยซูหานประเมินหญิงสาวตรงหน้าที่เขารู้จักมาหลายปีใหม่อีกครั้งด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับกำลังจ้องคนแปลกหน้า

 

อู่เยวี่ยรู้สึกถึงความผิดปกติเลยยิ้มถาม “คุณเหมยมองฉันแบบนี้ มีอะไรแปลกไปงั้นเหรอคะ?”

 

ไม่นานเหมยซูหานก็จัดระบบความคิดได้ ก่อนหน้านี้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าเลยยังทำใจไม่ค่อยลง แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมลายหายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรได้รับความเห็นใจ เธอไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นคนเสียด้วยซ้ำ

 

“เปล่า นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เธอลองอ่านดูคร่าว ๆก่อนนะ ถ้ามีตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”

 

เหมยซูหานหยิบเอกสารปึกหนึ่งจากกระเป๋าออกมา นี่เป็นบริษัทเล็ก ๆบริษัทหนึ่งภายใต้ชื่อของเขา บริษัทนี้ก็ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีจากเขาแล้วว่าเหมาะกับผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานอย่างอู่เยวี่ยมาก

 

อู่เยวี่ยตาลุกวาวแล้วรับเอกสารมาอย่างดีใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าขอแค่เอาเสี่ยวเป่ามาเป็นไพ่ต่อรอง เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องยอมแพ้

 

เสี่ยวเป่าก็คืออาวุธวิเศษสำหรับชัยชนะของเธอ ลูกชายคนนี้ไม่ได้คลอดมาสูญเปล่าและไม่เสียแรงที่เธออ้วนขึ้นห้ากิโลกว่าเลย

 

อู่เยวี่ยเผลอได้ใจชั่วขณะซึ่งความละโมบฉายชัดบนใบหน้าเธอ เหมยซูหานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

 

บริษัทของเขาไม่ได้ให้เอาไปง่าย ๆหรอกนะ!

 

“ไม่ต้องรีบมีเวลาถมเถไป ดื่มน้ำชาก่อนแล้วทานของว่างอีกนิด ของว่างน้อยแค่นี้ไม่ทำให้เธออ้วนขึ้นหรอก” เหมยซูหานให้พนักงานเสิร์ฟน้ำชาแล้วคีบขนมแป้งทอดอีกชิ้นใส่จานตรงหน้าอู่เยวี่ย

 

อู่เยวี่ยที่อารมณ์ดีขึ้นทันตาก็นึกอยากจะตามใจตัวเองอีกสักครั้งเลยไม่ปฏิเสธการปรนนิบัติอย่างขยันขันแข็งของเหมยซูหาน คีบขนมแป้งทอดมาทานไปอ่านเอกสารไปพลาง เมื่ออู่เยวี่ยทานขนมแป้งทอดไปเรื่อย ๆ ก็ทานไปเกือบครึ่งจานโดยไม่รู้ตัว

 

เหมยซูหานเหยียดยิ้มมุมปากกว้างกว่าเดิมและคาดคะเนว่าใกล้ได้เวลาแล้วจึงไม่เกลี้ยกล่อมให้อู่เยวี่ยทานขนมอีก ตัวเองนั่งดื่มชาเงียบ ๆ รอดูเรื่องสนุก ๆเปิดฉากขึ้น

 

“แอะ ๆ…”

 

เสี่ยวเป่าที่อยู่ในรถขยับตัวดิ้นกะทันหัน สีหน้าดูเจ็บปวดอย่างมากและชูกำปั้นน้อย ๆทั้งสองข้างโบกไปมาไม่หยุดพร้อมส่งเสียงครางในลำคอ

 

อู่เยวี่ยรีบถลาเขาไปหมายจะอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นแล้วยังถามว่า “ที่นี่มีห้องส่วนตัวไหม? ฉันจะป้อนนมให้เสี่ยวเป่า”

 

“มี ฉันให้พนักงานพาเธอไป”

 

เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่เริ่มออกอาการชักด้วยหัวใจที่บีบรัดและสีหน้าร้อนรน แค่ต้องการดื่มนมเท่านั้นแต่เสี่ยวเป่ากลับบิดตัวไปมาราวกับเป็นลมชัก แล้วจะเป็นเด็กปกติได้อย่างไรกัน?

 

พนักงานเพิ่งเดินเข้ามาอู่เยวี่ยก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเกือบทำเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนหล่นตกพื้น เหมยซูหานตกใจรีบรับเสี่ยวเป่าไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

“ถั่ว…ลิสง…คุณ…”

 

อู่เยวี่ยดูเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจตายก็ไม่ปาน สีหน้าขึ้นสีช้ำม่วงแล้วร่างก็ล้มนอนลงบนพื้น

 

………………………….

ตอนที่ 2023 เสียใจภายหลัง

 

เหมยซูหานเดาได้แต่แรกแล้วว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเป็นฝ่ายยอมเพราะเขาให้ความสำคัญกับเสี่ยวเป่ามาก หากโอหยางซานซานคนนี้เป็นอู่เยวี่ยปลอมตัวมาจริง ๆก็น่าแค้นใจยิ่งนัก

 

เมื่อก่อนเห็นว่าอู่เยวี่ยเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา เป็นคนช่างเอาใจใส่และรู้ความ กลับไม่คิดว่าที่แท้แล้วจะเป็นคนแบบนี้!

 

แต่ก็ต้องพิสูจน์อีกทีว่าคำพูดของเหมยเหมยเป็นจริงหรือไม่

 

“ก็ได้ อย่าโมโหไปเลย แค่บริษัทเดียวเอง ขอแค่เธอดีกับเสี่ยวเป่าจริง ๆ ต่อให้เป็นสิบบริษัทฉันก็ยอม”

 

เหมยซูหานพูดปลอบใจ

 

เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย พอมีเหมยซูหานที่รู้ความเอาใจใส่มาเป็นตัวเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด เขาก็ยิ่งรังเกียจอู่เยวี่ย น่ารังเกียจยิ่งกว่าหนูในท่อน้ำทิ้งเสียอีก

 

“เอาเป็นว่าเรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะนัดโอหยางซานซานออกมาทานข้าวแล้วเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทให้เธอ นายว่าเป็นไง?” เหมยซูหานจงใจถาม

 

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้คิดอะไรมากกลับคิดว่าเหมยซูหานช่างเอาใจใส่ดีเหลือเกิน

 

“ได้ พรุ่งนี้นายไม่ต้องเกรงใจกับหล่อนเลยนะ เอาบริษัทเล็ก ๆสักบริษัทให้หล่อนก็พอ”

 

“รู้แล้ว ฉันรู้ขอบเขตน่า นายทานข้าวเสร็จก็ไปพักผ่อนเถอะ ดูสิว่านายเหนื่อยขนาดไหนแล้ว” เหมยซูหานสงสารจับใจ ความอ่อนล้าฉายชัดบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อ

 

เฮ่อเหลียนเช่อเหนื่อยมากจริง ๆเพราะหนิงเฉินเซวียนอยากรับเสี่ยวเป่าไปดูแลเอง แต่เพิ่งรับไปได้เพียงครึ่งวันเสี่ยวเป่าก็เริ่มร้องไห้ไม่หยุด สุดท้ายก็เกิดอาการชักทำเอาหนิงเฉินเซวียนกับเขาตกใจแทบแย่ จนจำต้องเรียกอู่เยวี่ยมาถึงจะปลอบประโลมเสี่ยวเป่าให้หยุดร้องไห้ได้

 

เมื่อก่อนเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการเลี้ยงเด็กจะเหนื่อยขนาดนี้ เหนื่อยทั้งกายและใจ เขายอมอาสาไปรบยังจะดีเสียกว่า

 

วันรุ่งขึ้นเหมยซูหานโทรหาอู่เยวี่ยนัดเธอไปเจอกันที่ร้านอาหารภายใต้การดูแลของเขาร้านหนึ่ง นัดไว้เวลาสิบเอ็ดโมงซึ่งก่อนหน้านี้เหมยซูหานได้สั่งทางครัวของร้านอาหารไว้โดยเฉพาะว่าให้เตรียมอาหารรสเลิศไว้หนึ่งโต๊ะ

 

อู่เยวี่ยอุ้มเสี่ยวเป่ามาตามนัด เสี่ยวเป่าอายุสามเดือนกว่าแล้วเลยดูโตขึ้นเล็กน้อย แต่เหมยซูหานกลับรู้สึกว่าเสี่ยวเป่าผอมลงเรื่อย ๆและไม่ได้ผิวขาวเหมือนแต่ก่อน

 

“ทำไมเสี่ยวเป่าผอมลงอีกแล้วล่ะ? ถ้าน้ำนมของเธอไม่พอก็เปลี่ยนไปป้อนนมผงก็ได้นี่นา” เหมยซูหานมองเสี่ยวเป่าที่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆอย่างร้อนใจ

 

เวลาที่เสี่ยวเป่าไม่ร้องไห้ทุกอย่างเงียบเชียบงดงามราวกับภาพวาด เพียงแค่นอนอยู่ในรถเข็นเด็กเงียบ ๆ ลืมตาโตกะพริบตาปริบ ๆแล้วทอดมองไปที่ไกลแสนไกล โดยที่ไม่รู้ว่าเด็กตัวน้อยกำลังมองอะไรอยู่

 

แต่เสี่ยวเป่าที่เป็นแบบนี้กลับทำให้เหมยซูหานปวดใจเหลือเกิน

 

เด็กไม่ควรเงียบขนาดนี้ แบบนี้มันผิดไม่ปกติ

 

ครั้นอู่เยวี่ยเห็นคนที่เป็นรักแรกในวัยแรกแย้มของตน ภายในใจก็รู้สึกเศร้าสลด เธอกับเหมยซูหานได้ใช้ช่วงเวลาแสนสุขร่วมกันมาสองปี แม้ไม่ได้มีคำมั่นสัญญาอะไรแต่เธอคิดว่าเหมยซูหานในตอนนั้นต้องชอบเธอแน่ ๆ เพียงแต่ไม่มีความกล้าที่จะสารภาพรักกับเธอเท่านั้นเอง

 

ที่สำคัญตอนนั้นเธอรังเกียจที่บ้านของเหมยซูหานยากจน แถมยังมีแม่ที่ป่วยออด ๆแอด ๆ เธอไม่อยากใช้ชีวิตลำบากกับเหมยซูหานจึงรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนนี้อยู่เสมอ ภายหลังยังเลือกใกล้ชิดสนิทสนมกับเหยียนหมิงต๋าเป็นพิเศษอีกด้วย

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ระหว่างเหมยซูหานกับเธอห่างเหินกันขึ้นเรื่อย ๆจนกลายเป็นความเฉยชา

 

อู่เยวี่ยนึกเสียดายว่าหากตอนนั้นเธอคว้าเหมยซูหานไว้ บางทีเธออาจจะไม่ต้องเจออุปสรรคมากมายขนาดนี้ เธอคงกลายเป็นคุณนายเจ้าของบริษัทที่มีความสุข มันจะดีขนาดไหนกันนะ

 

แต่ตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าเหมยซูหานจะพลิกชะตาชีวิตจากหนุ่มน้อยยาจกคนหนึ่งมาเป็นเจ้าของบริษัทได้ล่ะ?

 

แล้วก็เหยียนหมิงซุ่นด้วยที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า

 

อู่เยวี่ยลอบด่าตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ ต้นเงินต้นทองที่ถูกหมายตาไว้อย่างเหยียนหมิงต๋ากลับตกม้าตาย สองคนที่ไม่เข้าตากลับกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

 

หากย้อนเวลากลับไปในอดีตได้คงดี!

 

……………………………..

 

ตอนที่ 2024 อร่อยก็ทานเยอะๆ

 

พอได้ยินถ้อยคำราวกับซักถามของเหมยซูหานอู่เยวี่ยก็เริ่มโกรธเล็กน้อย หลุดจากภวังค์ความทรงจำในอดีตที่แสนงดงาม สีหน้าเย็นชาตอบกลับด้วยเสียงเย็น “น้ำนมของฉันพอทาน บางทีเสี่ยวเป่าทานไม่หมดด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มนมผงที่ไร้สารอาหารแบบนั้นหรอก”

 

หากเปลี่ยนเป็นนมผงแล้วเธอจะควบคุมเสี่ยวเป่าได้อย่างไรอีก?

 

แล้วจะเอาผลประโยชน์จากตัวเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างไร?

 

แล้วจะไต่เต้าขึ้นที่สูงกลายเป็นราชินีที่ควบคุมโลกใบนี้ได้อย่างไร?

 

เหมยซูหานโกรธมากกับถ้อยคำของอู่เยวี่ยพลางชี้ไปที่ดวงหน้าเล็กที่ปลายคางเรียวแหลมอย่างเห็นได้ชัดของเสี่ยวเป่า เอ่ยด้วยเสียงที่พยายามระงับอารมณ์โกรธเต็มทีไว้ว่า “ตามปกติแล้วเด็กอายุสองสามเดือนจะร่างกายเติบโตเร็วที่สุด หนึ่งเดือนอ้วนขึ้นหนึ่งถึงสองกิโลเป็นเรื่องปกติมาก แต่เธอดูเสี่ยวเป่าเกิดมาหนักสามกิโลเจ็ดขีด นี่เกือบจะสามเดือนครึ่งแล้วกลับหนักแค่ห้ากิโลกว่า สามเดือนอ้วนขึ้นแค่หนึ่งกิโลครึ่ง เธอให้เขาทานอิ่มท้องแน่เหรอ?”

 

อู่เยวี่ยใจหล่นวูบ เธอเลี้ยงเด็กเป็นครั้งแรกโดยไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆมาก่อนแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนหนึ่งควรหนักขึ้นกี่กิโลในหนึ่งเดือน ฟังจากเหมยซูหานที่พูดดูมีหลักการเหตุผล หรือว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ?

 

“เสี่ยวเป่าของฉันแข็งแรงดี มีคุณหมอเกาคอยตรวจเช็กสุขภาพให้เขาทุกวันแล้วจะมีปัญหาได้อย่างไร คุณเหมยเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า?” อู่เยวี่ยโต้กลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

 

เธอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อ เพราะเขาทำให้หลังแต่งงานเฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยมานอนห้องเดียวกันกับเธอเลยแม้แต่คืนเดียวเพราะมัวแต่อยู่กับเหมยซูหาน

 

เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาแย่งผู้ชายคนเดียวกับเหมยซูหาน อีกทั้งเธอยังเป็นฝ่ายแพ้อีกด้วย!

 

เรื่องนี้ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากและยิ่งเกลียดเหมยซูหาน พอตอนนี้เหมยซูหานใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับเธอก็ยิ่งทำให้อู่เยวี่ยบันดาลโทสะในฉับพลัน

 

เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของเธอ เหมยซูหานมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนเธอ?

 

เหมยซูหานใจหนักอึ้ง ความเศร้าโศกถาโถมเข้ามา

 

จริงด้วย เขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องเสี่ยวเป่า แต่เขาสงสารนี่นา!

 

“ฉันกับอาเช่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลูกชายของเขาก็เหมือนลูกชายของฉัน ฉันหวังว่าเสี่ยวเป่าจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ด้วยเหตุนี้ฉันถึงได้อ่านตำราคู่มือเลี้ยงดูเด็กทารกมามากมาย!”

 

เหมยซูหานพูดไปก็สังเกตสีหน้าของอู่เยวี่ยไปพลาง จากนั้นเขาก็เห็นสายตาลุกลี้ลุกลนของเธอพาดผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง ทว่ากลับหนีไม่พ้นสายตาของเขา

 

มีปมจริง ๆด้วย!

 

เหมยซูหานลอบแค่นหัวเราะในใจ ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อเขาเป็นเยี่ยงบัวพันกลีบรู้ภาษาที่อ่อนโยนแสนเชื่อง แต่ต่อหน้าคนภายนอกเขากลับเป็นท่านประธานเหมยที่เย็นชาเจ้าเล่ห์ หากไม่เจ้าแผนการสักนิดจะก่อร่างสร้างตัวมีธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

อู่เยวี่ยยังคิดจะโต้ตอบกลับไปสักหน่อยแต่เหมยซูหานกลับปรบมือให้พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร ไม่นานบนโต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศเต็มโต๊ะจนทำเอาอู่เยวี่ยตาลาย

 

“อาเช่อบอกเรื่องที่เธออยากดูแลบริษัทให้ฉันแล้ว เรื่องเล็กน้อย พอดีเลยช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง เธอช่วยฉันแบ่งเบาภาระหน่อยก็ไม่เลว ทานข้าวก่อน ทานไปคุยไปแล้วกัน”

 

เหมยซูหานยิ้มเอ่ยแล้วหมุนโต๊ะเบา ๆ พลางเลื่อนเมนูวุ้นเส้นเป่าฮื้อไปตรงหน้าอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยตาเป็นประกายวาววับ วุ้นเส้นเป่าฮื้อเป็นของโปรดของเธอเชียว

 

อู่เยวี่ยไม่รอช้าคีบเป่าฮื้อมาทานหนึ่งตัวอย่างเอร็ดอร่อย เหมยซูหานตาหม่นแสงลงและรู้สึกขมฝืดที่ลิ้น อาเช่อโกหกเขาจริง ๆด้วย!

 

โอหยางซานซานคนนี้คืออู่เยวี่ย

 

เขาจำได้แม่นยำว่าอู่เยวี่ยชอบทานวุ้นเส้นเป่าฮื้อ เป็นเมนูที่ต้องสั่งทุกครั้งเวลาไปทานข้าวร้านอาหาร ซึ่งต่อให้ทานเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อ อีกทั้งท่วงท่าและสีหน้าเวลาโอหยางซานซานคนนี้ทานวุ้นเส้นเป่าฮื้อเหมือนอู่เยวี่ยไม่มีผิด ความรู้สึกแบบนั้นมันหลอกกันไม่ได้

 

“ดูเหมือนเธอจะชอบอาหารทะเลมากเลยนะ ของหวานอันนี้เป็นของหวานเอกลักษณ์ของร้านอาหารแห่งนี้เลย รสชาติดีไม่หยอก เธอลองทานดูสิ”

 

เหมยซูหานเลื่อนของหวานสีเหลืองมาตรงหน้าอู่เยวี่ยที่ดูจะเป็นแป้งทอดโรยงา แค่ดมกลิ่นก็หอมมากแล้ว

 

อู่เยวี่ยทนกลิ่นหอมยั่วยวนไม่ไหวเลยคีบมาทานหนึ่งชิ้นก่อนปริปากชม “รสชาติไม่เลวเลย อร่อยมาก”

 

“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ”

 

เหมยซูหานอมยิ้มแต่รอยยิ้มกลับดูมีเลศนัย

 

…………………..

ตอนที่ 2021 อย่าเชื่อคนเคียงหมอนมาก

หลายวันก่อนเหมยเหมยยังถามเหยียนหมิงซุ่นว่าจะบอกความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของโอหยางซานซานให้เหมยซูหานรับรู้ดีหรือไม่ เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าแล้วแต่เธอ จะบอกหรือไม่บอกล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเธอ

ตอนแรกที่ไม่พูดออกมาเพราะต้องการจะกุมอำนาจเหนือกว่า ไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเช่อได้ทันตั้งตัว ตอนนี้ลูกคลอดออกมาแล้ว อู่เยวี่ยไม่มีประโยชน์ใดอีก สถานะของเธอคงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรแล้ว

อีกทั้งอีกไม่กี่วันเหยียนหมิงซุ่นก็จะเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของอู่เยวี่ยซึ่งนี่เป็นแผนที่เขากับโจวจื่อหัวปรึกษากันเอาไว้ เขาต้องการจะบอกเฮ่อเหลียนเช่อให้รู้ว่าแผนชั่วร้ายทุกอย่างของอีกฝ่ายล้วนอยู่ในกำมือของเขา

ฉะนั้นต่อให้ตอนนี้เธอไม่บอกเหมยซูหาน อีกไม่กี่วันเหมยซูหานก็จะเห็นความจริงจากบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ดี

เหมยซูหานใจหล่นตุบพลางถาม “หมายความว่าไง? โอหยางซานซานมีสถานะตัวตนอะไรอีกเหรอ?”

เขาคิดว่าเหมยเหมยถามเช่นนี้ต้องมีความนัยบางอย่างตามสัญชาตญาณ

หรือว่าโอหยางซานซานคือสายลับงั้นหรือ?

เหมยซูหานเครียดขึ้นมาในทันทีแล้วรีบเอ่ยถามว่า “เธอเป็นสายลับที่คู่อริส่งตัวมาเพื่อให้ทำร้ายอาเช่อใช่ไหม?”

เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่ง จินตนาการช่างสูงส่งเหลือเกิน

แต่นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าระหว่างเหมยซูหานกับเฮ่อเหลียนเช่อคือรักแท้

“นายคิดมากไปแล้ว โอหยางซานซานไม่ใช่โอหยางซานซาน เธอเป็นคนอื่นปลอมตัวมา”

“ใคร? เป็นคนที่ฉันรู้จักไหม?” เหมยซูหานถาม

เหมยเหมยพยักหน้า “ใช่ เป็นคนที่เรารู้จักกันดีเลยล่ะ อีกอย่างเป็นเพื่อนสนิทของนายด้วยนะ อีกทั้งยังเป็นคนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพด้วย”

เหมยซูหานทำหน้าฉงน พอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งสีหน้าก็พลันถอดสีแล้วโพล่งออกมาว่า “อู่เยวี่ยเหรอ? เธอไม่ได้ตายเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นเธอตกตึกเองกับตา จะไม่ตายได้อย่างไร?”

เหมยซูหานส่ายศีรษะเป็นพัลวันอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเหมยเหมย ตอนนั้นอู่เยวี่ยตกลงมาจากตึกสี่ชั้นพร้อมกับร่างกายที่มีรอยแผลจากใบมีดนับหลายสิบจุด ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กก็ต้องตายแล้วเธอรอดมาได้อย่างไร?

หนำซ้ำศพของอู่เยวี่ยยังมีเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนชันสูตร อีกทั้งยังส่งศพไปเผาที่ลานเผาศพจนเหลือเพียงเถ้ากระดูก หรือว่าเธอได้รับความเมตตาจากกวนอิมฟื้นคืนชีพงั้นเหรอ?

เหมยซูหานไม่เคยสงสัยในตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาก่อน เขาเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อนั้นเฮ่อเหลียนเช่อบอกเขาเองกับปากว่าอู่เยวี่ยตายแล้ว แปลว่าหล่อนต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อันนี้ก็ต้องไปถามอาเช่อของนายแล้วล่ะว่าตอนนั้นเขาทำอะไรไปบ้าง? แล้ววางแผนอะไรอยู่?”

เหมยซูหานยังไม่เชื่ออยู่ดี

เหมยเหมยบอกหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนาออกมา “โอหยางซานซานแพ้อาหารทะเล อู่เยวี่ยแพ้ถั่วลิสง นายจะลองดูสักครั้งก็ได้นะ”

พูดจบเธอก็เตรียมตัวกลับแต่ก็เอ่ยเตือนอีกที “เห็นแก่ที่เรารู้จักกันมาหลายปี ฉันขอเตือนนายสักหน่อยว่าอย่าเชื่อคนเคียงหมอนมากนัก บางครั้งระแวงไว้บ้างก็เป็นสิ่งที่จำเป็นนะ”

เหมยซูหานอดถามไม่ได้ “เหมยเหมยเธอก็ทำแบบนี้กับเหยียนหมิงซุ่นเหมือนกันเหรอ?”

ตอนนี้เขาเห็นเหมยเหมยเป็นน้องสาว แต่การพ่ายแพ้ให้เหยียนหมิงซุ่นก็ยังเป็นปมในใจของเขาอยู่ดี เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้แย่ไปกว่าเจ้าก้อนน้ำแข็งอย่างเหยียนหมิงซุ่นเลยนี่นา!

เหมยเหมยแค่นเสียง “แน่นอนว่าไม่ เฮ่อเหลียนเช่อจะมีสิทธิ์เทียบกับพี่หมิงซุ่นได้อย่างไรเล่า เพราะระหว่างฉันกับพี่หมิงซุ่นไม่มีความลับต่อกัน”

เหมยซูหานหัวเราะเยาะตัวเอง ที่แท้แล้วในใจของเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นบุคคลที่พูดความลับต่อกันได้ ส่วนเขากลับเป็นได้เพียงคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น

เขาแพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว

บางทีนั่นอาจจะเป็นแค่ฝันก็ได้!

หลังจากเหมยเหมยกลับบ้านไปก็บอกเหยียนหมิงซุ่นถึงเรื่องที่เหมยซูหานสงสัย

“พี่ พี่ว่าเหมยซูหานจะเดาถูกไหม? เราลองไปสืบข้อมูลคุณหมอเกาคนนั้นดูดีไหม?” เหมยเหมยถาม

……………………………

 ตอนที่ 2022 ครั้งนี้จะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ตกใจนักเพราะความจริงเขาก็คาดเดาแบบนั้นเช่นกัน สถานการณ์ระหว่างอู่เยวี่ยกับเสี่ยวเป่าน่าประหลาดเกินไป เขาถึงได้ไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญหลายคน

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณแม่จะวางยาที่มีฤทธิ์คล้ายยาเสพติดให้เด็กถึงทำให้เด็กอยู่ห่างเธอไม่ได้ กลายเป็นว่าต้องพึ่งพายาชนิดนั้น

แต่เหยียนหมิงซุ่นกับผู้เชี่ยวชาญต่างไม่เชื่อความจริงนี้ในเมื่อเสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง หากอู่เยวี่ยทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน นี่เป็นเรื่องที่เห็นได้น้อยนักบนโลกใบนี้

แต่ก็เป็นความจริงที่มีความไปได้สูงที่สุด เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจส่งคนไปตามสืบคนรอบตัวอู่เยวี่ย ซึ่งคุณหมอเกาเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยสำคัญ

ตอนนี้เหมยซูหานก็เริ่มสงสัยไปในทิศทางเดียวกันทำให้เหยียนหมิงซุ่นยิ่งเชื่อในการกระทำชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานของอู่เยวี่ยมากขึ้นไปอีก

เขาบอกข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญให้เหมยเหมยรู้ เหมยเหมยสบถด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ชั่วช้ายิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋น พี่ จะปล่อยให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไม่ได้แล้วนะ”

ถึงขนาดวางยาเด็กทารกที่เพิ่งคลอด อู่เยวี่ยทำได้ลงคอได้อย่างไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ “ครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้หล่อนหนีไปได้อีกแล้ว”

ถ้าปล่อยให้อู่เยวี่ยหนีลอยนวลไปได้อีก เหยียนหมิงซุ่นอย่างเขาก็ไม่ต้องอยู่ในวงการนี้ต่อไปแล้ว เอาหัวชนฝาผนังตายเสียเถอะ

ถึงแม้อยากให้อู่เยวี่ยตายเสียเดี๋ยวนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องค่อย ๆทำไปทีละก้าว ฉะนั้นการที่อู่เยวี่ยยังมีลมหายใจอยู่อีกระยะหนึ่ง เห็นแล้วมันช่างสะอิดสะเอียนใจจริง ๆ

เหมยซูหานยังค้างคาใจกับคำพูดของเหมยเหมยอยู่ เขาไม่อยากเชื่อว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะโกหกตน แต่เหมยเหมยพูดเป็นตุเป็นตะจนทำให้ความแน่วแน่ของเขาเริ่มสั่นคลอน

หรือว่าอาเช่อโกหกเขาจริง ๆ?

อาหารทะเลกับถั่วลิสงหรือ?

จะลองดูสักครั้งดีไหมนะ?

ตอนเย็นเฮ่อเหลียนเช่อจะมาทานข้าวกับเหมยซูหานเพราะระยะนี้เสี่ยวเป่าเริ่มติดอู่เยวี่ยหนักขึ้นเรื่อย ๆ เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนยังหนักใจและรู้สึกน้อยใจยิ่งกว่า

หากเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้เสี่ยวเป่าหย่านมก็หาทางกำจัดอู่เยวี่ยทิ้งได้ยาก เพราะเสี่ยวเป่าอยู่ห่างอู่เยวี่ยไม่ได้เลย หากกำจัดอู่เยวี่ยทิ้งเสี่ยวเป่าก็อยู่ไม่รอด

นี่ไม่ใช่จุดจบที่เขากับหนิงเฉินเซวียนต้องการ ฉะนั้นตอนนี้ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

แต่เขากลับอดทนสั่งสมอารมณ์จนแน่นอก เพราะนังแพศยาอู่เยวี่ยปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ยังกล้าแข็งข้อใส่เขาว่าจะรับช่วงดูแลบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาด้วย

หากไม่ตกลงเธอจะพาเสี่ยวเป่าออกไปหางาน

ถึงขนาดอาศัยข้ออ้างที่ว่าเสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากเธอไม่ได้มาเป็นข้อต่อรองกับเขา!

“ทานผักเยอะ ๆหน่อย อย่าทานแต่เนื้อสิ” เหมยซูหานคีบผักเขียวใส่ถ้วยเฮ่อเหลียนเช่อ

เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ว่าง่ายยอมทานผักแต่โดยดีอย่างแต่ก่อน แต่กลับเขี่ยผักไปข้างถ้วยข้าวและไม่ยอมทาน บ่งบอกว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์เสียมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำตัวงอแงแบบนี้

“ไม่ชอบทานก็ไม่ต้องทาน”

เหมยซูหานเองก็ไม่ฝืนใจเขาเลยคีบผักมาใส่ถ้วยตัวเอง

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร”

“มีเรื่องเครียดอะไรลองระบายออกมาหน่อยไหม บางทีอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้” เหมยซูหานโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าย่ำแย่เลยบอกเรื่องที่อู่เยวี่ยข่มขู่เขา “นังแพศยา รอฉันหาวิธีได้ก่อนเถอะ ฉันจะทำให้หล่อนทรมานเจียนตายชนิดที่ตายทั้งเป็นเลย กล้าข่มขู่ฉันเหรอ!”

เหมยซูหานผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้เลยถาม “นายคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”

“จะทำอย่างไรได้ล่ะ ตอนนี้เสี่ยวเป่าอยู่ห่างจากหล่อนไม่ได้เลยจำเป็นต้องทำให้หล่อนพอใจ นายลองหาสักบริษัทที่ไม่เตะตาให้หล่อนก็พอ”

เฮ่อเหลียนเช่อกัดเนื้อติดมันคำหนึ่งอย่างแรงพร้อมสายตาฉายแววเยือกเย็น ก่อนจะประทับชื่ออู่เยวี่ยไว้ในบัญชีดำ

…………………………………

ตอนที่ 2019 ความสงสัยของเหมยซูหาน

ตอนแรกเหมยเหมยตั้งใจจะไปเข้าพบผู้อำนวยการที่สำนักงาน GD โดยตรง เพื่อไม่ให้ผ่านมือโอหยางเซี่ยงหมิง แต่เหมยซูหานกลับต้องการพบเธอจึงนัดเธอออกไปดื่มชาที่โรงน้ำชา

ยังคงเป็นสถานที่เดิม ซึ่งเงียบสงบมาก ราวกับว่าตลอดทั้งปีจะมีแขกเพียงแค่ไม่กี่คน

“ให้ฉันสั่งคุกกี้ถั่วลิสงให้เธอสักจานไหม?” เหมยซูหานยิ้มพลางพูด

“เอาสิ ชาเขียวหลงจิ่งอีกสักกานะ”

เหมยเหมยพยักหน้า เธอในตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับเหมยซูหานได้อย่างสงบแล้ว ในใจไร้ซึ่งอารมณ์ฟุ้งซ่านราวกับเป็นการเผชิญหน้ากับเพื่อนทั่วไปก็ไม่ปาน ความสัมพันธ์ไม่อาจพูดได้ว่าดีแต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าแย่ เพราะเป็นไปอย่างปกติราบเรียบ

เป็นแบบนี้ยังดีกว่าอีก

พนักงานนำชาและคุกกี้เข้ามาเสิร์ฟอย่างรวดเร็วแล้วถอยออกไปเงียบ ๆ ในห้องจึงเงียบสงบมาก

เหมยซูหานเลื่อนคุกกี้ไปทางเหมยเหมยพร้อมทั้งรินชาสีเขียวอ่อนให้เธอ เมื่อเทียบกันแล้วแค่ดมก็รู้ว่าเป็นชาหมิงเฉียน[1]

“นัดฉันมามีเรื่องอะไรเหรอ?” เหมยเหมยยกน้ำชาขึ้นจิบพร้อมเอ่ยถาม

เหมยซูหานยกยิ้มแล้วพูดว่า “เธอไม่ต้องกังวลเรื่องใบอนุญาตออกอากาศของเจ้าอัปลักษณ์นะ ฉันจะจัดการให้เอง”

เหมยเหมยเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง เหมยซูหานนั่งด้วยท่าทีสงบนิ่ง หว่างคิ้วก็แลดูสงบ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำให้เขาวิตกกังวลได้

“ขอบคุณนะ ฉันกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่พอดี” เหมยเหมยเองก็ไม่คิดเกรงใจ

“ขอบคุณอะไรกัน ฉันเองก็เป็นผู้ร่วมลงทุนกับละครเรื่องนี้นะ แน่นอนว่าต้องหวังให้ละครทำเงินอยู่แล้วสิ” เหมยซูหานพูดอมยิ้ม

เหมยเหมยเองก็ยิ้มตาม เธอลืมไปเสียสนิท เพราะที่สำคัญเลยเหมยซูหานมาปรากฏตัวในกองถ่ายน้อยมาก ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยไปกองถ่ายเลย ซ้ำยังไม่เคยโทรมาถามความคืบหน้าในการถ่ายทำละครทีวีด้วย แค่ควักเงินก้อนใหญ่ให้จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีก

“งั้นฉันไม่ขอบคุณแล้วนะ ขอยกชาแทนเหล้า ขอให้ละครทีวีของพวกเราได้ยอดขายพุ่งกระฉูดแล้วกัน” เหมยเหมยยกถ้วยชาขึ้นชนกับเหมยซูหานหนึ่งครั้ง

“วางใจเถอะ ยอดขายพุ่งกระฉูดแน่นอน” เหมยซูหานมั่นใจมาก

เขาดื่มชาเข้าไปหลายอึกราวกับกำลังขบคิดบางอย่างอยู่ จนในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “เหมยเหมยรู้เรื่องเสี่ยวเป่าไหม?”

เหมยเหมยชะงักไป นึกไม่ถึงว่าเหมยซูหานจะถามเธอเรื่องเสี่ยวเป่า เธอจึงพยักหน้ารับ

“รู้สิ ลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ ฉันเจอตอนงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือน เขาเป็นเด็กคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมาก ๆเลยนะ”

“ใช้แล้วล่ะ เสี่ยวเป่าคือเด็กคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่สุดในโลกนี้เลย ฉันชอบเขามาก” เหมยซูหานยกยิ้ม สีหน้าแววตามีแต่ความรักความเอ็นดู จนพอจะดูออกเลยว่าเขาชอบเด็กคนนั้นมากจริง ๆ

เหมยเหมยเองก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะตัวเธอเองก็ชอบเสี่ยวเป่ามากเช่นกัน

เธอรอให้เหมยซูหานพูดต่ออย่างเงียบ ๆเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งใจนัดเธอออกมาเจอเพียงแค่จะบอกเธอว่าชอบเสี่ยวเป่าหรอก คิด ๆดูแล้วต้องมีเรื่องบางเรื่องอยากคุยกับเธอแน่

เหมยซูหานจิบชาอีกอึกแล้วพูดต่อไปว่า “สองเดือนมานี้ฉันได้เจอกับเสี่ยวเป่ารวม ๆแล้วประมาณห้าหกครั้งจึงพบปัญหาบางอย่างเข้า เธอคงได้ยินเรื่องประหลาดของเสี่ยวเป่ามาบ้างใช่ไหม?”

“ใช่ ได้ยินมาว่าเสี่ยวเป่าเอาแต่แม่คนเดียว แล้วยังปฏิเสธการเข้าหาของทุกคนด้วย” เหมยเหมยพูดความจริงออกมา

“ใช่ และตอนนี้มันแย่ลงยิ่งกว่าเดิมเพราะทั้งวันไม่ยอมออกห่างโอหยางซานซานเลยตลอด24ชั่วโมง ยอมให้แค่โอหยางซานซานอุ้มเท่านั้น แค่ห่างจากแม่เพียงหนึ่งเมตรเสี่ยวเป่าก็งอแงอาละอาดแล้ว”

เหมยซูหานมุ่นคิ้ว เฮ่อเหลียนเช่อพาเขาไปเจอเสี่ยวเป่าเพียงไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะกระอักกระอ่วนใจเพราะเสี่ยวเป่าไม่สนใจเขาเลย แถมยังปฏิเสธการเข้าหาของเขาด้วย ทางด้านเฮ่อเหลียนเช่อเองก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน

จากเดิมคิดว่ารอให้เสี่ยวเป่าโตขึ้นมาหน่อยคงเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ดูทรงจากตอนนี้แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย กลับกันยิ่งแย่ลงทุกวัน

“นี่มันผิดปกติมาก ฉันสงสัยว่าโอหยางซานซานต้องทำเรื่องไม่ดีบางอย่างกับเสี่ยวเป่าแน่” เหมยซูหานพูดในสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ออกมา

[1] ใบชาที่เก็บเกี่ยวจากต้นที่เพิ่งแตกหน่อใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ใบชาอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมมาก รสชาติดีเลิศ โดยจะเก็บเกี่ยวก่อนถึงช่วงเทศกาลเชงเม้ง

………………………………………………

ตอนที่ 2020 อู่เยวี่ยจอมร้ายกาจ

เหมยเหมยนิ่งไป ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆสักพักใหญ่ ขบคิดอยู่เนิ่นนานกว่าจะนึกออกว่าโอหยางซานซานที่เหมยซูหานพูดถึงก็คืออู่เยวี่ย เหมยซูหานไม่รู้เรื่องที่อู่เยวี่ยตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่

เธอตกใจกับคำพูดของเหมยซูหานมาก ย้อนถามกลับไปว่า “เธอทำอะไรกับเสี่ยวเป่า?”

เหมยซูหานเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ฉันยังพูดอะไรไม่ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าโอหยางซานซานจะต้องวางยาเสี่ยวเป่าแน่นอน เสี่ยวเป่าถึงได้ติดเธอหนักขาดนั้น แค่ครึ่งวินาทีก็ห่างเธอไม่ได้แล้ว”

“เคร้ง”

เหมยเหมยเกือบทำแก้วชาคว่ำ เธอตกใจมากจริง ๆ

ในเสี้ยววินาทีนั้นคำพูดของเหมยซูหานได้ทำให้เธอนึกถึงผง* จะมียาอะไรที่สามารถเสพติดได้มากกว่าผง*อีกล่ะ?

แต่เสี่ยวเป่ายังอายุไม่ถึงหกเดือนเลยนะ ต่อให้อู่เยวี่ยใจจืดใจดำแค่ไหน แต่จะถึงขนาดกล้าลงมือทำเรื่องแบบนี้กับลูกชายตัวเองได้เลยเหรอ?

“เป็นไปไม่ได้ นั่นคือลูกชายแท้ ๆของเธอเลยนะ สายสัมพันธ์แม่ลูกเธอจะกล้าลงมือแบบนั้นได้อย่างไรกัน?” เหมยเหมยส่ายหน้าเป็นพันละวันบ่งบอกว่าไม่เชื่อ

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะคาดเดาคนเป็นแม่ในทางลบหรอกนะ แต่ความจริงเป็นแบบนั้น โอหยางซานซานไม่เหมาะกับการเป็นแม่คนเลย” เหมยซูหานพูดด้วยความเกลียดชัง

เขาเป็นคนคิดรอบครอบ รวมถึงตัวเขาเองเคยอ่านตำราการแพทย์มามาก มีความรู้พื้นฐานทางการแพทย์อยู่บ้าง แถมยังชื่นชอบเสี่ยวเป่ามากด้วย ดังนั้นจุดเล็ก ๆน้อย ๆของเสี่ยวเป่าเขาจึงสังเกตเห็นหมด หลายครั้งมานี้เขาได้พบกับความร้ายกาจของโอหยางซานซานไม่น้อย

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเขาต้องหาคนมาช่วย

ร่างกายของเสี่ยวเป่าไม่อาจทนรับการทรมานจากอู่เยวี่ยได้อีกต่อไป เด็กคนหนึ่งที่งดงามแต่กลับถูกแม่แท้ ๆของตัวเองทารุณกรรมราวกับไม่ใช่มนุษย์

“ทำไมนายถึงมาบอกฉันล่ะ? ถ้านายสงสัยว่าโอหยางซานซานมีปัญหานายบอกเฮ่อเหลียนเช่อไปตรง ๆก็ได้เลยนี่” เหมยเหมยไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไร เธอสงสัยว่านี่เป็นกลลวงของเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยซูหานอาจจะไม่รู้เรื่องด้วยแต่ก็อาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

เธอไม่ควรสร้างเรื่องวุ่นวายให้เหยียนหมิงซุ่นอีก

แต่ในใจเธอก็ยังรู้สึกเป็นกังวล หากว่าสิ่งที่เหมยซูหานพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเสี่ยวเป่าก็น่าสงสารมาก!

เหมยซูหานมองปราดเดียวก็รู้ได้ถึงความวิตกของเหมยเหมย จึงอธิบายว่า “อาเช่อไม่มีทางเชื่อคำพูดของฉัน แล้วฉันก็กลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นฉันถึงต้องมาหาเธอ หวังว่าเหยียนหมิงซุ่นจะช่วยหาหลักฐานเอาผิดโอหยางซานซานได้ ช่วยเสี่ยวเป่าด้วยนะ”

เขาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีเจ็บปวดจับใจ

“โอหยางซานซานไม่ใช่คน เธอไม่เหมาะที่จะเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า ตอนนี้ยังพอช่วยรักษาเสี่ยวเป่าได้ทัน หากช้าไปกว่านี้เสี่ยวเป่าคงแย่แน่ เธอเองก็ชอบเสี่ยวเป่าใช่ไหมล่ะ? ขอร้องช่วยเขาทีนะ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์เขาไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยวกับความแค้นของผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ”

เหมยซูหานมองเหมยเหมยด้วยสาตาวิงวอน หางตามีน้ำตาคลออยู่ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง

เหมยเหมยกัดริมฝีปากเอ่ยว่า “นายคิดว่าโอหยางซานซานวางยาอะไรเสี่ยวเป่า?”

“ยาอะไรฉันไม่อาจระบุได้แน่ชัด แต่ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นยาเสพติดประเภทหนึ่งแน่นอน ไม่งั้นเสี่ยวเป่าไม่มีทางติดโอหยางซานซานขนาดนั้น”

เหมยซูหานพูดออกมาอย่างมั่นใจ และมีท่าทีโมโหเป็นอย่างมาก การคาดเดาของเขากับเหมยเหมยตรงกัน

“ฉันจะกลับไปปรึกษากับพี่หมิงซุ่นก่อน ฉันจะให้คำตอบนายพรุ่งนี้นะ”

ท้ายที่สุดก็ทำใจแข็งไม่ลง เหมยเหมยเองก็ไม่อยากเห็นเด็กที่น่ารักอย่างเสี่ยวเป่าถูกยัยชั่วอู่เยวี่ยทำร้าย แต่เธอก็ไม่ได้รับปากในทันทีเพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็สำคัญไม่ควรมองข้าม เธอต้องปรึกษาเหยียนหมิงซุ่นเสียก่อนถึงจะตัดสินใจได้

“ขอบใจนะ ฉันสงสัยว่าหมอเกาที่อยู่ข้างกายโอหยางซานซานจะเป็นพวกเดียวกันกับเธอ บางทีเธออาจจะหาช่องโหว่จากเขาได้”

เหมยซูหานแนะนำพร้อมก่นด่าโอหยางซานซานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่ได้ดูสุขุมสง่าเหมือนเคย ดูแล้วค่อนข้างผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็พอจะเห็นได้ว่าเขาโกรธแค้นผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ

เหมยเหมยนึกบางอย่างขึ้นได้ หรือควรจะบอกตัวตนที่แท้จริงของโอหยางซานซานกับเหมยซูหานดีนะ?

……………………………………………………………

ตอนที่ 2017 สนใจในสิ่งที่แตกต่าง

เหมยเหมยนึกเสียใจที่ยอมให้เหยียนหมิงซุ่นบอกเฮ่อเหลียนชิงเรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดมาแต่กำเนิด ถ้าเกิดเขาคนนั้นไปบอกหนิงเฉินเซวียนขึ้นมา เสี่ยวเป่าคงตกอยู่ในอันตรายแน่

“วางใจเถอะ พ่อบุญธรรมของพี่มีแต่จะอยากทำให้หนิงเฉินเซวียนโชคร้าย แล้วจะพูดขึ้นมาตอนนี้ได้อย่างไร เขาต้องปิดปาดเงียบแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นมีความมั่นใจมาก คุณสมบัติของเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรตอนนี้เขาไม่รู้ แต่เขาแน่ใจอย่างหนึ่งว่าคนที่มองไม่เห็นจะไม่สามารถเป็นทายาทผู้สืบทอดได้

หนิงเฉินเซวียนที่ไม่รู้เรื่องนี้จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเลี้ยงดูเสี่ยวเป่า หากไม่มีใครพูดถึงจุดบกพร่องข้อนี้ออกมา เรื่องที่เสี่ยวเป่าตาบอดแต่กำเนิดคาดว่าคงถูกสังเกตเจอในวัยสองถึงสามขวบ หากคิดจะลงมือทำอะไร บางทีอาจจะปิดบังได้นานกว่านี้หน่อย

โอกาสดีขนาดนี้เฮ่อเหลียนชิงจะยอมพลาดได้อย่างไร?

เขาจะต้องคิดหาวิธียื้อเวลาไม่ให้หนิงเฉินเซวียนสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเป่าตาบอด แบบนี้แล้วหากตอนรู้ว่าทายาทที่ตนเองอบรมเลี้ยงดูมาด้วยใจตาบอดแต่กำเนิด หนิงเฉินเซวียนถึงจะได้รับความสะเทือนใจรุนแรงกว่าเดิม และนั่นยิ่งทำให้เฮ่อเหลียนชิงได้ใจขึ้นไปอีก

“งั้นก็ปิดได้ไม่นาน พอเสี่ยวเป่าเดินได้หนิงเฉินเซวียนก็จะสังเกตเห็นเรื่องนี้แน่ พี่คะ พี่ว่าหนิงเฉินเซวียนจอมวิปริตนั่นจะลงมือทำร้ายเสี่ยวเป่าไหม?” เหมยเหมยเป็นกังวลมาก

“ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ต่อให้หนิงเฉินเซวียนอยากลงมือ เฮ่อเหลียนเช่อจะต้องห้ามไว้แน่ เจ้าบ้านั่นชอบเสี่ยวเป่าขนาดนั้น ไม่มีทางนิ่งดูดายปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจในตัวเฮ่อเหลียนเช่อมาก จริง ๆแล้วเขารู้สึกว่าตัวเขากับเฮ่อเหลียนเป็นคนประเภทเดียวกัน

พวกเขาต่างเป็นชายแล้งน้ำใจแต่กลับเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย

พวกเขาไม่ได้เกิดความรู้สึกกับใครง่าย ๆแต่หากได้เกิดความรู้สึกกับใครแล้วก็มักจะทุ่มให้สุดใจจนอดไม่ได้ที่จะยอมยกสิ่งดี ๆทั้งหมดให้คนที่ตนรัก เช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อเหมยเหมย และเหมือนที่เฮ่อเหลียนเช่อปฏิบัติต่อเหมยซูหาน

ในส่วนของความรู้สึกพวกเขาเหมือนกัน แม้แต่อารมณ์ความรักก็คล้ายคลึงกัน

แต่กลับถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกัน หากไม่ตายก็จะไม่มีวันเลิกรา

ดูจากตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกรักและเอ็นดูเสี่ยวเป่าเข้าแล้ว คนอย่างเขาถ้าได้รู้สึกขึ้นมาคงไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าแน่ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ได้รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อดีแต่เธอเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นเชื่อใจเฮ่อเหลียนเช่อมากขนาดนี้ เช่นนั้นเธอเองก็เชื่อใจเขาด้วย

เสี่ยวเป่าหน้าตางดงามจนไม่มีใครเทียมได้ เหมยเหมยลอบถอนหายใจ “ถ้าลูกของเราในอนาคตงดงามได้เหมือนกับเสี่ยวเป่าก็คงดีสิ”

เด็กน้อยน่ารักอย่างเสี่ยวเป่าช่างหาได้ยากเหลือเกินจึงไม่แปลกเลยที่อู่เยวี่ยจะได้ใจขนาดนั้น พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาเสียเลย ส่งเด็กที่งดงามขนาดนี้ให้มาเกิดใหม่ในท้องของยัยชั่วอู่เยวี่ย

เหยียนหมิงซุ่นใจเต้นตึกตัก ตอนนี้พอเขาได้ยินเรื่องเด็กก็ปวดหัวขึ้นมา ซ้ำยังรู้สึกหวั่นใจกลัวว่าเหมยเหมยจะพูดเรื่องนี้กับเขามากไปกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าจะปิดบังต่อไปเช่นไรแล้ว

“ลูกของเราในอนาคตจะต้องหน้าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน”

เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีจริงจัง เขาหน้าตาหล่อเหลากว่าหนิงเฉินเซวียนร้อยเท่า เหมยเหมยก็สวยกว่าอู่เยวี่ยเป็นหมื่นเท่า ฐานสูงเสียยิ่งกว่าเทือกเขาเอเวอเรสต์ ฉะนั้นเด็กที่จะคลอดออกมามีหรือที่จะสู้เสี่ยวเป่าไม่ได้?

ลูกเขาต้องน่าตาดีกว่าเสี่ยวเป่าแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขายังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรไปเผชิญหน้ากับเฮ่อเหลียนเช่อได้ล่ะ?

เหมยเหมยกลอกตามองเขาทีหนึ่ง ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?

แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเด็กจะได้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่มีคำนามคำหนึ่งไม่เคยได้ยินหรือไง?

การกลายพันธุ์ของยีนน่ะ!

“เสี่ยวเป่าเอายีนเด่นมาจากพ่อแม่ แต่ถ้าเกิดว่าลูกเราดึงเอายีนด้อยของเราสองคนมารวมกันล่ะจะเป็นอย่างไร?”

ในสมองของเหมยเหมยได้วาดภาพเด็กทารกที่ดึงเอาข้อบกพร่องของเธอและเหยียนหมิงซุ่นมารวมกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา โธ่สวรรค์ อย่าแกล้งกันแบบนี้เลย!

เหยียนหมิงซุ่นตบศีรษะเหมยเหมยเบา ๆด้วยความโมโห ตำหนิว่า “หน้าตาของพวกเราไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด สมบูรณ์ไร้ที่ติ!”

เหมยเหมย ‘…ไปเอาความมั่นใจมากจากไหนนะ?’

………………………………………………………

ตอนที่ 2018 ความสงสัยของเหมยซูหาน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว อีกแค่หนึ่งเดือนมหาวิทยาลัยก็จะปิดเทอมภาคฤดูร้อน

เจ้าหญิงอัปลักษณ์ซีซั่นแรกถ่ายทำเสร็จไปแล้วซึ่งจะฉายออกอากาศในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นจะต้องได้รับใบอนุญาตออกอากาศจากสำนักงาน GD เสียก่อน

“เหมยเหมย ครั้งนี้คงไม่เกิดเรื่องอีกนะ?” จ้าวเสวียเอ๋อร์เป็นกังวลมาก

“วางใจเถอะ ฉันจะพยายามหาวิธีเอาใบอนุญาตมาให้ได้” ปากเหมยเหมยพูดปลอบโยนแต่ในใจกลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

สำนักงาน GD ไม่ใช่ที่ของเธอ หากว่าอู่เยวี่ยเริ่มอาละวาดขึ้นมาอีกแล้วสั่งให้โอหยางเซี่ยงหมิงหยุดละครเรื่องนี้ไว้ โดยที่ก็ไม่ได้แจ้งว่าไม่ให้ฉาย ยื้อเวลาออกไปอีกเป็นปีครึ่งละก็ละครคงได้จบเห่กันพอดี

เรื่องแบบนี้เธอมักจะพบเห็นได้บ่อยในชาติก่อนบนอินเทอร์เน็ต ว่ากันว่าหลังจากถ่ายทำรายการทีวีและภาพยนตร์หลาย ๆเรื่องเสร็จสิ้น บางทีอาจจะถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นไม่มีโอกาสได้ออกอากาศตลอดชีวิต

เธอเองก็ไม่อยากให้เจ้าหญิงอัปลักษณ์ถูกตีตายเข้าไปอยู่ในวังเย็นสักหน่อย

“เรื่องนี้เธอจัดการเองแล้วกัน ไม่งั้นพี่ให้ทางกองถ่ายเริ่มถ่ายทำซีซั่นสามเลยไหม?”

จ้าวเสวียเอ๋อร์พลันโล่งใจ เข้าใจว่าน้องสาวของตนนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

การถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์นั้น เหมยเหมยไม่ได้ให้ทางผู้กำกับทำตามขั้นตอนที่เคยวางไว้ โดยการถ่ายทำละครเสร็จแล้วจึงค่อยตัดออกอากาศ แต่กลับใช้วิธีการถ่ายไปด้วยออกอากาศไปด้วยแบบซีรีส์อเมริกันที่ได้รับความนิยมมาใช้แทน เพราะหากเกิดจุดไหนที่ไม่ดีก็สามารถตัดทิ้งได้เลย

ผู้กำกับฟางชิงผิงใจเต้นกับคำแนะนำของเหมยเหมย เขาเองก็คิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดีมากเช่นกัน และตัวเขาเองก็ไม่เคยถ่ายทำละครประเภทนี้มาก่อน สำหรับตัวเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นการเรียนรู้และเป็นโอกาสที่จะได้ก้าวออกมาจากคอขวด[1]

เนื่องจากคนงานในกองถ่ายและนักแสดงต่างก็ทุ่มเทและตั้งใจกับงานมาก ดังนั้นการถ่ายทำจึงราบรื่นดี ซีซั่นแรกและซีซั่นสองถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับฟางชิงผิงตั้งใจที่จะทำออกมาทั้งหมดสี่ซีซั่น ซีซั่นละยี่สิบสี่ตอน เป็นโครงการใหญ่ทีเดียวล่ะ!

ตอนแรกตั้งใจว่าหลังจากที่ซีซั่นแรกออกอากาศจะรอดูผลตอบรับและการให้คำแนะนำของผู้ชม เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้ไขแล้วค่อยเริ่มถ่ายทำอีกสองซีซั่นที่เหลือ

เหมยเหมยปฏิเสธคำแนะนำของจ้าวเสวียเอ๋อร์ “ไม่ต้องรีบ ให้กองถ่ายพัก ให้ทุกคนได้พักผ่อนดี ๆก่อน รอหลังจากซีซั่นแรกออกอากาศจบ ค่อยเริ่มถ่ายทำซีซั่นสาม”

ใจร้อนไปก็ไม่อาจทำให้สิ่งต่าง ๆลุล่วงได้ เธอจะไม่ยอมให้ความเร่งรีบมาทำให้ผลผลิตละครทีวีออกมาดูแย่จนทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอ

จ้าวเสวียเอ๋อร์รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาคือนักธุรกิจที่มุ่งเน้นในเรื่องเงิน กำไรเท่านั้นที่จะเป็นรากฐานของเขา ดังนั้นการคิดถึงปัญหาของเขาจึงแตกต่างจากเหมยเหมยไปโดยสิ้นเชิง

สำหรับเขาแล้วเจ้าหญิงอัปลักษณ์มีฐานการขายที่ดี เรตติ้งการรับชมคงไม่ต่ำแน่นอน และต้องทำเงินได้อยู่แล้ว

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ถ่ายทำทั้งสามซีซั่นให้จบทีเดียวเลย จากนั้นค่อยถ่ายทำละครเรื่องอื่น สิ่งสำคัญที่สุดของการหาเงินก็คือความเร็วมิใช่หรือ?

แต่เหมยเหมยกับคิดถึงเรื่องคุณภาพของชิ้นงาน เงินทองเป็นรองเพราเธอไม่ขาดแคลนเงิน เธอสนใจเรื่องของการรับประกันคุณภาพงานมากกว่า

เหมยเหมยรู้ความคิดของจ้าวเสวียเอ๋อร์แต่แรกแล้ว เพราะงั้นเธอถึงเซ็นสัญญากับจ้าวเสวียเอ๋อร์ เพื่อให้บัญชีพี่น้องคุยกันรู้เรื่องหน่อย

“พี่สาม สัญญากำหนดไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำละครทีวีจะเป็นไปตามคำสั่งของฉัน พี่อย่าลืมสิ” เหมยเหมยพูดติดตลกแฝงการตักเตือนเขา

จ้าวเสวียเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นจึงนึกถึงสัญญาที่เขาโยนทิ้งไปแล้ว

แย่แล้ว น้องสาวของเขาไม่ธรรมดาเลย ขุดหลุมลึกให้เขามาตั้งแต่แรกและตัวเขาก็ยินยอมที่จะกระโดดลงไปเอง ถึงขนาดไม่แม้แต่จะอ่านดูเลยด้วยซ้ำ

“ได้ ๆ เอาตามเธอว่าเลยแล้วกัน พี่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว เธอแจ้งให้ถ่ายทำเมื่อไรก็จะถ่ายทำเมื่อนั้น พี่จะกลับไปจัดการกับหนังของพี่แล้วนะ”

จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดออกมาอย่างปวดใจ เตรียมจะปล่อยเจ้าหญิงอัปลักษณ์ไว้ก่อน แล้วไปทุ่มกับการถ่ายภาพยนตร์ดีกว่าเพราะทางนั้นได้เงินเร็ว!

น้องสาวไม่สนใจเงิน แต่เขาสน!

ไม่มีเงินจะแต่งงานหาภรรยาได้อย่างไร?

…………………………………………………………………..

[1] ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคออกมาได้ แล้วพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

ตอนที่ 2014 เสี่ยวเป่าผิดปกติ

เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยมีความลับต่อเหมยซูหาน เขาจึงเล่าเรื่องที่เสี่ยวเป่าติดอู่เยวี่ยให้ฟัง

“กลุ้มใจชะมัดเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่า ฉันไม่มีทางปล่อยให้ยัยผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตรอดได้แม้แต่วันเดียว” เฮ่อเหลียนเช่อยัดข้าวคำใหญ่เข้าปากด้วยความกลุ้มใจ คิดว่าเนื้อเป็นอู่เยวี่ยแล้วกัดเคี้ยวด้วยความแค้น

เหมยซูหานนั่งคิดบางอย่างอยู่เงียบ ๆ เขาไม่เคยเจอเสี่ยวเป่าแต่เขาผ่านมาแล้วสองภพชาติ และด้วยเหตุผลทางร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อเมื่อชาติก่อน เขาจึงได้ศึกษาตำราทางการแพทย์มามากมาย และเป็นธรรมดาที่จะเข้าใจบางอย่างมากกว่าเฮ่อเหลียนเช่อ

นี่เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่าการแสดงออกของเสี่ยวเป่าผิดปกติ

เป็นเรื่องปกติที่ทารกจะตัวติดกับแม่แต่ไม่มีทางเหมือนเสี่ยวเป่าแน่นอน ถึงขนาดไม่ยอมดื่มนมที่ไม่ใช่ของแม่ตนเอง ถ้าไม่ใช่อ้อมอกของแม่ก็จะงอแง นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก

“เสี่ยวเป่ายังยอมให้ใครอุ้มอีกไหม?” เหมยซูหานถาม

เฮ่อเหลียนเช่อขบคิดพร้อมเอ่ยว่า “ยังมีหมออีกคนหนึ่ง ตอนที่โอหยางซานซานตั้งครรภ์เขามักจะอยู่ด้วยเสมอ ตอนเสี่ยวเป่าเกิดก็ได้เขาทำคลอดให้ เสี่ยวเป่าสนิทสนมกับเขามาก”

นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจมากที่สุด

ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อแท้ ๆของเสี่ยวเป่าแต่ก็ถือว่าเป็นพี่ชายแท้ ๆ มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ทำไมถึงไม่ยอมให้เขาอุ้มแต่กลับไปสนิทกับคนนอกเสียได้ล่ะ?

น่าโมโหชะมัดเลย!

เหมยซูหานกลับยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้น ถ้าสนิทกับแม่ก็ยังพูดได้ว่าเป็นสายสัมพันธ์แม่ลูก แต่สนิทกับหมอเกาที่เป็นคนนอก นี่มันเป็นเพราะอะไรกันนะ เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องทางวิทยาศาสตร์เลยสักนิดเดียว

“อาเช่อ ฉันไปเจอเสี่ยวเป่าได้ไหม?” เหมยซูหานถาม

เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแต่ตอนนี้เขายังไม่เคยเจอเสี่ยวเป่าจึงไม่ควรผลีผลามตัดสินใจ ต้องรอหลังจากได้เจอกันก่อนถึงจะมั่นใจในสิ่งที่เขาคาดเดาในใจได้

ตอนแรกเฮ่อเหลียนเช่อจะตอบว่าไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าแห่งความหวังของเหมยซูหานจึงใจอ่อนยวบและพูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวฉันจะจัดเวลาให้สักวันแล้วกัน ฉันให้นายดูรูปถ่ายของเสี่ยวเป่าก่อนดีกว่า เจ้าตัวเล็กนี่หน้าตางดงามมาก หน้าตาดีกว่าตอนฉันเด็ก ๆเสียอีก แต่นิสัยใจคอไม่ได้เรื่องเลย ดูแลเอาใจยากชะมัด”

เขาหยิบรูปของเสี่ยวเป่าออกมาด้วยความตื่นเต้น ทั้งหมดเป็นรูปถ่ายตอนครบหนึ่งเดือน เขาให้ช่างกล้องถ่ายไว้หลายสิบรูป

เหมยซูหานเพิ่งเห็นรูปเสี่ยวเป่าเป็นครั้งแรก แค่แวบแรกก็ตกตะลึงมองด้วยความอึ้ง และไม่พูดอะไรออกมาเป็นเวลาสักพักใหญ่เลย

เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนที่ตัดญาติขาดมิตรอย่างเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้อ้าปากก็เสี่ยวเป่าหุบปากก็เสี่ยวเป่า ความหดหู่ตลอดหนึ่งเดือนของเขาล้วนเกิดมาจากความเอาใจใส่ที่เฮ่อเหลียนเช่อมีต่อเสี่ยวเป่า ความเอาใจใส่เช่นนี้ทำให้เขาเกิดความหึงหวง

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตัวเองใจแคบเกินไป หากได้เผชิญหน้ากับเด็กทารกตัวเล็ก ๆที่เปรียบเสมือนเทวดา ใครจะไม่ชอบเล่า?

“น่ารักจัง แน่นอนว่าต้องน่ารักกว่าอาเช่อตอนเด็ก ๆอยู่แล้ว ดวงตาของเสี่ยวเป่าโตกว่านาย จมูกก็โด่งกว่า เค้าโครงหน้าก็งดงามกว่า ทำไมถึงมีเด็กที่น่ารักได้ขนาดนี้นะ หน้าตางดงามจริง ๆ เอารูปอื่นออกมาดูให้หมดเลยสิ…”

เหมยซูหานไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว เขาแย่งรูปถ่ายทุกใบในมือเฮ่อเหลียนเช่อมาชื่นชมทุก ๆใบ ดูรูปใบหนึ่งก็ชมออกมาหนึ่งประโยค ในแววตาและหัวใจเขามีแต่เสี่ยวเป่า

เฮ่อเหลียนเช่อรู้สึกปวดใจ แม่เจ้าโว้ย ทุกคนเป็นแบบนี้กันไปหมด คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไงกัน?

“มีอะไรให้น่าดูนัก? ก็แค่เด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง ขับถ่ายเองก็ไม่ได้เหม็นจะตายไป ไม่ต้องดูแล้วรีบกินข้าวเลย” เฮ่อเหลียนเช่อแย่งรูปมาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

เหมยซูหานอารมณ์เสียยิ่งกว่าแล้วแย่งรูปภาพกลับมา “นายจะหึงอะไรแม้กระทั่งกับเด็กฮะ? ดูความใจแคบของนายสิ ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าปลายเข็มสักเท่าไรเลย”

เฮ่อเหลียนเช่อลูบจมูกปอย ๆไม่กล้ายอมรับว่าตนเองหึงหวง แต่เขาเองก็รู้สึกลำพองใจไม่น้อยเพราะมีน้องชายที่งดงามขนาดนี้ และเขาก็เป็นคนทำมันออกมาเองด้วย!

“พวกเราเอาเสี่ยวเป่ามาเลี้ยงเองดีไหม?” จู่ ๆเหมยซูหานก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวเขาก็มีท่าทีสร้อยเศร้าพลางยกยิ้ม “ฉันแค่ล้อเล่น นายอย่าคิดจริงจังไปเลยนะ”

………………………………………………….

ตอนที่ 2015 ไม่อาจต้านทานความชอบที่มีต่อเด็กคนนี้

เมื่อครู่เหมยซูหานเกิดความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะเลี้ยงดูเสี่ยวเป่าขึ้นมาจริง ๆจึงพลั้งปากพูดออกไปอย่างห้ามไม่ได้ แต่พอคำพูดหลุดออกมาจากปากเขาก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

เสี่ยวเป่าเป็นถึงทายาทของตระกูลหนิง หนิงเฉินเซวียนจะต้องเลี้ยงเขาไว้ข้างกาย แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่มีสิทธิ์เลี้ยงดู แล้วเขามีบารมีมีความสามารถอะไรเหรอ?

เฮ่อเหลียนเช่อลูบหลังมือของเหมยซูหานเบา ๆเอ่ยปลอบโยนว่า “เจ้าเด็กบ้าเสี่ยวเป่านั่นไม่ยอมเชื่อฟังเลยสักนิด นิสัยก็แย่ พวกเราไม่ต้องเอาเขาหรอก วันหลังเราค่อยไปรับเด็กที่ทั้งน่ารักและเชื่อฟังจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยงแล้วกันนะ”

เหมยซูหานยกยิ้ม “ตกลง”

ความจริงเขาอยากจะพูดว่าไม่ หลังจากที่ได้เห็นเสี่ยวเป่า เด็กคนไหน ๆก็ไม่อาจเข้าตาเขาได้อีก

แต่เขาไม่อยากทำให้เฮ่อเหลียนเช่อลำบากใจ เรื่องของอนาคตไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน

ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นเองก็สืบหาข่าวคราวบางอย่างได้บ้างแล้ว เหมยเหมยอ่านเอกสารตรวจสอบเหล่านั้นพลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“ยอมกินแค่นมของอู่เยวี่ยคนเดียว แถมยอมให้อู่เยวี่ยอุ้มเพียงคนเดียวอีก นี่มันแปลกไปหน่อยนะ!”

เหมยเหมยบ่นพึมพำกับตัวเอง คิ้วขมวดเป็นปม เธอย้อนนึกไปถึงตำราการเลี้ยงดูทารกที่เคยอ่านเมื่อชาติก่อน ในหนังสือเคยบอกไว้ว่าทารกคุ้นกลิ่นของแม่มาก จากที่ว่ามาทารกจะติดแม่มากกว่าหน่อยเท่านั้นแต่ไม่ถึงขั้นว่ายอมให้แม่เข้าใกล้เพียงคนเดียวจนถึงขนาดต่อต้านการเข้าใกล้จากคนอื่น ๆแบบนี้

อันที่จริงเด็กทารกจัดว่าเป็นวัยที่ใจร้ายที่สุดเนื่องจากไม่มีจิตใต้สำนึกและไม่มีความทรงจำ แม้จะติดแม่ตามสัญชาตญาณแต่นั่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแค่แยกเด็กออกห่างจากแม่สักระยะหนึ่ง เด็กทารกคนนั้นก็จะลืมแม่ของตนเองไปตลอดกาล

โบราณว่าไว้พระคุณของผู้ให้กำเนิดก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าพระคุณของผู้ที่เลี้ยงดูมา จริง ๆแล้วความหมายเป็นเช่นนี้แหละ

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดคนจำนวนมากถึงได้รับเลี้ยงลูกของคนอื่น แถมหลังจากเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็จะมีใจผูกพันลึกซึ้งเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะความรู้สึกสามารถค่อย ๆบ่มเพาะกันได้ ทารกที่ยิ่งเล็กก็ยิ่งง่ายต่อการอบรมเลี้ยงดู

ดังนั้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกต้องมีปัญหาแน่ ๆ

“พวกเฮ่อเหลียนเช่อค้นพบว่าเสี่ยวเป่าตาบอดแต่กำเนิดหรือยัง?” เหมยเหมยถามขึ้นอีก

“ตระกูลหนิงไม่มีใครสังเกตเห็น พวกเขาต่างคิดว่าเสี่ยวเป่าคือเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างมั่นใจ

เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจ หากยังไม่พบก็ดี เสี่ยวเป่าจะได้รับความรักมากขึ้นและไม่ต้องถูกหนิงเฉินเซวียนทอดทิ้งด้วย

เด็กน้อยงดงามอย่างเสี่ยวเป่า ใครเห็นใครก็หลงรัก แม้แต่ซาตานจอมมารก็ยังไม่อาจตัดใจทำร้ายเด็กคนนี้ได้เลย

แต่ถ้าเป็นหนิงเฉินเซวียนไม่รับประกัน

คน ๆนี้บ้าไปแล้ว เราไม่สามารถใช้มาตรฐานของมนุษย์ทั่วไปมาวัดค่าการกระทำของคนบ้าได้

เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำพรืด “จะว่าไปเฮ่อเหลียนเช่อก็ปฏิบัติกับเด็กคนนี้ได้ไม่เลวเลยนะ เลี้ยงเหมือนลูกแท้ ๆเลย”

ตอนที่เขาฟังรายงานข่าวคราวที่ลูกน้องไปตามสืบหามาก็รู้สึกเหลือเชื่อ เฮ่อเหลียนเช่อยังเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกและโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่เขาเคยรู้จักอยู่ไหมนะ?

นึกไม่ถึงเลยว่าจะไปเลือกซื้อของเล่นให้เด็กที่ห้างสรรพสินค้า แถมยังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กอีก เพียงแต่เสี่ยวเป่าไม่ยอมรับน้ำใจไว้ก็เท่านั้น

เหมยเหมยกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย เมื่อก่อนเธอเคยฟังเหมยซูหานพูดถึงเรื่องสมัยเด็ก ๆของเฮ่อหลียนเช่อ ตามที่เหมยซูหานพูดจริง ๆแล้วเฮ่อเหลียนเช่อจอมวิปริตเป็นเด็กคนหนึ่งที่น่ารัก จิตใจดีมีเมตตา เก่งกาจมีพรสวรรค์ ซ้ำยังขี้อายเอามาก

แต่เขาถูกปลูกฝังเลี้ยงดูจากหนิงเฉินเซวียนจนกลายเป็นพวกตัดญาติขาดมิตรวิปริตต่างหาก

คงพูดได้เพียงว่าสิ่งแวดล้อมมีบทบาทในการพัฒนาอุปนิสัยของมนุษย์อย่างมาก

แต่ความเป็นจริงนั้นอุปนิสัยเดิมของเฮ่อเหลียนเช่อยังคงไว้ซึ่งความใจดีมีเมตตาอย่างเมื่อครั้งยังเด็ก และเขากับเสี่ยวเป่าก็มีสายสัมพันธ์กันทางสายเลือด อีกอย่างเสี่ยวเป่าหน้าตาน่ารักขนาดนี้ แม้แต่ตัวเธอเองที่โกรธเกลียดอู่เยวี่ยยังยากที่จะโกรธเกลียดเด็กคนนี้ได้เลย หากคนเป็นพี่ชายอย่างเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบสิแปลก!

…………………………………………………..

ตอนที่ 2012 เสี่ยวเป่าคือที่พึ่งของอู่เยวี่ย

หมอเกามีท่าทีลังเล เวลาล่วงเลยไปนานเขาก็ไม่ยอมขยับเท้าสักที เขารู้สึกสับสับเป็นอย่างมาก ความรู้สึกกับความผิดชอบชั่วดีตีกันไปมาจนลากยาวไม่จบไม่สิ้น

เขาชอบอู่เยวี่ยและไม่อยากเห็นเธอตาย

แต่เขาก็ไม่กล้าทำร้ายเด็กทารกตัวน้อยในผ้าอ้อม โดยเฉพาะเสี่ยวเป่าผู้งดงามเหมือนเทวดาตัวน้อย เขากล้ำกลืนเหมือนอยู่ในนรกทุกวัน หวังอยากให้ตัวเองตาย ๆไปในเร็ววันถึงจะดี

“เราคิดหาวิธีอื่นดีกว่าไหม?” หมอเการ้องขออีกครั้ง

ความอึดอัดใจจุกอยู่ในอกของอู่เยวี่ย เธอรู้สึกโกรธเกลียดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก ก็เป็นแค่เศษสวะ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังใช้งานได้อยู่ เธอคงกำจัดเจ้าหมอนั่นทิ้งไปแล้ว

อู่เยวี่ยหยิกเข้าที่เนื้อขาด้านใน ขอบตาแดงก่ำจนแลดูน่าสงสาร

“คุณคิดว่าฉันอยากทำร้ายเสี่ยวเป่าเหรอ? เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายสุดที่รักที่ฉันคลอดออกมาอย่างยากลำบาก ฉันรักเขามาก ฉันจะเต็มใจทำร้ายเขาได้อย่างไร?”

น้ำตาของอู่เยวี่ยไหลพรากพร้อมจ้องมองเสี่ยวเป่าในอ้อมอกอย่างอาลัยอาวรณ์ ร้องไห้พร้อมกล่าวว่า “คุณเคยคิดไหมถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่อาจจะอยู่เคียงข้างและเติบโตไปพร้อมกับเสี่ยวเป่าได้ แค่ฉันคิดว่าจะต้องแยกจากกับเสี่ยวเป่าโดยมีความเป็นความตายมาขวางกั้น หัวใจของฉันก็เหมือนถูกมีดทิ่มแทง คุณว่ามาสิว่าฉันควรทำอย่างไร?”

เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้ฟูมฟาย ใจของหมอเกาก็แหลกสลาย

สิ่งที่อู่เยวี่ยพูดล้วนเป็นความจริง เพราะมันคือความจริง เขาถึงได้ลังเลเช่นนี้

“ถ้างั้นพวกเราคิดหาวิธีอื่นดีกว่าไหม? คิดหาวิธีที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย ได้ไหม?”

“ถ้ายังมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ คุณคิดว่าฉันเต็มใจที่จะทำแบบนี้เหรอ?” อู่เยวี่ยหยิกเข้าที่ขาตัวเองอีกครั้ง น้ำตาไหลอาบหน้ามากกว่าเดิม ในใจรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวไม่มีใครเป็นที่พักพิง จึงจำเป็นต้องพึ่งพาคนไร้ประโยชน์อย่างหมอเกา

หมอเกาถอนหายใจลากยาว เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เสียงร้องไห้ของอู่เยวี่ยทำให้เขาว้าวุ่นใจจึงจำต้องใจร้ายหยิบเอายาน้ำที่เตรียมไว้อยู่เนิ่นนานออกมา

“เธอใช้ก่อนแล้วกัน ฉันจะไปหาข้อมูลอื่นดูว่าพอจะมีวิธีอื่นอีกหรือเปล่า” หมอเกาไม่กล้ามองเสี่ยวเป่า จำต้องเบือนหน้าหนี

อู่เยวี่ยแอบยิ้มชั่วร้าย แต่ใบหน้ากลับแสดงออกว่าขอบคุณและรับเอายามา

“คุณพยายามใช้ให้น้อยหน่อย อย่าทาเยอะเกินล่ะ” หมอเกากำชับ

อู่เยวี่ยคิดบางอย่างออกเหลือบมองหมอเกา ถอดเสื้อตัวที่ไม่ได้ติดกระดุมนั้นออก ยิ้มอ่อน ๆและเอ่ยว่า “งั้นคุณก็มาทาให้ฉันสิ!”

หมอเกาหน้าแดงเคอะเขินขึ้นมาทันที ลมหายใจหอบถี่ขึ้น จิตใต้สำนึกร้องบอกเขาว่าไม่ควรทำเช่นนี้อีกแล้ว แต่สัญชาตญาณร่างกายของเขากลับพุ่งไปหาอู่เยวี่ย มือที่สั่นระริกเริ่มขยับทายาให้

“อืม…คุณอ่อนโยนจัง…ฉันไม่เหลือใครให้ไว้ใจได้อีกแล้ว มีแค่คุณเท่านั้น คุณต้องช่วยฉันนะคะ…”

อู่เยวี่ยจงใจเลิกเสื้อออกให้กว้างขึ้นพร้อมกับวางเสี่ยวเป่าไว้บนเตียง และเลียเบา ๆที่กกหูของหมอเกา

เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนปรึกษากันอยู่เนิ่นนาน ก็ยังปรึกษาหาวิธีที่ดีออกมาไม่ได้ คนทั้งคู่ต่างก็หมดความอดทน

“แข็งใจฆ่าอู่เยวี่ยให้ตายไปเลย ผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ เสี่ยวเป่าจะไม่กินนม!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง

หนิงเฉินเซวียนส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังกินนมอยู่ ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมกินนมของผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ แกจะให้เขาหิวตายเหรอ?”

ในใจของหนิงเฉินเซวียน เสี่ยวเป่าคือที่หนึ่ง มีค่ามากยิ่งกว่าชีวิตของเขา เขาไม่มีทางใช้หลานชายเป็นหนูทดลองแน่นอน

“งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ? จะปล่อยให้คนชั่วอย่างนังนี่มีชีวิตอยู่ต่อไปเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อเถียงกลับอย่างไม่พอใจ ตอนแรกคนที่ต้องการฆ่าอู่เยวี่ยคือหนิงเฉินเซวียน แต่ตอนนี้กลับปฏิเสธ แล้วจะเอาไงกันแน่?

……………………………………………….

ตอนที่ 2013 แมงมุมแม่ม่ายดำ

หนิงเฉินเซวียนจ้องเขาอย่างดุดัน “ถ้าตอนนั้นแกเชื่อฟังฉัน ขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน ตอนนี้จะเกิดปัญหาวุ่นวายมากขนาดนี้เหรอ?”

“ขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน อาจจะคลอดลูกออกมาไม่ได้เหมือนเสี่ยวเป่าก็ได้นะครับ!” เฮ่อเหลียนเช่อบ่นอุบอิบเสียงเบา

หนิงเฉินเซวียนสะอึก คิด ๆดูแล้วมันก็ใช่ ถึงแม้ว่ายัยชั่วอู่เยวี่ยจะไม่ได้ว่านอนสอนง่ายแต่กลับดูถูกท้องของเธอไม่ได้เลย เสี่ยวเป่าที่คลอดออกมาเป็นที่เอ็นดูชื่นชอบของคนไม่น้อย!

ท้องของหญิงสาวคนอื่น ๆอาจจะไม่ได้ดีถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วตอนนั้นที่เฮ่อเหลียนเช่อดึงดันจะแต่งงานกับอู่เยวี่ยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเขาจะมีหลานชายที่ดีขนาดนี้เหมือนเสี่ยวเป่าเหรอ?

หนิงเฉินเซวียนขบคิดอยู่สักพักถึงได้ตัดสินใจว่า “ก่อนที่เสี่ยวเป่าจะหย่านม ห้ามทำอะไรอู่เยวี่ยเป็นการชั่วคราว หลังจากเสี่ยวเป่าหย่านมแล้วค่อยว่ากันอีกที”

เพื่อหลานชายแล้ว เขาสามารถทนให้อู่เยวี่ยมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายเดือน สิ่งที่เขามีคือความอดทน

สำหรับหนิงเฉินเซวียนแล้วอู่เยวี่ยก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง เขาอยากจะให้มันตายมันก็ต้องตาย อยากจะให้มันรอดมันก็ต้องรอด ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา

แต่เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าอู่เยวี่ยไม่ใช่แค่มดตัวหนึ่ง เธอคือแมงมุมแม่ม่ายดำที่มีพิษร้ายแรงคนหนึ่ง!

แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่พอใจแต่ก็ทำได้แค่นี้ เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายแท้ ๆ สิ่งดี ๆที่หนิงเฉินเซวียนปฏิบัติต่อเสี่ยวเป่าทำให้เขารู้สึกหึงหวง

แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็น นี่คงจะเป็นได้แค่ความลับตลอดไป จนถึงวันตายก็ไม่อาจพูดได้

เหมยซูหานอยู่บ้านทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะซึ่งล้วนเป็นของที่เฮ่อเหลียนเช่อชอบกินทั้งนั้น เขานั่งลงข้างโต๊ะ จ้องมองกับข้าวที่มีไอร้อนพวยพุ่งพลางลอบถอนหายใจ

เป็นเพราะเสี่ยวเป่าช่วงนี้เฮ่อเหลียนเช่อจึงมาหาเขาที่นี่น้อยครั้งนัก แล้วก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มักจะหาเวลาว่างมาอยู่กับเขา แม้จะเชื่อในความรู้สึกที่เฮ่อเหลียนเช่อมีต่อเขา แต่เหมยซูหานก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี มากกว่านั้นคือความรู้สึกโทษตัวเองและความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

เพราะเขาไม่สามารถมีลูกให้เฮ่อเหลียนเช่อได้ และเขาก็ไม่สามารถยืนอยู่เคียงข้างเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผยสมเกียรติ

รู้ไหมว่ามีอยู่หลายครั้งที่เขาฝันว่าได้กลายเป็นคุณนายเฮ่อเหลียน เขาในฝันมีความสุขหอมหวานเพียงใดตื่นจากฝันเขาก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น

“เฮ้อ…”

เหมยซูหานถอนหายใจอีกครั้ง เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นนอกประตู เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้าประตูบ้านมา เขาเห็นอาหารมื้อโอชะที่จัดวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะและเหมยซูหานที่นั่งหันหลังให้กับประตู แผ่นหลังนั้นเต็มไปด้วยความเหงาเดียวดาย

เฮ่อเหลียนเช่อใจดิ่งวูบพลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้มากินข้าวกับเหมยซูหานนานมากแล้ว

“ฉันกลับมาแล้ว ทำไมวันนี้กับข้าวเยอะจัง ฉันจะกินให้เยอะ ๆเลย หิวจะตายอยู่แล้ว” เฮ่อเหลียนเช่อพูดขึ้นเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปโอบไหล่ของเหมยซูหาน

เหมยซูหานยกยิ้มอย่างดีใจ “ฉันไปตักข้าวให้ นายไปล้างมือสิ”

“ได้เลย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเดินไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ไม่นานก็ล้างมือเสร็จเดินออกมารับจานข้าวจากมือของเหมยซูหาน พร้อมฉุดเขาให้ลงมานั่งด้วยกัน “เรามากินด้วยกันสิ ดูสินายผอมไปหมดแล้วนะ กินเยอะ ๆล่ะ”

เขาคีบเนื้อติดมันเยิ้ม ๆชิ้นหนึ่งแล้ววางลงจานของเหมยซูหาน พร้อมกับมองเขาส่งยิ้มตาหยีให้

เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ ความจริงคือเขาไม่กินเนื้อติดมันมานานมากแล้ว แต่เพื่อความความสุขของเฮ่อเหลียนเช่อเขาจึงกินเนื้อติดมันนั้นเข้าไป เพื่อตอบแทนน้ำใจเฮ่อเหลียนเช่อเหมยซูหานจึงได้คีบเนื้อติดมันชิ้นใหญ่วางลงจานของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างทะเล้น

“นายเองก็กินเยอะ ๆล่ะ”

เฮ่อเหลียนเช่อยัดเนื้อติดมันเข้าปากคำเดียวอย่างไม่ใส่ใจโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ กับข้าวที่เหมยซูหานทำเป็นรสชาติที่ถูกปากของเขามากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็กินได้อย่างมีความสุข

“ดูเหมือนนายจะมีเรื่องในใจนะ ไหนลองพูดออกมาสิ บางทีฉันอาจจะช่วยนายคิดหาวิธีได้นะ!” แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะพูดพลางกลั้วหัวเราะ แต่เหมยซูหานก็สังเกตได้ว่าเขามีเรื่องหนักใจอยู่

………………………………………………..

ตอนที่ 2010 เสี่ยวเป่าผู้รับใช้ยาก

การที่มีลูกชายมาเป็นสมาชิกในครอบครัวเพิ่มถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อต่างก็มีความสุข แต่เสี่ยวเป่าที่เพิ่งเกิดออกมาไม่นานดูประหลาด เขาติดอู่เยวี่ยมากและจะกินแต่นมของอู่เยวี่ยเท่านั้น เขาให้อู่เยวี่ยอุ้มคนเดียวเท่านั้น คนอื่น ๆไม่มีใครเข้าใกล้ได้เลย แค่เข้าใกล้นิดหน่อยก็จะงอแงยกใหญ่แล้ว

อีกทั้งหากเสี่ยวเป่างอแงขึ้นมาก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องเหมือนเด็กคนอื่น เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วและส่งเสียงฮึดฮัด มองแล้วช่างน่าเวทนานัก ถึงแม้เฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นคนโหดร้ายแค่ไหน แต่ยามที่เผชิญหน้ากับเสี่ยวเป่าเขากลับใจเหี้ยมไม่ลง

เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวเป่าติดอู่เยวี่ยมากเกินไป เสี่ยวเป่าเพิ่งเกิดไม่นาน พวกเขาก็พยายามมองหาแม่นมที่มีคุณภาพ หาอยู่นานจนถึงตอนนี้ก็ได้มายี่สิบกว่าคน แต่ละคนได้รับการรับรองจากแพทย์แล้วว่าร่างกายแข็งแรง มีน้ำนมชั้นยอดสารอาหารครบถ้วน ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

แต่เสี่ยวเป่ากลับไม่รับน้ำใจเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นแม่นมคนไหนเสี่ยวเป่าก็ไม่ไหวหน้าทั้งนั้น แม้กระทั่งอุ้มก็ยังไม่ให้อุ้มเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้นมเลย

เขาเปลี่ยนคนมาเรื่อย ๆแต่กลับไม่มีแม่นมคนไหนที่สามารถกุมหัวใจของเสี่ยวเป่าได้สำเร็จ เด็กน้อยเอาแต่อู่เยวี่ยคนเดียว หากไม่ใช่นมของอู่เยวี่ยก็จะไม่ดื่ม นี่จึงทำให้เฮ่อเหลียนเช่อปวดหัวเป็นอย่างมาก

อู่เยวี่ยแอบหัวเราะเยาะ ถึงนายจะเรียกแม่นมมาอีกเป็นร้อยเป็นหมื่นคน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

เธอคลอดลูกออกมาด้วยความยากลำบาก แล้วมีสิทธิ์อะไรมาพรากเธอกับลูกเล่า?

ครั้งนี้เฮ่อเหลียนเช่อให้ลูกน้องหาแม่นมชาวต่างชาติมาซึ่งหามาได้ทั้งหมดสี่คน แม่นมชาวรัสเซียรูปร่างอวบอั๋นและร่างกายแข็งแรง แม่นมชาวญี่ปุ่นที่อ่อนโยนและอ่อนน้อม แม่นมชาวอเมริกันที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แม่นมชาวฝรั่งเศสที่โรแมนติกและงดงาม

แม่นมทั้งสี่คนหน้าตาสะสวยและร่างกายแข็งแรงมากกันทุกคน พวกเธอผ่านการทดสอบที่เข้มงวดหลายด่าน ต่อให้เอามาเป็นแม่นมของเจ้าชายก็ยังไม่มีปัญหาเลย

เฮ่อเหลียนเช่อคิดง่ายดายมาก เมื่อก่อนแม่นมที่ลูกน้องของเขาหามามีแต่คนในประเทศ แต่น้องของเขาก็ยังไม่ยอมรับ เขาจึงคิดว่าน้องชายคนนี้อาจจะชอบกินนมนำเข้า ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปหาแม่นมที่เป็นชาวต่างชาติมาจากทั่วทุกสารทิศ ถือว่าเขาหามาจนครบแล้ว

“เข้ามาให้เสี่ยวเป่าทดสอบทีละคน”

เฮ่อเหลียนเช่อมองไปที่เสี่ยวเป่าอย่างคาดหวัง คาดหวังว่าวันนี้น้องชายของเขาจะยอมรับแล้วเลือกคนใดคนหนึ่ง

แต่ทว่า——

ไม่ว่าแม่นมคนไหนเข้าใกล้เสี่ยวเป่าก็บิดตัวไปมาอย่างไม่ไว้หน้า ส่งเสียงฮึดฮัด แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบแม่นมเหล่านี้อย่างมาก

แม่นมที่เต็มไปด้วยความมั่นใจทั้งสี่ต่างก็มีสีหน้าบึ้งตึง ก่อนมาพวกเธอมั่นใจมาก พวกเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่นมที่ดีที่สุดในโลก ขอแค่ผ่านการทดสอบพวกเธอก็จะสามารถสร้างรายได้มหาศาล เพียงพอสำหรับที่จะทำให้ลูกของพวกเธอมีชีวิตที่ดีขึ้น

แต่ตอนนี้ความหวังทั้งหมดสูญสลายไปหมดแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขาเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้เสี่ยวเป่าเพราะเด็กคนนี้ก็ไม่ยอมไว้หน้าเขาเหมือนกัน

“ตกลงนายจะเอาอย่างไรกันแน่?” เฮ่อเหลียนเช่อถามอย่างหงุดหงิด เสี่ยวเป่ากินนมอิ่มแล้วจึงเรอออกมาอย่างพอใจ ทันใดนั้นเขาก็หันมายิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อ น้ำลายไหลย้อยหยดลงบนหลังมือของอู่เยวี่ย

อู่เยวี่ยขมวดคิ้วพลันรีบลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าที่จะแสดงความรังเกียจน้ำลายของลูกน้อย จากนั้นก็หันไปยิ้มและพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “คุณชายเช่อวางใจได้ ฉันจะดูแลเสี่ยวเป่าเป็นอย่างดีแน่นอน”

เธอพูดพลางลูบหลังของเสี่ยวเป่าเบา ๆด้วยความรักเพื่อกล่อมให้เขาหลับ เด็กส่วนใหญ่เมื่ออิ่มแล้วก็จะนอน นอนแล้วก็กิน ไม่นานเสี่ยวเป่าก็หลับไป ปากมุ่ยเล็กน้อย ขนตายาวราวกับผีเสื้อจนทิ้งเงาไว้ที่เปลือกตา ใบหน้างดงามราวกับเทวดาตัวน้อย

เฮ่อเหลียนเช่อพยายามอดกลั้นความรังเกียจที่มีต่ออู่เยวี่ยไว้ แต่นัยน์ตากลับมิอาจปกปิดความสุขไว้ได้ การมีเสี่ยวเป่ามันทำให้เขามีท่าทีเหนือคาดจริง ๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคำพูดที่ตนเคยกล่าวว่าไม่รักเด็กในอดีตเป็นแค่คำพูดไร้สาระ หากว่าเด็กทุกคนน่ารักน่าชังเหมือนกับเสี่ยวเป่าละก็ เขาคงเป็นคนที่มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักมากที่สุดบนโลกใบนี้แน่นอน

…………………………………………..

ตอนที่ 2011 หากคนเราไม่ฝึกตน ฟ้าดินก็จะไม่ปราณี

เฮ่อเหลียนเช่ออดใจไม่ไหวจนต้องยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่า และมีเพียงช่วงที่เสี่ยวเป่าหลับสนิทเท่านั้นเขาถึงจะกล้าเข้าใกล้เสี่ยวเป่า ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงร้องโวยวายเอะอะใหญ่โตแน่นอน

แก้มของเด็กน้อยช่างเนียนนุ่มจริง ๆ เขารู้สึกว่าขาวเนียนนุ่มยิ่งกว่าแก้มก้นของเขาเสียอีก สัมผัสมือดีจัง ทั้งลื่นทั้งนุ่มนิ่ม

เฮ่อเหลียนเช่อลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่าอย่างไม่อาจละมือได้ ลูบไล้ไปมาไม่มีเบื่อ เขาสามารถทำเช่นนี้วนซ้ำไปมาได้เป็นหมื่นครั้ง

อู่เยวี่ยก้มหน้ากดตาลงต่ำพลันรู้สึกได้ใจเป็นอย่างมาก ยิ่งเฮ่อเหลียนเช่อแสดงออกว่าชื่นชอบเสี่ยวเป่ามากแค่ไหนโอกาสความสำเร็จของเธอก็ยิ่งมีมากตามเท่านั้น ขอแค่ควบคุมเสี่ยวเป่าไว้ได้ เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนก็จะถูกเธอหลอกใช้

เธอจะต้องขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกใบนี้ราวกับราชินีที่มองลงไปในใต้หล้าให้ได้!

เสี่ยวเป่าไม่พอใจต่ออุ้งมือที่น่ารำคาญบนใบหน้าเป็นอย่างมาก ขมวดคิ้วมุ่นบาง ๆ ย่นจมูกเนื้อน้อย ๆส่งเสียงฮึดฮัดไม่กี่ที หมัดเล็ก ๆก็เริ่มขยับปัดป่าย ร่างกายบิดไปมาอยู่หลายครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อตกใจจนต้องดึงมือกลับ ไม่กล้าหยิกหยอกเจ้าตัวเล็กอีก

“ดูแลเสี่ยวเป่าให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าแม้แต่น้อย ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

ฉับพลันเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้สติขึ้นมา เขาเผลอแสดงด้านอ่อนโยนของตนที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นต่อหน้าอู่เยวี่ยและหมอเกา เขาเป็นถึงคุณชายเช่อที่ประสบความสำเร็จในทุกอย่าง อำนาจเหนือฟ้าไม่มีใครเอาชนะได้ แล้วจะใจอ่อนให้กับความรักอันลึกซึ้งได้อย่างไร?

เขารีบตีหน้าขรึมแล้วเหลือบมองเสี่ยวเป่าอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็เบนสายตาหนี พร้อมทั้งกำชับอู่เยวี่ยกับหมอเกาอย่างเยือกเย็น

เพราะนอกจากอู่เยวี่ยแล้ว หมอเกาคือคนที่สองที่สามารถใกล้ชิดกับเสี่ยวเป่าได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่ให้เจ้าหมอนั่นคอยดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ข้าง ๆ

อู่เยวี่ยรู้สึกได้ใจจนเนื้อเต้นแสดงท่าทีนอบน้อม “คุณชายเช่อโปรดวางใจ เสี่ยวเป่าเป็นลูกชายของฉัน ทำไมฉันจะไม่ดูแลเขาให้ดีล่ะ!”

เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยเสียงขรึม “อันดับแรกเสี่ยวเป่าเป็นทายาทของตระกูลหนิง ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอมาก เธอเป็นแค่เครื่องมือให้กำเนิดเสี่ยวเป่าก็เท่านั้น เธอมีสิทธิ์อะไรมาเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า?”

โสเภณีคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตสำส่อน ผู้หญิงสารเลวคนหนึ่งที่สกปรกเสียยิ่งกว่าคลองน้ำเน่ากล้าอ้างว่าตนเป็นแม่ของเสี่ยวเป่าเหรอ?

ใครให้เกียรตินั้นกับเธอกัน?

เลือดฝาดบนใบหน้าของอู่เยวี่ยค่อยๆ จางหายไป ริมฝีปากซีดเผือด จากตอนแรกที่เห็นแก่ความน่ารักจิ้มลิ้มของเสี่ยวเป่าจึงทำให้ความใจอ่อนที่เธอมีอย่างบางเบากลับมาแข็งกร้าวอีกครั้ง

ในเมื่อพวกคุณไร้น้ำใจ เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าเธอไร้คุณธรรมแล้วกัน!

หากคนเราไม่รู้จักฝึกตนฟ้าดินก็จะไม่ปราณี เสี่ยวเป่าเอ๋ยเสี่ยวเป่า หากจะโทษก็คงต้องโทษที่แกเป็นลูกชายของเฮ่อเหลียนเช่อ อย่าหาว่าเธอใจร้ายเลย!

“ค่ะ ฉันรู้ตัวเองดี ต่อไปจะไม่มีทางพูดแบบนี้อีก” อู่เยวี่ยงุดหน้าลงเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว

หมอเกามองอู่เยวี่ยอย่างอดไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าอู่เยวี่ยใจดำอำมหิตเกินไป แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมาก บางทีการที่เธอทำแบบนี้ จริง ๆแล้วเป็นเพราะถูกบีบบังคับสินะ?

เฮ่อเหลียนเช่อแทบไม่มองอู่เยวี่ยเลยด้วยซ้ำ เขาลูบไล้ใบหน้าของเสี่ยวเป่าอีกครั้งก่อนจะจากไป

เขาต้องปรึกษากับหนิงเฉินเซวียนเพื่อหาหนทางสักหน่อยแล้ว เสี่ยวเป่าตัวติดอู่เยวี่ยขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ต้องแยกเขาออกจากอู่เยวี่ยให้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง

ผู้หญิงอย่างอู่เยวี่ยนำพาความอับอายมาสู่ตระกูลหนิงตั้งมากมาย ฉะนั้นจะปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่คอยสร้างเรื่องทำลายตระกูลหนิงต่อไปอีกไม่ได้ หนำซ้ำภารกิจของอู่เยวี่ยก็เสร็จสิ้นลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เธอมารับตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนแล้ว

เพราะเธอไม่คู่ควร!

สำหรับตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนในใจของเขาแล้วมีเพียงแค่เหมยซูหานตราบชั่วนิรันดร์ จะไม่มีบุคคลที่สอง!

หลังจากที่เฮ่อเหลียนเช่อจากไป อู่เยวี่ยก็มีท่าทีเคร่งขรึมแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ภายในห้องที่เงียบสงบนั้นดูผิดปกติขึ้นมาทันที หมอเกาพลันสะดุ้งตกใจ เมื่อครู่เขาคิดว่าอู่เยวี่ยบ้าไปแล้วจริง ๆ

“เอาของออกมาเถอะ!” อู่เยวี่ยพูดกับหมอเกาอย่างเย็นชา

…………………………………………………………

ตอนที่ 2008 ไม่อยากมีลูก

เฮ่อเหลียนชิงตกอกตกใจยกใหญ่กับคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น ทำหน้าสงสัย “ผู้เชี่ยวชาญเคยพูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? แกอย่าคิดว่าฉันไม่เคยมีลูกแล้วจะไม่เข้าใจนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “หากพ่อไม่เชื่อก็ไปถามผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเองได้เลยครับ”

เฮ่อเหลียนชิงยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ผู้หญิงสมัยก่อนอายุสิบหกสิบเจ็ดก็มีลูกกันแล้วไม่ใช่เหรอ คลอดลูกเจ็ดแปดคนก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมาถึงรุ่นแกอายุยี่สิบก็คลอดลูกไม่ได้แล้วเหรอ?”

พูดไปสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปดูไม่ได้อีกครั้ง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วก่นด่าว่า “ต้องเป็นเธอที่ไม่อยากมีลูกแน่ ๆ แกตั้งใจหลอกฉันแทนหล่อนใช่ไหม จะต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆเลย”

เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่หดศีรษะหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น เขาโมโหขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงสบถด่าว่า “หลบอยู่หลังผู้ชายทำไม? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เหมยเหมยตัวสั่นอีกครั้ง เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะวิ่งออกมาให้โดนด่า เธองุดหน้าลงไม่พูดไม่จาทำหูทวนลมไป

เหยียนหมิงซุ่นจ้องไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่พอใจ “ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหมยเหมย ถ้าหากพ่อยังว่าภรรยาของผมอีกก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะครับ”

“หน็อยแน่ แกยังคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยเหรอ? แล้วแกคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยวิธีไหนล่ะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะแทนที่จะโกรธ เมื่อตระหนักว่าอำนาจของเขากำลังถูกท้าทาย สายตาที่มองเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนเป็นดุดันเย็นชา

ท่าทางของเหยียนหมิงซุ่นยังคงดูเคารพนบน้อมเหมือนเดิมแต่น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้น “ไม่กล้าหรอกครับ พ่อจะเป็นพ่อบุญธรรมของผมตลอดไป แต่บางเรื่องก็ได้โปรดพ่ออย่าบังคับผมเลย”

“แค่ให้แกมีลูกมันเป็นการบังคับแกอย่างไร? หรือว่าชีวิตนี้แกจะไม่มีลูกงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากมีเพราะอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อน ผมเลยไม่อยากมีลูกมารบกวนเราสองคนครับ” เหยียนหมิงซุ่นถือโอกาสบอกความจริง

เหมยเหมยกลับนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดแบบนี้เพราะตั้งใจจะช่วยเธอพลันนึกซาบซึ้งใจ ในใจอบอวลไปด้วยความอบอุ่น

เฮ่อเหลียนชิงโกรธจนขนหัวลุก กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูงขึ้นกว่าเดิม “อะไรที่เรียกว่าอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อนเหรอ หากทุกคนเห็นแก่ตัวเหมือนแก แล้วสังคมนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร?”

เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่แล้วพูดเปิดโปงเขาว่า “พ่อไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูน่าฟังหรอก วันนี้พ่อก็แค่โดนยุแหย่มาถึงให้ผมและเหมยเหมยมีลูกกันไม่ใช่เหรอครับ วันข้างหน้าลูกของผมจะเกิดมาภายใต้เงื่อนไขของความรักเท่านั้น แต่ไม่ใช่เพราะมาจากความโกรธของพ่อบุญธรรมแน่นอน”

นอกจากเรื่องที่เขาไม่สามารถมีลูกได้ในตอนนี้ นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาปฏิเสธเช่นกัน

เขาและศัตรูโกรธแค้นกัน หากให้เอาลูกของเขามาเป็นเดิมพัน เขาจะเห็นด้วยได้อย่างไร?

พอโดนพูดจี้ใจดำเฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกผิดเล็กน้อย การแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาตินัก “พูดเหลวไหล ฉันไปโมโหตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันก็แค่อยากอุ้มหลานชาย ถึงอย่างไรก็อย่าเอาข้ออ้างที่ว่าอายุยังน้อยเกินไปจะทำให้ลูกพิการได้มาหลอกฉันเลย สายเลือดที่เละเทะของตระกูลตาแก่หนิงยังสามารถให้กำเนิดเด็กที่ดีเช่นนั้นได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกกับเหมยเหมยจะมีลูกที่แข็งแร็งกว่าไม่ได้?”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไมพ่อถึงแน่ใจว่าหลานชายของหนิงเฉินเซวียนปกติดีนักล่ะครับ?”

เฮ่อเหลียนชิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแสดงท่าทีดีใจ

“นี่แกหมายความว่าไง? หรือว่าเด็กคนนั้นไม่ปกติเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงไม่ปกปิดความปิติยินดีของตัวเองเลยสักนิด

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “เด็กคนนั้นตาบอดตั้งแต่เกิดและยังมีปัญหาอื่นอีก แต่ตอนนี้ผมยังตามสืบไม่พบ”

“ฮ่า ๆ…พระเจ้าช่างมีตาจริง ๆ!”

เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติไปแล้วเป็นเวลาห้านาทีเต็ม ๆถึงจะหยุด เขาปาดน้ำตาที่หางตาของเขาพร้อมพูดกับเหยียนหมิงซุ่นว่า “จัดการเพิ่มคนไปตามสืบมา ฉันต้องการรู้ข่าวนี้โดยเร็วที่สุด”

เฮ่อเหลียนชิงที่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก็ไม่สนใจประเด็นที่จะให้เหมยเหมยมีลูกอีก เขาโบกมืออย่างอดรนทนไม่ไหวรีบให้เหยียนหมิงซุ่นไปตามสืบมา เขายังให้เสี่ยวเมิ่งไปสั่งห้องครัวเพิ่มอาหารให้เขาเป็นพิเศษด้วย อารมณ์ดีก็ต้องกินให้มากขึ้นหน่อยสิ

เหมยเหมยลอบพรูลมหายใจ ถือว่าไม่เพ่งเล็งมาที่ท้องของเธอแล้ว

…………………………………………..

ตอนที่ 2009 ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เสียใจในภายหลัง

ณ คฤหาสน์ตระกูลหนิง

อู่เยวี่ยรีบอุ้มเด็กกลับมาที่ห้อง เด็กดูเหมือนทุกข์ทรมานมาก ใบหน้าที่งดงามบิดเบี้ยวดูท่าทางแปลกเล็กน้อย แต่ต่อให้ทรมานแค่ไหนเด็กก็ไม่เปล่งเสียงร้องออกมา เขาทำแค่เพียงส่งเสียงครางเล็กน้อย

“อย่างอแงเลยนะ เดี๋ยวแม่จะให้กินนมเดี๋ยวนี้แหละ”

อู่เยวี่ยมองดูลูกชายที่เธอพยายามอย่างหนักในการให้กำเนิดแต่กลับปราศจากความรู้สึกใกล้ชิดใด ๆ หล่อนแค่รู้สึกปวดใจและหวาดกลัวอยู่บ้าง

“ฮืม ๆ…”

เด็กน้อยยังคงบิดตัวไปมาไม่หยุดและเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนถึงขนาดชักกระตุก หมอเกาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปอุ้มเด็กน้อยมาปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ด้วยความพยายามของหมอเกาในที่สุดเด็กก็หายแล้วกลับมาสงบลงอีกครั้ง แต่สีหน้ากลับยังดูเจ็บปวดอยู่มาก

“พวกเราจะทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเด็กคนนี้จะตายได้นะ” หมอเกาขอร้องอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร หมอเป็นผู้มีใจเมตตา เขามีความสุขกับความสำเร็จในการช่วยชีวิตคน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำร้ายใครเลย

แต่เพราะการหลอกล่อของอู่เยวี่ยจึงทำให้เขาทำความชั่วครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก้าวเท้าลงเหวไปแล้วเลยไม่สามารถถอนตัวได้

แต่พอเห็นเด็กน้อยเจ็บปวดขนาดนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหมอเกาก็ได้รับความทุกข์ทรมานทุกวัน ฝันร้ายทุกคืนและมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น

อู่เยวี่ยแค่นเสียงเย็นชาแล้วกระชากเด็กกลับมา เธอปลดเสื้อผ้าต่อหน้าหมอเกาแล้วยัดหัวนมที่บวมเป่งเข้าปากลูก มันแปลกมากเพราะทันทีที่เด็กกินนมก็เงียบลงทันที พลันกลับกลายมาเป็นภาพที่งดงามดั่งเดิม

เด็กกำหมัดเล็ก ๆไว้แน่นพร้อมดูดนมเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆบนหน้าผากของเขาช่างเป็นภาพที่สวยงามนัก ต่อให้คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมได้เห็นภาพนี้ก็ต้องใจอ่อนยวบจนละลายเป็นน้ำ

อารมณ์ของอู่เยวี่ยก็ดีขึ้นมากพลันปรากฏรอยยิ้มของคนเป็นแม่แต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ เธอใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าอันบอบบางของเด็กเบา ๆ “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ กินนมเยอะจะได้โตเร็ว ๆ เติบโตเป็นผู้ชายที่ดีในอนาคตและสามารถปกป้องแม่ได้”

อารมณ์ของหมอเกาสงบลงมาแล้ว แต่ยังมีความเจ็บปวดในดวงตาของเขาอยู่ เพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไปเด็กจะเจ็บปวดขึ้นเรื่อย ๆจนถึงตายได้

สิ่งนี้เป็นผลพวงที่เขาและอู่เยวี่ยสร้างกันขึ้นมา มันเป็นบาปกรรมที่เขาสร้างขึ้นมาเอง!

“คุณนาย ผมขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนี้ไปได้ไหม? ผมจะช่วยคุณคิดหาวิธีอื่นเอง” หมอเกาวิงวอนจากใจจริง

อู่เยวี่ยสีหน้าดุดันขึ้นแล้วมองเขาอย่างดูถูก “สมองหมูอย่างนายจะคิดอะไรดี ๆได้? ถ้าฉันไม่ใจร้ายสักหน่อย งั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้านายตอนนี้ก็คงเป็นศพของฉันแล้ว ฉันจะบอกนายให้นะว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของฉัน”

เสียงของเธอเหมือนดังแว่วมาจากนรกก็ไม่ปาน อึมครึมน่ากลัวมาก สีหน้าท่าทางของอู่เยวี่ยก็ดูเย็นชาขึ้น นัยน์ตาปล่อยความบ้าคลั่งออกมา

เธอเคยไปนรกมารอบหนึ่งแล้ว และเธอจะไม่ไปอีกเป็นครั้งที่สอง

เพื่อความอยู่รอด เพื่อการแก้แค้น เธอสามารถเสียสละได้ทุกอย่างซึ่งรวมถึงเด็กคนนี้ด้วย!

หมอเกาถึงกับผงะตกใจ เสียวสันหลังวาบ หัวใจจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง ในเวลานี้เขาถึงได้รู้จักธาตุแท้ของอู่เยวี่ยพลันนึกเสียใจเหลือเกิน

ทำไมตอนนั้นเขาถึงโดนอู่เยวี่ยหลอกล่อได้นะ?

ตอนนี้ลงเรือลำเดียวกันแล้วคงหนีไม่พ้น เขาจึงทำได้แค่บ้าไปตามอู่เยวี่ย แต่จะมีสักวันที่เขาจะได้ปีนขึ้นฝั่งไหมนะ?

เฮ่อเหลียนเช่อเป็นห่วงเจ้าตัวน้อย หลังจากจัดการกับแขกเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับมาดู พอเห็นเด็กกินนมแม่อยู่ในอ้อมแขนของอู่เยวี่ยก็รู้สึกเบาใจและสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี

“ให้แม่นมที่หาได้เมื่อวานมาป้อนนมเสี่ยวเป่า” เฮ่อเหลียนเช่อสั่งลูกน้อง

…………………………………………..

ตอนที่ 2006 เด็กที่ร้องไห้ไม่เป็น

อู่เยวี่ยรีบกลับไปที่ห้องพร้อมกับลูกน้อยในอ้อมกอดของเธอ ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พอจะมองออกว่าเธอร้อนใจกระสับกระส่ายมากราวกับว่ามีบางอย่างไล่ตามเธอจากด้านหลัง

เหมยเหมยเหลือบมองเฮ่อเหลียนเช่อจึงพบว่าสีหน้าท่าทางของเขาเองก็ผิดปกติมากเช่นกัน เขาไม่ได้มีท่าทีดีอกดีใจเหมือนก่อนหน้านี้ หนิงเฉินเซวียนก็แสดงท่าทีเหมือนกัน แต่พวกเขาทั้งสองคนเก็บซ่อนความคิดไว้ไม่แสดงออกออกมาชัดเจนนัก ในไม่ช้าพวกเขาก็ยิ้มแย้มออกมาอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ตั้งใจดูก็จะไม่เจอความผิดปกตินี้

“เจ้าตัวเล็กของฉันกินเก่งมาก ๆ ไม่ได้กินนมแค่ครู่เดียวก็ดีดดิ้นแล้ว ทุกคนกินกันต่อเถอะ กินให้อร่อย”

หนิงเฉินเซวียนพูดแสดงความเกรงใจอยู่หลายประโยค แม้ว่าพวกแขกเหรื่อในงานจะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่เด็กไม่ร้องไห้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม พวกเขาต่างพากันกินกันอย่างเงียบ ๆ

แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่ยอมปล่อยผ่านถามเสียงแหลมว่า “ทำไมหลานแกถึงไม่ร้องไห้ล่ะ? ไม่ใช่ว่ามีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?”

เขาไม่ได้เป็นคนใจอ่อนเหมือนเหมยเหมย ต่อให้เด็กจะหน้าตาดีราวดอกไม้ เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

แค่คิดว่าเด็กคนนี้มีสายเลือดของตระกูลหนิง เฮ่อเหลียนชิงก็อยากจะสับเด็กคนนี้ให้กลายเป็นเนื้อบด ต้มซุปแล้วเอาให้หมามันกิน

ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนเย็นชาขึ้นแล้วมองไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างเคร่งขรึม “นายพูดจาระวังหน่อย หลานของฉันแข็งแรงดีมาก ที่มีปัญหาคือตาแก่อย่างนายต่างหาก!”

มีแขกบางคนรีบออกมาไกล่เกลี่ย “มีเด็กบางคนไม่ชอบร้องไห้ตั้งแต่เล็ก ๆ เขาว่ากันว่าเด็กแบบนี้จะมีความสามารถพิเศษ ในวันข้างหน้าหลานของคุณหนิงจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน”

ตอนนี้เองหนิงเฉินเซวียนถึงได้เปลี่ยนความโกรธมาเป็นความสุข เขาชอบฟังคำมงคลพวกนี้มากกว่า

แต่กลับมีใครบางคนไม่อยากให้เขามีความสุข “มีพรสวรรค์ที่ประหลาดหรือไง? ถ้าคิดจะประจบประแจงก็อยู่ให้ห่าง ๆฉันหน่อย ฉันไม่ชอบฟังคำพวกนี้ ผิดปกติก็คือผิดปกติ? มัวแต่หลอกตัวเองกับคนอื่นอยู่ได้!”

“ถ้าตาแก่บ้านี่ยังพูดอีก ฉันเอาแกตายแน่!”

เฮ่อเหลียนเช่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วจ้องเขม็งด้วยความโกรธและเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

เหยียนหมิงซุ่นปกป้องเฮ่อเหลียนชิงอยู่ด้านหน้าพูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้เป็นวันดี คุณชายเช่อจะโมโหมากมายไปทำไม? ไม่ว่าจะอย่างไรพ่อบุญธรรมของฉันก็เป็นผู้อาวุโสกว่า และยังมีบุญคุณดูแลสั่งสอนนายมาด้วย คุณชายเช่อจะเสียมารยาทมากเกินไปแล้วมั้ง!”

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเขานึกอะไรขึ้นได้ถึงยอมถอยกลับไปอย่างโมโห จากนั้นก็ไม่ได้ถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนชิงอีก

เหยียนหมิงซุ่นพูดกระซิบข้างหูเฮ่อเหลียนชิงอยู่หลายประโยค ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะไม่เต็มใจแต่ก็ปล่อยให้เสี่ยวเมิ่งประคองเขากลับไปแต่โดยดี

ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ทำให้ตาแก่สารเลวหนิงเฉินเซวียนโมโหเกือบกระอักตาย นั่นก็เพียงพอแล้ว

“วันนี้รบกวนมามากพอแล้ว ขอตัวก่อน”

เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยออกมาจากงาน แขกเหรื่อคนอื่น ๆก็ดื่มเหล้ากินกันต่อไป บรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างมาก เพียงแต่อู่เยวี่ยและลูกไม่ได้ออกมาอีก

พวกเหมยเหมยไม่ได้กลับบ้านของตัวเองแต่ไปสวนฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิงแทน

“พี่หมิงซุ่น เด็กคนนั้นตาบอดตั้งแต่เกิดและยังมีปัญหาอื่นอีกด้วย” พออยู่บนรถเหมยเหมยก็เอาเรื่องที่ฉิวฉิวค้นพบบอกเหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง “แน่ใจหรอ?”

เหมยเหมยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉิวฉิวมองไม่ผิดแน่นอน”

คุณชายฉิวรู้สึกไม่พอใจกับข้อข้องใจของเหยียนหมิงซุ่น กล้าสงสัยสายตาอันเฉียบคมของคุณชายฉิวอย่างมันหรือ?

ฉิวฉิวพุ่งไปหาเหยียนหมิงซุ่นแล้วแยกเขี้ยวใส่แสดงให้เห็นว่ามันโกรธมาก ๆ เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าตัวเองพูดผิดเลยหยิบช็อกโกแลตออกมาจากกระเป๋าส่งให้ฉิวฉิวเพื่อเอาใจมัน

“อีกอย่างฉันรู้สึกว่าท่าทีระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกนั้นแปลกมาก ทำไมเด็กอยากกินนมถึงไม่ร้องไห้ล่ะ?” เหมยเหมยพูดถึงความสงสัยของตัวเองออกมา

เด็กทุกคนเกิดมาก็ร้องไห้กันทั้งนั้น เพราะวิธีเดียวที่จะแสดงอารมณ์ของเด็กได้ก็คือการร้องไห้ หิวก็ร้องไห้ จะอึจะฉี่ก็ร้องไห้ เมื่อรู้สึกไม่สบายก็ร้องไห้ แทบไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ร้องไห้เลย

แต่ว่าลูกของอู่เยวี่ยคนนี้กลับไม่ร้องไห้ แปลกมากจริง ๆ!

…………………………………………..

ตอนที่ 2007 รีบๆ มีหลาน

ชาติที่แล้วตัวเองท้องจึงรู้เรื่องนี้ดี เหมยเหมยซื้อคู่มือเลี้ยงเด็กมากมายกลับมาอ่าน เธอจึงมีความรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการดูแลเด็กเยอะมาก ดังนั้นพอเธอเห็นท่าทีระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกจึงรู้สึกว่าแปลก

เด็กทั่วไปเวลาหิวอยากกินนมก็จะร้องไห้เสียงดังโวยวายสะเทือนเลือนลั่น แต่ลูกของอู่เยวี่ยกลับร้องแง่ว ๆเหมือนลูกแมว อีกทั้งการแสดงออกของเด็กคนนั้นก็ดูเจ็บปวดมาก ไม่เหมือนท่าทางที่อยากจะกินนมเลย

เหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนละเอียดรอบคอบแต่เขาไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อน พอได้ยินสิ่งที่เหมยเหมยพูดเขาถึงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ พฤติกรรมการแสดงออกของเด็กคนนี้แปลกจริง ๆ

“ฉันจะส่งคนไปสืบดู”

อยู่ดี ๆเหยียนหมิงซุ่นก็เดาอะไรบางอย่างได้ บางทีท่าทางประหลาดที่เด็กคนนี้แสดงออกมาอาจจะเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่ของอู่เยวี่ยก็เป็นได้

หลังจากกลับถึงสวนฟาร์ม อารมณ์ของเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่ดีเอาเสียเลย เขาเขวี้ยงทำลายข้าวของในบ้านจนแตกกระจัดกระจายเรี่ยราดเต็มพื้น

“พวกแกรีบมีหลานให้ฉันเร็ว ๆเลยนะ แล้วจะต้องคลอดให้ดูดีกว่าไอ้ลูกหมาตระกูลหนิงให้ได้ด้วย ต้องให้น่ารักกว่าเป็นร้อยเท่า” เฮ่อเหลียนชิงตะโกนเสียงดัง

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว โดนกระตุ้นเรื่องนี้อีกแล้ว

“พ่อครับ ตอนนี้เหมยเหมยยังเรียนอยู่เลยจะมีลูกได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัย

“ทำไมถึงจะมีไม่ได้? มีลูกกับการเรียนไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักหน่อย ฉันจะไปพูดกับนายใหญ่ว่าให้ทำใบอนุญาตการเกิดให้เหมยเหมยตอนนี้แหละ แล้วจะต้องคลอดหลานที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มให้ฉันด้วย ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว”

เฮ่อเหลียนชิงดูเหมือนจะอารมณ์เสียมากจริง ๆ พ่นน้ำลายใส่หน้าเหยียนหมิงซุ่นจนเปียกชุ่ม แล้วตะโกนให้เสี่ยวเมิ่งประคองเขาไปหานายใหญ่ ปรารถนาเป็นอย่างมากว่าเหมยเหมยจะมีหลานชายให้เขาได้ในตอนนี้เลย

เหยียนหมิงซุ่นพูดจูงใจอย่างระอา “พวกเราอย่าทำสิ่งผิดกฎหมายเลยตกลงไหมครับ? อีกสองปีเหมยเหมยก็เรียนจบแล้ว อีกสองปีค่อยมีหลานก็ยังไม่สาย พ่อจะรีบร้อนไปทำไม?”

ฉันจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร? วันนี้นายไม่เห็นเหรอว่าตาแก่หนิงท่าทางลำพองใจมากแค่ไหน หางจะชี้ถึงฟ้าอยู่แล้ว นั่นไม่ใช่เพราะหลานของมันหรือไง แล้วก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีลูกชายเสียหน่อย นายรีบไปมีลูกให้ฉันเร็ว ๆเลย!”

เฮ่อเหลียนชิงโมโหมาก หนิงเฉินเซวียนมีอะไรเขาก็ต้องมีด้วย แต่เขามีอะไรหนิงเฉินเซวียนห้ามมีตามเขาเด็ดขาด

เขาเห็นสีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นลังเลจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ถามอย่างไม่พอใจว่า “หรือว่านายไม่อยากมีเหรอ? นายอยากจะเลียนแบบพวกชาวต่างชาติที่ไม่อยากมีลูกเพราะต้องการอิสระอะไรทำนองนั้นเหรอ?”

อุณหภูมิในห้องลดฮวบลงในฉับพลัน ดวงตาของเฮ่อเหลียนชิงเบิกกว้าง ขอแค่เหยียนหมิงซุ่นกล้าที่จะส่ายหัวเขาก็พร้อมจะปาถ้วยชาในมือทันทีเพื่อฆ่าลูกชายอกตัญญูคนนี้ทิ้งเสีย!

เฮ่อเหลียนชิงสมองทำงานอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งขึ้นมา พลันหันขวับมองไปที่เหมยเหมยด้วยสายตาเย็นชา “เธอไม่อยากมีลูกใช่ไหม เพราะต้องการรักษาหุ่นเหรอ?”

เหมยเหมยสะดุ้งโหยง ส่ายหัวอย่างแรง

พูดตามสัตย์จริงเธอชอบเด็กมากจะตายไป

“ฉันชอบเด็กจะตาย แต่ว่าตอนนี้ฉันยังเรียนอยู่นี่นา…” เหมยเหมยพูดแก้ตัวเสียงเบา แต่ภายใต้ดวงตาที่น่ากลัวของเฮ่อเหลียนชิง เสียงก็เลยเบาลงเรื่อย ๆจนเงียบลงไม่พูดอะไรเลย แล้วเดินไปหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น

อยู่หลังสามีของเธอถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย ตาแก่โรคจิตเฮ่อเหลียนชิงบ้าไปแล้วจริง ๆ ทำอะไรก็ประสาท

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหมยเหมย ผมเคยถามหมอแล้วตอนนี้เหมยเหมยยังเด็ก กระดูกเชิงกรานยังไม่ขยายตัว ถ้ามีลูกตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้เด็กพิการได้ หรือว่าพ่ออยากมีหลานชายที่พิการเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นถือโอกาสเอาผู้เชี่ยวชาญมาอ้าง คำพูดเหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้จริง ๆ ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่าตราบใดที่แม่ของเด็กสุขภาพดี โอกาสในการให้กำเนิดเด็กพิการนั้นก็จะน้อยมากเรียกได้ว่าไม่ต้องเก็บมาคิดมากเลยทีเดียว

แต่แน่นอนว่าประโยคนี้เขาพูดกับเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้ ตอนนี้จะให้เขามีได้อย่างไรกัน?

เฉินซานยังไม่กลับประเทศเลย อีกทั้งพิษกู่หักสวาทก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือเปล่า เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น

…………………………………………..

ตอนที่ 2002 ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกวัน

แขกเหรื่อมากันเกือบครบแล้ว หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาในงาน เพราะอากาศดีงานเลี้ยงจึงจัดในลานหน้าบ้าน เพราะลานบ้านกว้างจึงไม่มีปัญหาแม้ว่าจะตั้งหลายร้อยโต๊ะ

เสียงของเฮ่อเหลียนชิงทั้งแหลมทั้งสูง อีกทั้งที่นั่งก็อยู่ใกล้ประตูทางเข้า ต่อให้หนิงเฉินเซวียนไม่อยากได้ยินก็คงจะยาก

พอได้ยินถึงสีเขียว สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที ชั่วชีวิตนี้ของเขาสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็คือสีนี้เหมือนกับเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนที่โกรธจัดรีบวิ่งไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนชิง ตะโกนว่า “เฮ่อเหลียนชิง ทำไมแกถึงได้หน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ? บ้านฉันไม่ต้อนรับคนอย่างแก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

สำหรับคนต่ำทรามหน้าด้านอย่างเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนไม่ต้องการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “ไม่ตอบแทนน้ำใจที่หวังดีแล้วยังไล่หยั่งกับหมูกับหมาอีก นี่ฉันก็แค่กังวลความโง่ไม่รู้ประสีประสาอะไรของแกหรอก กลัวว่าแกจะโดนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หลอกลวงทรยศเลยอุตส่าห์ตั้งใจมาเตือนแกโดยเฉพาะเลยนะ”

“ฉันไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของแก ต่อให้ฉันไม่เก่งกล้าสามารถก็ฉลาดกว่าแกแล้วกัน” หนิงเฉินเซวียนกัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น

เฮ่อเหลียนชิงตาแก่บ้านี่ ไม่ใช่ว่ามาเพื่อสร้างความอับอายให้เขาหรอกหรือไง?

ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองหวังดีอีก?

ไร้ยางอาย!

“ฉันรู้ว่าแกทั้งฉลาดและมีความสามารถ แต่เพราะฉลาดเกินไปเลยเสียรู้ต่างหาก ฉันไม่วางใจ ตาแก่หนิงหลานสุดที่รักของนายหน้าตาเหมือนใครล่ะ? เหมือนนายหรือว่าเฮ่อเหลียนเช่อเหรอ?”

จู่ ๆเฮ่อเหลียนชิงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามไถ่ถึงเรื่องหลานของเขา คนอื่นต่างเงียหูฟังด้วยความสนใจ พวกเขาก็สนใจเหมือนกันนี่นา!

หนิงเฉินเซวียนรู้สึกใจชาวาบ เขาไม่เหมาะที่จะคุยกับเฮ่อเหลียนชิงดี ๆเลยจริง ๆ สู้พูดจาถากถางเหน็บแนมยังจะดีเสียกว่า!

“หลานของฉันจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับแก!”

“งั้นจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำไมล่ะ? เอ๊ะ ตาแก่หนิงคงไม่ใช่ว่าหลานของแกโตมาไม่เหมือนคนตระกูลหนิงอย่างพวกแกหรอกใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงทำเหมือนว่าเพิ่งค้นพบสิ่งใหม่จึงสนอกสนใจขึ้นมาทันที

“ฉันบอกแล้วไงของถูกและดีไม่มีอยู่จริงหรอก ไปคว้าเอาสินค้าที่ผ่านมาเป็นสิบมือ ลูกที่คลอดออกมาก็ไม่รู้ว่าเหมือนใคร ตาแก่หนิงแกก็อย่าทุกข์ใจไปเลย เด็กคือเทวดาที่ถูกส่งมาจากสวรรค์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรเทือกนี้นายก็อย่าได้ไปสนใจมันเลย!”

เฮ่อเหลียนชิงพูดจนน้ำลายแตกฟอง นี่เป็นการสื่อว่าลูกที่อู่เยวี่ยคลอดออกมาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลหนิง กล่าวก็คือบนหัวของเฮ่อเหลียนเช่อมีม้าหลายพันตัวเหยียบย่ำอยู่เพราะโดนสวมเขานั่นเอง

หนิงเฉินเซวียนจุกอกอย่างถึงที่สุด หลานของเขาคลอดออกมาแน่นอนว่าเขาดีใจมาก และวินาทีแรกเขาก็รีบพาไปหาหมอเพื่อตรวจเลือดโดยเร็วที่สุด ความสัมพันธ์ทางสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว เด็กนั่นเป็นหลานของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์

“เฮ่อเหลียนชิงแกหมดปัญญาจะมีลูก ชั่วชีวิตนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลานเลยอิจฉาฉันงั้นสิ? ฉันเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ถือสาแกแล้วกัน นายเลี้ยงดูสั่งสอนอาเช่อของฉันมาตั้งหลายปี บุญคุณนี้ฉันจำไว้เสมอ หลานของฉันจะเห็นแก่บุญคุณนี้คงไม่ลืมที่จะดูแลแกหรอก”

หนิงเฉินเซวียนสงบลงมา ประชันฝีปากกลับไปได้ไม่เลวเลยทีเดียว ในดวงตามีความเย้ยหยันและเห็นใจในเวลาเดียวกัน

พูดเหมือนว่าแกเป็นตาแก่ที่ไม่มีทายาทไม่มีลูกหลานดูแล แล้วมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะคนอื่น!

เหยียนหมิงซุ่นรีบลุกขึ้นพูดว่า “พ่อบุญธรรมของผมผมดูแลเองได้ คงไม่ต้องรบกวนคุณหนิงให้ลำบากหรอกครับ และอีกอย่างผมคิดว่าช่วงนี้คุณดูสีหน้าซีดเซียวไปหน่อยนะครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย สุขภาพคงไม่ค่อยดีเท่าไรแน่ คุณหนิงโปรดดูแลสุขภาพด้วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อบุญธรรมของผมคงเหงาและไม่มีความสุขแน่เลยครับ”

เฮ่อเหลียนชิงพอใจกับการออกตัวอย่างทันท่วงทีของเหยียนหมิงซุ่นมาก ลูกชายคนนี้รับมาไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ ดูคำพูดทิ่มแทงนี่สิ ช่างมีความสุขเหลือเกิน!

“นั่นสิ ตาแก่หนิงแกต้องใช้ชีวิตดี ๆหน่อยล่ะ ถ้าแกตายฉันคงเสียใจมากแน่!” เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่หนิงเฉินเซวียนด้วยความจริงใจ เขาจงใจยกคางอวบอิ่มขึ้นเพื่อโชว์ใบหน้าแดงฝาดสีดอกกุหลาบอันเปล่งปลั่งและไร้ริ้วรอยของเขาแสดงต่อหน้าทุกคน

หนิงเฉินเซวียนจุกอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด โธ่เว้ย ตาแก่บ้านี่ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกวันจริง ๆ!

……………………………………………

ตอนที่ 2003 เด็กที่งดงาม

อายุของเฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียนเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน แต่สภาพปัจจุบันของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

นับว่าหนิงเฉินเซวียนเองก็บำรุงร่างกายตัวเองค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับเพื่อน ๆแล้วเขาจะดูอายุน้อยกว่าเกือบสิบปี แต่พอมายืนเทียบกับเฮ่อเหลียนชิงที่ดูอ่อนวัยกว่ากลับดูเหมือนห่างกันสองชั่วอายุคน

“ถึงจะมีอายุยืนยาวแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีลูกหลานแล้วจะมีประโยชน์อะไร?” หนิงเฉินเซวียนถูกยั่วโมโหจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะเห็นหน้าเฮ่อเหลียนชิงเจ้าหมอนี่อีกต่อไปแล้ว เขาสวนกลับไปหนึ่งประโยคแล้วเตรียมตัวเดินหนีไป

“กินดื่มกันให้เต็มที่เลยนะทุกคน ฉันจะไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆก่อน”

มือทั้งสองข้างของหนิงเฉินเซวียนกำหมัดแน่น พูดตามมารยาทอยู่สองสามประโยคแล้วก็ไปทักทายแขกโต๊ะอื่น

เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงตะโกนขึ้นว่า “ตาแก่หนิง เดี๋ยวอุ้มหลานชายของแกมาให้ฉันดูหน่อยว่าหน้าตาเป็นไง ฉันตั้งใจเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เป็นพิเศษเลยนะ!”

ทุกคนนึกถึงเต่าสีเขียวในงานเลี้ยงวันเกิดกันอย่างพร้อมเพียงกันจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งหน้าตั้งตารอดู ไม่รู้ว่าครั้งนี้เฮ่อเหลียนชิงจะเตรียมของดี ๆอะไรไว้อีก?

หรือว่าจะเป็นเต่าอีกเหรอ?

หนิงเฉินเซวียนชะงัก เขาปรารถนาอยากจะบีบคอตาแก่สารเลวนี่ให้ตายเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเขาก็รู้สึกหดหู่ว่าทำไมมีเขาแล้วต้องมีตาแก่นั่นด้วย ทำไมต้องให้เขาและเฮ่อเหลียนชิงมาเกิดในยุคเดียวกันด้วยนะ!

เขาไม่สนใจเฮ่อเหลียนชิง เนื่องจากวันนี้เป็นงานเลี้ยงครบเดือน เด็กจะต้องถูกอุ้มออกมาให้ทุกคนได้เห็นอยู่แล้ว นี่คือจุดประสงค์หลักในการจัดเลี้ยงของเขา

เขาต้องการให้ทุกคนในเมืองหลวงและคนทั้งประเทศรับรู้ว่าเขาหนิงเฉินเซวียนมีหลานชายแล้ว

อีกทั้งยังเป็นหลานชายที่งดงามมากที่สุดอีกด้วย!

อาหารในงานเลี้ยงอร่อยมากแต่เหมยเหมยกลับไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดจึงกินด้วยท่าทีเหม่อลอย เธออยากเห็นอู่เยวี่ยเร็ว ๆเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ หนำซ้ำยังว่ากันว่าเด็กสุขภาพแข็งแรงมากด้วยสิ

เธอมักมีลางสังหรณ์อยู่ตลอดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น!

เหมยเหมยคีบเนื้อวัวสองสามชิ้นวางไว้บนโต๊ะแล้วปล่อยให้ฉิวฉิวหยิบกินเอง เจ้าตัวเล็กหน้าตาน่ารักและดึงดูดให้ผู้คนต่างเอ็นดูไม่น้อย แขกคนอื่น ๆที่ร่วมโต๊ะด้วยไม่ถือสามันเลย แถมแขกบางคนยังคีบเนื้อป้อนให้มันด้วยซ้ำ ฉิวฉิวไม่ปฏิเสธใครเลยแล้วกินอย่างมีความสุข

“คุณนายเฮ่อเหลียนและเจ้าหนูน้อยมาทางนี้แล้ว…” มีคนส่งเสียงพูดขึ้น

เหมยเหมยหันไปมอง อู่เยวี่ยที่แต่งหน้าอย่างประณีตอุ้มลูกชายที่ห่อผ้าไว้ในอ้อมอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เฮ่อเหลียนเช่อก็มากับเธอด้วย พยักหน้าและยิ้มให้แขกไม่หยุด

ไม่นานก็มาถึงโต๊ะของพวกเหมยเหมย วันนี้อู่เยวี่ยสวมชุดกี่เพ้าสีแดง ร่างกายหลังคลอดดูอวบอิ่มมากเหมาะที่จะใส่ชุดกี่เพ้า อวดสัดส่วนโค้งเว้าอย่างชัดเจน ทั่วทั้งเรือนร่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้ว

แต่ว่าอู่เยวี่ยแต่งหน้าหนามากซึ่งสามารถมองเห็นได้จากในระยะใกล้ แป้งบนใบหน้าของเธอเยอะจนน่าตกใจทีเดียว ทั้งยังผมของเธอที่เกล้าขึ้นเพื่อให้เข้ากับชุดกี่เพ้าจึงเผยให้เห็นเส้นผมปลายโคนตรงหน้าผากดึงสูงขึ้น อีกทั้งยังเห็นผมหงอกหลายเส้นอยู่รำไร

เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของอู่เยวี่ยแย่มาก ไม่เหมือนว่าจะมีความสุขอย่างที่เธอแสดงออกมาขนาดนั้นเลย!

เหมยเหมยถึงได้สบายใจขึ้นมาก มีชีวิตลำบากก็ดี!

“ฉันอยากเห็นว่าเจ้าหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดไหนเชียว…”

เหมยเหมยเรียกอู่เยวี่ยไว้แล้วชะโงกหน้าดูเด็กน้อยในอ้อมอกของเธอ เธออยากรู้มากจริง ๆว่าสิ่งที่ทุกคนต่างเล่าลือกันว่าหลานชายของตระกูลหนิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมากไม่เหมือนเด็กธรรมดาบนโลกมนุษย์ เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เกินจริงไปหน่อย เธอต้องเห็นด้วยตาของตัวเองถึงจะเชื่อ

แต่ว่า——

พอเหมยเหมยเห็นเด็กทารกที่กำลังหลับลึกอยู่ในผ้าห่อตัว สายตาก็เหมือนถูกสะกดไว้จนแทบไม่อยากละสายตาไปไหนเลย

คนพวกนั้นพูดไม่ผิดจริง ๆ เด็กคนนี้เหมือนเทวฑูตตัวน้อยที่ตกลงมาจากสวรรค์ งดงามจนไม่เหมือนมนุษย์ อีกอย่างพอเห็นเด็กที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเช่นนี้คงไม่มีใครทำร้ายได้ลงคอ!

เด็กคนนี้เหมือนกับเด็กทารกที่เหมยเหมยจินตนาการเอาไว้เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นลูกของอู่เยวี่ยไปแล้ว เธออิจฉาเหลือเกิน!

อู่เยวี่ยมีสิทธิ์อะไรถึงได้ครอบครองลูกที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนี้นะ?

…………………………………………..

ตอนที่ 2000 งานเลี้ยงครบเดือน

“ทำไมถึงแข็งแรงได้ล่ะ? พี่ เมื่อก่อนพี่บอกว่าน่าจะไม่ปกติกว่าร้อยละเก้าสิบเลยไม่ใช่เหรอ?”

เหมยเหมยได้ยินข่าวนี้ก็ตกตะลึงอย่างมาก

เธอเคยจิตนาการไว้นับไม่ถ้วน คิดเพียงว่าลูกของอู่เยวี่ยหากไม่ได้มีปัญหาด้านกายภาพก็ต้องมีปัญหาด้านจิตหรือบางทีอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง

แต่ตอนนี้นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คาดไม่ถึง ลอบด่าผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นในใจว่าพึ่งพาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญตั้งสิบคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กไม่ปกติทั้งสิบคน

แต่ตอนนี้กลับเป็นเด็กที่สุขภาพกายแข็งแรง เฮ่อเหลียนเช่อได้กำไรละสิ!

“บางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือละมั้ง” เหยียนหมิงซุ่นพูดได้แค่นั้น เพื่อพยายามกู้หน้าให้ตัวเองสักหน่อย

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เรื่องนี้โทษเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยู่แล้วแต่เธอต้องหาใครสักคนให้ระบายอารมณ์ ไม่ให้ถลึงตาใส่สามีแล้วจะเป็นใครได้?

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปลอบเธอ “เธอควรดีใจสิ หนิงเฉินเซวียนมีผู้สืบทอดที่แข็งแรง อู่เยวี่ยก็หมดค่าแล้ว จากนิสัยของหนิงเฉินเซวียนเขาไม่ยอมปล่อยให้อู่เยวี่ยมีชีวิตต่อแน่!”

เหมยเหมยถึงยิ้มกว้างได้สักที นั่นสิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้กันนะ?

ไม่มียันต์ป้องกันตัว วันตายของอู่เยวี่ยก็จะมาถึงแล้ว

ไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนจะจัดการอู่เยวี่ยอย่างไร? น่าตื่นเต้นจัง!

นับตั้งแต่รู้ว่าอู่เยวี่ยคลอดลูกชายเหมยเหมยก็นับวันรอ รอวันที่เหยียนหมิงซุ่นจะนำข่าวดีมาบอกเธอหรือบางทีหวังว่าจะได้เห็นข่าวรายงานว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเสียชีวิตบนหน้าหนังสือพิมพ์

ทว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น กลับได้บัตรเชิญสีทองดูดีมาแทนเสียอย่างนั้น

“งานฉลองครบเดือนของคุณชายน้อยตระกูลหนิง…”

เหมยเหมยอ่านตัวอักษรบนบัตรเชิญทีละตัว ๆ หนิงเฉินเซวียนจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันครบเดือนให้หลานชายเลยทำบัตรเชิญมาแจกจ่ายให้แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน

เห็นทีหนิงเฉินเซวียนจะให้ความสำคัญแก่หลานชายคนนี้มากทีเดียว เขาถึงได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตจากที่เป็นคนเก็บตัวลึกลับให้ดูเปิดเผยมากขึ้น นึกอยากแบ่งปันความสุขนี้ให้คนทั้งโลกให้รับรู้

“ทำไมอู่เยวี่ยยังไม่ตาย?” เหมยเหมยอารมณ์เสียในฉับพลัน เพราะเธอเห็นชื่อของโอหยางซานซานบนบัตรเชิญ

บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องปรากฏตัวในงานเลี้ยงครบเดือนและยังมีชีวิตปกติดี

เรื่องนี้สร้างความขุ่นเคืองใจแก่เธอมาก

“บางทีหนิงเฉินเซวียนอาจจะรอให้เด็กหย่านมก่อนค่อยฆ่าอู่เยวี่ย ในเมื่อเด็กดื่มนมแม่ถึงจะดีต่อสุขภาพ” เหยียนหมิงซุ่นคาดเดา ซึ่งเหตุผลนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไรเลย

จากความสามารถของหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ ต่อให้หาแม่นมมาสักร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหา ฉะนั้นความเป็นอยู่ของอู่เยวี่ยไม่ได้มีความหมายมากนัก

“หรือว่าอยู่ดี ๆหนิงเฉินเซวียนชอบลูกสะใภ้อย่างอู่เยวี่ยเข้าแล้ว?” เหมยเหมยเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“เป็นไปไม่ได้ อู่เยวี่ยสร้างความอับอายแก่หนิงเฉินเซวียนไว้ตั้งมาก เขาจะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้เหตุที่ไม่ฆ่าอู่เยวี่ยต้องมีสาเหตุอื่นแน่นอน!”

เหยียนหมิงซุ่นบอกเหมยเหมยอย่าคิดมาก รอไปร่วมงานเลี้ยงครบเดือนก็น่าจะรู้เบาะแสบางอย่างขึ้นมาบ้าง

งานเลี้ยงครบเดือนถูกจัดขึ้นกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเดิมทีควรเป็นวันกำหนดคลอดของเด็กคนนี้

เดือนมิถุนายนในเมืองหลวงอากาศไม่ร้อนไม่หนาวแต่กำลังดี เหมยเหมยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรนอกจากอั่งเปาที่ขนาดซองไม่หนาไม่บาง

ตระกูลหนิงครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนสวมชุดฉางเผา[1]สีแดงยืนรับแขกอยู่ประตูทางเข้าหน้าบ้านด้วยหน้าตาชื่นบาน เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ยืนอยู่ข้างเขาที่ดูอารมณ์ดีไม่หยอก

“ยินดีด้วย ๆ ยินดีด้วยที่คุณหนิงเลื่อนขั้นมาเป็นคุณปู่ ยินดีกับคุณชายเช่อที่ได้ลูกชาย…”

บรรดาแขกต่างแห่มาแสดงความยินดี หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อตอบรับกลับทีละคน ใบหน้ายิ้มแย้มไม่เสื่อมคลายเพราะเป็นความสุขที่มาจากใจ

เหมยเหมยกลับไม่พอใจนัก พอเห็นท่าทางสองคนนี้ที่คาดว่าคงไม่ได้ฝืนยิ้มก็บ่งบอกได้ว่าเด็กคนนั้นแข็งแรงจริง ๆ

……………….

ตอนที่ 2001 เมฆลอยมาจากท้องฟ้า

ในเมื่อเหมยเหมยคิดได้ แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นก็ต้องคิดได้เช่นกัน อารมณ์ก็พลันไม่ดีขึ้นมาในทันที

ทุกเรื่องอยู่เหนือความคาดเดาจนออกจากแผนการของเขาไปมาก เหยียนหมิงซุ่นเริ่มสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง ความมั่นใจที่มีถูกสั่นคลอนเล็กน้อย

“พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย พ่อครัวที่หนิงเฉินเซวียนเชิญมาฝีมือไม่เลว พวกเราใส่ซองไปเยอะขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องกินให้คุ้มกับที่เสียไปหน่อยสิ”

เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงความลังเลใจของเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนบทสนทนาไม่พูดถึงอู่เยวี่ยอีกต่อไป ลากเหยียนหมิงซุ่นไปหาของกิน

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย จู่ ๆอารมณ์ก็ดีขึ้นมา ในเมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนเขาก็ต้องหาวิธีตั้งรับได้อยู่แล้วจึงไม่มีอะไรให้ต้องกลุ้มใจ

“หรือว่าตอนเช้าเธอไม่ยอมกินข้าว เพื่อจะได้มากินตอนนี้มากหน่อยงั้นสิ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกล้อ

“แน่นอนสิ ตอนนี้ฉันยังเสียใจที่เมื่อคืนกินข้าวอยู่เลยนะ!”

เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีจริงจัง กวาดตามองหาตำแหน่งที่นั่งที่มีป้ายชื่อเธอและเหยียนหมิงซุ่นแล้วนั่งลง เพียงแต่ว่าอาหารยังไม่มาเสิร์ฟ มีเพียงพวกผลไม้แห้งและเมล็ดธัญพืชนิดหน่อยเท่านั้น

“แสบจริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นตำหนิเสียงเบาแต่นัยน์ตากลับมีความรักความเอ็นดู หยิบถั่วสนขึ้นมาแล้วเริ่มปอกเปลือก เหมยเหมยรอรับอาหารอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่พลอดรักกันหวานหยดย้อยจนทำให้คนรุ่นใหญ่อิจฉาตาร้อนไม่หยุด

“ความสัมพันธ์ของเจ้าเด็กสองคนนั้นดีมากเลย ความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้น วันที่คุณจะได้อุ้มหลานชายคงอยู่ไม่ไกลแล้ว!”

เฮ่อหลียนชิงก็มาร่วมงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนด้วย มีคนที่รู้จักกับเขามานานหันมาหยอกล้อเขา

“ก็ใช่ พวกเขาสองคนโตมาด้วยกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่ารักกันอย่างแท้จริงยังได้เลย ไม่เหมือนใครบางคนที่ใช้เงินจ้างผู้หญิงมาเป็นเมียเพื่อตบตาทุกคน แต่ดันเสียดายที่จะใช้เงินก้อนโต คนที่จ้างเลยไม่ใช่ของดีอะไร ไม่รู้ว่าผ่านมากี่สิบมือแล้วด้วยซ้ำ จุ๊ ๆ…”

เฮ่อเหลียนชิงอารมณ์เสียกว่าใคร หากหนิงเฉินเซวียนโชคร้ายเขาก็จะมีความสุข และในทางกลับกันหากหนิงเฉินเซวียนมีความสุข เขาก็จะอารมณ์บูดบึ้งทุกข์ใจยิ่งกว่าวันสิ้นโลกเสียอีก

หากอารมณ์ไม่ดีแน่นอนว่าคำพูดก็จะฟังไม่เข้าหูไปด้วย เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองหนิงเฉินเซวียนที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ตรงประตู เขาแสร้งทำเป็นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าท่าทีเกินจริง จงใจปรับเสียงให้ดังขึ้น

“วันนี้อากาศดีจริง ๆ ดวงอาทิตย์ลอยสูงเหนือฟ้า ไร้ก้อนเมฆ เอ๊ะ…ดูเหมือนว่าจะมีเมฆก้อนใหญ่ลอยอยู่ตรงนั้น ฝนจะตกไหมนะ?”

เฮ่อเหลียนชิงเงยหน้าชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดราวกับว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนให้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แต่ทุกคนกลับทำหน้างงงวย

เมฆจากไหนกัน?

ทั้ง ๆที่ฟ้าสีครามสวยราวกับน้ำทะเล สวยจะตายไป!

คนที่ฉลาดรีบปิดปากในทันทีแล้วนั่งแทะเมล็ดธัญพืชต่อไป ไม่หลับหูหลับตาเออออด้วย เฮ่อเหลียนชิงคงไม่พูดจาเช่นนี้โดยไร้ต้นสายปลายเหตุหรอก ถ้าพวกเขาขานรับต้องตกหลุมพรางไปด้วยแน่นอน

แต่มีบางคนกลับคันยุบยิบในใจ อยากจะชมเรื่องสนุก ๆโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยังหวังเป็นอย่างมากว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเปิดศึกจนสะเทือนเลือนลั่นในงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือน!

“เมฆไหนล่ะ คุณเฮ่อเหลียนพูดเล่นอีกแล้ว” มีคนจงใจพูดขึ้น

เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ว่าตรงนั้นมีกลุ่มเมฆสีเขียวจับตัวกันลอยมาหรอกเหรอ เฮ้ย เมฆนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ มันใกล้จะลอยมาถึงนี่แล้ว กลัวว่าจะปกคลุมไปทั่วทั้งบ้านหลังนี้น่ะสิ แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ?”

ทุกคนต่างก้มหน้าแทะเมล็ดธัญพืชต่อไปจนมีแต่เสียงแทะดังประสานขึ้นมา ช่างเป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกสบายใจ และจากนั้นก็ไม่มีใครพูดขานต่อบทอีก

เฮ่อเหลียนชิงก็ไม่คาดหวังให้มีนักแสดงประกอบ เขาร้องเล่นคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว

“พวกนายช่างไม่มีการศึกษาเลยจริง ๆ นี่เรียกว่าเมฆเขียวปกคลุม โอ้ย…ฉันต้องรีบทานรีบกลับไปที่สวนฟาร์มเล็ก ๆของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้หัวสัมผัสกับสีเขียวให้ขายขี้หน้าเด็ดขาด!”

เฮ่อเหลียนชิงพูดเองเออเองอย่างมีความสุขและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

……………………………………………

[1] ชุดฉางเผา เป็นเสื้อคลุมยาวกรอมเท้าที่แต่เดิมชาวแมนจูใช้สวมสำหรับขี่ม้า ภายหลังก็ได้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน

ตอนที่ 1998 ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่า

ความขัดแย้งระหว่างเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อที่มีต้นชนวนมาจากเรื่องผู้หญิง ดูท่าเหมือนจะเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นายใหญ่จึงเรียกทั้งคู่ไปด่ายกหนึ่งก่อนที่ไฟความขัดแย้งนี้จะดับมอดลง

ชาวเมืองหลวงที่รอดูเรื่องสนุก ๆ นึกเสียดายเพราะไม่มีละครฉากใหญ่ให้ดูอีกแล้ว!

ความจริงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าจากสถานการณ์ของเฮ่อเหลียนเช่อ เกรงว่าต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุใด ๆก็คงไม่มีลูกเป็นคนปกติได้หรอก!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเฮ่อเหลียนเช่ออีก เสี่ยวกัวมาหาเขาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นให้เขาไปตามเก็บรวบรวมรูปถ่ายในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาของเฉินซาน ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายดายเลย

เฉินซานเป็นคนเก็บตัวและน้อยนักที่จะทิ้งรูปถ่ายไว้ข้างนอกจึงทำให้เสียเวลากับงานนี้ไปมากทีเดียว อีกทั้งนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้สั่งให้เสี่ยวกัวไปทำ

“เกือบจะอยู่นี่หมดแล้ว ทำเอาฉันเหนื่อยแทบแย่”

เสี่ยวกัวโยนรูปถ่ายหนึ่งปึกราว ๆยี่สิบกว่ารูปไปบนโต๊ะทำงานของเหยียนหมิงซุ่น

เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอย่างละเอียดทีละรูป เสี่ยวกัวเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่แล้ว รูปถ่ายพวกนี้ส่วนมากเป็นรูปช่วงวัยหนุ่มของเฉินซานซึ่งตอนนั้นเฉินซานยังไม่มีฐานะมั่งคั่ง และไม่ได้ถือตัวเหมือนตอนนี้ฉะนั้นทำให้มีรูปถ่ายค่อนข้างมาก

เฉินซานในรูปผอมมากจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกซึ่งดูต่างไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังแตกต่างไปจากช่วงวัยเยาว์ของเขาอีกด้วย

เสี่ยวกัวเจอรูปถ่ายใบหนึ่งที่เฉินซานเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงใหม่ ๆ อายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี หน้าตาใสซื่อยืนยิ้มเหนียมอายอยู่บนท้องถนน

ดูแล้วก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่รูปร่างไม่ผอมไม่อ้วน ใบหน้ามีความบริสุทธิ์ใสซื่อถึงขั้นไม่กล้ามองกล้องตรง ๆ

“ฉันตามสืบดูแล้ว เมื่อสามสิบปีก่อนเฉินซานเคยไปชายแดนเหมียวเจียงและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยครึ่งปีกว่า แล้วก็ปรากฏตัวอย่างน่าสงสัย หลังจากนั้นมาจู่ ๆก็ซูบผอมลง”

เสี่ยวกัวทำหน้าตื่นเต้นแล้วแสดงความคิดเห็นที่เป็นเพียงการคาดเดาของเขา “ฉันมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเฉินซานก็คือไอ้ชั่วที่ทำพิษกู่ใส่เรา”

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง “คนที่โดนพิษคือคุณ ไม่ใช่ผม”

เสี่ยวกัว  ‘…เจ้างั่ง คิดว่าฉันโง่เหรอ?’

“ใช่ คนโดนพิษคือผมเอง คุณไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ!” เสี่ยวกัวเอ่ยหน้ายิ้มฝืดเคือง

เจ้าหมอนี่เป็นงูประจำถิ่น เขาจะมีเรื่องด้วยไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นวางรูปไว้บนโต๊ะแล้วกล่าว “ผมจะมอบอีกภารกิจหนึ่งให้คุณ ไปตามจับเฉินซานกลับมาจากอเมริกา”

เสี่ยวกัวสีหน้าเปลี่ยนไป อะไรนะ กว่าจะกลับมาได้ยังไม่ทันจู๋จี๋กับภรรยาก็ต้องถูกส่งตัวไปอีกแล้ว

นี่จะทำบ้าอะไร?

“คุณมีลูกน้องตั้งเยอะ ทำไมยังจะให้ผมไปอีก?” เสี่ยวกัวคัดค้านอย่างหนัก

“พวกเขาไม่ได้โดนพิษกู่และตระกูลไม่ได้ขาดคนสืบทอดสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบเพราะจับจุดอ่อนของเขาไว้ได้

ไฟโทสะของเสี่ยวกัวดับมอดลงทันทีพลางเบิกตากว้างด้วยความเครียดขึ้นมา

ให้ตายเถะ อยากบอกเขาประโยคหนึ่งว่า ‘ฉันไม่เอาลูกชายแล้ว!’

แต่–

“ไปเมื่อไร?” เสี่ยวกัวถามเสียงอ่อน

มังกรแกร่งยากจะเอาชนะงูประจำถิ่นได้ อีกอย่างแม้เขาจะไม่ได้ยึดติดกับลูกชายนักแต่หากเขาไม่มีลูกชาย แม่ของเขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆแน่!

“ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”

เสี่ยวกัวเบิกตากว้าง “อย่างน้อยก็ต้องให้ฉันอยู่กับภรรยาหลายวันหน่อยสิ…ก็ได้ ๆ จะไปตอนนี้เลย กลัวคุณแล้วจริงๆ…”

พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นเสี่ยวกัวก็รู้สึกกดดันจนไม่กล้าพูดขัดขืนใด ๆ ยอมไปซื้อตั๋วเครื่องบินแต่โดยดี

เพื่อลูกชายเขาทุ่มหมดหน้าตักแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอีกครู่หนึ่งด้วยใจที่หนักอึ้ง

เฉินซานเอ๋ยเฉินซาน หวังว่าคุณจะมีเหตุผลดี ๆสักเหตุผลนะ

ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าแล้วกัน!

…………………….

ตอนที่ 1999 เด็กแข็งแรงดี

พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินลูกน้องรายงานว่าเสี่ยวกัวเอาภรรยาไปประเทศอเมริกาด้วยก็หลุดขำอย่างอดไม่ได้

ดีที่เรื่องนี้เขาไม่รีบร้อนนัก แม้คราวก่อนเหมยเหมยจะเคยเอ่ยถึงแต่พอฟังคำโน้มน้าวของเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีก คงน่าจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ในเมื่อเช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีก รออู่เยวี่ยคลอดลูกก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าและเริ่มใกล้วันคลอดของอู่เยวี่ยเข้ามาเรื่อย ๆ

วันกำหนดคลอดของอู่เยวี่ยน่าจะอยู่กลางเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นที่ให้ความสนใจเด็กคนนี้ คนที่เป็นห่วงยิ่งกว่าคือหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ

“ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนดได้? พวกแกทำงานกันอย่างไร?”

หนิงเฉินเซวียนฟังจากคำรายงานของลูกน้องว่า จู่ ๆเช้าวันนี้อู่เยวี่ยก็น้ำคร่ำแตกใกล้คลอดแล้ว

แต่นี่เพิ่งจะกลางเดือนพฤษภาคมเอง ห่างจากวันกำหนดคลอดอีกตั้งหนึ่งเดือน หนิงเฉินเซวียนได้ยินดังนั้นจึงบันดาลโทสะแทบจะสั่งฆ่าคุณหมอประจำตัวของอู่เยวี่ยทั้งสองคนทันที

คุณหมอเกาสะดุ้งกลัวจนเหงื่อไหลไม่หยุด ดึงดันหาข้ออ้างให้ตัวเองว่า “ครรภ์ครั้งนี้ของคุณนายอาการไม่ค่อยคงที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเป็นไข้หวัดจากงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคราวก่อนที่ไม่มีท่าทีจะหายขาดสักที บวกกับสองเดือนก่อนที่สะเทือนอารมณ์จนมีวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดอยู่หลายครั้ง เรื่องนี้ผมได้รายงานกับคุณชายเช่อไปแล้ว”

ในเวลานี้คุณหมอตู้แค่อยากเอาตัวรอดให้ได้ย่อมไม่มีทางคัดค้านคำพูดของคุณหมอเกาอยู่แล้ว

ต่อให้เขาจะมีข้อสงสัยมากมายว่าทำไมอยู่ดี ๆถึงน้ำคร่ำแตกได้ล่ะ?

เพราะตอนที่เขาตรวจเช็กอาการให้อู่เยวี่ยตามปกติเมื่อสองวันก่อนไม่เห็นวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดเลย แต่ครั้งนี้กลับเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

หนิงเฉินเซวียนคงฆ่าคุณหมอสองคนนี้ไม่ได้จริง ๆ เมื่อกี้แค่พูดตามอารมณ์เท่านั้น

“ถ้ามีอุบัติเหตุอะไรก็เลือกรักษาเด็กไว้ก่อน!”

หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเย็นชาและสายตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

“ครับ!” คุณหมอเกากับคุณหมอตู้สะท้านเฮือกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แอบรู้สึกโชคดีที่ผ่านพ้นมาได้

อู่เยวี่ยไม่ได้ทำการคลอดที่โรงพยาบาลเพราะในคฤหาสน์ตระกูลหนิงมีอุปกรณ์แพทย์อยู่อย่างครบครัน ไหนจะมีคุณหมอมากฝีมือสองคนคอยดูแลจึงสะดวกยิ่งกว่าอยู่โรงพยาบาลเสียอีก

คุณหมอเกาแนะนำให้อู่เยวี่ยผ่าคลอดเพราะสภาพร่างกายของเธอไม่สู้ดีนัก อาจจะทำให้หมดแรงตอนเบ่งคลอดได้

“ไม่ ฉันจะคลอดธรรมชาติ!”

อู่เยวี่ยปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว เธอไม่อยากทิ้งรอยแผลเป็นจากมีดหมอไว้บนหน้าท้องเพราะมันน่าเกลียดเกินไป

………

หลังทุกข์ทรมานมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดอู่เยวี่ยก็ได้ให้กำเนิดชีวิตทายาทผู้สืบทอดตระกูลหนิงก่อนที่ฟ้าจะรุ่งสาง

“นายท่าน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเลย” คุณหมอเกาอุ้มเด็กที่เปื้อนเลือดมาให้หนิงเฉินเซวียนดู ซึ่งด้านข้างมีเฮ่อเหลียนเช่อที่เฝ้ารอคอยอยู่อีกคนเช่นกัน

หากนับจากสายเลือดเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นน้องชายแท้ ๆของเขา

หนิงเฉินเซวียนรับเด็กมาไว้ในอ้อมแขนอย่างดีใจ เด็กหน้าตาน่ารักกว่าเด็กทั่วไปไม่ได้หน้ายับยู่ยี่เหมือนตาแก่ตัวน้อยอย่างเด็กที่เพิ่งคลอดทั่ว ๆไป แม้เด็กคนนี้จะน้ำหนักค่อนไปทางเบาแต่ผิวหน้าเรียบเนียนไร้รอยย่น

ผิวขาวใส ดวงตากลมโต จมูกโด่ง แล้วก็ผมสีดำขลับ…

แม้จะตัวโตกว่าสุนัขตัวน้อยไม่เท่าไรแต่ใครเห็นเด็กคนนี้ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

น่ารักมากจริง ๆ!

ราวกับเทวดาตัวน้อยที่ตกมาจากสรวงสวรรค์ ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนไม่อาจทำร้ายเขาได้ลงคอ!

“ทำไมเด็กไม่ร้องไห้ล่ะ?”

หลังจากหนิงเฉินเซวียนดีใจจนอิ่มเอมแล้วก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เด็กในอ้อมแขนเขาเงียบเชียบไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งคลอด เด็กทั่วไปเวลาคลอดออกมาต้องร้องไห้เสียงใสกังวานกันไม่ใช่หรือ?

แต่เด็กนี่กลับไม่ปริเสียงสักนิด แค่ลืมตามองเงียบ ๆราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

วันที่สองเหมยเหมยก็รู้ข่าวเรื่องที่อู่เยวี่ยคลอดลูก อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อีกอย่าง–

เด็กหน้าตาน่ารักไม่เหมือนผู้ชายคนนี้แข็งแรงสมบูรณ์ดีเสียด้วย!

นี่ต่างหากคือเรื่องที่เหนือความคาดหมาย!

……………………..

ตอนที่ 1996 สวรรค์เป็นใจ

ครั้งนี้โจวจื่อหัวไม่ได้เขียนบรรยายอะไรมาก เขาทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า

‘อย่าคิดว่าทุกคนจะโง่และตาบอดจนหลงคิดว่าลบรอยสักแล้วจะลบล้างความผิดได้’

ประโยคนี้ประดับอยู่ติดกับรูปรอยแผลเป็นภาพคมชัดของอู่เยวี่ย ซึ่งก็สื่อความหมายได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสาธยายให้มากความอีก ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ก็ต้องเข้าใจ

พอหนังสือพิมพ์ฮ่องกงเพิ่งวางแผงลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็คัดลอกหนังสือพิมพ์รายงานฉบับนี้มาอย่างรู้หน้าที่ แถมยังส่งไปให้ถึงคฤหาสน์ตระกูลหนิงอีกหลายฉบับอย่างกระตือรือร้นเสมือนกลัวว่าพวกหนิงเฉินเซวียนกับอู่เยวี่ยจะมองไม่เห็น

ได้ข่าวว่าวันนั้นหนิงเฉินเซวียนทำลายข้าวของทุกอย่างในบ้านเท่าที่จะมีให้ทำลายได้จนเศษซากเกลื่อนกลาดเต็มพื้น

ส่วนอู่เยวี่ย–

“ให้ตายสิ!”

อู่เยวี่ยหน้าถมึงทึงโกรธจนฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นชิ้น ๆ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ทำเอาคุณหมอเกานึกกังวลใจอย่างมาก

“สูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วหายใจออก คุณผู้หญิงจะอารมณ์แปรปรวนเกินไปไม่ได้มันจะกระตุ้นมดลูกซึ่งส่งผลไม่ดีต่อเด็กในท้อง” คุณหมอเกาพูดโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยน ส่วนคุณหมออีกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน

อู่เยวี่ยตาประกายวาว กระตุ้นมดลูก?

เธอหาข้ออ้างให้คุณหมออีกคนออกไปข้างนอก ในห้องเหลือเพียงเธอกับคุณหมอเกา

“เดี๋ยวรอตอนที่คุณชายเช่อมาคุณก็บอกเขาว่าฉันเกือบแท้งเพราะโมโห และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะคลอดก่อนกำหนด” อู่เยวี่ยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่น

คุณหมอเกาตกใจ ให้เขาพูดปดต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ต่างอะไรกับการคร่าชีวิตเขา

อู่เยวี่ยมองเขาอย่างไม่ใส่ใจแล้วแค่นหัวเราะใส่ “แม้แต่ภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อคุณยังกล้านอนด้วยเลย แค่พูดโกหกจะเป็นอะไรไป”

“นี่…นี่…มันไม่เหมือนกัน…”

คุณหมอเกาเสียใจภายหลังแทบแย่ หากย้อนเวลาได้เขาไม่มีทางยอมถูกอู่เยวี่ยยั่วยวนอย่างแน่นอน

ตอนนี้เขาลงเรือโจรมาแล้ว จะลงเรือหรืออยู่ต่อก็มีแต่ตายสถานเดียว

เขาควรทำอย่างไรดี?

“สรุปคุณก็ทำตามที่ฉันบอก ถ้าคุณไม่ยอมทำตาม คุณคงคาดถึงผลที่ตามมาได้นะ” อู่เยวี่ยหมดความอดทนแล้วเลยเปิดเผยธาตุแท้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีก

“แต่ยังมีคุณหมอตู้อีกคน เขา…” คุณหมอเกากังวลใจมาก

“เรื่องนี้คุณต้องหาวิธีจัดการเอาเอง ฉันแค่รอดูผลลัพธ์” อู่เยวี่ยคร้านจะพูดเปลืองน้ำลายอีกเลยหลับตาพักผ่อน

เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่ได้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ!

เหมยเหมยพึงพอใจกับสิ่งที่โจวจื่อหัวทำอย่างมาก สมกับที่เป็นเจ้าพ่ออันธพาล ความขี้โกงนี้ไม่มีใครเทียบได้เลย!

หากเป็นเจ้าพ่อที่มีสถานะคนอื่น ๆ ต่อให้โกรธเพียงใดก็ไม่มีทางใช้วิธีต่ำต้อยแบบนี้ในการต่อกรกับผู้หญิงคนหนึ่งหรอก ไม่งั้นพวกเขาคงหมดซึ่งศักดิ์ศรีแน่นอน

แต่โจวจื่อหัวต่างออกไป เขาผันตัวมาจากอันธพาลจอมโกงอยู่แล้ว สมัยหนุ่ม ๆทั้งหลอกทั้งโกงมานับครั้งไม่ถ้วน อู่เยวี่ยก้าวล้ำขอบเขตเขา เขาย่อมหาทางจัดการนังแพศยาคนนี้อย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว

ถึงขนาดเกือบจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้แล้วจะมัวแต่กลัวอับอายขายหน้าไปอีกทำไม?

“ฉันขอนับเวลาก่อน อีกสามเดือนถึงจะคลอด เด็กคนนี้หัวรั้นจริง ๆ ผ่านมาตั้งหลายเรื่องกลับยังแข็งแรงดี หรือว่าสวรรค์จะเป็นใจจริง ๆ?”

เหมยเหมยนึกในใจและสงสัยเหลือเกินว่าอู่เยวี่ยจะคลอดลูกหน้าตาแบบไหนออกมา

“สวรรค์อาจจะเป็นใจจริง ๆก็ได้!”

เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกไม่ต่างกัน ในเมื่อเด็กคนนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามที่สวรรค์ต้องการเถอะ

“พี่ เรารอคอยกันอย่างเงียบ ๆเถอะนะดีไหม?” เหมยเหมยมองเขา

ใช้แผนการทำร้ายเด็กทารกคนหนึ่งมันต่ำช้าเกินไปจริง ๆ ในเมื่อเด็กคนนี้อดทนมานานขนาดนี้ก็ช่างเถอะ!

รออู่เยวี่ยคลอดลูกออกมาก่อนค่อยหาโอกาสคิดบัญชีกับนังแพศยานี้แล้วกัน!

“อื้ม!”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปากแล้วหยิกแก้มเหมยเหมย

แต่ทว่า–

“ไอ้สารเลวเหยียนหมิงซุ่น แกคิดจะทำอะไรกันแน่? ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปแกรอดูนะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

เฮ่อเหลียนเช่อมาหาถึงที่อย่างเดือดดาล ตั้งท่าเหมือนจะท้าต่อยอย่างไรอย่างนั้น

…………………

ตอนที่ 1997 ออกหน้าเพื่อผู้หญิง

“แกเป็นบ้าอะไร? ลูกชายแกเป็นอะไรไปแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ใกล้จะระเบิดโทสะเหมือนกำลังมองคนโง่เขลาด้วยสีหน้าเย็นชา

“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นพวกเดียวกับโจวจื่อหัว โจวจื่อหัวเอารูปมาจากไหน? แกเป็นคนให้มันไม่ใช่หรือไง!” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดใส่ด้วยความเดือดดาล

เมื่อครู่นี้คุณหมอเกากับคุณหมอตู้ที่เขาส่งตัวไปต่างรายงานให้เขาฟังว่าอู่เยวี่ยความดันขึ้นเพราะเห็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ของโจวจื่อหัว บวกกับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะคลอดก่อนกำหนด

แม้เขาไม่ใช่หมอสูตินรีเวชแต่ก็รู้ว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดไม่แข็งแรงอย่างแน่นอน และอาจจะตายตอนเกิดได้

สำหรับเด็กคนนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนเช่อรักในฐานะพ่อ เขาแค่เป็นห่วงเรื่องที่ว่าเด็กคนนี้จะสร้างผลประโยชน์อะไรแก่เขาได้หรือไม่

เด็กคลอดก่อนกำหนดขี้โรค หนิงเฉินเซวียนจะชอบได้หรือ?

เช่นนี้เขาต้องเสียแรงทำลูกอีกคน นี่ต่างหากคือสาเหตุที่เฮ่อเหลียนเช่อโมโห

“แล้วก็ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดไม่กี่วันก่อนยัยจ้าวเหมยจงใจทำน้ำหกใส่ทำให้ภรรยาของฉันต้องเป็นไข้หวัดรุนแรง แล้วยังเป็นโรคไหล่อักเสบเพราะความชื้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นแกที่คอยบงการอยู่แน่นอน!”

เฮ่อเหลียนเช่อคิดบัญชีทีเดียว

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อย่างแรก รูปของโจวจื่อหัวไม่ได้มาจากฉัน”

แน่นอนว่ามาจากลูกน้องของเขาจึงไม่ใช่ตัวเขาเอง

“อย่างที่สอง เหตุผลที่คุณนายหนิงเป็นไข้หวัดรุนแรงกับไหล่อักเสบเพราะความชื้นเกี่ยวกับน้ำชาของเหมยเหมยจริงเหรอ? เฮ่อเหลียนเช่อแกอย่ามาโยนความผิดให้เหมยเหมยของฉัน!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างใจเย็นด้วยท่าทีน่าเกรงขามไม่เป็นรองอีกฝ่ายเลย

คุณชายที่มีอิทธิพลไม่แพ้กันประจำเมืองหลวงยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างนั้น

เฮ่อเหลียนเช่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอาการไข้หวัดกับไหล่อักเสบเพราะความชื้นของอู่เยวี่ยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยมากนัก แต่เขาต้องโยนความผิดนี้ไปให้คนอื่นให้ได้

“แกว่าไม่ใช่ก็ต้องไม่ใช่หรือไง? เหยียนหมิงซุ่น แกระวังตัวไว้ให้ดี สิ่งที่แกทำไว้กับลูกชายฉัน อนาคตฉันจะเอาคืนร้อยเท่า!”

เฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้จึงทำได้เพียงพูดข่มขู่

นอกจากเหยียนหมิงซุ่นไม่มีลูกตลอดชีวิต ขอแค่จ้าวเหมยท้องเขาจะหาทางฆ่าเด็กคนนั้นเสีย!

เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเย็นชาลง “ฉันไม่ให้โอกาสแกหรอก!”

ก่อนเฮ่อเหลียนเช่อจะลงมือทำเขาย่อมต้องหาทางกำจัดหมอนี่อยู่แล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อแสยะยิ้มด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง “งั้นก็รอดู!”

บางทีครั้งนี้อู่เยวี่ยคงถูกกระตุ้นค่อนข้างหนักบวกกับเฮ่อเหลียนเช่อที่เดือดดาลอย่างมากจึงสั่งให้ลูกน้องสร้างปัญหาให้โจวจื่อหัวที่ฮ่องกงแต่เห็นทีจะได้ผลอยู่บ้าง โจวจื่อหัวถูกเบี่ยงความสนใจออกไปจึงไม่ได้จ้องจะเล่นงานอู่เยวี่ยกัดไม่ปล่อยอย่างเดิมแล้ว

ส่วนทางโจวซิ่งเอ๋อร์เหยียนหมิงซุ่นก็ได้ส่งบอดี้การ์ดคุ้มกันเพิ่มจำนวนมากเพื่อรับประกันความปลอดภัย ทำให้เหมยเหมยสบายใจขึ้นไม่น้อย

ข่าวที่อู่เยวี่ยถูกคู่หมั้นของคุณชายหมิงทำร้ายจนต้องคลอดก่อนกำหนดแพร่งพรายไปทั่วเมืองหลวงในไม่ช้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเฮ่อเหลียนเช่อทั้งสิ้น

ภรรยาของเขาถูกรังแก หากเขาไม่ก้าวออกมาทำอะไรสักอย่างจะต้องตกเป็นที่สงสัยของคนอื่นอย่างแน่นอน นอกจากนี้จะหาว่าคุณชายเช่ออย่างเขาไร้ความสามารถ

แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นได้ทำการโต้ตอบกลับทันควัน เขาลงแถลงหน้าหนังสือพิมพ์เมืองหลวงโดยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคร่าว ๆ แต่เน้นอธิบายถึงลักษณะการแต่งตัวของอู่เยวี่ยรวมถึงเวลาที่เธอยืนตากลมหนาวข้างนอกเป็นสำคัญ

“คู่หมั้นของผมเป็นโรคเลือดจางเลยทำน้ำชาหกใส่ตัวคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างไม่ทันระวังตัว เรื่องนี้เธอทำผิดจริง ซึ่งผมรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง แต่—

เราไม่มีทางยอมรับความผิดที่ทำให้คุณนายเฮ่อเหลียนต้องคลอดก่อนกำหนดแน่ กล้ายืนโชว์อกโชว์ไหล่ในสภาพอากาศที่อุณหภูมิติดลบยี่สิบกว่าองศา เห็นทีคุณนายเฮ่อเหลียนต้องเป็นคนสุขภาพกายแข็งแรงมาก ๆ แล้วจะหวาดหวั่นต่อน้ำชาแก้วเล็ก ๆได้อย่างไรกัน?”

ชาวเมืองหลวงเห็นคุณชายผู้มีชื่อเสียงทั้งสองเริ่มปะทะกันเพราะผู้หญิง จึงต่างรอดูเรื่องสนุก ๆอย่างขบขัน

แค่รอดูเฉย ๆก็พอ!

……………………

ตอนที่ 1994 ถ้ามีลูกแฝดคงจะดี

เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วปลอบภรรยาอย่างใจเย็น “ที่รัก เรื่องที่ผิดนโยบายเราไม่ทำอยู่แล้ว หรือว่าเธออยากให้ฉันทำความผิดเหรอ?”

ความจริงการเปลี่ยนชนเผ่าไม่ใช่เรื่องยากแต่เขาทำไม่ได้ คนเดียวก็มากพอแล้วถ้าสองคนเขาคงเป็นบ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้

หากให้เขารู้ว่าใครเป็นคนคิดแผนพิเรนทร์นี้จะไม่ยอมปล่อยตัวไปเด็ดขาด!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังทานหม้อไฟอยู่ในร้านอาหารกับอิงจวี่กังเสียวสันหลังวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอรีบกวาดตามองรอบข้างด้วยความกังวลใจ

“เชี่ยนเชี่ยนทานสมองหมูสิ ต้มสุกแล้ว” อิงจวี่กังตักสมองหมูสีชมพูมาไว้ในถ้วยของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างขยันขันแข็ง นี่เป็นของโปรดของเธอและต้องสั่งทุกครั้งที่มาทานหม้อไฟ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนช่วยติดต่อบริษัทโฆษณาหนึ่งให้อิงจวี่กัง แม้หมอนี่หน้าตาไม่เป็นที่นิยมมากแต่มีความสามารถจริง ๆ โฆษณาที่เขาออกแบบได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากทางบริษัท บวกกับมีคนเจ้าแผนการอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ทำให้สองเดือนที่ผ่านมาอิงจวี่กังได้กำไรไม่น้อย

สถานที่นัดเดตของคู่รักจึงเลื่อนขั้นจากสระบัวก้าวกระโดดมาเป็นร้านอาหารเล็ก ๆหรือโรงภาพยนตร์ ในเมื่อมีเงินแล้วนี่นา!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกวาดตามองรอบข้างอีกที เมื่อพบว่าไม่มีเรื่องผิดสังเกตจึงทานสมองหมูอย่างสบายใจ

ภายใต้การล้างสมองและอบรมของเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยจึงล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนชนเผ่าในทะเบียน เธอจะเป็นต้นเหตุให้เหยียนหมิงซุ่นทำผิดไม่ได้นี่นา!

“ถ้ามีลูกแฝดก็ดีสิ ถ้าแฝดสามยิ่งดีเลย พี่ ฉันได้ยินมาว่ามีแฝดสี่แฝดห้าด้วยนะ คราวก่อนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกว่ามีสามีภรรยาชาวแคนาดาคู่หนึ่งมีลูกแฝดเจ็ด แข็งแรงทุกคนด้วยนะ โอ๊ย พวกเขาช่างมีความสุขเสียจริง!”

เหมยเหมยยังยึดติดกับเรื่องลูกไม่หาย เธอไม่ขออะไรมากไม่กล้าคิดถึงสี่คนหรือห้าคนหรอก ขอแค่คู่แฝดสองคนก็เพียงพอแล้ว

เด็กสองคนที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับตัวเอง แค่คิดก็รู้สึกว่าช่างงดงามเหลือเกิน เหมยเหมยจินตนาการภาพเด็กน้อยตัวอ้วนร่างขาวอยู่ในหัวแล้วก็น้ำลายไหลอยู่คนเดียว อดยิ้มโง่ ๆไม่ได้เลย

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ นี่โดนอะไรกระตุ้นมาถึงไม่เลิกฟุ้งซ่านเรื่องลูกสักที!

เขาลอบมองเอวคอดของเหมยเหมยที่ใช้มือเขาเพียงข้างเดียวก็กำรอบแล้ว เอวเล็กขนาดนั้นยังคิดจะมีลูกแฝดงั้นหรือ?

แค่คนเดียวเขาก็ปวดใจแย่แล้วเพราะกลัวเหมยเหมยท้องแตกเสียก่อน พอคิดว่าในท้องเหมยเหมยต้องอุ้มของที่หนักกว่าห้ากิโลกรัมเขาก็ไม่กล้าจินตนาการต่อแล้ว

ภาพนั่นน่าสะพรึงเกินไป!

“สองตระกูลเราไม่มียีนแฝด” เหยียนหมิงซุ่นพูดความจริงด้วยท่าทางเรียบนิ่ง เป็นการดับฝันของเหมยเหมยเละไม่เป็นท่า

หญิงสาวที่ชื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปากมากเกินไปหน่อยแล้ว คราวหลังเจอคงต้องเตือนสักหน่อยว่าคนพูดน้อยต่างหากที่ประสบความสำเร็จง่าย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งทานสมองหมูหมดกำลังเร่งเร้าให้อิงจวี่กังต้มไส้เป็ดซึ่งเป็นของโปรดของเธอเช่นกัน หม้อไฟควันลอยโขมงรมหน้าคุณหนูใหญ่เหริ่นจนดวงหน้าแดงระเรื่อ ดวงหน้าขาวเนียนใสที่ทำเอาคนบื้อบางคนมองจนตาค้าง

เขาชอบผู้หญิงอวบอั๋นอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพราะเวลากอดจะได้เต็มไม้เต็มมือ และชอบดูเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานเนื้อที่รู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งกว่าเวลาตัวเองทานเสียอีก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัวสะท้านเฮือกอีกทีพลางรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ เธอมองไปด้านหลังแวบหนึ่งก็ไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์น่าสงสัยอะไร มันแปลกเกินไปแล้ว

ใครกันที่คิดถึงเธออยู่ตลอดนะ?

หรือว่าเป็นพ่อที่กำลังสำนึกผิดอยู่ในเรือนจำของเธอ?

จะว่าไปไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อของเธอมาเกินครึ่งเดือนแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซื้อของอร่อย ๆไปเยี่ยมสักหน่อยดีกว่า ในเมื่อเป็นพ่อแท้ ๆเธอก็ต้องเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าและจัดงานศพให้สิ!

ทางเหยียนหมิงซุ่นที่โอ๋ภรรยาตัวเองเสร็จก็ไม่ได้มีเวลาว่างนัก แต่ติดต่อโจวจื่อหัวว่าวันนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เรื่องสนุก ๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ผู้หญิงที่กล้าวางแผนทำร้ายเขาอย่าคิดจะมีชีวิตสงบสุขแม้แต่วันเดียวเลย!

………………………….

ตอนที่ 1995 คลอดก่อนกำหนด

อู่เยวี่ยนอนอยู่บนเตียงอย่างทุกข์ทรมาน ระบมไปทั้งร่างไม่มีตรงไหนที่ไม่ปวด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อครั้นที่เธอต้องศัลยกรรมครั้งแรกมากโข

ไข้ลดลงแล้วโดยไม่ได้ใช้ยาใด ๆแต่ใช้น้ำแข็งประคบเอา จุดที่สร้างความเจ็บปวดแก่เธอคือตรงส่วนไหล่ต่างหาก

โดนความหนาวเย็นปะทะเป็นเวลานานทำให้ไหล่ของเธอเปราะบางราวกับแก้ว อีกทั้งใช้ยารักษาไม่ได้ทำให้ต้องทนเจ็บราวกับมีเข็มนับไม่ถ้วนกระหน่ำทิ่มแทงไปจนถึงกระดูกเสียอย่างนั้น

ราวกับธนูนับหมื่นปักลงกลางใจ!

อีกทั้งยังไม่เห็นจุดจบสักที!

“ขอร้องละให้ฉันใช้ยาเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ” อู่เยวี่ยอ้อนวอนคุณหมอขณะที่บริเวณหน้าผากมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด

คุณหมอเกามองคนรักที่นอนเจ็บปวดทรมานอยู่บนเตียงอย่างปวดใจ หากเป็นไปได้เขาก็อยากใช้ยารักษาอู่เยวี่ย แต่เฮ่อเหลียนเช่อออกคำสั่งเด็ดขาดแล้วเขาจึงไม่มีความกล้านั่น

“ทนอีกหน่อย อีกสามเดือนกว่า ไม่นานก็จะผ่านไปแล้ว” คุณหมอเกานวดให้อู่เยวี่ยหมายจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอได้บ้าง

ต่อให้ตอนนี้เขาอยากใช้ยากับอู่เยวี่ยแต่ก็ไม่มียาชนิดไหนให้ใช้ เฮ่อเหลียนเช่อยึดยาแก้อักเสบไปหมดบ้านแล้ว อีกทั้งยังสั่งให้คุณหมออีกคนคอยคุมไม่ละสายตา บางทีอาจจะสงสัยในตัวเขาแล้วสินะถึงทำให้คุณหมอเกากลัวยิ่งกว่าเดิม

อู่เยวี่ยมองเขาอย่างหยามเหยียด ไม่คิดจะร้องขอให้ผู้ชายคนนี้ช่วยเหลือเธออีก

บรรดาชู้รักทั้งหมดของเธอมีเพียงคุณหมอเกาที่ไร้ประโยชน์ที่สุด หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์พาไปเธอจะถูกใจคนไร้น้ำยาอย่างนี้ได้อย่างไร?

“ไม่ได้ สามเดือนกว่านานเกินไป มีวิธีให้คลอดก่อนกำหนดไหม?” อู่เยวี่ยกัดฟันถาม

เจ็บปวดทุกวันจนแม้แต่เวลานอนยังไม่แน่ไม่นอน เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าตนจะทนได้นานขนาดนั้น

ต่อให้เธอทนได้นานขนาดนั้นก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากคลอดลูกแล้วสุขภาพของตัวเองจะยังแข็งแรงดีเหมือนเดิม

เธอไม่อยากเห็นตัวเองต้องมีสภาพป่วยออด ๆแอด ๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

คุณหมอเกามองอู่เยวี่ยด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดแบบนี้แต่ก็ตอบกลับไปว่า “วิธีการก็พอมีอยู่หรอก แต่เด็กเติบโตในท้องแม่ได้นานแค่ไหนก็จะแข็งแรงได้มากเท่านั้น เด็กคลอดก่อนกำหนดส่วนมากจะมีโรคประจำตัวติดมาแต่เกิด”

อู่เยวี่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ายังไม่คลอดออกมาก็รับประกันสุขภาพฉันไม่ได้แล้ว ขอคลอดก่อนกำหนดหนึ่งถึงสองเดือนคงไม่เป็นไรหรอก”

ชีวิตจริงมีเด็กคลอดก่อนกำหนดตั้งมากก็ยังสุขภาพแข็งแรงดีดังเดิม แล้วจะมีโรคประจำตัวติดมาแต่เกิดได้อย่างไร?

“คุณไม่ต้องพูดไร้สาระกับฉัน คุณบอกฉันมาตรง ๆว่ามีวิธีไหนทำให้ฉันคลอดก่อนกำหนดไหม?” อู่เยวี่ยคำรามเสียงต่ำพร้อมสายตาที่ฉายแววเย็นยะเยือก

คุณหมอเกาตัวสะท้านเฮือกเพราะตกใจกับสายตาของอู่เยวี่ยเลยตอบกลับด้วยเสียงหวาดผวา “ก็พอมี แค่กระตุ้นปากมดลูกก็คลอดก่อนกำหนดได้แล้ว แต่แบบนี้จะไม่เป็นผลดีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก…”

อู่เยวี่ยพูดขัดเขากล่าวขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ตกลงตามนี้แล้วกัน อีกสองเดือนคุณหาทางให้ฉันคลอดก่อนกำหนด ห้ามทิ้งร่อยรอยใดไว้ และอย่าให้เฮ่อเหลียนเช่อจับได้ด้วย”

“แต่คุณชายเช่อ…”

คุณหมอเกาลังเลใจ เขาไม่กล้าทำเพราะหากถูกเฮ่อเหลียนเช่อจับได้ เขาต้องรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แน่ ๆ

อู่เยวี่ยพูดเสียงเย็นชา “ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน ฉันจะบอกเรื่องที่คุณหลอกล่อฉันให้คุณชายเช่อฟัง…”

คุณหมอเกาหน้าซีดเผือดมองอู่เยวี่ยอย่างไม่เชื่อสายตา แต่เสียใจก็ไม่ทันแล้วเพราะมันสายเกินไป

อู่เยวี่ยกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้คลอดก่อนกำหนด และทางโจวจื่อหัวกลับสร้างโอกาสให้เธอ

หลังจบงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดหนิงเฉินเซวียนไม่กี่วันโจวจื่อหัวก็ได้เคลื่อนไหวบางอย่างที่ฮ่องกง โดยปล่อยรูปของอู่เยวี่ยในวันเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดลงหนังสือพิมพ์แถมยังวงส่วนหัวไหล่เปลือยเปล่าของเธอไว้ นอกจากนี้ยังใช้รูปที่มีความคมชัดสูงอีกต่างหาก

อู่เยวี่ยในรูปน่าจะเป็นรูปหลังจากที่เหมยเหมยทำน้ำชาหกใส่จึงเผยให้เห็นรอยแผลเป็นตรงไหล่อย่างชัดเจน

………………….

ตอนที่ 1992 พี่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง

เรื่องที่เหมยเหมยกับเฮ่อเหลียนชิงป่วนงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนชิงไปแสร้งด่าต่อหน้าสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนยกหนึ่ง

เฮ่อเหลียนชิงกับเหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะปริเสียงสักคำปล่อยให้นายใหญ่ด่าอยู่อย่างนั้น ท่าทางสำนึกผิดที่ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนเกลียดจนคันฟันยุบยิบแต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้

แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?

“ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง? ป่วยตายไปหรือยัง?” เหมยเหมยถามเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสนอกสนใจนึกอยากให้ตระกูลหนิงส่งบัตรเชิญมาอีก แต่เป็นบัตรเชิญงานศพของอู่เยวี่ย

“ตายคงไม่ตายหรอก เธอดวงแข็งจะตายไป แต่โดนหนักขนาดนั้นคงทรมานมากแน่ ๆ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบ

อู่เยวี่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลานาน ทั้งยังไม่ได้รับความอบอุ่นร่างกายอย่างดีเลยเป็นไข้หวัดรุนแรง ไข้ขึ้นสูงไม่ลดนำมาซึ่งอาการปอดอักเสบและโรคปวดตามหัวไหล่เพราะโดนความชื้น บวกกับใช้ยารักษาไม่ได้ทำให้อาการป่วยหนักขึ้นเรื่อย ๆ

“สมน้ำหน้า ฉันว่าเธอไม่สนใจเด็กในท้องด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมทำตามวิธีโง่ ๆของเฮ่อเหลียนเช่อล่ะ!” เหมยเหมยด่า

เด็กที่เกิดมาอยู่ในท้องของอู่เยวี่ยช่างอับโชคยิ่งนัก!

เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วย ไม่เพียงแค่อู่เยวี่ยที่ไม่สนใจแต่เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนก็ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้สักคน ในสายตาพวกเขาเด็กก็คือเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด

คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับการมีลูก!

“ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาจะเป็นอย่างไรบ้าง เฮ้อ!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงสลด

“คนปกติมีโอกาสหายดีไม่ถึงสามในสิบด้วยซ้ำ” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจ เขาเคยถามจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว พวกเขาล้วนแต่กล่าวเช่นนี้กันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังแนะนำไม่ให้คลอดเด็กคนนี้ออกมาเพราะไม่เพียงแค่พ่อแม่ที่เจ็บปวดแต่เด็กจะเจ็บปวดยิ่งกว่า

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยช่างสร้างเวรสร้างกรรมจริง ๆ!

“หวังว่าอู่เยวี่ยจะป่วยหนักกว่านี้ ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน!”

อู่เยวี่ยตอนนี้ท้องได้หกเดือนครึ่งซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสามเดือนจะถึงเวลาคลอด ไม่นานคงได้เห็นผลแล้ว

“พี่ พี่ชอบลูกชายหรือลูกสาว?” เหมยเหมยนึกถึงคำพูดของคุณย่าหยางกับเหยียนซินหย่าตอนช่วงปีใหม่พลันก็รู้สึกสนใจขึ้นมา อีกสองปีจะเรียนจบคงถึงเวลาคิดเรื่องนี้แล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นตุบ เฉินซานยังอยู่อเมริกา อีกอย่างต่อให้เขากลับมาก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อมดยอดฝีมือจะช่วยขับพิษได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เขากับเหมยเหมยคงไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้อีกตลอดชีวิต!

หากเหมยเหมยรู้เรื่องนี้เข้าจะเสียใจหรือเปล่านะ?

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่าเหมยเหมยชอบเด็กมากเพียงใด เอาแต่พูดถึงเด็กอยู่วันเว้นวัน บางครั้งไปห้างสรรพสินค้าเห็นของใช้สำหรับเด็กทารกเธอก็จะยืนมองอยู่พักใหญ่ ถึงขั้นซื้อตุ๊กตาน่ารักกลับบ้านบอกว่าเตรียมเผื่อไว้วันข้างหน้า

“ไม่รีบ พี่ถามคุณหมอแล้วว่าช่วงอายุที่ผู้หญิงเหมาะมีลูกมากที่สุดคือยี่สิบหกปี แบบนี้จะดีต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก”

เหยียนหมิงซุ่นอยากเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องนี้ ยื้อได้กี่ปีก็ยื้อตามนั้น

เหมยเหมยไม่พอใจพร้อมมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสงสัย ทุกครั้งที่พูดถึงเด็กทีไรหมอนี่มักพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้เสมอ หรือว่า–

“เหยียนหมิงซุ่น พี่ไม่ชอบเด็กใช่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงขรึมสองแขนเท้าสะเอว

ถ้ากล้าพยักหน้ายอมรับละก็เธอจะทุบเข้าให้!

เหยียนหมิงซุ่นรีบกลืนคำว่า ‘ใช่’ ลงคอไป “จะใช่ได้อย่างไรล่ะ?”

เหมยเหมยเองก็ไม่ได้คิดมาก สำหรับเธอแล้วเด็กก็เหมือนนางฟ้าตัวน้อย แล้วเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ชอบได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ต้องเป็นเพราะเธอคิดมากไปแน่ ๆ

“งั้นพี่ชอบลูกสาวหรือลูกชายเหรอ? เสียดายจังที่มีได้แค่คนเดียว ถ้าได้ชายคนหญิงคนคงดีที่สุดเลย” เหมยเหมยเท้าคางมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความรู้สึกเสียดาย เธออยากคลอดนางฟ้าตัวน้อยสักคอกหนึ่งจัง!

……………………….

ตอนที่ 1933 พี่เปลี่ยนชนเผ่าเป็นชาวแมนจู

เหยียนหมิงซุ่นชาวาบที่หนังศีรษะ แค่คนเดียวก็มากพอสำหรับเขาแล้วยังคิดจะมีสองคนเลยเหรอ?

ชีวิตจะยังสงบสุขอยู่อีกไหม?

แน่นอนว่าจะพูดไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาอย่าคิดจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย

“ขอแค่เป็นลูกของเหมยเหมย จะลูกชายหรือลูกสาวพี่ก็ชอบหมดแหละ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพร้อมกับบ่นในใจไปด้วย เลี้ยงลูกสู้เลี้ยงฉิวฉิวฉาฉาดีกว่า เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้เป็นเด็กดีจะตาย ขอแค่มีของกินมีน้ำให้ดื่มก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ

ส่วนเด็กน้อยทั้งต้องคอยดูแลเรื่องปัสสาวะอุจจาระทั้งป้อนนมแล้วยังต้องเล่นเป็นเพื่อน ที่สำคัญคือปัญหาทางด้านการศึกษา หากโตมาฉลาดก็แล้วไปแต่หากโตมาเป็นคนไร้สมองอย่างเหยียนหมิงต๋าคงทำให้เขากระอักเลือดได้

ในเมื่อไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะยอดเยี่ยมอย่างเขา!

เหมยเหมยยิ้มหน้าบานมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วยู่ปากเอ่ย “คุณย่าบอกว่าชอบเหลนสาว แม่ฉันบอกว่าทางที่ดีก็ให้มีลูกหลังเรียนจบเลย แบบนี้จะได้ฟื้นตัวไว พี่ ถ้าตอนนี้เรามีลูกกัน แล้วรอจัดงานแต่งงานหลังเรียนจบให้ลูกของเราเป็นเด็กถือดอกไม้ดีไหม?”

“พรวด”

เหยียนหมิงซุ่นที่ทานซุปอยู่พ่นน้ำซุปเลอะโต๊ะอาหารเพราะความตกใจเป็นครั้งแรก เหมยเหมยขยับตัวหนีอย่างรังเกียจแล้วถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทานข้าวทานดี ๆไม่ได้หรือไงกัน

เหยียนหมิงซุ่นดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดด้วยใจที่เต้นตุ่ม ๆต่อม ๆ ตอนนี้จะให้เขามีลูกได้อย่างไร?

ความคิดฉบับศิลปินของแม่ยายของเขานี่มันจริง ๆเลย…

“เด็กดี ตอนนี้เอาเรื่องการเรียนเป็นหลักก่อน ท้องป่องจะไปเรียนอย่างไรล่ะ? รอหลังเรียนจบเราค่อยคิดเรื่องลูกนะดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น ทั้งตัดสินใจเร่งเสี่ยวกัวให้เขารีบอีกสักหน่อย

เหมยเหมยก็แค่พูดไปงั้น ๆ ก่อนเรียนจบจะมีลูกไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาหรอกนะ

เพียงแต่ปฏิกิริยาของเหยียนหมิงซุ่นรุนแรงเกินไปหรือเปล่า!

“วันนี้พี่เป็นอะไรกันแน่ ดูท่าทางลนลานแปลก ๆ พี่ไม่ชอบเด็กจริง ๆใช่ไหม?” เหมยเหมยซักถาม เธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังกับความชื่นชอบในตัวเด็กจากเหยียนหมิงซุ่นเลยสักนิดเดียวเลยรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

“ที่รักคิดมากไปแล้ว พี่ไม่ชอบเด็กก็จริง แต่ถ้าเป็นลูกของเราต้องชอบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีลูกจริง ๆ” เหยียนหมิงซุ่นตักน้ำซุปให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วยแล้วพูดโอ๋อีกพักใหญ่ถึงเบี่ยงประเด็นเรื่องลูกไปได้

แต่ว่า–

เหมยเหมยที่ยังไม่ลืมเรื่องลูก หลังทานซุปหมดพลันก็ฉุกคิดถึงเรื่องที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคยพูดเอาไว้เลยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ หรือว่าพี่ทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยให้ฉันสักเล่มสิ จะชนกลุ่มไหนก็ได้ขอแค่ไม่ใช่ชาวฮั่นก็พอ”

เหยียนหมิงซุ่นงงงวยเพราะตามความคิดของภรรยาตัวเองไม่ทัน นี่หมายความว่าอย่างไร?

สอบเกาเข่าไปแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงต้องทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยด้วย?

“แฟนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นชาวจ้วง เธอบอกว่าอนาคตเธอมีลูกได้สองคน ส่วนฉีฉีเก๋อเป็นเผ่ามองโกล เธอก็มีลูกได้สองคน พี่ พี่แก้ชนชาติในทะเบียนบ้านให้ฉันสิ ฉันไม่เป็นชาวฮั่นแล้ว ห้าสิบหกชนกลุ่มน้อยก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน พี่จะเปลี่ยนเป็นเผ่าไหนก็ได้”

พวกเธอสามคนชอบคุยเรื่องลูกกันในเวลาว่าง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อในตอนนั้นได้ใจอย่างมากบอกว่าพวกเธอสามารถมีลูกคนที่สองได้อย่างเปิดเผย แต่เหมยเหมยกลับมีได้แค่คนเดียวอย่างน่าสงสาร ทำเอาเธอนึกอิจฉาริษยาเสียเหลือเกิน!

หลังจากนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ได้คิดแผนพิเรนทร์ให้เธอ บอกว่าเหยียนหมิงซุ่นเก่งขนาดนี้ลองใช้เส้นสายเปลี่ยนชนเผ่าในทะเบียนบ้านและแนะนำให้เธอเปลี่ยนเป็นชาวแมนจูเรีย เพราะบรรพบุรุษตระกูลจ้าวมีชาวแมนจูเรียอยู่ไม่น้อยซึ่งประจวบเหมาะพอดี

ในตอนนั้นเหมยเหมยแค่คิดว่าเป็นเรื่องขำขันเท่านั้นแต่เมื่อครู่เผลอนึกถึงมันเลยคิดว่าสมแล้วที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาด สมองก็คิดได้เสียจริง

“พรวด!”

เหยียนหมิงซุ่นพ่นน้ำซุปออกมาอีกคำแล้วมองหญิงสาวตัวน้อยที่กำลังตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย

จะให้ทานข้าวดี ๆอยู่ไหมนะ?

…………………….

ตอนที่ 1990 เต่าหัวเขียว

ทุกคนเองก็ถูกเฮ่อเหลียนชิงจุดประกายความสนใจขึ้นมา ฟังแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือว่าจะเป็นม้า?

ความชื่นชอบม้าของหนิงเฉินเซวียนเป็นที่ขึ้นชื่อในเมืองหลวง ปีที่แล้วม้าดี ๆตัวหนึ่งถูกเฮ่อเหลียนชิงตัดหน้าไปก่อนทำเอาหนิงเฉินเซวียนหงุดหงิดไปพักใหญ่ หรือว่าปีนี้เฮ่อเหลียนชิงจะเอาม้าตัวนั้นส่งคืนให้กันนะ?

แต่ทำไมม้าถึงชื่อเจ้าเขียวกันล่ะ?

ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่หวังดีอยู่แล้วแต่ยิ่งเขาพูดเช่นนี้คนอื่น ๆก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ ต่างยื่นคอชะเง้อมองตามหลังเสี่ยวเมิ่งอยากรู้ว่าเขาจะเอาของรักอะไรมากันแน่

“ฉันไม่สนใจของขวัญของแก ไม่จำเป็นต้องเอามาหรอก” หนิงเฉินเซวียนที่รู้แผนชั่วร้ายของเฮ่อเหลียนชิงตั้งแต่แรกจึงไม่มีความอยากรู้เลยสักนิดว่าเจ้าเขียวคือตัวอะไร วันนี้อับอายมากพอแล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องการฉลองวันเกิดจนจบงานอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากให้มีประเด็นอื่นเกิดขึ้นอีก

เฮ่อเหลียนชิงกล่าวด้วยท่าทีกระตือรือร้น “อย่าสิ นี่ของดีเชียวนะ เป็นของดีที่ร้อยปีกว่าจะเจอที ถ้าไม่ใช่เพราะวันเกิดแกฉันคงทำใจให้คนอื่นไม่ได้หรอกนะ!”

เขาเร่งเสี่ยวเมิ่งอีกที “แกเร็วหน่อย ชักช้ายืดยาดอยู่นั่น”

เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกพลางสอดมือเข้ากระเป๋าหยิบกล่องไม้ประดู่ม่วงขนาดใหญ่ออกมา เพียงแต่กล่องนี้ก็ไม่ใช่ของที่จะเห็นได้ทั่วไปจึงทำให้ทุกคนยิ่งคาดหวังกับมันมากขึ้น

หรือว่าเฮ่อเหลียนชิงคิดจะขอคืนดี?

ถึงได้เอาของดีมาแสดงความยินดีในงานเลี้ยงวันเกิดโดยเฉพาะหรือ?

เหมยเหมยที่อยู่โต๊ะข้าง ๆก็แปลกใจไม่แพ้กันเลยถามเหยียนหมิงซุ่นเสียงเบา “พี่รู้ไหมว่าเจ้าเขียวคืออะไร?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่ต้องไม่ใช่ของดีอะไรแน่”

จากระดับความแค้นล้นฟ้าของพ่อบุญธรรมเขาแล้ว เป็นไปได้หรือที่จะให้ของดี?

ไม่ป่วนจนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสิแปลก!

เฮ่อเหลียนชิงแย่งกล่องนั้นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขยิบตาให้หนิงเฉินเซวียนทีหนึ่งแล้วเปิดฝากล่องออกมาอย่างไม่ลังเล เผยให้เห็นของดีข้างใน…

“ซี๊ด”

คนที่เห็นของข้างในชัดเจนต่างสูดปากกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วก้มหน้าทานข้าวต่ออย่างรวดเร็ว ยุ่งเรื่องคนอื่นให้น้อย ๆหน่อย เรื่องทานข้าวถือเป็นเรื่องใหญ่

ที่แท้เจ้าเขียวของดีที่เฮ่อเหลียนชิงพูดถึงกลับเป็นเต่าหัวเขียวขนาดใหญ่เท่าถ้วยหนึ่งใบ บนตัวมีขนสีเขียวเข้มยาวสยายขึ้นเต็มไปหมด หากมองไกล ๆจะเห็นเหมือนก้อนเมฆสีเขียว

เต่าหัวเขียวเป็นหนึ่งในสี่ชนิดของเต่าสุดประหลาดในประเทศจีน เฮ่อเหลียนชิงเองก็พูดไม่ผิด เต่าหัวเขียวขนาดใหญ่แบบนี้เป็นของดีที่ร้อยปีถึงจะเจอหนหนึ่ง แต่ว่า–

การมอบของขวัญในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดแบบนี้ อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งก่อเรื่องใหญ่โตไป ไม่ว่าใครคงไม่มีทางเชื่อเฮ่อเหลียนชิงว่าแค่ต้องการมอบเต่าหัวเขียวเป็นของขวัญด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์หรอก

เต่าเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุที่ยืนยาว แถมยังเป็นเต่าหัวเขียวเสียด้วย…

จิ๊ ๆ!

เฮ่อเหลียนชิงเลื่อนกล่องไปตรงหน้าหนิงเฉินเซวียนพร้อมทำหน้าจริงใจ “เหล่าหนิง เรารู้จักกันมาหลายสิบปี ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชีวิตแล้ว อย่าไปคิดถึงเรื่องความแค้นในอดีตเลย เต่าตัวนี้แกรับเอาไว้ก็ถือว่าเราคืนดีกันแล้ว”

คนอื่นทำหน้าตกใจลอบด่าเฮ่อเหลียนชิงที่ใช้แผนการสุดแสนจะร้ายกาจ

หากรับเต่าหัวเขียวนี้ไว้หนิงเฉินเซวียนจะกลายเป็นคนตลกของคนทั้งเมืองหลวง แต่ถ้าไม่รับไว้ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นคนใจคับแคบ ไม่ว่าจะเลือกทางใดเฮ่อเหลียนชิงก็ได้เปรียบกว่าเห็น ๆ

เฮ่อเหลียนเช่อมาแล้ว เมื่อครู่เขาไปดูอู่เยวี่ยพลางให้คุณหมอช่วยตรวจเช็กร่างกายให้เธอหน่อยซึ่งดูอาการไม่สู้ดีนักเนื่องจากทนหนาวเป็นเวลานานเลยเป็นไข้

คนท้องไข้ขึ้นไม่ใช่เรื่องดี เฮ่อเหลียนเช่อให้คุณหมอพยายามรักษาเด็กในท้องไว้ให้ได้ หลังจากพูดสั่งทิ้งท้ายเสร็จถึงออกมารับแขก ทันทีที่ออกมาก็เห็นเต่าหัวเขียวที่เฮ่อเหลียนชิงวางไว้บนโต๊ะพลันก็บันดาลโทสะ

“ไอ้แก่พวกแกทั้งครอบครัวจงใจมาป่วนงานสินะ เต่าหัวเขียวนี่แกเก็บไว้ใช้เองเถอะ”

เฮ่อเหลียนเช่อคว้าเต่าหัวเขียวขึ้นแล้วเขวี้ยงใส่พื้นอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง เต่าที่น่าสงสารตกใจรีบหดคอเข้ากระดอกแล้วกลิ้งบนพื้นหลายตลบจนขนสีเขียวร่วงตามรายทาง….

……………………..

ตอนที่ 1991 ทุกคนย่อมรู้ภาระหน้าที่ตัวเอง

เต่าเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เห็นว่าเป็นเพียงเต่าธรรมดาที่ซื้อได้ตัวละหยวนตามท้องตลาดมากมาย

ส่วนขนยาวสีเขียวเข้มนั่นกลับเป็นการเอาขนสีเดียวกันมาติดให้ ตอนเขวี้ยงเฮ่อเหลียนเช่อใช้แรงไม่น้อยทำให้ขนพวกนั้นหลุดร่วงจนหมด

เหมยเหมยรีบเอามือปิดปากไว้พร้อมอาการไหล่สั่น เฮ่อเหลียนชิงช่างคิดเสียจริง…

ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นสมบัติหายากร้อยปีที่ใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะหาเจอ เอาหน้าจากไหนมาพูดกัน!

แต่…สะใจจริง ๆ!

“โอ้ย…วัยรุ่นขี้โมโหจริง เต่ามันหาเรื่องอะไรแกหรือไง? น่าสงสาร…”

เฮ่อเหลียนชิงสั่งให้เสี่ยวเมิ่งที่ตื่นตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเก็บเต่าขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ ลูบปลอบทำเป็นไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อ

เหยียนหมิงซุ่นดึงตัวเหมยเหมยที่ยังแอบขำขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “นิ่งไว้”

เหมยเหมยรีบหุบยิ้มกลั้นขำพลันทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมยิ่งกว่าใคร

เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าเธออย่างพึงพอใจแล้วเดินไปหาเฮ่อเหลียนชิง “พ่อครับ นี่ก็ดึกแล้ว เราควรกลับบ้านได้แล้วครับ”

ป่วนงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคนอื่นพังไม่เป็นท่า แล้วจะอยู่ต่อให้เขาซ้อมหรือไงเล่า?

เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเมิ่ง “รีบเข็นฉันกลับเลย หนาวจะตายอยู่แล้ว”

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มให้สองพ่อลูกตระกูลหนิงที่ยืนทำหน้าถมึงทึง “รบกวนแล้ว ขอให้คุณท่านหนิงมีโชคมีลาภ อายุยืนยาว ขอตัวก่อน!”

“ช้าก่อน!”

เฮ่อเหลียนเช่อเรียกเขาไว้แล้วชี้นิ้วใส่เหมยเหมยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ภรรยาของฉันเป็นไข้เพราะผู้หญิงของแกทำน้ำหกใส่ บัญชีนี้ควรสะสางอย่างไร?”

เหตุที่อู่เยวี่ยเป็นไข้แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะน้ำชาร้อนของเหมยเหมยแต่เพราะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานถึงเป็นหวัด แต่ความผิดนี้เฮ่อเหลียนเช่อต้องหาทางโยนให้คนอื่นแทน

เหมยเหมยลอบดีใจ อู่เยวี่ยเป็นไข้หรือ?

ฟ้าช่างมีตา!

“คุณชายเช่ออย่ามาใส่ร้ายคนดีกันง่าย ๆแบบนี้สิ ฉันไม่ระวังตัวถึงได้ทำชาร้อนหกใส่ภรรยาคุณ แต่ตอนนั้นฉันก็รีบเช็ดให้ทันทีใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำแล้วจะหนาวนานสักแค่ไหนเชียว? อีกอย่างถ้าโอหยางซานซานต้านหนาวไม่ได้ทำไมวันอากาศหนาวจัดแบบนี้ถึงใส่ชุดโชว์หน้าอกโชว์ไหล่ล่ะ ถ้าใส่เสื้อผ้ามิดชิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วนี่”

เหมยเหมยไม่ยอมเป็นแพะรับบาปนี้หรอกจึงทำการโต้กลับไปอย่างไม่ลังเล

เฮ่อเหลียนชิงได้ยินเข้าก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการหาเรื่องพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไว เอ่ยเสียงแหลมสูง “นั่นน่ะสิ ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิหนาวยิ่งกว่าอากาศของเดือนธันวาคมด้วยซ้ำ คนอื่นเขามีแต่อยากจะห่อตัวด้วยผ้านวมออกจากบ้านแต่ลูกสะใภ้ของตาแก่หนิงสมองไม่ปกติ แทบจะเปลื้องผ้าออกจากบ้านอยู่แล้ว ทั้ง ๆที่กำลังท้องอยู่แล้วยังไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวอีก เหอะ…”

หนิงเฉินเซวียนหน้าขรึมกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “แต่จ้าวเหมยทำน้ำหกใส่ลูกสะใภ้ฉันเป็นเรื่องจริง เฮ่อเหลียนชิงแกคิดจะปฏิเสธเหรอ?”

“ความจริงก็คือความจริง ถึงจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากแต่ยังไงซะก็เป็นเด็กบ้านฉันไม่รู้ความนี่นา เอาอย่างนี้แล้วกันไว้กลับไปฉันจะสั่งสอนเด็กคนนี้เอง ค่ารักษาของพวกแกฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด แบบนี้คงได้แล้วสินะ?”

เฮ่อเหลียนชิงทำหน้าเหมือนว่า ‘ฉันใจกว้างมากจะไม่ถือสาแล้วกัน’ ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนคันปากยุบยิบ นึกอยากจะจัดการมันให้ตาย ๆไปเสีย

“ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยจ้าวเหมยไปแน่” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกราวกับเสียงของซาตานจากแดนนรก

เหมยเหมยตกใจสะดุ้งเฮือกแล้วขยับตัวใกล้เหยียนหมิงซุ่นอีกหน่อย

เหยียนหมิงซุ่นกระชับกอดเธอแน่นแล้วแค่นหัวเราะให้เฮ่อเหลียนเช่อ แม้เสียงไม่ดังมากแต่กลับดังพอให้แขกในที่นี้ได้ยินกันถ้วนหน้า

“คุณชายเช่อพูดแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลสิ แน่นอนว่าเราหวังว่าลูกของนายจะแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ต่อให้เป็นลูกของชาวบ้านทั่วไปก็ยังยากจะรอดพ้นจากมันได้ แล้วนี่ยังเป็นลูกของนายอีก? ความผิดนี้เหมยเหมยของฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ และจะไม่ยอมรับด้วย”

เฮ่อเหลียนชิงปรบมือหัวเราะเสียงดัง “หมิงซุ่นพูดถูก ทุกคนย่อมรู้หน้าที่ภาระตัวเองดี คนบ้านเราไม่ชอบเป็นแพะรับบาปหรอกนะ กลับ!”

………………………..

ตอนที่ 1988 ยิ่งซ่อนยิ่งเห็นชัด

พอบรรดาแขกได้ยินคำว่ารอยแผลเป็นก็หูตั้ง แอบร้องเฮในใจว่ามีเรื่องสนุก ๆให้ดูแล้ว

คนที่สมองดีหน่อยเพียงแค่ขบคิดเล็กน้อยไม่นานก็สามารถประติดประต่อเรื่องราวเข้ากับรูปถ่ายของโจวจื่อหัวได้ เจ้าพ่อโจวบอกอย่างชัดเจนว่าชู้รักคนนั้นของเขาสักรูปนกฟินิกซ์ไว้ตรงช่วงไหล่มาถึงช่วงหน้าอกตัวหนึ่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ตรงไหปลาร้ายังมีไฝแดงอีกหนึ่งเม็ด

หลังจากนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็เงียบไปแต่อยู่ ๆก็จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดให้หนิงเฉินเซวียน วันอากาศหนาวเหน็บอย่างนี้เจ้าภาพกลับสวมชุดตัวบางแบบนี้

ความหมายที่แอบแฝงอยู่ขอแค่มีสมองสักนิดก็คิดได้ทั้งนั้น!

มิน่าคุณหนูจ้าวกับคุณชายหมิงถึงร่วมมือกันเล่นงานคุณนายเฮ่อเหลียน!

อู่เยวี่ยก้มมองรอยแผลเป็นที่ตนอุตส่าห์หาทางปกปิดมันด้วยแววตาที่ฉายแววลนลานชั่ววูบ แผลพวกนี้มีมากเกินไป ต่อให้ใช้ยารักษาแผลเป็นที่ดีที่สุดก็ไม่หาย เธอจำใจต้องสักลายนกฟินิกซ์ทับรอยแผลเป็นพวกนี้

แต่ตอนนี้…

อู่เยวี่ยรู้สึกสลดใจ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

จ้าวเหมยกลายเป็นคนฝีมือฉกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

“คุณหนูจ้าวจะตะโกนเสียงดังทำไม พวกนี้แค่แผลน้ำร้อนลวกเท่านั้นเอง สมัยที่เรียนต่างประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะต้องทำงานหาค่าเทอมที่ร้านอาหารเลยโดนน้ำซุปร้อนลวกใส่โดยไม่ทันระวังตัวถึงได้มีสภาพน่ารังเกียจอย่างตอนนี้ ถ้าคุณจ้าวรู้สึกไม่สวยก็อย่ามองเถอะ”

ไม่นานอู่เยวี่ยก็ได้ทำการตอบโต้แถมยังรักษาภาพลักษณ์อันดีให้ตัวเองอย่างไม่มีวันตาย ช่างฉลาดเสียจริง

เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ “ที่แท้ก็แผลโดนน้ำร้อนลวกนี่เอง เมื่อกี้เห็นฉันคิดว่าโดนอะไรกรีดมาซะอีก อย่างเช่นกรีดเอาลายดอกไม้เอยดอกหญ้าเอยนกเอยปลาเอยอะไรเทือกนี้ออกไปจากบนผิวหนัง”

อู่เยวี่ยอดประชดไม่ได้ “จ้าวเหมยเธอไม่มีความรู้ก็อ่านหนังสือเยอะ ๆหน่อย ลบรอยสักใช้เลเซอร์ในการลบ กรีดบ้าบออะไรกัน!”

“ที่แท้ลบรอยสักใช้แสงเลเซอร์เองหรอกเหรอ ฉันคิดว่าใช้มีดกรีดเอาชั้นผิวหนังที่โดนสักทิ้งซะอีก ได้ความรู้ใหม่แล้วจริง ๆ โอหยางซานซานเธอรู้เยอะจัง เธอเคยลบมาหรือเปล่า?”

เหมยเหมยทำหน้าเกินจริงพร้อมการแสดงท่าทางเกินจริงซึ่งใคร ๆก็ดูออกว่าเธอกำลังปั่นหัวอยู่ ในตอนนี้อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกตัวจึงลอบด่าอีกฝ่ายในใจ โดนวางกับดักเข้าเสียได้

“ฉันจะเคยลบรอยสักได้อย่างไรกัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายต้องขอตัวก่อนล่ะ”

อู่เยวี่ยตีหน้านิ่งเลิกชายกระโปรงขึ้นกลับเข้าห้องไป คราวนี้เหมยเหมยไม่ได้ห้ามเธอไว้ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วนี่นา!

เชื่อว่าแขกในที่นี้ทุกคน ตอนนี้คงรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร

“คุณชายเช่อ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ไว้กลับไปฉันจะให้คนเอาโสมป่าอายุห้าสิบปีมาให้เป็นการไถ่โทษ ขอให้คุณนายกับลูกสุขภาพแข็งแรงปลอดภัยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นถ่อมตัว ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะมีไฟโทสะสุมอยู่เต็มอกก็ไม่อาจระบายออกมาได้ ทำได้เพียงเก็บอัดอั้นไว้อย่างนั้น

“ไม่จำเป็น บ้านฉันขาดแคลนโสมป่าซะเมื่อไร”

เสียงพูดเล็ดลอดไรฟัน เฮ่อเหลียนเช่อใช้สายตาดุดันมองมายังสองคนนี้ เขาเสียแรงวางแผนมาตั้งนานแต่ดันถูกสองคนนี้ทำลายจนไม่เหลือสภาพ

“พี่ คุณชายเช่อมีกิจการใหญ่โตทั้งเป็นคนใจกว้าง คงไม่ถือสาเราหรอก เรารีบไปทานข้าวกันเถอะ หิวจนท้องแฟบไปหมดแล้ว”

เหมยเหมยเสียดายโสมป่าแม้จะเป็นเพียงโสมอายุห้าสิบปีและไม่ใช่ของหายาก ในเมื่อมีคุณชายฉิวผู้มากความสามารถอยู่ ต่อให้เป็นโสมอายุห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เธอไม่อยากให้คนแพศยาอู่เยวี่ย ยอมป้อนให้หมากินยังจะดีเสียกว่า

“ตัวแสบ!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างรักใคร่แล้วยิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อที่ทำสีหน้าถมึงทึง “ในเมื่อคุณชายเช่อไม่ถูกใจ งั้นฉันทำตามความต้องการของคุณแต่โดยดีแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะส่งแตงโมมาให้หนึ่งคันรถ คุณนายอารมณ์ฉุนเฉียวจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ทานแตงโมช่วยดับไฟหน่อยแล้วกันนะ”

“แกเก็บไว้ทานเอง…”

เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันพูดจบเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยกลับเดินหนีไปไกลเสียแล้ว เสียงของเขาจึงลอยหายไปตามสายลม…

ให้ตายเถอะ!

……………………….

ตอนที่ 1989 ของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้อย่างดี

หลังจากหนิงเฉินเซวียนรับแขกเสร็จก็รู้เรื่องที่เหมยเหมยทำกับอู่เยวี่ยจากลูกน้องจนสีหน้าถมึงทึงในฉับพลัน แม้ภายหลังได้พยายามเค้นรอยยิ้มแล้วแต่เพราะอารมณ์ไม่ดีเลยยิ้มได้ค่อนข้างน่าสะพรึงพอสมควร

บวกกับมีเจ้าคนที่เกรงว่าโลกนี้ยังป่วนไม่พออย่างเฮ่อเหลียนชิง หากอยู่ว่าง ๆก็ก่อเรื่องได้ ตอนนี้เปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ฉะนั้นเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้อย่างไร

เฮ่อเหลียนชิงออกตัวขอนั่งร่วมโต๊ะเจ้าของวันเกิดด้วยตัวเองด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของวันเกิดมาหลายปีเลยต้องนั่งด้วยกัน แบบนี้จะได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของพวกเขา

“ตาแก่หนิง ฉันให้เกียรติแกมากเลยนะที่หาเวลาว่างมาร่วมแสดงความยินดีกับแก ของขวัญวันเกิดฉันใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะได้มา เสียแรงไม่น้อยเชียว!”

เฮ่อเหลียนชิงยิ้มร่าหน้าสดใส ต่างไปจากหนิงเฉินเซวียนที่สีหน้าบึ้งตึงอารมณ์ไม่ดีจะแย่อยู่แล้ว

ตอนนี้เขาเห็นลูกสะใภ้จ้าวเหมยเข้าตาขึ้นเรื่อย ๆ ช่างถูกใจคนแก่อย่างเขาเหลือเกิน!

เหยียนหมิงซุ่นแววตาใช้ได้ ทั้งยังมีความแน่วแน่มั่นคงไม่ได้เปลี่ยนใจภายใต้คำขู่เข็ญจากเขา ไม่เลว ไม่เลวจริง ๆ

อนาคตลูกของสองคนนี้คงฉลาดซุกซนไม่เบา เห็นทีคงน่าสนุกยิ่งกว่าต้าหวงที่อ้วนขึ้นเรื่อย ๆตัวนั้นแน่ เฮ่อเหลียนชิงเริ่มจินตนาการถึงชีวิตอนาคตที่หยอกแมวเล่นกับหลานอย่างมีความสุข ใบหน้ายิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนตรงกันข้ามกับเฮ่อเหลียนชิงอย่างเห็นได้ชัด หน้าบูดเสียยิ่งกว่าอะไร เขามองเฮ่อเหลียนชิงอย่างนึกแค้นใจก่อนจะโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ “ฉันไม่ได้ต้องการให้แกมา ไม่ได้ส่งบัตรเชิญไปให้แกด้วยซ้ำ แกจะกลับเมื่อไรก็เชิญ”

แขกร่วมโต๊ะคนอื่น ๆส่วนมากเป็นเจ้าพ่อประจำเมืองหลวงและสถานะไม่ต่ำต้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนชิงเหมือนคนอื่น ๆแต่กลับทานข้าวไปพลางยิ้มแย้มดูเรื่องสนุก ๆไป

“เหล่าหนิงอย่าโมโหไป อายุปูนนี้แล้วเราจะยังมีชีวิตดี ๆอีกสักกี่ปีเชียว เรื่องอดีตก็อย่าไปคิดถึงมันเลย ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราดื่มด่ำกับชีวิตบั้นปลายอันน้อยนิดนี้อย่างมีความสุขกันเถอะ!” มีคนพูดโน้มน้าว

คนอื่น ๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย กว่าครึ่งชีวิตที่เอาแต่ลำบากต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ ชีวิตบั้นปลายนี้ควรได้เสวยสุขสักทีแล้ว

เฮ่อเหลียนชิงตบโต๊ะทีหนึ่งพลางกล่าว “ฉันเป็นคนใจกว้าง เรื่องในอดีตก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว พวกแกดูตาแก่หนิงสิใจแคบเหลือเกินไม่ส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน ฉันไม่ถือสามันถึงได้หน้าด้านมาร่วมงานด้วย ไหนจะเอาของขวัญวันเกิดที่อุตส่าห์เตรียมไว้ดิบดีมาด้วย ทำฉันเสียแรงไม่น้อยเชียว”

เขาเอ่ยถึงของขวัญวันเกิดเป็นครั้งที่สอง คนอื่น ๆอยากจะเพิกเฉยยังทำไม่ได้ ในเมื่อไม่ใช่คนหูตึงสักหน่อย

แต่คนพวกนี้รู้กันดีว่าเฮ่อเหลียนชิงจะใจกว้างขนาดนั้นได้อย่างไร?

ทั่วทั้งเมืองหลวงแทบจะหาคนใจแคบเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว เจ้าคิดเจ้าแค้นยิ่งกว่าผู้หญิง คนแบบนี้จะเตรียมของขวัญดี ๆอะไรไว้ได้กันล่ะ?

พวกเขาไม่อยากซวยไปด้วยหรอกนะ

“แกนี่ใส่ใจดีจังนะ รีบทานข้าว กับข้าวพวกนี้รสชาติดีไม่หยอก ฝีมือดีจริง ๆ” มีคนพูดกลบเกลื่อน

หนิงเฉินเซวียนจุดยิ้มจาง ๆ “ทุกอย่างอาเช่อเป็นคนเตรียมเองเลย เหมือนว่าจะเป็นเชฟที่เชิญมาจากโรงแรมเมืองหลวง วัตถุดิบก็ใช้เครื่องบินส่งมา ทุกคนทานได้ตามสบายเลยนะ รับรองว่าสดแน่นอน”

“อาเช่อช่างกตัญญูเสียจริง เป็นบุญของเหล่าหนิงละ!”

……

คนอื่น ๆก็พูดเอาใจคล้อยตามด้วยบางส่วน ล้วนมีแต่คำชมเฮ่อเหลียนเช่อกตัญญูนับเป็นบุญของหนิงเฉินเซวียน นี่จึงทำให้หนิงเฉินเซวียนอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย บรรยากาศก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับอารมณ์ไม่ดีแทน

ลูกชายกตัญญูที่ทุกคนเอ่ยถึงเดิมทีควรเป็นของเขา!

ตอนนี้กลับถูกไอ้สารเลวนี่แย่งไป!

เขาแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “ตาแก่หนิง ฉันยังไม่ได้เอาของขวัญวันเกิดให้แกสินะ งั้นก็ให้ซะตอนนี้เลย เสี่ยวเมิ่ง เอาของขวัญวันเกิดที่ฉันใช้เวลาสองเดือนกว่าจะหาเจอมาให้หน่อย ระวังหน่อยนะ เจ้าเขียวขี้กลัว อย่าทำให้มันตกใจล่ะ…”

เฮ่อเหลียนชิงจู้จี้ไม่หยุด เสี่ยวเมิ่งหน้าเรียบนิ่งแต่ตัวกลับแข็งทื่อรักษาท่าทีที่พร้อมจะถอนตัวกลับตลอดเวลา

………………………

ตอนที่ 1986 ฉันไม่มีพ่อบุญธรรมสักหน่อย

“คุณหนูจ้าวระวังคำพูดด้วย ภรรยาของฉันมาจากตระกูลผู้ดี งดงามสง่า แล้วจะมีรอยสักได้อย่างไร? โจวจื่อหัวจากฮ่องกงนั่นแค่พูดจาเหลวไหล คุณจ้าวเป็นคนฉลาดจะเชื่อคำพูดกลวง ๆอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า?” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นชา

เหยียนหมิงซุ่นก้าวออกมายืนบังหน้าเหมยเหมยแล้วยิ้มเอ่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “ไม่มีมูลคงไม่เกิดกระแส อีกอย่างโจวจื่อหัวไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงเจ้าพ่อประจำถิ่นแล้วจะกล้าพูดจาเหลวไหลเหมือนอันธพาลตัวเล็กตัวน้อยได้อย่างไรกัน!”

เหมยเหมยพยักหน้าแรง ๆแล้วพึมพำเสียงเบา “นั่นสิ ๆ แมลงวันกินแต่ของเน่า โจวจื่อหัวทำไมไม่ไปว่าคนอื่นล่ะ?”

เฮ่อเหลียนเช่อตวัดตาคมกริบมาทันที เหมยเหมยตัวสะท้านแล้วรีบหลบหลังเหยียนหมิงซุ่น

ไม่กลัวหรอก เพราะฉันมีสามีคอยบังอยู่

“เหมยเหมยของฉันก็พูดไม่ผิด หรือว่าระหว่างนายกับโจวจื่อหัวมีเรื่องเข้าใจผิดแล้วยังเคลียร์กันไม่รู้เรื่องหรือเปล่า เอาแบบนี้แล้วกันฉันกับโจวจื่อหัวเคยผูกมิตรกันไว้บ้าง ถ้ามีเรื่องเข้าใจผิดฉันยอมเป็นตัวกลางช่วยเกลี่ยไกล่ให้แล้วกันนะ เป็นไงล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นแสร้งกล่าว

“คงไม่ต้องลำบากคุณชายหมิงหรอก โจวจื่อหัวเป็นโรคประสาท ไม่มีอะไรให้ต้องพูด” เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันแล้วปรายตามองไปยังเหมยเหมยที่หลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มเย้ยหยัน

“ฉันก็ขอเตือนคุณชายหมิงระวังตัวหน่อยแล้วกัน ตอนนี้โจวจื่อหัวก็แค่หมาบ้าตัวหนึ่ง ไม่แน่สักวันเขาอาจจะกุข่าวเสียหายใส่ร้ายผู้หญิงของคุณชายหมิงก็ได้!” สายตาของเฮ่อเหลียนเช่อเต็มไปด้วยความปองร้าย

เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “คุณชายเช่อคิดมากไปแล้ว เหมยเหมยของฉันทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบในเกณฑ์ดี ไม่ได้เที่ยวไหว้พ่อบุญธรรมไปทั่ว ไม่ได้ทำผิดเลยไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร แล้วจะไปกลัวคนร้ายกาจพวกนั้นทำไมกัน?”

เขาชะงักแล้วกวาดตามองอู่เยวี่ยแวบหนึ่งถึงแค่นเสียงกล่าว “อีกอย่างมีฉันอยู่ ใครมันจะไม่มีตามองกล้าวางแผนทำร้ายผู้หญิงของฉัน? อยากตายหรือไงกัน!”

เหมยเหมยอุ่นวาบที่หัวใจแล้วมองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างรังเกียจ เกลียดจริง ๆเลย!

หางตาเหลือบเห็นลาดไหล่ที่ขาวผิดปกติของอู่เยวี่ย เหมยเหมยเลยหมุนตารอบหนึ่งก่อนจะมีแผนดี ๆในใจ แสร้งหยิบแก้วน้ำเก็บความร้อนจากกระเป๋าออกมา ต้องขอบคุณความใส่ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่พอถึงฤดูหนาวก็จะสั่งให้เธอพกน้ำชาพุทราแดงทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ตอนนี้ถึงคราวได้ใช้ประโยชน์แล้วไง

“วันนี้อากาศหนาวขนาดนี้ ดื่มชาขับไอเย็นสักหน่อยดีกว่า”

เหมยเหมยดื่มชาไปก็ประเมินมองอู่เยวี่ยไป จงใจยิ้มเอ่ย “โอหยางซานซานเธอไม่หนาวเหรอ? ฉันใส่เสื้อเยอะขนาดนี้ยังหนาวแทบแย่ แต่เธอกลับโชว์ไหล่ขนาดนี้!”

อู่เยวี่ยลอบกัดฟันกรอด ทำไมเธอจะไม่หนาวกันล่ะ เธอหนาวจะตายอยู่แล้ว

แต่เธอจะยอมแพ้นางแพศยาต่อหน้าคนอื่นไม่ได้

หนำซ้ำเธอจะบอกว่าตัวเองหนาวต่อหน้าแขกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นการที่เธอใส่ชุดราตรีมาต้อนรับแขกจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเมืองหลวง

“คุณหนูจ้าวสุขภาพแย่เกินไปแล้ว ฉันไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด” อู่เยวี่ยแสร้งทำท่าเหมือนไม่เป็นอะไรแล้วยังจงใจคลี่ผ้าคลุมออกหน่อยเผยให้เห็นเนื้อหนังมากกว่าเดิม

บรรดาแขกกระซิบกระซาบเสียงเบาก่อนจะเริ่มสงสัยในคำพูดของโจวจื่อหัว คุณนายเฮ่อเหลียนไม่มีรอยสักบนไหล่และไม่มีไฝสีแดงอย่างว่าสักหน่อย คงไม่ใช่ชู้รักคนนั้นแน่ ๆ!

พวกเขาว่าแล้วเชียว คุณชายเช่อคงไม่ได้สายตาแย่ขนาดนั้นหรอก!

เฮ่อเหลียนเช่อหูดีได้ยินคำกระซิบกระซาบของคนพวกนี้ชัดเต็มสองหูเลยจุดยิ้มอย่างพึงพอใจ บรรลุจุดประสงค์ของเขาในวันนี้แล้ว

เหยียนหมิงซุ่นย่อมได้ยินชัดเต็มสองหูด้วยเช่นกันเลยลอบแสยะยิ้มไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รอดูเรื่องสนุก ๆต่อไปเงียบๆ!

ยายตัวแสบของเขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆหรอก!

“โอ๊ย ฉันเวียนหัว…”

จู่ ๆ เหมยเหมยก็ร้องขึ้นมาตัวเซเอนเอียงไปอีกข้างซึ่งเป็นฝั่งที่อู่เยวี่ยยืนอยู่พอดี

………………………

ตอนที่ 1987 ฉีกหน้ากากของเธอ

บรรดาแขกสีหน้าเปลี่ยนไป นี่มันละครฉากใหญ่อะไรกัน?

เฮ่อเหลียนเช่อไหวตัวหมายจะยกเท้าถีบเหมยเหมยออกแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไวกว่ารั้งเหมยเหมยมาอยู่ในอ้อมแขน เพียงแต่น้ำชาในแก้วกลับหกใส่ตรงซอกคอบ่าไหล่ของอู่เยวี่ยพอดิบพอดี

น้ำสาดเป็นวงกว้างแล้วหยดลงบนเสื้อคลุมไหล่จุดสีแดงเรียงรายอย่างสวยงาม

อาหารบำรุงชั้นดีเก๋ากี่ที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนเตรียมไว้ให้ภรรยาสุดรักล้วนหกอยู่บนเสื้อคลุมไหล่ขนมิงค์ตัวนี้หมดแล้ว

“เฮ้ย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันจะเช็ดให้นะ…”

เหมยเหมยตาไวมือไวรีบฉุดอู่เยวี่ยไว้ก่อนที่หล่อนจะเข้าห้อง หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้แต่แรกเช็ดน้ำบนลำคอให้หล่อน เธอเช็ดอย่างแรงไม่มีท่าทีจะทะนุถนอมสักนิด

“จ้าวเหมยเธอทำอะไร…ปล่อยฉันนะ!”

อู่เยวี่ยคิดจะขืนตัวให้หลุดแต่กลับถูกกระชากไว้อย่างเหนียวแน่น พอจุดที่ถูกน้ำชาหกใส่ถูกลมพัดเข้าก็เย็นราวกับมีน้ำแข็งวางอยู่ หนาวจนเธอปากสั่นฟันกระทบกัน

“ขอโทษ…ขอโทษ ฉันจะช่วยเช็ดน้ำให้สะอาดเลย ถ้าเป็นหวัดละฉันแย่เลย ใกล้เสร็จแล้ว”

เหมยเหมยปากบอกขอโทษแต่มือกลับไม่รอช้ารีบเร่งความไวให้เร็วขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อฉลาดไม่นานก็รู้ทันจุดประสงค์ของเหมยเหมยเลยสีหน้าเปลี่ยนไปยื่นมือหมายจะห้ามเหมยเหมย

“คุณชายเช่ออย่ากังวลใจไป คุณนายไม่กลัวความหนาว สุขภาพร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ น้ำแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”

เหยียนหมิงซุ่นรุดก้าวน้ำไปหนึ่งก้าว ดูท่ากำลังพูดขำ ๆแต่กลับใช้ร่างขวางเฮ่อเหลียนเช่อเอาไว้

“เหลวไหล วันอากาศหนาวขนาดนี้น้ำหกใส่จะไม่เป็นไรได้ไง? เหยียนหมิงซุ่น ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยพวกแกสองคนไว้แน่!” เฮ่อเหลียนเช่อร้อนรนเหลือเกิน เขาวางแผนมาตั้งนานจะล้มเหลวไม่ได้

เหมยเหมยกระชากตัวอู่เยวี่ยไว้แน่นทำให้อีกฝ่ายกระดิกตัวไม่ได้แม้แต่น้อย มือยังขยับเช็ดไปเรื่อย ๆทำให้ผิวที่ขาวเนียนในทีแรกเริ่มขึ้นสีแดงคล้ำและผิวตะปุ่มตะป่ำบางจุดเริ่มปรากฎขึ้นมา

เพียงแค่จุดที่เช็ดออกยังไม่มาก หากไม่สังเกตอาจจะมองไม่เห็นได้เลยต้องเช็ดออกให้มากกว่านี้

เหมยเหมยจำจุดที่ตนเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือได้อย่างแม่นยำเลยเลือกเช็ดจุดที่แผลเยอะที่สุดพร้อมเร่งความเร็ว เธอได้ยินถ้อยคำของเฮ่อเหลียนเช่อเลยจงใจพูดเสียงดัง “คุณชายเช่อไม่ต้องกังวลไปหรอก เมื่อกี้ภรรยาของคุณเพิ่งบอกว่าไม่หนาวเลยสักนิด คุณดูสิวันอากาศหนาว ๆแบบนี้เธอยังใส่แค่ชุดตัวบางออกมา ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เก่งจะตายไป!”

แขกคนอื่นที่แต่เดิมคิดว่าเหมยเหมยค่อนข้างซุ่มซ่าม พอได้ฟังคำของเธอกลับไม่คิดอย่างนั้นแล้ว

นั่นน่ะสิ พวกเขาใส่เสื้อโค้ทตัวหนายังหนาวจนตัวสั่นแต่คุณนายเฮ่อเหลียนใส่ชุดปาดไหล่ แล้วยังมีท่าทีเฉยเมยไม่สะทกสะท้านอะไร ซึ่งบ่งบอกว่าเธอไม่กลัวหนาวจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะใส่ชุดนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?

“แบบนี้แหละ คนท้องหงุดหงิดง่ายเลยไม่กลัวหนาวเท่าไรเมื่อเทียบกับคนทั่วไป” คนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเอ่ยขึ้นโดยมีคนอื่น ๆพยักหน้าตาม

เฮ่อเหลียนเช่อคร้านจะฟัง เขาเห็นแล้วว่าแผลตรงซอกคอของอู่เยวี่ยใกล้จะปิดไม่มิดก็ยิ่งร้อนใจ แม้แผลพวกนี้ไม่ได้มาจากการลบรอยสักแต่คนอื่นคงไม่คิดอย่างนั้น ต้องคิดว่าพวกเขาจงใจปกปิดหลักฐานและจะทำให้ความพยายามของเขาต้องสูญเปล่า

“เหยียนหมิงซุ่นแกคิดจะหาเรื่องเหรอ? หลีกไป!”

เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาโตตั้งท่าเตรียมรบ

อู่เยวี่ยเองก็พยายามขืนตัวออกแต่เธอเป็นห่วงเด็กในท้องเลยไม่กล้าใช้แรงมากจึงทำให้ขืนตัวไม่สำเร็จ เธอจึงทั้งโกรธทั้งร้อนใจ

“เอ๋…โอหยางซานซานทำไมบนคอเธอมีรอยแผลเยอะขนาดนี้ล่ะ? โอ้โห มีแต่รอยแผลเต็มไปหมดเลย ดูจากรูปร่างลักษณะคล้ายนกตัวโตเลยนะ โอหยางซานซานแผลพวกนี้มาจากไหนเหรอ?”

ในที่สุดเหมยเหมยก็เช็ดคอนซีลเลอร์ที่ใช้ปกปิดรอยแผลบนไหล่ของอู่เยวี่ยจนสะอาด เผยให้เห็นรอยแผลตะปุ่มตะป่ำสีดำคล้ำในตอนแรก หากดูไกล ๆจะมองเห็นไม่ค่อยชัดนักแต่หากดูใกล้ ๆค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว

………………………..

ตอนที่ 1984 งดงามท่ามกลางความหนาวเหน็บ

คฤหาสน์ตระกูลหนิงคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แขกส่วนมากเดินทางมาถึงแล้วแม้จะต้องต้านลมหนาวมาความอบอุ่นนี้ก็ไม่ลดลงเลย

วันนี้หนิงเฉินเซวียนแต่งตัวได้มีชีวิตชีวาอย่างมากไม่เหมือนอย่างเคยที่เอาแต่ใส่เสื้อสีดำทำให้ดูดุดันขึงขัง วันนี้เขาใส่เสื้อโค้ทสีน้ำตาลแล้วสวมหมวกหนังสีเดียวกันขับให้ดูเป็นพิธีการอย่างมาก

ใบหน้าแต้มยิ้มยืนรับแขกอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ที่ทำเอาทุกคนตื่นตระหนกตกใจ นานทีจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลยนะ!

เหมยเหมยลงจากรถ ลมหนาวพัดเข้ามาจนตัวสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ ลอบด่าหนิงเฉินเซวียนในใจว่าเกิดวันไหนไม่เกิดดันมาเกิดในวันอากาศหนาวเช่นนี้

เธอกระชับปกคอเสื้อโค้ทแน่นแล้วสอดมือคล้องแขนเหยียนหมิงซุ่นเพื่อหาความอบอุ่น

แต่พอเธอเห็นอู่เยวี่ยพลันก็รู้สึกว่าหนิงเฉินเซวียนเลือกวันเวลาเกิดได้ดีเหลือเกิน พระเจ้าก็ช่างเป็นใจ

อู่เยวี่ยสวมชุดราตรีสีแดงปาดไหล่เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ซึ่งมีเพียงเสื้อคลุมขนมิงค์ที่แม้จะเป็นขนมิงค์แต่นั่นเป็นเพียงผ้าชิ้นเล็ก ๆ แล้วมันช่วยต้านลมหนาวได้สักเท่าไรกันเชียว?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู่เยวี่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังยืนรับแขกอยู่ตรงประตูเลย!

หนิงเฉินเซวียนยืนรับแขกอยู่ข้างนอกส่วนสองสามีภรรยาคู่นี้อยู่ในห้องโถง แม้จะอยู่ในห้องโถงแต่วันนี้อากาศหนาวเกินไปอุณหภูมิจึงต่ำจนน่าตกใจ

เห็นอู่เยวี่ยโชว์ไหล่ให้เห็นวับ ๆแวม ๆ เหมยเหมยที่เห็นยังรู้สึกหนาวแทนแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจเบิกบาน

ให้ลมหนาวพัดมาแรงกว่านี้เถอะ!

“ยินดีด้วยนะ!” เหมยเหมยหน้ายิ้มกว้างเดินเข้าไปหาสองสามีภรรยาคู่นี้

เฮ่อเหลียนเช่อกลับไม่ค่อยหนาวสักเท่าไรเพราะเหมยซูหานได้เตรียมเสื้อโค้ทตัวหนาไว้ให้เขาแล้ว ต่อให้ไปทางเหนือก็ไม่หวั่น พอเขาเห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยสายตาก็เย็นยะเยือกลงแต่ใบหน้ากลับยิ้มแก้มปริ

“ยินดีต้อนรับ คุณชายหมิงงานยุ่งยังอุตส่าห์สละเวลามาด้วยตัวเอง เป็นเกียรติจริง ๆ!”

เฮ่อเหลียนเช่อแสร้งยิ้มแล้วจับมือทักทายเหยียนหมิงซุ่น ทั้งคู่แอบประลองเรี่ยวแรงกันลับ ๆด้วยรอยยิ้มฉาบหน้าแต่สายตากลับไม่ยิ้มไปด้วยเลย

เหมยเหมยเห็นอู่เยวี่ยที่หนาวจนใบหน้าซีดเซียวเลยอมยิ้มน้อย ๆ “วันนี้ชุดของคุณนายเฮ่อเหลียนสวยจัง สั่งตัดจากไหนเหรอ ไว้ฉันจะไปสั่งตัดกระโปรงด้วยสักชุด”

เมื่อครู่เธอเห็นอู่เยวี่ยเลิกชายกระโปรงขึ้นท่าทางเหมือนจะเข้าไปเสาะหาความอุ่นจากในห้อง เธอจะให้โอกาสนางแพศยานี้ได้หรือ?

ให้หนาวตายไปเลย!

อู่เยวี่ยเตรียมจะไปผิงลมอุ่นจากฮีทเตอร์ในห้องอย่างว่าจริง ๆ แม้เฮ่อเหลียนเช่อจะใช้วิธีนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่โจวจื่อหัวเอ่ยถึงแต่ก็กังวลว่าร่างกายของเธอจะแบกรับไม่ไหวจึงให้เธอกลับไปผิงลมอุ่นในห้องสักพัก

ไม่อย่างนั้นเธอคงรับไม่ไหว เด็กในท้องก็เช่นกัน

“กระโปรงนี้อาเช่อสั่งตัดมาให้ฉันเอง คุณจ้าวถามเขาได้” อู่เยวี่ยพูดขึ้นลวก ๆแล้วถือชายกระโปรงขึ้นเตรียมกลับเข้าห้องไป

เฮ่อเหลียนเช่อรู้ทันแผนร้ายของเหมยเหมยเลยเตรียมตอบแทน เหยียนหมิงซุ่นกลับห้ามเขาไว้ “เฮ่อเหลียนเช่อเสื้อโค้ทที่แกใส่ดูดีไม่หยอก ซื้อมาจากไหนเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเช่อไม่สบอารมณ์อย่างมากแต่เขาจะหักหน้าก็ไม่ได้ในเมื่อวันนี้เป็นวันฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียน เขาในฐานะเจ้าบ้านหากหักหน้าแขกไม่รู้เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปอย่างไร!

ทางเฮ่อเหลียนเช่อมีเหยียนหมิงซุ่นคอยรั้งไว้คุยเรื่องไร้สาระ คนนอกเห็นพวกเขาสนิทสนมกันขนาดนี้ก็แอบคิดในใจว่าคู่อริสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เหมยเหมยขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่น เธอกับสามีของเธอคือคู่รักรู้ใจในตำนานชนิดที่ต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันดีโดยไม่ต้องพูดอะไรมากมาย แค่มองตาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร

สมแล้วที่เกิดมาคู่กัน คู่สร้างคู่สมชัด ๆ

“ฉันดูกระโปรงเธอหน่อยได้ไหม โอ้โฮ กระโปรงตัวนี้ฉันยิ่งดูก็ยิ่งชอบแฮะ!”

เหมยเหมยเอียงตัวขวางทางอู่เยวี่ยไว้แล้วยิ้มท้าทายอีกฝ่าย แต่ในสายตาคนนอกกลับคิดว่าพวกเธอกำลังคุยกันอย่างออกรสอยู่

………………………

ตอนที่ 1985 ทำไมบนตัวไม่มีรอยสักแล้ว

ในขณะนี้อู่เยวี่ยหนาวจนพูดไม่ออก ดวงหน้าขาวซีดปากช้ำม่วงแต่เพราะแต่งหน้าไว้บาง ๆ อีกทั้งการตั้งครรภ์ส่งผลทำให้เธอผิวเสียอย่างมาก แล้วยังตากลมหนาวนานขนาดนี้เลยดูสภาพเยี่ยงผีก็ไม่ปาน

“ต่อให้คุณจ้าวจะชอบขนาดไหนก็เปล่าประโยชน์ ชุดนี้มีแค่ตัวเดียวไม่มีตัวที่สอง เห็นทีคุณจ้าวคงต้องลองตัวอื่นแล้วละ”

แม้อู่เยวี่ยจะหนาวแทบแย่แต่เธอกลับไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะได้โจมตีเหมยเหมยไปง่าย ๆ เอ่ยปากพูดหยันและทำหน้าได้ใจ

เหมยเหมยยิ้มตาหยีไม่มีท่าทีเคืองโกรธเพียงเพราะประโยคดูถูกไม่กี่ประโยคนี่หรอก เธอสวมเสื้อขนมิงค์สวมหมวกหนังอย่างครบครัน ต่อให้มีลมพายุพัดกระหน่ำสิบระดับก็ไม่หวั่น

อู่เยวี่ยยิ่งหนาวเธอก็ยิ่งดีใจ

“ที่แท้ก็สั่งตัดส่วนตัวนี่เอง ต้องใช้เงินมากเลยสิท่า คุณชายเช่อดีกับเธอจริง ๆทำเอาฉันอิจฉาตาร้อนไปด้วยเลย!” เหมยเหมยมองชุดราตรีบนตัวอู่เยวี่ยด้วยสีหน้าอิจฉาแถมยังยื่นมือไปลูบด้วย

เธอสังเกตเห็นว่าผ้าคลุมไหล่ของอู่เยวี่ยไม่ได้ปิดมิดชิดเผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียนสะอาดสะอ้านไร้ซึ่งรอยสักลายพญาหงส์ที่โจวจื่อหัวพูดถึง

พลันก็เข้าใจจุดประสงค์ที่ทำไมหนิงเฉินเซวียนทุ่มเทจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดมากขนาดนี้ ช่างลำบากเสียจริง!

ถ้าอย่างนั้นเธอจะช่วยหน่อยแล้วกัน!

มือที่เดิมทีเหมยเหมยคิดจะลูบจับชุดราตรีแต่กลับเลื่อนไปข้างบนตรงผ้าคลุม อู่เยวี่ยหนีไม่ทันเลยถูกเหมยเหมยสัมผัสเข้าอย่างจัง

“ผ้าคลุมอันนี้ทำจากมิงค์รัสเซียสินะ ดูแล้วเสื้อผ้าตัวนี้คลับคล้ายคลับคลากับเสื้อโค้ทของฉันแต่ของฉันจับแล้วนุ่มกว่า ฉันว่าสินค้าในประเทศเราดีกว่า โอหยางซานซานนิสัยที่เธอชื่นชอบของต่างประเทศไม่ดีเลยสักนิด ตอนนี้สถานะของเธอไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ต้องระวัง…”

เหมยเหมยปากคุยจ้อพร่ำบ่นราวกับคุณป้าจอมจุ้น สุดท้ายแล้วก็เพื่อต้องการประชดประชันความชื่นชมของต่างชาติ การตกเป็นทาสตะวันตกของอู่เยวี่ยนั่นเอง

อู่เยวี่ยที่เริ่มคุกรุ่นหายหนาวเป็นปลิดทิ้ง

“คุณหนูจ้าวจุ้นจ้านมากเกินไปหรือเปล่า เธอกล้าสาบานหรือว่าตัวเองไม่เคยใช้ของนำเข้าน่ะ?”

เหมยเหมยเอียงศีรษะแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วยิ้มอย่างเคอะเขิน “แหม ฉันไม่กล้าตอบจริง ๆว่าไม่เคยใช้ ตอนเด็กเคยทานนมผงธัญพืชนำเข้ามาก่อนด้วยละ รสชาติดีไม่หยอก โอหยางซานซานเธอเคยทานมาก่อนไหมละ?”

อู่เยวี่ยรู้สึกอัดอั้นในอกอีกครั้ง ทำไมเธอจะไม่เคยทานมาก่อนล่ะ?

เมื่อก่อนเหอปี้อวิ๋นซื้อนมผงธัญพืชนำเข้าให้เธอทั้งนั้นแต่นางแพศยาจ้าวเหมยกลับชอบแอบขโมยทานนมผงธัญพืชของเธอ ต่อมาเหอปี้อวิ๋นไม่มีอำนาจในการใช้เงินมากนักเลยเปลี่ยนมาเป็นสินค้าในประเทศ พอถูกไล่ออกจากตระกูลอู่ก็แทบไม่มีเงินซื้อข้าวกินด้วยซ้ำไป

อู่เยวี่ยรู้สึกปวดใจเหลือเกิน หลังจากผ่านอุปสรรคมากมายจึงทำให้เธอรู้ว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นเพียงคนเดียวบนโลกนี้ที่ดีกับเธอจากใจจริง

แต่กลับตายไปแล้ว

เพราะนางแพศยาจ้าวเหมย!

สายตาอู่เยวี่ยดุดันเย็นยะเยือก รอเธอแข็งแกร่งมีอำนาจเป็นของตัวเองได้เมื่อไรจะต้องให้นางแพศยาจ้าวเหมยตายทั้งเป็น จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!

“แค่นมผงธัญพืชเอง ใครจะไม่เคยทานบ้าง” อู่เยวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เหมยเหมยหัวเราะคิกคักแต่สายตากลับจดจ้องลำคอของอู่เยวี่ยราวกับเจอเรื่องน่าสนุกเลยปรับเสียงดังขึ้น “โอหยางซานซาน ที่แท้บนตัวเธอไม่มีรอยสักเหรอเนี่ย ไหนว่าบนตัวเธอสักลายนกฟินิกซ์ไม่ใช่เหรอ?”

บรรดาแขกที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจแต่กำลังเงี่ยหูแอบฟังอยู่ตัวสะท้านเฮือกและยืนนิ่งอยู่กับที่ แสร้งทำเป็นกระซิบกระซาบกันเอง

เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและไม่ชอบใจน้ำเสียงของเหมยเหมยอย่างมาก ทว่าก็เข้าทางเขาพอดี ยืนรับแขกมากมายขนาดนี้กลับไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เวลานี้ประจวบเหมาะพอดีเลย

…………………………

ตอนที่ 1982 ความเจ้าแผนการของผู้หญิง

เพราะเกิดเรื่องเหนือคาดของถานซูฟางทำให้เทศกาลหยวนเซียวไม่สามารถอยู่ร่วมฉลองกับผู้เฒ่าทั้งสองที่เมืองหลวงได้ พวกเหมยเหมยกลับถึงเมืองหลวงก็เลยวันเทศกาลหยวนเซียวมาสองวันแล้ว ไม่นานทางมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมและหลายบริษัทก็เริ่มเปิดทำการ ตามถนนเส้นใหญ่เส้นน้อยกลับมาครึกครื้นเหมือนอย่างเคย

ปีใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

คุณย่าหยางเห็นหลานชายคนเล็กที่เงียบขรึมไปมากก็รู้สึกแย่จับใจ

แม้ปากเธอมักพูดเสมอว่าอยากให้ถานซูฟางตาย ๆไปเสียแต่พอตอนนี้ตายขึ้นมาจริง ๆเธอกลับไม่ได้มีความสุขนัก ในเมื่อนั่นคือชีวิตของคนทั้งคน

แต่คุณย่าหยางเห็นเหยียนหมิงต๋าไม่ได้โทษเหยียนหมิงซุ่นเลยสบายใจขึ้นมาก ตอนที่ได้รับโทรศัพท์สิ่งที่เธอกังวลใจมากที่สุดก็คือหลานชายคนเล็กจะเกลียดหลายชายคนโตเพราะความตายของถานซูฟางแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องพังทลายลง

ตอนนี้เธอโล่งใจแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นหยิบสมุดบัญชีอออมเงินเล่มหนึ่งจากกระเป๋าออกมายื่นให้เหยียนหมิงต๋า “นี่เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพของแม่นาย ให้คุณย่าช่วยเก็บไว้ให้นายแล้วกัน”

เหยียนหมิงต๋าเปิดสมุดบัญชี พอเห็นจำนวนเลขบนนั้นก็ตกใจเฮือกใหญ่ “ทำไมเยอะขนาดนี้?”

สองแสนถ้วน!

เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพในหน่วยกองทัพทหารให้เยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ให้นายก็เก็บไว้เถอะ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาทำให้เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าซักไซ้อีกก่อนจะยื่นบัญชีให้คุณย่าหยางรวมถึงเงินจากโรงพยาบาลหนึ่งหมื่นหยวน

คุณย่าหยางเองก็ตกใจกับจำนวนยอดเงินในสมุดบัญชีเช่นกัน เธอเก็บสมุดบัญชีไว้อย่างรอบคอบ “เงินก้อนนี้ย่าจะไม่ใช้เลยแม้แต่แดงเดียว รอหลานแต่งงานมีครอบครัวเมื่อไรแล้วจะเอาให้ไปขอแต่งงานนะ”

เหยียนหมิงต๋าฉีกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น

วันเวลาผ่านพ้นไปจนเหมยเหมยเปิดเทอม อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ และไม่นานก็มาถึงเดือนมีนาคม

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว

งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนก็มาถึงแล้วเช่นกัน

เหยียนหมิงต๋ากลับค่ายทหารไปแล้ว เขาไม่ได้ใช้วันหยุดครบแต่เลือกจะกลับก่อนล่วงหน้า การตายของถานซูฟางสร้างความสะเทือนใจแก่เขามากไป หลังเสร็จสิ้นงานศพเหยียนหมิงต๋าก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย

เขากลับไปค่ายทหารก็ดี พอมีอะไรทำก็จะได้ไม่คิดเหลวไหล

ปมความบาดหมางระหว่างเขากับเหยียนหมิงซุ่นทำได้เพียงให้วันเวลาลบล้างมันไปช้า ๆ!

แม้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่กลับเหน็บหนาวเสียยิ่งกว่าเดือนธันวาคมในช่วงฤดูหนาวเสียอีก อีกทั้งสองวันก่อนเพิ่งจะหิมะตกครั้งใหญ่ไป ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วแต่เหมยเหมยกลับยังรู้สึกหนาวยิ่งกว่าช่วงเดือนธันวาคมเสียอีก

“อากาศนี่ก็แปลกจริง ๆ ถ้าอยู่เมืองจินดอกท้อคงผลิบานหมดแล้ว ฉันคงไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนา ๆแบบนี้ด้วย”

เหมยเหมยแต่งชุดกี่เพ้าสีม่วงลายดอกโบตั๋นที่ดูสง่าราศีจับ ทั้งหยิบเสื้อคลุมขนมิงค์ตัวหนาจากตู้เสื้อผ้าออกมา วันนี้เป็นวันฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียน เธอกับเหยียนหมิงซุ่นต้องไปร่วมงานด้วยกันทั้งคู่

เดิมคิดว่าเดือนมีนาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิอากาศจะอุ่นขึ้นแล้ว เหมยเหมยอยากสวมกี่เพ้าตัวงามแล้วเอาผ้าคลุมไหล่บาง ๆคงงดงามมากแน่

เธอได้จ้างคนถักเสื้อคลุมลายดอกให้โดยเฉพาะจะได้ใส่คู่กับชุดกี่เพ้าพอดี ตอนนี้กลับไม่ได้ใส่ จำต้องรออากาศอุ่นขึ้นกว่านี้ค่อยใส่!

ตอนนี้ถึงต้องเปลี่ยนมาใส่เสื้อขนมิงค์แทน

“ไม่รู้ว่าฮีทเตอร์บ้านตระกูลหนิงจะอุ่นพอไหม ไม่งั้นเสื้อคลุมตัวหนานี้ฉันต้องใส่มันตลอดแน่เลย” เหมยเหมยพึมพำเสียงเบา

งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนจัดขึ้นที่บ้านตัวเองย่อมมีสถานที่กว้างใหญ่มากพอ ต่อให้จัดโต๊ะจีนสักพันโต๊ะก็ไม่มีปัญหา แต่พอสถานที่กว้างขึ้นฮีทเตอร์ก็ทำงานได้ไม่ทัน ถึงเมื่อนั้นหากอากาศเย็นฉ่ำเธอคงต้องสวมเสื้อขนมิงค์นี้ตลอดเวลา

ชุดกี่เพ้าตัวงามข้างในคงไม่มีโอกาสได้อวดโฉมแล้ว

มันน่าเสียดายอยู่บ้างนี่นา!

กี่เพ้าตัวนี้เธอสั่งตัดเพื่ออู่เยวี่ยโดยเฉพาะเลยเพราะกี่เพ้าเป็นชุดที่อวดรูปร่างผู้หญิงได้มากที่สุด ตอนนี้อู่เยวี่ยท้องหกเดือนต้องอ้วนเหมือนหมูตัวหนึ่งแน่ ๆ ถึงเมื่อนั้นเธอจะได้ใส่กี่เพ้าเดินวนตรงหน้าหล่อนสักที

เหอะ เอาให้นางแพศยานี้อกแตกตายไปเลย!

เหยียนหมิงซุ่นมองปราดเดียวก็รู้ทันความคิดของภรรยาตัวเองเลยหลุดขำน้อย ๆ

ความเจ้าแผนการของผู้หญิงนี่มันน่ารักจริง ๆ!

………………………..

ตอนที่ 1983 จุดประสงค์ของการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด

อู่เยวี่ยในขณะนี้ก็กำลังเปลี่ยนชุดอยู่เช่นกันซึ่งเป็นชุดราตรีที่เฮ่อเหลียนเช่อสั่งคนเอามาให้เป็นชุดกระโปรงยาวสีแดงโชว์ไหล่ กระโปรงเป็นผ้าชั้นดีและสั่งตัดโดยเฉพาะถือว่าสมฐานะคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างเธอ

แต่ปัญหาคือ–

ไม่เหมาะกับสภาพอากาศของวันนี้เลยสักนิด

อากาศที่จูบหน่อยลิ้นก็แข็งได้แล้วให้โชว์ไหล่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำเข้าสมองก็จงใจรนหาที่ตายชัด ๆ!

อู่เยวี่ยไม่ได้น้ำเข้าสมองและไม่อยากตาย แต่เธอจำเป็นต้องสวมชุดราตรีนี้แต่โดยดี

เพราะเป็นคำสั่งของเฮ่อเหลียนเช่อ

เธอไม่กล้าขัดขืน

“คุณนาย ร่างกายของคุณนายจะรับไม่ไหวเอานะ” คุณหมอประจำตระกูลสกุลเกา เขากังวลใจอย่างมากและเขาถูกอู่เยวี่ยซื้อตัวไปแล้ว ความงามและเงินทองย่อมเป็นอาวุธชั้นดีในการซื้อใจผู้คนได้เสมอ

อู่เยวี่ยใช้ทั้งสองอย่างแล้วคุณหมอจะหนีไปไหนได้อีกจึงยอมอยู่ใต้อาณัติของอู่เยวี่ยแต่โดยดี อีกทั้งยังจงรักภักดีกับเธอด้วย ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้วความสัมพันธ์ย่อมลึกซึ้งเป็นธรรมดา!

อีกอย่างใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันทุกวันก็เหมือนเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงไปแล้ว ขาดเพียงแค่สถานะเท่านั้น

หนิงเฉินเซวียนคงคาดไม่ถึงว่าคุณหมอดูแลครรภ์ที่เขาจัดหามาให้โดยเฉพาะจะผันตัวไปอยู่ฝั่งเดียวกับอู่เยวี่ย และเขาคงคิดไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะอาจหาญกล้าคบชู้อย่างโจ่งแจ้งภายใต้การจับตามองของเขา

สถานที่ที่อันตรายมากที่สุดย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด!

ช่างสมเหตุสมผลจริง ๆ!

อู่เยวี่ยกัดฟันแล้วถอดเสื้อต่อหน้าคุณหมอเผยให้เห็นรูปร่างอันอวบอั้นของเธอ ลายสักตั้งแต่ซอกคอยันไหล่ด้านหลังหายไปแล้ว เหลือเพียงนกฟินิกซ์ครึ่งตัวที่เหลืออยู่ตรงหน้าอกราวกับถูกคนเอามีดฟันคอ ดูน่าเกลียดสิ้นดี

เพราะตั้งท้องหน้าอกของอู่เยวี่ยจึงยานลงมากแต่เธอได้ถือโอกาสตอนลบรอยสักให้คุณหมอหาคนมาผ่าเอาหน้าอกปลอม ๆออกไปเลยช่วยลดภาระไปมากทีเดียว ตอนนี้ดูขนาดกำลังพอดีแค่หย่อนยานไปเสียเล็กน้อย

รอยแผลเป็นตรงอกซ้ายยังไม่สมานดีและยังเห็นรอยด้ายสีแดงดำเข้มอย่างชัดเจน ผิวพรรณก่อนลบรอยสักก็ไม่ได้ขาวมากจึงทำให้ดูแล้วสีแตกต่างจากบริเวณอื่น

อู่เยวี่ยมองเรือนร่างตัวเองอย่างรังเกียจ ทานผักต้มเป็นเวลาสองปีถึงได้หุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ตอนนี้กลับพังทลายทุกอย่าง หลังคลอดลูกเธอจะต้องกลับมาหุ่นดีอย่างเดิมให้ได้

คุณหมอเกามองเรือนร่างที่ไม่ได้งดงามของอู่เยวี่ยอย่างหลงใหล เรือนร่างอวบอิ่มที่อู่เยวี่ยรังเกียจแต่กลับเซ็กซี่ยิ่งกว่ามอนโรในสายตาเขา

รสนิยมพิสดารนี้ก็น่างงงวยเสียจริง!

อู่เยวี่ยกระตุกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจและค่อยพอใจกับหน้าตาธรรมดาของคุณหมอเกาขึ้นบ้าง เนื่องจากปกติเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ในสายตาจึงเติมเต็มความหยิ่งทะนงที่อยู่ในตัวเธอขึ้นมา

ต่อให้เธออู่เยวี่ยหุ่นแย่ลง หน้าตาน่าเกลียดก็สามารถปั่นหัวผู้ชายได้เหมือนเดิมอยู่ดี!

คนแพศยาจ้าวเหมยมีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับเธอเล่า?

“ช่วยใส่เสื้อให้ฉันแล้วกัน!” อู่เยวี่ยเชิดปลายคางขึ้นราวกับนางพญาแล้วออกคำสั่งคุณหมอเกา

ต่อให้หนาวแค่ไหนเธอก็ต้องใส่ชุดราตรีชุดนี้อยู่ดี เพื่อให้ทุกคนได้เห็นชัดเต็มสองตาว่าบนตัวคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างเธอมีรอยสักหรือไม่และตรงไหปลาร้ามีไฝสีแดงหรือเปล่า!

นี่ต่างหากจุดประสงค์ที่เฮ่อเหลียนเช่อวางแผนทุ่มเทจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดในครั้งนี้!

คุณหมอเกาช่วยรูดซิปให้เธอแล้วมองตรงไหปลาร้าเปลือยเปล่าอย่างเสียดาย ไฝสีแดงที่เขาลุ่มหลงหายไปแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ!

“คลุมเสื้อคลุมหนา ๆไว้หน่อยระวังอย่าโชว์ไหล่นานเกินไป ทางที่ดีอย่าเกินสามนาที” คุณหมอเกาเตือนด้วยเสียงอ่อนโยนด้วยความกังวลใจมากเช่นเคย

แม้อุณหภูมิในห้องสูงกว่าข้างนอกแต่ก็ยังติดลบอยู่ดี เพราะแขกไปมาขวักไขว่ทำให้ความอุ่นกระจายหายอย่างรวดเร็วและเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฮีทเตอร์อยู่ทั่วทุกมุม

“รู้แล้ว คุณไปเรียกช่างแต่งหน้าเข้ามาเถอะ”

อู่เยวี่ยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งรอให้ช่างแต่งหน้าเข้ามาแต่งหน้าให้ วันนี้จ้าวเหมยก็มาด้วยเธอจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

……………………

ตอนที่ 1980 แบงค์กงเต็กเอาไหม

เหมยเหมยมองคุณยายถานอย่างดูแคลน ขึ้นเสียงแล้วพูดว่า “คุณยายคะ ทนายความที่คุณยายสอบถามนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะคะ ทำไมเขาถึงไม่บอกข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับผู้หญิงที่ต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุกับคุณยายด้วยละว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ ถ้าไม่มีชีวิตแล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงดูคุณยายละคะ? หรือว่าเอาเงินกงเต็ก[1]เหรอ?”

พอนึกถึงเงินกงเต็ก เหมยเหมยก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงทำทีแสร้งหยิบของจากกระเป๋าล้วงเอาเงินกงเต็กที่เหลือจากครั้งที่ไปวางบนหลุมศพของพ่อสวีจื่อเซวียนออกมาจากมิติ เนื่องจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซื้อมาเยอะเกิน เผาในระยะเวลาสั้น ๆคงไม่หมดเธอจึงเก็บเอาไว้ วันนี้มีโอกาสได้ใช้มันเสียที

“นี่ค่ะ มากขนาดนี้พอกินพอใช้ไหมคะ?”

เหมยเหมยยัดเงินกงเต็กก้อนโตปึกหนาใส่อ้อมอกของคุณยายถาน คุณยายถานสายตายาวเลยมองไม่ชัดแต่หลังจากเงินมาอยู่ในมือ เธอถึงเพิ่งเข้าใจจึงสะบัดมือทิ้งเหมือนกับถูกเงินกงเต็กทิ่มแทง

“แกมันนังคนชั่ว กล้าเอาเงินกงเต็กมาเล่นกับฉัน…ฉันจะฆ่าแก!”

คุณยายถานเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ จึงเลิกแขนเสื้อขึ้นเตรียมทะเลาะวิวาท เหมยเหมยทำหน้าทะเล้นใส่เธอ จากนั้นก็วิ่งไปหลบหลังเหยียนหมิงซุ่นทันที

ทุกเรื่องล้วนมีสามีคอยกำบังอยู่ด้านหน้า เธอมีหน้าที่แค่ขยับปากเท่านั้น!

เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเบา พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตอันเย็นเยือกดั่งขั้วโลกเหนือไปให้คุณยายถาน…

คุณยายถานเก่งกว่าลูกชายลูกสาวของเธอเล็กน้อยแต่ต้านได้เพียงไม่กี่นาทีก็เข่าอ่อนล้มลงกับพื้น ความถืออำนาจบาตรใหญ่ก่อนหน้านั้นพลันหายไปหมดไม่มีเหลือ

ใบหน้าไร้เลือดฝาด คุณยายถานงุดหน้าลงด้วยความหวาดกลัวไม่กล้าสบสายตากับเหยียนหมิงซุ่นตรง ๆ

เมื่อกี้มีอยู่ช่วงหนึ่งคุณยายถานรู้สึกขึ้นมาจริง ๆว่าเหยียนหมิงซุ่นจะฆ่าเธอให้ตายได้ ซ้ำยังง่ายกว่าการฆ่ามดสักตัวหนึ่งด้วยซ้ำ

“ไสหัวไป อย่าริอาจจะคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้!” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดเสียงดังแต่คนตระกูลถานกลับไม่มีใครกล้าโต้ตอบแม้แต่คนเดียว เอาแต่ก้มหน้าหลบตา

“ฉันเป็นแม่ของซูฟาง…เธอจะต้องให้เงินเบี้ยชราฉันสิ!” คุณยายถานยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ บ่นพึมพำอย่างหัวรั้น น้ำตาของหญิงชราไหลพรากด้วยความเจ็บปวด

เพียงแค่ตอนนี้กลับไม่มีใครเห็นใจเธอแล้ว!

เหมยเหมยมุดออกมาอีกครั้งเอ่ยประชดเสียงดัง “สองคนที่อยู่ข้าง ๆคุณยายเป็นคนตายหรือไง? มีลูกชายลูกสาวอยู่ ยังจะบอกว่าไม่มีคนเลี้ยงจนแก่อีกเหรอ? สมองของคุณยายถูกลาถีบจนฟั่นเฟือนแล้วหรือไง?”

“พรืด”

ในกลุ่มแขกมีคนหลุดหัวเราะออกมาและพยายามฝืนมันเอาไว้ ถึงอย่างไรก็เป็นพิธีบำเพ็ญกุศลที่เคร่งครัด ไม่ควรเสียมารยาท เพียงแต่…

สาวสวยคนนั้นช่างพูดจาได้ตลกจริง ๆนี่นา!

คุณยายถานเถียงกลับอย่างโมโห “พวกมันหาเงินได้น้อย แค่ครอบครัวตัวเองยังดูแลไม่ไหวแล้วจะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงฉันกับตาแก่ล่ะ!”

เหยียนหมิงต๋ารีบพูดว่า “ผมจะ…”

เหยียนโฮ่วเต๋อผลักลูกชายคนเล็ก คำรามเสียงเบา “เกี่ยวอะไรกับแก หุบปาก!”

เหมยเหมยหัวเราะร่า “ลูกชายลูกสาวของคุณไร้ความสามารถแล้วจะโทษใครได้ล่ะ? คงต้องโทษที่คุณไม่มีปัญญาอบรมสั่งสอนพวกเขาตั้งแต่แรก บาปนี้คุณเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ตอนนี้ก็คงต้องลิ้มรสของความทุกข์ทรมานแล้วล่ะ!”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้มีความอดทนพอที่จะเสวนากับคนตระกูลถานจึงหันไปพูดกับเหยียนหมิงต๋าว่า “เงินบำนาญของแม่นายให้ย่าเป็นคนเก็บ ห้ามให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

“ครับ ผมจะกลับเอาไปให้คุณย่า” เหยียนหมิงต๋าตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง

แม้ว่าการตายของถานซูฟางจะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจพี่ใหญ่ แต่ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยชินต่อการที่จะต้องเชื่อฟังพี่ชายคนโตมาโดยตลอดจึงตกปากรับคำไปโดยไม่รู้ตัว

เหยียนโฮ่วเต๋อกระวนกระวายขึ้นมา “ย่าของแกอายุเยอะแล้วความจำไม่ดี ถ้าหากทำของแกหายจะทำไงล่ะ พ่อเก็บไว้ให้แกไปสู่ขอสะใภ้แล้วกัน!”

ครั้นเขายื่นมือออกไปหมายจะแย่งเงิน แววตาเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นพุ่งออกมาราวกับแสงเลเซอร์ เหยียนโฮ่วเต๋อตกใจจนต้องหดมือกลับแต่สายตายังคงจับจ้องอย่างละโมบ

คนที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากมาก่อนไม่มีทางรับรู้ถึงความสำคัญของเงินทองหรอก พอเขาไปอาศัยอยู่ในเขตภูเขาทุรกันดานมาครึ่งค่อนปี เหยียนโฮ่วเต่อถึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าการไม่มีเงินนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวเพียงใด

……………………………………………………………..

ตอนที่ 1981 ไม่ได้เงินสักแดงเดียว

เหยียนหมิงซุ่นมองพ่อแท้ ๆตรงหน้าอย่างนึกดูถูกดูแคลนแวบหนึ่ง ถ้าแม่ของตนมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมากมายไร้ศีลธรรม เขาคงสงสัยว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ ๆของเหยียนโฮ่วเต๋อไปแล้ว!

ทำไมถึงได้มีผู้ชายที่หน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้?

มีชีวิตอยู่ยังนับว่าเป็นเวรกรรมเสียด้วยซ้ำ!

“ฝังถานซูฟางเสร็จพ่อก็กลับไปทำงาน ช้าหนึ่งวันหักหนึ่งร้อยหยวน” เหยียนหมิงซุ่นพูดทิ่มแทงใจอย่างไม่ไว้หน้า ทำเอาเหยียนโฮ่วเต๋อเจ็บปวดใจเหมือนโดนมีดทิ่มแทง

เงินทั้งเดือนของเขาแค่แปดร้อยกว่าหยวน ถ้าหักไปแปดวันคงไม่เหลืออะไรแล้ว งั้นเขาจะใช้ชีวิตอย่างไรล่ะ?

ลูกชายคนโตของเขาใจเหี้ยมเหลือเกิน!

เหมยเหมยเบะปาก ต่อให้ใจเหี้ยมอย่างไรก็สู้ชายโฉดอย่างคุณไม่ได้หรอก คนใจดำอำมหิต!

สุสานของถานซูฟางอยู่ที่ภูเขาเฟิ่งหวง เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้ลูกน้องจัดซื้อไว้ซึ่งเป็นเพียงสุสานธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ทั้งหมดเพราะเขาเห็นแก่เหยียนหมิงต๋า ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นคงไม่สนใจหรอกว่าจะเอาเธอไปฝังไว้ที่ไหน

ภูเขาเฟิ่งหวงยังคงหน้าตาเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิดซึ่งมีการปรับแต่งเป็นสุสานตั้งแต่ปีที่แล้ว เพียงแต่ตำแหน่งภูเขาที่มีสุสานของเหมยเหมยในตอนนั้นถูกเหมยซูหานซื้อเอาไว้แล้ว เขาปลูกดอกลิลลี่ที่เหมยเหมยชื่นชอบมากที่สุดในชาติที่แล้วเต็มไปหมด ทั้งสีแดง สีขาว สีเหลือง…มีครบทุกสี

พอถึงฤดูใบไม้ผลิทีไรภูเขาแห่งนี้จะผลิบานไปด้วยดอกลิลลี่แล้วค่อย ๆกลายเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามประจำเมืองจิน

ฤดูใบไม้ผลิจะมีคนมาถ่ายรูปหรือวาดรูปประจำซึ่งเหมยซูหานก็เปิดให้พวกเขาเข้ามาตามอัธยาศัย มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือห้ามเด็ดดอกลิลลี่บนภูเขาแห่งนี้ เขาได้จ้างคนมาเฝ้าโดยเฉพาะ หากจับได้จะถูกสั่งห้ามไม่ให้ก้าวเข้ามาในเขตนี้อีกตลอดชีวิต

เหยียนหมิงซุ่นสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของเหมยเหมยเลยก้มหน้ากระซิบถาม

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลางชี้ไปที่ภูเขาที่ห่างออกไปไกล “ในฝันฉันถูกฝังไว้ที่นั่น”

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบรีบก้มหน้าดูเหมยเหมย พอเห็นว่าเธอยังยิ้มออกไม่ได้มีสีหน้าเศร้าสลดนักถึงสบายใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังรู้สึกปวดใจไม่หาย

“เธอว่างเกินไปถึงได้นึกถึงเรื่องในฝันอยู่เรื่อย คืนนี้เรามาออกกำลังกายให้หนักไปเลย…” เสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ ลมร้อนปะทะซอกคอเธอจนขาอ่อนยวบ

เหมยเหมยรีบประกบมือทำท่าเหมือนสวดมนต์พลางกล่าวขอโทษภูตผีเทวดารอบทิศว่าอย่าได้คาดโทษเธอเลย!

“พี่ทำอะไรน่ะ ที่มันสุสานสาธารณะนะ ระวังคืนนี้จะมาหาพี่!”

เหมยเหมยยื่นแขนหยิกเอวเขาแรง ๆทีหนึ่ง กล้าหยอกเย้ากลางสุสานสาธารณะแบบนี้มันจริง ๆเลยนะ…

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่กลัวคนชั่วช้าแล้วจะกลัวผีได้อย่างไร?

ส่วนทางเหยียนหมิงต๋ากราบไหว้เสร็จแล้ว ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกับเหยียนโฮ่วเต๋อ แต่เขากำลังเศร้าใจแทนตัวเองที่ต้องไปที่ที่ห่างไกลทุรกันดารนั่นอีกแล้วมากกว่า เขาคงไม่มีวันกลับมาผงาดอีกไปจนวันตาย

ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ต่อให้ตายอย่างไรเขาก็จะใช้ชีวิตกับโม่เหวินเซียงให้ดี!

ทุกอย่างเป็นเพราะนังแพศยาถานซูฟาง!

ตายไปก็สมน้ำหน้าแล้ว!

เหยียนโฮ่วเต๋อถลึงตาจ้องรูปถ่ายของถานซูฟานบนแท่นสุสานอย่างรังเกียจ ชีวิตของเขาต้องพังเพราะผู้หญิงคนนี้ ถึงตายไปก็ลบล้างความแค้นในใจเขาไม่ได้!

ต่อให้ไม่สมยอมอย่างไรแต่เหยียนโฮ่วเต๋อก็ก้าวขึ้นขบวนรถไฟสู่ทางใต้ ไม่รู้ต้องรอถึงชาติปางไหนถึงจะได้กลับมาเมืองจินอีกครั้ง

คนตระกูลถานยังอยากหาเรื่องอยู่แต่พวกเขาไม่มีความกล้านั่น ได้แต่มองเหยียนหมิงต๋าหอบเงินกลับเมืองหลวงอย่างนั้นด้วยความรู้สึกปวดใจ

พออู่เยวี่ยที่ดูแลครรภ์อยู่เมืองหลวงได้รับสายจากเมืองจินสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไร้ประโยชน์สิ้นดี พ่ออย่าไปสนใจพวกเขาเลย เรื่องที่ฉันสั่งพ่อทำเสร็จหรือยัง?”

“จดทะเบียนบริษัทไปแล้วชื่อบริษัทภาพยนตร์เสินฮั่ว ตอนนี้รอแค่เงินทุน ถ้าเงินเข้าบัญชีเมื่อไรก็เริ่มงานได้เลย” ผู้ชายปลายสายเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

อู่เยวี่ยจุกอยู่ในอก ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องเงินเธอจะนึกถึงเงินหนึ่งล้านนั่นพลันก็เหมือนมีมีดมาปักอยู่กลางอก

“รีบร้อนอะไร? อีกไม่กี่วันก็เอาให้แล้ว” อู่เยวี่ยวางสายไปอย่างไม่สบอารมณ์

พวกไร้ประโยชน์ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ ไม่ได้การ เธอต้องคิดวิธีหาเงินใหม่!

……………………..

[1] ธนบัตรที่ใช้เผาเซ่นไหว้ผู้ตาย

ตอนที่ 1978 หมากัดกัน

เหยียนหมิงซุ่นที่ลอบมองสถานการณ์อยู่ในที่ลับมาตลอดหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา

ในที่สุดก็ทนไม่ไหว!

วันนี้มาได้คุ้มค่าจริง ๆ ไม่งั้นจะได้เห็นฉากหมากัดกันสนุก ๆแบบนี้เหรอ?

ตอนนั้นถานซูฟางโมโหแม่ของเขาแทบตาย พ่อแม่และครอบครัวของเธอต่างก็ร่วมกันออกความเห็นไม่น้อย หนำซ้ำตอนเขายังเด็กไม่ใช่แค่ถานซูฟางที่เคยทารุณกรรมเขา แต่คนในตระกูลถานก็รังแกเขาไม่น้อย ถึงขั้นตบตีด่าทอเขาต่อหน้าของถานซูฟางเลยด้วย

เรื่องเหล่านี้เขาจำได้หมด ต้องทบบัญชีเก่าทีละบัญชี รวมถึงดอกเบี้ยด้วย

เขาจะเอาคืนให้หมด!

เหมยเหมยที่เห็นก็ส่ายหน้าไม่หยุด ถ้าถานซูฟางได้เห็นคนในครอบครัวญาติพี่น้องเป็นแบบนี้ เกรงว่าฝาโรงศพก็คงจะปิดไม่ได้แล้ว!

คุณยายถานและเหยียนโฮ่วเต๋อสองคนนี้รับมือยากพอกัน แรก ๆทั้งคู่ยังไว้หน้าพูดจาอ้อมค้อมใส่กันบ้าง พอถึงตอนท้ายกลับฉีกหน้าเผยธาตุแท้ออกมาหมด ใคร ๆต่างก็รับรู้ถึงธาตุแท้ที่แสนจะอัปลักษณ์นั่น

บรรดาแขกที่ก่อนหน้านี้เคยชื่นชมเหยียนโฮ่วเต๋อต่างพากันผิดหวัง นัยน์ตาฉายแววดูถูกเหยียดหยาม

เถ้ากระดูกของเมียยังไม่ทันเย็น ฝ่ายนี้กลับวางแผนจะเอาเงินบำนาญของเมียตัวเองแล้ว ช่างน่าผิดหวังและเจ็บปวดใจเสียจริง!

เช่นเดียวกันกับการกระทำของคุณยายถานที่ยิ่งทำให้ผู้คนดูถูกดูแคลนเธอมากขึ้นกว่าเดิม เหยียนโฮ่วเต๋อเป็นเพียงสามี เดิมทีคู่สามีภรรยาก็เป็นดั่งนกในป่าใหญ่ เมื่อประสบเภทภัยก็แยกย้ายกันบินหนีจึงไม่ต้องคาดหวังอะไรกับเขามาก

แต่อีกคนเป็นแม่กลับคิดวางแผนจะเอาเงินบำนาญของลูกสาวด้วยวิธีเดียวกัน ช่างไร้ความเป็นคนเกินไปแล้ว!

“เหยียนโฮ่วเต๋อ แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกหย่ากับถานซูฟางไปนานแล้ว ทำไมซูฟางถึงต้องไปเป็นแพทย์ภาคสนามที่นั่นด้วย? ไม่ใช่เพราะคนตระกูลเหยียนของแกหรอกเหรอ แกยังมีหน้าจะมาเอาเงินบำนาญของซูฟางอีกเหรอ?”

“แม่พูดจาแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ไปเป็นแพทย์ภาคสนามมีเกียรติจะตายไป ผมรู้สึกภูมิใจมากที่มีภรรยาอย่างซูฟาง อีกอย่างผมกับซูฟางก็ยังรักใคร่กันดี ไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ดีขนาดไหนแล้วจะหย่ากันได้อย่างไรล่ะครับ?”

“ถุย…พูดพล่ามไร้สาระอะไรของแก ถานซูฟางบอกฉันหมดแล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่รู้!”

ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างไม่ลดละ บรรดาแขกต่างพากันส่ายหน้าไปมา เหยียนหมิงต๋านึกอยากจะหาที่มุดหลบหนีไป

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ขอให้แม่จากไปอย่างสงบได้ไหมครับ?” เหยียนหมิงต๋าตะโกนขึ้นอย่างเจ็บปวด

ต่อให้แม่ของเขาจะเคยทำความผิดแต่ก็ควรให้ความสำคัญกับผู้ตายสิ แม่ของเขาจ่ายค่าตอบแทนด้วยราคาของชีวิต ทำไมเหยียนโฮ่วเต๋อกับคุณยายต้องทำแบบนี้ด้วย?

พวกเขาเคยเห็นแม่เป็นคนในครอบครัวบ้างไหม?

ผู้นำของโรงพยาบาลได้เดินเข้ามา พวกเขาตรงเข้ามาหาเหยียนหมิงต๋า เขาสังเกตอยู่นานจึงพบว่าเหยียนหมิงต๋าค่อนข้างมีเหตุมีผลมากที่สุด

ผู้นำได้มอบเงินบำนาญของโรงพยาบาลให้กับเหยียนหมิงต๋า เงินได้ไม่มากแต่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ โดยเป็นจำนวนหนึ่งหมื่นหยวน

“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ เงินพวกนี้นายเก็บเอาไว้เถอะ ต่อจากนี้ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ไปที่โรงพยาบาล ถ้าพวกเราช่วยได้ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย”

“ขอบคุณครับ!”

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้ต้องการเงินพวกนี้ เขาอยากให้แม่มีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า มือของผู้นำค้างอยู่กลางอากาศอยู่นานพอสมควร

ผู้นำทอดถอนหายใจ เขาเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเหยียนหมิงต๋าดีจึงได้ยัดเงินใส่อุ้งมือของเขาไป

คุณยายถานและเหยียนโฮ่วเต๋อดวงตาลุกวาวพุ่งพรวดเข้ามาตรงหน้าของเหยียนหมิงต๋าหมายจะแย่งเงินในมือของเขาไป

เหยียนหมิงต๋าไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาแย่งเงินไปแน่นอน ไม่เสียแรงที่อยู่ในกองทัพมา เขาพลิกมืออย่างรวดเร็วก็ยัดเงินเข้ากระเป๋าเรียบร้อย

“หมิงต๋า พ่อจะเก็บเงินไว้ให้ลูกเอง เอาไว้แต่งสะใภ้เข้าบ้านให้ลูกในอนาคตไง”

“หมิงต๋า ไม่ต้องไปฟังพ่อของหลาน เขาต้องหาแม่เลี้ยงให้หลานแน่ ๆ ไม่รู้ว่าเงินจะถูกพวกจิ้งจอกตัวไหนเอาไป ยายจะเป็นคนเก็บไว้ให้หลานเอง”

เหมยเหมยเห็นดังนั้นก็บันดาลโทสะ

แม้ว่าความเป็นจริงเธอจะไม่ชอบถานซูฟางแต่คนเขาตายไปแล้ว บุญคุณความแค้นทุกอย่างล้วนปล่อยให้หายไปกับสายลม แต่สองคนนี้กลับแย่งชิงเงินบำนาญของถานซูฟางในงานอย่างออกนอกหน้าโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น

ไม่ดูน่าเกลียดไปหน่อยเหรอ!

เหยียนหมิงซุ่นก้าวเท้าเดินออกไป เหมยเหมยจึงรีบเดินตามหลังไปติด ๆ

………………………………………………………………

ตอนที่ 1979 พวกคุณนี่ไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นกระชากตัวเหยียนโฮ่วเต๋อออกมาด้วยมือเดียว อีกนิดเดียวก็แทบล้มคะมำ เขาไม่สะดวกจัดการกับทางคุณยายถานจึงทำได้แค่ปล่อยให้เธอรออยู่อย่างนั้น เพียงแต่…

เหมยเหมยที่เดินตามหลังสามีมาใช้สองมือออกแรงผลักจนยายเฒ่าจอมน่ารังเกียจนั่นกระเด็นออกไป พี่ชายพี่สาวของถานซูฟางจึงรีบเข้ามาพยุงไว้พร้อมจ้องหน้าเหมยเหมยด้วยความโมโห

“แม้แต่คนแก่ก็ยังผลัก แกยังมีคุณธรรมอยู่ไหม?” พี่สาวหน้าตาคล้ายถานซูฟางมากแต่นิสัยแย่กว่าหน่อย แถมรูปร่างดูแข็งแรงบึกบึนกว่ามาก

เพราะยัยป้าคนนี้เป็นคนงานในโรงงานเครื่องโม่ของโรงงานเครื่องจักร พละกำลังแข็งแกร่ง ปากคอเราะรายเสียยิ่งกว่ามีดที่ใช้กับแท่นกลึงเสียอีก

แต่เหมยเหมยไม่กลัวเธอเลยสักนิด ก่นด่ากลับไปว่า “ใครกันแน่ที่ไร้คุณธรรม? คนเป็นแม่ยื้อแย่งเงินบำนาญของลูกสาวกลางพิธีบำเพ็ญกุศล แบบนี้ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? พวกเธอเป็นลูกชายลูกสาวกลับไม่คิดจะห้ามปรามแต่กลับช่วยเธอยื้อแย่ง หึ…ฉันว่าพวกเธอก็ไม่ได้มีคุณธรรมอะไรเหมือนกันนั่นแหละ!”

พี่สาวของถานซูฟางได้ยินก็นึกโกรธเอามาก แม้ว่าสิ่งที่เหมยเหมยพูดจะเป็นความจริง แต่เธอไม่มีทางยอมรับอย่างเด็ดขาด

ยังจะเอาศักดิ์ศรีอยู่ไหมล่ะ?

ยัยป้าคนนี้ยกสองมือเท้าสะเอว ยืดตัวตรง ตั้งท่าเตรียมด่ากราด หนำซ้ำไม่ใช่แค่จะขยับปากด่าแต่เธอยังหมายที่จะฉีกปากของยัยปีศาจตรงหน้านี่ด้วย

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงเย็นพลันดึงเหมยเหมยมาไว้ด้านหลัง และไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือเลย แค่สาดแววตาสังหารออกไปเท่านั้น…

ต่อให้พี่สาวของถานซูฟางจะวางอำนาจบาตรใหญ่แค่ไหนแต่ก็เป็นเพียงแค่เสือกระดาษ ขนาดเห็นคนเชือดสัตว์กำลังฆ่าหมูยังหายใจหอบด้วยความกลัวเลย แล้วเธอจะต้านสายตาอันแหลมคมของพญายมบาลได้อย่างไร!

ขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมเชื่อฟัง ยิ่งสั่นก็ยิ่งอ่อนปวกเปียกแล้วเกาะพี่ชายของถานซูฟางไว้แน่น นั่นถึงทำให้เธอไม่ล้มลงไปกองกับพื้น

“ไสหัวไป!”

เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก แค่คำพูดคำเดียวก็ทำเอาพี่ชายพี่สาวของถานซูฟางตกใจจนต้องหนีเตลิดเปิดเปิง เหลือแค่คุณยายถานที่กล้าเผชิญหน้าอยู่ตามลำพัง ถึงอย่างไรเธอก็หนังหน้าหนาอยู่แล้ว เพื่อเงินเธอยอมขายขี้หน้า!

“นี่มันเป็นเรื่องธุระภายในครอบครัวของเรา แกยุ่งอะไรด้วย?” คุณยายถานโมโห

เหมยเหมยมุดออกมาจากวงแขนของเหยียนหมิงซุ่นแล้วเอ่ยประชดว่า “คุณยายคงอายุเยอะจนสมองเสื่อมแล้วสินะ ถานซูฟางเป็นสะใภ้ตระกูลเหยียน ดังนั้นก็ถือว่าเป็นคนในตระกูลเหยียน ไม่ว่าจะด้านความรู้สึกหรือด้านกฎหมาย เงินก้อนนี้ก็ควรจะเป็นสิทธิ์ของสามีและลูกชายของเธอทั้งหมด คุณมีสิทธิ์ส่วนไหนกับเงินก้อนนี้เหรอ?”

บรรดาแขกต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย นั่นสิ ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนดั่งน้ำที่สาดทิ้ง คนตระกูลถานนี่หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “คุณยายคะ คุณยายอย่าคิดว่าตัวเองอายุมากแล้วจะมาทำตัวไร้ยางอายได้นะ ไม่มีเหตุผลข้อนี้หรอกนะคะ!”

“แกสิที่หน้าไม่อาย มันเป็นเรื่องธุระภายในครอบครัวของพวกฉัน!” คุณยายถานยื่นมือออกมาชี้หน้าด่ากราด

“เธอเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของผม” เหยียนหมิงต๋าพูดเสียงนิ่งขรึม

แขกท่านหนึ่งที่ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า “เขาต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน คุณยายกับถานซูฟางกลายเป็นสองครอบครัวไปแล้ว ทำไมยังคิดที่จะเอาเงินบำนาญของเธออีกล่ะ?”

“นั่นสิ ไม่เห็นสมเหตุสมผลเลย!”

ทุกคนต่างประสานเสียงพูดอย่างให้ความร่วมมือ ไม่เคยเห็นใครสุดยอดเท่าคนตระกูลถานอีกแล้ว!

แม้แต่เงินของคนตายก็คิดจะเอา ไม่คิดเกรงกลัวว่าคนตายจะกระโดดออกจากหลุมมาคิดบัญชีเลยหรือไง!

คุณยายถานแสดงความไม่พอใจ “ฉันเป็นแม่แท้ ๆของถานซูฟาง เธอมีหน้าที่จะต้องเลี้ยงดูฉันกับพ่อของเธอตามกฎหมายเลี้ยงชีพผู้สูงอายุ ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ฉันจะเอาเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุสักหน่อยมันไม่สมควรเหรอ?”

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “คุณยายคะ ดูเหมือนว่าคุณยายจะศึกษาเรื่องนี้มาโดยเฉพาะเลยนะ ช่างลำบากคุณเสียจริง!”

แขกคนอื่น ๆต่างพากันส่ายหน้า ลูกสาวตายแต่ไม่เสียใจเลยสักนิด นึกไม่ถึงว่าจะไปค้นหาความรู้ด้านกฎหมายอีก มันน่าปวดใจเหลือเกิน!

คุณยายถานหัวเราะเยาะเย้ย นัยน์ตาฉายแววพึงพอใจ อย่าคิดจะรังแกยายเฒ่าอย่างเธอว่าไม่รู้ความเชียวละ เธอยอมจ่ายค่าสอบถามทนายเชียวนะ ใครหน้าไหนก็อย่าคิดจะมาหลอกเธอเลย!

……………………………………………………………

ตอนที่ 1976 บุคคลที่น่าสงสัยที่สุด

ถานซูฟางเป็นคนเมืองจิน พ่อแม่ของเธอรวมถึงพี่น้องของเธอก็อยู่ที่เมืองจินจึงต้องนำเถ้ากระดูกกลับมาที่เมืองจิน เหมยเหมยและคนอื่น ๆไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวงแต่บินตรงไปที่เมืองจินเลย

“ผมจะไปที่บ้านของคุณตาคุณยาย” เหยียนหมิงต๋ากอดโกศเถ้ากระดูกไว้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

ข่าวการตายของถานซูฟางเหยียนหมิงซุ่นได้โทรไปแจ้งคุณย่าหยางและคนอื่น ๆแล้ว ผู้เฒ่าทั้งสองอดที่จะใจหายไม่ได้ กว่าหลานชายคนโตของเขาจะยอมละทิ้งความโกรธแค้นในใจได้แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เสียก่อน

ฟ้ากลั่นแกล้งกันหรือไร!

เหยียนหมิงต๋าไปที่บ้านของคุณตาคุณยายพร้อมโกศเถ้ากระดูกของถานซูฟางและหนังสือรับรองการพลีชีพในหน้าที่

จนถึงวันตายถานซูฟางก็ยังคงอยู่ในสถานะของแพทย์สนาม(รบ) ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิ์เป็นผู้พลีชีพในหน้าที่ ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้เหยียนหมิงต๋าได้ก็แล้วกัน!

เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยไปยังที่พักของเขาในเมืองจิน คุณย่าหยางได้คืนบ้านพักอาศัยในเขตอีจงให้กับทางโรงเรียนไปแล้ว ส่วนบ้านของเหยียนโฮ่วเต๋อเขายิ่งไม่มีทางไปพักแน่นอน

ทางโรงพยาบาลของถานซูฟางก็ได้ทราบข่าวการตายของถานซูฟางแล้ว พิธีบำเพ็ญกุศลจะจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ เหยียนโฮ่วเต๋อเองก็ได้รับแจ้งแล้ว วันมะรืนก็น่าจะมาถึง อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นสามีของถานซูฟางอยู่

“เหยียนหมิงต๋าเขาคงไม่คิดสั้นหรอกนะ?” เหมยเหมยถามด้วยความกังวล

ตั้งแต่ถานซูฟางตายไปเหยียนหมิงต๋าก็เหมือนกับท่อนไม้ ไม่พูดไม่จาสักคำ สายตาแน่นิ่งทำเอาทุกคนต่างพะว้าพะวงไปตาม ๆกัน

เหยียนหมิงซุ่นลูบเบา ๆอย่างปลอบใจ “ถึงจะคิดสั้นก็ไม่เป็นไร นอนเถอะ”

เหมยเหมยถอนหายใจแผ่วเบา บ่นพึมพำอย่างขุ่นเคือง “จะเกิดเรื่องเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ดันมาเกิดตอนนี้ซะได้ น่าโมโหชะมัด”

ทันใดนั้นเหมยเหมยก็ดวงตาเป็นประกาย “พี่คะ หรือจะมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง? จงใจทำร้ายถานซูฟางให้ตาย?”

แต่เธอก็ปฏิเสธความคิดตัวเองอย่างรวดเร็ว “จริงสิ ถานซูฟางไม่ลงรอยแค่กับพี่ ไม่มีศัตรูคนอื่น ใครกันที่จะลงแรงลอบทำร้ายเธอถึงขนาดนั้น ต่อให้มีคนคิดที่จะจัดการกับเธอ บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดก็คือพี่แล้วล่ะ!”

ประโยคหลังเธอพูดติดตลก ความจริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะบนโลกนี้คนที่อยากให้ถานซูฟางตายที่สุดก็คือเหยียนหมิงซุ่น และคนที่ส่งถานซูฟางไปเป็นแพทย์สนาม(รบ)ก็คือเหยียนหมิงซุ่นอีกด้วย หากเป็นคนอื่นคงคิดว่าคนที่ทำให้ถานซูฟางตายก็คือเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยรู้ดีว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน ถ้าเขาอยากทำให้ถานซูฟางตาย มีวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้อยู่นับไม่ถ้วน ไม่จำเป็นต้องทำให้ถานซูฟางมาตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้หรอก

เพราะงั้นการตายของถานซูฟาง ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือความโชคร้ายของเธอ ขนาดอยู่ในโซนปลอดภัยยังเจอการโจมตีจากพวกศัตรูติดอาวุธได้ คงพูดได้เพียงว่าหมดอายุขัยแล้วจริง ๆ

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว เมื่อกี้เหมือนจะมีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวแล้วก็ผ่านไป เขามองหน้าเหมยเหมยและพูดว่า “เธอลองพูดประโยคเมื่อกี้อีกทีซิ!”

เหมยเหมยถามด้วยความงงงวย “ประโยคไหน?”

“ก็ที่เธอเพิ่งพูดไป พูดใหม่อีกรอบสิ”

เหมยเหมยคิดไปคิดมาพลางพูดขึ้นว่า “ต่อให้มีคนคิดที่จะจัดการกับเธอจริง ๆ บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดก็คือพี่แล้วล่ะ ใช่ประโยคนี้ไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นพึมพำเสียงเบา เมื่อกี้พอได้ฟังประโยคนี้ในหัวเขาก็เกิดความคิดใหม่บางอย่างแล่นผ่านขึ้นมาแต่มันก็แล่นผ่านไปเสียแล้ว ตอนนี้ต้องใจเย็น ๆค่อย ๆคิด

เหมยเหมยไม่ได้รบกวนเขา บรรยากาศเงียบสงัด เหยียนหมิงซุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้ลืมตาขึ้นแล้วหันไปส่งยิ้มให้เหมยเหมย “นอนเถอะ!”

“พี่คิดอะไรออกเหรอ?” เหมยเหมยแปลกใจมาก

“ไม่มีอะไร ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ พี่ต้องให้คนไปตรวจสอบดูก่อน รอตรวจสอบได้แล้วจะบอกเธออีกทีนะ”

เหมยเหมยรู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรมาเหยียนหมิงซุ่นจะไม่พูดในสิ่งที่ตนไม่มั่นใจจึงไม่ได้เค้นถามต่อ เธอปิดตาลงและผล็อยหลับไป

สองวันถัดมาพิธีบำเพ็ญกุศลจัดขึ้นตามกำหนด เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นไปร่วมพิธีด้วยแต่พวกเขาไม่ได้สวมชุดดำ แค่คอยดูอยู่ห่าง ๆ

……………………………………………………….

ตอนที่ 1977 เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง

ครอบครัวของถานซูฟางต่างปรากฏตัวอยู่ในพิธีบำเพ็ญกุศล เหยียนโฮ่วเต๋อก็มาด้วย ช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีอดีตข้าราชการที่เต็มไปด้วยมันสมองผู้นี้ บัดนี้ได้กลายเป็นคนผิวดำคล้ำและผอมซูบ แลดูมีอายุขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบปี เส้นผมขาวหงอกไปเกินครึ่ง หลังค่อมเล็กน้อย ท่าทีน่าสงสารแต่ไม่ควรค่าแก่การได้รับความน่าเห็นใจเลยสักนิด

เหยียนหมิงต๋ายืนอยู่ในระนาบแถวเดียวกันกับเหยียนโฮ่วเต๋อเพื่อคอยต้อนรับแขกที่เข้ามาร่วมแสดงความเสียใจ เหยียนหมิงต๋ามีท่าทีเศร้าโศก ส่วนเหยียนโฮ่วเต๋อกลับมีท่าทีไร้ความรู้สึกที่เป็นเพียงเครื่องจักรก้มคำนับเท่านั้น

“ซูฟางเอ๋ย ลูกตายได้น่าเวทนานัก…ซูฟางของแม่…ลูกต้องให้คนผมหงอกอย่างแม่มาส่งคนผมดำอย่างลูก มันคือการแล่เนื้อบนตัวแม่ชัด ๆเลย…”

ทันใดนั้นเสียงร้องไห้อันน่าเวทนาก็ดังขึ้น ผู้ที่ได้ยินต่างหลั่งน้ำตา ผู้ที่ได้เห็นต่างเศร้าเสียใจ

หญิงชรารูปร่างสันทัดล้มลงกลิ้งเกลือกลงบนพื้น ดูจากการแต่งกายดูดีไม่น้อย แต่จากการแสดงออกที่เห็นก็รับรู้ได้เลยว่าหญิงชราผู้นี้ไม่ใช่คนที่น่าคบหาเท่าไรนัก

หญิงชราผู้นี้ก็คือแม่ของถานซูฟาง หล่อนสามารถอบรมเลี้ยงดูผู้หญิงอย่างถานซูฟางออกมาได้แค่คิดก็รู้แล้วว่าหญิงชราคนนี้ไม่ใช่คนที่รับมือง่ายแต่อย่างใด

พิธีบำเพ็ญกุศลใกล้จะสิ้นสุดลง หญิงชราก็เกิดอาการบ้ากำเริบขึ้นมากะทันหัน สถานการณ์ในตอนนี้จึงวุ่นวายขึ้นมาทันที เหยียนหมิงต๋ารีบย่างสามขุมเข้าไปพยุงตัวหญิงชราหมายจะทำให้เธอลุกขึ้นและหยุดสร้างความวุ่นวาย

แต่หญิงชราจะยอมลุกขึ้นง่าย ๆได้อย่างไรเล่า…

“ซูฟางเอ๋ย ลูกเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่ ความหวังของครอบครัวเราอยู่ที่ลูก แต่ลูกสิลงไปเสวยสุขตัวคนเดียวทิ้งแม่กับพ่อของลูกสองตายายที่แก่เฒ่าไว้ ต่อจากนี้ลูกจะให้พ่อกับแม่มีชีวิตต่อไปอย่างไร…”

หญิงชราร้องห่มร้องไห้ต่อไปไม่หยุด คำพูดแรก ๆไม่กี่ประโยคยังทำให้ผู้อื่นรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง หัวหงอกมาส่งหัวดำ นับว่าเป็นโศกนาฏกรรมของโลกมนุษย์จริง ๆ

เพียงแต่…

“เงินบำนาญรายเดือนของพ่อก็แค่น้อยนิด แม่ก็เป็นแค่แม่บ้าน พี่ชายพี่สาวของแกต่างก็ไม่เอาไหน ถ้าไม่เป็นเพราะมีซูฟางที่ช่วยดูแล แม่กับพ่อของแกก็คงไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้หรอก…ตอนนี้แกจากไปแล้ว แม่ก็จะตามแกไปด้วย มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว…”

บรรดาแขกทั้งหลายต่างก็มีท่าทีแปลกใจ มาถึงตอนนี้แล้วแม้แต่คนโง่ยังดูออกถึงจุดประสงค์ของหญิงชราคนนี้

ไม่เกินความคาดหมายก็คงเพื่อเงิน!

ผู้นำของโรงพยาบาลก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือเกิน

พ่อแม่และพี่ชายพี่สาวของถานซูฟางกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย ก้มหน้าร้องไห้น้ำตาไหลแต่กลับคอยเงียหูฟัง

ใบหน้าของเหยีนหมิงต๋าแดงขึ้นมา พลันรู้สึกว่าคุณยายทำตัวน่าอับอายขายขี้หน้าเกินไปแล้ว

“คุณยายรีบลุกขึ้นเถอะ อย่าพูดแบบนี้เลย ต่อไปนี้ผมจะดูแลยายกับตาเอง…”

คุณยายถานสะบัดมือเขาทิ้งอย่างไม่พอใจ “แกเป็นทหารเงินเดือนน้อยนิด เลี้ยงตัวเองยังไม่ได้เลย…ยายไม่อาจทำใจรับเงินของแกได้หรอก หลานชายผู้น่าสงสารของยาย…สินสอดบ้านรถก็ไม่มี เมียก็ยังหาไม่ได้เลย!”

เหยียนหมิงต๋าก้มหน้างุดอย่างอับอายแต่ในใจกลับขมขื่น

เมีย?

เขาจะหาเมียไปเพื่ออะไรอีก ในเมื่อเขาคนนั้นไม่อยู่แล้ว!

“ยายครับ ยายทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ…รีบลุกขึ้นมาเถอะ!” เหยียนหมิงต๋าพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด แต่หญิงชราก็ดึงดันจะทำต่อ แถมยังไม่สนใจเขาเลยสักนิด

เหยียนโฮ่วเต๋อรีบก้าวเข้ามาหา เขาไม่ได้รู้ถึงเหตุการณ์ภายในที่แน่ชัดแต่ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจขึ้นบ้างแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นพวกขี้ขลาดไร้ความสามารถแต่ถึงอย่างไรก็เคยอยู่ในแวดวงข้าราชการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถานซูฟางสละชีพเพื่องานคงจะต้องได้รับเงินบำนาญจำนวนไม่น้อยแน่ ๆ

เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะทำให้เขาได้เสวยสุขไปได้สักระยะหนึ่ง!

เขามองปราดเดียวก็รับรู้ถึงจุดประสงค์ของยายเฒ่าถานแล้ว หึ!

คิดจะแย่งชิงเงินก้อนนี้กับเขาเหรอ?

ไม่มีทางหรอก!

“แม่ครับ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ซูฟางเธอสละชีพเพื่อชาติถือเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวเรา ถึงแม้ซูฟางจะไม่อยู่แล้ว แต่ต่อจากนี้ไปผมก็คือลูกชายของพวกคุณ ผมจะต้องดูแลแม่กับพ่อให้ถึงที่สุด”

ท่าทีซื่อสัตย์จริงใจของเหยียนโฮ่วเต๋อได้รับความชื่นชมจากผู้ที่เฝ้าชมเหตุการณ์จำนวนมาก

มีสติสัมปชัญญะสูง มีความชอบธรรมและมีความรับผิดชอบ ผู้ชายดี ๆแบบนี้หาได้จากที่ไหนอีก?

……………………………………………………

ตอนที่ 1974 ถานซูฟางบาดเจ็บสาหัส

ความจริงคือเหยียนหมิงซุ่นยังพูดไม่หมด อาการของถานซูฟางไม่ดีเอาเสียเลย โอกาสที่จะช่วยชีวิตกลับมาได้นั้นน้อยมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบไปที่นั่นก็เพราะอยากลองใช้ยาวิเศษดู

ไม่ว่าจะอย่างไรแค่รักษาชีวิตของถานซูฟางเอาไว้ได้ก็พอแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกกลุ้มใจมากเพราะมันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะยอมตัดสินใจ แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าถานซูฟางตายไปจริง ๆ เขาไม่รู้เลยว่าเหยียนหมิงต๋าจะเป็นเช่นไร?

เหตุการณ์ครั้งนี้เขาจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามันเป็นเพราะความโชคร้ายหรือมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังกันแน่!

“พี่คะ ฉันไปกับพี่ด้วยนะ!”

เหมยเหมยเองก็ลุกออกจากเตียงพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่วางใจเหยียนหมิงซุ่น

ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะเข้มแข็งมากแค่ไหน เก่งกาจสักแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไข ตอนนี้อารมณ์และจิตใจของเขาคงย่ำแย่อย่างถึงที่สุด เธอจะต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา

“เธอเป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้าน พี่ไปไม่นานก็กลับ” เหยียนหมิงซุ่นไม่เต็มใจเลย

ชายแดนไม่ค่อยสงบนักเขาไม่อยากให้เหมยเหมยไปเผชิญอันตราย แต่เขาดูถูกฝีมือการรบเร้าและกวนใจของผู้หญิงเกินไปหน่อย เขาโดนเหมยเหมยทั้งออดอ้อนออเซาะ ทั้งเล่นแง่แม่งอนใส่ ทั้งเอาอกเอาใจ…

เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในสภาวะกลัดกลุ้มจึงจำใจต้องพาติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างระอา

“พอไปถึงที่นั่นห้ามออกห่างจากพี่เกินระยะสามเมตรเด็ดขา ได้ยินไหม?” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ เหมยเหมยก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

เหยียนหมิงซุ่นขับเครื่องบินไปที่ชายแดนด้วยตัวเองเพราะมันเร็วที่สุดแล้ว ตลอดการเดินทางเหมยเหมยกังวลเป็นอย่างมาก ประสานมือขอพรอยู่ตลอด แม้ว่าถานซูฟางจะกลายเป็นผักไปแล้วก็ตาม ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการที่เธอตายจากไปหลายร้อยเท่า

ต่อให้ช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้แต่ขอยื้อเวลาไว้อีกสักปีหรือครึ่งปี เพื่อให้เหยียนหมิงซุ่นและเหยียนหมิงต๋าสองพี่น้องได้มีเวลาปรับความเข้าใจกัน

“ไม่เรียกเหยียนหมิงต๋ามาด้วยเหรอ?” เหมยเหมยไม่เห็นเหยียนหมิงต๋า เธอรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆว่าควรจะเรียกเขามาด้วย

หากว่าช่วยถานซูฟางกลับมาไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยก็ให้พวกเขาสองแม่ลูกได้เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อไม่ให้หลงเหลือความเสียใจทิ้งไว้

เหยียนหมิงซุ่นเม้มปากแน่น “ใกล้ถึงแล้ว”

ในเมื่อเหมยเหมยคิดได้เขาเองก็คิดได้ หลังจากที่ได้รับสายจากลูกน้องเขาก็โทรหาเหยียนหมิงต๋าทันทีให้เขารีบมาที่จุดเตรียมพร้อมของสนามบินรบโดยเร็วที่สุด

“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับแม่ผมเหรอ?” เหยียนหมิงต๋าโผเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู

เหมยเหมยรีบแย่งตอบพยายามใช้คำพูดอ้อมค้อมที่สุด “ตอนที่คนของพี่หมิงซุ่นไปรับแม่ของนาย ระหว่างทางถูกศัตรูลอบโจมตีลูกน้องของพี่หมิงซุ่นบาดเจ็บสาหัสและตาย…”

เหยียนหมิงต๋าหน้าเปลี่ยนสีทันที พูดขัดเธอว่า “แม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”

“บาดเจ็บสาหัสกำลังช่วยชีวิตอยู่ รีบขึ้นเครื่องบินเถอะ” เหยียนหมิงซุ่นเข้าไปนั่งในห้องนักบินด้วยท่าทีสงบ

เหยียนหมิงต๋ารีบขึ้นเครื่องบินด้วยท่าทีร้อนรน เหมยเหมยเองก็ขึ้นตามมาด้วยความรู้สึกที่แย่ไม่ต่างกัน

พระเจ้าโปรดช่วยคุ้มครอง ขอให้ถานซูฟางอย่าตายเลย!

สี่ชั่วโมงให้หลังพวกเขาก็มาถึงชายแดนพร้อมกับมีคนมารับพวกเขาไปที่โรงพยาบาลเขตทหาร

“เล่าเหตุการณ์มาให้ละเอียด ที่นั่นเป็นโซนปลอดภัยไม่ใช่เหรอ? แล้วศัตรูมาจากไหน? จับตัวได้หรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นสอบถามผู้ใต้บังคับบัญชาเสียงนิ่ง เหยียนหมิงต๋าเองก็ทำหูตั้งเช่นเดียวกัน

เมื่อกี้ตอนอยู่บนเครื่องบินเขาถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับถานซูฟางก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเองก็เคยมาปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนจึงเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่เป็นอย่างดี สถานที่ที่ถานซูฟางเกิดเหตุเป็นโซนปลอดภัย ตามหลักแล้วไม่ควรจะมีพวกศัตรูโผล่มา

แต่กลับถูกลอบโจมตี มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ

ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบกลับ “ศัตรูถูกฝ่ายเรายิงตายไม่เหลือผู้รอดชีวิตสักคน ดูจากเครื่องแต่งกายและสีผิวของพวกมัน น่าจะเป็นกองโจรท้องถิ่นของประเทศ F ครับ เหตุใดถึงเข้ามาอยู่ในโซนปลอดภัยได้พวกเรากำลังตรวจสอบอยู่ครับ”

เหยียนหมิงต๋าถามออกไปอย่างทนไม่ไหวว่า “แม่ของผมเป็นไงบ้าง?”

ผู้ใต้บังคับบัญชามองเขาอย่างลำบากใจ พูดอ้ำ ๆอึ้ง ๆว่า “กำลังช่วยชีวิตอยู่ครับ”

ความเป็นจริงอาการบาดเจ็บของถานซูฟางนั้นสาหัสมาก ตามหลักการทั่วไปแล้วคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้แต่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไป

…………………………………………………………………

 ตอนที่ 1975 ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้

เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทีของผู้ใต้บังคับบัญชาก็รู้เลยว่าในคำพูดของเขานั้นมีความหมายที่สื่อออกมาไม่หมด ดูเหมือนว่าอาการของถานซูฟางจะไม่ดีเอาเสียเลย

“ขับเร็วกว่านี้หน่อย!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงนิ่ง

หวังว่าจะยังทันการนะ!

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลทหาร ถานซูฟางยังคงถูกทำการช่วยชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัด ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองนายที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้ถูกทำการช่วยชีวิตเอาไว้อยู่

เหยียนหมิงซุ่นล้วงยาวิเศษออกมายื่นให้หมอที่ทำการช่วยชีวิต ดังนั้นเหตุผลที่เขารีบมาที่นี่ไม่ใช่เพราะถานซูฟาง เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

ถานซูฟางสิบคนก็เทียบกับชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเพียงหนึ่งคนไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ถานซูฟางจะตาย

เหมยเหมยและคนอื่น ๆรออยู่หน้าห้องผ่าตัด เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับหอยทากพร้อมกับความทุกข์ทรมาน

เหยียนหมิงต๋าเดินวกไปวนมาตรงระเบียงทางเดิน ทุก ๆห้านาทีจะเดินไปดูสถานการณ์หน้าห้องผ่าตัด เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเขาแต่กลับพิงพนักเก้าอี้พักสายตา

ประตูเปิดออกมา

หนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัสถูกเข็นออกมา โชคดีที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงผู้บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งรายก็ถูกเข็นออกมา และเป็นข่าวดีเช่นเดียวกัน เหลือเพียงถานซูฟางที่ยังกำลังช่วยชีวิตอยู่

ในใจของเหมยเหมยพลันจุดประกายความหวัง บางทีวันนี้มัจจุราชคงหยุดงาน!

เพียงแต่…

“ขอโทษครับ แต่พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว” คุณหมอมีท่าทีนิ่งสงบ ความเป็นความตายเป็นเรื่องปกติมากสำหรับพวกเขา

เหยียนหมิงต๋ามีท่าทีเปลี่ยนไปมากพุ่งพรวดเข้าไปในห้องผ่าตัด ถานซูฟางได้ถูกคลุมโปงด้วยผ้าขาวไปแล้ว

“แม่…”

เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของเหยียนหมิงต๋าดังลอยออกมา เขาโผเข้าหาร่างไร้วิญญาณของถานซูฟางพลางร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

เหมยเหมยทอดถอนหายใจ เหตุการณ์แบบนี้มันช่าง…

ทำไมถึงตายได้ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่เธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ!”

เกิดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเตรียมตั้งรับกับเรื่องที่เลวร้ายที่สุด

ก่อนจะทำอะไรเขามักจะเตรียมตั้งรับกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงดูสงบ ซ้ำยังดูโล่งใจเสียด้วยซ้ำเพราะผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองนายของเขาถูกช่วยชีวิตไว้ได้แล้ว

ถานซูฟางไม่ควรค่าแก่การเสียสละของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาฝึกฝนมาอย่างหนัก แม้แต่คนเดียวก็ทำให้เขาต้องเสียใจไปอีกนาน

“มอบคุณงามความดีให้กับทหารที่เสียสละหนึ่งขั้น พร้อมกับประกาศว่าเป็นผู้ยอมสละชีพเพื่อหน้าที่นำเงินจำนวน 200,000 หยวนจากกองทุนของฉันมอบให้กับครอบครัวเขาด้วย” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ

นี่คือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งเอาไว้ ตราบใดที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล ต่อให้ต้องสละชีพ พ่อแม่ภรรยาและลูกของเขาเหยียนหมิงซุ่นจะช่วยดูแลจนถึงที่สุด ไม่ปล่อยให้ครอบครัวของผู้พลีชีพต้องพบกับความลำบากแน่นอน

“ครับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบรับ พลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้จงรักภักดีต่อเหยียนหมิงซุ่น

ศพของถานซูฟางถูกเผาที่นั่น เหยียนหมิงต๋าเองยังคงเซื่องซึมจมอยู่กับอาการโศกเศร้าอยู่ตลอด จนถึงช่วงเวลาที่ต้องกลับเขาก็ยังคงไร้ชีวิตชีวา แถมไม่สนใจใครทั้งนั้นเอาแต่กอดเถ้ากระดูกของถานซูฟางไว้

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้สนใจเขา ปล่อยให้เขาก้าวเดินออกมาเอง

“พี่ใหญ่ ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ” ก่อนขึ้นเครื่องบินเหยียนหมิงต๋าเอ่ยขึ้นกะทันหัน

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว พอมองปราดเดียวก็รู้ถึงจุดประสงค์ของเขาทันทีจึงเอ่ยค้านว่า “ไม่ได้ นายยังมีภารกิจอื่นรออยู่ พอหมดวันหยุดนายต้องกลับกอง(ทัพ)”

เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ ศัตรูติดอาวุธไม่กี่คนที่ถูกสังหารเขาได้ไปดูศพแล้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เสียดายที่ไม่มีใครรอดชีวิตไม่งั้นเขาคงสามารถสอบปากคำได้

คนไม่กี่คนที่เขาสงสัยกลับไม่ใช่พวกศัตรูติดอาวุธแต่ตอนนี้เขายังไม่มีหลักฐานมัดตัวดังนั้นไม่อาจพูดอะไรได้ หากสืบหาความจริงได้เขาจะบอกเหยียนหมิงต๋าอย่างชัดเจน

“เรื่องนี้พี่จะให้คำอธิบายกับนายเอง”

เหยียนหมิงซุ่นมองน้องชายของตนด้วยท่าทีเคร่งขรึม น้ำเสียงหนักแน่นและทรงพลัง

……………………………………………………………………..

ตอนที่ 1972 จัดเลี้ยงวันเกิดช่วงต้นฤดูไม้ใบผลิ

คุณย่าหยางยิ้มร่าด้วยความปิติ น้ำตาคลอเบ้าพูดขึ้นอย่างดีใจ “ย่าจะไปบอกหมิงต๋าเดี๋ยวนี้แหละ”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ผมออกไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ”

เขาต้องกลับไปที่ฐานประจำการเพื่อโทรหาลูกน้อง ให้พวกเขาพาถานซูฟางกลับมาเจอหน้าเหยียนหมิงต๋าสักครั้ง ให้พวกเขาแม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นค่อยให้ถานซูฟางไปอยู่ที่เดียวกับเหยียนโฮ่วเต๋อ

ความผิดของคนตายอาจได้รับการยกเว้น ความผิดของคนเป็นนั้นยากที่จะหลบหนี!

เหยียนหมิงซุ่นขับรถออกไปอีกครั้งแต่เหมยเหมยไม่ได้ตามไปด้วย คุณย่าหยางเดินไปตามเหยียนหมิงต๋า เธอจึงปลีกตัวไปดูทีวี เรื่องแบบนี้เธอไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยว

ผ่านไปได้สักพักเหยียนหมิงต๋าก็เดินออกมาพร้อมกับคุณย่าหยาง ขอบตาแดงก่ำดูเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา แต่อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเพราะมุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม

“ย่าไปทำเกี๊ยวน้ำให้หลานนะ หลานไม่ต้องกินเยอะ อีกสักพักก็จะได้เวลากินมื้อเที่ยงแล้ว ”

คุณย่าหยางเองก็อารมณ์ดีขึ้นมาก คาดผ้ากันเปื้อนเตรียมจะเดินเข้าห้องครัว

“ผมไม่หิว เดี๋ยวรอกินมื้อเที่ยงเลยก็ได้ พี่ผมละครับ?” เหยียนหมิงต๋ายื่นมือไปคว้าแอปเปิลลูกหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมากัดพร้อมถามว่าเหยียนหมิงซุ่นไปไหน

“พี่ของหลานออกไปโทรศัพท์สั่งให้คนรับแม่ของหลานกลับมา โธ่ แอปเปิลยังไม่ได้ปอกเลยกัดเข้าไปได้ไง ไม่รู้กฎรู้เกณฑ์เอาเสียเลย รีบปอกเปลือกเลยนะ”

คุณย่าหยางยื่นมีดปอกผลไม้ให้เหยียนหมิงต๋าพลางจ้องเขาปอกเปลือก ปากบ่นอุบอิบไม่หยุด ตอนนี้แอปเปิลใส่ยาฆ่าแมลงเยอะ ถ้าไม่ปอกเปลือกกินไม่ได้…

“การกินไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องความสะอาดนักหรอกครับ คุณย่านับวันยิ่งขี้บ่นขึ้นเรื่อย ๆนะเนี่ย!”

แม้ว่าเหยียนหมิงต๋าจะนึกรำคาญแต่ก็ยอมปอกเปลือกอย่างเชื่อฟัง สายตากลับจับจ้องลานบ้านตลอดเวลาเฝ้ารอเหยียนหมิงซุ่นกลับมา

เหมยเหมยทอดถอนหายใจ ต่อให้ถานซูฟางจะน่ารังเกียจแค่ไหน แต่ในใจของเหยียนหมิงต๋าเธอกลับอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมาก และถานซูฟางก็เป็นแม่ที่ใจดีสำหรับเหยียนหมิงต๋า เหยียนหมิงต๋าจะยอมอยู่เฉยแล้วปล่อยให้แม่ตัวเองไปตายได้อย่างไรเล่า!

ช่างเป็นเนื้อร้ายที่ดึงไม่ออกตัดไม่ขาดกันจริง ๆ!

ช่วงมื้อเที่ยงเหยียนหมิงซุ่นก็กลับเข้ามา เขาพยักหน้าให้เหยียนหมิงต๋า “แจ้งพวกเขาไปแล้ว นายคงได้เจอกับแม่ช่วงเทศกาลโคมไฟ”

ใบหน้าของเหยียนหมิงต๋าเต็มไปด้วยรอยยิ้มโผเข้าหาตัวเหยียนหมิงซุ่น “ขอบคุณครับพี่!”

ขอเพียงแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!

ต่อให้อยู่ที่ไหนก็ย่อมได้ ตอนนี้เขาโตแล้วสามารถดูแลพ่อแม่ได้แล้ว เขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้พวกท่านใช้ชีวิตในเขตภูเขาทุรกันดารอย่างสุขสบายมากขึ้น

เรื่องอื่นเขาจะไม่ทำให้พี่ชายลำบากใจอีก!

เหยียนหมิงต๋าไม่ใช่พวกดื้อดึงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เขารู้จักคิด รู้ว่าเรื่องที่แม่ของเขาทำมันเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะต้องตัดขาดกับแม่ตัวเอง เป็นเหมือนอย่างตอนนี้มันก็ดีมากพอแล้วล่ะ

เหยียนหมิงซุ่นตบไหล่น้องชายตัวเองโดยไม่พูดอะไร ดวงตาฉายแววอบอุ่น เหมยเหมยเองก็ยิ้มอย่างปิติ นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!

อู่เยวี่ยนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย เธอผ่าตัดมาแล้วถึงสามครั้ง รอยสักตรงสะบักและหน้าอกถูกลบออกไปแล้ว ตำแหน่งที่ถูกลบเกิดรอยแดงจ้ำ ๆและรอยแผลจาง ๆแต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนนั้นมาก พอจะกลบด้วยแป้งได้

การผ่าตัดทั้งสามครั้งทำให้อู่เยวี่ยเจ็บปวดเจียนตาย ในใจที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นนั้นมีมากขึ้นกว่าเดิม

เธอเกลียดทุกคน ทั้งเฮ่อเหลียนเช่อ หนิงเฉินเซวียน เหยียนหมิงซุ่น จ้าวเหมย โจวจื่อหัว…

คนพวกนี้ล้วนทำผิดต่อเธอ!

เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามามองอู่เยวี่ยที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา “คุณลุงจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดในเดือนมีนาคม ครั้งนี้เป็นงานฉลอง(เจิ่งโซ่ว[1]) จำเป็นต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่ เธอรักษาร่างกายให้แข็งแรง ถึงเวลานั้นต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย”

อู่เยวี่ยตกปากรับคำอย่างว่าง่าย เธอนึกถึงข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านั้นก็พลันเกิดแผนการในใจ หันไปพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “คุณชายเช่อ เหยียนหมิงต๋ากลับมาแล้ว เขาต้องคิดถึงแม่ของเขามากแน่นอน”

[1] เป็นการจัดเลี้ยงเพื่อต่ออายุ เนื่องจากคนโบราณมีอายุสั้น บุคคลที่มีอายุถึง 50 ปีถือได้ว่าอายุยืน ดังนั้นการจัดฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่จึงมักจะจัดในช่วงอายุ 50 60 70 ปี เป็นต้นไป

…………………………………………………

ตอนที่ 1973 เกิดเรื่องแล้ว

ข่าวคราวเรื่องงานเลี้ยงวันเกิด(เจิ่งโซ่ว)ครบรอบเจ็ดสิบปีของหนิงเฉินเซวียน เพิ่งผ่านพ้นวันที่สามของวันตรุษจีนไปก็เริ่มแจกจ่ายบัตรเชิญอย่างกว้างขวางซึ่งต่างไปจากนิสัยในอดีตของหนิงเฉินเซวียนที่ไม่เคยสนใจใคร แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าทำตัวเป็นจุดสนใจ เฮ่อเหลียนชิงและเหยียนหมิงซุ่นต่างก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน

งานเลี้ยงวันเกิดกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 3 ของเดือนมีนาคม เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิพอดี สภาพอากาศค่อย ๆอบอุ่นขึ้น

จ้าวอิงหัวเองก็ได้รับบัตรเชิญเช่นเดียวกันจนรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ไอ้แก่หนิงนี่นิสัยเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขาจัดงานเลี้ยงวันเกิดเลย ครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น!”

“อาจจะเพราะอายุเยอะแล้วเลยอยากเชิญแขกมากหน้าหลายตามาร่วมอวยพรให้เขามั้ง ส่วนใหญ่แล้วอายุยิ่งมากก็ยิ่งกลัวตายกันไม่ใช่เหรอ!” จ้าวเสวียหลินคาดเดา

เหมยเหมยเองก็คิดเช่นเดียวกัน รู้สึกว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นแหละ!

แต่เธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตอนแรกคิดว่าอู่เยวี่ยไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆอย่างแน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าการยั่วยุของโจวจื่อหัวในครั้งนี้จะทำให้ยัยชั่วอู่เยวี่ยเป็นเหมือนกับเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง ไม่ใช่สไตล์การกระทำของเธอเหมือนแต่ก่อนเลยสักนิด

“พี่คะ ตอนนี้อู่เยวี่ยท้องกี่เดือนแล้ว คงใกล้คลอดแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยเป็นห่วงก้อนเนื้อในท้องของอู่เยวี่ยก้อนนั้นมาก

“เพิ่งห้าเดือนกว่า ๆเอง ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก” เหยียนหมิงซุ่นตอบ

เขาให้คนคำนวณไว้นานแล้ว เด็กในท้องของอู่เยวี่ยจะคลอดช่วงประมาณปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน เพราะเขาเองก็รอคอยอยู่เหมือนกัน!

ไม่นานก็ใกล้จะถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว กลิ่นอายประเพณีของปีใหม่ก็ค่อย ๆจางหายไป เหยียนหมิงต๋ารอคอยการกลับมาของถานซูฟางอย่างใจจดใจจ่อ

คำนวณเวลาดูแล้ว ถานซูฟางคงจะอยู่ในระหว่างการเดินทางแล้วล่ะ

คุณย่าหยางแม้จะไม่ได้ยินดีกับการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ แต่เพื่อความสุขของหลานชายคนเล็กเธอจึงเลือกที่จะทำความสะอาดห้องรับแขกห้องหนึ่ง ถึงอย่างไรเสียก็มาพักแค่ไม่กี่วันไม่ชอบใจแค่ไหนก็ต้องอดทนไว้

“พี่คะ ช่วงไม่กี่วันนี้เรากลับไปพักที่บ้านเถอะ” เหมยเหมยออกความเห็น เธอไม่อยากเจอถานซูฟางเลยสักนิด

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อย ๆ ลูบหัวของเธอเบา ๆ  “ได้สิ!”

เมื่อสักครู่ลูกน้องโทรเข้ามาหาเขาแจ้งว่าเขาไปรับถานซูฟางที่สนามรบประเทศ F เรียบร้อย หากไม่เกินกว่าที่คาด พรุ่งนี้ก็คงได้เจอถานซูฟางแล้ว อารมณ์ของเขาในตอนนี้เหมือนกับเหมยเหมยไม่อยากเจอหน้าถานซูฟางเลยสักนิด

ทั้งบ้านก็คงไม่มีใครดีใจมากไปกว่าเหยียนหมิงต๋าแล้วล่ะ ถึงแม้เขาจะพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ แต่ใคร ๆ ต่างก็สัมผัสได้ว่าเขาตั้งตารอคอยการกลับมาของถานซูฟางมากเหลือเกิน

แม้ว่าจะเป็นกฎธรรมชาติของมนุษย์แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

ไม่กี่วันมานี้บรรยากาศในบ้านตระกูลเหยียนค่อนข้างมาคุ คุณย่าหยางและคุณปู่เหยียนยิ่งไม่ค่อยสบายใจ แต่เพื่อเหยียนหมิงต๋าแล้วพวกเขาจำต้องฝืนยิ้ม

พรุ่งนี้เป็นเทศกาลโคมไฟแล้ว ถนนทุกเส้นในเมืองหลวงกลับมาครึกครื้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง คุณย่าหยางก็เริ่มยุ่งเตรียมทำบัวลอยไส้งาดำ

เหมยเหมยกลับนอนขี้เกียจอยู่บนเตียง การนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มในวันที่อากาศเหน็บหนาวเป็นสิ่งที่สบายใจที่สุด เธอยื่นมือออกไปลูบคลำข้าง ๆเตียงกลับพบความว่างเปล่า

ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไปไหน

เธอกำลังจะเรียกหาแต่เหยียนหมิงซุ่นก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกลิ่นอายสังหาร เหมยเหมยหวาดผวาระคนตัวสั่น และได้สติขึ้นมาทันที

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เหมยเหมยถามขึ้นอย่างเป็นกังวล

เธอเห็นสายตาเย็นชาดุดันของเหยียนหมิงซุ่นก็มั่นใจได้ว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ แถมยังเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย ในใจเธอพลันรู้สึกถึงเรื่องไม่ดีเอามาก ๆ ใจหายวูบดิ่งลงเหว

“ระหว่างทางกลับมาถานซูฟางถูกศัตรูโจมตี คนที่ไปรับเธอบาดเจ็บสาหัสไปสองราย ตายไปหนึ่งราย” เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับเสียงเย็นชา ไฟโทสะในใจปะทุขึ้น

เหมยเหมยใจเต้นแรง เหมยเหมยแอบขอพรในใจอย่าให้เรื่องมันแย่ไปกว่าที่เป็นเลย เธอถามอย่างระแวดระวัง “ถานซูฟางเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ผล” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางเปลี่ยนเสื้อผ้า หันหน้ากลับมาพูดอีกว่า “พี่จะรีบไปชายแดนเดี๋ยวนี้ เธอเป็นเด็กดีอยู่ที่บ้านนะ”

…………………………………………………….

ตอนที่ 1970 เลี้ยงหมูหรือ

“จับยังไง? แม้แต่นายใหญ่ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้วนายมีสิทธิ์อะไรไปจับเขา?” เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง ตอนเด็กดูฉลาดดีแต่ทำไมยิ่งโตยิ่งโง่นะ

“แล้วจะทำไงล่ะ? หรือว่าจะเอาแต่จับตาดูอยู่อย่างนี้เหรอ?”

“จะรีบร้อนอะไรเล่า คนอย่างหนิงเฉินเซวียนพระเจ้าไม่มีวันให้เขาทำสำเร็จหรอก!”

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยสีหน้าแน่วแน่มั่นใจ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหวาดระแวงหนิงเฉินเซวียนแต่ตอนนี้เขาไม่กังวลเลยสักนิด เงื่อนไขของการมีชีวิตอยู่ของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้คือเข้ากับกฎธรรมชาติ

เกิดขึ้นตามกฎธรรมชาติ หากผิดกฎธรรมชาติย่อมตาย นี่เป็นความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

หนิงเฉินเซวียนผิดกฎธรรมชาติต้องโดนธรรมชาติลงโทษในไม่ช้าก็เร็ว นี่เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

หากเขาเดาไม่ผิดบาปกรรมนี้จะตกไปอยู่ที่เด็กในท้องของอู่เยวี่ย

เขาให้ลูกน้องตามสืบพื้นหลังตระกูลหนิงพบว่าตอนนี้ต้นสายของหนิงเฉินเซวียนเหลือเพียงเขากับเฮ่อเหลียนเช่อสองคนเท่านั้น อีกอย่างพ่อของหนิงเฉินเซวียนมีลูกหลายคนแต่คนที่รอดชีวิตมีเพียงเขากับหนิงเฉินซี ลูกคนอื่น ๆส่วนมากถ้าไม่พิการสภาพอนาถก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน น้อยคนนักที่จะอยู่รอดเกินสิบปี

มีความเป็นไปได้ที่เด็กตระกูลหนิงจะพิการไม่สมประกอบสูงมาก ฉะนั้นเด็กในท้องของอู่เยวี่ยมีความเป็นไปได้ที่จะปกติต่ำมาก หนิงเฉินเซวียนต้องดีใจเก้ออย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่รอดูเรื่องสนุก ๆเงียบ ๆก็พอ!

เหมยเหมยหัวเราะเสียงเอิกเกริกเพราะละครตลกเรื่องสั้นของอาจารย์จ้าวลี่หรงอย่างเรื่อง “ต่ากงฉีอวี้” อยู่ในห้องนั่งเล่น แม้เวทีในยุคสมัยนี้ไม่ได้หรูหราเท่าชาติก่อนแต่ทักษะการแสดงของอาจารย์จ้าวดีไร้ที่ติ แสดงบทบาทคุณยายคนแก่ใสซื่อคนหนึ่งได้อย่างสมบทบาท เธอในตอนนี้หัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว

เธอตั้งใจฟังท่อนที่อาจารย์จ้าวร้องเพลงเพราะได้ข่าวว่านั่นไม่ได้ผ่านการซักซ้อมมาก่อนล่วงหน้า แต่เพราะสุขภาพของอาจารย์จ้าวไม่ค่อยดีนักเลยทรุดฮวบลงไป แต่ตอนนั้นคนทั้งประเทศไม่มีใครดูออกต่างพากันชื่นชมในทักษะการแสดงของท่านอย่างแท้จริง

เหมยเหมยจับจ้องดูการแสดงของอาจารย์จ้าวไม่กะพริบตา หากตั้งใจดูก็พอจะดูออกว่าคุกเข่ากระแทกแรงมากซึ่งคิดว่าต้องเจ็บแน่ ๆ แต่อาจารย์จ้าวกลับไม่แสดงออกทางสีหน้าสักนิด ยังคงแต้มยิ้มเบิกบาน มิน่าผู้ชมถึงไม่มีใครดูออก

เธอปรบมืออย่างอดไม่ได้แต่ส่วนมากคือความเสียดาย ไม่กี่ปีหลังจากนั้นศิลปินผู้น่าเคารพนับถือท่านนี้ก็จากโลกนี้ไปเพราะอาการป่วย น่าเสียดายเหลือเกิน!

เหยียนซินหย่าเอ่ยติ “อยู่บ้านปรบมือทำไม? ยัยโง่เอ้ย!”

“ก็มันสนุกนี่นา…” เหมยเหมยอ้อนแล้วคว้าเมล็ดถั่วสนในจานมาแกะทาน ใบหน้ามุมข้างงดงามดั่งภาพวาดที่ทำเอาเหยียนซินหย่าใจเหลวเป็นน้ำ อดยกแขนลูบศีรษะลูกสาวไม่ได้

“ทานพวกถั่วเปลือกแข็งเยอะ ๆ ถั่วมีสารอาหารสูง แม่ได้ยินมาว่าที่ชาวยิวฉลาดขนาดนี้ก็เพราะชาวยิวชอบทานถั่วเปลือกแข็ง อย่างถั่วเฮเซล เมล็ดถั่วสน วอลนัท ถั่วลิสง ถั่วพีแคน ถั่วเซียงเฝ่ย อัลมอนด์ แปะก๊วย…พรุ่งนี้แม่จะเอากระปุกเก็บแยกไว้ให้ลูกนะ ลูกทานวันละนิด อนาคตหลานของแม่จะได้ฉลาด”

เหยียนซินหย่าเอ่ยเสียงระริกระรี้ มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่าเธอได้วาดรูปเด็กทารกไว้นับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงในท่านอน ท่านั่ง หัวเราะ ร้องไห้…เยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อ คุณย่าหยางเพิ่งพูดเรื่องอยากมีเหลนผู้หญิงมาหยก ๆ กลับมาแม่ก็พูดเรื่องนี้อีก

“แม่ หนูยังเหลือเวลาอีกตั้งสองปีกว่าจะเรียนจบนะ!” เหมยเหมยเอ่ยเตือนอย่างระอา

“ก็ให้ลูกเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าไง บำรุงสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตจะได้มีลูกที่น่ารักแข็งแรงและฉลาด นี่เรียกว่าการวางแผนเลี้ยงลูกไง”

เหยียนซินหย่าพูดเป็นตุเป็นตะและไม่รู้ว่าเธอไปฟังทฤษฎีมาจากไหน เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกได้แต่คอยฟังอยู่เงียบ ๆ

“เฮ้อ นโยบายรัฐนี้น่าหงุดหงิดจริง ๆ ทำไมถึงให้มีลูกได้แค่คนเดียวกันนะ? ถ้าคนเดียวเกิดมาดีก็แล้วไป ถ้าเกิดมาไม่ดีละจะทำอย่างไร? ทิ้งลูกก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? สมัยก่อนสิดี มีได้เป็นคอก ยังไงซะก็ต้องมีดี ๆสักคนล่ะนะ!”

เหยียนซินหย่าถอนหายใจแล้วบ่นอุบอิบ

เหมยเหมย ‘…หนึ่งคอก…นี่เลี้ยงหมูหรือไง!’

………………….

 ตอนที่ 1971 ทางเลือกที่ยากลำบาก

ค่ำคืนแห่งความสุขในวันส่งท้ายปีเก่าก็ได้ผ่านพ้นไป ช่วงเช้าทั้งครอบครัวต่างพากันตื่นสายจึงรวบรัดกินมื้อเช้าและมื้อเที่ยงไปด้วยกันเลยทีเดียว เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นกลับไปที่บ้านตระกูลเหยียนอีกครั้ง พวกเขารู้สึกกระวนกระวายใจตลอดทางกลัวว่าเหยียนหมิงต๋าจอมหัวรั้นจะถามถึงเรื่องของถานซูฟาง

“ไม่ต้องกังวลนะ ถ้าถามมาก็แค่ตอบไปตามความจริง ถ้าหมิงต๋าคิดไม่ได้ก็ช่างเขาเถอะ!” เหยียนหมงิซุ่นลูบเบา ๆที่มือเหมยเหมย

เมื่อวานเขานอนไม่หลับเพราะคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งคืน สุดท้ายเลยตัดสินใจที่จะไม่ปิดบังน้องชายตนแล้วพูดความจริงกับเขา หากเหยียนหมิงต๋าโกรธแค้นเขา เขาเองก็คงต้องยอมรับ

ตั้งแต่วินาทีที่ถานซูฟางทำให้แม่ของเขาตาย เขาและเหยียนหมิงต๋าก็ได้ถูกลิขิตไม่ให้เป็นพี่น้องที่สนิทกันอีกต่อไป!

บรรยากาศภายในบ้านตระกูลเหยียนค่อนข้างน่าอึดอัดไม่ได้ครึกครื้นเหมือนอย่างเมื่อวาน คุณย่าหยางกวาดลานบ้านซึ่งไม่ได้กวาดขยะออกไปด้านนอกเหมือนทุกทีแต่เป็นการกวาดเข้าด้านใน นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันอย่างหนึ่ง ว่ากันว่าการกวาดบ้านในวันที่ 1 เดือน 1 (วันขึ้นปีใหม่) จำเป็นต้องกวาดเข้าด้านในจะเป็นการเรียก (กอบโกย) ความมั่งคั่งเข้าบ้าน

คุณปู่เหยียนนั่งรับแสงแดดอยู่ในสวน เมื่อเห็นพวกเหมยเหมยกลับมาก็พลันฉีกยิ้มกว้างทันที แต่กลับไม่เห็นเหยียนหมิงต๋า

“คุณย่าครับ หมิงต๋าไปไหนแล้ว?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

คุณย่าหยางชี้เข้าไปในบ้าน “ขังตัวเองอยู่ในห้องน่ะ ข้าวเช้าก็ไม่ยอมกิน หลานกับเหมยเหมยกินมาหรือยัง หรือจะให้ยายทำเกี๊ยวน้ำให้?”

“ไม่ต้องครับ พวกเราเพิ่งทานก่อนกลับมา ทำไมหมิงต๋าถึงได้อารมณ์เสียล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงนิ่ง

คุณย่าหยางวางไม้กวาดลงพลางถอนหายใจแล้วพูดว่า “เมื่อคืนย่าเปิดอกคุยกับหมิงต๋าแล้วก็บอกเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่พ่อกับแม่ของเขาทำลงไป จริงสิ หลานอย่าเพิ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนสั่งย้ายสองคนนั้นไปนะ ย่าบอกไปว่าเป็นย่าเองที่สั่งให้หลานออกคำสั่งย้าย ถ้าไม่เห็นหน้าเห็นตากันจะได้ไม่ต้องมานั่งรำคาญใจ ก่อนตายก็ไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาอีก”

เมื่อคืนคุณย่าหยางยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ แม้ว่าเธอจะรักหลานชายคนโตมากแต่เธอก็รักใคร่หลานชายคนเล็กไม่ต่างกัน สิ่งที่เธอไม่อยากเห็นที่สุดคือความขัดแข้งของสองพี่น้อง เพราะงั้นคุณย่าถึงขบคิดมาตลอดทั้งคืนตัดสินใจที่จะดึงความผิดทุกอย่างมาไว้ที่ตนเอง

ให้เธอเป็นคนชั่วเอง หากเหยียนหมิงต๋าจะเกลียดก็ขอให้เกลียดเธอ อย่าได้โทษหลานชายคนโตเลย!

เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกอุ่นใจ กางแขนสองข้างโผเข้ากอดคุณย่าหยาง พลางพูดปลอบใจ “ไม่ต้องกังวลไปครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”

คุณย่าหยางทอดถอนหายใจ ลังเลอยู่สักพักก่อนจะเอ่ย “หมิงซุ่น หลานเอาตัวถานซูฟางกลับมาดีไหม อย่าให้เธอไปเป็นนักข่าวภาคสนามเลย อาชีพนั้นอันตรายเกินไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาในใจของหมิงต๋าคง…”

ประโยคถัดไปคุณย่าไม่ได้พูดออกมา นั่นคือผลลัพธ์ที่เธอไม่อยากเห็นมัน

แม้ว่าเธอจะอยากให้ผู้หญิงอย่างถานซูฟางตายไปเสีย แต่พอนึกถึงเหยียนหมิงต๋าเธอก็พลันใจอ่อน ช่างขัดแย้งเป็นที่สุด

คุณย่าหยางพูดเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า “หลานย้ายเธอไปที่ที่พ่อของหลานอยู่ ปล่อยให้พวกเขาสองคนปรับปรุงตัวอยู่ในเขตภูเขาห่างไกลทุรกันดารนั่นเถอะ”

ในเขตภูเขาห่างไกลแม้จะทั้งลำบากทั้งเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยังดีที่ไม่อันตรายถึงชีวิต ไอ้พวกไร้คุณธรรมทั้งสองต้องไปอยู่ในที่แบบนั้นเพื่อปรับปรุงตัวชดใช้ให้กับแม่ของเหยียนหมิงซุ่น!

เหมยเหมยมองเหยียนหมิงซุ่นที่อารมณ์บนใบหน้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่เธอรู้ดีว่าในตอนนี้ใจของเหยียนหมิงซุ่นนั้นสับสนมากแค่ไหน ถานซูฟางเป็นคนที่ทำให้แม่ของเขาตายเลยนะ!

ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีใจคิดไม่ซื่อ คิดจะจัดการกับเหยียนหมิงซุ่นนับครั้งไม่ถ้วน ผู้หญิงคนนี้ตายไปก็ยังไม่พอให้เสียดายเลย!

แต่ที่คุณย่าหยางพูดก็มีเหตุผล ช่างเป็นการเลือกที่ยากจัง!

เฮ้อ!

บรรยากาศเงียบอยู่นานกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเอ่ยเสียงตอบรับ “ได้ครับ!”

เหมยเหมยมองเขาอย่างแปลกใจและรู้สึกร้อนผ่าวตรงขอบตา

กว่าเหยียนหมิงซุ่นจะตัดใจพูดคำนี้ได้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน!

เหมยเหมยดึงมือของเขามากุมไว้แน่นพลางส่งยิ้มให้ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ยิ้มตอบ นัยน์ตาเจือด้วยความโล่งใจอยู่บ้าง

เขาเกลียดถานซูฟางจริง แต่ต่อให้ผู้หญิงคนนี้ตายไปกี่ร้อยครั้งแม่ของเขาก็ไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีกแล้ว

เมื่อครู่เขาพลันนึกถึงเด็กผู้ชายตัวน้อย ๆจอมซื่อบื้อที่คอยแอบส่งข้าวส่งน้ำให้เขา และยังเข้ามาบังไม้แทนเขาด้วย และนั่นคือแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาไม่อยากสูญเสียมันไป

เอาตามนี้แล้วกัน!

……………………………………………………….

ตอนที่ 1968 สรุปได้คำเดียวว่าซับซ้อนไง

หลังทานเกี๊ยวหอมกรุ่นทั้งครอบครัวแล้วก็นั่งดูรายการปีใหม่ด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตาให้จ้าวอิงหัวแวบหนึ่งก่อนที่พวกเขาสามคนจะไปที่ห้องหนังสือ ทิ้งไว้เพียงสองแม่ลูกเหมยเหมยในห้องนั่งเล่น

“โอหยางซานซานนั่นอย่างไรกันแน่? ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูแปลก ๆ!” จ้าวอิงหัวถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

แม้เขาจะใช้เวลากับการสัมมนางานต่างแดนเป็นส่วนมากแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเขารู้ทุกอย่าง โดยเฉพาะการแก่งแย่งชิงดีทั้งที่แจ้งและที่ลับระหว่างลูกสาวตนกับคุณนายเฮ่อเหลียนนั้น ยิ่งทำให้จ้าวอิงหัวต้องคอยติดตามข่าวอยู่เสมอ

จ้าวเสวียหลินเองก็เช่นกัน สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าคุณนายเฮ่อเหลียนคนนี้มีความแค้นต่อน้องสาวตนอย่างมาก ซึ่งจุดนี้ไม่เหมือนโอหยางซานซานคนที่เขาเคยรู้จัก

“เธอเป็นคนฆ่าโอหยางสยงจริงเหรอ? โอหยางซานซานมีความสามารถนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” จ้าวเสวียหลินสงสัย

เหยียนหมิงซุ่นทำท่าให้พวกเขานั่งลงก่อนจะเริ่มเล่าความจริงอย่างไม่รีบร้อน ทำเอาสองพ่อลูกคู่นี้ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“แบบนี้ก็เข้าใจได้ละ มิน่าฉันถึงรู้สึกว่าโอหยางซานซานคนนี้แปลกไป เฮ่อเหลียนเช่อร้ายกาจนักที่ใช้แผนตัวตายตัวแทนแบบนี้!”

จ้าวอิงหัวกลับกังวลอีกเรื่องมากกว่า “เหมยเหมยจะมีอันตรายไหม?”

“ไม่มีหรอก ผมไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายเหมยเหมยแน่นอน แต่พวกคุณต้องระวังตัวหน่อย ตอนนี้อู่เยวี่ยกำลังจนตรอก และเป็นคนใจโหดเหี้ยม ไม่แน่อาจจะลงมือกับพวกคุณได้” เหยียนหมิงซุ่นเตือน

จ้าวเสวียหลินแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ขอแค่เธอกล้ามา ฉันจะส่งเธอไปหาเหอปี้อวิ๋นที่นรกทันที!”

จ้าวอิงหัวเองก็ไม่เก็บมาคิดมาก เขากลับนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งแทน “นายคิดจะให้อู่เยวี่ยคลอดลูกอย่างราบรื่นจริงเหรอ?”

“ขอแค่เธอคลอดออกมาได้ ผมไม่ถึงขนาดต้องลงมือทำร้ายเด็กทารกคนหนึ่งเองหรอก แต่…” เหยียนหมิงซุ่นเผยยิ้มประหลาดในฉับพลัน อารมณ์ค้างคานี้ทำเอาจ้าวอิงหัวใจคันยุบยิบเอ่ยปากเร่งให้เขารีบพูดให้จบ

“อย่าพูดครึ่ง ๆกลาง ๆได้ไหม แต่อะไร?”

จู่ ๆจ้าวเสวียหลินก็ตบกบาลตัวเอง “ประวัติของเฮ่อเหลียนเช่อพ่อลืมไปแล้วเหรอ เด็กเวรอย่างเฮ่อเหลียนเช่อจะมีลูกปกติได้อย่างไร? ไม่ต้องให้เราลงมือทำอะไรพระเจ้าก็คงไม่ปล่อยไปหรอก”

จ้าวอิงหัวก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ อย่างว่าแหละอย่าหาว่าพวกเขาจิตใจเหี้ยมโหดที่ไปสาปแช่งเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลย ใครใช้ให้คนบ้านนี้โรคจิตกันขนาดนี้ล่ะ หากมีเด็กโรคจิตตัวน้อยออกมาสร้างความปั่นป่วนแก่โลกนี้ก็สู้อย่าเกิดมาเลยดีกว่า!

เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบ “เด็กไม่ใช่ลูกของเฮ่อเหลียนเช่อ เขาใช้อสุจิของหนิงเฉินเซวียน”

อะไรนะ?

จ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินตาค้างพร้อมกัน ดีใจเก้อไปสิ

“แต่…เด็กคนนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะผิดปกติ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว สายตาฉายแววรังเกียจวูบหนึ่ง

เรื่องนี้เขาเพิ่งตามสืบได้ในช่วงระยะนี้เอง ความรู้สึกตอนรับรู้น่ารังเกียจยิ่งกว่าแมลงวันเข้าปากเสียอีก และในขณะนั้นเองที่เขาเกิดเห็นใจคู่อริอย่างเฮ่อเหลียนเช่อเป็นครั้งแรก

เกิดในครอบครัวโรคจิตแบบนั้นแล้วเติบโตมาได้อย่างนั้นนับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากแล้ว!

“หนิงเฉินเซวียนก็เกิดจากคนสายเลือดเดียวกัน พ่อของเขากับแม่ของเขามีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ส่วนแม่ของเฮ่อเหลียนเช่อหนิงเฉินซีความจริงแล้วเป็นพี่น้องคนละแม่กับหนิงเฉินเซวียน แม่ของหนิงเฉินซีเป็นพี่สาวของพ่อหนิงเฉินเซวียน ส่วนคุณยายของหนิงเฉินซีความจริงเป็นแม่ของหนิงเฉินเซวียน ฉะนั้นหนิงเฉินเซวียนเป็นทั้งพี่ชายของหนิงเฉินซีและเป็นคุณลุงของเขาเช่นกัน!”

เหยียนหมิงซุ่นพูดยาวเป็นพรวนวกวนไปมาจนจ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินมึน ตาหมุนกลอกเป็นวงกลม

“รอเดี๋ยว แกพูดช้าๆ อะไรคุณยายพี่สาวคุณลุง? นี่มันความสัมพันธ์อะไรเนี่ย? ทำไมฉันยิ่งฟังยิ่งสับสนล่ะ!” จ้าวอิงหัวถามด้วยความมึนงง ส่วนจ้าวเสวียหลินที่อยู่ข้าง ๆก็ทำหน้างุนงง

พี่สาวพี่ชายคุณลุงคุณยายอะไรนั่น สรุปได้คำเดียวก็คือ ‘ซับซ้อน’ ไง!

……………………….

 ตอนที่ 1969 ตระกูลโรคจิต

เหยียนหมิงซุ่นมองสองพ่อลูกคู่นี้อย่างนึกรังเกียจ มิน่าภรรยาของเขาถึงไม่ฉลาดดูยีนที่ถูกถ่ายทอดนี้สิ หากมีระดับสติปัญญาที่สูงสิแปลก!

เขาเองก็คร้านจะพูดใหม่เลยหยิบกระดาษปากกามาวาดแผนผังต้นไม้ แบบนี้จะได้เข้าใจแจ่มแจ้งในทีเดียว จ้าวเสวียหลินเป็นคนที่เข้าใจก่อนคนแรกเลยอ้าปากค้างมองรูปแผนผังอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

“พระเจ้า คนตระกูลนี้ป่วยเป็นโรคประสาทเหรอ? ทำไมถึงไม่ไปหาภรรยาจากข้างนอกนะ?”

จ้าวอิงหัวเองก็เข้าใจเลยรู้สึกสะอิดสะเอียนใจขึ้นมาชั่วขณะ ลำพังเขาแค่เห็นแผนผังนี่ก็รู้สึกแย่มากแล้ว คนตระกูลหนิงใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน?

ไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยหรือ?

แม่กับลูก พี่สาวกับน้องชาย ลุงกับหลาน แล้วก็แม่ลูกที่มีสามีคนเดียวกัน…

แบบนี้ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

จ้าวอิงหัวถอนหายใจยาวแล้วพูดเสียงสลดใจ “เฮ่อเหลียนเช่อ…ไม่ง่ายเลยจริง ๆ!”

จ้าวเสวียหลินกับเหยียนหมิงซุ่นทั้งหวั่นใจทั้งเศร้าใจในเวลาเดียวกัน ลูกหลานจากตระกูลที่มีความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงแบบนี้แต่ยังมีลูกหลานที่เติบโตมาได้อย่างเฮ่อเหลียนเช่อก็ถือว่าเป็นดั่งดอกบัวสีขาวที่ผุดขึ้นกลางโคลนตมแล้วจริง ๆ!

“คนอื่น ๆของตระกูลหนิงก็เป็นแบบนี้เหรอ?” จ้าวอิงหัวถามด้วยความแปลกใจ

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าแต่ก็ส่ายศีรษะตอบ “ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาตระกูลหนิงมีขนบธรรมเนียมแบบนี้ แต่งงานกับแวดวงญาติสนิท ตระกูลหนิงมีชื่อเสียงในพื้นที่มากแต่ตระกูลหนิงไม่ค่อยติดต่อสัมพันธ์กับคนนอกเท่าไร คนในพื้นที่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวพวกเขา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนในตระกูลหนิงจะยอมทำตามกฎของบรรพบุรุษ ถ้าขัดขืนไม่เป็นผลก็หนีออกจากบ้านไป”

เขาเว้นช่วงแล้วพูดต่อ “พอนานวันเข้าคนอื่น ๆในตระกูลหนิงก็เริ่มไม่ทำตามกฎธรรมเนียมที่บรรพบุรุษกำหนดไว้ เริ่มไปหาภรรยาจากข้างนอกแล้วมีครอบครัวเหมือนคนปกติ แต่มีแค่หนิงเฉินเซวียนคนเดียวที่โรคจิตขึ้นเรื่อย ๆเพราะแต่งงานกับญาติสนิททำให้เด็กที่เกิดมาส่วนมากตายหมด มีน้อยคนนักที่จะอยู่รอด ฉะนั้นสุดท้ายการแต่งงานด้วยกันของแม่ลูก พ่อลูกหรือพี่น้องกันเองก็กลายเป็นเรื่องปกติไป”

“อุ๊บ…”

จ้าวเสวียหลินทนไม่ไหวแล้วจริง ๆเลยวิ่งไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ

โลกอันกว้างใหญ่มีสิ่งน่าประหลาดใจมากมาย แต่ตระกูลที่โรคจิตจนน่าเหลือเชื่อแบบนี้เขาเพิ่งเคยพบเคยเห็นเป็นครั้งแรก!

จ้าวอิงหัวกรอกน้ำแก้วใหญ่เข้าปากถึงรู้สึกสบายขึ้นบ้าง ก่อนถามต่อ “ทำไมบรรพบุรุษตระกูลหนิงถึงตั้งกฎแบบนี้ขึ้นล่ะ? อย่างไรเสียก็ต้องมีสาเหตุสินะ!”

“แน่นอน!”

เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเริ่มบอกเล่าเหตุผล “ต้นตระกูลหนิงมีสายเลือดเชื้อพระวงศ์ ได้ข่าวว่าในยุคสมัยที่รุ่งเรืองถูกแบ่งพื้นที่ให้อย่างกว้างขวาง แต่ภายหลังก็เสื่อมคลายอำนาจลงเป็นแค่มหาเศรษฐีในพื้นที่ คนตระกูลหนิงอยากกลับมาผงาดรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกถึงได้ให้ความสำคัญกับสายเลือดของลูกหลานอย่างมาก”

จ้าวเสวียหลินพูดแทรก “คนตระกูลหนิงคิดว่าผู้หญิงตระกูลอื่นไม่คู่ควรที่จะมีลูกของตระกูลพวกเขา เพราะจะส่งผลกระทบต่อสายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่งของพวกเขาสินะ?”

“ใช่ คนตระกูลหนิงคิดแบบนี้ พวกเขาคิดว่ามีเพียงผู้หญิงของตระกูลหนิงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกหลานตระกูลเชื้อพระวงศ์”

จ้าวอิงหัวใจเต้นตุบตับแล้วถามด้วยความตกใจ “หรือว่าคนตระกูลหนิงอยากเป็นฮ่องเต้อีกครั้ง?”

จ้าวเสวียหลินสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้น “ไม่ใช่หรอกมั้ง นี่มันยุคไหนแล้วยังมีคนคิดจะเป็นฮ่องเต้อีกเหรอ?”

“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? หรือนายคิดว่าที่หนิงเฉินเซวียนรวบรวมคนมีความสามารถมากมายตลอดหลายปีนี้เพียงเพื่อต่อกรกับพ่อบุญธรรมฉันเล่น ๆเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะประชด

หนิงเฉินเซวียนต้องเตรียมชุดฮ่องเต้ที่เป็นพวกของใช้ไว้สำหรับขึ้นครองราชย์ไว้แล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาขาดเพียงผู้สืบทอดเท่านั้น!

“บ้าไปแล้ว…บ้าไปแล้ว…บ้ากันหมดแล้ว!” จ้าวอิงหัวส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อหูราวกับได้ฟังเรื่องเล่าในตำนาน แต่นี่กลับเป็นความจริง

จ้าวเสวียหลินพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “แล้วเราจะรออะไรอีก รีบจับตัวเจ้าบ้านี่ซะสิ!”

……………………..

ตอนที่ 1966 ภรรยาของฉันฉันอยากจูบก็จูบ

จ้าวอิงหัวมองลูกชายที่โดนภรรยาด่าเยี่ยงหมาอย่างสมน้ำหน้าแวบหนึ่ง ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจถูกบรรเทาลงไปบ้าง จ้าวเสวียหลินขยับเข้ามาถามรายละเอียดซึ่งจ้าวอิงหัวก็เล่าเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นจดทะเบียนสมรสกับเหมยเหมยให้เขาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง

เฮ้ย!

จ้าวเสวียหลินตกใจจนกระเด้งตัวพลางมองพ่อตัวเองอย่างละเหี่ยใจ “พ่ออยู่บ้านทำอะไรไปบ้างเนี่ย? แม้แต่ลูกสาวตัวเองยังคุมไม่อยู่!”

“ฉันจะคุมอย่างไร? น้องสาวแกใจลอยไปอยู่บ้านตระกูลเหยียนโน้นแล้ว วัน ๆคิดแต่เรื่องจะแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น ต่อให้ระแวดระวังเช้าเย็นแต่โจรในบ้านป้องกันยาก หรือว่าจะให้ฉันเอาโซ่ล่ามน้องสาวแกไว้หรือไง?” จ้าวอิงหัวโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ เขาน่าสงสารจะตายอยู่แล้ว

ลูกสาวบ้านอื่นมีแต่ถูกผู้ชายหว่านล้อมจนเสียตัวถึงจำเป็นต้องแต่งงาน แต่ลูกสาวเขานี่เก่งจริง ๆเป็นฝ่ายรุกเข้าหาผู้ชายก่อน…

เฮ้อ!

สองพ่อลูกถอนหายใจพร้อมกัน ลูกสาว(น้องสาว) โตไม่อยู่ติดบ้านแล้ว!

เหมยเหมยยิ้มตาหยีเข้ามาหาแล้วเปิดฝาแก้วน้ำชาของจ้าวอิงหัวจิบชาร้อน ๆอึกหนึ่งพลางถาม “พวกพ่อจะถอนหายใจกันทำไมล่ะ? วันนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าเชียวนะต้องยิ้มกว้าง ๆสิ!”

ทั้งคู่กลอกตาใส่อย่างพร้อมเพรียง นั่นก็เพราะยายคนไร้หัวใจอย่างเธอไม่ใช่หรือไงกัน!

พอเห็นลูกสาวยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้จ้าวอิงหัวก็รู้สึกปริ่มใจขึ้นมาอยู่นิด ๆ แต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจมากกว่าอยู่ดี ชาติหน้าหากเขากลับชาติมาเกิดเป็นผู้ชายอีกเขาจะไม่ขอลูกสาวอีกแล้ว เสียใจเหลือเกิน

เหมยเหมยแทรกตัวเข้าไปนั่งคั่นกลางระหว่างจ้าวอิงหัวกับจ้าวเสวียหลินก่อนที่ทั้งสามคนจะนั่งเบียดเป็นก้อน จ้าวอิงหัวที่ตอนแรกดึงหน้าตึงอยู่พลันก็ใจอ่อนยวบแล้วจะปั้นหน้าต่อได้อย่างไรไหว ตำหนิขำ ๆไปไม่กี่คำก็ขยับตัวออกไปข้าง ๆเพื่อขยายที่ให้ลูกสาวเขานั่ง

“ลูกอย่ามายิ้มต่อหน้าพ่อนะ พ่อถามลูกหน่อยว่ารูปก่อนหน้านี้มันเรื่องอะไรกัน?” จ้าวอิงหัวเริ่มคิดบัญชีเก่าแล้ว

วันที่สามที่เซียวเวยแปะรูปไว้ในกระทู้จ้าวอิงหัวก็รู้เรื่องแล้ว แต่ตอนนั้นเขายังสัมมนางานอยู่ต่างแดนและเลขาผู้เอาใจใส่ได้ส่งรูปนี้ให้เขาดู ถ้าไม่ใช่เพราะตัวอยู่ต่างประเทศจ้าวอิงหัวคงถือดาบยาวสามเมตรไปบั่นคอไอ้ลามกเหยียนหมิงซุ่นแล้ว

แน่นอนว่าจ้าวอิงหัวไม่ใช่พ่อที่หัวโบราณ หากหญิงสาวในรูปเป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมงานเขาคงเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายให้เป็นคุณพ่อที่เปิดกว้างทางความคิด นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้วต้องเปิดกว้างทางความคิดให้มีความเป็นนานาชาติก้าวทันโลกสิ

แต่ตอนนี้ดันเป็นลูกสาวของเขาเอง หากใครหน้าไหนกล้ามาเกลี้ยกล่อมเขา ดาบสามเมตรนั่นต้องถูกบั่นลงคอทันที!

สิ่งที่จ้าวอิงหัวโมโหคือคิดจะพลอดรักกันก็ช่วยหาที่ลับตาคนหน่อย แบบนี้เขายังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้ แต่นี่กลับถูกเก็บภาพเอาไว้แถมยังเป็นการจูบอย่างดูดดื่มอีก…

ทิ่มแทงตาเขาขนาดนี้ เขาไม่โมโหสิแปลก!

เหมยเหมยใจกระตุกวูบแล้วพูดออดอ้อน “พ่อ วันนี้คืนส่งท้ายปีเก่าเชียวนะ เราคุยหัวข้อน่าสนุกกว่านี้ไม่ได้เหรอ?”

จ้าวอิงหัวแค่นเสียงที “พ่อว่าลูกดูมีความสุขกับการจูบดีนี่ โดนแอบถ่ายแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”

จ้าวเสวียหลินไม่เข้าใจเลยถามว่ารูปอะไร เหมยเหมยรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้จ้าวอิงหัวเป็นเชิงอย่าบอก จ้าวอิงหัวจะฟังเสียที่ไหนรีบบอกว่าเป็นรูปถ่ายในคืนคริสต์มาสอีฟอย่างหมดเปลือก เรียกให้จ้าวเสวียหลินโกรธจนกระเด้งตัวลุกกระทืบเท้าพุ่งตัวไปหน้าเหยียนหมิงซุ่นแล้วหลุนหมัดใส่หน้า

“ไอ้ลามกเหยียนหมิงซุ่น นี่แกกล้าจูบเหมยเหมยของฉันเหรอ ฉันจะต่อยให้ตายซะ!”

เพียงแต่–

กำปั้นถูกเหยียนหมิงซุ่นต้านเอาไว้อย่างง่ายดาย จ้าวเสวียหลินอายจนหน้าแดงก่ำแต่กลับขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย ทำเอาจ้าวอิงหัวปิดหน้าอย่างนึกรังเกียจ ไอ้ลูกไม่เอาไหน!

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “ตอนนี้เหมยเหมยเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของฉัน ฉันอยากจูบก็จูบ นายมีปัญหาอะไรไหม?”

………………………

ตอนที่ 1967 ลูกเขยจะทานไม่ทานก็ช่าง

จ้าวเสวียหลินเถียงคอเป็นเอ็น “พวกแกแค่จดทะเบียนสมรสยังไม่ได้จัดงานแต่งงานกันสักหน่อย ไม่นับ!”

เหยียนหมิงซุ่นเสมองเขาแวบหนึ่งคล้ายกำลังสื่อว่า ‘แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร!’

เขาผละมือออกกะทันหันจนจ้าวเสวียหลินที่ตั้งตัวไม่ทันเซไปด้านหลังเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า ดีที่เขามีพื้นฐานการต่อสู้อยู่บ้างเลยเกาะกำแพงทรงตัวไว้ได้ ก่อนจะถลึงตามองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความขุ่นเคือง

“ทักษะแย่เกินไปกลับไปฝึกใหม่นะ เห็นทีต้องเพิ่มมาตรฐานการแข่งคัดเลือกผู้เข้าทีมเซวี่ยอิงแล้ว ไม่ใช่ว่าหมาแมวที่ไหนก็รับเข้ามาให้อับอายขายหน้าได้” เหยียนหมิงซุ่นปัดมืออย่างรังเกียจ เสียงเอ่ยพึมพำกับตัวเองที่ดังพอจะให้จ้าวเสวียหลินได้ยิน

จ้าวเสวียหลินหน้าแดงอมม่วงในฉับพลัน เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอ้ลามกตรงหน้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของทีมเซวี่ยอิงหรือหัวหน้าเบื้องบนของเขานั่นเอง!

ความโกรธหายไปในพริบตา!

แต่เขาก็ยืดหลังตรงทันที ตอนนี้อยู่ในบ้านนะ ในเมื่อเขาเป็นถึงพี่ชายภรรยาและยังอาวุโสกว่าเหยียนหมิงซุ่นด้วย แล้วจะกลัวไปทำไมกัน?

เหมยเหมยถลึงตาใส่เหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “พี่ฉันเก่งมากนะ พี่พูดบ้าอะไรน่ะ!”

เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกแล้วฉีกยิ้มให้พี่ชายภรรยาอย่างกล้ำกลืน เอ่ยชมอย่างฝืนใจ “ไม่เลวจริง ๆ พยายามต่อไป!”

จ้าวเสวียหลินแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งวางท่าพี่ชายภรรยา แต่ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจในเวลาเดียวกัน

แม้น้องสาวจะแต่งงานไปแล้วแต่ภายในใจก็ยังเข้าข้างพี่ชายอย่างเขาอยู่นี่นา!

อีกอย่างเขาเองก็รู้ตัวดีว่าเหยียนหมิงซุ่นมันวิปริต เมื่อก่อนเคยมีเรื่องเล่าลือกันมาว่าสิบสมาชิกทีมเซวี่ยอิงที่ฝีมือเก่งกาจมากที่สุดได้ทำการใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดจู่โจมเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกัน แต่ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเหยียนหมิงซุ่นก็ล้มสมาชิกทีมทั้งสิบคนนั้นได้จนไม่เหลือสภาพ

เขาต้องโง่มากถึงจะประลองฝีมือกับเหยียนหมิงซุ่น เขาเป็นคนปกตินะ ไม่ใช่คนวิปริต!

จ้าวอิงหัวยังคงค้างคาใจกับรูปไม่หายพลางฉุดตัวเหมยเหมยมาอบรมสั่งสอน “ลูกรัก ลูกต้องระวังตัวบ้างนะ อยากจูบก็กลับไปทำที่ห้องอย่าตามใจเขาทุกอย่าง พ่อจะบอกให้ว่าผู้ชายนิสัยเสีย ลูกอย่าทำดีกับเขาเกินไป เราต้องรู้จักเก็บอารมณ์ เข้าใจไหม?”

เหมยเหมยมุมปากกระตุกอดถามไม่ได้ว่า “พ่อ เมื่อก่อนแม่เล่นตัวกับพ่อแบบนี้ด้วยเหรอ?”

“จะเป็นงั้นไปได้ไง? ตอนนั้นแม่ของลูกอย่าให้ต้องเล่าเลยว่าเชื่องขนาดไหน เหมือนลูกแพะตัวน้อย ๆ พ่อสั่งให้ไปตะวันออกแม้แต่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือแม่ของลูกก็ยังไม่กล้าไปเลย…” จ้าวอิงหัวพูดอย่างภูมิใจด้วยสีหน้ามีความสุข

พอหวนนึกถึงเหยียนซินหย่าที่เพิ่งจะอายุสิบแปดปีในตอนนั้น สาวน้อยวัยแรกแย้มที่ทำตัวเป็นเด็กดีน่าเอ็นดูต่อหน้าเขา จ้าวอิงหัวก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจแต่ก็รู้สึกเสียดายในเวลาเดียวกัน

ตอนนี้ท่านภรรยา เฮ้อ ไม่ใช่แพะน้อยอย่างตอนนั้นอีกแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นมองพ่อตาตัวเองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ทีภรรยาตัวเองยังหาคนที่เชื่องราวกับแพะตัวน้อย วัน ๆ เอาแต่สั่งสอนให้ภรรยาของเขาเป็นแกะภูเขา โชคดีที่ยายตัวแสบของเขาเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองถึงไม่หูเบาไปเชื่อฟังคำยุยงคนอื่นได้ง่าย ๆ

เหมยเหมยเหลือบมองเหยียนซินหย่าที่ยืนแสยะยิ้มอยู่หลังจ้าวอิงหัว จงใจกล่าว “หนูไม่เชื่อหรอก พ่อต่างหากที่ทำตัวเหมือนแพะตัวน้อยต่อหน้าแม่หรือเปล่า?”

จ้าวอิงหัวไม่พอใจเลยถลึงตาใส่ “พ่อของลูกเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกเชียวนะ ที่บ้านพ่อใหญ่ที่สุด ไม่ว่าอย่างไรแม่ของลูกก็ต้องเชื่อฟังพ่อ พ่อสั่งให้ไปล้างจานแม่เขาไม่กล้าไปถูพื้นหรอก…”

“เก่งนักใช่ไหม? รีบไปต้มเกี๊ยวเลย!” เหยียนซินหย่าแค่ดุขึ้นมาเบา ๆประโยคเดียวจ้าวอิงหัวก็สะดุ้งจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง หันกลับมาเห็นท่านภรรยาของตนถึงเข้าใจว่าหลงกลลูกสาวเสียแล้ว

“ครับ…จะไปต้มเกี๊ยวเดี๋ยวนี้แหละ ที่รักชอบทานแบบนึ่งหรือต้มเหรอ?” จ้าวอิงหัวถลึงตาใส่ลูกสาวที่แอบหัวเราะทีหนึ่งแล้วมองเหยียนซินหย่าด้วยท่าทางเอาอกเอาใจและกระตือรือร้น

“พ่อ หนูจะทานเกี๊ยวทอด!” เหมยเหมยชูแขนตะโกนเสียงดัง

“ให้สามีของลูกไปทอดให้สิ!” จ้าวอิงหัวคร้านจะสนใจยายตัวแสบที่เก่งเรื่องเล่นงานพ่อตัวเองนัก

แม้ปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่ไม่นานจ้าวอิงหัวก็ยกเกี๊ยวร้อน ๆออกมาสามจาน เกี๊ยวนึ่งให้ภรรยา เกี๊ยวทอดให้ลูกสาวส่วนเกี๊ยวต้มไว้สำหรับเขากับลูกชาย

ส่วนลูกเขย จะทานไม่ทานก็แล้วแต่!

…………………….

ตอนที่ 1964 เหยียนซินหย่าเดือด

เรื่องเหตุผลใครต่างก็เข้าใจดีเพียงแต่พอเกิดขึ้นกับตัวเองจริง ๆกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก จ้าวอิงหัวในตอนนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะนั้น พอนึกถึงลูกสาวสุดที่รักให้คนลามกอย่างเหยียนหมิงซุ่นทั้งจูบทั้งร่วมหลับนอนด้วย อีกทั้งต่อจากนี้ไปจะไม่ใช่ลูกสาวของเขาเพียงคนเดียวอีกแล้ว…

จ้าวอิงหัวก็เหมือนโดนมีดแทงที่หัวใจทำเขาเจ็บจนอยากร้องไห้!

ทำไมผู้หญิงโตไปจะต้องแต่งงานด้วย?

ใช่ว่าเขาจะเลี้ยงลูกสาวไม่ไหวสักหน่อย ต่อให้เลี้ยงทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญหา!

“ผมอายุก็ไม่น้อยแล้วก็กลัวเหงาเหมือนกัน ทำไมพวกเขาไม่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมบ้างล่ะ?” จ้าวอิงหัวเถียงคอเป็นเอ็นซึ่งล้วนแต่เป็นความในใจของเขาทั้งสิ้น เขาไปสัมมนางานต่างแดนตลอดทั้งปีเลยได้เจอลูกสาวตัวเองนับครั้งได้ เขาจึงตั้งตารอคอยจะได้ทานมื้อค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไงล่ะ!

จ้าวเสวียหลินก็เข้ามาเสริมทัพด้วย “ผมไม่ได้เจอเหมยเหมยตั้งเกือบปีแล้ว ผมคิดถึงมากเลย”

“ไสหัวไปนู้นเลย!”

เหยียนซินหย่าคว้าหมอนข้างบนโซฟาทุ่มใส่ลูกชาย พอเห็นหมอนี่ทีไรก็โมโหทุกที เธอคุยกับเจ้าลูกคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไปฝึกที่ค่ายทหารสักสองสามปีก็เปลี่ยนไปทำงานราชการได้แล้ว หรือจะเปลี่ยนสายงานอื่นก็ได้ อย่าบอกว่าเธอไม่รักชาติเลย เธอเป็นคุณแม่ที่เห็นแก่ตัว ลูกชายลูกสาวมีความสำคัญเท่ากับชีวิตของเธอทั้งคู่

อีกอย่างเธอคิดว่าการทำงานสายอื่นก็สามารถแสดงความจงรักภักดีต่อชาติได้เช่นกัน อย่างเช่นนักวิทยาศาสตร์นักวิจัยต่าง ๆ ลูกชายของเธอเรียนดีจึงทำพวกเรื่องวิจัยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่เจ้าหมอนี่ก็นะ ต่อหน้ารับปากดิบดีพอลับหลังเธอกลับไปสมัครทีมเซวี่ยอิงจนเพิ่งมาบอกเธอตอนจัดการเสร็จหมดแล้ว ทำเอาเธอโมโหแทบตาย

“ถ้าลูกเชื่อฟังแม่กลับมาทำงานที่ศูนย์วิจัยเมืองหลวง ลูกก็ได้เจอน้องสาวลูกทุกวันแล้ว ตอนนี้เป็นไงล่ะปีหนึ่งยังไม่ได้กลับมาสักหนเลย แม่จะรอดูว่าลูกจะไปหาภรรยาจากไหน? อยู่โสดไปตลอดชีวิตเถอะ!”

เหยียนซินหย่ายิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ทีมเซวี่ยอิงมีแต่วีรบุรุษดี ๆทั้งนั้นแต่หากเธอมีลูกสาวจะไม่มีวันยกให้อย่างแน่นอน ภรรยาของวีรบุรุษลำบากเกินไป คนเป็นแม่ที่ไหนจะยอมให้ลูกสาวลำบากกัน?

เธอพอจะจินตนาการสถานการณ์ที่จ้าวเสวียหลินหาภรรยาไม่ได้ในอนาคตได้แล้ว!

เหยียนซินหย่าถลึงตาใส่จ้าวเสวียหลินที่ยู่คอทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมก่อนจะยกเท้าเตะจ้าวอิงหัวข้าง ๆอีกทีพร้อมด่า “คุณกับลูกชายคุณร่วมมือกันหลอกฉันสินะ? แล้วยังบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้ด้วย สองพ่อลูกก็เลวกันทั้งคู่นั่นแหละ!”

จ้าวอิงหัวที่โดนด่าหน้าตาเฉยลูบน่องด้วยท่าทางน่าสงสารพลางเอ่ยเตือน “ที่รัก ตอนนี้เรากำลังคุยกันเรื่องลูกสาวกลับบ้าน เรื่องลูกชายไว้เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม?”

ที่รัก คุณอย่านอกเรื่องได้ไหม?

จ้าวอิงหัวกลับไม่รู้ว่าผู้หญิงเป็นเพศที่นอกเรื่องเก่งที่สุดมาตั้งแต่เกิด จะทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน จะทำอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ!

“ตอนนี้ฉันอยากคุยเรื่องลูกชายนี่แหละ…” เหยียนซินหย่าคว้าหมอนอิงโยนใส่จ้าวอิงหัวอย่างคุกรุ่น หากหมอนี่ลงเรือลำเดียวกับเธอตั้งแต่แรกเพื่อคัดค้านไม่ให้ลูกชายเข้าทีมเซวี่ยอิง ตอนนี้เธอคงไม่ต้องมานั่งพะวงอยู่ทุกวันหรอก

จ้าวอิงหัวลูบจมูกปอย ๆอย่างจนใจแล้วตัดสินใจหุบปาก เวลาท่านภรรยาฉุนเฉียววิธีรับมือที่ดีที่สุดก็คือการเงียบ อย่าคิดจะใช้เหตุผลกับเพศหญิงเชียว

เพราะไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องแน่นอน!

มีอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลก็คือการมอบจูบเฟรนซ์คิสแบบฝรั่งเศสเพื่อให้ท่านภรรยาไม่มีกะจิตกะใจด่าใครอีก แต่ตอนนี้เจ้าลูกชายน่ารำคาญอยู่บ้าน เขาก็ไม่ได้หน้าด้านพอจึงกระดากใจอยู่บ้าง!

“วันอากาศหนาว ๆ แบบนี้คุณใส่เสื้อแค่นี้คิดจะออกไปทำอะไร? คุณคิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มอายุยี่สิบกว่าเหรอ? เดี๋ยวเป็นหวัดขึ้นมากว่าจะหายก็เสียเวลาอีกค่อนเดือน ไอจนฉันรำคาญ นั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้ ใครก็ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น!”

เหยียนซินหย่าบิดหูลากจ้าวอิงหัวที่คิดจะออกจากบ้านกลับเข้ามา ยามสิงโตตัวเมียโมโหใครก็ไม่กล้าปริปาก ทำได้แต่นั่งอยู่บนโซฟาแต่โดยดี

บรรยากาศเงียบเหลือเพียงเสียงจากโทรทัศน์ เหยียนซินหย่าพึงพอใจอย่างมาก มันต้องให้ด่าแบบนี้สินะ!

…………………….

ตอนที่ 1965 นายต้องเรียกคุณน้า

มีเสียงกุกกักดังขึ้นจากหน้าประตูเรียกให้จ้าวเสวียหลินหูกระดิกร้องขึ้นอย่างดีใจแล้วพุ่งตัวออกไปเปิดประตูก่อนที่ตัวขนนุ่มปุกปุยตัวหนึ่งจะปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ซึ่งเป็นเหมยเหมยที่กำลังสวมหมวกขนสีขาวนั่นเอง

“สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ชาย!”

เหมยเหมยตะโกนอย่างมีความสุขแล้วกระโจนใส่จ้าวเสวียหลินเหมือนตอนสมัยเด็ก ๆ เกาะหนึบเป็นปลาหมึก เหยียนหมิงซุ่นตาเข้มขึ้นเล็กน้อยพยายามหักห้ามใจที่ต้องการจะเข้าไปกระชากภรรยาตัวเองเอาไว้ด้วยการสูดหายใจติดต่อกันหลายครั้ง สีหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับทรยศเขา

จ้าวเสวียหลินโอบกอดน้องสาวตัวเองแนบแน่นด้วยใบหน้ายิ้มร่า “สวัสดีปีใหม่ ทำไมเธอไม่หนักขึ้นเลยสักนิด ไม่ได้ทานข้าวดี ๆเลยใช่ไหม?”

ประโยคนั้นเอ่ยต่อเหมยเหมยแต่สายตากลับมองไปยังเหยียนหมิงซุ่นด้วยความไม่เป็นมิตร

“พี่หมิงซุ่นทำกับข้าวอร่อย ๆให้หนูทานทุกวัน เดือนที่แล้วหนูอ้วนตั้งห้าสิบโลเลยนะกว่าจะลดลงมาได้ ตอนนี้กำลังดีเลย” เหมยเหมยผละออกแล้วยิ้มตาหยีกล่าว ไม่รู้สึกถึงสายตาที่ปะทะฟาดฟันระหว่างผู้ชายสองคนตรงหน้าสักนิด

“ลดอะไรกัน ผู้หญิงต้องอวบอ้วนหน่อยสิถึงจะสวย เหยียนหมิงซุ่นนายว่างั้นไหม?” จ้าวเสวียหลินคิดถึงแก้มกลมสมัยเด็ก ๆของเหมยเหมยเหลือเกิน เวลาหยิกแล้วรู้สึกดีมาก

แต่ตอนนี้ไม่มีแก้มอีกแล้วจนเขาทำใจหยิกแก้มที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกนั่นไม่ได้

ประโยคนี้ถูกใจเหยียนหมิงซุ่นมาก เขาจึงพูดเชิงเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ “ใช่ เหมยเหมยต้องทานให้เยอะ ๆหน่อย ห้าสิบโลกำลังดีเลย”

เหมยเหมยมองค้อนใส่พวกเขาแวบหนึ่งก่อนจะเข้าบ้านไปอย่างคร้านจะต่อปากต่อคำกับพวกเขาอีก

“พ่อคะ แม่คะ สวัสดีปีใหม่ ขออั่งเปาหน่อย!”

เหมยเหมยแบมือขออั่งเปาด้วยใบหน้ายิ้มซุกซน

จ้าวอิงหัวมีความสุขจนยิ้มแก้มแทบปริพลางยื่นมือล้วงอั่งเปาที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้า ขณะที่ปากก็บ่นอุบไปด้วย “มื้อส่งท้ายปีเก่ายังไม่กลับมาทานด้วยกันเลย แล้วยังมีหน้ามาขออั่งเปากับพ่ออีก เหอะ!”

ปากก็ว่าไปอย่างนั้นแต่ไม่ได้ลดความเร็วในการให้อั่งเปาเลยสักนิด ซองแดงนูนที่ดูก็รู้ว่าใส่ซองไม่น้อย เหมยเหมยรับไว้อย่างดีใจแล้วพูดเสียงออดอ้อน “หนูก็กลับมาแล้วนี่ไงคะ พ่อ เดี๋ยวหนูต้มเกี๊ยวให้นะ คุณย่าพี่หมิงซุ่นห่อเกี๊ยวให้เยอะเลย ไส้เนื้อผักจี้ไฉ่หมดเลยด้วยนะ พ่อ ของโปรดพ่อเลยใช่ไหมล่ะ!”

เหยียนซินหย่าสังเกตเห็นถุงขนาดใหญ่สองถุงในมือเหยียนหมิงซุ่น พอเปิดออกมาก็พบว่าเป็นกับข้าวมากมายเลยอดตำหนิไม่ได้ “ทำไมพวกเธอเอากับข้าวกลับมาเยอะแยะขนาดนี้ คุณย่าเกรงใจกันเกินไปแล้ว เหมยเหมย คราวหลังจะให้คุณย่าลำบากแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ รู้ไหม?”

เหมยเหมยแอบแลบลิ้นน้อย ๆ “คุณย่าบอกว่าแม่ทำงานหนักไม่มีเวลาทำกับข้าวเลยเตรียมมาให้เยอะขนาดนี้ค่ะ”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ยิ้มกล่าว “คุณย่าผมสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ให้ท่านทำงานท่านจะไม่พอใจได้ครับ แม่อย่าว่าเหมยเหมยเลย เธอไม่รู้อะไรด้วย”

พอเหยียนซินหย่าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าในใจ พ่อแม่ของเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนดีทั้งคู่ ตอนแรกเธอยังเป็นห่วงกลัวลูกสาวแต่งเข้าบ้านนั้นแล้วจะถูกรังแกข่มเหง ตอนนี้กลับไม่รู้สึกห่วงสักนิดเดียว สองสามีภรรยาคู่นั้นไม่ได้อยู่เมืองหลวง อีกทั้งคนเฒ่าคนแก่ตระกูลเหยียนยังรู้จักแยกแยะมีเหตุผลคงไม่ปล่อยให้เหมยเหมยโดนรังแกแหง

จ้าวเสวียหลินสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วแคะหูด้วยความสงสัย “เหยียนหมิงซุ่นนายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นายเรียกแม่ได้ไงต้องเรียกว่าคุณน้าสิ!”

น้องสาวโดนเจ้าหมอนี่แย่งไปแล้ว หรือว่าเขาจะเสียแม่ไปด้วยอีกคนกันนะ?

เหยียนหมิงซุ่นช่วยเหยียนซินหย่าเก็บของใส่ตู้เย็น ไม่ต้องรอให้เขาตอบโต้คุณแม่ยายก็เอ่ยปากก่อน “ก็ต้องเรียกแม่สิ เรียกคุณน้าอะไรกัน? ไปเป็นทหารแล้วโง่ลงเหรอ?”

จ้าวเสวียหลินกล้ำกลืนความโกรธไว้แล้วหดตัวกลับไปนั่งที่โซฟาเช่นเดิม  ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ หรือว่าช่วงที่เขาไม่ได้กลับบ้านจะเกิดเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้ขึ้นนะ?

…………………….

ตอนที่ 1962 ทางที่ดีคือเจ้าหญิงน้อย

เหมยเหมยก็ชะงักมือแล้วหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นอัตโนมัติ ในที่สุดก็ถามสักทีแล้วควรจะตอบกลับอย่างไรดี?

ตลอดสองปีมานี้เหยียนหมิงต๋าอยู่ในค่ายทหารที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก ไม่เคยติดต่อกับทางบ้านสักครั้งแม้จะเขียนจดหมายสักฉบับยังไม่ได้รับอนุญาต ถานซูฟางกับเหยียนโฮ่วเต๋อติดต่อเขาไม่ได้ เช่นเดียวกับเขาที่ติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้

ฉะนั้นเหยียนหมิงต๋าจึงไม่รู้เรื่องราวของสองสามีภรรยาคู่นี้ หลงคิดว่าพวกเขายังทำงานอยู่เมืองจินมาโดยตลอด!

เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งอย่างใจเย็นไม่ลนลาน แล้วเอาเนื้อกุ้งที่แกะเสร็จสรรพใส่ในถ้วยของคุณปู่เหยียนถึงตอบกลับ “พวกเขามีวันหยุดสั้นเกินไปเลยมาไม่ทัน”

“งั้นไว้เดี๋ยวผมจะกลับไปเยี่ยมพวกท่านที่เมืองจินแล้วกัน รอบนี้ผมได้หยุดตั้งหนึ่งเดือนเลยนะ!” เหยียนหมิงต๋ายิ้มเอ่ย

“ทานข้าวก่อน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้” เหยียนหมิงซุ่นคีบเนื้อเคาหยกใส่ถ้วยน้องชาย เนื่องด้วยความไม่อยากทำลายบรรยากาศปีใหม่เลยตัดสินใจรอคุยเรื่องนี้กับน้องชายให้รู้เรื่องในวันพรุ่งนี้

เหยียนหมิงต๋าไม่ได้คิดมาก เขาหัวเราะเหอะ ๆแล้วกัดเนื้อคำโตก่อนจะยกนิ้วโป้งพูดชม “เนื้อที่คุณย่าทำอร่อยที่สุดเลย เนื้อในค่ายมีแต่มัน ปุเลี่ยนไม่อร่อย”

คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง ขอแค่ได้ใช้เวลาปีใหม่อย่างสงบก็พอ คุณย่าหยางคีบเนื้อเคาหยกอีกหนึ่งชิ้นให้หลานชายคนเล็ก “อร่อยก็ทานเยอะ ๆ ดูสิเนื้อตรงแก้มหายไปหมดเลย”

เหยียนหมิงต๋าไม่เคยปฏิเสธน้ำใจใครเลยทานเนื้อคำโตที่ดูเจริญอาหารเหมือนอย่างเคยและดูท่าทางใสซื่อโง่เขลา

มื้อค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าใกล้จะจบลงแล้ว ทุกคนทานอิ่มท้องกันถ้วนหน้า เหมยเหมยเผอเรอติดต่อกันหลายที เธอทานปอเปี๊ยะมากเกินไปเลยอิ่มจุกเกือบถึงคอหอย

เธอช่วยคุณย่าหยางเก็บกวาดห้องครัว ขณะทำงานไปก็คุยกันไป พอคุยกันไปคุยกันมาก็โยงมาถึงเรื่องวัยเด็ก

“ย่าว่านะถ้าอนาคตหนูกับหมิงซุ่นมีลูกสาวคนหนึ่งก็ดีสิ ตัวเล็กหน้าตาน่ารักน่าชัง ถ้าคล้ายเหมยเหมยก็ยิ่งดีเลย ย่าจะทำเสื้อผ้าให้เหลนแต่งตัวให้เหมือนเจ้าหญิงน้อยทุกวัน อุ้มไปข้างนอกต้องได้หน้าได้ตามากแน่ ๆ”

คุณย่าหยางวาดฝันเพราะเธอมีลูกชายหนึ่งคนส่วนลูกชายก็มีหลานชายให้เธอสองคนจนสร้างความผิดหวังแก่คุณย่าอย่างมาก เธอจึงหวังเพียงว่าจะมีเหลนผู้หญิงสักคนมาเติมเต็มความต้องการของทั้งชีวิตเธอ

เหมยเหมยหน้าแดงก่ำทันทีแล้วก้มหน้างุดอย่างเขินอาย รู้สึกอบอุ่นถึงใจ

ลูกสาวของเธอกับพี่หมิงซุ่นจะหน้าตาอย่างไรกันนะ?

ต่างบอกว่าลูกสาวจะเกิดมาคล้ายพ่อคงต้องเหมือนพี่หมิงซุ่นสินะ แบบนั้นก็ดูดีเหมือนกัน ต้องเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยแสนงดงามแน่ ๆ!

คุณย่าหยางเองก็พึมพำไม่หยุด “ย่าไม่ว่าหรอกว่าเหลนจะหน้าตาเหมือนใครเพราะก็ดูดีทั้งนั้น แต่ทางที่ดีให้เหมือนแม่จะได้เหมือนนางฟ้าตัวน้อยไปเลย โอ๊ย…อยากมีแล้ว ทำไมเหมยเหมยยังต้องรออีกสองปีถึงจะเรียนจบกันนะ!”

เหมยเหมยเองก็เสียดาย นั่นสิ ทำไมต้องรออีกตั้งสองปีถึงจะเรียนจบกันล่ะ?

เวลาผ่านไปช้าจริง ๆ!

เวลาประมาณสามทุ่มเหยียนหมิงซุ่นก็พาเหมยเหมยกลับไปหาพวกจ้าวอิงหัว หากไม่กลับไปจ้าวอิงหัวต้องตามมาแหง เวลาเพิ่งผ่านไปได้สิบนาทีจ้าวอิงหัวก็โทรมาร่วมสามสายเหมือนเร่งให้ไปตายอย่างไรอย่างนั้น

“เอาปอเปี๊ยะกับเกี๊ยวไปด้วย แล้วก็กับข้าวพวกนี้ย่าทำไว้กึ่งสำเร็จรูป แม่เหมยเหมยงานยุ่งต้องไม่มีเวลาทำอาหารแน่ ๆ กับข้าวพวกนี้เพียงพอให้พวกเขาทานได้หลายวันแล้วละ”

คุณย่าหยางหิ้วถุงขนาดใหญ่ออกมาจากครัวสองถุง ถุงขนาดเล็กกว่าเป็นปอเปี๊ยะกับเกี๊ยวส่วนถุงขนาดใหญ่กว่าเป็นกับข้าวอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นซี่โครงกับฟองเต้าหู้ทอด ปลาดาบเงิน เนื้อวัวตุ๋น เมนูนึ่งรวมมิตร เกี๊ยวไข่ เคาหยกเป็นต้น ล้วนถูกคุณย่าแบ่งประเภทเก็บไว้อย่างดีสะอาดสะอ้าน

“ขอบคุณค่ะคุณย่า ลาภปากพ่อแม่หนูละทีนี้” เหมยเหมยรู้สึกขอบคุณอย่างมาก กับข้าวพวกนี้ไม่รู้ว่าต้องเสียเวลาคุณย่าไปมากแค่ไหน

คุณย่าหยางหัวเราะดังลั่น “ขอบคุณอะไร พวกเขายกลูกสาวที่ดีขนาดนี้ให้บ้านเรามา กับข้าวแค่นี้ไม่ใช่เรื่องหนักหนาเลย พวกหลานรีบไปเถอะ อย่าให้พวกเขาต้องรอนานเกินไป ขับรถก็ระมัดระวังด้วยนะ!”

………………………..

ตอนที่ 1963 คืนส่งท้ายปีเก่า

เมื่อเอ่ยลาคนแก่ตระกูลเหยียนทั้งสองแล้ว เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยก็จากไป

“พี่ พรุ่งนี้พี่จะบอกเรื่องพ่อแม่เหยียนหมิงต๋าให้เขารู้จริง ๆเหรอ?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

ตอนนี้ถานซูฟางเป็นนักข่าวภาคสนามที่เหมือนเอาชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกวัน ได้ยินว่าเจ็บตัวมาสองครั้งแล้ว ส่วนเหยียนโฮ่วเต๋อก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักในเมื่ออยู่ในเขตพื้นที่บนเขาไม่มีน้ำไฟใช้ คนที่เติบโตในเมืองไม่เคยลำบากตั้งแต่เด็กอย่างเหยียนโฮ่วเต๋ออยู่สุขสบายสิแปลก!

“แน่นอนว่าไม่บอก บอกแค่ว่าพวกเขาไปศึกษาชีวิตต่อที่ต่างประเทศ หมิงต๋าโง่ หลอกง่าย!” เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะบอกความจริงแต่แรกอยู่แล้ว

เหมยเหมยยังกังวลใจอยู่หน่อย ๆ “ถ้าเกิดอนาคตเขารู้เข้าล่ะจะทำอย่างไร?”

“ถ้ารู้ก็บอกความจริงเขาไป ปิดบังได้นานแค่ไหนก็นานแค่นั้น” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ระอาอยู่เหมือนกัน

เขายังอยากรักษาความสัมพันธ์พี่น้องกับเหยียนหมิงต๋าไว้เหมือนเดิมถึงได้เลือกหนีความจริงเป็นครั้งแรก ถึงจะหนีได้หนึ่งวันก็ยังดี จิตใต้สำนึกกลับฉายชัดว่าไม่อยากให้วันที่รู้ความจริงมาถึง

เพราะเขาก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าหากเหยียนหมิงต๋ารับรู้ความจริงแล้วจะยอมเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อยู่อีกหรือไม่

“เฮ้อ!”

เหมยเหมยถอนหายใจยาว เธอไม่เชื่อในตัวเหยียนหมิงต๋าเลยจริง ๆ!

และไม่อยากเห็นสองพี่น้องเหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นศัตรูกัน!

เพราะเธอรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ปากเขาพูด ความจริงเขาห่วงใยน้องชายมาก หากเหยียนหมิงต๋าแตกหักกับเขาจริง ๆ เหยียนหมิงซุ่นจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ ๆ!

ได้แต่หวังว่าเจ้าโง่เหยียนหมิงต๋าจะไม่รู้ความจริงตลอดไป!

เหยียนหมิงซุ่นรู้ทันความพะวงใจของเหมยเหมยเลยหันมาหยิกแก้มเธอทีหนึ่ง ยิ้มปลอบใจเธอ “อย่ากังวลไป สามีของเธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

ถ้ารักษาความสัมพันธ์พี่น้องต่อไปไม่ได้จริง ๆ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงตัดขาดสายสัมพันธ์

เพียงแต่เขายังหวังอยู่ดีว่าจะไม่มีวันนั้น!

พวกจ้าวอิงหัวทานมื้อคืนส่งท้ายปีเก่าเสร็จนานแล้ว พวกเขาสามคนในครอบครัวกำลังนอนดูโทรทัศน์บนโซฟา รายการสนุกสนานมาก แต่เพราะไม่มีนักแสดงตลกสองท่านอย่างคุณเฉินกับคุณจูที่เป็นนักแสดงสุดโปรดของจ้าวอิงหัวร่วมรายการด้วย จ้าวอิงหัวเลยเริ่มหมดความสนใจ เขายิ่งโมโหขึ้นเรื่อย ๆตั้งแต่เริ่มทานข้าวมื้อค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าแล้ว

“ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านเขาเลยก็กลายเป็นคนตระกูลเหยียนเต็มตัวแล้วเหรอ? ไม่มีเหตุผลเลย!”

อดทนถึงสามทุ่มจ้าวอิงหัวก็เหลือบดูเวลาบนกำแพงแวบหนึ่งจนในที่สุดภูเขาไฟก็ระเบิดออกมา แต่อย่างน้อยเขายังจำได้ว่านี่เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าเลยลดระดับเสียงลงและพูดให้ช้าลง เดินวกไปวนมาอยู่ในห้องนั่งเล่น

จ้าวเสวียหลินก็กลับมาแล้ว เขาไม่ได้กลับบ้านมาสองปีเช่นเดียวกับเหยียนหมิงต๋าซึ่งปีนี้เขาขอลากลับมาโดยเฉพาะ แต่กว่าจะกลับมาได้สักครั้งมันไม่ง่ายเลย น้องสาวสุดที่รักกลับไม่อยู่บ้านเพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับผู้ชายเสียอย่างนั้น

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่พี่ชายภรรยาอย่างมาก

“ใช่ เจ้าเหยียนหมิงซุ่นจะทำเกินไปแล้ว นี่ยังไม่แต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมคืนส่งท้ายปีเก่าถึงไม่กลับบ้านแล้วล่ะ? อีกอย่างต่อให้แต่งเข้าบ้านนั้นจริง ๆ กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดนี่นาว่าห้ามกลับมาฉลองปีใหม่กับบ้านตัวเอง!”

จ้าวเสวียหลินไม่มีอารมณ์ดูรายการปีใหม่เพราะมัวแต่ราดน้ำมันใส่กองไฟให้พ่อตัวเองอยู่ โอ้…ไม่ได้การล่ะ

“ไม่ได้…ฉันต้องไปรับลูกสาวฉันกลับมา นี่มันมีเหตุผลเสียที่ไหนกัน จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”

จ้าวอิงหัวถูกลูกชายกระตุ้นจึงเด้งตัวลุกขึ้น โชคดีที่เขาอายุปูนนี้แล้วแต่ยังแข็งแรงดีขนาดนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็คว้าเสื้อโค้ทผ้าพันคอกับหมวกบนชั้นเสื้อผ้าเตรียมออกไปรับเหมยเหมย

เหยียนซินหย่าที่แต่เดิมไม่คิดจะสนใจสองพ่อลูกจอมประสาทคู่นี้ เธอจึงทำได้แค่วางรีโมทลงอย่างเอือมระอาพร้อมโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก “นั่งดูทีวีนิ่ง ๆไปเถอะ คุณปู่คุณย่าหมิงซุ่นเพิ่งมาอยู่เมืองหลวง เพราะกลัวคนแก่จะเหงาเหมยเหมยถึงตั้งใจไปฉลองคืนส่งท้ายปีเก่ากับพวกท่านโดยเฉพาะ นี่จะเอะอะโวยวายอะไรกันนักหนา?”

……………………

ตอนที่ 1960 การกลับมาของเหยียนหมิงต๋า

เรื่องราวหลังจากนั้นสร้างความผิดหวังแก่เหมยเหมยอย่างมากเพราะทางอู่เยวี่ยหายเงียบไป หรือแม้กระทั่งโอหยางเซี่ยงหมิงก็เงียบกริบไปด้วยเพราะใช้ความเงียบเข้าสู้ไม่ยอมตอบโต้โจวจื่อหัว ในเมื่อเล่นละครคนเดียวมันจะสนุกได้อย่างไร ทางฝั่งโจวจื่อหัวเองจึงหายไปด้วยอีกคน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็คิดหาวิธีไม่ได้ชั่วขณะจึงให้โจวจื่อหัวรอคำสั่งเงียบ ๆ เพราะจากนิสัยของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วคราวนี้เสียเปรียบไปตั้งมากเขาไม่มีทางยอมกล้ำกลืนความแค้นนี้หรอก เขาต้องแอบคิดแผนการใหญ่ลับหลังอยู่อย่างแน่นอน ส่วนพวกเขาก็รอรับมืออยู่นิ่ง ๆก็พอ

ไม่นานก็มาถึงคืนวันส่งท้ายปีเก่าของตรุษจีน ทุกบ้านกำลังเตรียมสำหรับการมาเยือนของวันตรุษจีนเลยไม่มีใครให้ความสนใจข่าวซุบซิบนินทาอีก สามพี่น้องโจวซิ่งเอ๋อร์ก็กลับไปฉลองตรุษจีนกับโจวจื่อหัวที่ฮ่องกง ความสงบจึงได้บังเกิดขึ้นชั่วคราว

คืนส่งท้ายปีเก่าเหมยเหมยได้กลับไปฉลองกับพวกคุณย่าหยางกับเหยียนหมิงซุ่น คนแก่สองคนใช้ชีวิตที่เมืองหลวงอย่างมีความสุขและคุ้นชินเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากมาย ชีวิตมีความสุขมากเชียวละ

พออารมณ์ดีก็เจริญอาหารจนทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นตามลำดับ หลังจากคุณปู่เหยียนอยู่ห่างจากลูกชายกับลูกสะใภ้ที่น่ารำคาญใจ แถมยังได้รับการบำรุงจากยาวิเศษอีกจึงทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่ต้องให้คุณย่าหยางคอยประคองแล้วเพราะคุณปู่เหยียนสามารถใช้ไม้เท้าก้าวเดินช้า ๆได้ ทุกเช้าเขาจะออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะตามลำพังอีกต่างหาก!

คุณย่าหยางซื้อของกลับมาฉลองตรุษจีนมากมายและเริ่มทำการเตรียมมื้อค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าตั้งแต่คืนก่อนหน้าเสียอีก วัตถุดิบอาหารอย่างเนื้อไก่เป็ดปลาหมูกุ้งรากบัวที่ต้องตระเตรียมไว้ เนื้อปลาจะสื่อถึงเหลือกินเหลือใช้ทุกปี รากบัวสื่อความหมายให้มีเส้นทางที่ราบรื่น…สิ่งเหล่านี้เป็นของที่ทุกบ้านในเมืองจินจะต้องทำในมื้อค่ำส่งท้ายปีไว้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวเพื่อเสริมความสิริมงคล

เพราะปีนี้เหยียนหมิงต๋าจะกลับมาฉลองวันตรุษจีนด้วย หลังจากเขาไปเกณฑ์ทหารก็ไม่เคยได้กลับมาอีกติดต่อกันสองปีแล้ว คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนต่างคิดถึงหลานชายคนเล็กกันมาก

“พี่ เหยียนหมิงต๋าตอนนี้ยังโง่เหมือนเดิมอยู่ไหมนะ? อย่าเผลอไปเจออู่เยวี่ยอีกเชียว!” เหมยเหมยค่อนข้างเป็นห่วง

อสรพิษอู่เยวี่ยมักหาทางหลอกล่อคนอื่นไปทั่ว คนไม่เกี่ยวข้องใด ๆอย่างเซียวเวยยังถูกใช้เป็นเครื่องมือได้ แล้วพ่อหนุ่มผู้ลุ่มหลงในความรักอย่างเหยียนหมิงต๋าหากอู่เยวี่ยตามตัวเจอเข้าคงต้องกลายเป็นเครื่องมือหลอกใช้อีกแน่นอน

“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้หมิงต๋าฉลาดขึ้นบ้างแล้วไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น อีกอย่างอู่เยวี่ยก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กังวลขนาดนั้น

เจ้าน้องชายโง่เขลาของเขาลุ่มหลงเพียงอู่เยวี่ยคนเดียวและไม่สนใจผู้หญิงคนอื่น หากอู่เยวี่ยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ลำพังใช้รูปลักษณ์ภายนอกของโอหยางซานซานก็ไม่มีทางมัดใจเหยียนหมิงต๋าได้หรอก

เหมยเหมยครุ่นคิดตามก็เห็นด้วยเลยค่อยสบายใจขึ้นบ้าง

คุณย่าหยางกำลังทอดปอเปี๊ยะตรงลานบ้าน กลิ่นหอมเย้ายวนลอดผ่านช่องประตูเข้ามาก่อนที่เหมยเหมยจะสูดกลิ่นสุดแรงพลันเอ่ยเสียงดีใจ “คุณย่าดีจังเลย รู้ว่าหนูชอบปอเปี๊ยะก็เลยทอดให้ทาน ไม่ได้ทานปอเปี๊ยะรสดั้งเดิมมานานแล้ว”

“ชอบก็ทานเยอะ ๆ ย่าห่อไว้เยอะเลย มีแต่ไส้ผักกาดขาวหมูสับของโปรดหนูทั้งนั้นด้วย แถมยังสดใหม่มากเลยละ” คุณย่าหยางหัวเราะเสียงใส หลังจากมาอยู่เมืองหลวงคุณย่าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากและแข็งแรงเป็นพิเศษ

“ขอบคุณค่ะคุณย่า เดี๋ยวหนูห่อกลับไปให้พ่อแม่กับพี่ชายหนูทานบ้าง พวกเขาชอบปอเปี๊ยะฝีมือคุณย่ามากเลยค่ะ” เหมยเหมยหยิบปอเปี๊ยะที่ถูกทอดสีเหลืองอร่ามขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่ปากพลางเอ่ยออดอ้อนปากหวานเหมือนปากเคลือบน้ำผึ้ง เอาอกเอาใจคุณย่าจนยิ้มหน้าบาน

“ส่วนของพ่อแม่หนูย่าห่อไว้หมดแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น อยากทานก็เอาออกมาทอดสักหน่อยก็ทานได้แล้ว” คุณย่าหยางยิ้มอย่างใจดีพลางใช้มือตักปอเปี๊ยะที่ทอดเสร็จขึ้นมาไม่มีหยุดพักพร้อมจัดเรียงเป็นแถวสวยงาม

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปลื้มใจแล้วเดินเข้าห้องไป เหยียนหมิงต๋ากำลังเล่นหมากรุกกับคุณปู่เหยียน พอเห็นเขาก็รีบลุกขึ้นตะเบะท่าทหารทำความเคารพ

“พี่ใหญ่!”

…………………..

ตอนที่ 1961 ยังโง่เหมือนเดิม

เหยียนหมิงต๋าที่ผ่านการฝึกในค่ายทหารมาสองปีดูตัวสูงขึ้นกว่าเดิมและสูงกว่าเหยียนหมิงซุ่นไปกว่าคืบ ผอมลงและผิวคล้ำขึ้น ใบหน้าที่แต่เดิมอ้วนกลมกลับซูบลงไม่น้อย ดวงตาก็ดูลึกซึ้งขึ้นด้วยเช่นกัน

จากเด็กผู้ชายก้าวกระโดดเป็นผู้ชายเต็มตัวในชั่วพริบตา

ความจริงตลอดสองปีที่ผ่านมาเหยียนหมิงซุ่นเคยไปเยี่ยมเหยียนหมิงต๋าในค่ายทหารหลายครั้งแต่เขามักแอบสังเกตอีกฝ่ายอยู่ที่ลับโดยไม่ให้เหยียนหมิงต๋ารู้ตัว ซึ่งเขาค่อนข้างพึงพอใจกับความประพฤติของน้องชายตัวเองพอสมควร

“ไม่เลว พยายามต่อไป ตั้งใจทำดี ๆ เพื่อให้เข้าทีมเซวี่ยอิงให้ได้ในปีนี้”

เหยียนหมิงซุ่นตบบ่าน้องชายแรง ๆทีหนึ่งทำให้เหยียนหมิงต๋าตาเป็นประกาย ทีมเซวี่ยอิงถือเป็นความฝันของทหารทุกคน ได้ข่าวว่ามีเพียงทหารฝีมือเยี่ยมยอดถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในนั้นได้

ทหารที่ไม่อยากเข้าทีมเซวี่ยอิงไม่มีทางเป็นทหารที่ดีได้ แน่นอนว่าเขาก็อยากเข้าแต่–

“พี่ ผมเข้าได้จริงเหรอ?” เหยียนหมิงต๋ามองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความคาดหวัง

“เข้าได้หรือไม่ได้ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสิน นายต้องเป็นคนตัดสินเอง ในเมื่ออยากเข้าทีมเซวี่ยอิงก็ต้องตั้งใจฝึก พยายามให้เข้ารอบในครั้งเดียว” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงนิ่ง

ความจริงเหยียนหมิงต๋ามีศักยภาพด้านร่างกายที่ดีไม่หยอกซึ่งเหมาะกับการเป็นทหารแต่เกิด แต่เขาขาดความฉลาดไปสักหน่อยเลยต้องพยายามในเรื่องนี้ต่อไป ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นคิดจะให้เขาฝึกต่ออีกหนึ่งปีแล้วค่อยไปสอบเข้าทีมเซวี่ยอิง

เช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่เป็นการรับผิดชอบชีวิตสมาชิกทีมเซวี่ยอิงอื่น ๆ แต่เป็นการรับผิดชอบต่อตัวของเขาเอง

เหยียนหมิงต๋าพยักหน้าแรง ๆ ตอบเสียงดัง “พี่ใหญ่สบายใจได้ ผมจะพยายาม”

คุณปู่เหยียนเห็นสองพี่น้องรักใคร่กันดีเลยยิ้มด้วยความปลื้มใจ ซึ่งรูปปากยังคงเบี้ยวอยู่และขนาดองศาก็แคบเล็กน้อย รออีกไม่นานคงกลับมาเป็นปกติได้แล้ว

เหมยเหมยยกจานกับข้าวเข้ามาพร้อมตะโกนเอ่ย “พี่จัดโต๊ะที เตรียมทานข้าวแล้ว!”

เหยียนหมิงต๋าเห็นเหมยเหมยก็ชะงักแล้วถามเสียงเบา “พี่ใหญ่ ทำไมจ้าวเหมยถึงมาฉลองปีใหม่บ้านเราล่ะ? เธอไม่กลับบ้านตัวเองเหรอ?”

“เรียกพี่สะใภ้ใหญ่ ไร้มารยาทเสียจริง!” เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาใส่เขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งพลางก้าวขายาวไปรับจานกับข้าวจากมือเหมยเหมยมาพร้อมพูดเสียงตำหนิ “หยิบทีละจานไม่ได้เหรอ? ถ้าลวกโดนมือจะทำอย่างไร?”

เหยียนหมิงต๋ากะพริบตาปริบ ๆยังไม่ได้สติกลับคืนมา

พี่สะใภ้ใหญ่หรือ?

หมายความว่าอย่างไร?

ทำไมผ่านไปหลายปีพี่ใหญ่ของเขายังคงสองมาตรฐานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ตะโกนตะคอกเสียงใส่เขาแต่อ่อนโยนกับจ้าวเหมยขนาดนั้น…

เหยียนหมิงต๋าลูบจมูกปอย ๆแล้วกระแซะตัวไปถามคุณปู่เหยียนเสียงเบา “คุณปู่ พี่ชายผมกับจ้าวเหมยชิงสุกก่อนห่ามเหรอ? โอ้โฮ…จ้าวเหมยบรรลุนิติภาวะหรือยัง? พี่ชายผมทำได้ลงคอจริง ๆเลยนะ!”

โอ้โฮ…จ้าวเหมยบรรลุนิติภาวะหรือยัง? พี่ชาย

คุณปู่เหยียนยื่นมือสั่นเทาออกมาตบศีรษะเหยียนหมิงต๋าทีหนึ่งพร้อมปริปากด่า “เรียก…เรียกพี่…สะใภ้ เสีย…มารยาท!”

เหยียนหมิงต๋าลูบหลังศีรษะไปมาอย่างนึกข้องใจว่าเมื่อก่อนคุณปู่รำคาญจ้าวเหมยที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมสองปีผ่านไปถึงกลายเป็นฝ่ายปกป้องแทนแล้วล่ะ?

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นยกจานกับข้าวที่คุณย่าหยางเตรียมเอาไว้มาจัดวางเต็มโต๊ะ ไก่ต้มสับเป็นชิ้น ปลาตุ๋นน้ำแดง ผัดรากบัว เคาหยก นึ่งรวมมิตร เนื้อเป็ดอบหน่อไม้ กุ้งลวก…เป็นต้น อาหารทุกจานส่งกลิ่นหอมสีสันสวยงามทำเอาคนมองน้ำลายแทบไหล

ห้าคนทั้งครอบครัวนั่งลงก่อนที่เหยียนหมิงซุ่นจะรินไวน์แดงให้ทุกคน เขารินแก้วเล็กให้เหมยเหมย รับชมรายการวันตรุษจีนไปด้วยก็ทานข้าวไปด้วยท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นสนุกสนาน

“คุณย่า ทำไมพ่อแม่ผมไม่มาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวงด้วยกันล่ะ?” จู่ๆ เหยียนหมิงต๋าก็ถามขึ้น

คุณย่ามือชะงักงันจนเผลอทำตะเกียบร่วงใส่จาน

……………………..

ตอนที่ 1958 มีหลักฐาน

เหยียนหมิงซุ่นหยิบกระดาษเช็ดปากขึ้นมาซับคราบน้ำซุปตรงมุมปากให้เหมยเหมยพลางกล่าว “เราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอดูเรื่องสนุก ๆก็พอ!”

“แต่คนตระกูลโอหยางเอารูป ‘เปลือย’ ออกมาแล้วนะ ทำอย่างไรดีล่ะ?” เหมยเหมยเริ่มกังวล

“สบายใจได้ โจวจื่อหัวไม่ยอมแพ้ง่าย ๆหรอก” เหยียนหมิงซุ่นเชื่อในตัวโจวจื่อหัวอย่างมาก การฝ่าดงอาวุธไต่เต้าขึ้นมาครองตำแหน่งเจ้าพ่อใหญ่ของฮ่องกงได้ โจวจื่อหัวจะโดนรังแกได้ง่าย ๆหรือ?

เป็นไปตามคาด–

ไม่นานโจวจื่อหัวก็ได้ทำการตอบโต้โดยงัดหลักฐานชั้นหนึ่งอย่างรูปถ่าย หนังสือเดินทางต่าง ๆของอู่เยวี่ย รวมถึงบัตรนักศึกษาและบัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานรูปภาพยืนยันสถานะตัวตนของอู่เยวี่ยที่เขาสามารถรวบรวมได้ทั้งหมดออกมาโชว์ ลำบากเขาไม่น้อยกว่าจะตามหามาได้จนครบขนาดนี้

ในบัตรประจำตัวเหล่านี้ล้วนมีแต่ชื่อโอหยางซานซาน วันเดือนปีเกิดและที่อยู่อาศัยก็เป็นของโอหยางซานซาน ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าโจวจื่อหัวไปขุดข้อมูลนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดมาได้อย่างไร

ในเอกสารข้อมูลนั้นต้องกรอกชื่อบิดามารดาและในใบนั้นอู่เยวี่ยกรอกไปว่า–

บิดา :โอหยางเซี่ยงหมิง

มารดา :หวงอวี้เหลียน (เสียชีวิต)

ทีนี้ก็สนุกละ!

หากจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ชู้รักคนนั้นของโจวจื่อหัวจะชื่อโอหยางซานซานและมีหน้าตาคล้ายคลึงกับโอหยางซานซานที่อยู่เมืองหลวงละก็ แต่ตอนนี้ขนาดวันเดือนปีเกิดและที่อยู่อาศัยก็ตรงกัน หรือกระทั่งชื่อข้อมูลหรือการมีชีวิตอยู่หรือไม่ของบิดามารดาก็เหมือนกันด้วย

หากบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีก เกรงว่าต่อให้เธอบอกว่ามาจากดาวอังคารก็คงมีคนเชื่อ!

สมแล้วที่โจวจื่อหัวเป็นเจ้าพ่อใหญ่ ทำอะไรไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

คนตระกูลโอหยางเริ่มลนลานไม่รู้ควรรับมืออย่างไรดี พวกเขาแอบกล่าวโทษอู่เยวี่ยลับหลังที่สร้างความอับอายแก่ตระกูลพวกเขา

“ฉันว่านิสัยเหมือนแม่ที่ตายไปของเธอไม่มีผิด สำส่อนแต่เกิด ไม่มีผู้ชายหน่อยก็อยู่ไม่ได้ แม้แต่เรื่องนี้ยังกินไม่เลือก” คุณย่าโอหยางแสดงท่าทีรังเกียจหลานสาวอย่างไม่ปกปิด

ต่อให้ตอนนี้อู่เยวี่ยจะเป็นเด็กที่ได้ดีที่สุดของตระกูล แต่เธอก็ไม่ชอบอยู่ดี

โอหยางเซี่ยงหมิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “แม่…คนเขาก็ไม่อยู่แล้ว หยุดว่าสักทีเถอะ!”

ความจริงเขายังมีเยื่อใยต่อหวงอวี้เหลียน ตามคำกล่าวที่ว่ายิ่งแค้นมากก็ยิ่งรักมาก ตอนนี้ลูกชายและภรรยาจากไปแล้วทั้งคู่จึงทำให้ความแค้นของเขาค่อย ๆจางหายไปตามกาลเวลา พอหวนนึกถึงอีกครั้งก็ทำได้แค่พรูลมหายใจยาว

คุณย่าโอหยางเบะปากไม่พอใจกับท่าทีของลูกชายอย่างมาก คนแพศยาหวงอวี้เหลียนต่อให้ตายซ้ำ ๆร้อยรอบก็ลบล้างความแค้นในใจเธอไม่ได้ ตระกูลโอหยางพังเพราะเงื้อมมือนางแพศยาคนนี้ทั้งสิ้น

คราวนี้โอหยางเซี่ยงนับว่าฉลาดพอที่ปิดปากสนิทไม่ยอมรับ เขาบอกเพียงว่าโจวจื่อหัวจงใจหาคนใส่ร้ายลูกสาวของเขา คิดอยากจะทำลายชื่อเสียงลูกสาวเขาด้วยเจตนาอันร้ายกาจ

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ตามหาอู่เยวี่ยที่โกรธจนเกือบแท้งเจอพลางเอ่ยเสียงเย็นชา “ไปลบรอยสักบนตัวเธอซะ แล้วก็ไฝของเธอก็ต้องจี้ออก”

โจวจื่อหัวไล่ต้อนไม่หยุดส่วนนายใหญ่ก็ปั่นป่วนไปหมดทำเอาเขากับคุณลุงต้องถูกกระตุ้น ตอนนี้จึงทำได้เพียงเริ่มลงมือจากอู่เยวี่ยก่อน

อู่เยวี่ยกล่าวอย่างตกใจ “ตอนนี้ฉันท้องอยู่นะแล้วจะผ่าตัดได้อย่างไร? แบบนี้มันจะส่งผลถึงลูกได้นะ!”

บริเวณหน้าอกของเธอถูกนางแพศยาจ้าวเหมยกรีดไปหลายครั้งจนรอยแผลเป็นลึกไม่สามารถหายได้ในเร็ววัน แต่ตอนนั้นเธอกลับไม่มีเวลามากนักเลยหาทางออกโดยการสักนกฟินิกซ์เพื่อปิดทับรอยแผล ขณะเดียวกันก็สื่อให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้แค้นของเธอ!

เฮ่อเหลียนเช่อแสดงสีหน้าเย็นชา “ฉันจะหาหมอที่ดีที่สุด เด็กจะไม่เป็นไร สามวันหลังจากนี้ฉันจะจัดหมอมาผ่าตัดให้เธอ”

ตอนนี้โจวจื่อหัวเป็นดั่งนักรบบนทุ่งหญ้ากว้างของทวีปแอฟริกาที่เอาแต่จับจ้องพวกเขาไม่เลิก ศัตรูแบบนี้จะเป็นผลเสียต่อเขากับคุณลุง หากไม่อยากถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อก็ทำได้แค่สละอู่เยวี่ยทิ้ง

ต่อให้เด็กมีปัญหาจริงก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อย่างมากก็แค่ทำเด็กหลอดแก้วใหม่อีกรอบ!

…………………..

ตอนที่ 1959 เจ้าพ่อสุดเจ๋ง

อู่เยวี่ยดูออกถึงความเย็นชาที่เฮ่อเหลียนเช่อมีต่อเด็กในท้องของเธอจนทำให้เธอหนาวเหน็บหัวใจ หากเด็กเป็นอะไรไปจริง ๆ เธอต้องไม่รอดแน่ ๆ

หนิงเฉินเซวียนต้องหาทางกำจัดเธอแล้วประกาศต่อคนภายนอกว่าคุณนายเฮ่อเหลียนจากไปเพราะอาการป่วย เรื่องนี้ก็จะปิดฉากลงอย่างสวยงาม

ส่วนการตายของเธอก็เปรียบได้ดั่งหิ่งห้อยตัวหนึ่งที่หายสาบสูญไปท่ามกลางเมืองหลวงใหญ่ที่แออัดไปด้วยผู้คนและคงไม่มีใครจดจำเธอได้อีก

อู่เยวี่ยนึกเกลียดความไร้หัวใจของเฮ่อเหลียนเช่อเหลือเกิน แต่เธอไม่อาจขัดขืนได้จึงทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่ง ปล่อยให้เป็นไปตามชะตาฟ้าลิขิต

โอหยางเซี่ยงหมิงไม่ยอมรับและแน่นอนว่าโจวจื่อหัวก็ไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้เขาใช้ท่าไม้ตายถึงขั้นเสียสละตัวเอง

เขาได้ลงรูปบนเตียงของเขากับอู่เยวี่ยลงหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งระดับความเปลือยไม่ด้อยไปกว่าหนังโป๊แต่อย่างใด แต่พนักงานฝ่ายกรองข่าวก็ได้ทำการเซนเซอร์จุดสำคัญบนตัวโจวจื่อหัวให้อย่างเอาใจใส่ ส่วนของอู่เยวี่ยถูกเปิดอย่างหมดเปลือก!

นอกจากรูปอนาจารเหล่านี้เจ้าพ่อโจวยังได้เอ่ยชื่นชมฝีมือบนเตียงของอู่เยวี่ยไว้ด้วย

“ถึงผมกับคุณโอหยางท่านนี้จะมีความแค้นขนาดอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ แต่ก็ต้องแยกแยะเป็นเรื่องราวไป ฝีมือบนเตียงของคุณโอหยางดีที่สุดในบรรดาคู่นอนในตลอดหลายปีที่ผ่านมาของผมเลยละ โดยเฉพาะทักษะการทำออรัลเซ็กส์ของเธอทำเอาผมเกือบสำลักความสุขตาย จุดนี้ผมเคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่า ‘พ่อบุญธรรม’ ท่านอื่น ๆของคุณโอหยางมาก่อน ซึ่งเราทุกคนต่างมีความคิดที่ตรงกันหมด”

เหมยเหมยอ่านจนลูกตาแทบหลุดออกมาอยู่แล้ว มีแค่คำเดียวที่เธออยากมอบให้โจวจื่อหัว–

เจ๋ง!

เหยียนหมิงซุ่นเองก็อ่านจนหลุดขำไปด้วย วิธีนี้ของโจวจื่อหัวอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมากจริง ๆ ตามคำกล่าวที่ว่าคนขี้โกงมักกลัวคนเอาจริง ตอนนี้โจวจื่อหัวยอมทุ่มหมดหน้าตักทั้งโกงทั้งเอาจริง แถมยังใช้วิธีสุดโต่งที่หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อยังคิดหาวิธีจัดการคนที่กัดไม่ปล่อยอย่างโจวจื่อหัวไม่ได้ชั่วขณะ

เขาโทรหาลูกน้อง “เพิ่มกำลังคุ้มกันคุณหนูคุณผู้ชายสามคนของตระกูลโจว อย่าให้พวกเขาต้องเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว”

เหตุผลที่โจวจื่อหัวกล้าทำขนาดนี้เพราะเขาเชื่อใจเหยียนหมิงซุ่น ดังนั้นเขาไม่มีทางทำให้เพื่อนร่วมงานต้องผิดหวัง

แต่เขาก็ไม่กังวลใจมาก ตอนนี้โจวจื่อหัวเป็นปรปักษ์กับพวกเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับสามพี่น้องโจวซิ่งเอ๋อร์ในเมืองหลวง ผู้ต้องสงสัยคนแรกก็คือพวกเฮ่อเหลียนเช่อ หมอนี่คงยังไม่โง่ถึงขั้นเอาตัวไปเสี่ยงพัวพันกับคดีหรอก

“จะให้ฉันโทรบอกซิ่งเอ๋อร์ไหมว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งถ่ายละคร อยู่บ้านเฉย ๆก่อน” เหมยเหมยถาม

“ไม่จำเป็น เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ ยังต้องมีเรื่องกันต่ออีกสักพักเลย พวกโจวซิ่งเอ๋อร์ใช้ชีวิตเหมือนปกติก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำให้พวกเขาต้องลำบากหรอก” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเรียบ

โจวจื่อหัวเตรียมเล่นงานอู่เยวี่ยให้ตายช้า ๆ ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบ เรื่องสนุก ๆเพิ่งเปิดฉากขึ้นเอง!

พอเหมยเหมยได้ยินว่ายังมีเรื่องต่อก็ดีใจในฉับพลัน “ไม่รู้ว่าตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง คนแพศยานั่นอึดอย่างกับวัว ทำอย่างไรก็ไม่แท้งสักที น่าโมโหเสียจริง”

หลังจากเหยียนหมิงซุ่นบอกเธอว่าขอเพียงเด็กในท้องอู่เยวี่ยแท้ง หนิงเฉินเซวียนก็ต้องกำจัดเธอทิ้งเป็นคนแรก เหมยเหมยเลยอธิษฐานให้อู่เยวี่ยแท้งทุกวันไม่มีเว้น

ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาลเขตทหารในเมืองหลวงแห่งหนึ่ง อู่เยวี่ยที่ร่างเปลือยครึ่งท่อนบนนอนอยู่บนเตียงเตรียมผ่าตัด และเพื่อปกป้องเด็กในท้องเธอจึงไม่ได้ฉีดยาสลบดังนั้นเธอยังอยู่ในสภาวะรู้สึกตัวดี

คุณหมอบอกว่าจะแบ่งการผ่าตัดเลเซอร์ให้เธอออกหลายครั้งเพราะกลัวสภาพร่างกายเธอแบกรับไม่ไหว และแต่ละครั้งจะใช้เวลาไม่นาน เช่นนี้ก็จะลดความเสี่ยงอันตรายต่อเด็กในท้องได้มากที่สุด

“โอเค เราเริ่มกันเลย!” คุณหมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างมาก แต่พอเข้าหูอู่เยวี่ยกลับเหมือนเสียงยมบาลในนรกที่เรียกให้เธอต้องหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

…………………….

ตอนที่ 1956 การตอบโต้ของโจวจื่อหัว

ความจริงข่าวของโจวจื่อหัวได้มาจากเหยียนหมิงซุ่น ซึ่งเป็นคดีที่โอหยางซานซานเป็นฆาตกรฆ่าโอหยางสยงนั่นเอง

คดีของโอหยางสยงกลายเป็นคดีรอลงอาญาที่ฝ่ายตำรวจฮ่องกงยังตามจับฆาตกรไม่ได้ ส่วนทางฝั่งแผ่นดินใหญ่เองก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะแม้แต่ศพยังตามหาไม่พบ บวกกับโอหยางสยงเป็นกบฏที่ลักลอบหนีไปอยู่ฮ่องกงแล้ว ฉะนั้นนายใหญ่ก็คร้านจะสิ้นเปลืองทรัพยากรในการตามสืบคดีอีกจึงปล่อยเลยตามเลยไป

คนตระกูลโอหยางทำได้เพียงยอมรับความจริงแม้พวกเขาจะรู้สึกว่าหลานชายตนตายอย่างไม่ยุติธรรม แต่ตระกูลโอหยางในเวลานี้ราวกับธารน้ำแข็งชั้นบางที่ไม่มีใครเป็นผู้หนุนหลังและอิทธิพลลดน้อยลงทุกวัน จึงไม่มีหนทางตามสืบสาเหตุการตายที่แท้จริงของโอหยางสยงได้เลย

โจวจื่อหัวชี้ตัวว่าโอหยางซานซานเป็นฆาตกรลงหนังสือพิมพ์โดยตรงและใช้ชื่อเสียงที่ตนสั่งสมมาตลอดหลายปีเป็นประกัน โดยบอกว่าโอหยางซานซานจิตใจโหดเหี้ยม เนื่องด้วยความไม่พอใจที่โอหยางสยงนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอจึงลงมือฆ่าลูกพี่ลูกน้องแท้ ๆของตนอย่างทารุณ อีกทั้งยังโยนศพของโอหยางสยงให้เป็นอาหารปลาในทะเลไปแล้วด้วย

ต่อให้โจวจื่อหัวจะอธิบายเป็นเหตุเป็นผลลงหนังสือพิมพ์และชาวบ้านก็เชื่อคำพูดของเขา แต่กลับไม่มีผลทางกฎหมายต่ออู่เยวี่ยเพราะไม่มีหลักฐาน

อีกอย่างอู่เยวี่ยไม่ใช่คนฮ่องกง กฎหมายฮ่องกงไม่มีผลต่อพลเมืองต่างประเทศ

แต่โจวจื่อหัวเองไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เพื่อให้ชาวฮ่องกงดูเป็นหลัก เขาไม่มีเวลาว่างมาแต่งเรื่องระบายความในใจให้ชาวฮ่องกงอ่านหรอก

เหยียนหมิงซุ่นสั่งลูกน้องคัดลอกคำแถลงการณ์นี้ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นให้เหมือนเดิมทุกตัวอักษร

นี่ต่างหากเป้าหมายสุดท้ายของโจวจื่อหัว

ตัวเขาไม่อาจมาแก้แค้นถึงจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เช่นนั้นเขาจะใช้วิธีการแผนซ้อนแผน เขาต้องให้คนแพศยาอู่เยวี่ยตายทั้งเป็นไปเป็นทาสภรรยาเขาในนรกภูมิและไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก

สำนักพิมพ์หนึ่งของเมืองหลวงได้คำแถลงการณ์นี้มาในวันแรกที่ฉลองตรุษจีนพอดี นี่เหมือนดั่งกับทิ้งระเบิดกลางมหาสมุทรทำเอาคนทั้งเมืองตะลึงงัน โดยเฉพาะคนแก่ทั้งสองของตระกูลโอหยาง

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าฆาตกรที่ฆ่าหลานชายสุดรักของพวกเขาจะเป็นหลานสาวที่ตอนนี้ได้สร้างความภาคภูมิใจแก่พวกเขาได้

ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

อู่เยวี่ยเองก็ตั้งรับกับข่าวฉุกละหุกนี้ไม่ทันจนมึนไปพักใหญ่ ตาแก่โจวจื่อหัวทำไมถึงได้เล่นตลบหลังแบบนี้?

หนิงเฉินเซวียนเห็นคำแถลงการณ์นี้ก็โมโหจนพังข้าวของในห้องทั้งหมด เส้นเลือดในสมองเกือบแตก

นับตั้งแต่อู่เยวี่ยแต่งเข้าบ้านมาเขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขสักวัน จำนวนครั้งที่ระเบิดอารมณ์มากกว่าเมื่อสิบปีที่ผ่านมาอยู่มาก ตระกูลหนิงตบแต่งสะใภ้แบบนี้เข้าบ้านนับเป็นความโชคร้ายที่สั่งสมมาแปดชั่วโคตร รอเด็กคลอดออกมาแล้วจะต้องกำจัดนังแพศยานี้ให้ได้ เขาจะปล่อยให้เธออยู่สร้างความอับอายขายหน้าคนทั้งโลกไม่ได้อีกเด็ดขาด!

หนิงเฉินเซวียนเริ่มคิดแผนฆ่าอู่เยวี่ยและตัดสินใจแน่วแน่ว่าวันที่เด็กคลอดก็คือวันตายของอู่เยวี่ย ไม่ต้องออกจากห้องคลอดด้วยซ้ำไป

เฮ่อเหลียนเช่อเองก็คาดไม่ถึงว่าโจวจื่อหัวจะทำแบบนี้ นี่เห็นได้ชัดว่าโจวจื่อหัวร่วมมือกับเหยียนหมิงซุ่นเพราะสำนักพิมพ์แห่งนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของเหยียนหมิงซุ่น นอกจากเขาก็ไม่มีใครกล้าทำขนาดนี้แล้ว

แต่การแก้แค้นของโจวจื่อหัวก็เป็นไปตามความคาดหมายของเขา ในเมื่ออู่เยวี่ยทำให้ภรรยาของเขาต้องตาย เรื่องนี้ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็คงทนไม่ได้

ไม่นานเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้ทำการตอบโต้โดยลงแถลงการณ์เช่นกัน เขาเขียนเป็นเชิงว่าคำแถลงของโจวจื่อหัวคือการใส่ร้ายป้ายสีล้วน ๆ อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าตอนนี้โอหยางซานซานเป็นคุณนายของตระกูลหนิง

ซึ่งความหมายของประโยคนี้ก็คือโจวจื่อหัวต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเอง อย่าไปหาเรื่องคนที่ตนไม่ควรมีเรื่องด้วย

แต่โจวจื่อหัวไม่ได้สนใจก่อนจะลงบทความอีกฉบับที่คราวนี้ไม่ใช่คำแถลงการณ์อีกแต่เป็นบทความที่มีเนื้อหาอนาจาร โดยเขียนเรื่องราวความสัมพันธ์ลับ ๆระหว่างเขากับอู่เยวี่ยนั่นเอง

เหมยเหมยตั้งใจอ่านบทความฉบับนี้โดยเฉพาะ สำนวนการเขียนใช้ได้ซึ่งแน่นอนว่าโจวจื่อหัวได้จ้างวานมือปืนในการเขียนจึงอธิบายได้ละเอียดยิบย่อยจนถือเป็นคู่มือการสอนบทรักครั้งแรกระหว่างชายหญิงได้เลย

“พี่ ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เหมยเหมยถามอย่างสนใจ

ทางที่ดีก็เอาให้โมโหจนลูกหลุดออกมาเลยแล้วกัน!

…………………..

ตอนที่ 1957 ทุ่มหมดหน้าตัก

“รายละเอียดไม่รู้แน่ชัดหรอกแต่ไม่สงบสุขแน่ละ เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนอารมณ์ร้ายจะตาย”

เหยียนหมิงซุ่นเองก็พึงพอใจต่อการกระทำครั้งนี้ของโจวจื่อหัวอย่างมาก นึกถึงการจ้างมือปืนมาเขียนบทความอนาจารได้…เก่งไม่เบาเลย!

เหมยเหมยหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบทความอีกครั้ง ในบทความมีแต่เรื่องบนเตียงในวันวานของอู่เยวี่ยกับโจวจื่อหัว เห็นทีโจวจื่อหัวคงทุ่มหมดหน้าตักอย่างไม่อับอายแล้วจริง ๆ

รายละเอียดขอไม่เอ่ยถึงแต่โจวจื่อหัวได้เน้นไปที่เอกลักษณ์เฉพาะบนเรือนร่างของอู่เยวี่ยหรือก็คือรอยสักของเธอในบทความ รอยสักที่เป็นรูปนกฟินิกซ์กระโจนเข้ากองไฟ อีกทั้งจุดเด่นของรอยสักนี้ก็คือดวงตาของนกฟินิกซ์นี้คือไฝสีแดงตรงช่วงอกของอู่เยวี่ย

พออ่านถึงตรงนี้เหมยเหมยก็ลอบแค่นหัวเราะทีหนึ่ง อู่เยวี่ยมีไฝสีแดงอยู่จุดหนึ่ง ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงไฝธรรมดาเม็ดหนึ่งเท่านั้น ตอนเด็กเธอเคยเห็นแต่เหอปี้อวิ๋นกลับบอกว่าเป็นไฝเสน่ห์ น่าขำชะมัดเลย!

จากตรงนี้เธอจึงมั่นใจได้ว่าโอหยางซานซานก็คืออู่เยวี่ยไม่ผิดตัวแน่นอน

เมื่อครั้นที่เธอถ่ายรูปโป๊เปลือยของโอหยางซานซาน เธอไม่เห็นว่าบนร่างกายของโอหยางซานซานจะมีไฝอะไร และเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีไฝขึ้นภายหลัง

แต่ก็เพราะบทความนี้ทำให้คนตระกูลโอหยางเกิดความลังเลขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าสอง บนตัวซานซานมีไฝแดงนี้ไหม? ทำไมฉันถึงจำได้ว่าไม่มีล่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าถามลูกชายคนรองโอหยางเซี่ยงหมิงด้วยสีหน้าฉงน

แม้เธอไม่ชอบหลานสาวคนนี้แต่ก็เคยเลี้ยงดูโอหยางซานซานตอนเด็กอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ย่อมรู้ดีว่าบริเวณอกหลานสาวมีไฝแดงหรือไม่ แต่เธอก็กลัวว่าอาจเป็นเพราะอายุมากเลยจำผิดถึงถามลูกชายให้มั่นใจ

โอหยางเซี่ยงหมิงส่ายหน้า “ไม่มีไฝแดงแน่นอน ตอนเด็กผมเป็นคนอาบน้ำให้ซานซานเอง บนตัวไม่มีไฝสักเม็ดเดียว”

เพราะเขาได้ลูกสาวในช่วงวัยกลางคนจึงรักใคร่เอ็นดูโอหยางซานซานเป็นอย่างมาก ตอนเด็กโอหยางซานซานได้รับการดูแลจากเขาอย่างดี ในขณะที่หวงอวี้เหลียนไม่ค่อยสนใจนัก

แต่ใครจะรู้ว่าลูกสาวที่เขารักเป็นแก้วตาดวงใจจะเป็นหลานสาวของตัวเอง หัวใจของโอหยางเซี่ยงหมิงเจ็บแปลบทีหนึ่งแล้วแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ลูกชายตายไปแล้ว หวงอวี้เหลียนก็ตายไปแล้ว…เฮ้อ!

เรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันลอยไปตามสายลมเถอะ!

คุณย่าโอหยางถอนใจเฮือกหนึ่ง “งั้นผู้หญิงที่โจวจื่อหัวพูดถึงก็ไม่ใช่ซานซานของเราแน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าปลอมตัวเป็นซานซานไปเป็นชู้รักของตาแก่นั่น คนแพศยาหน้าไม่อาย…พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกให้เป็นคนแบบนี้คงได้ขายหน้าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรแล้วมั้ง”

คนอื่น ๆของตระกูลโอหยางก็ถอนใจโล่งอกทีหนึ่ง ไม่ใช่โอหยางซานซานก็พอ พวกเขาไม่อยากอับอายขายหน้าหรอกนะ!

โอหยางเซี่ยงหมิงดูรูปถ่ายของโอหยางซานซานบนหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ทั้งที่คนในรูปคือลูกสาวของเขาแท้ ๆแต่ทำไมถึงมีไฝสีแดงบนตัวได้ล่ะ?

อีกอย่างหลังจากโอหยางซานซานกลับมาจากต่างประเทศ เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ต่อหน้าลูกสาวเขาไม่กล้าพูดเสียงดังด้วยซ้ำ เขามักรู้สึกว่าโอหยางซานซานกลายเป็นคนที่สุขุมร้ายลึกซึ่งไม่คล้ายลูกสาวในความทรงจำของเขาเลยสักนิดเดียว

แต่โอหยางเซี่ยงหมิงไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น บางทีเขาอาจจะรู้สึกถึงความผิดปกติแต่เขาไม่อยากรู้ความจริง เขาคิดว่าสภาวะในตอนนี้ดีที่สุดแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อตามตัวโอหยางเซี่ยงหมิงให้เขาลงแถลงการณ์ตำหนิโจวจื่อหัวที่ใส่ร้ายลูกสาวของเขาอย่างโอหยางซานซาน อีกทั้งให้บอกว่าโอหยางซานซานไม่มีไฝแดงบนตัวแล้วให้โอหยางเซี่ยงหมิงเอารูปเปลือยสมัยเด็กของโอหยางซานซานลงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย

พอเหมยเหมยเห็นรูปเปลือยของโอหยางซานซาน ซึ่งเป็นเวลาที่เธอกำลังทานข้าวอยู่จึงทำเอาเกือบพ่นข้าวใส่เหยียนหมิงซุ่น

“พี่ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เหมยเหมยชักเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อยากเหยียบซ้ำอีกสักทีจริง ๆ

………………….

ตอนที่ 1954 เธอเป็นแค่เครื่องมือไว้คลอดลูก

อู่เยวี่ยแค่จงใจหยั่งเชิง เงินหนึ่งล้านหยวนคราวก่อนเดิมทีเธอคิดจะยักยอกออกจากกองทุนมูลนิธิโดยตรงหลังจบงานประมูล ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบและเธอไม่ขาดทุนเลยแม้แต่น้อย

แต่เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้คนตามเช็กบัญชีจนทำลายแผนการของเธอทุกอย่าง เงินหนึ่งล้านที่สูญเสียเป็นปมในใจของอู่เยวี่ยมาโดยตลอด

ทรัพย์สินที่เธอมีทั้งหมดก็แค่หลักพันถึงหลักหมื่นรวมกับหุ้นส่วนและเพชรพลอยของเธอทั้งหมด เธอมีเงินสดไม่มากซึ่งเงินหนึ่งล้านได้เกินขอบเขตที่เธอรับไหวแล้ว นั่นจึงทำให้เธอลำบากไม่น้อย

เธอทำใจขายหุ้นส่วนและเพชรพลอยไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้ยังท้องโตจะไปยั่วยวนหลอกล่อพ่อบุญธรรมก็ไม่ได้อีก แม้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายที่มีจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายแต่การไม่มีเงินติดตัวทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก เงินหนึ่งล้านนี้เธอจึงต้องหาวิธีเอาคืนมาให้ได้

เฮ่อเหลียนเช่อมองเธออย่างขบขันเพราะเรื่องงานประมูลเขารู้ตั้งแต่วันถัดมาแล้ว เหมยซูหานบอกให้เขาอย่าไปสนใจแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย เขาที่ไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตั้งแต่แรกจึงรับปากตอบตกลงไปทันที

ความทะเยอทะยานของอู่เยวี่ยเขารับรู้มันได้ ผู้หญิงคนนี้คิดวางแผนไว้แยบยลเสียจริงแต่กลับไม่ลองคิดว่าเขาจะยอมตกลงหรือไม่?

คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไงกัน?

ตอนนี้ยังคิดจะมาขอเงินจากเขาอีก ฝันกลางวันชัด ๆ!

“ฉันบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าท้องก็ให้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าไปทำตัวโอ้อวดใส่คนอื่นนัก ตัวเองไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเองแล้วจะโทษใครได้ล่ะ? แต่เมื่อก่อนเธอรู้จักพ่อบุญธรรมเยอะขนาดนั้นเงินหนึ่งล้านก็น่าจะไม่สะทกสะท้านอะไรนี่นา แล้วจะไปใส่ใจมากขนาดนั้นทำไมล่ะ?”

เฮ่อเหลียนเช่อฝีปากร้ายไม่เบา เขาสามารถพูดจาแดกดันจนคุณอับอายได้แต่นึกอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

อู่เยวี่ยโกรธจนเริ่มปวดท้องน้อยขึ้นมาเนือง ๆ หลังจากผ่านเดือนที่สี่มาไม่รู้ว่าเด็กในท้องเธอเป็นอะไรถึงทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมากและจะโกรธหน่อยไม่ได้เลย

“คุณชายเช่อ ฉันไม่ได้ทำเพื่อความแค้นส่วนตัวเลย จะว่าอย่างไรตอนนี้ฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณนายเฮ่อเหลียนแล้ว เหตุที่ทำก็เพราะอยากเชิดหน้าชูตาให้คุณต่างหาก” อู่เยวี่ยเรียกกำลังใจกล่าวออกไปอย่างไม่พอใจนัก

เฮ่อเหลียนเช่อหน้าขรึมทันทีพลางตวาดด่า “ฉันจำเป็นต้องให้ผู้หญิงอย่างเธอมาช่วยเชิดหน้าชูตาเหรอ? ใครก็ได้ จับตาดูคุณนายให้ดี อย่าให้เธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอกเด็ดขาด ถ้าเกิดคุณชายเล็กเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะตัดหัวพวกแกซะ”

บรรดาลูกน้องสะดุ้งเฮือกได้แต่ผงกศีรษะรับอย่างหวาดกลัว เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าจะตัดศีรษะก็คือตัดศีรษะจริง ๆซึ่งไม่มีทางเปลี่ยนใจไปตัดแขนหรือขาแทนเด็ดขาด พวกเขายังอยากมีชีวิตต่อ ไม่อยากตายเลยสักนิดเดียว!

อู่เยวี่ยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความตกใจและยิ่งเจ็บท้องหนักไปอีกจนแทบทรงตัวยืนไม่ไหว คุณหมอข้าง ๆถลาเข้ามาประคองเธอไว้

เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองด้วยความเย็นชาด้วยท่าทีเรียบนิ่งราวกับกำลังยืนมองคนแปลกหน้า

“ถ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป พวกแกทุกคนจะต้องถูกเอาไปฝังพร้อมกับเด็กคนนี้ รวมถึงแกด้วย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยประโยคนี้จบด้วยความเยือกเย็น จากนั้นก็ก้าวขายาวจากไปอย่างไม่คิดจะอยู่นานกว่านี้แม้แต่นาทีเดียว

อู่เยวี่ยคอยมองแผ่นหลังของเขาพร้อมหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง

ไม่เหลือความหวังอะไรจากเฮ่อเหลียนเช่ออีกแล้ว เธอจะต้องรีบหาทางอื่น เธอก้มมองหน้าท้องนูนก่อนจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่

ไม่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ชอบเด็กคนนี้มากแค่ไหนแต่กลับแก้ไขความจริงที่ว่าเด็กคนนี้เป็นผู้สืบตระกูลหนิงไม่ได้ เธอยังต้องใช้เด็กคนนี้สร้างผลประโยชน์อยู่ดี

หลังถูกอู่เยวี่ยลอบแทงทีหนึ่งจึงทำเอาเหมยเหมยยิ่งนึกก็ยิ่งไม่พอใจ แค่เสียดายที่ช่วงนี้อู่เยวี่ยทำตัวเหมือนเต่าในกระดองที่ไม่ยอมโผล่ศีรษะออกมา เธอคิดจะทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ควรลงมือจากตรงไหน

เหยียนหมิงซุ่นรู้ทันความคิดเธอเลยพูดปลอบว่า “สบายใจได้ ไม่นานก็จะมีคนช่วยแก้แค้นให้เธอเอง!”

เหมยเหมยตาเป็นประกาย “ใครเหรอ?”

เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตามาแวบหนึ่ง…

เหมยเหมยเคยชินกับสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยเลศนัยแบบนี้มานานแล้วพลางก่นด่าใครบางคนในใจหลายสิบตลบ แต่ก็ยอมคลานเข้าไปหาแต่โดยดี เธอคิดจะใช้เรือนร่างแลกกับคำตอบ

……

………………………….

ตอนที่ 1955 ออกหมายตามล่าทั่วโลก

บรรเลงเพลงรักอย่างขันแข็งตลอดทั้งคืน

เหมยเหมยจะยังจำได้เช่นไรว่าต้องถามหาคำตอบอีกเพราะดันเหนื่อยจนเผลอหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาอีกวันถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้จึงเค้นถามหยียนหมิงซุ่นว่าเป็นผู้วิเศษจากแห่งใด เธอถามด้วยความสงสัยจากใจจริงเพราะตอนนี้สถานะของอู่เยวี่ยคือภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อ ภายในประเทศนอกจากเธอแล้วยังจะมีใครกล้าหาเรื่องนางแพศยานี้อีกล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เล่นลิ้นกับเธออีกพลางบอกชื่ออีกฝ่ายไปตามตรง “โจวจื่อหัว”

“เขาเองเหรอ มิน่าล่ะ” เหมยเหมยเข้าใจในฉับพลัน

โจวจื่อหัวมีความแค้นกับอู่เยวี่ยชนิดที่อยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้เพราะฆ่าภรรยาและหยามศักดิ์ศรีหลานสาวของเขา การที่เขาคิดจะหาทางเอาคืนอู่เยวี่ยนั้นเป็นเรื่องปกติมาก เพียงแต่–

“โจวจื่อหัวอยู่ฮ่องกงไม่ใช่เหรอ? เขาจะคิดบัญชีแค้นกับอู่เยวี่ยอย่างไรล่ะ?” เหมยเหมยค่อนข้างกังวลอยู่ดี

เหตุผลที่ว่ามังกรผู้แข็งแกร่งมักเอาชนะงูถิ่นไม่ได้ โจวจื่อหัวเป็นพี่ใหญ่ของฮ่องกงแต่พอมาอยู่ในแผ่นดินใหญ่โจวจื่อหัวก็ไม่เหลืออะไรอีก เขาจะทำอะไรอู่เยวี่ยได้ล่ะ?

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างมีเลศนัยเล็กน้อยและเริ่มเล่นลิ้น เขาให้เหมยเหมยคอยจับตาดูเรื่องราวต่อจากนี้เงียบ ๆอย่างไม่คิดจะบอกคำตอบแก่เธอ

“ไม่นานก็จะรู้เอง เธอรอดูเถอะ”

เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เกลียดคนที่ชอบพูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้ที่สุดเลย

แต่คราวนี้เธอไม่ได้รอนานนักเพราะโจวจื่อหัวจัดการทุกอย่างว่องไวดี สมกับที่เป็นตาแก่สุนัขจิ้งจอกผู้โหดเหี้ยมจริง ๆ ต่อให้จะทานเจสวดมนต์มากเพียงใดก็เป็นพระโพธิสัตว์ไม่ได้หรอก

สุขภาพโจวจื่อหัวฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเพราะยาวิเศษบำรุงร่างกายของเหมยเหมย ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงซุ่นจนกำจัดลูกน้องที่คิดจะทรยศได้จึงทำให้ภายในแก๊งสงบสุขอย่างมาก ดังนั้นย่อมสามารถออกมาจัดการคนแพศยาอย่างอู่เยวี่ยได้แล้ว!

วิธีของโจวจื่อหัวเองก็ชั้นต่ำใช้ได้เพราะปกติคนที่มีสถานะใหญ่โตไม่มีทางทำเช่นนี้ พวกเขากลัวขายหน้าแต่โจวจื่อหัวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

ภรรยาตาย หลานสาวเกือบถูกทำลาย ส่วนตัวเขาเองก็รอดตายมาแล้วรอบหนึ่ง เขามีอะไรให้ต้องพะวงอีกล่ะ?

ตอนนี้เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว หลายครอบครัวเริ่มเตรียมของไว้สำหรับฉลองวันปีใหม่จึงทำให้ตามถนนซอกตรอกซอยเต็มไปด้วยกลิ่นอายวันปีใหม่ โจวจื่อหัวเลือกทำการจู่โจมในเวลานี้ซึ่งเจตนาชัดเจนมากว่าไม่อยากให้อู่เยวี่ยใช้ช่วงเวลาวันปีใหม่ได้อย่างมีความสุข

ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อสุขสบายเช่นกัน

เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเขาแม้อู่เยวี่ยจะเป็นฆาตกรทางตรงแต่ไอ้สารเลวสองคนนี้ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน อู่เยวี่ยฟังคำสั่งจากพวกเขาทั้งสิ้น

โจวจื่อหัวได้ลงคำแถลงบนหนังสือพิมพ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในฮ่องกงซึ่งเป็นบทความลายมือของเขาเอง แม้จะเขียนได้ไม่ลื่นไหลนักแต่กลับมีเนื้อความเถรตรงทั้งยังมีคำผิดด้วยบางส่วน แต่คำแถลงการณ์นี้ยังคงถูกจัดวางไว้ตำแหน่งสะดุดตามากที่สุดบนหน้าหนังสือพิมพ์ ยอดขายหนังสือพิมพ์วันนั้นพุ่งกระฉูดและทุกคนแทบมีกันคนละฉบับ

คำแถลงมีทั้งตัวอักษรและรูปภาพที่แสดงเนื้อหาสั้น ๆง่าย ๆหรือความจริงควรบอกว่าเป็นประกาศออกหมายจับ เป็นหมายตามล่าทั่วโลกโดยมีคู่กรณีคืออู่เยวี่ย ไม่สิ ควรบอกว่าเป็นโอหยางซานซาน

โจวจื่อหัวได้พิมพ์รูปถ่ายของโอหยางซานซานไว้บนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้มีเพียงรูปเดียวแต่มีทั้งรูปหน้าตรง รูปมุมข้าง รูปทั้งตัว รูปครึ่งตัวอย่างครบครัน ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงสั่งประกาศตามล่าทั่วโลกหรือ?

นั่นเพราะโอหยางซานซานได้กระทำในสิ่งที่ผิดต่อเขา กล่าวสั้น ๆก็คือสวมเขา ทั้งยังทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิตรวมเป็นความผิดสองกระทง

เนื่องจากโอหยางซานซานยังคงสถานะเป็นชู้รักของโจวจื่อหัวเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้

ปกติโจวจื่อหัวมีกฎเหล็กหนึ่งข้อที่ชู้รักของเขาต้องถูกบอกเลิกโดยเขาเพียงคนเดียว หากเขาไม่เคยประกาศเช่นนี้ชู้รักคนนี้จะเป็นชู้รักของเขาตลอดกาล ใครก็อย่าได้คิดไม่ซื่อกับชู้รักของเขาเป็นอันขาด

กฎนี้ชาวฮ่องกงต่างรู้กันดี ฉะนั้นปกติแล้วชู้รักที่โจวจื่อหัวเคยเลี้ยงดูจะไม่มีใครกล้าไปแหยมด้วย โจวจื่อหัวได้บอกในคำแถลงว่าอู่เยวี่ยเป็นฝ่ายเข้าไปยั่วยวนเฉินกั๋วเปียวและทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิต

ด้วยเหตุนี้จึงมีความแค้นชนิดอยู่ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ ต่อให้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกเขาก็ไม่มีวันปล่อยคนแพศยาอู่เยวี่ยไปเด็ดขาดและจะต้องแก้แค้นให้ภรรยาให้ได้!

ฉะนั้นโจวจื่อหัวได้ออกหมายตามล่าทั่วโลก เป็นเชิงว่าในชีวิตที่เหลือของเขาจะต้องทำให้อู่เยวี่ยตายทั้งเป็น

อีกทั้งเขายังได้ประกาศข่าวสำคัญในคำแถลงฉบับนี้ด้วยเช่นกัน

………………………..

ตอนที่ 1952 ฉันยกโทษให้เธอแล้ว

ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวของเหมยเหมยและความกดดันเรื่องการเงินจากเซียวจิ่งหมิงทำให้เซียวเวยไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอได้แถลงคำขอโทษบนกระทู้มหาวิทยาลัยภายในวันนั้นซึ่งเป็นบทความยาวหนึ่งโพสต์ เนื้อหาพอใช้ได้ที่ดูแล้วนับว่ามีความจริงใจอยู่

หลังจากลงแถลงคำขอโทษติดต่อกันสามวัน เหล่าครูบาอาจารย์และนักศึกษาต่างก็รู้กันเกือบทั้งมหาวิทยาลัย เดิมเซียวเวยก็เป็นคนดังประจำมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งโด่งดังเป็นเท่าตัวจนมหาวิทยาลัยละแวกนั้นต่างรู้เรื่องนี้ไปด้วย

การแก่งแย่งชิงดีอย่างโจ่งแจ้งของดาวมหาวิทยาลัยสองรุ่น อีกทั้งตัวต้นเหตุเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หนำซ้ำมหาวิทยาลัยเมืองหลวงยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปีและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยกว่ามหาวิทยาลัยอื่นแต่อย่างใด แต่เพื่อติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนมาใช้บริการห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกันทุกคืน

ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีผู้มาใช้บริการคับคั่งตลอดสามวันจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างให้ยืน

วันที่สามเหมยเหมยได้ตอบกลับใต้กระทู้แถลงคำขอโทษของเซียวเวย เธอไม่ได้พูดอะไรมากนักเพียงแค่ตอบกลับประโยคสั้น ๆว่า “ฉันยกโทษให้เธอแล้ว วันหลังก็หัดมีสมองหน่อย”

เหยียนซินหย่าเองก็ตามมาเสริมทัพอีกคนโดยเลือกตอบกลับกระทู้หนึ่ง เธอไม่กลัวคนนอกจะหาว่าเธอรังแกเด็กเลยสักนิด เพื่อลูกสาวผู้เป็นที่รักต่อให้ต้องรังแกข่มเหงเด็กแล้วจะทำไม?

ถ้าทำให้เธอโมโหเข้าจริง ๆ เธอยังคิดจะใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงด้วยซ้ำ!

เหยียนซินหย่าตอบกลับกระทู้ด้วยประโยคที่ดูมีนัยยะเหลือเกิน “คราวหลังเวลานักศึกษาเซียวพูดอะไรทำอะไรก็คิดให้มาก ๆหน่อย ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะใจกว้างเหมือนลูกสาวฉัน คิดก่อนค่อยทำ โปรดจำไว้ให้ดี!”

สามวันผ่านพ้นไปเซียวเวยหายตัวไปจากรั้วมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้ออกมาทำตัวเชิดหน้าชูตาอย่างปกติ นี่จึงทำเอาคนทั้งมหาวิทยาลัยนึกอยากรู้กันว่าเธอทำอะไรอยู่ เสี่ยวอวิ๋นบอกเหมยเหมยว่าเพราะอาจารย์เซียวรู้เรื่องนี้เข้าจึงโกรธจนพังทำลายจานชามเกือบหมดบ้าน

อาจารย์เซียวให้เซียวจิ่งหมิงเรียกทนายมาทำเรื่องขอคืนสิทธิ์การเลี้ยงดูในตัวเซียวเวย ทั้งยังมัดตัวไว้ข้างกายเพื่ออบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดทุกวัน ส่วนทางคุณนายเฉียนหรูแน่นอนว่าค่าเลี้ยงดูก็ต้องเป็นอันจบไปโดยไม่ได้เงินสักหยวนเดียว

นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเหนือคาดสินะ!

อู่เยวี่ยที่กำลังดูแลครรภ์อยู่บ้านคอยติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด พอรู้ว่าเซียวเวยแผนล่มถูกจ้าวเหมยจับได้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก็เกือบแท้งเพราะสะเทือนอารมณ์เกินไป

มีแต่พวกโง่ไม่เอาไหน ไม่เห็นมีประโยชน์เลยสักคนเดียว!

อู่เยวี่ยมองท้องของตัวเองอย่างไม่พอใจ เธอท้องได้ห้าเดือนแล้วและหนิงเฉินเซวียนจะให้นักโภชนาการต้มน้ำซุปบำรุงเธอทุกวันโดยลดปริมาณลงไม่ได้เลย ท้องของเธอป่องนูนขึ้นมาราวกับลูกโป่งอัดแก๊ซพร้อมกับเจ้าตัวที่อ้วนขึ้นจากเดิมหลายเท่าทั้งยังตัวบวมไม่เหลือสภาพ

นอกจากนี้ยังมีฝ้ากระเหลืองขึ้นตามใบหน้าเยอะมากและเพราะยังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์จึงใช้เครื่องสำอางไม่ได้ เธอจึงไร้หนทางจะปกปิดรอยด่างพวกนี้ หน้าตาน่าเกลียดแทบไปเจอใครไม่ได้จึงตัดสินใจอยู่ดูแลครรภ์ที่บ้านเสียเลย

สำหรับอู่เยวี่ยผู้ที่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้นั้น ในหนึ่งวันจึงยาวนานเหมือนเป็นปี ได้แต่แค้นใจว่าทำไมเจ้าก้อนเนื้อในท้องยังไม่ออกมาสักทีนะ!

“คุณนาย คุณชายเช่อมาแล้ว” คนรับใช้เข้ามารายงาน

อู่เยวี่ยยิ้มร่าในใจรีบจัดองค์ทรงเครื่องอยู่หน้ากระจกก่อนจะยิ้มโอนอ่อน แม้ไม่พึงพอใจกับใบหน้าบวมฉึ่งของตัวเองนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“คุณชายเช่อ…”

เฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเย็นชา อู่เยวี่ยเดินเข้าไปต้อนรับ เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองภรรยาตามกฎหมายของตนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะได้รับคำสั่งจากหนิงเฉินเซวียนเขายังไม่อยากก้าวเข้ามาในห้องนี้เลยแม้แต่ก้าวเดียว

“ช่วงนี้เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?” เฮ่อเหลียนเช่อถามคุณหมอ

“เจริญเติบโตดี ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าเป็นเด็กผู้ชายที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก” คุณหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม

อู่เยวี่ยรู้อยู่แล้วว่าเด็กในท้องเป็นลูกผู้ชายแต่ก็ดีใจมากอยู่ดี แอบรู้สึกโชคดีที่เด็กในท้องเธอไม่ใช่เด็กอ่อนแอ หากท้องลูกผู้หญิงอนาคตก็ต้องตั้งครรภ์ใหม่อีก เช่นนี้เธอคงไม่ต้องคิดจะกลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมอีกตลอดชีวิตแล้ว

เฮ่อเหลียนเช่อจุดยิ้มมุมปากหน่อย ๆ นี่กลับเป็นข่าวดีอีกเรื่อง เขาถาม “คุณอารู้หรือยัง?”

“ยังไม่ทันบอกคุณอาเลย ฉันอยากบอกคุณก่อนแล้วค่อยบอกคุณอา ในเมื่อคุณเป็นพ่อของเด็กนี่นา!” อู่เยวี่ยพูดเอาใจแล้วคอยสังเกตสีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อไปด้วย

…………………………………

ตอนที่ 1953 คลอดลูกเสร็จก็ไสหัวไป

ช่วงนี้คอยสู้รบปรบมือกับจ้าวเหมยทั้งในที่ลับและที่โจ่งแจ้งมาหลายคราแต่เธอกลับต้องจบด้วยการพ่ายแพ้ตลอด ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียความมั่นใจไปชั่วขณะแต่เธอก็รับรู้แล้วว่าตนแพ้ที่จุดใด

ไม่ว่าจะเรื่องความฉลาดหรือฝีมือเธอล้วนเก่งกว่าจ้าวเหมยเป็นร้อยเท่าแต่เธอกลับเอาชนะจ้าวเหมยไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะเธอขาดผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง

หากนางแพศยาจ้าวเหมยไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหยียนหมิงซุ่น ลำพังแค่นางแพศยาคนนี้เธอใช้แค่นิ้วก้อยนิ้วเดียวก็ล้มหล่อนได้แล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับแพ้อย่างราบคาบ

ฉะนั้นเธออยากร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเช่อ

นิสัยของตาแก่หนิงเฉินเซวียนช่างประหลาดนัก ต่อให้เธอตามประจบประแจงแต่ก็คาดเดานิสัยตาแก่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี การสร้างสัมพันธ์กับหนิงเฉินเซวียนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินเลียบตรงปากเหวด้วยความรู้สึกหวาดผวาทุกวัน

อีกอย่างเพราะเรื่องอัลบั้มรูปโป๊เหล่านั้นทำให้หนิงเฉินเซวียนไม่คิดจะใยดีเธออีกต่อไป อู่เยวี่ยจคงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เฮ่อเหลียนเช่อซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเฮ่อเหลียนเช่อจะรับมือง่ายกว่า

เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินอู่เยวี่ยพูดคำว่าคุณพ่อก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจขึ้นมาแล้วแค่นหัวเราะเผยให้เห็นรอยยิ้มแสนประหลาด เรียกให้อู่เยวี่ยใจหล่นวูบพลางรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรก็รายงานคุณอาได้ทันที อย่าให้คนแก่ต้องรอเข้าใจไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเย็นชา

เด็กคนนี้เป็นเพียงเครื่องมือของเขาเท่านั้น เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ!

บนโลกใบนี้สิ่งมีชีวิตที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือเด็ก!

อู่เยวี่ยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความตกใจ จากใบหน้าของเขาเธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังหรือความห่วงใยที่เขามีต่อเด็กในท้องเลยสักนิด นั้นยิ่งทำให้หัวใจของเธอดิ่งลงก้นเหว

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบเด็กคนนี้แล้วทำไมถึงให้เธอคลอดออกมาด้วยล่ะ?

“คุณชายเช่อ ตั้งชื่อลูกของเราไว้หรือยัง?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิง

เฮ่อเหลียนเช่อเผยสีหน้ารังเกียจขึ้นมาชั่วขณะพลางมองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชา “วันหลังห้ามพูดว่าลูกของเรา น่ารำคาญ เด็กคลอดออกมาก็มีคุณอาคอยช่วยเลี้ยงดูฉะนั้นเด็กคนนี้เป็นของคุณอา ชื่อก็ต้องให้คุณอาเป็นคนตั้ง เธอจะมากังวลเรื่องพวกนี้ทำไม? คอยดูแลครรภ์อยู่บ้านให้ดี จำหน้าที่ตัวเองไว้ให้ดี อย่าไปสร้างปัญหาข้างนอกให้ฉันอีก!”

อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร!

“คุณชายเช่อ เด็กคนนี้ไม่ได้ให้ฉันเป็นคนดูแลเหรอ? ฉันต่างหากที่เป็นแม่ของเด็ก!” อู่เยวี่ยพลั้งถามออกไป

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอรักเด็กคนนี้มากนักหรอก เธอแค่อยากใช้เด็กคนนี้เป็นตัวเพิ่มอำนาจต่อรองเท่านั้น ขอแค่เธอผูกพันกับเด็กได้ลึกซึ้งมากแค่ไหนสถานะของเธอก็จะสูงมากเท่านั้นและเข้าใกล้เป้าหมายของเธอมากยิ่งขึ้น!

แต่พอฟังจากน้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ดูเหมือนจะผิดไปจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้เสียแล้ว!

เฮ่อเหลียนเช่อมองเธอด้วยสายตารังเกียจแล้วเอ่ยเสียงประชด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาเลี้ยงดูผู้สืบตระกูลหนิงของเรา เธอจำเอาไว้ว่าเธอเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่ฉันไว้ใช้คลอดลูกเท่านั้น คลอดลูกเสร็จเธอก็ไสหัวไปได้แล้ว นี่ยังคิดจะเลี้ยงลูกอีกเหรอ?”

ผู้หญิงคนนี้ช่างเพ้อฝันเสียจริง!

อู่เยวี่ยหน้าซีดเผือดและซีดไปทั้งริมฝีปาก รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ถ้อยคำที่เหมยเหมยพูดไว้ก่อนหน้านี้ดังก้องอยู่ข้างหูเธออีกครั้ง ‘เธอก็แค่เครื่องมือที่เฮ่อเหลียนเช่อไว้ใช้มีลูกเท่านั้น ทางที่ดีเธอรีบอธิษฐานให้ตัวเองท้องเป็นนาจาซะเถอะ…’

ตอนนี้เธอนึกอยากให้ลูกในท้องตนเป็นนาจาขึ้นมาแล้วจริง ๆ!

เหลือเวลาอีกสี่เดือนกว่าก็จะคลอดลูก ตอนนี้เธอมีเวลาอีกไม่มากแล้ว เธอต้องรีบหาวิธีโดยเร็วที่สุด!

เฮ่อเหลียนเช่อถามอาการเด็กในครรภ์กับคุณหมออีกเล็กน้อยก่อนเตรียมตัวกลับ ก่อนกลับเขาเอ่ยเตือนอีกครั้ง “อยู่บ้านดี ๆ อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย ฉันหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างเซียวเวยขึ้นอีก!”

อู่เยวี่ยใจกระตุกวูบและรีบตอบรับกลับไป

เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงทีหนึ่ง ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เป็นผู้หญิงที่เก่งกาจเพียงใดจิตใจก็คับแคบอยู่ดี มักให้เรื่องเล็กน้อยส่งผลกระทบต่อส่วนรวมเสมอ

“คุณชายเช่อ…ความจริงฉันแค่โมโหที่จ้าวเหมยเอาเปรียบฉันไปหนึ่งล้านหยวนจากงานประมูลการกุศล ก็เลย…” อู่เยวี่ยแสร้งทำท่าคุกรุ่นไม่พอใจ

……………………..

ตอนที่ 1950 เพียงเพื่อกระเป๋าหนึ่งใบ

ต่อให้เซียวเวยไม่เต็มใจแต่เธอก็ต้องยอมทำตามอย่างเชื่อฟัง

เซียวจิ่งหมิงพูดแล้วว่าถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังเหมยเหมยวันหลังก็อย่าคิดว่าจะได้เงินจากตระกูลเซียวอีก ตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากว่ากันตามกฎหมายตระกูลเซียวไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องส่งเสียเลี้ยงดูเธออีก การให้เงินคือการแสดงความรักในครอบครัว ต่อให้จะไม่ให้เงินกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้

เซียวเวยเคยชินกับชีวิตที่ฟุ่มเฟือย ถ้าเซียวจิ่งหมิงตัดรายได้ของเธอจริง ๆ แล้วเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร!

เซียวจิ่งหมิงรู้จักธาตุแท้ของน้องสาวคนนี้ดี ยื่นคำขาดไปก็ทำเอาเซียวเวยยอมจำนนอย่างง่ายดายแล้ว

“จ้าวเหมย โอหยางซานซานให้ฉันทำแบบนี้เพราะเขาให้กระเป๋าชาแนลฉันหนึ่งใบ ฉันชอบมันมากก็เลยทำเรื่องโง่ ๆลงไป อันที่จริงฉันวางแผนไว้ว่าจะลบกระทู้วันนี้ จริง ๆนะ…เธอเชื่อฉันนะ!”

เซียวเวยไม่ต้องการโพสต์จดหมายขอโทษในกระทู้ของมหาวิทยาลัยให้สาธารณชนรับรู้ แถมยังต้องโพสต์เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนดังในมหาวิทยาลัย ถ้าหากต้องโพสต์จดหมายขอโทษจริง ๆเธอยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกเล่า?

เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อน ๆจะต้องหัวเราะเยาะเธอแน่ ๆ!

นี่ไม่ต่างจากที่เหมยเหมยคาดคิดไว้เพราะเธอเดาออกนานแล้วว่าต้องเป็นอู่เยวี่ย เมื่อก่อนโอหยางซานซานและเซียวเวยเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน หลังจากไปต่างประเทศความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนก็ค่อย ๆห่างกันไป แต่คนอย่างอู่เยวี่ยจะปล่อยเซียวเวยไปเหรอ?

คนที่เกิดมาเป็นคนโง่เพื่อช่วยบังกระสุนแทนคนอื่น!

“เพียงแค่เพื่อกระเป๋าชาแนลหนึ่งใบเธอถึงขนาดกล้าหาเรื่องฉันเลยเหรอ? เซียวเวย หรือว่าเธอคิดว่าฉันใจดีมากใช่ไหม?” เหมยเหมยส่งเสียงเยาะเย้ยแล้วสะบัดฝ่ามือตบไปโดยไม่คิดทันที

เวลานี้พวกเธออยู่ที่ชั้นล่างของหอพัก ตอนเที่ยงมีนักศึกษาเข้าออกพลุกพล่านดังนั้นการตบของเหมยเหมยจึงดึงดูดจำนวนคนไม่น้อย

คนหนึ่งก็อดีตดาวมหาวิทยาลัย อีกคนก็ดาวมหาลัยคนปัจจุบัน อีกอย่างกระแสของโพสต์นั้นก็ยังไม่จบจึงมีคนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ

เซียวเวยปิดใบหน้าของเธอและมองไปที่เหมยเหมยอย่างเหลือเชื่อ “แกกล้าตบฉัน? แก…”

“เพี๊ยะ”

เหมยเหมยตบอีกครั้ง ช่วงนี้มีเรื่องแย่ ๆมากเกินไปจนเธอไม่มีที่ให้ระบายความโกรธเลย ตอนนี้เซียวเวยมาหาถึงที่ก็ไม่ใช่เพื่อให้เธอระบายอารมณ์เหรอ?

“ฉันตบเธอแล้วจะทำไมเหรอ? เพราะเธอมันสมควรโดนไง เพียงเพื่อกระเป๋าชาแนลใบเดียวเธอถึงขนาดโพสต์กระทู้บนเพจมหาวิทยาลัยเพื่อใส่ร้ายว่าฉันเป็นเมียน้อย เซียวเวย ฉันควรจะพูดว่าเธอฉลาดเกินไปหรือโง่เกินไปดีนะ?”

เหมยเหมยด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทุกคนได้ยินเต็มสองหูและตอนนี้เองถึงได้ถึงบางอ้อ

ที่แท้ฮวาจิงหลิงก็คืออดีตดาวมหาวิทยาลัยเซียวเวยนี่เอง!

จุ๊ ๆ ที่แท้คนเราจะมองเพียงหน้าตาภายนอกไม่ได้จริง ๆ รุ่นพี่เซียวเวยที่มักจะใจดีและอ่อนโยนต่อหน้าผู้คน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนต่ำทรามแบบนี้?

อีกอย่างเมื่อวานนี้ฮวาจิงหลิงยังปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่เซียวเวย แต่วันนี้ถูกดาวมหาวิทยาลัยตบหน้าหัน นี่ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าชะมัด!

“จ้าวเหมย…เธออย่าทำเกินไปนักเลย ฉันขอโทษเธอแล้วไง เธอยังจะเอายังไงอีก?” เซียวเวยตวาดเสียงดัง

เธอไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองโพสต์จะเป็นความผิดใหญ่โตอะไรเลย ก็แค่เมียน้อยคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ยุคสมัยนี้การเป็นเมียน้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แถมโอหยางซานซานยังบอกอีกว่าเดิมทีคุณชายหมิงชอบอู่เยวี่ยพี่สาวของจ้าวเหมย แต่จ้าวเหมยกลับแย่งคุณชายหมิงไป

แล้วมันแตกต่างอะไรกับเมียน้อย?

“ฉันพูดแล้วนะว่าเขียนจดหมายขอโทษลงในเพจมหาวิทยาลัยให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นเวลาสามวันติดกัน หากทำไม่ได้งั้นก็รอจดหมายจากทนายความของฉันแล้วกัน พวกเราเจอกันที่ศาล!” เหมยเหมยมองไปที่เซียวเวยที่กำลังร้องไห้อย่างเย็นชา

ถ้าหากขอโทษแล้วมีประโยชน์ งั้นจะมีตำรวจไว้ทำไม?

ประโยคนี้พูดถูกต้องเหลือเกิน สำหรับคนสารเลวอย่างเซียวเวยคุกก็เป็นสถานที่ดีสำหรับเธอเช่นกัน

เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอเป็นลูกสาวของอาจารย์เซียวถึงอย่างไรก็ต้องไว้หน้าบ้าง เธอจะโหดเหี้ยมไร้ความปรานีไม่ได้

เซียวเวยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เธอร้องไห้พลางสบถด่าออกมาว่า “ฉันพูดไม่ผิดสักหน่อย โอหยางซานซานบอกฉันว่า คุณชายหมิงคือคนที่เธอแย่งมาจากพี่สาวของเธอ ถึงแม้ตอนนั้นคุณชายหมิงจะยังไม่ได้แต่งงานกับพี่สาวของเธอ แต่พวกเขาก็ต่างชอบพอกันอยู่ มีความรู้สึกดี ๆให้กันแต่เธอกลับแทงข้างหลังแล้วแย่งคุณชายหมิงไปจนทำให้พี่สาวของเธอเป็นบ้า หลังจากนั้นเธอก็กระโดดตึกตาย หรือว่าเธอไม่รู้สึกละอายใจต่อความผิดชอบชั่วดีของตัวเองเลยเหรอ?”

……………………………………………..

ตอนที่ 1951 เธอโง่เองอย่าไปโทษคนอื่น

นักศึกษาที่มุงล้อมอยู่เผลอสูดปากกันถ้วนหน้า โอ้โฮ…ข่าวร้อนแรงจัง!

ดาวมหาวิทยาลัยมีพี่สาวอีกหนึ่งคนแถมยังเป็นผู้ป่วยทางจิตอีกด้วยหรือนี่?

แล้วยังผิดหวังจากความรักถึงขั้นกระโดดตึกฆ่าตัวตายอีก?

นี่รู้สึกเหมือนกำลังดูละครน้ำเน่าอยู่เลยนะเนี่ย!

เหมยเหมยเบิกตากว้างฉับพลันพลางมองเซียวเวยอย่างไม่เชื่อหู โอ้โฮ…นี่คงเป็นตัวอย่างของคนที่มีสมองหมูอย่างแท้จริงสินะ?

ถ้อยคำเหลวไหลของอู่เยวี่ยแม้แต่เด็กอายุสามขวบยังไม่เชื่อแต่หมูตัวนี้กลับเชื่อเสียอย่างนั้น

“อย่างแรกฉันต้องขอชี้แจงประเด็นแรกก่อนว่าฉันไม่มีพี่สาว พ่อแม่ฉันมีลูกสาวคนเดียวก็คือฉัน คนที่ป่วยทางจิตแล้วกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่เธอว่าคืออู่เยวี่ยสินะ? หล่อนไม่ใช่พี่สาวของฉัน หล่อนเป็นศัตรูของฉัน ระหว่างฉันกับหล่อนมีความแค้นมากถึงขั้นอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ด้วยซ้ำ”

เหมยเหมยพูดเสียงเล็ดลอดไรฟันฉายชัดถึงความแค้นเคืองที่มีต่ออู่เยวี่ยมากจนทำเอานักศึกษาละแวกนั้นต่างรู้สึกกันอย่างถ้วนหน้า ทั้งยังนึกสงสัยในตัวอู่เยวี่ยว่าเป็นผู้วิเศษมาจากไหน แล้วทำอะไรดาวมหาวิทยาลัยไปบ้างถึงได้สร้างความแค้นใจให้เธอนัก?

“อย่างที่สองอู่เยวี่ยไม่เคยรักกับคู่หมั้นฉันมาก่อน ฉันรู้จักคู่หมั้นฉันตั้งแต่อายุสิบสองปีจนกระทั่งตอนนี้เราสองคนต่างรักกันดี คู่หมั้นฉันเคยคุยกับอู่เยวี่ยแค่ไม่กี่ประโยคแล้วพวกเขาจะรักกันได้อย่างไร? ถ้าพวกเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เธอลองไปตามสืบที่โรงเรียนอีจงที่เมืองจินก็ได้ ดูสิว่าฉันพูดโกหกหรือเปล่า?”

“อย่างที่สามเรื่องที่อู่เยวี่ยป่วยทางจิตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักนิดเดียว นั่นเป็นโรคที่ถ่ายทอดต่อกันมาทางพันธุกรรมของเธอเอง เพราะแม่ของอู่เยวี่ยป่วยทางจิตเหมือนกันและเคยฆ่าคนตอนที่อาการกำเริบมาก่อน แม่ของอู่เยวี่ยฆ่าสามีคนที่สองและลูกเลี้ยงของเธอ ตอนโรคของอู่เยวี่ยกำเริบก็เคยฆ่าแม่แท้ ๆของเธอจากนั้นเธอก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลยตั้งแต่แรก”

ทุกคนพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบในทันที อู่เยวี่ยแปลงร่างมาจากมารร้ายหรือเปล่า?

แม้แต่แม่แท้ ๆยังกล้าฆ่าได้ลงคอ นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!

แน่นอนว่าแม่แท้ ๆของเธอก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน โรคจิตที่ถ่ายทอดต่อกันมาทางพันธุกรรมนี่ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง แต่โชคดีที่ตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหากมีลูกหลานที่ป่วยทางจิตอีกคนก็เท่ากับทิ้งตัวหายนะไว้ไม่ใช่หรือไง?

เซียวเวยกลับไม่เชื่อพลางส่ายศีรษะแรง ๆ “ไม่ใช่แบบนี้ โอหยางซานซานไม่ได้บอกฉันว่าเป็นแบบนี้…”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “นั่นก็โทษได้แค่ว่าเธอโง่เอง สิ่งที่ฉันพูดไปคือความจริงทั้งหมด เรื่องพวกนี้เธอสามารถไปตามสืบความจริงได้ที่เมืองจิน คดีลูกฆ่าแม่ที่เป็นข่าวโด่งดังในเมืองจินเมื่อสี่ปีก่อนตอนนี้ต้องมีคนที่จำได้อยู่แล้ว พวกเธอลองไปตามสืบได้ตามสบายเลย!”

“ฉันยืนยันได้ ตอนนั้นเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริง ๆ ฉันกับรุ่นพี่จ้าวจบจากโรงเรียนอีจงที่เมืองจินเหมือนกัน ฉันเป็นรุ่นน้องรุ่นพี่จ้าวหนึ่งปี เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนน่ากลัวมากจนถึงตอนนี้ยังมีคนพูดถึงอยู่เลย!”

นักศึกษาสาวหน้าตาน่ารักที่มีใบหน้ากลมก้าวออกมาเอ่ยเสียงดังเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เหมยเหมยพูดเป็นความจริง

พอมีคนหนึ่งก้าวออกมาก็จะมีคนที่สองตามมา นักเรียนจบจากเมืองจินอีกหนึ่งคนก็ก้าวออกมาช่วยยืนยันอีกเสียง “ฉันก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ฉันเองก็จบจากโรงเรียนอีจงเหมือนกัน อู่เยวี่ยกับรุ่นพี่จ้าวเป็นนักเรียนของอีจงทั้งคู่ ส่วนโอหยางซานซานที่รุ่นพี่เซียวพูดถึงก็เป็นนักเรียนของอีจงแต่เป็นรุ่นพี่ของฉันสองปี แต่รุ่นพี่โอหยางลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากเรื่องที่จ้างมือปืนมาช่วยเขียนหนังสือถูกเปิดโปง”

เหมยเหมยก้มศีรษะอมยิ้มเป็นเชิงขอบคุณให้รุ่นน้องทั้งคู่น้อย ๆทำเอาหญิงสาวน่ารักทั้งสองหน้าแดงระเรื่อและรู้สึกดีใจอย่างมาก

รุ่นพี่จ้าวเป็นไอดอลของพวกเธอเชียวนะ!

ตอนนี้สามารถช่วยเหลือรุ่นพี่จ้าวได้อย่าให้ต้องพูดถึงเลยว่าพวกเธอจะมีความสุขขนาดไหน!

ตอนนี้แนวโน้มสถานการณ์ชัดเจนแล้วว่าเซียวเวยกำลังใส่ร้ายขณะที่ดาวมหาวิทยาลัยอย่างจ้าวเหมยพูดมีหลักฐานเป็นไปตามเหตุและผล ทั้งยังมีพยานบุคคลคอยยืนยันความจริงให้อีกเสียง เมื่อความจริงเปิดเผยแม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าควรเชื่อใคร

เหมยเหมยเน้นย้ำอีกที “เซียวเวย เธอโง่เองจะโทษคนอื่นไม่ได้นะ นี่ฉันเห็นแก่อาจารย์เซียวหรอก นับว่าฉันใจกว้างกับเธอมากแล้ว สามวันห้ามขาดและเริ่มจับเวลาตั้งแต่วันนี้ ฉันจะรอนะ!”

……………………………

ตอนที่ 1948 มีแต่สตรอว์เบอร์รี

พอเห็นเหมยเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตื่นเต้นขึ้นมาราวกับถูกฉีดยากระตุ้น บนจมูกกลม ๆมีสิวสีแดงเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นมา เห็นแล้วช่างน่าขันเหลือเกิน

“หัวเราะอะไร ฉันทำเพื่อใครล่ะ? ไม่ใช่เพราะเธอหรือไง ข่มตาหลับไม่ได้เลยทั้งคืน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคืองมาก ทุกครั้งที่เธอนอนไม่หลับสิวก็จะขึ้นทันที ผลชัดเจนมากและมาตรงเวลายิ่งกว่าประจำเดือนอีก

เหมยเหมยอบอุ่นใจ เธอล้วงครีมไข่มุกในกระเป๋าออกมาแล้วโยนไปให้ “เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอแล้วครีมไข่มุกนี้ให้เธอแล้วกัน ทาแค่ไม่กี่ครั้งก็หายแล้ว ฉันเคยใช้แค่สองสามครั้งเธออย่ารังเกียจแล้วกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับครีมไข่มุกมาอย่างมีความสุข “ไม่รังเกียจเลย เธอมีแต่ของดี ๆทั้งนั้น ฉันไม่โง่ถึงขนาดดีไม่ดีก็แยกแยะไม่ได้หรอกน่ะ”

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมยเหมยใช้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ราคาแพงและแน่นอนว่าได้ผลลัพธ์ดีมากเช่นกัน ต่อให้เธอมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ หลายยี่ห้อไม่มีขายในประเทศเพราะต้องไปซื้อที่ต่างประเทศเท่านั้น

“เธอจะเอายังไงกับเซียวเวยต่อ? เธอสั่งมาได้เลยฉันมีกำลังคน ฝีมือถือว่าเป็นกระสอบทรายชั้นเยี่ยมเลยล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทาครีมไข่มุกที่จมูกของเธอ จากนั้นก็ตบอกอย่างภาคภูมิใจ

เหมยเหมยมุมปากกระตุก คุณหนูใหญ่คนนี้รู้จักแต่กระสอบทรายหรือไงกันนะ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอใส่คนในกระสอบไว้กี่คน

“พวกเราไม่ต้องยุ่งแล้ว ผู้ชายของฉันบอกว่าเขาจะตรวจสอบเอง” เหมยเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เวลานี้พวกเธอทั้งหมดอยู่ในห้องเรียน ฮีตเตอร์ทำความร้อนได้เพียงพอและอบอุ่นมาก เหมยเหมยแก้ผ้าพันคอและหมวกออกพร้อมทั้งถอดเสื้อคลุมด้วยจนเผยลำคอขาว ๆของเธอ อยู่ดี ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อก็มีสีหน้าท่าท่างแปลกไป หูก็แดงไปหมด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสร้งว่าปกติ สะกิดเหมยเหมยปิดตาและพูดว่า “เธอพันผ้าพันคอเอาไว้ดีกว่า เร็วเข้าเถอะ”

เหมยเหมยฟังไม่เข้าใจ “ทำไมต้องพันผ้าพันคอด้วยล่ะ ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงพูดกระซิบว่า “เธอพลีกายขอร้องให้ผู้ชายของเธอช่วยทำการบ้านให้ใช่ไหมล่ะ?”

เหมยเหมยหน้าร้อนผ่าวแล้วถลึงตาใส่ “พูดจาไร้สาระ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจพลางชี้ไปที่คอของเธอ พูดอย่างคลุมเครือว่า “ยังคิดจะทำปากแข็งอีก ดูที่คอของเธอสิ จุ๊ ๆ ผู้ชายของเธอมีพลังเหลือเฟือจริง ๆ ฉันว่านะไม่เจ็ดครั้งก็แปดครั้งละมั้ง?”

สาวเมืองหลวงหน้าหนาจริง ๆ หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานพูดถึงผู้ชายขึ้นมาโดยที่หน้าไม่แดงเลยสักนิด เหมยเหมยโมโหจนหน้าแดงก่ำพลันรีบร้อนหยิบกระจกเล็ก ๆออกมาจากกระเป๋า ส่องอยู่ครู่หนึ่งก็ตกใจจนรีบหยิบผ้าพันคอมาจากลิ้นชักแล้วพันมันไว้ด้วยใบหน้าแดงซ่าน

ลำคอขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กสีแดงอมม่วงจากฝีมือของใครบางคน มิน่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อถึงมีสีหน้าแปลกไปแบบนั้น

ไม่รู้ว่ามีคนอื่นเห็นอีกหรือเปล่า ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงถามเซ้าซี้ว่าตกลงแล้วเจ็ดครั้งหรือแปดครั้ง เหมยเหมยถลึงตาจ้องเธอด้วยความโมโห ตวาดเสียงต่ำว่า “เธอเอาเวลาไปสนใจว่าผู้ชายของเธอจะทำได้กี่ครั้งดีกว่านะ!”

พอพูดถึงตรงนี้เหมยเหมยก็มีเจตนาร้ายขึ้นมาพร้อมกระซิบถามข้างหูของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่า “บอกมาว่าเธอกับอิงจวี้กังถึงขั้นไหนแล้ว? เคยจูบกันหรือยัง? ใครเป็นคนเริ่มก่อน?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงดังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “เรื่องจูบต้องมีอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นสาวน้อยแสนบอบบางนะ!”

เหมยเหมยหันไปยกนิ้วชื่นชมผู้หญิงคนนี้

“ฉันขอเตือนพวกเธอไว้ก่อนว่าแค่จูบปากก็ได้อยู่หรอกแต่อย่าเพิ่งกินสุกก่อนหามเด็ดขาด ไม่ว่าจะหื่นจะต้องการขนาดไหนก็ต้องทน!” เหมยเหมยกล่าวเตือนพวกเธอ

ตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งสองดึงแขนของเธอไว้คนละข้างแล้วจั๊กจี้ด้วยความโมโห

ตัวเองกับผู้ชายมีความสุขบรรเลงเพลงรักด้วยกันทุกคืนแต่จะให้พวกเธอเป็นแม่ชีที่ปฏิบัติตามกฎ ถึงแม้จะพูดว่าเพราะหวังดีกับพวกเธอก็เถอะแต่ในใจกลับไม่กระดากใจบ้างเลยหรือไง!

ปวดตัวชะมัดเลย!

…………………………………………..

ตอนที่ 1949 น้ำลดตอผุด

ทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นสืบได้ความอย่างรวดเร็วเพราะให้ลูกน้องระดับประเทศทำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ช่างเหมือนใช้วัวไปฆ่าไก่จริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็สืบสาวราวเรื่องได้แล้ว

ฮวาจิงหลิงเป็นเซียวเวยจริง ๆแต่ตอนนี้ยังสืบหาไม่พบว่าเธอเกี่ยวข้องกับอู่เยวี่ยอย่างไร แต่หลังจากอู่เยวี่ยมาเมืองหลวง เธอเคยไปเจอเซียวเวยอยู่สองครั้งดังนั้นอู่เยวี่ยจึงเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด

เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเรื่องนี้ เขาส่งเสี่ยวอวิ๋นไปช่วยเหมยเหมยตามสืบแล้วก็ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก

“เซียวเวยเธอสารภาพเองว่าแค้นใจคุณหนูเรื่องที่ช่วยเซียวเซ่อทำให้แม่ของเธอต้องอับอายในงานเลี้ยงวันเกิดปีนั้น ดังนั้นถึงได้ทำแบบนี้” เสี่ยวอวิ๋นรายงาน

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ถ้าหากว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ แต่เธอรู้สึกว่าเซียวเวยไม่เหมือนลูกสาวที่แสนกตัญญูอะไรขนาดนั้น มันต้องมีเหตุผลอื่นอีกแน่นอน

“เธอว่าเซียวเวยทำไปเพราะอะไร?” เหมยเหมยถามเสี่ยวอวิ๋น

เสี่ยวอวิ๋นตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ไม่ใช่เหตุผลตามที่เธอพูดอย่างแน่นอน”

เธอเล่าสถานการณ์คร่าว ๆของเซียวเวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้ฟัง อาจารย์เซียวสำนึกผิดกะทันหันจึงหย่ากับแม่ของเซียวเวย จะว่าไปถึงแม้ว่าอาจารย์เซียวจะอายุมากแล้วแต่สติกลับไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขารู้เรื่องที่ภรรยาของเขาคบชู้นานแล้ว แต่เพราะตัวเองเติมเต็มความสุขให้ไม่ได้จึงทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งไป

จนถึงตอนหย่าร้างจริง ๆ อาจารย์เซียวไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขาเอาหลักฐานมากมายตบหน้าคุณนายหรู และเพราะคุณนายหรูเป็นฝ่ายผิดดังนั้นแม่ของเซียวเวยจึงไม่ได้รับทรัพย์สินมากนัก แต่อาจารย์เซียวก็ไม่ได้ปฏิบัติแย่กับเธอแต่อย่างใด ทุก ๆเดือนเธอจะได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจำนวนไม่น้อย

ถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ ๆของเขานี่นา!

เซียวเวยถูกตัดสินให้อยู่ในความดูแลของแม่ ส่วนพี่ชายเซียวจิ่งหนิงกลับได้อยู่กับอาจารย์เซียว หลังจากหย่าร้างแม่ของเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าแต่เงินก็ใช้จ่ายไม่หยุด ชีวิตที่สุขสบายของเซียวเวยในอดีตก็ลดลงจากฟ้าร่วงหล่นสู่พื้นดิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับแม่นั้นย่ำแย่มากซึ่งจะมองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเธอจะเป็นลูกที่แสนกตัญญูได้อย่างไร

เสี่ยวอวิ๋นพูดอธิบายว่า “เพราะจำเป็นต้องไว้หน้าอาจารย์เซียวเลยทรมานเซียวเวยมากไม่ได้”

เหมยเหมยพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ฉันจะพูดกับเซียวจิ่งหมิงเองว่าอย่าให้อาจารย์เซียวรู้”

ถึงแม้ว่าร่างกายของอาจารย์เซียวจะดีขึ้นมากเพราะผลพวงจากยาวิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็อายุเยอะมากแล้วคงรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว เรื่องเสียหายแบบนี้อย่าเอาไปรบกวนคนแก่อย่างเขาจะดีกว่า

“คุณชายหมิงก็บอกแบบนี้เช่นกัน คุณหนูวางใจได้” เสี่ยวอวิ๋นรับประกัน หากเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกล่วงหน้า ด้วยวิธีการของเธอแล้วคุณหนูอย่างเซียวเวยที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กจะต้านทานไว้ได้อย่างไร?

เหมยเหมยยิ้มพลางกดโทรหาเซียวจิ่งหมิง ตอนนี้เขาเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในตระกูลเซียว ถึงแม้ว่าเซียวเวยจะไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลเซียวแล้วแต่ก็ยังเป็นคุณหนูของตระกูลเซียวอยู่ ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ต้องหาคนในครอบครัวเป็นธรรมดา

“เหมยเหมยวางใจได้ เรื่องนี้ฉันต้องจัดการให้เธอแน่นอน” เซียวจิ่งหมิงพูดเสียงต่ำพลางแอบก่นด่าเซียวเวยในใจว่าโง่ อยากหาที่ตายก็อย่าลากตระกูลเซียวไปด้วยสิ ถึงขนาดกล้าล่วงเกินจ้าวเหมยได้อย่างไรกัน?

แน่นอนว่าเซียวจิ่งหมิงไม่ได้ใจดีเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันเซียวเวยก็มาหาเหมยเหมยด้วยตัวเองพร้อมโค้งขอโทษเธอ ถึงแม้เธอจะดูไม่ค่อยยินยอมเต็มใจเท่าไรนักแต่แล้วจะอย่างไร ขอแค่มาให้ทุกคนเห็นก็พอแล้ว

ถึงอย่างไรสิ่งที่เธอต้องการก็เป็นเช่นนี้ แต่ทว่า——

“เซียวเวย เธอจะขอโทษแค่นี้ไม่ได้หรอกนะ เธอต้องเขียนจดหมายขอโทษและโพสต์ลงในกระทู้ของเพจมหาวิทยาลัยให้ฉันด้วย จดหมายขอโทษไม่ควรเขียนต่ำกว่าแปดร้อยคำและต้องลงสามวันติดต่อกัน เห็นแก่อาจารย์เซียวและลุงเซียวงั้นฉันให้อภัยเธอก็ได้” เหมยเหมยไม่ยอมยกโทษให้เซียวเวยง่าย ๆ

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของอาจารย์เซียว ตอนนี้เซียวเวยคงไม่ได้อยู่สบายเช่นนี้หรอก!

คนอย่างจ้าวเหมยมีบุญคุณต้องทดแทน หากมีแค้นต้องชำระ จิตใจคับแคบไม่ต่างอะไรกับเข็ม เธอจะยอมปล่อยให้คนที่ทำร้ายเธอไปง่าย ๆได้อย่างไรกันล่ะ?

………………………………………….

ตอนที่ 1946 สารภาพด้วยตัวเอง

เหมยเหมยพูดตะกุกตะกักว่า “ก็แค่หาสนุก ๆไปงั้นแหละ ไม่ได้หาใครเป็นพิเศษหรอก”

“จริงเหรอ…” น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่สูงไม่ต่ำฟังแล้วเหมือนพูดจาปกติ แต่เหมยเหมยกลับลุกลี้ลุกลนในใจ

โธ่เอ้ย ทำไมเธอถึงกลัวเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าจ้าวอิงหัวที่เป็นพ่อของเธออีกนะ?

ทั้ง ๆที่พวกเขาศักดิ์เท่ากันไม่ใช่หรือไง?

“จริงสิ จริงแท้แน่นอน…เออคือ พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เรื่องเล็กกว่าเส้นผมอีก…” เสียงของเหมยเหมยเล็กลงเรื่อย ๆ หัวก็ก้มต่ำลงเรื่อย ๆจนแทบก้มลงไปถึงสะดืออยู่แล้ว

เธอไม่กล้าสบตาสามีตัวเอง ใจฝ่อหมดแล้ว!

“เธอจะพูดเองหรือจะให้พี่ไปสืบเอง? เธอต้องนึกถึงผลที่ตามมาให้ชัดเจนด้วยล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างไม่แยแส

เหมยเหมยท้องไส้ปั่นป่วน ยังไม่ทันเริ่มก็จบเสียแล้ว เธอใช้เท้าหลังคิดยังคิดได้เลยว่าหากเหยียนหมิงซุ่นไปสืบหาเองผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?

เฮ้อ สารภาพผิดเองจะดีกว่า!

“ทั้งหมดมันก็เกิดจากพี่นั่นแหละ…”

เหมยเหมยเบะปากเล่าเรื่องรูปถ่ายและเรื่องเมียน้อยด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มากอดจูบฉันแบบนั้น จะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้เหรอ? ทำเอาฉันโดนยัดเยียดข้อหากลายเป็นเมียน้อยอย่างไร้สาเหตุ ขนาดแม่ของฉันยังรู้เรื่องเลย อีกไม่กี่วันพ่อของฉันกลับมาก็ต้องรู้เรื่องแน่…”

เธอเจตนาแสดงท่าทีไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม แบบนี้จะทำให้ตัวเองดูไม่ได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่แน่พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมมากขนาดนี้อาจจะลดโทษลงมาหน่อยก็ได้!

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเบา ๆ ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้เลยเหรอ?

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีที่เจ้าปีศาจตัวน้อยของเขาถูกใส่ความ แต่ตอนนี้เขาสนใจภาพนั้นมากกว่า ว่าแต่ภาพถ่ายเขากับภรรยาของเขาออกมาเป็นแบบไหนกันนะ?

“ภาพถ่ายอยู่ในเพจมหาวิทยาลัยของพวกเธอเหรอ?”

เหมยเหมยนิ่งชะงักไปแล้วพยักหน้า

เหยียนหมิงซุ่นกินโจ๊กในชามเสร็จก็ลุกขึ้นไปห้องหนังสือ เหมยเหมยตามไปอย่างงง ๆแต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ ขยับปลายนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์ก็เข้าสู่เพจของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เหมยเหมยมองจนลูกตาแทบถลนออกมา

“บ้านเราเชื่อมต่อกับเพจมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่เมื่อไร? ไม่สิ บ้านเราเล่นอินเทอร์เน็ตได้ด้วยเหรอ?”

“ก็ได้ตลอดนะ” เหยียนหมิงซุ่นตอบพร้อมพิมพ์บนแป้นพิมพ์ ซึ่งไม่นานก็เข้าสู่เพจมหาวิทยาลัย แล้วภาพถ่ายที่สวยงามน่าประทับใจก็โผล่ออกมา

เหมยเหมยไม่ทันได้สนใจรูปภาพ เพราะที่เธอสนใจยิ่งกว่าก็คือ——

“งั้นทำไมพี่ถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” เหมยเหมยโมโหเป็นอย่างมาก

เธอนึกมาตลอดว่าอินเตอร์เน็ตในบ้านใช้ไม่ได้จึงเอาคอมพิวเตอร์ไว้ที่มหาวิทยาลัย ใช้เวลาพักเที่ยงเล่นสักครู่หนึ่ง แต่เธอไม่ค่อยสนใจนักเพราะความเร็วอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันช้าเกินไป และสิ่งที่ไว้ใช้เล่นก็มีน้อยมากจึงไม่น่าสนใจ

“เล่นคอมพิวเตอร์บ่อย ๆไม่ดีต่อสายตา” เหยียนหมิงซุ่นเลือกกดภาพนั้นขึ้นมาและซูมขยายใหญ่ขึ้น กอดอกพร้อมชื่นชมพลางพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เลวเลย ในมหาวิทยาลัยของเธอยังมีคนที่มีความสามารถอยู่หลายคนนะเนี่ย”

เขาเอาภาพนี้ตั้งเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดคอมพิวเตอร์ สิ่งที่เห็นก็คือภาพถ่ายที่จูบกันอย่างดูดดื่ม มันไม่น่าดูเลยจริง ๆ

ตัวเหมยเหมยเองยังทนมองไม่ไหว “คนอื่นเห็นคงกระดากใจน่าดู!”

“ไม่มีใครได้เห็นทั้งนั้นแหละ”

พอเหยียนหมิงซุ่นตั้งค่าหน้าจอเสร็จก็เริ่มเลื่อนดูเพจคร่าว ๆ สีหน้าท่าทางดูสงบมาก ในความคิดของเขาเรื่องพวกนี้ดูอ่อนหัดเกินไปหน่อยเหมือนเกมของเด็กอนุบาล หากไม่ใช่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภรรยาของตนเขาคงไม่สนใจที่จะดูด้วยซ้ำ

“หาตัวฮวาจิงหลิงได้หรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“หาได้แล้ว เซียวเวยตระกูลเซียว” เหมยเหมยตอบไปตามตรง พูดอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรมว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโรคจิต ฉันและเธอไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมต้องทำร้ายฉันลับหลังด้วยล่ะ?”

…………………………………………..

ตอนที่ 1947 การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต

เหมยเหมยคิดไม่ออกจริง ๆ เพราะเคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำ เคยคุยกันล่าสุดก็ตอนงานเลี้ยงต้อนรับปีที่แล้ว เซียวเวยเป็นพิธีกรในงาน ในเวลานั้นผู้หญิงคนนี้ก็ใช่ย่อยจนเธออดไม่ได้ที่จะสบถด่าอยู่หลายคำ แต่คำพูดก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร มันไม่ควรก่อให้เกิดความเกลียดชังร้ายแรงขนาดนี้มั้ง?

“พี่ พี่คิดว่าจะมีใครบงการเธอไหม?”

“น่าจะเป็นแบบนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องยุ่งแล้วพี่จะให้คนไปจัดการ” อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกว่ามีคนบงการอยู่ บนโลกใบนี้ไม่มีการรักโดยไม่มีเหตุผล และก็ไม่มีการเกลียดชังกันโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน

จู่ ๆเซียวเวยคงจะไม่ทำร้ายคนอื่นมั่วซั่ว มันต้องมีเหตุผล

เหมยเหมยเองก็ไม่แน่ใจ แต่จู่ ๆเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง “พี่ พี่ว่าจะเป็นอู่เยวี่ยบงการอยู่เบื้องหลังไหม?”

เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว “ทำไมถึงคิดว่าเป็นอู่เยวี่ยล่ะ?”

“ฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนวันคล้ายวันเกิดของคุณนายหรูภรรยาของอาจารย์เซียวอู่เยวี่ยและเหมยซูหานก็ไปร่วมงานด้วยกัน ในเวลานั้นอู่เยวี่ยและเซียวเวยดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเลย ตอนนั้นฉันและเซ่อเซ่อก็ไปร่วมงานด้วย”

เมื่อครู่เหมยเหมยก็เพิ่งคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา ตอนนั้นอู่เยวี่ยมาทำการผ่าตัดหูที่เมืองหลวง เพราะแผนของเหยียนหมิงซุ่นการผ่าตัดของอู่เยวี่ยเลยล้มเหลวต่อมาจึงต้องใส่เครื่องช่วยฟัง หัวใจของเธอเต้นแรง เธอลืมเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟังไปได้อย่างไรนะ?

“พี่ ตอนนี้อู่เยวี่ยไม่ใช้เครื่องช่วยฟังแล้วเหรอ? หรือว่าหูของเธอหายดีแล้ว?”

หลังจากเจออู่เยวี่ยอยู่หลายครั้ง ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยจะปล่อยสยายผมเกือบตลอดเวลาแต่ก็มีไม่กี่ครั้งที่ผมถูกรวบมัดไว้ และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่แปลกใจ “อู่เยวี่ยก็แค่แก้วหูได้รับความเสียหายเท่านั้นไม่ใช่การบาดแผลที่มีมาแต่กำเนิด ตอนนี้ยาในสหรัฐอเมริกาได้รับการพัฒนาอย่างมาก การบาดเจ็บประเภทนี้สามารถรักษาได้แต่ราคาไม่ใช่น้อย ๆ”

เหมยเหมยด่าออกมาอย่างโกรธแค้น “คงดูถูกเธอเกินไป”

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “วางใจเถอะ ต่อให้การแพทย์จะก้าวหน้าแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้หูของอู่เยวี่ยกลับมาปกติ การได้ยินและความสมดุลของร่างกายต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน”

ตอนนี้เองเหมยเหมยถึงได้สบายใจ ถ้ามีผลกระทบก็ดี เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอู่เยวี่ยจะตาบอดหูหนวกและเป็นง่อยไปเลย แน่นอนว่าตายไปเลยจะดีที่สุด

ในเมื่อผู้ชายของเธอคิดจะจัดการเอง เหมยเหมยก็จะไม่ยุ่งจึงไปพักผ่อนอย่างมีความสุข เหยียนหมิงซุ่นออกจากระบบของมหาวิทยาลัยพร้อมกับปิดคอมพิวเตอร์ เหมยเหมยก็หยุดเขาไว้

“อย่าเพิ่งปิด ให้ฉันเล่นเดี๋ยวหนึ่งสิ ฉันอยากเข้าไปดูกระทู้สักหน่อย”

เมื่อก่อนคิดว่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านใช้ไม่ได้ พอกลับมาบ้านก็ทำตัวเป็นเด็กดี ถ้าไม่ร่างภาพก็ต้องออกกำลังกายกับเหยียนหมิงซุ่น…ทำเอาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ตอนนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว เธอก็ต้องเข้าไปอ่านกระทู้สักหน่อย น่าสนุกมากทีเดียว

เพียงแต่——

เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นไม่ได้ยินและปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเล มองไปที่เหมยเหมยที่ทำท่าทีน้อยใจ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “เด็กดี การเล่นคอมพิวเตอร์ไม่ดีต่อสายตา พวกเราไปออกกำลังกายกันเถอะ…”

เอื้อมมือยาวยื่นไปโอบสาวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด

ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิที่น่าหวงแหนต้องใช้อย่างคุ้มค่า ค่ำคืนดี ๆแบบนี้ถ้าไม่ออกกำลังกายจะทำอะไรได้อีก?

“ไม่เอา…ฉันอยากเล่นคอมพิวเตอร์ ไม่อยากออกกำลังกาย…” เหมยเหมยฟุบบนไหล่เขาและออกแรงต่อต้าน เอวเล็ก ๆของเธอจะหักอยู่แล้ว

“การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต สุขภาพที่แข็งแรงอยู่ที่การออกกำลังกาย เชื่อเถอะน่า!”

แน่นอนว่าเวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ถนอมเหมยเหมยเลยสักนิด เดินก้าวใหญ่มุ่งหน้าเข้าห้องไป…

หลังจากนั้น…

เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยที่ปวดหลังปวดเอวก็ไปเรียน ในใจเต็มไปด้วยความแค้นแต่ไร้ที่ระบาย เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นทรมานเธอจนดึกดื่น เอาแต่พูดว่าเป็นค่าตอบแทนที่ทำงานแทนเธอ

อยากจะด่าจริง ๆ…เธอไม่ได้ให้เขาช่วยสักหน่อย ทั้ง ๆที่เขาเป็นฝ่ายขอร้องทำแทนเองแท้ ๆ!

ประเทศที่อ่อนแอไร้การทูต เหตุผลนี้ก็ใช้ได้กับเรื่องบนเตียงเหมือนกัน!

ทำไมประจำเดือนยังไม่มาอีกนะ?

………………………………………….

ตอนที่ 1944 ล่องูออกจากรู

โจวเจี๋ยรุ่ยออกจากระบบอย่างรวดเร็ว เขาดูประหม่าเป็นอย่างมาก หลังจากเขาออกจากระบบแล้วเขาก็ยังไม่หยุด เขาขยับปลายนิ้วอีกสักพักใหญ่ ๆถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นถึงสงบลงมาได้

“อันตรายมาก เกือบถูกพวกเขาจับได้แล้ว!”

“พี่สาวพอใจไหม?” โจวเจี๋ยรุ่วหัวเราะแล้วถาม

“เหมยเหมยพยักหน้า “ยิ่งกว่าพอใจอีก เลขบัญชีของนายคืออะไร อีกครู่ฉันจะไปโอนเงินที่ธนาคารให้”

“พี่สาวง่ายตรงไปตรงมาจริง ๆ” โจวเจี๋ยลุ่ยอารมณ์ดีมาก ๆ ธุรกิจวันนี้เพียงพอที่จะให้เขาดื่มกินเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว เขาชี้ไปที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและพูดว่า “เธอรู้หมายเลขบัญชีและชื่อบัญชีของผมครับ”

“ดี หวังว่าในอนาคตพวกเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะ!”

เหมยเหมยมองเขาอย่างมีนัยยะแอบแฝง

ระยะนี้เหยียนหมิงซุ่นกำลังมองหาคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ยุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ฮวาเซี่ยก็ต้องตามให้ทัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ในหมู่ประชาชนคอมพิวเตอร์จะไม่ได้รับความนิยมนักแต่ระบบความมั่นคงแห่งชาติก็ได้รับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว

ดังนั้นฝ่ายความปลอดภัยจึงต้องการผู้มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์อย่างเร่งด่วน หากยอดอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างโจวเจี๋ยรุ่ยไม่ได้รับใช้ชาติมันน่าเสียดายเกินไป!

โจวเจี๋ยรุ่ยไม่เข้าใจความหมายของเธอยังนึกไปว่าจะมีงานใหญ่ให้เขาทำอีกเลยยิ้มกว้าง “ได้สิ ผมชอบทำธุรกิจกับพี่สาวสุดสวยมากที่สุดเลย!”

เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ บอกลาแล้วจากไปพร้อมกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เธอไปธนาคารที่อยู่ละแวกใกล้ ๆ โอนเงินสามหมื่นหยวนเข้าบัญชีโจวเจี๋ยรุ่ย สำหรับเธอแล้วเงินสามหมื่นหยวนนี้สามารถค้นหาผู้ที่มีความสามารถมาช่วยเหยียนหมิงซุ่นได้ เงินนี้ก็คุ้มค่ามากแล้ว!

“เงินของเธอมีเยอะจนไม่มีที่จะใช้แล้วหรือไง? ทำไมต้องให้เงินเจ้าหมอนั่นถึงสามหมื่นด้วย?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจเป็นอย่างมาก สามหมื่นเลยนะ!

“เขาคู่ควรแล้ว!” เหมยเหมยยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกาหัวด้วยท่าทีงงงวยเป็นอย่างมาก

“ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ของโจวเจี๋ยรุ่ยใครเป็นคนสอนเขา?”

“ไม่มีใครสอนเขาหรอก เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง หมอนี่เรียนอะไรก็ไม่สำเร็จแต่พอเรียนคอมพิวเตอร์ก็เป็นเลย ช่างร้ายกาจจริง ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลุ้มใจกว่าเดิม

เมื่อก่อนยังคิดว่าเจ้าหมอนี่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ตอนนี้เห็นเขาทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ อย่าให้พูดเลยว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาตาร้อนมากแค่ไหนเลยขอให้โจวเจี๋ยรุ่ยสอนคอมพิวเตอร์ให้เธอหน่อย เท่านี้เธอก็จะสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้ แต่สิ่งที่เจ้าหมอนี่พูดกลับทำให้เธอโกรธ

โจวเจี๋ยรุ่ยพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่าเธอไม่มีพรสวรรค์ในการเรียนคอมพิวเตอร์ ต่อให้เรียนไปตลอดชีวิตก็ไม่มีทางเรียนรู้ได้ แต่นี่กลับเป็นพรสวรรค์ที่เบื้องบนประทานให้เขาไว้ใช้หาข้าวกิน ต่อให้ไม่อยากเรียนก็คงไม่ได้!

โธ่เอ้ย เบื้องบนประทานพรสวรรค์ให้เขาไว้ใช้หาข้าวกินแต่กลับประทานร่างอวบอ้วนให้เธอ!

ช่างทิ่มแทงใจจริง ๆ!

“เธอถามเรื่องนี้ทำไม? คงไม่ใช่ว่าถูกใจเขาจริง ๆหรอกนะ ฉันจะบอกเธอไว้ก่อนเลยนะว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีอะไรดีเลย ตั้งแต่คนแก่อายุแปดสิบจนถึงเด็กน้อยสามขวบต่างก็โดนเขาปั่นหัวมาหมดแล้ว ปากหวานราวกับจะมีน้ำผึ้งไหลออกมาเสียอย่างนั้น แต่กลับขี้ตืดขี้เหนียวเทียบกับผู้ชายของเธอไม่ได้เลยสักนิด เธออย่าทำตัวเลอะเลือนเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกลี้ยกล่อมเธอสุดแรงเพราะกลัวว่าเหมยเหมยจะทำอะไรโง่ ๆขึ้นมา

“สมองเธอน้ำเข้าแล้วหรือไง ฉันจะชอบเด็กน้อยที่ขนยังไม่ขึ้นเลยได้ไงกัน?” เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ สมองมีปัญหาจริง ๆ ไม่ว่าโจวเจี๋ยรุ่ยจะเก่งกาจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นได้หรอกนะ เธอจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือได้อย่างไร?

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้วเหมยเหมยกลับหอพักก่อน เปิดคอมพิวเตอร์เข้าบอร์ดกระทู้ในเพจของมหาวิทยาลัย แอดฮวาจิงหลิงโดยตรง “รุ่นพี่เซียว ไม่รู้ว่าฉันไปทำให้พี่ขุ่นเคืองใจตรงไหนเหรอ? รบกวนบอกให้ทราบทีเถอะ ถ้าฉันทำอะไรผิดไปจริง ๆฉันจะขอโทษต่อหน้าทุกคนในมหาวิทยาลัยเลย แต่ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรงั้นขอให้รุ่นพี่เซียวบอกเหตุผลฉันด้วยค่ะ!”

ในเมื่อเซียวเวยไม่ยอมออกมา งั้นเธอก็ต้องล่อออกมาเสียหน่อยแล้ว!

เธอกำชับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกครั้งว่าให้เธอโทรหาจางเหยาแล้วให้หล่อนจงใจพูดถึงโพสต์ของเธอในหอพักเพื่อล่อให้เซียวเวยออนไลน์ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจในทันที เพียงแค่บอกให้เหมยเหมยวางใจได้เลย

…………………………………………..

ตอนที่ 1945 หลุดปากพูด

ประสิทธิภาพในการทำงานของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนั้นว่องไวมาก จางเหยาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ในคืนนั้นเซียวเวยก็ติดกับ เข้าระบบและตอบโพสต์ของเหมยเหมยปฏิเสธว่าตนเองคือเซียวเวย

นี่มันช่างมีพิรุธเสียจริง ๆ!

โจวเจี๋ยรุ่ยก็ปฏิบัติงานอย่างรวดเร็ว หลังจากเซียวเวยออนไลน์ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โจวเจี๋ยลุ่ยก็หาที่อยู่ IP ของเธอได้ สิ่งสำคัญเลยก็คือในตอนนี้มีนักเรียนจำนวนน้อยมากที่จะมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งทั้งมหาวิทยาลัยมีเพียงไม่กี่คนจึงหาตัวได้ง่ายมาก

“ตึก 9 ห้อง 207 คือหอพักนี้ ส่วนที่ว่ามันคืออันไหนผมไม่รู้หรอกนะ” โจวเจี๋ยรุ่ยกล่าว

เหมยเหมยแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ ตึก 9 ห้อง 207 คือหอพักของเซียวเวย และในหอพักนี้มีเพียงเซียวเวยเท่านั้นที่มีคอมพิวเตอร์ คนอื่นไม่มี จางเหยามีแต่ของเธอเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซึ่งวางไว้ที่บ้าน จะกลับไปเล่นแค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น

“คาดไม่ถึงว่ารุ่นพี่เซียวจะเป็นคนแบบนี้จริง ๆ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่าอย่างดุเดือดออกมาสองสามคำ

“พวกเธอไม่ต้องยุ่งแล้ว เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง!” เหมยเหมยพูด

ในเมื่อเซียวเวยทำแบบนี้ก่อนก็อย่าโทษที่เธอทำมากกว่าก็แล้วกัน

เซียวเวยไม่ได้ใสสะอาดอะไรขนาดนั้น ถ้าเธอคิดจะเอาคืนมันก็ง่ายนิดเดียว แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องรู้เรื่องหนึ่งให้ได้ก่อนว่าสรุปแล้วเซียวเวยโดนบงการหรือว่าตัวเองสมองมีปัญหากันแน่!

เหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านแล้ว เหมยเหมยทำโจ๊กไว้ให้เขากินตอนมื้อดึก ตอนที่เหมยเหมยรับโทรศัพท์เขากำลังกินโจ๊กพร้อมเครื่องเคียงอยู่พอดี

“ใครโทรมาเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

“ไมมีอะไรหรอก ก็แค่ที่มหาวิทยาลัยมีเรื่องนิดหน่อย ใช่แล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่เรื่องหนึ่ง”

เหมยเหมยตัดสินใจว่าจะไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องนี้ เธอสามารถจัดการเองได้แต่เธอจะบอกอีกเรื่องหนึ่ง

“ก่อนหน้านี้พี่เคยบอกว่ากำลังหาคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วหาเจอหรือยัง?”

เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “หาได้อยู่หลายคนแต่ก็แค่พอไปวัดไปวาได้ ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่พี่ต้องการ ตอนนี้ในประเทศมีคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์น้อยเกินไป”

“ฉันแนะนำให้พี่คนหนึ่ง รับรองว่าพี่ต้องพอใจแน่!” เหมยเหมยพูดอย่างลำพองใจ

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว “ใครเหรอ?”

เหมยเหมยเล่าเรื่องโจวเจี๋ยรุ่ยให้ฟัง แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดเรื่องที่ให้โจวเจี๋ยลุ่ยตรวจสอบ IP  แค่บอกว่าเป็นเพื่อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“พี่ คนนี้เก่งมากเลยนะ วันนี้เขาเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะได้ด้วย!”

เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก เขาไม่รู้สึกว่าภรรยาของเขาจะพบกับอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์อะไรทำนองนั้นได้ แต่หลังจากได้ฟังเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามว่า “เข้าไปตั้งแต่เมื่อไร?”

“น่าจะประมาณบ่ายสี่โมงห้าสิบ เขาใช้เวลา 20 นาที ฉันตั้งใจจับเวลาเลยนะ” พอเหมยเหมยเห็นเหยียนหมิงซุ่นสนใจก็ดีใจสุด ๆ

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนบ่ายสี่โมงห้าสิบระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะถูกคนแฮ็ก แต่พอลูกน้องของเขาจับได้ฝ่ายตรงข้ามกลับสลัดทิ้งหนีไปได้ วันนี้เขากลับมาดึกมากเพราะวุ่นกับเรื่องนี้แหละ ระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเมืองหลวง อยู่ดี ๆก็ถูกรุกรานโดยคนอื่นอย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆเลย

แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ที่แท้ภรรยาของเขาใช้เงินสามหมื่นหยวนเพื่อทำมันนี่เอง จริง ๆเลย…ภรรยาตัวดีของเขา!

“เธอไปหาโจวเจี๋ยรุ่ยทำไม?” เหยียนหมิงซุ่นแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ

“ให้เขาช่วยฉันหาที่อยู่ IP…” เหมยเหมยหลุดปากพูดออกมา พอพูดไปได้ครึ่งทางก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอจึงเอามือปิดปากตามสัญชาตญาณ มองอย่างเงียบ ๆเพราะอยากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะให้ความสนใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดหรือไม่

แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นได้ยิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์สูงส่งอะไรแต่ความรู้พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ก็พอรู้อยู่บ้าง ทำไมเหมยเหมยต้องตรวจสอบที่อยู่ IP  ของคนอื่นด้วยล่ะ?

“เธอหาที่อยู่ของใคร?”

เหมยเหมยอยากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นดวงตาสีเข้มของเหยียนหมิงซุ่นก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที งุดหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรอีก

…………………………………………..

ตอนที่ 1942 ผู้ชายของเธอแน่นอนว่าจะดีเลิศที่สุด

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระโดดสูงสามฟุตชี้ไปที่โจวเจี๋ยรุ่ยแล้วก่นด่าว่า “นายควรเห็นแก่หน้าเพื่อนเก่าอย่างฉันถึงให้ส่วนลด 30% ไม่ใช่หรือไง?”

โจวเจี๋ยรุ่ยชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา “ขนาดเป็นพี่น้องกันแท้ ๆเรื่องเงิน ๆทอง ๆยังต้องทำให้ชัดเจนเลย ฉันกับเธอก็ไม่ได้นับว่าเป็นพี่น้องกันสักหน่อย หากไม่ใช่ว่าพี่สาวที่เธอพามาสวยเหมือนนางฟ้าละก็ ฉันยังไม่ให้ส่วนลด 20%นี้ด้วยซ้ำ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพึมพำอย่างโมโหว่า “ไอ้คนใจดำสารเลว ผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ซื้อให้กินเมื่อก่อนก็ถือซะว่าซื้อให้หมามันกินก็แล้วกัน”

“ตั้งแต่พวกเรารู้จักกันจนถึงตอนนี้เธอก็ซื้อแค่ผลไม้เคลือบน้ำตาลให้ฉันไม้หนึ่งเท่านั้นแหละ แล้วฉันยังเลี้ยงเป็ดย่างครึ่งตัวเธออีก สรุปใครติดค้างใครกันแน่?” โจวเจี๋ยรุ่ยพูดอย่างเย็นชา ไม่เห็นแก่หน้าของคุณหนูใหญ่เหริ่นเลยสักนิด

ตอนเด็ก ๆก็ให้แค่ผลไม้เคลือบน้ำตาลไม้หนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?

แถมยังโดนยัยอ้วนนี่กัดเข้าไปครึ่งหนึ่ง ทนจนถึงตอนนี้แม้แต่จะมองยังไม่อยากมองเลย น่ารังเกียจ!

สาวอ้วนสกุลเหริ่นเอาแต่พล่ามเรื่องนี้มานานหลายปี ทำเอาเขาจนปัญญาเลยซื้อเป็ดย่างมาหนึ่งตัว ตัวเองกินครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งแบ่งให้สาวอ้วนคนนี้กินเพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณที่ติดค้างไว้!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่อย่างโมโหแล้วไม่กล้าพล่ามอะไรอีกต่อไป

ใครใช้ให้เธอขี้เหร่กันล่ะ!

โจวเจี๋ยรุ่ยไอ้คนสารเลว ที่แท้ก็มองคนแค่ที่หน้าตาอย่างเดียว!

เหมยเหมยพอมองออก ถึงแม้ว่าโจวเจี๋ยรุ่ยจะพูดจาไม่ไว้หน้าแต่มิตรภาพระหว่างเขากับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคงไม่ธรรมดา เธอหยิบเงินออกมาจากกระเป๋านับได้ยี่สิบใบแล้วเลื่อนไปตรงหน้าโจวเจี๋ยรุ่ย

“ตกลงตามนี้ นี่คือเงินค่าเหนื่อยของนาย ไม่ต้องทอนหรอกฉันเลี้ยงน้ำตาลเคลือบผลไม้นายแล้วกัน!” เหมยเหมยพูดยิ้ม ๆ

โจวเจี๋ยรุ่ยยิ้มอย่างมีความสุขเก็บเงินเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว การกระทำนี้คล้ายกับคุณหนูใหญ่เหริ่นมาก ทำอะไรก็ไม่เร็วเท่ากับเก็บเงินเข้ากระเป๋าหรอก

“แค่พี่สาวสุดสวยมีความสุขก็พอแล้ว พี่สาวมีแฟนหรือยังครับ? ผมขอแนะนำตัวเองหน่อยแล้วกัน ผมชื่อโจวเจี๋ยรุ่ย อายุ 18 ปี เป็นนักเรียนมัธยมปลายอีจงในเมืองหลวง สถานภาพทางการเงินอิสระ มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่มีพ่อแม่ ถ้าพี่สาวแต่งงานกับผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ และจะทำให้พี่ได้สัมผัสกับอิสรภาพของการเป็นโสดหลังแต่งงานอย่างแน่นอน…”

โจวเจี๋ยรุ่ยพูดเป็นต่อยหอย กางทรัพย์สินของที่บ้านออกมาจนหมดแล้วเปิดการขายตัวเอง

เหมยเหมยตัดบทเขายิ้มแล้วพูดว่า “ยอดเยี่ยมจริง ๆเลยนะ แต่ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่แล้ว และฉันไม่ได้สนใจการคบเด็กเลยแม้แต่น้อย”

โจวเจี๋ยรุ่ยถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ดอกไม้ดี ๆโดนหมูแย่งไปกินซะแล้ว!

เฮ้อ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเตะเขาไปทีหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย “หมาเห่าเครื่องบินจริง ๆนะนายเนี่ย อย่ามัวมาทำให้ฉันขายขี้หน้า รีบไปทำงานได้แล้ว!”

โจวเจี๋ยรุ่ยเก็บรอยยิ้มทะเล้นของเขากลับไปแล้วทำท่าทีจริงจังทันที “พูดมาเลย อยากให้ฉันทำอะไร?”

เหมยเหมยพูดว่า “ฉันต้องการให้นายค้นหาที่อยู่ IP ในกระทู้หนึ่งของเพจมหาวิทยาลัยของพวกเรา”

“Ok ไม่มีปัญหา ผมจะไปจัดการตอนนี้แหละ”

โจวเจี๋ยรุ่ยบอกจะทำก็ทำเลยรื้อผ้าปูโต๊ะข้างตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะมีคอมพิวเตอร์อยู่ด้วย อีกทั้งมองดูแล้วเหมือนว่าจะประกอบด้วยตัวเองอีกต่างหาก แม้กระทั่งอุปกรณ์ห่อหุ้มก็ไม่มีสายไฟห้อยระโยงระยางโผล่ออกมาให้เห็น ภายนอกไม่ค่อยน่าดูเท่าไรนัก

“ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยของพวกฉันเหรอ? ที่นี่สามารถเข้าเพจของมหาวิทยาลัยได้เลยเหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ

“ไม่จำเป็นหรอก ผมสามารถเข้าถึงเครือข่ายทั้งหมดในเมืองหลวงได้จากที่นี่”

โจวเจี๋ยรุ่ยขยับมือทั้งสองข้างอย่างว่องไว เหมยเหมยมองอย่างตื่นตาตื่นใจ หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นหน้าเพจมหาวิทยาลัยเมืองหลวงบนหน้าจออย่างน่าอัศจรรย์ คลิกอีกครั้งก็เข้าสู่เพจของมหาวิทยาลัย

สิ่งที่เห็นก็คือภาพถ่ายของเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นจูบกันอย่างดูดดื่ม โจวเจี๋ยรุ่ยผิวปาก มองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างพิจารณาสามวินาทีแล้วพูดทันทีว่า “พี่สาวสายตาไม่เลวเลย!”

“แน่นอน ผู้ชายธรรมดาปกติทั่วไปฉันไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก!”

เหมยเหมยยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ ผู้ชายของเธอจะต้องดีที่สุดอยู่แล้ว!

…………………………………………..

ตอนที่ 1943 หลักการโดนหมากินไปแล้ว

โจวเจี๋ยรุ่ยขยับนิ้วบนแป้นพิมพ์อีกสักพัก ไม่นานก็พบฮวาจิงหลิงแต่เขากลับส่ายหัวพูดว่า “ตอนนี้ฮวาจิงหลิงนี้ไม่ได้ออนไลน์ ฉันหา IP ของเธอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกพี่กลับไปก่อนไหมรอเธอออนไลน์เมื่อไรผมก็จะหาได้ทันที ถึงเวลานั้นผมจะโทรหาพวกพี่เอง”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระโดดพรวดขึ้นมา “ทำไมต้องรอให้ออนไลน์ก่อนถึงจะหาเจอล่ะ? ไม่ใช่ว่านายเก่งกาจมากหรือไง ไม่ใช่ว่านายทำไม่ได้หรอกนะ?”

โจวเจี๋ยลุ่ยพูดฉุน ๆอย่างอารมณ์เสียว่า “นี่ ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าพูดจาซี้ซั้วสิ บรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรขายขี้หน้าเพราะเธอหมดแล้ว ไม่ได้ออนไลน์เธอจะให้ฉันไปค้นหาที่ไหน? แม้แต่แฮกเกอร์ที่เก่งกาจที่สุดในโลกก็ยังหาไม่เจอเลย”

เขาหยุดชะงักไป เพิ่มน้ำหนักเสียงแล้วพูดว่า “อีกอย่างขอร้องเธอช่วยรักษากฎหน่อย วันหลังอย่าพูดว่านายทำไม่ได้ต่อหน้าผู้ชายอีก You Know?”

เหมยเหมยมุมปากกระตุก อันที่จริงประโยคนี้ช่าง…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่งเสียงหัวเราะเยาะมองพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าพูดอย่างดูถูกว่า “นายเป็นผู้ชายด้วยเหรอ? ขนยังขึ้นไม่ครบเลย!”

“เธออย่ามาใช้วิธียุแหย่กับฉัน ขนของฉันจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ ครั้งแรกของฉัน ฉันจะให้ผู้หญิงที่ฉันรักเท่านั้น ไม่เห็นยัยอ้วนอย่างเธออยู่ในสายตาหรอก!” โจวจื่อหัวส่งเสียงหัวเราะเยาะเช่นกัน เชิดจมูกสูง ทำสีหน้าดูแคลน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและเขาทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กยันโตจนชินกับปากจัด ๆของเขานานแล้ว แต่ก็ยังเตะเขาไปสองสามครั้งอย่างโมโห

เหมยเหมยจับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ถามว่า “ขอแค่เพียงฮวาจิงหลิงออนไลน์ นายก็จะสามารถหาที่อยู่ IP ของเธอได้ใช่ไหม?”

“ใช่ ขอเพียงแค่เธอออนไลน์ แค่ครึ่งชั่วโมงก็สามารถหาตัวเธอได้แล้ว” โจวเจี๋ยรุ่ยเชื่อมั่นในตัวเองมาก

“ได้ ฉันจะให้โอกาสนาย”

เหมยเหมยเตรียมตัวจะกลับไปใช้วิธีกวนประสาทเพื่อกระตุ้นเซียวเวยให้โผล่ออกมา ต้องบังคับให้เธอออนไลน์อีกครั้งให้ได้

เธอเตรียมจะขอตัวกลับแต่นึกถึงสิ่งที่โจวเจี๋ยรุ่ยพูดก่อนหน้านี้เลยนึกขึ้นมาได้จึงถามว่า “ตอนนี้นายยังเรียนอยู่หรือเปล่า?”

“เขาแค่มีชื่อประดับไว้งั้นแหละ ในหนึ่งเทอมเข้าเรียนได้สามครั้งก็สุดยอดแล้ว เรียนม.6 มาสองปีแล้วยังไม่จบเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหวังอยากจะให้เขาดีขึ้น

เห็นอยู่ชัด ๆว่าความฉลาดไอคิวสูงขนาดนั้นคณิตศาสตร์ฟิสิกส์และเคมีได้คะแนนเต็ม แต่ภาษาวรรณกรรม ประวัติศาสตร์และการเมืองสอบได้ศูนย์ คะแนนห่วย ๆแบบนี้เรียนไปอีกสิบปีก็ไม่จบ น่ากลุ้มใจจริง ๆ!

ตัวของโจวเจี๋ยรุ่ยเองกลับไม่สนใจ “เรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นไร ถึงอย่างไรฉันก็ยังสร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยได้นี่นา”

“เมื่อกี้นายเพิ่งบอกว่านายสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทั้งเมืองหลวง งั้นนายเข้าถึงเครือข่ายของระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะได้ไหม?” เหมยเหมยจงใจถาม

โจวเจี๋ยรุ่ยมองเธออย่างหวาดระแวงแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มว่า “พี่สาว ถึงแม้ว่าพี่จะสวยมากแต่ผมเป็นคนมีหลักการ บางอย่างต่อให้จะเพิ่มเงินให้มากแค่ไหน ผมก็ไม่…”

“หนึ่งหมื่น ขอเพียงแค่นายสามารถเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะได้ และอยู่ในนั้นเป็นเวลาสองนาที” เหมยเหมยพูด

โจวเจี๋ยรุ่ยสีหน้าท่าทางดูสงบลง ปากยังพูดอีกว่า “ผมเป็นคนมีหลักการ…”

“สองหมื่น!”

“ผมเป็นคนทำอะไรมีหลักการ แต่เห็นแก่ความสวยของพี่แล้ว หลักการบางอย่างก็สามารถหักล้างกันได้ แต่ว่า…”

“สามหมื่น!”

“เพื่อความสุขของพี่สาว ตกลง!”

โจวเจี๋ยรุ่ยดวงตาเป็นประกาย ตบโต๊ะเบา ๆแล้วขยับปลายนิ้วลงแป้นพิมพ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบิกกว้าง ด่าด้วยความโมโหว่า “แล้วหลักการของนายล่ะ?”

“หมากินไปแล้ว!”

มือของโจวเจี๋ยรุ่ยขยับไม่หยุด ท่าทางดูจริงจังมาก ความเร็วของมือเร็วจนน่าตกใจจนเหมือนภาพลวงตา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจุกอยู่ในอก ตั้งแต่เล็กจนโตการลับฝีปากของเธอไม่เคยเป็นรองใครมาก่อน แต่ว่า——

ต่อหน้าเจ้าหมอนี่เธอเถียงกลับไม่ได้สักคำ!

“เสร็จแล้ว พี่สาวดูสิ!”

โจวเจี๋ยรุ่ยชี้ไปที่หน้าจออย่างตื่นเต้น ทำหน้าลำพองใจ

เหมยเหมยดูอย่างตั้งใจ นี่เป็นการเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะจริง ๆด้วย เธอเคยเห็นมันจากเหยียนหมิงซุ่นมาก่อน เธอเริ่มจับเวลาตั้งแต่โจวเจี๋ยรุ่ยเริ่มลงมือ ทั้งหมดเป็นเวลายี่สิบนาที

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์นัก แต่ก็พอรู้ว่าเวลาที่ใช้มันสุดยอดมากจริง ๆ!

………………………………………….

ตอนที่ 1940 เซียวเวยนั่นเอง

เหมยเหมยใจเต้นไม่เป็นระส่ำ เซียวเวย?

ทำไมถึงเป็นเธอไปได้ล่ะ?

“แน่ใจเหรอว่าเป็นเซียวเวย ไม่ผิดแน่นะ?” เหมยเหมยถาม

เธอไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะปกติเธอกับเซียวเวยไม่เคยทักทายกันเลย ไม่นับว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ ทำไมเซียวเวยต้องใส่ร้ายป้ายสีเธอบนอินเทอร์เน็ตด้วยล่ะ?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมั่นใจ “เธอนั่นแหละ ไม่ผิดแน่ เหยาเหยาเธอพูดสิ”

จางเหยาพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ฉันอยู่หอพักเดียวกับเซียวเวย ปกติเธอจะไม่พักในมหาวิทยาลัย แต่เมื่อคืนเธอกลับนอนค้างที่มหาวิทยาลัยแล้วเล่นคอมอยู่ตลอดเวลา แม้เธอจะบอกว่าเล่นเกมเซียนก็เถอะ แต่ความจริงคือส่องกระทู้”

“แล้วมีหลักฐานอะไรที่รับประกันชัดเจนว่าเธอเป็นฮวาจิงหลิงไหม?” เหมยเหมยถามขึ้นอีก

จางเหยายิ้มพลางพูดว่า “ชื่อบนอินเทอร์เน็ตของเซียวเวยคือฮวาจิงหลิง เพราะในชื่อของเธอมีคำว่าเวย[1] เธอชอบให้คนอื่นเรียกเธอว่าฮวาจิงหลิง เพราะงั้นชื่อบนอินเทอร์เน็ตของเธอก็เลยชื่อนี้ด้วย แต่เธอไม่เคยบอกชื่อบนอินเทอร์เน็ตของเธอให้ใครรู้มาก่อนนะ แต่ฉันเดาเอา”

เหมยเหมยรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ “แค่คาดเดามันไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้พวกเราจะมั่นใจว่าเธอคือฮวาจิงหลิง แต่ไม่มีหลักฐานก็ไม่ได้”

กรณีนี้เหมือกับกรณีการสืบคดีของทางตำรวจ ทุกเรื่องต้องมีหลักฐาน มิฉะนั้นต่อให้คุณรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ฝั่งหน้าคือฆาตกร แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปจับกุมเขา

จางเหยาพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย “นั่นมันก็ใช่ แต่ฉันช่วยพวกเธอได้เท่านี้ แต่ฉันรู้ว่าเซียวเวยตั้งตัวเป็นศัตรูกับจ้าวเหมยมาโดยตลอด ฉันจึงไม่แปลกใจสักนิดที่หล่อนไม่ลงรอยกับเธอ”

“ทำไมล่ะ? เหมยเหมยไม่รู้จักเธอเลยนะ” ฉีฉีเก๋อถามอย่างแปลกใจ

เหมยเหมยรีบอธิบาย “จะบอกว่าไม่รู้จักเลยก็ไม่ใช่ทั้งหมด เคยเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง จริง ๆแล้วฉันกับหลานสาวของเซียวเวยเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เพื่อนฉันกับเซียวเวยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับจางเหยาเป็นคนฉลาด พอได้ฟังเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าเข้าใจทันที ภูมิหลังครอบครัวของเซียวเวยไม่ใช่ความลับอะไรในมหาวิทยาลัย ต่อให้คนอื่นไม่ไปถามเธอก็จะพูดมันออกมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับจางเหยาคือคนที่มากประสบการณ์ในเมืองหลวง เรื่องราวรักใคร่ชายหญิงของอาจารย์เซียว พวกเธอรู้ดีเสียยิ่งกว่าอะไร

เมียมาก ลูกหลานก็มากตาม ปัญหาที่ตามมาก็ย่อมมาก

ลงรอยกันได้สิแปลก!

“ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเพื่อนเธอ เซียวเวยถึงได้คิดจะทำร้ายเธอ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคาดเดา

เหมยเหมยคิดว่ามีเหตุผล เซียวเวยกับเซียวเซ่อเป็นคู่อริกัน เธอโดนเกลียดไปด้วยก็มีความเป็นไปได้

แต่เซียวเซ่อกลับอังกฤษไปแล้ว ไม่งั้นเซียวเซ่อก็คงจัดการยัยเซียวเวยนี่ทันที

“ขอบคุณรุ่นพี่ที่ช่วยนะคะ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรแล้วฉันช่วยได้ รุ่นพี่บอกมาได้เลย ฉันจะช่วยอย่างเต็มที่” เหมยเหมยพูดขอบคุณจางเหยา

ถึงแม้จะไม่ได้หลักฐานมาแต่จางเหยาก็ช่วยชี้เรื่องบุคคลต้องสงสัย ถือว่าช่วยได้มากทีเดียว และเธอก็ชอบนิสัยที่แสนกระฉับกระเฉงของเธอ เด็กผู้หญิงคนนี้ควรค่าแก่การคบหา

จางเหยายิ้มร่าแอบนึกดีใจ เหตุผลหลักที่เธอเลือกจะหักหลังเซียวเวยก็เพื่อต้องการเกาะทองคำแท่งใหญ่แท่งนี้ ฟ้าดินรู้ดีว่าเธออิจฉาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาก ในปีนี้ธุรกิจครอบครัวตระกูลเหริ่นดีขึ้นมาก ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนเทียบกับตระกูลจางไม่ได้เลย แต่ตอนนี้กลับทิ้งห่างตระกูลจางไปไกลแล้วด้วย!

ก็ไม่ใช่เพราะเกาะทองแท่งใหญ่อย่างจ้าวเหมยไว้แน่นหรอกหรือ!

แน่นอน เธอเองก็ดูแคลนต่อพฤติกรรมชั่วร้ายของเซียวเวยที่เอาแต่แทงข้างหลังด้วย ประจบสอพลอก็ส่วนประจบสอพลอ ความยุติธรรมก็ต้องมีด้วย!

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เธอคือเพื่อนของเชี่ยนเชี่ยนก็ถือว่าเป็นเพื่อนของฉันไปด้วย เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว คุณธรรมต้องมาก่อน!” จางหยางตีอกชกลมด้วยอารมณ์ฮึกเหิม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแอบเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แถมยังรู้จุดประสงค์ของเธออย่างชัดเจนแต่แรกแล้ว หากไม่เห็นแก่ว่าจางเหยานิสัยดี เธอคงไม่มีทางแนะนำให้เหมยเหมยรู้จักหรอก!

…………………………………………………….

ตอนที่ 1941 เห็นแก่ความงามจะให้ส่วนลด 20%

จางเหยามีธุระต่อจึงกลับไปก่อนแล้ว เหมยเหมยก็ไม่มีอารมณ์กินข้าว คิด ๆแล้วก็ตัดสินใจกลับไปให้ลุงเหลาช่วยหาผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาที่อยู่ IP ของฮวาจิงหลิง แบบนี้ก็จะมีหลักฐานมัดตัวได้แล้ว

“เรื่องนี้ให้ฉันไปจัดการแล้วกัน เพื่อนของฉันคนหนึ่งทำเกี่ยวกับพวกคอมพิวเตอร์ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกินจนใบหน้าของเธอแดงเปล่งปลั่ง อารมณ์ดีสดชื่น บอกให้เหมยเหมยวางใจได้เต็มร้อย

ฉีฉีเก๋อได้ยินเช่นนั้นก็งงงวย “ในเมื่อเพื่อนของเธอเก่งขนาดนี้ แล้วทำไมไม่ให้เขาไปจัดการตั้งแต่แรกล่ะ?”

เหมยเหมยก็พยักหน้า ใช่ สำหรับผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์แล้วการตรวจสอบ IP มันง่ายดายราวกับกินอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้น แล้วทำไมต้องตรวจสอบทีละคน ๆด้วยเล่า

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเหอะ ๆ “เพื่อนฉันคนนี้มันหน้าเงิน ถ้าไม่ได้เงินเขาก็ไม่ทำงาน และราคาก็มหาโหดมาก นี่ไม่ใช่เพราะว่าประหยัดเงินหรอกเหรอ!”

เหมยเหมยกุมหน้าผากอย่างหมดคำจะพูด หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าอย่างหงุดหงิด โยนไปไว้ตรงหน้าเธอ “ฉันจ่ายเงินเอง เธอไม่จำเป็นต้องประหยัดเงิน รีบไปหาเพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์คนนั้นของเธอซะ”

ยอมจำนนให้ผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ เวลากินเนื้อไม่เคยพูดเรื่องประหยัดแต่ยามคับขันดันมาคิดเรื่องเงิน สมองนี่…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกของเธออย่างเก้อเขินแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะเหอะ ๆออกมาอีกครั้งดูท่าทีไม่เป็นธรรมชาติ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วผลักกระเป๋าเงินคืนไป

“ฉันก็มีเงิน ไม่จำเป็นต้องให้เธอออกหรอก” ตอนที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดคำนี้ออกมาเธอรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้ธุรกิจของครอบครัวไปได้ดี หารายได้มากมายซึ่งล้วนเป็นเพราะคุณงามความดีของเหมยเหมยทั้งนั้น เธอไม่สามารถทำตัวเป็นคนใจดำได้

แต่การจะให้เจ้าหมอนั่นมาทำงานให้ มันต้องใช้เงินเยอะมากจริง ๆ!

เหมยเหมยทั้งโมโหทั้งขบขันจงใจเอากระเป๋าเงินกลับมา “งั้นเธอก็รีบไปหาเขาซะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกะพริบตาปริบ ๆจ้องกระเป๋าเงินในมือเป็นเวลาสามวินาที เฮ้ย…ทำไมวันนี้ดาวมหาวิทยาลัยถึงทำตัวไม่เกรงใจเธอเลยล่ะ?

เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าแย่งเธอออกเงินทุกครั้งหรือไง?

“ได้…ไปตอนนี้เลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจอย่างที่สุดแต่ก็กระดากใจจะหยิบกระเป๋าเงินกลับคืนมา ลุกขึ้นอย่างแน่วแน่เพื่อเตรียมตัวไปหาเพื่อนใจดำคนนั้น

เหมยเหมยเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเธอก็นึกอยากหัวเราะ ล้อเล่นพอแล้วจึงลุกขึ้นตามไป “ฉันไปกับเธอด้วย ฉันมีเงินในกระเป๋าไม่พอ เพื่อนของเธอเสนอราคาเท่าไร? พวกเราไปกดเงินที่ธนาคารกัน”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หัวเราะอย่างเก้อเขินและไม่เสแสร้งอีกต่อไป เดือนนี้เธอใช้ค่าครองชีพของเธอเกือบหมดแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ขี้เหนียวขี้ตืดขนาดนี้หรอก

“ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งพัน ถ้าต้องใช้เทคนิคเล็กน้อยก็สองพัน และเริ่มต้นที่ห้าพันหากต้องใช้เทคนิคสูงขึ้นไปอีก ราคาสูงไม่มีกำหนดเลย” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันพูด

เรียกราคาสูงมากขนาดนี้แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายไปใช้บริการเขา เพื่อนของเธอทำรายได้มากมายโดยอาศัยแค่ฝีมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์เท่านั้น ยังไม่ทันเรียนมหาวิทยาลัยก็ซื้อบ้านสี่ประสานในเมืองหลวงได้แล้ว อย่าให้พูดเลยว่ามีชีวิตสะดวกสบายมากแค่ไหน

ที่แท้ความรู้ก็คือความมั่งคั่ง บรรพบุรุษไม่ได้โกหกจริง ๆด้วย!

เหมยเหมยกดเงินห้าพันหยวนแล้วไปหาเพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์คนนั้น ซึ่งต่างจากที่เธอคาดเดาไว้ เพื่อนผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์คนนี้ไม่ได้ผอมเป็นไม้เสียบผีอย่างที่เธอคิด  บนใบหน้าขาวซีดใส่แว่นหนาเตอะเหมือนโอตาคุ แต่เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาและอายุไม่แก่นัก อายุไม่น่าเกินยี่สิบปี

“โจวเจี๋ยรุ่ย อายุสิบแปด เพื่อนฉันเอง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแนะนำ

“สวัสดีพี่สาวคนสวยมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?” โจวเจี๋ยรุ่ยปากหวานมาก พอเห็นเหมยเหมยดวงตาก็เปล่งประกายทันที พี่สาวหน้าตาสะสวยขนาดนี้ ไม่ต้องให้พูดเลยว่าเขากระตือรือร้นมากแค่ไหน!

แต่พอพูดเรื่องงานน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที

“สองพันหยวน แต่เห็นแก่ความงามของพี่สาวฉันจะให้ส่วนลด 20% เหลือหนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบหยวน ห้ามขาดแม้แต่สลึงเดียว” โจวเจี๋ยรุ่ยเสนอราคาอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นความเฉลียวฉลาดออกมาทางสายตาของเขา

………………………………….

[1] มาจากคำว่า 薇 ซึ่งในอดีตคือพืชตระกูลรากหญ้าที่มีลักษณะคล้ายถั่วลันเตา

ตอนที่ 1938 เจอตัวการที่อยู่เบื้องหลังแล้ว

เหยียนซินหย่าทำหน้านิ่งพูดเสียงเย็นชา “แม่ไม่ให้หนูกับเหยียนหมิงซุ่นจูบกันหรือไง? แม่หมายถึงให้ลูกดูสภาพแวดล้อมด้วย พวกเธอจะจูบก็เลือกหาที่ที่ไม่มีคนอยู่ไม่ได้หรือไง? รั้นแต่จะแสดงออกต่อหน้าคนมากมาย ตอนนี้เป็นยังไงล่ะถูกแอบถ่าย แล้วยังมาเจอเรื่องเป็นมือที่สามอีก ลูกดีใจงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยมุ่ยปากอย่างอัดอั้นใจ “แม่คะ เรื่องนี้จะโทษหนูได้เหรอ? หนูไม่ได้บอกให้ใครมาแอบถ่ายซะหน่อย เห็นได้ชัดเลยว่าลูกสาวของแม่สวยจนไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจ อีกอย่างมีคำพูดที่ว่าอะไรนะ หากไม่ดึงดูดผู้คนก็กลัวเป็นหมี[1] หรือว่าแม่อยากมีลูกสาวเป็นหมี?”

เหยียนซินหย่าหลุดขำ “แม่พูดประโยคเดียวลูกตอบกลับสิบประโยค? แม่เถียงสู้ลูกไม่ได้หรอก งั้นไม่พูดด้วยแล้ว ครั้งหน้าให้พ่อมาพูดกับลูกเองแล้วกัน”

เหมยเหมยตกใจจนแทบแย่ สองขารีบก้าวเข้าไปบีบนวดไหล่เหยียนซินหย่าแล้วพูดเกลี้ยกล่อมเธอ “แม่คะ พ่องานยุ่งขนาดนั้น แม่ก็อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปรบกวนท่านเลย แม่ไม่คิดจะสงสารสามีตัวเองบ้างเหรอ? หนูยังสงสารพ่อเลยนะ!”

ความจริงเหยียนซินหย่าหายโกรธนานแล้ว เรื่องนี้คงไม่อาจโทษลูกสาวเธอได้ เธอเองก็เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน ตอนที่คบหาดูใจกับจ้าวอิงหัว ถ้าไม่ใช่เพราะยุคสมัยนั้นเข้มงวด นิสัยชอบลวนลามอย่างจ้าวอิงหัว ไม่แน่ว่าอาจจะทำมากว่าเหยียนหมิงซุ่นด้วยซ้ำ

พอได้ฟังบทเพลงที่อบอวลด้วยความรัก เต้นรำในบรรยากาศสลัว การจูบจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

อีกอย่างเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นก็เป็นสามีภรรยากันอย่างชอบธรรม การจูบเป็นสิ่งที่ปกติเสียยิ่งกว่าอะไร

เธอโกรธที่พวกคนใจอกุศลนั้นใส่ร้ายลูกสาวเธอ และยังเอาเรื่องรูปมาก่อเรื่องอีก

“ถ้าหนูสงสารพ่อจริง ๆก็อย่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้มากนัก ต่อไปนี้ถ้าอยากจะจูบกับเหยียนหมิงซุ่นก็หาที่ลับตาคนหน่อย อย่าทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อเกินไป เราอยู่คือฮวาเซี่ยไม่ใช่ยุโรปหรืออเมริกา เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็สร้างข่าวให้ลูกได้ตลอด!”

เหยียนซินหย่ามองบนใส่ หลับตาลงรับสัมผัสการนวดจากลูกสาวพลางลอบถอนหายใจหลายครั้ง “ไหล่ซ้ายตรงนั้นแรงหน่อย อืม ตรงนั้นแหละ…”

ช่วงนี้วุ่นกับการจัดเตรียมงานนิทรรศการ มือทั้งสองข้างใช้วาดรูปจนแทบแข็ง จ้าวอิงหัวก็ไม่อยู่บ้าน แม้แต่คนนวดไหล่สักคนก็ไม่มี ไม่สบายตัวอยู่พอดีเลย!

“แม่คะ ไหล่แม่แข็งมาก พักผ่อนบ้างนะคะ ระวังพ่อกลับมาจะดุแม่เอานะ” เหมยเหมยพยายามอย่างสุดชีวิต เหนื่อยจนหอบแหก ๆ

เหยียนซินหย่ารู้สึกสงสาร “ช่างเถอะ ไม่ต้องนวดแล้ว เดี๋ยวแม่แช่น้ำอุ่นหน่อยก็ดีขึ้น”

“แม่คะ แม่ลองหาร้านนวดดูสักร้านสิ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพื่อนหนูแนะนำร้านนวดให้หนูมาร้านหนึ่ง เห็นบอกว่าแม่เธอมักจะไปนวดไหล่ที่นั่นบ่อย ๆ ผลลัพธ์ใช้ได้เลย ไม่งั้นแม่ลองไปดูไหม?” เหมยเหมยเกลี้ยกล่อม

เหยียนซินหย่านึกสนใจจึงให้เธอบอกชื่อร้าน พรุ่งนี้ต้องหาเวลาว่างไปนวดเพราะไหล่ตึงจนรู้สึกไม่สบายตัวแล้ว

“รอเดี๋ยวนะคะ หนูโทรถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อน ก่อนหน้านั้นเธอเคยบอกหนูแต่หนูลืมไปแล้ว”

เหมยเหมยรีบส่งข้อความเข้าเพจของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ไม่นานเธอก็โทรกลับมา

“ฉันกำลังจะโทรหาเธอพอดีเลย ฉันมีอะไรจะบอก ฉันหายัยชาติชั่วนั่นเจอแล้วนะ เธออยู่ไหนฉันจะได้พูดกับเธอต่อหน้า!” เสียงปรอทแตกของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน ต่อให้กั้นด้วยหูฟังก็ยังสามารถทำให้หูสั่นสะเทือนได้

เหมยเหมยดีใจมาก นึกไม่ถึงเลยว่าประสิทธิภาพของคุณหนูเหริ่นจะสูงขนาดนี้ ผ่านไปยังไม่ทันถึงสองชั่วโมงก็ได้เรื่องแล้ว

“แม่ให้ฉันกลับบ้านน่ะ ฉันถามอะไรเธอหน่อยสิ เธอบอกชื่อร้านนวดที่เธอเคยบอกฉันตอนนั้นมาให้หน่อยสิ ช่วงนี้แม่ฉันปวดไหล่”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบพูดว่า “วางใจได้ ฝีมือของอาจารย์ร้านนวดนั้นดีมาก ๆ อาการไหล่แข็งของแม่ฉันก็ได้รับการรักษาจากเขามาหลายปีแล้ว ฉันจะบอกชื่อร้านให้”

เหมยเหมยจดชื่อร้านไว้แล้วเตรียมตัวกลับมหาวิทยาลัย เหยียนซินหย่าได้ยินเช่นนั้นจึงถามขึ้นว่า “เจอตัวบงการที่อยู่เบื้องหลังแล้วเหรอ?”

…………………………………………….

ตอนที่ 1939 บุคคลที่คาดไม่ถึง

เหมยเหมยตอบไปตามตรง “เชี่ยนเชี่ยนบอกว่าเธอหาตัวยัยชั่วฮวาจิงหลิงเจอแล้ว แม่คะหนูต้องกลับมหาวิทยาลัยก่อน เรื่องนี้แม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะจัดการมันเอง”

เธอกำชับอีกว่า “พรุ่งนี้แม่อย่าลืมไปร้านนวดนะคะ เชี่ยนเชี่ยนบอกว่าอาการไหล่อักเสบของแม่เธอดีขึ้นเพราะการรักษาจากหมอนวดที่นั่น แม่บอกไปเลยว่าคุณนายเหริ่นเป็นคนแนะนำมา หมอนวดจะได้ดูแลแม่เป็นอย่างดี”

เหยียนซินหย่ากลอกตามองลูกสาวไปที “ฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไงที่ต้องให้มาคอยกำชับ แล้วเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร? ให้แม่ติดต่อกับอาจารย์ทางมหาวิทยาลัยไหม?”

“หนูขอดูสถานการณ์ก่อน ดูว่าเธอถูกใครบงการมาหรืออิจฉาหนูจากใจจริง ถึงเวลานั้นถ้าต้องการความช่วยเหลือหนูจะบอกแม่นะคะ”

เหมยเหมยรู้สึกว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นถูกคนอื่นหลอกใช้ ไม่งั้นจะมาหาเรื่องเธอโดยไม่มีที่มาที่ไปได้อย่างไรกัน?

เหยียนซินหย่าเห็นเธอมีท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยมถึงทำให้เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอเติบโตแล้วจริง ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะจัดการกับทุกปัญหาด้วยลำแข้งของตัวเอง นอกเหนือจากความชื่นชมแล้วก็ยังมีความรู้สึกเสียดายอยู่

ช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับลูกสาวมันน้อยเกินไปจริง ๆ รู้สึกว่ายังไม่ทันได้อยู่ด้วยกันดี ๆเลย ลูกสาวก็โตขึ้นกลายเป็นนกอินทรีที่พร้อมโบยบินเสียแล้ว!

“มีเรื่องอะไรก็บอกแม่ได้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหน พ่อกับแม่จะคอยเป็นแรงหนุนที่แข็งแกร่งให้ลูกเอง ลูกไม่ได้แบกรับมันอยู่คนเดียวหรอกนะ”

เหยียนซินหย่ายิ้มพลางพูด เหมยเหมยเองก็อมยิ้มขอบตาพลันร้อนผ่าว

ความจริงหลายปีมานี้เธอมองข้ามพ่อแม่และพี่ชายไปเลย ไม่เชิงว่ามองข้ามแต่คงจะเป็นความรู้สึกลึก ๆที่เธอไม่ค่อยชอบพูดอะไรกับคนในครอบครัวมากกว่า บอกแต่เรื่องดี ๆแต่ไม่เคยบอกปัญหาหรือเรื่องทุกข์ใจ พอมีปัญหาส่วนใหญ่ก็แก้ไขด้วยตัวเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้จริง ๆก็จะให้เหยียนหมิงซุ่นช่วย ไม่เคยนึกถึงพ่อแม่มาก่อนเลย

เธอเข้าใจว่าทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว แต่ดูจากตอนนี้เธอคงคิดผิด

บางครั้งการเป็นที่ต้องการก็คือการแสดงความกตัญญูอย่างหนึ่ง!

“ค่ะ ถ้ามีปัญหาหนูจะบอกแม่นะคะ ไม่บอกแม่แล้วหนูจะบอกใครได้ล่ะ!”

เหมยเหมยเดินเข้าไปสวมกอดเหยียนซินหย่าอย่างอดไม่ได้ กอดอยู่สักพักถึงค่อยผละออกและขอตัวลาไปมหาวิทยาลัย

เหยียนซินหย่ายิ้มพลางส่ายหน้าแล้วไปที่สตูดิโอเพื่อทำงานต่อ เธอไม่ได้เก็บเอาเรื่องภาพถ่ายมาใส่ใจอีก ลูกสาวและลูกเขยมีความสามารถขนาดนี้ เธอคงไม่ต้องกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วล่ะ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดินวกไปวนมาอยู่ใต้ตึกอย่างร้อนใจ ฉีฉีเก๋อก็อยู่ด้วย และยังมีหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งการแต่งตัวดูทันสมัย น่าจะเป็นเพื่อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

“เธอมาได้สักที ฉันมีอะไรจะบอก…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยก็พุ่งพรวดเข้ามาหา

เหมยเหมยมองไปรอบด้านเห็นมีคนพลุกพล่าน เธอจึงพูดว่า “เราไปหาที่นั่งกินข้าวกัน กินไปคุยไป ฉันเลี้ยงเอง”

พวกเธอไปที่ร้านอาหารที่อยู่หลังมหาวิทยาลัยที่มักจะไปอยู่บ่อยครั้ง สั่งให้เถ้าแก่ตั้งหม้อไฟเนื้อวัวและเลือกห้องอาหารส่วนตัว

“ขอแนะนำก่อนนะ นี่เพื่อนของฉันจางเหยา เธอคือรุ่นพี่ปีสี่คณะเรา”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคีบเนื้อเข้าปาก สีหน้าดูดีขึ้นมาก พร้อมแนะนำเด็กสาวแปลกหน้าข้าง ๆให้เธอรู้จัก

จางเหยาไม่ได้หน้าตาดีเท่าไรแต่รูปร่างผอมสูง บุคลิกดีมาก แถมยังรู้จักแต่งตัว แค่มองก็รู้ว่าเป็นสาวที่รักในแฟชั่น ผู้หญิงแบบนี้ฮอตในหมู่ผู้ชายมาก

“สวัสดีค่ะรุ่นพี่” เหมยเหมยส่งยิ้มให้เธอ ในใจพอจะเข้าใจคร่าว ๆ ดูทรงน่าจะเป็นจางเหยาที่รู้ว่าฮวาจิงหลิงนั่นอยู่ที่ไหน

แท้จริงแล้ว…

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างเกินจริง “พวกเธอรู้ไหมว่ายัยชั่วฮวานั่นเป็นใคร? พวกเธอต้องคาดไม่ถึงแน่!”

ฉีฉีเก๋อเริ่มรู้สึกรำคาญ “ถ้าพวกเรารู้แล้วจะถามเธอไปทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามัวแต่ไร้สาระ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนใส่เธอ พูดชื่อคน ๆหนึ่งออกมา “เซียวเวย ดาวมหาวิทยาลัยคนเก่าของมหาวิทยาลัยเรารู้จักไหม?”

…………………………………………………………

[1] หมี หรือหมีดำ เป็นสัญลักษณ์ของความใคร่ในตัวมนุษย์ ซึ่งอยู่เหนือความตื่นเต้นของคนทั่วไป

ตอนที่ 1936 เหยียนซินหย่าปกป้องลูกสาว

นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนข้างห้องกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ของฉีฉีเก๋อจึงโพล่งตะโกนขึ้นมา

เหมยเหมยรีบปล่อยตัวสีอันน่าที่ขยับตัวไม่ได้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เธอคาดไม่ถึงว่าแม้แต่เหยียนซินหย่าจะปั่นป่วนไปด้วย ช่วงนี้เหยียนซินหย่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานนิทรรศการภาพวาด แม้แต่คาบสอนในมหาวิทยาลัยก็แทบจะไม่เข้าสอน แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่รู้ว่าเหยียนซินหย่าจะโกรธมากขนาดไหน!

ยัยบ้าฮวาจิงหลิง อย่าให้ฉันหาตัวเจอนะ ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่!

ถือเป็นเรื่องบังเอิญของเหยียนซินหย่าเพราะวันนี้กลับมาทำธุระเล็ก ๆน้อย ๆในมหาวิทยาลัยพอดี และดันมีอาจารย์เข้ามาพูดเรื่องนี้กับเธอ หลังจากที่เหยียนซินหย่าได้เห็นโพสต์นั้นก็โมโหแทบบ้า เธอเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ได้ว่าผู้ชายในรูปคือเหยียนหมิงซุ่น

แม้เธอจะไม่ค่อยพอใจต่อการกระทำที่เหยียนหมิงซุ่นจูบลูกสาวเธอต่อหน้าสาธารณะชน แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาในครอบครัวไว้ค่อยคุยกันทีหลังได้ ตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหาภายนอกเสียก่อน

นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าใส่ร้ายลูกสาวเธอว่าเป็นมือที่สาม มีอย่างที่ไหนกัน ไม่เห็นหัวของคนเป็นแม่อย่างเธอเลยหรือไง?

เหยียนซินหย่าไม่มีความชำนาญด้านการใช้คอมพิวเตอร์ เธอจึงขอให้อาจารย์วัยรุ่นคนหนึ่งช่วยตอบคอมเมนต์ให้

“ฉันคือเหยียนซินหย่าเป็นศาสตราจารย์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ แล้วก็เป็นแม่แท้ ๆของจ้าวเหมย ไม่ใช่ว่าฉันชื่นชมลูกสาวตัวเองนะ เธอเป็นคนว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนหรือการใช้ชีวิต รวมทั้งด้านความรัก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำให้ฉันกับพ่อของเธอต้องกังวลใจมาก่อน ผู้ชายในรูปฉันรู้จักเขาดีเพราะเขาคือลูกเขยในอนาคตของฉัน

เขากำลังคบหาดูใจกับลูกสาวของฉันจริง พวกเขารักกันมาเกือบสิบปีแล้วและหมั้นหมายกันแล้วด้วย พอเรียนจบก็จะจัดงานแต่งงานกันทันที นี่คือสิ่งที่ฉันกับพ่อของเหมยเหมยและบรรดาผู้อาวุโสของฝ่ายชายต่างยินดีกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเราไว้วางใจที่จะยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนนี้ และฉันก็รู้แก่ใจดีว่าผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือยัง

ฉันขอประกาศให้ทุกคนทราบ ณ ที่นี้ว่าลูกสาวของฉันไม่ใช่มือที่สามอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่มีทางไปเป็นมือที่สามเด็ดขาด เพราะลูกสาวของฉันเก่งกาจขนาดนี้ เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปทำอาชีพที่น่าดูถูกเช่นนั้นแน่นอน

หากยังมีกระทู้ใส่ร้ายลูกสาวของฉันอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ รอหมายศาลจากทนายของฉันได้เลย!”

เหยียนซินหย่าเปลี่ยนภาพลักษณ์อันแสนอ่อนโยนที่เคยมีต่อหน้านักศึกษาไปจนสิ้น วาจาฉะฉานและไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

แต่ไม่มีใครคิดว่าเธอทำเกินกว่าเหตุเพราะเธอคือแม่คนหนึ่ง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของลูกสาวตนเองเธอสามารถแปลงกายเป็นนักสู้ได้เสมอ!

“ว้าว ศาสตราจารย์เหยียนสุดยอดไปเลย!” มีคนตกตะลึง อิจฉาริษยา เธอเองก็อยากจะมีแม่ที่สวยและมีสถานะเหมือนกับศาสตราจารย์เหยียนบ้าง แถมยังเป็นแม่ที่คอยปกป้องลูกสาวอีกต่างหาก!

ประเด็นมุมมองของบางคนกลับแตกต่างกัน “ศาสตราจารย์เหยียนหัวสมัยใหม่จัง จ้าวเหมยกับคู่หมั้นจูบกันต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นยังไม่ว่าสักคำเลย!”

อิจฉาจัง!

หากเป็นแม่ของเธอคงไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องจูบหรอก แค่จูงมือกับผู้ชายก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ผู้ชายหน้าไหนจะกล้าเข้ามาจีบเธอล่ะ?

จนถึงปีสามแล้วเธอก็ยังโสดอยู่เลย นั่นเพราะตัวถ่วงอย่างแม่เธอไงล่ะ!

เศร้าใจจัง!

เหมยเหมยยกยิ้มที่มุกปากและไม่ได้รู้สึกโกรธเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว เหยียนซินหย่ายังพูดง่ายหน่อย แต่ที่เธอกังวลคือจ้าวอิงหัว ขอให้ตอนนี้พ่อของเธอยังทำงานอยู่ต่างประเทศ อย่าได้เห็นภาพถ่ายใบนั้นไปตลอดชีวิต!

มิฉะนั้นอย่าได้หวังว่าปีนี้เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกเลย!

ตอนแรกเหมยเหมยกะจะสั่งสอนสีอันน่าอีกสักหน่อยแต่โทรศัพท์ในหอพักดังขึ้นเสียก่อน คนที่โทรเข้ามาคือเหยียนซินหย่า เธอบอกให้เหมยเหมยรีบกลับบ้าน คิด ๆดูแล้วต้องเป็นเรื่องโพสต์นั้นแน่ ๆเลย!

เธอปิดคอมพิวเตอร์และให้ฉีฉีเก๋อคอยจับตาดูสถานการณ์ในกระทู้ไว้ ตัวเธอจึงรีบกลับบ้านด้วยท่าทีหนักใจ

ทำไมตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองแอบคบผู้ชายอยู่นอกบ้านแล้วถูกพ่อแม่จับได้เลยนะ?

…………………………………………………

ตอนที่ 1937 มักมีแต่คนชั่วคิดร้ายกับฉัน

โพสต์ที่เหยียนซินหย่าลงนั้นมีประโยชน์มาก ในเมื่อคนเป็นแม่ออกมาพูดความน่าเชื่อถือก็สูงไม่น้อย นอกจากนี้พวกสายเผือกก็คิดว่าจากภูมิหลังครอบครัวของดาวมหาวิทยาลัย เหยียนซินหย่าและพรสวรรค์ คงไม่โง่เง่าหลงผิดคิดไปเป็นมือที่สามได้หรอก!

ดาวมหาวิทยาลัยก็พูดแล้วถ้าจะกล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่สามต้องเอาหลักฐานมาแสดงด้วย แต่ยัยฮวาจิงหลิงนั่นเอาแต่กล่าวหาลอย ๆไม่มีหลักฐานอะไร ความน่าเชื่อถือจึงต่ำมาก ในความเป็นจริงแม้ว่าเหมยเหมยกับเหยียนซินหย่าจะไม่ออกมาพูดก็ยังมีนักศึกษาหลายคนที่มีสติและไม่มีทางเชื่อเรื่องพวกนี้แน่นอน

อย่างไรเสียนักศึกษาที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ ไอคิวและอีคิวต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

เหตุที่กระทู้แทบแตกเช่นนั้นความจริงเป็นเพราะมีคนประเภทแบบสีอันน่าอยู่เยอะ พอตัวเองมีก็ไปเหยียดหยามเขาแต่พอตัวเองไม่มีก็ไปแซะเขา หวังแต่จะให้ผู้อื่นโชคร้ายแล้วเหยียบซ้ำ

สีอันน่านอนสะอื้นไห้อยู่บนพื้นแต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย เดิมทีนิสัยของเธอก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ยิ่งทำให้คนอื่นพาลแต่จะรังเกียจ ทุกคนต่างก็อยากอยู่ให้ห่างจากคนชั่ว คลุกคลีให้น้อยจะเป็นการดีที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะมีสักวันที่เธอจะแอบแทงข้างหลังก็ได้

ฮวาจิงหลิงออกมาพูดอะไรอีกเล็กน้อยแต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจเธออีก ตัวหล่อนเองก็คงคิดว่าหมดสนุกแล้วจึงค่อย ๆหายไปจนกระทู้เงียบสงบไปชั่วคราว

เหมยเหมยกลับบ้านด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน เหยียนซินหย่าอยู่บ้านคนเดียว จ้าวอิงหัวไม่อยู่ เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

คุณแม่รับมือง่ายกว่าคุณพ่อเยอะ ออดอ้อนสักหน่อยก็จบ

เหยียนซินหย่าสีหน้าไม่สู้ดี พอเห็นเหมยเหมยก็ไม่ได้มีท่าทียิ้มต้อนรับเหมือนอย่างเคย นั่งกอดอกพลางเชิดคางเล็กน้อย บ่งบอกให้เธอเข้ามาใกล้อีกหน่อย

“แม่คะ…”เหมยเหมยลากเสียงยาวคิดจะออดอ้อน

“พูดให้มันดี ๆหน่อย ยืนดี ๆเลย” แต่วันนี้เหยียนซินหย่ากลับไม่หลงกลเธอ ไม่แม้แต่จะยอมให้เธอนั่งด้วย

เหมยเหมยเบะปาก “เรื่องนี้โทษหนูไม่ได้นะ ใครจะไปรู้ละว่าจะมีคนแอบถ่าย หนูแค่ไปเต้นรำกับพี่หมิงซุ่นเท่านั้นเอง ลูกสาวของแม่เก่งเกินไปเลยมีแต่พวกชั่วช้าแอบลอบกัด หนูเป็นผู้ถูกกระทำนะ…”

เหยียนซินหย่าอมยิ้มที่มุมปากฝืนอยู่นานเพื่อไม่ให้หลุดขำ ตอนนี้กำลังอบรมลูกสาวอยู่จึงต้องวางท่าเคร่งขรึมหน่อย โชคดีที่เรื่องนี้มีแค่เธอรู้ หากจ้าวอิงหัวรู้เข้าไม่รู้เลยว่าจะวุ่นวายขนาดไหน

“แม่ไม่ให้ลูกเต้นหรือไง? เต้นก็ส่วนเต้น ใครให้พวกเธอจูบกันล่ะแถมยังอยู่ต่อหน้าคนมากมายอีก ทำไมถึงได้หน้าหนาขนาดนี้ นี่ยังรู้จักยางอายอยู่อีกไหม?”

เหยียนซินหย่าหน้าร้อนผ่าว เธอเป็นจิตรกรที่มีความคิดความอ่านไปไกลแต่ถึงอย่างไรก็ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยขนบธรรมเนียมของฮวาเซี่ย เธอจึงไม่เข้าใจการแสดงความรักและการจูบต่อหน้าสาธารณะชนจริง ๆ รวมทั้งการกระทำที่ร้อนแรงกว่านั้น เพราะเธอรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความสุขภายในห้องส่วนตัวและจำเป็นต้องปฏิบัติภายในห้องเท่านั้น แสดงออกต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นมันเข้าท่าที่ไหน?

แต่ตอนนี้คนที่แสดงออกต่อสาธารณะชนคือลูกสาวของเธอเอง!

ความรู้สึกที่ได้เห็นภาพถ่ายในวันนี้ ช่างยากเกินจะบรรยายจริง ๆ

เหมยเหมยเองก็หน้าแดง ตอนจูบไม่ได้รู้สึกอายอะไรแต่พอตอนนี้ถูกคนเป็นแม่ถามแบบนี้ เธอก็พลันรู้สึกอายขึ้นมาทันที เพียงแต่…

ยอมรับผิดงั้นเหรอ?

ไม่มีทางหรอก!

“แม่คะ มุมมองความคิดของแม่นี่ล้าหลังมากเลยนะ หนูกับพี่หมิงซุ่นต่างมีความรู้สึกดี ๆให้กัน พออารมณ์มันไปถึงจุดนั้นก็ต้องจูบกันเป็นธรรมดาใช่ไหมคะ? แม่คะ ถ้าแม่กับพ่อเต้นรำในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ภายใต้บรรยากาศแบบนั้น ไม่แน่ว่าก็อาจจะอดใจไม่ไหวเหมือนกัน”

เหมยเหมยดึงดันจะแถต่อไป แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะบรรยากาศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนี่นา!

เหยียนซินหย่าหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิมแอบด่าลูกสาวว่าหน้าไม่อายขึ้นทุกวัน พออารมณ์มันไปถึงจุดนั้นก็ต้องจูบกันก็พูดออกมาได้ แต่ทำไมเธอเองก็คิดว่ามันดูมีเหตุผลนะ?

แต่จะให้ลูกสาวรู้ความคิดนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นอีกหน่อยคงปรามไม่อยู่กันพอดี!

……………………………………………..

ตอนที่ 1934 ไม่แยกแยะถูกผิด แต่กลับทำเรื่องย่ำแย่กว่าเดิม

จะว่าไปสีอันน่านี่ก็ฉลาดเป็นกรด คิดว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าหญิงอันน่าเป็นตัวเธองั้นเหรอ?

เหมยเหมยเหลือบหางตามองสีอันน่าที่ใจจดใจจ่อกับการเล่นคอมพิวเตอร์ แล้วก็เห็นว่าสองนาทีก่อนเจ้าหญิงอันน่าได้ตอบกลับคอมเมนต์อีกครั้ง และในตอนนั้นเธอก็กลับมาถึงหอพักแล้ว ยัยสีอันน่าเห็นว่าเธอโง่หรือไง!

พูดจาให้ร้ายเธอต่อหน้าเธองั้นเหรอ หึ!

ถ้าเธอไม่แสดงอะไรออกมาบ้างก็คงโง่จริง ๆแล้ว!

เหมยเหมยหยัดกายลุกขึ้นด้วยความเงียบแล้วเดินย่องไปอยู่ด้านหลังสีอันน่า พร้อมกลั้นลมหายใจพลางมองสีอันน่ากดคีบอร์ดอยู่เงียบ ๆ

“ทั้งหมดที่จ้าวเหมยเธอพูดเป็นความจริงเหรอ? ถ้าภูมิหลังครอบครัวของเธอดีขนาดนั้น แล้วทำไมยังคิดที่จะเป็นมือที่สามอีกล่ะ? นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ!”

สีอันน่ากดคีบอร์ดด้วยท่าทีกระปรี้กระเปร่าและคุยอย่างออกรสออกชาติ ความรู้สึกที่ได้ส่อเสียดคนอื่นบนอินเทอร์เน็ตมันช่างกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้สูบกัญชาเลยจริง ๆ

โลกโซเชียลได้สร้างหน้ากากที่สมบูรณ์แบบให้กับเธอ เธอสามารถใช้คำหยาบได้อย่างอิสระ ส่อเสียดเพื่อนรอบตัวเธอ โดยไม่รู้สึกถึงภาระทางจิตใจเลยสักนิด แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนจับได้ ความรู้สึกแบบนี้มันสนุกสุด ๆไปเลย!

สีอันน่ากำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุข โดยไม่ทันสังเกตเหมยเหมยที่อยู่ข้างตัว เธอยังคงพยายามกวนน้ำให้ขุ่นต่อไป

ฮวาจิงหลิงที่พึ่งหายตัวไปก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาตอบกลับสีอันน่าโดยตรง “เป็นมือที่สามกับสถานภาพภูมิหลังของครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ผู้หญิงบางคนคิดทำชั่วมาตั้งแต่เกิด เธอมักชอบแย่งสามีของคนอื่น เสพสุขความสำเร็จที่อยู่ในนั้น บางทีจ้าวเหมยอาจจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้นก็ได้!”

สีอันน่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดรู้สึกสนุกขีดสุด เธอรีบตอบกลับ “เอ๊ะ ไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีผู้หญิงที่น่ากลัวขนาดนี้อยู่ หรือว่าเธอคึกคะนองปล่อย…ตัวจนเป็นนิสัย? ดูไม่ออกเลยจริง ๆนะ!”

ฮวาจิงหลิง “รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ บางคนภายนอกดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ความเป็นจริงกลับเป็นตัวสำส่อน!”

สีอันน่าหมายจะตอบกลับ ‘เธอพูดถูก’ เหมยเหมยที่โมโหสุดขีดค่อย ๆเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจตอนไหน? คำพูดพวกนี้ทำไมเธอไม่พูดต่อหน้าฉันล่ะ?”

“เพล้ง!”

สีอันน่าตกใจจนปัดแก้วชาบนโต๊ะหล่นตกพื้นแตกกระจาย น้ำชากระเซ็นไปทั่ว เธอรีบหันกลับมามองเหมยเหมยด้วยใบหน้าซีดเผือดเหมือนกับเห็นผี สมองพลันขาดออกซิเจน นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ

“เธอ…เธอ…เธอมาได้ไงเนี่ย…” พูดลิ้นพันกัน

“ถ้าฉันไม่เข้ามาดูคงไม่รู้เลยว่าข้างกายฉันมีเพื่อนที่ดีแบบเธออยู่!”

เหมยเหมยเน้นเสียงคำว่าเพื่อนที่ดี แววตาพลันเย็นชา แช่แข็งสีอันน่าจนฟันซี่บนล่างกระทบกันเสียงดังกึกๆ

“เธอ…เธอฟังฉันพูดก่อน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงอันน่านั่น ฉันแค่เข้าดูกระทู้เฉย ๆ…”

พูดจาให้ร้ายผู้อื่นลับหลังแต่กลับถูกจับได้ สีอันน่าลนลานเข้าให้แล้ว ตอนนี้ไม่ได้ปากคอเราะรายเหมือนเมื่อก่อน พูดจาตะกุกตะกักสารภาพออกมาเองโดยไม่มีใครบังคับ อยากปกปิดแต่กลับกลายเป็นเผยไต๋เสียแล้ว

เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าหญิงอันน่าเป็นใคร? เขาพูดอะไรบ้างเหรอ?”

เธอแย่งเม้าส์ในมือของสีอันน่ามาแล้วคลิกขยับเลื่อนหน้าจอ คอมเมนต์ไม่กี่อันที่สีอันน่าเคยตอบกลับไปก่อนหน้านั้นปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้สีอันน่าคอมเมนต์ถากถางสะใจมากเท่าไหนตอนนี้กลับรู้สึกอึดอัดใจมากเท่านั้น

เธอหวังอยากจะให้มีหลุมดำหนึ่งโผล่ขึ้นมาพอที่จะทำให้เธอมุดเขาไปได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับเหมยเหมยอีก

“จ้าวเหมย…เธอฟังฉันอธิบายนะ ฉันแค่อยากช่วยเธอหลอกล่อคำพูดของฮวาจิงหลิงเลยจงใจพูดออกไปแบบนั้น ฉันคือสายลับ จริง ๆนะ เธอต้องเชื่อฉันสิ ฉันกับเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันจะพูดจาแบบนั้นกับเธอได้ไงล่ะ? ฉันแค่จงใจพูดออกไปแบบนั้น…”

สีอันน่าดูสงบขึ้นมาบ้างแล้วรีบร้อนแก้ต่างให้ตัวเอง ดูมีเหตุมีผลแต่ถ้าเหมยเหมยเชื่อก็คงบ้าแล้ว!

…………………………………………………..

ตอนที่ 1935 ตีสองหน้าแทงข้างหลัง

เหมยเหมยมองสีอันน่าด้วยสายตาเหยียดหยาม “เธอช่างลำบากจริง ๆ ฉันจำเป็นต้องขอบคุณเธอด้วยหรือเปล่านะ?”

สีอันน่าคิดว่าเธอเชื่อคำพูดของตัวเองแล้วจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ๆ เราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา ระหว่างคำว่าเพื่อนแล้วต้องคอยช่วยเหลือกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก!”

“จะไม่ให้ขอบคุณได้ไง ฉันต้องขอบคุณเธอหน่อยสิ!”

เหมยเหมยกัดฟันพูดออกมา สีอันน่ายังไม่ทันตั้งตัวใบหน้าก็ถูกตบเข้าอย่างจังจนหน้าหันไปอีกทาง ในหูมีเสียงดังวิ้ง ๆ เลือดซึมออกมาข้างมุมปาก เพียงแค่ครู่เดียวครึ่งหน้าของเธอก็บวมเปล่งจนเหมือนกับหัวหมู

“จ้าวเหมยเธอตบฉันทำไม?”

สีอันน่ากุมหน้าข้างหนึ่งไว้มองเหมยเหมยอย่างหวาดระแวง ทั้งหวาดกลัว แถมยังโกรธและโมโหด้วย

โตจนมาถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะเคยโดนตบหน้าเป็นครั้งแรก ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการโดนตบครั้งแรกของเธอจะเป็นจ้าวเหมยที่ได้ไป!

โหดร้ายจัง!

เหมยเหมยสะบัดมือที่เจ็บชาและร้อนที่ฝ่ามือ แต่เธอกลับคิดว่าตบเบาไป เธอขยับมืออีกข้างพลางพูดเสียงเย็นชาขึ้นว่า “นี่ฉันก็กำลังขอบคุณเธออยู่ไม่ใช่หรือไง?”

พอพูดจบเหมยเหมยก็สะบัดมือตบหน้าอีกฝั่งของสีอันน่าอย่างแรงอีกครั้งด้วยเสียงดังลั่น ใบหน้าทั้งสองข้างของสีอันน่าเท่ากันเสียที จากเดิมที่ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือตอนนี้กลับขยายใหญ่ขึ้นมาสามเท่า เห็นแล้วช่างตลกเหลือเกิน

“จ้าวเหมย…มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

สีอันน่าไม่ได้มีท่าทียินยอมให้ตบอย่างแน่นอน เธอเอื้อมมือคว้าอัลบั้มภาพขอบแข็งหนา ๆบนโต๊ะขึ้นมา ถ้าฟาดโดนตัวต้องเจ็บเหมือนก้อนอิฐแน่ เธอเหวี่ยงอัลบั้มภาพจนปลิวไปทางเหมยเหมย

เหมยเหมยปลีกตัวหลบอย่างรวดเร็ว ตอนแรกหมายจะตบแค่สองครั้งให้หายโมโห แต่ไม่นึกเลยว่ายัยนี่จะเอาคืน ถ้างั้นก็อย่าหาว่าเธอใจร้ายแล้วกัน!

“ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? ฉันกับเธอเป็นรูมเมทกัน ถึงปกติจะไม่ค่อยได้คุยกันแต่การที่ฉันเป็นมือที่สามหรือไม่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ? เธอพูดจาคลุมเครือแบบนั้นบนอินเทอร์เน็ตจิตใจทำด้วยอะไรฮะ? ทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่าเธอเป็นพวกหน้าไว้หลังหลอกกันนะ!”

เหมยเหมยเก็บอัลบั้มภาพบนพื้นขึ้นมาโยนใส่สีอันน่าโดยไม่แม้แต่จะคิด เธอโมโหแล้วจริง ๆ เธอเกลียดที่สุดคือพวกหมาลอบกัด

“โอ๊ย…จ้าวเหมยหยุดเดี๋ยวนี้นะ…หยุดตบตีฉันเถอะ…”

เหมยเหมยคว้าหมับเข้าที่ผมยาว ๆของสีอันน่าแล้วขึ้นคร่อมบนตัวเธอพร้อมกับยกอัลบั้มภาพทุบหน้าเธอโดยไม่เห็นใจเลยสักนิด จัดการกับพวกคนชั่วช้าแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ แค่พุ่งเข้าไปตบก็สิ้นเรื่องแล้ว!

“แกมันหน้าไหว้หลังหลอก ลอบกัดฉัน…ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองคือเจ้าหญิงอันน่า ถุย แกมันก็เป็นได้แค่พวกคนชั้นต่ำเท่านั้นแหละ…”

เหมยเหมยเอ่ยพลางตบตี ยัยชั่วฮวาจิงหลิงนั่นยังไม่เจอตัว งั้นขอระบายอารมณ์กับยัยสีอันน่านี่ก่อนแล้วกัน!

ฉีฉีเก๋อเพิ่งตอบคอมเมนต์เสร็จก็เห็นเหมยเหมยกับสีอันน่าตบตีกัน พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยเธอก็รีบเข้าไปดูหน้ากระทู้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าสีอันน่าพูดจาแบบนั้นความโมโหก็ปะทุขึ้นมาทันที

“สีอันน่าเธอยังเป็นคนอยู่ไหม พวกเราอยู่ห้องนอนเดียวกันนะ เหมยเหมยเป็นคนอย่างไรเธอยังไม่รู้อีกเหรอ? เธอจงใจพูดจาแบบนั้นมันน่าสะอิดสะเอียดเสียยิ่งกว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นอีก!”

ฉีฉีเก๋อโมโหจนยกเท้ากระทืบสะโพกของสีอันน่าอย่างแรง สีอันน่าไม่มีโอกาสได้เอาคืนเลย โดนเหมยเหมยตบตีจนต้องนอนหอบอยู่บนพื้น น้ำมูกน้ำตาเลือดผสมเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

เด็กห้องอื่นได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากทางฝั่งนี้ก็รีบวิ่งกรูเข้ามาห้ามทัพ พอได้ฟังฉีฉีเก๋อพูดที่มาที่ไปแล้วพวกเธอก็ต่างดูแคลนต่อการกระทำของสีอันน่า

คนที่หาเรื่องต่อหน้าไม่น่ากลัวเลยสักนิดจะกลัวก็แต่ประเภทเดียวกับสีอันน่า ต่อหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ลับหลังกลับเป็นพวกชั่วช้าแทงข้างหลัง น่ากลัวเสียยิ่งกว่างูเห่าอีก!

“จ้าวเหมย พวกเธอหยุดทะเลาะกันเถอะนะ ศาสตราจารย์เหยียนโพสต์ข้อความแล้ว!” มีคนตะโกนขึ้น

…………………………………………………..

ตอนที่ 1932 ประกาศอย่างเป็นทางการ

เหมยเหมยไม่ชอบน้ำเสียงถามหยั่งเชิงของสีอันน่าเลย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบก่อปัญหาแต่เธอก็ชอบดูความสนุก หนำซ้ำความกลัวเพียงหนึ่งเดียวคือกลัวแผ่นดินจะสงบ ปรารถนาให้ผู้อื่นโชคร้ายและยิ่งโชคร้ายเท่าไหร่เธอยิ่งชอบใจ

เฉกเช่นตอนนี้ถึงแม้สีอันน่าจะแสร้งทำทีเป็นห่วงใย แต่เหมยเหมยก็ยังเห็นถึงความดีใจที่โผล่ออกมาจากก้นบึ้งของใจเธอ คิด ๆดูแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีความสุขขนาดไหน!

“ฉันเพิ่งจะเลิกเรียนเองจะเอาเวลาไหนมาดูกระทู้ล่ะ? เธอลองพูดมาสิใครกันที่กำลังใส่ร้ายฉัน แล้วใส่ร้ายฉันเรื่องอะไร?” เหมยเหมยจงใจแสร้งทำทีไม่รู้เรื่อง ชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าแม่สีอันน่านี่จะพูดอะไร

ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้น้อยมากที่สีอันน่าจะเป็นฮวาจิงหลิง แต่เหมยเหมยก็อยากจะลองหยั่งเชิงดูสักครั้งเพราะกลัวว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดจะเป็นจริงมากกว่า!

สีอันน่ามีท่าทีลำบากใจพร้อมลอบด่าเหมยเหมยว่าเจ้าเล่ห์ ไม่มีเวลาไปอ่านกระทู้อะไรกันก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเมื่อกี้ ‘เปิ่นกงเจี่ยเต้า’ ปะทะตอบโต้กันอย่างดุเดือด ฟังดูก็รู้ว่าเป็นสำนวนของยัยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจอมน่ารังเกียจ พวกจ้าวเหมยสนิทกันจะตายแล้วจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร?

ช่างเสแสร้งเก่งจริง ๆเลย!

“ฉันก็ไมได้รู้อะไรแน่ชัดนักหรอก เธอลองดูเอาเองก็แล้วกัน!”

สีอันน่าปลิ้นปล้อนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วจึงไม่มีทางเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแน่นอน เธอโยนเรื่องกลับอย่างง่ายดาย พร้อมกับนั่งลงเล่นเกมเซียนกระบี่ต่อ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไปไหนไม่รู้ พอไม่อยู่ก็ขาดความครึกครื้นไม่น้อย กระทู้ดูเงียบเหงา น่าเบื่อชะมัดเล่นเกมดีกว่า เธอเล่นมาจนถึงด่านที่จ้าวหลิงเอ๋อร์ใกล้จะถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว!

น่าตื่นเต้นจัง!

เหมยเหมยเปิดคอมลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์มหาวิทยาลัย แล้วตรงเข้าไปที่หน้าเพจกระทู้ของมหาวิทยาลัย ฮวาจิงหลิงไม่อยู่แล้วกระทู้จึงเงียบลงมาก เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่กำลังแสดงความคิดเห็น คนส่วนใหญ่ยังคุยเรื่องที่เหมยเหมยเป็นมือที่สามไม่จบไม่สิ้นสักที พอเธออ่านแล้วก็นึกโมโห

ใส่ความเธอขนาดนี้ ถ้าเธอยังทนไหวแล้วจะยังเป็นคนอีกเหรอ?

@ฮวาจิงหลิง “ในเมื่อเธอบอกว่าเจ้าเหมยอย่างฉันเป็นมือที่สาม ถ้างั้นก็เอาหลักฐานออกมาสิว่าฉันเป็นมือที่สามของใคร ทำลายครอบครัวใคร แซ่ไหนชื่ออะไร ขอให้เธอแสดงหลักฐานด้วย ไม่งั้นเธอก็รอพบกับทนายของฉันได้เลย!”

เมื่อชาติก่อนเหมยเหมยมักจะเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้าน ดังนั้นความเร็วของมือจึงไม่ได้ช้าไปกว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลย เธอกดแอดฮวาจิงหลิงโดยตรง แต่คิด ๆดูแล้วก็ยังไม่สะใจพอจึงได้โพสต์กระทู้เดี่ยวไปอีกหนึ่งข้อความ

“ดิฉันคือจ้าวเหมย เป็นนักศึกษาสาขาศิลปะจีน คณะศิลปกรรมศาสตร์ ดิฉันคิดว่าตัวฉันเองก็เป็นคนมีน้ำใจต่อผู้อื่น ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร แต่บัดนี้กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าฉันเป็นมือที่สามอย่างไร้เหตุผล จำเอาไว้ด้วยว่าคนอย่างฉันเกลียดที่สุดคือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามือที่สาม

ไม่ทราบว่าฉันไปทำอะไรให้เพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อว่าฮวาจิงหลิงผู้นี้ต้องขุ่นเคืองใจตอนไหน ทำไมเธอถึงได้ใส่ร้ายฉันแบบนี้?

เดิมทีฉันไม่ชอบพูดเรื่องในบ้านแต่ตอนนี้ฉันกลับโดนรังแก ถ้าฉันไม่ยอมออกมาพูดก็เกรงว่าคนอื่น ๆจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นมือที่สามและละอายใจจึงไม่กล้าออกมาพูด

วันนี้ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าดิฉันจ้าวเหมยมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี บิดาเป็นข้าราชการของรัฐ มารดาเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศและเป็นศาตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย ฉันได้รับการเลี้ยงดูที่ถูกครรลองคลองธรรมจากบิดามารดามาตั้งแต่ยังเล็ก แล้วจะไปเป็นมือที่สามของคนอื่นได้อย่างไร?

อีกอย่างจากความสามารถและหน้าตาของดิฉัน ผู้ชายประเภทไหนบ้างที่ฉันจะหาไม่ได้ สมองฉันคงไม่เพี้ยนถึงขนาดไปคว้าเอาของมือสองที่คนอื่นเคยใช้มาแล้วหรอกค่ะ!

ผู้ชายในรูปคือคู่หมั้นของฉัน พวกเราเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กด้วยใจอันบริสุทธิ์ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น พอเรียนจบเราก็จะจัดงานแต่งงานกันทันที ส่วนชื่อและหน้าที่การงานของชายผู้นี้ฉันจะขอไม่เอ่ยถึงเพราะงานของคู่หมั้นฉันค่อนข้างพิเศษจึงต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นโปรดอภัยที่ฉันไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ค่ะ”

……………………………………………………………..

ตอนที่ 1933 ความจริงใจพบได้ในยามทุกข์ยาก

เหมยเหมยพิมพ์ข้อความย่อหน้าใหญ่ ๆโดยไม่ปรับแก้ไขและโพสต์ลงไปทันที

คิด ๆดูแล้วก็ยังไม่ค่อยพอใจจึงได้กดแอดฮวาจิงหลิงแล้วเอ่ยไปว่า “เธออย่าคิดว่าใช้ชื่อปลอมบนอินเทอร์เน็ตแล้วฉันจะหาตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้นะ คู่หมั้นของฉันทำงานสายอาชีพนี้อยู่ ถ้าเขาอยากจะหาเธอมันก็ง่ายนิดเดียว ถ้าเธอไม่ออกมาขอโทษฉันต่อสาธารณะ งั้นก็รอไปคุยกับทนายของฉันก็แล้วกัน!”

พอพูดสิ่งเหล่านี้จบไปเหมยเหมยถึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เพียงไม่นานก็มีคนจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเธอ บ้างก็เป็นห่วง บ้างก็ดูเพื่อความสนุก บ้างก็เป็นสายเผือก…

ฉีฉีเก๋อเองก็ไม่อยู่เฉยเช่นกัน เธอเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้วก็เข้าไปที่หน้าเพจกระทู้ของมหาวิทยาลัย อันดับแรกเลยคือการกดแอดฮวาจิงหลิง

ฉ่าวหยวนเก๋อซางฮวา[1] “ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับจ้าวเหมย คู่หมั้นของเธอฉันเองก็เคยเจอมาหลายครั้งแล้ว ทั้ง ๆที่พวกเขาเป็นคู่หมั่นกันแต่พอมาถึงปากเธอทำไมถึงกลายเป็นมือที่สามไปได้ล่ะ? เธอนี่มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจริง!”

จากนั้นเธอก็รีบไปตอบกลับยังใต้โพสต์ของเหมยเหมย

“ฉันคือรูมเมทและเพื่อนของเหมยเหมย ชื่อว่าฉีฉีเก๋อ ฉันขอสาบานต่อฟ้าดินว่าจ้าวเหมยไม่มีทางเป็นมือที่สามอย่างแน่นอน เธอกับคู่หมั้นรักกันจริง ความสัมพันธ์ดีจนเพื่อนอย่างพวกฉันยังอิจฉา หากฉันพูดปดแม้แต่คำเดียวก็ขอให้ฉันถูกฟ้าผ่าจนตายไปเลย!”

พอเหมยเหมยเห็นคอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อก็หลุดขำออกมาและรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ ถึงขนาดบอกชื่อจริงไปหมดเลย และยังให้คำมั่นสาบานอย่างหนักแน่นอีก ช่างเป็นผู้หญิงซื่อบื้อเสียเหลือเกิน!

แต่คอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อกลับเป็นผลมาก แม้ว่าทุกคนจะเป็นนักศึกษาชั้นแนวหน้าที่มีการศึกษาสูงแต่ยังคงยำเกรงต่อผีสางเทวดา ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆคงไม่มีใครสาบานโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรอก ฉีฉีเก๋อกล้าพูดออกมาแบบนี้ความน่าเชื่อถือจึงดูศักดิ์สิทธิ์มาก คนจำนวนมากจึงเชื่อเธอ

“ฉันก็คิดว่าดาวมหาวิทยาลัยไม่มีทางเป็นมือที่สามแน่นอน ก็เหมือนอย่างที่เธอพูดว่าเธอมีทั้งพรสวรรค์ ทั้งหน้าตาดี ทั้งมีความสามารถ ซ้ำยังเป็นครอบครัวชนชั้นสูง มีแต่คนสมองเพี้ยนเท่านั้นแหละที่จะไปเป็นมือที่สามได้!”

ในที่สุดก็มีคนฉลาดโผล่มาสักที ใต้คอมเมนต์ของฉีฉีเก๋อเริ่มมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นไม่น้อย ทุกคนล้วนแสดงออกในแง่ที่ว่าไม่เชื่อว่าจ้าวเหมยจะเป็นมือที่สาม กระทั่งมีคนหยิบยกสวีจื่อเซวียนขึ้นมาเปรียบเทียบ

“เด็กผู้หญิงที่จะเป็นมือที่สามส่วนมากจะมาจากครอบครัวยากไร้ แถมยังลุ่มหลงในเกียรติยศอันจอมปลอม อย่างเช่นนักเรียนบางคนที่กระโดดตึกลงมาก่อนหน้านั้น คนที่มีภูมิหลังครอบครัวดีอย่างจ้าวเหมย หนำซ้ำยังเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงอีก จุดเริ่มต้นของตัวเองก็สูงมากแล้ว ใจจริงคงไม่มีทางหลงผิดไปเป็นมือที่สามได้หรอก ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าชายก็ไม่มีทางหลงผิด!”

นักศึกษาคนนี้มีชื่อว่าหวงซานหวงซง เหมยเหมยเห็นแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นฉางชิงซง และก่อนหน้ามีอยู่คนหนึ่งชื่ออูกุยต้าเสีย ซึ่งเธอมั่นใจได้ว่าต้องเป็นอิงจวี้กังแน่นอนเพราะเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนตั้งชื่อบนอินเทอร์เน็ตว่าอูกุยต้าเสียให้

เหมยเหมยรู้สึกอบอุ่นใจเหลือเกิน ความจริงใจนั้นพบหาได้ในยามทุกข์ยาก ใครที่เป็นเพื่อนแท้ใครที่เป็นเพื่อนจอมปลอมจะดูออกก็ตอนเผชิญเรื่องทุกข์ยากนี่แหละ

คนอื่น ๆที่เป็นกลุ่มสายเผือกก็นับว่าไม่เลว แต่ที่น่าโมโหที่สุดคือพวกที่ชอบพูดตัดกำลังใจอย่างคนประเภทสีอันน่า

เหมยเหมยเห็นคอมเมนต์คนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าเจ้าหญิงอันน่านานแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้พูดจาร้ายกาจอะไร แต่กลับพูดจาเสี้ยมคนในกลุ่มในทำนองเหมือนจะใช่แต่ความจริงก็ไม่ใช่ อย่างเช่นว่า

“โฮ้ นึกไม่ถึงเลยว่าดาวมหาวิทยาลัยจะเป็นคนแบบนี้ คนเราตัดสินกันที่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ!” หรืออย่างเช่นว่า “เป็นมือที่สามนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ถ้าหากว่านี่เป็นเรื่องจริงไม่เข้าใจเลยว่าดาวมหาวิทยาลัยจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน!”

คำพูดที่ดูคลุมเครือเหมือนจะใช่แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เหล่านี้ คนที่ชื่อเจ้าหญิงอันน่าพูดไว้เยอะมาก ดูผิวเผินเหมือนจะเป็นกลุ่มสายเผือกที่ไม่มีความผิดอะไร แต่ในความเป็นจริงกลับชอบเสี้ยมให้เกิดเรื่องวุ่นวาย โพสต์คำพูดก่อกวนในกระทู้จนเละเทะวุ่นวายไปหมด

…………………………………………………………….

[1] ชื่อของฉีฉีเก๋อ (บนอินเทอร์เน็ต)

ตอนที่ 1930 คนเบื้องหลังต้องเป็นคนคุ้นเคยแน่นอน

แม้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไม่ใช่สาวน้อยที่เกิดในเมืองหลวงแต่เธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็ก ๆ ดังนั้นจึงกล้าพูดกล้าทำ มีวาจากิริยาทุกอย่างเหมือนสาวที่เกิดในเมืองปักกิ่ง ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกไปทั้งนั้น

ประโยคเดียวของเธอสร้างความตกใจแก่คนในเน็ตมากโขจนทุกอย่างเงียบไปสามวินาทีฮวาจิงหลิงถึงตั้งสติได้ก่อนจะด่ากลับ “เธอมันน่ารังเกียจ ปากนั่นเพิ่งใช้กินขี้มาสินะ!”

“โทษทีนะ ที่ไม่ได้มีรสนิยมกินขี้เหมือนเธอ เธอมันน่าขำจริง ๆหรือว่ามีแค่เธอที่ใส่ร้ายจ้าวเหมยได้คนอื่นจะว่าเธอไม่ได้งั้นสิ? เหอะ เป็นแค่ต้นกระเทียมก็อย่าคิดว่าตัวเองเป็นดอกสุ่ยเซียนไปเลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพิมพ์โต้ด้วยความรวดเร็ว มือทั้งสองรวดเร็วจนแทบไม่เห็นเงา เธอโต้กลับไปได้สามประโยคแต่ฮวาจิงหลิงกลับโต้ทันได้เพียงประโยคเดียวจนถูกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนด่าไม่เหลือสภาพ

“ฉันว่าเธอก็แค่อิจฉาริษยา อิจฉาที่จ้าวเหมยสวยกว่าเธอ หุ่นดีกว่าเธอ มีความสามารถมากกว่าเธอ มีความสุขยิ่งกว่าเธอ เธอถึงได้กุข่าวใส่ร้ายจ้าวเหมยในโลกอินเตอร์เน็ตแบบนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริง แน่จริงเธอก็โชว์หน้าตัวเองออกมาสิ อย่ามาทำเรื่องต่ำทรามลับหลังแบบนี้!”

“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ คนที่เป็นปรปักษ์กับจ้าวเหมยจะมีสักกี่คนที่มีจุดจบที่ดี สวีจื่อเซวียนลาออก เจิ้งเสวี่ยซานก็ถูกไล่ออก พวกหล่อนล้วนเคยมีเรื่องกับจ้าวเหมยมาทั้งนั้นถึงได้มีจุดจบเหมือนกัน เหอะ เธออย่ามาบอกฉันเชียวว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ!”

“เธอโดนลากระทืบสมองมาสินะ สวีจื่อเซวียนลาออกเพราะเธอยอมลดตัวไปเป็นมือที่สามเองถึงได้ยอมลาออกจากมหาลัย เจิ้งเสวี่ยซานถูกไล่ออกเพราะเธอติดโรคร้ายแรงมา เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกับจ้าวเหมย? หรือว่าอนาคตถ้าเธอเดิน ๆอยู่แล้วโดนรถชนตายก็เป็นเพราะจ้าวเหมยสาปแช่งเธองั้นเหรอ?”

……

เหมยเหมยแสร้งทำเป็นหาเพื่อน เธอไล่หาไปทีละคน ๆ ความจริงในยุคนี้มีเกมออนไลน์ไม่น้อยแล้ว ซึ่งเกมที่ผู้ชายชอบเล่นมากที่สุดก็คือเกมสตาร์คราฟต์ ส่วนเกมที่ผู้หญิงชอบเล่นมากที่สุดคือเกมกระบี่เซียน

ทว่าห้องคอมพิวเตอร์ของทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้เล่นเกม อย่างมากก็ทำได้แค่เล่นเกมเด็ก ๆอย่างเกมกู้ระเบิดกับเกมไพ่เท่านั้น ฉะนั้นคนที่มาใช้บริการห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นนักศึกษาที่ไม่มีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนตัวจึงมาใช้คอมพิวเตอร์ของทางมหาวิทยาลัย ขณะนี้มีคนมากมายกำลังเข้าส่องกระทู้ของมหาวิทยาลัยพอดี หากฮวาจิงหลิงอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้จริงคงเป็นเรื่องง่ายหากคิดจะตามหา

แต่พอตามหาครบรอบหนึ่งแล้วกลับไม่เจอผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฮวาจิงหลิงเลย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงตอบกลับกระทู้นั่นไม่หยุด ฮวาจิงหลิงเองก็ยังไม่หยุดตอบเช่นกัน แต่นักศึกษาในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นพวกกลุ่มรออ่านเรื่องสนุก ๆไม่พบเห็นใครตอบกลับกระทู้สักคน

“ดูเหมือนว่าฮวาจิงหลิงคนนี้จะมีคอมพิวเตอร์เป็นคนตัวเอง” เหมยเหมยส่ายศีรษะน้อย ๆให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ยังสู้รบปรบมือกับอีกฝ่ายไม่เลิก

“เธอรอฉันก่อนเถอะ ฉันไปปลดทุกข์ก่อน ไว้จะกลับมาด่าไอ้คนไร้สมองอย่างเธอใหม่!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพิมพ์ดังแกร๊ก ๆก่อนจะออฟไลน์ไป พร้อมถามว่า “แน่ใจนะว่าไม่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์นี้?”

“ไม่อยู่ ฉันไล่ดูทีละคนแล้ว” ฉีฉีเก๋อส่ายหน้า

หลังจากพวกเธอสามคนเดินออกจากห้องคอมพิวเตอร์ไปเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงพูดขึ้นว่า “ก็ตามหาได้ไม่ยากหรอก นักศึกษาหญิงในมหาลัยของเรามีแค่ไม่กี่คนที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ภายในสามวันฉันจะขุดนังแพศยานั่นออกมาให้ได้”

“ทำไมเธอถึงรู้ว่าเป็นผู้หญิงล่ะ? บางทีอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้” ฉีฉีเก๋อย้อนถาม

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตวัดฝ่ามือตบหลังศีรษะเธอทันที “ผู้ชายคนไหนจะตั้งชื่อตัวเองว่าฮวาจิงหลิงกัน? อีกอย่างเธอดูถ้อยคำร้ายกาจปนริษยาของหล่อนสิ แค่อ่านก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจคับแคบและมั่นใจว่าต้องรู้จักเหมยเหมยร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันจะบอกเธอให้นะว่าตัวการเบื้องหลังต้องเป็นคนรู้จักร้อยละแปดถึงเก้าสิบแน่นอน ใครมันจะอยู่ว่าง ๆแล้วกุเรื่องใส่ร้ายคนแปลกหน้ากันล่ะ!”

………………………..

ตอนที่ 1931 สหายใต้หล้ามีมากล้น

เหมยเหมยพลันนึกขึ้นได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดมีเหตุผลมาก ร้อยละแปดสิบถึงเก้าสิบคนที่พูดใส่ร้ายเธอลับหลังต้องเป็นคนคุ้นเคยแน่นอน คนที่ไม่รู้จักไม่มีทางทำอะไรเธอลับหลังได้หรอก

ฮวาจิงหลิงนี่มันเป็นใครกันนะ?

มั่นใจได้เลยว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาเธออยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยจนแทบไม่ออกไปไหน อย่างมากก็แค่เอ่ยทักทายพวกนักเรียนหญิงในชั้นเรียน หากพูดถึงความขัดแย้งละก็คงเหลือเพียงแค่สวีจื่อเซวียนกับเจิ้งเสวี่ยซานแล้วล่ะ

แต่ตอนนี้สวีจื่อเซวียนนอนอยู่โรงพยาบาลไม่อาจขยับกายไปไหนได้ ส่วนเจิ้งเสวี่ยซานนั้นเกรงว่าจะมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจรู้ได้ ดังนั้นสองคนนี้ตัดทิ้งไปได้เลย งั้นแล้วจะเหลือใครอีกล่ะ?

“หรือจะเป็นสีอันน่า? ฉันว่าเขาทำตัวประหลาด ๆขึ้นทุกวันนะ แถมยังมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวด้วย” ฉีฉีเก๋อว่า

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธทันที “คงไม่ใช่เธอแน่ ถึงแม้ยัยบ้าสีอันน่าจะดูไม่ใช่คนดีอะไรแต่เธอขี้ระแวงไปหน่อย ซ้ำยังรู้จักหาผลประโยชน์เพื่อเลี่ยงอันตรายด้วย ไม่กล้าพอที่จะแทงข้างหลังหรอก”

เหมยเหมยเห็นด้วยกับความคิดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อก่อนเธอเอาแต่คิดว่าเจิ้งเสวี่ยซานปลิ้นปล้อนที่สุด แต่ดูจากตอนนี้แล้วคนที่กลับกลอกที่สุดน่าจะเป็นสีอันน่า

ยัยนี่เป็นกิ่งก่าเปลี่ยนสีมาตั้งแต่เกิดและดูเหมือนว่าจะสอดไปหมดทุกเรื่อง แต่อันที่จริงเธอก็เอาตัวรอดไปได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าเรื่องใดก็รอดหมด

“งั้นมีใครอีกล่ะ? คงไม่ใช่ถังม่านลี่หรอกมั้ง เธอไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวนี่นา” ฉีฉีเก๋อปวดหัวตุบ ๆ คิดไม่ตกเลยว่าใครน่าสงสัยมากที่สุด

เหมยเหมยเองก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร ขมวดคิ้วแน่น อารมณ์ไม่ดีสุด ๆเลย

จู่ ๆก็ถูกคนใส่ความในสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดนั่นก็คือการเป็นมือที่สาม อารมณ์ดีได้สิแปลก ไม่รู้ว่าแอบโดนคนในมหาวิทยาลัยหัวเราะเยาะไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!

“ใจเย็น ๆ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะต้องลากตัวยัยนั่นออกมาให้ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมั่นใจเต็มเปี่ยม คนอย่างคุณหนูเหริ่นมิตรสหายใต้หล้ามีมากล้น ความเก่งกาจไม่ใช่แค่เรื่องโม้ ถึงช่วงเวลาสำคัญก็ต้องออกโรงแล้ว!

เธอให้เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อแยกย้ายกลับบ้าน ไม่ต้องยุ่งเรื่องใดทั้งสิ้นแล้วนั่งรอข่าวดีจากเธอก็พอ

“ฉันกลับไปเล่นคอมพิวเตอร์ที่หอพักดีกว่า กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ฉันจะคอยดูด้วยว่ายัยฮวาจิงหลิงนั่นจะพูดอะไรอีก” เหมยเหมยพูดลอดไรฟัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้กลับหอพักแต่ไปหาผองเพื่อนด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมล้น พูดตามตรงมนุษยสัมพันธ์ของเธอไม่เลวเลย ไม่ว่าจะคณะไหนปีไหนก็ล้วนมีเพื่อนของเธอทั้งนั้น แม้แต่วิทยาเขตนักเรียนต่างชาติคุณหนูเหริ่นก็ยังมีฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นเพื่อนอยู่หลายคน ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอไปรู้จักได้อย่างไร

เหมยเหมยและฉีฉีเก๋อกลับมาถึงหอพัก ถังม่านลี่กับสีอันน่าก็อยู่ด้วย สีอันน่ากำลังเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ ช่วงนี้นักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยคลั่งไคล้การเล่นเกมเซียนกระบี่มาก สีอันน่าก็เช่นกันพอว่างหน่อยก็จะเล่นเกมเซียนกระบี่อยู่ในหอพัก และเพื่อการนี้เธอจึงได้ซื้อคอมรุ่น 486 มาโดยเฉพาะจนหมดเงินไปหลายพันหยวน

แต่ตอนนี้เธอคงจะไม่ได้เล่นเกมเพราะไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากเกมเลย ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนกำลังซุบซิบนินทาน่าจะกำลังส่องกระทู้ของมหาวิทยาลัยอยู่

ถังม่านลี่นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก แต่งตัวแต่งหน้าสวยดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก ทั้งสองคนเห็นเหมยเหมยเข้ามาก็มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเริ่มยุ่งกับธุระส่วนตัว

แต่ช่วงนี้ถังม่านลี่ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปมาก ยามอยู่ในหอพักก็พูดคุยน้อยลงแตกต่างไปจากตอนเปิดเทอมที่ชื่นชอบเรื่องซุบซิบนินทาอย่างสิ้นเชิง แม้จะดูสวยและมีเสน่ห์มากขึ้นแต่กลับกร้านโลกขึ้นมาไม่น้อย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ใสซื่อบริสุทธิ์

สุดท้ายสีอันน่าก็อดไม่ได้ถามหยั่งเชิงว่า “จ้าวเหมย เธอดูกระทู้ของมหาวิทยาลัยหรือยัง? มีคนที่ชื่อฮวาจิงหลิงกำลังใส่ร้ายป้ายสีเธออยู่นะ!”

………………………………………………………….

ตอนที่ 1928 จ้าวเหมยเป็นมือที่สาม

คอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องซีพียูรุ่น 386 ถูกนักศึกษาคนอื่น ๆจับจองไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรุ่น 286 ซึ่งเครื่องที่เหมยเหมยเปิดใช้งานก็คือรุ่น 286 จึงตอบสนองช้า ไฟหน้าจอกะพริบอยู่หลายครั้งและช้ายิ่งกว่าเต่าเสียอีก

ขณะที่เหมยเหมยเกือบจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อ ในที่สุดคอมพิวเตอร์ก็เปิดใช้งานได้สำเร็จสักที เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสอนให้เธอเข้าไปในกระทู้ประจำมหาวิทยาลัย เพิ่งกดเข้าไปเหมยเหมยก็เห็นรูปถ่ายสวยงามรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปที่เธอกับเหยียนหมิงซุ่นกอดจูบกันอย่างดูดดื่มพอดี

หากบอกตามตรงรูปนี้ถ่ายได้ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องมุมหรือแสงไม่มีที่ติเลย สามารถเอาไปใช้เป็นรูปหน้าปกนิตยสารได้เลย

คนที่ปล่อยรูปนี้เป็นนักศึกษาประจำมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เธอได้ข่าวว่าเป็นรองประธานชมรมถ่ายภาพที่ไม่ทราบชื่อสกุลที่แท้จริง แต่กลับมีฉายาในโลกอินเตอร์เน็ตนามว่า ‘ชางไห่อี๋เซี่ยว’

ผลงานของเขาได้รับรางวัลจากทั่วประเทศมามากมายจึงพอมีชื่อเสียงในวงการช่างภาพเมืองหลวงอยู่บ้าง เขาเป็นผู้ใช้งานกระทู้มหาวิทยาลัยบ่อย ๆ เพราะเขามักปล่อยผลงานที่ตนพึงพอใจในกระทู้เป็นระยะ ๆเพื่อให้อาจารย์และนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยวิพากษ์วิจารณ์

อีกอย่างผลงานส่วนมากของเขาก็ได้มาจากรั้วมหาวิทยาลัยเมืองหลวงแทบทั้งสิ้น รวมถึงภาพทิวทัศน์รอบเมืองที่ล้วนเป็นสถานที่อันคุ้นตาของทุกคน ภาพปกติที่ดูคุ้นเคยกันดีกลับดูงดงามเป็นพิเศษยามอยู่ภายใต้เลนส์กล้องของเขาราวกับถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

นักศึกษาที่ได้ฉายาว่าชางไห่อี๋เซี่ยวก็ได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองคืนคริสต์มาสอีฟเมื่อคืนเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายของเขาคือการถ่ายภาพ เดิมทีคิดว่าคงไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรแต่เขากลับเจอคู่เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นเข้าเลยดีใจพร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปหลายใบ นอกจากนี้ยังล้างรูปออกมาทั้งหมดภายในคืนนั้นแล้วเลือกรูปที่พอใจมากที่สุดลงในกระทู้มหาวิทยาลัย

จูบแห่งยุคปลายศตวรรษ–

นี่เป็นชื่อภาพที่ชางไห่อี๋เซี่ยวตั้งเอาไว้ อีกทั้งยังได้รับยอดไลก์จากนักศึกษามากมาย ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งชื่อได้ดี เป็นจูบแห่งยุคปลายศตวรรษจริง ๆไม่ใช่หรือไง?

แม้สังคมในยุคปลายปีเก้าศูนย์จะเปิดกว้างมากขึ้นแต่ก็ยังไม่มากเท่าไร หากจูงมือโอบไหล่ในที่สาธารณะไม่ใช่ปัญหาซึ่งถือได้ว่าพัฒนาขึ้นมากแล้ว แต่การจูบในที่โจ่งแจ้งแบบพวกเหมยเหมยอย่างดูดดื่มร้อนแรงไม่มีใครกล้าทำขนาดนี้หรอก

กลัวเพียงแต่ว่าพอคุณเพิ่งจูบไปไม่นานก็มีผู้ที่เรียกตนว่าผู้ผดุงศีลธรรมออกมาวิจารณ์ตำหนิว่าคุณทำให้สังคมเสื่อมเสียภาพลักษณ์ ผู้ชายจะถูกเรียกว่าคนลามกวิปริต ส่วนผู้หญิงจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงสำส่อน อย่างไรเสียก็จะมีถ้อยคำด่าสาดเสียเทเสียรอคุณอยู่เป็นกองเลยล่ะ!

สิ่งที่ตรงกันข้ามกับสังคมอนุรักษ์นิยมคือการเปิดโลกกว้างเรื่องนี้ในรั้วมหาวิทยาลัย

นักศึกษาผู้น่ารักเหล่านี้พยายามต่อสู้กับสังคมอนุรักษ์นิยมที่ล้าสมัย ต่อให้ต้องนองเลือดก็ไม่ย่อท้อ

รูปถ่ายนี้ของพวกเหมยเหมยได้รับยอดไลก์ของคนเกือบพันคน อีกทั้งยังมีคนตอบกระทู้นี้อย่างล้นหลาม

“ความโรแมนติกที่แสนสวยงาม ขอเสนอให้ทางมหาวิทยาลัยใช้รูปนี้เป็นโปสเตอร์รับสมัครนักศึกษาของปีหน้า เชื่อว่าจะมีรุ่นน้องมากมายสึกสนใจและพยายามแก่งแย่งกันเข้ามาเรียนแน่นอน”

“ใช่ คนภายนอกต่างบอกว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งเราไม่มีคนสวย งั้นก็ให้พวกเขาได้เห็นโฉมหน้าอันงดงามของดาวมหาลัยของเราสักหน่อย ในอดีตไม่เคยมีและอนาคตก็จะไม่มีใครสู้ได้…”

“ดาวมหาลัยไม่ใช่แค่หน้าตาดีแต่ยังมากความสามารถอีกต่างหาก ผู้ชายแบบไหนกันนะที่จะสมฐานะ? ฉะนั้น…มีใครรู้บ้างว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน?”

“ฉันรู้ ผู้ชายคนนี้เป็นคู่หมั้นของดาวมหาลัยแต่ลึกลับมาก นี่เพิ่งเคยเห็นปรากฏตัวครั้งแรกเลยนะ!”

“คู่หมั้นของดาวมหาลัยหุ่นดีชะมัดเลย ไหนจะเป็นประเภทที่ฉันชอบมากด้วย เย็นชาแต่รักเดียวใจเดียว เหมือนเทพเจ้าแห่งนรกเฮดีนเลย…นี่เป็นผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด…”

“เหมือนเฮดีนมากจริง ๆ ดาวมหาลัยดูมีความสุขจัง เธอทำให้ฉันเชื่อในรักแท้อีกครั้ง!”

……

คนตอบกระทู้ล้วนมีแต่คำชื่นชมและอิจฉา เหมยเหมยไล่อ่านทีละข้อความ ๆจนตัวเองเผลอหลุดขำไปด้วย ไฟโทสะที่ก่อตัวเพราะถูกแอบถ่ายก็จางหายไปมากทีเดียว แต่ว่า–

“พวกเธอใสซื่อจริง ๆ จ้าวเหมยไม่มีคู่หมั้นอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนี้มีภรรยาแล้ว จ้าวเหมยเป็นชู้รักของเขา เธอก็เป็นแค่มือที่สามที่เปิดเผยสถานะอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้เท่านั้นเอง!”

…………………………………………………..

ตอนที่ 1929 เอาหลักฐานออกมากาง

เหมยเหมยมีสีหน้าดุดันไล่อ่านต่อไป จากนั้นจึงพบว่าข้อความนี้มาจากคนที่ใช้ชื่อว่า ‘ฮวาจิงหลิง’ และตอบกลับเมื่อสิบนาทีก่อน อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพราะเธอยังคอยตอบกลับข้อความไม่หยุด

มีคนเสนอข้อสงสัยกล่าวหาว่าคนที่ชื่อฮวาจิงหลิงกำลังโกหก ฮวาจิงหลิงจึงตอบกลับ “ฉันพูดความจริงทั้งนั้น พวกเธอก็ไม่ลองคิดดูว่าถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคู่หมั้นของจ้าวเหมยจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาล่ะ? ก็เพราะผู้ชายคนนี้เปิดเผยตัวตนอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้จ้าวเหมยเลยไม่กล้าพาออกมาให้เห็นไง”

“แต่คืนฉลองคริสต์มาสผู้ชายคนนี้ก็เปิดเผยตัวตนแล้วไม่ใช่เหรอ?” มีคนสงสัย

ฮวาจิงหลิงตอบกลับ “กลางคืนดึกดื่นแล้วคนยังเยอะขนาดนั้นอีก พวกเธอมีใครเห็นได้ชัดบ้าง? อีกอย่างพวกเธอเห็นผู้ชายคนนี้เปิดเผยหน้าตาแล้วหรือยัง?”

ในรูปถ่ายมีเพียงปลายคางของเหยียนหมิงซุ่นโผล่ออกมาให้เห็นอย่างว่าจริง ๆ แต่นั่นเป็นเพราะเขากำลังจูบกับเหมยเหมยแล้วจะให้โผล่มาทั้งหน้าได้อย่างไรกันล่ะ?

คิดไม่ถึงว่าฮวาจิงหลิงคนนี้จะใช้จุดนี้ในการใส่ความ แต่ดันมีคนไร้สมองมากมายที่หลงเชื่อ

“ไม่ได้โผล่หน้าให้เห็นจริง ๆด้วย หรือว่าดาวมหาลัยเป็นมือที่สามจริง ๆ? พระเจ้า…น่ากลัวมาก!”

“ฮือ ๆ…ทำไมผู้หญิงสวย ๆถึงชอบเป็นมือที่สามกันนะ? ก่อนหน้านี้สวีจื่อเซวียนก็คนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ดาวมหาลัยก็เป็นเหมือนกันอีก!”

“เพราะผู้ชายพวกนั้นมีเงินมีฐานะไง อยู่กับพวกเขามีเงินซื้อเสื้อผ้ากับกระเป๋าสวย ๆได้ แล้วยังซื้อเครื่องประดับราคาแพงได้ ลำพังนักศึกษาจน ๆอย่างนายซื้อไหวเหรอ?” ฮวาจิงหลิงพูดประชดอย่างไม่เกรงใจ

มีคนกลุ่มหนึ่งตอบกลับเธอด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ยาวเป็นพรวน ซึ่งดูจากชื่อแล้วน่าจะเป็นผู้ชายทั้งสิ้น คิด ๆแล้วคงกำลังใช้สื่อประมาณว่าอยู่ในอารมณ์ที่พูดไม่ออก!

แต่ก็บ่งบอกได้ว่ามีคนมากมายหลงเชื่อคำพูดของคนที่ชื่อฮวาจิงหลิงว่าเหมยเหมยเป็นมือที่สามจริง ๆ

“คนที่ชื่อฮวาจิงหลิงพูดเหลวไหลทั้งเพ น่าโมโหชะมัด ฉันจะด่าเอง!”

ฉีฉีเก๋อแย่งแป้นพิมพ์มาอย่างอดไม่ได้แต่เธอพิมพ์ค่อนข้างช้าทั้งยังเป็นการพิมพ์แบบใช้นิ้วจิ้ม ๆเอาอีก จึงทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหผลักเธอออกไป “พิมพ์ช้าเป็นเต่าคลานอย่างเธออย่ามาทำตัวอับอายขายหน้าเลย ฉันจะถ่วงเวลานังแพศยานี่ไว้เอง เธอไปตามหาให้ทั่วห้องนะ ฉันเดาว่านังแพศยาคนนี้น่าจะยังอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์นี่แหละ!”

“นั่นสิ ทั้งมหาวิทยาลัยก็มีแค่ห้องคอมพิวเตอร์ห้องเดียว ตอนนี้หล่อนกำลังตอบข้อความอยู่ งั้นก็แปลว่าต้องอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ ฉันจะไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย”

ฉีฉีเก๋อถึงบังอ้อเลยเบิกตากว้างก่อนจะวิ่งผลุนผลันออกไปตามหา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนใช้สองมือกดแป้นพิมพ์เกิดเสียงดังปึงปัง ๆ แค่ดูก็รู้ว่าคงผ่านการเล่นคอมพิวเตอร์มาไม่น้อย เธอทักถึงฮวาจิงหลิงโดยตรง “เธอบอกว่าจ้าวเหมยเป็นมือที่สามก็ต้องมีหลักฐานมากางสิ ผู้ชายที่ลึกลับคนนั้นชื่ออะไร ทำงานอะไร ภรรยาของเขาเป็นใคร เรื่องพวกนี้ถ้าเธอบอกกล่าวหาลอย ๆแบบนี้ใครจะเชื่อ? แบบนี้ฉันยังพูดได้เลยว่าเธอเป็นสาวจากสโมสรเศรษฐีน่ะ!”

เดิมทีเหมยเหมยค่อนข้างโมโหพอสมควร แต่พอเห็นประโยคของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็อดขำไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นในใจและไม่ได้โมโหเท่าก่อนหน้านี้แล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวฮวาจิงหลิงนี่มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้เธอพูดจาเหลวไหลใส่ความไปเรื่อย ๆ คนที่ไม่รู้ความจริงจะต้องหลงเชื่อถ้อยคำบ้าบอของยัยนี่แน่ ๆ

พอเหมยเหมยเห็นว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพียงคนเดียวก็เพียงพอสำหรับการต่อกรกับอีกฝ่ายแล้ว เธอจึงลุกขึ้นไปตามหาผู้ต้องสงสัยที่น่าจะเป็นฮวาจิงหลิงด้วยอีกคน ห้องคอมพิวเตอร์ค่อนข้างกว้างมีหลายสิบคนกำลังเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ หากช่วยกันตามหาคงจะเร็วขึ้นบ้าง

ฮวาจิงหลิงโมโหแทบแย่เพราะถ้อยคำของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลยโต้กลับ “เธอสิสาวจากสโมสรเศรษฐี เธอคงเป็นขี้ข้ารับใช้ของมือที่สามนั่นสินะ ดูนิสัยทาสของเธอสิ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “เธอบอกว่าเธอไม่ใช่สาวจากสโมสรเศรษฐีก็เอาหลักฐานมากางสิ เธอพูดลอย ๆว่าตัวเองไม่ใช่สาวนั่งดริ๊งก์ ฉันเองก็ไม่ใช่เชียนหลีเหยี่ยน[1] ที่จะพิสูจน์ได้ว่าเยื่อพรหมจรรย์เธอยังอยู่ผ่านจอคอมพิวเตอร์ได้สักหน่อย!”

………………………

[1] เชียนหลีเหยี่ยน หรือตาพันลี้ เทพตาทิพย์ที่มีหน้าที่คอยช่อยเหลือเจ้าแม่ในเรื่องต่างๆ

ตอนที่ 1926 อย่าใช้เหตุผลกับผู้หญิง

ความจริงเหยียนหมิงซุ่นนึกถึงเสี่ยวกัวได้กะทันหัน เสี่ยวกัวแต่งงานมาหลายปีแล้วแต่ไม่มีลูกสักที ทั้ง ๆที่สองสามีภรรยาไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ประเด็นสำคัญเลยคือพวกเขารู้จักกับเฉินซานเหมือนกัน

เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริงเหยียนหมิงซุ่นเลยมาหาเสี่ยวกัวและก็เป็นไปตามคาด เมื่อเสี่ยวกัวเองก็โดนพิษกู่เหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเฉินซานได้ทำร้ายคนไปมากเท่าไร อีกอย่างเขาทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไรกันแน่

พ่อมดยอดฝีมือบอกว่าพิษกู่หักสวาทไม่มียาถอนพิษ นั่นหมายความว่าเฉินซานไม่ได้มีเป้าหมายที่จะใช้กู่ควบคุมเขากับเสี่ยวกัว แต่บอกได้เพียงว่าเฉินซานทำไปเพื่อทำร้ายคน หากเป็นเช่นนี้จริง ๆเฉินซานก็คือโรคจิตคนหนึ่ง!

การให้เสี่ยวกัวไปรวบรวมรูปถ่ายมาก็เพื่อรวบรวมหลักฐานให้มากกว่านี้ จากความสามารถของเสี่ยวกัวเขาเชื่อว่าขณะเดียวที่เขารวบรวมรูปถ่ายคงตามสืบทุกเรื่องของเฉินซานในระยะเวลาสามสิบปีที่ผ่านมาได้ด้วยแน่ ๆ เพราะนั่นเป็นสัญชาตญาณตามสายอาชีพของเขา

แต่เจ้าหมอนี่ก็ขี้เกียจเหลือเกิน หากบอกให้เขาไปตามสืบทุกเรื่องในช่วงเวลาหลายสิบปีของเฉินซานโดยตรงเสี่ยวกัวจะต้องปฏิเสธแน่นอนและไม่คิดจะมีลูกอีกต่อไป

เฉินซานเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาจะต้องเอาหลักฐานมัดตัวไปฟาดหน้าเขาเพื่อให้เฉินซานยอมแพ้แต่โดยดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

เหมยเหมยนอนขี้เซาอยู่บนเตียงกระทั่งตอนเที่ยงแต่ยังอิดออดไม่ยอมลุกไปไหน เหยียนหมิงซุ่นกลับมาแล้วป้าฟางทำมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เขามองปราดเดียวก็รู้ว่ายัยตัวแสบกำลังคิดอะไรอยู่เลยอดหัวเราะไม่ได้

“ถ้ายังไม่ลุกก็ไม่ต้องคิดจะไปเรียนช่วงบ่ายแล้วนะ ไหนเธอบอกว่าเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดไม่ใช่เหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจเอ่ยขึ้น

ทุกวันหลังจากเหมยเหมยกลับจากมหาวิทยาลัยจะต้องพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยกับเขาทุกวัน ต่อให้เขาไม่ไปเรียนด้วยก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์และรู้ดียิ่งกว่าใครว่าอาจารย์คนไหนที่ยัยปีศาจน้อยของเขากลัวมากที่สุด ซึ่งก็คืออาจารย์ที่ถูกขนามนามว่าเป็นอาจารย์ขาโหดท่านหนึ่งนี่แหละ

แถมได้ยินมาว่ายังมีสี่มือปราบพญายมกับเจ้าอาวาสปราบมังกรอะไรเทือกนั้นอีก ลำบากนักศึกษาเหล่านี้จริง ๆที่ต้องอุตส่าห์คิดตั้งฉายาพวกนี้ขึ้น สงสัยคงศึกษาตำราของกิมย้งโกวเล้งและอุนสุยอันมาอย่างดีแล้วแน่เลย

กองผ้านวมสั่นระริก เหมยเหมยแอบคร่ำครวญในใจ เธอลืมอาจารย์ขาโหดคนนั้นไปได้อย่างไรนะ?

“เพราะพี่นั่นแหละฉันเลยไม่กล้าไปเรียนแล้ว เพื่อน ๆต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ ๆ…” เหมยเหมยเลิกผ้าห่มออกแล้วถลึงตาจ้องใครบางคน

เหยียนหมิงซุ่นหยิบเสื้อมาใส่ให้อย่างเอาอกเอาใจ “เมื่อคืนมืดขนาดนั้นใครจะเห็นชัดกันเล่า? อีกอย่างเมื่อคืนคนที่จูบก็ไม่ได้มีแค่เราอย่างน้อยก็มีเป็นสิบคู่ ไหนจะอีกคู่ที่เกือบจะทำอะไรเกินเลยตรงนั้นอยู่แล้วด้วยนะ”

เหมยเหมยถูกเขาจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “จริงเหรอ? พวกเขาอันนั้นกันจริงเหรอ?”

“จริงสิ แต่พอถึงขั้นตอนสุดท้ายพวกเขาก็ออกไปแล้ว เทียบกับพวกเขาแล้วที่เราทำไปก็แค่เล็กน้อย เธอจะกังวลอะไรเนี่ย?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยหน้าตายไม่แม้แต่จะกะพริบตา

เมื่อคืนเหตุการณ์ร้อนแรงไปหน่อยก็จริงแต่ไม่ได้ถึงขั้นที่เขาพูด แต่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของยัยตัวแสบ เขาจำเป็นต้องใส่สีตีไข่เพิ่มสักนิด

เหมยเหมยถูกเขาเบี่ยงความสนใจไปได้สำเร็จเลยรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอกับเหยียนหมิงซุ่นแค่จูบกันเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆเกือบจะดำเนินไปถึงขั้นตอนสุดท้ายเลยนะ เธอมีอะไรให้กังวลอีกล่ะ?

“เฮ้ย ใกล้จะเที่ยงแล้ว ทำไมพี่ไม่มาปลุกฉันเร็วกว่านี้ล่ะ คาบแรกเป็นคาบของอาจารย์ขาโหดเชียวนะ ถ้าไปสายละก็ต้องโดนทำโทษให้ยืนสำนึกผิดอีกแน่เลย…”

เหมยเหมยดูนาฬิกาแวบหนึ่งก็สะดุ้งตกใจจนตื่นเต็มตาแล้วก็รีบสวมเสื้อผ้าอย่างว่องไว ก่อนจะรีบวิ่งไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยความร้อนรน ขณะที่แปรงฟันไปก็บ่นเหยียนหมิงซุ่นไป เหยียนหมิงซุ่นลูบจมูกปอย ๆอย่างระอา ใช้เหตุผลกับผู้หญิงไม่ได้จริง ๆ!

ใครให้เขาตามใจยัยตัวแสบนี่ล่ะ!

ยอมทุกอย่างแม้เธอจะทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ และสามารถให้อภัยได้กับจุดด้อยของเธอทุกอย่าง…

มื้อเที่ยงถูกจัดการไปราวกับกำลังต่อสู้ เหยียนหมิงซุ่นไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง พอรถยนต์ผ่านหอสมุดเหมยเหมยก็ฉุกคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันคริสต์มาส เธอจึงเอ่ยถามว่า “เจียงจื้อหรู่แต่งงานวันนี้สินะ?”

………………………

ตอนที่ 1927 โด่งดังแล้ว

“กำลังจัดเลย จัดที่โรงแรมเมืองหลวงนี่แหละ” เหยียนหมิงซุ่นขับรถไปตอบคำถามไป

เหมยเหมยลอบถอนหายใจแผ่วเบา เกรงว่าวันไหนสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายขึ้นมาจริง ๆก็ขัดขวางงานแต่งงานนี้ไม่ได้อีกแล้วสินะ!

ทั้งน่าเศร้าน่าสงสารและน่าแค้นใจนัก!

เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้นอีก “เพื่อนคนนั้นของเธออาการไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะขาหักไปข้างหนึ่ง ต่อให้กลับมาหายดีก็เดินแบบปกติไม่ได้อีกแล้ว ส่วนขาอีกข้างก็อาการไม่สู้ดีนัก ถือว่าพิการไปแล้ว”

อย่าพูดถึงแค่ว่าอีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางอากาศเย็นจัดเป็นเวลานานเลย เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งผ่านการแท้งมาก่อนอีกต่างหาก สวีจื่อเซวียนสุขภาพแย่ลงอย่างสิ้นเชิงและตลอดชีวิตนี้ต้องทุกข์ทรมานกับโรคภัยไข้เจ็บเท่ากับคนพิการคนหนึ่งไปอย่างสมบูรณ์แบบ

เหมยเหมยถอนหายใจอีกที คนน่าสงสารคือคนที่ทำผิดแล้วไม่รู้จักปรับปรุงตัว ผลลัพธ์ที่สวีจื่อเซวียนได้รับจะโทษใครได้ล่ะ?

“ต่อให้น่าสงสารแล้วทำไงได้ ทำได้แค่โทษตัวเธอเองเท่านั้นแหละ”

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขายังกังวลว่ายัยโง่คนนี้จะใจอ่อนแล้วสอดมือไปยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกด้วยซ้ำ!

พอส่งเหมยเหมยถึงใต้ตึกอาคารเรียนแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็พูดทิ้งท้ายไม่กี่ประโยคแล้วก็จากไป ใต้ตึกอาคารเรียนคณิตศาสตร์มีนักศึกษาที่หอบตำราเรียนอยู่ไม่น้อย แม้คืนของการเฉลิมฉลองจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ทุกคนยังดูคึกคักอยู่เหมือนเดิมราวกับถูกฉีดยากระตุ้นมาเสียอย่างนั้น

“ดาวมหาลัยมาแล้ว…คนที่ขับรถคือผู้ชายคนเมื่อคืนเหรอ? โรแมนติกจัง…”

มีคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่เบานัก เดิมทีเหมยเหมยยังคิดจะแอบย่องเข้าไปเงียบ ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนซึ่งแต่ละคนต่างหันมองมาทางเธอ ดั่งแสงสปอร์ตไลท์สาดส่องลงมาทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้

ถูกสายตาจับจ้องราวกับเข็มที่ทิ่มแทงตามตัวทำเอาเหมยเหมยนึกโกรธจนก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจหลายที แสร้งทำเป็นแน่นิ่งแล้วเดินตรงไปข้างหน้าไม่หันมองไปทางใด

แต่สายตาประหลาดรวมถึงเสียงซุบซิบด้านหลังทำเอาเธอหนีไม่พ้น หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ขาโหดคนนี้มีพลังทำลายล้างสูงเกินไปเหมยเหมยจะต้องหมุนตัวเดินกลับทันที ไม่เข้าเรียนคาบบ้า ๆนี่อีกแล้ว

ระยะทางสั้น ๆเพียงไม่กี่สิบเมตรแต่เหมือนกับเส้นทางสู่ลานประหาร ในที่สุดก็เดินมาถึงห้องเรียนสักทีเหมยเหมยจึงถอนหายใจพรูยาว ขณะที่พวกฉีฉีเก๋อได้จับจองที่นั่งเสร็จสรรพแล้วโบกมือให้เธอ

“วันนี้เธอยังกล้ามาเรียนจริง ๆนะ? จุ๊ ๆ สุดยอด…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองเธอด้วยสายตามีเลศนัยปนหยอกล้อ

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อพลางยืดตัวตรงเถียงกลับไป “มีอะไรให้กลัวกัน? ไม่ได้ทำเรื่องอะไรน่าอายสักหน่อย…”

ลำพังแค่จูบเท่านั้นและไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวสักหน่อย มีคนตั้งมากมายที่จูบกันแล้วทำไมถึงต้องจ้องเล่นงานเธอคนเดียวล่ะ?

“ใครให้เธอเป็นดาวมหาลัยกันล่ะ อีกอย่างคนอื่นเขาจูบกันในมุมอับแสงแบบหลบ ๆซ่อน ๆแต่เธอก็นะ สงสัยกลัวคนทั้งโลกไม่รู้ว่าดาวมหาลัยจ้าวอย่างเธอจะจูบแล้ว แล้วไหนจะยืนอยู่ตรงกลางที่แสงไฟสว่างมากที่สุดอีก ชิ…ร้อนแรงดุเดือดเหลือเกิน ยินดีด้วยนะ ตอนนี้เธอโด่งดังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองด้วยสายตาประหลาด ดูสมน้ำหน้าเล็กน้อยปนหยอกล้อ เหมยเหมยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเลยถามขึ้นว่า “พวกเธอหมายความว่าไง? พูดให้รู้เรื่องสิอย่าพูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้สิ!”

“เธอไปดูกระทู้มหาลัยเองเถอะ”

หลังเรียนคาบวิชาของอาจารย์ขาโหดอย่างกระวนกระวายจนหมดไปสองคาบ ทันทีที่หมดเวลาเรียนเธอก็พุ่งไปยังห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยด้วยความร้อนรน

ยุคนี้คอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่นิยมในเมืองหลวงมากขึ้นแต่ยังไม่ใช่สิ่งที่มีกันทุกครัวเรือน มีเพียงชนชั้นกลางขึ้นไปกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆถึงจะมีในครอบครอง มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเปิดให้เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ทั้งยังสร้างห้องคอมพิวเตอร์ที่ต่อสายอินเตอร์เน็ตเพียงในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทว่าก็มีอาจารย์นักศึกษาใช้บริการกันอย่างล้นหลาม

เหมยเหมยจ่ายเงินทันทีแล้วเปิดคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง คอมพิวเตอร์ในห้องคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นเครื่องซีพียูรุ่น 286 กับรุ่น 386 ที่ถูกคัดออกมาจากห้องปฏิบัติการประจำมหาวิทยาลัย การใช้งานจึงช้าเป็นพิเศษและเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นบางเฉียบในยุคภายหลังไม่ได้เลยสักนิด ฉะนั้นเธอจึงรังเกียจมากและนี่เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย!

………………………

ตอนที่ 1918 บรรยากาศหวานชื่นติดต่อกันได้

เหมยเหมยจึงครุ่นคิดตาม จนในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนใครบางคนไม่เคยบอกว่าตนเต้นรำไม่เป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ บอกเพียงว่าเขาไม่อยากเต้นรำเธอจึงคิดไปเองว่าหมอนี่เต้นไม่เป็น

“ในเมื่อพี่เต้นเป็นแล้วทำไมถึงไม่เคยเต้นกับฉันล่ะ?” คราวนี้เจ้าแมวน้อยกลายร่างเป็นแม่เสือสาวแยกเขี้ยวข่มขู่

เหยียนหมิงซุ่นจับเธอหมุนรอบตัวเองอีกหลายทีแล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนให้ตัวประกบแนบชิดกันอีกครั้ง บิดลำตัวไปตามจังหวะเพลงด้วยท่วงท่าที่หวานชื่นมาก

เหยียนหมิงซุ่นผ่านการฝึกซ้อมจากครูมืออาชีพมาก่อนส่วนเหมยเหมยยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ต่อให้เธอบิดตัวอย่างไม่ตั้งใจก็ดูเย้ายวนจับใจแล้ว นอกจากนี้ทั้งคู่ยังรู้ใจกันจึงเข้าขากันได้ดีมากจนทำให้รู้สึกเหมือนผ่านการซักซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วน

นักศึกษาคนอื่น ๆไม่ใช่นักเต้นมืออาชีพเพราะพวกเขามาเต้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่พอเห็นคู่เต้นที่มีความช่ำชอง ผู้ชายหล่อเหลาเต้นคู่กับหญิงสาวสวยน่าเย้ายวน ทั้งยังเต้นได้ดีขนาดนี้อีก…

เอาเสียพวกเขาเทียบไม่ติดเลย!

บรรดานักศึกษาต่างถอยห่างจากพวกเหมยเหมยอย่างเงียบ ๆ ทิ้งพื้นที่กว้างให้คู่นี้ ส่วนพวกเขาเชยชมอยู่ข้าง ๆก็พอแล้ว!

เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นกลายเป็นคู่ที่โดดเด่นมากที่สุดในฟลอร์เต้นรำ พวกเขาไม่รู้ตัวแล้วยังคงเต้นไปตามจังหวะเพลงเรื่อย ๆ

“ความจริงฉันอยากเต้นออกกำลังกายฉบับทหารมากกว่าแต่ที่รักไม่ยอม” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบพลางกลั้วหัวเราะเสียงเบาข้างหูเหมยเหมย ทั้งยังแลบลิ้นเลียเบา ๆทีหนึ่ง ความรู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าสถิตทำเอาเหมยเหมยร่างอ่อนยวบพลางถลึงตามองค้อนใส่เขาอย่างคุกรุ่นปนเขินอายแวบหนึ่ง

คนนิสัยไม่ดี!

“นี่มันมหาลัยของฉันนะ พี่สงบเสงี่ยมหน่อยอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อสิ!”

“ไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ขยับปากนิดเดียวเอง”

เหยียนหมิงซุ่นตอบไปตามความจริงด้วยสีหน้าจริงจังและอารมณ์ดีไม่หยอก เขาเพิ่งค้นพบว่าความจริงการได้เต้นรำกับยัยตัวแสบนี่ก็รู้สึกดีไม่เลว เมื่อก่อนไม่ควรปฏิเสธเลยจริง ๆ

ก่อนออกกำลังกายเต้นวอลซ์ผ่อนคลายสักเพลง ไม่มีวิธีปูทางก่อนบรรเลงเพลงรักได้ดีเท่านี้อีกแล้ว!

เดี๋ยวกลับไปลองสักหน่อยแล้วกัน!

หลังจบเพลงรุมบ้า ไม่นานก็เปลี่ยนเพลงใหม่อย่างรวดเร็วซึ่งครั้งนี้เป็นดนตรีที่ถูกใจเหยียนหมิงซุ่นพอดี ดนตรีเพลงสำหรับการเต้นแบบสไลว์ฟอกซ์ทรอท แสงไฟหรี่สลัวลงตามสไตล์เพลง แสงไฟเหนือศีรษะหมุนไปรอบ ๆอย่างเชื่องช้าโดยปล่อยแสงหลากหลายสีสันออกมาขับให้บรรยากาศดูสลัวยิ่งกว่าเดิม

ท่านผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนที่ค้นพบความสนุกสนานจากการเต้นรำย่อมไม่ปล่อยให้เหมยเหมยได้ไปพักผ่อนอย่างง่ายดาย เพื่อไม่เป็นการล่อฝูงหมาป่าอีกครั้งสู้เต้นรำไปแบบนี้ตลอดทั้งคืนยังจะดีเสียกว่า!

เขาเกี่ยวกระชับเอวคอดแน่น เอวคอดที่เล็กผอมบางเสียจนเขาสามารถกอบกุมมันได้เพียงมือเดียว บางครั้งเขาก็นึกแปลกใจว่าทำไมเอวของผู้หญิงถึงได้เล็กขนาดนี้?

มันมหัศจรรย์มากจริง ๆ!

แสงไฟมืดสลัวเป็นตัวกระตุ้นสารฮอร์โมนของทุกคนได้เป็นอย่างดี ปล่อยให้อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายความรัก หนุ่มสาวมากมายกำลังสวมกอดกันตัวแนบชิดปล่อยร่างกายขยับไปตามจังหวะเพลง คนส่วนมากกำลังเต้นตามดนตรีสไลว์ฟอกซ์ทรอทแต่ก็มีคู่รักบางส่วนเริ่มเอาใบหน้าแนบชิดกัน บรรยากาศดูหวานชื่นยิ่งกว่าเก่า…

บนฟลอร์เต้นรำเหลือเพียงเสียงดนตรี ทุกคนต่างดื่มด่ำอยู่กับเวลาสามนาทีอันแสนล้ำค่านี้

เหมยเหมยก็เริ่มซึมซับบรรยากาศนี้เข้า คิดว่าบรรยากาศหวานชื่นนี้คงติดต่อกันได้สินะ

เธอลอบมองไปทางซ้ายที่ไม่ไกลจากเธอมีคู่รักวัยหนุ่มสาวกำลังโอบจูบกันอยู่ ฝั่งขวาก็มีอีกคู่หนึ่งที่ทำเกินกว่าคู่นั้นอีก ตัดสินใจหยุดเต้นรำแล้วจูบกันอย่างดูดดื่มหลงลืมสิ่งรอบกายทุกอย่างไปชั่วขณะ

ทุกคนต่างใจเย็นกันมาก ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นหน่อยมันเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่าอะไร!

หากไม่เกิดอะไรเกินขอบเขตสินับว่าผิดปกติ

เหมยเหมยมองจนเนื้อตัวร้อนรุ่มเช่นเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังเต้นรำแบบเนื้อแนบเนื้อประจันหน้าเธออยู่ เพียงแต่ต่อให้เธอสวมรองเท้าส้นสูงก็สูงถึงแค่ปลายคางของเหยียนหมิงซุ่น อยู่ในจุดตำแหน่งลูกกระเดือกแสนเซ็กซี่ที่เธอชื่นชอบมากที่สุด นอกจากนี้ยังรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจเต้นเร็วตึกตักของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชัดเจน

น่าเย้ายวนใจชะมัด!

ลำคอเริ่มแห้งผาก เหมยเหมยแลบลิ้นเลียริมฝีปากน้อย ๆเพราะถูกคู่รักใจกล้ารอบตัวกระตุ้นอารมณ์…

จนเธอเริ่มรู้สึกต้องการขึ้นมา!

…………………………….

ตอนที่ 1919 ทำการแสดงต่อหน้าผู้คน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกร้อนรุ่มแทบแย่เพราะเขาสังเกตถึงบรรยากาศร้อนระอุจากรอบข้างตั้งนานแล้ว จากการนับผิวเผินของเขามีคู่รักอย่างน้อยสิบคู่ที่กำลังกอดจูบกันอยู่ มีคู่หนึ่งหนักหนาที่สุดถึงขั้นพากันออกจากงานซึ่งคาดว่าคงไปหาจุดลับตาคนจัดการปัญหาบางอย่างแล้ว

เขาตกใจจริง ๆว่ารั้วมหาวิทยาลัยเปิดกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

แต่มากกว่านั้นคือเขารู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยคืนนี้เขาได้ตามมาด้วย สภาพแวดล้อมแบบนี้ต้องพาเหมยเหมยเสียคนแหง!

ทันใดนั้น–

ความรู้สึกร้อนชื้นแผ่ซ่านมาจากส่วนลำคอที่เป็นสัมผัสลื่น ๆร้อนรุ่ม ปนเสียวซ่าน…

เกิดอะไรขึ้น?

เหยียนหมิงซุ่นก้มมองกลับพบว่าใครบางคนกำลังกะพริบตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ เธอแลบลิ้นสีแดงระเรื่อออกมาเลียลูกกระเดือกเขาแผ่วเบาทีหนึ่งทำเอาเหยียนหมิงซุ่นร่างสะท้าน ความรู้สึกร้อนรุ่มเริ่มก่อตัวขึ้นในท้องน้อยและลำคอแห้งผากยิ่งกว่าเดิม!

ยัยปีศาจน้อยเสียคนแล้วจริง ๆด้วย!

แต่รู้สึกไม่แย่เลยจริง ๆ!

“ที่รัก…”

ยายแมวเหมียวขานเรียกเสียงแผ่วพลางเขย่งปลายเท้าจุ๊บปลายคางเขาอีกที เหยียนหมิงซุ่นจะทนอย่างไรไหวจึงส่งเสียงครางตอบในลำคอก่อนจะสละมือข้างหนึ่งมารั้งท้ายทอยของเหมยเหมยแล้วประกบจูบลงไปอย่างร้อนแรง

ยัยปีศาจน้อยทุ่มเทขนาดนี้แล้วถ้าหากเขายังไม่ทำอะไรอีกคงเสียชื่อความเป็นชายหมด!

ทั้งคู่ต่างหยุดทุกการกระทำพลางกอดจูบตัวแนบชิดอยู่กลางฟลอร์อย่างเร่าร้อน

คู่ของพวกเขากลายเป็นจุดเด่นในงานไปชั่วขณะซึ่งคู่รักอื่น ๆต่างหลบไปแอบจูบกันตรงมุมอื่นอย่างรู้ตัว แต่คู่นี้กลับตรงกันข้ามกลัวคนอื่นจะมองไม่เห็นถึงได้ยืนกอดจูบเร่าร้อนอยู่กลางฟลอร์แบบนี้…

อื้อหือ อิจฉาเสียจริง!

“นั่นดาวมหาลัยไม่ใช่เหรอ? โอ้โห…ดาวมหาลัยมีเจ้าของแล้วเหรอ?” ทุกคนล้วนหยุดท่าเต้นแล้วหันมาชมการแสดงของพวกเหมยเหมยอย่างไม่ละสายตา ทำเอาทุกคนทั้งอิจฉาทั้งริษยา

“ได้ยินมานานแล้วว่าดาวมหาลัยมีคู่หมั้นแล้ว หรือว่าผู้ชายคนนั้นก็คือคู่หมั้นของดาวมหาลัย? หล่อจัง!”

“ดาวมหาลัยก็สวยมากนะ พวกเขาเหมาะสมกันจัง…เหมือนภาพวาดเลย โรแมนติกมาก!”

……

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างเต้นรำอยู่กับคู่ควงของตนบนฟลอร์เต้นรำเช่นกัน พอเห็นเพื่อน ๆกลางฟลอร์หยุดเต้นจึงเบียดเข้าไปมุงอีกคนก่อนจะเบิกตากว้างเสียจนลูกตาแทบถลนออกมา

“เหมยเหมยหน้าด้านขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? กล้าทำการแสดงต่อหน้าผู้คนแบบนี้เลยเหรอ…จิ๊ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร่ำบ่นแต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกอิจฉา โรแมนติกดีจัง!

ฉีฉีเก๋อกะพริบตาปริบ ๆพลันผุดคำถามหนึ่งขึ้นมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก “จูบนานขนาดนี้หายใจทันเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนแล้วตวัดตามองไปทางฉางชิงซงที่เดินตามมาอย่างมีเลศนัยก่อนจะแสร้งพูดขึ้นว่า “เธอลองจูบสักทีก็รู้แล้วนี่!”

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำทันที ถลึงตาใส่เธอด้วยความเขินปนโกรธ “เธอไปจูบเองสิ ฉันจะกลับหอแล้ว”

เธอชอบเต้นรำแต่ไม่ชอบการเต้นรำบอลรูมแบบนี้ เธอชอบการเต้นรำอย่างอิสระบนทุ่งกว้างโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ฟลอร์เต้นรำขนาดเล็กเกินไปทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและไม่สบายตัวนัก

ฉางชิงซงเดินตามหลังเธอไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่ง หลังจากสองคนนี้กลับไปจะต้องหามุมลับตามืด ๆจูบกันแน่นอน เธอขอพนันด้วยเนื้อวัวแดดเดียวสองถุงเลย!

บทเพลงจบลงอีกครั้ง ฟลอร์เต้นรำตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่นานก็มีคนผิวปากแซวด้วยเสียงหัวเราะ “มาอีกสักเพลง…”

เหมยเหมยที่ถูกจูบจนลืมตัวเพิ่งได้สติกลับมา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอจูบกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างดูดดื่มต่อหน้าสาธารณชน ความรู้สึกเขินอายถาโถมเข้ามาจนเธอรีบซุกหน้าลงกับอกของเหยียนหมิงซุ่นแล้วไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก

ไม่มีหน้าจะไปเจอใครอีกแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นกลับหน้าด้านกว่ามาก กวาดตามองรอบฟลอร์เต้นรำอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งรอบหนึ่งแล้วแผ่รังสีความเยือกเย็นออกมา เรียกให้พวกคนที่กำลังส่งเสียงกู่ร้องเสียวสันหลังวาบพร้อมตัวสั่นสะท้านเฮือก

เสียงทุกอย่างเงียบลงฉับพลัน!

พอได้สติแล้วมองกลับไปยังฟลอร์เต้นรำอีกทีก็พบว่าดาวมหาวิทยาลัยกับคนรักของเธอหายตัวไปแล้ว หายตัวไวปานสายลมก่อนที่เสียงดนตรีสไตล์ดิสโก้จะดังขึ้น ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีพลางขยับตัวไปมาตามจังหวะอย่างบ้าคลั่ง คืนแสนสนุกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

……………………………

ตอนที่ 1916 เข้าร่วมด้วยกัน

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเองก็ตื่นเต้นเช่นกันเห็นบอกว่าจะเข้าร่วมงานเต้นรำวันคริสต์มาสที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นอีกด้วย ในคืนวันนั้นทางมหาวิทยาลัยเมตตาอนุญาตให้นักศึกษาเล่นสนุกโต้รุ่งได้ ทำเอาเหล่านักศึกษาที่อัดอั้นมาตั้งนานเตรียมสนุกกันทั้งคืน!

“เหมยเหมยเธอจะมาร่วมงานเต้นรำไหม? สนุกมากเลยละ เสียดายที่ปีที่แล้วเธอกับฉีฉีเก๋อไม่ไป” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดโน้มน้าว

ปีที่แล้วเวลานี้เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นไปเที่ยวบ้านฉีฉีเก๋อจึงใช้เวลาวันคริสต์มาสที่ทุ่งกว้างและสนุกมากเช่นกัน อีกทั้งยังมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ด้วยนะ!

พอนึกถึงปีที่แล้วตอนยั่วยวนหลอกล่อเหยียนหมิงซุ่นที่ทุ่งกว้าง เหมยเหมยก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงใจกล้าขนาดนี้?

หน้าไม่อายมากจริง ๆเลย!

“ฉันต้องกลับไปถามก่อนว่าเขาวางแผนจะทำอะไรหรือเปล่า” เหมยเหมยก็เริ่มสนใจ การที่อาจารย์และลูกศิษย์ทั้งมหาวิทยาลัยมาร่วมฉลองด้วยกันแค่คิดก็น่าสนุกแล้ว!

*********

“งานเต้นรำวันคริสต์มาส? เพื่อนทั้งมหาวิทยาลัยจะเข้าร่วมกันหมดเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเงียบไปนาน สรุปอนุญาตหรือไม่อนุญาตกันแน่นะ?

คืนนั้นต้องมีเพื่อนผู้ชายมากแน่ ๆ แค่คิดเขาก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว แต่หากไม่ปล่อยให้เหมยเหมยไปเธอจะต้องงอนอีกแน่ ๆ ต้องคิดหาวิธีรับมือทั้งสองทางให้ได้!

“พี่…ฉันไปสนุกแค่สองชั่วโมงเอง แล้วจะกลับมาก่อนสี่ทุ่มแน่ ๆได้ไหม…”

เหมยเหมยกอดแขนออดอ้อนลากเสียงยาวหวานหยดย้อนราวกับขนมน้ำตาลเคลือบ ทำเอาคนฟังเสียวซ่านจับใจและเหยียนหมิงซุ่นเองก็ใจอ่อนยวบทำใจแข็งใส่ไม่ได้อีกต่อไป

“งั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเธอแล้ว…” เขาพูดเหมือนมีนัยยะแอบแฝงอยู่ เขาคิดในใจไว้แล้วว่าถึงตอนนั้นจะต้องหาเวลาไปร่วมงานเต้นรำกับยัยปีศาจน้อยนี้ให้ได้ มีหมาป่าอยู่ตั้งมากมาย หากเขาไม่อยู่จับตามองเขาคงไม่วางใจ

พอได้ยินดังนั้นเหมยเหมยก็เข้าใจทันทีจึงหน้าแดงระเรื่อ…

แต่เพื่อผลประโยชน์ของวันคริสต์มาสอีฟ เธอยอมทุ่มหมดหน้าตักเลยทำท่าเหมือนยอมให้อีกฝ่ายทำทุกอย่าง ขอแค่ผู้บังคับบัญชาใหญ่เหยียนพอใจก็พอ

……

ไม่นานคืนคริสต์มาสอีฟก็มาถึง เหยียนหมิงซุ่นรีบสะสางงานให้เสร็จตั้งแต่กลางวันเพื่อเตรียมพาภรรยาตนไปสนุกสนานตอนกลางคืน เขาต้องคอยกันหมาป่าพวกนั้นไว้

“พี่…พี่จะไปด้วยกันเหรอ?”

เหมยเหมยมองเหยียนหมิงซุ่นที่เตรียมไปพร้อมกับเธออย่างตกตะลึงจนลิ้นพันกันไปหมด หากมีสามีคอยตามติดแบบนี้แล้วเธอจะสนุกสนานอย่างเต็มที่ได้ไงล่ะ?

ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้แต่แรกเมื่อหลายวันก่อนเธอคงไม่จำเป็นต้องคอยเอาอกเอาใจอีกฝ่ายหรอก

ตอนนี้ยังปวดเอวอยู่เลย!

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งแวบหนึ่ง…

เธอรู้ตัวเองแล้วกัน

เหมยเหมยเสียววาบตรงคอ ต่อให้มีใจขัดขืนแต่กลับไม่มีความกล้านั้น เธอเลยเค้นรอยยิ้มหวานออกมาแล้วพูดอย่างฝืนใจว่า “ฉันอยากให้พี่ไปด้วยกันด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากอยู่ห่างพี่เลยแม้แต่นาทีเดียว…”

เหยียนหมิงซุ่นมองยัยปีศาจน้อยที่กำลังแสดงละครเกินจริงอย่างขบขัน ทักษะการแสดงที่เกินจริงแบบนี้แม้แต่คนโง่ยังดูออกว่ากำลังฝืนใจอยู่

“วันหลังถ้ามีงานเต้นรำแบบนี้ฉันจะไปกับเธอด้วย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำประโยคหนึ่ง พอเห็นสีหน้าเปลี่ยนไปของเหมยเหมยถึงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

สิ่งที่ชอบที่สุดคงไม่พ้นการหยอกล้อภรรยาแสนโง่นี่ล่ะ!

หยอกทีไรก็ได้ผลทุกที สนุกที่สุดเลย!

เหมยเหมยแอบทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แผ่นหลังเหยียนหมิงซุ่นแล้วกวาดสายตาหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อ แต่พอทั้งคู่เห็นเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าเย็นชาก็ตกใจจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง พวกเธอเลยตัดสินใจทิ้งเหมยเหมยชิ่งหนีไปก่อน

พวกเธอไม่อยากหาเรื่องอยากตายในคืนคริสต์อีฟหรอกนะ อยู่กับพญายมบาลในโลกมนุษย์แบบนี้จะสนุกอะไร?

ทั้งคู่ส่งสายตาให้เหมยเหมยเป็นเชิงหาทางเอาตัวรอดเองแวบหนึ่งก่อนจะจากไปอย่างไร้ซึ่งน้ำใจใด ๆ

เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเธอแวบหนึ่ง บนฟลอร์เต้นรำล้วนเป็นเพื่อนที่เธอไม่รู้จักจึงทำให้เหมยเหมยไม่กล้าเข้าไป เธอได้แต่หาที่นั่งแถวนั้นแล้วนั่งลงโดยมีเหยียนหมิงซุ่นคอยเฝ้าเธออยู่ข้าง ๆตามหน้าที่

“สวัสดี เต้นรำด้วยกันสักเพลงไหม?” ไม่นานเหมยเหมยผู้งดงามก็ได้ดึงดูดฝูงหมาป่าให้เข้าหา โดยมีเพื่อนผู้ชายใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งตัวให้เหมยเหมยทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยคำเชื้อเชิญ

………………………..

 ตอนที่ 1917 ฉันบอกเมื่อไรว่าเต้นไม่เป็น

เหมยเหมยรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ดีเลยคิดจะอ้าปากตอบรับ แต่เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาเยือกเย็นไปที่เพื่อนผู้ชายคนนั้นทำเอาอีกฝ่ายอดสะท้านเฮือกไม่ได้ แต่ยังหัวรั้นผายมือทำท่าเชื้อเชิญอย่างแน่วแน่ต่อไป

นาน ๆทีดาวมหาวิทยาลัยจะเข้าร่วมงานเต้นรำด้วย เขาไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆแบบนี้ไป!

เหมยเหมยทำท่าเคอะเขินเล็กน้อย แม้เธอจะไม่ค่อยได้ร่วมงานเต้นรำบอลรูมเช่นนี้บ่อยนักแต่พอจะรู้กฎอยู่บ้าง ปกติหากผู้หญิงถูกผู้ชายเชิญเต้นรำจะไม่สามารถปฏิเสธได้ด้วยเรื่องมารยาท

อีกอย่างเธอรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ดีจริง ๆนะ!

ร่วมเต้นรำกับเพื่อนมากมายขนาดนี้ น่าสนุกออก!

“ขอบคุณ…” เหมยเหมยลุกขึ้นยืนตัดสินใจรับคำเชิญ แค่เต้นรำด้วยกันเพลงเดียวเท่านั้นเอง เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกมั้ง?

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือใครบางคนดันใจแคบขนาดนี้จริงๆ ด้วย จิตใจคับแคบยิ่งกว่าเข็มเสียอีก!

เพื่อนผู้ชายคนนั้นนัยน์ตาฉายแววดีใจแวบหนึ่ง ได้เต้นรำกับดาวมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่สามารถเอาไปโม้กับเพื่อน ๆได้ในอนาคตเชียวนะ!

เพียงแต่–

มือของเพื่อนผู้ชายยังไม่ทันได้สัมผัสมือขาวละเอียดของเหมยเหมยดาวมหาวิทยาลัยคนสวยก็ถูกลมหอบตัวไปจนไม่เหลือแม้แต่เงา เพื่อนผู้ชายที่น่าสงสารขยี้ตาและกวาดตามองรอบ ๆอย่างสงสัย

ดาวมหาลัยล่ะ?

ถูกพายุประหลาดหอบตัวไปหรือ?

เหมยเหมยถูกเหยียนหมิงซุ่นพามาที่ฟลอร์เต้นรำ ไม่นานก็จมหายไปท่ามกลางฝูงชน ขณะนี้ดนตรีได้เปลี่ยนเป็นเพลงจังหวะเร็วอย่างรุมบ้าซึ่งเพลงก่อนหน้านั้นเป็นดนตรีจังหวะวอลซ์ ทุกคนเริ่มเปลี่ยนจังหวะเท้าให้เร็วขึ้นอย่างอัตโนมัติแล้วร่วมเต้นรำเพลงรุมบ้ากันอย่างสนุกสนาน ชายกระโปรงบนฟลอร์เต้นรำบิดพลิ้ว แสงไฟหลากสีสาดส่องลงมาทำให้บรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้นมา

วันนี้เหมยเหมยสวมชุดกระโปรงพลิ้วสีแดงเลยเข่าซึ่งสะดวกต่อการเต้นรำมาก อีกทั้งยังช่วยให้เต้นได้สวยเป็นพิเศษ เธอเอาตัวแนบชิดเหยียนหมิงซุ่นแล้วบ่นอุบอิบ “พี่เต้นไม่เป็นด้วยซ้ำ พาฉันเข้ามาเต้นเพลงพื้นบ้านเหรอ?”

เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเธอจะชวนเหยียนหมิงซุ่นเต้นรำบ้างเป็นครั้งคราวเพราะเธอนึกอิจฉาคู่รักในหนังอย่างมาก เวลากลางคืนที่แสนสงบเปิดดนตรีจังหวะช้า ๆ สวมกระโปรงผ้าบางพลิ้วแล้วถือแก้วไวน์แดงหอมละมุนหนึ่งแก้ว คู่รักโอบกอดเต้นรำกันตัวแนบชิด…

ภาพนั้นแค่คิดก็โรแมนติกแล้ว!

แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ยอมเติมเต็มความหวังที่แสนโรแมนติกของเธอโดยปฏิเสธการเต้นรำทุกครั้ง แล้วยังบอกว่าหากจะเต้นก็ให้เต้นออกกำลังกายฉบับทหารแทน

เต้นบ้าบออะไรของเขาล่ะ!

การเต้นรำด้วยกันจะทำให้บรรยากาศยิ่งหวานชื่นขึ้นซึ่งเป็นการปูทางเข้าสู่ฉากรักของชายหญิงอย่างดี แต่เต้นออกกำลังกายฉบับทหารจะทำอะไรได้?

เสียงดนตรีฮึกเหิม จังหวะเท้าแข็งทื่อที่มีแต่จะช่วยให้รู้สึกเลือดร้อนขึ้น…ภาพนั้นแค่จินตนาการถึงก็แย่แล้ว!

เหมยเหมยเตรียมใจบิดตัวเต้นมั่ว ๆบนฟลอร์เต็มที่แล้วแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับหัวเราะเสียงเบา “เหมยเหมยไม่เชื่อใจพี่ขนาดนี้เชียว?”

เพิ่งสิ้นเสียงเหยียนหมิงซุ่นก็ยกแขนเหมยเหมยขึ้นสูงแล้วพาเหมยเหมยหมุนรอบตัวเองตามจังหวะเพลงหลายรอบ ปล่อยให้ชายกระโปรงสีแดงบิดพลิ้วโดดเด่นเตะตาผู้คนท่ามกลางฟลอร์เต้นรำ

เหมยเหมยยังไม่ทันได้สติดีเหยียนหมิงซุ่นก็โอบเธอเต้นรำบิดตัวไปตามจังหวะก่อนจะให้เธอหมุนรอบตัวเองอีกหลายที…จังหวะเท้าที่แสนคล่องแคล่วนี้ทำให้เหมยเหมยเบิกตากว้าง เงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เชื่อสายตา

เป็นใบหน้าเดิมไม่ผิด หรือว่าเทพแห่งการเต้นรำจะสิงร่าง?

เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำเสียงเบาอีกทีแล้วพาเหมยเหมยหมุนรอบตัวเองอย่างช่ำชองอีกหลายรอบก่อนจะดึงเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกระซิบถามข้างหูเธอว่า “ทำไมนิ่งไปแล้วล่ะ?”

พอรู้สึกถึงจังหวะหัวใจและลมหายใจอันคุ้นเคยของคนรักตนเหมยเหมยถึงหลุดจากภวังค์แล้วบิดตัวไปตามจังหวะเพลง พลางมองค้อนใส่ “พี่ไปเรียนเต้นรำมาตั้งแต่เมื่อไร?”

“พี่บอกเมื่อไหร่ว่าพี่เต้นไม่เป็น?” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกเย้า

ในฐานะสายลับตัวฉกาจไม่ถึงขั้นต้องทำได้ทุกอย่างหรอก แต่มารยาทขั้นพื้นฐานทางสังคมแบบนี้จำเป็นต้องเรียนรู้เอาไว้ซึ่งหนึ่งในบทเรียนที่เขาต้องเรียนรู้ก็คือการเต้นรำ แทงโก้รุมบ้าลีลาศหรือการเต้นแบบวอลซ์…ล้วนไม่ใช่เรื่องเกินตัวสำหรับเขาเลย

เพียงแต่เขาไม่ชอบการเต้นรำสักเท่าไร ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนคิดมาเสมอว่าการเต้นรำเป็นเรื่องของผู้หญิง หากลูกผู้ชายมาเต้นรำมันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!

แต่ตอนนี้เพื่อเอาใจยัยปีศาจตัวน้อยของตน ต่อให้เขาไม่ชอบมากแค่ไหนก็จำเป็นต้องเสียสละเพื่อให้สาวงามได้มีความสุขล่ะ

………………………….

ตอนที่ 1914 ไม่สนใจแล้ว

“งั้นทำไมเธอถึงไม่กรีดข้อมือล่ะ? ซื้อมีดปอกผลไม้สักเล่มแล้วกรีดที่ข้อมือมันง่ายกว่าเธอมากระโดดตึกเยอะเลยนะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็ผูกคอฆ่าตัวตายจะได้จบ ๆไป สวีจื่อเซวียนเธอจงใจข่มขู่ให้ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับเธอไม่ใช่หรือไง?”

เหมยเหมยชี้ไปที่เจียงจื้อหรู่แล้วตะโกนพูดเสียงดัง ลิ้นแข็งไปหมด พร้อมกับความอดทนที่หายไปเพราะความหนาวเช่นกัน

หากสวีจื่อเซวียนคิดจะตายจริงคงรีบกระโดดลงไปให้มันจบ ๆแล้ว แต่นี่ดันทำให้เธอต้องมาทนหนาวตัวสั่นแบบนี้อีก!

คุณนายเจียงสายตาเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยกับสวีจื่อเซวียนเสียงนิ่ง “คุณสวี ฉันกับเจียงจื้อหรู่จะจัดงานแต่งงานขึ้นในวันคริสต์มาส หวังว่าตอนนั้นคุณจะมาร่วมงานด้วยนะ!”

คิดจะใช้การกระโดดตึกข่มขู่เธอหรือ?

เหอะ ดูถูกเธอเกินไปแล้ว!

แน่จริงก็กระโดดลงไปสิ อย่างมากเธอก็ช่วยบริจาคค่าหลุมศพให้!

เจียงจื้อหรู่หันมองมาทางคุณนายเจียงอย่างไม่พอใจ เวลานี้ทำไมต้องพูดจาแทงใจจื่อเซวียนอีก?

คุณนายเจียงปรายตามองเขาอย่างเย็นชาไร้ซึ่งความนอบน้อมตามใจเหมือนอย่างเคยแต่กลับดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิม เจียงจื้อหรู่ไม่ชินกับคุณนายเจียงในอิริยาบถนี้อย่างมาก ต่อหน้าผู้หญิงที่หน้าตาไม่งดงามคนนี้เขามีแต่ความได้ใจ แต่ตอนนี้–

เขาเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว

“บริษัทฉันยังมีลูกค้าสำคัญรอฉันอยู่ ขอไม่อยู่เสียเวลาตรงนี้แล้วกัน ขอตัวก่อน” คุณนายเจียงเอ่ยเสียงเรียบแล้วหมุนตัวเดินลงบันไดไป

เมื่อครู่เองที่อยู่ ๆเธอก็คิดได้

พ่อแม่พี่น้องหรือญาติคนสนิทล้วนด่าเธอโน้มน้าวเธอแต่เธอก็ยังยึดติดอยู่กับเจียงจื้อหรู่จนถอนตัวไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอหลุดพ้นแล้ว

ผู้ชายอย่างเจียงจื้อหรู่ไม่ว่าจะเรื่องพื้นหลังครอบครัว ความสามารถหรือนิสัยใจคอล้วนสู้เธอไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ข้อดีเพียงข้อเดียวที่เคยมีอย่างเรื่องหน้าตา ตอนนี้กลับดูโทรมจนไม่เหลือเค้าเดิมและไร้ซึ่งความดูดีสง่างามอย่างที่เคยเป็น กลับกันตอนนี้ดูหน้าตาโรคจิตขึ้นเล็กน้อยจนทำเอาเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนใจไปพักใหญ่ ๆ

หรือว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอตาบอดไปจริง ๆ?

คุณนายเจียงส่ายหน้าแล้วเดินลงไปอย่างแน่วแน่ เสียงร้องเท้าส้นสูงค่อย ๆหายไป

เจียงจื้อหรู่ใจร้อนรน เขารู้สึกว่าตัวเองได้สูญเสียบางอย่างไปแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเยอะเพราะเรื่องสวีจื่อเซวียนนั้นรีบร้อนกว่า

ในฐานะผู้หญิงเหมือนกันอย่างเหมยเหมยก็พอจะดูออกว่าคุณนายเจียงได้สติแล้วจึงรู้สึกยินดีด้วย เห็นทีชีวิตอนาคตของเจียงจื้อหรู่จะไม่ได้สบายเหมือนเดิมแล้วละนะ!

จู่ ๆเธอก็เริ่มหมดอารมณ์พลางคิดว่าตัวเองยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนแม่พระเข้าไปทุกที สวีจื่อเซวียนอยากตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอกัน!

“เราก็ไปกันเถอะ ชีวิตเป็นของเธอ แม้แต่เธอยังไม่คิดจะรักษาไว้เราก็จนปัญญาแล้ว ไป ๆ ฉันจะหนาวตายอยู่แล้ว ไปทานหม้อไฟกัน!”

เหมยเหมยกระทืบเท้าปึงปังแล้วชิงเดินลงบันไดไปก่อนหนึ่งก้าว อีกประเดี๋ยวจะขอสั่งน้ำซุปต้มกระดูกร้อน ๆสักหม้อแล้วให้เจ้าของร้านต้มหน่อไม้แห้งกับฟองเต้าหู้เยอะ ๆรสชาติสดใหม่หอมหวาน ทานแล้วไม่อ้วนด้วย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองหน้ากัน ทำไมอยู่ ๆสถานการณ์ถึงพลิกแบบนี้ไปได้ล่ะ?

เมื่อกี้ยังกังวลแทบตายไม่ใช่หรือไง?

“ไปสิ พวกเธอไม่หนาวเหรอ?” เหมยเหมยมาเร่ง

ทั้งสองคนรีบย่นคอ ทำไมจะไม่หนาวล่ะ นี่หนาวแทบตายอยู่แล้ว พวกเธอมองสวีจื่อเซวียนที่ยังนั่งเหม่ออยู่บนพื้นแวบหนึ่งและเจียงจื้อหรู่ที่แอบเขยิบเข้าไปหา ส่วนทางฝั่งเหมยเหมยก็เร่งเร้าอีกครั้งจนทั้งคู่ตัดสินใจเดินตามลงไปอย่างแน่วแน่เมื่อนึกถึงหม้อไฟน้ำซุปรสชาติดีและร้อนระอุ

เหมยเหมยพูดถูก แม้แต่ตัวเองยังไม่คิดจะมีชีวิตต่อไปคนนอกอย่างพวกเธอจะทำอะไรได้?

ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดสิถึงจะถูก!

พอมาถึงชั้นสามก็เจอเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงที่กำลังขึ้นมาอย่างเร่งรีบ พวกเหมยเหมยทักทายพวกเขาครู่หนึ่งแล้วอธิบายเหตุการณ์ไปคร่าว ๆก่อนจะเดินลงไปต่อ

เพราะทานหม้อไฟสำคัญกว่า!

พื้นที่ลานว่างใต้หอสมุดถูกปูด้วยฟูกหนาไว้เสร็จสรรพ คุณนายเจียงไม่ได้กลับไปทันทีแต่เลือกจะแหงนหน้ามองขึ้นมาชั้นบนด้วยสายตาเรียบเฉย พอเห็นพวกเหมยเหมยก็ยิ้มผงกศีรษะให้เล็กน้อย

“กรี๊ด…”

มีนักศึกษาหญิงขี้กลัวคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะเจียงจื้อหรู่กอดสวีจื่อเซวียนไว้ แต่สวีจื่อเซวียนดิ้นตะเกียกตะกายไม่หยุด ทั้งคู่ที่กระชากกันไปยื้อกันมาทำเอาคนมองรู้สึกปวดหนึบที่ใจไปหมด!

………………………..

 ตอนที่ 1915 ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่า

ในที่สุด–

ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เมื่อทั้งสองคนซัดกันไปซัดกันมาจนเผลอลื่นแล้วร่วงตกลงไปด้วยวิธีการตกแบบอิสระ[1]

คนหนึ่งนำหน้า อีกคนหนึ่งตามหลัง

สวีจื่อเซวียนอยู่ล่างเจียงจื้อหรู่อยู่บน ซึ่งต่อให้อยู่กลางอากาศทั้งคู่ก็ไม่แยกจากกันบ่งบอกว่าเป็นรักแท้ของจริง แต่เสียดายที่ไม่มีเงิน ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์

คุณนายเจียงหรี่ตาลงมือกำหมัดแน่นแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นกัน

“ตุบ…”

แรงโน้มถ่วงของตึกเจ็ดชั้นไม่เบาจริง ๆ ทั้งคู่ร่วงตกบนฟูกตามกันติด ๆจนเกิดเสียงดังสนั่นและหิมะกระจัดกระจายท่ามกลางอากาศ ทีมดับเพลิงที่เฝ้ารออยู่ก่อนแล้วรีบใช้ผ้านวมห่อตัวสองคนที่หมดสติไปและรถพยาบาลก็มาถึงพอดี

“ไปกันเถอะ ไม่ตายแน่ ๆล่ะ เราไปทานหม้อไฟกัน!” เหมยเหมยเร่ง มีฟูกรองอยู่อย่างมากก็แค่กระดูกหักบ้างอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแน่นอน

รักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้ว!

คุณนายเจียงก้มหน้าแล้วยิ้มให้พวกเหมยเหมย “ให้พวกเธอเห็นเรื่องตลกเข้าแล้ว”

เหมยเหมยยิ้มแห้งหลายทีนึกในใจว่าประโยคนี้ต่อยากเสียจริงเธอจึงเลือกจะเปลี่ยนประเด็นโดยยิ้มกล่าว “ยินดีกับคุณนายเจียงด้วย ขอให้รักกับอาจารย์เจียงไปนาน ๆนะคะ”

คุณนายเจียงยิ้มเย้ยตัวเองทีหนึ่งแล้วตอบเสียงเบา “ขอบคุณนะ!”

เธอหันหลังเดินไปยังรถที่จอดทิ้งไว้เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ดูปล่อยวางแต่ที่มากกว่านั้นคือความเศร้าโศก

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามเสียงเบา “อาจารย์เจียงกับอาจารย์แม่กลับมาคืนดีกันแล้วจริงเหรอ?”

“อืม จัดงานแต่งงานวันคริสต์มาสอย่างใหญ่โตเลยล่ะ ถึงตอนนั้นเธอไปทานของฟรีได้อีกมื้อเลยนะ” เหมยเหมยกระทืบเท้าเอามือล้วงกระเป๋าก้มหน้าเดินไปยังถนนซอยหลังมหาวิทยาลัย เวลานี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดก็คือซดน้ำซุปร้อน ๆสักคำให้ความอุ่นแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจกล่าว “หรือว่าสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายจริง ๆ เหอะ ผู้หญิงคนนี้โง่จริง ๆ ผู้หญิงอย่างอาจารย์แม่ต้องใจกว้างแน่ ๆถึงเอาเงินก้อนหนึ่งให้ไปเสวยสุขที่ต่างประเทศ แบบนี้ดีจะตายไป ทำไมต้องมายึดติดกับอาจารย์เจียงคนเดียวด้วยนะ!”

“โง่เองโทษใครได้? ฉะนั้นวันหน้าถ้าพวกเธอมีลูกสาวก็ต้องอบรมสั่นสอนพวกเธอดี ๆอย่าไปโง่ผูกตัวเองอยู่กับผู้ชายคนเดียว จะว่าไปแล้วผู้ชายไม่น่าพึ่งพาเท่ากับเงินหรอก และไม่ซื่อสัตย์ภักดีเท่าเงินด้วย”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดสอนแต่เธอก็เอ่ยเสริมไปอีกประโยค “แน่นอนว่ายกเว้นพี่หมิงซุ่นของฉัน เขาเก่งกว่าเงินหลายร้อยล้านเท่า!”

ก่อนจะโดนสายตาสองคู่มองบนใส่!

“เธอเก็บไว้สอนลูกสาวตัวเองเถอะ ฉันกับฉีฉีเก๋อจะต้องมีลูกชายแน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมีความสุข

“เธอให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเหรอ!” เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ หากแม่หนูคนนี้กล้าพยักหน้ารับละก็เธอจะต้องเคาะศีรษะเรียกสติอีกฝ่ายให้ได้

“ไม่นี่ เธอดูสิฉันกับฉีฉีเก๋อหน้าตาไม่สวยกันทั้งคู่ ถ้ามีลูกชายอย่างน้อยก็มีส่วนสูงแต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคงคิดหนัก ไม่เหมือนเธอที่หน้าตาสวยไม่ว่าจะมีลูกเพศไหนก็ดูดีทั้งนั้น” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดประโยคหนึ่งฉีฉีเก๋อก็พยักหน้ารับประโยคหนึ่งอย่างเห็นด้วย

เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกันเนี่ย?

เรื่องราวกระโดดตึกฆ่าตัวตายอันน่าสะเทือนใจของสวีจื่อเซวียนก็จบลงอย่างงงงวยเช่นนี้

ได้ข่าวว่าอาการไม่สาหัสกันทั้งคู่ เจียงจื้อหรู่ออกจากโรงพยาบาลภายในวันนั้นโดยมีกระดูกช่วงแขนแตกร้าวนิดหน่อยเลยต้องใส่เฝือกข้างหนึ่งไว้ ส่วนสวีจื่อเซวียนจะอาการหนักกว่าเล็กน้อยโดยแขนหักไปหนึ่งข้าง แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือขาทั้งสองข้างของเธอบาดเจ็บเพราะอากาศที่หนาวจัด ถึงแม้จะไม่ต้องตัดขาทิ้งแต่เรียวขาสวยในอดีตก็เปลี่ยนรูปไปแล้ว หนำซ้ำยังจะเกิดอาการแทรกซ้อนตามมาภายหลังอีกด้วย

เหมยเหมยฟังมาจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเธอกับฉีฉีเก๋อได้ไปเยี่ยมเยียนสวีจื่อเซวียนที่โรงพยาบาลถึงได้กลับมาเล่าให้เธอฟัง

“ใครดูแลเธอที่โรงพยาบาลเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“อาจารย์เจียงจ้างพยาบาลคนหนึ่งมา แต่ฉันคิดว่าสวีจื่อเซวียนน่าจะคิดได้แล้ว คงไม่คิดสั้นอีกแล้วละ”

“แล้วแต่เธอเลย อยากตายก็เชิญ!”

เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชาประโยคหนึ่งก่อนจะเลิกถามเรื่องสวีจื่อเซวียน ไม่นานวันคริสต์มาสก็มาถึง เหล่านักศึกษาวัยหนุ่มสาวดีใจตื่นเต้นกันอย่างมากพลางจัดตกแต่งมหาวิทยาลัยกันอย่างร่าเริงเพื่อต้อนรับการมาถึงของวันคริสต์มาส

………………………..

[1] การตกแบบอิสระ (free fall) ศัพท์เฉพาะทางวิศวกรรมที่หมายถึงการตกของวัตถุในแนวดิ่งจากแรงโน้มถ่วงของโลก

ตอนที่ 1912 มีคนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนชะเง้อคอด้วยความสงสัยตาม แต่เพราะไม่ได้สวมแว่นตาเลยทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด

ฉีฉีเก๋อยิ้มหยอกเย้า “หรือว่าจะมียูเอฟโอของมนุษย์ต่างดาวเหรอ?”

ทั้งสามคนยังอยู่ห่างจากหอสมุดอีกระยะหนึ่ง เพราะท้องฟ้าอึมครึมเต็มไปด้วยหมอกจึงทำให้มองไม่เห็น พวกเธอก็ไม่ให้ความสำคัญอะไรยังหลงคิดว่าเป็นเพียงพฤติกรรมการคล้อยตามของผู้คน

อย่างเช่นถ้าคุณเดินอยู่กลางถนนแล้วยืนแหงนหน้ามองท้องฟ้า แต่พอใครมาถามคุณคุณก็จะแสร้งทำตัวลึกลับไม่ตอบสักคำ คุณจะพบว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นข้างตัวคุณก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งยืนมองท้องฟ้าเช่นเดียวกับคุณ ต่อให้พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่ก็ตามที

พวกเหมยเหมยคิดเช่นนี้เพราะในรั้วมหาวิทยาลัยมีคนชอบล้อเล่นแบบนี้อยู่บ่อยครั้งอย่างไม่มีจบสิ้น และดันมีคนหลงกลอยู่ตลอด

เพียงแต่รอพวกเธอเดินเข้าไปใกล้ถึงรู้ว่าพวกเธอคิดผิดไป

“โทรเรียกรถดับเพลงเร็ว ให้พวกเขามาช่วย!”

“โทรแล้ว ฉันว่าเราไปหาผ้านวมมารองด้วยดีกว่า!”

“ใช่ ๆ ไปหาผ้านวมมา!”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมถึงได้คิดสั้นแบบนี้?”

“ไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนจะมีอาจารย์คนหนึ่งขึ้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เธอเปลี่ยนใจได้ไหม?”

……

นักศึกษาที่มามุงต่างกระซิบกระซาบกัน มีเพื่อนใจดีบางส่วนที่เดินไปเดินมาทั้งโทรขอความช่วยเหลือทั้งไปหาผ้านวมให้…ดูวุ่นวายเสียเหลือเกิน!

“เอ๊ะ…ทำไมถึงเป็นสวีจื่อเซวียนไปได้ล่ะ? หล่อนไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอ?” ฉีฉีเก๋อสายตาดี มองเพียงแวบเดียวก็เห็นชัดแล้วว่าผู้หญิงที่ยืนตัวโงนเงนบนตึกนั่นคือสวีจื่อเซวียนที่ถูกเหมยเหมยพาไปส่งที่โรงพยาบาลนั่นเอง

เหมยเหมยรีบหรี่ตามอง หิมะในมหาวิทยาลัยยังไม่ทันทำความสะอาดดีจึงทำให้แสงกระทบแยงตาจนรู้สึกเคืองตาไปหมด แต่ก็พอเห็นว่าเป็นสวีจื่อเซวียนจริง ๆ เสื้อผ้าบนตัวเธอยังเป็นชุดเมื่อเช้าซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ขอบชั้นดาดฟ้า แค่มองก็รู้สึกเสียววาบไปหมดแล้ว

โอ้โฮ…

เหมยเหมยในตอนนี้แค่อยากด่าคำหยาบ!

เธอเกลียดคนที่ไม่รู้จักรักตัวเองมากที่สุด ชาติที่แล้วเธอถูกอู่เยวี่ยทำร้ายถึงได้ตกตึกตายอย่างอนาถ ความเจ็บแบบนั้นเป็นสิ่งที่เธอแทบจะจินตนาการไม่ออกและหากนึกถึงทีไรจะใจสั่นปวดร้าวไปทั้งตัว!

สวีจื่อเซวียนโดนลากระทืบสมองมาจริง ๆด้วย!

“ตอนนี้ทำอย่างไรดีล่ะ? นี่มันตึกเจ็ดชั้นเชียวนะ ถ้าร่วงตกลงมาจะทำไงดี?” ฉีฉีเก๋อตกใจจนเดินวนอยู่กับที่ราวกับหนูติดจั่น

เพื่อนคนอื่น ๆที่อยู่ข้าง ๆเห็นว่าพวกเธอรู้จักสวีจื่อเซวียนจึงมาถามพวกเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนตะคอกใส่ “นี่เธอโดนลากระทืบสมองมาหรือไง? คนใกล้จะตายอยู่แล้วช่วยหุบปากก่อนได้ไหม?”

พอผู้หญิงที่มีความอยากรู้อยากเห็นโดนพ่นน้ำลายใส่เต็มหน้าเลยหลบไปอยู่อีกฝั่งแต่โดยดี คนดี ๆจะไม่ทะเลาะกับผู้หญิงนิสัยโจร หากเธอสู้ไม่ไหวก็หลบ!

เพื่อนผู้ชายที่สวมแว่นตาอีกคน แค่มองก็รู้ว่าเป็นเด็กเรียนเก่งสายวิทยาศาสตร์เอ่ยอย่างหวังดีว่า “พวกเธอไม่ต้องกังวลไป หิมะที่หนาอย่างน้อยคืบหนึ่งหรือห้านิ้วเท่ากับผ้านวมจากธรรมชาติชั้นดีเลย จากความเร็วของแรงดึงดูดและแรงโน้มถ่วง แล้วก็น้ำหนักเจ้าตัว…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขัดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จะตายไหม?”

“ฉันเดาว่ามีโอกาสรอดมากกว่าร้อยละห้าสิบ แต่ถ้ามีผ้านวมมารองอีกชั้นละก็โอกาสรอดก็จะเพิ่มขึ้น…”

“ไม่โดดลงมาก็จะมีโอกาสรอดร้อยเปอร์เซ็นต์!”

พูดมาตั้งนานก็เหมือนไม่ได้พูดแล้วยังเสียเวลาพวกเธออีกต่างหาก เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหจนพ่นน้ำลายตวาดใส่หน้าเด็กเรียนเก่งสายวิทย์คนนี้อีกคน จนอีกฝ่ายผวารีบกรูไปหลบอีกฝั่งแทน

ช่องว่างระหว่างเด็กเรียนเก่งกับเด็กเรียนแย่มีความกว้างอย่างน้อยสองเมตร เขาไม่อยากไปยุ่งด้วย

หนี!

เหมยเหมยห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อที่กำลังร้อนรุ่มใจไว้ “อย่าร้อนใจไป รถดับเพลิงน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ฉันขึ้นไปคุยกับสวีจื่อเซวียนก่อนเพื่อถ่วงเวลาแล้วกัน”

…………………………………………..

 ตอนที่ 1913 เธออยากตายก็ไปตายที่อื่น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อไม่ไว้วางใจปล่อยให้เหมยเหมยขึ้นไปคนเดียวเลยตามขึ้นไปกับเธอด้วย แต่วันนี้ดันไม่เปิดใช้ลิฟต์ทำเอาทั้งสามคนเดินขึ้นตึกจนขาลากกระหืดกระหอบไปถึงชั้นดาดฟ้า ชั้นดาดฟ้ามีหิมะกองหนาและขาวโพลนเมไปหมด

สองสามีภรรยาเจียงจื้อหรู่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนอาจารย์คนหนึ่งที่พวกนักศึกษาเอ่ยถึงคงเป็นเจียงจื้อหรู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขามัวทำอะไรกัน ขนาดคน ๆเดียวยังเอาไม่อยู่เลย

“จื่อเซวียนเป็นเด็กดีนะ มาหาฉัน!” เจียงจื้อหรู่ไม่กล้าเข้าไปใกล้เลยได้แต่พูดโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมอย่างลำบากใจ ส่วนคุณนายเจียงที่ยืนอยู่ข้างเขาทำหน้าถมึงทึงไม่ปริเสียงพูดสักคำ

สวีจื่อเซวียนทำเป็นหูทวนลมถึงขั้นเขยิบเข้าไปใกล้ขอบชั้นดาดฟ้าขึ้นอีกนิด หิมะที่ร่วงตกจากชั้นดาดฟ้าลงไปเรียกเสียงกรีดร้องจากคนใต้ตึกได้เป็นอย่างดี

“สวีจื่อเซวียนเธอเป็นบ้าอะไร? อยากตายก็หาวันอากาศดี ๆสิ วันอากาศหนาว ๆแบบนี้เธอกำลังทรมานคนอื่นนะ” คนขี้โมโหอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทนไม่ไหว ลมหนาวบนชั้นดาดฟ้าพัดกระหน่ำ เธอใช้แรงตะเบ็งเสียงออกไปเพราะเธอเองก็กำลังจะหนาวจนตัวแข็งไปหมดแล้ว

สวีจื่อเซวียนสวมเสื้อผ้าเพียงน้อยนิด หากยื้อเวลาต่อไปแบบนี้ ต่อให้ไม่ร่วงตกลงไปตายก็ต้องหนาวตายแทน!

เหมยเหมยยกขาถีบอีกคนแล้วถลึงตาใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมด่าเสียงเบา “เธออย่ามาเพิ่มความวุ่นวายได้ไหม ถ้าหล่อนกระโดดลงไปจริงฉันจะรอดูว่าเธอจะทำไง!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ปิดปากเงียบแต่โดยดีและพาตัวเองไปหลบในที่ที่มีจุดบังลม

สวีจื่อเซวียนเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงจากพวกเธอ ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของอีกฝ่ายไม่เหมือนกำลังแสดงละครอยู่เลย แต่ดูอยากตายจริง ๆ!

เธอค่อย ๆเดินไปที่ขอบชั้นดาดฟ้าทีละก้าว ๆ ซึ่งอีกไม่กี่ก้าวก็จะร่วงตกลงไปจริง ๆแล้ว เรือนกายอันบอบบางของเธอโงนเงนไปตามสายลมทำเอาคนเห็นใจบีบแน่นไปด้วย

“สวีจื่อเซวียนเธอกระโดดลงไปแบบนี้เธอไม่รู้สึกผิดต่อพ่อของเธอเหรอ? หรือว่าเธออยากให้พ่อเธอที่ตายไปแล้วต้องมารู้สึกไม่สบายใจด้วยอีกหรือไง?” เหมยเหมยตะโกนเอ่ยเสียงดัง

ร่างสวีจื่อเซวียนสะท้าน ใบหน้าเรียบนิ่งเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา เอ่ยเสียงพึมพำ “คุณพ่อ…”

เหมยเหมยลอบยิ้มดีใจ มีปฏิกิริยาตอบโต้บ้างก็ดี เธอพูดโน้มน้าวต่อไป “ความหวังของพ่อเธอก็คืออยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วหาผู้ชายดี ๆคนหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป…เธอกระโดดลงไปแบบนี้ทุกอย่างก็จบอยู่หรอกนะ แต่เธอไม่รู้สึกผิดต่อพ่อของเธอเหรอ?”

เจียงจื้อหรู่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดปนอาย เขาผิดต่อจื่อเซวียน เป็นความผิดของเขาเอง!

สวีจื่อเซวียนหันขวับมาแล้วร่ำไห้อย่างเจ็บปวด “ฉันเรียนต่อไม่ได้แล้ว และฉันก็หาผู้ชายดี ๆไม่ได้แล้ว ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฉันจะมีความสุขได้ไง…พ่อคะ หนูผิดเอง จื่อเซวียนจะไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแล้วนะ…”

เธอก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวแต่เพราะหิมะทำให้พื้นลื่นเป็นพิเศษจนเธอเผลอลื่นเกือบร่วงตกลงไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้งจนรีบเอามือปิดตาแต่โชคดีที่สวีจื่อเซวียนแค่ลื่นล้มบนพื้นแต่ไม่ได้ร่วงตกลงไป

ทุกคนเผลอโล่งอกกันถ้วนหน้าในขณะที่ยังรู้สึกหวาดผวากันอยู่

“สวีจื่อเซวียน บอกตามตรงเธอจะตายหรืออยู่ฉันไม่สนใจ คนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณแล้วยังไม่เจียมตัวแบบเธอยังไงซะมีชีวิตอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยทำความดีให้แก่สังคมอะไรได้ ตายไปกลับช่วยประหยัดอาหารกับอากาศเสียอีก”

เหมยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกลงจนทุกคนสะดุ้ง เจียงจื้อหรู่มองเธออย่างไม่พอใจนักพลางโทษเธอว่าเวลานี้ยังจะมาพูดจาอะไรแบบนี้อีก

เหมยเหมยไม่สนใจเขาโดยเลือกจะพูดต่อ “แต่เธอจะตายทั้งทีช่วยไปตายไกล ๆหน่อยไม่ได้เหรอ? โดดน้ำตายโดดหน้าผาตายหรือกินยาฆ่าตัวตายกรีดข้อมือตาย…มีวิธีฆ่าตัวตายเยอะแยะที่ช่วยให้เธอตายสมใจ ทำไมเธอต้องมาทำให้หอสมุดมหาวิทยาลัยแปดเปื้อนด้วย? เธอจงใจจะเอาคืนมหาวิทยาลัยสินะ?”

“ฉันเปล่า…เพราะตรงนี้ใกล้ที่สุดและตึกสูงที่สุด…” สวีจื่อเซวียนร้องไห้พูดแย้งด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วทำไมจ้าวเหมยถึงต้องมาพูดจาหยามเธอแบบนี้อีก?

……………………………………………….

ตอนที่ 1910 เธออยากตายหรือไง

เหมยเหมยกินแซนวิชหมดไปหนึ่งชิ้นพร้อมกับดื่มนมหมดไปหนึ่งแก้ว เรอออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ จากนั้นก็ใส่เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอเตรียมตัวไปเรียน

“เออใช่ อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอจะจัดงานแต่งงานในช่วงเทศกาลคริสต์มาส จัดงานใหญ่เสียด้วยนะ”

เหยียนหมิงซุ่นยังคงกินมื้อเช้าด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้า พลันนึกถึงข่าวเมื่อวานที่ได้ยินมาจึงพูดออกไป

เหมยเหมยเพิ่งพันผ้าพันคอเสร็จก็ชะงักไป พอได้สติกลับมาก็ถามว่า “แต่งกับใครเหรอ?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคนเก่าสิ”

คำตอบนี้ไม่ได้เหนือคาดเลย เหยียนหมิงซุ่นเคยพูดแต่แรกแล้วว่าเจียงจื้อหรู่ไม่คุ้นชินกับชีวิตยากลำบาก ระหว่างความรักกับเงินทอง เขาทำได้แค่ยอมแพ้ให้กับเงิน เพียงแต่ว่า…

“พวกเขาก็แค่แต่งงานใหม่รอบที่สองไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องจัดงานใหญ่โตด้วยล่ะ? แค่ไปจดทะเบียนสมรสใหม่ที่อำเภอก็จบแล้วนี่นา!”

เหมยเหมยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ คุณนายเจียงนี่ก็นะขนาดเจียงจื้อหรู่เป็นแค่แตงกวาที่คนอื่นเคยใช้แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเห็นเป็นดั่งของล้ำค่าไปได้

“เพราะตอนที่พวกเขาแต่งงานกันครั้งแรก เจียงจื้อหรู่ที่ฝ่ายเป็นเจ้าบ่าวไม่เข้าร่วมแม้แต่พิธีแต่งงาน ว่ากันว่าเขาหนีงานแต่ง การจัดงานแต่งงานในครั้งนี้ทางฝั่งครอบครัวของคุณนายเจียงเป็นคนเสนอเองว่าจะต้องจัดงานอย่างใหญ่โต”

เหมยเหมยมุ่นคิ้ว และอดพ่นคำด่าออกมาไม่ได้ว่า “ไอ้เลว!”

เจียงจื้อหรู่ก็เลว คุณนายเจียงก็โง่ ทั้ง ๆที่ทำธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด แต่พอเจอปัญหาเรื่องความรักกลับไร้สมอง ทำไมจะต้องมาผูกคอตายบนต้นไม้ที่เอนเอียงอย่างเจียงจื้อหรู่ด้วย!

จัดงานแต่งในวันคริสต์มาส นับ ๆดูแล้วก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวัน ช่วงเวลานี้ก็นับว่าเร่งรีบพอตัว

ปัญหาคือสวีจื่อเซวียนจะทำอย่างไรต่อไป?

เธอยอมถอยให้เหรอ?

“เงื่อนไขที่เจียงจื้อหรู่ยอมตกลงแต่งงานอีกรอบก็คือ คุณนายเจียงต้องให้เงินค่าเลิกรากับสวีจื่อเซวียนก้อนหนึ่ง พร้อมกับส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ เงินค่าเลิกราก้อนนั้นเพียงพอสำหรับเป็นค่าเล่าเรียนและการใช้ชีวิตของสวีจื่อเซวียน” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสิ่งที่เหมยเหมยคับข้องใจ ทั่วทั้งเมืองนี้อยู่ในการควบคุมดูแลของเขาจึงไม่มีสิ่งใดที่จะปกปิดเขาได้

เหมยเหมยหัวเราะเยาะ นับว่าเจียงจื้อหรู่ยังมีเมตตาอยู่บ้าง ไม่งั้นสวีจื่อเซวียนคงต้องสูญเสียไปทั้งสองอย่างพร้อมกัน จุดจบคงน่าเวทนายิ่งกว่านี้

แต่น่าสงสารพ่อสวี!

พอนึกถึงพ่อผู้น่าสงสารคนนั้นเหมยเหมยก็ถอนหายใจเสียงเบา หน่ายที่จะคิดถึงเรื่องย่ำแย่พวกนี้แล้ว ถ้าสวีจื่อเซวียนฉลาดพอก็น่าจะรับเงินค่าเลิกราก้อนนี้แล้วไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

พึ่งพาพ่อแม่และผู้ชายไปก็ไร้ประโยชน์ มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่จะพึ่งพาได้ดีที่สุด!

แน่นอนว่าพี่หมิงซุ่นของเธอเป็นข้อยกเว้น!

เหมยเหมยแต่งตัวเสร็จแล้วซึ่งโผล่มาให้เห็นแค่ลูกตาสองข้างเท่านั้น เธอดึงหน้ากากลงพร้อมหอมแก้มเหยียนหมิงซุ่นฟอดใหญ่ “พี่คะ ฉันไปเรียนก่อนนะ อย่าคิดถึงฉันมากไปล่ะ!”

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่ร่าเริงราวกับนกน้อย แล้วเอื้อมมือเช็ดน้ำลายที่ยัยปีศาจน้อยจงใจป้ายทิ้งไว้ นัยน์ตาส่อแววขำขัน

วันเวลาแบบนี้ช่างงดงามจริง ๆ ขอให้เป็นแบบนี้ทุกวันตลอดไป!

ลุงเหลาขับรถไปส่งเหมยเหมย ผู้คนมากมายยังคงสัญจรอยู่บนท้องถนน ส่วนมากจะปั่นจักรยานกันซึ่งดูครึกครื้นเป็นพิเศษ เหมยเหมยพิงอยู่ตรงขอบหน้าต่างรถ ถอนหายใจพลางใช้มือวาดภาพรูปต่าง ๆลงบนกระจกรถ เล่นสนุกสนานอยู่คนเดียว

“จอดรถค่ะ ลุงเหลาเข้าข้างทางเลยค่ะ”

เหมยเหมยร้องตะโกนขึ้นกะทันหัน ลุงเหลาจึงจอดชิดข้างทาง เหมยเหมยใส่หน้ากากอนามัยและผ้าพันคอลงจากรถวิ่งไปหาสวีจื่อเซวียนข้างถนน

เมื่อกี้ตอนอยู่บนรถเธอเห็นสวีจื่อเซวียน ใจจริงก็ไม่ได้อยากยุ่มย่ามด้วยหรอกแต่เธอทำใจแข็งไม่ลง สวีจื่อเซวียนสวมแค่โค้ชตัวเดียว อีกทั้งด้านล่างยังใส่แค่รองเท้าแตะ น่องเปลือยเปล่า ผ้าพันคอหมวกถุงมือก็ไม่ได้ใส่ ตอนนี้อุณหภูมิด้านนอกติดลบยี่สิบกว่าองศา เธอทำแบบนี้ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือไง!

“สวีจื่อเซวียนเธออยากตายหรือไง?”

เหมยเหมยพลั้งปากด่า แต่สวีจื่อเซวียนกลับเหมือนไม่ได้ยิน ท่าทางเหม่อลอย สายตาแน่นิ่ง เพียงแค่เดินตัวแข็งทื่อตรงไปข้างหน้า

……………………………………………………………..

ตอนที่ 1911 สามคนที่ถูกลงโทษให้มาสำนึกความผิด

เหมยเหมยแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้สติล่องลอยไม่ปกติ ขนาดหนาวจนสองขาเป็นสีม่วงไปหมดก็ยังไม่รู้ตัว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ต้องคิดจะเก็บขาคู่นี้เอาไว้แล้วละ

เธอเครียดจนต้องถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ทำไมดันเป็นเธอที่มาเจอด้วยนะ?

ถึงปากจะบอกว่าวันหลังต่อให้สวีจื่อเซวียนตายต่อหน้าเธอ เธอก็จะไม่เหลียวแลเลยก็เถอะ แต่พอเห็นสภาพย่ำแย่ของสวีจื่อเซวียนในตอนนี้แล้วเหมยเหมยก็ทนใจแข็งไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงข่าวแต่งงานใหม่ของเจียงจื้อหรู่ที่ได้ยินมาจากเหยียนหมิงซุ่นเมื่อครู่หรอก เธอก็นึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้อยู่ไม่น้อย

แม้ผู้หญิงคนนี้จะไม่น่าเห็นใจเลยสักนิดก็ตาม

เพียงแต่จะปล่อยสวีจื่อเซวียนโดยไม่เข้าไปยุ่งก็ใช่เรื่อง เหมยเหมยจึงให้ลุงเหลาช่วยลากสวีจื่อเซวียนขึ้นรถแล้วพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาแผลที่เกิดจากอากาศที่เย็นจัด หากไม่รักษาเกรงว่าขาของสวีจื่อเซวียนคงต้องตัดทิ้งอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเธอเดินอยู่บนพื้นหิมะคนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว!

นับว่าโชคดีที่เหมยเหมยส่งเธอมาโรงพยาบาลได้ทันเวลา คุณหมอบอกว่าหากมาช้าอีกสักครึ่งชั่วโมงคงต้องตัดขาของสวีจื่อเซวียนทิ้งอย่างเดียวเพราะรักษาไม่ได้แล้ว

“คนไข้ต้องนอนโรงพยาบาล จำเป็นต้องมีญาติคนไข้เซ็นรับรองให้นอนโรงพยาบาลด้วย” คุณหมอเอ่ย

เหมยเหมยย่อมไม่ช่วยเรื่องนี้อยู่แล้ว เธอจำบทเรียนจากคุณพ่อสวีได้ไม่เคยลืม สมัยนี้จะเป็นคนดีหน่อยมันยากเย็นเหลือเกิน!

เธอจำต้องโทรหาเจียงจื้อหรู่ หากได้เป็นสามีภรรยากันแล้วย่อมมีเยื่อใยต่อกันเป็นธรรมดา สวีจื่อเซวียนมาอยู่ในสภาพนี้ได้เจียงจื้อหรู่ต้องรับผิดชอบด้วยส่วนหนึ่ง ฉะนั้นการเซ็นรับรองนี้ต้องให้เขามาทำแทน

เจียงจื้อหรู่มาได้ค่อนข้างเร็วและสีหน้าที่ดูร้อนรนมากเช่นกัน พอจะดูออกว่าเขายังรักสวีจื่อเซวียนอยู่

แต่รักแล้วจะทำอะไรได้?

ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจเงินทองอยู่ดี!

คุณนายเจียงตามมาด้วยเช่นกัน เธอดูผอมเพรียวกว่าเมื่อก่อนลงไปหน่อยซึ่งบ่งบอกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขนัก เจียงจื้อหรู่เป็นตัวทำลายชั้นดีเสียจริง

สวีจื่อเซวียนเห็นเจียงจื้อหรู่ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยและดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก แต่พอเห็นคุณนายเจียงที่ตามมาทีหลังสายตาของเธอก็ฉายแววสิ้นหวังชั่ววูบแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวดไม่พูดอะไรสักประโยคเดียว

รักสามเศร้าแบบนี้เหมยเหมยไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยนัก เธอจึงบอกลาสองสามีภรรยาเจียงจื้อหรู่ เหตุการณ์นี้ทำให้เธอไปเรียนสายซึ่งดันเป็นคาบเรียนของอาจารย์สุดโหด สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงหน้าตาสวยจึงไร้ซึ่งความเห็นใจใด ๆ

“ไปยืนข้างนอก!” อาจารย์สุดโหดใจร้ายมาก ขณะที่อาจารย์ท่านอื่น ๆอย่างมากก็แค่ทำโทษให้ยืนหลังห้อง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ฟังแม้แต่คำอธิบายก็ไล่ให้เหมยเหมยไปยืนนอกห้องทันที

ข้างนอกอากาศเย็นติดลบยี่สิบองศาเชียวนะ!

เหมยเหมยเองก็คร้านจะแย้งเลยไปหามุมอบอุ่นแต่โดยดี ตรงนั้นมีรูกำแพงที่ไออุ่นจากข้างในถ่ายเทออกมาคงพอจะช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง พอไปถึงตรงนั้นก็ทำเอาเหมยเหมยหลุดขำทันที

“ทำไมพวกเธอสองคนก็ออกมาด้วยล่ะ?”

ที่แท้ก็มีสองเพื่อนรักผู้ตกอับมานั่งอยู่ข้างรูกำแพงอย่างน่าสงสารอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่กำลังหดคอเพื่อรับไออุ่น ซึ่งก็คือเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อนั่นเอง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่ฉีฉีเก๋ออย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงอุบอิบอย่างไม่พอใจ “ก็ยายโง่นี้ไง เมื่อก่อนไม่เห็นเธอจะกระตือรือร้นขนาดนี้เลย แต่วันนี้กลับกระตือรือร้นกว่าใครถึงทำเอาฉันซวยไปด้วย หนาวจะตายอยู่แล้ว!”

ว่าแล้วเธอก็สูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถลึงตาใส่ฉีฉีเก๋อที่กำลังยิ้มเจื่อนให้

ที่แท้เพราะอาจารย์ขาโหดคนนี้ต้องเช็กชื่อก่อนเข้าเรียน พอเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นเหมยเหมยไม่มาเลยเตรียมขานรับแทนให้ แต่ทว่า–

ยายโง่ฉีฉีเก๋อก็ขานรับด้วยเสียงใสเช่นกัน พอจะคาดเดาถึงผลลัพธ์ของการมีเสียงขานรับสองคนขึ้นในเวลาเดียวกันได้ จึงทำให้ต้องโดนอาจารย์ขาโหดไล่มาสำนึกผิดตรงนี้

เหมยเหมยหลุดขำทีหนึ่งแล้วรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ ก่อนที่เธอจะเล่าสาเหตุของการมาเรียนสายให้ฟัง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนหลุดด่าคำหยาบออกมา “โอ้โห ฉันอยากตบเรียกสติหล่อนจริง ๆ พ่อของเธอต้องโมโหจนตายไปคนหนึ่งแล้วทำไมหล่อนถึงยังไม่ได้สติอีกนะ? ทำร้ายตัวเองเพื่อผู้ชายคนเดียวแบบนี้มันเกินไปจริง ๆ!”

สุดท้ายก็เป็นเรื่องของคนอื่นอยู่ดี แม้พวกเธอจะโกรธแต่ก็คร้านจะสนใจอีก ในที่สุดก็หมดไปสองคาบทั้งสามคนหนาวแทบแย่เลยตัดสินใจโดดเรียนอีกสองคาบที่เหลือโดยไปทานหม้อไฟหลังมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย

แต่พอเดินผ่านหน้าหอสมุดกลับพบว่าตรงนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงชะเง้อคอยาวไม่รู้กำลังดูอะไรกันอยู่!

……………………………………………

ตอนที่ 1908 ปล่อยไปตามยถากรรม

เหมยเหมยจ้องเธอตาเขม็งพูดอย่างหัวเสียว่า “คัดลอกเก็บไว้แล้วไง? สมุดบัญชีของจริงก็คืนให้เธอแล้วไง ต้องทำอย่างไรต่อไปต้องให้ฉันเป็นคนบอกด้วยเหรอ?”

อู่เยวี่ยแน่นหน้าอก พยายามสะกดกลั้นความโกรธแล้วสั่งให้ลูกน้องรับสมุดบัญชีมาเก็บไว้ แม้ว่าจ้าวเหมยจะพูดจาไม่น่าฟังแต่เธอก็พูดถูก ขอแค่สมุดบัญชีอยู่ในมือ เธออยากจะทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเหยียนหมิงซุ่นจะข่มขู่อีก

“ข้อแลกเปลี่ยนสำเร็จด้วยดี ขอให้ละครของคุณหนูจ้าวราบรื่นทุกอย่าง ประสบความสำเร็จนะคะ” อู่เยวี่ยพูดพลางยิ้มสดใส

เหมยเหมยก็ยิ้มตอบอย่างเสแสร้ง “ขอแค่ไม่มีพวกคนชั้นต่ำคอยแอบเล่นตุกติก ละครของฉันต้องราบรื่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ต่อให้มีพวกชั้นต่ำคิดไม่ซื่อฉันก็ไม่กลัวหรอก โผล่มาเดี่ยวก็ฆ่าเดี่ยว มาคู่ก็ฆ่าคู่!”

จังหวะที่เธอพูดประโยคนี้ดวงตาก็จับจ้องอู่เยวี่ยไม่วางตา ไอสังหารปะทุขึ้นมา

อู่เยวี่ยไม่คิดเช่นนั้น สมุดบัญชีอยู่ในมือแล้ว อำนาจก็กลับมาเป็นของเธอดังเดิม คิดว่าเธอจะกลัวยัยชั่วจ้าวเหมยเหรอ!

“คุณหนูจ้าวคิดมากไปหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ จะมีคนชั้นต่ำมากอะไรขนาดนั้น!”

เหมยเหมยแค่นหัวเราะเสียงเบาพร้อมสำรวจเธอครู่หนึ่ง เอ่ยตอบไม่ตรงคำถามว่า “ฉันก็ขอให้คุณนายเฮ่อเหลียนรีบ ๆคลอดลูก และอย่าได้เจอเรื่องร้ายแรงอะไรอีกเลย!”

อู่เยวี่ยใจสั่น จ้าวเหมยหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่าเธอคิดจะฆ่าเด็ก?

อู่เยวี่ยกุมหน้าท้องของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เด็กคนนี้เป็นถึงไพ่ตายของเธอ จ้าวเหมยอย่าได้คิดจะทำร้ายเด็กแม้แต่น้อย!

เหมยเหมยหัวเราะเยาะแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ว่าเธอจะเกลียดอู่เยวี่ยแค่ไหนก็ไม่มีทางไปลงที่เด็กอย่างเปิดเผยหรอก อย่างมากก็แค่ปากหมาหาเรื่องให้อู่เยวี่ยโมโหก็เท่านั้นแหละ

ถ้ารอดก็ถือว่าเป็นชะตากรรมของเด็กคนนี้ แต่ถ้าไม่รอดก็เป็นชะตากรรมของเด็กคนนี้เช่นกัน!

ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมเถอะ!

แม้จะคืนสมุดบัญชีให้อู่เยวี่ยไปแล้ว ตอนนี้จึงยังถือว่าเงียบสงบได้ชั่วคราว แต่เงินหนึ่งล้านของเธอกลับไม่ได้คืน เหยียนหมิงออกคำสั่งแล้วว่าให้เปิดเผยยอดบริจาคอย่างโปร่งใส มีหรือที่อู่เยวี่ยจะกล้าปกปิดอีกจึงทำได้แค่ตัดใจจากเงินหนึ่งล้าน ทุกครั้งที่นึกถึงก็มักจะปวดใจจนต้องฉีดยากันแท้ง

ใช่ว่าอู่เยวี่ยจะไม่ไปหาเฮ่อเหลียนเช่อ เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ขาดแคลนเงิน เงินล้านหนึ่งสำหรับเขาก็แค่เศษเงินเท่านั้น อู่เยวี่ยเล่าเรื่องที่ถูกเหมยเหมยหลอกเอาเงินไปล้านหนึ่งให้ฟัง

อันที่จริงเฮ่อเหลียนเช่อได้ยินมาสักพักแล้วล่ะแต่เขาไม่ได้คิดจะใส่ใจ

เขาไม่ได้เข้าร่วมมูลนิธิเสียหน่อย แถมเขายังไม่เห็นด้วยกับการที่หนิงเฉินเซวียนใช้ประโยชน์จากมูลนิธิในการหาเงิน แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เพราะเขาจิตใจดีหรือมีคุณธรรมสูงส่งแต่อย่างใด

แต่เป็นเพราะเฮ่อเหลียนเช่อทะนงตนเป็นอย่างมาก เขามีความมั่นใจต่อความสามารถในการหาเงินของตัวเองมาก ดังนั้นเขาคิดว่ามีวิธีการหาเงินอยู่นับพันนับหมื่นวิธี เหตุใดต้องเลือกหนทางที่เลวร้ายที่สุดด้วยเล่า?

หนิงเฉินเซวียนไม่ยอมฟังเขา เอาความสุขของตัวเองไปสร้างบนความทุกข์ของคนอื่น ความจริงเขาอาจจะไม่ได้ขาดแคลนเงินส่วนนี้เลย แต่อาจจะชื่นชอบแบบนี้มากกว่าจึงเสพสุขอย่างมีความสุข

เฮ่อเหลียนเช่อไม่พึงพอใจต่อการร่วมมือกระทำความชั่วของหนิงเฉินเซวียนกับอู่เยวี่ยมาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วจะยอมให้เงินเธอได้อย่างไรล่ะ?

“เธอนี่เอาชนะไม่ได้แม่แต่คนโง่อย่างจ้าวเหมย ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไรฮะ?” เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าเย้ยหยัน แล้วอู่เยวี่ยจะกล้าเอ่ยถึงเงินหนึ่งล้านอีกหรือ จึงได้แต่หนีออกมาด้วยความหวาดกลัว

เธอหมดหวังกับเงินหนึ่งล้านแล้ว ครั้งหน้าค่อยหาวิธีหากลับมาใหม่แล้วกัน!

เหมยซูหานยืนอยู่นอกระเบียงอาคารชั้นสองมองอู่เยวี่ยที่นั่งรถจากไปอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่แย่งชิงชื่อเสียงและสถานะที่เขาไม่มีวันได้ครอบครองไปจากเขา แต่กลับไม่ยอมสงบเสงี่ยมเจียมตัวเอาแต่ก่อปัญหาไม่เว้นวัน ซ้ำยังคิดทำร้ายเหมยเหมยอีก

หึ!

อยากได้เงินหนึ่งล้านคืนงั้นเหรอ?

ถ้ามีเขาอยู่ แม้แต่สลึงเดียวก็จะไม่มีวันให้!

เขาเป็นคนจัดการดูแลเงินของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ จะให้หรือไม่ให้เงินมันขึ้นอยู่กับเขาต่างหาก!

………………………………………………………

ตอนที่ 1909 เปิดกล้อง

พิธีเปิดกล้องของเจ้าหญิงอัปลักษณ์จัดขึ้นอย่างราบรื่น เหมยเหมยเข้าร่วมพิธีด้วย อู่เชากับสยงมู่มู่ก็ไปด้วย อีกอย่างเพลงประกอบละครและดนตรีประกอบละครเหมยเหมยยกให้สยงมู่มู่เป็นคนจัดการทั้งหมดเลย เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน

โปสเตอร์โปรโมทเหมยเหมยก็เป็นคนวาดเองซึ่งเป็นภาพการ์ตูน แต่วาดออกมาได้สวยมาก ผู้ชมที่ชื่นชอบไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น แต่ผู้ชมที่ค่อนข้างมีอายุก็มองว่าน่ารักเช่นกัน ทำเอาสาวน้อยหัวใจพองตัวเลยทีเดียว

นอกจากแขกรับเชิญแล้ว จุดที่ดึงดูดใจที่สุดก็คงไม่พ้นพระเอกของเรื่องตามคาด ตอนที่จ้าวเสวียเอ๋อร์โฆษณาก็ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเลยว่าหานจื่อจวินคือพระเอก บอกเพียงแค่ว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนั่นจึงยิ่งเป็นจุดขาย

จนกระทั่งก่อนพิธีเปิดกล้องหนึ่งวันจ้าวเสวียเอ๋อร์ถึงได้ป่าวประกาศว่าพระเอกคือใคร แค่ระยะเวลาอันสั้นก็กลายเป็นกระแสดังไปทั่วทั้งประเทศ

ใคร ๆต่างก็คิดไม่ถึงว่าหานจื่อจวินที่เล่นหนังฟอร์มยักษ์มาตลอดจะเล่นละครทีวีเล็ก ๆแบบนี้ด้วย?

นับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว!

เนื่องด้วยการสร้างกระแสเช่นนี้เจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่ยังไม่ทันได้เริ่มถ่ายทำก็กลายเป็นที่พูดถึงทั่วบ้านทั่วเมือง คนทั่วทั้งประเทศต่างก็เฝ้ารอให้ละครเรื่องนี้รีบถ่ายทำให้เสร็จ พวกเขาจะต้องได้เห็นเจ้าหญิงอัปลักษณ์ในฉบับคนตัวเป็น ๆ!

หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังนะ!

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ โจวซิงเอ๋อร์จึงได้ย้ายเข้าไปอยู่ในกองตั้งแต่แรก สมุดบันทึกถูกจดอย่างละเอียด จากที่เจียงซินเหมยเล่าให้ฟังโจวซิงเอ๋อร์เข้าถึงตัวละครจนเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว แต่ผลลัพธ์นั้นเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่เหมยเหมยเองยังรู้สึกได้ ราวกับว่าโจวซิงเอ๋อร์ก็คือเจ้าหญิงอัปลักษณ์จากปลายปากกาของเธอ ไม่มีความต่างกันเลย

ความจริงแล้วนี่คือเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เหมยเหมยได้รับต่างหาก

หานจื่อจวินมีประสบการณ์ทำงานมามากเธอจึงไม่กังวลเลย บัดนี้โจวซิงเอ๋อร์ก็เข้าสู่สภาวะสมบูรณ์พร้อมแล้ว เธอสามารถคาดการณ์ถึงความสำเร็จของละครทีวีเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเจ้าหญิงอัปลักษณ์ก็เริ่มถ่ายทำได้หนึ่งเดือนแล้ว อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ หิมะในเมืองหลวงตกลงมาเป็นครั้งที่สาม วันนี้หิมะตกโปรยปรายราวกับขนห่าน ทั่วทุกพื้นที่ล้วนปกคลุมไปด้วยผ้าห่มสีเงิน

หิมะตกตลอดทั้งคืนช่วงเช้าพึ่งจะหยุดตก แต่หิมะบนท้องถนนมีความหนาราวหนึ่งฟุตและมีความอ่อนตัว พอเหยียบก็จมยวบลงไปจนเกือบจะถึงช่วงเข่า

ในตัวบ้านกลับอบอุ่นเหมือนช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใส่เสื้อผ้าแค่ชั้นเดียวก็เอาอยู่แล้ว วันนี้มีคาบวิชาเรียนที่สำคัญหลายวิชา โดดเรียนไม่ได้เลย เหมยเหมยตื่นแต่เช้าอย่างยากลำบากเพื่อเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย

“สายกว่านี้หน่อยค่อยไป ตอนนี้หิมะบนถนนยังตักออกไม่หมดเลย ขับรถลำบาก”

เหยียนหมิงซุ่นทาซอสเนื้อบนหน้าขนมปังแผ่น จากนั้นก็ประกบด้วยเบคอนและไข่ดาวแล้วก็ใส่ผักสดไม่กี่ใบ แซนวิชแสนอร่อยก็เป็นอันเสร็จสิ้น ช่วงนี้เหมยเหมยชอบกินอาหารตะวันตก เหยียนหมิงซุ่นจึงกินกับเธอด้วย

“ไม่เอาผักสดนะ เหม็นเขียว”

เหมยเหมยเขี่ยผักสดในขนมปังออกอย่างไม่พอใจ เกลียดที่สุดคือการกินผักสดนี่แหละ เพราะรู้สึกเหมือนแพะกินหญ้าเลย

เหยียนหมิงซุ่นไม่พูดอะไร แค่จ้องเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง…

ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง…

“แต่ถ้าเป็นแซนวิชที่พี่หมิงซุ่นทำ ต่อให้เป็นผักสดที่เกลียดที่สุดก็ยังถือว่าอร่อยค่ะ…”

เหมยเหมยจำนนต่อท่าทีข่มขู่ของใครบางคนแล้วยัดผักสดเข้าปากอย่างว่าง่าย นิ่วหน้าจนเป็นก้อน กินผักสดสองใบกลืนลงคอรวดเดียวอย่างไม่กลัวตาย จากนั้นก็หันมากัดแซนวิชคำหนึ่งถึงทำให้รสชาติในช่องปากดีขึ้นมาบ้าง

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาฉายแววขำขัน ช่วงนี้เขาค้นพบแล้วว่าหากจะต้องต่อปากต่อคำกับยัยปีศาจน้อย สู้เขาส่งสายตาไปให้เธอดีกว่าแล้วให้เธอสัมผัสเอง

ผลลัพธ์ไม่ใช่แค่ดีธรรมดาเชียวล่ะ!

รถกวาดหิมะบนท้องถนนทำงานกันอย่างขันแข็ง พอถึงช่วงที่ทุกคนเตรียมตัวไปทำงานหิมะบนท้องถนนก็ถูกกวาดจนสะอาดเกลี้ยง เพียงครู่เดียวคนก็พลุกพล่านวุ่นวาย และทุกคนก็เริ่มต้นวันชุลมุนท่ามกลางลมหนาว

สวีจื่อเซวียนสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายสีขาวคลุมยาวถึงเข่า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ช่วงน่องเปลือยเปล่า แถมยังใส่แค่รองเท้าแตะและสวมถุงเท้าคู่หนึ่งเดินบนถนนด้วยจิตใจที่ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

……………………………………………………………….

ตอนที่ 1906 ยั่วโมโหอู่เยวี่ย

ทางอู่เยวี่ยร้อนใจมากจนอดไม่ได้ที่จะโทรหาอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ห้ามใจไว้ เธอไม่ควรจะทำทีเป็นเบี้ยล่างต่อหน้าเหมยเหมย เพราะศักดิ์ศรีของเธอไม่อนุญาต!

ถ้าหากยัยชั่วจ้าวเหมยคิดจะเล่นแง่กับเธอ งั้นก็อย่ามาโทษว่าเธอไม่ไว้หน้า อย่างมากก็แค่สู้จนตัวตายกันไปข้าง ใครก็อย่าได้ดีไปกว่าใครเลย!

ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น…

“โอหยางซานซาน ฉันถามพี่สามแล้วนะ เขาบอกว่าได้ใบอนุญาตถ่ายทำมาแล้ว ประสิทธิภาพค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว!” เหมยเหมยพูดพลางกินคุกกี้ เสียงเคี้ยวกรุบ ๆดังลอดผ่านปลายสายไปถึงหูของโอหยางซานซานอย่างชัดเจน เป็นอีกครั้งที่ทำให้ความโมโหปะทุขึ้นมา

อู่เยวี่ยกำสายโทรศัพท์แน่น โมโหจนควันออกตา สมควรตายนักนะยัยจ้าวเหมย เธอร้อนใจดั่งไฟแผดเผาแต่ยัยชั่วช้านี่กลับมีกะจิตกะใจนั่งกินขนม?

เห็นได้ชัดว่าจ้าวเหมยรู้แต่แรกแล้วว่าใบอนุญาตถ่ายทำดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่กลับจงใจยื้อเวลาไว้ ซ้ำยังแกล้งโง่ใส่เธออีก น่าเกลียดจริง ๆ!

“เจ้าเหมยเธอนี่อารมณ์ดีจริง ๆเลยนะ มีกะจิตกะใจกินขนมด้วย” อู่เยวี่ยถากถางอย่างอดไม่ได้

เหมยเหมยคว้าคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากเคี้ยวเสียงดังกรุบ ๆพร้อมยกชานมขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ถอนหายใจอย่างพึงพอใจ “มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องกินให้อิ่มหนำสำราญ พี่หมิงซุ่นชอบบ่นว่าฉันผอมเกินไป วัน ๆเอาแต่สั่งทำของอร่อย ๆให้ฉันกิน แต่นับว่าโชคดีที่ฟ้าประทานหุ่นอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาให้ฉัน กินยังไงก็ไม่อ้วน ถ้าเป็นพวกอ้วนง่ายละก็เกรงว่าป่านนี้คงกลายเป็นหมูไปนานแล้ว”

อู่เยวี่ยถูกแทงใจดำเข้าอย่างจัง เธอก็คือพวกอ้วนง่ายที่จ้าวเหมยพูดถึงนั่นแหละ!

กว่าจะรักษาหุ่นมาได้จนถึงตอนนี้ เธอกินแต่น้ำผักต้มมาสองปีเต็มโดยไม่แตะต้องน้ำมันเลย สำหรับคุกกี้ช็อกโกแลตเนื้อสัตว์พวกนั้น เธอลืมเลือนรสชาติของมันไปนานแล้ว

เธอไม่กล้ากินอะไรเลยแต่ยัยชั่วจ้าวเหมยกลับกินดื่มได้อย่างเต็มที่ หนำซ้ำรูปร่างยังเพรียวบางเหมือนเคย!

ฟ้าดินไม่ยุติธรรม!

เธอไม่พอใจเอาเสียเลย!

“โอหยางซานซาน ฉันจำได้ว่าเธออ้วนง่ายนี่นา ขนาดดื่มน้ำก็ยังอ้วนเลย แต่ตอนนี้เธอกลับท้องอยู่ด้วย เธอต้องกินให้มาก ๆเพื่อบำรุงลูกน้อยในท้องของเธอด้วยนะ อย่างมากก็คงอ้วนขึ้นแค่สิบห้ายี่สิบโลเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่”

เหมยเหมยพูดพลางยิ้มตาหยีกินคุกกี้เสียงดังกรุบ ๆต่อไป อู่เยวี่ยเป็นคนอ้วนง่าย ตอนอยู่อเมริกาผอมจนเหมือนนกขนาดนั้น!

วัน ๆคงกินแต่ผักหญ้าแน่นอน!

แต่ตอนนี้ต่อให้เธออยากจะกินผักกินหญ้าทุกวัน หนิงเฉินเซวียนก็ไม่มีทางยอมหรอก เหอะ ๆอยากเห็นอู่เยวี่ยกลายร่างเป็นหมูจัง!

ต้องน่าเกลียดกว่าหมูแน่ ๆ!

อู่เยวี่ยได้รับการดูถูกจากเหมยเหมยจนปวดขมับไปหมด หลังจากที่เธอตั้งท้องน้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้องได้แค่สามเดือนกว่านิด ๆแต่เธอกลับอ้วนขึ้นตั้งสองกิโลครึ่ง เพราะหนิงเฉินเซวียนเอาแต่สั่งทำซุปบำรุงร่างกายให้เธอ ซ้ำยังจ้องดูเธอดื่มลงท้องอีก ไม่อ้วนก็แปลกแล้ว!

“จ้าวเหมยจะยุ่งย่ามเกินไปแล้วมั้ง ฉันจะอ้วนหรือไม่อ้วนมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว เธอจะเอาสมุดบัญชีมาให้เมื่อไร?” อู่เยวี่ยพูดเสียงเย็นชา

เหมยเหมยเบะปากพลางวางคุกกี้ที่กินอยู่นานก็ไม่หมดสักทีลงในจาน “เธอนี่ช่างไม่เห็นถึงความหวังดีของคนอื่นเลยนะ จะว่าไปเราสองคนก็เคยผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ไม่คิดจะดีใจที่ฉันเป็นห่วงเธอหน่อยเหรอ?”

“ไม่จำเป็น!” อู่เยวี่ยกัดฟันแน่น เพราะมันเกินความอดทนของเธอแล้ว

“เฮ้อ ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรคได้ฉันใด คำพูดที่จริงใจแม้ฟังขัดหูแต่มีประโยชน์ต่อการกระทำฉันนั้น[1] โอหยางซานซานต่อให้เธอไม่ชอบฟังแต่ฉันก็ยังอยากเตือนเธออยู่ดี ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงเราถ้าคลอดลูกแล้วจะมีรอยแตกลายเยอะ หน้าอกหย่อนยานเหมือนกระเป๋าผ้าเลยนะ แล้วอย่างของเธอที่ใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะยิ่งหย่อนยานหนักกว่าเดิมอีก ส่ายไปส่ายมาอาจสะบัดไปถึงหลังเลยก็ได้นะ…”

“พอได้แล้วจ้าวเหมย สรุปเธอจะส่งสมุดบัญชีมาไหม?”

อู่เยวี่ยพูดตัดบทอย่างเย็นชา ขณะที่เหมยเหมยพูดไปก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการตามไปด้วย

[1] ปัจจุบันหมายความถึง ผู้ฟังควรน้อมรับความเห็นหรือการตำหนิติเตียนของผู้อื่น

………………………………………………………………………

ตอนที่ 1907 ของจริงของปลอม

ผู้หญิงหน้าอกหย่อนคล้อยเหมือนถุงผ้าที่เหมยเหมยพูดถึง เธอรู้ดี

เมื่อก่อนตอนอยู่อีจงมีแม่บ้านคนหนึ่ง ไม่มีการศึกษาแต่กลับมีลูกถึงห้าคน หน้าอกของผู้หญิงคนนี้เป็นเช่นนั้น หย่อนยานไปจนถึงท้องน้อย เธอเห็นกับตาตัวเองเลยว่าผู้หญิงคนนี้สามารถสะบัดหน้าอกไปถึงหลังได้…

อู่เยวี่ยพลันตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่กล้าจินตนาการอีกต่อไป

เธอจะกลายเป็นผู้หญิงต่ำทรามแบบนั้นได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

แต่ความกลัวในใจของอู่เยวี่ยมีมากขึ้นจึงก้มหน้าลงสำรวจหน้าอกของตัวเอง เพราะเธอไม่ชอบที่ของตัวเองเล็กเกินไป ดังนั้นตอนศัลกรรมจึงตั้งใจเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมันทำให้เธอดูเซ็กซี่มากขึ้นและดูน่าค้นหาไม่น้อย

หาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยแล้วกัน ถ้าหากเป็นไปได้เปลี่ยนซิลิโคนข้างในให้เล็กลงกว่าเดิมหน่อย ตั้งแต่ตั้งท้องหน้าอกของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนหมั่นโถว จากเดิมเป็นขนาดที่พอดีแล้วแต่ตอนนี้กลับดูใหญ่เกินไป มีผลกระทบต่อความสมดุลของร่างกายอย่างมาก

เหมยเหมยรับรู้ถึงความกลัวและความกังวลใจจากอู่เยวี่ยที่อยู่ปลายสาย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างได้ใจ

เธอรู้ธาตุแท้ของอู่เยวี่ยดีเสียยิ่งกว่าใคร ไม่รู้จักประมาณตนเหมือนดั่งดอกแดฟโฟดิล ยึดมั่นในความเป็นตัวเองสูง มักจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ และสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือกลายเป็นคนอัปลักษณ์

เธอพูดยาวเหยียดไปขนาดนั้นอู่เยวี่ยต้องจำฝังใจบ้างล่ะ ต่อให้ไม่มีผลอะไรแต่ทำให้เธอสะอิดสะเอียนได้บ้างก็ยังดี

“สมุดบัญชีฉันจะให้คนเอาไปส่งให้ อันที่จริงข้อแลกเปลี่ยนครั้งนี้ฉันเสียเปรียบไม่น้อยเลยนะ!” เหมยเหมยไม่ได้แหย่เธออีก เปลี่ยนประเด็นมาคุยเรื่องสมุดบัญชีด้วยท่าทีจริงจังมาก

อู่เยวี่ยตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าจู่ ๆจ้าวเหมยจะจริงจังขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ เธอจึงเกิดความคลางแคลงใจ

“จ้าวเหมย เธอคงจะไม่เก็บของจริงไว้หรอกนะ?”

“โอหยางซานซานเธอนี่มันเอาใจคนชั้นต่ำมาวัดท้องสุภาพบุรุษ[1] ในเมื่อเธอไม่เชื่อใจฉัน ก็ยกเลิกข้อตกลงนี้ไปเลยสิ สมุดบัญชีนี้ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา”

“ฉันอยากได้สมุดบัญชีอยู่แล้วแต่ฉันไม่เชื่อใจเธอต่างหากจ้าวเหมย ฉันจะให้คนมาตรวจสอบสมุดบัญชีว่าเป็นของจริงหรือของปลอม” อู่เยวี่ยพูดขึ้น

“ได้สิ เธอเชิญคนมาตรวจสอบได้เลย ตรวจสอบเสร็จแล้วบอกฉันด้วยนะ เออใช่ ช่วงบ่ายไม่ต้องไล่จิกฉันล่ะ ฉันจะนอนเพื่อความงาม”

เหมยเหมยตัดสายโทรศัพท์ ฮึมฮัมอย่างได้ใจ

อู่เยวี่ยนี่ก็ช่างคิดว่าตัวเองฉลาดเสียจริง เหยียนหมิงซุ่นตั้งใจจะกำจัดหนิงเฉินเซวียนทิ้ง แล้วเขาจะปล่อยให้เห็นจุดน่าสงสัยได้เหรอ?

แต่ถึงอย่างไรหลุมพรางนี้ ต่อให้อู่เยวี่ยไม่อยากกระโดดก็ต้องกระโดดอยู่ดี ช่วยไม่ได้นะ!

อู่เยวี่ยเองก็เข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดีแต่เธอไม่มีทางเลือก ไม่มีอำนาจต่อรองแต่อย่างใด

เธอได้เชิญเจ้าหน้าที่การเงินของมูลนิธิมาตรวจสอบสมุดบัญชีที่เหมยเหมยเอามาให้โดยเฉพาะ เหมยเหมยท่าทีแน่นิ่ง ไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะถูกจับได้ เหยียนหมิงซุ่นบอกเธอแล้วว่าสมุดบัญชีสมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม่มีปัญหาอะไรเลย

มูลนิธิก่อตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปีจึงมีพนักงานผลัดเปลี่ยนกันเป็นรุ่น ๆ สมุดบัญชีจึงปลอมแปลงได้อย่างง่ายดาย พนักงานบัญชีเซ็ทนี้เพิ่งเข้ามาใหม่จึงไม่รู้สถานการณ์ของมูลนิธิอย่างแน่ชัด

อีกทั้งลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็มีความสามารถในการปลอมแปลงเอกสารอย่างดีเยี่ยม ปลอมแปลงสมุดบัญชีได้เหมือนของจริงทุกประการ เกรงว่าแม้แต่คนที่ทำบัญชีเองยังยากที่จะแยกแยะระหว่างของจริงและของปลอมได้เลย

คงไม่ต้องเอ่ยถึงนักบัญชีที่เพิ่งมาใหม่หรอก สีหน้าของเธอมีแต่ความลังเลและไม่สบายใจ

ดูเหมือนจะเป็นของจริง เพราะแม้แต่มุมกระดาษที่ถูกพับไว้ยังเหมือนกันทุกอย่าง เธอเคยเห็นสมุดบัญชีตัวจริงมาก่อนซึ่งเหมือนแบบนี้ทุกประการและลายมือก็คล้ายกันมาก จุดที่ถูกแก้ไขก็เหมือนกันเป๊ะ

อู่เยวี่ยได้รับคำยืนยันจากลูกน้องก็โล่งใจ ขอแค่สมุดบัญชีตัวจริงอยู่ในมือก็พอแล้ว

“คุณชายหมิงคงไม่ได้คัดลอกเก็บไว้หรอกใช่ไหม?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

…………………………………………………………………………….

[1] ใช้ความคิดเห็นที่เลวทรามดั่งพวกชั้นต่ำไปคาดเดาบุคคลที่มีคุณธรรมสูงส่ง

ตอนที่ 1904 ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสิน

เหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณให้เหมยเหมย ความหมายคือให้เธอตกลงข้อแลกเปลี่ยนของอู่เยวี่ย เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆด้วยความงุนงง ถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย

“เฮ้อ แต่ใครใช้ให้คนอย่างฉันขี้ใจอ่อนกันล่ะ เห็นแก่ความน่าสงสารที่โอหยางซานซานไม่มีพ่อไม่มีแม่ ฉันจะยอมช่วยเธอสักครั้งละกัน ถ้าปล่อยใบอนุญาตถ่ายทำมาเมื่อไร ฉันก็จะคืนสมุดบัญชีให้เมื่อนั้น”

ในจังหวะที่อูเยวี่ยกำลังจะถอดใจจากเหมยเหมยเตรียมตัวไปสารภาพผิดกับหนิงเฉินเซวียน เหมยเหมยที่พลิกบทบาทกะทันหันทำให้อู่เยวี่ยตั้งรับไม่ทันชั่วขณะและไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

ห้าวินาทีก่อนยังกัดแน่นไม่ปล่อย แต่บทจู่ ๆจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?

อู่เยวี่ยลังเลไม่กล้าขานรับเหมยเหมย เธอกลัวว่ายัยชั่วนี่จะขุดหลุมฝังเธอ

ถึงแม้ยัยชั่วจ้าวเหมยจะไม่ฉลาด แต่คนข้างกายเธอนั้นคือเหยียนหมิงซุ่นที่เจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก มีที่ปรึกษาเป็นทหารคอยช่วยวางแผนอยู่เบื้องหลัง ไม่แปลกเลยที่เธอจะพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง

แพ้ด้วยน้ำมือของคุณชายหมิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงจะแพ้ก็แพ้อย่างมีเกียรติ พอคิดแบบนี้อู่เยวี่ยก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง!

“เธอไม่เต็มใจเหรอ? งั้นช่างมันเถอะ!” เหมยเหมยไม่รอให้อู่เยวี่ยตอบรับแล้วพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ เตรียมตัดสายทิ้ง

อู่เยวี่ยที่เพิ่งจะได้สติกลับมาเอ่ยว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันคิดว่าเราดำเนินการไปพร้อม ๆกันจะดีกว่า…”

“โอหยางซานซาน ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันอยู่ไม่ใช่ฉันที่ขอร้องเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมายื่นข้อเสนอฉัน? ทำตามที่ฉันบอกซะ ถ้าไม่เต็มใจก็แล้วแต่นะ!” เหมยเหมยพูดเยาะเย้ย

อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น แค่ตอนนี้เหมยเหมยไม่ได้อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น ไม่งั้นเธอเอาถึงตายแน่!

“ได้…ฉันจะรีบจัดการใบอนุญาตถ่ายทำให้โดยเร็ว แล้วก็หวังว่าคุณหนูจ้าวจะไม่ผิดคำพูด!”

“ไม่มีทางหรอก เธอคิดว่าฉันเป็นเธอเหรอ!”

เหมยเหมยหัวเราะเยาะพร้อมตัดสายทิ้งแล้วดันโทรศัพท์ไปด้านข้าง จากนั้นก็ประคองพวงแก้มด้วยมือทั้งสองข้าง กะพริบตาปริบ ๆเพื่อรอรับคำชมเหมือนหมาตัวน้อย สะบัดหางอย่างอารมณ์ดี

“พี่คะ…ฉันทำได้ดีไหม? เมื่อกี้ทำอู่เยวี่ยโมโหแทบบ้าเลยนะ!”

เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกเธอ เอ่ยแกมประชด “เธอไม่ให้พี่ลงมือกับลูกอู่เยวี่ย แต่ตัวเองกลับทำให้อู่เยวี่ยโมโหแทบทุกวัน พี่ได้ยินว่างานเลี้ยงคืนนั้นเธอทำให้อู่เยวี่ยโมโหจนแทบแท้งลูก ตอนนี้กำลังรักษาอาการอยู่เลย!”

ยัยปีศาจน้อยมักปากไม่ตรงกับใจ เรื่องที่ห้ามไม่ให้เขาทำแต่ตัวเองกลับทำอย่างสนุกสนานเชียว!

เหมยเหมยแลบลิ้นปลิ้นตา “ตอนแรกฉันแค่คิดว่าลงมือกับเด็กมันไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ใครใช้ให้อู่เยวี่ยทำตัวน่าโมโหจนฉันแทบทนไม่ไหวตลอดเลย อีกอย่างฉันคิดว่าถ้าเด็กคนนี้ไม่ออกมาคงจะดีเสียกว่า จริง ๆนะ!”

จุดจบของหนิงเฉินเซวียนพอจะคาดเดาได้แล้ว การสูญสลายจะต้องมาถึงในไม่ช้า เฮ่อเหลียนเช่อเองก็คงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก การที่เกิดมาในครอบครัวแบบนั้นไม่ได้เป็นเรื่องดีกับเด็กเลย

อีกทั้งหนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญกับเด็กมาก คิด ๆดูแล้วหลังจากเด็กคนนี้เกิดมาหนิงเฉินเซวียนคงเป็นคนเลี้ยงดูสั่งสอนเองแน่นอน จากนิสัยวิปริตของหนิงเฉินเซวียนแล้ว เด็กที่เขาเลี้ยงดูจะกลายเป็นคนดีได้อย่างไร?

เมื่อก่อนเหมยซูหานเคยเล่าให้ฟังว่าตอนเฮ่อเหลียนเช่อยังเด็ก เขาน่ารักและจิตใจดีมาก ขนาดเห็นนกตายข้างทางยังน้ำตาไหลพราก แต่หลังจากอยู่กับหนิงเฉินเซวียนกลับถูกเลี้ยงดูจนกลายเป็นพวกไร้คุณธรรมเช่นนี้!

คิดว่าถ้าเด็กในครรภ์มีความคิด เขาคงไม่อยากมาอยู่กับหนิงเฉินเซวียนหรอก!

เพราะงั้นก็ให้เป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตเถอะ หากว่าอู่เยวี่ยสามารถรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ได้ นั่นก็คงเป็นลิขิตแห่งสวรรค์แล้วล่ะ แต่ถ้ารักษาไว้ไม่ได้ก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตเช่นกัน!

เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความคิดของเหมยเหมย ลูบหลังเธอและไม่ได้พูดถึงเรื่องเด็กอีก

เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องคืนสมุดบัญชีให้อู่เยวี่ยด้วยล่ะ? งั้นแบบนี้เราก็เสียแรงเปล่าสิ? เรื่องละครฉันไม่รีบจริง ๆนะ อย่างมากก็แค่ไปถ่ายทำที่ฮ่องกง”

………………………………………………………….

ตอนที่ 1905 ฉันคือนางฟ้าตัวน้อย

เหมยเหมยกังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะทำเพื่อละครของเธอถึงได้ยอมคืนสมุดบัญชีให้กับอู่เยวี่ย หากเป็นเพราะเหตุผลนี้เธอก็เต็มใจที่จะไม่ถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ เธอจะไม่ยอมให้เกิดผลกระทบต่องานของเหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด

“ยัยโง่…พี่แค่เอาสมุดบัญชีปลอม ๆคืนให้อู่เยวี่ยเท่านั้นแหละทำให้อู่เยวี่ยวางใจเสียก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้หนิงเฉินเซวียนไหวตัวทัน”

บัญชีของทางมูลนิธิได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หมาจิ้งจอกอย่างหนิงเฉินเซวียนกลับยังไม่รู้เรื่อง อู่เยวี่ยกังวลว่าจะโดนด่าเธอจึงปิดบังเรื่องนี้ไว้เงียบกริบ นับว่ายังพอมีทักษะอยู่บ้าง

ดังนั้นเขาต้องทำให้อู่เยวี่ยวางใจเสียก่อน ตอนนี้ยังไม่ควรทำให้หนิงเฉินเซวียนไหวตัวทันเพื่อเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น

เมื่อได้ยินว่าไม่ได้เป็นเพราะละครของเธอ เหมยเหมยพลันรู้สึกโล่งใจแต่ก็ยังกังวลอยู่ดี “แล้วอู่เยวี่ยจะดูออกไหมว่าเป็นสมุดบัญชีเล่มปลอม?”

เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองพลางหยิกแก้มเธออย่างเบามือ “พี่ว่าเธอโง่ยังไม่ยอมรับอีก ถ้ามันง่ายจนอู่เยวี่ยแยกของจริงของปลอมออก พี่จะเก็บคนพวกนั้นไว้ทำงานอีกทำไมล่ะ?”

เหมยเหมยอ้าปากงับนิ้วของเขา วันนี้พูดว่าเธอโง่ถึงสองครั้งแล้วนะ ตาบ้า!

เธอมีสิทธิ์ว่าตัวเองโง่เพราะคือการถ่อมตัว!

แต่คนอื่นห้ามเชียวนะเพราะนั่นคือการดูถูก!

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้ เธอไม่ต้องการศักดิ์ศรีหรือไง?

“ฉันไม่ได้โง่ อย่างฉันเรียกว่าคนฉลาดที่ไม่แสดงความสามารถออกมา ถ้าฉันไม่แกล้งทำเป็นโง่สักหน่อยจะเผยให้เห็นบุรุษผู้ปราดเปรื่องอย่างพี่ได้ไง…จะกัดให้ตายเลย!”

เหมยเหมยค่อมตัวเหยียนหมิงซุ่นและกัดเขาเหมือนสุนัข เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้หลบปล่อยให้เธอทำไป ถึงอย่างไรมันก็แค่ความรู้สึกจักจี้ เขาชอบด้วยซ้ำไป!

“เธอมั่นใจเหรอว่าเธอคือคนฉลาดที่ไม่แสดงความสามารถออกมา? ทำไมพี่คิดว่าเธอคือคนโง่ที่แกล้งทำเป็นฉลาดล่ะ! จะว่าไปก็มีออร่าเปล่งประกายอยู่นะ…” เหยียนหมิงซุ่นขำขัน

เหมยเหมยอึ้งไป ใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะเข้าใจความหมายของเจ้าบ้านี่ มันคือการว่าเธอมีออร่าความสวยแต่โง่ยังไงล่ะ จากรักหวานชื่น…กลับกลายเป็นการดูถูกอย่างเปิดเผยไปแล้ว!

ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

“พี่บ้า…ต่อจากนี้ไปพี่พูดได้แค่ว่าฉันน่ารัก ฉันฉลาด ฉันสวยสะดุดตา ฉันคือนางฟ้าตัวน้อย…”

เหมยเหมยกัดใบหูของเหยียนหมิงซุ่น ตะโกนเสียงดังข้างหูเขาจนน้ำลายกระเด็นใส่หน้า

ลุงเหลาและป้าฟางหัวเราะจนท้องแข็ง ความสัมพันธ์ของคุณชายกับคุณหนูนับวันยิ่งดีขึ้นเหมือนในบทละครไม่มีผิด เพียงคิดอิจฉานกยวนยาง หาได้คิดอิจฉาเทพเซียน[1]!

อู่เยวี่ยร้อนใจอยากได้สมุดบัญชีคืน หลังจากวางสายไปก็โทรหาโอหยางเซี่ยงหมิงให้เขารีบเปิดไฟเขียวให้กับฝ่ายละคร ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี ตอนนี้โอหยางเซี่ยงหมิงได้แต่ทำตามคำสั่งของเธอไม่มีทางอิดออดแน่นอน

เจ้าเสวียเอ๋อร์ได้รับสายจากสำนักงาน GD ก็รีบไปดำเนินการทำเรื่องใบขออนุญาต เมื่อก่อนแต่ละคนทำตัวเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หยิ่งผยองราวกับเป็นเทวดา แต่ตอนนี้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นราวสายลมในฤดูใบไม้ผลิพูดอะไรก็ง่ายไปเสียหมด ไม่ถึงครึ่งวันก็ทำใบอนุญาตเสร็จเรียบร้อย

“เหมยเหมยใบอนุญาตทำเสร็จแล้ว เธอนี่ก็มีความสามารถไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย อีกสามวันเป็นพิธีเปิดกล้อง ถึงตอนนั้นเธอจะมาไหม?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ดีใจยกใหญ่คึกคักขึ้นมาเชียว

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันนะ”

เหมยเหมยเองก็นึกไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะว่องไวขนาดนี้ แต่นั่นก็บ่งบอกได้ว่ายัยชั่วนั่นร้อนใจแค่ไหน หึ!

เธอไม่ร้อนใจเลยสักนิด ก็แค่ทำทีเมินเฉยใส่ยัยชั่วนั่นไป!

ตอนแรกอู่เยวี่ยคิดว่าหลังจากที่เหมยเหมยได้รับใบอนุญาตถ่ายทำก็จะส่งสมุดบัญชีกลับมาเอง แต่รออยู่นานก็ไม่มีสายโทรเข้าจากเหมยเหมย เธอนั่งไม่ติดเสียแล้ว ร้อนใจจนต้องเป็นฝ่ายโทรหาเอง

“คุณหนูจ้าว ฉันทำตามข้อตกลงของเราเรื่องใบขออนุญาตถ่ายทำเรียบร้อยแล้ว สมุดบัญชีจากเธอล่ะ? คุณหนูจ้าวคงไม่คิดที่จะผิดคำสัญญาหรอกนะ?” อู่เยวี่ยพูดจาไม่ดีนัก

“โอ้โฮ โอหยางซานซานเธอจัดการได้เร็วจัง ฉันนึกว่าจะต้องยืดเยื้อออกไปอีกสักครึ่งเดือน ฉันขอโทรถามพี่สามก่อนนะ ขอแค่ทำเสร็จฉันก็จะคืนสมุดบัญชีให้เธอเลย ฉันไม่ใช่พวกชั้นต่ำที่ไร้ความน่าเชื่อถือสักหน่อย!”

เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเกินจริงก่อนตัดสายไป กินคุกกี้ที่ป้าฟางอบให้ตามด้วยนมอุ่น ๆอีกหนึ่งแก้วเสร็จถึงจะกดโทรศัพท์โทรออกอย่างเนิบนาบ

……………………………………………………………

[1] แค่ได้อยู่ครองคู่กับคนรักไปตลอดชีวิตดั่งนกยวนยางนั้นประเสริฐยิ่งกว่าการได้เป็นเทพเซียนที่มีชีวิตยืนยาวแต่ต้องเดียวดายไร้คู่

ตอนที่ 1902 เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม

วันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นส่งนักบัญชีไปดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทางด้านอู่เยวี่ยยังคงรักษาลูกในครรภ์อยู่ ยังมีอาการมึนงงไม่ได้สติอยู่เลย

รออู่เยวี่ยฟื้นตัวดีขึ้นนักบัญชีชั้นนำกลุ่มนี้คงตรวจสอบการเงินของมูลนิธิเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ จะว่าไปหนิงเฉินเซวียนก็วางใจมูลนิธิแห่งนี้มากเกินไป สมุดบัญชีทำเหมือนเด็กประถม ความรู้พื้นฐานด้านการเงินไม่มีเลยสักนิด การตรวจสอบบัญชีจึงเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน

การทำงานของสำนักงานเทียนอิงมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง เพียงไม่กี่วันหลักฐานการฟอกเงินของมูลนิธิก็ส่งมาถึงมือเหยียนหมิงซุ่นซึ่งเป็นกระทำการอย่างลับ ๆโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงแม้หนิงเฉินเซวียนจะเก่งกาจแต่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยสักนิด ซ้ำยังทำแบบนี้มาเป็นสิบ ๆปีโดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย

และเป็นเพราะหนิงเฉินเซวียนชะล่าใจคิดว่าไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นแน่ จึงทำให้เหยียนหมิงซุ่นหาจังหวะจับช่องโหว่นั้นได้ และในตอนนี้หนิงเฉินเซวียนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซึ่งตรงกับความตั้งใจของเหยียนหมิงซุ่นพอดี เขายังไม่อยากจะฉีกหน้าของหนิงเฉินเซวียนตอนนี้เพราะยังไม่ถึงเวลา

แต่เหตุการณ์นี้ใช้เป็นผลประโยชน์ให้ภรรยาของเขาได้

อู่เยวี่ยตกที่นั่งลำบาก ภาวะครรภ์ของเธอค่อนข้างย่ำแย่ หมอเตือนเธอแล้วว่าหากยังไม่ยอมพักผ่อนร่างกายก็คงไม่อาจรักษาทารกในครรภ์ไว้ได้อีก

เด็กในท้องของอู่เยวี่ยเป็นดั่งไพ่สุดท้ายในมือ เธอจึงไม่ขัดขืนจำใจยอมดูแลครรภ์อยู่ที่บ้าน แต่ทางด้านคุณนายเฮ่อก็เอาแต่โทรมาร้องไห้คร่ำครวญถึงเงินสองแสนของเธอวันละหลายสิบสาย ร้องไห้จนเธอนึกรำคาญใจ

สองแสนแล้วยังไง?

เธอเสียไปตั้งหนึ่งล้าน!

สิ่งสำคัญก็คือมูลนิธิแห่งนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอ หนิงเฉินเซวียนจึงยอมให้เธอจัดการดูแลได้อย่างง่ายดาย หากตอนนี้เกิดช่องโหว่ขึ้นเธอคงสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากหนิงเฉินเซวียน อีกหน่อยถ้าคลอดลูกออกมาแล้วเธอคงกระดิกตัวยากแน่!

“จะร้องไห้ทำไม ใครใช้ให้เธอปล่อยให้คนของเทียนอิงเข้าไปล่ะ? มาร้องไห้ตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร!”

อู่เยวี่ยปวดหัวมาก เมื่อก่อนยังเคยมองว่าคุณนายเฮ่อเป็นคนมีความสามารถ ตอนนี้ดูท่าจะสวยแต่โง่เป็นแค่ตัวถ่วงในชีวิตเธอ!

“คุณชายหมิงเป็นคนพูด ฉัน…ฉันเลยไม่กล้า…” คุณนายเฮ่ออัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก เธอจะเอาความกล้าจากไหนมาขัดคนอย่างเขาล่ะ!

อู่เยวี่ยโมโหจนปวดท้องอีกครั้งว่าด้วยเสียงเย็นชา “คุณชายหมิง คุณชายหมิง เธออย่าลืมนะว่าเธอเป็นคนของฝ่ายไหน?”

คุณนายเฮ่อร่างกายสั่นเทิ้มเสียวสันหลังวาบ สำนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดผิดไปจึงรีบแสดงความซื่อสัตย์ออกมาโดยการพูดประจบประแจงไปหลายคำ พอวางใจถึงค่อยวางสายและไม่กล้าโทรหาอีก

เหมยเหมยรู้เรื่องการตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิจากเหยียนหมิงซุ่น คงไม่ต้องเอ่ยว่าเธอดีใจแค่ไหน ทางด้านจ้าวเสวียเอ๋อร์ร้อนใจจนแทบบ้า โทรเข้ามาอยู่หลายสาย “กองถ่ายเตรียมพร้อมหมดแล้ว หานจื่อจวินก็จะมาถึงพรุ่งนี้แล้ว ใบอนุญาตถ่ายทำจะได้เมื่อไร? คงไม่ต้องยืดเวลาไปถ่ายปีหน้าหรอกใช่ไหม?”

“รีบอะไรเล่า ฉันบอกแล้วไงว่าให้ถ่ายทำตามกำหนดการเดิมเลย พวกพี่ก็แค่ทำตามแผนการเดิมที่วางไว้ พิธีเปิดกล้องก็จัดการได้เลยเอายิ่งใหญ่หน่อยนะ!”

เหมยเหมยมั่นใจเป็นอย่างมาก แค่ปล่อยให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ทำตามกำหนดการเดิม เธอไม่ยอมปล่อยให้เวลายืดเยื้อแน่

จ้าวเสวียเอ๋อร์ไปทำงานต่ออย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ช่วยไม่ได้นี่ เขาทำได้แค่เชื่อใจน้องสาวผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเขา ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้?

เหมยเหมยร่าเริงอยู่ในบ้าน นั่งรอให้อู่เยวี่ยเป็นฝ่ายมาพบเธอก่อน เธอไม่เชื่อหรอกว่าอู่เยวี่ยจะทนไหว!

เป็นไปตามคาดหนึ่งวันก่อนตรวจสอบบัญชีก็มีสายโทรเข้าจากอู่เยวี่ย โดยพูดอย่างตรงไปตรงมา

“เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม เธอให้เหยียนหมิงซุ่นคืนสมุดบัญชีมาให้ฉัน ส่วนฉันจะให้สำนักงาน GD[1] ปล่อยละครของเธอ”

เหมยเหมยหัวเราะร่า ถือโทรศัพท์ไว้พลางขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างกายพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้เขาด้วย สามีของเธอคือจูกัดเหลียงมาจุติชัด ๆ เดาสถานการณ์ได้ถูกเป๊ะไม่มีผิดเพี้ยนเลย!

[1] ชื่อย่อของ国家广播电视总局 ซึ่งหมายถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แห่งชาติ

……………………………………………………..

ตอนที่ 1903 ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน

เหยียนหมิงซุ่นขยิบตาให้เหมยเหมยแล้วยื่นมือคว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด เมื่อร่างกายนุ่มนิ่มหอมหวานอยู่ในอ้อมกอดของเขามันช่างทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน แถมยังได้เล่นมือน้อย ๆของภรรยาตัวเองด้วย ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว

เหมยเหมยบิดตัวไม่กี่ทีแล้วก็ไม่ได้ขัดขืนอีก จากนั้นก็นอนลงบนตักเขาวางเครื่องโทรศัพท์ลง มือหนึ่งจับหูฟังไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ซุกไซร้หน้าท้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซนคล้ายกับเด็กน้อย

“อุ้ย แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เข้าไปยุ่งเรื่องงานของผู้ชายเลยนะ เรื่องนี้ฉันคงเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ โอหยางซานซานเธอไปหาพี่หมิงซุ่นของฉันด้วยตัวเองเถอะ!” เหมยเหมยยิ้มตาหยี

อู่เยวี่ยนึกแค้นใจ ถ้าฉันหาตัวเหยียนหมิงซุ่นได้แล้วจะโทรมาหาแกให้ตัวเองหงุดหงิดแบบนี้ทำไมเล่า?

“คุณชายหมิงยุ่งจะตายฉันไม่รบกวนเขาจะดีกว่า และนี่ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆเท่านั้นคงไม่ถึงกับต้องรบกวนคุณชายหมิงหรอกมั้ง แค่คุณหนูจ้าวจัดการก็เอาอยู่แล้ว!”

“โอหยางซานซานความเข้าใจของเธอมันช่างต่ำจริง ๆเลยนะ เรื่องทางการไม่มีเรื่องเล็ก ๆหรอกนะ เธอไม่รู้หรือไง? พี่หมิงซุ่นของฉันเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจ สำหรับเขาแล้วเรื่องทางการเล็กแค่ไหนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องส่วนตัวใหญ่แค่ไหนก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ สองอย่างนี้แทบจะเทียบกันไม่ได้เลยนะ…”

เหมยเหมยมีสีหน้าดุดัน สั่งสอนด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยความถูกต้อง เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาขำขัน

ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่ายัยปีศาจน้อยของเขามีความเข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้?

อีกเดี๋ยวจะต้องคุยกับยัยปีศาจน้อยให้ลึกซึ้งเสียหน่อยแล้ว!

อู่เยวี่ยทนฟังเหมยเหมยสาธยายบทความยาวเหยียดจนจบก็พลันจุกอยู่ในอก โมโหจนนึกอยากจะตัดสายทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ขี้เกียจที่จะต้องมาฟังยัยชั่วจ้าวเหมยพูดพล่ามไร้สาระ!

ถ้าเหยียนหมิงซุ่นเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆละก็ เขาจะเอาเงินมาจากไหนมากมาย?

เงินสามแสนคืนนั้นเขาไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ!

เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ทุจริต!

“คุณชายหมิงเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆนั่นแหละ เรื่องนี้จ้าวเหมยไม่ต้องพูดให้มากความ ประชาชนทั้งประเทศต่างก็รู้ดี” อู่เยวี่ยทนไม่ไหวจึงพูดตัดบทเหมยเหมยไป ถ้าปล่อยให้ยัยชั่วนี่พูดต่อไปคงไม่ทันการกันพอดี

เธอเองก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อเอ่ยออกไปตรง ๆว่า “จ้าวเหมย เจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอเตรียมการพร้อมหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ใบอนุญาตถ่ายทำ ถ้าต้องยืดออกไปอีกปีครึ่ง เกรงว่าความเสียหายที่จะเกิดคงไม่น้อยมั้ง!”

“ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงินสักหน่อย จะยืดเวลาก็ยืดไปสิ!” เหมยเหมยพูดอย่างไม่แยแส

อู่เยวี่ยกัดฟันกรอดอย่างโมโหจนฟันแทบแตก ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำและเหมยเหมยมีอำนาจในการบงการทุกอย่าง ซึ่งจากเดิมเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายนำ แต่เป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเข้ามายุ่งเธอเลยกลายเป็นผู้ถูกกระทำอยู่แบบนี้!

ผู้หญิงที่มีผู้ชายคอยปกป้องเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาจนแทบบ้าคลั่ง!

อย่างเช่นยัยชั่วจ้าวเหมยนี่ไง!

พอนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ไม่เคยให้ความสนใจเธอหลังจากเธอตั้งครรภ์ ซ้ำยังไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเธอเลย อู่เยวี่ยก็รู้สึกขมที่ปลายลิ้น แม้ว่าเธอจะไม่คาดหวังสิ่งใดจากเฮ่อเหลียนเช่อ แต่สิ่งที่คนเรามักกลัวที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ มีไข่มุกเม็ดงามอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตรงหน้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกสองคนนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบกัน

หากว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นเหมือนเหยียนหมิงซุ่น คอยหนุนหลังเธอ เธอจะลำบากเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?

อู่เยวี่ยบ่นพลางถอดถอนหายใจกับตัวเอง โกรธแค้นทั้งเฮ่อเหลียนเช่อและเหมยซูหาน ทุกคนล้วนทอดทิ้งเธอ!

สมควรตายให้หมด!

“จ้าวเหมย ขอพูดตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อมนะ เธอต้องการอะไรกันแน่?” อู่เยวี่ยตวาดเสียงดัง

เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรนี่ คนใจดีอย่างฉันจะคิดทำร้ายคนอื่นได้อย่างไร? เพียงแต่คนอย่างฉันจะเคารพใคร คน ๆนั้นก็ต้องเคารพฉันก่อนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ถ้ามีใครที่ไม่เกรงใจฉัน ฉันก็จะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!”

ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยกัดฟันพูดออกมา ความเย็นยะเยือกที่ถูกกั้นไว้ด้วยหูฟังค่อย ๆแผ่ซ่านส่งไป อู่เยวี่ยตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่

ทำไมเธอถึงสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตจากคำพูดของจ้าวเหมยนะ?

หรือว่าโอหยางซานซานจะมีความแค้นกับจ้าวเหมยด้วย?

…………………………………………………………

ตอนที่ 1900 ประมูลกลับมา

อู่เยวี่ยไปแล้ว เหมยเหมยก็ไม่มีความสนใจที่จะอยู่ต่อ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องทำอะไรบางอย่างก่อน

“ฉิวฉิว พวกเรากลับบ้านกัน” เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอย่างนุ่มนวล

คุณชายฉิวลุกขึ้นหยิบต่างหูคู่หนึ่งออกมาจากท้องราวกับแสดงมายากล มันเป็นต่างหูคู่ที่อู่เยวี่ยซื้อมาด้วยเงินหนึ่งล้าน

“กู่ ๆ…”

ฉิวฉิวส่งเสียงเรียกเหมยเหมยอยู่หลายครั้งแล้วเอาต่างหูยัดใส่มือเธอ จากนั้นก็มุดเข้าไปในเสื้อคลุมตัวนอกของเธอ ซ่อนจนไม่เห็นเงา ทุกคนต่างอ้าปากค้างอีกครั้ง

เจ้ากระรอกตัวนี้ช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ!

ยังรู้จักซ่อนของเอาไว้ด้วย!

เหมยเหมยแสร้งทำเป็นประหลาดใจพลางหยิบต่างหูขึ้นมา พูดกับตัวเองว่า “แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะ คุณนายเฮ่อเหลียนกลับไปแล้วด้วย ฉันไม่กล้าถือวิสาสะโยนต่างหูทิ้งหรอกนะ!”

“แต่ว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเกลียดต่างหูมากขนาดนี้ คืนเธอไปก็กลัวว่าจะยั่วโมโหจนส่งผลกระทบกับลูกในครรภ์อีก พี่หมิงซุ่น พี่ว่าจะจัดการกกับต่างหูนี้อย่างไรดีล่ะ?”

เหมยเหมยหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นดวงตากลมโตแล้วกะพริบตาด้วยท่าทีใสซื่อ

“ก็ประมูลอีกครั้งสิ คุณนายเฮ่อเหลียนมีใจนึกถึงแต่ผู้ประสบภัย คงหวังแต่ว่าการประมูลบริจาคเงินในครั้งนี้ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี พี่เป็นคนตัดสินใจให้เอง” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

ผู้ประมูลเริ่มการประมูลต่างหูอีกครั้ง “ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่น เพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งพัน…”

“หนึ่งหมื่นหนึ่งพัน” เสียงของเหมยเหมยชัดก้องกังวาน เดิมทียังมีคุณหญิงบางคนที่ยังลังเลใจอยู่บ้างแต่ก็หยุดความคิดนั้นในฉับพลัน ป้ายประมูลที่ถูกกดเอาไว้แน่นไหนเลยจะกล้าเอาขึ้นมาเสนอราคา

มีคุณชายหมิงจ้องเขม็งอยู่ข้าง ๆ พวกเธอจะกล้ายกป้ายประมูลขึ้นมาได้อย่างไร?

ในห้องโถงเงียบสนิทไร้เสียง เสียงของผู้ประมูลนั้นสูงมาก “หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่หนึ่ง หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สอง…หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สาม ปิดการขาย!”

เสียงค้อนทุบโต๊ะดังขึ้น หัวใจของทุกคนตกอยู่ในสภาวะเดิม ในที่สุดละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ก็จบลงเสียที!

“ขอบคุณทุกคนที่ยอมให้นะคะ!”

สุดท้ายต่างหูก็ถูกส่งกลับคืนเจ้าของเดิมอย่างเหมยเหมยอีกครั้ง เธอแค่เหลือบมองแล้วก็โยนต่างหูลงในกระเป๋า ท่าทางที่แสดงออกมาไหนเลยจะมีท่าทีถนอมของรักของหวงอยู่อีก?

เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนก่อน จากนั้นถึงดึงเหมยเหมยลุกขึ้นมา ตอนเดินผ่านหัวหน้ามูลนิธิซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดงานเลี้ยงแถมยังเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงด้วย เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “มีคนมากมายกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ประสบภัย เงินบริจาคเหล่านี้จะต้องโปร่งใสและเปิดเผยชัดเจนเพื่อเลี่ยงไม่ให้ใครบางคนคิดเล่นตุกติกได้”

“คุณชายหมิงโปรดวางใจ มูลนิธิของเราจะเปิดเผยแหล่งที่มาที่ไปของเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดอย่างชัดเจนแน่นอน” ผู้รับผิดชอบมูลนิธิตกใจจนต้องรีบชี้แจงออกมา

“ผมเคยได้ยินมาว่าการบริจาคเงินของกองทุนคุณไม่ค่อยเปิดเผยอย่างโปร่งใสเท่าไรนัก!” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่ดังมากแต่กลับเหมือนค้อนหนัก ๆที่ทุบใส่หัวใจของหัวหน้ามูลนิธิจนหน้าซีดไร้สีเลือด

“นั่นเป็นความผิดพลาดในการทำงานครั้งก่อน ตอนนี้จะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว พวกเรายินดีให้คุณชายหมิงมาตรวจสอบได้ทุกเมื่อ” เสียงของหัวหน้ามูลนิธิดังก้องกังวาน คำพูดมีพลังกล้าหาญ

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มเล็กน้อยถือโอกาสพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีอำนาจตรวจสอบงานมูลนิธิของคุณอยู่แล้ว แต่ผมจะส่งผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานบัญชีมาช่วยเหลือคุณแล้วกัน”

ใบหน้าของผู้รับผิดชอบมูลนิธิเริ่มซีดลง ถึงอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเอาคำพูดเกรงใจของเธอไปคิดเป็นจริงเป็นจังได้?

นี่เขาจะส่งนักบัญชีมาตรวจสอบควบคุมงานมูลนิธิของพวกเขาจริง ๆเหรอ ถ้างั้นเงินบริจาคทั้งหมดจะเข้ากระเป๋าส่วนตัวได้อย่างไรเล่า?

เรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์ ใครจะอยากจะเปลืองแรงทำกันล่ะ?

“ขอบคุณคุณชายหมิงสำหรับความห่วงใยและการสนับสนุน!” หัวหน้ามูลนิธิพยายามฝืนยิ้มขอบคุณ วางแผนไว้ว่าจะกลับไปคุยกับอู่เยวี่ยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร หรือว่าจะต้องใช้เงินบริจาคจนหมดจริง ๆหรือ?

ดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาลงเล็กน้อย พูดอีกประโยคว่า “พรุ่งนี้ผมจะส่งคนจากสำนักงานเทียนอิงไปที่มูลนิธิของคุณ!”

………………………………………….

 ตอนที่ 1901 ฉีดยากันแท้ง

พอออกมาจากโรงแรมลมหนาวก็พัดโชยมา เหมยเหมยหดคอลงอย่างรวดเร็วจนหัวแทบจะมุดเข้าไปในคอเสื้อกันหนาว ภายในโรงแรมอบอุ่นเหมือนช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ภายนอกกลับโปรยปรายไปด้วยเกร็ดหิมะ ช่างเป็นดั่งโลกสองใบจริง ๆ เลย!

“เมื่อกี้คุณนายเฮ่อทำตัวตลกจัง เธอคงคิดไม่ถึงว่าพี่จะมาในโหมดจริงจังสินะ!”

ลุงเหลาขับรถมาได้ทันเวลา ภายในรถอบอุ่นมากเหมยเหมยถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย พอนึกถึงสีหน้าเมื่อกี้ของคุณนายเฮ่อหัวหน้าประจำมูลนิธิที่เหมือนกินขี้เข้าไป เธอก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากแล้วคว้ามือเหมยเหมยมากุมไว้ในอุ้งมือของตัวเอง นัยน์ตาทอประกายเย็นชา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิต่าง ๆในเมืองหลวงมีเพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นโดยบุคคลมีชื่อเสียงที่มีหน้ามีตาในสังคม และหนึ่งในมูลนิธิที่มีขอบข่ายค่อนข้างใหญ่ก็คือที่ที่อู่เยวี่ยเข้าร่วม ผู้ดูแลมูลนิธิแซ่เฮ่อ สามีเป็นคนของหนิงเฉินเซวียน

ดังนั้นมูลนิธิแห่งนี้ถือได้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของหนิงเฉินเซวียนอย่างลับ ๆ แต่อย่าเพิ่งดูถูกมูลนิธิแห่งนี้เชียว เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฟอกเงินชั้นดีของหนิงเฉินเซวียนเลยล่ะ เหยียนหมิงซุ่นจับตาดูมูลนิธิแห่งนี้มานานแล้ว

แต่หนิงเฉินเซวียนเจ้าเล่ห์มาก เขาป้องกันบุคคลภายนอกอย่างเหนียวแน่น ครั้งนี้นับว่าคิดหาข้ออ้างได้ดีเขาถึงได้ส่งคนเข้าไปอย่างง่ายดาย สำนักงานบัญชีเทียนอิงล้วนเป็นคนของเขาทั้งหมดซึ่งในนั้นต่างเป็นนักบัญชีชั้นนำ หากมูลนิธิเกิดปัญหาด้านการเงินเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจปกปิดสายตาของเขาได้

พออู่เยวี่ยกลับถึงบ้านก็ให้หมอฉีดยากันแท้งทันทีเธอถึงสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่หมอก็เตือนเธอแล้วว่าให้นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้

อู่เยวี่ยไม่ได้ใส่ใจคำของหมอ เธอรู้ร่างกายของตัวเองดีที่สุดว่าต้องไม่เป็นไรแน่นอน วันนี้แค่โดนยัยชั่วจ้าวเหมยทำให้โมโหก็เท่านั้น รอให้เธอพลิกสถานการณ์และเอาคืนให้ได้ก่อนเถอะ!

อู่เยวี่ยติดสินบนหมอไว้แล้ว เธอไม่ได้กังวลว่าหนิงเฉินเซวียนจะรู้เรื่องสภาพร่างกายของเธอ ซึ่งเธอไม่เต็มใจสักนิดที่จะพักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ วัน ๆเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน พอคลอดลูกแล้วกลัวว่าจะมีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่รู้จักเธอ!

หากหนิงเฉินเซวียนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย ถึงเวลานั้นเธอคงต้องตายจากไปอย่างไร้ร่องรอย ใครต่างก็ไม่ให้ความสนใจว่าภรรยาของคุณชายเช่อตายอย่างไร!

เพราะฉะนั้นเธอจะต้องหาจุดยืนตัวเองในเมืองหลวงให้ได้ ยิ่งสถานะของเธอมีความสำคัญขึ้นมากเพียงไร ข้อต่อรองในการเอาชีวิตรอดของเธอในภายภาคหน้าก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น แล้วเธอจะยอมพักผ่อนอยู่บ้านเงียบ ๆได้อย่างไรล่ะ?

ต่อให้ต้องฝืนก็จะฝืนจนกว่าจะคลอดลูกออกมา!

อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่ทันไร คุณนายเฮ่อก็โทรเข้ามาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอกลับมาให้ฟัง พอได้ยินว่าฉิวฉิวคาบเก็บต่างหูกลับมา แถมเหมยเหมยยังได้ประมูลต่างหูกลับไปในราคาหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหยวน อู่เยวี่ยก็โมโหลมจับจนแทบเป็นลมล้มพับลงไป

เธอกัดริมฝีปากแน่น เริ่มมีอาการปวดท้องอีกครั้ง

ยัยชั่วจ้าวเหมย บัญชี(แค้น)ครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!

“อีกอย่างคุณชายหมิงบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งคนของสำนักงานบัญชีเทียนอิงมาตรวจสอบ แล้วครั้งนี้จะทำอย่างไรดีคะ!” คุณนายเฮ่อร้อนรนจนแทบบ้า ในงานการกุศลครั้งนี้เธอออกเงินไปตั้งสองแสนนะ!

หากเป็นเมื่อก่อนเงินสองแสนหยวนนี้ก็เป็นแค่การเปลี่ยนมือคนถือ พองานประมูลสิ้นสุดลงสองแสนนั้นก็จะบินกลับมาเข้ากระเป๋าของเธอเช่นเดิม แถมยังพาลูก ๆหลาน ๆกลับมาด้วย

แต่ถ้านักบัญชีของสำนักงานเทียนอิงเข้ามาตรวจสอบจริง ๆละก็ เงินสองแสนนั้นไม่มีทางเอากลับคืนมาได้อีกแน่นอน ช่างปวดใจเหลือเกิน!

อู่เยวี่ยปวดใจยิ่งกว่า  เหตุที่เธอกล้าโยนเงินหนึ่งล้านซื้อต่างหูกลับมาเพราะเธอมั่นใจว่าจะสามารถเอาเงินหนึ่งล้านนั้นกลับคืนมาได้ แต่ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?

เขาจุ้นจ้านเกินไปหรือเปล่า?

อู่เยวี่ยรู้สึกได้ว่าท้องน้อยมีอาการหน่วงเป็นระยะ ดูท่าไม่ดีแล้วจึงรีบรวบรัดตัดตอนคุณนายเฮ่อแล้วเรียกหมอเข้ามาฉีดยากันแท้งให้เธออีกครั้ง กว่าจะรักษาลูกในท้องไว้ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่เมืองหลวงก็เงียบสงบไปได้อีกหลายวัน

……………………………………………………………………..

ตอนที่ 1898 คุณชายฉิวออกโรง

คนที่คาบต่างหูไว้ก็คือคุณชายฉิว ก่อนหน้านั้นมันซุกตัวนอนหลับอยู่ในเสื้อคลุมตัวนอกของเหมยเหมยจึงไม่มีใครสังเกตเห็น เมื่อครู่เหมยเหมยปลุกฉิวฉิวตื่นแล้วให้มันออกโรง จากนั้นมันก็คาบเอาต่างหูกลับมาได้อย่างง่ายดาย

ทุกคนมองไปทางฉิวฉิวที่ฟุบอยู่บนขอบหน้าต่างด้วยความตกใจและแปลกใจที่มีกระรอกน้อยแสนน่ารักเช่นนี้โผล่มาได้ มันมุดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?

ช่วงนี้ฉิวฉิวกินดีอยู่ดีหลับสบาย ขนขึ้นปุกปุยทั้งตัว หากมองไกล ๆดูคล้ายลูกบอลยังไงอย่างนั้น ชวนให้ใคร ๆต่างหลงรักโดยเฉพาะพวกผู้หญิง พอเห็นฉิวฉิวน่ารักสัญชาตญาณของความเป็นแม่ก็แผ่ซ่านออกมา ไม่กล้าหายใจแรงเพราะกลัวจะทำให้กระรอกน้อยตกใจ

แต่อู่เยวี่ยมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นฉิวฉิว นัยน์ตาปล่อยแสงอันเยือกเย็นออกมา เพราะสัตว์เดรัจฉานน้อยนี้เลยทำให้เธอมีกลิ่นตัวเหม็นคละคลุ้งไปทั้งร่างกายจนถูกคนหัวเราะเยาะเย้ย ฝันร้ายของเธอเริ่มต้นจากตรงนั้นและไม่จบไม่สิ้นมาโดยตลอด!

สัตว์เดรัจฉาน น่ารังเกียจเหมือนกับเจ้าของมันไม่มีผิด!

“มีกระรอกเข้ามาได้อย่างไร? พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่? รีบไปจับกระรอกตัวนี้มาสิ!” อู่เยวี่ยตะโกนเสียงเข้ม

พนักงานโรงแรมไหนเลยจะกล้าอยู่เฉย หยิบทั้งกระบองทั้งคีมหนีบจนมือไม้พัลวันกันยุ่งเหยิงไปหมดเพื่อเตรียมจับตัวฉิวฉิว เหมยเหมยลุกขึ้นตะโกน “ใครกล้าจับ? กระรอกตัวนี้เป็นลูกรักของฉัน ถอยออกไปเลยนะ!”

พนักงานมองหน้ากันอย่างพร้อมเพียง เข้าไปก็ไม่ได้ ถอยออกมาก็ไม่ได้ สรุปเขาต้องฟังใครกันแน่เนี่ย?

“ถอยออกไป!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา ผู้จัดการโรงแรมแอบส่งสายตาให้คนด้านล่างอย่างเงียบ ๆ ทุกคนจึงต่างถอยออกมา

คุณชายหมิงออกปากเอง พวกเขาจะกล้าขัดได้อย่างไรเล่า?

ต่อให้ผู้หญิงเก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาผู้ชายที่คอยอยู่ด้านหลังเพื่อจะได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง ในเมื่อมีคุณชายหมิงอยู่ก็ต้องฟังคำสั่งของคุณชายหมิงเป็นธรรมดา

เหมยเหมยกวักมือเรียกฉิวฉิว ฉิวฉิวจึงกลับมาพร้อมกับต่างหูในปากแล้วมุดเข้าไปในอ้อมอกของเหมยเหมย วางตุ้มหูบนมือหมยเหมยเหมือนถวายสมบัติล้ำค่า ดวงตาสีดำกลอกไปมาอย่างชาญฉลาด

อู่เยวี่ยพูดอย่างโมโหว่า “คุณหนูจ้าวหรือว่าคิดจะทำผิดข้อตกลง?”

“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า? ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีเงินเท่าคุณชายเช่อแต่ต่างหูคู่นี้ก็ไม่ได้เข้าตาฉันมากขนาดนั้น ในเมื่อบริจาคไปแล้วแน่นอนว่าฉันจะไม่รับกลับคืนมาอีก ฉิวฉิวของฉันก็แค่แยกไม่ออกว่าต่างหูคู่นี้ไม่ใช่ของฉันแล้ว คิดไปว่าฉันทำต่างหูตกเลยเก็บกลับมาคืนฉันก็เท่านั้นเอง!”

เหมยเหมยหยิบช็อกโกแลตออกมาจากกระเป๋าหักเป็นชิ้น ๆแล้วป้อนฉิวฉิว พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ฉิวฉิวเด็กดี ตอนนี้ต่างหูคู่นี้เป็นของคุณนายเฮ่อเหลียนไม่ใช่ของพี่สาว อีกเดี๋ยวไม่ต้องเก็บกลับมาแล้วนะ!”

ฉิวฉิวสะบัดหางเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ท่าทางของเจ้าโง่น้อยนี่ไม่ต้องให้พูดเลยว่าน่ารักขนาดไหน อุ้งเท้าอ้วนกลับแอบชูขึ้นสามนิ้ว ซึ่งความหมายก็คือต้องให้ช็อกโกแลตมันสามชิ้นถึงจะตอบตกลง

ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ทำ!

เหมยเหมยแอบหยิกก้นฉิวฉิวเบา ๆ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน พร้อมคืนต่างหูให้พนักงาน “รบกวนคุณไปทิ้งมันอีกครั้งแล้วกันนะคะ!”

อู่เยวี่ยปวดใจ และปวดท้องน้อยมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อครู่เธอตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทิ้งต่างหูแต่ตอนนี้เธอกลับต้องตัดใจทำมันอีกครั้ง มันเจ็บปวดจนเธอหายใจไม่ออก อู่เยวี่ยจึงหันหน้าหนี หากไม่เห็นก็คงไม่ต้องหงุดหงิดใจแล้ว

พนักงานหยิบต่างหูไปที่หน้าต่างอีกครั้ง พอเปิดหน้าต่างแล้วโยนมันลงไป ทุกคนก็เห็นแสงสีขาวอีกครั้ง เพราะ ——

คุณชายฉิวที่น่ารักกลับมาอีกครั้งพร้อมปากที่คาบต่างหูมาด้วย จากนั้นก็วางลงบนมือของเหมยเหมยราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่า…แล้วก็โยนทิ้งอีก…แล้วก็เก็บเอากลับมาใหม่…

ทำซ้ำแบบนี้อยู่อีกสี่ห้ารอบ หัวใจของอู่เยวี่ยเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว แต่พอเธอเห็นฉิวฉิวคาบเก็บต่างหูกลับมาอีกครั้ง หัวใจของเธอก็เจ็บปวดอย่างสาหัส

เงินหนึ่งล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆเลยนะ!

“จ้าวเหมย เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?” อู่เยวี่ยตะคอกด้วยความโมโห

…………………………………………………………

 ตอนที่ 1899 ถลำลึกเกินไป

เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ยกมือขึ้นมาอย่างจนใจแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันพูดภาษากระรอกไม่เป็น เธอพอจะมีวิธีไหมล่ะ?”

อู่เยวี่ยโมโหจนแทบกระอักเลือด พูดอย่างโมโหว่า “สัตว์เลี้ยงของเธอเองยังไม่ฟังเธอเลย แล้วฉันจะมีวิธีอื่นได้ไงล่ะ?”

“โอ๊ย ฉิวฉิวไม่ต้องคาบเก็บกลับมาอีกแล้วนะ เด็กดีกินช็อคโกแลตอยู่ตรงนี้นะ…” เหมยเหมยหักช็อคโกแลตอีกชิ้นให้ฉิวฉิว คืนต่างหูให้กับพนักงานที่ทำงานหนักพร้อมยิ้มอย่างรู้สึกผิด พูดเบา ๆว่า “ลำบากคุณแย่เลย!”

พนักงานรีบส่ายศีรษะเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ลำบากเลย แต่อันที่จริงเขาลำบากและเหนื่อยใจเหลือเกิน

ทิ้งของราคาหนึ่งล้านไปตั้งสี่ห้ารอบ สติของเขาแทบจะแตกกระเจิงอยู่แล้ว!

ทุกคนหันไปจ้องที่มือพนักงานอย่างเคร่งเครียดแล้วก็หันไปมองฉิวฉิว แอบสงสัยในใจว่าคราวนี้มันจะคาบเก็บกลับมาอีกไหม…สาม สอง หนึ่ง…โยนต่างหูลงไป จากนั้นก็มีแสงสีขาวขึ้นมา…

อู่เยวี่ยโมโหจนหน้าซีดขาว ตวาดด้วยเสียงแหลมสูงว่า “จ้าวเหมย นี่เธอกำลังจงใจป่วนงานอยู่ใช่ไหม?”

ฉิวฉิวปีนขึ้นมาจากหน้าต่าง ในปากว่างเปล่า…ไม่ได้คาบอะไรกลับมาทั้งนั้น!

ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความผิดหวัง หนึ่งล้านละลายไปกับน้ำเสียแล้ว!

อู่เยวี่ยยิ่งรู้สึกผิดหวัง เดิมทีเธอยังวางแผนว่าหากครั้งนี้เจ้าสัตว์เดรัจฉานน้อยตัวนี้คาบเก็บกลับมาอีก เธอก็จะฉวยโอกาสทำเป็นเหมือนว่าจะกลับไปหาที่ทิ้งซะ ส่วนเธอจะโยนทิ้งหรือไม่นั้นใครจะไปรู้ได้ล่ะ?

ถึงแม้ว่าต่างหูคู่นี้จะไม่สมกับราคาหนึ่งล้านแต่ก็คงขายได้หลายแสนอยู่ ถึงอย่างไรเธอก็พอจะได้เงินคืนมาบ้าง!

แต่ตอนนี้——

“ต่างหูล่ะ?” อู่เยวี่ยอดถามเสียงแหลมไม่ได้ คนอื่น ๆก็ถามอย่างสงสัยเช่นกัน ทำไมครั้งนี้เจ้ากระรอกน้อยถึงไม่คาบกลับมาแล้วล่ะ?

ฉิวฉิวกระโดดอยู่สองสามที จากนั้นก็รีบวิ่งมุดเข้าอ้อมแขนของเหมยเหมย สะบัดหางปิดหน้าของมันแล้วก็หลับไป

“ฉิวฉิวของฉันเหนื่อยแล้ว มันขี้เกียจจะขยับแล้ว” เหมยเหมยลูบขนของมันเบา ๆแล้วกล่าวอธิบาย

อู่เยวี่ยโมโหจนหน้าแทบยู่เข้ามารวมกันแล้ว “เหนื่อยแล้วงั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้วิ่งเป็นลิงเป็นค่างอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?”

“ก็แค่ออกกำลังกายมากเกินไปจนเหนื่อย คุณนายเฮ่อเหลียนกำลังโทษฉิวฉิวที่ไม่ได้คาบต่างหูกลับมางั้นสิ? ไม่ใช่ว่าคุณรังเกียจต่างหูเพราะมันสกปรกถึงอยากจะทิ้งมันหรอกเหรอ? หรือตอนนี้เกิดเสียดายขึ้นมาแล้ว?” เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยที่มีสีหน้าดูไม่ได้ด้วยรอยยิ้ม

ท่าทางของเธอในตอนนี้ แม้แต่คนโง่ยังมองออกว่าในใจคิดอะไรอยู่ คงปวดใจกับเงินหนึ่งล้านละมั้ง!

อู่เยวี่ยหัวเราะแห้ง ๆอยู่หลายที “ใช่สิ ฉันรังเกียจที่ต่างหูสกปรก ขนาดจะแตะต้องฉันยังไม่อยากตะต้องมันเลย โยนทิ้งไปซะก็ดี!”

“คุณชายเช่อช่างร่ำรวยเสียจริง ๆ เงินเป็นล้านบอกจะทิ้งก็ทิ้ง ขนาดฉันที่เพิ่งโยนกำไลเส้นละสามแสนทิ้งไปยังปวดใจอยู่เลย โชคดีที่ฉิวฉิวของฉันคาบเก็บกลับมาคืนให้ แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ใส่แต่เอาให้คนอื่นไปก็ดีไม่หยอก!”

จู่ ๆเหมยเหมยก็หยิบสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ที่พนักงานโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ออกมา ไม่รู้ว่าฉิวฉิวคาบกลับมาคืนตั้งแต่เมื่อไร สายตาของทุกคนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว

พระเจ้า กระรอกน้อยตัวนี้ช่างฉลาดแสนรู้เกินไปแล้ว!

เหมยเหมยเอาสร้อยข้อมือขึ้นมาส่องไฟแล้วหันไปฉีกยิ้มสดใสให้อู่เยวี่ย จากนั้นก็ใส่สร้อยข้อมือลงในกระเป๋า

เวลานี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าเหมยเหมยเล่นละครตบตามาตั้งแต่เริ่มการประมูล และพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ในบทนั้นด้วย คุณนายเฮ่อเหลียนถลำลึกเกินไปจนโดนจ้าวเหมยหลอกถลุงเงินหายไปตั้งหนึ่งล้านแต่กลับไม่ได้อะไรเลย!

ปราดเปรื่องจริง ๆ!

อู่เยวี่ยแค่นเสียงด้วยความแค้น อาการปวดท้องน้อยรุนแรงขึ้น ใบหน้าก็เปลี่ยนจากสีเขียวคล้ำเป็นสีดำแล้วกลายเป็นสีขาวซีดอีกครั้ง เห็นแล้วรู้สึกคันยุบยิบใจเหลือเกิน!

“จ้าวเหมย ฉัน…ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

อู่เยวี่ยไม่สามารถยืนหยัดรอให้งานประมูลสิ้นสุดลงได้อีกต่อไปแล้ว เธอปล่อยให้ผู้หญิงสองคนที่มากับเธอประคองเธอเดินออกไป ตอนเดินผ่านเหมยเหมยเธอทนไม่ไหวจึงทิ้งท้ายไว้อีกหนึ่งประโยค

เหมยเหมยพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย ในอ้อมแขนอุ้มฉิวฉิวไว้ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “คุณนายเฮ่อเหลียนค่อย ๆเดินนะ ระวังลูกในท้องด้วย อย่าโมโหจนรกหลุดพรวดออกมาล่ะ”

อู่เยวี่ยแค่นเสียงพร้อมถลึงตาใส่เธออย่างเคียดแค้น แล้วถึงประคองท้องเดินจากไป

…………………………………………………………..

ตอนที่ 1896 หนึ่งล้าน

ทุกคำพูดของเหมยเหมยเหมือนกับคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของอู่เยวี่ยอย่างรุนแรง ความจริงเป็นแบบนั้น แต่แน่นอนว่าเธอไม่สามารถยอมรับได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอยู่อีก?

“ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณชายเช่อ เขาจะไม่ให้เงินฉันใช้ได้อย่างไร?” อู่เยวี่ยเน้นคำว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เน้นย้ำถึงสถานะของตัวเอง แน่นอนว่าพวกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ชะเง้อยืดคอยาวอยู่ก็สงบลงทันที แสร้งทำเป็นมองไปทางเวทีแต่เงียหูฟังอย่างตั้งใจ

เหมยเหมยปิดปากหัวเราะ “ที่แท้ก็ให้เงินค่าขนมด้วยหรอเนี่ย แล้วทำไมเธอถึงขี้เหนียวจัง? ฉันได้ยินมาว่าคุณชายเช่อหาเงินได้เก่งมากเลยนะ พี่หมิงซุ่นของฉันยังหาเงินไม่ได้มากเท่าเขาเลย พี่…ใช่ไหมคะพี่?”

เหยียนหมิงซุ่นพงกหัวเบา ๆ “ใช่ คุณชายเช่อหาเงินเก่งมาก ฉันยังสู้ไม่ได้เลย”

“พี่ ในใจของฉันพี่สุดยอดที่สุดแล้ว ยอดมนุษย์ยังสู้พี่ไม่ได้เลย!” เหมยเหมยรีบประจบ ทำไมสามีของเธอจะสู้คนโรคจิตวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้เล่า?

ครั้งนี้เพื่อให้ความร่วมมือเขาเสียสละเยอะเกินไปแล้ว!

เหยียนหมิงซุ่นมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เธอค่อย ๆสัมผัสเองแล้วกัน…

เหมยเหมยเสียวสันหลังวาบ หัวเราะเสียงแห้งไปไม่กี่ที…แม่จ๋า ประจำเดือนหมดแล้ว หนีไม่พ้นแล้ว…

คนอื่น ๆก็หัวเราะตามเช่นกัน แม้ว่าอาการขนลุกที่แขนของพวกเขาจะลุกซู่ซ่าก็ตาม

เหมยเหมยเอาใจสามีของเธอจนอารมณ์ดีขึ้นแล้วจึงหันกลับมาอีกครั้งเพื่อจัดการกับอู่เยวี่ย เธอไม่ได้มางานการกุศลเพื่อละลายทรัพย์ แต่เพื่อความสะใจตอนเหยียบย่ำอู่เยวี่ยจมดินต่างหาก!

“คุณนายเฮ่อเหลียนก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนี่นา ในเมื่อพวกเรามาทำการกุศลกันใช่ไหมล่ะ มีเงินก็ออกเงินไม่มีเงินก็ออกแรง ถึงแม้ว่าพี่หมิงซุ่นของฉันจะหาเงินสู้คุณชายเช่อไม่ได้ แต่เขาพูดไว้แล้วว่าขอแค่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ถึงเราจะต้องกินแครอทกับผักก็คุ้ม!”

เหมยเหมยพยายามกลั้นหัวเราะ ไม่ย่อท้อที่จะยืนหยัดต่อความถูกต้อง

คนข้าง ๆก็คล้อยตามด้วย “คุณชายหมิงคุณธรรมสูงส่ง พวกผมจะเอาเป็นแบบอย่างนะครับ!”

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองยัยปีศาจตัวน้อยที่หน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ คว้ามือเล็กของเหมยเหมยมาวาดวงกลมลงบนฝ่ามือของเธอเบา ๆจนรู้สึกคันยุบยิบ

เหมยเหมยไล่ต้อนแบบนี้ ต่อให้อู่เยวี่ยตัดใจทำไม่ลงก็ต้องกัดฟันรับคำท้าแล้ว ไม่อย่างนั้นพอเธอก้าวขาออกจากโรงแรมไปก็คงมีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแน่

พูดว่าคุณชายเช่อใจกว้างสู้คุณชายหมิงไม่ได้ทำการกุศลก็ตระหนี่ขี้เหนียว

หากหนิงเฉินเซวียนรู้เข้าคงตำหนิเธอที่ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเสียหน้าต่อคนภายนอกแน่นอน

อู่เยวี่ยกัดฟันฝืนยิ้มพูดว่า “คุณหนูจ้าวพูดตลกแล้ว ตอนฉันออกมาอาเช่อยังกำชับฉันไว้ว่าไม่จำเป็นต้องช่วยเขาประหยัดเงิน ให้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย”

“ที่แท้คุณชายเช่อก็เป็นคนจริงใจเหลือเกิน ต่างหูคู่นี้เป็นของรักของหวงของฉัน ดังนั้นฉันจะต้องซื้อกลับมาให้ได้ คุณนายเฮ่อเหลียน หากคุณยังไม่เสนอราคาต่างหูคู่นี้ก็จะเป็นของฉันแล้วนะ!”

เหมยเหมยพูดพลางยิ้มตาหยี ค่อย ๆพูดกดดันเธอ

อู่เยวี่ยฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พูดว่า “ฉันก็ชอบต่างหูคู่นี้เหมือนกัน คุณหนูจ้าว งั้นฉันขอไม่เกรงใจแล้วละกัน ห้าแสน!”

เธอก็ยอมเสี่ยงหมดหน้าตัก ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะใจกว้างมากแค่ไหนก็คงจะไม่ให้จ้าวเหมยใช่เงินตามอำเภอใจจนไม่มีที่สิ้นสุดหรอกจริงไหม?

เมื่อเทียบกับจ้าวเหมยที่เขียนหนังสือเพื่อหาเงินแล้ว เธอมีเงินมากกว่า ดังนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้เธอต้องชนะแน่นอน!

“หกแสน!”

“เจ็ดแสน!”

“แปดแสน!”

“เก้าแสน!”

ใจของทุกคนต่างก็จุกอยู่ที่คอหอย มองสองสาวประมูลกันอย่างตั้งใจตาไม่กะพริบ ทุกคนต่างตื่นตะลึงเพราะตอนนี้เก้าแสนแล้ว!

สามารถซื้อต่างหูใหม่ได้ตั้งกี่คู่เนี่ย?

เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยที่ดวงตาแดงก่ำจึงแอบขบขันในใจ ดูเหมือนว่าเกือบจะถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว เธอต้องดันเป็นครั้งสุดท้าย เหมยเหมยจงใจแสร้งทำเป็นลังเล ป้ายประมูลถูกยกขึ้นแล้วก็ลดลงแล้วก็ยกขึ้นอีกครั้ง ไม่เสนอราคาประมูลอยู่นาน

เดิมอู่เยวี่ยยังคงมีความปวดใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นท่าทางเหมยเหมยแบบนี้ก็รู้สึกลำพองใจ รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิด เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมให้จ้าวเหมยเพิ่มราคาแล้ว

เหมยเหมยยกป้ายประมูลพูดว่า “เก้าแสนห้าหมื่น!”

“หนึ่งล้าน!” อู่เยวี่ยเสนอราคาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดแล้วมองเหมยเหมยอย่างยั่วยุ

……………………………………………………………..

 ตอนที่ 1897 ทิ้งแล้ว

ทุกคนต่างก็สูดหายใจเฮือก หนึ่งล้าน!

พระเจ้า!

โลกของคนรวยช่างยากจะเข้าถึงจริง ๆ!

เหยียนหมิงซุ่นสะกิดฝ่ามือของเหมยเหมยเตือนเธอว่าให้พอได้แล้ว เหมยเหมยพยักหน้าเบา ๆเป็นการรู้กัน เสแสร้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเสียดาย “เฮ้อ คุณชายเช่อช่างร่ำรวยเงินทองอำนาจจริง ๆ ฉันเทียบไม่ได้เลย ฉันตระหนักได้แล้วถึงแม้ว่าต่างหูคู่นี้จะเป็นคู่โปรดของฉัน แต่ถ้าสามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้ถึงจะมีความหมายยิ่งใหญ่ที่สุด คุณนายเฮ่อเหลียนคุณช่างใจดีมีน้ำใจจริง ๆ ฉันต้องขอขอบคุณแทนผู้คนในพื้นที่ประสบภัยด้วยนะคะ!”

อู่เยวี่ยจุกอยู่ในอก เวลานี้ถึงสงบลงมาได้ หัวใจเหมือนถูกมีดสับจนแหลกละเอียด ความเจ็บปวดทรมานเกินกว่าจะหายใจได้

ทำไมเธอถึงเสียเงินหนึ่งล้านเพื่อซื้อต่างหูผุพังนี้นะ?

หนึ่งล้านเป็นเงินที่มากกว่าวงศ์สกุลของเธอทั้งชีวิตเลยนะ!

หายวับไปง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ…

“การทำการกุศลเป็นหน้าที่ที่ทุกคนพึงกระทำอยู่แล้ว และฉันก็ยังเป็นหนึ่งในผู้จัดงานแน่นอนว่าต้องทำมากกว่าอยู่แล้ว คุณหนูจ้าวก็พูดเกินไป” อู่เยวี่ยพยายามสะกดความปวดใจไว้ พูดเสียงเรียบนิ่ง ฝ่ามือถูกเล็บจิกจนเลือดไหลซิบ

เวลานี้เธอตระหนักได้แล้วว่าเธอถูกจ้าวเหมยหลอก โดนนังแพศยานี่ยั่วยุจนเสียการควบคุม เสียเงินเปล่าเป็นล้าน ๆ!

มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่เพียงซื้อชื่อเสียงที่ดีกลับคืนมาให้ได้มากหน่อยเท่านั้น อีกทั้งอู่เยวี่ยยังคงมีความหวังสุดท้ายว่าบางทีเฮ่อเหลียนเช่อจะคืนเงินให้กับเธอ!

ถึงอย่างไรท้ายที่สุดเธอก็ใช้เงินเพื่อชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อนะ!

อีกอย่างต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่คืนเงินก้อนนี้ให้เธอ เธอก็มีวิธีเอาเงินก้อนนี้กลับคืนมา ถึงอย่างไรตอนนี้มูลนิธิก็มีเธอเป็นผู้รับผิดชอบ

อู่เยวี่ยถึงใจสงบลงมาบ้าง

เหมยเหมยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในเวลานี้พนักงานได้หยิบเอาต่างหูของเธอไปมอบให้กับอู่เยวี่ย เหมยเหมยเหลือบมอง พร้อมจงใจพูดว่า “คุณนายเฮ่อเหลียนต้องรักษาต่างหูของฉันคู่นี้ให้ดีนะ พวกมันถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของฉัน คุณต้องดูแลต่างหูบ้าง อย่าลืมล่ะ!”

เดิมทีอู่เยวี่ยยังคงลังเลว่าจะโยนต่างหูทิ้งดีไหมเพื่อแก้แค้นความอัปยศที่จ้าวเหมยทำไว้เมื่อครู่ ถึงอย่างไรก็เป็นเงินตั้งหนึ่งล้าน เธอทำไม่ลงจริง ๆ

แต่พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยพร้อมสายตาอาลัยอาวรณ์ของเธอ อู่เยวี่ยก็ตัดสินใจ

ขนาดพระสงค์องค์เจ้ายังต้องการให้คนกราบไหว้ มนุษย์เราก็ต้องการต่อสู้เพื่อความเหนือกว่าเช่นกัน วันนี้เธอจะต้องเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนังจ้าวเหมยอย่างโหดเหี้ยมให้ได้ เหยียบย่ำไว้ใต้เท้าประหนึ่งเป็นขี้หมากองหนึ่ง

เงินหนึ่งล้านจะแค่ไหนกันเชียว ขอแค่เธอยืนอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง เงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะหลั่งไหลเข้ามาในกระเป๋าของเธอ

“คุณหนูจ้าว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ฉันรังเกียจที่ต่างหูคู่นี้มันสกปรก”

อู่เยวี่ยยิ้มอย่างลำพองใจและไม่แตะต้องต่างหูด้วยซ้ำ สั่งพนักงานเสียงเบาว่า “เอาต่างหูคู่นี้ไปโยนทิ้งนอกหน้าต่างให้ฉันที โยนทิ้งตอนนี้เลย!”

“เฮือก…”

ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยท่าทีตกตะลึง แคะหูอย่างสงสัย คิดว่าพวกเขาคงหูฝาดไป หนึ่งล้านเชียวนะ!

ไม่ใช่หนึ่งหมื่นหรือหนึ่งแสน ของราคาหนึ่งล้าน บอกว่าจะทิ้งก็ทิ้งเลยเหรอ?

ผู้หญิงสองคนนี้จะต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!

พนักงานปวดใจจนไม่รู้จะหาวิธีหายใจเช่นไรแล้ว  เมื่อครู่เพิ่งโยนสร้อยข้อมือราคาสามแสนไป จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะผ่อนคลายลง แต่ตอนนี้กลับมาบอกให้เขาโยนต่างหูราคาเป็นล้านทิ้ง?

หัวใจของเขาจะต้องวายแน่นอน!

“นิ่งอยู่ทำไมล่ะ? รีบไปโยนทิ้งสิ!” อู่เยวี่ยมองไปยังพนักงานที่เฉื่อยชาด้วยความไม่พอใจ

พนักงานบีบแขนของตัวเองอย่างแรงถึงได้ดึงสติตัวเองกลับคืนมา ถือถาดอย่างเศร้าสลดเดินไปที่หน้าต่าง หยิบต่างหูขึ้นมาอย่างลังเล…

ของราคาหนึ่งล้านจะโยนทิ้งไปแบบนี้จริงเหรอ?

แม่เจ้า เงินเดือนและโบนัสรวมกันหนึ่งเดือนของเขายังได้แค่ไม่กี่พันหยวนเอง เขาทำทั้งชีวิตยังหาเงินไม่ได้มากมายเท่านี้เลย แต่ตอนนี้เขาต้องทิ้งเงินหนึ่งล้านกับมือตัวเอง ทำไมพระเจ้าต้องโหดร้ายกับเขาขนาดนี้?

ถึงแม้ว่าเขาจะปวดใจจนน้ำตาแทบไหลแต่พนักงานก็ต้องทำใจโยนต่างหูออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เงินของเขาอยู่แล้ว ก็แค่โยนทิ้งไปซะ!

ในอนาคตยังสามารถออกไปคุยโวได้อีกว่า เขาโยนเงินหนึ่งล้านสามแสนทิ้งเองกับมือ!

ทุกคนต่างพากันมองด้วยสายตาสิ้นหวัง เงินหนึ่งล้านหายวับไปง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ มันช่างน่าปวดใจจริง ๆ!

แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นแสงสีขาวที่กะพริบหายวับไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้ากระโดดลงหน้าต่างไป จากนั้นก็แวบกลับมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเป็นกระรอกสีขาวน่ารักที่กำลังคาบต่างหูคู่หนึ่งอยู่ในปาก ดวงตาสีดำเล็ก ๆกลอกไปมา ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันน่ารักขนาดไหน

……………………………………………………….

ตอนที่ 1894 ความยากจนจำกัดความฝัน

ความอิจฉาในใจของอู่เยวี่ยก็เหมือนกับลาวาที่กำลังเผาอวัยวะภายในทั้งหมดของเธอจนมอดไหม้ เสียงซุบซิบของผู้คนรอบข้างลอยเข้าหูเธอไม่หยุด พอพวกเขาต่างพากันอิจฉาจ้าวเหมยนั่นจึงยิ่งทิ่มแทงใจเธอ

พิธีกรงานเลี้ยงการกุศลขึ้นบนเวที ประกาศเริ่มการประมูลที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ฮึกเหิม แขกในงานด้านล่างเวทีรู้สึกคึกคักพลางมองดูของประมูลบนเวทีด้วยสายตาเป็นประกาย

สินค้าประมูลส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับเก่า ๆหรือภาพวาดพู่กันเป็นต้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา

แต่ก็ไม่ใช่ของหายากอะไร ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง เพียงให้ความสำคัญแค่เรื่องชื่อเสียงเท่านั้นเอง

“ของประมูลชิ้นแรกคือสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ที่คุณนายเฮ่อเหลียนบริจาคมา ราคาเริ่มต้นคือหนึ่งพันหยวน เพิ่มอีกห้าร้อย…”

ในฐานะที่อู่เยวี่ยเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง ของชิ้นแรกที่ประมูลเป็นของเธอนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ผู้ชมด้านล่างเวทีรีบช่วยกันเสนอราคา เอ่ยตัดราคากันเสียงดังเซ็งแซ่ ไม่ถึงหนึ่งนาทีสร้อยข้อมือนี้ก็ถูกเพิ่มราคาเป็นหนึ่งแสน และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้นด้วย

แม้ว่าคนเหล่านี้จะเหยียดหยามอู่เยวี่ยแต่ก็ต้องให้เกียรติเธอบ้าง ถึงอย่างไรเธอก็คือภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อ อีกทั้งในท้องยังมีลูกรักสุดหวงแหนอยู่ด้วย ขอแค่ไม่ทำเรื่องผิดใหญ่โตเกินไป คุณนายเฮ่อเหลียนก็จะนั่งบนบัลลังก์นี้ได้อย่างมั่นคงแน่นอน

แน่นอนว่าต้องประจบสอพลอไว้ด้วย!

“สองแสนห้าหมื่น…มีใครให้ราคามากกว่านี้ไหมครับ สองแสนห้าหมื่นครั้งที่หนึ่ง สองแสนครั้งที่สอง…สองแสนห้าหมื่นครั้งที่…” เสียงตื่นเต้นของผู้ประมูลดังก้องในห้องโถง และก่อนที่เขาจะฟาดค้อน——

“สามแสน!”

เหมยเหมยชูป้าย เสียงนุ่มนวลถึงแม้ว่าจะไม่ดังนักแต่ตัวเลขที่เอ่ยขึ้นมานั้นน่ากลัวมากทีเดียว ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบราวกับป่าช้าและทุกคนต่างหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ

ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งพองขนสู้กับคุณนายเฮ่อเหลียนหยั่งกับไก่ชนหรอกเหรอ?

ตอนนี้ทำไมถึงได้ประมูลสร้อยข้อมือของคุณนายเฮ่อเหลียนในราคาสูงขนาดนั้นล่ะ?

หรือว่าสองคนนี้จะเป็นตำนานคู่รักคู่แค้นที่เล่าขานต่อกันมา?

อู่เยวี่ยก็ตกใจเช่นกัน สามแสนไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ สร้อยข้อมือของเธอไม่ได้แพงที่สุดในคาร์เทียร์ รุ่นใหม่ก็มีราคาเพียงหมื่นกว่า ๆเท่านั้นเอง นี่เป็นของขวัญวันเกิดจากคนรวยที่เธอพัวพันด้วยตอนเรียนอยู่อเมริกา

เหมยเหมยหันไปมองอู่เยวี่ยพลางพยักหน้ายิ้มตาหยี ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งทำให้อู่เยวี่ยสงสัยว่าเหมยเหมยจะทำบ้าอะไรอีก!

บริกรลงมาพร้อมถาดและสร้อยข้อมือที่เพิ่งประมูลเมื่อครู่ ตอนนี้สร้อยข้อมือนี้เป็นของเธอเรียบร้อยแล้ว

แต่เหมยเหมยกลับเหลือบมองอย่างเย็นชา ไม่แตะต้องมันด้วยซ้ำ แถมยังพูดอย่างรังเกียจว่า “สกปรก…”

ทุกคนต่างสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ นี่หมายความว่าอย่างไร?

เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างขบขัน “รังเกียจเธอก็ยังซื้อมาอีกเนี่ยนะ?”

“ซื้อมาทิ้งไง จะได้ไม่แปดเปื้อนสายตาของคนอื่น” เหมยเหมยตอบกลับเสียงกร้าว พูดกับบริกรที่ทำหน้าประหลาดใจว่า “ขอโทษนะแต่รบกวนโยนสร้อยข้อมือนี้ลงหน้าต่างให้ฉันที โยนทิ้งตอนนี้เลย ระวังอย่าให้ไปโดนใครเข้าล่ะ!”

บริกรค่อนข้างฉลาด ถึงแม้ว่าจะปวดใจแต่เขารู้ดีว่าคนที่นั่งในที่แห่งนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้จึงพยักหน้าด้วยความนอบน้อม “คุณหนูจ้าววางใจได้ ด้านล่างโรงแรมเป็นสระว่ายน้ำ ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาครับ”

เขาเดินไปที่หน้าต่างอย่างไม่ลังเล เปิดหน้าต่างแล้วหยิบสร้อยข้อมือโยนทิ้งไปแต่ไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาเลย ตอนนี้ถาดว่างเปล่าเรียบร้อยแล้ว

ทุกคนเหมือนกำลังดูการแสดงจ้องแน่นิ่งไม่ละสายตาไปไหนเลย ไม่เข้าใจเหมยเหมยว่ากินยาผิดสำแดงอะไรเข้าไป?

สามแสนเลยนะ!

โยนทิ้งไปอย่างนี้เลยเหรอ?

คุณชายหมิงเงินเยอะจนไม่มีที่ให้ใช้แล้วหรือไง?

เหมยเหมยพอใจกับการกระทำของบริกรเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หันไปโบกมือให้กับผู้ประมูลว่า “ต่อเลยสิคะ ยังมีของมากมายรอประมูลอีกนะ!”

ตอนนี่เองผู้ประมูลถึงได้สติกลับมาและดำเนินการประมูลต่อไป แต่ในใจกลับสบถไม่หยุด

ความยากจนจำกัดจินตนาการของเขา!

เขาไม่มีอิทธิพลพอจะไปตำหนิด้วยซ้ำ…

……………………………………………………………….

 ตอนที่ 1895 อย่าทีละหมื่น ปัดเศษขึ้นมาเลย

อู่เยวี่ยโกรธจนหน้าเขียว ท้องน้อยสั่นกระเพื่อมขึ้นลงถี่ เดิมทีเธออยากจะถามจ้าวเหมย แต่อาการปวดท้องน้อยทำให้เธอไม่กล้าโมโหอีกต่อไป หากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กในท้องขึ้นมาหนิงเฉินเซวียนต้องฆ่าเธอแน่นอน

แต่อารมณ์โมโหนี้ช่างสะกดลงยากจริง ๆ!

นังแพศยาจ้าวเหมยทำให้เธออับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย หากเธอไม่สู้กลับบ้างคนอื่นจะคิดว่าเธอกลัวนังจ้าวเหมยเอาได้!

เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่ดูท่าลำพองใจเหมือนฉิวฉิวที่แอบขโมยกินช็อกโกแลตยังไงอย่างนั้น หางเกือบจะชี้ขึ้นฟ้าแล้ว อดไม่ได้ที่จะหยิกหน้าเธออีกครั้ง “ตอนนี้มีความสุขแล้วหรือยัง?”

“อืม มีความสุขมาก ถึงอย่างไรพี่ก็เงินเยอะเกินไป ฉันช่วยพี่ใช้หน่อยแล้วกันเนอะ!” เหมยเหมยพูดเสียงน่ารักออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มสดใส

ทุกคนต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียว เดิมทียังคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะด่าว่าคุณหนูจ้าวเป็นผู้หญิงล้างผลาญครอบครัวเสียอีก แต่ที่ไหนได้คุณชายหมิงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างสะเทือนใจทุกคนเหลือเกิน

ผู้ชายปวดใจ ผู้หญิงหวั่นไหวใจเต้น!

“ต่อไปนี้เป็นต่างหูเพชรที่คุณจ้าวเหมยบริจาค ราคาเริ่มต้นที่หมื่นหยวน เพิ่มขึ้นหนึ่งพัน…”

สิ่งที่เหมยเหมยบริจาคแน่นอนว่าไม่ใช่ของราคาถูก นี่เป็นของขอบคุณของโจวจื่อหัวที่มอบให้เธอและเหยียนหมิงซุ่นที่มีบุญคุณช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ราคาขายได้อยู่หลายแสน และเหมยเหมยก็ไม่เคยใส่เลยสักครั้งเพราะเธอไม่ชอบที่มันหนักเกินไป ครั้งนี้จึงนำออกมาประมูล

ทุกคนที่นั่งอยู่ในงานนี้ล้วนเป็นพวกมีความรู้ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าต่างหูคู่นี้เป็นของดีและแพงกว่าสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ชิ้นก่อนของอู่เยวี่ยมาก บรรยากาศในห้องโถงคึกคักอยู่พักหนึ่ง ในไม่ช้าต่างหูก็ราคาพุ่งทะลุถึงสามแสน ผู้ประมูลก็คืออู่เยวี่ยนั้นเอง

เหมยเหมยมองแวบเดียวก็รู้ความคิดของนังสารเลวคนนี้แล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากแก้แค้น หลังจากประมูลได้ก็คงจะโยนมันทิ้งลงหน้าต่างเหมือนที่เธอทำเพื่อสร้างความอับอายให้กับเธอ

เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วอู่เยวี่ยมีเงินมากมายขนาดไหน!

“สามแสนห้าหมื่น…” เหมยเหมยยกป้ายประมูล แค่ครู่เดียวก็เพิ่มขึ้นห้าหมื่น พลางขยิบตาให้อู่เยวี่ยอย่างยียวน

อู่เยวี่ยกัดฟันกรอด ท้องน้อยเริ่มขยายตัวขึ้น เธอหายใจเข้าลึก ๆทำใจให้สงบลงพร้อมชูป้ายประมูล “สามแสนหกหมื่น”

ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ความอัปยศที่นังจ้าวเหมยทำไว้เธอต้องเอาคืนให้ได้ ความโมโหนี้เธอปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ

“สี่แสน!”

เหมยเหมยพูดสี่แสนโดยไม่ลังเล เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเรียบนิ่ง เขาก้มมองเหมยเหมยที่อยู่ข้าง ๆเป็นครั้งคราว หางตาแฝงรอยยิ้มดูเหมือนกำลังหัวเราะกับความซุกซนของเธออยู่

“พี่…พี่คอยดูนะว่าฉันจะทำยังไงให้เสียทั้งหน้าเสียทั้งทรัพย์…” เหมยเหมยขยิบตาให้อย่างทะเล้น หันไปพูดกับอู่เยวี่ยว่า “คุณนายเฮ่อเหลียน เธอกล้าได้กล้าเสียหน่อยสิเพิ่มทีละหมื่นแบบนี้ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย เรียบแบบฉันนี่ พวกเรามาสู้กันแบบเต็มที่หน่อยสิ!”

ผู้ชมต่างสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดป้ายในมือกันหมดโดยไม่ได้นัดหมาย

ผู้ใหญ่เขาจะเล่นกัน เด็ก ๆอย่างพวกเขาดูการแสดงอย่างเงียบ ๆจะดีกว่า

ภาพตรงหน้าของอู่เยวี่ยมืดลง เธอแทบจะกระอักเลือดออกมา ฝ่ามือของเธอชื้นไปด้วยเหงื่อ

เพิ่มทีละหมื่นเธอก็เหนื่อยแล้ว คาดไม่ถึงว่านังแพศยาจ้าวเหมยจะให้เธอสู้ครั้งละห้าหมื่นอีก?

ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วแต่อำนาจทางการเงินของเฮ่อเหลียนเช่อยังอยู่ในมือของเหมยซูหาน เธอไม่ได้สักแดงเดียวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อก่อนเธอขูดรีดจากพ่อบุญธรรมมาไม่น้อย ไหนเลยจะมีความมั่นใจมาสู้กับจ้าวเหมยได้?

แต่เงินพวกนั้นเป็นเงินในอนาคตเธอจะใช้หมดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากวันหลังเกิดอะไรขึ้นเธอก็คงหมดทางหนีทีไล่!

เหมยเหมยเหลือบมอง จงใจพูดว่า “โอ๊ย คงไม่ใช่ว่าคุณชายเช่อไม่ได้ให้เงินคุณใช้หรอกนะ? งั้นก็ช่างเถอะ พวกเราเพิ่มทีละหมื่นก็ได้ ถึงแม้ว่าจะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่ก็เพราะว่าเธอมีความลำบากอยู่นี่เนอะ!

…………………………………………………….

ตอนที่ 1892 ฉันและเธอเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน

อู่เยวี่ยระงับความโกรธไว้เพราะชื่อเสียงของเธอถูกจ้าวเหมยทำลายจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ตอนนี้เธอต้องพยายามกู้มันคืนกลับมาถึงจะได้ อย่าตกหลุมพรางของนังแพศยาจ้าวเหมยเด็ดขาด

“จ้าวเหมยทำไมเธอถึงต้องพุ่งเป้ามาที่ฉันล่ะ? ฉันกับเธอไม่มีความแค้นบาดหมางต่อกัน แม้กระทั่งไปมาหาสู่กันยังไม่เคยเลยแต่เธอกลับให้ร้ายฉันแบบนี้ ต่อให้ฉันจะมีความผิดจริงแต่ลูกในท้องฉันไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เธอกลับด่าทอเขาอย่างร้ายกาจ…”

อู่เยวี่ยลูบท้องเบา ๆ น้ำตาไหลพราก

ผู้หญิงรอบกายส่วนมากมีลูกกันแล้ว เรื่องที่ได้ยินมาทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจอู่เยวี่ยอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเด็กก็ไร้เดียงสา มีคุณนายคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณหนูจ้าว เกรงว่าคุณและคุณนายเฮ่อเหลียนจะมีอะไรเข้าใจผิดกันนะคะ คุยให้ชัดเจนกันเองจะดีกว่า อย่าเอาเรื่องเด็กมาพูดเลยนะคะ”

คุณนายคุณหญิงคนอื่น ๆต่างก็พยักหน้า พูดคล้อยตามด้วยเสียงเบา

“ฉันและเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันหรอกค่ะ” เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยพลางยิ้มอย่างเย็นชาพูดต่อไปว่า “ฉันและคุณนายเฮ่อเหลียนจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเราลึกซึ้งมากขนาดไหนเชียว อาเมย์…เธอว่าไหมล่ะ?”

เธอจงใจเน้นน้ำเสียงภาษาอังกฤษ ดวงตาเย็นชาดุดันขึ้น ท่าทางเช่นนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าจะต้องมีเรื่องบาดหมางใจระหว่างเธอกับอู่เยวี่ยแน่นอน แล้วจะเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งได้อย่างไร?

คุณนายหลายคนต่างก็เป็นคนที่ผ่านโลกมาเยอะ แค่มองสถานการณ์ก็รู้แล้วว่าไม่ปกติจึงหาคำแก้ต่างขอตัวกันไปหมดเพราะไม่อยากจะเข้าไปผสมโรงด้วย

เหมยเหมยต้องการแบบนี้พอดี ไม่มีคนอยู่รอบ ๆก็ดี มีคำพูดบางอย่างที่เธอไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน

อู่เยวี่ยใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม จ้าวเหมยตั้งใจเรียกชื่อภาษาอังกฤษของเธอแบบนี้หมายความว่าไง?

หรือว่าเธอเจออะไรเข้าแล้ว?

ไม่…เป็นไปไม่ได้ อู่เยวี่ยปฏิเสธเสียงแข็ง เธอมีความมั่นใจในทักษะการแสดงของเธอเป็นอย่างมาก และเมื่อสามปีก่อนจ้าวเหมยก็เห็นเธอตายกับตาของเธอเอง แล้วจะสงสัยเพราะชื่อภาษาอังกฤษได้อย่างไรกัน?

อีกอย่างสาว ๆที่ไปเรียนต่อต่างประเทศชื่ออาเมย์ก็มีมากราวกับขนวัว เพราะเหตุนี้เธอจึงกล้าใช้ชื่อนี้อย่างอาจหาญ และเป็นเพราะเธอต้องการย้ำเตือนตัวเองว่าเธอไม่ใช่โอหยางซานชาน เธอคืออู่เยวี่ย

“จ้าวเหมยเธอกำลังพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย? ฉันและเธอเคยมีมิตรภาพต่อกันตั้งแต่เมื่อไร ช่างตลกเสียจริง” อู่เยวี่ยยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ

เหมยเหมยทำหน้าเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ฉันกับอาเมย์สนิทสนมกันมานานกว่าสิบปี เธอจะไม่ยอมรับได้ไง!”

เดือนห้า…อู่เยวี่ย…

อู่เยวี่ยคนนี้ก็ช่างใจกล้าจริง ๆ ใช้ชื่อจริงเป็นชื่อภาษาอังกฤษอย่างโจ่งแจ้ง นี่คิดว่าทุกคนโง่มากหรือไง?

ก็ใช่ หากไม่ใช่เพราะว่าเหยียนหมิงซุ่นค้นพบมันเข้า จนถึงตอนนี้เธอก็คงจะไม่ตระหนักถึงความลับของชื่อภาษาอังกฤษนี้แน่ โง่จริง ๆนั่นแหละ!

และนี่จึงทำให้เหมยเหมยเดือดดาลมาก นี่อู่เยวี่ยกำลังทำเหมือนเธอเป็นคนโง่!

คำพูดที่เหมือนว่าจะใช่ มันทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของอู่เยวี่ยได้อย่างง่ายดาย เธอมองพิจารณาเหมยเหมยอย่างระแวดระวังเพื่อต้องการตรวจสอบว่าตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผยแล้วจริง ๆหรือไม่

เหมยเหมยอมยิ้มพูดว่า “โอหยางซานซานเธอช่างเป็นคนขี้ลืมเสียจริง ฉันกับเธอรู้จักกันมาสิบกว่าปี เมื่อก่อนเธอยังเคยมากินข้าวที่บ้านคุณปู่ของฉันอยู่เลย ไม่รู้ว่าตอนนั้นย่าของฉันชอบเธอมากแค่ไหน รักเธอเหมือนหลานในไส้ด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ล่ะ?”

อู่เยวี่ยถึงได้ถอนหายใจโล่งอก เธอจึงนึกถึงข้อมูลที่เคยอ่านก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าโอหยางซานซานจะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวจริง ๆ และด้วยเหตุผลนี้ความสัมพันธ์ของจ้าวเหมยกับย่าของเธอจึงแย่ลง

“แน่นอนว่าฉันจำได้ แต่ฉันแค่กลัวว่าจิตใจอันคับแคบของเธอจะกำเริบอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่กล้าพูดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา พูดถึงก็คิดถึงคุณย่าเหมือนกันนะ ย่าของเธอใจดีกับฉันมากเลย” อู่เยวี่ยยิ้มและจู่โจมกลับ

“พูดได้น่าฟังดีนี่ เธอกลับเมืองหลวงมาตั้งหลายเดือนแล้วก็ไม่เห็นเธอไปเคารพหลุมศพของคุณย่าฉันเลย ฉันว่าย่าของฉันคงรักนังอกตัญญูอย่างเธอเก้อแล้วล่ะ”

เหมยเหมยตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจแล้วหมุนตัวกลับไปหาเหยียนหมิงซุ่น เมื่อครู่เธอเกือบจะทนไม่ไหวเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของอู่เยวี่ยแล้ว หากอยู่ต่อกลัวว่าเธอจะทนต่อไม่ไหวจริง ๆ เธอจะทำลายแผนการของเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้

ต้องอดทนไว้!

………………………………………………………..

 ตอนที่ 1893 อู่เยวี่ยที่เสียดายในภายหลัง

เหยียนหมิงซุ่นทักทายพวกตระกูลเศรษฐีและนักการเมืองที่มีชื่อเสียง คนเหล่านี้ต่างตื่นตะลึงที่ได้รับความเมตตา นึกแอบดีใจที่พวกเขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับพวกเมียน้อยแต่ตามภรรยามาด้วย มิฉะนั้นจะมีโอกาสใกล้ชิดกับคุณชายหมิงได้อย่างไร?

ภรรยาหลวงนี่พึ่งพาได้มากจริง ๆ!

เหมยเหมยเดินเข้ามา เหยียนหมิงซุ่นจึงหยุดทักทายแล้วจูงมือเธอไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังต่างอาลัยอาวรณ์แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะรั้งคุณชายหมิงไว้ สามารถพูดคุยเล็กน้อยสองสามนาทีอย่างเมื่อครู่ได้ นี่ก็มากพอสำหรับเอาไปคุยโวข้างนอกแล้ว

“อีกเดี๋ยวถูกใจอันไหนก็ซื้อเลยนะ” เหยียนหมิงซุ่นก้มศีรษะพูด ในเมื่อมาร่วมงานการกุศลก็ต้องเสียเงินบ้างไม่อย่างนั้นคนข้างนอกจะเอาไปพูดลับหลังไม่ดีได้

เหมยเหมยอมยิ้มเจ้าเล่ห์  “ฉันไม่ประหยัดเงินพี่อย่างแน่นอน จะซื้อแต่ของแพง ๆเลย”

“ร้ายไม่เบา”

เหยียนหมิงซุ่นบีบหน้าเธอเบา ๆ สายตาที่รักใคร่เอ็นดูทำเอาหัวใจของผู้หญิงนับไม่ถ้วนหลอมละลาย ทั้งอิจฉาและเกลียด…

จ้าวเหมยทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้นะ สามารถหาคุณชายหมิงที่เป็นทั้งสุภาพบุรุษและมีความสามารถมากเจอได้ และยังเป็นผู้ชายที่รักทะนุถนอมเธอมากด้วย?

มีผู้หญิงบางคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสามีที่อยู่ข้าง ๆ จะมองอย่างไรก็รู้สึกรังเกียจ ทั้งหัวล้าน อ้วน พุงพลุ้ย…เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายขี้เล็บของคุณชายหมิงด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถที่เทียบคุณชายหมิงไม่ติดเลย!

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณชายหมิงรักคุณหนูจ้าวคนเดียว นี่เป็นสิ่งที่มีชีวิตอย่างผู้หญิงเราต่างใฝ่หา คุณชายหมิงรักคุณหนูจ้าวมากเป็นสิ่งที่รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวง วันนี้ได้เห็นกับตาของตัวเองแล้ว พวกคุณนายที่หน้าตาสดใสสวยสง่าเหล่านี้กลับอิจฉาในใจไม่หยุด

ผู้ชายของพวกเธอหน้าตาไม่ดีเท่าคุณชายหมิง ไม่มีความสามารถเท่าคุณชายหมิง แถมยังไม่รักเดียวใจเดียวอย่างคุณชายหมิง นังจิ้งจอกด้านนอกมีมากหยั่งกับขนวัว ไม่มีลูกนอกสมรสมาเป็นโขยงพวกเธอก็แอบยิ้มแล้ว

แต่ก็ปวดใจไม่น้อยเลย!

อู่เยวี่ยก็แอบอิจฉาเช่นกัน เธอเองก็นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีและอยู่ไม่ไกลจากพวกเหมยเหมย เพียงแต่ว่าเธออยู่คนเดียว เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้มากับเธอด้วย

เดิมทีเธอไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนแรกอู่เยวี่ยอธิบายไปว่าคุณชายเช่อมีงานที่ต้องจัดการมากมายทุกวัน ไม่มีแม้กระทั่งเวลาก้มเก็บเงินด้วยซ้ำ ไหนเลยจะมีเวลานั่งเครื่องบินมาร่วมงานการกุศลได้ แน่นอนว่าคนอื่น ๆก็คิดเช่นนั้นด้วยเป็นธรรมดา คนอย่างคุณชายเช่อต้องยุ่งมากแน่ ๆ ไหนเลยจะเกียจคร้านเหมือนผู้ชายของพวกเธอกันล่ะ?

แต่ตอนนี้——

คนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับคุณชายเช่ออย่างคุณชายหมิงกลับมาเป็นเพื่อนคู่หมั้น ดูการเอาใจใส่นี้สิช่างทำให้คนพากันอิจฉาตาร้อนเสียจริง!

อู่เยวี่ยรู้สึกแค่ว่าใบหน้าร้อนผ่าว จ้าวเหมยนังแพศยาจะต้องจงใจแน่นอน จงใจทำให้เธอขายขี้หน้า!

พวกคุณหญิงคุณนายตระกูลผู้ดีต่างรู้ดีแก่ใจ ทุกคนส่งสายตากันอย่างรู้ใจรู้ไส้รู้พุงเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

มองออกแต่ไม่พูด!

แต่ว่าพวกหล่อนกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อก่อนมักได้ยินเสมอว่าตอนอยู่บ้านอู่เยวี่ยจะได้รับความรักความเอาใจใส่จากคุณชายเช่อมากจนทำให้พวกเธออิจฉากันแทบตาย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว!

ที่แท้คนเราพอขาดสิ่งไหนก็จะโอ้อวดสิ่งนั้น ความรักที่แท้จริงจำเป็นต้องพูดทุกวันหรือไง?

ต้องเหมือนคุณหนูจ้าวเหมย เธอไม่เห็นต้องพูดอะไรเลย แต่ใครจะกล้าพูดว่าคุณชายหมิงไม่รักเธอ?

อู่เยวี่ยรู้สึกถึงสายตาเย้ยหยันของผู้หญิงรอบกายก็ยิ่งกำหมัดแน่นจนเล็บฝังเข้าฝ่ามือ ทั้งแค้นใจและอิจฉา

เมื่อก่อนเธอไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่นอยู่ในสายตามากแค่ไหน ตอนนี้ก็ยิ่งเสียดายมากแค่นั้น!

ใครจะไปรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นที่พ่อไม่รักแม่เลี้ยงไม่สนใจในตอนนั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โตเหมือนในตอนนี้ได้ล่ะ?

และเหยียนหมิงต๋าที่เธอดู ๆไว้ว่าน่าจะไปได้ดี ตอนนี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เธอได้ยินมาว่าไปอยู่ในกองทัพแล้ว เชอะ หัวสมองหมูอย่างเหยียนหมิงต๋าจะสามารถสร้างชื่อเสียงความสำเร็จอะไรในกองทัพได้?

เมื่อก่อนเธอช่างตาบอดเสียจริง ๆ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มสานสัมพันธ์กับเหยียนหมิงซุ่นก่อนเลย ตอนนี้ผู้หญิงที่จะได้นั่งข้างเหยียนหมิงซุ่นให้คนอื่น ๆอิจฉาตาร้อนคงเป็นเธอไปแล้ว!

ในตอนนั้นเธอดีเลิศกว่าจ้าวเหมยร้อยเท่า น่าเสียดายที่ตอนนั้นเธอไม่ได้ทำดีต่อเหยียนหมิงซุ่นจนทิ้งโอกาสดี ๆให้นังแพศยาจ้าวเหมยนั่นไป!

ช่างแค้นใจจริง ๆ!

……………………………………………………………

ตอนที่ 1890 พูดจาหื่นกามหน้าตาย

เหยียนหมิงซุ่นรู้นิสัยที่แท้จริงของภรรยาตัวเองเป็นอย่างดี จะมีความมุ่นมั่นใจการลดความอ้วนมากแค่ไหนเชียว?

อย่างมากแค่ปากพูดไม่กี่คำ แต่พอเขาย่างปีกไก่เสร็จเธอก็จะบอกว่า ‘วันนี้จะทานเป็นมื้อสุดท้าย พรุ่งนี้จะลดความอ้วนแล้วจริง ๆ’

พอถึงวันรุ่งขึ้นเธอก็จะพูดเหมือนเดิม พูดย้ำทุกวันว่าจะเป็นมื้อสุดท้ายตลอด

แต่เขาไม่คิดว่ายัยตัวแสบอ้วนเลยสักนิด หุ่นตอนนี้สิกำลังดีจนยากจะบรรยายออกมาได้ การไม่ลดความอ้วนต่างหากเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น และแน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เก็บไว้ในใจดีกว่า เขาจะพูดออกมาไม่ได้เชียว

“ฉันคิดว่าออกกำลังกายหนักกว่านี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นคราวหลังเธออยู่ข้างบน…ภรรยาลูกน้องฉันคนหนึ่งก็ผอมเพราะเหตุนี้แหละ…”

เหยียนหมิงซุ่นวาดแขนยาวโอบเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมกอด มือซุกซนที่มาพร้อมกับแผนการชั่วร้าย

ยัยตัวแสบขี้เกียจจึงไม่ยอมเป็นฝ่ายออกแรง แน่นอนว่าการที่เขาเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนรสชาติก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แต่ท่าอื่น ๆก็ต้องกล้าที่จะลิ้มลองบ้าง คิดว่าจะต้องมีความรู้สึกยอดเยี่ยมยิ่งกว่าแน่ ๆ

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อ ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นหน้าด้านขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังพูดจาน่าไม่อายด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านใด ๆอีก

ชาติที่แล้วทำไมถึงดูไม่ออกว่าผู้บัญชาการเหยียนผู้เย็นชาพูดน้อย ความจริงแล้วเป็นคนลามกหื่นกามภายใต้ภาพลักษณ์นายทหารผู้เก่งกาจกันนะ?

แต่เธอก็หวั่นไหวอยู่ดี…

“ผอมลงจริงเหรอ? ผอมไปกี่โลล่ะ?” เหมยเหมยทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ช่วงนี้หมอนี่พูดเหลวไหลบ่อยเลยทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงฮวบ

เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างจริงใจแต่กลับโกหกหน้าตาย “น่าจะประมาณห้าโลมั้ง ได้ผลดีทีเดียว”

ผีสิถึงจะรู้ว่าผอมลงไปกี่โลเพราะเขาบังเอิญได้ยินลูกน้องสองคนกำลังโอ้อวดกันใหญ่โดยมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาลอย ๆ เขาความจำดีถึงจำได้มาจนถึงตอนนี้

เหมยเหมยหวั่นไหวอย่างรุนแรง ห้าโลเชียวเหรอ…นั่นเท่ากับเนื้อส่วนเกินที่อยู่บนตัวเธอพอดีเลยไม่ใช่หรือไง?

แต่ทว่า–

“ทำไมลูกน้องพี่ถึงพูดเรื่องแบบนี้กับพี่ด้วยล่ะ? ปกติพวกพี่คุยกันเรื่องบนเตียงด้วยเหรอ?” เหมยเหมยนึกถึงประเด็นนี้ขึ้นมา ปกติแล้วเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนที่จะเข้าหาได้ง่าย ๆ ยามอยู่ต่อหน้าลูกน้องมักมีท่าทีราวกับภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือก็ไม่ปาน ลูกน้องกลัวเขาแทบตายแล้วจะยอมคุยเรื่องลับ ๆระหว่างสามีภรรยากับเขาได้หรือ?

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว ยัยตัวแสบหลอกยากขึ้นทุกวันแฮะ

“พี่แอบได้ยินมา” สารภาพไปตามตรง

เหมยเหมยถึงยอมเชื่อพลางมองเขาอย่างยียวน เธอชูนิ้วชี้ขาวเนียนจิ้มหน้าอกเขาเบา ๆ “เป็นถึงคุณชายหมิงก็รู้จักแอบฟังเรื่องคนอื่นด้วยเหรอ?”

“แน่นอน พี่ต้องเรียนรู้ประสบการณ์ไว้…” เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด กลับเป็นเหมยเหมยที่โดนเขาหยอกเอินจนใบหน้าเล็กแดงก่ำ หัวใจเต้นตึกตัก

เหยียนหมิงซุ่นลอบขำคนเดียว ยัยตัวแสบคิดจะล้อเขาหรือ?

“เหมยเหมยไม่อยากลองบ้างเหรอ…ห้าโลเลยนะ…ไม่ต้องทานผักต้มแล้วยังทานเนื้อได้ด้วย…ขยับไม่กี่ทีก็ได้แล้ว…”

เสียงทุ้มก้องกังวานที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนดังขึ้นข้างหูเหมยเหมย ไอร้อนยิ่งมอมเมาจนเธอแทบจะมึนอยู่แล้ว สมองเริ่มพล่ามัว ไม่ต้องแทะผักเขียวแล้วยังผอมได้อีกห้าโล…เรื่องดี ๆแบบนี้ทำไมเธอจะไม่ยอมทำกันล่ะ?

……

ดังนั้นหนูน้อยหมวกแดงเหมยเหมยจึงถูกหมาป่าเหยียนคาบไปด้วยเหตุฉะนี้ แถมยังเป็นการเอาตัวเองไปถึงปากหมาป่าเองอีกต่างหาก…

ตอนทานมื้อเย็นเหมยเหมยประคองเอวที่แทบหักนั่งพิงเก้าอี้อย่างอ่อนแรงและท้องที่ส่งเสียงร้องด้วยความหิวโซ

จะผอมได้ห้าโลจริงหรือเปล่าตอนนี้เธอยังไม่รู้เลย แต่ขณะนี้เธอสามารถเขมือบไก่ได้ทั้งตัวนั้นเป็นเรื่องจริง หิวจนอกด้านหน้าแทบจะแบนติดกับแผ่นหลังอยู่แล้ว ไหนจะส่วนเอวที่ใกล้จะหักนี่อีก!

เหมยเหมยถลึงตาจ้องใครบางคนที่ร่าเริงอย่างนึกแค้นใจ ทำไมเธอถึงไม่หลาบจำสักที โดนเจ้าหมอนี่หลอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!

คราวหน้าถ้าเธอยังเชื่อเขาอีก เธอก็จะ…จะแทะผักเขียวทุกวัน!

เหยียนหมิงซุ่นแกะกุ้งตัวหนึ่งมาจ่อปากเธอด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยเสียงอ่อนโยนเป็นการปลอบใจ “เด็กดี…ทานกุ้งสักตัวนะ บำรุงไต”

เหมยเหมย ‘…ไอ้บ้าพี่นั่นแหละไตอ่อนแอ!’

……………………………………………………

 ตอนที่ 1891 เจอหน้าก็แทงมีดใส่กัน

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมยเหมยโดนหมาป่าบางตัวลากไปออกกำลังกายลดน้ำหนักทุกวัน เธอหมดหนทางที่จะประท้วงแล้ว แต่ผลที่ได้นั้นดีมาก ในเช้าวันหนึ่งเหมยเหมยแปลกใจที่พบว่าน้ำหนักของเธอลดลงแล้ว

46 กิโลกรัม!

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึง 45 กิโลกรัมอย่างที่เธอพอใจ แต่เมื่อเทียบกับ 50 กิโลกรัมเธอก็พอใจมากแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นก็คาดไม่ถึงว่าจะได้ผลจริง ๆจึงหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด ลูกน้องที่เขาแอบฟังเป็นคนชอบคุยโว เมื่อก่อนที่ลูกน้องพูดโม้ว่าทำหนึ่งครั้งต่อหนึ่งชั่วโมงก็คนนี้แหละ ทำเอาเขาเชื่ออยู่ตั้งนั้น

ดังนั้นเขาจึงนึกว่าการออกกำลังกายจะต้องเป็นเรื่องไร้สาระของลูกน้องคนนี้ด้วย ไหนเลยจะรู้ว่าคราวนี้มันกลับเป็นจริงล่ะ?

ไม่ง่ายเลยกว่าจะขุนให้มีน้ำมีนวลขึ้นมาได้ห้ากิโล กลับโดนเขาทำให้ลดฮวบหายไปในพริบตา!

อยากจะจัดการเจ้าลูกน้องตัวดีคนนี้จริง ๆเลย!

“ผอมจริง ๆด้วย…พี่ ขอบคุณวิธีดี ๆของพี่มากเลยนะ!” เหมยเหมยดีใจมาก ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยหน่อยแต่วิธีนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว!

เหยียนหมิงซุ่นปฏิกิริยาเร็วมาก เลิกคิ้ว กระตุกยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากแล้วพูดเสียงเบาว่า “งั้นต่อไปข้างบนให้เป็นหน้าที่เธอแล้วกันนะ?”

“น่าเกลียด…”

เหมยเหมยมองค้อนใส่ เชิดจมูกขึ้นอย่างน่ารัก ยิ้มพลางพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ประจำเดือนฉันมา พี่ต้องใช้ห้านิ้วของตัวเองไปก่อนแล้วล่ะ…”

มองไปทางเหยียนหมิงซุ่นที่ชะงักแน่นิ่งไป จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏร่องรอยของความหงุดหงิดใจ เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างชอบใจ ฮ่า ๆ…ตอนนี้เธอผอมแล้ว เธอไม่โง่ถึงขั้นยอมโดนหลอกอีกหรอก!

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โมโหแต่กลับส่งยิ้มออกมาแทน ยัยปีศาจน้อยใจกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ รอประจำเดือนหมดก่อนเถอะ ดูสิว่าเขาจะจัดการยัยปีศาจนี่อย่างไร!

งานเลี้ยงการกุศลมาถึงแล้ว เหมยเหมยใส่ชุดสีขาวที่เคยโดนเธอเก็บเข้ากรุใส่กล่องไว้ ดูเหมาะสมกำลังดี เหมยเหมยหมุนตัวด้วยความพึงพอใจแล้วสวมสร้อยไข่มุกแบบตะวันออกหนึ่งเส้น มุกแต่ละเม็ดมีขนาดเท่านิ้วก้อยซึ่งไม่มีร่องรอยตำหนิให้เห็นเลย

เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดที่จะไปร่วมงานเลี้ยงประเภทนี้เลย แต่เพราะมีอู่เยวี่ยอยู่เขาไม่วางใจจึงยกเลิกธุระในคืนนี้ และไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเหมยเหมย

เขาแต่งตัวสบาย ๆโดยเสื้อคลุมยาวสีดำถูกสวมไว้ด้านนอก ข้างในเป็นชุดสูทสีเดียวกัน ออร่าของเขาสามารถรับกับชุดแบบนี้ได้เป็นอย่างดี ดูเย็นชาแต่น่าหลงใหล แต่ความน่าหลงใหลก็มีให้เฉพาะผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาเท่านั้น

รูปร่างของอู่เยวี่ยอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้ามีฝ้าขึ้นไม่น้อยแถมยังแต่งหน้าไม่ได้อีกเพราะหนิงเฉินเซวียนไม่อนุญาต เขาห้ามอู่เยวี่ยทำทุกอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ซึ่งรวมถึงรองเท้าส้นสูงและการแต่งหน้า

หน้าที่เปลือยเปล่าของอู่เยวี่ยไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ทั้งซีดเซียวและผิวดูแย่มาก รูขุมขนกว้างสุด ๆ จมูกและปากดูไม่เป็นธรรมชาติจึงทำให้รู้สึกหน้าแปลก ๆอยู่เรื่อย

เหมยเหมยรู้ว่านี่เป็นผลพวงมาจากการทำศัลยกรรม ต่อให้ทักษะทางการแพทย์จะก้าวหน้าไปแค่ไหน การศัลยกรรมใบหน้าก็มีแต่จะทำให้ใบหน้ายิ่งดูยาวและแปลกพิกลขึ้นเรื่อย ๆ หลังอายุมากขึ้นหน้าก็ยิ่งเหมือนผีจนแทบทนมองไม่ไหว

หน้าสดของอู่เยวี่ยมองแล้วดูแตกต่างจากโอหยางซานซานมาก เพียงแต่ว่าโอหยางซานซานไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว คนที่ไม่คุ้นเคยจะมองไม่เห็นถึงความแตกต่าง ถ้าหากหวงอวี้เหลียนยังมีชีวิตอยู่แค่มองแวบเดียวเธอก็รู้แล้ว

“คุณนายเฮ่อเหลียนท้องแก่แล้วยังจะออกมาอีกนะคะ เธอต้องระวังตัวหน่อยล่ะ หากว่าล้มหรือชนอะไรเข้า ยันต์ที่ใช้คุ้มครองเธอคงหายไปแน่”

เหมยเหมยแยกกับเหยียนหมิงซุ่น เธอจงใจเดินเข้าไปหาอู่เยวี่ยที่กำลังทักทายเล่าคุณหญิงคุณนายคนอื่น ๆอยู่ ดูแล้วอัลบั้มรูปโป๊คงไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเธอมากเท่าไรนัก!

คุณนายคนอื่น ๆต่างก็หุบปากลงเมื่อเห็นเหมยเหมย ศัตรูทั้งสองมาประชันหน้ากันก็เหมือนดาวอังคารปะทะกับโลก พวกเธอต่างก็เป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ควรเงียบไว้จะดีกว่า

พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมย ผู้หญิงทั้งหลายต่างก็สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ คุณหนูจ้าวพูดจาแบบนี้ช่างทิ่มแทงใจเสียจริง!

……………………………………………………………..

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย ตอน 1 – 2003 อ่านิยาย

(คลิกเพื่อโหลดอ่าน)


จุดจบที่ความตาย กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นบันดาลให้เธอได้ย้อนกลับไปในปี 1985

เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างตัวเองวัย 12 ปี!

เมื่อได้รับชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่คราวนี้ เธอจึงตัดสินใจลิขิตชะตาด้วยสองเป้าหมาย…

หนึ่ง… มีชีวิตอย่างอิสรเสรี ไม่สนใจสายตาใคร และไม่รับความรักอันน้อยนิดที่ญาติมิตรมีให้

สอง… แก้แค้น สิ่งที่พี่สาวกับอดีตคนรักติดค้างไว้ เธอจะต้องเอาคืนให้หมดในชาตินี้!


Options

not work with dark mode
Reset