ลิขิตกลกาล 233 ต่อแถว

ตอนที่ 233 ต่อแถว

ซึ่งวิธีการนั้นก็คือการเบียด!

 

 

พยายามเบียดคนที่เขาแถวอยู่ข้างหน้าเราให้หลุดออกจากแถวไป เช่นนั้นก็จบแล้วไม่ใช่หรอ เบียดคนหนึ่งก็หลุดออกไปคนหนึ่ง อีกอย่างต่อให้เล่าเหตุการณ์ พอถึงเวลาจริงๆ ก็คงไม่สามารถเล่าได้ เพราะผู้ใดให้เจ้าร่างกายอ่อนแอเอง แค่เข้าแถวดีๆ ยังเข้าไม่ได้จนปล่อยให้คนเบียดตัวเองหลุดออกไป

 

 

อีกอย่างหากต้องโต้เถียงกันจริงๆ เกรงว่าคงจะโดนคนแถวๆ นี้หัวเราะเยาะแน่ๆ! เพราะที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยมีคนไม่ยอมเวลาที่ถูกเบียดออกไป แล้วไปฟ้องร้านอู่เซียงเก๋อว่าการต่อแถวนี้ไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ต่อแถวอยู่ข้างหน้าอยู่ดีๆ ผลสุดท้ายกลับโดนเบียดออกไปจนต้องกลับไปเริ่มเข้าแถวใหม่อีกครั้ง!

 

 

ทว่าสำหรับเรื่องนี้ ร้านอู่เซียงกลับเลือกที่จะปิดหูปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่ง เพราะต้นไม้ใหญ่ที่ต้านลมมักโค่นได้ง่าย พวกเขาแม้ว่าจะตั้งกฎระเบียบเอาไว้และลงโทษคนไปมากแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่ใส่ใจแต่การสะสมเรื่องราววันละเล็กวันละน้อยไปเรื่อยๆ อาจมีสักวันที่พวกเขาอาจจะสั่นคลอนได้

 

 

อีกอย่างเรื่องการเข้าแถวนี้ โดยปกติแล้วคนงานของร้านอู่เซียงเก๋อก็ยุ่งจะแย่แล้ว จะให้หาคนจากที่ไหนมาคอยจัดลำดับการเข้าแถวเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นแถวของร้านอู่เซียงเก๋อก็ยาวมากอย่างยิ่ง หาคนสักคน? เกรงว่าก็คงจะไม่พอสำหรับการจัดระเบียบนี้!

 

 

ดังนั้นแล้วกลับไปฝึกร่างกายให้พร้อมเถิด! ฝึกให้ดีๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่!

 

 

นี่คือคำตอบที่ร้านอู่เซียงเก๋อจะตอบ

 

 

แต่ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ ขณะที่ต้วนเฉินเซวียนโดนเบียดเสียจนตัวแทบจะแตกอยู่แล้วนั้น เขาก็อยากจะทุบสมองตัวเอง! เหตุใดตอนนั้นเขาถึงคิดกฎระเบียบแบบนี้ออกมาได้? การกระทำเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะเห็นชัดๆ ว่าเป็นการแทรกแถวอย่างหนึ่ง

 

 

ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกจริงๆ แล้วว่าตัวเขาโดนเบียดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะคนที่มาเข้าแถว โดยส่วนมากแล้วถ้าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาก็จะเป็นผู้มีวรยุทธ์ที่ถูกคัดเลือกมาแล้ว ดังนั้นตอนกลับไปแทนที่จะเล่าว่าตนถูกเบียดออกมาจนต้องไปต่อแถวใหม่ มิสู้ปิดบังเอาไว้แล้วบอกว่าตัวเองซื้อกลับมาไม่ได้จะดีกว่า!

 

 

ดังนั้นต่อให้เป็นต้วนเฉินเซวียนก็เริ่มเกิดความรู้สึกทรมานใจขึ้นมาเสียแล้ว!

 

 

เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงไม่สามารถใช้พลังฝ่ามือของเขากันทุกคนออกไปให้พ้นทางได้ เพราะหากเขากล้าทำเช่นนั้น เขาคงจะกลับมามีชื่อเสียงในเมืองหลวงอีกครั้ง!

 

 

“ต้วน พี่ต้วน?” ท่ามกลางความโกลาหลนี้ ต้วนเฉินเซวียนคล้ายได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น

 

 

วันไหนสภาพดีไม่เคยเจอ วันไหนสภาพแย่เจอทุกอย่าง! ตอนนี้เขามีสภาพย่ำแย่เพียงนี้ กลับต้องเจอคนรู้จักอีก?! รู้แต่แรกเขาพกหมวกงอบออกมาด้วย!

 

 

แต่จะอย่างไรก็คงไม่ดีอยู่ดีกระมัง เพราะฤดูร้อนที่แล้งฝนเช่นนี้จะให้เขาใส่หมวกงอบดำออกมาหรือ เขาไม่ได้กลัวความร้อนสักนิด! อีกอย่างเขาเป็นผู้ชาย หากใส่หมวกนั่นมาเกรงว่าจะยิ่งดึงดูดสายตาคนมากขึ้นไปอีก

 

 

หรืออีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้คนแต่ละคนตัวเนื้อสัมผัสกัน หากสวมหมวกงอบอีก….ดูท่าแล้วคงไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์เท่าไหร่นัก! เพราะอาจถูกเบียดจนหลุดแถวออกไปได้ตลอดเวลา!

 

 

 “พี่ต้วน เป็นท่านจริงๆ ด้วย!” หานชิงอวี่เดิมทีกำลังดื่มชาอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมฝั่งตรงกันข้าม ผลสุดท้ายพอกวาดตาลงมามองเบื้องล่างกลับเห็นผู้คนที่กำลังเข้าแถวเบียดกันและมีคนผู้หนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นตาขึ้นมา!

 

 

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่มองเพียงเสื้อผ้าที่ต้วนเฉินเซวียนสวมใส่ก็แตกต่างจากคนรอบๆ แล้ว ดังนั้นท่ามกลางฝูงชนนี้ เมื่อเขานั่งมองจากชั้นสอง เขาจึงเห็นต้วนเฉินเซวียนได้อย่างรวดเร็วภายในแวบแรก

 

 

“พี่ต้วน นี่ท่าน…” หานชิงอวี่กางพัดออกมาแล้วเอาขึ้นมาบดบังใบหน้าด้านล่างของตนแล้วเลิกคิ้วเขาเอ่ยถามด้วยความข้องใจ “นี่ท่านอยากลองสัมผัสความลำบากของคนทั่วๆ ไปหรือ” ในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างรู้ใจต้วนเฉินเซวียน หานชิงอวี่จึงรู้เรื่องที่ต้วนเฉินเซวียนเป็นเจ้าของร้านอู่เซียงเก๋อ

 

 

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามขบคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี! นี่ต้วนเฉินเซวียนกำลังทำอะไรอยู่ ตัวเองเป็นเถ้าแก่ร้านนี้แท้ๆ ถ้าอยากได้จริงๆ เหตุใดไม่เดินเข้าไปเอาเลยเล่า ทำไมต้องมาเข้าแถวเบียดไปเบียดมากับชายร่างกายกำยำพวกนี้ด้วย

 

 

นี่คงไม่ได้นึก…สนุกขึ้นมาหรอกกระมัง?

 

 

แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเช่นนั้นนะ! เขาเพียงรู้สึกว่ากลิ่นเหงื่อของคนที่เยอะมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้กำลังจะทำให้เขาเป็นลมไปแล้ว!

 

 

“หยุดไร้สาระเสียที!” ต้วนเฉินเซวียนกัดฟัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคุกคาม “ไม่มีเรื่องอะไรก็ไสหัวไปซะ! อย่ามาขัดหูขัดตาข้าตรงนี้!” เพราะหากมีใครเห็นเจ้าปัญญาอ่อนหานชิงอวี่อยู่ตรงนี้แล้วก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขาคงอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน! และเขาไม่อยากตะโกนอธิบายว่าเขามาที่นี่เพื่อซื้อของ

 

 

“ไม่ไป!” หานชิงอวี่หัวเราะไหล่โยน เพราะช่วงนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าได้เห็นด้านที่เขาไม่เคยเห็นของต้วนเฉินเซวียนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เขาเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าวินาทีต่อไปต้วนเฉินเซวียนจะทำอะไรที่แปลกประหลาดกว่าปกติอีกหรือไม่!

 

 

เรื่องราวน่าสนุกเช่นนี้จะให้เขาก้มหัวจากไปเพราะคำพูดข่มขู่เพียงประโยคสองประโยคได้อย่างไร เขากล้ารับประกันเลยว่าต้วนเฉินเซวียนไม่มีทางเดินออกมาต่อยเขาอย่างแน่นอน!

 

 

เพราะตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนยังคงสับสนอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองยืนอยู่ในแถวได้โดยที่ไม่กระเด็นออกมา

 

 

 

 

 

และในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ต้วนเฉินเซวียนอยากจะออกไปตบหัวหานชิงอวี่เพื่อสั่งสอนเขาสักยก แต่ตอนนี้เขาออกไปไม่ได้จริงๆ! เพราะเขากำลังเข้าแถวอยู่ และเข้ามานานขนาดนี้แล้วด้วย ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเขาได้ผ่านมาแล้ว!

 

 

คนจำนวนหนึ่งในสามถูกเบียดออกจากแถวไปแล้ว แต่เขายังคงฝืนยืนอยู่ในแถวได้ เช่นนั้นแล้วจะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร

 

 

ดังนั้นเมื่อต้วนเฉินเซวียนเห็นสายตาของหันชิงอวี่ สายตาของเขาก็เริ่มคมปราด สายตาของเขาคล้ายมีใบมีดอยู่ในนั้น สายตาที่จับจ้องหันชิงอวี่นั้นราวกับกำลังจะเอามีดเฉือนเขาเป็นหมื่นๆ ครั้ง!

 

 

 

 

    ……

 

 

 

 

 

 

“น้องหญิง ตอนไปถึงร้านตัดชุด เจ้าก็เลือกๆ มาเถิด ถึงอย่างไรเสื้อผ้าที่เจ้ามีอยู่ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่เก่าแล้วทั้งนั้น ถือเป็นการ…ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก็แล้วกัน เพราะพวกเราคงยอมให้ผู้อื่นมาดูถูกพวกเราไม่ได้ใช่หรือไม่” เช่นการนินทาว่าตระกูลซูจะแต่งงานทั้งทียังใช้เอาชุดเก่าๆ มาใส่!

 

 

 “อืม ก็ได้เจ้าค่ะ” ริมฝีปากของซูเหลียนอวิ้นเริ่มปรากฏรอยยิ้ม “ท่านพี่เอ่ยอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นท่านก็ต้องระวังเงินในกระเป๋าท่านให้ดี! น้องจะไม่มีทางเห็นใจท่านพี่แล้วช่วยประหยัดเงินของท่านพี่อย่างแน่นอน!” ไม่ว่านางจะยินดีหรือไม่ก็ตาม ต่อหน้านางต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีความสุข! นี่คือบทสรุปที่ซูเหลียนอวิ้นคิดออกมาได้

 

 

เพราะนี่ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ ช่วงเวลาที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางเกรงว่าหากนางแสดงท่าทีไม่สบายใจออกไปหรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นั่นจะทำให้อันเพ่ยอิงไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป!

 

 

เพราะสาเหตุที่ทำให้นางไม่สบายใจก็คือ การที่นางจะต้องแต่งงานออกไปอย่างรีบร้อนเช่นนี้

 

 

แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่เสียทีเดียว! เพราะผู้ใดจะคิดเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืนได้เล่า! อีกอย่างบางครั้งนางก็แค่ขมวดคิ้วขึ้นมาก็เท่านั้น โดยที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเลย!

 

 

ทว่ารายละเอียดบางอย่างนางก็ขี้เกียจจะอธิบาย เพราะบางทีการอธิบายมันหมายถึงการปิดบังบางอย่าง? ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่นางพอทำได้คือพยายามมีความสุขไปวันๆ แม้ว่ารอยยิ้มของนางจะแข็งกระด้างก็ตาม!

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset