ลิขิตกลกาล 170 อุบัติเหตุ

ตอนที่ 170 อุบัติเหตุ

 

 

“ข้ามองคนผิดไปเสียแล้ว!” หลินเหวินเสี่ยวลดเสียงลงแล้วหันข้างไปพูดกับซูเหลียนอวิ้น “ข้าเห็นว่าองค์หญิงเยียลี่ว์มีรูปโฉมงดงาม จึงคิดว่าน่าเป็นคนที่ใช้ได้! แต่สุดท้ายนางกลับพูดออกมาเช่นนี้ความหมายคือหากนางแพ้ขึ้นมานั่นจะเป็นเพราะว่าพวกเราเข้าข้างคนต้าชั่วกันเองหรือนางเอาความก้าวร้าวเช่นนี้มาจากไหนกัน!”

 

 

คนที่อยู่ในเหตุการณ์รอบๆ ตอนนี้ต่างแอบซุบซิบกัน ดังนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เอะอะวุ่นวายเช่นนี้คำพูดเหล่านี้ของหลินเหวินเสี่ยวกลับมิได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอะไร

 

 

ซูเหลียนอวิ้นไร้วาจา สายตาของนางตอนนี้กำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างกายสะโอดสะองของเยียลี่ว์เยียนสักครู่จึงเอ่ยขึ้นว่า “เหวินเสี่ยว ข้าขอถามเรื่องหนึ่ง เจ้าว่าตอนนี้ข้าอ้วนหรือไม่”

 

 

“เอ๊ะ” หลินเหวินเสี่ยวเอียงคอมองซูเหลียนอวิ้นด้วยความประหลาดใจแล้วเอ่ยว่า “เหลียนอวิ้น ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงถามคำถามเช่นนี้”

 

 

“เจ้าบอกมาเถอะว่าข้าอ้วนหรือไม่อ้วน!”

 

 

“ไม่อ้วนหรอก!” หลินเหวินเสี่ยวส่ายหัว “รูปร่างของเจ้ากำลังพอดีเลย ใบหน้ารูปไข่กำลังพอเหมาะกับเจ้าทีเดียว”

 

 

“อ้อ อย่างนั้นก็ดี” ซูเหลียนอวิ้นขยับคอไปมา “ต่อให้ช่วงนี้ข้าซ้อมหนัก แต่ข้าก็เพิ่งจะซ้อมได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ตอนนี้เลยผอมลงไปได้ไม่เท่าไหร่”

 

 

“เหลียนอวิ้นเจ้าว่าอะไรนะ…?” หลินเหวินเสี่ยวพยายามฟังซูเหลียนอวิ้นที่กำลังพูดอู้อี้อยู่ นางรู้สึกว่าตนไม่ค่อยเข้าใจนัก

 

 

“ไม่มีอะไร ดูการเต้นรำกันเถิด” ซูเหลียนอวิ้นเชิดคางขึ้น สายตาของนางจ้องมองไปข้างหน้า “กำลังจะเริ่มแล้ว”

 

 

แม้ว่าลี่หยวนตี้จะไม่พอใจการกระทำอันไร้มารยาทของเยียลี่ว์เยี่ยน แต่เนื่องจากเขามาในฐานะแขกบ้านแขกเมือง จึงไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์เสียหาย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มแล้วพูดต่อไปว่าขอให้เยียลี่ว์เยียนวางใจได้เพราะคนของต้าชั่วปฏิบัติกับแขกอย่างเป็นมิตรตลอดมา หากแขกชนะก็ย่อมต้องแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่หากแพ้เล่า…แน่นอนว่าย่อมไม่มีการพูดจาถากถางกัน ในทางตรงกันข้ามกลับจะให้นางรำของต้าชั่วถ่ายทอดวิธีการเต้นรำให้เยียลี่ว์เยียนด้วยซ้ำไปเพราะเยียลี่ว์เยียนเองก็เป็นผู้ที่หัวไวเรียนรู้ได้เร็ว

 

 

ทว่าองค์หญิงของเมืองเมืองหนึ่งต้องมาขอเป็นลูกศิษย์ของนางรำ แถมยังเป็นนางรำต่างบ้านต่างเมือง? เรื่องนี้หากแพร่ออกไป…ก็มากพอที่จะทำให้ขายหน้าได้!

 

 

“ชู่ ไม่ต้องพูดแล้ว” ซูเหลียนอวิ้นเอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปาก “การเต้นรำของเยียลี่ว์เยียนใช่ว่าจะหาดูกันได้ง่ายๆ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งกว่านางจะมาแสดงให้พวกเราดู พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นกันเลยตั้งใจดูกันดีกว่า”

 

 

ผู้ที่เป็นฝ่ายเริ่มเต้นรำก่อนคือนางรำของต้าชั่ว เนื่องจากเยียลี่ว์เยียนยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเต้นรำ แต่ทางฝั่งของต้าชั่วนั้นเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

 

 

เสียงดนตรีดังขึ้น การแสดงครั้งนี้คือการเต้นรำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของต้าชั่ว นั่นคือระบำนกเฟิ่งหวง

 

 

ผู้ชมในงานต่างจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนกายเต้นรำอันอ่อนช้อยงดงามที่กำลังดำเนินอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งเพราะหากเอ่ยถึงการเต้นรำแล้วชาวต้าชั่วถือว่าไม่น้อยหน้าผู้ใด!

 

 

เยียลวี่เยี่ยนไม่สนใจสิ่งยั่วเย้าต่างๆ รอบกาย เขามองไปรอบด้านด้วยสายตาเปื้อนรอยยิ้มราวกับกำลังดูละครตลก สายตาเปื้อนรอยยิ้มของเขาจ้องมองไปที่บรรดานางรำที่กำลังหมุนตัวไปมาราวกับกำลังรอคอยบางอย่าง

 

 

“อ๊ะ!” ทันใดนั้นเอง เสียงร้องเล็กแหลมก็ดังขึ้น

 

 

นางรำผู้ที่กำลังจับมือร่ายรำอยู่กับอีกคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นขาของนางพลันอ่อนเปรี้ยและหลุดออกจากมือของนางรำอีกคน และท่าทางการล้มลงของนางนั้น…ไม่น่าดูเลยแม้แต่น้อย

 

 

จริงอย่างที่นางคิดไว้…ซูเหลียนอวิ้นหลับตาลงเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นบนเวที

 

 

อุบัติเหตุครั้งนี้…เคยเกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้วแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกตกใจอะไรมากนัก แต่เพราะเหตุใดนางถึงไม่ยับยั้งโศกนาฏกรรมครั้งนี้? ซูเหลียนอวิ้นคงต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถของนาง! นางทำไม่ได้อย่างแน่นอน!

 

 

เพราะว่าการแต่งกายของนางรำไม่ต่างกันมากนัก รูปแบบการแต่งหน้าก็ไม่ต่างกัน หากต้องแยกแยะ…ก็ถือว่าเป็นงานยากเกินไปสำหรับซูเหลียนอวิ้น! อีกอย่างเรื่องราวนี้ตอนที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อนนางเองก็จดจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นนางจึงจำได้เพียงมีเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเท่านั้น

 

 

ดังนั้นรายละเอียดว่านางรำคนไหนหกล้มและหกล้มมาจากนางรำคนไหนนั้น? ขออภัยจริงๆ ที่นางจำไม่ได้เลย!

 

 

หากจะกล่าวอีกแง่หนึ่งคือต่อให้นางจำได้แล้วนางอยากจะหยุดยั้งเรื่องราวนี้ นางก็ต้องแจ้งเรื่องเข้าไปที่วังหลวงแต่จะให้นางแจ้งอย่างไรเล่า

 

 

เพราะเหล่านางรำพวกนี้…เดิมทีก็ไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกับนาง! หากอยากจะยับยั้งและเมื่อถึงเวลาสามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้จริง หลังจากนั้นจะให้จัดการอย่างไรต่อไป? หากลี่หยวนตี้ถามนางว่าเพราะเหตุใดนางถึงรู้เรื่องราวนี้ได้จะให้นางตอบว่ามีตาทิพย์งั้นหรือ

 

 

นางไม่อยากมีเรื่องราวแตกต่างจากผู้อื่น! เพราะความแตกต่างเหล่านี้…อาจทำให้นางถูกจับไปเพราะถูกมองว่าเป็นภูตผีปีศาจ ถึงตอนนั้นจะให้นางทำอย่างไรเล่า!

 

 

แน่นอนว่าการที่ซูเหลียนอวิ้นไม่ยับยั้ง นั่นเป็นเพราะว่านางยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่หากนางรำคนนี้ไม่ล้มลง ไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แล้วจะถึงคราวที่นางต้องออกหน้าในเหตุการณ์ต่อจากนี้ได้อย่างไร

 

 

“ท่านพี่ เยียนเอ๋อร์เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เวลานั้นเองเยียลี่ว์เยียนที่สวมใส่ชุดขนนกยูงเลิกม่านและปรากฏตัวออกมาพร้อมเดินเข้ามาอย่างช้าๆ การมาถึงของนางถือเป็นการทำลายบรรยากาศความเงียบอันผิดปกติที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ลง

 

 

ทว่าเมื่อนางเห็นนางรำที่กำลังร้องโอดครวญเบาๆ อยู่กลางเวที สีหน้าของเยียลี่ว์เยียนก็ปรากฏแววของความประหลาดใจ “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”

 

 

“ไม่มีอะไร เป็นเรื่องขบขันให้องค์หญิงเยียลี่ว์ดูเท่านั้น” รอยยิ้มของลี่หยวนตี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง “เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ ขึ้น ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร”

 

 

เวลานั้นเองมีขันทีหลายๆ คนทยอยกันออกมาจากด้านข้างเพื่อพยุงนางรำที่เพิ่งจะหกล้มออกไป ส่วนนางรำที่เหลือที่ยังที่ไม่ได้รับบาดเจ็บและยังสามารถเดินได้ด้วยตัวเองเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงรีบวิ่งตามหลังกันออกไป ไม่กล้าอยู่ต่ออีกแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

 

 

“นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น เดี๋ยวสถานการณ์คงจะเข้าที่เข้าทางเองกระมัง” มุมปากของเยียลี่ว์เยียนปรากฏรอยยิ้มพลางกระพริบตาปริบๆ “เช่นนั้นตอนนี้ถึงตาหม่อมฉันแสดงแล้วใช่หรือไม่เพคะเพราะหม่อมฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว…”

 

 

ซูเหลียนอวิ้นพิจารณาชุดขนสัตว์ที่อยู่บนตัวเยียลี่ว์เยียน แล้วเบะปากอย่างรังเกียจโดยพลัน แสร้งทำเป็นจำใจต้องลงสนามโดยที่ไม่ได้เตรียมการ! ชุดขนนกยูงเช่นนี้ที่พระราชวังของต้าชั่วไม่สามารถหาได้อย่างแน่นอนแค่ดูก็รู้แล้วว่าเตรียมชุดมาเอง ยังจะมาเสแสร้งอะไรอีก! คิดว่าพวกเขาตาบอดหรืออย่างไร!

 

 

“เริ่มเลยเถิด” ลี่หยวนตี้ยิ้มแย้ม ใบหน้าของเขายังคงสดใสราวกับว่าเรื่องราวเมื่อครู่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

ทว่าในสายตาของคนที่รู้จักและคุ้นเคยกับลี่หยวนตี้ดี จะมองออกว่าท่าทางของลี่หยวนตี้ในตอนนี้ต่างหากที่น่ากลัวอย่างยิ่ง! โมโหจนแยกเขี้ยวยิ้ม…? ภาพที่เห็นหมายความเช่นนี้มากกว่า

 

 

เสียงดนตรีดังขึ้น เยียลี่ว์เยียนเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย ร่างกายของนางพลิ้วไหวราวกับงูที่กำลังเลื้อยคด เมื่อเห็นแววตาของนางแล้วก็จะยิ่งรู้สึกถึงเสน่ห์บางประการการเต้นระบำนกยูงนั้นให้ความรู้สึกสูงส่งเหนือคนธรรมดาและการเคลื่อนไหวที่ยากจะจับต้อง

 

 

ฝีมือการร่ายรำของเยียลี่ว์เยียนมีทักษะที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนี้ แม้ว่าในใจจะฉุนเฉียวอยากจับความผิดพลาดออกมาให้ได้ ทว่าการแสดงสมบูรณ์ไร้ที่ติตรงหน้าเช่นนี้ การพยายามหาข้อบกพร่องใดๆ ….กลายเป็นเพียงแค่การหากระดูกในไข่ไก่[1]เพื่อตั้งใจจะให้มีเรื่องเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] การหากระดูกในไข่ไก่หมายความว่า การพยายามหาข้อบกพร่อง

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset