ลำนำสตรียอดเซียน 118 โรงเรียนตานติ่ง

ตอนที่ 118 โรงเรียนตานติ่ง

ในภายหลัง โม่เทียนเกอได้ยินข่าวน่าประหลาดใจ

 

 

เรื่องแรกผู้ฝึกตนที่ผาลั่วเยี่ยนจะกระจายตัวกัน ในเมื่อสัตว์ปีศาจนั้นล้มเหลวในการที่จะโจมตีพวกเขาบ่อยครั้ง สัตว์ปีศาจที่ฉลาดระดับสูงได้กระจายตัวกันไปรอบๆ และก่อให้เกิดความเสียหายไปทั่ว โดยไม่มีทางเลือก ผู้ฝึกตนจะต้องแยกย้ายกันไปคนละทางเพื่อตามล่าพวกมัน

 

 

เรื่องที่สอง มีข่าวมาจากคุณอู๋ตะวันตก ก่อนที่โรงเรียนตานติ่งจะเปิดใช้ม่านพลังป้องกันขุนเขา สัตว์ปีศาจระดับเก้าได้ทำให้อาณาเขตของพวกเขาแตกออกส่งผลให้ต้องเสียลูกศิษย์ไปหลายคน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอความช่วยเหลือ

 

 

เรื่องสุดท้าย ท่านอาจารย์ลุงโส่วจิ้งได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถทนต่อไปได้ เขาจึงต้องเดินทางกลับไปที่ภูเขาไท่กังเพื่อพักฟื้นรักษาตัว

 

 

หลังจากที่ได้ยินสองเรื่องแรก โม่เทียนเกอตระหนักรู้ในทันทีว่าการจลาจลของสัตว์ปีศาจนั้นได้กลายเป็นความร้ายแรงขนาดไหน สัตว์ปีศาจระดับเก้าซึ่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับกลางของดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ข่าวสุดท้ายทำให้นางรู้สึกประหลาดใจและความคิดก็ผ่านเข้ามาในหัวของนางเพียงพริบตาเดียว

 

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะได้คิดถึงสิ่งต่างๆ ให้ละเอียด อาจารย์ลุงเสวียนอินแจ้งนางว่าพวกนางมีอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญ นางและหลัวเฟิงเสวี่ยจะต้องตามเขาไปที่โรงเรียนตานติ่งทันที

 

 

โม่เทียนเกอไม่ได้คาดคิดว่าภารกิจการสนับสนุนโรงเรียนตานติ่งจะตกมาที่พวกนาง ดังนั้นนางจึงรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย หลัวเฟิงเสวี่ยบอกนางแบบลับๆ ว่าตั้งแต่ที่โรงเรียนตานติ่งโดนโจมตี กลุ่มผู้ฝึกตนหลายกลุ่มได้ส่งคนเข้าช่วยเหลือ จนถึงตอนนี้ สัตว์ปีศาจไม่กล้าที่จะโจมตีพวกเขาเท่าไรนัก ดังนั้นอะไรหลายๆ อย่างค่อนข้างที่จะปลอดภัยสำหรับพวกนาง

 

 

เมื่อโม่เทียนเกอพิจารณาให้ถี่ถ้วน นางก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ยิ่งไปกว่านั้นโรงเรียนตานติ่งก็มีผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่เป็นของตัวเอง พรมแดนของพวกเขาเพียงแค่แตกออกเท่านั้น

 

 

ตั้งแต่ที่นางออกมาจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน นางยังไม่มีโอกาสที่จะกลับเข้าไปอีกครั้งเพราะนางมักจะอยู่กับหลัวเฟิงเสวี่ยตลอดการเดินทาง ถึงแม้ว่านางกับหลัวเฟิงเสวี่ยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สุดท้ายแล้วโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางก็เป็นอาวุธวิเศษที่ท้าทายอำนาจสวรรค์ โม่เทียนเกอมุ่งมั่นว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับมัน

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเร่งรีบออกเดินทางเพื่อไม่ให้เสียเวลา

 

 

โรงเรียนตานติ่งตั้งอยู่ใจกลางของคุณอู๋ตะวันตก ไม่ได้ไกลจากโรงเรียนเสวียนชิงมากนัก ถ้าพวกเขาขี่อาวุธวิเศษบินได้ของผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดแก่นขุมพลังจากผาลั่วเยี่ยน ก็จะใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่สามถึงห้าวันเพื่อไปถึงที่นั่น

 

 

หลายวันต่อมา กลุ่มของศิษย์การสร้างฐานแห่งพลังก็เดินทางไปถึงภูเขาเทียนหั่ว [1] ของโรงเรียนตานติ่ง ภายใต้การนำของท่านอาจารย์ลุงเสวียนอิน จากระยะไกลโม่เทียนเกอสามารถมองเห็นถึงภูเขาที่สูงตั้งตระหง่าน ลาวาที่ลุกเป็นไฟกำลังปะทุไหลออกมาจากภูเขาไฟ

 

 

ตามรายงาน สาเหตุที่โรงเรียนตานติ่งตั้งอยู่ ณ สถานที่นั้นเพราะนี่เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในคุณอู๋ มันเป็นสิ่งที่ต้องรู้ว่านอกเหนือไปจากทักษะแล้ว ส่วนประกอบของไฟเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรุงยาเช่นกัน นอกเหนือไปจากไฟตานเถียน ไฟทางโลกก็เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดสำหรับการปรุงยาเช่นกัน โดยเฉพาะไฟทางโลกคุณภาพสูง มันสามารถเทียบได้เท่ากับไฟของพระอาทิตย์และดีกว่ามากเมื่อเทียบกับไฟตาน

 

 

เถียนของผู้ฝึกตนระดับล่าง สาเหตุที่ภูเขาไฟนี้ถูกขนานนามว่าภูเขาไฟเทียนหั่วนั้น ตามรายงานได้บอกไว้ว่าเป็นเพราะคุณภาพของไฟทางโลกที่นี่นั้นยิ่งกว่าดีเยี่ยมเสียอีก

 

 

เปลวไฟสีแดงแผ่พุ่งออกมาเป็นช่วงๆ จากภูเขาไฟ สร้างความประหลาดใจให้กับศิษย์หลายคน มีเตาสีดำขนาดมหึมาลอยอยู่ตรงกลางภูเขาไฟ นี่คือสัญลักษณ์ของโรงเรียนตานติ่งซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ปักไว้กับชุดเครื่องแบบของศิษย์ทั่วไปทุกคนของโรงเรียนตานติ่งด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม จากระยะไกลพวกเขาก็บอกได้เลยว่าความเสียหายของโรงเรียนตานติ่งนั้นรุนแรงทีเดียว

 

 

ประตูสูงใหญ่ของอารามล้มคว่ำ สิ่งก่อสร้างรอบภูเขาไฟพังทลาย ลานจัตุรัสของโรงเรียนเต็มไปด้วยเศษอิฐและหยก ศิษย์ของโรงเรียนตานติ่งในชุดคุมสีดำเดินงุ่นง่านไปมา ยังคงมีผู้ฝึกตนที่แต่งตัวในชุดเครื่องแบบของกลุ่มอื่นที่ดูวุ่นวาย จากที่โม่เทียนเกอเห็น ส่วนมากเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมพลังวิญญาณ และบางคนเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานแห่งพลังแต่ไม่มีผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดแก่นขุมพลังแม้แต่คนเดียว

 

 

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในทุกกลุ่มการฝึกตน ถ้าโรงเรียนเสวียนชิงไม่ได้ปิดผนึกอารามไว้ คนที่จะถูกส่งออกไปจะต้องเป็นศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณและผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานแห่งพลังจะต้องเป็นผู้นำพวกเขาอย่างแน่นอน

 

 

สำหรับผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดแก่นขุมพลัง พวกเขามีไม่มากนักในกลุ่มผู้ฝึกตนเล็กๆ พวกเขามีไม่มากพอที่จะปกป้องกลุ่มและตระกูลของเขา ดังนั้นจะส่งพวกเขาให้ออกมาช่วยกลุ่มผู้ฝึกตนอื่นได้อย่างไร มีเพียงแค่โรงเรียนเสวียนชิงเท่านั้นที่มีการปิดผนึกภูเขามาเป็นเวลานานและมีทักษะประเภทนี้

 

 

ก่อนที่พวกเขาจะถึงม่านพลังป้องกันขุนเขา ลำแสงสว่างวาบขึ้นเหนือภูเขาเทียนหั่ว หลังจากนั้นไม่นานม่านพลังป้องกันขุนเขาก็เปิดออก ผู้ฝึกตนหญิงระดับก่อเกิดแก่นขุมพลังออกมาพร้อมกับศิษย์อีกหลายคนเพื่อพบพวกเขา

 

 

“ศิษย์พี่เสวียนอิน อภัยให้ข้าด้วยที่ไม่ได้ออกมาตอนรับท่านให้เร็วกว่านี้”

 

 

อาจารย์เต๋าเสวียนอินประกบมือรูปถ้วยทักทายพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องโม่ ไม่จำเป็นต้องทางการนัก พวกเราทำในสิ่งที่พวกเราควรทำ”

 

 

ผู้ฝึกตนหญิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “คนอื่นต่างวุ่นวายอยู่กับการดูแลตัวเอง มีเพียงโรงเรียนเสวียนชิงที่ส่งผู้ฝึกตนระดับก่อเกิดแก่นขุมพลังมาที่นี่ ศิษย์พี่เสวียนอิน ข้าขอพูดกับท่านโดยสัตย์จริง ตอนนี้พวกเราขาดผู้ฝึกตนระดับสูง ดังนั้นพวกเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ท่านมา”

 

 

ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ อาจารย์เต๋าเสวียนอินพูด “โรงเรียนของพวกเราคือสหายสนิท พวกเราก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา ศิษย์น้องโม่อย่าได้เกรงใจกัน ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

“อนิจจา สถานการณ์ไม่ได้ดีนัก ศิษย์พี่เสวียนอินเชิญท่านมากับข้าก่อน” หลังจากนั้นนางจึงหันไปทางศิษย์ระดับสร้างฐานแห่งพลังด้านหลังนางพร้อมพูด “พวกเจ้าจัดการเรื่องต่างๆ ให้กับศิษย์หลานเหล่านี้จากโรงเรียนเสวียนชิงและห้ามละเลยพวกเขาเด็ดขาด”

 

 

“เจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านอาจารย์”

 

 

ขณะที่ผู้ฝึกตนแซ่โม่นำท่านอาจารย์เต๋าเสวียนอินเข้าไปที่โถงหลัก โม่เทียนเกอและกลุ่มศิษย์การสร้างฐานแห่งพลังได้ถูกจัดให้พักชั่วคราวที่ถ้ำเซียนโดยศิษย์คนอื่น เพราะกลุ่มผู้ฝึกตนของพวกเขานั้นมีจำนวนมาก โม่เทียนเกอ หลัวเฟิงเสวี่ย หันชิงอวี้ และเว่ยจยาซือได้ถูกจัดให้อยู่ด้วยกัน

 

 

หลังจากพิจารณาถ้ำที่พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันชั่วคราว โม่เทียนเกอรู้สึกมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นเพราะถ้ำนี้มีห้องปรุงยาที่สามารถดึงไฟทางโลกเข้ามาในห้อง การอยู่ที่นี่เหมาะที่สุดสำหรับนางในการฝึกวิชาปรุงยา

 

 

นอกไปจากนั้น ที่นี่คือโรงเรียนตานติ่ง พวกเขาก็จะมีสูตรยาอยู่หลายชนิด ดังนั้นนางจึงมองหาโอกาสที่จะออกไปกับหลัวเฟิงเสวี่ย

 

 

“เทียนเกอ ถ้าเจ้าต้องการสูตรยา เจ้าขอจากท่านอาจารย์ก็ได้ โรงเรียนเสวียนชิงมีเก็บเอาไว้เยอะทีเดียว

 

 

เมื่อเผชิญกับความงุนงงของหลัวเฟิงเสวี่ย โม่เทียนเกอจึงพูดว่า “ศิษย์พี่หลัว ข้าเป็นคนหนึ่งที่ทำอะไรเต็มที่ ตอนนี้ข้ากำลังศึกษาเกี่ยวกับการปรุงยา ข้าอยากจะเก็บรวบรวมสูตรยาให้มากที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้ ถึงแม้ว่าโรงเรียนเสวียนชิงจะมีสูตรยาอยู่มากมายจริง อย่างไรก็ตามโรงเรียนตานติ่งก็เป็นกลุ่มการฝึกตนที่มีชื่อเสียงด้านการปรุงยา มันจะต้องมีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมันอยู่แน่นอน ข้าอาจจะค้นพบอะไรที่ดีขึ้นมาก็ได้”

 

 

“ก็จริง…”

 

 

ถึงแม้ว่า พวกเขาจะผ่านหายนะที่ยิ่งใหญ่มา ตลาดนัดของโรงเรียนตานติ่งก็ยังคงเปิดอยู่ปกติ เพราะศิษย์หลายคนบาดเจ็บ เครื่องมือเวทมนตร์ เครื่องราง และสิ่งอื่นสูญหายไปหลายชิ้น ตลาดนัดนั้นกลับเต็มไปด้วยผู้คนอย่างคาดไม่ถึง

 

 

โม่เทียนเกอได้ถามคำชี้แนะมาจากศิษย์ของโรงเรียนตานติ่ง ดังนั้นนางจึงไม่ได้เดินเล่นไปเรื่อยและดึงหลัวเฟิงเสวี่ยไปที่ร้านขายของโดยตรง

 

 

“คารวะอาจารย์ลุงจากโรงเรียนเสวียนชิง เรียนเชิญ เรียนเชิญ!” คนดูแลร้านทักทายด้วยความกระตือรือร้นหลังจากที่พวกนางเดินเข้าไปในร้าน อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ศิษย์หลายคนได้เข้ามาที่โรงเรียนนี้ เขาจึงสามารถจำเครื่องแบบพวกนางได้ เขาส่งชาให้กับพวกนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “ท่านอาจารย์ลุง มีสิ่งใดให้ข้าช่วยท่านหรือ”

 

 

โม่เทียนเกอไม่เคยได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเพียงนี้ก่อนที่นางจะพูดอะไรออกไปเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงรู้สึกอึดอัด ในทางกลับกันหลัวเฟิงเสวี่ยสงบนิ่งมาก นางเป็นศิษย์ระดับหัวกะทิตั้งแต่อายุยังน้อยและนางก็เป็นคนคอยดูแลอีกด้วย ดังนั้นแล้วการประจบประแจงแบบไหนกันที่นางไม่เคยเห็น ประเภทของการดูแลแบบนี้ปกติมากสำหรับนาง เมื่อเห็นว่าโม่เทียนเกอไม่ได้พูดอะไร หลัวเฟิงเสวี่ยจึงนำด้วยการพูด “เจ้ามีของดีอะไรที่นี่บ้าง พวกข้าต้องการที่จะซื้อบางอย่างที่มีประโยชน์สำหรับการฆ่าสัตว์ปีศาจ”

 

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลัวเฟิงเสวี่ยถาม คนขายก็ยิ้มกว้างในทันที เขาพูด “อาจารย์ลุง เพื่อแสดงถึงคำขอบคุณที่ท่านเข้ามาช่วยเหลือ หัวหน้าโรงเรียนของข้าน้อยสั่งให้ทุกร้านลดให้พวกท่านสองส่วน ตั้งแต่หลายวันก่อน ร้านของข้าน้อยมีทุกสิ่งที่พวกท่านอาจต้องการ ทั้งเครื่องมือเวทมนตร์ เครื่องราง ยาวิเศษ… ท่านสามารถหาทุกอย่างที่มีประโยชน์ได้ที่นี่”

 

 

“เช่นนั้นหรือ พวกข้าไม่ได้ต้องการเครื่องมือเวทมนตร์ ด้วยยังไม่สามารถใช้ได้ เจ้าเอาเครื่องรางและยาวิเศษออกมาให้พวกข้าแล้วกัน… พืชวิญญาณด้วย แต่พวกข้าต้องการพวกที่มีอายุสองร้อยปีหรือมากกว่าเท่านั้น”

 

 

“ได้ขอรับ โปรดรอสักครู่นะขอรับ”

 

 

เมื่อคนขายเดินจากไป หลัวเฟิงเสวี่ยยิ้มพร้อมพูดว่า “นี่เป็นโอกาสที่ดีทีเดียว โรงเรียนตานติ่งมีส่วนผสมสมุนไพรดีๆ ที่พวกเราหาไม่ค่อยได้มากมาย และด้วยส่วนลดอีกสองส่วน…พวกเราซื้อกันเถอะ”

 

 

ด้วยโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน โม่เทียนเกอไม่ได้สนใจพืชวิญญาณเหล่านี้มากนัก อย่างไรก็ตามนางก็ยังคงยิ้มและพยักหน้าตอบรับ

 

 

คนขายขยับไปมาอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวคนขายก็ยกกระสอบออกมา ถึงแม้ว่ากระสอบนี้จะเป็นประเภทหนึ่งของกระเป๋าเอกภพ แต่มันก็ไม่สามารถบรรจุได้มากนักและราคาค่อนข้างย่อมเยา จึงถูกใช้มากในการย้ายสินค้าในร้านขายของ

 

 

หลังจากที่หยิบของออกมาทีละอย่าง ทีละอย่างและจัดเรียงไว้บนโต๊ะ คนขายของก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “อาจารย์ลุง เชิญดูก่อน ข้าน้อยมีเครื่องรางสำหรับผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานแห่งพลัง ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังของโรงเรียน ร้านของพวกข้าน้อยเคยใช้พวกมันเพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับร้าน แต่ในเมื่อเครื่องรางเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนตอนนี้ ข้าน้อยจึงเอาพวกมันออกมาทั้งหมด”

 

 

โม่เทียนเกอหยิบเครื่องรางขึ้นมาหนึ่งอัน อย่างแน่นอนมันคือเครื่องราง “เสียงแห่งไม้ร่วงหล่น” ระดับสูง นอกเหนือไปจากนั้น ยังคงมีเครื่องราง “โลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ” “กระบี่แห่งแสงระยิบระยับ” และอื่นๆ ทั้งหมดล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและทำจากผิวหนังและเลือดของสัตว์ปีศาจระดับสามและสี่แทนที่จะทำด้วยกระดาษเครื่องรางและชาดปกติ

 

 

“นี่เป็นเครื่องมือเวทมนตร์ไม่ธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องทำการส่งมอบใดๆ บางทีท่านอาจารย์ลุงอาจจะต้องการมัน”

 

 

คนขายของเปิดกล่องหยกซึ่งมีเข็มล่องหนบินได้วางเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบหลายเล่ม ขณะที่หยิบเล่มหนึ่งขึ้นมา โม่เทียนเกอเห็นว่ามันบางมากจนแทบมองไม่เห็น ถึงแม้ว่านางไม่สามารถสัมผัสถึงพลังวิญญาณได้ในตอนแรก แต่เมื่อนางได้ถือมันไว้ในมือ นางก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่เคลือบไว้ที่ปลายเข็ม

 

 

“ข้าน้อยยังคงมีพืชวิญญาณ หากท่านอาจารย์ลุงมีสิ่งใดที่ต้องการโดยเฉพาะ กรุณาอย่าเกรงใจที่จะบอกข้าน้อย โรงเรียนตานติ่งของพวกข้าน้อยอาจจะไม่ได้มีสิ่งของที่น่าหลงใหลนัก แต่การจัดหาพืชวิญญาณนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขั้วแห่งท้องฟ้าขอรับ”

 

 

หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่คนขายภูมิใจนำเสนอ ทั้งโม่เทียนเกอและหลัวเฟิงเสวี่ยก็ก้มลงพิจารณาสินค้าต่างๆ

 

 

โดยแท้จริง เขามีเห็ดดอกไม้หิมะ หญ้าสะเก็ดม่วง อัญมณีสีฟ้า เห็ดหลินจือหิมะ… ทั้งหมดล้วนเป็นพืชวิญญาณหายาก ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนมีอายุมากกว่าสองร้อยปี

 

 

โม่เทียนเกอและหลัวเฟิงเสวี่ยต่างมองหน้ากัน “ศิษย์พี่หลัว ท่านคิดว่าอย่างไร”

 

 

หลัวเฟิงเสวี่ยยิ้มและพูดว่า “มันคงจะดีกว่าถ้าพวกเราซื้อด้วยกันตอนนี้ พวกเราสามารถแบ่งกันทีหลังได้”

 

 

“อือ” โม่เทียนเกอพยักหน้าหลังจากนั้นจึงหันไปทางคนขายพร้อมพูด “พวกข้าจะรับไว้ทั้งหมด เจ้าเริ่มคิดได้เลยว่าพวกข้าต้องจ่ายทั้งหมดนี้กี่ศิลาวิญญาณ”

 

 

คนขายดูประหลาดใจ ถึงแม้ว่าสมุนไพรวิเศษหายากพวกนี้จะไม่ได้เก่าแก่มากนัก แต่ก็ไม่ได้อ่อนวัยเกินไปเช่นกัน อีกอย่างพวกมันมีทั้งหมดอย่างน้อยกว่าสิบประเภท ดังนั้นก็จะสนนราคาอยู่ที่ประมาณ ห้าพันถึงหกพันศิลาวิญญาณ นั่นถือว่าเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว ผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานแห่งพลังทั่วไปน่าจะได้รับส่วนแบ่งต่อปีประมาณหนึ่งพันศิลาวิญญาณเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขารีบดึงสติ

 

 

กลับคืน หลังจากคำนวณราคาคร่าวๆ เขาก็พูด “ท่านอาจารย์ลุงราคาทั้งหมดจะอยู่ที่ห้าพันเจ็ดร้อยหกสิบศิลาวิญญาณ หลังจากลดไปแล้วสองในสิบส่วน จะเหลืออยู่ที่สี่พันหกร้อยแปดศิลาวิญญาณ ข้าน้อยปรับให้เป็นตัวเลขกลมๆ จะอยู่ที่สี่พันหกร้อยศิลาวิญญาณขอรับ”

 

 

“ตกลง จัดการห่อให้พวกข้าทั้งหมด” หลัวเฟิงเสวี่ยบอกคนขาย หลังจากนั้นนางจึงถามโม่เทียนเกอ

 

 

“ข้าต้องการเพียงแค่พืชวิญญาณ เจ้าต้องการอย่างอื่นอีกไหม”

 

 

โม่เทียนเกอพึมพำอย่างลังเลครู่หนึ่งก่อนที่นางจะชี้ไปที่เครื่องมือเวทมนตร์เข็มบินได้ นี่เหมาะสมสำหรับการลอบโจมตี ดังนั้นนางควรที่จะมีไว้กับตัวบ้างเพื่อเผื่อเอาไว้ ตอนที่นางต่อสู้เพื่อยาสร้างฐานแห่งพลังที่สำนักอวิ๋นอู้ นางได้ครอบครองเข็มบินได้ของมูหรงจือแต่เข็มของนางเริ่มลดลงไปแล้วหลังจากที่ใช้ไป ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางได้สร้างฐานแห่งพลังของตัวเองแล้ว นางก็ไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไรนัก

 

 

“ว่าแต่…” ในขณะที่คนขายกำลังห่อสิ่งของต่างๆ และรับศิลาวิญญาณจากหลัวเฟิงเสวี่ย โม่เทียนเกอแสร้งทำเป็นเหม่อลอยและถาม “ในเมื่อที่นี่คือร้านค้าของโรงเรียนตานติ่ง แล้วเจ้ามีขายสูตรยาบ้างหรือไม่”

 

 

คนขายรีบตอบ “แน่นอนอยู่แล้วขอรับ! โรงเรียนตานติ่งของพวกข้าน้อยเป็นที่รู้จักในเรื่องวิชาปรุงยาที่สุด ข้าน้อยมีทั้งสูตรยาทั่วๆ ไปและแม้กระทั่งสูตรยาหายากขอรับ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสูตรยาแบบไหนที่ท่านอาจารย์ลุงต้องการ มีสูตรยาบางชนิดที่พวกข้าน้อยไม่สามารถขายได้ ต้องให้ท่านปรมาจารย์ก่อเกิดแก่นขุมพลังของโรงเรียนเราเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในการขายขอรับ”

 

 

ในเรื่องของการปรุงยา โรงเรียนตานติ่งเป็นที่หนึ่งในกลุ่มผู้ฝึกตนทั้งหมด เป็นธรรมดาที่พวกเขามีทักษะที่บุคคลภายนอกนั้นไม่มี ดังนั้นโม่เทียนเกอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำแก้ตัวของคนขาย นางพูด “แล้วสูตรยาสมัยโบราณล่ะ”

 

 

คนขายถามด้วยความงุนงง “ท่านอาจารย์ลุงต้องการสูตรยาสมัยโบราณเพื่อสิ่งใดหรือขอรับ พืชวิญญาณที่จำเป็นสำหรับสูตรยาโบราณนั้นหายสาบสูญไปแล้ว ดังนั้นสูตรยาเหล่านั้นจึงขาดคุณค่าไปขอรับ”

 

 

โม่เทียนเกอผู้ที่คิดถึงคำแก้ตัวมาเป็นเวลานานยิ้มเบาๆ “ข้ากำลังทำงานวิจัยบางอย่างเกี่ยวกับการปรุงยา ยาวิเศษบางตัวจากครั้งสมัยอดีตกาลนั้นมีคุณสมบัติที่เยี่ยมยอด ข้าจึงอยากลองใช้ส่วนผสมของยาวิเศษทั่วไปแทนและดูว่าข้าจะสามารถปรุงยาได้สำเร็จหรือไม่”

 

 

“โอ้ ท่านอาจารย์ลุงมีจิตวิญญาณดังเช่นพวกข้าน้อยนี่เอง” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนขาย ทัศนคติของเขาที่มีต่อโม่เทียนเกอดูเป็นกันเองขึ้นเล็กน้อย เขาพูด “ถ้าเป็นเช่นนั้น โรงเรียนของข้าน้อยก็กำลังทำการวิจัยเช่นกัน สำหรับสูตรยานั้นสามารถขายได้ เพียงแต่ราคาจะแพงเล็กน้อยขอรับ”

 

 

โม่เทียนเกอตอบ “ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้ามีอยู่แล้ว ก็เอาออกมาให้ข้าดูหน่อย”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ภูเขาเทียนหั่ว (天火山ขึ้นอยู่กับว่าจะอ่านออกเสียงเช่นไร ภูเขาเทียนหั่วมีความหมายคร่าวๆ คือ “ภูเขาไฟสวรรค์”

ลำนำสตรียอดเซียน

ลำนำสตรียอดเซียน

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 59 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


โม่เทียนเกอ สาวน้อยผู้อาภัพ มารดาตายจากไปแต่ยังเยาว์ บิดาหายตัวไปแต่ก่อนที่นางจะลืมตาดูโลก วันหนึ่งพบว่าตนได้รับสืบทอดพลังปราณหยินจากบรรพบุรุษอันจะช่วยให้ฝึกตนจนบรรลุเป็นเซียนได้ ด้วยความกำพร้าแต่ยังเยาว์สอนให้นางมีจิตใจมุ่งมั่นหาญกล้า ทุกเมื่อเชื่อวันนางจึงไม่เคยปล่อยผ่านไปเปล่า เพียรฝึกตนอย่างไม่หยุดหย่อน

ทว่าอุปสรรคที่ผู้ฝึกตนหญิงต้องฝ่าฟันข้ามไปนั้นมีมากมายเหลือคณานับ ต้องมิขาดซึ่งพรสวรรค์วิชาฝึกตน ต้องมียาและศาสตราวิเศษ หาไม่แล้วก็จะฝึกตนให้สำเร็จได้อย่างล่าช้า อนึ่ง ต้องปราศจากซึ่งอารมณ์อ่อนไหว ใจเมตตา ความโลภโมโทสัน หากมีสิ่งเหล่านี้อยู่มากแล้วก็จะพบกับความตาย เหนืออื่นใดคือห้ามงามเกินไป ห้ามอัปลักษณ์เกินไป อย่าโง่งมเกินไป อย่าฉลาดเกินไป

โม่เทียนเกอเป็นหญิง ไหนเลยจะไม่ประสบปัญหาเหล่านี้ แม้หนทางจะโหดเหี้ยมไร้ปรานี แต่นางเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดเหนือไปกว่าความเพียรพยายาม

Options

not work with dark mode
Reset