ร่านอารมณ์ Sensitive 28 ปะทะ

ตอนที่ 28 ปะทะ

“ดูซิว่าใครมา”

แกริคนั่งอยู่ในห้อง VIP ของคลับหรูแห่งหนึ่งด้วยกิริยาท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีดำ ปลดกระดุมคอถึงกลางอก นั่งอยู่บนโซฟาหนัง มีสาวสวยนั่งข้าง ๆ คอยรินน้ำชา ส่วนโซฟาด้านข้าง ๆ คือดาราสาวชื่อดัง อิง ณภัสสร เป็นตัวการที่ทำให้คนอื่นคอยเดือดร้อนกำลังทาลิปสติก เติมหน้าอย่างสบายใจเฉิบ ไม่รู้ร้อน รู้หนาว ไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ ทั้งสิ้น

สถานที่ที่แกริคนัดเจรจากับลูเซี่ยน ในการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับหนังสือสัญญาจัดขึ้นที่คลับหรูอยู่ในถิ่นของแกริค มีลุงของแกริคเป็นคนคอยดูแลกิจการให้ ลูเซี่ยนมองสำรวจรอบห้อง ทางฝั่งแกริคมีบอดี้การ์ดคุ้มกันราว ๆ 4 คน อาวุธครบมือ ก่อนหันมามองอิงด้วยสายตาเรียบเฉย สำรวจ เนื้อตัว ร่างกายอิงว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นไรสักนิด แถมยังดูอารมณ์ดี ปกติสุขทุกอย่าง

ทันทีที่อิงเห็นลูเซี่ยนเดินเข้ามาในห้องรู้สึกดีใจ ยิ้มแก้มปริ โบกมือให้ลูเซี่ยนเล็กน้อยเป็นการทักทาย ซึ่งลูเซี่ยนดูไม่ค่อยจะสนใจอิงเลยสักนิด ลูเซี่ยนหันกลับมาสบตากับแกริคอีกครั้ง แกริคยื่นมือเชิงสัญลักษณ์เชิญให้เขานั่งลงตรงโซฟาตัวด้านหน้า

“ปกติดีนิ”

ลูเซี่ยนพูดสบตาแกริค ก่อนเหลือบไปทางอิง เชิงสัญลักษณ์ว่ากำลังพูดถึงใคร แล้วกลับมาสบตาแกริคอีกครั้ง

“ก็แน่นอน ตัวประกันของท่านลูเซี่ยนเชียวนะ ถ้าทำให้มีแม้แต่รอยมดกัดคงมีหวังจบไม่สวย”

แกริคพูด ท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าตนนั้นถือไพ่เหนือกว่า อิงมีทีท่าจะลุกเดินจะเข้าไปหาลูเซี่ยน ว่าที่คู่หมั้นของตน แต่ลูกน้องของแกริคจับตัวเธอเอาไว้

“นี่อะไร ฉันจะไปหาลูเซี่ยน”

อิงพูดขึ้นเสียงกับบอดี้การ์ดหน้าขรึมของแกริค

“ใจเย็นสิ อิง รอให้พวกเราเจรจากันเสร็จก่อน”

แกริคพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า

“พูดอะไรของคุณนะ ไหนคุณบอกว่าถ้าลูเซี่ยนมาแล้วก็จะปล่อยฉันไง ฉันอุตส่าห์เล่นไปตามแผนของคุณแล้ว เป็นไง ฉันชนะพนันคุณแล้ว เห็นไหมว่าลูเซี่ยนต้องมาหาฉันแน่ ๆ เกมที่คุณสร้างขึ้นเพื่อทดสอบความรักที่ลูเซี่ยนมีต่อฉันเป็นไงล่ะแกรริค ฉันชนะ การหยุดงานเพื่อเกมทดสอบของคุณสนุกทีเดียว”

อิงพูดกับแกริค เธอดูสนุกกับเกมพนันของแกริค เพราะเธอเองก็อยากรู้ถึงความรักที่ลูเซี่ยนมีให้ต่อเธอ

แกริคสร้างเกมนี้ขึ้นเพื่อไม่ให้อิงรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย เวลาเจรจาต่อรองมันจะง่าย โดยหลอกอิงให้เล่นเกมลองใจลูเซี่ยน ว่าเขารักเธอจริงไหม ถ้ารักจริงจะต้องมารับเธอกลับไป และเธอพนันว่ายังไงลูเซี่ยนต้องมารับเธอ เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของเขา โดยไม่รู้เบื้องลึกว่านี่เป็นการเจรจาธุรกิจสำคัญ ๆ ของแกริคและลูเซี่ยน ไม่รับรู้หรือสนใจว่ามีคนข้างหลังเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน

“โฮ เพราะเกมไร้สาระบ้า ๆ ทดสอบความรักที่ผมมีให้คุณ คุณต้องทำถึงขนาดที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่โทรบอกผู้จัดการเธอหรือน้องสาวฝาแฝดของเธอเลยเหรอ ปล่อยให้น้องสาวที่คุณแทบจะไม่เห็นหัวต้องมาคุกเข่าขอร้องผมให้ช่วยตามหาว่าพี่สาวตัวเองหายไปไหน งานการก็ไม่ต้องทำเลยรึไง สนุกมากไหมอิง”

ลูเซี่ยนพูดเสียงเข้ม ดุใส่

อิงมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เหมือนเธอไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“พูดอะไรนะลูเซี่ยน ก็แกริคโทรบอกผู้จัดการฉันให้แล้วนิ ว่าฉันไม่อยู่ ให้อันไปทำงานแทนฉันก่อน แล้วเรื่องอันก็ด้วย แกริคเป็นคนบอกฉันเองว่า อันรู้เรื่องนี้แล้ว”

อิงหันไปสบตาลูเซี่ยนสลับกับมองหน้าแกริคที่ไม่คิดจะอธิบาย มีแต่สีหน้าเรียบเฉยไม่คิดจะสบตา อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้อิงฟังสักนิด ลูเซี่ยนยักคิ้วและยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์กล

“แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิดนะอิง เพราะทางฝั่งนั้นวุ่นเรื่องเธอที่สุด น้องสาวเธอต้องทำงานแทนเธอพร้อมตามหาเธอ แล้วมานั่งร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าผม ทั้ง ๆ ที่ดูจะไม่ชอบผมสักเท่าไหร่”

“เอ๊ะ”

อิงหันไปมองแกริค มันไม่เหมือนกับที่เขาพูดกับเธอ

แกริคนิ่งเงียบ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปาก ก่อนมองลูกน้อง เป็นสัญลักษณ์ให้จับตัวอิงไว้

หมับ!

“ว๊าย ทำอะไรล่ะ ปล่อยฉันนะ ปล่อย”

อิงตกใจ เมื่ออยู่ดี ๆ บอดี้การ์ดจับอิงล็อกแขน เธอดิ้นอย่างไม่ลดละพร้อมโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง บอดี้การ์ดหน้าเข้มจับอิงมัดกับเชือก พร้อมเอาผ้าเทปปิดปากให้นั่งอยู่ตรงมุมห้อง เธออยู่ในอาการตื่นตกใจ ซึ่งเวลานั้นบรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บอดี้การ์ดของทั้งสองฝ่าย มีการระมัดระวังเป็นพิเศษ

“เอาหนังสือสัญญามาให้ฉันแล้วฉันจะปล่อยนางนี่ไป ไม่งั้นคงรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น”

แกริคขู่ ก่อนจะออกสัญญาณให้ลูกน้องเอาปืนจ่อหัวอิงไว้ เธอหวาดกลัวขึ้นอีกขั้น ตัวสั่นระริก มองมาที่ลูเซี่ยนขอร้องให้ช่วยเธอ

“…”

ลูเซี่ยนเงียบไม่ตอบ นั่งไขว่ห้างพิงตัวไปด้านหลังอย่างสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อน

“เฮ้ อย่าเข้าใจผิด ฉันมาที่นี่เพื่อมาบอกข่าวดีกับแกเท่านั้น ฉันไม่สนใจเรื่องตัวประกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“ว่าไงนะ”

พึ่บ!

ลูเซี่ยนโยนเอกสารภาษาจีนฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะ แกริคหยิบขึ้นมาอ่าน สีหน้าแกริคเปลี่ยนไปดูตกใจและโมโหมาก มองหน้าลูเซี่ยนโดยความโกรธจัด โยนเอกสาร กระจายกระจายเต็มพื้น แล้วหยิบปืนที่เหน็บตรงเอวด้านหลังกางเกงขึ้นมา

“แก…”

แกริคพูดพร้อมกับใช้ปืนเล็งไปที่ลูเซี่ยน ด้วยสีหน้าโมโห  บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ อิงเฝ้าดูสถานการณ์ ไม่กล้าขยับตัวหรือส่งเสียงใด ๆ ออกมา

“ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวตระกูลลี”

ลูเซี่ยนพูดพร้อมเหยียดยิ้มออกมา เขาคือผู้ชนะในเกมนี้

“บังอาจ นี่แกทำอะไรกับตระกูลเฟ่ย”

ปืนที่กำลังจ่อหัวลูเซี่ยนสั่นระริก เพราะความโกรธ มันพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อ ลูเซี่ยนจ้องหน้าแกริค ไม่พูดอะไรออกมา มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย และเย็นชา

โครม!

เสียงเปิดประตูดังอย่างแรง เรียกความสนใจให้แกริคเป็นอย่างดี เมื่อชายอาวุโสผมขาว ส่งสายตาดุดันและดูมีพลังอำนาจ มองมาทางแกริค

“ลดปืนลงเดี๋ยวนี้ แกริค”

ชายอาวุโสออกคำสั่ง แกริคตกใจมากยอมทำตามคำสั่งของชายผมขาวอย่างว่าง่าย

“ท่านปู่”

แกริคพูด วางปืนลงบนโต๊ะ ชายอาวุโสผมขาวคนนั้นคือผู้นำสูงสุดของตระกูลเฟ่ย เดินเข้าไปหาแกริคด้วยท่าทางองอาจ สงบนิ่ง เขาเป็นคนมีอำนาจคนหนึ่งในตลาดมืด ทำหน้าที่เป็นคนคุมหลังให้หลาย ๆ ตระกูลใหญ่ เป็นที่เคารพของหลาย ๆ ตระกูล ‘หลัน เฟ่ย’

เพี๊ยะ!

เขาตบหน้าหลานชายแท้ ๆ ของตนอย่างแรงหนึ่งครั้ง จนเลือดซึมออกจากปาก

“แกมาทำเรื่องบ้า ๆ สิ้นคิด อะไรที่ประเทศไทย รู้ไหมเพราะการกระทำโง่ ๆ ของแกทำให้สาขาใหญ่ที่ไต้หวันเกิดอะไรขึ้น ตระกูลเฟ่ย ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลลี แกทำให้ตระกูลเฟ่ยต้องสั่นคลอน”

“…”

“แกคิดว่าหนังสือสัญญานั้นจะทำให้ตระกูลเฟ่ยเป็นอิสระงั้นเหรอ ไปเอาความโลภอย่างพ่อแกที่ตายไป มาได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ดึงตัวแกออกห่างจากพ่อแกตั้งแต่เด็ก อบรมบ่มนิสัยให้เป็นนายใหญ่ที่ดี แต่แกกลับตอบแทนบุญคุณตระกูลเฟ่ยอย่างนี้เหรอ”

แกริคหันมองปู่ด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“หนังสือนั้นมันเป็นของตระกูลเฟ่ยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ”

“หนังสือสัญญานั้นมันไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น มันเป็นของตระกูลที่เหมาะสมที่จะดูแลมันได้ มันทำให้เราเสียอำนาจทั้งหมดไปเพราะความโลภของพ่อแกที่ฝ่าฝืนกฎ ฉันย้ำหนักย้ำหนาว่าอย่าให้ความโลภหรือความคิดผิด ๆ ของพ่อแก มาทำลายชีวิตแก ทำไมแกถึงไม่ยอมเข้าใจ แกริค”

“…”

“ฉันเคยบอกแกไปแล้ว ถึงเราจะมีอิสระในการค้าขายมากแค่ไหน แต่กฎก็คืนกฎ ฝ่าฝืนก็ต้องรับโทษ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือกฎทั้งนั้น”

“…”

แกริคเงียบไม่ตอบอะไร ท่านอาวุโสตระกูลเฟ่ย หันหน้ามาทางลูเซี่ยน คำนับเป็นการขอโทษ แกริคเห็นหลัน เฟ่ยโค้งคำนับลูเซี่ยน

“ท่านปู ท่าน…”

ศักดิ์ศรีตระกูลเฟ่ยต้องอยู่ใต้ตระกูลลีเสียแล้ว หลัน เฟ่ย ส่งสายตาแข็งกร้าวห้ามแกริคทำอะไรวู่วาม

“ต้องขอโทษกับสิ่งที่ทำเสียมารยาทต่อท่านลูเซี่ยน เพราะอบรมเจ้าหลานโง่ไม่ดีพอเลยเกิดปัญหาขึ้นแบบนี้ หวังว่าท่านลูเซี่ยนจะอภัยให้ ตอนนี้ตระกูลเฟ่ยอยู่ในอาณัติของตระกลูลีแล้ว”

ลูเซี่ยนมองสิ่งที่ท่านอาวุโสแสดงความจริงใจออกมา ลูเซี่ยนลุกขึ้น ส่งสายตาให้บอดี้การ์ดนำตัวอิงไปกับเขา ลูเซี่ยนไม่พูด แล้วเดินออกไป แกริคได้แต่ยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร

“ผมขอโทษครับปู่”

แกริคก้มหน้าพูด กำมือแน่น เพราะความเสียใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น

“ช่างเถอะ มันไม่ใช่ความผิดแกสักทีเดียว”

“แต่ ปู่…ตระกูล”

“ถึงเฟ่ยจะอยู่ใต้อำนาจตะกูลลี แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ ถ้าแกยืนได้ด้วยขาของตนเองเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นแกก็สามารถเอาตระกูลเฟ่ยกลับมาได้”

“ครับ”

“นายน้อยของตระกูลลี ดูมีไหวพริบและฉลาดเป็นกรด ที่สำคัญรู้จักผ่อน รู้จักตึงกว่านายใหญ่ของตระกูลลีเยอะ เขาถึงขั้นบินไปหาฉันถึงไต้หวันเพราะแกเลยนะ เพื่อมาเจรจาต่อรองเป็นการส่วนตัวกับฉัน เพราะไม่อย่างนั้นคงเกิดศึกระหว่างตระกูล ทำให้องค์กรล้มไม่เป็นท่าแน่ ๆ”

“…”

“นี่แหละคนที่จะเป็นผู้นำตระกูลลีในอนาคต แกก็ดูไว้แกริค คิดจะทำอะไรก็ให้มันรอบคอบ”

“ครับปู่”

“กลับไต้หวันได้แล้ว มีเรื่องที่แกต้องเก็บกวาดอีกเยอะ”

ร่านอารมณ์ Sensitive

ร่านอารมณ์ Sensitive

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset