ร่านอารมณ์ Sensitive 2 ล่อลวง

ตอนที่ 2 ล่อลวง

3 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น…

…ก่อนที่อันจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

ณ ห้องแต่งตัวของดาราสาวชื่อดัง อิง ณภัสสร

“ทำไมถึงได้ชักช้าอย่างนี้นะยัยอัน”

อิง ดาราสาวชื่อดัง ตัวท็อปของวงการ ที่ยังคงตำแหน่งควีนแห่งวงการมายาจากผลสำหรับของประชาชนถึง 3 ปีซ้อน ทั้ง ๆ ที่เธอเข้ามาอยู่ในวงการได้ไม่กี่ปี ก็เป็นที่จับตามองของทุกคน ด้วยรูปร่าง หน้าตาและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ประกอบกับความสามารถที่เก่งและสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ติดตัวมา

เธอพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด ร้อนรน หลังอดทนรอไม่ไหว เมื่ออันน้องสาวของเธอ มาไม่ตรงเวลานัด อิงกำลังพูดถึงน้องสาวฝาแฝดที่วันนี้เธอนัดให้อันมาทำธุระแทนเธอ เพราะเธอติดงานบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องไปทำ

“ใจเย็น ๆ สิ อิง อันกำลังเดินทางมาอยู่ เมื่อกี้อันก็พึ่งโทรมาบอกว่าอีกไม่กี่ป้ายรถเมล์ก็จะถึงแล้ว ที่ทำงานของเธอสองคน ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กันแค่เดินสองสามก้าวก็ถึงสักหน่อย แต่นี่มันฝั่งธนกับลาดพร้าวนะย่ะ” นที หญิงในร่างชายพูดกล่อมให้อารมณ์หงุดหงิดของดาราสาวเย็นลง

“แต่นี่มันเลยเวลานัดมาเกือบ 20 นาทีแล้วนะ ถ้าเกิดแต่งตัวไม่ทันนัดที่ ส.ส. อ้วนนั่นนัดไว้ พวกเราได้เดือดร้อนกันแน่” อิงพูด

อิงเป็นดาราสาวขวัญใจประชาชนทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ที่แจ้งเกิดทางหน้าจอแก้วได้ประมาณ 5 ปี ด้วยความสามารถของเธอ ทำให้อิงเป็นดาราหญิงคนหนึ่งในวงการที่หาตัวจับยากในสมัยนี้ ทั้งความสวย ความสามารถ และเสน่ห์ที่ใครเห็นเป็นอันต้องหลงรัก แต่นิสัยของเธอนั้นตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเอาแต่ใจ ใจร้อน ชอบเอาชนะเป็นที่สุด กิริยาท่าทางเช่นนี้ของเธอ มีน้อยคนที่จะได้เห็น มีเฉพาะแค่คนใกล้ชิดหรือคนสนิทของเธอเท่านั้นที่รู้ เธอไม่เคยแสดงพฤติกรรม กิริยาแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เพราะงานคือเงินและชื่อเสียง เป็นทั้งหมดของเธอ เธอจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายมันได้ ดังนั้น พวกเขาจะเห็นแค่เพียงรอยยิ้ม ใสซื่อ เรียบร้อย นิสัยดีเป็นที่รักของคนรอบข้างตลอดเวลา ซึ่งเป็นแค่เปลือกนอกที่อิงสร้างขึ้น คนที่ล่วงรู้นิสัยในเวลานี้คงมีแค่ อันและนทีเท่านั้น

“อิง เธอจะให้อันทำงานนี้จริง ๆ เหรอ ฉันว่ามันเสี่ยงเกินไปนะ” นทีพูดขึ้นด้วยความลำบากใจและกังวล

นทีเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอิงตั้งแต่อิงเข้าวงการช่วงแรก ๆ เขาเป็นคนกุมความลับทั้งหมดทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของเธอไว้ และนทีก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอที่อิงยอมคบด้วย อิงเป็นคนขอให้นทีมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว และเขาก็ตกลงเต็มใจทำงานนี้ อย่างน้อยนทีคิดว่าคงคอยดูแล คอยควบคุมอารมณ์ของอิงไม่ให้พุ่งพรวดออกมาได้บ้าง เพราะทั้งอิงและอันก็เหมือนน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แม้เธอทั้งสองจะโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์และไม่มีใครต้องการ นทีนี่แหละจะเป็นคนคอยดูแลอิงกับอันเอง ส่วนหนึ่งก็เป็นคำสั่งเสียของแม่พวกเธอ

“ทำไม อีตุ๊ด เป็นห่วงมันเหรอ เสี่ยงอะไร ก็แค่ไปกินข้าวกับท่าน ส.ส. ระหว่างเจรจาธุรกิจ งานง่ายแค่นี้ ทำไมยัยอัน มันจะทำไม่ได้” อิงฉุนขึ้นมา

“ไม่ใช่แค่กินข้าวสักหน่อย เพราะเธอต้องปรนนิ…” นที พูดไม่ทันจบ

‘ปรนนิบัติแขกของท่าน ส.ส.’ อิงพูดแทรก ขึ้นเสียงออกมาทันที

“หุบปากของแกไปเลยนะ และอย่าพูดเรื่องนี้ให้อันได้ยิน เข้าใจไหม” อิงจ้องเขม็งมาที่นทีเชิงขู่

“…”

‘แต่นั่นมันน้องของเธอนะอิง’ นทีคิดในใจไม่พูดออกมา

“หรือว่าแก อยากจะให้ฉันไปรับแขกของท่าน ส.ส แทน ฉันได้ยินข่าวลือหนาหูมาว่า เขาทั้งอ้วน ทั้งตัวเหม็น แล้วก็ซาดิสต์ ฉันไม่เอาด้วยหรอก แหวะ” อิงทำหน้าตาขยะแขยง เมื่อพูดถึงแขก คนที่อิงจะส่งอันไปต้อนรับ

“อย่างนั้นเธอก็ไม่ควรรับงานนี้ แล้วให้อันไปทำแทน”

“เชอะ! ฉันไม่สนหรอก งานนี้ได้เงินเยอะจะตาย เรื่องอะไรฉันจะบอกปฏิเสธ ยังดีซะอีก ที่ให้อันทำแทน มันจะได้ไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ คนใหม่ ๆ บ้าง มันเองก็อยากจะเป็นดารามาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมมันจะทำไม่ได้”

นทีเหนื่อยใจกับนิสัยของอิงที่ทั้งเอาแต่ใจ ไม่ฟังเสียงคนรอบข้าง เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินทองและชื่อเสียงจริง ๆ ทำได้แม้กระทั่ง ปรนนิบัติคนใหญ่คนโต นี่แหละความลับเบื้องหลังที่นทีกุมไว้อยู่ นอกเหนือจากงานหน้าจอแก้ว

อิงไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบตัวตราบเท่ามันคือสิ่งที่เธอต้องการ โดยเฉพาะน้องสาวของเธอเองที่คอยรับผลนั้น บ่อยครั้งที่วันไหน อิงขี้เกียจไปทำงาน อยากพัก หรืออยากไปปาร์ตี้กับเพื่อน ดื่มจนแฮงค์ทำงานไม่ได้ ก็จะให้อันไปทำงานแทนเธอทุกครั้งไป ใช้งานอันสารพัดอย่าง

อิงและอัน เป็นฝาแฝดที่เหมือนกันทุกอย่าง ทั้งส่วนสูง น้ำหนัก รอยยิ้ม ถ้าคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทจริง ๆ จะแยกกันไม่ออก ขนาดนทีที่เป็นทั้งญาติและผู้จัดการของอิงมาเกือบ 3 ปี รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ บางครั้งก็ยังแยกสองคนนั้นไม่ออกเลย แล้วเรื่องที่อิงมีฝาแฝด ก็ยังต้องถูกปิดเป็นความลับอีก เขาเองก็ไม่รู้เหตุผล ว่าทำไมถึงต้องปิดบังเอาไว้ เพราะถ้าทั้งสองได้เป็นดารา คงจะดังและสร้างชื่อเสียงไม่น้อย แต่ถ้าให้เดาก็คงเพราะอิงไม่อยากให้อันเด่นและดังกว่าตนเอง มาแย่งฐานแฟนคลับของเธอไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะการสนทนาของคนในห้อง

เจ้าของเสียงเคาะประตูคือ อัน น้องสาวฝาแฝด เธอเป็นเด็กน่ารัก แสนหวาน นิสัยตรงข้ามกับอิงอย่างสิ้นเชิง บางทีถ้าเปรียบเทียบกัน คำว่าราวฟ้ากับเหวยังดูน้อยไปด้วยซ้ำ

“ชักช้า มัวทำอะไรอยู่ นี่มันเลยเวลานัดมานานแล้วนะ” อิงพูดทักทายอัน จะเรียกว่าพูดทักทายทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะอิงกำลังโมโหอัน และต่อว่าเธออยู่

“ขอโทษค่ะ พอดีอันคุยงานกับลูกค้าพึ่งเสร็จ อันรีบเท่าที่จะรีบได้แล้วจริง ๆ” อิงพยักหน้าเชิงรับรู้แบบขอไปที ก่อนนทีและอิงจะเดินเข้ามาแปลงโฉมน้องสาวฝาแฝด จากสาวแว่นหนาเตอะให้กลายเป็นดาราคนสวยแทนตัวเอง

“วันนี้เป็นงานอะไรเหรอ อิง” ขณะที่อันกำลังนั่งแต่งหน้าพูดขึ้น ซึ่งนทีเป็นคนแต่งให้

นทีทำทุกอย่างจริง ๆ ทั้งผู้จัดการ คนรองรับอารมณ์ ญาติคนสนิท ช่างแต่งหน้าและอีกมากมายสารพัด

“งานง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก แค่ไปกินข้าวกับแขกของท่าน ส.ส. ” อิงพูดไปขณะเล่นมือถือ

“กินข้าว” อันย้ำคำพูด

“ใช่”

“ทำไมต้องแต่งตัวเต็มขนาดนี้ละ” อันมองดูตัวเธอในกระจกที่กำลังสวมใส่ชุดราตรี

สีครีม มีลูกไม้ประกายวิบวับ ยาวลากพื้น ในชุดรัดรูป สายเดี่ยว

“ก็เพราะมีแขกคนสำคัญหลายคนในการพูดคุยต่อรองธุรกิจของท่าน ส.ส.นะสิ ต้องใส่ชุดที่ให้เกียรติสถานที่หน่อย”

“งานกินข้าวแบบนี้ อิงก็ไปได้ ทำไมต้องให้ฉันไปแทนล่ะ”

อันอดสงสัยไม่ได้ เพราะถ้างานที่ได้แต่งตัวสวย ๆ กินอาหารดี ๆ เป็นสิ่งที่อิงชอบที่สุด เธอมักจะเป็นคนทำเองตลอด แต่ถ้างานไหนต้องใช้แรงเยอะ ๆ ต้องตากแดด ตากฝน อิงจะให้อันไปทำแทนตลอดเกือบทุกครั้งไป

“เอ๊ะ! เลิกถามเซ้าซี้สักที ความจริง… ฉันก็อยากจะไปนั่นแหละ แต่พอดีฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยเรียกเธอมากะทันหันแบบนี้ไง”

อิงพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองดูดี เล่นละครตบตาสักหน่อย อันก็เชื่อในสิ่งที่อิงพูดและเป็นแบบนั้นทุกครั้ง  ดูตัวเองแต่งหน้า ทำผมตรงหน้ากระจก นทีที่มองดูฝาแฝดทั้งสองอย่างเงียบ ๆ เพราะรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด เขาจึงรู้สึกอึดอัด และเป็นห่วงอันมาก เธอไม่ควรจะต้องมาทำงานอะไรแบบนี้แทนพี่สาวเธอ

อันเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี และตั้งใจทำงานมาก เธอถือเป็นน้องสาวที่รักพี่สาวมาก ยอมทำทุกอย่างแทนอิงได้เสมอ ทั้ง ๆ ที่ บ่อยครั้งอันจะถูกอิงเรียกให้ไปทำงานแทน

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 30 นาที ก่อนที่คนของท่าน ส.ส. จะมารับตัวอันไป อิงเลยพูดย้ำกับอันว่า

“เธอเอาช่อดอกไม้ที่อยู่บนโต๊ะนั่นไปให้แขกของท่าน หลังจากนั้นก็นั่งกินข้าวกันปกติ ระหว่างที่ท่าน ส.ส. กับแขกของท่านคุยธุรกิจกัน เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไร  เธอก็กลับบ้าน แล้วเรื่องที่ท่านคุยกัน ห้ามเอาไปพูดที่ไหน งานจบ ทุกอย่างก็จบ สิ่งที่ได้ยินถือว่าไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ ที่สำคัญ อย่าให้ใครรู้ว่าเธอไม่ใช่ฉัน เข้าใจไหม” อิงพูดเน้นย้ำ

“เข้าใจแล้ว”

ไม่นานนัก มีชายใส่สูทดำเข้ามารับอันถึงห้องแต่งตัว เป็นบอดี้การ์ด 2 คน คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้เธอ ส่วนอีกคนเป็นคนคอยคุ้มกัน อันนั่งอยู่ในรถยุโรปคันหรู ในมือถือช่อดอกลิลลี่ช่อใหญ่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา

นี่เป็นงานแรกของอัน ที่ได้มีโอกาสทำงานชิ้นสำคัญ ๆ แบบนี้ เธอคิดไปต่าง ๆ นานาว่าถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เธอคงทำให้อิงและแขกของท่านส.ส.เสียหน้า คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก และอดคิดไม่ได้ว่าการแค่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับคนดัง มีอำนาจ มีตำแหน่ง ถือว่าเป็นอีกงานหนึ่งของดารานักแสดง

“เฮ้อ”

อันถอนหายใจคลายความกังวล เลิกคิดไปเรื่อย ทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุดก็พอ อันคิดในใจ

ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที รถยุโรปคันหรูจอดเทียบอยู่หน้าโรงแรมหรูระดับชั้นนำกลางใจเมือง

เอกลักษณ์ของโรงแรมนี้ที่ไม่เหมือนใครคือมีเพียงคนที่สมัครเป็นสมาชิกหรือได้บัตรเชิญเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าพักได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นดารา นักแสดง นักการเมืองหรือบุคคลสำคัญ ๆ ระดับประเทศหรือระดับโลกเท่านั้น และค่าเข้าพักแต่ละคืนไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท นี่แค่ห้องธรรมดา ถ้าเป็นห้องสูทหรือห้อง VIP ไม่รู้จะแพงอีกเป็นกี่ร้อยเท่า อันชื่นชมกับความอลังการของโรงแรมผ่านกระจกรถ ก่อนจะมีบอดี้การ์ดเปิดประตูรถให้เธอ และนำเธอไปยังลิฟต์ส่วนตัว

ภายในโรงแรมจัดโทนสีทอง ขาว ทำให้ดูโดดเด่น สบายตา พนักงานทุกคนที่นี่ใส่ชุดสูทสั่งตัดจากแบรนด์ดังโดยเฉพาะ มีการต้อนรับเป็นกันเองราวกับว่าที่นี่คือคฤหาสน์ของตนราว ๆ นั้น ระหว่างทางเดิน จะมีเพลงคลาสสิคเปิดเบา ๆ เพิ่มบรรยากาศให้กับแขกที่มาเยือน อันเพลิดเพลินกับความหรูหราของโรงแรม ก่อนจะมาหยุดที่อยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง มีบอดี้การ์ดสูทดำรออยู่หน้าประตูทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตู คุ้มกันความปลอดภัยให้กับคนในห้อง

ประตูไม้บานใหญ่ที่แกะสลักอย่างประณีตเคลือบด้วยสีทอง ทำให้ดูมีมิติ ความหรูหรา สมกับโรงแรมหรูใจกลางเมือง ถูกเคาะโดยบอดี้การ์ดที่มากับเธอ บอกให้คนข้างในรู้ว่า แขกคนสำคัญอีกคนหนึ่งได้มาถึงแล้ว ไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นจากภายในห้อง

“เชิญ”

บอดี้การ์ดเปิดประตูเข้าไป พร้อมก้มตัวโค้งให้อัน เหมือนเป็นการทำความเคารพให้เกียรติอัน อันหายใจลึก ๆ เข้าปอดตัวเองอย่างช้า ๆ ลดอาการตื่นเต้น ปรับสีหน้ายิ้มแย้มดูสดใส ก่อนเดินเข้าไปด้วยกิริยาท่าทางสง่าผ่าเผย ในห้องมีผู้ชายใส่สูทหรูดูมีอายุ 2 คน นั่งอยู่บนโซฟาหนังราคาแพง และชายอีกคนหนึ่งดูเหมือนนักธุรกิจหนุ่ม ยืนถือแก้วไวน์ยืนอยู่ตรงผนังกระจกใสมองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านนอก ทั้งสามคนหันมามองเธอ อันรู้สึกว่า เธอเหมือนจะมาผิดงานยังไงไม่รู้ โดยเฉพาะสายตาของหนุ่มนักธุรกิจจ้องเธอ มันดูอันตรายและดึงดูด

น่าหลงใหล เธอยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกกับเรื่องตรงหน้า จนมีชายแก่คนหนึ่งเรียกเธอ

“อ้าว คุณอิง มัวยืนทำอะไรอยู่หน้าประตู เข้ามาสิ จะแนะนำให้รู้จัก” เธอรู้ได้ทันทีว่านั่นคือท่าน ส.ส. ส่วนอีกคนคือลูกน้องของท่าน คิดว่าน่าจะเป็นเลขา และแขกของ ส.ส. คือชายที่ยืนอยู่ตรงกำแพงกระจก คนที่ทำให้เธอต้องมนต์สะกดจากสายตาคู่นั้น เขาดูเป็นชายหนุ่มนักธุรกิจ วัยทำงาน อายุประมาณ 30 ต้น ๆ ดูภูมิฐาน มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก อันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย

อันค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แขกของท่าน ส.ส. พร้อมกับยืนช่อดอกไม้ในมือให้ ตามที่อิงบอก ชายหนุ่มนักธุรกิจรับช่อดอกไม้นั่น ดมกลิ่นของมันเล็กน้อยพร้อมกับมองใบหน้าของหญิงสาวที่มอบช่อดอกไม้ให้อย่างไม่วางตา อันเขินอาย ไม่กล้าสบตา ไม่เคยมีใครจ้องเธอแบบนี้มาก่อน มันทำให้เธอร้อนรุ่มบอกไม่ถูก

“รู้ใจผมจัง ขอบคุณสำหรับช่อดอกลิลลี่” เขารับช่อดอกไม้ แล้ววางไว้บนโต๊ะ

“จะแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือคุณลูเซี่ยน ลี นักธุรกิจจากไต้หวันที่มีธุรกิจมากมายอยู่ทั่วโลก และเขาก็เป็นเจ้าของโรงแรมนี้ด้วย” ส.ส. แนะนำลูเซี่ยนและบรรยายสรรพคุณของเขาให้อันรู้จักอย่างคร่าว ๆ

‘คนดังระดับนี้ มาอยู่ตรงหน้าฉันเลยเหรอเนี่ย’ เธอคิดอยู่ในใจ

“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ อิง ณภัสสรค่ะ เป็น….” อันพูดแนะนำตัว

“ครับ ผมรู้จักคุณ ดาราชื่อดังในเวลานี้ ที่ไต้หวัน คุณก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร” ลูเซี่ยนพูดขึ้น

ทั้งสองจับมือทักทายกัน ลูเซี่ยนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก ตาคมสีฟ้า หน้าตาหล่อเหลา ทำให้อันหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอต้องตั้งสมาธิ เรียกสติกลับมา

‘ช่างเป็นผู้ชายที่ดูอันตราย อ่านสีหน้าไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูน่ากลัว แต่ก็มีเสน่ห์ อยากให้งานนี้จบเร็ว ๆ จัง’ อันคิดในใจ

หลังจากนั้น เรานั่งคุยและนั่งกินข้าวกันบนโต๊ะอาหาร ภายในห้องที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงอาหารที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างประณีตและคิดค้นมาอย่างดี ไม่แปลกที่โรงแรมแห่งนี้ มีชื่อเสียงระดับประเทศ ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะเอาเรื่องราวในคราวนี้ไปเขียนเป็นบทความอาหาร

อันเป็นพนักงานอยู่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทำหน้าที่เขียนบทความเกี่ยวกับอาหาร ตามร้านอาหารต่าง ๆ

ระหว่างนั่งรับประทานอาหาร เธอทำตามที่อิงบอกทุกอย่าง คอยอยู่ข้าง ๆ ท่าน ส.ส. ระหว่างที่ท่านนั่งคุยกัน เจรจาทางธุรกิจกัน เป็นการเจรจาที่มีบรรยากาศไม่ค่อยตึงเครียดเท่าที่ควร แต่มีสาระและเนื้อหาอยู่ในบทสนทนาเหล่านั้น มันเหมือนเป็นการคุยแสดงความคิดเห็น ปรึกษาหารือมากกว่าที่จะเป็นแบบเชิงทางการ เป็นเหมือนปฐมบททางธุรกิจก็ว่าได้ ระหว่างพูดคุย เจรจา อันรับรู้ได้ถึงสายตาของลูเซี่ยนที่จ้องมองเธออยู่เป็นระยะ อันทำเป็นไม่สนใจสายตานั้น มันทำให้เธอเสียสมาธิ จนกระทั่งเธอรับประทานอาหารแต่ละคอร์สจนอิ่ม วางช้อนซ้อมลงบนจาน เบา ๆ ยกผ้าขึ้นมาซับปากเบา ๆ

“อิ่มแล้วเหรอครับ คุณอิง” ท่าน ส.ส. ถาม

“อิ่มแล้วค่ะ” เธอตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มส่งรอยยิ้มมีเสน่ห์ให้ท่าน ส.ส.

“เป็นไงบ้างครับ อาหารของโรงแรมผม ถูกใจคุณอิงรึเปล่าครับ” ลูเซี่ยนเอ่ยถามเธอ

“ค่ะ อร่อยมาก เป็นคอร์สที่ประทับใจมากค่ะ ดูมีเสน่ห์ในทุก ๆ จาน ชวนให้ตื่นเต้นและสนุกที่ได้ลิ้มลองค่ะ โดยเฉพาะเมนคอร์ส ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ไม่สิค่ะ ต้องเริ่มตั้งแต่ออเดิร์ฟที่ค่อย ๆ ยกระดับลิ้นของคนกิน ให้สัมผัสลิ้มรสชาติของอาหารได้ดีขึ้น เพื่อให้ลิ้มรสชาติของเมนคอร์สได้ดีที่สุด ส่วนของหวาน ไม่หวานหรือเลี่ยนเกินไป ทำให้รู้สึกหวานละมุน อิงดีใจที่ได้มีโอกาสมารับประทานอาหารดี ๆ แบบนี้” เธอตอบยิ้ม ๆ พูดอย่างมีความสุข

ลูเซี่ยนได้ยินเช่นนั้น มองเธอแปลก ๆ ไม่คิดว่าอาหารจานนี้ที่ลูเซี่ยนเป็นคนวางหลักการ และคัดสรรเชฟชื่อดังให้ทำตามคอนเซปต์ของโรงแรมจะถูกมองออก เพราะส่วนใหญ่แขกที่มาจะรู้เพียงว่าอาหารอร่อย แต่ไม่รู้ถึงขึ้นว่า มันถูกวางแผนการลิ้มรสชาติตั้งแต่ต้น ลูเซี่ยนยิ้มออกมาด้วยความพอใจในตัวเธอ

“คุณช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ พอได้ยินคุณอิงพูดถึงอาหารแบบนี้แล้ว คนเป็นเจ้าของอย่างผมก็รู้สึกดีใจ ขอบคุณครับ” น้ำเสียงหนุ่มลึก กับสายตาที่มองไม่ออก ชวนให้หลงเสน่ห์ซะจริง ๆ

‘ไม่ได้ ๆ’

อันคิดในใจ พยายามดึงสติกลับมา เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนบรรยากาศตัวเอง

ลูเซี่ยน มองตามหลังเธออย่างไม่ละสายตา ส.ส. สังเกตเห็นและรู้ทันที ว่าลูเซี่ยนถูกใจเธอไม่น้อย

“คุณอิง ถูกใจคุณไหมครับ”

ส.ส.พูดขึ้น ลูเซี่ยนละสายตา มองกลับมาที่ ส.ส. ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า

“ครับ เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก” ลูเซี่ยนตอบพร้อมหยิบไวน์ขึ้นมาจิบ

พออันกลับมาจากห้องน้ำพบว่าท่าน ส.ส. กลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เธอกับลูเซี่ยนภายในห้องสองคน ลูเซี่ยนยืนจิบไวน์ชมแสงสีตอนกลางคืนอยู่ข้างหน้าต่างด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย สงบนิ่ง ลูเซี่ยนหันไปยิ้มให้อันที่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัวไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ จะขอกลับเลยจะดูไม่ให้เกียรติรึเปล่า แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว แขกของท่าน ส.ส. คงจะไม่ว่าอะไรถ้าจะกลับ ลูเซี่ยนจะได้พักผ่อน อันคิดไปต่าง ๆ นานา เธอจะทำยังไงดี ลูเซี่ยนมองสีหน้าครุ่นคิดของอัน ก่อนจะพูดขึ้น…

“รับไวน์สักแก้วไหมครับ” ลูเซี่ยนพูดทำลายบรรยากาศความเงียบ

‘ไวน์เหรอ อืม สักแก้วคงไม่เป็นไรละมั้ง ก่อนขอตัวกลับ’ อันมองไปที่ขวดไวน์ราคาแพง ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด เธอคงไม่มีโอกาสได้ชิมไวน์ชั้นดี ไหน ๆ มีโอกาสก็ขอลองชิมสักแก้ว อันเม้มปากเบา ๆ เพราะความอยากลิ้มรสชาติของไวน์ขวดนั้น

อันพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปนั่งตรงโซฟา มองดูลูเซี่ยนที่กำลังรินไวน์ใส่แก้วให้เธอ ทุกกิริยาการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะทำอะไร ขยับตัวทางไหน ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่สูญเปล่า โดดเด่น มีสง่า มีราศี มันทำให้เขาดูมีเสน่ห์จนเธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ อันคิดอยู่ในใจ คงถูกอบรมมาอย่างดีแน่นอน ลูเซี่ยนยื่นแก้วไวน์ให้เธอ เธอยกขึ้นมาจิบ

อึก

หืม

“อร่อยจัง ไวน์อะไรคะเนี่ย” ทันทีหลังจากที่อันจิบไวน์ เธอพูดออกมาอย่างตื่นเต้น และสนใจไวน์แก้วนี้มาก เพราะเธอไม่เคยดื่มไวน์ที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน ไวน์อะไรถึงหวาน ละมุนได้แบบนี้

“ไวน์องุ่นส่งตรงมาจากฝรั่งเศสครับ เป็นไวน์รสชาติใหม่ที่ผมคิดขึ้นมา คิดว่าจะนำมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์บาร์ของโรงแรมกลางเดือนนี้”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิคะ อัน เอ๊ย อิงจะได้เก็บเงินซื้อไว้ดื่มที่คอนโดบ้าง”

‘เกือบพูดหลุดไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่เขาไม่สังเกต’

ลูเซี่ยนยิ้มไม่พูดอะไร เธอคงไม่รู้ว่าโรงแรมนี้ให้เปิดให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น คนนอกที่ไม่เป็นสมาชิก ไม่สามารถเข้ามาได้

“หืม…ถ้าคุณอิงชอบ เดี๋ยวผมให้คนส่งไปให้คุณที่คอนโดก็ได้นะครับ” ลูเซี่ยนเสนอ

“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ” อันบอกปัดพร้อมจิบไวน์ต่อ เธอเกรงใจเขา ไวน์ขวดนี้ราคาคงแพงไม่น้อย การที่เธอมีโอกาสได้ชิมไวน์ รสชาติดีแบบนี้ ถือว่าเป็นบุญปากมากแล้ว

ระหว่างที่อันเพลิดเพลินกับไวน์รสชาติใหม่แก้วแล้วแก้วเล่า ลูเซี่ยนมองเธอแทบจะไม่ละสายตาไปไหน เขารู้สึกสนใจเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยเจอมา เขาอยากรู้จังว่าอะไรทำให้เธอมีเสน่ห์ดึงดูดเขาถึงเพียงนี้

“คุณลี ทำงานที่ประเทศไทยมานานรึยังค่ะ ถึงพูดไทยได้ชัดแบบนี้”

” 1 ปี ก็พอสำหรับการเรียนรู้ครับ เรียกผมว่าลูเซี่ยนก็ได้ครับ”

“เก่งจัง คงอาศัยความพยายามและอดทนมาก”

การที่เราคุยได้สักพัก ทำให้รู้ว่าลูเซี่ยนเป็นคนที่เก่งและฉลาดมาก มีความเฉลียวในการพูดคุย ไม่นานบรรยากาศก็กลับมาเงียบอีกครั้ง และเป็นเวลาที่ไวน์ในแก้วอันหมดพอดี มันเพียงพอแล้วที่เลือดในร่างกายได้สูบฉีดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ คืนนี้คงนอนหลับสบาย ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับแล้ว เธอลุกขึ้นจากโซฟา วางแก้วไว้บนโต๊ะไม้ข้าง ๆ

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ยังไงอิงก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณลูเซี่ยนจะได้พักผ่อนด้วย” เธอคว้ากระเป๋า บอกลาลูเซี่ยนและเดินไปที่ประตู

พรึบ!

ทันใดนั้นเองไฟในห้องอยู่ ๆ ก็ดับลงทันที อันหยุดเดิน หันกลับมามองลูเซี่ยน

เธอเห็นสายตาที่กำลังจ้องมาทางเธอผ่านแสงไฟสลัวด้านนอก สายตาที่ดูหิวกระหายพร้อมจะจับเธอกินได้ทุกเมื่อทุกเวลา ลูเซี่ยนค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว อันรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

อันพยายามถอยทีละก้าวจนติดผนังกำแพงห้อง และเดินหลบไปยังประตู แต่ถูกลูเซี่ยนจับตัวได้เสียก่อน อันเริ่มหวาดหวั่น

“ว๊าย” อันกรีดร้อง

“คืนนี้ผมไม่คิดจะนอนคนเดียวหรอกนะ” เขาพูดพร้อมกับกระชากชุดของเธอออกอย่างแรง

…แคว๊ก แคว๊ก…

และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่อันจะตกอยู่ในอ้อมกอดของลูเซี่ยน…

ร่านอารมณ์ Sensitive

ร่านอารมณ์ Sensitive

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset