ระบบเจ้าสำนัก 430 : เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 430 : เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่  430 : เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์

“ ท่านน้าหยุดมือ ! ”   ในมิติแยกส่วน อ้าวอู่เหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นฉากนั้น

 

โชคร้ายที่อ้าวเยว่ที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ยินเสียงของเขา และไม่อาจจะเห็นร่างของเขาด้วย

 

อ้าวอู่เหยียนพุ่งไปหาจางหยูและพูดขึ้นมา   “ ท่านเจ้าสำนัก ได้โปรดหยุดท่านน้าข้าที หากเป็นแบบนี้ต่อไปนางต้องตายแน่ๆ ! ”

 

คนอื่นๆไม่รู้ว่าอ้าวเยว่จะทำอะไร แต่อ้าวอู่เหยียนนั้นรู้ดี เพราะนี่คือท่าเริ่มต้นของการใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกร

 

อ้าวเยว่อ่อนแอจนถึงขีดสุด และพลังวิญญาณของนางก็แทบจะหมดแล้ว หากใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ผลกระทบที่ออกมาคงคาดไม่ถึง

 

จางหยูไม่เข้าใจว่าอ้าวเยว่จะทำอะไร แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอ้าวอู่เหยียน เขาก็กังวลขึ้นมา

 

“ สายเกินไปแล้ว ” จางหยูกำลังจะลงมือ แต่อยู่ๆเขาก็หยุด เพราะอ้าวเยว่นั้นได้ดึงพลังงานของตัวเองและเตรียมที่จะโจมตีแล้ว ถึงจะไปหยุดตอนนี้ก็ไร้ความหมาย

 

จางหยูมองไปที่อ้าวเยว่และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา   “ ข้าหวังว่านางจะไม่เป็นอะไร ! ”

 

ที่โลกภายนอก

 

ปากของเฉินกูบิดเบี้ยวไป และมองไปที่อ้าวเยว่ด้วยความหวั่นเกรง เขาไม่คิดว่านางจะเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่อ่อนแรง แต่กลับจะฝืนใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมา !  

 

ไม่ นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามังกร แต่เป็นเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของมังกรสมมติเทพ !  

 

“ นางไม่กลัวตายเลยรึ ?” เฉินกูมองไปยังอ้าวเยว่ หากนางใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์อออกมา พลังวิญญาณของนางก็จะเหือดแห้ง และจะเข้าสู่การหลับใหลไปตลอดกาล ซึ่งไม่ต่างอะไรจากความตายเลย

 

เฉินกูรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาในใจ เขาอยากที่จะหนี แต่เกียรติของราชาสัตว์อสูร ไม่อาจจะปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นได้  

 

ยิ่งกว่านั้น เขาก็มั่นใจว่าเจ้าสำนัก ,อ้าวอู่เหยียนและยอดฝีมือทั้งสี่ของมนุษย์ จะต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่ คอยดูเขาอยู่ หากมีคนมากมายเห็นเขาหลบหนี เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน ? ที่สำคัญกว่านั้นคือ เหล่าสัตว์อสูรก็ดูเขาอยู่ด้วย นี่รวมไปถึงมังกรแดงและอินทรีย์หิมะ หากเขาหนีไปในตอนนี้ ในอนาคตเขาจะสู้หน้ากับลูกศิษย์ได้ยังไง ?

 

เขาไม่อาจจะหนีได้ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะหนีเช่นกัน !  

 

อ้าวเยว่กล้าที่จะฝืนใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมาในสภาพที่อ่อนแอ เขาที่เป็นถึงราชาสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ จะปฏิเสธได้รึ  ?

 

มันมีความคิดในหัวเขาเป็นพันๆอย่าง สีหน้าของเฉินกูได้แสดงความบ้าคลั่งออกมา  “ต่อหน้าเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเฉินกูก็ไม่กลัวเจ้าหรอก มังกรสมมติเทพ ! ”

 

ในฐานะทายาทของสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เฉินกูไม่ได้มีเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์แค่อย่างเดียวแต่มีถึงสองอย่าง !  

 

แม้ว่าเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะอยู่แค่ขั้น  5 แต่เขาก็สามารถใช้มันออกมาได้ถึงสองอย่าง พลังของมันไม่ได้ด้อยกว่าเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 เลย ! 

 

“ เจ้าบังคับข้าเอง ! ” เฉินกูแทบจะเสียสติ  “ หากเจ้าตายก็อย่าโทษข้า  !”

 

ต่อมาร่างของเฉินกูก็เปลี่ยนไป ร่างของเขาบวมเปล่งขึ้นมา จากนั้นผิวของเขาก็มีเกล็ดหนาๆก่อตัวขึ้น อกของเขามีหนามที่แหลมคมงอกออกมา ในพริบตาตัวของเขาก็ยาวหลายลี้ เขาดูราวกับสิงโตและหมาป่า ความต่างคือร่างกายของเขาแค่ไม่มีขนแต่ถูกแทนที่ด้วยเกล็ดที่เหมือนกับจระเข้

 

ตอนนั้นเฉินกูและอ้าวเยว่ที่อยู่ตรงข้ามกัน ต่างก็มีร่างกายขนาดใหญ่ ทั้งสองได้แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา

 

หลังจากที่เปลี่ยนกลับไปเป็นร่างจริงแล้ว เฉินกูก็ไม่กล้าชักช้า เพราะอ้าวเยว่นั้นลงมือโจมตีมาแล้ว !  

 

ไม่อ้าวเยว่ยังไม่ได้โจมตี แต่นางได้อ้าปากพร้อมกับพลังอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากปากของนาง

 

“ คลื่นคลั่งสังหาร ! ”

 

ในเวลาเดียวกัน เฉินกูก็ได้ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของตัวเอง อันหนึ่งได้มาจากหมาป่าละโมบ และอีกอันคือเคล็ดวิชาที่ได้มาจากสัตว์อสูรกลืนสวรรค์   เคล็ดวิชาทั้งสองเป็นเคล็ดวิชาขั้นที่ 5 และมีพลังที่ไม่อาจจะคาดคิด

 

“ กรร ! ” เฉินกูรวบรวมพลังเข้ามาในปาก ตาสีเดิมถูกแทนที่ด้วยสีแดงก่ำ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากนักล่า แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพลังของเขาที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ในพริบตามันก็เพิ่มขึ้นมาถึงสองเท่าซึ่งทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกได้ถึงความกลัว

 

ตอนนั้นเฉินกูไม่อาจจะคงสติไว้ได้ ตอนนี้มีความคิดอย่างเดียวในหัวของเขาคือ ต้องฆ่าเท่านั้น ฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในระยะการรับรู้ของเขา และทำลายทุกอย่างที่เห็น  

 

มันได้กลายเป็นสัญชาตญาณของเขา !  

 

ตอนที่เห็นอ้าวเยว่ เฉินกูก็ไม่ลังเลที่จะใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์อีกอัน เพราะเขารู้สึกได้ถึงภัยจากตัวอ้าวเยว่ , สติที่ไม่อาจจะประคองได้ และการทำตามสัญชาตญาณ สำหรับเป้าหมายที่เป็นภัยต่อชีวิตของตน ไม่ต้องเดาว่ามันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำลายศัตรู

 

“ กรร ! ”

 

กลืนกิน !  

 

สายตาที่แดงก่ำของเฉินกูเปลี่ยนไปอีกครั้ง สายตาของเขากลับมืดสนิทราวกับหลุมดำ ที่สามารถลบทุกอย่างในโลกได้

 

ในพริบตา หลุมดำทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นวังวนสีดำ และมีแรงดึงดูดอันน่ากลัวแผ่ออกไปโดยรอบ

 

อากาศที่อยู่ใกล้กับดวงตาของเฉินกูพังลงภายใต้แรงดึงของหลุมดำทั้งสอง เรื่องที่น่าแปลกคือหลุมดำทั้งสองที่ตาเขากลับไม่ส่งผลต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ พระเจ้า นี่คือเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ! ”  เหล่าเซียนทั้งสี่พากันตกตะลึง ตอนนั้นแม้แต่คนโง่ก็เดาได้ว่าเฉินกูกำลังทำอะไร   “ พวกเขาต่างก็ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ! ”

 

เมื่อได้ยินที่ลั่วซู่หยางพูดขึ้น อาจารย์และศิษย์ต่างก็พากันเบิกตากว้าง

 

หยางเพ้ยอันตะลึงและพูดขึ้นมา   “ คนเสียสติถึงสองคน ! ”

 

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากเฉินกูและอ้าวเยว่ แต่พวกเขาก็ตัดสินสภาพของทั้งสองออก บอกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเฉินกูหรืออ้าวเยว่ ทั้งสองไม่ได้มีสภาพร่างกายที่พร้อม โดยเฉพาะอ้าวเยว่ที่อ่อนแอจนถึงขีดสุด การฝืนใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมาครั้งนี้คือความเสี่ยง

 

จุดที่สำคัญคือ ทั้งสองได้ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมา และพลังของเคล็ดวิชาพวกนี้ก็น่ากลัว ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะจบลงที่ทั้งสองต้องตายไปด้วยกัน !  

 

หยางเพ้ยอันไม่ได้สงสัยอันใด สภาพของเฉินกูและอ้าวเยว่ในตอนนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือกับเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายได้

 

“เจ้าสำนัก !” อ้าวอู่เหยียนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา  “ ได้โปรด ช่วยหยุดราชาสัตว์อสูรและท่านน้าของข้าที ! ”

 

อ้าวเยว่ที่ใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสสูงที่นางจะหลับใหลไปตลอดกาล ในอนาคตนอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น งั้นนางก็คงไม่มีทางตื่นขึ้นมา จนกว่าจะหมดอายุขัย แต่หากเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของอ้าวเยว่และเฉินกูปะทะกัน   งั้นอ้าวเยว่คงต้องตายและไม่มีโอกาสได้ฟื้นกลับมา

 

บางทีผลลัพธ์นี่อาจจะคล้ายคลึงกัน แต่สำหรับอ้าวอู่เหยียนแล้ว เขาเลือกแบบแรก อย่างน้อยน้าเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ยังไงซะในโลกนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีปาฏิหาริย์

 

“อย่าเลย อาจารย์อ้าวอู่เหยียน อย่าทำให้เจ้าสำนักต้องเครียด!” ลั่วซู่หยางตะลึงและรีบพูดขึ้นมา

 

พลังของเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวกว่ากฎทั่วไป   อย่าดูที่สภาพอิดโรยของเฉินกูและอ้าวเยว่แล้วจะดูถูกได้ พลังในการโจมตีของพวกเขาในตอนนี้ เทียบเท่ากับตอนที่พวกเขาสมบูรณ์ดี …

 

เมื่อเป็นแบบนั้น หากต้องให้ย้อนพลังกลับคงเป็นไปไม่ได้

 

ตอนนี้แม้แต่อ้าวคุน ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเมื่อเข้าไปคั่นกลางแล้วก็ต้องรับพลังของเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์จากเฉินกูและอ้าวเยว่พร้อมกัน แม้แต่ราชามังกรอย่างอ้าวคุน ก็ต้องเสียหายอย่างมากหากรับการโจมตีแบบนี้เข้าไป เขาอาจจะบาดเจ็บหนักจนถึงตายได้

 

“ จิตใจของนางช่างน่ากลัวจริงๆ ! ” จางหยูไม่ได้สนใจคนโดยรอบ เขายังคงมองไปที่อ้าวเยว่และอดได้ที่จะทึ่ง

 

อยู่ๆเขาก็ชื่นชมอ้าวเยว่ แม้ว่าอ้าวเยว่จะมีปัญหามากมาย แต่นางก็มักจะเย่อหยิ่งและดื้อด้าน นางไม่เคยก้มหัวให้กับใคร   จิตใจที่ดื้อด้านของนางนี้คือส่วนที่น่าชื่นชม

 

ที่โลกภายนอก

 

อ้าวเยว่แทบจะประคองสติตัวเองไม่อยู่ นางทำตามสัญชาติญาณตัวเอง พลังในร่างกายและพลังโดยรอบได้มารวมตัวกันที่ปากของนาง ไฟอันน่ากลัวที่เหมือนจะแผดเผาทุกอย่างในโลกได้ ในที่สุดก็เผยหน้าตาของมันออกมา

 

เปลวไฟ !  

 

เปลวไฟที่น่ากลัวกว่าเปลวไฟที่มังกรไฟสร้างขึ้นมาด้วยความโกรธ!  

 

มิติโดยรอบถูกเผาราวกับกระดาษ  

 

พลังของมันสูงกว่าการโจมตีที่อ้าวเยว่ได้ใช้ตอนที่โจมตีจางหยู พูดตามตรงแล้วนี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของอ้าวเยว่

 

มันได้ใช้กฎธาตุไฟทั้งหมด แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางไม่อาจจะใช้กฎธาตุไฟถึงระดับสมบูรณ์แบบนี้ได้ แต่ด้วยเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรคำราม จึงทำให้นางดึงพลังกฎธาตุไฟมาใช้ได้อย่างเต็มที่

 

สุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัว เพราะเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถดึงพลังของกฎออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ นี่คือไพ่ตายเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งไม่ค่อยถูกใช้ นอกซะจากตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

 

อ้าวเยว่ที่เหมือนกับคนบ้า กลับเลือกใช้เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ออกมาแทนที่จะยอมล่าถอย

 

ปัง !  

 

สายตาของอ้าวเยว่พร่ามัว นางไม่อาจจะเห็นร่างกายของเฉินกูได้อีก  นางได้แต่อ้าปากหันไปตามสัญชาตญาณและพุ่งเข้าหาเฉินกู ต่อมาเปลวไฟที่น่ากลัวราวกับลำแสงก็ได้พุ่งออกมาจากปากของอ้าวเยว่ ให้แสงสว่างกับทั้งโลกนี้  แม้แต่อาณาจักรโจวที่อยู่ไกลออกไป หรือที่อื่นที่ไกลกว่านี้ก็ยังเห็นลำแสงนี้ได้อย่างชัดเจน  มันคือแสงจากดวงอาทิตย์

 

เปลวไฟที่เหมือนกับลำแสงนี้เหนือกว่าขีดจำกัดของสายตาคนที่จะรับได้

 

ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเฉินกูที่เป็นวังวนสีดำ ก็ได้ระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา พลังที่ราวกับจะกลืนกินทั้งโลกได้ !

 

“ ท่านน้า ! ” อ้าวอู่เหยียนตะโกนขึ้น

 

คนที่เหลือในมิติส่วนแยก ต่างก็พากันกลั้นหายใจ และมองไปยังโลกภายนอกด้วยความตะลึง ใจของพวกเขาราวกับมีภูเขาลูกใหญ่กดทับเอาไว้

 

ตอนนั้นเองที่จางหยูได้หายไปจากที่นั่น  

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset