ระบบเจ้าสำนัก 425 : ระวังภัย

ตอนที่ 425 : ระวังภัย

ตอนที่  425 : ระวังภัย

“ มีปัญหาอะไรรึ ?” จางหยูมองไปที่ทั้งสี่คน

 

ทั้งสี่คนปรึกษากันก่อนที่หยางเพ้ยอันจะถามขึ้นมา   “ เจ้าสำนัก ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงได้เลือกพวกเรา?”

 

ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้คือทักษะที่สามารถทำให้ทั้งโลกสั่นไหวได้ เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วผู้คนนับไม่ถ้วนจะพากันแข่งกันบ่มเพาะ มันไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องเป็นคนเผยแพร่

 

“เพราะชื่อเสียงของพวกท่านที่มากพอ ผลลัพธ์เองก็จะมากขึ้นไปด้วย” จางหยูยิ้มออกมา  “หากไม่มีพวกท่าน ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี หรือหลายสิบปี กว่าจะเผยแพร่ไปได้ทั่ว แต่หากมีพวกท่านมาช่วย เวลาก็จะสั้นลงเป็นหนึ่งเดือนหรือน้อยกว่านั้น…”

 

เวลาคือสิ่งที่จางหยูกังวลมากที่สุด

 

โลกป่าขั้นต่ำนี้กำลังเผชิญหน้ากับภัยที่เขาไม่อาจรู้ได้ อันตรายนั่นอาจจะมาตอนไหนก็ได้ นอกจากตัวตนที่เขาไม่รู้จักแล้วมันอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อโลกป่าแห่งนี้ ดังนั้นจางหยูจึงกังวลอย่างมากและหวังว่าจะเผยแพร่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำออกไปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นทักษะของมนุษย์ทั้งหมด  

 

แต่เวลาสำหรับการโด่งดังของจางหยูนั้นมีมาไม่นาน แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าทั้งสี่คน แต่ชื่อเสียงของเขาในหมู่มนุษย์นั้นมีไม่ถึง  1 ใน 100 ของทั้งสี่คนนี้

 

หยางเพ้ยอันพยักหน้าและพูดขึ้น   “ ข้าไม่ได้มีความเห็นแย้งอะไร เจ้าสำนัก ข้าจะพยายามเผยแพร่มันให้กับมนุษย์ ”

 

“ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านทำดีที่สุดแต่ต้องทำให้ได้ต่างหาก !” จางหยูมองไปที่หยางเพ้ยอันและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ ข้าให้เวลาพวกท่าน 1 เดือน อีก 1 เดือนจากนี้ข้าขอว่าทักษะนี้จะต้องเผยแพร่ให้กับมนุษย์ทุกคน แม้แต่หมู่บ้านในภูเขาอันห่างไกลก็ต้องรู้จักทักษะนี้และรู้ว่าจะบ่มเพาะมันยังไง หากพวกท่านทำไม่ได้ใน 1 เดือน ข้าจะออกไปจัดการด้วยตัวเองและนั่นคงทำให้เห็นว่าพวกท่านไร้ค่า ”

 

หลังจากนั้นจางหยูก็จ้องไปที่หยางเพ้ยอัน และพูดต่อ   “ อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรกันอยู่ ท่านควรจะระวังและทำให้ดีที่สุด ”

 

“ เจ้าสำนักหมายถึงอะไร ?” หยางเพ้ยอันกังวลขึ้นมา แต่เขาก็ยังยิ้มออกมาอยู่  “ ท่านว่าพวกเราคิดอะไร ?”

 

จางหยูพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยชา   “มีบางเรื่องที่ทุกคนก็รู้กันดี หากท่านพูดมันออกมาก็ไม่มีความหมายอะไร ข้าจะถามท่านอีกรอบว่าท่านจะทำสำเร็จใน 1 เดือนได้หรือไม่! ”

 

เวลา  1 เดือนถือว่าเป็นเวลาที่มากพอหากดูจากชื่อเสียงและอำนาจของทั้ง4คนนี้ หากหยางเพ้ยอันและคนอื่นๆยืนกรานว่าทำไม่ได้ มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจพอ

 

มันเป็นการจงใจไม่ใช่หรือไง  ?

 

มันไม่ได้ยากที่จะเดาหาเหตุผลจากฐานะของหยางเพ้ยอัน

 

ต้องรู้ก่อนว่าทั้งสี่คนไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ละคนมีความสัมพันธ์กับกองกำลังของตัวเองและยังมีสมาคมอื่นๆเกี่ยวข้องด้วย   แค่สมาคมเดียวก็มีหวังที่จะทำงานนี้ได้สำเร็จแล้ว แต่พวกนี้คิดจะหาประโยชน์เข้าใส่ตัว หากคนของตัวเองบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ได้ พวกเขาก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสมาคมของตัวเองไปด้วย แม้ว่าทักษะจี๋อู่นี้จะเผยแพร่ออกไปในอนาคตแต่กองกำลังของพวกเขาจะยังได้เปรียบกว่าคนอื่นอยู่ดี

 

พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของทักษะจี๋อู่ ทักษะบ่มเพาะนี้สามารถสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดคนใหม่ได้ !  

 

คนเรานั้นเห็นแก่ตัว พวกเขาได้ปกครองมนุษย์มาหลายพันปี เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่คิดจะแบ่งก้อนเนื้อนี้ให้กับใค ร

….

หากพวกเขาทำได้ ทักษะจี๋อู่นี้คงอยู่ในกำมือของพวกเขา และมีแค่สมาคมค่ายกล , ยา, หลอมและพันธมิตรร้อยสำนักเท่านั้นที่รู้เกี่ยกับมัน มันสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของมนุษย์ทั้งหมดขึ้นมาได้และยังรักษาอำนาจที่พวกเขามีไว้อยู่ได้

 

แต่โชคร้ายที่จางหยูไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับพวกเขา จางหยูให้เวลาพวกเขาแค่  1 เดือน เวลาที่น้อยนิดแบบนี้ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย

 

เมื่อเห็นว่าความคิดของตนเองถูกจางหยูมองออก หยางเพ้ยอันก็อดไม่ได้ที่จะสลด เขากัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา   “ ข้าทำได้ ! ” เขาแค่ต้องการได้ประโยชน์เพื่อสมาคมของตัวเอง แต่เขาไม่คิดที่จะทำให้จางหยูไม่พอใจ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับไหว

 

“ พวกเจ้าล่ะ ?” จางหยูมองไปที่ลั่วซู่หยาง 

 

ลั่วซู่หยาง ,ชุยเจี่ยนและหงจินเป่าพากันแสดงจุดยืนของตัวเองออกมา  “ ไม่มีปัญหา ! ”

 

หากจางหยูไม่ได้จำกัดเวลา พวกเขาก็จะพอมีวิธีอยู่บ้าง แต่จางหยูได้บอกมันออกมาชัดเจนแล้ว หากพวกเขาลังเล ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้จางหยูไม่พอใจ

 

เมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนตกลง จางหยูพยักหน้าออกมาอย่างพอใจ   “ ดี งั้นเรื่องนี้คงต้องฝากให้พวกท่านจัดการ หาก 1 เดือนจากนี้ ยังมีคนที่ไม่รู้ถึงทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำอยู่ ข้าคงต้องไปถามพวกท่านด้วยตัวเอง ! ”

 

หยางเพ้ยอันและลั่วซู่หยางต่างมองหน้ากัน ความคิดที่พวกเขามีนั้นคือเรื่องที่แย่ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะถูกมองออก สิ่งเดียวที่พวกเขารู้สึกดีใจคือ ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้จะเผยแพร่ไปในหมู่มนุษย์ทั้งหมด มนุษย์จะได้รับประโยชน์จากจุดนี้และมีความสามารถมากพอที่จะป้องกันตัวจากเผ่าสัตว์อสูรและมังกรได้ในอนาคต

 

มันมีข้อดีและข้อเสียมากมาย โดยทั่วไปแล้วข้อดีมากกว่าข้อเสีย

 

หลังจากที่ตกลงกันเสร็จ จางหยูก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง   “ พวกท่านเดินทางกันมาไกล พักที่นี่สักคืนจะดีกว่า หลังจากนี้ข้าจะให้ท่านอู่เตรียมวัตถุดิบดีๆและทำอาหารเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณให้ เพื่อที่ท่านจะได้มีพลังและแรงมากพอที่จะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ ”

 

ลั่วซู่หยางและคนอื่นคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินจางหยูพูดถึงอาหารที่ฟื้นฟูพลังวิญญาณ พวกเขาก็เปลี่ยนความคิดและพากันตกลงทันที

 

“หากพวกท่านเหนื่อย พวกท่านไปที่หอพักเพื่อพักผ่อนก่อนได้ หากต้องการเยี่ยมชมสำนักคังเฉียง พวกท่านไปกับอาจารย์ได้ อาจารย์เฉิน คงต้องรบกวนท่านหน่อย” จางหยูพูดขึ้นมา

 

เฉินกูพยักหน้าและหันไปมองที่ลั่วซู่หยาง  

 

“ ไปเดินเล่นกันก่อนจะดีกว่า” ทั้งสี่คนมองหน้ากันก่อนที่ลั่วซู่หยางจะบอกกับเฉินกู จากนั้นพวกเขาก็หันไปหาจางหยูก่อนจะพูดขึ้น  “ เจ้าสำนัก ท่านยุ่งอยู่ เราไม่รบกวนแล้ว ”

 

ไม่นานทั้งสี่คนและเฉินกูก็ได้เดินออกจากบ้านไป เหลือแค่อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนที่อยู่ต่อ

 

อ้าวเยว่คิดจะพูดบางอย่างออกมา แต่อ้าวอู่เหยียนกลับถามขึ้นมาด้วยความกังวลแทน   “ เจ้าสำนัก ท่านต้องการเผยแพร่ทักษะจี๋อู่นี้ออกไปจริงๆรึ? ” เขาหวังว่าจางหยูจะพูดเล่น เพราะนี่คือข่าวร้ายสำหรับเผ่ามังกร

 

สุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง  16 ตัวกำเนิดขึ้นมา และทักษะจี๋อู่ที่กำลังจะเผยแพร่ในหมู่มนุษย์ ก็เป็นภัยร้ายแรงสำหรับเผ่ามังกร

 

เมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ ฐานะของเผ่ามังกรก็ต้องสั่นคลอน  

 

อ้าวอู่เหยียนยากที่จะรับความจริงเรื่องนี้ได้ เผ่ามังกรไม่อาจจะรับความจริงเรื่องนี้ได้ !  

 

จางหยูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย   “ แน่นอน ! ”

 

“แต่ แต่….”  อ้าวอู่เหยียนกังวล  “ท่านทำแบบนี้ งั้นเราเผ่ามังกรจะไม่….”

 

“ แล้วยังไง ?” จางหยูถามขึ้นมาและมองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสีหน้าเฉยชา  “ท่านคิดว่าเมื่อวิกฤตในอนาคตเกิดขึ้น เผ่ามังกรจะรับมือกับผู้รุกรานได้เพียงลำพังรึ ?”

 

อ้าวอู่เหยียนเงียบไป แม้แต่ร่างจริงของเจ้าสำนักก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ เผ่ามังกรจะมีความสามารถมากกว่าเจ้าสำนักหรือไง  ?

 

“ท่านต้องจำไว้ว่า ศัตรูของเผ่ามังกรไม่ใช่สัตว์อสูรหรือมนุษย์ แต่เป็นภัยจากโลกอื่น !”  จางหยูมองไปที่อ้าวอู่เหยียน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง  “ ในสายตาของผู้บุกรุกแล้ว มนุษย์, สัตว์อสูรและมังกรคือคนของโลกป่าขั้นต่ำ  ใครจะเป็นอันดับหนึ่งหรือสอง มันจะไปมีความหมายอะไร ? คน, มังกรและสัตว์อสูรต้องทิ้งความบาดหมางระหว่างเผ่าพันธุ์ และร่วมมือกันเพื่อปกป้องโลกป่าขั้นต่ำเอาไว้ ”

 

“ต่อหน้าวิกฤต เราต้องมองข้ามอดีต และพัฒนามุมมองของตัวเอง แทนที่จะจำกัดตัวเองไว้แค่โลกป่าขั้นต่ำนี้ ด้วยการทำแบบนั้นเราถึงจะพัฒนาและแข่งขันกับโลกอื่นได้”

 

“ข้าเข้าใจเรื่องนี้ แค่ว่า…เฮ้อ !”  อ้าวอู่เหยียนสลด  “ ข้าขอโทษด้วยเจ้าสำนัก ”

 

จางหยูโบกมือและพูดขึ้น   “ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ตราบใดทีมันดีต่อโลกของเรา แน่นอนว่าข้าต้องทำ หากเจ้าต้องการให้เผ่ามังกรรักษาฐานะเอาไว้ เจ้าก็ต้องทุ่มเทให้มากกว่าเดิม  เจ้าเป็นรัชทายาทของเผ่ามังกร ซึ่งจะเป็นราชามังกรในอนาคต หากเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอ งั้นฐานะของเผ่ามังกรก็ไม่มีใครทำให้สั่นคลอนได้ ”

 

“ ข้าเข้าใจแล้ว ”

 

อ้าวอู่เหยียนพยักหน้าพร้อมกับสีหน้าที่จริงจังขึ้นมา

 

“ ข้าคาดหวังในตัวเจ้า ! ” จางหยูยิ้มและตบไหล่อ้าวอู่เหยียน เขาเหมือนชอบใจในตัวของรัชทายาทมังกรผู้นี้

 

อ้าวเยว่ที่เงียบมาตั้งแต่ต้น ได้พูดขึ้นมา   “เจ้าสำนัก ข้าขอตัว ”

 

เมื่อพูดจบ อ้าวเยว่ก็หันกลับแล้วเดินออกไป

 

“ท่านน้า รอข้าก่อน !”  อ้าวอู่เหยียนตะโกนขึ้นมาและรีบบอกกับจางหยู  “ เจ้าสำนัก ข้าขอตัว ”

 

เมื่อออกมาจากบ้านพัก อ้าวอู่เหยียนก็รีบเดินตามอ้าวเยว่ไป และถามขึ้นมา   “ ท่านน้า ท่านจะไปไหนกัน ?”

 

 อ้าวเยว่หยุดและมองไปที่อ้าวอู่เหยียน  “ ข้าเตือนเจ้าก่อนว่าอย่าตามข้ามา ! ”

 

อ้าวอู่เหยียนหวาดกลัวกับสายตาอันเย็นชาของอ้าวเยว่จนขนลุก

 

ต่อมาร่างของอ้าวเยว่ ก็ได้หายไปจากที่นั่นทันที

 

“อ่ะ…”  อ้าวอู่เหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ร่างของอ้าวเยว่ก็ได้หายไปจากที่นั่น จนเขาต้องปิดปากเงียบ

 

“แปลก ตลอดหลายวันมานี้ท่านน้าไปทำอะไร? ท่านน้าไปไหนกัน ? นอกจากตอนกินแล้วข้าแทบไม่ได้เห็นนางเลย ” อ้าวอู่เหยียนอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้  “ท่านน้ากับราชาสัตว์อสูรจะสู้กันในวันพรุ่งนี้ เวลาใกล้จะมาถึงแล้ว แต่นางกลับไม่พักในสำนักเพื่อทำการฟื้นฟูตัวเอง ทว่ากลับออกไปที่อื่นแทน จะสู้กันวันพรุ่งนี้แล้วแท้ๆนางรอหน่อยไม่ได้รึไง  ?”

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset