ยูริ 100 วัน เล่มที่ 1 – บทที่1 Part 1

เล่มที่ 1 - บทที่1 Part 1

วันถัดมาหลังจากทำข้อตกลงกับฟุวะ ฟุวะก็ได้พาฉันไปที่บ้านของเธอทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน บ้านของเธอตั้งอยู่บนถนนเคย์โอและโดยรวมแล้วเป็นบ้านที่ค่อนข้างดูดี แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนกับบ้านของหัวหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ตามในจินตนาการของฉันซักเท่าไหร่ บางทีพวกเขาคงจะเอาเงินไปใช้กับเรื่องอื่นแทนละมั้ง

 

“ขอโทษที่รบกวนนะคะ…”

 

ฉันได้เดินตามฟุวะขึ้นไปยังชั้นสอง พวกเราขึ้นบันไดไปทีละก้าวและถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง โอ้วว นี่คือห้องนอนของฟุวะเหรอเนี่ย

 

“เอ่อ ครอบครัวของเธอจะไม่ว่าอะไรงั้นเหรอ”

 

“ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องแบบนั้นหรอก พวกเขามักกลับบ้านดึกทุกคืนนั่นแหละ”

 

นะ นั่นมันเป็นเรื่องที่อย่างน้อยก็ต้องคิดหน่อยนะ อย่างน้อยก็สำหรับฉันละนะ

 

ฉันลองเดินไปรอบห้องของฟุวะ ที่มีทั้ง เตียง พรมแสนนุ่มฟู ตู้เสื้อผ้าน่ารักที่เต็มไปด้วยชุดอยู่บ้าน อีกทั้งบนกำแพงยังแขวนชุดเครื่องแบบและกระเป๋าไว้อยู่ นอกจากนี้ยังมีทีวีอยู่ในห้องของเธอ รวมถึงแล็ปท็อปที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเธออีกด้วย

 

เทียบกับห้องของสามัญชนอย่างฉันแล้ว ห้องนี้จะพูดว่าค่อนข้างหรูหราก็ว่าได้ แต่ก็รู้สึกว่าสำหรับคนที่ร่ำรวยอย่างฟุวะแล้วเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไปอยู่ อาจจะเป็นว่าของที่อยู่ในห้องนี้จะมีราคาแพงอย่างน่าเหลือเชื่อก็เป็นได้ อย่างเช่น แล็ปท็อปที่อยู่ตรงนั้นอาจจะมีราคาหลายล้านเยน

 

“ช่วยนั่งรอที่เตียงตรงนั้นทีนะ”

 

“ทำไมเธอถึงต้องขอให้ฉันนั่งตรงนั้นด้วยกัน!”

 

“ก็ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไรซักหน่อย”

 

ฟุวะเดินออกจากห้องไปและกลับมาพร้อมกับถาดที่มีชาบาร์เล่ย์สองแก้วอยู่ พอรู้ว่าฉันกำลังถูกปฏิบัติเหมือนกับเป็นแขกแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อย และก็ฉันได้เลือกที่จะนั่งบนพรมแทนที่จะบนเตียง

 

และในเมื่อพวกเราทั้งสองคนนั้นได้ตรงมาที่นี่ตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ทำให้พวกเราทั้งคู่ยังคงใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนอยู่ ผู้หญิงใส่ชุดเครื่องแบบสองคนกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ในห้องนอน ใช่แล้ว ไม่เห็นจะมีตรงไหนแปลกเลยซักนิด

 

“งั้นนับตั้งแต่วันนี้ไป มาริกะจะเป็นของของฉันแล้วนะ”

 

“นี่มันแปลกชัดๆเลยนี่นา!”

 

“มีอะไรเหรอ”

 

“มะ ไม่มีอะไร…”

 

เป็นอีกครั้งที่ฉันได้นึกคิดถึงการโอบกอดกระเป๋าสุดรักของฉัน ใช่แล้ว เจ้ากระเป๋าราคา 30,000 เยนอันนั้นยังไงล่ะ พอได้จินตนาการถึงกระเป๋าทูเวย์สีน้ำตาลแล้ว ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะทำได้ขึ้นมา

 

“…ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ว่าฉันได้ซื้อกระเป๋าใบที่เธออยากได้มาเป็นค่าตอบแทนล่วงหน้าให้แล้ว และเธอจะยอมให้ฉันทำตามต้องการกับเธอใน 100  วันข้างหน้านี้ใช่ไหม”

 

“เข้าใจแล้ว…ฉันจะไม่ถอยอีกต่อไปแล้ว”

 

มาริกะที่อยู่ในตัวฉันได้กลายเป็นเสืองามสง่าโอฬารที่พร้อมจะโชว์เขี้ยวเล็บของมัน และเผยถึงจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยสิ่งนี้แม้แต่ฟุวะก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้แน่

 

“เป็นคำตอบที่ดีนี่ งั้นพวกเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

 

เหมือนกับจะไม่ยอมเสียเวลาไปอีก ฟุวะได้นั่งลงข้างกับฉัน ฉันสามารถสัมผัสได้ถึงต้นขาของเธอผ่านขาของฉัน ถึงจะเย็นเล็กน้อยแต่ก็เป็นสัมผัสที่นุ่มนวล และในขณะนั้นเองฉันก็เหมือนกับจะรู้สึกได้ว่าเสือที่อยู่ข้างในตัวฉันได้หดตัวลงจนราวกับว่าในตอนนี้มันได้กลายมาเป็นแมวเชื่องเสียแล้ว

 

“เอ่อ ขอโทษนะ คือว่าฉันยังบริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นช่วยเบามือหน่อยนะ”

 

ฟุวะขมวดคิ้วพร้อมกับมองแรงมาที่ฉัน

 

“มาริกะนี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือจะเป็นเพศเดียวกัน พวกเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกันนะ ฉันจะไม่บีบบังคับให้เธอทำอะไรหรอก ฉันคิดว่าคำที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่มันจะหยาบคายไปหน่อยนะ”

 

“อืม งั้นเหรอ แต่มันก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดีที่ได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้จากปากของคนที่ซื้อฉันมาด้วยเงินหนึ่งร้อยล้านเยนเนี่ย”

 

“ฉันยังมีเวลาเหลือเฟือตั้ง 100 วันที่จะทำให้เธอตกหลุมรักฉันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นฉันจะไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นตั้งแต่วันแรกหรอก ฉันน่ะเป็นประเภทที่สนุกกับการทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปละนะ”

 

ฉันถอยหลังหนีจากฟุวะ และเลือกที่จะถอยทัพไปยังหนึ่งในมุมห้องของห้องนอนของเธอ

 

“เหตุผลของเธอนี่มันจะฟังดูไม่เหมาะควรเกินไปแล้วนะ… ตอนอยู่ที่โรงเรียน ไม่ใช่ว่าตัวเธอเวอร์ชั่นนั้นมันจะแตกต่างจากตัวเธอในตอนนี้เกินไปหน่อยเหรอ… ก็แบบปกติแล้วเธอจะให้ความรู้สึกแบบเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยผู้ไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้างนี่นา”

 

“ฉันไม่ได้จงใจให้มันเป็นแบบนั้นซักหน่อย แต่แล้วทำไมฉันถึงจะต้องไปเข้าสังคมกับคนอื่นด้วยล่ะ ในเมื่อโรงเรียนนั้นเป็นสถานที่เอาไว้สำหรับศึกษาเล่าเรียนนี่จริงไหม”

 

“เธอคิดแบบนั้นจริงๆเหรอเนี่ย นี่คงจะเป็นสิ่งที่มีแต่เธอเท่านั้นที่คิดได้สินะ… เป็นความคิดที่แปลกอะไรแบบนี้”

 

หลังจากนั้นฟุวะก็ลุกขึ้นยืนและหันหลังให้กับฉัน ฉันฉวยโอกาสนั้นในการแลบลิ้นและเยาะเย้ยเธออย่างลับๆ อย่างที่คิดไว้เลยว่าพวกเราทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเข้ากันได้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่มีทางที่จะทำให้ฉันตกหลุมรักเธอได้หรอก ส่วนเสือที่อยู่ข้างในตัวฉันก็เริ่มที่จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งพร้อมกับแสดงความต้องการต่อสู้

 

ฟุวะได้หยิบหนังสือหลายเล่มมาจากชั้นหนังสือ และเธอก็เอาหนังสือเหล่านั้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะ หนังสือพวกนี้มัน… เอ่อ มังงะงั้นเหรอ ฉันได้เคลื่อนตัวเข้าหาโต๊ะอย่างช้าๆ

 

“สำหรับในตอนนี้ อ่านพวกนี้ให้หมด”

 

“…อ่านมังงะงั้นเหรอ เอ๋ นี่น่ะเหรอสิ่งที่ฉันต้องทำวันนี้”

 

“นับตั้งแต่วันนี้จนถึงอีกหลายวันข้างหน้าจะเป็นการอ่านมังงะ แต่เธอจะต้องอ่านทุกอย่างเลยนะ ห้ามแม้แต่จะข้ามแม้แต่หน้าเดียวเข้าใจไหม”

 

นี่เธอหมายความว่ายังไงกันหา นี่ฉันถูกจ่าย 10,000 เยนเพื่อที่จะให้มาอ่านมังงะเนี่ยนะ เอาจริงสิ งั้นไม่ใช่ว่าที่นี่คือสวรรค์หรอกเหรอ หรือจะเป็นไปได้ว่าฉันเข้าใจฟุวะผิดมาตั้งแต่ต้นกัน

 

“งั้นก็ เริ่มลงมืออ่านมังงะได้เลย”

 

ฉันเริ่มหยิบมังงะจากด้านบนสุดของกองและเปิดอ่านมัน ถ้าเกิดว่ามังงะพวกนี้ปรากฏว่าเป็นมังงะแนวสยองขวัญวิปลาสแล้วล่ะก็ ทุกๆอย่างคงจะกลับตาลปัตรจากสวรรค์กลายเป็นนรกเลยทีเดียว แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แบบนั้น เรื่องนี้ดันเป็นมังงะเรื่องราวความรักทั่วไปในรั้วโรงเรียน และตัวงานภาพเองก็ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกด้วย

 

“แค่อ่านของพวกนี้ก็พอเหรอ”

 

“อ่านไปเถอะน่า”

 

การไปที่ห้องของเพื่อนเพื่อจะไปอ่านมังงะนี่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย อา ถึงยังไงจริงๆแล้วเธอก็ไม่ใช่เพื่อนของฉันอยู่ดี หลังจากที่ได้อ่านไปหลายหน้า ก็พบว่ามังงะเรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะน่าสนใจเลยทีเดียวและทำให้ฉันจมลงไปในโลกของมังงะ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่สามารถที่จะตกหลุมรักใครก็ตามที่เธอรู้สึกสนใจด้วย และหลังจากนั้นรุ่นพี่ประธานนักเรียนที่เป็นหญิงสาวผมดำกริบก็ได้สารภาพรักกับเธอ และพวกเธอทั้งสองคนก็ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ลับๆระหว่างกันขึ้น

 

“เดี๋ยวสิ นี่มันเรื่องเลสเบี้ยนชัดๆ!”

 

“ยูริต่างหาก”

 

“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ!”

 

“มันก็มีความต่างอยู่หลายอย่างนะ ดังนั้นจะให้ฉันพูดว่าเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

 

“ใครมันจะไปสนใจเรื่องพรรค์นั้นกันล่ะ!”

 

ฉันเริ่มกลับไปเปิดดูมังงะแต่ละเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะ นี่ และก็นี่ อันนี้ อันนี้ก็ด้วย ทุกเล่มมันเกี่ยวกับหญิงสาวที่ตกหลุมรักกับหญิงสาวอีกคนทั้งนั้นเลยนี่นา! นี่มันมังงะประเภทที่ว่านั่นนี่! โอ่ย ฟุวะ!!

 

“ถึงเรื่องนี้จะเป็นมังงะสี่ช่องแนวอบอุ่นหัวใจที่เป็นเรื่องของหญิงสาวมัธยมปลายสองคนที่อาศัยอยู่ในใต้ชายคาเดียวกันก็เถอะ แต่เป็นเพราะมังงะเรื่องอื่นเป็นแนวนั้นกันหมด เลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นว่าเหมือนเป็นเรื่องเลสเบี้ยนขึ้นมาเลยนะ!”

 

“ใจเย็นก่อน Futaribeya เนี่ยก็เป็นมังงะยูริเหมือนกันนะ”

 

“เป็นแบบนี้นี่เองสินะ!”

 

ฉันได้มาถึงจุดที่อยากจะปิดมังงะทุกเล่มแล้วโยนพวกมันลงไปที่พื้น แต่ฟุวะก็ได้ขยับมืออย่างลื่นไหลและจับมือของฉันไว้ก่อนที่ฉันจะทำมัน การตอบสนองนี่เร็วชะมัด การเคลื่อนไหวนั่นมันไม่ใช่ของมือสมัครเล่นแล้วไม่ใช่รึไง น่าตกใจจริงๆ

 

“มาริกะ เธอยังจำได้ไหมว่าพวกเรายังคงพูกผันกันด้วย [ข้อตกลง] อยู่นะ เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และเพื่อที่จะเป็นการแสดงให้เธอเห็นถึงเรื่องนั้น เธอจะต้องทำตามคำร้องขอของฉันทุกอย่าง นั่นคือสิ่งที่พวกเราเคยตกลงกันไว้นี่จริงไหม”

 

“อุ… น-นั่นมันก็…เข้าใจแล้ว”

 

ด้วยเหตุบางอย่าง ในตอนที่เธอได้เรียกชื่อของฉัน มันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกำลังโดนตำหนิอยู่ ดังนั้นฉันจึงลองมาคิดทบทวนดูอีกครั้ง ฉันได้เปลี่ยนท่านั่งเหมือนกับตอนกำลังอ่านหนังสือเรียนที่ยากๆ พอฉันได้เริ่มอ่านมังงะไป เนื้อเรื่องมันก็ค่อนข้างสนุกอยู่พอสมควร ถ้าฉันสามารถลืมความจริงที่ว่ามันเป็นเรื่องเลสเบี้ยนได้ล่ะนะ มังงะพวกนี้ก็เหมือนกับมังงะทั่วไปทุกวันนี้เลย

 

“เป็นยังไงบ้างล่ะ”

 

“ก็ไม่ได้ตรงตามที่ฉันชอบเท่าไหร่หรอก แต่จะยอมทนอ่านต่อไปก็ได้…”

 

ถึงอย่างนั้นเรื่องพวกนี้ก็น่าสนใจดี แต่ฉันจะไม่พูดออกไปหรอก ฉันเริ่มอ่านมังงะต่อไปและรู้สึกเห็นใจผู้หญิงที่มีปัญหาเพราะว่าเธอไปตกหลุมรักกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เป็นปกติทั่วไป

 

ต่อไปที่มังงะแนวชีวิตประจำวัน ความรู้สึกของการอ่านเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปที่มีความตลกแฝงอยู่ด้วยทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย มังงะเรื่องนี้ยังทำให้ฉันนึกถึงยูเมะและชิซากิ เพราะว่ามันเหมือนกับกิจวัตรประจำวันของพวกเราที่โรงเรียน

 

ฉันไม่ได้เป็นพวกโอตาคุ แต่ฉันก็ชอบที่จะอ่านและสนุกไปกับมังงะ มังงะพวกนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทางโทรศัพท์มือถือเพราะว่ามีหลายแอปที่สามารถเปิดอ่านได้ แต่ว่านะพอได้เห็นตัวละครเลสเบี้ยนทั้งหมดที่ปรากฏออกมาทีละคนๆแบบนี้ มันก็น่าประหลาดใจดีเหมือนกัน

 

แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่คาใจฉันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

“ทำไมเธอถึงจะต้องมานั่งอยู่ข้างหลังฉันด้วยหา ฟุวะ”

 

ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะ และฟุวะเองก็นั่งอยู่บนเตียงตรงข้างหลังฉันพอดี ฉันสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอที่จ้องมองมาซักพักหนึ่งแล้ว เหมือนกับว่าเธอกำลังตรวจสอบในขณะที่ฉันกำลังอ่านมังงะพวกนี้อยู่ สายตาของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว

 

“ฉันไม่ได้ใจกว้างจนถึงขนาดปล่อยให้เธอมีความสุขกับเงิน 10,000 เยนโดยแค่การอ่านมังงะหรอกนะ แน่นอนว่าการเทรนนิ่งเองก็จะเริ่มต้นขึ้นในขณะที่เธอกำลังอ่านอยู่เหมือนกัน”

 

“อืม ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เทรนนิ่งที่ว่านี่หมายความว่ายังไงกัน โธ่ คำที่เธอเลือกใช้นี่ล่ะก็”

(อายะใช้คำว่า 調教 เทรนนิ่ง ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในเชิงการฝึกสัตว์)

 

ไม่แม้แต่กระทั่งสนใจต่อการประท้วงของฉัน เธอได้ขยับมือและวางลงบนหัวของฉัน นี่เธอกำลังลูบหัวฉันอยู่งั้นเหรอ!

 

“นี่ หยุดเลยนะ!”

 

“ผมของมาริกะนี่นุ่มจังเลยนะ เส้นผมเองก็หวีเรียบร้อยไปหมด เรื่องพวกนี้คงต้องใช้เวลาทำนานพอสมควรเลยสินะเนี่ย หืม”

 

“นั่นก็จริงอยู่ แต่ทำไมเธอถึงจะต้องมาจับเส้นผมของฉันกันด้วยเล่า!?”

 

“มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะเกลียดอะไรแบบนี้ซักหน่อยจริงไหม  มันก็แค่เป็นอะไรอย่างการลูบหัวปกติเบาๆแค่นั่นเอง แม้แต่เพื่อนก็ทำแบบนี้ด้วยกันได้ไม่ใช่รึไง”

 

“มันเป็นเพราะเธอเป็นคนที่แตะตัวฉันอยู่ต่างหาก เลยทำให้มันรู้สึกแปลกน่ะสิ!”

 

“หืม”

 

เหมือนเช่นเคย เธอไม่สนใจใยดีกับสิ่งที่ฉันพูดเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงลูบผมของฉันต่อไปโดยไม่ยั้งมือ

 

“รู้ไหม ฉันค่อนข้างมั่นใจพอควรเลยล่ะว่าจะสามารถทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนและเป็นประเภทใดก็ตาม ตกหลุมรักฉันได้ในตอนจบน่ะ”

 

“ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะพูดอะไรที่มันบ้ามากๆออกไปรึไง”

 

มันคงจะดีถ้ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่ด้วยความงดงามและความมั่นใจอันล้มหลามของเธอ ทำให้มันอาจไม่ได้เป็นเหมือนเรื่องฝันกลางวันอีกต่อไป ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าใช้มังงะที่อ่านมาเป็นตัวอ้างอิงล่ะก็ เธอน่าเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่า [ฝ่ายรุก] สินะ บ้าจริง ฉันเผลอดันไปจำคำศัพท์ไร้ประโยชน์พวกนี้มาซะได้

 

“ข้อตกลงของพวกเรามีกำหนดไว้อยู่ที่ 100 วัน ในช่วงหลังเลิกเรียนเท่านั้น ทำให้เวลาที่พวกเราได้เจอกันจำกัดอยู่เพียงแค่สองชั่วโมงจากช่วงเวลาหลังเลิกเรียนจนถึงเวลาอาหารเย็น ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงต้องเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะทำให้เธอตกหลุมรักฉันตามแผนที่ฉันวางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉันยังได้วางแผนอื่นไว้อีกหลายแผนและนี่ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในแผนการเหล่านั้นเท่านั้นเอง”

 

“เดี๋ยว ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งพูดอะไรที่เลวร้ายออกมาหรอกเหรอ แล้วแผนของเธอที่ว่านั้น…คือลูบผมของฉันงั้นเหรอ”

 

“ใช่แล้ว สำหรับการเริ่มต้น ฉันจะทำให้เธอเริ่มคุ้นเคยกับการสัมผัสเนื้อต้องกายก่อน เธอเองก็เป็นลูกคนเดียวนี่จริงไหม”

 

“นี่เธอไปสืบค้นแม้กระทั่งเรื่องนั้นเลยเรอะ น่ากลัวอะไรแบบนี้…”

 

“เรื่องนั้นมันก็จำเป็นละนะ ฉันอนุมานว่าปกติแล้วลูกคนเดียวจะมีพื้นที่ส่วนตัวที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้นในขณะที่เธอกำลังอ่านมังงะอยู่ ฉันจะทำการจำกัดพื้นที่ส่วนตัวของเธอให้แคบลงโดยการทำให้เธอเริ่มคุ้นเคยกับความอบอุ่นของร่างกายเอง”

 

สิ่งที่ฟุวะได้สืบค้นมาและทฤษฎีของเธอเป็นเรื่องจริง แต่ฉันไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับช่วงท้ายซักเท่าไหร่ละนะ ถึงอย่างนั้นฟุวะก็ดำเนินการตามแผนของเธอโดยการกอดฉันจากด้านหลัง ใกล้ มันจะใกล้เกินไปแล้ว อะไรกัน ฉันสามารถรู้สึกได้ถึงหน้าอกนุ่มๆของเธอที่กดลงบนหลังของฉันได้เลย

 

“ฉันไม่สามารถคงใจเย็นในสถานการณ์แบบนี้ได้หรอกนะ”

 

ฉันเป็นคนที่แย่ในเรื่องของการสัมผัสเนื้อตัวต้องตัวมาก และเมื่อคิดไปถึงเรื่องที่ฉันรับมือกับฟุวะได้แย่อยู่แล้ว นี่มันเหมือนกับโดนโจมตีสองต่อเลยไม่ใช่รึไง ยิ่งไปกว่านั้นประสาทรับกลิ่นของฉันยังดีกว่าของคนทั่วไป ทำให้มันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวไม่น้อยเมื่อฉันได้กลิ่นน้ำหอมแรงๆ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับฟุวะ ถึงจะรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็มีกลิ่นที่หอมและสดชื่นจนทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังล่องลอยไปทั่ว นี่มันจะทำให้ฉันอยู่ไม่สุขเกินไปแล้ว

 

“เดี๋ยวเธอก็จะคุ้นชินเองนั่นแหละ”

 

“มันน่าอึดอัดใจอยู่นิดหน่อยนะ ในตอนที่เธอพูดอะไรอย่างคำที่เหมือนตรงมาจากประสบการณ์จริงอะไรแบบนั้นเนี่ย”

 

“แค่อ่านมังงะต่อไปน่า เธอเป็นเด็กดีนี่จริงไหม มาริกะ”

 

“อย่ามากระซิบข้างหูฉันนะ!”

 

ในขณะที่ตัวสั่นสะท้านก็เป็นอีกครั้งที่ฉันได้วิ่งตรงไปยังมุมห้อง ฟุวะได้มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่เหมือนกับมองลงมายังแมวตัวน้อยน่าสงสารที่ยังไม่คุ้นเคยกับความอบอุ่นจากมนุษย์

 

เหลืออีก 99 วันก่อนจะจบศึกตัดสิน เวลาที่เหลืออยู่ยังอีกห่างไกลเหลือเกิน

 

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset