ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 427 รอยประทับ บงกชดำทองคำ

ตอนที่ 427 รอยประทับ บงกชดำทองคำ

เหยื่อสดใหม่ที่ยังไม่ทันได้ลิ้มลอง หากตายไปเสียอย่างนี้ ก็ช่างน่าเสียดาย  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการในสตรีผู้นี้คลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขา!  

 

 

พอคิดเช่นนี้ เยี่ยอิงก็ขยับร่างวูบหนึ่ง ทะยานออกจากกลุ่มระเบิดแสง คิดจะคว้าตัวตู๋กูซิงหลันออกมาจากไต้ฝุ่นหอบนั้น  

 

 

แต่แล้วกลับถูกมังกรดำขนาดยักษ์ขวางเอาไว้  

 

 

“ฝ่าบาท! องค์ราชินีทรงลงมือ ย่อมมีพระประสงค์ให้ตกตาย พระองค์ไม่ควรเข้าไปขัดขวาง!” ศีรษะที่ใหญ่โตของมังกรตัวนั้นก้มลงอยู่ตรงหน้าเขา  

 

 

เยี่ยเฉินมองไปทางหอสูง ก็สามารถมองเห็นหวาชางสุ่ยที่มีเส้นผมขาวหมดจรด เห็นในมือของนางเคลื่อนไหวไม่มีหยุด พัดเล่มนั้นโบกสะพัดลงไปอีกครั้ง  

 

 

เหล่ามังกรพาเยี่ยเฉินถอยหลบออกไป  

 

 

หากจะบอกว่าพลังของพัดแรกรุนแรงถึงขนาดทำลายเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลละก็ พลังจากพัดที่สองก็คงถึงขั้นกวาดล้างถล่มปฐพี ให้ทุกชีวิตกลายเป็นผุยผง  

 

 

ดวงตาของหวาชางสุ่ยมีแต่ความโกรธแค้นชิงชัง นางคิดไม่ถึงเลยว่า พัดแรกของตนเองโบกออกไปแล้ว เดรัจฉานนั่นจะยังมีชีวิตอยู่ได้  

 

 

พัดวายุโบกออกไป สมควรทำให้มันดับดิ้นสิ้นวิญญาณไปแล้ว  

 

 

นังเดรัจฉานนั่นมีใครปกป้องอยู่กัน นอกจากเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นแล้ว ก็มิได้บุบสลายเลยแม้แต่น้อย?  

 

 

พัดที่สองโบกมาถึงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  

 

 

ครั้งนี้ย่อมมีกำลังรุนแรงกว่าครั้งแรกอีกหลายเท่า  

 

 

ตู๋กูซิงหลันถูกจีเฉวียนบดบังอยู่ด้านหลัง นางเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเสื้อผ้าของเขาถูกกรีดจนขาดวิ่น ผิวหนังก็ถูกบาดจนเป็นแผล  

 

 

เลือดไหลออกมาจากผิวหนัง  

 

 

แต่สีหน้าของเขายังคงเยือกเย็น ทุกความเคลื่อนไหวของเขามีแต่ปกป้องนางอย่างเข้มแข็ง “ซิงซิงไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”  

 

 

เขาพูดพลางก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากในอก ผูกเอาไว้บนตาของตู๋กูซิงหลัน  

 

 

ฮ่องเต้ทรงถอดฉลองพระองค์ชั้นนอกที่ขาดวิ่นบนร่างออกมา คลุมลงไปบนร่างของนาง  

 

 

เรือนร่างได้รูปต้านทานอยู่ท่ามกลางสายลมคลุ้มคลั่ง ที่เป็นดั่งพันดาบกรีดบาดเข้ามา  

 

 

ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งเพียงไร ยามนี้ก็ยังถูกบาดจนโลหิตรินไหล  

 

 

หมอกสีดำที่เข้มข้นพวยพุ่งขึ้นมาจากในร่าง ดวงเนตรหงส์สีดำคู่นั้นย้อมไปด้วยเลือด จนเกิดเส้นสายสีแดงขึ้นมา  

 

 

พระองค์ประทับยืนอยู่เบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน ใช้หมอกสีดำในร่างรายล้อมนางเอาไว้  

 

 

ริมโอษฐ์ของจีเฉวียนยังคงเป็นสีม่วง พิษที่ได้รับก่อนหน้านี้ยังไม่ทันกำจัดออกไปได้หมด ย่อมส่งผลถึงพลังภายในร่างของพระองค์  

 

 

ยามนี้ พระองค์ประทับอยู่บนหลังของเมียเมียที่เคลื่อนไหวด้วยความยากลำบาก ในพระหัตถ์ถือดาบสีดำลายทอง สายพระเนตรจับจ้องไปทางหอสูง  

 

 

เมื่อสายพระเนตรนั้นมองไป ก็สบเข้ากับสายตาของหวาชางสุ่ยในทันที  

 

 

ความเย็นยะเยือกขุมหนึ่งทะลวงเข้าดุจสายลมที่คมกริบ ทำให้นางสะท้านจะแข็งไปทั้งร่าง  

 

 

หวาชางสุ่ยกุมพัดในมืออย่างแนบแน่น  

 

 

ทันทีที่ได้เห็นดวงตาคู่นั้น นางก็มั่นใจว่า ….บุรุษผู้นี้จะต้องเป็นคนของเผ่าหมิงอย่างแน่นอน!  

 

 

พลังในร่างของเขาแข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่แววตาก็สามารถทำให้ผู้อื่นสะท้านจนตัวแข็งได้แล้ว  

 

 

เผ่าหมิงสาปสูญหลังความวุ่นวายไปนับพันปีแล้ว แม้แต่สิบยมราชผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังถูกส่งไปยังมิติต่างๆ อยู่ๆก็ปรากฏบุรุษผู้นี้ขึ้นมา….เขาคือผู้ใดในเผ่าหมิงกัน?  

 

 

หนึ่งในสิบยมราชกระนั้นหรือ?  

 

 

ดูเหมือนจะไม่คล้าย  

 

 

จีเฉวียนเองก็ทอดพระเนตรเห็นหวาชางสุ่ยอย่างชัดเจน สายพระเนตรของพระองค์มืดครึ้ม กระชับดาบสีดำลายทองขึ้นมาท่ามกลางพายุ  

 

 

ทันใดนั้นรอบตัวดาบก็ปรากฏหมอกสีดำพวยพุ่งขึ้นมาเป็นชั้นๆ  

 

 

ท่ามกลายหมอกสีดำบังเกิดเสียงกรีดร้องและคำรามกึกก้อง โครงกระดูกขนาดภูเขาลูกย่อมๆจำนวนมากมายผุดขึ้นมา ต่างมุ่งหน้าไปทางหอสูง  

 

 

พอดีกับที่หวาชางสุ่ยโบกพัดครั้งที่สามออกมา  

 

 

พอคลื่นพายุกับโครงกระดูกปะทะกัน พื้นที่กว่าครึ่งของเผ่ามังกรทมิฬก็พังทะลายลงไป  

 

 

พายุพัดโหมใส่โครงกระดูกสีดำ ขณะเดียวกันโครงกระดูกเหล่านั้นก็ดูดกลืนพายุลงไป ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  

 

 

แรงปะทะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างรุนแรง ทำให้คนที่แม้อยู่ห่างไกลยังต้องตัวชาวาบ  

 

 

เหล่าชาวมังกรทมิฬที่อยู่ใกล้เกินไปต่างก็ได้รับผลกระทบกระทั่งเลือดออกเจ็ดทวาร จนต้องดับสิ้น  

 

 

กระดูกในร่างของพวกเขาถูกแรงบีบอันจนส่งเสียงลั่นกรอบๆ ทั้งที่มิได้สัมผัสกับแรงกดดันเหล่านั้นแม้แต่น้อย แต่ร่างก็เหมือนกันถูกบดขยี้จนแยกชิ้นส่วนไปแล้ว  

 

 

ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่ด้านหลังของจีเฉวียน มองเห็นแต่ร่องรอยบาดแผลมากมายที่ปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของเขา  

 

 

รอบดาบ รอยกระบี่ รอยแส้  

 

 

มีทั้งบาดแผลเก่า และบาดแผลใหม่  

 

 

บาดแผลจากแส้นั้นดูใหม่ที่สุด เกิดขึ้นจากตอนที่เขาปลอมตัวเป็นบุรุษบำเรอของนาง  

 

 

รอยดาบและกระบี่นั้นค่อนข้างนานมาแล้ว แต่ก็สามารถคาดคะเนได้เลยว่าตอนนั้นจะต้องเป็นแผลลึกถึงขนาดไหน ถึงได้ทำให้ทิ้งเป็นแผลเป็นบนร่างเอาไว้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้  

 

 

บาดแผลเหล่านี้ปรากฏขึ้นมา เพราะเส้นผมของเขาพัดพลิ้วขึ้นไปจนหมด ช่างบาดตายิ่งนัก  

 

 

ตู๋กูซิงหลันถูกเขาบดบังเอาไว้ด้านหลังจนหมด บนร่างยังมีหมอกดำจากร่างของเขาครอบคลุม หากเทียบกับเมื่อครู่ที่ถูกสายลมกรีดบาดย่อมดีกว่ามากแล้ว  

 

 

เพียงว่าตอนนี้ด้านหน้าเกิดอะไรขึ้นมา นางก็ไม่อาจเห็นชัด  

 

 

หมอกสีดำของเขาบดบังดวงตาของนาง สิ่งที่เห็นจึงมีแต่แผ่นหลังที่เลือนลางของเขาเท่านั้น  

 

 

เขาถอดเสื้อผ้าท่อนบนบนร่างจนหมด ช่วงเอวก็ยังถูกสายลมกรีดบาดเป็นแผล ตรงบริเวณบั้นเอวปรากฏตราประทับสีดำทอง  

 

 

นั้นเป็นบงกชดำทองดอกหนึ่ง  

 

 

ที่มีขนาดเล็กเพียงแมงมุมตัวน้อย  

 

 

หากเป็นยามปกติส่วนนั้นย่อมต้องถูกขอบกางเกงปิดบังเอาไว้ แม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะเคยได้เห็นร่างกายท่อนบนของเขามาหลายครั้งหลายคราว แต่ก็ไม่เคยเห็นบริเวณนั้นมาก่อน  

 

 

รอบประทับรูปดอกบัวสีดำทองรอยนั้น ทำเอานางถึงกับตื่นตะลึงจนชาวาบไปทั้งตัว  

 

 

แม้แต่วิญญาณทมิฬเองก็ตาค้างไปแล้ว  

 

 

“นี่มัน?”  

 

 

ต่อให้มันหลับฝันก็ยังไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้สุนัขจะมีรอยประทับเช่นนี้อยู่บนร่างได้!  

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูอยู่เนิ่นนานก็ยังพูดอะไรไม่ออก  

 

 

ในสมองของนางปรากฏโฉมหน้าที่งดงามของคนผู้หนึ่งขึ้นมา  

 

 

ใบหน้านั้นกลมกลืนเข้ากับใบหน้าของจีเฉวียนอย่างช้า กลายเป็นความคล้ายคลึงอย่างบ่งบอกไม่ถูก  

 

 

นางยื่นมือออกไป ปลายนิ้วที่เย็นจัดสัมผัสลงบนรอยประทับรูปดอกบัวบนบั้นเอวของจีเฉวียนอย่างแผ่วเบา  

 

 

แตะเพียงเล็กน้อย จมูกของนางก็รูปสึกแสบร้อนขึ้นมาในทันที  

 

 

“อา….จารย์…..”  

 

 

นางไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป น้ำเสียงที่สั่นสะท้านเอ่ยเรียกเขาขึ้นมา  

 

 

รอยประทับนี้…..นางเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต  

 

 

ทุกมุมทุกกลีบทุกรายละเอียดของมันล้วนจดจำได้โดยไม่มีผิดพลาด  

 

 

ในใต้หล้านี้ มีแต่ซื่อมั่ว ท่านอาจารย์ของนางเท่านั้นที่จะมีรอยประทับบงกชดำทอง  

 

 

ผู้อื่นผู้ใดล้วนไม่อาจลอกเลียบแบบได้!  

 

 

เสียงเรียกอาจารย์เพียงคำเดียว ทำให้จีเฉวียนที่กำลังต่อสู้อยู่ถึงกับเสียสมาธิไปชั่วขณะ  

 

 

สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือสองคำที่เอ่ยออกมาจากปากของตู๋กูซิงหลันนี้  

 

 

ในช่วงเวลาเช่นนี้….ผู้ที่นางคิดถึงก็คือซื่อมั่วผู้นั้น?  

 

 

บุรุษที่ประทับอยู่ในใจของนางอย่างลึกล้ำ!  

 

 

และเพราะขณะที่เสียสมาธิไปชั่ววูบ หวาชางสุ่ยก็โบกพัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง พลังที่รุนแรงพัดโหมมาอีกครั้ง จีเฉวียนใช้เนื้อหนังบนร่างกายบดบังเอาไว้ ไม่ให้พลังเหล่านั้นกระทบถูกตู๋กูซิงหลันไม่แต่น้อย  

 

 

ภยันตรายทั้งหมดทั้งมวลเขาจะรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว  

 

 

ชั่วขณะนั้น พลังจากพัดวายุโหมซัดใส่ร่างของจีเฉวียน  

 

 

ถึงอย่างไรร่างของเขาก็เป็นเลือดเนื้อ เมื่อถูกพายุระดับทำลายเมืองทั้งเมืองพัดโหมเข้าใส่ คนก็ตกจากหลังของเมียเมีย หล่นลงไปยังเบื้องล่าง  

 

 

ราวกับใบไม้เก่าที่เหลืองกรอบ ปลิดปลิวไปตามแรงลมอย่างหมดสิ้นชีวิต  

 

 

ใต้ร่างของเขา คือความมืดมิดที่ไร้ก้นบึ้ง แม้มองลงไปก็ไร้ขอบเขต  

 

 

หมอกสีดำที่ครอบคลุมอยู่บนร่างจางหายไปอย่างรวดเร็ว ตู๋กูซิงหลันไม่ครุ่นคิดอะไรทั้งสิ้น นางสะกิดปลายเท้าทุ่มเทกำลังทั้งหมดไล่ตามลงไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

ร่างของนางเหมือนดั่งผีเสื้อตัวน้อยที่พุ่งเข้าหากองไฟ ถึงแม้เบื้องหน้าคืออันตรายที่ไม่อาจคาดคะเนได้ นางก็ยังติดตามไป  

 

 

ขณะที่เห็นว่าร่างทั้งร่างของเขากำลังร่วงลงไปในความมืดมิดที่ไร้ก้นบึ่งนั้น ปลายนิ้วของนางคว้าชายผ้าที่ขากางเกงของจีเฉวียนเอาไว้ได้แล้ว   

 

 

………………………………………..  

 

 

 

 

 

ไรท์ “ใครเตะปลั๊ก! ขอไฟฉายด่วน!”  

 

 

ตอนต่อไป “ราวกับผีเสื้อที่ร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึก”  

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-220


คำโปรย 

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา  

ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร  

Options

not work with dark mode
Reset