ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 162 มารหนุ่ม

ตอนที่ 162 มารหนุ่ม

ริมฝีปากแดงสดคู่นั้นขยับ “นี่ต้องดูว่าเจ้ามีฝีมือเหมือนกันหรือไม่” 

 

 

พอสิ้นเสียง ยันต์สีแดงแผ่นหนึ่งก็ถูกนางเขวี้ยงออกไปในทันที ยันต์สีแดงสำแดงฤทธิ์ รอบด้านก็พลันตกอยู่ในความมืดครึ้ม 

 

 

สายลมหนาวพัดโหม เสียงภูติผีพากันร่ำร้อง 

 

 

ที่เบื้องหน้าของชายชุดดำปรากฎหมอกสีดำชั้นหนึ่ง ในใจกลางหมอกนั้นคล้ายกับว่าจะมีเงาร่างสีแดงดุจเลือดมากมายอยู่ 

 

 

ที่ใต้เท้าของเขาบังเกิดเกิดแผ่นดินขยับ พอก้มลงไปมอง ก็เห็นมือขาวซีดเปลือยเปล่าคู่หนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นดิน คว้ากุมขาของเขาเอาไว้ 

 

 

เล็บที่ยืดยาวนั้นจิกเข้าไปในผิวเนื้อของเขา 

 

 

ใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นมิได้แตกตื่นสนใจ เพียงยกฝ่าเท้าขึ้นก็เหยียบขยี้มือซีดขาวจนแหลก 

 

 

เขาส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมาครั้งหนึ่ง ทำให้เงาสีแดงที่อยู่รอบตัวตระหนกขึ้นมา เสียงกรีดร้องก็เบาบางลงจนแทบจะกลับไปเช่นเดิม 

 

 

นั้นเป็น……..พลังธาตุหยินที่รุนแรงยิ่งกว่าพวกมันมากมายนัก 

 

 

ภูติผีล้วนหวาดกลัวพลังที่แข็งแกร่งกว่าตนเองโดยธรรมชาติ พลังที่อีกฝ่ายกดดันออกมา ทำให้พวกมันล้วนไม่กล้าขยับ 

 

 

คนชุดดำจับจ้องไปยังจุดที่ตู๋กูซิงหลันอยู่เมื่อครู่ กล่าวเสียงเยือกเย็นออกมาคำหนึ่ง ” นกน้อยซ่อนตนในบุปผา” 

 

 

พอพูดจบมือใหญ่โตก็ขยับทันที แส้เหล็กในฝ่ามือบินออกไป พุ่งเข้าใส่ในทิศทางที่ต้องการค้นหาตู๋กูซิงหลันอย่างแม่นยำ 

 

 

ความรวดเร็วปาดสายฟ้านี้ ไม่เหลือช่องวางให้ผู้ใดได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย 

 

 

แม้ตู๋กูซิงหลันจะพลิกหลบอย่างรวดเร็ว แต่หัวไหล่ก็ยังคงถูกฉีกขาดจนเลือดไหลเป็นทาง 

 

 

” เจ้าตัวนี้ช่างโหดเ**้ยมดีเสียจริง มันไม่กลัวภูติผีวิญาณร้ายก็ยังแล้วไป แต่ว่ามันกลับสามารถหาตำแหน่งของเจ้าเจอจากค่ายกลลับได้ นี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่? 

 

 

วิญญาณทมิฬเองก็งงงันไป มันเริ่มขบเขี้ยวด้วยความตื่นเต้น กางกรงเล็บออกมาขูดพื้นราวกับสุนัข 

 

 

หากว่าได้รับอนุญาตเมื่อไหร่ มันก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าไปกัดสักคำสองคำ 

 

 

แต่ว่ามันก็ยังไม่ขยับตัว 

 

 

ท่อนแขนของตู๋กูซิงหลันชุ่มโชกไปด้วยเลือด บาดแผลเริ่มเจ็บปวด เพียงแค่นางขยับเท้าเล็กน้อย ก็รู้สึกเหน็บชาไปทั่วร่าง ราวกับว่ามีฝูงมดนับพันนับหมื่นไต่ลงไปในบาดแผล เข้าไปรวมตัวกันอยู่ตามเส้นโลหิต ความรู้สึกทรมานไร้ที่เปรียบนี้ ทำเอานางหายใจไม่ออก 

 

 

พี่ใหญ่………โดยพิษเช่นนี้เอง 

 

 

นางไม่ทันคิดว่าแส้ของอีกฝ่ายจะมีพิษ 

 

 

” หากว่าข้าเป็นเจ้า จะยอมตายอยู่เสียที่นี่ อย่างน้อยจะได้มีศพที่สมบูรณ์ ” คราวนี้ คนชุดดำหัวเราะเสียงเย็นออกมา 

 

 

ทั่วทั้งร่างของเขามีแต่ไอหยินกระจายออกมา แส้ที่โบกสะบัดอยู่ในมือราวกับเคียวแห่งความตาย แต่ละแส้ที่พาดออกมาล้วนพุ่งเข้าตู๋กูซิงหลันอย่างประสงค์ร้าย 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังคงยืนอยู่ที่เดิม วิญญาณทมิฬขวางอยู่เบื้องหน้านาง น่าเสียดายที่มันมีแค่ร่างจิต ถึงแปลงเป็งร่างหมาป่าก็ยังมีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ จะปกป้องหรือกำบังอะไรก็ไม่ได้ 

 

 

หากยามนี้จะให้มันกรีดเลือดที่ก้นมาแก้พิษให้ตู๋กูซิงหลัน ก็ดูจะไม่ทันการเสียแล้ว 

 

 

แส้ที่โหดร้ายนั่นพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ตู๋กูซิงหลันได้แต่กัดฟัน พลิกมือตะปบแส้ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดรั้งแส้นั้นเอาไว้ จนมันถูกขึงเป็นเส้นตรงและเริ่มเกิดรอยฉีกขาด 

 

 

คนชุดดำตกตะลึงไปพักหนึ่ง น่าเสียงดายที่ตู๋กูซิงหลันใส่หน้ากากเอาไว้ชั้นหนึ่ง เขาจึงไม่อาจเห็นรูปโฉมของนาง 

 

 

แส้เหล็กรูดผ่านใจกลางฝ่ามือของนาง โลหิตมากมายไหลนองอย่างน่ากลัว 

 

 

ดวงตาที่เปล่งประกายของนางจับจ้องคนชุดดำ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่มนุษย์ เช่นนั้นเรากันมาใช้วิธีของคนตายจัดการกันดีกว่า” 

 

 

โลหิตสีแดงย้อมแส้เหล็กของเขา ทันใดนั้นตู๋กูซิงหลันก็หลับตาลง ริมฝีปากร่ายคาถาออกมา ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยหมอกชั้นหนึ่ง ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะพวยพุ่งออกมาจากร่างของนาง 

 

 

วิญญาณทมิฬตระหนกจนแทบจะร่ำร้องอย่างโหยหวน “อ้ายหย่า สวรรค์ทรงโปรด ลูกพี่ อย่าได้วู่วาม! “ 

 

 

คนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง พลังในการต่อสู้ด้วยชีวิตช่างระห่ำไปแล้ว 

 

 

นางต้องการจะแยกร่างจิตของตนเองออกจากร่างเนื้อ คิดจะใช้ดวงจิตเข้าต่อสู้หรือ? หากว่าเกิดผิดผลาดขึ้นมา มีหวังดวงวิญญาญต้องแตกสลายนะลูกพี่! 

 

 

สำหรับตู๋กูซิงหลันแล้ว ร่างของเจ้าของเดิมนี้ทางหนึ่งคือที่สถิตดวงจิตของนาง อีกทางคือสิ่งที่กักขังนางเอาไว้ 

 

 

หากหลุดพ้นจากการกักขังนี้ ต่อให้นางเป็นเพียงแค่ดวงจิต เจ้าของเล่นที่อยู่เบื้องหน้านี้ ก็มีแต่ต้องถูกสับจนแหลกเท่านั้น 

 

 

แต่นี่มันเสี่ยงเกินไปแล้ว วิญญาณทมิฬทั้งหวาดกลัวทั้งยำเกรง 

 

 

” พวกเราพูดกันดีๆ เถอะ อย่าได้วู่วาม ของร้องเจ้าแล้ว” วิญญาณทมิฬแทบร้องไห้ออกมา มันกับตู๋กูซิงหลันผูกพันด้วยสัญญาเป็นตาย หากว่าลูกพี่ผู้นี้ดับสิ้นไปแล้ว มันก็มีแต่ต้องสลายไปด้วย 

 

 

ในทางตรงกันข้าม หากว่ามันตาย ตู๋กูซิงหลันก็เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น นี่เป็นความไม่ยุติธรรมข้อหนึ่งในสัญญาที่ผูกพันนี้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิได้สนใจมัน ดวงจิตในร่างเนื้อกำลังขยับเขยื้อน บนหน้าผากของร่างจิตมีตราประทับสีดำสีดำอยู่ นั่นคือส่วนหนึ่งของหยกสรรพชีวิต 

 

 

ยามที่นางได้รับหยกนั้นกลับคืนมา มันก็ประทับร่างลงบนดวงจิตของนางแล้ว 

 

 

ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับเหล่าปีศาจ คนเช่นตู๋กูซิงหลันมีแต่สู้ตายอยู่แล้ว นางไม่เคยหวาดกลัวตายมาก่อน 

 

 

เมื่อต้องเผชิญกับพวกนี่ มันชัดเจนเลยว่าไม่ใช่สิ่งที่ร่างเนื้อของนางจะต้านทานได้ 

 

 

คนชุดดำที่อยู่ตรงข้ามตกตะลึงไป มันไม่ยอมให้เวลวาตู๋กูซิงหลันแม้แต่น้อย ก็กระชากแส้ของตนเองกลับไป โห่ร้องคำหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ตัวนาง 

 

 

เปลือกตาของตู๋กูซิงหลันเต็มไปด้วยฝอยโลหิต ดวงจิตที่แข็งแกร่งกำลังแยกออกจากร่าง 

 

 

ทันใดนั้น เงาสีแดงร่างหนึ่งก็โบยบินเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าของตู๋กูซิงหลันกลายเป็นว่างเปล่า นางยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นผู้ใด ก็ถูกคนผู้นั้นโอบอุ้มเข้าไปในอ้อมอก ใต้เท้าของคนผู้นั้นบังเกิดสายลม เพียงไม่กี่ก้าวกระโดดก็พานางหลบหนีออกมาจากถนนทิศเหนือ 

 

 

เส้นผมที่เย็นฉ่ำของเขาพลิ้วผ่านใบหน้าของนาง จนทำให้คันนิดๆ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นคนผู้นั้นหนุ่มแน่นงดงามดุจปีศาจ ริมฝีปากแดงฉ่ำราวอาบเลือด ดวงตาดำดั่งน้ำหมึก สง่างามดั่งมารร้าย 

 

 

เพียงแต่รูปลักษณ์เช่นนี้ คล้ายกับคนผู้หนึ่งเหลือเกิน 

 

 

บุรุษหนุ่มผู้นั้นไม่กล่าววาจา เพียงโอบอุ้มนางโผบินไปตลอดทาง จากถนนหลักทิศเหนือ มุ่งสู่ถนนหลักทิศตะวันตก หลีกเร้นผู้คนไปตลอดทาง 

 

 

ร่างเนื้อและดวงจิตของตู๋กูซิงหลันกำลังแบ่งแยกไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกสกัดขวางอย่างกระทันหัน ทำเอานางแทบจะกระอักโลหิตออกมา อีกทั้งยังโดนพิษบนแส้ของคนผู้นั้น ตลอดร่างจึงอ่อนปวกเปียก สิ้นไร้เรี่ยวแรง 

 

 

ได้แต่ยอมให้บุรุษหนุ่มที่งามดังมารร้ายผู้นี้โอบอุ้มไป 

 

 

บุรุษหนุ่มโอบอุ้มนางไปถึงจวนที่สวยงามหลังหนึ่ง ก็พลิกตัวปีนกำแพงเข้าไป หลบลี้เข้าไปในห้องหับหลังหนึ่ง พอวางร่างนางลงบนเตียงได้ก็รีบปิดประตูให้สนิท 

 

 

จากนั้นก็เดินมาที่ข้างกายนาง ดวงตาที่งดงามดุจดวงตาของจิ้งจอกคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความร้อนรนและกังวลใจ ” เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? “ 

 

 

หน้ากากของตู๋กูซิงหลันแตกไปครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้สีเลือด ซีดขาว กระทั่งริมฝีปากก็ม่วงคล้ำ 

 

 

เพียงแต่นางพยายามฝืนร่างกายเอาไว้ ดวงตาจับจ้องบุรุษหนุ่มอย่างไม่คลาดเคลื่อน 

 

 

บุรุษหนุ่มสวมชุดแดงที่ร้อนแรงตลอดร่าง เส้นผมที่ยาวสวยถูกมัดสูงเป็นหางม้า ปอยผมสองข้างแนบกับใบหน้า ดวงตาจิ้งจอกทอประกาย ยามที่เขาไม่กล่าววาจา ก็คล้ายกับว่าจะมีรอบยิ้มบางๆ ที่น่าหลงใหลประดับอยู่เสมอ 

 

 

รูปลักษณ์ที่ไม่แบ่งแยกชายหญิงเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเขามีน้ำเสียงของบุรุษ ตู๋กูซิงหลันคงจะต้องสงสัยในสภาพเพศของเขาแน่แล้ว 

 

 

” ขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตของข้า แต่ข้าคิดว่าตนเองมีปัญหาใหญ่แล้ว คงยากที่จะช่วยเอาไว้ได้ ” ตู๋กูซิงหลันนอนอยู่บนเตียง ราวกับตัวหนอนที่ไร้กระดูดตัวหนึ่ง 

 

 

สีหน้าของบุรุษหนุ่มยิ่งร้อนรน ” เจ้าเป็นเพียงสาวน้อยนางหนึ่ง วิ่งเข้าไปต่อยตีกับตัวประหลาดนั่นทำไม? ตอนนี้รู้จักเจ็บจักปวดขึ้นมาแล้วหรือ? “ 

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะต่อว่า แต่ก็ล้วงเอายาสีขาวเม็ดหนึ่งออกมาจากในอก ป้อนให้นางด้วยตนเอง 

 

 

พอกลืนยาเม็กนั้นลงไป ทั่วทั้งร่างของตู๋กูซิงหลันก็เบาสบายขึ้นมาก สีม่วงบนริมฝีปากค่อยๆ จางหายไป 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-220


คำโปรย 

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา  

ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร  

Options

not work with dark mode
Reset