ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 144 ข้ารู้จักเจ้าก่อนจีเย่ว์เสียอีก

ตอนที่ 144 ข้ารู้จักเจ้าก่อนจีเย่ว์เสียอีก

“เสี่ยวซูเฟย เจ้าไม่ไปเกาะแกะฝ่าบาท แต่มาตามติดข้ายังงั้นหรือ? ” ตู๋กูซิงหลันมองใบหน้าสาวน้อยที่อ่อนเยาว์ แล้วก็อดที่จะขนลุกขึ้นมาอย่างแปลกๆ ไม่ได้

 

 

บรรยากาศเช่นนี้ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องกันนะ?

 

 

ชาติก่อนนางก็ไม่ได้มีเพื่อนหญิงที่กุ๊กกิ๊กสนิทสนมกัน จึงไม่ค่อยจะรู้ว่าพวกสาวๆ เขาทำอะไรกันบ้าง

 

 

คงจะเป็น จับมือควงกัน เอาหัวพิงบ่า ทำเสียงงุ้งงิ้งๆ กันใช่ไหม?

 

 

ซูเฟยถูกนางถามเสียจนชะงักไป ” อ๋า? ” ทำไมนางจะต้องไปเกาะแกะฮ่องเต้ด้วย?

 

 

” เจ้ามาที่ตำหนักตี้หัวไม่ใช่เพื่อมาหาฝ่าบาทหรือ? ” ตู๋กูซิงหลันพูดพลางก็เงยหน้าขึ้นไปมองดูระเบียงบนพระตำหนักตี้หัวไปด้วย

 

 

เมื่อมองขึ้นไป ก็พอดีสบตากับอันหว่านจือที่มองจ้องมา

 

 

ซูเม่ยกอดแขนของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “อาหลัน ข้าจะไปหาเจ้าต่างหาก “

 

 

ว่าแล้วนางก็ค้อนควักใส่ด้วยความผิดหวัง ” เจ้าอยากให้ข้าไปหาฝ่าบาทมากนักหรือไง? “

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “………” ไม่ใช่หรือ เจ้าทำท่าผิดหวังทำไม? ไปหาฮ่องเต้เป็นหน้าที่ของเจ้านี่น่า! เจ้าเป็นกุ้ยเฟยมิใช่หรอ คุณพี่ซู!

 

 

ซูเม่ยน้อยใจยิ่งนัก “พวกเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ที่จริงแล้ว….ข้ารู้จักเจ้าก่อนจีเย่ว์เสียอีก”

 

 

ดูๆๆ อยู่ดีๆ จะไปพูดถึงจีเย่ว์ขึ้นมาทำไม?

 

 

คนก็ถูกเอาไปปล่อยทิ้งไว้ถึงซีเหลียงโน้นแล้ว ขอร้องพวกเจ้าปล่อยจีเย่ว์ไปเถอะ

 

 

“ตอนที่เจ้ายังเป็นเด็กทารก ข้าก็เคยอุ้มเจ้าด้วยตนเอง ” ซูเม่ยพูดต่อไป เสียงของนางทั้งห้าวทั้งน่าจักกระจี้ เมื่อเป่าอยู่ที่ข้างหูของตู๋กูซิงหลัน ก็ทำเอากระดูกทั่วร่างของตนคันยุบยิบไปหมด

 

 

แต่ว่ากลับต้องยอมทนให้นางเป่าลมหายใจเข้าหูตนเองต่อไป “หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าแต่งให้กับอดีตฮ่องเต้ ข้าก็คงไม่ยอมเข้าวังมาแน่”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “??? “

 

 

ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศนี้ยิ่งทียิ่งแปลกๆ ไปแล้ว?

 

 

ซูเม่ย พึ่งจะอายุสิบแปดสิบเก้าปีเองไม่ใช่หรือ?

 

 

………………………….

 

 

ในพระตำหนักตี้หัว จีเฉวียนพักผ่อนงีบไปครู่หนึ่ง เขาฝันไป ฝันเห็นตู๋กูซิงหลัน ฝันเห็นภาพวันที่เขาจูบวันนั้น

 

 

จูบที่อยู่ในความฝันนั้นยังลึกซึ้งยิ่งกว่าวันนั้นเสียอีก ยังนานกว่าด้วย ที่จริงแล้ว……ก็เป็นภาพที่ไม่ค่อยจะเหมือนจริงสักเท่าไหร่

 

 

จนกระทั้งยามที่เขาตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่ากางเกงของตนเองอยู่ๆ ก็สีเข้มขึ้นมาแถบหนึ่ง

 

 

จีเฉวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้นอน นวดคลึงขมับ…..ท่ามกลางฤดูหนาวแท้ๆ เขากลับล้างหน้าด้วยน้ำเย็น แถมยังแช่มือทั้งสองข้างลงในน้ำปนน้ำแข็งที่เย็นจัดอีกด้วย หลังจากที่แช่อยู่พักใหญ่ กระทั่งความเย็นยะเยือกนั้นแทรกซึมไปถึงกระดูก เขาถึงได้ยกมือที่แดงก่ำคู่นั้นออกมา

 

 

หยวนเฟยที่ทำงานผลัดวันประกันพรุ่งผู้นั้น นานจนป่านนี้แล้วก็ยังหาตัวหมอผีไม่ได้สักคน เกรงว่าแม้แต่เงินเดือนของปีถัดไปก็คงจะไม่ต้องการแล้ว

 

 

พอได้ยินว่าที่ด้านนอกมีเสียง เขาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านชุดหนึ่งแล้วก็เดินออกไป พอพึ่งจะเดินถึงระเบียงของตำหนักตี้หัว ก็มองเห็นว่าบนพื้นหิมะนั้นมีสตรีเยาว์วัยสองคนในชุดแดงและชุดเขียวกำลังโอบกอดกันอย่างสนิมสนม

 

 

ท่ามกลางหิมะตกหนักโปรยปราย ทั้งสองคนกลับไม่ถือร่มเอาไว้ ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะเช่นนั้นโดยไม่สนใจสายตาผู้ใด

 

 

ภายใต้แสงจันทราสาดส่อง เหตุการณ์เบื้องหน้าคล้ายดังภาพวาดใบหนึ่ง

 

 

คราวนี้ซูเม่ยไปกันใหญ่แล้ว สองมือของนางโอบเอวของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ กระซิบอยู่ที่ริมหูของนางเบาๆ ว่า ” อาหลัน นับตั้งแต่เจ้าเกิดมา ข้าก็จ้องเจ้าเอาไว้แล้ว มันเหมือนกับว่าข้ารอเจ้ามานานแล้ว “

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “!!! “

 

 

” ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าชอบเจ้าเข้าแล้ว คล้ายกับว่าพึ่งจะรู้จักเจ้า และก็เหมือนกับว่ารู้จักเจ้ามานานแล้ว”

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง นางรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนกลั่นแกล้งเข้าแล้ว

 

 

จริงๆ นะ ที่ผ่านมามีแต่นางคอยกลั่นแกล้งผู้อื่น

 

 

นางกลืนน้ำลายลงไปเงียบๆ คำหนึ่ง พลิกมือคิดจะหลบหลีกปลายคางของนาง พอยกมือขึ้นมาบัง ก็ถูกซูเม่ยคว้าเอาไว้ท่ามกลางลานกว้างเช่นนี้ มือของนางข้างหนึ่งคว้ามือตู๋กูซิงหลัน มืออีกข้างก็โอบเอวนาง จากนั้นก็จูบหนักๆ ลงไปบนแก้มของนางครั้งหนึ่ง

 

 

สีผึ้งที่สดเข้มบนริมฝีปากประทับลงบนใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน จนเห็นได้อย่างชัดเจน

 

 

ตู๋กูซิงหลันถูกนางจูบจนตะลึงไปแล้ว ซูเม่ยก็ยินดีจนหัวเราะออกมา “อาหลัน ข้ายิ่งได้เห็นเจ้ายิ่งรู้สึกว่าน่ารักใหญ่แล้ว”

 

 

ก่อนหน้านี้มีจีเย่ว์คอยขวางทางอยู่ คอยแต่จะทำตัวใกล้ชิดเกาะติดกับอาหลัน นางจึงไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย ยามนี้ไม่มีหินขวางเท้านั่นแล้ว หากนางคิดจะจูบอาหลันก็จูบได้เลยมิใช่หรือ?

 

 

ที่จริงแล้วพอโตขึ้นมา จำนวนครั้งที่นางและอาหลันได้พบหน้ากันก็น้อยลงไปมาก เนื่องเพราะองค์ชายที่ทั้งสองตระกูลสนับสนุนไม่เหมือนกัน เมื่อยืนอยู่กันคนละฝ่าย ต่อให้นางคิดจะเจออาหลันก็ได้แต่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ

 

 

พอเข้าวังมาแล้ว ก็เพราะเหตุนี้ทำให้นางต้องเดินทางไปเขาจงหลิงมารอบหนึ่ง

 

 

ยามนี้ดีแล้ว นางกลับมาแล้ว ต่อไปก็สามารถจะอยู่กับอาหลันได้ตลอดเวลา

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ ซูเม่ยก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ พอมองดูตู๋กูซิงหลันที่เตี้ยกว่าตนเองอยู่ครึ่งศีรษะ ก็อดที่อยากจับนางมาหมุนๆ ไปรอบๆ ไม่ได้

 

 

อันหว่านจือมองดูอยู่บนระเบียง ก็รู้สึกว่าสตรีทั้งสองทำตัวประหลาดนัก อยู่บนลานกว้างท่ามกลางสายตาผู้อื่นแท้ๆ กลับทำอะไรประเจิดประเจ้อ!

 

 

นางหัวเราะเย้ยหยันออกมาดังๆ ” เย้ยฟ้าท้าดินนัก! “

 

 

พูดไปไม่ทันขาดคำ นางก็รู้สึกว่าที่ด้านหลังมีไอเย็นหอบหนึ่งพัดเข้ามา พอนางหันกลับไป ก็เห็นฝ่าบาทเดินออกมาด้วยสีพระพักตร์ที่เย็นชา สีหน้านั้นคล้ายดั่งกับว่าผู้คนทั่งโลกต่างติดค้างพระองค์ จนพระองค์คิดอยากจะเผาทำลายโลกเสียอย่างนั้น

 

 

อันหว่านจือตระหนกเสียจนต้องถอยหลังไปอีกด้านหนึ่ง “ฝ่าบาท ไทเฮากับซูเม่ยเอาแต่กอดรัดกันไปมาอยู่อย่างนี้ บ่าวห้ามอย่างไรก็ไม่ยอมฟังเพคะ”

 

 

เพราะเกรงว่าน้ำมันที่สาดลงบนไฟนี้จะไม่แรงพอ อันหว่านจือก็รีบพูดต่ออีกว่า “เป็นถึงไทเฮาและกุ้ยเฟยของแคว้นหนึ่ง กลับแสดงออกเช่นนี้ที่หน้าพระตำหนักของฝ่าบาท ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย มีแต่รู้จักทำให้ฝ่าบาทขายพระพักตร์ “

 

 

“ฝ่าบาทควรที่จะ….”

 

 

นางพูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินจีเฉวียนตรัสเสียงเย็นเฉียบว่า “หุบปาก”

 

 

อันหว่านจือทั้งน้อยใจทั้งหวาดกลัว นางอ้าปากค้าง สุดท้ายก็กลืนคำพูดที่ยังกล่าวไม่จบสิ้นนั้นลงไป

 

 

ที่นางพูดออกมาล้วนแต่เป็นความจริง ไยฝ่าบาทถึงได้มาลงเอากับนางกันนะ?

 

 

หลายวันนี้นางปรนนิบัติอยู่ข้างพระวรกายมาตลอด ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะมิได้ให้ความสนิทสนมกับนาง แต่ก็ไม่เคยจะตวาดใส่นางเช่นนี้มาก่อน

 

 

อันหว่าจรือมองดูสตรีทั้งสองคนด้วยสายตาเคียดแค้น จะต้องเป็นเพราะว่าพวกนาง ฝ่าบาทถึงได้ทรงปฎิบัติต่อนางเช่นนี้!

 

 

นางอดที่จะกำหมัดของตนเองให้แน่นเข้าไม่ได้

 

 

ท่ามกลางหิมะ ตู๋กูซิงหลันและซูเม่ยต่างก็มองเห็นฮ่องเต้ที่อยู่บนระเบียงแล้ว

 

 

สีหน้าของตู๋กูซิงหลันสงบราบเรียบ แต่ดวงตาของซูเม่ยกลับปรากฎแววที่ถูกรบกวนแต่ว่าไม่อาจพูดได้ขึ้นมา

 

 

จีเฉวียนทอดพระเนตรมองพวกนางด้วยสายพระเนตรเย็นเฉียบอยู่ครู่ใหญ่ พอเห็นหน้าของตู๋กูซิงหลัน ในสมองของเขาอยู่ก็เกิดภาพที่จูบกันวันนั้นขึ้นมา แล้วยังจะมีความฝันเมื่อบ่ายนี้อีก ความรู้สึกที่พึ่งจะใช้น้ำเย็นกดลงไปอย่างไม่ง่ายนั้นก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก

 

 

ทำให้เขาฮึดฮัดขึ้นมา คิดจะจับตัวตู๋กูซิงหลันกลับมา สั่งสอนนางอย่างหนักแน่นสักรอบหนึ่ง

 

 

แต่เพราะได้เห็นสีหน้าที่เรียบนิ่งของนาง ทำให้ชื่อที่มารออยู่บนริมฝีปากของเขา เปลี่ยนเป็นซูเม่ยไป

 

 

” เจ้ามาหาเราที่นี่”

 

 

ซูเม่ยถูกเรียกชื่อขึ้นมา ก็รู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งร่าง

 

 

” เราเรียกเจ้าแล้วไม่มาหรอกหรือ? ” สีพระพักตร์ของจีเฉวียนยิ่งคล้ำลง ความโกรธกริ้วที่อดทนเอาไว้ยิ่งใกล้จะระเบิดออกมา

 

 

คราวนี้ซูเม่ยถึงค่อยปล่อยตู๋กูซิงหลันอย่างแสนเสียดาย เดินขึ้นมาบนระเบียงทีละก้าว พอเดินถึงข้างกายของเขา ก็ถวายคำนับลงไปครั้งหนึ่ง “ถวายพระพรฝ่าบาท”

 

 

ซูเม่ยยืนอยู่ข้างๆ จีเฉวียน ก็เตี้ยกว่าพระองค์เพียงแค่ครึ่งศีรษะเท่านั้น

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-220


คำโปรย 

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา  

ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร  

Options

not work with dark mode
Reset