ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1090 พระชายา

ตอนที่ 1090 พระชายา

ตอนที่ 1090 พระชายา

ท่ามกลางฟ้าดินมีแต่ความมืดมิด มีเพียงนาฬิกาไร้กาลเวลาเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างประกายศักดิ์สิทธิ์แวววาว!

สายลมพัดผ่าน โบกสะบัดชายเสื้อของฉู่หลิวเยว่

เมื่อมองไปยังสัญลักษณ์ไม่สมบูรณ์ที่อยู่บนนาฬิกาไร้กาลเวลาจางหายไปแล้ว ก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในหัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็เหมือนถูกยกออก

“ฟู่ว…”

ค่อยยังชั่ว!

ในที่สุดก็สามารถหยุดได้ในตอนสุดท้าย!

ฉู่หลิวเยว่ลอบรู้สึกดีใจ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เข็มจะชี้ไปที่ตัวเลข “สิบสอง”!

ยังดีที่นางดึงเอาไว้ทันเวลา…

หากทุกคนรู้ความคิดของนางในตอนนี้ เกรงว่าจะต้องกระอักเลือดออกมาสามครั้ง

ทุกคนต้องการให้เข็มนั้นก้าวไปข้างหน้ามากสักก้าวสองก้าว แต่นางนั้นกลับกลัวว่าเข็มจะก้าวไปข้างหน้ามากเกินไป จึงต้องรีบขวางเอาไว้!

ฉู่หลิวเยว่ถอนมือออก

แสงที่อยู่บนนาฬิกาไร้กาลเวลาหม่นลง

ท่ามกลางสายตาของคนนับไม่ถ้วน นาฬิกาไร้กาลเวลาค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า

บนยอดเขานั้นเหลือเพียงแสงคบเพลิงที่ยังคงส่องสว่าง และสะท้อนเงาร่างของแม่นางคนนั้นอยู่

แผ่นหลังเหยียดตรง รูปร่างบางระหง เส้นผมและเสื้อผ้าปลิวไสว!

นางหมุนตัวกลับแล้วก็กระโดดขึ้นไปบนสะพานที่สร้างด้วยลำแสงสีทอง

การก้าวย่างมั่นคง ท่าทางงดงาม

ชั่วพริบตาเดียวนางก็เดินทางมาถึงตำหนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว

นางกระโดดลงมาจากบนนั้น

หรงซิวสะบัดชายเสื้อหนึ่งครั้ง ลำแสงที่เป็นสะพานนั้นได้กลายเป็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน

ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เหมือนว่าแม่นางคนนั้นออกมาจากประกายจำนวนมากมาย นางเดินเข้าไปหาหรงซิว พร้อมรอยยิ้มที่สดใส

“เป็นอย่างใดบ้าง พอใจกับผลลัพธ์นี้หรือไม่?”

หรงซิวมองหน้านาง แววตาลึกล้ำ ริมฝีปากบางเฉียบ จากนั้นค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างช้าๆ

“แน่นอนว่าเยว่เอ๋อดีที่สุด”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นนางถึงตระหนักว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบไป

นางชะงักไปเล็กน้อย แล้วหันมองคนรอบข้าง นางกะพริบตาอย่างสงสัย แต่พวกเขากลับมองมาที่นางด้วยใบหน้าตกใจ

คือว่า…พวกเขาโดนตัวเลข “สิบเอ็ด” ทำให้ตะลึงค้างไปแล้วหรือ?

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ในใจ

อย่างใดก็ตามในขณะนั้น หลินเทียนเฟิงกลับพูดพึมพำออกเสียงว่า

“คุณหนู คุณหนูตู๋กู เจ้า ใบหน้าของเจ้า…”

หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ รีบลูบใบหน้าของตนเอง

เรียบเนียนละเอียดอ่อน

นั่นมัน…ใบหน้าที่แท้จริงของนาง!

ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นก็มองไปทางหรงซิว แต่หรงซิวกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“สวมหน้ากากตลอดแบบนั้นเจ้าไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือ?”

ที่แท้หน้ากากของนางก็หลุดไปแล้วจริงๆ!

สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ก็คือ ความจริงแล้วตอนที่เข็มนาฬิกาชี้ไปที่ตัวเลข “สิบ” หน้ากากบนใบหน้าของนางก็หายไปอย่างไร้เสียงแล้ว

แต่ในตอนนั้นนางทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่นาฬิกาไร้กาลเวลา ดังนั้นจึงไม่ทันได้สังเกตในจุดนี้

เมื่อนางสูญเสียหน้ากากในสถานการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“อะแฮ่ม”

ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอปกปิดความเก้อเขิน

“พอ…พอไหวละมั้ง”

ช่วงนี้นางไม่ได้เปิดเผยหน้าที่แท้จริง ทำให้ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไร…

หรงซิวยื่นมือออกมา ช่วยนางจัดผมที่ยุ่งเหยิง

ท่าทางของเขานั้นละเอียดอ่อนอย่างหาได้ยาก

เขามองนาง เหมือนนางเป็นของล้ำค่าที่สุดบนโลกใบนี้ ที่จะต้องทะนุถนอมอย่างดี

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดในฝูงชนก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา

“ที่แท้นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของตู๋กูเยว่นี่เอง!”

“งดงามไร้ที่ติ เป็นความงามล่มเมืองจริงๆ…”

“เดิมทีข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่เจียงงามแล้ว แต่เมื่อมาเทียบกัน เห็นได้ชัดว่าคุณหนูใหญ่เจียงหมองลงไปหลายส่วน…”

“ด้วยใบหน้าเช่นนี้ มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงหลงรักนางเช่นนั้น! ยิ่งไปกว่านั้นระดับสายเลือดของนางก็สูงขนาดนั้น!”

เมื่อได้สติกลับมา คนจำนวนไม่น้อยก็ตกใจอย่างต่อเนื่อง

เจียงจื่อหยวนจ้องมองไปทางคนทั้งสองที่ยืนด้วยกันตาเขม็ง

ตอนที่เห็นว่าระดับของตู๋กูเยว่อยู่เหนือกว่านาง หัวใจของนางก็รู้สึกชาวาบ

ในตอนนั้นนางยังปลอบใจตัวเองว่า ตู๋กูเยว่ผู้นั้นมีดีแค่ที่ความสามารถ แต่นางเกิดมาด้วยใบหน้าธรรมดา

อย่างน้อยในจุดนี้นางก็ชนะตู๋กูเยว่

นางสวมชุดคลุมสีแดงธรรมดา ทำผมก็เรียบง่าย แต่ชนะทิวทัศน์ที่งดงามบนโลกใบนี้

นางแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แสงสว่างที่อยู่โดยรอบก็เหมือนจะหม่นแสงลง

ประกายแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ด้านหลังของนาง สะท้อนเข้าที่ใบหน้าของนาง ทำให้ดูงดงามราวกับหยก

ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำ คล้ายกับกระแสน้ำที่กำลังกระเพื่อมขึ้น และซ่อนแสงสว่างจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

นางยกยิ้ม ดวงตาก็โค้งตาม

หญิงงามล่มเมืองก็ล้วนมีลักษณะเช่นนี้

แม้ว่านางจะไม่อยากยอมรับ แต่เจียงจื่อหยวนก็รู้ตัวดี ว่าหากตนเองเทียบกับอีกฝ่ายแล้ว นางจะด้อยอยู่หลายส่วน

ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าด้านไหนนางก็โดดเด่นทั้งหมด

นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกแม่นางคนอื่นกด!

การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป จนทำให้นางมึนงงและสับสนไปชั่วขณะ

…นางไม่ควรมาที่นี่เลย!

งานเลี้ยงครั้งนี้ หรงซิวจัดงานเพื่อนางตั้งแต่ต้นจนจบ!

เขายอมทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกอย่างก็เพื่อนาง

ต่อให้รู้ว่าหากให้แม่นางคนนี้ขึ้นเป็นพระชายา จะต้องเกิดการคัดค้านมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังคงทำ!

แต่สำหรับนาง…เขาไม่เคยเหลือบแลมาทางนี้เลย!

นี่ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี

หรงซิวช่วยฉู่หลิวเยว่จัดแจงผมเผ้าและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของนางครู่หนึ่ง

ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้เห็นใบหน้านี้มานานมากแล้ว

หากไม่ใช่เพราะตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังมีคนพวกนี้อยู่รอบๆ…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หรงซิวก็ต้องการจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นโดยเร็วที่สุด

เขาหมุนตัวกลับไปมองผู้อาวุโสอวี๋จิ้งและคนอื่นๆ

“ตอนนี้ ตำแหน่งพระชายาก็ควรจะเป็นของเยว่เอ๋อโดยไร้ข้อกังขาใช่หรือไม่?”

ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งและคนอื่นๆ ก็สบสายตากันไปมา

“คือว่า…”

เดิมทีที่พวกเขารีบกลับมาขัดขวางหรงซิว ข้อแก้ตัวและเหตุผลที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ล้วนสมเหตุสมผล

แต่ใครจะรู้เล่าว่าตู๋กูเยว่จะสามารถผ่านด่านได้อย่างง่ายดาย!

หากจะให้กลับคำในตอนนี้เกรงว่าไม่ดีแน่…

“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูตู๋กูจะมีพรสวรรค์ทางสายเลือดยอดเยี่ยมขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ข้าไร้แววนัก หากได้ทำการใดให้ขุ่นเคือง หวังว่าคุณหนูตู๋กูจะให้อภัย”

ผู้อาวุโสเจิ้งฮุยสามารถตอบสนองได้เร็วที่สุด หลังจากที่เขาตกใจแล้ว เขาก็รีบปรับอารมณ์โดยเร็ว จากนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทีเปิดเผย

“เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดสัญลักษณ์สายเลือดบนนาฬิกาไร้กาลเวลา ถึงไม่ปรากฏอย่างสมบูรณ์…คุณหนูตู๋กูมีพรสวรรค์ทางสายเลือดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เผ่าของท่านก็ต้องแข็งแกร่งด้วยเช่นกันใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่า…เป็นเผ่าอันใดกันหรือ?”

เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงหันหน้ามามองทางฉู่หลิวเยว่โดยพร้อมเพรียง

เรื่องนี้พวกเขาก็สงสัยมากเช่นกัน!

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มออกมา

“เป็นเผ่าที่อยู่นอกพรมแดนธรรมดาเผ่าหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง”

“คุณหนูตู๋กูในเวลาเช่นนี้แล้ว ท่านยังจะปกปิดตัวตนอีกหรือ? หากท่านไม่ใช่คนของอาณาจักรเสิ่นซวี่ เดิมทีไม่สามารถวัดระดับพลังจากนาฬิกาไร้กาลเวลาได้หรอก!”

พวกอาวุโสอวี๋จิ้งพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย

สำหรับพวกเขา ต่อให้ฉู่หลิวเยว่จะปฏิเสธไปก็ไร้ความหมาย

“ลืมแนะนำตัวแล้ว”

หรงซิวพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

“นี่คือคู่หมั้นของข้าในแคว้นเย่าเฉิน และเป็นพระชายาในอนาคตของพระราชวังเมฆาสวรรค์…ซั่งกวนเยว่!”

—————————-

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Score 10
Status: Completed
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

Options

not work with dark mode
Reset