ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1048 ร่วมหอหนึ่งราตรี รักสุขีร้อยทิวา

ตอนที่ 1048 ร่วมหอหนึ่งราตรี รักสุขีร้อยทิวา

ตอนที่ 1048 ร่วมหอหนึ่งราตรี รักสุขีร้อยทิวา

“ลายสลัก?”

หลินจือเฟยเผยสีหน้าสงสัย

ฉู่หลิวเยว่ยื่นไข่มุกให้เขาดู

ทันทีที่ไข่มุกสีดำสนิทปรากฏในครรลองสายตา ลวดลายขนาดเล็กที่สลักอยู่บนไข่มุกก็สะท้อนแสงวับวาวเลือนราง

เพียงแต่ลวดลายนี้มีขนาดเล็กนัก หากมิตั้งใจดูอย่างละเอียดก็ยากที่จะสังเกตเห็น

“สิ่งนี้คือลายสลัก ถูกต้องหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามลองเชิงออกไป

ก่อนนี้นางมิได้มีประสาทความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ทว่าหลังจากมาถึงพรมแดนเสิ่นซวี่ ตู๋กูโม่เป่าเคยเอ่ยกับนางไว้ว่าในบรรดาตระกูลทั้งหลายที่อยู่รวมกันมากมายดั่งต้นไม้ในป่าเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีลายสลักของตนด้วยกันทั้งสิ้น

อีกทั้งก่อนหน้านี้ นางยังเคยเห็นลายสลักของตระกูลหลินบนม่านแสงที่เส้นแบ่งเขตพรมแดนเสิ่นซวี่มาแล้ว

ดังนั้นชั่วพริบตาที่เห็นลวดลายนี้ นางก็เกิดข้อสันนิษฐานนี้ออกมา

มันเป็นสัญชาตญาณที่ไร้หนทางจะอธิบายออกมาได้

“มิผิด นี่เป็นลายสลักของสักตระกูลหนึ่งจริงๆ”

หลินจือเฟยผงกศีรษะยืนยัน

“เพียงแต่ว่า…จะให้ระบุว่าเป็นของตระกูลไหนแน่นั้น ข้าดูไปได้สักพักก็ยังดูไม่ออก”

อาณาเขตของเสิ่นซวี่นั้นกว้างใหญ่ มีทั้งตระกูลและสำนักวิชามากมายก่ายกอง การจะทราบถึงลายสลักของทุกตระกูลย่อมเป็นไปได้ยาก

แม้ตัวเขาจะเป็นคุณชายสี่แห่งตระกูลหลิน อยู่หน้าผาแดนสวรรค์มีฐานะสูงส่ง ทว่าขอบเขตก็จำกัดอยู่แค่หน้าผาแดนสวรรค์เช่นกัน

หลังจากที่จากมา ผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหน้าผาแดนสวรรค์มีอยู่ถมเถทั่วไป กระทั่งผู้ฝึกตนที่ใจกล้าและทะเยอทะยานจนน่าสะพรึงกว่าพวกเขาก็มีเหลือให้ควั่ก!

การจะสืบเสาะหาเรื่องราวที่มาของลายสลักอันนี้ในระยะเวลาอันสั้น ย่อมลำบากอยู่ทีเดียว

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“มิรู้ว่าถ้าประมุขหลินดูแล้วจะจำได้หรือไม่…”

เขาเปี่ยมประสบการณ์และมากด้วยความรู้ บางทีอาจจะพอรู้อันใดบ้าง

หลินจือเฟยกลับเอ่ยตอบโดยพลัน

“เรื่องของไข่มุกเม็ดนี้ คงต้องขอให้คุณหนูตู๋กูเก็บเป็นความลับแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองเขาแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง

ยามพินิจมองสีหน้าเว้าวอนอย่างบริสุทธิ์ใจของเขา ในใจนางพลันกระตุก ก่อนจะผงกศีรษะรับโดยมิตั้งคำถามใดอีก

“ดียิ่ง”

ดูเหมือนว่า…กระทั่งตัวหลินจือเฟยเองก็ไม่เชื่อใจหลินเทียนเฟิงเลยแม้แต่น้อย…

หรืออาจพูดได้ว่า เขาย่อมต้องมีปัญหากับคนข้างกายของหลินเทียนเฟิงเป็นแน่

อีกอย่าง ไข่มุกเม็ดนี้แม้จะเล็กนัก ทว่าเมื่อเริ่มการตรวจสอบแล้ว ก็มิรู้ว่าบัญชีหนี้เก่าที่ยังไม่ได้รับการสะสางนั้น มีคนของตระกูลหลินเข้าไปข้องเกี่ยวติดพันด้วยสักกี่คน

หลินจือเฟยจะระมัดระวังตัวเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ

“เช่นนั้นของสิ่งนี้…จะให้ข้าเก็บไว้ที่นี่ก่อนหรือ?” ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถาม

หลินจือเฟยผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย

“ลำบากคุณหนูตู๋กูแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ

“เรื่องเล็กน้อย”

หลังจากประสบทุกความวุ่นวายที่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก่อเอาไว้ จะรับมือกับของชิ้นจิ๋วพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยแท้

หลินจือเฟยทำฝีปากขมุบขมิบราวกับต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่าก็มิพูดออกมา

ไข่มุกเม็ดนี้มีลายสลักอยู่ นั่นหมายถึงว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากว่ามันจะนำพาซึ่งปัญหาใหม่มาให้

ปกติแล้วคนทั่วไปย่อมพากันหลีกเลี่ยงที่จะข้องเกี่ยวเรื่องเหล่านี้ คิดมิถึงเลยว่านางจะยอมตกปากรับคำช่วยจริงๆ…

“เช่นนั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อน คุณชายสี่พักผ่อนเถิด ข้ากับพี่เป่าขอตัวลาไปก่อน”

พูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็คำนับเขารอบหนึ่ง แล้วพาพี่เป่าหมุนกายจากไป

“รอเดี๋ยว”

ทันทีที่เห็นพวกนางสองคนกำลังจะจากไป หลินจือเฟยพลันส่งเสียงเรียกคำรบหนึ่ง

ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามองอย่างสงสัย

“คุณชายสี่ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ?”

หลินจือเฟยนิ่งไปครู่หนึ่ง

“ค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับหนึ่งอันนั้น หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด พรุ่งนี้คงซ่อมเสร็จเรียบร้อย ดังนั้นกำหนดการเดินทางของพวกเราก็คงเป็นวันพรุ่งนี้”

ฉู่หลิวเยว่เปรมปรีดิ์ยิ่ง

“นั่นดียิ่งนัก!”

ก่อนนี้นางยังกังวลอยู่เลยว่าการเดินทางจะล่าช้าลงกว่าเดิม

ตอนนี้หากสามารถไปถึงเร็วกว่าเดิมได้ล่ะก็ อาจจะยังตามทันอยู่ก็ได้

หลินจือเฟยจ้องมองแม่นางที่อยู่ตรงหน้า

ทันทีที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ทั้งนัยน์ตาและเรียวคิ้วของนางพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด ในดวงตาดั่งหยกสีนิลราวกับมีเกลียวแสงประกายคลื่นพัดไหวดั่งดวงดาราที่ทอประกายเจิดจ้า

มุมปากที่หยักยกขึ้นเป็นโค้งนั่น ย่อมมิใช่การเสแสร้งแกล้งทำอย่างแน่นอน

นางคง…อยากออกเดินทางให้เร็วกว่านี้มากสินะ?

ริมฝีปากหลินจือเฟยหยักยกขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน ปรากฏเป็นรอยยิ้มบางวาบหนึ่งบนใบหน้า

“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ?”

ฉู่หลิวเยว่ฉีกยิ้มพลางขอตัวลา

หลินจือเฟยพยักหน้ารับ

ฉู่หลิวเยว่จึงพาพี่เป่าเดินจากไป

หลังจากรอให้เงาร่างของคนทั้งสองหายไปจากครรลองสายตาตนแล้ว หลินจือเฟยก็ค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้

เขาปิดเปลือกตาลง ควบคุมลมปราณของตน รอจนฟื้นฟูแรงกายกลับมาได้บางส่วนจึงหยัดตัวลุกขึ้น

“เตรียมอ่างอาบน้ำกับเสื้อผ้าไว้ผลัดมาให้ข้าที”

กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งไปทั่วร่างทำเอาเขาเริ่มรู้สึกเจ็บลางๆ บริเวณจุดไท่หยางที่ถูกแทง

เด็กรับใช้ที่รอคำสั่งอยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็รีบกุลีกุจอเข้ามาโดยไว

ยามเห็นว่าบนใบหน้าและร่างกายของหลินจือเฟยเลอะเทอะไปด้วยคราบเลือด เขาก็ตกใจเสียจนตัวโยน

“คุณชาย นี่ท่าน…”

“ข้าไม่เป็นไร ไปเตรียมของเถอะ” หลินจือเฟยโบกมือไปมา

เด็กรับใช้เห็นเขาแม้จะอยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก ทว่าสภาพจิตใจกลับดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ไร้ซึ่งความหดหู่ดั่งเช่นก่อนหน้า ในใจบังเกิดความยินดีเช่นกัน จึงรีบตอบรับโดยพลัน

“ขอรับ!”

เด็กรับใช้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว รอไม่นานทุกอย่างก็ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อย

“คุณชาย เชิญท่านขอรับ!”

หลินจือเฟยมุ่งหน้าเข้าไปข้างในห้อง

เด็กรับใช้นั้นยืนอยู่ข้างกายของเขา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป

“คุณชาย ร่างกายของท่าน…ดีขึ้นมากแล้วหรือขอรับ?”

หลินจือเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง

“ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้บ้างแล้ว”

เด็กรับใช้ร้องอุทานครั้งแล้วครั้งเล่า

“นั่นถือเป็นเรื่องดียิ่งขอรับ! คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูตู๋กูผู้นั้นจะเก่งกาจถึงเพียงนี้จริงๆ!”

ถึงแม้ว่าระดับชั้นของนางในตอนนี้จะยังไม่สามารถเทียบชั้นได้กับเซียนหมอระดับเก้าเหล่านั้นของตระกูลหลิน ทว่าสามารถรักษาอาการเจ็บของคุณชายจนหายดีได้ ย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สุด!

“คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอกพรมแดนจะเยี่ยมยอดกันถึงเพียงนี้!”

หลินจือเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา

“จะในหรือนอกพรมแดน แท้จริงแล้วมิมีอันใดต่างกัน ท้ายที่สุดก็สุดแล้วแต่คน”

แม้ว่านางในตอนนี้จะไร้ชื่อเสียงเรียงนามใดๆ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางจะต้องมีชื่อเลื่องลือดังกระฉ่อนไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นแน่!

“คุณชายพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก!”

เด็กรับใช้คอยปรนนิบัติไปพลาง ปากก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้

“ความจริงแล้ว ข้าน้อยมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง คุณชายขอรับ ท่านบอกว่าคุณหนูตู๋กูผู้นี้ยอดเยี่ยมถึงปานนั้น แล้วยังจะไปหาบุรุษผู้ไร้ใจที่ซื่อสัตย์ผู้นั้นอีกเหตุใดกัน? มิใช่ว่าเป็นการทำให้ตัวเองเจ็บปวดใจเสียเปล่าๆ หรอกหรือ?”

หลินจือเฟยพลันหวนนึกถึงรอยยิ้มอันสว่างไสวของนางก่อนหน้านี้ ราวกับว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์

“เห็นที…คงจะเป็นดั่งร่วมหอกันหนึ่งราตรี รักสุขีร้อยทิวากระมัง”

—————————-

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Score 10
Status: Completed
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

Options

not work with dark mode
Reset