ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 631 นาฬิกาเทพ (1)

บทที่ 631 นาฬิกาเทพ (1)

บทที่ 631 นาฬิกาเทพ (1)

ตู้เซี่ยซึ่งสวมรองเท้าออกกำลังกายสีขาวเหยียบย่ำอยู่บนพื้นหญ้าแข็ง เธอใส่เสื้อยืดสีดำง่ายๆ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีน้ำเงินแกมขาวซึ่งขับเน้นส่วนโค้งส่วนเว้าของท่อนขาที่ค่อนข้างสวยงามอย่างหมดจด

สะโพกงามงอนที่กำลังเจริญเติบโตของเด็กสาวตวัดเป็นเส้นสายสมส่วนน่าลุ่มหลงภายใต้แสงอาทิตย์ ตั้งแต่สะโพกถึงท่อนขาไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเรียวยาวและตั้งตรง

“พี่ มาแล้วเหรอคะ” เด็กสาวผมลอนสีทองซึ่งกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งลุกขึ้นยืนบนเนินเล็กอันเป็นจุดนัดพบ เธอสวมเสื้อหนังแนบเนื้อสีดำซึ่งแตกต่างจากตู้เซี่ย นี่เป็นชุดออกศึกที่นางเอกในหนังเรื่องหนึ่งที่เธอชอบที่สุดมักสวมใส่

“อาเหลยล่ะคะ” เด็กสาวขมวดคิ้วพลางกวาดตามองด้านหลังตู้เซี่ย นอกจากรถมอเตอร์ไซค์สีดำที่หนาหนักคันหนึ่ง ก็ไม่มีใครอื่นอีก

“เขามาไม่ได้แล้วล่ะ เมื่อวานถูกคนของเสาพิภพดาราลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่” ตู้เซี่ยสะบัดผมยาวสีบรอนซ์ แล้วล้วงหยิบเอาต่างหูอัญมณีหนึ่งแดงหนึ่งน้ำเงินออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ

สีน้ำเงินเป็นอัญมณีที่น้องชายมอบให้เธอ สีแดงเป็นเป็นอัญมณีที่พี่ชายตู้สยงมอบให้เธอ ถึงแม้จะไม่ใช่คริสตัลจริงๆ เป็นเพียงของปลอม แต่กลับเป็นของขวัญที่ตู้เซี่ยทะนุถนอมมากที่สุด

เธอสวมต่างหูอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบกระจกใบเล็กๆ ออกมาส่องดู

“สวยไหม” เธอถามด้วยรอยยิ้ม

เด็กสาวผมทองงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง

“พี่เป็นคนที่สวยที่สุดในโลกแล้วค่ะ!” เธอกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจทันที

“ปากหวานจริงนะ” ตู้เซี่ยหัวเราะ ก่อนจะฟันฝ่ามือไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน

ตูม!

ฝ่ามือวาดแสงเพลิงสีทองเข้มออกมากลางอากาศ

เปรี้ยง!

เด็กสาวผมทองถูกฟาดท้ายทอยอย่างแรงโดยไม่ทันระวัง สองตาเหลือกขาวแล้วสลบไสลไป

ตู้เซี่ยประคองเธอเอาไว้

“เยวี่ยเอ้อร์”

“ค่ะ” เด็กสาวงดงามที่มีผมสั้นสีเงินคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาด้านหน้าตู้เซี่ยอย่างฉับพลัน

“พาเธอกลับไปเถอะ เธอยังมีครอบครัวของตัวเอง ยังมีพ่อมีแม่ของตัวเอง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรมา” ตู้เซี่ยกล่าวอย่างราบเรียบ “นอกจากนี้ เยวี่ยเอ้อร์เธอก็กลับไปด้วย ยังไม่ถึงเวลาลงมือ”

เยวี่ยเอ้อร์ลังเลเล็กน้อย อ้าปากเหมือนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก ในที่สุดก็ไม่ได้พูด

เธอกับเด็กสาวผมทองหายไปจากที่เดิมในชั่วพริบตา

ในที่สุดบนพื้นหญ้าก็เหลือแค่ตู้เซี่ยคนเดียว

เธอบิดขี้เกียจพร้อมกับมองไปยังส่วนลึกของทุ่งหญ้า เห็นแผ่นหินทรงกลมที่มีขนาดใหญ่มหึมาแท่นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นได้อย่างชัดเจน

“นาฬิกาเทพงั้นเหรอ…” ตู้เซี่ยสะกิดปลายเท้า ร่างกายหายวับไปจากเดิม เธอพุ่งไปยังแท่นหินขนาดยักษ์แท่นนั้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย

ขณะเดียวกันมือซ้ายมือขวาก็ค่อยๆ ปรากฏดาบโค้งเรืองแสงสีเงินสองเล่ม ข้างลำคอของเธอมีรอยจันทร์เสี้ยวสีเขียวอ่อนซึ่งคล้ายกับใบอ่อนสีเขียวมรกตสว่างขึ้น

นี่เป็นร่างแม่มดไล่ล่าและเป็นร่างต่อสู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอ

เธอในร่างนี้มีความเร็วและพลังระเบิดที่เหนือจินตนาการ เป้าหมายที่ถูกเธอโจมตีสามครั้งจะโดนพลังแห่งการไล่ล่ากัดกร่อน หากโดนครั้งที่สี่จะได้รับอันตรายเป็นสองเท่าตัว

เมื่อบวกรวมกับความเร็วอันน่าหวั่นสะพรึงรวมถึงพลังทำลายล้างที่ระเบิดออกมา ความสามารถนี้จะอยู่เหนือจินตนาการทีเดียว

เนื่องจากเงื่อนไขการโจมตีโดนเป้าหมายของเธอเพียงแค่แตะตัวก็พอ ไม่จำเป็นต้องสร้างความเสียหายให้แก่อีกฝ่าย จึงง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากพุ่งเข้าหานาฬิกาเทพสองสามนาที ตู้เซี่ยก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน ก่อนจะตีลังกากลางอากาศพร้อมกับทิ้งตัวลงเหนือทุ่งหญ้าที่ชื้นแฉะและอ่อนนุ่มอยู่บ้างอีกแห่งหนึ่ง

“ฉันมาถึงแล้ว ออกมาซะ” ตู้เซี่ยกระชับดาบคู่ สีหน้ายังคงเยือกเย็น

“รอจนเซ็งแล้วเนี่ย” ชายร่างอ้วนตัวใหญ่ที่เคี้ยวป๊อบคอร์นเต็มปากคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังเนินเล็กอีกแห่ง

หญิงสาวผมทองที่มัดผมทรงเปียคู่ เขียนรอบตาจนดำเข้ม และสวมชุดยาวสีขาวบริสุทธิ์คนหนึ่ง โผล่ขึ้นมาทางซ้ายของตู้เซี่ยอย่างฉับพลัน

“เซียนร้อยบุปผาเฉินโหย่วจวิน จอมเผด็จการจันทราน้ำแข็งหนานเสียนเอ๋อร์ เพื่อนาฬิกาเทพ พวกแกทุ่มสุดตัวเชียวนะ” สีหน้าของตู้เซี่ยเย็นชากว่าเดิม

ชายร่างอ้วนคนนั้นหัวเราะเหอะๆ “ตั้งแต่ฉันเซียนร้อยบุปผาเฉินโหย่วจวินเกิดมา เพิ่งจะเคยเจอแม่มดที่กล้าสู้กับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันถึงสองคนเป็นครั้งแรก เธอไม่กลัวตายจริงๆ สินะ”

“แกห้ามพูดเชียวนะ! แค่ได้ยินฉันก็ขยะแขยงแล้ว!” จอมเผด็จการจันทราน้ำแข็งหนานเสียนเอ๋อร์ถลึงตามองชายร่างอ้วนอย่างรังเกียจ

“รู้ไหมว่าทำไมฉันถูกเรียกว่าเซียนร้อยบุปผา” ชายร่างอ้วนหัวเราะเหอะๆ อย่างชั่วร้าย “อีกไม่นาน…อีกไม่นานพวกเธอจะได้รู้แล้ว…” ร่างของผู้หญิงงดงามที่สะโอดสะองและหมดจดหลายร่างค่อยๆ ปรากฏออกมาจากด้านหลังของเขา

อายุมากสุดคือยี่สิบกว่าปี อายุน้อยสุดคือเจ็ดแปดขวบ มีทุกแบบทุกประเภท

หญิงสาวเหล่านี้มีจุดเด่นร่วมกัน นั่นก็คืองดงามและไร้จิตใจ

ม่านตาของพวกเธอว่างเปล่าเฉยชา ต่างสวมชุดเซ็กซี่ที่น่าลุ่มหลงเป็นอย่างยิ่งไว้หลากหลายรูปแบบ

ราวกับเป็นของเล่นผู้ใหญ่และตุ๊กตามนุษย์ที่ถูกเก็บรวบรวมเอาไว้

“ฉันกำลังเบื่อๆ ของเล่นที่เก็บสะสมไว้อยู่พอดี ชีวิตนี้ยังไม่เคยเล่นตุ๊กตาระดับแม่มดเลย…” ชายร่างอ้วนกวาดตามองร่างของตู้เซี่ยอย่างละโมบและหื่นกระหาย สายตาที่เร่าร้อนไม่สามารถอำพรางสันดานอันชั่วช้าของเขาได้แม้แต่น้อย

“ไอ้คนน่า…ขยะแขยง…” ดวงตาของตู้เซี่ยฉายแววรังเกียจ

“ยอมแพ้เถอะ…เสี่ยวเซี่ย” มีเสียงที่ทำให้ตู้เซี่ยจิตใจสั่นสะเทือนค่อยๆ ดังมาจากด้านหลังของเธอ

เธอหันกลับมา ก็เห็นเด็กสาวในคลองจักษุ กำลังก้าวย่างมาทางตนอย่างสงบนิ่ง

“โจวเฉวียนอู่…” ตู้เซี่ยเสียงแห้งผาก กระชับดาบโค้งในมือแน่นกว่าเดิม

เก๋อซาระดับแม่มดสองคนก่อนหน้านี้ก็ทำให้เธอรับมือไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีโจวเฉวียนอู่ที่รู้ไส้รู้พุงตัวเองดีโผล่มาอีกคน

ยิ่งอย่าว่าแต่ตัวเธอมีพลังพอๆ กับโจวเฉวียนอู่ด้วย

ยิ่งใช้พลังมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสัมผัสได้ว่า ร่างกายของตนเองถูกพลังที่แข็งแกร่งสายนั้นกัดกร่อนมากกว่าเดิม

“พลังแห่งการไล่ล่า เปิดใช้ชั้นแรก” รอบๆ ตัวตู้เซี่ยเริ่มมีเปลวเพลิงสีทองเข้มกลุ่มหนึ่งลอยวนเวียน นัยน์ตาของเธอค่อยๆ กลายเป็นสีทองเข้ม อีกทั้งยังมีจุดแสงนับไม่ถ้วนกะพริบและไหลเวียนไปมา

โจวเฉวียนอู่มองเธอเงียบๆ คนของเสาพิภพดาราได้เตรียมแกนหลักที่หนึ่งกับแกนหลักที่สองไว้แล้ว

ตอนนี้ขาดเพียงแกนหลักที่สามเท่านั้น

“ยอมแพ้เถอะเสี่ยวเซี่ย ฉันรู้จักพลังของเธอดี ในเวลาสั้นๆ ฉันเอาชนะเธออย่างสบายๆ ไม่ได้ แต่ว่าพวกเรามีตั้งสามคน”

“ถ้าหากมีโอกาส ฉันจะพยายามปกป้อง…” เธอล้วงอกเสื้อหยิบนาฬิกาพกสีเงินเรือนหนึ่งออกมา แล้วปล่อยให้ตกลงไปด้านหน้าตัวเอง

เข็มวินาทีบนนาฬิกาพกส่งเสียงดังติ๊กต่อกๆ

ซู่…

ท้องฟ้าค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเข้ม

ฟ้าว!

นาฬิกาพกสีดำขนาดยักษ์เรือนหนึ่งร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วลอยอยู่เหนือคนทั้งสาม

ถัดจากนั้นก็ตามด้วยเรือนที่สอง เรือนที่สาม เรือนที่สี่…นาฬิกาพกสีดำเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ขวางกั้นที่ว่างเหนือท้องฟ้าทั้งหมดในอาณาเขตซึ่งมองเห็นได้ไว้จนหมดสิ้น

“นรกแห่งกาลเวลา…กาลเวลาเหี่ยวเฉา…” โจวเฉวียนอู่ยกมือขึ้นและเล็งฝ่ามือไปที่ตู้เซี่ย

ขณะเดียวกันร่างของเด็กผู้หญิงมากมายก็เริ่มลอยวนเวียนรอบตัวตู้เซี่ย เดี๋ยวไกลเดี่ยวใกล้ เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า

ลัลลาๆๆๆๆ

เสียงผู้หญิงที่นุ่มนวลก้องกังวานและเศร้าโศกกระเพื่อมอยู่กลางอากาสรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

จอมเผด็จการจันทราน้ำแข็งหนานเสียนเอ๋อร์หลับตาน้อยๆ มีเงาสะโอดสะองสีแดงอ่อนสายหนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เสียงลอยมาจากเธอนี่เอง

“ไล่ล่านภาจันทรา!” ตู้เซี่ยปล่อยแสงสีเขียวอ่อนกลุ่มหนึ่งออกมาจากรอบๆ ตัวโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

แสงขยายตัวไปด้านนอกด้วยความเร็วสูง แต่ยังไม่ทันถึงสิบกว่าเมตร ก็เหมือนถูกอะไรสกัดกั้นไว้ ความเร็วจึงลดลงเรื่อยๆ

เปรี้ยง!

แสงสีเขียวระเบิดออกอย่างฉับพลัน ตู้เซี่ยต้านทานไม่ไหว เข่าทรุดลงข้างหนึ่ง เลือดสายหนึ่งค่อยๆ ไหลลงมาตามหางตา

“ยอมแพ้ซะเถอะเสี่ยวเซี่ย” โจวเฉวียนอู่สีหน้าราบเรียบและว่างเปล่า “ขอแค่เธอฟังคำสั่งฉัน ฉันให้สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรครอบครัวของเธอ…”

“มาถึงตอนนี้แล้วเธอนึกว่าฉันจะยังเชื่อเธออยู่อีกเหรอไง” ตู้เซี่ยยิ้ม ไม่สนใจเลือดที่กำลังทะลักขึ้นมาถึงลำคอมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่น้อย

โจวเฉวียนอู่สีหน้าเย็นชากว่าเดิมหลายส่วน ก่อนจะจ้องมองตู้เซี่ยสักพักใหญ่ๆ

“ความจริงเธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีทางเลือก…”

“ฆ่าฉันซะสิ” ตู้เซี่ยฝืนยิ้ม เธอไม่สามารถกางพลังเทพรังสรรค์ได้ด้วยซ้ำ เก๋อซาระดับแม่มดสามคนผนึกกำลังกันสะกดเธอไว้ เธอถึงขั้นไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ

โจวเฉวียนอู่ไม่พูดมากอีก เพียงแต่ภายในกลางฝ่ามือปรากฏแสงสีดำจุดหนึ่งหมุนวนด้วยความเร็วสูงขึ้น

“ลงมือเถอะ ทำให้เธอพิการซะ!” เธอออกคำสั่ง

ร่างของเซียนร้อยบุปผากับจอมเผด็จการน้ำแข็งเรืองแสงพร้อมกับ คนหนึ่งเป็นสีขาว อีกคนเป็นสีน้ำเงิน ทุ่งหญ้าใต้พื้นทั้งสองเริ่มกลายเป็นสภาพแวดล้อมแบบอื่น

พื้นหินแข็งสีดำอมน้ำเงินแผ่ขยายออกมาจากใต้เท้าของจอมเผด็จการน้ำแข็ง ส่วนรอบๆ ตัวเซียนร้อยบุปผาคือโลกแห่งความหอมหวนสีขาวบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วน

สีสันสองชนิดกลืนกินทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็วและขยายตัวเข้าหาตู้เซี่ย

ตอนที่อยู่ห่างจากตู้เซี่ยสิบกว่าเมตร สีน้ำเงินกับสีขาวก็ผสมกันอย่างฉับพลัน ตรงกลางเกิดแสงสีขาวขึ้นจุดหนึ่ง

แคว่ก!

ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียงเหมือนกับผืนผ้าฉีกขาดดังขึ้นมา

ตู้เซี่ยตกตะลึง

โจวเฉวียนอู่งุนงง

เซียนร้อยบุปผาอมยิ้ม จอมเผด็จการจันทราน้ำแข็งยิ้มเย็นชา ในตอนนี้ทั้งสองถือหนามสั้นแหลมคมสองแท่งหนึ่งดำหนึ่งขาวเอาไว้ในมือ

ปลายแหลมของหนามสั้นปักลึกเข้าไปกลางหลังของโจวเฉวียนอู่

อั่ก!

โจวเฉวียนอู่กระอักเลือดออกมาอย่างมิอาจควบคุม

หนามสั้นทั้งสองแท่งถูกถอนออกอย่างฉับพลัน ทั้งสองหายวับไปจากที่เดิมดุจสายฟ้าแลบ แล้วปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบเมตรอย่างระมัดระวัง

“พวก…เธอ…!?” โจวเฉวียนอู่ลืมตาโต เธอคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเก๋อซาระดับแม่มดสองคนนี้จะลงมือกับตัวเองอย่างฉับพลัน

ระหว่างพวกเขาสองคนถึงขั้นยังมีความแค้นกัน แต่การโจมตีเมื่อครู่คล้ายผ่านการซักซ้อมมาแล้วหลายครั้ง

“ตอนแรกพวกเราอยากจะร่วมมือกับเธออยู่หรอก…น่าเสียดาย…” เซียนร้อยบุปผาส่ายหน้าน้อยๆ

“น่าเสียดายที่เธอหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่องเข้า” จอมเผด็จการจันทราน้ำแข็งกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา

ตู้เซี่ยมองเหตุการณ์นี้อย่างตกตะลึง เดิมนึกว่าตัวเองตายแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพลิกผัน สถานการณ์กลับตาลปัตรถึงเพียงนี้

“ใคร…กันแน่” โจวเฉวียนอู่ผุดสีหน้าเย็นชา มือกุมบาดแผลใหญ่ตรงหน้าอกที่ถูกแทงทะลุ แม้เธอจะพยายามสมานแผล แต่เพราะได้รับบาดเจ็บหนักเกินไปจนเสียเลือดเป็นจำนวนมาก สีหน้าของเธอจึงซีดอย่างรวดเร็ว

“ใครใช้ให้พวกเธอทำแบบนี้กัน” โจวเฉวียนอู่ไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะลงมือกับตนอย่างบังเอิญขนาดนี้

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะตอบนั่นเอง

“ฉันเอง” อยู่ๆ เสียงผู้ชายแปลกหูก็ดังมาจากที่ไกล

โจวเฉวียนอู่ช้อนสายตามองไปอย่างรวดเร็ว ตู้เซี่ยตัวสั่นก่อนจะหมุนตัวไปมองต้นเสียงเช่นเดียวกัน

พริบตาที่เห็นผู้มา สองสาวเผยสีหน้าตะลึงงันทันที

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset