พลิกชะตาหมอยาบทที่ 90 คัดระเบียบจวน

บทที่ 90 คัดระเบียบจวน

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 90 คัดระเบียบจวน
เฟิ่งชิงหัวแอบกลับเข้าจวนในช่วงพลบค่ำ ตอนที่นางก้าวเข้าไปในประตูจวนก็เห็นหลิวหยิ่งกำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ที่ประตูรอนางอยู่

เฟิ่งชิงหัวหยุดเดินแล้วกล่าวอย่างข้องใจว่า “ดึกขนาดนี้ เจ้ายังไม่ไปพักผ่อนอีกหรือ”

หลิวหยิ่งฝืนยิ้ม “พระชายา ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ระยะเวลาที่ท่านออกจากจวนไปกินเวลาค่อนข้างยาวทีเดียวนะขอรับ”

เฟิ่งชิงหัวเหลือบมองเขา “ทำไม เจ้าเป็นบ่าวแต่กล้ายุ่งเรื่องส่วนตัวของพระชายาแล้วหรือ”

“ข้าน้อยไม่กล้า แต่ว่าท่านอ๋องสั่งการว่า หลังจากพระชายากลับจวนแล้วให้ไปพบเขา”

เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่เหนือศีรษะแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ค่ำคืนที่สวยงามเช่นนี้ หากไม่ชื่นชมมันสักหน่อย คงน่าเสียดายแย่ ไม่สู้……”

เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะกล่าวจบ หลิวหยิ่งก็รับคำต่อ “พระชายา ตรงมุมห้องของท่านอ๋องสวยกว่านี้มาก พวกท่านสามารถเข้าไปดูในห้องด้วยกันได้ พอดีเลย”

เฟิ่งชิงหัวยังคงไม่ยอมแพ้ “ในห้องอากาศจะดีได้อย่างไรกัน อยู่สูดอากาศด้านนอกย่อมดีกว่า”

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อยากเข้าไปเจอหน้าบูดๆ ของจ้านเป่ยเซียวตอนนี้ คืนนี้นางจับตัวเหลียนเจี้ยงไม่ได้ก็แย่มากพอแล้ว หากนางไม่ระวังตัวเผลอพูดให้เขาไม่พอใจขึ้นมา นางคงชดใช้ความผิดพลาดนี้ไม่ไหว

หลิวหยิ่งถือกระบี่เอาไว้พลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “พระชายา หากท่านเดินเข้าไปไม่ไหว บ่าวจะช่วยท่านเอง”

ความหมายในคำพูดนี้คือ หากท่านไม่เดินเข้าไป ข้าคงต้องแบกท่านเข้าไปแทน

เฟิ่งชิงหัวมองเขาอย่างเอาเรื่อง “เจ้าสู้ข้าได้รึ”

หลิวหยิ่งยกมือขึ้นช้าๆ เดิมทีปากประตูที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคนกลับปรากฏองครักษ์ขึ้นมาเพิ่มอีกหลายร้อยคน แม้แต่บนหลังคายังมีองครักษ์ยืนอยู่เป็นสิบ ทุกคนยืนถือกระบี่ในมือและดูเคร่งขรึมกว่าปกติ

เฟิ่งชิงหัวหันไปถลึงตาใส่หลิวหยิ่ง เจ้านายพวกเขาน่ารำคาญชะมัด ขนาดลูกน้องยังหน้าบึ้งตึงขนาดนี้

เฟิ่งชิงหัวได้แต่เดินฟึดฟัดไปทางห้องของจ้านเป่ยเซียว ด้านในยังมีแสงของโคมไฟสว่างอยู่ จ้านเป่ยเซียวยังไม่เข้านอน

“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ด้านใน ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ”

เฟิ่งชิงหัวหยุดยืนอยู่ด้านนอกและเตรียมจะย่องหนี ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกด้วยแรงลม จ้านเป่ยเซียวนั่งอยู่บนรถเข็นและจ้องเขม็งมาที่นาง

“เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

เฟิ่งชิงหัวเม้มปากไม่ยอมพูดอะไร ด้วยท่าทางแน่นิ่งไม่หวาดกลัว

“เข้ามา!” จ้านเป่ยเซียวตวาด

เฟิ่งชิงหัวก้าวข้ามผ่านธรณีประตูเข้ามา พลางเชิดคางขึ้น “มีอะไรหรือ”

“เรื่องอะไร? ตัวเองทำผิดอะไรยังไม่รู้เลยหรือ?”

เฟิ่งชิงหัวเอามือไพล่หลังแล้วยืดอก พลางกล่าวเสียงแข็ง “ข้าทำอะไรผิดหรือ ข้าเป็นชายาแห่งจวนอ๋องเจ็ด ทำไมถึงจะเข้าออกจวนอย่างอิสระไม่ได้ ข้าแต่งงานกับท่านไม่ได้ขายตัวให้ท่าน ข้ามีอิสระในการใช้ชีวิต”

เมื่อจ้านเป่ยเซียวเห็นท่าทางการพูดของนางที่ดุดันเช่นนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าหาญนัก

ถ้าไม่รู้จักดัดนิสัยนาง อีกไม่นานนางคงกล้าปีนขึ้นไปถอนกระเบื้องบนหลังคาอย่างแน่นอน

จ้านเป่ยเซียวหรี่ตาแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ในเมื่อเจ้าไม่รู้สำนึก ข้าจะเข้าวัง ได้ยินมาว่าเสด็จพ่อกับผู้ส่งสารเป่ยเว่ยตอนนี้กำลังสืบหาตัวคนร้ายที่ทำให้องค์หญิงซีหลันเสียโฉม”

เฟิ่งชิงหัวได้ยินเช่นนี้ หัวใจก็เต้นระส่ำ

ร้ายกาจ!

ผู้ชายคนนี้กำลังใช้จุดอ่อนของนางเพื่อข่มขู่นาง แต่หากไม่ใช่แค่การข่มขู่ล่ะ

เมื่อคิดได้ดังนี้ก็เห็นจ้านเป่ยเซียวตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอก

เฟิ่งชิงหัวรีบยื่นมือทั้งสองมาขวางปากประตูเอาไว้ พลางกัดฟันกล่าวว่า “จ้านเป่ยเซียว ท่านทำแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย!”

เมื่อจ้านเป่ยเซียวเห็นนางสนใจ เขาก็เริ่มรู้สึกได้ใจขึ้นมา ริมฝีปากหยักขึ้นก่อนจะหันไปมองเฟิ่งชิงหัวราวกับต้องการจะบอกว่า ข้าไม่ใช่ลูกผู้ชายอะไรอยู่แล้ว

ดังนั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะไปฟ้อง!

เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็รีบพุ่งตัวออกไปแล้วเอามือทั้งสองจับขาทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ดวงตากลมโตเปล่งประกายฝืนยิ้มออกมาทำให้ใบหน้าน้อยๆ เปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนขี้ฟ้อง ข้าสั่งสอนองค์หญิงซีหลันก็เพราะว่านางตั้งใจจะทำร้ายข้า และต้องการทำให้ท่านอ๋องเสียหน้า และอันที่จริงแล้ว แผลเล็กนิดเดียวแค่นั้น รักษาแป๊บเดียวก็หายแล้วเจ้าค่ะ”

จ้านเป่ยเซียวหรี่ตามองเฟิ่งชิงหัว แล้วกล่าวเยาะเย้ยว่า “นี่คือใจความสำคัญหรือ”

เฟิ่งชิงหัวเข้าใจความนัยได้ทันที ในใจแอบคิดว่าสามีของตัวเองเป็นคนที่สามารถให้อภัยได้ มือของนางจึงคว้ามือใหญ่ๆ ของเขาเอาไว้ทั้งสองข้าง แล้วกล่าวด้วยความจริงใจว่า “ท่านอ๋อง ข้ารู้แล้วว่าตนเองผิด ข้าไม่ควรออกจากจวนไปตามลำพังแถมยังกลับดึกขนาดนี้อีก”

แววตาของเฟิ่งชิงหัวมีประกายแสงวิบวับออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์ ประทับเข้ากลางหัวใจของจ้านเป่ยเซียว

สีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียด ทำให้รู้สึกได้ถึวความหนาวยะเยือก

เฟิ่งชิงหัวได้แต่เขย่าแขนของเขา “ท่านอ๋อง ท่านพูดอะไรบ้างสิ อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายเลยเจ้าค่ะ ต่อให้ทำความผิดก็ต้องโดนราชสำนักกำหนดโทษ ข้ายอมรับผิดแล้ว ท่านเป็นผู้ใหญ่อย่าได้คิดแค้นกับเด็กเลยเจ้าค่ะ”

จ้านเป่ยเซียวเพิ่งจะรู้สึกได้เป็นครั้งแรกว่า ความรู้สึกของการโดนขอร้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย

ที่ผ่านมาเฟิ่งชิงหัวเคยทำตัวอ่อนโยนขนาดนี้เสียที่ไหน ดูท่า คราวนี้ท่าทางจะไปแตะจุดสำคัญของนางได้เสียแล้ว

แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมเฟิ่งชิงหัวถึงยอมก้มหัวให้ได้ง่ายๆ เพราะเรื่องเล็กๆ แบบนี้ แต่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า ไม่สามารถปล่อยนางไปง่ายๆ แบบนี้ได้

ด้วยเหตุนี้ จ้านเป่ยเซียวจึงสะบัดมือของเฟิ่งชิงหัวออกแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สำนึกผิดแล้วคิดว่าจะจบหรือ”

“แล้วท่านจะเอายังไง” เฟิ่งชิงหัวเริ่มโมโห

จากนั้นนางจึงลดเสียงลง แล้วใช้น้ำเสียงอ่อนโยนที่แม้แต่ตัวนางเองได้ยินก็รู้สึกขนลุกกล่าวว่า “อย่างนั้นท่านอ๋องคิดว่าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ”

“นับจากนี้เป็นต้นไปห้ามออกจากจวนหากไม่มีเหตุจำเป็น ต่อให้ต้องการออกจากจวนก็ต้องได้รับการอนุญาตจากข้าก่อน” เขากล่าวเสียงแข็ง

เฟิ่งชิงหัวครุ่นคิด เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ต่อให้ไม่ยินยอม องครักษ์ของท่านอ๋องก็ขวางนางไม่ได้อยู่แล้ว นางจึงพยักหน้า “เจ้าค่ะ”

จากนั้นจ้านเป่ยเซียวจึงชี้ไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง “การออกจากจวนครั้งนี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยการให้คัดกฎระเบียบจวนหนึ่งร้อยรอบ หากคัดไม่เสร็จไม่ต้องนอน”

เฟิ่งชิงหัวจ้องค้างไปที่ชายตรงหน้าตนเอง ริมฝีปากของนางเริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

การลงโทษแบบนี้นับว่าโหดร้ายมาก คนที่รู้จักเฟิ่งชิงหัวต่างรู้ดีว่า สำหรับนางแล้วการคัดลายมือเป็นการลงโทษที่ทรมานมากกว่าโบยนางเป็นร้อยครั้งเสียอีก

เมื่อเห็นนางไม่ตอบรับ จ้านเป่ยเซียวจึงตั้งท่ามุ่งหน้าไปทางประตูแล้วกล่าวว่า “หลิวหยิ่ง เตรียมรถม้า ข้าจะเข้าวัง”

“เดี๋ยว อย่า คัด ข้าคัดก็ได้ ทำไมท่านเป็นคนรีบร้อนเช่นนี้ได้ล่ะ” เฟิ่งชิงหัวเหล่มองนางอย่างไม่สบอารมณ์

เฟิ่งชิงหัวได้แต่ยืนขึ้นแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงาน แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “มีกฎระเบียบของจวนอะไรบ้างก็ยกมาให้หมดเลย!”

จากนั้น ตรงหน้าของนางก็มีหนังสือระเบียบจวนเล่มหนึ่งที่มีความหนาเท่าคัมภัร์พระไตรปิฎกวางอยู่

เฟิ่งชิงหัวถลึงตาแล้วหันไปมองจ้านเป่นเซียว นางหยิบหนังสือขึ้นมาพลิกอ่านดู ตัวอักษรที่เบียดเสียดลายตาเห็นแล้วทำให้รู้สึกเวียนหัว

ตัวอักษรยาวเหยียดนั้น น่าจะมีหลายร้อยบรรทัด

จ้านเป่ยเซียวแอบกล่าวเรียบๆ ว่า “นี่คือกฎระเบียบของจวนฉบับใหม่ที่ข้าปรับปรุง กำหนดกฎเกณฑ์ของคนทุกระดับในจวน คืนนี้เจ้าเริ่มคัดได้”

เฟิ่งชิงหัวอยากจะเข้าไปวัดกับจ้านเป่ยเซียวให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

จ้านเป่ยเซียวกลับไปที่เตียงของตนเองแล้วนอนลงอย่างสบายอารมณ์ แล้วหันข้างไปมองนางอย่างมีความสุข

เฟิ่งชิงหัวกัดฟันแน่น นางกางกระดาษออกมาแล้วเริ่มคัด

จ้านเป่ยเซียวคิดไม่ถึงว่ามีคนทรมานใจอยู่ข้างๆ จะทำให้เขานอนหลับได้ แต่สุดท้ายเขาก็หลับรวดเดียวไปถึงเช้า และลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างงุนงง

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา

Score 10
Status: Completed
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว เกี่ยวกับความรักของตัวเอกชายและหญิงที่มีอุปสรรคมากมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์มากมาย ในที่สุดความรักของพวกเขาก็ชนะทุกสิ่ง… หมอหญิงข้ามภพไปยังราชวงศ์เทียนหลิง บิดาไม่อยู่ มารดาไม่รู้ที่เป็นไป เพียงต้องแต่งงานแทนกับท่านอ๋องเจ็ดผู้พิการเสียโฉมณราชวงศ์นั้นเพื่อทดแทนบุญคุณ

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options

not work with dark mode
Reset