ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 186 เกิดเรื่องแล้ว…

บทที่ 186 เกิดเรื่องแล้ว...

บทที่ 186 เกิดเรื่องแล้ว…

แดนที่ตั้งเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดเงียบมาก

ปกติที่นี่ไม่มีระลอกคลื่นรุนแรงอะไรอยู่แล้ว เผ่าสิงซากสมุทรก็ไม่ยอมให้เผ่ามนุษย์มาทะลวงขั้นที่แดนที่ตั้งเทวรูปเช่นกัน

ดังนั้นความเงียบสงบของที่นี่ก็เป็นเช่นนี้เสมอมา

และการรักษาก็ต้องมีคุณสมบัติ นอกจากผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งบางคนแล้ว ไม่เช่นนั้นก็มีเพียงผู้ที่สร้างคุณูปการให้กับเผ่าเหล่านั้นถึงจะได้รับอนุญาตให้มารักษาในบ่อเลือดใต้เทวรูปได้ นี่ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่นี่เทียบกันแล้วมีจำนวนไม่มาก

ตอนนี้เนื่องจากเป็นช่วงสงคราม ดังนั้นจึงมีมากกว่าปกติเล็กน้อย แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความสงบของที่นี่ก็ยังเหมือนกับที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าลบหลู่ที่นี่

ในขณะเดียวกันหลายปีมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าสิงซากสมุทรก็น้อยนักที่จะมีเหตุคนต่างเผ่าบุกเข้ามา ในเมื่อภายใต้การป้องกันเป็นชั้นๆ ทั้งยังมีค่ายกลคัดกรอง คิดอยากจะบุกรุกเข้ามาก็ยากยิ่งนัก

แต่เรื่องแบบนี้ก็แค่เกิดขึ้นน้อยครั้ง ใช่ว่าไม่มี ในประวัติศาสตร์เผ่าสิงซากสมุทรความจริงแล้วเกิดเรื่องประเภทนี้หลายครั้ง

ในอดีตผู้ที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ จุดประสงค์ไม่ใช่ดูดซับบ่อเลือดของที่นี่ แต่มาเพื่อตัวเทวรูป

เทวรูปทั้งเก้าของเผ่าสิงซากสมุทรเป็นวัสดุที่พิเศษมาก ในโลกนี้พบเห็นได้น้อย แทบจะมีเพียงรูปสลักเก้ารูปนี้เท่านั้นที่มี ดังนั้นจึงดึงดูดความสงสัยใคร่รู้และการลอบสังเกตจากเผ่าต่างๆ

เพียงแต่วัสดุของเทวรูปแข็งแรงมาก อีกทั้งต่อให้แตกก็สามารถฟื้นสภาพกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเผ่าสิงซากสมุทรก็ไม่ใช่ใครจะมาสยบได้ ดังนั้นจึงดูแลรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ดี

แน่นอน หากผู้มาเยือนพลังน่าครั่นคร้ามก็สามารถทำลายมันได้ แต่ว่าผู้มีพลังน่าตื่นตะลึงเหล่านั้นส่วนมากก็ไม่แฝงตัวเข้ามา สามารถอาศัยพลังของตัวเองยื่นข้อเสนอให้เผ่าสิงซากสมุทรให้ความร่วมมือ

ในขณะเดียวกันหากวัสดุของเทวรูปไปจากเกาะเผ่าสิงซากสมุทรก็จะกลายเป็นวัตถุธรรมดา สูญเสียความน่าอัศจรรย์ไป

ดังนั้นแล้ว จากวันเวลาที่ไหลผ่านไป หลังจากประสบกับการสืบสำรวจจากเผ่าแข็งแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเผ่าสิงซากสมุทรก็รักษาเทวรูปทั้งเก้าเอาไว้ได้ คนที่หมายตาก็ค่อยๆ น้อยลง

ยิ่งเป็นเพราะสามารถฟื้นสภาพเองได้ ดังนั้นดูแล้วจึงไม่มีความเสียหายใดๆ

แน่นอน ก็มีข่าวลือกันว่า เทวรูปเผ่าสิงซากสมุทรแต่เดิมไม่ใช่เก้าองค์ แต่มีมากกว่านั้น เพียงแต่ตอนนี้เผ่าสิงซากสมุทรรักษาเอาไว้ได้แค่เก้าองค์ก็เท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรนี่ก็เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ไม่ว่าใครก็ตามที่หมายตาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนชิงชังนัก

ต่อให้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เรื่องแบบนี้สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้วคือความอัปยศอย่างหนึ่ง

การแฝงตัวครั้งล่าสุดคือเมื่อหกสิบปีก่อน คนที่แฝงตัวเข้ามาคนนั้นตอนนั้นยังเป็นเพียงระดับสร้างฐาน ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรมาที่นี่และดูดซับวารีศักดิ์สิทธิ์ไปจำนวนมหาศาล และหนีรอดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

หลังจากนั้นเผ่าสิงซากสมุทรโกรธแค้นเดือดดาลนัก ไล่ล่าสังหารอยู่หลายปี แต่ผู้นั้นก็มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม หลังจากรอดพ้นจากอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มีผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งชมชอบ รับไว้เป็นลูกเขย นี่ถึงทำให้เผ่าสิงซากสมุทรจำต้องพักเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว ภายหลังก็รักษาป้องกันหนาแน่นยิ่งขึ้น

และผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานในตอนนั้นก็ผงาดขึ้นในร้อยปีมานี้ กลายเป็นนายท่านเจ็ด…แห่งยอดเขาลำดับเจ็ดสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

วันนี้ข้างเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดของเผ่าสิงซากสมุทรก็เกิดเรื่องในประวัติศาตร์ขึ้นอีกครั้ง

สวี่ชิงดูดซับอย่างระมัดระวัง วารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดที่สะสมในร่างค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น กลิ่นอายที่ทำให้ช่องเวทกระหายที่แผ่ซ่านในนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ในขณะเดียวกัน อันตรายรอบๆ และผู้แข็งแกร่งระดับแก่นลมปราณที่อยู่เหนือศีรษะล้วนทำให้เขาใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ดูดซับไปด้วย สังเกตรอบๆ ที่นี่อย่างระมัดระวังรอบคอบไปด้วย

‘จะโลภมากไม่ได้ พอประมาณก็พอแล้ว ในกายข้าดูดซับจนเต็มที่ก็ไปจากที่นี่’ ในขณะเดียวกับที่สวี่ชิงเตือนตัวเองในใจ เห็นไม่มีใครสังเกตเขาตรงนี้ ดังนั้นก็ดูดซับไวยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น เจ้าเงาตอนนี้ก็ดำลงไปในสระน้ำอย่างเงียบงันเช่นกัน หลังจากที่ดวงตาร้อยกว่าดวงบนนั้นกะพริบพร้อมกัน มันก็ดูดซับด้วยหน้าตาที่อยากรู้อยากเห็น จากนั้นดวงตาทุกดวงก็หรี่ลง เหมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม ดูดซับอย่างรวดเร็ว

เห็นแบบนี้ สวี่ชิงก็ครุ่นคิด แอบเอาเหล็กแหลมสีดำออกมาวางในสระน้ำ บรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นก็สั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัด ดูดซับไปเล็กน้อยดวงตาก็เป็นประกายเช่นกัน

‘ดูดซับได้หมด มีผลหมดอย่างนั้นหรือ’

สวี่ชิงตื่นตะลึง หลังจากคิดแล้วก็แอบสำแดงวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเล็กน้อย ทันใดนั้นตราประทับสัญลักษณ์ข้างหลังของเขาก็กะพริบเล็กน้อยภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง ของเหลวสีแดงมหาศาลไหลทะลักเข้าไปในภาพสัญลักษณ์

ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงตื่นเต้นยินดีนัก

และการดูดซับอย่างรวดเร็วจากเขาทางนี้ นายกองก็สังเกตได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงก่ำ ในใจเจ็บใจนัก

สวี่ชิงดูดซับได้เร็วกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด นี่ทำให้นายกองเสียหน้ามาก ดังนั้นจึงมองไปรอบๆ หลังจากเห็นว่าไม่มีใครสังเกต เขาก็เอาขวดใบเล็กออกมาใบหนึ่ง วางไปในน้ำแล้วดีดหนึ่งที

ทันใดนั้นวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้าไปในนั้นจากปากขวด

ขวดใบนี้ก็น่าอัศจรรย์นัก บรรจุได้ปริมาณมหาศาล แค่ใช้เวลาไม่นานก็เต็ม หลังจากที่บรรจุเอาไว้อย่างเงียบเชียบ ก็เอาออกมาอีกใบหนึ่งแล้วเริ่มบรรจุอีกครั้ง

เช่นนี้แล้ว เขาก็ดูดซับไปด้วย ใช้ของบรรจุไปด้วย ดูดซับได้ไม่ช้าไปกว่าสวี่ชิงเลย

สวี่ชิงก็สังเกตเห็นภาพนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงขมวดคิ้วกวาดตามองนายกองแวบหนึ่ง นายกองก็มาทางเขา ในดวงตาฉายความท้าทายออกมา

สวี่ชิงเงียบนิ่ง เขารู้ว่านายกองเป็นคนบ้า ดังนั้นไม่มีทางไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนบ้าแน่นอน ขณะเดียวกันก็เตือนตัวเองต่อไปว่าจะละโมบไม่ได้ เอาแค่พอประมาณก็พอแล้ว หลังจากที่อีกเดี๋ยวคนดูดซับได้เต็มที่แล้ว เจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระหรือจะเป็นวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ไม่ว่าใครถึงขีดจำกัดสูงสุดก็ตาม ตนก็จะจากไป

เพียงแต่ตอนนี้เจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระอีกทั้งตัวเขาล้วนยังดูดซับไม่พอ ดังนั้นสวี่ชิงคิดๆ แล้วก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้รูปปั้น

เขาสัมผัสได้แล้วว่ายิ่งเข้าใกล้รูปปั้นก็เหมือนว่าคุณภาพของวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดจะยิ่งดีขึ้น

ตอนนี้ในขณะที่ขยับ จากการเข้าไปใกล้รูปปั้น สวี่ชิงก็มีความตื่นเต้นยินดีเต็มอก เขาพบว่าความเร็วในการดูดซับของตัวเองเร็วขึ้น เจ้าเงาเองก็เช่นกัน ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระไร้ประโยชน์ที่สุด ยืนหยัดได้ไม่เท่าไรก็ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

สวี่ชิงกวาดตามองเหล็กแหลมสีดำอย่างไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากเก็บมันเขาก็คิด

“อืม อีกเดี๋ยวเจ้าเงากับข้าดูดซับได้จนเต็มที่ก็ไปทันที!”

หลังจากมีแผนนี้ สวี่ชิงก็ค่อยๆ ขยับไปข้าๆ ไม่นานนักเวลาหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไป เขามาถึงใต้เท้าของรูปปั้นอย่างเงียบเชียบ

ในขณะเดียวกัน ทางนายกองหลังจากสังเกตเห็นการกระทำของสวี่ชิงก็ขยับไปทางเทวรูปเช่นกัน ยามสวี่ชิงมาถึงข้างเท้าเทวรูปข้างหนึ่ง นายกองก็ไปถึงข้างเท้าอีกข้างหนึ่งเช่นนี้เอง

เขารู้สึกว่าสวี่ชิงบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ตอนนี้ดูดซับนานขนาดนี้ยังไม่ยอมจากไปอีก

“ไม่ได้ ข้าจะแพ้ลูกน้องตัวเองไม่ได้ หึๆ สู้เรื่องความบ้าระห่ำกับข้าหรือ” นายกองพึมพำในใจ หยิบขวดออกมาทีเดียวสิบขวด แล้วเริ่มบรรจุอีก

สวี่ชิงเห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้ว

“นายกองโลภเกินไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะถูกจับได้ง่าย ข้าจะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ เอาแค่พอประมาณ จะโลภไม่ได้!”

สวี่ชิงพึมพำ ดูดซับไม่หยุด ครึ่งก้านธูปผ่านไป เขาก็ค้นพบอย่างเสียดายว่าปริมาณของของเหลวสีเลือดในกายมาถึงขีดจำกัดสูงสุด ไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไปแล้ว และทั้งตัวของเขาแม้จะดูเหมือนเป็นปกติ แต่สวี่ชิงกลับมีความรู้สึกเหมือนอิ่มท้องจะแตก

ขณะเดียวกัน เจ้าเงาก็แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์ดูดซับจนเต็มแล้วเช่นกัน ไม่สามารถดูดซับได้อีก

สวี่ชิงสัมผัสวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของตัวเองเล็กน้อย เหมือนว่าจะยังดูดซับได้อีก ดังนั้นจึงหันหลังให้กับเทวรูป ให้แผ่นหลังแนบไปกับรูปสลัก

‘จะโลภไม่ได้ แต่ว่าข้าและเจ้าเงากับเหล็กแหลมล้วนดูดซับเต็มที่แล้ว เหลือแค่วิหคทองเท่านั้น…’ สวี่ชิงพึมพำในใจ โคจรวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเงียบๆ และตอนนี้หลังของเขาก็แนบไปกับเทวรูปแล้ว ดังนั้นเมื่อโคจร พลังต้นกำเนิดเดียวกันในรูปสลักและในสระน้ำก็ทะลักเข้ามาทันที

ผิวน้ำรอบๆ เกิดระลอกขึ้นรางๆ สวี่ชิงรีบควบคุมการดูดซับอย่างหวาดผวา นี่ถึงทำให้ระลอกคลื่นหายไป

หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น ค่อยๆ ดูดซับช้าๆ

นายกองดวงตาเบิกกว้าง มองสวี่ชิงแล้วมองขวดรอบๆ ตัวเอง กัดฟันกรอดแล้วเอาขวดออกมาอีกสิบใบ เริ่มเร่งความเร็วดูดซับ

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป…จู่ๆ ลมหายใจสวี่ชิงก็หอบถี่ขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

ตอนนี้ในความรู้สึกของเขา จากการที่สำแดงวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณกับเทวรูปนี่ ในเทวรูปนอกจากจะทะลักเลือดลมมหาศาลออกมาแล้ว ยิ่งมีคลื่นพลังใต้น้ำกลุ่มหนึ่งก่อตัวอย่างรวดเร็วในตำแหน่งที่ตนแนบกับรูปสลักอยู่รางๆ

คลื่นพลังใต้น้ำนี้อยู่ในรูปสลัก คนนอกมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ มีเพียงสวี่ชิงที่สำแดงวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเท่านั้นจึงสัมผัสได้ ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนในการดูดซับนี้หลอมรวมสิ่งแปลกปลอมไว้จำนวนมาก

และสิ่งแปลกปลอมพวกนี้ไม่อาจออกไปจากในรูปสลักได้ ถูกสกัดเอาไว้ข้างใน ดังนั้นจึงสะสมไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้นในนั้นยังแผ่ซ่านระลอกคลื่นที่ทำให้สวี่ชิงหวาดผวาออกมา

ระลอกคลื่นนี้ไม่เสถียรเลย เพียงแค่กระตุ้นเล็กน้อยก็จะระเบิดทันที

นี่ทำให้สวี่ชิงหวาดกลัวมาก โดยเฉพาะเขารู้สึกเลาๆ ว่า พลังที่อยู่ในคลื่นพลังใต้น้ำน่ากลัวมาก เขารู้สึกว่าเมื่อมันระเบิดออกตัวเองอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็จะต้องถูกกลืนกินไปด้วยแน่นอน

และในการระเบิดที่น่ากลัวขนาดนี้ สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นตายอย่างรุนแรง

“เจ้านี่หากระเบิดจะต้องสร้างปฏิกิริยาตอบสนองอื่นๆ ในรูปปั้นแน่นอน…อันตรายเกินไป” สวี่ชิงระแวดระวังขึ้นมาทันที ค่อยๆ ลดการดูดซับ เก็บวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ระมัดระวังโดยไม่ไปกระตุ้นวัตถุคลื่นพลังใต้น้ำนั่น จบสิ้นการดูดซับ

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าคลื่นพลังใต้น้ำนั่นหลังจากที่ไม่มีการดูดซับของตัวเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปตามภายในของรูปปั้น อีกทั้งยังไม่เสถียรยิ่งกว่าเดิม

สวี่ชิงเงยหน้า หลังจากมองเด็กระดับแก่นลมปราณที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนมือใหญ่เหนือรูปสลัก เขาก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ ไม่กล้าขยับเร็วเกินไป สะกดความตึงเครียดในใจ เดินออกไปข้างนอก

การกระทำของสวี่ชิงทำให้นายกองอึ้งตะลึง ในตอนที่มองมาที่สวี่ชิง สวี่ชิงก็ส่งสัญญาณสายตาให้เขา

นายกองลังเลเล็กน้อย ในขณะที่ลุกขึ้นในดวงตาของเขาก็ฉายความสับสนและไม่ยอมจำนนออกมา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองทำครั้งนี้ไม่ค่อยสะใจเท่าไร อีกครั้งระดับความบ้าคลั่งก็สู้ตาแก่นั่นไม่ได้เลย

เขารู้สึกว่าจากไปแบบนี้ หากไม่มีใครรู้จากไปได้อย่างราบรื่นก็ช่างเถิด

แต่หากออกไปข้างนอก มีคนค้นพบฐานะตัวตนเข้า เช่นนั้นก็ขาดทุนอย่างเห็นได้ชัดเลย

“ในเมื่อออกไปมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีคนค้นพบ ทำเรื่องใหญ่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนค้นพบ เช่นนั้นข้าย่อมต้องทำเรื่องใหญ่ไปเลย หลังจากที่ตาแก่นั่นรู้ก็จะต้องถอนใจว่าสู้ข้าไม่ได้!” นายกองหลังจากครุ่นคิด ในดวงตาก็ฉายความบ้าระห่ำออกมา

สวี่ชิงเดินออกไปข้างนอกพลางส่งสัญญาณสายตาให้นายกอง ตอนนี้เห็นความบ้าคลั่งในตาเขา สวี่ชิงหัวใจหล่นวูบ แอบพูดในใจว่าแย่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เร่งความเร็วทันที

ในขณะเดียวกัน ทางนายกองก็หายใจหอบถี่ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา มือขวากุมเข้าไปในอก ควักเนื้อชุ่มเลือดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายคุณสมบัติเทพชิ้นหนึ่งออกมา เนื้อก้อนนี้เพียงปรากฏออกมา ก็เกิดระลอกคลื่นน่าครั่นคร้ามขึ้นรอบๆ ทันที

แทบจะในเสี้ยวขณะเดียวกับที่ระลอกคลื่นนี้แผ่มา นายกองก็ยัดเนื้อชิ้นนี้เข้าปาก หลังจากกลืนลงไปแล้วทั่วร่างของเขาก็ส่งเสียงดังบึ้ม ปะทุแสงทองแสบตาออกมา ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ต่างตกใจตื่นในทันที

ไฟชีวิตในร่างนายกองเปิดออกทั้งหมดในทันที ปลดผนึกออกท่ามกลางรัศมีอำนาจส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้งตัวเปล่งประกายแสงทองหมื่นจั้ง กระโจนไปที่ข้างนิ้วเท้าเทวรูปทันที ไม่สนใจเผ่าสิงซากสมุทรรอบๆ ไม่สนใจระดับแก่นลมปราณข้างบน เขาอ้าปากไปทางนิ้วเท้าของเทวรูปบรรพชนศพ แล้วกัดไปเต็มแรง!

กร๊อบ!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Score 10
Status: Completed
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง... รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง 'เอ่อร์เกิน' ผู้เขียน 'หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์' 'สู่วิถีสุรา' ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน' 'หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา' เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก 'สวี่ชิง' เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

Options

not work with dark mode
Reset