บ่วงมาร 25

ตอนที่ 25

“ถ้าผมได้ยินคุณพูดถึงบ้านเมืองของผมแบบนั้นอีกล่ะก็…” ดวงตาสีนิลของฟาเดลตอนนี้กลายเป็นสีกองเพลิงไปเรียบร้อยแล้ว

“คุณเละเป็นโจ๊กแน่…!”

และร่างของหล่อนก็ถูกผลักเต็มแรง จนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความเจ็บ ขณะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่ยืนตระหง่านค้ำศีรษะอยู่ด้วยความเจ็บแค้น

“นายไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทุเรศแบบนี้กับฉันนะ ฟาเดล!”

“ถ้าคุณอวดดีอีก ผมจะทำมากกว่านี้…”

หญิงสาวกัดปากแน่นจนเจ็บระบม “ฉันจะฟ้องพี่มาร์คอส…”

เอาชื่อพี่ชายขึ้นมาขู่หวังว่าพ่อป่าเถื่อนจะหวาดหวั่นให้สมกับตำแหน่งบอดี้การ์ดบ้าง แต่เปล่าเลยเพราะฟาเดลกลับหัวเราะเยาะออกมาให้หล่อนได้เจ็บใจเล่นอีกซะงั้น

“ผมไม่กลัวใคร… และพี่ชายของคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับผม”

“แต่นายเป็นลูกน้องของพี่มาร์คอสนะ?!”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตาบอดี้การ์ดร่างยักษ์แถมยังเหี้ยมโหดมากๆ อย่างฟาเดลจะยโส อวดดีขนาดนี้ นี่ถ้าตัวเท่าๆ กันหล่อนคงท้าต่อยไปแล้วล่ะ ผู้ชายอะไรไม่เจียมตัวซะเลย

“เจ้านายของผมมีคนเดียวนั้นก็คือองค์ชายบาร์ซาร์…”

“ไอ้คนอวดดี!”

ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาสาดซัดใส่ผู้ชายเลือดเย็นตรงหน้าดี ในที่สุดก็ได้แต่นั่งน้ำตาซึมมองคนตัวโตเดินออกไปจากห้องของตัวเองด้วยความเจ็บช้ำใจ เมื่อไหร่นะ? เมื่อไหร่หล่อนถึงจะได้ออกไปจากกรงทองแห่งนี้สักที หรือว่าต้องรอจนกว่าจะหมดลมหายใจถึงจะได้ออกไป

ขณะที่น้องสาวกำลังขุ่นเคืองใจอยู่กับการจำกัดบริเวณ มาร์คอสเองก็กำลังถูกภรรยาสุดที่รักสอบสวนเรื่องที่เขาส่งนาริกาไปแบล็กเมย์เดนนิสเจ้านายเก่าอย่างเดนนิส โอซิลอย่างเคร่งเครียดเลยทีเดียว

“ได้โปรดเถอะพเยียจ๋า… อย่าโกรธผมเลยนะ…”

“แต่คุณทำไม่ถูกนะคะมาร์คอส…”

“ผมทำลงไปเพราะผมเป็นห่วงแองเจลล่า เพราะคุณก็ได้ยินกับหูไม่ใช่หรือว่าเจ้านายเก่าของคุณจะเอาคืนผมยังไง และหมอนั่นก็ทำจริงๆ”

มาร์คอสพยายามแก้ตัวให้กับตนเอง จากนั้นก็ดึงร่างอวบอิ่มของพเยียเข้ามากอดแน่นด้วยความรักใคร่ ปากก็พรมจูบไปตามซอกคอเพื่อยุติการสนทนาน่าเบื่อนี้ซะ แต่ภรรยาสาวไม่ยอมเดินตามแผนง่ายๆ

“แต่วิธีที่คุณใช้มันไม่ถูกต้องนะคะมาร์คอส เด็กสาวคนนั้นจะต้องพบเจออะไรบ้างคุณรู้หรือเปล่า เจ้านายของพเยียน่ะเวลาปกติก็ร้ายกาจมากอยู่แล้ว แต่นี่ถูกแบล็คเมย์ให้แต่งงานด้วยแบบนี้ มีหรือคะว่าจะรอดออกมาได้…”

“ผมรู้ว่าเจ้าเดนนิสน่ะมันร้ายขั้นเทพ… แต่ผมไม่คิดว่ามันจะฆ่าคนได้…”

“ใช่ค่ะ… เจ้านายไม่ฆ่าหรอก แต่เจ้านายจะทำให้ตายทั้งเป็นต่างหากค่ะ”

น้ำเสียงของพเยียเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้หล่อนจะพบเจอกับนาริกาเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่จากที่ได้สังเกตเด็กสาวคนนี้อ่อนหวาน อ่อนโยน และที่สำคัญอ่อนแอยิ่งนัก นาริกาไม่มีทางทานทนต่อความเลือดเย็นของเดนนิสได้นานหรอก หรือบางทีป่านนี้เด็กสาวคนนั้นอาจจะบอบช้ำไปทั้งกายและใจแล้วก็เป็นได้

“อย่าคิดมากนะทูนหัว… ริก้าได้ค่าตอบแทนสูงมากอยู่แล้ว”

มาร์คอสหมุนร่างภรรยาให้หันหน้ามาหา พยายามจะจูบปากอิ่มๆ นั่นเพื่อปิดการสนทนา แต่หญิงสาวไม่ยอม หล่อนดิ้นหนี และมองเขาด้วยสายตาจริงจัง

“อย่าคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างสิคะมาร์คอส… เพราะอย่างน้อยๆ เงินก็ซื้อหัวใจไม่ได้ และที่พเยียรักคุณ ก็เพราะคุณเป็นคุณ ไม่ใช่เพราะว่ารักเงินในกระเป๋าของคุณ…”

ชายหนุ่มถอนใจออกมา และก็พาลโมโหเดนนิสไม่ได้ที่ทำให้เขาต้องมานั่งตอบเรื่องงี่เง่านี้กับพเยีย ไอ้จะไม่ตอบก็ไม่ได้ เพราะหล่อนอาจจะขัดเคือง หรือถึงขั้นโกรธเอา

“ผมรู้ครับพเยียจ๋า… ผมรู้แล้ว ได้โปรดอย่าทำท่าทางรังเกียจผมแบบนี้นะ… ผมทนไม่ได้หรอก”

“พเยียจะไม่ยอมให้คุณแตะต้องอีก…” หญิงสาวเดินหนีไปหยุดที่ริมหน้าต่าง ขณะที่มาร์คอสอ้าปากค้างคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน

“ว่าไงนะครับพเยีย… คุณคงไม่…”

“ตราบใดที่นาริกายังไม่ได้กลับมาที่เซาเปาโล… ตราบนั้นพเยียก็จะไม่ยอมให้คุณแตะต้องอีกแม้แต่ปลายก้อย…”

“ไม่ได้นะ?! ผมไม่ยอมพเยีย… คุณก็รู้ว่าผมขาดคุณไม่ได้ แม้แต่คืนเดียวก็ตาม…”

มาร์คอสแทบเป็นบ้าเมื่อได้ยินคำประกาศิตของภรรยา แต่ท่าทางจริงจังของเจ้าหล่อนทำให้เขาได้แต่ยืนพ่นลมออกจากปากด้วยความทดท้อใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากับไอ้เรื่องแค่นี้จะสามารถทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาไฟระเบิดใส่หน้าได้ เพราะไอ้เดนนิส โอซิลคนเดียว

“งั้นคุณก็รีบไปพาตัวนาริกากลับมาเซาเปาโลสิคะ แล้วคุณก็จะได้นอนกอดพเยียเหมือนเดิม…”

พเยียจำใจต้องยกเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองเพราะไม่อย่างนั้นมาร์คอสคงไม่รีบร้อนที่จะพานาริกากลับมาที่นี่อย่างแน่นอน หล่อนสงสารเด็กสาวคนนั้น ป่านนี้คงถูกเดนนิสทำร้ายจนบอบช้ำไม่เหลือชิ้นดีแล้วอย่างแน่นอน มาร์คอสทำเกินไปจริงๆ นี่หากหล่อนรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าคงหาทางห้ามปรามเอาไว้แล้ว

มาร์คอสทรุดกายใหญ่โตลงนั่งกับขอบเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด มองภรรยาอย่างขอความเห็นใจ แต่สาวเจ้าไม่มีให้แม้แต่นิดเดียว

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะพเยีย… สองคนนั่นจดทะเบียนสมรสกันแล้ว…”

“พเยียมั่นใจว่าหากคุณเอ่ยปากขอโทษเจ้านาย… ทุกอย่างก็จะจบลงได้ด้วยดี…”

คำพูดของภรรยาไม่ได้ทำให้มาร์คอสรู้สึกดีขึ้นมาเลย “ผมจบ… แต่เจ้านายของคุณจะยอมจบด้วยไหมล่ะ มันยิ่งจ้องจะทำลายน้องสาวของผมอยู่ คุณก็รู้นี่…”

“เรื่องนั้นพเยียเข้าใจค่ะ แต่ว่าตอนนี้น้องสาวของคุณก็มีคนดูแลเป็นสิบๆ คนไม่ใช่หรือคะ แถมยังถูกกังบริเวณอีกด้วย หากเจ้านายไม่ใช่มดหรือหายตัวได้ ยังไงซะก็ไม่มีทางฝ่าด่านเหล่าบอดี้การ์ดร่างยักษ์ของคุณเข้าไปได้หรอกค่ะ” พเยียอดประชดประชันสามีออกไปไม่ได้

“ผมรู้… แต่ผมรักแองเจลล่านี่… เรามีกันแค่สองคน…”

หญิงสาวถอนใจออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของสามีตัวโตที่นั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียง สองมือบางยกขึ้นลูบใบหน้าหล่อลากไส้นั้นแผ่วเบา

“พเยียเข้าใจค่ะ แต่พเยียก็มั่นใจว่าเจ้านายจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก… เราจะเลิกแล้วต่อกัน…”

มาร์คอสไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากฉวยโอกาสดึงร่างอรชรของภรรยาเข้ามากอด ฝังใบหน้าหล่อลงกับซอกอกอวบใหญ่ ไซร้ไปมาด้วยความต้องการมากล้น

“นอนกับผมนะพเยีย…”

แม้จะเคลิบเคลิ้มตามอารมณ์ปรารถนาของสามีไปแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังสามารถดึงสติกลับมาได้ทันเวลา พเยียรีบขยับตัวออกห่าง ฝืนทำใจแข็งทันที

“อย่าโมเมสิคะมาร์คอส…”

“แต่ผมต้องการคุณนะพเยีย…”

มาร์คอสทำสุ่มเสียงผิดหวัง มองภรรยาอย่างอ้อนวอน แม้ความจริงจะรู้ว่าหากเขาดึงดันจะทำต่อไป พเยียก็ไม่มีทางขัดเขินตัวเองได้ แต่เขารักหล่อน ให้เกียรติหล่อน ดังนั้นจึงไม่อยากจะฝืนใจ

“พานาริกากลับมาเซาเปาโล… แล้วพเยียจะตามใจคุณทุกอย่างค่ะมาร์คอส…”

จบคำพูดอ่อนหวานแต่แสนมั่นคง หญิงสาวก็เปิดประตูแล้วหายออกไปจากห้องนอนอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนตัวโตมองตามไปตาละห้อย

“เมื่อไหร่ชื่อของนายถึงจะตายไปจากสมองของฉันสักทีนะ เดนนิส โอซิล!”

ชายหนุ่มคำรามออกมาด้วยความหงุดหงิด สมองที่เคยชาญฉลาดตอนนี้ทื่อไม่ผิดจากช้อนหนาหนักเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเขาจะทำยังไงดีล่ะ จะทำยังไงถึงจะสามารถพาตัวนาริกากลับเซาเปาโลได้ภายในวันนี้ พรุ่งนี้

มันยาก… ใช่ มันยากมากทีเดียว เพราะเจ้าเดนนิสมันจะต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ยิ่งหากมันรู้ว่าเหตุใดเขาถึงจะต้องพาตัวนาริกากลับเซาเปาโลมันก็คงยิ่งกลั่นแกล้งไม่เลิก มีวิธีเดียวนั่นก็คือต้องปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับ อย่าให้เจ้าเดนนิสมันรู้เด็ดขาดว่าพเยียยื่นคำขาดใดกับเขาเอาไว้

กายสูงใหญ่ล้มตัวลงนอนหงายกับที่นอนด้วยความเคร่งเครียด ดวงตาคมกริบจ้องมองเพดานห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยสดงดงามนิ่ง สมองกำลังว้าวุ่นเกี่ยวกับการหาทางออกให้กับตัวเองอย่างหนักหน่วง

แล้วเขาจะทำยังไงดี…? ถึงจะสามารถทำให้เดนนิส โอซิลปล่อยนาริกาจากทะเบียนสมรสได้ ชายหนุ่มพยายามครุ่นคิด แต่คิดจนหัวแทบจะระเบิดก็ยังคิดไม่ออก จนในที่สุดก็ต้องลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง มือใหญ่เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับขึ้นมาต่อสายหาเลขาส่วนตัวอย่างรวดเร็ว

“ผมต้องการตั๋วไปเมืองไทยคืนนี้…”

และเมื่อคู่สนทนาตอบรับคำสั่งทรงอำนาจแล้ว มาร์คอสก็ยุติการสนทนาในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำหรูที่อยู่ด้านในสุดของห้องนอนอย่างรวดเร็ว

‘ต่อให้เจ้าเดนนิส โอซิลมันไม่ยอมหย่า… เขาก็จะลากนาริกากลับมาเซาเปาโลตามคำสั่งของเมียสุดที่รักให้ได้’

มาร์คอสยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง

Options

not work with dark mode
Reset