บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 759: กำราบให้สิ้นทีเดียว

ตอนที่ 759: กำราบให้สิ้นทีเดียว

ตอนที่ 759: กำราบให้สิ้นทีเดียว

ตอนที่ 759: กำราบให้สิ้นทีเดียว

ถึงแม้จะทราบว่ามีอันตรายรอบด้าน แต่ซูอี้ก็ไม่ใส่ใจ

ถึงขั้นกล่าวได้ว่าพลังที่ขุมกำลังฝ่ายศัตรูจัดตั้งขึ้นเหล่านี้ล้วนอยู่ในความคาดหมายของเขาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรให้ ‘น่าตื่นเต้น’ แม้แต่น้อย

ครืน!

ขณะที่ครุ่นคิดซูอี้ก็ซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง พลังดาบแต่ละเล่มปรากฏขึ้นกลางอากาศราวกับฝนที่สาดเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง พุ่งแทงไปยังภูเขาเด็ดดาว

ในช่วงระยะนี้ ระดับการฝึกตนของเขาบรรลุขอบเขตสยายวิญญาณขั้นต้นแล้ว ทั้งยังเริ่มหลอมกลั่น ‘นิมิตเลือนราง’ กับ ‘มหาล้ำลึก’ ซึ่งเป็นพลังมหาวิถีอันสูงส่งจากดาบเก้าคุมขัง

พูดอย่างตรงไปตรงมาได้ว่าเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณทั้งยี่สิบห้าคนที่ถูกฆ่าเมื่อตอนบรรลุขอบเขตในครั้งนั้นแล้ว ระดับความสามารถของเขาในตอนนี้เพิ่มสูงขึ้นไปมาก

เวลานี้ ถึงแม้จะต่อสู้ด้วยมือเปล่า ทว่าความแข็งแกร่งของพลังดาบที่ฟันออกมานั้นสามารถฆ่าตัวตนเก่งกาจอย่างเซี่ยจือเป่ยกับหวนซั่งหลินที่อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณได้อย่างง่ายดาย!

ครืน!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังดาบรุนแรงประดุจคลื่นลูกยักษ์

เมื่อดาบฟันลงมา ค่ายกลกักขังเก้าด่านที่กระจัดกระจายอยู่บนภูเขาเด็ดดาวต่างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างแรง ส่งเสียงดังครืน ๆ กึกก้องไปทั่วผืนปฐพี

ในสายตาผู้คอยดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ ซูอี้ในเวลาเปรียบดั่งเซียนที่กำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์ ดาบที่ฟันลงมาราวกับสายฝน!

พลังไร้เทียมทานเช่นนั้นทำให้พวกหวนเทียนตู้ถึงกับสีหน้าถอดสีไปอีกครั้ง

เพราะตระหนักรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของซูอี้แล้ว

“จะปล่อยให้คน ๆ นี้โอหังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ทุกท่าน ลงมือจัดการ!”

ฟิ้ว!

บาตรสีดำใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นหมุนกลางอากาศ ปล่อยเพลิงปีศาจสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

“ขึ้น!”

เลี่ยหยางชงผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักวิถีสุญญะร้องตะโกน พลางควักขวดหยกสีเขียวใบหนึ่งออกมา แสงทิพย์สีเขียวงดงามบาดตาพุ่งทะลุออกจากขวดหยก

แทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ในมือตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณคนอื่น ๆ ก็หยิบสมบัติล้ำค่าของตนเองที่แตกต่างกันไปออกมา

มีทั้งมีดบิน ตราประทับเต๋า ไม้เรียวหยก กาน้ำเต้า บักฮื้อ ลิ่มสยบมาร… สมบัติล้ำค่าแต่ละอย่างต่างก็มีอานุภาพที่แตกต่างกันออกไป แสงเจิดจ้าพุ่งสู่ชั้นเมฆสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วไพรพนา

ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณถึงหกสิบสามคนแสดงฝีมืออย่างพร้อมเพรียงกัน!

หลังจากที่พวกเขาแสดงฤทธิ์เดชของสมบัติล้ำค่าแล้ว อานุภาพความน่ากลัวที่ปล่อยออกมาก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นค่ายกลกักขังอันน่าหวาดกลัว

ทันใดนั้นเอง…

บริเวณรอบ ๆ ระยะสิบลี้โดยมีภูเขาเด็ดดาวเป็นศูนย์กลางก็มีแท่นบูชาสีเลือดผุดขึ้นมาจากผืนแผ่นดินโนเวลพีดีเอฟ

ผุดขึ้นเรียงราย มีมากถึงสามร้อยหกสิบแท่น!

แท่นบูชาสีเลือดแต่ละแท่นมีลวดลายสลับซับซ้อนปกคลุมโดยรอบ

เมื่อเสียงร้องดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น บนแท่นบูชาสีเลือดแต่ละแท่นก็ปรากฏเงาปีศาจสีเลือดสูงร้อยจั้งที่อาบชโลมตัวด้วยสายฟ้ากักขังอันเดือดพล่าน

การปรากฏตัวขึ้นของพวกมันราวกับเทพปีศาจสามร้อยหกสิบตนอุบัติขึ้นในโลก!

ค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์!

เป็นวิชาที่สืบทอดมาจากค่ายกลประหารดึกดำบรรพ์ของตระกูลหวนแห่งเผ่ามาร

เวลานี้ถูกขับเคลื่อนโดยมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณถึงหกสิบสามคน อานุภาพของค่ายกลประหารเช่นนี้ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนแปลงราวกับจะกลายเป็นดินแดนแห่งมารปีศาจ

ผู้ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ พากันสูดปากด้วยความตื่นตระหนก

ถึงแม้จะมองดูอยู่ไกล ๆ ทว่าอานุภาพของค่ายกลกักขังเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณเหล่านั้นรู้สึกสิ้นหวัง!

ณ บัดนั้น ซูอี้ผู้อยู่กลางอากาศราวกับร่วงหล่นเข้าไปอยู่ในดินแดนมารปีศาจ พลังแห่งโลหิตเดือดพล่านไปรอบด้าน

ร่างปีศาจฟ้าสามร้อยหกสิบตนที่กลายร่างจากพลังกักขังพากันส่งเสียงแผดร้องคำรามสะท้านฟ้าออกมา พุ่งตรงไปพิฆาตเขา

“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”

เสียงแผดร้องประหนึ่งเสียงฟ้าผ่า เสียงปีศาจสั่นสะเทือนพิภพ พลังกักขังอันน่าสะพรึงกลัวกลายเป็นสายฟ้าสีเลือดรายล้อมอยู่บนตัวปีศาจฟ้าแต่ละตน

ความร้ายกาจนั้นสามารถฆ่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณได้อย่างง่ายดาย!

“ไม่เลว ค่ายกลมารเช่นนี้ยังพอถือได้ว่าไม่เลว”

ดวงตาดำขลับลุ่มลึกของซูอี้ไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนกเท่านั้น ทั้งยังเผยให้เห็นความพึงพอใจอีกด้วย ค่ายกลประหารเช่นนี้ควรค่าให้เขาลงมือพังทลาย

มิเช่นนั้น คงน่าเบื่อแย่

ทว่าในสายตาของคนอื่น ๆ ซูอี้ในเวลานี้ราวกับเรือใบไม้ลำน้อยที่โต้คลื่นเดือดเพียงลำพัง เปรียบกับร่างที่สูงถึงร้อยจั้งของปีศาจฟ้าแล้ว ร่างของเขาเล็กกระจิริดเสียเหลือเกิน

ครืน!

ศึกใหญ่ระเบิดขึ้น อากาศในแถบนั้นเกิดความแปรเปลี่ยน แสงสีเลือดสว่างไปทั่วฟ้า เพลิงปีศาจเร่าร้อน

เพียงชั่วพริบตาก็ตกอยู่ในการโอบล้อมที่หนาแน่น!

ผู้มองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ ต่างก็หนาววาบถึงสันหลัง เวลานี้จึงตระหนักแล้วว่าการวางค่ายกลตรงนี้ของขุมกำลังยิ่งใหญ่เหล่านั้นมีความน่าหวาดกลัวเพียงใด

แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานอย่างซูอี้ก็ยังตกอยู่ในกับดักอันตรายรอบด้าน!

“หากว่าคน ๆ นี้ไม่ใช้ไม้ตาย เกรงว่าแม้กระทั่งด่านแรกที่พวกเราตั้งก็คงจะผ่านไปไม่ได้”

ยอดภูเขาเด็ดดาว หวนเทียนตู้ลูบเคราพลางเอ่ยพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ค่ายกลประหารเช่นนี้ต้องทุ่มเทสมบัติล้ำค่าของพวกเราแต่ละขุมกำลังไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด และยังมีมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตวงล้อวิญญาณอีกหกสิบคนขับเคลื่อนพร้อมกันอีก หากว่ายังจัดการกับซูอี้ที่มีระดับการฝึกเพียงขอบเขตสยายวิญญาณไม่ได้อีกคงจะเป็นเรื่องแปลกแล้ว”

เลี่ยหยางชงแห่งสำนักวิถีสุญญะมีสีหน้าผ่อนคลาย

“เสียดายนัก คน ๆ นี้เป็นตัวตนที่ร้ายกาจ กล่าวได้ว่าหาตัวจับได้ยากในหมื่นปี หากว่าไม่ตาย วันข้างหน้าคงมีหวังได้พิสูจน์เต๋ากลายเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน ทว่าเขากลับเลือกที่จะเป็นศัตรูกับพวกข้า ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน”

จ้าวเป่ยเจิน เจ้าสำนักผลาญตะวันถอนใจพลางส่ายหน้า

เวลานี้บุคคลผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนต่างก็สงบสติอารมณ์ มองดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ พร้อมทั้งส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และมองซูอี้เป็นดั่งนกน้อยในกรง ต่อให้ติดปีกก็ยากนักจะบินหนีไปได้

“ทุกท่านอย่าได้ประมาทไป ในตัวคน ๆ นี้จะต้องมีไม้ตายอย่างแน่นอน”

เฉิงหยวนแห่งสำนักฌานกระจ่างจิตกล่าวเตือน

“เขามีไม้ตาย แล้วพวกเราไม่มีหรืออย่างไร? นี่เป็นเพียงแค่ด่านแรกเท่านั้น ต่อให้ซูอี้ดิ้นรนเก่งสักแค่ไหน วันนี้ยากนักจะหนีพ้น!”

หวนเทียนตู้กล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่

ทว่าเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ภายในค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์ก็เกิดความผิดปกติขึ้นมา

ภายในค่ายกลใหญ่ ซูอี้พังทลายการปิดล้อมอย่างหนาแน่นของปีศาจฟ้าสามร้อยกว่าตนแล้ว

และเวลานี้ กลับมีพลังดาบอันเจิดจรัสไร้เทียมทานพุ่งออกมา!

พลังดาบแต่ละเล่มส่งแสงสว่างเจิดจ้า ฟาดฟันเป็นแนวยาว แหวกทะลุอากาศ เผยให้เห็นอานุภาพอันร้ายกาจ

ครืน!

ภายใต้การฟาดฟันของพลังดาบ ร่างของปีศาจฟ้าสูงร้อยจั้งแต่ละร่างก็แตกสลายเป็นชิ้นย่อย พลังกักขังมลายหายไปสิ้น

พลังดาบเปรียบดั่งสายรุ้งขนาดใหญ่ แผ่กระจายออกไปเป็นบริเวณกว้างราวกับไม่มีหยุดยั้ง!

เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ร่างของปีศาจฟ้าก็แตกสลายไปเกินครึ่ง!

และในเวลานี้เช่นกัน ในที่สุดทุกคนก็มองเห็นร่างของซูอี้อย่างชัดเจน

เสื้อผ้าที่เขาสวมสะบัดพลิ้ว ทั่วทั้งร่างสูงโปร่งของเขามีประกายมหาวิถีอันเจิดจรัสรายล้อม ท่าทางอหังการ มองสรรพสิ่งราวกับเซียนบนสวรรค์

พลังดาบไร้เทียมทานแต่ละเล่มถูกปล่อยออกจากมือของเขา ฆ่าฟันปีศาจฟ้าเหล่านั้นจนไม่เป็นกระบวน

ทว่าตัวเขาเองกลับตั้งตระหง่านไร้บาดแผล!

ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้ที่มองดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง และร้องเสียงหลงออกมา

ใครกันจะคาดคิดว่าเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ซูอี้ผู้ที่ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา รอบด้านมีแต่อันตรายเมื่อก่อนหน้านี้จะสามารถพลิกสถานการณ์ พลังดาบพุ่งเข่นฆ่าปีศาจฟ้าเหล่านั้นจนแตกซ่านแหลกสลายได้?

ความสง่างามเช่นนั้น น่าตื่นตะลึงและอหังการยิ่งนัก!

“นี่…”

“ต่อสู้มือเปล่าไม่ต้องใช้อาวุธใด ๆ อาศัยแต่เพียงวิถีดาบของตัวเองก็สามารถทลายพลังแห่งปีศาจฟ้าได้แล้ว!?”

“ให้ตายสิ!”

บนยอดภูเขาเด็ดดาวเกิดความระส่ำระสาย เสียงตื่นตระหนกดังก้องไปทั่ว

พวกของหวนเทียนตู้กับเลี่ยหยางชงที่เดิมทีกำลังพูดคุยกันอย่างสงบ เวลานี้แต่ละคนทั้งตระหนกและโมโหสลับกันไป

แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง!

ในความคาดเดาของพวกเขาตอนแรก หากว่าซูอี้ต้องการจะแก้พิบัติประหารในครั้งนี้ จะต้องงัดไม้ตายออกมาใช้จึงจะสามารถผ่านพ้นไปได้

แต่ใครกันจะคาดคิด อย่าว่าแต่งัดไม้ตายมาใช้เลย แม้กระทั่งดาบคู่ใจก็ยังไม่ชักออกมาใช้ ซูอี้ก็ทลายร่างปีศาจฟ้ารอบด้านจนดับสลายไปเสียแล้ว!

เช่นนี้เกินความคาดหมายของพวกหวนเทียนตู้อย่างไม่ต้องสงสัย

“พวกเจ้าจงฟังคำสั่ง ลงมือพร้อมกัน”

เมื่อเห็นว่าซูอี้ใกล้จะทลายร่างปีศาจฟ้าจนหมดทุกตนแล้ว หวนเทียนตู้จึงส่งเสียงดังออกคำสั่งอย่างไม่รอช้าอีก

ทันใด ตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณนับร้อยที่แยกย้ายกระจายตัวอยู่ทั่วภูเขาเด็ดดาวก็ลงมือพร้อมกัน จากนั้นจึงต่างก็หยิบกระดานค่ายกลออกมาและขับเคลื่อนอย่างเต็มพลัง

ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!

แท่นบูชาสีเลือดสามร้อยหกสิบแท่นที่อยู่ในรอบระยะสิบลี้ส่งเสียงดังกึกก้องขึ้นพร้อมกัน ทำให้พลังของค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์ทั้งค่ายเปลี่ยนไปด้วย

โครงกระดูกนับไม่ถ้วนผุดออกมาจากผืนดิน ก่อนจะกลายเป็นกองทัพโครงกระดูกจำนวนนับพันนับหมื่น เข้าปิดล้อมซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน

เห็นได้ชัดว่าโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นซากศพโบราณที่ผ่านกาลเวลามาไม่รู้เนิ่นนานเพียงใด ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยพลังฆ่าล้างอันโหดเหี้ยม ปกคลุมทั่วคลื่นพลังกักขัง ราวกับกองทัพทหารใหญ่ที่มาจากเมืองนรก

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือปีศาจฟ้าที่ถูกซูอี้ฆ่าตายไปแล้วกลับรวมตัวกันขึ้นมาใหม่และบุกตรงเข้าหาซูอี้อีกครั้ง

เพียงครู่เดียว อานุภาพของค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน

เดิมทีผู้ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ ยังรู้สึกตื่นตระหนกในความสง่างามของซูอี้กันไม่หาย ทว่าเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว แต่ละคนถึงกับขนลุกซู่ด้วยความหวาดผวา

แม้กระทั่งพวกของกู่ชางหนิงกับเฉิงผูที่มั่นใจในตัวของซูอี้อย่างเต็มที่ก็ยังอดมือเท้าเย็นขึ้นมาไม่ได้ หัวใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

พลังระดับนี้สามารถทำให้ใครต่อใครรู้สึกสิ้นหวังได้ทั้งสิ้น!

“นี่เป็นด่านที่สอง ถึงแม้ว่าจะฆ่าซูอี้ไม่ตาย แต่ก็เพียงพอที่จะบั่นทอนระดับการฝึกตนของเขาได้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส! ถึงเวลานั้น สุดท้ายก็ต้องตกเป็นเนื้อปลาบนเขียงรอให้พวกเราแล่!”

หวนเทียนตู้กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้แล้วพากันโล่งใจไปไม่น้อย สายตาที่มองดูซูอี้จึงแฝงด้วยความสังเวช

เพื่อการต่อสู้ในครั้งนี้ ขุมกำลังทั้งเจ็ดแทบจะล้วงเอาพลังเด็ดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้ อีกทั้งยังวางแผนตั้งกับดักขึ้นมาเป็นอย่างดี

ต่อหน้าแผนการที่วางมาอย่างเต็มที่เช่นนี้ ผู้ใดในโลกนี้จะสามารถต้านทานได้?

“หุ่นศพอาบพิษ…”

ทว่าเวลานี้ เมื่อเผชิญต่อความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แล้ว ซูอี้กลับเข้าใจบางอย่างขึ้นมา

มิน่าเล่า ขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นจึงเลือกที่จะอาณาเขตผีหลิงหลงแห่งนี้เป็นที่ต่อสู้ ที่แท้ก็เพราะต้องการยืมโครงกระดูกที่ฝังอยู่ในดินแดนกักขังบริเวณนี้เพื่อหลอมสร้างเป็นหุ่นศพนี่เอง!

หุ่นศพเหล่านั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ทว่ากลับอาบด้วยพิษศพที่สั่งสมกันมาเป็นระยะเวลานาน กอปรกับมีจำนวนมาก ต่อให้ฆ่าพวกเขาจนหมดสิ้น ค่ายกลใหญ่ทั้งค่ายก็ยังคงมีพิษร้ายกระจายไปทั่วอยู่ดี

ทว่า สิ่งเหล่านี้ไม่อาจขัดขวางซูอี้ได้

ถึงแม้พิษศพจะมีความร้ายแรง พอแตะโดนเข้าสามารถทำให้มหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ แต่ใช่ว่าไม่มีหนทางแก้

ปีศาจฟ้าที่กลายร่างจากพลังกักขังเหล่านั้นต่างหากที่ค่อนข้างรับมือด้วยยาก

ไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่ง ยังมีความสามารถเทียบเท่าหวนซั่งหลินกับเซี่ยจือเป่ยที่อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณ และที่สำคัญที่สุดก็คือไม่พังทลายค่ายกลใหญ่ก็ไม่มีวันตาย!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะต้องสูญเสียพลังอย่างมากโดยไม่จำเป็น

‘ช่างเถิด กำราบให้สิ้นทีเดียว ทลายค่ายกลนี้เลยดีกว่า!’

ซูอี้คิดถึงตรงนี้ก็พลิกฝ่ามือ ไม่ลังเลอีก

ชิ้ง!

เสียงดาบดังกึกก้องขึ้นมาราวกับเสียงคลื่นในมหาสมุทร

ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ที่ซูอี้เพาะเลี้ยงอยู่ในอารามวิญญาณมหาวิถีสำแดงเดชแล้ว!

บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]

บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset