[นิยายแปล] The Demon King’s Daughter is the World’s Strongest but a Shut-In! ~Shut Herself in an Abandoned Church to be Revered as the Goddess~บทที่ 1 7 กำเนิดทะเลสาบ

บทที่ 1 ตอนที่ 7 กำเนิดทะเลสาบ

บทที่ 1 ตอนที่ 7: กำเนิดทะเลสาบ

 

เมื่ออาหารหมดลง ชั้นก็จะเก็บหญ้าอิลิกเซอร์แล้วเอาไปขายในเมืองอีกครั้ง

 

ด้วยการอาบน้ำกับพูนิกามิ ชั้นเลยสามารถดูแลสุขอนามัยของตัวเองได้

 

หลังจากที่ใช้ชีวิตแบบนี้มา 1 เดือน ไอริสก็ตระหนักได้ว่ามันช่างเป็นวิถีชีวิตที่เหมาะกับเธอเหลือเกิน

 

「ไม่ค่อยสุงสิงกับมนุษย์…….ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารและเสื้อผ้า……จะนอนแค่ไหนก็ได้……..ทิวทัศน์เองก็สวยงาม……ช่างเป็นชีวิตนีทที่สุดยอดอะไรขนาดนี้! ชั้นจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดกาลเลย!」

 

「พุนิ」

 

「มันจะเป็นไปได้สวยขนาดนั้นเลยหรอ?」พูนิกามิยังคงสงสัยอยู่

 

อย่างไรก็ตาม ไอริสไม่ได้กังวลอะไรเลยสักนิด

 

หญ้าอิลิกเซอร์นั้นไม่ได้ลดลงเลย กลับกันยังเพิ่มมากขึ้นซะด้วยซ้ำ

 

หญ้าพวกนั้นกระจายตัวออกไปจนถึงด้านล่างของเนินเลย

 

ใช่แล้ว

 

ไอริสสามารถเปลี่ยนที่ทุรกันดารให้เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีได้โดยเพียงแค่อยู่ที่นี่เท่านั้น

 

เธอเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปอย่างมาก

 

ไม่มีใครจะกล่าวโทษเธอในเรื่องนี้หรอก

 

กลับกัน เธอสมควรจะได้รับการยกย่องซะด้วยซ้ำ

 

ในเช้าของวันๆนึง ขณะที่ไอริสใช้ชีวิตเป็นนีทอยู่ตามปกติ

 

「พุนิ! พุนิ!」

 

เธอตื่นขึ้นมาจากเสียงของพูนิกามิที่ดังขึ้น

 

เธอนั้นหลับอยู่ที่พื้นของโบสถ์โดยที่เธอไม่รู้ตัว

 

เธอคงจะแค่นอนกลิ้งลงมา เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ

 

「อูว……อะไรหรอ พูนิกามิ? เสียงดังแต่เช้าเลย ปลุกชั้นแต่เช้าแบบนี้……พยายามจะเสียเวลาทำให้ชั้นใช้ชีวิตตามปกติหรือไง?」

 

「พุนิ!」

 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พยายามทำให้เธอใช้ชีวิตแบบเป็นผู้เป็นคนอยู่นะ

 

สำหรับตอนนี้ ออกไปข้างนอกโบสถ์ตามที่พูนิกามิบอกก่อนแล้วกัน

 

「อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าที่แห่งแล้งกลายเป็นทุ่งหญ้างั้นหรอ? บอกก่อนเลยนะว่าชั้นไม่ตกใจอะไรง่ายๆหรอกนะ」

 

「พุนิ!」

 

「เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ชั้นไปก็ได้ถ้านายจะยืนยันขนาดนั้น ถึงจะยังนอนไม่พอเลยก็เถอะ…..โม่ว」

 

ไอริสตามพูนิกามิไปในขณะที่ขยี้ตาของเธอไปด้วย

 

และเมื่อเธอเดินมาถึงข้างนอกโบสถ์

 

เธอก็เบิกตากว้างและตกใจจนลืมหายใจไปเลย

 

มันไม่ใช่เวลามามัวง่วงนอนแล้ว

 

ไม่สิ บางทีเธออาจจะยังฝันไปอยู่ก็ได้

 

ทุ่งหญ้ารอบๆโบสถ์นั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม

 

เมื่อวาน มันได้ไปถึงด้านล่างของเนินและกำลังจะเข้าสู่หมู่บ้านแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หญ้าก็ยังคงเป็นหญ้าอยู่วันยังค่ำ

 

ภาพเบื่องหน้าของไอริสนั้นไม่อาจอธิบายอะไรเล็กน้อยแบบนั้นได้เลย

 

หมู่บ้านร้างได้หายไปแล้ว

 

จุดที่เคยเป็นหมู่บ้านนั้นมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่

 

ไม่ได้มีเพียงแค่หญ้าที่ล้อมรอบมันเท่านั้น แต่ยังมีดอกไม้หลากสีบานอยู่เต็มไปหมดด้วย

 

มีผีเสื้อสวยงามมากมายบินอยู่เหนือพวกมัน

 

「หืม? หืมม? มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?」

 

「พุนิ」

 

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พูนิกามิพูดแบบนั้น

 

「เป็นเพราะพลังเวทย์ของชั้นงั้นหรอ? อืม……ชั้นคิดอย่างอื่นไม่ออกแล้วด้วย……ถึงยังงั้นก็เถอะ แค่คืนเดียวเนี้ยนะ」

 

「พุนิพุนิ!」

 

「ไม่ใช่คืนเดียวงั้นหรอ? อา ชั้นหลับไป 3 วันอีกแล้วสินะ ไม่สิ 3 วันมันก็ยังเปลี่ยนเยอะเกินไปอยู่ดี…..」

 

「พุนิ!」

 

「นายอยากจะว่ายน้ำงั้นหรอ พูนิกามิ? ไม่แปลกใจเลย นายเป็นสไลม์นี้นะ จะชอบเปียกๆก็ไม่แปลก ชั้นเองก็จะว่ายด้วยเหมือนกัน!」

 

ไอริสและพูนิกามิวิ่งลงมาจากเนินเขา

 

พูนิกามินั้นไม่ได้ลดความเร็วลงแล้วพุ่งตัวลงไปในทะเลสาบจนน้ำกระจายเลย

 

ไอริสกระโดดลงไปหลังจากที่เธอถอดเสื้อผ้าออกแล้ว

 

「อะหว่าหว่า เย็นจัง รู้สึกดีด้วย」

 

「พุนิ」

 

ทะเลสาบนั้นใสมาก สามารถมองเห็นก้นทะเลสาบได้เลย

 

ตรงชายฝั่งนั้นตื้น มันสูงเพียงแค่ไหล่ของไอริสเพียงแค่นั้น ทว่านอกเหนือจากนั้นมันค่อนข้างลึกเลย แถมยังมีหมู่บ้านร้างจมอยู่ข้างล่างด้วย

 

เนื่องจากมันเป็นทะเลสาบใหม่ ในตอนนี้มันจึงยังไม่มีปลาอยู่เลยสักตัว

 

「ทะเลสาบนี้เกิดจากน้ำที่ใต้ดินหรือเปล่านะ? บางทีมันอาจจะทะลักจนกลายเป็นแม่น้ำเลยก็ได้」

 

「พุนิ?」

 

「ถ้าแม่น้ำนี้เชื่อมกับทะเลยละก็ นายสามารถสร้างแพแล้วสนุกกับการล่องไปตามน้ำได้ด้วยนะ! อา แต่การเจอกับมนุษย์ระหว่างทางนั้นไม่อยากเลย…… เป็นนีทอย่างเดิมดีกว่า…..」

 

「พุนิ」

 

ดูเหมือนพูนิกามิจะไม่ได้ขัดความคิดที่จะล่องไปตามแม่น้ำด้วยแพหรอก

 

อย่างไรก็ตาม โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยอันตราย

 

ไม่สิ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้อันตรายอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ว่าการพบเจอกับมนุษย์แปลกหน้าสามารถทำให้ไอริสมีปัญหาได้ง่ายๆเลย

 

「พูนิกามิ ให้ชั้นอาบแดดบนหลังนายหน่อยสิ」

 

「พุนิ」

 

ไอริสนอนแผ่หลาอยู่บนพูนิกามิที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ

 

แสงอาทิตย์ของช่วงต้นฤดูร้อนสาดส่อง

 

เมื่อสายลมพัดมา พูนิกามิก็โยกไปมาอย่างเบาๆ

 

เธอกำลังมีช่วงที่ผ่อนคลายเลย

 

ไอริสมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม

 

จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคำราม「โกรววว」ดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้านั้น

 

เมื่อเธอมองไปยังทิศทางของเสียง ไอริสก็เห็นมังกรแดงกำลังบินตรงมาทางนี้

 

「……..นั่นใช่มังกรที่ชั้นไล่ออกไปในตอนนั้นรึเปล่านะ?」

 

เมื่อพูดถึงเรื่องขับไล่ออกไป ไอริสก็ดูจะเป็นคนร้ายขึ้นมาทันที

 

อย่างไรก็ตาม ไอริสขอโอกาสที่จะอยู่ในโบสถ์ไปแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อนเอง

 

จากนั้นมันพยายามที่จะเหยียบเธอจนโดนพลักกลับไป

 

เป็นการป้องกันตัวเองอย่างถูกต้อง

 

แต่ มันเป็นเรื่องจริงที่มังกรได้พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก บางที ขอโทษไปก็น่าจะดีกว่า

 

「นี่ คุณมังกร ขอโทษสำหรับเมื่อตอนนั้นนะค่า!」

 

ไอริสยกท่อนบนของเธอขึ้นโบกมือและตะโกนออกไป

 

จากนั้นมังกรก็ได้ลงจอดที่ข้างทะเลสาบพร้อมกับคำราม「โกรววว」ออกมาอีกครั้ง

 

「……..อะไรกัน เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน!? ทำไมถึงมีทุ่งหญ้า? แถมยังทะเลสาบขนาดใหญ่นี้ด้วย! แกทำอะไรกับรังของข้ากัน!?」

 

มังกรถามไอริสอย่างทนไม่ได้

 

มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

การเปลี่ยนแปลงมันยิ่งใหญ่เกินไป

 

「เออ……หนูแค่นอนขี้เกียจอยู่ในโบสถ์แล้วมันเกิดขึ้นเองก่อนที่หนูจะรู้ตัวน่ะค่ะ………..」

 

「มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!」

 

ถึงมันจะเป็นไปแล้วก็เถอะ

 

โลกใบนี้ช่างลึกลับจริงๆ

 

「เชื่อหนูเถอะค่ะ」

 

「พูนิ」

 

「อย่าหวังว่าข้าจะเชื่อ……แล้ว สไลม์ตัวนั้นคือ?」

 

「เขากำลังจะแห้งตายอยู่ที่ก้นบ่อน้ำน่ะค่ะ ตอนที่หนูชุบชีวิตแหล่งน้ำใต้ดินขึ้นมา เขาก็ดูดซับน้ำพวกนั้นจนรอดมาได้ เขามีชื่อว่าพูนิกามิค่ะ」

 

「พูนิ!」

 

「ชุบชีวิตแหล่งน้ำใต้ดิน……? อย่างที่คิด แกไม่ได้ทำตัวขี้เกียจตลอดเวลานี่นา!」

 

「คิดดูแบบนั้นแล้วมันก็จริงนะ………」

 

「พอแล้ว! เลิกยุ่งกับรังของคนอื่นซักที!」

 

มังกรกระทืบพื้นพร้อมกับน้ำเสียงอย่างกับจะร้องไห้

 

ดูน่ารักดีนะ ไอริสคิดแบบนั้น

 

จะเป็นเด็กผู้หญิงแน่ๆเลย

 

มันก็ยากถ้าจะดูจากรูปลักษณ์ของเธอ

 

ด้วยร่างอันใหญ่โตของเธอ แค่ทำตัวเป็นเด็กน้อยแบบนั้นก็ยังทำให้พื้นดินสั่นไหวเลย

 

เกิดคลื่นขึ้นในแม่น้ำจนพัดพูนิกามิลอยออกไป แน่นอนว่าไอริสที่อยู่บนตัวพูนิกามิก็เช่นกัน

 

「เห้ย อย่าหนีนะ!」

 

「ไม่มีใครหนีซักหน่อย พวกเราถูกพัดเพราะคลื่นที่คุณสร้างต่างหาก」

 

「หนอย……..แกทำให้ข้าดูแย่…..ข้าจะไม่ให้อภัยแก ข้านั้นต่างจากเมื่อก่อน! ข้านั้นได้ฝึกฝนตนเองบนภูเขามาแล้ว! รับนี้ไปซะ ลมหายใจมังกร!」

 

พลังเวทย์สีแดงได้ไปรวมตัวกันที่ลำคอของมังกรแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่พุ่งตรงมาทางไอริสและพูนิกามิ

 

เปลวเพลิงนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นจริงๆ

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มันนั้นใช้ไม่ได้ผลกับไอริสก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

「เอโตะ……แช่แข็ง!」

 

ไอริสแช่แข็งส่วนหนึ่งของทะเลสาบแล้วสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมา

 

มันนั้นใกล้เคียงกับศูนย์องศาสมบูรณ์ เป็นอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ

 

มันได้หยุดลมหายใจของคุณมังกรที่แม้จะฝึกฝนมาแล้วก็ตาม

 

「อะ-อะไรกัน!? ทำไมมันถึงไม่ละลายละ!? นั้นมันเปลวเพลิงเลยนะ! น้ำแข็งก็ควรจะละลายจากไฟสิ!」

 

「ถึงคุณจะพูดแบบนั้นก็เถอะ…….ก็มันร้อนไม่พอนี่นา」

 

「อย่ามาล้อเล่นนะ! น้ำแข็งของแกมันเกินสามัญสำนึกไปแล้วชัดๆ! ตอนนี้ข้าโกรธจริงๆแล้ว! ข้าจะขยี้กำแพงน้ำแข็งของแกซะ!」

 

「ใจเย็นก่อนนะคะ ไม่เห็นต้องหน้าแดงขนาดนั้นเลย」

 

「มันแดงอยู่ตั้งแต่แรกแล้วยะ!」

 

มังกรกรีดร้องก่อนจะชนเข้ากับกำแพง

 

เธอพยายามที่จะพังกำแพงและเข้ามาหาไอริส

 

ทว่า กำแพงนั่นแข็งแกร่งพอที่จะทนลมหายใจมังกรได้

 

มันไม่มีรอยขีดข่วยจากการโจมตีหลายๆครั้งนั่นเลยสักนิด

 

「หนะ-หนาว! กำแพงนี้มันจะเย็นเกินไปแล้ว! อ้า มันติดเกล็ดของข้า….ข้าเอามันไม่ออก! อาด่ะๆๆๆๆ เกล็ดของข้ากำลังจะหลุดออกมาแล้ว!」

 

มังกรนั้นติดกับกำแพงน้ำแข็งและขยับไม่ได้

 

ช่างน่าสงสาร

 

เธอกำลังจะแข็งไปทั้งตัวแล้ว

 

「หนูจะเอาออกให้ก็ได้ แต่ว่า…….คุณจะยอมรับหนูให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้ไหมคะ?」

 

「ข้ายอมรับ! ข้ายอมรับแล้วดังนั้นเอามันออกไปที!」

 

「เข้าใจแล้วค่ะ นี่แหน่ะ」

 

เมื่อไอริสดีดนิ้ว กำแพงก็กลายเป็นน้ำแล้วตกลงไปบนทะเลสาบดังตู้ม

 

เพราะการที่มันอยู่ๆก็หายไป มังกรเองก็ตกลงในทะเลสาบด้วยเช่นกัน

 

ทั้งไอริสและพูนิกามินั้นเปียกโชกด้วยฝนที่เกิดจากทะเลสาบ

 

「อะหว่าๆ สนุกจัง」

 

「พุนิพุนิ」

 

เพราะคลื่นยักษ์ที่เกิดจากร่างของมังกร ไอริสกับพูนิกามิก็ถูกพัดลอยไปจนถึงชายฝั่งเลย

 

ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่าการโต้คลื่นมันจะสนุกขนาดนี้

 

ครั้งหน้ามาลองสร้างคลื่นด้วยตัวเองดีกว่า

 

「บ้าเอ้ย…..ข้าแพ้อีกแล้ว! ครั้งหน้าข้าจะต้องชนะแน่!」

 

มังกรที่เอาหัวของเธอโพล่พ้นผิวทะเลสาบขึ้นมา ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

「ครั้งหน้า……ไม่ใช่ว่าคุณยอมรับหนูให้อยู่ที่นี่ได้แล้วหรอคะ?」

 

「แกจะอยู่ที่นี่ก็ได้! แต่การต่อสู้ของเรานั้นมันคนละเรื่อง! มังกรต้องแข็งแกร่งกว่าอะไรอย่างพวกมนุษย์สิ! ยัยบ้าๆ ยัยชีเปลือย!」

 

มังกรที่เปียกโชกจากไปพร้อมกับคำพูดถึงท้ายแบบนั้น

 

「ไม่ ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ใช่มนุษย์……แถมมังกรเองก็ไม่ใส่เสื้อผ้าด้วยไม่ใช่หรอ คุณเองก็เป็นชีเปลือยเหมือนกันนี้คะ!? นี่ เอาเป็นพวกเรามาอยู่ด้วยกันไหมคะ?」

 

ไอริสพยายามที่จะแย้งกลับไป ทว่ามังกรนั้นได้บินไปไกลซะแล้ว

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 6: พบเจอกับปลาหมึก

 

ชั้นเดินไปรอบเมืองเพื่อซื้อชุดนอน, เนื้อแห้ง, ปลาลมควัน, ชีส และอาหารหลากหลายอย่าง รวมทั้งกระเป๋าเป้ด้วย

 

ไอริสที่สร้างความมั่นใจในการสื่อสารขึ้นมาได้นั้นไล่ซื้อของไปทีละอย่าง

 

นอกจากนี้ยังซื้ออะไรที่เหมือนกับเครปแสนน่าอร่อยมาลองด้วย

 

ต่อให้เธอซื้อมากขนาดนี้ มันก็ยังน้อยกว่า 1 เหรียญทองอยู่ดี

 

สุดยอดไปเลย

 

หญ้าอิลิกเซอร์สุดยอด

 

ยังมีอีกหลายต้นโตอยู่รอบๆโบสถ์อยู่เลยด้วย

 

「ตราบใดที่ยังมีหญ้าอิลิกเซอร์นี้อยู่ละก็……..ชั้นก็สามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำงานได้ไปตลอดชีวิตเลย!」

 

「พุนิ?」

 

ไอริสตื่นเต้นไปกับอนาคตที่สดใสของเธอ แต่ดูเหมือนว่าพูนิกามิจะไม่เข้าใจว่ามันสดใสยังไง

 

「ฟุฟุฟุ นายยังใสสื่อเกินไปนะ พูนิกามิ เอานี่ ชั้นจะให้ลูกอมที่ได้มาจากคุณยายนะ」

 

「พุนิ」

 

เธอจุ่มลูกอมเข้าไปในตัวของพูนิกามิ

 

จากนั้น ลูกอมที่ลอยอยู่ในตัวของเขาก็ค่อยๆละลายหายไป

 

「พุนิ!」

 

ดูเหมือนว่าพูนิกามิจะชอบมันนะ

 

ไอริสเองก็เลียลูกอมด้วยเหมือนกัน อร่อยจัง

 

ที่ทวีปคุริโฟตก็มีลูกอมเหมือนกัน มันเป็นเพียงแค่ก้อนน้ำตาลรสชาติหยาบๆเท่านั้นเอง ลูกอมของมนุษย์อร่อยกว่าตั้งเยอะ

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเครปด้วย

 

ถ้าพวกมนุษย์หายไปละก็ อาหารอร่อยๆพวกนี้ก็จะหายไปด้วย

 

พักเรื่องการกวาดล้างเอาไว้ก่อนละกัน

 

เมื่อตัดสินใจในเรื่องอนาคตได้ ไอริสก็เดินเข้าไปในตรอกมืดที่ไม่มีคน

 

เธออยากจะบินกลับที่โบสถ์เลยทว่ามันจะเป็นที่เตะตาเกินไป เธอก็เลยจะบินกลับโดยไม่ให้ใครเห็นเอา

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร เธอก็ถูกเรียกตัวจากด้านหลัง

 

「เห้ย ยัยหนูตรงนั้นหน่ะ」

 

「ฮี้ย้าา ขอโทษค่า!」

 

ไอริสขอโทษกลับไปอย่างอัตโนมัติ

 

ถึงเธอจะสามารถซื้อขายได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้วก็ตาม มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันได้อยู่ดี

 

「……แกจะขอโทษทำไมกัน?」

 

ชายที่เรียกเธอคนนั้นพูดด้วยความสงสัย

 

「มะ-ไม่มีอะไรค่ะ…….แค่รู้สึกแบบนั้น!」

 

เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขายังไงเหมือนกัน

 

เธออยากจะวิ่งหนีหายไปด้วยแดช แต่เธอได้วางแผนที่จะขายหญ้าอิลิกเซอร์ในเมืองนี้อีกในอนาคตนี้สิ

 

เธอไม่อยากจะให้เกิดข่าวลือแปลกๆเกิดขึ้น

 

มันจะต้องยุ่งยากแน่ๆเลย ไอริสปลุกใจตนเองแล้วหันไปทางที่มาของเสียง

 

มันมีชาย 2 คนยืนอยู่ตรงนั้น

 

ยืนขวางทางที่จะออกไปยังถนนหลัก

 

คนนึงเป็นชายกล้ามท่าทางดุร้าย เขามีจิตมุ่งร้ายต่อไอริสเต็มที่เลย

 

ส่วนอีกคนเป็นชายร่างผอมที่มีสีหน้ากังวล เป็นลูกค้าอีกคนที่เธอเห็นในร้านนั่นเอง

 

「เห้ย ไม่ผิดตัวแน่นะ?」

 

ชายร่างใหญ่ถามกับชายร่างผอม

 

ชายร่างผอมพยักหน้าแล้วแสยะยิ้ม

 

「ครับ เป็นเธอแน่นอนครับ ลูกพี่ เด็กผู้หญิงที่ขายหญ้าอิลิกเซอร์ในร้านอุปกรณ์แล้วได้ 10 เหรียญทอง」

 

「งั้นเรอะ งั้นข้าจะพูดตรงๆเลยนะ ยัยหนู ส่งเงินทั้งหมดมาให้พวกข้า รวมถึงบอกด้วยว่าไปได้หญ้าอิลิกเซอร์พวกนั้นมาจากไหนด้วย ถ้าไม่ยอมละก็ ข้าจะสอนให้รู้ถึงความเจ็บปวดเอง」

 

「ก็อย่างนั้นแหล่ะแม่สาวน้อย ถึงเธอจะมีสไลม์ตัวใหญ่นั่นก็อย่าได้ทำอะไรตุกติกเด็ดขาดเลยนะ ลูกพี่เป็นถึงนักผจญภัยชั้นหนึ่งที่สามารถจัดการมิโนทอร์ด้วยมือเปล่าเลยนะ ไม่ว่าจะมีสไลม์มากแค่ไหน พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก」

 

ว่าง่ายๆ พวกเขาก็คือพวก*ปลาหมึก

 

ดูเหมือนว่าชายร่างผอมที่พบกับไอริสโดยบังเอิญในร้าน จะคิดว่าเธอนั้นเป็นเหยื่อชั้นดี แล้วรายงายทุกอย่างให้กับลูกพี่ของเขา

 

「มะ-ไม่เอา……ทำไมชั้นจะต้องให้เงินกับพวกนายด้วย!? อีกอย่าง ถ้าชั้นบอกที่อยู่ของหญ้าอิลิกเซอร์ไปละก็……ชั้นก็ไม่เหลืออะไรแล้ว!」

 

เมื่อพบเจอกับการปล้น เสียงของไอริสก็สั่นเทาเพราะความกังวล

 

ทั้งสองคนหัวเราะออกมา

 

เห็นเธอสั่นกลัวอย่างนั้นแล้ว พวกเขาคิดว่าเธอจะยอมมอบเงินกับข้อมูลมาให้แต่โดยดีแน่ๆ

 

ทว่า ไอริสไม่ได้กลัวพวกเขาเลย เธอแค่กลัวคนแปลกหน้าเท่านั้นเอง

 

「ฮี้ๆ ทั้งเสียงทั้งไหล่สั่นไปหมดแล้วนะ ช่างน่ารักเสียจริงๆ เงินอยู่ในกระเป๋าใช่ไหม? ส่งมันมาซะ」

 

ชายร่างใหญ่เข้าใกล้ไอริสพร้อมกับพูดแบบนั้น

 

「มะ-ไม่นะ……」

 

เมื่อมองใกล้ๆ เธอก็สังเกตเห็นไขมันบนใบหน้าของเขาด้วย แถมยังหน้าตาน่าเกลียดด้วย

 

ไม่นะ อย่าเข้ามาใกล้นะ น่ากลัว

 

「อีย้าาาาาาาาาา!」

 

เธอชกไปที่หน้าของชายร่างใหญ่โดยไม่ลังเล

 

「อุ๊เกี้ยยยยยย!」

 

ชายร่างใหญ่ลอยขึ้นฟ้าฟันกระจัดกระจายไปลงจอดที่ใกล้ๆกับชายร่างผอม

 

「ละ-ลูกพี่!?」

 

ชายร่างผอมเรียกหาชายร่างใหญ๋ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาหมดสติโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีการตอบกลับใดๆเลย

 

บางทีคงเพราะว่าลูกพี่ของเขาถูกซัดสลบในดอกเดียว ใบหน้าของชายร่างผอมจึงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

แม้จะเผชิญหน้ากับชายผู่น่าสงสารคนนี้ก็ตาม ไอริสก็ทำการปิดฉากอย่างไร้ความปราณีใดๆ

 

「ม่ายยยยยย คนแปลกหน้า ม่ายยยยยยย! อย่าเข้ามาใกล้ช้านนนนนน!」

 

ชายร่างผอมไม่ได้พยายามเข้าไปใกล้เธอเลย ทั้งยังพยายามสร้างระยะห่างซะด้วยซ้ำ ทว่าหมัดตรงก็ได้กระทบกับแก้มของเขาแล้ว

 

หลังจากสูญเสียฟันไปทั้งหมด แถมยังเลือดกำเดาไหลด้วย ชายร่างผอมก็ได้หมดสติไปด้วยเช่นกัน

 

หลังจากนั้น ในที่สุดไอริสก็ได้สติกลับมา

 

「ฮี้ย้าา! ชั้นต่อยพวกเขาซะแล้ว! ขะ-ขอโทษค่า…..แต่พวกนายเป็นฝ่ายผิดเองนะ! ชั้นจะไม่ขอโทษหรอกนะ……..!」

 

「พุนิ」

 

「เอ๊ะ ชั้นขอโทษไปแล้วงั้นหรอ? อ้า จริงด้วย! ชั้นจะทำไงดี…..ยังไงก็ลาละ!」

 

ไอริสปล่อยทั้งคู่ที่สลบเหมือดเอาไว้อย่างนั้นแล้วหนีไปทางโบสถ์พร้อมกับพูนิกามิด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

 

เพื่อลืมความกลัวของเธอ เธอจึงกินอาหารที่เธอพึ่งซื้อมา เปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วเข้านอนทันที

 

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็ลืมเรื่องของสองคนนั้นไปหมดสิ้นแล้ว

 

=====================================================

*ปลาหมึก เป็นคำสแลงที่หมายถึงโจร

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 5: ขายหญ้าเพื่อ 10 เหรียญทอง

 

ในตอนที่เธอเดินทางนั้น ไอริสได้ผ่านเมืองและหมู่บ้านของมนุษย์มามากมาย

 

แน่นอนว่าเธอนั้นไม่อยากเจอพวกเขา เธอเลยแค่ผ่านมันไป

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นั้นแตกต่างออกไป

 

เธอกำลังจะไปตรวจสอบดูว่าหญ้านี้สามารถขายได้หรือเปล่า

 

ถ้าขายได้ เธอก็จะสามารถซื้อชุดนอนใหม่และของกินได้

 

ในฐานะปีศาจ อาหารหลักของเธอก็คือพลังเวทย์ที่อยู่ในอากาศ ทว่าความหนาแน่นของพลังเวทย์บริเวณโบสถ์นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ

 

ถ้าไม่มีอาหารละก็ เธอจะต้องหิวตายแน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ ไอริสจึงลงจอดที่ใกล้ๆกับเมืองมนุษย์

 

ทว่า………

 

เธอเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังอาคารมาสักพักนึงแล้ว และไม่กล้าแม้แต่จะออกมาเลย

 

「อูว……..คนเต็มเลย…….พูดคุยกันอย่างรื่นเริง……ถ้าชั้นออกไปพวกเขาจะต้องเข้ามาคุยกับชั้นแน่เลย…….อา, เห็นไหม, ทุกคนรอบๆเข้าไปทักทายมนุษย์คนนั้นด้วย! นะ-น่ากลัว……」

 

ไอริสกำลังเฝ้ารอจังหวะที่จะออกไปที่ถนนหลัก

 

อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของมนุษย์นั้นไม่ลดลงเลย

 

ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขาไม่หยุด

 

แน่นอนว่าพวกมนุษย์จะหายไปในตอนกลางคืน

 

ถ้าเป็นถนนโล่งๆละก็ ไอริสสามารถเดินไปรอบๆได้อย่างมั่นใจเลย

 

ทว่า ร้านค้าจะปิดในตอนกลางคืนด้วยนะสิ แบบนั้นเธอจะไม่สามารถตรวจสอบหญ้านี้ได้

 

「น่ารำคาญจัง…..ยุ่งยากชะมัด………」

 

「พุนิ……」

 

พูนิกามิส่งเสียงหงุดหงิดออกมาโดยที่มีไอริสอยู่บนตัวของเขา

 

「อะ-อะไรเล่า!? เป็นครั้งแรกที่ชั้นมาที่เมืองของมนุษย์นี่นา มันช่วยไม่ได้นี่! ยังไง……เมืองนี้ก็ไม่ได้ดูใหญ่มากจากบนฟ้า ทั้งๆที่มีขนาดแต่นี้กลับมีคนมากมายขนาดนี้…… มีเมืองมากมายเลยที่มีขนาดใหญ๋กว่านี้ด้วย……การกวาดล้างมันเป็นไม่ได้สำหรับชั้นจริงๆด้วย อีกอย่าง การตายมันดูเจ็บปวดด้วย……ชั้นไม่อยากทำร้ายพวกเขา พวกเขาน่าสงสารเกินไป」

 

「พุนิ」

 

「นายรู้ว่าความรู้สึกของความตายมันเป็นยังไงเพราะว่านายเองก็เคยเกือบแห้งตายที่ก้นบ่อน้ำงั้นหรอ? ฟุมุฟุมุ อย่างที่คิดเลย มันคงเจ็บปวดมากสินะ……..อืม……..ยอมแพ้เรื่องกวาดล้างแล้วกัน กลับไปโดยที่ไม่ฆ่าใครกันเถอะ」

 

「พุนิ!」

 

「ช่างน่าสมเพช」พูนิกามิร้องออกมาอย่างหงุดหงิด

 

「เอ๊ะ พูนิกามิ ทำไมนายถึงเคลื่อนไหวเองละ อ้า ไม่ได้นะ! ทางนั้นมันถนนหลักนะ ถนนหลักเลยนะ! ยะ-หยุดนะ!」

 

โดยที่ไม่สนเสียงขอร้องอ้อนวอนของเธอ พูนิกามิกระโดดออกไปที่ถนนหลัก

 

ในตอนนั้น เธอก็ได้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกๆคนในบริเวณนั้นทันที

 

「โอ้ มีเด็กสาวนั่งอยู่บนสไลม์ด้วย」

 

「ผู้ใช้มอนสเตอร์งั้นหรอ หายากนะเนี้ย」

 

「เธอน่าจะไม่ใช่เด็กในเมืองนี้นะ เป็นนักเดินทางตั้งแต่อายุแค่นี้เลยงั้นหรอเนี้ย?」

 

「ผมสีเงินของเธองดงามมากๆเลย เธอมาจากที่ไหนกันนะ?」

 

เธอได้ยินเสียงมากมาย

 

ไอริสรู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนในเมืองนี้กำลังจับจ้องมาที่เธอ

 

ไม่สิ จริงๆแล้วก็ยังมีบางคนที่ไม่ได้สนใจเธอเลยอยู่ตรงถนนหลักเหมือนกัน

 

มีทั้งคนที่มองเธอเพียงแวบเดียวแล้วเลิกสนใจไป รวมไปถึงคนที่ไม่ได้หันมามองเธอเลยด้วยซ้ำด้วยเช่นกัน

 

สำหรับส่วนที่พูดคุยกันเรื่องการปรากฏตัวของไอริสนั้นมีเพียงแค่บางส่วนของฝูงชนเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับไอริสนั้น จำนวนนั้นไม่ได้สำคัญอะไรเลย

 

ในสายตาของเธอ เธอกำลังถูกล้อมรอบโดยคนแปลกหน้าที่กำลังพูดถึงเธออยู่

 

น่าอายชะมัด

 

ชั้นอยากจะออกไปจากที่นี่ในทันที

 

ถ้าไม่งั้นละก็ชั้นตายแน่เลย

 

แต่ถึงยังงั้น–

 

「หนูน้อย เธอเอาสไลม์ที่ค่อนข้างใหญ่มาเป็นพวกพ้องเลยนะจ๊ะ ทั้งๆที่ตัวแค่นี้แท้ๆ เก่งมากเลยจ่ะ เอานี้ ยายให้ลูกอมนะ」

 

คุณยายคนนึงพูดกับไอริส ไม่มีเจตนาใดๆด้านหลังคำพูดพวกนั้น

 

ตามปกติ ควรจะตอบกลับไปอย่างง่ายๆ หรือก็คือ เป็นบทสนทนาไร้สาระนั้นเอง

 

เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไง

 

ไอริสได้รับรู้ถึงความหวาดกลัว

 

「อะหว่าๆ………ขอบคุณสำหรับลูกอมนะคะ อะหว่าๆๆ」

 

ไอริสเกือบจะพูดขอบคุณออกไปไม่ได้

 

นั่นเป็นลิมิตของเธอแล้ว

 

ควรพูดอะไรต่อไปดี?

 

ใช่แล้ว กินลูกอมดีกว่า

 

แพร่บ แพร่บ

 

อร่อยจัง

 

ไม่ ไม่ใช่สิ

 

ไม่ใช่เวลามามัวเลียลูกอมนะ!

 

ชั้นจะต้องพูดอะไรบางอย่าง

 

คิดอะไรไม่ออกเลย

 

ชั้นตาลายไปหมดแล้ว

 

「พุนิพุนิ!」

 

พูนิกามิให้คำแนะนำในการถามหาสถานที่ที่สามารถขายหญ้าของเธอได้

 

「อะ เออ มีที่ ที่ ที่ ที่ ที่ไหน รับซื้อ สะ-สะ-สะ-สมุนไพรยา หมะ-ไหมคะ?」

 

ไอริสกัดลิ้นตัวเองและไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่เธอพุดออกไปเองได้เลย ทว่าคุณยายสามารถเข้าใจสิ่งที่เธอพูดได้อย่างมหัศจรรย์ ก่อนจะบอกกับเธอด้วยรอยยิ้ม

 

「สมุนไพรยางั้นหรือจ๊ะ? มีอยู่ที่นึงจ่ะ งั้นหนูก็เป็นนักเดินทางจริงๆสินะจ๊ะ ช่างน่าชมเชย ยายจะนำทางหนูเอง มาทางนี้สิจ๊ะ」

 

「ขะ-ขะ-ขอบคุณมากเลยค่ะ」

 

ไอริสตามคุณยายไปโดยที่อยู่บนหลังของพูนิกามิ

 

เพราะแบบนั้น พวกเขาก็ได้มาถึงร้านเก่าๆร้านหนึ่ง

 

มันมีป้ายไม้เขียนว่า「พวกเรารับซื้อ」แขวนอยู่ที่หน้าร้าน

 

เป็นตามที่ไอริสต้องการเลย

 

「ที่นี่แหล่ะจ่ะ ร้านข้างๆนี้ก็ขายพวกเสบียงสำหรับเดินทางด้วยนะจ๊ะ」

 

「อา…….ขอบคุณ…….ที่นำทางให้หนูนะคะ……」

 

「ตัวแค่นี้แต่ขอบคุณได้อย่างเหมาะสมด้วย เอานี้ ลูกอมอีกอันจ๊ะ」

 

「ขะ-ขอบคุณมากๆเลยค่ะ」

 

「ทั้งขยันและน่ารัก ยายจะให้หนูอีกชิ้นนะ」

 

「ขอบคุณมากๆเลยค่า」

 

ทั้งคู่วนลูปมอบลูกอมกับพูดขอบคุณอยู่แบบนั้น

 

หลังจากที่ไอริสมีลูกอมประมาณ 20 ชิ้นในมือ ในที่สุดลูกอมของคุณยายก็หมดลง

 

「อาร่า โทษทีนะจ๊ะ ลูกอมหมดซะแล้ว ยายต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ」

 

「มะ-ไม่หรอกค่ะ หนูดะ-ได้รับมาเยอะแล้ว ขะ-ขะ-ขอบคุณมากเลยค่ะ」

 

「น่ารัก ยายจะลูบหัวหนูแทนลูกอมก็แล้วกันนะจ๊ะ」

 

「ฮี้ยยย……..」

 

หลังจากนั้น ไอริสก็ถูกลูบหัวจนคุณยายพอใจ

 

สำหรับคนที่แค่พูดคุยเล็กๆน้อยๆก็หัวใจจะวายแล้ว การถูกลูบหัวนั้นอันตรายถึงตายเลย

 

ชั้นทำได้ดีมากที่ผ่านมันมาได้ ไอริสชมตัวเองแบบนั้น

 

「ยะ-ยังไงก็เถอะ พวกเรามาถึงร้านที่สามารถตรวจสอบหญ้านี้ได้แล้ว พลังการสนทนาของชั้นนี้ดูถูกไม่ได้จริงๆ」

 

「พุนิ」

 

พูนิกามิเองก็ชมด้วย「ทำได้ดีมาก」เช่นกัน

 

ด้วยความกล้าที่ได้รับมา ไอริสกำหญ้าเอาไว้แน่น ก่อนจะเข้าไปในร้าน

 

「ขะ-ขะ-ขะ-ขอ-ปะ-ปะ-ประทาน ทะ-โทษ นะ-คะ-คะ-คะ-ค่า」

 

「อ่า? เมื่อกี้คุณหนูพูดว่าอะไรนะ?」

 

จังหวะที่เธอเข้าไปในร้าน เธอก็ดึงดูดความสนใจของเจ้าของร้านเคราเฟิ้มจนเขามีมีสีหน้าสงสัยในทันที

 

ความกล้าของไอริสพังทรายลงในเสี้ยววินาทีเลย

 

「ไม่เอาแล้ว ชั้นจะกลับบ้าน」

 

「พุนิพุนิ!」

 

ด้วยความโกรธของพูนิกามิ เธอเลยสามารถตั้งสติขึ้นมาได้นิดหน่อย

 

เธอเผชิญหน้ากับความท้าทายในครั้งนี้อีกครั้ง

 

「ยะ-หญ้านี้……..หนูคิดว่ามันเป็นสมุนไพรน่ะค่ะ หนูอยากจะรู้ว่า…….มันมีราคาเท่าไหร่……..หนูหมายถึง หนูไม่อยากจะรบกวน…………หนูอยากจะให้คุณดูมันถ้าเป็นไปได้…….ประมาณนั้นค่ะ」

 

ถึงจะยังสั่นอยู่ แต่ไอริสก็สามารถพูดธุระของเธอออกไปได้ ก่อนจะวางหญ้าลงบนเคาน์เตอร์

 

「หญ้างั้นหรอ? เป็นสมุนไพรอะไรงั้นสินะ……นี้มัน?!」

 

เจ้าของร้านที่เกือบจะหมดความสนใจไปแล้ว คว้าหญ้านั้นขึ้นมาทันทีที่เขาเหลือบมองมัน

 

ดูเหมือนว่าหญ้านี้จะมีค่าอย่างที่ไอริสคาดไม่ถึง

 

ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งกับการตรวจสอบ ไอริสก็ตัดสินใจที่จะดูรอบๆร้าน

 

มันไม่ได้กว้างขวางอะไร

 

บางทีอาจจะมากพอที่จะวางเตียง 10 เตียงได้

 

บนชั้นวางนั้นมีทั้งขวดโพชั้นน่าสงสัย, ไม้กายสิทธิ์รูปร่างแปลกๆ. มีดสั้น, เนื้อตากแห้ง, เชือก, เทียนไข, แผ่นหนัง, เครื่องครัว, ก้อนคริสตัล, หัวกระโหลก, และสินค้าอื่นๆอีกมากมายเลย

 

นอกจากไอริสแล้วก็ยังมีลูกค้าอยู่อีกหนึ่งคน

 

เป็นชายผอมบางที่มีสีหน้ากังวล

 

ทันทีที่ไอริสเห็นชายคนนั้น「มีลูกค้าคนอื่นด้วย น่ากลัว」เธอก็ตัวสั่น

 

「คุณหนู……สมุนไพรนี้……มันคือหญ้าอีลิกเซอร์สุดหายากไม่ใช่หรือไงกัน! มันดูดพลังเวทย์แบบไหนกันถึงเป็นแบบนั้นไปได้!? โชคร้าย ข้าคนเดียวไม่สามารถตรวจสอบมันได้……」

 

เจ้าของร้านดูจะยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนสีหน้าจากปีติยินดีไปเป็นผิดหวังนะ

 

ดูเหมือนหญ้าที่ไอริสนำมาจะเป็นของที่สุดยอดไปเลยละ

 

「อืม นั่น……หญ้าอีลิกเซอร์มันสุดยอดขนาดนั้นเลยหรอคะ……?」

 

「มันต้องสุดยอดแน่นอนอยู่แล้วสิ!」

「ฮี้ย้าา ขอประทานโทษด้วยค่า!」

 

เจ้าของร้านตระโกนออกมาเสียงดังจนไอริสตอบสนองไปเองโดยการขอโทษ

 

เจ้าของร้านเห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมา

 

「อา ไม่ เป็นความผิดข้าเอง ถึงยังงั้น……หนูไปพบมันที่ไหนงั้นหรอ? ข้าจะบอกให้เพราะดูหนูจะไม่รู้อะไรเลย แต่หญ้าอิลิกเซอร์นั้นมีสรรพคุณมากกว่าสมุนไพรอื่นๆมากๆ มันจะรักษาอาการป่วยเมื่อกินมัน, รักษาบาดแผลถ้าทามัน, ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นถ้าเอามันไปทำชา……..อะไรประมาณนั้น แน่นอนว่ามันนั้นหายากและมีหมุนเวียนไม่เยอะ ยังไงซะมันก็สามารถเติบโตได้แค่ในดินที่มีพลังเวทย์เท่านั้น และข้ามั่นใจว่าหญ้าอิลิกเซอร์นี้ไม่ได้ดูดพลังเวทย์จากหนูด้วยเช่นกัน ถ้าตาข้าไม่ได้ฝาด ข้าสามารถเห็นพลังเวทย์สีรุ้งที่ปล่อยออกมา แถมยังมีมากถึง 10 ต้นด้วย……..ขอโทษด้วย แต่ร้านของข้าไม่อาจรับซื้อมันเอาไว้ได้จริงๆ」

 

เจ้าของร้านพูดขึ้นอย่างเสียดายในขณะที่ลูบเขาของเขาไป

 

ไอริสเองก็ผิดหวังเช่นกัน

 

เธอรวบรวมความกล้าจนมาถึงร้านแห่งนี้แล้ว การที่ขายมันไม่ได้นั้นเป็นปัญหาอย่างมาก

 

「อะ อาโน……..จะซื้อในราคาถูกก็ไม่เป็นไรค่ะ ได้โปรดรับซื้อมันเอาไว้ได้ไหมคะ………? หนูอยากจะขายหญ้าพวกนี้จริงๆ…….ถ้าหนูขายมันในตอนนี้ไม่ได้ละก็ หนู……」

 

ถ้าเธอไม่สามารถขายมันที่นี่ได้ เธอจะต้องพยายามไปต่อรองกับร้านอื่นๆและตายจากความอาย

 

「หนูดูจะมีเหตุผลเบื้องหลังบางอย่างสินะ……แต่หนูจะโอเคจริงๆงั้นหรอ? ในร้านของข้า หนูจะขายได้ราคาแค่เท้าของหนูเองนะ」

 

「คุณจะซื้อมันถ้าหนูเผยเท้าของหนูให้ดูงั้นหรอคะ……? งั้นหนูก็จะให้ดูค่ะ!」

 

ไอริสที่ยังคงนั่งอยู่บนพูนิกามิถอดรองเท้าของเธอออก ยื่นขาของเธอไป เผยให้เห็นถึงเท้าของเธอ

 

สำหรับเจ้าของร้านแล้ว เขาพูดว่า

 

「น่ารัก……」

 

แล้วก็หน้าแดง

 

「อะ-อะไรนะ!? ท่าทีนั่นมันอะไรกัน!? โรคจิต!」

 

「ขะ-เข้าใจผิดแล้ว! หาว่าคนอื่นโรคจิตทั้งๆที่หนูเป็นคนโชว์ขาสวยๆนั่นเองแท้ๆ!」

 

เจ้าของร้านประท้วง

 

「ปะ-เป็นยังงั้นหรอ……..?」

 

ไอริสไม่มั่นใจ ดังนั้นเธอก็เลยถามกับพูนิกามิ

 

「พุนิ……?」

 

อย่างไรก็ตาม พูนิกามิเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน

 

ถึงยังไง ไม่ว่าเขาจะมีความรู้มากแค่ไหน พูนิกามิก็ยังเป็นสไลม์อยู่ดี

 

ไม่อาจคาดหวังให้เขารู้เกี่ยวกับสามัญสำนึกของมนุษย์ได้หรอก

 

ตัวไอริสเองก็น่าจะมีความรู้ในด้านนั้นมากกว่าซะอีก

 

「อะ-เอาละ……เอาอย่างนี้แล้วกัน……คุณบอกราคาสูงสุดที่คุณสามารถให้ได้สำหรับหญ้าอิลิกเซอร์พวกนี้แล้วกันค่ะ ถ้ามันโน้มน้าวหนูได้ละก็ หนูจะขายมันให้ค่ะ……!」

 

「เข้าใจแล้ว…….ข้าสามารถให้ได้ 1 เหรียญทองต่อต้น หรือก็คือ ทั้งหมด 10 เหรียญทอง」

 

เจ้าของร้านพูดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา

 

อย่างไรก็ตาม ไอริสรู้สึกมีปัญหาแล้ว

 

ต่อให้เขาพูดว่า 10 เหรียญทอง เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันมากขนาดไหน

 

「10 เหรียญทอง…..ถ้าหนูประหยัด หนูจะใช้ชีวิตตัวคนเดียวด้วยเงินนี้ได้นานขนาดไหนหรอคะ……..? และหนูมีที่พักอยู่แล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องคำนวนเรื่องค่าเช่าหรอกค่ะ」

 

「อืม…..ถ้าหนูไม่ต้องจ่ายค่าเช่า มันก็น่าจะอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 เดือน……ไม่สิ ถ้าใช้มันอย่างประหยัดละก็ อาจจะอยู่ได้ถึงครึ่งปีเลยละ」

 

เจ้าของร้านพูดในสิ่งที่เขาคิด

 

「ครึ่งปีหรอคะ! สุดยอด! แต่หนูต้องการชุดใหม่ด้วยสิ……」

 

「งั้นครึ่งปีก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่น่าจะถึง 3 เดือนอยู่ ถ้ามันยังไม่พอละก็…..หนูสามารถนำมันไปขายที่เมืองอื่นได้นะ พวกเขาจะให้มากกว่า 2 เท่าเลย หนูยังอยากจะขายให้กับข้าอยู่ไหม?」

 

「……ขายค่ะ! สำหรับตอนนี้แล้วหนูแค่ต้องการเงิน!」

 

อีกอย่าง การไปเมืองอื่นนั้นยุ่งยากและน่ากลัว

 

「เข้าใจแล้ว! หนูดูจะมีบางอย่างเกิดขึ้นสินะ ข้าจะไม่ถามอะไรมากกว่านี้แล้วกัน! เอานี้ 10 เหรียญทอง! และไม่มีการแบบว่า『หนูเปลี่ยนใจแล้ว』ทีหลังหรอกนะ!」

 

「ค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่หนูหวังเอาไว้อยู่แล้ว! หนูขายหญ้าอิลิกเซอร์ในราคา 10 เหรียญทอง!」

 

ไอริสรับถุงที่มี 10 เหรียญทองอยู่ข้างใน

 

เธอรู้สึกดีมากๆที่เธอมีความสามารถในการจบการต่อรองครั้งนี้ได้

 

「ข้าทำได้!」

 

เจ้าของร้านเองก็ยินดีจนน้ำตาไหล

 

ยังไงซะ ไอริสก็ขายหญ้าอิลิกเซอร์ปริศนาของเธอต่ำกว่าราคาจริงมากๆอยู่แล้ว

 

ในฐานะเจ้าของร้าน เขาค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้เลย

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าของร้านไม่ได้ปิดบังเรื่องที่มัน「ไม่คุ้มค่า」แต่ตัวไอริสเองก็ไม่ได้บ่นอะไร

 

เป็นสถานการณ์ win-win ทั้งคู่

 

「ไว้หนูจะนำหญ้าพวกนี้มาอีกในภายหลังนะคะ! แล้วเจอกันนะคะ!」

 

「จริงรึ!? จนกว่าเราจะได้เจอกันครั้งหน้า! ข้าจะสามารถหากำไรได้อย่างมหาศาลด้วย 10 ต้นนี้เลย」

 

เจ้าของร้านนำหญ้าอิลิดเซอร์หายเข้าไปในร้านพร้อมกับเต้นไปมาด้วยความสุข

 

ไอริสเองก็ออกมาตากร้านในขณะที่เต้นไปมาอย่างมีความสุขบนตัวพูนิกามิด้วยเช่นกัน

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 4: ชื่อของเขาคือพูนิกามิ

 

「พุนิ, พุนิ」

 

ไอริสตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสไลม์

 

มันยังคงเป็นตอนเช้าอยู่

 

「ฟุฮ่าา…..ชั้นหลับไปนานมากเลยนะเนี้ย แต่ดวงอาทิตย์ก็ยัง……เอ๊ะ? ชั้นหลับไป 3 วันเลยงั้นหรอ? โทษทีนะ ร่างกายของนายมันสบายมากเลยนี่นา….คงจะลำบากสินะที่ชั้นใช่นายเป็นเตียงจนถึงตอนนี้หน่ะ」

 

「พุนิ」

 

เนื่องจากการที่จะต้องสัมผัสมันทุกครั้งที่เธออยากจะอ่านใจ เธอจึงสร้างเวทมนตร์สื่อสารอย่างง่ายๆขึ้นมา

 

เพราะแบบนั้น เธอจึงสามารถได้ยินคำพูดที่แปลมาให้เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว

 

「ฟุมุฟุมุ….นายออกไปเดินสำรวจโดยที่ยังมีชั้นนอนอยู่บนตัวนายสินะ ดีนะเนี้ยที่ชั้นไม่ตกลงมา…..」

 

「พุนิพุนิ」

 

「เอ๊ะ? เนื่องจากชั้นนอนมา 3 วัน ชั้นก็ควรจะไปอาบน้ำงั้นหรอ? ถึงนายจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ชั้นเองก็ยังไม่แน่ใจว่าโบสถ์นี้จะมีอ่างอาบน้ำไหมเลย」

 

เนื่องจากไอริสนั้นนอนอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอเลยยังไม่ได้สำรวจโบสถ์แห่งนี้เลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสไลม์จะสำรวจไปแล้วระดับนึงในตอนที่เธอหลับอยู่

 

「อาบโดยที่ไม่ต้องใช้อ่างอาบน้ำงั้นหรอ? อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้สิ」

 

「พุนิพุนิ」

 

「นายจะเป็นอ่างอาบน้ำให้งั้นหรอ? พูดอะไรของนาย…..หว่ะ หว่าาา!」

 

ถึงตัวไอริสจะจมอยู่บนตัวของสไลม์ตั้งแต่แรกแล้วก็จริง แต่ครั้งนี้อยู่ๆตัวเธอก็จมลงลึกกว่าเดิมอีก

 

ทั่วทั้งร่างของเธอถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกลื่นๆเย็นๆ

 

ในตอนนี้มีเพียงแค่หัวของเธอเท่านั้นที่โพล่ออกมาจากตัวสไลม์

 

「อ่าห์………อันตรายอะไรขนาดนี้……นี้มันอะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้ รู้สึกดีจัง……」

 

「พุนิ」

 

「อะ อ้า………ไม่ได้นะ ถ้านายนวดชั้นด้วยวิธีแบบนี้ละก็ ชั้นจะ……」

 

「พุนิพุนิ」

 

「ชั้นกำลังถูกชะล้าง ชั้นกำลังถูกชะล้างแล้ว」

 

ภายในตัวของสไลม์นั้น ไอริสถูกทำความสะอาดพุนิพุนิและมุนิมุนิอย่างขะมักเขม้น

 

เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังถูกชะล้างไปทั่วทุกซอกทุกมุมเลย

 

จากนั้น เธอก็ได้ออกมาจากสไลม์อีกครั้ง

 

「ฟุวาาา……มันรู้สึกดีจนชั้นเกือบจะหลับไปเลย…….」

 

ไอริสพึมพำออกมาทั้งๆที่ยังสะลึมสะลืออยู่

 

「ทั่วทั้งร่างกายของชั้นสะอาดและเรียบเนียนมากเลย……สุดยอด รู้สึกอย่างกับได้เกิดใหม่เลย ไม่สิ ชั้นเองก็พึ่งเกิดมาได้ไม่นานนี่นา……..ว่าง่ายๆก็คือมันดีกว่าได้เกิดใหม่ซะอีก!」

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอถึงขนาดสามารถเห็นผิวของเธอเปล่งประกายได้เลย

 

ไม่เหลือแม้แต่เศษฝุ่นสักนิดเดียวเลย

 

ขณะที่เธอลูบไปตามผิวของเธอด้วยนิ้ว มันรู้สึกดีจนถึงขนาดเสพติดได้เลยด้วย

 

ทั้งๆที่มันก็เป็นร่างกายของเธอเองแท้ๆ!

 

「ไม่ใช่แค่เป็นเตียงอันสุดยอดได้แล้ว แต่ยังเป็นอ่างอาบน้ำได้ด้วย นายนี้มันพระเจ้าชัดๆ!」

 

「พุนิ」

 

「จากนี้ไปชั้นจะเรียกนายว่า พูนิกามิ!」

 

「พุนิพุนิ」

 

「เอาละ เอาละ เนื่องจากตัวชั้นกลับมาสะอาดแล้ว เอาเป็นหลับซักงีบเป็นไง?」

 

「พุนิ!」

 

「เอ๊ะ? มีอะไรอยากจะให้ชั้นดูงั้นหรอ?」

 

「พุนิ!」

 

พูนิกามิแบกไอริสเอาไว้แล้วออกจากโบสถ์

 

มันไม่น่าจะมีอะไรนอกจากดินแดนแห้งแล้งที่ข้างนอกนี้

 

ทั้งรอบๆตัวโบสถ์, หมู่บ้าน, และทุกสิ่งรอบๆนี้นั้นเป็นดินแดนแห้งแล้งไปจนถึงเส้นขอบฟ้า

 

ทว่า ตลอด 3 วันที่เธอไม่ได้ออกมาจากโบสถ์นั้น หญ้าก็ได้เติบโตขึ้นรอบๆตัวโบสถ์

 

「สนามหญ้านี่นา! เอ๊ะ ทำไมกันละ? ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ก่อนอื่นไปกลิ้งเล่นกันเถอะ!」

 

ไอริสกระโดดลงมาจากพูนิกามิแล้วเริ่มกลิ้งเล่นไปรอบๆสนามหญ้าด้วยร่างเปลือยอันงดงาม

 

「พุนิ」

 

พูนิกามิเองก็กลิ้งเล่นไปด้วยกันกับเธอ

 

「อะหวาหวา สนุกจัง แต่ทำไมพื้นที่แห้งแล้งแบบนี้ถึงมีหญ้าขึ้นใน 3 วันได้ละ? เป็นเพราะชั้นไปชุบชีวิตบ่อน้ำใกล้ๆนี้งั้นหรอ?」

 

「พุนิ?」

 

「ดูเหมือนทุกอย่างที่อยู่ด้านล่างเนินนี้จะยังคงเป็นดินแดนแห้งแล้งอยู่นะ ในอนาคตมันจะกลายเป็นทุ่งหญ้าหรือเปล่านะ?……โอ๊ะ?」

 

ไอริสพบหญ้าแปลกๆที่แตกต่างจากอันอื่นๆ

 

หญ้าต้นอื่นๆสูงเพียงแค่เข่าของเธอเท่านั้น

 

ทว่า หญ้าต้นนี้กลับสูงกว่าและใหญ่กว่า

 

มันไม่เพียงแค่รูปลักษณ์แตกต่างเท่านั้น มันยังปล่อยพลังเวทย์ออกมาจางๆด้วย

 

เมื่อเธอหรี่ตาลง เธอก็เห็นแสงสีรุ้งอ่อนๆ

 

「สีรุ้งงั้นหรอ เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นพลังเวทย์ของชั้น? มันดูดพลังเวทย์ของชั้นงั้นหรอ? ที่มันโตขึ้นเพราะว่าชั้นปล่อยพลังเวทย์ออกมาโดยไม่รู้ตัวในตอนที่หลับอยู่งั้นหรอ?」

 

「พุนินิ?」

 

เสียงร้องของพูนิกามิบ่งบอกว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงคำอธิบายเดียวถึงพลังเวทย์สีรุ้งที่เธอนึกออก

 

เมื่อเธอลองเพ่งสมาธิ เธอก็รับรู้ถึงร่องรอยพลังเวทย์ของเธออยู่ในหญ้าต้นอื่นๆด้วย

 

ดูเหมือนว่าต้นเหตุจะเป็นพลังเวทย์ของไอริสจริงๆ

 

「อืม………งั้นชั้นก็เป็นคนเปลี่ยนดินแดนลกล้างแห่งนี้ให้เป็นทุ่งหญ้าได้โดยเพียงแค่นอนหลับสินะ……จะทำอะไรประมาทไม่ได้ ดูเหมือนชั้นจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลายเป็นนีทซะแล้ว!」

 

ไอริสรู้สึกอารมณ์ดึหลังจากค้นพบข้อแก้ตัวที่เป็นนีท

 

「จะว่าไปแล้วหญ้าพวกนี้ ถ้ามันมีพลังเวทย์เยอะๆละก็ มันก็น่าจะมีผลพิเศษบางอย่างอยู่แน่ๆ เช่นยารักษาอะไรงี้ ถ้าชั้นเอามันไปขายเพื่อเงินจำนวนมากละก็………」

 

「พุนิ?」

 

เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปขายที่ไหนหรือไม่รู้ว่ามันจะมีค่าอะไรหรือเปล่า แต่เธอก็ยังเด็ดพวกมันขึ้นมา

 

เมื่อไอริสเดินไปรอบๆโบสถ์ เธอก็พบหญ้าแบบเดียวกันนี้อยู่ประมาณนึง

 

สำหรับตอนนี้ เธอรวบรวมมันมา 10 ต้น

 

「ชั้นไม่ได้เสียอะไรในการปลูกมันขึ้นมานี่นา ถึงขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปกติมันก็ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้วด้วย ยังไงก็ตามแต่ ชั้นจะต้องไปที่เมืองของมนุษย์เพื่อยืนยันนี้สิ…….」

 

「พุนิ?」

 

「พูนิกามิ นายช่วยไปขายหญ้าพวกนี้แทนชั้นได้ไหม?」

 

「พุนิ!」

 

เมื่อเขาได้ยินคำขอร้องของไอริส พูนิกามิก็ตอบกลับมาด้วยความมุ่งมั้น

 

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่ได้อยู่ดีไม่ว่าจะมองยังไง

 

เนื่องจากตัวเขาพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ เขาก็พลาดตั้งแต่ก้าวแรกไปแล้ว

 

「อูว…..ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปเองแล้ว……แต่ว่ามนุษย์……..ชั้นควรจะเริ่มบทสนทนายังไงดี………กลัวจังเลย」

 

「พุนิพุนิ!」

 

「นะ-นายพูดถูก! ชั้นยังมีพูนิกามิอยู่ด้วยนี่นา! ถึงถ้าชั้นไปคนเดียวจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าไปด้วยกันกับพูนิกามิละก็น่าจะได้นะ! ชั้นมั่นใจเลย!」

 

สำหรับไอริส ผู้ที่เคยพูดคุยแต่กับปีศาจและมอนสเตอร์นั้น มนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก

 

ขนาดพูดคุยยาวๆกับปีศาจด้วยกันเองยังมีปัญหาเลย การจะพูดคุยกับมนุษย์นั้น……แค่คิดเธอก็กังวลแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม การมีพูนิกามิอยู่ข้างๆนั้นทำให้เธอโล่งใจขึ้น

 

ถ้ามันเกินกว่าที่จะควบคุมได้ละก็ เธอก็สามารถซ่อนในตัวของพูนิกามิและหลบหนีออกมาได้

 

「อะ-เอาละ! ไปที่หมู่บ้านมนุษย์กันเถอะ! พวกมนุษย์ก็ไม่เห็นจะนะ-น่ากลัวเลยสักนิด! ชั้นสามารถพูดทักทายได้! ขนาดพูดเรื่องสภาพอากาศก็ยังได้…….!」

 

「พุนิ!」

 

「ต้องยังงี้สิ」พูนิกามิพูดให้กำลังใจ

 

ไอริสกำหญ้าพวกนั้นเอาไว้แน่นก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตัวของพูนิกามิ แล้วหุ้มตัวของเขาด้วยพลังเวทย์ของเธอเพื่อให้บินขึ้นไปบนฟ้า

 

เธอรวบรวมกำลังใจแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองของมนุษย์

 

ทว่า ไปได้กลางทางเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอยังคงโป้อยู่เลย เธอเลยรีบกลับไปที่โบสถ์อย่างตื่นตระหนกแล้วสวมชุดของเธอ

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 3: ได้รับเตียงสไลม์

 

「…….หา กลางคืนแล้วงั้นหรอ?」

 

เมื่อไอริสตื่นขึ้น ข้างนอกก็มืดมิดซะแล้ว

 

หลังจากที่ใช้เวทย์มองกลางคืน เธอก็ออกไปข้างนอก

 

ที่นั่น เธอได้มองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมาย

 

「ยอดไปเลย……ครั้งแรกเลยที่ได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโดยไม่มีเมฆบังแบบนี้………..」

 

ที่ทวีปคุริโฟตอันเป็นบ้านของเผ่าปีศาจนั้นมักจะมีเมฆบดบังเสมอ และเธอจะสามารถมองเห็นดวงดาวได้ก็ต่อเมื่อผ่าเมฆออกเท่านั้น

 

ทุกอย่างมันเป็นการกระทำจากพระเจ้าบนสวรรค์ทั้งนั้น ทุกคนต่างพูดแบบนั้น

 

ไอริสนั้นหวังว่าตนจะไม่ได้ออกมาจากแคปซูลนั่นเลย ทว่า หลังจากที่เธอมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้แล้ว เธอก็ได้เปลี่ยนความคิดนั้นของเธอไป

 

ตราบใดที่ยังมีภาพอันงดงามแบบนี้ให้ได้เห็น การได้ออกมาจากแคปซูลก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

 

เพื่อท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้ มาอาศัยอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้กันเถอะ

 

「ถึงยังงั้น ชั้นรู้สึกหิวน้ำจัง……หวังว่าจะมีบ่อน้ำอยู่ใกล้ๆนะ」

 

ไอริสเดินไปรอบๆโบสถ์

 

ตอนที่เธอยังบินอยู่บนท้องฟ้านั้น เธอหวาดกลัวออร่าของมนุษย์มาก

 

ทว่า เนื่องจากที่นี่ไม่มีมนุษย์อยู่เลย ดังนั้นเธอจึงสามารถเดินไปรอบๆได้อย่างมั่นใจ

 

เพราะแบบนั้น เธอก็ได้พบกับบ่อน้ำที่ด้านหลังของโบสถ์

 

อย่างไรก็ตาม

 

「มันแห้งไปหมดแล้ว……..」

 

ก็สมเหตุสมผลดี

 

ตัวหมู่บ้านรวมถึงโบสถ์นั้นถูกทิ้งร้างมานานกว่าร้อยปีแล้ว

 

บริเวณรอบๆเองก็เป็นถิ่นทุรกันดารด้วย

 

จากการที่มีบ่อน้ำอยู่นั้น แสดงว่าสภาพแวดล้อมแทบนี้ไม่ได้แย่แบบนี้ตั้งแต่แรก

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง บริเวณรอบๆกับตัวบ่อน้ำได้แห้งเหือดลง แล้วเหล่าผู้อยู่อาศัยก็จากไป

 

เป็นเรื่องที่น่าเศร้า อย่างไรก็ตาม สำหรับไอริสนั้นมันเป็นเรื่องที่สะดวกมาก

 

ไม่ว่าจะเป็นยังไง มันก็ไม่มีปัญหาถ้าใช้พลังเวทย์ของไอริสชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่ได้

 

「…..ไม่มีสัญญาณของน้ำใต้พื้นดินเลย….มีเพียงแค่โพล่งใหญ่ๆเท่านั้นเอง งั้น ถ้าชั้นเสริมพลังให้โพล่งนี่สามารถผลิตน้ำด้วยพลังเวทย์ของชั้นละก็…………เสร็จแล้ว」

 

น้ำถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วที่ใต้พื้นดิน

 

มากพอที่จะพุ่งออกมาด้วยแรงมหาศาลเลย

 

「หว่าๆ แรงเกินไปแล้ว! ต้องปรับลดลงมาซะแล้ว……」

 

เธอปรับเวทมนตร์ของเธอให้ผลิตน้ำได้น้อยลงกว่าเดิม

 

เพราะแบบนั้น น้ำพุก็ได้สงบลงและหยุดในระดับที่กำลังพอดี

 

ไอริสใช้ถังตักน้ำขึ้นมาแล้วดื่มมัน

 

「ฟุฮ่า……อร่อยจัง ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่เปียกไปหมดเลยอะ……แถมไม่มีชุดเปลี่ยนด้วยสิ………」

 

สำหรับตอนนี้ มาทำให้ชุดแห้งด้วยสายลมอุ่นๆจากพลังเวทย์ของชั้นแล้วกัน

 

อย่างไรก็ตาม การไม่มีชุดเปลี่ยนนั้นก็สร้างปัญหาให้อยู่ดี

 

ตั้งแต่แรกแล้ว ชุดที่ชั้นใส่อยู่นั้นไม่เหมาะกับการใส่นอนเลยนี่นา

 

อยากจะได้ชุดนอนชั้นเลิศจังเลย

 

「ถ้ารู้ยังงี้ ชั้นน่าจะเอามันมาจากปราสาทจอมมารด้วยนะ……」

 

เธอคิดไปสักพักว่าจะกลับไปเอาที่ทวีปคุริโฟตอยู่หรอก แต่การกลับไปโดยที่ไม่ฆ่ามนุษย์สักคนแบบนี้มันก็น่าจะกระอักกระอ่วนน่าดู

 

「ชั้นจะต้องหาชุดนอนที่นี่……แต่ไม่มีเงินของมนุษย์เลย……ถ้าอยากได้เงินก็ต้องทำงาน…..ไม่เอาอะ…..ไม่อยากทำงานอะ……」

 

ก่อนที่ไอริสจะออกมาจากทวีปคุริโฟต เธอได้เรียนรู้สามัญสำนึกของมนุษย์มาระดับนึงแล้ว

 

คุณจะต้องใช้เงินสำหรับการใช้ชีวิต และจะต้องทำงานเพื่อให้ได้มันมาด้วย

 

การทำงานก็หมายถึงการพบปะกับมนุษย์

 

「ถ้าจะให้ทำงานละก็ นอนมันทั้งเปลือยๆยังจะดีกว่า」

 

หลังจากที่เธอได้ข้อสรุปแบบนั้น เธอก็ถอดเสื้อผ้าออก โยนมันเอาไว้ที่พื้นแล้วนอนลงไป

 

เช้าวันถัดมา

 

「อ่าห์~~ หลับสบายดีจัง ไม่มีเสื้อผ้าแล้วรู้สึกแตกต่างออกไปจริงๆ เอาตรงๆก็ยังอยากจะได้ชุดนอนอยู่ดี……ถึงที่นี่จะไม่มีใครมามองชั้นก็เถอะนะ」

 

ไอริสตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

 

เมื่อวาน เธอนอนกลางวันไปแล้ว แถมยังเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยการนอนต่อในตอนกลางคืนด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับไอริส มันไม่มีอะไรที่มีความสุขไปกว่าการได้นอนหลับอีกแล้ว

 

ถ้าราชาปีศาจได้เห็นตัวเธอในตอนนี้ละก็ เขาคงจะร้องไห้ออกมาแล้วยอมแพ้ในตัวเธอไปแล้วแน่ๆ

 

「อย่างแรกเลยก็แก้วแรกสำหรับการตื่นของชั้น」

 

ไอริสที่ยังคงโป้อยู่ ได้เดินมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำ

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้พบกับบางอย่างที่ไม่คาดคิด

 

อะไรบางอย่างเหมือนกับเยลลี่สีฟ้าได้อุดรูบ่อน้ำเอาไว้

 

「สไลม์……? ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้?」

 

「พุนิ」

 

สไลม์สีฟ้าได้กระโดดออกมาจากบ่อน้ำแล้วตรงมาที่ไอริส

 

มันค่อยข้างตัวใหญ่มากเลย

 

ต่อให้ไอริสกอดมันด้วยแขนทั้งสองข้างก็ยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ

 

「พุนิ! พุนิพุนิพุนิ」

 

「ชั้นไม่เข้าใจว่าเธอจะพูดอะไร……ชั้นจะอ่านมันเอาแล้วกัน ดังนั้นอยู่นิ่งๆซักแปปนะ」

 

ไอริสสัมผัสไปที่ผิวของสไลม์

 

มันทั้งเย็นและรู้สึกดีมากๆเลย

 

ไอริสได้อ่านความคิดของมันโดยตรงไปทั้งๆอย่างนั้น

 

「ฟุมุ งั้นเธอก็กำลังเหือดแห้งอยู่ที่ก้นบ่อน้ำงั้นสินะ」

 

「พุนิ」

 

「งั้นเธออยากจะสาบานสวามิภักดิ์แถนคำขอบคุณสินะ? ถึงเธอจะพูดว่าสาบานก็เถอะ……อืม ตัวเธอสัมผัสแล้วรู้สึกดีด้วยสิ การมีเธออยู่คงจะช่วยชั้นได้เยอะเลยละ และด้วยขนาดตัวนี้ เหมาะที่จะเป็นเตียงของชั้นเลย」

 

「พุนิ!」

 

「ชั้นสามารถใช้เธอเป็นเตียงได้ทันทีเลยงั้นหรอ? งั้นชั้นขอรับข้อเสนอของเธอเลยแล้วกัน……..」

 

ไอริสทิ้งตัวเธอลงไปยังตัวสไลม์กลมๆนั้น

 

เพราะว่าเธอนั้นโป้อยู่ ความรู้สึกเย็นๆบนผิวของมันก็ได้ส่งไปยังผิวของเธอโดยตรง

 

มันรู้สึกดีมากกว่าที่เธอคาดเอาไว้

 

เนื่องจากเธอเคยนอนที่โซฟามาก่อน ความรู้สึกสบายตัวนั้นเลยยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีก

 

「ธะ-เธอนี้ยอดเยี่ยมที่สุดเลย! ชั้นไม่ได้อยากได้ความจงรักภักดีของเธอหรอก แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันละก็นะ!」

 

「พุนิพุนิ」

 

สไลม์พยักหน้าด้วยร่างกายของเขา ก่อนจะเข้าไปข้างในโบสถ์โดยมีไอริสอยู่บนตัวของมัน

 

และแล้วไอริสก็ได้หลับไปด้วยความสุขบนเตียงสไลม์ชั้นเลิศของเธอ

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 2: ข้อพิพาทอาณาเขตกับมังกรอย่างกะทันหัน

 

ตอนนี้ไอริสกำลังบินอยู่เหนือดินแดนที่ถูกเรียกว่าทวีปบาเร่ (Barei)

 

ราชาปีศาจบอกว่า「มันเป็นดินแดนมั่งคั่งที่เต็มไปด้วยพวกมนุษย์」และที่เบื้องล่างของเธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

ลงจอดใกล้ๆกับเมืองใหญ่นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย

 

พบเจอกับมนุษย์จำนวนมากนั้นน่ากลัวเกินไป

 

เธอคิดว่าในป่าลึกคงจะไม่เป็นไรแล้วตัดสินใจเข้าไปสำรวจใกล้ ทว่า ดูเหมือนจะมีมนุษย์จำนวนนึงกำลังล่ามอนสเตอร์และสัตว์ป่าอยู่ด้วย มองดูดีๆก็จะเห็นถิ่นฐานบ้านเรือนตั้งอยู่ในป่าด้วยเช่นกัน

 

นี้เองก็ใช้ไม่ได้

 

ไอริสออกมาจากป่าอย่างยอมแพ้และบินอยู่เหนือแนวทุ่งหญ้า

 

อย่างไรก็ตาม ที่นี่เองก็มีหมู่บ้านเช่นกัน

 

แถมยังมีเส้นทางขนส่งที่เต็มไปด้วยรถม้าและผู้คนด้วย

 

ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ที่นั่นก็มักจะมีโอกาสที่จะได้พบกับพวกมนุษย์เสมอ

 

ช่างเป็นสถานที่ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้

 

การฆ่ามนุษย์พวกนี้จะต้องนำความวุ่นวายมาให้ไม่รู้จักจบสิ้นแน่ๆเลย ชั้นคิดแบบนั้น

 

แต่ว่าตัวชั้นเองก็ยังหาที่ที่จะหมกตัวไม่ได้เลยนะสิ

 

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปละก็ ชั้นคงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องบินไปบินมามาบนฟ้าตลอดชีวิตแน่ๆเลย–ไอริสสรุปออกมาได้แบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เธอได้ออกมาจากทุ่งหญ้าและเข้าสู่พื้นที่ทุรกันดาร กลิ่นอายของมนุษย์ได้หายไปแล้ว

 

(อากาศตรงนี้แห้งจัง……)

 

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีฝนตกเท่าไหร่

 

ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าขาดน้ำ

 

แน่นอนว่าแม้แต่มนุษย์เองก็ไม่ต่างกัน

 

ในทางกลับกัน ไอริสนั้นเป็นปีศาจที่ใช้ชีวิตโดยการใช้พลังเวทย์ในอากาศ

 

พลังเวทย์ในบริเวณนี้ก็ไม่ได้หนาแน่นอะไรเป็นพิเศษหรอก ทว่าถ้าเป็นไอริสผู้ที่เป็นอาวุธชีวภาพที่แข็งแกร่งที่สุดละก็ เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นอาทิตย์โดยไม่กินไม่ดื่มได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆเลย

 

สำหรับตอนนี้ ชั้นจะมองหาที่อยู่แถวๆนี้แล้วกัน

 

นอกเหนือจากนั้นค่อยคิดหลังจากนอนสักงีบละกัน

 

(มีอาคารอยู่ในที่แบบนี้ด้วย……แต่ไม่มีกลิ่นอายมนุษย์อยู่เลย……)

 

ไอริสที่เกิดอาการภูมิแพ้มนุษย์จากการเดินทางเหนือทวีปบาเร่นั้นค่อนข้างแม่นยำในกลิ่นอายของพวกเขา

 

เธอไม่ใช้แค่ตามองหรือหูฟังเท่านั้น แต่ยังรับรู้ถึงพลังเวทย์ของพวกเขาด้วย และเมื่อเจอมัน เธอก็จะหักเลี้ยวหลบทันที

 

ที่ทุรกันดารนี้กันดารจนถึงขนาดที่แทบจะกลายเป็นทะเลทรายเลย

 

ไม่น่าจะมีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่

 

ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น เธอก็ยังคงพบอาคารบ้านเรือยหลายหลายหลังในที่แบบนี้อยู่

 

แทบๆทั้งหมดนั้นเป็นของหมู่บ้านในอดีต

 

มันถูกทิ้งเอาไว้และตอนนี้ก็กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว

 

「หลังคากับกำแพงเป็นรูหมดแล้ว……พวกนี้กันลมกันฝนให้ชั้นไม่ได้แน่เลย」

 

ไอริสพึมพำกับตนเองในขณะที่ลงจอดแล้วเดินดูรอบๆซากประหลักหักพัง

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ตรงเนินใกล้ที่ยังคงรูปทรงของมันเอาไว้ได้

 

เมื่อเธอเข้าไปใกล้มัน เธอก็พบว่ามันเป็นโบสถ์

 

ซึ่งก็เหมือนกับที่หมู่บ้าน ไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์

 

หน้าต่างกระจกสีที่กำแพงแทบทั้งหมดนั้นยังอยู่ดี

 

เนื่องจากตัวอาคารทำจากหิน เพดานกับกำแพงก็เลยยังอยู่ดีเช่นกัน

 

นี้น่าจะพอเหมาะกับการใช้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวแล้ว

 

ในขณะที่เธอคิดแบบนั้นแล้วกำลังจะเข้าไปในโบสถ์ บางอย่างก็ลอยอยู่เหนือหัวของเธอจนทำให้เกิดเงาบนพื้น

 

ในจังหวะเดียวกันนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่แข็งแกร่งมากๆด้วย

 

ไอริสมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความตกใจ เธอเห็นมังกรแดงกำลังบินอยู่เหนือหัวของเธอ มังกรตัวนั้นคำรามแล้วลงจอดที่ด้านหน้าของไอริสจนเกิดลมกระโชกที่รุณแรง

 

ยังไงก็ตาม ความประทับใจแรกของไอริสก็คือ มันตัวใหญ่มาก

 

ที่ทวีปคุริโฟตเองก็มีมังกรอยู่เหมือนกัน

 

ถึงเธอจะชินกับการได้เห็นพวกมันแล้ว แต่ด้วยรูปลักษณ์อันตัวเล็กของเธอ เธอจึงมักจะรู้สึกว่าพวกมันตัวใหญ๋อยู่ดี

 

หัวของมันสูงเหนือโบสถ์ และยังสามารถสร้างเงาบดบังทุกสิ่งรอบๆโดยแค่กางปีกเท่านั้น

 

มังกรแบบนั้นกำลังจ้องมองมาที่ไอริสด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแล้วตะโกนออกมา

 

「เจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงมาบุกรุกอาณาเขตของข้าแบบนี้ ถ้าเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าก็จะยกโทษให้กับการกระทำของเจ้า ทว่า ถ้าเจ้าขัดขืนละก็ ข้าจะบดขยี้เจ้าซะ!」

 

น่าเหลือเชื่อยื่งนัก มังกรตัวนี้พูดด้วยเสียงของผู้หญิง–หรือต้องบอกว่าเป็นเสียงของเด็กสาวอายุน้อยเลยด้วยซ้ำ

 

ทว่า เนื้อหาที่พูดมานั้นค่อนข้างอันตราย

 

มันไม่ได้พยายามปิดบังความเป็นศัตรูใดๆเลย แถมยังประกาศว่าจะเอาชีวิตด้วย

 

ไอริสตัดสินใจว่าจะบอกให้มันรู้ว่าตัวเธอไม่ได้มีเจตนาร้าย

 

「หนูขออภัยที่ได้เหยียบเข้ามาในอาณาเขตของคุณ แต่เพราะหนูไม่รู้ หนูแค่ต้องการหาสถานที่นอนหลับในคืนนี้เท่านั้นเอง ถ้าคุณจะช่วยให้หนูยืมโบสถ์หลังนี้ หนูก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว」

 

เนื่องจากไอริสไม่เคยคุยกับมนุษย์มาก่อน เธอจึงไม่มีความมั่นใจว่าจะพูดได้คล่อง แต่เพราะเธอคิดว่ามอนสเตอร์นั้นเป็นพวกเดียวกับเธอในหลายๆด้าน เธอจึงยังไม่รู้สึกกังวลอะไรในตอนนี้

 

「ข้าขอปฏิเสธ! โบสถ์นี้เป็นที่นอนของข้า! ข้าไม่อยากจะใช้มันร่วมกับเจ้า!」

 

มังกรกรีดร้องออกมาก่อนจะยกขาหน้าแล้วเหยียบลงมาที่ไอริส

 

ถ้าเป็นมนุษย์ปกติก็คงจะตายในทันที

 

ต่อให้เป็นปีศาจตามปกติก็จะบาดเจ็บจากการถูกมังกรเหยียบอยู่ดี

 

ทว่า ไอริส ไครซิสนั้นห่างไกลจากความปกติพวกนั้นมาก

 

เธอเป็นถึงอาวุธชีวภาพที่สร้างขึ้นเพื่อให้เหนือกว่าราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่และล้างบางพวกมนุษย์

 

สามัญสำนึกตามปกติใช้กับเธอไม่ได้ผล

 

ไอริสรับฝ่าเท้าของมังกรด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะพลักมันกลับไป

 

มังกรที่ไม่ได้คาดคิดถึงผลลัพธ์แบบนี้ ก็สูญเสียบาลานซ์แล้วล้มลงไปจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

 

「ปะ-เป็นอะไรไหม……?」

 

ไอริส ผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำถึงขนาดนี้ รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเร่งรีบ

 

ทว่า มังกรก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเฉียบคม

 

「กะ-แก……! จะเกินไปแล้วนะ! ข้าจะไม่ออมมือแล้ว กลายเป็นเถ้าถ่านไปซะ!」

 

เวทมนตร์สีแดงก่อตัวขึ้นภายในปากของมังกร

 

หลังจากนั้น เปรวเพลิงสีแดงฉานก็ถูกปล่อยออกมาอย่างรุณแรง

 

แปรเปลี่ยนพลังเวทย์มหาศาลให้เป็นเวทย์โจมตี ซึ่งก็คือ ลมหายใจมังกร

 

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ล้อเล่นที่ว่าจะทำให้เธอกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไอริสก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำการตอบโต้อย่างเหมาะสม

 

「–บาเรียสะท้อนกลับ」

 

ไอริสปลดปล่อยพลังเวทย์สีรุ้งของเธอ และสร้างกำแพงขึ้นที่เบื้องหน้า

 

เมื่อลมหายใจมังกรกระทบกับบาเรียนั้น ลือเรื่องทะลวงเข้าไปได้เลย มันถูกสะท้อนกลับเหมือนกับแสงที่สะท้อนกับกระจก

 

พูดอีกอย่างก็คือ มังกรตัวนั้นเผาตัวเองด้วยไฟของตัวเอง

 

「โอ้ววววววววว ร้อน ร้อน ร้ออออออน!」

 

มังกรกลิ้งไปกลิ้งมาบนเนิน

 

ถึงมันจะดูน่าสงสาร แต่แค่นั้นก็เพียงพอจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆแล้ว

 

「บะ-บ้าเอ้ย จำไว่เลยนะ! ข้าจะต้องเอาอาณาเขตของข้าคืนมาให้ได้!」

 

เมื่อไฟดับลงแล้ว มังกรตัวนั้นก็บินจากไป

 

เหลือเอาไว้แค่เพียงคำพูดบางอย่าง

 

ดวงตามีน้ำตานองด้วย

 

ดูน่ารักแปลกๆนะ ไอริสคิดแบบนั้น

 

「เอาละ ถึงจะสงสารมังกรตัวนั้น แต่ด้วยสิ่งนี้การนอนของชั้นก็ปลอดภัยแล้ว ถึงจะยังเป็นตอนบ่ายอยู่เลยก็เถอะนะ…..ไปนอนเลยดีกว่า!」

 

ไอริสเปิดประตูของโบสถ์พร้อมกับฮัมเพลง

 

ภายในโบสถ์นั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่คิด เธอคิดแบบนั้น

 

มีแม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์เหลืออยู่ด้วย

 

ไอริสได้ใช้โซฟาเป็นเตียง ก่อนจะนอนหลับไปอย่างมีความสุขโดยที่ไม่มีใครรบกวน

 

 

 

บทที่ 1 ตอนที่ 1: ออกค้นหาสถานที่เก็บตัวในทันที

 

ภายในห้องสลัวๆที่ไม่มีหน้าต่างใดๆนั้นได้มีหลอดแคปซูลตั้งอยู่ ภายในแคปซูลนั้นเต็มไปด้วยของเหลวและมีร่างของเด็กสาวอยู่ด้านใน

 

ผมสีเงินยาว ร่างกายสมส่วนที่อยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต

 

เธอนั้นงดงามจนถึงขนาดตราตรึงผู้พบเห็น อย่างไรก็ตาม เพราะว่าเธองดงามและยอดเยี่ยมเกินไปนั่นเอง ตัวเธอจึงดูเหมือนสิ่งประดิษฐ์มากกว่า

 

และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือแสงสีรุ้งซีดๆที่ถูกปล่อยออกมาจากผิวสีขาวของเธอ มันทำให้ตัวเธอมีบรรยากาศที่ลึกลับ

 

เด็กสาวคนนี้มีนามว่า ไอริส

 

ลูกสาวของราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่

 

ทว่า ตัวเธอนั้นไม่ได้เกิดจากครรภ์มารดาแต่อย่างใด

 

เธอเกิดขึ้นมาภายในแคปซูลหลอดนี้โดยใช้ยีนของราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เป็นพื้นฐาน

 

ความนึกคิดของไอริสนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 1 เดือนก่อน

 

ดูเหมือนว่ากระบวนการเติบโตด้วยตนเองจะเริ่มตั้งแต่เมื่อ 1 ปีก่อนด้วย

 

ที่เบื้องหน้าของแคปซูล ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่กับลูกน้องของเขากำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกันอยู่

 

ตัวไอริสไม่เคยออกไปแคปซูลนี้ ทว่าเธอสามารถเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดได้

 

เธอได้รู้ว่าตัวเธอนั้นเป็นอาวุธชีวภาพที่สร้างขึ้นจากยีนของราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่

 

ภารกิจของเธอก็คือการทำลายล้างมนุษย์ชาติ

 

「ช่างงดงาม……ดูสิขอรับ ท่านราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ทุกค่าเกินกว่ามาตราฐานที่คิดเอาไว้เลยขอรับ ไอริสแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้ขอรับ ต่อให้เป็นกระผมที่เป็นคนพัฒนาเธอขึ้นมาก็ไม่อาจอธิบายว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงเลยขอรับ บอกตามตรงนะขอรับ ถ้าท่านบอกให้กระผมสร้างขึ้นมาอีก กระผมก็ไม่สามารถทำได้เลยขอรับ」

 

「คุคุคุ……สมกับที่เป็นลูกสาว ผู้ที่สืบทอดยีนของข้า ด้วยพลังนี้ พวกมนุษย์จะต้องพินาศย่อยยับแน่นอน แล้วโลกทั้งใบก็จะตกเป็นของเผ่าปีศาจ ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น ด้วยพลังนี้ พวกเราจะทำได้แม้กระทั่งบุกสวรรค์และโค่นล้มเหล่าเทพได้แน่」

 

ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของหลอดแคปซูลก็คือผู้อำนวยการของโปรเจ็คที่พัฒนาไอริสขึ้นมา และตัวราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เอง

 

ไอริสนั้นไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน แต่เธอรู้ว่าพวกเขาดูเหมือนกับเผ่าปีศาจทุกประการ

 

สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คืออายุขัย

 

ราชาปีศาจมีอายุ 300 ปี ส่วนหัวหน้านักวิจัยนั้นมากกว่า 600 ปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมนุษย์นั้นจะอยู่ไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ

 

นอกจากพลังเวทย์แล้ว เผ่าปีศาจเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน

 

ทว่าต่อให้เป็นแบบนั้น เผ่าปีศาจก็ได้พ่ายแพ้ในสงครามเมื่ออดีตกาลและถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ที่สุดขอบโลก

 

เหตุผลก็ง่ายๆ

 

เหล่ามนุษย์นั้นมีจำนวนมากเกินไป

 

เพื่อแลกกับอายุที่ยืนยาว เผ่าปีศาจนั้นมีการสืบเผ่าพันธ์ุที่ต่ำ

 

ต่อให้มีชีวิตอยู่มาเป็น 1,000 ปี ปีศาจก็ไม่อาจมีลูกได้เกิน 2 หรือ 3 คนเลย

 

ในทางกลับกัน มนุษย์นั้นสามารถมีลูกได้เป็น 10 คนเลย ถ้าพวกเขาต้องการ

 

สงครามนั้นกินเวลามานานหลายร้อยปีจนทำให้จำนวนเผ่าปีศาจลดน้อยลง

 

แน่นอนว่าฝั่งมนุษย์เองก็พ่ายแพ้บ่อยครั้งเช่นกัน แต่ก็ยังมีเหล่านักรบปรากฏตัวขึ้นมาเรื่อยๆอยู่ดี

 

ในตอนแรกเผ่าปีศาจนั้นได้เปรียบอย่างมาก ทว่าก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว มนุษย์ก็ได้กลับมาพลิกสถานการณ์อย่างท่วมท้นซะแล้ว

 

มันก็ผ่านมานานกว่า 1,000 ปีแล้วตั้งแต่สงครามครั้งนั้น

 

จำนวนปีศาจนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ ทว่าเหล่ามนุษย์นั้นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากจนสามารถครองดินแดนทั้งหมดรอบๆพวกเขาได้แล้ว

 

เพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่อง『จำนวน』เหล่าปีศาจก็ได้ทุ่มพัฒนาในด้าน『คุณภาพ』มากกว่าเดิม

 

การให้กำเนิดลูกระหว่างสองปีศาจที่แข็งแกร่ง, ฝึกสอนลูกหลานให้แข็งแกร่ง — ตอนแรกมันก็ยังอยู่ในขอบเขตนี้อยู่หรอก ทว่า พวกเขาก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนกันถึงจะสำเร็จ ยังไม่นับเรื่องที่มีโอกาสสำเร็จต่ำอีก เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จให้มากขึ้น มันเลยเป็นการดีกว่าที่จะผลิต『ผู้แข็งแกร่ง』ออกมามากๆแทน

 

นั่นจึงเป็นที่มาของอาวุธชีวภาพ

 

เพาะพันธ์ุมันเอาไว้ในแคปซูลโดยใช้ยีนจากปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เบอร์เบรุส (Berberus)

 

แน่นอนว่าตอนแรกก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะสำเร็จ

 

ในที่สุดพวกเขาก็สร้างเทคโนโลยีที่มีเสถียรภาพขึ้นมาได้จากความล้มเหลวอันไม่จบไม่สิ้นนี้ มันเป็นธรรมชาติของการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆละนะ

 

อย่างไรก็ตาม การทดลองครั้งแรกกลับประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นซะอย่างนั้น

 

ไม่สิ เนื่องจากความสามารถของเธอนั้นสูงกว่าที่คาดเอาไว้ จะนับว่าเป็นความล้มเหลวก็คงได้

 

แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ได้สร้างก้าวแรกสู่การผลิตกำลังต่อสู้กับมนุษย์ชาติแล้ว

 

อาจจะทำลายล้างมนุษย์ชาติได้โดยใช้ตัวแรกนี้ซะด้วยซ้ำ

 

「ว่าก็ว่าเถอะ……สีพลังเวทย์ของเธอนี้งดงามจริงๆ อย่างกับสีรุ้งเลย……」

 

ราชาปีศาจมองดูหลอดแคปซุลแล้วกล่าวแบบนั้น

 

พลังเวทย์ที่ปล่อยออกมาจากตัวไอริสนั้นเปล่งประกายเป็นสีรุ้ง และเล็ดลอดออกมาภายนอกแคปซูลด้วย

 

สีของพลังเวทย์นั้นแตกต่างกันไปตามบุคคล

 

ไม่ว่าจะเป็นสีแดงหรือสีฟ้า มันก็จะเปลี่ยนไปตามผู้ที่ปล่อยมันออกมา

 

มันก็ไม่ได้มีการวัดว่าสีไหนแข็งแกร่งกว่าหรอก แต่ผู้ที่มีพลังเวทย์สีแดงมักจะมีพรสวรรค์ในเวทย์ไฟ ในขณะที่พลังเวทย์สีฟ้าจะเป็นเวทย์น้ำ

 

ด้วยการที่พลังเวทย์ของเธอนั้นเป็นสีรุ้ง มีความเป็นไปได้ที่เธอจะมีพรสวรรค์ในเวทมนตร์ทุกด้านเลย

 

「ไอริส เวลาได้มาถึงแล้ว เมื่อร่างกายของเจ้าพร้อมสมบูรณ์ เจ้าจะถูกปล่อยสู่โลกกว้างและคว้ามันเอาไว้ให้กับพวกเรา เผ่าปีศาจ!」

 

ราชาปีศาจตะโกนออกมา

 

「ค่ะ ท่านพ่อ…..」

 

ไอริสตอบกลับสั้นๆ

 

อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่รู้สึกว่าเธอนั้นแข็งแกร่งอะไร

 

พวกเขาพูดว่าเธอนั้นแข็งแกร่ง ทว่าในความเป็นจริง เธอไม่เคยอาละวาดเลยสักครั้งเดียว

 

อุปกรณ์ตรวจวัดเธอบอกว่าเธอแข็งแกร่ง แต่ไอริสไม่เคยเห็นมนุษย์ที่เธอต้องกำจัดเลยสักครั้ง

 

เธอไม่รู้ว่าโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ขนาดไหน

 

เธอรู้จักเพียงแค่หลอดแคปซูลกับห้องสลัวๆนี้เท่านั้น

 

ถูกบอกให้ทำแบบนั้นแบบนี้ เธอก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลย

 

3 วันต่อมา

 

หลังจากที่ในที่สุดก็ถูกปล่อยออกมาจากแคปซูล ไอริสก็ได้เห็นปราสาทจอมมารอันเก่าแก่แห่งนี้เป็นครั้งแรก

 

และทวีปคุริโฟต (Kurifot) สถานที่เพียงแห่งเดียวที่เผ่าปีศาจได้รับอนุญาติให้อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นที่ทุรกันดารขนาดใหญ่

 

มีเพียงแค่เหล่าปีศาจและมอนสเตอร์เล็กน้อยที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้

 

ราชาปีศาจบอกว่าทวีปคุริโฟตนั้นตั้งอยู่ที่สุดขอบของโลก

 

เป้าหมายของเธอก็คือการออกไปจากที่นี่ในสักวันนึง

 

ทว่า ด้วยขนาดของที่นี่ มันทำให้ไอริสผู้ที่ไม่รู้จักโลกภายนอกห้องของเธอเกิดอาการวิงเวียน

 

ในส่วนของคำสั่งจากราชาปีศาจ เธอได้ปล่อยเวทย์ระเบิดไปที่ชายฝั่งของทวีปจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้น

 

เมื่อมองเห็นควันรูปเห็ดขนาดยักษ์ ราชาปีศาจก็ได้โห่ร้องดังๆ

 

ด้วยสิ่งนี้ เราจะต้องเอาโลกกลับคืนมาได้แน่

 

พวกเขาโห่ร้องออกมาแบบนั้น

 

ด้วยเหตุนั้น อาวุธชีวภาพ สายรุ้งแห่งการทำลายล้าง (ไอริส ไครซิส) ก็ได้ตอบรับความคาดหวังของเหล่าปีศาจและบินไปยังดินแดนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยปีสีดำของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม ไอริสนั้นได้ทรมาณจากความสงสัยใคร่รู้ในขณะที่เธอบินข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ท้ายที่สุดเมื่อเธอถึงที่หมายของเธอ ได้เห็นโลกที่อยู่เบื้องหลังเส้นขอบฟ้าและบ้านเมืองต่างๆมากมาย เธอก็มั่นใจ

 

「ทำลายทั้งหมดนี่……อุว้าา น่ารำคาญจัง………ชิ!」

 

ใช่แล้ว

 

โดยแตกต่างจากเหล่าปีศาจตนอื่นๆ ไอริสนั้นไม่ได้เคียดแค้นมนุษย์

 

ถึงจะถูกบอกว่าพวกมันผลักไสเผ่าปีศาจทั้งหมดไปที่ทวีปคุริโฟตก็ตาม ตัวเธอก็รู้สึกค่อนข้างสบายๆแม้จะอยู่ภายในแคปซูลของเธอด้วยซ้ำ

 

ยิ่งไปกว่านั้น การได้เห็นโลกอันกว้างขวางนี้ มันทำให้เธอสูญเสียแรงจูงใจไปหมดเลย

 

มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่เยอะแยะแน่นอนเลย

 

ไม่อยากทำอะ

 

ตัวชั้นยังกังวลแม้กระทั่งกับปีศาจด้วยกันเลย ก็การเจอคนแปลกหน้ามันน่ากลัวนี่น่า

 

ชั้นอยากจะเป็นนีท!

 

「ชั้นไม่ได้ต้องการที่กว้างๆ……ต้องหาที่แคบๆ ที่ไหนก็ได้……ชั้นอยากจะนอนมันทั้งวันเลย」

 

ดังนั้น ไอริส ไครซิส (Iris Crisis) อาวุธชีวภาพที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีของเผ่าปีศาจ ได้ละทิ้งภารกิจของเธอและเริ่มมองหาสถานที่ที่จะใช้ขังตัวเองเอาไว้

 

 

 

[นิยายแปล] The Demon King’s Daughter is the World’s Strongest but a Shut-In! ~Shut Herself in an Abandoned Church to be Revered as the Goddess~

[นิยายแปล] The Demon King’s Daughter is the World’s Strongest but a Shut-In! ~Shut Herself in an Abandoned Church to be Revered as the Goddess~

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset