[นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu 36 ซ้อมเดทกับรุ่นพี่โทวโกะ ( 3)

ตอนที่ 36 ซ้อมเดทกับรุ่นพี่โทวโกะ (ตอนที่ 3)

หลังจากนั้น เราก็ไปชมถ้ำกับศาลเจ้าซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะ แล้วก็กลับมาที่รถ

ระหว่างนั้นเอง รองเท้าที่เปียกชุ่มมาจากทะเลก็แห้งพอที่จะไม่ทิ้งรอยเท้าไว้แล้ว

 

“ต่อไปจะไปที่ประภาคารโนจิมะซากิครับ”

 

ว่าแล้วก็ติดเครื่องรถยนต์

ประภาคารโนจิมะซากิอยู่ที่สุดขอบทางใต้ของคาบสมุทรโบโซะ

ไปตามทางหลวงหมายเลข 410 มุ่งหน้าไปยังโนจิมะซากิ

พอพ้นจากเทือกเขา เบื้องหน้าคือทะเลอันกว้างใหญ่ขึ้นในทันตา

ทะเลแปซิฟิกนั่นเอง

ด้วยความที่สภาพอากาศเป็นใจ ทะเลสีครามยังส่องประกายระยิบระยับแม้ในเดือนพฤศจิกายน

ขณะที่ไปตามทางก็เห็นทะเลอยู่ทางขวา ภูเขาอยู่ทางซ้าย

ตึกรามบ้านช่องกระจายอยู่เป็นจุด ๆ

จนในที่สุดก็มองเห็นอาคารอันสว่างเป็นสีขาว

ประภาคารโนจิมะซากิ

ประภาคารนี้อยู่ที่แหลมสมุทรเล็ก ๆ ซึ่งยื่นเข้าไปในทะเล บริเวณโดยรอบประภาคารมีพื้นที่เหมือนสวนสาธารณะล้อมอยู่โดยรอบ

 

“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ลองไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยดีมั้ย? ตรงนั้นอยู่ปลายสุดทางใต้ของคาบสมุทรโบโซะเลยนี่นะ”

 

“ดีครับ ไปกันเถอะครับ!”

 

ผมตกลงอย่างสดใส

บริเวณรอบประภาคารโนจิมะซากิ พื้นหญ้าถูกตัดอย่างสวยงาม

ถัดจากทางเดินเล่นนิดเดียวก็จะเป็นแนวหินชายฝั่งแล้ว

 

“จะว่าไม่มีทะเลที่ไหนแล้ว ที่จะได้เห็นเส้นขอบฟ้าแบบนี้ได้สินะคะ”

 

รุ่นพี่โทวโกะเอ่ยก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เล็งจังหวะนั้นไว้แล้วแชะอีกครั้ง

 

“อะ ถ่ายอีกแล้ว”

 

รุ่นพี่โทวโกะมองด้วยหางตา

 

“ยกโทษให้ผมเฉพาะวันนี้เถอะครับ นี่คือคำตอบสำหรับการบ้านน่ะครับ”

 

ผมตอบไปด้วยยิ้มเจื่อน

 

“แต่ว่าน้า ยังไงก็อยากให้ช่วยถ่ายในสภาพที่เตรียมตัวมาดี ๆ สักหน่อยเถอะ”

 

รุ่นพี่โทวโกะดูท่ายังไม่พอใจ

เราสองคนมองดูทะเลเคียงข้างกัน

ที่ปรากฎอยู่แก่สายตาคือท้องทะเลอันกว้างใหญ่

มหาสมุทรแปซิฟิค

 

“จากนี้ไปก็เป็นอเมริกา อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย แล้วก็ขั้วโลกใต้สินะคะ”

 

คำพูดราวกับปลิวมาตามกระแสลมเชื้อเชิญมาจากรุ่นพี่โทวโกะ

 

“ฉันน่ะ คิดไว้ว่าอยากจะเที่ยวรอบโลกบนเรือสำราญของตัวเองสักวันนึงน่ะค่ะ”

 

เที่ยวรอบโลกบนเรือสำราญ?

ด้วยความที่รุ่นพี่โทวโกะมีภาพลักษณ์แบบเก็บตัวอยู่ ทำเอาแปลกใจเล็กน้อย

 

“ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยต้องนอนโรงพยาบาลอยู่กว่าหนึ่งเดือนน่ะ หนังสือที่เคยอ่านเมื่อตอนนั้น เล่าถึงเรื่องคู่สามีภรรยาที่นั่งเรือสำราญเที่ยวรอบโลกกันค่ะ พออ่านแล้วก็คิดว่า ‘สุดยอดเลยนะ ตัวเราเองก็อยากจะไปรอบโลกอย่างอิสระแบบนี่้บ้างจังเลย’ คงจะตั้งแต่นั้นมาล่ะมั้งคะ ที่ฉันเริ่มจะชอบอ่านหนังสือขึ้นมา เริ่มแรกสุดฉันอ่านแต่หนังสือพวกบันทึกท่องเที่ยวหรือประเทศต่าง ๆ ในโลกอย่างเดียวเลยน่ะค่ะ”

 

“เป็นความฝันที่วิเศษมากเลยครับ”

 

“นั่นสินะคะ เป็น ‘ความฝัน’ ที่วิเศษสินะคะ แต่ในความเป็นจริง คู่หูที่สามารถอยู่ด้วยกันบนเรือยอชต์ลำแคบ ๆ ทั้งวันทั้งคืนได้เนี่ย คงจะหายากอยู่หรอกใช่ไหมล่ะคะ”

 

ผมมองรุ่นพี่โทวโกะอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ถ้าเป็นเธอล่ะก็ ต่อให้อยู่ด้วยกันไปตลอด คิดว่าเสน่ห์คงจะไม่จางหายไปได้หรอก

ไม่สิ ยิ่งอยู่ด้วยกันเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกน่าหลงใหลขึ้นเท่านั้น

 

“คุณพ่อเองก็ดูจะอยากได้เรือสำราญอยู่เหมือนกันน่ะ”

 

พอพูดอย่างนั้น ก็มองไปทางประภาคารที่อีกฟากหนึ่ง

 

“ประภาคารในท้องทะเลยามวิกาลที่มืดสนิท จะเป็นเครื่องนำทางแค่อย่างเดียวสินะ ถึงเดี๋ยวนี้มี GPS แล้ว แต่ก็คิดว่าสำหรับชาวประมงเก่าแก่คงเป็นจุดสังเกตและความหวังเดียวน่ะ และหากเรามุ่งหน้าไปยังที่ประภาคาร ก็จะมุ่งไปสู่จุดหมายได้สินะคะ”

 

นัยน์ตาของเธอมองขึ้นไปยังประภาคารซึ่งสว่างแสงอาทิตย์จากผนังสีขาว

 

“เพราะฉะนั้นชื่อของฉันถึงได้เรียกว่า ‘ตะเกียง’ (โทวโกะ) หมายถึงเป็นความหวัง ให้แสงสว่างสำหรับทุกคนล่ะ”

 

ผมคิดพลางมองไปที่เธอคนนั้น

 

—— รุ่นพี่โทวโกะครับ แม้เพียงเล็กน้อย แต่สำหรับผมในตอนนี้ คุณคือความหวัง คือเครื่องนำทาง คือแสงสว่างครับ ——

 

—— ในท่ามกลางพายุทมิฬที่ว่า ‘การนอกใจของแฟนสาว’ คือคนเดียวที่เรืองแสงสว่างให้ มอบปลายทางให้ แล้วยังมอบความหวังให้ผม ——

 

“นี่ ได้ยินเสียงจากที่ไหนมั้ย?”

 

รุ่นพี่โทวโกะทักขึ้นมาอย่างไม่คิด

 

“เสียง หรอครับ?”

 

“ใช่ เหมือนเสียงร้องเลย…”

 

ได้ยินอย่างนั้นผมก็เงี่ยหูฟัง

ทันใดนั้น จริงด้วย เหมือนได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในท่ามกลางเสียงคลื่น

 

“ได้ยินเหมือนเป็นเสียงเด็กนะ”

 

“หรือว่า… อาจจะตกลงไปในทะเลก็ได้… หรือเปล่าครับ?”

 

สีหน้าของรุ่นพี่โทวโกะเปลี่ยนไป

 

“ถ้าเป็นแบบงั้นก็เรื่องใหญ่น่ะสิ! อิชชิกิคุง เธอเองก็ช่วยกันหารอบ ๆ นะ!”

 

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะหาทางฝั่งทะเลนะครับ รุ่นพี่โทวโกะช่วยหาฝั่งประภาคารทีนะครับ!”

 

พอผมบอกอย่างนั้น ก็เริ่มเดินไปตามชายฝั่งที่เป็นลานหิน

รุ่นพี่โทวโกะก็วิ่งตามทางเดินเล่นไปยังด้านในของสวนสาธารณะ

ไม่นานนักผมก็เจอตัวเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้อยู่ที่ข้างชายฝั่งที่เป็นลานหิน

ไม่ใช่ที่ริมหาด

ดูเหมือนว่าน่าจะล้มโขดหินมา

ไม่ได้ตกลงไปในทะเล ก็โล่งใจ

 

“รุ่นพี่โทวโกะ อยู่ตรงนี้ครับ!”

 

ผมตะโดนเสียงดังไปทางฝั่งประภาคาร

 

“เป็นอะไรมั้ย?”

 

ผมที่มาหยุดอยู่ที่ใกล้ ๆ เด็กผู้ชาย ก็เอ่ยถาม

ดูแล้วเป็นเด็กผู้ชายประมาณ 6 ขวบ

น่าจะประมาณชั้นประถมหนึ่งเลยมั้ง?

แต่ว่าเด็กชายเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว

 

“ตรงนี้อันตรายนะ ไปที่เรียบ ๆ ตรงนั้นกันนะ”

 

แต่ว่าเด็กชายส่ายหัวไปมา เหมือนจะบอกว่าไม่เอา

พอสังเกตดู ก็เห็นเลือดไหลออกมาจากหัวเข่าจากข้างในกางเกงขาสั้นอยู่พอสมควร

คงจะล้มโขดหินมาแน่

ช่วยไม่ได้ ผมจึงแบกเด็กชายขึ้นมาแล้วไปที่ทางเดินเล่นทั้งอย่างนั้น

รุ่นพี่โทวโกะก็มาถึงตรงนั้นพอดี

 

“มาจากไหนน่ะ? ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

 

“จากลานหินตรงนั้นครับ แต่อยู่ห่างจากทะเลอยู่ คิดว่าน่าจะไม่ได้เป็นอันตรายอะไรครับ”

 

สายตาของรุ่นพี่โทวโกะมุ่งไปที่เข่าของเด็กชาย

 

“เด็กคนนี้ บาดเจ็บอยู่นี่”

 

รุ่นพี่โทวโกะรีบซับเลือดด้วยกระดาษทิชชู แล้วหยิบเอาปลาสเตอร์ออกมาจากกระเป๋าตัวเองแล้วแปะที่เข่าของเด็กชาย

 

“แผลไม่ได้ลึกอะไรค่ะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ยังเจ็บอยู่มั้ย?”

 

“ยังเจ็บนิดหน่อยฮะ”

 

เด็กชายตอบ

 

“คุณพ่อคุณแม่อยู่ที่ไหนหรอ?”

 

คำถามของรุ่นพี่โทวโกะ

 

“โน่น”

 

เด็กชายชี้ไปทางประภาคาร

 

“ตรงโน้นเนี่ย ตรงไหนหรอ?”

 

ต่อให้ถามซ้ำไปแล้ว เด็กชายก็

 

“โน่น”

 

ตอบแค่นี้

 

“ช่วยไม่ได้ ก่อนอื่นลองไปทางประภาคารหรือพิพิธภัณฑ์ดู ถ้าหลงล่ะก็ พ่อแม่คงจะกลับมาแถวนั้นแหละครับ”

 

ผมบอกอย่างนั้น รุ่นพี่โทวโกะก็พยักหน้า

 

“เป็นอะไรไหม? เดินได้หรือเปล่า?”

 

ผมถามเด็กชาย

แต่ว่าเด็กชายก็ตอบว่า

 

“เดินไม่ได้ฮะ”

 

ช่วยไม่ได้

 

“เอาล่ะ งั้นจะแบกให้แล้วกัน”

 

เมื่อพูดเสร็จ พอหันหลังให้เด็กชาย ตอนนั้นเองเด็กชายก็พุ่งเข้ามาที่หลังของผมทันที

เดินไม่ได้จริง ๆ หรอเนี่ย?

ถึงจะนึกอย่างนั้น แต่ก็พูดอย่างนั้นออกมาไม่ได้

ผมลุกขึ้นทั้งแบกเด็กหนุ่มไว้ที่หลัง

 

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

 

พอว่าอย่างนั้น ก็เดินเคียงกันไปกับรุ่นพี่โทวโกะ

Options

not work with dark mode
Reset