[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 143 บทที่ 7 27

ตอนที่ 143 บทที่ 7 ตอนที่ 27

บทที่ 7 ตอนที่ 27

บาดแผลของโนโซมุและเพื่อนๆที่ได้รับจากการต่อสู้ได้รับการรักษาแบบทันทีโดยซอนเน่

 

เมื่อโนโซมุควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเขาก็นอนหลับเป็นเวลาหลายวัน แต่ต้องขอบคุณการรักษาของซอนเน่ ทำให้เขาได้สติมาภายใน สิบนาที

 

เมื่อเขาตื่นและเข้าใจสถานการณ์ เขาก็กัดริมฝีปากพร้อมกับโค้งคำนับให้ไอริสกับคนอื่นๆ

 

 

 

「ขอโทษทุกคนจริงๆ ที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะผม ขอโทษจริงๆครับ……」

 

 

 

โนโซมุก้มหัวลงแนบกับพื้น

 

 

 

「โนโซมุ เงยหน้าขึ้นเถอะค่ะ……」

 

 

 

ร่างกายของโนโซมุสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงอันหนักแน่นของไอริส

 

รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด โนโซมุมองหน้าเธอด้วยความกลัว

 

ทันใดนั้นก็มีแรงกระแทกสองครั้งตรงหน้าอกเขา

 

 

 

「ตึกตัก ตึกตัก……」

 

 

 

「อา โม่ว รู้ไหมว่าพวกเรากังวลมากแค่ไหนที่ต้องทำให้นายสบายใจเนี่ย!」

 

 

 

คนที่กระโดดเข้ามาหาเขาคือลิซ่าเธอซุกหน้าอกเขาไปที่อกเหมือนกับไอริส ทั้งสองต่างมีแววตาที่ชุ่มชื้น

 

ด้านหลังทั้งสองคนมีซีน่าที่กำลังลูบอกด้วยความโล่งใจ

 

โนโซมุได้แต่เขินอาย

 

สายตาของสาวๆที่อยู่ในอ้อมอกเขาตอนนี้มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

 

ผมสีดำมันวาวครั้งหนึ่งซึ่งเคยเป็นของไอริส เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับคนแก่ และผมสีแดงเพลิงของลิซ่าก็ถูกตัดออกอย่างไร้ความปราณี

 

 

 

「เอ่อคือ…ทั้งสองคนผมขอโทษจริงๆ……」

 

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่เป็นไรเลยสักนิด……」

 

 

 

「หึ รู้ไหม ที่ฉันต้องให้นายเห็นสภาพแบบนี้เพราะอยากจะให้นายขอโทษยังไงล่ะ!?」

 

 

 

ไอริสและลิซ่าต่างหลั่งน้ำตาออกมา ซีน่าที่เฝ้าดูอยู่ด้านหลังก็มองโนโซมุด้วยสายตาตำหนิเช่นกัน

 

โนโซมุอดไม่ได้ที่จะเงียบหลังจากโดนสามสาวดุ

 

เพื่อนของพวกเขาที่ทนไม่ไหวก็ตะโกนเรียกจากด้านหลัง

 

 

 

「นั่นสินะ มันไม่ใช่เวลามาแสดงสีหน้าขมขื่นแบบนั้นเวลาแบบนี้ต้องยิ้มเข้าไว้สิ」

 

 

 

「ข้าน้อยไม่ขออะไรมาก แค่ชดใช้ค่าเสียหายเรื่องยันต์ทั้งหมดให้ข้าน้อย พร้อมกับเงิน……」

 

 

 

「ในหัวมีแต่เรื่องเงินรึไงไอ้จิ้งจอกนี่」

 

 

 

「หุบปากไปเลยน่า แกน่ะ」

 

 

 

「เกี๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

 

 

 

ฟีโอที่พูดเรื่องตลกได้หน้าตาเฉย แต่ซีน่าและมิมูรุทำให้เขาหุบปากได้ในทันใด

 

นี่มันไม่ถูกต้องเลยสักนิด ! มีเสียงแบบนั้นตะโกนมาจากฟีโอ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่เห็นเป็นประจำจึงปล่อยผ่านไป

 

ในขณะเดียวกันโนโซมุ ค่อยๆ มองต่ำลงอีกครั้ง เมื่อเห็นแววตาของไอริสกับลิซ่า ใบหน้าของโนโซมุก็กลับมาหดหู่อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกผิดบาปที่ทำร้ายพวกเธอ

 

แม้ว่าบาดแผลบนร่างกายจะหายดีหมดแล้วก็ตาม แต่การได้เห็นทั้งสองคนก็ยังทำให้เขาหยุดเสียใจไม่ได้

 

ความผิดพลาดนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นถึงสองครั้ง เป็นเรื่องดีที่ทุกคนรอดมาได้ แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์น่าสลด เขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร

 

ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าพวกเธอไม่ต้องการคำขอโทษจากโนโซมุ

 

 

 

「อ่า ขอบคุณนะทุกคน……」

 

 

 

โนโซมุขอบคุณเหล่าเพื่อนๆของเขาอย่างสุดหัวใจ และค่อยๆลูบผมของทั้งสองที่แนบอกเขาอย่างช้าๆ

 

ในใจของเขายังรู้สึกเจ็บและเกลียดชังตัวเอง โนโซมุรู้สึกถึงบางอย่างอันร้อนรุ่มมาจากในตัวเช่นกัน

 

ทันใดนั้นซอนเน่ที่มองสถานการณ์ตรงหน้าก็พูดขึ้น

 

 

 

「แน่ใจว่าเด็กคนนั้นมีหลายเรื่องอยากจะพูด แต่คืดว่าควรจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอก่อนนะ」

 

 

 

「อืม……」

 

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของซอนเน่ ทุกคนก็หันไปสนใจร่างของอาเซลที่ถูกพันธนาการไว้

 

ซอนเน่ก้าวไปข้างหน้าอาเซลและจ้องมองด้วยแววตาเย็นชา

 

โนโซมุและคนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบเพราะเห็นวิญญาณมากมายหลั่งไหลออกมาจากตัวเธอ

 

 

 

 

 

「อาเซล เจ้าฝ่าฝืนเจตจำนงของเผ่ามังกร ข้ามมายังโลกมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางเราได้ตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้องแวะ ทั้งอีกสร้างความวุ่นวายให้แก่หมู่มวลมนุษย์ นี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่อาจจะนำพาไปสู่การล่มสลายของทุกเผ่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกความเห็นของแต่ละฝ่าย ในนามของหัวหน้าและอดีตผู้นำของเผ่ามังกรขาว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าน่าขายหน้านัก」

 

 

 

「คุณปู่ ! ทำไมถึงไม่เข้าใจฉันเลย ! ? ยัยสารเลวนั่น….มันพรากพ่อ!」

 

 

 

「ข้าเข้าใจถึงอันตรายที่เด็กคนนี้ได้ผนึกมันเอาไว้ยิ่งกว่านั้นมันยังอันตรายมากกว่าตอนนั้นหลายขุมนักเพราะตกมาอยู่ของเจ้าเด็กคนนี้。

 

 แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่เจ้าทำจะไม่มีวันได้รับอภัยโทษ」

 

 

 

อาเซลพยายามประท้วง แต่ซอนเน่ก็โบกแขนของเขาและพันธนาการก็รัดแน่นขึ้นไปอีก บังคับให้เธอเงียบ

 

รูปร่างหน้าตาของเขาดูสง่างามจนไม่คิดว่าเป็นตาแก่เฮงซวยบ้ากามคนนั้น

 

ซอนเน่ค่อยๆหันกลับมา ดวงตาที่ให้ถึงความรู้สึกเหมือนปราชญ์และความมมุ่งมั่นอันแรงกล้ามุ่งตรงไปยังโนโซมุและคนอื่นๆ

 

 

 

「ดีล่ะถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าทั้งหลายอยากจะทำอะไรกับแม่สาวน้อยคนนี้ กรณีที่คิดว่าพวกเจ้ากลายเป็นเหยื่อก็ไม่แปลกใจเลย พวกเจ้าล้วนมีสิทธิ์ในการตัดสินโทษอาเซล」

 

 

 

「โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าจะแปลกเลยล่ะหากได้รับโทษประหารชีวิตไปเลย」

 

 

 

「หึ ก็ฟังดูเข้าท่า แต่ว่าเรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น~」

 

 

 

เพื่อตอบคำถามของซอนเน่ มาร์และฟีโอหายใจออกตอบกลับด้วยความโมโห

 

ไอริส ลิซ่า และคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไรอย่างชัดเจน แต่พวกเธอต่างมองดูอาเซลที่ถูกควบคุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

 

“ช่วยรอสักครู่จะได้ไหม”

 

 

 

ในเวลานั้น เสียงอันสดชื่นดังก้องอยู่ในจิตใจของมาร์และเพื่อนๆของเขา

 

หากมองใกล้ๆจะเห็นว่าคริสตัลที่ซอนเน่ถืออยู่ในมือกำลังเปล่งแสง

 

 

 

「อะไรน่ะ คริสตัลเหรอ?」

 

 

 

“ชั้นจะไม่บอกให้พวกคุณยกโทษให้อาเซ, ไม่มีทางที่ชั้นจะพูดแบบนั้นได้เลย แต่ว่าชั้นเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนการครั้งนี้ ถ้าจะตัดสินโทษอาเซลลูกสาวของชั้น ก็ขอให้ตัดสินโทษชั้นด้วย”

 

 

 

เมื่อมาร์ถามมิคาเอลว่าใครพูด เขาก็พูดว่าให้ช่วยตัดสินโทษเขาด้วย

 

มาร์และฟีโอคิดว่ามิคาเอลอาจหวังว่าโทษของอาเซลจะถูกลดหย่อนลงด้วยการก่ออาชญากรรมร่วมกัน แต่ทุกคนต่างไม่รู้เจตนาที่แท้จริง

 

นอกจากนี้ยังเป็นคำถามที่ยากอีกด้วยว่าการลงโทษแบบใดจึงจะเหมาะสมกับมิคาเอล เนื่องจากมาร์และเพื่อนๆของเขาไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับมิคาเอลเลย

 

 

 

「หรือว่าข้าไม่ควรจะพูดมากเกินไป?」

 

 

 

เมื่อพิจารณาถึงขนาดนั้น มาร์ก็คิดว่าตัวเองไม่ควรยุ่ง

 

คนที่บอกให้ตัดสินใจคือซอนเน่ ที่บอกเกี่ยวกับสถานการณ์ขอให้ทำแต่เรื่องนี้มันมาจากความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามังกรและเทียแมตเท่านั้น

 

ในกรณีดังกล่าวจะเป็นการเหมาะสมที่สุดที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ตกเป็นของเจ้าทุกข์โดยตรง

 

 

 

「……ก็คงเป็นเช่นนั้น โนโซมุและแม่สาวผมแดงจะเอาเช่นไรล่ะ?」

 

 

 

「เอ๊ะ? ผม?」

 

 

 

「ผมสีแดงนี่หมายถึงฉัน?」

 

 

 

「คราวนี้เหยื่อตัวเป้งก็คือทั้งสองคนนี่ เจ้าโดนอาเซลทำร้ายจนปางตาย และเทียแมตที่ควบคุมตัวเองไม่ได้……」

 

 

 

หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มากมาย มาร์ก็ตัดสินใจว่าจะดีกว่าสำหรับโนโซมุและลิซ่าที่จะตัดสินใจ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทิ้งการตัดสินโทษของอาเซลและมิคาเอลไว้ให้พวกเขา

 

โนโซมุมองดูเพื่อนคนอื่นๆเงียบๆและถามว่าพวกเขาควรทำอะไร แต่ดูเหมือนว่าไอริสและคนอื่นๆ จะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเป็นพิเศษเช่นกัน

 

 

 

「ถึงจะว่าแบบนั้น……」

 

 

 

「คุณปู่ เผ่ามังกรขาวจะตัดสินเธออย่างไร?」

 

 

 

เมื่อเห็นโนโซมุกังวล ลิซ่าจึงถามซอนเน่คร่าวๆว่าเผ่ามังกรจะตัดสินการกระทำของอาเซลได้มากแค่ไหน

 

 

 

「ฉันไม่สามารถมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ ดังนั้นแม้ว่าอาเซลจะเป็นมังกรสาว ข้าเองก็ไม่สามารถตัดสินโทษประหารชีวิต

 

อย่างไรก็ตาม เผ่ามังกรเองก็มีจำนวนน้อย ถ้าเป็นไปได้ ฉันคิดว่ามันเหมาะสมที่จะตัดสินให้พวกเขาถูกผนึกพันปีเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก……」

 

 

 

「พันปี……」

 

 

 

「เมื่อถึงเวลานั้น ปรมาจารย์อาจจะไม่มีชีวิตอยู่?」

 

 

 

โนโซมุและลิซ่าอดไม่ได้ที่จะมองดูถึงความยาวในชีวิต พันปี

 

มันยาวนานมากแน่นอน เป็นความยาวนานที่โนโซมุและลิซ่าจินตนาการไม่ถึง

 

นอกจากนี้ โนโซมุยังรู้สึกโกรธที่อาเซลทำร้ายลิซ่า แต่เขาก็ทำร้ายเพื่อนๆของเขาหลังจากควบคุมตัวเองมไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะสงสัยทำอย่างไร

 

สำหรับลิซ่า เธอสับสนอยู่ตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าโนโซมุเป็นดราก้อน สเลเยอร์ ถูกบังคับให้ต่อสู้กับวิญญาณชั้นสูงในตำนานและได้รับบาดเจ็บสาหัสและต่อสู้กับโนโซมุที่ไม่สามารถควบคุมได้

 

เมื่อมาถึงขีดจำกัดทางร่างกายและจิตใจแล้ว และพูดตามตรง ฉันไม่สามารถคิดอะไรได้เลย

 

 

 

「หลังจากนั้นแล้วล่ะ?」

 

 

 

「หากเป็นเช่นนั้นจะปล่อยให้ใช้ชีวิตตามปกติ เนื่องจากถูกฑัณฑ์บน อาจจะลดกำลังลงเหลือเท่าหนูน้อยไปอีกประมาณ 2,000 ปี……」

 

 

 

ครั้งนี้เป็นเวลาสองพันปี โนโซมุและลิซ่าแทบจะลมจับเพราะอายุหลายพันปีและสัมผัสที่แตกต่างจากเผ่ามังกร

 

ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ข้างๆเขา มาร์เอียงศีรษะกับคำพูดของซอนเน่ก่อนหน้านี้

 

 

 

「หรือว่านี่คือมังกรวัยหนุ่มสาว?」

 

 

 

มาร์ไม่เคยเห็นมังกรวัยนี้ด้วยตาของตัวเองแต่ร่างของอาเซลยังมีขนาดเท่าบ้านสามชั้น

 

นอกจากนี้เวทมนตร์ประเภทต่างๆ ที่ยืมพลังของวิญญาณยังคุกคามมากกว่ามังกรแห่งความตายที่พวกเขาต่อสู้มาก่อน

 

มาร์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าของพลังดังกล่าวคือมังกรวัยหนุ่มสาว

 

ไอริสดูเหมือนจะเห็นด้วย ขณะที่เธอเอามือปิดปากแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

 

「จริงๆแล้วถ้าโนโซมุเอาจริงก็รั้งเขาไว้นี่ไง」

 

 

 

「ความแข็งแกร่งของเธอค่อนข้างเข้าขั้นวัยหนุ่มสาวเผ่ามังกร แต่เธอมีอายุเพียงประมาณ 700 ปี เท่านั้น นั่นคืออายุประมาณสิบสี่ปีในร่างมนุษย์」

 

 

 

「「หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!?」」

 

 

 

「อายุนน้อยกว่าพวกเรางั้นเหรอ!?」

 

 

 

โนโซมุและมาร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาว่าอายุน้อยกว่าที่คาดไว้สำหรับมังกร และไอริสส่งเสียงตกใจออกมา

 

 

 

「อายุสิบสี่งั้นเหรอ……」

 

 

 

「อัตราการเติบโตของมังกรช้ากว่ามนุษย์มาก หลังจากมีชีวิตอยู่ได้ประมาณพันปีก็จะเข้าวัยผู้ใหญ่

 

 เมื่อมาถึงจุดนั้น ร่างกายของเด็กผู้หญิงคนนี้กลับเติบโตอย่างรวดเร็วและความแข็งแกร่งของเธอก็เทียบได้พวกผู้ใหญ่ แต่เธอยังมีหนทางอีกยาวไกลในด้านควบคุมจิตใจ……」

 

 

 

อายุยัง 700 ปี อยู่เลย อายุช่วงจิตใจยังประมาณ 14 ปี

 

อย่างไรก็ตาม มีบางแง่มุมที่สมเหตุสมผล เช่น เธอออกจากหมู่บ้านเพียงลำพังเพื่อล้างแค้นศัตรูของพ่อ

 

 

 

「แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?」

 

 

 

ซอนเน่เรียกร้องให้โนโซมุตัดสินใจอีกครั้ง

 

โนโซมุสบตากับลิซ่าสั้นๆ

 

เป็นอีกครั้งที่เธอทิ้งการตัดสินใจไว้ที่โนโซมุ โบกมือและส่งสัญญาณให้เขาอย่างเงียบๆ

 

 

 

「ผม……」

 

 

 

คราวนี้โนโซมุเงยหน้าขึ้นต่อหน้ามังกรสาวที่มีอายุ 700 ปีและมีอายุทางจิตเท่ากับ 14 ซึ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แสดงความเกลียดชัง

 

 

————————————————————————————

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น โนโซมุและเพื่อนๆ กลับมาจากป่าและมุ่งหน้าไปยังสถาบันขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างทิวทัศน์ของเมือง นี่เป็นการแจ้งจิฮัดให้ทราบถึงเหตุการณ์ครั้งนี้

 

เมื่อมาถึงสถาบันจิฮัดกำลังรอโนโซมุและเพื่อนๆอยู่ที่ออฟฟิศอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ข้างๆยังมีอาจารย์อินด้าซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเขา เช่นเดียวกับอาจารย์อันริและอาจารย์นอร์น แล้วก็มีวิคเตอร์ หัวหน้าครอบครัวตระกูลฟรานซิส

 

พวกเขารู้อยู่แล้วถึงการบุกโจมตีในป่าของอาเซล ซอนเน่ได้ใช้เวทย์วิญญาณเพื่อแจ้งให้จิฮัดทราบถึงสถานการณ์

 

หลังจากได้ยินสถานการณ์เฉพาะเจาะจงจากโนโซมุและคนอื่นๆจิฮัดก็สั่งให้พวกเขาพักผ่อนและกระตุ้นให้พวกเขากลับบ้านในวันนี้

 

นี่เป็นเพราะรู้ว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินจากซอนเน่ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก

 

บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขาได้รับการรักษาโดยซอนเน่ แต่ชุดสีขาวขาดรุ่งริ่งแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิฮัดรู้สึกถึงความรุนแรงของการสู้รบ

 

คนที่ดูหนักสุดก็คือวิคเตอร์ที่เห็นสภาพของลูกสาวสุดที่รักของเขา

 

เมื่อเขาเห็นผมยาวของไอริสซึ่งกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เขาก็โกรธมากจนรู้สึกเหมือนกับจิฮัดครู่หนึ่ง

 

หลังจากนั้นไอริสและคนอื่นๆก็ลาจากสถาบันไปสองสามวันและมารวมตัวกันที่บ้านพักของตระกูลฟรานซิส

 

ไอริสพูดคุยกับเพื่อนๆของเธอที่อาจรู้สึกเบื่อและเชิญมาที่บ้านของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุก็ไม่เห็นที่ไหนเลยไอริสเชิญเขาตามธรรมชาติ แต่เขาปฏิเสธเพราะเขาบางอย่างต้องทำ

 

ในขณะนี้ สาวๆยกเว้นโนโซมุ มารวมตัวกันที่บ้านพักของฟรานซิส และ เพลิดเพลินกับการต้อนรับที่คนธรรมดาทั่วไปไม่เคยได้รับจากครอบครัวฟรานซิส

 

และแล้วในช่วงบ่าย หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วไอริสและคนอื่นๆก็เพลิดเพลินกับชาหลังอาหารค่ำที่ห้องแต่งหน้า (ปล.หากใครลืมว่าบ้านไอริสมีห้องแต่งหน้าเหมือนร้านเสริมสวย)

 

 

 

「ในท้ายที่สุด โนโซมุก็ทิ้งเด็กสาวจอมซนคนนั้นไว้ในมือของตาแก่เนี่ยนะ มันจะโอเคงั้นเหรอ~?」

 

 

 

ห้องแต่งหน้าที่รายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นสูง ทันใดนั้นฟีโอพึมพำเมื่อเขาเอื้อมมือไปหาขนมหวานคุณภาพสูงที่เสิร์ฟที่นั่น

 

 

 

「โนโซมุบอกว่าไม่เป็นไร มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราที่จะพูดอะไรใช่ไหม?」

 

 

 

มาร์ตอบสนองต่อความคิดเห็นของฟีอด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว และสงสัยว่าเขาควรจะพูดตอนนี้หรือไม่

 

ในเวลานั้น โนโซมุตัดสินอาเซล เขาเพียงมองดูอาเซลด้วยสีหน้าขมขื่น และในขณะที่กำหมัดแน่น เขาก็พูดกับซอนเน่ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา”

 

มันเป็นสีหน้าขมขื่นดูเหมือนจะผสมผสานระหว่างความโกรธ ความสำนึกผิด ความเสียใจ และอารมณ์อื่นๆอีกมากมาย

 

แม้ว่าโนโซมุจะอยู่ในตำแหน่งของเหยื่อในกรณีนี้ แต่เขาก็ทำผิดพลาดที่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำเขาทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้

 

มาร์และเพื่อนๆ รู้สึกว่าการที่เขาหันดาบใส่เพื่อนไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่สองครั้ง จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่

 

 

 

「ไม่ ไม่ได้โทษโนโซมุหรอกนะ ยังไงก็ตาม เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับโนโซมุ?」

 

 

 

「อืม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นนั้นอาจไม่ใช่ศูนย์」

 

 

 

「โนโซมุนี่แบกภาระมากมายไว้บนไหล่」

 

 

 

ทอมและมาร์แสดงหน้าลำบากใจ โดยกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของโนโซมุ โนโซมุมีนิัยชอบแบกภาระไว้บนหลังและยัดเรื่องราวใดๆในตัวไว้มากมาย ดังนั้นเขาจึงทำให้หลายฝ่ายต้องกังวล

 

ในขณะนั้น ซีน่ากำลังฟังเสียงของพวกเขาอยู่ข้างๆเธอก็ค่อยๆเปิดปากของเธอ

 

 

 

「ฉันคิดว่าโอเคในแง่นั้น」

 

 

 

「เข้าใจแล้วงั้นเหรอครับ?」

 

 

 

「ใช่อย่างใด แต่ว่าเข้าใจแล้วล่ะ……」

 

 

 

หลังจากดื่มชาแล้ว ซีน่าก็คืนถ้วยใส่จานรองแล้วใช้นิ้วที่อ่อนนุ่มแตะหน้าอกของเธอเบาๆ

 

เธออาจสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างในแบบของเธอผ่านเส้นทางวิญญาณ

 

 

 

「แต่เหตุการณ์นี้ค่อนข้างจะยาก」

 

 

 

「ครั้งนี้ด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นยังรู้สึกเมหือนอกจะแตกเลย」

 

 

 

มิมูรุเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ที่หรูหราสุดๆ แล้วยืดตัว และมาร์เองก็ถอนหายใจ

 

การโจมตีของอาเซลพร้อมกับตัวตนที่แท้จริงของซอนเน่มาด้วยการมีอยู่ของมิคาเอล และบาเรียผนึกมังกร และการที่โนโซมุอาละวาดด้วยความสามารถเหนือธรรมชาติ

 

เหตุการณ์ที่เกิดเรื่องต่างๆขึ้นและเรื่องต่างๆถูกเปิดเผย แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วยังมีบางส่วนที่ฉันยังจัดการไม่เสร็จสิ้น

 

 

 

「ชายชราคนนั้นบอกว่าเขาจะพาอาเซลไปด้วยและกลับไปที่หมู่บ้านมังกรขาว เขาบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน……」

 

 

 

「เป็นไปได้ไหมที่จะกลับมาในเวลาใกล้ๆนี้?」

 

 

 

「เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาหากใช้ชีพจรมังกรเพื่อก้าวข้ามมิติ ตาแก่นั่นต้องโง่เง่าขนาดไหนเนี่ย……」

 

 

 

ปัจจุบันซอนเน่ออกจากอาร์คาซัมเพื่อนำอาเซลไปส่งที่หมู่บ้านมังกรขาว

 

ตามเรื่องราวที่นั่นไม่ใช่ที่มนุษย์จะไปได้ แต่สำหรับซอนเน่ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ที่จะไปกลับด้วยเวลาน้อยนิด

 

ตามที่เขาพูด “เหมือนกับล่องเรือไปเมืองถัดไป”

 

 

 

「เมื่อตาแก่บอกว่าจะตัดสินโทษหลานสาว เขาก็ดูน่ากลัวจริงๆนะ」

 

 

 

「แน่นอนว่ารู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีที่ทำให้ใจสั่นสะท้าน」

 

 

 

เมื่อซอนเน่จะลงโทษอาเซล เขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตน จนแม้แต่ไอริสและคนอื่นๆยังตกใจ

 

ซอนเน่พยักหน้าตอบรับคำขอของโนโซมุและบอกอาเซลว่าให้พาไปที่หมู่บ้านมังกรขาวและตัดสินกันที่นั่น จากนั้นก็โค้งคำนับโนโซมุและจากไป

 

ในที่สุดตอนที่ขอบคุณก็หายไปในพริบตา

 

 

 

「ในตอนท้าย คุณปู่ขอบคุณคุณโนโซมุด้วย ฉันคิดว่าเขาน่าจะกังวลเกี่ยวกับหลานของเขามากๆเลยค่ะ」

 

 

 

「เพราะแบบนั้นแหละน้าเลยโยนงานหินให้พวกเรา」

 

 

 

มาร์ค่อยๆหันไปทางด้านข้าง

 

ที่นั่นมีคริสตัลที่มีต่างหูทองอยู่ข้างในประดิษฐานอยู่ มิคาเอลคือคนที่พยายามผนึกโนโซมุพร้อมกับอาเซล

 

ขณะที่ซอนเน่พาอาเซลกลับหมู่บ้าน เขาก็ทิ้งมิคาเอลไว้ให้กับไอริส

 

ตามที่ซอนเน่กล่าว “ถ้าอยากจะชดใช้บาปของเจ้า ก็จงยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาซะ”

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้นมิคาเอลยังคงเงียบ

 

 

 

「ไม่พูดอะไรเลยนะนับแต่ตอนนั้น?」

 

 

 

「อืม ต้องการให้ปกป้องลูกสาวของเขาจริงๆสินะ?」

 

 

 

มาร์บ่นด้วยท่าทางไม่พอใจ ขณะที่มิคาเอลยังคงเงียบไม่พูดอะไร

 

เบื้องหลังคำพูด เขาบอกเป็นนัยว่าวิธีชดใช้บาปคือการแก้สถานการณ์ในตอนนี้

 

อย่างไรก็ตามซีน่ายังส่ายหัวปฏิเสธคำพูดนั่น

 

 

 

「ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย บางทีเขาอาจจะพูดไม่ได้มากกว่า」

 

 

 

「พูดไม่ได้เพราะเป็นเผ่ามังกร? ตอนนั้นก็เห็นคุยกันรู้เรื่องนี่?」

 

 

 

มาร์ถามกับซีน่าด้วยสีหน้าสงสัย

 

อันที่จริงมาร์และเพื่อนๆได้ยินคำพูดของมิคาเอลในป่า

 

 

 

「ไม่ใช่แบบนั้นหรอก บางทีอาจเป็นเพราะความสามารถในการพูดของอาเซลต่างหาก?」

 

 

 

「หมายความว่าไง?」

 

 

 

อย่างไรก็ตามคราาวนี้เป็นทิม่าที่ตอบคำถามของมาร์

 

มาร์ยังคงงงและซีน่าก็พูดอีกครั้ง

 

 

 

「ฉันคิดว่าตามที่ทิม่าซังพูด ตาแก่นั่นพูดว่ามิคาเอล “เกิดมาเพื่อปิดผนึกเท่านั้น” ไม่ใช่เหรอเพราะงั้นเขาไม่น่าจะมีความสามารถอื่นเหนือจากนี้」

 

 

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่สามารถพูดด้วยตัวเองได้?」

 

 

 

「ไม่ใช่แค่นั้น เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะคิดว่าเขาไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เกี่ยวข้องในการใช้ชีวิต」

 

 

 

จากข้อมูลของซีน่า มิคาเอลไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน อะไรเลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้า จึงไม่มีทางรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคุยกัน

 

และเขาคงอยู่ในสถานะนั้นมาหลายพันปีแล้ว

 

หลังจากพูดแบบนั้น ใบหน้าของซีน่าก็ดูเศร้าๆ

 

 

 

「เขาคงไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว ความรู้สึกของลมที่กระทบแก้ม ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ เสียงของแม่น้ำ และความอบอุ่นจากคนรัก……」

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มาร์ก็ตาเบิกกว้างและเงียบ จากนั้นก็ได้แต่แสดงความเจ็บปวดให้เห็น

 

 

 

「แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนั้น……」

 

 

 

「ตามที่ได้ยินมา แม้ว่าเผ่ามังกรจะมีพลังมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าจะเฉพาะมังกรที่โตเต็มวัย แต่หลังจากนั้นจะหยุดซึ่งการเติบโตอีก」

 

 

 

「เป็นงั้นเหรอ งั้นที่เวทย์ของอาเซลทรงพลังเป็นพิเศษและสามารถทำทุกอย่างได้ ก็คือเพราะอยู่ในวัยกำลังโต?」

 

 

 

「นั่นเป็นเพราะว่าเผ่ามังกรไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับวิญญาณและภูติโดยตรง บทบาทของภูติคือการแก้ไขปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และบทบาทของมังกรคือการมอบพลังและคำสั่งที่จำเป็นในการสร้างเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมา」

 

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มังกรเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ และดูเหมือนจะเป็นภูติที่ใช้ประโยชน์จากถังเก็บน้ำนั่น

 

มันเป็นเวทย์ที่ฝากให้คนอื่นใช้งานได้  

 

 

 

「และเพราะเหตุนั้นเขาจึงใช้วิญญาณของเขากลายเป็นคริสตัล เพื่อผนึกเทียแมต」

 

 

 

「เขาใช้ลูกสาวของเขาเองเพื่อจุดประสงค์นั้นงั้นเหรอ……」

 

 

 

คราวนี้มาร์หันกลับไปด้วยราวกับมองบางอย่างที่ดูขยะแขยง

 

ในฐานะคนที่เคยถูกทอดทิ้ง เขาอาจจะโกรธมิคาเอลเช่นเดียวกับพ่อแท้ๆของเขา

 

 

 

「ไม่ กรณีนั้นน่าจะต่างออกไปนะ」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเขาโดนปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

 

 

 

「พ่อ」

 

 

 

「ไอริสจัง โซเมียจัง ขอโทษนะที่พ่อช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนที่พวกลูกกำลังลำบาก」

 

 

 

ผู้ที่เข้ามาในห้องแต่งหน้าคือวิคเตอร์หัวหน้าตระกูลฟรานซิส

 

เขาเดินไปหาลูกสาวด้วยสีหน้ากังวลและลูบหัวพวกเธอด้วยมือทั้งสองข้าง

 

ใบหน้าของไอริสเต็มไปด้วยความเขินอายขณะที่พ่อของเธอลูบหัวเธอต่อหน้าคนอื่นๆ

 

 

 

「เอ่อ คือ ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ พวกเราสบายดี」

 

 

 

「แล้วที่ว่าต่างออกไปคืออะไรงั้นเหรอหะ」

 

 

 

「มาร์คุง……」

 

 

 

ดูเหมือนทิม่าจะตื่นตระหนกกับคำพูดสุดกร่างของมาร์และพยายามจะหยุดเขา

 

วิคเตอร์ยกมือขึ้นและยิ้มออกมา จากนั้นจึงมองไปยังพวกสาวๆที่อยู่ข้างๆ

 

 

 

「เขาทำอะไรด้วยตัวเองไม่หรอกนะ ดังนั้นจึบได้แต่ปลอบลูกสาวของตัวเอง

 

 ในฐานะพ่อ สิ่งที่หน้าหงุดหงิดคือไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะที่ลูกต้องการความช่วยเหลือไงล่ะ」

 

 

 

วิคเตอร์เริ่มลูบหัวลูกสาวเขาอีกครั้ง

 

ไอริสนั้นเขินอายและตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ ก็ยอมให้เขาลูบแต่โดยดี  

 

 

 

「บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่หยุดมันด้วยซ้ำ? แต่ว่าเขาไม่สามารถหยุดได้ด้วยตัวเอง เพราะทำอะไรไม่ได้หากไม่มีลูกสาว……」

 

 

 

แม้ว่าต้องการจะปกป้องลูกสาวแต่ก็ทำไม่ได้

 

ไม่ว่าจะปลอบประโลมได้มากแค่ไหน หรือจะเล่นด้วยกัน สร้างความทรงจำร่วมกัน หรือจะร้องไห้ด้วยกัน เขายังทำไม่ได้เลย

 

 

 

「เขาต้องทุกข์ทนทรมานแค่ไหนกับการที่ทำอะไรไม่ได้ภายใต้ร่างนั้น?

 

สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการผนึกเทียแมตเท่านั้น เพราะสละวิญญาณเพื่อหน้าที่นั้นไม่ใช่เหรอ?

 

 เขาพยายามปกป้องลูกสาวสุดที่รัก แม้จะทำอะไรไม่ได้ด้วยการให้ลูกสาวยืมพลังของเขาในการผนึกเทียแมต แล้วมีเพียงแค่ลูกเท่านั้นที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนเป็นพ่อได้ไม่ใช่เหรอไง?」

 

 

 

แน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผลเดียว

 

มิคาเอลอยู่ในร่างนี้มานานก่อนอาเซลจะเกิด

 

หากมิคาเอลที่กลายเป็นคริสตัลตั้งแต่แรก เขาคงมีความมุ่งมั่นเต็มที่เพื่อจะผนึกเทียแมต

 

ความมุ่นมั่นที่จะทำเพื่อลูกสาวไม่ต้องเจอเรื่องน่าเศร้า อยากจะสะสางเรื่องราวในอดีตด้วยตัวเองแต่กลับทำไม่ได้  

 

ไม่ยากเลยที่มิคาเอลกลายเป็นแบบนี้เพราะการขัดแย้งครั้งใหญ่ในตอนนั้น

 

 

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาทรยศเพื่อนตัวเอง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึงสองครั้งด้วยกัน」

 

 

 

「เอ่อดูรู้ลึกจังเลยนะเกี่ยวกับมังกรตัวนี้ มีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอ แล้วรู้เรื่องมังกรที่กลายเป็นคริสตัลมากแค่ไหน?」

 

 

 

「อืม ก็รู้เยอะแต่ไม่ค่อยอยากยุ่งสักเท่าไร」

 

 

 

ขณะที่พูดแบบนั้น มาร์ก็คว้าถ้วยที่มีชาอย่างเกร็งๆ

 

ถ้าวิคเตอร์พล่ามออกมาขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจถึงวิธีการของมิคาเอล ตัวเขาเองก็มีประสบการณ์ต้องสาปแช่งตัวเองที่ไร้พลัง

 

เมื่อตระหนักได้ว่ามีบางอย่างเหมือนกับมิคาเอล มาร์จึงดื่มชาที่เหลือในถ้วยของเขาในอึกเดียว พยายามระงับความรู้สึกขมขื่นที่ผุดในใจ

 

ชาเย็นบรรเทาความโกรธของเขาได้ แต่ว่ามาร์เองก็ไม่อยากจะมองหน้ามิคาเอลมากนัก

 

 

 

「แต่ว่าแค่ปิดผนึกร่างของเทียแมตจึงต้องกลายเป็นคริสตัล……」

 

 

 

「ก็ไม่รู้ว่ามีแผลใจอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเมื่อเลือกเส้นทางไปแล้ว มันก็คงจะเป็นความสิ้นหวังและการลาจากที่ไม่มีวันลืมนั่นแหละ」

 

 

 

ทุกคนในปัจจุบันต่างหันความสนใจคริสตัลบนโต๊ะ

 

 

 

「โอ๊ะโนโซมุคุงไม่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้น~」

 

 

 

ในที่สุดมิมูรุที่ทนไม่ไหวกับบรรยากาศเครียดๆพยายามเปลี่ยนหัวข้ออย่างจริงจัง

 

พูดตามตรง คำพูดนั้นกลายเป็นชนวนระเบิดในครั้งนี้

 

 

 

「มิมูรุจัง……」

 

 

 

「เธอนี่ทำบ้าอะไรเนี่ย ไม่อ่านบรรยากาศเลยเรอะ」

 

 

 

「เอ๊ะ เอ๊ะ หมายความว่าไงอะ?」

 

 

 

มิมูรุไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป เดินไปมา ดวงตามองโน่นนี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

เพื่อนที่เหลือของเธอ ต่างสังเกตเห็น และถอนหายใจกับท่าทางของมิมูรุ

 

 

 

「ถ้าลองนึกถึงคนที่ไม่อยู่ที่นี่ เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่อาเซลจะทำร้ายมิมูรุ เธอจำได้ไหมว่าเกิดอะไร?」

 

 

 

「อ๊ะ ไม่มีเจ้านั่นอยู่ รึว่า!?」

 

 

 

ในที่สุดมิมูรุก็สังเกตเห็นและเหงื่อเย็นๆไหลอาบแก้ม เธอหันไปมองหาไอริสและเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอซีน่า

 

ซีน่าดูเหมือนจะไม่สนใจ กำลังเพลิดเพลินกับชาที่สดใหม่

 

ในทางกลับกันไอริสที่กำลังนั่งเล่นผมของตัวเองด้วยท่าทางผ่อนคลาย

 

และในบางครั้งเธอก็มองไปนอกหน้าต่างทำสีหน้าซับซ้อนตรู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่นผมของเธอและตื่นตระหนกขึ้นมา

 

 

 

「เอ่อ พี่สาวคะ?」

 

 

 

「เอ่อพี่เข้าใจดี ไม่ต้องห่วงหรอกนะโซเมีย」

 

 

 

ก่อนหน้านั้นไอริสพยายามอย่างหนักที่จะระงับอาการหึงหวงของเธอที่มีต่อลิซ่า แต่ตอนนี้เธอยังคงผ่อนคลายได้อยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตามหากมองสีหน้าของเธอที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงหึงหวงชายคนที่รักอยู่

 

ท่าทางของไอริสเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เธอดูเหมือนกับลูกสุนัขตัวน้อย ที่อารมณ์เปลี่ยนไปมาได้ตลอด

 

มาร์ ทิม่า ฟีโอ มองหน้ากันแล้วพูดออกมา

 

 

 

「เอ่อบรรยากาศของไอริสดูแปลกๆนะ?」

 

 

 

「เอ่อเพราะนั่นไม่ใช่เหรอ ผมขาวๆนั่น เดาว่าเพราะตอนนั้นเพื่อช่วยโนโซมุคุง ดูเหมือนจะยังคงไฟท์กับลิซ่าอยู่……」

 

 

 

「หญิงสาวที่กำลังมีความรักล่ะฮู้ววววววววว~」

 

 

 

เส้นเลือดผุดบนหน้าของวิคเตอร์เมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจบัดนี้กลับมืดมนอย่างน่าประหลาด และมุมปากเริ่มกระตุก

 

 

 

「อะ เอ่อ ไอริสดิน่า ผมนั่นไม่เป็นไรใช่ไหม?」

 

 

 

「อื้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพ่อ หมอบอกว่าไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ แค่เสียเม็ดสีผมไปชั่วคราว แต่ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไร……」

 

 

 

ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงผิดหวัง สีหน้าของไอริสดูมีความสุข

 

เธอหวีผมขาวของเธออย่างอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งรักของเธอ ขณะที่แก้มแดง

 

 

 

「อ๊ากกกกกกーーーーーーーーーーー! ลูกสาวชั้นเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย! ไอ้หนูนั่น ดันเอาของล้ำค่า(ใจ)ของลูกสาวชั้นไปแล้วงั้นเรอะ ปัดโถ่วเว้ย!」

 

 

 

ขณะที่พ่อผู้ยิ่งใหญ่ทรุดตัวลง ขณะตะโกนก้องด่าโนโซมุ เขาก็จับมือและดันขึ้นมา ด้วยความเสียใจเขากระทืบพื้นไม่หยุด

 

ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆของวิคเตอร์

 

 

 

「เอ่อเป็นอะไรไหมคะคุณพ่อ?」

 

 

 

「แน่นอน ว่าเธอเป็นที่หนึ่งใช่ไหม……」

 

 

 

「นี่ พ่อ หยุดสร้างความเข้าใจผิดได้แล้วนะคะ!」

 

 

 

มิมูรุยิ้มให้กับคำถามอันไร้เดียงสาของโซเมียและพยายามปลูกฝังความรู้ที่ไม่จำเป็นให้กับเธอ ขณะที่ไอริสพยายามหยุดพฤติกรรมแปลกๆของพ่อเธอ

 

ในขณะเดียวกันคนอื่นๆที่เฝ้ามองต่างเบิกตากว้าง

 

 

 

「ทรงผมนี่มันคือชีวิตของผู้หญิง และมันเป็นของสำคัญมากเลยไม่ใช่เหรอไง?」

 

 

 

「เข้าใจผิดแล้ว….. เอ่อจินตนาการอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?」

 

 

 

「หือ? ไม่เห็นต้องคิดให้ยากเลยเรื่องชู้สาวไง คิดว่าจะปกปิดได้งั้นเหรอ โนโซมุก็ต้องอยากมีหลายๆคนอยู่แล้วปะ?」

 

 

 

มาร์ ทิม่า และฟีโอเริ่มคุยกันอย่างลับๆ

 

เมื่อมาร์เหลือบมองซีน่า เธอก็ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดื่มช้าและหน้าแดงแปร๋ด

 

เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจินตนาการเกี่ยวกับคำพูดแปลกๆของฟีโอก่อนหน้านี้ สำหรับเธอที่ไม่มีประสบการณ์แล้ว

 

จากนั้น ทอม มิมูรุ และโซเมียก็เข้ามาพูดคุยด้วย

 

 

 

「เอ่อพี่เองก็จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลด้วยค่ะ แล้วแบบนี้ฝ่ายชายจะต้องรับผิดชอบยังไงดีคะ?」

 

 

 

「ถ้าผู้ชายต้องรับผิดชอบก็ต้องแต่งงานสิ ! ใช่ไหมทอม!」

 

 

 

เมื่อพูดถึงความรับผิดชอบ แม่สาวหูแมวก็มีท่าทางเขินอายและมองคนรักของเธอ

 

มิมูรุเริ่มพูดคุยกับโซเมียอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ชายควรรับผิดชอบฝ่ายหญิง

 

 

 

「โอ้ เอ่อ เป็นแบบนั้นเหรอคะ?」

 

 

 

「มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!」

 

 

 

「เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงขนาดนี้ ตระกูลฟรานซิสคงหลุดไม่พ้นจากการบังคับใช้กำลัง มีสองทางเลือกให้เขาว่าจะยอมคว้านท้องตัวเองหรือโดนตัดหัวดี……」

 

 

 

「ขอโทษทีแบบนั้นมันฮาราคิรีไม่ใช่รึ……」

 

 

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีความคิดที่แตกต่างระหว่างมิมูรุและวิคเตอร์ ในแง่ของวิธีรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เลือกทางไหนก็มีแต่ตายไม่ใช่เรอะ

 

 

 

「คุณพ่อใจเย็นๆนะคะ!」

 

 

 

ครู่ต่อมาใบหน้าของไอริสที่ย้อมเป็นสีแดงสด และหมัดของเธอก็จมเข้าไปในแก้มของวิคเตอร์

 

การปล่อยหมัดตรงของเธอทำให้ทุกคนต้องตะลึงและมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อว่ามาจากแขนของผู้หญิง

 

วิคเตอร์ปลิวออกหน้าต่างไปและตกจากคฤหาสน์แล้วได้ยินเสียงดัง ตุ๊บ! เสียงกระแทกพื้นล่ะ

 

ห้องแต่งหน้านี้อยู่ชั้นสามของบ้านพักตระกูลฟรานซิสโดยปกติแล้วน่าจะตายคาที่เลยนะ

 

 

 

「มีน่า มีน่าอยู่ไหน? เรื่องใหญ่แล้ว! รวมกำลังพลทั้งหมดมาให้ชั้นที!」

 

 

 

อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์ยังคงไร้ซึ่งอาการใดๆแม้จะตกบ้านสามชั้น ตอนนี้เขารีบวิ่งไปหาเมดพร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน

 

แม้ว่าจะตกจากชั้นสาม แต่ทำไมไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

「วันนี้ชั้นเข้าใจแล้ว ศัตรูที่แท้จริงของบ้านเราไม่ใช่ตระกูลเฟบูรัน แต่เป็นนักเรียนจากสถาบันโซลมินาติ นามโนโซมุ เบลาตี้ รีบไปจับตัวมันมาเดี๋ยวนี้เลย!」

 

 

 

ด้วยสีหน้าโกรธแค้นวิคเตอร์เรียกเหล่าคนรับใช้ทั้งหมดของคฤหาสน์และดำเนินการแผนทำลายล้างโนโซมุที่กลางสวน โดยบอกว่าโนโซมุเป็นภัยคุกคามมากยิ่งกว่าศัตรูทางการเมือง

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีคนไม่พอก็บอกให้พวกที่เกี่ยวข้องอย่าง พวกทหารรักษาความปลอดภัย และหน่วยลาดตระเวน แม้กระทั่งจิฮัด มาร์และคนอื่นๆต่างหน้าเหวอกันหมด

 

ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหลังจากนั้น

 

ด้วยความสามารถสุดพิสดารของวิคเตอร์ไม่เพียงแต่คนรับใช้ในคฤหาสน์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับอาร์คาซัม ทั้งหมดเพราะโนโซมุดันมาชิงของสำคัญของลูกสาวตัวเอง  ไอริสยิ่งเห็นพ่อตัวเองทำแบบนี้เธอยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีกและอดไม่ได้ที่จะวีนใส่พ่อด้วยการลงไปซัดกับพ่อตัวเอง

 

ไอริสชักดาบบางๆออกมาด้วยความอายและโกรธ ส่วนวิคเตอร์ผู้ซึ่งแสดงความรักอันสุดซึ้งต่อลูกสาวก็จับดาบด้วยมือเปล่า

 

เมื่อพ่อที่หวงลูกสาวมากๆ พยายามกอดไอริสและพยายามห้ามเธอเอาไว้ ไอริสก็แสดงสีหน้ารังเกียจและเตะยอดหน้าพ่อเธอแล้ววิ่งหนีไป ความโกลาหลยังคงดำเนินต่อ

 

และนอกเหนือจากความวุ่นวายมีน่าที่กำลังเร่งให้คนรับใช้เตรียมการทำความสะอาดอย่างใจเย็น

 

ในท้ายที่สุด หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น บ้านพักของตระกูลฟรานซิสเต็มไปด้วยเสียงระเบิดมากมายเหมือนเกิดจลาจลกลางเมืองพร้อมกับลูกสาวและพ่อของเธอที่นอนหมดแรงทั้งคู่

 

 

 

ป.ล. วันนี้แดดร้อนเกินไปคนแปลไม่สู้ครับ ใครจะไปนั่งแปลในห้องตัวเองที่ร้อนถึง 42 องศาไหวกันละเห้ย

ว่าจะลง 2 ตอนให้มันจบในวันนี้ดันกลายเป็น จบ พน. พร้อมขึ้น บท 8 เฉยเลย ไอ้บ้าเอ้ยยยยย

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

Score 10
Status: Completed
สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

Options

not work with dark mode
Reset