[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่[1] เรียนจบแล้ว! [Part 5]

[1] เรียนจบแล้ว! [Part 5]

นอกจากที่ทางฝ่ายสนับสนุนนักเรียนจะช่วยแนะนำงานพิเศษระหว่างเรียนในโรงเรียนให้แล้ว พวกเขายังช่วยสนับสนุนข้อมูลการจ้างงานหลังเรียนจบด้วยนะ

เพราะฉันทำงานพิเศษอีกหลายอย่างนอกจากที่ร้านของอาจารย์ด้วย ฉันก็เลยคุ้นเคยกับพี่สาวที่นี่ถึงขนาดที่พี่เขาจำชื่อฉันได้เลย

พอฉันเข้าไปที่นั่น แล้วกับทักทาย ‘สวัสดีค่า~’ อย่างทุกที พี่สาวที่รับหน้าที่ดูแล ที่ดูจะยุ่งๆ อยู่กับการตอบกลับก็พูด ‘ยินดีต้อนรับนะ’ เบาๆ กลับมา

แต่ พอเธอเห็นอาจารย์ หลังเธอที่เอนจะนอนอยู่เมื่อไม่กี่วิที่แล้วก็ตั้งตรงเลย ก่อนจะสวมรอยยิ้มสมบูรณ์แบบทันที

 

“วันนี้มีอะไรให้ช่วยเหรอคะ?”

“อ- เออ อยากหาที่สำหรับฝึกงานหน่อย ฉันขอดูประกาศรับงานหน่อยนะคะ?”

“รับทราบค่ะ รอซักครู่นะคะ”

 

ตอนที่ฉันยังงงๆ อยู่นิดหน่อย พอตอบไปแบบนั้น คุณพี่สาวก็ลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปที่ชั้นหนังสือแล้ว

เรื่องที่น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปจากทุกที กับเรื่องความสุภาพที่เพิ่มขึ้นนี่ คงเป็นเพราะความสามารถของอาจารย์ล่ะมั้ง

ฉันไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองออกมาเดตหรอกนะ แต่ถึงยังงั้น อาจารย์ของฉันก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสุดยอดจริงๆ

 

“หืม ไม่มีใครเลยนะ?”

 

ตรงนี้มีแค่คุณพี่สาวอยู่ที่เคาน์เตอร์คนเดียวเลย ไม่มีนักเรียนอยู่แถวนี้ซักคน

ปกติก็มักจะมีคนมากกว่านี้หน่อย ภาพแบบนี้ก็ออกจะแปลกพอควรเลย

 

“อา เพราะว่าวันนี้เป็นวันพิธีจบการศึกษาค่ะ”

 

คุณพี่สาวที่กลับมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือก็ตอบคำถามของอาจารย์

 

“อ๊า ยังงี้เอง ฉันเองก็ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนหลังพิธีจบการศึกษาเหมือนกัน แสดงว่างานจะเริ่มจริงๆ พรุ่งนี้สินะ ซาราสะก็-…”

“ขอดูเงื่อนไขการสมัครหน่อยได้มั้ยคะ?”

 

ฉันเมินสายตาที่อาจารย์จ้องมาเหมือนกำลังจะพูดอะไรซักอย่าง ก่อนจะยื่นมือไปหาคุณพี่สาวแทน

ใช่สิ! ฉันไม่มีเพื่อนจะจัดงานเลี้ยงกันด้วยอยู่แล้วนี่นา!

ไม่มีใครเชิญฉันไปเลยด้วยซ้ำ!

ปีก่อน รุ่นพี่ก็ชวนฉันไปเหมือนกัน แต่ฉันเขินเพราะไม่รู้จักคนอื่นๆ เลย ก็เลยไม่ได้ไปด้วย วันรุ่งขึ้น เลยมีแค่พวกเรา 4 คนรวมกับรุ่นน้อง จัดงานเลี้ยงอาหารเย็นกันน่ะ!

ระหว่างที่ฉันพลิกไปตามแฟ้มเอกสารพลางคิดเรื่องพวกนี้ไปเรื่อยๆ อาจารย์ก็ลูบหัวฉันด้วยสีหน้าเอ็นดูไปด้วย แต่ฉันไม่สนหรอกน่า!

 

“ขอโทษนะ แต่ช่วยเอาข้อมูลของร้านว่างให้ฉันดูหน่อยได้หรือเปล่า?”

“อะ ค่ะ นี่ค่ะ”

 

ฉันสงสัยอยู่ว่ามีข้อมูลของร้านอยู่ใกล้ๆ นี่ด้วย แต่คุณพี่สาวก็ยื่นมันให้อาจารย์ทันทีเลย

 

“อาเระ? อาจารย์วางแผนจะเปิดร้านเพิ่มเหรอคะ?”

 

มันเป็นธุรกิจที่มั่งคั่งมากๆ เลย การจะเปิดสาขาเพิ่มหรือขยายขนาดร้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย แต่อาจารย์ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องแบบนั้นเลย

 

“ไม่ใช่ยังงั้นหรอก… มีอะไรดีกว่านั้นหรือเปล่าล่ะ?”

“ไม่มีเลยค่ะ ตอนนี้น่ะ…”

 

แฟ้มที่ฉันกำลังดูอยู่ตอนนี้คือรายการร้านเล่นแร่ที่ตอนนี้กำลังเปิดรับเด็กฝึกงานอยู่

แผนงานโดยทั่วไปของนักเล่นแร่แปรธาตุคือต้องหาร้านที่เราผ่านคุณสมบัติจากในรายการนี้, ผ่านการสัมภาษณ์งาน, ได้งาน, สะสมประสบการณ์, เก็บเงินให้ได้ประมาณนึง, ซื้อร้านเป็นของตัวเอง แล้วก็ออกมายืนบนลำแข้งของตัวเอง

คิดถึงเรื่องเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการหางาน ถ้าเป็นไปได้ ก็เอาที่ใกล้ๆ ก็ดี

แต่ว่า… ไม่มีร้านในเมืองหลวงเลย

ส่วนใหญ่ในนั้นจะเป็นร้านในพื้นที่รอบนอกมากกว่า พวกรุ่นพี่เองก็ได้งานที่ร้านในชนบทด้วย

ถ้าฉันหางานได้ ก็ไม่ได้เกี่ยงเรื่องสถานที่เท่าไหร่หรอก แต่ที่ยากน่ะมันคือเวลากับเงินที่ใช้เดินทางไปสัมภาษณ์มากกว่า

ถ้าหลังจากเดินทางไปถึง จ่ายค่าใช้จ่ายไปแล้ว ดันไม่ได้งานขึ้นมา เงินที่จ่ายไปก็เสียเปล่าหมดเลยน่ะสิ

ถึงจะได้งานสำเร็จตามต้องการ ก็ต้องใช้เงินเช่าห้องและซื้อของจำเป็นในชีวิตอีก

ที่หอพักในโรงเรียน ฉันก็มีค่าใช้จ่ายในเรื่องนั้นอยู่นะ แต่… ตอนนี้ ฉันเพิ่งซื้อสารานุกรมแปรธาตุไป ฉันไม่ค่อยมีเหลือแบ่งไปใช้แล้วสิ

พอคิดยังงั้นแล้ว ทางที่ปลอดภัยที่สุดที่ฉันน่าจะทำ คงต้องหางานจากร้านที่พอรู้จักผ่านทางคนรู้จักล่ะมั้ง

เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ เลยที่อาจารย์ชวนฉันน่ะ

ตอนที่ฉันปฏิเสธคำชวนของอาจารย์ไปตอนนั้น เหมือนอาจารย์ดูจะมีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย แต่พออาจารย์รู้ความคิดของฉันแล้ว อาจารย์ก็ดูมีความสุขขึ้นมาหน่อยนึง แถมยังบอกด้วยว่า ‘ถ้ามีปัญหาอะไร ก็กลับมานะ’ เพราะแบบนั้น…

 

“จะว่าไปนะ ซาราสะ นี่เธอยังเหลือเงินไว้ใช้ตามหางานอีกเท่าไหร่นะ?”

“อึก…”

 

ระหว่างที่ฉันคำนวณระยะห่างของร้านที่ฉันไปสมัครได้กับค่าใช้จ่ายที่ฉันต้องใช้เพื่อเดินทางไปที่นั่นอย่างตาลีตาเหลือกอยู่ อาจารย์ก็ถามฉันแบบตรงๆ เลย

พอฉันอ้ำอึ้ง ลังเลที่จะพูดคำตอบของฉันกับอาจารย์ อาจารย์ก็ถอนหายใจออกมาแบบนั้น

 

“ก็กะไว้ตั้งแต่ตอนที่เธอซื้อสารานุกรมแปรธาตุแล้วล่ะ แต่… ให้ฉันแนะนำอะไรให้เธอเอามั้ย?”

 

พอพูดแบบนั้น อาจารย์ก็ยืนหน้าแฟ้มข้อมูลของร้านที่ปล่อยขายอยู่ให้ฉันดู

ร้านเล่นแร่นั้น โดยธรรมชาติจริงๆ ของงานแล้ว จะต้องการอุปกรณ์จำนวนมากที่คนทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะงั้น โรงเรียนก็เลยมีธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อยู่ด้วยเลย

 

“อะไรน่ะคะ อาจารย์ ที่ว่าจะแนะนำ-……… เอ๊ะ!? ถูกจัง!”

 

ราคาของร้านที่เขียนรายละเอียดอยู่บนหน้าที่อาจารย์ยื่นให้ฉันดู คือ 10,000 แรร์

ขนาดเงินของฉันที่ลดฮวบไปหลังใช้ซื้อสารานุกรมแปรธาตุไปแล้วก็ยังพอจะซื้อมันได้เลยนะนั่นน่ะ

 

“น- นั่นมันร้านอะไรน่ะคะ!?”

“ส่วนหน้าร้านอาจจะเล็กหน่อย แต่ก็ยังมีพื้นที่อยู่อาศัยด้วย มีสวนสมุนไพร มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมืออยู่หลากหลายอยู่ข้างในเลยด้วย ตัวร้านตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท แต่ราคาขายมันค่อนข้างจะถูกเลยนะ”

 

ดูจากแผนผังร้านแล้ว ไม่ได้มีพื้นที่กว้างแบบร้านของอาจารย์ แต่ในชานเมืองนั่นก็ไม่ได้มีลูกค้าเยอะอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีพื้นที่เยอะแยะอะไรหรอก

ตัวร้านเป็นอาคาร 2 ชั้น แล้วก็เป็นอย่างที่อาจารย์บอกเลย มันมีพื้นที่อยู่อาศัยกับบ่อน้ำอยู่ด้วย

ข้างหลังอาคารก็มีทุ่งขนาดใหญ่พอควรอยู่ด้วย ดูเหมือนฉันจะสามารถปลูกสมุนไพรได้อยู่นะถ้าจำเป็น

 

“…ไม่นะคะ! มันถูกไปแล้ว! ไม่มีทางหรอกค่ะ!”

 

มันไม่ใช่แค่ถูกเกินไปในระดับของบ้านด้วยซ้ำไปนะ นี่มันถูกเกินไปเลยล่ะ

ในเมืองหลวงน่ะ เงินแค่นี้ยังพอเช่าห้องได้แค่เดือน สองเดือนเอง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสัมภาษณ์งานครั้งนึงก็อาจจะต้องใช้ประมาณนี้เลยก็ได้

สารภาพเลยนะ ฉันสงสัยมากเลยว่ามันอาจจะมีอันตรายอะไรซักอย่างซ่อนอยู่ที่นั่นก็ได้

―――แต่เพราะโรงเรียนเป็นคนกลาง ก็อาจจะไม่เป็นไรก็ได้มั้ง คิดว่านะ

 

“เอาเถอะ ฉันคิดว่า คงมีเงินอุดหนุนเพียงพอก็ได้นะ?”

“อะ จริงด้วยนะ ถ้างั้น… ก็…”

 

เงินอุดหนุนคือเงินที่ทางประเทศช่วยสนับสนุนเวลานักเล่นแร่แปรธาตุจะตั้งร้านขึ้นมา

ทางประเทศเองก็ต้องการจะให้แต่ละเมืองมีร้านเล่นแร่อยู่กันหมดทุกเมือง แต่นักเล่นแร่แปรธาตุเองเหมือนกันก็มีอิสระที่จะเลือกได้ว่าจะตั้งร้านของตัวเองที่ไหน

ที่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือในเมืองหลวงที่มีจำนวนประชากรมาก ส่วนเมืองใหญ่ที่รายล้อมก็ได้รับความนิยมรองลงมา

ทุกคนก็พยายามเลี่ยงที่จะไปเปิดร้านในพื้นที่ชนบทที่ลำบาก ที่ที่มีลูกค้าน้อย

 

นี่แหละคือจุดที่เงินอุดหนุนจะเข้ามามีส่วน

ที่ที่คนไม่อยากไปยังมีอยู่อีกเยอะเลย เพราะแบบนั้น บริเวณอย่างในเมืองหลวงก็จะไม่มีเงินอุดหนุนจากส่วนกลางช่วยให้ ระบบของประเทศช่วยจัดการให้เพื่อความปลอดภัยของผู้คนนี่แหละ

สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุมือใหม่ที่ยังฝึกฝีมือกันอยู่ การเก็บเงินเพื่อซื้อร้านจะยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะงั้น นักเล่นแร่แปรธาตุที่อยากจะมีร้านเร็วๆ ก็มักจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้

แต่ว่า ถ้ามองอีกมุมนึงเนี่ย―――

 

“หรือก็คือ ร้านนี้มันตั้งอยู่ที่ที่ไกลปืนเที่ยงแบบสุดกู่ ถึงขนาดที่มีเงินอุดหนุนมาช่วยสนับสนุนจนสามารถซื้อร้านนี้ได้ในราคาแค่ 10,000 แรร์เลยงั้นเหรอคะ?”

 

ตอนนี้ ขนาดตำแหน่งที่ตั้งของร้านก็มีเขียนเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ฉันยังไม่เคยได้ยินชื่อของที่นั่นเลยด้วยซ้ำไป

มั่นใจเลยล่ะว่าต้องเมืองเล็กๆ แน่นอน อย่างน้อยก็ต้องเป็นเมืองที่ฉันไม่รู้จักนั่นแหละ

 

“เป็นเมืองเล็กๆ ใกล้ชายทะเลป่าใหญ่… ไม่สิ เรียกว่าหมู่บ้านเลยอาจจะเหมาะกว่านะ”

“ทะเลป่าใหญ่นี่… จากที่นี่ ก็ต้องใช้เวลาประมาณเดือนนึงในรถม้าลากสินะคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ แต่วัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุเองก็หาได้ง่ายด้วย ไม่ใช่ที่ที่แย่เลยสำหรับการฝึกฝนฝีมือเลยนะ ว่ามั้ย? ―― ถึง ลูกค้าอาจจะมีน้อยซักหน่อยก็เถอะ”

 

ทะเลป่าใหญ่เป็นชายแดนของประเทศนี้ มีเทือกเขาใหญ่กั้นไว้ที่ยืดยาวจากทางตอนเหนือยาวไปจนถึงตอนใต้ ทะเลป่าใหญ่ก็แผ่กระจายอยู่ทั่วตีนเขาเลย

ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ [ทะเลป่าใหญ่ ณ ตีนเขา เกอร์บา รอคฮา] และมันก็มีชื่อเสียงในเรื่องของวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุอย่างล้นเหลือ อย่างพืชพรรณ แมลง หรือสินแร่ที่หลากหลายน่ะ

ก็อย่างที่อาจารย์ว่านั่นแหละ มันเป็นที่ที่ดีที่สุดเลยที่ฉันจะเอาไว้ใช้ฝึกฝีมือ แต่ว่า…

 

“แต่การไม่มีลูกค้านี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่เหรอคะ? ฉันใช้เงินเก็บไปหมดแล้ว ไม่มีลูกค้า ฉันก็อยู่ต่อไม่ได้หรอกนะคะ”

 

แบบนั้นเลยล่ะ

ถึงจะหาวัตถุดิบได้เยอะแยะเลยมาในราคาถูกก็ตามเพราะว่าอยู่ใกล้กับแหล่งผลิต แต่ถ้าผลิตภัณฑ์มันขายไม่ออก ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ

ถ้าหลังซื้อสารานุกรมไปแล้ว ฉันยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ฉันก็อาจจะมีทางเลือกอย่างขัดเกลาฝีมืออยู่ที่นั่นไปก่อนซัก 2-3 ปี แต่ด้วยเงินเก็บที่ฉันมีตอนนี้ ฉันอยู่ไม่รอดแน่นอน

 

“หืม ฉันคิดว่ามันดีแล้วนะ”

“เรื่องแรกเลย ฉันเพิ่งจะเรียนจบมาวันนี้เองนะคะ ใช่มั้ยล่ะ? จู่ๆ จะเปิดร้านเลยมันก็…”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าเธอเป็นมือใหม่ถอดด้ามจริงๆ เธอก็ทำงานที่ร้านของฉันมาหลายปีเลยนะ จริงมั้ยล่ะ? คิดว่าตัวเองทำได้หรือเปล่า? นั่นน่ะก็ระดับที่ 3 แล้วนะ”

“……เอ๊ะ? สาม?”

“อ้า ――― ซาราสะ เธอรู้วิธีการเพิ่มระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุมั้ย?”

“เรื่องนั้น…?”

 

ที่โรงเรียนไม่ได้สอนเรื่องของการเพิ่มระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระดับของนักเล่นแร่แปรธาตุตามปกติ ~หรือเรื่องระดับปรมาจารย์น่ะ~

แค่บอกว่าให้เรียนรู้ให้หนัก แล้วก็พยายามเท่านั้นเอง

 

“หืม ก็ หลังจากเรียนจบ ปกติเธอก็จะถูกสอนเรื่องนั้นหลังจากได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดนั่นแหละ”

 

หลังจากพูดแบบนั้น สิ่งที่อาจารย์บอกต่อมาก็คือ “ถ้าเธอสร้างทุกอย่างที่เขียนอยู่ในบทนั้นๆ ของสารานุกรมแปรธาตุทั้งหมดแล้ว ระดับของเธอก็จะเพิ่มขึ้นยังไงล่ะ”

หรือก็คือ ถ้าฉันสร้างของทุกชิ้นในบทที่ 1 ครบทุกชิ้น ฉันก็จะขึ้นเป็นระดับที่ 2 ได้ แล้วถ้าสร้างของทุกชิ้นในบทที่ 2 ครบ ก็จะขึ้นเป็นระดับที่ 3 สินะ

ดูเหมือนเหตุผลที่ทางโรงเรียนไม่ได้รีบสอนให้นักเรียนรีบเพิ่มระดับของตัวเอง ก็เพื่อไม่ให้นักเรียนฝืนตัวเองฝึกการเล่นแร่แปรธาตุโดยยังไม่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ซะก่อน

 

“จะว่าไป ในตอนที่ฉันทำงานพิเศษ ก็ต้องทำของหลายอย่างเลย เอ๊ะ? นี่แสดงว่า ฉันทำของทุกชิ้นในบทที่ 1 กับบทที่ 2 หมดไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวอีกงั้นเหรอคะ?”

“เป็นแบบนั้นเลยล่ะ เพราะใน 2 บทนั้นมีของที่ถูกหยิบใช้บ่อยๆ ด้วยไง”

 

ฉันทำของชิ้นนู้นชิ้นนี้ไปค่อนข้างจะหลากหลายอยู่เหมือนกัน ภายใต้การสอนของอาจารย์นะ

ไม่สิ ฉันว่า อาจารย์ต้องคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ถึงได้ให้ฉันเป็นคนลงมือทำแน่ๆ เลย

 

“เพราะแบบนั้นไงล่ะ ฉันถึงคิดว่า อย่างน้อย เธอก็ควรจะเปิดร้านน่ะ”

“แต่… ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลยนะคะ”

 

ถ้าเป็นอย่างที่อาจารย์ว่าล่ะก็ แสดงว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ขายดีคงจะไม่มีปัญหางั้นสินะ

แต่ ที่ฉันทำระหว่างงานพิเศษน่ะก็เป็นแค่การผลิตเอง ฉันไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับการขายของเลย

หรือก็คือ ถ้าเป็นเรื่องของราคาสินค้า, การขาย หรือการบริหารยิบย่อยอื่นๆ เนี่ย ฉันเป็นมือสมัครเล่นแบบแท้ๆ เลยน่ะสิ

 

“อืม นั่นสินะ… งั้น เอาแบบนี้สิ ถ้าเธอส่งวัตถุดิบหายากจากบริเวณนั้นมาให้ฉัน ฉันจะช่วยรับซื้อไว้ให้แล้วกัน แบบนั้น การใช้ชีวิตก็สามารถทำได้ไม่เป็นปัญหาแล้วนะ”

 

แบบนั้น ฉันก็หาเลี้ยงชีพได้ไปพลางๆ ได้อยู่ใช่มั้ยนะ?

ฉันก็ไม่ได้ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้ออะไรด้วย ถ้าคิดซะว่าเป็นการฝึกไปด้วย มันก็ใช้ได้… อยู่-

 

“―――อาจารย์คะ นั่นคือเป้าหมายของอาจารย์ใช่มั้ยคะ?”

“ฉันคำนึงถึงอนาคตของลูกศิษย์อยู่เสมอนั่นแหละ”

 

อาจารย์มาลูบหัวของฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดชื่นแบบที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่

 

“เฮ้อ เรื่องนั้นก็ต้องขอบคุณเลยนะคะ-? ―――ไม่สิ! ไม่ปฏิเสธด้วยเหรอคะ!?”

“อา เธอนี่นะ ฉันต้องทำยังไงกับสัญญานี่บ้าง? ―――จ่ายเงินตรงนี้เรียบร้อย ก็จะได้โฉนดเลยงั้นสินะ งั้นก็ นี่เลย”

 

อาจารย์ควักเงินจากในกระเป๋าออกมาจ่ายโดยไม่สนคำทักท้วงของฉันเลย แล้วก็ได้กุญแจร้านกับโฉนดมาแล้วเรียบร้อย

แล้วอาจารย์ก็พับใบโฉนดยัดมันใส่กระเป๋าของฉันพร้อมกับกุญแจร้านเลย

 

“เอาล่ะ เท่านี้ ซาราสะเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นเจ้าของร้านของตัวเองได้อย่างสง่าแล้ว ยินดีด้วยนะ! อะ นี่ถือเป็นของขวัญจากฉันด้วย รับเอาไว้ซะสิ”

 

TN: อาจารย์เงินถุงเงินถังสุดๆ เลยคร้าบ~

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

Score 10
Status: Completed
แทบจะเป็นหนทางเลี้ยงชีพทางเดียวเลยที่จะเจริญขึ้นมาได้สำหรับเด็กกำพร้าตัวคนเดียว นั่นคือการเอาหนังสือรับรองการเล่นแร่แปรธาตุแห่งชาติมาให้ได้! ซาราสะ เด็กสาวที่จบจากวิทยาลัยหลวงฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุ สถานที่ที่ไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากความสามารถของผู้เรียน ได้รับการเสนอร้านแห่งนึงมาจากอาจารย์ของเธอ เธอเริ่มออกเดินทางภายใต้การมองส่งของอาจารย์ผู้ใจกว้าง เฝ้าฝันถึงชีวิตที่สวยงามกว่าทั่วๆ ไปในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ว่า ในสถานที่แบบนี้ ถ้าเธอไม่เปิดร้านล่ะก็ ชีวิตแบบนั้นก็ไม่มีวันมาถึงแน่―― เธอที่รายล้อมด้วยพนักงานทำงานพิเศษที่น่ารัก กับชาวบ้านที่เป็นมิตร เป้าหมายอยู่ที่การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของประเทศอย่างเต็มตัวให้ได้! ชีวิตทำงานอันสโลว์ไลฟ์เริ่มเปิดให้บริการแล้ว! (เรื่องนี้แปลจากฉบับ LN ภาษาญี่ปุ่น)

Options

not work with dark mode
Reset