นางบำเรอเติมใจ 68

ตอนที่ 68

"นายเมฆาเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ วันนี้ตอนที่กลับจากโรงอาหารเจอกับนายเมฆาพอดีครับ"

"แล้วไงต่อ"

"คุณปลายเธอไม่เล่นด้วยครับ"

"ฉันรู้อยู่แล้วว่าเมียฉันไม่มีทางเล่นด้วย ฉันอยากรู้ว่ามันทำอะไรปลายฝนรึเปล่า"เขามีความมั่นใจว่ายังไงปลายฝนก็ไม่มีทางสนใจผู้ชายคนอื่นนอกจากตัวเอง

"ไม่ได้ทำอะไรครับ เพราะมีคนในแผนกอยู่ด้วย"

"มั่นใจ"แกริคคาดคั้นต่อ

"เอ่อ…..จะว่าไม่ทำก็มีนิดหนึ่งครับ นายเมฆาจับมือคุณปลายครับ"แซคมองหน้าเจ้านายอย่างหวาดๆ ที่ไม่อยากรายงานเพราะรู้สึกความร้ายกาจและความหวงของ ของแกริคดี ถ้ามีใครเผลอมายุ่งกับของรักของแกริคโดนดีทุกคน

“แล้วไงต่อ” สีหน้าของแกริคตอนนี้เรียบเฉยทำให้แซคเดาไม่ออกว่าเขาคิดยังไง

“จับมืออย่างเดียวครับไม่มีอะไรต่อ”

“นายกำลังปกป้องมันรึไงแซค”

“เปล่าครับ ผมรายงานตามความจริง”

“เรียกปลายฝนขึ้นมาหาฉัน” แกริคสั่งเสียงเรียบ

“ปลายท่านประธานเรียก” ทัศนัยวางจากโทรศัพท์ที่ต่อตรงมาจากหน้าห้องท่านประธาน

“เรียกปลาย เรียกทำไมคะ” พิรุณรักทำหน้างง แกริคไม่เห็นส่งข้อความอะไรมาหาเธอเลย

“พี่ก็ไม่รู้แต่คุณแซคโทรมาหาเมื่อครู่บอกว่าให้เราขึ้นไปหา” พิรุณรักพยักหน้าเข้าใจ ถึงจะงงอยู่ว่าทำไมเขาไม่โทรหาเธอโดยตรง มีเรื่องอะไรรึเปล่านะ

“งั้นปลายขออนุญาตแป๊บหนึ่งนะคะ”

“ไปเถอะ”

พิรุณรักมองหน้าคนที่จ้องหน้าเธอแล้วไม่ยอมพูดอะไรตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องนี้

“คุณมีอะไรรึเปล่าคะ จ้องหน้าอยู่ได้ เรียกหนูมาทำไม” ตอนเดินขึ้นมาเธอก็คิดไปต่างๆ นานา กลัวว่าเขาจะท้องเสียอีกเพราะลงไปกินข้าวที่โรงอาหาร แต่ก็ไม่ใช่

“มานี่” แกริคตบลงที่หน้าตักตัวเอง พิรุณรักเม้มปากแต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาเขา นั่งลงบนตักแกร่ง แกริคก็จับมือเธอขึ้นมาดู พลิกไปพลิกมา

“อะไรคะ” จนเธออดสงสัยไม่ได้

“มีอะไรจะเล่าไหม” เขาชูมือเธอข้างที่จับขึ้นมาตรงหน้า ไล้ปลายนิ้วบนหลังมือเบาๆ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน คิดว่าตัวเองไปทำอะไรผิดมารึเปล่าเขาถึงเป็นแบบนี้ พอนึกไปนึกมาย้อนไปตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาก็อ้าปากค้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง

หลังจากที่เธอกลับมาจากโรงอาหาร เธอพบกับเมฆาเขาพยายามเข้ามาคุยด้วย แต่เธอพยายามเลี่ยง แต่ก็ไม่พ้นผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาสจับมือเธอ มือข้างที่แกริคกำลังไล้ปลายนิ้วไปมาแผ่วเบาอยู่ตอนนี้

มิน่าล่ะ เขาถึงจ้องมันนัก แล้วเขารู้ได้ยังไง มีสายในแผนกเธอใช่ไหม

“คุณรู้แล้วsนิคะ”

“เธอจะให้ฉันจัดการยังไง”

“จัดการอะไรคะ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เธอพูดด้วยใบหน้าง้ำงอ เธอไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นซะหน่อย

“ฉันหมายถึงคนที่มันมาจีบเมียฉันต่างหากจะให้จัดการยังไง ส่วนคนนี้ฉันมีบทลงโทษให้แน่” มือใหญ่บีบสะโพกเธอเบาๆ เมื่อนึกถึงวิธีจัดการที่อยู่ในหัวตัวเอง

ส่วนพิรุณรักหน้าแดงก่ำร้อนวูบวาบขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าเมียจากปากของเขา ส่วนเรื่องที่จะไปจัดการคนอื่นนั้นเธอยังไม่เห็นด้วย

“เขายังไม่ได้ทำอะไรหนูเลย ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ”

“แต่ฉันไม่ชอบ” แกริครู้สึกหงุดหงิดที่แม่เมียตัวน้อยปกป้องคนอื่น

“แล้วคุณจะทำยังไงคะ”

“ไล่มันออก” พิรุณรักอ้าปากค้างกับคำตอบของเขา

“แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ”

“จีบเมียเจ้าของบริษัทนี่ยังไม่ผิดอีกเหรอ” แกริคมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนตักด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“ก็เขาไม่รู้” พิรุณรักพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เธอไม่รู้จะพูดยังไงกับคนเอาแต่ใจดี พนักงานคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด จะไปไล่เขาออกได้ยังไง ที่เขาเข้ามาจีบเธอ เธอก็ไม่ได้เล่นด้วย เดี๋ยวเขาก็คงยอมแพ้ไปเอง

“เพราะใครล่ะ ฉันอยากให้คนอื่นรู้ใจจะขาดมีแต่เธอที่อยากปิด” พิรุณรักหน้าเหวอมองคนที่สะบัดหน้าให้เธออย่างงอนๆ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรเขาก็งอนทุกที

ปากบางเม้มเข้าหากัน เขาพูดก็ไม่ถูกไปซะหมดเธอก็อยากให้คนอื่นรู้ใจจะขาด แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เขาบอกว่าจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน ถ้าเปิดเผยเรื่องของเราให้อื่นรู้มันก็ดีอยู่หรอกตอนนี้คนอื่นจะได้อิจฉาเธอ เธออยากจะอวดเขาให้โลกรู้จะตาย แต่ถ้าหลังจากสามเดือนผ่านไปแล้วล่ะ ถ้าเขากลับประเทศเขาแล้วเธอจะเป็นยังไง คนอื่นก็คงจะหัวเราะเยาะเธอ สู้อยู่เงียบๆ แบบนี้ดีกว่า ถ้าเขาไปแล้วเธอก็จะกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม

“ไม่เอาแล้ว หนูจะไม่พูดกับคุณเรื่องนี้แล้ว” เมื่อเห็นว่าเธอไม่ง้อแกริคก็กระชับเอวบางแน่นขึ้น ถ้าเขาไม่กลัวเธอจะโกรธนะจะติดประกาศให้ทั่วบริษัทเลยว่าคนนี้ห้ามยุ่ง เสน่ห์แรงดีนัก

“ก็ได้ๆ แต่เรื่องของหมอนั้นฉันไม่ยอมหรอกนะ”

“คุณจะทำอะไรคะ”

“ไม่บอก ทำไม เป็นห่วงมันรึไงฉันไม่ไล่มันออกหรอกไม่ต้องห่วง” แกริคพูดอย่างอารมณ์เสียเขาเริ่มฉุนขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ

“หนูไม่ได้ห่วงเขา หนูเป็นห่วงคุณต่างหากกลัวคนอื่นจะว่าเอาได้ว่ารังแกพนักงาน”

“ฉันไม่สนเรื่องนั้น” เขาไม่สนเรื่องนั้นอยู่แล้วใครที่มันขวางหูขวางตามายุ่งกับคนของเขามันต้องได้รับบทเรียน

“คุณนี่ดื้อจริงๆ” พิรุณรักจับใบหน้าคมเบาๆ แกริคจ้องหน้าคนที่อยู่บนตักแล้วก้มลงจูบปากเธอแรงๆ อย่างหมั่นไส้

“อือ เจ็บนะคะ” ปากบางเผยอออกจากกันเมื่อเป็นอิสระรู้สึกชาขึ้นมาทันที ก็เขาเล่นจูบแรงซะขนาดนี้

“ฉันหวงเธอ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้” แกริคแนบหน้าผากลงกับหน้าผากมนของเธอ พูดกระซิบริมปาก คนที่ได้ยินคำว่าหวงก็หัวใจเต้นแรง ยกมือขึ้นคล้องรอบคอแกร่ง ขยับเบียดตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ

“ขอบคุณนะคะ” เธอขอบคุณเขาที่เขามีความรู้สึกให้เธอมากขนาดนี้ คำพูดหวานหูที่ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะพูดก็ได้ยิน

“เธอต้องทำให้อารมณ์ฉันเย็นลง ไม่งั้นตอนนี้ฉันอาจจะสั่งให้แซคไปเล่นงานหมอนั้น” แกริคพูดพร้อมกับคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม

“หนูต้องกลับลงไปทำงาน” เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร

“เรายิ่งต้องทำเวลา” ดูพูดเข้า

“ไม่เอา ห้องไม่เก็บเสียงอายคุณแซค” คราวนั้นเธอก็อายจะแย่แล้ว

“แซคมันไม่ถือหรอกน่า” ตุบ ทุบลงบทอกแกร่งแรงๆ ข้อหาพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง

“แต่หนูอาย เอาไว้คืนนี้นะคะ”

“ฉันจะเอาตอนนี้” แกริคพูดเสียงกระซิบลากริมฝีปากลงมาตามลำคอระหง ร่างบางตัวเกร็งขึ้นทันที เธอรับรู้ถึงความต้องการของเขาเป็นอย่างดี เพราะมันทิ่มอยู่ที่ก้นเธอเต็มๆ

แกริคจับร่างบางอุ้มขึ้นตวัดขารอบเอวสอบ ดีที่วันนี้เธอใส่กระโปรงทำให้อะไรๆ มันสะดวกขึ้น เขาไม่รอให้เธอปฏิเสธซ้ำสองจับเสื้อประจำแผนกเลิกขึ้นตามด้วยปลดตะขอเสื้อชั้นในปลดปล่อยหน้าอกอวบใหญ่ให้เป็นอิสระ

เสื้อกองอยู่ที่หน้าอกพร้อมกับเสื้อในลายลูกไม้สีดำที่ถูกปลดตะขอออก ปากหนาก้มลงหาความอวบอิ่มทันที

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset