นางบำเรอเติมใจ 39

ตอนที่ 39

“เดินมาดูสิ ยืนอยู่ตรงนั้นจะเห็นรึไง” แกริคพูดเสียงขรึม สีหน้าจริงจัง จนคนล้อเล่นใจหายแต่มันก็แค่แวบเดียวเธอก็รวบรวมกำลังใจกลับมาใหม่ เดินเข้าไปดูคอมที่โต๊ะทำงานของเขา

แกริคเลื่อนเก้าอี้ออกให้เธอเดินเข้าไป หญิงสาวเหลือบตามองเขานิดหน่อยดูว่าเขาจะมาไม้ไหนแต่ก็เห็นแค่แววตาจริงจังอยู่ในนั้น

เอ๊ะ หรือว่าเขาจะโกรธที่เธอเถียง

พิรุณรักเลิกคิดหาเหตุผลหันกลับมาดูคอมต่อ ก็เห็นว่าหน้าจอมันมืดสนิท เธอกดเปิดหน้าจอตรวจเช็คความผิดปกติแต่ก็ไม่เจออะไร

“ไม่ได้เป็นอะไรหนิคะ แค่คุณไม่เปิดเครื่อง”

“เหรอ ฉันนึกว่ามันเสียหน้าจอมืดๆ” แกริคเลิกคิ้วมองสีหน้าไม่ได้ยิ้มแย้มหรือว่ามีแววล้อเล่นสักนิด พิรุณรักอยากจะข่วนหน้าหล่อๆ ของเขาซะจริง เขาไม่ได้กำลังกวนเธออยู่ใช่ไหม

“ค่ะ ท่านไม่ได้เปิดเครื่อง หรือว่าท่านแก่แล้วเลยหลงๆ ลืมๆ” พิรุณรักเลิกคิ้วท้าทายยกยิ้มหน่อยๆ ให้คนที่จ้องหน้าเธอเขม็ง

“อะไรนะ” หญิงสาวยักไหล่ไม่สนใจสีหน้าถมึงทึงขึ้นของคนตัวใหญ่ หันหลังจะเดินออกไปจากโต๊ะเขา

“แก่แล้วงั้นเหรอ ให้พูดใหม่”

“ว๊าย”

ร่างบางลอยหวือนั่งลงบนตักแกร่งคนตัวโตจ้องหน้าหญิงสาวอย่างคาดโทษ เธอคนแรกที่กล้าว่าเขาแก่

“ไม่เก๊กขรึมแล้วเหรอคะ” พิรุณรักใจกล้าจูบแก้มสากของเขาเบาๆ มือคล้องเข้าที่คอแกร่งถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“อยากโดนลงโทษแบบไหน” คนตัวโตถามเธออย่างคาดโทษ

“ลงโทษอะไรคะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ” พิรุณรักเลิกคิ้วถาม ทั้งที่รู้ความผิดของตัวเอง ที่จริงเขาไม่ได้แก่เลยสักนิดถ้าไม่บอกว่าเขาอายุสามสิบกว่าเธอก็นึกว่าเขาอายุแค่ยี่สิบห้ายี่สิบหก

“วันหยุดนี้ไม่ต้องออกจากห้องเลยดีไหม” พิรุณรักตาโต เข้าใจความหมายไม่ออกจากห้องของเขาเป็นอย่างดี

“ไม่เอา”

“จะได้ไม่หาว่าฉันแก่อีก” มือเล็กลูบแก้มสากเบาๆ เอาใจคนขี้น้อยใจ

“หนูล้อเล่น แก่อะไรหล่อขนาดนี้” พูดแล้วฉีกยิ้มกว้างให้เขา จนคนโดนชมว่าหล่อหัวใจเต้นแรงสายตาพร่าเบลอไปหมด ไม่ว่าใครจะชมว่าเขาหล่อดูดีแค่ไหนก็ไม่มีผลกับเขาทั้งนั้น แต่ทำไมพอผู้หญิงคนนี้ชม เขากลับดีใจชอบในสิ่งที่เธอพูด

“เที่ยงนี้จะกินอะไรจะให้แซคสั่งขึ้นมาให้” แกริคเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่อยากอยู่ในโหมดนี้นานๆ มันเหมือนเด็กหนุ่มหัดรัก

พิรุณรักหัวเราะเบาๆ กับคนที่กลบเกลื่อนความเขิน

เขาเขินน่ารักนะเนี่ย

“คุณกินส้มตำเป็นไหมคะ”

“ส้มตำ”

“ใช่ค่ะ หนูอยากกินทีแรกว่าจะไปกินกับหวานแต่โดนเรียกตัวมาซะก่อน” พิรุณรักพูดหน้ามุ่ย เธออยากได้อะไรเผ็ดๆ จะได้หายง่วงนอน

“เอาสิ”

“คุณกินได้เหรอคะ” หญิงสาวแอบกังวล

“ไม่รู้สิยังไม่เคยกิน แต่น่าจะได้นะถ้าเธอกินได้ฉันก็กินได้ จดเมนูมาให้แซคลงไปซื้อ”

“ค่ะ เดี๋ยวหนูจะสั่งอย่างอื่นมาให้คุณด้วย” พิรุณรักหยิบกระดาษใบเล็กๆ ที่โต๊ะเขามาจด

“ให้คุณแซคมากินกับเราได้ไหมคะ” เธอหันไปถามแกริค

“เอาสิ” เมื่อได้รับอนุญาตหญิงสาวก็ทวนเมนูอีกรอบ แกริคกดเรียกแซคเข้ามา เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหญิงสาวบอกร้านที่จะซื้อให้กับแซค

“ร้านอยู่ข้างๆ บริษัทนี่เองค่ะคุณแซค หนูสั่งมาเผื่อคุณด้วยนะคะมากินด้วยกันคุณแกริคจะได้มีเพื่อน” แซครับมาดูเมนูและรายชื่ออาหารที่เขาไม่คุ้นเคย

“ครับ” แซคเดินออกไปจากห้องพิรุณรักก็ย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟา

“วันหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ” เธอพูดกับแกริคที่นั่งทำงานต่อที่โต๊ะ

“อะไร”

“ไม่ต้องเรียกหนูให้ขึ้นมาหาแล้ว คนอื่นจะสงสัยหนูขี้เกียจหาข้อแก้ตัวกับพวกพี่ๆ เขา” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แกริครู้สึกไม่ชอบใจกับความกังวลของเธอ เขาอยากจะใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ที่เขากลับมาประเทศไทยก็เพื่อเธอ แล้วเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้เหรอ

“ฉันจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน” แกริคเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขานั้นทำให้พิรุณรักตัวแข็งทื่อ

สามเดือนงั้นเหรอ เธอมีเวลาอยู่กับเขาสามเดือนแค่คิดปากบางก็เม้มเข้าหากันแน่น

“ค่ะ”

ด้านคนที่ลงไปซื้อส้มตำแซคยื่นเมนูที่ผู้หญิงของเจ้านายจดให้แม่ค้า แล้วยืนรออยู่หน้าร้าน แม่ค้าส้มตำเองเห็นเป็นฝรั่งก็ไม่กล้าพูดเพราะพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะบอกยังไงให้ลูกค้ารูปหล่อเข้าไปรอข้างใน เลยเดินไปหาลูกค้าประจำให้มาช่วยพูด

“นี่หนูมุตา ช่วยป้าหน่อย”

“อะไรคะป้า” มุตากับเพื่อนๆ ในแผนกมากินข้าวร้านนี้พอดี

“พอดีมีฝรั่งมาซื้อส้มตำ ป้าอยากจะบอกว่าให้เขาเข้ามานั่งรอในร้านเพราะคิวอีกนานโขแต่ป้าพูดไม่เป็น ไปช่วยพูดให้ป้าหน่อย” ทั้งโต๊ะหันไปมองคนที่ป้าบอกว่าเป็นฝรั่ง พอเห็นทั้งโต๊ะก็อ้าปากค้าง

“นั้นมันคุณแซคใช่ไหมพี่ทัศเลขาท่านประธาน”

“ใช่”

“คนนั้นใช่ไหมป้าที่มาซื้อส้มตำ”

“ใช่ๆ คนนั้นแหละ” ทุกคนในโต๊ะหันไปมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย มีแค่หทัยรัตน์คนเดียวที่รู้ว่าใครใช้ให้แซคมาซื้อส้มตำ

ยัยปลายฝนกินอะไรที่มันแพงๆ หน่อยก็ไม่ได้มีแฟนรวยซะขนาดนี้

“งั้นหนูไปพูดให้ค่ะป้า” มุตาอาสา ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าสางผมให้เข้าที่เข้าทาง

“น้อยๆ หน่อยยัยมุตา นอออกแล้วนั่น” มุตาไม่โกรธกับคำแซวหรือแขวะของพี่ร่วมงานแต่กลับยิ้มสวยๆ แล้วเดินไปหาเลขาของท่านประธานด้วยรอยยิ้มสว่างจ้า

“สวัสดีค่ะ”

แซคขมวดคิ้วเมื่อมีคนมาทัก มองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตัวเล็กๆ เพียงแค่ไหล่เขา แถมยังยิ้มเหมือนคนบ้า แต่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานของบริษัท

“มีอะไรรึเปล่าครับ” แซคตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้าหาเขาเพราะอะไร

“เอ่อ..คือ” มุตาเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกทันทีที่เจอสายตาแบบนั้น ปากบางเม้มเข้าหากัน รู้สึกไม่ชอบสายตาของอีกฝ่าย เธอคิดผิดรึเปล่านะที่อาสามา

“ครับ”

“คือคุณป้าเจ้าของร้านวานให้ฉันมาบอกคุณให้ไปนั่งรอข้างในก่อนค่ะ คิวเยอะกลัวว่าคุณจะเมื่อย” มุตาพูดจบก็รีบเดินหันหลังกลับทันที

แซคขมวดคิ้วเข้าหากัน อะไรของเขาเมื่อกี้ยังทำเหมือนจะอ่อยอยู่เลย แซคไม่สนใจแต่ก็เดินเข้าไปนั่งรอในร้าน เพราะเขาเองก็เมื่อยเหมือนกันแล้วแดดประเทศไทยร้อนจะตายถ้าได้ไปนั่งรอในร่มคงดี

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset