นครแห่งบาป City of Sin 53 วันเวลาที่ใช้ร่วมกัน 2

ตอนที่ 53 วันเวลาที่ใช้ร่วมกัน ตอนที่ 2

ริชาร์ดใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก็ล่วงรู้ความลับของเม้าเทนซี จริง ๆ แล้ว นางไมได้สนใจถึงรสชาติอาหารตรงหน้า แต่สิ่งที่นางให้ความสนใจและให้ความสำคัญในการทานคือปริมาณของสารอาหารที่บรรจุอยู่ภายในมากกว่า การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดขึ้นมาว่าหากนางสามารถแทะคริสตัลเวทมนตร์ได้ นางคงทำไปนานแล้ว

นอกเหนือจากอาหาร สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับนางก็คงจะเป็นการนอน ซึ่งหลังจากที่นางอิ่มแล้วนางก็เข้าสู่ช่วงของการหลับลึกทันที นางมักนอนหลับในขณะที่เขานั่งสมาธิ ทำงาน และศึกษาตำรา ส่วนในเวลาที่เขาต้องเข้าชั้นเรียน นางก็เลือกที่จะเดินไปมาอยู่ภายในดีพบลู และบริเวณที่นางเดินสำรวจนั้นก็จะอยู่ห่างจากบริเวณที่เขาอยู่ไม่เกิน 5 เมตร

 

แต่ถึงอย่างไรนางก็ยัง ‘ปฎิบัติ’ ตามกฎภายในนี้ นางยังคงเข้าเรียนวิชาบังคับที่ศิษย์ฝึกหัดของเลเจนดารี่เมจจำเป็นต้องเข้าร่วม ทว่าตารางที่ถูกจัดขึ้นไว้ให้นางก็จัดเพื่อคิดคำนวณค่าเรียนในแต่ละเดือนของนางให้มากขึ้นเท่านั้น !

 

เม้าเทนซีเป็นผู้ที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของศีลธรรมเท่าไหร่นัก ตลอดเวลาที่นางอยู่กับเขา นางไม่เคยที่จะระมัดระวังและปกปิดร่างกายของตัวเองจากการมองเห็นของเขาเลย แม้แต่ในเวลาที่นางอาบน้ำ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องคอยอดทนมองหุ่นที่สวยงามของนางให้ชินตา ผิวของนางเหมือนกับมรกตที่ดูแวววาวราวกับไหมและดูจะอ่อนโยนหากถูกสัมผัส ความสวยงามของเรือนร่างนั้นทำให้จินตนาการของเขาปะทุขึ้นมาอย่างดุร้าย นอกจากนี้ ขาที่เรียวยาวของนางนั้นก็ดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้เพศตรงข้ามตกอยู่ในอาการคลั่งไคล้ได้ไม้น้อย

 

ในตอนนี้ริชาร์ดโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การนอนหลับเคียงข้างหญิงสาวแน่นอนว่าย่อมสร้างความทรมานให้กับเขาอย่างมาก ทุกครั้งที่นางนอนหลับ นางก็มักจะวางมือพาดมาที่อกของเขาเสมอพร้อมทั้งกอดรัดจนส่วนลับของพวกเขาสัมผัสกัน สายเลือดที่หิวกระหายภายในร่างกายของเขาทำงานอย่างรวดเร็วจนทำให้เขารู้สึกว่า เขาทนต่อการนอนเช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป

 

“แค่เพื่อนกัน แค่เพื่อน…” เขาพึมพำเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองไว้ทว่าการกระทำเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้เขานอนหลับลงได้อยู่ดี เขาแอบมองไปที่ใบหน้าของนางที่กำลังนอนหลับด้วยท่าทีที่สบายใจ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถเลือกได้…”

 

ริชาร์ดไม่ได้สูญเสียพลังงานในช่วงเวลากลางวันแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนก็ตาม อีกทั้งการพัฒนาของเขาก็ไม่ได้ลดลงด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะคิดขึ้นมาว่าหากวันใดที่เขาลงมือปฏิบัติบางอย่างกับนางในตอนกลางคืน จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นกับเขาหรือไม่ เขาคิดเช่นนั้นอยู่จนกระทั่งเขามองเห็นยุงตัวหนึ่งที่บินเข้ามาใกล้

 

ยุงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดอย่างมาก พวกมันไม่ได้เกรงกลัวดีพบลูหรือแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเลเจนดารี่เมจเลยแม้แต่น้อย เขามองดูยุงตัวหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้าหาใบหน้าของเม้าเทนซีอย่างพิจารณา แต่ทันทีที่มันบินเขาใกล้ใบหน้าของนางในระยะห่าง 1 เมตรนั้น ก็เกิดเสียงดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ยุงตัวนั้นจะสลายไปกลางอากาศเองอย่างน่าพิศวง !? สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการตื่นตระหนกจนเหงื่อไหลซึมออกมา

 

ในช่วงสองสามวันแรกที่เม้าเทนซีย้ายเข้ามา นางมักจะหายตัวไปทุกครั้งที่เขาเข้าเรียน โดยนางได้บอกกับเขาว่านางไปทำกิจกรรมหลายอย่างในช่วงเวลานี้ ซึ่งนั่นรวมถึงไปตกปลากับชนเผ่าของนางด้วย ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปดูเหมือนว่านางจะไม่ได้สนใจสิ่งอื่น ๆ เท่าไหร่นัก นางกลับเลือกที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่กับเขา และช่วงหลัง ๆ นางก็เลือกที่จะติดตามเขาไปในห้องเรียนด้วย การกระทำของนางถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากอย่างมาก ซึ่งสำหรับอูราซัดซูและสตีลร็อคแล้ว ในช่วงเวลาที่นางไม่อยู่ก็ถือเป็นช่วงเวลาหายากที่เหล่าผู้คุ้มกันจะได้มีวันหยุดที่แสนสุขสันต์เลยทีเดียว

 

การกระทำของเม้าเทนซีทำให้คนแคระเกรย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่รู้สึกกังวลใจมากขึ้น เพราะหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยให้กับเม้าเทนซีได้อยู่บนบ่าของเขาแล้วในตอนนี้ แบล็คโกลด์รู้ดีว่าการทำหน้าที่ของเขาจะเป็นตัวบ่งชี้จำนวนตัวเลขในบัญชีของดีพบลูที่จะเกิดขึ้น และส่วนสำคัญก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเม้าเทนซี ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขามองไปที่นาง เขาก็รู้สึกราวกับกำลังมองดูเหมืองขนาดใหญ่ที่มีทองยัดไว้แน่นอยู่ตรงหน้าของเขา เขารู้สึกเทิดทูนและชื่นชมนางเป็นอย่างมาก ยิ่งเหมืองตรงหน้าเดินผ่านเขามากเท่าไหร่ โอกาสที่เขาจะไต่ขึ้นสูงจนถึงเมฆก็มีมากขึ้นเท่านั้น

 

ทั้งหมดนี้ทำให้คนแคระเกรย์ตัดสินใจที่จะดูแลและปกป้องเม้าเทนซีอย่างสุดความสามารถ เขาเพิ่มผู้คุมกฎมากขึ้นเพื่อให้ไปดูแลพื้นที่บริเวณที่พักของริชาร์ด รวมถึงเพิ่มรูนไนท์ที่มีอาวุธพรั่งพร้อมให้ไปเดินลาดตระเวนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้มากกว่าเดิมด้วย ในเวลาเดียวกัน เหล่าเมจที่มีหน้าที่ในการเฝ้าเวรในแต่ละระดับก็มีเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า ส่วนเหล่าแกรนด์เมจ 17 คนก็ประจำการอยู่ที่ชั้นล่างของหอคอยเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นกัน

 

ชายแดนของดีพบลูถูกปกคลุมไปด้วยออร่าที่มืดมิด หลายคนในพื้นที่แห่งนี้ต่างรู้สึกตื่นตระหนก เนื่องจากบรรยากาศรอบตัวพวกเขามีความตึงเครียดมากขึ้น พวกเขารู้สึกว่ามีดวงตาที่มองไม่เห็นกำลังจับจ้องมองมาที่พวกเขาในทุก ๆ ที่ที่พวกเขาไป คนแคระเกรย์เพิ่มดวงตาเวทมนตร์อีกกว่า 1,000 ดวงเพื่อจับตามองและดูความเคลื่อนไหวภายในนี้ และถึงแม้ว่ามันดูเหมือนจะมีจำนวนที่เยอะเกินไปหน่อย แต่มันก็สร้างความสว่างไสวภายในพื้นที่ที่มืดมนเช่นนี้ได้ไม่น้อย

 

มีหนูหลายตัวที่รับรู้ได้ถึงอันตรายภายในนี้ แต่พวกมันต่างก็คิดว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถออกไปหาอาหารได้ และเพราะความกล้าของพวกมันนั่นเองจึงทำให้พวกมันหายเข้าไปในความมืดและไม่ได้กลับออกมาอีกเลย

 

ใครก็ตามที่กล้าจะมีปัญหาในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้กับคนแคระเกรย์ก็จะต้องพบกับความสยดสยองที่น่ากลัวอย่างแน่นอน เขาไม่ได้ต้องการที่จะป่าวประกาศออกไปอย่างยิ่งใหญ่ให้ใครรู้เพราะการหายไปของหนูเหล่านั้นเป็นการป่าวประกาศที่เพียงพอที่จะทำให้หนูตัวอื่น ๆ หลบซ่อนตัวอยู่ในที่พักของพวกมันอย่างเงียบ ๆ แล้ว

 

……

 

ช่วง 2–3 วันมานี้อารมณ์ของนายาไม่ดีเท่าไหร่นัก กลิ่นเลือดที่ฟุ้งไปทั่วห้องครัวของเขานั้นต้องใช้เวลานานมากกว่ามันจะจางหายไปได้ กลิ่นเหม็นเน่าภายในห้องทำให้อาหารของเขามีกลิ่นเหม็นตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากกลิ่นเลือดนี้แล้วยังมีกลิ่นแปลกประหลาดที่มาจากโกดังกักเก็บไวน์ของเขาผสมอยู่ด้วย ยิ่งเป็นคนที่ได้อยู่ในโลกมืดนานมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเกลียดกลิ่นเลือดของพวกเขาก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมากก็คือแบล็คโกลด์ไม่ยินยอมให้เขาจ่ายค่าภาษีลดน้อยลง แบล็คโกลด์รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะให้ผู้คุมกฎเข้าไปในเขตชายแดนด้วยตัวเองถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้งานสกปรกทั้งหมดถูกโยนมายังใบมีดแห่งความพิบัติและพี่น้องของเขา กริชของเขาที่ก่อนหน้านี้ใช้เพื่อสังหารคนจำนวนมากในเวลานี้กลับต้องเปื้อนไปด้วยเลือดของหนูสกปรกภายในพื้นที่แห่งนี้แทน

 

แม้แต่นักฆ่าก็ยังมีศักดิ์ศรี และเมื่อนายาบ่นกับแบล็คโกลด์ว่าเขาไม่สามารถทนรับเรื่องพวกนี้ต่อไปได้อีก แบล็คโกลด์ก็ตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ว่า “ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว” ใช่ เปลี่ยนไปแล้ว แต่ภาษียังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนแคระเกรย์ก็รู้ดีอยู่แก่ใจแต่เขาเลือกที่จะไม่เขียนลงไปในกฎ !

 

นายาสบถออกมาด้วยความโกรธ “กฎก็ไม่ได้ระบุเอาไว้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ! ” เขากัดฟันกรอดหลังจากที่คนแคระเกรย์ได้ออกไปแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอะไรเลย ถึงแม้ว่าเขาจะต้องมารับหน้าที่อันแสนจะน่าเบื่อนี้ แต่มันก็ยังดีซะกว่าที่เขาจะต้องมาจ่ายภาษีในมูลค่าที่สูงจนเจ็บปวดหัวใจ ภาษีแต่ละเดือนของเขาดูเหมือนว่าจะมีมูลค่าที่สูงกว่ากำไรในแต่ละปีของเขาเสียอีก

 

อย่างไรก็ตาม นายายังคงจำใจยอมทำตามที่แบล็คโกลด์สั่งต่อไปเนื่องจากแบล็คโกลด์ในตอนนี้มีอำนาจมากมาย และแน่นอนว่าเขาคงไม่สามารถหนีจากการตามล่าของเลเจนดารี่เมจได้เช่นกันหากเขาหนีภาษี ที่เขายังทนอยู่เช่นนี้ได้ก็เป็นเพราะเขารักความสงบสุขและมั่นคงภายในดีพบลูแห่งนี้ และเขาอยากจะเห็นริชาร์ดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้การชี้นำของเขาเท่านั้น…

Options

not work with dark mode
Reset