นครแห่งบาป City of Sin 38 วัยเด็กที่ฝังไว้

ตอนที่ 38 วัยเด็กที่ฝังไว้

เมื่อเทียนหลายเล่มที่จุดไว้เผาไหม้ไปจนหมด ภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด หลังจากได้สัมผัสกับพายุพัดกระหน่ำรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน การได้ระบายความกังวลและความฝันออกไปนั้นก็ทำให้เอรินรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก หนังตาที่หนักอึ้งจึงปิดลงอย่างไม่ขัดขืน ทว่าการนอนหลับครั้งนี้ไม่สงบเอาเสียเลย มันเต็มไปด้วยความฝันแปลก ๆ มากมาย ส่วนมากเป็นภาพที่ไร้ความหมายและแปลกประหลาด มีความฝันหนึ่งที่ทำให้หัวใจของนางแทบหยุดเต้น ในความฝันนั้น นางเป็นหนี้ริชาร์ดจำนวนมหาศาลซึ่งเขามาหานางเพื่อเก็บหนี้ทุก ๆ ค่ำคืน และแต่ละคืนเขาก็ ‘เก็บ’ หลายครั้ง ทว่าหนี้ก้อนนั้นก็ไม่ลดลงสักที และซ้ำร้าย มันยังกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

เมื่อลืมตาขึ้นมา นางก็พบกับเพดานที่คุ้นเคย ผ้าม่านที่ถูกดึงเก็บไว้เมื่อคืนก่อนหน้ายังไม่ได้ปิดลงสนิทนัก แสงสลัวที่ส่องมาจากหน้าต่างแสดงให้เห็นว่าขณะนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว นางสะดุ้งและลุกพรวดขึ้นนั่งทันที นางเคยชินกับการทำตามตารางเวลาที่จัดไว้แน่นเพื่อที่จะได้เอาเวลาไปทำงานให้หนี้ลดลงแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่นางจะตื่นสาย และในตอนนี้เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นนั้น คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว — ริชาร์ดหายไปไหน ?

 

บนเตียงไม่มีร่องรอยของใครอื่น เมื่อนางมองไปยังฝั่งที่ริชาร์ดนอนอยู่เมื่อคืนก็พบว่ามีกระดาษแผ่นเล็กที่มีรูปแบบคุ้นตาวางอยู่ มันคือใบเสร็จและตั๋วแลกเงินจำนวน 31,600 เหรียญ ลงชื่อโดยริชาร์ด เงินจำนวนนี้มันมากจนถึงแม้นางจะใช้ชำระหนี้จนหมด นางก็จะยังมีเงินเหลือใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยที่เขตชายแดนนี้ไปได้อีกนานถึง 3 ปี

 

เงินจำนวนมหาศาลนั้นทำให้กระดาษแผ่นนี้หนักอึ้ง ถึงแม้นางกำลังถือกระดาษที่จะเปลี่ยนชีวิตนางไปตลอดกาลอยู่ในมือ ทว่าหัวใจของนางกลับมีแต่ความว่างเปล่า ขอบตาของนางร้อนผ่าว หยดน้ำตารื้นขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ ไหลลงอาบแก้ม นางไม่สามารถหยุดมันได้เลย

……

 

ก้อนเมฆบาง ๆ ก่อตัวขึ้นเหนืออ่าวโฟล แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาเป็นครั้งคราวทำให้คลื่นในทะเลกว้างนี้ดูระยิบระยับสวยงาม พื้นผิวที่จับตัวเป็นน้ำแข็งอาจละลายไปบ้างแล้วทว่าก็ยังมีแผ่นน้ำแข็งกระจัดกระจายส่องแสงริบหรี่ดึงดูดตาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์หลงเหลือให้ได้เห็น

 

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสลัวเนื่องจากขาดแสงอาทิตย์ สายลมพัดแรงและส่งความหนาวเย็นอย่างมาก  ลมแรงนี้พัดเสื้อคลุมยาวของริชาร์ดจนเปิดออกทำให้เขาตัวสั่นเทาเพราะความหนาวเย็นที่เข้ามาปะทะร่างกาย

 

ในเวลานี้เขายืนอยู่ริมทะเล หน้าผาที่อยู่ห่างเขาออกไปเพียงไม่กี่เมตรนั้นทอดยาวลึกลงไปในผืนน้ำ ระลอกคลื่นน้ำที่กระแทกเข้ากับโขดหินเป็นครั้งคราวก่อให้เกิดหยดน้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว แม้ว่าหน้าผานั้นจะสูงและชัน แต่คลื่นบางระลอกก็ซัดสูงจนสัมผัสกับฝ่าเท้าของเขาที่ยืนอยู่  เขายืนอยู่ห่างจากทะเลราว 20 เมตร และกำลังมองดูผืนน้ำที่นิ่งสงบทว่าบางทีนั้นมันก็ดูราวกับจะระเบิดออกมาเป็นครั้งคราวอย่างน่าตกใจ

 

‘ก้อนหิน’ ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาคือแนวปะการังสีเข้ม รอยแยกลึกมากมายถูกกัดเซาะโดยคลื่นทะเลและลมทะเล ดอกไม้ดอกเล็กสีขาวเติบโตเรียงรายอยู่ข้าง ๆ ก้อนหิน นี่เป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปในบริเวณอ่าวโฟล  เซซิเลียนมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบและอยู่ได้ตลอดทั้งปี แม้กระทั่งทางตอนเหนือที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเกือบทั้งปีก็ตาม ดอกไม้มากมายมักจะแข็งเป็นน้ำแข็งในตอนกลางคืน ทว่าเมื่อใดก็ตามที่น้ำแข็งเหล่านี้ละลาย พวกมันจะแตกกิ่งก้านและใบอ่อน ๆ ก่อนที่จะเติบโตอย่างมีชีวิตชีวา

 

ริชาร์ดเดินไปตามริมทะเลเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายและก้มลงเก็บดอกไม้ขึ้นมาบ้างเป็นครั้งคราว เขารวบรวมดอกไม้ได้เป็นช่อภายในเวลาสั้น ๆ แม้ว่าดอกไม้เหล่านี้จะไม่ได้ดูสวยงามมากนัก แต่เมื่อรวมกันเป็นช่อแล้ว สีขาวบริสุทธิ์นั้นก็ทำให้มันดูสวยงามขึ้นมาทันตา จากนั้นเขาได้ปีนป่ายขึ้นไปบนเขาลูกเล็กโดยปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงที่หมาย ทิวทัศน์ที่กว้างขวางนั้นทำให้เขามองเห็นส่วนเว้าโค้งที่ขอบอ่าว ส่วนข้างหลังของเขาคือหอคอยดีพบลูที่สูงตระหง่านสง่างาม

 

ลมทะเลที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเขาทำให้หนาวและเปียกไปหมด คลื่นเหล่านั้นร่ำร้องออกมาด้วยเสียงเบา ๆ ทว่าไม่มีใครบอกได้เลยว่าพวกมันกำลังพูดว่าอะไร

 

ริชาร์ดโน้มตัวและลงมือขุดดินเย็น ๆ นั้นด้วยมือ เขาสร้างหลุมขนาดเล็กเพื่อวางช่อดอกไม้เล็ก ๆ ไว้ข้างในและฝังกลบอย่างเบามือ เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นทันทีที่ยืนขึ้น เผชิญหน้ากับลมทะเล สูดหายใจเข้าปอด ในตอนนี้เขารู้สึกว่าแม้แต่กลิ่นคาวของปลาทะเลนั้นก็ล้วนแสดงให้เห็นถึงความงดงามของอ่าวโฟลนี้…

 

เขาหันหลังเตรียมตัวกลับ เสื้อคลุมเวทมนตร์สีเข้มพัดไปตามแรงลม สิ่งที่ถูกฝังไว้ตรงเนินเขานั้นคือความอ่อนหัด ความบริสุทธิ์ และความฝันอันสวยงามในวัยเด็ก…

 

เมื่อกลับมาถึงดีพบลู เขาก็รู้สึกว่าเขาได้กลับสู่สถานที่ที่คุ้นเคยมากที่สุด ในเวลานี้ตารางเรียนของเขาก็แน่นมากซะจนใครที่สังเกตการณ์อยู่ล้วนอยากที่จะขัดขวาง เอริน มินนี่ บลัดแพร์รอท และสตีเว่น… เมื่อนำเบาะแสทั้งหมดมารวมกัน ความจริงของเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผย เขาเชื่อว่าชารอนและเหล่าแกรนด์เมจเองก็มองเห็นความจริงนั้นเช่นกัน สำหรับตัวเขานั้นไม่มีความตั้งใจที่จะตั้งคำถามว่าพวกเขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรเพราะตอนนี้เขาพร้อมที่จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างและดื่มด่ำกับการเรียนรู้วิชาเวทมนตร์ของเขาต่อไป

 

เขาเข้าใจแล้วว่าทุกก้าวที่เขาจะย่างก้าวต่อไป ก็เพื่อโจมตีคู่ต่อสู้อย่างสตีเว่นและมินนี่ เส้นทางของการเป็นรูนมาสเตอร์นั้นยากลำบากและความจริงที่ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในดีพบลูที่จะสามารถก้าวไปในเส้นทางนั้นได้ยิ่งตอกย้ำเขา นี่เป็นการต่อสู้ที่จะไม่มีใครยอมแพ้ใครได้

 

ในหลายสถานการณ์ ความแข็งแกร่งนั้นจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีคู่ต่อสู้ให้เปรียบเทียบด้วย ยิ่งฝ่ายหนึ่งมีพลังมากเพียงใด อีกฝ่ายก็จะถือว่าอ่อนแอมากเท่านั้น เขาเข้าใจแล้วว่าอัตราการพัฒนาของเขาในหลากหลายสาขาของเวทมนตร์นั้นส่งผลให้คนอื่นร้อนเป็นไฟและสิ้นหวัง

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องการสมคบคิดสีเลือดในครั้งนั้นค่อย ๆ สาบสูญไปเป็นฝุ่นผงในประวัติศาสตร์ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ไม่มีแม้แต่ร่องรอยข่าวลือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นในดีพบลู ไม่มีนักเรียนของชารอนคนใดถูกสังหาร เหล่าเมจผู้คุมกฎก็ไม่ได้ยกเรื่องนั้นขึ้นมาพูดถึงอีก ไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยของเปลวไฟในส่วนลึกของตรอกนั้นราวกับมันเป็นเพียงรอยขีดข่วนที่ทำลายทรัพย์สินจากคนที่เตร็ดเตร่ผ่านมาเท่านั้น

 

แต่แน่นอนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลกระทบ ในความเป็นจริงแล้วผลที่จะเกิดขึ้นของการสบคบคิดนั้นเลวร้ายมาก ทว่าข้อมูลจะถูกรู้กันแค่ในกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น คนที่ซื้อขายข้อมูลนั้นมักระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอเพื่อไม่ให้อะไรที่ไม่ถูกไม่ควรหลุดออกไป พวกเขารู้ดีว่าอะไรขายได้ และอะไรจะนำหายนะมาถึงตัว เมื่อคนระดับสูงในดีพบลูไม่ได้สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เท่ากับว่าสิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แน่นอนว่าข้อมูลนั้นก็จะขายไม่ได้ไปโดยปริยาย

 

นับตั้งแต่คืนที่ขาดการติดต่อกับบลัดแพร์รอท สตีเว่นร้อนใจเป็นอย่างมาก ชีวิตประจำวันของริชาร์ดยังคงดำเนินต่อไปอย่างแม่นยำราวกับเครื่องจักร  กับดักทุกรูปแบบได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างไม่มีที่ติ และหากว่าแผนใดไม่ได้ผล แผนการต่อไปก็จะเริ่มขึ้นทันที

 

ทุกอย่างเริ่มขึ้นอย่างราบรื่น แผนการเองก็ค่อย ๆ ดำเนินไปตามที่วางไว้จนมาถึงเวลาที่บลัดแพร์รอทส่งสัญญาณว่าเป้าหมายได้เข้าสู่เขตแดนสังหาร

 

ส่วนต่อมาคือส่วนที่สตีเว่นภาคภูมิใจที่สุดในแผนการนี้ แผนการและพื้นที่ถูกจัดเตรียมมาอย่างดี มันสามารถป้องกันคนที่จะเข้ามาวุ่นวายในแดนสังหารได้ แต่หากเกิดเรื่องอื่นขึ้นโดยบังเอิญก็จะใช้คนเพิ่มอีก 7 คนในการจัดการเป้าหมาย แม้ว่าเป้าหมายจะเป็นเพียงแค่อโคไลท์ระดับ 3 ก็ตาม แต่เพราะฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่เป็นมือสังหารระดับที่มากกว่า 10 ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว

 

และแม้ว่าบลัดแพร์รอทจะเคยคัดค้านแผนการ หรือมีเรื่องค่าจ้างสูงลิ่วจากการใช้คนหลายคนนั้น อีกทั้งยังเรื่องการที่นักฆ่ารับจ้างแอบย่องเข้าไปในดีพบลูในเวลาสั้น ๆ อาจสร้างปัญหาได้ แต่ท้ายที่สุดบลัดแพร์รอทก็ยอมรับข้อเสนอนี้เพราะคนที่จ่ายเงินค่าจ้างนั้นยังไงก็เป็นเจ้านาย

 

จากรูปแบบการสังหารของบลัดแพร์รอทที่จัดการเป้าหมายได้โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น รวมถึงแผนการที่วางไว้อย่างดีนี้ เวลา 3 นาทีก็ถือว่าเพียงพอให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จแล้ว ไม่ว่าเป้าหมายจะระมัดระวังตัวมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็มันใจว่าริชาร์ดจะต้องถูกกำจัดในที่สุด

 

ระยะเวลา 3 นาทีนั้นเปรียบได้ว่าเป็นเวลาที่เท่ากับการลิ้มรสไวน์แดงเท่านั้น และนั่นคือสาเหตุที่สตีเว่นรินไวน์ที่เก่าแก่แก้วหนึ่งให้กับตนเอง เขานั่งริมหน้าต่าง ชื่นชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืนของอ่าวโฟล หมุนแก้วไวน์และดื่มช้า ๆ ไม่ว่าชื่อเสียงของคนแคระเกรย์นั้นจะแย่และถูกมองว่าโหดร้ายมากแค่ไหน แต่ไวน์ที่พวกเขาบ่มก็ช่างมีคุณภาพดีเสียจริง

 

สตีเว่นอดทนและมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้อย่างริชาร์ดได้ การทำอะไรอย่างระมัดระวังและรอบคอบนั้นไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ บลัดแพร์รอทเป็นแค่แอสซาซินเท่านั้น นางจะรู้หลักการของราชสีห์ได้อย่างไรหากยังใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการจัดการกับกระต่ายตัวเล็ก ๆ ?

 

ไม่นานนักเขาก็มองเห็นก้นแก้วของไวน์แก้วนั้น ทว่ายังไม่มีข่าวใด ๆ รายงานมาเลย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนั่งรอต่อไปอย่างใจเย็น และในขณะเดียวกันมินนี่ก็รินไวน์แก้วที่ 2 ให้กับเขา ซึ่งในครั้งนี้มันมีปริมาณเกือบถึงครึ่งแก้วเลยเลยทีเดียว

 

ไวน์ที่บ่มโดยคนแคระเกรย์แรงกว่าเหล้าบรั่นดีของมนุษย์เสียอีก ปริมาณครึ่งแก้วนั้นมากพอที่จะทำให้คนดื่มมึนเมากำลังดี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้สตีเว่นไม่ได้ดื่มเร็วนัก บลัดแพร์รอทเป็นคนรอบคอบและมักจะเก็บกวาดพื้นที่บริเวณนั้นโดยไม่หลงเหลือร่องรอยใด ๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป สตีเว่นคิดไม่ออกเลยว่าจะจัดการได้ยังไง

 

ใช้ตระกูลและพ่อของเขาอย่างนั้นหรือ ? นั่นดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน เลเจนดารี่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่านางไม่เกรงกลัวต่อชาโดว์แอนติเมจ และดยุกโซแลมก็ได้บริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้กับนางอย่างคาดไม่ถึง ทั้งหมดนั่นก็ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแล้ว

 

อย่างไรก็ตามหากเขาทำสำเร็จและไม่ถูกจับได้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จะไม่มีใครสงสัยรูนมาสเตอร์ที่มีพรสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องของคนที่ตาย และสำหรับตระกูลอาเครอนนั้น ตระกูลโซแลมของเขาจะเป็นฝ่ายที่จะรับมือกับพวกเขาต่อจากนี้เอง ขณะที่เขานั้นได้ประโยชน์โดยตรงโดยได้กำจัดดาวรุ่งที่กำลังเติบโตซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญให้พ้นทาง และหลังจากนั้นการรวมตัวกันของครอบครัวจะเป็นประโยชน์ต่อเขามากทีเดียว

 

บลัดแพร์รอทพาคนไปด้วยทั้งหมด 6 คน ไม่ว่าจะพิถีพิถันมากแค่ไหน การใช้คน 6 คนในการสังหารเมจอ่อนหัดคนเดียวก็คงใช้เวลาไม่มากไปกว่า 10 นาที ซึ่งระยะเวลา 10 นาทีนี้ก็เหมาะเจาะพอดีกับการลิ้มรสแอลกอฮอล์ครึ่งแก้ว ! แล้วทำไม… เพราะเหตุใด เขาจึงยังไม่ได้รับข่าวดีสักที ?…

Options

not work with dark mode
Reset