ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 181 สวัสดีสองพี่น้อง(1)

ตอนที่ 181 สวัสดีสองพี่น้อง(1)

ตอนที่ 181 สวัสดีสองพี่น้อง(1)

ตอนที่ 181 สวัสดีสองพี่น้อง(1)

เมื่อเห็นพ่อกับแม่ตัดสินใจจะออกเดินทางไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวว่าทั้งสองจะไม่ยอมไปแล้วต้องคอยกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกท่านในเมืองหลวง ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สรุปว่าทุกคนจะกลับไปด้วยกัน

ฉินมู่หลานที่อยู่ด้านข้างเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ค่ะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเก็บของกันเถอะค่ะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนี้ จึงรีบโบกมือให้ฉินมู่หลานทันที ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน เธอไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเก็บเอง ถ้าไม่ได้ก็ให้อาหลี่ช่วยจัดการ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดแบบเดียวกัน

“มู่หลาน คุณนั่งพักก็พอแล้ว”

ฉินมู่หลานเห็นว่าพวกเขารีบไปเก็บของกันแล้ว จึงยกยิ้มแล้วไม่ขัด แต่นั่งอยู่ตรงนี้ได้สักพัก เสิ่นหรูฮวนก็มาหา

เสิ่นหรูฮวนเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที “มู่หลาน ในที่สุดก็ได้เจอเธอแล้ว” ตอนแรกหล่อนอยากพุ่งเข้าสวมกอดเพื่อน แต่เมื่อเห็นว่าท้องอีกฝ่ายใหญ่ขนาดไหน จึงรีบยั้งตัวเองทันที เอ่ยพร้อมสีหน้าตกใจ “มู่หลาน ท้องของเธอใหญ่มากเลย”

ฉินมู่หลานเห็นเสิ่นหรูฮวนมาหา ก็ดีใจมาก

“หรูฮวน เธอมาได้ยังไงเหรอ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นหรูฮวนก็อดทำหน้ามุ่ยไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าพ่อของฉันไม่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองของตระกูลเหยา ก็คงไม่รู้ว่าเธอมาปักกิ่ง แล้วยังไม่รู้ด้วยว่าที่แท้พวกเธอเป็นคนตระกูลเหยา”

เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนทำหน้ามุ่ยแบบนั้น ฉินมู่หลานก็รีบอธิบายทันที “หรูฮวน อย่าทำหน้าแบบนี้เลย มันไม่เหมาะกับเธอเลยนะ” เสิ่นหรูฮวนผู้สวยงามเรียบร้อยไม่เหมาะกับการทำอะไรน่ารักแบบนี้เลย เพียงแต่เมื่อเสิ่นหรูฮวนทำท่าทางเช่นนี้ ก็รู้สึกห่างไกลจากคำว่าเรียบร้อยนิดหน่อย โนเวลพีดีเอฟ

เมื่อได้ยินฉินมู่หลานเรียกร้อง เสิ่นหรูฮวนจึงอดไม่ได้ที่จะพูด “ก็ได้ ฉันจะพยายามรักษาท่าทางเรียบร้อยของตัวเองแบบนี้เอาไว้”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงอดหัวเราะไม่ได้ “แบบนี้ไม่จำเป็นหรอก”

“ฮ่าๆๆ…ฉันล้อเธอเล่นน่ะ ช่วยไม่ได้นี่นา ใครใช้ให้ฉันเป็นคนน่ารักกันล่ะ” เสิ่นหรูฮวนก็หัวเราะขึ้นมาเหมือนกัน ชณะเดียวกันก็นำกล่องของขวัญที่เธอนำมายื่นไปให้ “มู่หลาน ฉันซื้อของอร่อยมาให้ ได้ยินมาว่าคนท้องจะหิวบ่อย ฉันก็เลยซื้อมาให้เธอเยอะมากเลย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณนะหรูฮวน พรุ่งนี้พวกเราจะกลับกันพอดี จะได้เอาไปกินระหว่างเดินทาง”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินสิ่งนี้ จึงหันมองด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน พรุ่งนี้เธอจะกลับแล้วเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว อาหลี่หยุดงานมาหลายวันแล้ว พวกเราจึงต้องกลับไปแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นหรูฮวนเอ่ยอย่างนึกเสียดาย “ตอนแรกฉันว่าจะมาหาเธอทุกวัน แบบนั้นไม่ได้แล้วสินะ”

หลังจากพูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหรูฮวนก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานด้วยท่าทางเขินอาย “เธอฝากจดหมายของฉันไปให้ซวี่ตงได้ไหม?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้ม “เรื่องนั้นต้องได้อยู่แล้ว เธอเขียนจดหมายหรือยัง?”

“ยังเลย ฉันไม่รู้ว่าเธอจะกลับพรุ่งนี้”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เขียนตอนนี้เลยเถอะ”

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้”

หลังจากฉินมู่หลานนำกระดาษกับปากกาออกมา เสิ่นหรูฮวนก็เริ่มเขียนทันที

คู๋รักหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มคบหาดูใจกัน แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะพูดคุยกัน ดังนั้นเนื้อหาในจดหมายของเสิ่นหรูฮวนจึงค่อนข้างหนา สุดท้ายก็ยื่นส่งมอบไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นฉันฝากเธอเอาไปให้ซวี่ตงหน่อยนะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ได้ ฉันจะเอาจดหมายของเธอไปให้เองกับมือเลย”

พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “หรูฮวน พ่อแม่ของพวกเธอทั้งคู่รู้เรื่องของพวกเธอไหม?”

“ฉันบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ฉันแล้ว ส่วนทางฝั่งซวี่ตงฉันไม่รู้ เราไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ครั้งก่อน ไม่ค่อยได้ติดต่อกันมากนัก ฉันจึงยังไม่ได้ถามเขาเรื่องนี้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เอาไว้เดี๋ยวฉันจะถามให้เธอเอง”

เสิ่นหรูฮวนรีบพยักหน้าทันที “ได้เลยมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนเธอแล้ว”

เมื่อพูดถึงฟู่ซวี่ตง ฉินมู่หลานเคยได้ยินว่าเขามีน้องชายอีกหนึ่งคน “เหมือนว่าซวี่ตงจะมีน้องชายอีกคนที่อายุห่างจากเขาหนึ่งปีนะ”

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ฟู่ซวี่ตงมีน้องชายหนึ่งคนชื่อฟู่ซวี่เป่ย ตอนนี้ทำงานอยู่ในแผนกตุลาการ” ทุกคนล้วนมาจากปักกิ่ง เสิ่นหรูฮวนจึงเคยได้ยินเรื่องของตระกูลฟู่มาบ้างอยู่แล้ว หล่อนโน้มตัวไปหาฉินมู่หลานพลางเอ่ยกระซิบ “ได้ยินมาว่าพ่อกับแม่ของซวี่ตงชอบน้องชายมากกว่าเขา ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”

ฉินมู่หลานส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ เดี๋ยวต้องลองไปถามอาหลี่ ดูเหมือนเขาจะพอรู้”

“อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ มีหลายคนเคยพูดแบบนี้ และฉันเองก็เคยได้ยินมา ว่าตระกูลฟู่อยากให้ฟู่ซวี่ตงเดินเส้นทางเดียวกันกับน้องชายของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฟู่ซวี่ตงถึงออกจากเมืองหลวง แล้วไปเข้าร่วมกองทัพแทน”

ฉินมู่หลานไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย จึงหารือกับเสิ่นหรูฮวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้

เสิ่นหรูฮวนรู้ไม่ค่อยมากนัก หลังจากพูดอยู่ไม่กี่คำก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และเห็นว่าใกล้ถึงเวลากินข้าวเย็นแล้ว จึงเตรียมบอกลาเพื่อจะกลับบ้าน

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้นจึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ “หรูฮวน อยู่กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ”

เสิ่นหรูฮวนรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย เพราะหล่อนไม่เคยมาที่บ้านตระกูลเหยาเลย จึงไม่สนิทชิดเชื้อกับตระกูลเหยา แต่เมื่อคิดว่าฉินมู่หลานกับคนอื่นจะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว สุดท้ายหล่อนจึงยอมพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับหลังจากกินข้าวเสร็จนะ”

ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ลุงเหยาก็เดินเข้ามา ขณะเดียวกันก็พาเจี่ยงสือเหิงเข้ามาด้วย

ฉินมู่หลานเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงมาหา แววตาจึงรู้สึกประหลาดใจ “พ่อบุญธรรม มาได้ยังไงคะ”

เจี่ยงสือเหิงเห็นลูกสาวบุญธรรม สีหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พ่อมาหาลูกน่ะ รู้มาว่าพวกลูกจะไปกันพรุ่งนี้แล้ว โชคดีที่พ่อมา ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกจะกลับไป”

“พ่อบุญธรรมคะ ตอนแรกหนูว่าจะให้คนไปส่งข่าวให้ทราบช่วงบ่ายนี้ ไม่คิดว่าพ่อจะมาด้วยตัวเองเลย”

“ก็เราสองพ่อลูกสนิทกันนี่นา”

เจี่ยงสือเหิงหัวเราะแล้วพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พรุ่งนี้จะกลับกันแล้ว จัดของเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“แม่กับอาหลี่กำลังจัดการเก็บของค่ะ น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอีกครั้ง “มู่หลาน ลูกกลัวหรือเปล่า”

ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงส่ายหัวพลางยกยิ้มแล้วเอ่ยบอก “พ่อบุญธรรมวางใจได้เลยค่ะ เมื่อวานฉันไม่ได้ออกไปข้างนอก จึงไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้วค่ะ”

เจี่ยงสือเหิงทราบอยู่แล้วว่าฉินมู่หลานไม่ได้ออกไปข้างนอก เป็นเพราะว่าฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ จึงเกรงว่าจะเกิดคิดมากแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงมาหาด้วยตัวเอง

เสิ่นหรูฮวนยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”

ฉินมู่หลานไม่มีอะไรต้องปิดบังเสิ่นหรูฮวนเหมือนกัน จึงเอ่ยเล่าอย่างกระชับสั้นได้ใจความว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากนั้นก็กล่าวต่อ “เซี่ยเจ๋อน่าเกือบจะฆ่าแม่สามี สุดท้ายกรรมก็สนองคืนหล่อน หล่อนได้รับบาดเจ็บและยังคงหลับไหลไม่ได้สติ โชคดีที่คุณตากับคุณยายจะคอยช่วยดูแลต่อให้ พรุ่งนี้พ่อกับแม่สามีจะกลับไปพร้อมกับพวกเรา สาเหตุหลักก็มาจากเราไม่วางใจให้พวกเขาอยู่ตามลำพัง”

หลังจากเสิ่นหรูฮวนได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานเล่า ก็รู้สึกหวาดกลัวไปครู่หนึ่ง

“มู่หลาน โชคดีที่เมื่อวานเธอไม่ได้ออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นด้วยท้องโตขนาดนี้ หากโดนชนเข้าคงเกิดอันตรายแน่”

เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วมู่หลาน ลูกควรอยู่แต่ในบ้านให้บ่อยขึ้น ออกไปข้างนอกให้น้อยลง”

ฉินมู่หลานทราบถึงเจตนาดีของพวกเขา จึงพยักหน้าเป็นธรรมดา

ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกัน เซี่ยเหวินปิง เหยาจิ้งจือ สองสามีภรรยาและเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกมา เมื่อเห็นว่ามีแขกมาหา พวกเขาจึงรีบเอ่ยทักทายทันที “อ้าว ญาติเจ้าสาว ทำไมถึงมาที่นี่กัน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ดอกรักเริ่มผลิบาน ฝั่งคุณหนูเสิ่นมีใจให้แล้ว เหลือฝั่งซวี่ตงแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset