ทะลุมิติทั้งครอบครัว 268-2 นี่ข้าเอง / 269 เจ้าเป็นคนเขียนจดหมายนี่รึ

ตอนที่ 268-2 นี่ข้าเอง / ตอนที่ 269 เจ้าเป็นคนเขียนจดหมายนี่รึ

ตอนที่​ 268-2 นี่​ข้า​เอง​

จากนั้น​ก็​โยน​ผ้า​ใน​มือ​ที่​ใช้มัด​ฝาเข่ง​ ดึง​ตัว​น้องชาย​เข้ามา​ “ท่าน​แม่ เอา​หวี​ไม้ให้​ข้า​ ข้า​จะหวี​ผม​ให้​เขา​”

ซ่งฝูห​ลิง​จะหวี​ผม​ทรง​อะไร​ให้​เฉียน​หมี่​โซ่ว​กัน​นะ​

“ทรง​มังกร​น้อย​”

บน​ศีรษะ​มีเขา​เล็ก​ๆ สอง​เขา​

“ไอ๊ห​ยา​ ท่าน​พ่อ​ ท่าน​แม่ ดู​สิ สนุก​จริงๆ​ ไว้​วันหลัง​ท่าน​แม่ทำ​หาง​เล็ก​ๆ ติด​กางเกง​ให้​เขา​ด้วย​สิ”

น่าสนุก​ ไม่สิ ดูดี​ เหมือน​เด็กผู้หญิง​ที่​หน้าตา​จิ้มลิ้ม​

ซ่งฝูเซิงยืน​อยู่​ตรง​ประตู​ห้อง​ ยิ้ม​พลาง​มอง​เฉียน​เพ่​ย​อิง​พา​เฉียน​หมี่​โซ่ว​เดินลง​ไป​ โดยเฉพาะ​ตอนที่​สายตา​มอง​เฉียน​หมี่​โซ่ว​ ถึงกับ​หัวเราะ​ออกมา​พลาง​เอ่ย​ “เจ้าเด็ก​คน​นี้​ยัง​รู้จัก​ใส่เสื้อ​ที่​เขา​หวง​ที่สุด​ออกมา​ด้วย​นะ​”

ใช่ หมี่​โซ่ว​ชอบ​เสื้อกันหนาว​ตัว​นี้​มาก​เป็นพิเศษ​

ถึงแม้ว่า​มัน​จะไม่ใช่ผ้า​ทอ​ชั้นดี​ แต่​ใน​สายตา​ของ​หมี่​โซ่ว​ เขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​ได้​สวมใส่​เสื้อผ้า​ที่​ดีกว่า​เด็ก​คนอื่น​

และ​ประสิทธิภาพ​ก็​ดีมาก​จริงๆ​

พอ​ฟ้าสว่าง​แล้ว​ผู้คน​ก็​เต็ม​ท้องถนน​ มีผู้ใหญ่​หลาย​คน​ที่​พา​เด็ก​ออกมา​ข้างนอก​ สายตา​ที่​มอง​มายัง​หมี่​โซ่ว​ หลัก​ๆ คือ​การ​แต่งตัว​แบบ​นั้น​ จะว่า​ไป​ก็​ดู​ประหลาด​นัก​ แต่​ก็​ดู​น่ารัก​ชวนมอง​มาก​จริงๆ​ อีก​ทั้ง​ยัง​สะดวก​ เหมาะกับ​เด็กน้อย​ที่​ชอบ​กระโดดโลดเต้น​

หมี่​โซ่ว​ใส่อะไร​น่ะ​หรือ​

อันที่จริง​ก็​แค่​ชุด​เล่น​สกี​แบบ​ยุค​สมัยปัจจุบัน​

ข้างใน​บรรจุ​ฝ้าย​ สีคราม​แบบ​ท้องฟ้า​

ผ้าฝ้าย​แท้​สีคราม​นี้​ เฉียน​เพ่​ย​อิง​ทำ​มาจาก​ผ้า​ปู​เตียง​ที่อยู่​ใน​พื้นที่​พิเศษ​

ปลาย​กางเกง​ผ้าฝ้าย​เฉียน​เพ่​ย​อิง​เอา​เชือก​ร้อย​ไว้​ เวลา​ถอด​ก็​แค่​คลาย​เชือก​ออก​ เวลา​ใส่เสร็จ​ก็​เอา​เชือก​มัด​ตรงนั้น​ไว้​ ลม​จะได้​ไม่เข้าไป​ใน​กางเกง​ จากนั้น​ก็​ใส่รองเท้า​บู๊ท​หนัง​กวาง​ทับ​ แบบนี้​ก็​จะยิ่ง​อุ่น​ขึ้น​มิใช่หรือ​

เสื้อกันหนาว​ที่​สวม​ทับ​ด้านบน​ก็​เป็น​แบบ​เดียว​กับ​เสื้อ​ขน​เป็ด​ มีหมวก​แบบ​สมัยใหม่​

ชุด​นี้​เฉียน​เพ่​ย​อิง​ลงแรง​ไป​มาก​ ฝีมือ​เย็บ​ปัก​ของ​นาง​ไม่ดี​ เย็บ​แค่นี้​ต้อง​ทำ​ถึงขั้น​แอบ​ขโมย​วิชา​ของ​ผู้หญิง​คนอื่น​เวลา​เย็บผ้า​ว่า​ทำ​อย่างไร​ พอ​ทำ​เสร็จ​ก็​กลายเป็น​ของรักของหวง​ของ​หมี่​โซ่ว​ มีหรือ​จะให้​เอา​มาใส่ตอน​อยู่​บ้าน​ เด็ก​คน​นี้​ก็​เสียดาย​ไม่กล้า​เอา​มาใส่เหมือนกัน​ บอ​กว่า​จะรอ​ช่วง​ปีใหม่​ มิฉะนั้น​ท่าน​ป้า​ยัง​ต้อง​ทำให้​เขา​อีก​ มัน​เหนื่อย​

นึกไม่ถึง​ว่า​วันนี้​จะใส่ออกมา​

วันนี้​ไม่เพียงแต่​เฉียน​หมี่​โซ่วจะ​ใส่เสื้อกันหนาว​กับ​กางเกง​ที่​มีความ​สมัยใหม่​มาก​ๆ เขา​ยัง​เอา​ผ้า​ปิดปาก​ออกมา​ด้วย​ ไม่อย่างนั้น​จะพูด​หรือว่า​เด็ก​คน​นี้​ไม่ได้​โง่เลย​สักนิด​

ผ้า​ปิดปาก​ก็​มีความ​แปลก​

ไม่ได้​จงใจแปลก​ เพราะ​สมัยก่อน​ใช้ได้​แค่​ดอก​ฝ้าย​กับ​ผ้าฝ้าย​เอา​มาทำ​ผ้า​ปิดปาก​ ไม่เหมือน​สมัยนี้​ที่​มีตัวเลือก​เยอะ​ แต่​เอา​ดอก​ฝ้าย​มาทำ​มัน​ก็​จะกลิ้ง​ไปมา​อยู่​ใน​นั้น​ได้เวลา​ใช้ไป​เรื่อยๆ​ อีก​ทั้ง​ไม่มีจักรเย็บผ้า​ให้​เย็บ​ติดกัน​

เฉียน​เพ่​ย​อิง​จึงให้​ซ่งฝูเซิงเขียน​อักษร​ ‘เฉียน’​ ‘หมี่​’ ‘โซ่ว’​ แบบ​โบราณ​ สุดท้าย​ก็​เลือก​อักษร​ ‘หมี่​’ เพราะ​อักษร​ ‘เฉียน’​ กับ​ ‘โซ่ว’​ มีจำนวน​ขีด​เยอะ​เหมือนกับ​อักษร​แบบ​ปัจจุบัน​

จากนั้น​ก็​ใช้ด้าย​สีปัก​อักษร​หมี่​ลง​บน​ผ้า​ปิดปาก​

ทั้ง​จำง่าย​ ดอก​ฝ้าย​ก็​ไม่เคลื่อน​ไปมา​อยู่​ข้างใน​ด้วย​

เอา​แค่​ภาพลักษณ์​ของ​หมี่​โซ่ว​ในเวลานี้​ที่​เดิน​อยู่​บน​ถนน​ ใส่หน้ากาก​ที่​ปัก​อักษร​ ‘หมี่​’ อยู่​ใน​ชุด​ผ้าฝ้าย​สีคราม​ทั้งตัว​ เท้า​ใส่รองเท้า​บู๊ท​ ทั้ง​ยัง​ดึง​มือ​เฉียน​เพ่​ย​อิง​อย่าง​ร่าเริง​เพื่อให้​ร้องเพลง​เข้าคู่​กับ​เขา​ “ท่าน​กลับ​สะบัด​แขน​เสื้อ​พูด​กับ​ข้า​รึ​”

เฉียน​เพ่​ย​อิง​รู้​ว่า​นี่​เป็น​เพลง​ของ​จอม​ยุทธ์​เส้าหลิน​ หมี่​โซ่ว​เรียนรู้​มาจาก​พี่สาว​ ต้องการ​ให้​นาง​เล่น​เป็น​อาจารย์​ นาง​จำต้อง​พูด​อย่าง​จนปัญญา​

“รีบ​ไป​ฝึก​ได้​แล้ว​”

“ได้​เลย​ขอรับ​ จอม​ยุทธ์​ฝึกฝน​สิบ​ปี​เพื่อ​อยู่​ใน​สนาม​ต่อสู้​ไม่กี่​นาที​ ความลำบาก​ความเหงา​ใคร​เล่า​จะเข้าใจ​ หวด​หมัด​ทะลวง​ไป​ใน​สายล​ม…”

เขา​ยัง​ทำท่า​ประกอบ​อีกด้วย​ เหวี่ยง​หมัด​น้อย​ๆ ของ​ตัวเอง​

ลู่​พั่น​ขี่ม้า​ผ่าน​มา อยาก​จะไม่สนใจ​ยัง​ยาก​

ถนนหนทาง​แบบ​โบราณ​ อีก​ทั้ง​ข้างทาง​ยังมี​หิมะ​ขาวโพลน​

เด็กน้อย​ที่อยู่​ใน​ชุด​สีคราม​ทั้งตัว​ หันหน้า​ฟึ่บฟั่บ​ เหวี่ยง​หมัด​เป็น​ท่วงท่า​ ดูเหมือน​ปาก​ก็​พึมพำ​บางอย่าง​ไป​ด้วย​อย่าง​ฮึกเหิม​ ใต้​ดวงตา​ที่​มีชีวิตชีวา​คู่​นั้น​มีอักษร​หมี่​ปรากฏ​อยู่​บน​ผ้า​ที่​ปกปิด​ใบหน้า​

ลู่​พั่น​ส่งสัญญาณให้​คน​จูงม้าลด​ความเร็ว​ลง​

เสียง​ฝีเท้า​ม้ากับ​ๆ ดูเหมือน​จะใกล้​เข้ามา​เรื่อยๆ​

“ย้า!”​ ทันใดนั้น​หมี่​โซ่ว​ก็​หยุด​เท้า​ ดวงตา​มีทั้ง​ความตกใจ​ หวาดกลัว​ จากนั้น​ก็​ตื่นเต้น​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ เขา​รีบ​ดึง​ถุงมือ​ออก​ มือ​น้อย​ๆ ชี้ไป​ทาง​ลู่​พั่น​พลาง​ตะโกน​ตาม​สัญชาตญาณ​ “พี่​แม่ทัพ​เล็ก​”

เคย​บอก​ไป​แล้ว​ว่า​ไม่ใช่พี่​แม่ทัพ​เล็ก​ ก็​ยัง​คงจะ​เรียก​แบบ​นั้น​อีก​

ผ้า​ปิดปาก​ช่างเกะกะ​เหลือเกิน​ หมี่​โซ่ว​ดึง​ผ้า​ปิดปาก​ออก​อีก​ชิ้น​ กลัว​ว่า​พี่ชาย​จะจำไม่ได้​แล้ว​จากไป​ เผย​ให้​เห็น​ใบหน้า​ขาว​ใส เขา​ยื่นมือ​น้อย​ๆ ออก​ไป​ “พี่​แม่ทัพ​เล็ก​ ข้า​เอง​ ข้า​เอง​ ข้า​เฉียน​หมี่​โซ่ว​ไง”

จำได้​แล้ว​ ลู่​พั่น​พูด​ใน​ใจ

เขา​นั่ง​อยู่​บน​ม้าตัว​สูงใหญ่​ พยักหน้า​ให้​เฉียน​หมี่​โซ่ว​ท่ามกลาง​สายตา​ตกใจ​ของ​บรรดา​บ่าว​รับใช้​ จากนั้น​ถึงได้​บอก​ให้​คน​จูงม้าคลาย​เชือก​ แตะ​ท้อง​ม้าเบา​ๆ แล้ว​ออก​ไป​จาก​ตรงนั้น​

“ท่าน​ป้า​ๆ พี่​แม่ทัพ​เล็ก​จำข้า​ได้​ด้วย​”

“ใช่จ้ะ ดีใจ​ไหม​ ป้า​เห็น​แล้ว​เหมือนกัน​ เขา​พยักหน้า​ให้​เจ้าด้วย​นะ​ ไม่ได้​พยักหน้า​ให้​ป้า​”

“เขา​ไม่รู้จัก​ท่าน​ป้า​ ถ้ารู้จัก​ก็​คง​พยักหน้า​ให้​ท่าน​ป้า​ด้วย​ พี่​แม่ทัพ​เล็ก​เป็น​คน​ดีมาก​” จากนั้น​ก็​เหมือน​วิญญาณ​เด็ก​เจื้อยแจ้ว​เข้าสิง​ พูด​กับ​เฉียน​เพ่​ย​อิง​ตลอดทาง​ ตื่นเต้น​มาก​กับ​การ​ที่​ลู่​พั่น​พยักหน้า​ให้​เขา​

เมื่อ​ไป​ถึงหน้า​ร้าน​ขาย​ขนม​เขาย​ังพูด​อี​กว่า​ “แย่​แล้ว​ ทำไม​ข้า​ไม่เรียก​เขา​ไว้​นะ​ น่าจะ​เอา​ขนมเค้ก​ให้​พี่​เขา​ก้อน​หนึ่ง​”

เฉียน​เพ่​ย​อิง​ไม่สนใจ​ นาง​หันไป​กลั้น​หัวเราะ​ ยัง​จะให้​ขนมเค้ก​ด้วย​ เจ้านี่​ช่างใจกว้าง​เหลือเกิน​ วันนี้​พี่สาว​กับ​ท่าน​ลุง​ของ​เจ้ายัง​จะไม่พอให้​คน​ที่​จ่าย​เงิน​จอง​ไว้​เลย​ด้วยซ้ำ​

“เอา​ขนม​ซูถัง[1]ห้า​จิน​[2]จ้ะ” เฉียน​เพ่​ย​อิง​พูด​กับ​คน​ขาย​

นาง​คิด​ว่า​ซื้อ​ขนม​เยอะ​หน่อย​จะได้​เอา​กลับ​ไป​แจก​พวก​เด็ก​ๆ พวก​นาง​เอา​นม​มาหาเงิน​ แต่กลับ​ทำให้​เด็ก​ๆ ไม่ได้​กิน​นม​ ซื้อ​ขนม​ไป​ให้​เด็ก​ๆ กิน​เล่น​บ้าง​

“ท่าน​ป้า​ ท่าน​ว่า​พี่​แม่ทัพ​เล็ก​เคย​กิน​ขนมเค้ก​หรือไม่​”

พอได้​แล้ว​ ยัง​จะคิดถึง​เขา​อยู่​อีก​

ณ จวน​กั๋วกง​

วันนี้​ซุ่นจื่อ​ไม่ได้​ตาม​ลู่​พั่น​ออก​ไป​ด้วย​ เป็น​เสี่ยว​เฉวียน​จื่อ​ที่​ติดตาม​ไป​

พอ​ลู่​พั่น​เข้าไป​ใน​ห้องโถง​ก็​หน้า​นิ่ว​ ชี้ไป​ยัง​ขนมเค้ก​สิบ​หก​นิ้ว​ที่​เต็มไปด้วย​มวล​บุปผา​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​ นี่​มัน​ก้อน​อะไร​กัน​

ตอนที่​ 269 เจ้าเป็น​คน​เขียนจดหมาย​นี่​รึ​

แย่​แล้ว​ๆ

ซุ่นจื่อ​รีบรุด​ไป​ยัง​ห้องโถง​

เหตุใด​คุณชาย​ถึงกลับมา​เร็ว​ เขา​ยัง​ไม่ได้​จัดเก็บ​ให้​เรียบร้อย​ ยัง​ไม่ได้​จัดวาง​ให้​เข้าที่​เลย​นะ​

ต้อง​ทราบ​ก่อน​ว่า​คุณชาย​ของ​บ้าน​เขา​เป็น​คน​ที่​มีระเบียบ​ สถานที่​กินข้าว​ก็​คือ​เอาไว้​กินข้าว​ ยาม​ป่วย​ก็​ยัง​ต้อง​พา​ตัวเอง​ใน​สภาพ​ป่วย​ไป​กินข้าว​ที่​ห้องอาหาร​

ยาม​กิน​ของว่าง​ก็​ต้อง​กิน​ตอนที่​ถึงเวลา​กิน​ของว่าง​ ยกตัวอย่างเช่น​ ถ้ากิน​ตอน​ยาม​เห​ม่า[3]ก็​จะไม่มีทาง​ไป​กิน​ตอน​ยาม​เฉิน[​4]อย่าง​เด็ดขาด​ ห้าม​เปลี่ยนแปลง​ส่งเดช​

สรุป​ว่า​ดูเหมือน​เขา​จะซวย​เข้า​แล้ว​

แต่​เมื่อ​ครู่​เขา​ไม่ได้​ตั้งใจ​จริงๆ​ แค่​เปิด​ดู​ของว่าง​ออกมา​ชื่นชม​เล็กน้อย​ก็​ถูก​เหล่า​ฮูหยิน​เรียก​ไป​ถามบางอย่าง​ ทำให้​เสียเวลา​ไป​

“คุณชาย​”

ลู่​พั่น​ชี้ ‘มวล​บุปผา​’ ความหมาย​ชัดเจน​แจ่มแจ้ง มาจาก​ไหน​ ก้อน​อะไร​ ใคร​ให้​เจ้านำมา​วาง​ตรงนี้​

ซุ่นจื่อ​รีบ​เข้าไป​ชิงตอบ​ก่อนที่​ลู่​พั่น​จะสั่ง “ไป​รับโทษ​โบย​สิบ​ที​”

“คุณชาย​ขอรับ​คุณชาย​ คุณหนู​สามสั่งให้​คน​นำมา​ให้​ สิ่งนี้​เรียก​ว่า​ขนมเค้ก​ ขนม​ขอรับ​ กิน​แล้ว​จะมีความสุข​ คุณชาย​ฟังแล้ว​รู้สึก​ไพเราะ​ไหม​ขอรับ​ ส่งมาแค่​สามก้อน​ให้​เหล่า​ฮูหยิน​ ฮูหยิน​ และ​คุณชาย​ขอรับ​ อีก​ทั้ง​เมื่อ​ครู่​บ่าว​ไป​ที่​เหล่า​ฮูหยิน​ ฮูหยิน​ก็​อยู่​ด้วย​ บ่าว​เห็น​ขนมเค้ก​ของ​เหล่า​ฮูหยิน​กับ​ฮูหยิน​ ของ​เหล่า​ฮูหยิน​เป็น​รูป​ท้อ​มงคล​ สวยงาม​มาก​ขอรับ​ ของ​ฮูหยิน​เป็น​เส้น​หลาก​สี ถึงแม้จะดู​งดงาม​ไม่แพ้​กัน​ แต่​บ่าว​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่า​ขนม​ของ​คุณชาย​โดดเด่น​ชวนมอง​มาก​ที่สุด​ขอรับ​ คุณชาย​ดู​สิขอรับ​ ดอกไม้​มากมาย​เพียงนี้​ เบ่ง​บานสะพรั่ง​”

ลู่​พั่น​ เจ้าพูดจา​เหลวไหล​อะไร​อยู่​

ซุ่นจื่อ​ ไม่รู้​ล่ะ​ ขอ​แค่​ไม่โดน​โบย​ เขา​สามารถ​พูดเหลวไหล​ได้​ทั้งวัน​

ซุ่นจื่อ​กลืนน้ำลาย​อึก​ใหญ่​เดิน​ขึ้นหน้า​ บากหน้า​พูด​ต่อไป​

“วันนี้​คุณหนู​สามมีตรวจ​บัญชี​ร้าน​ที่​ได้​ตอน​ออกเรือน​ มีธุระ​จึงกลับมา​ไม่ได้​

คุณหนู​สามเอง​ก็​คิดถึงบ้าน​มาก​ จึงส่งขนมเค้ก​ที่​ช่วงนี้​กำลัง​เป็นที่นิยม​มาให้​ สินค้า​ใหม่​ของ​ร้าน​อี​ผิ่นเซวียน​ขอรับ​

ของ​คุณชาย​ได้ยิน​ว่า​เป็น​แบบ​ที่​คุณหนู​สามชอบ​ที่สุด​ นาง​จึงส่งมาให้​คุณชาย​ หวัง​ว่า​คุณชาย​จะกิน​ให้​มาก​ๆ ขอรับ​

ขนมเค้ก​นี้​กิน​ได้​ตั้งแต่​ดอกไม้​จนถึง​ข้างล่าง​ คุณชาย​ลอง​ชิมดู​นะ​ขอรับ​ บ่า​วจะ​ไป​เรียก​มู่จิ่น​มาตัด​ คุณชาย​?”

“อี​ผิ่นเซวียน​รับ​พ่อครัว​ขนม​เข้ามา​ใหม่​รึ​” ลู่​พั่น​ตวัด​มือ​ให้​เสี่ยว​เฉวียน​จื่อ​ออก​ไป​ ไม่ต้อง​อยู่​รับใช้​ เขา​ถอด​เสื้อ​ตัว​นอก​ออก​เอง​

“หืม?”​ ซุ่นจื่อ​กลอกตา​ครุ่นคิด​แล้ว​ตอบ​ “ไม่ได้ยิน​มานะ​ขอรับ​ ดูเหมือน​จะไม่ใช่”

ถ้าเช่นนั้น​ก็​เป็นการ​ได้​ชิมของ​ใหม่​

เกรง​ว่า​จะเป็น​ ‘สินค้า​ใหม่​’ ที่​ร้าน​อี​ผิ่นเซวียน​รับ​มาขาย​อีกแล้ว​

สินค้า​ใหม่​แบบนี้​ก็​กล้า​นำมา​ขาย​ส่งเดช​

คน​หนึ่ง​กล้า​ขาย​ อีก​คน​ก็​กล้า​ซื้อ​

พี่​สามของ​เขา​ก็​ไม่คิดดู​เสีย​บ้าง​ว่า​ คน​ทำ​ขนม​อาศัย​อยู่​ที่ใด​ เป็น​คน​ที่ไหน​ คน​ทำ​ขนม​มีจุดประสงค์​อะไร​แอบแฝง​ ยัง​จะกล้า​ซื้อ​ของ​กินที่​ใคร​ก็​ไม่รู้​ทำ​กลับมา​ อีก​ทั้ง​ยัง​กล้า​ส่งมาให้​ท่าน​ปู่​ท่าน​ย่า​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่กิน​

แล้ว​ยัง​…

เขา​กวาดตา​สำรวจ​ ‘กล่อง​’ ใส่ขนมเค้ก​ที่​ซุ่นจื่อ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เก็บ​ไป​

ลู่​พั่น​แสยะ​ยิ้ม​ หยิบ​ฝาชะลอม​ขึ้น​มา “ใช้สิ่งนี้​ใส่มา ยัง​จะบอ​กว่า​เป็น​ที่สุด​ของ​เมือง​อีก​รึ​” ทันใดนั้น​สายตา​ของ​เขา​ก็​เปลี่ยนไป​

ปฏิกิริยา​แรก​หลังจาก​เห็น​จดหมาย​ที่​ติด​อยู่​บน​ฝาชะลอม​ ลู่​พั่น​ก็​คิด​ไป​ใน​ทาง​ไม่ดีแล้ว​

คิด​ว่า​คน​ผู้​นี้​มีจุดประสงค์​แอบแฝง​ ต้องการ​ส่งจดหมาย​ฉบับ​นี้​ผ่าน​ทาง​ ‘สินค้า​ใหม่​’ ที่ว่า​นี้​

ถึงขนาด​ที่ว่า​มีความเป็นไป​ได้ที่​จดหมาย​ฉบับ​นี้​มาจาก​อ๋อง​คนอื่นๆ​ ที่​ใช้ให้​คน​เอา​มาส่ง ก็​ไม่รู้​ว่า​เป็น​ฝีมือ​ของ​ท่าน​อ๋อง​คน​ไหน​

จาก​การ​วิเคราะห์​นิสัย​พี่​สามของ​เขา​ ใช้เงิน​สุรุ่ยสุร่าย​ ชอบ​ของ​แปลกใหม่​ทุกอย่าง​ พี่เขย​ก็ดี​ต่อ​นาง​มาก​เหลือเกิน​ นอกจากนี้​พี่​สามยังมี​นิสัย​แบบ​คุณหนู​ที่​ครอบครัว​มีแต่​ผู้หญิง​มาตลอด​ ทำ​อะไร​ก็​ยึด​เอา​ความสนุก​เป็นหลัก​ อีก​ทั้ง​ใน​ใจให้​ครอบครัว​ตัวเอง​เป็น​ที่หนึ่ง​ ครอบครัว​สามีเป็น​ที่สอง​ ซื้อ​อะไร​ใหม่​ๆ ก็​ต้อง​ส่งมาให้​ทางบ้าน​ของ​ตัวเอง​

จากนั้น​คน​ผู้​นั้น​ก็​วางแผน​เช่นนี้​เพื่อ​ส่งจดหมาย​มาที่​จวน​กั๋วกง​

หาก​เป็น​เช่นนี้​จริง​ เมือง​เฟิ่งเทียน​ไม่เท่ากับ​หละหลวม​ ใคร​ก็​ปะปน​เข้ามา​ได้​อย่างนั้น​หรือ​

ลู่​พั่น​เปิด​จดหมาย​ออก​ขณะที่​มีความคิด​เช่นนี้​

พอ​เห็น​ข้อความ​ก็​อยาก​เอ่ย​ชม พูด​ตามตรง​ ลายมือ​ไม่เลว​

ดู​คำลงท้าย​ก่อน​

ซุ่นจื่อ​ก็​ควบคุม​ตัวเอง​ไม่อยู่​ชะโงก​หน้า​เข้าไป​อ่าน​ด้วย​ หลัก​ๆ คือ​กลัว​จะมีเรื่อง​อะไร​ เพราะ​เขา​เป็น​คน​นำ​ขนมเค้ก​เข้ามา​ใน​จวน​ แต่​พอได้​อ่าน​ “เอ๊ะ​ ซ่งฝูเซิง”

ลู่​พั่น​เหลือบมอง​ซุ่นจื่อ​ด้วย​สายตา​สงสัย​

“ชาวบ้าน​ตกยาก​นั่นไง​ขอรับ​ ซ่งฝูเซิง นาม​รอง​จื่อเจิน​ พวก​ชาวบ้าน​มัก​เรียก​กัน​แต่​ชื่อจริง​ คุณชาย​ลอง​อ่าน​ดู​ว่า​ใน​จดหมาย​มีพูดถึง​หมู่บ้าน​เห​ริน​จยา​หรือไม่​”

อืม​ เริ่มต้น​ซ่งฝูห​ลิง​แนะนำ​ตัวเอง​ก่อน​ นาง​เป็น​คน​ทำ​ขนมเค้ก​ ไม่ใช่พ่อครัว​ขนม​ของ​โรงเตี๊ยม​อี​ผิ่นเซวียน​ แต่​มาจาก​หมู่บ้าน​เห​ริน​จยา​

จากนั้น​ลู่​พั่น​ก็​มอง​ส่วน​ท้าย​ของ​จดหมาย​อีกครั้ง​ บุตรสาว​ของ​ซ่งฝูเซิง ซ่งฝูห​ลิง​

ฝูห​ลิง​?

นาง​เป็น​คน​เขียนจดหมาย​นี่​รึ​

………………………………………………………………..

[1] ขนม​โบราณ​ทำ​มาก​จาก​แป้ง​กับ​น้ำตาล​ รสชาติ​หวาน​ๆ กรอบ​ๆ

[2] หนึ่ง​จิน​เท่ากับ​ครึ่ง​กิโลกรัม​

[3] เห​ม่า คือ​ ช่วงเวลา​ประมาณ​ตีห้า​ถึงเจ็ด​โมงเช้า

[4] เฉิน​ คือ​ ช่วงเวลา​ประมาณ​เจ็ด​โมงถึงเก้า​โมง

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

Score 10
Status: Completed

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลับพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยที่ไม่เคยคุ้น

สิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง กระทั่งอายุของร่างที่อาศัยอยู่ยังอ่อนเยาว์กว่าตัวจริงหลายปี

ยังไม่ทันได้เตรียมใจไฟสงครามก็ลุกโหม สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงยุคโบราณที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์โลกก็คือ…การลี้ภัย!

แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่ามีปัญหาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะคนอื่นทะลุมิติมาแค่คนเดียว แต่เราทะลุมากันทั้งครอบครัว!

Options

not work with dark mode
Reset