ตำนานเทพยุทธ์ 94

ตอนที่ 94

เสียงของเทพเต่าที่ได้จ้องมองตัวของหย่วนซิวหยูและเร่อเว่ยซู ที่กำลังตั้งท่าที่จะสู้กัน ส่วนหย่วนซิวหยูได้เห็นท่าทีศัตรูของนางแสดงออกมา ทำให้นางต้องรู้สึกเสียใจที่แผนการของนางต้องมาล่มลง

เพราะจิตวิญญาณของสัตว์อสูรใต้พันธะสัญญาของนางกลับมาเจอคู่ปรปักษ์ในงานประลองนี้เช่นกัน หากคิดอีกมุมหนึ่งเพียงเท่าก็นับว่าประสบความสำเร็จเพราะตอนนี้นางกำลังเป็นที่สนใจของทุกผู้คนอยู่เช่นกัน

จากคำกล่าวของเทพเต่าทำให้เป่าฮู่สงสัยว่า ใครคือคนที่เทพเต่ากล่าวถึงยอดฝีมือที่มีพลังมากกว่าตัวเป่าฮู่และคนผู้นี้จะมาเช่นมิตรหรือศัตรูกันแน่

ด้านจิตวิญญาณของเหล่าอสูร หากจะกล่าวว่าเหล่าสัตว์เทพที่เป็นศัตรูต่อกัน ดังนั้นนางหงส์เพลิงนั้นย่อมมีแต่ในตอนที่ศัตรูทางสายเลือดตัวสำคัญปรากฏ ประมาณว่า เหนือท้องนภาจะมีนางพญาหงส์เกินหนึ่งตัวไม่ได้

ดังนั้นตอนนี้เมื่อจิตสัตว์อสูรระดับสูงทั้งสองพุ่งเข้าหากัน ดั่งโกรธแค้นกันมานานหลายร้อยหลายพันปี มากว่าสัมผัสของเหล่าสัตวเทพตนอื่นๆด้วยซ้ำ ((((แกว๊ก!))))) (((((แกว๊ก!)))))) ด้านล่างผู้เป็นเจ้าของก็เหมือนรู้ได้ในทันทีว่าสัญญาณการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

“ฮึ!….ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ดี เร่อเว่ยซู ข้าหย่วนซิวหยูจะเอาคืนความอัปยศทั้งหมดวันนี้….รับมือ”

ภาพที่เต้าอิงเฉิงได้เห็น จนเผลอลุกขึ้นมาจากที่นั่ง พร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไม่เบาและไม่ดังเกินไป

“แม่นางซิวหยู……เป็นเจ้าจริงๆ”

ด้านผู้เฒ่าหยางซิฟางก็คิดว่า เมื่อนางหงส์อีกตัวเป็นของพรรควายุอัคคีเป็นแน่และตนก็มีอำนาจเพียงพอที่จะยื้อแย่งนางหงส์วัยเยาว์นี้มาขัดเกลา อนาคตพรรควิหคอัสนีอาจทะยานเหนือพรรคใหญ่อื่นในดินแดนต้าหลั๋วได้

“ลูกอิงเฉิง..เจ้า! เจ้าชอบนางเช่นนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนี้สั่งการลงไปจงไปเชิญท่าน อาวุโสหย่วนปงมาพบเราผู้เป็นประมุขตระกูลเดี๋ยวนี้”

เสียงจากเต้าเจิ้งผิงที่มองไปยังแววตาของบุตรชาย ก่อนที่หวงหลี่ไป๋จะมองไปยัง เต้าอิงเฉิง ด้วยสายตาที่เครียดแค้นก่อนคิดที่จะแจ้งข่าวนี้ไปยังตระกูลหวงของตน ว่าตนพบหยกชิ้นงามที่ดินแดนแห่งสัตว์เทพ เป็นไปได้ให้ส่งยอดฝีมือมายังสถานที่แห่งนี้ สัตว์เทพในตำนานต้องเป็นของตระกูลหวง

เพียงการประลองได้เริ่มขึ้น รองหัวหน้าพรรคหุบเขาซูเวิน ก็ได้ลอบสั่งการคนของตนเองออกไปให้เร่งนำป้ายเหล็กดำไปมอบแก่เจ้าเมืองตระกูลหง และใช้เห็นสมควรจะใช้พิษสะกดลมปราณพร้อมเตรียมทางหนีไว้ จะให้เกิดอะไรกับหยกชิ้นงาม แม่นางหย่วนไปไม่ได้ หากเป็นไปได้ต้องพากลับไปที่พรรคให้ได้

เป่าฮู่เองที่กำลังมองการเคลื่อนไหวของเว่ยซูหญิงงามที่โหดเหี้ยมนางนั้น และตึกตรองว่า ตัวของหย่วนซิวหยูจะต้องทำเช่นไรที่จะจัดการกับศัตรูของนางได้

“ท่านอาวุโสหย่วน ท่านคิดว่าหลานสาวของท่าน จะมีโอกาสชนะหรือไม่อย่างไร?”

ด้วยเป่าฮู่แม้หย่วนมีซิวหยูติดตามตัวตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าวิชาการต่อสู้ของนางที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากตระกูลหย่วนมีความร้ายกาจมากน้อยเพียงใดกัน

แต่เพียงคำถามที่ถามออกไปทางช่องลมปราณ อยู่นั้น กลุ่มองครักษ์ของหงซวนก็รีบเดินเข้ามารายงานว่าพบคนของตลาดมืด มายังสถานที่แห่งนี้แม้จะเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจก่อนที่คนเหล่านั้นจะหายไป

“เรียนนายท่าน พบคนของตลาดมืดมาทำงานที่นี่และให้ข้าน้อยนำป้ายเหล็กนี้มาให้ท่านคาดการณ์ว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเป็นแน่”

คำกล่าวที่องครักษ์กล่าวมา เป่าฮู่ที่นั่งห่างออกไป ได้อ่านภาษาปากขององครักษ์จนเข้าใจขึ้นมา คนขององค์กรใต้ดินตลาดมืดมายังที่แห่งนี้ ไม่ใช่เพราะมุกข์พิษนั่นหรือและด้วยเหตุผลใดถึงต้องการพบบิดาของตน

(ฮ่าๆๆๆเช่นนี้ก็ดีนักข้าเองก็จะฉวยโอกาสนั้น ลงมือเช่นกัน มุกข์นั่นข้าต้องได้มาก่อนที่คนเหล่านั้นจะได้ไปครอบครอง และโอกาสนี้จะได้เห็นว่าคนจากพรรคใหญ่ของทวีปต้าหลั๋วเก่งกาจเพียงใด)

ความคิดนี้ได้เกิดขึ้นทันทีเพราะคนที่คุ้มกันมู่เจี้ยนหลิงคือ ผู้เฒ่าที่มาจากพรรควายุอัคคีผู้นั้นนั่นเอง ไม่แน่คนที่มีฝีมือมากกว่าตัวเป่าฮู่อาจเป็นคนจากองค์กรใต้ดินนั้นก็เป็นไปได้

จากงานประลองชิงตำแหน่งจ้าวยุทธ์ของดินแดนสัตว์เทพ กลับเป็นวันนัดพบของพรรคใหญ่ในดินแดนต้าหลั๋วหรืออย่างไร แต่กระนั้นสำหรับเป่าฮู่ มันก็ไม่ได้ต่างอะไร

เพราะไม่ว่าที่ใดกฏความแข็งแกร่ง สยบความอ่อนแอย่อมยังคงอยู่ หากแต่เราจะอยู่กับมันอย่างไร จะเป็นบันไดให้คนเขาเหยียบย่ำเสียเอง หรือจะเป็นคนที่ก้าวไปเหยียบคนเหล่านั้นกัน

ณ ที่นั่งฝั่งตะวันตก

“คาราวะท่านเจ้าเมืองตระกูลหง”

คำกล่าวนั้นดังออกมาจากจุดที่นั่งทางทิศตะวันตก และผู้ที่กล่าวนั้นกำลังนั่งมองเจ้าเมืองหงซวนอย่างใจเย็น เพราะตอนนี้มันเองได้คุมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้แล้ว

หากแผนของมันไม่ผิดพลาด เพียงกลุ่มชายชุดดำหวนกลับมา เท่านั้นก็ทำให้รองหัวหน้า พรรคหุบเขาซูเวิน ยิ้มออกมาด้วยความปีติยินดี

จากนั้นเสียงทางช่องลมปราณก็หวนกลับมาอีกครั้ง

“ท่านไม่ต้องตกใจ เราเป็นมิตรที่ท่านคุ้นเคย วันนี้เราคิดเชิญท่านและท่านผู้เฒ่าหย่วนไปด้วยกัน เสียหน่อย ฮ่าๆๆๆ และขงอย่าตื่นตะหนกหากเกิดสิ่งใดขึ้น จงเชื่อว่าเราไม่ได้คิดร้ายต่อพวกท่าน จงสบายใจได้”

เมื่อการวางยาพิษกับผลึกลมปราณธาตุไฟไว้ด้านล่างลานประลองและรอให้ถึงเวลาที่ผลึกลมปราณนั้นถึงจุดปริแตกยาพิษที่วางไว้จะทำงาน หากเป็นวิธีนี้กลุ่มองค์กรใต้ดินของพรรคหุบเขาซูเวินสืบทอดทักษะนี้มานานกว่า 1000 ปี

…………………………………………………………………

ณ ลานประลองยุทธ์

เพียงการประทะกันของนางหงส์เพลิงทั้งสองตัว ทำให้บรรยากาศรอบสนามประลอง เป็นดั่งเตาเผา เพลิงที่ถูกปลดปล่อยออกมา แม้มีม่านพลังลมปราณที่เต้าหวงเย่สร้างไว้คุ้มครองผู้เข้ามาชมการประลอง ก็ยังทำให้คนรอบสนามประลองรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ไม่อาจบรรยายได้

เพียงอสูรศักดิ์สิทธิ์และอสูรเทวะปะทะกัน พลังทำลายล้วนสะเทือนเลื่อนลั่น หากแต่ผู้เป็นนายก็ยังไม่มีผลกระทบใดมาก ต่างหลบหลีกและเข้าจู่โจมกันด้วยวิชาที่ตนฝึกฝนมา

“นางแพษยา…กล้านักที่ช่วงชิงคนที่ข้าหมายตาไป…ตายซะ นางหงส์สะบั้น”

ทักษะของเว่ยซูเป็นฝ่ามือที่หล่อมหลอมเปลวเพลิงเข้าร่วมต่อสู่ จนปรากฎเป็นความงามที่น่าเหลือเชื่อ แต่ว่าตระกูลหย่วนเองก็หาไร้ซึ่งเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมา

เมื่อคู่ต่อสู่มาด้วยมือเปล่า หย่วนซิวหยูที่ทุ่มเทเวลาตลอดช่วงวัยเด็ก ถูกท่านปู่ของนางเคี้ยวเข็ญอย่างยากเข็ญ กระบวนยุทธ์ที่นางมีก็หาธรรมดา

“คิดว่าฝ่ามือนั้นจะล้มเราได้ เจ้าคิดผิดเว่ยซู…รับไป หงส์สยายปีก….”

การใช้ฝ่ามือของตนปัดฝ่ามือของคู่ต่อสู้ออกไปด้านข้างพร้อมหมุนตัวผนึกลมปราณไว้ที่ฝ่าเท้า พร้อมออกแรงทุ่มกำลังลงไปในฝ่าเท้าคู่งามนั้น

พลัก!……ตรู๊ม! “หงส์คร่าวิญญาณ….กระบวนท่าพลิกผลัน”

เพลงเตะที่หย่วนปงไม่เคยสอน แต่นางกลับใช้กระบวนท่าพลิกผลันสร้างมันขึ้นมาได้อย่างงดงาม แต่ด้านเร่อเว่ยซูก็ได้ยกแขนของนางขึ้นมาขวางกั้นไว้

แม้เกราะเปลวเพลิงของตัวเร่อเว่ยซูจะต้านทานเพลิงของหงส์เทวะได้ แต่ก็ทำให้รู้ว่าผิวที่งดงามกลับปรากฏรอยช้ำได้อย่างเด็ดชัด

ด้วยกระบวนยุทธ์นั้นทำให้ รอยยิ้มแห่งความดีใจเผยออกมาจากปากของหย่วนซิวหยู ผู้ที่เก็บงำความแค้นมานานหลายปี เพียงฝ่าเท้าเดียวสำหรับนางนั้นยังไม่พอ

แต่เมื่อเร่อเว่ยซูได้เห็นรอยยิ้มนั้น นางไม่อาจระงับความเกลียดชังที่มีได้อีกต่อไป นางระเบิดพลังของนางออกมาจนทำให้รอบด้านต้องตกใจ

ด้วยพลังที่แท้จริงของนาง ด้วยระดับราลมปราณราชันขั้นกลางที่เหนือกว่า หย่วนซิวหยูถึง 1 ระดับ แววตาของหย่วนซิวหยูได้ปรากฏความกังวลไม่คิดว่า เร่อเวยซูนางจะมีพรสวรรค์มากเพียงนี้

แต่สำหรับหย่วนซิวหยู ต่อให้ศัตรูมีระดับมากกว่า นางก็ไม่มีทางหนีเด็ดขาดการรวบรวมพลังลมปราณและระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ในมือของนางเลือกนำกระบี่ที่นายท่านของนางเป็นผู้เลือกให้ออกมา เพื่อใช้มันสยบศัตรูของนาง

ทางด้านเร่อเว่ยซูได้เห็นกระบี่ของศัตรู นางเร่งนำแส้อาวุธคู่กายอกมา แส้ที่สร้างจากกระดูกของมังกร ที่สืบทอดกันมาช้านานในตระกูลของนาง ด้วยนางหงส์มักคู่กับมังกรเสมอมา และบรรพชนของนางรุ่นใดรุ่นหนึ่งก็ได้สารสัมพันธ์กับตระกูลมู่เช่นกันจึงได้รับของที่ทรงคุณค่านั้นมา

“แส้มังกรเพลิง…..”

Options

not work with dark mode
Reset