ตำนานเทพยุทธ์ 89

ตอนที่ 89

จากสถานการณ์นั้นทำให้หวงหลี่ไป๋ที่เกลียดชังเต้าอิงเฉิงอยู่เป็นทุนเดิมกลับยิ่งเกลียดมากยิ่งขึ้น และภายใต้สถานการณ์นั้นเอง ทำให้หญิงงามล่มเมืองเช่นเฟิงอี้ดูด่อยค่าหมดราคาไป เมื่อเทียบกับหญิงบ้านนอกนางนี้ ความงามที่ร้อนแรงแม้ไม่ได้เสริมแต่งอย่างใดจากสายตาที่เต้าอิงเฉิงมองมาที่นางยิ่งทำให้ เฟิงอี้อยากลงไปควักลูกตาของผู้หญิงนางนี้ออกมาซะตอนนี้เลย

“เป็นเจ้าอีกแล้ว ศิษย์น้องเต้าอิงเฉิง?”

เมื่อคนที่กล่าวเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหวงหลี่ไป๋ ทำให้เป่าฮู่ที่กำลังมองลงที่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เต้าเหล่ยนำพามา ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยคนเดิมกล่าวบางสิ่งออกมาให้เป่าฮู่ได้ฟัง

“เจ้าหนู! รู้ไหมว่าเจ้าเด็กนั่นมีของดีอยู่กับมันด้วย”

เป่าฮู่มองไปทางเด็กน้อยที่บังอาจออกมาจากวงแหวนอัญเชิญ ที่ถูกผนึกไว้ด้วยอักขระสะกดพลังที่เต่าอักขระทำไว้เพื่อตบตาคนรอบข้างของเป่าฮู่จากวงแหวนสีดำ ทำให้เป่าฮู่แสดงออกาได้เพียงวงแหวนโจมตีสีแดงนั้นเท่านั้น

แต่วงแหวนสีแดงที่เคยมีมานั้นเองก็รับรู้ถึงพลังของผู้ครอบครองมันจนจิตวิญญาณในกระบี่ยังร่ำร้องออกมา เพราะบัดนี้กระบี่เยือกแข็งที่มีระดับราชาได้ปลดปล่อยความสามารถทีแท้จริงออกมาทันที หลังจากที่ผู้ครอบครองบรรลุเกินระดับจักรพรรดิลมปราณขึ้นไป แต่ในสำนึกของเต่าอักขระตัวของเป่าฮู่ผู้เป็นนายยังไม่อาจบรรลุถึงระดับเทพลมปราณได้เช่นตน แต่ก็บอกไม่ได้ว่าระดับลมปราณที่นายของมันบรรลุคือระดับใดในแดนมนุษย์นี้ เนื่องด้วยพลังที่กร่ำกึงระหว่างเทพลมปราณ กับจักรพรรดิลมปราณที่เป็นประตูบานใหญ่นั้นนั่นเอง

หากจะย้อนไปก็คงต้องกล่าวถึง การหลอมกระบี่ของเทพเต่าดำที่ใช้ร่างจำแลงของตนหลอมกระบี่จากฟันของตนเอง และทำให้พลังของมันต่ำเตี่ยเรี่ยดินจนกว่าผู้ครอบครองจะมีความสามารถและได้รับการยอมรับจากตัวเทพเต่าดำจึงทำให้กระบี่เล่มนี้ตื่นจากการหลับไหลที่ยาวนานและมีจิตวิญญาณของมันเอง

เดิมทีกระบี่เล่มนี้เทพเต่าดำทำให้จิตวิญญาณด้านในกระบี่เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 1000 ปี เท่านั้น เพื่อให้พลังของมันจำกัดอยู่ที่ระดับราชาเท่านั้น

แต่ตอนนี้หลังจากที่เป่าฮู่ผู้ครอบครองกระบี่ได้พบเทพเต่าดำและได้รับการยอมรับยิ่งทำให้พลังเหล่านั้นเผยตัวออกมา แต่ว่าทักษะที่ชายหนุ่มมีก็ยังด้อนค่าอยู่ดี ด้วยเทพเต่าดำชำนาญทักษะป้องกัน จึงทำให้ชายหนุ่มขาดซึ่งทักษะโจมตีที่รุนแรงไปนั่นเอง

เมื่อเทียบจากทักษะที่ดีที่สุดเห็นจะมีเพียงทักษะกระบี่ไร้รูปเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเพีงทักษะระดับราชัน งานประลองนี้เดิมทีเป่าฮู่จะก้าวออกมาท้าทายเหล่ายอดยุทธ์ที่ยกย่องตนเองว่ายิ่งใหญ่ กลับต้องชะงักลงเมื่อได้เห็นคนที่ติดตามเต้าเหล่ยและหญิงแปลกหน้าที่ติดตามเต้าอิงเฉิงมา ทั้งสองสวมใส่ชุดที่มีสัญญาลักษ์ของวิหคอัสนีติดไว้ และที่มากไปกว่านั้นยังมีระดับลมปราณที่เหนือล้ำกว่ารุ่นเดียวกัน ระดับจักรพรรดิลมปราณตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี

เมื่อเป่าฮู่ได้เห็น แม้ไม่ได้เกรงกลัวคนเหล่านี้ แต่ก็จะขอดูให้เห็นกับตาว่าผู้นำอีก 4 เขตปกครองจะทำเช่นไร ใต้สถานการณ์เช่นนี้

 

เพียงเต้าอิงเฉิงกล่าวทักทายหย่วนซิวหยู ออกไปใบหน้าที่มืดดำลงไปของหย่วนซิวหยูที่มองมาทางเต้าอิงเฉิง และนางก็ไม่สนใจแม้แต่จะคุยกับเต้าอิงเฉิงแม้แต่น้อย เหตุการณ์เช่นนั้นทำให้เหล่าชาวเมืองที่อยู่รอบข้างต้องผงะ นางคือใครกัน ทำให้ไมถึงได้เฉยชาต่อเทพบุตรเช่นเต้าอิงเฉิงและยังทำให้หวงหลี่ไป๋ต้องตกใจยิ่งกว่าและภายใต้ความตกใจก็แอบสะใจอยู่นิดๆที่แม่นางคนนี้ทำให้เต้าอิงเฉิงและเฟิงอี้ที่กำลังติดตามลงมาต้องหน้าหงาย

“ฮ่าๆๆๆๆๆ ข้าหวงหลี่ไป๋เกิดมาไม่เคยพบใครที่เป็นคนกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวขนาดที่บอกปัดไม่ตรีของศิษย์น้องอิงเฉิงได้ เจ้าว่าหรือไม่ศิษญ์น้องเหล่ย แม่นางท่านนี้ข้าหวงหลี่รู้สึกประทับใจ และหวังว่าเราคงได้พบกันที่งานประลอง”

จากความตั้งใจที่มาเพื่อหาความสำราญแต่กลับได้มากกว่านั้น วันนี้หวงหลี่ไป๋ต้องยอมจากไปแม้อยากรู้จักแม่นางคนนี้มากยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เมื่อคิดไปคิดมา คนที่สามารถบอกปัดไมตรีของเต้าอิงเฉิงอย่างไม่ใยดีมีหรือตัวหงหลี่ไป๋จะไม่สนใจ แต่ที่รีบถอยออกมาเพื่อต้องการวางแผนรับมือหญิงงามผู้นี้ขนาดเต้าอิงเฉิงที่ว่าเก่งกาจยังถูกเมินเฉย

เมื่อหวงลหี่ไป๋ออกมาถึงด้านนอกโรงเตี๊ยม ก็ทำให้ให้เต้าเหล่ยที่ติดตามมาสงสัยและไม่ทันที่เต้าเหล่ยจะถามหวงหลี่ไป๋ก็กล่าวตัดหน้าออกมาก่อน

“ศิษย์น้อง ช่วยเป็นธุระให้แก่ข้า ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม ช่วยสืบให้ข้าว่าแม่นางคนนี้ตอนนี้นางเป็นศิษย์หรือคนของตระกูลใด นางมากับใคร และจัดที่ให้นางเมื่อนางเข้าร่วมการประลอง เพราะเท่าที่ดูนางคงมาเพื่อร่วมประลองเป็นแน่ ระดับราชันลมปราณ เทียบได้กับเจ้าเลยด้วยซ้ำ”

เมื่อเต้าเหล่ยได้กลับมาฉุดคิดถึงระดับของนางผู้นั้น ทำให้เต้าเหล่ยเองก็ตกใจ อะไรทำให้นางที่เคยมีระดับเพียงราชาขั้น 1 ก้าวขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ ภายใน 2 ปีเท่านั้นเอง ทั้งที่ไม่มีอะไรหรือตระกูลสนับสนุน หรือว่าจะเป็น บุตรชายบุญธรรมของเจ้าเมืองตระกูลหลง ผู้นั้นชายที่ล้มเต้าอิงเฉิงลงได้ที่งานเทศกาลชมหงส์เพลิง

เพียงคิดได้เช่นนั้นเต้เหล่ยก็รีบรับปากและหันไปสั่งคนของมันให้ตามไปสืบข่าวขงนางผู้นั้นมาและให้คนไปดำเนินการตามที่หวงหลี่ไป๋กล่าวไว้

ทั่วทั้งเมืองล้วนคึกคัก และภายในโรงเตี๊ยม เป่าฮู่ที่ได้เห็นการแสดงจบลงเร็วเกินไป แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเต้าอิงเฉิงและเต้าเหล่ยยังอยู่คนละฝ่ายเช่นเดิมและยิ่งไปกว่านั้น ชายที่ติดตามเต้าเหล่ยมามีทีท่าว่าจะไม่กินเส้นกับเต้าอิงเฉิงด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้น เป่าฮู่ที่ก้าวออกจากชั้นที่สองและเดินไปยังเถ้าแก่เพื่อขอห้องพัก โดยไม่ได้พักในห้องที่หย่วนซิวหยูเตรียมไว้ เพราะจากสิ่งที่นางได้ทำลงไป การเคลื่อนไหวของนางล้วนถูกจับตามอง ดังนั้นเป่าฮู่จำต้องซ่อยอยู่ในเงามืดและให้นางทำตัวเป็นธรรมชาติเข้าพักในห้องที่นางจัดหาต่อไป

หลังจากที่ดวงอาทิตย์ลาลับเป่าฮู่ที่ได้ห้องติดกับหย่วนซิวหยู ก็ได้กล่าวผ่านกำแพงที่สร้างจากไม้ไผ่ออกไปถึงสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับันพรุ่งนี้

เป่าฮู่ได้ออกไปสืบข่าวในยามค่ำคืนหลังจากที่หย่วนซิวหยูเข้านอนและเป่าฮู่ให้เต่าอักขระผนึกที่ทางเข้าของห้องพักของนางไว้ ทำให้ผู้มาสืบข่าวได้รับรู้ว่ามีผู้ใช้อักขระขั้นสูงยื่นมือมาช่วยนางไว้อย่างลับๆ และก็เป็นไปตามที่เป่าฮู่คาดการณ์ ผู้ใช้อักขระขั้นสูงยังมีอิทธิพลต่อผู้ลงมือในที่มืดเช่นเคยมีมา

 

ณ ตระกูลเต้า ของเต้าเหล่ย

“เรียนนายน้อย และคุณชายหวง แม่นางหย่วนพักในห้องพักในโรงเตี๊ยมเดิม เพียงลำพัง แต่ว่าห้องพักของนางนั้นกลับถูกลงอักขระผนึกขั้นสูงไว้ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ ข้าน้อยคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของนางไม่น่าจะใช่คนธรรมดา”

เมื่อหวงหลี่ไป๋ได้ฟังทำให้ตัวมันได้คิดออกถึงระดับยุทธ์ของนางและหันไปทางเต้าเหล่ย พร้อมกล่าวออกไปว่า

“เห็นหรือยังศิษย์น้องเหล่ย หญิงที่ข้าหวงหลี่ไป๋คนนี้สนใจ นางที่อาศัยอยู่ในดินแดนรอบนอกกลบสามารถพัฒนาตนเองมาจนถึงระดับราชันลมปราณ แถมตอนนี้กลับมีผู้ใช้อักขระที่ทวีปต้าหลั๋วขาดแคลนสร้างผนึกขั้นสูงเอาไว้ ฮ่าๆๆๆ ข้าชักอยากนำพานางไปด้วยกันแล้ว เอาหละเราไปพบท่านอาจารย์กัน”

 

หวงหลี่ไป๋ตั้งใจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแก่อาจารย์ของมัน แต่ขณะที่กำลังเดินทางจากหมู่ตึกรับรองของตระกูลเต้าของเต้าเหลียงคุน ที่ตระกูลหลักเต้าอิงเฉิงก็นำความเดียวกันที่ให้คนไปสืบมาเข้ารายงานปู่ของตนและผู้อาวุโสจากพรรควิหคอัสนี ใต้การยืนยันของเฟิงอี้ที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจของเต้าอิงเฉิงมานัก

เต้าอิงเฉิงต้องการให้หย่วนซิวหยูเข้าร่วมกับพรรควิหคอัสนี และยิ่งต้องการให้นางได้อนาคตที่ดีที่สุด และชดเชยที่ตัวเต้าอิงเฉิงทอดทิ้งนางไป

“ท่านอาจารย์ ท่านปู่ข้าพบเจอหญิงนางหนึ่งนางมีความสามารถน่าสนใจมากด้วยวัยรุ่นเดียวกันกับศิษย์นางพัฒนาตนเองได้ถึงระดับราชันลมปราณ และยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีผู้ใช้อักขระชั้นสูงหนุนหลัง หากเราได้นางเข้าร่วมพรรควิหคอัสนีย่อมเป็นการดี”

ด้านผู้เป็นอาจารย์เห็นท่าทีของเฟิงอี้ศาญืแนวหน้าอันดับสองของพรรควิหคอัสนีมองมาด้วยสายตาชิงชังนั่นยิ่งตอกย้ำว่าที่เต้าอิงเฉิงกล่าวคือความจริง เพราเฟิงอี้นางจะรู้สึกเกลียดชังต่อคนที่เหนือกว่านางไมว่าจะเป็นระดับยุทธ์หรือความงดงามของนาง

“ฮ่าๆๆๆๆ นับว่าศิษย์อิงเฉิง สร้างคุณแก่พรรคของเรา ท่านหวงเย่ อย่างไรช่วยให้คนไปสืบเรื่องนี้แก่ข้าผู้เฒ่าคนนี้ด้วยหละงานนี้รบกวนท่านแล้ว”

เต้าหวงเย่ที่ได้รับการรักษาจากผู้เฒ๋าคงหลุน จึงเหมือนติดค้างบุญคุณอยู่มากมายเพียงสืบข่าวสตรีนางเดียวที่หลานชายเคยทอดทิ้งไปจะยากอะไรนักหนา

แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น เป็นชายหนุ่มที่ซ่อนกายในเงามืดสืบหาข่าวของคนที่มาจากต่างแดนตามที่ชาวเมืองเล่าลือกันจนได้เห็นแก่ตาตนเอง และแผนการใหญ่ของเป่าฮู่ก็เริ่มขึ้น การที่จะเป็นใหญ่ในดินแดนเล็กๆและสร้างตำนานที่ยิ่งใหญ่ก้องโลกนั้นย่อมไม่อาจเป็นเรื่องน่ายินดีอะไร การที่จะก้าวไปบนจุดสูงสุดเป่าฮู่ย่อมต้องไปเยือนดินแดนต้าหลั๋วอะไรนั่นสักครั้ง และเมื่อพรรควิหคอัสนีมาจากดินแดนต้าหลั๋ว ย่อมต้องมีอีกหลายพรรคที่ทัดเทียมกัน ทำให้เป่าฮู่ไม่อาจรอช้าได้ การเดินทางไปยังดินแดนต้าหลั๋วย่อมสำคัญมากจนเป่าฮู่อาจละเลยได้ และการที่จะไปได้ต้องให้หย่วนซิวหยูช่วยเพราะแผนที่นั้นย่อมสำคัญมากแก่ตัวมัน และตอนนี้ตระกูลเต้าเหมือนจะสนใจในตัว หย่วนซิวหยูเช่นนั้นก็ให้นางหาแผนที่มาให้ตนสักแผ่นก็สิ้นเรื่อง

 

หลังจากกลับมาจากการหาข่าวเป่าฮู่ก็ได้บอกกล่าวถึงแผนการกับหย่วนซิวหยูและให้นางหาแผนที่กลับมา โดยใช้เต้าอิงเฉิงให้เป็นประโยชน์ และมากไปกว่านั้นให้นางร่วมลงประลองเพื่อชิงตำแหน่งหนึ่งใน 10 ยอดฝีมือที่จะก้าวสู่พรรควิหคอัสนีมาครองและเป่าฮู่จะใช้โอกาสนี้ก้าวไปสู่ดินแดนที่ใหญ่กว่าดินแดนสัตว์เทพแห่งนี้

เมื่อแผนการได้เริ่มขึ้นในตอนเช้าของวันใหม่วันนี้คือวันที่ทุกคนรอคอย หลายต่อหลายคนทุ่มเทไปมากมายเพื่อวันนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เต้าเจิ่งผิงและเต้าเหลียงคุนหลังจากได้รับยอดโอสถจากมารฟ้าโอสถ จนบรรลุระดับจักรพรรดิลมปราณ เช่นเดียวกับบุตรชายของตน ทำให้ทั้งตระกูลเต้ายินดีเป็นอย่างมาก

แม้ตัวผู้นำทั้งสองจะดูยิ่งใหญ่ในดินแดนแห่งนี้ แต่หากเทียบกับผู้ที่มาจากทวีปต้าหลั๋วแล้วไม่ต่างอะไรกับหัวหน้าฝูงกบในกะลาใบใหญ่ที่ถูกครอบไว้

ระดับฝึกยุทธ์ในทวีปต้าหลั๋ว มีระดับย่อมที่แยกมาอีก เมื่อบรรลุเกินระดับจักรพรรดิไปแล้ว นั่นคือระดับ

ราชันจักรพรรดิ ก่อนที่จะบรรลุถึงระดับเทพลมปราณที่เป็นระดับในตำนาน ดังนั้นการที่จะก้าวไปสู้ระดับเทพลมปราณจึงเหมือนการปีนบันไดสวรรค์ก็มิปราน

Options

not work with dark mode
Reset