ตำนานเทพยุทธ์ 64

ตอนที่ 64

หลังจากชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม นั่งเฝ้ามองแสงจันทร์ยามเย็นบนหอคอยที่บิดาสร้างให้เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้รับพลังลมปราณที่บริสุทธิ์ที่สุดในยามค่ำคืน สำหรับผู้ที่ฝึกฝนลมปราณหยางอาจฟังแล้วเป็นเรื่องที่บ้าบอนัก

แต่สำหรับคนที่มีลมปราณหยินเป็นที่ตั้งเช่นเป่าฮู่นั่นก็เป็นอีกเรื่อง เป่าฮู่ที่เริ่มเข้ามาช่วยบิดาในการฝึกทหารในตำหนักเจ้าเมืองบ้าง เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของบิดาในบางส่วน

ทหารทั้งหลายที่ได้รับฟังวีรกรรมของนายน้อย ล้วนแต่เชื่อมั่นว่านายน้อยจะนำพาเมืองตระกูลหงไปสู่ความรุ่งโรจน์ และยังมีข่าวลือที่ว่า คุณหนูอาจจะได้ครองคู่กับนายน้อยในสักวัน

เป่าฮู่ไม่ได้สนใจเรื่องข่าวลือนั้นหลังจากกลับมาถึงตระกูลหง ได้กว่า 10 วันสิ่งที่เป่าฮู่ได้ทำก็คือ เลี้ยงเจ้าหยาดโลหิตและเฝ้าฝึกปรือฝีมือของทหารรักษาจวนให้กล้าแกร่ง อีกด้านหนึ่งก็ส่งคนไปสืบยังหมู่บ้านตระกูลเป่าแท้จริงมีคนรอดชีวิตหรือไม่ และใครกันแน่ที่สังหารโหดเช่นนั้น

แม้ในใจจะคิดแค้นพ่อลูกตระกูลหยุน จากข่าวที่ได้ยินได้ฟังมาใหม่ หยุนเต๋อแห่ง

พรรคใต้หล้ากลับมีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหยุนที่เขตปกครองเสือขาว และยังพูดได้ว่า

หยุนเจี้ยนหลูได้ดี เพราะหยุนเต๋อแอบช่วยมาตลอดหลายสิบปี

สายลูกพี่ลูกน้อยของทั้งสองตระกูลนับว่าใกล้ชิดกันมาก และวันนี้

หยุนเปียวผู้ที่ใฝ่ปองบุตรสาวของจ้าวนิกายเสือขาวมานาน ก็ได้พาลูกพี่ลูกน้องนามว่า หยุนฟงผู้ที่เดินทางมาจาก แดนเสวียนอู่เพื่อเข้าพบจ้าวนิกายไป๋ฟงเสียน ผู้เป็นอาจารย์และได้นำพา

หยุนฟงท่องเที่ยวทั่วเขตปกครองเสือขาว

แต่แท้จริงแล้วหยุนฟงมาที่แดนเสือขาว เพราะสายข่าวของพรรคใต้หล้าบอกมาว่า อัจฉริยะหนุ่มเป่าฮู่ได้เดินทางมุ่งสู่เมืองตระกูลหงทางเดียวที่จะเข้าไปในดินแดนของศัตรูได้คงต้องพึ่งพาลูกพี่ลูกน้องในดินแดนนั้น

เช่นกันเป่าฮู่ที่หลายวันมานี้อยู่แต่ในบ้าน และวันนี้ต้องออกไปหาข่าวของตระกุลหยุนในเขตปกครองเสือขาวเพิ่มเติม พร้อมกับองครักษ์ส่วนตัวโดยทั้งสามคนนั้นปลอมตัวออกมาและให้หย่วนซิวหยู แสร้งปลอมตัวเป็นเป่าฮู่เพื่อหลอกสายตาของสายลับที่แฝงตัวมาหาข่าวอยู่ที่หอฝึกตน

ณ เขตการค้าตลาดมืดของเมืองตระกูลหง

ย่านการค้านี้ส่วนมากจะเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าหายากและยังเป็นที่นัดขายของที่ไม่ค่อยมีขายในตลาดทั่วไป เจ้าเมืองอนุญาตให้มีการค้าแบบนี้ โดยเก็บภาษีจากผู้ที่เข้ามาซื่อขาย และให้เหล่าองครักษ์ที่ฝึกปรือมาคอยควบคุมสถานการณ์ของตลาดอีกชั้นหนึ่ง แต่นั่นก็เพียงด้านบนเท่านั้น ด้านล่างมีกลุ่มอค์กรที่ปกครองกันเองอย่างโหดเหี้ยม

“นายน้อยท่านมาที่ย่านตลาดมืดท่านต้องการสิ่งใดขอรับ?”

เมื่อหนึ่งในองครักษ์ที่ติดตามมา ได้ถามเป่าฮู่ก็บอกว่าตนเองมาเพื่อต้องการสิ่งใด ข่าวสารแม้ทางเจ้าเมืองสามารถล้วงมาได้ แต่ก็เพียงส่วนหนึ่งในตลาดมืดก็มีเส้นสายที่ทอดยาวออกไปถึง ศูนย์รวมข่าวสารที่เรียกว่า หุบเขาแห่งปัญญาและสถานที่นั่นคือสถานที่ที่เป่าฮู่ต้องการแผนที่

“ข้ามาเพื่อหาแผนที่ไปหุบเขาแหงปัญญา เจ้าว่าข้าต้องเริ่มที่ตรงไหนหละถึงจะได้มันมา”

การมาครั้งนี้ทำให้ทุกคนที่ก้าวลงมายังพื้นที่ส่วนนี้ต้องสวมใส่ชุดคลุมสีดำและอีกทางด้านหนึ่งหยุนเปียวเองก็เช่นกันก็กำลังพาญาติผู้น้องมาเที่ยวชมสถานอันมีชื่อเสียงที่เป็นแหล่งทำรายได้ของเมืองตระกูลหงมาช้านาน ตลาดมืดด้วยนั่นเอง

“ผู้น้อง ข้าพาเจ้ามาเปิดหูเปิดตา ที่แห่งนี้เจ้าต้องการสิ่งใดไม่ว่าอาวุธ ยา ทักษะ หรือแม้แต่ ข่าวสารต่างๆ หากมีเงินมากพอก็จะสามารถคว้ามันมาได้”

เพียงเท่านั้นทำให้หลายต่อหลายคนรวมถึงหยุนฟงรู้สึกสนใจขึ้นมา และไม่ต่างอะไรกับเป่าฮู่ที่กำลังเดินลงมาจากทางบันไดหินทีทอดยาวมาถึงส่วนที่ลึกเป็นชั้นที่ 3

“นี่พี่ชาย ชั้นนี้พวกท่านไม่เคยลงมาหรืออย่างไร?”

เมื่อคำถามที่ถามองครักษ์ระดับ 2 นั่นซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะสามารถลงมาได้ หากไม่ใช่หัวหน้าองครักษ์เช่น ซื่อหลี่ก็ว่าไปอย่าง

เป่าฮู่เดินลงมาจนถึงสถานที่อันเป็นจุดสำคัญของตลาดมืดที่ด้านล่างนี้มีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเรียกได้ว่าเป็นแห่งรวมทุกเรื่องราวที่เน่าเฟะและเป็นสถานที่อันสามารถเสาะหาได้ทุกสิ่งหากมีของที่ทัดเทียม

“นายน้อยด้านล่างนี้ดูน่ากลัวมากนะขอรับ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่คิดเลยว่าท่านเจ้าเมืองจะเป็นผู้ที่ดูแลความสงบด้านบนของโลกมืดแห่งนี้”

เป่าฮู่เดินเข้าไปที่ด้านในโรงเตี๊ยมก็พบว่าที่โรงเตี๊ยมด้านในจะเป็นอาคารหินหกเหลี่ยมและตรงกลางจะเป็นลานหินเล็กๆและมีลูกกรงเหล็กดั่งเป็นสนามต่อสู้ได้ดินก็มิปาน

เป่าฮู่ก้าวลงไปนั่งที่โต๊ะว่างและได้มองดูรอบข้างว่าหลายคนทำอะไรกันบ้าง

หลายคนที่มานั่งล้วนแต่สั่งอาหารมาเพื่อดื่มกิน แต่หลายคนที่ไม่กล้ากินจนกว่าจะใช้เข็มเงินพิสูจน์สิ่งเหล่านั้นจนดีถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง

แต่ก็ยังมีหลายคนที่นำพาชีวิตโง่ๆมาจบลงเพราะพิษที่เรียกว่าไร้สีไร้กลิ่นแบบนี้ ความลับของเมืองใต้ดินใครก็สามารถลงมาได้หากมีเงินมากพอ

เป่าฮู่ต้องการซื้อข้อมูลจงได้ลงมายังสถานที่แห่งนี้ เพราะในบันทึกลับที่บิดาบุญธรรมได้มอบให้คือ ปราชญ์โลกมืด ชิวหรอ ผู้ที่สามารถหาข่าวทุกอย่างที่คนผู้นั้นต้องการและสามารถรับงานสังการใครก็ได้ตามที่มีเงินจ่าย

เป่าฮู่มาเพื่อข่าวการล่มสลายไปของตระกูลเป่าที่ตนเองสงสัยมานานว่าเกิดจากคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์หรือเกิดจากสิ่งใดกันแน่ และต้องการรู้ถึงคนแซ่เป่าที่ยังเหลือรอดมาจนป่านนี้

แต่หลังจากได้ลงมาเห็นก็ทำให้เป่าอู่ได้รับรู้ว่าตนเองสามารถที่จะหาเงินได้จากหลายๆสิ่งด้านล่างนี้

“พี่ชายด้านล่างนี้ จะขายอะไรก็ได้เช่นนั้นหรือ? และถ้าต้องการซื่อขายข่าวข้าต้องไปที่ใด?”

เพียงจ่ายเงินไป 5 เม็ดหินลมปราณระดับสูง เป่าอู่ก็ได้คำตอบจาก

เสี่ยวเอ้อที่ไม่ใช่เสี่ยวเอ้อ ชายลึกลับชี้ไปที่โต๊ะมุมด้านในของชั้นที่สอง ตรงมุมที่มีคนคุ้มกันมากกว่า 10 คน และสถานที่แห่งนั้นคือ ตำแหน่งของปราชญ์มืดนั่งชมการต่อสู้อยู่

ปราชญ์มืดมีความสนใจในการต่อสู้และยังเป็นคนที่ลุ่มหลงในความชั่วช้านานาชนิด และที่ยิ่งลุ่มหลงก็คือคนที่สามารถสังหารคนได้อย่างไม่กระพริบตา

เมื่อเป่าฮู่เดินมาถึง กลุ่มชายในชุดคลุมก็เดินเข้ามาขวาง และกล่าวทักออกไป

“หยุด! ตรงนั้นเจ้ามาพบนายท่านของเราด้วยสิ่งใด?”

เป่าฮู่ได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวออกไปว่า

“มาเพื่อซื้อข่าวบางอย่าง”

เพียงได้ยินเท่านั้น ปราชญ์มืดก็โลกมือและให้เป่าฮู่เข้าไป แต่กลับบอกกับเป่าฮู่ให้จ่ายค่ามัดจำมาก่อนตามกฎ ค่ามัดจำ ด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายบิดาได้มอบเงินมาให้ในแหวนแล้วส่วนหนึ่ง

“จ่ายมา 50 หินลมปราณระดับสูง สำหรับค่ามัดจำและบอกสิ่งที่ต้องการรู้มา”

เป่าฮู่จ่ายออกไปและก็กล่าวถึงสิ่งที่ตนต้องการ

“ข้าต้องการรู้ถึงคนที่อยู่เบื้องหลังของการตายของตระกูลเป่า แห่งแดนเสวียนอู่

ใครคือคนลงมือ และใครคือคนที่ชัดใยอยู่เบื้องหลัง”

เมื่อคำถามนี้ปรากฏทำให้ปราชญ์มืดหันมาจากเวทีประลองเพื่อจ้องมองลงมายังใบหน้าของคนในชุดคลุมหรือก็คือเป่าฮู่นั่นเอง

“เป็นคำถามที่แสนแพง ด้วยราคานี้ ข้าอาจต้องล่วงเกินตระกูลใหญ่และก็คนใหญ่คนโตเลยทีเดียว ตระกูลเป่า ตระกูลเป่าอีกแล้ว”

เพียงสิ่งนี้ก็ทำให้เป่าฮู่รู้สึกได้ว่าต้องมีเงื่อนงำในการล่มสลายไปของตระกูลเป่าของตนเองเป็นแน่

Options

not work with dark mode
Reset