หร่วนซือซือกลับไปยังห้องนอน เธอพลิกตัวไปมาและไม่สามารถนอนหลับได้เลย คำพูดของอวี้อี่มั่วนั้นฉายอยู่ในความคิดของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาขอให้เธออยู่เคียงข้างเขาเป็นเพราะคุณย่าจริงๆหรือว่าเขามีเหตุผลอื่น?
หลังจากคิดอยู่นานเธอก็ไม่เข้าใจ เธอไม่สามารถคาดเดาความคิดของอวี้อี่มั่วได้เลยจากนั้นเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
วันถัดมา ทันทีที่หร่วนซือซือตื่นขึ้นมามันก็สายแล้ว เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะสาย คุณนายหลิวก็ไม่เข้ามาวอแวกับเธอและปล่อยให้เธอไปทานอาหารเช้า
อย่างที่คาดไว้ การตื่นสายในช่วงเช้า เธอก็สายอย่างไม่ต้องสงสัย
หร่วนซือซือรีบไปที่แผนกทันที ในขณะที่เธอสแกนบัตร เธอก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานในแผนกเรียกเธอ "ผู้ช่วยหร่วน ผู้จัดการหลานกำลังตามหาเธออยู่ รีบไปที่สำนักงานเถอะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หร่วนซือซือก็ไม่มีเวลาที่จะเอาสัมภาระของเธอไปวางในห้องทำงานได้เลย เธอวางกระเป๋าไว้ด้านนอกและวิ่งตรงไปที่ห้องทำงานของหัวหน้างาน
เธอเคาะประตูและผลักประตูเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วนอกจากผู้จัดการหลานก็ยังมีเมิ่งจื่อหันอยู่ด้วย
หร่วนซือซือส่งยิ้มขอโทษพวกเธอ "ขอโทษด้วย ฉันมาช้า"
ผู้จัดการหลานนั้นเป็นคนใจดีและสดใส เธอพูดด้วยความอ่อนโยนว่า "ไม่เป็นไร นั่งลงเถอะ"
เมื่อเห็นว่าทุกคนนั่งลงแล้ว ผู้จัดการหลานเธอก็ไม่ได้พูดอ้อมค้อม เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา "ที่ฉันเรียกพวกเธอมาก็เพราะว่ามีงานให้รับผิดชอบ"
"วันนี้รองประธานสวี่เฟิงหมิงกลับมาทำงานที่บริษัท ก่อนหน้านี้เขาเคยบริหารสาขาของอวี้กรุ๊ปในเมืองจิ้งอัน ตอนนี้เขาได้ย้ายกลับมาแล้ว ฝ่ายบริหารของเราจะส่งผู้ช่วยไปเพื่อที่จะช่วยประสานงานและคอยรับผิดชอบงานต่างๆ"
ผู้จัดการหลานนิ่งไปชั่วขณะ เธอกวาดสายตามองไปยังเมิ่งจื่อหันและหร่วนซือซือ "พูดตรงๆก็คือเป็นหน้าที่ของผู้ช่วย ส่วนใหญ่จะพารองประธานไปทำความรู้จักทำความคุ้นเคยกับบริษัทและคอยช่วยทำเรื่องจิปาถะต่างๆ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หร่วนซือซือก็พอจะเข้าใจ ที่แท้ก็คือรองประธานกลับมา หน้าที่ของเธอและเมิ่งจื่อหันก็คือประสานงานเรื่องเล็กน้อยในการทำงานของรองประธาน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
"เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฉันเรียกให้พวกเธอมาก็เพราะว่าเห็นว่าพวกเธอนั้นมีความเอาใจใส่และมีความอดทนต่อการทำงาน แต่ครั้งนี้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องส่งไปทั้งสองคน เลือกเพียงแค่คนเดียว หลังจากสิ้นสุดงานจะมีโบนัสให้ มีใครอยากอาสาไหม?"
หร่วนซือซือนั้นลังเลและเธอไม่ได้กล่าวอะไร
ภายในใจของเธอนั้นรู้ดี เรื่องแบบนี้เมิ่งจื่อหันจะต้องเสนอตัวอย่างแน่นอน เธอเองก็ไม่ได้คิดจะแข่งขันกับเธอ
"ฮะแฮ่ม!"
เสียงกระแอมดังมาจากเมิ่งจื่อหันที่อยู่ข้างกาย เธอกล่าว "ผู้จัดการ ฉันว่าเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของหร่วนซือซือ เธอเป็นเด็กใหม่ ใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกฝนเธอ"
หร่วนซือซือนิ่งงัน ราวกับว่าไม่คาดคิดว่าเมิ่งจื่อหันจะกล่าวเช่นนี้ โดยปกติแล้วเธอคนนี้นั้นโหดร้ายมากแล้วครั้งนี้ยกโอกาสให้เธอได้ง่ายๆได้อย่างไรกัน?
เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ทันใดนั้นผู้จัดการหลานก็หันมาหาเธอ "หร่วนซือซือ เธอคิดว่าอย่างไร"
หร่วนซือซือหยุดนิ่ง เธอเหลือบมองไปยังเมิ่งจื่อหันที่อยู่ข้างกายเธอ "ฉันอะไรก็ได้"
ผู้จัดการหลานพยักหน้าและกล่าว "โอเค งั้นเธอทำเลย อีกเดี๋ยวเธอก็ไปรายงานตัวกับรองประธานสวี่ ทำความคุ้นเคยกับเขาไว้"
"รับทราบ"
หลังจากผู้จัดการหลานได้แบ่งงานแล้ว หร่วนซือซือและเมิ่งจื่อหันก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการ
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว หร่วนซือซือก็จ้องมองไปยังเมิ่งจื่อที่อยู่ด้านหน้า เธออดไม่ได้ที่จะถาม "ผู้ช่วยเมิ่ง"
เมิ่งจื่อหันหันกลับมามองเธอและเลิกคิ้วขึ้น "มีเรื่องอะไร?"
“ที่ไปเป็นผู้ช่วยรองประธานสวี่ ทำไมเธอไม่ไป?”
ปกติแล้วเรื่องเล็กๆน้อยๆ เมิ่งจื่อหันก็ยังเสนอตัว แต่วันนี้เธอมอบหมายงานนี้ให้เธออย่างจริงใจและตรงไปตรงมา เจตนาของเธอนั้นเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เมื่อเมิ่งจื่อหันได้ยินเช่นนั้น มีแสงสว่างฉายผ่านดวงตาของเธอ จากนั้นเธอปกปิดอาการด้วยการไอสองสามครั้ง "ฉันไม่สบาย ร่างกายไม่ค่อยดี ไม่อยากไปแล้วยังไง?"
เธอทิ้งท้ายประโยคและเดินจากไป
เมื่อมองแผ่นหลังของเธอ หร่วนซือซือแอบถอนหายใจ ที่แท้เธอไม่อยากไปเพราะเธอป่วยนี่เอง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความสงสัยในใจของเธอก็ค่อยๆหายไป
หลังจากกลับไปที่สำนักงาน เธอพักผ่อนเพียงชั่วครู่จากนั้นก็เตรียมตัวไปยังห้องทำงานของรองประธาน
ในสัปดาห์หน้าเธอจะทำงานร่วมกับรองประธาน ดังนั้นเธอจึงต้องไปทำความรู้จักเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อความคุ้นเคย
ห้องทำงานของรองประธานนั้นอยู่ไม่ไกลจากห้องประชุม เมื่อหร่วนซือซือมาถึง เธอก็เห็นพนักงานยืนถือถาดน้ำชาสีไม้จันทร์อยู่
แม้ว่าหร่วนซือซือจะไม่เข้าใจในพิธีชงชา แต่เมื่อเธอเห็นถาดน้ำชาที่สวยงามละเอียดอ่อนและชุดน้ำชาต่างๆนี้ เธอก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีค่ามาก
เธอนิ่งไปประมาณสองวินาที จากนั้นสติของเธอก็ฟื้นคืน จากนั้นเธอก็นึกถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้
เธอเดินไปที่ประตูห้องทำงาน เธอเห็นคนสองสามคนกำลังเตรียมการ แต่เธอนั้นกลับไม่เห็นรองประธานสวี่
เธอลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเธอจึงตรงไปถามคนที่จัดโต๊ะและเก้าอี้ว่า "ขอสอบถามหน่อย รองประธานสวี่อยู่ไหนเหรอ?"
โดยไม่รอให้คนคนนั้นตอบคำถาม มีเสียงดุๆดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ "คุณกำลังตามหาผมเหรอ?"
หร่วนซือซือผงะไปครู่หนึ่ง เธอหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างหลังเธอ เธอก็โค้งคำนับและกล่าว "สวัสดี รองประธานสวี่"
ชายคนนี้อายุน่าจะประมาณ 50 กว่าปีแล้ว รูปร่างกลางๆ คิ้วหนา ดวงตาสามเหลี่ยมกลับหัวเหล่านั้นกลับมีความดุดันและความร้ายกาจที่ไม่อาจอธิบายได้
สวี่เฟิงหมิงมองหร่วนซือซือจากหัวจรดเท้า ในสายตามีความลังเลและสงสัย ในไม่ช้าสายตานั้นก็กลับมาเป็นปกติ "คุณคือผู้ช่วยที่ฝ่ายธุรการส่งมาใช่หรือเปล่า?"
หร่วนซือซือตอบรับ "ใช่"
ดูเหมือนจะตลกเล็กน้อย เขาโค้งงอริมฝีปากของเขา สายตาดูถากถาง ดวงตาของเขากวาดไปทั่วบนหน้าอกของเธอและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หร่วนซือซือ คุณลองบอกหน่อย คุณมีข้อดีอย่างไรที่ถูกส่งมาเป็นผู้ช่วยของผม?"
หร่วนซือซือผงะไปชั่วขณะ ไม่คาดคิดว่าเขาจะถามคำถามเช่นนี้ เธอลดศีรษะลงเล็กน้อย แต่เธอยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่แหลมคมเหนือศีรษะของเธอ
"รองประธานสวี่ คุณสามารถมั่นใจได้ ฉันทำงานในแผนกบริหารมาสองปี มีประสบการณ์ในการทำงานมากมาย ฉันคุ้นเคยกับงานทุกด้าน ในสัปดาห์หน้า ฉันจะต้องทำงานอย่างเต็มที่แน่นอน.."
ก่อนที่หร่วนซือซือจะพูดจบก็ถูกเขาขัดจังหวะ "พอได้แล้ว"
สวี่เฟิงหมิงส่งเสียงอย่างเย็นชาและจ้องมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม "ประโยคแบบนี้ใครๆก็พูดได้? คุณสมบัติของคุณนั้นยังห่างไกลสำหรับการเป็นผู้ช่วยของผม"
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หร่วนซือซือก็กำหมัดแน่นและเหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาจากแผ่นหลังของเธอ
คาดไม่ถึงเลยว่ารองประธานสวี่คนนี้จะรับมือได้ยาก เธอเข้ามาเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของเขาตามข้อตกลงของผู้จัดการหลาน เธอเพียงแค่จะพาเขาทำความรู้จักและคุ้นเคยกับบริษัท ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อเธอมาแล้วจะถูกปฏิเสธเช่นนี้
หร่วนซือซือหายใจเข้าลึกๆรวบรวมความกล้าและเงยหน้ามองเขา "ไม่รู้ว่ารองประธานสวี่จะต้องการอะไรจากผู้ช่วยบ้าง หากฉันมีข้อบกพร่องใดๆ ฉันจะแก้ไขอย่างเต็มที่ และไม่กี่วันนี้ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากเลยแม้แต่น้อย"
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาดวงตาของสวี่เฟิงหมิงก็เปล่งประกายด้วยแสงเย็น จากนั้นเขาก็โค้งมุมริมฝีปากของเขาและพูดอย่างเย็นชา "ในฐานะผู้ช่วยของผม คุณต้องปล่อยวาง ผมไม่ต้องการสาวน้อยขี้แยที่ไม่แม้แต่จะยอมดื่มเหล้า หากว่าคุณเป็นคนประเภทนั้นก็เชิญออกไปได้เลย"
เพียงคำพูดไม่กี่คำ แก้มของหร่วนซือซือนั้นแดงก่ำราวกับว่าเธอถูกตบหน้า
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าในสัปดาห์นี้เธอจะต้องไปดื่มเหล้ากับเขาอย่างแน่นอน ถ้าเธอถอยออกไปตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอจะยอมรับว่าเธอมีคุณสมบัติไม่เพียงพอและเธอยังไม่สามารถอธิบายให้ผู้จัดการหลานฟังได้อีกด้วย
เมื่อเธอเงียบ สวี่เฟิงหมิงก็ก้าวเท้าไปเ้านหน้า ส่งสายตาจ้องมองเธอและถาม "กลัวแล้วเหรอ?"
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เขาก็กล่าวต่อ "ถ้ากลัวก็กลับไปบอกผู้จัดการคุณว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะทำและให้เธอเปลี่ยนคน!"
หร่วนซือซือกำหมัดแน่น เธอกัดฟันพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเงยหน้าจ้องมองเขาและส่งยิ้ม "รองประธานสวี่ ฉันไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย"