ดั่งรักบันดาล 85

ตอนที่ 85

พื้นที่ระหว่างคิ้วของอวี้อี่มั่วขมวดย่น นัยน์ตาอันลุ่มลึกของเขาพลันมีความตระหนกปรากฏขึ้นมา เขาเอ่ยปากพูด น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและเย็นชา “เธอต้องการหย่างั้นเหรอ”

หร่วนซือซือหันหน้าไปจ้องมองเขาพลางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ใช่ ฉันต้องการหย่า”

เมื่อสักครู่นี้เธอได้คิดมาเป็นอย่างดีแล้ว ตอนนั้นการสมรสของพวกเธอนั้นก็ถือว่าเป็นข้อผิดพลาด ตอนนี้เธอต้องการยุติมันโดยเร็วที่สุด

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วเป็นปมแน่นขึ้นไปอีก กรามล่างแข็งเกร็งเสียจนดูออกว่าเขากำลังใช้แรงเป็นอย่างมากในการระงับความโกรธ “หร่วนซือซือ พวกเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น ไม่ใช่หรอกเหรอ”

เขาที่กำลังคิดจะชดใช้คืนเธอก็ยังไม่ทันได้ทำดังว่า เธอกลับหยิบยกเรื่องหย่าขึ้นมาพูดเสียแล้ว

“ยังไม่ถึงแน่เหรอ” หร่วนซือซือจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย พูดทีละคำอย่างชัดๆ ว่า “คุณมีคนที่คุณรักอยู่แล้ว งั้นฉันเป็นอะไรล่ะ มือที่สามเหรอ”

เขาคิดอะไรอยู่ จะเป็นเหมือนกับผู้ชายในสมัยโบราณกาลที่มีเมียสามสี่คนอย่างนั้นหรอกเหรอ

เมื่อเธอพูดประโยคดังกล่าวออกไป ใบหน้าของอวี้อี่มั่วก็ขรึมขึ้นมามาก ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นขึ้น ทิ้งช่วงนิ่งเงียบไว้เป็นระยะเวลานานถึงพึ่งจะขยับปากเอ่ยพูด “ถ้าเธอคิดแบบนั้นจริงๆ งั้นก็หย่ากัน”

พูดเสร็จ เขาก็หยิบกระดาษเช็คที่ช่องตัวเลขสำหรับขึ้นเงินว่างเปล่าขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “เช็คใบนี้ ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ให้เธอจากฉันแล้วกัน”

หร่วนซือซือหันไปดู สายตาหยุดไว้ที่เช็คใบนั้น เสี้ยววินาทีต่อมา เธอก็ยิ้มอย่างเย็นเยียบแล้วเอ่ยว่า “นี่คือให้ฉันเลือกเขียนตัวเลขได้เองเลยใช่ไหม”

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สถานการณ์แบบที่เคยเห็นแต่ในละครบนทีวีจะมาเกิดขึ้นกับตัวเธอเองในชีวิตจริงได้

น่าหัวเราะสิ้นดี!

ริมฝีปากบางอันเย็นเยียบนั้นของอวี้อี่มั่วเม้มสนิทแน่น เขาเงียบขรึมไม่เอ่ยตอบอะไรออกมา

ไฟโกรธในใจเธอถูกสุมให้ลุกโชนขึ้น เธอไม่พูดซ้ำสองอีก กลับยื่นมือหยิบเช็คใบนั้นขึ้นมา เงยหน้าขึ้นไปสบตาอันลุ่มลึกคู่นั้นของฝ่ายชาย “คุณคิดว่าฉันทำทั้งหมดไปเพื่อเงินของคุณอย่างนั้นเหรอ หรือว่า คุณคิดว่าชีวิตของเด็กคนนั้นที่ตายจากไปสามารถเอามาชั่งตวงเป็นตัวเลขได้”

เธอพูดพลางก็เอามือฉีกกระดาษเช็คที่อยู่ในมือเป็นเศษเสี้ยว รอบดวงตาแดงก่ำไปหมด พูดออกมาอย่างจงเกลียดจงชังว่า “ฉันไม่นึกอยากจะได้มันหรอกนะ! ”

เศษกระดาษที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายอยู่รอบเตียง อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่เสี้ยวคำเดียว

เรื่องดำเนินมาจนถึงวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนไม่มีทางที่จะย้อนคืนกลับไปเป็นดังเก่าได้แล้ว

หร่วนซือซือสูดหายใจลึก ระงับความโกรธขึ้งที่อยู่ในใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นสงบมั่นคง พูดอย่างเด็ดขาดออกมาว่า “ฉันไม่มีทางต้องการเงินของคุณ และฉันก็ไม่มีทางบริจาคไต ฉันเพียงแค่ต้องการหย่ากับคุณเท่านั้น”

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแล้วนิ่งไปสักพัก สุดท้ายแล้วก็กลืนคำที่จะพูดออกมากลับลงท้องไป

จบสิ้นแล้ว เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขรึมๆ ว่า “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”

เมื่อพูดประโยคดังกล่าวเสร็จ เขาก็พลันหมุนตัวผลักประตูออกแล้วเดินจากไปเลย

ฉับพลันนั้นห้องก็กลับมาเงียบสนิทดังเดิม หยาดน้ำตาของหร่วนซือซือเองก็สะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ทะลักออกมาอย่างพรั่งพรู

ชีวิตแต่งงานครั้งแรกของเธอในชีวิตนี้ ก็จบลงง่ายๆ แบบนี้เหรอ

……….

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หร่วนซือซือลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไปเช็ดหน้าเช็ดตา หลังจากรอให้พยาบาลตรวจบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของตัวเธอเองนั้น ก็เผอิญหันไปเห็นตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ที่ประตู

เมื่อพยาบาลออกไปจากห้อง ตู้เยี่ยถึงพึ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย

“คุณหญิง ประธานอวี้ให้ผมมา……”

หร่วนซือซือพูดขัดเขาขึ้นมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ต่อไปนี้ก็เปลี่ยนคำพูดได้แล้วนะ”

เรื่องที่เธอกับอวี้อี่มั่วจะหย่ากันนั้น ตู้เยี่ยต้องทราบดีอยู่แล้วเป็นแน่

ตู้เยี่ยชะงักไปพักหนึ่ง สีหน้าเฝื่อนดูกระดากลำบากใจก่อนจะยื่นเอกสารที่อยู่ในมือส่งไปให้ “นี่คือที่นายท่านให้ผมเอามาให้คุณครับ”

กระดาษที่มีตัวอักษรสีดำ และมีตัวอักษรตัวใหญ่ๆ ไม่กี่ตัวพิมพ์อยู่ที่หัวกระดาษ “ใบสำคัญการหย่า”

มุมปากของหร่วนซือซือเผยอยกขึ้นอย่างขมขื่น รับเอกสารนั้นมา ก็เห็นว่ามีลายเซ็นของอวี้อี่มั่วอยู่บนเอกสารนั้นแล้ว เธอจึงหยิบปากกาขึ้นมา แล้วจรดปากกาลงไปเซ็นชื่อตัวเองลงบนเอกสาร

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่าง เธอก็ส่งเอกสารคืนให้ตู้เยี่ยอีกครั้ง น้ำเสียงแข็งทื่อและเย็นชา “รบกวนด้วยนะ”

ตู้เยี่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็หันหลังแล้วเดินจากออกไป

พอดีกับป้าหรงที่กลับมาจากไปซื้ออาหารเช้า เห็นว่าสีหน้าของหร่วนซือซือผิดแปลกไป ก็รีบเอ่ยปากถาม “คุณนาย เป็นอะไรไปหรือคะ”

หร่วนซือซือหันหน้าไป มองดูเธอแล้วพูดออกมาอย่างเบาๆ ว่า “ป้าหรง มีเรื่องหนึ่งที่หนูต้องบอกป้า”

ป้าหรงวางถุงกับข้าวลง แล้วเดินขึ้นหน้ามาหาเธอ “เรื่องอะไรหรือคะ”

“หนูหย่ากับอวี้อี่มั่วแล้วค่ะ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องรบกวนป้าแล้ว”

“อะไรนะคะ” ป้าหรงสีหน้าตื่นตะลึง “เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณกันคะเนี่ย”

“เข้ากันไม่ได้เท่านั้นค่ะ……” หร่วนซือซือยิ้มให้ “แล้วก็วันนี้หนูจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะกลับไปอยู่บ้านค่ะ”

ป้าหลงมีท่าทีราวกับไม่อยากจะเชื่อ ดูเหมือนกับมีคำถามมากมายอยู่ในหัวที่อยากจะถามออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทางของหร่วนซือซือแล้ว สุดท้ายจึงกลืนบรรดาคำถามที่คิดจะเอ่ยออกมาลงท้องไป

หร่วนซือซือมีท่าทีตั้งมั่นแน่วแน่ ดำเนินเรื่องออกจากโรงพยาบาลด้วยตนเอง เก็บข้าวของ และก็จะกลับบ้านไป

“คุณนาย…….”

ป้าหรงรั้งหร่วนซือซือให้หยุดนิ่ง “แล้วแผลที่อยู่ตามตัว…….”

“ป้าหรง วางใจได้เลยค่ะ หนูจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ถ้าป้าอยากจะช่วยหนูจริงๆ ก็ช่วยรบกวนเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางไว้ให้หน่อยนะคะ เดี๋ยวหนูจะหาโอกาสไปเอามาเองค่ะ”

ป้าหรงที่เห็นว่าหร่วนซือซือได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ก็รู้ว่าต่อให้พูดโน้มน้าวอย่างไรก็คงไม่เป็นผล จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับคำมา

ครึ่งชั่วโมงถัดมา อวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ก็เห็นร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งอยู่ที่ประตูใหญ่ของโรงพยาบาล

ราวกับว่าบาดแผลตามร่างกายยังไม่หายเป็นปลิดทิ้ง เวลาที่หร่วนซือซือเดินจึงมีท่าทีกะเผลกไปมา เธอยืนอยู่ที่บริเวณประตูใหญ่ โบกมือเรียกรถแท็กซี่ให้หยุด จากนั้นจึงเปิดประตูแล้วเข้าไปในรถ เธอตั้งมั่นตัดสินใจถึงขนาดที่ว่าไม่เหลียวหลังหันกลับมามองแม้แต่ทีเดียว

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

ทันใดนั้นบริเวณเอวก็ถูกบีดโอบรัดแน่นขึ้น เนื่องจากมีมือคู่งามอันแสนอ่อนนุ่มมาโอบกอดรัดเอวเขาเอาไว้

ที่ข้างหูก็มีเสียงผู้หญิงอันแสนอ่อนหวานดังขึ้นมา “พี่มั่ว ดูอะไรอยู่คะ ทำไมดูจริงจังจังเลย”

อวี้อี่มั่วเรียกสติตนเองกลับมา ถอนสายตาออกมาแล้วหันกลับไปมองเย่หว่านเอ๋อที่อยู่ทางด้านหลังของเขา

“ไม่มีอะไร”

เย่หว่านเอ๋อย้ายไปซบลงที่อกของอวี้อี่มั่วแทน “พี่มั่ว ได้ยินมาว่าเลื่อนเวลาการผ่าตัดออกไปเหรอคะ”

อวี้อี่มั่วหลุบตาลงมองไปที่หญิงสาว นัยน์ตามีความปวดร้าวเจืออยู่ “อืม แต่สบายใจได้ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาไตที่จะเข้ากันได้”

ในเมื่อหร่วนซือซือไม่ยอมบริจาคให้ งั้นเขาก็ต้องตามหาไตที่เหมาะสมเพื่อเย่หว่านเอ๋อต่อไป

……….

กลิ้งเกลือกอยู่บ้านมาแล้วสามสี่วัน หร่วนซือซือยังคงเซื่องซึมไม่มีความสุข ในทุกๆ วันทั้งคุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนต่างก็คิดหาแผนเพื่อที่จะคอยเย้าหยอกให้เธออารมณ์ดีขึ้น ทว่าผลลัพท์ก็คือล้มเหลวอยู่ร่ำไป

คุณนายหลิวเคาะประตูห้องนอน “ซือซือ ออกมากินผลไม้หน่อยลูก อย่าเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเลย! ”

หลายวันมานี้ นอกจากออกมากินข้าวและเข้าห้องน้ำแล้ว หร่วนซือซือก็แทบจะไม่ได้ออกมาจากห้องนอนเลย ทำให้คุณนายหลิวเป็นกังวลใจจนจะแย่ตายอยู่แล้ว

หร่วนซือซือดึงหูฟังออก ค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง ทันทีที่นั่งลงหน้าโซฟาเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนกำลังจ้องมาที่เธออยู่

หร่วนซือซือเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ “พ่อ แม่ มีอะไรเหรอ”

ศาสตราจารย์หร่วนนิ่งไปพักหนึ่ง จนในที่สุดแล้วก็ทนอีกต่อไปไม่ไหวเอ่ยปากขึ้นถามว่า “ซือซือ หลายวันมานี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่ หนูกับอี่มั่ว…….”

ไม่กี่วันมานี้ คุณนายหลิวก็พยายามถามอย่างอ้อมๆ ถึงเรื่องของพวกเธอทั้งคู่อยู่ไม่น้อยครั้งเลยทีเดียว แต่ทุกครั้งที่หร่วนซือซือได้ยินชื่ออวี้อี่มั่วสามพยางค์นี้ ก็จะดูผิดแปลกจากปกติไป พอเป็นหลายครั้งเข้า พวกท่านก็เลยไม่กล้าที่จะเอ่ยถามขึ้นมาแล้ว

แต่นี่ก็เป็นแบบนี้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว จะให้เป็นอย่างนี้ต่อไปก็เห็นทีจะไม่ได้ พวกท่านคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยจะดีกว่า

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สีหน้าที่อยู่บนในหน้าเธอนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เธอก้มหน้าลงเอาส้อมจิ้มไปที่แอปเปิ้ลขึ้นมาหนึ่งซีก พูดออกมาเบาๆ ว่า “หนูหย่ากับเขาแล้ว”

“อะไรนะ? ”

ทั้งคุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนต่างก็ตกใจ ทั้งคู่หันมาสบตามองหน้ากัน

หร่วนซือซือหลุบตาลงต่ำ พูดออกมาอย่างเรียบๆ ว่า “เพราะเรื่องของลูก แล้วก็พวกเราทั้งคู่เข้ากันไม่ค่อยได้น่ะ”

คุณนายหลิวทนต่อไปไม่ไหวขึ้นเสียงขึ้นมา “แล้วพวกลูกบอกว่าจะหย่าก็หย่ากันแบบนี้เลยเหรอ ไม่คิดจะปรึกษากับพวกเราหน่อยเลยหรือยังไง……”

ทางด้านศาสตราจารย์หร่วนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ยกมือขึ้นปรามคุณนายหลิว ทำสายตาบอกความนัยให้เธอ

คุณนายหลิวหยุดชะงักไป มีท่าทีตอบรับรีบหยุดคำพูดตัวเองทันที

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ วางส้อมที่อยู่ในมือตนเองลง มองไปที่พวกท่านด้วยสีหน้าจริงจังแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “พ่อ แม่ เรื่องของหนู หนูรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว หนูตัดสินใจไปแล้วค่ะ”

เรื่องนี้ เธอไม่มีทางให้ถอยหลังกลับไปแล้ว ชีวิตแต่งงานนี้ เธอจำเป็นที่จะต้องหย่า

Options

not work with dark mode
Reset